📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยปิฏเก
สารตฺถทีปนี-ฏีกา (ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
มหาการุณิกํ ¶ ¶ พุทฺธํ, ธมฺมฺจ วิมลํ วรํ;
วนฺเท อริยสงฺฆฺจ, ทกฺขิเณยฺยํ นิรงฺคณํ.
อุฬารปฺุเตเชน, กตฺวา สตฺตุวิมทฺทนํ;
ปตฺตรชฺชาภิเสเกน, สาสนุชฺโชตนตฺถินา.
นิสฺสาย ¶ สีหฬินฺเทน, ยํ ปรกฺกมพาหุนา;
กตฺวา นิกายสามคฺคึ, สาสนํ สุวิโสธิตํ.
กสฺสปํ ตํ มหาเถรํ, สงฺฆสฺส ปริณายกํ;
ทีปสฺมึ ตมฺพปณฺณิมฺหิ, สาสโนทยการกํ.
ปฏิปตฺติปราธีนํ, สทารฺนิวาสินํ;
ปากฏํ คคเน จนฺท-มณฺฑลํ วิย สาสเน.
สงฺฆสฺส ปิตรํ วนฺเท, วินเย สุวิสารทํ;
ยํ นิสฺสาย วสนฺโตหํ, วุทฺธิปฺปตฺโตสฺมิ สาสเน.
อนุเถรํ มหาปฺุํ, สุเมธํ สุติวิสฺสุตํ;
อวิขณฺฑิตสีลาทิ-ปริสุทฺธคุโณทยํ.
พหุสฺสุตํ สติมนฺตํ, ทนฺตํ สนฺตํ สมาหิตํ;
นมามิ สิรสา ธีรํ, ครุํ เม คณวาจกํ.
อาคตาคมตกฺเกสุ ¶ , สทฺทสตฺถนยฺุสุ;
ยสฺสนฺเตวาสิภิกฺขูสุ, สาสนํ สุปฺปติฏฺิตํ.
วินยฏฺกถายาหํ, ลีนสารตฺถทีปนึ;
กริสฺสามิ สุวิฺเยฺยํ, ปริปุณฺณมนากุลํ.
โปราเณหิ กตํ ยํ ตุ, ลีนตฺถสฺส ปกาสนํ;
น ตํ สพฺพตฺถ ภิกฺขูนํ, อตฺถํ สาเธติ สพฺพโส.
ทุวิฺเยฺยสภาวาย, สีหฬาย นิรุตฺติยา;
คณฺิปเทสฺวเนเกสุ, ลิขิตํ กิฺจิ กตฺถจิ.
มาคธิกาย ¶ ภาสาย, อารภิตฺวาปิ เกนจิ;
ภาสนฺตเรหิ สมฺมิสฺสํ, ลิขิตํ กิฺจิเทว จ.
อสารคนฺถภาโรปิ, ตตฺเถว พหุ ทิสฺสติ;
อากุลฺจ กตํ ยตฺถ, สุวิฺเยฺยมฺปิ อตฺถโต.
ตโต อปริปุณฺเณน, ตาทิเสเนตฺถ สพฺพโส;
กถมตฺถํ วิชานนฺติ, นานาเทสนิวาสิโน.
ภาสนฺตรํ ตโต หิตฺวา, สารมาทาย สพฺพโส;
อนากุลํ กริสฺสามิ, ปริปุณฺณวินิจฺฉยนฺติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
วินยสํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยํ นมสฺสิตุกาโม ตสฺส วิสิฏฺคุณโยคสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘โย กปฺปโกฏีหิปี’’ติอาทิมาห. วิสิฏฺคุณโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิปฺเปตมตฺถํ สาเธติ. เอตฺถ จ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณปฺปโยชนํ ตตฺถ ตตฺถ พหุธา ปปฺเจนฺติ อาจริยา. ตถา หิ วณฺณยนฺติ –
‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยวนฺทนา สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส ปภวนิสฺสยวิสุทฺธิปฏิเวทนตฺถํ, ตํ ปน ธมฺมสํวณฺณนาสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถํ, ตํ สมฺมเทว เตสํ อุคฺคหณธารณาทิกฺกมลทฺธพฺพาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพหิตสุขนิปฺผาทนตฺถํ. อถ วา มงฺคลภาวโต ¶ , สพฺพกิริยาสุ ปุพฺพกิจฺจภาวโต, ปณฺฑิเตหิ สมาจริตภาวโต, อายตึ ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา’’ติ.
มยํ ปน อิธาธิปฺเปตเมว ปโยชนํ ทสฺสยิสฺสาม. ตสฺมา สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทเมว หิ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ –
‘‘อิจฺเจวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺยํ ¶ ,
นมสฺสมาโน รตนตฺตยํ ยํ;
ปฺุาภิสนฺทํ วิปุลํ อลตฺถํ,
ตสฺสานุภาเวน หตนฺตราโย’’ติ.
รตนตฺตยปณามกรเณน เจตฺถ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ รตนตฺตยปูชาย ปฺาปาฏวภาวโต, ตาย ปฺาปาฏวฺจ ราคาทิมลวิธมนโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๑.๑๑).
ตสฺมา รตนตฺตยปูชเนน วิกฺขาลิตมลาย ปฺาย ปาฏวสิทฺธิ.
อถ วา รตนตฺตยปูชนสฺส ปฺาปทฏฺานสมาธิเหตุตฺตา ปฺาปาฏวํ. วุตฺตฺหิ ตสฺส สมาธิเหตุตฺตํ –
‘‘เอวํ อุชุคตจิตฺโต โข, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๑.).
สมาธิสฺส จ ปฺาย ปทฏฺานภาโว วุตฺโตเยว ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๙; มิ. ป. ๒.๑.๑๔). ตโต เอวํ ปฏุภูตาย ปฺาย ปฏิฺามหตฺตกตํ ¶ เขทมภิภุยฺย อนนฺตราเยน สํวณฺณนํ สมาปยิสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถ’’นฺติ.
อถ วา รตนตฺตยปูชาย อายุวณฺณสุขพลวฑฺฒนโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. รตนตฺตยปณาเมน หิ อายุวณฺณสุขพลานิ วฑฺฒนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภิวาทนสีลิสฺส ¶ , นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน;
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๙);
ตโต อายุวณฺณสุขพลวุฑฺฒิยา โหเตว การิยนิฏฺานมิติ วุตฺตํ ‘‘อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถ’’นฺติ.
อถ วา รตนตฺตยคารวสฺส ปฏิภานาปริหานาวหตฺตา. อปริหานาวหฺหิ ตีสุปิ รตเนสุ คารวํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา ธมฺมคารวตา สงฺฆคารวตา สิกฺขาคารวตา สมาธิคารวตา กลฺยาณมิตฺตตา โสวจสฺสตา’’ติ (อ. นิ. ๗.๓๔).
โหเตว จ ตโต ปฏิภานาปริหาเนน ยถาปฏิฺาตปริสมาปนํ.
อถ วา ปสาทวตฺถูสุ ปูชาย ปฺุาติสยภาวโต. วุตฺตฺหิ ตสฺส ปฺุาติสยตฺตํ –
‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิว สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๕-๑๙๖; อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);
ปฺุาติสโย จ ยถาธิปฺเปตปริสมาปนุปาโย. ยถาห –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐);
อุปาเยสุ ¶ จ ปฏิปนฺนสฺส โหเตว การิยนิฏฺานํ. รตนตฺตยปูชา หิ นิรติสยปฺุกฺเขตฺตสํพุทฺธิยา อปริเมยฺยปฺปภโว ปฺุาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ ¶ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ, ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ตสฺมา สุวุตฺตํ ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ปน สปฺปโยชนํ รตนตฺตยวนฺทนํ กตฺตุกาโม ปมํ ตาว ภควโต วนฺทนํ กาตุํ ตมฺมูลกตฺตา เสสรตนานํ ‘‘โย กปฺป…เป… มหาการุณิกสฺส ตสฺสา’’ติ อาห. เอตฺถ ปน ยสฺสา เทสนาย สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา ยสฺมา กรุณาปฺปธานา, น สุตฺตนฺตเทสนา วิย กรุณาปฺาปฺปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปฺปธานา, ตสฺมา กรุณาปฺปธานเมว ภควโต โถมนํ อารทฺธํ. เอสา หิ อาจริยสฺส ปกติ, ยทิทํ อารมฺภานุรูปโถมนา. เตเนว สุตฺตนฺตเทสนาย สํวณฺณนารมฺเภ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ, ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ กรุณาปฺาปฺปธานํ, อภิธมฺมเทสนาย สํวณฺณนารมฺเภ ‘‘กรุณา วิย สตฺเตสุ, ปฺา ยสฺส มเหสิโน’’ติ ปฺาปฺปธานฺจ โถมนํ อารทฺธํ. กรุณาปฺาปฺปธานา หิ สุตฺตนฺตเทสนา เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยาธิมุตฺติจริยาทิเภทปริจฺฉินฺทนสมตฺถาย ปฺาย สตฺเตสุ จ มหากรุณาย ตตฺถ สาติสยปฺปวตฺติโต. สุตฺตนฺตเทสนาย หิ มหากรุณาสมาปตฺติพหุโล เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ตทชฺฌาสยานุโลเมน คมฺภีรมตฺถปทํ ปติฏฺาเปสิ. อภิธมฺมเทสนา จ เกวลํ ปฺาปฺปธานา ปรมตฺถธมฺมานํ ยถาสภาวปฏิเวธสมตฺถาย ปฺาย ตตฺถ สาติสยปฺปวตฺติโต.
วินยเทสนา ปน อาสยาทินิรเปกฺขํ เกวลํ กรุณาย ปากติกสตฺเตนปิ อโสตพฺพารหํ สุณนฺโต อปุจฺฉิตพฺพารหํ ปุจฺฉนฺโต อวตฺตพฺพารหฺจ วทนฺโต ภควา สิกฺขาปทํ ปฺเปสีติ กรุณาปฺปธานา. ตถา หิ อุกฺกํสปริยนฺตคตหิโรตฺตปฺโปปิ ภควา โลกิยสาธุชเนหิปิ ปริหริตพฺพานิ ‘‘สิขรณีสี’’ติอาทีนิ วจนานิ ยถาปราธฺจ ครหวจนานิ วินยปิฏกเทสนาย มหากรุณาสฺโจทิตมานโส มหาปริสมชฺเฌ อภาสิ, ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติการณาเปกฺขาย เวรฺชาทีสุ สารีริกฺจ เขทมนุโภสิ. ตสฺมา กิฺจาปิ ภูมนฺตรปจฺจยาการสมยนฺตรกถานํ วิย วินยปฺตฺติยาปิ สมุฏฺาปิกา ปฺา อนฺสาธารณตาย อติสยกิจฺจวตี, กรุณาย กิจฺจํ ปน ตโตปิ อธิกนฺติ ¶ กรุณาปฺปธานา วินยเทสนา. กรุณาพฺยาปาราธิกตาย หิ เทสนาย กรุณาปฺปธานตา. ตสฺมา อารมฺภานุรูปํ กรุณาปฺปธานเมว เอตฺถ โถมนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
กรุณาคฺคหเณน ¶ จ อปริเมยฺยปฺปภาวา สพฺเพปิ พุทฺธคุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา ตํมูลกตฺตา เสสพุทฺธคุณานํ. มหากรุณาย วา ฉสุ อสาธารณาเณสุ อฺตรตฺตา ตํสหจริตเสสาสาธารณาณานมฺปิ คหณสพฺภาวโต สพฺเพปิ พุทฺธคุณา นยโต ทสฺสิตาว โหนฺติ. เอโสเยว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย ยทิทํ นยคฺคาโห. อฺถา โก นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ. เตเนวาห –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕);
เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติอนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖) วุตฺตํ. ตสฺมา ‘‘โย กปฺปโกฏีหิปี’’ติอาทินา กรุณามุเขน สงฺเขปโต สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวีติ ทฏฺพฺพํ. อยเมตฺถ สมุทายตฺโถ.
อยํ ปน อวยวตฺโถ – โยติ อนิยมวจนํ. ตสฺส ‘‘นาโถ’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘กปฺปโกฏีหิปี’’ติอาทินา ปน ยาย กรุณาย โส ‘‘มหาการุณิโก’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา วเสน กปฺปโกฏิคณนายปิ อปฺปเมยฺยํ กาลํ โลกหิตตฺถาย อติทุกฺกรํ กโรนฺตสฺส ภควโต ทุกฺขานุภวนํ ทสฺเสติ. กรุณาย พเลเนว หิ โส ภควา หตฺถคตมฺปิ นิพฺพานํ ปหาย สํสารปงฺเก นิมุคฺคํ สตฺตนิกายํ ตโต สมุทฺธรณตฺถํ จินฺเตตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยํ นยนชีวิตปุตฺตภริยทานาทิกํ อติทุกฺกรมกาสิ. กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาลนฺติ กปฺปโกฏิคณนายปิ ‘‘เอตฺตกา กปฺปโกฏิโย’’ติ ปเมตุํ อสกฺกุเณยฺยํ กาลํ, กปฺปโกฏิคณนวเสนปิ ปริจฺฉินฺทิตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา อปริจฺฉินฺนานิ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ ¶ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานีติ วุตฺตํ โหติ. กปฺปโกฏิวเสเนว หิ โส กาโล อปฺปเมยฺโย, อสงฺขฺเยยฺยวเสน ปน ปริจฺฉินฺโนเยว. ‘‘กปฺปโกฏีหิปี’’ติ อปิสทฺโท กปฺปโกฏิวเสนปิ ตาว ปเมตุํ น สกฺกา, ปเคว วสฺสคณนายาติ ทสฺเสติ. ‘‘อปฺปเมยฺยํ กาล’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ‘‘มาสมธีเต, ทิวสํ จรตี’’ติอาทีสุ วิย. กโรนฺโต อติทุกฺกรานีติ ปฺจมหาปริจฺจาคาทีนิ อติทุกฺกรานิ กโรนฺโต. เอวมติทุกฺกรานิ ¶ กโรนฺโต กึ วินฺทีติ เจ? เขทํ คโต, กายิกํ เขทมุปคโต, ปริสฺสมํ ปตฺโตติ อตฺโถ, ทุกฺขมนุภวีติ วุตฺตํ โหติ. ทุกฺขฺหิ ขิชฺชติ สหิตุมสกฺกุเณยฺยนฺติ ‘‘เขโท’’ติ วุจฺจติ. โลกหิตายาติ ‘‘อนมตคฺเค สํสาเร วฏฺฏทุกฺเขน อจฺจนฺตปีฬิตํ สตฺตโลกํ ตมฺหา ทุกฺขโต โมเจตฺวา นิพฺพานสุขภาคิยํ กริสฺสามี’’ติ เอวํ สตฺตโลกสฺส หิตกรณตฺถายาติ อตฺโถ. อสฺส จ ‘‘อติทุกฺกรานิ กโรนฺโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. โลกหิตาย เขทํ คโตติ โยชนายปิ นตฺถิ โทโส. มหาคณฺิปเทปิ หิ ‘‘อติทุกฺกรานิ กโรนฺโต เขทํ คโต, กิมตฺถนฺติ เจ? โลกหิตายา’’ติ วุตฺตํ.
ยํ ปน เอวํ โยชนํ อสมฺภาเวนฺเตน เกนจิ วุตฺตํ ‘‘น หิ ภควา โลกหิตาย สํสารทุกฺขมนุภวติ. น หิ กสฺสจิ ทุกฺขานุภวนํ โลกสฺส อุปการํ อาวหตี’’ติ, ตํ ตสฺส มติมตฺตํ. เอวํ โยชนายปิ อติทุกฺกรานิ กโรนฺตสฺส ภควโต ทุกฺขานุภวนํ โลกหิตกรณตฺถายาติ อยมตฺโถ วิฺายติ, น ตุ ทุกฺขานุภวเนเนว โลกหิตสิทฺธีติ. ปมํ วุตฺตโยชนายปิ หิ น ทุกฺกรกรณมตฺเตน โลกหิตสิทฺธิ. น หิ ทุกฺกรํ กโรนฺโต กฺจิ สตฺตํ มคฺคผลาทีสุ ปติฏฺาเปติ, อถ โข ตาทิสํ อติทุกฺกรํ กตฺวา สพฺพฺุภาวํ สจฺฉิกตฺวา นิยฺยานิกธมฺมเทสนาย มคฺคผลาทีสุ สตฺเต ปติฏฺาเปนฺโต โลกสฺส หิตํ สาเธติ.
กามฺเจตฺถ สตฺตสงฺขารภาชนวเสน ติวิโธ โลโก, หิตกรณสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ตํวิสยสฺเสว สตฺตโลกสฺส วเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปานิ ตํวิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ วุจฺจติ. กตฺถจิ ปน ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทีสุ สมูหตฺโถปิ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ. ยํ ¶ ปเนตฺถ เกนจิ วุตฺตํ ‘‘อิมินา สตฺตโลกฺจ ชาติโลกฺจ สงฺคณฺหาติ, ตสฺมา ตสฺส สตฺตโลกสฺส อิธโลกปรโลกหิตํ, อติกฺกนฺตปรโลกานํ วา อุจฺฉินฺนโลกสมุทยานํ อิธ ชาติโลเก โอกาสโลเก วา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสงฺขาตฺจ หิตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา โลกสฺส, โลกานํ, โลเก วา หิตนฺติ สรูเปกเสสํ กตฺวา โลกหิตมิจฺเจวาหา’’ติ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสงฺขอาตหิตสฺสปิ สตฺตโลกวิสยตฺตา, สตฺตโลกคฺคหเณเนว อุจฺฉินฺนมูลานํ ขีณาสวานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา.
สพฺพตฺถ ‘‘เกนจี’’ติ วุตฺเต ‘‘วชิรพุทฺธิฏีกากาเรนา’’ติ คเหตพฺพํ. ‘‘มหาคณฺิปเท’’ติ วา ‘‘มชฺฌิมคณฺิปเท’’ติ วา ‘‘จูฬคณฺิปเท’’ติ วา วุตฺเต ‘‘สีหฬคณฺิปเทสู’’ติ ¶ คเหตพฺพํ. เกวลํ ‘‘คณฺิปเท’’ติ วุตฺเต ‘‘มาคธภาสาย ลิขิเต คณฺิปเท’’ติ คเหตพฺพํ.
นาโถติ โลกปฏิสรโณ, โลกสามี โลกนายโกติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ สพฺพานตฺถปอหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ เอกปฏิสรโณ ปติฏฺา. อถ วา นาถตีติ นาโถ, เวเนยฺยานํ หิตสุขํ เมตฺตายนวเสน อาสีสติ ปตฺเถตีติ อตฺโถ. อถ วา นาถติ เวเนยฺยคเต กิเลเส อุปตาเปตีติ อตฺโถ, นาถตีติ วา ยาจตีติ อตฺโถ. ภควา หิ ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺเขยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๗) สตฺตานํ ตํ ตํ หิตปฏิปตฺตึ ยาจิตฺวาปิ กรุณาย สมุสฺสาหิโต เต ตตฺถ นิโยเชติ. ปรเมน วา จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต สพฺพสตฺเต อีสติ อภิภวตีติ ปรมิสฺสโร ภควา ‘‘นาโถ’’ติ วุจฺจติ. สพฺโพปิ จายมตฺโถ สทฺทสตฺถานุสารโต เวทิตพฺโพ.
มหาการุณิกสฺสาติ โย กรุณาย กมฺปิตหทยตฺตา โลกหิตตฺถํ อติทุกฺกรกิริยาย อเนกปฺปการํ ตาทิสํ สํสารทุกฺขมนุภวิตฺวา อาคโต, ตสฺส มหาการุณิกสฺสาติ อตฺโถ. ตตฺถ กิรตีติ ¶ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. ทุกฺขิเตสุ วา กิรียติ ปสารียตีติ กรุณา. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาเธติ, วินาเสติ วา ปรสฺส ทุกฺขนฺติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพาเธตีติ. กรุณาย นิยุตฺโตติ การุณิโก ยถา ‘‘โทวาริโก’’ติ. ยถา หิ ทฺวารฏฺานโต อฺตฺถ วตฺตมาโนปิ ทฺวารปฏิพทฺธชีวิโก ปุริโส ทฺวารานติวตฺตวุตฺติตาย ทฺวาเร นิยุตฺโตติ ‘‘โทวาริโก’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ภควา เมตฺตาทิวเสน กรุณาวิหารโต อฺตฺถ วตฺตมาโนปิ กรุณานติวตฺตวุตฺติตาย กรุณาย นิยุตฺโตติ ‘‘การุณิโก’’ติ วุจฺจติ. มหาภินีหารโต ปฏฺาย หิ ยาว มหาปรินิพฺพานา โลกหิตตฺถเมว โลกนาถา ติฏฺนฺติ. มหนฺโต การุณิโกติ มหาการุณิโก. สติปิ ภควโต ตทฺคุณานมฺปิ วเสน มหนฺตภาเว การุณิกสทฺทสนฺนิธาเนน วุตฺตตฺตา กรุณาวเสเนตฺถ มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ ยถา ‘‘มหาเวยฺยากรโณ’’ติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘มหาการุณิกสฺสา’’ติ อิมินา ปเทน ปุคฺคลาธิฏฺาเนน สตฺถุ มหากรุณา วุตฺตา โหติ.
อถ ¶ วา กรุณา กรุณายนํ สีลํ ปกติ เอตสฺสาติ การุณิโก, ปถวีผสฺสาทโย วิย กกฺขฬผุสนาทิสภาวา กรุณายนสภาโว สภาวภูตกรุโณติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. อถ วา มหาวิสยตาย มหานุภาวตาย มหาพลตาย จ มหตี กรุณาติ มหากรุณา. ภควโต หิ กรุณา นิรวเสเสสุ สตฺเตสุ ปวตฺตติ, ปวตฺตมานา จ อนฺสาธารณา ปวตฺตติ, ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทฺจ มหนฺตเมว สตฺตานํ หิตสุขํ เอกนฺตโต นิปฺผาเทติ, มหากรุณาย นิยุตฺโตติ มหาการุณิโกติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อถ วา มหตี ปสตฺถา กรุณา อสฺส อตฺถีติ มหาการุณิโก. ปูชาวจโน เหตฺถ มหนฺตสทฺโท ‘‘มหาปุริโส’’ติอาทีสุ วิย. ปสตฺถา จ ภควโต กรุณา มหากรุณาสมาปตฺติวเสนปิ ปวตฺติโต อนฺสาธารณตฺตาติ.
เอวํ ¶ กรุณามุเขน สงฺเขปโต สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ ‘‘อสมฺพุธ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อสมฺพุธนฺติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส, ตสฺส อสมฺพุชฺฌนฺโต อปฺปฏิวิชฺฌนฺโตติ อตฺโถ, ยถาสภาวํ อปฺปฏิวิชฺฌนโตติ วุตฺตํ โหติ. เหตุอตฺโถ เหตฺถ อนฺตสทฺโท ‘‘ปนฺโต นิสีทตี’’ติอาทีสุ วิย. ยนฺติ ปุพฺพกาลกิริยาย อนิยมโต กมฺมนิทฺเทโส. พุทฺธนิเสวิตนฺติ ตสฺส วิเสสนํ. ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภูาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธํสิตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห ‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑). เตน เอวํ นิรุปมปฺปภาเวน พุทฺเธน นิเสวิตํ โคจราเสวนาภาวนาเสวนาหิ ยถารหํ นิเสวิตํ อนุภูตนฺติ อตฺโถ.
ตตฺถ นิพฺพานํ โคจราเสวนาวเสเนว นิเสวิตํ, มคฺโค ปน อตฺตนา ภาวิโต จ ภาวนาเสวนาวเสน เสวิโต, ปเรหิ อุปฺปาทิตานิ ปน มคฺคผลานิ เจโตปริยาณาทินา ยทา ปริชานาติ, อตฺตนา อุปฺปาทิตานิ วา ปจฺจเวกฺขณาเณน ปริจฺฉินฺทติ, ตทา โคจราเสวนาวเสนปิ ¶ เสวิตานิ โหนฺติเยว. เอตฺถ จ ปริยตฺติธมฺมสฺสปิ ปริยายโต ธมฺมคฺคหเณน คหเณ สติ โสปิ เทสนาสมฺมสนาณโคจรตาย โคจราเสวนาย เสวิโตติ สกฺกา คเหตุํ. ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคจฺฉติ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสปิ สจฺฉิกิริยาย สมฺมสนปริยาโย ลพฺภตีติ ยํ อสมฺพุธํ อสมฺพุชฺฌนฺโต อสจฺฉิกโรนฺโตติ อตฺถสมฺภวโต โสปิ อิธ วุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตมฺปิ ¶ จ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ภวาภวํ คจฺฉติ, ปริฺาตธมฺมวินโย ปน ตทตฺถปฏิปตฺติยา สมฺมาปฏิปนฺโน น จิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๑๘๕; สํ. นิ. ๑.๑๘๕);
เอตฺถ จ กิฺจาปิ มคฺคผลนิพฺพานานิ ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกหิปิ โคจราเสวนาทินา เสวิตานิ โหนฺติ, ตถาปิ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน ‘‘พุทฺธนิเสวิต’’นฺติ วุตฺตํ. เกนจิ ปน พุทฺธสทฺทสฺส สามฺโต พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ เอตฺเถว สงฺคโห วุตฺโต.
ภวาภวนฺติ อปรกาลกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส, ภวโต ภวนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภวาภวนฺติ สุคติทุคฺคติวเสน หีนปณีตวเสน จ ขุทฺทกํ มหนฺตฺจ ภวนฺติ อตฺโถ. วุทฺธตฺโถปิ หิ อ-กาโร ทิสฺสติ ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย. ตสฺมา อภโวติ มหาภโว วุจฺจติ. อถ วา ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ. ภโวติ วา สสฺสตทิฏฺิ, อภโวติ อุจฺเฉททิฏฺิ. วุตฺตปฺปกาโร ภโว จ อภโว จ ภวาภโว. ตํ ภวาภวํ. คจฺฉตีติ อปรกาลกิริยานิทฺเทโส. ชีวโลโกติ สตฺตโลโก. ชีวคฺคหเณน หิ สงฺขารภาชนโลกํ นิวตฺเตติ ตสฺส ภวาภวคมนาสมฺภวโต. นโม อตฺถูติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ.
อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโนติ ธมฺมวิเสสนํ. ตตฺถ อวินฺทิยํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. ปูเรตุํ อยุตฺตฏฺเน กายทุจฺจริตาทิ อวินฺทิยํ นาม, อลทฺธพฺพนฺติ อตฺโถ. ตพฺพิปรีตโต กายสุจริตาทิ วินฺทิยํ นาม, ตํ วินฺทิยํ น วินฺทตีติ วา อวิชฺชา, ขนฺธานํ ราสฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สฺุตฏฺํ, อินฺทฺริยานํ อธิปติยฏฺํ, สจฺจานํ ตถฏฺํ อวิทิตํ กโรตีติ วา อวิชฺชา, ทุกฺขาทีนํ ปีฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา, อนฺตวิรหิเต สํสาเร สพฺพโยนิคติภววิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ สตฺเต ชวาเปตีติ ¶ วา อวิชฺชา, ปรมตฺถโต อวิชฺชมาเนสุปิ อิตฺถิปุริสาทีสุ ชวติ, วิชฺชมาเนสุปิ ขนฺธาทีสุ น ชวตีติ วา อวิชฺชา. สา อาทิ เยสํ ตณฺหาทีนํ เต อวิชฺชาทโย, เตเยว ¶ กิลิสฺสนฺติ เอเตหิ สตฺตาติ กิเลสา, เตเยว จ สตฺตานํ พนฺธนฏฺเน ชาลสทิสาติ ชาลํ, ตํ วิทฺธํเสติ สพฺพโส วินาเสติ สีเลนาติ อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี. นนุ เจตฺถ สปริยตฺติโก นวโลกุตฺตรธมฺโม อธิปฺเปโต, ตตฺถ จ มคฺโคเยว กิเลเส วิทฺธํเสติ, เนตเรติ เจ? วุจฺจเต. มคฺคสฺสปิ นิพฺพานมาคมฺม กิเลสวิทฺธํสนโต นิพฺพานมฺปิ กิเลเส วิทฺธํเสติ นาม, มคฺคสฺส กิเลสวิทฺธํสนกิจฺจํ ผเลน นิปฺผนฺนนฺติ ผลมฺปิ ‘‘กิเลสวิทฺธํสี’’ติ วุจฺจติ. ปริยตฺติธมฺโมปิ กิเลสวิทฺธํสนสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘กิเลสวิทฺธํสี’’ติ วตฺตุมรหตีติ น โกจิ โทโส.
ธมฺมวรสฺส ตสฺสาติ ปุพฺเพ อนิยมิตสฺส นิยมวจนํ. ตตฺถ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม.
‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗) –
หิ วุตฺตํ. สํสารทุกฺเข วา อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม มคฺคผลุปฺปตฺติยา สตฺตกฺขตฺตุปรมตาทิวเสน สํสารสฺส ปริจฺฉินฺนตฺตา. อปายาทินิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนฺเจตฺถ ธารณํ. เอวฺจ กตฺวา อริยมคฺโค ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตาย นิพฺพานฺจาติ อุภยเมว นิปฺปริยายโต ธาเรติ, อริยผลํ ปน ตํสมุจฺฉินฺนกิเลสปฏิปฺปสฺสมฺภเนน ตทนุคุณตาย, ปริยตฺติธมฺโม ตทธิคมเหตุตายาติ อุภยํ ปริยายโต ธาเรตีติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตปฺปกาโร ธมฺโมเยว อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน วโร ปวโร อนุตฺตโรติ ธมฺมวโร, ตสฺส ธมฺมวรสฺส นโม อตฺถูติ สมฺพนฺโธ. เอตฺตาวตา เจตฺถ อมฺเหหิ สารตฺโถ ปกาสิโต. ยํ ปเนตฺถ เกนจิ ปปฺจิตํ, อมฺเหหิ จ อิธ น ทสฺสิตํ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อิโต ปเรสุปิ เอวเมว ทฏฺพฺพํ. ตสฺมา อิโต ปฏฺาย เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา สารตฺถเมว ทสฺสยิสฺสาม. ยตฺถ ปน เกนจิ อจฺจนฺตวิรุทฺธํ ลิขิตํ, ตมฺปิ กตฺถจิ ทสฺสยิสฺสาม. เอตฺถ จ ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโน’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาทีหิ ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘ธมฺมวรสฺสา’’ติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปนโต ปริปุณฺณตาย. ปเมน วา ปหานสมฺปทํ ธมฺมสฺส ทสฺเสติ, ทุติเยน ปภาวสมฺปทํ.
เอวํ ¶ ¶ สงฺเขเปเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ โถเมตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ ‘‘คุเณหี’’ติอาทิมาห. ‘‘คุเณหี’’ติ ปทสฺส ‘‘ยุตฺโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อิทานิ เยหิ คุเณหิ ยุตฺโต, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลสมาธี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จตุปาริสุทฺธิสีลาทิ ‘‘สีล’’นฺติ วุจฺจติ. สมาธีติ ปมชฺฌานาทิ. สมาธิสีเสน หิ ปมชฺฌานาทโย วุตฺตา. ปฺาติ มคฺคปฺา. วิมุตฺติ จ วิมุตฺติาณฺจ วิมุตฺติวิมุตฺติาณนฺติ วตฺตพฺเพ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน ‘‘วิมุตฺติาณ’’นฺติ วุตฺตํ. อาทิสทฺทปริยาเยน ปภุติสทฺเทน วา วิมุตฺติคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ วิมุตฺตีติ ผลํ. วิมุตฺติาณนฺติ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ปภุติ-สทฺเทน ฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทาทโย คุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ สีลาทโย คุณา โลกิยา โลกุตฺตรา จ ยถาสมฺภวํ นิทฺทิฏฺาติ เวทิตพฺพา. ยํ ปเนตฺถ เกนจิ วุตฺตํ ‘‘สีลาทโย กิฺจาปิ โลกิยโลกุตฺตรา ยถาสมฺภวํ ลพฺภนฺติ, ตถาปิ อนฺเต ‘อริยสงฺฆ’นฺติ วจนโต สีลาทโย จตฺตาโร ธมฺมกฺขนฺธา โลกุตฺตราวา’’ติ, ตํ ตสฺส มติมตฺตํ. น หิ อริยสงฺฆสฺส โลกิยคุเณหิปิ โถมนาย โกจิ โทโส ทิสฺสติ, สพฺพฺุพุทฺธสฺสปิ ตาว โลกิยโลกุตฺตรคุเณหิ โถมนา โหติ, กิมงฺคํ ปน อริยสงฺฆสฺสาติ.
กุสลตฺถิกานํ ชนานํ ปฺุสฺส วุทฺธิยา เขตฺตสทิสตฺตา เขตฺตนฺติ อาห ‘‘เขตฺตํ ชนานํ กุสลตฺถิกาน’’นฺติ. ขิตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายตีติ หิ เขตฺตํ, ปุพฺพณฺณาปรณฺณวิรุหนภูมิ, ตํสทิสตฺตา อริยสงฺโฆปิ ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อิมินา อริยสงฺฆสฺส อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวํ ทีเปติ. ‘‘อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ. ตนฺติ ปุพฺเพ ‘‘โย’’ติ อนิยเมน วุตฺตสฺส นิยมวจนํ. อริยสงฺฆนฺติ เอตฺถ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน. อถ วา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา. อริยานํ สงฺโฆ สมูโหติ อริยสงฺโฆ. อถ วา อริโย จ โส ยถาวุตฺตนเยน สงฺโฆ จ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาวโตติ อริยสงฺโฆ, อฏฺ อริยปุคฺคลา. ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา นมามี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ¶ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํ นิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปเต ปโยชเน ปริณาเมนฺโต อาห ‘‘อิจฺเจว’’มิจฺจาทิ. อิจฺเจวํ ยถาวุตฺตนเยน อจฺจนฺตํ เอกนฺเตน นมสฺสเนยฺยํ นมสฺสิตพฺพํ รตนตฺตยํ นมสฺสมาโน กายวาจาจิตฺเตหิ วนฺทมาโน อหํ วิปุลํ ยํ ปฺุาภิสนฺทํ อลตฺถนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ พุทฺธาทโย ¶ รติชนนฏฺเน รตนํ. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ยถาภูตคุเณ อาวชฺเชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –
‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ, อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๑.๑๑).
จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓);
จิตฺตีกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา พุทฺธาทีสุเยว ลพฺภนฺตีติ.
‘‘ปฺุาภิสนฺทนฺติ ปฺุราสึ ปฺุปฺปวตฺตํ วา’’ติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ. มชฺฌิมคณฺิปเท ปน จูฬคณฺิปเท จ ‘‘ปฺุาภิสนฺทนฺติ ปฺุาภินิสํส’’นฺติปิ อตฺโถ วุตฺโต. ปฺุาภิสนฺทนฺติ ปฺุนทึ, ปฺุปฺปวาหนฺติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อวิจฺเฉเทน ปวตฺติยมานฺหิ ปฺุํ อภิสนฺทนฏฺเน ‘‘ปฺุาภิสนฺโท’’ติ วุจฺจติ. เตเนว สารตฺถปกาสินิยา สํยุตฺตนิกายฏฺกถาย (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๐๒๗) –
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปฺุาภิสนฺทา กุสลาภิสนฺทา สุขสฺสาหารา. กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ ‘อิติปิ ¶ โส ภควา…เป… พุทฺโธ ภควา’ติ, อยํ ปโม ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๒๗) –
เอวมาทิกาย ปาฬิยา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺุาภิสนฺทา กุสลาภิสนฺทาติ ปฺุนทิโย กุสลนทิโย’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปน คณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘ปฺุาภิสนฺทนฺติ ปฺุผล’’นฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ¶ . น หิ รตนตฺตยํ นมสฺสมาโน ตสฺมึ ขเณ ปฺุผลํ อลตฺถ, กินฺตุ อนปฺปกํ ปฺุราสึ ตทา อลภิ, ตสฺส จ ผลํ ปรโลกภาคี, ทิฏฺธมฺเม ตุ อนฺตรายวิฆาโต ตสฺส จ ปฺุสฺส อานิสํสมตฺตกํ, ‘‘ตสฺสานุภาเวน หตนฺตราโย’’ติ จ วุตฺตํ, น จ ปฺุผเล อนุปฺปนฺเน ตสฺสานุภาเวน หตนฺตรายภาโว น สิชฺฌติ, น เจตํ ตสฺมึเยว ขเณ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ อโหสิ. ตสฺมา ตสฺส มหโต ปฺุปฺปวาหสฺส อานุภาเวน หตนฺตราโยติ อยเมว อตฺโถ ยุชฺชติ. อถาปิ ปณามกิริยาย ชนิตตฺตา ปฺุเมว ปฺุผลนฺติ ตสฺสาธิปฺปาโย สิยา, เอวํ สติ ยุชฺเชยฺย. โส จ ปฺุปฺปวาโห น อปฺปมตฺตโก, อถ โข มหนฺโตเยวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิปุล’’นฺติ, มหนฺตํ อนปฺปกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อลตฺถนฺติ อลภึ, ปาปุณินฺติ อตฺโถ.
ตสฺสานุภาเวนาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส ปฺุปฺปวาหสฺส อานุภาเวน พเลน. หตนฺตราโยติ ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ. ปณามปโยชเน วุตฺตวิธินา หโต วิทฺธสฺโต อนฺตราโย อุปทฺทโว อสฺสาติ หตนฺตราโย. อสฺส ‘‘วณฺณยิสฺสํ วินย’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ, หตนฺตราโย หุตฺวา วินยํ วณฺณยิสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ตสฺส ปฺุปฺปวาหสฺส อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา อตฺถสํวณฺณนาย อุปฆาตกอุปทฺทวานํ หนเน สมตฺถตํ ทีเปติ.
เอวํ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจการกรเณ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺส วินยปิฏกสฺส อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตสฺส ตาว ภควโต สาสนสฺส มูลปติฏฺานภาวํ ทสฺเสตฺวา ตมฺปิ โถเมนฺโต อาห ‘‘ยสฺมึ ิเต’’ติอาทิ. อฏฺิตสฺส สุสณฺิตสฺส ภควโต สาสนํ ยสฺมึ ¶ ิเต ปติฏฺิตํ โหตีติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ยสฺมินฺติ ยสฺมึ วินยปิฏเก. ิเตติ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนูนํ หุตฺวา ลชฺชีปุคฺคเลสุ ปวตฺตนฏฺเน ิเตติ อตฺโถ. สาสนนฺติ อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสงฺขาตสิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สาสนํ. อฏฺิตสฺสาติ กามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาเต อนฺตทฺวเย อฏฺิตสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อปฺปติฏฺํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อนายูหํ โอฆมตริ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑) หิ วุตฺตํ. อยฺจตฺโถ ตีสุปิ สีหฬคณฺิปเทสุ วุตฺโตเยว. คณฺิปเท ปน ‘‘อฏฺิตสฺสาติ ปรินิพฺพุตสฺสปิ ภควโต’’ติ วุตฺตํ.
ปติฏฺิตํ โหตีติ เตสุเยว ลชฺชีปุคฺคเลสุ ปวตฺตนฏฺเน ปติฏฺิตํ โหติ. สุสณฺิตสฺสาติ เอตฺถ ตาว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชเนหิ สมนฺนาคมนวเสน ¶ สุสณฺานสฺสาติ อตฺโถ. อเนน อสฺส รูปกายสมฺปตฺตึ นิทสฺเสตี’’ติ. คณฺิปเท ปน ‘‘ยถาาเน ปติฏฺิเตหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตตฺตา รูปกาเยน สุสณฺิโต, กายวงฺกาทิรหิตตฺตา ตาทิลกฺขณสมนฺนาคตตฺตา จ นามกาเยนปี’’ติ วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘จตุพฺรหฺมวิหารวเสน สตฺเตสุ สุฏฺุ สมฺมา จ ิตสฺสาติ อตฺถวเสน วา สุสณฺิตสฺส. สุสณฺิตตฺตา เหส เกวลํ สตฺตานํ ทุกฺขํ อปเนตุกาโม หิตํ อุปสํหริตุกาโม สมฺปตฺติยา จ ปมุทิโต อปกฺขปติโต จ หุตฺวา วินยํ เทเสติ. ตสฺมา อิมสฺมึ วินยสํวณฺณนาธิกาเร สารุปฺปาย ถุติยา โถเมนฺโต อาห ‘สุสณฺิตสฺสา’’’ติ วตฺวา ‘‘คณฺิปเทสุ วุตฺตตฺโถ อธิปฺเปตาธิการานุรูโป น โหตี’’ติ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยถาวุตฺตกามสุขลฺลิกาทิอนฺตทฺวเย อฏฺิตตฺตาเยว มชฺฌิมาย ปฏิปทาย สมฺมา ิตตฺตา สุสณฺิตสฺสาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพติ. เอวฺหิ สติ อารมฺภานุรูปโถมนา กตา โหติ ยถาวุตฺตอนฺตทฺวยํ วิวชฺเชตฺวา มชฺฌิมาย ปฏิปทาย วินยปฺตฺติยาเยว เยภุยฺเยน ปกาสนโต.
ตนฺติ ปุพฺเพ ‘‘ยสฺมิ’’นฺติ อนิยเมตฺวา วุตฺตสฺส นิยมวจนํ, ตสฺส ‘‘วินย’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อสมฺมิสฺสนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสํ กตฺวา อนากุลํ กตฺวา วณฺณยิสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. สิกฺขาปทปฺตฺติยา อนุรูปสฺส กาลมตฺตสฺสปิ ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสทิเสนปิ ทุวิฺเยฺยภาวโต เกวลํ พุทฺธวิสยํ วินยปิฏกํ อตฺตโน ¶ พเลน วณฺณยิสฺสามีติ วจนมตฺตมฺปิ อฺเหิ วตฺตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา ‘‘นิสฺสาย ปุพฺพาจริยานุภาว’’นฺติ อาห. ปุพฺพาจริยานุภาโว นาม อตฺถโต ปุพฺพาจริเยหิ สํวณฺณิตา อฏฺกถา, ตโตเยว จ ‘‘ปุพฺพาจริยานุภาโว อฏฺกถา’’ติ สพฺพตฺถ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ตสฺมา ปุพฺพาจริเยหิ สํวณฺณิตํ อฏฺกถํ นิสฺสาย วณฺณยิสฺสํ, น อตฺตโนเยว พลํ นิสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ.
อถ ‘‘โปราณฏฺกถาสุ วิชฺชมานาสุ ปุน วินยสํวณฺณนาย กึ ปโยชน’’นฺติ โย วเทยฺย, ตสฺส โปราณฏฺกถาย อนูนภาวํ อตฺตโน จ สํวณฺณนาย ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามฺจา’’ติอาทิมาห. กามนฺติ เอกนฺเตน, ยถิจฺฉกํ วา, สพฺพโสติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺส ‘‘สํวณฺณิโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. กามํ สํวณฺณิโตเยว, โน น สํวณฺณิโตติ อตฺโถ. เกหิ ปน โส วินโย สํวณฺณิโตติ อาห ‘‘ปุพฺพาจริยาสเภหี’’ติ. มหากสฺสปตฺเถราทโย ปุพฺพาจริยา เอว อกมฺปิยฏฺเน อุตฺตมฏฺเน จ อาสภา, เตหิ ปุพฺพาจริยาสเภหีติ วุตฺตํ โหติ. กีทิสา ปเนเต ปุพฺพาจริยาติ อาห ‘‘าณมฺพู’’ติอาทิ. อคฺคมคฺคาณสงฺขาเตน อมฺพุนา ¶ สลิเลน นิทฺโธตานิ นิสฺเสสโต อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน โธตานิ วิกฺขาลิตานิ วิโสธิตานิ ราคาทีนิ ตีณิ มลานิ กามาสวาทโย จ จตฺตาโร อาสวา เยหิ เต าณมฺพุนิทฺธาตมลาสวา, เตหีติ อตฺโถ. อิมินา จ น เกวลํ เอเตสุ อาจริยภาโวเยว, อถ โข ราคาทิมลรหิตา ขีณาสวา วิสุทฺธสตฺตา เอเตติ ทสฺเสติ.
ขีณาสวภาเวปิ น เอเต สุกฺขวิปสฺสกา, อถ โข เอวรูเปหิปิ อานุภาเวหิ สมนฺนาคตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิสุทฺธวิชฺชาปฏิสมฺภิเทหี’’ติ. วิสุทฺธา อจฺจนฺตปริสุทฺธา วิชฺชา จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา เยสํ เต วิสุทฺธวิชฺชาปฏิสมฺภิทา, เตหิ. เอกเทเสน ปฏิสมฺภิทํ อปฺปตฺตานํ อริยานเมว อภาวโต เอเตหิ อธิคตปฏิสมฺภิทา ปฏุตรลทฺธปฺปเภทาติ ทสฺเสตุํ วิสุทฺธคฺคหณํ กตํ. วิชฺชาติ ติสฺโส วิชฺชา, อฏฺ วิชฺชา วา. ตตฺถ ทิพฺพจกฺขุาณํ ปุพฺเพนิวาสาณํ อาสวกฺขยาณฺจาติ อิมา ติสฺโส วิชฺชา. อฏฺ วิชฺชา ปน –
‘‘วิปสฺสนาาณมโนมยิทฺธิ ¶ ,
อิทฺธิปฺปเภโทปิ จ ทิพฺพโสตํ;
ปรสฺส เจโตปริยายาณํ,
ปุพฺเพนิวาสานุคตฺจ าณํ;
ทิพฺพฺจ จกฺขาสวสงฺขโย จ,
เอตานิ าณานิ อิธฏฺ วิชฺชา’’ติ. –
เอวํ วิปสฺสนาาณมโนมยิทฺธีหิ สทฺธึ ปริคฺคหิตา ฉ อภิฺาเยว. อตฺถปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฏิสมฺภิทา นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา. ตตฺถ สงฺเขปโต เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เหตุเหตุผลานุรูปํ โวหาเรสุ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, อิทํ าณํ อิมมตฺถํ โชตยตีติ อิมินา อากาเรน เหฏฺา วุตฺเตสุ ตีสุ าเณสุ ปวตฺตาณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. เอตาสํ ปน วิตฺถารกถา อติปปฺจภาวโต อิธ น วุจฺจติ. ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตานํ สทฺธมฺเมสุ เฉกภาวโต อาห ‘‘สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหี’’ติ. ‘‘ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตานมฺปิ ธมฺเมสุ อภิโยควเสน วิเสโส โหตีติ ลทฺธปฏิสมฺภิทาสุ สาติสยตํ ทสฺเสตุํ อาหา’’ติปิ วทนฺติ. สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหีติ ปิฏกตฺตยสงฺขาตสฺส สทฺธมฺมสฺส สํวณฺณเน สพฺพโส อตฺถปฺปกาสเน โกวิเทหิ เฉเกหิ, กุสเลหีติ อตฺโถ.
กิเลสชาลํ ¶ ปริกฺขารพาหุลฺลํ วา สํลิขติ ตนุํ กโรตีติ สลฺเลโข. อิธ ปน ขีณาสวาธิการตฺตา ปริกฺขารพาหุลฺลสฺส สลฺลิขนวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ, ตโตเยว จ คณฺิปเท ‘‘สลฺเลขิเย ปริมิตปริกฺขารวุตฺติยา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. สลฺเลขสฺส ภาโว สลฺเลขิยํ, ตสฺมึ สลฺเลขิเย, สลฺเลขปฏิปตฺติยนฺติ วุตฺตํ โหติ. โนสุลภูปเมหีติ อสุลภูปเมหิ สลฺเลขปฏิปตฺติยา อสุกสทิสาติ เตสํ อุปมาย อนุจฺฉวิกปุคฺคลานํ ทุลฺลภตฺตา นตฺถิ สุลภา อุปมา เอเตสนฺติ โนสุลภูปมา. มหาวิหารสฺสาติ จิตฺตลปพฺพตอภยคิริเสสนิกายทฺวยํ ปฏิกฺขิปติ. ธชูปเมหีติ รถสฺส สฺชานนเหตุกํ รเถ พทฺธธชํ วิย อชานนฺตานํ ‘‘อสุเกหิ จ อสุเกหิ จ เถเรหิ นิวาสิโต ¶ มหาวิหาโร นามา’’ติ เอวํ มหาวิหารสฺส สฺชานนเหตุตฺตา มหาวิหารสฺส ธชูปเมหิ. สํวณฺณิโตติ สมฺมา อนูนํ กตฺวา วณฺณิโต. สํวณฺณิโต อยํ วินโยติ ปทจฺเฉโท กาตพฺโพ. จิตฺเตหิ นเยหีติ อเนกปฺปเภทนยตฺตา วิจิตฺเตหิ นเยหิ. สมฺพุทฺธวรนฺวเยหีติ สพฺพฺุพุทฺธวรํ อนุคเตหิ, ภควโต อธิปฺปายานุคเตหิ นเยหีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา พุทฺธวรํ อนุคเตหิ ปุพฺพาจริยาสเภหีติ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.
เอวํ โปราณฏฺกถาย อนูนภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน สํวณฺณนาย ปโยชนวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘สํวณฺณนา’’ติอาทิมาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กิฺจาปิ ปุพฺพาจริยาสเภหิ ยถาวุตฺตคุณวิสิฏฺเหิ อยํ วินโย สพฺพโส วณฺณิโต, ตถาปิ เตสํ เอสา สํวณฺณนา สีหฬทีปวาสีนํ ภาสาย สงฺขตตฺตา รจิตตฺตา ทีปนฺตเร ภิกฺขุชนสฺส สีหฬทีปโต อฺทีปวาสิโน ภิกฺขุคณสฺส กิฺจิ อตฺถํ ปโยชนํ ยสฺมา นาภิสมฺภุณาติ น สมฺปาเทติ น สาเธติ, ตสฺมา อิมํ สํวณฺณนํ ปาฬินยานุรูปํ กตฺวา พุทฺธสิริตฺเถเรน อชฺฌิฏฺโ อิทานิ สมารภิสฺสนฺติ. ตตฺถ สํวณฺณิยติ อตฺโถ เอตายาติ สํวณฺณนา, อฏฺกถา. สา ปน ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปมํ ตีณิ ปิฏกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถวณฺณนานุรูเปเนว วาจนามคฺคํ อาโรปิตตฺตา ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺโหเยว พุทฺธวจนสฺส อตฺถสํวณฺณนาภูโต กถามคฺโค. โสเยว จ มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภโต, ปจฺฉา ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ นิกายนฺตรลทฺธีหิ สงฺกรปริหรณตฺถํ สีหฬภาสาย ปิโต. เตนาห ‘‘สีหฬทีปเกนา’’ติอาทิ. สีหสฺส ลานโต คหณโต สีหโฬ, สีหกุมาโร. ตํวํสชาตตาย ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยานํ เตสํ นิวาสตาย ตมฺพปณฺณิทีปสฺสปิ สีหฬภาโว เวทิตพฺโพ, ตสฺมึ สีหฬทีเป ภูตตฺตา สีหฬทีปเกน วากฺเยน วจเนน, สีหฬภาสายาติ วุตฺตํ โหติ.
ปาฬินยานุรูปนฺติ ปาฬินยสฺส อนุรูปํ กตฺวา, มาคธภาสาย ปริวตฺติตฺวาติ วุตฺตํ โหติ ¶ . อชฺเฌสนนฺติ ครุฏฺานิยํ ปยิรุปาสิตฺวา ครุตรํ ปโยชนํ อุทฺทิสฺส อภิปตฺถนา อชฺเฌสนา, ตํ อชฺเฌสนํ, อายาจนนฺติ อตฺโถ. ตสฺส ‘‘สมนุสฺสรนฺโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. กสฺส อชฺเฌสนนฺติ ¶ อาห ‘‘พุทฺธสิริวฺหยสฺส เถรสฺสา’’ติ. พุทฺธสิรีติ อวฺหโย นามํ ยสฺส โสยํ พุทฺธสิริวฺหโย, ตสฺส, อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส อชฺเฌสนํ สมฺมา อาทเรน สมนุสฺสรนฺโต หทเย เปนฺโตติ อตฺโถ.
อิทานิ อตฺตโน สํวณฺณนาย กรณปฺปการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สํวณฺณนํ ตฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตฺจ อิทานิ วุจฺจมานํ สํวณฺณนํ สมารภนฺโต สกลายปิ มหาอฏฺกถาย อิธ คเหตพฺพโต มหาอฏฺกถํ ตสฺสา อิทานิ วุจฺจมานาย สํวณฺณนาย สรีรํ กตฺวา มหาปจฺจริยํ โย วินิจฺฉโย วุตฺโต, ตเถว กุรุนฺทีนามาทีสุ วิสฺสุตาสุ อฏฺกถาสุ โย วินิจฺฉโย วุตฺโต, ตโตปิ วินิจฺฉยโต ยุตฺตมตฺถํ อปริจฺจชนฺโต อนฺโตคธตฺเถรวาทํ กตฺวา สํวณฺณนํ สมารภิสฺสนฺติ ปทตฺถสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อตฺโถ กถิยติ เอตายาติ อตฺถกถา, สาเยว อฏฺกถา ตฺถการสฺส ฏฺการํ กตฺวา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘) วิย. มหาปจฺจริยนฺติ เอตฺถ ปจฺจรีติ อุฬุมฺปํ วุจฺจติ, ตสฺมึ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํ. กุรุนฺทิวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา กุรุนฺทีติ นามํ ชาตนฺติ วทนฺติ. อาทิสทฺเทน อนฺธกฏฺกถํ สงฺเขปฏฺกถฺจ สงฺคณฺหาติ. วิสฺสุตาสูติ สพฺพตฺถ ปตฺถฏาสุ, ปากฏาสูติ วุตฺตํ โหติ.
ยุตฺตมตฺถนฺติ เอตฺถ ตาว มชฺฌิมคณฺิปเท จูฬคณฺิปเท จ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ยุตฺตมตฺถนฺติ สํวณฺเณตพฺพฏฺานสฺส ยุตฺตมตฺถํ, น ปน ตตฺถ อยุตฺตมฺปิ อตฺถีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. มหาคณฺิปเท ปเนตฺถ น กิฺจิ วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘มหาอฏฺกถานเยน วินยยุตฺติยา วา ยุตฺตมตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ มหาปจฺจริอาทีสุปิ กตฺถจิ อยุตฺตสฺสาปิ อตฺถสฺส อุปริ วิภาวนโต. ‘‘อฏฺกถํเยว คเหตฺวา สํวณฺณนํ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต อฏฺกถาสุ วุตฺตตฺเถรวาทานํ พาหิรภาโว สิยาติ เตปิ อนฺโตกตฺตุกาโม ‘‘อนฺโตคธเถรวาท’’นฺติ อาห, เถรวาเทปิ อนฺโตกตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สํวณฺณนนฺติ อปรกาลกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. ปุพฺเพ วุตฺตํ ตุ ‘‘สํวณฺณน’’นฺติ วจนํ ตตฺเถว ‘‘สมารภนฺโต’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาย กมฺมภาเวน โยเชตพฺพํ. สมฺมาติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน รสฺสภาโว กโตติ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ¶ กรณปฺปการํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โสตูหิ ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ เม’’ติอาทิมาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทานิ วุจฺจมานํ ตํ มม สํวณฺณนํ ธมฺมปทีปสฺส ตถาคตสฺส ¶ ธมฺมํ สาสนธมฺมํ ปาฬิธมฺมํ วา สกฺกจฺจํ ปฏิมานยนฺตา ปูเชนฺตา ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา, อจิรปพฺพชิตตฺตา นวา, เตสํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา จ ภิกฺขู ปสนฺนจิตฺตา ยถาวุตฺตนเยน สปฺปโยชนตฺตา อุปริ วกฺขมานวิธินา ปมาณตฺตา จ สทฺทหิตฺวา ปีติโสมนสฺสยุตฺตจิตฺตา อิสฺสาปกตา อหุตฺวา นิสาเมนฺตุ สุณนฺตูติ. ตตฺถ ธมฺมปฺปทีปสฺสาติ ธมฺโมเยว สตฺตสนฺตาเนสุ โมหนฺธการวิธมนโต ปทีปสทิสตฺตา ปทีโป อสฺสาติ ธมฺมปทีโป, ภควา. ตสฺส ธมฺมปทีปสฺส.
อิทานิ อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมวิสุทฺธึ ทสฺเสตฺวา ปมาณภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พุทฺเธนา’’ติอาทิมาห. ยเถว พุทฺเธน โย ธมฺโม จ วินโย จ วุตฺโต, โส ตสฺส พุทฺธสฺส เยหิ ปุตฺเตหิ ธมฺมเสนาปติอาทีหิ ตเถว าโต, เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ มติมจฺจชนฺตา สีหฬฏฺกถาจริยา ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสูติ อยเมตฺถ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ธมฺโมติ สุตฺตาภิธมฺเม สงฺคณฺหาติ, วินโยติ สกลํ วินยปิฏกํ. เอตฺตาวตา จ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ นิทฺทิฏฺํ โหติ. สกลฺหิ พุทฺธวจนํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ โหติ. วุตฺโตติ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ พุทฺเธน ภควตา วุตฺโต. น หิ ภควตา อพฺยากตํ นาม ตนฺติปทํ อตฺถิ, สพฺเพสํเยว อตฺโถ กถิโต, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว ติณฺณํ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนากฺกโมปิ ภาสิโตติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนาเยว หิ อฏฺกถา. ตเถว าโตติ ยเถว พุทฺเธน วุตฺโต, ตเถว เอกปทมฺปิ เอกกฺขรมฺปิ อวินาเสตฺวา อธิปฺปายฺจ อวิโกเปตฺวา าโต วิทิโตติ อตฺโถ. เตสํ มติมจฺจชนฺตาติ เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ อธิปฺปายํ อปริจฺจชนฺตา. อฏฺกถา อกํสูติ อฏฺกถาโย อกํสุ. กตฺถจิ ‘‘อฏฺกถามกํสู’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตตฺถาปิ โสเยวตฺโถ, ม-กาโร ปน ปทสนฺธิวเสน อาคโตติ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อฏฺกถา’’ติ พหุวจนนิทฺเทเสน มหาปจฺจริยาทิกํ สงฺคณฺหาติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ อธิปฺปายํ อวิโกเปตฺวา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ, ตสฺมาติ อตฺโถ. หีติ นิปาตมตฺตํ เหตุอตฺถสฺส ¶ ‘‘ตสฺมา’’ติ อิมินาเยว ปกาสิตตฺตา. ยทิ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ปมาณํ, เอวํ สติ ตตฺถ ปมาทเลขาปิ ปมาณํ สิยาติ อาห ‘‘วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลข’’นฺติ. ตตฺถ ปมาทเลขนฺติ อปรภาเค โปตฺถการุฬฺหกาเล ปมชฺชิตฺวา ลิขนวเสน ปวตฺตํ ปมาทปาํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปมาเทน สตึ อปจฺจุปฏฺเปตฺวา อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค ‘‘สจฺเจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตวจนสทิสํ ยํ ลิขิตํ, ตํ วชฺชยิตฺวา อปเนตฺวา สพฺพํ ปมาณนฺติ. วกฺขติ หิ ตตฺถ –
‘‘มหาอฏฺกถายํ ¶ ปน สจฺเจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตนฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฏฺาเน ทุกฺกฏํ นาม อตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๔).
เกสํ ปมาณนฺติ อาห ‘‘สิกฺขาสุ สคารวานํ อิธ ปณฺฑิตาน’’นฺติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ปุน ‘‘ยสฺมา’’ติ วจนสฺส โก สมฺพนฺโธติ เจ? เอตฺถ ตาว มหาคณฺิปเท คณฺิปเท จ น กิฺจิ วุตฺตํ, มชฺฌิมคณฺิปเท ปน จูฬคณฺิปเท จ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา ปมาณํ, ตสฺมา นิสาเมนฺตุ ปสนฺนจิตฺตา’’ติ. เอวมสฺส สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ปมาณํ, ตสฺมา อิธ วุตฺตมฺปิ ปมาณเมวาติ ปาเสสํ กตฺวา วชิรพุทฺธิตฺเถโร วทติ. ตตฺถ อิธาติ อิมิสฺสา สมนฺตปาสาทิกายาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
ตตฺถ ‘‘ยสฺมา’’ติ วจนสฺส ปมํ วุตฺตสมฺพนฺธวเสน อฏฺกถาสุ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ปมาณนฺติ สาธิตตฺตา อิทานิ วุจฺจมานาปิ สํวณฺณนา เกวลํ วจนมตฺเตเนว ภินฺนา, อตฺถโต ปน อฏฺกถาเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต จ ภาสนฺตรเมวา’’ติอาทิมาห. ปจฺฉา วุตฺตสมฺพนฺธวเสน ปน อิธ วุตฺตมฺปิ กสฺมา ปมาณนฺติ เจ? ยสฺมา วจนมตฺตํ เปตฺวา เอสาปิ อฏฺกถาเยว, ตสฺมา ปมาณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต จ ภาสนฺตรเมวา’’ติอาทิมาห. เอวมากุลํ ทุพฺพิฺเยฺยสภาวฺจ กตฺวา คณฺิปเทสุ สมฺพนฺโธ ทสฺสิโต, อนากุลวจโน จ ภทนฺตพุทฺธโฆสาจริโย. น หิ โส เอวมากุลํ กตฺวา วตฺตุมรหติ, ตสฺมา ยถาธิปฺเปตมตฺถมนากุลํ สุวิฺเยฺยฺจ กตฺวา ยถาิตสฺส สมฺพนฺธวเสเนว ทสฺสยิสฺสาม. กถํ? ยสฺมา อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ปมาณํ, ตสฺมา สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. ยทิ นาม อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ปมาณํ, อยํ ปน ¶ อิทานิ วุจฺจมานา กสฺมา สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ อาห ‘‘ตโต จ ภาสนฺตรเมว หิตฺวา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ปมาณํ, ยสฺมา จ อยํ สํวณฺณนาปิ ภาสนฺตรปริจฺจาคาทิมตฺตวิสิฏฺา, อตฺถโต ปน อภินฺนาว, ตโตเยว จ ปมาณภูตา เหสฺสติ, ตสฺมา สกฺกจฺจํ อาทรํ กตฺวา อนุสิกฺขิตพฺพาติ. ตถา หิ โปราณฏฺกถานํ ปมาณภาโว, อิมิสฺสา จ สํวณฺณนาย ภาสนฺตรปริจฺจาคาทิมตฺตวิสิฏฺาย อตฺถโต ตโต อภินฺนภาโวติ อุภยมฺเปตํ สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพภาวเหตูติ ทฏฺพฺพํ. น หิ เกวลํ โปราณฏฺกถานํ สติปิ ปมาณภาเว อยํ สํวณฺณนา ตโต ภินฺนา อตฺถโต อฺาเยว จ สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ วตฺตุมรหติ, นาปิ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย ตโตอภินฺนภาเวปิ โปราณฏฺกถานํ อสติ ปมาณภาเว อยํ สํวณฺณนา สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ ¶ วตฺตุํ ยุตฺตรูปา โหติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน อุภยมฺเปตํ สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพภาวเหตูติ ทฏฺพฺพํ.
ตโตติ อฏฺกถาโต. ภาสนฺตรเมว หิตฺวาติ กฺจุกสทิสํ สีหฬภาสํ อปเนตฺวา. วิตฺถารมคฺคฺจ สมาสยิตฺวาติ โปราณฏฺกถาสุ อุปริ วุจฺจมานมฺปิ อาเนตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปปฺจิตํ ‘‘ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อกุปฺเปน านารเหน อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขู’’ติ (ปารา. ๔๕) เอตฺถ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนมฺปิ กมฺมานํ วิตฺถารกถา วิย ตาทิสํ วิตฺถารมคฺคํ สงฺขิปิตฺวา วณฺณยิสฺสามาติ อธิปฺปาโย. ตถา หิ วกฺขติ –
‘‘เอตฺถ จ ตฺติจตุตฺถกมฺมํ เอกเมว อาคตํ, อิมสฺมึ ปน าเน ตฺวา จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ นีหริตฺวา วิตฺถารโต กเถตพฺพานีติ สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺตํ, ตานิ จ ‘อปโลกนกมฺมํ ตฺติกมฺมํ ตฺติทุติยกมฺมํ ตฺติจตุตฺถกมฺม’นฺติ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา วิตฺถาเรน ขนฺธกโต ปริวาราวสาเน กมฺมวิภงฺคโต จ ปาฬึ อาหริตฺวา กถิตานิ. ตานิ มยํ ปริวาราวสาเน กมฺมวิภงฺเคเยว วณฺณยิสฺสาม. เอวฺหิ สติ ปมปาราชิกวณฺณนา จ น ภาริยา ภวิสฺสติ, ยถาิตาย จ ปาฬิยา วณฺณนา สุวิฺเยฺยา ภวิสฺสติ, ตานิ จ านานิ อสฺุานิ ภวิสฺสนฺติ, ตสฺมา อนุปทวณฺณนเมว กโรมา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา).
วินิจฺฉยํ ¶ สพฺพมเสสยิตฺวาติ ตํตํอฏฺกถาสุ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ วินิจฺฉยํ อเสสยิตฺวา เสสํ อกตฺวา, กิฺจิมตฺตมฺปิ อปริจฺจชิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วณฺณิตุํ ยุตฺตรูปํ หุตฺวา อนุกฺกเมน อาคตํ ปาฬึ อปริจฺจชิตฺวา สํวณฺณนโต สีหฬฏฺกถาสุ อยุตฺตฏฺาเน วณฺณิตํ ยถาาเนเยว สํวณฺณนโต จ วุตฺตํ ‘‘ตนฺติกฺกมํ กิฺจิ อโวกฺกมิตฺวา’’ติ, กิฺจิ ปาฬิกฺกมํ อนติกฺกมิตฺวา อนุกฺกเมเนว วณฺณยิสฺสามาติ อธิปฺปาโย.
สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถนฺติ สุตฺตนฺตปาฬิยํ อาคตานมฺปิ วจนานมตฺถํ. สีหฬฏฺกถาสุ ‘‘สุตฺตนฺติกานํ ภาโร’’ติ วตฺวา อวุตฺตานมฺปิ เวรฺชกณฺฑาทีสุ ฌานกถาอานาปานสฺสติสมอาธิอาทีนํ สุตฺตนฺตวจนานมตฺถํ ตํตํสุตฺตานุรูปํ สพฺพโส ปริทีปยิสฺสามีติ อธิปฺปาโย. เหสฺสตีติ ภวิสฺสติ, กริยิสฺสตีติ วา อตฺโถ. เอตฺถ จ ปมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ภาสนฺตรปริจฺจาคาทิกํ จตุพฺพิธํ กิจฺจํ นิปฺผาเทตฺวา สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ ปริทีปยนฺตี อยํ วณฺณนา ภวิสฺสตีติ วณฺณนาย วเสน สมานกตฺตุกตา เวทิตพฺพา. ปจฺฉิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ¶ ปน เหฏฺาวุตฺตภาสนฺตรปริจฺจาคาทึ กตฺวา สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ ปริทีปยนฺตี อยํ วณฺณนา อมฺเหหิ กริยิสฺสตีติ เอวํ อาจริยวเสน สมานกตฺตุกตา เวทิตพฺพา. วณฺณนาปีติ เอตฺถ อปิสทฺทํ คเหตฺวา ‘‘ตสฺมาปิ สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ โยเชตพฺพ’’นฺติ จูฬคณฺิปเท วุตฺตํ. ตตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปโยชนวิเสสํ ปมาณภาวฺจ สมฺปิณฺเฑตีติ อธิปฺปาโย. มชฺฌิมคณฺิปเท ปน ‘‘ตสฺมา สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาปี’’ติ สมฺพนฺโธ วุตฺโต. เอตฺถ ปน น เกวลํ อยํ วณฺณนา เหสฺสติ, อถ โข อนุสิกฺขิตพฺพาปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑตีติ อธิปฺปาโย. เอตฺถาปิ ยถาิตวเสเนว อปิสทฺทสฺส อตฺโถ คเหตพฺโพติ อมฺหากํ ขนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ปมาณํ, ยสฺมา จ อยํ วณฺณนาปิ ตโต อภินฺนตฺตา ปมาณภูตาเยว เหสฺสติ, ตสฺมา สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พาหิรนิทานกถา
อิทานิ ¶ ¶ ‘‘ตํ วณฺณยิสฺสํ วินย’’นฺติ ปฏิฺาตตฺตา ยถาปฏิฺาตวินยสํวณฺณนํ กตฺตุกาโม สํวรวินยปหานวินยาทิวเสน วินยสฺส พหุวิธตฺตา อิธ สํวณฺเณตพฺพภาเวน อธิปฺเปโต ตาว วินโย ววตฺถเปตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตาสุ คาถาสุ. ตาว-สทฺโท ปมนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ ทฏฺพฺโพ. เตน ปมํ วินยํ ววตฺถเปตฺวา ปจฺฉา ตสฺส วณฺณนํ กริสฺสามีติ ทีเปติ. ววตฺถเปตพฺโพติ นิยเมตพฺโพ. เตเนตํ วุจฺจตีติ ยสฺมา ววตฺถเปตพฺโพ, เตน เหตุนา เอตํ ‘‘วินโย นามา’’ติอาทิกํ นิยามกวจนํ วุจฺจตีติ อตฺโถ. อสฺสาติ วินยสฺส. มาติกาติ อุทฺเทโส. โส หิ นิทฺเทสปทานํ ชนนีาเน ิตตฺตา มาตา วิยาติ มาติกาติ วุจฺจติ.
อิทานิ วณฺเณตพฺพมตฺถํ มาติกํ เปตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วุตฺตํ เยนา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอตํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติอาทินิทานวจนปฏิมณฺฑิตํ วินยปิฏกํ เยน ปุคฺคเลน วุตฺตํ, ยสฺมึ กาเล วุตฺตํ, ยสฺมา การณา วุตฺตํ, เยน ธาริตํ, เยน จ อาภตํ, เยสุ ปติฏฺิตํ, เอตํ ยถาวุตฺตวิธานํ วตฺวา ตโต ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทิปาสฺส อตฺถํ อเนกปฺปการโต ทสฺสยนฺโต วินยสฺส อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามีติ. เอตฺถ จ ‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา’’ติ อิทํ วจนํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติอาทินิทานวจนมตฺตํ อเปกฺขิตฺวา วตฺตุกาโมปิ วิสุํ อวตฺวา ‘‘นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, ‘อิทมโวจา’ติ นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติ จ วจนโต นิทานนิคมนานิปิ สตฺถุเทสนาย อนุวิธานตฺตา ตทนฺโตคธาเนวาติ นิทานสฺสปิ วินยปาฬิยํเยว อนฺโตคธตฺตา ‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา’’ติ อิทมฺปิ วินยปิฏกสมฺพนฺธํเยว กตฺวา มาติกํ เปสิ. มาติกาย หิ ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ วินยปิฏกํเยว สามฺโต สพฺพตฺถ สมฺพนฺธมุปคจฺฉติ.
อิทานิ ปน ตํ วิสุํ นีหริตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ วุตฺตํ เยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ มาติกาปเทสุ. อถ กสฺมา อิทเมว วจนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิทฺหี’’ติอาทิ. อิทนฺติ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติอาทิวจนํ ¶ . หิ-สทฺโท ยสฺมาติ อตฺเถ ทฏฺพฺโพ, ยสฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตีติ อตฺตโน ปจฺจกฺขํ กตฺวา วุตฺตวจนํ น โหติ, ภควตา วุตฺตวจนํ ¶ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตีติ อาหจฺจ ภาสิตํ น โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติ เกนจิ วุตฺตํ. คณฺิปเท ปน ‘‘อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตีติ อตฺตโน ธรมานกาเล วุตฺตวจนํ น โหตี’’ติ ลิขิตํ. ตทุภยมฺปิ อตฺถโต สมานเมว. อิทานิ ปฺหกรณํ วตฺวา อนุกฺกเมน ยถาวุตฺตปฺหวิสฺสชฺชนํ กโรนฺโต ‘‘อายสฺมตา’’ติอาทิมาห. อิมินา ปุคฺคลํ นิยเมติ, ‘‘ตฺจา’’ติอาทินา กาลํ นิยเมติ. ตฺจ อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตวจนํ กาลโต ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตนฺติ อตฺโถ.
ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา
อิทานิ ตํ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสตุกาโม ตสฺสา ตนฺติอารุฬฺหาย อิธ วจเน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา…เป… เวทิตพฺพา’’ติ อาห. ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสาติ จ-สทฺโท อีทิเสสุ าเนสุ วตฺตพฺพสมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตฺจ ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ, เอสา จ ปมมหาสงฺคีติ เอวํ เวทิตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺาสตฺโถ วา จ-สทฺโท. อุปฺาโสติ จ วากฺยารมฺโภ วุจฺจติ. เอสา หิ คนฺถการานํ ปกติ, ยทิทํ กิฺจิ วตฺวา ปุน ปรํ วตฺตุมารภนฺตานํ จสทฺทปฺปโยโค. ยํ ปน เกนจิ วุตฺตํ ‘‘ปมมหาสงฺคีติ นาม จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท อติเรกตฺโถ, เตน อฺาปิ อตฺถีติ ทีเปตี’’ติ. ตเทว ตสฺส คนฺถกฺกเม อโกวิทตํ ทสฺเสติ. น เหตฺถ จสทฺเทน อติเรกตฺโถ วิฺายติ. ยทิ เจตฺถ เอตทตฺโถเยว จ-กาโร อธิปฺเปโต สิยา, เอวํ สติ น กตฺตพฺโพเยว ปมสทฺเทเนว อฺาสํ ทุติยาทิสงฺคีตีนมฺปิ อตฺถิภาวสฺส ทีปิตตฺตา. ทุติยาทึ อุปาทาย หิ ปมสทฺทปฺปโยโค ทีฆาทึ อุปาทาย รสฺสาทิสทฺทปฺปโยโค วิย. ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ. เอเตน ตํตํสิกฺขาปทานํ สุตฺตานฺจ อาทิปริโยสาเนสุ อนฺตรนฺตรา จ สมฺพนฺธวเสน ปิตํ สงฺคีติการวจนํ ¶ สงฺคหิตํ โหติ. มหาวิสยตฺตา ปูชนียตฺตา จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ. นิทานโกสลฺลตฺถนฺติ นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ, ตตฺถ โกสลฺลํ นิทานโกสลฺลํ, ตทตฺถนฺติ อตฺโถ.
สตฺตานํ ทสฺสนานุตฺตริยสรณาทิปฏิลาภเหตุภูตาสุ วิชฺชมานาสุปิ อฺาสุ ภควโต กิริยาสุ ‘‘พุทฺโธ โพเธยฺย’’นฺติ ปฏิฺาย อนุโลมนโต เวเนยฺยานํ มคฺคผลุปฺปตฺติเหตุภูตา กิริยา ¶ นิปฺปริยาเยน พุทฺธกิจฺจนฺติ อาห ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา’’ติ. ตตฺถ สทฺธินฺทฺริยาทิธมฺโมเยว ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. อถ วา จกฺกนฺติ อาณา, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมฺจ ตํ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน าเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํ. ยถาห –
‘‘ธมฺมฺจ ปวตฺเตติ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, จกฺกฺจ ปวตฺเตติ ธมฺมฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺมจริยาย ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๒.๔๐).
กตพุทฺธกิจฺเจติ กตํ ปรินิฏฺาปิตํ พุทฺธกิจฺจํ เยน, ตสฺมึ กตพุทฺธกิจฺเจ ภควติ โลกนาเถติ สมฺพนฺโธ. เอเตน พุทฺธกตฺตพฺพสฺส กสฺสจิปิ อเสสิตภาวํ ทสฺเสติ. ตโตเยว หิ โส ภควา ปรินิพฺพุโตติ. นนุ จ สาวเกหิ วินีตาปิ วิเนยฺยา ภควตาเยว วินีตา โหนฺติ, ตถา หิ สาวกภาสิตํ สุตฺตํ พุทฺธวจนนฺติ วุจฺจติ, สาวกวิเนยฺยา จ น ตาว วินีตาติ? นายํ โทโส เตสํ วินยนูปายสฺส สาวเกสุ ปิตตฺตา. เตเนวาห –
‘‘น ตาวาหํ ปาปิม ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว น ภิกฺขู วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๖๘).
‘‘กุสินาราย’’นฺติอาทินา ภควโต ปรินิพฺพุตเทสกาลวิเสสทสฺสนํ, ‘‘อปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ คาหสฺส มิจฺฉาภาวทสฺสนตฺถํ โลเก ¶ ชาตสํวฑฺฒภาวทสฺสนตฺถฺจ. ตถา หิ มนุสฺสภาวสฺส สุปากฏกรณตฺถํ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว ทารปริคฺคหาทีนิปิ กโรนฺตีติ. กุสินารายนฺติ เอวํนามเก นคเร. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ตสฺส นครสฺส อุปวตฺตนภูตํ มลฺลราชูนํ สาลวนุยฺยานํ ทสฺเสติ. ตตฺถ นครํ ปวิสิตุกามา อุยฺยานโต อุเปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ อุปวตฺตนนฺติ สาลวนํ วุจฺจติ. ยถา หิ อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ, เอวํ ตํ อุยฺยานํ กุสินาราย ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาย โหติ. ยถา จ ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา, ตสฺมา ตํ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. ยมกสาลานมนฺตเรติ ยมกสาลานํ เวมชฺเฌ. ตตฺถ ¶ กิร ภควโต ปฺตฺตสฺส ปรินิพฺพานมฺจสฺส เอกา สาลปนฺติ สีสภาเค โหติ, เอกา ปาทภาเค, ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺโน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส, ตสฺมา ‘‘ยมกสาลานมนฺตเร’’ติ วุตฺตํ. อปิ จ ‘‘ยมกสาลา นาม มูลกฺขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺเพตฺวา ิตสาลา’’ติปิ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ.
อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ อุปาทียเต กมฺมกิเลเสหีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูปํ. โส ปน อุปาทิ กิเลสาภิสงฺขารมารนิมฺมถเนน นิพฺพานปฺปตฺติยํ อโนสฺสฏฺโ, อิธ ขนฺธมจฺจุมารนิมฺมถเนน โอสฺสฏฺโ นิเสสิโตติ อยํ อนุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ นตฺถิ เอติสฺสา อุปาทิเสโสติ กตฺวา. นิพฺพานธาตูติ เจตฺถ นิพฺพุติมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิทฺเทโส. ปรินิพฺพาเนติ ปรินิพฺพานฏฺาเน, นิมิตฺตตฺเถ วา ภุมฺมวจนํ, ปรินิพฺพานเหตุ สนฺนิปติตานนฺติ อตฺโถ. สงฺฆสฺส เถโร สงฺฆตฺเถโร. โส ปน สงฺโฆ กึปริมาโณติ อาห ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ. นิจฺจสาเปกฺขตฺตา หิ อีทิเสสุ สมาโส โหติเยว ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ครุกุล’’นฺติ. สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานนฺติ จ สงฺฆตฺเถรานํเยว สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ. ตทา หิ ‘‘สนฺนิปติตา ภิกฺขู เอตฺตกา’’ติ ปมาณรหิตา. ตถา หิ เวฬุวคาเม เวทนาวิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย ‘‘น จิเรน ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตโต ตโต อาคเตสุ ภิกฺขูสุ เอกภิกฺขุปิ ปกฺกนฺโต นาม นตฺถิ, ตสฺมา คณนํ วีติวตฺโต สงฺโฆ อโหสิ. อายสฺมา ¶ มหากสฺสโป ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ สมฺพนฺโธ.
ตตฺถ มหากสฺสโปติ มหนฺเตหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต กสฺสโปติ มหากสฺสโป, อปิจ กุมารกสฺสปตฺเถรํ อุปาทาย อยํ มหาเถโร ‘‘มหากสฺสโป’’ติ วุจฺจติ. อถ กิมตฺถํ อายสฺมา มหากสฺสโป ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ อาห ‘‘สตฺตาหปรินิพฺพุเต’’ติอาทิ. สตฺต อหานิ สมาหฏานิ สตฺตาหํ, สตฺตาหํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ สตฺตาหปรินิพฺพุโต, ภควา, ตสฺมึ สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ, ภควโต ปรินิพฺพานทิวสโต ปฏฺาย สตฺตาเห วีติวตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน วุตฺตวจนํ สมนุสฺสรนฺโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ สุภทฺโทติ ตสฺส นามํ, วุฑฺฒกาเล ปน ปพฺพชิตตฺตา วุฑฺฒปพฺพชิโตติ วุจฺจติ. ‘‘อลํ อาวุโส’’ติอาทินา เตน วุตฺตวจนํ นิทสฺเสติ. โส หิ สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ อายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺเนสุ ปฺจมตฺเตสุ ภิกฺขุสเตสุ อวีตราเค ภิกฺขู อนฺตรามคฺเค ทิฏฺอาชีวกสฺส ¶ สนฺติกา ภควโต ปรินิพฺพานํ สุตฺวา ปตฺตจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา พาหา ปคฺคยฺห นานปฺปการํ ปริเทวนฺเต ทิสฺวา เอวมาห.
กสฺมา ปน โส เอวมาห? ภควติ อาฆาเตน. อยํ กิร โส ขนฺธเก (มหาว. ๓๐๓) อาคเต อาตุมาวตฺถุสฺมึ นหาปิตปุพฺพโก วุฑฺฒปพฺพชิโต ภควติ กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาตุมํ คจฺฉนฺเต ‘‘ภควา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา อาคตกาเล ‘‘ยาคุทานํ กริสฺสามี’’ติ สามเณรภูมิยํ ิเต ทฺเว ปุตฺเต เอตทโวจ ‘‘ภควา กิร ตาตา อาตุมํ อาคจฺฉติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ, คจฺฉถ ตุมฺเห ตาตา ขุรภณฺฑํ อาทาย นาฬิยาวาปเกน อนุฆรกํ อนุฆรกํ อาหิณฺฑถ, โลณมฺปิ เตลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ สํหรถ, ภควโต อาคตสฺส ยาคุทานํ กริสฺสามี’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ ภควติ อาตุมํ อาคนฺตฺวา ภุสาคารกํ ปวิฏฺเ สุภทฺโท สายนฺหสมยํ คามทฺวารํ คนฺตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตตฺวา ‘‘หตฺถกมฺมมตฺตํ เม เทถา’’ติ หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา ‘‘กึ ภนฺเต ¶ กโรมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ สพฺพูปกรณานิ คาหาเปตฺวา วิหาเร อุทฺธนานิ กาเรตฺวา เอกํ กาฬกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา ตาทิสเมว ปารุปิตฺวา ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ กโรถา’’ติ สพฺพรตฺตึ วิจาเรนฺโต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา โภชฺชยาคฺุจ มธุโคฬกฺจ ปฏิยาทาเปสิ. โภชฺชยาคุ นาม ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคุ, ตตฺถ สปฺปิมธุผาณิตมจฺฉมํสปุปฺผผลรสาทิ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพํ ปวิสติ, กีฬิตุกามานํ สีสมกฺขนโยคฺคา โหติ สุคนฺธคนฺธา.
อถ ภควา กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย จริตุํ อาตุมาภิมุโข ปายาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ภควา ปิณฺฑาย คามํ ปวิสติ, ตยา กสฺส ยาคุ ปฏิยาทิตา’’ติ. โส ยถานิวตฺถปารุเตเหว เตหิ กาฬกกาสาเวหิ เอเกน หตฺเถน ทพฺพิฺจ กฏจฺฉฺุจ คเหตฺวา พฺรหฺมา วิย ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิคฺคณฺหตุ เม ภนฺเต ภควา ยาคุ’’นฺติ อาห. ตโต ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ ขนฺธเก (มหาว. ๓๐๓) อาคตนเยน ภควา ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ ตํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ วิครหิตฺวา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อกปฺปิยสมาทาปนสิกฺขาปทํ ขุรภณฺฑปริหรณสิกฺขาปทฺจาติ ทฺเว สิกฺขาปทานิ ปฺเปตฺวา ‘‘ภิกฺขเว อเนกกปฺปโกฏิโย โภชนํ ปริเยสนฺเตเหว วีตินามิตา, อิทํ ปน ตุมฺหากํ อกปฺปิยํ, อธมฺเมน อุปฺปนฺนโภชนํ อิมํ ปริภฺุชิตฺวา อเนกานิ อตฺตภาวสหสฺสานิ อปาเยสฺเวว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, อเปถ มา คณฺหถา’’ติ ภิกฺขาจาราภิมุโข อคมาสิ, เอกภิกฺขุนาปิ น กิฺจิ คหิตํ.
สุภทฺโท ¶ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘อยํ ‘สพฺพํ ชานามี’ติ อาหิณฺฑติ, สเจ น คเหตุกาโม เปเสตฺวา อาโรเจตพฺพํ อสฺส, ปกฺกาหาโร นาม สพฺพจิรํ ติฏฺนฺโต สตฺตาหมตฺตํ ติฏฺเยฺย, อิทฺจ มม ยาวชีวํ ปริยตฺตํ อสฺส, สพฺพํ เตน นาสิตํ, อหิตกาโม อยํ มยฺห’’นฺติ ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ทสพเล ธรมาเน กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อยํ อุจฺจกุลา ปพฺพชิโต มหาปุริโส, สเจ กิฺจิ วกฺขามิ, มมํเยว สนฺตชฺเชสฺสตี’’ติ. สฺวายํ อชฺช มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ อาคจฺฉนฺโต ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ สุตฺวา ลทฺธสฺสาโส ¶ วิย หฏฺตุฏฺโ เอวมาห. เถโร ปน ตํ สุตฺวา หทเย ปหารํ วิย มตฺถเก ปติตสุกฺกาสนึ วิย มฺิ, ธมฺมสํเวโค จสฺส อุปฺปชฺชิ ‘‘สตฺตาหมตฺตปรินิพฺพุโต ภควา, อชฺชาปิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ธรติเยว, ทุกฺเขน ภควตา อาราธิตสาสเน นาม เอวํ ลหุํ มหนฺตํ ปาปกสฏํ กณฺฏโก อุปฺปนฺโน, อลํ โข ปเนส ปาโป วฑฺฒมาโน อฺเปิ เอวรูเป สหาเย ลภิตฺวา สาสนํ โอสกฺกาเปตุ’’นฺติ.
ตโต เถโร จินฺเตสิ ‘‘สเจ โข ปนาหํ อิมํ มหลฺลกํ อิเธว ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา ฉาริกาย โอกิราเปตฺวา นีหราเปสฺสามิ, มนุสฺสา ‘สมณสฺส โคตมสฺส สรีเร ธรมาเนเยว สาวกา วิวทนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺเสสฺสนฺติ, อธิวาเสมิ ตาว. ภควตา หิ เทสิตธมฺโม อสงฺคหิตปุปฺผราสิสทิโส, ตตฺถ ยถา วาเตน ปหฏปุปฺผานิ ยโต วา ตโต วา คจฺฉนฺติ, เอวเมว เอวรูปานํ วเสน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินเย เอกํ ทฺเว สิกฺขาปทานิ นสฺสิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, สุตฺเต เอโก ทฺเว ปฺหวารา นสฺสิสฺสนฺติ, อภิธมฺเม เอกํ ทฺเว ภูมนฺตรานิ นสฺสิสฺสนฺติ, เอวํ อนุกฺกเมน มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสาม, ตสฺมา ธมฺมวินยสงฺคหํ กริสฺสามิ, เอวํ สติ ทฬฺหสุตฺเตน สงฺคหิตปุปฺผานิ วิย อยํ ธมฺมวินโย นิจฺจโล ภวิสฺสติ. เอตทตฺถฺหิ ภควา มยฺหํ ตีณิ คาวุตานิ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ, ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อกาสิ, กายโต จีวรปริวตฺตนํ อกาสิ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺโทปมปฏิปทํ กเถนฺโต มฺเว สกฺขึ กตฺวา กเถสิ, ติกฺขตฺตุํ สกลสาสนรตนํ ปฏิจฺฉาเปสิ, มาทิเส ภิกฺขุมฺหิ ติฏฺมาเน อยํ ปาโป สาสเน วฑฺฒึ มา อลตฺถุ, ยาว อธมฺโม น ทิปฺปติ, ธมฺโม น ปฏิพาหียติ, อวินโย น ทิปฺปติ, วินโย น ปฏิพาหียติ, อธมฺมวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ, อวินยวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ, ตาว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามิ, ตโต ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกํ คเหตฺวา กปฺปิยากปฺปิเย กเถสฺสนฺติ, อถายํ ปาโป สยเมว นิคฺคหํ ปาปุณิสฺสติ, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสติ, สาสนํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ ภวิสฺสตี’’ติ. จินฺเตตฺวา โส ‘‘เอวํ นาม มยฺหํ จิตฺตํ ¶ อุปฺปนฺน’’นฺติ กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ¶ ภิกฺขุสงฺฆํ สมสฺสาเสตฺวา อถ ปจฺฉา ธาตุภาชนทิวเส ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต…เป… ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ.
ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. อาวุโสติ ปริเทวนฺเต ภิกฺขู อาลปติ. มา โสจิตฺถาติ จิตฺเต อุปฺปนฺนพลวโสเกน มา โสจิตฺถ. มา ปริเทวิตฺถาติ วาจาย มา ปริเทวิตฺถ ‘‘ปริเทวนํ วิลาโป’’ติ วจนโต. อิทานิ อโสจนาทีสุ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุมุตฺตา มย’’นฺติอาทิมาห. เตน มหาสมเณนาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ, ตโต มหาสมณโต สุฏฺุ มุตฺตา มยนฺติ อตฺโถ, อุปทฺทุตา จ โหม ตทาติ อธิปฺปาโย. โหมาติ วา อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ, อหุมฺหาติ อตฺโถ, อนุสฺสรนฺโต ธมฺมสํเวควเสนาติ อธิปฺปาโย. ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปาณํ ธมฺมสํเวโค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สพฺพสงฺขตธมฺเมสุ, โอตฺตปฺปาการสณฺิตํ;
าณโมหิตภารานํ, ธมฺมสํเวคสฺิต’’นฺติ.
านํ โข ปเนตํ วิชฺชตีติ ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, เหตุ. โขติ อวธารเณ, เอตํ การณํ วิชฺชเตว, โน น วิชฺชตีติ อตฺโถ. กึ ตํ การณนฺติ อาห ‘‘ยํ ปาปภิกฺขู’’ติอาทิ. เอตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, การณนิทฺเทโส วา, เยน การเณน อนฺตรธาเปยฺยุํ, ตเทตํ การณํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. ปาปภิกฺขูติ ปาปิกาย ลามิกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตา ภิกฺขู. อตีโต อติกฺกนฺโต สตฺถา เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อตีตสตฺถุกํ, ปาวจนํ. ปธานํ วจนํ ปาวจนํ, ธมฺมวินยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปกฺขํ ลภิตฺวาติ อลชฺชีปกฺขํ ลภิตฺวา. น จิรสฺเสวาติ น จิเรเนว. ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺตีติ ยตฺตกํ กาลํ ธมฺโม จ วินโย จ ลชฺชีปุคฺคเลสุ ติฏฺติ.
วุตฺตฺเหตํ ภควตาติ ปรินิพฺพานมฺจเก นิปนฺเนน ภควตา ภิกฺขู โอวทนฺเตน เอตํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. เทสิโต ปฺตฺโตติ ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. สุตฺตาภิธมฺมสงฺคหิตสฺส หิ ธมฺมสฺส อภิสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ วิเนยฺยสนฺตาเน ปนํ ปฺาปนํ, ตสฺมา ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จาติ ¶ วุตฺโต. ปฺตฺโตติ จ ปิโตติ อตฺโถ. วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. วินยตนฺติสงฺคหิตสฺส หิ อตฺถสฺส กายวาจานํ วินยนโต ¶ วินโยติ ลทฺธาธิวจนสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ อสงฺกรโต ปนํ ปฺาปนํ, ตสฺมา วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จาติ วุจฺจติ.
โส โว มมจฺจเยนาติ โส ธมฺมวินโย ตุมฺหากํ มมจฺจเยน สตฺถา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มยา โว ิเตเนว ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุกํ, อิทํ สเตกิจฺฉํ, อิทํ อเตกิจฺฉํ, อิทํ โลกวชฺชํ, อิทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ. อยํ อาปตฺติ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ คณสฺส, อยํ สงฺฆสฺส สนฺติเก วุฏฺาตี’’ติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมนียตาวเสน โอติณฺณวตฺถุสฺมึ สขนฺธกปริวาโร อุภโตวิภงฺโค มหาวินโย นาม เทสิโต, ตํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ‘‘อิทํ โว กตฺตพฺพํ, อิทํ โว น กตฺตพฺพ’’นฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพสฺส วิภาเคน อนุสาสนโต. ิเตเนว จ มยา ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคานิ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เตน เตน วิเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูเปน ปกาเรน อิเม สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม วิภชิตฺวา สุตฺตนฺตปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ สุตฺตนฺตปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ตํตํจริยานุรูปํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุสาสนโต. ิเตเนว จ มยา ‘‘ปฺจกฺขนฺธา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, จตฺตาริ สจฺจานิ, พาวีสตินฺทฺริยานิ, นว เหตู, จตฺตาโร อาหารา, สตฺต ผสฺสา, สตฺต เวทนา, สตฺต สฺา, สตฺต เจตนา, สตฺต จิตฺตานิ, ตตฺราปิ เอตฺตกา ธมฺมา กามาวจรา, เอตฺตกา รูปาวจรา, เอตฺตกา อรูปาวจรา, เอตฺตกา ปริยาปนฺนา, เอตฺตกา อปริยาปนฺนา, เอตฺตกา โลกิยา, เอตฺตกา โลกุตฺตรา’’ติ อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ, ขนฺธาทิวิภาเคน ายมานํ จตุสจฺจสมฺโพธาวหตฺตา สตฺถารา สมฺมาสมฺพุทฺเธน กตฺตพฺพกิจฺจํ นิปฺผาเทสฺสติ. อิติ สพฺพมฺเปตํ อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ภาสิตํ ลปิตํ, ตีณิ ปิฏกานิ, ปฺจ นิกายา, นวงฺคานิ, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ เอวํ มหปฺปเภทํ โหติ. อิติ อิมานิ จตุราสีติ ¶ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ติฏฺนฺติ, อหํ เอโกว ปรินิพฺพายามิ, อหฺจ ปนิทานิ เอโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ พุทฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺติ โอวาทานุสาสนีกิจฺจสฺส นิปฺผาทนโตติ.
สาสนนฺติ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธํ สาสนํ, นิปฺปริยายโต ปน สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา. อทฺธนิยนฺติ อทฺธานมคฺคคามีติ อทฺธนิยํ, อทฺธานกฺขมนฺติ อตฺโถ. จิรฏฺิติกนฺติ ¶ จิรํ ิติ เอตสฺสาติ จิรฏฺิติกํ, สาสนํ, อสฺส ภเวยฺยาติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เยน ปกาเรน อิทํ สาสนํ ทีฆมทฺธานํ ปวตฺติตุํ สมตฺถํ, ตโตเยว จิรฏฺิติกํ อสฺส, ตถา เตน ปกาเรน ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยนฺติ.
อิทานิ สมฺมาสมฺพุทฺเธน อตฺตโน กตํ อนุคฺคหวิเสสํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ยฺจาหํ ภควตา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ยฺจาห’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อนุคฺคหิโต’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ยนฺติ ยสฺมา, เยน การเณนาติ วุตฺตํ โหติ. กิริยาปรามสนํ วา เอตํ, เตน ‘‘อนุคฺคหิโต’’ติ เอตฺถ อนุคฺคณฺหนํ ปรามสติ. ธาเรสฺสสีติอาทิกํ ปน ภควา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล มหากสฺสปตฺเถเรน ปฺตฺตสงฺฆาฏิยํ นิสินฺโน ตํ จีวรํ วิกสิตปทุมปุปฺผวณฺเณน ปาณินา อนฺตเร ปรามสนฺโต อาห. วุตฺตฺเหตํ กสฺสปสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) มหากสฺสปตฺเถเรเนว อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา กเถนฺเตน –
‘‘อถ โข, อาวุโส, ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อฺตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ, อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ จตุคฺคุณํ ปฺาเปตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจํ ‘อิธ, ภนฺเต, ภควา นิสีทตุ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’ติ. นิสีทิ โข, อาวุโส, ภควา ปฺตฺเต อาสเน, นิสชฺช โข มํ, อาวุโส, ภควา เอตทโวจ ‘มุทุกา โข ตฺยายํ กสฺสป ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏี’ติ. ‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม, ภนฺเต, ภควา ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ อนุกมฺปํ อุปาทายา’ติ. ‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสป สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติ. ‘ธาเรสฺสามหํ, ภนฺเต, ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ ¶ นิพฺพสนานี’ติ. โส ขฺวาหํ, อาวุโส, ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ ภควโต ปาทาสึ, อหํ ปน ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานิ ปฏิปชฺชิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
ตตฺถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) มุทุกา โข ตฺยายนฺติ มุทุกา โข เต อยํ. กสฺมา ภควา เอวมาหาติ? เถเรน สห จีวรํ ปริวตฺเตตุกามตาย. กสฺมา ปริวตฺเตตุกาโม ชาโตติ? เถรํ อตฺตโน าเน เปตุกามตาย. กึ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา นตฺถีติ? อตฺถิ, เอวํ ปนสฺส อโหสิ ‘‘อิเม น จิรํ สฺสนฺติ, กสฺสโป ปน วีสวสฺสสตายุโก, ‘โส มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺตปณฺณิคุหายํ วสิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคหํ กตฺวา มม สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ กาลํ ปวตฺตนกํ กริสฺสตี’ติ อตฺตโน นํ าเน เปมิ, เอวํ ภิกฺขู กสฺสปสฺส สุสฺสูสิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา เอวมาห. เถโร ปน ยสฺมา จีวรสฺส ¶ วา ปตฺตสฺส วา วณฺเณ กถิเต ‘‘อิมํ ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติ จาริตฺตเมว, ตสฺมา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา’’ติ อาห. ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสปาติ กสฺสป ตฺวํ อิมานิ ปริโภคชิณฺณานิ ปํสุกูลานิ ปารุปิตุํ สกฺขิสฺสสีติ วทติ. ตฺจ โข น กายพลํ สนฺธาย, ปฏิปตฺติปูรณํ ปน สนฺธาย เอวมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อหํ อิมํ จีวรํ ปุณฺณํ นาม ทาสึ ปารุปิตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ ตุมฺพมตฺเตหิ ปาณเกหิ สมฺปริกิณฺณํ เต ปาณเก วิธุนิตฺวา มหาอริยวํเส ตฺวา อคฺคเหสึ, ตสฺส เม อิมํ จีวรํ คหิตทิวเส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาปถวี มหารวํ วิรวมานา กมฺปิตฺถ, อากาสํ ตฏตฏายิ, จกฺกวาฬเทวตา สาธุการํ อทํสุ ‘‘อิมํ จีวรํ คณฺหนฺเตน ภิกฺขุนา ชาติปํสุกูลิเกน ชาติอารฺิเกน ชาติเอกาสนิเกน ชาติสปทานจาริเกน ภวิตุํ วฏฺฏติ, ตฺวํ อิมสฺส จีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. เถโรปิ อตฺตนา ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ. โส ตํ อตกฺกยิตฺวา ‘‘อหเมตํ ปฏิปตฺตึ ปูเรสฺสามี’’ติ อุสฺสาเหน สุคตจีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุกาโม ‘‘ธาเรสฺสามหํ ภนฺเต’’ติ อาห. ปฏิปชฺชินฺติ ปฏิปนฺโนสึ. เอวํ ปน จีวรปริวตฺตนํ กตฺวา เถเรน ปารุตจีวรํ ภควา ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร. ตสฺมึ สมเย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อุนฺนทนฺตี กมฺปิตฺถ.
สาณานิ ¶ ปํสุกูลานีติ มตกเฬวรํ ปริเวเตฺวา ฉฑฺฑิตานิ ตุมฺพมตฺเต กิมี ปปฺโผเฏตฺวา คหิตานิ สาณวากมยานิ ปํสุกูลจีวรานิ. รถิกสุสานสงฺการกูฏาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน เตสุ ปํสุกูลมิวาติ ปํสุกูลํ. อถ วา ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลนฺติ ปํสุกูลสทฺทสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นิพฺพสนานีติ นิฏฺิตวสนกิจฺจานิ, ปริโภคชิณฺณานีติ อตฺโถ. เอตฺถ ‘‘กิฺจาปิ เอกเมว ตํ จีวรํ, อเนกาวยวตฺตา ปน พหุวจนํ กต’’นฺติ มชฺฌิมคณฺิปเท วุตฺตํ. จีวเร สาธารณปริโภเคนาติ เอตฺถ อตฺตนา สาธารณปริโภเคนาติ วิฺายมานตฺตา วิฺายมานตฺถสฺส จ-สทฺทสฺส ปโยเค กามาจารตฺตา ‘‘อตฺตนา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานี’’ติ หิ วุตฺตตฺตา อตฺตนาว สาธารณปริโภโค วิฺายติ, นาฺเน. น หิ เกวลํ สทฺทโตเยว สพฺพตฺถ อตฺถนิจฺฉโย ภวิสฺสติ อตฺถปกรณาทินาปิ เยภุยฺเยน อตฺถสฺส นิยเมตพฺพตฺตา. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปเนตฺถ อิทํ วุตฺตํ ‘‘จีวเร สาธารณปริโภเคนาติ เอตฺถ อตฺตนา สมสมฏฺปเนนาติ อิธ อตฺตนาสทฺทํ อาเนตฺวา จีวเร อตฺตนา สาธารณปริโภเคนา’’ติ โยเชตพฺพํ.
‘‘ยสฺส ¶ เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ตํ;
อตฺถโต หฺยสมานานํ, อาสนฺนตฺตมการณ’’นฺติ.
อถ วา ภควตา จีวเร สาธารณปริโภเคน ภควตา อนุคฺคหิโตติ โยชนียํ เอกสฺสปิ กรณนิทฺเทสสฺส สหโยคกตฺตุตฺถโชตกตฺตสมฺภวโตติ. สพฺพตฺถ ‘‘อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนา’’ติ วุตฺเต สุตฺตนฺตฏีกากาเรนาติ คเหตพฺพํ. สมานํ ธารณเมตสฺสาติ สาธารโณ, ปริโภโค. สาธารณปริโภเคน เจว สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโตติ สมฺพนฺโธ.
อิทานิ (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) –
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท ¶ อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรามิ, สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทมิ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ ¶ , ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา…เป… อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม…เป… วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ ¶ , ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ…เป… อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ…เป… เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ…เป… สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภมิ, เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหมิ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหมิ, อาวิภาวํ ติโรภาวํ ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉามิ เสยฺยถาปิ อากาเส, ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรมิ เสยฺยถาปิ อุทเก, อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉามิ เสยฺยถาปิ ปถวิยํ, อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมามิ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ, อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมสามิ ปริมชฺชามิ, ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตมิ. กสฺสโปปิ ภิกฺขเว ยาวเท อากงฺขติ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ…เป… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติ.
‘‘อหํ ¶ , ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณามิ ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ ทิพฺพาย โสตธาตุยา…เป… เย ทูเร สนฺติเก จ.
‘‘อหํ ¶ , ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ, สราคํ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานามิ, วีตราคํ วา จิตฺตํ ‘วีตราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานามิ, สโทสํ วา จิตฺตํ…เป… วีตโทสํ วา จิตฺตํ…เป… สโมหํ วา จิตฺตํ…เป… วีตโมหํ วา จิตฺตํ…เป… สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ…เป… วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ…เป… มหคฺคตํ วา จิตฺตํ…เป… อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ…เป… สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ…เป… อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ…เป… สมาหิตํ วา จิตฺตํ…เป… อสมาหิตํ วา จิตฺตํ…เป… วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ…เป… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ, สราคํ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ…เป… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ, ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ¶ ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ ¶ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) –
เอวํ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปนตฺถาย ภควตา วุตฺตํ กสฺสปสํยุตฺเต อาคตํ ปาฬิมิมํ เปยฺยาลมุเขน อาทิคฺคหเณน จ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อหํ ภิกฺขเว’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยาวเท อากงฺขามีติ ยาวเทว อิจฺฉามีติ อตฺโถ. ตโตเยว หิ มชฺฌิมคณฺิปเท จูฬคณฺิปเท จ ‘‘ยาวเทติ ยาวเทวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ ลิขิตํ. สํยุตฺตนิกายฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยาวเท อากงฺขามีติ ¶ ยาวเทว อิจฺฉามี’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. ตถา หิ ตตฺถ ลีนตฺถปกาสนิยํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรเนว วุตฺตํ ‘‘ยาวเทวาติ อิมินา สมานตฺถํ ยาวเทติ อิทํ ปท’’นฺติ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ยาวเทวา’’ติ อยเมว ปาโ ทิสฺสติ. ยานิ ปน อิโต ปรํ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา นเยน จตฺตาริ รูปาวจรกิริยฌานานิ, ‘‘สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา’’ติอาทินา นเยน จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย, ‘‘สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธ’’นฺติอาทินา นเยน นิโรธสมาปตฺติ, ‘‘อเนกวิหิตํ ¶ อิทฺธิวิธ’’นฺติอาทินา นเยน อภิฺา จ วุตฺตา. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ อนุปทวณฺณนาย เจว ภาวนาวิธาเนน จ สทฺธึ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๙-๗๐) สพฺพโส วิตฺถาริตํ. อิธาปิ จ เวรฺชกณฺเฑ จตฺตาริ รูปาวจรฌานานิ ติสฺโส จ วิชฺชา อาวิ ภวิสฺสนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ตตฺเถว วณฺณยิสฺสาม.
นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเทติ เอตฺถ นวานุปุพฺพวิหารา นาม อนุปฏิปาฏิยา สมาปชฺชิตพฺพภาวโต เอวํสฺิตา นิโรธสมาปตฺติยา สห อฏฺ สมาปตฺติโย. ฉฬภิฺา นาม อาสวกฺขยาเณน สทฺธึ ปฺจาภิฺาโยติ เอวํ โลกิยโลกุตฺตรเภทา สพฺพา อภิฺาโย. อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมติ อุตฺตริมนุสฺสานํ ฌายีนฺเจว อริยานฺจ ธมฺโม อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม. อถ วา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, มนุสฺสธมฺโม นาม ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม. โส หิ วินา ภาวนามนสิกาเรน ปกติยาว มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺพโต มนุสฺสตฺตภาวาวหโต วา ‘‘มนุสฺสธมฺโม’’ติ วุจฺจติ, ตโต อุตฺตริ ปน ฌานาทีนิ ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม’’ติ เวทิตพฺพานิ. อตฺตนา สมสมฏฺปเนนาติ อหํ ยตฺตกํ กาลํ ยตฺตเก วา สมาปตฺติวิหาเร อภิฺาโย จ วฬฺเชมิ, ตถา กสฺสโปปีติ เอวํ ยถาวุตฺตอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมํ กตฺวา ปเนน. อิทฺจ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาทิภาวสามฺเน ปสํสามตฺตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อายสฺมา มหากสฺสโป ภควา วิย เทวสิกํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ยมกปาฏิหาริยาทิวเสน วา อภิฺาโย วฬฺเชติ. เอตฺถ จ ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนนา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ –
‘‘โอวท ¶ กสฺสป ภิกฺขู, กโรหิ กสฺสป ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถํ, อหํ วา กสฺสป ภิกฺขู โอวเทยฺยํ ตฺวํ วา, อหํ วา กสฺสป ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถํ กเรยฺยํ ตฺวํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๙).
เอวมฺปิ อตฺตนา สมสมฏฺาเน เปติเยว, ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ อฺตฺร ธมฺมวินยสงฺคายนาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ‘‘ตสฺสาติ ตสฺส อนุคฺคหสฺสา’’ติ มชฺฌิมคณฺิปเท วุตฺตํ. ตสฺส เมติ วา อตฺโถ คเหตพฺโพ. โปตฺถเกสุ หิ กตฺถจิ ‘‘ตสฺส เม’’ติ ปาโเยว ทิสฺสติ, ธมฺมวินยสงฺคายนํ เปตฺวา อฺํ กึ นาม ตสฺส เม อาณณฺยํ อณณภาโว ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ‘‘นนุ มํ ภควา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาวเสน วิภาเวติ. สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนนาติ เอตฺถ จีวรสฺส นิทสฺสนวเสน กวจสฺส คหณํ กตํ, สมาปตฺติยา ¶ นิทสฺสนวเสน อิสฺสริยํ คหิตํ. กุลวํสปฺปติฏฺาปกนฺติ กุลวํสสฺส กุลปฺปเวณิยา ปติฏฺาปกํ. ‘‘เม สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก’’ติ นิจฺจสาเปกฺขตฺตา สมาโส ทฏฺพฺโพ, เม สทฺธมฺมวํสสฺส ปติฏฺาปโก ปวตฺตโกติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต อนุคฺคเหสีติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ สมฺพนฺโธ, ธาตุภาชนทิวเส ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ อตฺโถ.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เอกํ สมยนฺติ จ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, เอกสฺมึ สมเยติ วุตฺตํ โหติ. ปาวายาติ ปาวานครโต, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา กุสินารํ คมิสฺสามีติ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธานมคฺโคติ จ ทีฆมคฺโค วุจฺจติ. ทีฆปริยาโย เหตฺถ อทฺธานสทฺโท. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ คุณมหตฺเตนปิ สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. ภิกฺขูนํ สงฺเฆน ภิกฺขุสงฺเฆน, สมณคเณน สทฺธึ เอกโตติ อตฺโถ. ‘‘ปฺจมตฺเตหี’’ติอาทินา สงฺขฺยามหตฺตํ วิภาเวติ. มตฺต-สทฺโท เจตฺถ ปมาณวจโน ‘‘โภชเน มตฺตฺุตา’’ติอาทีสุ วิย. สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพนฺติ สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ อิธ อาเนตฺวา วิตฺถารโต ทสฺเสตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
‘‘ตโต ¶ ปรนฺติ ตโต ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนโต ปร’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. มหาคณฺิปเท ปน ‘‘ตโต ปรนฺติ สุภทฺทกณฺฑโต ปร’’นฺติ วุตฺตํ. อิทเมเวตฺถ สารโต ปจฺเจตพฺพนฺติ โน ตกฺโก. อยเมว หิ อุสฺสาหชนนปฺปกาโร, ยทิทํ ‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตี’’ติอาทิ, ตสฺมา อุสฺสาหชนนโต ปรนฺติ น วตฺตพฺพํ เหฏฺา อุสฺสาหชนนปฺปการสฺส ปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา. อยฺเหตฺถ ปาฬิกฺกโม –
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ, เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทึ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร อาชีวโก กุสินาราย มนฺทารวปุปฺผํ คเหตฺวา ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ. อทฺทสํ โข อหํ, อาวุโส, ตํ อาชีวกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน ตํ อาชีวกํ เอตทโวจํ ‘อปาวุโส, อมฺหากํ สตฺถารํ ชานาสี’ติ ¶ ? ‘อาม, อาวุโส, ชานามิ. อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโต สมโณ โคตโม, ตโต เม อิทํ มนฺทารวปุปฺผํ คหิตนฺติ. ตตฺราวุโส, เย เต ภิกฺขู อวีตราคา, อปฺเปกจฺเจ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ อาวฏฺฏนฺติ วิวฏฺฏนฺติ, ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิต’นฺติ. เย ปน เต ภิกฺขู วีตราคา, เต สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ ‘อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, เต ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ มา ปริเทวิตฺถ, นนฺเวตํ, อาวุโส, ภควตา ปฏิกจฺเจว อกฺขาตํ ‘สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อฺถาภาโว. ตํ กุเตตฺถ, อาวุโส, ลพฺภา, ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต มา ปลุชฺชี’ติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.
‘‘เตน ¶ โข ปน สมเยน, อาวุโส, สุภทฺโท นาม วุฑฺฒปพฺพชิโต ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. อถ โข อาวุโส สุภทฺโท วุฑฺฒปพฺพชิโต เต ภิกฺขู เอตทโวจ ‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน, อุปทฺทุตา จ มยํ โหม’ ‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ, ‘อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม, ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม, น ตํ กริสฺสามา’ติ. หนฺท มยํ อาวุโส ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหียติ, อวินโย ปุเร ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหียติ, ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ, ปุเร อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ.
‘‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนปฺจอรหนฺตสตานิ อุจฺจินิ. ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสกฺโข, อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต. เตน หิ, ภนฺเต, เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’’’ติอาทิ (จูฬว. ๔๓๗).
ตสฺมา ตโต ปรนฺติ เอตฺถ สุภทฺทกณฺฑโต ปรนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพ’’นฺติ หิ อิมินา ‘‘ยํ น อิจฺฉิสฺสาม, น ตํ กริสฺสามา’’ติ เอตํ ปริยนฺตํ ¶ สุภทฺทกณฺฑปาฬึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อวเสสํ อุสฺสาหชนนปฺปการปฺปวตฺตํ ปาฬิเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘หนฺท มยํ อาวุโส’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตีติ เอตฺถ อธมฺโม นาม ทสกุสลกมฺมปถธมฺมปฏิปกฺขภูโต อธมฺโม. ปุเร ทิปฺปตีติ อปิ นาม ทิปฺปติ. อถ วา ยาว อธมฺโม ธมฺมํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ โหติ, ตโต ปุเรตรเมวาติ อตฺโถ. อาสนฺเน หิ อนาคเต อยํ ปุเรสทฺโท. ทิปฺปตีติ ¶ ทิปฺปิสฺสติ. ปุเร-สทฺทโยเคน หิ อนาคตตฺเถ อยํ วตฺตมานปโยโค ยถา ‘‘ปุรา วสฺสติ เทโว’’ติ. เกจิ ปเนตฺถ เอวํ วณฺณยนฺติ ‘‘ปุเรติ ปจฺฉา อนาคเต ยถา อทฺธานํ คจฺฉนฺตสฺส คนฺตพฺพมคฺโค ‘ปุเร’ติ วุจฺจติ, ตถา อิธ ทฏฺพฺพ’’นฺติ. อวินโยติ ปหานวินยสํวรวินยานํ ปฏิปกฺขภูโต อวินโย. ‘‘วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ เอวํ อิติ-สทฺโทปิ เอตฺถ ทฏฺพฺโพ, ‘‘ตโต ปรํ อาหา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ อิติ-สทฺโท น ทิสฺสติ, ปาฬิยํ ปน ทีฆนิกายฏฺกถายฺจ อตฺเถว อิติ-สทฺโท.
เตน หีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. อุจฺจินเน อุยฺโยเชนฺตา หิ ตํ มหากสฺสปตฺเถรํ เอวมาหํสุ. ภิกฺขู อุจฺจินตูติ สงฺคีติยา อนุรูเป ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา คณฺหาตูติ อตฺโถ. ‘‘สกลนวงฺค…เป… ปริคฺคเหสี’’ติ เอเตน สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวปริยนฺตานํ ยถาวุตฺตปุคฺคลานํ สติปิ อาคมาธิคมสพฺภาเว สห ปฏิสมฺภิทาหิ เตวิชฺชาทิคุณยุตฺตานํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติยา อุกฺกํสคตตฺตา สงฺคีติยา พหูปการตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเรติ สกลํ สุตฺตเคยฺยาทิ นวงฺคํ เอตฺถ, เอตสฺส วา อตฺถีติ สกลนวงฺคํ, สตฺถุสาสนํ. อตฺถกาเมน ปริยาปุณิตพฺพโต ทิฏฺธมฺมิกาทิปุริสตฺตปริยตฺตภาวโต จ ปริยตฺตีติ ตีณิ ปิฏกานิ วุจฺจนฺติ, ตํ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนสงฺขาตํ ปริยตฺตึ ธาเรนฺตีติ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธรา, ตาทิเสติ อตฺโถ. พหูนํ นานปฺปการานํ กิเลสานํ สกฺกายทิฏฺิยา จ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ วา ชนิตาติ ปุถุชฺชนา. ทุวิธา ปุถุชฺชนา อนฺธปุถุชฺชนา กลฺยาณปุถุชฺชนาติ. ตตฺถ เยสํ ขนฺธธาตุอายตนาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาสวนธารณปจฺจเวกฺขณานิ นตฺถิ, เต อนฺธปุถุชฺชนา. เยสํ ตานิ อตฺถิ, เต กลฺยาณปุถุชฺชนา. เต อิธ ‘‘ปุถุชฺชนา’’ติ อธิปฺเปตา. สมถภาวนาสิเนหาภาเวน สุกฺขา ลูขา อสินิทฺธา วิปสฺสนา เอเตสนฺติ สุกฺขวิปสฺสกา.
ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเรติ ติณฺณํ ปิฏกานํ สมาหาโร ติปิฏกํ, ติปิฏกสงฺขาตํ นวงฺคาทิวเสน อเนกธา ภินฺนํ สพฺพปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธรา, ตาทิเสติ ¶ อตฺโถ. อนุ อนุ ตํสมงฺคีนํ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อนุภาโว, อนุภาโว ¶ เอว อานุภาโว, ปภาโว. มหนฺโต อานุภาโว เยสํ เต มหานุภาวา. เตวิชฺชาทิเภเทติ ติสฺโส วิชฺชาเยว เตวิชฺชา, ตา อาทิ เยสํ ฉฬภิฺาทีนํ เต เตวิชฺชาทโย, เต เภทา อเนกปฺปการา ภินฺนา เอเตสนฺติ เตวิชฺชาทิเภทา, ขีณาสวา, ตาทิเสติ อตฺโถ. อถ วา ติสฺโส วิชฺชา เอตสฺส อตฺถีติ เตวิชฺโช, โส อาทิ เยสํ ฉฬภิฺาทีนํ เต เตวิชฺชาทโย, เต เภทา เยสํ ขีณาสวานํ เต เตวิชฺชาทิเภทา, ตาทิเสติ อตฺโถ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ เย ภิกฺขู สนฺธาย อิทํ ‘‘อถ โข อายสฺมา’’ติอาทิวจนํ สงฺคีติกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตนฺติ อตฺโถ.
กิสฺส ปนาติ กสฺมา ปน. สิกฺขตีติ เสกฺโข, อถ วา สิกฺขนํ สิกฺขา, สาเยว ตสฺส สีลนฺติ เสกฺโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา จ ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล น อเสกฺโข วิย ปรินิฏฺิตสิกฺโข ตตฺถ ปฏิปสฺสทฺธุสฺสาโห, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ เสกฺโข. อถ วา อิกฺขติ เอตายาติ อิกฺขา, มคฺคผลสมฺมาทิฏฺิ. สห อิกฺขายาติ เสกฺโข. อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจสฺส อปริโยสิตตฺตา สห กรณีเยนาติ สกรณีโย. อสฺสาติ อเนน. อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถีติ นนุ จ –
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –
วุตฺตตฺตา กถเมตํ ยุชฺชตีติ? ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโตติ วุตฺตมฺปิ ภควโต สนฺติเก ปฏิคฺคหิตเมวาติ กตฺวา วุตฺตนฺติ นายํ วิโรโธ. พหุการตฺตาติ พหุอุปการตฺตา. อุปการวจโน เหตฺถ การสทฺโท. อสฺสาติ ภเวยฺย.
อติวิย วิสฺสตฺโถติ อติวิย วิสฺสาสิโก. นนฺติ อานนฺทตฺเถรํ, ‘‘โอวทตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อานนฺทตฺเถรสฺส เยภุยฺเยน นวกาย ปริสาย วิพฺภมเนน มหากสฺสปตฺเถโร เอวมาห ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ. ตถา หิ ปรินิพฺพุเต สตฺถริ มหากสฺสปตฺเถโร สตฺถุปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ¶ ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ปฺจสเต ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา ‘‘อาวุโส, ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมวินยํ สงฺคาเยยฺยาม, ตุมฺเห ปุเร วสฺสูปนายิกาย อตฺตโน อตฺตโน ปลิโพธํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ราชคเห สนฺนิปตถา’’ติ วตฺวา ¶ อตฺตนา ราชคหํ คโต. อานนฺทตฺเถโรปิ ภควโต ปตฺตจีวรมาทาย มหาชนํ สฺาเปนฺโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขมฺม ราชคหํ คจฺฉนฺโต ทกฺขิณคิริสฺมึ จาริกํ จริ. ตสฺมึ สมเย อานนฺทตฺเถรสฺส ตึสมตฺตา สทฺธิวิหาริกา เยภุยฺเยน กุมารภูตา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกภิกฺขู เจว อนุปสมฺปนฺนา จ วิพฺภมึสุ. กสฺมา ปเนเต ปพฺพชิตา, กสฺมา วิพฺภมึสูติ? เตสํ กิร มาตาปิตโร จินฺเตสุํ ‘‘อานนฺทตฺเถโร สตฺถุวิสฺสาสิโก อฏฺ วเร ยาจิตฺวา อุปฏฺหติ, อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ สตฺถารํ คเหตฺวา คนฺตุํ สกฺโกติ, อมฺหากํ ทารเก เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสาม, โส สตฺถารํ คเหตฺวา อาคมิสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต มยํ มหาสกฺการํ กาตุํ ลภิสฺสามา’’ติ อิมินา ตาว การเณน เนสํ าตกา เต ปพฺพาเชสุํ. สตฺถริ ปน ปรินิพฺพุเต เตสํ สา ปตฺถนา อุปจฺฉินฺนา, อถ เน เอกทิวเสเนว อุปฺปพฺพาเชสุํ.
อถ อานนฺทตฺเถรํ ทกฺขิณคิริสฺมึ จาริกํ จริตฺวา ราชคหมาคตํ ทิสฺวา มหากสฺสปตฺเถโร เอวมาห ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ กสฺสปสํยุตฺเต –
‘‘อถ กิฺจรหิ ตฺวํ, อาวุโส อานนฺท, อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ โภชเน อมตฺตฺูหิ ชาคริยํ อนนุยุตฺเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มฺเ จรสิ, กุลูปฆาตํ มฺเ จรสิ, โอลุชฺชติ โข เต, อาวุโส อานนฺท, ปริสา, ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายา, น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ.
‘‘อปิ เม ภนฺเต กสฺสป สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ จ ปน มยํ อชฺชาปิ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส กุมารกวาทา น มุจฺจามาติ. ตถา หิ ปน ตฺวํ, อาวุโส อานนฺท, อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ โภชเน อมตฺตฺูหิ ชาคริยํ อนนุยุตฺเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มฺเ จรสิ, กุลูปฆาตํ มฺเ จรสิ, โอลุชฺชติ โข ¶ เต, อาวุโส อานนฺท, ปริสา, ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายา, น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
ตตฺถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) สสฺสฆาตํ มฺเจรสีติ สสฺสํ ฆาเตนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. กุลูปฆาตํ มฺเ จรสีติ กุลานิ อุปฆาเตนฺโต วิย หนนฺโต วิย อาหนนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. โอลุชฺชตีติ ปลุชฺชติ ภิชฺชติ. ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายาติ, อาวุโส, เอวํ เอเต ตุยฺหํ ปาเยน เยภุยฺเยน นวกา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกทหรา เจว สามเณรา จ ¶ ปลุชฺชนฺติ. น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น วต ชานาตีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาห. กุมารกวาทา น มุจฺจามาติ กุมารกวาทโต น มุจฺจาม. ตถา หิ ปน ตฺวนฺติ อิทมสฺส เอวํ วตฺตพฺพตาย การณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ตฺวํ อิเมหิ นวเกหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริยสํวรรหิเตหิ สทฺธึ วิจรสิ, ตสฺมา กุมารเกหิ สทฺธึ จรนฺโต ‘‘กุมารโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหสีติ.
‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ เอตฺถ วา-สทฺโท ปทปูรเณ. วา-สทฺโท หิ อุปมานสมุจฺจยสํสยววสฺสคฺคปทปูรณวิกปฺปาทีสุ พหูสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๓) อุปมาเน ทิสฺสติ, สทิสภาเวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๑๓) สมุจฺจเย. ‘‘เก วา อิเม กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสเย. ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๑) ววสฺสคฺเค. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๗๐; สํ. นิ. ๒.๑๓) วิกปฺเปติ. อิธ ปน ปทปูรเณ ทฏฺพฺโพ. เตเนว จ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘วาสทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ กโรนฺเตน ‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปทปูรเณ’’ติ. อฏฺกถายมฺปิ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) เอตฺตกเมว วุตฺตํ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น วต ชานาตีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาหา’’ติ. เอตฺถาปิ วตาติ วจนสิลิฏฺตาย วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ เกนจิ วุตฺตํ ‘‘น วายนฺติ เอตฺถ วาติ วิภาสา, อฺาสิปิ น อฺาสิปีติ อตฺโถ’’ติ ¶ . ตํ ตสฺส มติมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น เหตฺถ อยมตฺโถ สมฺภวติ, ตสฺมา อตฺตโน ปมาณํ นาฺาสีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺราติ เอวํ สติ. ฉนฺทาคมนํ วิยาติ เอตฺถ ฉนฺทา อาคมนํ วิยาติ ปทจฺเฉโท กาตพฺโพ, ฉนฺเทน อาคมนํ ปวตฺตนํ วิยาติ อตฺโถ, ฉนฺเทน อกตฺตพฺพกรณํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. ฉนฺทํ วา อาคจฺฉติ สมฺปโยควเสนาติ ฉนฺทาคมนํ, ตถา ปวตฺโต อปายคมนีโย อกุสลจิตฺตุปฺปาโท. อถ วา อนนุรูปํ คมนํ อคมนํ, ฉนฺเทน อคมนํ ฉนฺทาคมนํ, ฉนฺเทน สิเนเหน อนนุรูปํ คมนํ ปวตฺตนํ อกตฺตพฺพกรณํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. อเสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตติ อเสกฺขภูตา ปฏิสมฺภิทา อเสกฺขปฏิสมฺภิทา, ตํ ปตฺเต, ปฏิลทฺธอเสกฺขปฏิสมฺภิเทติ อตฺโถ. อนุมติยาติ อนฺุาย, ยาจนายาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘กิฺจาปิ เสกฺโข’’ติ อิทํ น เสกฺขานํ อคติคมนสพฺภาเวน วุตฺตํ, อเสกฺขานํเยว ปน อุจฺจินิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ปมมคฺเคเนว หิ จตฺตาริ อคติคมนานิ ปหียนฺติ, ตสฺมา กิฺจาปิ ¶ เสกฺโข, ตถาปิ เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตูติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. น ปน กิฺจาปิ เสกฺโข, ตถาปิ อภพฺโพ อคตึ คนฺตุนฺติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อภพฺโพ’’ติอาทินา ปน ธมฺมสงฺคีติยา ตสฺส อรหภาวํ ทสฺเสนฺตา วิชฺชมาเน คุเณ กเถนฺติ. ตตฺถ ฉนฺทาติ ฉนฺเทน, สิเนเหนาติ อตฺโถ. อคตึ คนฺตุนฺติ อคนฺตพฺพํ คนฺตุํ, อกตฺตพฺพํ กาตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิมานิ ปน จตฺตาริ อคติคมนานิ ภณฺฑภาชนีเย จ วินิจฺฉยฏฺาเน จ ลพฺภนฺติ. ตตฺถ ภณฺฑภาชนีเย ตาว อตฺตโน ภารภูตานํ ภิกฺขูนํ อมนาเป ภณฺเฑ สมฺปตฺเต ตํ ปริวตฺติตฺวา มนาปํ เทนฺโต ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ นาม. อตฺตโน ปน อภารภูตานํ มนาเป ภณฺเฑ สมฺปตฺเต ตํ ปริวตฺติตฺวา อมนาปํ เทนฺโต โทสาคตึ คจฺฉติ นาม. ภณฺเฑสุ ภาชนียวตฺถฺุจ ิติกฺจ อชานนฺโต โมหาคตึ คจฺฉติ นาม. มุขรานํ วา ราชาทินิสฺสิตานํ วา ‘‘อิเม เม อมนาเป ภณฺเฑ ทินฺเน อนตฺถํ กเรยฺยุ’’นฺติ ภเยน ปริวตฺติตฺวา มนาปํ เทนฺโต ภยาคตึ คจฺฉติ นาม. โย ปน เอวํ น คจฺฉติ, สพฺเพสํ ตุลาภูโต ปมาณภูโต มชฺฌตฺโตว หุตฺวา ยํ ยสฺส ปาปุณาติ, ตเทว ตสฺส เทติ, อยํ จตุพฺพิธมฺปิ อคตึ น คจฺฉติ นาม. วินิจฺฉยฏฺาเน ปน อตฺตโน ภารภูตสฺส ครุกาปตฺตึ ลหุกาปตฺตึ กตฺวา กเถนฺโต ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ นาม. อิตรสฺส ลหุกาปตฺตึ ครุกาปตฺตึ ¶ กตฺวา กเถนฺโต โทสาคตึ คจฺฉติ นาม. อาปตฺติวุฏฺานํ ปน สมุจฺจยกฺขนฺธกฺจ อชานนฺโต โมหาคตึ คจฺฉติ นาม. มุขรสฺส วา ราชปูชิตสฺส วา ‘‘อยํ เม ครุกํ กตฺวา อาปตฺตึ กเถนฺตสฺส อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ครุกเมว ลหุกาปตฺตึ กเถนฺโต ภยาคตึ คจฺฉติ นาม. โย ปน สพฺเพสํ ยถาภูตเมว กเถสิ, อยํ จตุพฺพิธมฺปิ อคติคมนํ น คจฺฉติ นาม. เถโรปิ ตาทิโส จตุนฺนมฺปิ อคติคมนานํ ปมมคฺเคเนว ปหีนตฺตา, ตสฺมา สงฺคายนวเสน ธมฺมวินยวินิจฺฉเย สมฺปตฺเต ฉนฺทาทิวเสน อฺถา อกเถตฺวา ยถาภูตเมว กเถตีติ วุตฺตํ ‘‘อภพฺโพ…เป… อคตึ คนฺตุ’’นฺติ. ปริยตฺโตติ อธีโต, อุคฺคหิโตติ อตฺโถ.
อุจฺจินิเตนาติ อุจฺจินิตฺวา คหิเตน. เอตทโหสีติ เอตํ ปริวิตกฺกนํ อโหสิ. ราชคหํ โข มหาโคจรนฺติ เอตฺถ ‘‘ราชคหนฺติ ราชคหสามนฺตํ คเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ จูฬคณฺิปเท มชฺฌิมคณฺิปเท จ วุตฺตํ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, โคจโร วิย โคจโร, ภิกฺขาจรณฏฺานํ. โส มหนฺโต อสฺส, เอตฺถาติ วา มหาโคจรํ, ราชคหํ. ถาวรกมฺมนฺติ จิรฏฺายิกมฺมํ. วิสภาคปุคฺคโล สุภทฺทสทิโส. อุกฺโกเฏยฺยาติ นิวาเรยฺยาติ อตฺโถ. ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสีติ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ¶ สมฺมนฺเนยฺย ‘ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพ’นฺติ, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิมานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ สมฺมนฺนติ ‘ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพ’นฺติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สมฺมุติ ‘ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพ’นฺติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
‘‘สมฺมตานิ สงฺเฆน อิมานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ‘ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ ¶ วสิตพฺพ’นฺติ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) –
เอวํ ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ตํ สงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว าตพฺพ’’นฺติ.
อยํ ปน กมฺมวาจา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต เอกวีสติเม ทิวเส กตา. วุตฺตฺเหตํ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมสงฺคีติกถา) ‘‘อยํ ปน กมฺมวาจา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต เอกวีสติเม ทิวเส กตา. ภควา หิ วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพุโต, อถสฺส สตฺตาหํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ คนฺธมาลาทีหิ ปูชยึสุ. เอวํ สตฺตาหํ สาธุกีฬนทิวสา นาม อเหสุํ. ตโต สตฺตาหํ จิตกาย อคฺคินา ฌายิ, สตฺตาหํ สตฺติปฺชรํ กตฺวา สนฺถาคารสาลายํ ธาตุปูชํ กรึสูติ เอกวีสติ ทิวสา คตา. เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมิยํ ปน ธาตุโย ภาชยึสุ. เอตสฺมึ ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตสฺส มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน กตํ อนาจารํ อาโรเจตฺวา วุตฺตนเยเนว ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา อยํ กมฺมวาจา กตา. อิมฺจ ปน กมฺมวาจํ กตฺวา เถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘อาวุโส อิทานิ ตุมฺหากํ จตฺตาลีสทิวสา โอกาโส, ตโต ปรํ อยํ นาม โน ปลิโพโธ อตฺถีติ วตฺตุํ น ลพฺภา, ตสฺมา เอตฺถนฺตเร ยสฺส โรคปลิโพโธ วา อาจริยุปชฺฌายปลิโพโธ วา มาตาปิตุปลิโพโธ วา อตฺถิ, ปตฺตํ วา ปน ปจิตพฺพํ จีวรํ วา กาตพฺพํ, โส ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา กรณียํ กโรตู’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เถโร อตฺตโน ปฺจสตาย ปริสาย ปริวุโต ราชคหํ คโต, อฺเปิ มหาเถรา อตฺตโน อตฺตโน ปริวารํ คเหตฺวา โสกสลฺลสมปฺปิตํ ¶ มหาชนํ อสฺสาเสตุกามา ตํ ตํ ทิสํ ปกฺกนฺตา. ปุณฺณตฺเถโร ปน สตฺตสตภิกฺขุปริวาโร ‘ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานฏฺานํ อาคตาคตํ มหาชนํ อสฺสาเสสฺสามี’ติ กุสินารายเมว อฏฺาสิ. อายสฺมา อานนฺโท ยถา ปุพฺเพ อปรินิพฺพุตสฺส, เอวํ ปรินิพฺพุตสฺสปิ ภควโต สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. คจฺฉโต ปนสฺส ปริวารา ภิกฺขู คณนปถํ วีติวตฺตา’’ติ. ตสฺมา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต ¶ ตีสุ สตฺตาเหสุ อติกฺกนฺเตสุ เอกวีสติเม ทิวเส อิมํ กมฺมวาจํ สาเวตฺวา เถโร ราชคหํ ปกฺกนฺโตติ เวทิตพฺพํ.
ยทิ เอวํ กสฺมา ปน อิธ มงฺคลสุตฺตฏฺกถายฺจ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.ปมมหาสงฺคีติกถา) ‘‘สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสู’’ติ วุตฺตํ? สตฺตสุ ธาตุปูชาทิวเสสุ คหิเตสุ ตทวินาภาวโต มชฺเฌ จิตกาย ฌาปนสตฺตาหมฺปิ คหิตเมวาติ กตฺวา วิสุํ น วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ จ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส. อปฺปกฺหิ อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหติ, ตสฺมา สมุทาโย อปฺปเกน อธิโกปิ อนธิโก วิย โหตีติ กตฺวา อฑฺฒมาสโต อธิเกปิ ปฺจ ทิวเส ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต’’ติ วุตฺตํ ‘‘ทฺวาสีติขนฺธกวตฺตานํ กตฺถจิ อสีติขนฺธกวตฺตานี’’ติ วจนํ วิย. ตถา อปฺปเกน อูโนปิ จ สมุทาโย อนูโน วิย โหตีติ กตฺวา ‘‘ทิยฑฺฒมาสโต อูเนปิ ปฺจ ทิวเส ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ จ วุตฺตํ. สติปฏฺานวิภงฺคฏฺกถายฺหิ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๖) ฉมาสโต อูเนปิ อฑฺฒมาเส ‘‘ฉ มาเส สชฺฌาโย กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตวจนํ วิย. ตตฺถ หิ ตจปฺจกาทีสุ จตูสุ ปฺจเกสุ ทฺวีสุ จ ฉกฺเกสุ เอเกกสฺมึ อนุโลมโต ปฺจาหํ, ปฏิโลมโต ปฺจาหํ, อนุโลมปฏิโลมโต ปฺจาหํ, ตถา ปุริมปุริเมหิ ปฺจกฉกฺเกหิ สทฺธึ อนุโลมโต ปฺจาหํ, ปฏิโลมโต ปฺจาหํ, อนุโลมปฏิโลมโต ปฺจาหนฺติ เอวํ วิสุํ ติปฺจาหํ เอกโต ติปฺจาหฺจ สชฺฌายํ กตฺวา ฉมาสํ สชฺฌาโย กาตพฺโพติ วจนํ วิย. ตตฺถ หิ วกฺกปฺจกาทีสุ ตีสุ ปฺจเกสุ ทฺวีสุ จ ฉกฺเกสุ วิสุํ เหฏฺิเมหิ เอกโต จ สชฺฌาเย ปฺจนฺนํ ปฺจนฺนํ ปฺจกานํ วเสน ปฺจมาสปริปุณฺณา ลพฺภนฺติ, ตจปฺจเก ปน วิสุํ ติปฺจาหเมวาติ อฑฺฒมาโสเยเวโก ลพฺภตีติ อฑฺฒมาสาธิกปฺจมาสา ลพฺภนฺติ.
เอวํ สติ ยถา ตตฺถ อฑฺฒมาเส อูเนปิ มาสปริจฺเฉเทน ปริจฺฉิชฺชมาเน สชฺฌาเย ฉ มาสา ปริจฺเฉทกา โหนฺตีติ ปริจฺฉิชฺชมานสฺส สชฺฌายสฺส สตฺตมาสาทิมาสนฺตรคมนนิวารณตฺถํ ฉมาสคฺคหณํ กตํ, น สกลฉมาเส สชฺฌายปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ, เอวมิธาปิ มาสวเสน ¶ กาเล ปริจฺฉิชฺชมาเน อูเนปิ ปฺจทิวเส ทิยฑฺฒมาโส ปริจฺเฉทโก โหตีติ ปริจฺฉิชฺชมานสฺส ¶ กาลสฺส ทฺวิมาสาทิมาสนฺตรคมนนิวารณตฺถํ ‘‘ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ ทิยฑฺฒมาสคฺคหณํ กตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. อฺถา จ อฏฺกถาวจนานํ อฺมฺวิโรโธ อาปชฺชติ. เอกาหเมว วา ภควโต สรีรํ จิตกาย ฌายีติ ขุทฺทกภาณกานํ อธิปฺปาโยติ คเหตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ปรินิพฺพานโต สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ อฏฺมิยํ จิตกาย ภควโต สรีรํ ฌาเปตฺวา ตโต ปรํ สตฺตสุ ทิวเสสุ ธาตุปูชํ อกํสูติ อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, คิมฺหานํ ทิยฑฺโฒ จ มาโส เสโส โหติ. ปรินิพฺพานสุตฺตนฺตปาฬิยมฺปิ หิ จิตกาย ฌาปนสตฺตาหํ น อาคตํ, ทฺเวเยว สตฺตาหานิ อาคตานิ, อุปปริกฺขิตฺวา ปน ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. อิโต อฺเน วา ปกาเรน ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา การณํ ปริเยสิตพฺพํ. ยํ ปเนตฺถ เกนจิ วุตฺตํ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโตติ เอตฺถ เอโก ทิวโส นฏฺโ. โส ปาฏิปททิวโส โกลาหลทิวโส นาม, ตสฺมา อิธ น คหิโต’’ติ. ตํ น สุนฺทรํ ปรินิพฺพานสุตฺตนฺตปาฬิยํ ปาฏิปททิวสโตเยว ปฏฺาย สตฺตาหสฺส วุตฺตตฺตา อฏฺกถายฺจ ปรินิพฺพานทิวเสนปิ สทฺธึ ติณฺณํ สตฺตาหานํ คหิตตฺตา. ตถา หิ ปรินิพฺพานทิวเสน สทฺธึ ติณฺณํ สตฺตาหานํ คหิตตฺตา เชฏฺมูลสุกฺกปฺจมี เอกวีสติโม ทิวโส โหติ.
สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสูติ เอตฺถ สาธุกีฬนํ นาม สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กิตฺเตตฺวา อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตานิ คีตานิ คายิตฺวา ปูชาวเสน กีฬนโต สุนฺทรํ กีฬนนฺติ สาธุกีฬนํ. อถ วา สปรหิตสาธนฏฺเน สาธุ, เตสํ สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กิตฺเตตฺวา กีฬนํ สาธุกีฬนํ, อุฬารปฺุปสวนโต สมฺปรายิกตฺถาวิโรธิกีฬาวิหาโรติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุริมสฺมึ สตฺตาเห สาธุกีฬาย เอกเทเสน กตตฺตา สาธุกีฬนทิวสา นาม เต ชาตา. วิเสสโต ปน ธาตุปูชาทิวเสสุเยว สาธุกีฬนํ อกํสุ. ตโตเยว จ มหาปรินิพฺพานสุตฺตนฺตปาฬิยํ –
‘‘อถ โข โกสินารกา มลฺลา ภควโต สรีรานิ สตฺตาหํ สนฺถาคาเร สตฺติปฺชรํ กริตฺวา ธนุปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ¶ นจฺเจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คนฺเธหิ สกฺกรึสุ ครุํ กรึสุ มาเนสุํ ปูเชสุ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๓๕).
เอตสฺส อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๕) วุตฺตํ –
‘‘กสฺมา ¶ ปเนเต เอวมกํสูติ? อิโต ปุริเมสุ ทฺวีสุ สตฺตาเหสุ เต ภิกฺขุสงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ กโรนฺตา ขาทนียโภชนียาทีนิ สํวิทหนฺตา สาธุกีฬิกาย โอกาสํ น ลภึสุ. ตโต เนสํ อโหสิ ‘อิมํ สตฺตาหํ สาธุกีฬิตํ กีฬิสฺสาม, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ อมฺหากํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา โกจิเทว อาคนฺตฺวา ธาตุโย คณฺเหยฺย, ตสฺมา อารกฺขํ เปตฺวา กีฬิสฺสามา’ติ, เตน เต เอวมกํสู’’ติ.
ตสฺมา วิเสสโต สาธุกีฬิกา ธาตุปูชาทิวเสสุเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เต ปน ธาตุปูชาย กตตฺตา ‘‘ธาตุปูชาทิวสา’’ติ ปากฏา ชาตาติ อาห ‘‘สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสู’’ติ. อุปกฏฺาติ อาสนฺนา. วสฺสํ อุปเนนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอตฺถาติ วสฺสูปนายิกา. เอกํ มคฺคํ คโตติ จาริกํ จริตฺวา มหาชนํ อสฺสาเสตุํ เอเกน มคฺเคน คโต. เอวํ อนุรุทฺธตฺเถราทโยปิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ จาริกํ จริตฺวา มหาชนํ อสฺสาเสนฺตา คตาติ ทฏฺพฺพํ. เยน สาวตฺถิ, เตน จาริกํ ปกฺกามีติ ยตฺถ สาวตฺถิ, ตตฺถ จาริกํ ปกฺกามิ, เยน วา ทิสาภาเคน สาวตฺถิ ปกฺกมิตพฺพา โหติ, เตน ทิสาภาเคน จาริกํ ปกฺกามีติ อตฺโถ.
ตตฺราติ ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตายาติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย. อสมุจฺฉินฺนตณฺหานุสยตฺตา อวิชฺชาตณฺหาภิสงฺขเตน กมฺมุนา ภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ ขนฺธปฺจกสงฺขาตํ อตฺตภาวํ ชเนติ อภินิพฺพตฺเตตีติ ชโน, กิเลเส ชเนติ, อชนิ, ชนิสฺสตีติ วา ชโน, มหนฺโต ชโนติ มหาชโน, ตํ มหาชนํ, พหุชนนฺติ อตฺโถ. สฺาเปตฺวาติ สมสฺสาเสตฺวา. คนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวาติ ปริโภคเจติยภาวโต คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา คนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวรีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) ‘‘คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. มิลาตํ มาลากจวรํ มิลาตมาลากจวรํ. ยถาาเน เปตฺวาติ ปมิตฏฺานํ อนติกฺกมิตฺวา ¶ ยถาิตฏฺาเนเยว เปตฺวาติ อตฺโถ. ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสีติ เสนาสเน กตฺตพฺพวตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. กโรนฺโต จ นฺหานโกฏฺเก สมฺมชฺชนอุทกูปฏฺานาทิกาเลสุ คนฺธกุฏึ คนฺตฺวา ‘‘นนุ ภควา อยํ ตุมฺหากํ นฺหานกาโล, อยํ ธมฺมเทสนากาโล, อยํ ภิกฺขูนํ โอวาททานกาโล, อยํ สีหเสยฺยํ กปฺปนกาโล, อยํ มุขโธวนกาโล’’ติอาทินา นเยน ปริเทวมาโนว อกาสิ. ตเมนํ อฺตรา เทวตา ‘‘ภนฺเต อานนฺท, ตุมฺเห เอวํ ปริเทวมานา กถํ อฺเ อสฺสาสยิสฺสถา’’ติ สํเวเชสิ. โส ตสฺสา วจเนน สํวิคฺคหทโย สนฺถมฺภิตฺวา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตาย อุสฺสนฺนธาตุกํ ¶ กายํ สมสฺสาเสตุํ ขีรวิเรจนํ ปิวิ. อิทานิ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ เถโร’’ติอาทิมาห.
อุสฺสนฺนธาตุกนฺติ อุปจิตเสมฺหาทิธาตุกํ กายํ. สมสฺสาเสตุนฺติ สนฺตปฺเปตุํ. ทุติยทิวเสติ เทวตาย สํเวชิตทิวสโต. ‘‘เชตวนวิหารํ ปวิฏฺทิวสโต วา ทุติยทิวเส’’ติ วทนฺติ. วิริจฺจติ เอเตนาติ วิเรจนํ, โอสธปริภาวิตํ ขีรเมว วิเรจนนฺติ ขีรวิเรจนํ. ยํ สนฺธายาติ ยํ เภสชฺชปานํ สนฺธาย. องฺคสุภตาย สุโภติ เอวํ ลทฺธนามตฺตา สุเภน มาณเวน. ปหิตํ มาณวกนฺติ ‘‘สตฺถา ปรินิพฺพุโต อานนฺทตฺเถโร กิรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อาคโต, มหาชโน จ ตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมตี’’ติ สุตฺวา ‘‘วิหารํ โข ปน คนฺตฺวา มหาชนมชฺเฌ น สกฺกา สุเขน ปฏิสนฺถารํ วา กาตุํ ธมฺมกถํ วา โสตุํ, เคหํ อาคตํเยว นํ ทิสฺวา สุเขน ปฏิสนฺถารํ กริสฺสามิ, เอกา จ เม กงฺขา อตฺถิ, ตมฺปิ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สุเภน มาณเวน เปสิตํ มาณวกํ. เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘อกาโล โข’’ติอาทิกํ อานนฺทตฺเถโร อโวจ. อกาโล โขติ อชฺช คนฺตุํ ยุตฺตกาโล น โหติ. กสฺมาติ เจ อาห ‘‘อตฺถิ เม อชฺชา’’ติอาทิ. เภสชฺชมตฺตาติ อปฺปมตฺตกํ เภสชฺชํ. อปฺปตฺโถ หิ อยํ มตฺตาสทฺโท ‘‘มตฺตา สุขปริจฺจาคา’’ติอาทีสุ วิย.
ทุติยทิวเสติ ขีรวิเรจนํ ปีตทิวสโต ทุติยทิวเส. เจตกตฺเถเรนาติ เจติยรฏฺเ ชาตตฺตา ‘‘เจตโก’’ติ เอวํลทฺธนาเมน. สุเภน มาณเวน ปุฏฺโติ ‘‘เยสุ ธมฺเมสุ ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ ¶ ปติฏฺาเปสิ, เต ตสฺส อจฺจเยน นฏฺา นุ โข, ธรนฺติ, สเจ ธรนฺติ, อานนฺโท ชานิสฺสติ, หนฺท นํ ปุจฺฉามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา ‘‘เยสํ โส ภวํ โคตโม ธมฺมานํ วณฺณวาที อโหสิ, ยตฺถ จ อิมํ ชนตํ สมาทเปสิ นิเวเสสิ ปติฏฺาเปสิ, กตเมสานํ โข โภ อานนฺท ธมฺมานํ โส ภวํ โคตโม วณฺณวาที อโหสี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๘) สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ. อถสฺส เถโร ตีณิ ปิฏกานิ สีลกฺขนฺธาทีหิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ติณฺณํ โข, มาณว, ขนฺธานํ โส ภควา วณฺณวาที’’ติอาทินา สุภสุตฺตมภาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํ นาม ทสมํ สุตฺตมภาสี’’ติ.
ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณนฺติ เอตฺถ ขณฺฑนฺติ ฉินฺนํ. ผุลฺลนฺติ ภินฺนํ. เตสํ ปฏิสงฺขรณํ ปุน สมฺมา ปากติกกรณํ, อภินวกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ราชคหนฺติ เอวํนามกํ นครํ. ตฺหิ มนฺธตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปาติ ฉฑฺฑิตา จ ปติตา จ อุกฺลาปา จ อเหสุนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภควโต ปรินิพฺพานฏฺานํ คจฺฉนฺเตหิ ¶ ภิกฺขูหิ ฉฑฺฑิตา วิสฺสฏฺา, ตโตเยว จ อุปจิกาทีหิ ขาทิตตฺตา อิโต จิโต จ ปติตา, สมฺมชฺชนาภาเวน อากิณฺณกจวรตฺตา อุกฺลาปา จ อเหสุนฺติ. อิมเมวตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. ปริจฺเฉทวเสน เวณิยติ ทิสฺสตีติ ปริเวณํ. ตตฺถาติ เตสุ วิหาเรสุ. ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณนฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ปมํ มาสนฺติ วสฺสานสฺส ปมํ มาสํ, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. เสนาสนวตฺตานํ ปฺตฺตตฺตา เสนาสนกฺขนฺธเก จ เสนาสนปฏิพทฺธานํ พหูนํ วจนโต ‘‘ภควตา…เป… วณฺณิต’’นฺติ วุตฺตํ.
ทุติยทิวเสติ ‘‘ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณํ กโรมา’’ติ จินฺติตทิวสโต ทุติยทิวเส. โส จ วสฺสูปนายิกทิวสโต ทุติยทิวโสติ เวทิตพฺโพ. เต หิ เถรา อาสาฬฺหีปุณฺณมาย อุโปสถํ กตฺวา ปาฏิปเท สนฺนิปติตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตฺวา เอวํ จินฺเตสุํ. อชาตสตฺตุ ราชาติ อชาโต หุตฺวา ปิตุโน ปจฺจตฺถิโก ชาโตติ ‘‘อชาตสตฺตู’’ติ ลทฺธโวหาโร ราชา. ตสฺมึ กิร กุจฺฉิคเต เทวิยา เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปชฺชิ ‘‘อโห วตาหํ รฺโ ทกฺขิณพาหุโต โลหิตํ ปิเวยฺย’’นฺติ ¶ . อถ ตสฺสา กเถตุํ อสกฺโกนฺติยา กิสภาวํ ทุพฺพณฺณภาวฺจ ทิสฺวา ราชา สยเมว ปุจฺฉิตฺวา ตฺวา จ เวชฺเช ปกฺโกสาเปตฺวา สุวณฺณสตฺถเกน พาหุํ ผาเลตฺวา สุวณฺณสรเกน โลหิตํ คเหตฺวา อุทเกน สมฺภินฺทิตฺวา ปาเยสิ. เนมิตฺตกา ตํ สุตฺวา ‘‘เอส คพฺโภ รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสติ, อิมินา ราชา หฺิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ, ตสฺมา ‘‘อชาโตเยว รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสตี’’ติ เนมิตฺตเกหิ นิทฺทิฏฺตฺตา อชาตสตฺตุ นาม ชาโต. กินฺติ การณปุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, กสฺมาติ อตฺโถ. ปฏิเวเทสุนฺติ นิเวเทสุํ, ชานาเปสุนฺติ อตฺโถ. วิสฺสตฺถาติ นิราสงฺกจิตฺตา. อาณาจกฺกนฺติ อาณาเยว อปฺปฏิหตวุตฺติยา ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ อาณาจกฺกํ. สนฺนิสชฺชฏฺานนฺติ สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฏฺานํ.
ราชภวนวิภูตินฺติ ราชภวนสมฺปตฺตึ. อวหสนฺตมิวาติ อวหาสํ กุรุมานํ วิย. สิริยา นิเกตมิวาติ สิริยา วสนฏฺานมิว. เอกนิปาตติตฺถมิว จ เทวมนุสฺสนยนวิหงฺคานนฺติ เอกสฺมึ ปานียติตฺเถ สนฺนิปตนฺตา ปกฺขิโน วิย สพฺเพสํ ชนานํ จกฺขูนิ มณฺฑเปเยว นิปตนฺตีติ เทวมนุสฺสานํ นยนสงฺขาตวิหงฺคานํ เอกนิปาตติตฺถมิว จ. โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตนฺติ เอกตฺถ สมฺปิณฺฑิตํ ราสิกตํ โลเก รมณียภาวํ วิย. ยทิ โลเก วิชฺชมานํ รมณียตฺตํ สพฺพเมว อาเนตฺวา เอกตฺถ สมฺปิณฺฑิตํ สิยา, ตํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทฏฺพฺพสารมณฺฑนฺติ เผคฺคุรหิตสารํ วิย กสฏวินิมุตฺตํ ปสนฺนภูตํ วิย จ ทฏฺพฺเพสุ ทฏฺุํ อรหรูเปสุ สารภูตํ ปสนฺนภูตฺจา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ทฏฺพฺโพ ทสฺสนีโย ¶ สารภูโต วิสิฏฺตโร มณฺโฑ มณฺฑนํ อลงฺกาโร เอตสฺสาติ ทฏฺพฺพสารมณฺโฑ, มณฺฑโปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพติ อมฺหากํ ขนฺติ, อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. มณฺฑํ สูริยรสฺมึ ปาติ นิวาเรตีติ มณฺฑโป. วิวิธ…เป… จารุวิตานนฺติ เอตฺถ กุสุมทามานิ จ ตานิ โอลมฺพกานิ จาติ กุสุมทามโอลมฺพกานิ. เอตฺถ จ วิเสสนสฺส ปรนิปาโต ทฏฺพฺโพ, โอลมฺพกกุสุมทามานีติ อตฺโถ. ตานิ วิวิธานิ อเนกปฺปการานิ วินิคฺคลนฺตํ วเมนฺตํ นิกฺขาเมนฺตมิว จารุ โสภนํ วิตานํ เอตฺถาติ วิวิธกุสุมทามโอลมฺพกวินิคฺคลนฺตจารุวิตาโน, มณฺฑโป, ตํ อลงฺกริตฺวาติ โยเชตพฺพํ. รตนวิจิตฺรมณิกโอฏฺฏิมตลมิวาติ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตสุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมตฺตาเยว นานารตเนหิ ¶ วิจิตฺตภูตมณิโกฏฺฏิมตลมิวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ รตนวิจิตฺตคฺคหณํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตตาย นิทสฺสนํ, มณิโกฏฺฏิมตลคฺคหณํ สุปรินิฏฺิตภูมิปริกมฺมตายาติ เวทิตพฺพํ. มณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตตลตฺตา มณิโกฏฺฏเนน นิพฺพตฺตตลนฺติ มณิโกฏฺฏิมตลํ. นนฺติ มณฺฑปํ. ปุปฺผูปหาโร ปุปฺผปูชา. อุตฺตราภิมุขนฺติ อุตฺตรทิสาภิมุขํ. อาสนารหนฺติ นิสีทนารหํ. ทนฺตขจิตนฺติ ทนฺเตหิ รจิตํ, ทนฺเตหิ กตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถาติ อาสเน. นิฏฺิตํ ภนฺเต มม กิจฺจนฺติ มยา กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ.
ตสฺมึ ปน ทิวเส เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สนฺธาย เอวมาหํสุ ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เอโก ภิกฺขุ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรตี’’ติ. เถโร ตํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อฺโ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรณกภิกฺขุ นาม นตฺถิ, อทฺธา เอเต มํ สนฺธาย วทนฺตี’’ติ สํเวคํ อาปชฺชิ. เอกจฺเจ นํ อาหํสุเยว ‘‘สฺเว, อาวุโส, สนฺนิปาโต’’ติอาทิ. อิทานิ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสู’’ติอาทิ. เตนาติ ตสฺมา. อาวชฺเชสีติ อุปนาเมสิ. อนุปาทายาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน กฺจิ ธมฺมํ อคเหตฺวา, เยหิ วา กิเลเสหิ สพฺเพหิ วิมุจฺจติ, เตสํ เลสมตฺตมฺปิ อคเหตฺวาติ อตฺโถ. อาสเวหีติ ภวโต อาภวคฺคํ ธมฺมโต วา อาโคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต อาสวสฺิเตหิ กิเลเสหิ. ลกฺขณวจนฺเจตํ อาสเวหีติ, ตเทกฏฺตาย ปน สพฺเพหิปิ กิเลเสหิ, สพฺเพหิปิ ปาปธมฺเมหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติเยว. จิตฺตํ วิมุจฺจีติ จิตฺตํ อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อาสเวหิ วิมุจฺจมานํ กตฺวา อรหตฺตผลกฺขเณ วิมุจฺจีติ อตฺโถ. จงฺกเมนาติ จงฺกมนกิริยาย. วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูตํ กตํ อุปจิตํ ปฺุํ เอเตนาติ กตปฺุโ, อรหตฺตาธิคมาย กตาธิกาโรติ อตฺโถ. ปธานมนุยฺุชาติ วีริยํ อนุยฺุช, อรหตฺตาธิคมาย อนุโยคํ กโรหีติ อตฺโถ. กถาโทโส นาม นตฺถีติ กถาย อปรชฺฌํ นาม นตฺถิ. อจฺจารทฺธํ วีริยนฺติ อติวิย อารทฺธํ วีริยํ. อุทฺธจฺจายาติ ¶ อุทฺธตภาวาย. วีริยสมตํ โยเชมีติ จงฺกมนวีริยสฺส อธิมตฺตตฺตา ตสฺส ปหานวเสน สมาธินา สมรสตาปาทเนน วีริยสมตํ โยเชมิ.
ทุติยทิวเสติ ¶ เถเรน อรหตฺตปฺปตฺตทิวสโต ทุติยทิวเส. ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตาติ ปกฺขสฺส ปฺจมิยํ สนฺนิปตึสุ. อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโมติ ‘‘เสกฺขตาย ธมฺมสงฺคีติยา คเหตุํ อยุตฺตมฺปิ พหุสฺสุตตฺตา คณฺหิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา นิสินฺนานํ เถรานํ ‘‘อิทานิ อรหตฺตปฺปตฺโต’’ติ โสมนสฺสุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ทินฺนโอวาทสฺส สผลตาทีปนตฺถํ อตฺตุปนายิกํ อกตฺวา อฺพฺยากรณสฺส ภควตา สํวณฺณิตตฺตา จ เถโร อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม อโหสีติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุฑฺฒนฺติ วุฑฺฒปฏิปาฏึ อนติกฺกมิตฺวา. เอเกติ มชฺฌิมภาณกานํเยว เอเก. ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ หิ สพฺพํ มชฺฌิมภาณกา วทนฺติเยวาติ เวทิตพฺพํ. ทีฆภาณกา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) ปเนตฺถ เอวํ วทนฺติ –
‘‘อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อรหา สมาโน สนฺนิปาตํ อคมาสิ. กถํ อคมาสิ? ‘อิทานิมฺหิ สนฺนิปาตมชฺฌํ ปวิสนารโห’ติ หฏฺตุฏฺจิตฺโต เอกํสํ จีวรํ กตฺวา พนฺธนา มุตฺตตาลปกฺกํ วิย ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตชาติมณิ วิย วิคตวลาหเก นเภ สมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิย พาลาตปสมฺผสฺสวิกสิตเรณุปิฺชรคพฺภํ ปทุมํ วิย จ ปริสุทฺเธน ปริโยทาเตน สปฺปเภน สสฺสิริเกน มุขวเรน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ อาโรจยมาโน วิย จ อคมาสิ. อถ นํ ทิสฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ ‘โสภติ วต โภ อรหตฺตปฺปตฺโต อานนฺโท, สเจ สตฺถา ธเรยฺย, อทฺธา อชฺช อานนฺทสฺส สาธุการํ ทเทยฺย, หนฺท อิมสฺสาหํ อิทานิ สตฺถารา ทาตพฺพํ สาธุการํ ททามี’ติ ติกฺขตฺตุํ สาธุการมทาสี’’ติ.
อากาเสน อาคนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเกติ เอตฺถ ปน เตสํ เตสํ ตถา ตถา คเหตฺวา อาคตมตฺตํ เปตฺวา วิสุํ วิสุํ วจเน อฺํ วิเสสการณํ นตฺถีติ วทนฺติ. อุปติสฺสตฺเถโร ปนาห ‘‘สตฺตมาสํ กตาย ธมฺมสงฺคีติยา กทาจิ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อาคตตฺตา ตํ คเหตฺวา เอเก วทนฺติ. กทาจิ อากาเสน อาคตตฺตา ตํ คเหตฺวา เอเก วทนฺตี’’ติ.
ภิกฺขู ¶ อามนฺเตสีติ ภิกฺขู อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห – ‘‘อามนฺตยามิ โว, ภิกฺขเว, (ที. นิ. ๒.๒๑๘) ปฏิเวทยามิ ¶ โว, ภิกฺขเว’’ติ (อ. นิ. ๗.๗๒). ปกฺโกสเนปิ ทิสฺสติ. ยถาห ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑). อาวุโสติ อามนฺตนาการทีปนํ. กํ ธุรํ กตฺวาติ กํ เชฏฺกํ กตฺวา. กึ อานนฺโท นปฺปโหตีติ อฏฺกถาจริเยหิ ปิตปุจฺฉา. นปฺปโหตีติ น สกฺโกติ. เอตทคฺคนฺติ เอโส อคฺโค. ลิงฺควิปลฺลาเสน หิ อยํ นิทฺเทโส. ยทิทนฺติ จ โย อยนฺติ อตฺโถ, ยทิทํ ขนฺธปฺจกนฺติ วา โยเชตพฺพํ. สมฺมนฺนีติ สมฺมตํ อกาสิ. อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺยนฺติ ปุจฺฉธาตุสฺส ทฺวิกมฺมกตฺตา วุตฺตํ. พีชนึ คเหตฺวาติ เอตฺถ พีชนีคหณํ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาติ เวทิตพฺพํ. ภควาปิ หิ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาทสฺสนตฺถเมว วิจิตฺตพีชนึ คณฺหาติ. น หิ อฺถา สพฺพสฺสปิ โลกสฺส อลงฺการภูตํ ปรมุกฺกํสคตสิกฺขาสํยมานํ พุทฺธานํ มุขจนฺทมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตพฺพํ โหติ. ‘‘ปมํ, อาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตสฺส สงฺคีติยา ปุริมกาเล ปมภาโว น ยุตฺโตติ? โน น ยุตฺโต ภควตา ปฺตฺตานุกฺกเมน ปาติโมกฺขุทฺเทสานุกฺกเมน จ ปมภาวสฺส สิทฺธตฺตา. เยภุยฺเยน หิ ตีณิ ปิฏกานิ ภควโต ธรมานกาเล ิตานุกฺกเมเนว สงฺคีตานิ, วิเสสโต วินยาภิธมฺมปิฏกานีติ ทฏฺพฺพํ. กิสฺมึ วตฺถุสฺมึ เมถุนธมฺเมติ จ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ.
วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉีติอาทิ ‘‘กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติอาทินา ทสฺสิเตน สห ตโต อวสิฏฺมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. กึ ปเนตฺถ ปมปาราชิกปาฬิยํ กิฺจิ อปเนตพฺพํ วา ปกฺขิปิตพฺพํ วา อาสิ นาสีติ? พุทฺธสฺส ภควโต ภาสิเต อปเนตพฺพํ นาม นตฺถิ. น หิ ตถาคตา เอกพฺยฺชนมฺปิ นิรตฺถกํ วทนฺติ, สาวกานํ ปน เทวตานํ วา ภาสิเต อปเนตพฺพมฺปิ โหติ, ตํ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถรา อปนยึสุ, ปกฺขิปิตพฺพํ ปน สพฺพตฺถาปิ อตฺถิ, ตสฺมา ยํ ยตฺถ ปกฺขิปิตุํ ยุตฺตํ, ตํ ตตฺถ ปกฺขิปึสุเยว. กึ ปน ตนฺติ เจ? ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติ วา ‘‘อถ โข’’อิติ วา ‘‘เอวํ วุตฺเต’’ติ วา ‘‘เอตทโวจา’’ติ วา เอวมาทิกํ สมฺพนฺธวจนมตฺตํ. เอวํ ปกฺขิปิตพฺพยุตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา ปน อิทํ ปมปาราชิกนฺติ เปสุํ ¶ . ปมปาราชิเก สงฺคหมารุฬฺเห ปฺจ อรหนฺตสตานิ สงฺคหํ อาโรปิตนเยเนว คณสชฺฌายมกํสุ. ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ จ เนสํ สชฺฌายารมฺภกาเลเยว สาธุการํ ททมานา วิย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิตฺถ. เต เอเตเนว นเยน เสสปาราชิกานิปิ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทํ ปาราชิกกณฺฑ’’นฺติ เปสุํ. เอวํ เตรส สงฺฆาทิเสสานิ ‘‘เตรสก’’นฺติอาทีนิ วตฺวา วีสาธิกานิ ทฺเว สิกฺขาปทสตานิ ‘‘มหาวิภงฺโค’’ติ กิตฺเตตฺวา เปสุํ. มหาวิภงฺคาวสาเนปิ ปุริมนเยเนว มหาปถวี อกมฺปิตฺถ. ตโต ภิกฺขุนิวิภงฺเค อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ ¶ นามา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตีณิ สิกฺขาปทสตานิ จตฺตาริ จ สิกฺขาปทานิ ‘‘ภิกฺขุนิวิภงฺโค’’ติ กิตฺเตตฺวา ‘‘อยํ อุภโตวิภงฺโค นาม จตุสฏฺิภาณวาโร’’ติ เปสุํ. อุภโตวิภงฺคาวสาเนปิ วุตฺตนเยเนว ปถวี อกมฺปิตฺถ. เอเตเนวุปาเยน อสีติภาณวารปริมาณํ ขนฺธกํ ปฺจวีสติภาณวารปริมาณํ ปริวารฺจ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทํ วินยปิฏกํ นามา’’ติ เปสุํ. วินยปิฏกาวสาเนปิ วุตฺตนเยเนว ปถวีกมฺโป อโหสิ. ตํ อายสฺมนฺตํ อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อิทํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ เอวเมตฺถ อวุตฺโตปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
เอวํ วินยปิฏกํ สงฺคหมาโรเปตฺวา สุตฺตนฺตปิฏกํ สงฺคายึสุ. อิทานิ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วินยํ สงฺคายิตฺวา’’ติอาทิ. มหากสฺสปตฺเถโร อานนฺทตฺเถรํ ธมฺมํ ปุจฺฉีติ เอตฺถ อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ – อานนฺทตฺเถเร ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา ธมฺมาสเน นิสินฺเน อายสฺมา มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู ปุจฺฉิ ‘‘กตรํ, อาวุโส, ปิฏกํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ? ‘‘สุตฺตนฺตปิฏกํ, ภนฺเตติ. สุตฺตนฺตปิฏเก จตสฺโส สงฺคีติโย, ตาสุ ปมํ กตรํ สงฺคีตินฺติ? ทีฆสงฺคีตึ, ภนฺเตติ. ทีฆสงฺคีติยํ จตุตฺตึส สุตฺตานิ, ตโย จ วคฺคา, เตสุ ปมํ กตรํ วคฺคนฺติ. สีลกฺขนฺธวคฺคํ, ภนฺเตติ. สีลกฺขนฺธวคฺเค เตรส สุตฺตนฺตา, เตสุ ปมํ กตรํ สุตฺตนฺติ? พฺรหฺมชาลสุตฺตํ นาม ภนฺเต ติวิธสีลาลงฺกตํ นานาวิธมิจฺฉาชีวกุหนลปนาทิวิทฺธํสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุปกมฺปนํ, ตํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ?
อนฺตรา ¶ จ ภนฺเต ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ เอตฺถ อนฺตรา-สทฺโท การณขณจิตฺตเวมชฺฌวิวราทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย อฺตฺร ตถาคตา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕) จ, ‘‘ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) จ อาทีสุ การเณ อนฺตราสทฺโท วตฺตติ. ‘‘อทฺทส มํ ภนฺเต อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. ‘‘อนฺตรา โวสานมาปาที’’ติอาทีสุ เวมชฺเฌ. ‘‘อปิ จายํ ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร. สฺวายมิธ วิวเร วตฺตติ, ตสฺมา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ วิวเรติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, อนฺตราสทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว ¶ อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ. อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนปฺปสงฺเค อนฺตราสทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. อิธ ปน โยเชตฺวา เอวํ วุตฺโต. ราชาคารเกติ ตตฺถ รฺโ กีฬนตฺถํ ปฏิภานจิตฺตวิจิตฺรํ อคารํ อกํสุ, ตํ ราชาคารกนฺติ ปวุจฺจติ, ตสฺมึ. อมฺพลฏฺิกาติ รฺโ อุยฺยานํ. ตสฺส กิร ทฺวารสมีเป ตรุโณ อมฺพรุกฺโข อตฺถิ, ตํ อมฺพลฏฺิกาติ วทนฺติ. ตสฺส อวิทูรภวตฺตา อุยฺยานมฺปิ อมฺพลฏฺิกาตฺเวว สงฺขฺยํ คตํ ‘‘วรุณานคร’’นฺติอาทีสุ วิย.
สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกนฺติ เอตฺถ สุปฺปิโยติ ตสฺส นามํ, ปริพฺพาชโกติ สฺชยสฺส อนฺเตวาสี ฉนฺนปริพฺพาชโก. พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณวกนฺติ เอตฺถ พฺรหฺมทตฺโตติ ตสฺส นามํ. มาณโวติ สตฺโตปิ โจโรปิ ตรุโณปิ วุจฺจติ. ตถา หิ –
‘‘โจทิตา เทวทูเตหิ, เย ปมชฺชนฺติ มาณวา;
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ, หีนกายูปคา นรา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๑; อ. นิ. ๓.๓๖) –
อาทีสุ สตฺโต มาณโวติ วุตฺโต. ‘‘มาณเวหิปิ สมาคจฺฉนฺติ กตกมฺเมหิปิ อกตกมฺเมหิปี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) โจโร. ‘‘อมฺพฏฺมาณโว องฺคโก มาณโว’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๘-๒๖๑, ๓๑๖) ตรุโณ มาณโวติ วุตฺโต. อิธาปิ อยเมว ¶ อธิปฺเปโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘พฺรหฺมทตฺตํ นาม ตรุณปุริสํ อารพฺภา’’ติ. ชีวกมฺพวเนติ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน. อถ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ อวตฺวา ‘‘เกนสทฺธิ’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ? น เอตํ สุตฺตํ ภควตา เอว วุตฺตํ, รฺาปิ ‘‘ยถา นุ โข อิมานิ ปุถุสิปฺปายตนานี’’ติอาทินา กิฺจิ กิฺจิ วุตฺตํ อตฺถิ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เวเทหิปุตฺเตนาติ อยํ โกสลรฺโ ธีตาย ปุตฺโต, น วิเทหรฺโ, ‘‘เวเทหี’’ติ ปน ปณฺฑิตาธิวจนเมตํ. วิทนฺติ เอเตนาติ เวโท, าณสฺเสตํ อธิวจนํ. เวเทน อีหติ ฆฏติ วายมตีติ เวเทหี, เวเทหิยา ปุตฺโต เวเทหิปุตฺโต, เตน.
เอเตเนวุปาเยน ปฺจ นิกาเย ปุจฺฉีติ เอตฺถ อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ. วุตฺตนเยน พฺรหฺมชาลสฺส ปุจฺฉาวิสชฺชนาวสาเน ปฺจ อรหนฺตสตานิ สชฺฌายมกํสุ. วุตฺตนเยเนว จ ปถวีกมฺโป อโหสิ. เอวํ พฺรหฺมชาลํ สงฺคายิตฺวา ตโต ปรํ ‘‘สามฺผลํ ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา ปุจฺฉาวิสชฺชนานุกฺกเมน สทฺธึ พฺรหฺมชาเลน เตรสสุตฺตนฺตํ สงฺคายิตฺวา ‘‘อยํ ¶ สีลกฺขนฺธวคฺโค นามา’’ติ กิตฺเตตฺวา เปสุํ. ตทนนฺตรํ มหาวคฺคํ, ตทนนฺตรํ ปาถิกวคฺคนฺติ เอวํ ติวคฺคสงฺคหํ จตุตฺตึสสุตฺตนฺตปฏิมณฺฑิตํ จตุสฏฺิภาณวารปริมาณํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘อยํ ทีฆนิกาโย นามา’’ติ วตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ. ตโต อนนฺตรํ อสีติภาณวารปริมาณํ มชฺฌิมนิกายํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส นิสฺสิตเก ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘อิมํ ตุมฺเห ปริหรถา’’ติ. ตทนนฺตรํ ภาณวารสตปริมาณํ สํยุตฺตนิกายํ สงฺคายิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘ภนฺเต, อิมํ ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วาเจถา’’ติ. ตทนนฺตรํ วีสติภาณวารสตปอมาณํ องฺคุตฺตรนิกายํ สงฺคายิตฺวา อนุรุทฺธตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘อิมํ ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วาเจถา’’ติ.
ตทนนฺตรํ –
‘‘ธมฺมสงฺคณึ วิภงฺคฺจ, กถาวตฺถฺุจ ปุคฺคลํ;
ธาตุยมกํ ปฏฺานํ, อภิธมฺโมติ วุจฺจตี’’ติ. –
เอวํ ¶ สํวณฺณิตํ สุขุมาณโคจรํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นามา’’ติ วตฺวา ปฺจ อรหนฺตสตานิ สชฺฌายมกํสุ. วุตฺตนเยเนว ปถวีกมฺโป อโหสิ. ตโต ปรํ ชาตกํ มหานิทฺเทโส ปฏิสมฺภิทามคฺโค อปทานํ สุตฺตนิปาโต ขุทฺทกปาโ ธมฺมปทํ อุทานํ อิติวุตฺตกํ วิมานวตฺถุ เปตวตฺถุ เถรคาถา เถรีคาถาติ อิมํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘ขุทฺทกคนฺโถ นาม อย’’นฺติ จ วตฺวา อภิธมฺมปิฏกสฺมึเยว สงฺคหํ อาโรปยึสูติ ทีฆภาณกา วทนฺติ. มชฺฌิมภาณกา ปน ‘‘จริยาปิฏกพุทฺธวํเสหิ สทฺธึ สพฺพมฺปิ ตํ ขุทฺทกคนฺถํ สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยาปนฺน’’นฺติ วทนฺติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ชาตกาทิเก ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺเน เยภุยฺเยน จ ธมฺมนิทฺเทสภูเต ตาทิเส อภิธมฺมปิฏเก สงฺคณฺหิตุํ ยุตฺตํ, น ปน ทีฆนิกายาทิปฺปกาเร สุตฺตนฺตปิฏเก, นาปิ ปฺตฺตินิทฺเทสภูเต วินยปิฏเกติ. ทีฆภาณกา ‘‘ชาตกาทีนํ อภิธมฺมปิฏเก สงฺคโห’’ติ วทนฺติ. จริยาปิฏกพุทฺธวํสานฺเจตฺถ อคฺคหณํ ชาตกคติกตฺตา. มชฺฌิมภาณกา ปน อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสิตานํ ชาตกาทีนํ ยถานุโลมเทสนาภาวโต ตาทิเส สุตฺตนฺตปิฏเก สงฺคโห ยุตฺโต, น ปน สภาวธมฺมนิทฺเทสภูเต ยถาธมฺมสาสเน อภิธมฺมปิฏเกติ ชาตกาทีนํ สุตฺตปริยาปนฺนตํ วทนฺติ. ตตฺถ ยุตฺตํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ขุทฺทกนิกายสฺส เสสนิกายานํ วิย อปากฏตฺตา เสเส เปตฺวา ขุทฺทกนิกายํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ขุทฺทกนิกาโย นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถาติ เตสุ นิกาเยสุ. ตตฺถาติ ขุทฺทกนิกาเย.
เอวํ ¶ นิมิตฺตปโยชนกาลเทสการกกรณปฺปกาเรหิ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ววตฺถาปิเตสุ ธมฺมวินเยสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ เอกวิธาทิเภเท ทสฺเสตุํ ‘‘ตเทตํ สพฺพมฺปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ เอตฺถ อนาวรณาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจเวกฺขนฺเตน วาติ อุทานาทิวเสน ปวตฺตธมฺมํ สนฺธายาห. วิมุตฺติรสนฺติ อรหตฺตผลสฺสาทํ วิมุตฺติสมฺปตฺติกํ วา อคฺคผลนิปฺผาทนโต, วิมุตฺติกิจฺจํ วา กิเลสานํ อจฺจนฺตวิมุตฺติสมฺปาทนโต.
กิฺจาปิ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ กิเลสวินยเนน วินโย, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายปตนาทิโต ธารเณน ธมฺโม จ โหติ ¶ , อิธาธิปฺเปเต ปน ธมฺมวินเย นิทฺธาเรตุํ ‘‘ตตฺถ วินยปิฏก’’นฺติอาทิมาห. ขนฺธาทิวเสน สภาวธมฺมเทสนาพาหุลฺลโต อาห ‘‘อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม’’ติ. อถ วา ยทิปิ ธมฺโมเยว วินโย ปริยตฺติอาทิภาวโต, ตถาปิ วินยสทฺทสนฺนิธาโน อภินฺนาธิกรณภาเวน ปยุตฺโต ธมฺมสทฺโท วินยตนฺติวิปรีตํ ตนฺตึ ทีเปติ ยถา ‘‘ปฺุาณสมฺภาโร, โคพลีพทฺท’’นฺติอาทิ.
อเนกชาติสํสารนฺติ อยํ คาถา ภควตา อตฺตโน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ อรหตฺตปฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขนฺเตน เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อนนฺตรํ ภาสิตา. เตนาห ‘‘อิทํ ปมพุทฺธวจน’’นฺติ. อิทํ กิร สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตอุทานํ. อยมสฺส สงฺเขปตฺโถ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๕๔) – อหํ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน ตํ ทฏฺุํ สกฺกา, ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ อนิพฺพิสนฺโต ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ.
ทิฏฺโสีติ อิทานิ มยา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน ทิฏฺโ อสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ น กริสฺสสิ. ตว สพฺพา อนวเสสา กิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวเคหสฺส กูฏํ อวิชฺชาสงฺขาตํ กณฺณิกมณฺฑลํ วิสงฺขตํ วิทฺธํสิตํ. วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ อิทานิ มม จิตฺตํ, อหฺจ ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ อรหตฺตผลํ วา อชฺฌคา อธิคโต ปตฺโตสฺมีติ อตฺโถ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘วิสงฺขารคตนฺติ จิตฺตเมว ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ ¶ อรหตฺตผลํ วา อชฺฌคา อธิคโต ปตฺโต’’ติ เอวมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต. อยํ มนสา ปวตฺติตธมฺมานํ อาทิ. ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมาติ อยํ ปน วาจาย ปวตฺติตธมฺมานํ อาที’’ติ วทนฺติ. อนฺโตชปฺปนวเสน กิร ภควา ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิมาห.
เกจีติ ¶ ขนฺธกภาณกา. ปมํ วุตฺโต ปน ธมฺมปทภาณกานํ อธิปฺปาโยติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ขนฺธกภาณกา วทนฺติ ‘‘ธมฺมปทภาณกานํ คาถา มนสา เทสิตตฺตา ตทา มหโต ชนสฺส อุปการาย น โหติ, อมฺหากํ ปน คาถา วจีเภทํ กตฺวา เทสิตตฺตา ตทา สุณนฺตานํ เทวพฺรหฺมานํ อุปการาย อโหสิ, ตสฺมา อิทเมว ปมพุทฺธวจน’’นฺติ. ธมฺมปทภาณกา ปน ‘‘เทสนาย ชนสฺส อุปการานุปการภาโว ลกฺขณํ น โหติ, ภควตา มนสา เทสิตตฺตาเยว อิทํ ปมพุทฺธวจน’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺมา อุภยมฺปิ อฺมฺํ วิรุทฺธํ น โหตีติ เวทิตพฺพํ. นนุ จ ยทิ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ มนสา เทสิตํ, อถ กสฺมา ธมฺมปทอฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๕๓-๑๕๔) ‘‘อเนกชาติสํสารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน อุทานวเสน อุทาเนตฺวา อปรภาเค อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ กเถสี’’ติ วุตฺตนฺติ? ตตฺถาปิ มนสา อุทาเนตฺวาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อถ วา มนสาว เทสิตนฺติ เอวํ คหเณ กึ การณนฺติ เจ? ยทิ วจีเภทํ กตฺวา เทสิตํ สิยา, อุทานปาฬิยํ อารุฬฺหํ ภเวยฺย, ตสฺมา อุทานปาฬิยํ อนารุฬฺหภาโวเยว วจีเภทํ อกตฺวา มนสา เทสิตภาเว การณนฺติ วทนฺติ.
ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมาติ เอตฺถ อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส, อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา. ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติ อาทิคาถาตฺตยํ สงฺคณฺหาติ. อุทานคาถนฺติ ปน ชาติยา เอกวจนํ, ตตฺถาปิ ปมคาถํเยว วา คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ ปน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ขนฺธเก อาวิ ภวิสฺสติ. ปาฏิปททิวเสติ อิทํ ‘‘สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺสา’’ติ น เอเตน สมฺพนฺธิตพฺพํ, ‘‘ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน ปน สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิสาขปุณฺณมายเมว หิ ภควา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ. โสมนสฺสมยาเณนาติ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาเณน. อามนฺตยามีติ นิเวทยามิ, โพเธมีติ อตฺโถ. วยธมฺมาติ อนิจฺจลกฺขณมุเขน ทุกฺขานตฺตลกฺขณมฺปิ สงฺขารานํ วิภาเวติ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต. ลกฺขณตฺตยวิภาวนนเยเนว ตทารมฺมณํ วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ พุทฺธาเวณิกํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานาธิฏฺานํ อวิปรีตํ นิพฺพานคามินึ ปฏิปทํ ปกาเสตีติ ทฏฺพฺพํ ¶ . อิทานิ ¶ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชติ ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ. อถ วา ‘‘วยธมฺมา สงฺขารา’’ติ เอเตน สงฺเขเปน สํเวเชตฺวา ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ สงฺเขเปเนว นิรวเสสํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. อปฺปมาทปทฺหิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ เกวลปริปุณฺณํ สาสนํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺตีติ. อนฺตเรติ อนฺตราเฬ, เวมชฺเฌติ อตฺโถ.
สุตฺตนฺตปิฏกนฺติ เอตฺถ ยถา กมฺมเมว กมฺมนฺตํ, เอวํ สุตฺตเมว สุตฺตนฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อสงฺคีตนฺติ สงฺคีติกฺขนฺธกกถาวตฺถุปฺปกรณาทิ. เกจิ ปน ‘‘สุภสุตฺตมฺปิ ปมสงฺคีติยํ อสงฺคีต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. ‘‘ปมสงฺคีติโต ปุเรตรเมว หิ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน เชตวเน วิหรนฺเตน สุภสฺส มาณวสฺส เทสิต’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุภสุตฺตํ ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม อจิรปรินิพฺพุเต ภควตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๔) อาคตํ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิวจนํ ปมสงฺคีติยํ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรเนว วตฺตุํ ยุตฺตรูปํ น โหติ. น หิ อานนฺทตฺเถโร สยเมว สุภสุตฺตํ เทเสตฺวา ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทีนิ วทติ. เอวํ ปน วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ สาวตฺถิยํ วิหรามิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ, ตสฺมา ทุติยตติยสงฺคีติการเกหิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา สุภสุตฺตํ สงฺคีติมาโรปิตํ วิย ทิสฺสติ. อถ อาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส เอวมธิปฺปาโย สิยา ‘‘อานนฺทตฺเถเรเนว วุตฺตมฺปิ สุภสุตฺตํ ปมสงฺคีตึ อาโรเปตฺวา ตนฺตึ เปตุกาเมหิ มหากสฺสปตฺเถราทีหิ อฺเสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยเนว ‘เอวํ เม สุต’นฺติอาทินา ตนฺติ ปิตา’’ติ, เอวํ สติ ยุชฺเชยฺย. อถ วา อายสฺมา อานนฺทตฺเถโร สุภสุตฺตํ สยํ เทเสนฺโตปิ สามฺผลาทีสุ ภควตา เทสิตนเยเนว เทเสสีติ ภควโต สมฺมุขา ลทฺธนเย ตฺวา เทสิตตฺตา ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ อตฺตนิ อทหนฺโต ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิมาหาติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
อุภยานิ ปาติโมกฺขานีติ ภิกฺขุภิกฺขุนีปาติโมกฺขวเสน. ทฺเว วิภงฺคานีติ ภิกฺขุภิกฺขุนีวิภงฺควเสเนว ทฺเว วิภงฺคานิ. ทฺวาวีสติ ขนฺธกานีติ มหาวคฺคจูฬวคฺเคสุ อาคตานิ ทฺวาวีสติ ขนฺธกานิ. โสฬสปริวาราติ โสฬสหิ ¶ ปริวาเรหิ อุปลกฺขิตตฺตา โสฬสปริวาราติ วุตฺตํ. ตถา หิ ปริวารปาฬิยํ ‘‘ยํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปมํ ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติอาทินา (ปริ. ๑) ปฺตฺติวาโร, ตโต ปรํ ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต กติ อาปตฺติโย อาปชฺชตี’’ติอาทินา (ปริ. ๑๕๗) กตาปตฺติวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ¶ ภชนฺตี’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๒) วิปตฺติวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ กติหิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ สงฺคหิตา’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๓) สงฺคหวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฏฺานานํ กติหิ สมุฏฺาเนหิ สมุฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ปริ. ๑๘๔) สมุฏฺานวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย จตุนฺนํ อธิกรณานํ กตมํ อธิกรณ’’นฺติอาทินา (ปริ. ๑๘๕) อธิกรณวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺตี’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๖) สมถวาโร, ตทนนฺตรํ สมุจฺจยวาโร จาติ อฏฺ วารา วุตฺตา. ตโต ปรํ ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนปจฺจยา ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติอาทินา (ปริ. ๑๘๘) นเยน ปุน ปจฺจยวเสน เอโก ปฺตฺติวาโร, ตสฺส วเสน ปุริมสทิสา เอว กตาปตฺติวาราทโย สตฺต วาราติ เอวํ อปเรปิ อฏฺ วารา วุตฺตา. อิติ อิมานิ อฏฺ, ปุริมานิปิ อฏฺาติ มหาวิภงฺเค โสฬส วารา ทสฺสิตา. ตโต ปรํ เตเนว นเยน ภิกฺขุนิวิภงฺเคปิ โสฬส วารา อาคตาติ อิเมหิ โสฬสหิ วาเรหิ อุปลกฺขิตตฺตา โสฬสปริวาราติ วุจฺจติ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ปริวาโร’’ติ เอตฺตกเมว ทิสฺสติ, พหูสุ ปน โปตฺถเกสุ ทีฆนิกายฏฺกถายํ อภิธมฺมฏฺกถายฺจ ‘‘โสฬสปริวารา’’ติ เอวเมว วุตฺตตฺตา อยมฺปิ ปาโ น สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ ตสฺเสวตฺโถ วุตฺโต.
พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโหติ พฺรหฺมชาลสุตฺตาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ สงฺคยฺหนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห. วุตฺตปฺปมาณานํ วา สุตฺตานํ สงฺคโห เอตสฺสาติ พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโหติ. เอวํ เสเสสุปิ เวทิตพฺพํ.
วิวิธวิเสสนยตฺตาติ ¶ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘วิวิธา หี’’ติอาทิ. ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ ยถากฺกมํ โลกวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ ทฬฺหีกมฺมปฺปโยชนา, ปณฺณตฺติวชฺเชสุ สิถิลกรณปฺปโยชนาติ เวทิตพฺพํ. อชฺฌาจารนิเสธนโตติ สฺมเวลํ อติภวิตฺวา ปวตฺโต อาจาโร อชฺฌาจาโร, วีติกฺกโม, ตสฺส นิเสธนโตติ อตฺโถ. เตนาติ วิวิธนยตฺตาทิเหตุนา. เอตนฺติ ‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา’’ติอาทิคาถาวจนํ. เอตสฺสาติ วินยสฺส. อิตรํ ปนาติ สุตฺตํ.
อิทานิ อตฺถานํ สูจนโตติอาทิคาถาย อตฺถํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเทติ โย ตํ สุตฺตํ สชฺฌายติ สุณาติ วาเจติ จินฺเตติ เทเสติ จ, สุตฺเตน สงฺคหิโต สีลาทิอตฺโถ ตสฺสปิ โหติ, เตน ปรสฺส สาเธตพฺพโต ปรสฺสปิ โหตีติ ตทุภยํ ตํ ¶ สุตฺตํ สูเจติ ทีเปติ. ตถา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถ โลกิยโลกุตฺตรตฺเถ จาติ เอวมาทิเภเท อตฺเถ อาทิสทฺเทน สงฺคณฺหาติ. อตฺถสทฺโท จายํ หิตปริยายวจโน, น ภาสิตตฺถวจโน. ยทิ สิยา, สุตฺตํ อตฺตโนปิ ภาสิตตฺถํ สูเจติ ปรสฺสปีติ อยมตฺโถ วุตฺโต สิยา, สุตฺเตน จ โย อตฺโถ ปกาสิโต, โส ตสฺเสว โหติ, น เตน ปรตฺโถ สูจิโต โหตีติ. เตน สูเจตพฺพสฺส ปรตฺถสฺส นิวตฺเตตพฺพสฺส อภาวา อตฺตคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ. อตฺตตฺถปรตฺถวินิมุตฺตสฺส ภาสิตตฺถสฺส อภาวา อาทิคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตสฺส หิตปริยายสฺส อตฺถสฺส สุตฺเต อสมฺภวโต สุตฺตาธารสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อตฺตตฺถปรตฺถา วุตฺตา.
อถ วา สุตฺตํ อนเปกฺขิตฺวา เย อตฺตตฺถาทโย อตฺถปฺปเภทา ‘‘น หฺทตฺถตฺถิ ปสํสลาภา’’ติ เอตสฺส ปทสฺส นิทฺเทเส (มหานิ. ๖๓) วุตฺตา อตฺตตฺโถ, ปรตฺโถ, อุภยตฺโถ, ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ, สมฺปรายิโก อตฺโถ, อุตฺตาโน อตฺโถ, คมฺภีโร อตฺโถ, คุฬฺโห อตฺโถ, ปฏิจฺฉนฺโน อตฺโถ, เนยฺโย อตฺโถ, นีโต อตฺโถ, อนวชฺโช อตฺโถ, นิกฺกิเลโส อตฺโถ, โวทาโน อตฺโถ, ปรมตฺโถติ, เต อตฺเถ สุตฺตํ สูเจตีติ อตฺโถ ¶ คเหตพฺโพ. ตถา หิ กิฺจาปิ สุตฺตนิรเปกฺขํ อตฺตตฺถาทโย วุตฺตา สุตฺตตฺถภาเวน อนิทฺทิฏฺตฺตา, เตสุ ปน เอโกปิ อตฺถปฺปเภโท สุตฺเตน ทีเปตพฺพตํ นาติกฺกมติ, ตสฺมา เต อตฺเถ สุตฺตํ สูเจตีติ วุจฺจติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป อตฺถ-สทฺโทยํ ภาสิตตฺถปริยาโยปิ โหติ. เอตฺถ หิ ปุริมกา ปฺจ อตฺถปฺปเภทา หิตปริยายา, ตโต ปเร ฉ ภาสิตตฺถเภทา, ปจฺฉิมกา ปน อุภยสภาวา. ตตฺถ ทุรธิคมตาย วิภาวเน อคาธภาโว คมฺภีโร, น วิวโฏ คุฬฺโห, มูลุทกาทโย วิย ปํสุนา อกฺขรสนฺนิเวสาทินา ติโรหิโต ปฏิจฺฉนฺโน. นิทฺธาเรตฺวา าเปตพฺโพ เนยฺโย, ยถารุตวเสน เวทิตพฺโพ นีโต. อนวชฺชนิกฺกิเลสโวทานา ปริยายวเสน วุตฺตา, กุสลวิปากกิริยธมฺมวเสน วา. ปรมตฺโถ นิพฺพานํ, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว เอว วา.
อถ วา อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหตีติ อตฺตตฺถํ, อปฺปิจฺฉากถฺจ ปเรสํ กตฺตา โหตีติ ปรตฺถํ สูเจติ. เอวํ ‘‘อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๔.๙๙) สุตฺตานิ โยเชตพฺพานิ. วินยาภิธมฺเมหิ จ วิเสเสตฺวา สุตฺตสทฺทสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ, ตสฺมา เวเนยฺยชฺฌาสยวสปฺปวตฺตาย เทสนาย อตฺตหิตปรหิตาทีนิ สาติสยํ ปกาสิตานิ โหนฺติ ตปฺปธานภาวโต, น อาณาธมฺมสภาววสปฺปวตฺตายาติ อิทเมว อตฺถานํ สูจนโต สุตฺตนฺติ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺน’’นฺติ (ปาจิ. ๖๕๕) จ ‘‘สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) จ เอวมาทีสุ สุตฺตสทฺโท อุปจริโตติ คเหตพฺโพ.
สุตฺเตสุ ¶ อาณาธมฺมสภาวา จ เวเนยฺยชฺฌาสยํ อนุวตฺตนฺติ, น วินยาภิธมฺเมสุ วิย เวเนยฺยชฺฌาสโย อาณาธมฺมสภาเว, ตสฺมา เวเนยฺยานํ เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนา โหตีติ ‘‘สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนา’’ติ อิทมฺปิ เวเนยฺยานํ หิตสมฺปาปเน สุตฺตนฺตเทสนาย ตปฺปรภาวํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. ตปฺปรภาโว จ เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลมโต ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา’’ติ ¶ . วินยเทสนํ วิย อิสฺสรภาวโต อาณาปติฏฺาปนวเสน อเทเสตฺวา เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุโลเมน จริยานุรูปํ วุตฺตตฺตา เทสิตตฺตาติ อตฺโถ.
อนุปุพฺพสิกฺขาทิวเสน กาลนฺตเร อภินิปฺผตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สสฺสมิว ผล’’นฺติ. ปสวตีติ ผลติ, นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. อุปายสมงฺคีนํเยว นิปฺผชฺชนภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เธนุ วิย ขีร’’นฺติ อาห. เธนุโตปิ หิ อุปายวนฺตานํเยว ขีรปฏิลาโภ โหติ. อนุปาเยน หิ อกาเล อชาตวจฺฉํ เธนุํ โทหนฺโต กาเลปิ วา วิสาณํ คเหตฺวา โทหนฺโต เนว ขีรํ ปฏิลภติ. ‘‘สุตฺตาณา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘สุฏฺุ จ เน ตายตี’’ติ วุตฺตํ.
สุตฺตสภาคนฺติ สุตฺตสทิสํ. สุตฺตสภาคตํเยว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. ตจฺฉกานํ สุตฺตนฺติ วฑฺฒกีนํ กาฬสุตฺตํ. ปมาณํ โหตีติ ตทนุสาเรน ตจฺฉนโต. เอวเมตมฺปิ วิฺูนนฺติ ยถา กาฬสุตฺตํ ปสาเรตฺวา สฺาเณ กเต คเหตพฺพํ วิสฺสชฺเชตพฺพฺจ ปฺายติ, เอวํ วิวาเทสุ อุปฺปนฺเนสุ สุตฺเต อานีตมตฺเต ‘‘อิทํ คเหตพฺพํ, อิทํ วิสฺสชฺเชตพฺพ’’นฺติ วิฺูนํ ปากฏตฺตา วิวาโท วูปสมฺมตีติ เอตมฺปิ สุตฺตํ วิฺูนํ ปมาณํ โหตีติ อตฺโถ. อิทานิ อฺถาปิ สุตฺตสภาคตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ. สุตฺตํ วิย ปมาณตฺตา สงฺคาหกตฺตา จ สุตฺตมิว สุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ อตฺตตฺถาทิวิธาเน สุตฺตสฺส ปมาณภาโว อตฺตตฺถาทีนํเยว จ สงฺคาหกตฺตํ โยเชตพฺพํ ตทตฺถปฺปกาสนปธานตฺตา สุตฺตสฺส. วินยาภิธมฺเมหิ วิเสสตฺตฺจ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. เอตนฺติ ‘‘อตฺถานํ สูจนโต’’ติอาทิกํ อตฺถวจนํ. เอตสฺสาติ สุตฺตสฺส.
ยนฺติ ยสฺมา. เอตฺถาติ อภิธมฺเม. อภิกฺกมนฺตีติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท กมนกิริยาย วุฑฺฒิภาวํ อติเรกตํ ทีเปตีติ อาห ‘‘อภิกฺกมนฺตีติอาทีสุ วุฑฺฒิยํ อาคโต’’ติ. อภิฺาตาติ อฑฺฒจนฺทาทินา เกนจิ สฺาเณน าตา ปฺาตา ปากฏาติ อตฺโถ. อฑฺฒจนฺทาทิภาโว หิ รตฺติยา อุปลกฺขณวเสน สฺาณํ โหติ, ยสฺมา อฑฺโฒ จนฺโท, ตสฺมา อฏฺมี, ยสฺมา อูโน, ตสฺมา จาตุทฺทสี, ยสฺมา ปุณฺโณ, ตสฺมา ¶ ปนฺนรสีติ. อภิลกฺขิตาติ เอตฺถาปิ ¶ อยเมวตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภิลกฺขิตสทฺทปริยาโย อภิฺาตสทฺโทติ อาห ‘‘อภิฺาตา อภิลกฺขิตาติอาทีสุ ลกฺขเณ’’ติ. เอตฺถ จ วาจกสทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน นิปาตานํ ตทตฺถโชตกมตฺตตฺตา ลกฺขิตสทฺทตฺถโชตโก อภิสทฺโท ลกฺขเณ วตฺตตีติ วุตฺโต. ราชาภิราชาติ ราชูหิ ปูเชตุํ อรโห ราชา. ปูชิเตติ ปูชารเห.
อภิธมฺเมติ ‘‘สุปินนฺเตน สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อนาปตฺติภาเวปิ อกุสลเจตนา อุปลพฺภตี’’ติอาทินา วินยปฺตฺติยา สงฺกรวิรหิเต ธมฺเม. ‘‘ปุพฺพาปรวิโรธาภาวโต ธมฺมานํเยว จ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘ปาณาติปาโต อกุสล’’นฺติ เอวมาทีสุ จ มรณาธิปฺปายสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา อกุสลํ, น ปาณสงฺขาตชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทสงฺขาโต อติปาโต, ตถา อทินฺนสฺส ปรสนฺตกสฺส อาทานสงฺขาตา วิฺตฺติ อพฺยากโต ธมฺโม, ตํวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อกุสโล ธมฺโมติ เอวมาทินาปิ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเมติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภิวินเยติ เอตฺถ ‘‘ชาตรูปรชตํ น ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺโต วินเย วิเนติ นาม. เอตฺถ ‘‘เอวํ ปฏิคฺคณฺหโต ปาจิตฺติยํ, เอวํ ทุกฺกฏนฺติ วทนฺโต จ อภิวินเย วิเนติ นามา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมา ชาตรูปรชตํ เถยฺยจิตฺเตน ปรสนฺตกํ คณฺหนฺตสฺส ยถาวตฺถุ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกเฏสุ อฺตรํ, ภณฺฑาคาริกสีเสน คณฺหนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, อตฺตตฺถาย คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. เกวลํ โลลตาย คณฺหนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏํ, รูปิยฉฑฺฑกสฺส สมฺมตสฺส อนาปตฺตีติ เอวํ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต วินเย ปฏิพโล วิเนตุนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภิกฺกนฺเตนาติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ อภิสทฺโท ทีเปตีติ อาห ‘‘อธิเก’’ติ.
นนุ จ ‘‘อภิกฺกมนฺตี’’ติ เอตฺถ อภิสทฺโท กมนกิริยาย วุฑฺฒิภาวํ อติเรกตํ ทีเปติ, ‘‘อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติ เอตฺถ าณลกฺขณกิริยานํ สุปากฏตฺตา วิเสสํ, ‘‘อภิกฺกนฺเตนา’’ติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ วิสิฏฺตํ ทีเปตีติ อิทํ ตาว ยุตฺตํ กิริยาวิเสสกตฺตา อุปสคฺคสฺส, ‘‘อภิราชา อภิวินโย’’ติ ปน ปูชิตปริจฺฉินฺเนสุ ราชวินเยสุ อภิสทฺโท วตฺตตีติ กถเมตํ ยุชฺเชยฺยาติ เจ? อิธาปิ นตฺถิ ¶ โทโส ปูชนปริจฺเฉทนกิริยาทีปนโต, ตาหิ จ กิริยาหิ ราชวินยานํ ยุตฺตตฺตา, ตสฺมา เอตฺถ อติมาลาทีสุ อติสทฺโท วิย อภิสทฺโท สห สาธเนน กิริยํ วทตีติ อภิราชอภิวินยสทฺทา สิทฺธา, เอวํ อภิธมฺมสทฺเท อภิสทฺโท สห สาธเนน วุฑฺฒิยาทิกิริยํ ทีเปตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ ¶ จาติ อภิธมฺเม. ภาเวตีติ จิตฺตสฺส วฑฺฒนํ วุตฺตํ. ผริตฺวาติ อารมฺมณสฺส วฑฺฒนํ วุตฺตํ. วุฑฺฒิมนฺโตติ ภาวนาผรณวุฑฺฒีหิ วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตาติ อตฺโถ. อารมฺมณาทีหีติ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺมทฺวารปฏิปทาทีหิ. ลกฺขณียตฺตาติ สฺชานิตพฺพตฺตา. เอกนฺตโต โลกุตฺตรธมฺมานํเยว ปูชารหตฺตา ‘‘เสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทินา โลกุตฺตราเยว ปูชิตาติ ทสฺสิตา. สภาวปริจฺฉินฺนตฺตาติ ผุสนาทิสภาเวน ปริจฺฉินฺนตฺตา. อธิกาปิ ธมฺมา วุตฺตาติ เอตฺถ กามาวจเรหิ มหนฺตภาวโต มหคฺคตา ธมฺมาปิ อธิกา นาม โหนฺตีติ เตหิ สทฺธึ อธิกา ธมฺมา วุตฺตา.
ยํ ปเนตฺถ อวิสิฏฺนฺติ เอตฺถ วินยาทีสุ ตีสุ อฺมฺวิสิฏฺเสุ ยํ อวิสิฏฺํ สมานํ, ตํ ปิฏกสทฺทนฺติ อตฺโถ. วินยาทโย หิ ตโย สทฺทา อฺมฺํ อสาธารณตฺตา วิสิฏฺา นาม, ปิฏกสทฺโท ปน เตหิ ตีหิปิ สาธารณตฺตา อวิสิฏฺโติ วุจฺจติ. มา ปิฏกสมฺปทาเนนาติ ปาฬิสมฺปทานวเสน มา คณฺหถาติ วุตฺตํ โหติ. กุทาลฺจ ปิฏกฺจ กุทาลปิฏกํ. ตตฺถ กุ วุจฺจติ ปถวี, ตสฺสา ทาลนโต วิทาลนโต อโยมโย อุปกรณวิเสโส กุทาลํ นาม, ตาลปณฺณเวตฺตลตาทีหิ กโต ภาชนวิเสโส ปิฏกํ นาม, ตํ อาทาย คเหตฺวาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺเตนาติ ‘‘เอวํ ทุวิธตฺเถนา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน.
เทสนาสาสนกถาเภทนฺติ เอตฺถ กเถตพฺพานํ อตฺถานํ เทสกายตฺเตน อาณาทิวิธินา อภิสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทินา สาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ วินยนํ สาสนํ ¶ . กเถตพฺพสฺส สํวราสํวราทิโน อตฺถสฺส กถนํ วจนปฏิพทฺธตากรณํ กถาติ วุจฺจติ. ตสฺมา เทสิตารํ ภควนฺตมเปกฺขิตฺวา เทสนา, สาสิตพฺพปุคฺคลวเสน สาสนํ, กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส วเสน กถาติ เอวเมตฺถ เทสนาทีนํ นานากรณํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เทสนาทโย เทเสตพฺพาทินิรเปกฺขา น โหนฺติ, อาณาทโย ปน วิเสสโต เทสกาทิอธีนาติ ตํตํวิเสสโยควเสน เทสนาทีนํ เภโท วุตฺโต. ตถา หิ อาณาวิธานํ วิเสสโต อาณารหาธีนํ ตตฺถ โกสลฺลโยคโต. เอวํ โวหารปรมตฺถวิธานานิ จ วิธายกาธีนานีติ อาณาทิวิธิโน เทสกายตฺตตา วุตฺตา. อปราธชฺฌาสยานุรูปํ วิย ธมฺมานุรูปมฺปิ สาสนํ วิเสสโต, ตถา วิเนตพฺพปุคฺคลาเปกฺขนฺติ สาสิตพฺพปุคฺคลวเสน สาสนํ วุตฺตํ. สํวราสํวรนามรูปานํ วิย วินิเวเตพฺพาย ทิฏฺิยาปิ กถนํ สติ วาจาวตฺถุสฺมึ นาสตีติ วิเสสโต ตทธีนนฺติ กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส วเสน กถา วุตฺตา. เภทสทฺโท วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺโพ ‘‘เทสนาเภทํ สาสนเภทํ กถาเภทฺจ ยถารหํ ปริทีปเย’’ติ. เภทนฺติ จ นานตฺตนฺติ อตฺโถ. เตสุ ปิฏเกสุ สิกฺขา จ ปหานานิ จ คมฺภีรภาโว ¶ จ สิกฺขาปหานคมฺภีรภาวํ, ตฺจ ยถารหํ ปริทีปเยติ อตฺโถ. ปริยตฺติเภทฺจ วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ.
ปริยตฺติเภทนฺติ จ ปริยาปุณนเภทนฺติ อตฺโถ. ยหินฺติ ยสฺมึ วินยาทิเก ปิฏเก. ยํ สมฺปตฺติฺจ วิปตฺติฺจ ยถา ปาปุณาติ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ. อถ วา ยํ ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺติฺจ วิปตฺติฺจาปิ ยหึ ยถา ปาปุณาติ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถ ยถาติ เยหิ อุปารมฺภาทิเหตุปริยาปุณนาทิปฺปกาเรหิ อุปารมฺภนิสฺสรณธมฺมโกสกรกฺขณเหตุปริยาปุณนํ สุปฺปฏิปตฺติ ทุปฺปฏิปตฺตีติ เอเตหิ ปกาเรหีติ วุตฺตํ โหติ.
ปริทีปนา วิภาวนา จาติ เหฏฺา วุตฺตสฺส อนุรูปโต วุตฺตํ, อตฺถโต ปน เอกเมว. อาณารเหนาติ อาณํ เปตุํ อรหตีติ อาณารโห, ภควา. โส หิ สมฺมาสมฺพุทฺธตาย มหาการุณิกตาย จ อวิปรีตหิโตปเทสกภาเวน ปมาณวจนตฺตา อาณํ ปเณตุํ อรหติ, โวหารปรมตฺถานมฺปิ สมฺภวโต อาห ‘‘อาณาพาหุลฺลโต’’ติ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย.
ปมนฺติ ¶ วินยปิฏกํ. ปจุราปราธา เสยฺยสกตฺเถราทโย. เต หิ โทสพาหุลฺลโต ‘‘ปจุราปราธา’’ติ วุตฺตา. ปจุโร พหุโก พหุโล อปราโธ โทโส วีติกฺกโม เยสํ เต ปจุราปราธา. อเนกชฺฌาสยาติอาทีสุ อาสโยว อชฺฌาสโย. โส จ อตฺถโต ทิฏฺิ าณฺจ, ปเภทโต ปน จตุพฺพิธํ โหติ. ตถา หิ ปุพฺพจริยวเสน อายตึ สติ ปจฺจเย อุปฺปชฺชมานารหา สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตา มิจฺฉาทิฏฺิ สจฺจานุโลมิกาณกมฺมสฺสกตฺาณสงฺขาตา สมฺมาทิฏฺิ จ ‘‘อาสโย’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสฺิต’’นฺติ.
อิทฺจ จตุพฺพิธํ อาสยนฺติ เอตฺถ สตฺตา นิวสนฺตีติ อาสโยติ วุจฺจติ. อนุสยา กามราคภวราคทิฏฺิปฏิฆวิจิกิจฺฉามานาวิชฺชาวเสน สตฺต. มูสิกวิสํ วิย การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหา อนาคตา กิเลสา, อตีตา ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตเถว วุจฺจนฺติ. น หิ กาลเภเทน ธมฺมานํ สภาวเภโท อตฺถีติ. จริยาติ ราคจริยาทิกา ฉ มูลจริยา, อนฺตรเภเทน อเนกวิธา, สํสคฺควเสน ปน เตสฏฺิ โหนฺติ. อถ วา จริยาติ จริตํ, ตํ สุจริตทุจฺจริตวเสน ทุวิธํ. ‘‘อธิมุตฺติ นาม ‘อชฺเชว ปพฺพชิสฺสามิ, อชฺเชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติอาทินา ¶ ตนฺนินฺนภาเวน ปวตฺตมานํ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘สตฺตานํ ปุพฺพจริยวเสน อภิรุจี’’ติ วุตฺตํ. สา ทุวิธา หีนปณีตเภเทน. ยถานุโลมนฺติ อชฺฌาสยาทีนํ อนุรูปํ. อหํ มมาติ สฺิโนติ ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน อหํ มมาติ เอวํ ปวตฺตสฺิโน. ยถาธมฺมนฺติ นตฺเถตฺถ อตฺตา อตฺตนิยํ วา, เกวลํ ธมฺมมตฺตเมตนฺติ เอวํ ธมฺมสภาวานุรูปนฺติ อตฺโถ.
สํวราสํวโรติ เอตฺถ สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. มหนฺโต สํวโร อสํวโร. วุฑฺฒิอตฺโถ หิ อยํ อ-กาโร ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ, ตสฺมา ขุทฺทโก มหนฺโต จ สํวโรติ อตฺโถ. ทิฏฺิวินิเวนาติ ทิฏฺิยา วิโมจนํ. อธิสีลสิกฺขาทีนํ วิภาโค ปรโต ปมปาราชิกสํวณฺณนาย อาวิ ภวิสฺสติ. สุตฺตนฺตปาฬิยํ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา ¶ สมาธิเทสนาพาหุลฺลโต ‘‘สุตฺตนฺตปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา’’ติ วุตฺตํ. วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานนฺติ สํกิเลสธมฺมานํ กมฺมกิเลสานํ วา โย กายวจีทฺวาเรหิ วีติกฺกโม, ตสฺส ปหานํ. อนุสยวเสน สนฺตาเน อนุวตฺตนฺตา กิเลสา การณลาเภ ปริยุฏฺิตาปิ สีลเภทวเสน วีติกฺกมิตุํ น ลภนฺตีติ อาห ‘‘วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺสา’’ติ. ปริยุฏฺานปฺปหานนฺติ โอกาสทานวเสน กิเลสานํ จิตฺเต กุสลปฺปวตฺตึ ปริยาทิยิตฺวา อุฏฺานํ ปริยุฏฺานํ, ตสฺส ปหานํ จิตฺตสนฺตาเนสุ อุปฺปตฺติวเสน กิเลสานํ ปริยุฏฺานสฺส ปหานนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุสยปฺปหานนฺติ อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ สยนกา การณลาเภ อุปฺปตฺติอรหา อนุสยา. เต ปน อนุรูปํ การณํ ลทฺธา อุปฺปชฺชนารหา ถามคตา กามราคาทโย สตฺต กิเลสา, เตสํ ปหานํ อนุสยปฺปหานํ. เต จ สพฺพโส อริยมคฺคปฺาย ปหียนฺตีติ อาห ‘‘อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺายา’’ติ.
ตทงฺคปฺปหานนฺติ ทีปาโลเกเนว ตมสฺส ทานาทิปฺุกิริยวตฺถุคเตน เตน เตน กุสลงฺเคน ตสฺส ตสฺส อกุสลงฺคสฺส ปหานํ ‘‘ตทงฺคปฺปหาน’’นฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน เตน เตน สุสีลฺยงฺเคน ตสฺส ตสฺส ทุสฺสีลฺยงฺคสฺส ปหานํ ‘‘ตทงฺคปฺปหาน’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วิกฺขมฺภนสมอุจฺเฉทปฺปหานานีติ เอตฺถ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺตินิวารเณน ฆฏปฺปหาเรเนว ชลตเล เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณานํ ธมฺมานํ วิกฺขมฺภนวเสน ปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต สนฺตาเน สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติสงฺขาตสมุจฺเฉทวเสน ปหานํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานนฺติ กายทุจฺจริตาทิ ทุฏฺุ จริตํ, กิเลเสหิ วา ทูสิตํ จริตนฺติ ทุจฺจริตํ. ตเทว ยตฺถ อุปฺปนฺนํ, ตํ สนฺตานํ สมฺมา กิเลเสติ พาธยติ อุปตาเปติ จาติ สํกิเลโส, ตสฺส ปหานํ, กายวจีทุจฺจริตวเสน ¶ ปวตฺตสํกิเลสสฺส ตทงฺควเสน ปหานนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมาธิสฺส กามจฺฉนฺทปฏิปกฺขตฺตา สุตฺตนฺตปิฏเก ตณฺหาสํกิเลสสฺส ปหานํ วุตฺตํ. อตฺตาทิวินิมุตฺตสภาวธมฺมปฺปกาสนโต อภิธมฺมปิฏเก ทิฏฺิสํกิเลสสฺส ปหานํ วุตฺตํ.
เอกเมกสฺมิฺเจตฺถาติ ¶ เอเตสุ ตีสุ ปิฏเกสุ เอกเมกสฺมึ ปิฏเกติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺโมติ ปาฬีติ เอตฺถ ปกฏฺานํ อุกฺกฏฺานํ สีลาทิอตฺถานํ โพธนโต สภาวนิรุตฺติภาวโต พุทฺธาทีหิ ภาสิตตฺตา จ ปกฏฺานํ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬีติ ปาฬิ, ปริยตฺติธมฺโม. ‘‘ธมฺโมติ ปาฬีติ เอตฺถ ภควตา วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส โวหารสฺส จ ทีปโน สทฺโทเยว ปาฬิ นามา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อภิธมฺมฏฺกถาย ลิขิเต สีหฬคณฺิปเท ปน อิทํ วุตฺตํ – สภาวตฺถสฺส สภาวโวหารสฺส จ อนุรูปวเสน ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา ปณฺฑตฺติ ปาฬีติ วุจฺจติ. ยทิ สทฺโทเยว ปาฬิ สิยา, ปาฬิยา เทสนาย จ นานตฺเตน ภวิตพฺพํ. มนสา ววตฺถาปิตาย จ ปาฬิยา วจีเภทกรณมตฺตํ เปตฺวา เทสนาย นานตฺตํ นตฺถิ. ตถา หิ เทสนํ ทสฺเสนฺเตน มนสา ววตฺถาปิตาย ปาฬิยา เทสนาติ วจีเภทกรณมตฺตํ วินา ปาฬิยา สห เทสนาย อนฺถา วุตฺตา. ตถา จ อุปริ ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนาย อนฺภาเวน ปาฬิยา ปณฺณตฺติภาโว กถิโต โหติ. อปิจ ยทิ ปาฬิยา อฺาเยว เทสนา สิยา, ‘‘ปาฬิยา จ ปาฬิอตฺถสฺส จ เทสนาย จ ยถาภูตาวโพโธ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, เอวํ ปน อวตฺวา ‘‘ปาฬิยา จ ปาฬิอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ’’ติ วุตฺตตฺตา ปาฬิยา เทสนาย จ อนฺภาโว ทสฺสิโต โหติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ ‘‘เทสนา นาม ปฺตฺตี’’ติ ทสฺเสนฺเตน เทสนาย อนฺภาวโต ปาฬิยา ปณฺณตฺติภาโว กถิโตว โหตีติ.
เอตฺถ จ ‘‘สทฺโทเยว ปาฬิ นามา’’ติ อิมสฺมึ ปกฺเข ธมฺมสฺสปิ สทฺทสภาวตฺตา ธมฺมเทสนานํ โก วิเสโสติ เจ? เตสํ เตสํ อตฺถานํ โพธกภาเวน าโต อุคฺคหณาทิวเสน จ ปุพฺเพ ววตฺถาปิโต สทฺทปฺปพนฺโธ ธมฺโม, ปจฺฉา ปเรสํ อวโพธนตฺถํ ปวตฺติโต ตทตฺถปฺปกาสโก สทฺโท เทสนาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา ยถาวุตฺตสทฺทสมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา ‘‘เทสียติ สมุฏฺาปียติ สทฺโท เอเตนา’’ติ กตฺวา มุสาวาทาทโย วิย. ตตฺถาปิ หิ มุสาวาทาทิสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาทาทิสทฺเทน โวหรียติ.
ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธาติ เอตฺถ ปาฬิอตฺโถ ปาฬิเทสนา ปาฬิอตฺถปฏิเวโธ จาติ อิเม ตโย ปาฬิวิสยา โหนฺตีติ ¶ วินยปิฏกาทีนํ อตฺถสฺส เทสนาย ปฏิเวธสฺส จ อาธารภาโว ยุตฺโต, ปิฏกานิ ปน ปาฬิโยเยวาติ เตสํ ธมฺมสฺส อาธารภาโว ¶ กถํ ยุชฺเชยฺยาติ เจ? ปาฬิสมุทายสฺส อวยวปาฬิยา อาธารภาวโต. อวยวสฺส หิ สมุทาโย อาธารภาเวน วุจฺจติ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. เอตฺถ จ ธมฺมาทีนํ ทุกฺโขคาหภาวโต เตหิ ธมฺมาทีหิ วินยาทโย คมฺภีราติ วินยาทีนมฺปิ จตุพฺพิโธ คมฺภีรภาโว วุตฺโตเยว, ตสฺมา ธมฺมาทโย เอว ทุกฺโขคาหตฺตา คมฺภีรา, น วินยาทโยติ น โจเทตพฺพเมตํ สมฺมุเขน วิสยวิสยีมุเขน จ วินยาทีนํเยว คมฺภีรภาวสฺส วุตฺตตฺตา. ธมฺโม หิ วินยาทโย, เตสํ วิสโย อตฺโถ, ธมฺมตฺถวิสยา จ เทสนาปฏิเวธาติ. ตตฺถ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย จ ทุกฺโขคาหภาโว เวทิตพฺโพ. ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตํวิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. ทุกฺเขน โอคยฺหนฺตีติ ทุกฺโขคาหา. เอกเทเสน โอคาหนฺเตหิปิ มนฺทพุทฺธีหิ ปติฏฺา ลทฺธุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จา’’ติ. เอกเมกสฺมินฺติ เอเกกสฺมึ ปิฏเก. เอตฺถาติ เอเตสุ ปิฏเกสุ. นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมวจนํ.
อิทานิ เหตุเหตุผลาทีนํ วเสนปิ คมฺภีรภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิ. เหตูติ ปจฺจโย. โส หิ อตฺตโน ผลํ ทหติ วิทหตีติ ธมฺโมติ วุจฺจติ. ธมฺมสทฺทสฺส เจตฺถ เหตุปริยายตา กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. นนุ จ ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน ธมฺมสฺส เหตุภาโว กถํ วิฺายตีติ เจ? ธมฺมปฏิสมฺภิทาติ เอตสฺส สมาสปทสฺส อวยวปทตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหิ าณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ธมฺเม ปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘ธมฺเม’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘าณ’’นฺติ, ตสฺมา เหตุธมฺมสทฺทา เอกตฺถา าณปฏิสมฺภิทาสทฺทา จาติ อิมมตฺถํ วทนฺเตน สาธิโต ธมฺมสฺส เหตุภาโว. เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทาติ เอเตน วจเนน สาธิโต อตฺถสฺส เหตุผลภาโวปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ. เหตุโน ผลํ เหตุผลํ. ตฺจ ยสฺมา เหตุอนุสาเรน ¶ อรียติ อธิคมียติ สมฺปาปุณียติ, ตสฺมา อตฺโถติ วุจฺจติ.
ยถาธมฺมนฺติ เอตฺถ ธมฺมสทฺโท เหตุํ เหตุผลฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. สภาววาจโก เหส ธมฺมสทฺโท, น ปริยตฺติเหตุภาววาจโก, ตสฺมา ยถาธมฺมนฺติ โย โย อวิชฺชาทิสงฺขาราทิธมฺโม, ตสฺมึ ตสฺมินฺติ อตฺโถ. ธมฺมานุรูปํ วา ยถาธมฺมํ. เทสนาปิ หิ ปฏิเวโธ วิย อวิปรีตวิสยวิภาวนโต ธมฺมานุรูปํ ปวตฺตติ, ตโตเยว จ อวิปรีตาภิลาโปติ วุจฺจติ. ธมฺมาภิลาโปติ อตฺถพฺยฺชนโก อวิปรีตาภิลาโป. เอตฺถ จ อภิลปฺปตีติ อภิลาโปติ สทฺโท วุจฺจติ. เอเตน ‘‘ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘) เอตฺถ ¶ วุตฺตํ ธมฺมนิรุตฺตึ ทสฺเสติ สทฺทสภาวตฺตา เทสนาย. ตถา หิ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาย ปริตฺตารมฺมณาทิภาโว ปฏิสมฺภิทาวิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) วุตฺโต. อฏฺกถายฺจ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺตึ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทินา สทฺทารมฺมณตา ทสฺสิตา. ตถา หิ อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ สทฺโท วาจโกติ วจนวจนตฺเถ ววตฺถเปตฺวา ตํตํวจนตฺถวิภาวนวเสน ปวตฺติโต สทฺโท เทสนาติ วุจฺจติ. อธิปฺปาโยติ เอเตน ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ เอตํ วจนํ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาปํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตโต วินิมุตฺตํ ปฺตฺตึ สนฺธายาติ อธิปฺปายํ ทสฺเสติ. เทสียติ อตฺโถ เอเตนาติ หิ เทสนา, ปกาเรน าปียติ เอเตน, ปการโต าเปตีติ วา ปฺตฺตีติ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาโป วุจฺจติ. เอวํ ‘‘เทสนา นาม สทฺโท’’ติ อิมสฺมึ ปกฺเข อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ เอตฺถ ปฺตฺติวาทิโน ปน เอวํ วทนฺติ – กิฺจาปิ ‘‘ธมฺมาภิลาโป’’ติ เอตฺถ อภิลปฺปตีติ อภิลาโปติ สทฺโท วุจฺจติ, น ปณฺณตฺติ, ตถาปิ สทฺเท วุจฺจมาเน ตทนุรูปํ โวหารํ คเหตฺวา เตน โวหาเรน ทีปิตสฺส อตฺถสฺส ชานนโต สทฺเท กถิเต ตทนุรูปา ปณฺณตฺติปิ การณูปจาเรน กถิตาเยว โหติ. อถ วา ‘‘ธมฺมาภิลาโปติ อตฺโถ’’ติ อวตฺวา ‘‘ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนา นาม สทฺโท น โหตีติ ทีปิตเมวาติ.
อิทานิ ปฏิเวธํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘ปฏิเวโธติ อภิสมโย’’ติ. ปฏิวิชฺฌตีติ าณํ ปฏิเวโธติ วุจฺจติ. ปฏิวิชฺฌนฺติ เอเตนาติ วา ปฏิเวโธ ¶ , อภิสเมตีติ อภิสมโย, อภิสเมนฺติ เอเตนาติ วา อภิสมโย. อิทานิ อภิสมยปฺปเภทโต อภิสมยปฺปการโต อารมฺมณโต สภาวโต จ ปากฏํ กาตุํ ‘‘โส จ โลกิยโลกุตฺตโร’’ติอาทิมาห. วิสยโต อสมฺโมหโต จ อวโพโธติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ วิสยโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ นาม อวิชฺชาทิธมฺมารมฺมโณ สงฺขาราทิอตฺถารมฺมโณ ตทุภยปฺาปนารมฺมโณ โลกิโย อวโพโธ. อสมฺโมหโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ ปน นิพฺพานารมฺมโณ มคฺคยุตฺโต ยถาวุตฺตธมฺมตฺถปฺตฺตีสุ สมฺโมหวิทฺธํสโน โลกุตฺตโร อภิสมโย. ตถา หิ ‘‘อยํ เหตุ, อิทมสฺส ผลํ, อยํ ตทุภยานุรูโป โวหาโร’’ติ เอวํ อารมฺมณกรณวเสน โลกิยาณํ วิสยโต ปฏิวิชฺฌติ, โลกุตฺตราณํ ปน เหตุเหตุผลาทีสุ สมฺโมหสฺส มคฺคาเณน สมุจฺฉินฺนตฺตา อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌติ. อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสูติ อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, สงฺขาเร อุปฺปาเทติ อวิชฺชาติ เอวํ การิยานุรูปํ การเณสูติ อตฺโถ. อถ วา ปฺุาภิสงฺขารอปฺุาภิสงฺขารอาเนฺชาภิสงฺขาเรสุ ตีสุ อปฺุาภิสงฺขารสฺส สมฺปยุตฺตอวิชฺชา ปจฺจโย, อิตเรสํ ยถานุรูปนฺติอาทินา การิยานุรูปํ การเณสุ ปฏิเวโธติ อตฺโถ. ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสูติ ¶ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา การณานุรูปํ การิเยสุ อวโพโธติ อตฺโถ. ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสูติ ปฺตฺติยา วุจฺจมานธมฺมานุรูปํ ปณฺณตฺตีสุ อวโพโธติ อตฺโถ.
ยถาวุตฺเตหิ ธมฺมาทีหิ ปิฏกานํ คมฺภีรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ ยสฺมา เอเตสุ ปิฏเกสู’’ติอาทิมาห. ธมฺมชาตนฺติ การณปฺปเภโท การณเมว วา. อตฺถชาตนฺติ การิยปฺปเภโท การิยเมว วา. ยา จายํ เทสนาติ สมฺพนฺโธ. โย เจตฺถาติ เอตาสุ ตํตํปิฏกคตาสุ ธมฺมตฺถเทสนาสุ โย ปฏิเวโธติ อตฺโถ. ทุกฺโขคาหนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ ธมฺมตฺถานํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตาย ทุกฺโขคาหตา. เตสํ ปฺาปนสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย ปฏิเวธนสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส จ อุปฺปาทนวิสยีกรณานํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. เอวมฺปีติ ปิสทฺโท ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการนฺตรํ สมฺปิณฺเฑติ. เอตฺถาติ เอเตสุ ตีสุ ปิฏเกสุ. วุตฺตตฺถาติ วุตฺโต สํวณฺณิโต อตฺโถ อสฺสาติ วุตฺตตฺถา.
ตีสุ ¶ ปิฏเกสูติ เอตฺถ ‘‘เอเกกสฺมิ’’นฺติ อธิการโต ปกรณโต วา เวทิตพฺพํ. ปริยตฺติเภโทติ ปริยาปุณนํ ปริยตฺติ. ปริยาปุณนวาจโก เหตฺถ ปริยตฺติสทฺโท, น ปาฬิปริยาโย, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ‘‘ตีสุ ปิฏเกสุ เอเกกสฺมึ ปริยาปุณนปฺปกาโร ทฏฺพฺโพ าตพฺโพ’’ติ. ตโตเยว จ ‘‘ปริยตฺติโย ปริยาปุณนปฺปการา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อถ วา ตีหิ ปกาเรหิ ปริยาปุณิตพฺพา ปาฬิโย เอว ปริยตฺตีติ วุจฺจนฺติ, ตโตเยว จ ‘‘ปริยตฺติโย ปาฬิกฺกมา’’ติ อภิธมฺมฏฺกถาย ลิขิเต สีหฬคณฺิปเท วุตฺตํ. เอวมฺปิ หิ อลคทฺทูปมาปริยาปุณนโยคโต อลคทฺทูปมา ปริยตฺตีติ ปาฬิปิ สกฺกา วตฺตุํ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา อลคทฺทูปมา’’ติ ปรโต นิทฺเทสวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. ตตฺถ หิ ปาฬิเยว ทุคฺคหิตา ปริยาปุฏาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อลคทฺทูปมาติ อลคทฺโท อลคทฺทคฺคหณํ อุปมา เอติสฺสาติ อลคทฺทูปมา. อลคทฺทสฺส คหณฺเหตฺถ อลคทฺทสทฺเทน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อาปูปิโก’’ติ เอตฺถ อปูปสทฺเทน อปูปขาทนํ วิย อลคทฺทคฺคหเณน คหิตปริยตฺติ อุปมียติ, น ปน อลคทฺเทน. ‘‘อลคทฺทคฺคหณูปมา’’ติ วา วตฺตพฺเพ มชฺเฌปทโลปํ กตฺวา ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุตฺตํ ‘‘โอฏฺมุโข’’ติอาทีสุ วิย. อลคทฺโทติ เจตฺถ อาสีวิโส วุจฺจติ. คโทติ หิ วิสสฺส นามํ. ตฺจ ตสฺส อลํ ปริปุณฺณํ อตฺถิ, ตสฺมา อลํ ปริยตฺโต ปริปุณฺโณ คโท อสฺสาติ อนุนาสิกโลปํ ทการาคมฺจ กตฺวา ‘‘อลคทฺโท’’ติ วุจฺจติ. อถ วา อลํ ชีวิตหรเณ สมตฺโถ คโท อสฺสาติ อลคทฺโท. นิสฺสรณตฺถาติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณํ อตฺโถ ปโยชนํ เอติสฺสาติ นิสฺสรณตฺถา. ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ ¶ เอตฺถ ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก, ภณฺฑาคาริโก วิย ภณฺฑาคาริโก, ธมฺมรตนานุปาลโก. อฺํ อตฺถํ อนเปกฺขิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺเสว สโต ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ.
ทุคฺคหิตาติ ทุฏฺุ คหิตา. ทุคฺคหิตภาวเมว วิภาเวนฺโต อาห ‘‘อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา’’ติ, อุปารมฺภา อิติวาทปฺปโมกฺขาทิเหตุ อุคฺคหิตาติ อตฺโถ. ลาภสกฺการาทิเหตุ ปริยาปุณนมฺปิ เอตฺเถว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ อลคทฺทสุตฺตฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๓๙) –
‘‘โย ¶ หิ พุทฺธวจนํ ‘เอวํ จีวราทีนิ วา ลภิสฺสามิ, จตุปริสมชฺเฌ วา มํ ชานิสฺสนฺตี’ติ ลาภสกฺการาทิเหตุ ปริยาปุณาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ อลคทฺทปริยตฺติ นาม. เอวํ ปริยาปุณนโต หิ พุทฺธวจนํ อปริยาปุณิตฺวา นิทฺโทกฺกมนํ วรตร’’นฺติ.
นนุ จ อลคทฺทคฺคหณูปมา ปริยตฺติ อลคทฺทูปมาติ วุจฺจติ, เอวฺจ สติ สุคฺคหิตาปิ ปริยตฺติ อลคทฺทูปมาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ ตตฺถาปิ อลคทฺทคฺคหณสฺส อุปมาภาเวน ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ, ตเมนํ อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺเหยฺย, อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา คีวาย สุคฺคหิตํ คณฺเหยฺย. กิฺจาปิ โส, ภิกฺขเว, อลคทฺโท ตสฺส ปุริสสฺส หตฺถํ วา พาหํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ โภเคหิ ปลิเวเยฺย, อถ โข โส เนว ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ, สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).
ตสฺมา อิธ ทุคฺคหิตา เอว ปริยตฺติ อลคทฺทูปมาติ อยํ วิเสโส กุโต วิฺายติ, เยน ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา อลคทฺทูปมาติ วุจฺจตีติ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน ปาริเสสาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ นิสฺสรณตฺถภณฺฑาคาริกปริยตฺตีนํ วิสุํ คหิตตฺตา ปาริเสสโต ¶ อลคทฺทสฺส ทุคฺคหณูปมา ปริยตฺติ อลคทฺทูปมาติ วิฺายติ. สุคฺคหณูปมา หิ ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถา วา โหติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ วา, ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา อลคทฺทูปมา’’ติ. ยํ สนฺธายาติ ยํ ปริยตฺติทุคฺคหณํ สนฺธาย. วุตฺตนฺติ อลคทฺทสุตฺเต วุตฺตํ.
อลคทฺทตฺถิโกติ อาสีวิสตฺถิโก. อลคทฺทํ คเวสติ ปริเยสติ สีเลนาติ อลคทฺทคเวสี. อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโนติ อลคทฺทปริเยสนตฺถํ จรมาโน. โภเคติ สรีเร. หตฺเถ วา พาหาย ¶ วาติ เอตฺถ มณิพนฺธโก ยาว อคฺคนขา ‘‘หตฺโถ’’ติ เวทิตพฺโพ, สทฺธึ อคฺคพาหาย อวเสสา ‘‘พาหา’’ติ. กตฺถจิ ปน ‘‘กปฺปรโต ปฏฺายปิ ยาว อคฺคนขา หตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเคติ วุตฺตลกฺขณํ หตฺถฺจ พาหฺจ เปตฺวา อวเสสํ สรีรํ ‘‘องฺคปจฺจงฺค’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ตโตนิทานนฺติ ตํนิทานํ, ตํการณาติ วุตฺตํ โหติ. ปุริมปเท หิ วิภตฺติอโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส. ตํ หตฺถาทีสุ ฑํสนํ นิทานํ การณํ เอตสฺสาติ ตํนิทานนฺติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘ตโตนิทาน’’นฺติ ปุริมปเท ปจฺจตฺเต นิสฺสกฺกวจนํ กตฺวา ตสฺส จ โลปํ อกตฺวา นิทฺเทโส. ตํ กิสฺส เหตูติ ยํ วุตฺตํ หตฺถาทีสุ ฑํสนํ ตํนิทานฺจ มรณาทิอุปคมนํ, ตํ กิสฺส เหตุ เกน การเณนาติ เจ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. เอกจฺเจ โมฆปุริสาติ เอกจฺเจ ตุจฺฉปุริสา. ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํ. ปริยาปุณนฺตีติ อุคฺคณฺหนฺตีติ อตฺโถ, สชฺฌายนฺติ เจว วาจุคฺคตา กโรนฺตา ธาเรนฺติ จาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถนฺติ ยถาภูตํ ภาสิตตฺถํ ปโยชนตฺถฺจ. น อุปปริกฺขนฺตีติ น ปริคฺคณฺหนฺติ น วิจาเรนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา กถิตา, มยฺจ ตํ ปูเรสฺสามา’’ติ เอวํ ภาสิตตฺถํ ปโยชนตฺถฺจ ‘‘สีลํ สมาธิสฺส การณํ, สมาธิ วิปสฺสนายา’’ติอาทินา น ปริคฺคณฺหนฺตีติ. อนุปปริกฺขตนฺติ อนุปปริกฺขนฺตานํ. น นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ นิชฺฌานปฺํ นกฺขมนฺติ, นิชฺฌายิตฺวา ปฺาย ทิสฺวา โรเจตฺวา คเหตพฺพา น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตน อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘เตสํ ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขนฺตานํ เต ธมฺมา น อุปฏฺหนฺติ, ‘อิมสฺมึ าเน สีลํ, สมาธิ, วิปสฺสนา, มคฺโค, ผลํ, วฏฺฏํ, วิวฏฺฏํ กถิต’นฺติ เอวํ ชานิตุํ น สกฺกา โหนฺตี’’ติ.
เต อุปารมฺภานิสํสา เจวาติ เต ปเรสํ วาเท โทสาโรปนานิสํสา หุตฺวา ปริยาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จาติ อิติ เอวํ เอตาย ปริยตฺติยา วาทปฺปโมกฺขานิสํสา, อตฺตโน อุปริ ปเรหิ อาโรปิตวาทสฺส นิคฺคหสฺส ปโมกฺขปฺปโยชนา หุตฺวา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปเรหิ สกวาเท โทเส อาโรปิเต ตํ โทสํ เอวฺจ ¶ เอวฺจ โมเจสฺสามาติ อิมินา จ การเณน ปริยาปุณนฺตีติ. อถ วา โส โส วาโท อิติวาโท, อิติวาทสฺส ปโมกฺโข อิติวาทปฺปโมกฺโข, อิติวาทปฺปโมกฺโข อานิสํโส เอเตสนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา, ตํตํวาทปฺปโมจนานิสํสา จาติ อตฺโถ ¶ . ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ ยสฺส จ สีลาทิปูรณสฺส มคฺคผลนิพฺพานสฺส วา อตฺถาย อิมสฺมึ สาสเน กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ. ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺตีติ ตฺจ อสฺส ธมฺมสฺส สีลาทิปริปูรณสงฺขาตํ อตฺถํ เอเต ทุคฺคหิตคาหิโน นานุโภนฺติ น วินฺทนฺติ.
อถ วา ยสฺส อุปารมฺภสฺส อิติวาทปฺปโมกฺขสฺส วา อตฺถาย เย โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, เต ปเรหิ ‘‘อยมตฺโถ น โหตี’’ติ วุตฺเต ทุคฺคหิตตฺตาเยว โสเยวตฺโถติ ปฏิปาทนกฺขมา น โหนฺตีติ ปรสฺส วาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ อตฺตโน วาทา ตํ โมเจตฺุจ อสกฺโกนฺตาปิ ตํ อตฺถํ นานุโภนฺติเยวาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตตฺตา อุปารมฺภมานทปฺปมกฺขปลาสาทิเหตุภาเวน ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. เอตฺถ หิ การเณ ผลโวหาเรน ‘‘เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ กิฺจาปิ น เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, ตถาปิ วุตฺตนเยน ปริยาปุณนฺตานํ สชฺฌายกาเล วิวาทสมเย จ ตํมูลกานํ อุปารมฺภาทีนํ อเนเกสํ อกุสลานํ อุปฺปตฺติสพฺภาวโต ‘‘เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ การเณ ผลโวหาเรน วุตฺตํ. ตํ กิสฺส เหตูติ เอตฺถ ตนฺติ ยถาวุตฺตสฺสตฺถสฺส อนภิสมฺภุณนํ เตสฺจ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนํ ปรามสติ.
สีลกฺขนฺธาทิปาริปูรึเยวาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน สมาธิวิปสฺสนาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. โย หิ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ ปูเรตฺวา สมาธิโน อาคตฏฺาเน สมาธิคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา มคฺคผลานํ อาคตฏฺาเน มคฺคํ ภาเวสฺสามิ, ผลํ สจฺฉิกริสฺสามีติ อุคฺคณฺหาติ, ตสฺเสว สา ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถา นาม โหติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ยํ ปริยตฺติสุคฺคหณํ สนฺธาย อลคทฺทสุตฺเต วุตฺตํ. ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน สีลาทีนิ ปูเรนฺตานมฺปิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ปสนฺเนหิ อุปนีเต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตานมฺปิ ปเรสํ วาเท สหธมฺเมน อุปารมฺภํ อาโรเปนฺตานมฺปิ สกวาทโต โทสํ หรนฺตานมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตถา หิ ¶ น เกวลํ สุคฺคหิตปริยตฺตึ นิสฺสาย มคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทีเนว, ปรวาทนิคฺคหสกวาทปติฏฺาปนานิปิ อิชฺฌนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๖๘).
ปริฺาตกฺขนฺโธติ ¶ ทุกฺขปริชานเนน ปริฺาตกฺขนฺโธ. ปหีนกิเลโสติ สมุทยปฺปหาเนน ปหีนกิเลโส. ปฏิวิทฺธากุปฺโปติ ปฏิวิทฺธอรหตฺตผโล. น กุปฺปตีติ อกุปฺปนฺติ หิ อรหตฺตผลสฺเสตํ นามํ. สติปิ หิ จตุนฺนํ มคฺคานํ จตุนฺนฺจ ผลานํ อกุปฺปสภาเว สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ สกสกนามปริจฺจาเคน อุปรูปริ นามนฺตรปฺปตฺติโต เตสํ มคฺคผลานิ ‘‘อกุปฺปานี’’ติ น วุจฺจนฺติ, อรหา ปน สพฺพทาปิ อรหาเยว นามาติ ตสฺเสว ผลํ ‘‘อกุปฺป’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา จ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ขีณาสวสฺเสว ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นามา’’ติ. ตสฺส หิ อปริฺาตํ อปฺปหีนํ อภาวิตํ อสจฺฉิกตํ วา นตฺถิ, ตสฺมา พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺโต ตนฺติธารโก ปเวณีปาลโก วํสานุรกฺขโก จ หุตฺวา อุคฺคณฺหาติ. เตเนวาห ‘‘ปเวณีปาลนตฺถายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปเวณีติ ธมฺมสนฺตติ, ธมฺมสฺส อวิจฺเฉเทน ปวตฺตีติ อตฺโถ. วํสานุรกฺขณตฺถายาติ พุทฺธสฺส ภควโต วํสานุรกฺขณตฺถํ. ตสฺส วํโสปิ อตฺถโต ปเวณีเยวาติ เวทิตพฺพํ.
นนุ จ ยทิ ปเวณีปาลนตฺถาย พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ, กสฺมา ‘‘ขีณาสโว’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. เอกจฺจสฺส ปุถุชฺชนสฺสปิ หิ อยํ นโย ลพฺภติ. ตถา หิ เอกจฺโจ ภิกฺขุ ฉาตกภยาทีสุ คนฺถธเรสุ เอกสฺมึ าเน วสิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ สยํ ภิกฺขาจาเรน อกิลมมาโน อติมธุรํ พุทฺธวจนํ มา นสฺสตุ, ตนฺตึ ธาเรสฺสามิ, วํสํ เปสฺสามิ, ปเวณึ ปาเลสฺสามีติ ปริยาปุณาติ, ตสฺมา ตสฺสปิ ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม กสฺมา น โหตีติ? วุจฺจเต – เอวํ สนฺเตปิ ปุถุชฺชนสฺส ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม น โหติ. กิฺจาปิ หิ ปุถุชฺชโน ‘‘ปเวณึ ปาเลสฺสามี’’ติ อชฺฌาสเยน ปริยาปุณาติ, อตฺตโน ปน ภวกนฺตารโต อนิตฺติณฺณตฺตา ตสฺส ปริยตฺติ นิสฺสรณปริยตฺติ นาม โหติ, ตสฺมา ปุถุชฺชนสฺส ปริยตฺติ อลคทฺทูปมา วา โหติ นิสฺสรณตฺถา วา, สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ นิสฺสรณตฺถาว, ขีณาสวานํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติเยวาติ เวทิตพฺพํ. ขีณาสโว ¶ จ ภณฺฑาคาริกสทิสตฺตา ภณฺฑาคาริโกติ วุจฺจติ. ยถา หิ ภณฺฑาคาริโก อลงฺการภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ปสาธนกาเล ตทุปิยํ อลงฺการภณฺฑํ รฺโ อุปนาเมตฺวา อลงฺกโรติ, เอวํ ขีณาสโวปิ ธมฺมรตนภณฺฑํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โมกฺขาธิคมสฺส ภพฺพรูเป สเหตุเก สตฺเต ปสฺสิตฺวา ตทนุรูปํ ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคาทิสงฺขาเตน โลกุตฺตเรน อลงฺกาเรน อลงฺกโรตีติ ภณฺฑาคาริโกติ วุจฺจติ.
เอวํ ติสฺโส ปริยตฺติโย วิภชิตฺวา อิทานิ ตีสุปิ ปิฏเกสุ ยถารหํ สมฺปตฺติวิปตฺติโย วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วินเย ปนา’’ติอาทิ. สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาตีติอาทีสุ ¶ ยสฺมา สีลํ วิสุชฺฌมานํ สติสมฺปชฺพเลน กมฺมสฺสกตฺาณพเลน จ สํกิเลสมลโต วิสุชฺฌติ, ปาริปูริฺจ คจฺฉติ, ตสฺมา สีลสมฺปทา สิชฺฌมานา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติภาเวน สติพลํ าณพลฺจ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ตสฺสา วิชฺชตฺตยูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพา สภาคเหตุสมฺปทานโต. สติพเลน หิ ปุพฺเพนิวาสวิชฺชาสิทฺธิ, สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺเจสุ สุทิฏฺการิตาปริจเยน จุตูปปาตาณานุพทฺธาย ทุติยวิชฺชาย สิทฺธิ, วีติกฺกมาภาเวน สํกิเลสปฺปหานสพฺภาวโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยตาวเสน อชฺฌาสยสุทฺธิยา ตติยวิชฺชาสิทฺธิ. ปุเรตรสิทฺธานํ สมาธิปฺานํ ปาริปูรึ วินา สีลสฺส อาสวกฺขยาณูปนิสฺสยตา สุกฺขวิปสฺสกขีณาสเวหิ ทีเปตพฺพา. ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๙; ๓.๕; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔) วจนโต สมาธิสมฺปทา ฉฬภิฺตาย อุปนิสฺสโย. ‘‘โยคา เว ชายติ ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒) วจนโต ปุพฺพโยเคน ครุวาสเทสภาสาโกสลฺลอุคฺคหณปริปุจฺฉาทีหิ จ ปริภาวิตา ปฺาสมฺปตฺติ ปฏิสมฺภิทาปฺปเภทสฺส อุปนิสฺสโย. เอตฺถ จ ‘‘สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตตฺตา ยสฺส สมาธิวิชมฺภนภูตา อนวเสสา ฉ อภิฺา น อิชฺฌนฺติ, ตสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน น สมาธิสมฺปทา อตฺถีติ สติปิ วิชฺชานํ อภิฺเกเทสภาเว สีลสมฺปตฺติสมุทาคตา เอว ติสฺโส วิชฺชา คหิตา. ยถา หิ ปฺาสมฺปตฺติสมุทาคตา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส มคฺเคเนว อิชฺฌนฺติ มคฺคกฺขเณ เอว ตาสํ ปฏิลภิตพฺพโต. เอวํ สีลสมฺปตฺติสมุทาคตา ติสฺโส วิชฺชา สมาธิสมฺปตฺติสมุทาคตา จ ฉ อภิฺา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ¶ มคฺเคเนว อิชฺฌนฺตีติ มคฺคาธิคเมเนว ตาสํ อธิคโม เวทิตพฺโพ. ปจฺเจกพุทฺธานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานฺจ ปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิธมฺมสมธิคมสทิสา หิ อิเมสํ อริยานํ อิเม วิเสสาธิคมาติ.
ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโตติ เอตฺถ ตาสํเยวาติ อวธารณํ ปาปุณิตพฺพานํ ฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทานํ วินเย ปเภทวจนาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เวรฺชกณฺเฑ หิ ติสฺโส วิชฺชาว วิภตฺตาติ. ทุติเย ตาสํเยวาติ อวธารณํ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อเปกฺขิตฺวา กตํ, น ติสฺโส วิชฺชา. ตา หิ ฉสุ อภิฺาสุ อนฺโตคธตฺตา สุตฺเต วิภตฺตาเยวาติ. ตาสฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน เสสานมฺปิ ตตฺถ อตฺถิภาวํ ทีเปติ. อภิธมฺมปิฏเก หิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา วุตฺตาเยว. ปฏิสมฺภิทานํ ปน อฺตฺถ ปเภทวจนาภาวํ ตตฺเถว จ สมฺมา วิภตฺตภาวํ ทีเปตุกาโม เหฏฺา วุตฺตนเยน อวธารณํ อกตฺวา ‘‘ตตฺเถวา’’ติ ปริวตฺเตตฺวา อวธารณํ เปสิ.
อิทานิ ¶ ‘‘วินเย ทุปฺปฏิปนฺโน ‘มุทุกานํ อตฺถรณาทีนํ สมฺผสฺโส วิย อิตฺถิสมฺผสฺโสปิ วฏฺฏตี’ติ เมถุนวีติกฺกเม โทสํ อทิสฺวา สีลวิปตฺตึ ปาปุณาตี’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วินเย ปน ทุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทิ. ตตฺถ สุโข สมฺผสฺโส เอเตสนฺติ สุขสมฺผสฺสานิ, อตฺถรณปาวุรณาทีนิ. อุปาทินฺนผสฺโส อิตฺถิผสฺโส, เมถุนธมฺโมติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เหตนฺติ อริฏฺเน ภิกฺขุนา วุตฺตํ. โส หิ พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิเธสุ อนฺตรายิเกสุ เสสนฺตรายิเก ชานาติ, วินเย ปน อโกวิทตฺตา ปณฺณตฺติวีติกฺกมนฺตรายิเก น ชานาติ, ตสฺมา รโหคโต เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อิเม อคาริกา ปฺจ กามคุเณ ปริภฺุชนฺตา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ โหนฺติ. ภิกฺขูปิ มนาปิกานิ จกฺขุวิฺเยฺยานิ รูปานิ ปสฺสนฺติ…เป… กายวิฺเยฺเย โผฏฺพฺเพ ผุสนฺติ, มุทุกานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ ปริภฺุชนฺติ, เอตํ สพฺพํ วฏฺฏติ, กสฺมา อิตฺถีนํเยว รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพา น วฏฺฏนฺติ, เอเตปิ วฏฺฏนฺตี’’ติ อนวชฺเชน ปจฺจยปริภฺุชนรเสน สาวชฺชกามคุณปริโภครสํ สํสนฺทิตฺวา สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ นิจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ เอกํ กตฺวา ถูลวาเกหิ สทฺธึ อติสุขุมสุตฺตํ ฆเฏนฺโต วิย สาสเปน สทฺธึ สิเนรุโน สทิสตํ อุปสํหรนฺโต ¶ วิย ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กึ ภควตา มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิย มหตา อุสฺสาเหน ปมปาราชิกํ ปฺตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ โทโส’’ติ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนฺโต เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหนฺโต อริยมคฺเค ขาณุกณฺฏกาทีนิ ปกฺขิปนฺโต ‘‘เมถุนธมฺเม โทโส นตฺถี’’ติ ชินสฺส อาณาจกฺเก ปหารมทาสิ. เตนาห ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทิ.
ตตฺถ อนฺตรายิกาติ ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ. อนติกฺกมนฏฺเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺตา, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหนฺติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีลาติ อนฺตรายิกา, สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกราติ วุตฺตํ โหติ. เต จ กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิธา. เตสํ วิตฺถารกถา ปรโต อริฏฺสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๔๑๗) อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺถสมฺพนฺโธ – เย อิเม ธมฺมา อนฺตรายิกา อนฺตรายกราติ ภควตา วุตฺตา เทสิตา เจว ปฺตฺตา จ, เต ธมฺเม ปฏิเสวโต ปฏิเสวนฺตสฺส ยถา เยน ปกาเรน เต ธมฺมา อนฺตรายาย สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกรณตฺถํ นาลํ สมตฺถา น โหนฺติ, ตถา เตน ปกาเรนาหํ ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ อาชานามีติ. ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาตีติ ตโต อนวชฺชสฺีภาวเหตุโต วีติกฺกมิตฺวา ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ.
จตฺตาโรเม ¶ , ภิกฺขเวติอาทินา –
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร, อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน ปรหิตาย, ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน อตฺตหิตาย, เนว อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ โน ปรหิตาย, อตฺตหิตาย เจว ปฏิปนฺโน โหติ ปรหิตาย จา’’ติ (อ. นิ. ๔.๙๖; ปุ. ป. มาติกา, จตุกฺกอุทฺเทส ๒๔) –
อาทินา ปุคฺคลเทสนาปฏิสํยุตฺตสุตฺตนฺตปาฬึ นิทสฺเสติ. อธิปฺปายํ อชานนฺโตติ ‘‘อยํ ปุคฺคลเทสนา โวหารวเสน, น ปรมตฺถโต’’ติ เอวํ ภควโต อธิปฺปายํ อชานนฺโต. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา ¶ สมฺมุติเทสนา ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา. ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ สติปฏฺานา’’ติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ.
ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ, เย อนฺธกภาสาทีสุ อฺตราย, เตสํ ตาย ภาสาย, เอวํ เต มาณวา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา, ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเว ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ, เทสภาสาย โกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ, นานาเทสภาสามาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยสตฺตา, อาจริยสฺส ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสนปิ เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
‘‘สงฺเกตวจนํ ¶ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
‘‘ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐);
อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ อานนฺตริยทีปนตฺถํ พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจาติ. ‘‘ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ¶ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ. ‘‘อิตฺถี หิริยติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ วุตฺเต มหาชโน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ, ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา, ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ สงฺฆเภทํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา อานนฺตริยทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ. ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺติ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. โลกสมฺมุติฺจ พุทฺธา ภควนฺโต น วิชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ ¶ , ตสฺมา อิมินา จ อธิปฺปาเยน ภควโต ปุคฺคลเทสนา, น ปรมตฺถเทสนาติ เอวํ อธิปฺปายํ อชานนฺโตติ วุตฺตํ โหติ.
ทุคฺคหิตํ คณฺหาตีติ ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’นฺติอาทินา ทุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหาติ, วิปรีตํ คณฺหาตีติ วุตฺตํ โหติ. ทุคฺคหิตนฺติ หิ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. ยํ สนฺธายาติ ยํ ทุคฺคหิตคาหํ สนฺธาย. อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ธมฺเมนาติ ปาเสโส เวทิตพฺโพ. อถ วา ทุคฺคหณํ ทุคฺคหิตํ. อตฺตนาติ จ สามิอตฺเถ กรณวจนํ, ตสฺมา อตฺตโน ทุคฺคหเณน ¶ วิปรีตคาเหนาติ วุตฺตํ โหติ. อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขตีติ อมฺหากฺจ อพฺภาจิกฺขนํ กโรติ. อตฺตานฺจ ขนตีติ อตฺตโน กุสลมูลานิ ขนนฺโต อตฺตานํ ขนติ นาม.
ธมฺมจินฺตนฺติ ธมฺมสภาววิชานนํ. อติธาวนฺโตติ าตพฺพมริยาทายํ อฏฺตฺวา ‘‘จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ทานํ โหติ, สยเมว จิตฺตํ อตฺตโน อารมฺมณํ โหติ, สพฺพํ จิตฺตํ อสภาวธมฺมารมฺมณ’’นฺติ เอวมาทินา อติธาวนฺโต อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตมาโน. จตฺตารีติ พุทฺธวิสยอิทฺธิวิสยกมฺมวิปากโลกวิสยสงฺขาตานิ จตฺตาริ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺยานิ น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส. กตมานิ จตฺตาริ? พุทฺธานํ ภิกฺขเว พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, ยํ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส. ฌายิสฺส, ภิกฺขเว, ฌานวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ…เป… กมฺมวิปาโก, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ…เป… โลกจินฺตา ภิกฺขเว อจินฺเตยฺยา น จินฺเตตพฺพา…เป… อิมานิ, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อจินฺเตยฺยานิ น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗).
ตตฺถ ‘‘อจินฺเตยฺยานี’’ติ เตสํ สภาวนิทสฺสนํ. ‘‘น จินฺเตตพฺพานี’’ติ ตตฺถ กตฺตพฺพตานิทสฺสนํ. ตตฺถ อจินฺเตยฺยานีติ จินฺเตตุมสกฺกุเณยฺยานิ, จินฺเตตุํ อรหรูปานิ น โหนฺตีติ อตฺโถ. อจินฺเตยฺยตฺตา เอว น จินฺเตตพฺพานิ, กามํ อจินฺเตยฺยานิปิ ฉ อสาธารณาทีนิ อนุสฺสรนฺตสฺส กุสลุปฺปตฺติเหตุภาวโต ตานิ จินฺเตตพฺพานิ, อิมานิ ปน เอวํ น ¶ โหนฺตีติ อผลภาวโต น จินฺเตตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. เตเนวาห ‘‘ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. เตสนฺติ เตสํ ปิฏกานํ.
เอตนฺติ เอตํ พุทฺธวจนํ. ติวคฺคสงฺคหานีติ สีลกฺขนฺธวคฺคมหาวคฺคปาถิกวคฺคสงฺขาเตหิ ตีหิ วคฺเคหิ สงฺคโห เอเตสนฺติ ติวคฺคสงฺคหานิ. จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตาติ คาถาย เอวมตฺถโยชนา เวทิตพฺพา – ยสฺส ¶ นิกายสฺส สุตฺตคณนาโต จตุตฺตึเสว จ สุตฺตนฺตา วคฺคสงฺคหวเสน ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสาติ ติวคฺโค สงฺคโห. เอส ปโม นิกาโย ทีฆนิกาโยติ อนุโลมิโก อปจฺจนีโก, อตฺถานุโลมนโต อนฺวตฺถนาโมติ วุตฺตํ โหติ.
อตฺถานุโลมนโต อนุโลมิโก, อนุโลมิกตฺตํเยว วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. เอกนิกายมฺปีติ เอกสมูหมฺปิ. เอวํ จิตฺตนฺติ เอวํ วิจิตฺตํ. ยถยิทนฺติ ยถา อิเม. โปณิกา จิกฺขลฺลิกา จ ขตฺติยา, เตสํ นิวาโส โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโยติ วุจฺจติ. เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต จ โลกโต จาติ เอวมาทีนิ อุทาหรณานิ เอตฺถ นิกายสทฺทสฺส สมูหนิวาสานํ วาจกภาเว สาสนโต จ โวหารโต จ สาธกานิ ปมาณานีติ อตฺโถ. เอตฺถ ปมมุทาหรณํ สาสนโต สาธกวจนํ, ทุติยํ โลกโตติ เวทิตพฺพํ.
ปฺจทสวคฺคสงฺคหานีติ มูลปริยายวคฺคาทีหิ ปฺจทสหิ วคฺเคหิ สงฺคโห เอเตสนฺติ ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ. ทิยฑฺฒสตํ ทฺเว จ สุตฺตานีติ อฑฺเฒน ทุติยํ ทิยฑฺฒํ, เอกํ สตํ ทฺเว ปฺาสสุตฺตานิ จาติ อตฺโถ. ยตฺถาติ ยสฺมึ นิกาเย. ปฺจทสวคฺคปริคฺคโหติ ปฺจทสหิ วคฺเคหิ ปริคฺคหิโต สงฺคหิโตติ อตฺโถ.
สุตฺตนฺตานํ สหสฺสานิ สตฺตสุตฺตสตานิ จาติ ปาเ สุตฺตนฺตานํ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ จาติ โยเชตพฺพํ. กตฺถจิ ปน ‘‘สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต สุตฺตสตานิ จา’’ติปิ ปาโ. สํยุตฺตสงฺคโหติ สํยุตฺตนิกายสฺส สงฺคโห.
ปุพฺเพ นิทสฺสิตาติ สุตฺตนฺตปิฏกนิทฺเทเส นิทสฺสิตา. วุตฺตเมว ปการนฺตเรน สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เปตฺวา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจน’’นฺติ วุตฺตํ. สกลํ วินยปิฏกนฺติอาทินา นิทฺทิฏฺเมว หิ อิมินา ปการนฺตเรน สงฺขิปิตฺวา วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘เปตฺวา จตุโรเปเต’’ติอาทิ. ตทฺนฺติ เตหิ จตูหิ นิกาเยหิ อฺํ อวเสสนฺติ อตฺโถ.
สพฺพเมว ¶ ๒ หิทนฺติ สพฺพเมว อิทํ พุทฺธวจนํ. นวปฺปเภทนฺติ เอตฺถ กถํ ปเนตํ นวปฺปเภทํ โหติ. ตถา หิ นวหิ องฺเคหิ ววตฺถิเตหิ อฺมฺสงฺกรรหิเตหิ ภวิตพฺพํ, ตถา จ สติ อสุตฺตสภาวาเนว เคยฺยงฺคาทีนิ ¶ สิยุํ, อถ สุตฺตสภาวาเนว เคยฺยงฺคาทีนิ, เอวํ สติ สุตฺตนฺติ วิสุํ สุตฺตงฺคเมว น สิยา, เอวํ สนฺเต อฏฺงฺคํ สาสนนฺติ อาปชฺชติ. อปิจ ‘‘สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. สุตฺตฺจ นาม สคาถกํ วา สิยา นิคฺคาถกํ วาติ องฺคทฺวเยเนว ตทุภยํ สงฺคหิตนฺติ ตทุภยวินิมุตฺตฺจ สุตฺตํ อุทานาทิวิเสสสฺารหิตํ นตฺถิ, ยํ สุตฺตงฺคํ สิยา, อถาปิ กถฺจิ วิสุํ สุตฺตงฺคํ สิยา, มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห วา น สิยา คาถาภาวโต ธมฺมปทาทีนํ วิย, เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา สคาถกตฺตา สคาถกวคฺคสฺส วิย, ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –
สุตฺตนฺติ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;
สนิมิตฺตา นิรุฬฺหตฺตา, สหตาฺเน นาฺโต.
ยถาวุตฺตสฺส โทสสฺส, นตฺถิ เอตฺถาวคาหณํ;
ตสฺมา อสงฺกรํเยว, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ.
สพฺพสฺสปิ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามฺวิธิ. ตถา หิ ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ, สาวตฺถิยา สุตฺตวิภงฺเค, สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’’ติอาทิวจนโต วินยาภิธมฺมปริยตฺติวิเสเสสุปิ สุตฺตโวหาโร ทิสฺสติ. เตเนว จ อายสฺมา มหากจฺจาโน เนตฺติยํ (เนตฺติ. สงฺคหวาร) อาห – ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ. ตตฺถ หิ สุตฺตาทิวเสน นวงฺคสฺส สาสนสฺส ปริเยฏฺิ ปริเยสนา อตฺถวิจารณา ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ วุตฺตา. ตเทกเทเสสุ ปน เคยฺยาทโย วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิตฺเตน ปติฏฺิตา. ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํ. โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ วา จุณฺณิยคนฺถํ ‘‘เคยฺย’’นฺติ วทนฺติ. คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ปุจฺฉาวิสชฺชนฺหิ ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ. พฺยากรณเมว เวยฺยากรณํ. เอวํ สนฺเต สคาถกาทีนมฺปิ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. เคยฺยาทิสฺานํ อโนกาสภาวโต สโอกาสโต อโนกาสวิธิ พลวาติ ‘‘คาถาวิรเห สตี’’ติ วิเสสิตตฺตา จ. ตถา หิ ¶ ธมฺมปทาทีสุ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ สคาถกตฺเตปิ โสมนสฺสาณมยิกคาถายุตฺเตสุ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิวจนสมฺพนฺเธสุ ¶ อพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺเตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถาอุทานอิติวุตฺตกอพฺภุตธมฺมสฺา ปติฏฺิตา. เอตฺถ หิ สติปิ สฺนฺตรนิมิตฺตโยเค อโนกาสสฺานํ พลวภาเวเนว คาถาทิสฺา ปติฏฺิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสฺา ปติฏฺิตา, สติปิ ปฺหาวิสชฺชนภาเว สคาถกตฺเต จ เกสุจิ สุตฺตนฺเตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสฺา ปติฏฺิตาติ เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิตฺเตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสฺา ปติฏฺิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยาทโย. ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคํ วิเสสสฺาปริหาเรน สามฺสฺาย ปวตฺตนโต.
นนุ จ เอวํ สนฺเตปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณนฺติ สุตฺตงฺคํ น สมฺภวตีติ โจทนา ตทวตฺถา เอวาติ? น ตทวตฺถา. โสธิตตฺตา. โสธิตฺหิ ปุพฺเพ คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตนฺติ. ยฺจ วุตฺตํ ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ, ตํ น, นิรุฬฺหตฺตาติ. นิรุฬฺโห หิ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตภาโว. น หิ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน ปฺาตานิ, อถ โข สุตฺตภาเวเนว. เตเนว หิ อฏฺกถายํ สุตฺตนามกนฺติ นามคฺคหณํ กตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตมฺปิ นตฺถิ. ยสฺมา สหตาฺเน. สหภาโว หิ นาม อตฺถโต อฺเน โหติ, สห คาถาหีติ จ สคาถกํ. น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ คาถาวินิมุตฺโต โกจิ สุตฺตปฺปเทโส อตฺถิ, โย ‘‘สห คาถาหี’’ติ วุจฺเจยฺย. นนุ จ คาถาสมุทาโย คาถาหิ อฺโ โหติ, ตถา จ ตสฺส วเสน สห คาถาหีติ สคาถกนฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ? ตํ น. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิ. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตมฺปิ น อฺโต. อฺาเยว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตา. อโถ น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ เอวํ สุตฺตาทีนํ องฺคานํ อฺมฺสงฺกราภาโว เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ¶ สุตฺตาทีนิ นวงฺคานิ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวารา’’ติอาทิ. ตตฺถ นิทฺเทโส นาม สุตฺตนิปาเต –
‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจตํ สมิชฺฌติ;
อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มจฺโจ ยทิจฺฉตี’’ติ. (สุ. นิ. ๗๗๒) –
อาทินา ¶ อาคตสฺส อฏฺกวคฺคสฺส,
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก, (อิจฺจายสฺมา อชิโต;)
เกนสฺสุ นปฺปกาสติ;
กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสิ,
กึสุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๘) –
อาทินา อาคตสฺส ปารายนวคฺคสฺส,
‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสํ;
น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายํ,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๓๕) –
อาทินา อาคตสฺส ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส จ ตทตฺถวิภาควเสน สตฺถุกปฺเปน อายสฺมตา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถเรน กโต นิทฺเทโส มหานิทฺเทโส จูฬนิทฺเทโสติ จ วุจฺจติ. เอวมิธ นิทฺเทสสฺส สุตฺตงฺคสงฺคโห ภทนฺตพุทฺธโฆสาจริเยน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. อฺตฺถาปิ จ ทีฆนิกายฏฺกถาทีสุ สพฺพตฺถ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวาราติ นิทฺเทสสฺส สุตฺตงฺคสงฺคโห เอว ทสฺสิโต. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ เนตฺติปกรณฏฺกถายํ เอวเมตสฺส สุตฺตงฺคสงฺคโหว กถิโต. เกจิ ปน นิทฺเทสสฺส คาถาเวยฺยากรณงฺเคสุ ทฺวีสุ สงฺคหํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ นิทฺเทสอฏฺกถายํ อุปเสนตฺเถเรน –
‘‘ตเทตํ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ, ทีฆนิกาโย มชฺฌิมนิกาโย สํยุตฺตนิกาโย องฺคุตฺตรนิกาโย ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ มหานิกาเยสุ ขุทฺทกมหานิกาเย ปริยาปนฺนํ, สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ ¶ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลนฺติ นวสุ สตฺถุสาสนงฺเคสุ ยถาสมฺภวํ คาถาเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหิต’’นฺติ (มหานิ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา).
เอตฺถ ตาว กตฺถจิ ปุจฺฉาวิสชฺชนสภาวโต นิทฺเทเสกเทสสฺส เวยฺยากรณงฺคสงฺคโห ยุชฺชตุ นาม ¶ , คาถงฺคสงฺคโห ปน กถํ ยุชฺเชยฺยาติ อิทเมตฺถ วีมํสิตพฺพํ. ธมฺมปทาทีนํ วิย หิ เกวลํ คาถาพนฺธภาโว คาถงฺคสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ธมฺมปทาทีสุ หิ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ คาถาสมฺา ปติฏฺิตา, นิทฺเทเส จ น โกจิ เกวโล คาถาพนฺธปฺปเทโส อุปลพฺภติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตานํเยว หิ อฏฺกวคฺคาทิสงฺคหิตานํ คาถานํ นิทฺเทสมตฺตํ ธมฺมเสนาปตินา กตํ. อตฺถวิภชนตฺถํ อานีตาปิ หิ ตา อฏฺกวคฺคาทิสงฺคหิตา นิทฺทิสิตพฺพา มูลคาถาโย สุตฺตนิปาตปริยาปนฺนตฺตา อฺาเยวาติ น นิทฺเทสสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ อุภโตวิภงฺคาทีสุ อาคตภาเวปิ ตํ โวหารํ อลภมานา ชาตกาทิคาถาปริยาปนฺนา คาถาโย วิย, ตสฺมา การณนฺตรเมตฺถ คเวสิตพฺพํ, ยุตฺตตรํ วา คเหตพฺพํ.
นาลกสุตฺตตุวฏฺฏกสุตฺตานีติ เอตฺถ นาลกสุตฺตํ นาม ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาวกํ โมเนยฺยปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ ทิสฺวา ตทตฺถํ อภิกงฺขมาเนน ตโต ปภุติ กปฺปสตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อาคเตน อสิตสฺส อิสิโน ภาคิเนยฺเยน นาลกตฺเถเรน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส ‘‘อฺาตเมต’’นฺติอาทีหิ ทฺวีหิ คาถาหิ โมเนยฺยปฏิปทํ ปุฏฺเน ภควตา ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๗๐๖) นาลกตฺเถรสฺส ภาสิตํ โมเนยฺยปฏิปทาปริทีปกํ สุตฺตํ. ตุวฏฺฏกสุตฺตํ ปน มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนาย สนฺนิปติเตสุ เทเวสุ ‘‘กา นุ โข อรหตฺตปฺปตฺติยา ปฏิปตฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อาทิจฺจพนฺธู’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๙๒๑; มหานิ. ๑๕๐ ) นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา ‘‘มูลํ ปปฺจสงฺขายา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๙๒๒) ภาสิตํ สุตฺตํ. เอวมิธสุตฺตนิปาเต อาคตานํ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห ทสฺสิโต, ตตฺเถว อาคตานํ อสุตฺตนามิกานํ สุทฺธิกคาถานํ คาถงฺคสงฺคหฺจ ทสฺสยิสฺสติ, เอวํ สติ สุตฺตนิปาตฏฺกถารมฺเภ –
‘‘คาถาสตสมากิณฺโณ ¶ , เคยฺยพฺยากรณงฺกิโต;
กสฺมา สุตฺตนิปาโตติ, สงฺขเมส คโตติ เจ’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) –
สกลสฺสปิ สุตฺตนิปาตสฺส เคยฺยเวยฺยากรณงฺคสงฺคโห กสฺมา โจทิโตติ? นายํ วิโรโธ. เกวลฺหิ ตตฺถ โจทเกน สคาถกตฺตํ กตฺถจิ ปุจฺฉาวิสชฺชนมตฺตฺจ คเหตฺวา โจทนามตฺตํ กตนฺติ คเหตพฺพํ. อฺถา สุตฺตนิปาเต นิคฺคาถกสฺส สุตฺตสฺเสว อภาวโต เวยฺยากรณงฺคสงฺคโห น โจเทตพฺโพ สิยาติ. สคาถาวคฺโค เคยฺยนฺติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ นาม ปฏิสมฺภิทาที’’ติ ¶ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ปฏิสมฺภิทามคฺคสฺส เคยฺยเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทามคฺคฏฺกถายํ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) ‘‘นวสุ สตฺถุสาสนงฺเคสุ ยถาสมฺภวํ เคยฺยเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหิต’’นฺติ.
โนสุตฺตนามิกาติ อสุตฺตนามิกา. ‘‘สุทฺธิกคาถา นาม วตฺถุคาถา’’ติ ตีสุ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ตตฺถ วตฺถุคาถาติ –
‘‘โกสลานํ ปุรา รมฺมา, อคมา ทกฺขิณาปถํ;
อากิฺจฺํ ปตฺถยาโน, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู’’ติ. (สุ. นิ. ๙๘๒) –
อาทินา ปารายนวคฺคสฺส นิทานํ อาโรเปนฺเตน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน สงฺคีติกาเล วุตฺตา ฉปฺปฺาส จ คาถาโย, อานนฺทตฺเถเรเนว สงฺคีติกาเล นาลกสุตฺตสฺส นิทานํ อาโรเปนฺเตน วุตฺตา –
‘‘อานนฺทชาเต ติทสคเณ ปตีเต,
สกฺกฺจ อินฺทํ สุจิวสเน จ เทเว;
ทุสฺสํ คเหตฺวา อติริว โถมยนฺเต,
อสิโต อิสิ อทฺทส ทิวาวิหาเร’’ติ. (สุ. นิ. ๖๘๔) –
อาทิกา วีสติมตฺตา คาถาโย จ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ‘‘นาลกสุตฺตสฺส วตฺถุคาถาโย นาลกสุตฺตสงฺขฺยํเยว คจฺฉนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๘๕) –
‘‘ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ สงฺคีตึ กโรนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสเปน อายสฺมา อานนฺโท ตเมว โมเนยฺยปฏิปทํ ปุฏฺโ ¶ เยน ยทา จ สมาทปิโต นาลโก ภควนฺตํ ปุจฺฉิ, ตํ สพฺพํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุกาโม ‘อานนฺทชาเต’ติอาทิกา วีสติ วตฺถุคาถาโย วตฺวา อภาสิ. ตํ สพฺพมฺปิ นาลกสุตฺตนฺติ วุจฺจตี’’ติ.
ตสฺมา นาลกสุตฺตสฺส วตฺถุคาถาโย นาลกสุตฺตคฺคหเณเนว สงฺคหิตาติ ปารายนิกวคฺคสฺส วตฺถุคาถาโย อิธ สุทฺธิกคาถาติ คเหตพฺพํ. ตตฺเถว ปนสฺส ปารายนิยวคฺเค อชิตมาณวกาทีนํ โสฬสนฺนํ ¶ พฺราหฺมณานํ ปุจฺฉาคาถา ภควโต วิสชฺชนคาถา จ อิธ สุทฺธิกคาถาติ เอวมฺปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. ตาปิ หิ ปาฬิยํ สุตฺตนาเมน อวตฺวา ‘‘อชิตมาณวกปุจฺฉา ติสฺสเมตฺตยฺยมาณวกปุจฺฉา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๐๓๘-๑๐๔๘) อาคตตฺตา จุณฺณิยคนฺเถหิ อมิสฺสตฺตา จ โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา นามาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อิทานิ อุทานํ สรูปโต ววตฺถเปนฺโต อาห ‘‘โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติอาทิ. เกนฏฺเน (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ปเนตํ ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติ? อุทานนฏฺเน. กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฏฺาปิโต อุทาหาโร. ยถา หิ ยํ เตลาทิ มินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสโก’’ติ วุจฺจติ, ยฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘มโหโฆ’’ติ วุจฺจติ, เอวเมว ยํ ปีติเวคสมุฏฺาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ หทยํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ, โส อธิโก หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ วจีทฺวาเรน นิกฺขนฺโต ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติ. ธมฺมสํเวควเสนปิ อยมากาโร ลพฺภเตว. ตยิทํ กตฺถจิ คาถาพนฺธวเสน กตฺถจิ วากฺยวเสน ปวตฺตํ. ตถา หิ –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เตธ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ ¶ ‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป’’’ติ (อุทา. ๗๑-๗๒) –
อาทีสุ โสมนสฺสาณสมุฏฺิตวากฺยวเสน ปวตฺตํ.
นนุ จ อุทานํ นาม ปีติโสมนสฺสสมุฏฺาปิโต ธมฺมสํเวคสมุฏฺาปิโต วา ธมฺมปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหาโร ตถา เจว สพฺพตฺถ อาคตํ, อิธ กสฺมา ภควา อุทาเนนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสีติ? เตสํ ภิกฺขูนํ สฺาปนตฺถํ. นิพฺพานปฏิสํยุตฺตฺหิ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตฺวา นิพฺพานคุณานุสฺสรเณน อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘อิธ นิพฺพานวชฺโช สพฺโพ สภาวธมฺโม ปจฺจยายตฺตวุตฺติโกว อุปลพฺภติ, น ปจฺจยนิรเปกฺโข, อยํ ปน นิพฺพานธมฺโม กถมปฺปจฺจโย อุปลพฺภตี’’ติ เตสํ ภิกฺขูนํ เจโตปริวิตกฺกมฺาย เตสํ ¶ าเปตุกาโม ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตน’’นฺติ (อุทา. ๗๑)-อาทิมาห. น เอกนฺตโต เต ปฏิคฺคาหเก กตฺวาติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิยํ;
มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห’’ติ. (อุทา. ๔๔) –
เอวมาทิกํ ปน ธมฺมสํเวควสปฺปวตฺตํ อุทานนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๓๑; อุทา. ๑๓) –
อิทมฺปิ ธมฺมสํเวควสปฺปวตฺตํ อุทานนฺติ วทนฺติ. ตถา หิ เอกสฺมึ สมเย สมฺพหุลา โคปาลกา อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวนํ อหึ ทณฺเฑหิ หนนฺติ. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เต ทารเก อหึ ทณฺเฑน หนนฺเต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา กุมารกา อิมํ อหึ ทณฺเฑน หนถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน ภนฺเต’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อิเม ‘อตฺตโน สุขํ กริสฺสามา’ติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตฏฺาเน ทุกฺขํ อนุภวิสฺสนฺติ, อโห อวิชฺชาย นิกติโกสลฺล’’นฺติ ธมฺมสํเวคํ อุปฺปาเทสิ. เตเนว จ ธมฺมสํเวเคน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. เอวเมตํ กตฺถจิ คาถาพนฺธวเสน กตฺถจิ วากฺยวเสน กตฺถจิ โสมนสฺสวเสน กตฺถจิ ธมฺมสํเวควเสน ¶ ปวตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตานี’’ติ ยํ อุทานลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. เยภุยฺเยน หิ อุทานํ คาถาพนฺธวเสน ภาสิตํ ปีติโสมนสฺสสมุฏฺาปิตฺจ.
ตยิทํ สพฺพฺุพุทฺธภาสิตํ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ สาวกภาสิตนฺติ ติวิธํ โหติ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ –
‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตส’’นฺติ. –
อาทินา ขคฺควิสาณสุตฺเต (สุ. นิ. ๓๕) อาคตเมว. สาวกภาสิตานิปิ –
‘‘สพฺโพ ราโค ¶ ปหีโน เม, สพฺโพ โทโส สมูหโต;
สพฺโพ เม วิหโต โมโห, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. –
อาทินา เถรคาถาสุ (เถรคา. ๗๙),
‘‘กาเยน สํวุตา อาสึ, วาจาย อุท เจตสา;
สมูลํ ตณฺหมพฺภุยฺห, สีติภูตามฺหิ นิพฺพุตา’’ติ. –
เถริคาถาสุ (เถรีคา. ๑๕) จ อาคตานิ. อฺานิปิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ ภาสิตานิ ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปติฏฺิต’’นฺติอาทีนิ (อุทา. ๒๗), โสณทณฺฑพฺราหฺมณาทีหิ มนุสฺเสหิ จ ภาสิตานิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต’’ติอาทีนิ (ที. นิ. ๒.๓๗๑; ม. นิ. ๑.๒๙๐) ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหานิ อุทานานิ สนฺติ เอว, น ตานิ อิธ อธิปฺเปตานิ. ยานิ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธน สามํ อาหจฺจภาสิตานิ ชินวจนภูตานิ, ตาเนว จ ธมฺมสงฺคาหเกหิ ‘‘อุทาน’’นฺติ สงฺคีตํ. เอตานิเยว จ สนฺธาย ภควโต ปริยตฺติธมฺมํ นววิธา วิภชิตฺวา อุทฺทิสนฺเตน อุทานนฺติ วุตฺตํ.
ยา ปน ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิคาถา ภควตา โพธิยา มูเล อุทานวเสน ปวตฺติตา อเนกสตสหสฺสานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อุทานภูตา จ, ตา อปรภาเค ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ภควตา เทสิตตฺตา ¶ ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคหํ อนาโรเปตฺวา ธมฺมปเท สงฺคหิตา. ยฺจ ‘‘อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโ’’ติ อุทานวจนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ ปเวทนสมตฺถนิคฺโฆสวิปฺผารํ ภควตา ภาสิตํ, ตทปิ ปมโพธิยํ สพฺเพสํ เอว ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ‘‘อาราธยึสุ วต มํ ภิกฺขู เอกํ สมย’’นฺติอาทิวจนํ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิย ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตเทสนาปริโยสาเน อตฺตนา อธิคตธมฺเมกเทสสฺส ยถาเทสิตสฺส อริยมคฺคสฺส สาวเกสุ สพฺพปมํ เถเรน อธิคตตฺตา อตฺตโน ปริสฺสมสฺส สผลภาวปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ปีติโสมนสฺสชนิตํ อุทาหารมตฺตาํ, น ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๑-๓; อุทา. ๑-๓) วิย ปวตฺติยา นิวตฺติยา วา ปกาสนนฺติ น ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคีตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุทานปาฬิยฺจ โพธิวคฺคาทีสุ อฏฺสุ วคฺเคสุ ทส ทส กตฺวา อสีติเยว สุตฺตนฺตา สงฺคีตา ¶ , ตโตเยว จ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ –
‘‘อสีติ เอว สุตฺตนฺตา, วคฺคา อฏฺ สมาสโต;
คาถา จ ปฺจนวุติ, อุทานสฺส ปกาสิตา.
‘‘อฑฺฒูนนวมตฺตา จ, ภาณวารา ปมาณโต;
เอกาธิกา ตถาสีติ, อุทานสฺสานุสนฺธโย.
‘‘เอกวีสสหสฺสานิ, สตเมว วิจกฺขโณ;
ปทาเนตานุทานสฺส, คณิตานิ วินิทฺทิเส. –
คาถาปาทโต ปน –
‘‘อฏฺสหสฺสมตฺตานิ, จตฺตาเรว สตานิ จ;
ปทาเนตานุทานสฺส, เตวีสติ จ นิทฺทิเส.
‘‘อกฺขรานํ สหสฺสานิ, สฏฺิ สตฺต สตานิ จ;
ตีณิ ทฺวาสีติ จ ตถา, อุทานสฺส ปเวทิตา’’ติ.
อิธ ปน ‘‘ทฺวาสีติ สุตฺตนฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น สเมติ, ตสฺมา ‘‘อสีติ สุตฺตนฺตา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ.
วุตฺตฺเหตํ ¶ ภควตา – ‘‘วุตฺตมรหตาติ เม สุตํ. เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตาย. กตมํ เอกธมฺมํ? โลภํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’’ติ เอวมาทินา เอกกทุกติกจตุกฺกวเสน อิติวุตฺตกปาฬิยํ (อิติวุ. ๑) สงฺคหมาโรปิตานิ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตานิ อิติวุตฺตกํ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตาติ เอตฺถาปิ ‘‘ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ. ตถา หิ เอกกนิปาเต ตาว สตฺตวีสติ สุตฺตานิ, ทุกนิปาเต ทฺวาวีสติ, ติกนิปาเต ¶ ปฺาส, จตุกฺกนิปาเต เตรสาติ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตาเนว อิติวุตฺตกปาฬิยํ อาคตานิ. ตโตเยว จ ปาฬิยํ –
‘‘โลโภ โทโส จ โมโห จ,
โกโธ มกฺเขน ปฺจมํ;
มาโน สพฺพํ ปุน มาโน,
โลโภ โทเสน เตรส.
‘‘โมโห โกโธ ปุน มกฺโข,
นีวรณา ตณฺหาย ปฺจมํ;
ทฺเว เสกฺขเภทา สามคฺคี,
ปทุฏฺนิรเยน เตรส.
‘‘ปสนฺนา เอกมาภายิ, ปุคฺคลํ อตีเตน ปฺจมํ;
เอวฺเจ โอปธิกํ ปฺุํ, สตฺตวีส ปกาสิตา’’ติ. –
เอวมาทินา อุทฺทานคาถาหิ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตานิ คเณตฺวา ทสฺสิตานิ. เตเนว จ อฏฺกถายมฺปิ (อิติวุ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) –
‘‘สุตฺตโต เอกกนิปาเต ตาว สตฺตวีสติ สุตฺตานิ, ทุกนิปาเต ทฺวาวีสติ, ติกนิปาเต ปฺาส, จตุกฺกนิปาเต เตรสาติ ทฺวาทสาธิกสตสุตฺตสงฺคห’’นฺติ –
วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ อปฺปกํ อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตีติ กตฺวา ‘‘ทฺวาสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วุตฺตวจนํ วิย ‘‘ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติปิ สกฺกา ¶ วตฺตุํ, ตถาปิ อีทิเส าเน ปมาณํ ทสฺเสนฺเตน ยาถาวโตว นิยเมตฺวา ทสฺเสตพฺพนฺติ ‘‘ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ อิจฺเจว ปาเน ภวิตพฺพํ.
ชาตํ ภูตํ ปุราวุตฺถํ ภควโต ปุพฺพจริตํ กายติ กเถติ ปกาเสตีติ ชาตกํ.
‘‘จตฺตาโรเม ¶ , ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท. กตเม จตฺตาโร? สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนนปิ สา อตฺตมนา โหติ. ตตฺถ เจ อานนฺโท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติ, อติตฺตาว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา โหติ, อถ อานนฺโท ตุณฺหี ภวติ. สเจ ภิกฺขุนีปริสา…เป… อุปาสกปริสา…เป… อุปาสิกา ปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนนปิ สา อตฺตมนา โหติ. ตตฺถ เจ อานนฺโท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติ, อติตฺตาว, ภิกฺขเว, อุปาสิกาปริสา โหติ, อถ อานนฺโท ตุณฺหี ภวติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๒๙) เอวมาทินยปฺปวตฺตา สพฺเพปิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมํ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว’’ติอาทิ.
จูฬเวทลฺลาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) วิสาเขน นาม อุปาสเกน ปุฏฺาย ธมฺมทินฺนาย นาม ภิกฺขุนิยา ภาสิตํ สุตฺตํ จูฬเวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพํ. มหาเวทลฺลํ (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) ปน มหาโกฏฺิกตฺเถเรน ปุจฺฉิเตน อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ภาสิตํ. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตมฺปิ (ม. นิ. ๑.๘๙ อาทโย) ภิกฺขูหิ ปุฏฺเน เตเนวายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ภาสิตํ. เอตานิ มชฺฌิมนิกายปริยาปนฺนานิ. สกฺกปฺหํ (ที. นิ. ๒.๓๔๔ อาทโย) ปน สกฺเกน ปุฏฺโ ภควา อภาสิ, ตฺจ ทีฆนิกายปริยาปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ. มหาปุณฺณมสุตฺตมฺปิ (ม. นิ. ๓.๘๕ อาทโย) ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณมาย รตฺติยา อฺตเรน ภิกฺขุนา ปุฏฺเน ภควตา ภาสิตํ, ตํ ปน มชฺฌิมนิกายปริยาปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ. เวทนฺติ าณํ. ตุฏฺินฺติ ยถาภาสิตธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา ‘‘สาธุ อยฺเย, สาธาวุโส’’ติอาทินา อพฺภนุโมทนวสปฺปวตฺตํ ปีติโสมนสฺสํ. ลทฺธา ลทฺธาติ ลภิตฺวา ลภิตฺวา, ปุนปฺปุนํ ลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
เอวํ ¶ องฺควเสน สกลมฺปิ พุทฺธวจนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ธมฺมกฺขนฺธวเสน วิภชิตฺวา กเถตุกาโม อาห ‘‘กถํ ธมฺมกฺขนฺธวเสนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ ธมฺมราสิวเสน. ทฺวาสีติ สหสฺสานิ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต คณฺหินฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ พุทฺธโต คณฺหินฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธโต อุคฺคณฺหึ, ทฺเวสหสฺสาธิกานิ อสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ สตฺถุ สนฺติกา อธิคณฺหินฺติ อตฺโถ. ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโตติ ทฺเว ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ภิกฺขุโต อุคฺคณฺหึ, ธมฺมเสนาปติอาทีนํ ภิกฺขูนํ สนฺติกา อธิคณฺหึ. สาริปุตฺตตฺเถราทีหิ ภาสิตานํ สมฺมาทิฏฺิสุตฺตนฺตาทีนํ วเสน หิ ‘‘ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต’’ติ วุตฺตํ. จตุราสีติ สหสฺสานีติ ¶ ตทุภยํ สโมธาเนตฺวา จตุสหสฺสาธิกานิ อสีติ สหสฺสานิ. เย เม ธมฺมา ปวตฺติโนติ เย ธมฺมา มม ปวตฺติโน ปวตฺตมานา ปคุณา วาจุคฺคตา ชิวฺหคฺเค ปริวตฺตนฺติ, เต ธมฺมา จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ วุตฺตํ โหติ. เกจิ ปน ‘‘เย อิเม’’ติ ปทจฺเฉทํ กตฺวา ‘‘เย อิเม ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต ภิกฺขูนฺจ ปวตฺติโน, เตหิ ปวตฺติตา, เตสฺวาหํ ทฺวาสีติ สหสฺสานิ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโตติ เอวํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺธํ วทนฺติ.
เอตฺถ จ สุภสุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๔๔ อาทโย) โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตฺจ (ม. นิ. ๓.๗๙ อาทโย) ปรินิพฺพุเต ภควติ อานนฺทตฺเถเรน วุตฺตตฺตา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ อนฺโตคธํ โหติ, น โหตีติ? ตตฺถ ปฏิสมฺภิทาคณฺิปเท ตาว อิทํ วุตฺตํ ‘‘สยํ วุตฺตธมฺมกฺขนฺธานํ ภิกฺขุโต คหิเตเยว สงฺคเหตฺวา เอวมาหาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ. ภควตา ปน ทินฺนนเย ตฺวา ภาสิตตฺตา สยํ วุตฺตธมฺมกฺขนฺธานมฺปิ ‘‘พุทฺธโต คณฺหิ’’นฺติ เอตฺถ สงฺคหํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอวเมตฺถ วตฺตุํ ยุตฺตตรํ วิย ทิสฺสติ. ภควตาเยว หิ ทินฺนนเย ตฺวา สาวกา ธมฺมํ เทเสนฺติ. เตเนว หิ ตติยสงฺคีติยฺจ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน ภาสิตมฺปิ กถาวตฺถุปฺปกรณํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํ, ตโตเยว จ อตฺตนา ภาสิตมฺปิ สุภสุตฺตาทิ สงฺคีตึ อาโรเปนฺเตน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วุตฺตํ.
เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ โคปกโมคฺคลฺลาเนน พฺราหฺมเณน ‘‘ตฺวํ พหุสฺสุโตติ พุทฺธสาสเน ปากโฏ, กิตฺตกา ธมฺมา เต สตฺถารา ภาสิตา, ตยา ธาริตา’’ติ ปุจฺฉิเต ตสฺส ปฏิวจนํ เทนฺเตน อายสฺมตา ¶ อานนฺทตฺเถเรน เอวํ ‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหิ’’นฺติอาทินา ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธานํ วเสน. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ สติปฏฺานาทิ. สติปฏฺานสุตฺตฺหิ ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๓) จตฺตาโร สติปฏฺาเน อารภิตฺวา เตสํเยว วิภาคทสฺสนวเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘เอกานุสนฺธิก’’นฺติ วุจฺจติ. อเนกานุสนฺธิกนฺติ นานานุสนฺธิกํ ปรินิพฺพานสุตฺตาทิ. ปรินิพฺพานสุตฺตฺหิ นานาาเนสุ นานาธมฺมเทสนานํ วเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘อเนกานุสนฺธิก’’นฺติ วุจฺจติ. คาถาพนฺเธสุ ปฺหปุจฺฉนนฺติ –
‘‘กติ ฉินฺเท กติ ชเห, กติ จุตฺตริ ภาวเย;
กติ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, ‘โอฆติณฺโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๕) –
เอวมาทินยปฺปวตฺตํ ¶ ปฺหปุจฺฉนํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธติ อตฺโถ.
‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;
ปฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, ‘โอฆติณฺโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๕) –
เอวมาทินยปฺปวตฺตํ วิสชฺชนนฺติ เวทิตพฺพํ. ติกทุกภาชนํ นิกฺเขปกณฺฑอฏฺกถากณฺฑวเสน เวทิตพฺพํ. ตสฺมา ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา, สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมา, ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมา, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมา’’ติ เอวมาทีสุ ติเกสุ กุสลตฺติกสฺส วิภชนวเสน ยํ วุตฺตํ นิกฺเขปกณฺเฑ (ธ. ส. ๙๘๕-๙๘๗) –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ตีณิ กุสลมูลานิ อโลโภ อโทโส อโมโห, ตํสมฺปยุตฺโต เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมุฏฺานํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ. อิเม ธมฺมา กุสลา.
‘‘กตเม ธมฺมา อกุสลา? ตีณิ อกุสลมูลานิ โลโภ โทโส โมโห, ตเทกฏฺา จ กิเลสา, ตํสมฺปยุตฺโต เวทนากฺขนฺโธ…เป… มโนกมฺมํ. อิเม ธมฺมา อกุสลา.
‘‘กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา กามาวจรา รูปาวจรา อรูปาวจรา อปริยาปนฺนา เวทนากฺขนฺโธ ¶ …เป… วิฺาณกฺขนฺโธ, เย จ ธมฺมา กิริยา เนว กุสลา นากุสลา น จ กมฺมวิปากา สพฺพฺจ รูปํ อสงฺขตา จ ธาตุ. อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ –
อยเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ. เอวํ เสสตฺติกานมฺปิ เอเกกสฺส ติกสฺส วิภชนํ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เวทิตพฺพํ.
ตถา ‘‘เหตู ธมฺมา’’ติ เอวมาทิเกสุ ทุเกสุ เอเกกสฺส ทุกสฺส วิภชนวเสน ยํ วุตฺตํ –
‘‘กตเม ¶ ธมฺมา เหตู? ตโย กุสลา เหตู, ตโย อกุสลา เหตู, ตโย อพฺยากตา เหตู’’ติ (ธ. ส. ๑๐๕๙) –
อาทิ, ตตฺถาปิ เอเกกสฺส ทุกสฺส วิภชนํ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธ. ปุน อฏฺกถากณฺเฑ (ธ. ส. ๑๓๘๔-๑๓๘๖) –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ. อิเม ธมฺมา กุสลา. กตเม ธมฺมา อกุสลา? ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา. อิเม ธมฺมา อกุสลา. กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? จตูสุ ภูมีสุ วิปาโก ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ รูปฺจ นิพฺพานฺจ. อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ –
เอวมาทินา กุสลตฺติกาทิวิภชนวเสน ปวตฺเตสุ ติกภาชเนสุ เอเกกสฺส ติกสฺส ภาชนํ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธ. ตถา –
‘‘กตเม ธมฺมา เหตู? ตโย กุสลา เหตู, ตโย อกุสลา เหตู, ตโย อพฺยากตา เหตู’’ติ (ธ. ส. ๑๔๔๑) –
อาทินยปฺปวตฺเตสุ ทุกภาชเนสุ เอกเมกํ ทุกภาชนํ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เอวเมตฺถ ติกทุกภาชนวเสน ธมฺมกฺขนฺธวิภาโค เวทิตพฺโพ.
เอกเมกฺจ จิตฺตวารภาชนนฺติ เอตฺถ ปน –
‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑) –
เอวมาทินยปฺปวตฺเต ¶ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ เอกเมกํ จิตฺตวารภาชนํ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธติ คเหตพฺพํ. เอโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เอตฺถ ‘‘เอเกกติกทุกภาชนํ เอกเมกํ จิตฺตวารภาชน’’นฺติ วุตฺตตฺตา เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘เอเกโก’’ติ อวุตฺเตปิ หิ อยมตฺโถ อตฺถโต วิฺายมาโนว โหตีติ ‘‘เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตํ. อตฺถิ วตฺถูติอาทีสุ วตฺถุ นาม สุทินฺนกณฺฑาทิ ¶ . มาติกาติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔) ตสฺมึ ตสฺมึ อชฺฌาจาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทํ. ปทภาชนียนฺติ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส ‘‘โย ปนาติ โย ยาทิโส’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ปารา. ๔๕) วิภชนํ. อนฺตราปตฺตีติ ‘‘ปฏิลาตํ อุกฺขิปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๕๕) เอวมาทินา สิกฺขาปทนฺตเรสุ ปฺตฺตา อาปตฺติ. อนาปตฺตีติ ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส อสาทิยนฺตสฺส อุมฺมตฺตกสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส เวทนาฏฺฏสฺส อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติอาทินยปฺปวตฺโต กจฺเฉโทติ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺเต อติกฺกนฺตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ทสาหาติกฺกนฺเต เวมติโก นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ทสาหาติกฺกนฺเต อนติกฺกนฺตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๔๖๘) เอวมาทินยปฺปวตฺโต ติกปาจิตฺติยติกทุกฺกฏาทิเภโท ติกปริจฺเฉโท.
อิทานิ เอวเมตํ อเภทโต รสวเสน เอกวิธนฺติอาทินา ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย…เป… อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ พุทฺธวจนํ ธมฺมวินยาทิเภเทน ววตฺถเปตฺวา สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปมุเขน วสีคเณน อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฏิมณฺฑิตาย สงฺคีติยา อิมสฺส ปิฏกสฺส วินยภาโว มชฺฌิมพุทฺธวจนาทิภาโว จ ววตฺถาปิโตติ ทสฺเสติ. น เกวลํ อิมเมวิมสฺส ยถาวุตฺตปฺปเภทํ ววตฺถเปตฺวา สงฺคีตํ, อถ โข อฺมฺปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น เกวลฺจ อิมเมวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุทฺทานสงฺคโห ปมปาราชิกาทีสุ อาคตานํ วินีตวตฺถุอาทีนํ สงฺเขปโต สงฺคหทสฺสนวเสน ธมฺมสงฺคาหเกหิ กถิตา –
‘‘มกฺกฏี วชฺชิปุตฺตา จ, คิหี นคฺโค จ ติตฺถิยา;
ทาริกุปฺปลวณฺณา จ, พฺยฺชเนหิปเร ทุเว’’ติ. (ปารา. ๖๖) –
อาทิกา ¶ คาถาโย. สีลกฺขนฺธวคฺคมูลปริยายวคฺคาทิวเสน สงฺคโห วคฺคสงฺคโห. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมเปยฺยาลนีลจกฺกเปยฺยาลาทิววตฺถาปนวเสน เปยฺยาลสงฺคโห. องฺคุตฺตรนิกายาทีสุ เอกกนิปาตาทิสงฺคโห. สํยุตฺตนิกาเย เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน สํยุตฺตสงฺคโห. มชฺฌิมนิกายาทีสุ มูลปณฺณาสกาทิวเสน ปณฺณาสกสงฺคโห.
อสฺส พุทฺธวจนสฺส สงฺคีติปริโยสาเน สาธุการํ ททมานา วิยาติ สมฺพนฺโธ. สงฺกมฺปีติ อุทฺธํ อุทฺธํ คจฺฉนฺตี สุฏฺุ กมฺปิ. สมฺปกมฺปีติ อุทฺธํ อโธ จ คจฺฉนฺตี สมฺปกมฺปิ. สมฺปเวธีติ จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี สุฏฺุ ปเวธิ. อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตานิ อจฺฉริยานิ, ปุปฺผวสฺสเจลุกฺเขปาทีนิ ¶ . ยา ปมมหาสงฺคีติ ธมฺมสงฺคาหเกหิ มหากสฺสปาทีหิ ปฺจหิ สเตหิ เยน กตา สงฺคีตา, เตน ปฺจสตานิ เอติสฺสา อตฺถีติ ‘‘ปฺจสตา’’ติ จ, เถเรเหว กตตฺตา เถรา มหากสฺสปาทโย เอติสฺสา อตฺถีติ ‘‘เถริกา’’ติ จ โลเก วุจฺจติ, อยํ ปมมหาสงฺคีติ นามาติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสตฺวา ยทตฺถํ สา อิธ นิทสฺสิตา, ตํ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมิสฺสา’’ติอาทิมาห. อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตนฺติ ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทิ วกฺขมานํ สพฺพํ นิทานวจนํ วุตฺตํ. กิมตฺถํ ปเนตฺถ ธมฺมวินยสงฺคเห กถิยมาเน นิทานวจนํ วุตฺตํ, นนุ จ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺธเอยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ, เทสกาลกตฺตุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพนฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘ปมปาราชิกํ อาวุโส, อุปาลิ, กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสชฺชนํ กโรนฺเตน อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทินา ปมปาราชิกสฺส นิทานํ ภาสิตํ.
อปิจ สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถกา ปฏิปตฺติ อตฺตหิตตฺถา วา, ตสฺมา ¶ ปเรสํเยวตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กพฺพรจนา. ตยิทํ สตฺถุรจิตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสียติ.
อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตฺจสฺส ปมาณภาวทสฺสนํ ‘‘พุทฺโธ ภควา’’ติ อิมินา ปททฺวเยน วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํ. พุทฺโธติ หิ อิมินา ตถาคตสฺส อนฺสาธารณสุปริสุทฺธาณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน, ภควาติ จ อิมินา ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตาทิโทสปฺปหานทีปเนน, ตโต เอว จ สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตนิทสฺสนํ.
ตตฺรายํ อาจริยปรมฺปราติ ตสฺมึ ชมฺพุทีเป อยํ อาจริยานํ ปรมฺปรา ปเวณี ปฏิปาฏิ. อุปาลิ ทาสโกติอาทีสุ อุปาลิตฺเถโร ปากโฏเยว, ทาสกตฺเถราทโย ปน เอวํ เวทิตพฺพา ¶ . เวสาลิยํ กิร เอโก ทาสโก นาม พฺราหฺมณมาณโว ติณฺณํ อนฺเตวาสิกสตานํ เชฏฺนฺเตวาสิโก หุตฺวา อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต ทฺวาทสวสฺสิโกเยว ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อโหสิ. โส เอกทิวสํ อนฺเตวาสิกปริวุโต ธมฺมวินยํ สงฺคายิตฺวา วาลิการาเม นิวสนฺตํ อายสฺมนฺตํ อุปาลิตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน เวเทสุ สพฺพานิ คณฺิฏฺานานิ เถรํ ปุจฺฉิ. เถโรปิ สพฺพํ พฺยากริตฺวา สยมฺปิ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต นามํ สนฺธาย อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ ‘‘เอกธมฺโม โข, มาณว, สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนุปตติ, สพฺเพปิ, มาณว, ธมฺมา เอกธมฺมสฺมึ โอสรนฺติ, กตโม นุ โข โส, มาณวก, ธมฺโม’’ติ. โสปิ โข มาณโว ปฺหสฺส อตฺถํ อชานนฺโต ‘‘กิมิทํ โภ ปพฺพชิตา’’ติ อาห. พุทฺธมนฺโตยํ มาณวาติ. สกฺกา ปนายํ โภ มยฺหมฺปิ ทาตุนฺติ. สกฺกา, มาณว, อมฺเหหิ คหิตปพฺพชฺชํ คณฺหนฺตสฺส ทาตุนฺติ. ‘‘สาธุ โข โภ ปพฺพชิตา’’ติ มาณโว สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน มาตรํ ปิตรํ อาจริยฺจ อนุชานาเปตฺวา ตีหิ อนฺเตวาสิกสเตหิ สทฺธึ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปริปุณฺณวีสติวสฺโส อุปสมฺปทํ ¶ ลภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโร ตํ ธุรํ กตฺวา ขีณาสวสหสฺสสฺส ปิฏกตฺตยํ วาเจสิ.
โสณโก ปน ทาสกตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก. โส กิร กาสีสุ เอกสฺส วาณิชกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา ปฺจทสวสฺสุทฺเทสิโก เอกํ สมยํ มาตาปิตูหิ สทฺธึ วาณิชฺชาย คิริพฺพชํ คโต. ตโต ปฺจปฺาสทารเกหิ สทฺธึ เวฬุวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทาสกตฺเถรํ สปริสํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺโน ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา เถเรน มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ‘‘ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺโต มาตาปิตุสนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา เตสุ อนิจฺฉนฺเตสุ ฉินฺนภตฺโต หุตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ปฺจปฺาสาย ทารเกหิ สทฺธึ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ เถโร สกลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาเปสิ. โสปิ คณปาโมกฺโข หุตฺวา พหูนํ ธมฺมวินยํ วาเจสิ.
สิคฺควตฺเถโร ปน โสณกตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ. โส กิร ปาฏลิปุตฺเต สิคฺคโว นาม อมจฺจปุตฺโต หุตฺวา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ สมฺปตฺตึ อนุภวมาโน เอกทิวสํ อตฺตโน สหาเยน จณฺฑวชฺชินา เสฏฺิปุตฺเตน สทฺธึ สปริวาโร กุกฺกุฏารามํ คนฺตฺวา ตตฺถ โสณกตฺเถรํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตนา สทฺธึ อนาลปนฺตํ ตฺวา คนฺตฺวา ตํ การณํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘สมาปตฺตึ สมาปนฺนา นาลปนฺตี’’ติ วุตฺโต ‘‘กถํ, ภนฺเต, สมาปตฺติโต วุฏฺหนฺตี’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา เตหิ จ ภิกฺขูหิ ‘‘สตฺถุโน เจว สงฺฆสฺส จ ปกฺโกสนาย ยถาปริจฺฉินฺนกาลโต อายุสงฺขยา ¶ จ วุฏฺหนฺตี’’ติ วตฺวา ตสฺส สปริวารสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา สงฺฆสฺส วจเนน นิโรธา วุฏฺาปิตํ โสณกตฺเถรํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มยา สทฺธึ นาลปิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เถเรน ‘‘ภฺุชิตพฺพกํ กุมาร ภฺุชิมฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, อมฺเหหิปิ ตํ โภเชตุ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สกฺกา, กุมาร, อมฺหาทิเส กตฺวา โภเชตุ’’นฺติ วุตฺเต ตมตฺถํ มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา เตหิ อนฺุาโต อตฺตโน สหาเยน จณฺฑวชฺชินา เตหิ จ ปฺจหิ ปุริสสเตหิ สทฺธึ โสณกตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน อโหสิ. ตตฺถ สิคฺคโว จ จณฺฑวชฺชี จ ทฺเว ¶ อุปชฺฌายสฺเสว สนฺติเก ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อปรภาเค ฉฬภิฺา อเหสุํ.
ติสฺสสฺส ปน โมคฺคลิปุตฺตสฺส อนุปุพฺพกถา ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. วิชิตาวิโนติ วิชิตสพฺพกิเลสปฏิปกฺขตฺตา วิชิตวนฺโต. ปรมฺปรายาติ ปฏิปาฏิยา, อนุกฺกเมนาติ วุตฺตํ โหติ. ชมฺพุสิริวฺหเยติ ชมฺพุสทิสนาเม, ชมฺพุนามเกติ วุตฺตํ โหติ. มหนฺเตน หิ ชมฺพุรุกฺเขน อภิลกฺขิตตฺตา ทีโปปิ ‘‘ชมฺพู’’ติ วุจฺจติ. อจฺฉิชฺชมานํ อวินสฺสมานํ กตฺวา.
วินยวํสนฺติอาทีหิ ตีหิ วินยปาฬิเยว กถิตา ปริยายวจนตฺตา. ปกตฺุตนฺติ เวยฺยตฺติยํ, ปฏุภาวนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธุรคฺคาโห อโหสีติ ปธานคฺคาหี อโหสิ, สพฺเพสํ ปาโมกฺโข หุตฺวา คณฺหีติ วุตฺตํ โหติ. ภิกฺขูนํ สมุทาโย สมูโห ภิกฺขุสมุทาโย, สมณคโณติ อตฺโถ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา สมตฺตา.
ทุติยสงฺคีติกถาวณฺณนา
‘‘ยทา นิพฺพายึสู’’ติ สมฺพนฺโธ. โชตยิตฺวา จ สพฺพธีติ ตเมว สทฺธมฺมํ สพฺพตฺถ ปกาสยิตฺวา. ‘‘ชุติมนฺโต’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน ‘‘ชุตีมนฺโต’’ติ วุตฺตํ, ปฺาโชติสมฺปนฺนาติ อตฺโถ, เตชวนฺโตติ วา, มหานุภาวาติ วุตฺตํ โหติ. นิพฺพายึสูติ อนุปาทิเสสาย ¶ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายึสุ. ปหีนสพฺพกิเลสตฺตา นตฺถิ เอเตสํ กตฺถจิ อาลโย ตณฺหาติ อนาลยา, วีตราคาติ วุตฺตํ โหติ.
วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควตีติ วสฺสสตํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ วสฺสสตปรินิพฺพุโต, ภควา, ตสฺมึ ปรินิพฺพานโต วสฺสสเต อติกฺกนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. เวสาลิกาติ เวสาลีนิวาสิโน. วชฺชิปุตฺตกาติ วชฺชิรฏฺเ เวสาลิยํ กุลานํ ปุตฺตา. กปฺปติ สิงฺคีโลณกปฺโปติ สิงฺเคน โลณํ ปริหริตฺวา ปริหริตฺวา อโลณกปิณฺฑปาเตน สทฺธึ ภฺุชิตุํ กปฺปติ, น สนฺนิธึ กโรตีติ อธิปฺปาโย. กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโปติ ทฺวงฺคุลํ ¶ อติกฺกนฺตาย ฉายาย วิกาเล โภชนํ ภฺุชิตุํ กปฺปตีติ อตฺโถ. กปฺปติ คามนฺตรกปฺโปติ ‘‘คามนฺตรํ คมิสฺสามี’’ติ ปวาริเตน อนติริตฺตโภชนํ ภฺุชิตุํ กปฺปตีติ อตฺโถ. กปฺปติ อาวาสกปฺโปติ เอกสีมายํ นานาเสนาสเนสุ วิสุํ วิสุํ อุโปสถาทีนิ สงฺฆกมฺมานิ กาตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. กปฺปติ อนุมติกปฺโปติ ‘‘อนาคตานํ อาคตกาเล อนุมตึ คเหสฺสามี’’ติ เตสุ อนาคเตสุเยว วคฺเคน สงฺเฆน กมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อนุมตึ คเหตุํ กปฺปติ, วคฺคกมฺมํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโปติ อาจริยุปชฺฌาเยหิ อาจิณฺโณ กปฺปตีติ อตฺโถ. โส ปน เอกจฺโจ กปฺปติ ธมฺมิโก, เอกจฺโจ น กปฺปติ อธมฺมิโกติ เวทิตพฺโพ. กปฺปติ อมถิตกปฺโปติ ยํ ขีรํ ขีรภาวํ วิชหิตํ ทธิภาวํ อสมฺปตฺตํ, ตํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ภฺุชิตุํ กปฺปตีติ อตฺโถ. กปฺปติ ชโลคึ ปาตุนฺติ เอตฺถ ชโลคีติ ตรุณสุรา. ยํ มชฺชสมฺภารํ เอกโต กตํ มชฺชภาวมสมฺปตฺตํ, ตํ ปาตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ชาตรูปรชตนฺติ สรสโต วิการํ อนาปชฺชิตฺวา สพฺพทา ชาตํ รูปเมว โหตีติ ชาตํ รูปเมตสฺสาติ ชาตรูปํ, สุวณฺณํ. ธวลสภาวตาย ราชตีติ รชตํ, รูปิยํ. สุสุนาคปุตฺโตติ สุสุนาคสฺส ปุตฺโต.
กากณฺฑกปุตฺโตติ กากณฺฑกพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต. วชฺชีสูติ ชนปทวจนตฺตา พหุวจนํ กตํ. เอโกปิ หิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺทตฺตา พหุวจเนน วุจฺจติ. เยน เวสาลี, ตทวสรีติ เยน ทิสาภาเคน เวสาลี อวสริตพฺพา, ยสฺมึ วา ปเทเส เวสาลี, ตทวสริ, ตํ ปตฺโตติ อตฺโถ. มหาวเน กูฏาคารสาลายนฺติ เอตฺถ มหาวนํ นาม สยํชาตมโรปิมํ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนํ. กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวนฺเตน สห เอกาพทฺธํ อปริจฺเฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตํ, อิทํ ตาทิสํ น โหตีติ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนนฺติ มหาวนํ. กูฏาคารสาลา ปน มหาวนํ นิสฺสาย กเต อาราเม กูฏาคารํ อนฺโต กตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน หํสมณฺฑลากาเรน กตา.
ตทหุโปสเถติ ¶ เอตฺถ ตทหูติ ตสฺมึ อหนิ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสิตพฺพทิวโส. อุปวสนฺตีติ จ สีเลน วา สพฺพโส อาหารสฺส จ อภฺุชนสงฺขาเตน อนสเนน ¶ วา ขีรปานมธุปานาทิมตฺเตน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. โส ปเนส ทิวโส อฏฺมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีเภเทน ติวิโธ. กตฺถจิ ปน ปาติโมกฺเขปิ สีเลปิ อุปวาเสปิ ปฺตฺติยมฺปิ อุโปสถสทฺโท อาคโต. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต. ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข วิสาเข อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) สีเล. ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา เผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖; ม. นิ. ๓.๒๕๘) ปฺตฺติยฺจ อาคโต. ตตฺถ อุเปจฺจ วสิตพฺพโต อุโปสโถ ปาติโมกฺขุทฺเทโส. อุเปเตน สมนฺนาคเตน หุตฺวา วสิตพฺพโต สนฺตาเน วาเสตพฺพโต อุโปสโถ สีลํ. อสนาทิสํยมาทึ วา อุเปจฺจ วสนฺตีติ อุโปสโถ อุปวาโส. ตถารูเป หตฺถิอสฺสวิเสเส อุโปสโถติ สมฺามตฺตโต อุโปสโถ ปฺตฺติ. อิธ ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุกา อาวาสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๘๑) วิย อุโปสถทิวโส อธิปฺเปโต, ตสฺมา ตทหุโปสเถติ ตสฺมึ อุโปสถทิวเสติ อตฺโถ. กํสปาตินฺติ สุวณฺณปาตึ. กหาปณมฺปีติอาทีสุ กหาปณสฺส สมภาโค อฑฺโฒ. ปาโท จตุตฺถภาโค. มาสโกเยว มาสกรูปํ. สพฺพํ ตาว วตฺตพฺพนฺติ อิมินา สตฺตสติกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๔๖ อาทโย) อาคตา สพฺพาปิ ปาฬิ อิธ อาเนตฺวา วตฺตพฺพาติ ทสฺเสติ. สา กุโต วตฺตพฺพาติ อาห ‘‘ยาว อิมาย ปน วินยสงฺคีติยา’’ติอาทิ. สงฺคายิตสทิสเมว สงฺคายึสูติ สมฺพนฺโธ.
ปุพฺเพ กตํ อุปาทายาติ ปุพฺเพ กตํ ปมสงฺคีติมุปาทาย. สา ปนายํ สงฺคีตีติ สมฺพนฺโธ. เตสูติ เตสุ สงฺคีติการเกสุ เถเรสุ. วิสฺสุตาติ คณปาโมกฺขตาย วิสฺสุตา สพฺพตฺถ ปากฏา. ตสฺมิฺหิ สนฺนิปาเต อฏฺเว คณปาโมกฺขา มหาเถรา อเหสุํ, เตสุ จ วาสภคามี สุมโนติ ทฺเว เถรา อนุรุทฺธตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกา, อวเสสา ฉ อานนฺทตฺเถรสฺส. เอเต ปน สพฺเพปิ อฏฺ มหาเถรา ภควนฺตํ ทิฏฺปุพฺพา. อิทานิ เต เถเร สรูปโต ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สพฺพกามี จา’’ติอาทิ. สาณสมฺภูโตติ สาณเทสวาสี สมฺภูตตฺเถโร ¶ . ทุติโย สงฺคโหติ สมฺพนฺโธ. ปนฺนภาราติ ปติตกฺขนฺธภารา. ‘‘ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๒) หิ วุตฺตํ. กตกิจฺจาติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพสฺส ปริฺาปหานสอฉกิริยาภาวนาสงฺขาตสฺส โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส ปรินิฏฺิตตฺตา กตกิจฺจา.
อพฺพุทนฺติ อุปทฺทวํ วทนฺติ โจรกมฺมมฺปิ ภควโต วจนํ เถเนตฺวา อตฺตโน วจนสฺส ทีปนโต ¶ . คณฺิปเท ปน ‘‘อพฺพุทํ คณฺโฑ’’ติ วุตฺตํ. อิมนฺติ วกฺขมานนิทสฺสนํ. สนฺทิสฺสมานา มุขา สมฺมุขา. อุปริพฺรหฺมโลกูปปตฺติยา ภาวิตมคฺคนฺติ อุปริพฺรหฺมโลเก อุปปตฺติยา อุปฺปาทิตชฺฌานํ. ฌานฺหิ ตตฺรูปปตฺติยา อุปายภาวโต อิธ ‘‘มคฺโค’’ติ วุตฺตํ. อุปาโย หิ ‘‘มคฺโค’’ติ วุจฺจติ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ – ตํ ตํ อุปปตฺตึ มคฺคติ คเวสติ ชเนติ นิปฺผาเทตีติ มคฺโคติ เอวํ เวทิตพฺโพ. อตฺถโต จายํ มคฺโค นาม เจตนาปิ โหติ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ตทุภยมฺปิ. ‘‘นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ชานามิ นิรยคามิฺจ มคฺค’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) หิ เอตฺถ เจตนา มคฺโค นาม.
‘‘สทฺธา หิริยํ กุสลฺจ ทานํ,
ธมฺมา เอเต สปฺปุริสานุยาตา;
เอตฺหิ มคฺคํ ทิวิยํ วทนฺติ,
เอเตน หิ คจฺฉติ เทวโลก’’นฺติ. (อ. นิ. ๘.๓๒; กถา. ๔๗๙) –
เอตฺถ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มคฺโค นาม. ‘‘อยํ ภิกฺขเว มคฺโค อยํ ปฏิปทา’’ติ สงฺขารูปปตฺติสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๖๑) เจตนาปิ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ มคฺโค นาม. อิมสฺมึ าเน ฌานสฺส อธิปฺเปตตฺตา เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา คเหตพฺพา.
โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺสาติ โลกสมฺมตสฺส อปุตฺตกสฺส โมคฺคลินามพฺราหฺมณสฺส. นนุ จ กถเมตํ นาม วุตฺตํ ‘‘โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหสฺสตี’’ติ. กึ อุปรูปปตฺติยา ปฏิลทฺธสมาปตฺตีนมฺปิ กามาวจเร อุปฺปตฺติ โหตีติ? โหติ. สา จ กตาธิการานํ มหาปฺุานํ เจโตปณิธิวเสน โหติ, น สพฺเพสนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ มหคฺคตสฺส ครุกกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา ปริตฺตกมฺมํ กถมตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตีติ? เอตฺถ จ ตาว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อิทํ ¶ วุตฺตํ ‘‘นิกนฺติพเลเนว ฌานา ปริหายติ, ตโต ปริหีนชฺฌานา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อนีวรณาวตฺถาย นิกนฺติยา ฌานสฺส ปริหานิ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา’’ติ วตฺวา เอวเมตฺถ การณํ วทนฺติ ‘‘สติปิ มหคฺคตกมฺมุโน วิปากปฏิพาหนสมตฺถสฺส ปริตฺตกมฺมสฺสปิ อภาเว ‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๗; อ. นิ. ๘.๓๕; สํ. นิ. ๔.๓๕๒) วจนโต กามภเว เจโตปณิธิ มหคฺคตกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา ปริตฺตกมฺมุโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ.
สาธุ ¶ สปฺปุริสาติ เอตฺถ สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต, ตํ ยาจามาติ อตฺโถ. หฏฺปหฏฺโติ จิตฺตปีณนวเสน ปุนปฺปุนํ สนฺตุฏฺโ. อุทคฺคุทคฺโคติ สรีรวิการุปฺปาทนปีติวเสน อุทคฺคุทคฺโค. ปีติมา หิ ปุคฺคโล กายจิตฺตานํ อุคฺคตตฺตา อพฺภุคฺคตตฺตา ‘‘อุทคฺโค’’ติ วุจฺจติ. สาธูติ ปฏิสฺสุณิตฺวาติ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิวจนํ ทตฺวา. ตีเรตฺวาติ นิฏฺเปตฺวา. ปุน ปจฺจาคมึสูติ ปุน อาคมึสุ. เตน โข ปน สมเยนาติ ยสฺมึ สมเย ทุติยสงฺคีตึ อกํสุ, ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. นวกาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ทหรภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. ตํ อธิกรณํ น สมฺปาปุณึสูติ ตํ วชฺชิปุตฺตเกหิ อุปฺปาทิตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุํ น สมฺปาปุณึสุ นาคมึสุ. โน อหุวตฺถาติ สมฺพนฺโธ. อิทํ ทณฺฑกมฺมนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยาวตายุกํ ตฺวา ปรินิพฺพุตาติ สมฺพนฺโธ, ยาว อตฺตโน อตฺตโน อายุปริมาณํ, ตาว ตฺวา ปรินิพฺพุตาติ อตฺโถ.
กึ ปน กตฺวา เต เถรา ปรินิพฺพุตาติ อาห ‘‘ทุติยํ สงฺคหํ กตฺวา’’ติอาทิ. อนาคเตปิ สทฺธมฺมวุฑฺฒิยา เหตุํ กตฺวา ปรินิพฺพุตาติ สมฺพนฺโธ. อิทานิ ‘‘เตปิ นาม เอวํ มหานุภาวา เถรา อนิจฺจตาย วสํ คตา, กิมงฺคํ ปน อฺเ’’ติ สํเวเชตฺวา โอวทนฺโต อาห ‘‘ขีณาสวา’’ติอาทิ. อนิจฺจตาวสนฺติ อนิจฺจตาวสตฺตํ, อนิจฺจตายตฺตภาวํ อนิจฺจตาธีนภาวนฺติ วุตฺตํ โหติ. ชมฺมึ ลามกํ ทุรภิสมฺภวํ อนภิภวนียํ อติกฺกมิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อนิจฺจตํ เอวํ ตฺวาติ สมฺพนฺโธ. เกจิ ปน ‘‘ทุรภิสมฺภว’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ปาปุณิตุํ อสกฺกุเณยฺย’’นฺติ อิมมตฺถํ คเหตฺวา ‘‘ยํ ทุรภิสมฺภวํ นิจฺจํ อมตํ ปทํ, ตํ ปตฺตุํ วายเม ธีโร’’ติ สมฺพนฺธํ ¶ วทนฺติ. สพฺพากาเรนาติ สพฺพปฺปกาเรน วตฺตพฺพํ กิฺจิปิ อเสเสตฺวา ทุติยสงฺคีติ สํวณฺณิตาติ อธิปฺปาโย.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ทุติยสงฺคีติกถาวณฺณนา สมตฺตา.
ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนา
อิมิสฺสา ปน สงฺคีติยา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ นิกฺกฑฺฒิตา เต ทสสหสฺสา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ปกฺขํ ปริเยสมานา อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปํ ทุพฺพลปกฺขํ ลภิตฺวา วิสุํ มหาสงฺฆิกํ อาจริยกุลํ ¶ นาม อกํสุ, ตโต ภิชฺชิตฺวา อปรานิ ทฺเว อาจริยกุลานิ ชาตานิ โคกุลิกา จ เอกพฺโยหาริกา จ. โคกุลิกนิกายโต ภิชฺชิตฺวา อปรานิ ทฺเว อาจริยกุลานิ ชาตานิ ปณฺณตฺติวาทา จ พาหุลิยา จ. พหุสฺสุติกาติปิ เตสํเยว นามํ, เตสํเยว อนฺตรา เจติยวาทา นาม อปเร อาจริยวาทา อุปฺปนฺนา. เอวํ มหาสงฺฆิกาจริยกุลโต ทุติเย วสฺสสเต ปฺจาจริยกุลานิ อุปฺปนฺนานิ, ตานิ มหาสงฺฆิเกหิ สทฺธึ ฉ โหนฺติ.
ตสฺมึเยว ทุติเย วสฺสสเต เถรวาทโต ภิชฺชิตฺวา ทฺเว อาจริยวาทา อุปฺปนฺนา มหิสาสกา จ วชฺชิปุตฺตกา จ. ตตฺถ วชฺชิปุตฺตกวาทโต ภิชฺชิตฺวา อปเร จตฺตาโร อาจริยวาทา อุปฺปนฺนา ธมฺมุตฺตริกา ภทฺทยานิกา ฉนฺนาคาริกา สมิติกาติ. ปุน ตสฺมึเยว ทุติเย วสฺสสเต มหิสาสกวาทโต ภิชฺชิตฺวา สพฺพตฺถิวาทา ธมฺมคุตฺติกาติ ทฺเว อาจริยวาทา อุปฺปนฺนา. ปุน สพฺพตฺถิวาทกุลโต ภิชฺชิตฺวา กสฺสปิกา นาม ชาตา, กสฺสปิเกสุปิ ภินฺเนสุ อปเร สงฺกนฺติกา นาม ชาตา, สงฺกนฺติเกสุ ภินฺเนสุ สุตฺตวาทา นาม ชาตาติ เถรวาทโต ภิชฺชิตฺวา อิเม เอกาทส อาจริยวาทา อุปฺปนฺนา, เต เถรวาเทน สทฺธึ ทฺวาทส โหนฺติ. อิติ อิเม จ ทฺวาทส มหาสงฺฆิกานฺจ ฉ อาจริยวาทาติ สพฺเพ อฏฺารส อาจริยวาทา ทุติเย วสฺสสเต ¶ อุปฺปนฺนา. อฏฺารส นิกายาติปิ อฏฺารสาจริยกุลานีติปิ เอเตสํเยว นามํ. เอเตสุ ปน สตฺตรส วาทา ภินฺนกา, เถรวาโทเวโก อสมฺภินฺนโกติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ทีปวํเส –
‘‘นิกฺกฑฺฒิตา ปาปภิกฺขู, เถเรหิ วชฺชิปุตฺตกา;
อฺํ ปกฺขํ ลภิตฺวาน, อธมฺมวาที พหู ชนา.
‘‘ทสสหสฺสา สมาคนฺตฺวา, อกํสุ ธมฺมสงฺคหํ;
ตสฺมายํ ธมฺมสงฺคีติ, มหาสงฺคีติ วุจฺจติ.
‘‘มหาสงฺคีติกา ภิกฺขู, วิโลมํ อกํสุ สาสเน;
ภินฺทิตฺวา มูลสงฺคหํ, อฺํ อกํสุ สงฺคหํ.
‘‘อฺตฺร สงฺคหิตํ สุตฺตํ, อฺตฺร อกรึสุ เต;
อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, วินเย นิกาเยสุ จ ปฺจสุ.
‘‘ปริยายเทสิตฺจาปิ ¶ , อโถ นิปฺปริยายเทสิตํ;
นีตตฺถฺเจว เนยฺยตฺถํ, อชานิตฺวาน ภิกฺขโว.
‘‘อฺํ สนฺธาย ภณิตํ, อฺํ อตฺถํ ปยึสุ เต;
พฺยฺชนจฺฉายาย เต ภิกฺขู, พหุํ อตฺถํ วินาสยุํ.
‘‘ฉฑฺเฑตฺวาน เอกเทสํ, สุตฺตํ วินยคมฺภิรํ;
ปติรูปํ สุตฺตํ วินยํ, ตฺจ อฺํ กรึสุ เต.
‘‘ปริวารํ อตฺถุทฺธารํ, อภิธมฺมํ ฉปฺปกรณํ;
ปฏิสมฺภิทฺจ นิทฺเทสํ, เอกเทสฺจ ชาตกํ;
เอตฺตกํ วิสฺสชฺเชตฺวาน, อฺานิ อกรึสุ เต.
‘‘นามํ ลิงฺคํ ปริกฺขารํ, อากปฺปกรณานิ จ;
ปกติภาวํ วิชหิตฺวา, ตฺจ อฺํ อกํสุ เต.
‘‘ปุพฺพงฺคมา ภินฺนวาทา, มหาสงฺคีติการกา;
เตสฺจ อนุกาเรน, ภินฺนวาทา พหู อหุ.
‘‘ตโต อปรกาลมฺหิ, ตสฺมึ เภโท อชายถ;
โคกุลิกา เอกพฺโยหาริ, ทฺวิธา ภิชฺชิตฺถ ภิกฺขโว.
‘‘โคกุลิกานํ ¶ ทฺเว เภทา, อปรกาลมฺหิ ชายถ;
พหุสฺสุติกา จ ปฺตฺติ, ทฺวิธา ภิชฺชิตฺถ ภิกฺขโว.
‘‘เจติยา จ ปุนวาที, มหาสงฺคีติเภทกา;
ปฺจ วาทา อิเม สพฺเพ, มหาสงฺคีติมูลกา.
‘‘อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, เอกเทสฺจ สงฺคหํ;
คนฺถฺจ เอกเทสฺหิ, ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อกํสุ เต.
‘‘นามํ ¶ ลิงฺคํ ปริกฺขารํ, อากปฺปกรณานิ จ;
ปกติภาวํ วิชหิตฺวา, ตฺจ อฺํ อกํสุ เต.
‘‘วิสุทฺธตฺเถรวาทมฺหิ, ปุน เภโท อชายถ;
มหิสาสกา วชฺชิปุตฺตกา, ทฺวิธา ภิชฺชิตฺถ ภิกฺขโว.
‘‘วชฺชิปุตฺตกวาทมฺหิ, จตุธา เภโท อชายถ;
ธมฺมตฺตุริกา ภทฺทยานิกา, ฉนฺนาคาริกา จ สมิติ.
‘‘มหิสาสกานํ ทฺเว เภทา, อปรกาลมฺหิ อชายถ;
สพฺพตฺถิวาทา ธมฺมคุตฺตา, ทฺวิธา ภิชฺชิตฺถ ภิกฺขโว.
‘‘สพฺพตฺถิวาทานํ กสฺสปิกา, สงฺกนฺติ กสฺสปิเกน จ;
สงฺกนฺติกานํ สุตฺตวาที, อนุปุพฺเพน ภิชฺชถ.
‘‘อิเม เอกาทส วาทา, ปภินฺนา เถรวาทโต;
อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, เอกเทสฺจ สงฺคหํ;
คนฺถฺจ เอกเทสฺหิ, ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อกํสุ เต.
‘‘นามํ ลิงฺคํ ปริกฺขารํ, อากปฺปกรณานิ จ;
ปกติภาวํ วิชหิตฺวา, ตฺจ อฺํ อกํสุ เต.
‘‘สตฺตรส ภินฺนวาทา, เอกวาโท อภินฺนโก;
สพฺเพวฏฺารส โหนฺติ, ภินฺนวาเทน เต สห;
นิคฺโรโธว มหารุกฺโข, เถรวาทานมุตฺตโม.
‘‘อนูนํ อนธิกฺจ, เกวลํ ชินสาสนํ;
กณฺฏกา วิย รุกฺขมฺหิ, นิพฺพตฺตา วาทเสสกา.
‘‘ปเม ¶ ¶ วสฺสสเต นตฺถิ, ทุติเย วสฺสสตนฺตเร;
ภินฺนา สตฺตรส วาทา, อุปฺปนฺนา ชินสาสเน’’ติ.
อปราปรํ ปน เหมวตา ราชคิริกา สิทฺธตฺถิกา ปุพฺพเสลิยา อปรเสลิยา วาชิริยาติ อฺเปิ ฉ อาจริยวาทา อุปฺปนฺนา. ปุริมกานํ ปน อฏฺารสนฺนํ อาจริยวาทานํ วเสน ปวตฺตมาเน สาสเน อโสโก ธมฺมราชา ปฏิลทฺธสทฺโธ ทิวเส ทิวเส พุทฺธปูชาย สตสหสฺสํ, ธมฺมปูชาย สตสหสฺสํ, สงฺฆปูชาย สตสหสฺสํ, อตฺตโน อาจริยสฺส นิคฺโรธตฺเถรสฺส สตสหสฺสํ, จตูสุ ทฺวาเรสุ เภสชฺชตฺถาย สตสหสฺสนฺติ ปฺจ สตสหสฺสานิ ปริจฺจชนฺโต สาสเน อุฬารํ ลาภสกฺการํ ปวตฺเตสิ. ตทา หตลาภสกฺกาเรหิ ติตฺถิเยหิ อุปฺปาทิตํ อเนกปฺปการํ สาสนมลํ วิโสเธตฺวา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ติปิฏกปริยตฺติธรานํ ปภินฺนปฏิสมฺภิทานํ ภิกฺขูนํ สหสฺสเมกํ คเหตฺวา ยถา มหากสฺสปตฺเถโร จ ยสตฺเถโร จ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายึสุ, เอวเมว สงฺคายนฺโต ตติยสงฺคีตึ อกาสิ. อิทานิ ตํ ตติยสงฺคีตึ มูลโต ปภุติ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติสฺโสปิ โข มหาพฺรหฺมา พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสี’’ติอาทิ.
ตตฺถ เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสีติ โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสีติ อตฺโถ. เคหสฺส ปน ตนฺนิสฺสยตฺตา นิสฺสิเต นิสฺสยโวหารวเสน ‘‘เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสี’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺติ, สพฺโพ คาโม อาคโต’’ติ. สตฺตวสฺสานีติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. อติจฺฉถาติ อติกฺกมิตฺวา อิจฺฉถ, อิธ ภิกฺขา น ลพฺภติ, อิโต อฺตฺถ คนฺตฺวา ภิกฺขํ ปริเยสถาติ อธิปฺปาโย. ‘‘โภ ปพฺพชิตา’’ติอาทิ พฺราหฺมโณ อตฺตโน เคเห ภิกฺขาลาภํ อนิจฺฉนฺโต อาห. ปฏิยาทิตภตฺตโตติ สมฺปาเทตฺวา ปิตภตฺตโต. ตทุปิยนฺติ ตทนุรูปํ. อุปสมํ ทิสฺวาติ เถรสฺส กายจิตฺตวูปสมํ ปุนปฺปุนํ ทิสฺวา, ตฺวาติ อตฺโถ. อิริยาปถวูปสมสนฺทสฺสเนน หิ ตนฺนิพนฺธิโน จิตฺตสฺส โยนิโส ปวตฺติอุปสโมปิ วิฺายติ. ภิยฺโยโส มตฺตาย ปสีทิตฺวาติ ¶ ปุนปฺปุนํ วิเสสโต อธิกตรํ ปสีทิตฺวา. ภตฺตวิสฺสคฺคกรณตฺถายาติ ภตฺตกิจฺจกรณตฺถาย. อธิวาเสตฺวาติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา.
โสฬสวสฺสุทฺเทสิโกติ โสฬสวสฺโสติ อุทฺทิสิตพฺโพ โวหริตพฺโพติ โสฬสวสฺสุทฺเทโส, โสเยว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก. โสฬสวสฺโสติ วา อุทฺทิสิตพฺพตํ อรหตีติ โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก, โสฬสวสฺสานิ วา อุทฺทิสิตพฺพานิ อสฺสาติ โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก, โสฬสวสฺโสติ อุทฺเทโส วา อสฺส ¶ อตฺถีติ โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก, อตฺถโต ปน โสฬสวสฺสิโกติ วุตฺตํ โหติ. ติณฺณํ เวทานํ ปารคูติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทสงฺขาตานํ ติณฺณํ เวทานํ ปคุณกรณวเสน ปารํ คโตติ ปารคู. ปารคูติ เจตฺถ นิจฺจสาเปกฺขตาย สมาสาทิกํ เวทิตพฺพํ. ลคฺเคตฺวาติ โอลมฺเพตฺวา. น จ กาจีติ เอตฺถ จ-สทฺโท อวธารเณ, กาจิ กถา เนว อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. ปลฺลงฺกนฺติ นิสีทิตพฺพาสนํ. อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เอตฺถาปิ ‘‘กถา’’ติ อิทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. กุปิโต อนตฺตมโนติ โกเปน กุปิโต, อนตฺตมโน โทมนสฺเสน. โทมนสฺสสมงฺคี หิ ปุคฺคโล ปีติสุเขหิ น อตฺตมโน น อตฺตจิตฺโตติ อนตฺตมโนติ วุจฺจติ. น สกมโนติ วา อนตฺตมโน อตฺตโน วเส อฏฺิตจิตฺตตฺตา.
จณฺฑิกฺกภาเวติ จณฺฑิโก วุจฺจติ จณฺโฑ ถทฺธปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว จณฺฑิกฺกํ, ถทฺธภาโวติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘จณฺฑิกฺกภาเว’’ติ วุตฺตตฺตา จณฺฑิโกเยว จณฺฑิกฺกนฺติ คเหตพฺพํ, เตน ‘‘จณฺฑิกฺกภาเว’’ติ เอตฺถ ถทฺธภาเวติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กิฺจิ มนฺตนฺติ กิฺจิ เวทํ. อฺเ เก ชานิสฺสนฺตีติ น เกจิ ชานิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปุจฺฉิตฺวา สกฺกา ชานิตุนฺติ อตฺตโน ปเทสาเณ ิตตฺตา เถโร เอวมาห. สพฺพฺุพุทฺธา เอว หิ ‘‘ปุจฺฉ, มาณว, ยทากงฺขสี’’ติอาทินา ปจฺเจกพุทฺธาทีหิ อสาธารณํ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺติ. สาวกา ปน ปเทสาเณ ิตตฺตา ‘‘สุตฺวา เวทิสฺสามา’’ติ วา ‘‘ปุจฺฉิตฺวา สกฺกา ชานิตุ’’นฺติ วา วทนฺติ.
ตีสุ เวเทสูติอาทีสุ ตโย เวทา ปุพฺเพ วุตฺตนยา เอว. นิฆณฺฑูติ นามนิฆณฺฑุรุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํ, เววจนปฺปกาสกนฺติ จ ปริยายสทฺททีปกนฺติ อตฺโถ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อเนเกสํ อตฺถานํ เอกสทฺทสฺส วจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตา. วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ สทฺทฺจ นิขณฺเฑติ ภินฺทติ วิภชฺช ทสฺเสตีติ นิขณฺฑุ, โส เอว อิธ ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา นิฆณฺฑูติ วุตฺโต. เกฏุภนฺติ กิริยากปฺปวิกปฺโป กวีนํ อุปการสตฺถํ. เอตฺถ จ กิริยากปฺปวิกปฺโปติ วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ วิกปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากปฺโป, โส ปน วณฺณปทพนฺธปทตฺถาทิวิภาคโต พหุวิกปฺโปติ กิริยากปฺปวิกปฺโปติ วุจฺจติ. อิทฺจ มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ สตสหสฺสปริมาโณ นยาทิจริยาทิกํ ปกรณํ. วจนตฺถโต ปน กิฏติ คเมติ กิริยาทิวิภาคํ, ตํ วา อนวเสสปริยาทานโต คเมนฺโต ปูเรตีติ เกฏุภนฺติ วุจฺจติ, สห นิฆณฺฑุนา เกฏุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฏุภา, ตโย เวทา. เตสุ สนิฆณฺฑุเกฏุเภสุ. านกรณาทิวิภาคโต ¶ นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตนาติ อกฺขรปฺปเภโท, สิกฺขา จ นิรุตฺติ จ. สห อกฺขรปฺปเภเทนาติ สากฺขรปฺปเภทา, เตสุ สากฺขรปฺปเภเทสุ. อิติหาสปฺจเมสูติ อถพฺพนเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา, ตโย เวทา. เตสุ อิติหาสปฺจเมสุ. เนว อตฺตนา ปสฺสตีติ เนว สยํ ปสฺสติ, เนว ชานาตีติ อตฺโถ. ปุจฺฉ, พฺยากริสฺสามีติ ‘‘สพฺพาปิ ปุจฺฉา เวเทสุเยว อนฺโตคธา’’ติ สลฺลกฺเขนฺโต เอวมาห.
ยสฺส จิตฺตนฺติอาทิปฺหทฺวยํ จุติจิตฺตสมงฺคิโน ขีณาสวสฺส จุติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ ปมปฺเห อุปฺปชฺชตีติ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิตาย อุปฺปชฺชติ. น นิรุชฺฌตีติ นิโรธกฺขณํ อปฺปตฺตตาย น นิรุชฺฌติ. ตสฺส จิตฺตนฺติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตโต ปฏฺาย จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ ปุจฺฉติ. ยสฺส วา ปนาติอาทิเก ปน ทุติยปฺเห นิรุชฺฌิสฺสตีติ ยสฺส จิตฺตํ ภงฺคกฺขณํ ปตฺวา นิรุชฺฌิสฺสติ. นุปฺปชฺชิสฺสตีติ ภงฺคโต ปรภาเค สยํ วา อฺํ วา นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌตีติ ปุจฺฉติ. อิเมสํ ปน ปฺหานํ ปโม ปฺโห วิภชฺชพฺยากรณีโย, ตสฺมา ‘‘ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๖๓) เอวํ ¶ ปุฏฺเน สตา เอวมยํ ปฺโห จ วิสฺสชฺเชตพฺโพ ‘‘ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ นิรุชฺฌิสฺสติ น อุปฺปชฺชิสฺสติ, อิตเรสํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, นิรุชฺฌิสฺสติ เจว อุปฺปชฺชิสฺสติ จา’’ติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๖๓). เยสฺหิ ปริจฺฉินฺนวฏฺฏทุกฺขานํ ขีณาสวานํ สพฺพปจฺฉิมสฺส จุติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ วตฺตติ, เตสํ ตเทว จุติจิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ. อุปฺปาทปฺปตฺตตาย อุปฺปชฺชติ นาม, ภงฺคํ อปฺปตฺตตาย น นิรุชฺฌติ. ภงฺคํ ปน ปตฺวา ตํ เตสํ จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตโต อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา อฺํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ. เปตฺวา ปน ปจฺฉิมจิตฺตสมงฺคิขีณาสวํ อิตเรสํ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิจิตฺตํ อุปฺปาทปฺปตฺตตาย อุปฺปชฺชติ นาม, ภงฺคํ อปฺปตฺตตาย น นิรุชฺฌติ. ภงฺคํ ปน ปตฺวา นิรุชฺฌิสฺสเตว, อฺํ ปน ตสฺมึ วา อฺสฺมึ วา อตฺตภาเว อุปฺปชฺชิสฺสติ เจว นิรุชฺฌิสฺสติ จ. ทุติโย ปน ปฺโห อรหโต จุติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิยมิตตฺตา เอกํสพฺยากรณีโย, ตสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ น อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌตี’’ติ ปุฏฺเน ‘‘อามนฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ. ขีณาสวสฺส หิ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิจุติจิตฺตํ ภงฺคํ ปตฺวา นิรุชฺฌิสฺสติ ¶ นาม, ตโต ปรํ นุปฺปชฺชิสฺสติ. อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิตาย ปน อุปฺปชฺชติ เจว ภงฺคํ อปฺปตฺตตาย น นิรุชฺฌติ จาติ วุจฺจติ.
อยํ ปน มาณโว เอวมิเม ปฺเห วิสฺสชฺเชตุมสกฺโกนฺโต วิฆาตํ ปาปุณิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มาณโว อุทฺธํ วา อโธ วา หริตุํ อสกฺโกนฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ อุทฺธํ วา อโธ วา หริตุํ อสกฺโกนฺโตติ อุปริมปเท วา เหฏฺิมปทํ, เหฏฺิมปเท วา อุปริมปทํ อตฺถโต สมนฺนาหริตุํ อสกฺโกนฺโตติ อตฺโถ, ปุพฺเพนาปรํ โยเชตฺวา ปฺหสฺส อตฺถํ ปริจฺฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ตาว อาจิกฺขีติ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย’’ติอาทิกํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ‘‘มนฺตสฺส อุปจาโร อย’’นฺติ ปมํ อาจิกฺขิ. โสตาปนฺนานํ สีเลสุ ปริปูรการิตาย สมาทินฺนสีลโต นตฺถิ ปริหานีติ อาห ‘‘อภพฺโพ ทานิ สาสนโต นิวตฺติตุ’’นฺติ. วฑฺเฒตฺวาติ อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา. อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺย พุทฺธวจนํ คเหตุนฺติ อรหตฺตปฺปตฺติยา กตกิจฺจภาวโตติ ¶ อธิปฺปาโย. โวหารวิธิมฺหิ เฉกภาวตฺถํ ‘‘อุปชฺฌาโย มํ ภนฺเต ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิณี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อุทกทนฺตโปนํ อุปฏฺาเปสีติ ปริโภคตฺถาย อุทกฺจ ทนฺตกฏฺฺจ ปฏิยาเทตฺวา เปสิ. ทนฺเต ปุนนฺติ วิโสเธนฺติ เอเตนาติ ทนฺตโปนํ วุจฺจติ ทนฺตกฏฺํ. คุณวนฺตานํ สงฺคเหตพฺพภาวโต เถโร สามเณรสฺส จ ขนฺติวีริยอุปฏฺานาทิคุเณ ปจฺจกฺขกรณตฺถํ วินาว อภิฺาย ปกติยา วีมํสมาโน ปุน สมฺมชฺชนาทึ อกาสิ. ‘‘สามเณรสฺส จิตฺตทมนตฺถํ อกาสี’’ติปิ วทนฺติ. พุทฺธวจนํ ปฏฺเปสีติ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาเปตุํ อารภิ. เปตฺวา วินยปิฏกนฺติ เอตฺถ ‘‘สามเณรานํ วินยปริยาปุณนํ จาริตฺตํ น โหตีติ เปตฺวา วินยปิฏกํ อวเสสํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาเปสี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อวสฺสิโกว สมาโนติ อุปสมฺปทโต ปฏฺาย อปริปุณฺณเอกวสฺโสติ อธิปฺปาโย. โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส หทเย ปติฏฺาปิตมฺปิ พุทฺธวจนํ โวหารวเสน ตสฺส หตฺเถ ปติฏฺาปิตํ นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘หตฺเถ สกลํ พุทฺธวจนํ ปติฏฺาเปตฺวา’’ติ. ยาวตายุกํ ตฺวา ปรินิพฺพายึสูติ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส หตฺเถ สกลสาสนปติฏฺาปเนน ทุติยสงฺคีติการกาโรปิตทณฺฑกมฺมโต มุตฺตา หุตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ปรินิพฺพายึสุ.
พินฺทุสารสฺส รฺโ เอกสตปุตฺตาติ เอตฺถ พินฺทุสาโร นาม สกฺยกุลปฺปสุโต จนฺทคุตฺตสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต. ตถา หิ วิฏฏูภสงฺคาเม กปิลวตฺถุโต นิกฺขนฺตสกฺยปุตฺเตหิ มาปิเต โมริยนคเร ขตฺติยกุลสมฺภโว จนฺทคุตฺตกุมาโร ปาฏลิปุตฺเต ราชา อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต พินฺทุสาโร ¶ นาม ราชกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน ราชา หุตฺวา เอกสตปุตฺตกานํ ชนโก อโหสิ. เอกสตนฺติ เอกฺจ สตฺจ เอกสตํ, เอเกนาธิกํ สตนฺติ อตฺโถ. เอกาว มาตา อสฺสาติ เอกมาติกํ, อตฺตนา สโหทรนฺติ วุตฺตํ โหติ. น ตาว เอกรชฺชํ กตนฺติ อาห ‘‘อนภิสิตฺโตว รชฺชํ กาเรตฺวา’’ติ. เอกรชฺชาภิเสกนฺติ สกลชมฺพุทีเป เอกาธิปจฺจวเสน กริยมานํ อภิเสกํ. ปฺุปฺปภาเวน ปาปุณิตพฺพาปิ ราชิทฺธิโย อรหตฺตมคฺเคน อาคตา ปฏิสมฺภิทาทโย ¶ อวเสสวิเสสา วิย ปโยคสมฺปตฺติภูตา อภิเสกานุภาเวเนว อาคตาติ อาห ‘‘อภิเสกานุภาเวน จสฺส อิมา ราชิทฺธิโย อาคตา’’ติ.
ตตฺถ ราชิทฺธิโยติ ราชภาวานุคตปฺปภาวา. ยโตติ ยโต โสฬสฆฏโต. สาสเน อุปฺปนฺนสทฺโธติ พุทฺธสาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ. อสนฺธิมิตฺตาติ ตสฺสาว นามํ. ตสฺสา กิร สรีเร สนฺธโย น ปฺายนฺติ, ตสฺมา เอวํนามิกา ชาตาติปิ วทนฺติ. เทวตา เอว ทิวเส ทิวเส อาหรนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เทวสิกนฺติ ทิวเส ทิวเส. อคทามลกนฺติ อปฺปเกเนว สรีรโสธนาทิสมตฺถํ สพฺพโทสหรณํ โอสธามลกํ. อคทหรีตกมฺปิ ตาทิสเมว หรีตกํ. เตสุ กิร ทฺวีสุ ยถากามเมกํ ปริภฺุชติ. ฉทฺทนฺตทหโตติ ฉทฺทนฺตทหสมีเป ิตเทววิมานโต กปฺปรุกฺขโต วา. ‘‘ฉทฺทนฺตทเห ตาทิสา รุกฺขวิเสสา สนฺติ, ตโต อาหรนฺตี’’ติปิ วทนฺติ. ทิพฺพฺจ ปานกนฺติ ทิพฺพผลรสปานกฺจ. อสุตฺตมยิกนฺติ กปฺปรุกฺขโต นิพฺพตฺตทิพฺพทุสฺสตฺตา สุตฺเตหิ น กตนฺติ อสุตฺตมยิกํ. สุมนปุปฺผปฏนฺติ สพฺพตฺถ สุขุมํ หุตฺวา อุคฺคตปุปฺผานํ อตฺถิตาย สุมนปุปฺผปฏํ นาม ชาตํ. อุฏฺิตสฺส สาลิโนติ สยํชาตสาลิโน. สมุทายาเปกฺขฺเจตฺถ เอกวจนํ, สาลีนนฺติ อตฺโถ. นว วาหสหสฺสานีติ เอตฺถ ‘‘จตสฺโส มุฏฺิโย เอโก กุฑุโว, จตฺตาโร กุฑุวา เอโก ปตฺโถ, จตฺตาโร ปตฺถา เอโก อาฬฺหโก, จตฺตาโร อาฬฺหกา เอกํ โทณํ, จตฺตาโร โทณา เอกมานิกา, จตสฺโส มานิกา เอกขารี, วีสติ ขาริโย เอโก วาโห, ตเทว เอกํ สกฏ’’นฺติ สุตฺตนิปาตฏฺกถาทีสุ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๑; อ. นิ. ๓.๑๐; ๘๙) วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘ทฺเว สกฏานิ เอโก วาโห’’ติ วทนฺติ. นิตฺถุสกเณ กโรนฺตีติ ถุสกุณฺฑกรหิเต กโรนฺติ. มธุํ กโรนฺตีติ อาคนฺตฺวา สมีปฏฺาเน มธุํ กโรนฺติ. พลิกมฺมํ กโรนฺตีติ สพฺพตฺถ พลิกมฺมการกา รฏฺวาสิโน วิย มธุรสรํ วิกูชนฺตา พลึ กโรนฺติ. ‘‘อาคนฺตฺวา อากาเสเยว สทฺทํ กตฺวา อตฺตานํ อชานาเปตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ วทนฺติ.
สุวณฺณสงฺขลิกาเยว พนฺธนํ สุวณฺณสงฺขลิกพนฺธนํ. จตุนฺนํ พุทฺธานนฺติ กกุสนฺธาทีนํ จตุนฺนํ พุทฺธานํ. อธิคตรูปทสฺสนนฺติ ปฏิลทฺธรูปทสฺสนํ. อยํ กิร กปฺปายุกตฺตา จตุนฺนมฺปิ พุทฺธานํ ¶ รูปสมฺปตฺตึ ปจฺจกฺขโต อทฺทกฺขิ. กาฬํ นาม ¶ นาคราชานํ อานยิตฺวาติ เอตฺถ โส ปน นาคราชา คงฺคายํ นิกฺขิตฺตสุวณฺณสงฺขลิกาย คนฺตฺวา อตฺตโน ปาเทสุ ปติตสฺาย อาคโตติ เวทิตพฺโพ. นนุ จ อโสกสฺส รฺโ อาณา เหฏฺา โยชนโต อุปริ ปวตฺตติ, อิมสฺส จ วิมานํ โยชนปริจฺเฉทโต เหฏฺา ปติฏฺิตํ, ตสฺมา กถํ อยํ นาคราชา รฺโ อาณาย อาคโตติ? กิฺจาปิ อตฺตโน วิมานํ โยชนปริจฺเฉทโต เหฏฺา ปติฏฺิตํ, ตถาปิ รฺโ อาณาปวตฺติฏฺาเนน สห เอกาพทฺธตาย ตสฺส อาณํ อกาสิ. ยถา หิ รชฺชสีมนฺตรวาสิโน มนุสฺสา เตหิ เตหิ ราชูหิ นิปฺปีฬิยมานา เตสํ เตสํ อาณาย ปวตฺตนฺติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ วทนฺติ.
อาปาถํ กโรหีติ สมฺมุขํ กโรหิ, โคจรํ กโรหีติ อตฺโถ. เตน นิมฺมิตํ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺโตติ สมฺพนฺโธ. กีทิสํ ตํ พุทฺธรูปนฺติ อาห ‘‘สกลสรีรวิปฺปกิณฺณา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฺุปฺปภาวนิพฺพตฺตคฺคหณํ เตน นิมฺมิตานมฺปิ อสีติอนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตานํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานํ ภควโต ปฺุปฺปภาวนิพฺพตฺตอสีติอนุพฺยฺชนาทีหิ สทิสตฺตา กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ เตน ตทา นิมฺมิตํ อเนกาการปริปุณฺณํ พุทฺธรูปํ ภควโต ปฺุปฺปภาเวน นิพฺพตฺตนฺติ สกฺกา วตฺตุํ. อสีติอนุพฺยฺชนํ ตมฺพนขตุงฺคนาสาทิ. ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณํ สุปฺปติฏฺิตปาทตาทิ. วิกสิต…เป… สลิลตลนฺติ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน วิกสิเตหิ วิกาสมุปคเตหิ กํ อลงฺกโรตีติ ‘‘กมล’’นฺติ ลทฺธนาเมหิ รตฺตปทุเมหิ นีลุปฺปลาทิเภเทหิ อุปฺปเลหิ เจว เสตปทุมสงฺขาเตหิ ปุณฺฑรีเกหิ จ ปฏิมณฺฑิตํ สมนฺตโต สชฺชิตํ ชลตลมิว. ตาราคณ…เป… คคนตลนฺติ สพฺพตฺถ วิปฺปกิณฺณตารกคณสฺส รสฺมิชาลวิสเทหิ วิปฺผุริตาย ภาสมานาย โสภาย กนฺติยา สมุชฺชลํ สมฺมา ภาสมานํ คคนตลมิว อากาสตลมิว. สฺฌาปฺปภา…เป… กนกคิริสิขรนฺติ สฺฌากาลสฺชาตปฺปภานุราเคหิ อินฺทจาเปหิ วิชฺชุลตาหิ จ ปริกฺขิตฺตํ สมนฺตโต ปริวาริตํ กนกคิริสิขรมิว สุวณฺณปพฺพตกูฏมิว. วิมลเกตุมาลาติ เอตฺถ ‘‘เกตุมาลา นาม สีสโต นิกฺขมิตฺวา อุปริ มุทฺธนิ ปฺุโช หุตฺวา ทิสฺสมานรสฺมิราสี’’ติ วทนฺติ. ‘‘มุทฺธนิ มชฺเฌ ปฺายมาโน อุนฺนตปฺปเทโสติปิ วทนฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน อโสโก ¶ ธมฺมราชา สฺชาตปีติโสมนสฺโส สตฺตาหํ นิราหาโร หุตฺวา ยถาิโตว อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปสาทโสมฺเมหิ จกฺขูหิ นิรนฺตรํ พุทฺธรูปเมว โอโลเกสิ, ตสฺมา อกฺขีหิ ปูชา กตา นาม โหตีติ อาห ‘‘อกฺขิปูชํ นาม อกาสี’’ติ. อถ วา จกฺขูนํ ตาทิสสฺส อิฏฺารมฺมณสฺส อุปฏฺาปเนน อกฺขีนํ ปูชา กตา นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อกฺขิปูชํ นาม อกาสี’’ติ.
อิทฺธิวิภาวนาธิการปฺปสงฺเคน ¶ เจตํ วตฺถุ วุตฺตํ, นานุกฺกเมน. อยฺเหตฺถ อนุกฺกโม – อโสโก กิร มหาราชา อุปริ วกฺขมานานุกฺกเมน สีหปฺชเรน โอโลเกนฺโต นิคฺโรธสามเณรํ อิริยาปถสมฺปนฺนํ นาครชนนยนานิ อากฑฺฒนฺตํ ยุคมตฺตํ เปกฺขมานํ ทิสฺวา ปสีทิตฺวา สฺชาตเปโม สพหุมาโน อามนฺตาเปตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สีหาสเน นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา สามเณรสฺส วจนาทาเส ทิสฺสมานํ ทสพลสฺส ธมฺมกายํ ทิสฺวา รตนตฺตเย ปสีทิตฺวา สปริโส สรณสีเลสุ ปติฏฺาย ตโต ปฏฺาย อภิวฑฺฒมานสทฺโธ ปุพฺเพ โภชิยมานานิ ติตฺถิยสฏฺิสหสฺสานิ นีหริตฺวา ภิกฺขูนํ สฏฺิสหสฺสานํ สุวกาหตสาลิสมฺปาทิตภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา เทวโตปนีตํ อโนตตฺตสลิลํ นาคลตาทนฺตกฏฺฺจ อุปนาเมตฺวา นิจฺจสงฺฆุปฏฺานํ กโรนฺโต เอกทิวสํ สุวณฺณสงฺขลิกพนฺธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา กาฬํ นาคราชานํ อานยิตฺวา เตน นิมฺมิตํ วุตฺตปฺปการํ สิรีโสภคฺคสมฺปนฺนํ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺโต ทีฆปุถุลนิจฺจลนยนปฺปภาหิ สตฺตาหํ อกฺขิปูชมกาสิ.
อิทานิ ปน ยถานุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อนุกฺกเมน ตสฺส สาสนาวตารํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ราชา กิร อภิเสกํ ปาปุณิตฺวา’’ติอาทิ. พาหิรกปาสณฺฑนฺติ พาหิรกปฺปเวทิตํ สมยวาทํ. พาหิรกปฺปเวทิตา หิ สมยวาทา สตฺตานํ ตณฺหาปาสํ ทิฏฺิปาสฺจ เฑนฺติ โอฑฺเฑนฺตีติ ‘‘ปาสณฺฑา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปริคฺคณฺหีติ วีมํสมาโน ปริคฺคเหสิ. พินฺทุสาโร พฺราหฺมณภตฺโต อโหสีติ อตฺตโน ปิตุ จนฺทคุตฺตสฺส กาลโต ปฏฺาย พฺราหฺมเณสุ สมฺภตฺโต อโหสิ. จนฺทเกน นาม กิร พฺราหฺมเณน สมุสฺสาหิโต จนฺทคุตฺตกุมาโร เตน ทินฺนนเย ตฺวา สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชมกาสิ, ตสฺมา ตสฺมึ พฺราหฺมเณ สฺชาตพหุมานวเสน จนฺทคุตฺตกาลโต ปฏฺาย สฏฺิสหสฺสมตฺตา พฺราหฺมณชาติกา ตสฺมึ ราชกุเล ¶ นิจฺจภตฺติกา อเหสุํ. พฺราหฺมณานนฺติ ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาทิภาวมนุปคเต ทสฺเสติ. ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาทโย จ พฺราหฺมณชาติวนฺโตติ อาห ‘‘พฺราหฺมณชาติยปาสณฺฑาน’’นฺติ. เอตฺถ ปน ทิฏฺิปาสาทีนํ โอฑฺฑนโต ปณฺฑรงฺคาทโยว ‘‘ปาสณฺฑา’’ติ วุตฺตา. สีหปฺชเรติ มหาวาตปาเน. อุปสมปริพาหิเรนาติ อุปสมโต ปริพาหิเรน, อุปสมรหิเตนาติ อตฺโถ. อนฺเตปุรํ อติหรถาติ อนฺเตปุรํ ปเวเสถ, อาเนถาติ วุตฺตํ โหติ.
อมา สห ภวนฺติ กิจฺเจสูติ อมจฺจา, รชฺชกิจฺจโวสาปนกา. เทวาติ ราชานํ อาลปนฺติ. ราชาโน หิ ทิพฺพนฺติ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ, อิสฺสริยานาทิสกฺการทานคหณํ ตํ ตํ อตฺถานุสาสนํ วา กโรนฺติ โวหรนฺติ, ปฺุานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชตนฺตีติ วา ‘‘เทวา’’ติ วุจฺจนฺติ ¶ . ตถา หิ เต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รฺเชนฺตา สยํ ยถาวุตฺเตหิ วิเสเสหิ ราชนฺติ ทิปฺปนฺติ โสภนฺตีติ ‘‘ราชาโน’’ติ จ วุจฺจนฺติ. นิคณฺาทโยติ เอตฺถ นิคณฺโ นาม ‘‘อมฺหากํ คณฺนกิเลโส สํสาเร ปลิพุทฺธนกิจฺโจ ราคาทิกิเลโส เขตฺตวตฺถุปุตฺตทาราทิวิสโย นตฺถิ, กิเลสคณฺิรหิตา มย’’นฺติ เอวํ วาทิตาย ‘‘นิคณฺา’’ติ ลทฺธนามา ติตฺถิยา.
อุจฺจาวจานีติ อุจฺจานิ จ อวจานิ จ, มหนฺตานิ เจว ขุทฺทกานิ จ, อถ วา วิสิฏฺานิ เจว ลามกานิ จาติ อตฺโถ. ภทฺทปีเกสูติ เวตฺตมยปีเสุ. สาโรติ สีลาทิคุณสาโร. ราชงฺคเณนาติ ราชนิเวสนทฺวาเร วิวเฏน ภูมิปฺปเทเสน. องฺคณนฺติ หิ กตฺถจิ กิเลสา วุจฺจนฺติ ‘‘ราโค องฺคณ’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๙๒๔). ราคาทโย หิ องฺคนฺติ เอเตหิ ตํสมงฺคีปุคฺคลา นิหีนภาวํ คจฺฉนฺตีติ องฺคณานีติ วุจฺจนฺติ. กตฺถจิ มลํ วา ปงฺโก วา ‘‘ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๘๔). อฺชติ สมฺมกฺเขตีติ หิ องฺคณํ, มลาทิ. กตฺถจิ ตถารูโป วิวฏปฺปเทโส ‘‘เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณ’’นฺติอาทีสุ. อฺชติ ตตฺถ ิตํ อติสุนฺทรตาย อภิพฺยฺเชตีติ หิ องฺคณํ, วิวโฏ ภูมิปฺปเทโส. อิธาปิ โสเยว อธิปฺเปโต. ทนฺตนฺติอาทีสุ กิเลสวิปฺผนฺทรหิตจิตฺตตาย ทนฺตํ, นิจฺจํ ปจฺจุปฏฺิตสตารกฺขตาย คุตฺตํ, จกฺขาทิอินฺทฺริยานํ ¶ สนฺตตาย สนฺตินฺทฺริยํ, ปาสาทิเกน อิริยาปเถน สมนฺนาคตตฺตา สมฺปนฺนอิริยาปถํ. อิทานิ นิคฺโรธสามเณรํ สรูปโต วิภาเวตุกาโม อาห ‘‘โก ปนายํ นิคฺโรโธ นามา’’ติอาทิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถาติ เอตฺถ พินฺทุสารสฺส กิร เอกสตปุตฺเตสุ โมริยวํสชาย ธมฺมเทวิยา อโสกติสฺสนามานํ ทฺวินฺนํ ปุตฺตานํ มชฺเฌ เชฏฺโ อโสกกุมาโร อวนฺติรฏฺํ ภฺุชติ. ปิตรา เปสิโต ปาฏลิปุตฺตโต ปฺาสโยชนมตฺถเก วิฏฏูภภยาคตานํ สากิยานมาวาสํ เวฏิสํ นาม นครํ ปตฺวา ตตฺถ เวฏิสํ นาม เสฏฺิธีตรํ อาทาย อุชฺเชนีราชธานิยํ รชฺชํ กโรนฺโต มหินฺทํ นาม กุมารํ สงฺฆมิตฺตฺจ กุมาริกํ ลภิตฺวา เตหิ สทฺธึ รชฺชสุขมนุภวนฺโต ปิตุโน คิลานภาวํ สุตฺวา อุชฺเชนึ ปหาย สีฆํ ปาฏลิปุตฺตํ อุปคนฺตฺวา ปิตุ อุปฏฺานํ กตฺวา ตสฺส อจฺจเยน รชฺชํ อคฺคเหสิ. ตํ สุตฺวา ยุวราชา สุมนาภิธาโน กุชฺฌิตฺวา ‘‘อชฺช เม มรณํ วา โหตุ รชฺชํ วา’’ติ อฏฺนวุติภาติกปริวุโต สํวฏฺฏสาคเร ชลตรงฺคสงฺฆาโต วิย อชฺโฌตฺถรนฺโต อุปคจฺฉติ. ตโต อโสโก อุชฺเชนีราชา สงฺคามํ ปกฺขนฺทิตฺวา สตฺตุมทฺทนํ กโรนฺโต สุมนํ นาม ราชกุมารํ คเหตฺวา ฆาเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘พินฺทุสารรฺโ กิร ทุพฺพลกาเลเยว อโสกกุมาโร อตฺตนา ลทฺธํ อุชฺเชนีรชฺชํ ¶ ปหาย อาคนฺตฺวา สพฺพนครํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา สุมนํ นาม ราชกุมารํ อคฺคเหสี’’ติ.
ปริปุณฺณคพฺภาติ ปริปกฺกคพฺภา. เอกํ สาลนฺติ สพฺพปริจฺฉนฺนํ เอกํ ปาสาทํ. ‘‘เทวตาย ปน อานุภาเวน ตสฺมึ ปาสาเท มหาชเนน อทิสฺสมานา หุตฺวา วาสํ กปฺเปสี’’ติ วทนฺติ. นิพทฺธวตฺตนฺติ ‘‘เอกสฺส ทิวสสฺส เอตฺตก’’นฺติ นิยาเมตฺวา ปิตวตฺตํ. เหตุสมฺปทนฺติ อรหตฺตูปนิสฺสยปฺุสมฺปทํ. ขุรคฺเคเยวาติ ขุรกมฺมปริโยสาเนเยว, ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตํ ปริคฺคณฺหนฺโต อนฺติมาย เกสวฏฺฏิยา โวโรปนาย สมกาลเมว จ อรหตฺตํ ปาปุณีติ วุตฺตํ โหติ. สรีรํ ชคฺคิตฺวาติ ทนฺตกฏฺขาทนมุขโธวนาทีหิ สรีรปริกมฺมํ กตฺวา.
สีหปฺชเร จงฺกมตีติ สีหปฺชรสมีเป อปราปรํ จงฺกมติ. ตงฺขณฺเวาติ ตสฺมึ ขเณเยว. อยํ ชโนติ ราชงฺคเณ จรมานํ ชนํ ทิสฺวา ¶ วทติ. ภนฺตมิคปฺปฏิภาโคติ อนวฏฺิตตฺตา กายจาปลฺเลน สมนฺนาคตตฺตา ภนฺตมิคสทิโส. อติวิย โสภตีติ สมฺพนฺโธ. อาโลกิตวิโลกิตนฺติ เอตฺถ อาโลกิตํ นาม ปุรโตเปกฺขนํ. อภิมุโขโลกนฺหิ ‘‘อาโลกิต’’นฺติ วุจฺจติ. วิโลกิตนฺติ อนุทิสาเปกฺขนํ, ยํ ทิสาภิมุขํ โอโลเกติ, ตทนุคตทิสาเปกฺขนนฺติ อตฺโถ. สมิฺชนํ ปพฺพสงฺโกจนํ. ปสารณฺจ เตสํเยว ปสารณํ. โลกุตฺตรธมฺโมติ เสสชเนสุ อวิชฺชมาโน วิสิฏฺธมฺโม. เปมํ สณฺหีติ เปมํ ปติฏฺาสิ, อุปฺปชฺชีติ อตฺโถ. วาณิชโก อโหสีติ มธุวาณิชโก อโหสิ.
อตีเต กิร ตโย ภาตโร มธุวาณิชกา อเหสุํ. เตสุ กนิฏฺโ มธุํ วิกฺกิณาติ, อิตเร อรฺโต อาหรนฺติ. ตทา เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ปณฺฑุกโรคาตุโร อโหสิ. อปโร ปน ปจฺเจกพุทฺโธ ตทตฺถํ มธุภิกฺขาย จรมาโน นครํ ปาวิสิ. ปวิฏฺฺจ ตํ เอกา กุมฺภทาสี อุทกหรณตฺถํ ติตฺถํ คจฺฉมานา อทฺทส. ทิสฺวา จ ปุจฺฉิตฺวา อาคตการณฺจ ตฺวา ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, มธุวาณิชกา วสนฺติ, ตตฺถ คจฺฉถา’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา มธุอาปณํ ทสฺเสสิ. โส จ ตตฺถ อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา กนิฏฺโ มธุวาณิโช สฺชาตปีติโสมนสฺโส ‘‘เกนาคตาตฺถ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ วิทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา มธุโน ปูเรตฺวา ททมาโน ปตฺตปุณฺณํ มธุํ อุคฺคนฺตฺวา มุขโต วิสฺสนฺทิตฺวา ภูมิยํ ปตมานํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘อิมินาหํ, ภนฺเต, ปฺุกมฺเมน ชมฺพุทีเป เอกรชฺชํ กเรยฺยํ, อาณา จ เม อากาเส ปถวิยฺจ โยชนปฺปมาเณ าเน ผรตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ จ ‘‘เอวํ โหตุ อุปาสกา’’ติ วตฺวา คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส เภสชฺชมกาสิ.
กนิฏฺโ ¶ ปน มธุวาณิโช มธุํ ทตฺวา เคเห นิสินฺโน อิตเร อรฺโต อาคเต ทิสฺวา เอวมาห ‘‘ตุมฺหากํ ภาตโร จิตฺตํ ปสาเทถ, มมฺจ ตุมฺหากฺจ มธุํ คเหตฺวา อีทิสสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ’’นฺติ. เตสุ เชฏฺโ กุชฺฌิตฺวา เอวมาห ‘‘จณฺฑาลาปิ กาสาวนิวาสิโน โหนฺติ, นนุ ตว หตฺถโต มธุํ ปฏิคฺคเหตฺวา คโต จณฺฑาโล ภวิสฺสตี’’ติ. มชฺฌิโม ปน กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตว ปจฺเจกพุทฺธํ คเหตฺวา ปรสมุทฺเท นิกฺขิปาหี’’ติ อาห. ปจฺฉา ปน เตปิ ทฺเว ภาตโร กนิฏฺเน วุจฺจมานํ ¶ ทานานิสํสปฏิสํยุตฺตกถํ สุตฺวา อนุโมทึสุเยว. สาปิ จ กุมฺภทาสี ‘‘ตสฺส มธุทายกสฺส อคฺคมเหสี ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิ. เตสุ กนิฏฺโ อโสโก ธมฺมราชา อโหสิ, สา จ กุมฺภทาสี อติวิย รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อสนฺธิมิตฺตา นาม ตสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ. ปรสมุทฺทวาที ปน มชฺฌิโม อิมสฺมึเยว ตมฺพปณฺณิทีเป เทวานํปิยติสฺโส นาม มหานุภาโว ราชา อโหสิ. เชฏฺโ ปน จณฺฑาลวาทิตาย จณฺฑาลคาเม ชาโต นิคฺโรโธ นาม สามเณโร อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ หิ กิร ปฺุกรณกาเล เอส รฺโ เชฏฺภาตา วาณิชโก อโหสี’’ติ.
ปุพฺเพ ว สนฺนิวาเสนาติ เอตฺถ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.๑๗๔) คาถาพนฺธวเสน วา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ, ปุพฺเพ สนฺนิวาเสน วาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุพฺเพติ อตีตชาติยํ. สนฺนิวาเสนาติ สหวาเสน. สหสทฺทตฺโถ หิ อยํ สํสทฺโท. ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วาติ ปจฺจุปฺปนฺเน วตฺตมานภเว หิตจรเณน วา. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สิเนหสงฺขาตํ เปมํ ชายเต อุปฺปชฺชติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เปมํ นาเมตํ ทฺวีหิปิ การเณหิ ชายติ, ปุริมภเว มาตา วา ปิตา วา ธีตา วา ปุตฺโต วา ภาตา วา ภคินี วา ปติ วา ภริยา วา สหาโย วา มิตฺโต วา หุตฺวา โย เยน สทฺธึ เอกฏฺาเน นิวุตฺถปุพฺโพ, ตสฺส อิมินา ปุพฺเพ วา สนฺนิวาเสน ภวนฺตเรปิ อนุพนฺธนฺโต โส สิเนโห น วิชหติ, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กเตน ปจฺจุปฺปนฺเนน หิเตน วาติ เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ ตํ เปมํ นาม ชายตีติ. กึ วิยาติ อาห ‘‘อุปฺปลํ ว ยโถทเก’’ติ. เอตฺถาปิ วา-สทฺทสฺส วุตฺตนเยเนว รสฺสตฺตํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ เจตฺถ วาสทฺโท. เตน ปทุมาทโย สงฺคณฺหาติ. ยถา-สทฺโท อุปมายํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อุปฺปลฺจ เสสฺจ ปทุมาทิ อุทเก ชายมานํ ทฺเว การณานิ นิสฺสาย ชายติ อุทกฺเจว กลลฺจ, ตถา เอเตหิ ทฺวีหิ การเณหิ เปมํ ชายตีติ.
รฺโ หตฺเถติ สนฺติกํ อุปคตสฺส รฺโ หตฺเถ. รฺโ อนุรูปนฺติ เอกูนสตภาตุกานํ ฆาติตตฺตา จณฺฑปกติตาย รชฺเช ิตตฺตา จ ‘‘ปมาทวิหารี อย’’นฺติ มฺมาโน ตทนุรูปํ ธมฺมปเท อปฺปมาทวคฺคํ เทเสตุํ ¶ อารภิ. ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒๓) อปฺปมาโทติ สติยา ¶ อวิปฺปวาโส, นิจฺจํ อุปฏฺิตาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. อมตปทนฺติ อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ. ตฺหิ อชาตตฺตา น ชียติ น มียติ, ตสฺมา ‘‘อมต’’นฺติ วุจฺจติ. อมตสฺส ปทํ อมตปทํ, อมตสฺส อธิคมุปาโยติ วุตฺตํ โหติ. ปมาโทติ ปมชฺชนภาโว, มุฏฺสฺสจฺจสงฺขาตสฺส สติยา โวสฺสคฺคสฺเสตํ นามํ. มจฺจุโนติ มรณสฺส. ปทนฺติ อุปาโย มคฺโค. ปมตฺโต หิ ชาตึ นาติวตฺตติ, ชาโต ปน ชียติ เจว มียติ จาติ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ นาม โหติ, มรณํ อุปเนตีติ วุตฺตํ โหติ.
อฺาตํ ตาต, ปริโยสาเปหีติ อิมินา ‘‘สทา อปฺปมาเทน หุตฺวา วตฺติตพฺพนฺติ เอตฺตเกเนว มยา าตํ, ตุมฺเห ธมฺมเทสนํ นิฏฺเปถา’’ติ ตสฺมึ ธมฺเม อตฺตโน ปฏิปชฺชิตุกามตํ ทีเปนฺโต ธมฺมเทสนาย ปริโยสานํ ปาเปตฺวา กถเน อุสฺสาหํ ชเนติ. เกจิ ปน ‘‘อภาสีติ เอตฺถ ‘ภาสิสฺสามิ วิตกฺเกมี’ติ อตฺถํ คเหตฺวา ‘สพฺพํ อปฺปมาทวคฺคํ ภาสิสฺสามี’ติ สลฺลกฺขิตตฺตา อภาสีติ วุตฺตํ, รฺา ปน อฑฺฒคาถํ สุตฺวาว ‘อฺาตํ ตาต, ปริโยสาเปหี’ติ วุตฺตตฺตา ‘อุปริ น กเถสี’’’ติ วทนฺติ. ‘‘ตํ ปน ยุตฺตํ น โหตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ธุวภตฺตานีติ นิจฺจภตฺตานิ. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโยติ อาห ‘‘วชฺชาวชฺชํ ทิสฺวา โจเทตา สาเรตา จา’’ติ. ตตฺถ วชฺชาวชฺชนฺติ ขุทฺทกํ มหนฺตฺจ วชฺชํ. โจเทตาติ ‘‘อิทํ ตยา ทุกฺกฏํ, อิทํ ทุพฺภาสิต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา โจเทตา. สาเรตาติ อตฺตโน วชฺชํ อสฺสรนฺตสฺส สตึ อุปฺปาเทตา, สมฺมาปฏิปตฺติยํ วา สาเรตา, ปวตฺเตตาติ อตฺโถ.
‘‘เอวํ ตยา พุทฺธวจนํ สชฺฌายิตพฺพํ, เอวํ อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อาจารสฺส สิกฺขาปนโต อาจริโย นามาติ อาห ‘‘อิมสฺมึ สาสเน สิกฺขิตพฺพกธมฺเมสุ ปติฏฺาเปตา’’ติ. ตตฺถ สิกฺขิตพฺพกธมฺโม นาม สกลํ พุทฺธวจนํ สีลาทโย จ ธมฺมา. ‘‘ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จา’’ติ อิทํ ลพฺภมานวเสน วุตฺตํ ¶ . อาจริยุปชฺฌายานนฺติ อิมินา ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ โยเชตพฺพา, มม จาติ อิมินา ปน ปพฺพชฺชาว. ตทา สามเณรภูมิยํ ิตตฺตา นิคฺโรธสฺส ภาวินึ วา อุปสมฺปทํ สนฺธาย อุภยมฺปิ โยเชตพฺพํ. สรณคมนวเสน ปพฺพชฺชาสิทฺธิโต ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ ปพฺพชฺชาย นิสฺสยภาโว เวทิตพฺโพ. ภณฺฑุกมฺมวเสนปิ นิสฺสยภาโว ลพฺภเตวาติ คเหตพฺพํ. ทิวเส ทิวเส วฑฺฒาเปนฺโตติ วุตฺตนเยเนว ทิวเส ทิวเส ตโต ตโต ทิคุณํ กตฺวา วฑฺฒาเปนฺโต. โปถุชฺชนิเกนาติ ปุถุชฺชนภาวานุรูเปน. นิคฺโรธตฺเถรสฺส อานุภาวกิตฺตนาธิการตฺตา ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ ปจฺฉา วตฺตพฺพมฺปิ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘ปุน ราชา อโสการามํ นาม มหาวิหารํ กาเรตฺวา’’ติอาทิ ¶ . เจติยปฏิมณฺฑิตานีติ เอตฺถ จยิตพฺพํ ปูเชตพฺพนฺติ เจติยํ, อิฏฺกาทีหิ จิตตฺตา วา เจติยํ, เจติเยหิ ปฏิมณฺฑิตานิ วิภูสิตานีติ เจติยปฏิมณฺฑิตานิ. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน.
วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถารโต วิภาเวนฺโต อาห ‘‘เอกทิวสํ กิรา’’ติอาทิ. อโสการาเม มหาทานํ ทตฺวาติ เอตฺถ กเต อาราเม ปจฺฉา การาปกสฺส รฺโ นามวเสน นิรุฬฺหํ นามปณฺณตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อโสการาเม’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ตสฺมึ ทิวเส ราชา อตฺตโน ฆเรเยว สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉี’’ติ วทนฺติ. มหาทานํ ทตฺวาติ โภเชตฺวา สพฺพปริกฺขารทานวเสน มหาทานํ ทตฺวา. วุตฺตฺเหตํ ทีปวํเส –
‘‘นิเวสนํ ปเวเสตฺวา, นิสีทาเปตฺวาน อาสเน;
ยาคุํ นานาวิธํ ขชฺชํ, โภชนฺจ มหารหํ;
อทาสิ ปยตปาณิ, ยาวทตฺถํ ยทิจฺฉกํ.
‘‘ภุตฺตาวิภิกฺขุสงฺฆสฺส, โอนีตปตฺตปาณิโน;
เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน, อทาสิ ยุคสาฏกํ.
‘‘ปาทอพฺภฺชนํ เตลํ, ฉตฺตฺจาปิ อุปาหนํ;
สพฺพํ สมณปริกฺขารํ, อทาสิ ผาณิตํ มธุํ.
‘‘อภิวาเทตฺวา ¶ นิสีทิ, อโสกธมฺโม มหีปติ;
นิสชฺช ราชา ปวาเรสิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปจฺจยํ.
‘‘ยาวตา ภิกฺขู อิจฺฉนฺติ, ตาว เทมิ ยทิจฺฉกํ;
สนฺตปฺเปตฺวา ปริกฺขาเรน, ปวาเรตฺวาน ปจฺจเย;
ตโต อปุจฺฉิ คมฺภีรํ, ธมฺมกฺขนฺธํ สุเทสิต’’นฺติ.
องฺคโต, มหาราช, นว องฺคานีติอาทิ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน วุตฺตนฺติ วทนฺติ. นวกมฺมาธิฏฺายกํ อทาสีติ จตุราสีติวิหารสหสฺเสสุ กตฺตพฺพสฺส นวกมฺมสฺส อธิฏฺายกํ วิธายกํ กตฺวา อทาสิ. เอกทิวสเมว สพฺพนคเรหิ ปณฺณานิ อาคมึสูติ สพฺพวิหาเรสุ กิร ราหุนา ¶ จนฺทสฺส คหณทิวเส นวกมฺมํ อารภิตฺวา ปุน ราหุนา จนฺทสฺส คหณทิวเสเยว นิฏฺาเปสุํ, ตสฺมา เอกทิวสเมว ปณฺณานิ อาคมึสูติ วทนฺติ. อฏฺ สีลงฺคานีติ อฏฺ อุโปสถงฺคสีลานิ. ‘‘สพฺพาลงฺการวิภูสิตายา’’ติ อิทํ อสมาทินฺนุโปสถงฺคานํ วเสน วุตฺตํ. อมรวติยา ราชธานิยาติ ตาวตึสเทวนคเร. อลงฺกตปฏิยตฺตนฺติ อลงฺกตกรณวเสน สพฺพสชฺชิตํ.
อธิกํ การํ อธิการํ, อธิกํ กิริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. โลกวิวรณํ นาม ปาฏิหาริยํ อกํสูติ เอตฺถ อเนกสหสฺสสงฺขฺยสฺส โอกาสโลกสฺส ตนฺนิวาสีสตฺตโลกสฺส จ วิวฏภาวกรณปาฏิหาริยํ โลกวิวรณํ นาม. ตํ ปน กโรนฺโต อิทฺธิมา อนฺธการํ วา อาโลกํ กโรติ, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวฏํ, อนาปาถํ วา อาปาถํ กโรติ. กถํ? อยฺหิ ยถา ปฏิจฺฉนฺโนปิ ทูเร ิโตปิ อตฺตา วา ปโร วา ทิสฺสติ, เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา ปากฏํ กาตุกาโม ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อิทํ อนฺธการฏฺานํ อาโลกชาตํ โหตู’’ติ วา ‘‘อิทํ ปฏิจฺฉนฺนํ วิวฏํ โหตู’’ติ วา ‘‘อิทํ อนาปาถํ อาปาถํ โหตู’’ติ วา อาวชฺเชตฺวา ปุน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาติ. สห อธิฏฺาเนน ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. อปเร ทูเร ิตาปิ ปสฺสนฺติ, สยมฺปิ ปสฺสิตุกาโม ปสฺสติ ภควา วิย เทโวโรหเณ. ภควา หิ เทวโลเก อภิธมฺมเทสนํ นิฏฺเปตฺวา สงฺกสฺสนครํ โอตรนฺโต สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา ปุรตฺถิมํ โลกธาตุํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ วิวฏานิ วิย หุตฺวา เอกงฺคณํ ¶ วิย หุตฺวา ปกาสึสุ. ยถา จ ปุรตฺถิเมน, เอวํ ปจฺฉิเมนปิ อุตฺตเรนปิ ทกฺขิเณนปิ สพฺพํ วิวฏมทฺทส. เหฏฺาปิ ยาว อวีจิ อุปริ จ ยาว อกนิฏฺภวนํ, ตาว อทฺทส. มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสนฺติ, เทวาปิ มนุสฺเส. ตตฺถ เนว มนุสฺสา อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺติ, น เทวา อโธ โอโลเกนฺติ, สพฺเพ สมฺมุขสมฺมุขาว อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, ตํ ทิวสํ โลกวิวรณํ นาม อโหสิ.
อปิจ ตมฺพปณฺณิทีเป ตฬงฺครวาสี ธมฺมทินฺนตฺเถโรปิ อิมํ ปาฏิหาริยํ อกาสิ. โส กิร เอกทิวสํ ติสฺสมหาวิหาเร เจติยงฺคณมฺหิ นิสีทิตฺวา ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ อปณฺณกสุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๑๖) กเถนฺโต เหฏฺามุขํ พีชนึ อกาสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ, ตโต อุปริมุขํ อกาสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณํ อโหสิ. เถโร นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา สคฺคสุเขน จ ปโลเภตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามี อนาคามี อรหนฺโตติ เอวํ ตสฺมึ ทิวเสปิ โลกวิวรณํ นาม อโหสิ. อิเม ปน ภิกฺขู ยถา ¶ อโสโก ธมฺมราชา อโสการาเม ิโต จตุทฺทิสา อนุวิโลเกนฺโต สมนฺตโต สมุทฺทปริยนฺตํ ชมฺพุทีปํ ปสฺสติ, จตุราสีติ จ วิหารสหสฺสานิ อุฬาราย วิหารมหปูชาย วิโรจมานานิ, เอวํ อธิฏฺหิตฺวา โลกวิวรณํ นาม ปาฏิหาริยํ อกํสุ.
วิหารมหปูชายาติ วิหารมหสงฺขาตาย ปูชาย. วิภูตินฺติ สมฺปตฺตึ. เอวรูปํ ปีติปาโมชฺชนฺติ อีทิสํ ปริจฺจาคมูลกํ ปีติปาโมชฺชํ. โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ภารมกาสีติ เถรสฺส มหานุภาวตฺตา ‘‘อุตฺตริปิ เจ กเถตพฺพํ อตฺถิ, ตมฺปิ โสเยว กเถสฺสตี’’ติ มฺมาโน ภิกฺขุสงฺโฆ รฺา ปุจฺฉิตปฺหสฺส วิสชฺชนํ เถรสฺส ภารมกาสิ. สาสนสฺส ทายาโท โหมิ, น โหมีติ สาสนสฺส าตโก อพฺภนฺตโร โหมิ, น โหมีติ อตฺโถ. เยสํ สาสเน ปพฺพชิตา ปุตฺตธีตโร น สนฺติ, น เต สาสเน กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺตโน ภารํ กตฺวา วหนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย เถโร เอวมาห ‘‘น โข, มหาราช, เอตฺตาวตา สาสนสฺส ทายาโท โหตี’’ติ. กถฺจรหิ, ภนฺเต, สาสนสฺส ทายาโท โหตีติ เอตฺถ จรหีติ นิปาโต อกฺขนฺตึ ¶ ทีเปติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ เอวรูปํ ปริจฺจาคํ กตฺวาปิ สาสนสฺส ทายาโท น โหติ, อฺํ กึ นาม กตฺวา โหตีติ.
ติสฺสกุมารสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปภุตีติ ยทา จ ติสฺสกุมาโร ปพฺพชิโต, เยน จ การเณน ปพฺพชิโต, ตํ สพฺพํ วิตฺถารโต อุตฺตริ อาวิ ภวิสฺสติ. สกฺขสีติ สกฺขิสฺสสิ. ปาโมชฺชชาโตติ สฺชาตปาโมชฺโช. ปุตฺตานํ มนํ ลภิตฺวาติ เอตฺถ ปุตฺตีปิ สามฺโต ปุตฺตสทฺเทน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา, ปุตฺโต จ ธีตา จ ปุตฺตาติ เอวํ เอกเสสนเยน วา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ธีตุสทฺเทน สห ปยุชฺชมาโน หิ ปุตฺตสทฺโท เอโกว อวสิสฺสติ, ธีตุสทฺโท นิวตฺตตีติ สทฺทสตฺถวิทู วทนฺติ. สิกฺขาย ปติฏฺาเปสุนฺติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล สิกฺขาสมฺมุตึ ทตฺวา ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีสุ วิกาลโภชนาเวรมณิปริโยสานาสุ ฉสุ สิกฺขาสุ สมาทปนวเสน สิกฺขาย ปติฏฺาเปสุํ. สฏฺิวสฺสายปิ หิ สามเณริยา ‘‘ปาณาติปาตาเวรมณึ ทฺเว วสฺสานิ อวีติกฺกมฺม สมาทานํ สมาทิยามี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๐๗๘-๑๐๗๙) ฉ สิกฺขาโย สมาทิยิตฺวา สิกฺขิตพฺพาเยว. น หิ เอตาสุ ฉสุ สิกฺขาปเทสุ ทฺเว วสฺสานิ อสิกฺขิตสิกฺขํ สามเณรึ อุปสมฺปาเทตุํ วฏฺฏติ. ฉ วสฺสานิ อภิเสกสฺส อสฺสาติ ฉพฺพสฺสาภิเสโก, อภิเสกโต ปฏฺาย อติกฺกนฺตฉวสฺโสติ วุตฺตํ โหติ.
สพฺพํ เถรวาทนฺติ ทฺเว สงฺคีติโย อารุฬฺหา ปาฬิเยเวตฺถ ‘‘เถรวาโท’’ติ เวทิตพฺพา. สา หิ ¶ มหากสฺสปปภุตีนํ มหาเถรานํ วาทตฺตา ‘‘เถรวาโท’’ติ วุจฺจติ. โกนฺตปุตฺตติสฺสตฺเถโรติ เอตฺถ โกนฺตสกุณิโย นาม กินฺนรชาติโย. ‘‘ตาสุ เอกิสฺสา กุจฺฉิยํ สยิโต มนุสฺสชาติโก รฺา โปสิโต โกนฺตปุตฺตติสฺสตฺเถโร นามา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาวํเสปิ เจตํ วุตฺตํ –
‘‘ปุเร ปาฏลิปุตฺตมฺหา, วเน วนจโร จรํ;
โกนฺตกินฺนริยา สทฺธึ, สํวาสํ กิร กปฺปยิ.
‘‘เตน สํวาสมนฺวาย, สา ปุตฺเต ชนยี ทุเว;
ติสฺโส เชฏฺโ กนิฏฺโ ตุ, สุมิตฺโต นาม นามโต.
‘‘มหาวรุณตฺเถรสฺส ¶ , กาเล ปพฺพชิ สนฺติเก;
อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, ฉฬภิฺาคุณํ อุโภ’’ติ.
เกจิ ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘โกนฺตา นาม กฏฺวาหนรฺโ วํเส ชาตา เอกา ราชธีตา. ตํ ครุฬยนฺเตน อรฺคตํ เอโก วนจรโก อาเนตฺวา ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ตสฺส อุโภ ปุตฺเต วิชายิ. ตตฺรายํ เชฏฺโก มาตุนาเมน โกนฺตปุตฺโต นาม ชาโต’’ติ. กฏฺวาหนรฺโ กิร นคเร สพฺเพปิ วิภวสมฺปนฺนา นทีปพฺพตกีฬาทีสุ ครุฬสกุณสทิสํ ยนฺตํ กาเรตฺวา กฏฺวาหนราชา วิย ครุฬวาหเนน วิจรนฺติ.
พฺยาธิปฏิกมฺมตฺถํ ภิกฺขาจารวตฺเตน อาหิณฺฑนฺโต ปสตมตฺตํ สปฺปึ อลภิตฺวาติ ตทา กิร เชฏฺสฺส โกนฺตปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส กุจฺฉิวาโต สมุฏฺาสิ. ตํ พาฬฺหาย ทุกฺขเวทนาย ปีฬิตํ กนิฏฺโ สุมิตฺโต นาม เถโร ทิสฺวา ‘‘กิเมตฺถ, ภนฺเต, ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ติสฺสตฺเถโร, ‘‘อาวุโส, ปสตมตฺตํ สปฺปึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รฺโ นิเวทนํ ตสฺส คิลานปจฺจยํ ปจฺฉาภตฺตํ สปฺปิอตฺถาย จรณฺจ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘ภิกฺขาจารเวลายเมว ปิณฺฑาย จรนฺเตน ตยา ยทิ สกฺกา ลทฺธุํ, เอวํ วิจริตฺวา ยํ ลทฺธํ, ตํ อาหรา’’ติ อาห. กนิฏฺโปิ วุตฺตนเยเนว ภิกฺขาจารวตฺเตน จรนฺโต ปสตมตฺตมฺปิ สปฺปึ นาลตฺถ. โส ปน กุจฺฉิวาโต พลวตโร สปฺปิฆฏสเตนปิ วูปสเมตุํ อสกฺกุเณยฺโย อโหสิ. เถโร เตเนว พฺยาธิพเลน กาลมกาสิ. เกจิ ปน ‘‘วิจฺฉิกนามเกน กีฏวิเสน ฑฏฺโ เถโร ตสฺส วิสเวเคน อธิมตฺตาย ¶ ทุกฺขเวทนาย สมนฺนาคโต ตํ วูปสเมตุํ วุตฺตนเยเนว ปสตมตฺตํ สปฺปึ อลภิตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘ปาเท กีฏวิเสนาสิ, ฑฏฺโ เชฏฺโ สเวทโน;
อาห ปุฏฺโ กนิฏฺเน, เภสชฺชํ ปสตํ ฆตํ.
‘‘รฺโ นิเวทนํ เถโร, คิลานปจฺจเยปิ จ;
สปฺปิอตฺถฺจ จรณํ, ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิกฺขิปิ.
‘‘ปิณฺฑาย ¶ เจ จรํ สปฺปึ, ลภเส ตฺวํ ตมาหร;
อิจฺจาห ติสฺสตฺเถโร โส, สุมิตฺตํ เถรมุตฺตมํ.
‘‘ปิณฺฑาย จรตา เตน, น ลทฺธํ ปสตํ ฆตํ;
สปฺปิกุมฺภสเตนาปิ, พฺยาธิ ชาโต อสาธิโย.
‘‘เตเนว พฺยาธินา เถโร, ปตฺโต อายุกฺขยนฺติกํ;
โอวทิตฺวปฺปมาเทน, นิพฺพาตุํ มานสํ อกา.
‘‘อากาสมฺหิ นิสีทิตฺวา, เตโชธาตุวเสน โส;
ยถารุจิ อธิฏฺาย, สรีรํ ปรินิพฺพุโต.
‘‘ชาลา สรีรา นิกฺขมฺม, นิมํสฉาริกํ ฑหิ;
เถรสฺส สกลํ กายํ, อฏฺิกานิ ตุ โน ฑหี’’ติ.
อปฺปมาเทน โอวทิตฺวาติ ‘‘อมฺหาทิสานมฺปิ เอวํ ปจฺจยา ทุลฺลภา, ตุมฺเห ลภมาเนสุ ปจฺจเยสุ อปฺปมชฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ เอวํ อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา. ปลฺลงฺเกนาติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสเนน. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวาติ เตโชธาตุกสิณารมฺมณํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา. เถรสฺส สกฺการํ กตฺวาติ เถรสฺส ธาตุสกฺการํ กตฺวา. จตูสุ ทฺวาเรสุ โปกฺขรณิโย การาเปตฺวา เภสชฺชสฺส ปูราเปตฺวาติ เอกสฺมึ ทฺวาเร จตสฺโส โปกฺขรณิโย ¶ การาเปตฺวา ตตฺถ เอกํ โปกฺขรณึ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา เอกํ มธุโน, เอกํ ผาณิตสฺส, เอกํ สกฺกราย ปูราเปสิ. เสสทฺวาเรสุปิ เอวเมว การาเปสีติ วทนฺติ.
สภายํ สตสหสฺสนฺติ นครมชฺเฌ วินิจฺฉยสาลายํ สตสหสฺสํ. อิมินา สกลนครโต สมุฏฺิตํ อายํ นิทสฺเสติ. ปฺจสตสหสฺสานิ รฺโ อุปฺปชฺชนฺตีติ จ รฏฺโต อุปฺปชฺชนกํ อายํ เปตฺวา วุตฺตํ. ตโตติ ยถาวุตฺตปฺจสตสหสฺสโต. นิคฺโรธตฺเถรสฺส เทวสิกํ สตสหสฺสํ วิสชฺเชสีติ กถํ ปน เถรสฺส สตสหสฺสํ วิสชฺเชสิ? ราชา กิร ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ สาฏเก ปริวตฺเตนฺโต ‘‘เถรสฺส จีวรํ นีต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม นีต’’นฺติ สุตฺวาว ปริวตฺเตติ. เถโรปิ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ติจีวรํ ปริวตฺเตติ. ตสฺส หิ ติจีวรํ หตฺถิกฺขนฺเธ เปตฺวา ปฺจหิ จ ¶ คนฺธสมุคฺคสเตหิ ปฺจหิ จ มาลาสมุคฺคสเตหิ สทฺธึ ปาโตว อาหรียิตฺถ, ตถา ทิวา เจว สายฺจ. เถโรปิ น ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา เปสิ, สมฺปตฺตสพฺรหฺมจารีนํ อทาสิ. ตทา กิร ชมฺพุทีเป ภิกฺขุสงฺฆสฺส เยภุยฺเยน นิคฺโรธตฺเถรสฺเสว สนฺตกํ จีวรํ อโหสิ. เอวํ เถรสฺส ทิวเส ทิวเส สตสหสฺสํ วิสชฺเชสิ. อุฬาโร ลาภสกฺกาโรติ เอตฺถ ลพฺภติ ปาปุณียตีติ ลาโภ, จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. สกฺกจฺจํ กาตพฺโพ ทาตพฺโพติ สกฺกาโร, จตฺตาโร ปจฺจยาเยว. ปจฺจยา เอว หิ ปณีตปณีตา สุนฺทรสุนฺทรา อภิสงฺขริตฺวา กตา ‘‘สกฺกาโร’’ติ วุจฺจนฺติ. อถ วา ปเรหิ กาตพฺพคารวกิริยา ปุปฺผาทีหิ ปูชา วา สกฺกาโร.
ทิฏฺิคตานีติ เอตฺถ ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๙), สงฺขารคต’’นฺติอาทีสุ (มหานิ. ๔๑) วิย. คนฺตพฺพาภาวโต วา ทิฏฺิยา คตมตฺตํ ทิฏฺิคตํ, ทิฏฺิยา คหณมตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิปฺปกาโร วา ทิฏฺิคตํ, ทิฏฺิเภโทติ วุตฺตํ โหติ. โลกิยา หิ วิธยุตฺตคตปฺปการสทฺเท สมานตฺเถ อิจฺฉนฺติ. น โข ปเนตํ สกฺกา อิเมสํ มชฺเฌ วสนฺเตน วูปสเมตุนฺติ เตสฺหิ มชฺเฌ วสนฺโต เตสุเยว อนฺโตคธตฺตา อาเทยฺยวจโน น โหติ, ตสฺมา เอวํ จินฺเตสิ. ตทา ตสฺมึ าเน วสนฺตสฺส สุขวิหาราภาวโต ตํ ปหาย อิจฺฉิตพฺพสุขวิหารมตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘อตฺตนา ผาสุกวิหาเรน วิหริตุกาโม’’ติ. อโหคงฺคปพฺพตนฺติ เอวํนามกํ ปพฺพตํ. ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนนาติ เอตฺถ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา สารณา จ. สตฺถุสาสนนฺติ ตฺติสมฺปทา อนุสาวนสมฺปทา จ, ตสฺมา ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา สาเรตฺวา ตฺติสมฺปทาย อนุสาวนสมฺปทาย จ อุกฺเขปนียาทิกมฺมวเสน นิคฺคยฺหมานาปีติ วุตฺตํ โหติ. อพฺพุทํ เถนนฏฺเน, มลํ กิลิฏฺภาวกรณฏฺเน, กณฺฏกํ วิชฺฌนฏฺเน. อคฺคึ ปริจรนฺตีติ อคฺคิหุตฺตกา วิย อคฺคึ ปูเชนฺติ ¶ . ปฺจาตเป ตปฺปนฺตีติ จตูสุ าเนสุ อคฺคึ กตฺวา มชฺเฌ ตฺวา สูริยาตเปน ตปฺปนฺติ. อาทิจฺจํ อนุปริวตฺตนฺตีติ อุทยกาลโต ปภุติ สูริยํ โอโลกยมานา ยาวตฺถงฺคมนา สูริยาภิมุขาว ปริวตฺตนฺติ. โวภินฺทิสฺสามาติ ปคฺคณฺหึสูติ วินาเสสฺสามาติ อุสฺสาหมกํสุ. อวิสหนฺโตติ อสกฺโกนฺโต.
สตฺตทิวเสน ¶ รชฺชํ สมฺปฏิจฺฉาติ สตฺตทิวเส รชฺชสุขํ ตาว อนุภว. ตมตฺถํ สฺาเปสีติ กุกฺกุจฺจายิตมตฺถํ โพเธสิ. กถํ สฺาเปสีติ อาห ‘‘โส กิรา’’ติอาทิ. จิตฺตรูปนฺติ จิตฺตานุรูปํ, ยถากามนฺติ วุตฺตํ โหติ. กิสฺสาติ เกน การเณน. อเร ตฺวํ นาม ปริจฺฉินฺนมรณนฺติ สตฺตหิ ทิวเสหิ ปริจฺฉินฺนมรณํ. วิสฺสตฺโถติ นิราสงฺกจิตฺโต, มรณสงฺการหิโต นิพฺภโยติ วุตฺตํ โหติ. อสฺสาสปสฺสาสนิพทฺธํ มรณํ เปกฺขมานาติ ‘‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ, ยทนฺตรํ อสฺสสิตฺวา ปสฺสสามิ ปสฺสสิตฺวา วา อสฺสสามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’’ติ เอวํ มรณสฺสติยา อนุยฺุชนโต อสฺสาสปสฺสาสปฺปวตฺติกาลปฏิพทฺธํ มรณํ เปกฺขมานา. ตตฺถ อสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสวาโต. ปสฺสาโสติ อนฺโตปวิสนวาโต. วุตฺตวิปริยาเยนปิ วทนฺติ.
มิควํ นิกฺขมิตฺวาติ มิคมารณตฺถาย ‘‘อรฺเ มิคปริเยสนํ จริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา. ตตฺถ มิควนฺติ มิคานํ วานนโต เหสนโต พาธนโต ‘‘มิคว’’นฺติ ลทฺธสมฺํ มิควํ. โยนกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรนฺติ โยนกวิสเย ชาตํ อิธาคนฺตฺวา ปพฺพชิตํ ธมฺมรกฺขิตนามเธยฺยํ มหาเถรํ. หตฺถินาเคนาติ มหาหตฺถินา. มหนฺตปริยาโยปิ หิ นาคสทฺโทติ วทนฺติ. อหินาคาทิโต วา วิเสสนตฺถํ ‘‘หตฺถินาเคนา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสาสยํ ตสฺส อชฺฌาสยํ. ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสวาติ อนาทเร สามิวจนํ, ตสฺมึ ปสฺสนฺเตเยวาติ อตฺโถ. อากาเส อุปฺปติตฺวาติ เอตฺถ อยํ วิกุพฺพนิทฺธิ น โหตีติ คิหิสฺสปิ อิมํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. สา หิ ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ นาควณฺณํ วา, วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ เอวํ อาคตา อิทฺธิ ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตตฺตา วิกุพฺพนิทฺธิ นาม. อธิฏฺานิทฺธิยา ปน ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. ตถา จ วกฺขติ ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๒) ‘‘อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ เอตฺถ วิกุพฺพนิทฺธิปาฏิหาริยํ ปฏิกฺขิตฺตํ, อธิฏฺานิทฺธิ ปน อปฺปฏิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา’’ติ. ลคฺเคตฺวาติ อากาเส กายพนฺธนํ ปสาเรตฺวา ตตฺถ จีวรํ ลคฺเคตฺวา.
ฉณเวสนฺติ ¶ ตุฏฺิชนนเวสํ, อุสฺสวเวสนฺติ อตฺโถ. ปฏิยาเทสุนฺติ ‘‘อาคตกาเล จีวราทีนํ ¶ ปริเยสนํ ภาริย’’นฺติ ปมเมว ปตฺตจีวรานิ สมฺปาเทสุํ. ปธานฆรนฺติ ภาวนานุโยควเสน วีริยารมฺภสฺส อนุรูปํ วิวิตฺตเสนาสนํ. โสปีติ รฺโ ภาคิเนยฺยํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนุปพฺพชิโตติ อุฬารวิภเวน ขตฺติยชเนน อนุคนฺตฺวา ปพฺพชิโต. คนฺตฺวาติ อิทฺธิยา คนฺตฺวา. กุสลาธิปฺปาโยติ มนาปชฺฌาสโย. ทฺเวฬฺหกชาโตติ ‘‘อิเม ภิกฺขู น เอกมคฺเคน กเถนฺตี’’ติ สํสยมาปนฺโน. เอเกกํ ภิกฺขุสหสฺสปริวารนฺติ เอเกกสฺส เอเกกสหสฺสปริจฺฉินฺนํ ภิกฺขุปริวารฺจ. คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถาติ วุตฺเตปิ ‘‘สาสนํ ปคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ’’ติ วุตฺตตฺตา เถรา ภิกฺขู ‘‘ธมฺมกมฺม’’นฺติ มฺมานา คตา. อีทิเสสุ หิ าเนสุ กุกฺกุจฺจํ น กาตพฺพํ. กปฺปิยสาสนฺเหตํ น คิหิกมฺมปฏิสํยุตฺตํ. เถโร นาคจฺฉีติ กิฺจาปิ ‘‘ราชา ปกฺโกสตี’’ติ วุตฺเตปิ ธมฺมกมฺมตฺถาย อาคนฺตุํ วฏฺฏติ, ทฺวิกฺขตฺตุํ ปน เปสิเตปิ น อาคโต กิร. เถโร หิ สพฺพตฺถ วิขฺยาตวเสน สมฺภาวนุปฺปตฺติโต สมฺภาวิตสฺส จ อุทฺธํ กตฺตพฺพกิจฺจสิทฺธิโต อสารุปฺปวจนเลเสน น อาคจฺฉีติ. มหลฺลโก นุ โข ภนฺเต เถโรติ กิฺจาปิ ราชา เถรํ ทิฏฺปุพฺโพ, นามํ ปน สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺโต เอวํ ปุจฺฉีติ วทนฺติ. วยฺหนฺติ อุปริ มณฺฑปสทิสํ ปทรจฺฉนฺนํ, สพฺพปลิคุณฺิมํ วา ฉาเทตฺวา กตํ สกฏวิเสสํ วยฺหนฺติ วทนฺติ. นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธิตฺวาติ เอตฺถ นาวาติ โปโต. โส หิ โอรโต ปารํ ปตติ คจฺฉตีติ โปโต, สตฺเต เนตีติ นาวาติ จ วุจฺจติ. เอกโต สงฺฆฏิตา นาวา นาวาสงฺฆาฏํ, ตถา ตํ พนฺธิตฺวาติ อตฺโถ.
สาสนปจฺจตฺถิกานํ พหุภาวโต อาห ‘‘อารกฺขํ สํวิธายา’’ติ. ยนฺติ ยสฺมา, เยน การเณนาติ อตฺโถ. ‘‘อาคุํ น กโรตีติ นาโค’’ติ (จูฬว. เมตฺตคูมาณวปูจฺฉานิทฺเทส ๒๗) วจนโต ปาปกรณาภาวโต สมโณ อิธ นาโค นามาติ มฺมานา ‘‘เอโก ตํ มหาราช สมณนาโค ทกฺขิณหตฺเถ คณฺหิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. อพฺพาหึสูติ อากฑฺฒึสุ. ‘‘รฺโ หตฺถคฺคหณํ ลีฬาวเสน กตํ วิย โหตีติ กสฺมาติอาทิโจทนํ กต’’นฺติ วทนฺติ. พาหิรโตติ อุยฺยานสฺส พาหิรโต. ปสฺสนฺตานํ อติทุกฺกรํ หุตฺวา ปฺายตีติ อาห ‘‘ปเทสปถวีกมฺปนํ ทุกฺกร’’นฺติ. อธิฏฺาเน ปเนตฺถ วิสุํ ทุกฺกรตา นาม นตฺถิ. สีมํ อกฺกมิตฺวาติ อนฺโตสีมํ สีมาย ¶ อพฺภนฺตรํ อกฺกมิตฺวา. อภิฺาปาทกนฺติ อภิฺาย ปติฏฺาภูตํ. วิกุพฺพนิทฺธิยา เอว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปถวีจลนํ อธิฏฺหิ. รถสฺส อนฺโตสีมาย ิโต ปาโทว จลีติ เอตฺถ ปาโทติ รถจกฺกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ รถสฺส คมนกิจฺจสาธนโต ปาทสทิสตฺตา อิธ ‘‘ปาโท’’ติ วุตฺตํ. สกฺขตีติ สกฺขิสฺสติ. เอตมตฺถนฺติ วินา เจตนาย ปาปสฺส อสมฺภวสงฺขาตํ อตฺถํ. เจตนาหนฺติ เอตฺถ ‘‘เจตนํ อห’’นฺติ ปทจฺเฉโท กาตพฺโพ. เจตยิตฺวาติ เจตนํ ปวตฺตยิตฺวา. ทีปกติตฺติโรติ อตฺตโน นิสินฺนภาวสฺส ทีปนโต เอวํลทฺธนาโม ¶ ติตฺติโร. ยํ อรฺํ เนตฺวา สากุณิโก ตสฺส สทฺเทน อาคตาคเต ติตฺติเร คณฺหาติ.
ตาปสํ ปุจฺฉีติ อตีเต กิร เอกสฺมึ ปจฺจนฺตคาเม เอโก สากุณิโก เอกํ ทีปกติตฺติรํ คเหตฺวา สุฏฺุ สิกฺขาเปตฺวา ปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ปฏิชคฺคติ. โส ตํ อรฺํ เนตฺวา ตสฺส สทฺเทน อาคตาคเต ติตฺติเร คณฺหาติ. ติตฺติโร ‘‘มํ นิสฺสาย พหู มม าตกา นสฺสนฺติ, มยฺเหตํ ปาป’’นฺติ นิสฺสทฺโท อโหสิ. โส ตสฺส นิสฺสทฺทภาวํ ตฺวา เวฬุเปสิกาย ตํ สีเส ปหรติ. ติตฺติโร ทุกฺขาตุรตาย สทฺทํ กโรติ. เอวํ โส สากุณิโก ตํ นิสฺสาย ติตฺติเร คเหตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. อถ โส ติตฺติโร จินฺเตสิ ‘‘อิเม มรนฺตูติ มยฺหํ เจตนา นตฺถิ, ปฏิจฺจ กมฺมํ ปน มํ ผุสติ. มยิ สทฺทํ อกโรนฺเต หิ เอเต นาคจฺฉนฺติ, กโรนฺเตเยวาคจฺฉนฺติ, อาคตาคเต อยํ คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, อตฺถิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ ปาปํ, นตฺถี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ‘‘โก นุ โข เม อิมํ กงฺขํ ฉินฺเทยฺยา’’ติ ตถารูปํ ปณฺฑิตํ อุปธาเรนฺโต จรติ. อเถกทิวสํ โส สากุณิโก พหุเก ติตฺติเร คเหตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส ตาปสปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อรฺเ วสนฺตสฺส อสฺสมํ คนฺตฺวา ตํ ปฺชรํ โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา วาลิกาตเล นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิ. ติตฺติโร ตสฺส นิทฺทโมกฺกนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘มม กงฺขํ อิมํ ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ชานนฺโต เม กเถสฺสตี’’ติ ปฺชเร นิสินฺโนเยว –
‘‘าตโก โน นิสินฺโนติ, พหุ อาคจฺฉเต ชโน;
ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสติ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’’ติ. (ชา. ๑.๔.๗๕) –
ตาปสํ ¶ ปุจฺฉิ. ตสฺสตฺโถ (ชา. อฏฺ. ๓.๗๕) – ภนฺเต, สจาหํ สทฺทํ น กเรยฺยํ, อยํ ติตฺติรชโน น อาคจฺเฉยฺย, มยิ ปน สทฺทํ กโรนฺเต ‘‘าตโก โน นิสินฺโน’’ติ อยํ พหุชโน อาคจฺฉติ, ตํ อาคตาคตํ ลุทฺโท คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺโต มํ ปฏิจฺจ มํ นิสฺสาย เอตํ ปาณาติปาตกมฺมํ ผุสติ ปฏิลภติ วินฺทติ, ตสฺมึ มํ ปฏิจฺจ กเต ปาเป ‘‘มม นุ โข เอตํ ปาป’’นฺติ เอวํ เม มโน สงฺกติ ปริสงฺกติ กุกฺกุจฺจํ อาปชฺชตีติ.
น ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตีติอาทิกาย ปน ตาปเสน วุตฺตคาถาย อยมตฺโถ – ยทิ ตว ปาปกิริยาย มโน น ปทุสฺสติ, ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ น โหติ, เอวํ สนฺเต ลุทฺเทน ตํ ปฏิจฺจ กตมฺปิ ¶ ปาปกมฺมํ ตํ น ผุสติ น อลฺลียติ. ปาปกิริยาย หิ อปฺโปสฺสุกฺกสฺส นิราลยสฺส ภทฺรสฺส ปริสุทฺธสฺส สโต ตว ปาณาติปาตเจตนาย อภาวา ตํ ปาปํ น อุปลิมฺปติ, ตว จิตฺตํ น อลฺลียตีติ.
สมยํ อุคฺคณฺหาเปสีติ อตฺตโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ลทฺธึ อุคฺคณฺหาเปสิ. สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวาติ เอตฺถ สาณิปาการนฺติ กรณตฺเถ อุปโยควจนํ, อตฺตานฺจ เถรฺจ ยถา เต ภิกฺขู น ปสฺสนฺติ, เอวํ สาณิปากาเรน สมนฺตโต ปริกฺขิปาเปตฺวาติ อตฺโถ, สาณิปาการํ วา สมนฺตโต ปริกฺขิปาเปตฺวาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. สาณิปาการนฺตเรติ สาณิปาการสฺส อพฺภนฺตเร. เอกลทฺธิเกติ สมานลทฺธิเก. กึ วทติ สีเลนาติ กึวาที. อถ วา โก กตโม วาโท กึวาโท, โส เอตสฺส อตฺถีติ กึวาที. สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ วทนฺติ ปฺเปนฺติ สีเลนาติ สสฺสตวาทิโน. อถ วา วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. สสฺสโต วาโท สสฺสตวาโท, โส เอเตสํ อตฺถีติ สสฺสตวาทิโน, สสฺสตทิฏฺิโนติ อตฺโถ. อถ สสฺสโต วาโท เอเตสมตฺถีติ กสฺมา วุตฺตํ, เตสฺหิ อตฺตา โลโก จ สสฺสโตติ อธิปฺเปโต, น วาโทติ? สจฺจเมตํ. สสฺสตสหจริตตาย ปน วาโทปิ สสฺสโตติ วุตฺโต ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ. สสฺสโตติ วาโท เอเตสนฺติ วา อิติสทฺทโลโป ทฏฺพฺโพ. เย รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา ตํ สสฺสตํ อมตํ นิจฺจํ ธุวํ ปฺเปนฺติ, เต สสฺสตวาทิโนติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ นิทฺเทเส ปฏิสมฺภิทายฺจ –
‘‘รูปํ ¶ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ. เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ.
อยฺจ อตฺโถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ อิมิสฺสา ปฺจวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน วุตฺโต. ‘‘รูปวนฺตํ อตฺตาน’’นฺติอาทิกาย ปน ปฺจทสวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺโ โลโกติ ปฺเปนฺตีติ อยฺจ อตฺโถ ลพฺภติ. ตถา เอกํ ขนฺธํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา อฺโ อตฺตโน อุปโภคภูโต โลโกติ, สสนฺตติปติเต วา ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺโ โลโกติ ปฺเปนฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ วา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอตสฺสาติ เอกจฺจสสฺสโต, เอกจฺจสสฺสตวาโท. โส เอเตสมตฺถีติ เอกจฺจสสฺสติกา, เอกจฺจสสฺสตวาทิโน. เต ทุวิธา โหนฺติ สตฺเตกจฺจสสฺสติกา สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกาติ ¶ . ตตฺถ ‘‘อิสฺสโร นิจฺโจ, อฺเ สตฺตา อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สตฺเตกจฺจสสฺสติกา เสยฺยถาปิ อิสฺสรวาทา. ‘‘นิจฺโจ พฺรหฺมา, อฺเ สตฺตา อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทาปิ สตฺเตกจฺจสสฺสติกาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ปรมาณโว นิจฺจา, ทฺวิอณุกาทโย อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา เสยฺยถาปิ กณาทวาทาทโย. ‘‘จกฺขาทโย อนิจฺจา, วิฺาณํ นิจฺจ’’นฺติ เอวํวาทิโนปิ สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกาติ เวทิตพฺพา.
นนุ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตา’’ติ เอตสฺมึ วาเท จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ ยถาสภาวาวโพโธ เอว, ตยิทํ กถํ มิจฺฉาทสฺสนนฺติ? โก วา เอวมาห – ‘‘จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ มิจฺฉาทสฺสน’’นฺติ, อสสฺสเตสุเยว ปน เกสฺจิ ธมฺมานํ สสฺสตภาวาภินิเวโส อิธ มิจฺฉาทสฺสนํ. เตน ปน เอกวาเร ปวตฺตมาเนน จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวาวโพโธ วิทูสิโต สํสฏฺภาวโต, วิสสํสฏฺโ วิย สพฺโพ สปฺปิมณฺโฑ สกิจฺจกรณาสมตฺถตาย สมฺมาทสฺสนปกฺเข ¶ เปตพฺพตํ นารหตีติ. อสสฺสตภาเวน นิจฺฉิตาปิ วา จกฺขุอาทโย สมาโรปิตชีวสภาวา เอว ทิฏฺิคติเกหิ คยฺหนฺตีติ ตทวโพธสฺส มิจฺฉาทสฺสนภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ. เอวฺจ กตฺวา อสงฺขตาย จ สงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน ยถากฺกมํ เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตาติ เอวํ ปวตฺโต วิภชฺชวาโทปิ เอกจฺจสสฺสตวาโท อาปชฺชตีติ เอวํปการา โจทนา อนวกาสา โหติ อวิปรีตธมฺมสภาวสมฺปฏิปตฺติภาวโต. กามฺเจตฺถ ปุริมสสฺสตวาเทปิ อสสฺสตานํ ธมฺมานํ สสฺสตาติ คหณํ วิเสสโต มิจฺฉาทสฺสนํ, สสฺสตานํ ปน สสฺสตาติ คาโห น มิจฺฉาทสฺสนํ ยถาสภาวคฺคหณภาวโต. อสสฺสเตสุเยว ปน เกจิเทว ธมฺมา สสฺสตาติ คเหตพฺพธมฺเมสุ วิภาคปฺปวตฺติยา อิมสฺส วาทสฺส วาทนฺตรตา วุตฺตา. น เจตฺถ สมุทายนฺโตคธตฺตา เอกเทสสฺส สปฺปเทสสสฺสตคฺคาโห นิปฺปเทสสสฺสตคฺคาเห สโมธานํ คจฺฉตีติ สกฺกา วตฺตุํ วาทิตพฺพิสยวิเสสวเสน วาททฺวยสฺส ปวตฺตตฺตา. อฺเ เอว หิ ทิฏฺิคติกา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สสฺสตา’’ติ อภินิวิฏฺา, อฺเ เอกจฺจสสฺสตาติ สงฺขารานํ อนวเสสปริยาทานํ เอกเทสปริคฺคโห จ วาททฺวยสฺส ปริพฺยตฺโตเยวาติ.
อนฺตานนฺติกาติ เอตฺถ อมติ คจฺฉติ เอตฺถ สภาโว โอสานนฺติ อนฺโต, มริยาทา. ตปฺปฏิเสเธน อนนฺโต. กสฺส ปนายํ อนฺตานนฺโตติ? โลกียติ สํสารนิสฺสรณตฺถิเกหิ ทิฏฺิคติเกหิ, โลกียติ วา เอตฺถ เตหิ ปฺุาปฺุํ ตพฺพิปาโก จาติ โลโกติ สงฺขฺยํ คตสฺส ปฏิภาคนิมิตฺตาทิสภาวสฺส อตฺตโน. อนฺโต จ อนนฺโต จ อนฺตานนฺโต จ เนวนฺตนานนฺโต จาติ อนฺตานนฺโต สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทีสุ ¶ วิย. อนฺตานนฺตสหจริโต วาโท อนฺตานนฺโต ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ. อนฺตานนฺตสนฺนิสฺสโย วา ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. โส เอเตสมตฺถีติ อนฺตานนฺติกา, อนฺตานนฺตวาทิโน. ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก, อนนฺโต อยํ โลโก, อนฺตวา จ อยํ โลโก อนนฺโต จ, เนวายํ โลโก อนฺตวา น ปนานนฺโต’’ติ เอวํ อนฺตํ วา อนนฺตํ วา อนฺตานนฺตํ วา เนวนฺตนานนฺตํ วา อารพฺภ ปวตฺตวาทาติ อตฺโถ. จตุพฺพิธา ¶ หิ อนฺตานนฺตวาทิโน อนฺตวาที อนนฺตวาที อนฺตานนฺตวาที เนวนฺตนานนฺตวาทีติ. ตถา หิ โกจิ ปฏิภาคนิมิตฺตํ จกฺกวาฬปริยนฺตํ อวฑฺเฒตฺวา ตํ ‘‘โลโก’’ติ คเหตฺวา อนฺตสฺี โลกสฺมึ โหติ. จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา วฑฺฒิตกสิเณ ปน อนนฺตสฺี โหติ. อุทฺธมโธ อวฑฺเฒตฺวา ปน ติริยํ วฑฺเฒตฺวา อุทฺธมโธ อนฺตสฺี ติริยํ อนนฺตสฺี โหติ. โกจิ ปน ยสฺมา โลกสฺิโต อตฺตา อธิคตวิเสเสหิ มเหสีหิ กทาจิ อนนฺโต สกฺขิทิฏฺโ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา เนวนฺตวา. ยสฺมา ปน เตหิเยว กทาจิ อนฺตวา สกฺขิทิฏฺโ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา น ปน อนนฺโตติ เอวํ เนวนฺตนานนฺตสฺี โลกสฺมึ โหติ. เกจิ ปน ยทิ ปนายํ อตฺตา อนฺตวาสิยา, ทูรเทเส อุปปชฺชมานานุสฺสรณาทิกิจฺจนิปฺผตฺติ น สิยา. อถ อนนฺโต อิธ ิตสฺส เทวโลกนิรยาทีสุ สุขทุกฺขานุภวนมฺปิ สิยา. สเจ ปน อนฺตวา จ อนนฺโต จ, ตทุภยปฏิเสธโทสสมาโยโค, ตสฺมา อนฺตวา อนนฺโตติ จ อพฺยากรณีโย อตฺตาติ เอวํ ตกฺกนวเสน เนวนฺตนานนฺตสฺี โหตีติ วณฺณยนฺติ.
เอตฺถ จ ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณํ วาทีนํ อนฺตฺจ อนนฺตฺจ อนฺตานนฺตฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา อนฺตานนฺติกตฺตํ, ปจฺฉิมสฺส ปน ตทุภยปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถํ อนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอว. ยสฺมา อนฺตานนฺตปอเสธวาโทปิ อนฺตานนฺตวิสโย เอว ตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา. เอตทตฺถเมว หิ อารพฺภ ‘‘ปวตฺตวาทา’’ติ เหฏฺา วุตฺตํ, เอวํ สนฺเตปิ ยุตฺตํ ตาว ปจฺฉิมวาททฺวยสฺส อนฺตานนฺติกตฺตํ, อนฺตานนฺตานํ วเสน อุภยวิสยตฺตา เอเตสํ วาทสฺส, ปุริมวาททฺวยสฺส ปน กถํ วิสุํ อนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? อุปจารวุตฺติยา. สมุทิเตสุ หิ อนฺตานนฺตวาเทสุ ปวตฺตมาโน อนฺตานนฺติกสทฺโท ตตฺถ นิรุฬฺหตาย ปจฺเจกมฺปิ อนฺตานนฺตวาทีสุ ปวตฺตติ ยถา อรูปชฺฌาเนสุ ปจฺเจกํ อฏฺวิโมกฺขปริยาโย, ยถา จ โลเก สตฺติสโยติ.
อมราวิกฺเขปิกาติ เอตฺถ น มรติ น อุปจฺฉิชฺชตีติ อมรา. กา สา? ‘‘เอวนฺติปิ เม โน, ตถาติปิ เม โน, อฺถาติปิ เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม ¶ โน’’ติ (ที. นิ. ๑.๖๒) เอวํ ปวตฺตวาทวเสน ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จ. ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา วิวิโธ นานปฺปกาโร เขโป ปรวาทีนํ ขิปนํ วิกฺเขโป, อมราย ทิฏฺิยา วาจาย วา วิกฺเขโป ¶ อมราวิกฺเขโป, โส เอเตสมตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา. อถ วา อมราย ทิฏฺิยา วาจาย วิกฺขิปนฺตีติ อมราวิกฺเขปิโน, อมราวิกฺเขปิโน เอว อมราวิกฺเขปิกา. อถ วา อมรา นาม มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คเหตุํ น สกฺกา, เอวเมว อยมฺปิ วาโท เอกสฺมึ สภาเว อนวฏฺานโต อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราย วิกฺเขโป วิยาติ อมราวิกฺเขโปติ วุจฺจติ. อยฺหิ อมราวิกฺเขปิโก ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ วา ‘‘อกุสล’’นฺติ วา ปุฏฺโ น กิฺจิ พฺยากโรติ. ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ วา ปุฏฺโ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘กึ อกุสล’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตถาติปิ เม โน’’ติ วทติ. ‘‘กึ อุภยโต อฺถา’’ติปิ วุตฺเต ‘‘อฺถาติปิ เม โน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘ติวิเธนปิ น โหติ, กึ เต ลทฺธี’’ติ วุตฺเต ‘‘โนติปิ เม โน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘กึ โน โน เต ลทฺธี’’ติ วุตฺเต ‘‘โน โนติปิ เม โน’’ติ วทติ. เอวํ วิกฺเขปเมว อาปชฺชติ, เอกเมกสฺมิมฺปิ ปกฺเข น ติฏฺติ. ตโต ‘‘อตฺถิ ปโร โลโก’’ติอาทินา ปุฏฺโปิ เอวเมว วิกฺขิปติ, น เอกสฺมึ ปกฺเข ติฏฺติ. โส วุตฺตปฺปกาโร อมราวิกฺเขโป เอเตสมตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา.
นนุ จายํ สพฺโพปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทโย ธมฺเม ปรโลกตฺถิกาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ ปุจฺฉาย วิกฺเขปนมตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส กถํ ทิฏฺิคติกภาโว. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตํ อชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตาติ? วุจฺจเต – น เหว โข ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวสวเสน สสฺสตาภินิเวสโต. มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว หิ ปุคฺคโล มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม ปรโลกตฺถิกาทีนิ จ ยาถาวโต อสมฺปฏิปชฺชมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย มุสาวาทาทิภเยน จ วิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ. อถ วา ปฺุปาปานํ ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน อสทฺทหเนน จ ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณํเยว สุนฺทรนฺติ ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยว เจสา เอกา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ตโตเยว จ วุตฺตํ ‘‘ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จา’’ติ.
อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกาติ ¶ ¶ เอตฺถ อธิจฺจ ยทิจฺฉกํ ยํ กิฺจิ การณํ วินา สมุปฺปนฺโน อตฺตา จ โลโก จาติ ทสฺสนํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. อตฺตโลกสฺิตานฺหิ ขนฺธานํ อธิจฺจุปฺปตฺติอาการารมฺมณํ ทสฺสนํ ตทาการสนฺนิสฺสยวเสน ปวตฺติโต ตทาการสหจริตตาย จ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺติ, กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ จ. ตํ เอเตสมตฺถีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา.
สฺีวาทาติ สฺี วาโท เอเตสมตฺถีติ สฺีวาทา ‘‘พุทฺธํ อสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ’’ติ ยถา. อถ วา สฺีติ ปวตฺโต วาโท สฺีสหจรณนเยน. สฺี วาโท เยสํ เต สฺีวาทา. ‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, สฺีติ นํ ปฺเปนฺติ, อรูปี อตฺตา โหติ, รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ, เนว รูปี นารูปี จ อตฺตา โหติ. อนฺตวา อตฺตา โหติ, อนนฺตวา อตฺตา โหติ, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา โหติ, เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา โหติ. เอกตฺตสฺี อตฺตา โหติ, นานตฺตสฺี อตฺตา โหติ. ปริตฺตสฺี อตฺตา โหติ, อปฺปมาณสฺี อตฺตา โหติ. เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ, เอกนฺตทุกฺขี อตฺตา โหติ. สุขทุกฺขี อตฺตา โหติ, อทุกฺขมสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, สฺีติ นํ ปฺเปนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖) เอวํ โสฬสวิเธน วิภตฺตวาทานเมตํ อธิวจนํ.
อสฺีวาทา เนวสฺีนาสฺีวาทา จ สฺีวาเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. เกวลฺหิ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ คณฺหนฺตานํ วเสน สฺีวาทา วุตฺตา, ‘‘อสฺี’’ติ จ ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ จ คณฺหนฺตานํ วเสน อสฺีวาทา จ เนวสฺีนาสฺีวาทา จ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อสฺีวาทา ‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, อสฺีติ นํ ปฺเปนฺติ, อรูปี อตฺตา โหติ, รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ, เนว รูปี นารูปี อตฺตา โหติ. อนฺตวา อตฺตา โหติ, อนนฺตวา อตฺตา โหติ, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา โหติ, เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, อสฺีติ นํ ปฺเปนฺตี’’ติ เอวํ อฏฺวิเธน วิภตฺตา. เนวสฺีนาสฺีวาทาปิ เอวเมว ‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, เนวสฺีนาสฺีติ นํ ปฺเปนฺตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๘๒) อฏฺวิเธน วิภตฺตาติ เวทิตพฺพา.
อุจฺเฉทวาทาติ ¶ ‘‘อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๘๕) เอวมาทินา นเยน ปวตฺตํ ¶ อุจฺเฉททสฺสนํ อุจฺเฉโท สหจรณนเยน. อุจฺเฉโท วาโท เยสํ เต อุจฺเฉทวาทา, อุจฺเฉทวาโท วา เอเตสมตฺถีติ อุจฺเฉทวาทา, อุจฺเฉทํ วทนฺตีติ วา อุจฺเฉทวาทา.
ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอตฺถ ทิฏฺธมฺโม นาม ทสฺสนภูเตน าเณน อุปลทฺธธมฺโม, ปจฺจกฺขธมฺโมติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนฺติ อตฺโถ. ตํ วทนฺตีติ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา. เต ปน ‘‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ, เอตฺตาวตา โข โภ อยํ อตฺตา ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๙๔) เอวมาทินา นเยน ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานํ ปฺเปนฺติ. เต หิ มนฺธาตุกามคุณสทิเส มานุสเก กามคุเณ, ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวราชสฺส กามคุณสทิเส ทิพฺเพ จ กามคุเณ อุปคตานํ ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺตึ วทนฺติ.
วิภชฺชวาทีติ เวรฺชกณฺเฑ อาคตนเยเนว เวนยิกาทิภาวํ วิภชฺช วทตีติ วิภชฺชวาที.
ตตฺถ หิ ภควตา ‘‘อหฺหิ, พฺราหฺมณ, วินยาย ธมฺมํ เทเสมิ ราคสฺสา’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติอาทินา เวรฺชพฺราหฺมณสฺส อตฺตโน เวนยิกาทิภาโว วิภชฺช วุตฺโตติ. อปิจ โสมนสฺสาทีนํ จีวราทีนฺจ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาวํ วิภชฺช วทตีติ วิภชฺชวาที, สสฺสตุจฺเฉทวาเท วา วิภชฺช วทตีติ วิภชฺชวาที, ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีนํ ปนียานํ ปฺหานํ ปนโต ราคาทิขยสงฺขาตสฺส สสฺสตสฺส ราคาทิกายทุจฺจริตาทิอุจฺเฉทสฺส วจนโต วิภชฺชวาที, สสฺสตุจฺเฉทภูเต อุโภ อนฺเต อนุปคฺคมฺม มชฺฌิมปฏิปทาภูตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนโต วิภชฺชวาที, ภควา. ปรปฺปวาทํ มทฺทนฺโตติ ตสฺมึ ตติยสงฺคีติกาเล อุปฺปนฺนํ วาทํ, ตโต ปฏฺาย ยาว สทฺธมฺมนฺตรธานา อายตึ อุปฺปชฺชนกวาทฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ สมาคเม อยํ เถโร ยานิ จ ตทา อุปฺปนฺนานิ วตฺถูนิ, ยานิ จ อายตึ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปฏิพาหนตฺถํ ¶ สตฺถารา ทินฺนนยวเสเนว ตถาคเตน ปิตมาติกํ วิภชนฺโต สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานิ, ปรวาเท ปฺจาติ สุตฺตสหสฺสํ อาหริตฺวา ตทา อุปฺปนฺนวาทสฺส มทฺทนโต ปรปฺปวาทมทฺทนํ อายตึ อุปฺปชฺชนกวาทานํ ปฏิเสธนลกฺขณภาวโต อายตึ ปฏิเสธลกฺขณํ กถาวตฺถุปฺปกรณํ อกาสิ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนา สมตฺตา.
อาจริยปรมฺปรกถาวณฺณนา
‘‘เกนาภต’’นฺติ ¶ อิมํ ปฺหํ วิสชฺเชนฺเตน ชมฺพุทีเป ตาว อาจริยปรมฺปรา ยาว ตติยสงฺคีติ, ตาว ทสฺเสตฺวา อิทานิ สีหฬทีเป อาจริยปรมฺปรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตติยสงฺคหโต ปน อุทฺธ’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. อิมํ ทีปนฺติ อิมํ ตมฺพปณฺณิทีปํ. กฺจิ กาลนฺติ กิสฺมิฺจิ กาเล. โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. ภทฺทนาโมติ ภทฺทสาลตฺเถโร. นามสฺส เอกเทเสนปิ หิ โวหาโร ทิสฺสติ ‘‘เทวทตฺโต ทตฺโต’’ติ ยถา. อาคุํ น กโรนฺตีติ นาคา. วินยปิฏกํ วาจยึสูติ สมฺพนฺโธ. ตมฺพปณฺณิยาติ ภุมฺมวจนํ. นิกาเย ปฺจ วาเจสุนฺติ วินยาภิธมฺมวชฺเช ทีฆนิกายาทิเก ปฺจ นิกาเย จ วาเจสุํ. สตฺต เจว ปกรเณติ ธมฺมสงฺคณีวิภงฺคาทิเก สตฺต อภิธมฺมปฺปกรเณ จ วาเจสุนฺติ อตฺโถ. อสนิ วิย สิลุจฺจเย กิเลเส เมธติ หึสตีติ เมธา, ขิปฺปํ คหณธารณฏฺเน วา เมธา, ปฺา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวี. ติเปฏโกติ ตีณิ ปิฏกานิ เอตสฺส อตฺถีติ ติเปฏโก, เตปิฏโกติ วุตฺตํ โหติ, ติปิฏกปริยตฺติธโรติ อตฺโถ. ตารกานํ ราชาติ ตารกราชา, จนฺทิมา. อติโรจถาติ อติวิย วิโรจิตฺถ. ปุปฺผนาโมติ มหาปทุมตฺเถโร. สทฺธมฺมวํสโกวิโทติ สทฺธมฺมตนฺติยา โกวิโท. ปุปฺผนาโมติ สุมนตฺเถโร. ชมฺพุทีเป ปติฏฺิโตติ สุมนตฺเถโร กิร เอกสฺมึ สมเย สีหฬทีปมฺหิ สาสเน โอสกฺกมาเน ชมฺพุทีปํ คนฺตฺวา อุคฺคณฺหิตฺวา สาสนํ อนุรกฺขนฺโต ตตฺเถว ปติฏฺาสิ. มคฺคโกวิทาติ สคฺคมคฺคโมกฺขมคฺเคสุ โกวิทา.
ภารํ ¶ กตฺวาติ เตสํ เตสํ ภิกฺขูนํ สาสนํ ภารํ กตฺวา, ปฏิพทฺธํ กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘เต เต ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ เปเสสี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มชฺฌนฺติกตฺเถรํ กสฺมีรคนฺธารรฏฺํ เปเสสี’’ติอาทิ. มหึสกมณฺฑลนฺติ อนฺธกรฏฺํ วทนฺติ. วนวาสินฺติ วนวาสิรฏฺํ. อตฺตา ปฺจโม เอเตสนฺติ อตฺตปฺจมา, ตํ ตํ ทิสาภาคํ ปฺจ ปฺเจว ภิกฺขู อคมํสูติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ตตฺถ ตตฺถ คตานํ เถรานํ กิจฺจานุภาวํ ทสฺเสตุกาโม มชฺฌนฺติกตฺเถรสฺส คตฏฺาเน กิจฺจํ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน กสฺมีรคนฺธารรฏฺเ’’ติอาทิมาห. กรกวสฺสนฺติ หิมปาตนกวสฺสํ. หราเปตฺวาติ อุทโกเฆน หราเปตฺวา. อรวาฬทหปิฏฺิยนฺติ อรวาฬทหสฺส อุทกปิฏฺิยํ. ฉินฺนภินฺนปฏธโรติ สตฺถเกน ฉินฺนํ รงฺเคน ภินฺนํ วณฺณวิการมาปนฺนํ ปฏํ ธาเรตีติ ฉินฺนภินฺนปฏธโร. อถ วา สตฺถเกน ฉินฺนานํ คิหิวตฺถวิสภาคานํ กาสาวานํ ธารณโต ฉินฺนภินฺนปฏธโร. ภณฺฑูติ มุณฺฑโก. กาสาววสโนติ กาสาววตฺถนิวตฺโถ. มกฺขํ อสหมาโนติ เถรํ ¶ ปฏิจฺจ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปนฺนํ ปเรสํ คุณมกฺขนลกฺขณํ มกฺขํ อสหมาโน สนฺธาเรตุํ อธิสหิตุํ วูปสเมตุํ อสกฺโกนฺโต. ภึสนกานีติ เภรวารมฺมณานิ. ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต ตโต ภุสา วาตา วายนฺตี’’ติอาทิมาห. ภุสา วาตาติ รุกฺขเภทนปพฺพตกูฏนิปาตนสมตฺถา พลววาตา. อสนิโย ผลนฺตีติ อสนิโย ภิชฺชนฺติ, ปตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ปหรณวุฏฺิโยติ อเนกปฺปการา อาวุธวุฏฺิโย. นิทฺธมถาติ คเหตฺวา อปเนถ. ภึสนกนฺติ นาคราชสฺส กายิกวาจสิกปโยคชนิตภยนิมิตฺตํ วิปฺปการํ.
เม ภยเภรวํ ชเนตุํ ปฏิพโล น อสฺส น ภเวยฺยาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ภยเภรวํ นาม ขุทฺทานุขุทฺทกํ ภยํ. อถ วา ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสภยํ, ปฏิฆภยสฺเสตํ อธิวจนํ. เภรวนฺติ ภยชนกมารมฺมณํ. สเจปิ ตฺวํ มหึ สพฺพนฺติ สเจปิ ตฺวํ มหานาค สพฺพํ มหึ สมุทฺเทน สห สสมุทฺทํ ปพฺพเตน สห สปพฺพตํ อุกฺขิปิตฺวา มมูปริ มยฺหํ สีโสปริ ขิเปยฺยาสีติ อตฺโถ. เม ภยเภรวํ ชเนตุํ เนว สกฺกุเณยฺยาสีติ สมฺพนฺโธ. อฺทตฺถูติ เอกํเสน. ตเววสฺส วิฆาโต อุรคาธิปาติ อุรคานํ ¶ นาคานํ อธิปติ ราช ตว เอว วิฆาโต ทุกฺขํ วิหึสา อสฺส ภเวยฺยาติ อตฺโถ.
ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวาติอาทีสุ ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมเทสนาย ทิฏฺธมฺมสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา กุสเล ธมฺเม สมาทเปตฺวา คณฺหาเปตฺวา ตตฺถ จ นํ สมุตฺเตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย จ สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา โตเสตฺวาติ อตฺโถ. เถเรน กตํ นาคานุสาสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถายสฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิโต อุทฺธํ ยถา ปุเรติ ยถา ตุมฺเห อิโต ปุเร สทฺธมฺมสวนุปฺปตฺติวิรหิตกาเล ปรสฺส โกธํ อุปฺปาทยิตฺถ, อิทานิ อิโต ปฏฺาย อุทฺธํ อนาคเต โกธฺจ มา ชนยิตฺถ, วิชาตมาตุยาปิ ปุตฺเต สิเนหจฺเฉทนํ สพฺพวินาสมูลกํ สสฺสฆาตกฺจ มา กริตฺถาติ อตฺโถ. สุขกามา หิ ปาณิโนติ เอตฺถ หิ-สทฺโท การโณปเทเส, ยสฺมา สพฺเพ สตฺตา สุขกามา, ตสฺมา หิตสุขอุปจฺเฉทกรํ สสฺสฆาตฺจ มา กโรถาติ วุตฺตํ โหติ.
ยถานุสิฏฺนฺติ ยํ ยํ อนุสิฏฺํ ยถานุสิฏฺํ, อนุสิฏฺํ อนติกฺกมฺม วา ยถานุสิฏฺํ, เถเรน ทินฺโนวาทํ อนติกฺกมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ ปมมคฺคผลาธิคโม อโหสีติ วทนฺติ. กุลสตสหสฺสนฺติ อิมินา ปุริสานํ สตสหสฺสํ ทสฺเสติ. กสฺมีรคนฺธาราติ กสฺมีรคนฺธารรฏฺวาสิโน. กาสาวปชฺโชตาติ ภิกฺขูนํ นิวตฺถปารุตกาสาววตฺเถหิ โอภาสิตา. อิสิวาตปฏิวาตาติ ¶ ภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนวาเตน เจว หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณาทิวาเตน จ สมนฺตโต พีชิยมานา อเหสุํ. ทุฏฺนฺติ กุปิตํ. พนฺธนาติ สํสารพนฺธนโต.
ธมฺมจกฺขุนฺติ เหฏฺามคฺคตฺตเย าณํ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปมมคฺคาณเมว เต ปฏิลภึสู’’ติ วทนฺติ. โจเทตฺวา เทวทูเตหีติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๖๓ อาทโย) เทวทูตสุตฺตนฺตเทสนาวเสน (ม. นิ. ๓.๒๖๑ อาทโย) ทหรกุมาโร ชราชิณฺณสตฺโต คิลานสตฺโต กมฺมการณา กมฺมการณิกา วา มตสตฺโตติ อิเมหิ ปฺจหิ เทวทูเตหิ โจเทตฺวา โอวทิตฺวา, สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ทหรกุมาราทโย ¶ หิ ตตฺถ ‘‘เทวทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา หิ ทหรกุมาโร อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘‘ปสฺสถ โภ มยฺหมฺปิ ตุมฺหากํ วิย หตฺถปาทา อตฺถิ, สเก ปนมฺหิ มุตฺตกรีเส ปลิปนฺโน, อตฺตโน ธมฺมตาย อุฏฺหิตฺวา นหายิตุํ น สกฺโกมิ, ‘อหํ กิลิฏฺโ, นหาเปถ ม’นฺติ วตฺตุมฺปิ น สกฺโกมิ, ชาติโตมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโต, น โข ปนาหเมว, ตุมฺเหปิ ชาติโต อปริมุตฺตาว. ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ ชาติ อาคมิสฺสติ, อิติ ตสฺสา ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ. เตเนส เทวทูโต นาม ชาโต.
ชราชิณฺณสตฺโตปิ อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘‘ปสฺสถ โภ อหมฺปิ ตุมฺเห วิย ตรุโณ อโหสึ อูรุพลพาหุพลชวสมฺปนฺโน, ตสฺส เม ตา พลชวสมฺปตฺติโย อนฺตรหิตา, หตฺถปาทา หตฺถปาทกิจฺจฺจ น กโรนฺติ, ชรายมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโต, น โข ปนาหเมว, ตุมฺเหปิ ชราย อปริมุตฺตาว. ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ ชรา อาคมิสฺสติ, อิติ ตสฺสา ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ. เตเนส เทวทูโต นาม ชาโต.
คิลานสตฺโตปิ อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘‘ปสฺสถ โภ อหมฺปิ ตุมฺเห วิย นิโรโค อโหสึ, โสมฺหิ เอตรหิ พฺยาธินา อภิหโต สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺโน, อุฏฺาตุมฺปิ น สกฺโกมิ, วิชฺชมานาปิ เม หตฺถปาทา หตฺถปาทกิจฺจํ น กโรนฺติ, พฺยาธิโตมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโต, น โข ปนาหเมว, ตุมฺเหปิ พฺยาธิโต อปริมุตฺตาว. ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ พฺยาธิ อาคมิสฺสติ, อิติ ตสฺส ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ. เตเนส เทวทูโต นาม ชาโต.
กมฺมการณา กมฺมการณิกา วา จตุตฺโถ เทวทูโตติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ กมฺมการณปกฺเข ทฺวตฺตึส ตาว กมฺมการณา อตฺถโต เอวํ วทนฺติ นาม ‘‘มยํ นิพฺพตฺตมานา น รุกฺเข วา ปาสาเณ ¶ วา นิพฺพตฺตาม, ตุมฺหาทิสานํ สรีเร นิพฺพตฺตาม, อิติ อมฺหากํ ปุเร นิพฺพตฺติโตว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ. เตเนตา เทวทูตา นาม ชาตา. กมฺมการณิกาปิ อตฺถโต เอวํ วทนฺติ นาม ‘‘มยํ ทฺวตฺตึส กมฺมการณา กโรนฺตา น รุกฺขาทีสุ ¶ กโรม, ตุมฺหาทิเสสุ สตฺเตสุเยว กโรม, อิติ อมฺหากํ ตุมฺเหสุ ปุเร กมฺมการณาการณโตว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ. เตเนเตปิ เทวทูตา นาม ชาตา.
มตกสตฺโตปิ อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘‘ปสฺสถ โภ มํ อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ อุทฺธุมาตกาทิภาวํ ปตฺตํ, มรณโตมฺหิ อปริมุตฺตตาย เอทิโส ชาโต, น โข ปนาหเมว, ตุมฺเหปิ มรณโต อปริมุตฺตาว. ยเถว หิ มยฺหํ, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ มรณํ อาคมิสฺสติ, อิติ ตสฺส ปุเร อาคมนาว กลฺยาณํ กโรถา’’ติ. เตเนส เทวทูโต นาม ชาโต. ตสฺมา ทหรกุมาราทโย เอตฺถ ‘‘เทวทูตา’’ติ เวทิตพฺพา.
อนมตคฺคิยนฺติ อนมตคฺคสํยุตฺตํ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔). ธมฺมามตํ ปาเยสีติ โลกุตฺตรธมฺมามตํ ปานํ ปฏิลาภกรณวเสน ปาเยสีติ อตฺโถ. สมธิกานีติ สหาธิกานิ. สหตฺโถ เหตฺถ สํสทฺโท. อิสีติ สีลกฺขนฺธาทโย ธมฺมกฺขนฺเธ เอสิ คเวสิ ปริเยสีติ อิสีติ วุจฺจติ. ปฺจ รฏฺานีติ ปฺจวิธจีนรฏฺานิ. หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ ปกาเสนฺโต ยกฺขเสนํ ปสาทยีติ โยเชตพฺพํ.
เตน จ สมเยนาติ ตสฺมึ สมเย เตสํ คมนโต ปุพฺพภาคกาเล. ลทฺธํ ภวิสฺสตีติ เวสฺสวณสนฺติกา ลทฺธํ ภวิสฺสติ. เวคสาติ เวเคน. สมนฺตโต อารกฺขํ เปสีติ ‘‘อิโต ปฏฺาย มา ปวิสนฺตู’’ติ อธิฏฺานวเสน สมนฺตา อารกฺขํ เปสิ. อฑฺฒุฑฺฒานิ สหสฺสานีติ อฑฺเฒน จตุตฺถานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ, อติเรกปฺจสตานิ ตีณิ สหสฺสานีติ วุตฺตํ โหติ. ทิยฑฺฒสหสฺสนฺติ อฑฺเฒน ทุติยํ ทิยฑฺฒํ, อติเรกปฺจสตํ เอกํ สหสฺสนฺติ อตฺโถ. โสณุตฺตราติ โสโณ จ อุตฺตโร จ โสณุตฺตรา. นิทฺธเมตฺวานาติ ปลาเปตฺวาน. อเทสิสุนฺติ อเทสยุํ.
อชฺฌิฏฺโติ อาณตฺโต. ปุน ทานีติ เอตฺถ ทานีติ นิปาตมตฺตํ, ปุน อาคจฺเฉยฺยาม วา น วาติ อตฺโถ. ราชคหนครปริวตฺตเกนาติ ราชคหนครํ ปริวชฺเชตฺวา ตโต พหิ ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตมคฺเคน คมเนน วา. อิทานิ เถรมาตุยา เวฏิสนคเร นิวาสการณํ ทสฺเสตุํ ตสฺส นครสฺส ตสฺสา ชาติภูมิภาวํ เถรสฺส จ อฏฺุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อโสโก กิร กุมารกาเล’’ติอาทิมาห.
อยํ ¶ ¶ ปเนตฺถ อนุปุพฺพิกถา – ปุพฺเพ กิร โมริยวํเส ชาตสฺส จนฺทคุตฺตสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต พินฺทุสาโร นาม กุมาโร ปิตุ อจฺจเยน ปาฏลิปุตฺตมฺหิ นคเร ราชา อโหสิ. ตสฺส ทฺเว ปุตฺตา สอุทริยา อเหสุํ, เตสํ เอกูนสตมตฺตา เวมาติกภาตโร อเหสุํ. ราชา ปน เตสํ สพฺพเชฏฺกสฺส อโสกกุมารสฺส อุปรชฺชฏฺานฺจ อวนฺติรฏฺฺจ ทตฺวา อเถกทิวสํ อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, อุปราช, ตว รฏฺํ คนฺตฺวา ตตฺถ อุชฺเชนีนคเร วสาหี’’ติ อาณาเปสิ. โส ปิตุ วจเนน ตํ อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เวฏิสคิรินคเร เวฏิสนามกสฺส เสฏฺิสฺส ฆเร นิวาสํ อุปคนฺตฺวา ตสฺส เสฏฺิสฺส ธีตรํ ลกฺขณสมฺปนฺนํ โยพฺพนปฺปตฺตํ เวฏิสคิรึ นาม กุมารึ ทิสฺวา ตาย ปฏิพทฺธจิตฺโต มาตาปิตูนํ กถาเปตฺวา ตํ เตหิ ทินฺนํ ปฏิลภิตฺวา ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา เตน สํวาเสน สฺชาตคพฺภา หุตฺวา ตโต อุชฺเชนึ นีตา มหินฺทกุมารํ ชนยิ. ตโต วสฺสทฺวเย อติกฺกนฺเต สงฺฆมิตฺตฺจ ธีตรํ อุปลภิตฺวา อุปราเชน สทฺธึ ตตฺถ วสติ. อุปราชสฺส ปน ปิตา พินฺทุสาโร มรณมฺเจ นิปนฺโน ปุตฺตํ อโสกกุมารํ สริตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตุํ อุชฺเชนึ มนุสฺเส เปเสสิ. เต ตโต อุชฺเชนึ คนฺตฺวา อโสกสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. เตสํ วจเนน โส ปิตุ สนฺติกํ ตุริตคมเนนาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เวฏิสคิรินครมฺหิ ปุตฺตทาเร เปตฺวา ปิตุ สนฺตกํ ปาฏลิปุตฺตนครํ คนฺตฺวา คตสมนนฺตรเมว กาลกตสฺส ปิตุโน สรีรกิจฺจํ การาเปตฺวา ตโต เอกูนสตมตฺเต เวมาติกภาตโร จ ฆาตาเปตฺวา วิหตกณฺฏโก หุตฺวา ตตฺถ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อภิเสกํ คณฺหิ. ตทาปิ เถรมาตา ทารเก รฺโ สนฺติกํ เปเสตฺวา สยํ ตตฺเถว เวฏิสคิรินคเร วสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สา ตสฺส มาตา เตน สมเยน าติฆเร วสี’’ติ.
อาโรเปสีติ ปฏิปาเทสิ. อมฺหากํ อิธ กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺิตนฺติ มาตุ ทสฺสนสฺส กตภาวํ สนฺธายาห. อนุภวตุ ตาว เม ปิตรา เปสิตํ อภิเสกนฺติอาทีสุ อภิเสกเปสนาทิกถา วิตฺถาเรน อุตฺตรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ฉณตฺถนฺติ ฉณนิมิตฺตํ, ฉณเหตูติ อตฺโถ, สยํ ฉณกีฬํ อกาตุกาโมติ วุตฺตํ โหติ. ตทา กิร เทวานํปิยติสฺโส เชฏฺมูลมาสปุณฺณมิยํ นกฺขตฺตํ โฆสาเปตฺวา ‘‘สลิลกีฬาฉณํ ¶ กโรถา’’ติ อมจฺเจ อาณาเปตฺวา สยํ มิควํ กีฬิตุกาโม มิสฺสกปพฺพตํ อคมาสิ. มิสฺสกปพฺพตนฺติ ปํสุปาสาณมิสฺสกตฺตา เอวํลทฺธนามํ ปพฺพตํ. ทิฏฺสจฺโจติ อนาคามิมคฺเคน ปฏิวิทฺธสจฺโจ, อนาคามิผลํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. โส กิร เถเรน อตฺตโน มาตุเทวิยา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา อนาคามิผลํ สจฺฉากาสิ, โส จ เถรสฺส ภาคิเนยฺโยติ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ เถรสฺส มาตุเทวิยา ภคินี ตสฺสา ธีตา, ตสฺสา อยํ ปุตฺโต. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘เทวิยา ¶ ภคินี ธีตุ, ปุตฺโต ภณฺฑุกนามโก;
เถเรน เทวิยา ธมฺมํ, สุตฺวา เทสิตเมว ตุ;
อนาคามิผลํ ปตฺวา, วสิ เถรสฺส สนฺติเก’’ติ.
สมฺมาสมฺพุทฺเธน จ ตุมฺเห พฺยากตาติ โพธิมูเล เอว พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ ทิสฺวา อนาคเต ตสฺส ทีปสฺส สมฺปตฺตึ ทิฏฺเน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ‘‘อนาคเต มหินฺโท นาม ภิกฺขุ ตมฺพปณฺณิทีปํ ปสาเทสฺสตี’’ติ ตุมฺเห พฺยากตา. ตตฺถ ตมฺพปณฺณิทีปนฺติ ทีปวาสิโน วุตฺตา. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ อาสยานุสยาณฺจ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เตน ปน อินฺทฺริยปโรปราทึ วินา อฺํ น สกฺกา ทฏฺุนฺติ ‘‘โวโลเกนฺโต’’ติ อวตฺวา ‘‘โวโลเกตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอตมตฺถนฺติ ‘‘อนาคเต มหินฺโท นาม ภิกฺขุ ตมฺพปณฺณิทีปํ ปสาเทสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ.
เวฏิสคิริมฺหิ ราชคเหติ เทวิยา กตวิหาเร. กาโลว คมนสฺส, คจฺฉาม ทีปมุตฺตมนฺติ โยเชตพฺพํ. อิทฺจ เตสํ ปริวิตกฺกนิทสฺสนํ. ปฬินาติ อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. อมฺพเรติ อากาเส. เอวมากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา กึ เต อกํสูติ เจติยปพฺพเต นิปตึสูติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวมุปฺปติตา เถรา, นิปตึสุ นคุตฺตเม’’ติ. อิทานิ ตสฺส ปพฺพตสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ เถรานฺจ ตตฺถ นิปติตฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุรโต ปุรเสฏฺสฺสา’’ติอาทิคาถมาห. ปุรโตติ ปาจีนทิสาภาเค. ปุรเสฏฺสฺสาติ อนุราธปุรสงฺขาตสฺส ปุรวรสฺส. เมฆสนฺนิเภติ สมนฺตโต นีลวณฺณตฺตา นีลมหาเมฆสทิเส. สีลกูฏมฺหีติ เอวํนามเก ปพฺพตกูเฏ. หํสาว นคมุทฺธนีติ ปพฺพตมุทฺธนิ หํสา วิย.
ตตฺถ ¶ ปน ปติฏฺหนฺโต กทา ปติฏฺหีติ อาห ‘‘เอวํ อิฏฺฏิยาทีหิ สทฺธิ’’นฺติอาทิ. ปรินิพฺพานโตติ ปรินิพฺพานวสฺสโต ตํ อวธิภูตํ มฺุจิตฺวา ตโต อุทฺธํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึสติเม วสฺเสติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. กถํ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อชาตสตฺตุสฺส หี’’ติอาทิ. ตสฺมึเยว วสฺเสติ เอตฺถ ยสฺมึ สํวจฺฉเร ยสฺมิฺจ ทิวเส ภควา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมึ สํวจฺฉเร ตสฺมึเยว จ ทิวเส วิชยกุมาโร อิมํ ทีปมาคโตติ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ลงฺกายํ วิชยสนามโก กุมาโร,
โอติณฺโณ ถิรมติ ตมฺพปณฺณิทีเป;
สาลานํ ¶ ยมกคุณานมนฺตรสฺมึ,
นิพฺพาตุํ สยิตทิเน ตถาคตสฺสา’’ติ.
สีหกุมารสฺส ปุตฺโตติ เอตฺถ กาลิงฺคราชธีตุ กุจฺฉิสฺมึ สีหสฺส ชาโต กุมาโร สีหกุมาโรติ เวทิตพฺโพ, ปุพฺเพ อมนุสฺสาวาสตฺตา อาห ‘‘มนุสฺสาวาสํ อกาสี’’ติ. จุทฺทสเม วสฺเสติ จุทฺทสเม วสฺเส สมฺปตฺเต. อิธ วิชโย กาลมกาสีติ อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป วิชยราชกุมาโร อฏฺตึส วสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลมกาสิ. ตถา หิ อชาตสตฺตุ ราชา ทฺวตฺตึส วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, อุทยภทฺโท โสฬส วสฺสานิ, ตสฺมา อชาตสตฺตุสฺส อฏฺมวสฺสํ อิธ วิชยสฺส ปมวสฺสนฺติ กตฺวา ตโต อุทฺธํ อชาตสตฺตุสฺส จตุวีสติ วสฺสานิ อุทยภทฺทสฺส จุทฺทส วสฺสานีติ วิชยสฺส อฏฺตึส วสฺสานิ ปริปูรึสุ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘วิชโย ลงฺกมาคมฺม, สตฺถุ นิพฺพานวาสเร;
อฏฺตึส สมากาสิ, รชฺชํ ยกฺขวิมทฺทโก’’ติ.
‘‘อุทยภทฺทสฺส ปฺจทสเม วสฺเส ปณฺฑุวาสุเทโว นาม อิมสฺมึ ทีเป รชฺชํ ปาปุณี’’ติ วุตฺตตฺตา อุทยภทฺทสฺส จุทฺทสมวสฺสสงฺขาตํ เอกํ วสฺสํ อิมสฺมึ ทีเป วิชยสฺส ปณฺฑุวาสุเทวสฺส จ อนฺตเร สีหฬํ อราชิกํ หุตฺวา ิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมิฺหิ วสฺเส วิชยราชสฺส อมจฺจา อุปติสฺสํ นาม อมจฺจํ เชฏฺกํ กตฺวา ตสฺส นาเมน กเต อุปติสฺสคาเม วสนฺตา อราชิกํ รชฺชมนุสาสึสุ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตสฺมึ ¶ มเต อมจฺจา เต, เปกฺขนฺตา ขตฺติยาคมํ;
อุปติสฺสคาเม ตฺวาน, รฏฺํ สมนุสาสิสุํ.
‘‘มเต วิชยราชมฺหิ, ขตฺติยาคมนา ปุรา;
เอกํ วสฺสํ อยํ ลงฺกา-ทีโป อาสิ อราชิโก’’ติ.
ตตฺถาติ ชมฺพุทีเป. อิธ ปณฺฑุวาสุเทโว กาลมกาสีติ อิมสฺมึ สีหฬทีเป ปณฺฑุวาสุเทโว ตึส วสฺสานิ รชฺชมนุสาสิตฺวา กาลมกาสิ. ตถา หิ อุทยภทฺทสฺส อนนฺตรํ อนุรุทฺโธ จ มุณฺโฑ จ อฏฺ วสฺสานิ รชฺชมนุสาสึสุ, ตทนนฺตรํ นาคทาสโก จตุวีสติ วสฺสานิ, ตสฺมา ¶ อุทยภทฺทสฺส ปฺจทสมโสฬสมวสฺเสหิ สทฺธึ อนุรุทฺธสฺส จ มุณฺฑสฺส จ อฏฺ วสฺสานิ, นาคทาสกสฺส จ จตุวีสติวสฺเสสุ วีสติ วสฺสานีติ ปณฺฑุวาสุเทวสฺส รฺโ ตึส วสฺสานิ ปริปูรึสุ. เตเนว วุตฺตํ –
‘‘ตโต ปณฺฑุวาสุเทโว, รชฺชํ ตึส สมา อกา’’ติ;
ตตฺถาติ ชมฺพุทีเป. สตฺตรสเม วสฺเสติ สตฺตรสเม วสฺเส สมฺปตฺเต. ตถา หิ นาคทาสกสฺส อนนฺตรา สุสุนาโค อฏฺารส วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, ตสฺมา นาคทาสกสฺส จตุวีสติวสฺเสสุ วีสติ วสฺสานิ เปตฺวา เสเสหิ จตูหิ วสฺเสหิ สทฺธึ สุสุนาคสฺส อฏฺารสสุ วสฺเสสุ โสฬส วสฺสานีติ อิธ อภยรฺโ วีสติ วสฺสานิ ปริปูรึสุ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภโย วีสติ วสฺสานิ, ลงฺการชฺชมการยี’’ติ;
ทามริโกติ ยุทฺธการโก โจโร. ปณฺฑุกาภโย ปน อภยสฺส ภาคิเนยฺโย ราชาเยว, น โจโร, พลกฺกาเรน ปน รชฺชสฺส คหิตตฺตา ‘‘ทามริโก’’ติ วุตฺตํ. รชฺชํ อคฺคเหสีติ เอกเทสสฺส คหิตตฺตา วุตฺตํ. อภยสฺส หิ วีสติเม วสฺเส น ตาว สพฺพํ รชฺชมคฺคเหสีติ. ตถา หิ วีสติมวสฺสโต ปฏฺาย อภยสฺส นว ภาติเก ¶ อตฺตโน มาตุเล ตตฺถ ตตฺถ ยุทฺธํ กตฺวา ฆาเตนฺตสฺส อนภิสิตฺตสฺเสว สตฺตรส วสฺสานิ อติกฺกมึสุ, ตโตเยว จ ตานิ ราชสฺุานิ นาม อเหสุํ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘ปณฺฑุกาภยรฺโ จ, อภยสฺส จ อนฺตเร;
ราชสฺุานิ วสฺสานิ, อเหสุํ ทส สตฺต จา’’ติ.
ตตฺถาติ ชมฺพุทีเป. ปณฺฑุกสฺสาติ ปณฺฑุกาภยสฺส. ภวติ หิ เอกเทเสนปิ โวหาโร ‘‘เทวทตฺโต ทตฺโต’’ติ ยถา. สตฺตรส วสฺสานิ ปริปูรึสูติ อนภิสิตฺตสฺเสว ปริปูรึสุ. เอตฺถ จ กาฬาโสกสฺส โสฬสมวสฺสํ เปตฺวา ปนฺนรส วสฺสานิ เหฏฺา สุสุนาคสฺส สตฺตรสมอฏฺารสมวสฺสานิ จ ทฺเว คเหตฺวา สตฺตรส วสฺสานิ คณิตพฺพานิ. ตานิ เหฏฺา เอเกน วสฺเสน สห อฏฺารส โหนฺตีติ ตานิ ราชสฺุานิ สตฺตรส วสฺสานิ เหฏฺา วิชยปณฺฑุวาสุเทวราชูนมนฺตเร อราชิเกน เอเกน วสฺเสน สทฺธึ อฏฺารส ราชสฺุวสฺสานิ นาม โหนฺติ.
จนฺทคุตฺตสฺส ¶ จุทฺทสเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุกาภโย กาลมกาสีติ จนฺทคุตฺตสฺส จุทฺทสเม วสฺเส อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป ปณฺฑุกาภโย นาม ราชา สตฺตติ วสฺสานิ รชฺชมนุสาสิตฺวา กาลมกาสิ. ตถา หิ สุสุนาคสฺส ปุตฺโต กาฬาโสโก อฏฺวีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ. ตโต ตสฺส ปุตฺตา ทส ภาตุกา ทฺเววีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสุํ, เตสํ ปจฺฉา นว นนฺทา ทฺเววีสติ, จนฺทคุตฺโต จตุวีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ. ตตฺถ กาฬาโสกสฺส อฏฺวีสติวสฺเสสุ ปนฺนรส วสฺสานิ เหฏฺา คหิตานีติ ตานิ เปตฺวา เสสานิ เตรส วสฺสานิ, ทสภาตุกานํ ทฺเววีสติ, ตถา นวนนฺทานํ ทฺเววีสติ, จนฺทคุตฺตสฺส จุทฺทสมวสฺสํ เปตฺวา เตรส วสฺสานีติ ปณฺฑุกาภยสฺส สตฺตติ วสฺสานิ ปริปูรึสุ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘ปณฺฑุกาภยนามสฺส, รฺโ วสฺสานิ สตฺตตี’’ติ;
ตตฺถ อโสกธมฺมราชสฺส สตฺตรสเม วสฺเส อิธ มุฏสิวราชา กาลมกาสีติ ตสฺมึ ชมฺพุทีเป อโสกธมฺมราชสฺส สตฺตรสเม วสฺเส อิธ มุฏสิโว นาม ราชา สฏฺิ วสฺสานิ รชฺชมนุสาสิตฺวา กาลมกาสิ ¶ . ตถา หิ จนฺทคุตฺตสฺส ปุตฺโต พินฺทุสาโร อฏฺวีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, ตโต ตสฺส ปุตฺโต อโสกธมฺมราชา รชฺชํ ปาปุณิ, ตสฺมา จนฺทคุตฺตสฺส เหฏฺา วุตฺเตสุ จตุวีสติวสฺเสสุ เตรส วสฺสานิ คหิตานีติ ตานิ เปตฺวา เสสานิ เอกาทส วสฺสานิ, พินฺทุสารสฺส อฏฺวีสติ วสฺสานิ, อโสกสฺส อนภิสิตฺตสฺส จตฺตาริ วสฺสานิ, อภิสิตฺตสฺส สตฺตรส วสฺสานีติ เอวํ สฏฺิ วสฺสานิ อิธ มุฏสิวสฺส ปริปูรึสุ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘มุฏสิโว สฏฺิ วสฺสานิ, ลงฺการชฺชมการยี’’ติ;
เทวานํปิยติสฺโส รชฺชํ ปาปุณีติ อโสกธมฺมราชสฺส อฏฺารสเม วสฺเส ปาปุณิ. อิทานิ ปรินิพฺพุเต ภควติ อชาตสตฺตุอาทีนํ วสฺสคณนาวเสน ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึสติ วสฺสานิ เอกโต คเณตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปรินิพฺพุเต จ สมฺมาสมฺพุทฺเธ’’ติอาทิ. ตตฺถ อชาตสตฺตุสฺส จตุวีสตีติ ปรินิพฺพานวสฺสสงฺขาตํ อฏฺมวสฺสํ มฺุจิตฺวา วุตฺตํ. อโสกสฺส ปุตฺตกา ทส ภาตุกราชาโนติ กาฬาโสกสฺส ปุตฺตา ภทฺทเสโน โกรณฺฑวณฺโณ มงฺกุโร สพฺพฺชโห ชาลิโก อุภโก สฺจโย โกรพฺโย นนฺทิวฑฺฒโน ปฺจมโกติ อิเม ทส ภาตุกราชาโนติ เวทิตพฺพา. อุคฺคเสนนนฺโท ปณฺฑุกนนฺโท ปณฺฑุคตินนฺโท ภูตปาลนนฺโท รฏฺปาลนนฺโท โควิสาณกนนฺโท สวิทฺธกนนฺโท เกวฏฺฏกนนฺโท ธนนนฺโทติ อิเม นว นนฺทาติ ¶ เวทิตพฺพา. เอเตน ราชวํสานุสาเรนาติ เอเตน ชมฺพุทีปวาสิราชูนํ วํสานุสาเรน เวทิตพฺพเมตนฺติ อตฺโถ.
ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ ปุน ราชูนํ วเสน เอวํ คณนา เวทิตพฺพา – สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานวสฺสํ อิธ วิชยสฺส ปมํ วสฺสนฺติ กตฺวา ตํ อปเนตฺวา ปรินิพฺพานวสฺสโต อุทฺธํ วิชยสฺส สตฺตตึส วสฺสานิ, ตโต อราชิกเมกวสฺสํ, ปณฺฑุวาสุเทวสฺส ตึส วสฺสานิ, อภยสฺส วีสติ วสฺสานิ, ปณฺฑุกาภยสฺส อภิเสกโต ปุพฺเพ สตฺตรส วสฺสานิ, อภิสิตฺตสฺส สตฺตติ วสฺสานิ, มุฏสิวสฺส สฏฺิ วสฺสานิ, เทวานํปิยติสฺสสฺส ปมํ วสฺสนฺติ เอวํ ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึส วสฺสานิ เวทิตพฺพานิ.
เชฏฺมาสสฺส ¶ ปุณฺณมิยํ เชฏฺนกฺขตฺตํ มูลนกฺขตฺตํ วา โหตีติ อาห ‘‘เชฏฺมูลนกฺขตฺตํ นาม โหตี’’ติ. ตสฺมึ ปน นกฺขตฺเต กตฺตพฺพฉณมฺปิ ตนฺนิสฺสยตฺตา ตเมว นามํ ลภตีติ เวทิตพฺพํ. มิควนฺติ มิคานํ วานนโต เหสนโต พาธนโต มิควนฺติ ลทฺธสมฺํ มิควํ. โรหิตมิครูปนฺติ โคกณฺณมิคเวสํ. ชิยนฺติ ธนุชิยํ. อนุพนฺธนฺโตติ ปทสา อนุธาวนฺโต. มมํเยว ราชา ปสฺสตูติ เอตฺถ ‘‘อมฺเหสุ พหูสุ ทิฏฺเสุ ราชา อติวิย ภายิสฺสตี’’ติ อิมินา การเณน อตฺตานเมว ทสฺเสตุํ ‘‘มมํเยว ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘จินฺเตสี’’ติ วตฺวา ตสฺส จินฺตนาการํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิมสฺมึ ทีเป ชาโต’’ติอาทิ. เถโร ตสฺส ปริวิตกฺกํ ชานิตฺวา อตฺตโน สภาวํ กเถตฺวา ตํ อสฺสาเสตุกาโม ‘‘สมณา มยํ มหาราชา’’ติอาทิมาห. มหาราช มยํ สมณา นาม, ตฺวํ ปริวิตกฺกํ มา อกาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตเวว อนุกมฺปายาติ ตว อนุกมฺปตฺถาย เอว อาคตา, น วิมุขภาวตฺถายาติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิเม สมณา นามา’’ติ อชานนฺตสฺส ‘‘สมณา มยํ, มหาราชา’’ติ กสฺมา เถโร อาหาติ เจ? อโสกธมฺมราเชน เปสิตสาสเนเนว ปุพฺเพ คหิตสมณสฺํ สาเรตุํ เอวมาหาติ. อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘เตน จ สมเยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อทิฏฺา หุตฺวา สหายกาติ อทิฏฺสหายกา, อฺมฺํ อทิสฺวาว สหายกภาวํ อุปคตาติ วุตฺตํ โหติ. ฉาตปพฺพตปาเทติ ฉาตวาหสฺส นาม ปพฺพตสฺส ปาเท. ตํ กิร ปพฺพตํ อนุราธปุรา ปุพฺพทกฺขิณทิสาภาเค อติเรกโยชนทฺวยมตฺถเก ติฏฺติ. ตมฺหิ าเน ปจฺฉา สทฺธาติสฺโส นาม มหาราชา วิหารํ การาเปสิ, ตํ ‘‘ฉาตวิหาร’’นฺติ โวหรึสุ. ‘‘รถยฏฺิปฺปมาณาติ อายามโต จ อาวฏฺฏโต จ รถปโตเทน สมปฺปมาณา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาวํเสปิ วุตฺตํ –
‘‘ฉาตปพฺพตปาทมฺหิ ¶ , ติสฺโส จ เวฬุยฏฺิโย;
ชาตา รถปโตเทน, สมานา ปริมาณโต’’ติ.
คณฺิปเท ปน ‘‘รถยฏฺิปฺปมาณาติ รถสฺส ธชยฏฺิปฺปมาณา’’ติ วุตฺตํ. อุปฺปชฺชึสูติ ตสฺส อภิเสกสมกาลเมว อุปฺปชฺชึสุ. เอวมุตฺตริปิ วกฺขมานานํ ¶ อจฺฉริยานํ ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ. ตถา จ วุตฺตํ มหาวํเส –
‘‘เทวานํปิยติสฺโส โส, ราชาสิ ปิตุอจฺจเย;
ตสฺสาภิเสเกน สมํ, พหูนจฺฉริยานหู’’ติ.
เอกา ลตา ยฏฺิ นามาติ กฺจนลตาย ปฏิมณฺฑิตตฺตา เอวํลทฺธนามา เอกา ยฏฺิ อโหสิ. ตํ อลงฺกริตฺวา อุปฺปนฺนลตาติ ตํ รชตวณฺณํ ยฏฺึ อลงฺกริตฺวา ตตฺเถว จิตฺตกมฺมกตา วิย อุปฺปนฺนลตา. ขายตีติ ทิสฺสติ. กิฺชกฺขานีติ เกสรานิ. เอตานิ จ ปุปฺผยฏฺิยํ นีลปุปฺผาทีนิ สกุณยฏฺิยฺจ นานปฺปการา มิคปกฺขิโน ตตฺเถว จิตฺตกมฺมกตา วิย ปฺายนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. เสตา รชตยฏฺีวาติ รชตมยยฏฺิ วิย เอกา ยฏฺิ เสตวณฺณาติ อตฺโถ. ลตาติ ตตฺเถว จิตฺตกมฺมกตา วิย ทิสฺสมานลตา. นีลาทิ ยาทิสํ ปุปฺผนฺติ ยาทิสํ โลเก นีลาทิปุปฺผํ อตฺถิ, ตาทิสํ ปุปฺผยฏฺิมฺหิ ขายตีติ อตฺโถ.
อเนกวิหิตํ รตนํ อุปฺปชฺชีติ อเนกปฺปการํ รตนํ สมุทฺทโต สยเมว ตีรํ อารุหิตฺวา เวลนฺเต อูมิเวคาภิชาตมริยาทวฏฺฏิ วิย อุปฺปชฺชิ, อุฏฺหิตฺวา อฏฺาสีติ อตฺโถ. ตมฺพปณฺณิยํ ปน อฏฺ มุตฺตา อุปฺปชฺชึสูติ เอตฺถาปิ ตมฺพปณฺณิยํ สมุทฺทโต สยเมว อุฏฺหิตฺวา ชาติโต อฏฺ มุตฺตา สมุทฺทตีเร วุตฺตนเยเนว ิตาติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘ลงฺกาทีปมฺหิ สกเล, นิธโย รตนานิ จ;
อนฺโติตานิ อุคฺคนฺตฺวา, ปถวีตลมารุหุํ.
‘‘ลงฺกาทีปสมีปมฺหิ, ภินฺนนาวาคตานิ จ;
ตตฺร ชาตานิ จ ถลํ, รตนานิ สมารุหุํ.
‘‘หยคชา ¶ รถามลกา, วลยงฺคุลิเวกา;
กกุธผลา ปากติกา, อิจฺเจตา อฏฺ ชาติโต.
‘‘มุตฺตา สมุทฺทา อุคฺคนฺตฺวา, ตีเร วฏฺฏิ วิย ิตา;
เทวานํปิยติสฺสสฺส, สพฺพปฺุวิชมฺภิต’’นฺติ.
หยมุตฺตาติ ¶ อสฺสรูปสณฺานมุตฺตา. คชมุตฺตาติ หตฺถิรูปสณฺานา. เอวํ สพฺพตฺถ ตํตํสณฺานวเสน มุตฺตาเภโท เวทิตพฺโพ. องฺคุลิเวกมุตฺตาติ องฺคุลียกสณฺานา, มุทฺทิกาสณฺานาติ อตฺโถ. กกุธผลมุตฺตาติ กกุธรุกฺขผลาการา พหู อสามุทฺทิกา มุตฺตา. ราชกกุธภณฺฑานีติ ราชารหอุตฺตมภณฺฑานิ. ตานิ สรูเปน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉตฺตํ จามร’’นฺติอาทิ. อฺฺจ พหุวิธํ ปณฺณาการํ ปหิณีติ สมฺพนฺโธ. สงฺขนฺติ อภิเสกาสิฺจนกํ สามุทฺทิกํ ทกฺขิณาวฏฺฏํ สงฺขํ. อโนตตฺโตทกเมว ‘‘คงฺโคทก’’นฺติ วุตฺตํ. วฑฺฒมานนฺติ อลงฺการจุณฺณํ. ‘‘นหานจุณฺณ’’นฺติ เกจิ. วฏํสกนฺติ กณฺณปิฬนฺธนวฏํสกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘วฏํสกํ กณฺณจูฬิกฏฺาเน โอลมฺพก’’นฺติปิ วทนฺติ. ภิงฺคารนฺติ สุวณฺณมยํ มหาภิงฺคารํ. ‘‘มกรมุขสณฺานา พลิกมฺมาทิกรณตฺถํ กตา ภาชนวิกตี’’ติปิ วทนฺติ. นนฺทิยาวฏฺฏนฺติ กากปทสณฺานา มงฺคลตฺถํ กตา สุวณฺณภาชนวิกติ. กฺนฺติ ขตฺติยกุมารึ. อโธวิมํ ทุสฺสยุคนฺติ กิลิฏฺเ ชาเต อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตมตฺเต ปริสุทฺธภาวมุปคจฺฉนฺตํ อโธวิมํ ทุสฺสยุคํ. หตฺถปฺุฉนนฺติ ปีตวณฺณํ มหคฺฆํ หตฺถปฺุฉนปฏํ. หริจนฺทนนฺติ หริวณฺณจนฺทนํ, สุวณฺณวณฺณจนฺทนนฺติ อตฺโถ. โลหิตจนฺทนํ วา, โคสิตจนฺทนนฺติ อตฺโถ. ตํ กิร อุทฺธเน กุถิตเตลมฺหิ ปกฺขิตฺตมตฺตํ สกลมฺปิ เตลํ อคฺคิฺจ นิพฺพาปนสมตฺถํ จนฺทนํ. เตเนว ‘‘โคสิตจนฺทน’’นฺติ วุจฺจติ. โคสทฺเทน หิ ชลํ วุจฺจติ, ตํ วิย สิตํ จนฺทนํ โคสิตจนฺทนํ. นาคภวนสมฺภวํ อรุณวณฺณมตฺติกํ. หรีตกํ อามลกนฺติ อคทหรีตกํ อคทามลกํ. ตํ ขิปฺปเมว สรีรมลโสธนาทิกรณสมตฺถํ โหติ.
อุณฺหีสนฺติ อุณฺหีสปฏฺฏํ. เวนนฺติ สีสเวนํ. สารปามงฺคนฺติ อุตฺตมํ รตนปามงฺคสุตฺตํ. วตฺถโกฏิกนฺติ วตฺถยุคเมว. นาคมาหฏนฺติ นาเคหิ อาหฏํ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. อมโตสธนฺติ เอวํนามิกา คุฬิกชาติ, อมตสทิสกิจฺจตฺตา เอวํ วุจฺจติ. ตํ กิร ปริปนฺถํ วิธเมตฺวา สพฺพตฺถ สาเธนฺเตหิ อคโทสธสมฺภาเรหิ โยเชตฺวา วฏฺเฏตฺวา กตํ คุฬิกํ. ตํ ปน ราชูนํ มุขโสธนนหานปริโยสาเน มหตา ปริหาเรน อุปเนนฺติ. เตน เต องฺคราคํ นาม กโรนฺติ, กโรนฺตา จ ยถารหํ ทฺวีหิ ตีหิ อคโทสธรงฺคติลกาหิ นลาฏกอํสกูฏอุรมชฺฌสงฺขาตํ ¶ องฺคํ ¶ สชฺเชตฺวา องฺคราคํ กโรนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สา ปน คุฬิกา อหิวิจฺฉิกาทีนมฺปิ วิสํ หนติ, เตนปิ ตํ วุจฺจติ ‘‘อมโตสธ’’นฺติ.
อหํ พุทฺธฺจาติอาทีสุ สพฺพธมฺเม ยาถาวโต อพุชฺฌิ ปฏิพุชฺฌีติ พุทฺโธติ สงฺขฺยํ คตํ สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ, อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโมติ สงฺขฺยํ คตํ ปริยตฺติยา สทฺธึ นว โลกุตฺตรธมฺมฺจ, ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตตฺตา สงฺโฆติ สงฺขฺยํ คตํ อริยสาวกสงฺฆฺจ อหํ สรณํ คโต ปรายณนฺติ อุปคโต, ภชึ เสวินฺติ อตฺโถ. อถ วา หึสติ ตปฺปสาทตคฺครุกตาหิ วิหตกิเลเสน ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺเตน จิตฺตุปฺปาเทน สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคตึ ปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ สรณํ, รตนตฺตยสฺเสตํ อธิวจนํ. อปิจ สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ สรณนฺติ วุจฺจติ. ธมฺโมปิ ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ สรณนฺติ วุจฺจติ. สงฺโฆปิ อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ สรณนฺติ วุจฺจติ. อิมินา อตฺเถน สรณภูตํ รตนตฺตยํ เตเนว การเณน สรณนฺติ คโต อวคโต, ชานินฺติ อตฺโถ. อุปาสกตฺตํ เทเสสินฺติ รตนตฺตยํ อุปาสตีติ อุปาสโกติ เอวํ ทสฺสิตํ อุปาสกภาวํ มยิ อภินิวิฏฺํ วาจาย ปกาเสสินฺติ อตฺโถ, ‘‘อุปาสโกหํ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คโต’’ติ เอวํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสินฺติ วุตฺตํ โหติ. สกฺยปุตฺตสฺส สาสเนติ สกฺยสฺส สุทฺโธทนสฺส ปุตฺโต โส ภควา สกฺยปุตฺโต, ตสฺส สกฺยปุตฺตสฺส สาสเนติ อตฺโถ. สทฺธาติ สทฺธาย, ‘‘สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา’’ติอาทีสุ วิย ยการโลโป ทฏฺพฺโพ. อุเปหีติ อุปคจฺฉ.
อโสกรฺา เปสิเตน อภิเสเกนาติ อโสกรฺา เปสิเตน อภิเสกุปกรเณน. ยทา หิ เทวานํปิยติสฺโส มหาราชา อตฺตโน สหายสฺส ธมฺมาโสกรฺโ อิโต เวฬุยฏฺิยาทโย มหารเห ปณฺณากาเร เปเสสิ. ตทา โสปิ เต ทิสฺวา ปสีทิตฺวา อติวิย ตุฏฺโ ‘‘อิเมหิ อติเรกตรํ กึ นาม มหคฺฆํ ปฏิปณฺณาการํ สหายสฺส เม เปเสสฺสามี’’ติ อมจฺเจหิ สทฺธึ ¶ มนฺเตตฺวา ลงฺกาทีเป อภิเสกปริหารํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตตฺถ อีทิโส อภิเสกปริหาโร อตฺถี’’ติ สุตฺวา ‘‘สาธุ วต เม สหายสฺส อภิเสกปริหารํ เปเสสฺสามี’’ติ วตฺวา สามุทฺทิกสงฺขาทีนิ ตีณิ สงฺขานิ จ คงฺโคทกฺจ อรุณวณฺณมตฺติกฺจ อฏฺฏฺ ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติกฺาโย จ สุวณฺณรชตโลหมตฺติกามยฆเฏ จ อฏฺหิ เสฏฺิกุเลหิ สทฺธึ อฏฺ อมจฺจกุลานิ จาติ เอวํ สพฺพฏฺกํ นาม อิธ เปเสสิ ‘‘อิเมหิ เม สหายสฺส ปุน อภิเสกํ กโรถา’’ติ, อฺฺจ อภิเสกตฺถาย ¶ พหุํ ปณฺณาการํ เปเสสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อโสกรฺา เปสิเตน อภิเสเกนา’’ติ. เอโก มาโส อภิสิตฺตสฺส อสฺสาติ เอกมาสาภิสิตฺโต. กถํ ปน ตสฺส ตทา เอกมาสาภิสิตฺตตา วิฺายตีติ อาห ‘‘วิสาขปุณฺณมายํ หิสฺส อภิเสกมกํสู’’ติ, ปุพฺเพ กตาภิเสกสฺสปิ อโสกรฺา เปสิเตน อนคฺเฆน ปริหาเรน วิสาขปุณฺณมายํ ปุน อภิเสกมกํสูติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘เต มิคสิรมาสสฺส, อาทิจนฺโททยํ ทิเน;
อภิสิตฺตฺจ ลงฺกินฺทํ, อมจฺจา สามิภตฺติโน.
‘‘ธมฺมาโสกสฺส วจนํ, สุตฺวา สามิหิเต รตา;
ปุนาปิ อภิเสจึสุ, ลงฺกาหิตสุเข รต’’นฺติ.
ทีปวํเสปิ เจตํ วุตฺตํ –
‘‘วิสาขมาเส ทฺวาทสิยํ, ชมฺพุทีปา อิธาคตา;
อภิเสกํ สปริวารํ, อโสกธมฺเมน เปสิตํ.
‘‘ทุติยํ อภิสิฺจิตฺถ, ราชานํ เทวานํปิยํ;
อภิสิตฺโต ทุติยาภิเสเกน, วิสาขมาเส อุโปสเถ.
‘‘ตโต มาเส อติกฺกมฺม, เชฏฺมาเส อุโปสเถ;
มหินฺโท สตฺตโม หุตฺวา, ชมฺพุทีปา อิธาคโต’’ติ.
ตทา ปน ตสฺส รฺโ วิสาขปุณฺณมาย อภิเสกสฺส กตตฺตา ตโต ปภุติ ยาวชฺชตนา วิสาขปุณฺณมายเมว อภิเสกกรณมาจิณฺณํ. อภิเสกวิธานฺเจตฺถ เอวํ เวทิตพฺพํ – อภิเสกมงฺคลตฺถํ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตสฺส ¶ มณฺฑปสฺส อนฺโต กตสฺส อุทุมฺพรสาขมณฺฑปสฺส มชฺเฌ สุปฺปติฏฺิเต อุทุมฺพรภทฺทปีมฺหิ อภิเสการหํ อภิชจฺจํ ขตฺติยํ นิสีทาเปตฺวา ปมํ ตาว มงฺคลาภรณภูสิตา ชาติสมฺปนฺนา ขตฺติยกฺา คงฺโคทกปุณฺณํ สามุทฺทิกํ ทกฺขิณาวฏฺฏสงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว, ตํ สพฺเพปิ ขตฺติยคณา อตฺตานมารกฺขณตฺถํ ¶ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ ขตฺติยคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ.
ตโต ปุน ปุโรหิโตปิ ปุโรหิจฺจฏฺานานุรูปาลงฺกาเรหิ อลงฺกตปฺปฏิยตฺโต คงฺโคทกปุณฺณํ รชตมยสงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา ตสฺส สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว, ตํ สพฺเพปิ พฺราหฺมณคณา อตฺตานมารกฺขณตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ พฺราหฺมเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ.
ตโต ปุน เสฏฺิปิ เสฏฺิฏฺานานุรูปภูสนภูสิโต คงฺโคทกปุณฺณํ รตนมยสงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา ตสฺส สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ คหปติคณา อตฺตานมารกฺขณตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ คหปติคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ.
เต ปน ตสฺส เอวํ วทนฺตา ‘‘สเจ ตฺวํ อมฺหากํ วจนานุรูเปน รชฺชํ กาเรสฺสสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ กาเรสฺสสิ, ตว มุทฺธา สตฺตธา ผลตู’’ติ เอวํ รฺโ อภิสปนฺติ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ ปน ทีเป เทวานํปิยติสฺสสฺส ¶ มุทฺธนิ ธมฺมาโสเกเนว อิธ เปสิตา ขตฺติยกฺาเยว อโนตตฺโตทกปุณฺเณน สามุทฺทิกทกฺขิณาวฏฺฏสงฺเขน อภิเสโกทกํ อภิสิฺจีติ วทนฺติ. อิทฺจ ยถาวุตฺตํ อภิเสกวิธานํ มชฺฌิมนิกาเย จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ สีหฬฏฺกถายมฺปิ ‘‘ปมํ ตาว อภิเสกํ คณฺหนฺตานํ ราชูนํ สุวณฺณมยาทีนิ ตีณิ สงฺขานิ จ คงฺโคทกฺจ ขตฺติยกฺฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติอาทินา วุตฺตนฺติ วทนฺติ.
สมฺโมทนียํ กถํ กถยมาโนติ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ ‘‘กจฺจิ ภนฺเต ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โว อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติ เอวมาทิกถํ กถยมาโน. ฉ ชเน ทสฺเสสีติ รฺา สทฺธึ อาคตานํ ‘‘น อิเม ยกฺขา, มนุสฺสา อิเม’’ติ สฺชานนตฺถํ ภณฺฑุกสฺส ¶ อุปาสกสฺส อานีตตฺตา เตน สทฺธึ ฉ ชเน ทสฺเสสิ. เตวิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยสงฺขาตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ สมนฺนาคตา. อิทฺธิปฺปตฺตาติ อิทฺธิวิธาณํ ปตฺตา. เจโตปริยโกวิทาติ ปเรสํ จิตฺตาจาเร กุสลา. เอวเมตฺถ ปฺจ อภิฺา สรูเปน วุตฺตา, ทิพฺพโสตํ ปน ตาสํ วเสน อาคตเมว โหติ. พหูติ เอวรูปา ฉฬภิฺา พุทฺธสาวกา พหู คณนปถํ อติกฺกนฺตา สกลชมฺพุทีปํ กาสาวปชฺโชตํ กตฺวา วิจรนฺตีติ. เกจิ ปน ‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปฺปตฺตา จ ขีณาสวา เจโตปริยโกวิทา เกจิ ขีณาสวาติ วิสุํ โยเชตฺวา ‘อรหนฺโต’ติ อิมินา สุกฺขวิปสฺสกา วุตฺตา’’ติ วทนฺติ.
ปฺาเวยฺยตฺติยนฺติ ปฺาปาฏวํ, ปฺาย ติกฺขวิสทภาวนฺติ อตฺโถ. อาสนฺนนฺติ อาสนฺเน ิตํ. สาธุ มหาราช ปณฺฑิโตสีติ ราชานํ ปสํสติ. ปุน วีมํสนฺโต ‘‘อตฺถิ ปน เต มหาราชา’’ติอาทิมาห. จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตนฺตํ กเถสีติ ‘‘อยํ ราชา ‘อิเม สมณา นาม อีทิสา, สีลาทิปฏิปตฺติ จ เตสํ อีทิสี’ติ จ น ชานาติ, หนฺท นํ อิมาย จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตนฺตเทสนาย สมณภาวูปคมนํ สมณปฏิปตฺติฺจ วิฺาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปมํ จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตนฺตํ กเถสิ. ตตฺถ หิ –
‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน…เป… สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ ¶ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต, โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ, โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ, ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ.
‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ, ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ.
‘‘อทินฺนาทานํ ¶ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๙๑-๒๙๒) –
เอวมาทินา สาสเน สทฺธาปฏิลาภํ ปฏิลทฺธสทฺเธหิ จ ปพฺพชฺชุปคมนํ ปพฺพชิเตหิ จ ปฏิปชฺชิตพฺพา สีลกฺขนฺธาทโย ธมฺมา ปกาสิตา.
ราชา สุตฺตนฺตํ สุณนฺโตเยว อฺาสีติ ‘‘โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ, เอกภตฺติโก โหติ รตฺตุปรโต วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ เอวํ ตสฺมึ สุตฺตนฺเต (ม. นิ. ๑.๒๙๓) อาคตตฺตา ตํ สุณนฺโตเยว อฺาสิ. อิเธว วสิสฺสามาติ น ตาว รตฺติยา อุปฏฺิตตฺตา อนาคตวจนมกาสิ. อาคตผโลติ อนาคามิผลํ สนฺธายาห, สมฺปตฺตอนาคามิผโลติ อตฺโถ. ตโตเยว จ วิเสสโต อวิปรีตวิทิตสตฺถุสาสนตฺตา วิฺาตสาสโน. อิทานิ ปพฺพชิสฺสตีติ คิหิลิงฺเคน อานีตกิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา เอวมาห. อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโติ รฺเ ¶ อจิรปกฺกนฺเตติ อตฺโถ. อธิฏฺหิตฺวาติ อนฺโตตมฺพปณฺณิทีเป สมาคตา สุณนฺตูติ อธิฏฺหิตฺวา.
ภูมตฺถรณสงฺเขเปนาติ ภูมตฺถรณากาเรน. อุปฺปาตปากาติ นิมิตฺตปากา, เนมิตฺตกาติ อตฺโถ. คหิตา ทานิ อิเมหิ ปถวีติ อาสนานํ ปถวิยํ อตฺถตตฺตา เอวมาหํสุ. ปติฏฺหิสฺสตีติ จินฺเตนฺโตติ เอตฺถ เตน การเณน สาสนปติฏฺานสฺส อภาวโต อวสฺสํ ปติฏฺหนฺตสฺส สาสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตมิทนฺติ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน สลฺลกฺเขสีติ เวทิตพฺพํ. ปณีเตนาติ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน สนฺตปฺเปตฺวาติ สุฏฺุ ตปฺเปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวาติ อตฺโถ. เปตวตฺถุํ วิมานวตฺถุํ สจฺจสํยุตฺตฺจ กเถสีติ เทสนาวิธิกุสโล เถโร ชนสฺส สํเวคํ ชเนตุํ ปมํ เปตวตฺถุํ กเถตฺวา ตทนนฺตรํ สํเวคชาตํ ชนํ อสฺสาเสตุํ สคฺคกถาวเสน วิมานวตฺถฺุจ กเถตฺวา ตทนนฺตรํ ปฏิลทฺธสฺสาสานํ ‘‘มา เอตฺถ อสฺสาทํ กโรถ นิพฺพานํ วินา น อฺํ กิฺจิ สงฺขารคตํ ธุวํ นาม อตฺถิ, ตสฺมา ปรมสฺสาสกํ นิพฺพานมธิคนฺตุํ วายมถา’’ติ สจฺจปฏิเวธตฺถาย อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อนฺเต สจฺจสํยุตฺตํ กเถสีติ เวทิตพฺพํ.
เตสํ สุตฺวาติ เตสํ สนฺติกา เถรานํ คุณกถํ สุตฺวา. รฺโ สํวิทิตํ กตฺวาติ รฺโ นิเวทนํ กตฺวา, ราชานํ ปฏิเวทยิตฺวาติ อตฺโถ. อลํ คจฺฉามาติ ปุรสฺส อจฺจาสนฺนตฺตา สารุปฺปํ น โหตีติ ปฏิปกฺขิปนฺโต อาห. เมฆวนํ นาม อุยฺยานนฺติ มหาเมฆวนุยฺยานํ. ตสฺส กิร ¶ อุยฺยานสฺส ภูมิคฺคหณทิวเส อกาลมหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา สพฺพตฬากโปกฺขรณิโย ปูเรนฺโต คิมฺหาภิหตรุกฺขลตาทีนํ อนุคฺคณฺหนฺโตว ปาวสฺสิ, เตน การเณน ตํ มหาเมฆวนํ นาม อุยฺยานํ ชาตํ. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘อุยฺยานฏฺานคฺคหเณ, มหาเมโฆ อกาลโช;
ปาวสฺสิ เตน อุยฺยานํ, มหาเมฆวนํ อหู’’ติ.
สุขสยิตภาวํ ปุจฺฉิตฺวาติ ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, อิธ สุขํ สยิตฺถ, ตุมฺหากํ อิธ นิวาโส สุข’’นฺติ เอวํ สุขสยิตภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ตโต เถเรน ‘‘สุขสยิตมฺหิ, มหาราช, ภิกฺขูนํ ผาสุกมิทํ อุยฺยาน’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เอวํ สติ ¶ อิทํ โน อุยฺยานํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาราโม’’ติ ปุจฺฉิ. อิมํ สุตฺตนฺติ เวฬุวนารามปฏิคฺคหเณ วุตฺตมิมํ สุตฺตํ. อุทกนฺติ ทกฺขิโณทกํ. มหาเมฆวนุยฺยานํ อทาสีติ ‘‘อิมํ มหาเมฆวนุยฺยานํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา เชฏฺมาสสฺส กาฬปกฺเข ทุติยทิวเส อทาสิ. มหาวิหารสฺส ทกฺขิโณทกปาเตเนว สทฺธึ ปติฏฺิตภาเวปิ น ตาว ตตฺถ วิหารกมฺมํ นิฏฺิตนฺติ อาห ‘‘อิทฺจ ปมํ วิหารฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ. ปุนทิวเสปีติ กาฬปกฺขสฺส ทุติยทิวเสเยว. อฑฺฒนวมานํ ปาณสหสฺสานนฺติ อฑฺเฒน นวมานํ ปาณสหสฺสานํ, ปฺจสตาธิกานํ อฏฺสหสฺสานนฺติ อตฺโถ. โชติปาตุภาวฏฺานนฺติ าณาโลกสฺส ปาตุภาวฏฺานํ. อปฺปมาทสุตฺตนฺติ องฺคุตฺตรนิกาเย มหาอปฺปมาทสุตฺตํ, ราโชวาทสุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
มหจฺจนฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, มหตา ราชานุภาเวนาติ อตฺโถ. ตุมฺเห ชานนตฺถนฺติ สมฺพนฺโธ. อริฏฺโ นาม อมจฺโจติ รฺโ ภาคิเนยฺโย อริฏฺโ นาม อมจฺโจ. ปฺจปณฺณาสายาติ เอตฺถ ‘‘จตุปณฺณาสายา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ อุปริ วุจฺจมานํ ‘‘ทฺวาสฏฺิ อรหนฺโต’’ติ วจนํ สเมติ. เตเนว จ สีหฬภาสาย ลิขิเต มหาวํเส ‘‘จตุปณฺณาสาย สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ. ทสภาติกสมากุลํ ราชกุลนฺติ มุฏสิวสฺส ปุตฺเตหิ อภโย เทวานํปิยติสฺโส มหานาโค อุตฺติโย มตฺตาภโย สูรติสฺโสติ เอวมาทีหิ ทสหิ ภาติเกหิ สมากิณฺณํ ราชกุลํ. เจติยคิริมฺหิ วสฺสํ วสึสูติ อาสาฬฺหีปุณฺณมทิวเส รฺา ทินฺนวิหาเรเยว ปฏิคฺคเหตฺวา ปาฏิปททิวเส วสฺสํ วสึสุ. ปวาเรตฺวาติ มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา. กตฺติกปุณฺณมายนฺติ อปรกตฺติกปุณฺณมายํ. มหามหินฺทตฺเถโร หิ ปุริมิกายํ อุปคนฺตฺวา วุตฺถวสฺโส มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา ตโต เอกมาสํ อติกฺกมฺม จาตุมาสินิยํ ปุณฺณมทิวเส อริยคณปริวุโต ราชกุลํ คนฺตฺวา โภชนาวสาเน ‘‘มหาราช, อมฺเหหิ จิรทิฏฺโ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทิวจนมพฺรฺวิ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ ‘‘ปุณฺณมายํ มหาวีโร, จาตุมาสินิยา อิธา’’ติ. ยํ ปเนตฺถ เกนจิ วุตฺตํ ‘‘วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวาติ จาตุมาสินิยา ปวารณายาติ อตฺโถ, ปมปวารณาย วา ปวาเรตฺวา เอกมาสํ ตตฺเถว วสิตฺวา กตฺติกปุณฺณมิยํ อโวจ, อฺถา ‘ปุณฺณมายํ ¶ มหาวีโร’ติ วุตฺตตฺตา น สกฺกา คเหตุ’’นฺติ, ตตฺถ จาตุมาสินิยา ปวารณายาติ อยมตฺถวิกปฺโป น ยุชฺชติ. น หิ ปุริมิกาย วสฺสูปคตา จาตุมาสินิยํ ปวาเรนฺติ. จิรทิฏฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ สตฺถุสฺส สรีราวยโว จ สมฺมาสมฺพุทฺโธเยวาติ กตฺวา อวยเว สมุทายโวหารวเสน เอวมาหาติ ทฏฺพฺพํ ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ’’ติ.
เถเรน วุตฺตมฺปิ คมนการณํ เปตฺวา อิธ วาเส ปโยชนเมว ทสฺเสตฺวา คมนํ ปฏิเสเธตุกาโม อาห ‘‘อหํ ภนฺเต ตุมฺเห’’ติอาทิ. อภิวาทนาทีสุ อาจริยํ ทิสฺวา อภิวาทนกรณํ อภิวาทนํ นาม. ยสฺมึ วา ทิสาภาเค อาจริโย วสติ อิริยาปเถ กปฺเปนฺโต, ตโต อภิมุโขว วนฺทิตฺวา คจฺฉติ, วนฺทิตฺวา ติฏฺติ, วนฺทิตฺวา นิสีทติ, วนฺทิตฺวา นิปชฺชติ, อิทํ อภิวาทนํ นาม. อาจริยํ ปน ทูรโตว ทิสฺวา ปจฺจุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนกรณํ ปจฺจุฏฺานํ นาม. อาจริยํ ปน ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สีเส เปตฺวา อาจริยํ นมสฺสติ, ยสฺมึ ทิสาภาเค โส วสติ, ตทภิมุโขปิ ตเถว นมสฺสติ, คจฺฉนฺโตปิ ิโตปิ นิสินฺโนปิ อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสติเยวาติ อิทํ อฺชลิกมฺมํ นาม. อนุจฺฉวิกกมฺมสฺส ปน กรณํ สามีจิกรณํ นาม. จีวราทีสุ หิ จีวรํ เทนฺโต น ยํ วา ตํ วา เทติ, มหคฺฆํ สตมูลคฺฆมฺปิ ปฺจสตมูลคฺฆมฺปิ สตสหสฺสมูลคฺฆมฺปิ เทติเยว. ปิณฺฑปาตาทีสุปิ เอเสว นโย. อิทํ สามีจิกรณํ นาม. สรีรธาตุโยติ สรีราวยวา. อฺาตนฺติ อฺาตํ, วิทิตํ มยาติ อตฺโถ. กุโต ลจฺฉามาติ กุโต ลภิสฺสาม. สุมเนน สทฺธึ มนฺเตหีติ ปมเมว สามเณรสฺส กถิตตฺตา วา ‘‘ชานาติ เอส อมฺหากมธิปฺปาย’’นฺติ ตฺวา วา เอวมาหาติ ทฏฺพฺพํ.
อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ มหาราชาติ มหาราช ตฺวํ ธาตูนํ ปฏิลาเภ มา อุสฺสุกฺกํ กโรหิ, มา ตฺวํ ตตฺถ วาวโฏ ภว, อฺํ ตยา กตฺตพฺพํ กโรหีติ อธิปฺปาโย. อิทานิ ตเทว รฺา กตฺตพฺพกิจฺจํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วีถิโย โสธาเปตฺวา’’ติอาทิมาห. สพฺพตาฬาวจเร อุปฏฺาเปตฺวาติ กํสตาฬาทิตาฬํ อวจรติ เอตฺถาติ ตาฬาวจรํ วุจฺจติ อาตตวิตตาทิ ¶ สพฺพํ ตูริยภณฺฑํ. เตเนว ปรินิพฺพานสุตฺตฏฺกถายํ ‘‘สพฺพฺจ ตาฬาวจรํ สนฺนิปาเตถาติ เอตฺถ สพฺพฺจ ตาฬาวจรนฺติ สพฺพํ ตูริยภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน สหจรณนเยน สพฺพตูริยภณฺฑานํ วาทกาปิ ¶ คเหตุํ วฏฺฏนฺตีติ เต สพฺเพ อุปฏฺาเปตฺวา สนฺนิปาเตตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ลจฺฉสีติ ลภิสฺสสิ. เถรา เจติยคิริเมว อคมํสูติ ราชนิเวสนโต นิกฺขมิตฺวา ปุน เจติยคิริเมว อคมํสุ.
ตาวเทวาติ ตํ ขณํเยว. ปาฏลิปุตฺตทฺวาเรติ ปาฏลิปุตฺตนครทฺวาเร. กึ ภนฺเต สุมน อาหิณฺฑสีติ สุมน ตฺวํ สมณธมฺมํ อกตฺวา กสฺมา วิจรสีติ ปุจฺฉติ. เจติยคิริมฺหิเยว ปติฏฺาเปตฺวาติ ปจฺฉา ตตฺถ วิหารตฺถาย อากงฺขิตพฺพภาวโต เจติยคิริมฺหิเยว ปติฏฺาเปตฺวา. วฑฺฒมานกจฺฉายายาติ ปจฺฉาภตฺตนฺติ อตฺโถ. ปจฺฉาภตฺตเมว หิ ฉายา วฑฺฒติ. อถสฺส เอตทโหสีติ ธาตุจงฺโกฏกํ ทิสฺวา เอวํ จินฺเตสิ. ฉตฺตํ อปนมตูติ อิทํ เสตจฺฉตฺตํ สยเมว เม สีโสปริโต ธาตุจงฺโกฏกาภิมุขํ หุตฺวา นมตูติ อตฺโถ. มยฺหํ มตฺถเก ปติฏฺาตูติ อิทํ ธาตุจงฺโกฏกํ เถรสฺส หตฺถโต ธาตุยา สห อาคนฺตฺวา สิรสฺมึ เม ปติฏฺาตูติ อตฺโถ. โปกฺขรวสฺสํ นาม โปกฺขรปตฺตปฺปมาณํ วลาหกมชฺเฌ อุฏฺหิตฺวา กเมน ผริตฺวา เตเมตุกาเมเยว เตมยมานํ มหนฺตํ หุตฺวา วสฺสติ. มหาวีโรติ มหาปรกฺกโม. มหาวีราวยวตฺตา เจตฺถ สตฺถุโวหาเรน ธาตุโย เอว นิทฺทิฏฺา. ธาตุสรีเรนาคมนฺหิ สนฺธาย อยํ คาถา วุตฺตา.
ปจฺฉิมทิสาภิมุโขว หุตฺวา อปสกฺกนฺโตติ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโตเยว ปจฺฉิมทิสาภิมุโข หุตฺวา โอสกฺกนฺโต, คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. กิฺจาปิ เอส ปจฺฉิมทิสํ น โอโลเกติ, ตถาปิ ปจฺฉิมทิสํ สนฺธาย คจฺฉตีติ ‘‘ปจฺฉิมทิสาภิมุโข’’ติ วุตฺตํ. ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวาติ เอตฺถ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโตเยว อาคนฺตฺวา ทฺวาเร สมฺปตฺเต ปริวตฺเตตฺวา อุชุเกเนว นครํ ปาวิสีติ เวทิตพฺพํ. มเหชวตฺถุ นามาติ มเหชนามเกน ยกฺเขน ปริคฺคหิตํ เอกํ เทวฏฺานนฺติ เวทิตพฺพํ ¶ . ปริโภคเจติยฏฺานนฺติ เอตฺถ ปริภุตฺตูปกรณานิ นิทหิตฺวา กตํ เจติยํ ปริโภคเจติยนฺติ ทฏฺพฺพํ. ติวิธฺหิ เจติยํ วทนฺติ ปริโภคเจติยํ ธาตุเจติยํ ธมฺมเจติยนฺติ. ตตฺถ ปริโภคเจติยํ วุตฺตนยเมว. ธาตุเจติยํ ปน ธาตุโย นิทหิตฺวา กตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิลิขิตโปตฺถกํ นิทหิตฺวา กตํ ปน ธมฺมเจติยํ นาม. สารีริกํ ปริโภคิกํ อุทฺทิสฺสกนฺติ เอวมฺปิ ติปฺปเภทํ เจติยํ วทนฺติ. อยํ ปน ปเภโท ปฏิมารูปสฺสปิ อุทฺทิสฺสกเจติเยเนว สงฺคหิตตฺตา สุฏฺุตรํ ยุชฺชติ.
กถํ ปน อิทํ านํ ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺานํ อโหสีติ อาห ‘‘อตีเต กิรา’’ติอาทิ. ปชฺชรเกนาติ เอตฺถ ปชฺชรโก นาม โรโค วุจฺจติ. โส จ ยกฺขานุภาเวน สมุปฺปนฺโนติ ¶ เวทิตพฺโพ. ตทา กิร ปุณฺณกาโฬ นาม ยกฺโข อตฺตโน อานุภาเวน มนุสฺสานมฺปิ สรีเร ปชฺชรกํ นาม โรคํ สมุฏฺาเปสิ. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘รกฺขเสหิ ชนสฺเสตฺถ, โรโค ปชฺชรโก อหู’’ติ;
ทีปวํเสปิ เจตํ วุตฺตํ –
‘‘รกฺขสา จ พหู ตตฺถ, ปชฺชรา จ สมุฏฺิตา;
ปชฺชเรน พหู สตฺตา, นสฺสนฺติ ทีปมุตฺตเม’’ติ.
อนยพฺยสนนฺติ เอตฺถ อนโยติ อวฑฺฒิ. กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ พฺยสติ วิกฺขิปติ วินาเสตีติ พฺยสนนฺติ ทุกฺขํ วุจฺจติ. กิฺจาปิ ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘เต สตฺเต อนยพฺยสนมาปชฺชนฺเต ทิสฺวา’’ติ วจนโต ปมํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกตฺวา ปจฺฉา สพฺพฺุตฺาเณน โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนมาปชฺชนฺเต ทิสฺวาติ คเหตพฺพํ. น หิ อาสยานุสยาทิพุทฺธจกฺขุสฺส เต สตฺตา อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺตา ทิสฺสนฺติ. ทุพฺพุฏฺิกาติ วิสมวสฺสาทิวเสน ทุฏฺา อโสภนา วุฏฺิเยว ทุพฺพุฏฺิกา, สสฺสุปฺปตฺติเหตุภูตา กายสุขุปฺปตฺติสปฺปายา สตฺตุปการา สมฺมา วุฏฺิ ตตฺถ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตโตเยว จ ‘‘ทุพฺภิกฺขํ ทุสฺสสฺส’’นฺติ วุตฺตํ. ภิกฺขาย อภาโว ¶ , ทุลฺลภภาโว วา ทุพฺภิกฺขํ, สุลภา ตตฺถ ภิกฺขา น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. สสฺสานํ อภาโว, อสมฺปนฺนตา วา ทุสฺสสฺสํ. เทโวติ เมฆสฺเสตํ นามํ. สมฺมาธารมนุปเวจฺฉีติ อุทกธารํ สมฺมา วิมฺุจิ, สมฺมา อนุปวสฺสีติ วุตฺตํ โหติ.
มหาวิวาโท โหตีติ ตสฺมึ กิร กาเล ชยนฺตมหาราเชน จ ตสฺส รฺโ กนิฏฺภาตุเกน สมิทฺธกุมารนามเกน อุปราเชน จ สทฺธึ อิมสฺมึ ทีเป มหายุทฺธํ อุปฏฺิตํ. เตเนตํ วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน มณฺฑทีเป มหาวิวาโท โหตี’’ติ. โหตีติ กิริยา กาลมเปกฺขิตฺวา วตฺตมานปโยโค, วิวาทสฺส ปน อตีตกาลิกตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติ อิมินาว วิฺายติ. สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน เหตฺถ อตีตกาลาวคโม ยถา ‘‘ภาสเต วฑฺฒเต ตทา’’ติ. เอวํ สพฺพตฺถ อีทิเสสุ าเนสุ วตฺตมานปโยโค ทฏฺพฺโพ. กลหวิคฺคหชาตาติ เอตฺถ กลโห นาม มตฺถกปฺปตฺโต กายกลโหปิ วาจากลโหปิ. ตตฺถ หตฺถปรามาสาทิวเสน กาเยน กาตพฺโพ กลโห กายกลโห. มมฺมฆฏฺฏนาทิวเสน วาจาย กาตพฺโพ กลโห วาจากลโห ¶ . วิปจฺจนีกคหณํ วิคฺคโห. กลหสฺส ปุพฺพภาเค อุปฺปนฺโน อฺมฺวิรุทฺธคาโห. อถ วา กลโห นาม วาจากลโห. อฺมฺํ หตฺถปรามาสาทิวเสน วิรูปํ วิรุทฺธํ วา คหณํ วิคฺคโห กายกลโห. ยถาวุตฺโต กลโห จ วิคฺคโห จ ชาโต สฺชาโต เอเตสนฺติ กลหวิคฺคหชาตา, สฺชาตกลหวิคฺคหาติ อตฺโถ.
ตานิ สาสนนฺตรธาเนน นสฺสนฺตีติ ปริยตฺติปฏิเวธปฏิปตฺติสงฺขาตสฺส ติวิธสฺสปิ สาสนสฺส อนฺตรธาเนน ธาตุปรินิพฺพาเน สติ ตานิ เจติยานิ วินสฺสนฺติ. ตีณิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๖๑; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙) หิ ปรินิพฺพานานิ กิเลสปรินิพฺพานํ ขนฺธปรินิพฺพานํ ธาตุปรินิพฺพานนฺติ, ตานิ ปน อมฺหากํ ภควโต วเสน เอวํ เวทิตพฺพานิ. ตสฺส หิ กิเลสปรินิพฺพานํ โพธิปลฺลงฺเก อโหสิ, ขนฺธปรินิพฺพานํ กุสินารายํ. ธาตุปรินิพฺพานํ อนาคเต ภวิสฺสติ. สาสนสฺส กิร โอสกฺกนกาเล อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป ธาตุโย สนฺนิปติตฺวา ¶ มหาเจติยํ คมิสฺสนฺติ, มหาเจติยโต นาคทีเป ราชายตนเจติยํ, ตโต มหาโพธิปลฺลงฺกํ คมิสฺสนฺติ, นาคภวนโตปิ เทวโลกโตปิ พฺรหฺมโลกโตปิ ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺกเมว คมิสฺสนฺติ, สาสปมตฺตาปิ ธาตุ น อนฺตรา นสฺสิสฺสติ. สพฺพา ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺเก ราสิภูตา สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกคฺฆนา หุตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชสฺสนฺติ, ตา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริสฺสนฺติ. ตโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช สตฺถา ปรินิพฺพาติ, อชฺช สาสนํ โอสกฺกติ, ปจฺฉิมทสฺสนํ ทานิ อิทํ อมฺหาก’’นฺติ ทสพลสฺส ปรินิพฺพุตทิวสโต มหนฺตตรํ การฺุํ กริสฺสนฺติ, เปตฺวา อนาคามิขีณาสเว อวเสสา สกภาเวน สณฺาตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. ธาตูสุ เตโชธาตุ อุฏฺหิตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคจฺฉิสฺสติ, สาสปมตฺติยาปิ ธาตุยา สติ เอกชาลาว ภวิสฺสติ, ธาตูสุ ปริยาทานํ คตาสุ ปริจฺฉิชฺชิสฺสติ. เอวํ มหนฺตํ อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา ธาตูสุ อนฺตรหิตาสุ สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ.
ทิวา โพธิรุกฺขฏฺาเน หตฺถิสาลายํ ติฏฺตีติ ทิวา วตฺถุวิจินนาย โอกาสํ กุรุมาโน ตโต ธาตุํ คเหตฺวา กุมฺเภ เปตฺวา สธาตุโกว หุตฺวา ติฏฺตีติ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –
‘‘รตฺตึ นาโคนุปริยาติ, ตํ านํ โส สธาตุกํ;
โพธิฏฺานมฺหิ สาลายํ, ทิวา าติ สธาตุโก’’ติ.
ถูปปติฏฺานภูมึ ปริยายตีติ มตฺถกโต ธาตุํ ตตฺถ ปติฏฺาเปตฺวา สธาตุกํ ถูปปติฏฺานภูมึ รตฺติภาเค ¶ ปริยายติ, สมนฺตโต วิจรตีติ อตฺโถ. ชงฺฆปฺปมาณนฺติ ปุปฺผฏฺานปฺปมาณํ. ถูปกุจฺฉิโต เหฏฺาภาคฺหิ ถูปสฺส ชงฺฆาติ วทนฺติ. ธาตุโอโรปนตฺถายาติ หตฺถิกุมฺภโต ธาตุกรณฺฑกสฺส โอโรปนตฺถาย. สกลนครฺจ ชนปโท จาติ นครวาสิโน ชนปทวาสิโน จ อเภทโต นครชนปทสทฺเทหิ วุตฺตา ‘‘สพฺโพ คาโม อาคโต, มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติอาทีสุ วิย. มหาชนกาเยติ มหาชนสมูเห. สมูหปริยาโย เหตฺถ กายสทฺโท. เอเกกธาตุปฺปเทสโต เตโชทกนิกฺขมนาทิวเสน ยมกยมกํ หุตฺวา ปวตฺตํ ปาฏิหาริยํ ยมกปาฏิหาริยํ ¶ . ฉนฺนํ วณฺณานํ รสฺมิโย จาติ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ. ฉนฺนํ วณฺณานํ อุทกธารา จาติ เอวมฺเปตฺถ สมฺพนฺธํ วทนฺติ. ปรินิพฺพุเตปิ ภควติ ตสฺสานุภาเวน เอวรูปํ ปาฏิหาริยมโหสิเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ อจินฺติยา’’ติอาทิคาถมาห. พุทฺธธมฺมาติ เอตฺถ พุทฺธคุณา.
ธรมานกาเลปิ ติกฺขตฺตุํ อาคมาสีติ ภควา กิร อภิสมฺโพธิโต นวเม มาเส ผุสฺสปุณฺณมทิวเส ยกฺขาธิวาสํ ลงฺกาทีปมุปคนฺตฺวา ลงฺกามชฺเฌ ติโยชนายเต โยชนวิตฺถเต มหานาควนุยฺยาเน มหายกฺขสมาคเม อุปริอากาเส ตฺวา กปฺปุฏฺานสมเย สมุฏฺิตวุฏฺิวาตนิพฺพิเสสวสฺสวายุนา จ โลกนฺตริกนิรยนฺธการสทิสโฆรนฺธการนิกาเยน จ สีตนรกนิพฺพิเสสพหลสีเตน จ สํวฏฺฏกาลสฺชาตวาตสงฺขุภิเตหิ เมฆนภคชฺชิตสทิเสน คคนเมทนีนินฺนาเทน จ ยกฺขานํ ภยํ สนฺตาสํ ชเนตฺวา เตหิ ยาจิตาภโย ‘‘เทถ เม สมคฺคา นิสีทนฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘เทม เต สกลทีปํ, เทหิ โน, มาริส, อภย’’นฺติ วุตฺเต สพฺพํ ตํ อุปทฺทวํ อนฺตรธาเปตฺวา ยกฺขทตฺตภูมิยา จมฺมขณฺฑํ ปตฺถริตฺวา ตตฺถ นิสินฺโน สมนฺตโต ชลมานํ จมฺมขณฺฑํ ปสาเรตฺวา กปฺปุฏฺานคฺคิสทิสทหนาภิภูตานํ ชลธิสลิลภีตานํ สมนฺตา เวลนฺเต ภมนฺตานํ ยกฺขานํ คิริทีปํ ทสฺเสตฺวา เตสุ ตตฺถ ปติฏฺิเตสุ ตํ ยถาาเน ปติฏฺาเปตฺวา จมฺมขณฺฑํ สงฺขิปิตฺวา นิสินฺโน ตทา สมาคเต อเนกเทวตาสนฺนิปาเต ธมฺมํ เทเสตฺวา อเนกปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมยํ กตฺวา สุมนกูฏวาสินา มหาสุมนเทวราเชน สมธิคตโสตาปตฺติผเลน ยาจิตปูชนีโย สีสํ ปรามสิตฺวา มุฏฺิมตฺตา นีลามลเกสธาตุโย ตสฺส ทตฺวา ชมฺพุทีปมคมาสิ.
ทุติยํ อภิสมฺโพธิโต ปฺจเม สํวจฺฉเร จูโฬทรมโหทรานํ ชลถลนิวาสีนํ มาตุลภาคิเนยฺยานํ นาคราชูนํ มณิปลฺลงฺกํ นิสฺสาย อุปฏฺิตมหาสงฺคาเม นาคานํ มหาวินาสํ ทิสฺวา จิตฺตมาสกาฬปกฺขสฺส อุโปสถทิวเส ปาโตว สมิทฺธสุมเนน นาม รุกฺขเทวปุตฺเตน ฉตฺตํ กตฺวา ธาริตราชายตโน นาคทีปํ สมาคนฺตฺวา สงฺคามมชฺเฌ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โฆรนฺธกาเรน ¶ นาเค สนฺตาเสตฺวา อสฺสาเสนฺโต อาโลกํ ทสฺเสตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺสานํ อุปคตนาคานํ สามคฺคิกรณียํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มาตุลภาคิเนยฺเยหิ ทฺวีหิ นาคราชูหิ ¶ ปูชิเต ปถวีตลคเต มณิปลฺลงฺเก นิสินฺโน นาเคหิ ทิพฺพนฺนปาเนหิ สนฺตปฺปิโต ชลถลนิวาสิโน อสีติโกฏินาเค สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา เตหิ นมสฺสิตุํ ปลฺลงฺกฺจ ราชายตนปาทปฺจ ตตฺถ ปติฏฺาเปตฺวา ชมฺพุทีปมคมาสิ.
ตติยมฺปิ อภิสมฺโพธิโต อฏฺเม สํวจฺฉเร มโหทรมาตุเลน มณิอกฺขิกนาคราเชนาภิยาจิโต วิสาขปุณฺณมทิวเส ปฺจภิกฺขุสตปริวุโต กลฺยาณีปเทเส มณิอกฺขิกสฺส ภวนมุปคนฺตฺวา ตตฺถ มาปิตรุจิรรตนมณฺฑเป มโนหรวรปลฺลงฺเก นิสินฺโน นาคราเชน ทิพฺพนฺนปาเนหิ สนฺตปฺเปตฺวา นาคมาณวิกคณปริวุเตน ทิพฺพมาลาคนฺธาทีหิ ปูชิโต ตตฺถ ธมฺมํ เทเสตฺวา วุฏฺายาสนา สุมนกูเฏ ปทํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพตปาเท ทิวาวิหารํ กตฺวา ทีฆวาปิเจติยฏฺาเน จ มุภิยงฺคณเจติยฏฺาเน จ กลฺยาณีเจติยฏฺาเน จ มหาโพธิฏฺาเน จ ถูปารามฏฺาเน จ มหาเจติยฏฺาเน จ สสาวโก นิสีทิตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สิลาเจติยฏฺาเนเยว ตฺวา เทวนาเค สมนุสาสิตฺวา ชมฺพุทีปมคมาสิ. เอวํ ภควา ธรมานกาเลปิ อิมํ ทีปํ ติกฺขตฺตุํ อาคมาสีติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ตเทว ติกฺขตฺตุมาคมนํ สงฺเขปโต วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ปมํ ยกฺขทมนตฺถ’’นฺติอาทิ. รกฺขํ กโรนฺโตติ ยกฺขานํ ปุน อปวิสนตฺถาย รกฺขํ กโรนฺโต. อาวิชฺชีติ สมนฺตโต วิจริ. มาตุลภาคิเนยฺยานนฺติ จูโฬทรมโหทรานํ. เอตฺถ ปน กิฺจาปิ ภควา สมิทฺธสุมเนน นาม เทวปุตฺเตน สทฺธึ อาคโต, ตถาปิ ปจฺฉาสมเณน เอเกนปิ ภิกฺขุนา สทฺธึ อนาคตตฺตา ‘‘เอกโกว อาคนฺตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตทนุรูปสฺส ปริปนฺถสฺส วิหตตฺตา ‘‘ปริฬาหํ วูปสเมตฺวา’’ติ วุตฺตํ. รฺโ ภาตาติ รฺโ กนิฏฺภาตา. อภโยติ มตฺตาภโย.
อนุฬา เทวีติ รฺโ เชฏฺภาตุชายา อนุฬา เทวี. ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ โพธิ ปติฏฺาสีติ ยทา หิ โส กกุสนฺโธ นาม ภควา อิมสฺมึ ทีเป มนุสฺเส ปชฺชรกาภิภูเต อนยพฺยสนมาปชฺชนฺเต ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตหทโย อิมํ ทีปมาคโต, ตทา ¶ ตํ โรคภยํ วูปสเมตฺวา สนฺนิปติตานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมยํ กตฺวา สายนฺหสมเย โพธิปติฏฺานารหฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘มม สิรีสมหาโพธิโต ทกฺขิณมหาสาขมาทาย รุจนนฺทา ภิกฺขุนี อิธาคจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ ¶ . สา สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา ตงฺขณฺเว เขมวตีราชธานิยา เขมราชานมาทาย มหาโพธิมุปคนฺตฺวา ทกฺขิณมหาสาขาย มโนสิลาเลขํ เขมราเชน ทาเปตฺวา ตํ สยํ ฉิชฺชิตฺวา สุวณฺณกฏาเห ิตํ โพธิสาขมาทาย ปฺจสตภิกฺขุนีหิ เจว เทวตาหิ จ ปริวาริตา อิทฺธิยา อิธาเนตฺวา ตถาคเตน ปสาริเต ทกฺขิณหตฺเถ สสุวณฺณกฏาหํ มหาโพธึ เปสิ. ตํ ตถาคโต อภยสฺส นาม รฺโ ทตฺวา เตน ตสฺมึ สมเย ‘‘มหาติตฺถวน’’นฺติ ปฺาเต มหาเมฆวนุยฺยาเน ปติฏฺาเปสิ.
โกณาคมโน จ ภควา ทุพฺพุฏฺิปีฬิเต ทีปวาสิโน ทิสฺวา อิมํ ทีปมาคโต ตํ ภยํ วูปสเมตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ มคฺคผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ปุพฺพโพธิฏฺานํ คนฺตฺวา สมาปตฺติปริโยสาเน ‘‘มม อุทุมฺพรมหาโพธิโต ทกฺขิณมหาสาขมาทาย กรกนตฺตา ภิกฺขุนี อิธาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. สา ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา ตงฺขณฺเว โสภราชธานิยา โสภราชานมาทาย มหาโพธิมุปคนฺตฺวา ทกฺขิณมหาสาขาย มโนสิลาเลขํ โสภราเชน ทาเปตฺวา ตํ สยํ ฉิชฺชิตฺวา เหมกฏาเห ปติฏฺิตํ โพธิสาขมาทาย ปฺจสตภิกฺขุนีหิ สทฺธึ สุรคณปริวุตา อิทฺธิยา อิธาหริตฺวา สตฺถารา ปสาริตทกฺขิณปาณิตเล สเหมกฏาหํ มหาโพธึ เปสิ. ตํ ตถาคโต สมิทฺธสฺส รฺโ ทตฺวา เตน ตสฺมึ สมเย ‘‘มหานาควน’’นฺติ สงฺขฺยํ คเต มหาเมฆวนุยฺยาเน มหาโพธึ ปติฏฺาเปสิ.
กสฺสโปปิ จ ภควา อุปฏฺิตราชูปราชยุทฺเธน ปาณิโน วินาสํ ทิสฺวา กรุณาย โจทิโต อิมํ ทีปมาคนฺตฺวา ตํ กลหํ วูปสเมตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ มคฺคผลํ ปาเปตฺวา มหาโพธิฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘มม นิคฺโรธมหาโพธิโต ทกฺขิณมหาสาขมาทาย สุธมฺมา ภิกฺขุนี อิธาคจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ. สา ภควโต จิตฺตํ วิทิตฺวา ตงฺขณฺเว พาราณสีราชธานิยา ¶ พฺรหฺมทตฺตราชานมาทาย มหาโพธิมุปคนฺตฺวา ทกฺขิณมหาสาขาย มโนสิลาเลขํ พฺรหฺมทตฺเตน ทาเปตฺวา ตํ สยํ ฉิชฺชิตฺวา กนกกฏาเห ิตํ โพธิสาขมาทาย ปฺจสตภิกฺขุนีปริวารา เทวคณปริวุตา อิทฺธิยา เอตฺถ อาเนตฺวา มุนินฺเทน ปสาริเต ทกฺขิณกรตเล สสุวณฺณกฏาหํ มหาโพธึ เปสิ. ตํ ภควา ชยนฺตรฺโ ทตฺวา เตน ตสฺมึ สมเย ‘‘มหาสาลวน’’นฺติ สงฺขฺยํ คเต มหาเมฆวนุยฺยาเน มหาโพธึ ปติฏฺาเปสิ. เอวํ อิมสฺมึ ทีเป ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ โพธึ ปติฏฺาเปสิ. ตํ สนฺธาย เอวมาห ‘‘อิมสฺมิฺจ มหาราช ทีเป ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ โพธิ ปติฏฺาสี’’ติ.
สรสรํสิชาลวิสฺสชฺชนเกนาติ ¶ สินิทฺธตาย รสวนฺตํ โอชวนฺตํ อภินวรํสิชาลํ วิสฺสชฺเชนฺเตน. อถ วา อิโต จิโต จ สํสรณโต สรสํ สชีวํ ชีวมานํ วิย รํสิชาลํ วิสฺสชฺเชนฺเตน. อถ วา สรสกาเล ธรมานกาเล พุทฺเธน วิย รํสิชาลํ มฺุจนฺเตนาติ เอวเมตฺถ อตฺถํ วณฺณยนฺติ. เอกทิวเสเนว อคมาสีติ สมฺพนฺโธ. ปฺจหิ กฺาสเตหีติ อตฺตโน ปริจาริเกหิ ปฺจหิ กฺาสเตหิ. อุปสฺสยํ การาเปตฺวาติ ภิกฺขุนุปสฺสยํ การาเปตฺวา. อปฺเปสีติ เลขสาสนํ ปติฏฺาเปสิ. เอวฺจ อโวจาติ ราชสนฺเทสํ อปฺเปตฺวา เถรสฺส มุขสาสนํ วิฺาเปนฺโต เอวํ อโวจ. อุทิกฺขตีติ อเปกฺขติ ปตฺเถติ.
ฉินฺนหตฺถํ วิยาติ ฉินฺนหตฺถวนฺตํ วิย. ฉินฺนา หตฺถา เอตสฺสาติ ฉินฺนหตฺโถติ อฺปทตฺถสมาโส ทฏฺพฺโพ. ปพฺพชฺชาปุเรกฺขาราติ ปพฺพชฺชาภิมุขา, ปพฺพชฺชาย สฺชาตาภิลาสา ‘‘กทา นุ โข ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ตตฺถ อุสฺสุกฺกมาปนฺนาติ วุตฺตํ โหติ. มํ ปฏิมาเนตีติ มํ อุทิกฺขติ. สตฺเถน ฆาตํ น อรหตีติ อสตฺถฆาตารหํ. หิมวลาหกคพฺภนฺติ หิมปุณฺณวลาหกคพฺภํ. ปาฏิหาริยวเสน ชาตํ หิมเมว ‘‘วลาหกคพฺภ’’นฺติปิ วทนฺติ. โทณมตฺตาติ มคธนาฬิยา โสฬสนาฬิปฺปมาณา.
มคฺคนฺติ สตฺตโยชนิกํ มคฺคํ. ปฏิชคฺคาเปตฺวาติ โสธาเปตฺวา, ขาณุกณฺฏกาทีนิ หราเปตฺวา ตตฺถ พหลวิปุลวาลุกํ โอกิราเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมารวณฺณนฺติ รฺโ ปกติสุวณฺณการวณฺณํ. นวหตฺถปริกฺเขปนฺติ นวหตฺถปฺปมาโณ ปริกฺเขโป อสฺสาติ นวหตฺถปริกฺเขปํ, ปริกฺเขปโต ¶ นวหตฺถปฺปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปฺจหตฺถุพฺเพธ’’นฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ติหตฺถวิกฺขมฺภนฺติ ติหตฺถปฺปมาณวิตฺถารํ. สมุสฺสิตธชปฏากนฺติ อุสฺสาปิตนีลปีตาทิวิวิธธชปฏากํ. นานารตนวิจิตฺตนฺติ ตตฺถ ตตฺถ รจิตนานารตเนหิ สุวิจิตฺตํ. อเนกาลงฺการปฏิมณฺฑิตนฺติ ปสนฺนชนปูชิเตหิ หตฺถูปคาทีหิ นานาลงฺกาเรหิ สชฺชิตํ. นานาวิธกุสุมสมากิณฺณนฺติ อุปหารวเสน อุปนีเตหิ นานปฺปกาเรหิ วณฺณคนฺธสมฺปนฺเนหิ ชลถลปุปฺเผหิ อากิณฺณํ. อเนกตูริยสงฺฆุฏฺนฺติ อาตภวิตตาทิปฺจงฺคิกตูริยสงฺโฆสิตํ. อวเสสํ อทสฺสนํ อคมาสีติ เอตฺถ ‘‘หนฺท, มหาราช, ตยา คเหตพฺพา อยํ สาขา, ตสฺส อุปนิสฺสยภูโต อยํ ขนฺโธ, น มยํ ตยา คเหตพฺพา’’ติ วทนฺตา วิย อวเสสา สาขา สตฺถุ เตชสา อทสฺสนมคมํสูติ วทนฺติ. ควกฺขชาลสทิสนฺติ ภาวนปุํสกํ, ชาลกวาฏสทิสํ กตฺวาติ อตฺโถ. เจลุกฺเขปสตสหสฺสานิ ปวตฺตึสูติ เตสํ เตสํ ชนานํ สีโสปริ ภมนฺตานํ อุตฺตราสงฺคเจลานํ อุกฺเขปสตสหสฺสานิ ปวตฺตึสูติ ¶ อตฺโถ. มูลสเตนาติ ทสสุ เลขาสุ เอเกกาย ทส ทส หุตฺวา นิกฺขนฺตมูลสเตน. ทส มหามูลาติ ปมเลขาย นิกฺขนฺตทสมหามูลานิ.
เทวทุนฺทุภิโย ผลึสูติ เทวทุนฺทุภิโย ถนึสุ. เทวทุนฺทุภีติ จ น เอตฺถ กาจิ เภรี อธิปฺเปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน อากาสคโต นิคฺโฆสสทฺโท. เทโวติ หิ เมโฆ. ตสฺส หิ อจฺฉภาเวน อากาสวณฺณสฺส เทวสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสฺิเต สทฺเท นิจฺฉรนฺเต เทวทุนฺทุภีติ สมฺา, ตสฺมา เทวทุนฺทุภิโย ผลึสูติ เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชีติ วุตฺตํ โหติ. ปพฺพตานํ นจฺเจหีติ ปถวีกมฺเปน อิโต จิโต จ ภมนฺตานํ ปพฺพตานํ นจฺเจหิ. ยกฺขานํ หิงฺกาเรหีติ วิมฺหยชาตานํ ยกฺขานํ วิมฺหยปฺปกาสนวเสน ปวตฺเตหิ หิงฺการสทฺเทหิ. ยกฺขา หิ วิมฺหยชาตา ‘‘หึ หิ’’นฺติ สทฺทํ นิจฺฉาเรนฺติ. ถุติชปฺเปหีติ ปสํสาวจเนหิ. พฺรหฺมานํ อปฺโผฏเนหีติ ปีติโสมนสฺสชาตานํ พฺรหฺมานํ พาหายํ ปหรณสงฺขาเตหิ อปฺโผฏเนหิ. ปีติโสมนสฺสชาตา หิ พฺรหฺมาโน วามหตฺถํ สมิฺชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน พาหายํ ปหารํ เทนฺติ. เอกโกลาหลนฺติ เอกโต ปวตฺตโกลาหลํ ¶ . เอกนินฺนาทนฺติ เอกโต ปวตฺตนิคฺโฆสํ. ผลโต นิกฺขนฺตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย อุชุกํ อุคฺคนฺตฺวา โอนมิตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตมุขวฏฺฏึ อาหจฺจ ติฏฺนฺตีติ อาห ‘‘สกลจกฺกวาฬํ รตนโคปานสีวินทฺธํ วิย กุรุมานา’’ติ. ตงฺขณโต จ ปน ปภุตีติ วุตฺตนเยน สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิตสฺส มหาโพธิสฺส ฉพฺพณฺณรสฺมีนํ วิสฺสชฺชิตกาลโต ปภุติ. หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสีติ สุวณฺณกฏาเหเนว สทฺธึ อุคฺคนฺตฺวา หิโมทกปุณฺณํ วลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. ปมํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิโตเยว หิ โพธิ ปจฺฉา วุตฺตปฺปการอจฺฉริยปฏิมณฺฑิโต หุตฺวา หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ปมํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหิ, ตโต หิมคพฺภสตฺตาหํ อภิเสกสตฺตาหฺจ วีตินาเมตฺวา’’ติอาทิ. ตโตเยว จ มหาวํเสปิ วุตฺตํ –
‘‘เอวํ สเตน มูลานํ, ตตฺเถสา คนฺธกทฺทเม;
ปติฏฺาสิ มหาโพธิ, ปสาเทนฺตี มหาชนํ.
‘‘ตสฺสา ขนฺโธ ทสหตฺโถ, ปฺจ สาขา มโนรมา;
จตุหตฺถา จตุหตฺถา, ทสฑฺฒผลมณฺฑิตา.
‘‘สหสฺสนฺตุ ปสาขานํ, สาขานํ ตาสมาสิ จ;
เอวํ อาสิ มหาโพธิ, มโนหรสิรินฺธรา.
‘‘กฏาหมฺหิ ¶ มหาโพธิ, ปติฏฺิตกฺขเณ มหี;
อกมฺปิ ปาฏิหีรานิ, อเหสุํ วิวิธานิ จ.
‘‘สยํ นาเทหิ ตูริยานํ, เทเวสุ มานุเสสุ จ;
สาธุการนินฺนาเทหิ, เทวพฺรหฺมคณสฺส จ.
‘‘เมฆานํ มิคปกฺขีนํ, ยกฺขาทีนํ รเวหิ จ;
รเวหิ จ มหีกมฺเป, เอกโกลาหลํ อหุ.
‘‘โพธิยา ผลปตฺเตหิ, ฉพฺพณฺณรํสิโย สุภา;
นิกฺขมิตฺวา จกฺกวาฬํ, สกลํ โสภยึสุ จ.
‘‘สกฏาหา มหาโพธิ, อุคฺคนฺตฺวาน ตโต นภํ;
อฏฺาสิ หิมคพฺภมฺหิ, สตฺตาหานิ อทสฺสนา’’ติ.
ตสฺมา ¶ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิโตเยว โพธิ กฏาเหเนว สทฺธิ อุคฺคนฺตฺวา หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ.
เหฏฺา ปน ภควโต อธิฏฺานกฺกมํ ทสฺเสนฺเตน ยํ วุตฺตํ –
‘‘ภควา กิร มหาปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน ลงฺกาทีเป มหาโพธิปติฏฺาปนตฺถาย อโสกมหาราชา มหาโพธิคฺคหณตฺถํ คมิสฺสติ, ตทา มหาโพธิสฺส ทกฺขิณสาขา สยเมว ฉิชฺชิตฺวา สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺาตูติ อธิฏฺาสิ, อิทเมกมธิฏฺานํ.
‘‘ตตฺถ ปติฏฺานกาเล จ ‘มหาโพธิ หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา ติฏฺตู’ติ อธิฏฺาสิ, อิทํ ทุติยมธิฏฺานํ.
‘‘สตฺตเม ทิวเส หิมวลาหกคพฺภโต โอรุยฺห สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหนฺโต ปตฺเตหิ จ ผเลหิ จ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย มฺุจตูติ อธิฏฺาสิ, อิทํ ตติยมธิฏฺาน’’นฺติ.
ตํ ¶ อิมินา น สเมติ. ตตฺถ หิ ปมํ หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉา สตฺตเม ทิวเส หิมวลาหกคพฺภโต โอรุยฺห ฉพฺพณฺณรํสิวิสฺสชฺชนํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหนฺจ วุตฺตํ, ตสฺมา อฏฺกถาย ปุพฺเพนาปรํ น สเมติ. มหาวํเส ปน อธิฏฺาเนปิ ปมํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหนํ ปจฺฉาเยว ฉพฺพณฺณรํสิวิสฺสชฺชนํ หิมวลาหกคพฺภปวิสนฺจ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปรินิพฺพานมฺจมฺหิ, นิปนฺเนน ชิเนน หิ;
กตํ มหาอธิฏฺานํ, ปฺจกํ ปฺจจกฺขุนา.
‘‘คยฺหมานา มหาโพธิ-สาขาโสเกน ทกฺขิณา;
ฉิชฺชิตฺวาน สยํเยว, ปติฏฺาตุ กฏาหเก.
‘‘ปติฏฺหิตฺวา สา สาขา, ฉพฺพณฺณรสฺมิโย สุภา;
ราชยนฺตี ทิสา สพฺพา, ผลปตฺเตหิ มฺุจตุ.
‘‘สสุวณฺณกฏาหา สา, อุคฺคนฺตฺวาน มโนรมา;
อทิสฺสมานา สตฺตาหํ, หิมคพฺภมฺหิ ติฏฺตู’’ติ.
โพธิวํเสปิ ¶ จ อยเมว อธิฏฺานกฺกโม วุตฺโต, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺโต อธิฏฺานกฺกโม ยถา ปุพฺเพนาปรํ น วิรุชฺฌติ, ตถา วีมํสิตฺวา คเหตพฺโพ.
หิมฺจ ฉพฺพณฺณรํสิโย จ อาวตฺติตฺวา มหาโพธิเมว ปวิสึสูติ มหาโพธึ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตํ หิมฺจ โพธิโต นิกฺขนฺตฉพฺพณฺณรสฺมิโย จ อาวตฺติตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา โพธิเมว ปวิสึสุ, โพธิปวิฏฺา วิย หุตฺวา อนฺตรหิตาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ ปน ‘‘หิมฺจ รํสิโย จา’’ติ อยเมว ปาโ สตโสธิตสมฺมเต โปราณโปตฺถเก เสเสสุ จ สพฺพโปตฺถเกสุ ทิสฺสติ. มหาวํเสปิ เจตํ วุตฺตํ –
‘‘อตีเต ตมฺหิ สตฺตาเห, สพฺเพ หิมวลาหกา;
ปวิสึสุ มหาโพธึ, สพฺพา ตา รํสิโยปิ จา’’ติ.
เกนจิ ปน ‘‘ปฺจ รํสิโย’’ติ ปาํ ปริกปฺเปตฺวา ยํ วุตฺตํ ‘‘สพฺพทิสาหิ ปฺจ รสฺมิโย อาวตฺติตฺวาติ ¶ ปฺจหิ ผเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา ปฺจ, ตา ปน ฉพฺพณฺณาวา’’ติ, ตํ ตสฺส สมฺโมหวิชมฺภิตมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริปุณฺณขนฺธสาขาปสาขปฺจผลปฏิมณฺฑิโตติ ปริปุณฺณขนฺธสาขาปสาขาหิ เจว ปฺจหิ จ ผเลหิ ปฏิมณฺฑิโต, สมนฺตโต วิภูสิโตติ อตฺโถ. อภิเสกํ ทตฺวาติ อโนตตฺโตทเกน อภิเสกํ ทตฺวา. มหาโพธิฏฺาเนเยว อฏฺาสีติ โพธิสมีเปเยว วสิ.
ปุพฺพกตฺติกปวารณาทิวเสติ อสฺสยุชมาสสฺส ชุณฺหปกฺขปุณฺณมิยํ. จาตุทฺทสีอุโปสถตฺตา ทฺวิสตฺตาเห ชาเต อุโปสโถ สมฺปตฺโตติ อาห ‘‘กาฬปกฺขสฺส อุโปสถทิวเส’’ติ, อสฺสยุชมาสกาฬปกฺขสฺส จาตุทฺทสีอุโปสเถติ อตฺโถ. ปาจีนมหาสาลมูเล เปสีติ นครสฺส ปาจีนทิสาภาเค ชาตสฺส มหาสาลรุกฺขสฺส เหฏฺา มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตตฺถ เปสิ. สตฺตรสเม ทิวเสติ ปาฏิปททิวสโต ทุติยทิวเส. กตฺติกฉณปูชํ อทฺทสาติ กตฺติกฉณวเสน โพธิสฺส กริยมานํ ปูชํ สุมนสามเณโร อทฺทส, ทิสฺวา จ อาคโต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ สนฺธาเยว จ เถโร โพธิอาหรณตฺถํ เปเสสิ.
อฏฺารส เทวตากุลานีติ มหาโพธึ ปริวาเรตฺวา ิตนาคยกฺขาทิเทวตากุลานิ ทตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อมจฺจกุลานิ โพธิสฺส กตฺตพฺพวิจารณตฺถาย ¶ อทาสิ, พฺราหฺมณกุลานิ โลกสมฺมตตฺตา อุทกาสิฺจนตฺถาย อทาสิ, กุฏุมฺพิยกุลานิ โพธิสฺส กตฺตพฺพปูโชปกรณโคปนตฺถาย อทาสิ. ‘‘โคปกา ราชกมฺมิโน ตถา ตรจฺฉา’’ติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ. คณฺิปเท ปน ‘‘โคปกกุลานิ โพธิสิฺจนตฺถํ ขีรเธนุปาลนตฺถาย ตรจฺฉกุลานิ กาลิงฺคกุลานิ วิสฺสาสิกานิ ปธานมนุสฺสกุลานี’’ติ วุตฺตํ. กาลิงฺคกุลานีติ เอตฺถ ‘‘อุทกาทิคาหกา กาลิงฺคา’’ติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘กลิงฺเคสุ ชนปเท ชาติสมฺปนฺนกุลํ กาลิงฺคกุล’’นฺติ เกจิ. อิมินา ปริวาเรนาติ สหตฺเถ กรณวจนํ, อิมินา วุตฺตปฺปการปริวาเรน สทฺธินฺติ อตฺโถ. วิฺฌาฏวึ สมติกฺกมฺมาติ ราชา สยมฺปิ มหาโพธิสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺโต เสนงฺคปริวุโต ถลปเถน คจฺฉนฺโต วิฺฌาฏวึ นาม อฏวึ อติกฺกมิตฺวา. ตามลิตฺตึ อนุปฺปตฺโตติ ตามลิตฺตึ นาม ติตฺถํ สมฺปตฺโต. อิทมสฺส ตติยนฺติ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิตมหาโพธิสฺส รชฺชสมฺปทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตโต ปุพฺเพ ปเนส เอกวารํ สทฺธาย สกลชมฺพุทีปรชฺเชน มหาโพธึ ปูเชสิเยว, ตสฺมา เตน สทฺธึ จตุตฺถมิทํ รชฺชสมฺปทานํ. มหาโพธึ ปน ยสฺมึ ยสฺมึ ทิวเส รชฺเชน ปูเชสิ, ตสฺมึ ตสฺมึ ทิวเส สกลชมฺพุทีปรชฺชโต อุปฺปนฺนํ อายํ คเหตฺวา มหาโพธิปูชํ กาเรสิ.
มาคสิรมาสสฺสาติ ¶ มิคสิรมาสสฺส. ปมปาฏิปททิวเสติ สุกฺกปกฺขปาฏิปททิวเส. ตฺหิ กณฺหปกฺขปาฏิปททิวสํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘ปมปาฏิปททิวส’’นฺติ วุจฺจติ. อิทฺจ อิมสฺมึ ทีเป ปวตฺตมานโวหารํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ ปน ปุณฺณมิโต ปฏฺาย ยาว อปรา ปุณฺณมี, ตาว เอโก มาโสติ โวหารสฺส ปวตฺตตฺตา เตน โวหาเรน ‘‘ทุติยปาฏิปททิวเส’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตตฺถ หิ กณฺหปกฺขปาฏิปททิวสํ ‘‘ปมปาฏิปท’’นฺติ วุจฺจติ. อุกฺขิปิตฺวาติ มหาสาลมูเล ทินฺเนหิ โสฬสหิ ชาติสมฺปนฺนกุเลหิ สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวาติ วทนฺติ. คจฺฉติ วตเรติ เอตฺถ อเรติ เขเท. เตเนวาห ‘‘กนฺทิตฺวา’’ติ, โพธิยา อทสฺสนํ อสหมาโน โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวาติ อตฺโถ. สรสรํสิชาลนฺติ เอตฺถ ปน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหาโพธิสมารุฬฺหาติ มหาโพธินา สมารุฬฺหา. ปสฺสโต ปสฺสโตติ อนาทเร สามิวจนํ, ปสฺสนฺตสฺเสวาติ อตฺโถ ¶ . มหาสมุทฺทตลํ ปกฺขนฺตาติ มหาสมุทฺทสฺส อุทกตลํ ปกฺขนฺทิ. สมนฺตา โยชนนฺติ สมนฺตโต เอเกเกน ปสฺเสน โยชนปฺปมาเณ ปเทเส. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. วีจิโย วูปสนฺตาติ วีจิโย น อุฏฺหึสุ, นาเหสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปวชฺชึสูติ วิรวึสุ, นาทํ ปวตฺตยึสูติ อตฺโถ. รุกฺขาทิสนฺนิสฺสิตาหีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปพฺพตาทิสนฺนิสฺสิตา เทวตา สงฺคณฺหาติ.
สุปณฺณรูเปนาติ สุปณฺณสทิเสน รูเปน. นาคกุลานิ สนฺตาเสสีติ มหาโพธิคฺคหณตฺถํ อาคตานิ นาคกุลานิ สนฺตาเสสิ, เตสํ ภยํ อุปฺปาเทตฺวา ปลาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ตทา หิ สมุทฺทวาสิโน นาคา มหาโพธึ คเหตุํ วาตวสฺสนฺธการาทีหิ มหนฺตํ วิกุพฺพนํ อกํสุ. ตโต สงฺฆมิตฺตตฺเถรี ครุฬวณฺณํ มาเปตฺวา เตน ครุฬรูเปน อากาสํ ปูรยมานา สิขามรีจิชาเลน คคนํ เอกนฺธการํ กตฺวา ปกฺขปฺปหารวาเตน มหาสมุทฺทํ อาโลเฬตฺวา สํวฏฺฏชลธินาทสทิเสน รเวน นาคานํ หทยานิ ภินฺทนฺตี วิย ตาเสตฺวา นาเค ปลาเปสิ. เต จ อุตฺรสฺตรูปา นาคา อาคนฺตฺวาติ เต จ วุตฺตนเยน อุตฺตาสิตา นาคา ปุน อาคนฺตฺวา. ตํ วิภูตินฺติ ตํ อิทฺธิปาฏิหาริยสงฺขาตํ วิภูตึ, ตํ อจฺฉริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. เถรี ยาจิตฺวาติ ‘‘อยฺเย, อมฺหากํ ภควา มุจลินฺทนาคราชสฺส โภคาวลึ อตฺตโน คนฺธกุฏึ กตฺวา สตฺตาหํ ตสฺส สงฺคหํ อกาสิ. อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส เนรฺชรานทีตีเร อตฺตโน อุจฺฉิฏฺปตฺตํ มหากาฬนาคสฺส วิสฺสชฺเชสิ. อุรุเวลนาเคน มาปิตํ วิสธูมทหนํ อคเณตฺวา ตสฺส สรณสีลาภรณมทาสิ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ เปเสตฺวา นนฺโทปนนฺทนาคราชานํ ทเมตฺวา นิพฺพิสํ อกาสิ. เอวํ โส โลกนายโก อมฺหากํ อุปการโก, ตฺวมฺปิ โน โทสมสฺสริตฺวา มุหุตฺตํ มหาโพธึ วิสฺสชฺเชตฺวา นาคโลกสฺส สคฺคโมกฺขมคฺคํ สมฺปาเทหี’’ติ เอวํ ยาจิตฺวา. มหาโพธิวิโยคทุกฺขิโตติ มหาโพธิวิโยเคน ¶ ทุกฺขิโต สฺชาตมานสิกทุกฺโข. กนฺทิตฺวาติ อิมสฺส ปริยายวจนมตฺตํ โรทิตฺวาติ, คุณกิตฺตนวเสน วา ปุนปฺปุนํ โรทิตฺวา, วิลาปํ กตฺวาติ อตฺโถ.
อุตฺตรทฺวารโตติ อนุราธปุรสฺส อุตฺตรทฺวารโต. มคฺคํ โสธาเปตฺวาติ ขาณุกณฺฏกาทีนํ อุทฺธราปนวเสน มคฺคํ โสธาเปตฺวา. อลงฺการาเปตฺวาติ ¶ วาลุกาทีนํ โอกิราปนาทิวเสน สชฺเชตฺวา. สมุทฺทสาลวตฺถุสฺมินฺติ สมุทฺทาสนฺนสาลาย วตฺถุภูเต ปเทเส. ตสฺมึ กิร ปเทเส ิเตหิ สมุทฺทสฺส ทิฏฺตฺตา ตํ อจฺฉริยํ ปกาเสตุํ ตตฺถ เอกา สาลา กตา. สา นาเมน ‘‘สมุทฺทาสนฺนสาลา’’ติ ปากฏา ชาตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สมุทฺทาสนฺนสาลาย, าเน ตฺวา มหณฺณเว;
อาคจฺฉนฺตํ มหาโพธึ, มหาเถริทฺธิยาทฺทส.
‘‘ตสฺมึ าเน กตา สาลา, ปกาเสตุํ ตมพฺภุตํ;
‘สมุทฺทาสนฺนสาลา’ติ, นาเมนาสิธ ปากฏา’’ติ.
ตาย วิภูติยาติ ตาย วุตฺตปฺปการาย ปูชาสกฺการาทิสมฺปตฺติยา. เถรสฺสาติ มหามหินฺทตฺเถรสฺส. มคฺคสฺส กิร อุโภสุ ปสฺเสสุ อนฺตรนฺตรา ปุปฺเผหิ กูฏาคารสทิสสณฺานานิ ปุปฺผเจติยานิ การาเปสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘อนฺตรนฺตเร ปุปฺผอคฺฆิยานิ เปนฺโต’’ติ. อาคโต วตเรติ เอตฺถ อเรติ ปสํสายํ, สาธุ วตาติ อตฺโถ. โสฬสหิ ชาติสมฺปนฺนกุเลหีติ อฏฺหิ อมจฺจกุเลหิ อฏฺหิ จ พฺราหฺมณกุเลหีติ เอวํ โสฬสหิ ชาติสมฺปนฺนกุเลหิ. สมุทฺทตีเร มหาโพธึ เปตฺวาติ สมุทฺทเวลาตเล อลงฺกตปฺปฏิยตฺเต รมณีเย มณฺฑเป มหาโพธึ เปตฺวา. เอวํ ปน กตฺวา สกลตมฺพปณฺณิรชฺเชน มหาโพธึ ปูเชตฺวา โสฬสนฺนํ กุลานํ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา สยํ โทวาริกฏฺาเน ตฺวา ตโย ทิวเส อเนกปฺปการํ ปูชํ การาเปสิ. ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีณิ ทิวสานี’’ติอาทิมาห. รชฺชํ วิจาเรสีติ รชฺชํ วิจาเรตุํ วิสฺสชฺเชสิ, โสฬสหิ วา ชาติสมฺปนฺนกุเลหิ รชฺชํ วิจาราเปสีติ อตฺโถ. จตุตฺเถ ทิวเสติ มิคสิรมาสสฺส สุกฺกปกฺขทสมิยํ. อนุปุพฺเพน อนุราธปุรํ สมฺปตฺโตติ ทสมิยํ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตรเถ มหาโพธึ เปตฺวา อุฬารปูชํ กุรุมาโน ปาจีนปสฺสวิหารสฺส ปติฏฺาตพฺพฏฺานมาเนตฺวา ตตฺถ สงฺฆสฺส ปาตราสํ ปวตฺเตตฺวา มหินฺทตฺเถเรน ภาสิตํ นาคทีเป ทสพเลน กตํ นาคทมนํ สุตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน นิสชฺชาทินา ปริภุตฺตฏฺาเนสุ ถูปาทีหิ สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ สฺาณํ กาเรตฺวา ตโต อาหริตฺวา ตวกฺกพฺราหฺมณสฺส ¶ คามทฺวาเร เปตฺวา ปูเชตฺวา เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปูชํ กตฺวา อิมินา อนุกฺกเมน อนุราธปุรํ ¶ สมฺปตฺโต. จาตุทฺทสีทิวเสติ มิคสิรมาสสฺเสว สุกฺกปกฺขจาตุทฺทเส. วฑฺฒมานกจฺฉายายาติ ฉายาย วฑฺฒมานสมเย, สายนฺหสมเยติ วุตฺตํ โหติ. สมาปตฺตินฺติ ผลสมาปตฺตึ. ติลกภูเตติ อลงฺการภูเต. ราชวตฺถุทฺวารโกฏฺกฏฺาเนติ ราชุยฺยานสฺส ทฺวารโกฏฺกฏฺาเน. ‘‘สกลรชฺชํ มหาโพธิสฺส ทินฺนปุพฺพตฺตา อุปจารตฺถํ ราชา โทวาริกเวสํ คณฺหี’’ติ วทนฺติ.
อนุปุพฺพวิปสฺสนนฺติ อุทยพฺพยาทิอนุปุพฺพวิปสฺสนํ. ปฏฺเปตฺวาติ อารภิตฺวา. อตฺถงฺคมิเตติ อตฺถงฺคเต. ‘‘สห โพธิปติฏฺาเนนา’’ติ วตฺตพฺเพ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา ‘‘สห โพธิปติฏฺานา’’ติ นิสฺสกฺกวจนํ กตํ. สติ หิ สหโยเค กรณวจเนน ภวิตพฺพํ. มหาปถวี อกมฺปีติ จ อิทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ, อฺานิปิ อเนกานิ อจฺฉริยานิ อเหสุํเยว. ตถา หิ สห โพธิปติฏฺาเนน อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี อกมฺปิ, ตานิ มูลานิ กฏาหมุขวฏฺฏิโต อุคฺคนฺตฺวา ตํ กฏาหํ วินนฺธนฺตา ปถวีตลโมตรึสุ, สมนฺตโต ทิพฺพกุสุมานิ วสฺสึสุ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา วุฏฺิธารมกาสิ, อากาสปเทสา วิรวึสุ, วิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ. เทวตา สาธุการมทํสุ, สมาคตา สกลทีปวาสิโน คนฺธมาลาทีหิ ปูชยึสุ, คหิตมกรนฺทา มนฺทมารุตา วายึสุ, สมนฺตโต ฆนสีตลหิมวลาหกา มหาโพธึ ฉาทยึสุ. เอวํ โพธิ ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา หิมคพฺเภ สนฺนิสีทิตฺวา สตฺตาหํ โลกสฺส อทสฺสนํ อคมาสิ. หิมคพฺเภ สนฺนิสีทีติ หิมคพฺภสฺส อนฺโต อฏฺาสิ. วิปฺผุรนฺตาติ วิปฺผุรนฺตา อิโต จิโต จ สํสรนฺตา. นิจฺฉรึสูติ นิกฺขมึสุ. ทสฺสึสูติ ปฺายึสุ. สพฺเพ ทีปวาสิโนติ สพฺเพ ตมฺพปณฺณิทีปวาสิโน. อุตฺตรสาขโต เอกํ ผลนฺติ อุตฺตรสาขาย ิตํ เอกํ ผลํ. ‘‘ปาจีนสาขาย เอกํ ผล’’นฺติปิ เกจิ. มหาอาสนฏฺาเนติ ปุพฺพปสฺเส มหาสิลาสเนน ปติฏฺิตฏฺาเน. อิสฺสรนิมฺมานวิหาเรติ อิสฺสรนิมฺมานสงฺขาเต กสฺสปคิริวิหาเร. ‘‘อิสฺสรนิมฺมานวิหาเร’’ติ หิ ปุพฺพสงฺเกตวเสน วุตฺตํ, อิทานิ ปน โส วิหาโร ‘‘กสฺสปคิรี’’ติ ปฺาโต. ‘‘อิสฺสรสมณาราเม’’ติปิ เกจิ ปนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘ตวกฺกพฺราหฺมณคาเม ¶ , ถูปาราเม ตเถว จ;
อิสฺสรสมณาราเม, ปเม เจติยงฺคเณ’’ติ.
โยชนิยอาราเมสูติ อนุราธปุรสฺส สมนฺตา โยชนสฺส อนฺโต กตอาราเมสุ. สมนฺตา ปติฏฺิเต ¶ มหาโพธิมฺหีติ สมฺพนฺโธ. อนุราธปุรสฺส สมนฺตา เอวํ ปุตฺตนตฺตุปรมฺปราย มหาโพธิมฺหิ ปติฏฺิเตติ อตฺโถ. โลหปาสาทฏฺานํ ปูเชสีติ โลหปาสาทสฺส กตฺตพฺพฏฺานํ ปูเชสิ. ‘‘กิฺจาปิ โลหปาสาทํ เทวานํปิยติสฺโสเยว มหาราชา กาเรสฺสติ, ตถาปิ ตสฺมึ สมเย อภาวโต ‘อนาคเต’ติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ทุฏฺคามณิอภเยเนว การิโต โลหปาสาโท’’ติ วทนฺติ. มูลานิ ปนสฺส น ตาว โอตรนฺตีติ อิมินา, มหาราช, อิมสฺมึ ทีเป สตฺถุสาสนํ ปติฏฺิตมตฺตเมว อโหสิ, น ตาว สุปติฏฺิตนฺติ ทสฺเสติ, อสฺส สตฺถุสาสนสฺส มูลานิ ปน น ตาว โอติณฺณานีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โอตรนฺตีติ หิ อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ. เตเนวาห ‘‘กทา ปน ภนฺเต มูลานิ โอติณฺณานิ นาม ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โย อมจฺโจ จตุปณฺณาสาย เชฏฺกกนิฏฺภาตุเกหิ สทฺธึ เจติยคิริมฺหิ ปพฺพชิโต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘มหาอริฏฺโ ภิกฺขู’’ติ. เมฆวณฺณาภยสฺส อมจฺจสฺส ปริเวณฏฺาเนติ เมฆวณฺณาภยสฺส รฺโ อมจฺเจน กตฺตพฺพสฺส ปริเวณสฺส วตฺถุภูเต าเน. มณฺฑปปฺปการนฺติ มณฺฑปสทิสํ. สทิสตฺถมฺปิ หิ ปการสทฺทํ วณฺณยนฺติ. สาสนสฺส มูลานิ โอตรนฺตานิ ปสฺสิสฺสามีติ อิมินา สาสนสฺส สุฏฺุ ปติฏฺานาการํ ปสฺสิสฺสามีติ ทีเปติ.
เมฆวิรหิตสฺส นิมฺมลสฺเสว อากาสสฺส วิรวิตตฺตา ‘‘อากาสํ มหาวิรวํ รวี’’ติ วุตฺตํ. ปจฺเจกคณีหีติ วิสุํ วิสุํ คณาจริเยหิ. ปจฺเจกํ คณํ เอเตสํ อตฺถีติ ปจฺเจกคณิโน. ยถา เวชฺโช คิลาเนสุ กรุณาย ติกิจฺฉนเมว ปุรกฺขตฺวา วิคตจฺฉนฺทโทโส ชิคุจฺฉนีเยสุ วเณสุ คุยฺหฏฺาเนสุ จ เภสชฺชเลปนาทินา ติกิจฺฉนเมว กโรติ, เอวํ ภควาปิ กิเลสพฺยาธิปีฬิเตสุ สตฺเตสุ กรุณาย เต สตฺเต กิเลสพฺยาธิทุกฺขโต โมเจตุกาโม อวตฺตพฺพารหานิ คุยฺหฏฺานนิสฺสิตานิปิ อสปฺปายานิ วทนฺโต วินยปฺตฺติยา สตฺตานํ กิเลสพฺยาธึ ¶ ติกิจฺฉติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุ กรุณาคุณปริทีปก’’นฺติ. อนุสิฏฺิกรานนฺติ อนุสาสนีกรานํ, เย ภควโต อนุสาสนึ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺติ, เตสนฺติ อตฺโถ. กายกมฺมวจีกมฺมวิปฺผนฺทิตวินยนนฺติ กายวจีทฺวาเรสุ อชฺฌาจารวเสน ปวตฺตสฺส กิเลสวิปฺผนฺทิตสฺส วินยนกรํ.
ราชิโนติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, ราชานมนุสาสึสูติ อตฺโถ. อาโลกนฺติ าณาโลกํ. นิพฺพายึสุ มเหสโยติ เอตฺถ มหามหินฺทตฺเถโร ทฺวาทสวสฺสิโก หุตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ สมฺปตฺโต, ตตฺถ ทฺเว วสฺสานิ วสิตฺวา วินยํ ปติฏฺเปสิ. ทฺวาสฏฺิวสฺสิโก หุตฺวา ปรินิพฺพุโตติ วทนฺติ.
เตสํ ¶ เถรานํ อนฺเตวาสิกาติ เตสํ มหามหินฺทตฺเถรปฺปมุขานํ เถรานํ อนฺเตวาสิกา. ติสฺสทตฺตาทโย ปน มหาอริฏฺตฺเถรสฺส อนฺเตวาสิกา, ตสฺมา ติสฺสทตฺตกาฬสุมนทีฆสุมนาทโย มหาอริฏฺตฺเถรสฺส อนฺเตวาสิกา จาติ โยเชตพฺพํ. อนฺเตวาสิกานํ อนฺเตวาสิกาติ อุภยถา วุตฺตอนฺเตวาสิกานํ อนฺเตวาสิกา. ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการาติ –
‘‘ตโต มหินฺโท อิฏฺฏิโย, อุตฺติโย สมฺพโล ตถา;
ภทฺทนาโม จ ปณฺฑิโต.
‘‘เอเต นาคา มหาปฺา, ชมฺพุทีปา อิธาคตา;
วินยํ เต วาจยึสุ, ปิฏกํ ตมฺพปณฺณิยา.
‘‘นิกาเย ปฺจ วาเจสุํ, สตฺต เจว ปกรเณ;
ตโต อริฏฺโ เมธาวี, ติสฺสทตฺโต จ ปณฺฑิโต.
‘‘วิสารโท กาฬสุมโน, เถโร จ ทีฆนามโก’’ติ. –
เอวมาทินา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการา อาจริยปรมฺปรา.
อาจริยปรมฺปรกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วินยานิสํสกถาวณฺณนา
เอตฺตาวตา ¶ จ ‘‘เกนาภต’’นฺติ อิมํ ปฺหํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา อิทานิ ‘‘กตฺถ ปติฏฺิต’’นฺติ อิมํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อาห ‘‘กตฺถ ปติฏฺิต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เตลมิวาติ สีหเตลมิว. อธิมตฺตสติคติธีติมนฺเตสูติ เอตฺถ สตีติ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ธารณกสติ. คตีติ อุคฺคณฺหนกคติ. ธีตีติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา คณฺหนกาณํ. คตีติ วา ปฺาคติ. ธีตีติ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนวีริยํ สชฺฌายนวีริยํ ธารณวีริยฺจ. ลชฺชีสูติ ปาปชิคุจฺฉนกลกฺขณาย ลชฺชาย สมนฺนาคเตสุ. กุกฺกุจฺจเกสูติ อณุมตฺเตสุปิ วชฺเชสุ โทสทสฺสาวิตาย ¶ กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย กุกฺกุจฺจการีสุ. สิกฺขากาเมสูติ อธิสีลออจิตฺตอธิปฺาวเสน ติสฺโส สิกฺขา กามยมาเนสุ สมฺปิยายิตฺวา สิกฺขนฺเตสุ.
อกตฺตพฺพโต นิวาเรตฺวา กตฺตพฺเพสุ ปติฏฺาปนโต มาตาปิตุฏฺานิโยติ วุตฺตํ. อาจารโคจรกุสลตาติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ (วิภ. ๕๑๑) เอวํ วุตฺตภิกฺขุสารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาตโคจเรน จ สมฺปนฺนตฺตา สมณาจาเรสุ เจว สมณโคจเรสุ จ กุสลตา. อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยมนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ อารทฺธวีริโย ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโร.
โคจโร ปน อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ ¶ , ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยสฺส วา ปน อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ อุปนิสฺสยโคจโร. โย ปน ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถิปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ โอโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสมฺปิ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร. อุปนิพนฺธโคจโร ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. อยํ อุปนิพนฺธโคจโร. อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรกุสลตา. เอวํ อนาจารํ อโคจรฺจ วชฺเชตฺวา สทฺธาปพฺพชิตานํ ยถาวุตฺตอาจารโคจเรสุ กุสลภาโว วินยธรายตฺโตติ อยมานิสํโส วินยปริยตฺติยา ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ.
วินยปริยตฺตึ นิสฺสายาติ วินยปริยาปุณนํ นิสฺสาย. อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ ¶ สุรกฺขิโตติ กถมสฺส อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ สุรกฺขิโต? อาปตฺติฺหิ อาปชฺชนฺโต ฉหากาเรหิ อาปชฺชติ อลชฺชิตา, อฺาณตา, กุกฺกุจฺจปกตตา, อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตา, กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตา, สติสมฺโมสาติ. วินยธโร ปน อิเมหิ ฉหากาเรหิ อาปตฺตึ นาปชฺชติ.
กถํ อลชฺชิตาย นาปชฺชติ? โส หิ ‘‘ปสฺสถ โภ, อยํ กปฺปิยากปฺปิยํ ชานนฺโตเยว ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ กโรตี’’ติ อิมํ ปรูปวาทํ รกฺขนฺโตปิ อกปฺปิยภาวํ ชานนฺโตเยว มทฺทิตฺวา วีติกฺกมํ น กโรติ. เอวํ อลชฺชิตาย นาปชฺชติ. สหสา อาปนฺนมฺปิ เทสนาคามินึ เทเสตฺวา วุฏฺานคามินิยา วุฏฺหิตฺวา สุทฺธนฺเต ปติฏฺาติ, ตโต –
‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ นาปชฺชติ, อาปตฺตึ น ปริคูหติ;
อคติคมนฺจ น คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ ลชฺชิปุคฺคโล’’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –
อิมสฺมึ ลชฺชิภาเว ปติฏฺิโตว โหติ.
กถํ ¶ อฺาณตาย นาปชฺชติ? โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ชานาติ, ตสฺมา กปฺปิยํเยว กโรติ, อกปฺปิยํ น กโรติ. เอวํ อฺาณตาย นาปชฺชติ.
กถํ กุกฺกุจฺจปกตตาย นาปชฺชติ? กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน วตฺถุํ โอโลเกตฺวา มาติกํ ปทภาชนํ อนฺตราปตฺตึ อนาปตฺตึ โอโลเกตฺวา กปฺปิยํ เจ โหติ, กโรติ, อกปฺปิยํ เจ, น กโรติ. อุปฺปนฺนํ ปน กุกฺกุจฺจํ อวินิจฺฉินิตฺวาว ‘‘วฏฺฏตี’’ติ มทฺทิตฺวา น วีติกฺกมติ. เอวํ กุกฺกุจฺจปกตตาย นาปชฺชติ.
กถํ อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตาทีหิ นาปชฺชติ? โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ชานาติ, ตสฺมา อกปฺปิเย กปฺปิยสฺี น โหติ, กปฺปิเย อกปฺปิยสฺี น โหติ, สุปติฏฺิตา จสฺส สติ โหติ, อธิฏฺาตพฺพํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตพฺพํ วิกปฺเปติ. อิติ อิเมหิ ฉหากาเรหิ อาปตฺตึ นาปชฺชติ, อาปตฺตึ อนาปชฺชนฺโต อขณฺฑสีโล โหติ ปริสุทฺธสีโล. เอวมสฺส อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ สุรกฺขิโต.
กุกฺกุจฺจปกตานนฺติ ¶ กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย อุปฺปนฺเนน กุกฺกุจฺเจน อภิภูตานํ. กถํ ปน กุกฺกุจฺจปกตานํ ปฏิสรณํ โหติ? ติโรรฏฺเสุ ติโรชนปเทสุ จ อุปฺปนฺนกุกฺกุจฺจา ภิกฺขู ‘‘อสุกสฺมึ กิร วิหาเร วินยธโร วสตี’’ติ ทูรโตปิ ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉนฺติ. โส เตหิ กตกมฺมสฺส วตฺถุํ โอโลเกตฺวา อาปตฺตานาปตฺตึ ครุกลหุกาทิเภทํ สลฺลกฺเขตฺวา เทสนาคามินึ เทสาเปตฺวา วุฏฺานคามินิยา วุฏฺาเปตฺวา สุทฺธนฺเต ปติฏฺาเปติ. เอวํ กุกฺกุจฺจปกตานํ ปฏิสรณํ โหติ.
วิสารโท สงฺฆมชฺเฌ โวหรตีติ วิคโต สารโท ภยํ เอตสฺสาติ วิสารโท, อภีโตติ อตฺโถ. อวินยธรสฺส หิ สงฺฆมชฺเฌ กเถนฺตสฺส ภยํ สารชฺชํ โอกฺกมติ, วินยธรสฺส ตํ น โหติ. กสฺมา? ‘‘เอวํ กเถนฺตสฺส โทโส โหติ, เอวํ น โทโส’’ติ ตฺวา กถนโต.
ปจฺจตฺถิเก ¶ สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาตีติ เอตฺถ ทฺวิธา ปจฺจตฺถิกา นาม อตฺตปจฺจตฺถิกา จ สาสนปจฺจตฺถิกา จ. ตตฺถ เมตฺติยภุมฺมชกา จ ภิกฺขู วฑฺโฒ จ ลิจฺฉวี อมูลเกน อนฺติมวตฺถุนา โจเทสุํ, อิเม อตฺตปจฺจตฺถิกา นาม. เย วา ปนฺเปิ ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, สพฺเพ เต อตฺตปจฺจตฺถิกา. วิปรีตทสฺสนา ปน อริฏฺภิกฺขุกณฺฏกสามเณรเวสาลิกวชฺชิปุตฺตกา มหาสงฺฆิกาทโย จ อพุทฺธสาสนํ ‘‘พุทฺธสาสน’’นฺติ วตฺวา กตปคฺคหา สาสนปจฺจตฺถิกา นาม. เต สพฺเพปิ สหธมฺเมน สหการเณน วจเนน ยถา ตํ อสทฺธมฺมํ ปติฏฺาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ สุนิคฺคหิตํ กตฺวา นิคฺคณฺหาติ.
สทฺธมฺมฏฺิติยา ปฏิปนฺโน โหตีติ เอตฺถ ปน ติวิโธ สทฺธมฺโม ปริยตฺติปฏิปตฺติอธิคมวเสน. ตตฺถ ติปิฏกํ พุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธมฺโม นาม. เตรส ธุตงฺคคุณา จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานีติ อยํ ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม นาม. จตฺตาโร มคฺคา จ จตฺตาริ ผลานิ จ, อยํ อธิคมสทฺธมฺโม นาม. ตตฺถ เกจิ เถรา ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) อิมินา สุตฺเตน ‘‘สาสนสฺส ปริยตฺติ มูล’’นฺติ วทนฺติ. เกจิ เถรา ‘‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสฺุโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’’ติ อิมินา สุตฺเตน (ที. นิ. ๒.๒๑๔) ‘‘สาสนสฺส ปฏิปตฺติ มูล’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยาว ปฺจ ภิกฺขู สมฺมา ปฏิปนฺนา สํวิชฺชนฺติ, ตาว สาสนํ ิตํ โหตี’’ติ อาหํสุ. อิตเร ปน เถรา ‘‘ปริยตฺติยา อนฺตรหิตาย สุปฺปฏิปนฺนสฺสปิ ธมฺมาภิสมโย นตฺถี’’ติ วตฺวา อาหํสุ. สเจปิ ปฺจ ภิกฺขู จตฺตาริ ปาราชิกานิ รกฺขณกา โหนฺติ, เต สทฺเธ กุลปุตฺเต ปพฺพาเชตฺวา ปจฺจนฺติเม ชนปเท อุปสมฺปาเทตฺวา ¶ ทสวคฺคคณํ ปูเรตฺวา มชฺฌิมชนปเทปิ อุปสมฺปทํ กริสฺสนฺติ. เอเตนุปาเยน วีสติวคฺคสงฺฆํ ปูเรตฺวา อตฺตโนปิ อพฺภานกมฺมํ กตฺวา สาสนํ วุฑฺฒึ วิรุฬฺหึ คมยิสฺสนฺติ. เอวมยํ วินยธโร ติวิธสฺสปิ สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิติยา ปฏิปนฺโน โหตีติ. เอวมยํ วินยธโร อิเม ปฺจานิสํเส ปฏิลภตีติ เวทิตพฺโพ.
วินโย สํวรตฺถายาติอาทีสุ (ปริ. อฏฺ. ๓๖๖) วินโยติ วินยสฺส ปริยาปุณนํ, วินโยติ วา วินยปฺตฺติ วุตฺตา, ตสฺมา สกลาปิ วินยปฺตฺติ วินยปริยาปุณนํ ¶ วา กายวจีทฺวารสํวรตฺถายาติ อตฺโถ, อาชีวปาริสุทฺธิปริโยสานสฺส สีลสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อวิปฺปฏิสาโรติ ปาปปฺุานํ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตจิตฺตวิปฺปฏิสาราภาโว. ปาโมชฺชนฺติ ทุพฺพลา ตรุณปีติ. ปีตีติ พลวปีติ. ปสฺสทฺธีติ กายจิตฺตทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิ. สุขนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ. ตฺหิ ทุวิธมฺปิ สมาธิสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ. สมาธีติ จิตฺเตกคฺคตา. ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ สปฺปจฺจยนามรูปปริคฺคโห. นิพฺพิทาติ วิปสฺสนา. อถ วา ยถาภูตาณทสฺสนํ ตรุณวิปสฺสนา, อุทยพฺพยาณสฺเสตํ อธิวจนํ. จิตฺเตกคฺคตา หิ ตรุณวิปสฺสนาย อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ. นิพฺพิทาติ สิขาปฺปตฺตา วุฏฺานคามินิพลววิปสฺสนา. วิราโคติ อริยมคฺโค. วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลํ. จตุพฺพิโธปิ หิ อริยมคฺโค อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ. วิมุตฺติาณทสฺสนนฺติ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายาติ กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา อนวเสเสตฺวา ปรินิพฺพานตฺถาย, อปฺปจฺจยปรินิพฺพานตฺถายาติ อตฺโถ. อปฺปจฺจยปรินิพฺพานสฺส หิ วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจโย โหติ ตสฺมึ อนุปฺปตฺเต อวสฺสํ ปรินิพฺพายิตพฺพโต, น จ ปจฺจเวกฺขณาเณ อนุปฺปนฺเน อนฺตรา ปรินิพฺพานํ โหติ.
เอตทตฺถา กถาติ อยํ วินยกถา นาม เอตทตฺถาย, อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายาติ อตฺโถ. เอวํ สพฺพตฺถปิ. มนฺตนาปิ วินยมนฺตนาเอว, ‘‘เอวํ กริสฺสาม, น กริสฺสามา’’ติ วินยปฏิพทฺธสํสนฺทนา. เอตทตฺถา อุปนิสาติ อุปนิสีทติ เอตฺถ ผลํ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตายาติ อุปนิสา วุจฺจติ การณํ ปจฺจโยติ. ‘‘วินโย สํวรตฺถายา’’ติอาทิกา การณปรมฺปรา เอตทตฺถาติ อตฺโถ. เอตทตฺถํ โสตาวธานนฺติ อิมิสฺสา ปรมฺปรปจฺจยกถาย โสตาวธานํ อิมํ กถํ สุตฺวา ยํ อุปฺปชฺชติ าณํ, ตมฺปิ เอตทตฺถํ. ยทิทํ อนุปาทาจิตฺตสฺส วิโมกฺโขติ ยทิทนฺติ นิปาโต. สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุ ตาทิโสว ตตฺถ ตตฺถ อตฺถโต ปริณาเมตพฺโพ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – โย อยํ จตูหิ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยิตฺวา จิตฺตสฺส อรหตฺตผลสงฺขาโต วิโมกฺโข, โสปิ เอตทตฺถาย อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายาติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. โย อยํ ¶ อนุปาทาจิตฺตสฺส วิโมกฺขสงฺขาโต มคฺโค, เหฏฺา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ เอตทตฺถเมวาติ. เอวฺจ สติ อิมินา มหุสฺสาหโต สาธิตพฺพํ ¶ นิยตปฺปโยชนํ ทสฺสิตํ โหติ. เหฏฺา ‘‘วิราโค…เป… นิพฺพานตฺถายา’’ติ อิมินา ปน ลพฺภมานานิสํสผลํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อาโยโคติ อุคฺคหณจินฺตนาทิวเสน ปุนปฺปุนํ อภิโยโค.
วินยานิสํสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
พาหิรนิทานวณฺณนา สมตฺตา.
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา
๑. เสยฺยถิทนฺติ ¶ ¶ ตํ กตมํ, ตํ กถนฺติ วา อตฺโถ. อนิยมนิทฺเทสวจนนฺติ นตฺถิ เอตสฺส นิยโมติ อนิยโม, นิทฺทิสียติ อตฺโถ เอเตนาติ นิทฺเทโส, วุจฺจติ เอเตนาติ วจนํ, นิทฺเทโสเยว วจนํ นิทฺเทสวจนํ, อนิยมสฺส นิทฺเทสวจนํ อนิยมนิทฺเทสวจนํ, ปมํ อนิยมิตสฺส สมยสฺส นิทฺเทสวจนนฺติ อตฺโถ. ‘‘เยนาติ อวตฺวา เตนาติ วุตฺตตฺตา อนิยมํ กตฺวา นิทฺทิฏฺวจนํ อนิยมนิทฺเทสวจน’’นฺติปิ วทนฺติ. ยํตํสทฺทานํ นิจฺจสมฺพนฺธภาวโต อาห ‘‘ตสฺส สรูเปน อวุตฺเตนปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสาติ ‘‘เตนา’’ติ เอตสฺส. สรูเปน อวุตฺเตนปีติ ‘‘เยนา’’ติ เอวํ สรูปโต ปาฬิยํ อวุตฺเตนปิ. อตฺถโต สิทฺเธนาติ ปรภาเค สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อุปฺปชฺชนกปริวิตกฺกสงฺขาตอตฺถโต สิทฺเธน. ปริวิตกฺเก หิ สิทฺเธ เยน สมเยน ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ อิทํ อตฺถโต สิทฺธเมว โหติ. เตเนวาห ‘‘อปรภาเค หิ วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปริวิตกฺโก สิทฺโธ’’ติอาทิ. ‘‘เตนา’’ติ วตฺวา ตโต ตทตฺถเมว ‘‘เยนา’’ติ อตฺถโต วุจฺจมานตฺตา ‘‘เยนา’’ติ อยํ ‘‘เตนา’’ติ เอตสฺส ปฏินิทฺเทโส นาม ชาโต. ปฏินิทฺเทโสติ จ วิตฺถารนิทฺเทโสติ อตฺโถ.
อปรภาเค หีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท เหตุมฺหิ, ยสฺมาติ อตฺโถ. วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโตติ ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล, เอตสฺส สุคต กาโล, ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย, อุทฺทิเสยฺย ปาติโมกฺขํ. ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติก’’นฺติ เอวํ ปวตฺตสฺส วินยปฺตฺติยาจนสฺส การณภูโตติ อตฺโถ. ปริวิตกฺโกติ ‘‘กตเมสานํ โข พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, กตเมสานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ เอวํ ปวตฺโต ปริวิตกฺโก. ยํตํสทฺทานํ นิจฺจสมฺพนฺโธติ อาห ‘‘ตสฺมา เยน สมเยนา’’ติอาทิ. ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา อตฺถโต สิทฺเธนาติ ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา อุปฺปนฺนอตฺถโต สิทฺเธน. ปฏินิทฺเทโส กตฺตพฺโพติ เอตสฺส ‘‘ยทิท’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘ปฏินิทฺเทโส กตฺตพฺโพ’’ติ ยทิทํ ยํ อิทํ วิธานํ, อยํ สพฺพสฺมึ วินเย ยุตฺตีติ อตฺโถ. อถ ¶ วา ‘‘ปฏินิทฺเทโส กตฺตพฺโพ’’ติ ยทิทํ ยา อยํ ยุตฺติ, อยํ สพฺพสฺมึ วินเย ยุตฺตีติ อตฺโถ.
ตตฺริทํ ¶ มุขมตฺตนิทสฺสนนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตยุตฺติยา ปริทีปเน อิทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ, อุปายมตฺตนิทสฺสนนฺติ อตฺโถ. มุขํ ทฺวารํ อุปาโยติ หิ อตฺถโต เอกํ. ‘‘เตน หิ ภิกฺขเว ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ ปาฬึ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ ปฏินิทฺเทสมาห ‘‘เยน สุทินฺโน’’ติอาทินา. เตนาติ เหตุอตฺเถ กรณวจนตฺตา ตสฺส ปฏินิทฺเทโสปิ ตาทิโสเยวาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปฏิเสวี’’ติ. ปุพฺเพ อตฺถโต สิทฺเธนาติ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนเมถุนธมฺมปฏิเสวนสงฺขาตอตฺถโต สิทฺเธน. ปจฺฉา อตฺถโต สิทฺเธนาติ รฺา อทินฺนํ ทารูนํ อาทิยนสงฺขาตปจฺฉาอุปฺปนฺนอตฺถโต สิทฺเธน. สมยสทฺโทติ เอตสฺส ‘‘ทิสฺสตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.
สมวาเยติ ปจฺจยสามคฺคิยํ, การณสมวาเยติ อตฺโถ. ขเณติ โอกาเส. อสฺสาติ อสฺส สมยสทฺทสฺส สมวาโย อตฺโถติ สมฺพนฺโธ. อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายาติ เอตฺถ กาโล นาม อุปสงฺกมนสฺส ยุตฺตปยุตฺตกาโล. สมโย นาม ตสฺเสว ปจฺจยสามคฺคี, อตฺถโต ตทนุรูปํ สรีรพลฺเจว ตปฺปจฺจยปริสฺสยาภาโว จ. อุปาทานํ นาม าเณน เตสํ คหณํ สลฺลกฺขณํ, ตสฺมา กาลฺจ สมยฺจ ปฺาย คเหตฺวา อุปธาเรตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ อมฺหากํ สฺเว คมนสฺส ยุตฺตกาโล ภวิสฺสติ, กาเย พลมตฺตา เจว ผริสฺสติ, คมนปจฺจยา จ อฺโ อผาสุวิหาโร น ภวิสฺสติ, อเถตํ กาลฺจ คมนการณสมวายสงฺขาตํ สมยฺจ อุปธาเรตฺวา อปิ เอว นาม สฺเว อาคจฺเฉยฺยามาติ.
ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฏิลาภเหตุตฺตา, ขโณ เอว จ สมโย. โย ขโณติ จ สมโยติ จ วุจฺจติ, โส เอโกวาติ หิ อตฺโถ. มหาสมโยติ มหาสมูโห. ปวุทฺธํ วนํ ปวนํ, ตสฺมึ ปวนสฺมึ, วนสณฺเฑติ อตฺโถ. สมโยปิ โข เต ภทฺทาลิ อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสีติ เอตฺถ สมโยติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุ. ภทฺทาลีติ ตสฺส ภิกฺขุโน นามํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภทฺทาลิ ตยา ปฏิวิชฺฌิตพฺพยุตฺตกํ เอตํ การณํ อตฺถิ, ตมฺปิ เต น ปฏิวิทฺธํ น สลฺลกฺขิตนฺติ. กึ ตํ การณนฺติ อาห ‘‘ภควา โข’’ติอาทิ.
อุคฺคาหมาโน ¶ ติอาทีสุ มาโนติ ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปกตินามํ, กิฺจิ กิฺจิ ปน อุคฺคเหตุํ สมตฺถตาย ‘‘อุคฺคาหมาโน’’ติ นํ สฺชานนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุคฺคาหมาโน’’ติ วุจฺจติ ¶ . สมณมุณฺฑิกาย ปุตฺโต สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต. โส กิร เทวทตฺตสฺส อุปฏฺาโก. สมยํ ทิฏฺึ ปวทนฺติ เอตฺถาติ สมยปฺปวาทโก, ตสฺมึ สมยปฺปวาทเก, ทิฏฺิปฺปวาทเกติ อตฺโถ. ตสฺมึ กิร าเน จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติปภุตโย พฺราหฺมณา นิคณฺาเจลกปริพฺพาชกาทโย จ ปริพฺพาชกา สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ทิฏฺึ ปวทนฺติ กเถนฺติ ทีเปนฺติ, ตสฺมา โส อาราโม ‘‘สมยปฺปวาทโก’’ติ วุจฺจติ, สฺเวว ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรุรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ‘‘ตินฺทุกาจีร’’นฺติ วุจฺจติ. เอกา สาลา เอตฺถาติ เอกสาลโก. ยสฺมา ปเนตฺถ ปมํ เอกา สาลา กตา อโหสิ, ปจฺฉา มหาปฺุํ โปฏฺปาทปริพฺพาชกํ นิสฺสาย พหู สาลา กตา, ตสฺมา ตเมว เอกํ สาลมุปาทาย ลทฺธนามวเสน ‘‘เอกสาลโก’’ติ วุจฺจติ. มลฺลิกาย ปน ปเสนทิรฺโ เทวิยา อุยฺยานภูโต โส ปุปฺผผลสฺฉนฺโน อาราโมติ กตฺวา ‘‘มลฺลิกาย อาราโม’’ติ สงฺขฺยํ คโต. ตสฺมึ สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม. ปฏิวสตีติ ตสฺมึ วาสผาสุตาย วสติ.
ทิฏฺเ ธมฺเมติ ปจฺจกฺเข อตฺตภาเว. อตฺโถติ วุฑฺฒิ. สมฺปรายิโกติ กมฺมกิเลสวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมฺปาปุณิตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก. ตตฺถ นิยุตฺโต สมฺปรายิโก, ปรโลกตฺโถ. อตฺถาภิสมยาติ ยถาวุตฺตอุภยตฺถสงฺขาตหิตปฏิลาภา. สมฺปรายิโกปิ หิ อตฺโถ การณสฺส นิปฺผนฺนตฺตา ปฏิลทฺโธ นาม โหตีติ ตมตฺถทฺวยํ เอกโต กตฺวา ‘‘อตฺถาภิสมยา’’ติ วุตฺตํ. ธิยา ปฺาย ราติ คณฺหาตีติ ธีโร. อถ วา ธี ปฺา เอตสฺส อตฺถีติ ธีโร.
สมฺมา มานาภิสมยาติ มานสฺส สมฺมา ปหาเนน. สมฺมาติ อิมินา มานสฺส อคฺคมคฺคาเณน สมุจฺเฉทปฺปหานํ วุตฺตํ. ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโติอาทีสุ ทุกฺขสจฺจสฺส ปีฬนํ ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ, ปีฬนเมว อตฺโถ ปีฬนฏฺโ, ตฺถการสฺส ฏฺการํ กตฺวา วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. สเมจฺจ ปจฺจเยหิ กตภาโว สงฺขตฏฺโ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ. วิปริณาโม ชราย มรเณน ¶ จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตา. อภิสเมตพฺโพ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพติ อภิสมโย, อภิสมโยว อตฺโถ อภิสมยฏฺโ, ปีฬนาทีนิ. ตานิ หิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา ‘‘อภิสมยฏฺโ’’ติ วุตฺตานิ, อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ตาเนว ปีฬนาทีนิ อภิสมยสฺส วิสยภาวูปคมนสามฺโต เอกตฺเตน วุตฺตานิ.
เอตฺถ จ อุปสคฺคานํ โชตกมตฺตตฺตา ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วาจโก สมยสทฺโท เอวาติ สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเรปิ สอุปสคฺโค อภิสมยสทฺโท วุตฺโต. ตตฺถ สหการีการณสนฺนิชฺฌํ สเมติ ¶ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ เอตฺถ ตทาธารปุคฺคเลหีติ สมโย, ขโณ. สเมนฺติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉนฺติ ธมฺมา สหชาตธมฺเมหิ อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ การณํ วิย จ ปริกปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยเวน สหาวฏฺานเมว หิ สมูโห. ปจฺจยนฺตรสมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา ตํสํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย, ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ปฏิลาโภ. สมสฺส นิโรธสฺส ยานํ, สมฺมา วา ยานํ อปคโม อปฺปวตฺตีติ สมโย, ปหานํ. าเณน อภิมุขํ สมฺมา เอตพฺโพ อธิคนฺตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมยสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
นนุ จ อตฺถมตฺตํ ปฏิจฺจ สทฺทา อภินิวิสนฺติ, น เอเกน สทฺเทน อเนเก อตฺถา อภิธียนฺตีติ? สจฺจเมตํ สทฺทวิเสเส อเปกฺขิเต. สทฺทวิเสเส หิ อเปกฺขิยมาเน เอเกน สทฺเทน อเนกตฺถาภิธานํ น สมฺภวติ. น หิ โย กาลตฺโถ สมยสทฺโท, โสเยว สมูหาทิอตฺถํ วทติ. เอตฺถ ปน เตสํ เตสํ อตฺถานํ สมยสทฺทวจนียตาสามฺมุปาทาย อเนกตฺถตา ¶ สมยสทฺทสฺส วุตฺตา. เอวํ สพฺพตฺถ อตฺถุทฺธาเร อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถติ อสฺส สมยสทฺทสฺส อิธ กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต เทสเทสกาทีนํ วิย นิทานภาเวน กาลสฺส อปทิสิตพฺพโต จ.
อุปโยควจเนน ภุมฺมวจเนน จ นิทฺเทสมกตฺวา อิธ กรณวจเนน นิทฺเทเส ปโยชนํ นิทฺธาเรตุกาโม ปรมฺมุเขน โจทนํ สมุฏฺาเปติ ‘‘เอตฺถาหา’’ติอาทิ. เอตฺถ ‘‘เตน สมเยนา’’ติ อิมสฺมึ าเน วิตณฺฑวาที อาหาติ อตฺโถ. อถาติ โจทนาย กตฺตุกามตํ ทีเปติ, นนูติ อิมินา สมานตฺโถ. กสฺมา กรณวจเนน นิทฺเทโส กโตติ สมฺพนฺโธ. ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโตติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถาปิ ‘‘ยถา’’ติ อิทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถาติ เตสุ สุตฺตาภิธมฺเมสุ. ตถาติ อุปโยคภุมฺมวจเนหิ. อิธาติ อิมสฺมึ วินเย. อฺถาติ กรณวจเนน. อจฺจนฺตเมวาติ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ, ตาว อจฺจนฺตเมว, นิรนฺตรเมวาติ ¶ อตฺโถ. กรุณาวิหาเรนาติ ปรหิตปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตถา หิ กรุณานิทานตฺตา เทสนาย อิธ ปรหิตปฏิปตฺติ ‘‘กรุณาวิหาโร’’ติ วุตฺตา, น ปน กรุณาสมอาปตฺติวิหาโร. น หิ เทสนากาเล เทเสตพฺพธมฺมวิสยสฺส เทสนาาณสฺส สตฺตวิสยาย มหากรุณาย สหุปฺปตฺติ สมฺภวติ ภินฺนวิสยตฺตา, ตสฺมา กรุณาวเสน ปวตฺโต ปรหิตปอปตฺติสงฺขาโต วิหาโร อิธ กรุณาวิหาโรติ เวทิตพฺโพ. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถทีปนตฺถํ อุปโยคนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ อชฺเฌตี’’ติ.
อธิกรณตฺโถติ อาธารตฺโถ. ภาโว นาม กิริยา, กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ, โสเยวตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ. กถํ ปน อภิธมฺเม ยถาวุตฺตอตฺถทฺวยสมฺภโวติ อาห ‘‘อธิกรณฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ กาลสงฺขาโต อตฺโถ กาลตฺโถ, สมูหสงฺขาโต อตฺโถ สมูหตฺโถ. อถ วา กาลสทฺทสฺส อตฺโถ กาลตฺโถ, สมูหสทฺทสฺส อตฺโถ สมูหตฺโถ. โก โส? สมโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย ตตฺถ อภิธมฺเม วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ อธิกรณํ อาธาโรติ ยสฺมึ กาเล ธมฺมปฺุเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว กาเล ปฺุเช จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ.
นนุ ¶ จายํ อุปาทาย ปฺตฺโต กาโล สมูโห จ โวหารมตฺตโก, โส กถํ อาธาโร ตตฺถ วุตฺตธมฺมานนฺติ? นายํ โทโส. ยถา หิ กาโล สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺตฺโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเห ชาโต สายนฺเห คจฺฉตี’’ติอาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺโธ อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิมฺหิ สมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวมิธาปีติ ทฏฺพฺพํ.
อภิธมฺเม อาธารตฺถสมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภาเวนภาวลกฺขณตฺถสมฺภวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ ขโณ นาม อฏฺกฺขณวินิมุตฺโต นวโม พุทฺธุปฺปาทสงฺขาโต ขโณ, ยานิ วา ปเนตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ ปวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) เอตฺถ ปติรูปเทสวาโส, สปฺปุริสูปนิสฺสโย, อตฺตสมฺมาปณิธิ, ปุพฺเพ จ กตปฺุตาติ จตฺตาริ จกฺกานิ วุตฺตานิ, ตานิ เอกชฺฌํ กตฺวา โอกาสฏฺเน ขโณติ เวทิตพฺโพ. ตานิ หิ กุสลุปฺปตฺติยา โอกาสภูตานิ. สมวาโย นาม ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ ¶ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑; สํ. นิ. ๔.๖๐) เอวมาทินา นิทฺทิฏฺา จกฺขุวิฺาณาทิสงฺขาตสาธารณผลนิปฺผาทกตฺเตน สณฺิตา จกฺขุรูปาทิปจฺจยสามคฺคี. จกฺขุรูปาทีนฺหิ จกฺขุวิฺาณาทิสาธารณผลํ. เหตูติ ชนกเหตุ. ยถาวุตฺตขณสงฺขอาตสฺส สมวายสงฺขาตสฺส เหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน สตฺตาย เตสํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ภาโว สตฺตา ลกฺขียติ วิฺายตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวมิธาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ตสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต ‘‘สตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหติ อฺกิริยาย สมฺพนฺธาภาเว ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโตติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา ผสฺสาทิภวนกิริยา จ ลกฺขียตีติ. อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ ยสฺมึ ยถาวุตฺเต ขเณ ปจฺจยสมวาเย เหตุมฺหิ จ สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ ปจฺจยสมวาเย เหตุมฺหิ จ สติ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ ¶ . ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อธิกรณตฺถสฺส ภาเวนภาวลกฺขณตฺถสฺส จ ทีปนตฺถํ.
อิธ ปนาติ อิมสฺมึ วินเย. เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตีติ ‘‘อนฺเนน วสติ, วิชฺชาย วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺโถ ‘‘ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. กถํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘โย หิ โส’’ติอาทิ. เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตนาติ เอตฺถ ปน ตํตํวตฺถุวีติกฺกโมว สิกฺขาปทปฺตฺติยา เหตุ เจว กรณฺจ. ตถา หิ ยทา ภควา สิกฺขาปทปฺตฺติยา ปมเมว เตสํ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติเหตุภูตํ วีติกฺกมํ อเปกฺขมาโน วิหรติ, ตทา ตํ ตํ วีติกฺกมํ อเปกฺขิตฺวา ตทตฺถํ วสตีติ สิทฺโธ วตฺถุวีติกฺกมสฺส เหตุภาโว ‘‘อนฺเนน วสติ, อนฺนํ อเปกฺขิตฺวา ตทตฺถาย วสตี’’ติอาทีสุ วิย. สิกฺขาปทปฺตฺติกาเล ปน เตเนว ปุพฺพสิทฺเธน วีติกฺกเมน สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา สาธกตมตฺตา กรณภาโวปิ วีติกฺกมสฺเสว สิทฺโธ ‘‘อสินา ฉินฺทตี’’ติอาทีสุ วิย. วีติกฺกมํ ปน อเปกฺขมาโน เตเนว สทฺธึ ตนฺนิสฺสยกาลมฺปิ อเปกฺขิตฺวา วิหรตีติ กาลสฺสปิ อิธ เหตุภาโว วุตฺโต, สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺโต จ ตํ ตํ วีติกฺกมกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ วีติกฺกมนิสฺสยสฺส กาลสฺสปิ กรณภาโว วุตฺโต, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน กาลสฺสปิ เหตุภาโว กรณภาโว จ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตนา’’ติ. นิปฺปริยายโต ปน วีติกฺกโมเยว เหตุภูโต กรณภูโต จ. โส หิ วีติกฺกมกฺขเณ เหตุ หุตฺวา ปจฺฉา สิกฺขาปทปฺาปเน กรณมฺปิ โหตีติ.
สิกฺขาปทานิ ¶ ปฺาปยนฺโตติ วีติกฺกมํ ปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุกํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน กรณภูเตน สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต. สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโนติ ตติยปาราชิกาทีสุ วิย สิกฺขาปทปฺตฺติยา เหตุภูตํ ตํ ตํ วตฺถุํ วีติกฺกมสมยํ อเปกฺขมาโน เตน สมเยน เหตุภูเตน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสีติ อตฺโถ. ‘‘สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ ¶ อเปกฺขมาโน’’ติ วจนโต ‘‘เตน สมเยน กรณภูเตน เหตุภูเตนา’’ติ เอวํ วตฺตพฺเพปิ ปมํ ‘‘เหตุภูเตนา’’ติ วจนํ อิธ เหตุอตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ. ภควา หิ เวรฺชายํ วิหรนฺโต เถรสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนเหตุภูตํ ปริวิตกฺกสมยํ อเปกฺขมาโน เตน สมเยน เหตุภูเตน วิหาสีติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กึ ปเนตฺถ ยุตฺติจินฺตาย, อาจริยสฺส อิธ กมวจนิจฺฉา นตฺถีติ เอวเมตํ คเหตพฺพํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายมฺปิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปริพฺพาชกกถาวณฺณนา) ‘‘เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตนา’’ติอาทินา อยเมว อนุกฺกโม วุตฺโต. น หิ ตตฺถ ปมํ ‘‘เหตุภูเตนา’’ติ วจนํ อิธ ‘‘เตน สมเยน เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ เอตฺถ เหตุอตฺถสฺส อธิปฺเปตภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต เหตุภูเตน กรณภูเตน สมเยน วิหาสิ, สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน เหตุภูเตน สมเยน วิหาสีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ’’ติปิ วทนฺติ. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ เหตุอตฺถสฺส กรณตฺถสฺส วา ทีปนตฺถํ. อิธาติ อิมสฺมึ วินเย. โหติ เจตฺถาติ เอตฺถ อิมสฺมึ ปเทเส ยถาวุตฺตตฺถสงฺคหวเสน อยํ คาถา โหติ. อฺตฺราติ สุตฺตาภิธมฺเมสุ.
โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน วิเสโส. เตน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติวิปริณาโม กโตติ ทสฺเสติ. ปรโต อตฺถํ วณฺณยิสฺสามาติ ปรโต ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา อาคตฏฺาเน วณฺณยิสฺสาม. เวรฺชายนฺติ เอตฺถ ‘‘พลิกรคฺคหเณน ชนสฺส ปีฬาภาวโต นิทฺโทสตฺตา วิคโต รโช อสฺสาติ เวรฺชา, เสริวาณิชชาตเก เทวทตฺตสฺส เวรุปฺปนฺนปเทเส กตตฺตา เวรํ เอตฺถ ชาตนฺติ เวรฺชา, ปวิฏฺปวิฏฺเ นฏสมชฺชาทีหิ ขาทนียโภชนียาลงฺการาทีหิ จ วิวิเธหิ อุปกรเณหิ รฺชนโต วิวิเธหิ รฺชยตีติ เวรฺชา, ปฏิปกฺเข อภิภวิตฺวา กตภาวโต เวรํ อภิภวิตฺวา ชาตาติ เวรฺชา, เวรฺชสฺส นาม อิสิโน อสฺสมฏฺาเน กตตฺตา เวรฺชา’’ติ เอวมาทินา เกจิ วณฺณยนฺติ. กึ อิมินา, นามมตฺตเมตํ ตสฺส นครสฺสาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เวรฺชาติ อฺตรสฺส นครสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนนฺติ ‘‘คงฺคายํ คาโว จรนฺติ, กูเป คคฺคกุล’’นฺติอาทีสุ วิย. อวิเสเสนาติ ¶ ¶ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ. ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ. สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ สมาปชฺชิตฺวา วิหรตี’’ติอาทีสุ วิย สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺเธน วิเสสปรามสเนน วินา. อถ วา อวิเสเสนาติ น วิเสเสน, วิหารภาวสามฺเนาติ อตฺโถ.
อิริยาปถ…เป… วิหาเรสูติ อิริยาปถวิหาโร ทิพฺพวิหาโร พฺรหฺมวิหาโร อริยวิหาโรติ เอเตสุ จตูสุ วิหาเรสุ. ตตฺถ อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค กายิกกิริยา. ตสฺสา ปวตฺตนุปายภาวโต อิริยาย ปโถติ อิริยาปโถ, านนิสชฺชาทิ. น หิ านนิสชฺชาทีหิ อวตฺถาหิ วินา กฺจิ กายิกกิริยํ ปวตฺเตตุํ สกฺกา. านสมงฺคี วา หิ กาเยน กิฺจิ กเรยฺย คมนาทีสุ อฺตรสมงฺคี วาติ. วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร, อิริยาปโถว วิหาโร อิริยาปถวิหาโร, โส จ อตฺถโต านนิสชฺชาทิอาการปฺปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺโธว. ทิวิ ภโว ทิพฺโพ, ตตฺถ พหุลปฺปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลกภโวติ อตฺโถ. ตตฺถ โย ทิพฺพานุภาโว ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ วา ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหารวเสน มหาคติกตฺตา วา ทิพฺโพ, ทิพฺโพ จ โส วิหาโร จาติ ทิพฺพวิหาโร, ทิพฺพภาวาวโห วา วิหาโร ทิพฺพวิหาโร, มหคฺคตชฺฌานานิ. อารุปฺปสมาปตฺติโยปิ หิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เนตฺติยํ ปน ‘‘จตสฺโส อารุปฺปสมาปตฺติโย อาเนฺชวิหาโร’’ติ วุตฺตํ, ตํ เมตฺตาฌานาทีนํ พฺรหฺมวิหารตา วิย ตาสํ ภาวนาวิเสสภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฏฺกถาสุ ปน ทิพฺพภาวาวหสามฺโต ตาปิ ‘‘ทิพฺพวิหารา’’ตฺเวว วุตฺตา. พฺรหฺมานํ วิหารา พฺรหฺมวิหารา, พฺรหฺมาโน วา วิหารา พฺรหฺมวิหารา, หิตูปสํหราทิวเสน ปวตฺติยา พฺรหฺมภูตา เสฏฺภูตา วิหาราติ อตฺโถ, เมตฺตาฌานาทิกา จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริยา อุตฺตมา วิหาราติ อริยวิหารา, อนฺสาธารณตฺตา อริยานํ วา วิหารา อริยวิหารา, จตสฺโส ผลสมาปตฺติโย. วิเสสโต ปน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ จตสฺโส อปฺปมฺาโย จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติ จ ภควโต ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหารา.
อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนนฺติ ¶ ยถาวุตฺตวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคีภาวปริทีปนํ. ภควา หิ โลภโทสโมหุสฺสนฺนกาเล โลเก ตสฺส สกาย ปฏิปตฺติยา วินยนตฺถํ ทิพฺพพฺรหฺมออยวิหาเร อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตถา หิ ยทา สตฺตา กาเมสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา กิร ภควา ทิพฺเพน วิหาเรน วิหรติ เตสํ อโลภกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว ¶ นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทนฺตา กาเมสุ วิรชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน อิสฺสริยตฺถํ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา ปน พฺรหฺมวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโทสกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อโทเสน โทสํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ วิวทนฺติ, ตทา อริยวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโมหกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา ตตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อโมเหน โมหํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา อิเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ สตฺตานํ วิวิธํ หิตสุขํ หรติ อุปหรติ อุปเนติ ชเนติ อุปฺปาเทตีติ ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.
อิริยาปถวิหาเรน ปน น กทาจิ น วิหรติ ตํ วินา อตฺตภาวปริหรณาภาวโต, ตโตเยว จ ทิพฺพวิหาราทีนมฺปิ สาธารโณ อิริยาปถวิหาโรติ อาห ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ. อิริยาปถสมาโยคปริทีปนนฺติ อิตรวิหารสมาโยคปริทีปนสฺส วิเสสวจนสฺส อภาวโต อิริยาปถสมาโยคปริทีปนสฺส จ อตฺถสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. อสฺมึ ปน ปกฺเข วิหรตีติ เอตฺถ วิ-สทฺโท วิจฺเฉทตฺถโชตโน, หรตีติ เนติ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ, วิจฺฉินฺทิตฺวา หรตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กสฺส เกน วิจฺฉินฺทนํ, กถํ กสฺส ปวตฺตนนฺติ อนฺโตลีนโจทนํ สนฺธายาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. โสติ ภควา. ยทิปิ ภควา เอเกนปิ อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ อุปาทินฺนกสรีรสฺส นาม อยํ สภาโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ อิริยาปถพาธน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปริปตนฺตนฺติ อปตนฺตํ. ยสฺมา ปน ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต วิเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต นานาสมาปตฺตีหิ จ กาลํ วีตินาเมนฺโต วสตีติ สตฺตานํ อตฺตโน จ วิวิธํ หิตสุขํ หรติ อุปเนติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ วิหรตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ ¶ เอตฺถ วณฺณยนฺติ – นเฬรูติ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถยกฺขสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา เตน อธิวตฺโถ ปุจิมนฺโท ‘‘นเฬรุสฺส ปุจิมนฺโท นเฬรุปุจิมนฺโท’’ติ วุจฺจติ. อถ วา นเฬ รุหตฺตา ชาตตฺตา นเฬรุ. สุสิรเมตฺถ นฬสทฺเทน วุจฺจติ, ตสฺมา รุกฺขสุสิเร ชาตตฺตา นเฬรุ จ โส ปุจิมนฺโท จาติ นเฬรุปุจิมนฺโทติ วุจฺจติ. นฬวเน รุหตฺตา ชาตตฺตา วา นเฬรุ. นฬวเน กิร โส ปุจิมนฺทรุกฺโข ชาโต. อุรุนโฬ ปุจิมนฺโท นเฬรุปุจิมนฺโท. อุรุสทฺโท เจตฺถ มหนฺตปริยาโย, นฬสทฺโท สุสิรปริยาโย, ตสฺมา มหนฺเตน สุสิเรน สมนฺนาคโต ปุจิมนฺโท นเฬรุปุจิมนฺโทติ วุจฺจตีติ. อาจริโย ปน กิเมตฺถ พหุภาสิเตนาติ เอกเมวตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นเฬรุ นาม ยกฺโข’’ติอาทิมาห.
มูล-สทฺโท เอตฺถ สมีปวจโน อธิปฺเปโต, น มูลมูลาทีสุ วตฺตมาโนติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มูลนฺติ สมีป’’นฺติอาทิ. นิปฺปริยาเยน สาขาทิมโต สงฺฆาตสฺส สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเน อวยววิเสเส ¶ ปวตฺตมาโน มูลสทฺโท ยสฺมา ตํสทิเสสุ ตนฺนิสฺสเย ปเทเส จ รุฬฺหีวเสน ปริยายโต ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺยา’’ติ เอตฺถ นิปฺปริยายโต มูลํ อธิปฺเปตนฺติ เอเกน มูลสทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘มูลมูเล ทิสฺสตี’’ติ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ, รูปรูป’’นฺติ จ. อสาธารณเหตุมฺหีติ อสาธารณการเณ. โลโภ หิ โลภสหคตอกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺเสว เหตุตฺตา อสาธารโณ, ตสฺมา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทานเมว อาเวณิเก เนสํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนโต มูลฏฺเน อุปการเก ปจฺจยธมฺมวิเสเสติ อตฺโถ. อถ วา ยถา อโลภาทโย กุสลาพฺยากตสาธารณา, โลภาทโย ปน ตถา น โหนฺติ อกุสลสฺเสว สาธารณตฺตาติ อสาธารณการณํ. อถ วา อาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อโลภาทีนมฺปิ กุสลาพฺยากตมูลานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตสุปิ หิ อโลภาทิกุสลมูลํ อกุสลาพฺยากเตหิ อสาธารณตฺตา อสาธารณการณํ, ตถา อโลภาทิอพฺยากตมูลมฺปิ อิตรทฺวเยหิ อสาธารณตฺตาติ. นิวาเตติ วาตรหิเต ปเทเส, วาตสฺส อภาเว วา. ปตนฺตีติ นิปตนฺติ, อยเมว วา ปาโ. รมณีโยติ มนฺุโ. ปาสาทิโกติ ปสาทาวโห, ปสาทชนโกติ อตฺโถ. อาธิปจฺจํ กุรุมาโน วิยาติ สมฺพนฺโธ.
ตตฺถาติ ¶ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตตฺถ. สิยาติ กสฺสจิ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, วกฺขมานากาเรน กทาจิ โจเทยฺย วาติ อตฺโถ. ยทิ ตาว ภควาติอาทีสุ โจทกสฺสายมธิปฺปาโย – ‘‘ปาฏลิปุตฺเต ปาสาเท วสตี’’ติอาทีสุ วิย อธิกรณาธิกรณํ ยทิ ภเวยฺย, ตทา ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ อธิกรณทฺวยนิทฺเทโส ยุตฺโต สิยา, อิเมสํ ปน ภินฺนเทสตฺตา น ยุตฺโต อุภยนิทฺเทโสติ. อถ ตตฺถ วิหรตีติ ยทิ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล วิหรติ. น วตฺตพฺพนฺติ นานาานภูตตฺตา เวรฺชานเฬรุปุจิมนฺทมูลานํ ‘‘เตน สมเยนา’’ติ จ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โจทโก ตเมว อตฺตโน อธิปฺปายํ ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทินา วิวรติ. เวรฺชานเฬรุปุจิมนฺทมูลานํ ภูมิภาควเสน ภินฺนตฺตาเยว หิ น สกฺกา อุภยตฺถ เตเนว สมเยน วิหริตุํ, ‘‘อุภยตฺถ เตเนว สมเยนา’’ติ จ วุตฺตตฺตา นานาสมเย วิหาโร อวาริโตติ เวทิตพฺโพ.
อิตโร สพฺพเมตํ อวิปรีตมตฺถํ อชานนฺเตน ตยา วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ เอตํ วจนํ. เอวนฺติ ‘‘ยทิ ตาว ภควา’’ติอาทินา ยํ ตํ ภวตา โจทิตํ, ตํ อตฺถโต เอวํ น โข ปน ทฏฺพฺพํ, น อุภยตฺถ อปุพฺพํ อจริมํ วิหารทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. อิทานิ อตฺตนา ยถาธิปฺเปตํ ¶ อวิปรีตมตฺถํ ตสฺส จ ปฏิกจฺเจว วุตฺตภาวํ เตน จ อปฺปฏิวิทฺธตํ ปกาเสนฺโต ‘‘นนุ อโวจุมฺห สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติอาทิมาห. โคยูถานีติ โคมณฺฑลานิ. เอวมฺปิ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล วิหรติจฺเจว วตฺตพฺพํ, น เวรฺชายนฺติ, ตสฺมา สมีปาธิกรณตฺถวเสน อุภยถา นิทานกิตฺตเน กึ ปโยชนนฺติ โจทนํ มนสิ นิธายาห ‘‘โคจรคามนิทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิ. อสฺสาติ ภควโต.
อวสฺสฺเจตฺถ โคจรคามกิตฺตนํ กตฺตพฺพํ. ยถา หิ นเฬรุปุจิมนฺทมูลกิตฺตนํ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณาทิอเนกปฺปโยชนํ, เอวํ โคจรคามกิตฺตนมฺปิ คหฏฺานุคฺคหกรณาทิวิวิธปฺปโยชนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เวรฺชากิตฺตเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คหฏฺานุคฺคหกรณนฺติ เตสํ ตตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อุปสงฺกมนปยิรุปาสนาทีนํ โอกาสทาเนน ธมฺมเทสนาย สรเณสุ ¶ สีเลสุ จ ปติฏฺาปเนน ยถูปนิสฺสยํ อุปริวิเสสาธิคมาวหเนน จ คหฏฺานํ อนุคฺคหกรณํ. ปพฺพชิตานุคฺคหกรณนฺติ อุคฺคหปริปุจฺฉานํ กมฺมฏฺานานุโยคสฺส จ อนุรูปวสนฏฺานปริคฺคเหเนตฺถ ปพฺพชิตานํ อนุคฺคหกรณํ.
ปจฺจยคฺคหเณเนว ปจฺจยปริโภคสิทฺธิโต อาห ‘‘ตถา ปุริเมน…เป… วิวชฺชนนฺติ. ตตฺถ ปุริเมนาติ เวรฺชาวจเนน. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. ตสฺส กิลมโถ กิลนฺตภาโว อตฺตกิลมโถ, อตฺตปีฬา อตฺตทุกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺส อนุโยโค กรณํ อตฺตกิลมถานุโยโค, อุปวาสกณฺฏกาปสฺสยเสยฺยาทินา อตฺตโน ทุกฺขุปฺปาทนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วิวชฺชนํ อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ. อนฺโตคาเม วสนฺตานํ อนิจฺฉนฺตานมฺปิ วิสภาครูปาทิอารมฺมณทสฺสนาทิสมฺภวโต พหิคาเม ปติรูปฏฺาเน วสนฺตานํ ตทภาวโต อาห ‘‘ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต’’ติอาทิ. ตตฺถ ปจฺฉิเมนาติ นเฬรุปุจิมนฺทมูลวจเนน. กิเลสกามสฺส วตฺถุภูตตฺตา รูปาทโย ปฺจ กามคุณา วตฺถุกาโม, ตสฺส ปหานํ วตฺถุกามปฺปหานํ. กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนุปายทสฺสนนฺติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสํยุตฺตสฺส สุขสฺส โยโค อนุโยโค อนุภโว, ตสฺส ปริวชฺชเน อุปายทสฺสนํ.
สยเมว โคจรคามํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ธมฺมสฺสวนานุรูปภพฺพปุคฺคลานํ ทสฺสนโต ธมฺมเทสนาย กาโล สมฺปตฺโต นาม โหตีติ ธมฺมเทสนาย อภิโยโค วิฺายตีติ อาห ‘‘ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยค’’นฺติ. ธมฺมเทสนาย สอุสฺสาหภาโว ธมฺมเทสนาภิโยโค. พหิคาเม วิวิตฺโตกาเส วสนฺตสฺส อากิณฺณวิหาราภาวโต กายวิเวกาทีสุ อธิมุตฺติ ตปฺโปณตา วิฺายตีติ อาห ‘‘ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺติ’’นฺติ.
ธมฺมเทสนาภิโยควิเวกาธิมุตฺตีนํ ¶ เหตุภูตา เอว กรุณาปฺา ธมฺมเทสนาย อุปคมนสฺส ตโต อปคมนสฺส การณภูตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ปุริเมน กรุณาย อุปคมน’’นฺติอาทิ. กรุณาปฺาเยว หิ อนนฺตรทุกสฺส เหตู โหนฺติ. เอเตน จ กรุณาย อุปคมนํ น ลาภาทินิมิตฺตํ ¶ , ปฺาย อปคมนํ น วิโรธาทินิมิตฺตนฺติ อุปคมนาปคมนานํ นิรุปกฺกิเลสตํ วิภาวิภนฺติ ทฏฺพฺพํ. อธิมุตฺตตนฺติ ตนฺนินฺนภาวํ. นิรุปเลปนนฺติ อนุปเลปนํ อนลฺลียนํ.
ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตนฺติ เอตฺถ ธมฺมิกสุขํ นาม อนวชฺชสุขํ. ตฺหิ ธมฺมิกํ ลาภํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘ธมฺมิกสุข’’นฺติ วุจฺจติ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาภิโยคนิมิตฺตํ ผาสุวิหารนฺติ สมฺพนฺโธ. มนุสฺสานํ อุปการพหุลตนฺติ ปจฺจยปฏิคฺคหณธมฺมเทสนาทิวเสน อุปการพหุลตํ. เทวตานํ อุปการพหุลตํ ชนวิวิตฺตตาย. ปจุรชนวิวิตฺตฺหิ านํ เทวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺนฺติ. โลเก สํวฑฺฒภาวนฺติ อามิโสปโภเคน สํวฑฺฒิตภาวํ.
เอกปุคฺคโลติ เอตฺถ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) เอโกติ ทุติยาทิปฏิกฺเขปตฺโถ คณนปริจฺเฉโท. ปุคฺคโลติ สมฺมุติกถา, น ปรมตฺถกถา. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา สมฺมุติเทสนา ปรมตฺถเทสนา จาติ. อยมตฺโถ ปน เหฏฺา วิตฺถาริโตวาติ อิธ น วุจฺจติ. เอโก จ โส ปุคฺคโล จาติ เอกปุคฺคโล. เกนฏฺเน เอกปุคฺคโล? อสทิสฏฺเน คุณวิสิฏฺฏฺเน อสมสมฏฺเน. โส หิ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปฏิปาฏิยา อาวชฺชนํ อาทึ กตฺวา โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ เสสมหาชเนน อสทิโสติ อสทิสฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. เย จสฺส เต คุณา, เตปิ อฺสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺาติ คุณวิสิฏฺฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ สทฺธึ อยเมว เอโก รูปกายคุเณหิ เจว นามกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. โลเกติ สตฺตโลเก.
อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตีติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว. อุปฺปชฺชนฺโต พหุชนหิตตฺถาย อุปฺปชฺชติ, น อฺเน การเณนาติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวรูปฺเจตฺถ ลกฺขณํ น สกฺกา เอตํ อฺเน สทฺทลกฺขเณน ปฏิพาหิตุํ. อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม, อุปฺปชฺชติ นาม, อุปฺปนฺโน นามาติ อยเมตฺถ เภโท เวทิตพฺโพ. เอส หิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ลทฺธพฺยากรโณ พุทฺธการกธมฺเม ปริเยสนฺโต ทส ปารมิโย ทิสฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา มยา ปูเรตพฺพา’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ทานปารมึ ¶ ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. สีลปารมึ…เป… อุเปกฺขาปารมินฺติ อิมา ทส ปารมิโย ปูเรนฺโตปิ, ทส อุปปารมิโย ปูเรนฺโตปิ ¶ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ทส ปรมตฺถปารมิโย ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. าตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ พุทฺธตฺถจริยํ ปูรยมาโนปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ พุทฺธการเก ธมฺเม มตฺถกํ ปาเปนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เวสฺสนฺตรตฺตภาวํ ปหาย ตุสิตปุเร ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สฏฺิวสฺสสตสหสฺสาธิกา สตฺตปณฺณาส วสฺสโกฏิโย ติฏฺนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เทวตาหิ ยาจิโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา มายาเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโตปิ, อนูนาธิเก ทส มาเส คพฺภวาสํ วสนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ราหุลภทฺทสฺส ชาตทิวเส ฉนฺนสหาโย กณฺฑกํ อสฺสวรมารุยฺห นิกฺขมนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมนฺโต อโนมนทิตีเร ปพฺพชนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ กโรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ปริปากคเต าเณ โอฬาริกํ อาหารํ อาหรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. สายนฺหสมเย วิสาขปุณฺณมายํ มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธเมตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ ปริโสเธตฺวา ปจฺฉิมยามสมนนฺตเร ทฺวาทสงฺคํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. โสตาปตฺติผลกฺขเณปิ สกทาคามิผลกฺขเณปิ อนาคามิผลกฺขเณปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. อรหตฺตมคฺคกฺขเณ ปน อุปฺปชฺชติ นาม. อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม. พุทฺธานฺหิ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ สพฺพฺุตฺาณาทิ คุณราสิ อาคโตว นาม โหติ, ตสฺมา นิพฺพตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม โหติ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อรหตฺตผลกฺขณํเยว สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
พหุชนหิตายาติ มหาชนสฺส หิตตฺถาย อุปฺปชฺชติ. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย อุปฺปชฺชติ. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส ¶ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ. กตรสตฺตโลกสฺสาติ? โย ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อมตปานํ ปิวิ, ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิ, ตสฺส. ภควตา หิ มหาโพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา โพธิมณฺฑา อิสิปตนํ อาคมฺม ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺเต (สํ. นิ. ๓.๕; มหาว. ๑๓) เทสิเต อายสฺมตา อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถเรน สทฺธึ อฏฺารสโกฏิสงฺขา พฺรหฺมาโน อมตปานํ ปิวึสุ, เอตสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. ปฺจมทิวเส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตปริโยสาเน ปฺจวคฺคิยตฺเถรา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย ¶ อุปฺปนฺโน. ตโต ยสทารกปฺปมุเข ปฺจปณฺณาส ปุริเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตโต กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ภทฺทวคฺคิเย ตโย มคฺเค จ ผลานิ จ สมฺปาเปสิ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. คยาสีเส อาทิตฺตปริยายปริโยสาเน (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) ชฏิลสหสฺสํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตโต ลฏฺิวเน พิมฺพิสารปฺปมุขา เอกาทส นหุตา พฺราหฺมณคหปติกา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, เอกํ นหุตํ สรเณสุ ปติฏฺิตํ. ติโรกุฏฺฏอนุโมทนาวสาเน (ขุ. ปา. ๗. ๑ อาทโย) จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ อมตปานํ ปีตํ. สุมนมาลาการสมาคเม จตุราสีติยา, ธนปาลสมาคเม ทสหิ ปาณสหสฺเสหิ, ขทิรงฺคารชาตกสมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ, ชมฺพุกอาชีวกสมาคเม จตุราสีติยาว, อานนฺทเสฏฺิสมาคเม จตุราสีติยาว ปาณสหสฺเสหิ อมตปานํ ปีตํ. ปาสาณกเจติเย ปารายนสุตฺตกถาทิวเส (สุ. นิ. ๙๘๒ อาทโย) จุทฺทส โกฏิโย อมตปานํ ปิวึสุ. ยมกปาฏิหาริยทิวเส วีสติ ปาณโกฏิโย, ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสีทิตฺวา มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมํ เทเสนฺตสฺส อสีติ ปาณโกฏิโย, เทโวโรหเณ ตึส ปาณโกฏิโย, สกฺกปฺหสุตฺตนฺเต (ที. นิ. ๒.๓๔๔ อาทโย) อสีติ เทวสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวึสุ. มหาสมยสุตฺตนฺเต (ที. นิ. ๒.๓๓๑ อาทโย) มงฺคลสุตฺเต (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย; สุ. นิ. มงฺคลสุตฺต) จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) สมจิตฺตปฏิปทายาติ (อ. นิ. ๒.๓๓) อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อภิสมยปฺปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโนติ. ยาวชฺชทิวสา อิโต ¶ ปรมฺปิ อนาคเต อิมํ สาสนํ นิสฺสาย สคฺคโมกฺขมคฺเค ปติฏฺหนฺตานํ วเสนปิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทวมนุสฺสานนฺติ น เกวลํ เทวมนุสฺสานํเยว, อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาเยว อุปฺปนฺโน. สเหตุกปฏิสนฺธิเก ปน มคฺคผลสจฺฉิกิริยาย ภพฺเพ ปุคฺคเล ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอเตสมฺปิ อตฺถตฺถาย หิตตฺถาย สุขตฺถาเยว อุปฺปนฺโนติ เวทิตพฺโพ.
กตโม เอกปุคฺคโลติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อิทานิ ตาย ปุจฺฉาย ปุฏฺํ เอกปุคฺคลํ วิภาเวนฺโต ‘‘ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. ตทตฺถปรินิปฺผาทนนฺติ โลกตฺถนิปฺผาทนํ, พุทฺธกิจฺจสมฺปาทนนฺติ อตฺโถ. ปมํ ลุมฺพินีวเน ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ ลุมฺพินีวเน รูปกาเยน ชาโต, โพธิมณฺเฑ ธมฺมกาเยน. เอวมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน เวรฺชากิตฺตนโต รูปกายสฺส อนุคฺคณฺหนํ ทสฺเสติ, นเฬรุปุจิมนฺทมูลกิตฺตนโต ธมฺมกายสฺส. ตถา ปุริเมน ปราธีนกิริยากรณํ, ทุติเยน อตฺตาธีนกิริยากรณํ. ปุริเมน วา กรุณากิจฺจํ, อิตเรน ปฺากิจฺจํ ¶ , ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมนฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ.
ปจฺฉิมโกติ คุเณน ปจฺฉิมโก. อานนฺทตฺเถรํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สงฺขฺยายปีติ คณนโตปิ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตตฺตา สงฺโฆติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ทิฏฺิสีลสามฺสงฺขาตสงฺฆาเตน สมณคเณนา’’ติ. เอตฺถ ปน ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖, ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา, ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔) เอวํ วุตฺตานฺจ สีลานํ สามฺสงฺขาเตน สงฺฆโต สงฺฆฏิโต สเมโตติ ทิฏฺิสีลสามฺสงฺขาตสงฺฆาโต, สมณคโณ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโตติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ ¶ อาทิวจนโต ทิฏฺิสีลานํ นิยตสภาวตฺตา โสตาปนฺนาปิ อฺมฺํ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตา, ปเคว สกทาคามิอาทโย. อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตาเยว. ‘‘ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔), ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔) วจนโต ปุถุชฺชนานมฺปิ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาโว ลพฺภติเยว, อิธ ปน อริยสงฺโฆเยว อธิปฺเปโต ‘‘โย ตตฺถ ปจฺฉิมโก, โส โสตาปนฺโน’’ติ วจนโต. เอเตนาติ ‘‘ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ เอเตน วจเนน. อสฺสาติ ปฺจมตฺตสฺส ภิกฺขุสตสฺส. นิรพฺพุโทติอาทีนํ วจนตฺโถ ปรโต เอว อาวิ ภวิสฺสติ.
อสฺโสสีติ เอตฺถ สวนมุปลพฺโภติ อาห ‘‘อสฺโสสีติ สุณิ อุปลภี’’ติ, อฺาสีติ อตฺโถ. โส จายมุปลพฺโภ สวนวเสเนวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน อฺาสี’’ติ. อวธารณผลตฺตา สทฺทปฺปโยคสฺส สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณนฺติ อาห ‘‘โขติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต’’ติ. อวธารณตฺเถติ ปน อิมินา อนฺโตคธาวธารเณปิ สพฺพสฺมึ วากฺเย อิฏฺโตวธารณตฺถํ โขสทฺทคฺคหณนฺติ ทสฺเสติ. ตเมว อิฏฺโตวธารณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถ อวธารณตฺเถนา’’ติอาทิ. อถ ปทปูรณตฺเถน โขสทฺเทน กึปโยชนนฺติ ¶ อาห ‘‘ปทปูรเณน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมวา’’ติ. ‘‘อสฺโสสี’’ติ หิ ปทํ โขสทฺเท คหิเต เตน ผุลฺลิตมณฺฑิตวิภูสิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สิลิฏฺานิ โหนฺติ, น ตสฺมึ อคฺคหิเต, ตสฺมา ปทปูรเณน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมว ปโยชนํ. มตฺต-สทฺโท เจตฺถ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ, เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตํ ทสฺเสติ, เอว-สทฺเทน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย เอกนฺติกตํ.
เวรฺโชติ เอตฺถ สทฺทลกฺขณานุสาเรน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เวรฺชายํ ชาโต’’ติอาทิ. พฺรหฺมํ อณตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เวโท วุจฺจติ, โส ปน มนฺตพฺรหฺมกปฺปวเสน ติวิโธ. ตตฺถ มนฺตา ปธานมูลภาวโตเยว อฏฺกาทีหิ ปวุตฺตา, อิตเร ปน ตนฺนิสฺสเยน ชาตา, เตน ¶ ปธานสฺเสว คหณํ. มนฺเต สชฺฌายตีติ อิรุเวทาทิเก มนฺตสตฺเถ สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อิรุเวทาทโย หิ คุตฺตภาสิตพฺพตาย ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิทเมว หีติ อวธารเณน พฺรหฺมโต ชาโตติอาทิกํ นิรุตฺตึ ปฏิกฺขิปติ. ชาติพฺราหฺมณานนฺติ อิมินา อฺเปิ พฺราหฺมณา อตฺถีติ ทสฺเสติ. ทุวิธา หิ พฺราหฺมณา ชาติพฺราหฺมณา วิสุทฺธิพฺราหฺมณา จาติ. อิทานิ ตตฺถ วิสุทฺธิพฺราหฺมณานํ นิรุตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อริยา ปนา’’ติอาทิ.
สมิตปาปตฺตาติ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตา. เอวฺหิ พาหิรกอวีตราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมณโต ภควโต ปาปสมณํ วิเสสิตํ โหติ. วุตฺตเมวตฺถํ อุทาหรเณน วิภาเวนฺโต อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. เอตฺถ ปน ‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ, สมิตปาปตฺตา สมโณติ วุจฺจตีติ อิทํ ภินฺนคาถาสนฺนิสฺสิตปททฺวยํ เอกโต คเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตีติ อิทํ วจนํ คเหตฺวา ‘สมิตตฺตา สมโณติ วุจฺจตี’ติ วุตฺตํ. พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณติ อิทํ ปน อฺสฺมึ คาถาพนฺเธ วุตฺตวจน’’นฺติ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ อิธ อนุสฺสวนตฺเถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขลูติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต’’ติ. ชาติสมุทาคตนฺติ ชาติยา อาคตํ, ชาติสิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลาปวจนมตฺตํ. ปิยสมุทาหารา เหเต โภติ วา อาวุโสติ วา เทวานมฺปิยาติ วา. โภวาที นาม โส โหตีติ โย อามนฺตนาทีสุ ‘‘โภ โภ’’ติ วทนฺโต วิจรติ, โส โภวาที นาม โหตีติ อตฺโถ. สกิฺจโนติ ราคาทีหิ กิฺจเนหิ สกิฺจโน. ราคาทโย หิ สตฺเต กิฺเจนฺติ มทฺทนฺติ ปลิพุนฺธนฺตีติ ‘‘กิฺจนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. มนุสฺสา กิร โคเณหิ ขลํ มทฺทาเปนฺตา ‘‘กิฺเจหิ กปิล, กิฺเจหิ กาฬกา’’ติ วทนฺติ, ตสฺมา มทฺทนฏฺโ กิฺจนฏฺโติ เวทิตพฺโพ.
โคตฺตวเสนาติ ¶ เอตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํ. โคสทฺเทน เจตฺถ อภิธานํ พุทฺธิ จ วุจฺจติ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โคตโมติ ปวตฺตมานํ อภิธานํ พุทฺธิฺจ เอกํสิกวิสยตาย ตายติ รกฺขตีติ โคตฺตํ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อตฺเถน วินา น วตฺตติ, เอวํ อภิธานํ ¶ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา โส โคตฺตสงฺขาโต อตฺโถ ตานิ พุทฺธิอภิธานานิ ตายติ รกฺขตีติ วุจฺจติ. โส ปน อฺกุลปรมฺปราย อสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามฺรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ สมโณติ อิมินา สริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต สมิตปาปตากิตฺตนโต, โคตโมติ อิมินา โลกิยชเนหิ อุฬารกุลสมฺภูตตาทีปนโต. สกฺยสฺส สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต สกฺยปุตฺโต. อิมินา จ อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลวิภาวนโต วุตฺตํ ‘‘อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปอทีปน’’นฺติ. สพฺพขตฺติยานฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํ. เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโตติ าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิ ปาริชฺุเน ปริหานิยา อนภิภูโต อนชฺโฌตฺถโฏ. ตถา หิ โลกนาถสฺส อภิชาติยํ ตสฺส กุลสฺส น กิฺจิ ปาริชฺุํ, อถ โข วฑฺฒิเยว. อภินิกฺขมเน จ ตโต สมิทฺธตมภาโว โลเก ปากโฏ ปฺาโต. เตน ‘‘สกฺยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ อิทํ วจนํ ภควโต สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนตฺถํ วุตฺตํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ มหนฺตฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตภาวสิทฺธิโต. ตโต ปรนฺติ ‘‘เวรฺชายํ วิหรตี’’ติอาทิ.
อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อิตฺถํ อิมํ ปการํ ภูโต อาปนฺโนติ อิตฺตมฺภูโต, ตสฺส อาขฺยานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ, โสเยว อตฺโถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺโถ. อถ วา อิตฺถํ เอวํ ปกาโร ภูโต ชาโตติ เอวํ กถนตฺโถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺโถ, ตสฺมึ อุปโยควจนนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก อภิภวิตฺวา อุคฺคมนปฺปการสฺส ทีปนโต. เตน โยคโต ‘‘ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ อิทํ อุปโยควจนํ สามิอตฺเถปิ สมานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานทีปนโต ‘‘อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ’’ติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ อภิสทฺทโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนํ กตํ, เอวมิธาปิ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ อภิ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อุคฺคโตติ อภิสทฺทโยคโต ¶ อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนนฺติ. ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘เทวทตฺโต มาตรมภิ มาตริ วิสเย มาตุยา วา สาธู’’ติ เอวํ อธิกรณตฺเถ สามิอตฺเถ วา ภุมฺมวจนสฺส วา สามิวจนสฺส วา ปสงฺเค อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตเกน อภิสทฺเทน โยเค อุปโยควจนํ กตํ. ยถา เจตฺถ ‘‘เทวทตฺโต มาตุ วิสเย มาตุสมฺพนฺธี วา สาธุตฺตปฺปการปฺปตฺโต’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ ¶ , เอวมิธาปิ ‘‘โภโต โคตมสฺส สมฺพนฺธี กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต อภิภวิตฺวา อุคฺคมนปฺปการปฺปตฺโต’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ. ตตฺถ หิ เทวทตฺตคฺคหณํ วิย อิธ กิตฺติสทฺทคฺคหณํ, ตถา ตตฺถ ‘‘มาตร’’นฺติ วจนํ วิย อิธ ‘‘ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ วจนํ, ตตฺถ สาธุสทฺทคฺคหณํ วิย อิธ อุคฺคตสทฺทคฺคหณํ เวทิตพฺพํ.
กลฺยาโณติ ภทฺทโก. กลฺยาณภาโว จสฺส กลฺยาณคุณวิสยตายาติ อาห ‘‘กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต’’ติ, กลฺยาเณหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ตํวิสยตาย ยุตฺโตติ อตฺโถ. ตํวิสยตา เหตฺถ สมนฺนาคโม กลฺยาณคุณวิสยตาย ตนฺนิสฺสิโตติ อธิปฺปาโย. เสฏฺโติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เสฏฺคุณวิสยตาย เอว หิ กิตฺติสทฺทสฺส เสฏฺตา ‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺ’’นฺติอาทีสุ วิย. ‘‘ภควา อรห’’นฺติอาทินา คุณานํ สํกิตฺตนโต สทฺทนียโต จ กิตฺติสทฺโท วณฺโณติ อาห ‘‘กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติ เอวา’’ติ. วณฺโณเยว หิ กิตฺเตตพฺพโต กิตฺติสทฺทนียโต สทฺโทติ จ วุจฺจติ. กิตฺติปริยาโย หิ สทฺทสทฺโท ยถา ‘‘อุฬารสทฺทา อิสโย, คุณวนฺโต ตปสฺสิโน’’ติ. อภิตฺถวนวเสน ปวตฺโต สทฺโท ถุติโฆโส, อภิตฺถวุทาหาโร.
‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ ปน เอตสฺส อตฺโถ อฏฺกถายํ น ทสฺสิโต, ตสฺมา ตสฺสตฺโถ เอวํ เวทิตพฺโพ – อพฺภุคฺคโตติ อภิภวิตฺวา อุคฺคโต, อนฺสาธารณคุเณ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา สเทวกํ โลกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปวตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. กินฺติ สทฺโท อพฺภุคฺคโตติ อาห ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิ. อิโต ปรํ ปน อีทิเสสุ าเนสุ ยตฺถ ยตฺถ ปาฬิปาสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ สิยา, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ปาฬิยํ ปนา’’ติ วตฺวา อตฺถํ ทสฺสยิสฺสาม, อิทานิ ตตฺถ ปทโยชนาปุพฺพกํ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิติปิ โส ภควาติอาทีสุ ปน ¶ อยํ ตาว โยชนา’’ติอาทิ. โส ภควาติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควาติ ลทฺธนาโม, โส ภควา. ภควาติ หิ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๘๔). ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนเมว. ยถา กมฺมฏฺานิเกน ‘‘อรห’’นฺติอาทีสุ นวสุ าเนสุ ปจฺเจกํ อิติปิสทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสรียนฺติ, เอวํ พุทฺธคุณสํกิตฺตเกนปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควา’’ติ อาห. เอวฺหิ สติ ‘‘อรห’’นฺติอาทีหิ นวหิ ปเทหิ เย สเทวเก โลเก อติวิย ปากฏา ปฺาตา พุทฺธคุณา, เต นานปฺปการโต วิภาวิตา โหนฺติ. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ, อิติเปตํ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย หิ อิธ อิติ-สทฺโท อาสนฺนปจฺจกฺขการณตฺโถ ¶ , ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน จ เตสํ คุณานํ พหุภาโว ทีปิโต, ตานิ จ คุณสลฺลกฺขณการณานิ สทฺธาสมฺปนฺนานํ วิฺุชาติกานํ ปจฺจกฺขานิ โหนฺตีติ ตานิ สํกิตฺเตนฺเตน วิฺุนา จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตาเนว กตฺวา สํกิตฺเตตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห.
‘‘สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ, สุตฺตานุรูปํ ปริทีปยนฺตี’’ติ เหฏฺา วุตฺตตฺตา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕-๑๒๘) สพฺพาการโต สํวณฺณิตมฺปิ อตฺถํ อิธาปิ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุกาโม ตตฺถ ปโยชนมาห ‘‘อิทานิ วินยธราน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ จิตฺตสมฺปหํสนตฺถนฺติ จิตฺตสนฺโตสนตฺถํ, จิตฺตปฺปสาทชนนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อารกตฺตา’’ติอาทีสุ อารกตฺตาติ สุวิทูรตฺตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ. อรานนฺติ สํสารจกฺกสฺส อรานํ. หตตฺตาติ วิทฺธํสิตตฺตา. ปจฺจยาทีนนฺติ จีวราทิปจฺจยานฺเจว ปูชาวิเสสานฺจ.
อิทานิ ยถาวุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘อารกา หิ โส’’ติอาทิ. ทูรตา นาม อาสนฺนตา วิย อุปาทายุปาทาย วุจฺจตีติ ปรมุกฺกํสคตํ ทูรภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุวิทูรวิทูเร ิโต’’ติ อาห, สุฏฺุ วิทูรภาเวเนว วิทูเร ิโตติ อตฺโถ. โส ปนสฺส กิเลเสหิ ทูเร ¶ ิตภาโว, น ปเทสวเสน, อถ โข เตสํ สพฺพโส ปหีนตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มคฺเคน กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตา’’ติ. นนุ อฺเสมฺปิ ขีณาสวานํ เต ปหีนา เอวาติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สวาสนาน’’นฺติ. น หิ เปตฺวา ภควนฺตํ อฺเ สห วาสนาย กิเลเส ปหาตุํ สกฺโกนฺติ. เอเตน อฺเหิ อสาธารณํ ภควโต อรหตฺตนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. กา ปนายํ วาสนา นาม? ปหีนกิเลสสฺสปิ อปฺปหีนกิเลสสฺส ปโยคสทิสปโยคเหตุภูโต กิเลสนิสฺสิโต สามตฺถิยวิเสโส อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส วสลสมุทาจารนิมิตฺตํ วิย. กถํ ปน ‘‘อารกา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิเลเสหี’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ สามฺโจทนาย วิเสเส อวฏฺานโต วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส อนุปยุชฺชิตพฺพโต ‘‘อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีนิ (ม. นิ. ๑.๔๓๔) สุตฺตปทาเนตฺถ อุทาหริตพฺพานิ. อารกาติ เจตฺถ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ, ก-การสฺส จ หการํ สานุสารํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. ยถาวุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ อิทเมตฺถ วุจฺจติ –
‘‘โส ตโต อารกา นาม, ยสฺส เยนาสมงฺคิตา;
อสมงฺคี จ โทเสหิ, นาโถ เตนารหํ มโต’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕);
อนตฺถจรเณน ¶ กิเลสา เอว อรโยติ กิเลสารโย. อรีนํ หตตฺตา อริหาติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถาปิ ยถาวุตฺตสฺสตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ อิทํ เวทิตพฺพํ –
‘‘ยสฺมา ราคาทิสงฺขาตา, สพฺเพปิ อรโย หตา;
ปฺาสตฺเถน นาเถน, ตสฺมาปิ อรหํ มโต’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๖);
ยฺเจตํ สํสารจกฺกนฺติ สมฺพนฺโธ. รถจกฺกสฺส นาภิ วิย มูลาวยวภูตํ อนฺโต พหิ จ สมวฏฺิตํ อวิชฺชาภวตณฺหาทฺวยนฺติ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภี’’ติ. นาภิยา เนมิยา จ สมฺพทฺธอรสทิสา ปจฺจยผลภูเตหิ อวิชฺชาตณฺหาชรามรเณหิ สมฺพทฺธา ปฺุาภิสงฺขารอปฺุาภิสงฺขารอาเนฺชาภิสงฺขาราติ วุตฺตํ ‘‘ปฺุาทิอภิสงฺขาราร’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปริยนฺตภาเวน ปากฏํ ชรามรณนฺติ ตํ เนมิฏฺานิยํ กตฺวา อาห ¶ ‘‘ชรามรณเนมี’’ติ. ยถา รถจกฺกปฺปวตฺติยา ปธานการณํ อกฺโข, เอวํ สํสารจกฺกปฺปวตฺติยา อาสวสมุทโยติ อาห ‘‘อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา’’ติ. อาสวา เอว อวิชฺชาทีนํ การณตฺตา อาสวสมุทโย. ยถาห ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓). วิปากกฏตฺตารูปปฺปเภโท กามภวาทิโก ติภโว เอว รโถ, ตสฺมึ ติภวรเถ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ สมํ, สพฺพโส วา อาทิโต ปฏฺาย โยชิตนฺติ สมาโยชิตํ. อาทิรหิตํ กาลํ ปวตฺตตีติ กตฺวา อนาทิกาลปฺปวตฺตํ.
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙) –
เอวํ วุตฺตสํสาโรว สํสารจกฺกํ. อเนนาติ ภควตา. โพธิมณฺเฑติ โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน กาเล วา. โพธีติ ปฺา, สา เอตฺถ มณฺฑา ปสนฺนา ชาตาติ โพธิมณฺโฑ. วีริยปาเทหีติ สํกิเลสโวทานปกฺขิเยสุ สนฺนิรุมฺภนสนฺนิกฺขิปนกิจฺจตาย ทฺวิธา ปวตฺเตติ อตฺตโน วีริยสงฺขาเตหิ ปาเทหิ. สีลปถวิยนฺติ ปติฏฺานฏฺเน สีลเมว ปถวี, ตสฺสํ. ปติฏฺายาติ สมฺปาทนวเสน ปติฏฺหิตฺวา. สทฺธาหตฺเถนาติ อนวชฺชธมฺมาทานสาธนโต สทฺธาว หตฺโถ, เตน. กมฺมกฺขยกรนฺติ กายกมฺมาทิเภทสฺส สพฺพสฺสปิ กมฺมสฺส ขยกรณโต กมฺมกฺขยกรํ. าณผรสุนฺติ สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ มคฺคาณผรสุํ คเหตฺวา.
เอวํ ¶ ‘‘อรานํ หตตฺตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อรสงฺขาตํ สํสารํ จกฺกํ วิย จกฺกนฺติ คเหตฺวา อตฺถโยชนํ กตฺวา อิทานิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนากฺกเมนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนมตคฺคสํสารวฏฺฏนฺติ อนุ อนุ อมตคฺคํ อวิฺาตปุพฺพโกฏิกํ สํสารมณฺฑลํ. เสสา ทส ธมฺมาติ สงฺขาราทโย ชาติปริโยสานา ทส ธมฺมา. กถํ เตสํ สงฺขาราทีนํ อรภาโวติ อาห ‘‘อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริยนฺตตฺตา จา’’ติ. ตตฺถ อวิชฺชา มูลํ ปธานการณํ เยสํ สงฺขาราทีนํ เต อวิชฺชามูลกา, เตสํ ภาโว อวิชฺชามูลกตฺตํ. ชรามรณํ ปริยนฺตํ ¶ ปริโยสานภูตํ เอเตสนฺติ ชรามรณปริยนฺตา, สงฺขาราทโย ทส ธมฺมา. เตสํ ภาโว ชรามรณปริยนฺตตฺตํ. สงฺขาราทิชาติปริโยสานานํ ทสธมฺมานํ อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริโยสานตฺตา จาติ อตฺโถ, นาภิภูตาย อวิชฺชาย มูลโต เนมิภูเตน ชรามรเณน อนฺตโต สงฺขาราทีนํ สมฺพนฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ทุกฺขาทีสูติ ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺเคสุ. อฺาณนฺติ าณปฺปฏิปกฺขตฺตา โมโห อฺาณํ, น ปน าณโต อฺํ, นปิ าณสฺส อภาวมตฺตํ. ตตฺถ ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ ยถาสภาวปฺปฏิเวธาปฺปทานโต ตปฺปฏิจฺฉาทนวเสเนว. เอตฺถ หิ กิฺจาปิ เปตฺวา โลกุตฺตรสจฺจทฺวยํ เสสฏฺาเนสุ อารมฺมณวเสนปิ อวิชฺชา อุปฺปชฺชติ, เอวํ สนฺเตปิ ปฏิจฺฉาทนวเสเนว อิธ อธิปฺเปตา. สา หิ อุปฺปนฺนา ทุกฺขสจฺจํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ติฏฺติ, ยาถาวสรสลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, ตถา สมุทยํ นิโรธํ มคฺคนฺติ.
ทุกฺขนฺติ เจตฺถ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อธิปฺเปตนฺติ ตํ กามภวาทิวเสน ติธา ภินฺทิตฺวา ตถา ตปฺปฏิจฺฉาทิกฺจ อวิชฺชํ ติธา กตฺวา อวิชฺชาทิปจฺจเย ตีสุ ภเวสุ สงฺขาราทิเก ปฏิปาฏิยา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภเว จ อวิชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กามภเว จ อวิชฺชาติ กามภเว อาทีนวปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. รูปภเว อวิชฺชา อรูปภเว อวิชฺชาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กามภเว สงฺขารานนฺติ กามภูมิปริยาปนฺนานํ ปฺุาปฺุสงฺขารานํ, กามภเว วา นิปฺผาเทตพฺพา เย ปฺุาปฺุสงฺขารา, เตสํ กามภวูปปตฺตินิพฺพตฺตกสงฺขารานนฺติ อตฺโถ. สงฺขาราติ เจตฺถ โลกิยกุสลากุสลเจตนา เวทิตพฺพา. ปจฺจโย โหตีติ ปฺุาภิสงฺขารานํ ตาว อารมฺมณปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺวิธา ปจฺจโย โหติ, อปฺุาภิสงฺขาเรสุ สหชาตสฺส สหชาตาทิวเสน, อสหชาตสฺส อนนฺตรสมนนฺตราทิวเสน, อนานนฺตรสฺส ปน อารมฺมณวเสน เจว อุปนิสฺสยวเสน จ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว สงฺขารานนฺติ อาเนฺชาภิสงฺขารานํ. ปจฺจโย โหตีติ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสเนว. อิมสฺมิฺจ ปนตฺเถ เอตฺถ วิตฺถาริยมาเน ¶ อติปฺปปฺโจ โหติ, ตสฺมา ตํ นยิธ วิตฺถารยิสฺสาม. อิตเรสูติ รูปารูปภเวสุ.
ติณฺณํ ¶ อายตนานนฺติ จกฺขุโสตมนายตนานํ ฆานาทิตฺตยสฺส ตตฺถ อสมฺภวโต. เอกสฺสาติ มนายตนสฺส อิตเรสํ ตตฺถ อสมฺภวโต. อิมินา นเยน ติณฺณํ ผสฺสานนฺติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ฉพฺพิธสฺส ผสฺสสฺสาติ จกฺขุสมฺผสฺสโสตสมฺผสฺสฆานสมฺผสฺสชิวฺหาสมฺผสฺสกายสมฺผสฺสมโนสมฺผสฺสานํ วเสน ฉพฺพิธสฺส ผสฺสสฺส. ฉนฺนํ เวทนานนฺติ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา, ตถา โสตสมฺผสฺสชา ฆานสมฺผสฺสชา ชิวฺหาสมฺผสฺสชา กายสมฺผสฺสชา มโนสมฺผสฺสชา เวทนาติ อิมาสํ ฉนฺนํ เวทนานํ. ฉนฺนํ ตณฺหากายานนฺติ รูปตณฺหา สทฺทตณฺหา คนฺธตณฺหา รสตณฺหา โผฏฺพฺพตณฺหา ธมฺมตณฺหาติ อิเมสํ ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ. ตตฺถ ตตฺถ สา สา ตณฺหาติ รูปตณฺหาทิเภทา ตตฺถ ตตฺถ กามภวาทีสุ อุปฺปชฺชนกตณฺหา.
สา ตณฺหาทิมูลิกา กถา อติสํขิตฺตาติ ตํ อุปาทานภเว จ วิภชิตฺวา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กาเม ปริภฺุชิสฺสามีติ อิมินา กามตณฺหาปวตฺติมาห, ตถา สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามีติอาทีหิ. สา ปน ตณฺหา ยสฺมา ภุสมาทานวเสน ปวตฺตมานา กามุปาทานํ นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กามุปาทานปจฺจยา’’ติ. ตเถวาติ กามุปาทานปจฺจยา เอว. พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตินฺติ รูปีพฺรหฺมโลเก สมฺปตฺตึ. ‘‘สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน กามา’’ติ วจนโต ภวราโคปิ กามุปาทานเมวาติ กตฺวา ‘‘กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เมตฺตํ ภาเวตีติ มิชฺชติ สินิยฺหตีติ เมตฺตา, ตํ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. อถ วา เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตํ ฌานํ วา, ตํ ภาเวติ วฑฺเฒติ อุปฺปาเทติ วาติ อตฺโถ. กรุณํ ภาเวตีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เสสุปาทานมูลิกาสุปีติ ทิฏฺุปาทานสีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานมูลิกาสุปิ โยชนาสุ เอเสว นโยติ อตฺโถ. ตตฺถายํ โยชนา – อิเธกจฺโจ ‘‘นตฺถิ ปรโลโก’’ติ นตฺถิกทิฏฺึ คณฺหาติ, โส ทิฏฺุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทิ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. อปโร ‘‘อสุกสฺมึ สมฺปตฺติภเว อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ, โส ตตฺรูปปตฺติยา กาเยน สุจริตํ จรตีติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. อปโร ‘‘รูปี มโนมโย หุตฺวา อตฺตา ¶ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ ภาวนาปาริปูริยาติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อปโรปิ ‘‘อรูปภเว อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อรูปูปปตฺติยา ¶ มคฺคํ ภาเวติ ภาวนาปาริปูริยาติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอตาหิเยว อตฺตวาทุปาทานมูลิกาปิ โยชนา สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสนปิ โยชนา เวทิตพฺพา. อปโร ‘‘สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธี’’ติ อสุทฺธิมคฺคํ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปรามสนฺโต สีลพฺพตุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทิ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ.
อิทานิ ยฺวายํ สํสารจกฺกํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กามภเว อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหตี’’ติอาทินา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยภาโว สงฺขาราทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนภาโว จ ทสฺสิโต, ตเมว ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬึ อาเนตฺวา นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวมย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา สงฺขารา เหตุนิพฺพตฺตา, เอวํ อวิชฺชาปิ กามาสวาทินา สเหตุกา เอวาติ อาห ‘‘อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนา’’ติ. ปจฺจยปริคฺคเหติ นามรูปสฺส ปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนํ ปริจฺฉิชฺช คหเณ. นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ. ปฺาติ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสงฺขาตา ปการโต ชานนา. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ติฏฺนฺติ เอตฺถ ผลธมฺมา ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ิติ, การณํ, ธมฺมานํ ิติ ธมฺมฏฺิติ, ธมฺมฏฺิติยา าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ, ปจฺจยาณนฺติ อตฺโถ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทาวโพโธติ วุตฺตํ โหติ. กามฺเจตฺถ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺาเยว ธมฺมฏฺิติาณํ, สงฺขาเรสุ ปน อทิฏฺเสุ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยภาโว น สกฺกา ทฏฺุนฺติ ‘‘สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา’’ติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานมฺปิ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ อิทํ ปน อุภินฺนมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนภาวํ ทสฺเสตุกามตาย วุตฺตํ. อิทฺจ ธมฺมฏฺิติาณํ ยสฺมา อทฺธตฺตเย กงฺขามลวิตรณวเสน ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘อตีตมฺปิ อทฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอเตน นเยน สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานีติ เอเตน นเยน ‘‘อวิชฺชา เหตู’’ติอาทินา อวิชฺชายํ วุตฺตนเยน ‘‘สงฺขารา เหตุ, วิฺาณํ เหตุสมุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิ.
สํขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, เหตุ วิปาโก จ. อถ วา เหตุวิปาโกติ สํขิปฺปตีติ สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. สงฺเขปภาวสามฺเน ปน เอกวจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ ¶ . เต ปน สงฺเขปา อตีเต เหตุ, เอตรหิ วิปาโก, เอตรหิ เหตุ, อายตึ วิปาโกติ เอวํ กาลวิภาเคน จตฺตาโร ชาตา, เตนาห ‘‘ปุริมสงฺเขโป เจตฺถ อตีโต อทฺธา’’ติอาทิ. ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธาติ สมฺพนฺโธ. ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺตีติ เอตฺถ อวิชฺชาคหเณน กิเลสภาวสามฺโต ตณฺหุปาทานา คหิตา, สงฺขารคฺคหเณน กมฺมภาวสามฺโต ภโว คหิโต, อวิชฺชาสงฺขารานํ เตหิ วินา สกิจฺจากรณโต จ ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺติ. อถ วา อวิทฺวา ปริตสฺสติ, ปริตสิโต ¶ อุปาทิยติ, ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว, ตสฺมา ตณฺหุปาทานภวาปิ คหิตา โหนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา. นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว, อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗).
ตตฺถ (วิภ. อฏฺ. ๒๔๒; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๔๗) ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริเม กมฺมภเว, อตีตชาติยํ กมฺมภเว กริยมาเนติ อตฺโถ. โมโห อวิชฺชาติ โย ตทา ทุกฺขาทีสุ โมโห เยน มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา. อายูหนา สงฺขาราติ ตํ กมฺมํ กโรโต ยา ปุริมเจตนาโย, ยถา ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา มาสมฺปิ สํวจฺฉรมฺปิ ทานูปกรณานิ สชฺเชนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ปุริมเจตนาโย, ปฏิคฺคาหกานํ ปน หตฺเถ ทกฺขิณํ ปติฏฺาปยโต เจตนา ภโวติ วุจฺจติ. เอกาวชฺชเนสุ วา ฉสุ ชวเนสุ เจตนา อายูหนสงฺขารา นาม, สตฺตมา ภโว. ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, สมฺปยุตฺตา อายูหนสงฺขารา นาม. นิกนฺติ ตณฺหาติ ยา กมฺมํ กโรนฺตสฺส ตสฺส ผเล อุปปตฺติภเว นิกามนา ปตฺถนา, สา ตณฺหา นาม. อุปคมนํ อุปาทานนฺติ ยํ กมฺมภวสฺส ปจฺจยภูตํ ‘‘อิทํ กตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน กาเม เสวิสฺสามิ อุจฺฉิชฺชิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตํ อุปคมนํ คหณํ ปรามสนํ, อิทํ อุปาทานํ นาม. เจตนา ภโวติ ‘‘ตํ กมฺมํ กโรโต ยา ปุริมา เจตนาโย’’ติอาทินา เหฏฺา วุตฺเตสุ ตีสุ อตฺถวิกปฺเปสุ ยา เจตนา ภโวติ วุตฺตา, สา เจตนา ภโวติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ¶ สพฺเพเปเต อวิชฺชาทโย ธมฺเม ทฺวีหิ วฏฺเฏหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุกาโม อาห ‘‘อิเม ปฺจ ธมฺมา อตีเต กมฺมวฏฺฏ’’นฺติ. เอตฺถ จ นิปฺปริยายโต สงฺขารา ภโว จ กมฺมํ, อวิชฺชาทโย ปน กมฺมสหายตาย กมฺมสริกฺขกา ตทุปการกา จาติ กมฺมนฺติ วุตฺตา. อวิชฺชาทโย หิ วิปากธมฺมธมฺมตาย กมฺมสริกฺขกา สหชาตโกฏิยา อุปนิสฺสยโกฏิยา จ กมฺมสฺส จ อุปการกา. กมฺมเมว จ อฺมฺสมฺพนฺธํ หุตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวตฺตนฏฺเน กมฺมวฏฺฏํ. วิฺาณาทโย ปฺจาติ วิฺาณาทโย เวทนาปริยนฺตา ปฺจ เอตรหิ อิทานิ อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ วุตฺตํ โหติ. อวิชฺชาสงฺขารา คหิตาว โหนฺตีติ เอตฺถาปิ ปุพฺเพ วิย กิเลสกมฺมภาวสามฺโต ตณฺหุปาทานคฺคหเณน อวิชฺชา คหิตา, ภวคฺคหเณน สงฺขารา คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ภเว คหิเต ตสฺส ปุพฺพภาคา ตํสมฺปยุตฺตา วา สงฺขารา คหิตาว โหนฺติ ¶ , ตณฺหุปาทานคฺคหเณน จ ตํสมฺปยุตฺตา ยาย วา มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชาว โหตีติ ตณฺหุปาทานภวคฺคหเณน อวิชฺชาสงฺขารา คหิตาว โหนฺติ. เตเนว วุตฺตํ –
‘‘อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว, อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธ กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗).
ตตฺถ อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานนฺติ ปริปกฺกายตนสฺส กมฺมกรณกาเล สมฺโมโห ทสฺสิโต. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนานํ ชาติชราภงฺคาวตฺถา ชาติชรามรณนฺติ วุตฺตาติ อวตฺถานํ คหเณน อวตฺถาวนฺตา คหิตาว โหนฺติ ตทวินาภาวโตติ อาห ‘‘ชาติชรามรณาปเทเสน วิฺาณาทีนํ นิทฺทิฏฺตฺตา’’ติ. อปเทเสนาติ ชาติชรามรณานํ กถเนน. อิเมติ วิฺาณาทโย. อายตึ วิปากวฏฺฏนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนเหตุโต ภาวีนํ อนาคตานํ คหิตตฺตา. เตติ อวิชฺชาทโย. อาการโตติ สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺคเห อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา ¶ . ตโต อาการโต. วีสติวิธา โหนฺตีติ อตีเต เหตุปฺจกาทิเภทโต วีสติวิธา โหนฺติ.
สงฺขารวิฺาณานฺเจตฺถ อนฺตรา เอโก สนฺธีติ เหตุโต ผลสฺส อวิจฺเฉทปฺปวตฺติภาวโต เหตุผลสฺส สมฺพนฺธภูโต เอโก สนฺธิ, ตถา ภวชาตีนมนฺตรา. เวทนาตณฺหานมนฺตรา ปน ผลโต เหตุโน อวิจฺเฉทปฺปวตฺติภาวโต ผลเหตุสมฺพนฺธภูโต เอโก สนฺธิ. ผลภูโตปิ หิ ธมฺโม อฺสฺส เหตุสภาวสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย โหตีติ.
อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เตนาห ‘‘จตุสงฺเขป’’นฺติอาทิ. สพฺพาการโตติ อิธ วุตฺเตหิ จ อวุตฺเตหิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานาทีสุ จ อาคเตหิ สพฺเพหิ อากาเรหิ. ชานาตีติ อวพุชฺฌติ. ปสฺสตีติ ทสฺสนภูเตน าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต ปสฺสติ. อฺาติ ปฏิวิชฺฌตีติ เตสํเยว เววจนํ. ตนฺติ ตํ ชานนํ. าตฏฺเนาติ ยถาสภาวโต ชานนฏฺเน. ปชานนฏฺเนาติ อนิจฺจาทีหิ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌนฏฺเน.
อิทานิ ¶ ยทตฺถมิทํ ภวจกฺกํ อิธานีตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เต ธมฺเมติ เต อวิชฺชาทิเก ธมฺเม. ยถาภูตํ ตฺวาติ มหาวชิราเณน ยาถาวโต ชานิตฺวา. นิพฺพินฺทนฺโตติ พลววิปสฺสนาย นิพฺพินฺทนฺโต. วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโตติ อริยมคฺเคหิ วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต. อเร หนีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ยทา ภควา วิรชฺชติ วิมุจฺจติ, ตทา อเร หนติ นาม. ตโต ปรํ ปน อภิสมฺพุทฺธกฺขณํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘หนิ วิหนิ วิทฺธํเสสี’’ติ. เอวมฺปิ อรานํ หตตฺตา อรหนฺติ เอวํ อิมินาปิ ปกาเรน ยถาวุตฺตสํสารจกฺกสฺส สงฺขาราทิอรานํ หตตฺตา อรหํ. เอตฺเถทํ วุจฺจติ –
‘‘อรา สํสารจกฺกสฺส, หตา าณาสินา ยโต;
โลกนาเถน เตเนส, อรหนฺติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๘);
อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตาติ อุตฺตมทกฺขิเณยฺยภาวโต. จกฺกวตฺติโน อเจตเน จกฺกรตเน อุปฺปนฺเน ตตฺเถว โลโก ปูชํ กโรติ, อฺตฺถ ปูชาวิเสสา ปจฺฉิชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธ อุปฺปนฺเนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปนฺเน ¶ ตถาคเต’’ติอาทิมาห. ‘‘เอเกกํ ธมฺมกฺขนฺธํ เอเกกวิหาเรน ปูเชสฺสามี’’ติ วุตฺเตปิ สตฺถารํเยว อุทฺทิสฺส กตตฺตา ‘‘ภควนฺตํ อุทฺทิสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โก ปน วาโท อฺเสํ ปูชาวิเสสานนฺติ ยถาวุตฺตโต อฺเสํ อมเหสกฺเขหิ เทวมนุสฺเสหิ กริยมานานํ นาติอุฬารานํ ปูชาวิเสสานํ อรหภาเว กา นาม กถา. ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหนฺติ ยถาวุตฺตจีวราทิปจฺจยานํ ปูชาวิเสสสฺส จ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาเวน อนุจฺฉวิกตฺตาปิ อรหํ. อิมสฺสปิ อตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ อิทํ วุจฺจติ –
‘‘ปูชาวิเสสํ สห ปจฺจเยหิ,
ยสฺมา อยํ อรหติ โลกนาโถ;
อตฺถานุรูปํ อรหนฺติ โลเก,
ตสฺมา ชิโน อรหติ นามเมต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๙);
อสิโลกภเยนาติ อกิตฺติภเยน, อยสภเยน ครหาภเยนาติ วุตฺตํ โหติ. รโห ปาปํ กโรนฺตีติ ‘‘มา นํ โกจิ ชฺา’’ติ รหสิ ปาปํ กโรนฺติ. เอวเมส น กทาจิ กโรตีติ เอส ภควา ปาปเหตูนํ โพธิมณฺเฑเยว สุปฺปหีนตฺตา กทาจิปิ เอวํ น กโรติ. โหติ เจตฺถ –
‘‘ยสฺมา ¶ นตฺถิ รโห นาม, ปาปกมฺเมสุ ตาทิโน;
รหาภาเวน เตเนส, อรหํ อิติ วิสฺสุโต’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๐);
อิทานิ สุขคฺคหณตฺถํ ยถาวุตฺตมตฺถํ สพฺพมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โหติ เจตฺถา’’ติอาทิ. กิเลสารีน โส มุนีติ เอตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ นิคฺคหีตโลโป ทฏฺพฺโพ, กิเลสารีนํ หตตฺตาติ อตฺโถ. ปจฺจยาทีน จารโหติ เอตฺถาปิ นิคฺคหีตโลโป วุตฺตนเยเนว ทฏฺพฺโพ.
อรหนฺติ เอตฺถ อยมปโรปิ นโย ทฏฺพฺโพ – อารกาติ อรหํ, สุวิทูรภาวโต อิจฺเจว อตฺโถ. กุโต ปน สุวิทูรภาวโตติ? เย อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา, ตโต เอว อปฺปหีนราคโทสโมหา อริยธมฺมสฺส อโกวิทา อริยธมฺเม อวินีตา อริยธมฺมสฺส อทสฺสาวิโน อปฺปฏิปนฺนา มิจฺฉาปฏิปนฺนา จ, ตโต สุวิทูรภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สงฺฆาฏิกณฺเณ ¶ เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ อสฺส ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺโต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากตินฺทฺริโย, อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต น มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
ยถาวุตฺตปุคฺคลา หิ สเจปิ สายํปาตํ สตฺถุ สนฺติกาวจราว สิยุํ, น เต ตาวตา ‘‘สตฺถุ สนฺติกา’’ติ วตฺตพฺพา, ตถา สตฺถาปิ เนสํ. อิติ อสปฺปุริสานํ อารกา ทูเรติ อรหํ. เตเนทํ วุจฺจติ –
‘‘สมฺมา น ปฏิปชฺชนฺติ, เย นิหีนาสยา นรา;
อารกา เตหิ ภควา, ทูเร เตนารหํ มโต’’ติ.
ตถา อารกาติ อรหํ, อาสนฺนภาวโตติ อตฺโถ. กุโต ปน อาสนฺนภาวโตติ? เย ภาวิตกายา ภาวิตสีลา ภาวิตจิตฺตา ภาวิตปฺา, ตโต เอว ปหีนราคโทสโมหา อริยธมฺมสฺส โกวิทา ¶ อริยธมฺเม สุวินีตา อริยธมฺมสฺส ทสฺสาวิโน สมฺมาปฏิปนฺนา, ตโต อาสนฺนภาวโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘โยชนสเต เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย, โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิตฺโต อปทุฏฺมนสงฺกปฺโป อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต สํวุตินฺทฺริโย, อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
ตถารูปา หิ ปุคฺคลา สตฺถุ โยชนสตนฺตริกาปิ โหนฺติ, น ตาวตา เต ‘‘สตฺถุ ทูรจาริโน’’ติ วตฺตพฺพา, ตถา สตฺถาปิ เนสํ. อิติ สปฺปุริสานํ อารกา อาสนฺเนติ อรหํ. เตเนทํ วุจฺจติ –
‘‘เย สมฺมา ปฏิปชฺชนฺติ, สุปฺปณีตาธิมุตฺติกา;
อารกา เตหิ อาสนฺเน, เตนาปิ อรหํ ชิโน’’ติ.
เย ¶ อิเม ราคาทโย ปาปธมฺมา ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ อนตฺถํ อาวหนฺติ, นิพฺพานคามินิยา ปฏิปทาย เอกํเสเนว อุชุวิปจฺจนีกภูตา จ, เต อตฺตหิตํ ปรหิตฺจ ปริปูเรตุํ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺเตหิ สาธูหิ ทูรโต รหิตพฺพา ปริจฺจชิตพฺพา ปหาตพฺพาติ รหา นาม, เต จ ยสฺมา ภควโต โพธิมูเลเยว อริยมคฺเคน สพฺพโส ปหีนา สุสมุจฺฉินฺนา. ยถาห –
‘‘ตถาคตสฺส โข, พฺราหฺมณ, ราโค ปหีโน โทโส โมโห, สพฺเพปิ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ (ปารา. ๙).
ตสฺมา สพฺพโส น สนฺติ เอตสฺส รหาติ อรโหติ วตฺตพฺเพ โอการสฺส สานุสารํ อการาเทสํ กตฺวา ‘‘อรห’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนทํ วุจฺจติ –
‘‘ปาปธมฺมา ¶ รหา นาม, สาธูหิ รหิตพฺพโต;
เตสํ สุฏฺุ ปหีนตฺตา, ภควา อรหํ มโต’’ติ.
เย เต สพฺพโส ปริฺาตกฺขนฺธา ปหีนกิเลสา ภาวิตมคฺคา สจฺฉิกตนิโรธา อรหนฺโต ขีณาสวา, เย จ เสขา อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ, เย จ ปริสุทฺธปฺปโยคา กลฺยาณชฺฌาสยา สทฺธาสีลสุตาทิคุณสมฺปนฺนา ปุคฺคลา, เตหิ น รหิตพฺโพ น ปริจฺจชิตพฺโพ, เต จ ภควตาติ อรหํ. ตถา หิ อริยปุคฺคลา สตฺถารา ทิฏฺธมฺมสฺส ปจฺจกฺขกรณโต สตฺถุ ธมฺมสรีเรน อวิรหิตาว โหนฺติ. ยถาห อายสฺมา ปิงฺคิโย –
‘‘ปสฺสามิ นํ มนสา จกฺขุนาว,
รตฺตินฺทิวํ พฺราหฺมณ อปฺปมตฺโต;
นมสฺสมาโน วิวเสมิ รตฺตึ,
เตเนว มฺามิ อวิปฺปวาสํ.
‘‘สทฺธา ¶ จ ปีติ จ มโน สติ จ,
นาเปนฺติเม โคตมสาสนมฺหา;
ยํ ยํ ทิสํ วชติ ภูริปฺโ,
ส เตน เตเนว นโตหมสฺมี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๔๘-๑๑๔๙);
เตเนว จ เต อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสนฺติ. ยถาห –
‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๗๖).
กลฺยาณปุถุชฺชนาปิ เยภุยฺเยน สตฺถริ นิจฺจลสทฺธา เอว โหนฺติ. อิติ สุปฺปฏิปนฺเนหิ ปุริสวิเสเสหิ อวิรหิตพฺพโต เตสฺจ อวิรหนโต น สนฺติ เอตสฺส รหา ปริจฺจชนกา, นตฺถิ วา เอตสฺส รหา สาธูหิ ปริจฺจชิตพฺพตาติ อรหํ. เตเนทํ วุจฺจติ –
‘‘เย สจฺฉิกตสทฺธมฺมา, อริยา สุทฺธโคจรา;
น เตหิ รหิโต โหติ, นาโถ เตนารหํ มโต’’ติ.
รโหติ ¶ จ คมนํ วุจฺจติ, ภควโต จ นานาคตีสุ ปริพฺภมนสงฺขาตํ สํสาเร คมนํ นตฺถิ กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน โพธิมูเลเยว สพฺพโส สสมฺภารสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส วิทฺธํสิตตฺตา. ยถาห –
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);
เอวํ นตฺถิ เอตสฺส รโห คมนํ คตีสุ ปจฺจาชาตีติปิ อรหํ. เตเนทํ วุจฺจติ –
‘‘รโห วา คมนํ ยสฺส, สํสาเร นตฺถิ สพฺพโส;
ปหีนชาติมรโณ, อรหํ สุคโต มโต’’ติ.
ปาสํสตฺตา วา ภควา อรหํ. อกฺขรจินฺตกา หิ ปสํสายํ อรหสทฺทํ วณฺเณนฺติ. ปาสํสภาโว จ ภควโต อนฺสาธารณโต ยถาภุจฺจคุณาธิคโต สเทวเก โลเก สุปฺปติฏฺิโต. ตถา เหส อนุตฺตเรน สีเลน อนุตฺตเรน สมาธินา อนุตฺตราย ปฺาย อนุตฺตราย ¶ วิมุตฺติยา อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโลติ เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ คุเณ วิภชิตฺวา วุจฺจมาเน ปณฺฑิตปุริเสหิ เทเวหิ พฺรหฺเมหิ ภควตา วา ปน ปริโยสาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยรูโป. อิติ ปาสํสตฺตาปิ ภควา อรหํ. เตเนทํ วุจฺจติ –
‘‘คุเณหิ สทิโส นตฺถิ, ยสฺมา โลเก สเทวเก;
ตสฺมา ปาสํสิยตฺตาปิ, อรหํ ทฺวิปทุตฺตโม’’ติ.
สพฺพสงฺคหวเสน ปน –
อารกา มนฺทพุทฺธีนํ, อารกา จ วิชานตํ;
รหานํ สุปฺปหีนตฺตา, วิทูนมรเหยฺยโต;
ภเวสุ จ รหาภาวา, ปาสํสา อรหํ ชิโนติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ ‘‘อรห’’นฺติ ปทสฺส สพฺพโส อตฺโถ วิภตฺโต โหติ.
อิทานิ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อิมสฺส อตฺถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สมฺมา สามฺจา’’ติอาทิ. ตตฺถ สมฺมาติ อวิปรีตํ. สามนฺติ สยเมว, อปรเนยฺโย หุตฺวาติ อตฺโถ. สมฺพุทฺโธติ หิ เอตฺถ สํ-สทฺโท สยนฺติ เอตสฺส อตฺถสฺส โพธโกติ ทฏฺพฺโพ. สพฺพธมฺมานนฺติ อนวเสสานํ เนยฺยธมฺมานํ. กถํ ปเนตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ อยํ วิเสโส ลพฺภตีติ? เอกเทสสฺส อคฺคหณโต. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตาว วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อตฺถวิเสสนเปกฺขา กตฺตริ เอว พุทฺธสทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโต. ‘‘สมฺมา สามฺจ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ เอตฺตกเมว หิ อิธ สทฺทโต ลพฺภติ, ‘‘สพฺพธมฺมาน’’นฺติ อิทํ ปน อตฺถโต ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. น หิ พุชฺฌนกิริยา อวิสยา ยุชฺชติ.
อิทานิ ตสฺสา วิสยํ ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ สามฺโต วุตฺตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺเยฺเย ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิฺเยฺเยติ อนิจฺจาทิโต ลกฺขณรสาทิโต จ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานิตพฺเพ จตุสจฺจธมฺเม. อภิฺเยฺยโต พุทฺโธติ อภิฺเยฺยภาวโต พุชฺฌิ, ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาปฺาทีหิ อธิคมกฺขเณ มคฺคปฺาย อปรภาเค สพฺพฺุตฺาณาทีหิ อฺาสีติ อตฺโถ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย ¶ . ปริฺเยฺเย ธมฺเมติ อนิจฺจาทิวเสน ปริชานิตพฺพํ ทุกฺขํ อริยสจฺจมาห. ปหาตพฺเพติ สมุทยปกฺขิเย. สจฺฉิกาตพฺเพติ นิพฺพานํ สนฺธายาห. พหุวจนนิทฺเทโส ปเนตฺถ โสปาทิเสสาทิกํ ปริยายสิทฺธํ เภทมเปกฺขิตฺวา กโต, อุทฺเทโส วา อยํ จตุสจฺจธมฺมานมฺปิ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘จกฺขุ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. อุทฺเทโส จ อวินิจฺฉิตตฺถปริจฺเฉทสฺส ธมฺมสฺส วเสน กรียติ. อุทฺเทเสน หิ อุทฺทิสิยมานานํ อตฺถิตามตฺตํ วุจฺจติ, น ปริจฺเฉโทติ อปริจฺเฉเทน พหุวจเนน วุตฺตํ ยถา ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา’’ติ. สจฺฉิกาตพฺเพติ วา ผลวิมุตฺตีนมฺปิ คหณํ, น นิพฺพานสฺเสวาติ พหุวจนนิทฺเทโส กโต. เอวฺจ ภาเวตพฺเพติ เอตฺถ ฌานานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เตเนว จาหาติ เสลพฺราหฺมณสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ สาเธนฺโต เอวมาห.
กึ ปน ภควา สยเมว อตฺตโน สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ สาเธตีติ? สาเธติ มหากรุณาย อฺเสํ อวิสยโต. ตตฺถ ‘‘เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมี’’ติอาทีนิ (ม. นิ. ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑) สุตฺตปทานิ, อิทเมว จ ‘‘อภิฺเยฺย’’นฺติอาทิ สุตฺตปทํ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ. ตตฺถ อภิฺเยฺยนฺติ อิมินา ทุกฺขสจฺจมาห, ภาเวตพฺพนฺติ มคฺคสจฺจํ. ¶ จ-สทฺโท ปเนตฺถ อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน สจฺฉิกาตพฺพสฺส คหณํ เวทิตพฺพํ. อถ วา อภิฺเยฺยนฺติ อิมินาว ปาริเสสาเยน ปริฺเยฺยธมฺเม สจฺฉิกาตพฺพธมฺเม จ ทสฺเสติ. ตสฺมา พุทฺโธสฺมีติ ยสฺมา จตฺตาริ สจฺจานิ มยา พุทฺธานิ, สจฺจวินิมุตฺตฺจ กิฺจิ เยฺยํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ เยฺยํ พุทฺโธสฺมิ, อพฺภฺาสินฺติ อตฺโถ. เสลสุตฺตฏฺกถายํ ปน อิทํ วุตฺตํ –
‘‘อภิฺเยฺยนฺติ วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ. ภาเวตพฺพํ มคฺคสจฺจํ. ปหาตพฺพํ สมุทยสจฺจํ. เหตุวจเนน ปน ผลสิทฺธิโต เตสํ ผลานิ นิโรธสจฺจทุกฺขสจฺจานิปิ วุตฺตาเนว โหนฺติ. เอวํ สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตํ, ปริฺาตพฺพํ ปริฺาตนฺติ อิทมฺเปตฺถ สงฺคหิตเมวาติ จตุสจฺจภาวนํ จตุสจฺจภาวนาผลฺจ วิมุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘พุชฺฌิตพฺพํ พุชฺฌิตฺวา พุทฺโธ ชาโตสฺมี’ติ ยุตฺตเหตุนา พุทฺธภาวํ สาเธตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๙๙).
ตตฺถ ¶ วิชฺชาติ มคฺควิชฺชา วุตฺตา อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน. วิมุตฺตีติ ผลวิมุตฺติ. กามฺเจตฺถ มคฺควิชฺชาปิ ภาเวตพฺพภาเวน คหิตา, สพฺเพปิ ปน สภาวธมฺมา อภิฺเยฺยาติ วิชฺชาย อภิฺเยฺยภาโว วุตฺโต. อิมินาว นเยน สพฺเพสมฺปิ อภิฺเยฺยภาโว วุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ผเลน วินา เหตุภาวสฺเสว อภาวโต เหตุวจเนน ผลสิทฺธิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. นิโรธสฺส หิ สมฺปาปเนน มคฺคสฺส เหตุภาโว, ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตเนน ตณฺหาย สมุทยภาโวติ.
เอวํ สจฺจวเสน สามฺโต วุตฺตมตฺถํ ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺเมหิ เจว ขนฺธาทีหิ จ สจฺจวเสเนว วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มูลการณภาเวนาติ สนฺเตสุปิ อวิชฺชาทีสุ อฺเสุ การเณสุ เตสมฺปิ มูลภูตการณภาเวน. ตณฺหา หิ กมฺมสฺส วิจิตฺตภาวเหตุโต สหายภาวูปคมนโต จ ทุกฺขวิจิตฺตตาย ปธานการณํ. สมุฏฺาปิกาติ อุปฺปาทิกา. ปุริมตณฺหาติ ปุริมภวสิทฺธา ตณฺหา. อุภินฺนนฺติ จกฺขุสฺส ตํสมุทยสฺส จ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. นิโรธปฺปชานนาติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิโรธสฺส ปฏิวิชฺฌนา. เอเกกปทุทฺธาเรนาติ ‘‘จกฺขุํ จกฺขุสมุทโย จกฺขุนิโรโธ’’ติอาทินา เอเกกโกฏฺาสนิทฺธารเณน. ตณฺหายปิ ปริฺเยฺยภาวสพฺภาวโต อุปาทานกฺขนฺโธคธตฺตา สงฺขารทุกฺขภาวโต จ ทุกฺขสจฺจสงฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา วตฺตมานภเว ตณฺหา ขนฺธปริยาปนฺนตฺตา สงฺขารทุกฺขภาวโต จ ทุกฺขสจฺจํ. ยสฺมึ ปน อตฺตภาเว ¶ สา อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อตฺตภาวสฺส มูลการณภาเวน สมุฏฺาปิกา ปุริมภวสิทฺธา ตณฺหา สมุทยสจฺจนฺติ คเหตพฺพา.
กสิณานีติ กสิณารมฺมณิกชฺฌานานิ. ทฺวตฺตึสาการาติ ทฺวตฺตึส โกฏฺาสา ตทารมฺมณชฺฌานานิ จ. นว ภวาติ กามภโว รูปภโว อรูปภโว สฺีภโว อสฺีภโว เนวสฺีนาสฺีภโว เอกโวการภโว จตุโวการภโว ปฺจโวการภโวติ นว ภวา. ตตฺถ ภวตีติ ภโว, กามราคสงฺขาเตน กาเมน ยุตฺโต ภโว, กามสงฺขาโต วา ภโว กามภโว, เอกาทส กามาวจรภูมิโย. กาเม ปหาย รูปราคสงฺขาเตน รูเปน ยุตฺโต ภโว, รูปสงฺขาโต วา ภโว รูปภโว, โสฬส ¶ รูปาวจรภูมิโย. กามฺจ รูปฺจ ปหาย อรูปราคสงฺขาเตน อรูเปน ยุตฺโต ภโว, อรูปสงฺขาโต วา ภโว อรูปภโว, จตสฺโส อารุปฺปภูมิโย. สฺาวตํ ภโว สฺีภโว, สฺา วา เอตฺถ ภเว อตฺถีติ สฺีภโว, โส กามภโว จ อสฺีภวมุตฺโต รูปภโว จ เนวสฺีนาสฺีภวมุตฺโต อรูปภโว จ โหติ. น สฺีภโว อสฺีภโว, โส รูปภเวกเทโส. โอฬาริกตฺตาภาวโต เนวสฺา, สุขุมตฺตสฺส สพฺภาวโต นาสฺาติ เนวสฺานาสฺา, ตาย ยุตฺโต ภโว เนวสฺานาสฺาภโว. อถ วา โอฬาริกาย สฺาย อภาวา สุขุมาย จ ภาวา เนวสฺา นาสฺา อสฺมึ ภเวติ เนวสฺานาสฺาภโว, โส อรูปภเวกเทโส. เอเกน รูปกฺขนฺเธน โวกิณฺโณ ภโว, เอเกน วา โวกาโร อสฺส ภวสฺสาติ เอกโวการภโว, โส อสฺีภโว. จตูหิ อรูปกฺขนฺเธหิ โวกิณฺโณ ภโว, จตูหิ วา โวกาโร อสฺส ภวสฺสาติ จตุโวการภโว, โส อรูปภโว เอว. ปฺจหิ ขนฺเธหิ โวกิณฺโณ ภโว, ปฺจหิ วา โวกาโร อสฺส ภวสฺสาติ ปฺจโวการภโว, โส กามภโว จ รูปภเวกเทโส จ โหติ. โวกาโรติ วา ขนฺธานเมตมธิวจนํ, ตสฺมา เอโก โวกาโร อสฺส ภวสฺสาติ เอกโวการภโวติ เอวมาทินาเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จตฺตาริ ฌานานีติ อคฺคหิตารมฺมณวิเสสานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ. วิปากชฺฌานานํ วา เอตํ คหณํ. เอตฺถ จ กุสลธมฺมานํ อุปนิสฺสยภูตา ตณฺหาสมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหาติ เวทิตพฺพา. กิริยธมฺมานํ ปน ยตฺถ เต กิริยธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส อตฺตภาวสฺส การณภูตา ตณฺหา. อนุโลมโตติ เอตฺถ ‘‘สงฺขารา ทุกฺขสจฺจํ, อวิชฺชา สมุทยสจฺจ’’นฺติ อิมินา อนุกฺกเมน โยเชตพฺพํ.
อนุพุทฺโธติ พุชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อนุรูปโต พุทฺโธ. เตนาติ ยสฺมา สามฺโต วิเสสโต จ เอเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธมฺเม พุทฺโธ, ตสฺมา วุตฺตํ. กึ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา’’ติ, สพฺพสฺสปิ เยฺยสฺส สพฺพาการโต อวิปรีตํ สยเมว อภิสมฺพุทฺธตฺตาติ ¶ อตฺโถ. อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส ¶ อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.
นนุ จ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณาณํ, อฺถา ‘‘ฉ อสาธารณาณานิ พุทฺธาณานี’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ วิสยปฺปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙) ‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ. ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตน เจตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตฺตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ อฺเมว อนาวรณาณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺส จาธิคมเนน ภควา สพฺพฺู สพฺพวิทู สมฺมาสมฺพุทฺโธติ จ วุจฺจติ น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธนโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ. สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.
เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภทภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย ปฏิวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา ¶ อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺพธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต สพฺพวิทูติ วุจฺจนฺติ, เอวฺจ กตฺวา ‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’ติ อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสา นาติวตฺติ, ิตลกฺขณารมฺมณตาย จ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา, ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.
อถ ¶ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตตีติ. เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฺปฏิเวโธ สมฺภวติ อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ น อนุมานาณํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพทฺธฺหิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปฺปจฺจกฺขภาเว อตฺถาวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปฺปจฺจกฺขนฺติ.
อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ ตสฺส เสสภาโว เอว น สิยาติ? สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา? อวิสยวิจารณภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘พุทฺธวิสโย, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํ กิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลํ เอกเทโส วา, ตตฺถ ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต. าตุํ อิจฺฉิตสฺส จ สกลสฺส อวิสยภาเว ตสฺส อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนวสฺสา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฺปฏิพทฺธา อากงฺขปฺปฏิพทฺธา มนสิการปฺปฏิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฺปฏิพทฺธา’’ติ (มหานิ. ๖๙; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมตกฺกคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.
นนุ ¶ จ เอตสฺมิมฺปิ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกึเยว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสา นาติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมานวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา, ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ, ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕) เอวเมกชฺฌํ วิสุํ สกึ กเมน วา อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ.
วิชฺชาหีติ เอตฺถ วินฺทิยํ วินฺทตีติ วิชฺชา, ยาถาวโต อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. อตฺตโน วา ¶ ปฏิปกฺขสฺส วิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา, ตโมกฺขนฺธาทิกสฺส ปทาลนฏฺเนาติ อตฺโถ. ตโต เอว อตฺตโน วิสยสฺส วิทิตกรณฏฺเนปิ วิชฺชา. สมฺปนฺนตฺตาติ สมนฺนาคตตฺตา ปริปุณฺณตฺตา วา, อวิกลตฺตาติ อตฺโถ. ตตฺราติ อมฺพฏฺสุตฺเต. มโนมยิทฺธิยาติ เอตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคํ อหีนินฺทฺริย’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๖) อิมินา นเยน อาคตา อิทฺธิ สรีรพฺภนฺตเร อฺสฺเสว ฌานมเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมยสฺส สรีรสฺส นิพฺพตฺติวเสน ปวตฺตา มโนมยิทฺธิ นาม. ฉ อภิฺาติ อาสวกฺขยาเณน สทฺธึ อิทฺธิวิธาทิกา ปฺจาภิฺาโย. ติสฺสนฺนํ อฏฺนฺนฺจ วิชฺชานํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต คหณํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. สตฺต สทฺธมฺมา นาม สทฺธา หิรี โอตฺตปฺปํ พาหุสจฺจํ วีริยํ สติ ปฺา จ. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, หิริมา, โอตฺตปฺปี, พหุสฺสุโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, ปฺวา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๐). จตฺตาริ ฌานานีติ ยานิ กานิจิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ.
กสฺมา ปเนตฺถ สีลาทโยเยว ปนฺนรส ‘‘จรณ’’นฺติ วุตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิเมเยว หี’’ติอาทิ. เตน เตสํ สิกฺขตฺตยสงฺคหโต นิพฺพานุปคมเน เอกํสโต สาธนภาวมาห. อิทานิ ตทตฺถสาธนาย อาคมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาห. ภควาติอาทิ ¶ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. นนุ จายํ วิชฺชาจรณสมฺปทา สาวเกสุปิ ลพฺภตีติ? กิฺจาปิ ลพฺภติ, น ปน ตถา, ยถา ภควโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาสวกฺขยวิชฺชาย สพฺพฺุภาวสิทฺธิโต อาห ‘‘วิชฺชาสมฺปทา ภควโต สพฺพฺุตํ ปูเรตฺวา ิตา’’ติ. จตูสุ ฌาเนสุ อนฺโตคธภาเวน จรณธมฺมปริยาปนฺนตฺตา กรุณาพฺรหฺมวิหารสฺส ยถารหํ ตสฺส จ มหากรุณาสมาปตฺติวเสน อสาธารณสภาวสฺส ภควติ อุปลพฺภนโต อาห ‘‘จรณสมฺปทา มหาการุณิกตํ ปูเรตฺวา ิตา’’ติ. ยถา สตฺตานํ อนตฺถํ ปริวชฺเชตฺวา อตฺเถ นิโยชนํ ปฺาย วินา น โหติ, เอวํ เนสํ อตฺถานตฺถชานนํ สตฺถุ กรุณาย วินา น โหตีติ อุภยมฺปิ อุภยตฺถ สกิจฺจกเมว สิยา. ยตฺถ ปน ยสฺสา ปธานภาโว, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส สพฺพฺุตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา ตํ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา อฺโปิ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน นิโยเชติ, ตถา อยนฺติ อตฺโถ. เตน วิชฺชาจรณสมฺปนฺนสฺเสวายํ อาเวณิกา ปฏิปตฺตีติ ทสฺเสติ. สา ปนายํ สตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปทา สาสนสฺส นิยฺยานิกตาย สาวกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา เอกนฺตการณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺตนฺตปาทโยติ อาทิ-สทฺเทน ปรนฺตปอุภยนฺตปา คหิตา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถ ¶ จ วิชฺชาสมฺปทาย สตฺถุ ปฺามหตฺตํ ปกาสิตํ โหติ, จรณสมฺปทาย กรุณามหตฺตํ. เตสุ ปฺาย ภควโต ธมฺมรชฺชปฺปตฺติ, กรุณาย ธมฺมสํวิภาโค. ปฺาย สํสารทุกฺขนิพฺพิทา, กรุณาย สํสารทุกฺขสหนํ. ปฺาย ปรทุกฺขปริชานนํ, กรุณาย ปรทุกฺขปติการารมฺโภ. ปฺาย ปรินิพฺพานาภิมุขภาโว, กรุณาย ตทธิคโม. ปฺาย สยํ ตรณํ, กรุณาย ปเรสํ ตารณํ. ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ. กรุณาย วา โพธิสตฺตภูมิยํ สํสาราภิมุขภาโว, ปฺาย ตตฺถ อนภิรติ, ตถา กรุณาย ปเรสํ อภึสาปนํ, ปฺาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. กรุณาย ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ, ปฺาย อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรํ รกฺขติ. ตถา กรุณาย อปรนฺตโป, ปฺาย อนตฺตนฺตโป, เตน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ¶ ปุคฺคเลสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา กรุณาย โลกนาถตา, ปฺาย อตฺตนาถตา. กรุณาย จสฺส นินฺนตาภาโว, ปฺาย อุนฺนมาภาโว. ตถา กรุณาย สพฺพสตฺเตสุ ชนิตานุคฺคโห, ปฺานุคตตฺตา น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต, ปฺาย สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺโต, กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺพสตฺตานุคฺคหาย ปวตฺโต. ยถา หิ กรุณา ภควโต สิเนหโสกวิรหิตา, เอวํ ปฺา อหํการมมํการวินิมุตฺตาติ อฺมฺวิโสธิตา ปรมวิสุทฺธา คุณวิเสสา วิชฺชาจรณสมฺปทาหิ ปกาสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
อิทานิ สุคโตติ อิมสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โสภนคมนตฺตา’’ติอาทิ. ‘‘คเต ิเต’’ติอาทีสุ คมนมฺปิ คตนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจตี’’ติ. โสภนนฺติ สุภํ, สุภภาโว วิสุทฺธตาย, วิสุทฺธตา โทสวิคเมนาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธมนวชฺช’’นฺติ. คมนฺจ นาม พหุวิธนฺติ อิธาธิปฺเปตํ คมนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยมคฺโค’’ติ อาห. โส หิ นิพฺพานสฺส คติ อธิคโมติ จ กตฺวา คตํ คมนนฺติ จ วุจฺจติ. อิทานิ ตสฺเสว คมเน การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน เหสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เขมํ ทิสนฺติ นิพฺพานํ. อสชฺชมาโนติ ปริปนฺถาภาเวน สุคติคมเนปิ อสชฺชนฺโต สงฺคํ อกโรนฺโต, ปเคว อิตรตฺถ. อถ วา เอกาสเน นิสีทิตฺวา ขิปฺปาภิฺาวเสเนว จตุนฺนมฺปิ มคฺคานํ ปฏิลทฺธภาวโต อสชฺชมาโน อพชฺฌนฺโต คโต. ยํ คมนํ คจฺฉนฺโต สพฺพคมนตฺถํ อาวหติ, สพฺพฺจ อนุตฺตรํ สมฺปตฺตึ อาวหติ, ตเทว โสภนํ นาม, เตน จ ภควา คโตติ อาห ‘‘อิติ โสภนคมนตฺตา สุคโต’’ติ โสภนตฺโถ สุสทฺโทติ กตฺวา.
อสุนฺทรานํ ทุกฺขานํ สงฺขารปฺปวตฺตีนํ อภาวโต อจฺจนฺตสุขตฺตา เอกนฺตโต สุนฺทรํ นาม อสงฺขตา ธาตูติ อาห ‘‘สุนฺทรฺเจส านํ คโต อมตํ นิพฺพาน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘นิพฺพานํ ¶ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔). สมฺมาติ สุฏฺุ. สุฏฺุ คมนฺจ นาม ปฏิปกฺเขน อนภิภูตสฺส คมนนฺติ อาห ‘‘ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคจฺฉนฺโต’’ติ, ปหีนานํ ปุน อสมุทาจารวเสน อปจฺจาคจฺฉนฺโต. วุตฺตเมวตฺถํ อาคมํ ทสฺเสตฺวา วิภาเวนฺโต อาห ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิ. เอตนฺติ เตน เตน มคฺเคน ปหีนกิเลสานํ ปุน อปจฺจาคมนํ, อิทฺจ สิขาปฺปตฺตํ สมฺมาคมนํ, ยาย อาคมนียปฏิปทาย ¶ สิทฺธํ, สาปิ สมฺมาคมนเมวาติ เอวมฺปิ ภควา สุคโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺมา วา อาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยาติ สมฺมาสมฺโพธิยา สมฺปาปเน อวิปรีตปฏิปตฺติยา. สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว กโรนฺตาติ เอเตน มหาโพธิยา ปฏิปทา อวิภาเคน สพฺพสตฺตานํ สพฺพทา หิตสุขาวหภาเวเนว ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. สสฺสตํ อุจฺเฉทนฺติ อิเม อนฺเต อนุปคจฺฉนฺโต คโตติ เอเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทคตึ ทสฺเสติ. กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม อนุปคจฺฉนฺโต คโตติ เอเตน อริยมคฺคคตึ ทสฺเสติ.
ตตฺราติ ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตสฺเสว ภาสเน. นิปฺผาเทตพฺเพ สาเธตพฺเพ เจตํ ภุมฺมํ. อภูตนฺติ อภูตตฺถํ. อตฺถมุเขน หิ วาจาย อภูตตา ภูตตา วา. อตจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อนตฺถสํหิตนฺติ ทิฏฺธมฺมิเกน สมฺปรายิเกน วา อนตฺเถน สํหิตํ อนตฺถสํหิตํ, อนตฺถาวหํ. น อตฺโถติ อนตฺโถ, อตฺถสฺส ปฏิปกฺโข อภาโว จ, เตน สํหิตํ, ปิสุณวาจํ สมฺผปฺปลาปฺจาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วจีทุจฺจริตสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ ปมา วาจา สีลวนฺตํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ, อจณฺฑาลาทึ ‘‘จณฺฑาโล’’ติอาทินา ภาสมานสฺส ทฏฺพฺพา. ทุติยา ทุสฺสีลํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ, จณฺฑาลาทิเมว ‘‘จณฺฑาโล’’ติอาทินา อวินเยน ภาสมานสฺส. ตติยา เนรยิกาทิกสฺส เนรยิกาทิภาววิภาวนีกถา ยถา ‘‘อาปายิโก เทวทตฺโต เนรยิโก’’ติอาทิกา. จตุตฺถี ‘‘เวทวิหิเตน ยฺวิธินา ปาณาติปาตาทิกตํ สุคตึ อาวหตี’’ติ โลกสฺส พฺยาโมหนกถา. ปฺจมี ภูเตน เปสฺุุปสํหารา กถา. ฉฏฺา ยุตฺตปตฺตฏฺาเน ปวตฺติตา ทานสีลาทิกถา เวทิตพฺพา. เอวํ สมฺมา คทตฺตาติ ยถาวุตฺตํ อภูตาทึ วชฺเชตฺวา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ ปิยํ มนาปํ ตโต เอว สมฺมา สุฏฺุ คทนโต สุคโต. อาปาถคมนมตฺเตน กสฺสจิ อปฺปิยมฺปิ หิ ภควโต วจนํ ปิยํ มนาปเมว อตฺถสิทฺธิยา โลกสฺส หิตสุขาวหตฺตา. เอตฺถ ปน ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘สุคโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อปโร นโย – โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนุปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ ภทฺทกํ. ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิกกุฏิลากุลตาทิโทสวิรหิตํ ¶ วิลาสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ ¶ กายคมนํ าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสหิตมภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อนวชฺชตาย สตฺตานํ หิตสุขาวหตาย จ โสภนเมว. อถ วา สยมฺภูาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต. โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ตถา ยํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ าตํ อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สมฺมา ปจฺจกฺขโต คโต อพฺภฺาสีติ สุคโต.
อิทานิ โลกวิทูติ อิมสฺส อตฺถํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพถาติ สพฺพปฺปกาเรน, โย โย โลโก เยน เยน ปกาเรน เวทิตพฺโพ, เตน เตน ปกาเรนาติ อตฺโถ. เต ปน ปกาเร ทสฺเสตุํ ‘‘สภาวโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวโตติ ทุกฺขสภาวโต. สพฺโพ หิ โลโก ทุกฺขสภาโว. ยถาห ‘‘สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ. สมุทยโตติ ยโต สมุเทติ, ตโต ตณฺหาทิโต. นิโรธโตติ ยตฺถ โส นิรุชฺฌติ, ตโต วิสงฺขารโต. นิโรธูปายโตติ เยน วิธินา โส นิโรโธ ปตฺตพฺโพ, ตโต อริยมคฺคโต อิโต อฺสฺส ปการสฺส อภาวา. อิติ ‘‘สพฺพถา โลกํ อเวที’’ติ วตฺวา ตทตฺถสาธกํ สุตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส’’ติอาทิมาห. อิทฺจ สุตฺตํ ‘‘ยตฺถ โข, ภนฺเต, น ชายติ…เป… น อุปปชฺชติ, สกฺกา นุ โข โส, ภนฺเต, คมเนน โลกสฺส อนฺโต าตุํ วา ทฏฺุํ วา ปาปุณิตุํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕) โอกาสโลกสฺส คตึ สนฺธาย โรหิตเทวปุตฺเตน ปุฏฺโ ภควา อภาสิ. ตตฺถ น ชายตีติอาทินา อุชุกํ ชาติอาทีนิ ปฏิกฺขิปิตฺวา น จวติ น อุปปชฺชตีติ ปททฺวเยน อปราปรํ จวนุปปตนานิ ปฏิกฺขิปติ. เกจิ ปน ‘‘น ¶ ชายตีติอาทิ คพฺภเสยฺยกาทิวเสน วุตฺตํ, อิตรํ โอปปาติกวเสนา’’ติ วทนฺติ. ตนฺติ ชาติอาทิรหิตํ. คมเนนาติ ปทสา คมเนน. โลกสฺสนฺตนฺติ สงฺขารโลกสฺส อนฺตภูตํ นิพฺพานํ. าเตยฺยนฺติ ชานิตพฺพํ. ทฏฺเยฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปตฺเตยฺยนฺติ ปตฺตพฺพํ. ‘‘าตายํ ทิฏฺายํ ปตฺตาย’’นฺติ วา ปาโ, ตตฺถ คมเนน โลกสฺสนฺตํ าตา อยํ ทิฏฺา อยํ ปตฺตา อยนฺติ น วทามีติ อตฺโถ. อยนฺติ นิพฺพานตฺถิโก.
กามํ ปทสา คมเนน คนฺตฺวา โลกสฺสนฺตํ าตุํ ทฏฺุํ ปตฺตุํ วา น สกฺกา, อปิ จ ปริมิตปริจฺฉินฺนฏฺาเน ¶ ตํ ปฺาเปตฺวา ทสฺเสมีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พฺยามมตฺเต กเฬวเรติ พฺยามปฺปมาเณ อตฺตภาเว. อิมินา รูปกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. สสฺิมฺหีติ สฺาย สหิเต. อิมินา สฺาสีเสน เวทนาทโย ตโย ขนฺเธ ทสฺเสติ สฺาสหิตตฺตา เอว. สมนเกติ สวิฺาณเกติ อตฺโถ. อิมินา วิฺาณกฺขนฺธํ ทสฺเสติ, อวิฺาณเก ปน อุตุสมุฏฺานรูปสมุทายมตฺเต ปฺาเปตุํ น สกฺกาติ อธิปฺปาโย. โลกนฺติ ขนฺธาทิโลกํ. โลกนิโรธนฺติ ตสฺส โลกสฺส นิรุชฺฌนํ นิพฺพานเมว วา. นิพฺพานมฺปิ หิ ขนฺเธ ปฏิจฺจ ปฺาปนโต สรีรสฺมึเยว ปฺาเปติ. อเทสมฺปิ หิ ตํ เยสํ นิโรโธ, เตสํ วเสน เทสโตปิ อุปจารวเสน นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๔; วิภ. ๒๐๔).
คมเนนาติ ปากติกคมเนน. โลกสฺสนฺโตติ สงฺขารโลกสฺส อนฺโต อนฺตกิริยาย เหตุภูตํ นิพฺพานํ. กุทาจนนฺติ กทาจิปิ. อปฺปตฺวาติ อคฺคมคฺเคน อนธิคนฺตฺวา. ปโมจนนฺติ ปมุตฺติ นิสฺสรณํ. ตสฺมาติ ยสฺมา โลกนฺตํ อปฺปตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุตฺติ นตฺถิ, ตสฺมา. หเวติ นิปาตมตฺตํ. โลกวิทูติ สภาวาทิโต สพฺพํ โลกํ วิชานนฺโต. สุเมโธติ สุนฺทรปฺโ. โลกนฺตคูติ ปริฺาภิสมเยน โลกํ วิทิตฺวา ปหานาภิสมเยน โลกนฺตคู. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปรินิฏฺิตตฺตา วุสิตพฺรหฺมจริโย. สพฺเพสํ กิเลสานํ สมิตตฺตา จตุสจฺจธมฺมานํ วา อภิสมิตตฺตา สมิตาวี. นาสีสตีติ น ปตฺเถติ, ยถา อิมํ โลกํ, เอวํ ปรฺจ โลกํ นาสีสติ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา.
เอวํ ¶ ยทิปิ โลกวิทุตา อนวเสสโต ทสฺสิตา สภาวาทิโต ทสฺสิตตฺตา, โลโก ปน เอกเทเสเนว วุตฺโตติ ตํ อนวเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ จ ตโย โลกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อินฺทฺริยพทฺธานํ ขนฺธานํ สมูโห สนฺตาโน จ สตฺตโลโก. รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺโต, โลกียติ เอตฺถ กุสลากุสลํ ตพฺพิปาโก จาติ โลโก. อนินฺทฺริยพทฺธานํ รูปาทีนํ สมูโห สนฺตาโน จ โอกาสโลโก โลกียนฺติ เอตฺถ ชงฺคมา ถาวรา จ เตสฺจ โอกาสภูโตติ กตฺวา. ตทาธารตาย เหส ‘‘ภาชนโลโก’’ติปิ วุจฺจติ. อุภเยปิ ขนฺธา สงฺขารโลโก ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺติ ลุชฺชนฺติ ปลุชฺชนฺติ จาติ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหารสทฺโท ‘‘อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) วิย. เอวฺหิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตาปิ ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต ¶ สงฺขารธมฺโม, น สตฺตธมฺโมติ อาห ‘‘อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ.
ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนาติ นายํ โทโส. กสฺมา ปน ภควา กตฺถจิ ปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ, กตฺถจิ ธมฺมาธิฏฺานํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ? เทสนาวิลาสโต เวเนยฺยชฺฌาสยโต จ. เทสนาวิลาสปฺปตฺตา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เต ยถารุจิ กตฺถจิ ปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา กตฺถจิ ธมฺมาธิฏฺานํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺติ. เย วา ปน เวเนยฺยา สาสนกฺกมํ อโนติณฺณา, เตสํ ปุคฺคลาธิฏฺานํ เทสนํ เทเสนฺติ. เย จ โอติณฺณา, เตสํ ธมฺมาธิฏฺานํ. สมฺมุติสจฺจวิสยา ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา, อิตรา ปรมตฺถสจฺจวิสยา. ปุริมา กรุณานุกูลา, อิตรา ปฺานุกูลา. สทฺธานุสารีโคตฺตานํ วา ปุริมา. เต หิ ปุคฺคลปฺปมาณิกา, ปจฺฉิมา ธมฺมานุสารีโคตฺตานํ. สทฺธาจริตตาย วา โลกาธิปตีนํ วเสน ปุคฺคลาธิฏฺานา, ปฺาจริตตาย ธมฺมาธิปตีนํ วเสน ธมฺมาธิฏฺานา. ปุริมา จ เนยฺยตฺถา, ปจฺฉิมา นีตตฺถา. อิติ ภควา ตํ ตํ วิเสสํ อเปกฺขิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ทุวิธํ เทสนํ เทเสตีติ เวทิตพฺพํ.
ทิฏฺิคติกานํ ¶ สสฺสตาทิวเสน ‘‘อตฺตา โลโก’’ติ ปริกปฺปนา เยภุยฺเยน สตฺตวิสยา, น สงฺขารวิสยาติ อาห ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา อสสฺสโต โลโกติ วาติ อาคตฏฺาเน สตฺตโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ. ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ยตฺตเก าเน จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺติ ปริพฺภมนฺติ. ทิสา ภนฺติ วิโรจมานาติ เตสํ ปริพฺภมเนเนว ตา ตา ทิสา ปภสฺสรา หุตฺวา วิโรจนฺติ. อถ วา ทิสาติ อุปโยคพหุวจนํ, ตสฺมา สยํ วิโรจมานา จนฺทิมสูริยา ยตฺตกา ทิสา ภนฺติ โสเภนฺติ โอภาสยนฺตีติ อตฺโถ. ตาว สหสฺสธา โลโกติ ตตฺตเกน ปมาเณน สหสฺสปฺปกาโร โอกาสโลโก, สหสฺสโลกธาตุโยติ อตฺโถ. ‘‘ตาวสหสฺสวา’’ติ วา ปาโ, ตาว ตตฺตกํ สหสฺสํ อสฺส อตฺถีติ ตาวสหสฺสวา. เอตฺถาติ สหสฺสโลกธาตุสงฺขาเต โลเก.
ตมฺปีติ ติวิธมฺปิ โลกํ. สพฺพถา อเวทีติ สพฺพปฺปการโต ปฏิวิชฺฌิ. กถํ ปฏิวิชฺฌีติ อาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. ตถา หิสฺสาติ อิมสฺส ‘‘สพฺพถา วิทิโต’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. อสฺสาติ อเนน ภควตา. เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกาติ ยาย ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สพฺโพ สงฺขารโลโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺส อภาวโต. ทฺเว โลกาติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นามคฺคหเณน ¶ เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ ตสฺส อโลกสภาวตฺตา. นนุ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลธมฺมานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ปริฺเยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ อิธ โลโกติ อธิปฺเปตตฺตา. อถ วา น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตีติ โย คหิโต ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา.
ติสฺโส เวทนาติ สุขทุกฺขอุเปกฺขาวเสน. จตฺตาโร อาหาราติ กพฬีการาหาโร ผสฺสาหาโร มโนสฺเจตนาหาโร วิฺาณาหาโรติ จตฺตาโร อาหารา. ตตฺถ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกํ รูปํ อาหรตีติ อาหาโร. ผสฺโส ติสฺโส เวทนา อาหรตีติ อาหาโร. มโนสฺเจตนา ตีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธึ อาหรตีติ อาหาโร. วิฺาณํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นามรูปํ อาหรตีติ อาหาโร. อุปาทานานํ ¶ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานีติ จกฺขายตนาทิมนายตนปริยนฺตานิ. สตฺต วิฺาณฏฺิติโยติ นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เหฏฺิมา จ ตโย อารุปฺปาติ อิมา สตฺต ‘‘วิฺาณํ ติฏฺติ เอตฺถาติ วิฺาณฏฺิติโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ นานตฺตํ กาโย เอเตสํ, นานตฺโต วา กาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา, นานตฺตสฺา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสฺิโน. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สพฺเพ มนุสฺสา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๒๗; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๗.๔๔-๔๕) ฉกามาวจรา จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา ‘‘นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. อปริมาเณสุ หิ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณานํ มนุสฺสานํ วณฺณสณฺานาทิวเสน ทฺเวปิ เอกสทิสา นตฺถิ. เยปิ กตฺถจิ ยมกภาตโร วณฺเณน วา สณฺาเนน วา เอกสทิสา โหนฺติ, เตสมฺปิ อาโลกิตวิโลกิตกถิตหสิตคมนานาทีหิ วิเสโส โหติเยว, ปฏิสนฺธิสฺา จ เนสํ ติเหตุกาปิ ทุเหตุกาปิ อเหตุกาปิ โหติ, ตสฺมา สพฺเพปิ มนุสฺสา นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน. ฉกามาวจรเทเวสุ จ เกสฺจิ กาโย นีโล โหติ, เกสฺจิ ปีตาทิวณฺโณ, ปฏิสนฺธิสฺา จ เนสํ ทุเหตุกาปิ ติเหตุกาปิ โหติ, ตสฺมา เตปิ นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน. เอกจฺเจ วินิปาติกา ปน จตุอปายวินิมุตฺตกา อุตฺตรมาตา ยกฺขินี, ปิยงฺกรมาตา, ธมฺมคุตฺตาติ เอวมาทโย ทฏฺพฺพา. เอเตสฺหิ โอทาตกอาฬมงฺคุรจฺฉวิสามวณฺณาทิวเสน เจว กิสถูลรสฺสทีฆาทิวเสน จ กาโย นานา โหติ, มนุสฺสานํ วิย ติเหตุกทุเหตุกาเหตุกวเสน ปฏิสนฺธิสฺาปิ, เต ปน เทวา วิย น มเหสกฺขา ¶ , กปณมนุสฺสา วิย อปฺเปสกฺขา ทุลฺลภฆาสจฺฉาทนา ทุกฺขปีฬิตา วิหรนฺติ, เอกจฺเจ กาฬปกฺเข ทุกฺขิตา ชุณฺหปกฺเข สุขิตา โหนฺติ, ตสฺมา สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา สุขสมุสฺสยโต วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกาติ วุตฺตา สติปิ เทวภาเว ทิพฺพสมฺปตฺติยา อภาวโต. เย ปเนตฺถ ติเหตุกา, เตสํ ธมฺมาภิสมโยปิ โหติ. ปิยงฺกรมาตา หิ ยกฺขินี ปจฺจูสสมเย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมํ สชฺฌายโต สุตฺวา –
‘‘มา ¶ สทฺทํ กริ ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;
อปิจ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา.
‘‘ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;
สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน, อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๐) –
เอวํ ปุตฺตกํ สฺาเปตฺวา ตํ ทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อุตฺตรมาตา ปน ภควโต ธมฺมํ สุตฺวาว โสตาปนฺนา ชาตา. เอวมิเมปิ กายสฺส เจว ปฏิสนฺธิสฺาย จ นานตฺตา ‘‘นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.
พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมสงฺขาตา ปน หีนมชฺฌิมปณีตเภทภินฺเนน ปมชฺฌาเนน นิพฺพตฺตา พฺรหฺมกายิกา เจว จตูสุ อปาเยสุ สตฺตา จ ‘‘นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตสุ หิ พฺรหฺมกายิเกสุ พฺรหฺมปุโรหิตานํ กาโย พฺรหฺมปาริสชฺเชหิ ปมาณโต วิปุลตโร โหติ, มหาพฺรหฺมานํ กาโย ปน พฺรหฺมปุโรหิเตหิปิ ปมาณโต วิปุลตโร โหติ. กามฺจ เนสํ ปภาวเสนปิ กาโย เหฏฺิมเหฏฺิเมหิ อุฬารตโร โหติ, ตํ ปน อิธ อปฺปมาณํ. ตถา หิ ปริตฺตาภาทีนํ ปริตฺตสุภาทีนฺจ กาเย สติปิ ปภาเวมตฺเต เอกตฺตวเสเนว ววตฺถปียตีติ ‘‘เอกตฺตกายา’’ตฺเวว เต วุจฺจนฺติ. เอวมิเม พฺรหฺมกายิกา กายสฺส นานตฺตา ปมชฺฌานวิปากวเสน ปน ปฏิสนฺธิสฺาย จ เอกตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน. ยถา จ เต, เอวํ จตูสุ อปาเยสุ สตฺตา. นิรเยสุ หิ เกสฺจิ คาวุตํ, เกสฺจิ อฑฺฒโยชนํ, เกสฺจิ โยชนํ อตฺตภาโว โหติ, เทวทตฺตสฺส ปน โยชนสติโก ชาโต. ติรจฺฉาเนสุปิ เกจิ ขุทฺทกา, เกจิ มหนฺตา, เปตฺติวิสเยปิ เกจิ สฏฺิหตฺถา, เกจิ อสีติหตฺถา โหนฺติ, เกจิ สุวณฺณา, เกจิ ทุพฺพณฺณา, ตถา กาลกฺจิกา อสุรา. อปิ เจตฺถ ทีฆปิฏฺิกเปตา นาม ¶ สฏฺิโยชนิกาปิ โหนฺติ, ปฏิสนฺธิสฺา ปน สพฺเพสมฺปิ อกุสลวิปากาเหตุกาว โหติ. อิติ อาปายิกาปิ ‘‘นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.
ทุติยชฺฌานภูมิกา ¶ ปน ปริตฺตาภา อปฺปมาณาภา อาภสฺสรา ‘‘เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. เนสฺหิ สพฺเพสํ กาโย เอกปฺปมาโณว โหติ, ปฏิสนฺธิสฺา ปน ทุติยตติยชฺฌานวิปากวเสน นานา โหติ.
ปริตฺตสุภา อปฺปมาณสุภา สุภกิณฺหา ปน ตติยชฺฌานภูมิกา เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน. เตสํ วุตฺตนเยน กายสฺส เจว จตุตฺถชฺฌานวิปากวเสน ปฏิสนฺธิสฺาย จ เอกตฺตา. ‘‘เวหปฺผลาปิ อิมํเยว จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ ภชนฺติ กายสฺส เจว ปฺจมชฺฌานวิปากวเสน ปฏิสนฺธิสฺาย จ เอกรูปตฺตา. สุทฺธาวาสา ปน อปุนราวตฺตนโต วิวฏฺฏปกฺเข ิตา, น สพฺพกาลิกา. กปฺปสตสหสฺสมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยมฺปิ พุทฺธสฺุเ โลเก นุปฺปชฺชนฺติ, โสฬสกปฺปสหสฺสพฺภนฺตเร พุทฺเธสุ อุปฺปชฺชนฺเตสุเยว อุปฺปชฺชนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติสฺส ภควโต ขนฺธาวารฏฺานสทิสา โหนฺติ, ตสฺมา เนว วิฺาณฏฺิตึ, น สตฺตาวาสํ ภชนฺตี’’ติ วทนฺติ. มหาสีวตฺเถโร ปน ‘‘น โข ปน โส สาริปุตฺต อาวาโส สุลภรูโป, โย มยา อนาวุฏฺปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๐) อิมินา สุตฺเตน ‘‘สุทฺธาวาสาปิ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ จตุตฺถสตฺตาวาสํ ภชนฺตี’’ติ วทติ, ตํ อปฺปฏิพาหิยตฺตา สุตฺตสฺส อนฺุาตํ. ตสฺมา อสฺสตฺตํ อปเนตฺวา ปริตฺตสุภาทีสุ อกนิฏฺปริโยสานาสุ นวสุ ภูมีสุ สตฺตา ‘‘เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน’’ติ คเหตพฺพา.
อสฺสตฺตา ปน วิฺาณาภาวา เอตฺถ สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ. ตถา หิ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘ธี จิตฺตํ, ธี จิตฺตํ, จิตฺตสฺส นาม อภาโวเยว สาธุ. จิตฺตฺหิ นิสฺสาย วธพนฺธาทิปจฺจยํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, จิตฺเต อสติ นตฺเถต’’นฺติ ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌานา กาลํ กตฺวา รูปปฏิสนฺธิวเสน อสฺภเว นิพฺพตฺตนฺติ. โย ยสฺส อิริยาปโถ มนุสฺสโลเก ปณิหิโต อโหสิ, โส เตน อิริยาปเถน นิพฺพตฺติตฺวา ปฺจ กปฺปสตานิ ิโต วา นิสินฺโน วา นิปนฺโน วา โหติ. เอวํ จิตฺตวิราคภาวนาวเสน เตสํ ตตฺถ วิฺาณุปฺปตฺติ น โหตีติ วิฺาณาภาวโต วิฺาณฏฺิตึ เต น ภชนฺติ. เนวสฺานาสฺายตนํ ¶ ปน ยเถว สฺาย, เอวํ วิฺาณสฺสปิ สุขุมตฺตา วิฺาณฏฺิตีสุ สงฺคหํ น คจฺฉติ. ตฺหิ สฺาย วิย วิฺาณสฺสปิ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตฺตา ปริพฺยตฺตวิฺาณกิจฺจาภาวโต เนว วิฺาณํ ¶ , น จ สพฺพโส อวิฺาณํ โหตีติ เนววิฺาณา นาวิฺาณํ, ตสฺมา ปริปฺผุฏวิฺาณกิจฺจวนฺตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ สงฺคหํ น คจฺฉติ. ตสฺมา วินิปาติเกหิ สทฺธึ ฉกามาวจรเทวา มนุสฺสา จ นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, ปมชฺฌานภูมิกา อปายสตฺตา จ นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, ทุติยชฺฌานภูมิกา เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, ตติยชฺฌานภูมิกา อสฺสตฺตํ วชฺเชตฺวา เสสา จตุตฺถชฺฌานภูมิกา จ เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโนติ อิมา จตสฺโส วิฺาณฏฺิติโย เนวสฺานาสฺายตนํ วชฺเชตฺวา อากาสานฺจายตนาทิเหฏฺิมารุปฺปตฺตเยน สทฺธึ ‘‘สตฺต วิฺาณฏฺิติโย’’ติ เวทิตพฺพา.
อฏฺ โลกธมฺมาติ ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส นินฺทา ปสํสา สุขํ ทุกฺขนฺติ อิเม อฏฺ โลกสฺส ธมฺมตฺตา โลกธมฺมา. อิเม หิ สตฺตโลกสฺส อวสฺสํภาวิโน ธมฺมา, ตสฺมา เอเตหิ วินิมุตฺโต นาม โกจิ สตฺโต นตฺถิ. เต หิ อปราปรํ กทาจิ โลกํ อนุปตนฺติ, กทาจิ เต โลโก จ อนุปตติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อฏฺ โลกธมฺเม อนุปริวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๖). ฆาสจฺฉาทนาทีนํ ลทฺธิ, ตานิ เอว วา ลทฺธพฺพโต ลาโภ. ตทภาโว อลาโภ. ลาภคฺคหเณน เจตฺถ ตพฺพิสโย อนุโรโธ คหิโต, อลาภคฺคหเณน วิโรโธ. เอวํ ยสาทีสุปิ ตพฺพิสยอนุโรธวิโรธานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. ลาเภ ปน อาคเต อลาโภ อาคโตเยว โหตีติ ลาโภ จ อลาโภ จ วุตฺโต. ยสาทีสุปิ เอเสว นโย. ตถา จ โลหิเต สติ ตทุปฆาตวเสน ปุพฺโพ วิย ลาภาทีสุ อนุโรเธ สติ อลาภาทีสุ วิโรโธ ลทฺธาวสโร เอว โหติ.
นว สตฺตาวาสาติ เหฏฺา วุตฺตสตฺตวิฺาณฏฺิติโย เอว อสฺสตฺตจตุตฺถารุปฺเปหิ สทฺธึ ‘‘นว สตฺตาวาสา’’ติ วุจฺจนฺติ. สตฺตา อาวสนฺติ เอเตสูติ สตฺตาวาสา, นานตฺตกายนานตฺตสฺีอาทิเภทา สตฺตนิกายา. เต หิ สตฺตนิกายา ตปฺปริยาปนฺนานํ สตฺตานํ ตาย เอว ตปฺปริยาปนฺนตาย ¶ อาธาโร วิย วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ สมุทายาธารตาย อวยวสฺส ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. สุทฺธาวาสานมฺปิ สตฺตาวาสคฺคหเณ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ทสายตนานีติ อรูปสภาวํ มนายตนํ รูปารูปาทิมิสฺสกํ ธมฺมายตนฺจ เปตฺวา เกวลํ รูปธมฺมานํเยว วเสน จกฺขายตนาทโย ปฺจ, รูปายตนาทโย ปฺจาติ ทสายตนานิ วุตฺตานิ, มนายตนธมฺมายตเนหิ ปน สทฺธึ ตานิเยว ‘‘ทฺวาทสายตนานี’’ติ วุตฺตานิ.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ จกฺขาทโย ‘‘อายตนานี’’ติ วุจฺจนฺติ? อายตนโต (วิภ. อฏฺ. ๑๕๔) อายานํ วา ตนนโต อายตสฺส จ นยนโต อายตนานิ. จกฺขุรูปาทีสุ หิ ตํตํทฺวารารมฺมณา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เสน เสน อนุภวนาทินา กิจฺเจน อายตนฺติ อุฏฺหนฺติ ฆฏนฺติ วายมนฺติ, เต จ ปน อายภูเต ธมฺเม เอตานิ ตโนนฺติ วิตฺถาเรนฺติ, อิทฺจ อนมตคฺเค สํสาเร ปวตฺตํ อติวิย อายตํ สํสารทุกฺขํ ยาว น นิวตฺตติ, ตาว นยนฺติ ปวตฺตยนฺติ, ตสฺมา ‘‘อายตนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อปิ จ นิวาสฏฺานฏฺเน อากรฏฺเน สโมสรณฏฺเน สฺชาติเทสฏฺเน การณฏฺเน จ อายตนานิ. ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ วาสุเทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฏฺานํ อายตนนฺติ วุจฺจติ. ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโร. สาสเน ปน ‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๘) สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สฺชาติเทโส. ‘‘ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๕๘; อ. นิ. ๓.๑๐๒; ๕.๒๓) การณํ อายตนนฺติ วุจฺจติ. จกฺขุอาทีสุ จ เต เต จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา นิวสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ จกฺขาทโย เตสํ นิวาสฏฺานํ. จกฺขาทีสุ จ เต อากิณฺณา ตนฺนิสฺสิตตฺตา ตทารมฺมณตฺตา จาติ จกฺขาทโยว เนสํ อากโร. ตตฺถ ตตฺถ วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน สโมสรณโต จกฺขาทโยว เนสํ สโมสรณฏฺานํ. ตนฺนิสฺสยารมฺมณภาเวน ตตฺเถว อุปฺปตฺติโต จกฺขาทโยว เนสํ สฺชาติเทโส. จกฺขาทีนํ อภาเว อภาวโต จกฺขาทโยว เนสํ การณนฺติ ยถาวุตฺเตนตฺเถน จกฺขุ จ ตํ อายตนฺจาติ จกฺขายตนํ. เอวํ เสสานิปิ.
อิมาเนว ¶ ปน ทฺวาทสายตนานิ จกฺขุวิฺาณาทิฉวิฺาเณหิ สทฺธึ อฏฺารส วิทหนาทิโต ‘‘ธาตุโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา หิ จกฺขาทีสุ เอเกโก ธมฺโม ยถาสมฺภวํ วิทหติ, ธียเต, วิธานํ, วิธียเต เอตาย, เอตฺถ วา ธียตีติ ธาตูติ วุจฺจติ. โลกิยา หิ ธาตุโย การณภาเวน ววตฺถิตาว หุตฺวา สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิย สุวณฺณรชตาทึ, อเนกปฺปการํ สํสารทุกฺขํ วิทหนฺติ, ภารหาเรหิ จ ภาโร วิย สตฺเตหิ ธียนฺติ ธารียนฺติ, ทุกฺขวิธานมตฺตเมว เจตา อวสวตฺตนโต. เอตาหิ จ การณภูตาหิ สํสารทุกฺขํ สตฺเตหิ อนุวิธียติ, ตถาวิหิตฺจ ตํ เอตาสฺเวว ธียติ ปียติ, ตสฺมา ‘‘ธาตุโย’’ติ วุจฺจนฺติ. อปิ จ ยถา ติตฺถิยานํ อตฺตา นาม สภาวโต นตฺถิ, น เอวเมตา, เอตา ปน อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโย. ยถา จ โลเก วิจิตฺตา หริตาลมโนสิลาทโย เสลาวยวา ‘‘ธาตุโย’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวเมตาปิ ธาตุโย วิย ธาตุโย. วิจิตฺตา เหตา าณเยฺยาวยวาติ. ยถา วา สรีรสงฺขาตสฺส สมุทายสฺส อวยวภูเตสุ รสโสณิตาทีสุ อฺมฺวิสภาคลกฺขณปริจฺฉินฺเนสุ ¶ ธาตุสมฺา, เอวเมเตสุปิ ปฺจกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อตฺตภาวสฺส อวยเวสุ ธาตุสมฺา เวทิตพฺพา. อฺมฺวิสภาคลกฺขณปริจฺฉินฺนา เหเต จกฺขาทโยติ. อปิ จ ธาตูติ นิชฺชีวมตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. ตถา หิ ภควา ‘‘ฉธาตุโร อยํ ภิกฺขุ ปุริโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๓) ชีวสฺาสมูหนนตฺถํ ธาตุเทสนมกาสิ. ตสฺมา นิชฺชีวฏฺเนปิ ธาตุโยติ วุจฺจนฺติ.
เอตฺถ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาวจเนน สงฺขารานํ อนิจฺจตา, ตาย จ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต ทุกฺขานตฺตตา จ ปกาสิตา โหนฺตีติ ตีณิปิ สามฺลกฺขณานิ คหิตานิ. นามนฺติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา, เต จ อตฺถโต ผสฺสาทโย. รูปนฺติ ภูตุปาทายรูปานิ, ตานิ จ อตฺถโต ปถวีอาทโยติ อวิเสเสเนว สลกฺขณโต สงฺขารา คหิตา. ตคฺคหเณเนว เย เต สวิเสสา กุสลาทโย เหตุอาทโย จ, เตปิ คหิตา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘อิติ อยํ สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต’’ติ.
เอวํ ¶ สงฺขารโลกสฺส สพฺพถา วิทิตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สตฺตโลกสฺสปิ สพฺพถา วิทิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปเนสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยํ ชานาตีติ อาคมฺม จิตฺตํ เสติ เอตฺถาติ อาสโย มิคาสโย วิย. ยถา มิโค โคจราย คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา ตตฺเถว วนคหเน สยตีติ โส ตสฺส อาสโย, เอวํ อฺถา ปวตฺติตฺวาปิ จิตฺตํ อาคมฺม ยตฺถ เสติ, โส ตสฺส อาสโยติ วุจฺจติ. โส ปน สสฺสตทิฏฺิอาทิวเสน จตุพฺพิโธ. วุตฺตฺจ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพปิ ทิฏฺิคติกา สตฺตา อิมา เอว ทฺเว ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา. ยถาห ‘‘ทฺวยนิสฺสิโต ขฺวายํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตฺเจว นตฺถิตฺจา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕). อตฺถิตาติ หิ สสฺสตคฺคาโห อธิปฺเปโต, นตฺถิตาติ อุจฺเฉทคฺคาโห. อยํ ตาว วฏฺฏนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนานํ อาสโย, วิวฏฺฏนิสฺสิตานํ ปน สุทฺธสตฺตานํ อนุโลมิกา ขนฺติ ยถาภูตาณนฺติ ทุวิโธ อาสโย. ตตฺถ ‘‘อนุโลมิกา ขนฺติ วิปสฺสนาาณํ, ยถาภูตาณํ ปน มคฺคาณ’’นฺติ สมฺโมหวิโนทนิยา วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๕) วุตฺตํ ¶ . ตํ จตุพฺพิธมฺปิ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, ชานนฺโต จ เตสํ ทิฏฺิคตานํ เตสฺจ าณานํ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ, กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
อนุสยํ ชานาตีติ อนุ อนุ สยนฺตีติ อนุสยา, อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. เอเตน เนสํ การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหตํ ทสฺเสติ. อปฺปหีนา หิ กิเลสา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติ. เก ปน เต? กามราคาทโย สตฺต อนาคตา กิเลสา, อตีตา ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติ. น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโท ¶ อตฺถิ, ตํ สตฺตวิธํ อนุสยํ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส สนฺตาเน ปโรปรภาเวน ปวตฺตมานํ ชานาติ.
จริตํ ชานาตีติ เอตฺถ จริตนฺติ สุจริตทุจฺจริตํ. ตฺหิ วิภงฺเค (วิภ. ๘๑๔ อาทโย) จริตนิทฺเทเส นิทฺทิฏฺํ. อถ วา จริตนฺติ จริยา เวทิตพฺพา. ตา ปน ราคโทสโมหสทฺธาพุทฺธิวิตกฺกวเสน ฉ มูลจริยา, ตาสํ อปริยนฺโต อนฺตรเภโท, สํสคฺคเภโท ปน เตสฏฺิวิโธ. ตํ จริตํ สภาวโต สํกิเลสโต โวทานโต สมุฏฺานโต ผลโต นิสฺสนฺทโตติ เอวมาทินา ปกาเรน ชานาติ.
อธิมุตฺตึ ชานาตีติ เอตฺถ อธิมุตฺตีติ อชฺฌาสยธาตุ. สา ทุวิธา หีนาธิมุตฺติ ปณีตาธิมุตฺตีติ. ยาย หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเกเยว เสวนฺติ, ปณีตาธิมุตฺติกา จ ปณีตาธิมุตฺติเก เอว. สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา น สีลวนฺโต โหนฺติ, สทฺธิวิหาริกา สีลวนฺโต โหนฺติ, เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. สเจ อาจริยุปชฺฌายา สารุปฺปภิกฺขู, อิตเร อสารุปฺปา, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส หีนาธิมุตฺติเก เอว อุปสงฺกมนฺติ. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร กิร นาคทีเป เจติยวนฺทนาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺโต เอกสฺมึ คาเม มนุสฺเสหิ นิมนฺติโต เถเรน จ สทฺธึ เอโก อสารุปฺปภิกฺขุ อตฺถิ, ธุรวิหาเรปิ เอโก อสารุปฺปภิกฺขุ อตฺถิ, ภิกฺขุสงฺเฆสุ คามํ โอสรนฺเตสุ เต อุโภ ชนา กิฺจาปิ อาคนฺตุเกน เนวาสิโก, เนวาสิเกน วา อาคนฺตุโก น ทิฏฺปุพฺโพ, เอวํ สนฺเตปิ เอกโต ¶ หุตฺวา หสิตฺวา หสิตฺวา กถยมานา อฏฺํสุ. เถโร ทิสฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน ชานิตฺวา ธาตุสํยุตฺตํ (สํ. นิ. ๒.๘๕ อาทโย) กถิต’’นฺติ อาห. เอวมยํ หีนาธิมุตฺติกาทีนํ อฺมฺโปเสวนาทินิยามิกา อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยภาโว อธิมุตฺตีติ วุจฺจติ, ตํ อธิมุตฺตึ ชานาติ. ‘‘อิมสฺส อธิมุตฺติ หีนา, อิมสฺส ปณีตา. ตตฺถาปิ อิมสฺส มุทุ, อิมสฺส มุทุตรา, อิมสฺส มุทุตมา’’ติอาทินา ปฏิวิชฺฌติ. อธิมุตฺติยา ปน ติกฺขมุทุภาวาทิโก อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวาทินา เวทิตพฺโพ.
อปฺปรชกฺเขติ ¶ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อปฺปํ วา ราคาทิรชํ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อนุสฺสทราคาทิรชา สตฺตา. เต อปฺปรชกฺเข. มหารชกฺเขติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, อุสฺสทราคาทิรชา มหารชกฺขา. ชานาตีติ ‘‘อิมสฺส ราครโช อปฺโป, อิมสฺส โทสรโช อปฺโป’’ติอาทินา อปฺปรชกฺขาทิเก ชานาติ.
ติกฺขินฺทฺริเยติ ติขิเณหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคเต. มุทินฺทฺริเยติ มุทุเกหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคเต. อุภยตฺถาปิ อุปนิสฺสยภูตินฺทฺริยานิ อธิปฺเปตานิ. สฺวากาเรติ สุนฺทรากาเร, กลฺยาณปกติเก วิวฏฺฏชฺฌาสเยติ อตฺโถ. เยสํ วา อาสยาทโย อาการา โกฏฺาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. วิปรีตา ทฺวาการา. สุวิฺาปเยติ สมฺมตฺตนิยามํ วิฺาเปตุํ สุกเร สทฺเธ ปฺวนฺเต จ, เย วา กถิตํ การณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. วิปรีตา ทุวิฺาปยา. ภพฺเพ อภพฺเพติ เอตฺถ เย อริยมคฺคปฺปฏิเวธสฺส อนุจฺฉวิกา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา กมฺมาวรณกิเลสาวรณวิปากาวรณรหิตา, เต ภพฺพา. วิปรีตา อภพฺพา. ตสฺมาติ ยสฺมา ภควา อปริมาเณ สตฺเต อาสยาทิโต อนวเสเสตฺวา ชานาติ, ตสฺมา อสฺส ภควโต สตฺตโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.
นนุ จ สตฺเตสุ ปมาณาทิปิ ชานิตพฺโพ อตฺถีติ? อตฺถิ, ตสฺส ปน ชานนํ น นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธายาติ อิธ น คหิตํ, ภควโต ปน ตมฺปิ สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตเมว, ปโยชนาภาวา เทสนํ นารุฬฺหํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อถ โข ภควา ปริตฺตํ นขสิขายํ ปํสุํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข พหุตรํ โย วายํ มยา ปริตฺโต นขสิขายํ ปํสุ อาโรปิโต, อยํ วา มหาปถวี’’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๒๑).
เอวํ ¶ สตฺตโลกสฺสปิ สพฺพถา วิทิตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โอกาสโลกสฺสปิ ตเถว วิทิตภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา จ สตฺตโลโก’’ติอาทิ ¶ . โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโตติ สมฺพนฺโธ. จกฺกวาฬนฺติ โลกธาตุ. สา หิ เนมิมณฺฑลสทิเสน จกฺกวาฬปพฺพเตน สมนฺตโต ปริกฺขิตฺตตฺตา ‘‘จกฺกวาฬ’’นฺติ วุจฺจติ. อฑฺฒุฑฺฒานีติ อุปฑฺฒจตุตฺถานิ, ตีณิ สตานิ ปฺาสฺจาติ อตฺโถ. นหุตานีติ ทสสหสฺสานิ. สงฺขาตาติ กถิตา. ยสฺมา ปถวี นามายํ ติริยํ อปริจฺฉินฺนา, ตสฺมา ‘‘เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา’’ติ พหลโตเยว ปริจฺเฉโท วุตฺโต. นนุ จกฺกวาฬปพฺพเตหิ ตํตํจกฺกวาฬปถวี ปริจฺฉินฺนาติ? น ตทฺจกฺกวาฬปถวิยา เอกาพทฺธภาวโต. ติณฺณํ ติณฺณฺหิ ปตฺตานํ อนฺตราฬสทิเส ติณฺณํ ติณฺณํ โลกธาตูนํ อนฺตเรเยว ปถวี นตฺถิ โลกนฺตรนิรยภาวโต, จกฺกวาฬปพฺพตานํ ปน จกฺกวาฬปพฺพตนฺตเรหิ สมฺพทฺธฏฺาเน ปถวี เอกาพทฺธาว, วิวฏฺฏกาเล สณฺหมานาปิ ปถวี ยถาสณฺิตปถวิยา เอกาพทฺธาว สณฺหติ.
สณฺิตีติ เหฏฺา อุปริโต จาติ สพฺพโส ิติ. เอวํ สณฺิเตติ เอวํ อวฏฺิเต. เอตฺถาติ จกฺกวาเฬ. อชฺโฌคาฬฺโหติ โอคาหิตฺวา อนุปวิสิตฺวา ิโต. อจฺจุคฺคโต ตาวเทวาติ ตตฺตกเมว จตุราสีติ โยชนสตสหสฺสานิเยว อุคฺคโต. น เกวลฺเจตฺถ อุพฺเพโธว, อถ โข อายามวิตฺถาราปิสฺส ตตฺตกาเยว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรนา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๖).
สิเนรุปพฺพตุตฺตโมติ ปพฺพเตสุ อุตฺตโม, ปพฺพโตเยว วา อุตฺตโม ปพฺพตุตฺตโม, สิเนรุสงฺขาโต ปพฺพตุตฺตโม สิเนรุปพฺพตุตฺตโม, สิเนรุปพฺพตราชาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส จ ปาจีนปสฺสํ รชตมยํ, ตสฺมา ตสฺส ปภาย อชฺโฌตฺถรนฺติยา ปาจีนทิสาย สมุทฺโททกํ ขีรํ วิย ปฺายติ. ทกฺขิณปสฺสํ ปน อินฺทนีลมณิมยํ, ตสฺมา ทกฺขิณทิสาย สมุทฺโททกํ เยภุยฺเยน นีลวณฺณํ หุตฺวา ปฺายติ, ตถา อากาสํ. ปจฺฉิมปสฺสํ ผลิกมยํ. อุตฺตรปสฺสํ สุวณฺณมยํ. จตฺตาโร สมุทฺทาปิ สิเนรุรสฺมีหิ เอว ปริจฺฉินฺนา. ตถา หิ ปุพฺพทกฺขิณปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา รชตมณิรสฺมิโย เอกโต หุตฺวา มหาสมุทฺทปิฏฺเน คนฺตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ, ทกฺขิณปจฺฉิมปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา มณิผลิกรสฺมิโย, ปจฺฉิมุตฺตรปสฺเสหิ ¶ นิกฺขนฺตา ผลิกสุวณฺณรสฺมิโย, อุตฺตรปาจีนปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา สุวณฺณรชตรสฺมิโย เอกโต หุตฺวา ¶ มหาสมุทฺทปิฏฺเน คนฺตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ, ตาสํ รสฺมีนํ อนฺตเรสุ จตฺตาโร มหาสมุทฺทา โหนฺติ.
ตโตติ สิเนรุสฺส เหฏฺา อุปริ จ วุตฺตปฺปมาณโต. อุปฑฺฒุปฑฺเฒนาติ อุปฑฺเฒน อุปฑฺเฒน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทฺวาจตฺตาลีส โยชนสหสฺสานิ สมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห ตตฺตกเมว อุปริ อุคฺคโต ยุคนฺธรปพฺพโต, เอกวีสติ โยชนสหสฺสานิ มหาสมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห ตตฺตกเมว จ อุปริ อุคฺคโต อีสธโร ปพฺพโตติ อิมินา นเยน เสเสสุปิ อุปฑฺฒุปฑฺฒปฺปมาณตา เวทิตพฺพา. ยถา มหาสมุทฺโท ยาว จกฺกวาฬปาทมูลา อนุปุพฺพนินฺโน, เอวํ ยาว สิเนรุปาทมูลาติ เหฏฺา สิเนรุปฺปมาณโต อุปฑฺฒปฺปมาโณปิ ยุคนฺธรปพฺพโต ปถวิยํ สุปฺปติฏฺิโต, เอวํ อีสธราทโยปีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘มหาสมุทฺโท, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพนินฺโน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร’’ติ (จูฬว. ๑๘๔; อุทา. ๔๕). สิเนรุยุคนฺธราทีนํ อนฺตเร สีทนฺตรสมุทฺทา นาม โหนฺติ. ตตฺถ กิร อุทกํ สุขุมํ โมรปตฺตมตฺตมฺปิ ปกฺขิตฺตํ ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ สีทเตว, ตสฺมา เต สีทสมุทฺทา นาม วุจฺจนฺติ. เต ปน วิตฺถารโต ยถากฺกมํ สิเนรุอาทีนํ อจฺจุคฺคมสมานปอมาณาติ วทนฺติ. อชฺโฌคาฬฺหุคฺคตาติ อชฺโฌคาฬฺหา จ อุคฺคตา จ. พฺรหาติ มหนฺตา.
สิเนรุสฺส สมนฺตโตติ ปริกฺขิปนวเสน สิเนรุสฺส สมนฺตโต ิตา. สิเนรุํ ตาว ปริกฺขิปิตฺวา ิโต ยุคนฺธโร, ตํ ปริกฺขิปิตฺวา อีสธโร. เอวํ ตํ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตา ‘‘สิเนรุสฺส สมนฺตโต’’ติ วุตฺตา. กตฺถจิ ปน ‘‘สิเนรุํ ปริกฺขิปิตฺวา อสฺสกณฺโณ นาม ปพฺพโต ปติฏฺิโต, ตํ ปริกฺขิปิตฺวา วินตโก นาม ปพฺพโต’’ติ เอวํ อฺโเยว อนุกฺกโม อาคโต. ตถา หิ นิมิชาตเก –
‘‘สหสฺสยุตฺตํ หยวาหึ, ทิพฺพยานมธิฏฺิโต;
ยายมาโน มหาราชา, อทฺทา สีทนฺตเร นเค;
ทิสฺวานามนฺตยี สูตํ, อิเม เก นาม ปพฺพตา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๕๖๖)
เอวํ ¶ นิมิมหาราเชน ปุฏฺเน มาตลิเทวปุตฺเตน –
‘‘สุทสฺสโน กรวีโก, อีสธโร ยุคนฺธโร;
เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกณฺโณ คิรี พฺรหา.
‘‘เอเต ¶ สีทนฺตเร นคา, อนุปุพฺพสมุคฺคตา;
มหาราชานมาวาสา, ยานิ ตฺวํ ราช ปสฺสสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๕๖๘-๕๖๙)
วุตฺตํ.
ตตฺถ อฏฺกถายํ อิทํ วุตฺตํ –
‘‘อยํ, มหาราช, เอเตสํ สพฺพพาหิโร สุทสฺสโน ปพฺพโต นาม, ตทนนฺตเร กรวีโก นาม, โส สุทสฺสนโต อุจฺจตโร. อุภินฺนมฺปิ ปน เตสํ อนฺตเร เอโกปิ สีทนฺตรมหาสมุทฺโท. กรวีกสฺส อนนฺตเร อีสธโร นาม, โส กรวีกโต อุจฺจตโร. เตสมฺปิ อนฺตเร เอโก สีทนฺตรมหาสมุทฺโท. อีสธรสฺส อนนฺตเร ยุคนฺธโร นาม, โส อีสธรโต อุจฺจตโร. เตสมฺปิ อนฺตเร เอโก สีทนฺตรมหาสมุทฺโท. ยุคนฺธรสฺส อนนฺตเร เนมินฺธโร นาม, โส ยุคนฺธรโต อุจฺจตโร. เตสมฺปิ อนฺตเร เอโก สีทนฺตรมหาสมุทฺโท. เนมินฺธรสฺส อนนฺตเร วินตโก นาม, โส เนมินฺธรโต อุจฺจตโร. เตสมฺปิ อนฺตเร เอโก สีทนฺตรมหาสมุทฺโท. วินตกสฺส อนนฺตเร อสฺสกณฺโณ นาม, โส วินตกโต อุจฺจตโร. เตสมฺปิ อนฺตเร เอโก สีทนฺตรมหาสมุทฺโท. เอเต สีทนฺตรมหาสมุทฺเท สตฺต ปพฺพตา อนุปฏิปาฏิยา สมุคฺคตา โสปานสทิสา หุตฺวา ิตา’’ติ (ชา. อฏฺ. ๖.๒๒.๕๖๙).
โยชนานํ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโตติ หิมวา ปพฺพโต ปฺจ โยชนสตานิ อุจฺโจ, อุพฺเพโธติ อตฺโถ. ตตฺถ หิมวาติ หิมปาตสมเย หิมยุตฺตตาย หิมํ อสฺส อตฺถีติ หิมวา, คิมฺหกาเล หิมํ วมตีติ หิมวา. ปพฺพโตติ เสโล. เสโล หิ สนฺธิสงฺขาเตหิ ปพฺเพหิ สหิตตฺตา ‘‘ปพฺพโต’’ติ วุจฺจติ, ปสวนาทิวเสน ชลสฺส สารภูตานํ เภสชฺชาทีนํ วตฺถูนฺจ คิรณโต ‘‘คิรี’’ติ จ วุจฺจติ. โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโตติ โยชนานํ ตีณิ สหสฺสานิ อายามโต ¶ จ วิตฺถารโต จาติ อตฺโถ, อายามโต จ วิตฺถารโต จ ตีณิ โยชนสหสฺสานีติ วุตฺตํ โหติ.
จตุราสีติสหสฺเสหิ, กูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโตติ สุทสฺสนกูฏจิตฺรกูฏาทีหิ จตุราสีติกูฏสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิโต, โสภิโตติ อตฺโถ. อปิเจตฺถ อวุตฺโตปิ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๑; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๘.๑๙; สุ. นิ. อฏฺ. เสลสุตฺตวณฺณนา) – อยํ ¶ หิมวา นาม ปพฺพโต สมนฺตโต สนฺทมานปฺจสตนทีวิจิตฺโต, ยตฺถ อายามวิตฺถาเรน เจว คมฺภีรตาย จ ปณฺณาส ปณฺณาส โยชนา ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑลา อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินีทโห สีหปฺปปาตทโหติ สตฺต มหาสรา ปติฏฺิตา. เตสุ อโนตตฺโต สุทสฺสนกูฏํ จิตฺรกูฏํ กาฬกูฏํ คนฺธมาทนกูฏํ เกลาสกูฏนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิตฺโต. ตตฺถ สุทสฺสนกูฏํ โสวณฺณมยํ ทฺวิโยชนสตุพฺเพธํ อนฺโตวงฺกํ กากมุขสณฺานํ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตํ. จิตฺรกูฏํ สพฺพรตนมยํ. กาฬกูฏํ อฺชนมยํ. คนฺธมาทนกูฏํ สานุมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ กาฬานุสาริยาทิมูลคนฺโธ จนฺทนาทิสารคนฺโธ สรลาทิเผคฺคุคนฺโธ ลวงฺคาทิตจคนฺโธ กปิฏฺาทิปปฏิกคนฺโธ สชฺชาทิรสคนฺโธ ตมาลาทิปตฺตคนฺโธ นาคกุงฺกุมาทิปุปฺผคนฺโธ ชาติผลาทิผลคนฺโธ สพฺพถา คนฺธภาวโต คนฺธคนฺโธติ อิเมหิ ทสหิ คนฺเธหิ อุสฺสนฺนํ นานปฺปการโอสธสฺฉนฺนํ กาฬปกฺขอุโปสถทิวเส อาทิตฺตมิว องฺคารํ ชลนฺตํ ติฏฺติ.
ตตฺเถว นนฺทมูลกํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๕) นาม ปพฺภารํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วสโนกาโส. ติสฺโส คุหาโย สุวณฺณคุหา มณิคุหา รชตคุหาติ. ตตฺถ มณิคุหาทฺวาเร มฺชูสโก นาม รุกฺโข โยชนํ อุพฺเพเธน, โยชนํ วิตฺถาเรน, โส ยตฺตกานิ อุทเก วา ถเล วา ปุปฺผานิ, สพฺพานิ ปุปฺผติ วิเสเสน ปจฺเจกพุทฺธาคมนทิวเส, ตสฺสูปริโต สพฺพรตนมาโฬ โหติ. ตตฺถ สมฺมชฺชนกวาโต กจวรํ ฉฑฺเฑติ, สมกรณวาโต สพฺพรตนมยํ วาลิกํ สมํ กโรติ, สิฺจนกวาโต อโนตตฺตทหโต อาเนตฺวา อุทกํ สิฺจติ, สุคนฺธกรณวาโต สพฺเพสํ คนฺธรุกฺขานํ คนฺเธ อาเนติ, โอจินกวาโต ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปาเตติ, สนฺถรณกวาโต สพฺพตฺถ สนฺถรติ, สทา ปฺตฺตาเนว เจตฺถ อาสนานิ โหนฺติ. เยสุ ¶ ปจฺเจกพุทฺธุปฺปาททิวเส อุโปสถทิวเส จ สพฺพปจฺเจกพุทฺธา สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฺติ, อยํ ตตฺถ ปกติ. อภิสมฺพุทฺธปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทติ. ตโต สเจ ตสฺมึ กาเล อฺเปิ ปจฺเจกพุทฺธา สํวิชฺชนฺติ, เตปิ ตงฺขณํ สนฺนิปติตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทนฺติ, นิสีทิตฺวา กิฺจิเทว สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺหนฺติ. ตโต สงฺฆตฺเถโร อธุนาคตํ ปจฺเจกพุทฺธํ สพฺเพสํ อนุโมทนตฺถาย ‘‘กถมธิคต’’นฺติ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉติ, ตทา โส อตฺตโน อุทานพฺยากรณคาถํ ภาสติ. เอวมิทํ คนฺธมาทนกูฏํ ปจฺเจกพุทฺธานํ อาวาสฏฺานํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
เกลาสกูฏํ ปน รชตมยํ. สพฺพานิ เจตานิ จิตฺรกูฏาทีนิ สุทสฺสเนน สมานุพฺเพธสณฺานานิ ¶ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ. สพฺพานิ ปน ปุถุลโต ปฺาสโยชนานิ, อายามโต ปน อุพฺเพธโต วิย ทฺวิโยชนสตาเนวาติ วทนฺติ. ตานิ สพฺพานิ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ สฺสนฺติ, นทิโย จ เตสุ สนฺทนฺติ, ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ, จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตตฺถ โอภาสํ กโรนฺติ, อุชุํ คจฺฉนฺตา น กโรนฺติ, เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิ. ตตฺถ รตนมยมนฺุโสปานสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสนิมฺมลูทกานิ นฺหานติตฺถานิ ตทุปโภคีสตฺตานํ สาธารณกมฺมุนาว สุปฺปฏิยตฺตานิ สุสณฺิตานิ โหนฺติ, เยสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา จ อิทฺธิมนฺโต จ อิสโย นฺหายนฺติ, เทวยกฺขาทโย อุยฺยานกีฬํ กีฬนฺติ.
ตสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สีหมุขํ หตฺถิมุขํ อสฺสมุขํ อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ มุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตสฺโส นทิโย สนฺทนฺติ. สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร สีหา พหุตรา โหนฺติ, หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภา. ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติสฺโส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวนฺเตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ. ปจฺฉิมทิสโต จ อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวนฺเตเนว อุตฺตรหิมวนฺเตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ. ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเเนว สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา วุฏฺาย ปริกฺเขเปน ติคาวุตปฺปมาณา อุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ¶ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภินฺโน. ตตฺถ ปฺาสโยชนปฺปมาณา ติยคฺคฬา นาม มหาโปกฺขรณี ชาตา, มหาโปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิ โยชนานิ คตา, ตโต ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปฺจงฺคุลิสทิสา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตติ. สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน ‘‘อาวฏฺฏคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ, อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ, ติยคฺคฬปาสาเณ ปฺาสโยชโนกาเส ิตา ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ, กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ, อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน ปน คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหีติ ปฺจธา สงฺขฺยํ คตา. เอวเมตา ปฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปภวนฺติ.
ฉทฺทนฺตทหสฺส ¶ ปน (ชา. อฏฺ. ๕.๑๖.ฉทฺทนฺตชาตกวณฺณนา) มชฺเฌ ทฺวาทสโยชนปฺปมาเณ าเน เสวาโล วา ปณกํ วา นตฺถิ, มณิกฺขนฺธวณฺณํ อุทกเมว สนฺติฏฺติ, ตทนนฺตรํ โยชนวิตฺถตํ สุทฺธกลฺลหารวนํ ตํ อุทกํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ, ตทนนฺตรํ โยชนวิตฺถตเมว สุทฺธนีลุปฺปลวนํ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ, โยชนโยชนวิตฺถตาเนว รตฺตุปฺปลเสตุปฺปลรตฺตปทุมเสตปทุมกุมุทวนานิ ปุริมํ ปุริมํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตานิ, อิเมสํ ปน สตฺตนฺนํ วนานํ อนนฺตรํ สพฺเพสมฺปิ กลฺลหาราทีนํ วเสน โวมิสฺสกวนํ โยชนวิตฺถตเมว ตานิ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ, ตทนนฺตรํ นาคานํ กฏิปฺปมาเณ อุทเก โยชนวิตฺถตเมว รตฺตสาลิวนํ, ตทนนฺตรํ อุทกปริยนฺเต นีลปีตโลหิโตทาตสุรภิสุขุมกุสุมสมากิณฺณํ ขุทฺทกคจฺฉวนนฺติ อิมานิ ทส วนานิ โยชนโยชนวิตฺถตาเนว. ตโต ขุทฺทกราชมาสมหาราชมาสมุคฺควนํ, ตทนนฺตรํ ติปุสเอฬาลุกอลาพุกุมฺภณฺฑวลฺลิวนานิ, ตโต ปูครุกฺขปฺปมาณํ อุจฺฉุวนํ, ตโต หตฺถิทนฺตปฺปมาณผลํ กทลิวนํ, ตโต สาลวนํ, ตทนนฺตรํ จาฏิปฺปมาณผลํ ปนสวนํ, ตโต มธุรผลํ อมฺพวนํ, ตโต จิฺจวนํ, ตโต กปิฏฺวนํ, ตโต โวมิสฺสโก มหาวนสณฺโฑ, ตโต เวณุวนํ, เวณุวนํ ปน ปริกฺขิปิตฺวา สตฺต ¶ ปพฺพตา ิตา, เตสํ พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ปโม จูฬกาฬปพฺพโต นาม, ทุติโย มหากาฬปพฺพโต นาม, ตโต อุทกปสฺสปพฺพโต นาม, ตโต จนฺทปสฺสปพฺพโต นาม, ตโต สูริยปสฺสปพฺพโต นาม, ตโต มณิปสฺสปพฺพโต นาม, สตฺตโม สุวณฺณปสฺสปพฺพโต นาม. โส อุพฺเพธโต สตฺตโยชนิโก ฉทฺทนฺตทหํ ปริกฺขิปิตฺวา ปตฺตสฺส มุขวฏฺฏิ วิย ิโต. ตสฺส อพฺภนฺตริมปสฺสํ สุวณฺณวณฺณํ, ตโต นิกฺขนฺเตน โอภาเสน ฉทฺทนฺตทโห สมุคฺคตพาลสูริโย วิย โหติ. พาหิริมปพฺพเตสุ ปน เอโก อุพฺเพธโต ฉ โยชนานิ, เอโก ปฺจ, เอโก จตฺตาริ, เอโก ตีณิ, เอโก ทฺเว, เอโก โยชนํ.
เอวํ สตฺตปพฺพตปริกฺขิตฺตสฺส ปน ตสฺส ทหสฺส ปุพฺพุตฺตรกณฺเณ อุทกวาตปฺปหรโณกาเส มหานิคฺโรธรุกฺโข, ตสฺส ขนฺโธ ปริกฺเขปโต ปฺจโยชนิโก, อุพฺเพธโต สตฺตโยชนิโก. จตูสุ ทิสาสุ จตสฺโส สาขาโย ฉฉโยชนิกา, อุทฺธํ อุคฺคตสาขาปิ ฉโยชนิกาว. อิติ โส มูลโต ปฏฺาย อุพฺเพเธน เตรสโยชนิโก สาขานํ โอริมนฺตโต ยาว ปาริมนฺตา ทฺวาทสโยชนิโก อฏฺหิ ปาโรหสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิโต มุณฺฑมณิปพฺพโต วิย วิลาสมาโน ติฏฺติ. ฉทฺทนฺตทหสฺส ปน ปจฺฉิมทิสาภาเค สุวณฺณปพฺพเต ทฺวาทสโยชนิกา กฺจนคุหา. ฉทฺทนฺโต นาคราชา วสฺสารตฺเต อฏฺสหสฺสนาคปริวุโต กฺจนคุหายํ วสติ, คิมฺหกาเล อุทกวาตํ สมฺปฏิจฺฉมาโน มหานิคฺโรธมูเล ปาโรหนฺตเร ติฏฺติ.
มนฺทากินิยา ¶ ปน มชฺเฌ ปฺจวีสติโยชนมตฺเต าเน เสวาโล วา ปณกํ วา นตฺถิ, ผลิกวณฺณํ อุทกเมว โหติ, ตโต ปรํ ปน นาคานํ กฏิปฺปมาเณ อุทเก อฑฺฒโยชนวิตฺถตํ เสตปทุมวนํ ตํ อุทกํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ. ตตฺถ มุฬาลํ นงฺคลสีสมตฺตํ โหติ, ภิสํ มหาเภริโปกฺขรปฺปมาณํ โหติ. ตสฺส เอเกกสฺมึ ปพฺพนฺตเร อาฬฺหกปฺปมาณํ ขีรํ โหติ. ปทุมานํ ปุปฺผสมเย วาโต เรณุวฏฺฏึ อุฏฺาเปตฺวา ปทุมินีปตฺเตสุ เปติ, ตตฺถ อุทกผุสิตานิ ปตนฺติ, ตโต อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ปกฺกอโยฆฏิกา วิย โปกฺขรมธุ ติฏฺติ, ตทนนฺตรํ ตาวมหนฺตเมว รตฺตปทุมวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ เสตกุมุทวนํ ¶ , ตทนนฺตรํ นีลุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ สุคนฺธสาลิวนํ, ตทนนฺตรํ เอฬาลุกอลาพุกุมฺภณฺฑาทีนิ มธุรรสานิ วลฺลิผลานิ, ตทนนฺตรํ อฑฺฒโยชนวิตฺถตเมว อุจฺฉุวนํ, ตตฺถ ปูครุกฺขกฺขนฺธปฺปมาณํ อุจฺฉุ. ตทนนฺตรํ กทลิวนํ, ยโต ทุเว ปกฺกานิ ขาทนฺตา กิลมนฺติ. ตทนนฺตรํ จาฏิปฺปมาณผลํ ปนสวนํ, ตทนนฺตรํ อมฺพวนํ, ชมฺพุวนํ, กปิฏฺวนนฺติ สงฺเขปโต ตสฺมึ ทเห ขาทิตพฺพยุตฺตกํ ผลํ นาม นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. อิติ อิมสฺมึ หิมวติ วิชฺชมานกสตฺตมหาสรปฺปภุตีนํ ปมาณสณฺานาทิเภทํ สพฺพเมว วิเสสํ ภควา สพฺพถา อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิเยวาติ ทฏฺพฺพํ.
ติปฺจโยชนกฺขนฺธปริกฺเขปาติ ปนฺนรสโยชนปฺปมาณกฺขนฺธปริกฺเขปา, ขนฺธสฺส ปริณาโห ปนฺนรสโยชนปฺปมาโณติ วุตฺตํ โหติ. นควฺหยาติ นคสทฺเทน อวฺหาตพฺพา, รุกฺขาภิธานาติ อตฺโถ. รุกฺโข หิ น คจฺฉตีติ นโคติ วุจฺจติ. นควฺหยา ชมฺพูติ โยเชตพฺพํ. ปฺาสโยชนกฺขนฺธสาขายามาติ อุพฺเพธโต ปฺาสโยชนปฺปมาณกฺขนฺธายามา อุพฺเพธโต สมนฺตโต จ ปฺาสโยชนสาขายามา จ. ตโต เอว สตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา. ชมฺพุรุกฺขสฺส หิ มูลโต ปฏฺาย ยาว สาขาวิฏปา, ตาว ปณฺณาส โยชนานิ, ตโต ปรมฺปิ อุชุกํ อุคฺคตสาขา ปณฺณาส โยชนานิ, สมนฺตโต จ เอเกกา สาขา ปณฺณาส ปณฺณาส โยชนานิ วฑฺฒิตานิ. ตาสุ ปน มหนฺตา มหนฺตา นทิโย สนฺทนฺติ, ตาสํ นทีนํ อุภยตีเร ชมฺพุปกฺกานํ ปติตฏฺาเน สุวณฺณงฺกุรา อุฏฺหนฺติ, เต นทีชเลน วุยฺหมานา อนุปุพฺเพน มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ, ตโตเยว ชมฺพุนทิยํ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘ชมฺพุนท’’นฺติ ตํ สุวณฺณํ วุจฺจติ.
ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺสา มหนฺตตา กปฺปฏฺายิกาทิปฺปกาเรน ปภาเวน. ยฺเจตํ ชมฺพุยา ปมาณํ, เอตเทว อสุรานํ จิตฺตปาฏลิยา, ครุฬานํ สิมฺพลิรุกฺขสฺส, อปรโคยาเน กทมฺพสฺส, อุตฺตรกุรูสุ กปฺปรุกฺขสฺส, ปุพฺพวิเทเห สิรีสสฺส, ตาวตึเสสุ ปาริจฺฉตฺตกสฺสาติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ปาฏลี ¶ สิมฺพลี ชมฺพู, เทวานํ ปาริฉตฺตโก;
กทมฺโพ กปฺปรุกฺโข จ, สิรีเสน ภวติ สตฺตม’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๓๒๒);
เอตฺถ ¶ สิรีเสน ภวติ สตฺตมนฺติ เอตฺถ สิรีเสนาติ ปจฺจตฺเต กรณวจนํ. สตฺตมนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, สิรีโส ภวติ สตฺตโมติ อตฺโถ.
จกฺกวาฬสิลุจฺจโยติ จกฺกวาฬปพฺพโต. ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, โลกธาตุมยํ ิโตติ เหฏฺา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา จกฺกวาฬสิลุจฺจโย ปติฏฺิโต, อยํ เอกา โลกธาตุ นามาติ อตฺโถ. ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน อาคโต. ‘‘ตํ สพฺพํ โลกธาตุํ ปริกฺขิปิตฺวา อยํ จกฺกวาฬสิลุจฺจโย ิโต’’ติ เอวมฺเปตฺถ สมฺพนฺธํ วทนฺติ, เอวํ วุตฺเตปิ จกฺกวาฬปพฺพโตปิ โลกธาตุเยวาติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถาติ ติสฺสํ โลกธาตุยํ. จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปฺาสโยชนนฺติ อุชุกํ อายามโต วิตฺถารโต อุพฺเพธโต จ เอกูนปฺาสโยชนํ, ปริมณฺฑลโต ปน ตีหิ โยชเนหิ อูนทิยฑฺฒสตโยชนํ. สูริยมณฺฑลํ ปฺาสโยชนนฺติ เอตฺถาปิ จนฺทมณฺฑเล วุตฺตนเยเนว อุชุกํ ปฺาสโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ, ปริมณฺฑลโต ปน ทิยฑฺฒสตโยชนํ.
เตสุ ปน จนฺทมณฺฑลํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๑) เหฏฺา, สูริยมณฺฑลํ อุปริ, อนฺตรา เนสํ โยชนํ โหติ. จนฺทสฺส เหฏฺิมนฺตโต สูริยสฺส อุปริมนฺตํ โยชนสตํ โหติ, จนฺทวิมานํ อนฺโต มณิมยํ, พหิ รชเตน ปริกฺขิตฺตํ, อนฺโต จ พหิ จ สีตลเมว โหติ. สูริยวิมานํ อนฺโต กนกมยํ, พาหิรํ ผลิกปริกฺขิตฺตํ โหติ, อนฺโต จ พหิ จ อุณฺหเมว. จนฺโท อุชุกํ สณิกํ คจฺฉติ. โส หิ อมาวาสิยํ สูริเยน สทฺธึ คจฺฉนฺโต ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ โอหียนฺโต ปุณฺณมาสิยํ อุปฑฺฒมคฺคโต โอหียติ, ติริยํ ปน สีฆํ คจฺฉติ. ตถา เหส เอกสฺมึ มาเส กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ อุตฺตรโต ทิสฺสติ, จนฺทสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ นกฺขตฺตตารกา คจฺฉนฺติ, จนฺโท เธนุ วิย วจฺฉํ ตํ ตํ นกฺขตฺตํ อุปสงฺกมติ, นกฺขตฺตานิ ปน อตฺตโน คมนฏฺานํ น วิชหนฺติ, อตฺตโน วีถิยาว คจฺฉนฺติ. สูริยสฺส ปน อุชุกํ คมนํ สีฆํ, ติริยํ คมนํ ทนฺธํ. ติริยํ คมนํ นาม ทกฺขิณทิสโต อุตฺตรทิสาย, อุตฺตรทิสโต ทกฺขิณทิสาย คมนํ, ตํ ทนฺธํ ฉหิ ฉหิ มาเสหิ อิชฺฌนโต.
สูริโย ¶ กาฬปกฺขอุโปสเถ จนฺเทน สเหว คนฺตฺวา ตโต ปรํ ปาฏิปททิวเส โยชนานํ สตสหสฺสํ จนฺทมณฺฑลํ โอหาย คจฺฉติ อตฺตโน ¶ สีฆคามิตาย ตสฺส จ ทนฺธคามิตาย, อถ จนฺโท เลขา วิย ปฺายติ. ตโต ปรมฺปิ ปกฺขสฺส ทุติยาย โยชนานํ สตสหสฺสํ จนฺทมณฺฑลํ โอหาย คจฺฉติ. เอวํ ทิวเส ทิวเส ยาว สุกฺกปกฺขอุโปสถทิวสา สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ โอหาย คจฺฉติ, อถ จนฺโท อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อุโปสถทิวเส ปริปุณฺโณ โหติ. อนุกฺกเมน วฑฺฒนฺเจตฺถ อุปริภาคโต ปติตสูริยาโลกตาย เหฏฺโต ปวตฺตาย สูริยสฺส ทูรภาเวน ทิวเส ทิวเส อนุกฺกเมน ปริหายมานาย อตฺตโน ฉายาย วเสน อนุกฺกเมน จณฺฑมณฺฑลปฺปเทสสฺส วฑฺฒมานสฺส วิย ทิสฺสมานตายาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา วิย อุโปสถทิวเส ปุณฺณมายํ ปริปุณฺณมณฺฑโล หุตฺวา ทิสฺสติ. อถ สูริโย ปาฏิปททิวเส โยชนานํ สตสหสฺสํ ธาวิตฺวา ปุน จนฺทมณฺฑลํ คณฺหาติ จนฺทสฺส ทนฺธคติตาย อตฺตโน จ สีฆคติตาย, ตถา ทุติยาย สตสหสฺสนฺติ เอวํ ยาว อุโปสถทิวสา สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ธาวิตฺวา คณฺหาติ. อถ จนฺโท อนุกฺกเมน หายิตฺวา กาฬปกฺขอุโปสถทิวเส สพฺพโส น ปฺายติ, อนุกฺกเมน หายมานตา เจตฺถ อนุกฺกเมน วฑฺฒมานตาย วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ตตฺถ ปน ฉายาย หายมานตาย มณฺฑลํ วฑฺฒมานํ วิย ทิสฺสติ, อิธ จ ฉายาย วฑฺฒมานตาย มณฺฑลํ หายมานํ วิย ทิสฺสติ, ตสฺมา อนุกฺกเมน หายิตฺวา วิย อุโปสถทิวเส สพฺพโส น ปฺายติ. จนฺทํ เหฏฺา กตฺวา สูริโย อุปริ โหติ, มหติยา ปาติยา ขุทฺทกภาชนํ วิย จนฺทมณฺฑลํ ปิธียติ, มชฺฌนฺหิเก เคหจฺฉายา วิย จนฺทสฺส ฉายา น ปฺายติ. โส ฉายาย อปฺายมานาย ทูเร ิตานํ ทิวา ปทีโป วิย สยมฺปิ น ปฺายติ.
อิเมสํ ปน อชวีถิ นาควีถิ โควีถีติ ติสฺโส คมนวีถิโย โหนฺติ. ตตฺถ อชานํ อุทกํ ปฏิกูลํ โหติ, หตฺถินาคานํ มนาปํ, คุนฺนํ สีตุณฺหสมตาย ผาสุ โหติ. ตถา จ ยาย วีถิยา สูริเย คจฺฉนฺเต วสฺสวลาหกเทวปุตฺตา สูริยาภิตาปสนฺตตฺตา อตฺตโน วิมานโต น นิกฺขมนฺติ, กีฬาปสุตา หุตฺวา น วิจรนฺติ, ตทา กิร สูริยวิมานํ ปกติมคฺคโต อโธ โอตริตฺวา วิจรติ, ตสฺส โอรุยฺห จรเณเนว จนฺทวิมานมฺปิ อโธ โอรุยฺห จรติ ตคฺคติกตฺตา, ตสฺมา ¶ สา วีถิ อุทกาภาเวน อชานุรูปตาย ‘‘อชวีถี’’ติ สมฺา คตา. ยาย ปน วีถิยา สูริเย คจฺฉนฺเต วสฺสวลาหกเทวปุตฺตา สูริยาภิตาปาภาวโต อภิณฺหํ อตฺตโน วิมานโต พหิ นิกฺขมิตฺวา กีฬาปสุตา หุตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺติ, ตทา กิร สูริยวิมานํ ปกติมคฺคโต อุทฺธํ อารุหิตฺวา วิจรติ, ตสฺส อุทฺธํ อารุยฺห จรเณเนว จนฺทวิมานมฺปิ อุทฺธํ อารุยฺห จรติ ตคฺคติกตฺตา, ตคฺคติกตา จ สมานคติ นาม ¶ วาตมณฺฑเลน วิมานสฺส เผลฺลิตพฺพตฺตา, ตสฺมา สา วีถิ อุทกพหุภาเวน นาคานุรูปตาย ‘‘นาควีถี’’ติ สมฺา คตา. ยทา สูริโย อุทฺธํ อนาโรหนฺโต อโธ จ อโนตรนฺโต ปกติมคฺเคเนว คจฺฉติ, ตทา วสฺสวลาหกา ยถากาลํ ยถารุจิฺจ วิมานโต นิกฺขมิตฺวา สุเขน วิจรนฺติ, เตน กาเลน กาลํ วสฺสนโต โลเก อุตุสมตา โหติ, ตาย อุตุสมตาย เหตุภูตาย สา จนฺทิมสูริยานํ คติ ควานุรูปตาย ‘‘โควีถี’’ติ สมฺา คตา. ตสฺมา ยํ กาลํ จนฺทิมสูริยา อชวีถึ อารุหนฺติ, ตทา เทโว เอกพินฺทุมฺปิ น วสฺสติ. ยทา นาควีถึ อาโรหนฺติ, ตทา ภินฺนํ วิย นภํ ปคฺฆรติ. ยทา โควีถึ อาโรหนฺติ, ตทา อุตุสมตา สมฺปชฺชติ.
ยทา ปน ราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, เตสํ อธมฺมิกตาย อุปราชเสนาปติปฺปภุตโย สพฺเพ เทวา พฺรหฺมาโน จ อธมฺมิกา โหนฺติ, ตทา เตสํ อธมฺมิกตาย วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺติ. ตทา หิ พหฺวาพาธตาทิอนิฏฺผลูปนิสฺสยภูตสฺส ยถาวุตฺตสฺส อธมฺมิกตาสฺิตสฺส สาธารณสฺส ปาปกมฺมสฺส พเลน วิสมํ วายนฺเตน วายุนา เผลฺลิยมานา จนฺทิมสูริยา สิเนรุํ ปริกฺขิปนฺตา วิสมํ ปริวตฺตนฺติ, ยถามคฺเคน น ปวตฺตนฺติ. วาโต ยถามคฺเคน น วายติ, อยถามคฺเคน วายติ, อยถามคฺเคน วายนฺโต อากาสฏฺวิมานานิ โขเภติ, วิมาเนสุ โขภิเตสุ เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิตฺตานิ น นมนฺติ, จิตฺเตสุ อนมนฺเตสุ สีตุณฺหเภโท อุตุ ยถากาเลน น สมฺปชฺชติ, ตสฺมึ อสมฺปชฺชนฺเต น สมฺมา เทโว วสฺสติ, กทาจิ วสฺสติ, กทาจิ น วสฺสติ, กตฺถจิ วสฺสติ, กตฺถจิ น วสฺสติ. วสฺสนฺโตปิ วปฺปกาเล องฺกุรกาเล นาฬกาเล ปุปฺผกาเล ขีรคฺคหณาทิกาเลสุ ยถา ยถา ¶ สสฺสานํ อุปกาโร น โหติ, ตถา ตถา วสฺสติ จ วิคจฺฉติ จ. เตน สสฺสานิ วิสมปากานิ โหนฺติ วิคตคนฺธรสาทิสมฺปทานิ, เอกภาชเน ปกฺขิตฺตตณฺฑุเลสุปิ เอกสฺมึ ปเทเส ภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลํ โหติ, เอกสฺมึ อติกิลินฺนํ, เอกสฺมึ สมปากํ. ตํ ปริภุตฺตํ กุจฺฉิยมฺปิ สพฺพโส อปริณตํ, เอกเทเสน ปริณตํ, สุปริณตนฺติ เอวํ ตีหิเยว ปกาเรหิ ปจฺจติ, ปกฺกาสยํ น สมฺมา อุปคจฺฉติ. เตน สตฺตา พหฺวาพาธา เจว โหนฺติ อปฺปายุกา จ.
ธมฺมิกานํ ปน ราชูนํ กาเล วุตฺตวิปริยาเยน จนฺทิมสูริยา สมํ ปริวตฺตนฺติ, ยถามคฺเคน ปวตฺตนฺติ, อุตุสมตา จ สมฺปชฺชติ, จนฺทิมสูริยา ฉ มาเส สิเนรุโต พหิ นิกฺขมนฺติ, ฉ มาเส อนฺโต วิจรนฺติ. ตถา หิ สิเนรุสมีเปน ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คจฺฉนฺตา ฉ มาเส ตโต คมนวีถิโต พหิ อตฺตโน ติริยํ คมเนน จกฺกวาฬาภิมุขา นิกฺขมนฺติ ¶ . เอวํ ฉ มาเส ขเณ ขเณ สิเนรุโต อปสกฺกนวเสน ตโต นิกฺขมิตฺวา จกฺกวาฬสมีปํ ปตฺตา. ตโตปิ ฉ มาเส ขเณ ขเณ อปสกฺกนวเสน นิกฺขมิตฺวา สิเนรุสมีปํ ปาปุณนฺตา อนฺโต วิจรนฺติ. เต หิ อาสาฬฺหีมาเส สิเนรุสมีเปน จรนฺติ, ตโต ทฺเว มาเส นิกฺขมิตฺวา พหิ จรนฺติ. ปมกตฺติกมาเส มชฺเฌน คจฺฉนฺติ, ตโต จกฺกวาฬาภิมุขา คนฺตฺวา ตโย มาเส จกฺกวาฬสมีเปน วิจริตฺวา ปุน นิกฺขมิตฺวา จิตฺรมาเส มชฺเฌน คนฺตฺวา ตโต ปเร ทฺเว มาเส สิเนรุอภิมุขา ปกฺขนฺทิตฺวา ปุน อาสาฬฺเห สิเนรุสมีเปน จรนฺติ. เอตฺถ จ สิเนรุสฺส จกฺกวาฬสฺส จ ยํ านํ เวมชฺฌํ, ตสฺส สิเนรุสฺส จ ยํ านํ เวมชฺฌํ, เตน คจฺฉนฺตา สิเนรุสมีเปน จรนฺตีติ เวทิตพฺพา, น สิเนรุสฺส อคฺคาลินฺทํ อลฺลีนา, จกฺกวาฬสมีเปน จรณมฺปิ อิมินาว นเยน เวทิตพฺพํ. ยทา ปน สิเนรุสฺส จกฺกวาฬสฺส อุชุกํ เวมชฺเฌน คจฺฉนฺติ, ตทา เวมชฺเฌน วิจรนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ วิจรนฺตา จ เอกปฺปหาเรน ตีสุปิ ทีเปสุ อาโลกํ กโรนฺติ. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกํ ทสฺเสนฺติ. กถํ? อิมสฺมิฺหิ ทีเป สูริยุคฺคมนกาโล ปุพฺพวิเทเห มชฺฌนฺหิโก โหติ, อุตฺตรกุรูสุ อตฺถงฺคมนกาโล, อปรโคยาเน มชฺฌิมยาโม, ปุพฺพวิเทหมฺหิ อุคฺคมนกาโล อุตฺตรกุรูสุ มชฺฌนฺหิโก, อปรโคยาเน อตฺถงฺคมนกาโล, อิธ มชฺฌิมยาโม, อุตฺตรกุรูสุ ¶ อุคฺคมนกาโล อปรโคยาเน มชฺฌนฺหิโก, อิธ อตฺถงฺคมนกาโล, ปุพฺพวิเทเห มชฺฌิมยาโม, อปรโคยานทีเป อุคฺคมนกาโล อิธ มชฺฌนฺหิโก, ปุพฺพวิเทหทีเป อตฺถงฺคมนกาโล, อุตฺตรกุรูสุ มชฺฌิมยาโม. อิมสฺมิฺหิ ทีเป ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายติ, อปรโคยานวาสีนํ อุคฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ ปฺายติ. เอวํ เสสทีเปสุปิ. อิติ อิมินาว ปกาเรน ตีสุ ทีเปสุ เอกปฺปหาเรเนว จนฺทิมสูริยา อาโลกํ ทสฺเสนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
อิโต อฺถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรเนว อาโลกํ ทสฺเสนฺติ. ยสฺมิฺหิ ทีเป อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายติ, อตฺถงฺคมิเต ตตฺถ น ปฺายติ, อาโลกํ น ทสฺเสติ, ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรน อุภยํ. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินาว นเยน ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมิฺหิ ทีเป ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายตีติ ปุพฺพวิเทเห นวโยชนสตสหสฺสปฺปมาเณ าเน อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกํ ทสฺเสติ, ตถา อปรโคยาเน อุคฺคมนวเสน ตตฺถาปิ อุปฑฺฒสฺเสว ปฺายมานตฺตา. ปุพฺพวิเทหานํ ปน อตฺถงฺคมิเต น ¶ ปฺายตีติ ทฺวีสุ ทีเปสุ สพฺพตฺถ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกํ ทสฺเสติ อปรโคยาเนปิ อุคฺคเต สูริเย สพฺพตฺถ อนฺธการวิธมนโต.
ปาตุภวนฺตา จ จนฺทิมสูริยา เอกโตว โลเก ปาตุภวนฺติ, เตสุ สูริโย ปมตรํ ปฺายติ. ปมกปฺปิกานฺหิ สตฺตานํ สยํปภาย อนฺตรหิตาย อนฺธกาโร อโหสิ. เต ภีตตสิตา ‘‘ภทฺทกํ วตสฺส, สเจ อฺโ อาโลโก ภเวยฺยา’’ติ จินฺตยึสุ. ตโต มหาชนสฺส สูรภาวํ ชนยมานํ สูริยมณฺฑลํ อุฏฺหิ, เตเนวสฺส ‘‘สูริโย’’ติ นามํ อโหสิ. ตสฺมึ ทิวสํ อาโลกํ กตฺวา อตฺถงฺคมิเต ปุน อนฺธกาโร อโหสิ. เต ภีตตสิตา ‘‘ภทฺทกํ วตสฺส, สเจ อฺโ อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ จินฺตยึสุ. อถ เนสํ ฉนฺทํ ตฺวา วิย จนฺทมณฺฑลํ อุฏฺหิ, เตเนวสฺส ‘‘จนฺโท’’ติ นามํ อโหสิ. เอวํ จนฺทิมสูริเยสุ ปาตุภูเตสุ นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานิ ปาตุภวนฺติ ¶ , ตโต ปภุติ รตฺตินฺทิวา ปฺายนฺติ. อนุกฺกเมน จ มาสฑฺฒมาสอุตุสํวจฺฉรา ชายนฺติ. จนฺทิมสูริยานํ ปน ปาตุภูตทิวเสเยว สิเนรุจกฺกวาฬหิมวนฺตปพฺพตา จตฺตาโร จ ทีปา ปาตุภวนฺติ, เต จ โข อปุพฺพํ อจริมํ ผคฺคุณปุณฺณมทิวเสเยว ปาตุภวนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา เจตฺถ ‘‘เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ จตฺตาริ สตานิ ปฺาสฺจ โยชนานี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) วุตฺตํ, ตสฺมา วุตฺตปฺปมาณโต อิมสฺส จกฺกวาฬสฺส สิเนรุปติฏฺิโตกาเส จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ ปรโต ยาว จกฺกวาฬปพฺพตา อุตฺตรทิสาภาคปฺปมาณฺจ ปหาย อิมิสฺสา ทกฺขิณทิสาย –
สิเนรุจกฺกวาฬานํ, อนฺตรํ ปริมาณโต;
ปฺจ สตสหสฺสานิ, สหสฺสานูนสฏฺิ จ.
สตานิ สตฺต เยฺยานิ, ปฺจวีสุตฺตรานิ จ;
มชฺฌวีถิคโต นาม, ตตฺถ เวมชฺฌโค รวิ.
มชฺฌโต ยาว เมรุมฺหา, จกฺกวาฬานมนฺตเร;
เวมชฺฌโค ยทา โหติ, อุภยนฺตคโต ตทา.
มชฺฌโต ¶ ยาว เมรุมฺหา, จกฺกวาฬา จ ปพฺพตา;
ทุเว สตสหสฺสานิ, สหสฺสานูนสีติ จ.
อฏฺสตํ ทุเว สฏฺิ, โยชนานิ ทฺวิคาวุตํ;
อุภโต อนฺตโต เมรุ-จกฺกวาฬานมนฺตเร.
เอกํ สตสหสฺสฺจ, สหสฺสานูนตาลีสํ;
นวสตาเนกตึส, โยชนานิ จ คาวุตํ.
ปมาณโต สมนฺตา จ, มณฺฑลํ มชฺฌวีถิยา;
สตสหสฺสานูนวีส, สหสฺสาเนกตึส จ.
สตเมกฺจ วิฺเยฺยํ, ปฺจสตฺตติ อุตฺตรํ;
ทกฺขิณํ อุตฺตรฺจาปิ, คจฺฉนฺโต ปน ภาณุมา.
มชฺฌวีถิปฺปมาเณน ¶ , มณฺฑเลเนว คจฺฉติ;
คจฺฉนฺโต จ ปเนวํ โส, โอรุยฺโหรุยฺห เหฏฺโต.
อารุยฺหารุยฺห อุทฺธฺจ, ยโต คจฺฉติ สพฺพทา;
ตโต คติวเสนสฺส, ทูรมทฺธานมาสิ ตํ.
ตึส สตสหสฺสานิ, โยชนานิ ปมาณโต;
ตสฺมา โส ปริโต ยาติ, ตตฺตกํว ทิเน ทิเน.
สหสฺสเมกํ ปฺจสตํ, จตุปฺาสโยชนํ;
ติคาวุตํ เตรสูสภํ, เตตฺตึส รตนานิ จ.
อฏฺงฺคุลานิ จ ติริยํ, คจฺฉเตกทิเน รวิ;
ฉตาลีสสหสฺสานิ, ฉ สตานิ ติคาวุตํ.
โยชนานํ ¶ ติตาลีสํ, มาเสเนเกน คจฺฉติ;
เตนวุติสหสฺสานิ, ทฺวิสตํ สตฺตสีติ จ.
คาวุตานิ ทุเว จาปิ, ทฺวีหิ มาเสหิ คจฺฉติ;
อิมาย คติยา อนฺต-วีถิโต วีถิอนฺติมํ.
คจฺฉติ ฉหิ มาเสหิ, ติมาเสหิ จ มชฺฌิมํ;
สิเนรุสนฺติเก อนฺต-วีถิโต ปน ภาณุมา;
อาคจฺฉนฺโต ทฺวิมาเสหิ, อสฺส ทีปสฺส มชฺฌโค.
ตสฺมา สีหฬทีปสฺส, มชฺฌโต เมรุอนฺตรํ;
ทุเว สตสหสฺสานิ, ทฺวิสเตนาธิกานิ ตุ.
เตตฺตึสฺจ สหสฺสานิ, อฏฺารส ติคาวุตํ;
จกฺกวาฬนฺตรฺจสฺส, ทีปสฺเสว จ มชฺฌโต.
ตีณิ สตสหสฺสานิ, สหสฺสานิ ฉวีสติ;
ฉ อุตฺตรานิ ปฺเจว, สตาเนกฺจ คาวุตนฺติ.
เอวเมตฺถ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
ตาวตึสภวนํ ทสสหสฺสโยชนนฺติ เอตฺถ เตตฺตึส สหปฺุการิโน เอตฺถ นิพฺพตฺตาติ ตํสหจริตฏฺานํ เตตฺตึสํ, ตเทว ตาวตึสํ ¶ , ตํ นิวาโส เอเตสนฺติ ตาวตึสา, เทวา, เตสํ ภวนํ ตาวตึสภวนํ. ตถา หิ มเฆน มาณเวน สทฺธึ มจลคามเก กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺเน เตตฺตึส เทวปุตฺเต อุปาทาย อสฺส เทวโลกสฺส อยํ ปณฺณตฺติ ชาตาติ วทนฺติ. อถ วา ยสฺมา เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉ กามาวจรเทวโลกา อตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวตึสาน’’นฺติ. ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพา. ทสสหสฺสโยชนนฺติ อิทํ ปน สกฺกปุรํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ตาวตึสกายิกา เทวา อตฺถิ ปพฺพตฏฺกา, อตฺถิ อากาสฏฺกา, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา, ตถา จาตุมหาราชิกานํ ยามาทีนฺจ. เอกเทวโลเกปิ หิ เทวานํ ปรมฺปรา ¶ จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิ. อิทํ ปน ตาวตึสภวนํ สิเนรุสฺส อุปริมตเล ทสสหสฺสโยชนิเก าเน ปติฏฺิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺส ปาจีนปจฺฉิมทฺวารานํ อนฺตรา ทสโยชนสหสฺสํ โหติ, ตถา ทกฺขิณุตฺตรทฺวารานํ. ตํ โข ปน นครํ ทฺวารสหสฺสยุตฺตํ อโหสิ อารามโปกฺขรณีปฏิมณฺฑิตํ.
ตสฺส มชฺเฌ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒๙ มฆวตฺถุ) ติโยชนสตุพฺเพเธหิ, ธเชหิ ปฏิมณฺฑิโต สตฺตรตนมโย สตฺตโยชนสตุพฺเพโธ สกฺกสฺส เวชยนฺโต นาม ปาสาโท. ตตฺถ สุวณฺณยฏฺีสุ มณิธชา อเหสุํ, มณิยฏฺีสุ สุวณฺณธชา, ปวาฬยฏฺีสุ มุตฺตธชา, มุตฺตยฏฺีสุ ปวาฬธชา, สตฺตรตนมยาสุ ยฏฺีสุ สตฺตรตนมยา ธชา.
ทิยฑฺฒโยชนสตายาโม เวชยนฺตรโถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๙ อาทโย). ตสฺส หิ ปจฺฉิมนฺโต ปณฺณาสโยชโน, มชฺเฌ รถปฺชโร ปณฺณาสโยชโน, รถสนฺธิโต ยาว รถสีสา ปณฺณาเสว โยชนานิ. ตเทว ปมาณํ ทิคุณํ กตฺวา ‘‘ติโยชนสตายาโม’’ติปิ วทนฺติเยว. ตสฺมึ โยชนิกปลฺลงฺโก อตฺถโต ติฏฺติ. ตตฺถ ติโยชนิกํ เสตจฺฉตฺตํ, เอกสฺมึเยว ยุเค สหสฺสอาชฺยุตฺตํ. เสสาลงฺการสฺส ปมาณํ นตฺถิ. ธโช ปนสฺส อฑฺฒติยานิ โยชนสตานิ อุคฺคโต, ยสฺส วาตาหตสฺส ปฺจงฺคิกตูริยสฺเสว สทฺโท นิจฺฉรติ.
สกฺกสฺส ปน เอราวโณ นาม หตฺถี ทิยฑฺฒโยชนสติโก, โสปิ เทวปุตฺโตเยว. น หิ เทวโลกสฺมึ ติรจฺฉานคตา โหนฺติ, ตสฺมา โส ¶ อุยฺยานกีฬาย นิกฺขมนกาเล อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติโก เอราวโณ นาม หตฺถี โหติ. โส เตตฺตึสกุมฺเภ มาเปติ อาวฏฺเฏน คาวุตอฑฺฒโยชนปฺปมาเณ, สพฺเพสํ มชฺเฌ สกฺกสฺส อตฺถาย สุทสฺสนํ นาม ตึสโยชนิกํ กุมฺภํ มาเปติ. ตสฺส อุปริ ทฺวาทสโยชนิโก รตนมณฺฑโป โหติ. ตตฺถ อนฺตรนฺตรา สตฺตรตนมยา โยชนุพฺเพธา ธชา อุฏฺหนฺติ. ปริยนฺเต กิงฺกิณิกชาลา โอลมฺพนฺติ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกตูริยสทฺทสทิโส ทิพฺพคีตสทฺโท วิย รโว นิจฺฉรติ. มณฺฑปมชฺเฌ สกฺกสฺส โยชนิโก มณิปลฺลงฺโก ปฺตฺโต โหติ, ตตฺถ สกฺโก นิสีทติ. เตตฺตึสาย กุมฺภานํ เอเกกสฺมึ กุมฺเภ สตฺต สตฺต ทนฺเต มาเปติ, เตสุ เอเกโก ปณฺณาสโยชนายาโม. เอเกกสฺมิฺเจตฺถ ทนฺเต สตฺต สตฺต โปกฺขรณิโย โหนฺติ, เอเกกาย โปกฺขรณิยา สตฺต สตฺต ปทุมินีคจฺฉา, เอเกกสฺมึ คจฺเฉ สตฺต สตฺต ปุปฺผานิ โหนฺติ, เอเกกสฺส ปุปฺผสฺส สตฺต สตฺต ปตฺตานิ, เอเกกสฺมึ ปตฺเต สตฺต สตฺต เทวธีตโร นจฺจนฺติ. เอวํ สมนฺตา ปณฺณาสโยชนฏฺาเน หตฺถิทนฺเตสุเยว นจฺจนฏสมชฺโช โหติ.
นนฺทา ¶ นาม ปน โปกฺขรณี ปฺาสโยชนา. ‘‘ปฺจสตโยชนิกา’’ติปิ วทนฺติ.
จิตฺตลตาวนํ ปน สฏฺิโยชนิกํ. ‘‘ปฺจโยชนสติก’’นฺติปิ วทนฺติ. ตํ ปน ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฏิมณฺฑิตํ, ตถา นนฺทนวนํ ผารุสกวนฺจ. สกฺโก ปเนตฺถ อจฺฉราสงฺฆปริวุโต สฏฺิโยชนิกํ สุวณฺณมหาวีถึ โอตริตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬนฺโต นนฺทนวนาทีสุ วิจรติ.
ปาริจฺฉตฺตโก ปน โกวิฬาโร สมนฺตา ติโยชนสตปริมณฺฑโล ปฺจทสโยชนปริณาหกฺขนฺโธ โยชนสตุพฺเพโธ. ตสฺส มูเล สฏฺิโยชนายามา ปฺาสโยชนวิตฺถารา ปฺจทสโยชนุพฺเพธา ชยสุมนปุปฺผกวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา, ยสฺสา มุทุตาย สกฺกสฺส นิสีทโต อุปฑฺฒกาโย อนุปวิสติ, อุฏฺิตกาเล อูนํ ปริปูรติ.
สุธมฺมา ¶ นาม เทวสภา อายามโต จ วิตฺถารโต จ ติโยชนสติกา, ปริกฺเขปโต นวโยชนสติกา, อุพฺเพธโต ปฺจโยชนสติกา, ตสฺสา ผลิกมยา ภูมิ, ถมฺภตุลาสงฺฆาฏาทีสุ วาฬรูปาทิสงฺฆฏฺฏนกอาณิโย มณิมยา, สุวณฺณมยา ถมฺภา, รชตมยา ถมฺภฆฏกา จ สงฺฆาฏฺจ, ปวาฬมยานิ วาฬรูปานิ, สตฺตรตนมยา โคปานสิโย จ ปกฺขปาสา จ มุขวฏฺฏิ จ, อินฺทนีลอิฏฺกาหิ ฉทนํ, โสวณฺณมยํ ฉทนวิธํ, รชตมยา ถุปิกา.
อาสาวตี นาม เอกา ลตา อตฺถิ, ‘‘สา ปุปฺผิสฺสตี’’ติ เทวา วสฺสสหสฺสํ อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, ปาริจฺฉตฺตเก ปุปฺผมาเน เอกํ วสฺสํ อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. เต ตสฺส ปณฺฑุปลาสาทิภาวโต ปฏฺาย อตฺตมนา โหนฺติ. ยถาห –
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย เทวานํ ตาวตึสานํ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร ปณฺฑุปลาโส โหติ, อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา ตสฺมึ สมเย โหนฺติ ‘ปณฺฑุปลาโส ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, น จิรสฺเสว ทานิ ปนฺนปลาโส ภวิสฺสตี’’’ติอาทิ (อ. นิ. ๗.๖๙).
สพฺพปาลิผุลฺลสฺส ปน ปาริจฺฉตฺตกสฺส โกวิฬารสฺส สมนฺตา ปฺจ โยชนสตานิ อาภา ผรติ, อนุวาตํ โยชนสตํ คนฺโธ คจฺฉติ. ปุปฺผิเต ปาริจฺฉตฺตเก อาโรหณกิจฺจํ วา องฺกุสํ คเหตฺวา นามนกิจฺจํ วา ปุปฺผาหรณตฺถํ จงฺโกฏกกิจฺจํ วา นตฺถิ. กนฺตนกวาโต อุฏฺหิตฺวา ¶ ปุปฺผานิ วณฺฏโต กนฺตติ, สมฺปฏิจฺฉนกวาโต สมฺปฏิจฺฉติ, ปเวสนกวาโต สุธมฺมเทวสภํ ปเวเสติ, สมฺมชฺชนกวาโต ปุราณปุปฺผานิ นีหรติ, สนฺถรณกวาโต ปตฺตกณฺณิกเกสรานิ รเจนฺโต สนฺถรติ, มชฺฌฏฺาเน ธมฺมาสนํ โหติ โยชนปฺปมาโณ รตนปลฺลงฺโก, ตสฺส อุปริ ธาริยมานํ ติโยชนิกํ เสตจฺฉตฺตํ, ตทนนฺตรํ สกฺกสฺส เทวรฺโ อาสนํ อตฺถรียติ, ตโต พาตฺตึสาย เทวปุตฺตานํ, ตโต อฺเสํ มเหสกฺขเทวตานํ. อฺเสํ เทวตานํ ปน ปุปฺผกณฺณิกาว อาสนํ โหติ. เทวา เทวสภํ ปวิสิตฺวา นิสีทนฺติ. ตโต ปุปฺเผหิ เรณุวฏฺฏิ อุคฺคนฺตฺวา อุปริ กณฺณิกํ อาหจฺจ นิปตมานา เทวตานํ ติคาวุตปฺปมาณํ ¶ อตฺตภาวํ ลาขาปริกมฺมสชฺชิตํ วิย กโรติ, เตสํ สา กีฬา จตูหิ มาเสหิ ปริโยสานํ คจฺฉติ. อิติ อิมาหิ สมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคตํ ตาวตึสภวนํ ภควา สพฺพถา อเวทีติ เวทิตพฺพํ.
ตถา อสุรภวนนฺติ เอตฺถ เทวา วิย น สุรนฺติ น อีสรนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา. สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา. สกฺโก กิร มจลคามเก มโฆ นาม มาณโว หุตฺวา เตตฺตึส ปุริเส คเหตฺวา กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺโต สตฺต วตฺตปทานิ ปูเรตฺวา ตตฺถ กาลกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ สทฺธึ ปริสาย. ตโต ปุพฺพเทวา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตา, สกฺการํ เนสํ กโรมา’’ติ วตฺวา ทิพฺพปทุมานิ อุปนาเมสุํ, อุปฑฺฒรชฺเชน จ นิมนฺเตสุํ. สกฺโก อุปฑฺฒรชฺเชน อสนฺตุฏฺโ อโหสิ, อถ เนวาสิกา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตานํ สกฺการํ กโรมา’’ติ คนฺธปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก สกปริสาย สฺํ อทาสิ ‘‘มาริสา มา คนฺธปานํ ปิวิตฺถ, ปิวมานาการมตฺตเมว ทสฺเสถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. เนวาสิกเทวตา สุวณฺณสรเกหิ อุปนีตํ คนฺธปานํ ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา มตฺตา ตตฺถ ตตฺถ สุวณฺณปถวิยํ ปติตฺวา สยึสุ. สกฺโก ‘‘คณฺหถ ธุตฺเต, หรถ ธุตฺเต’’ติ เต ปาเทสุ คาหาเปตฺวา สิเนรุปาเท ขิปาเปสิ. สกฺกสฺส ปฺุเตเชน ตทนุวตฺตกาปิ สพฺเพ ตตฺเถว ปตึสุ. อถ เนสํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ทสโยชนสหสฺสํ อสุรภวนํ นิพฺพตฺติ ปาริจฺฉตฺตกปฏิจฺฉนฺนภูตาย จิตฺรปาฏลิยา อุปโสภิตํ. สกฺโก เตสํ นิวตฺติตฺวา อนาคมนตฺถาย อารกฺขํ เปสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อนฺตรา ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานํ, ปฺจวิธา ปิตา อภิรกฺขา;
อุรคกโรฏิปยสฺส จ หารี, มทนยุตา จตุโร จ มหตฺถา’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗; ชา. อฏฺ. ๑.๑.๓๑);
ตตฺถ ¶ ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานนฺติ ทฺวินฺนํ เทวาสุรนครานํ อนฺตราติ อตฺโถ. ทฺเว กิร นครานิ ยุทฺเธน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อยุชฺฌปุรานิ นาม ชาตานิ. ยทา หิ อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ เทเวหิ ปลายิตฺวา เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิหิเต อสุรานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ ¶ กาตุํ น สกฺโกติ. ยทา เทวา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ อสุเรหิ ปลายิตฺวา อสุรนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิหิเต สกฺกานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. อิติ อิมานิ ทฺเว นครานิ อยุชฺฌปุรานิ นาม. เตสํ อนฺตรา เอเตสุ อุรคาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ สกฺเกน อารกฺขา ปิตา. ตตฺถ อุรคสทฺเทน นาคา คหิตา. เต อุทเก มหพฺพลา โหนฺติ, ตสฺมา สิเนรุสฺส ปมาลินฺเท เอเตสํ อารกฺขา. สิเนรุสฺส กิร สมนฺตโต พหลโต ปุถุลโต จ ปฺจโยชนสหสฺสปริมาณานิ จตฺตาริ ปริภณฺฑานิ ตาวตึสภวนสฺส อารกฺขาย นาเคหิ ครุเฬหิ กุมฺภณฺเฑหิ ยกฺเขหิ จ อธิฏฺิตานิ. เตหิ กิร สิเนรุสฺส อุปฑฺฒํ ปริยาทินฺนํ, เอตานิเยว จ สิเนรุสฺส อาลินฺทานิ เมขลานิ จ วุจฺจนฺติ. กโรฏิสทฺเทน สุปณฺณา คหิตา. เตสํ กิร กโรฏิ นาม ปานโภชนํ, เตน นามํ ลภึสุ, ทุติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ปยสฺสหารีสทฺเทน กุมฺภณฺฑา คหิตา. ทานวรกฺขสา กิร เต, ตติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. มทนยุตสทฺเทน ยกฺขา คหิตา. วิสมจาริโน กิร เต ยุทฺธโสณฺฑา, จตุตฺถาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. จตุโร จ มหตฺถาติ จตฺตาโร มหาราชาโน วุตฺตา. เต หิ สิเนรุสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ ปสฺเส ยุคนฺธราทีสุ ปฺจสตปริตฺตทีปปริวาเร มหาทีเป จ สาสิตพฺพสฺส มหโต อตฺถสฺส วเสน ‘‘มหตฺถา’’ติ วุจฺจนฺติ, ปฺจมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา.
เต ปน อสุรา อายุวณฺณยสอิสฺสริยสมฺปตฺตีหิ ตาวตึสสทิสาว. ตสฺมา อนฺตรา อตฺตานํ อชานิตฺวา ปาฏลิยา ปุปฺผิตาย ‘‘นยิทํ เทวนครํ, ตตฺถ ปาริจฺฉตฺตโก ปุปฺผติ, อิธ ปน จิตฺตปาฏลี, ชรสกฺเกน มยํ สุรํ ปาเยตฺวา วฺจิตา, เทวนครฺจ โน คหิตํ, คจฺฉาม เตน สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ หตฺถิอสฺสรเถ อารุยฺห สุวณฺณรชตมณิผลกานิ คเหตฺวา ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา อสุรเภริโย วาเทนฺตา มหาสมุทฺเท อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺติ. เต เทเว วุฏฺเ วมฺมิกมกฺขิกา วมฺมิกํ วิย สิเนรุํ อภิรุหิตุํ อารภนฺติ. อถ เนสํ ปมํ นาเคหิ สทฺธึ ยุทฺธํ โหติ. ตสฺมึ โข ปน ยุทฺเธ น กสฺสจิ ฉวิ วา จมฺมํ วา ฉิชฺชติ, น โลหิตํ อุปฺปชฺชติ, เกวลํ กุมารกานํ ทารุเมณฺฑกยุทฺธํ วิย อฺมฺํ สนฺตาสนมตฺตเมว โหติ. โกฏิสตาปิ โกฏิสหสฺสาปิ นาคา เตหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา อสุรปุรํเยว ปเวเสตฺวา ¶ นิวตฺตนฺติ. สเจ ปน อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ นาคา โอสกฺกิตฺวา ทุติเย อาลินฺเท สุปณฺเณหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ยุชฺฌนฺติ. เอส นโย สุปณฺณาทีสุปิ. ยทา ปน ตานิ ปฺจปิ านานิ อสุรา มทฺทนฺติ, ตทา เอกโต สมฺปิณฺฑิตานิปิ ตานิ ปฺจ พลานิ โอสกฺกนฺติ ¶ . อถ จตฺตาโร มหาราชาโน คนฺตฺวา สกฺกสฺส ปวตฺตึ อาโรเจนฺติ. สกฺโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ เวชยนฺตรถํ อารุยฺห สยํ วา นิกฺขมติ, เอกํ วา ปุตฺตํ เปเสติ. เอกสฺมึ ปน ทิวเส เอวํ นิกฺขมิตฺวา อสุเร ยุทฺเธน อพฺภุคฺคนฺตฺวา สมุทฺเท ปกฺขิปิตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ อตฺตนา สทิสา ปฏิมา มาเปตฺวา เปติ, ตสฺมา อสุรา นาคาทโย ชินิตฺวา อาคตาปิ อินฺทปฏิมา ทิสฺวา ‘‘สกฺโก นิกฺขนฺโต’’ติ ปลายนฺติ. อิติ สุรานํ ปฏิปกฺขาติ อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย, เตสํ ภวนํ อสุรภวนํ. ตํ ปน อายามโต จ วิตฺถารโต จ ทสสหสฺสโยชนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา อสุรภวน’’นฺติ วุตฺตํ.
อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีโป จาติ เอตฺถาปิ ตถา-สทฺโท โยเชตพฺโพ, อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีโป จ ตถา ทสสหสฺสโยชนเมวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อวีจิมหานิรยสฺส อพฺภนฺตรํ อายาเมน จ วิตฺถาเรน จ โยชนสตํ โหติ, โลหปถวี โลหฉทนํ เอเกกา จ ภิตฺติ นวนวโยชนิกา โหติ. ปุรตฺถิมาย ภิตฺติยา อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา ปจฺฉิมํ ภิตฺตึ คเหตฺวา ตํ วินิวิชฺฌิตฺวา ปรโต โยชนสตํ คจฺฉติ. เสสทิสาสุปิ เอเสว นโย. อิติ ชาลปริยนฺตวเสน อายามวิตฺถารโต อฏฺารสโยชนาธิกานิ ตีณิ โยชนสตานิ โหนฺติ, ปริกฺเขเปน นว โยชนสตานิ จตุปณฺณาสฺจ โยชนานิ. สมนฺตา ปน อุสฺสเทหิ สทฺธึ ทสโยชนสหสฺสํ โหติ. กสฺมา ปเนส นรโก ‘‘อวีจี’’ติ สงฺขฺยํ คโตติ? วีจิ นาม อนฺตรํ วุจฺจติ, ตตฺถ จ อคฺคิชาลานํ วา สตฺตานํ วา ทุกฺขสฺส วา อนฺตรํ นตฺถิ, ตสฺมา โส ‘‘อวีจี’’ติ สงฺขฺยํ คโต. ตสฺส หิ ปุรตฺถิมภิตฺติโต ชาลา อุฏฺหิตฺวา สํสิพฺพมานโยชนสตํ คนฺตฺวา ภิตฺตึ วินิวิชฺฌิตฺวา ปรโต โยชนสตํ คจฺฉติ. เสสทิสาสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ชาลานํ นิรนฺตรตาย อวีจิ. อพฺภนฺตเร ปนสฺส โยชนสติเก าเน นาฬิยํ โกฏฺเฏตฺวา ปูริตติปุปิฏฺํ วิย สตฺตา นิรนฺตรา, ‘‘อิมสฺมึ าเน สตฺโต อตฺถิ, อิมสฺมึ าเน ¶ นตฺถี’’ติ น วตฺตพฺพํ, คจฺฉนฺตานํ ิตานํ นิสินฺนานํ นิปนฺนานฺจ ปจฺจมานานํ อนฺโต นตฺถิ, คจฺฉนฺตา ิเต วา นิสินฺเน วา นิปนฺเน วา น พาเธนฺติ. เอวํ สตฺตานํ นิรนฺตรตาย อวีจิ. กายทฺวาเร ปน ฉ อุเปกฺขาสหคตานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ ทุกฺขสหคตํ. เอวํ สนฺเตปิ ยถา ชิวฺหาคฺเค ฉ มธุพินฺทูนิ เปตฺวา เอกสฺมึ ตมฺพโลหพินฺทุมฺหิ ปิเต อนุทหนพลวตาย ตเทว ปฺายติ, อิตรานิ อพฺโพหาริกานิ โหนฺติ, เอวํ อนุทหนพลวตาย ทุกฺขเมเวตฺถ นิรนฺตรํ, อิตรานิ อพฺโพหาริกานีติ เอวํ ทุกฺขสฺส นิรนฺตรตาย อวีจีติ วุจฺจติ. ‘‘อยฺจ อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีปสฺส เหฏฺา ปติฏฺิโต’’ติ วทนฺติ.
ชมฺพุทีโป ¶ ปน อายามโต จ วิตฺถารโต จ ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ. ตตฺถ จ จตุสหสฺสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส ตทุปโภคีสตฺตานํ ปฺุกฺขยา อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ‘‘สมุทฺโท’’ติ สงฺขฺยํ คโต. ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ หิมวา ปติฏฺิโตติ เวทิตพฺโพ.
อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนนฺติอาทีสุ อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปมาณํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ชมฺพุทีโป สกฏสณฺาโน, ฉนฺนวุติยา ปฏฺฏนโกฏิสตสหสฺเสหิ ฉปณฺณาสรตนาคาเรหิ นวนวุติยา โทณมุขสตสหสฺเสหิ ติกฺขตฺตุํ เตสฏฺิยา นครสหสฺเสหิ จ สมนฺนาคโต. ชมฺพุทีเป กิร อาทิโต เตสฏฺิมตฺตานิ นครสหสฺสานิ อุปฺปนฺนานิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ. ตานิ ปน สมฺปิณฺเฑตฺวา สตสหสฺสํ, ตโต ปรํ อสีติ สหสฺสานิ จ นว สหสฺสานิ จ โหนฺติ. โทณมุขนฺติ จ มหานครสฺส อายุปฺปตฺติฏฺานภูตํ ปธานฆรํ วุจฺจติ. อปรโคยาโน อาทาสสณฺาโน, ปุพฺพวิเทโห อฑฺฒจนฺทสณฺาโน, อุตฺตรกุรุ ปีสณฺาโน. ‘‘ตํตํนิวาสีนํ ตํตํปริวารทีปวาสีนฺจ มนุสฺสานํ มุขมฺปิ ตํตํสณฺาน’’นฺติ วทนฺติ.
อปิ เจตฺถ อุตฺตรกุรุกานํ ปฺุานุภาวสิทฺโธ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิร เตสุ เตสุ ปเทเสสุ ฆนนิจิตปตฺตสฺฉนฺนสาขาปสาขา กูฏาคารุปมา มโนรมา รุกฺขา เตสํ มนุสฺสานํ นิเวสนกิจฺจํ สาเธนฺติ. ยตฺถ สุขํ นิวสนฺติ, อฺเปิ ตตฺถ รุกฺขา สุชาตา สพฺพทาปิ ปุปฺผิตคฺคา ติฏฺนฺติ. ชลาสยาปิ วิกสิตปทุมปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทิปุปฺผสฺฉนฺนา สพฺพกาลํ ปรมสุคนฺธา สมนฺตโต ปวายนฺตา ติฏฺนฺติ.
สรีรมฺปิ ¶ เตสํ อติทีฆตาทิโทสรหิตํ อาโรหปริณาหสมฺปนฺนํ ชราย อนภิภูตตฺตา วลิตปลิตาทิโทสวิรหิตํ ยาวตายุกํ อปริกฺขีณชวพลปรกฺกมโสภเมว หุตฺวา ติฏฺติ. อนุฏฺานผลูปชีวิตาย น จ เตสํ กสิวณิชฺชาทิวเสน อาหารปริเยฏฺิวเสน ทุกฺขํ อตฺถิ, ตโต เอว น ทาสทาสีกมฺมกราทิปริคฺคโห อตฺถิ. น จ ตตฺถ สีตุณฺหฑํสมกสวาตาตปสรีสปวาฬาทิปริสฺสโย อตฺถิ. ยถา นาเมตฺถ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺจูสเวลายํ สมสีตุณฺโห อุตุ โหติ, เอวเมว สพฺพกาลํ ตตฺถ สมสีตุณฺโหว อุตุ โหติ, น จ เนสํ โกจิ อุปฆาโต วิเหสา วา อุปฺปชฺชติ.
อกฏฺปากิมเมว สาลึ อกณํ อถุสํ สุทฺธํ สุคนฺธํ ตณฺฑุลผลํ นิทฺธูมงฺคาเรน อคฺคินา ปจิตฺวา ¶ ปริภฺุชนฺติ. ตตฺถ กิร โชติกปาสาณา นาม โหนฺติ, อถ เต ตโย ปาสาเณ เปตฺวา ตตฺถ อุกฺขลึ อาโรเปนฺติ, ปาสาเณหิ เตโช สมุฏฺหิตฺวา ตํ ปาเจติ, อฺโ สูโป วา พฺยฺชโน วา น โหติ, ภฺุชนฺตานํ จิตฺตานุกูโลเยวสฺส รโส โหติ. ตํ ปน ภฺุชนฺตานํ เนสํ กุฏฺํ คณฺโฑ กิลาโส โสโส กาโส อปมาโร ชโรติ เอวมาทิโก น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ. เต ตํ านํ สมฺปตฺตานํ เทนฺติเยว, มจฺฉริยจิตฺตํ นาม เนว โหติ, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทโยปิ มหิทฺธิกา ตตฺถ คนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ คณฺหนฺติ. น จ เต ขุชฺชา วา วามนา วา กาณา วา กุณี วา ขฺชา วา ปกฺขหตา วา วิกลงฺคา วา วิกลินฺทฺริยา วา โหนฺติ.
อิตฺถิโยปิ ตตฺถ นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬิกา นาจฺโจทาตา โสภคฺคปฺปตฺตรูปา โหนฺติ. ตถา หิ ทีฆงฺคุลี ตมฺพนขา อลมฺพถนา ตนุมชฺฌา ปุณฺณจนฺทมุขี วิสาลกฺขี มุทุคตฺตา สหิโภรู โอทาตทนฺตา คมฺภีรนาภี ตนุชงฺฆา ทีฆนีลเวลฺลิตเกสี ปุถุลสุสฺโสณี นาติโลมา นาโลมา สุภคา อุตุสุขสมฺผสฺสา สณฺหา สขิลสมฺภาสา นานาภรณวิภูสิตา วิจรนฺติ, สพฺพทาปิ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหนฺติ.
ปุริสาปิ ปฺจวีสติวสฺสุทฺเทสิกา วิย, น ปุตฺตา มาตาทีสุ รชฺชนฺติ, อยํ ตตฺถ ธมฺมตา. สตฺตาหิกเมว จ ตตฺถ อิตฺถิปุริสา กามรติยา วิหรนฺติ ¶ , ตโต วีตราคา วิย ยถาสุขํ คจฺฉนฺติ, น ตตฺถ อิธ วิย คพฺโภกฺกนฺติมูลกํ คพฺภปริหรณมูลกํ วา ทุกฺขํ วิชายนมูลกํ วา ทุกฺขํ โหติ, รตฺตกฺจุกโต กฺจนปฏิมา วิย ทารกา มาตุกุจฺฉิโต อมกฺขิตา เอว เสมฺหาทินา สุเขเนว นิกฺขมนฺติ, อยํ ตตฺถ ธมฺมตา. มาตา ปน ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา วิชายิตฺวา เตสํ วิจรณกปฺปเทเส เปตฺวา อนเปกฺขา ยถารุจิ คจฺฉติ. เตสํ ตตฺถ สยิตานํ เย ปสฺสนฺติ ปุริสา วา อิตฺถิโย วา, เต อตฺตโน องฺคุลิโย อุปนาเมนฺติ, เตสํ กมฺมพเลน ตโต ขีรํ ปวตฺตติ, เตน เต ทารกา ยาเปนฺติ. เอวํ ปน วฑฺฒนฺตา กติปยทิวเสเยว ลทฺธพลา หุตฺวา ทาริกา อิตฺถิโย อุปคจฺฉนฺติ, ทารกา ปุริเส.
กปฺปรุกฺขโต เอว จ เตสํ ตตฺถ วตฺถาภรณานิ นิปฺผชฺชนฺติ. นานาวิราควณฺณวิจิตฺตานิ หิ วตฺถานิ สุขุมานิ มุทุสุขสมฺผสฺสานิ ตตฺถ ตตฺถ กปฺปรุกฺเขสุ โอลมฺพนฺตานิ ติฏฺนฺติ. นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลวิวิธวณฺณรตนวินทฺธานิ อเนกวิธมาลากมฺมลตากมฺมภิตฺติกมฺมวิจิตฺตานิ สีสูปคคีวูปคกฏูปคหตฺถูปคปาทูปคานิ โสวณฺณมยานิ อาภรณานิ จ กปฺปรุกฺขโต โอลมฺพนฺติ. ตถา วีณามุทิงฺคปณวสมฺมตาฬสงฺขวํสเวตาฬปริวาราทีนิ วลฺลกีปภอุติกานิ ¶ ตูริยภณฺฑานิปิ ตโต โอลมฺพนฺติ. ตตฺถ จ พหู ผลรุกฺขา กุมฺภมตฺตานิ ผลานิ ผลนฺติ, มธุรรสานิ ยานิ ปริภฺุชิตฺวา เต สตฺตาหมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ น พาธียนฺติ.
นชฺโชปิ ตตฺถ สุวิสุทฺธชลา สุปติตฺถา รมณียา อกทฺทมา วาลุกตลา นาติสีตา นาติอุณฺหา สุรภิคนฺธีหิ ชลชปุปฺเผหิ สฺฉนฺนา สพฺพกาลํ สุรภี วายนฺติโย สนฺทนฺติ, น ตตฺถ กณฺฏกินา กกฺขฬคจฺฉลตา โหนฺติ, อกณฺฏกา ปุปฺผผลสจฺฉนฺนา เอว โหนฺติ, จนฺทนนาครุกฺขา สยเมว รสํ ปคฺฆรนฺติ. นหายิตุกามา จ นทีติตฺเถ เอกชฺฌํ วตฺถาภรณานิ เปตฺวา นทึ โอตริตฺวา นหายิตฺวา อุตฺติณฺณา อุตฺติณฺณา อุปริฏฺิมํ อุปริฏฺิมํ วตฺถาภรณํ คณฺหนฺติ, น เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ ปรสฺสา’’ติ. ตโต เอว น เตสํ โกจิ วิคฺคโห วา วิวาโท วา, สตฺตาหิกา เอว จ เนสํ กามรติกีฬา โหติ, ตโต วีตราคา วิย วิจรนฺติ. ยตฺถ จ รุกฺเข สยิตุกามา โหนฺติ, ตตฺเถว สยนํ อุปลพฺภติ.
มเต ¶ จ สตฺเต น โรทนฺติ น โสจนฺติ, ตฺจ มณฺฑยิตฺวา นิกฺขิปนฺติ. ตาวเทว จ ตถารูปา สกุณา อุปคนฺตฺวา มตํ ทีปนฺตรํ เนนฺติ, ตสฺมา สุสานํ วา อสุจิฏฺานํ วา ตตฺถ นตฺถิ, น จ ตโต มตา นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชนฺติ. ‘‘ธมฺมตาสิทฺธสฺส ปฺจสีลสฺส อานุภาเวน เต เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ วทนฺติ. วสฺสสหสฺสเมว จ เนสํ สพฺพกาลํ อายุปฺปมาณํ, สพฺพเมตํ เนสํ ปฺจสีลํ วิย ธมฺมตาสิทฺธเมวาติ เวทิตพฺพํ.
ตทนฺตเรสูติ เตสํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเรสุ. โลกนฺตริกนิรยาติ โลกานํ โลกธาตูนํ อนฺตโร วิวโร โลกนฺตโร, ตตฺถ ภวา โลกนฺตริกา, นิรยา. ติณฺณฺหิ สกฏจกฺกานํ ปตฺตานํ วา อฺมฺํ อาสนฺนภาเวน ปิตานํ อนฺตรสทิเสสุ ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเรสุ เอเกโก โลกนฺตริกนิรโย. โส ปน ปริมาณโต อฏฺโยชนสหสฺสปฺปมาโณ โหติ นิจฺจวิวโฏ เหฏฺา อุปริ จ เกนจิ น ปิหิโต. ยถา หิ เหฏฺา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกนิรยา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปิหิตา จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺตินิวารณสมตฺเถน จ อนฺธกาเรน สมนฺนาคตา. ตตฺถ กิร จกฺขุวิฺาณํ น ชายติ อาโลกสฺส อภาวโต. ตีสุ ทีเปสุ เอกปฺปหาเรน อาโลกกรณสมตฺถาปิ จนฺทิมสูริยา ตตฺถ อาโลกํ น ทสฺเสนฺติ. เต หิ ยุคนฺธรสมปฺปมาเณ อากาสปฺปเทเส วิจรณโต จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺเฌน วิจรนฺติ, จกฺกวาฬปพฺพตฺจ ¶ อติกฺกมฺม โลกนฺตริกนิรยา, ตสฺมา เต ตตฺถ อาโลกํ น ทสฺเสนฺตีติ จกฺขุวิฺาณํ นุปฺปชฺชติ. ยทา ปน สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณาทีสุ โอภาโส อุปฺปชฺชติ, ตทา จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘อฺเปิ กิร โภ สนฺติ สตฺตา อิธูปปนฺนา’’ติ ตํ ทิวสํ อฺมฺํ ปสฺสนฺติ. อยํ ปน โอภาโส เอกํ ยาคุปานมตฺตมฺปิ น ติฏฺติ, อจฺฉราสงฺฆาฏมตฺตเมว วิชฺโชภาโส วิย นิจฺฉริตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ภณนฺตานํเยว อนฺตรธายติ.
กึ ปน กมฺมํ กตฺวา ตตฺถ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺตีติ? ภาริยํ ทารุณํ ครุกํ มาตาปิตูนํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานฺจ อุปริ อปราธํ อฺฺจ ทิวเส ทิวเส ปาณวธาทึ สาหสิกกมฺมํ กตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ ตมฺพปณฺณิทีเป อภยโจรนาคโจราทโย วิย. เตสํ อตฺตภาโว ติคาวุติโก โหติ, วคฺคุลีนํ ¶ วิย ทีฆนขา โหนฺติ. เต รุกฺเข วคฺคุลิโย วิย นเขหิ จกฺกวาฬปาเท ลคฺคนฺติ, ยทา สํสปฺปนฺตา อฺมฺสฺส หตฺถปาสคตา โหนฺติ, อถ ‘‘ภกฺโข โน ลทฺโธ’’ติ มฺมานา ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตา วิปริวตฺติตฺวา โลกสนฺธารเก อุทเก ปตนฺติ, วาเต ปหรนฺเตปิ มธุกผลานิ วิย ฉิชฺชิตฺวา อุทเก ปตนฺติ, ปติตมตฺตาว อจฺจนฺตขาเร อุทเก ปิฏฺปิณฺฑํ วิย วิลียนฺติ อติสีตลภาวโต อาตปสนฺตาปาภาเวน. อติสีตลภาวเมว หิ สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา. น หิ ตํ กปฺปสณฺหนอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฏฺํ ปถวีสนฺธารกํ กปฺปวินาสกอุทกํ วิย ขารํ ภวิตุํ อรหติ. ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺย, เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ ปกติอุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวปฺปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก ปิฏฺปิณฺฑํ วิย วิลียนฺตี’’ติ.
อนนฺตานีติ อปริมาณานิ, ‘‘เอตฺตกานี’’ติ อฺเหิ มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยานิ. ตานิ จ ภควา อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวทิ ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺโต สตฺตนิกาโย, อนนฺตานิ จกฺกวาฬานี’’ติ. ติวิธมฺปิ หิ อนนฺตํ พุทฺธาเณน ปริจฺฉินฺทติ สยมฺปิ อนนฺตตฺตา. ยาวตกฺหิ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกเมว เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺยนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวที’’ติอาทิ. อนนฺตตา จสฺส อนนฺตเยฺยปฺปฏิวิชฺฌเนเนว เวทิตพฺพา ตตฺถ อปฺปฏิหตจารตฺตา. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘เอวมสฺส โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต’’ติ.
อปิ ¶ เจตฺถ วิวฏฺฏาทีนมฺปิ วิทิตตา วตฺตพฺพา, ตสฺมา วิวฏฺฏาทโยปิ อาทิโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺพา – สํวฏฺโฏ สํวฏฺฏฏฺายี วิวฏฺโฏ วิวฏฺฏฏฺายีติ กปฺปสฺส จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ. ตตฺถ สํวฏฺฏนํ วินสฺสนํ สํวฏฺโฏ, วินสฺสมาโน อสงฺขฺเยยฺยกปฺโป. โส ปน อตฺถโต กาโลเยว, ตทา ปวตฺตมานสงฺขารวเสนสฺส วินาโส เวทิตพฺโพ. สํวฏฺฏโต อุทฺธํ ตถาายีกาโล สํวฏฺฏฏฺายี. วิวฏฺฏนํ นิพฺพตฺตนํ วฑฺฒนํ วา วิวฏฺโฏ, วฑฺฒมาโน อสงฺขฺเยยฺยกปฺโป. โสปิ อตฺถโต กาโลเยว, ตทา ปวตฺตมานสงฺขารวเสนสฺส วฑฺฒิ เวทิตพฺพา. วิวฏฺฏโต อุทฺธํ ¶ ตถาายีกาโล วิวฏฺฏฏฺายี. ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา เตโชสํวฏฺโฏ อาโปสํวฏฺโฏ วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา อาภสฺสรา สุภกิณฺหา เวหปฺผลาติ. ยทา กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, ตทา อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อาเปน สํวฏฺฏติ, ตทา สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วายุนา สํวฏฺฏติ, ตทา เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสติ.
วิตฺถารโต ปน ตีสุปิ สํวฏฺฏกาเลสุ เอกํ พุทฺธกฺเขตฺตํ วินสฺสติ. พุทฺธกฺเขตฺตํ นาม ติวิธํ โหติ ชาติกฺเขตฺตํ อาณากฺเขตฺตํ วิสยกฺเขตฺตฺจ. ตตฺถ ชาติกฺเขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ, ยํ ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณาทีสุ กมฺปติ. ยตฺตเก หิ าเน ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิาณาทิาณานุภาโว ปฺุผลสมุตฺเตชิโต สรเสเนว ปฏิวิชมฺภติ, ตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธงฺกุรสฺส นิพฺพตฺตนกฺเขตฺตํ นามาติ พุทฺธกฺเขตฺตนฺติ วุจฺจติ. อาณากฺเขตฺตํ ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ, ยตฺถ รตนสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๒๔ อาทโย) ขนฺธปริตฺตํ (อ. นิ. ๔.๖๗; ชา. ๑.๒.๑๐๕-๑๐๖; จูฬว. ๒๕๑ อาทโย) ธชคฺคปริตฺตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) อาฏานาฏิยปริตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) โมรปริตฺตนฺติ (ชา. ๑.๒.๑๗-๑๘) อิเมสํ ปริตฺตานํ อานุภาโว วตฺตติ. อิทฺธิมา หิ เจโตวสิปฺปตฺโต อาณากฺเขตฺตปริยาปนฺเน ยตฺถ กตฺถจิ จกฺกวาเฬ ตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปริตฺตํ กตฺวา ตตฺเถว อฺํ จกฺกวาฬํ คโตปิ กตปริตฺโต เอว โหติ. เอกจกฺกวาเฬ ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อตฺถาย ปริตฺเต กเต อาณากฺเขตฺเต สพฺพสตฺตานมฺปิ อภิสมฺภุณาเตว ปริตฺตานุภาโว ตตฺถ เทวตาหิ ปริตฺตานํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพโต, ตสฺมา ตํ อาณากฺเขตฺตนฺติ วุจฺจติ. วิสยกฺเขตฺตํ ปน อนนฺตํ อปริมาณํ. อนนฺตาปริมาเณสุ หิ จกฺกวาเฬสุ ยํ ยํ ตถาคโต อากงฺขติ, ตํ ตํ ชานาติ อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย พุทฺธาณสฺส. เอวเมเตสุ ตีสุ พุทฺธกฺเขตฺเตสุ เอกํ อาณากฺเขตฺตํ วินสฺสติ, ตสฺมึ ปน วินสฺสนฺเต ชาติกฺเขตฺตํ วินฏฺเมว โหติ. วินสฺสนฺตมฺปิ เอกโตว วินสฺสติ, สณฺหนฺตมฺปิ เอกโตว สณฺหติ, ตสฺเสวํ วินาโส สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมึ ¶ สมเย กปฺโป อคฺคินา นสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬ เอกํ มหาวสฺสํ วสฺสติ ¶ , มนุสฺสา ตุฏฺา สพฺพพีชานิ นีหริตฺวา วปนฺติ, สสฺเสสุ ปน โคขายิตมตฺเตสุ ชาเตสุ คทฺรภรวํ รวนฺโต เอกพินฺทุมฺปิ น วสฺสติ, ตทา ปจฺฉินฺนปจฺฉินฺนเมว โหติ วสฺสํ. อิทํ สนฺธาย หิ ภควตา ‘‘โหติ โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ เทโว น วสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๖) วุตฺตํ. วสฺสูปชีวิโนปิ สตฺตา กาลํ กตฺวา ปริตฺตาภาทิพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, ปุปฺผผลูปชีวินิโย จ เทวตา. เอวํ ทีเฆ อทฺธาเน วีติวตฺเต ตตฺถ ตตฺถ อุทกํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ, อถานุปุพฺเพน มจฺฉกจฺฉปาปิ กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺติ เนรยิกสตฺตาปิ. ตตฺถ เนรยิกา สตฺตมสูริยปาตุภาเว วินสฺสนฺตีติ เอเก.
ฌานํ ปน วินา นตฺถิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ, เอเตสฺจ เกจิ ทุพฺภิกฺขปีฬิตา, เกจิ อภพฺพา ฌานาธิคมาย, เต กถํ ตตฺถ นิพฺพตฺตนฺตีติ? เทวโลเก ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน. ตทา หิ ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปวุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมฺมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ ‘‘มาริสา มาริสา อิโต วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปวุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ อุสฺสุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา ฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ. เต ปน เทวา โลกํ พฺยูเหนฺติ สมฺปิณฺเฑนฺตีติ ‘‘โลกพฺยูหา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต กิร ทิสฺวา มนุสฺสา ยตฺถ กตฺถจิ ิตาปิ นิสินฺนาปิ สํเวคชาตา สมฺภมปฺปตฺตาว หุตฺวา เตสํ อาสนฺเน าเน สนฺนิปตนฺติ.
กถํ ปเนเต กปฺปวุฏฺานํ ชานนฺตีติ? ‘‘ธมฺมตาย สฺโจทิตา’’ติ อาจริยา. ‘‘ตาทิสนิมิตฺตทสฺสเนนา’’ติ เอเก. ‘‘พฺรหฺมเทวตาหิ อุยฺโยชิตา’’ติ อปเร. เตสํ ปน วจนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน มนุสฺสา จ ภุมฺมเทวตา จ สํเวคชาตา อฺมฺํ มุทุจิตฺตา หุตฺวา เมตฺตาทีนิ ปฺุานิ กริตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ. ตตฺถ ทิพฺพสุธาโภชนํ ภฺุชิตฺวา ตโต วาโยกสิเณ ¶ ปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ ปฏิลภนฺติ. เทวานํ กิร สุขสมฺผสฺสวาตคฺคหณปอจเยน วาโยกสิเณ ฌานานิ สุเขเนว อิชฺฌนฺติ. ตทฺเ ปน อาปายิกา สตฺตา อปราปริยเวทนีเยน ¶ กมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ. อปราปริยเวทนียกมฺมรหิโต หิ สํสาเร สํสรนฺโต นาม สตฺโต นตฺถิ. เตปิ ตตฺถ ตเถว ฌานํ ปฏิลภนฺติ. เอวํ เทวโลเก ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน สพฺเพปิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺติ. อิทฺจ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ.
เกจิ ปน ‘‘อปายสตฺตา สํวฏฺฏมานโลกธาตูหิ อฺเสุ โลกธาตูสุปิ นิพฺพตฺตนฺติ. น หิ สพฺเพ อปายสตฺตา ตทา รูปารูปภเวสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ สกฺกา วิฺาตุํ อปาเยสุ ทีฆายุกานํ เทวโลกูปปตฺติยา อสมฺภวโต. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก ปน วินสฺสมาเนปิ กปฺเป นิรยโต น มุจฺจติเยว, ตสฺมา โส ตตฺถ อนิพฺพตฺติตฺวา ปิฏฺิจกฺกวาเฬ นิพฺพตฺตติ. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา หิ สมนฺนาคตสฺส ภวโต วุฏฺานํ นาม นตฺถิ. ตาย หิ สมนฺนาคตสฺส เนว สคฺโค อตฺถิ, น มคฺโค, ตสฺมา โส สํวฏฺฏมานจกฺกวาฬโต อฺตฺถ นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา ปจฺจติ. กึ ปน ปิฏฺิจกฺกวาฬํ น ฌายตีติ? ฌายติ. ตสฺมึ ฌายมาเนปิ เอส อากาเส เอกสฺมึ ปเทเส ปจฺจตี’’ติ วทนฺติ.
วสฺสูปจฺเฉทโต ปน อุทฺธํ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ทุติโย สูริโย ปาตุภวติ, ปาตุภูเต ปน ตสฺมึ เนว รตฺติปริจฺเฉโท, น ทิวาปริจฺเฉโท ปฺายติ. เอโก สูริโย อุฏฺเติ, เอโก อตฺถํ คจฺฉติ, อวิจฺฉินฺนสูริยสนฺตาโปว โลโก โหติ. ยถา จ กปฺปวุฏฺานกาลโต ปุพฺเพ อุปฺปนฺนสูริยวิมาเน สูริยเทวปุตฺโต โหติ, เอวํ กปฺปวินาสกสูริเย นตฺถิ. กปฺปวุฏฺานกาเล ปน ยถา อฺเ กามาวจรเทวา, เอวํ สูริยเทวปุตฺโตปิ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชติ. สูริยมณฺฑลํ ปน ปภสฺสรตรฺเจว เตชวนฺตตรฺจ หุตฺวา ปวตฺตติ. ตํ อนฺตรธายิตฺวา อฺเมว อุปฺปชฺชตีติ อปเร. ตตฺถ ปกติสูริเย วตฺตมาเน อากาเส วลาหกาปิ ธูมสิขาปิ วตฺตนฺติ, กปฺปวินาสกสูริเย วตฺตมาเน วิคตธูมวลาหกํ อาทาสมณฺฑลํ วิย นิมฺมลํ นภํ โหติ. เปตฺวา ปฺจ มหานทิโย เสสกุนฺนทิอาทีสุ อุทกํ สุสฺสติ.
ตโตปิ ¶ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ตติโย สูริโย ปาตุภวติ, ยสฺส ปาตุภาวา มหานทิโยปิ สุสฺสนฺติ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน จตุตฺโถ สูริโย ปาตุภวติ, ยสฺส ปาตุภาวา หิมวติ มหานทีนํ ปภวา สีหปฺปปาตทโห มนฺทากินีทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห อโนตตฺตทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโหติ อิเม สตฺต มหาสรา สุสฺสนฺติ.
ตโตปิ ¶ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ปฺจโม สูริโย ปาตุภวติ, ยสฺส ปาตุภาวา อนุปุพฺเพน มหาสมุทฺเท องฺคุลิปพฺพเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ น สณฺาติ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ฉฏฺโ สูริโย ปาตุภวติ, ยสฺส ปาตุภาวา สกลจกฺกวาฬํ เอกธูมํ โหติ ปริยาทินฺนสิเนหํ ธูเมน. ยาย หิ อาโปธาตุยา ตตฺถ ตตฺถ ปถวีธาตุ อาพนฺธตฺตา สมฺปิณฺฑิตา หุตฺวา ติฏฺติ, สา ฉฏฺสูริยปาตุภาเวน ปริกฺขยํ คจฺฉติ. ยถา จิทํ, เอวํ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิปิ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สตฺตโม สูริโย ปาตุภวติ, ยสฺส ปาตุภาวา สกลจกฺกวาฬํ เอกชาลํ โหติ สทฺธึ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬหิ, โยชนสติกาทิเภทานิ สิเนรุกูฏานิ ปลุชฺชิตฺวา อากาเสเยว อนฺตรธายนฺติ. สา อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา จาตุมหาราชิเก คณฺหาติ. ตตฺถ กนกวิมานรตนวิมานมณิวิมานานิ ฌาเปตฺวา ตาวตึสภวนํ คณฺหาติ. เอเตเนวูปาเยน ยาว ปมชฺฌานภูมึ คณฺหาติ, ตตฺถ ตโยปิ พฺรหฺมโลเก ฌาเปตฺวา อาภสฺสเร อาหจฺจ ติฏฺติ. สา ยาว อณุมตฺตมฺปิ สงฺขารคตํ อตฺถิ, ตาว น นิพฺพายติ. สพฺพสงฺขารปริกฺขยา ปน สปฺปิเตลชฺฌาปนคฺคิสิขา วิย ฉาริกมฺปิ อนวเสเสตฺวา นิพฺพายติ. เหฏฺาอากาเสน สห อุปริอากาโส เอโก โหติ มหนฺธกาโร.
เอวํ เอกมสงฺขฺเยยฺยํ เอกงฺคณํ หุตฺวา ิเต โลกสนฺนิวาเส โลกสฺส สณฺานตฺถาย เทโว วสฺสิตุํ อารภติ, อาทิโตว อนฺตรฏฺเก หิมปาโต วิย โหติ. ตโต กณมตฺตา ตณฺฑุลมตฺตา มุคฺคมาสพทรอามลกเอฬาลุกกุมฺภณฺฑอลาพุมตฺตา อุทกธารา หุตฺวา อนุกฺกเมน ¶ อุสภทฺเวอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชน…เป… โยชนสตโยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬคพฺภนฺตรํ ยาว อวินฏฺพฺรหฺมโลกา ปูเรตฺวา อนฺตรธายติ. ตํ อุทกํ เหฏฺา จ ติริยฺจ วาโต สมุฏฺหิตฺวา ฆนํ กโรติ ปริวฏุมํ ปทุมินีปตฺเต อุทกพินฺทุสทิสํ.
กถํ ตาวมหนฺตํ อุทกราสึ ฆนํ กโรตีติ เจ? วิวรสมฺปทานโต วาตสฺสาติ. ตฺหิสฺส ตหึ ตหึ วิวรํ เทติ. ตํ เอวํ วาเตน สมฺปิณฺฑิยมานํ ฆนํ กริยมานํ ปริกฺขยมานํ อนุปุพฺเพน เหฏฺา โอตรติ. โอติณฺเณ โอติณฺเณ อุทเก พฺรหฺมโลกฏฺาเน พฺรหฺมโลโก, อุปริจตุกามาวจรเทวโลกฏฺาเน จ เทวโลกา ปาตุภวนฺติ. จาตุมหาราชิกตาวตึสภวนานิ ปน ปถวีสมฺพนฺธตาย น ตาว ปาตุภวนฺติ. ปุริมปถวิฏฺานํ โอติณฺเณ ปน พลววาตา อุปฺปชฺชนฺติ, เต ตํ ปิหิตทฺวาเร ธมฺมกรเณ ิตอุทกมิว นิรุสฺสาสํ กตฺวา รุมฺภนฺติ ¶ . มธุโรทกํ ปริกฺขยํ คจฺฉมานํ อุปริ รสปถวึ สมุฏฺาเปติ, อุทกปิฏฺเ อุปฺปลินีปตฺตํ วิย ปถวี สณฺาติ. สา วณฺณสมฺปนฺนา เจว โหติ คนฺธรสสมฺปนฺนา จ นิรุทกปายาสสฺส อุปริ ปฏลํ วิย. เอตฺถ ปน มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺานํ วินสฺสมาเน โลเก ปจฺฉา วินสฺสติ, สณฺหมาเน ปมํ สณฺหตีติ เวทิตพฺพํ.
ตทา จ อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก ปมตราภินิพฺพตฺตา สตฺตา อายุกฺขยา วา ปฺุกฺขยา วา ตโต จวิตฺวา โอปปาติกา หุตฺวา อิธูปปชฺชนฺติ, เต โหนฺติ สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา, เต ตํ รสปถวึ สายิตฺวา ตณฺหาภิภูตา อาลุปฺปการกํ ปริภฺุชิตุํ อุปกฺกมนฺติ. อถ เตสํ สยํปภา อนฺตรธายติ, อนฺธกาโร โหติ. เต อนฺธการํ ทิสฺวา ภายนฺติ. ตโต เตสํ ภยํ นาเสตฺวา สูรภาวํ ชนยนฺตํ ปริปุณฺณปฺาสโยชนํ สูริยมณฺฑลํ ปาตุภวติ. เต ตํ ทิสฺวา ‘‘อาโลกํ ปฏิลภิมฺหา’’ติ หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ‘‘อมฺหากํ ภีตานํ ภยํ นาเสตฺวา สูรภาวํ ชนยนฺโต อุฏฺิโต, ตสฺมา สูริโย โหตู’’ติ สูริโยตฺเววสฺส นามํ กโรนฺติ.
อถ สูริเย ทิวสํ อาโลกํ กตฺวา อตฺถงฺคเต ‘‘ยมฺปิ อาโลกํ ลภิมฺห, โสปิ โน นฏฺโ’’ติ ปุน ภีตา โหนฺติ. เตสํ เอวํ โหติ ‘‘สาธุ วตสฺส, สเจ อฺํ อาโลกํ ลเภยฺยามา’’ติ. เตสํ จิตฺตํ ตฺวา วิย เอกูนปฺาสโยชนํ จนฺทมณฺฑลํ ปาตุภวติ. เต ตํ ทิสฺวา ภิยฺโยโส ¶ มตฺตาย หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ‘‘อมฺหากํ ฉนฺทํ ตฺวา วิย อุฏฺิโต, ตสฺมา จนฺโท โหตู’’ติ จนฺโทตฺเววสฺส นามํ กโรนฺติ.
เอวํ จนฺทิมสูริเยสุ ปาตุภูเตสุ นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานิ ปาตุภวนฺติ, ตโต ปภุติ รตฺตินฺทิวา ปฺายนฺติ, อนุกฺกเมน จ มาสฑฺฒมาสอุตุสํวจฺฉรา, จนฺทิมสูริยานํ ปาตุภูตทิวเสเยว สิเนรุจกฺกวาฬหิมวนฺตปพฺพตา ทีปสมุทฺทา จ ปาตุภวนฺติ. เต จ โข อปุพฺพํ อจริมํ ผคฺคุณปุณฺณมทิวเสเยว ปาตุภวนฺติ. กถํ? ยถา นาม กงฺคุภตฺเต ปจฺจมาเน เอกปฺปหาเรเนว ปุพฺพุฬกา อุฏฺหนฺติ, เอเก ปเทสา ถูปถูปา โหนฺติ, เอเก นินฺนนินฺนา, เอเก สมสมา, เอวเมว ถูปถูปฏฺาเน ปพฺพตา โหนฺติ, นินฺนนินฺนฏฺาเน สมุทฺทา, สมสมฏฺาเน ทีปาติ.
อถ เตสํ สตฺตานํ รสปถวึ ปริภฺุชนฺตานํ กมฺเมน เอกจฺเจ วณฺณวนฺโต โหนฺติ, เอกจฺเจ ทุพฺพณฺณา โหนฺติ. ตตฺถ วณฺณวนฺโต ทุพฺพณฺเณ อติมฺนฺติ, เตสํ อติมานปจฺจยา สาปิ รสปถวี อนฺตรธายติ, ภูมิปปฺปฏโก ปาตุภวติ. อถ เนสํ เตเนว นเยน โสปิ อนฺตรธายติ, อถ ปทาลตา ปาตุภวติ. เตเนว นเยน สาปิ อนฺตรธายติ, อกฏฺปาโก สาลิ ¶ ปาตุภวติ อกโณ อถุโส สุคนฺโธ ตณฺฑุลผโล. ตโต เนสํ ภาชนานิ อุปฺปชฺชนฺติ. เต สาลึ ภาชเน เปตฺวา ปาสาณปิฏฺิยํ เปนฺติ, สยเมว ชาลสิขา อุฏฺหิตฺวา ตํ ปจติ. โส โหติ โอทโน สุมนชาติปุปฺผสทิโส, น ตสฺส สูเปน วา พฺยฺชเนน วา กรณียํ อตฺถิ, ยํ ยํ รสํ ภฺุชิตุกามา โหนฺติ, ตํตํรโสว โหติ. เตสํ ตํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหรยตํ ตโต ปภุติ มุตฺตกรีสํ สฺชายติ. ตถา หิ รสปถวี ภูมิปปฺปฏโก ปทาลตาติ อิเม ตาว ปริภุตฺตา สุธาหาโร วิย ขุทํ วิโนเทตฺวา รสหรณีหิ รสเมว ปริพฺยูเหนฺตา ติฏฺนฺติ วตฺถุโน สุขุมภาเวน, น นิสฺสนฺทา, สุขุมภาเวเนว คหณินฺธนเมว จ โหติ. โอทโน ปน ปริภุตฺโต รสํ วฑฺเฒนฺโตปิ วตฺถุโน โอฬาริกภาเวเนว นิสฺสนฺทํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปสฺสาวํ กรีสฺจ อุปฺปาเทติ.
อถ เตสํ นิกฺขมนตฺถาย วณมุขานิ ปภิชฺชนฺติ. ปุริสสฺส ปุริสภาโว, อิตฺถิยา อิตฺถิภาโว ปาตุภวติ. ปุริมตฺตภาเวสุ หิ ปวตฺตอุปจารชฺฌานานุภาเวน ยาว สตฺตสนฺตาเนสุ กามราโค วิกฺขมฺภนเวเคน สมิโต ¶ , น ตาว พหลกามราคูปนิสฺสยานิ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ ปาตุรเหสุํ. ยทา ปนสฺส วิจฺฉินฺนตาย พหลกามราโค ลทฺธาวสโร อโหสิ, ตทา ตทุปนิสฺสยานิ ตานิ สตฺตานํ อตฺตภาเวสุ สฺชายึสุ, ตทา อิตฺถี ปุริสํ, ปุริโส จ อิตฺถึ อติเวลํ อุปนิชฺฌายติ. เตสํ อติเวลํ อุปนิชฺฌายนปจฺจยา กามปริฬาโห อุปฺปชฺชติ, ตโต เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺติ. เต อสทฺธมฺมปฏิเสวนปจฺจยา วิฺูหิ ครหิยมานา วิเหิยมานา ตสฺส อสทฺธมฺมสฺส ปฏิจฺฉาทนเหตุ อคารานิ กโรนฺติ. เต อคารํ อชฺฌาวสมานา อนุกฺกเมน อฺตรสฺส อลสชาติกสฺส สตฺตสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺตา สนฺนิธึ กโรนฺติ. ตโต ปภุติ กโณปิ ถุโสปิ ตณฺฑุลํ ปริโยนนฺธนฺติ, ลายิตฏฺานมฺปิ น ปฏิวิรุหติ.
เต สนฺนิปติตฺวา อนุตฺถุนนฺติ ‘‘ปาปกา วต โภ ธมฺมา สตฺเตสุ ปาตุภูตา, มยฺหิ ปุพฺเพ มโนมยา อหุมฺหา’’ติ, อคฺคฺสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๑๒๘) วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ. ตโต มริยาทํ เปนฺติ, อถฺตโร สตฺโต อฺสฺส ภาคํ อทินฺนํ อาทิยติ, ตํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปริภาเสตฺวา ตติยวาเร ปาณิเลฑฺฑุทณฺเฑหิ ปหรนฺติ. เต เอวํ อทินฺนาทาเน กลหมุสาวาททณฺฑาทาเนสุ อุปฺปนฺเนสุ จ สนฺนิปติตฺวา จินฺตยนฺติ ‘‘ยนฺนูน มยํ เอกํ สตฺตํ สมฺมนฺเนยฺยาม, โย โน สมฺมา ขียิตพฺพํ ขีเยยฺย, ครหิตพฺพํ ครเหยฺย, ปพฺพาเชตพฺพํ ปพฺพาเชยฺย, มยํ ปนสฺส สาลีนํ ภาคมนุปฺปทสฺสามา’’ติ. เอวํ กตสนฺนิฏฺาเนสุ ปน สตฺเตสุ อิมสฺมึ ตาว กปฺเป อยเมว ภควา โพธิสตฺตภูโต เตน สมเยน เตสุ สตฺเตสุ อภิรูปตโร จ ¶ ทสฺสนียตโร จ มเหสกฺขตโร จ พุทฺธิสมฺปนฺโน ปฏิพโล นิคฺคหปคฺคหํ กาตุํ. เต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจิตฺวา สมฺมนฺนึสุ. โส เตน มหาชเนน สมฺมโตติ มหาสมฺมโต, เขตฺตานํ อธิปตีติ ขตฺติโย, ธมฺเมน สเมน ปเรสํ รฺเชตีติ ราชาติ ตีหิ นาเมหิ ปฺายิตฺถ. ยฺหิ โลเก อจฺฉริยฏฺานํ, โพธิสตฺโตว ตตฺถ อาทิปุริโสติ เอวํ โพธิสตฺตํ อาทึ กตฺวา ขตฺติยมณฺฑเล สณฺิเต อนุปุพฺเพน พฺราหฺมณาทโยปิ วณฺณา สณฺหึสุ.
ตตฺถ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว ชาโลปจฺเฉโท, อิทเมกมสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺโฏติ วุจฺจติ. กปฺปวินาสกชาโลปจฺเฉทโต ยาว ¶ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริปูรโก สมฺปตฺติมหาเมโฆ, อิทํ ทุติยมสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺฏฏฺายีติ วุจฺจติ. สมฺปตฺติมหาเมฆโต ยาว จนฺทิมสูริยปาตุภาโว, อิทํ ตติยมสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺโฏติ วุจฺจติ. จนฺทิมสูริยปาตุภาวโต ยาว ปุน กปฺปวินาสกมหาเมโฆ, อิทํ จตุตฺถมสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺฏฏฺายีติ วุจฺจติ. วิวฏฺฏฏฺายีอสงฺขฺเยยฺยํ จตุสฏฺิอนฺตรกปฺปสงฺคหํ. ‘‘วีสติอนฺตรกปฺปสงฺคห’’นฺติ เกจิ. เสสาสงฺขฺเยยฺยานิ กาลโต เตน สมปฺปมาณาเนว. อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เอวํ ตาว อคฺคินา วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมึ ปน สมเย กปฺโป อุทเกน นสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวาติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ทุติยสูริโย, เอวมิธ กปฺปวินาสโก ขารุทกมหาเมโฆ วุฏฺาติ. โส อาทิโต สุขุมํ สุขุมํ วสฺสนฺโต อนุกฺกเมน มหาธาราหิ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานํ ปูเรนฺโต วสฺสติ. ขารุทเกน ผุฏฺผุฏฺา ปถวีปพฺพตาทโย วิลียนฺติ, อุทกํ สมนฺตโต วาเตหิ ธารียติ. ปถวิยา เหฏฺิมนฺตโต ปภุติ ยาว ทุติยชฺฌานภูมึ อุทกํ คณฺหาติ. เตน หิ ขารุทเกน ผุฏฺผุฏฺา ปถวีปพฺพตาทโย อุทเก ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย วิลียนฺเตว, ตสฺมา ปถวีสนฺธารกอุทเกน สทฺธึ เอกูทกเมว ตํ โหตีติ เกจิ. อปเร ปน ‘‘ปถวีสนฺธารกอุทกํ ตํ สนฺธารกวายุกฺขนฺธฺจ อนวเสสโต วินาเสตฺวา สพฺพตฺถ สยเมว เอโก ฆนภูโต ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ. อุปริ ปน ฉปิ พฺรหฺมโลเก วิลียาเปตฺวา สุภกิณฺเห อาหจฺจ ติฏฺติ, ตํ ยาว อณุมตฺตมฺปิ สงฺขารคตํ อตฺถิ, ตาว น วูปสมฺมติ, อุทกานุคตํ ปน สพฺพํ สงฺขารคตํ อภิภวิตฺวา สหสา วูปสมฺมติ, อนฺตรธานํ คจฺฉติ. เหฏฺาอากาเสน สห อุปริอากาโส เอโก โหติ มหนฺธกาโรติ สพฺพํ วุตฺตสทิสํ. เกวลํ ปนิธ อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อาทึ กตฺวา โลโก ปาตุภวติ. สุภกิณฺหโต จวิตฺวา อาภสฺสรฏฺานาทีสุ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺติ. ตตฺถ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว กปฺปวินาสกขารุทโกปจฺเฉโท, อิทเมกมสงฺขฺเยยฺยํ ¶ . อุทกุปจฺเฉทโต ยาว สมฺปตฺติมหาเมโฆ, อิทํ ทุติยมสงฺขฺเยยฺยํ. สมฺปตฺติมหาเมฆโต ยาว จนฺทิมสูริยปาตุภาโว, อิทํ ตติยมสงฺขฺเยยฺยํ. จนฺทิมสูริยปาตุภาวโต ¶ ยาว กปฺปวินาสกมหอาเมโฆ, อิทํ จตุตฺถมสงฺขฺเยยฺยํ. อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เอวํ อุทเกน วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมึ สมเย กปฺโป วาเตน นสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวาติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ทุติยสูริโย, เอวมิธ กปฺปวินาสนตฺถํ วาโต สมุฏฺาติ. โส ปมํ ถูลรชํ อุฏฺาเปติ, ตโต สณฺหรชํ สุขุมวาลิกํ ถูลวาลิกํ สกฺขรปาสาณาทโยติ ยาวกูฏาคารมตฺเต ปาสาเณ วิสมฏฺาเน ิตมหารุกฺเข จ อุฏฺาเปติ. เต ปถวิโต นภมุคฺคตา น ปุน ปตนฺติ, ตตฺเถว จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา อภาวํ คจฺฉนฺติ. อถานุกฺกเมน เหฏฺา มหาปถวิยา วาโต สมุฏฺหิตฺวา ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา อุทฺธํ มูลํ กตฺวา อากาเส ขิปติ. โยชนสตปฺปมาณาปิ ปถวิปฺปเทสา ทฺวิโยชนติโยชนจตุโยชนปฺจโยชนฉโยชนสตฺตโยชนปฺปมาณาปิ ปภิชฺชิตฺวา วาตเวคุกฺขิตฺตา อากาเสเยว จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา อภาวํ คจฺฉนฺติ. จกฺกวาฬปพฺพตมฺปิ สิเนรุปพฺพตมฺปิ วาโต อุกฺขิปิตฺวา อากาเส ขิปติ. เต อฺมฺํ อภิหนฺตฺวา จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา วินสฺสนฺติ. เอเตเนวูปาเยน ภูมฏฺกวิมานานิ จ อากาสฏฺกวิมานานิ จ วินาเสนฺโต ฉกามาวจรเทวโลเก วินาเสตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิ วินาเสติ. ตตฺถ จกฺกวาฬา จกฺกวาเฬหิ, หิมวนฺตา หิมวนฺเตหิ, สิเนรู สิเนรูหิ อฺมฺํ สมาคนฺตฺวา จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา วินสฺสนฺติ. ปถวิโต ยาว ตติยชฺฌานภูมิ วาโต คณฺหาติ, นวปิ พฺรหฺมโลเก วินาเสตฺวา เวหปฺผเล อาหจฺจ ติฏฺติ. เอวํ ปถวีสนฺธารกอุทเกน ตํสนฺธารกวาเตน จ สทฺธึ สพฺพสงฺขารคตํ วินาเสตฺวา สยมฺปิ วินสฺสติ อวฏฺานสฺส การณาภาวโต. เหฏฺาอากาเสน สห อุปริอากาโส เอโก โหติ มหนฺธกาโรติ สพฺพํ วุตฺตสทิสํ. อิธ ปน สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกํ อาทึ กตฺวา โลโก ปาตุภวติ. เวหปฺผลโต จวิตฺวา สุภกิณฺหฏฺานาทีสุ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺติ. ตตฺถ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว กปฺปวินาสกวาตุปจฺเฉโท, อิทเมกมสงฺขฺเยยฺยํ. วาตุปจฺเฉทโต ยาว สมฺปตฺติมหาเมโฆ, อิทํ ทุติยมสงฺขฺเยยฺยนฺติอาทิ วุตฺตนยเมว. เอวํ วาเตน วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
อถ ¶ กึการณา เอวํ โลโก วินสฺสติ. ยทิปิ หิ สงฺขารานํ อเหตุโก สรสนิโรโธ วินาสกาภาวโต, สนฺตานนิโรโธ ปน เหตุวิรหิโต นตฺถิ. ยถา ตํ สตฺตนิกาเยสูติ ภาชนโลกสฺสปิ สเหตุเกน วินาเสน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา กิเมวํ โลกวินาเส การณนฺติ? อกุสลมูลํ ¶ การณํ. ยถา หิ ตตฺถ นิพฺพตฺตนกสตฺตานํ ปฺุพเลน ปมํ โลโก วิวฏฺฏติ, เอวํ เตสํ ปาปกมฺมพเลน สํวฏฺฏติ, ตสฺมา อกุสลมูเลสุ อุสฺสนฺเนสุ เอวํ โลโก วินสฺสติ. ยถา หิ ราคโทสโมหานํ อธิกภาเวน ยถากฺกมํ โรคนฺตรกปฺโป สตฺถนฺตรกปฺโป ทุพฺภิกฺขนฺตรกปฺโปติ อิเม ติวิธา อนฺตรกปฺปา วิวฏฺฏฏฺายิมฺหิ อสงฺขฺเยยฺยกปฺเป ชายนฺติ. เอวเมเต ยถาวุตฺตา ตโย สํวฏฺฏา ราคาทีนํ อธิกภาเวเนว โหนฺติ.
ตตฺถ ราเค อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา วินสฺสติ, โทเส อุสฺสนฺนตเร อุทเกน วินสฺสติ. โทเส หิ อุสฺสนฺนตเร อธิกตเรน โทเสน วิย ติกฺขตเรน ขารุทเกน วินาโส ยุตฺโตติ. เกจิ ปน ‘‘โทเส อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา, ราเค อุทเกนา’’ติ วทนฺติ, เตสํ กิร อยมธิปฺปาโย – ปากฏสตฺตุสทิสสฺส โทสสฺส อคฺคิสทิสตา, อปากฏสตฺตุสทิสสฺส ราคสฺส ขารุทกสทิสตา จ ยุตฺตาติ. โมเห ปน อุสฺสนฺนตเร วาเตน วินสฺสติ. เอวํ วินสฺสนฺโตปิ จ นิรนฺตรเมว สตฺต วาเร อคฺคินา นสฺสติ, อฏฺเม วาเร อุทเกน, ปุน สตฺต วาเร อคฺคินา, อฏฺเม อุทเกนาติ เอวํ อฏฺเม อฏฺเม วาเร วินสฺสนฺโต สตฺตกฺขตฺตุํ อุทเกน วินสฺสิตฺวา ปุน สตฺต วาเร อคฺคินา นสฺสติ. เอตฺตาวตา เตสฏฺิ กปฺปา อตีตา โหนฺติ. เอตฺถนฺตเร อุทเกน นสฺสนวารํ สมฺปตฺตมฺปิ ปฏิพาหิตฺวา ลทฺโธกาโส วาโต ปริปุณฺณจตุสฏฺิกปฺปายุเก สุภกิณฺเห วิทฺธํเสนฺโต โลกํ วินาเสติ. เอตฺถ ปน ราโค สตฺตานํ พหุลํ ปวตฺตตีติ อคฺคิวเสน พหุโส โลกวินาโส เวทิตพฺโพ. อิติ เอวํ อิเมหิ การเณหิ วินสฺสิตฺวา สณฺหนฺตํ สณฺหิตฺวา ิตฺจ โอกาสโลกํ ภควา ยาถาวโต อเวทีติ เอวมฺปิสฺส สพฺพถา โอกาสโลโก วิทิโตติ ทฏฺพฺพํ.
ยํ ปน เหฏฺา วุตฺตํ ‘‘สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู’’ติ, อิทานิ ตํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘เอวํ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู’’ติ. ตตฺถ ¶ สพฺพถาติ ลกฺขณาทิปฺปเภทโต สงฺขารโลกสฺส, อาสยาทิปฺปเภทโต สตฺตโลกสฺส, ปริมาณสณฺานาทิปฺปเภทโต โอกาสโลกสฺสาติ เอวํ สพฺพปฺปกาเรน วิทิตโลกตฺตาติ อตฺโถ.
อิทานิ อนุตฺตโรติ ปทสฺส อตฺถํ สํวณฺเณนฺโต อาห ‘‘อตฺตโน ปน คุเณหี’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺตโนติ นิสฺสกฺกตฺเถ สามิวจนเมตํ, อตฺตโตติ อตฺโถ. คุเณหิ อตฺตโน วิสิฏฺตรสฺสาติ สมฺพนฺโธ. ตรคฺคหณฺเจตฺถ ‘‘อนุตฺตโร’’ติ ปทสฺส อตฺถนิทฺเทสตาย กตํ, น วิสิฏฺสฺส กสฺสจิ อตฺถิตาย. สเทวเก หิ โลเก สทิสกปฺโปปิ นาม โกจิ ตถาคตสฺส นตฺถิ, กุโต สทิโส, วิสิฏฺเ ปน กา กถา. กสฺสจีติ กสฺสจิปิ. อภิภวตีติ สีลสมฺปทาย ¶ อุปนิสฺสยภูตานํ หิโรตฺตปฺปเมตฺตากรุณานํ วิเสสปจฺจยานํ สทฺธาสติวีริยปฺานฺจ อุกฺกํสปฺปตฺติยา สมุทาคมโต ปฏฺาย น อฺสาธารโณ สวาสนปฏิปกฺขสฺส ปหีนตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต สตฺถุ สีลคุโณ, เตน ภควา สเทวกํ โลกํ อฺทตฺถุ อภิภุยฺย ปวตฺตติ, น สยํ เกนจิ อภิภุยฺยตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สมาธิคุณาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. สีลาทโย เจเต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา เวทิตพฺพา, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยํ กามาวจรเมว.
ยทิ เอวํ กถํ เตน สเทวกํ โลกํ อภิภวตีติ? ตสฺสปิ อานุภาวโต อสทิสตฺตา. ตมฺปิ หิ วิสยโต ปวตฺติโต ปวตฺติอาการโต จ อุตฺตริตรเมว. ตฺหิ อนฺสาธารณํ สตฺถุ วิมุตฺติคุณํ อารพฺภ ปวตฺตติ, ปวตฺตมานฺจ อตกฺกาวจรํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหํ สุขุมํ สาติสยํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ สุปฺปหีนตฺตา สุฏฺุ ปากฏํ วิภูตตรํ กตฺวา ปวตฺตติ, สมฺมเทว จ วสีภาวสฺส ปาปกตฺตา ภวงฺคปริวาสสฺส จ อติปริตฺตกตฺตา ลหุ ลหุ ปวตฺตตีติ.
เอวํ สีลาทิคุเณหิ ภควโต อุตฺตริตรสฺส อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทิสสฺสปิ อภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีลคุเณนปิ อสโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสโมติ เอกสฺมึ กาเล นตฺถิ เอตสฺส สีลาทิคุเณน สโม สทิโสติ อสโม. ตถา อสเมหิ สโม อสมสโม. อสมา วา สมา เอตสฺสาติ อสมสโม. สีลาทิคุเณน นตฺถิ เอตสฺส ¶ ปฏิมาติ อปฺปฏิโม. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อุปมามตฺตํ ปฏิมา, สทิสูปมา ปฏิภาโค, ยุคคฺคาหวเสน ิโต ปฏิปุคฺคโลติ เวทิตพฺโพ.
น โข ปนาหํ ภิกฺขเว สมนุปสฺสามีติอาทีสุ มม สมนฺตจกฺขุนา หตฺถตเล อามลกํ วิย สพฺพํ โลกํ ปสฺสนฺโตปิ ตตฺถ สเทวเก…เป… ปชาย อตฺตโน อตฺตโต สีลสมฺปนฺนตรํ สมฺปนฺนตรสีลํ กฺจิปิ ปุคฺคลํ น โข ปน ปสฺสามิ ตาทิสสฺส อภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนีติ เอตฺถ –
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺีนาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค ¶ เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) –
อิทํ อคฺคปฺปสาทสุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน –
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓; ที. นิ. ๓.๑๘๘) –
เอวมาทีนิ สุตฺตปทานิ เวทิตพฺพานิ. อาทิกา คาถาโยติ –
‘‘อหฺหิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต. (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑);
‘‘ทนฺโต ทมยตํ เสฏฺโ, สนฺโต สมยตํ อิสิ;
มุตฺโต โมจยตํ อคฺโค, ติณฺโณ ตารยตํ วโร. (อิติวุ. ๑๑๒)
‘‘นยิมสฺมึ ¶ โลเก ปรสฺมึ วา ปน,
พุทฺเธน เสฏฺโ สทิโส จ วิชฺชติ;
อาหุเนยฺยานํ ปรมาหุตึ คโต,
ปฺุตฺถิกานํ วิปุลปฺผเลสิน’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๐๔๗; กถา. ๗๙๙) –
เอวมาทิกา คาถา วิตฺถาเรตพฺพา.
ปุริสทมฺมสารถีติอาทีสุ ทมิตพฺพาติ ทมฺมา, ทมิตุํ อรหรูปา. ปุริสา จ เต ทมฺมา จาติ ปุริสทมฺมา. วิเสสนสฺส เจตฺถ ปรนิปาตํ กตฺวา นิทฺเทโส, ทมฺมปุริสาติ อตฺโถ. ‘‘สติปิ มาตุคามสฺสปิ ทมฺมภาเว ปุริสคฺคหณํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสนา’’ติ วทนฺติ. สาเรตีติ อิมสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทเมตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ทเมตีติ สเมติ, กายสมาทีหิ โยเชตีติ ¶ อตฺโถ. ตํ ปน กายสมาทีหิ โยชนํ ยถารหํ ตทงฺควินยาทีสุ ปติฏฺาปนํ โหตีติ อาห ‘‘วิเนตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. อทนฺตาติ อิทํ สพฺเพน สพฺพํ ทมตํ อนุปคตา ปุริสทมฺมาติ วุตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ. เย ปน วิปฺปกตทมฺมภาวา สพฺพถา ทเมตพฺพตํ นาติวตฺตา, เตปิ ปุริสทมฺมา เอว, ยโต เต สตฺถา ทเมติ. ภควา หิ วิสุทฺธสีลสฺส ปมชฺฌานํ อาจิกฺขติ, ปมชฺฌานลาภิโน ทุติยชฺฌานนฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส อุปรูปริ วิเสสํ อาจิกฺขนฺโต เอกเทเสน ทนฺเตปิ สเมติ. เตเนว วุตฺตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๙) ‘‘อปิ จ โส ภควา วิสุทฺธสีลาทีนํ ปมชฺฌานาทีนิ โสตาปนฺนาทีนฺจ อุตฺตริมคฺคปฺปฏิปทํ อาจิกฺขนฺโต ทนฺเตปิ ทเมติเยวา’’ติ. อถ วา สพฺเพน สพฺพํ อทนฺตา เอกเทเสน ทนฺตา จ อิธ อทนฺตคฺคหเณเนว สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. ทเมตุํ ยุตฺตาติ ทมนารหา.
ติรจฺฉานปุริสาติอาทีสุ อุทฺธํ อนุคฺคนฺตฺวา ติริยํ อฺจิตา คตา วฑฺฒิตาติ ติรจฺฉานา, เทวมนุสฺสาทโย วิย อุทฺธํ ทีฆํ อหุตฺวา ติริยํ ทีฆาติ อตฺโถ. ติรจฺฉานาเยว ปุริสา ติรจฺฉานปุริสา. มนสฺส ¶ อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสา อุกฺกฏฺคุณจิตฺตา. เก ปน เต? ชมฺพุทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา. เตนาห ภควา –
‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑).
ตถา หิ พุทฺธา ภควนฺโต ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา มหาสาวกา จกฺกวตฺติโน อฺเ จ มหานุภาวา สตฺตา ตตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ. เตหิ สมานรูปาทิตาย ปน สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ มนุสฺสาตฺเวว ปฺายึสูติ เอเก. อปเร ปน ภณนฺติ – โลภาทีหิ จ อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เย หิ สตฺตา มนุสฺสชาติกา, เตสุ วิเสสโต โลภาทโย อโลภาทโย จ อุสฺสนฺนา, เต โลภาทิอุสฺสนฺนตาย อปายมคฺคํ, อโลภาทิอุสฺสนฺนตาย สุคติมคฺคํ นิพฺพานคามิมคฺคฺจ ปูเรนฺติ, ตสฺมา โลภาทีหิ อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ จตุมหาทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา มนุสฺสาติ วุจฺจนฺติ. โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. มนุ นาม ปมกปฺปิโก โลกมริยาทาย อาทิภูโต หิตาหิตวิธายโก สตฺตานํ ปิตุฏฺานิโย, โย สาสเน มหาสมฺมโตติ วุจฺจติ, ปจฺจกฺขโต ปรมฺปราย ¶ จ ตสฺส โอวาทานุสาสนิยํ ิตา ตสฺส ปุตฺตสทิสตาย มนุสฺสา มานุสาติ จ วุจฺจนฺติ. ตโต เอว หิ เต มาณวา ‘‘มนุชา’’ติ จ โวหรียนฺติ, มนุสฺสา จ เต ปุริสา จาติ มนุสฺสปุริสา.
อมนุสฺสปุริสาติ เอตฺถ น มนุสฺสาติ อมนุสฺสา. ตํสทิสตา เอตฺถ โชตียติ. เตน มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ ยกฺขาทโย อมนุสฺสาติ อธิปฺเปตา. น เย เกจิ มนุสฺเสหิ อฺเ, ตถา ติรจฺฉานปุริสานํ วิสุํ คหณํ กตํ. ยกฺขาทโย เอว จ นิทฺทิฏฺา. อปลาโล หิมวนฺตวาสี, จูโฬทรมโหทรา นาคทีปวาสิโน, อคฺคิสิขธูมสิขา สีหฬทีปวาสิโน นิพฺพิสา กตา โทสวิสสฺส วิโนทเนน. เตนาห ‘‘สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาปิตา’’ติ. กูฏทนฺตาทโยติ ¶ อาทิ-สทฺเทน โฆรมุขอุปาลิคหปติอาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สกฺกาทโยติ อาทิ-สทฺเทน อชกลาปยกฺขพกพฺรหฺมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอเตสํ ปน ทมนํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อติปฺปปฺจภาวโต อิธ น วุจฺจติ. อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ อิทํ เกสีสุตฺตํ ‘‘วินีตา วิจิตฺเรหิ วินยนูปาเยหี’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ วิตฺถาเรตพฺพํ ยถารหํ สณฺหาทีหิ อุปาเยหิ วินยนสฺส ทีปนโต.
อตฺถปทนฺติ อตฺถาภิพฺยฺชนกํ ปทํ, วากฺยนฺติ อตฺโถ. วากฺเยน หิ อตฺถาภิพฺยตฺติ, น นามาทิปทมตฺเตน, เอกปทภาเวน จ อนฺสาธารโณ สตฺถุ ปุริสทมฺมสารถิภาโว ทสฺสิโต โหติ. เตนาห ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ. อฏฺ ทิสาติ อฏฺ สมาปตฺติโย. ตา หิ อฺมฺํ สมฺพนฺธาปิ อสํกิณฺณภาเวน ทิสฺสนฺติ อปทิสฺสนฺติ, ทิสา วิยาติ วา ทิสา. อสชฺชมานาติ น สชฺชมานา วสีภาวปฺปตฺติยา นิสฺสงฺคจารา. ธาวนฺตีติ ชวนวุตฺติโยคโต ธาวนฺติ. เอกํเยว ทิสํ ธาวตีติ อตฺตโน กายํ อปริวตฺตนฺโตติ อธิปฺปาโย, สตฺถารา ปน ทมิตา ปุริสทมฺมา เอกิริยาปเถเนว อฏฺ ทิสา ธาวนฺติ. เตนาห ‘‘เอกปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนา’’ติ. อฏฺ ทิสาติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ โลกิเยหิ อคตปุพฺพํ นิโรธสมาปตฺติทิสํ อมตทิสฺจ ปกฺขนฺทนโต.
ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหีติอาทีสุ ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ นิยุตฺโตติ ทิฏฺธมฺมิโก, อิธโลกตฺโถ. กมฺมกิเลสวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมฺมา คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก. ตตฺถ นิยุตฺโตติ สมฺปรายิโก, ปรโลกตฺโถ. ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, นิพฺพานํ. เตหิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ. ยถารหนฺติ ยถานุรูปํ, เตสุ เตสุ อตฺเถสุ โย โย ปุคฺคโล ยํ ยํ อรหติ, ตทนุรูปํ. อนุสาสตีติ วิเนติ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ ¶ ปติฏฺาเปติ. สห อตฺเถน วตฺตตีติ สตฺโถ, ภณฺฑมูเลน วณิชฺชาย เทสนฺตรํ คจฺฉนฺโต ชนสมูโห. หิตุปเทสาทิวเสน ปริปาเลตพฺโพ สาสิตพฺโพ โส เอตสฺส อตฺถีติ สตฺถา สตฺถวาโห นิรุตฺตินเยน. โส วิย ภควาติ อาห ‘‘สตฺถา วิยาติ สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห’’ติ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ นิทฺเทสปาฬินเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา สตฺถวาโห’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺเถติ สตฺถิเก ชเน. กํ อุทกํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโร, นิรุทโก อรฺปฺปเทโส. รุฬฺหีวเสน ปน อิตโรปิ อรฺปฺปเทโส ตถา วุจฺจติ. โจรกนฺตารนฺติ โจเรหิ อธิฏฺิตกนฺตารํ, ตถา วาฬกนฺตารํ. ทุพฺภิกฺขกนฺตารนฺติ ทุลฺลภภิกฺขํ กนฺตารํ. ตาเรตีติ อเขมนฺตฏฺานํ อติกฺกาเมติ. อุตฺตาเรตีติอาทิ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺเฒตฺวา วุตฺตํ. อถ วา อุตฺตาเรตีติ เขมนฺตภูมึ อุปเนนฺโต ตาเรติ. นิตฺตาเรตีติ อเขมนฺตฏฺานโต นิกฺขาเมนฺโต ตาเรติ. ปตาเรตีติ ปริคฺคเหตฺวา ตาเรติ, หตฺเถน ปริคฺคเหตฺวา ตาเรติ วิย ตาเรตีติ อตฺโถ. สพฺพมฺเปตํ ตารณุตฺตารณาทิ เขมฏฺาเน ปนเมวาติ อาห ‘‘เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปตี’’ติ. สตฺเตติ เวเนยฺยสตฺเต. มหาคหนตาย มหานตฺถตาย ทุนฺนิตฺถรตาย จ ชาติเยว กนฺตาโร ชาติกนฺตาโร, ตํ ชาติกนฺตารํ.
อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสนาติ อุกฺกฏฺสตฺตปริจฺเฉทวเสน. เทวมนุสฺสา เอว หิ อุกฺกฏฺสตฺตา, น ติรจฺฉานาทโย. เอตนฺติ ‘‘เทวมนุสฺสาน’’นฺติ เอตํ วจนํ. ภพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสนาติ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนสฺส โยคฺยปุคฺคลสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน. ภควโตติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ ยถา ‘‘อุปชฺฌายโต อชฺเฌตี’’ติ. ภควโต สนฺติเก วาติ อตฺโถ. อุปนิสฺสยสมฺปตฺตินฺติ ติเหตุกปฏิสนฺธิอาทิกํ มคฺคผลาธิคมสฺส พลวการณํ. คคฺครายาติ คคฺคราย นาม รฺโ เทวิยา, ตาย วา การิตตฺตา ‘‘คคฺครา’’ติ ลทฺธนามาย. สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ ธมฺมสฺาย สเร นิมิตฺตํ คณฺหิ, คณฺหนฺโต จ ปสนฺนจิตฺโต ปริสปริยนฺเต นิปชฺชิ. สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสีติ ตสฺส สีเส ทณฺฑสฺส ปิตภาวํ อปสฺสนฺโต ตตฺถ ทณฺฑํ อุปฺปีเฬตฺวา อฏฺาสิ. มณฺฑูโกปิ ทณฺเฑ ปิเตปิ อุปฺปีฬิเตปิ ธมฺมคเตน ปสาเทน วิสฺสรมกโรนฺโตว กาลมกาสิ. เทวโลเก นิพฺพตฺตสตฺตานํ อยํ ธมฺมตา, ยา ‘‘กุโตหํ อิธ นิพฺพตฺโต, ตตฺถ กินฺนุ โข กมฺมมกาสิ’’นฺติ อาวชฺชนา. ตสฺมา อตฺตโน ปุริมภวสฺส ทิฏฺตฺตา อาห ‘‘อเร อหมฺปิ นาม อิธ นิพฺพตฺโต’’ติ. ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทีติ กตฺุตาสํวฑฺฒิเตน เปมคารวพหุมาเนน วนฺทิ.
ชานนฺโตว ¶ ¶ ปุจฺฉีติ มหาชนสฺส กมฺมผลํ พุทฺธานุภาวฺจ ปจฺจกฺขํ กาตุกาโม ภควา ‘‘โก เม วนฺทตี’’ติ คาถาย ปุจฺฉิ. ตตฺถ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๕๗) โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก, กตโมติ อตฺโถ. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ยเสน จ ปริวาเรน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กามนีเยน สุนฺทเรน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ สพฺพา ทสปิ ทิสา ปภาเสนฺโต, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ อตฺโถ.
เอวํ ปน ภควตา ปุจฺฉิโต เทวปุตฺโต อตฺตานํ ปเวเทนฺโต ‘‘มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปุเรติ ปุริมชาติยํ. อุทเกติ อิทํ ตทา อตฺตโน อุปฺปตฺติฏฺานทสฺสนํ. อุทเก มณฺฑูโกติ เตน อุทฺธุมายิกาทิกสฺส ถเล มณฺฑูกสฺส นิวตฺตนํ กตํ โหติ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, คุนฺนํ ฆาเสสนฏฺานํ. อิธ ปน โคจโร วิยาติ โคจโร, วาริ อุทกํ โคจโร เอตสฺสาติ วาริโคจโร. อุทกจารีปิ หิ โกจิ กจฺฉปาทิ อวาริโคจโรปิ โหตีติ ‘‘วาริโคจโร’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺสาติ พฺรหฺมสฺสเรน กรวีกรุตมฺชุนา เทเสนฺตสฺส ตว ธมฺมํ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ สเร นิมิตฺตคฺคาหวเสน สุณนฺตสฺส. อนาทเร เจตํ สามิวจนํ. อวธี วจฺฉปาลโกติ วจฺเฉ รกฺขนฺโต โคปาลกทารโก มม สมีปํ อาคนฺตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ติฏฺนฺโต มม สีเส ทณฺฑํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา มํ มาเรสีติ อตฺโถ.
สิตํ กตฺวาติ ‘‘ตถา ปริตฺตตเรนปิ ปฺุานุภาเวน เอวํ อติวิย อุฬารา โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติโย ลพฺภนฺตี’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต ภาสุรตรธวฬวิปฺผุรนฺตทสนขกิรณาวฬีหิ ภิยฺโยโส มตฺตาย ตํ ปเทสํ โอภาเสนฺโต สิตํ กตฺวา. ปีติโสมนสฺสวเสน หิ โส –
‘‘มุหุตฺตํ จิตฺตปสาทสฺส, อิทฺธึ ปสฺส ยสฺจ เม;
อานุภาวฺจ เม ปสฺส, วณฺณํ ปสฺส ชุติฺจ เม.
‘‘เย ¶ จ เต ทีฆมทฺธานํ, ธมฺมํ อสฺโสสุํ โคตม;
ปตฺตา เต อจลฏฺานํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๙-๘๖๐) –
อิมา ¶ ทฺเว คาถา วตฺวา ปกฺกามิ.
ยํ ปน กิฺจีติ เอตฺถ ยนฺติ อนิยมิตวจนํ, ตถา กิฺจีติ. ปนาติ วจนาลงฺการมตฺตํ. ตสฺมา ยํ กิฺจีติ เยฺยสฺส อนวเสสปริยาทานํ กตํ โหติ. ปนาติ วา วิเสสตฺถทีปโก นิปาโต. เตน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ สตฺถุ จตุสจฺจาภิสมฺโพโธ วุตฺโต. พุทฺโธติ ปน อิมินา ตทฺสฺสปิ เยฺยสฺส อวโพโธ. ปุริเมน วา สตฺถุ ปฏิเวธาณานุภาโว, ปจฺฉิเมน เทสนาาณานุภาโว. ปี-ติ อุปริ วุจฺจมาโน วิเสโส โชตียติ. วิโมกฺขนฺติกาณวเสนาติ เอตฺถ สพฺพโส ปฏิปกฺเขหิ วิมุจฺจตีติ วิโมกฺโข, อคฺคมคฺโค, ตสฺส อนฺโต, อคฺคผลํ, ตสฺมึ ลทฺเธ ลทฺธพฺพโต ตตฺถ ภวํ วิโมกฺขนฺติกํ, าณํ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สพฺพมฺปิ พุทฺธาณํ.
เอวํ ปวตฺโตติ เอตฺถ –
‘‘สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิสวิตาย พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปเลปสงฺขาเตน พุทฺโธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุทฺโธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธ. พุทฺโธติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒) –
อยํ ¶ นิทฺเทสปาฬินโย. ยสฺมา เจตฺถ ตสฺสา ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ทฺวีสุ เอเกนปิ อตฺถสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏิสมฺภิทานโย วา’’ติ อนิยมตฺโถ วาสทฺโท วุตฺโต.
ตตฺถ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๖๒; มหานิ. อฏฺ. ๑๙๒) ยถา โลเก อวคนฺตา ‘‘อวคโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ สุทฺธกตฺตุวเสน. ยถา ปณฺณโสสา วาตา ‘‘ปณฺณสุสา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ เหตุกตฺตุวเสน. เหตุอตฺโถ เจตฺถ อนฺโตนีโต ¶ . สพฺพฺุตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมพุชฺฌนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุทฺโธติ อตฺโถ. สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมโพธนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุทฺโธติ อตฺโถ. อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธติ อฺเน อโพธิโต สยเมว พุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. วิสวิตาย พุทฺโธติ นานาคุณวิสวนโต ปทุมมิว วิกสนฏฺเน พุทฺโธติ อตฺโถ. ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธติ เอวมาทีหิ ฉหิ ปเทหิ จิตฺตสงฺโกจกรธมฺมปฺปหาเนน นิทฺทากฺขยวิพุทฺโธ ปุริโส วิย สพฺพกิเลสนิทฺทากฺขยวิพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอกตฺตา สงฺขาเตนาติ วจนสฺส โกฏฺาเสนาติ อตฺโถ. ตณฺหาเลปทิฏฺิเลปาภาเวน นิรุปเลปสงฺขาเตน. สวาสนานํ สพฺพกิเลสานํ ปหีนตฺตา เอกนฺตวจเนเนว วิเสเสตฺวา ‘‘เอกนฺตวีตราโค’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ ราคโทสโมหาวเสเสหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺกิเลโส. เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธติ คมนตฺถานํ พุทฺธิอตฺถตา วิย พุทฺธิอตฺถานมฺปิ คมนตฺถตา ลพฺภตีติ เอกายนมคฺคํ คตตฺตา พุทฺโธติ วุจฺจตีติ อตฺโถ. เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธติ น ปเรหิ พุทฺธตฺตา พุทฺโธ, อถ โข สยเมว อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธติ พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ อนตฺถนฺตรํ. ตตฺถ ยถา รตฺตคุณโยคโต รตฺโต ปโฏ, เอวํ พุทฺธคุณโยคโต พุทฺโธติ าปนตฺถํ วุตฺตํ. ตโต ปรํ พุทฺโธติ เนตํ นามนฺติอาทิ อตฺถานุคตายํ ปฺตฺตีติ โพธนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอวเมตฺถ อิมินาปิ การเณน ภควา พุทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ¶ ภควาติ อิมสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควาติ อิทํ ปนสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ อสฺสาติ ภควโต. คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนนฺติ สพฺเพหิ สีลาทิคุเณหิ วิสิฏฺสฺส ตโต เอว สพฺพสตฺเตหิ อุตฺตมสฺส ครุโน คารววเสน วุจฺจมานวจนเมตํ ภควาติ. ตถา หิ โลกนาโถ อปริมิตนิรุปมปฺปภาวสีลาทิคุณวิเสสสมงฺคิตาย สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย จ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมํ คารวฏฺานนฺติ.
ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ เสฏฺคุณสหจรณโต ‘‘เสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ, ตสฺมา โย ‘‘ภควา’’ติ วจเนน วจนีโย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต. ครุกรณํ วา สาติสยํ อรหตีติ คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ. ‘‘สิปฺปาทิสิกฺขาปกา ครู โหนฺติ, น จ คารวยุตฺตา, อยํ ปน ตาทิโส น โหติ, ตสฺมา ‘ครู’ติ วตฺวา ‘คารวยุตฺโต’ติ วุตฺต’’นฺติ เกจิ.
คุณวิเสสเหตุกํ ¶ ‘‘ภควา’’ติ อิทํ ภควโต นามนฺติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต วิภชิตุกาโม นามํเยว ตาว อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุพฺพิธฺหิ นาม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาวตฺถิกนฺติ อวตฺถาย วิทิตํ ตํ ตํ อวตฺถํ อุปาทาย ปฺตฺตํ โวหริตํ. ตถา ลิงฺคิกํ เตน เตน ลิงฺเคน โวหริตํ. เนมิตฺติกนฺติ นิมิตฺตโต อาคตํ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ ยทิจฺฉาย ปวตฺตํ, ยทิจฺฉาย อาคตํ ยทิจฺฉกํ. อิทานิ อาวตฺถิกาทีนิ นามานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถ วจฺโฉ ทมฺโม พลิพทฺโท’’ติอาทิ. ตตฺถ ปเมน อาทิ-สทฺเทน พาโล ยุวา วุฑฺโฒติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ, ทุติเยน มุณฺฑี ชฏีติ เอวมาทึ, ตติเยน พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก ฌายีติ เอวมาทึ, จตุตฺเถน อฆปทีปนํ ปาวจนนฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. เนมิตฺติกนฺติ วุตฺตมตฺถํ พฺยติเรกวเสน ปติฏฺาเปตุํ ‘‘น มหามายายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิโมกฺขนฺติกนฺติ อิมินา ปน อิทํ นามํ อริยาย ชาติยา ชาตกฺขเณเยว ชาตนฺติ ทสฺเสติ. ยทิ ¶ วิโมกฺขนฺติกํ, อถ กสฺมา อฺเหิ ขีณาสเวหิ อสาธารณนฺติ อาห ‘‘สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา’’ติ. พุทฺธานฺหิ อรหตฺตผลํ นิปฺผชฺชมานํ สพฺพฺุตฺาณาทีหิ สพฺเพหิ พุทฺธคุเณหิ สทฺธึเยว นิปฺผชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิโมกฺขนฺติก’’นฺติ. สจฺฉิกา ปฺตฺตีติ สพฺพธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย นิมิตฺตา ปฺตฺติ. อถ วา สจฺฉิกา ปฺตฺตีติ ปจฺจกฺขสิทฺธา ปฺตฺติ. ยํคุณนิมิตฺตา หิ สา, เต สตฺถุ ปจฺจกฺขภูตา, ตํคุณา วิย สาปิ สจฺฉิกตา เอว นาม โหติ, น ปเรสํ โวหารมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.
วทนฺตีติ มหาเถรสฺส ครุภาวโต พหุวจเนนาห, สงฺคีติกาเรหิ วา กตมนุวาทํ สนฺธาย. อิสฺสริยาทิเภโท ภโค อสฺส อตฺถีติ ภคี. มคฺคผลาทิอริยธมฺมรตนํ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ อปฺปสทฺทาทิคุณยุตฺตานิ ภชิ เสวิ สีเลนาติ ภชี, ภชนสีโลติ อตฺโถ. ภาคีติ จีวรปิณฺฑปาตาทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานฺเจว อตฺถธมฺมวิมุตฺติรสสฺส จ อธิสีลาทีนฺจ ภาคีติ อตฺโถ. วิภชิ ปวิภชิ ธมฺมรตนนฺติ วิภตฺตวา. อกาสิ ภคฺคนฺติ ราคาทิปาปธมฺมํ ภคฺคํ อกาสีติ ภควาติ อตฺโถ. ครุปิ โลเก ภควาติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ครู’’ติ. ยสฺมา ครุ, ตสฺมาปิ ภควาติ วุตฺตํ โหติ. เหตุอตฺโถ หิ อิติ-สทฺโท. โส จ ยตฺถ อิติ-สทฺโท นตฺถิ ภคีติอาทีสุ, ตตฺถ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ภาคฺยมสฺส อตฺถีติ ภาคฺยวา. พหูหิ าเยหีติ กายภาวนาทิเกหิ อเนเกหิ ภาวนากฺกเมหิ. สุภาวิตตฺตโนติ สมฺมเทว ภาวิตสภาวสฺส. ปจฺจตฺเต เจตํ สามิวจนํ, เตน สุภาวิตตฺตาติ วุตฺตํ โหติ, สุภาวิตสภาโวติ อตฺโถ. มหาคณฺิปเท ปน ‘‘สุภาวิตตฺตโน สุภาวิตกาโย’’ติ วุตฺตํ. ภวานํ อนฺตํ นิพฺพานํ คโตติ ภวนฺตโค.
นิทฺเทเส ¶ วุตฺตนเยนาติ เอตฺถายํ นิทฺเทสนโย –
‘‘ภควาติ คารวาธิวจนเมตํ. อปิจ ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา, ภคฺคโมโหติ ภควา, ภคฺคมาโนติ ภควา, ภคฺคทิฏฺีติ ภควา, ภคฺคตณฺโหติ ภควา, ภคฺคกิเลโสติ ภควา, ภชิ วิภชิ ปวิภชิ ธมฺมรตนนฺติ ภควา, ภวานํ อนฺตกโรติ ¶ ภควา, ภาวิตกาโย ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโติ ภควา, ภชิ วา ภควา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานีติ ภควา. ภาคี วา ภควา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานนฺติ ภควา. ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺส วิมุตฺติรสสฺส อธิสีลสฺส อธิจิตฺตสฺส อธิปฺายาติ ภควา. ภาคี วา ภควา จตุนฺนํ ฌานานํ จตุนฺนํ อปฺปมฺานํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนนฺติ ภควา. ภาคี วา ภควา อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อฏฺนฺนํ อภิภายตนานํ นวนฺนํ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีนนฺติ ภควา. ภาคี วา ภควา ทสนฺนํ สฺาภาวนานํ ทสนฺนํ กสิณสมาปตฺตีนํ อานาปานสฺสติสมาธิสฺส อสุภสมาปตฺติยาติ ภควา. ภาคี วา ภควา จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ปฺจนฺนํ พลานํ สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺสาติ ภควา. ภาคี วา ภควา ทสนฺนํ ตถาคตพลานํ จตุนฺนํ เวสารชฺชานํ จตุนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ ฉนฺนํ อภิฺานํ ฉนฺนํ พุทฺธธมฺมานนฺติ ภควา. ภควาติ เนตํ นามํ…เป… สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๔).
เอตฺถ จ ‘‘คารวาธิวจน’’นฺติอาทีนิ ยทิปิ คาถายํ อาคตปทานุกฺกเมน น นิทฺทิฏฺานิ, ยถารหํ ปน เตสํ สพฺเพสมฺปิ นิทฺเทสภาเวน เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ คารวาธิวจนนฺติ ครูนํ ครุภาววาจกํ วจนํ. ภชีติ ภาคโส กเถสิ. เตนาห ‘‘วิภชิ ปวิภชิ ธมฺมรตน’’นฺติ. มคฺคผลาทิ อริยธมฺโมเยว ธมฺมรตนํ. ปุน ภชีติ อิมสฺส เสวีติ อตฺโถ. ภาคีติ ภาคาภิเธยฺยวา. ปุน ภาคีติ เอตฺถ ภชนสีโลติ อตฺโถ. อตฺถรสสฺสาติ อตฺถสนฺนิสฺสยสฺส รสสฺส. วิมุตฺตายตนสีเส หิ ตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส สุณนฺตสฺส จ ตทตฺถํ อารพฺภ อุปฺปชฺชนกปีติโสมนสฺสํ อตฺถรโส. ธมฺมํ อารพฺภ ธมฺมรโส. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวท’’นฺติ (อ. นิ. ๖.๑๐). วิมุตฺติรสสฺสาติ วิมุตฺติภูตสฺส วิมุตฺติสนฺนิสฺสยสฺส วา รสสฺส. สฺาภาวนานนฺติ ¶ อนิจฺจสฺาทีนํ ทสนฺนํ สฺาภาวนานํ ¶ . ฉนฺนํ พุทฺธธมฺมานนฺติ ฉ อสาธารณาณานิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ ภควาติสทฺทสิทฺธิ นิรุตฺตินเยเนว เวทิตพฺพา.
ยทิปิ ‘‘ภาคฺยวา’’ติอาทีหิ ปเทหิ วุจฺจมาโน อตฺโถ ‘‘ภคี ภชี’’ติ (มหานิ. ๘๔) นิทฺเทสคาถาย สงฺคหิโต เอว, ตถาปิ ปทสิทฺธิอตฺถวิภาคอตฺถโยชนาทิสหิโต สํวณฺณนานโย ตโต อฺากาโรติ วุตฺตํ ‘‘อยํ ปน อปโร นโย’’ติ. วณฺณวิปริยาโยติ เอตนฺติ เอตฺถ อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน วณฺณวิกาโร วณฺณโลโป ธาตุอตฺเถน นิโยชนฺจาติ อิมํ ติวิธํ ลกฺขณํ สงฺคณฺหาติ. สทฺทนเยนาติ สทฺทลกฺขณนเยน. ปิโสทราทีนํ สทฺทานํ อากติคณภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ คเหตฺวา’’ติ. ปกฺขิปนเมว ลกฺขณํ. ตปฺปริยาปนฺนตากรณฺหิ ปกฺขิปนํ. ปารปฺปตฺตนฺติ ปรมุกฺกํสคตํ ปารมีภาวปฺปตฺตํ. ภาคฺยนฺติ กุสลํ. ตตฺถ มคฺคกุสลํ โลกุตฺตรสุขนิพฺพตฺตกํ, อิตรํ โลกิยสุขนิพฺพตฺตกํ, อิตรมฺปิ วา วิวฏฺฏุปนิสฺสยํ ปริยายโต โลกุตฺตรสุขนิพฺพตฺตกํ สิยา.
อิทานิ ภควาติ อิมสฺส อตฺถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ โลภาทโย เอกกวเสน คหิตา, ตถา วิปรีตมนสิกาโร วิปลฺลาสภาวสามฺเน, อหิริกาทโย ทุกวเสน. ตตฺถ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ, โส นววิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว. ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ ม’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๓-๔) ปุนปฺปุนํ กุชฺฌนวเสน จิตฺตปริโยนนฺธโน อุปนาโห. อุภยมฺปิ ปฏิโฆเยว, โส ปวตฺตินานตฺตโต ภินฺทิตฺวา วุตฺโต. สกึ อุปฺปนฺโน โกโธ โกโธเยว, ตทุตฺตริ อุปนาโห. วุตฺตฺเจตํ ‘‘ปุพฺพกาเล โกโธ, อปรกาเล อุปนาโห’’ติ (วิภ. ๘๙๑). อคาริยสฺส (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๑) อนคาริยสฺส วา สุกตกรณวินาสโน มกฺโข. อคาริโยปิ หิ เกนจิ อนุกมฺปเกน ทลิทฺโท สมาโน อุจฺเจ าเน ปิโต อปเรน สมเยน ‘‘กึ ตยา มยฺหํ กต’’นฺติ ตสฺส สุกตกรณํ วินาเสติ. อนคาริโยปิ สามเณรกาลโต ปภุติ อาจริเยน วา อุปชฺฌาเยน วา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ จ อนุคฺคเหตฺวา ธมฺมกถานยปฺปกรณโกสลฺลาทีนิ สิกฺขาปิโต อปเรน ¶ สมเยน ราชราชมหามตฺตาทีหิ สกฺกโต ครุกโต อาจริยุปชฺฌาเยสุ อจิตฺตีกโต จรมาโน ‘‘อยํ อมฺเหหิ ทหรกาเล เอวํ อนุคฺคหิโต สํวฑฺฒิโต จ, อถ จ ปนิทานิ นิสฺสิเนโห ชาโต’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ตุมฺเหหิ กต’’นฺติ เตสํ สุกตกรณํ วินาเสติ, ตสฺเสโส ปุพฺพการิตาลกฺขณสฺส คุณสฺส วินาสโน อุทกปฺุฉนิยา วิย สรีรานุคตํ อุทกํ นิปฺุฉนฺโต มกฺโข. ตถา หิ โส ปเรสํ คุณานํ มกฺขนฏฺเน ‘‘มกฺโข’’ติ วุจฺจติ. ปฬาสตีติ ปฬาโส, ปรสฺส คุเณ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ อตฺโถ. โส ปน พหุสฺสุเตปิ ¶ ปุคฺคเล อชฺโฌตฺถริตฺวา ‘‘อีทิสสฺส จ พหุสฺสุตสฺส อนิยตา คติ, ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติ, รตฺตฺู จิรปพฺพชิเต ปุคฺคเล อชฺโฌตฺถริตฺวา ‘‘ตฺวมฺปิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิโต, อหมฺปิ ปพฺพชิโต, ตฺวมฺปิ สีลมตฺเต ิโต, อหมฺปี’’ติอาทินา นเยน อุปฺปชฺชมาโน ยุคคฺคาโห. ยุคคฺคาหลกฺขโณ หิ ปฬาโส.
ปเรสํ สกฺการาทีนิ ขียมานา อุสูยมานา อิสฺสา. อตฺตโน สมฺปตฺติยา นิคูหนํ ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหมานํ มจฺฉริยํ. วฺจนิกจริยภูตา มายา, สา สกโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณา. ตถา หิ สา อตฺตโน วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนโต จกฺขุโมหนมายา วิยาติ ‘‘มายา’’ติ วุจฺจติ. อตฺตโน อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนลกฺขณํ เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยํ. อสนฺตคุณทีปนฺหิ ‘‘เกราฏิย’’นฺติ วุจฺจติ. เกราฏิโก หิ ปุคฺคโล อายนมจฺโฉ วิย โหติ. อายนมจฺโฉ นาม สปฺปมุขมจฺฉวาลา เอกา มจฺฉชาติ. โส กิร มจฺฉานํ นงฺคุฏฺํ ทสฺเสติ, สปฺปานํ สีสํ ‘‘ตุมฺหากํ สทิโส อห’’นฺติ ชานาเปตุํ, เอวเมว เกราฏิโก ปุคฺคโล ยํ ยํ สุตฺตนฺติกํ วา อาภิธมฺมิกํ วา อุปสงฺกมติ, ตํ ตํ เอวํ วทติ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อนฺเตวาสี, ตุมฺเห มยฺหํ อนุกมฺปกา, นาหํ ตุมฺเห มฺุจามี’’ติ. เอวเมเต ‘‘สคารโว อยํ อมฺเหสุ สปฺปติสฺโส’’ติ มฺิสฺสนฺติ, ตสฺเสวํ เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยํ.
สพฺพโส มทฺทวาภาเวน วาตภริตภสฺตสทิสสฺส ถทฺธภาวสฺส อโนนมิตทณฺฑสทิสตาย ปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติกายสฺส จ การโก ¶ ถมฺโภ. ตทุตฺตริกรโณ สารมฺโภ. โส ทุวิเธน ลพฺภติ อกุสลวเสน เจว กุสลวเสน จ. ตตฺถ อคาริยสฺส ปเรน กตํ อลงฺการาทึ ทิสฺวา ตทฺทิคุณตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ยตฺตกํ ยตฺตกํ ปโร ปริยาปุณาติ วา กเถติ วา, มานวเสน ตทฺทิคุณตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน อกุสโล. เตน หิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณํ กโรติ. อคาริโย สมาโน เอเกเนกสฺมึ ฆรวตฺถุสฺมึ สชฺชิเต อปโร ทฺเว วตฺถูนิ สชฺเชติ, อปโร จตฺตาโร, อปโร อฏฺ, อปโร โสฬส. อนคาริโย สมาโน เอเกเนกสฺมึ นิกาเย คหิเต ‘‘นาหํ เอตสฺส เหฏฺา ภวิสฺสามี’’ติ อปโร ทฺเว คณฺหาติ, อปโร ตโย, อปโร จตฺตาโร, อปโร ปฺจ. สารมฺภวเสน หิ คณฺหิตุํ น วฏฺฏติ. อกุสลปกฺโข เหส นิรยคามิมคฺโค. อคาริยสฺส ปน ปรํ เอกํ สลากภตฺตํ เทนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน ทฺเว วา ตีณิ วา ทาตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ปเรน เอกนิกาเย คหิเต มานํ อนิสฺสาย เกวลํ ตํ ทิสฺวา อตฺตโน อาลสิยํ อภิภุยฺย ทฺเว นิกาเย คเหตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน กุสโล. กุสลปกฺขวเสน หิ เอกสฺมึ เอกํ สลากภตฺตํ เทนฺเต ทฺเว, ทฺเว เทนฺเต จตฺตาริ ทาตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขุนาปิ ¶ ปเรน เอกสฺมึ นิกาเย คหิเต ‘‘ทฺเว นิกาเย คเหตฺวา สชฺฌายนฺตสฺส เม ผาสุ โหตี’’ติ วิวฏฺฏปกฺเข ตฺวา ตทุตฺตริ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ, อิธ ปน อกุสลปกฺขิโย ตทุตฺตริกรโณ ‘‘สารมฺโภ’’ติ วุตฺโต.
ชาติอาทีนิ นิสฺสาย เสยฺยสฺส ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา อุนฺนติวเสน ปคฺคณฺหนวเสน ปวตฺโต มาโน. อพฺภุนฺนติวเสน ปวตฺโต อติมาโน. ปุพฺเพ เกนจิ อตฺตานํ สทิสํ กตฺวา ปจฺฉา ตโต อธิกโต ทหโต อุปฺปชฺชมานโก อติมาโนติ เวทิตพฺโพ. ชาติอาทึ ปฏิจฺจ มชฺชนากาโร มโท, โสปิ อตฺถโต มาโน เอว. โส ปน ชาติมโท โคตฺตมโท อาโรคฺยมโท โยพฺพนมโท ชีวิตมโท ลาภมโท สกฺการมโท ครุการมโท ปุเรกฺขารมโท ปริวารมโท โภคมโท วณฺณมโท สุตมโท ปฏิภานมโท รตฺตฺุมโท ปิณฺฑปาติกมโท อนวฺตฺติมโท อิริยาปถมโท อิทฺธิมโท ยสมโท สีลมโท ฌานมโท สิปฺปมโท อาโรหมโท ปริณาหมโท สณฺานมโท ปาริปูริมโทติ อเนกวิโธ.
ตตฺถ ¶ (วิภ. อฏฺ. ๘๔๓-๘๔๔) ชาตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน มชฺชนาการปฺปวตฺโต มาโน ชาติมโท, โส ขตฺติยาทีนํ จตุนฺนมฺปิ วณฺณานํ อุปฺปชฺชติ. ชาติสมฺปนฺโน หิ ขตฺติโย ‘‘มาทิโส อฺโ นตฺถิ, อวเสสา อนฺตรา อุฏฺาย ขตฺติยา ชาตา, อหํ ปน วํสาคตขตฺติโย’’ติ มานํ กโรติ. พฺราหฺมณาทีสุปิ เอเสว นโย. โคตฺตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน มชฺชนาการปฺปวตฺโต มาโน โคตฺตมโท, โสปิ ขตฺติยาทีนํ จตุนฺนมฺปิ วณฺณานํ อุปฺปชฺชติ. ขตฺติโยปิ หิ ‘‘อหํ โกณฺฑฺโคตฺโต, อหํ อาทิจฺจโคตฺโต’’ติ มานํ กโรติ. พฺราหฺมโณปิ ‘‘อหํ กสฺสปโคตฺโต, อหํ ภารทฺวาชโคตฺโต’’ติ มานํ กโรติ. เวสฺโสปิ สุทฺโทปิ อตฺตโน อตฺตโน กุลโคตฺตํ นิสฺสาย มานํ กโรติ. อาโรคฺยมทาทีสุปิ ‘‘อหํ อโรโค, เสสา โรคพหุลา, กณฺฑุวนมตฺตมฺปิ มยฺหํ พฺยาธิ นาม นตฺถี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน อาโรคฺยมโท นาม. ‘‘อหํ ตรุโณ, อวเสสสตฺตานํ อตฺตภาโว ปปาเต ิตรุกฺขสทิโส, อหํ ปน ปมวเย ิโต’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน โยพฺพนมโท. ‘‘อหํ จิรํ ชีวึ, จิรํ ชีวามิ, จิรํ ชีวิสฺสามิ, สุขํ ชีวึ, สุขํ ชีวามิ, สุขํ ชีวิสฺสามี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ชีวิตมโท นาม. ‘‘อหํ ลาภี, อวเสสา สตฺตา อปฺปลาภา, มยฺหํ ปน ลาภสฺส ปมาณํ นตฺถี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ลาภมโท นาม.
‘‘อวเสสา สตฺตา ยํ วา ตํ วา ลภนฺติ, อหํ ปน สุกตํ ปณีตํ จีวราทิปจฺจยํ ลภามี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน สกฺการมโท นาม. ‘‘อวเสสภิกฺขูนํ ปาทปิฏฺิยํ อกฺกมิตฺวา ¶ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา ‘อยํ สมโณ’ติปิ น วนฺทนฺติ, มํ ปน ทิสฺวา วนฺทนฺติ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกํ กตฺวา อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ ทุราสทํ กตฺวา มฺนฺตี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ครุการมโท นาม. ‘‘อุปฺปนฺโน ปฺโห มยฺหเมว มุเขน ฉิชฺชติ, ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตาปิ อาคจฺฉนฺตาปิ มเมว ปุรโต กตฺวา ปริวาเรตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ปุเรกฺขารมโท นาม. อคาริยสฺส ตาว มหาปริวารสฺส ‘‘ปุริสสตมฺปิ ปุริสสหสฺสมฺปิ มํ ปริวาเรตี’’ติ, อนคาริยสฺส ‘‘สมณสตมฺปิ สมณสหสฺสมฺปิ มํ ปริวาเรติ, เสสา อปฺปปริวารา, อหํ มหาปริวาโร เจว สุจิปริวาโร จา’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ปริวารมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา อตฺตโน ¶ ปริโภคมตฺตกมฺปิ น ลภนฺติ, มยฺหํ ปน นิธานคตสฺเสว ธนสฺส ปมาณํ นตฺถี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน โภคมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา ทุพฺพณฺณา ทุรูปา, อหํ อภิรูโป ปาสาทิโก’’ติปิ ‘‘อวเสสสตฺตา นิคฺคุณา ปตฺถฏอกิตฺติโน, มยฺหํ ปน กิตฺติสทฺโท เทวมนุสฺเสสุ ปากโฏ ‘อิติปิ เถโร พหุสฺสุโต, อิติปิ สีลวา, อิติปิ ธุตคุณยุตฺโต’’’ติ, เอวํ สรีรวณฺณํ คุณวณฺณฺจ ปฏิจฺจ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน วณฺณมโท นาม.
‘‘อวเสสา สตฺตา อปฺปสฺสุตา, อหํ ปน พหุสฺสุโต’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน สุตมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา อปฺปฏิภานา, มยฺหํ ปน ปฏิภานสฺส ปมาณํ นตฺถี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ปฏิภานมโท นาม. ‘‘อหํ รตฺตฺู อสุกํ พุทฺธวํสํ ราชวํสํ ชนปทวํสํ คามวํสํ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ นกฺขตฺตมุหุตฺตโยคํ ชานามี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน รตฺตฺุมโท นาม. ‘‘อวเสสา ภิกฺขู อนฺตรา ปิณฺฑปาติกา ชาตา, อหํ ปน ชาติปิณฺฑปาติโก’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ปิณฺฑปาติกมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา อฺุาตา อวฺาตา, อหํ ปน อนวฺาโต’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน อนวฺตฺติมโท นาม. ‘‘อวเสสานํ สตฺตานํ อิริยาปโถ อปาสาทิโก, มยฺหํ ปน ปาสาทิโก’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน อิริยาปถมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา ฉินฺนปกฺขกากสทิสา, อหํ ปน มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ วา ‘‘อหํ ยํ ยํ กมฺมํ กโรมิ, ตํ ตํ อิชฺฌตี’’ติ วา มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน อิทฺธิมโท นาม.
ยสมโท ปน อคาริเกนปิ อนคาริเกนปิ ทีเปตพฺโพ. อคาริโกปิ หิ เอกจฺโจ อฏฺารสสุ เสณีสุ เอกิสฺสา เชฏฺโก โหติ, ตสฺส ‘‘อวเสเส ปุริเส อหํ ปฏฺเปมิ, อหํ วิจาเรมี’’ติ, อนคาริโกปิ เอกจฺโจ กตฺถจิ เชฏฺโก โหติ, ตสฺส ‘‘อวเสสา ภิกฺขู มยฺหํ โอวาเท วตฺตนฺติ, อหํ เชฏฺโก’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ยสมโท นาม. ‘‘อวเสสา ¶ สตฺตา ทุสฺสีลา, อหํ ปน สีลวา’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน สีลมโท นาม. ‘‘อวเสสานํ สตฺตานํ กุกฺกุฏสฺส อุทกปานมตฺเตปิ กาเล จิตฺเตกคฺคตา นตฺถิ, อหํ ปน อุปจารปฺปนานํ ลาภี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ฌานมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา นิสฺสิปฺปา, อหํ สิปฺปวา’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ¶ สิปฺปมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา รสฺสา, อหํ ทีโฆ’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน อาโรหมโท นาม. ‘‘อวเสสา สตฺตา รสฺสา วา โหนฺติ ทีฆา วา, อหํ นิคฺโรธปริมณฺฑโล’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ปริณาหมโท นาม. ‘‘อวเสสานํ สตฺตานํ สรีรสณฺานํ วิรูปํ พีภจฺฉํ, มยฺหํ ปน มนาปํ ปาสาทิก’’นฺติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน สณฺานมโท นาม. ‘‘อวเสสานํ สตฺตานํ สรีเร พหู โทสา, มยฺหํ ปน สรีเร เกสคฺคมตฺตมฺปิ วชฺชํ นตฺถี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ปาริปูริมโท นาม. เอวมยํ สพฺโพปิ ชาติอาทึ นิสฺสาย มชฺชนาการวสปฺปวตฺโต มาโน อิธ ‘‘มโท’’ติ วุตฺโต. กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค ปมาโท, ปฺจสุ กามคุเณสุ สติยา อนิคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนํ, สติวิรโหติ วุตฺตํ โหติ. ตณฺหาวิชฺชา ปากฏาเยว.
โลภาทโย จ ปุน ติวิธากุสลมูลนฺติ ติกวเสน คหิตา. ทุจฺจริตาทีสุปิ ติวิธ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ กายทุจฺจริตาทีนิ ติวิธทุจฺจริตานิ. ตณฺหาสํกิเลสาทโย ติวิธสํกิเลสา. ราคมลาทโย มลีนภาวกรตฺตา ติวิธมลานิ. ราคาทโย หิ จิตฺตํ มลีนํ กโรนฺติ, มลํ คาหาเปนฺติ, ตสฺมา ‘‘มลานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘ราโค วิสมํ, โทโส วิสมํ, โมโห วิสม’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) เอวํ วุตฺตา ราคาทโย ‘‘กายวิสมํ วจีวิสมํ มโนวิสม’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) เอวมาคตา กายทุจฺจริตาทโย จ ติวิธวิสมานิ. ตานิ ปน ยสฺมา ราคาทีสุ เจว กายทุจฺจริตาทีสุ จ สตฺตา ปกฺขลนฺติ, ปกฺขลิตา จ สาสนโตปิ สุคติโตปิ ปตนฺติ, ตสฺมา ปกฺขลนปาตเหตุภาวโต ‘‘วิสมานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘กามสฺา พฺยาปาทสฺา วิหึสาสฺา’’ติ (วิภ. ๙๑๑) เอวมาคตา กามาทิปฏิสํยุตฺตา สฺา ติวิธสฺา. ตถา ‘‘กามวิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก’’ติ เอวมาคตา ติวิธวิตกฺกา. ตณฺหาปปฺโจ ทิฏฺิปปฺโจ มานปปฺโจติ อิเม ติวิธปปฺจา. วฏฺฏสฺมึ สตฺเต ปปฺเจนฺตีติ ตณฺหาทโย ‘‘ปปฺจา’’ติ วุจฺจนฺติ.
จตุพฺพิธวิปริเยสาติอาทีสุ จตุพฺพิธ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ อนิจฺจาทีนิ วตฺถูนิ นิจฺจนฺติอาทินา นเยน วิปรีตโต เอสนฺตีติ วิปริเยสา. ‘‘อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ สฺาวิปริเยโส จิตฺตวิปริเยโส ทิฏฺิวิปริเยโส ¶ , ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาวิปริเยโส จิตฺตวิปริเยโส ทิฏฺิวิปริเยโส, อสุเภ สุภนฺติ สฺาวิปริเยโส จิตฺตวิปริเยโส ทิฏฺิวิปริเยโส ¶ , อนตฺตนิ อตฺตาติ สฺาวิปริเยโส จิตฺตวิปริเยโส ทิฏฺิวิปริเยโส’’ติ เอวมาคตา ทฺวาทส วิปลฺลาสา จตุนฺนํ อนิจฺจาทิวตฺถูนํ วเสน ‘‘จตุพฺพิธวิปริเยสา’’ติ วุตฺตา. เอตฺถ ปน จิตฺตกิจฺจสฺส ทุพฺพลฏฺาเน ทิฏฺิวิรหิตาย อกุสลสฺาย สกกิจฺจสฺส พลวกาเล สฺาวิปลฺลาโส เวทิตพฺโพ, ทิฏฺิวิรหิตสฺเสว อกุสลจิตฺตสฺส สกกิจฺจสฺส พลวกาเล จิตฺตวิปลฺลาโส, ทิฏฺิสมฺปยุตฺตจิตฺเต ทิฏฺิวิปลฺลาโส. ตสฺมา สพฺพทุพฺพโล สฺาวิปลฺลาโส, ตโต พลวตโร จิตฺตวิปลฺลาโส, สพฺพพลวตโร ทิฏฺิวิปลฺลาโส. อชาตพุทฺธิทารกสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย สฺา อารมฺมณสฺส อุปฏฺานาการมตฺตคหณโต. คามิกปุริสสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย จิตฺตํ ลกฺขณปฺปฏิเวธสฺสปิ สมฺปาทนโต. กมฺมารสฺส มหาสณฺฑาเสน อโยคหณํ วิย ทิฏฺิ อภินิเวสปรามสนโต. ตตฺถ จตฺตาโร ทิฏฺิวิปลฺลาสา, อนิจฺจานตฺเตสุ นิจฺจนฺติอาทิวสปฺปวตฺตา จตฺตาโร สฺาจิตฺตวิปลฺลาสาติ อิเม อฏฺ วิปลฺลาสา โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺติ. อสุเภ สุภนฺติ สฺาจิตฺตวิปลฺลาสา สกทาคามิมคฺเคน ตนุกา โหนฺติ, อนาคามิมคฺเคน ปหียนฺติ. ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาจิตฺตวิปลฺลาสา อรหตฺตมคฺเคน ปหียนฺตีติ เวทิตพฺพา.
‘‘กามาสโว ภวาสโว ทิฏฺาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๙) เอวมาคตา กามตณฺหาทโย จตฺตาโร อาสวนฺติ จกฺขุอาทิโต สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อาสวา. กิฺจาปิ จกฺขุอาทิโต กุสลาทีนมฺปิ ปวตฺติ อตฺถิ, กามาสวาทโย เอว ปน วณโต ยูสํ วิย ปคฺฆรณกอสุจิภาเวน สนฺทนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ หิ ปคฺฆรณกอสุจิมฺหิ นิรุฬฺโห อาสวสทฺโทติ. อถ วา ธมฺมโต ยาว โคตฺรภุํ, โอกาสโต ยาว ภวคฺคํ สวนฺติ คจฺฉนฺติ อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาสวา, เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโตกริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อวธิอตฺโถ หิ อา-กาโร. อวธิ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาทํ กิริยํ พหิกตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาปาฏลิปุตฺตํ วุฏฺโ เทโว’’ติ, อภิวิธิ ปน กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาภวคฺคํ ภควโต ¶ ยโส ปวตฺตตี’’ติ, อภิวิธิอตฺโถ จายํ อา-กาโร อิธ คหิโต, ตสฺมา เต ธมฺเม ตฺจ โอกาสํ อนฺโตกริตฺวา อารมฺมณกรณวเสน สวนฺตีติ ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทโย อาสวา วิยาติปิ อาสวา. โลกสฺมิฺหิ จิรปาริวาสิกา มทิราทโย ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. ยทิ จ จิรปาริวาสิยฏฺเน อาสวา, เอเตเยว ภวิตุมรหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). อฺเสุ ปน ยถาวุตฺเต ธมฺเม โอกาสฺจ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนสุ มานาทีสุ จ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน ¶ อภิพฺยาปนํ มทนกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสนฺติ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ เอเตสุเยว อาสวสทฺโท นิรุฬฺโหติ ทฏฺพฺโพ. อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ อาสวา. น หิ ตํ กิฺจิ สํสารทุกฺขํ อตฺถิ, ยํ อาสเวหิ วินา อุปฺปชฺเชยฺย.
‘‘อภิชฺฌา กายคนฺโถ พฺยาปาโท กายคนฺโถ สีลพฺพตปรามาโส กายคนฺโถ อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคนฺโถ’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๗๕; มหานิ. ๒๙, ๑๔๗) เอวมาคตา อภิชฺฌาทโย จตฺตาโร ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ จุติปฏิสนฺธิวเสน วฏฺฏสฺมึ คนฺเถนฺติ ฆเฏนฺตีติ คนฺถา. ‘‘กาโมโฆ ภโวโฆ ทิฏฺโโฆ อวิชฺโชโฆ’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๗๒; มหานิ. ๑๔; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑) เอวมาคตา จตฺตาโร กามตณฺหาทโย ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ วฏฺฏสฺมึ โอหนนฺติ โอสีทาเปนฺตีติ โอฆา. เตเยว ‘‘กามโยโค ภวโยโค ทิฏฺิโยโค อวิชฺชาโยโค’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๗๓; อ. นิ. ๔.๑๐) เอวมาคตา วฏฺฏสฺมึ โยเชนฺตีติ โยคา. อริยา เอตาย น คจฺฉนฺตีติ อคติ, สา ฉนฺทาทิวเสน จตุพฺพิธา. ‘‘จีวรเหตุ วา ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาต, เสนาสน, อิติภวาภวเหตุ วา ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๙) เอวมาคตา จตฺตาโร ตณฺหุปฺปาทา. ตตฺถ อิติภวาภวเหตูติ เอตฺถ อิตีติ นิทสฺสเน นิปาโต, ยถา จีวราทิเหตุ, เอวํ ภวาภวเหตุปีติ อตฺโถ. ภวาภโวติ เจตฺถ ปณีตปณีตตรานิ เตลมธุผาณิตาทีนิ อธิปฺเปตานิ. กามุปาทานาทีนิ จตฺตาริ อุปาทานานิ.
ปฺจ เจโตขิลาติอาทีสุ ¶ ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย กงฺขติ, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๕; ที. นิ. ๓.๓๑๙) เอวมาคตานิ ปฺจ เจโตขิลานิ, เจโต ขิลยติ ถทฺธภาวํ อาปชฺชติ เอเตหีติ เจโตขิลานิ. วินิพนฺธาทีสุปิ ปฺจ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ‘‘กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค, รูเป อวีตราโค, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๖; ที. นิ. ๓.๓๒๐) อาคตา ปฺจ จิตฺตํ พนฺธิตฺวา มุฏฺิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตีติ เจโตวินิพนฺธา. เอเต หิ ตณฺหาปฺปวตฺติภาวโต กุสลปฺปวตฺติยา อวสราปฺปทานวเสน จิตฺตํ พนฺธํ วิย สโมโรเธตฺวา คณฺหนฺติ. สทฺทตฺถโต ปน เจโต วิรูปํ นิพนฺธียติ สํยมียติ เอเตหีติ เจโตวินิพนฺธา. กามจฺฉนฺทาทีนิ ปฺจ กุสลธมฺเม นีวาเรนฺติ อาวรนฺตีติ นีวรณานิ. รูปาภินนฺทนาทโย ปฺจาภินนฺทนา.
ฉ ¶ วิวาทมูลาติอาทีสุ โกโธ มกฺโข อิสฺสา สาเยฺยํ ปาปิจฺฉตา สนฺทิฏฺิปรามาโสติ อิมานิ ฉ วิวาทมูลานิ. ยสฺมา กุทฺโธ วา โกธวเสน…เป… สนฺทิฏฺิปรามาสี วา สนฺทิฏฺิปรามสิตาย กลหํ วิคฺคหํ วิวาทํ อาปชฺชติ, ตสฺมา โกธาทโย ‘‘ฉ วิวาทมูลานี’’ติ วุจฺจนฺติ. รูปตณฺหาสทฺทตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา. กามราคปฏิฆทิฏฺิวิจิกิจฺฉาภวราคมานาวิชฺชา สตฺตานุสยา. ถามคตฏฺเน อปฺปหีนฏฺเน จ อนุเสนฺตีติ อนุสยา. มิจฺฉาทิฏฺิมิจฺฉาสงฺกปฺปมิจฺฉาวาจามิจฺฉากมฺมนฺตมิจฺฉาอาชีวมิจฺฉาวายามมิจฺฉาสติมิจฺฉาสมาธี อฏฺ มิจฺฉตฺตา.
‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ, อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺโข, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสฺุมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ๓.๓๕๙) เอวมาคตา ปริเยสนาทโย นว ตณฺหามูลกา. ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๐๓) ตณฺหํ ปฏิจฺจาติ ตณฺหํ นิสฺสาย. ปริเยสนาติ รูปาทิอารมฺมณปริเยสนา. สา ¶ หิ ตณฺหาย สติ โหติ. ลาโภติ รูปาทิอารมฺมณปฏิลาโภ. โส หิ ปริเยสนาย สติ โหติ. วินิจฺฉโยติ อิธ วิตกฺโก อธิปฺเปโต. ลาภํ ลภิตฺวา หิ อิฏฺานิฏฺํ สุนฺทราสุนฺทรฺจ วิตกฺเกเนว วินิจฺฉินติ ‘‘เอตฺตกํ เม รูปารมฺมณตฺถาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ สทฺทาทิอารมฺมณตฺถาย, เอตฺตกํ มยฺหํ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ปรสฺส, เอตฺตกํ ปริภฺุชิสฺสามิ, เอตฺตกํ นิทหิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ. ฉนฺทราโคติ เอวํ อกุสลวิตกฺเกน วิตกฺกิเต วตฺถุสฺมึ ทุพฺพลราโค จ พลวราโค จ อุปฺปชฺชติ. ฉนฺโทติ หิ อิธ ทุพฺพลราคสฺสาธิวจนํ. อชฺโฌสานนฺติ อหํ มมนฺติ พลวสนฺนิฏฺานํ. ปริคฺคโหติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปริคฺคหกรณํ. มจฺฉริยนฺติ ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหนตา. เตเนวสฺส โปราณา เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ ‘‘อิทํ อจฺฉริยํ มยฺหเมว โหตุ, มา อฺสฺส อจฺฉริยํ โหตูติ ปวตฺตตฺตา มจฺฉริยนฺติ วุจฺจตี’’ติ. อารกฺโขติ ทฺวารปิทหนมฺชุสโคปนาทิวเสน สุฏฺุ รกฺขณํ. อธิกโรตีติ อธิกรณํ, การณสฺเสตํ นามํ. อารกฺขาธิกรณนฺติ ภาวนปุํสกํ, อารกฺขเหตูติ อตฺโถ. ทณฺฑาทานาทีสุ ปรนิเสธนตฺถํ ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. เอกโตธาราทิโน สตฺถสฺส อาทานํ สตฺถาทานํ. กลโหติ กายกลโหปิ วาจากลโหปิ. ปุริโม ปุริโม วิโรโธ วิคฺคโห. ปจฺฉิโม ปจฺฉิโม วิวาโท. ตุวํ ตุวนฺติ อคารววจนํ, ตฺวํ ตฺวนฺติ อตฺโถ.
ปาณาติปาตอทินฺนาทานกาเมสุมิจฺฉาจารมุสาวาทปิสุณวาจาผรุสวาจาสมฺผปฺปลาปอภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฏฺี ¶ ทส อกุสลกมฺมปถา. จตฺตาโร สสฺสตวาทา จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา โสฬส สฺีวาทา อฏฺ อสฺีวาทา อฏฺ เนวสฺีนาสฺีวาทา สตฺต อุจฺเฉทวาทา ปฺจ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอตานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ. รูปตณฺหาทิฉตณฺหาเยว ปจฺเจกํ กามตณฺหาภวตณฺหาวิภวตณฺหาวเสน อฏฺารส โหนฺติ. ตถา หิ รูปารมฺมณา ตณฺหา, รูเป วา ตณฺหาติ รูปตณฺหา, สา กามราคภาเวน รูปํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา กามตณฺหา, สสฺสตทิฏฺิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสต’’นฺติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา ภวตณฺหา, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ เปจฺจ น ภวตี’’ติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา วิภวตณฺหาติ ¶ เอวํ ติวิธา โหติ. ยถา จ รูปตณฺหา, เอวํ สทฺทตณฺหาทโยปีติ เอตานิ อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ, ตานิ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺตึสาติ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ, อฏฺุตฺตรสตตณฺหาวิจริตานีติ อตฺโถ. ปเภท-สทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. ตตฺถายํ โยชนา ‘‘โลภปฺปเภโท โทสปฺปเภโท ยาว อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภโท’’ติ. สพฺพทรถปริฬาหกิเลสสตสหสฺสานีติ สพฺพานิ สตฺตานํ ทรถปริฬาหกรานิ กิเลสานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ. อารมฺมณาทิวิภาคโต หิ ปวตฺติอาการวิภาคโต จ อนนฺตปฺปเภทา กิเลสา.
สงฺเขปโต วาติอาทีสุ สมฺปติ อายติฺจ สตฺตานํ อนตฺถาวหตฺตา มารณฏฺเน วิพาธนฏฺเน กิเลสาว มาโรติ กิเลสมาโร. วธกฏฺเน ขนฺธาว มาโรติ ขนฺธมาโร. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘วธกํ รูปํ, วธกํ รูปนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทิ. ชาติชราทิมหาพฺยสนนิพฺพตฺตเนน อภิสงฺขาโรว มาโร อภิสงฺขารมาโร. สํกิเลสนิมิตฺตํ หุตฺวา คุณมารณฏฺเน เทวปุตฺโตว มาโรติ เทวปุตฺตมาโร. สตฺตานํ ชีวิตสฺส ชีวิตปริกฺขารานฺจ ชานิกรเณน มหาพาธรูปตฺตา มจฺจุ เอว มาโรติ มจฺจุมาโร. ตตฺถ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณน กิเลสมารํ, สมุทยปฺปหานปริฺาวเสน ขนฺธมารํ, สหายเวกลฺลกรณวเสน สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณน อภิสงฺขารมารํ, พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน เทวปุตฺตมจฺจุมารฺจ อภฺชิ, ภคฺเค อกาสีติ อตฺโถ. ปริสฺสยานนฺติ อุปทฺทวานํ.
สตปฺุชลกฺขณธรสฺสาติ อเนก สต ปฺุ นิพฺพตฺตมหา ปุริสลกฺขณธรสฺส. เอตฺถ หิ ‘‘เกวลํ สตมตฺเตน ปฺุกมฺเมน เอเกกลกฺขณํ นิพฺพตฺต’’นฺติ อิมมตฺถํ น โรจยึสุ อฏฺกถาจริยา ¶ ‘‘เอวํ สนฺเต โย โกจิ พุทฺโธ ภเวยฺยา’’ติ, อนนฺตาสุ ปน โลกธาตูสุ ยตฺตกา สตฺตา, เตหิ สพฺเพหิ ปจฺเจกํ สตกฺขตฺตุํ กตานิ ทานาทีนิ ปฺุกมฺมานิ ยตฺตกานิ, ตโต เอเกกํ ปฺุกมฺมํ มหาสตฺเตน สตคุณํ กตํ สตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อิมมตฺถํ โรจยึสุ. ตสฺมา อิธ สต-สทฺโท พหุภาวปริยาโย, น สงฺขฺยาวิเสสวจโนติ ทฏฺพฺโพ ‘‘สตคฺฆํ สตํ เทวมนุสฺสา’’ติอาทีสุ ¶ วิย. รูปกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ อิตราสํ ผลสมฺปทานํ มูลภาวโต อธิฏฺานภาวโต จ. ทีปิตา โหตีติ อิทํ ธมฺมกายสมฺปตฺตีติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ปหานสมฺปทาปุพฺพกตฺตา าณสมฺปทาทีนํ ธมฺมกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหตีติ เวทิตพฺพํ. โลกิยสริกฺขกานํ พหุมตภาโวติ เอตฺถ ภาคฺยวนฺตตาย โลกิยานํ พหุมตภาโว, ภคฺคโทสตาย สริกฺขกานํ พหุมตภาโวติ โยเชตพฺพํ. เอวํ อิโต ปเรสุปิ ยถากฺกมํ โยชนา เวทิตพฺพา.
ปฺุวนฺตํ คหฏฺา ขตฺติยาทโย อภิคจฺฉนฺติ, ปหีนโทสํ โทสวินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ ปพฺพชิตา ตาปสปริพฺพาชกาทโย อภิคจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา’’ติ. อภิคตานฺจ เตสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการสพฺภาวโต รูปกายํ ตสฺส ปสาทจกฺขุนา, ธมฺมกายํ ปฺาจกฺขุนา ทิสฺวา ทุกฺขทฺวยสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโตติ เวทิตพฺโพ. ภาคฺยวนฺตตาย อุปคตานํ อามิสทานํ เทติ, ภคฺคโทสตาย ธมฺมทานํ เทตีติ อาห ‘‘อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา’’ติ. โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ จ สํโยชนสมตฺถตา ทีปิตา โหตีติ ‘‘ปุพฺเพ อามิสทานธมฺมทาเนหิ มยา อยํ โลกคฺคภาโว อธิคโต, ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยชเนน อภิคตานํ โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ สํโยชนสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติ.
สกจิตฺเต อิสฺสริยํ นาม อตฺตโน จิตฺตสฺส วสีภาวาปาทนํเยว, ปฏิกูลาทีสุ อปฺปฏิกูลสฺิตาทิวิหารสิทฺธิ, อธิฏฺานิทฺธิอาทิโก อิทฺธิวิโธปิ จิตฺติสฺสริยเมว จิตฺตภาวนาย วสีภาวปฺปตฺติยา อิชฺฌนโต. อณิมาลฆิมาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน มหิมา ปตฺติ ปากมฺมํ อีสิตา วสิตา ยตฺถกามาวสายิตาติ อิเม ฉปิ สงฺคหิตา. ตตฺถ กายสฺส อณุภาวกรณํ อณิมา. อากาเส ปทสา คมนาทีนํ อรหภาเวน ลหุภาโว ลฆิมา. มหตฺตํ มหิมา กายสฺส มหนฺตตาปาทนํ. อิฏฺเทสสฺส ปาปุณนํ ปตฺติ. อธิฏฺานาทิวเสน อิจฺฉิตนิปฺผาทนํ ปากมฺมํ. สยํวสิตา อิสฺสรภาโว อีสิตา. อิทฺธิวิเธ วสีภาโว วสิตา. อากาเสน วา คจฺฉโต อฺํ วา กิฺจิ กโรโต ยตฺถ กตฺถจิ โวสานปฺปตฺติ ¶ ยตฺถกามาวสายิตา ¶ . ‘‘กุมารกรูปาทิทสฺสน’’นฺติปิ วทนฺติ. เอวมิทํ อฏฺวิธํ โลกิยสมฺมตํ อิสฺสริยํ. ตํ ปน ภควโต อิทฺธิวิธนฺโตคธํ อนฺสาธารณฺจาติ อาห ‘‘สพฺพการปริปูรํ อตฺถี’’ติ. ตถา โลกุตฺตโร ธมฺโม อตฺถีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ ยสาทีสุปิ อตฺถิ-สทฺโท โยเชตพฺโพ.
เกสฺจิ ยโส ปเทสวุตฺติ อยถาภูตคุณสนฺนิสฺสยตฺตา อปริสุทฺโธ จ โหติ, น เอวํ ตถาคตสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกตฺตยพฺยาปโก’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธ อธิคตสตฺถุคุณานํ อารุปฺเป อุปฺปนฺนานํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ภควโต ยโส ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘โลกตฺตยพฺยาปโก’’ติ. ยถาภุจฺจคุณาธิคโตติ ยถาภูตคุเณหิ อธิคโต. อติวิย ปริสุทฺโธติ ยถาภูตคุณาธิคตตฺตา เอว อจฺจนฺตปริสุทฺโธ. สพฺพาการปริปูราติ อนวเสสลกฺขณานุพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพากาเรหิ ปริปุณฺณา. สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรีติ สพฺเพสํ องฺคปจฺจงฺคานํ โสภา. ยํ ยํ เอเตน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตนฺติ ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺย’’นฺติอาทินา ยํ ยํ เอเตน โลกนาเถน มโนวจีปณิธานวเสน อิจฺฉิตํ กายปณิธานวเสน ปตฺถิตํ. ตเถวาติ ปณิธานานุรูปเมว. สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโตติ วีริยปารมิภาวปฺปตฺโต อริยมคฺคปริยาปนฺโน จ สมฺมาวายามสงฺขาโต อุสฺสาโห.
กุสลาทีหิ เภเทหีติ สพฺพตฺติกทุกปทสงฺคหิเตหิ กุสลาทิปฺปเภเทหิ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ วิภงฺคปาฬิยํ อาคตา สติปฏฺานาทโยว สงฺคหิตา, อถ โข สงฺคหาทโย สมยวิมุตฺตาทโย ปนาทโย ติกปฏฺานาทโย จ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขมริยสจฺจนฺติอาทีสุ ปีฬนฏฺโ ตํสมงฺคิโน สตฺตสฺส หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สงฺขตฏฺโ สเมจฺจ สงฺคมฺม สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตภาโว. สนฺตาปฏฺโ ทุกฺขทุกฺขตาทีหิ สนฺตาปนํ ปริทหนํ. วิปริณามฏฺโ ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตา. สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตนวเสน สมฺปิณฺฑนํ. นิทานฏฺโ ‘‘อิทํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ นิทสฺเสนฺตสฺส วิย สมุฏฺาปนํ. สํโยคฏฺโ สํสารทุกฺเขน สํโยชนํ. ปลิโพธฏฺโ มคฺคาธิคมสฺส นิวารณํ. นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺคสภาวตฺตา ตโต ¶ วินิสฺสฏตา, ตํนิสฺสรณนิมิตฺตตา วา. วิเวกฏฺโ สพฺพสงฺขารวิสํยุตฺตตา. อสงฺขตฏฺโ เกนจิปิ ปจฺจเยน อนภิสงฺขตตา. อมตฏฺโ นิจฺจสภาวตฺตา มรณาภาโว, สตฺตานํ มรณาภาวเหตุตา วา. มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ วฏฺฏทุกฺขโต นิกฺกมนฏฺโ. เหตุอตฺโถ นิพฺพานสฺส สมฺปาปกภาโว. ทสฺสนฏฺโ อจฺจนฺตสุขุมสฺส นิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณํ. อาธิปเตยฺยฏฺโ จตุสจฺจทสฺสเน สมฺปยุตฺตานํ อาธิปจฺจกรณํ, อารมฺมณาธิปติภาโว วา วิเสสโต มคฺคาธิปติวจนโต ¶ . สติปิ หิ ฌานาทีนํ อารมฺมณาธิปติภาเว ‘‘ฌานาธิปติโน ธมฺมา’’ติ เอวมาทึ อวตฺวา ‘‘มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’อิจฺเจว วุตฺตํ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘อตฺถิ มคฺคสฺส อารมฺมณาธิปติภาเว วิเสโส’’ติ. เอเตเยว จ ปีฬนาทโย โสฬสาการาติ วุจฺจนฺติ.
ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรติอาทีสุ กสิณาทิอารมฺมณานิ รูปาวจรชฺฌานานิ ทิพฺพวิหาโร. เมตฺตาทิชฺฌานานิ พฺรหฺมวิหาโร. ผลสมาปตฺติ อริยวิหาโร. กาเมหิ วิเวกฏฺกายตาวเสน เอกีภาโว กายวิเวโก. ปมชฺฌานาทินา นีวรณาทีหิ วิวิตฺตจิตฺตตา จิตฺตวิเวโก. อุปธิวิเวโก นิพฺพานํ. อุปธีติ เจตฺถ จตฺตาโร อุปธี กามุปธิ ขนฺธุปธิ กิเลสุปธิ อภิสงฺขารุปธีติ. กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนตฺเถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ, ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต วุตฺตนเยน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ. อิเมหิ ปน จตูหิ อุปธีหิ วิวิตฺตตาย นิพฺพานํ ‘‘อุปธิวิเวโก’’ติ วุจฺจติ.
สฺุตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อริยมคฺโค สฺุตวิโมกฺโข. โส หิ สฺุตาย ธาตุยา อุปฺปนฺนตฺตา สฺุโต, กิเลเสหิ จ วิมุตฺตตฺตา วิโมกฺโข. เอเตเนว นเยน อปฺปณิหิตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อปฺปณิหิตวิโมกฺโข. อนิมิตฺตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อนิมิตฺตวิโมกฺโข. อถ วา สฺุตานุปสฺสนาสงฺขาตาย อนตฺตานุปสฺสนาย วเสน ปฏิลทฺโธ อริยมคฺโค อาคมนวเสน ‘‘สฺุตวิโมกฺโข’’ติ วุจฺจติ. ตถา อปฺปณิหิตานุปสฺสนาสงฺขาตาย ¶ ทุกฺขานุปสฺสนาย วเสน ปฏิลทฺโธ อปฺปณิหิตวิโมกฺโข. อนิมิตฺตานุปสฺสนาสงฺขาตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย วเสน ปฏิลทฺโธ ‘‘อนิมิตฺตวิโมกฺโข’’ติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต อธิโมกฺขพหุโล อนิมิตฺตวิโมกฺขํ ปฏิลภติ, ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต ปสฺสทฺธิพหุโล อปฺปณิหิตวิโมกฺขํ ปฏิลภติ, อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต เวทพหุโล สฺุตวิโมกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๓).
อฺเติ โลกิยอภิฺาทิเก.
กิเลสาภิสงฺขารวเสน ¶ ภเวสุ ปริพฺภมนํ, ตฺจ ตณฺหาปธานนฺติ อาห ‘‘ตณฺหาสงฺขาตํ คมน’’นฺติ. วนฺตนฺติ อริยมคฺคมุเขน อุคฺคิริตํ ปุน อปจฺจาคมนวเสน ฉฑฺฑิตํ. ภควาติ วุจฺจติ นิรุตฺตินเยนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา โลเก’’ติอาทิ. ยถา โลเก นิรุตฺตินเยน เอเกกปทโต เอเกกมกฺขรํ คเหตฺวา ‘‘เมขลา’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธาปีติ อตฺโถ. เมหนสฺสาติ คุยฺหปฺปเทสสฺส. ขสฺสาติ โอกาสสฺส.
อปโร นโย (อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) – ภาควาติ ภควา. ภตวาติ ภควา. ภาเค วนีติ ภควา. ภเค วนีติ ภควา. ภตฺตวาติ ภควา. ภเค วมีติ ภควา. ภาเค วมีติ ภควา.
ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;
ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน.
ตตฺถ กถํ ภาควาติ ภควา? เย เต สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา คุณโกฏฺาสา, เต อนฺสาธารณา นิรติสยา ตถาคตสฺส อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถา หิสฺส สีลํ สมาธิ ปฺา วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ, หิรี โอตฺตปฺปํ, สทฺธา วีริยํ, สติ สมฺปชฺํ, สีลวิสุทฺธิ ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สมโถ วิปสฺสนา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ สุจริตานิ, ตโย สมฺมาวิตกฺกา, ติสฺโส อนวชฺชสฺา, ติสฺโส ธาตุโย, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ อริยผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ¶ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉนิพฺเพธภาคิยา สฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานียา ธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคานิ, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต สฺา, สตฺตทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺตขีณาสวพลเทสนา, อฏฺปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺโลกธมฺมาติกฺกโม, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺอกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺอภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นวสตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฺปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตา, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ¶ ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทโย อนนฺตาปริมาณเภทา อนฺสาธารณา นิรติสยา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตวิภาคา คุณภาคา อสฺส อตฺถีติ ภาควาติ วตฺตพฺเพ อาการสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต. เอวํ ตาว ภาควาติ ภควา.
ยสฺมา สีลาทโย สพฺเพ, คุณภาคา อเสสโต;
วิชฺชนฺติ สุคเต ตสฺมา, ภควาติ ปวุจฺจติ.
กถํ ภตวาติ ภควา? เย เต สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺเนหิ มนุสฺสตฺตาทิเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา สมฺมาสมฺโพธิยา กตมหาภินีหาเรหิ ¶ มหาโพธิสตฺเตหิ ปริปูเรตพฺพา ทานปารมี สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย, ทานาทีนิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, อตฺตปริจฺจาโค นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจฺจาคา, ปุพฺพโยโค, ปุพฺพจริยา, ธมฺมกฺขานํ, าตตฺถจริยา, โลกตฺถจริยา, พุทฺธตฺถจริยาติ เอวมาทโย สงฺเขปโต วา ปฺุสมฺภาราณสมฺภารา พุทฺธกรา ธมฺมา, เต มหาภินีหารโต ปฏฺาย กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ยถา หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหนฺติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนวเสสโต ภตา สมฺภตา อสฺส อตฺถีติ ภตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน ต-การสฺส ค-การํ กตฺวา. อถ วา ภตวาติ เตเยว ยถาวุตฺเต พุทฺธกเร ธมฺเม วุตฺตนเยน ภริ สมฺภริ, ปริปูเรสีติ อตฺโถ. เอวมฺปิ ภตวาติ ภควา.
ยสฺมา สมฺโพธิยา สพฺเพ, ทานปารมิอาทิเก;
สมฺภาเร ภตวา นาโถ, ตสฺมาปิ ภควา มโต.
กถํ ¶ ภาเค วนีติ ภควา? เย เต จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺติภาคา, เต อนวเสสโต โลกหิตตฺถํ อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิจฺจกปฺปํ วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา อภิฺเยฺยธมฺเมสุ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ จ เย เต ปริฺเยฺยาทิวเสน สงฺเขปโต วา จตุพฺพิธา อภิสมยภาคา, วิตฺถารโต ปน ‘‘จกฺขุ ปริฺเยฺยํ, โสตํ ปริฺเยฺยํ…เป… ชรามรณํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) อเนเก ปริฺเยฺยภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน ปหาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรโธ…เป… ชรามรณสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ’’ติอาทินา สจฺฉิกาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติอาทินา ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา จ อเนกเภทา ภาเวตพฺพภาคา จ ธมฺมา วุตฺตา, เต สพฺเพ วนิ ภชิ ยถารหํ โคจรภาวนาเสวนานํ วเสน เสวิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา เย อิเม สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา สาวเกหิ สาธารณา ¶ คุณโกฏฺาสา คุณภาคา, กินฺติ นุ โข เต วิเนยฺยสนฺตาเนสุ ปติฏฺเปยฺยนฺติ มหากรุณาย วนิ อภิปตฺถยิ, สา จสฺส อภิปตฺถนา ยถาธิปฺเปตผลาวหา อโหสิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา.
ยสฺมา เยฺยสมาปตฺติ-คุณภาเค ตถาคโต;
ภชิ ปตฺถยิ สตฺตานํ, หิตาย ภควา ตโต.
กถํ ภเค วนีติ ภควา? สมาสโต ตาว กตปฺุเหิ ปโยคสมฺปนฺเนหิ ยถาวิภวํ ภชียนฺตีติ ภคา, โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติโย. ตตฺถ โลกิเย ตาว ตถาคโต สมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโต ปรมุกฺกํสคเต วนิ ภชิ เสวิ, ยตฺถ ปติฏฺาย นิรวเสสโต พุทฺธกรธมฺเม สมนฺนาเนนฺโต พุทฺธธมฺเม ปริปาเจสิ. พุทฺธภูโต ปน เต นิรวชฺชสุขูปสํหิเต อนฺสาธารเณ โลกุตฺตเรปิ วนิ ภชิ เสวิ. วิตฺตารโต ปน ปเทสรชฺชอิสฺสริยจกฺกวตฺติสมฺปตฺติเทวรชฺชสมฺปตฺติอาทิวเสน ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติาณทสฺสนมคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน จ อเนกวิหิเต อนฺสาธารเณ ภเค วนิ ภชิ เสวิ. เอวํ ภเค วนีติ ภควา.
ยา ตา สมฺปตฺติโย โลเก, ยา จ โลกุตฺตรา ปุถุ;
สพฺพา ตา ภชิ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ภควา มโต.
กถํ ¶ ภตฺตวาติ ภควา? ภตฺตา ทฬฺหภตฺติกา อสฺส พหู อตฺถีติ ภตฺตวา. ตถาคโต หิ มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคีภาวโต สพฺพสตฺตาอุตฺตโม, สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณาสีติ อนุพฺยฺชน พฺยามปฺปภาทิ อนฺสาธารณวิเสสปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ยถาภุจฺจคุณาธิคเตน ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกตฺตยพฺยาปินา สุวิปุเลน สุวิสุทฺเธน จ ถุติโฆเสน สมนฺนาคตตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตาสุ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาอาทีสุ สุปฺปติฏฺิตภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทินิรติสยคุณวิเสสสมงฺคีภาวโต จ รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโนติ ¶ เอวํ จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส สพฺพถาปิ ปสาทาวหภาเวน สมนฺตปาสาทิกตฺตา อปริมาณานํ สตฺตานํ สเทวมนุสฺสานํ อาทรพหุมานคารวายตนตาย ปรมเปมสมฺภตฺติฏฺานํ. เย จสฺส โอวาเท ปติฏฺิตา อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา โหนฺติ, เกนจิ อสํหาริยา เตสํ สมฺภตฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วาติ. ตถา หิ เต อตฺตโน ชีวิตปอจฺจาเคปิ ตตฺถ ปสาทํ น ปริจฺจชนฺติ ตสฺส วา อาณํ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตเนวาห –
‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร,
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) จ.
เอวํ ภตฺตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน เอกสฺส ต-การสฺส โลปํ กตฺวา อิตรสฺส ต-การสฺส ค-การํ กตฺวา.
คุณาติสยยุตฺตสฺส, ยสฺมา โลกหิเตสิโน;
สมฺภตฺตา พหโว สตฺถุ, ภควา เตน วุจฺจติ.
กถํ ภเค วมีติ ภควา? ยสฺมา ตถาคโต โพธิสตฺตภูโตปิ ปุริมาสุ ชาตีสุ ปารมิโย ปูเรนฺโต ภคสงฺขาตํ สิรึ อิสฺสริยํ ยสฺจ วมิ อุคฺคิริ, เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ¶ ฉฑฺฑยิ. ตถา หิสฺส โสมนสฺสกุมารกาเล(ชา. ๑.๑๕.๒๑๑ อาทโย) หตฺถิปาลกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๓๗ อาทโย) อโยฆรปณฺฑิตกาเล(ชา. ๑.๑๕.๓๖๓ อาทโย) มูคปกฺขปณฺฑิตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๑ อาทโย) จูฬสุตโสมกาเลติ (ชา. ๒.๑๗.๑๙๕ อาทโย) เอวมาทีสุ เนกฺขมฺมปารมีปูรณวเสน เทวรชฺชสทิสาย รชฺชสิริยา ปริจฺจตฺตตฺตภาวานํ ปมาณํ นตฺถิ, จริมตฺตภาเวปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสอสํ จตุทีปิสฺสริยํ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยํ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสฺจ ติณายปิ ¶ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยา โสภา กปฺปฏฺายิภาวโต, เตปิ ภควา วมิ ตํนิวาสิสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.
จกฺกวตฺติสิรึ ยสฺมา, ยสํ อิสฺสริยํ สุขํ;
ปหาสิ โลกจิตฺตฺจ, สุคโต ภควา ตโต.
กถํ ภาเค วมีติ ภควา? ภาคา นาม สภาคธมฺมโกฏฺาสา, เต ขนฺธายตนธาตาทิวเสน, ตตฺถาปิ รูปเวทนาทิวเสน อตีตาทิวเสน จ อเนกวิธา, เต จ ภควา สพฺพํ ปปฺจํ สพฺพํ โยคํ สพฺพํ คนฺถํ สพฺพํ สํโยชนํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา อมตธาตุํ สมธิคจฺฉนฺโต วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ น ปจฺจาคมิ. ตถา เหส สพฺพตฺถกเมว ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ, จกฺขุํ โสตํ ฆานํ ชิวฺหํ กายํ มนํ, รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ สฺํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เจตนํ, รูปตณฺหํ…เป… ธมฺมตณฺหํ, รูปวิตกฺกํ…เป… ธมฺมวิตกฺกํ, รูปวิจารํ…เป… ธมฺมวิจารนฺติอาทินา อนุปทธมฺมวิภาควเสนปิ สพฺเพว ธมฺมโกฏฺาเส อนวเสสโต วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺขปริจฺจาเคน ฉฑฺฑยิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ ตํ, อานนฺท, จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ตถาคโต ปุน ปจฺจาคมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๓). เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา. อถ วา ภาเค วมีติ สพฺเพปิ กุสลากุสเล สาวชฺชานวชฺเช หีนปณีเต กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อริยมคฺคาณมุเขน วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺโข ปริจฺจชิ ปชหิ, ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว ¶ , ปหาตพฺพา ปเคว อธมฺมา (ม. นิ. ๒๔๐). กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๐). เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา.
ขนฺธายตนธาตาทิ ¶ ธมฺมเภทา มเหสินา;
กณฺหา สุกฺกา ยโต วนฺตา, ตโตปิ ภควา มโต.
เตน วุตฺตํ –
‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;
ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’ติ.
เอตฺถ จ ยสฺมา สงฺเขปโต อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติวเสน ทุวิธา พุทฺธคุณา, ตาสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปหานสมฺปทาาณสมฺปทาเภทโต ทุวิธา อานุภาวสมฺปทาทีนํ ตทวินาภาเวน ตทนฺโตคธตฺตา. ปรหิตปฏิปตฺติ ปโยคาสยเภทโต ทุวิธา. ตตฺถ ปโยคโต ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมูปเทโส, อาสยโต ปฏิวิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิเตสิตา าณปริปากกาลาคมนาทิปรหิตปฺปฏิปตฺติ. อามิสปฏิคฺคหณาทินาปิ อตฺถจริยา ปรหิตปอปตฺติ โหติเยว, ตสฺมา เตสมฺปิ วิภาวนวเสน ปาฬิยํ ‘‘อรห’’นฺติอาทีนํ ปทานํ คหณํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ อรหนฺติ อิมินา ปเทน ปหานสมฺปทาวเสน ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ วิภาวิตา, สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลกวิทูติ จ อิเมหิ ปเทหิ าณสมฺปทาวเสน. นนุ จ ‘‘โลกวิทู’’ติ อิมินาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธตา วิภาวียตีติ? สจฺจํ วิภาวียติ, อตฺถิ ปน วิเสโส ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา สพฺพฺุตฺาณานุภาโว วิภาวิโต, ‘‘โลกวิทู’’ติ ปน อิมินา อาสยานุสยาณาทีนมฺปิ อานุภาโว วิภาวิโตติ. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ อิมินา สพฺพาปิ ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ วิภาวิตา. สุคโตติ ปน อิมินา สมุทาคมโต ปฏฺาย ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานนฺติ อิเมหิ ปเทหิ ภควโต ปรหิตปฏิปตฺติ วิภาวิตา. พุทฺโธติ อิมินา ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อตฺตนาปิ พุชฺฌิ, อฺเปิ สตฺเต โพเธสี’’ติอาทิ ¶ . ภควาติ จ อิมินาปิ สมุทาคมโต ปฏฺาย ภควโต สพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา.
อปโร ¶ นโย – เหตุผลสตฺตุปการวเสน สงฺเขปโต ติวิธา พุทฺธคุณา. ตตฺถ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โลกวิทูติ อิเมหิ ปเทหิ ผลสมฺปตฺติวเสน พุทฺธคุณา วิภาวิตา. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานนฺติ อิเมหิ สตฺตุปการวเสน พุทฺธคุณา ปกาสิตา. พุทฺโธติ อิมินา ผลวเสน สตฺตุปการวเสน จ พุทฺธคุณา วิภาวิตา. สุคโต ภควาติ ปน อิเมหิ ปเทหิ เหตุผลสตฺตุปการวเสน พุทฺธคุณา วิภาวิตาติ เวทิตพฺพํ.
โส อิมํ โลกนฺติอาทีสุ โส ภควาติ โย ‘‘อรห’’นฺติอาทินา กิตฺติตคุโณ, โส ภควา. อิมํ โลกนฺติ นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขามตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข อนวเสสํ ปริยาทายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสตี’’ติ. ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺตตฺตา. สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสาเยนาติ เวทิตพฺพํ อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ สงฺคหิตตฺตา. สเทวกนฺติ จ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสตฺโถ. สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติาเยนาติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ หิ โส ชาโต ตํนิวาสี จ. สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปจฺจตฺถิกา…เป… สมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อปจฺจตฺถิกานํ อสมิตาพาหิตปาปานฺจ สมณพฺราหฺมณานํ สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน คหิตตฺตา. กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิวิเสสนานํ วเสน สตฺตวิสโย โลกสทฺโทติ วิฺายติ ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน อตุลฺยโยเคปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติ. สเทวกาทิวจเนน อุปปตฺติเทวานํ, สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน วิสุทฺธิเทวานฺจ คหิตตฺตา อาห ‘‘สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณ’’นฺติ. ตตฺถ สมฺมุติเทวา ราชาโน. อวเสสมนุสฺสคฺคหณนฺติ สมณพฺราหฺมเณหิ อวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. ตีหิ ปเทหีติ สเทวกสมารกสพรฺหฺมกวจเนหิ. ทฺวีหีติ สสฺสมณพฺราหฺมณึ สเทวมนุสฺสนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ.
อรูปี ¶ สตฺตา อตฺตโน อาเนฺชวิหาเรน วิหรนฺตา ทิพฺพนฺตีติ เทวาติ อิมํ นิพฺพจนํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต’’ติ. เตเนวาห ภควา ‘‘อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๓.๑๑๗). ฉกามาวจรเทวโลกสฺส สวิเสสํ มารสฺส วเส วตฺตนโต อาห ‘‘สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก’’ติ ¶ . อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อาห ‘‘รูปี พฺรหฺมโลโก’’ติ. จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวตึสมารพฺรหฺมปริสาติ อิมาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสน. อิตรา ปน จตสฺโส ปริสา สมารกคฺคหเณน คหิตา เอวาติ.
กถํ ปเนตฺถ จตุปริสวเสน มนุสฺสโลโก คหิโต? ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิ’’นฺติ อิมินา สมณปริสา พฺราหฺมณปริสา จ คหิตา โหนฺติ, ‘‘สเทวมนุสฺส’’นฺติ อิมินา ขตฺติยปริสา คหปติปริสา จ คหิตา, ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา ปน อิมาเยว จตสฺโส ปริสา วุตฺตา, จตุปริสสงฺขาตํ ปชนฺติ วุตฺตํ โหติ, กถํ ปน สมฺมุติเทเวหิ สห มนุสฺสโลโก คหิโต? เอตฺถาปิ ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิ’’นฺติ อิมินา สมณพฺราหฺมณา คหิตา, ‘‘สเทวมนุสฺส’’นฺติ อิมินา สมฺมุติเทวสงฺขาตา ขตฺติยา, คหปติสุทฺทสงฺขาตา อวเสสมนุสฺสา จ คหิตา โหนฺติ. อิโต ปน อฺเสํ มนุสฺสสตฺตานํ อภาวโต ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา จตูหิ ปกาเรหิ ิตา เอเตเยว มนุสฺสสตฺตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วิกปฺปทฺวเยปิ ปชาคฺคหเณน จตุปริสาทิวเสน ิตานํ มนุสฺสานํเยว คหิตตฺตา อิทานิ ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา อวเสสสตฺเต สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุกาโม อาห ‘‘อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา’’ติ. ตตฺถ นาคครุฬาทิวเสน อวเสสสตฺตโลโก เวทิตพฺโพ. เอตฺถาปิ จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ วา สห อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วาติ โยเชตพฺพํ. จตุปริสสหิโต อวเสสสุทฺธนาคสุปณฺณเนรยิกาทิสตฺตโลโก, จตุธา ิตมนุสฺสสหิโต วา อวเสสนาคสุปณฺณเนรยิกาทิสตฺตโลโก คหิโตติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺตาวตา ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตน เตน วิเสเสน อภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโตติ อุกฺกํสคติวิชานเนน. ปฺจสุ หิ คตีสุ เทวคติปริยาปนฺนาว เสฏฺา, ตตฺถาปิ อรูปิโน ทูรสมุสฺสาริตกิเลสทุกฺขตาย สนฺตปณีตอาเนฺชวิหารสมงฺคิตาย อติวิย ทีฆายุกตายาติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ อติวิย อุกฺกฏฺา. พฺรหฺมา มหานุภาโวติ ทสสหสฺสิยํ มหาพฺรหฺมุโน วเสน วทติ. ‘‘อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต’’ติ หิ วุตฺตํ. อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ นวโลกุตฺตรํ. อนุสนฺธิกฺกโมติ อตฺถานฺเจว ปทานฺจ อนุสนฺธานุกฺกโม. โปราณา ปเนตฺถ เอวํ วณฺณยนฺติ – สเทวกนฺติ เทวตาหิ สทฺธึ อวเสสํ โลกํ. สมารกนฺติ มาเรน สทฺธึ อวเสสํ โลกํ. สพฺรหฺมกนฺติ พฺรหฺเมหิ สทฺธึ อวเสสํ โลกํ. เอวํ สพฺเพปิ ติภวูปเค สตฺเต เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ ปกาเรหิ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ¶ ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทิยนฺโต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺส’’นฺติ อาห. เอวํ ปฺจหิปิ ปเทหิ สเทวกตฺตาทินา เตน เตน ปกาเรน เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ.
อภิฺาติ ยการโลเปนายํ นิทฺเทโส, อภิชานิตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อภิฺาย อธิเกน าเณน ตฺวา’’ติ. อนุมานาทิปฏิกฺเขโปติ อนุมานอุปมานอตฺถาปตฺติอาทิปฏิกฺเขโป เอกปฺปมาณตฺตา. สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย หิ สพฺพปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควนฺโต. อนุตฺตรํ วิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํ. เตน วีถิมิสฺสาปิ กทาจิ ภควโต ธมฺมเทสนา โหตีติ หิตฺวาปีติ ปิสทฺทคฺคหณํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณํ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทฺจ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสติ. อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโตติ อุคฺฆฏิตฺุสฺส วเสน อปฺปํ วา, วิปฺจิตฺุสฺส เนยฺยสฺส วา วเสน พหุํ วา เทเสนฺโต. อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสตีติ อาทิมฺหิปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสติ. มชฺเฌปิ ปริโยสาเนปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส หิ ¶ กลฺยาณตา นิยฺยานิกตาย นิยฺยานิกตา จ สพฺพโส อนวชฺชภาเวน.
สมนฺตภทฺทกตฺตาติ สพฺพภาเคหิ สุนฺทรตฺตา. ธมฺมสฺสาติ ปริยตฺติธมฺมสฺส. กิฺจาปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม ปรมตฺถโต โกจิ นตฺถิ, เยสุ ปน อวยเวสุ สมุทายรูเปน อเปกฺขิเตสุ คาถาติ สมฺา, ตํ ตโต ภินฺนํ วิย กตฺวา สํสามิโวหารํ อาโรเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา’’ติอาทิมาห. เอกานุสนฺธิกนฺติ อิทํ นาติพหุวิภาคํ ยถานุสนฺธินา เอกานุสนฺธิกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตรสฺส ปน เตเนว เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน อาทิมชฺฌปริโยสานภาคา ลพฺภนฺตีติ. นิทาเนนาติ อานนฺทตฺเถเรน ปิตกาลเทสเทสกปริสาทิอปทิสนลกฺขเณน นิทานคนฺเถน. นิคเมนาติ ‘‘อิทมโวจา’’ติอาทิเกน ‘‘อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ วา ยถาวุตฺตตฺถนิคมเนน. สงฺคีติการเกหิ ปิตานิปิ หิ นิทานนิคมนานิ ทสฺเสตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ สตฺถุ เทสนาย อนุวิธานโต ตทนฺโตคธาเนว. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, อุภินฺนมนฺตรา มชฺฌ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐) วุตฺตํ.
เอวํ สุตฺตนฺตปิฏกวเสน ธมฺมสฺส อาทิกลฺยาณาทิตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตีณิ ปิฏกานิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกโลปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาสนธมฺโมติ –
‘‘สพฺพปาปสฺส ¶ อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐) –
เอวํ วุตฺตสฺส สตฺถุสาสนสฺส ปกาสโก ปริยตฺติธมฺโม. สีลมูลกตฺตา สาสนสฺส ‘‘สีเลน อาทิกลฺยาโณ’’ติ วุตฺตํ. สมถาทีนํ สาสนสมฺปตฺติยา เวมชฺฌภาวโต อาห ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ’’ติ. นิพฺพานาธิคมโต อุตฺตริ กรณียาภาวโต วุตฺตํ ‘‘นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ. สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ นาม ปฺาย โหติ, ตสฺสา จ สีลํ สมาธิ จ มูลนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธีหิ ¶ วา อาทิกลฺยาโณ’’ติ. ปฺา ปน อนุโพธปอเวธวเสน ทุวิธาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ’’ติ อาห. ตสฺสา นิปฺผตฺติผลกิจฺจํ นิพฺพานสจฺฉิกิริยา, ตโต ปรํ กตฺตพฺพํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ. ผลคฺคหเณน วา สอุปาทิเสสํ นิพฺพานมาห, อิตเรน อิตรํ ตทุภยฺจ สาสนสมฺปตฺติยา โอสานนฺติ อาห ‘‘ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ.
พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณติ พุทฺธสฺส สุโพธิตา สมฺมาสมฺพุทฺธตา, ตาย อาทิกลฺยาโณ ตปฺปภวตฺตา. สพฺพโส สํกิเลสปฺปหานํ โวทานปาริปูรี จ ธมฺมสุธมฺมตา, ตาย มชฺเฌกลฺยาโณ ตํสรีรตฺตา. สตฺถารา ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปตฺติ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ, ตาย ปริโยสานกลฺยาโณ ตาย สาสนสฺส โลเก สุปฺปติฏฺิตภาวโต. ตนฺติ สาสนธมฺมํ. ตถตฺตายาติ ยถตฺตาย ภควตา ธมฺโม เทสิโต, ตถตฺตาย ตถภาวาย. โส ปน อภิสมฺโพธิ ปจฺเจกโพธิ สาวกโพธีติ ติวิโธ อิโต อฺถา นิพฺพานาธิคมสฺส อภาวโต. ตตฺถ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาวโต อิตรโพธิทฺวยมูลตาย จ ปมาย โพธิยา อาทิกลฺยาณตา, คุเณหิ เวมชฺฌภาวโต ทุติยาย มชฺเฌกลฺยาณตา, ตทุภยตาย วา โวสานตาย จ สาสนธมฺมสฺส ตติยาย ปริโยสานกลฺยาณตา วุตฺตา.
เอโสติ สาสนธมฺโม. นีวรณวิกฺขมฺภนโตติ วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา สทฺธมฺมํ สุณนฺตสฺส นีวรณานํ วิกฺขมฺภนสพฺภาวโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยถา ยถาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา วา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร วา ครุฏฺานีโย สพฺรหฺมจารี, ตถา ตถา โส ตตฺถ ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวท’’นฺติ.
‘‘ยสฺมึ ¶ , ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณานิ ตสฺมึ สมเย ปหีนานิ โหนฺตี’’ติ –
จ อาทิ. สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโตติ สมถสุขสฺส วิปสฺสนาสุขสฺส จ สมฺปาปนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติอาทิ, ตถา –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ.
อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ จ. (ธ. ป. ๓๗๔-๓๗๓);
ตถา ปฏิปนฺโนติ ยถา สมถวิปสฺสนาสุขํ อาวหติ, ยถา วา สตฺถารา อนุสิฏฺํ, ตถา ปฏิปนฺโน สาสนธมฺโม. ตาทิภาวาวหนโตติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวสฺส โลกธมฺเมหิ อนุปเลปสฺส อาวหนโต. นาถปฺปภวตฺตาติ ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโว, อุปฺปตฺติฏฺานํ, นาโถว ปภโว เอตสฺสาติ นาถปฺปภโว, ตสฺส ภาโว นาถปฺปภวตฺตํ, ตสฺมา สาสนธมฺมสฺส นาถเหตุกตฺตาติ อตฺโถ. อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณติ นิรุปกฺกิเลสตาย นิยฺยานิกตา อตฺถสุทฺธิ, ตาย มชฺเฌกลฺยาโณ. กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณติ สุปฺปฏิปตฺติสงฺขาตกิจฺจสฺส สุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ สุปฺปฏิปตฺติปริโยสานตฺตา สาสนธมฺมสฺส. ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
สาสนพฺรหฺมจริยนฺติอาทีสุ อวิเสเสน ติสฺโส สิกฺขา สกโล จ ตนฺติธมฺโม สาสนพฺรหฺมจริยํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กตเมสานํ โข, ภนฺเต, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกมโหสี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๘). อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณีย’’นฺติ (ปารา. ๑๔). ยถานุรูปนฺติ ยถารหํ. สิกฺขตฺตยสงฺคหฺหิ สาสนพฺรหฺมจริยํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, ตถา มคฺคพฺรหฺมจริยํ. อิตรํ ปน ตนฺติธมฺมสงฺขาตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ ยถาวุตฺเตนตฺเถน สาตฺถํ สพฺยฺชนฺจ. อตฺถสมฺปตฺติยาติ สมฺปนฺนตฺถตาย. สมฺปตฺติอตฺโถ หิ อิธ สหสทฺโท. พฺยฺชนสมฺปตฺติยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยสฺส หิ ยาคุภตฺตาทิอิตฺถิปุริสาทิวณฺณนานิสฺสิตา เทสนา โหติ, น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนาย. ภควา ปน ตถารูปํ เทสนํ ¶ ปหาย จตุสติปฏฺานาทินิสฺสิตํ เทสนํ เทเสติ, ตสฺมา ‘‘อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ เทเสตี’’ติ วุจฺจติ ¶ . ยสฺส ปน เทสนา สิถิลธนิตาทิเภเทสุ พฺยฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเนว ทฺวิปฺปกาเรเนว วา พฺยฺชเนน ยุตฺตตาย เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตา วา ทมิฬภาสา วิย, วิวฏกรณตาย โอฏฺเ อผุสาเปตฺวา อุจฺจาเรตพฺพโต สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนา วา กิราตภาสา วิย, สพฺพตฺเถว วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย สพฺพวิสฺสฏฺพฺยฺชนา วา ยวนภาสา วิย, สพฺพตฺเถว สานุสารตาย สพฺพนิคฺคหีตพฺยฺชนา วา ปาทสิกาทิ มิลกฺขุภาสา วิย, ตสฺส พฺยฺชนปาริปูริยา อภาวโต อพฺยฺชนา นาม เทสนา โหติ. สพฺพาปิ หิ เอสา พฺยฺชเนกเทสวเสเนว ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยฺชนาติ กตฺวา ‘‘อพฺยฺชนา’’ติ วุจฺจติ. ภควา ปน –
‘‘สิถิลํ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ, ครุกํ ลหุกฺจ นิคฺคหีตํ;
สมฺพนฺธํ ววตฺถิตํ วิมุตฺตํ, ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๑; ปริ. อฏฺ. ๔๘๕) –
เอวํ วุตฺตํ ทสวิธํ พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา ‘‘พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ เทเสตี’’ติ วุจฺจติ.
อิทานิ ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ เอตฺถ เนตฺตินเยนปิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกาสนํ…เป… สพฺยฺชน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิปิ เนตฺติยํ ‘‘พฺยฺชนมุเขน พฺยฺชนตฺถคฺคหณํ โหตีติ อกฺขรํ ปท’’นฺติอาทินา พฺยฺชนปทานิ ปมํ อุทฺทิฏฺานิ, อิธ ปน ปาฬิยํ ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ อาคตตฺตา อตฺถปทานิเยว ปมํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกาสนปกาสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺเขปโต กาสนํ ทีปนํ สงฺกาสนํ. กาสนนฺติ จ กาสียติ ทีปียติ วิภาวียตีติ อตฺโถ. ‘‘มฺมาโน โข ภิกฺขุ พทฺโธ มารสฺส อมฺมาโน มุตฺโต’’ติอาทีสุ วิย สงฺเขเปน ทีปนํ สงฺกาสนํ นาม. ตตฺตเกน หิ เตน ภิกฺขุนา ปฏิวิทฺธํ. เตนาห ‘‘อฺาตํ ภควา’’ติอาทิ. ปมํ กาสนํ ปกาสนํ. ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’นฺติ เอวมาทีสุ ปจฺฉา กถิตพฺพมตฺถํ ปมํ วจเนน ทีปนํ ปกาสนํ นาม. อาทิกมฺมสฺมิฺหิ อยํ ป-สทฺโท ‘‘ปฺเปติ ปฏฺเปตี’’ติอาทีสุ วิย. ติกฺขินฺทฺริยาเปกฺขฺเจตํ ปททฺวยํ อุทฺเทสภาวโต. ติกฺขินฺทฺริโย หิ สงฺเขปโต ปมฺจ วุตฺตมตฺถํ ปฏิปชฺชติ. สํขิตฺตสฺส วิตฺถารวจนํ สกึ วุตฺตสฺส ปุน วจนฺจ วิวรณวิภชนานิ, ยถา ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติ สงฺเขปโต สกึเยว จ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘กตเม ¶ ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺต’’นฺติอาทินา วิตฺถารโต วิวรณวเสน ¶ วิภชนวเสน จ ปุน วจนํ. มชฺฌิมินฺทฺริยาเปกฺขเมตํ ปททฺวยํ นิทฺเทสภาวโต. วิวฏสฺส วิตฺถารตราภิธานํ วิภตฺตสฺส จ ปกาเรหิ าปนํ วิเนยฺยานํ จิตฺตปริโตสนํ อุตฺตานีกรณปฺาปนานิ, ยถา ‘‘ผสฺโส โหตี’’ติอาทินา วิวฏวิภตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘กตโม ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ? โย ตสฺมึ สมเย ผสฺโส ผุสนา สํผุสนา’’ติอาทินา อุตฺตานีกิริยา ปฺาปนา จ. มุทินฺทฺริยาเปกฺขเมตํ ปททฺวยํ ปฏินิทฺเทสภาวโต.
อถ วา ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’นฺติ เอวํ ปมํ ทีปิตมตฺถํ ปุน ปากฏํ กตฺวา ทีปเนน ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อาทิตฺตํ? จกฺขุ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ, รูปา อาทิตฺตา’’ติ เอวมาทินา สํขิตฺตสฺส วิตฺถาราภิธาเนน สกึ วุตฺตสฺส ปุนปิ อภิธาเนน วิตฺถาเรตฺวา เทสนํ วิวรณํ นาม. ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติ สงฺเขเปน นิกฺขิตฺตสฺส ‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ นิทฺเทสวเสน วิวริเต กุสเล ธมฺเม ‘‘ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ เวทนา โหตี’’ติ วิภาคกรณํ วิภชนํ นาม. วิวฏสฺส วิตฺถาราภิธาเนน วิภตฺตสฺส จ อุปมาภิธาเนน อุตฺตานึ กโรตีติ วิวรเณน วิวริตตฺถสฺส ‘‘กตโม ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ? โย ตสฺมึ สมเย ผสฺโส ผุสนา สํผุสนา’’ติ อติวิวริตฺวา กถนํ, วิภชเนน วิภตฺตสฺส ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คาวี นิจฺจมฺมา, เอวเมว ขฺวายํ ภิกฺขเว ผสฺสาหาโร ทฏฺพฺโพติ วทามี’’ติ เอวมาทิอุปมากถนฺจ อุตฺตานีกรณํ นาม. ธมฺมํ สุณนฺตานํ ธมฺมเทสเนน วิจิตฺเตน อเนกวิเธน โสมนสฺสสฺส อุปฺปาทนํ อติขิณพุทฺธีนํ อเนกวิเธน าณติขิณกรณฺจ ปฺตฺติ นาม โสตูนํ จิตฺตโตสเนน จิตฺตนิสาเนน จ ปฺาปนํ ปฺตฺตีติ กตฺวา. อตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถนฺติ ปริยตฺติอตฺถสฺส สงฺกาสนาทิอตฺถปทรูปตฺตา ยถาวุตฺตฉอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ. สงฺกาสนปกาสนาทโย หิ อตฺถาการตฺตา ‘‘อตฺถปทานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อตฺโถเยว หิ พฺยฺชนปเทหิ สงฺกาสียติ ปกาสียติ วิวรียติ วิภชียติ อุตฺตานี กรียติ ปฺาปียติ.
อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยาติ เอตฺถ ‘‘สฏฺิ วสฺสสหสฺสานี’’ติ เอวมาทีสุ ส-การ ทุ-การ โส-การาทิ วิย อุจฺจารณเวลาย อปริโยสิเต ปเท วณฺโณ อกฺขรํ ปริยายวเสน อกฺขรณโต ¶ อเววจนโต. น หิ วณฺณสฺส ปริยาโย วิชฺชติ. ยถา หิ ปทํ สเววจนตาย อตฺถวเสน ปริยายํ จรนฺตํ สฺจรนฺตํ วิย โหติ, น เอวํ วณฺโณ อเววจนตฺตา. เอกกฺขรํ วา ปทํ อกฺขรํ ‘‘มา เอวํ กิร ต’’นฺติอาทีสุ มา-การาทโย ¶ วิย. เกจิ ปน ‘‘ตีสุ ทฺวาเรสุ ปริสุทฺธปโยคภาเวน วิสุทฺธกรณฏฺานานํ จิตฺเตน ปวตฺติตเทสนาวาจาหิ อกฺขรณโต อเววจนโต อกถิตตฺตา อกฺขรนฺติ สฺิตา. ตํ ปารายนิกพฺราหฺมณานํ มนสา ปุจฺฉิตปฺหานํ วเสน ภควตา รตนฆเร นิสีทิตฺวา สมฺมสิตปฏฺานมหาปกรณวเสน จ คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. วิภตฺติยนฺตํ อตฺถสฺส าปนโต ปทํ. ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ หิ ปทํ. ตํ นามปทํ อาขฺยาตปทํ อุปสคฺคปทํ นิปาตปทนฺติ จตุพฺพิธํ. ตตฺถ ผสฺโส เวทนา จิตฺตนฺติ เอวมาทิกํ ทพฺพปธานํ นามปทํ. นามปเทหิ ทพฺพมาวิภูตรูปํ, กิริยา อนาวิภูตรูปา. ผุสติ เวทยติ วิชานาตีติ เอวมาทิกํ กิริยาปธานํ อาขฺยาตปทํ. อาขฺยาตปเทหิ กิริยา อาวิภูตรูปา, ทพฺพมนาวิภูตรูปํ. ยถา ‘‘จิรปฺปวาสิ’’นฺติ เอตฺถ ป-สทฺโท วสนกิริยาย วิโยควิสิฏฺตํ ทีเปติ, เอวํ กิริยาวิเสสทีปนโต กิริยาวิเสสาวโพธนิมิตฺตํ. ป-อิติ เอวมาทิกํ อุปสคฺคปทํ. กิริยาย ทพฺพสฺส จ สรูปวิเสสปฺปกาสนเหตุภูตํ เอวนฺติ เอวมาทิกํ นิปาตปทํ. ‘‘เอวํ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถา’’ติอาทีสุ หิ กิริยาวิเสสทีปนโต กิริยาวิเสสสฺส โชตโก เอวํสทฺโท, ‘‘เอวํสีลา เอวํธมฺมา’’ติอาทีสุ ทพฺพวิเสสสฺส. สงฺเขปโต วุตฺตํ ปทาภิหิตํ อตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ สงฺเขเปน กถิตมตฺถํ ‘‘กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริย, จิตฺต, วีมํสสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวตี’’ติอาทินา ปากฏํ กโรตีติ วากฺยเมว พฺยฺชนํ, ตํ ปน อตฺถโต ปทสมุทาโยติ ทฏฺพฺพํ. สอาขฺยาตํ สนิปาตํ สการกํ สวิเสสนํ วากฺยนฺติ หิ วทนฺติ. นนุ จ ปเทนปิ อตฺโถ พฺยฺชียตีติ ปทมฺปิ พฺยฺชนนฺติ อาปชฺชตีติ? ตํ น. ปทมตฺตสวเนปิ หิ อธิการาทิวเสน ลพฺภมาเนหิ ปทนฺตเรหิ อนุสนฺธานํ กตฺวาว อตฺถสมฺปฏิปตฺติ โหตีติ วากฺยเมว อตฺถํ พฺยฺชยตีติ.
ปการโต วากฺยวิภาโค อากาโร. ‘‘ตตฺถ กตโม ฉนฺโท? โย ฉนฺโท ฉนฺทิกตา กตฺตุกมฺยตา’’ติ เอวมาทีสุ กถิตสฺเสว วากฺยสฺส ¶ อเนกวิเธน วิภาคกรณํ อากาโร นาม. อาการาภิหิตํ นิพฺพจนํ นิรุตฺติ. ‘‘ผสฺโส เวทนา’’ติ เอวมาทีสุ อากาเรน กถิตํ ‘‘ผุสตีติ ผสฺโส, เวทยตีติ เวทนา’’ติ นีหริตฺวา วิตฺถารวจนํ นิรุตฺติ นาม. ‘‘นิพฺพานํ มคฺคติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ วา มคฺคียติ, กิเลเส วา มาเรนฺโต คจฺฉตีติ มคฺโค’’ติอาทินา นิพฺพจนวิตฺถาโร นิรวเสสเทสนตฺตา นิทฺเทโส. อถ วา เวทยตีติ เวทนาติ นิพฺพจนลทฺธปเทสุ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขาสุ สุขยตีติ สุขา, ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา, เนว ทุกฺขยติ น สุขยตีติ อทุกฺขมสุขาติ อตฺถวิตฺถาโร นิรวเสเสน กถิตตฺตา นิทฺเทโส นาม. เอเตสํ อกฺขราทีนํ พฺยฺชนปทานํ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนตาย สพฺยฺชนํ.
เอวํ ¶ ปนสฺส อตฺถปทสมาโยโค พฺยฺชนปทสมฺปตฺติ จ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กโรติ, นิทฺเทเสหิ ปฺเปติ. ตถา หิ ปทาวยวคฺคหณมุเขน ปทคฺคหณํ, คหิเตน จ ปเทน ปทตฺถาวโพโธ คหิตปุพฺพสงฺเกตสฺส โหตีติ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ. ยสฺมา ปน อกฺขเรหิ สํขิตฺเตน ทีปิยมาโน อตฺโถ ปทปริโยสาเน วากฺยสฺส อปริโยสิตตฺตา ปเทน ปมํ ปกาสิโต ทีปิโต โหติ, ตสฺมา ปเทหิ ปกาเสติ. วากฺยปริโยสาเน ปน โส อตฺโถ วิวริโต วิวโฏ กโต โหตีติ พฺยฺชเนหิ วิวรติ. ยสฺมา จ ปกาเรหิ วากฺยเภเท กเต ตทตฺโถ วิภตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา อากาเรหิ วิภชติ. ตถา วากฺยาวยวานํ ปจฺเจกํ นิพฺพจนวิภาเค กเต โส อตฺโถ ปากโฏ โหตีติ นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กโรติ. กตนิพฺพจเนหิ ปน วากฺยาวยเวหิ วิตฺถารวเสน นิรวเสสโต เทสิเตหิ เวเนยฺยานํ จิตฺตปริโตสนํ พุทฺธินิสานฺจ กตํ โหตีติ นิทฺเทเสหิ ปฺเปติ. อปิจ ภควา อกฺขเรหิ อุคฺฆเฏตฺวา ปเทหิ วิเนติ อุคฺฆฏิตฺุํ, พฺยฺชเนหิ วิปฺเจตฺวา อากาเรหิ วิเนติ วิปฺจิตฺุํ, นิรุตฺตีหิ เนตฺวา นิทฺเทเสหิ วิเนติ เนยฺยํ. เอวฺจายํ ธมฺโม อุคฺฆฏิยมาโน อุคฺฆฏิตฺุํ วิเนติ, วิปฺจิยมาโน วิปฺจิตฺุํ, นียมาโน เนยฺยํ. ตตฺถ อุคฺฆฏนา อาทิ, วิปฺจนา มชฺเฌ, นยนํ อนฺเต. เอวํ ตีสุ กาเลสุ ติธา เทสิโต โทสตฺตยวิธมโน คุณตฺตยาวโห ติวิธวิเนยฺยวินยโนติ เอวมฺปิ ติวิธกลฺยาโณยํ ¶ ธมฺโม อตฺถพฺยฺชนปาริปูริยา สาตฺโถ สพฺยฺชโนติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติปกรเณ (เนตฺติ. ๙) –
‘‘ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กโรติ, นิทฺเทเสหิ ปฺเปติ. ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ จ ปเทหิ จ อุคฺฆเฏติ, พฺยฺชเนหิ จ อากาเรหิ จ วิปฺเจติ, นิรุตฺตีหิ จ นิทฺเทเสหิ จ วิตฺถาเรติ. ตตฺถ อุคฺฆฏนา อาทิ, วิปฺจนา มชฺเฌ, วิตฺถารนา ปริโยสานํ. โสยํ ธมฺมวินโย อุคฺฆฏิยนฺโต อุคฺฆฏิตฺุํ ปุคฺคลํ วิเนติ, เตน นํ อาหุ อาทิกลฺยาโณติ. วิปฺจิยนฺโต วิปฺจิตฺุํ ปุคฺคลํ วิเนติ, เตน นํ อาหุ มชฺเฌกลฺยาโณติ. วิตฺถาริยนฺโต เนยฺยํ ปุคฺคลํ วิเนติ, เตน นํ อาหุ ปริโยสานกลฺยาโณตี’’ติ.
อตฺถคมฺภีรตาติอาทีสุ อตฺโถ นาม ตนฺติอตฺโถ. ธมฺโม ตนฺติ. ปฏิเวโธ ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. เทสนา นาม มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. เต ปเนเต อตฺถาทโย ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา ¶ จ, ตสฺมา คมฺภีรา. อถ วา อตฺโถ นาม เหตุผลํ. ธมฺโม เหตุ. เทสนา ปฺตฺติ, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโป. อนุโลมปฏิโลมสงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน วา กถนํ. ปฏิเวโธ อภิสมโย, อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ. เตสํ เตสํ วา ธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ ลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว. เตปิ เจเต อตฺถาทโย ยสฺมา อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตสุ ปฏิเวธสฺสปิ อตฺถสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถ’’นฺติ อตฺถคุณทีปนโต. ตาสํ ธมฺมเทสนานํ พฺยฺชนสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชน’’นฺติ ตาสํ พฺยฺชนสมฺปตฺติทีปนโต. อตฺเถสุ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสุ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ อิมิสฺสาปิ ปฏิสมฺภิทาย อตฺถวิสยตฺตา อาห ‘‘อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถ’’นฺติ อตฺถสมฺปตฺติยา ¶ อสติ ตทภาวโต. ธมฺโมติ ตนฺติ. นิรุตฺตีติ ตนฺติปทานํ นิทฺธาเรตฺวา วจนํ. ตตฺถ ปเภทคตานิ าณานิ ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ อาห ‘‘ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชน’’นฺติ อสติ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ตทภาวโต.
ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ปริกฺขกชนานํ กึกุสลคเวสีนํ ปสาทาวหํ, ตสฺมา สาตฺถํ. อตฺถสมฺปนฺนนฺติ ผเลน เหตุโน อนุมานํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิปวตฺติยา. สาตฺถกตา ปนสฺส ปณฺฑิตเวทนียตาย, สา ปรมคมฺภีรสณฺหสุขุมภาวโต เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘คมฺภีโร ทุทฺทโส’’ติอาทิ. โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนนฺติ ยสฺมา โลกิยชนสฺส ปสาทาวหํ, ตสฺมา สพฺยฺชนํ. โลกิยชโน หิ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ตุสฺสติ. อิธาปิ ผเลน เหตุโน อนุมานํ. สพฺยฺชนตา ปนสฺส สทฺเธยฺยตาย, สา อาทิกลฺยาณาทิภาวโต เวทิตพฺพา. อถ วา ปณฺฑิตเวทนียโต สาตฺถนฺติ ปฺาปทฏฺานตาย อตฺถสมฺปนฺนตํ อาห, ตโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกํ สทฺเธยฺยโต สพฺยฺชนนฺติ สทฺธาปทฏฺานตาย พฺยฺชนสมฺปนฺนตํ, ตโต โลกิยชนปฺปสาทตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถนฺติ อธิปฺปายโต อคาธาปารตาย อตฺถสมฺปนฺนํ อฺถา ตทภาวโต. อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนนฺติ สุโพธสทฺทกตาย พฺยฺชนสมฺปนฺนํ ปรมคมฺภีรสฺสปิ อตฺถสฺส วิเนยฺยานํ สุวิฺเยฺยภาวาปาทนโต. สพฺโพเปส อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนนฺติ สพฺพปมํ วุตฺตสฺเสว อตฺถทฺวยสฺส ปปฺโจติ ทฏฺพฺโพ. ตถา เจว ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ. ตถา เหตฺถ วิกปฺปสฺส สมุจฺจยสฺส วา อคฺคหณํ. อุปเนตพฺพสฺส อภาวโตติ ปกฺขิปิตพฺพสฺส โวทานตฺถสฺส อวุตฺตสฺส อภาวโต. เกวลสทฺโท สกลาธิวจนนฺติ อาห ‘‘สกลปริปุณฺณภาเวนา’’ติ ¶ , สพฺพภาเคหิ ปริปุณฺณตายาติ อตฺโถ. อปเนตพฺพสฺสาติ สํกิเลสธมฺมสฺส.
พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ เอตฺถ ปน อยํ พฺรหฺมจริย-สทฺโท ทาเน เวยฺยาวจฺเจ ปฺจสิกฺขาปทสีเล อปฺปมฺาสุ เมถุนวิรติยํ สทารสนฺโตเส วีริเย อุโปสถงฺเคสุ อริยมคฺเค สาสเนติ อิเมสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ.
‘‘กึ ¶ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ,
กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เต นาคมหาวิมานํ.
‘‘อหฺจ ภริยา จ มนุสฺสโลเก,
สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;
โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ,
สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จ.
‘‘ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ,
ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติ. –
อิมสฺมิฺหิ ปุณฺณกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๕๙๒-๑๕๙๓, ๑๕๙๕) ทานํ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘เกน ปาณิ กามทโท, เกน ปาณิ มธุสฺสโว;
เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.
‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;
เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติ. –
อิมสฺมึ ¶ องฺกุรเปตวตฺถุมฺหิ (เป. ว. ๒๗๕, ๒๗๗) เวยฺยาวจฺจํ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ โข ตํ ภิกฺขเว ติตฺติริยํ นาม พฺรหฺมจริยํ อโหสี’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) อิมสฺมึ ติตฺติรชาตเก ปฺจสิกฺขาปทสีลํ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ตํ โข ปน เม ปฺจสิข พฺรหฺมจริยํ เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ อิมสฺมึ มหาโควินฺทสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๒๙) จตสฺโส อปฺปมฺาโย ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตา. ‘‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามา’’ติ อิมสฺมึ สลฺเลขสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๘๓) เมถุนวิรติ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตา.
‘‘มยฺจ ¶ ภริยา นาติกฺกมาม,
อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;
อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,
ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. –
มหาธมฺมปาลชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๙๗) สทารสนฺโตโส ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺโต. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา, ตปสฺสี สุทํ โหมี’’ติ โลมหํสนสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๕๕) วีริยํ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. –
เอวํ (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙) นิมิชาตเก อตฺตทมนวเสน กโต อฏฺงฺคิโก อุโปสโถ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺโต. ‘‘อิทํ โข ปน เม, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย…เป… อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ มหาโควินฺทสุตฺตสฺมึเยว (ที. นิ. ๒.๓๒๙) อริยมคฺโค ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺโต. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาวเทว มนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ ปาสาทิกสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๑๗๔) สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุตฺตํ. อิมสฺมิมฺปิ าเน อิทเมว ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา’’ติอาทิ. เสฏฺเหีติ พุทฺธาทีหิ เสฏฺเหิ. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตํ วา จริยํ พฺรหฺมจริยํ.
สนิทานนฺติ เหฏฺา วุตฺตลกฺขเณน นิทาเนน สนิทานํ. สอุปฺปตฺติกนฺติ สอฏฺุปฺปตฺติกํ. เวเนยฺยานํ ¶ อนุรูปโตติ เวเนยฺยานํ จริยาทิอนุรูปโต. อตฺถสฺสาติ เทสิยมานสฺส สีลาทิอตฺถสฺส. เหตุทาหรณยุตฺตโตติ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติ จ อาทินา ตตฺถ ตตฺถ เหตุปมคฺคหเณน เหตุทาหรเณหิ ยุตฺตโต. สทฺธาปฏิลาเภนาติ ‘‘เต ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตสทฺธาปฏิลาเภน. ปฏิปตฺติยาติ สีลวิสุทฺธิยาทิสมฺมาปฏิปตฺติยา, ปฏิปตฺตินิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. อธิคมพฺยตฺติโตติ สจฺจปฺปฏิเวเธน อธิคมเวยฺยตฺติยสพฺภาวโต สาตฺถํ กปิลมตาทิ วิย ตุจฺฉํ นิรตฺถกํ อหุตฺวา ¶ อตฺถสมฺปนฺนนฺติ กตฺวา. ปริยตฺติยาติ ปริยตฺติธมฺมปริจเยน. อาคมพฺยตฺติโตติ ทุรกฺขาตธมฺเมสุ ปริจยํ กโรนฺตสฺส วิย สมฺโมหํ อชเนตฺวา พาหุสจฺจเวยฺยตฺติยสพฺภาวโต สพฺยฺชนํ. พฺยฺชนสมฺปตฺติยา หิ สติ อาคมพฺยตฺตีติ. สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโตติ สีลาทีหิ ปฺจหิ ธมฺมโกฏฺาเสหิ อวิรหิตตฺตา. เกวลปริปุณฺณนฺติ อนวเสเสน สมนฺตโต ปุณฺณํ ปูริตํ. นิรุปกฺกิเลสโตติ ทิฏฺิมานาทิอุปกฺกิเลสาภาวโต. นิตฺถรณตฺถายาติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณาย. โลกามิสนิรเปกฺขโตติ กถฺจิปิ ตณฺหาสนฺนิสฺสยสฺส อนิสฺสยโต ปริสุทฺธํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ‘‘อิมํ ธมฺมเทสนํ นิสฺสาย ลาภํ วา สกฺการํ วา ลภิสฺสามี’’ติ เทเสติ, ตสฺส อปริสุทฺธา เทสนา โหติ. ภควา ปน โลกามิสนิรเปกฺโข หิตผรเณน เมตฺตาภาวนาย มุทุหทโย อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตน จิตฺเตน เทเสติ, ตสฺมา ตสฺส เทสนา ปริสุทฺธาติ.
สาธูติ อยํ สทฺโท ‘‘สาธุ เม ภนฺเต ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕) อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ สาธุ สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน. ‘‘เตน หิ พฺราหฺมณ สาธุกํ สุโณหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๕.๑๙๒) ทฬฺหีกมฺเม อาณตฺติยฺจ ทิสฺสติ.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจิ ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. –
อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเร. อิธาปิ สุนฺทเรเยว ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปนา’’ติ. ตตฺถ สุนฺทรนฺติ ภทฺทกํ. ภทฺทกตา จ ปสฺสนฺตสฺส หิตสุขาวหภาเวนาติ อาห ‘‘อตฺถาวหํ สุขาวห’’นฺติ. ตตฺถ อตฺถาวหนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถสฺิตหิตาวหํ. สุขาวหนฺติ ยถาวุตฺตติวิธสุขาวหํ. ตถารูปานนฺติ ตาทิสานํ ¶ . ยาทิเสหิ ปน คุเณหิ ภควา สมนฺนาคโต, เตหิ จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพกาเลปิ อจฺจนฺตาย ปสาทนีโย เตสํ ยถาภูตสภาวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถารูโป’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาภุจฺจ…เป… อรหตนฺติ อิมินา ธมฺมปฺปมาณานํ ลูขปฺปมาณานฺจ สตฺตานํ ภควโต ¶ ปสาทาวหตํ ทสฺเสติ, ตํทสฺสเนน จ อิตเรสมฺปิ รูปปฺปมาณโฆสปฺปมาณานํ ปสาทาวหตา ทสฺสิตา โหตีติ ทฏฺพฺพํ ตทวินาภาวโต. พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโตติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธติ อาห ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอวมชฺฌาสยํ กตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอตฺถ โกสิยสกุณวตฺถุ กเถตพฺพํ.
๒. เยน วา การเณนาติ เหตุมฺหิ อิทํ กรณวจนํ. เหตุอตฺโถ หิ กิริยาการณํ, น กรณํ วิย กิริยตฺโถ, ตสฺมา นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมตฺถา อิธ อุปสงฺกมนกิริยาติ ‘‘อนฺเนน วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺถเมเวตํ กรณวจนํ ยุตฺตํ, น กรณตฺถํ ตสฺส อยุชฺชมานตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เยน วา การเณนา’’ติ. อวิภาคโต หิ สตตปฺปวตฺตนิรติสยสาทุวิปุลามตรสสทฺธมฺมผลตายสฺส สาทุผลนิจฺจผลิตมหารุกฺเขน ภควา อุปมิโต. สาทุผลูปโภคาธิปฺปายคฺคหเณเนว หิ มหารุกฺขสฺส สาทุผลตา คหิตาติ. อุปสงฺกมีติ อุปสงฺกมนฺโต. สมฺปตฺตกามตาย หิ กิฺจิ านํ คจฺฉนฺโต ตํตํปเทสาติกฺกมเนน อุปสงฺกมิ อุปสงฺกมนฺโตติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตนาห ‘‘คโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, อุปคโตติ อตฺโถ. อุปสงฺกมิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโสติ อาห ‘‘อุปสงฺกมนปริโยสานทีปน’’นฺติ. ตโตติ ยํ านํ ปตฺโต อุปสงฺกมีติ วุตฺโต, ตโต อุปคตฏฺานโต. อาสนฺนตรํ านนฺติ ปฺหํ วา ปุจฺฉิตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ สกฺกุเณยฺยฏฺานํ.
ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโตติ ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ เต พฺราหฺมณ ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ. ปุพฺพภาสิตาย ตทนุกรเณน เอวํ โสปิ พฺราหฺมโณ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสีติ โยชนา. ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. เอกีภาวนฺติ สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ เอกรูปตํ. ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย ¶ สภาวโต ทุสฺสหํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺยนฺติ ปุจฺฉติ. ยาปนียนฺติ ปจฺจยายตฺตวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ. สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ. ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ. ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ. ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ. สุขวิหารสมฺภเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ ตตฺถ ตตฺถ กจฺจิสทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ . พลปฺปตฺตา ปีติ ปีติเยว. ตรุณปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนิกํ, ตเทว สมฺโมทนียนฺติ อาห ‘‘สมฺโมทชนนโต’’ติ. สมฺโมทิตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิทํ ปน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อาห. สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโต. ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํ. สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถมธุรตมาห. อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตํ. พฺยฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาห. อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อติทูรอจฺจาสนฺนปฏิกฺเขเปน นาติทูรนาจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถาสงฺฆฏฺฏเนน ทฏฺพฺพํ. คีวํ ปสาเรตฺวาติ คีวํ ปริวตฺตนวเสน ปสาเรตฺวา. เมติ กตฺตุอตฺเถ สามิวจนนฺติ อาห ‘‘มยา สุต’’นฺติ. ชาติพฺราหฺมเณติ ชาติยา พฺราหฺมเณ, น พาหิตปาปตายาติ วุตฺตํ โหติ. ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อาปาทิเตติ ขณฺฑิตทนฺตปลิตเกสาทิภาวํ สมฺปาปิเต. วุฑฺฒิมริยาทปฺปตฺเตติ วุฑฺฒิปริจฺเฉทํ สมฺปตฺเต, วุฑฺฒิปริยนฺตปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. ชาติมหลฺลกตายาติ อุปฺปตฺติยา มหลฺลกภาเวน. มหตฺตํ ลาติ คณฺหาตีติ มหลฺลโก, ชาติยา มหลฺลโก, น วิภวาทินาติ ชาติมหลฺลโก. อทฺธานนฺติ ทีฆกาลํ. กิตฺตโก ปน โสติ อาห ‘‘ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ’’ติ, ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ราชูนํ รชฺชปสาสนปฏิปาฏิโยติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธคเต’’ติ วตฺวา กถํ วโยคหณํ โอสานวยาเปกฺขนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺเต’’ติ. ปจฺฉิโม ตติยภาโคติ สตฺตสฏฺิโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย โกฏฺาโส.
ทุติเย ¶ อตฺถวิกปฺเป ชิณฺเณติ นายํ ชิณฺณตา วโยมตฺเตน, อถ โข กุลปริวฏฺเฏน ปุราณตายาติ อาห ‘‘ชิณฺเณติ โปราเณ’’ติอาทิ. เตน เตสํ พฺราหฺมณานํ กุลวเสน อุทิโตทิตภาวมาห. ‘‘วโยอนุปฺปตฺเต’’ติ อิมินา ชาติวุฑฺฒิยา วกฺขมานตฺตา คุณวุฑฺฒิยา ตโต สาติสยตฺตา จ ‘‘วุฑฺเฒติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺเต’’ติ อาห. ตถา ชาติมหลฺลกตายปิ เตเนว วกฺขมานตฺตา มหลฺลเกติ ปเทน วิภวมหตฺตตา โยชิตา. มคฺคปฏิปนฺเนติ พฺราหฺมณานํ ปฏิปตฺติวิธึ อุปคเต ตํ อโวกฺกมฺม จรณโต. อนฺติมวยนฺติ ปจฺฉิมวยํ.
ปจฺจุฏฺานํ นาม อาสนา วุฏฺานนฺติ อาห ‘‘นาสนา วุฏฺหตี’’ติ, นิสินฺนาสนโต น วุฏฺาตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ชิณฺเณ…เป… วโยอนุปฺปตฺเตติ อุปโยควจนํ อาสนา วุฏฺานกิริยาเปกฺขํ น โหติ, ตสฺมา ชิณฺเณ…เป… วโยอนุปฺปตฺเต ทิสฺวาติ อชฺฌาหารํ กตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา ปจฺจุคฺคมนกิริยาเปกฺขํ อุปโยควจนํ, ตสฺมา น ปจฺจุฏฺเตีติ ¶ อุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนํ น กโรตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปจฺจุคฺคมนมฺปิ หิ ปจฺจุฏฺานนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อาจริยํ ปน ทูรโตว ทิสฺวา ปจฺจุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนกรณํ ปจฺจุฏฺานํ นามา’’ติ. นาสนา วุฏฺาตีติ อิมินา ปน ปจฺจุคฺคมนาภาวสฺส อุปลกฺขณมตฺตํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิภาวเน นาม อตฺเถติ ปกติวิภาวนสงฺขาเต อตฺเถ, น อภิวาเทติ วาติ น อภิวาเทตพฺพนฺติ สลฺลกฺเขตีติ วุตฺตํ โหติ.
ตํ อฺาณนฺติ ‘‘อยํ มม อภิวาทนาทีนิ กาตุํ อรหรูโป น โหตี’’ติ อชานนวเสน ปวตฺตํ อฺาณํ. โอโลเกนฺโตติ ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, กึ นุ โข อหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกเรยฺยํ, ครุํ กเรยฺย’’นฺติอาทิสุตฺตวเสน (อ. นิ. ๔.๒๑) าณจกฺขุนา โอโลเกนฺโต. นิปจฺจการารหนฺติ ปณิปาตารหํ. สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต, ชาตสมนนฺตรเมวาติ วุตฺตํ โหติ. อุตฺตเรน มุโขติ อุตฺตราภิมุโข, อุตฺตรทิสาภิมุโขติ วุตฺตํ โหติ. สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสินฺติ อิทํ ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, สมฺปติชาโต โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ, เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน ¶ สพฺพา ทิสา วิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสตี’’ติ เอวํ ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๓๑) สตฺตปทวีติหารูปริฏฺิตสฺส วิย สพฺพทิสานุวิโลกนสฺส กถิตตฺตา วุตฺตํ, น ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตา. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา เหฏฺา อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตโน สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ เวทิตพฺโพ. โอโลเกสินฺติ มม ปฺุานุภาเวน โลกวิวรณปาฏิหาริเย ชาเต ปฺายมานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ มํสจกฺขุนาว โอโลเกสินฺติ อตฺโถ.
มหาปุริโสติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสาทิวเสน มหนฺตปุริโส. อคฺโคติ คุเณหิ สพฺพปธาโน. เชฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ วุฑฺฒตโม, คุเณหิ มหลฺลกตโมติ วุตฺตํ โหติ. เสฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ ปสตฺถตโม. อตฺถโต ปน ปจฺฉิมานิ ทฺเว ปุริมสฺเสว เววจนานีติ เวทิตพฺพํ. ตยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. อุตฺตริตโรติ อธิกตโร. ปติมาเนสีติ ปูเชสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโลติ มยฺหํ อภิวาทนาทิกิริยาย อรโห อนุจฺฉวิโก ปุคฺคโล. นิจฺจสาเปกฺขตาย ปเนตฺถ สมาโส ทฏฺพฺโพ. ตถาคตาติ ตถาคตโต, ตถาคตสฺส ¶ สนฺติกาติ วุตฺตํ โหติ. เอวรูปนฺติ อภิวาทนาทิสภาวํ. ปริปากสิถิลพนฺธนนฺติ ปริปาเกน สิถิลพนฺธนํ.
๓. ตํ วจนนฺติ ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิวจนํ. ‘‘นาหํ อรสรูโป, มาทิสา วา อรสรูปา’’ติ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ถทฺโธ ภเวยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถ’’นฺติ. อยฺหิ ปริยายสทฺโท เทสนาวารการเณสุ วตฺตตีติ เอตฺถ ปริยาเยติ เทเสตพฺพมตฺถํ อวคเมติ โพเธตีติ ปริยาโย, เทสนา. ปริยายติ อปราปรํ ปริวตฺเตตีติ ปริยาโย ¶ , วาโร. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตติ, ตสฺส วา การณภาวํ คจฺฉตีติ ปริยาโย, การณนฺติ เอวํ ปริยายสทฺทสฺส เทสนาวารการเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อฺาย สณฺเหยฺยาติ อรหตฺเต ปติฏฺเหยฺย. กตโม ปน โสติ ปริยายาเปกฺโข ปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส, กตโม โส ปริยาโยติ อตฺโถ. ชาติวเสนาติ ขตฺติยาทิชาติวเสน. อุปปตฺติวเสนาติ เทเวสุ อุปปตฺติวเสน. เสฏฺสมฺมตานมฺปีติ อปิ-สทฺเทน ปเคว อเสฏฺสมฺมตานนฺติ ทสฺเสติ. อภินนฺทนฺตานนฺติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน ปโมทมานานํ. รชฺชนฺตานนฺติ พลวราควเสน รชฺชนฺตานํ. รูปาทิปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหายุตฺตโสมนสฺสเวทนา รูปโต นิพฺพตฺติตฺวา หทยตปฺปนโต อมฺพรสาทโย วิย ‘‘รูปรสา’’ติ วุจฺจนฺติ. อาวิฺฉนฺตีติ อากฑฺฒนฺติ. วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยนฺติ วตฺถุอารมฺมณาทิการณสามคฺคิยํ. อนุกฺขิปนฺโตติ อตฺตุกฺกํสนวเสน กถิเต พฺราหฺมณสฺส อสปฺปายภาวโต อตฺตานํ อนุกฺขิปนฺโต อนุกฺกํเสนฺโต.
เอตสฺมึ ปนตฺเถ กรเณ สามิวจนนฺติ ‘‘ชหิตา’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ. ตถาคตสฺสาติ กรเณ สามิวจนํ, ตถาคเตน ชหิตาติ อตฺโถ. มูลนฺติ ภวมูลํ. ‘‘ตาลวตฺถุวตฺถุกตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘โอฏฺมุโข’’ติอาทีสุ วิย มชฺเฌปทโลปํ กตฺวา อการฺจ ทีฆํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ. ตตฺถ ตาลสฺส วตฺถุ ตาลวตฺถุ. ยถา อารามสฺส วตฺถุภูตปุพฺโพ ปเทโส อารามสฺส อภาเว ‘‘อารามวตฺถู’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตาลสฺส ปติฏฺิโตกาโส สมูลํ อุทฺธริเต ตาเล ปเทสมตฺเต ิเต ตาลสฺส วตฺถุภูตปุพฺพตฺตา ‘‘ตาลวตฺถู’’ติ วุจฺจติ. เนสนฺติ รูปรสาทีนํ. กถํ ปน ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. รูปาทิปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหายุตฺตโสมนสฺสเวทนาสงฺขาตรูปรสาทีนํ จิตฺตสนฺตานสฺส อธิฏฺานภาวโต วุตฺตํ ‘‘เตสํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมตฺเต จิตฺตสนฺตาเน กเต’’ติ. ตตฺถ ปุพฺเพติ ปุเร, สราคกาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตาลาวตฺถุกตาติ วุจฺจนฺตีติ ตาลวตฺถุ วิย อตฺตโน วตฺถุสฺส กตตฺตา รูปรสาทโย ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตน ปหีนกิเลสานํ ปุน อุปฺปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต.
อวิรุฬฺหิธมฺมตฺตาติ ¶ ¶ อวิรุฬฺหิสภาวตาย. มตฺถกจฺฉินฺโน ตาโล ปตฺตผลาทีนํ อวตฺถุภูโต ตาลาวตฺถูติ อาห ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา’’ติ. เอเตน ‘‘ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ อยํ วิคฺคโห ทสฺสิโต. เอตฺถ ปน อวตฺถุภูโต ตาโล วิย กตาติ อวตฺถุตาลากตาติ วตฺตพฺเพ วิเสสนสฺส ปทสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา ปนตฺเถน อิทํ ทสฺเสติ – รูปรสาทิวจเนน วิปากธมฺมธมฺมา หุตฺวา ปุพฺเพ อุปฺปนฺนา กุสลากุสลธมฺมา คหิตา, เต อุปฺปนฺนาปิ มตฺถกสทิสานํ ตณฺหาวิชฺชานํ มคฺคสตฺเถน ฉินฺนตฺตา อายตึ ตาลปตฺตสทิเส วิปากกฺขนฺเธ นิพฺพตฺเตตุํ อสมตฺถา ชาตา, ตสฺมา ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา รูปรสาทโยติ. อิมสฺมิฺหิ อตฺเถ ‘‘อภินนฺทนฺตาน’’นฺติ อิมินา ปเทน กุสลโสมนสฺสมฺปิ สงฺคหิตนฺติ วทนฺติ.
อนภาวํกตาติ เอตฺถ อนุ-สทฺโท ปจฺฉา-สทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหตี’’ติอาทิ. อนุอภาวํ คตาติ ปจฺฉา อนุปฺปตฺติธมฺมตาวเสน อภาวํ คตา วินาสมุปคตา, ปหีนาติ อตฺโถ. ‘‘อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฏิภํสู’’ติ (มหาว. ๗, ๘) เอตฺถ อนจฺฉริยสทฺทํ อุทาหรณวเสน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา อนุอจฺฉริยา อนจฺฉริยา’’ติ. ตตฺถ อนุอจฺฉริยาติ สวนกาเล อุปรูปริ วิมฺหยกราติ อตฺโถ.
ยฺจ โข ตฺวํ วเทสิ, โส ปริยาโย น โหตีติ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตํ การณํ อรสรูปตาย วเทสิ, ตํ การณํ น โหติ, น วิชฺชตีติ อตฺโถ. นนุ จ พฺราหฺมโณ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตํ ปริยายํ สนฺธาย ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ อาห, โส ปริยาโย นตฺถีติ วุตฺเต วนฺทนาทีนิ ภควา กโรตีติ อาปชฺชตีติ อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กสฺมา ปน ภควา เอวมาหา’’ติอาทิ.
๔. สพฺพปริยาเยสูติ สพฺพวาเรสุ. สนฺธาย ภาสิตมตฺตนฺติ ยํ สนฺธาย พฺราหฺมโณ ‘‘นิพฺโภโค ภวํ โคตโม’’ติอาทิมาห, ภควา จ ยํ สนฺธาย นิพฺโภคตาทึ อตฺตนิ อนุชานาติ, ตํ สนฺธาย ภาสิตมตฺตํ ¶ . ฉนฺทราคปริโภโคติ ฉนฺทราควเสน ปริโภโค. อปรํ ปริยายนฺติ อฺํ การณํ.
๕. กุลสมุทาจารกมฺมนฺติ กุลาจารสงฺขาตํ กมฺมํ, กุลจาริตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อกิริยนฺติ อกรณภาวํ. ทุฏฺุ จริตํ ทุจฺจริตํ, กายทฺวาเร พาหุลฺลวุตฺติโต กายโต ปวตฺตํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํ. ตํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ปาณาติปาตอทินฺนาทานมิจฺฉาจารเจตนา ¶ เวทิตพฺพาติ เอตฺถ (อิติวุ. อฏฺ. ๗๔) ปาโณติ ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ, โวหารโต สตฺโต. ชีวิตินฺทฺริยฺเจตฺถ รูปารูปวเสน เวทิตพฺพํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสติ. สตฺโตติ จ ขนฺธสนฺตาโน คเหตพฺโพ. ตตฺถ หิ สตฺตปฺตฺติ. สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อตีว ปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถโต ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ปรสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยคสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานมฺตรปฺปวตฺตา วธกเจตนา. ยาย หิ เจตนาย วตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุกมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สา ตาทิสปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต. ลทฺธุปกฺกมานิ หิ ภูตานิ อิตรภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติยานํ การณานิ น โหนฺติ.
เอตฺถาห – ขเณ ขเณ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ โก หนฺตา, โก วา หฺติ, ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปตาย น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมตฺโถ, นปิ วิโกปนีโย. อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตาย กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาโต ลพฺภติ ยถา มตสรีเร. ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ปหรณปฺปหาราทิ อตีเตสุ วา สงฺขาเรสุ ภเวยฺย อนาคเตสุ วา ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา, ตตฺถ น ตาว อตีตานาคเตสุ สมฺภวติ เตสํ อภาวโต, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว ¶ นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปหาราทิปฺปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหกตาย จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค, ขณิกตฺตา วธาธิปฺปายสมกาลภิชฺชนโต กสฺส กิริยา, ปริโยสานกาลานวฏฺานโต กสฺส วา ปาณาติปาตกมฺมพทฺโธติ?
วุจฺจเต – ยถาวุตฺตวธกเจตนาสหิโต สงฺขารานํ ปฺุโช สตฺตสงฺขาโต หนฺตา. เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตํ อปคตุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มตโวหารปฺปวตฺตินิพนฺธโน ยถาวุตฺตวธปฺปโยคกรเณ อุปฺปชฺชนารโห รูปารูปธมฺมสมูโห หฺติ, เกวโล วา จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน. วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย รูปสนฺตาเน ปเรน ปโยชิตชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยควเสน ตนฺนิพฺพตฺติวินิพนฺธกวิสทิสรูปุปฺปตฺติยา วิหเต วิจฺเฉโท โหตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว, นปิ อเหตุโก ปาณาติปาโต, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน. ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ¶ ตถา อนุปฺปตฺติโต ขณิกานํ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ, น จ กตฺตุรหิโต ปาณาติปาตปโยโค นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ สนฺนิหิตตามตฺเตน อุปการเกสุ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทนิยเตสุ การเณสุ กตฺตุโวหารสิทฺธิโต ยถา ‘‘ปทีโป ปกาเสติ, นิสากโรว จนฺทิมา’’ติ. น จ เกวลสฺส วธาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิตพฺโพ สนฺตานวเสน อวฏฺิตสฺเสว ปฏิชานนโต. สนฺตานวเสน วตฺตมานานฺจ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยา ทิสฺสตีติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมพทฺโธ. อยฺจ วิจาโร อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาเวตพฺโพ.
โส (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๙; ธ. ส. อฏฺ. อกุสลกมฺมปถกถา) จ ปาณาติปาโต คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหนฺเต มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย, ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาย. คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ ¶ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช. สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติปิ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโชติ เวทิตพฺโพ.
กายวาจาหิ น ทินฺนนฺติ อทินฺนํ, ปรสนฺตกํ, ตสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ. ปรสฺสหรณํ เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถโต ปน ปรปริคฺคเห ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานมฺตรทฺวารปฺปวตฺตา เถยฺยเจตนา. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. วตฺถุสมตฺเต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ, ตํตํคุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ.
มิจฺฉา จรณํ มิจฺฉาจาโร, เมถุนสมาจาเรสุ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร. โส ปน ลกฺขณโต อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา. โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณวิรหิเต อคมนียฏฺาเน อปฺปสาวชฺโช, สีลาทิคุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอว.
วจีทฺวาเร พาหุลฺลวุตฺติโต วาจโต ปวตฺตํ ทุจฺจริตนฺติ วจีทุจฺจริตํ. ตํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ¶ อาห ‘‘มุสาวาทปิสุณวาจาผรุสวาจาสมฺผปฺปลาปเจตนา เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ. มุสา วทียติ วุจฺจติ เอตายาติ มุสาวาโท, อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา. โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. อปิจ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติ อาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภฺชนตฺถํ วุตฺโต มหาสาวชฺโช. ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มฺเ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ทิฏฺนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิฺาปนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว. โส กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา วาจาย วา ปรวิสํวาทกกิริยากรเณ ¶ ทฏฺพฺโพ. ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยาสมุฏฺาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ. ยสฺมา ปน ยถา กายกายปฏิพทฺธวาจาหิ ปรํ วิสํวาเทติ, ตถา ‘‘อิทมสฺส ภณาหี’’ติ อาณาเปนฺโตปิ, ปณฺณํ ลิขิตฺวา ปุรโต นิสฺสชฺชนฺโตปิ, ‘‘อยํ อตฺโถ เอวํ เวทิตพฺโพ’’ติ กุฏฺฏาทีสุ ลิขิตฺวา เปนฺโตปิ, ตสฺมา เอตฺถ อาณตฺติกนิสฺสคฺคิยถาวราปิ ปโยคา ยุชฺชนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา.
ปิสตีติ ปิสุณา, สมคฺเค สตฺเต อวยวภูเต วคฺเค ภินฺเน กโรตีติ อตฺโถ. นิรุตฺตินเยน วา ปิยสฺุกรณโต ปิสุณา. ยาย หิ วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ, ปรสฺส จ ปิยสฺุภาวํ กโรติ, สา ปิสุณวาจา. ลกฺขณโต ปน สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณวาจา ปิสุณํ วทติ เอตายาติ กตฺวา. สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา – ภินฺทิตพฺโพ ปโร, ‘‘อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺติ วินา ภวิสฺสนฺตี’’ติ เภทปุเรกฺขารตา วา ‘‘อิติ อหํ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตชฺโช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. ปเร ปน อภินฺเน กมฺมปถเภโท นตฺถิ, ภินฺเน เอว โหติ.
ผรุสยตีติ ผรุสา, วาจา. ยาย หิ วาจาย อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ สิเนหาภาเวน ลูขํ กโรติ, สา ผรุสวาจา. อถ วา สยมฺปิ ผรุสา โทมนสฺสสมุฏฺิตตฺตา สภาเวนปิ กกฺกสา เนว กณฺณสุขา น หทยสุขาติ ผรุสวาจา. เอตฺถ ปน ปเรสํ มมฺมจฺเฉทนวเสน ปวตฺติยา เอกนฺตนิฏฺุรตาย สภาเวน การณโวหาเรน จ วาจาย ผรุสสทฺทปฺปวตฺติ ¶ ทฏฺพฺพา. ตํ ผรุสํ วทติ เอตายาติ ผรุสวาจา, ปรสฺส มมฺมจฺเฉทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสา เจตนา. ตสฺสา อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุ วจนํ อนาทิยิตฺวา อรฺํ คจฺฉติ, ตํ มาตา นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘จณฺฑา ตํ มหึสี อนุพนฺธตู’’ติ อกฺโกสิ. อถสฺส ตเถว อรฺเ มหึสี อุฏฺาสิ. ทารโก ‘‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ, ตํ มา โหตุ. ยํ จิตฺเตน จินฺเตสิ, ตํ โหตู’’ติ สจฺจกิริยมกาสิ. มหึสี ตตฺเถว พทฺธา วิย อฏฺาสิ ¶ . เอวํ มมฺมจฺเฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติ. มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติ. อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ ‘‘กึ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ, นิทฺธมถ เน’’ติ. อถ จ เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺติ, ยถา จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสวาจาปิ น โหติ. น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสวาจา โหติ, จิตฺตผรุสตาย ปน เอสา ผรุสวาจาว. สา ยํ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ตโย สมฺภารา – อกฺโกสิตพฺโพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อกฺโกสนาติ.
สํ สุขํ หิตฺจ ผลติ วิสรติ วินาเสตีติ สมฺผํ, อตฺตโน ปเรสฺจ อนุปการกํ ยํ กิฺจิ, สมฺผํ ปลปติ เอตายาติ สมฺผปฺปลาโป, อนตฺถวิฺาปิกกายวจีปโยคสมอุฏฺาปิกา อกุสลเจตนา. โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา – ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปีกถากถนฺจ. ปเร ปน ตํ กถํ อคณฺหนฺเต กมฺมปถเภโท นตฺถิ, ปเรน ปน สมฺผปฺปลาเป คหิเตเยว โหติ.
อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฏฺิโยติ เอตฺถ ปรสมฺปตฺตึ อภิมุขํ ฌายตีติ อภิชฺฌา, ปรสมฺปตฺตีสุ โลโภ. สา ปน ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา. อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จ. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา – ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนฺจ. ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน น ปริณาเมติ.
หิตสุขํ พฺยาปาเทติ วินาเสตีติ พฺยาปาโท, ปฏิโฆ. โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ ¶ . โส ผรุสวาจา วิย อปฺปสาวชฺโช มหาสาวชฺโช จ. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา – ปรสตฺโต, ตสฺส จ วินาสนจินฺตา. ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิชฺเชยฺย วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสนํ น จินฺเตติ.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน ¶ มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา. สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จ. อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชา. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา – วตฺถุโน คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสุปฏฺานนฺติ. ตตฺถ นตฺถิกาเหตุกออริยทิฏฺีหิ เอว กมฺมปถเภโท โหติ.
‘‘อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมาน’’นฺติ สามฺวจเนปิ ปาริเสสายโต วุตฺตาวเสสา อกุสลา ธมฺมา คเหตพฺพาติ อาห ‘‘เปตฺวา เต ธมฺเม’’ติอาทิ. เต ยถาวุตฺตกายทุจฺจริตาทิเก อกุสลธมฺเม เปตฺวาติ อตฺโถ. อเนกวิหิตาติ อเนกปฺปการา.
๖. อยํ โลกตนฺตีติ อยํ วุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกิริยาลกฺขณา โลกปฺปเวณี. อนาคามิพฺรหฺมานํ อลงฺการาทีสุ อนาคามิภิกฺขูนฺจ จีวราทีสุ นิกนฺติวเสน ราคุปฺปตฺติ โหตีติ อนาคามิมคฺเคน ปฺจกามคุณิกราคสฺเสว ปหานํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปฺจกามคุณิกราคสฺสา’’ติ. รูปาทีสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ วตฺถุกามโกฏฺาเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ราโค ‘‘ปฺจกามคุณิกราโค’’ติ เวทิตพฺโพ. โกฏฺาสวจโน เหตฺถ คุณสทฺโท ‘‘วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔) วิย. ทฺวีสุ อกุสลจิตฺเตสูติ โทมนสฺสสหคเตสุ ทฺวีสุ อกุสลจิตฺเตสุ. โมหสฺส สพฺพากุสลสาธารณตฺตา อาห ‘‘สพฺพากุสลสมฺภวสฺสา’’ติ. อวเสสานนฺติ สกฺกายทิฏฺิอาทีนํ.
๗. ชิคุจฺฉติ มฺเติ ‘‘อหมภิชาโต รูปวา ปฺวา, กถํ นาม อฺเสํ อภิวาทนาทึ กเรยฺย’’นฺติ ชิคุจฺฉติ วิย ชิคุจฺฉตีติ วา สลฺลกฺเขมิ. อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเนาติ อฺาณสมฺภูตฏฺเน. อกุสเล ธมฺเม ชิคุจฺฉมาโน เตสํ สมงฺคีภาวมฺปิ ชิคุจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺตี’’ติ. สมาปตฺตีติ เอตสฺเสว เววจนํ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโวติ. มณฺฑนกชาติโยติ มณฺฑนสภาโว, มณฺฑนสีโลติ อตฺโถ. เชคุจฺฉิตนฺติ ชิคุจฺฉนสีลตํ.
๘. โลกเชฏฺกกมฺมนฺติ ¶ โลเก เชฏฺกานํ กตฺตพฺพกมฺมํ, โลเก วา เสฏฺสมฺมตํ กมฺมํ. ตตฺราติ ยถาวุตฺเตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ. ปทาภิหิโต ¶ อตฺโถ ปทตฺโถ, พฺยฺชนตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. วินยํ วา อรหตีติ เอตฺถ วินยนํ วินโย, นิคฺคณฺหนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. นนุ จ ปมํ วุตฺเตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ สกตฺเถ อรหตฺเถ จ ภทฺธิตปจฺจโย สทฺทลกฺขณโต ทิสฺสติ, น ปน ‘‘วินยาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ อิมสฺมึ อตฺเถ, ตสฺมา กถเมตฺถ ตทฺธิตปจฺจโยติ อาห ‘‘วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตี’’ติ. วิจิตฺรตา เจตฺถ โลกปฺปมาณโต เวทิตพฺพา. ตถา หิ ยสฺมึ ยสฺมึ อตฺเถ ตทฺธิตปฺปโยโค โลกสฺส, ตตฺถ ตตฺถ ตทฺธิตวุตฺติ โลกโต สิทฺธาติ วิจิตฺรา ตทฺธิตวุตฺติ. ตสฺมา ยถา ‘‘มา สทฺทมกาสี’’ติ วทนฺโต ‘‘มาสทฺทิโก’’ติ วุจฺจติ, เอวํ วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโกติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
๙. กปณปุริโสติ คุณวิรหิตตาย ทีนมนุสฺโส. พฺยฺชนานิ อวิจาเรตฺวาติ ติสฺสทตฺตาทิสทฺเทสุ วิย ‘‘อิมสฺมึ อตฺเถ อยํ นาม ปจฺจโย’’ติ เอวํ พฺยฺชนํ วิจารํ อกตฺวา, อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกวเสนาติ วุตฺตํ โหติ.
๑๐. เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยาติ วตฺวา เปตฺวา ภุมฺมเทเว เสเสสุ เทเวสุ คพฺภคฺคหณสฺส อภาวโต ปฏิสนฺธิเยเวตฺถ คพฺภสมฺปตฺตีติ เวทิตพฺพาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวโลกปฏิสนฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตี’’ติ. อสฺสาติ อภิวาทนาทิสามีจิกมฺมสฺส. มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสนฺโตติ มาติโต อปริสุทฺธภาวํ ทสฺเสนฺโต, อกฺโกสิตุกามสฺส ทาสิยา ปุตฺโตติ ทาสิกุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตภาเว โทสํ ทสฺเสตฺวา อกฺโกสนํ วิย ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสตฺวา อกฺโกสนฺโตปิ เอวมาหาติ อธิปฺปาโย. คพฺภโตติ เทวโลกปฏิสนฺธิโต. เตเนวาห ‘‘อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ. หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภติ อิมสฺส วิคฺคหสฺส เอเกน ปริยาเยน อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคีตี’’ติ. อิติ-สทฺทา ¶ เอ เหตุอตฺโถ, ยสฺมา อายติมฺปิ หีนคพฺภปฏิลาภภาคี, ตสฺมา หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภติ อธิปฺปาโย.
ปุน ตสฺเสว วิคฺคหสฺส โกธวเสน…เป… ทสฺเสนฺโตติ เหฏฺา วุตฺตนยสฺส อนุรูปํ กตฺวา อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมึ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย’’ติ. คพฺภ-สทฺโท อตฺถิ มาตุกุจฺฉิปริยาโย ‘‘คพฺเภ วสติ มาณโว’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) วิย ¶ . อตฺถิ มาตุกุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตสตฺตปริยาโย ‘‘อนฺตมโส คพฺภปาตนํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๙) วิย. ตตฺถ มาตุกุจฺฉิปริยายํ คเหตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนาคเต คพฺภเสยฺยา’’ติ. คพฺเภ เสยฺยา คพฺภเสยฺยา. อนุตฺตเรน มคฺเคนาติ อคฺคมคฺเคน. กมฺมกิเลสานํ มคฺเคน วิหตตฺตา อาห ‘‘วิหตการณตฺตา’’ติ. อิตรา ติสฺโสปีติ อณฺฑชสํเสทชโอปปาติกา. เอตฺถ จ ยทิปิ ‘‘อปคพฺโภ’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต คพฺภเสยฺยา เอว วตฺตพฺพา, ปสงฺคโต ปน ลพฺภมานํ สพฺพมฺปิ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติปิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ สตฺตปริยายสฺส คพฺภสทฺทสฺส วเสน วิคฺคหนานตฺตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน วิกปฺเป คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ อุภยมฺปิ คพฺภเสยฺยวเสเนว วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ. นนุ จ ‘‘อายตึ คพฺภเสยฺยา ปหีนา’’ติ (ปารา. ๑๐) วุตฺตตฺตา คพฺภสฺส เสยฺยา เอว ปหีนา, น ปน คพฺโภติ อาปชฺชตีติ อาห ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ. อถ ‘‘อภินิพฺพตฺตี’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ปุนพฺภวคฺคหณํ กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘อภินิพฺพตฺติ จ นามา’’ติอาทิ. อปุนพฺภวภูตาติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติ.
๑๑. ธมฺมธาตุนฺติ เอตฺถ ธมฺเม อนวเสเส ธาเรติ ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโว, สพฺพฺุตฺาณสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ สจฺฉิกตฺวา, ปฏิลภิตฺวาติ อตฺโถ, ปฏิลาภเหตูติ วุตฺตํ โหติ. เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหตีติ รุจิวเสน ปริวตฺเตตฺวา เทเสตุํ สมตฺถตา เทสนาวิลาโส, ตํ ปตฺโต อธิคโตติ อตฺโถ. กรุณาวิปฺผารนฺติ สพฺพสตฺเตสุ มหากรุณาย ผรณํ. ตาทิคุณลกฺขณเมว ปุน อุปมาย วิภาเวตฺวา ¶ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปถวีสมจิตฺตต’’นฺติ. ยถา ปถวี สุจิอสุจินิกฺเขปเฉทนเภทนาทีสุ น วิกมฺปติ, อนุโรธวิโรธํ น ปาปุณาติ, เอวํ อิฏฺานิฏฺเสุ ลาภาลาภาทีสุ อนุโรธวิโรธปฺปหานโต อวิกมฺปิตจิตฺตตาย ปถวีสมจิตฺตตนฺติ อตฺโถ. อกุปฺปธมฺมตนฺติ เอตฺถ ‘‘อกุปฺปธมฺโม นาม ผลสมาปตฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘ปเรสุ ปน อกฺโกสนฺเตสุปิ อตฺตโน ปถวีสมจิตฺตตาลกฺขณํ อกุชฺฌนสภาวตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ อมฺหากํ ขนฺติ. ชราย อนุสฏนฺติ ชราย ปลิเวิตํ. วฏฺฏขาณุภูตนฺติ อเนเกสํ อนยพฺยสนานํ นิปาตลกฺขณตฺถมฺภภูตตาย สํสารขาณุภูตํ. พฺราหฺมณสฺส วุฑฺฒตาย อาสนฺนวุตฺติมรณนฺติ สมฺภาวนวเสน ‘‘อชฺช มริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มหนฺเตน โข ปน อุสฺสาเหนาติ ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ เอวํ สฺชาตมหุสฺสาเหน. อปฺปฏิสมํ ปุเรชาตภาวนฺติ ¶ อนฺสาธารณํ ปุเรชาตภาวํ. นตฺถิ เอตสฺส ปฏิสโมติ อปฺปฏิสโม, ปุเรชาตภาโว.
‘‘อปี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปี’’ติ วทนฺโต ปิ-สทฺโทปิ วิสุํ อตฺถิ นิปาโตติ ทสฺเสติ. สมฺภาวนตฺเถติ ‘‘อปิ นาเมวํ สิยา’’ติ วิกปฺปนตฺโถ สมฺภาวนตฺโถ, ตสฺมึ โชตกตาย ปิสทฺโท วตฺตติ. วจนสิลิฏฺตายาติ วจนสฺส มธุรภาวตฺถํ, มุทุภาวตฺถนฺติ อตฺโถ. เอวฺหิ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหตีติ เอวํ เอกเมว คณนํ อวตฺวา อปราย คณนาย สทฺธึ วจนํ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหติ ยถา ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานี’’ติ. สมฺมา อธิสยิตานีติ ปาทาทีหิ อตฺตนา เนสํ กิฺจิ อุปฆาตํ อกโรนฺติยา พหิวาตาทิปริสฺสยปริหารตฺถํ สมฺมเทว อุปริ สยิตานิ. อุปริอตฺโถ เหตฺถ อธิ-สทฺโท. อุตุํ คณฺหาเปนฺติยาติ เตสํ อลฺลสิเนหปริยาทานตฺถํ อตฺตโน กายุสฺมาวเสน อุตุํ คณฺหาเปนฺติยา. เตนาห ‘‘อุสฺมีกตานี’’ติ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ สมฺมเทว สพฺพโส กุกฺกุฏวาสนาย วาสิตานิ. เตนาห ‘‘กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานี’’ติ.
เอตฺถ จ สมฺมา ปริเสทนํ กุกฺกุฏคนฺธปริภาวนฺจ สมฺมา อธิสยนนิปฺผตฺติยา อานุภาวนิปฺผาทิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมฺมา อธิสยเนเนว หิ อิตรทฺวยํ อิชฺฌติ ¶ . น หิ สมฺมา อธิสยนโต วิสุํ สมฺมา ปริเสทนสฺส สมฺมา ปริภาวนสฺส จ กรณํ อตฺถิ, เตน ปน สทฺธึเยว อิตเรสํ ทฺวินฺนมฺปิ อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘เอวํ ตีหิ ปกาเรหิ ตานิ อณฺฑานิ ปริปาลิยมานานี’’ติ. นขสิขาติ นขคฺคานิ. มุขตุณฺฑกนฺติ มุขคฺคํ. กปาลสฺส ตนุกตฺตาติ เอตฺถ ยถา กปาลสฺส ตนุตา อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานสฺส การณํ, ตถา กปาลสฺส ตนุตาย นขสิขามุขตุณฺฑกานํ ขรตาย จ อลฺลสิเนหปริยาทานํ การณวจนนฺติ ทฏฺพฺพํ. สงฺกุฏิตหตฺถปาทาติ เอตฺถ หตฺถาติ ปกฺขา. น หิ กุกฺกุฏานํ ปกฺขโต อฺโ หตฺโถ นาม อตฺถิ. เอตฺถาติ อาโลกฏฺาเน. ปกฺเข วิธุนนฺตาติ ปกฺเข จาเลนฺตา. นิกฺขมนฺตานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, นิกฺขมนฺเตสูติ อตฺโถ.
โส เชฏฺโ อิติ อสฺส วจนีโยติ โย ปมตรํ อณฺฑโกสโต นิกฺขนฺโต กุกฺกุฏโปตโก, โสเยว เชฏฺโติ วจนีโย อสฺส, ภเวยฺยาติ อตฺโถ. สมฺปฏิปาเทนฺโตติ สํสนฺเทนฺโต. ติภูมกปริยาปนฺนาปิ สตฺตา อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺา ตตฺถ ตตฺถ อปฺปหีนาย อวิชฺชาย เวิตตฺตาติ อาห ‘‘อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺเสุ สตฺเตสู’’ติ. อณฺฑโกสนฺติ พีชกปาลํ. โลกสนฺนิวาเสติ โลโก เอว โลกสนฺนิวาโส. สมฺมาสมฺโพธินฺติ เอตฺถ ¶ สมฺมาติ อวิปรีตตฺโถ, สํ-สทฺโท สามนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ, ตสฺมา สมฺมา อวิปรีเตนากาเรน สยเมว จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌติ ปฏิวิชฺฌตีติ สมฺมาสมฺโพธีติ มคฺโค วุจฺจติ. เตนาห ‘‘สมฺมา สามฺจ โพธิ’’นฺติ, สมฺมา สยเมว จ พุชฺฌนกนฺติ อตฺโถ. สมฺมาติ วา ปสตฺถวจโน, สํ-สทฺโท สุนฺทรวจโนติ อาห ‘‘อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธิ’’นฺติ. โพธิสทฺทสฺส อเนกตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตมตฺถํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตุกาโม อาห ‘‘โพธีติ รุกฺโขปิ มคฺโคปี’’ติอาทิ. ตตฺถ อพุชฺฌิ เอตฺถาติ รุกฺโข โพธิ. สยํ พุชฺฌติ, พุชฺฌนฺติ วา เตน อริยาติ มคฺโค โพธิ. สพฺพธมฺเม สพฺพาการโต พุชฺฌติ ปฏิวิชฺฌตีติ สพฺพฺุตฺาณํ โพธิ. พุชฺฌียติ สจฺฉิกรียตีติ นิพฺพานํ โพธิ. อนฺตรา จ โพธินฺติ ทุติยมุทาหรณํ วินาปิ รุกฺขสทฺเทน โพธิสทฺทสฺส รุกฺเข ปวตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วรภูริเมธโสติ มหาปถวี วิย ปตฺถฏวรปฺโติ อตฺโถ. อสพฺพคุณทายกตฺตาติ สพฺพคุณานํ อทายกตฺตา. สพฺพคุเณ น ททาตีติ หิ ¶ อสพฺพคุณทายโก, อยุตฺตสมาโสยํ คมกตฺตา ยถา ‘‘อสูริยํปสฺสานิ มุขานี’’ติ.
ติสฺโส วิชฺชาติ อุปนิสฺสยวโต สเหว อรหตฺตผเลน ติสฺโส วิชฺชา เทติ. นนุ เจตฺถ ตีสุ วิชฺชาสุ อาสวกฺขยาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนตฺตา กถเมตํ ยุชฺชติ ‘‘มคฺโค ติสฺโส วิชฺชา เทตี’’ติ? นายํ โทโส. สติปิ อาสวกฺขยาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนภาเว อฏฺงฺคิเก มคฺเค สติ มคฺคาเณน สทฺธึ ติสฺโส วิชฺชา ปริปุณฺณา โหนฺตีติ ‘‘มคฺโค ติสฺโส วิชฺชา เทตี’’ติ วุจฺจติ. ฉ อภิฺาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สาวกปารมิาณนฺติ อคฺคสาวเกหิ ปฏิลภิตพฺพํ สพฺพเมว โลกิยโลกุตฺตราณํ. ปจฺเจกโพธิาณนฺติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อพฺภฺาสินฺติ ชานึ. ชานนฺจ น อนุสฺสวาทิวเสนาติ อาห ‘‘ปฏิวิชฺฌิ’’นฺติ, ปจฺจกฺขมกาสินฺติ อตฺโถ. ปฏิเวโธปิ น ทูเร ิตสฺส ลกฺขณปฺปฏิเวโธ วิยาติ อาห ‘‘ปตฺโตมฺหี’’ติ, ปาปุณินฺติ อตฺโถ. ปาปุณนฺจ น สยํ คนฺตฺวาติ อาห ‘‘อธิคโตมฺหี’’ติ, สกสนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน ปฏิลภินฺติ อตฺโถ.
โอปมฺมสมฺปฏิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺเยน สมฺมเทว ปฏิปาทนํ. อตฺเถนาติ อุปเมยฺยตฺเถน. ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺเฑสุ ติวิธกิริยากรณํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนากรณํ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา…เป… ติวิธานุปสฺสนากรณ’’นฺติ. ‘‘สนฺตาเน’’ติ วุตฺตตฺตา อณฺฑสทิสตา สนฺตานสฺส พหิ นิกฺขนฺตกุกฺกุฏจฺฉาปกสทิสตา พุทฺธคุณานํ, พุทฺธคุณาติ จ อตฺถโต พุทฺโธเยว ‘‘ตถาคตสฺส โข ¶ เอตํ, วาเสฏฺ, อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ วจนโต. อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโวติ พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, ปฏิจฺฉาทนสามฺเน จ อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตา. มุทุภูตสฺสปิ ขรภาวาปตฺติ โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ถทฺธขรภาโว’’ติ วุตฺตํ. ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวติ เอตฺถ ปริคฺคยฺหมาเนสุ สงฺขาเรสุ วิปสฺสนาาณสฺส สมาธินฺทฺริยวเสน สุขานุปฺปเวโส ติกฺขตา, อนุปวิสิตฺวาปิ สตินฺทฺริยวเสน อนติกฺกมนโต อกุณฺตา ขรภาโว. ติกฺโขปิ หิ เอกจฺโจ สโร ลกฺขํ ปตฺวา กุณฺโ โหติ, น ตถา อิทํ. สติปิ ขรภาเว สุขุมปฺปวตฺติวเสน ¶ กิเลสสมุทาจารสงฺโขภรหิตตาย สทฺธินฺทฺริยวเสน ปสนฺนภาโว, สติปิ จ ปสนฺนภาเว อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กิเลสปจฺจตฺถิกานํ สุฏฺุ อภิภวนโต วีริยินฺทฺริยวเสน สูรภาโว เวทิตพฺโพ. เอวมิเมหิ ปกาเรหิ สงฺขารุเปกฺขาาณเมว คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโลติ วิปสฺสนาย วุฏฺานคามินิภาวปฺปตฺติ, ตทา จ สา มคฺคาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติ. คพฺภํ คณฺหาเปตฺวาติ สงฺขารุเปกฺขาย อนนฺตรํ สิขาปฺปตฺตอนุโลมวิปสฺสนาวเสน มคฺควิชายนตฺถํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา. อนุปุพฺพาธิคเตนาติ ปมมคฺคปฏิปาฏิยา อธิคเตน. อภิฺาปกฺเขติ โลกิยาภิฺาปกฺเข. โลกุตฺตราภิฺา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิตา. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ฉอภิฺาปกฺเข’’ติ ลิขนฺติ, โส อปาโติ เวทิตพฺโพ. เชฏฺโ เสฏฺโติ วุทฺธตมตฺตา เชฏฺโ, สพฺพคุเณหิ อุตฺตมตฺตา ปสตฺถตโมติ เสฏฺโ.
อิทานิ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณ วีริย’’นฺติอาทิกาย เทสนาย อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุพฺพภาคโต ปภุตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาคิยวีริยารมฺภาทิโต ปฏฺาย. จิตฺตเมวมุปฺปนฺนนฺติ เอวํ อุปริ วกฺขมานปริวิตกฺกวเสน จิตฺตมุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ. ‘‘จิตฺตเมว อุปฺปนฺน’’นฺติปิ ปาโ, ตตฺถ จิตฺตเมว อุปฺปนฺนํ, น ตาว ภควติ ปสาโทติ อตฺโถ. มุฏฺสฺสตินาติ วินฏฺสฺสตินา, สติวิรหิเตนาติ อตฺโถ. สารทฺธกาเยนาติ สทรถกาเยน. โพธิมณฺเฑติ โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน. โพธีติ หิ ปฺา วุจฺจติ, สา เอตฺถ มณฺฑา ปสนฺนา ชาตาติ โส ปเทโส ‘‘โพธิมณฺโฑ’’ติ ปฺาโต. จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ. ตตฺถ ตโจติ เอกํ องฺคํ นฺหารุ เอกํ องฺคํ อฏฺิ เอกํ องฺคํ มํสโลหิตํ เอกํ องฺคนฺติ เวทิตพฺพํ. ตโจ เอกํ องฺคนฺติ จ ตเจ นิรเปกฺขภาโว เอกํ องฺคนฺติ คเหตพฺพํ. ปธานํ อนุยฺุชนฺตสฺส หิ ตเจ ปลุชฺชมาเนปิ ตํนิมิตฺตํ อโวสานาปชฺชนํ ตสฺส วีริยสฺส เอกํ องฺคํ เอกํ การณํ. เอวํ เสเสสุปิ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปคฺคหิตนฺติ อารมฺภํ สิถิลํ ¶ อกตฺวา ทฬฺหปรกฺกมสงฺขาตุสฺสาหนภาเวน คหิตํ. เตนาห ‘‘อสิถิลปฺปวตฺติตนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
อสลฺลีนนฺติ อสงฺกุจิตํ โกสชฺชวเสน สงฺโกจํ อนาปนฺนํ. อุปฏฺิตาติ โอคาหนสงฺขาเตน อปิลาปภาเวน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ิตา. เตนาห ‘‘อารมฺมณาภิมุขีภาเวนา’’ติ. สมฺโมสสฺส วิทฺธํสนวเสน ปวตฺติยา น สมฺมุฏฺาติ อสมฺมุฏฺา. กิฺจาปิ จิตฺตปสฺสทฺธิวเสเนว จิตฺตเมว ปสฺสทฺธํ, กายปสฺสทฺธิวเสเนว จ กาโย ปสฺสทฺโธ โหติ, ตถาปิ ยสฺมา กายปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตปสฺสทฺธิยา สเหว อุปฺปชฺชติ, น วินา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กายจิตฺตปสฺสทฺธิวเสนา’’ติ. กายปสฺสทฺธิยา อุภเยสมฺปิ กายานํ ปสฺสมฺภนาวหตฺตา วุตฺตํ ‘‘รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหตี’’ติ. โส จ โขติ โส จ โข กาโย. วิคตทรโถติ วิคตกิเลสทรโถ. นามกาเย หิ วิคตทรเถ รูปกาโยปิ วูปสนฺตทรถปริฬาโห โหติ. สมฺมา อาหิตนฺติ นานารมฺมเณสุ วิธาวนสงฺขาตํ วิกฺเขปํ วิจฺฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ อวิกฺขิตฺตภาวาปาทเนน สมฺมเทว อาหิตํ ปิตํ. เตนาห ‘‘สุฏฺุ ปิต’’นฺติอาทิ. จิตฺตสฺส อเนกคฺคภาโว วิกฺเขปวเสน จฺจลตา, สา สติ เอกคฺคตาย น โหตีติ อาห ‘‘เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทน’’นฺติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อารทฺธํ โข ปนา’’ติอาทินา วีริยสติปสฺสทฺธิสมาธีนํ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน.
นนุ จ สทฺธาปฺานมฺปิ กิจฺจสิทฺธิ ฌานสฺส ปุพฺพปฏิปทาย อิจฺฉิตพฺพาติ? สจฺจํ อิจฺฉิตพฺพา, สา ปน นานนฺตริกภาเวน อวุตฺตสิทฺธาติ น คหิตา. อสติ หิ สทฺธาย วีริยารมฺภาทีนํ อสมฺภโวเยว, ปฺาปริคฺคเห จ เนสํ อสติ ายารมฺภาทิภาโว น สิยา, ตถา อสลฺลีนาสมฺโมสตาทโย วีริยาทีนนฺติ อสลฺลีนตาทิคฺคหเณเนเวตฺถ ปฺากิจฺจสิทฺธิ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ฌานภาวนายํ วา สมาธิกิจฺจํ อธิกํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ สมาธิปริโยสานาว ฌานสฺส ปุพฺพปฏิปทา กถิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปมชฺฌานกถา
อิทานิ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย ปาฬิยา ฌานวิภงฺเค (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อฏฺกถานเยเนว สํวณฺเณตุกาโม วิภงฺคปาฬิยํ วุตฺตนเยน อวจเน การณํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจาปิ ตตฺถ กตเม กามา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ปตฺถนากาเรน ปวตฺโต ทุพฺพโล โลโภ ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท, ตโต พลวา รฺชนฏฺเน ราโค, ตโตปิ พลวตโร พหลราโค ฉนฺทราโค. นิมิตฺตานุพฺยฺชนานิ สงฺกปฺเปติ เอเตนาติ สงฺกปฺโป, ตถาปวตฺโต โลโภ. ตตฺถ นิมิตฺตสงฺกปฺปนา นาม อวยเว สโมธาเนตฺวา ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา เอกชฺฌํ กตฺวา อุปรูปริ กิเลสุปฺปตฺติยา นิมิตฺตสฺส กปฺปนา. อนุพฺยฺชนสงฺกปฺปนา ปน ‘‘หตฺถา โสภนา, ปาทา โสภนา’’ติ เอวํ อนุพฺยฺชนวเสน วิภชิตฺวา กปฺปนาติ. กิเลสานฺหิ อนุ อนุ พฺยฺชนโต ปริพฺยฺชนโต ปริพฺยตฺติวเสน อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาวโต อนุพฺยฺชนํ หตฺถปาทาทิอวยวา วุจฺจนฺติ. ตโต พลวา รฺชนฏฺเน ราโค, สงฺกปฺปวเสเนว ปวตฺโต ตโตปิ พลวตโร สงฺกปฺปราโค. สฺวายํ ปเภโท เอกสฺเสว โลภสฺส ปวตฺติอาการวเสน อวตฺถาเภทวเสน จ เวทิตพฺโพ ยถา ‘‘วจฺโฉ ทมฺโม พลีพทฺโท’’ติ. กามาติ กิเลสกามา, กาเมนฺตีติ กามา, กาเมนฺติ เอเตหีติ วา.
เสยฺยถิทนฺติ อิมสฺส ตํ กตมํ, ตํ กถนฺติ วา อตฺโถ. วิวิจฺจิตฺวาติ วิสุํ หุตฺวา. เตนาห ‘‘วินา หุตฺวา อปสกฺกิตฺวา’’ติ, ปชหนวเสน อปกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. วิวิจฺเจว กาเมหีติ เอตฺถ วิวิจฺจาติ อิมินา วิเวจนํ ฌานกฺขเณ กามานํ อภาวมตฺตํ วุตฺตํ. วิวิจฺเจวาติ ปน อิมินา เอกํสโต กามานํ วิเวเจตพฺพตาทีปเนน ตปฺปฏิปกฺขตา ฌานสฺส กามวิเวกปฺปหานสฺส จ ฌานาธิคมูปายตา ทสฺสิตา โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมชฺฌาน’’นฺติอาทึ วตฺวา ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อนฺธกาเร สติ ปทีโป วิยาติ เอเตน ยถา ปทีปาภาเวน รตฺติยํ อนฺธการาภิภโว, เอวํ ฌานาภาเวน จิตฺตสนฺตติยํ กามาภิภโวติ ทสฺเสติ.
เอตนฺติ ปุพฺพปเทเยว อวธารณวจนํ, น โข ปน เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘กาเมหิ เอวา’’ติ อวธารณสฺส อกตตฺตา. ตนฺนิสฺสรณโตติ นิสฺสรนฺติ นิคฺคจฺฉนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ นิสฺสรณํ. เก นิคฺคจฺฉนฺติ? กามา. เตสํ กามานํ นิสฺสรณํ ปหานํ ตนฺนิสฺสรณํ, ตโต กามนิสฺสรณโตติ อตฺโถ. กถํ ปน สมาเน วิกฺขมฺภเน กามานเมเวตํ นิสฺสรณํ, น พฺยาปาทาทีนนฺติ โจทนํ ยุตฺติโต อาคมโต จ สาเธตุํ ‘‘กามธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กามธาตุสมติกฺกมนโตติ สกลสฺสปิ กามภวสฺส สมติกฺกมปฏิปทาภาวโต. เตน อิมสฺส ฌานสฺส กามปริฺาภาวมาห ¶ . กามราคปฏิปกฺขโตติ ‘‘ฉนฺโท กาโม’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) วุตฺตวิภาคสฺส กิเลสกามสฺส ปจฺจตฺถิกภาวโต. เตน ยถา เมตฺตา พฺยาปาทสฺส, กรุณา วิหึสาย, เอวมิทํ ฌานํ กามราคสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตนฺติ ทสฺเสติ. วิปาเกน เจตฺถ กามธาตุสมติกฺกโม ¶ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ กามราคปฏิปกฺขตา จ เวทิตพฺพา. เอวมตฺตโน ปวตฺติยา วิปากปฺปวตฺติยา จ กามราคโต กามธาตุโต จ วินิวตฺตสภาวตฺตา อิทํ ฌานํ วิเสสโต กามานเมว นิสฺสรณํ, สฺวายมตฺโถ ปาาคโต เอวาติ อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. เนกฺขมฺมนฺติ ปมชฺฌานํ.
กามฺเจตฺถ ตมตฺถํ ทีเปตุํ ปุริมปเทเยว อวธารณํ คหิตํ, อุตฺตรปเทปิ ปน ตํ คเหตพฺพเมว ตถา อตฺถสมฺภวโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุตฺตรปเทปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิโตติ กามจฺฉนฺทโต. เอส ทฏฺพฺโพติ เอส นิยโม ทฏฺพฺโพ. สาธารณวจเนนาติ สพฺพวิเวกสาธารณวจเนน. ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิเวกา ตทงฺควิเวกาทโย. กายจิตฺตอุปธิวิเวกา กายวิเวกาทโย. ตโย เอว อิธ ทฏฺพฺพาติ ตโย เอว อิธ ฌานกถายํ ทฏฺพฺพา สมุจฺเฉทวิเวกาทีนํ อสมฺภวโต. นิทฺเทเสติ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๑). ตตฺถ หิ ‘‘อุทฺทานโต ทฺเว กามา วตฺถุกามา กิเลสกามา จา’’ติ อุทฺทิสิตฺวา ตตฺถ ‘‘กตเม วตฺถุกามา มนาปิยา รูปา…เป… มนาปิยา โผฏฺพฺพา’’ติอาทินา วตฺถุกามา นิทฺทิฏฺา. เต ปน กามียนฺตีติ กามาติ เวทิตพฺพา. ตตฺเถวาติ นิทฺเทเสเยว. วิภงฺเคติ ฌานวิภงฺเค. เอวฺหิ สตีติ เอวํ อุภเยสมฺปิ กามานํ สงฺคเห สติ. วตฺถุกาเมหิปีติ วตฺถุกาเมหิ วิวิจฺเจวาติปิ อตฺโถ ยุชฺชตีติ เอวํ ยุชฺชมานตฺถนฺตรสมุจฺจยตฺโถ ปิ-สทฺโท, น กิเลสกามสมุจฺจยตฺโถ. กสฺมา? อิมสฺมึ อตฺเถ กิเลสกาเมหิ วิเวกสฺส ทุติยปเทน วุตฺตตฺตา. เตนาติ วตฺถุกามวิเวเกน. กายวิเวโก วุตฺโต โหตีติ ปุตฺตทาราทิปริคฺคหวิเวกทีปนโต กายวิเวโก วุตฺโต โหติ.
ปุริเมนาติ กายวิเวเกน. เอตฺถาติ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอตสฺมึ ปททฺวเย. อิโต วา นิทฺธาริเต วิเวกทฺวเย, อกุสลสทฺเทน ยทิ กิเลสกามา, สพฺพากุสลาปิ วา ¶ คหิตา, สพฺพถา กิเลสกาเมหิ วิเวโก วุตฺโตติ อาห ‘‘ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต’’ติ. ทุติเยนาติ จ จิตฺตวิเวเกนาติ อตฺโถ. เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ทฺวินฺนํ ปทานํ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. ตณฺหาทิสํกิเลสานํ วตฺถุโน ปหานํ สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ. โลลภาโว นาม ตตฺถ ตตฺถ รูปาทีสุ ตณฺหุปฺปาโท, ตสฺส เหตู วตฺถุกามา เอว เวทิตพฺพา. พาลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโคติ สมฺพนฺโธ. พาลภาโว นาม อวิชฺชา, ทุจินฺติตจินฺติตาทิ วา, ตสฺส อโยนิโสมนสิกาโร, สพฺเพปิ วา อกุสลา ธมฺมา เหตู. กามคุณาธิคมเหตุ ปาณาติปาตาทิอสุทฺธปฺปโยโค โหตีติ ตพฺพิเวเกน ปโยคสุทฺธิ วิภาวิตา. ตณฺหาสํกิเลสโสธเนน วิวฏฺฏูปนิสฺสยสํวฑฺฒเนน จ อชฺฌาสยวิโสธนํ อาสยโปสนํ. อาสยโปสนนฺติ จ ฌานภาวนาย ปจฺจยภูตา ปุพฺพโยคาทิวเสน สิทฺธา อชฺฌาสยสมฺปทา ¶ , สา ปน ตณฺหุปตาปวิคเมน โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาสํกิเลสวิโสธเนนา’’ติ. กาเมสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ.
อเนกเภโทติ กามาสวกามราคสํโยชนาทิวเสน รูปตณฺหาทิวเสน จ อเนกปฺปเภโท. กามจฺฉนฺโทเยวาติ กามสภาโวเยว ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท นปิ กุสลจฺฉนฺโทติ อธิปฺปาโย. อกุสลปริยาปนฺโนปีติ ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ เอตฺถ วุตฺตอกุสเลสุ อนฺโตคโธปิ. ฌานปฏิปกฺขโตติ ฌานสฺส ปฏิปกฺขภาวโต ตํเหตุ ตํนิมิตฺตํ วิสุํ วุตฺโต, อกุสลภาวสามฺเน อคฺคเหตฺวา วิสุํ สรูเปน คหิโต. ยทิ กิเลสกาโมว ปุริมปเท วุตฺโต, ตํ กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘อเนกเภทโต’’ติอาทิ. อฺเสมฺปีติ ทิฏฺิมานอหิริกาโนตฺตปฺปาทีนํ ตํสหิตผสฺสาทีนฺจ. อุปริฌานงฺคปจฺจนีกปฏิปกฺขภาวทสฺสนโตติ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา อุปริ วุจฺจมานานิ ฌานงฺคานิ อุปริฌานงฺคานิ, เตสํ อตฺตโน ปจฺจนีกานํ ปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต ตปฺปจฺจนีกนีวรณวจนํ. ‘‘อุปริฌานงฺคานํ ปจฺจนีกปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ ปจฺจนีกปฏิปกฺขภาวทสฺสนโตติ อุปริ วุจฺจมานฌานงฺคานํ อุชุวิปจฺจนีกวเสน ปฏิปกฺขภาวทสฺสนโตติ อตฺถํ วทนฺติ. ฌานงฺคปจฺจนีกานีติ ฌานงฺคานํ ปวตฺตินิวารณโต ฌานงฺคปจฺจนีกานิ. วิทฺธํสกานีติ วิฆาตกานิ. สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ¶ ปฏิปกฺโขติ ราคปณิธิยา อุชุวิปจฺจนีกภาวโต นานารมฺมเณหิ ปโลภิตสฺส ปริพฺภมนฺตสฺส จิตฺตสฺส สมาธานโต กามจฺฉนฺทสฺส สมาธิ ปฏิปกฺโข. ปีติ พฺยาปาทสฺสาติ ปาโมชฺเชน สมานโยคกฺเขมตฺตา พฺยาปาทสฺส ปีติ ปฏิปกฺขา. วิตกฺโก ถินมิทฺธสฺสาติ โยนิโส สงฺกปฺปนวเสน สวิปฺผารปฺปวตฺติโต วิตกฺโก ถินมิทฺธสฺส ปฏิปกฺโข. สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺสาติ สุขํ วูปสนฺตสีตลสภาวตฺตา อวูปสมานุตาปสภาวสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปฏิปกฺขํ. วิจาโร วิจิกิจฺฉายาติ วิจาโร อารมฺมเณ อนุมชฺชนวเสน ปฺาปติรูปสภาวตฺตา วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโข. มหากจฺจานตฺเถเรน เทสิตา ปิฏกานํ สํวณฺณนา เปฏกํ, ตสฺมึ เปฏเก.
ปฺจกามคุณเภทวิสยสฺสาติ รูปาทิปฺจกามคุณวิเสสวิสยสฺส. อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานนฺติ พฺยาปาทวิเวกวจเนน ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทิอาฆาตวตฺถุเภทวิสยสฺส โทสสฺส, โมหาธิเกหิ ถินมิทฺธาทีหิ วิเวกวจเนน ปฏิจฺฉาทนวเสน ทุกฺขาทิปุพฺพนฺตาทิเภทวิสยสฺส โมหสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต. กามราคพฺยาปาทตเทกฏฺถินมิทฺธาทิวิกฺขมฺภกฺเจตํ สพฺพากุสลปฏิปกฺขสภาวตฺตา สพฺพกุสลานํ, เตน สภาเวน สพฺพากุสลปฺปหายกํ ¶ โหนฺตมฺปิ กามราคาทิวิกฺขมฺภนสภาวเมว โหติ ตํสภาวตฺตาติ อวิเสเสตฺวา นีวรณากุสลมูลาทีนํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหตีติ อาห.
ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานานํ สภาวธมฺมานํ นตฺถิ กาจิ วสวตฺติตาติ วสวตฺติภาวนิวารณตฺถํ ‘‘วิตกฺกนํ วิตกฺโก’’ติ วุตฺตํ. วิตกฺกนนฺติ หิ วิตกฺกนกิริยา, สา จ วิตกฺกสฺส อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปวตฺติมตฺตเมวาติ ภาวนิทฺเทโส วสวตฺติภาวนิวารณาย โหติ. ตยิทํ วิตกฺกนํ ‘‘อีทิสมิท’’นฺติ อารมฺมณปริกปฺปนนฺติ อาห ‘‘อูหนนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ยสฺมา จิตฺตํ วิตกฺกพเลน อารมฺมณํ อภินิรุฬฺหํ วิย โหติ, ตสฺมา โส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขโณ วุตฺโต. ยถา หิ โกจิ ราชวลฺลภํ าตึ วา มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ยทิ เอวํ กถํ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหตีติ? วิตกฺกพเลเนว. ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสงฺโก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตกฺเกน วินาปิ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ปริจเยนาติ ¶ จ สนฺตาเน ปวตฺตวิตกฺกภาวนาสงฺขาเตน ปริจเยน. วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิรุหนํ จิรปริจิตํ, เตน ตํ กทาจิ วิตกฺเกน วินาปิ ตตฺถ ปวตฺตเตว. ยถา ตํ าณสหิตํ หุตฺวา สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ าณรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ, ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
อาหนนปริยาหนนรโสติ อาทิโต, อภิมุขํ วา หนนํ อาหนนํ. ปริโต, ปริวตฺติตฺวา วา อาหนนํ ปริยาหนนํ. ‘‘รูปํ รูปํ, ปถวี ปถวี’’ติ อาโกเฏนฺตสฺส วิย ปวตฺติ อาหนนํ ปริยาหนนนฺติ จ เวทิตพฺพํ. ยสฺมิฺหิ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปติ, ตํ ตสฺส คหณโยคฺยํ กโรนฺโต วิตกฺโก อาโกเฏนฺโต วิย โหติ. ยทิ เอวํ นาคเสนตฺเถเรน ‘‘อาโกฏนลกฺขโณ วิตกฺโก. ยถา, มหาราช, เภรี อาโกฏิตา อถ ปจฺฉา อนุรวติ อนุสทฺทายติ, เอวเมว โข, มหาราช, ยถา อาโกฏนา, เอวํ วิตกฺโก ทฏฺพฺโพ. อถ ปจฺฉา อนุรวนา อนุสทฺทนา, เอวํ วิจาโร ทฏฺพฺโพ’’ติ อาโกฏนลกฺขณตา วิตกฺกสฺส กสฺมา วุตฺตา? นายํ วิโรโธ. เถเรน หิ กิจฺจสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ลกฺขณํ วุตฺตํ. ธมฺมานฺหิ สภาววินิมุตฺตา กาจิ กิริยา นาม นตฺถิ ตถา คเหตพฺพากาโร จ. โพธเนยฺยชนานุโรเธน ปน ปรมตฺถโต เอกีภาโวปิ สภาวธมฺโม ปริยายวจเนหิ วิย สมาโรปิตรูเปหิ พหูหิ ปกาเรหิ ¶ ปกาสียติ. เอวฺหิ โส สุฏฺุ ปกาสิโต โหติ. อานยนปจฺจุปฏฺาโนติ เอตฺถ อานยนํ จิตฺเต อารมฺมณสฺส อุปนยนํ, อากฑฺฒนํ วา.
อนุสฺจรณํ อนุปริพฺภมนํ. สฺวายํ วิเสโส สนฺตานมฺหิ ลพฺภมาโน เอว สนฺตาเน ปากโฏ โหตีติ ทฏฺพฺโพ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อนุมชฺชนนฺติ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อนุมสนํ, ปริมชฺชนนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ ‘‘วิจาโร ปริมชฺชนหตฺโถ วิย สฺจรณหตฺโถ วิยา’’ติ จ วุตฺโต. ตตฺถาติ อารมฺมเณ. สหชาตานํ อนุโยชนํ อารมฺมเณ อนุวิจรณสงฺขาตอนุมชฺชนวเสเนว เวทิตพฺพํ. อนุปฺปพนฺธนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อวิจฺฉินฺนสฺส วิย ปวตฺติ. ตถา หิ โส ‘‘อนุปฺปพนฺธนตา’’ติ นิทฺทิฏฺโ. เตเนว จ ‘‘ฆณฺฏานุรโว วิย, ปริพฺภมนํ วิยา’’ติ จ วุตฺโต. กตฺถจีติ ปมชฺฌาเน ¶ ปริตฺตจิตฺตุปฺปาเทสุ จ. โอฬาริกฏฺเนาติ วิจารโต โอฬาริกฏฺเน. ยถา ฆณฺฏาภิฆาตสทฺโท ปมาภินิปาโต โหติ, เอวํ อารมฺมณาภิมุขนิโรปนฏฺเน วิตกฺโก เจตโส ปมาภินิปาโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ฆณฺฏาภิฆาตสทฺโท วิยา’’ติอาทิ. วิปฺผารวาติ เอตฺถ วิปฺผาโร นาม วิตกฺกสฺส ถินมิทฺธปฏิปกฺโข อารมฺมเณ อโนลีนตา อสงฺโกโจ, โส ปน อภินิโรปนภาเวน จลนํ วิย โหตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺสา’’ติ. ปริพฺภมนํ วิยาติ เอตฺถ ปริสฺสยาภาววีมํสนตฺถํ ปริพฺภมนนฺติ เวทิตพฺพํ. ทุกนิปาตฏฺกถายํ ปน –
‘‘อากาเส คจฺฉโต มหาสกุณสฺส อุโภหิ ปกฺเขหิ วาตํ คเหตฺวา ปกฺเข สนฺนิสีทาเปตฺวา คมนํ วิย อารมฺมเณ เจตโส อภินิโรปนภาเวน ปวตฺโต วิตกฺโก, วาตคฺคหณตฺถํ ปกฺเข ผนฺทาปยมานสฺส คมนํ วิย อนุมชฺชนภาเวน ปวตฺโต วิจาโร’’ติ –
วุตฺตํ, ตํ อนุปฺปพนฺธเนน ปวตฺติยํ ยุชฺชติ. ตถา หิ อุปจาเร วา อปฺปนายํ วา สนฺตาเนน ปวตฺติยํ วิตกฺโก นิจฺจโล หุตฺวา อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย ปวตฺตติ, น ปมาภินิปาเต ปากโฏ โหติ. ยถา หิ อปุพฺพารมฺมเณ ปมาภินิปาตภูโต วิตกฺโก วิปฺผารวา โหติ, น ตถา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ นิรนฺตรํ อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติยํ, นาติวิปฺผารวา ปน ตตฺถ โหติ สนฺนิสินฺนภาวโต. ปมทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฏ โหตีติ วิตกฺกสฺส วิเสโส อภินิโรปนากาโร โอฬาริกตฺตา ปมชฺฌาเน ปากโฏ โหติ, ตทภาวโต ปฺจกนเย ทุติยชฺฌาเน วิจารสฺส วิเสโส อนุมชฺชนากาโร ปากโฏ โหติ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ อปโร นโย – มลคฺคหิตํ กํสภาชนํ เอเกน หตฺเถน ทฬฺหํ คเหตฺวา อิตเรน หตฺเถน จุณฺณเตลเอฬกโลมาทิกตจุมฺพฏเกน ปริมชฺชนฺตสฺส ทฬฺหํ คหณหตฺโถ วิย วิตกฺโก, ปริมชฺชนหตฺโถ วิย วิจาโร. ตถา กุมฺภการสฺส ทณฺฑปฺปหาเรน จกฺกํ ภมยิตฺวา ภาชนํ กโรนฺตสฺส ปิณฺฑสฺส อุปฺปีฬนหตฺโถ วิย วิตกฺโก, ตสฺเสว อิโต จิโต จ สฺจรณหตฺโถ วิย วิจาโร. ตถา กํสภาชนาทีสุ กิฺจิ มณฺฑลํ วฏฺฏเลขํ กโรนฺตสฺส มชฺเฌ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ิตกณฺฏโก วิย ¶ อภินิโรปโน วิตกฺโก, พหิ ปริพฺภมนกณฺฏโก วิย อนุมชฺชโน วิจาโรติ เวทิตพฺพํ.
ยถา ปุปฺผผลสาขาทิอวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ รุกฺโข ‘‘สปุปฺโผ สผโล’’ติ โวหรียติ, เอวํ วิตกฺกาทิองฺควินิมุตฺตํ อวิชฺชมานมฺปิ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ โวหรียตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘รุกฺโข วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิภงฺเค ปนาติอาทีสุ ฌานภาวนาย ปุคฺคลวเสน เทเสตพฺพตฺตา ‘‘อิธ ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ฌานานิ อุทฺทิฏฺานีติ. ยทิปิ วิภงฺเค ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา, อตฺโถ ปน ตตฺราปิ วิภงฺเคปิ ยถา อิธ ‘‘อิมินา จ วิตกฺเกนา’’ติอาทินา ธมฺมวเสน วุตฺโต, เอวเมว ทฏฺพฺโพ, ปรมตฺถโต ปุคฺคลสฺเสว อภาวโตติ อธิปฺปาโย. อถ วา ฌานสมงฺคิโน วิตกฺกวิจารสมงฺคิตาทสฺสเนน ฌานสฺเสว สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตาติ อาห ‘‘อตฺโถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ’’ติ.
วิเวกสทฺทสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺมา วิเวกา’’ติ. เหตุอตฺเถ เจตํ นิสฺสกฺกวจนํ, ตสฺมา วิเวกา เหตุภูตาติ อตฺโถ. วิเวกสทฺทสฺส กตฺตุสาธนตํ กมฺมสาธนตํ วา สนฺธายาห ‘‘ตสฺมึ วา วิเวเก’’ติ. ‘‘วิวิตฺโต’’ติ หิ อิมินา นีวรเณหิ วินาภูโต เตหิ วิเวจิโตติ จ สาธนทฺวยมฺปิ สงฺคหิตเมวาติ. ปินยตีติ ตปฺเปติ วฑฺเฒติ วา. สมฺปิยายนลกฺขณาติ ปริตุสฺสนลกฺขณา. ปีนนรสาติ ปริพฺรูหนรสา. ผรณรสาติ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนรสา. อุทคฺคภาโว โอทคฺยํ. สุขยตีติ สุขํ, อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺเม ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อตฺโถ. สฺวายํ กตฺตุนิทฺเทโส ปริยายลทฺโธ ธมฺมโต อฺสฺส กตฺตุนิวตฺตนตฺโถ, นิปฺปริยาเยน ปน ภาวสาธนเมว ลพฺภตีติ ‘‘สุขนํ สุข’’นฺติ วุตฺตํ. สาตลกฺขณนฺติ อิฏฺสภาวตฺตา ตํสมงฺคีปุคฺคลํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม วา อตฺตนิ สาทยตีติ สาตํ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. สาตํ มธุรนฺติ วทนฺติ, สาตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สาตลกฺขณํ. อุปพฺรูหนรสนฺติอาทีสุ อุปพฺรูหนํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํวทฺธนํ, ทุกฺขํ วิย อวิสฺสชฺเชตฺวา อทุกฺขมสุขา วิย อนชฺฌุเปกฺขิตฺวา อนุ อนุ คณฺหนํ อุปการิตา วา อนุคฺคโห. กตฺถจีติ ¶ ปมชฺฌานาทิเก. ปฏิลาภตุฏฺีติ ปฏิลาภวเสน อุปฺปชฺชนกตุฏฺิ. ปฏิลทฺธรสานุภวนนฺติ ¶ ปฏิลทฺธสฺส อารมฺมณรสสฺส อนุภวนํ. เอเตน ปีติสุขานิ สภาวโต วิภชิตฺวา ทสฺสิตานิ. ยตฺถ ปีติ, ตตฺถ สุขนฺติ วิตกฺกสฺส วิย วิจาเรน ปีติยา สุเขน อจฺจนฺตสํโยคมาห. ยตฺถ สุขํ, ตตฺถ น นิยมโต ปีตีติ วิจารสฺส วิย วิตกฺเกน, สุขสฺส ปีติยา อนจฺจนฺตสํโยคํ. เตน อจฺจนฺตานจฺจนฺตสํโยคิตาย ปีติสุขานํ วิเสสํ ทสฺเสติ.
กํ อุทกํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตารํ, นิรุทกมรุฏฺานํ. วนเมว วนนฺตํ. วนจฺฉายปฺปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขนฺติ ยถา หิ ปุริโส มหากนฺตารมคฺคํ ปฏิปนฺโน ฆมฺมปเรโต ตสิโต ปิปาสิโต ปฏิปเถ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘กตฺถ ปานียํ อตฺถี’’ติ ปุจฺเฉยฺย, โส ‘‘อฏวึ อุตฺตริตฺวาว ชาตสฺสรวนสณฺโฑ อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา ลภิสฺสสี’’ติ วเทยฺย, โส ตสฺส กถํ สุตฺวาว หฏฺปหฏฺโ ภเวยฺย, ตโต คจฺฉนฺโต ภูมิยํ ปติตานิ อุปฺปลทลนาฬปตฺตาทีนิ ทิสฺวา สุฏฺุตรํ หฏฺปหฏฺโ หุตฺวา คจฺฉนฺโต อลฺลวตฺเถ อลฺลเกเส ปุริเส ปสฺเสยฺย, วนกุกฺกุฏวนโมราทีนํ สทฺทํ สุเณยฺย, ชาตสฺสรปริยนฺเต ชาตมณิชาลสทิสํ นีลวนสณฺฑํ ปสฺเสยฺย, สเร ชาตานิ อุปฺปลปทุมกุมุทานิ ปสฺเสยฺย, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกมฺปิ ปสฺเสยฺย, โส ภิยฺโย ภิยฺโย หฏฺปหฏฺโ หุตฺวา ชาตสฺสรํ โอตริตฺวา ยถารุจิ นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปสฺสทฺธทรโถ ภิสมุฬาลโปกฺขราทีนิ ขาทิตฺวา นีลุปฺปลาทีนิ ปิฬนฺธิตฺวา มนฺทาลวมูลานิ ขนฺเธ ขิปิตฺวา อุตฺตริตฺวา สาฏกํ นิวาเสตฺวา อุทกสาฏกํ อาตเป กตฺวา สีตจฺฉายาย มนฺทมนฺเท วาเต ปหรนฺเต นิปนฺโนว ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ วเทยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ตสฺส หิ ปุริสสฺส ชาตสฺสรวนสณฺฑสวนโต ปฏฺาย ยาว อุทกทสฺสนา หฏฺปหฏฺกาโล วิย ปุพฺพภาคารมฺมเณ หฏฺปหฏฺาการา ปีติ, นฺหายิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สีตจฺฉายาย มนฺทมนฺเท วาเต ปหรนฺเต ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ วทนฺโต นิปนฺนกาโล วิย พลปฺปตฺตํ อารมฺมณรสานุภวนาการสณฺิตํ สุขํ.
ตสฺมึ ตสฺมึ สมเยติ อิฏฺารมฺมณสฺส ปฏิลาภสมเย ปฏิลทฺธสฺส รสานุภวนสมเย วนจฺฉายาทีนํ สวนทสฺสนสมเย ปริโภคสมเย จ. ปากฏภาวโตติ ยถากฺกมํ ปีติสุขานํ วิภูตภาวโต. วิเวกชํ ¶ ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปุริมสฺมึ อตฺเถ วิเวกชนฺติ ฌานํ วุตฺตํ. ปีติสุขสทฺทโต จ อตฺถิอตฺถวิเสสวโต อสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเนติ เอตฺถ อกาโร ทฏฺพฺโพ ยถา อริสโสติ. ทุติเย ปีติสุขเมว วิเวกชํ, วิเวกชํปีติสุขนฺติ จ อฺปทตฺถสมาโส ¶ ปจฺจตฺตนิทฺเทสสฺส จ อโลโป กโต, โลเป วา สติ ‘‘วิเวกชปีติสุข’’นฺติ ปาโติ อยํ วิเสโส.
คณนานุปุพฺพโต ปมนฺติ อิมินา เทสนากฺกมํ อุลฺลิงฺเคติ. ‘‘คณนานุปุพฺพตา ปม’’นฺติปิ ปาโ, ตตฺถาปิ คณนานุปุพฺพตายาติ อตฺโถ, คณนานุปุพฺพตามตฺตํ วา ปมนฺติ อิทํ วจนนฺติ อตฺโถ. ปมํ สมาปชฺชตีติ ปมนฺติ อิทํ ปน น เอกนฺตลกฺขณํ. จิณฺณวสีภาโว หิ อฏฺสมาปตฺติลาภี อาทิโต ปฏฺาย มตฺถกํ ปาเปนฺโตปิ สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ, มตฺถกโต ปฏฺาย อาทึ ปาเปนฺโตปิ สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ, อนฺตรนฺตรา โอกฺกมนฺโตปิ สกฺโกติ. เอวํ ปุพฺพุปฺปตฺติยฏฺเน ปน ปมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปมํ. เตเนว วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๗๕) ‘‘คณนานุปุพฺพตา ปมํ, ปมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปม’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ปจฺจนีกธมฺเม ฌาเปตีติ นีวรณาทิปจฺจนีกธมฺเม ทหติ, วิกฺขมฺภนวเสน ปชหตีติ อตฺโถ. โคจรนฺติ กสิณาทิอาลมฺพนํ. ตนฺติ ตํ โคจรํ. อุปนิชฺฌายตีติ ปสฺสติ. สห อุปจาเรนาติ สทฺธึ อุปจารชฺฌาเนน. กสิณารมฺมณูปนิชฺฌายนโตติ ปถวีกสิณาทิโน อตฺตโน อารมฺมณสฺส รูปํ วิย จกฺขุนา อุปนิชฺฌายนโต. ลกฺขณูปนิชฺฌายนโตติ ยถาสมฺภวํ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยสฺส นิพฺพานธาตุยา ตถลกฺขณสฺส จ อุปนิชฺฌายนโต. เตเนวาห ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ. นิจฺจาทิวิปลฺลาสปฺปหาเนน มคฺโค อสมฺโมหโต อนิจฺจาทิลกฺขณานิ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาย อุปนิชฺฌายนกิจฺจ’’นฺติอาทิ. ตถลกฺขณนฺติ อวินาสธมฺมสฺส นิพฺพานสฺส อนฺถาภาวโต อวิปรีตสภาโว ตถลกฺขณํ, มคฺคสฺสปิ วา นิพฺพานารมฺมณโต ตถลกฺขณูปนิชฺฌานตา โยเชตพฺพา.
วิสทิโสทาหรณํ ตาว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา สธโน’’ติอาทิ. อฺโ อปเทสารโห โหตีติ ธนโต ปริชนโต จ อฺโ ธนวา ปริชนวา จ ปุริโส สห ธเนน วตฺตติ ปริชเนน จาติ สธโน สปริชโนติ อปเทสํ อรหตีติ อปเทสารโห โหติ ¶ , อปทิสิตพฺโพ โหตีติ วุตฺตํ โหติ. เสนงฺเคสุ เอว เสนาสมฺมุตีติ รถาทิเสนงฺควินิมุตฺตาย เสนาย อภาเวปิ รเถหิ ปตฺตีหิ จ สห วตฺตนโต สรถา สปตฺติ เสนาติ รถาทิเสนงฺเคสุเยว เสนาโวหาโรติ อตฺโถ. กสฺมา ปเนตฺถ ฌานปาเ อคฺคหิตา จิตฺเตกคฺคตา คหิตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘อวุตฺตตฺตา’’ติอาทิ. เอวํ วุตฺตาเยวาติ เอวํ สรูปโต วิภงฺเค วุตฺตาเยว. สจิตฺเตกคฺคตนฺติ อิธ อวุตฺเตปีติ ‘‘สจิตฺเตกคฺคต’’นฺติ เอวํ สรูปโต อิมสฺมึ ฌานปาเ อวุตฺเตปีติ อตฺโถ, สามฺโต ปน ฌานคฺคหเณน คหิตา เอว. เตเนวาห ‘‘เยน หี’’ติอาทิ ¶ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน วิตกฺกาทีหิ สห วตฺตพฺพํ, ตํ ธมฺมํ ทีเปตุํ ตสฺส ปกาสนาธิปฺปาเยน ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา อุทฺเทโส กโต, โส เอว อธิปฺปาโย เตน ภควตา วิภงฺเค (วิภ. ๕๖๙) ‘‘จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ นิทฺทิสนฺเตน ปกาสิโต, ตสฺมา สา ฌานปาเ อคฺคหิตาติ น จินฺเตตพฺพนฺติ.
อุปสมฺปชฺชาติ เอตฺถ อุป-สํสทฺทา ‘‘อุปลพฺภตี’’ติอาทีสุ วิย นิรตฺถกาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติอาทึ วตฺวา ปุน เตสํ สาตฺถกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปสมฺปาทยิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปสมฺปชฺชาติ เอตฺถ ปตฺวา สาเธตฺวาติ วา อตฺโถ. อิริยนฺติ กิริยํ. วุตฺตินฺติอาทีนิ ตสฺเสว เววจนานิ. เอกํ อิริยาปถพาธนํ อิริยาปถนฺตเรหิ รกฺขณํ ปาลนํ. สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณตฺตา อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานเมว วุตฺตํ. ตฺหิ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณนฺติ วทนฺติ.
ปมชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ทุติยชฺฌานกถา
วูปสมาติ วูปสมเหตุ. วูปสโมติ เจตฺถ ปหานํ อธิปฺเปตํ, ตฺจ วิตกฺกวิจารานํ อติกฺกโม อตฺถโต ทุติยชฺฌานกฺขเณ อนุปฺปาโทติ อาห ‘‘สมติกฺกมา’’ติอาทิ. กตเมสํ ปเนตฺถ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม อธิปฺเปโต, กึ ปมชฺฌานิกานํ, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกานนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ ปมชฺฌานิกานํ, นตฺถิ เตสํ วูปสโม. น หิ กทาจิ ปมชฺฌานํ ¶ วิตกฺกวิจารรหิตํ อตฺถิ. อถ ทุติยชฺฌานิกานํ, เอวมฺปิ นตฺเถว วูปสโม สพฺเพน สพฺพํ เตสํ ตตฺถ อภาวโตติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ยสฺมา ทิฏฺาทีนวสฺส ตํตํฌานกฺขเณ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ วูปสมนํ อธิปฺเปตํ, วิตกฺกาทโย เอว จ ฌานงฺคภูตา ตถา กรียนฺติ, น ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย, ตสฺมา วิตกฺกาทีนํเยว วูปสมาธิวจนํ ฌาเน อาคตํ. ยสฺมา ปน วิตกฺกาทีนํ วิย ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ‘‘เอเตน เอตํ โอฬาริก’’นฺติ อาทีนวทสฺสนํ สุตฺเต อาคตํ, ตสฺมา อวิเสเสน วิตกฺกาทีนํ ตํสหคตานฺจ วูปสมาทิเก วตฺตพฺเพ วิตกฺกาทีนํเยว วูปสโม วุจฺจมาโน อธิกวจนํ อฺมตฺถํ โพเธตีติ กตฺวา กฺจิ วิเสสํ ทีเปตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอฬาริกสฺส ปนา’’ติอาทิมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – เยหิ วิตกฺกวิจาเรหิ ปมชฺฌานสฺส โอฬาริกตา, เตสํ สมติกฺกมา ทุติยชฺฌานสฺส สมธิคโม, น สภาวโต อโนฬาริกานํ ผสฺสาทีนํ สมติกฺกมาติ อยมตฺโถ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอเตน ทีปิโต ¶ , ตสฺมา ‘‘กึ ปมชฺฌานิกานํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม อิธาธิปฺเปโต, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกาน’’นฺติ เอทิสี โจทนา อโนกาสาว. ‘‘ปีติยา จ วิราคา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา วิตกฺกวิจารปีติสุขสมติกฺกมวจนานิ โอฬาริโกฬาริกงฺคสมติกฺกมา ทุติยาทิอธิคมทีปกานีติ เตสํ เอกเทสภูตํ วิตกฺกวิจารสมติกฺกมวจนํ อวยเวน สมุทาโยปลกฺขณนเยน ตํ ทีปกํ วุตฺตํ. วิสุํ วิสุํ ิเตปิ หิ วิตกฺกวิจารสมติกฺกมวจนาทิเก ปเหยฺยงฺคนิทฺเทสตาสามฺเน จิตฺเตน สมูหโต คหิเต วิตกฺกวิจารวูปสมวจนสฺส ตเทกเทสตา โหตีติ. อถ วา วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนเนว ตํสมติกฺกมา ทุติยาทิอธิคมทีปเกน ปีติวิราคาทิวจนานํ ปีติอาทิสมติกฺกมา ตติยาทิอธิคมทีปกตา ทีปิตา โหตีติ ตสฺส ตํทีปกตา วุตฺตา. เอวฺหิ อวยเวน สมุทาโยปลกฺขณํ วินา วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนน ปีติวิราคาทิวจนานํ สวิสเย สมานพฺยาปารตา ทสฺสิตา โหติ.
อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตํ, น อชฺฌตฺตชฺฌตฺตาทีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิปฺเปต’’นฺติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘วิภงฺเค ¶ ปนา’’ติอาทิ. ปน-สทฺโทปิ อปิสทฺทตฺโถ, วิภงฺเคปีติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ.
นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิยาติ นีลโยคโต วตฺถํ นีลํ วิยาติ อธิปฺปาโย. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเปติ ‘‘เจโต สมฺปสาทยตี’’ติ เอตสฺมึ ปกฺเข. เจตโสติ จ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. ปุริมสฺมินฺติ ‘‘สมฺปสาทนโยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทน’’นฺติ วุตฺตปกฺเข. เจตโสติ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ‘‘ยาว น ปเร เอกคเต กโรมี’’ติอาทีสุ เสฏฺวจโนปิ เอกสทฺโท โลเก ทิสฺสตีติ อาห ‘‘เสฏฺโปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจตี’’ติ. ‘‘เอกากีหิ ขุทฺทเกหิ ชิต’’นฺติอาทีสุ อสหายตฺโถปิ เอกสทฺโท ทิฏฺโติ อาห ‘‘เอโก อสหาโย หุตฺวา’’ติ. สทฺธาทโยปิ กามํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สาธารณโต จ อสาธารณโต จ ปจฺจยา โหนฺติเยว, สมาธิ ปน ฌานกฺขเณ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อวิกฺเขปลกฺขเณ อินฺทฏฺกรเณน สาติสยํ ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺปยุตฺตธมฺเม…เป… อธิวจน’’นฺติ อาห.
‘‘สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ วิเสสนทฺวยํ ฌานสฺส อติสยวจนิจฺฉาวเสน คหิตํ. สฺวายมติสโย ยถา อิมสฺมึ ฌาเน ลพฺภติ, น ตถา ปมชฺฌาเนติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารมฺมเณ อาหนนปริยาหนนวเสน อนุมชฺชนอนุยุชฺชนวเสน จ ปวตฺตมานา ธมฺมา สติปิ นีวรณปฺปหาเนน กิเลสกาลุสฺสิยาปคเม สมฺปยุตฺตานํ ¶ กิฺจิ โขภํ กโรนฺตา วิย เตหิ จ เต น สนฺนิสินฺนา โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วิตกฺกวิจารกฺโขเภน…เป… น สุปฺปสนฺน’’นฺติ. ตตฺถ ขุทฺทิกา อูมิโย วีจิโย, มหติโย ตรงฺคา. สมาธิปิ น สุฏฺุ ปากโฏติ สติปิ อินฺทฺริยสมตฺเต วีริยสมตาย จ เตเนว โขเตน สมฺปสาทาภาเวน จ พหเล วิย ชเล มจฺโฉ สมาธิปิ น สุฏฺุ ปากโฏ. วิตกฺกวิจารปลิโพธาภาเวนาติ เอตฺถ ยถาวุตฺตโขโภ เอว ปลิโพโธ. เอวํ วุตฺเตนาติ ยสฺสา สทฺธาย วเสน สมฺปสาทนํ, ยสฺสา จ จิตฺเตกคฺคตาย วเสน เอโกทิภาวนฺติ จ ฌานํ วุตฺตํ, ตาสํ เอว ‘‘สทฺทหนา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๗๔) ปวตฺติอาการวิเสสวิภาวนวเสน วุตฺเตน เตน วิภงฺคปาเน. อยํ อตฺถวณฺณนาติ ‘‘สมฺปสาทนโยคโต, สมฺปสาทนโต ¶ วา สมฺปสาทนํ. เอโกทึ ภาเวตีติ เอโกทิภาวนฺติ ฌานํ วุตฺต’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา อยํ อตฺถวณฺณนา. อฺทตฺถุ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ, เอวํ เวทิตพฺพาติ กถํ ปนายํ อตฺถวณฺณนา เตน วิภงฺคปาเน สทฺธึ สํสนฺทติ สเมติ, นนุ ฌานวิภงฺเค ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยา สทฺธา สทฺทหนา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๗๔) สทฺธาเยว วุตฺตา, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ จ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยา จิตฺตสฺส ิติ สณฺิติ อวฏฺิตี’’ติอาทินา สมาธิสฺเสว นิทฺเทโส กโต, อฏฺกถายํ ปน ‘‘สมฺปสาทนํ เอโกทิภาว’’นฺติ ฌานเมว วุตฺตนฺติ อฏฺกถาย วิภงฺคปาเน สทฺธึ วิโรโธ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ วิภงฺเคปิ อิมินาว อธิปฺปาเยน นิทฺเทสสฺส กตตฺตา. ตถา หิ เยน สมฺปสาทเนน โยคา ฌานํ ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ‘‘ยา สทฺธา สทฺทหนา’’ติอาทินา ทสฺสิเต สมฺปสาทนํ ฌานนฺติ สมานาธิกรณนิทฺเทเสเนว ตํโยคา ฌาเน ตํสทฺทปฺปวตฺติ ทสฺสิตา โหติ. ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติ จ ปทํ อุทฺธริตฺวา เอโกทิมฺหิ ทสฺสิเต เอโกทิภาวํ ฌานนฺติ สมานาธิกรณนิทฺเทเสเนว ฌานสฺส เอโกทิวฑฺฒนตา วุตฺตาว โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน พฺยฺชนวิจารํ อกตฺวา ธมฺมมตฺตเมว นิทฺทิฏฺนฺติ อวิโรโธ ยุตฺโต.
ยํ ปน วุตฺตํ ฏีกากาเรหิ อาจริยธมฺมปาลตฺเถราทีหิ ‘‘ยทิ เอโกทีติ สมาธิสฺส คหณํ อธิปฺเปตํ, ตทา ‘เอโกทิภาว’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา สมาธิสฺส นิทฺเทโส น กตฺตพฺโพ สิยา. ตสฺมา เอโกทิภาวสทฺโท เอว สมาธิมฺหิ ปวตฺโต สมฺปสาทนสทฺโท วิย ฌาเน ปวตฺตตีติ ยุตฺต’’นฺติ, ตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. ตสฺมา โส อฏฺกถานิรเปกฺโข วิสุํเยเวโก อตฺถวิกปฺโปติ คเหตพฺพํ. อยฺหิ เนสํ อธิปฺปาโย – วิตกฺกวิจาเรหิ อนชฺฌารุฬฺหตฺตา เอกํ อุเทตีติ เอโกทีติ ตถาวิธสมาธิยุตฺตํ ฌานจิตฺตเมว คเหตฺวา เอโกทิสฺส ภาโว เอโกทิภาโวติ สมาธิสฺส คหณํ สกฺกา วตฺตุนฺติ. โย ปนายํ เตสมภินิเวโส ‘‘เอโกทีติ สมาธิสฺส คหเณ สติ ‘เอโกทิภาว’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา สมาธิสฺส นิทฺเทโส น กตฺตพฺโพ สิยา’’ติ ¶ , โส อเนกนฺติกตฺตา อยุตฺโต. อฺตฺถปิ หิ พฺยฺชนวิจารํ อกตฺวา อตฺถมตฺตสฺเสว พาหุลฺเลน วิภงฺเค นิทฺเทโส ทิสฺสติ.
สนฺตาติ ¶ สมํ นิโรธํ คตา. สมิตาติ ภาวนาย สมํ คมิตา นิโรธิตา. วูปสนฺตาติ ตโต เอว สุฏฺุ อุปสนฺตา. อตฺถงฺคตาติ อตฺถํ วินาสํ คตา. อพฺภตฺถงฺคตาติ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺเฒตฺวา วุตฺตํ. อปฺปิตาติ คมิตา วินาสํ คตา. โสสิตาติ ปวตฺติสงฺขาตสฺส สนฺตานสฺส อภาเวน โสสํ สุกฺขภาวํ คตา. พฺยนฺตีกตาติ วิคตนฺตา กตา.
อยมตฺโถติ ภาวนาย ปหีนตฺตา วิตกฺกวิจารานํ อภาวสงฺขาโต อตฺโถ. โจทเกน วุตฺตมตฺถํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปริหริตุํ ‘‘เอวเมตํ สิทฺโธวายมตฺโถ’’ติ วตฺวา ‘‘น ปเนต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอตํ วจนํ. ตทตฺถทีปกนฺติ ตสฺส วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปกํ. น กิเลสกาลุสฺสิยสฺสาติ อุปจารกฺขเณ วิย นีวรณสงฺขาตสฺส กิเลสสงฺโขภสฺส วูปสมา น สมฺปสาทนนฺติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘ปุริมํ วตฺวาปิ วตฺตพฺพเมวา’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ. ตถา หิ ทุติยชฺฌานาทิอธิคมูปายทีปเกน อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนตาย เจตโส เอโกทิภาวตาย จ เหตุทีปเกน อวิตกฺกอวิจารภาวเหตุทีปเกน จ วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนเนว วิตกฺกวิจาราภาโว ทีปิโตติ, กึ ปุน อวิตกฺกอวิจารวจเนน กเตนาติ? น, อทีปิตตฺตา. น หิ วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนน วิตกฺกวิจารานํ อปฺปวตฺติ วุตฺตา โหติ. วิตกฺกวิจาเรสุ หิ ตณฺหาปฺปหานํ เอเตสํ วูปสมนํ. โอฬาริกงฺคมุเขน หิ ตํตํฌานนิกนฺติยา วิกฺขมฺภนํ วิตกฺกวิจารวูปสมวจนาทีหิ ปกาสิตํ. ยโต วิตกฺกวิจาเรสุ วิรตฺตภาวทีปกํ วิตกฺกวิจารวูปสมวจนํ, เย จ สงฺขาเรสุ ตณฺหาปฺปหานํ กโรนฺติ, เตสุ มคฺเคสุ ปหีนตณฺเหสุ จ ผเลสุ สงฺขารปฺปวตฺติ โหติ, เอวมิธาปิ วิกฺขมฺภิตวิตกฺกวิจารตณฺหสฺส ทุติยชฺฌานสฺส วิตกฺกวิจารสมฺปโยโค ปุริเมน น นิวาริโต สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ อาวชฺชิตุกามตาทิอติกฺกโม จ เตสํ วูปสโมติ ทสฺสนตฺถฺจ ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ วุตฺตํ. ปมชฺฌานํ ทุติยชฺฌานสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘ปมชฺฌานสมาธิโต’’ติ. ปมมฺปีติ ปมชฺฌานมฺปิ.
คณนานุปุพฺพโตติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอตฺถาปิ ‘‘ทุติยํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ทุติย’’นฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. วุตฺตเมวตฺถํ วิภงฺคปาเน สาเธนฺโต อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. ยํ ปน วิภงฺเค (วิภ. ๕๘๐) ‘‘ฌานนฺติ สมฺปสาโท ¶ ปีติ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ¶ สปริกฺขารํ ฌานํ ทสฺเสตุํ ปริยาเยน วุตฺตํ. รถสฺส ปณฺฑุกมฺพลํ วิย หิ สมฺปสาโท ฌานสฺส ปริกฺขาโร, น ฌานงฺคนฺติ อาห ‘‘ปริยาโยเยว เจโส’’ติ. นิปฺปริยายโต ปน อุปนิชฺฌานลกฺขณปฺปตฺตานํ องฺคานํ วเสน ติวงฺคิกเมเวตํ โหตีติ อาห ‘‘สมฺปสาทนํ ปน เปตฺวา’’ติอาทิ.
ทุติยชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ตติยชฺฌานกถา
วิรชฺชนํ วิราโค. ตํ ปน วิรชฺชนํ นิพฺพินฺทนมุเขน หีฬนํ วา ตปฺปฏิพทฺธราคปฺปหานํ วาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺสา ปีติยา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา’’ติ วุตฺตํ. อุภินฺนมนฺตราติ ปีติยา วิราคาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตรา, มชฺเฌติ อตฺโถ. สมฺปิณฺฑนํ สมุจฺจโย. มคฺโคติ อุปาโย. ทุติยชฺฌานสฺส หิ ปฏิลาภํ วินา ตติยชฺฌานสฺส อธิคโม น โหตีติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม ตติยชฺฌานาธิคมสฺส อุปาโย. ตทธิคมายาติ ตติยมคฺคาธิคมาย.
อุปปตฺติโตติ สมวาหิตภาเวน ปติรูปโต ฌานุเปกฺขาปิ สมวาหิตเมว อนฺโตนีตํ กตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมํ ปสฺสตี’’ติ. วิสทายาติ สํกิเลสวิคเมน ปริพฺยตฺตาย. วิปุลายาติ สาติสยํ มหคฺคตภาวปฺปตฺติโต มหติยา. ถามคตายาติ ปีติวิคเมน ถิรภาวปฺปตฺตาย. นนุ เจตฺถ อุเปกฺขาเวทนาว น สมฺภวติ, ตสฺมา กถมยํ ตติยชฺฌานสมงฺคี อุเปกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ วุจฺจตีติ เจ? น เกวลํ เวทนุเปกฺขาว อุเปกฺขาติ วุจฺจติ, อถ โข อฺาปิ อุเปกฺขา วิชฺชนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุเปกฺขา ปน ทสวิธา โหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๓; วิสุทฺธิ. ๑.๘๔) ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (อ. นิ. ๖.๑) เอวมาคตา ขีณาสวสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนาการภูตา อุเปกฺขา ฉฬงฺคุเปกฺขา นาม.
ยา ¶ ปน ‘‘อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘) เอวมาคตา สตฺเตสุ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา นาม.
ยา ¶ ‘‘อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๒, ๑๙๐-๑๙๑) เอวมาคตา สหชาตธมฺมานํ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา นาม.
ยา ปน ‘‘กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) เอวมาคตา อนจฺจารทฺธนาติสิถิลวีริยสงฺขาตา อุเปกฺขา, อยํ วีริยุเปกฺขา นาม.
ยา –
‘‘กติ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, กติ สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? อฏฺ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ.
‘‘กตมา อฏฺ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? ปมชฺฌานปฏิลาภตฺถาย นีวรเณ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, ทุติยชฺฌานปฏิลาภตฺถาย วิตกฺกวิจาเร ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, ตติยชฺฌานปฏิลาภตฺถาย ปีตึ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, จตุตฺถชฺฌานปฏิลาภตฺถาย สุขทุกฺเข ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติปฏิลาภตฺถาย รูปสฺํ ปฏิฆสฺํ นานตฺตสฺํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติปฏิลาภตฺถาย อากาสานฺจายตนสฺํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติปฏิลาภตฺถาย วิฺาณฺจายตนสฺํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติปฏิลาภตฺถาย อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, อิมา อฏฺ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ.
‘‘กตมา ¶ ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? โสตาปตฺติมคฺคปฏิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฏิสนฺธึ คตึ นิพฺพตฺตึ อุปปตฺตึ ชาตึ ชรํ พฺยาธึ มรณํ โสกํ ปริเทวํ อุปายาสํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฏิสนฺธึ ¶ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, สกทาคามิมคฺคปอลาภตฺถาย…เป… สกทาคามิผลสมาปตฺตตฺถาย…เป… อนาคามิมคฺคปฏิลาภตฺถาย…เป… อนาคามิผลสมาปตฺตตฺถาย…เป… อรหตฺตมคฺคปฏิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฏิสนฺธึ คตึ นิพฺพตฺตึ อุปปตฺตึ ชาตึ ชรํ พฺยาธึ มรณํ โสกํ ปริเทวํ อุปายาสํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, อรหตฺตผลสมาปตฺตตฺถาย…เป… สฺุตวิหารสมาปตฺตตฺถาย…เป… อนิมิตฺตวิหารสมอาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฏิสนฺธึ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ, อิมา ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๗) –
เอวมาคตา นีวรณาทิปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นาม.
ตตฺถ นีวรเณ ปฏิสงฺขาติ ปฺจ นีวรณานิ ปหาตพฺพภาเวน ปฏิสงฺขาย, ปริคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. สนฺติฏฺนาติ นีวรณานํ ปหานาภิมุขีภูตตฺตา เตสํ ปหาเนปิ อพฺยาปารภาวูปคมเนน มชฺฌตฺตตาย สนฺติฏฺนา. สงฺขารุเปกฺขาสูติ นีวรณปฺปหาเน พฺยาปารากรเณน นีวรณสงฺขาตานํ สงฺขารานํ อุเปกฺขนาสูติ อตฺโถ. เอส นโย วิตกฺกวิจาราทีสุ อุปฺปาทาทีสุ จ. ตตฺถ อุปฺปาทนฺติ ปุริมกมฺมปจฺจยา ขนฺธานํ อิธ อุปฺปตฺติมาห. ปวตฺตนฺติ ตถาอุปฺปนฺนสฺส ปวตฺตึ. นิมิตฺตนฺติ สพฺพมฺปิ เตภูมกํ สงฺขารคตํ นิมิตฺตภาเวน อุปฏฺานโต. อายูหนนฺติ อายตึ ปฏิสนฺธิเหตุภูตํ กมฺมํ. ปฏิสนฺธินฺติ อายตึ อุปปตฺตึ. คตินฺติ ยาย คติยา สา ปฏิสนฺธิ โหติ. นิพฺพตฺตินฺติ ขนฺธานํ นิพฺพตฺตนํ. อุปปตฺตินฺติ วิปากปฺปวตฺตึ. ชาตินฺติ ชราทีนํ ปจฺจยภูตํ ภวปจฺจยา ชาตึ. ชรามรณาทโย ปากฏา เอว.
เอตฺถ ¶ จ อุปฺปาทาทโย ปฺเจว สงฺขารุเปกฺขาาณสฺส วิสยวเสน วุตฺตา, เสสา เตสํ เววจนวเสน. นิพฺพตฺติ ชาตีติ อิทฺหิ ทฺวยํ อุปฺปาทสฺส เจว ปฏิสนฺธิยา จ เววจนํ. คติ อุปปตฺติ จาติ อิทํ ทฺวยํ ปวตฺตสฺส, ชราทโย นิมิตฺตสฺสาติ เวทิตพฺพํ. นนุ เจตฺถ จตูสุ มคฺควาเรสุ ‘‘อุปฺปาท’’นฺติอาทีนิ ปฺจ มูลปทานิ, ‘‘คตี’’ติอาทีนิ ทส เววจนปทานีติ ปนฺนรส ปทานิ วุตฺตานิ, ฉสุ ปน ผลสมาปตฺติวาเรสุ ปฺจ มูลปทาเนว วุตฺตานิ, ตํ กสฺมาติ เจ? สงฺขารุเปกฺขาย ติกฺขภาเว สติ กิเลสปฺปหานสมตฺถสฺส มคฺคสฺส สพฺภาวโต ตสฺสา ติกฺขภาวทสฺสนตฺถํ เววจนปเทหิ สห ทฬฺหํ กตฺวา มูลปทานิ วุตฺตานิ, ผลสฺส ¶ นิรุสฺสาหภาเวน สนฺตสภาวตฺตา มคฺคายตฺตตฺตา จ มนฺทภูตาปิ สงฺขารุเปกฺขา ผลสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺสนตฺถํ มูลปทาเนว วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ.
ตตฺถ ‘‘โสตาปตฺติมคฺคปฏิลาภตฺถายา’’ติอาทีสุ จตูสุ มคฺควาเรสุ สฺุตานิมิตฺตปฺปณิหิตมคฺคานํ อฺตโร วุตฺโต. ‘‘โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถายา’’ติอาทีสุ จตูสุ ผลวาเรสุ ปน อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติ เวทิตพฺพา. กสฺมา? สฺุตวิหารสมาปตฺตตฺถาย อนิมิตฺตวิหารสมาปตฺตตฺถายาติ อิตราสํ ทฺวินฺนํ ผลสมาปตฺตีนํ วิสุํ วุตฺตตฺตา. อนิจฺจานุปสฺสนาวุฏฺานวเสน หิ อนิมิตฺตมคฺโค, ตเถว ผลสมาปตฺติกาเล อนิมิตฺตผลสมาปตฺติ, ทุกฺขานุปสฺสนาวุฏฺานวเสน อปฺปณิหิตมคฺคผลสมาปตฺติโย, อนตฺตานุปสฺสนาวุฏฺานวสเอน สฺุตมคฺคผลสมาปตฺติโย สุตฺตนฺตนเยน เวทิตพฺพา. เอวฺจ กตฺวา สฺุตาทิวิโมกฺขวเสน มคฺคุปฺปตฺติเหตุภูตา จตสฺโส, ตถา อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติยา จตสฺโส, สฺุตวิหารอนิมิตฺตวิหารวเสน ทฺเวติ ทส สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนาปฺา วุตฺตา, สมถสงฺขารุเปกฺขา ปน อปฺปนาวีถิยา อาสนฺนปุพฺพภาเค พลปฺปตฺตํ ภาวนามยาณํ.
ยา ปน ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๑๕๐) เอวมาคตา อทุกฺขมสุขสฺิตา อุเปกฺขา, อยํ เวทนุเปกฺขา นาม.
ยา ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ, อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตา วิจินเน มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา นาม.
ตตฺถ ¶ ยทตฺถิ ยํ ภูตนฺติ ขนฺธปฺจกํ, ตํ มฺุจิตุกมฺยตาาเณน ปชหติ. อุเปกฺขํ ปฏิลภตีติ ทิฏฺโสวตฺติกตฺตยสฺส สปฺปสฺส ลกฺขณวิจินเน วิย ทิฏฺลกฺขณตฺตยสฺส ขนฺธปฺจกสฺส สงฺขารลกฺขณวิจินเน อุเปกฺขํ ปฏิลภตีติ อตฺโถ.
ยา ปน ฉนฺทาทีสุ เยวาปนเกสุ อาคตา สหชาตานํ สมปฺปวตฺติเหตุภูตา อุเปกฺขา, อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา นาม.
ยา ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๐; ธ. ส. ๑๖๓) เอวมาคตา อคฺคสุเขปิ ตสฺมึ อปกฺขปาตชนนี อุเปกฺขา, อยํ ฌานุเปกฺขา นาม.
ยา ¶ ปน ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕) เอวมาคตา สพฺพปจฺจนีกปริสุทฺธา ปจฺจนีกวูปสมเนปิ อพฺยาปารภูตา อุเปกฺขา, อยํ ปาริสุทฺธุเปกฺขา นาม.
ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา จ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา จ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา จ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ ฌานุเปกฺขา จ ปาริสุทฺธุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติ. เตน เตน อวตฺถาเภเทน ปนสฺสา อยํ เภโท เอกสฺสปิ สโต สตฺตสฺส กุมารยุวเถรเสนาปติราชาทิวเสน เภโท วิย. ตสฺมา ตาสุ ยตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ โพชฺฌงฺคุเปกฺขาทโย. ยตฺถ วา ปน โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขาทโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ยถา เจตาสํ อตฺถโต เอกีภาโว, เอวํ สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขานมฺปิ. ปฺา เอว หิ สา กิจฺจวเสน ทฺวิธา ภินฺนา. ยถา หิ ปุริสสฺส สายํ เคหํ ปวิฏฺํ สปฺปํ อชปททณฺฑํ คเหตฺวา ปริเยสมานสฺส ตํ ถุสโกฏฺเก นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘สปฺโป นุ โข, โน’’ติ อวโลเกนฺตสฺส โสวตฺติกตฺตยํ ทิสฺวา นิพฺเพมติกสฺส ‘‘สปฺโป, น สปฺโป’’ติ วิจินเน มชฺฌตฺตตา โหติ, เอวเมว ยา อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาาเณน ลกฺขณตฺตเย ทิฏฺเ สงฺขารานํ อนิจฺจภาวาทิวิจินเน มชฺฌตฺตตา อุปฺปชฺชติ, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา. ยถา ปน ตสฺส ปุริสสฺส อชปเทน ทณฺเฑน คาฬฺหํ สปฺปํ คเหตฺวา ‘‘กินฺตาหํ อิมํ สปฺปํ อวิเหเนฺโต อตฺตานฺจ อิมินา อฑํสาเปนฺโต มฺุเจยฺย’’นฺติ มฺุจนาการเมว ปริเยสโต คหเณ มชฺฌตฺตตา โหติ, เอวเมว ยา ลกฺขณตฺตยสฺส ทิฏฺตฺตา อาทิตฺเต วิย ตโย ภเว ปสฺสโต สงฺขารคฺคหเณ ¶ มชฺฌตฺตตา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา. อิติ วิปสฺสนุเปกฺขาย สิทฺธาย สงฺขารุเปกฺขาปิ สิทฺธาว โหติ. อิมินา ปเนสา วิจินนคหเณสุ มชฺฌตฺตสงฺขาเตน กิจฺเจน ทฺวิธา ภินฺนา. วีริยุเปกฺขา ปน เวทนุเปกฺขา จ อฺมฺฺจ อวเสสาหิ จ อตฺถโต ภินฺนา เอวาติ.
อิมาสํ ปน ทสนฺนมฺปิ อุเปกฺขานํ ภูมิปุคฺคลาทิวเสน วิภาโค ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวมยํ ทสวิธาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ภูมิปุคฺคลจิตฺตารมฺมณโตติ ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา กามาวจรา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา รูปาวจรา’’ติ เอวมาทินา ภูมิโต. ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา ขีณาสวสฺเสว, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ติณฺณมฺปิ ปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺขาน’’นฺติ เอวมาทินา ปุคฺคลโต. ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา’’ติอาทินา จิตฺตโต. ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา ฉฬารมฺมณา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ธมฺมารมฺมณา’’ติอาทินา อารมฺมณโต. ขนฺธสงฺคหเอกกฺขณกุสลตฺติกสงฺเขปวเสนาติ ‘‘เวทนุเปกฺขา เวทนากฺขนฺเธน สงฺคหิตา, อิตรา นว สงฺขารกฺขนฺเธนา’’ติ ขนฺธสงฺคหวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารโพชฺฌงฺคฌานปาริสุทฺธิตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา ¶ จ อตฺถโต เอกา, ตสฺมา เอกกฺขเณ ตาสุ เอกาย สติ น อิตรา, ตถา สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขาปิ เวทิตพฺพา, เวทนาวีริยุเปกฺขานํ เอกกฺขเณ สิยา อุปฺปตฺตีติ เอวํ เอกกฺขณวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา อพฺยากตา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา กุสลาพฺยากตา, ตถา เสสา, เวทนุเปกฺขา ปน สิยา อกุสลาปีติ เอวํ กุสลตฺติกวเสน. ทสเปตา สงฺเขปโต จตฺตาโรว ธมฺมา วีริยเวทนาตตฺรมชฺฌตฺตตาาณวเสนาติ เอวํ สงฺเขปวเสน.
อิทานิ อิธาธิปฺเปตาย ฌานุเปกฺขาย ลกฺขณาทึ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ลกฺขณาทิโต ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อนาโภครสาติ ปณีตสุเขปิ ตสฺมึ อวนติปฏิปกฺขกิจฺจาติ อตฺโถ. อพฺยาปารปจฺจุปฏฺานาติ สติปิ สุขปารมิปฺปตฺติยํ ตสฺมึ สุเข อพฺยาวฏา หุตฺวา ปจฺจุปติฏฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตตฺถ อพฺยาปารํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อตฺโถ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ โขภํ อุปฺปิลวฺจ อาวหนฺเตหิ วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา อปริพฺยตฺตํ ตตฺถ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย กิจฺจํ, ตทภาวโต อิธ ปริพฺยตฺตนฺติ อาห ‘‘อปริพฺยตฺตกิจฺจโต’’ติ. เตเนวาห ‘‘อปริพฺยตฺตํ หี’’ติอาทิ.
อิทานิ ¶ สโต จ สมฺปชาโนติ เอตฺถ ‘‘วุจฺจตี’’ติ อชฺฌาหริตพฺพํ. สรตีติ อิมินา ‘‘สโต’’ติ ปทสฺส กตฺตุสาธนตมาห. สมฺปชานาตีติ สมฺมเทว ปชานาติ. ปุคฺคเลนาติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน. สรณํ จินฺตนํ อุปฏฺานํ ลกฺขณเมติสฺสาติ สรณลกฺขณา. สมฺมุสฺสนปฏิปกฺโข อสมฺมุสฺสนํ กิจฺจํ เอติสฺสาติ อสมฺมุสฺสนรสา. กิเลเสหิ อารกฺขา หุตฺวา ปจฺจุปติฏฺติ, ตโต วา อารกฺขํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อารกฺขปจฺจุปฏฺานา. อสมฺมุยฺหนํ สมฺมเทว ปชานนํ, สมฺโมหปฏิปกฺโข วา อสมฺโมโห ลกฺขณเมตสฺสาติ อสมฺโมหลกฺขณํ. ตีรณํ กิจฺจสฺส ปารคมนํ. ปวิจโย วีมํสา. กามํ อุปจารชฺฌานาทึ อุปาทาย ปมทุติยชฺฌานานิปิ สุขุมาเนว, อิมํ ปน อุปริมชฺฌานํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริกตฺตา ปน เตสํ ฌานาน’’นฺติ วุตฺตํ, สา จ โอฬาริกตา วิตกฺกาทิถูลงฺคตาย เวทิตพฺพา. เกจิ ‘‘พหุเจตสิกตายา’’ติ จ วทนฺติ. ภูมิยํ วิย ปุริสสฺสาติ ปุริสสฺส ภูมิยํ คติ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. คติ สุขา โหตีติ เตสุ ฌาเนสุ คติ สุขา โหติ. อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชฺกิจฺจนฺติ ‘‘อิทํ นาม ทุกฺกรํ กรียตี’’ติ วตฺตพฺพสฺส อภาวโต วุตฺตํ. โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน ปน สุขุมตฺตาติ อยมตฺโถ กามํ ทุติยชฺฌาเนปิ สมฺภวติ, ตถาปิ เยภุยฺเยน อวิปฺปโยคีภาเวน วตฺตมาเนสุ ปีติสุเขสุ ปีติสงฺขาตสฺส โอฬาริกงฺคสฺส ปหาเนน สุขุมตาย อิธ สาติสโย สติปฺาพฺยาปาโรติ วุตฺตํ ‘‘ปุริสสฺสา’’ติอาทิ. เธนุํ ปิวตีติ เธนุปโค, เธนุยา ขีรํ ปิวนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ปุนเทว ปีตึ อุปคจฺเฉยฺยาติ หานภาคิยํ ฌานํ สิยา ¶ , ทุติยชฺฌานเมว สมฺปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยา’’ติ. อิทฺจ อติมธุรํ สุขนฺติ ตติยชฺฌาเน สุขํ สนฺธายาห, อติมธุรตา จสฺส ปหาโสทคฺยสภาวาย ปีติยา อภาเวเนว เวทิตพฺพา. อิทนฺติ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ ปททฺวยํ.
สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสินฺติ เอตฺถ กถมาโภเคน วินา สุขปฏิสํเวทนาติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสิ’’นฺติ อาหาติ โยเชตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘สุขํ เวทยามี’’ติ เอวมาโภเค อสติปิ นามกาเยน เจตสิกสุขํ, กายิกสุขเหตุรูปสมุฏฺาปเนน ¶ กายิกสุขฺจ ฌานสมงฺคี ปฏิสํเวเทตีติ วุจฺจตีติ. ตสฺสาติ ฌานสมงฺคิโน. ยํ วา ตนฺติ ยํ วา ตํ ยถาวุตฺตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํ. ตํสมุฏฺาเนนาติ ตโต สมุฏฺิเตน อติปณีเตน รูเปน อสฺส ฌานสมงฺคิโน รูปกาโย ยสฺมา ผุโฏ, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโตติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยสฺสาติ รูปกายสฺส. ผุฏตฺตาติ พฺยาปิตตฺตาติ อตฺโถ. ยถา หิ อุทเกน ผุฏฺสรีรสฺส ตาทิเส โผฏฺพฺเพ ผุฏฺเ สุขํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ เอเตหิ ฌานจิตฺตสมุฏฺิเตหิ รูเปหิ ผุฏฺสรีรสฺส. ฌานา วุฏฺิโตปีติ ฌานมฺหา วุฏฺิโตปิ. สุขํ ปฏิสํเวเทยฺยาติ จิตฺตสมุฏฺิตรูเปหิ อวเสสติสมุฏฺิตรูปสงฺฆฏฺฏเนน อุปฺปนฺนกายวิฺาเณน กายิกํ สุขํ ปฏิสํเวเทยฺย. เอตมตฺถนฺติ วุตฺตนเยน เจตสิกกายิกสุขปฏิสํเวทนสงฺขาตํ อตฺถํ.
ยนฺติ เหตุอตฺเถ นิปาโต, ยสฺมาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยํฌานเหตู’’ติ. อาจิกฺขนฺตีติอาทีนิ ปทานิ กิตฺตนตฺถานีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ. กินฺตีติ ปสํสนาการปุจฺฉา. สุขปารมิปฺปตฺเตติ สุขสฺส ปรมํ ปริยนฺตํ ปตฺเต. สุขาภิสงฺเคนาติ สุขสฺมึ อาลเยน. เอทิเสสุ าเนสุ สติคฺคหเณเนว สมฺปชฺมฺปิ คหิตํ โหตีติ อิธ ปาฬิยํ สติยา เอว คหิตตฺตา เอวํ อุปฏฺิตสฺสติตาย สติมา อิจฺเจว วุตฺตํ, สมฺปชาโนติ เหฏฺา วุตฺตตฺตา วา. อสํกิลิฏฺนฺติ กิเลเสหิ อสมฺมิสฺสตฺตา อสํกิลิฏฺํ. ฌานกฺขเณ นิปฺปริยายโต เจตสิกสุขเมว ลพฺภตีติ ‘‘สุขํ นามกาเยน ปฏิสํเวเทตี’’ติ วุตฺตํ. ตติยนฺติ คณนานุปุพฺพโต ตติยนฺติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
ตติยชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
จตุตฺถชฺฌานกถา
‘‘ปุพฺเพวา’’ติ ¶ วุตฺตตฺตา ‘‘กทา ปน เนสํ ปหานํ โหตี’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปตฺวา อาห ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณ’’ติ. เอวํ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ปหานกฺกเมน อวุตฺตานนฺติ เอตฺถ ปหานกฺกโม นาม ปหายกธมฺมานํ อุปฺปตฺติปฏิปาฏิ. เตน ปน วุจฺจมาเน ‘‘ทุกฺขํ โทมนสฺสํ สุขํ โสมนสฺส’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, กสฺมา อิโต อฺถา วจนนฺติ อาห ‘‘อินฺทฺริยวิภงฺเค’’ติอาทิ ¶ . อุทฺเทสกฺกเมนาติ ‘‘สุขินฺทฺริยํ ทุกฺขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ เอวํ ปวตฺตอุทฺเทสกฺกเมน.
อถ กสฺมา ฌาเนสฺเวว นิโรโธ วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปนฺนํ อวิกฺขมฺภิตํ ทุกฺขินฺทฺริยํ. กตฺถ จ อปริเสสํ นิรุชฺฌตีติ นิโรธฏฺานํ นิโรธการณํ ปุจฺฉติ. เตน กตฺถาติ ปุจฺฉาย เอตฺถาติ วิสฺสชฺชเนปิ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ ทฏฺพฺพํ. ฌานานุภาวนิมิตฺตฺหิ อนุปฺปชฺชนฺตํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตีติ วุตฺตํ. อติสยนิโรโธ สุฏฺุ ปหานํ อุชุปฏิปกฺเขน วูปสโม. นิโรโธ ปหานมตฺตํ. นานาวชฺชเนติ เยน อาวชฺชเนน อปฺปนาวีถิ, ตโต ภินฺนาวชฺชเน อเนกาวชฺชเน วา. อปฺปนาวีถิยฺหิ อุปจาโร เอกาวชฺชโน, อิตโร อเนกาวชฺชโน อเนกกฺขตฺตุํ ปวตฺตนโต. วิสมนิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิลมโถ วิสมาสนุปตาโป. ปีติผรเณนาติ ปีติยา ผรณรสตฺตา ปีติสมุฏฺานานํ วา ปณีตรูปานํ กายสฺส พฺยาปนโต วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สพฺโพ กาโย สุโขกฺกนฺโต โหตี’’ติ. ปณีตรูปผุฏฺสรีรสฺส สุโขกฺกนฺตกายตฺตา กุโต ทุกฺขุปฺปตฺติ วิสมาสนุปตาปาทินาติ อาห ‘‘ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา’’ติ. วิตกฺกวิจารปจฺจเยปีติ ปิ-สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, โส ‘‘ปหีนสฺสา’’ติ เอตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺโพ. ปหีนสฺสปิ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺสาติ อิทฺจ ‘‘สิยา อุปฺปตฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอตนฺติ โทมนสฺสินฺทฺริยํ. ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘ตสฺส มยฺหํ อติจิรํ วิตกฺกยโต วิจารยโต กาโยปิ กิลมิ, จิตฺตมฺปิ อูหฺี’’ติ วจนโต กายจิตฺตเขทานํ วิตกฺกวิจารปจฺจยตา เวทิตพฺพา. วิตกฺกวิจารภาเวติ เอตฺถ ‘‘อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตีติ ตตฺถ ทุติยชฺฌานูปจาเร อสฺส ปหีนสฺสปิ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส อุปฺปตฺติ ภเวยฺย.
เอตฺถ จ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตีติ วทนฺเตน ฌานลาภีนมฺปิ โทมนสฺสุปฺปตฺติ อตฺถีติ ทสฺสิตํ โหติ, เตน จ อนีวรณสภาโว โลโภ วิย โทโสปิ อตฺถีติ ¶ ทีเปติ. น หิ โทเสน วินา โทมนสฺสํ ปวตฺตติ, น เจตฺถ ปฏฺานปาฬิยา วิโรโธ จินฺเตตพฺโพ. ยสฺมา ตตฺถ ปริหีนชฺฌานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานํ โทมนสฺสํ ทสฺสิตํ, อปริหีนชฺฌานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมานสฺส โทมนสฺสสฺส อสมฺภวโต ฌานลาภีนํ สพฺพโส โทมนสฺสํ นุปฺปชฺชตีติ จ น สกฺกา ¶ วตฺตุํ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน อปิ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา, น เหว โข โส ปริหีนชฺฌาโน อโหสี’’ติ, ตํ อยุตฺตํ อนีวรณสภาวสฺส โทมนสฺสสฺส อภาวโต. ยทิ สิยา, รูปารูปาวจรสตฺตานมฺปิ อุปฺปชฺเชยฺย, น จ อุปฺปชฺชติ. ตถา หิ อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณนฺติอาทีสุ พฺยาปาทกุกฺกุจฺจนีวรณานิ อนุทฺธฏานิ, น เจตฺถ อนีวรณตาปริยาโย กามจฺฉนฺทาทีนมฺปิ อนีวรณานํเยว นีวรณสทิสตาย นีวรณปริยายสฺส วุตฺตตฺตา. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อฏฺสมาปตฺติลาภิโน อปิ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ, ตมฺปิ อการณํ อุปฺปชฺชมาเนน จ โทมนสฺเสน ฌานโต ปริหายนโต. ลหุเกน ปน ปจฺจเยน ปริหีนํ ตาทิสา นํ อปฺปกสิเรเนว ปฏิปากติกํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตี’’ติ อิทํ ปน ปริกปฺปนวจนํ อุปจารกฺขเณ โทมนสฺสสฺส อปฺปหีนภาวทสฺสนตฺถํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น ตฺเวว อนฺโตอปฺปนาย’’นฺติ. ยทิ ปน ตทา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺเชยฺย, ปมชฺฌานมฺปิสฺส ปริหีนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ปหีนมฺปิ โสมนสฺสินฺทฺริยํ ปีติ วิย น ทูเรติ กตฺวา ‘‘อาสนฺนตฺตา’’ติ วุตฺตํ. นานาวชฺชนูปจาเร ปหีนมฺปิ ปหานงฺคํ ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺเชยฺย วาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตายา’’ติอาทิมาห. ตาทิสาย อาเสวนาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา ยถา มคฺควีถิโต ปุพฺเพ ทฺเว ตโย ชวนวารา สทิสานุปสฺสนาว ปวตฺตนฺติ, เอวมิธาปิ อปฺปนาวารโต ปุพฺเพ ทฺเว ตโย ชวนวารา อุเปกฺขาสหคตาว ปวตฺตนฺตีติ วทนฺติ.
สมาหรีติ สมาเนสิ, สงฺคเหตฺวา อภาสีติ อตฺโถ. สุขุมาติ สุขทุกฺขานิ วิย อโนฬาริกตฺตา อวิภูตตาย สุขุมา, ตโต เอว อนุมินิตพฺพสภาวตฺตา ทุพฺพิฺเยฺยา. ทุฏฺสฺสาติ ทุฏฺปโยคสฺส, ทุทฺทมสฺสาติ อตฺโถ. สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุนฺติ อฺาโปหนนเยน สกฺกา คาหยิตุนฺติ อธิปฺปาโย. อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยาติ อิทเมว จตุตฺถํ ฌานํ ทฏฺพฺพํ. ปจฺจยทสฺสนตฺถนฺติ อธิคมสฺส อุปายภูตปจฺจยทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘ทุกฺขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยา’’ติ. ทุกฺขปฺปหานาทโยติ จ โสปจารา ปมชฺฌานาทโยเวตฺถ อธิปฺเปตา. ปหีนาติ วุตฺตาติ ‘‘ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๒๑) วุตฺตตฺตา. เอตาติ สุขาทโย เวทนา. สุขํ ¶ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโยติ วสนคนฺธาเลปนปุปฺผาภรณสมาเลปนาทินิพฺพตฺตํ กายิกสุขํ ¶ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย. ‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข เวทนาย, ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) วจนโต อาห ‘‘โสมนสฺสํ ราคสฺส ปจฺจโย’’ติ. ‘‘ทุกฺขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ปฏิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ วจนโต วุตฺตํ ‘‘โทมนสฺสํ โทสสฺส ปจฺจโย’’ติ. สุขาทิฆาเตนาติ สุขาทีนํ ปหาเนน.
อทุกฺขมสุขนฺติ เอตฺถ น ทุกฺขนฺติ อทุกฺขํ, ทุกฺขวิทูรํ. ยสฺมา ตตฺถ ทุกฺขํ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขาภาเวนา’’ติ. อสุขนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอเตนาติ ทุกฺขสุขปฏิกฺเขปวจเนน. ปฏิปกฺขภูตนฺติ อิทํ อิธ ตติยเวทนาย ทุกฺขาทีนํ สมติกฺกมวเสน ปตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ, น กุสลากุสลานํ วิย อุชุวิปจฺจนีกตาย. อิฏฺานิฏฺวิปรีตานุภวนลกฺขณาติ อิฏฺานิฏฺวิปรีตสฺส มชฺฌตฺตารมฺมณสฺส, อิฏฺานิฏฺวิปรีตํ วา มชฺฌตฺตากาเรน อนุภวนลกฺขณา. ตโต เอว มชฺฌตฺตรสา. อวิภูตปจฺจุปฏฺานาติ สุขทุกฺขานิ วิย น วิภูตาการา ปิฏฺิปาสาเณ มิคคตมคฺโค วิย เตหิ อนุมาตพฺพาวิภูตากาโรปฏฺานา. สุขนิโรโธ นาม อิธ จตุตฺถชฺฌานูปจาโร, โส ปทฏฺานํ เอติสฺสาติ สุขนิโรธปทฏฺานา. อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปเนตํ สมาสปทนฺติ อาห ‘‘อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ. สพฺพปจฺจนีกธมฺมปริสุทฺธาย ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฏาย ปาริสุทฺธุเปกฺขาย วตฺตมานาย จตุตฺถชฺฌาเน สติ สมฺปหํสนปฺา วิย สุปริสุทฺธา สุวิสทา จ โหตีติ อาห ‘‘สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา น อฺเนา’’ติ. ยทิ ตตฺรมชฺฌตฺตตา อิธ ‘‘อุเปกฺขา’’ติ อธิปฺเปตา, กถํ สติเยว ปาริสุทฺธาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ. สติสีเสนาติ สตึ อุตฺตมงฺคํ กตฺวา, ปธานํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
เอวมปิ กสฺมา อิเธว สติ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เหฏฺา ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชมานายปิ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย ปจฺจนีกาภิภวนโต สหายปจฺจยเวกลฺลโต จ อปาริสุทฺธิ, ตถา ตํสมฺปยุตฺตานํ ตทภาวโต อิธ ปาริสุทฺธีติ อิมมตฺถํ อุปมาวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สูริยปฺปภาภิภวาติ สูริยปฺปภาย อภิภุยฺยมานตฺตา. อติกฺขตาย จนฺทเลขา ¶ วิย รตฺติปิ โสมฺมสภาวา สภาคาย รตฺติยเมว จ จนฺทเลขา สมุชฺชลตีติ สา ตสฺสา สงฺคยฺหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา สภาคาย รตฺติยา’’ติ อาห. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
จตุตฺถชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถา
๑๒. รูปวิราคภาวนาวเสน ¶ ปวตฺตํ จตุพฺพิธมฺปิ อรูปชฺฌานํ จตุตฺถชฺฌานสงฺคหเมวาติ อาห ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ. ยุตฺตํ ตาว จิตฺเตกคฺคตา ภโวกฺกมนตฺถตา วิย วิปสฺสนาปาทกตาปิ จตุนฺนํ ฌานานํ สาธารณาติ เตสํ วเสน ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ วจนํ, อภิฺาปาทกตา ปน นิโรธปาทกตา จ จตุตฺถสฺเสว ฌานสฺส อาเวณิกา, สา กถํ จตุนฺนํ ฌานานํ สาธารณา วุตฺตาติ? ปรมฺปราธิฏฺานภาวโต. ปทฏฺานปทฏฺานมฺปิ หิ ปทฏฺานนฺตฺเวว วุจฺจติ, การณการณมฺปิ การณนฺติ ยถา ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา ปโยชนนิทฺเทเส อฏฺสมาปตฺติคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. จิตฺเตกคฺคตตฺถานีติ อิตฺตสมาธตฺถานิ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถานีติ อตฺโถ. จิตฺเตกคฺคตาสีเสน หิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร วุตฺโต, สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน เจตํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ. ภโวกฺกมนตฺถานีติ ภเวสุ นิพฺพตฺติอตฺถานิ. สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนโต อาห ‘‘สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา’’ติ. กสฺมา ปน สตฺตาหเมว นิโรธํ สมาปชฺชนฺตีติ? ตถากาลปริจฺเฉทกรณโต, ตฺจ เยภุยฺเยน อาหารูปชีวีนํ สตฺตานํ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตสฺส เอกทิวสํ ภุตฺตาหารสฺส สตฺตาหเมว ยาปนโต.
กา (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๗-๘๖๘) ปนายํ นิโรธสมาปตฺติ นาม, เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺติ, กตฺถ สมาปชฺชนฺติ, กสฺมา สมาปชฺชนฺติ, กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหตีติ? วุจฺจเต – ตตฺถ กา ปนายํ นิโรธสมาปตฺติ นามาติ ยา อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อปฺปวตฺติ. เก ตํ สมาปชฺชนฺติ ¶ , เก น สมาปชฺชนฺตีติ สพฺเพปิ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิโน สุกฺขวิปสฺสกา จ อนาคามิอรหนฺโต น สมาปชฺชนฺติ, อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปน อนาคามิโน ขีณาสวา จ สมาปชฺชนฺติ. กตฺถ สมาปชฺชนฺตีติ ปฺจโวการภเว. กสฺมา? อนุปุพฺพสมาปตฺติสพฺภาวโต. จตุโวการภเว ปน ปมชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติเยว นตฺถิ, ตสฺมา น สกฺกา ตตฺถ สมาปชฺชิตุํ. กสฺมา สมาปชฺชนฺตีติ สงฺขารานํ ปวตฺติเภเท อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘ทิฏฺธมฺเม อจิตฺตกา หุตฺวา นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ. กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหตีติ สมถวิปสฺสนาวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ นิโรธยโต เอวมสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ. โย หิ สมถวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ. โยปิ วิปสฺสนาวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส ผลสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ. โย ปน อุภยวเสเนว อุสฺสกฺกิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ นิโรเธติ, โส ตํ สมาปชฺชตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป.
อยํ ¶ ปน วิตฺถาโร – อิธ ภิกฺขุ นิโรธํ สมาปชฺชิตุกาโม ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสติ. วิปสฺสนา จ ปเนสา ติวิธา สงฺขารปริคฺคณฺหนกวิปสฺสนา ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนาติ. ตตฺถ สงฺขารปริคฺคณฺหนกวิปสฺสนา มนฺทา วา ติกฺขา วา มคฺคสฺส ปทฏฺานํ โหติเยว. ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา ติกฺขาว วฏฺฏติ มคฺคภาวนาสทิสา. นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนา ปน นาติมนฺทนาติติกฺขา วฏฺฏติ, ตสฺมา เอส นาติมนฺทาย นาติติกฺขาย วิปสฺสนาย เต สงฺขาเร วิปสฺสติ. ตโต ทุติยชฺฌานํ…เป… ตโต วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสติ. อถ อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรติ นานาพทฺธอวิโกปนํ สงฺฆปติมานนํ สตฺถุปกฺโกสนํ อทฺธานปริจฺเฉทนฺติ.
ตตฺถ นานาพทฺธอวิโกปนนฺติ ยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกาพทฺธํ น โหติ, นานาพทฺธํ หุตฺวา ิตํ ปตฺตจีวรํ วา มฺจปีํ วา นิวาสเคหํ วา อฺํ วา ปน ยํ กิฺจิ ปริกฺขารชาตํ, ตํ ยถา น วิกุปฺปติ, อคฺคิอุทกวาตโจรอุนฺทูราทีนํ วเสน น วินสฺสติ, เอวํ อธิฏฺาตพฺพํ. ตตฺริทํ อธิฏฺานวิธานํ ¶ ‘‘อิทฺจิทฺจ อิมสฺมึ สตฺตาหพฺภนฺตเร มา อคฺคินา ฌายตุ, มา อุทเกน วุยฺหตุ, มา วาเตน วิทฺธํสตุ, มา โจเรหิ หรียตุ, มา อุนฺทูราทีหิ ขชฺชตู’’ติ. เอวํ อธิฏฺิเต ตํ สตฺตาหํ ตสฺส น โกจิ ปริสฺสโย โหติ, อนธิฏฺหโต ปน อคฺคิอาทีหิ นสฺสติ, อิทํ นานาพทฺธอวิโกปนํ นาม. ยํ ปน เอกาพทฺธํ โหติ นิวาสนปารุปนํ วา นิสินฺนาสนํ วา, ตตฺถ วิสุํ อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ, สมาปตฺติเยว นํ รกฺขติ.
สงฺฆปติมานนนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปติมานนํ อุทิกฺขนํ, ยาว โส ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, ตาว สงฺฆกมฺมสฺส อกรณนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปติมานนํ เอตสฺส น ปุพฺพกิจฺจํ, ปติมานนาวชฺชนํ ปน ปุพฺพกิจฺจํ. ตสฺมา เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ ‘‘สเจ มยิ สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน สงฺโฆ อปโลกนกมฺมาทีสุ กิฺจิเทว กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, ยาว มํ โกจิ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ. เอวํ กตฺวา สมาปนฺโน หิ ตสฺมึ สมเย วุฏฺหติเยว. โย ปน เอวํ น กโรติ, สงฺโฆ เจ สนฺนิปติตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘อสุโก ภิกฺขุ กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิโรธํ สมาปนฺโน’’ติ วุตฺเต กฺจิ ภิกฺขุํ เปเสติ ‘‘ตํ ปกฺโกสาหี’’ติ, อถสฺส เตน ภิกฺขุนา สวนูปจาเร ตฺวา ‘‘สงฺโฆ ตํ อาวุโส ปติมาเนตี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว วุฏฺานํ โหติ. เอวํ ครุกา หิ สงฺฆสฺส อาณา นาม, ตสฺมา ตํ อาวชฺชิตฺวา ยถา ปมเมว วุฏฺาติ, เอวํ สมาปชฺชิตพฺพํ.
สตฺถุปกฺโกสนนฺติ ¶ อิธาปิ สตฺถุปกฺโกสนาวชฺชนเมว อิมสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ตสฺมา ตมฺปิ เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อทฺธานปริจฺเฉโทติ ชีวิตทฺธานสฺส ปริจฺเฉโท. อิมินา ภิกฺขุนา อทฺธานปริจฺเฉเทสุ กุสเลน ภวิตพฺพํ, ‘‘อตฺตโน อายุสงฺขารา สตฺตาหํ ปวตฺติสฺสนฺติ น ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํ. สเจ หิ สตฺตาหพฺภนฺตเร นิรุชฺฌนเก อายุสงฺขาเร อนาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชติ, ตสฺส นิโรธสมาปตฺติ มรณํ ปฏิพาหิตุํ น สกฺโกติ, อนฺโตนิโรเธ มรณสฺส นตฺถิตาย อนฺตราว สมาปตฺติโต วุฏฺาติ, ตสฺมา เอตํ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํ. อวเสสฺหิ อนาวชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏติ, อิทํ ปน อาวชฺชิตพฺพเมวาติ วุตฺตํ. โส เอวํ อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชติ, อเถกํ วา ทฺเว วา จิตฺตวาเร อติกฺกมิตฺวา อจิตฺตโก โหติ, นิโรธํ ผุสติ ¶ . กสฺมา ปนสฺส ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติ? นิโรธสฺส ปโยคตฺตา. อิทฺหิ อิมสฺส ภิกฺขุโน ทฺเว สมถวิปสฺสนาธมฺเม ยุคนทฺเธ กตฺวา อฏฺสมาปตฺติอาโรหนํ อนุปุพฺพนิโรธสฺส ปโยโค, น เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยาติ นิโรธสฺส ปโยคตฺตา ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติ.
ยสฺมา โพธิสตฺเตน โพธิมณฺฑุปสงฺกมนโต ปุพฺเพปิ จริมภเว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺติตปุพฺพํ, ตทา ปน ตํ นิพฺพตฺติตมตฺตเมว อโหสิ, น วิปสฺสนาทิปาทกํ. ตสฺมา ‘‘โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติต’’นฺติ ตโต วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. วิปสฺสนาปาทกนฺติ วิปสฺสนารมฺเภ วิปสฺสนาย ปาทกํ. อภิฺาปาทกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. พุทฺธานฺหิ ปมารมฺเภ เอว ปาทกชฺฌาเนน ปโยชนํ อโหสิ, น ตโต ปรํ อุปริมคฺคาธิคมผลสมาปตฺติอภิฺาวฬฺชนาทิอตฺถํ. อภิสมฺโพธิสมธิคมโต ปฏฺาย หิ สพฺพํ าณสมาธิกิจฺจํ อากงฺขามตฺตปฏิพทฺธเมวาติ. สพฺพกิจฺจสาธกนฺติ อนุปุพฺพวิหาราทิสพฺพกิจฺจสาธกํ. สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เอตฺถ วิปสฺสนาภิฺาปาทกตฺตา เอว จตุตฺถสฺส ฌานสฺส ภควโต สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกตา เวทิตพฺพา. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ ตํปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ อภิสมฺโพธิ, ตทธิคมสมกาลเมว จ ภควโต สพฺเพ พุทฺธคุณา หตฺถคตา อเหสุํ, จตุตฺถชฺฌานสนฺนิสฺสโย จ มคฺคาธิคโมติ.
‘‘จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิ’’นฺติ วตฺวา ‘‘โส’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘โส อห’’นฺติ. เอวํ สมาหิเตติ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท เหฏฺา ฌานตฺตยาธิคมปฏิปาฏิสิทฺธสฺส จตุตฺถชฺฌานสมาธานสฺส ¶ นิทสฺสนตฺโถติ อาห ‘‘เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมต’’นฺติ. จตุตฺถชฺฌานสฺส ตสฺส จ อธิคมมคฺคสฺส นิทสฺสนํ, เยน สมาธานานุกฺกเมน จตุตฺถชฺฌานสมาธิ ลทฺโธ, ตทุภยนิทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิมินา…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ. ตตฺถ อิมินา กเมนาติ อิมินา ปมชฺฌานาธิคมาทินา กเมน. ยทิปิ ‘‘เอว’’นฺติ อิทํ อาคมนสมาธินา สทฺธึ จตุตฺถชฺฌานสมาธานํ ทีเปติ, สติปาริสุทฺธิสมาธิ เอว ปน อิทฺธิยา อธิฏฺานภาวโต ปธานนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต’’ติ. สพฺพปจฺจนีกธมฺมุปกฺกิเลสปริสุทฺธาย ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฏาย ปาริสุทฺธุเปกฺขาย วตฺตมานาย ¶ จตุตฺถชฺฌานํ ตํสมฺปยุตฺตา จ ธมฺมา สุปริสุทฺธา สุวิสทา จ โหนฺติ, สติสีเสน ปน ตตฺถ เทสนา กตาติ อาห ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ’’ติ, อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิสมฺภเวนาติ อตฺโถ. ปริสุทฺธิยา เอว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิยาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตนาติ สุขโสมนสฺสานํ ทุกฺขโทมนสฺสานฺจ ยถากฺกมํ ราคโทสปจฺจยานํ วิกฺขมฺภเนน. ‘‘สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส, ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โทมนสฺสํ โทสสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยถา ราคาทโย เจตโส มลาสุจิภาเวน ‘‘องฺคณานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อุปคนฺตฺวา กิเลสนฏฺเน อุปกฺกิเลสาติ อาห ‘‘อนงฺคณตฺตา เอว จ วิคตุปกฺกิเลเส’’ติ. เตนาห ‘‘องฺคเณน หิ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสตี’’ติ, วิพาธียติ อุปตาปียตีติ อตฺโถ. สุภาวิตตฺตาติ ปคุณภาวาปาทเนน สุฏฺุ ภาวิตตฺตา. เตนาห ‘‘วสีภาวปฺปตฺเต’’ติ, อาวชฺชนาทินา ปฺจธา จุทฺทสวิเธน วา ปริทมเนน วสํ วตฺติตุํ อุปคเตติ อตฺโถ. วเส วตฺตมานฺหิ จิตฺตํ มุทูติ วุจฺจตีติ วเส วตฺตมานํ จิตฺตํ ปคุณภาวาปตฺติยา สุปริมทฺทิตํ วิย จมฺมํ สุปริกมฺมกตา วิย จ ลาขา มุทูติ วุจฺจติ. กมฺมกฺขเมติ วิกุพฺพนาทิอิทฺธิกมฺมกฺขเม. ตทุภยนฺติ มุทุตากมฺมนิยทฺวยํ.
นาหนฺติอาทีสุ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑) น-กาโร ปฏิเสธตฺโถ. อหนฺติ สตฺถา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติ. อฺนฺติ อิทานิ วุจฺจมานจิตฺตโต อฺํ. เอกธมฺมมฺปีติ เอกมฺปิ สภาวธมฺมํ. น สมนุปสฺสามีติ สมฺพนฺโธ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโตปิ อฺํ เอกธมฺมมฺปิ น สมนุปสฺสามิ, ยํ วสีภาวาปาทเนน ภาวิตํ ตถา ปุนปฺปุนํ กรเณน พหุลีกตํ เอวํ สวิเสสมุทุภาวปฺปตฺติยา มุทุ ¶ กมฺมกฺขมตาย กมฺมนิยฺจ โหติ ยถา อิทํ จิตฺตนฺติ. อิทํ จิตฺตนฺติ จ อตฺตโน เตสฺจ ปจฺจกฺขตาย เอวมาห.
ยถา ยถาวุตฺตา ปริสุทฺธตาทโย น วิคจฺฉนฺติ, เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ ตตฺถ อวฏฺิตํ อิธ ‘‘ิตํ อาเนฺชปฺปตฺต’’นฺติ จ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ¶ ิตตฺตา ิเต, ิตตฺตาเยว อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ. ยถา มุทุกมฺมฺตา วสีภาวปฺปตฺติยา ลกฺขียติ, เอวํ วสีภาวปฺปตฺติปิ มุทุกมฺมฺตาหิ ลกฺขียตีติ ‘‘มุทุกมฺมฺภาเวน วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต’’ติ วุตฺตํ. ยถา หิ การเณน ผลํ นิทฺธารียติ, เอวํ ผเลนปิ การณํ นิทฺธารียตีติ นิจฺจลภาเวน อวฏฺานํ อาเนฺชปฺปตฺติยา จ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน ปฏิปกฺเขหิ อกมฺมนิยตาย จ สมฺภวตํ สทฺธาทิพลานํ อานุภาเวน โหตีติ อาห ‘‘สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ.
อิทานิ สงฺเขปโต วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘สทฺธาปริคฺคหิตํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาปริคฺคหิตนฺติ เอวํ สุภาวิตํ วสีภาวปฺปตฺตํ จิตฺตํ เอกํเสน อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺตาย สทฺธาย ปริคฺคหิตํ ยถาวุตฺตสทฺธาพเลน อุปตฺถมฺภิตํ. อสฺสทฺธิเยนาติ ตปฺปฏิปกฺเขน อสฺสทฺธิเยน เหตุนา. น อิฺชตีติ น จลติ น กมฺปติ, อฺทตฺถุ อุปริวิเสสาวหภาเวเนว ติฏฺติ. วีริยปริคฺคหิตนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – วีริยปริคฺคหิตนฺติ วสีภาวาปาทนปริทมนสาธเนน วีริเยน อุปตฺถมฺภิตํ. สติปริคฺคหิตนฺติ ยถาวุตฺเต ภาวนาพหุลีกาเร อสมฺโมสาทิกาย กุสลานฺจ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมานาย สติยา อุปตฺถมฺภิตํ. สมาธิปริคฺคหิตนฺติ ตตฺเถว อวิกฺเขปสาธเนน สมาธาเนน อุปตฺถมฺภิตํ. ปฺาปริคฺคหิตนฺติ ตสฺสา เอว ภาวนาย อุปการานุปการธมฺมานํ ปชานนลกฺขณาย ปฺาย อุปตฺถมฺภิตํ. โอภาสคตนฺติ าโณภาสสหคตํ. โอภาสภูเตน หิ ยถาวุตฺตสมาธานสํวทฺธิเตน าเณน สํกิเลสปกฺขํ ยาถาวโต ปสฺสนฺโต ตโต อุตฺราสนฺโต โอตฺตปฺปนฺโต ตํ อภิภวติ, น เตน อภิภุยฺยติ. เตนาห ‘‘กิเลสนฺธกาเรน น อิฺชตี’’ติ. เอเตน าณปริคฺคหิตํ หิโรตฺตปฺปพลํ ทสฺเสติ. อฏฺงฺคสมนฺนาคตนฺติ จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิตตา ปริสุทฺธตา ปริโยทาตตา อนงฺคณตา วิคตุปกฺกิเลสตา มุทุภาโว กมฺมนิยตา อาเนฺชปฺปตฺติยา ิตตาติ อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ. อถ วา สมาหิตสฺส จิตฺตสฺส อิมานิ องฺคานีติ ‘‘สมาหิเต’’ติ อิมํ องฺคภาเวน อคฺคเหตฺวา ิติอาเนฺชปฺปตฺติโย วิสุํ คเหตฺวา ยถาวุตฺเตหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตนฺติ ¶ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อภินีหารกฺขมนฺติ อิทฺธิวิธาทิอตฺถํ ¶ อภินีหารกฺขมํ ตทภิมุขกรณโยคฺคํ. เตนาห ‘‘อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยายา’’ติ.
กามํ นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา เอว ปมชฺฌานสมธิคโม, วิตกฺกาทิวูปสมา เอว จ ทุติยชฺฌานาทิสมธิคโม, ตถาปิ น ตถา เต เตหิ ทูรีภูตา, อเปตา วา ยถา จตุตฺถชฺฌานโต, ตสฺมา เจตโส มลีนภาวสงฺโขภอุปฺปิลาภาวกเรหิ นีวรณาทีหิ สุฏฺุ วิมุตฺติยา ตสฺส ปริสุทฺธิปริโยทาตตา จ วุตฺตาติ อาห ‘‘นีวรณ…เป… ปริโยทาเต’’ติ. ฌานปฏิลาภปจฺจนีกานนฺติ เอตฺถ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยาน’’นฺติ ปาํ คเหตฺวา ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจนีกาน’’นฺติ อยํ ปาโ ปฏิกฺขิตฺโต. วุตฺตฺหิ เตน –
‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยานนฺติ ฌานปฏิลาภเหตุกานํ ฌานปฏิลาภํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกานํ. ปาปกานนฺติ ลามกานํ. อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ‘อโห วต มเมว สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติอาทินยปฺปวตฺตานํ มานมายาสาเยฺยาทีนํ. อภิชฺฌาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทนปิ เตสํเยว สงฺคโห. อภิชฺฌา เจตฺถ ปมชฺฌาเนน อวิกฺขมฺภเนยฺยา มานาทโย จ ตเทกฏฺา ทฏฺพฺพา ฌานปฏิลาภปจฺจยานนฺติ อนุวตฺตมานตฺตา. วิกฺขมฺภเนยฺยา ปน นีวรณคฺคหเณน คหิตา. กถํ ปน ปมชฺฌาเนน อวิกฺขมฺภเนยฺยา อิธ วิคจฺฉนฺตีติ? ‘สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺพากุสลานํ ปฏิปกฺขา’ติ สลฺเลขปฏิปตฺติวเสน เอวํ วุตฺตํ ฌานสฺส อปรามฏฺภาวทสฺสนโต. เย ปเนตฺถ ‘อิจฺฉาวจรานํ อภิชฺฌาทีน’นฺติ อิเมหิ ปเทหิ โกปอปฺปจฺจยกามราคพฺยาปาทาทโย คหิตาติ อธิปฺปาเยน ‘ฌานปฏิลาภปจฺจยาน’นฺติ ปาํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘ฌานปฏิลาภปจฺจนีกาน’นฺติ ปาโติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ตถา ปาสฺเสว อภาวโต, ฌานปฏิลาภปจฺจนีกา จ นีวรณา เจว ตเทกฏฺา จ, เตสํ ¶ ทูรีภาวํ วตฺวา ปุน เตสํเยว อภาววิคมโจทนาย อยุชฺชมานตฺตา. นนุ จ อนงฺคณสุตฺตวตฺถสุตฺเตสุ อยมตฺโถ ลพฺภติ โอฬาริกานํเยว ปาปธมฺมานํ ตตฺถ อธิปฺเปตตฺตาติ. สจฺจเมตํ, อิธ ปน อธิคตจตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน วุตฺตตฺตา สุขุมาเยว เต คหิตา, องฺคณุปกฺกิเลสตาสามฺเน ปเนตฺถ สุตฺตานํ อปทิสนํ. ตถา หิ ‘สุตฺตานุสาเรนา’ติ วุตฺตํ, น ปน สุตฺตวเสนา’’ติ.
อวสฺสฺเจตเมวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ อธิคตชฺฌานานมฺปิ เกสฺจิ อิจฺฉาวจรานํ ปวตฺติสพฺภาวโตติ ¶ . เตเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยาน’’นฺติ ปาํ คเหตฺวา ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจนีกาน’’นฺติ อยํ ปาโ ปฏิกฺขิตฺโต. มหาคณฺิปเท วิสุทฺธิมคฺคสฺส สีหฬคณฺิปเทปิ จ ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยาน’’นฺติ อิมสฺเสว ปาสฺส อตฺโถ วุตฺโต, ตสฺมา อยเมว ปาโ คเหตพฺโพ, อตฺโถปิ เจตฺถ ยถาวุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เตน ‘‘อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ปวตฺตานํ นานปฺปการานํ โกปอปฺปจฺจยานนฺติ อตฺโถ’’ติ อยมฺปิ ปาโ อยุตฺโตเยวาติ คเหตพฺพํ, ตโตเยว จ วิสุทฺธิมคฺเค อยํ ปาโ สพฺเพน สพฺพํ น ทสฺสิโตติ.
อิทฺธิปาทกภาวูปคมเนนาติ อิทฺธิยา ปาทกภาวสฺส ปทฏฺานภาวสฺส อุปคมเนน. ภาวนาปาริปูริยาติ อิโต ปรํ กตฺตพฺพสฺส อภาววเสน อภินีหารกฺขมภาวนาย ปริปุณฺณตฺตา. ปณีตภาวูปคมเนนาติ ตโต เอว ปธานภาวํ นีตตาย อุตฺตมฏฺเน อติตฺติกรฏฺเน จ ปณีตภาวสฺส อุปคมเนน. อุภยฺเจตํ ภาวนาย ิติยา การณวจนํ, ปริปุณฺณาย ภาวนาย ปณีตภาวปฺปตฺติยา ิเตติ. อาเนฺชปฺปตฺเตติ อิทํ ิติยา วิเสสนํ. เตนาห ‘‘ยถา อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ, เอวํ ิเต’’ติ. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ อุภยเมกํ องฺคํ, ‘‘สมาหิเต’’ติ ปน อิทมฺปิ เอกมงฺคํ. เตเนวสฺส ปมวิกปฺปโต วิเสสํ สนฺธายาห ‘‘เอวมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ.
ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตสฺส วา อนุสฺสรณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ ตํนิสฺสยาทิปจฺจยภูตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนโต. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ าณํ ¶ ตทตฺถายาติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ปุพฺเพนิวาสํ ตาว ทสฺเสตฺวา ตตฺถ สติาณานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพนิวาโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปุพฺเพ’’ติ อิทํ ปทํ ‘‘เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทิวจนโต อตีตภววิสยํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อตีตชาตีสู’’ติ. นิวาสสทฺโท กมฺมสาธโน, ขนฺธวินิมุตฺโต จ นิวสิตธมฺโม นตฺถีติ อาห ‘‘นิวุตฺถกฺขนฺธา’’ติ. นิวุตฺถตา เจตฺถ สนฺตาเน ปวตฺตตา, ตถาภูตา จ เต อนุ อนุ ภูตา ชาตา ปวตฺตา, ตตฺถ อุปฺปชฺชิตฺวา วิคตา จ โหนฺตีติ อาห ‘‘นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา’’ติ. เอวํ สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมวเสน นิวาสสทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ อวิเสเสน วตฺตุํ ‘‘นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ ‘‘โคจรนิวาเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โคจรภูตาปิ หิ โคจราเสวนาย อาเสวิตา อารมฺมณกรณวเสน อนุภูตา นิวุตฺถา นาม โหนฺติ. เต ปน ทุวิธา สปรวิฺาณโคจรตายาติ อุภเยปิ เต ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปริจฺฉินฺนา’’ติ วจนํ เย เต โคจรนิวาเสน ¶ นิวุตฺถธมฺมา, น เต เกวลํ วิฺาเณน วิฺาตมตฺตา, อถ โข ยถา ปุพฺเพ นามโคตฺตวณฺณลิงฺคาหาราทีหิ วิเสเสหิ ปริจฺเฉทการิกาย ปฺาย ปริจฺฉิชฺช คหิตา, ตเถเวตํ าณํ ปริจฺฉิชฺช คณฺหาตีติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ วุตฺตํ. ปรวิฺาณวิฺาตาปิ วา นิวุตฺถาติ สมฺพนฺโธ. น เกวลํ อตฺตโนว วิฺาเณน, อถ โข ปเรสํ วิฺาเณน วิฺาตาปีติ อตฺโถ. อิธาปิ ‘‘ปริจฺฉินฺนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, ปเรสมฺปิ วา วิฺาเณน วิฺาตา ปริจฺฉินฺนาติ. ตสฺส จ คหเณ ปโยชนํ วุตฺตนเยเนว วตฺตพฺพํ.
เต จ โข ยสฺมา อตีตาสุ เอว ชาตีสุ อฺเหิ วิฺาตา ปริจฺฉินฺนา, เต จ ปรินิพฺพุตาปิ โหนฺติ, เยหิ เต วิฺาตา, เตสํ ตทา วตฺตมานสนฺตานานุสาเรน เตสมฺปิ อตีเต ปวตฺติ วิฺายตีติ สิขาปฺปตฺตํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วิสยภูตํ ปุพฺเพนิวาสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ วุตฺตํ. ฉินฺนวฏุมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ อนุสฺสรณํ ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณํ. ‘‘อาทิสทฺเทน ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานุสฺสรณานิ คยฺหนฺตี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ฉินฺนวฏุมกา ปน สพฺเพว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตา ฉินฺนสํสารมคฺคตฺตา, เตสํ อนุสฺสรณํ นาม เตสํ ปฏิปตฺติยา อนุสฺสรณํ. สา ปน ปฏิปตฺติ สงฺเขปโต ¶ ฉฬารมฺมณคฺคหณลกฺขณาติ ตานิ อิธ ปรวิฺาณวิฺาตคฺคหเณน คหิตานิ. ตสฺมา ปุริมาสุ ชาตีสุ อตฺตโน วิฺาเณน อวิฺาตานํ ปรินิพฺพุตานํ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ อนุสฺสรณํ ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณนฺติ เวทิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ปเนตฺถ ปุริมาสุ ชาตีสุ อตฺตโน วิฺาเณน อวิฺาตานํ อปรินิพฺพุตานมฺปิ วตฺตมานกฺขนฺธปฏิปาฏิยา อคนฺตฺวา สีโหกฺกนฺติกวเสน อนุสฺสรณํ คหิตํ, อิเม ปน ยถาวุตฺตฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทโย พุทฺธานํเยว ลพฺภนฺติ. น หิ อตีเต พุทฺธา ภควนฺโต เอวํ วิปสฺสึสุ, เอวํ มคฺคํ ภาเวสุํ, ผลนิพฺพานานิ สจฺฉากํสุ, เอวํ เวเนยฺเย วิเนสุนฺติ เอตฺถ สพฺพถา อฺเสํ าณสฺส คติ อตฺถีติ. เย ปน ปุริมาสุ ชาตีสุ อตฺตโนว วิฺาเณน วิฺาตา, เต ปรินิพฺพุเตปิ ขนฺธปฏิพทฺธตฺตา สาวกา อนุสฺสรนฺติเยว. ยาย สติยา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อภินีหรินฺติ จิตฺตํ ฌานารมฺมณโต อปเนตฺวา ปุพฺเพนิวาสาภิมุขํ เปเสสึ, ปุพฺเพนิวาสนินฺนํ ปุพฺเพนิวาสโปณํ ปุพฺเพนิวาสปพฺภารํ อกาสินฺติ อตฺโถ.
ปาฬิยํ ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ อุตฺตมปุริสปฺปโยคตฺตา ‘‘โส’’ติ เอตฺถ อหํสทฺโท อาเนตฺวา วุจฺจมาโน ตทตฺโถ ปากโฏ โหตีติ ‘‘โส อห’’นฺติ วุตฺตํ. อเนกวิธนฺติ นานาภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสาทิวเสน พหุวิธํ. ปกาเรหีติ นามโคตฺตาทิอากาเรหิ สทฺธึ. สหโยเค ¶ เจตํ กรณวจนํ. ปวตฺติตนฺติ เทสนาวเสน ปวตฺติตํ. เตนาห ‘‘สํวณฺณิต’’นฺติ, วิตฺถาริตนฺติ อตฺโถ. นิวาสนฺติ อนฺโตคธเภทสามฺวจนเมตนฺติ เต เภเท พฺยาปนิจฺฉาวเสน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตาน’’นฺติ อาห. อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวาติ าณคติยา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา. อนุเทวาติ อนุ เอว, ท-กาโร ปทสนฺธิวเสน อาคโต. ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ วตฺวา ‘‘อนุสฺสรามี’’ติ วุตฺตตฺตา จิตฺตสฺส อภินีหารสมนนฺตรภาวสรณํ อนุสทฺโท ทีเปตีติ อาห ‘‘จิตฺเต อภินินฺนามิตมตฺเต เอว สรามีติ ทสฺเสตี’’ติ. ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยาติ ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน ภิกฺขุนา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ปฏิปาฏิยา จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา อภิฺาปาทกจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา อาวชฺชิตพฺพา’’ติ เอวมาทินา ปุพฺเพนิวาสาณสฺส ปริกมฺมภูตํ ปุพฺพกรณํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย.
อารทฺธปฺปการทสฺสนตฺเถติ ¶ อนุสฺสริตุํ อารทฺธสฺส ปุพฺเพนิวาสสฺส ปเภททสฺสนตฺเถ. เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ภวํ. โส หิ เอกกมฺมนิพฺพตฺโต อาทานนิกฺเขปปริจฺฉินฺโน อนฺโตคธธมฺมปฺปเภโท ขนฺธปฺปพนฺโธ อิธ ‘‘ชาตี’’ติ อธิปฺเปโต ชายตีติ ชาตีติ กตฺวา. เตนาห ‘‘เอกมฺปิ…เป… ขนฺธสนฺตาน’’นฺติ. ปริหายมาโนติ ขียมาโน วินสฺสมาโน. กปฺโปติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺโป. โส ปน อตฺถโต กาโล, ตทา ปวตฺตมานสงฺขารวเสนสฺส ปริหานิ เวทิตพฺพา. วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโปติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โย ปน ‘‘กาลํ เขเปติ, กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) อาทีสุ กาลสฺสปิ ขโย วุจฺจติ, โส อิธ นาธิปฺเปโต อนิฏฺปฺปสงฺคโต. สํวฏฺฏนํ วินสฺสนํ สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏโต อุทฺธํ ตถาายี สํวฏฺฏฏฺายี. ตมฺมูลกตฺตาติ ตํปุพฺพกตฺตา. วิวฏฺฏนํ นิพฺพตฺตนํ, วฑฺฒนํ วา วิวฏฺโฏ.
เตเชน สํวฏฺโฏ เตโชสํวฏฺโฏ. สํวฏฺฏสีมาติ สํวฏฺฏนมริยาทา. สํวฏฺฏตีติ วินสฺสติ. สทาติ สพฺพกาลํ, ตีสุปิ สํวฏฺฏกาเลสูติ อตฺโถ. เอกํ พุทฺธกฺเขตฺตนฺติ อิธ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธกฺเขตฺตํ นาม ติวิธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยตฺตเก าเน ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิาณาทิาณานุภาโว ปฺุผลสมุตฺเตชิโต สรเสเนว ปริชมฺภติ, ตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธงฺกุรสฺส นิพฺพตฺตนกฺเขตฺตํ นามาติ อาห ‘‘ชาติกฺเขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺต’’นฺติ. อานุภาโว ปวตฺตตีติ อิธ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อาณากฺเขตฺตปริยาปนฺเน ยตฺถ กตฺถจิ จกฺกวาเฬ ตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปริตฺตํ กตฺวา ตตฺเถว อฺํ จกฺกวาฬํ คโตปิ กตปริตฺโต เอว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อถ วา ตตฺถ เอกสฺมึ จกฺกวาเฬ ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อตฺถาย ปริตฺเต กเต อาณากฺเขตฺเต สพฺพสตฺตานํ อภิสมฺภุณาตฺเวว ปริตฺตานุภาโว ตตฺถ เทวตาหิ ปริตฺตานํ ¶ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพโตติ วุตฺตํ ‘‘อานุภาโว ปวตฺตตี’’ติ. ยํ ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยาติ วุตฺตนฺติ ยํ วิสยกฺเขตฺตํ สนฺธาย เอกสฺมึเยว ขเณ สเรน อภิวิฺาปนํ อตฺตโน รูปทสฺสนฺจ ปฏิชานนฺเตน ภควตา ‘‘ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปเทเส อนนฺตาปริมาเณ วิสยกฺเขตฺเต. ยํ ยํ อากงฺขติ, ตํ ตํ อนุสฺสรตีติ อากงฺขมตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตาย พุทฺธาณสฺส ยํ ยํ อนุสฺสริตุํ ¶ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อนุสฺสรติ. เอกํ อาณากฺเขตฺตํ วินสฺสตีติ อิมินา ติริยโต สํวฏฺฏมานปริจฺเฉโท วุตฺโต. สณฺหนฺตนฺติ วิวฏฺฏมานํ ชายมานํ. ตสฺส วินาโส จ สณฺหนฺจ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนฺติ อมฺเหหิปิ เหฏฺา ‘‘โลกวิทู’’ติ อิมสฺส อตฺถสํวณฺณนาธิกาเร ปสงฺคโต วุตฺตตฺตา อิธ น วุจฺจติ.
เอวํ ปสงฺเคน สํวฏฺฏาทิเก ปกาเสตฺวา อิทานิ ยถาธิคตํ เตสํ อนุสฺสรณาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย ปเนเต สํวฏฺฏวิวฏฺฏา วุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอเตสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปสมุทายโต อเนเกสํ สํวฏฺฏกปฺปาทีนํ นิทฺธาริยมานตฺตา. อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเปติ เอตฺถ วา-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ ทฏฺพฺโพ. เตน จ อนิยมตฺเถน อิตราสํ อสงฺขฺเยยฺยานมฺปิ สงฺคโห สิทฺโธติ. อถ วา อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเปติ อิทํ สํวฏฺฏกปฺปสฺส อาทิโต ปาฬิยํ คหิตตฺตา วุตฺตํ. ตตฺถาปิ หิ อิมสฺส กติปยกาลํ ภวาทีสุ สํสรณํ อุปลพฺภตีติ. สํวฏฺฏกปฺเป วา วตฺตมาเน เยสุ ภวาทีสุ อิมสฺส อุปปตฺติ อโหสิ, ตํทสฺสนเมตํ ทฏฺพฺพํ. ภเว วาติอาทีสุ กามาทิภเว วา อณฺฑชาทิโยนิยา วา เทวาทิคติยา วา นานตฺตกายนานตฺตสฺีอาทิวิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา ขตฺติยาทิสตฺตนิกาเย วา. ยสฺมา อิทํ ภควโต วเสน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ อาคตํ, ตสฺมา ตสฺเสว นามาทิวเสน อตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวํนาโมติ เวสฺสนฺตโร วา โชติปาโล วา’’ติอาทิ. สาลิมํโสทนาหาโร วาติ คิหิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปวตฺตผลโภชโน วาติ ตาปสาทิกาลํ สนฺธาย. ปวตฺตผลโภชโนติ สยมฺปติตผลาหาโร. สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานนฺติ เอตฺถ สามิสา เคหสฺสิตโสมนสฺสาทโย, นิรามิสา เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสาทโย. อาทิ-สทฺเทน วิเวกชสมาธิชสุขาทีนํ สงฺคโห.
เหฏฺา สามฺโต วุตฺตเมวตฺถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ สามฺนิทฺเทโสยํ, พฺยาปนิจฺฉาโลโป วา, อมุตฺร อมุตฺร อาสินฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณนฺติ เอตฺถ อาโรหนฺตสฺสาติ ปฏิโลมโต าเณน ปุพฺเพนิวาสํ อาโรหนฺตสฺส. ปฏินิวตฺตนฺตสฺสาติ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรณวเสน ¶ ยาวทิจฺฉกํ คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺส. ปจฺจเวกฺขณนฺติ อนุสฺสริตานุสฺสริตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ. ตสฺมาติ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส การณภาเวน ปจฺจามสนํ, ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. อิธูปปตฺติยาติ ¶ อิธ จริมภเว อุปปตฺติยา. อนนฺตรนฺติ อตีตานนฺตรมาห. อมุตฺราติ อมุกสฺมึ ภเวติ อตฺโถ. อุทปาทินฺติ อุปฺปชฺชึ. ตาหิ เทวตาหีติ ตุสิตเทวตาหิ. เอกโคตฺโตติ ตุสิตโคตฺเตน เอกโคตฺโต. มหาโพธิสตฺตานํ สนฺตานสฺส ปริโยสานาวตฺถายํ เทวโลกูปปตฺติชนกํ นาม อกุสเลน กมฺมุนา อนุปทฺทุตเมว โหตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ. มหาปฺุานมฺปิ ปน เทวปุตฺตานํ ปุพฺพนิมิตฺตุปฺปตฺติกาลาทีสุ อนิฏฺารมฺมณสมาโยโค โหติเยวาติ ‘‘กทาจิ ทุกฺขทุกฺขสฺสปิ สมฺภโว นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, ธมฺมานํ อุปฺปาทนิโรธสงฺขารทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ. สตฺตปฺาส…เป… ปริยนฺโตติ อิทํ มนุสฺสวสฺสคณนาวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ เทวานํ วสฺสคณนาย ปน จตุสหสฺสเมว.
อิตีติ วุตฺตตฺถนิทสฺสนเมตํ, ตฺจ โข ยถารหโต, น ยถานุปุพฺพโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นามโคตฺตวเสนา’’ติอาทิมาห. อุทฺทิสียตีติ ทิสฺวาว อวิฺเยฺยตฺตา ‘‘อยํ โก นาโม’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘ติสฺโส โคตโม’’ติ นามโคตฺเตน อุทฺทิสียติ. วณฺณาทีหีติ วณฺณาหารเวทยิตายุปริจฺเฉเทหิ. สาโมตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา. เตน เอวมาทิเอวํปการนานตฺตโตติ ทสฺสิตํ โหติ. นามโคตฺตํ อุทฺเทโสติ อุทฺทิสียติ สตฺโต เอเตนาติ อุทฺเทโส นามโคตฺตํ. อิตเร อาการาติ อากรียติ ทิสฺวาว สตฺโต วิฺายติ เอเตหีติ อิตเร วณฺณาทโย อาการา. ‘‘โน จ โข อวิเสเสนา’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติตฺถิยา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ติตฺถิยาติ อฺติตฺถิยา. เต ปน กมฺมวาทิโน กิริยวาทิโน ตาปสาทโย. ยสฺมา ติตฺถิยานํ พฺรหฺมชาลาทีสุ จตฺตาลีสาย เอว สํวฏฺฏวิวฏฺฏานํ อนุสฺสรณํ อาคตํ, ตสฺมา ‘‘น ตโต ปร’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ การณํ วทนฺโต ‘‘ทุพฺพลปฺตฺตา’’ติอาทิมาห. เตน วิปสฺสนาภิโยโค ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วิเสสการณนฺติ ทสฺเสติ. ตโตเยว จ พลวปฺตฺตา เปตฺวา อคฺคสาวกมหาสาวเก อิตเร ปกติสาวกา กปฺปสตมฺปิ กปฺปสหสฺสมฺปิ อนุสฺสรนฺติเยวาติ ¶ ทฏฺพฺพํ. เตเนว วุตฺตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒) ‘‘ปกติสาวกา กปฺปสตมฺปิ กปฺปสหสฺสมฺปิ อนุสฺสรนฺติเยว พลวปฺตฺตา’’ติ. เอตฺตโก หิ เตสํ อภินีหาโรติ กปฺปานํ สตสหสฺสมฺปิ ตทธิกํ เอกํ ทฺเว จ อสงฺขฺเยยฺยานีติ กาลวเสน เอวํปริมาโณ ยถากฺกมํ เตสํ มหาสาวกอคฺคสาวกปจฺเจกพุทฺธานํ ปฺุาณาภินีหาโร, สาวกปจฺเจกโพธิปารมิตา สิทฺธา. ยทิ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาลปริจฺฉินฺโน เตสํ เตสํ อริยานํ อภิฺาาณวิภโว, เอวํ สนฺเต พุทฺธานมฺปิสฺส ปริจฺเฉทตา อาปนฺนาติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นตฺถี’’ติ. ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย พุทฺธานํ อภิฺาาณานมฺปิ สวิสเย ปริจฺเฉโท นาม นตฺถีติ ตตฺถ ยํ ยํ าตุํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ตํ ชานนฺติ ¶ เอว. อถ วา สติปิ กาลปริจฺเฉเท การณูปายโกสลฺลปริคฺคหาทินา สาติสยตฺตา มหาโพธิสมฺภารานํ ปฺาปารมิตาย ปวตฺติอานุภาวสฺส ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, กุโต ตํนิพฺพตฺตานํ อภิฺาาณานนฺติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นตฺถี’’ติ. อตีเต ‘‘เอตฺตกานํ กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติ เอวํ กาลปริจฺเฉโท นตฺถิ อนาคเต อนาคตํสาณสฺส วิย. เตนาห ‘‘ยาว อิจฺฉนฺติ ตาว สรนฺตี’’ติ.
เอวํ ปฺจนฺนํ ชนานํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ กาลวิภาคโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ อารมฺมณคฺคหณวเสนสฺส ปวตฺติวิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติตฺถิยา จา’’ติอาทิมาห. ขนฺธปฏิปาฏิเมว สรนฺตีติ เอตฺถ ขนฺธปฏิปาฏิ ขนฺธานํ อนุกฺกโม, สา จ โข จุติโต ปฏฺาย อุปฺปฏิปาฏิวเสน. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อิริยาปถปฏิปาฏิ ขนฺธปฏิปาฏี’’ติ วทนฺติ. วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกโต วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ปฏิปาฏึ มฺุจิตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ จุติปฏิสนฺธิวเสนาติ อตฺตโน ปรสฺส วา ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตภาเว จุตึ ทิสฺวา อนฺตรา กิฺจิ อนามสิตฺวา ปฏิสนฺธิยา เอว คหณวเสน. ยถา ปน อนฺธา ยฏฺึ อมฺุจิตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ เต ขนฺธปฏิปาฏึ อมฺุจิตฺวาว สรนฺตีติ อาห ‘‘เตสฺหิ อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปฺปเทโสกฺกมนํ นตฺถี’’ติ. สาวกาติ ปกติสาวกาปิ มหาสาวกาปิ อคฺคสาวกาปิ สามฺโต วุตฺตา. ปกติสาวกาปิ หิ ขนฺธปฏิปาฏิยาปิ อนุสฺสรนฺติ ¶ , จุติปฏิสนฺธิวเสนปิ สงฺกมนฺติ พลวปฺตฺตา, ตถา อสีติมหาสาวกา. ทฺวินฺนํ ปน อคฺคสาวกานํ ขนฺธปฏิปาฏิกิจฺจํ นตฺถิ. เอกสฺส อตฺตภาวสฺส จุตึ ทิสฺวา ปฏิสนฺธึ ปสฺสนฺติ, ปุน อปรสฺส จุตึ ทิสฺวา ปฏิสนฺธินฺติ เอวํ จุติปฏิสนฺธิวเสนปิ สงฺกมนฺตา คจฺฉนฺติ. ยถา นาม สรทสมเย ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ จตุรตนิเก เคเห จกฺขุมโต ปุริสสฺส รูปคตํ สุปากฏเมว โหตีติ โลกสิทฺธเมตํ. สิยา ปน ตสฺส สุขุมตรติโรกุฏฺฏาทิเภทสฺส รูปคตสฺส อโคจรตา, น ตฺเวว พุทฺธานํ าตุํ อิจฺฉิตสฺส เยฺยสฺส อโคจรตา, อถ โข ตํ าณาโลเกน โอภาสิตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุปากฏํ สุวิภูตเมว โหติ, ตถา เยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตาติ อาห ‘‘พุทฺธา ปนา’’ติอาทิ.
ตตฺถ สีโหกฺกนฺตวเสนาติ สีหคติปตนวเสน. ยํ ยํ านํ อากงฺขนฺตีติ ยสฺมึ กปฺเป ยสฺมึ ภเว ยํ ยํ านํ ชานิตุํ อิจฺฉนฺติ. ตํ สพฺพํ สรนฺติเยวาติ าตุํ อิจฺฉิตํ ตํ สพฺพํ สรนฺติเยว, น น สรนฺติ. พุทฺธานฺหิ เนว ขนฺธปฏิปาฏิกิจฺจํ, น จ จุติปฏิสนฺธิวเสน สงฺกมนกิจฺจํ อตฺถิ. เตสฺหิ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ เหฏฺา วา อุปริ วา ยํ ยํ านํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ตํ ปากฏเมว โหติ. ตสฺมา ยถา เปยฺยาลปาฬึ ปนฺตา ‘‘ปมํ ฌานํ…เป… ปฺจมํ ฌาน’’นฺติอาทิปริโยสานเมว คณฺหนฺตา สงฺขิปิตฺวา สชฺฌายนฺติ, น อนุปทํ, เอวํ อเนกาปิ ¶ กปฺปโกฏิโย เปยฺยาลปาฬึ วิย สงฺขิปิตฺวา ยํ ยํ อิจฺฉนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว าเณน โอกฺกมนฺตา สีโหกฺกนฺตวเสน คจฺฉนฺติ. เอวํ คจฺฉนฺตานฺจ เตสํ าณํ ยถา นาม กตวาลเวธิปริจยสฺส สรภงฺคสทิสสฺส ธนุคฺคหสฺส ขิตฺโต สโร อนฺตรนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺเขเยว ปตติ น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, เอวํ อนฺตรนฺตราสุ ชาตีสุ น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, อสชฺชมานํ อวิรชฺฌมานํ อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํเยว คณฺหาติ.
อตีตภเว ขนฺธา ตปฺปฏิพทฺธนามโคตฺตานิ จ สพฺพํ ปุพฺเพนิวาสนฺตฺเวว สงฺคหิตานีติ อาห ‘‘กึ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาส’’นฺติ. โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโม วิย ตโมติ อาห ‘‘สฺเวว โมโห’’ติอาทิ. โอภาสกรณฏฺเนาติ กาตพฺพโต กรณํ, โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํ, อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพตฺเตตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. เสสํ ปสํสาวจนนฺติ ปฏิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต วุตฺตํ. อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชานนฏฺเน วิชฺชาติ อยมฺปิ ¶ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ เอเตน วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา, ปฏิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทสฺเสติ. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ อิมินา ตโม วิหโต วินฏฺโ. กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปนฺโนติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเน วีริยํ อาตาโปติ อาห ‘‘วีริยาตาเปน อาตาปิโน’’ติ, วีริยวโตติ อตฺโถ. เปสิตจิตฺตสฺสาติ ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธึ ปติวิสฺสฏฺจิตฺตสฺส. ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตติ อฺสฺสปิ กสฺสจิ มาทิสสฺสาติ อธิปฺปาโย. ปธานานุโยคสฺสาติ สมฺมปฺปธานมนุยุตฺตสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺตา วุตฺตนยตฺตา จ สุวิฺเยฺยเมว.
ปุพฺเพนิวาสกถา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถา
๑๓. จุติยาติ จวเน. อุปปาเตติ อุปปชฺชเน. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ, จุติกฺขณสามนฺตา อุปปตฺติกฺขณสามนฺตา จาติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เย ปน อาสนฺนจุติกา’’ติอาทิ. เยน าเณนาติ เยน ทิพฺพจกฺขุาเณน. ทิพฺพจกฺขุาเณเนว หิ สตฺตานํ จุติ จ อุปปตฺติ จ ายติ. ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยาติ ‘‘ทิพฺพจกฺขุาณํ อุปฺปาเทตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน กุลปุตฺเตน กสิณารมฺมณํ อภิฺาปาทกชฺฌานํ สพฺพากาเรน อภินีหารกฺขมํ กตฺวา เตโชกสิณํ โอทาตกสิณํ อาโลกกสิณนฺติ อิเมสุ ตีสุ กสิเณสุ ¶ อฺตรํ อาสนฺนํ กาตพฺพํ, อุปจารชฺฌานโคจรํ กตฺวา วฑฺเฒตฺวา เปตพฺพ’’นฺติอาทินา ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย.
โส อหนฺติ โส กตจิตฺตาภินีหาโร อหํ. ทิพฺพสทิสตฺตาติ ทิวิ ภวนฺติ ทิพฺพํ, เทวานํ ปสาทจกฺขุ, เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา สทิสตฺตาติ อตฺโถ. ทิพฺพสทิสตฺตาติ จ หีนูปมาทสฺสนํ เทวตานํ ทิพฺพจกฺขุโตปิ อิมสฺส ¶ มหานุภาวตฺตา. อิทานิ ตํ ทิพฺพสทิสตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘เทวตานฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตนฺติ สทฺธาพหุลตาวิสุทฺธทิฏฺิตาอานิสํสทสฺสาวิตาทิสมฺปตฺติยา สุฏฺุ จริตตฺตา สุจริเตน เทวูปปตฺติชนเกน ปฺุกมฺเมน นิพฺพตฺตํ. ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหีติ อาทิ-สทฺเทน วาตโรคาทีนํ สงฺคโห. อปลิพุทฺธนฺติ อนุปทฺทุตํ. ปิตฺตาทีหิ อนุปทฺทุตตฺตา กมฺมสฺส จ อุฬารตาย อุปกฺกิเลสวิมุตฺติ เวทิตพฺพา. อุปกฺกิเลสโทสรหิตฺหิ กมฺมํ ติณาทิโทสรหิตํ วิย สสฺสํ อุฬารผลํ อนุปกฺกิลิฏฺํ โหติ. การณูปจาเรน จสฺส ผลํ ตถา โวหรียติ ยถา ‘‘สุกฺกํ สุกฺกวิปาก’’นฺติ. ทูเรปีติ ปิ-สทฺเทน สุขุมสฺสปิ อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถตํ สงฺคณฺหาติ. ปสาทจกฺขูติ จตุนฺนํ มหาภูตานํ ปสาทลกฺขณํ จกฺขุ. วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตนฺติ วีริยารมฺภวเสเนว อิชฺฌนโต สพฺพาปิ กุสลภาวนา วีริยภาวนา, ปธานสงฺขารสมนฺนาคตา วา อิทฺธิปาทภาวนา วิเสสโต วีริยภาวนา, ตสฺสา อานุภาเวน นิพฺพตฺตํ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ. าณมยํ จกฺขุ าณจกฺขุ. ตาทิสเมวาติ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ สุขุมสฺสปิ อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถตาย จ ตํสทิสเมว.
ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตาติ ทิพฺพวิหารสงฺขาตานํ จตุนฺนํ ฌานานํ วเสน ปฏิลทฺธตฺตา. อิมินา การณวเสนสฺส ทิพฺพภาวมาห. ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาติ อฏฺงฺคสมนฺนาคเมน อุกฺกํสคตํ ปาทกชฺฌานสงฺขาตํ ทิพฺพวิหารํ สนฺนิสฺสาย ปวตฺตตฺตา, ทิพฺพวิหารปริยาปนฺนํ วา อตฺตนา สมฺปยุตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ นิสฺสาย ปจฺจยภูตํ สนฺนิสฺสิตตฺตาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพนฺติ กสิณาโลกานุคฺคเหน ปตฺตพฺพตฺตา สยํ าณาโลกผรณภาเวน จ มหาชุติกภาวโตปิ ทิพฺพนฺติ อตฺโถ. มหาชุติกมฺปิ หิ ทิพฺพนฺติ วุจฺจติ ‘‘ทิพฺพมิทํ พฺยมฺห’’นฺติอาทีสุ. มหาคติกตฺตาติ มหนียคมนตฺตา, วิมฺหยนียปฺปวตฺติกตฺตาติ อตฺโถ. วิมฺหยนียา หิสฺส ปวตฺติ ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสนโต. ตํ สพฺพนฺติ ‘‘เหฏฺา วุตฺตํ อตฺถปฺจกมเปกฺขิตฺวา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘ชุติคติอตฺเถสุปิ สทฺทวิทู ทิวุสทฺทํ อิจฺฉนฺตีติ มหาชุติกตฺตา มหาคติกตฺตาติ อิทเมว ทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ‘สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพ’นฺติ อิทํ ทิพฺพติ โชตยตีติ ทิพฺพํ, ทิพฺพติ ¶ คจฺฉติ อสชฺชมานํ ปวตฺตตีติ ทิพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร ปน –
‘‘ทิพฺพจกฺขุลาภาย ¶ โยคิโน ปริกมฺมกรณํ ตปฺปฏิปกฺขาภิภวสฺส อตฺถโต ตสฺส วิชยิจฺฉา นาม โหติ, ทิพฺพจกฺขุลาภี จ อิทฺธิมา เทวตานํ วจนคหณกฺขมนธมฺมทานวเสน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถราทโย วิย ทานคฺคหณลกฺขเณ โวหาเร จ ปวตฺเตยฺยาติ เอวํ วิหารวิชยิจฺฉาโวหารชุติคติสงฺขาตานํ อตฺถานํ วเสน อิมสฺส อภิฺาาณสฺส ทิพฺพจกฺขุภาวสิทฺธิโต สทฺทวิทู จ เตสุ เอว อตฺเถสุ ทิวุสทฺทํ อิจฺฉนฺตีติ ‘ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ –
อาห.
ทสฺสนฏฺเนาติ รูปทสฺสนภาเวน. จกฺขุนา หิ สตฺตา รูปํ ปสฺสนฺติ. ยถา มํสจกฺขุ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย ปวตฺตติ, น ตถา อิทํ. อิทํ ปน สยเมว ตโต สาติสยํ จกฺขุกิจฺจการีติ อาห ‘‘จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขู’’ติ. ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาตีติ ปรโต อุปฺปตฺติยา อทสฺสนโต ‘‘เอตฺเถ วายํ สตฺโต อุจฺฉินฺโน, เอวมิตเรปี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาตีติ ฌานลาภี อธิจฺจสมุปฺปนฺนิโก วิย คณฺหาติ. ยถา หิ โส อสฺสตฺตา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน ปพฺพชิโต สมาโน อภิฺาลาภี หุตฺวา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต อิธูปปตฺติเมว ทิสฺวา ตโต ปรํ อสฺภเว อุปฺปตฺตึ อนุสฺสริตุมสกฺโกนฺโต ‘‘อหํ อธิจฺจสมุปฺปนฺโน ปุพฺเพ นาโหสึ, โสมฺหิ เอตรหิ อหุตฺวา สตฺตตาย ปริณโต, เสสาปิ สตฺตา ตาทิสาเยวา’’ติ อภินวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ, เอวมยมฺปิ อุปปาตมตฺตเมว ทิสฺวา จุตึ อปสฺสนฺโต นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ.
อิทานิ อฺถาปิ วิสุทฺธิการณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกาทสอุปกฺกิเลสวิรหโต วา’’ติอาทิ. ยถาหาติ อุปกฺกิเลสสุตฺเต อาคตปาฬึ นิทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อนุรุทฺโธ นนฺทิโย กิมิโลติ อิเม ตโย กุลปุตฺเต อามนฺเตตฺวา ธมฺมํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อนุรุทฺธา ตุมฺเห กึ อิเมหิ น อาลุฬิสฺสนฺติ, อหมฺปิ อิเมหิ อุปาทาย เอกาทสหิ อุปกฺกิเลเสหิ อาลุฬิตปุพฺโพ’’ติ ทสฺเสตุํ –
‘‘อหมฺปิ ¶ ¶ สุทํ อนุรุทฺธา ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน โอภาสฺเจว สฺชานามิ ทสฺสนฺจ รูปานํ, โส โข ปน เม โอภาโส น จิรสฺเสว อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ ‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย, เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ ‘วิจิกิจฺฉา โข เม อุทปาทิ, วิจิกิจฺฉาธิกรณฺจ เม สมาธิ จวิ, สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ, โสหํ ตถา กริสฺสามิ, ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสตี’ติ.
‘‘โส โข อหํ อนุรุทฺธา อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสฺเจว สฺชานามิ ทสฺสนฺจ รูปานํ, โส โข ปน เม โอภาโส น จิรสฺเสว อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ ‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย, เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ ‘อมนสิกาโร โข เม อุทปาทิ, อมนสิการาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ, สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ, โสหํ ตถา กริสฺสามิ, ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ น อมนสิกาโร’’’ติ –
อาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๑) เทสนํ อารภิตฺวา อิทํ วุตฺตํ ‘‘โส โข อหํ อนุรุทฺธา วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโสติ อิติ วิทิตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๔๑) วิจิกิจฺฉาติ มหาสตฺตสฺส อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา นานาวิธานิ รูปานิ ปสฺสนฺตสฺส ‘‘อิทํ นุ โข กิ’’นฺติ อุปฺปนฺนา วิจิกิจฺฉา. มนสิการวเสน ปน เม รูปานิ อุปฏฺหึสุ, รูปานิ ปสฺสโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อิทานิ กิฺจิ น มนสิ กริสฺสามีติ ตุณฺหี ภวติ, ตํ ตุณฺหีภาวปฺปตฺตึ สนฺธายาห ‘‘อมนสิกาโร’’ติ. ถินมิทฺธนฺติ กิฺจิ อมนสิกโรนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ ถินมิทฺธํ. ตถาภูตสฺส หิ สวิปฺผาริกมนสิการสฺส อภาวโต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ยถารทฺธมนสิการวเสน ¶ หิมวนฺตาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทานวรกฺขสอชคราทโย ปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ ฉมฺภิตตฺตํ. อุปฺปิลนฺติ ‘‘มยา ทิฏฺภยํ ปกติยา จกฺขุวิฺาเณน โอโลกิยมานํ น ปสฺสติ, อทิฏฺเ ปริกปฺปิตสทิเส กึนาม ภย’’นฺติ ภยสฺส วิโนทนวเสน จินฺเตนฺตสฺส อตฺตโน ปจฺจเวกฺขณาโกสลฺลํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ อุปฺปิลาวิตตฺตํ. ทุฏฺุลฺลนฺติ กายาลสิยํ. ‘‘มยา ถินมิทฺธํ ฉมฺภิตตฺตานํ วูปสมนตฺถํ คาฬฺหํ วีริยํ ¶ ปคฺคหิตํ, เตน เม อุปฺปิลสงฺขาตา จิตฺตสมาธิทูสิตา เคหสฺสิตา พลวปีติ อุปฺปนฺนา’’ติ วีริยํ สิถิลํ กโรนฺตสฺส หิ กายทุฏฺุลฺลํ กายทรโถ กายาลสิยํ อุทปาทิ.
อจฺจารทฺธวีริยนฺติ ‘‘มม วีริยํ สิถิลํ กโรโต ทุฏฺุลฺลํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุน วีริยํ ปคฺคณฺหโต อุปฺปนฺนํ อจฺจารทฺธวีริยํ. อติลีนวีริยนฺติ ‘‘มม วีริยํ ปคฺคณฺหโต เอวํ ชาต’’นฺติ ปุน วีริยํ สิถิลยโต อุปฺปนฺนํ อติลีนวีริยํ. อภิชปฺปาติ เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เทวสงฺฆํ ปสฺสโต อุปฺปนฺนา ตณฺหา. ‘‘เอวํ เม โหตู’’ติ หิ อภินิวิสนวเสน ชปฺปตีติ อภิชปฺปา, ตณฺหา. นานตฺตสฺาติ ‘‘มยฺหํ เอกชาติกํ รูปํ มนสิกโรนฺตสฺส อภิชปฺปา อุปฺปนฺนา, นานาวิธํ รูปํ มนสิการํ กริสฺสามี’’ติ กาเลน เทวโลกาภิมุขํ กาเลน มนุสฺสโลกาภิมุขํ วฑฺเฒตฺวา นานาวิธานิ รูปานิ มนสิกโรโต อุปฺปนฺนา นานตฺตสฺา, นานตฺเต นานาสภาเว สฺาติ นานตฺตสฺา. อตินิชฺฌายิตตฺตนฺติ ‘‘มยฺหํ นานาวิธานิ รูปานิ มนสิกโรนฺตสฺส นานตฺตสฺา อุทปาทิ, อิฏฺํ วา อนิฏฺํ วา เอกชาติกเมว รูปํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ ตถา มนสิกโรโต อุปฺปนฺนํ รูปานํ อตินิชฺฌายิตตฺตํ, อติวิย อุตฺตริ กตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ อตินิชฺฌายิตตฺตํ. โอภาสนฺติ ปริกมฺมสมุฏฺิตํ โอภาสํ. น จ รูปานิ ปสฺสามีติ ปริกมฺโมภาสมนสิการปฺปสุตตาย ทิพฺพจกฺขุนา รูปานิ น ปสฺสามิ. รูปานิ หิ โข ปสฺสามีติ เตน ปริกมฺโมภาเสน ผริตฺวา ิตฏฺาเน ทิพฺพจกฺขุโน วิสยภูตานิ รูปคตานิ ปสฺสามิ.
เอวมาทีติ อาทิ-สทฺเทน –
‘‘เกวลมฺปิ รตฺตึ เกวลมฺปิ ทิวํ เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ ‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย, ยฺวาหํ ¶ โอภาสฺหิ โข สฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ, รูปานิ โข ปสฺสามิ, น จ โอภาสํ สฺชานามิ เกวลมฺปิ รตฺตึ เกวลมฺปิ ทิวํ เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิว’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ ‘ยสฺมิฺหิ โข อหํ สมเย รูปนิมิตฺตํ อมนสิกริตฺวา โอภาสนิมิตฺตํ มนสิ กโรมิ. โอภาสฺหิ โข ตสฺมึ สมเย สฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ. ยสฺมึ ปนาหํ สมเย โอภาสนิมิตฺตํ อมนสิกริตฺวา รูปนิมิตฺตํ มนสิ กโรมิ. รูปานิ หิ โข ตสฺมึ สมเย ปสฺสามิ, น จ โอภาสํ สฺชานามิ เกวลมฺปิ รตฺตึ เกวลมฺปิ ทิวํ เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิว’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๒๔๓) –
เอวมาทิปาฬึ ¶ สงฺคณฺหาติ.
มนุสฺสานํ อิทนฺติ มานุสกํ, มนุสฺสานํ โคจรภูตํ รูปารมฺมณํ. ตทฺสฺส ปน ทิพฺพติโรกุฏฺฏสุขุมาทิเภทสฺส รูปสฺส ทสฺสนโต อติกฺกนฺตมานุสกํ. เอวรูปํ ตฺจ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกนฺตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนนา’’ติ. ตตฺถ มนุสฺสูปจารนฺติ มนุสฺเสหิ อุปจริตพฺพฏฺานํ, ปกติยา จกฺขุทฺวาเรน คเหตพฺพํ วิสยนฺติ อธิปฺปาโย. เอวํ วิสยมุเขน ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิสยิมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘มานุสกํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ มํสจกฺขาติกฺกโม ตสฺส กิจฺจาติกฺกเมเนว ทฏฺพฺโพ. ทิพฺเพน จกฺขุนาติ ทิพฺพจกฺขุาเณนปิ ทฏฺุํ น สกฺกา ขณสฺส อติอิตฺตรตาย อติสุขุมตาย เกสฺจิ รูปสฺส, อปิจ ทิพฺพจกฺขุสฺส ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปารมฺมณํ, ตฺจ ปุเรชาตปจฺจยภูตํ, น จ อาวชฺชนปริกมฺเมหิ วินา มหคฺคตสฺส ปวตฺติ อตฺถิ, นาปิ อุปฺปชฺชมานเมว รูปํ อารมฺมณปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ, ภิชฺชมานํ วา, ตสฺมา จุตูปปาตกฺขเณ รูปํ ทิพฺพจกฺขุนา ทฏฺุํ น สกฺกาติ สุวุตฺตเมตํ.
ยทิ ทิพฺพจกฺขุาณํ รูปารมฺมณเมว, อถ กสฺมา ‘‘สตฺเต ปสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ? เยภุยฺเยน สตฺตสนฺตานคตรูปทสฺสนโต เอวํ วุตฺตํ. สตฺตคหณสฺส วา การณภาวโต โวหารวเสน วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ. เต จวมานาติ อธิปฺเปตาติ สมฺพนฺโธ. เอวรูเปติ น จุตูปปาตกฺขณสมงฺคิโนติ อธิปฺปาโย. โมหูปนิสฺสยํ นาม กมฺมํ นิหีนํ นิหีนผลํ โหตีติ อาห ‘‘โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา’’ติ. โมหูปนิสฺสยตา จ กุสลกมฺมสฺส ปุพฺพภาเค ¶ โมหปฺปวตฺติพหุลตาย เวทิตพฺพา. ตาย ปน โมหปฺปวตฺติยา สํกิลิฏฺํ กุสลกมฺมํ นิหีนเมว ชาติอาทึ นิปฺผาเทตีติ นิหีนชาติอาทโย โมหสฺส นิสฺสนฺทผลานีติ อาห ‘‘หีนานํ ชาติกุลโภคาทีน’’นฺติอาทิ. หีฬิเตติ ครหิเต. โอหีฬิเตติ วิเสสโต ครหิเต. อฺุาเตติ ลามกภาเวน าเต. อวฺาเตติ วิเสสโต ลามกภาเวน วิทิเต. อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตาติ เอตฺถ อโมโห สมฺปยุตฺตวเสน ปุพฺพภาควเสน จ ปวตฺโต กถิโต, เตน จ ติเหตุกปฏิสนฺธิเก ทสฺเสติ. ตพฺพิปรีเตติ ตสฺส หีฬิตาทิภาวสฺส วิปรีเต, อหีฬิเต อโนหีฬิเต อนฺุาเต อนวฺาเต จิตฺตีกเตติ อตฺโถ.
สุวณฺเณติ สุนฺทรวณฺเณ. ทุพฺพณฺเณติ อสุนฺทรวณฺเณ. สา ปนายํ สุวณฺณทุพฺพณฺณตา ยถากฺกมํ กมฺมสฺส อโทสโทสูปนิสฺสยตาย โหตีติ อาห ‘‘อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา’’ติอาทิ. อโทสูปนิสฺสยตา จ กมฺมสฺส เมตฺตาทีหิ ปริภาวิตสนฺตานปฺปวตฺติยา เวทิตพฺพา. อภิรูเป วิรูเปติ ¶ อิทํ สณฺานวเสน วุตฺตํ. สณฺานวจโนปิ หิ วณฺณสทฺโท โหติ ‘‘มหนฺตํ หตฺถิวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) วิย. ปมํ วุตฺโต ปน อตฺโถ วณฺณวเสเนว วุตฺโต. สุนฺทรํ คตึ คตา สุคตาติ อาห ‘‘สุคติคเต’’ติ, สุคตึ อุปปนฺเนติ อตฺโถ. อโลภชฺฌาสยา สตฺตา วทฺู วิคตมจฺเฉรา อโลภูปนิสฺสเยน กมฺมุนา สุคตา สมิทฺธา โหนฺตีติ อาห ‘‘อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน’’ติ. ทุกฺขํ คตึ คตา ทุคฺคตาติ อาห ‘‘ทุคฺคติคเต’’ติ. โลภชฺฌาสยา สตฺตา ลุทฺธา มจฺฉริโน โลภูปนิสฺสเยน กมฺมุนา ทุคฺคตา ทุรูปา โหนฺตีติ อาห ‘‘โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปาเน’’ติ. อุปจิตนฺติ ผลาวหภาเวน กตํ. ยถา กตฺหิ กมฺมํ ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ อุปจิตํ. จวมาเนติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตนฺติ วิสยมุเขน วิสยิพฺยาปารมาห. ปุริเมหีติ ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทีนิ ปทานิ สนฺธาย วุตฺตํ. อาทีหีติ เอตฺถ จ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, ตสฺมา ‘‘ทิพฺเพน…เป… ปสฺสามี’’ติ อิเมหิ ‘‘จวมาเน’’ติอาทีหิ จ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อิมินา ¶ ปน ปเทนาติ ‘‘ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามี’’ติ อิมินา วากฺเยน. ปชฺชติ ายติ อตฺโถ อิมินาติ หิ ปทํ วากฺยํ.
มหนฺตํ ทุกฺขมนุภวมาเนติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุาเณน รูปํ ทิสฺวา เตสํ ทุกฺขานุภวนํ กามาวจรจิตฺเตเนว ชานาตีติ เวทิตพฺพํ. โสติ เนรยิกสตฺเต ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ิโต ทิพฺพจกฺขุาณลาภี. เอวํ มนสิ กโรตีติ เตสํ เนรยิกานํ นิรยสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส าตุกามตาวเสน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ปริกมฺมวเสน มนสิ กโรติ. กึ นุ โขติอาทิ มนสิการวิธิทสฺสนํ. เอวํ ปน ปริกมฺมํ กตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตสฺส ตํ กมฺมํ อารมฺมณํ กตฺวา อาวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ. เยสํ ปุริมานิ ตีณิ จตฺตาริ วา ปริกมฺมอุปจารานุโลมโคตฺรภุนามกานิ กามาวจรานิ, จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อปฺปนาจิตฺตํ รูปาวจรํ จตุตฺถชฺฌานิกํ, ตตฺถ ยํ เตน อปฺปนาจิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ าณํ, ตํ ยถากมฺมูปคาณนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วิสุํ ปริกมฺมํ นตฺถี’’ติ อิทํ ปน ทิพฺพจกฺขุาเณน วินา ยถากมฺมูปคาณสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นตฺถีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. เอวฺเจตํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา ยถากมฺมูปคาณสฺส มหคฺคตภาโว เอว น สิยา. เทวานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย. เนรยิกเทวคฺคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อากงฺขมาโน หิ ทิพฺพจกฺขุลาภี อฺคติเกสุปิ เอวํ ปฏิปชฺชติเยว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปตี’’ติอาทิ, ‘‘สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหตี’’ติ จ. ตํ นิรยสํวตฺตนิยกมฺมํ อารมฺมณเมตสฺสาติ ตํกมฺมารมฺมณํ. ผารุสกวนาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน จิตฺตลตาวนาทีนํ สงฺคโห.
ยถา ¶ จิมสฺสาติ ยถา จ อิมสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นตฺถิ, เอวํ อนาคตํสาณสฺสปีติ วิสุํ ปริกมฺมาภาวฺจ นิทสฺเสติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานี’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยถา ทิพฺพจกฺขุลาภี นิรยาทิอภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เนรยิกาทิเก สตฺเต ทิสฺวา เตหิ ปุพฺเพ อายูหิตํ นิรยสํวตฺตนิยาทิกํ กมฺมํ ตาทิเสน สมาทาเนน ตชฺเชน จ มนสิกาเรน ปริกฺขเต จิตฺเต ยาถาวโต ชานาติ, เอวํ ยสฺส ยสฺส สตฺตสฺส สมนนฺตรํ อนาคตํ อตฺตภาวํ าตุกาโม, ตํ ตํ โอทิสฺส อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เตน เตน อตีเต เอตรหิ วา อายูหิตํ ตสฺส นิพฺพตฺตกํ กมฺมํ ยถากมฺมูปคาเณน ¶ ทิสฺวา เตน เตน นิพฺพตฺเตตพฺพํ อนาคตํ อตฺตภาวํ าตุกาโม ตาทิเสน สมาทาเนน ตชฺเชน จ มนสิกาเรน ปริกฺขเต จิตฺเต ยาถาวโต ชานาติ. เอส นโย ตโต ปเรสุปิ อตฺตภาเวสุ. เอตํ อนาคตํสาณํ นาม. ยสฺมา เอตํ ทฺวยํ ทิพฺพจกฺขุาเณ สติ เอว สิชฺฌติ, นาสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺตี’’ติ.
กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ ทุจฺจริตนฺติ กาเยน ทุฏฺุ จริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ กิเลสปูติกตฺตา ทุฏฺุ จริตํ กายทุจฺจริตนฺติ เอวํ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํ. กาโยติ เจตฺถ โจปนกาโย อธิปฺเปโต. กายวิฺตฺติวเสน ปวตฺตํ อกุสลํ กายกมฺมํ กายทุจฺจริตํ. ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ กตุปจิตํ, อสติ อาหารุปจฺเฉเท วิปาการหสภาวสฺส อวิคจฺฉนโต โส เตน สหิโตเยวาติ วตฺตพฺโพติ อาห ‘‘สมนฺนาคตาติ สมงฺคีภูตา’’ติ. อนตฺถกามา หุตฺวาติ เอเตน มาตาปิตโร วิย ปุตฺตานํ, อาจริยุปชฺฌายา วิย จ นิสฺสิตกานํ อตฺถกามา หุตฺวา ครหกา อุปวาทกา น โหนฺตีติ ทสฺเสติ. คุณปริธํสเนนาติ วิชฺชมานานํ คุณานํ วิทฺธํสเนน, วินาสเนนาติ อตฺโถ. นนุ จ อนฺติมวตฺถุนาปิ อุปวาโท คุณปริธํสนเมวาติ? สจฺจเมตํ, คุณาติ ปเนตฺถ ฌานาทิวิเสสา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อธิปฺเปตาติ สีลปริธํสนํ วิสุํ คหิตํ. เตนาห ‘‘นตฺถิ อิเมสํ สมณธมฺโม’’ติอาทิ. สมณธมฺโมติ จ สีลสํยมํ สนฺธาย วทติ. ชานํ วาติ ยํ อุปวทติ, ตสฺส อริยภาวํ ชานนฺโต วา. อชานํ วาติ อชานนฺโต วา. ชานนาชานนฺเจตฺถ อปฺปมาณํ, อริยภาโว เอว ปมาณํ. เตนาห ‘‘อุภยถาปิ อริยูปวาโทว โหตี’’ติ. ‘‘อริโยติ ปน อชานโต อทุฏฺจิตฺตสฺเสว ตตฺถ อริยคุณภาวํ ปเวเทนฺตสฺส คุณปริธํสนํ น โหตีติ ตสฺส อริยูปวาโท นตฺถี’’ติ วทนฺติ. ภาริยํ กมฺมนฺติ อานนฺตริยสทิสตฺตา ภาริยํ กมฺมํ, สเตกิจฺฉํ ปน โหติ ขมาปเนน, น อานนฺตริยํ วิย อเตกิจฺฉํ.
ตสฺส ¶ จ อาวิภาวตฺถนฺติ ภาริยาทิสภาวสฺส ปกาสนตฺถํ. ตํ ชิคุจฺฉีติ ตํ เถรํ, ตํ วา กิริยํ ชิคุจฺฉิ. อติจฺฉาโตติ อติวิย ขุทาภิภูโต. มหลฺลโกติ สมณานํ สารุปฺปมสารุปฺปํ, โลกสมุทาจารมตฺตํ วา น ชานาตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตตฺตา คุณปริธํสเนน ครหตีติ ¶ เวทิตพฺพํ. อมฺหากํ ลชฺชิตพฺพกํ อกาสีติ ‘‘สมเณน นาม เอวํ กต’’นฺติ วุตฺเต มยํ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกมาติ อธิปฺปาโย. ชานนฺโต เอว เถโร ‘‘อตฺถิ เต อาวุโส อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺา’’ติ ปุจฺฉิ. อิตโรปิ สจฺจาภิสมโย สาสเน ปติฏฺาติ อาห ‘‘โสตาปนฺโน อห’’นฺติ. เถโร ตํ กรุณายมาโน ‘‘ขีณาสโว ตยา อุปวทิโต’’ติ อตฺตานํ อาวิ อกาสิ. เตนสฺส ตํ ปากติกํ อโหสีติ เตน อสฺส ตํ กมฺมํ มคฺคาวรณํ นาโหสีติ อธิปฺปาโย. ปุพฺเพว ปน โสตาปนฺนตฺตา อปายคามีนํ สุปฺปหีนภาวโต สคฺคาวรณมสฺส กาตุมสมตฺถเมว ตํ กมฺมํ. อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหตีติ เอตฺถ ‘‘อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ขมาเปตพฺโพ’’ติ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ. โสตาปนฺนสกทาคามิโน โทเสนปิ นกฺขมนฺติ, เสสอริยา วา ตสฺส อตฺถกามา หุตฺวา อายตึ สํวรณตฺถาย น ขมาเปยฺยุนฺติ อาห ‘‘สเจ โส นกฺขมตี’’ติ. อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหติ, ิตเกเนวาติ เอตฺถาปิ ‘‘อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา’’ติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑) วุตฺตํ. เอวฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ –
‘‘สเจ ทิสาปกฺกนฺโต โหติ, สยํ วา คนฺตฺวา สทฺธิวิหาริเก วา เปเสตฺวา ขมาเปตพฺโพ. สเจ นาปิ คนฺตุํ, น เปเสตุํ สกฺกา โหติ, เย ตสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู วสนฺติ, เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สเจ นวกตรา โหนฺติ, อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา, สเจ วุฑฺฒตรา, วุฑฺเฒสุ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตฺวา ‘อหํ, ภนฺเต, อสุกํ นาม อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ขมตุ เม โส อายสฺมา’ติ วตฺวา ขมาเปตพฺพํ. สมฺมุขา อขมนฺเตปิ เอตเทว กาตพฺพ’’นฺติ.
อิทํ ปน ปรมฺปิ ตตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑) วุตฺตํ –
‘‘สเจ เอกจาริกภิกฺขุ โหติ, เนวสฺส วสนฏฺานํ, น คตฏฺานํ ปฺายติ, เอกสฺส ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘อหํ, ภนฺเต, อสุกํ นาม อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม อนุสฺสรโต อนุสฺสรโต วิปฺปฏิสาโร โหติ, กึ กโรมี’ติ วตฺตพฺพํ. โส วกฺขติ ‘ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถ, เถโร ตุมฺหากํ ขมติ, จิตฺตํ วูปสเมถา’ติ. เตนปิ อริยสฺส คตทิสาภิมุเขน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘ขมตู’ติ วตฺตพฺพ’’นฺติ.
ปรินิพฺพุตมฺจฏฺานนฺติ ¶ ¶ ปูชากรณฏฺานํ สนฺธายาห. ปากติกเมว โหตีติ เอวํ กเต อตฺตโน จิตฺตํ ปสีทตีติ ตํ กมฺมํ สคฺคาวรณํ มคฺคาวรณฺจ น โหตีติ อธิปฺปาโยติ เกจิ วทนฺติ. จริยาปิฏเก มาตงฺคจริตสํวณฺณนายํ (จริยา. อฏฺ. ๒.๖๔) –
‘‘ปารมิตาปริภาวนสมิทฺธาหิ นานาสมาปตฺติวิหารปริปูริตาหิ สีลทิฏฺิสมฺปทาหิ สุสงฺขตสนฺตาเน มหากรุณาธิวาเส มหาสตฺเต อริยูปวาทกมฺมอภิสปสงฺขาตํ ผรุสวจนํ สํยุตฺตํ มหาสตฺตสฺส เขตฺตวิเสสภาวโต ตสฺส จ อชฺฌาสยผรุสตาย ทิฏฺธมฺมเวทนียํ หุตฺวา สเจ โส มหาสตฺตํ น ขมาเปติ, สตฺตเม ทิวเส วิปจฺจนสภาวํ ชาตํ. ขมาปิเต ปน มหาสตฺเต ปโยคสมฺปตฺติยา วิปากสฺส ปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปชฺชิ อโหสิกมฺมภาวโต. อยฺหิ อริยูปวาทปาปสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส จ ธมฺมตา’’ติ –
อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตตฺตา เอวํ ขมาปิเต ตํ กมฺมํ ปโยคสมฺปตฺติยา วิปากสฺส ปฏิพาหิตตฺตา อโหสิกมฺมภาเวน อวิปากธมฺมตํ อาปนฺนนฺติ เนว สคฺคาวรณํ น โมกฺขาวรณฺจ โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
วิปรีตํ ทสฺสนเมเตสนฺติ วิปรีตทสฺสนา. สมาทาตพฺพฏฺเน สมาทานานิ, กมฺมานิ สมาทานานิ เยสํ เต กมฺมสมาทานา, มิจฺฉาทิฏฺิวเสน กมฺมสมาทานา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เหตุอตฺถํ วา อนฺโตคธํ กตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิวเสน ปเร กมฺเมสุ สมาทาปกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา. ตยิมํ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิวเสนา’’ติอาทิมาห. เย จ…เป… สมาทเปนฺติ, เตปิ มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ โยเชตพฺพํ. สีลสมฺปนฺโนติอาทิ ปริปกฺกินฺทฺริยสฺส มคฺคสมงฺคิโน วเสน วุตฺตํ, อคฺคมคฺคฏฺเ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อถ วา อคฺคมคฺคปริยาปนฺนา เอว สีลาทโย เวทิตพฺพา. อคฺคมคฺคฏฺสฺส หิ ทิฏฺเว ธมฺเม เอกํสิกา อฺาราธนา, อิตเรสํ อเนกํสิกา. อฺนฺติ อรหตฺตํ. เอวํสมฺปทมิทนฺติ เอตฺถ สมฺปชฺชนํ สมฺปทา, นิปฺผตฺติ, เอวํ อวิรชฺฌนกนิปฺผตฺติกนฺติ อตฺโถ, ยถา ตํ อวสฺสมฺภาวี, เอวมิทมฺปีติ วุตฺตํ โหติ ¶ . ยถา หิ มคฺคานนฺตรํ อวิรชฺฌิตฺวาว ผลํ นิพฺพตฺตํ, เอวเมตํ อิมสฺสปิ ปุคฺคลสฺส จุติอนนฺตรํ อวิรชฺฌิตฺวาว นิรเย ปฏิสนฺธิ โหตีติ ทสฺเสติ. สกลสฺมิฺหิ พุทฺธวจเน น อิมาย อุปมาย คาฬฺหตรํ กตฺวา วุตฺตอุปมา อตฺถิ. ตํ วาจํ อปฺปหายาติอาทีสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๙) อริยูปวาทํ สนฺธาย ‘‘ปุน เอวรูปึ วาจํ น วกฺขามี’’ติ วทนฺโต วาจํ ปชหติ นาม, ‘‘ปุน เอวรูปํ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ¶ จิตฺตํ ปชหติ นาม, ‘‘ปุน เอวรูปึ ทิฏฺึ น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปชหนฺโต ทิฏฺึ ปชหติ นาม. ตถา อกโรนฺโต เนว ปชหติ น ปฏินิสฺสชฺชติ. ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเยติ ยถา นิรยปาเลหิ อาหริตฺวา นิรเย ปิโต, เอวํ นิรเย ปิโตเยว, นาสฺส นิรยูปปตฺติยา โกจิ วิพนฺโธ. ตตฺรายํ ยุตฺติ – นิรยูปโค อริยูปวาที ตทาทายกสฺส อวิชหนโต เสยฺยถาปิ มิจฺฉาทิฏฺีติ. เอตฺถ จ ‘‘ตํ วาจํ อปฺปหายา’’ติ เอวมาทิวจเนน ตทาทายกสฺส อปฺปหาเนเนว อริยูปวาโท อนฺตรายิโก อนตฺถาวโหว, ปหาเนน ปน อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาปเนน น อนฺตรายิโก อนตฺถาวโห ยถา ตํ วุฏฺิตา เทสิตา จ อาปตฺตีติ ทสฺเสติ. มิจฺฉาทิฏฺิวเสน อกตฺตพฺพํ นาม ปาปํ นตฺถิ, ยโต สํสารขาณุภาโวปิ นาม โหตีติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ.
‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย ติฏฺติ (ที. นิ. ๑. ๑๔๗), อยฺเจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติ จ เอวมาทีสุ วิย อิธ กาย-สทฺโท ขนฺธปฺจกวิสโยติ อาห ‘‘กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา’’ติ. อวีตราคสฺส มรณโต ปรํ นาม ภวนฺตรูปาทานเมวาติ อาห ‘‘ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ’’ติ. เยน ติฏฺติ, ตสฺส อุปจฺเฉเทเนว กาโย ภิชฺชตีติ อาห ‘‘กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา’’ติ. เอติ อิมสฺมา สุขนฺติ อโย, ปฺุนฺติ อาห ‘‘ปฺุสมฺมตา อยา’’ติ. อายนฺติ เอตสฺมา สุขานีติ อาโย, ปฺุกมฺมาทีนํ สุขสาธนํ. เตนาห ‘‘สุขานํ วา อายสฺส อภาวา’’ติ. วิวสาติ กมฺมสฺส วเส วตฺตนโต อตฺตโน วเส วตฺติตุํ น สกฺโกนฺตีติ วิคโต วโส เอเตสนฺติ วิวสา, อวสวตฺติโนติ ¶ อตฺโถ. อิยติ อสฺสาทียตีติ อโย, อสฺสาโทติ อาห ‘‘อสฺสาทสฺิโต อโย’’ติ.
นาคราชาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สุปณฺณาทีนํ สงฺคโห. อสุรสทิสนฺติ เปตาสุรสทิสํ. โส หีติ โส อสุรกาโย. สพฺพสมุสฺสเยหีติ สพฺเพหิ สมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ, สพฺพสมฺปตฺติราสิโตติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตวิปริยาเยนาติ ‘‘สุฏฺุ จริตํ, โสภนํ วา จริตํ อนวชฺชตฺตาติ สุจริต’’นฺติอาทินา กายทุจฺจริเตนาติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิปริยาเยน. ‘‘อิโต โภ สุคตึ คจฺฉา’’ติ (อิติวุ. ๘๓) วจนโต มนุสฺสคติปิ สุคติเยวาติ อาห ‘‘สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหตี’’ติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
ทิพฺพจกฺขุาณกถา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถา
๑๔. วิปสฺสนาปาทกนฺติ ¶ วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ. วิปสฺสนา จ ติวิธา วิปสฺสกปุคฺคลเภเทน. มหาโพธิสตฺตานฺหิ ปจฺเจกโพธิสตฺตานฺจ จินฺตามยาณสํวทฺธิตตฺตา สยมฺภูาณภูตา, อิตเรสํ สุตมยาณสํวทฺธิตตฺตา ปโรปเทสสมฺภูตา. สา ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติอาทินา อเนกธา อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ อฺตรมุขวเสน อเนกธาว วิสุทฺธิมคฺเค นานานยโต วิภาวิตา. มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคาณสฺส อธิฏฺานภูตํ ปุพฺพภาคาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมตรํ อนฺสาธารณํ วิปสฺสนาาณํ โหติ. ยํ อฏฺกถาสุ มหาวชิรฺาณนฺติ วุจฺจติ. ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา เทวสิกํ สตฺถุ วฬฺชนกสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ, สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมฺชุสายํ ¶ วิสุทฺธิมคฺควณฺณนายํ อุทฺเทสโต ทสฺสิโต, อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺโพ.
อาสวานํ เขปนโต สมุจฺฉินฺทนโต อาสวกฺขโย อริยมคฺโค, อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน อรหตฺตมคฺคคฺคหณํ. อาสวานํ ขเย าณํ อาสวกฺขยาณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺร เจตํ าณ’’นฺติ วตฺวา ขเยติ จ อาธาเร ภุมฺมํ, น วิสเยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตปฺปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อาห. อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ตทา ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนํ. เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช คหิตภาวทสฺสนํ. น อิโต ภิยฺโยติ อนวเสเสตฺวา คหิตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. สรสลกฺขณปฏิเวเธนาติ สภาวสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌเนน. อสมฺโมหปฏิเวโธติ จ ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติ. เตนาห ‘‘ยถาภูตํ อพฺภฺาสิ’’นฺติ. นิพฺพตฺติกนฺติ นิปฺผาเทนฺตํ. ยํ านํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม. ตทุภยวโต หิ ปุคฺคลสฺส ปตฺติ ตทุภยสฺส ปตฺตีติ วุตฺตํ. ปตฺวาติ วา ปาปุณนเหตุ. อปฺปวตฺตินฺติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. เต วา น ปวตฺตนฺติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ, นิพฺพานํ. ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺส. สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกิริยาวเสน สมฺมเทว ปาปกํ.
กิเลสวเสนาติ ¶ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสน. ยสฺมา อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโย, ตปฺปริยาปนฺนตฺตา, เสสสจฺจานฺจ ตํสมุทยาทิปริยาโย อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปริยายโต’’ติ. ทสฺเสนฺโต สจฺจานีติ โยชนา. อาสวานํเยว เจตฺถ คหณํ ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อารทฺธตฺตา. ตถา หิ อาสววิมุตฺติสีเสเนว สพฺพสํกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตา. อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสินฺติอาทินา มิสฺสกมคฺโค อิธ กถิโตติ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถตี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สจฺจปฺปฏิเวธสฺส ตทา อตีตกาลิกตฺตา ‘‘ยถาภูตํ อพฺภฺาสิ’’นฺติ วตฺวาปิ อภิสมยกาเล ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตํ อุปาทาย ‘‘เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต’’ติ วตฺตมานกาเลน นิทฺเทโส กโต. โส จ กามํ มคฺคกฺขณโต ปรํ ยาวชฺชตนา อตีตกาลิโก เอว, สพฺพปมํ ปนสฺส อตีตกาลิกตฺตํ ผลกฺขเณเนว เวทิตพฺพนฺติ ¶ อาห ‘‘วิมุจฺจิตฺถาติ อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสตี’’ติ. ชานโต ปสฺสโตติ วา เหตุนิทฺเทโสยํ. ชานนเหตุ ทสฺสนเหตุ กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถาติ โยชนา. ภวาสวคฺคหเณเนว เจตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฏฺิยาปิ สมวโรโธติ ทิฏฺาสวสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ยสฺมา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน วิชฺชมานสฺสปิ กมฺมสฺส อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกภาวโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติ ชานาติ, ยสฺมา จ มคฺคปจฺจเวกฺขณาทีหิ วุสิตํ พฺรหฺมจริยนฺติอาทึ ปชานาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ขีณา ชาตีติ อาทีหิ ตสฺส ภูมิ’’นฺติ. ตตฺถ ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ภูมินฺติ ปวตฺติฏฺานํ. เยนาธิปฺปาเยน ‘‘กตมา ปนา’’ติอาทินา โจทนา กตา, ตํ ปกาเสตฺวา ปริหารํ วตฺตุกาโม อาห ‘‘น ตาวสฺสา’’ติอาทิ. น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณาติ มคฺคภาวนาย น ขีณาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุพฺเพว ขีณตฺตา’’ติ. น อนาคตา อสฺส ชาติ ขีณาติ โยชนา. น อนาคตาติ จ อนาคตตฺตสามฺํ คเหตฺวา เลเสน วทติ. เตนาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติ. วิชฺชมาเนเยว หิ ปโยโค สมฺภวติ, นาวิชฺชมาเนติ อธิปฺปาโย. อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิปฺเปโต, ตสฺส จ เขปเน วายาโมปิ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. ‘‘ยา ปนา’’ติ หิ อาทินา มคฺคภาวนาย อนาคตชาติยา เอว เหตุวินาสนทฺวาเรน ขีณภาโว ปกาสียติ. เอกจตุปฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํ. ตนฺติ ยถาวุตฺตชาตึ. โสติ ภควา.
พฺรหฺมจริยวาโส นาม อิธ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนเมวาติ อาห ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ. สมฺมาทิฏฺิยา จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ ทุกฺขสจฺเจ ปริฺาภิสมยานุคุณา ปวตฺติ, อิตรสจฺเจสุ จ เนสํ ปหานาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติ ¶ ปากฏา เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสนา’’ติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริฺาทโย อิธาธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เอวํโสฬสกิจฺจภาวายา’’ติ. เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ ¶ , ปริฺาทีสุ จ ปหานเมว ปธานํ, ตทตฺถตฺตาย อิตเรสนฺติ อาห ‘‘กิเลสกฺขยาย วา’’ติ. ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. ‘‘นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อพฺภฺาสิ’’นฺติ เอตฺถายมปโร นโย – อิตฺถตฺตายาติ นิสฺสกฺเก สมฺปทานวจนํ. เตนายมตฺโถ – อิตฺถตฺตาย อิตฺถมฺภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ อนาคตกฺขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน จริมตฺตภาวสงฺขาตา ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา อปฺปติฏฺา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย. อปริฺาตมูลกา หิ ปติฏฺา. ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค อตฺถิ นนฺที อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗). เต ปน ปฺจกฺขนฺธา จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ อพฺภฺาสินฺติ.
ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตนฺติ น ปมทุติยาณทฺวยาธิคมํ วิย เกวลนฺติ อธิปฺปาโย. ทสฺเสนฺโตติ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต. สรูปโต หิ ปุพฺเพ ทสฺสิตเมวาติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
ติกฺขตฺตุํ ชาโตติ อิมินา ปน อิทํ ทสฺเสติ ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, ปมวิชฺชาย ชาโตเยว ปุเรชาตสฺส สหชาตสฺส วา อภาวโต สพฺเพสํ วุฑฺโฒ มหลฺลโก, กิมงฺคํ ปน ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโตติ. ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณนฺติ อตีตารมฺมณสภาคตาย ตพฺภาวีภาวโต จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ ปกาเสตฺวาติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อตีตํสาณนฺติ อตีตกฺขนฺธายตนธาตุสงฺขาเต อตีตโกฏฺาเส อปฺปฏิหตาณํ. ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา ยถากมฺมูปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺส จ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว อิชฺฌนโต ทิพฺพจกฺขุโน ปริภณฺฑาณตฺตา ทิพฺพจกฺขุมฺหิเยว จ ิตสฺส เจโตปริยาณสิทฺธิโต วุตฺตํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณ’’นฺติ. ตตฺถ ทิพฺพจกฺขุนาติ สปริภณฺเฑน ทิพฺพจกฺขุาเณน. ปจฺจุปฺปนฺนํโส จ อนาคตํโส จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสํ, ตตฺถ าณํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ. อาสวกฺขยาณาธิคเมเนว สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย เสสาสาธารณาณทสพลาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมาทีนมฺปิ อนฺสาธารณานํ พุทฺธคุณานํ อิชฺฌนโต ¶ ¶ วุตฺตํ ‘‘อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณ’’นฺติ. เตนาห ‘‘สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ ปกาเสตฺวา’’ติ.
อาสวกฺขยาณกถา นิฏฺิตา.
เทสนานุโมทนกถา
๑๕. ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิตฺโตติ ปีติผรเณน ปริปุณฺณกายจิตฺโต. อฺาณนฺติ อฺาณสฺสาติ อตฺโถ. ธีสทฺทสฺส โยคโต หิ สามิอตฺเถ เอตํ อุปโยควจนํ. อภิกฺกนฺตาติ เอตฺถ อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ วุตฺตํ. อภิกฺกนฺตตโร จาติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติ. โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน ปริจฺเฉเทน. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน อภิรูเปน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทสปิ ทิสา ปภาเสนฺโต จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ คาถาย อตฺโถ. อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเป.
อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมาติ วจนทฺวยสฺส ‘‘สาธุ สาธุ โภ โคตมา’’ติ อาเมฑิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส วิสยํ นิทฺธาเรนฺโต อาห ‘‘ภเย โกเธ’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘โจโร โจโร, สปฺโป สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ. ‘‘วิชฺฌ วิชฺฌ, ปหร ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ. ‘‘สาธุ สาธู’’ติอาทีสุ ปสํสายํ. ‘‘คจฺฉ คจฺฉ, ลุนาหิ ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต. ‘‘อาคจฺฉ อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล. ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเร. ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๐; อ. นิ. ๙.๑๑) หาเส. ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ โสเก. ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; จูฬว. ๓๓๒) ปสาเท. จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ ¶ . เตน ครหอสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปาโป ปาโป’’ติอาทีสุ ครหายํ. ‘‘อภิรูปก อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน ทฏฺพฺพํ.
นยิทํ ¶ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. อภิกฺกนฺตนฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺควเสน วุตฺตํ. ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมสฺส เทสนาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา’’ติ. อตฺถมตฺตทสฺสนํ วา เอตํ, ตสฺมา อตฺถวเสน ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม เวทิตพฺโพ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสวิทฺธํสนโต. คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาปนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ปธานภูตา คุณา ทสฺเสตพฺพาติ เต ปธานภูเต คุเณ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปมุขา หิ โลกิยา คุณา, ปฺาปมุขา โลกุตฺตรา. สาตฺถโตติอาทีสุ สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถโต, สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปฺปโยคตาย อุตฺตานปทโต, สณฺหสุขุมภาเวน ทุวิฺเยฺยตฺถตาย คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปฺปโยคตาย กณฺณสุขโต, วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต, ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน กรุณาสีตลโต, กิเลสนฺธการวิธมเนน ปฺาวทาตโต. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต, ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตฺถตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอว สุยฺยมานสุขโต, วิมทฺทกฺขมตาย หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตาย จ วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวมาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิธมนโต, สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารปิธานโต, สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาตนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อโธมุขปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขํ ชาตํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. หตฺเถ ¶ คเหตฺวาติ ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘นิสฺสนฺเทหํ เอส มคฺโค, เอวํ คจฺฉา’’ติ ทสฺเสยฺย. กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี กาฬปกฺขจาตุทฺทสี. นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย. เหฏฺามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ อโธมุขปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติฏฺิตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. กามํ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฏิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกา สตฺเต มิจฺฉาภินิเวสเนนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ. สพฺโพ อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค กุจฺฉิโต มคฺโคติ กตฺวา, สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ ¶ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺโค. เตเนว หิ ตทุภยปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา, อุชฺชโล ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชตคฺคหณํ. เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฏิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพปฺปกาเรหิ, เอเตหิ วา ยถาวุตฺเตหิ อรสรูปตาทีนํ อตฺตนิ อฺถา ปฏิปาทนปริยาเยหิ อตฺตโน ทิพฺพวิหารวิภาวนปริยาเยหิ วิชฺชตฺตยวิภาวนาปเทเสน อตฺตโน สพฺพฺุคุณวิภาวนปริยาเยหิ จ. เตนาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต’’ติ.
เทสนานุโมทนกถา นิฏฺิตา.
ปสนฺนาการกถา
ปสนฺนาการนฺติ ปสนฺเนหิ กาตพฺพํ สกฺการํ. สรณํ คจฺฉามีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ อาห ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ. เอตฺถ หิ นายํ คมิสทฺโท นีสทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา อชํ คามํ เนตีติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘โคตมํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ, ตสฺมา เอตฺถ อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺพํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ. เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณภาโว ¶ จ อนตฺถนิเสธเนน อตฺถสมฺปฏิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส ตาตา หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน อตฺโถ ยุตฺโต, นิสฺสกฺเก เจตํ สามิวจนํ. สรณนฺติ คมนฺเจตฺถ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ ตถา ชานนํ วาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คจฺฉามีติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ. ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ, เสวนา สนฺติกาวจรตา, ปยิรุปาสนํ วตฺตปฺปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสรณตํเยว ทีเปติ. คจฺฉามีติ ปทสฺส กถํ พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิ.
อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติ อาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตีติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตเร นิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ วุตฺตา. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺตสมฺภโว. อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ¶ อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา. เตน ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ วา อิมินา. เอตฺถ จ อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธมฺโมติ วุตฺโต. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมคฺคสฺส ตทตฺถสิทฺธิ, ตถาปิ อริยผลานํ ‘‘ยสฺมา ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต มคฺเคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตาย นิยฺยานปริโยสานตาย จ. ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน นิยฺยานธมฺมสมธิคมเหตุตายาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอว, สฺวายมตฺโถ ปาารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห.
ราควิราโคติ มคฺโค กถิโตติ กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. อเนชมโสกนฺติ ผลนฺติ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย ¶ อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชมโสกนฺติ ผลํ กถิตํ. อปฺปฏิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. ยถาห ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ นภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; มหาว. ๙). สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒) เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ ฆฏิโต, สเมโตติ อตฺโถ. อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว. อฏฺ จ ปุคฺคลา ธมฺมทสา เตติ ปุริสยุคฬวเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อฏฺเว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสา. ตีณิ วตฺถูนิ สรณนฺติ คมเนน ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยงฺคตํ วาจาย ปเวเทสิ.
ปสนฺนาการกถา นิฏฺิตา.
สรณคมนกถา
สรณคมนสฺส ¶ วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย กตฺตุ จ วิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ ‘‘สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ…เป… เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต. ตตฺถ สรณนฺติ ปทตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ. หึสตฺถสฺส หิ สรสทฺทสฺส วเสเนตํ ปทํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน วฏฺฏภยํ จิตฺตุตฺราสํ กายิกํ ทุกฺขํ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ หนติ, วินาเสตีติ อตฺโถ. รตนตฺตยสฺเสเวตํ อธิวจนํ ¶ . อถ วา หิเต ปวตฺตเนน ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔) อตฺเถ นิโยชเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปน ปาปโก วิปาโก, ปาปกํ อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสติ, หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปวตฺติกรเณน วินาเสติ พุทฺโธ. ภวกนฺตารอุตฺตรเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม สตฺตานํ ภยํ หึสติ, อิตโร อสฺสาสทาเนน. อปฺปกานมฺปิ ทานวเสน ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึสติ สงฺโฆ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโต, ตสฺมา อิมินาปิ วิภชิตฺวา วุตฺตปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺตรตนตฺตยปสอาทตคฺครุกตาหิ วิธุตทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสมฺโมหอสฺสทฺธิยาทิตาย วิหตกิเลโส ตเทว รตนตฺตยํ สรณํ ปรายณํ คติ ตาณํ เลณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนาติ กตฺวา. เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโต สตฺโต สรณนฺติ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอตานิ เม ตีณิ รตนานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อุเปติ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, เอวํ วา ชานาติ, พุชฺฌตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.
สรณคมนปฺปเภเท ปน ทุวิธํ สรณคมนํ โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉทเนน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. อตฺถโต จตุสจฺจาธิคโม เอว หิ โลกุตฺตรสรณคมนํ. ตตฺถ หิ นิพฺพานธมฺโม สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺถํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน, ตถา อริยสงฺฆคุณา. เตน วุตฺตํ ‘‘กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ ¶ . อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฏิปาฏิยา อสมฺโมหปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตา. เย ปน วทนฺติ ‘‘น สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ ¶ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ. ตฺจ อยุตฺตํ ทุวิธสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. โลกิยํ ปน สรณคมนํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา สทฺธาปฏิลาโภ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา จ สมฺมาทิฏฺิ, ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ ‘‘สทฺธาปฏิลาโภ’’ติ อิมินา มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตสรณคมนํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ อิมินา ปน าณสมฺปยุตฺตํ สรณคมนํ ทสฺสิตํ พุทฺธสุพุทฺธตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ โลกิยาวโพธวเสเนว สมฺมา าเยน ทสฺสนโต.
ตยิทํ โลกิยสรณคมนํ จตุธา ปวตฺตติ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน ตปฺปรายณตาย สิสฺสภาวูปคมเนน ปณิปาเตนาติ. ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํเยว สํสารทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตา นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ ธมฺมปรายโณ สงฺฆปรายโณติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ ตปฺปรายณภาโว. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา ‘อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’ติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ สิสฺสภาวูปคโม. ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา ‘อหํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํเยว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมี’ติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ปรมนิปจฺจกาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อฺตรมฺปิ กโรนฺเตน คหิตํเยว โหติ สรณคมนํ.
อปิจ ‘‘ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโตเยว เม อตฺตา, ปริจฺจตฺตํเยว เม ชีวิตํ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ เลณํ ตาณ’’นฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺสามิ, ภควนฺตเมว ปสฺสามิ, สุคตฺจ วตาหํ ปสฺสามิ, ภควนฺตเมว ปสฺสามิ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺสามิ, ภควนฺตเมว ปสฺสามี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวํ มหากสฺสปตฺเถรสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฏฺพฺพํ.
‘‘โส ¶ ¶ อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔);
‘‘เต มยํ วิจริสฺสาม, คามา คามํ นคา นคํ…เป… สุธมฺมต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๘๒) –
เอวมฺปิ อาฬวกสาตาคิรเหมวตาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. นนุ เจเต อาฬวกาทโย มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กถํ เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ ‘‘โสหํ วิจริสฺสามิ คามา คาม’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา ตถา วุตฺตํ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ ‘‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวมฺปิ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยตาวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ าติภยาทิวสปฺปวตฺเตหิ ตีหิ ปณิปาเตหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คยฺหติ, เสฏฺวเสน ภิชฺชติ, ตสฺมา โย สากิโย วา โกลิโย วา ‘‘พุทฺโธ อมฺหากํ าตโก’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา ‘‘สมโณ โคตโม ราชปูชิโต มหานุภาโว อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ภเยน วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โยปิ โพธิสตฺตกาเล ภควโต สนฺติเก กิฺจิ อุคฺคหิตํ สรมาโน พุทฺธกาเล วา –
‘‘เอเกน โภคํ ภฺุเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;
จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –
เอวรูปึ ทิฏฺธมฺมิกํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ, สมฺปรายิกํ ปน นิยฺยานิกํ วา อนุสาสนึ ปจฺจาสีสนฺโต ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรติ. โย ปน ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว คหิตํ โหติ สรณํ.
เอวํ ¶ ¶ คหิตสรณสฺส จ อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ าตึ ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ สรณคมนํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภยวเสน วนฺทโต. โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํ กิฺจิ สิปฺปสิกฺขาปกํ ติตฺถิยมฺปิ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชติ. เอวํ สรณคมนสฺส ปเภโท เวทิตพฺโพ.
สรณคมนกถา นิฏฺิตา.
สรณคมนผลกถา
เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ อริยมคฺคสฺเสว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ อธิปฺเปตตฺตา. สกลสฺส ปน วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒);
อปิจ นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสน เปตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย, สุขโต อุปคจฺเฉยฺย, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อรหนฺตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๗๖).
โลกิยสฺส ¶ ¶ ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,
น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ,
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ.(ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ ‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธสรณคมนํ โหติ, พุทฺธสรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ ทิพฺเพน อายุนา ทิพฺเพน วณฺเณน สุเขน ยเสน อาธิปเตยฺเยน ทิพฺเพหิ รูเปหิ สทฺเทหิ คนฺเธหิ รเสหิ โผฏฺพฺเพหี’’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑).
เอส นโย ธมฺเม สงฺเฆ จ.
อปิจ เวลามสุตฺตาทิวเสนปิ สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. ตถา หิ เวลามสุตฺเต (อ. นิ. ๙.๒๐) ‘‘กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขฺยานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณหิรฺปูรานํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนํ มหปฺผลตรํ, ตโต สตํ โสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต ¶ เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกสมฺพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต ¶ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตร’’นฺติ ปกาสิตํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยํ, คหปติ, เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เจกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๒๐) –
อาทิ. เอวํ สรณคมนผลํ เวทิตพฺพํ.
สรณคมนผลกถา นิฏฺิตา.
สรณคมนสํกิเลสเภทกถา
ตตฺถ จ โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ, น อุชฺชลํ อปริสุทฺธํ อปริโยทาตํ โหติ, น มหาวิปฺผารํ อนุฬารํ. เอตฺถ จ อฺาณํ นาม วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อชานนํ ตตฺถ สมฺโมโห. ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉา สํสโย. มิจฺฉาาณํ นาม ตสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโหติ เวทิตพฺพํ. โลกุตฺตรสฺส ปน สรณคมนสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท สาวชฺโช อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช ปน กาลกิริยาย โหติ. โลกิยฺหิ สรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานํ วิย อคฺคหิตกาลปริจฺเฉทกํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโท, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ. เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตพฺโพ.
กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณน อตฺถโต ทีปิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เตสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ ¶ , เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปาทเนน อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ. เอวเมตฺถ ‘‘สรณํ สรณคมน’’นฺติอาทีนํ ปปฺโจ เวทิตพฺโพ. อิมสฺส ปน ยถาวุตฺตปปฺจสฺส อิธ อวจเน การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โส ปน อิธ วุจฺจมาโน’’ติอาทิ. ตตฺถ สรณวณฺณนโตติ สามฺผลสุตฺเต วุตฺตสรณวณฺณนโต.
สรณคมนสํกิเลสเภทกถา นิฏฺิตา.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา
เอวํ ¶ ธาเรตูติ เอวํ ชานาตูติ อตฺโถ. เอตฺถ โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, ตสฺมา กึลกฺขโณ อุปาสโกติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา. เตน เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสกสทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติ. สทฺทสฺส หิ อภิเธยฺยปวตฺตินิมิตฺตํ ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํ. กิมสฺส สีลนฺติ กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน สีเลนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ โก อสฺส สมฺมาอาชีโว. โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ โสปิ วิภชียติ. กา วิปตฺตีติ กสฺส สีลสฺส อาชีวสฺส วา วิปตฺติ. อนนฺตรสฺส หิ วิธิ วา ปฏิเสโธ วา. สมฺปตฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพนฺติ กถํ เวทิตพฺพํ? วุจฺจเต – โก อุปาสโกติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ ติสรณํ คโต คหฏฺโ. สรณคมนเมว เหตฺถ การณํ, น ชาติอาทิวิเสโส. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยโต โข, มหานาม, พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อุปาสโก โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
กสฺมา อุปาสโกติ รตนตฺตยอุปาสนโต. เตเนว สรณคมเนน ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย อาทรคารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโตติ วุตฺตํ โหติ. โส หิ พุทฺธํ อุปาสตีติ อุปาสโก. ธมฺมํ, สงฺฆํ อุปาสตีติ อุปาสโก.
กิมสฺส ¶ สีลนฺติ ปฺจ เวรมณิโย. เวรมณิโยติ เจตฺถ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทีสุ ทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มนนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย ปฺจ วิรติโย วิรติปฺปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยโต โข, มหานาม, อุปาสโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา, กาเมสุมิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อุปาสโก สีลวา โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
โก อาชีโวติ ปฺจ มิจฺฉาวณิชฺชา ปหาย ธมฺเมน สเมน ชีวิตกปฺปนํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ? สตฺถวณิชฺชา สตฺตวณิชฺชา ¶ มํสวณิชฺชา มชฺชวณิชฺชา วิสวณิชฺชา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๗).
เอตฺถ จ สตฺถวณิชฺชาติ อาวุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ยถากตํ วา ปฏิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย. มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา สงฺคเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตา, สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวิสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโตติ เวทิตพฺพา.
กา วิปตฺตีติ ยา ตสฺเสว สีลสฺส จ อาชีวสฺส จ วิปตฺติ เภโท โกโป ปโกโป จ, อยมสฺส วิปตฺติ. อปิจ ยาย เอส จณฺฑาโล เจว โหติ มลฺจ ปฏิกุฏฺโ จ, สาปิสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. เต จ อตฺถโต อสฺสทฺธิยาทโย ปฺจ ธมฺมา โหนฺติ. ยถาห –
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปฏิกุฏฺโ จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ, ทุสฺสีโล โหติ, โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ, โน กมฺมํ ¶ , อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสติ, ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
เอตฺถ จ อุปาสกปฏิกุฏฺโติ อุปาสกนิหีโน. พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย อสฺสทฺธิยํ มิจฺฉาธิโมกฺโข, ยถาวุตฺเตน อสฺสทฺธิเยน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ. โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโตพหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ปุพฺพการํ กโรตีติ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ ปมตรํ กโรติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปอเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.
กา ¶ สมฺปตฺตีติ สาว ตสฺส สีลสมฺปทา จ อาชีวสมฺปทา จ สมฺปตฺติ, เย จสฺส รตนภาวาทิกรา สทฺธาทโย ปฺจ ธมฺมา. ยถาห –
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีโก จ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, น โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ, โน มงฺคลํ, น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสติ, อิธ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ.
เอตฺถ จ จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ, คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ, ตถา อุปาสกปุณฺฑรีโก จ เวทิตพฺโพ. เสสเมตฺถ วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน วิฺเยฺยํ. เอวมิทํ ‘‘โก อุปาสโก’’ติอาทิกํ ปกิณฺณกํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. อิมสฺส ปน ปกิณฺณกสฺส อิธ วิตฺถาเรตฺวา อวจเน การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตํ อติภาริยกรณโต’’ติอาทิ.
อาทิมฺหีติ ¶ อาทิอตฺเถ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน, ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานํ อิทํ ปนสผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทินา ตํตํวสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ. อชฺชตนฺติ อชฺช อิจฺเจว อตฺโถ. ปาเณหิ อุเปตนฺติ อิมินา ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน ชีวิเตนปหํ วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต สรณคมนฺจ รกฺขามีติ อุปฺปนฺนํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ปาเณหิ อุเปตนฺติ หิ ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปตํ, อุเปนฺโต น วาจามตฺเตน น เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทนมตฺเตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสน ยาวชีวํ อุเปตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อธิวาเสตูติ สาทิยตุ, ตํ ปน สาทิยนํ มนสา สมฺปฏิคฺคโห โหตีติ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉตู’’ติ. กายงฺคนฺติ กายเมว องฺคนฺติ วทนฺติ, กายสฺส วา องฺคํ สีสาทิ กายงฺคํ, สีสาทิ สรีราวยวนฺติ วุตฺตํ โหติ. วาจงฺคนฺติ ‘‘โหตุ สาธู’’ติ เอวมาทิวาจาย องฺคํ อวยวํ. วาจงฺคสฺส โจปนํ วาจาย ปวตฺตนเมวาติ เวทิตพฺพํ. อพฺภนฺตเรเยวาติ อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเนเยว. ขนฺตึ จาเรตฺวาติ ขนฺตึ ปวตฺเตตฺวา, รุจึ อุปฺปาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ขนฺตึ ธาเรตฺวา’’ติปิ ปาโ, อุปฺปนฺนํ รุจึ อพฺภนฺตเรเยว ธาเรตฺวา วจีเภเทน อปกาเสตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
กถํ ¶ ปน เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ อฺาสิ. น หิ เตน สกฺกา ภควโต จิตฺตปฺปวตฺติ ปจฺจกฺขโต วิฺาตุํ, ตสฺมา ‘‘ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? กิฺจาปิ เตน น สกฺกา จิตฺตปฺปวตฺติ ปจฺจกฺขโต วิฺาตุํ, ตถาปิ อาการสลฺลกฺขณกุสลตาย อนฺวยพฺยติเรกวเสน อนุมานโต อฺาสีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สเจ เม สมโณ โคตโม’’ติอาทิ. อาการสลฺลกฺขณกุสลตายาติ จิตฺตปฺปวตฺติอาการวิชานเน เฉกตาย, อธิปฺปายวิชานเน กุสลตายาติ วุตฺตํ โหติ. ทสนขสโมธานสมุชฺชลนฺติ ทฺวีสุ หตฺเถสุ ทสนฺนํ นขานํ สโมธาเนน เอกีภาเวน สมุชฺชลนฺตํ. อฺชลินฺติ หตฺถปุฏํ. ปฏิมุโขเยวาติ อภิมุโขเยว, น ภควโต ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวาติ อตฺโถ. วนฺทิตฺวาติ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา นิฏฺิตา.
ทุพฺภิกฺขกถา
๑๖. สุสสฺสกาเลปีติ ¶ สมฺปนฺนสสฺสกาเลปิ. อติสมคฺเฆปีติ อติสเยน อปฺปคฺเฆปิ, ยทา กิฺจิเทว ทตฺวา พหุํ ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ คณฺหนฺติ, ตาทิเส กาเลปีติ อตฺโถ. สาลิอาทิ ธฺํ ปุพฺพณฺณํ, มุคฺคมาสาทิ อปรณฺณํ. ทฺวิธา ปวตฺตํ อีหิตํ เอตฺถาติ ทฺวีหิติกาติ มชฺฌปทโลปีพาหิรตฺถสมาโสยมีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทฺวิธา ปวตฺตอีหิติกา’’ติ. อีหนํ อีหิตนฺติ อีหิตสทฺโทยํ ภาวสาธโนติ อาห ‘‘อีหิตํ นาม อิริยา’’ติ. ตตฺถ อิริยาติ กิริยา. กสฺส ปเนสา กิริยาติ อาห ‘‘จิตฺตอิริยา’’ติ, จิตฺตกิริยา จิตฺตปฺปโยโคติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘จิตฺตอีหา’’ติ. กถํ ปเนตฺถ อีหิตสฺส ทฺวิธา ปวตฺตีติ อาห ‘‘ลจฺฉาม นุ โข’’ติอาทิ. ตตฺถ ลจฺฉาม นุ โขติ อิทํ ทุคฺคตานํ วเสน วุตฺตํ. ชีวิตุํ วา สกฺขิสฺสาม นุ โข, โนติ อิทํ ปน อิสฺสรานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ภิกฺขมานาติ ยาจมานา. ‘‘ทุหิติกา’’ติปิ ปาโ. ตตฺถาปิ วุตฺตนเยเนวตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทฺวิ-สทฺทสฺส หิ ทุ-สทฺทาเทเสนายํ นิทฺเทโส โหติ. ทุกฺขํ วา อีหิตํ เอตฺถ น สกฺกา โกจิ ปโยโค สุเขน กาตุนฺติ ทุหิติกา, ทุกฺกรชีวิตปฺปโยคาติ อตฺโถ.
ทุ-สทฺเท วา อุการสฺส วการํ กตฺวา ทฺวีหิติกาติ อยํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. พฺยาธิ โรโคติ เอตานิ ‘‘อาตุรตา’’ติ อิมสฺส เววจนานิ. เตน เสตฏฺฏิกา นาม เอกา โรคชาตีติ ทสฺเสติ. โส ปน โรโค ปาณกโทเสน สมฺภวติ. เอโก กิร ปาณโก ¶ นาฬมชฺฌคตํ คณฺึ วิชฺฌติ, เยน วิทฺธตฺตา นิกฺขนฺตมฺปิ สาลิสีสํ ขีรํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘ปจฺฉินฺนขีร’’นฺติอาทิ.
วุตฺตสสฺสนฺติ วปิตสสฺสํ. ตตฺถาติ เวรฺชายํ. สลากามตฺตํ วุตฺตํ เอตฺถาติ สลากาวุตฺตา, ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโส. เตนาห ‘‘สลากา เอว สมฺปชฺชตี’’ติ. ยํ ตตฺถ วุตฺตํ วาปิตํ, ตํ สลากามตฺตเมว อโหสิ, ผลํ น ชายตีติ อตฺโถ. สมฺปชฺชตีติ จ อิมินา ‘‘สลากาวุตฺตา’’ติ เอตฺถายํ วุตฺตสทฺโท นิปฺผตฺติอตฺโถติ ทสฺเสติ. สลากายาติ เวฬุวิลีวตาลปณฺณาทีหิ กตสลากาย. ธฺวิกฺกยกานํ สนฺติกนฺติ ธฺํ วิกฺกิณนฺตีติ ธฺวิกฺกยกา, เตสํ สมีปนฺติ อตฺโถ. กยเกสูติ ธฺคณฺหนเกสุ. กิณิตฺวาติ คเหตฺวา. ธฺกรณฏฺาเนติ โกฏฺาคารสฺส สมีปฏฺาเน, ธฺมินนฏฺาเนติ วุตฺตํ โหติ ¶ . วณฺณชฺฌกฺขนฺติ กหาปณปริกฺขกํ. นสุกรา อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุนฺติ ปคฺคยฺหตีติ ปคฺคโห, ปตฺโต. เตน ปคฺคเหน ปตฺเตนาติ อตฺโถ, ปตฺตํ คเหตฺวา ภิกฺขาจริยาย ยาเปตุํ น สกฺกาติ วุตฺตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘ปคฺคเหน โย อฺุโฉ’’ติอาทิ. นสุกราติ สุกรภาโว เอตฺถ นตฺถีติ นสุกรา. ปิณฺฑาย จริตฺวาติ ปิณฺฑาย จรณเหตุ. เหตุอตฺเถปิ หิ ตฺวาสทฺทเมเก อิจฺฉนฺติ.
อุตฺตราปถโต อาคตา, อุตฺตราปโถ วา นิวาโส เอเตสนฺติ อุตฺตราปถกาติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘อุตฺตราหกา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อุตฺตราปถวาสิกา’’ติอาทิ. ‘‘อุตฺตราปถกา’’อิจฺเจว วา ปาฬิปาโ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘อุตฺตรํ วิสิฏฺํ ภณฺฑํ อาหรนฺตีติ อุตฺตราหกา, อุตฺตรํ วา อธิกํ อคฺฆํ เนนฺตีติ อุตฺตราหกา’’ติอาทินา อฺเน ปกาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ. อสฺสานํ อุฏฺานฏฺาเนติ อสฺสานํ อากรฏฺาเน. เวรฺชนฺติ เวรฺชายํ. ภุมฺมตฺเถ เหตํ อุปโยควจนํ. มนฺทิรนฺติ อสฺสสาลํ. อสฺสมณฺฑลิกาโยติ ปฺายึสูติ ปริมณฺฑลากาเรน กตตฺตา อสฺสมณฺฑลิกาโยติ ปากฏา อเหสุํ. เอวํ กตานฺจ อสฺสสาลานํ พหุตฺตา พหุวจนนิทฺเทโส กโต. ทสนฺนํ ทสนฺนํ อสฺสานํ วสโนกาโส เอเกกา อสฺสมณฺฑลิกาติปิ วทนฺติ. อทฺธานกฺขมา น โหนฺตีติ ทีฆกาลํ ปวตฺเตตุํ ขมา น โหนฺติ, น จิรกาลปฺปวตฺติโนติ วุตฺตํ โหติ.
คงฺคาย ทกฺขิณา ทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรา ทิสา ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘น หิ เต’’ติอาทิ. คงฺคาย ทกฺขิณตีรชาตา ทกฺขิณาปถมนุสฺสา. ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ’’ติ เอวํ พุทฺธํ มมายนฺตีติ พุทฺธมามกา. เอวํ เสเสสุปิ. ปฏิยาเทตุนฺติ สมฺปาเทตุํ. นิจฺจภตฺตสงฺเขเปนาติ นิจฺจภตฺตากาเรน. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ อิทํ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ปุพฺพณฺหสมเยติ ¶ อตฺโถ’’ติ. อจฺจนฺตสํโยเค วา อิทํ อุปโยควจนนฺติ ทสฺเสตุํ ยถา อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ, ตถา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปุพฺพณฺเห วา สมย’’นฺติอาทิ. เอวนฺติ เอวํ ปจฺฉา วุตฺตนเยน อตฺเถ วุจฺจมาเน. นนุ จ วิหาเร นิสีทนฺตาปิ อนฺตรวาสกํ นิวาเสตฺวาว นิสีทนฺติ, ตสฺมา ‘‘นิวาเสตฺวา’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสนา’’ติอาทิ. วิหารนิวาสนปริวตฺตนฺจ วิหาเร นิสินฺนกาเล นิวตฺถมฺปิ ปุน คามปฺปเวสนสมเย จาเลตฺวา ¶ อิโต จิโต จ สณฺเปตฺวา สกฺกจฺจํ นิวาสนเมวาติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘น หิ เต ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺถา อเหสุ’’นฺติ. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตฺจ จีวรฺจ คเหตฺวา. คหณฺเจตฺถ น เกวลํ หตฺเถเนว, อถ โข เยน เกนจิ อากาเรน ธารณเมวาติ ทสฺเสนฺโต ยถาสมฺภวมตฺถโยชนํ กโรติ ‘‘ปตฺตํ หตฺเถหี’’ติอาทินา.
คตคตฏฺาเนติ อสฺสมณฺฑลิกาสุ สมฺปตฺตสมฺปตฺตฏฺาเน. อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ปริภฺุชนฺตีติ เอตฺถ กสฺมา ปน เต ภิกฺขู สยเมว เอวํ กตฺวา ปริภฺุชนฺติ, กิเมวํ ลทฺธํ กปฺปิยการเกหิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ปจาเปตฺวา สยํ วา ปจิตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘เถรานํ โกจิ กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติอาทิ. กปฺปิยากปฺปิยภาวํ อนเปกฺขิตฺวา ภิกฺขูนํ เอวํ กาตุํ สารุปฺปํ น โหตีติ วตฺวา ปุน อกปฺปิยภาวมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น จ วฏฺฏตี’’ติ. ภาชนาทิปริหรณวเสน พหุภณฺฑิกตาย อภาวโต วุตฺตํ ‘‘สลฺลหุกวุตฺติตา’’ติ. สกํ สกํ ปฏิวีสนฺติ อตฺตโน อตฺตโน โกฏฺาสํ. อปฺโปสฺสุกฺกาติ สมณธมฺมโต อฺตฺถ นิรุสฺสาหา. ตทุปิยนฺติ ตทนุรูปํ. ปิสตีติ จุณฺเณติ. ปฺุาณวิเสเสหิ กตฺตพฺพกมฺมสฺส มนาปตา โหตีติ อาห ‘‘ปฺุวตา’’ติอาทิ. นนฺติ นํ ปตฺถปุลกํ. ‘‘น ตโต ปฏฺายา’’ติ วจนโต ตโต ปุพฺเพ ภควโต ปิณฺฑาย จรณมฺปิ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ลทฺธาติ ลภิตฺวา. ‘‘ลทฺโธ’’ติ วา ปาโ, อุปฏฺากฏฺานํ เนว ลทฺโธติ อตฺโถ. กทา ปน เถโร อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺโธติ? วุจฺจเต (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๙-๒๒๓) – เอกทา กิร ภควา นาคสมาลตฺเถเรน สทฺธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน ทฺเวธาปถํ ปตฺโต. เถโร มคฺคา อุกฺกมฺม ‘‘ภควา อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ อาห. อถ นํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, อิมินา คจฺฉามา’’ติ อาห. โส ‘‘หนฺท ภควา ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ อิมินา คจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ ฉมายํ เปตุํ อารทฺโธ. อถ ภควา ‘‘อาหร ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คโต. ตสฺสปิ ภิกฺขุโน อิตเรน มคฺเคน ¶ คจฺฉโต โจรา ปตฺตจีวรฺเจว หรึสุ, สีสฺจ ภินฺทึสุ. โส ‘‘ภควา ทานิ เม ปฏิสรณํ, น อฺโ’’ติ จินฺเตตฺวา โลหิเตน คฬนฺเตน ภควโต สนฺติกํ อาคมิ. ‘‘กิมิทํ ภิกฺขู’’ติ จ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ ¶ นํ ภควา ‘‘มา จินฺตยิ ภิกฺขุ, เอตํ การณํเยว เต นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา สมสฺสาเสสิ.
เอกทา ปน ภควา เมฆิยตฺเถเรน สทฺธึ ปาจีนวํสมิคทาเย ชนฺตุคามํ อคมาสิ. ตตฺราปิ เมฆิโย ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นทีตีเร ปาสาทิกํ อมฺพวนํ ทิสฺวา ‘‘ภควา ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ เอตสฺมึ อมฺพวเน สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ วตฺวา ภควตา ติกฺขตฺตุํ นิวาริยมาโนปิ คนฺตฺวา อกุสลวิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺโต ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตมฺปิ ภควา ‘‘อิทเมว เต การณํ สลฺลกฺขยิตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อคมาสิ. ตตฺถ คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิมฺหิ มหลฺลโก, เอกจฺเจ ภิกฺขู ‘อิมินา มคฺเคน คจฺฉามา’ติ วุตฺเต อฺเน คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฏฺากํ ภิกฺขุํ ชานาถา’’ติ. ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺาย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว ปตฺถยมาโน สตสหสฺสกปฺปาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูเรสึ, นนุ มาทิโส มหาปฺโ อุปฏฺาโก นาม วฏฺฏติ, อหํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ตํ ภควา ‘‘อลํ, สาริปุตฺต, ยสฺสํ ทิสายํ ตฺวํ วิหรสิ, อสฺุาเยว สา ทิสา, ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส, น เม ตยา อุปฏฺากกิจฺจํ อตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. เอเตเนวุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทึ กตฺวา อสีติมหาสาวกา อุฏฺหึสุ. สพฺเพ ภควา ปฏิกฺขิปิ.
อานนฺทตฺเถโร ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจติ, ตฺวมฺปิ ยาจาหี’’ติ. ยาจิตฺวา ลทฺธฏฺานํ นาม อาวุโส กีทิสํ โหติ, กึ มํ สตฺถา น ปสฺสติ, สเจ โรเจสฺสติ, ‘‘อานนฺโท มํ อุปฏฺาตู’’ติ วกฺขตีติ. อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อานนฺโท อฺเน อุสฺสาเหตพฺโพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ อาห. ตโต ภิกฺขู ‘‘อุฏฺเหิ อาวุโส อานนฺท, อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, ทสพลํ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุ. เถโร อุฏฺหิตฺวา จตฺตาโร ปฏิกฺเขเป จ จตสฺโส จ อายาจนาติ อฏฺ วเร ยาจิ.
จตฺตาโร ¶ ปฏิกฺเขปา นาม ‘‘สเจ เม, ภนฺเต ภควา, อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ ¶ , ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อาทีนวํ อทฺทสา’’ติ วุตฺเต อาห ‘‘สจาหํ, ภนฺเต, อิมานิ วตฺถูนิ ลภิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘อานนฺโท ทสพเลน ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ ปริภฺุชติ, ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสติ, เอกนิมนฺตนํ คจฺฉติ, เอตํ ลาภํ ลภนฺโต ตถาคตํ อุปฏฺาติ, โก เอวํ อุปฏฺหโต ภาโร’’’ติ. อิเม จตฺตาโร ปฏิกฺเขเป ยาจิ.
จตสฺโส อายาจนา นาม ‘‘สเจ, ภนฺเต ภควา, มยา คหิตํ นิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ ติโรรฏฺา ติโรชนปทา ภควนฺตํ ทฏฺุํ อาคตปริสํ อาคตกฺขเณ เอว ภควนฺตํ ทสฺเสตุํ ลจฺฉามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึเยว ขเณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ลจฺฉามิ, ตถา ยํ ภควา มยฺหํ ปรมฺมุขํ ธมฺมํ เทเสติ, ตํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อานิสํสํ ปสฺสสี’’ติ วุตฺเต อาห ‘‘อิธ, ภนฺเต, สทฺธา กุลปุตฺตา ภควโต โอกาสํ อลภนฺตา มํ เอวํ วทนฺติ ‘สฺเวว, ภนฺเต อานนฺท, ภควตา สทฺธึ อมฺหากํ ฆเร ภิกฺขํ คณฺเหยฺยาถา’ติ. สเจ ภควา ตตฺถ น คมิสฺสติ, อิจฺฉิตกฺขเณเยว ปริสํ ทสฺเสตุํ กงฺขฺจ วิโนเทตุํ โอกาสํ น ลจฺฉามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘กึ อานนฺโท ทสพลํ อุปฏฺาติ, เอตฺตกมฺปิสฺส อนุคฺคหํ ภควา น กโรตี’ติ. ภควโต จ ปรมฺมุขา มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ ‘อยํ, อาวุโส อานนฺท, คาถา อิทํ สุตฺตํ อิทํ ชาตกํ กตฺถ เทสิต’นฺติ. สจาหํ ตํ น สมฺปายิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘เอตฺตกมฺปิ, อาวุโส, น ชานาสิ, กสฺมา ตฺวํ ฉายา วิย ภควนฺตํ น วิชหนฺโต ทีฆรตฺตํ จิรํ วิจรี’ติ. เตนาหํ ปรมฺมุขา เทสิตสฺสปิ ธมฺมสฺส ปุน กถนํ อิจฺฉามี’’ติ. อิมา จตสฺโส อายาจนา ยาจิ. ภควาปิสฺส อทาสิ. เอวํ อิเม อฏฺ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฏฺาโก อโหสิ.
ตสฺเสว านนฺตรสฺส อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณิ, ปาปุณิตฺวา จ อุปฏฺากานํ อคฺโค หุตฺวา ภควนฺตํ อุปฏฺหิ. เถโร หิ อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ภควนฺตํ ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกฏฺเน ปาทปริกมฺเมน ปิฏฺิปริกมฺเมน คนฺธกุฏิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิจฺเจหิ อุปฏฺหนฺโต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ ¶ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ตํ นิปฺผาเทนฺโต มหตึ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา เอกรตฺตึ คนฺธกุฏิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติ. เอวฺหิสฺส อโหสิ ‘‘สเจ เม ถินมิทฺธํ โอกฺกเมยฺย, ภควติ ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนํ ทาตุํ นาหํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ. ตสฺมา สพฺพรตฺตึ ทณฺฑทีปิกํ หตฺเถน น มฺุจติ, เอวเมตสฺส นิพทฺธุปฏฺากฏฺานสฺส ¶ อลทฺธภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โน จ โข อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธา’’ติ. นิพทฺธุปฏฺาโก นาม นตฺถีติ นิยตุปฏฺาโก นาม นตฺถิ. อนิยตุปฏฺากา ปน ภควโต ปมโพธิยํ พหู อเหสุํ, เต ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กทาจิ นาคสมาลตฺเถโร’’ติอาทิ. าติ จ โส ปสตฺถตมคุณโยคโต เสฏฺโ จาติ าติเสฏฺโ. เอวรูเปสุ าเนสุ อยเมว ปติรูโปติ อาปทาสุ อามิสสฺส อภิสงฺขริตฺวา ทานํ นาม าตเกเนว กาตุํ ยุตฺตตรนฺติ อธิปฺปาโย.
มาราวฏฺฏนายาติ มาเรน กตจิตฺตาวฏฺฏนาย, มารานุภาเวน สฺชาตจิตฺตสมฺโมเหนาติ วุตฺตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อาวฏฺเฏตฺวา โมเหตฺวา’’ติอาทิ. ติฏฺนฺตุ…เป… ตมฺปิ มาโร อาวฏฺเฏยฺยาติ ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล กตุปจิตสฺส อกุสลกมฺมสฺส ตทา ลทฺโธกาสวเสน อุปฏฺิตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน –
‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยึ;
ยวํ ขาทถ ภฺุชถ, มา จ ภฺุชถ สาลโย.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เตมาสํ ขาทิตํ ยวํ;
นิมนฺติโต พฺราหฺมเณน, เวรฺชายํ วสึ ตทา’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๘๘-๘๙);
ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ ปริโยนทฺธจิตฺโต, อภิภูตจิตฺโตติ อตฺโถ. อาวฏฺฏิตปริโยสาเน อาคมึสูติ มาเรน อาวฏฺเฏตฺวา คเต ปจฺฉา อาคมึสุ. อวิสหตายาติ อสกฺกุเณยฺยตาย. อภิหฏภิกฺขายาติ ปจิตฺวา อภิหริยมานภิกฺขาย. นิพทฺธทานสฺสาติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ภควโต ทสฺสามา’’ติ นิจฺจภตฺตวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปิตทานสฺส. อปฺปิตวตฺถสฺสาติ ‘‘อิทํ พุทฺธสฺส จตุปจฺจยปริโภคตฺถ’’นฺติ วิหารํ เนตฺวา ทินฺนวตฺถุโน. น วิสหตีติ น สกฺโกติ. อภิหฏภิกฺขาสงฺเขเปนาติ อภิหฏภิกฺขานีหาเรน ¶ . พฺยามปฺปภายาติ สมนฺตโต พฺยามมตฺตาย ปภาย. เอตฺถ จ อนุพฺยฺชนานํ พฺยามปฺปภาย จ นิปฺปภากรณํ อนฺตราโยติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘จนฺทิมสูริยเทวพฺรหฺมานมฺปิ หี’’ติอาทิ. อนุพฺยฺชนานํ พฺยามปฺปภาย เอกาพทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘อนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาปฺปเทสํ ปตฺวา’’ติ. สพฺพฺุตฺาณสฺส อนฺตราโย นาม เยฺยธมฺเมสุ อาวรณํ.
อสฺโสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทนฺติ กึ สยเมว อุปฺปนฺนํ อุทุกฺขลสทฺทํ อสฺโสสีติ ¶ เจติ อาห ‘‘ปตฺถปตฺถปุลกํ โกฏฺเฏนฺตาน’’นฺติอาทิ. อตฺถสฺหิตนฺติ ปโยชนสาธกํ. อนตฺถสฺหิเตติ อนตฺถนิสฺสิเต วจเน. ฆาตาเปกฺขํ ภุมฺมวจนํ. ยสฺมิฺจ เยน ฆาโต นิปฺผาทียติ, ตสฺเสว เตน ฆาโต กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘มคฺเคเนว ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต สมุจฺเฉโทติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. สามิอตฺเถ วา ภุมฺมวจนนฺติ มฺมาโน เอวมาหาติ ทฏฺพฺพํ. วจนสฺส จ สมุคฺฆาโต ตมฺมูลกิเลสานํ สมุคฺฆาเตนาติ เวทิตพฺพํ.
อากโรติ อตฺตโน อนุรูปตาย สมริยาทํ สปริจฺเฉทํ ผลํ นิปฺผตฺเตตีติ อากาโร การณนฺติ อาห ‘‘อากาเรหีติ การเณหี’’ติ. อฏฺุปฺปตฺติยุตฺตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตํ. ตาย ปุจฺฉาย วีติกฺกมํ ปากฏํ กตฺวาติ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทิปุจฺฉาย เตน ภิกฺขุนา กตวีติกฺกมํ ปกาเสตฺวา, วีติกฺกมปฺปกาสนฺจ กิมตฺถมิทํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ อนุชานนตฺถํ.
นตฺถิ กิฺจิ วตฺตพฺพนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา น กิฺจิ เอตฺถ อปุพฺพํ วตฺตพฺพมตฺถีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ วุตฺตเมว หี’’ติอาทิ. สาธุ สาธูติ อิทํ ปสํสายํ อาเมฑิตวจนนฺติ อาห ‘‘อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สมฺปหํเสนฺโต’’ติ. ทฺวีสุ อากาเรสูติ ธมฺมเทสนสิกฺขาปทปฺตฺติสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ การเณสุ. เอกํ คเหตฺวาติ ธมฺมํ วา เทเสสฺสามาติ เอวํ วุตฺตการณํ คเหตฺวา. เอวํทุพฺภิกฺเขติ เอวํ ทุกฺเขน ลภิตพฺพา ภิกฺขา เอตฺถาติ เอวํทุพฺภิกฺเข กาเล, เทเส วา. ทุลฺลภปิณฺเฑติ เอตสฺเสว อตฺถทีปนํ. ภาชนาทิปริหรณวเสน พหุภณฺฑิกตาย อภาวโต วุตฺตํ ‘‘อิมาย สลฺลหุกวุตฺติตายา’’ติ. เอตฺตกเมว อลํ ยาเปตุนฺติ อุตฺตริ ปตฺถนาภาวโต ปน ‘‘อิมินา จ สลฺเลเขนา’’ติ วุตฺตํ. ทุพฺภิกฺขํ วิชิตนฺติ เอตฺถ หิ ภิกฺขานํ อภาโว ทุพฺภิกฺขํ ‘‘นิมฺมกฺขิก’’นฺติอาทีสุ วิย. ภิกฺขาภาโวเยว หิ ตํนิมิตฺตจิตฺตวิฆาตานํ อภาวโต ภิกฺขูหิ ¶ วิชิโต วเส วตฺติโต. โลโภ วิชิโตติ อามิสเหตุ รตฺติจฺเฉทวสฺสจฺเฉทสมุฏฺาปโก โลลุปฺปาโทปิ เตสํ นาโหสีติ อามิสโลลตาสงฺขาโต โลโภ วิชิโต. อิจฺฉาจาโร วิชิโตติ ‘‘อามิสเหตุ อฺมฺสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฺปกาสนวเสน คุณวณิชฺชํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสฺสามา’’ติ เอวํ ปวตฺตอิจฺฉาจารสฺส อภาวโต ยถาวุตฺโต อิจฺฉาจาโร วิชิโต. จิตฺตุปฺปาทมตฺตสฺสปิ อนุปฺปนฺนภาวํ สนฺธาย ‘‘จินฺตา วา’’ติ วุตฺตํ. ปุนปฺปุนานุโสจนวเสน ปน จิตฺตปีฬาปิ นาโหสีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วิฆาโต วา’’ติ วุตฺตํ.
รตฺติจฺเฉโท วาติ สตฺตาหกรณียวเสน คนฺตฺวา พหิ อรุณุฏฺาปนวเสน รตฺติจฺเฉโท วา น กโต สตฺตาหกิจฺจวเสนปิ กตฺถจิ อคตตฺตา. สตฺตาหกิจฺจวเสน วิปฺปวาสฺหิ สนฺธาย รตฺติจฺเฉโทติ ¶ อฏฺกถาโวหาโร, ตโตเยว จ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๙๙) ‘‘อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโย’’ติ วตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนตฺถาย อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติอาทินา สตฺตาหกรณียเมว วิภตฺตํ. มหาอฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สตฺตาหกิจฺเจน คนฺตฺวา เอกภิกฺขุนาปิ รตฺติจฺเฉโท วา น กโต’’ติ. เอวฺจ กตฺวา รตฺติจฺเฉโท นาม สตฺตาหกรณียวเสน โหติ, น อฺถาติ รตฺติจฺเฉทลกฺขณฺจ กถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ปจฺจยเวกลฺลสงฺขาเต วสฺสจฺเฉทการเณ สติ รตฺติจฺเฉทสฺสปิ วุตฺตตฺตา ยตฺถ วสฺสจฺเฉทการณํ ลพฺภติ, ตตฺถ สตฺตาหกิจฺเจน คนฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ สิทฺธนฺติ จูฬคณฺิปเท มชฺฌิมคณฺิปเท จ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตํ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก วสฺสจฺเฉทาธิกาเร –
‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺมึ อาวาเส วสฺสูปคตานํ ภิกฺขูนํ คาโม โจเรหิ วุฏฺาสิ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน คาโม เตน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๑) –
เอตฺถ ‘‘สเจ คาโม อวิทูรคโต โหติ, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารเมว อาคนฺตฺวา วสิตพฺพํ. สเจ ทูรคโต, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ. น สกฺกา เจ โหติ, ตตฺเถว สภาคฏฺาเน วสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๑) อิมินา อฏฺกถาวจเนนปิ สํสนฺทนโต. ตถา หิ คาเม วุฏฺิเต ¶ ภิกฺขาย อภาวโต วสฺสจฺเฉเทปิ อนาปตฺตึ วทนฺเตน ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน คาโม เตน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๑) วุตฺตตฺตา ภิกฺขาย อภาโว วสฺสจฺเฉทการณํ. ตตฺถ ‘‘สเจ ทูรคโต, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๑) อิทํ อฏฺกถาวจนํ วสฺสจฺเฉทการเณ สติ สตฺตาหกิจฺเจน คนฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ อิมมตฺถํ สาเธติ.
ยํ ปน วุตฺตํ เกนจิ –
‘‘รตฺติจฺเฉโทติ สตฺตาหกิจฺจํ สนฺธาย วุตฺโต, สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา รตฺติจฺเฉโท วา วสฺสจฺเฉโท วา เอกภิกฺขุนาปิ น กโตติ วุตฺตํ กิร มหาอฏฺกถายํ, ตสฺมา วสฺสจฺเฉทสฺส การเณ สติ สตฺตาหกิจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. วินยธรา ปน น อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถาธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ’’ติ.
ตํ ปน สยํ สมฺมูฬฺหสฺส ปเรสํ โมหุปฺปาทนมตฺตํ. น หิ วินยธรานํ อนิจฺฉาย การณํ ทิสฺสติ ¶ อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต ยุตฺติอภาวโต จ. ยฺหิ การณํ วสฺสจฺเฉเทปิ อนาปตฺตึ สาเธติ, ตสฺมึ สติ วินา วสฺสจฺเฉทํ สตฺตาหกิจฺเจน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ กา นาม ยุตฺติ. ‘‘ปจฺฉิมิกาย ตตฺถ วสฺสํ อุปคจฺฉามา’’ติ อิทํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนุรูปปริวิตกฺกนปอทีปนํ, น ปน วิเสสตฺถปริทีปนํ. ตถา หิ ทุพฺภิกฺขตาย วสฺสจฺเฉทกรณสพฺภาวโต ปุริมิกาย ตาว วสฺสจฺเฉเทปิ อนาปตฺติ. ปจฺฉิมิกายํ อนุปคนฺตุกามตาย คมเนปิ นตฺถิ โทโส ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกทิวสสฺส อสมฺปตฺตภาวโต.
น กิสฺมิฺจิ มฺนฺตีติ กิสฺมิฺจิ คุเณ สมฺภาวนวเสน น มฺนฺติ. ปกาเสตฺวาติ ปฏิลทฺธชฺฌานาทิคุณวเสน ปกาเสตฺวา. ‘‘ปจฺฉา สีลํ อธิฏฺเหยฺยามา’’ติ วุตฺตนเยน กุจฺฉิปฏิชคฺคเน สติ ตถาปวตฺตอิจฺฉาจารสฺส อปริสุทฺธภาวโต อาชีวสุทฺธิยา จ อภาวโต ปุน วายมิตฺวา สํวเร ปติฏฺาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉา สีลํ อธิฏฺเหยฺยามา’’ติ.
กึ อิทนฺติ ครหณวเสน วุตฺตํ. สาลิตณฺฑุเลหิ สมฺปาทิตํ มํเสน อุปสิตฺตํ โอทนํ สาลิมํโสทนํ. อติมฺิสฺสตีติ อวฺาตกรณวเสน อติกฺกมิตฺวา มฺิสฺสติ, ลามกํ นิหีนํ กตฺวา มฺิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ ¶ . เตนาห ‘‘โอฺาตํ อวฺาตํ กริสฺสตี’’ติ. เหฏฺา กตฺวา นิหีนํ กตฺวา าตํ โอฺาตํ. อวฺาตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. สฺวายนฺติ โส อยํ ชนปโท. อิมาย ปฏิปตฺติยาติ เวรฺชายํ ปูริตาย สุทุกฺกราย ปฏิปตฺติยา. ตุมฺเห นิสฺสายาติ ตุมฺหากํ อิมํ อปฺปิจฺฉปฏิปทํ นิสฺสาย. สพฺรหฺมจารีสงฺขาตาติ ฉพฺพคฺคิยาทโย วุตฺตา. ตุมฺหากํ อนฺตเร นิสีทิตฺวาติ ตุมฺหากํ มชฺเฌ นิสีทิตฺวา, ตุมฺเหหิ สทฺธึ นิสีทิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โอมานนฺติ อติมานํ. อติมาโนเยว เหตฺถ นิหีนตาย ‘‘โอมาน’’นฺติ วุตฺโต, น ปน หีเฬตฺวา มฺนํ. ตุมฺเหหิ, อานนฺท, สปฺปุริเสหิ วิชิตํ สาลิมํโสทนํ ปจฺฉิมา ชนตา อติมฺิสฺสตีติ เอวเมตฺถ ปาฬึ โยเชตฺวา อตฺถํ วณฺณยนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ลทฺธํ, เตเนว ตุสฺสิตฺวา สาลิมํโสทนปตฺถนาย ฉินฺนตฺตา จ ตุมฺเหหิ วิชิตํ อภิภูตํ สาลิมํโสทนํ ปจฺฉิมา ชนตา ตตฺถ ปตฺถนํ ฉินฺทิตุํ อสมตฺถตาย อติมฺิสฺสตีติ.
ทุพฺภิกฺขกถา นิฏฺิตา.
มหาโมคฺคลฺลานสฺส สีหนาทกถา
๑๗. อายสฺมาติ วา เทวานํปิยาติ วา ภทฺรภวนฺติ วา ปิยสมุทาจาโร เอโสติ อาห ‘‘อายสฺมาติ ¶ ปิยวจนเมต’’นฺติ. วิฺุชาติกา หิ ปรํ ปิเยน สมุทาจรนฺตา ‘‘ภว’’นฺติ วา ‘‘เทวานํปิยา’’ติ วา ‘‘อายสฺมา’’ติ วา สมุทาจรนฺติ, ตสฺมา สมฺมุขา สมฺโพธนวเสน อาวุโสติ, ติโรกฺขํ อายสฺมาติ อยมฺปิ สมุทาจาโร. ตยิทํ ปิยวจนํ ครุคารวสปฺปติสฺสวเสน วุจฺจตีติ อาห ‘‘ครุคารวสปฺปติสฺสาธิวจนเมต’’นฺติ. คุณมหตฺตตาย มหาโมคฺคลฺลาโน, น จูฬโมคฺคลฺลานสฺส อตฺถิตายาติ อาห ‘‘มหา จ โส คุณมหนฺตตายา’’ติ. ปปฺปฏโกชนฺติ ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ อาหจฺจ ิเต มหาปถวิยา เหฏฺิมตเล สมุฏฺิตํ อุทโกเฆน อชฺโฌตฺถเฏ ภูมิปฺปเทเส สฺชาตกทฺทมปฏลสทิสํ อติมธุรปถวีมณฺฑํ. น เม ตํ อสฺส ปติรูปนฺติ ตํ อนาปุจฺฉา กรณํ น เม อนุจฺฉวิกํ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อนาปุจฺฉา กโรนฺเตน จ ยถา ภควา อิจฺฉิติจฺฉิตํ กิฺจิ อนาปุจฺฉา กโรติ, เอวมหมฺปีติ ภควตา สมานํ กตฺวา อตฺตานํ มาเนน กตํ วิย ภวิสฺสตีติ ¶ อาห ‘‘ยุคคฺคาโห วิย ภควตา สทฺธึ กโต ภเวยฺยา’’ติ. ปเรน หิ สทฺธึ อตฺตานํ ยุคํ ยุคฬํ สมานํ กตฺวา คาโห, ตสฺส มม วา โก วิเสโสติ คหณํ ยุคคฺคาโห.
สมฺปนฺนนฺติ สมฺปตฺติยุตฺตํ. สา ปเนตฺถ รสสมฺปตฺติ อธิปฺเปตา สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต. เตนาห ‘‘สมฺปนฺนนฺติ มธุรํ สาทุรสนฺติ อตฺโถ’’ติ. ติวิธฺหิ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคีมธุรวเสน. ตตฺถ –
‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภฺุชนฺติ โกสิย;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น เน วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑) –
อิทํ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นาม. ปริปุณฺณมฺปิ หิ สมนฺตโต ปนฺนํ ปตฺตนฺติ สมฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อิทํ สมงฺคีสมฺปนฺนํ นาม. สมงฺคีปิ หิ สมฺมเทว ปนฺโน คโต อุปคโตติ สมฺปนฺโนติ วุจฺจติ. ‘‘ตตฺรสฺส รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๘) อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นาม. ตตฺถ มธุรสมฺปนฺนํ อิธาธิปฺเปตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุปปนฺนผโลติ พหุผโล. อสฺสาติ ปถวิยา เหฏฺิมตลสฺส. โอปมฺมนิทสฺสนตฺถนฺติ อุปมาย นิทสฺสนตฺถํ. อนีฬกนฺติ นิทฺโทสํ. นิทฺโทสตา เจตฺถ มกฺขิกาทิรหิตตายาติ อาห ‘‘นิมฺมกฺขิก’’นฺติอาทิ. นตฺถิ เอตฺถ มกฺขิกาติ นิมฺมกฺขิกํ. มกฺขิกาสทฺเทน เจตฺถ มกฺขิกณฺฑกมฺปิ สามฺโต คหิตนฺติ วทนฺติ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘นิมฺมกฺขิกนฺติ อิมสฺเสวตฺถํ ปกาเสตุํ นิมฺมกฺขิกณฺฑกนฺติ วุตฺตํ, มกฺขิกาหิ ตาสํ อณฺฑเกหิ ¶ จ วิรหิตนฺติ อตฺโถ’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ ‘‘มกฺขิกานํ อณฺฑานิ มกฺขิกณฺฑานิ, นตฺถิ เอตฺถ มกฺขิกณฺฑานีติ นิมฺมกฺขิกณฺฑนฺติ. อิมินา มกฺขิกานํ อณฺเฑหิ รหิตตา วุตฺตา, ‘นิมฺมกฺขิก’นฺติ อิมินา ปน มกฺขิกานํเยว อภาโว วุตฺโต’’ติ. เอตํ กิร มธูติ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ กตมธุ. สพฺพมธูหีติ มหามกฺขิกภมรมกฺขิกาทิกเตหิ. อคฺคนฺติ อุตฺตมํ. เสฏฺนฺติ ปสตฺถตมํ. สุรสนฺติ โสภนรสํ. โอชวนฺตนฺติ อจฺจนฺตโมชสมฺปนฺนํ.
อายาจนวจนเมตนฺติ อิมินา สมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนาทิอตฺถํ นิวตฺเตติ. เอกํ หตฺถนฺติ เอกํ ปาณิตลํ. ‘‘อภินิมฺมินิสฺสามี’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘ปถวีสทิสํ กริสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. อยํ นุ โข ปถวี, อุทาหุ น อยนฺติ อิมินา ¶ นิมฺมิตปถวิยา ปกติปถวิยา จ สนฺทิสฺสมานตฺตา ‘‘เอสา นุ โข อมฺหากํ ปถวี, อุทาหุ อฺา’’ติ อุปฺปชฺชมานกุกฺกุจฺจํ ทสฺเสติ. นิพทฺธวิปุลาคโม คาโม นิคโม, ปวตฺติตมหาอาโย มหาคาโมติ วุตฺตํ โหติ. น วา เอส วิปลฺลาโสติ ปุพฺพปกฺขํ นิทสฺเสติ. กสฺมา ปเนส วิปลฺลาโส น โหตีติ อาห ‘‘อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิมโต อิทฺธิวิสโย’’ติ. อิทฺธิพเลเนว เตสํ สตฺตานํ ตาทิโส วิปลฺลาโส น ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อิทานิ อฺถา วิปลฺลาสปฺปฏิลาภํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวํ ปนา’’ติอาทิ. ครหนฺตาติ สมฺมุขา ครหนฺตา. อุปวทนฺตาติ ปรมฺมุขา อกฺโกสนฺตา.
นนุ จ อุตฺตรกุรุํ ปิณฺฑาย คมนํ ปฏิเสเธตฺวา วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุนฺติ การณํ น วุตฺตํ, ตสฺมา กิเมตฺถ การณนฺติ อาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ยทิปิ น วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุ’’นฺติ ปุพฺเพ อธิกตตฺตา เตเนว การเณน ปิณฺฑาย อุตฺตรกุรุคมนมฺปิ ภควตา ปฏิสิทฺธนฺติ วิฺายติ, ตสฺมา ตเทว การณํ อิธาปิ คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพ’’นฺติ. วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุนฺติ อิทํ อิธ อวุตฺตมฺปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อตฺโถปิ จสฺส วุตฺตสทิสเมว เวทิตพฺโพติ. ‘‘เอวํ ปน วิปลฺลาสํ ปฏิลเภยฺยุ’’นฺติอาทินา ปจฺฉา วุตฺตเมว อตฺถวิกปฺปํ สนฺธาย วทติ. ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘เต คุเณ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุพฺภิกฺขกาเล ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปปฺปฏโกชํ ปริภฺุชึสู’’ติ, ตํ อปเนตฺวา เต คุเณ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุพฺภิกฺขกาเล อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปริภฺุชึสูติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา. เอเกน ปทวีติหาเรนาติ เอตฺถ ปทสฺส วีติหรณํ นิกฺขิปนํ ปทวีติหาโร, ปทนิกฺเขโป, ตสฺมา เอเกน ปทนิกฺเขเปนาติ วุตฺตํ โหติ. เอเกน ปทวีติหาเรน อติกฺกมิตพฺพฏฺานฺจ สมคมเนน ¶ ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ, ตสฺมา. มาติกามตฺตํ อธิฏฺหิตฺวาติ มุฏฺิรตนปฺปมาณํ มาติกามตฺตํ อธิฏฺายาติ อตฺโถ.
นิฏฺิตา มหาโมคฺคลฺลานสฺส สีหนาทกถา.
วินยปฺตฺติยาจนกถา
๑๘. วินยปฺตฺติยาติ ¶ ปุพฺเพ อปฺตฺตสิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. เถโร หิ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ เปตฺวา อิทานิ ปฺเปตพฺพสิกฺขาปทานิ ปาติโมกฺขุทฺเทสฺจ สนฺธาย ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล, เอตสฺส สุคต กาโล, ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย, อุทฺทิเสยฺย ปาติโมกฺข’’นฺติ (ปารา. ๒๑) อาห. ภควตาปิ –
‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย, เยน ปุพฺเพ อปฺปตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ อเหสุํ, พหุตรา จ ภิกฺขู อฺาย สณฺหึสุ. โก ปน, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย, เยน เอตรหิ พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ โหนฺติ, อปฺปตรา จ ภิกฺขู อฺาย สณฺหนฺตีติ. เอวเมตํ, ภทฺทาลิ, โหติ, สตฺเตสุ หายมาเนสุ สทฺธมฺเม อนฺตรธายมาเน พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ โหนฺติ, อปฺปตรา จ ภิกฺขู อฺาย สณฺหนฺตีติ. น ตาว, ภทฺทาลิ, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ, ยาว น อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺตี’’ติ –
อิมสฺมึ ภทฺทาลิสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๔๕) วิย เอกจฺเจสุ ปฺตฺเตสุปิ ตโต ปรํ ปฺเปตพฺพานิ สนฺธาย ‘‘น ตาว, สาริปุตฺต, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตี’’ติ วุตฺตํ. อิเธว จ อฏฺกถายํ ‘‘สามมฺปิ ปจนํ สมณสารุปฺปํ น โหติ, น จ วฏฺฏตี’’ติ วจนํ ‘‘รตฺติจฺเฉโท วา วสฺสจฺเฉโท วา น กโต’’ติ วจนฺจ ปุพฺเพ ปฺตฺตสิกฺขาปทานํ สพฺภาเว ปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ. เสสสิกฺขาปทานฺเจว ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส จ เถรสฺส อายาจเนน ปฺตฺตตฺตา ‘‘มูลโต ปภุติ นิทานํ ทสฺเสตุ’’นฺติ อาห. รโหคตสฺสาติ รโห ชนวิวิตฺตํ านํ อุปคตสฺส. เตน คณสงฺคณิกาภาเวน เถรสฺส กายวิเวกมาห. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ นานารมฺมณจารโต จิตฺตสฺส นิวตฺติยา ปฏิ สมฺมเทว นิลีนสฺส ตตฺถ อวิสฏจิตฺตสฺส. เตน จิตฺตสงฺคณิกาภาเวนสฺส ปุพฺพภาคิยํ จิตฺตวิเวกมาห. จิรนฺติ กาลาเปกฺขํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. จิราติ จิรกาลยุตฺตา ิติ อเภเทน วุตฺตา.
เอตํ ¶ ¶ น สกฺโกตีติ เอตํ วินิจฺฉินิตุํ น สกฺโกติ. อฏฺกถายํ วุตฺตนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เถรวาทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มหาปทุมตฺเถโร ปนา’’ติอาทิ. อฏฺกถายมฺปิ ‘‘น สกฺโกตี’’ติ อิทํ ยสฺมา ชานมาโนปิ สมฺมเทว ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา วุตฺตนฺติ วทนฺติ. โสฬสวิธาย ปฺาย มตฺถกํ ปตฺตสฺสาติ มชฺฌิมนิกาเย อนุปทสุตฺตนฺตเทสนาย (ม. นิ. ๓.๙๓) –
‘‘มหาปฺโ ภิกฺขเว สาริปุตฺโต, ปุถุปฺโ ภิกฺขเว สาริปุตฺโต, หาสปฺโ ภิกฺขเว สาริปุตฺโต, ชวนปฺโ ภิกฺขเว สาริปุตฺโต, ติกฺขปฺโ ภิกฺขเว สาริปุตฺโต, นิพฺเพธิกปฺโ ภิกฺขเว สาริปุตฺโต’’ติ –
เอวมาคตา มหาปฺาทิกา ฉ, ตสฺมึเยว สุตฺเต อาคตา นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติปฺา, อรหตฺตมคฺคปฺาติ อิมาสํ โสฬสปฺปเภทานํ ปฺานํ สาวกวิสเย อุกฺกฏฺโกฏิปฺปตฺตสฺส.
กสฺมา ปเนตฺถ ภควา วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํเยว พุทฺธานํ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติกาจิรฏฺิติกภาวํ กเถสิ, น พุทฺธวํสเทสนายํ วิย ปฺจวีสติยา พุทฺธานํ, ตโต วา ปน ภิยฺโยติ? เยสํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปฏิเวธสาสนํ เอกํสโต นิจฺฉเยน อชฺชาปิ ธรติ, น อนฺตรหิตํ, เต เอว กิตฺเตนฺโต วิปสฺสีอาทีนํเยว ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติกาจิรฏฺิติกภาวํ อิธ กเถสิ. เตสํเยว หิ สาวกา ตทา เจว เอตรหิ จ สุทฺธาวาสภูมิยํ ิตา, น อฺเสํ ปรินิพฺพุตตฺตา. สิทฺธตฺถติสฺสผุสฺสานํ กิร พุทฺธานํ สาวกา สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปนฺนา อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมว อิมสฺมึ สาสเน อุปกาทโย วิย อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายึสุ, น ตตฺถ ตตฺถ สาวกา ยาวตายุกํ อฏฺํสูติ วทนฺติ. อปุพฺพาจริมนิยโม ปน อปราปรํ สํสรณกสตฺตาวาสวเสน เอกิสฺสา โลกธาตุยา อิจฺฉิโตติ น เตเนตํ วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.
๑๙. อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโยติ เอวมาทิวิภาเคน อิธ ปโยชนํ นตฺถิ, วิปสฺสีอาทีนํ ปน พฺรหฺมจริยสฺส อจิรฏฺิติกตาย จิรฏฺิติกตาย จ การณปุจฺฉาปรตฺตา โจทนายาติ อาห ‘‘เหตุ ปจฺจโยติ อุภยเมตํ การณาธิวจน’’นฺติ. หิโนติ เตน ¶ ผลนฺติ เหตูติ กรณสาธโนยํ เหตุสทฺโทติ อาห ‘‘เตน ตสฺส ผล’’นฺติอาทิ. กตฺตุสาธโนปิ เหตุสทฺโท โน น ยุชฺชติ หิโนติ ผลสฺส เหตุภาวํ อุปคจฺฉตีติ เหตูติ. ตํ ปฏิจฺจ เอติ ปวตฺตตีติ ตํ การณํ ปฏิจฺจ ตสฺส ผลํ เอติ ปวตฺตติ นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ.
กิลาสุโน ¶ อเหสุนฺติ อปฺโปสฺสุกฺกา อเหสุํ, นิรุสฺสาหา อเหสุนฺติ อตฺโถ. สา ปน นิรุสฺสาหตา น อาลสิยวเสนาติ อาห ‘‘น อาลสิยกิลาสุโน’’ติ, อาลสิยวเสน กิลาสุโน นาเหสุนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ การณมาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. อาลสิยํ วาติ อิมินา ถินมิทฺธวสปฺปวตฺตานํ อกุสลานํ อภาวมาห. โอสนฺนวีริยตา วาติ อิมินา ปน ‘‘อาลสิยาภาเวปิ อนฺตมโส อนฺนภารเนสาทานมฺปิ สกฺกจฺจํเยว ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วจนโต ยสฺส กสฺสจิปิ ธมฺมเทสนาย นิรุสฺสาหตา นตฺถีติ ทีเปติ สพฺเพสํ สมเกเนว อุสฺสาเหน ธมฺมเทสนาย ปวตฺตนโต. เตนาห ‘‘พุทฺธา หี’’ติอาทิ. โอสนฺนวีริยาติ โอหีนวีริยา, อปฺโปสฺสุกฺกาติ อตฺโถ. อุสฺสนฺนวีริยาติ อธิกวีริยา, มหุสฺสาหาติ อตฺโถ. เวเคนาติ ชเวน. ธมฺเม ครุ เอเตสนฺติ ธมฺมครุโน. ธมฺเม คารวเมเตสนฺติ ธมฺมคารวา. วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ สิขิสฺส สตฺตติ วสฺสสหสฺสานิ, เวสฺสภุสฺส สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติ อาห ‘‘เตสํ กิร กาเล ทีฆายุกา สตฺตา’’ติ. อภิสเมนฺตีติ ปฏิวิชฺฌนฺติ.
นิทฺโทสตายาติ วีติกฺกมโทสสฺส อภาวโต. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อปฺเปตฺวา ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) ธมฺมเทสนาวเสน โอวาทสิกฺขาปทานํเยว ปฺตฺตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสน อาณาสิกฺขาปทํ อปฺตฺต’’นฺติ. ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยนาติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. อถ วา ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ โอสานทิวสํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘สกึ สกิ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตทเปกฺขมิทํ สามิวจนํ. สกลชมฺพุทีเป สพฺโพปิ ภิกฺขุสงฺโฆ เอกสฺมึเยว าเน อุโปสถํ อกาสีติ สมฺพนฺโธ. กตมํ ตํ านนฺติ อาห ‘‘พนฺธุมติยา ราชธานิยา’’ติอาทิ. อิสิปตนํ ¶ เตน สมเยน เขมํ นาม อุยฺยานํ โหติ, มิคานํ ปน อภยวาสตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เขเม มิคทาเย’’ติ.
อพฺโพกิณฺณานิ ทสปิ วีสติปิ ภิกฺขุสหสฺสานิ วสนฺตีติ วิสภาคปุคฺคเลหิ อสํสฏฺานิ ทสปิ วีสติปิ ภิกฺขูนํ สหสฺสานิ วสนฺติ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปน ‘‘เต สพฺเพปิ ทฺวาทสสหสฺสภิกฺขุคณฺหนกา มหาวิหารา อภยคิริเจติยปพฺพตจิตฺตลปพฺพตวิหารสทิสา จ อเหสุ’’นฺติ วุตฺตํ. อุโปสถาโรจิกาติ อุโปสถาโรจนกา. ตา กิร เทวตา เอกมฺหิ วสฺเส นิกฺขนฺเต ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจนฺติ ‘‘นิกฺขนฺตํ โข, มาริสา, เอกํ วสฺสํ, ปฺจ ทานิ วสฺสานิ เสสานิ, ปฺจนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุทฺเทสายา’’ติ. ตถา ทฺวีสุ วสฺเสสุ นิกฺขนฺเตสุ ‘‘นิกฺขนฺตานิ โข, มาริสา, ทฺเว วสฺสานิ ¶ , จตฺตาริ วสฺสานิ เสสานิ, จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุทฺเทสายา’’ติ อาโรเจนฺติ. อิมินาว นเยน ตีสุ จตูสุ ปฺจสุ วสฺเสสุ อติกฺกนฺเตสุ อาโรเจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มาริสา เอกํ วสฺสํ อติกฺกนฺต’’นฺติอาทิ. สานุภาวาติ อิทฺธานุภาเวน สานุภาวา. เต กิร ภิกฺขูติ เย เทวตานุภาเวน คจฺฉนฺติ, เต สนฺธาย วทติ. ปาจีนสมุทฺทนฺเตติ ปาจีนสมุทฺทสฺส สมีปเทเส. คมิยวตฺตนฺติ คมิเกหิ กาตพฺพํ เสนาสนปฏิชคฺคนาทิวตฺตํ. อุโปสถคฺคนฺติ อุโปสถกรณฏฺานํ. คตาว โหนฺตีติ เทวตานุภาเวน คตา เอว โหนฺติ. เตติ อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวน เทวตานุภาเวน จ คตา สพฺเพปิ.
ขนฺตี ปรมนฺติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๕) ปรูปวาทํ ปราปการํ สีตุณฺหาทิเภทฺจ คุโณปโรธํ ขมติ สหติ อธิวาเสตีติ ขนฺติ. สา ปน สีลาทีนํ ปฏิปกฺขธมฺเม สวิเสสํ ตปติ สนฺตปติ วิธมตีติ ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. ติติกฺขนํ ขมนํ ติติกฺขา. ขนฺติยาเยเวตํ เววจนํ. อกฺขรจินฺตกา หิ ขมายํ ติติกฺขาสทฺทํ วณฺเณนฺติ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ‘‘ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ นาม อุตฺตมํ ตโป’’ติ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธาติ ภเวน ภวนฺตรํ วินาติ ภวนิกนฺติภาเวน สํสิพฺพติ, สตณฺหสฺเสว วา อายตึ ปุนพฺภวภาวโต ผเลน สทฺธึ กมฺมํ วินาติ สํสิพฺพตีติ ¶ วานนฺติ สงฺขฺยํ คตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตํ นิพฺพานํ ตตฺถ ตสฺสา สพฺพโส อภาวโต. ตํ นิพฺพานํ ปน สนฺตปณีตนิปุณสิวเขมาทินา สพฺพากาเรน ปรมนฺติ วทนฺติ พุทฺธา.
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ ปพฺพาเชตพฺพธมฺมสฺส อปพฺพาชนโต. จตุตฺถปาโท ปน ตติยปาทสฺเสว เววจนํ อนตฺถนฺตรตฺตา. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ ‘‘น สมโณ โหตี’’ติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ‘‘ปรํ วิเหยนฺโต’’ติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ‘‘ปร’’นฺติ วุจฺจติ ปรสทฺทสฺส เสฏฺวาจกตฺตา ‘‘ปุคฺคลปโรปรฺู’’ติอาทีสุ วิย. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? ปาปมลสฺส อปพฺพาชิตตฺตา อนีหฏตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ ¶ . โยปิ นเหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โสปิ ปรํ วิเหยนฺโต สมโณ น โหติ. กึการณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. สมิตตฺตา สมโณติ วุจฺจตีติ อิทฺหิ สมณลกฺขณํ. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) หิ วุตฺตํ.
อปิจ ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺโต ปาติโมกฺขกถาย จ สีลปฺปธานตฺตา สีลสฺส จ วิเสสโต โทโส ปฏิปกฺโขติ ตสฺส นิคฺคณฺหนวิธึ ทสฺเสตุํ อาทิโต ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป’’ติ อาห. เตน อนิฏฺสฺส ปฏิหนนูปาโย วุตฺโต, ติติกฺขาคฺคหเณน ปน อิฏฺสฺส, ตทุภเยนปิ อุปฺปนฺนํ อรตึ อุปฺปนฺนํ รตึ อภิภุยฺย วิหรตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. ตณฺหาวานสฺส วูปสมนโต นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา. ตตฺถ ขนฺติคฺคหเณน ปโยควิปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต, ติติกฺขาคฺคหเณน อาสยวิปตฺติยา อภาโว. ตถา ขนฺติคฺคหเณน ปราปราธสหตา, ติติกฺขาคฺคหเณน ปเรสุ อนปรชฺฌนา ทสฺสิตา. เอวํ การณมุเขน อนฺวยโต ปาติโมกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พฺยติเรกโต ¶ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ยถา สตฺตานํ ชีวิตา โวโรปนํ ปรํ ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิเหนฺจ ‘‘ปรูปฆาโต ปรํ วิเหน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ เตสํ สาปเตยฺยาวหรณํ ปรามสนํ วิสํวาทนํ อฺมฺเภทนํ ผรุสวจเนน มมฺมฆฏฺฏนํ นิรตฺถกวิปฺปลาโป ปรสนฺตกาภิชฺฌานํ อุจฺเฉทจินฺตนํ มิจฺฉาภินิเวสนฺจ อุปฆาโต ปรวิเหนฺจ โหตีติ ยสฺส กสฺสจิ อกุสลสฺส กมฺมปถสฺส กมฺมสฺส จ กรเณน ปพฺพชิโต สมโณ จ น โหตีติ ทสฺเสติ.
ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส สพฺพสฺสปิ ทฺวาทสากุสลสฺส สพฺพจิตฺตุปฺปาทสงฺคหิตสฺส สาวชฺชธมฺมสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กรณฺหิ นาม ตสฺส อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนนฺติ ตปฺปฏิกฺเขปโต อกรณํ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมิกกุสลสฺส. ‘‘กุสลสฺสา’’ติ หิ อิทํ ‘‘เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ วกฺขมานตฺตา อริยมคฺคธมฺเม เตสฺจ สมฺภารภูเต เตภูมิกกุสเล ธมฺเม โพเธติ. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ. ตํ ปน อตฺถโต ตสฺส กุสลสฺส สมธิคโม ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โชตนํ จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ. ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อคฺคมคฺคสมงฺคิโน จิตฺตํ สพฺพโส ปริโยทปียติ นาม, อคฺคผลกฺขเณ ปน ปริโยทปิตํ โหติ ปุน ปริโยทเปตพฺพตาย อภาวโต, ตสฺมา ปรินิฏฺิตปริโยทปนตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ตํ ปน อรหตฺเตน โหตี’’ติ. อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ ¶ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.
ตติยคาถาย อนุปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนุปฆาโตติ กาเยน มนสา จ กสฺสจิ อุปฆาตากรณํ มนสาปิ ปเรสํ อนตฺถจินฺตนาทิวเสน อุปฆาตกรณสฺส วชฺเชตพฺพตฺตา. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมํ สีลํ, ปาติ วา สุคติภเยหิ โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ, โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ โภชเน มตฺตฺุตา ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ เสนาสนฺจ. เอตฺถ ทฺวีหิเยว ¶ ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตภาวโต. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ อธิจิตฺตํ, ตโตปิ จ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ, อนุโยโคติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ อนุปฆาตนํ ปาติโมกฺเข สํวโร ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา วิวิตฺตเสนาสนเสวนํ อธิจิตฺตานุโยโค จ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.
อิมา ปน สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิ. ยาว สาสนปริยนฺตาติ ธรมานกพุทฺธานํ อนุสาสนปริยนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยาว พุทฺธา ธรนฺติ, ตาว อุทฺทิสิตพฺพตํ อาคจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. โอวาทปาติโมกฺขฺหิ พุทฺธาเยว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ปมโพธิยํเยว อุทฺเทสมาคจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ปมโพธิ เจตฺถ วีสติวสฺสปริจฺฉินฺนาติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ. ตฺจ เหฏฺา อฏฺกถายเมว ‘‘ภควโต หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสนฺตเร นิพทฺธุปฏฺาโก นาม นตฺถี’’ติ กถิตตฺตา ‘‘ปมโพธิ นาม วีสติวสฺสานี’’ติ คเหตฺวา วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อาทิโต ปนฺนรส วสฺสานิ ปมโพธี’’ติ วุตฺตํ. เอวฺจ สติ มชฺเฌ ปนฺนรส วสฺสานิ มชฺฌิมโพธิ, อนฺเต ปนฺนรส วสฺสานิ ปจฺฉิมโพธีติ ติณฺณํ โพธีนํ สมปฺปมาณตา สิยาติ ตมฺปิ ยุตฺตํ. ปนฺนรสตฺติเกน หิ ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ปูเรนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ปนฺนรสวสฺสปฺปมาณาย ปมโพธิยา วีสติวสฺเสสุเยว อนฺโตคธตฺตา ‘‘ปมโพธิยํ วีสติวสฺสนฺตเร’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมฺปิ สกฺกา วิฺาตุํ.
นนุ ¶ จ กานิจิ สิกฺขาปทานิ ปฺเปตฺวาปิ น ตาว อาณาปาติโมกฺขํ อนฺุาตํ ปจฺฉา เถรสฺส อายาจเนน อนฺุาตตฺตา, ตสฺมา กถเมตํ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาปทปฺตฺติกาลโต ปน ปภุติ อาณาปาติโมกฺขเมว อุทฺทิสียตี’’ติ, ยทิปิ กานิจิ สิกฺขาปทานิ ปฺเปตฺวาว อาณาปาติโมกฺขํ น อนฺุาตํ, ตถาปิ อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อาณาปาติโมกฺขํ นตฺถิ, กินฺตุ ปฺตฺเตเยวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สิกฺขาปทปฺตฺติกาลโต ปน ปภุตี’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺพาราเมติ สาวตฺถิยา ¶ ปาจีนทิสาภาเค กตตฺตา เอวํลทฺธโวหาเร มหาวิหาเร. มิคารมาตุปาสาเทติ มิคารเสฏฺิโน มาตุฏฺานิยตฺตา มิคารมาตาติ สงฺขฺยํ คตาย วิสาขามหาอุปาสิกาย การิเต ปาสาเท. อฏฺานนฺติ เหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฏิกฺเขโป. อุภเยนปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. ยนฺติ เยน การเณน.
เตสนฺติ ภิกฺขูนํ. สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิตาติ สพฺพนฺติมานํ สุภทฺทสทิสานํ สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิเต สนฺธาย วทติ. ขตฺติยกุลาทิวเสเนว วิวิธา กุลาติ สมฺพนฺโธ. อุจฺจนีจอุฬารุฬารโภคาทิกุลวเสน วาติ อุจฺจนีจกุลวเสน อุฬารุฬารโภคาทิกุลวเสน วาติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ขตฺติยพฺราหฺมณวเสน วา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติกานํ วเสน วา อุจฺจกุลตา เวทิตพฺพา, เสสานํ วเสน นีจกุลตา. อุฬารุฬารโภคาทิกุลวเสน วาติ อุฬารตรตมอุปโภควนฺตาทิกุลวเสน. อุฬาราติสยโชตนตฺถฺหิ ปุน อุฬารคฺคหณํ ‘‘ทุกฺขทุกฺข’’นฺติอาทีสุ วิย. อาทิ-สทฺเทน อุฬารานุฬารานํ คหณํ เวทิตพฺพํ.
พฺรหฺมจริยํ รกฺขนฺตีติ วุตฺตเมวตฺถํ ปกาเสตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จิรํ ปริยตฺติธมฺมํ ปริหรนฺตี’’ติ. อปฺตฺเตปิ สิกฺขาปเท ยทิ สมานชาติอาทิกา สิยุํ, อตฺตโน อตฺตโน กุลานุคตคนฺถํ วิย น นาเสยฺยุํ. ยสฺมา ปน สิกฺขาปทมฺปิ อปฺตฺตํ, อิเม จ ภิกฺขู น สมานชาติอาทิกา, ตสฺมา วินาเสสุนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา เอกนามา…เป… ตสฺมา อฺมฺํ วิเหเนฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ กสฺมา จิรฏฺิติกวาเรปิ ‘‘นานานามา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ? สติปิ เตสํ นานาชจฺจาทิภาเว สิกฺขาปทปฺตฺติยา เอว สาสนสฺส จิรปฺปวตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. สิกฺขาปทปฺตฺติวเสเนว สาสนสฺส จิรปฺปวตฺติ. ยสฺมา พุทฺธา อตฺตโน ปรินิพฺพานโต อุทฺธมฺปิ วิเนตพฺพสตฺตสมฺภเว สติ สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺติ, อสติ น ปฺเปนฺติ, ตสฺมาติ เวทิตพฺโพ. ยถา กายวจีทฺวารสงฺขาตํ วิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา ปวตฺตมานมฺปิ จิตฺตํ ตสฺสาเยว วิฺตฺติยา วเสน ปวตฺตนโต ‘‘กายวจีทฺวาเรหิ ปวตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. วคฺคสงฺคหปณฺณาสสงฺคหาทีหีติ ¶ สีลกฺขนฺธวคฺคมหาวคฺคาทิวคฺคสงฺคหวเสน มูลปณฺณาสมอฌมปณฺณาสาทิปณฺณาสสงฺคหวเสน. อาทิ-สทฺเทน สํยุตฺตาทิสงฺคโห เวทิตพฺโพ.
เอวํ ¶ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถาติ เอตฺถ เอวนฺติ ยถานุสิฏฺาย อนุสาสนิยา วิธิวเสน ปฏิเสธนวเสน จ ปวตฺติตาการปรามสนํ, สา จ สมฺมาวิตกฺกานํ มิจฺฉาวิตกฺกานฺจ ปวตฺติอาการทสฺสนวเสน ปวตฺตติ อตฺถอานิสํสสฺส อาทีนวสฺส จ วิภาวนตฺถํ. เตนาห ‘‘เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย ตโย วิตกฺเก วิตกฺเกถา’’ติอาทิ. เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อพฺยาปาทวิตกฺกอวิหึสาวิตกฺกานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภโต นิกฺขนฺตตฺตา อโลโภ, นีวรเณหิ นิกฺขนฺตตฺตา ปมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺโพ กุสโล ธมฺโม, สพฺพสงฺขเตหิ นิกฺขนฺตตฺตา นิพฺพานํ, อุปนิสฺสยโต สมฺปโยคโต อารมฺมณกรณโต จ เนกฺขมฺเมน ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโก, สมฺมาสงฺกปฺโป. โส อสุภชฺฌานสฺส ปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติ, อสุภชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. พฺยาปาทสฺส ปฏิปกฺโข อพฺยาปาโท, กฺจิปิ น พฺยาปาเทนฺติ เอเตนาติ วา อพฺยาปาโท, เมตฺตา. ยถาวุตฺเตน อพฺยาปาเทน ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก. โส เมตฺตาฌานสฺส ปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติ, เมตฺตาภาวนาวเสน อธิคเต ปมชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. วิหึสาย ปฏิปกฺขา, น วิหึสนฺติ วา เอตาย สตฺเตติ อวิหึสา, กรุณา. ตาย ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก. โส กรุณาฌานสฺส ปุพฺพภาเค กามาวจโร, กรุณาภาวนาวเสน อธิคเต ปมชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร.
นนุ จ อโลภาโทสาโมหานํ อฺมฺาวิรหโต เนสํ วเสน อุปฺปชฺชนกานํ อิเมสํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ อฺมฺํ อสงฺกรโต ววตฺถานํ น โหตีติ? โน น โหติ. ยทา หิ อโลโภ ปธาโน โหติ นิยมิตปริณตสมุทาจาราทิวเสน, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา ภวนฺติ. ตถา หิ ยทา อโลภปฺปธาโน เนกฺขมฺมครุโก จิตฺตุปฺปาโท โหติ, ตทา ลทฺธาวสโร เนกฺขมฺมวิตกฺโก ปติฏฺหติ. ตํสมฺปยุตฺตสฺส ปน อโทสลกฺขณสฺส อพฺยาปาทสฺส วเสน โย ตสฺเสว อพฺยาปาทวิตกฺกภาโว สมฺภเวยฺย, สติ จ อพฺยาปาทวิตกฺกภาเว กสฺสจิปิ อวิเหนชาติกตาย อวิหึสาวิตกฺกภาโว จ สมฺภเวยฺย. เต อิตเร ¶ ทฺเว ตสฺเสว เนกฺขมฺมวิตกฺกสฺส อนุคามิโน สรูปโต อทิสฺสนโต ตสฺมึ สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺตีติ อนุมาเนยฺยา ภวนฺติ. เอวเมว ยทา เมตฺตาปธาโน จิตฺตุปฺปาโท โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา ¶ ภวนฺติ. ยทา กรุณาปธาโน จิตฺตุปฺปาโท โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา ภวนฺติ.
กามวิตกฺกาทโยติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน พฺยาปาทวิตกฺกวิหึสาวิตกฺกานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ กามปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก. เอตฺถ หิ ทฺเว กามา วตฺถุกาโม จ กิเลสกาโม จ. ตตฺถ วตฺถุกามปกฺเข อารมฺมณวเสน กาเมหิ ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก, กิเลสกามปกฺเข ปน สมฺปโยควเสน กาเมน ปฏิสํยุตฺโตติ โยเชตพฺพํ. พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก. วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก. เตสุ ทฺเว สตฺเตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺติ. กามวิตกฺโก หิ ปิเย มนาเป สตฺเต วา สงฺขาเร วา วิตกฺเกนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, พฺยาปาทวิตกฺโก อปฺปิเย อมนาเป สตฺเต วา สงฺขาเร วา กุชฺฌิตฺวา โอโลกนกาลโต ปฏฺาย ยาว วินาสนา อุปฺปชฺชติ, วิหึสาวิตกฺโก สงฺขาเรสุ นุปฺปชฺชติ. สงฺขาโร หิ ทุกฺขาเปตพฺโพ นาม นตฺถิ, ‘‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’’นฺติ จินฺตนกาเล ปน สตฺเตสุ อุปฺปชฺชติ. อถ กสฺมา วุตฺตํ ‘‘สงฺขาโร ทุกฺขาเปตพฺโพ นาม นตฺถี’’ติ, นนุ เย ทุกฺขาเปตพฺพาติ อิจฺฉิตา สตฺตสฺิตา, เตปิ อตฺถโต สงฺขารา เอวาติ? สจฺจเมตํ, เต ปน อินฺทฺริยพทฺธา สวิฺาณกตาย ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺติ, ตสฺมา เต วิหึสาวิตกฺกสฺส วิสยา อิจฺฉิตา สตฺตสฺิตา. เย ปน น ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺติ วุตฺตลกฺขณาโยคโต, เต สนฺธาย ‘‘วิหึสาวิตกฺโก สงฺขาเรสุ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ เอตฺถ อาสเวหีติ กตฺถุอตฺเถ กรณนิทฺเทโส, จิตฺตานีติ ปจฺจตฺตพหุวจนํ, วิมุจฺจึสูติ กมฺมสาธนํ, ตสฺมา อาสเวหิ กตฺตุภูเตหิ อนุปาทาย อารมฺมณวเสน อคฺคเหตฺวา จิตฺตานิ วิมุจฺจิตานีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพติ อาห ‘‘เตสฺหิ จิตฺตานี’’ติอาทิ. เยหิ อาสเวหีติ เอตฺถาปิ กตฺตุอตฺเถ เอว กรณนิทฺเทโส. วิมุจฺจึสูติ กมฺมสาธนํ. น เต ¶ ตานิ คเหตฺวา วิมุจฺจึสูติ เต อาสวา ตานิ จิตฺตานิ อารมฺมณวเสน น คเหตฺวา วิมุจฺจึสุ วิโมเจสุํ. เอตฺถ หิ จิตฺตานีติ อุปโยคพหุวจนํ, วิมุจฺจึสูติ กตฺตุสาธนํ. อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมานาติ อายตึ อนุปฺปตฺติสงฺขาเตน นิโรเธน นิรุชฺฌมานา อาสวา. อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจึสูติ อารมฺมณกรณวเสน อคฺคเหตฺวา จิตฺตานิ วิโมเจสุํ. วิกสิตจิตฺตา อเหสุนฺติ สาติสยาณรสฺมิสมฺผสฺเสน สมฺผุลฺลจิตฺตา อเหสุํ. ปุริมวจนาเปกฺขนฺติ ‘‘อฺตรสฺมึ ภึสนเก วนสณฺเฑ’’ติ วุตฺตวจนาเปกฺขํ. เตนาห ‘‘ยํ วุตฺตํ อฺตรสฺมึ ภึสนเก วนสณฺเฑติ, ตตฺรา’’ติ. กตนฺติ ภาวสาธนวาจิ อิทํ ปทนฺติ อาห ‘‘ภึสนกตสฺมึ ¶ โหติ, ภึสนกกิริยายา’’ติ. ภึสนสฺส กรณํ กิริยา ภึสนกตํ, ตสฺมึ ภึสนกตสฺมึ.
อิทานิ อฺถาปิ อตฺถโยชนํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ภึสยตีติ ภึสโน, ภึสโน เอว ภึสนโก, ตสฺส ภาโว ภึสนกตฺตนฺติ วตฺตพฺเพ ต-การสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘ภึสนกต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภึสนกตสฺมินฺติ ภึสนกภาเวติ อตฺโถ’’ติอาทิ. เยภุยฺยคฺคหณํ โลมวนฺตวเสนปิ โยเชตพฺพํ, น โลมวเสเนวาติ อาห ‘‘พหุตรานํ วา’’ติอาทิ.
ปุริสยุควเสนาติ ปุริสกาลวเสน, ปุริสานํ อายุปฺปมาณวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สพฺพปจฺฉิมโก สุภทฺทสทิโส’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ตสฺมึ กาเล วิชฺชมานานํ ทฺวินฺนํ ปุริสานํ อายุปริจฺเฉทํ สกลเมว คเหตฺวา ‘‘สตสหสฺสํ…เป… อฏฺาสี’’ติ วุตฺตํ. ทฺเวเยว ปุริสยุคานีติ เอตฺถ ปุริสานํ ยุคปฺปวตฺติกาโล ปุริสยุคํ. อภิลาปมตฺตเมว เจตํ, อตฺถโต ปน ปุริโสว ปุริสยุคํ. ธรมาเน ภควติ เอกํ ปุริสยุคํ, ปรินิพฺพุเต เอกนฺติ กตฺวา ‘‘ทฺเวเยว ปุริสยุคานี’’ติ วุตฺตํ. ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ เอกเมว ปุริสยุคํ อสีติเยว วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ อฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ.
๒๐. สาวกยุคานีติ สาวกา เอว สาวกยุคานิ. อสมฺภุณนฺเตนาติ อปาปุณนฺเตน. คพฺภํ คณฺหาเปนฺตสฺสาติ สพฺพฺุตฺาณสฺส วิชายนตฺถํ าณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตสฺส.
๒๑. โก ¶ อนุสนฺธีติ ปุพฺพาปรกถานํ กึ อนุสนฺธานํ, โก สมฺพนฺโธติ อตฺโถ. สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนาเปกฺขนฺติ ยาจียตีติ ยาจนา, สิกฺขาปทปฺตฺติเยว ยาจนา สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนา, ตํ อเปกฺขตีติ สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนาเปกฺขํ ภุมฺมวจนํ, ยาจิยมานสิกฺขาปทปฺตฺติอเปกฺขํ ภุมฺมวจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยาจนวิสิฏฺา สิกฺขาปทปฺตฺติเยว หิ ‘‘ตตฺถา’’ติ อิมินา ปรามฏฺา, เตเนว วกฺขติ ‘‘ตตฺถ ตสฺสา สิกฺขาปทปฺตฺติยา’’ติ. ยํ วุตฺตนฺติ ‘‘สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺยา’’ติ อิมินา ยํ สิกฺขาปทปฺปนํ วุตฺตํ, ยาจิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ตสฺสา สิกฺขาปทปฺตฺติยาติ ตสฺสํ ยาจิยมานสิกฺขาปทปฺตฺติยนฺติ อตฺโถ. อกาลนฺติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อกาลํ.
อาสวฏฺานียาติ เอตฺถ อธิกรเณ อนียสทฺโทติ อาห ‘‘อาสวา ติฏฺนฺติ เอเตสู’’ติอาทิ ¶ . เก ปน เต อาสวา, เก จ ธมฺมา ตทธิกรณภูตาติ อาห ‘‘เยสุ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกา’’ติอาทิ. ทิฏฺธมฺมิกา ปรูปวาทาทโย, สมฺปรายิกา อาปายิกา อปายทุกฺขวิเสสา. เต อาสวนฺติ เตน เตน ปจฺจยวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาสวา. เนสนฺติ ปรูปวาทาทิอาสวานํ. เตติ วีติกฺกมธมฺมา. อสติ อาสวฏฺานีเย ธมฺเม สิกฺขาปทปฺตฺติยํ โก โทโส, เยเนวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยทิ หิ ปฺเปยฺยา’’ติอาทิ, วีติกฺกมโทสํ อทิสฺวา ยทิ ปฺเปยฺยาติ อธิปฺปาโย. ปรมฺมุขา อกฺโกสนํ ปรูปวาโท, ปเรหิ วจเนสุ โทสาโรปนํ ปรูปารมฺโภ, สมฺมุขา ครหนํ ครหโทโส.
กถฺหิ นาม ปลิเวเสฺสตีติ สมฺพนฺโธ, กถํ-สทฺทโยเค อนาคตปฺปโยโค ทฏฺพฺโพ. อนฺวายิโกติ อนุวตฺตโก. โภคกฺขนฺธนฺติ โภคราสึ. ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ ายนฺตีติ าตี, ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวฏฺฏนฏฺเน ปริวฏฺโฏ, าตีเยว ปริวฏฺโฏ าติปริวฏฺโฏ. ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺาติ ฆาสจฺฉาทเน ปรมตาย อุตฺตมตาย สนฺตุฏฺา, ฆาสจฺฉาทนปริเยสเน สลฺเลขวเสน ปรมตาย อุกฺกฏฺภาเว สณฺิตาติ อตฺโถ. ฆาสจฺฉาทนเมว วา ปรมํ ปรมา โกฏิ เอเตสํ น ตโต ปรํ กิฺจิ อสามิสชาตํ ปริเยสนฺติ ปจฺจาสีสนฺติ จาติ ฆาสจฺฉาทนปรมา, เตสํ ภาโว ฆาสจฺฉาทนปรมตา, ตสฺสํ ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺา. เตสุ นาม โกติ ยถาวุตฺตคุณวิสิฏฺเสุ ¶ เตสุ ภิกฺขูสุ โก นาม. โลกามิสภูตนฺติ โลกปริยาปนฺนํ หุตฺวา กิเลเสหิ อามสิตพฺพตฺตา โลกามิสภูตํ. ปพฺพชฺชาสงฺเขเปเนวาติ ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทินา ปพฺพชฺชามุเขเนว. เอตนฺติ เมถุนาทีนํ อกรณํ. ถามนฺติ สิกฺขาปทานํ ปฺาปนกิริยาย สามตฺถิยํ. พลนฺติ ยาถาวโต สพฺพธมฺมานํ ปฏิเวธสมตฺถํ าณพลํ. กุปฺเปยฺยาติ กุปฺปํ ภเวยฺย. เอตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณํ น ยถาาเน ติฏฺเยฺยาติ, ปฺตฺติฏฺาเน น ติฏฺเยฺยาติ อตฺโถ. อกุสโลติ ติกิจฺฉิตุํ ยุตฺตกาลสฺส อปริชานนโต อกุสโล อเฉโก. อวุทฺธิ อนโย, พฺยสนํ ทุกฺขํ. ปฏิกจฺเจวาติ คณฺฑุปฺปาทนโต ปมเมว. สฺฉวึ กตฺวาติ โสภนจฺฉวึ กตฺวา. พาลเวชฺโชติ อปณฺฑิตเวชฺโช. โลหิตกฺขยฺจ มํ ปาเปตีติ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํ.
อกาลํ ทสฺเสตฺวาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อกาลํ ทสฺเสตฺวา. โรคํ วูปสเมตฺวาติ ผาสุํ กตฺวา. สเก อาจริยเกติ อาจริยสฺส ภาโว, กมฺมํ วา อาจริยกํ, ตสฺมึ อตฺตโน อาจริยภาเว, อาจริยกมฺเม วา. นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิทิตานุภาโวติ ปากฏานุภาโว.
วิปุลภาเวนาติ ¶ ปพฺพชิตานํ พหุภาเวน. สาสเน เอกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺตีติ ยสฺมา เสนาสนานิ ปโหนฺติ, ตสฺมา อาวาสมจฺฉริยาทิเหตุกา สาสเน เอกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ. อิมินา นเยนาติ เอเตน ปทโสธมฺมสิกฺขาปทาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ลาภคฺคมหตฺตนฺติ จีวราทิลภิตพฺพปจฺจโย ลาโภ, ตสฺส อคฺคํ มหตฺตํ ปณีตตา พหุภาโว วา. พหุสฺสุตสฺส ภาโว พาหุสจฺจํ. อโยนิโส อุมฺมุชฺชมานาติ อนุปาเยน อภินิวิสมานา, วิปรีตโต ชานมานาติ อตฺโถ. รเสน รสํ สํสนฺทิตฺวาติ สภาเวน สภาวํ สํสนฺทิตฺวา, อนฺุาตปจฺจตฺถรณาทีสุ สุขสมฺผสฺสสามฺโต อุปาทินฺนผสฺสรเสปิ อนวชฺชสฺิตาย อนุปาทินฺนผสฺสรเสน อุปาทินฺนผสฺสรสํ สํสนฺทิตฺวา, สมานภาวํ อุปเนตฺวาติ อตฺโถ. อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ ¶ สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺตีติ ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๘) สตฺถุสาสนํ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ กตฺวา ทีเปนฺติ.
อิมสฺมึ อตฺเถติ ‘‘นิรพฺพุโท หิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ปารา. ๒๑) เอวํ วุตฺตภิกฺขุสงฺฆสฺิเต อตฺเถ. กถํ ปน ทุสฺสีลานํ โจรภาโวติ อาห ‘‘เต หิ อสฺสมณาว หุตฺวา’’ติอาทิ. กาฬกธมฺมโยคาติ ทุสฺสีลตาสงฺขาตปาปธมฺมโยคโต. ปภสฺสโรติ ปภสฺสรสีโล. สาโรติ วุจฺจนฺตีติ สาสนพฺรหฺมจริยสฺส สารภูตตฺตา สีลาทโย คุณา ‘‘สาโร’’ติ วุจฺจนฺติ.
สพฺพปริตฺตคุโณติ สพฺเพหิ นิหีนคุโณ, อปฺปคุโณ วา. โส โสตาปนฺโนติ อานนฺทตฺเถรํ สนฺธาย วทติ. โสตํ อาปนฺโนติ มคฺคโสตํ อาปนฺโน. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อนวเสสโต สวนโต เปลฺลนโต โสโต อริยมคฺโคติ อาห ‘‘โสโตติ จ มคฺคสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. โสตาปนฺโนติ เตน สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺสาติ อิมินา มคฺคสมงฺคี โสตาปนฺโนติ วตฺวา ตเมวตฺถํ อุทาหรเณน สาเธตฺวา อิทานิ อิธาธิปฺเปตปุคฺคลํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ. อิธ อาปนฺนสทฺโท ‘‘ผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔๘๘) วิย วตฺตมานกาลิโกติ อาห ‘‘มคฺเคน ผลสฺส นามํ ทินฺน’’นฺติ. มคฺเคน หิ อตฺตนา สทิสสฺส อฏฺงฺคิกสฺส วา สตฺตงฺคิกสฺส วา ผลสฺส โสโตติ นามํ ทินฺนํ, อตีตกาลิกตฺเต ปน สรสโตว นามลาโภ สิยา. มคฺคกฺขเณ หิ มคฺคโสตํ อาปชฺชติ นาม, ผลกฺขเณ อาปนฺโน.
วิรูปํ ¶ สทุกฺขํ สอุปายาสํ นิปาเตตีติ วินิปาโต, อปายทุกฺเข ขิปนโก. ธมฺโมติ สภาโว. เตนาห ‘‘น อตฺตานํ อปาเยสุ วินิปาตนสภาโว’’ติ. อถ วา ธมฺโมติ อปาเยสุ ขิปนโก สกฺกายทิฏฺิอาทิโก อกุสลธมฺโม. ยสฺส ปน โส อกุสลธมฺโม นตฺถิ สพฺพโส ปหีนตฺตา, โส ยสฺมา อปาเยสุ อตฺตานํ วินิปาตนสภาโว น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น อตฺตานํ อปาเยสุ วินิปาตนสภาโวติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. กสฺมาติ อวินิปาตนธมฺมตาย การณํ ปุจฺฉติ. อปายํ คเมนฺตีติ อปายคมนียา. วินิปาตนสภาโวติ อุปฺปชฺชนสภาโว. สมฺมตฺตนิยาเมน มคฺเคนาติ สมฺมา ¶ ภวนิยามเกน ปฏิลทฺธมคฺเคน. นิยโตติ วา เหฏฺิมนฺตโต สตฺตมภวโต อุปริ อนุปฺปชฺชนธมฺมตาย นิยโต. สมฺโพธีติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ. สมฺพุชฺฌตีติ หิ สมฺโพธิ, อริยมคฺโค. โส จ อิธ ปมมคฺคสฺส อธิคตตฺตา อวสิฏฺโ เอว อธิคนฺตพฺพภาเวน อิจฺฉิตพฺโพติ. เตนาห ‘‘อุปริมคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปโก’’ติ. อุปริมคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปุณาตีติ สมฺปาปโก, โสตาปนฺโน.
วินยปฺตฺติยาจนกถา นิฏฺิตา.
พุทฺธาจิณฺณกถา
๒๒. อนุธมฺมตาติ โลกุตฺตรธมฺมานุคโต ธมฺโม. อนปโลเกตฺวาติ ปทสฺส วิวรณํ ‘‘อนาปุจฺฉิตฺวา’’ติ. ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท คมฺยมานตาย น วุตฺโต, เอวํ อฺตฺถาปิ อีทิเสสุ าเนสุ. ตตฺถ ชนปทจาริกนฺติ ชนปเทสุ จรณํ, จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกา, ชนปเทสุ จาริกา ชนปทจาริกา. ตํ ปกฺกมนฺติ, ชนปทคมนํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ปกฺกมนฺติเยวาติ อวธารเณน โน น ปกฺกมนฺตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ เอตฺถ ตฺวา ภควโต จาริกาปกฺกมนวิธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ชนปทจาริกํ จรนฺตา จา’’ติอาทิ. จาริกา จ นาเมสา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๔) ทุวิธา ตุริตจาริกา เจว อตุริตจาริกา จ. ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถาย สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม, สา มหากสฺสปตฺเถรปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ภควา หิ มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต มุหุตฺเตน ติคาวุตมคมาสิ, อาฬวกสฺสตฺถาย ตึสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺส, ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปฺจจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺตโยชนสตานิ อคมาสิ, ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส ติคาวุตาธิกํ วีสโยชนสตํ อคมาสิ, อยํ ตุริตจาริกา. ยํ ปน คามนิคมนครปฏิปาฏิยา เทวสิกํ โยชนอฑฺฒโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ ¶ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นาม. อิมํ ปน จาริกํ จรนฺโต ภควา มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑลํ อนฺติมมณฺฑลนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ มณฺฑลานํ ¶ อฺตรสฺมึ จรติ. ตตฺถ ‘‘ชนปทจาริก’’นฺติ วุตฺตตฺตา อตุริตจาริกาว อิธาธิปฺเปตา. ตเมว วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑล’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ อนฺติมมณฺฑลนฺติ ขุทฺทกมณฺฑลํ, อิตเรสํ วา มณฺฑลานํ อนฺโตคธตฺตา อนฺติมมณฺฑลํ, อพฺภนฺตริมมณฺฑลนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิเมสํ ปน มณฺฑลานํ กึ ปมาณนฺติ อาห ‘‘ตตฺถ มหามณฺฑลํ นวโยชนสติก’’นฺติอาทิ. นวโยชนสติกมฺปิ านํ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนเมว, ตโต ปรํ นาธิปฺเปตํ ตุริตจาริกาวเสน อคมนโต. ยสฺมา นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย คตคตฏฺานสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สมนฺตโต โยชนสตํ เอกโกลาหลํ โหติ, ปุริมํ ปุริมํ อาคตา นิมนฺเตตุํ ลภนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร มหามณฺฑลํ โอสรติ, ตตฺถ พุทฺธา ภควนฺโต เตสุ เตสุ คามนิคเมสุ เอกาหํ ทฺวีหํ วสนฺตา มหาชนํ อามิสปฏิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺติ, ธมฺมทาเนน จ วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ กุสลํ วฑฺเฒนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘คามนิคมาทีสุ มหาชนํ อามิสปฏิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺตา’’ติอาทิ. สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺตีติ เอตฺถ ตรุณา วิปสฺสนาติ สงฺขารปริจฺเฉทเน าณํ กงฺขาวิตรเณ าณํ สมฺมสเน าณํ มคฺคามคฺเค าณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. สมถสฺส ตรุณภาโว ปน อุปจารสมาธิวเสน เวทิตพฺโพ. ‘‘สเจ ปน อนฺโตวสฺเส ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฺเนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ าณปริปากาทิการเณน มชฺฌิมมณฺฑเล จาริกํ จริตุกามา จาตุมาสํ วสิตฺวาว นิกฺขมนฺติ.
ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวาติ อนุมติทานวเสน ทตฺวา. มาคสิรสฺส ปมทิวเสติ มาคสิรมาสสฺส ปมทิวเส. อิทฺเจตรหิ ปวตฺตโวหารวเสน กตฺติกมาสสฺส อปรปกฺขปาฏิปททิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตสนฺติ เตสํ พุทฺธานํ. เตหิ วิเนตพฺพตฺตา ‘‘เตสํ วิเนยฺยสตฺตา’’ติ วุตฺตํ. วิเนยฺยสตฺตาติ จ จาริกาย วิเนตพฺพสตฺตา. มาคสิรมาสมฺปิ ตตฺเถว วสิตฺวา ผุสฺสมาสสฺส ปมทิวเสติ อิทมฺปิ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. จตุมาสวุตฺถานมฺปิ พุทฺธานํ วิเนยฺยสตฺตา อปริปกฺกินฺทฺริยา โหนฺติ, เตสํ อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมานา อปรมฺปิ เอกมาสํ วา ทฺวิติจตุมาสํ วา ตตฺเถววสิตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา ปุริมนเยเนว โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตา ¶ สตฺตหิ วา ฉหิ วา ปฺจหิ วา จตูหิ วา มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. เวเนยฺยวเสเนวาติ อวธารเณน น จีวราทิเหตุ จรนฺตีติ ทสฺเสติ. ตถา ¶ หิ อิเมสุ ตีสุ มณฺฑเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ จาริกํ จรนฺตา น จีวราทิเหตุ จรนฺติ, อถ โข เย ทุคฺคตพาลชิณฺณพฺยาธิกา, เต ‘‘กทา ตถาคตํ อาคนฺตฺวา ปสฺสิสฺสนฺติ, มยิ ปน จาริกํ จรนฺเต มหาชโน ตถาคตทสฺสนํ ลภิสฺสติ, ตตฺถ เกจิ จิตฺตานิ ปสาเทสฺสนฺติ, เกจิ มาลาทีหิ ปูเชสฺสนฺติ, เกจิ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทสฺสนฺติ, เกจิ มิจฺฉาทสฺสนํ ปหาย สมฺมาทิฏฺิกา ภวิสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เอวํ โลกานุกมฺปาย จาริกํ จรนฺติ.
อปิจ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ ชงฺฆวิหารวเสน สรีรผาสุกตฺถาย, อฏฺุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถาย, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทปฺาปนตฺถาย, ตตฺถ ตตฺถ ปริปากคตินฺทฺริเย โพธเนยฺยสตฺเต โพธนตฺถายาติ. อปเรหิปิ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, ธมฺมํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, มหตา ธมฺมวสฺเสน จตสฺโส ปริสา สนฺตปฺเปสฺสามาติ วา. อปเรหิปิ ปฺจหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ ปาณาติปาตา วิรมิสฺสนฺตีติ วา, อทินฺนาทานา, กาเมสุมิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา วิรมิสฺสนฺตีติ วา. อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ ปมํ ฌานํ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ วา, ทุติยํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ วา. อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํ อธิคมิสฺสนฺตีติ วา, โสตาปตฺติผลํ…เป… อรหตฺตผลํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ วาติ.
ปุปฺผานิ โอจินนฺตา วิย จรนฺตีติ อิมินา ยถา มาลากาโร พหุํ ปุปฺผคจฺฉํ ทิสฺวา ตตฺถ จิรมฺปิ ตฺวา ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปุปฺผสฺุํ คจฺฉํ ทิสฺวา ตตฺถ ปปฺจํ อกตฺวา ตํ ปหาย อฺตฺถ คนฺตฺวา ปุปฺผานิ โอจินนฺโต วิจรติ, เอวเมว พุทฺธาปิ ยตฺถ คามนิคมาทีสุ วิเนยฺยสตฺตา พหู โหนฺติ, ตตฺถ จิรมฺปิ วสนฺตา เต วิเนตฺวา วิเนยฺยสฺุคามาทีสุ ปปฺจํ อกตฺวา ตํ ปหาย อฺตฺถ พหุวิเนยฺยเกสุ คามาทีสุ วสนฺตา วิจรนฺตีติ ทสฺเสติ. ตโตเยว จ อติขุทฺทเกปิ อนฺติมมณฺฑเล อุปนิสฺสยวนฺตานํ พหุภาวโต ตาว พหุมฺปิ กาลํ สตฺตมาสปริยนฺตํ จาริกํ จรนฺติ.
สนฺตสภาวตฺตา ¶ กิเลสสมณเหตุตาย วา สนฺตํ นิพฺพานํ, สุขการณตาย จ สุขนฺติ อาห ‘‘สนฺตํ สุขํ นิพฺพานมารมฺมณํ กตฺวา’’ติ. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ ชาติกฺเขตฺตภูตาย ทสสหสฺสิโลกธาตุยา. อิทฺจ เทวพฺรหฺมานํ วเสน วุตฺตํ, มนุสฺสา ปน อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ โพธเนยฺยา ¶ โหนฺติ. โพธเนยฺยสตฺตสมวโลกนนฺติ ปมํ มหากรุณาย ผริตฺวา ปจฺฉา สพฺพฺุตฺาณชาลํ ปตฺถริตฺวา ตสฺส อนฺโต ปวิฏฺานํ โพธเนยฺยสตฺตานํ สโมโลกนํ. พุทฺธา กิร มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘เย สตฺตา ภพฺพา ปริปากาณา อชฺชเยว มยา วิเนตพฺพา, เต มยฺหํ าณสฺส อุปฏฺหนฺตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย สมนฺนาหรนฺติ. เตสํ สห สมนฺนาหารา เอโก วา ทฺเว วา พหู วา ตทา วินยูปคา เวเนยฺยา สพฺพฺุตฺาณสฺส อาปาถมาคจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ พุทฺธานุภาโว. เอวํ อาปาถมาคตานํ ปน เนสํ อุปนิสฺสยํ ปุพฺพจริยํ ปุพฺพเหตุํ สมฺปติวตฺตมานฺจ ปฏิปตฺตึ โอโลเกนฺติ. เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถฺหิ สมนฺนาหาเร กเต ปมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวเนว อุปฏฺานํ โหติ. อถ ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ สรณคมนาทิวเสน กฺจิ นิปฺผตฺตึ วีมํสมานา ปุพฺพุปนิสฺสยานิ โอโลเกนฺติ.
โอติณฺเณติ อาโรจิเต, ปริสมชฺฌํ วา โอติณฺเณ. ทฺวิกฺขตฺตุนฺติ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ทฺวิกฺขตฺตุํ. พุทฺธกาเล กิร เอเกกสฺมึ สํวจฺฉเร ทฺเว วาเร ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ อุปกฏฺวสฺสูปนายิกกาเล จ ปวารณากาเล จ. อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ ภิกฺขู วคฺควคฺคา หุตฺวา กมฺมฏฺานตฺถาย อาคจฺฉนฺติ. ภควา เตหิ สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา ‘‘กสฺมา, ภิกฺขเว, อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย วิจรถา’’ติ ปุจฺฉติ. อถ เต ‘‘ภควา กมฺมฏฺานตฺถํ อาคตมฺห, กมฺมฏฺานํ โน เทถา’’ติ ยาจนฺติ. สตฺถา เตสํ จริยวเสน ราคจริตสฺส อสุภกมฺมฏฺานํ เทติ, โทสจริตสฺส เมตฺตากมฺมฏฺานํ, โมหจริตสฺส ‘‘อุทฺเทโส ปริปุจฺฉา กาเลน ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา อิทํ ตุยฺหํ สปฺปาย’’นฺติ อาจิกฺขติ. กิฺจาปิ หิ โมหจริตสฺส อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ สปฺปายํ, กมฺมฏฺานภาวนาย ปน ภาชนภูตํ กาตุํ สมฺโมหวิคมาย ¶ ปมํ อุทฺเทสปริปุจฺฉาธมฺมสฺสวนธมฺมสากจฺฉาสุ นิโยเชติ. วิตกฺกจริตสฺส อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ เทติ. สทฺธาจริตสฺส วิเสสโต ปุริมา ฉ อนุสฺสติโย สปฺปายา, ตาสํ ปน อนุยฺุชเน อยํ ปุพฺพภาคปฏิปตฺตีติ ทสฺเสตุํ ปสาทนียสุตฺตนฺเตน พุทฺธสุโพธิตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ ปกาเสติ. าณจริตสฺส ปน มรณสฺสติ อุปสมานุสฺสติ จตุธาตุววตฺถานํ อาหาเรปฏิกูลสฺา วิเสสโต สปฺปายา, เตสํ อุปการธมฺมทสฺสนตฺถํ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺเต คมฺภีเร สุตฺตนฺเต กเถติ. เต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สเจ สปฺปายํ โหติ, สตฺถุ สนฺติเก เอว วสนฺติ. โน เจ โหติ, สปฺปายํ เสนาสนํ ปุจฺฉนฺตา คจฺฉนฺติ. เตปิ ตตฺถ วสนฺตา เตมาสิกํ ปฏิปทํ คเหตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา โสตาปนฺนาปิ โหนฺติ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อรหนฺโตปิ. ตโต วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภควา อหํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ ¶ คเหตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต…เป… อหํ อคฺคผลํ อรหตฺต’’นฺติ ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจนฺติ, อุปริ อนธิคตสฺส อธิคมาย กมฺมฏฺานฺจ ยาจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุเร วสฺสูปนายิกาย จ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ…เป… อุปริ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถฺจา’’ติ.
อายามาติ เอตฺถ อา-สทฺโท ‘‘อาคจฺฉา’’ติ อิมินา สมานตฺโถติ อาห ‘‘อายามาติ อาคจฺฉ ยามา’’ติ, เอหิ คจฺฉามาติ อตฺโถ. อานนฺทาติ ภควา สนฺติกาวจรตฺตา เถรํ อาลปติ, น ปน ตทา สตฺถุ สนฺติเก วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ อภาวโต. ปฺจสตปริมาโณ หิ ตทา ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุสงฺโฆ. เถโร ปน ‘‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ภควา อสุกฏฺานํ คนฺตุกาโม’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรเจติ. ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภควโต ปจฺจสฺโสสี’’ติ อิธ ภควโตติ สามิวจนํ อามนฺตนวจนเมว สมฺพนฺธีอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต วจนํ ปฏิอสฺโสสี’’ติ วุตฺตํ. ภควโตติ ปน อิทํ ปติสฺสวสมฺพนฺเธน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ปฏิสฺสุโณตี’’ติ. ปจฺจสฺโสสีติ เอตฺถ ปฏิ-สทฺโท อภิมุขวจโนติ อาห ‘‘อภิมุโข หุตฺวา สุณี’’ติ. ภควโต มุขาภิมุโข หุตฺวา อธิวาเสตฺวา สุณิ, น อุทาสิโน หุตฺวาติ อธิปฺปาโย.
ตสฺส ¶ ปาฏิหาริยสฺส อาคนฺตุกวเสน กตตฺตา วุตฺตํ ‘‘นครทฺวารโต ปฏฺายา’’ติ. สุวณฺณรสปิฺชราหิ รสฺมีหีติ เอตฺถ รส-สทฺโท อุทกปริยาโย, ปิฺชร-สทฺโท เหมวณฺณปริยาโย, ตสฺมา สุวณฺณชลธารา วิย สุวณฺณวณฺณาหิ รสฺมีหีติ อตฺโถ. สมุชฺโชตยมาโนติ โอภาสยมาโน. อสฺสาติ เวรฺชสฺส พฺราหฺมณสฺส. ภควนฺตํ อุปนิสีทิตุกาโมติ ภควนฺตํ อุปคนฺตฺวา นิสีทิตุกาโม, ภควโต สมีเป นิสีทิตุกาโมติ วุตฺตํ โหติ.
พฺราหฺมณ ตยา นิมนฺติตา วสฺสํวุตฺถา อมฺหาติ ปาฬิยํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ทาตพฺโพ อสฺสาติ ทาตพฺโพ ภเวยฺย. โน อสนฺโตติ เนว อวิชฺชมาโน, กินฺตุ วิชฺชมาโนเยวาติ ทีเปติ. วินา วา ลิงฺควิปลฺลาเสเนตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. อิมินา สามฺวจนโต เอตฺถ นปุํสกลิงฺคนิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. โน นตฺถีติ โน อมฺหากํ นตฺถิ. โนติ วา เอตสฺส วิวรณํ นตฺถีติ. เกสํ อทาตุกามตา วิยาติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ปหูตวิตฺตูปกรณานนฺติ เอตฺถ วิตฺตีติ ตุฏฺิ, วิตฺติยา อุปกรณํ วิตฺตูปกรณํ, ตุฏฺิการณนฺติ อตฺโถ. ปหูตํ ธนธฺชาตรูปรชตนานาวิธาลงฺการสุวณฺณภาชนาทิเภทํ วิตฺตูปกรณเมเตสนฺติ ปหูตวิตฺตูปกรณา, เตสํ ปหูตวิตฺตูปกรณานํ มจฺฉรีนํ ยถา อทาตุกามตา, เอวํ โน อทาตุกามตาปิ ¶ นตฺถีติ สมฺพนฺโธ. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตฺถ ตนฺติ ตํ การณํ, ตํ กิจฺจํ วา. เอตฺถาติ ฆราวาเส. ทุติเย ปน อตฺถวิกปฺเป ตนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส ปรามสนํ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ เตมาสพฺภนฺตเรติ อตฺโถ. ยนฺติ เยน การเณน, กิริยาปรามสนํ วา. ทุติเย ปน อตฺถวิกปฺเป ยนฺติ ยํ เทยฺยธมฺมนฺติ อตฺโถ.
อลํ ฆราวาสปลิโพธจินฺตายาติ สฺาเปตฺวาติ พฺราหฺมณ เนตํ ฆราวาสปลิโพเธน กตํ, อถ โข มาราวฏฺฏเนนาติ พฺราหฺมณํ สฺาเปตฺวา. ตงฺขณานุรูปายาติ ยาทิสี ตทา ตสฺส อชฺฌาสยปฺปวตฺติ, ตทนุรูปายาติ อตฺโถ. ตสฺส ตทา ตาทิสสฺส วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตสฺส าณปริปากสฺส อภาวโต เกวลํ อพฺภนฺตรสนฺนิสฺสิโต เอว อตฺโถ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา’’ติ, ปจฺจกฺขโต วิภาเวตฺวาติ อตฺโถ. กุสเล ธมฺเมติ เตภูมเก กุสเล ¶ ธมฺเม. ตตฺถาติ กุสลธมฺเม ยถาสมาทปิเต. นนฺติ พฺราหฺมณํ. สมุตฺเตเชตฺวาติ สมฺมเทว อุปรูปริ นิเวเสตฺวา ปฺุกิริยาย ติกฺขวิสทภาวํ อาปาเทตฺวา. ตํ ปน อตฺถโต ตสฺส อุสฺสาหชนนํ โหตีติ อาห ‘‘สอุสฺสาหํ กตฺวา’’ติ. เอวํ ปฺุกิริยาย สอุสฺสาหโต เอวรูปคุณสมงฺคิตา จ นิยมโต ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสมฺปาทนนฺติ เอวํ สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ ตสฺมึ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา สมฺมเทว หฏฺตุฏฺภาวํ อาปาเทตฺวา.
ยทิ ภควา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิ, อถ กสฺมา โส วิเสสํ นาธิคจฺฉิ? อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภาวโต. ยทิ เอวํ กสฺมา ภควา ตสฺส ตถา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสีติ? วุจฺจเต – ยทิปิ ตสฺส วิเสสาธิคโม นตฺถิ, อายตึ ปน นิพฺพานาธิคมตฺถาย วาสนาภาคิยา จ สพฺพา ปุริมปจฺฉิมธมฺมกถา อโหสีติ ทฏฺพฺพา. น หิ ภควโต นิรตฺถกา ธมฺมเทสนา อตฺถิ. เตมาสิโกปิ เทยฺยธมฺโมติ เตมาสํ ทาตพฺโพปิ เทยฺยธมฺโม. ยํ ทิวสนฺติ ยสฺมึ ทิวเส.
๒๓. พุทฺธปริณายกนฺติ พุทฺโธ ปริณายโก เอตสฺสาติ พุทฺธปริณายโก, ภิกฺขุสงฺโฆ. ตํ พุทฺธปริณายกํ, พุทฺธเชฏฺกนฺติ อตฺโถ. ยาวทตฺถํ กตฺวาติ ยาว อตฺโถ, ตาว โภชเนน ตทา กตนฺติ อธิปฺปาโย. ทาตุํ อุปนีตภิกฺขาย ปฏิกฺเขโป นาม หตฺถสฺาย มุขวิกาเรน วจีเภเทน วา โหตีติ อาห ‘‘หตฺถสฺายา’’ติอาทิ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ เอตฺถ โอนีโต ปตฺตโต ปาณิ เอตสฺสาติ โอนีตปตฺตปาณีติ ภินฺนาธิกรณวิสโยยํ สทฺโท พาหิรตฺถสมาโสติ อาห ‘‘ปตฺตโต โอนีตปาณิ’’นฺติอาทิ. ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ โอนิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ อามิสาปนยเนน วา สุจิกตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณิ ¶ , ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณึ, หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา เอกมนฺเต ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อตฺโถ. ปตฺตุณฺณปฏฺฏปเฏ จาติ ปตฺตุณฺณปเฏ จ ปฏฺฏปเฏ จ. ตตฺถ ปตฺตุณฺณปเทเส ภวา ปตฺตุณฺณา, โกสิยวิเสสาติปิ วทนฺติ. ปฏฺฏานิ ปน จีนปฏานิ. อาโยคาทีสุ อาโยโคติ ปฏิอาโยโค, อํสพทฺธกํ ปตฺตตฺถวิกาทีสุ. เภสชฺชเตลานนฺติ เภสชฺชสมฺปาเกน สาธิตเตลานํ. ตุมฺพานีติ ¶ จมฺมมยเตลภาชนานิ. เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน สหสฺสคฺฆนกํ เตลมทาสีติ สมฺพนฺโธ.
มหายาคํ ยชิตฺวาติ มหาทานํ ทตฺวา. สปุตฺตทารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนนฺติ ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ. เตมาสนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ‘‘เตมาสํ โสตพฺพธมฺมํ อชฺเชว สุณิสฺสามี’’ติ นิสินฺนสฺส ตํ อชฺฌาสยํ ปูเรตฺวา เทสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปริปุณฺณสงฺกปฺปํ กุรุมาโน’’ติ. อนุพนฺธิตฺวาติ อนุคนฺตฺวา.
พุทฺธานํ อนภิรติปริตสฺสิตา นาม นตฺถีติ อาห ‘‘ยถาชฺฌาสยํ ยถารุจิตํ วาสํ วสิตฺวา’’ติ. อภิรนฺตํ อภิรตีติ หิ อตฺถโต เอกํ. อภิรนฺตสทฺโท จายํ อภิรุจิปริยาโย, น อสฺสาทปริยาโย. อสฺสาทวเสน จ กตฺถจิ วสนฺตสฺส อสฺสาทวตฺถุวิคมเนน สิยา ตสฺส ตตฺถ อนภิรติ, ตยิทํ ขีณาสวานํ นตฺถิ, ปเคว พุทฺธานํ, ตสฺมา อภิรติวเสน กตฺถจิ วสิตฺวา ตทภาวโต อฺตฺถ คมนํ นาม พุทฺธานํ นตฺถิ, วิเนยฺยวินยนตฺถํ ปน กตฺถจิ วสิตฺวา ตสฺมึ สิทฺเธ วิเนยฺยวินยตฺถเมว ตโต อฺตฺถ คจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ ยถารุจิ. โสเรยฺยาทีนิ อนุปคมฺมาติ มหามณฺฑลจาริกาย วีถิภูตานิ โสเรยฺยนคราทีนิ อนุปคนฺตฺวา. ปยาคปติฏฺานนฺติ คามสฺสปิ อธิวจนํ ติตฺถสฺสปิ. คงฺคํ นทินฺติ คงฺคํ นาม นทึ. ตทวสรีติ เอตฺถ ตนฺติ กรณตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘เตน อวสริ ตทวสรี’’ติ.
พุทฺธาจิณฺณกถา นิฏฺิตา.
สมนฺตปาสาทิกายาติ สมนฺตโต สพฺพโส ปสาทํ ชเนตีติ สมนฺตปาสาทิกา, ตสฺสา สมนฺตปาสาทิกาย. ตตฺริทํ สมนฺตปาสาทิกาย สมนฺตปาสาทิกตฺตสฺมินฺติ เอตฺถ ตตฺราติ ปุริมวจนาเปกฺขํ, อิทนฺติ วกฺขมานการณวจนาเปกฺขํ. ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนายา’’ติ, ตตฺร ยา สา สมนฺตปาสาทิกาติ สํวณฺณนา วุตฺตา ¶ , ตสฺสา สมนฺตปาสาทิกาย สํวณฺณนาย สมนฺตปาสาทิกตฺตสฺมึ สมนฺตปาสาทิกภาเว สพฺพโส ปสาทชนกตฺเต อิทํ โหติ. กึ โหตีติ อาห ‘‘อาจริยปรมฺปรโต’’ติอาทิ.
อาจริยปรมฺปรโตติ ¶ ‘‘อุปาลิ ทาสโก’’ติอาทินา (ปริ. ๓). วุตฺตอาจริยปรมฺปรโต. นิทานวตฺถุปฺปเภททีปนโตติ นิทานปฺปเภททีปนโต วตฺถุปฺปเภททีปนโต จ. ตตฺถ พาหิรนิทานอพฺภนฺตรนิทานสิกฺขาปทนิทานทสฺสนวเสน นิทานปฺปเภททีปนํ เวทิตพฺพํ, เถรวาทปฺปกาสนํ ปน วตฺถุปฺปเภททีปนํ. ปรสมยวิวชฺชนโตติ ‘‘สกาย ปฏิฺาย เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๔) มิจฺฉาปฏิปนฺนานํ ปเรสํ ลทฺธินิรากรณโต, ตโตเยว จ อตฺตโน สมยปติฏฺาปเนน สกสมยวิสุทฺธิโต.
พฺยฺชนปริโสธนโตติ ปาโสธเนน พฺยฺชนปริโสธนํ เวทิตพฺพํ, สทฺทสตฺถานุสาเรน วา นิพฺพจนํ ทสฺเสตฺวา ปทนิปฺผตฺติทสฺสนํ พฺยฺชนปริโสธนํ. วิภงฺคนยเภททสฺสนโตติ ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย’’ติอาทิปทภาชนสฺส อนุรูปวเสน นยเภททสฺสนโต. สมฺปสฺสตนฺติ าณจกฺขุนา สมฺมา ปสฺสนฺตานํ, อุปปริกฺขนฺตานนฺติ อตฺโถ. อปาสาทิกนฺติ อปฺปสาทาวหํ. เอตฺถาติ สมนฺตปาสาทิกาย. สมฺปสฺสตํ วิฺูนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมา อยํ สํวณฺณนา สมนฺตปาสาทิกาตฺเวว ปวตฺตาติ โยเชตพฺพํ. กสฺส เกน เทสิตสฺส สํวณฺณนาติ อาห ‘‘วินยสฺสา’’ติอาทิ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา สมตฺตา.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.