📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยปิฏเก
สารตฺถทีปนี-ฏีกา (ตติโย ภาโค)
๕. ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. มุสาวาทวคฺโค
๑. มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
๑. มุสาวาทวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมสิกฺขาปเท ขุทฺทกานนฺติ เอตฺถ ‘‘ขุทฺทก-สทฺโท พหุ-สทฺทปริยาโย ¶ . พหุภาวโต อิมานิ ขุทฺทกานิ นาม ชาตานี’’ติ วทนฺติ. ตตฺถาติ เตสุ นวสุ วคฺเคสุ, เตสุ วา ขุทฺทเกสุ. การเณน การณนฺตรปฏิจฺฉาทนเมว วิภาเวตุํ ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิมาห. รูปํ อนิจฺจนฺติ ปฏิชานิตฺวา ตตฺถ การณํ วทนฺโต ‘‘ชานิตพฺพโต’’ติ อาห. ‘‘ยทิ เอวํ นิพฺพานสฺสปิ อนิจฺจตา อาปชฺชตี’’ติ ปเรน วุตฺโต ตํ การณํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ปุน ‘‘ชาติธมฺมโต’’ติ อฺํ การณํ วทติ.
‘‘สมฺปชานํ มุสา ภาสตี’’ติ วตฺตพฺเพ สมฺปชาน มุสา ภาสตีติ อนุนาสิกโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ชานนฺโต มุสา ภาสตี’’ติ.
๒. ชานิตฺวา ชานนฺตสฺส จ มุสา ภณเนติ ปุพฺพภาเคปิ ชานิตฺวา วจนกฺขเณปิ ชานนฺตสฺส มุสา ภณเน. ภณนฺจ นาม อิธ อภูตสฺส วา ภูตตํ ภูตสฺส วา อภูตตํ กตฺวา กาเยน วา วาจาย วา วิฺาปนปโยโค. สมฺปชานมุสาวาเทติ จ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา ¶ โย สมฺปชาน มุสา วทติ, ตสฺส ตํนิมิตฺตํ ตํเหตุ ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติยํ โหตีติ เอวเมตฺถ อฺเสุ จ อีทิเสสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓. วิสํวาเทนฺติ เอเตนาติ วิสํวาทนํ, วฺจนาธิปฺปายวสปฺปวตฺตํ จิตฺตํ. เตนาห ‘‘วิสํวาทนจิตฺตํ ปุรโต กตฺวา วทนฺตสฺสา’’ติ. วทติ เอตายาติ วาจา, วจนสมุฏฺาปิกา เจตนา. เตนาห ‘‘มิจฺฉาวาจา…เป… เจตนา’’ติ. ปเภทคตา วาจาติ อเนกเภทภินฺนา. เอวํ ปมปเทน สุทฺธเจตนา…เป… กถิตาติ เวทิตพฺพาติ อิมินา อิมํ ทีเปติ – สุทฺธเจตนา วา สุทฺธสทฺโท วา สุทฺธวิฺตฺติ วา มุสาวาโท นาม น โหติ, วิฺตฺติยา สทฺเทน จ สหิตา ตํสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโทติ. จกฺขุวเสน อคฺคหิตารมฺมณนฺติ จกฺขุสนฺนิสฺสิเตน วิฺาเณน อคฺคหิตมารมฺมณํ. ฆานาทีนํ ติณฺณํ อินฺทฺริยานํ สมฺปตฺตวิสยคฺคาหกตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตีหิ อินฺทฺริเยหิ เอกาพทฺธํ วิย กตฺวา’’ติ. ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติอาทีสุ วิย ‘‘จกฺขุนา ทิฏฺ’’นฺติ อยํ โวหาโร โลเก ปากโฏติ อาห ‘‘โอฬาริเกเนว นเยนา’’ติ.
๑๑. อวีมํสิตฺวาติ อนุปปริกฺขิตฺวา. อนุปธาเรตฺวาติ อวินิจฺฉินิตฺวา. ชฬตฺตาติ อฺาณตาย. ทารุสกฏํ โยเชตฺวา คโตติ ทารุสกฏํ โยเชตฺวา ตตฺถ นิสีทิตฺวา คโตติ อธิปฺปาโย. คโต ภวิสฺสตีติ ตเถว สนฺนิฏฺานํ กตฺวา วุตฺตตฺตา มุสาวาโท ชาโต. เกจิ ปน ‘‘เกฬึ กุรุมาโนติ วุตฺตตฺตา เอวํ วทนฺโต ทุพฺภาสิตํ อาปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ¶ . ชาติอาทีหิเยว หิ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ทวกมฺยตาย วทนฺตสฺส ทุพฺภาสิตํ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘หีนุกฺกฏฺเหิ อุกฺกฏฺํ, หีนํ วา ชาติอาทิหิ;
อุชุํ วาฺาปเทเสน, วเท ทุพฺภาสิตํ ทวา’’ติ.
จิตฺเตน โถกตรภาวํเยว อคฺคเหตฺวา พหุภาวํเยว คเหตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘คาโม เอกเตโล’’ติอาทินาปิ มุสาวาโท ชาโต. จาเรสุนฺติ อุปเนสุํ. วิสํวาทนปุเรกฺขารตา, วิสํวาทนจิตฺเตน ยมตฺถํ วตฺตุกาโม, ตสฺส ปุคฺคลสฺส วิฺาปนปโยโค จาติ อิมาเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ ¶ . อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนตฺถํ มุสา ภณนฺตสฺส ปาราชิกํ, อมูลเกน ปาราชิเกน อนุทฺธํสนตฺถํ สงฺฆาทิเสโส, สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํสนตฺถํ ปาจิตฺติยํ, อาจารวิปตฺติยา ทุกฺกฏํ, ‘‘โย เต วิหาเร วสตี’’ติอาทิปริยาเยน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนตฺถํ ปฏิวิชานนฺตสฺส มุสา ภณิเต ถุลฺลจฺจยํ, อปฺปฏิวิชานนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, เกวลํ มุสา ภณนฺตสฺส อิธ ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ.
มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒. ทุติเย กณฺณกฏุกตาย อมนาปํ วทนฺตา กณฺเณสุ วิชฺฌนฺตา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘โอมสนฺตีติ โอวิชฺฌนฺตี’’ติ. ปธํเสนฺตีติ อภิภวนฺติ.
๑๓. โพธิสตฺโต เตน สมเยน โหตีติ เตน สมเยน โพธิสตฺโต นนฺทิวิสาโล นาม อโหสีติ อตฺโถ. อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ, กิริยากาลวจนิจฺฉาย วา วตฺตมานปฺปโยโค สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน ภูตตาวคโม สิยาติ. ปจฺเจสีติ ‘‘อมนาปํ อิท’’นฺติ อฺาสิ. เหฏฺารุกฺเข ทตฺวาติ อุปตฺถมฺภเก ทตฺวา. ปุพฺเพ ปติฏฺิตารปฺปเทสํ ปุน อเร ปตฺเตติ ปุพฺเพ อุชุกํ เหฏฺามุขํ ปติฏฺิตอรสฺส ภูมิปฺปเทสํ ปุน ตสฺมึเยว อเร ปริวตฺเตตฺวา เหฏฺามุขภาเวน สมฺปตฺเต, ปมํ ภูมิยํ ปติฏฺิตเนมิปฺปเทเส ปริวตฺเตตฺวา ปุน ภูมิยํ ปติฏฺิเตติ วุตฺตํ โหติ. สิถิลกรณนฺติ สิถิลกิริยา.
๑๕. ปุพฺเพติ อฏฺุปฺปตฺติยํ. ตจฺฉกกมฺมนฺติ วฑฺฒกีกมฺมํ. โกฏฺฏกกมฺมนฺติ วา ปาสาณโกฏฺฏกกมฺมํ ¶ . หตฺถมุทฺทาคณนาติ องฺคุลิสงฺโกเจเนว คณนา. ปาทสิกมิลกฺขกาทโย วิย นวนฺตวเสน คณนา อจฺฉิทฺทกคณนา. อาทิ-สทฺเทน สงฺกลนปฏุปฺปาทนโวกฺลนภาคหาราทิวเสน ปวตฺตา ปิณฺฑคณนา คหิตา. ยสฺส สา ปคุณา โหติ, โส รุกฺขมฺปิ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกานิ เอตฺถ ปณฺณานี’’ติ ชานาติ. ยภ เมถุเนติ วจนโต ย-การ ภ-กาเร เอกโต โยชิเต อสทฺธมฺมวจนํ โหติ.
๑๖-๒๖. อาปตฺติยา ¶ กาเรตพฺโพติ ปาจิตฺติเยน กาเรตพฺโพ อุปสคฺคาทิมตฺตวิสิฏฺานํ อติจณฺฑาลาทิปทานํ ปาฬิยํ อาคเตสุเยว สงฺคหิตตฺตา. โจโรสีติอาทีนํ ปน เกนจิ ปริยาเยน ปาฬิยํ อนาคตตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. หสาธิปฺปายตาติ ปุริมปทสฺส อตฺถวิวรณํ. ปาฬิยํ อวุตฺเตปิ ‘‘ชาติอาทีหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ปรมฺมุขา อกฺโกสนฺตสฺส วตฺถูนํ อนฺภาวโต ยถา ทุกฺกฏํ, ตถา ทวกมฺยตาย ปรมฺมุขา วทนฺตสฺสปิ ทุพฺภาสิตเมวา’’ติ อาจริยา วทนฺติ. สพฺพสตฺตาติ เอตฺถ วจนตฺถวิชานนปกติกา ติรจฺฉานคตาปิ คเหตพฺพา.
๓๕. อนุสาสนิปุเรกฺขารตาย ตฺวา วทนฺตสฺส จิตฺตสฺส ลหุปริวตฺติภาวโต อนฺตรา โกเป อุปฺปนฺเนปิ อนาปตฺติ. ยํ อกฺโกสติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา, อนฺาปเทเสน ชาติอาทีหิ อกฺโกสนํ, ‘‘มํ อกฺโกสตี’’ติ ชานนา, อตฺถปุเรกฺขารตาทีนํ อภาวตาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เปสฺุสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๖. ตติเย ภณฺฑนํ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา. สมฺมนฺตนนฺติ รโห สํสนฺทนํ. หตฺถปรามาสาทิวเสน มตฺถกํ ปตฺโต กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตา. อนาปตฺติคามิกํ วิรุทฺธวาทภูตํ วิวาทํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. วิคฺคหสํวตฺตนิกา กถา วิคฺคาหิกกถา. ปิสตีติ ปิสุณา, วาจา, สมคฺเค สตฺเต อวยวภูเต วคฺเค ภินฺเน กโรตีติ อตฺโถ. ปิสุณา เอว เปสฺุํ. ตาย วาจาย วา สมนฺนาคโต ปิสุโณ, ตสฺส กมฺมํ เปสฺุํ. ปิยภาวสฺส สฺุกรณวาจนฺติ อิมินา ปน ‘‘ปิยสฺุกรณโต ปิสุณา’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วทติ.
อิธาปิ ‘‘ทสหากาเรหิ เปสฺุํ อุปสํหรตี’’ติ วจนโต ทสวิธอกฺโกสวตฺถุวเสเนว เปสฺุํ อุปสํหรนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. ปาฬิมุตฺตกานํ โจโรติอาทีนํ วเสน ปน ทุกฺกฏเมวาติ เวทิตพฺพํ ¶ . ‘‘อนกฺโกสวตฺถุภูตํ ¶ ปน เปสฺุกรํ ตสฺส กิริยํ วจนํ วา ปิยกมฺยตาย อุปสํหรนฺตสฺส กิฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ น ทิสฺสติ, ตถาปิ ทุกฺกเฏเนตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ชาติอาทีหิ อนฺาปเทเสน อกฺโกสนฺตสฺส ภิกฺขุโน สุตฺวา ภิกฺขุสฺส อุปสํหรณํ, ปิยกมฺยตาเภทาธิปฺปาเยสุ อฺตรตา, ตสฺส วิชานนาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
เปสฺุสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕. จตุตฺเถ เอกโตติ อนุปสมฺปนฺเนน สทฺธึ. ปุริมพฺยฺชเนน สทิสํ ปจฺฉาพฺยฺชนนฺติ ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ เอตฺถ อนิจฺจ-สทฺเทน สทิสํ ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ เอตฺถ อนิจฺจ-สทฺทํ วทติ. อกฺขรสมูโหติ อวิภตฺติโก อกฺขรสมูโห. อกฺขรานุพฺยฺชนสมูโห ปทนฺติ วิภตฺติอนฺตํ ปทมาห. วิภตฺติอนฺตเมว ปทํ คเหตฺวา ‘‘ปมปทํ ปทเมว, ทุติยํ อนุปท’’นฺติ วุตฺตํ.
เอกํ ปทนฺติ คาถาปทํ สนฺธาย วทติ. ปทคณนายาติ คาถาปทคณนาย. อปาปุณิตฺวาติ สทฺธึ อกเถตฺวา. รุนฺติ โอปาเตตีติ เอตฺถ อนุนาสิโก อาคมวเสน วุตฺโต, สํโยคปุพฺพสฺส รสฺสตฺตํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘รู-การมตฺตเมวา’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ ภณ สามเณรา’’ติ วุจฺจมาโน สเจ รู-การํ อวตฺวา รุ-อิติ รสฺสํ กตฺวา วทติ, อฺํ ภณิตํ นาม โหติ, ตสฺมา อนาปตฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ เอตฺถาปิ อนิจฺจ-สทฺทมตฺเตเนว อาปตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพํ. เอส นโยติ เอกเมวกฺขรํ วตฺวา านํ. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ วุจฺจมาโน หิ ม-การมตฺตเมว วตฺวา ติฏฺติ. ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิสุตฺตํ ภณาปิยมาโน เอ-การํ วตฺวา ติฏฺติ เจ, อนฺวกฺขเรน ปาจิตฺติยํ, อปริปุณฺณปทํ วตฺวา ิเต อนุพฺยฺชเนน. ปเทสุ เอกํ ปมปทํ วิรชฺฌติ, ทุติเยน อนุปเทน ปาจิตฺติยํ.
อนงฺคณสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๘๙ อาทโย) มหาเวทลฺลฺจ (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) ธมฺมเสนาปตินา ภาสิตํ, อนุมานสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๘๑ อาทโย) มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน, จูฬเวทลฺลสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) ธมฺมทินฺนาย ¶ เถริยา ภาสิตํ. ปจฺเจกพุทฺธภาสิตมฺปิ พุทฺธภาสิเตเยว สงฺคหํ คจฺฉติ. อฏฺกถานิสฺสิโตติ ¶ ปุพฺเพ มคธภาสาย วุตฺตํ ธมฺมสงฺคหารุฬฺหํ อฏฺกถํ สนฺธาย วทติ. อิทานิปิ ‘‘ยถาปิ ทีปิโก นาม, นิลียิตฺวา คณฺหเต มิเค’’ติ (มิ. ป. ๖.๑.๕) เอวมาทิกํ สงฺคหารุฬฺหํ อฏฺกถาวจนํ คเหตพฺพนฺติ วทนฺติ. ปาฬินิสฺสิโตติ ‘‘มกฺกฏี วชฺชิปุตฺตา จา’’ติเอวมาทินา (ปารา. ๖๖) ปาฬิยํเยว อาคโต. วิวฏฺฏูปนิสฺสิตนฺติ นิพฺพานุปนิสฺสิตํ. วิวฏฺฏนิสฺสิตํ ปน สามฺโต คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. เถรสฺสาติ นาคเสนตฺเถรสฺส. มคฺคกถาทีนิ ปกรณานิ. ‘‘อกฺขเรน วาเจติ, อกฺขรกฺขเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อกฺขราย วาเจติ, อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ.
๔๘. อนุปสมฺปนฺเนน สทฺธึ คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อนุปสมฺปนฺเนน สห นิสีทิตฺวา อุทฺเทสํ คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺติ วุตฺตา. ทหรภิกฺขุ นิสินฺโน…เป… ภณโต อนาปตฺตีติ เอตฺถ ทฺวีสุปิ ิเตสุ นิสินฺเนสุ วา อุปสมฺปนฺนสฺส ภณามีติ ภณนฺตสฺส อนาปตฺติเยว. อุปจารํ มฺุจิตฺวาติ ปริสปริยนฺตโต ทฺวาทสหตฺถํ มฺุจิตฺวา. ‘‘นิสินฺเน วาเจมี’’ติ ภณนฺตสฺสปิ อุปจารํ มฺุจิตฺวา นิสินฺนตฺตา อนาปตฺติ. สเจ ปน ทูเร นิสินฺนมฺปิ วาเจมีติ วิสุํ สลฺลกฺเขตฺวา ภณติ, อาปตฺติเยว. เอโก ปาโท น อาคจฺฉตีติ ปุพฺเพ ปคุโณเยว ปจฺฉา อสรนฺตสฺส น อาคจฺฉติ, ตํ ‘‘เอวํ ภณาหี’’ติ เอกโต ภณนฺตสฺส อนาปตฺติ. โอปาเตตีติ สทฺธึ กเถติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อนุปสมฺปนฺนตา, วุตฺตลกฺขณธมฺมํ ปทโส วาจนตา, เอกโต ภณนฺจาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๙-๕๐. ปฺจเม วิกูชมานาติ นิตฺถุนนฺตา. กากจฺฉมานาติ โรทนฺตา. ตตฺริทํ วตฺถุนิทสฺสนํ วา. เตน นุ โข ปาติตนฺติ ปุจฺฉาวเสน กถิตตฺตา นตฺถิ มุสาวาโท. เกจิ ปน ‘‘สนฺเทหวเสน วจนํ มุสา นาม ¶ น โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. สนฺติกํ อคนฺตฺวาติ ‘‘ยํ เอเตสํ น กปฺปติ, ตํ เตสมฺปิ น กปฺปตี’’ติ อธิปฺปาเยน อคนฺตฺวา.
๕๑. ทิรตฺตติรตฺตนฺติ เอตฺถ วจนสิลิฏฺตามตฺเตน ทิรตฺต-คฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ติรตฺตฺหิ สหวาเส ลพฺภมาเน ทิรตฺเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทิรตฺตคฺคหณํ วิสุํ น โยเชติ. เตเนวาห ¶ ‘‘อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตนฺติ ภควา สามเณรานํ สงฺคหกรณตฺถาย ติรตฺตปริหารํ อทาสี’’ติ. นิรนฺตรํ ติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา ทิรตฺตคฺคหณํ กตํ. เกวลฺหิ ติรตฺตนฺติ วุตฺเต อฺตฺถ วาเสน อนฺตริกมฺปิ ติรตฺตํ คณฺเหยฺย, ทิรตฺตวิสิฏฺํ ปน ติรตฺตํ วุจฺจมานํ เตน อนนฺตริกเมว ติรตฺตํ ทีเปติ. สยนํ เสยฺยา, สยนฺติ เอตฺถาติปิ เสยฺยาติ อาห ‘‘กายปฺปสารณสงฺขาต’’นฺติอาทิ. ตสฺมาติ ยสฺมา อุภยมฺปิ ปริคฺคหิตํ, ตสฺมา. ปฺจหิ ฉทเนหีติ อิฏฺกสิลาสุธาติณปณฺณสงฺขอาเตหิ ปฺจหิ ฉทเนหิ. วาจุคฺคตวเสนาติ ปคุณวเสน. ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพโธ วฑฺฒกีหตฺเถน คเหตพฺโพ. เอกูปจาโรติ วฬฺชนทฺวารสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สตคพฺภํ วา จตุสฺสาลํ เอกูปจารํ โหตีติ สมฺพนฺโธ.
อุปริมตเลน สทฺธึ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺสาติ อิทํ ตุลาย อพฺภนฺตเร สยิตฺวา ปุน เตเนว สุสิเรน นิกฺขมิตฺวา ภิตฺติอนฺตเรน เหฏฺิมตลํ ปวิสิตุํ โยคฺเคปิ อุปริมตเลน อสมฺพทฺธภิตฺติเก เสนาสเน อนาปตฺติยา วุตฺตาย ตถา ปวิสิตุํ อสกฺกุเณยฺเย สมฺพทฺธภิตฺติเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน สมฺพทฺธภิตฺติเก อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เหฏฺาปาสาเท สยิตภิกฺขุสฺส อนาปตฺตีติ อิทมฺปิ ตาทิเส เสนาสเน เหฏฺิมตเล สยิตสฺเสว อาปตฺติปฺปสงฺกา สิยาติ ตํนิวารณตฺถํ วุตฺตํ, น ปน อุปริมตเล สยิตสฺส อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ. นานูปจาเรติ ยตฺถ พหิ นิสฺเสณึ กตฺวา อุปริมตลํ อาโรหนฺติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปริมตเลปิ อากาสงฺคเณ นิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติยา อภาวโต ‘‘ฉทนพฺภนฺตเร’’ติ วุตฺตํ.
สภาสงฺเขเปนาติ สภากาเรน. อฑฺฒกุฏฺฏเก เสนาสเนติ เอตฺถ ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏกํ นาม ยตฺถ เอกํ ปสฺสํ มฺุจิตฺวา ตีสุ ปสฺเสสุ ภิตฺติโย พทฺธา ¶ โหนฺติ, ยตฺถ วา เอกสฺมึ ปสฺเส ภิตฺตึ อุฏฺาเปตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ อุปฑฺฒํ อุปฑฺฒํ กตฺวา ภิตฺติโย อุฏฺาเปนฺติ, ตาทิสํ เสนาสน’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. คณฺิปเท ปน ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏเกติ ฉทนํ อฑฺเฒน อสมฺปตฺตกุฏฺฏเก’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ โน น ยุตฺตํ. ‘‘วาฬสงฺฆาโฏ นาม ถมฺภานํ อุปริ วาฬรูเปหิ กตสงฺฆาโฏ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. ปริกฺเขปสฺส พหิคเตติ เอตฺถ ยสฺมึ ปสฺเส ปริกฺเขโป นตฺถิ, ตตฺถาปิ ปริกฺเขปารหปฺปเทสโต พหิคเต อนาปตฺติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเรติ เอตฺถ มชฺเฌ วิวฏงฺคณวนฺตาสุ ปมุขมหาจตุสฺสาลาสุ ยถา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวา ปมุเขเนว คนฺตฺวา สพฺพคพฺเภ ปวิสิตุํ น สกฺกา โหติ, เอวํ เอเกกคพฺภสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ กุฏฺฏํ นีหริตฺวา กตํ ปริจฺฉินฺนคพฺภูปจารํ นาม, อิทํ ปน ตาทิสํ น โหตีติ ‘‘อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเร’’ติ วุตฺตํ. สพฺพคพฺเภ ปวิสนฺตีติ คพฺภูปจารสฺส อปริจฺฉินฺนตฺตา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวา ปมุเขเนว คนฺตฺวา ตํ ตํ คพฺภํ ปวิสนฺติ. อถ กุโต ตสฺส ปริกฺเขโปเยว สพฺพปริจฺฉนฺนตฺตาติ ¶ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘คพฺภปริกฺเขโปเยว หิสฺส ปริกฺเขโป’’ติ. อิทฺจ สมนฺตา คพฺภภิตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํ. จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฏฺเปิ เสนาสเน คพฺภปมุขํ วิสุํ อปริกฺขิตฺตมฺปิ สมนฺตา ิตคพฺภภิตฺตีนํ วเสน ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติ.
‘‘นนุ จ ‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตี’ติ อนฺธกฏฺกถายํ อวิเสเสน วุตฺตํ, ตสฺมา จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฏฺเปิ เสนาสเน วิสุํ อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺติเยวา’’ติ โย วเทยฺย, ตสฺส วาทปริโมจนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ยํ ปน…เป… ปาเฏกฺกสนฺนิเวสา เอกจฺฉทนา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตีติ ยํ วุตฺตํ, ตํ น จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฏฺา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺตํ, กิฺจรหิ วิสุํ สนฺนิวิฏฺํ เอกเมว คพฺภปาฬึ สนฺธาย. ตาทิสาย หิ คพฺภปาฬิยา อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺติ, น จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฏฺายา’’ติ. เอกาย จ คพฺภปาฬิยา ตสฺส ตสฺส คพฺภสฺส อุปจารํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนฺตมโส อุโภสุ ปสฺเสสุ ขุทฺทกภิตฺตีนํ อุฏฺาปนมตฺเตนปิ ปมุขํ ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติ, จตุสฺสาลวเสน สนฺนิวิฏฺาสุ ปน คพฺภปาฬีสุ อุโภสุ ปสฺเสสุ คพฺภภิตฺตีนํ วเสนปิ ปมุขํ ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติ. ตสฺมา ¶ ยํ อิมินา ลกฺขเณน ปริกฺขิตฺตํ ปมุขํ, ตตฺถ อาปตฺติ, อิตรตฺถ อนาปตฺตีติ อิทเมตฺถ สนฺนิฏฺานํ.
อิทานิ ‘‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา ตสฺเสว วจนสฺส อธิปฺปายํ ปกาเสนฺเตน ยํ วุตฺตํ ‘‘ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิต’’นฺติ, ตสฺส อยุตฺตตาวิภาวนตฺถํ ‘‘ยฺจ ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิตนฺติ หิ อิมสฺส วจนสฺส อยมธิปฺปาโย – ‘‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ วินา วตฺถุํ ภูมิยํ กตเคหสฺส ปมุขํ สนฺธาย กถิตํ. สเจ ปน อุจฺจวตฺถุกํ ปมุขํ โหติ, ปริกฺขิตฺตสงฺขฺยํ น คจฺฉตีติ. เตเนวาห ‘‘ทสหตฺถุพฺเพธาปิ หิ ชคติ ปริกฺเขปสงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ. เหฏฺาปิ อิทเมว มนสิ สนฺนิธาย วุตฺตํ ‘‘อุจฺจวตฺถุกํ เจปิ โหติ, ปมุเข สยิโต คพฺเภ สยิตานํ อาปตฺตึ น กโรตี’’ติ. ตตฺถาติ อนฺธกฏฺกถายํ. ชคติยา ปมาณํ วตฺวาติ ‘‘สเจ ชคติยา โอตริตฺวา ภูมิยํ สยิโต, ชคติยา อุปริ สยิตํ น ปสฺสตี’’ติ เอวํ ชคติยา อุพฺเพเธน ปมาณํ วตฺวา. เอกสาลาทีสุ อุชุกเมว ทีฆํ กตฺวา สนฺนิเวสิโต ปาสาโท เอกสาลสนฺนิเวโส. ทฺวิสาลสนฺนิเวสาทโยปิ วุตฺตานุสารโต เวทิตพฺพา. สาลปฺปเภททีปนเมว เจตฺถ เหฏฺา วุตฺตโต วิเสโส.
มชฺเฌปาการํ กโรนฺตีติ เอตฺถาปิ ปริกฺเขปสฺส เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพธตฺตา ทิยฑฺฒหตฺถํ เจปิ ¶ มชฺเฌ ปาการํ กโรนฺติ, นานูปจารเมว โหตีติ เวทิตพฺพํ. น หิ ฉิทฺเทน เคหํ เอกูปจารํ นาม โหตีติ เอตฺถ สเจ อุพฺเพเธน ทิยฑฺฒหตฺถพฺภนฺตเร มนุสฺสานํ สฺจารปฺปโหนกํ ฉิทฺทํ โหติ, ตมฺปิ ทฺวารเมวาติ เอกูปจารํ โหติ. กึ ปริกฺเขโปวิทฺธสฺโตติ ปมุขสฺส ปริกฺเขปํ สนฺธาย วทติ. สพฺพตฺถ ปฺจนฺนํเยว ฉทนานํ อาคตตฺตา วทติ ‘‘ปฺจนฺนํ อฺตเรน ฉทเนน ฉนฺนา’’ติ.
๕๓. ปาฬิยํ ‘‘เสยฺยา นาม สพฺพจฺฉนฺนา สพฺพปริจฺฉนฺนา เยภุยฺเยนจฺฉนฺนา เยภุยฺเยนปริจฺฉนฺนา’’ติ วทนฺเตน เยภุยฺเยนจฺฉนฺนเยภุยฺเยนปริจฺฉนฺนเสนาสนํ ปาจิตฺติยสฺส อวสานํ วิย กตฺวา ทสฺสิตํ, ‘‘อุปฑฺฒจฺฉนฺเน อุปฑฺฒปริจฺฉนฺเน อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วทนฺเตน จ อุปฑฺฒจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนเสนาสนํ ทุกฺกฏสฺส อาทึ กตฺวา ทสฺสิตํ, อุภินฺนมนฺตรา เกน ภวิตพฺพํ ¶ ปาจิตฺติเยน, อุทาหุ ทุกฺกเฏนาติ? โลกวชฺชสิกฺขาปทสฺเสว อนวเสสํ กตฺวา ปฺาปนโต อิมสฺส จ ปณฺณตฺติวชฺชตฺตา เยภุยฺเยนจฺฉนฺนเยภุยฺเยนปริจฺฉนฺนสฺส อุปฑฺฒจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนสฺส จ อนฺตรา ปาจิตฺติยํ อนิวาริตเมว, ตสฺมา วินยวินิจฺฉเย จ ครุเกเยว าตพฺพตฺตา อฏฺกถายมฺปิ ปาจิตฺติยเมว ทสฺสิตํ. สตฺต ปาจิตฺติยานีติ ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติยํ สามฺโต เอกตฺเตน คเหตฺวา วุตฺตํ. วิสุํ ปน คยฺหมาเน ‘‘สพฺพจฺฉนฺเน สพฺพปริจฺฉนฺเน ปาจิตฺติยํ, เยภุยฺเยนจฺฉนฺเน เยภุยฺเยนปริจฺฉนฺเน ปาจิตฺติย’’นฺติ อฏฺเว ปาจิตฺติยานิ โหนฺติ.
เสนมฺพมณฺฑปวณฺณํ โหตีติ สีหฬทีเป กิร อุจฺจวตฺถุโก สพฺพจฺฉนฺโน สพฺพอปริจฺฉนฺโน เอวํนามโก สนฺนิปาตมณฺฑโป อตฺถิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ยทิ ชคติปริกฺเขปสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุจฺจวตฺถุกตฺตา มณฺฑปสฺส สพฺพอปริจฺฉนฺนตา น ยุชฺชตีติ อาห ‘‘อิมินาเปตํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิ. จูฬกจฺฉนฺนาทีนิ เจตฺถ เอวํ เวทิตพฺพานิ – ยสฺส จตูสุ ภาเคสุ เอโก ฉนฺโน, เสสา อจฺฉนฺนา, อิทํ จูฬกจฺฉนฺนํ. ยสฺส ตีสุ ภาเคสุ ทฺเว ฉนฺนา, เอโก อจฺฉนฺโน, อิทํ เยภุยฺเยนจฺฉนฺนํ. ยสฺส ทฺวีสุ ภาเคสุ เอโก ฉนฺโน, เอโก อจฺฉนฺโน, อิทํ อุปฑฺฒจฺฉนฺนํ นาม เสนาสนํ. จูฬกปริจฺฉนฺนาทีนิปิ อิมินาว นเยน เวทิตพฺพานิ. เสสํ อุตฺตานเมว. ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ ตตฺถ อนุปสมฺปนฺเนน สห นิปชฺชนํ, จตุตฺถทิวเส สูริยตฺถงฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๕. ฉฏฺเ ‘‘ปมสิกฺขาปเท ‘ภิกฺขุํ เปตฺวา อวเสโส อนุปสมฺปนฺโน นามา’ติ วุตฺตตฺตา ¶ ‘มาตุคาโมปิ อนุปสมฺปนฺนคฺคหเณน คหิโตเยวา’ติ จตุตฺถทิวเส มาตุคาเมน สทฺธึ สยนฺตสฺส ทฺวีหิ สิกฺขาปเทหิ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. คณฺิปเทสุ ปน ตีสุปิ ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปเท มาตุคามสฺส วิสุํ วุจฺจมานตฺตา ปมสิกฺขาปเท ‘ภิกฺขุํ เปตฺวา อวเสโส อนุปสมฺปนฺโน นามา’ติ ปุริสสฺเสว คหณํ อนุจฺฉวิก’’นฺติ วุตฺตํ, ตเทว จ ยุตฺตตรํ.
ยฺจ ¶ อิธ ‘‘ปมทิวเสปีติ ปิ-สทฺเทน จตุตฺถทิวเสปีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ การณํ วทนฺติ, ตมฺปิ อการณํ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถเยวาติ นิยมาภาวโต อวธารณตฺถสฺส จ สมฺภวโต. สมฺภาวเน วา ปิ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. เตน อิธ ปมทิวเสปิ ตาว อาปตฺติ, ทุติยาทิทิวเส กิเมว วตฺตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. สมฺปิณฺฑนตฺเถปิ ปิ-สทฺเท คยฺหมาเน อิมินาว สิกฺขาปเทน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา อฺสฺมิมฺปิ ทิวเส อาปชฺชนํ ทีเปติ, น ปมสิกฺขาปเทน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยาติ อการณเมว ตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘มติตฺถี ปาราชิกวตฺถุภูตาปิ อนุปาทินฺนปกฺเข ิตตฺตา สหเสยฺยาปตฺตึ น ชเนตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อตฺถงฺคเต สูริเย มาตุคาเม นิปนฺเน ภิกฺขุ นิปชฺชตี’’ติ วจนโต ทิวา สยนฺตสฺส สหเสยฺยาปตฺติ น โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ มาตุคาเมน สห นิปชฺชนํ, สูริยตฺถงฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๐-๖๔. สตฺตเม ฆรํ นยตีติ ฆรณี, ฆรนายิกา. เตนาห ‘‘ฆรสามินี’’ติ. สุณฺหาติ สุณิสา. น ยกฺเขนาติอาทีนํ ‘‘อฺตฺรา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ปุริสวิคฺคหํ คเหตฺวา ิเตน ยกฺเขน วา เปเตน วา ติรจฺฉาเนน วา สทฺธึ ิตายปิ เทเสตุํ น วฏฺฏติ. อกฺขราย เทเสตีติ เอตฺถ ‘‘ฉปฺปฺจวาจโต อุตฺตริ ‘อิมํ ปทํ ภาสิสฺสามี’ติ เอกมฺปิ อกฺขรํ วตฺวา ติฏฺติ, อาปตฺติเยวา’’ติ วทนฺติ.
๖๖. ‘‘เอโก คาถาปาโทติ อิทํ คาถาพนฺธเมว สนฺธาย วุตฺตํ, อฺตฺถ ปน วิภตฺติอนฺตปทเมว คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อฏฺกถํ ธมฺมปทํ ชาตกาทิวตฺถุํ วาติ อิมินาปิ โปราณํ สงฺคีติอารุฬฺหเมว อฏฺกถาทิ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อฏฺกถาทิปาํ เปตฺวา ทมิฬาทิภาสนฺตเรน ¶ ยถารุจิ กเถตุํ วฏฺฏติ. ปทโสธมฺเม วุตฺตปฺปเภโทติ อิมินา อฺตฺถ อนาปตฺตีติ ทีเปติ. อุฏฺหิตฺวา ปุน นิสีทิตฺวาติ อิริยาปถปริวตฺตนนเยน นานาอิริยาปเถนปิ ¶ อนาปตฺตีติ ทีเปติ. สพฺพํ เจปิ ทีฆนิกายํ กเถตีติ ยาว น นิฏฺาติ, ตาว ปุนทิวเสปิ กเถติ.
ทุติยสฺส วิฺูปุริสสฺส อคฺคหณํ อกิริยา. มาตุคาเมน สทฺธึ ิตสฺส จ วิฺูปุริสสฺส จ อุปจาโร อนิยเตสุ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺโพ. เสสํ อุตฺตานเมว. วุตฺตลกฺขณสฺส ธมฺมสฺส ฉนฺนํ วาจานํ อุปริ เทสนา, วุตฺตลกฺขโณ มาตุคาโม, อิริยาปถปอวตฺตนาภาโว, วิฺูปุริสาภาโว, อปฺหวิสฺสชฺชนาติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๗. อฏฺเม อนฺตราติ ปรินิพฺพานสมยโต อฺสฺมึ กาเล. อติกฑฺฒิยมาเนนาติ ‘‘วทถ, ภนฺเต, กึ ตุมฺเหหิ อธิคต’’นฺติ เอวํ นิปฺปีฬิยมาเนน. อนติกฑฺฒิยมาเนนปิ ปุจฺฉิเต วา อปุจฺฉิเต วา ตถารูเป การเณ สติ อาโรเจตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนว อฺตเรน ทหรภิกฺขุนา อุปวทิโต อฺตโร เถโร ‘‘อาวุโส, อุปริมคฺคตฺถาย วายามํ มา อกาสิ, ขีณาสโว ตยา อุปวทิโต’’ติ อาห. เถเรน จ ‘‘อตฺถิ เต, อาวุโส, อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺา’’ติ วุตฺโต ทหรภิกฺขุ ‘‘อาม, ภนฺเต, โสตาปนฺโน อห’’นฺติ อโวจ. ‘‘การโก อย’’นฺติ ตฺวาปิ ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวทสฺสเนน สมุตฺเตชนาย สมฺปหํสนาย จ อริยา อตฺตานํ ปกาเสนฺติเยว. สุตปริยตฺติสีลคุณนฺติ สุตคุณํ ปริยตฺติคุณํ สีลคุณฺจ. อุมฺมตฺตกสฺส อิธ อวจเน การณํ วทนฺเตน ขิตฺตจิตฺตเวทนฏฺฏานมฺปิ อวจเน การณํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อิติ-สทฺเทน วา อาทิอตฺเถน ขิตฺตจิตฺตเวทนฏฺเฏ สงฺคณฺหาติ. เตเนว วทติ ‘‘จิตฺตกฺเขปสฺส วา อภาวา’’ติ. ทิฏฺิสมฺปนฺนานนฺติ มคฺคผลทิฏฺิยา สมนฺนาคตานํ. อริยานเมว หิ อุมฺมตฺตกาทิภาโว นตฺถิ. ฌานลาภิโน ปน ตสฺมึ สติ ฌานา ปริหายนฺติ, ตสฺมา เตสํ อภูตาโรจนปจฺจยา อนาปตฺติ วตฺตพฺพา, น ภูตาโรจนปจฺจยา. เตเนวาห ‘‘ภูตาโรจนปจฺจยา อนาปตฺติ น วตฺตพฺพา’’ติ.
ปุพฺเพ อวุตฺเตหีติ จตุตฺถปาราชิเก อวุตฺเตหิ. อิทฺจ สิกฺขาปทํ ปณฺณตฺติอชานนวเสน อจิตฺตกสมุฏฺานํ ¶ โหติ. อริยา เจตฺถ ปณฺณตฺตึ ชานนฺตา ¶ วีติกฺกมํ น กโรนฺติ, ปุถุชฺชนา ปน ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวาปิ วีติกฺกมํ กโรนฺติ, เต จ สตฺถุโน อาณาวีติกฺกมเจตนาย พลวอกุสลภาวโต ฌานา ปริหายนฺตีติ ทฏฺพฺพํ, อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน อริยปุคฺคเล เอว สนฺธาย ‘‘กุสลาพฺยากตจิตฺเตหิ ทฺวิจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ปณฺณตฺตึ อชานนฺตา ปน ฌานลาภี ปุถุชฺชนา วตฺถุมฺหิ โลภวเสน อกุสลจิตฺเตนปิ น อาโรเจนฺตีติ นตฺถิ. อิธ ทุกฺขเวทนาย อภาวโต ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ อิมสฺส อนุรูปํ กตฺวา ทฺวิจิตฺตนฺติ อิทํ วุตฺตนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ. เสสํ อุตฺตานเมว. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส ภูตตา, อนุปสมฺปนฺนสฺส อาโรจนํ, ตงฺขณวิชานนา, อนฺปฺปเทโสติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๘. นวเม ทุฏฺุลฺลสทฺทตฺถทสฺสนตฺถนฺติ ทุฏฺุลฺลสทฺทสฺส อตฺถทสฺสนตฺถํ. อตฺเถ หิ ทสฺสิเต สทฺโทปิ ‘‘อยํ เอเตสุ อตฺเถสุ วตฺตตี’’ติ ทสฺสิโตเยว โหติ. ‘‘ยํ ยํ ทุฏฺุลฺลสทฺเทน อภิธียติ, ตํ สพฺพํ ทสฺเสตุํ ปาราชิกานิ วุตฺตานี’’ติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. ตตฺรายํ วิจารณาติ ตตฺร ปาฬิยํ อยํ วิจารณา, ตตฺร ปาฬิอฏฺกถาสุ วา อยํ วิจารณา. ตตฺถ ภเวยฺยาติ ตตฺถ กสฺสจิ วิมติ เอวํ ภเวยฺย. อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺลาโรจเน วิย ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ. อกฺโกสนฺโตปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺเชยฺยาติ โอมสวาเทน ทุกฺกฏํ อาปชฺเชยฺย. อธิปฺปายํ อชานนฺเตนปิ อฏฺกถาจริยานํ วจเนเยว าตพฺพนฺติ ทีปนตฺถํ ‘‘อฏฺกถาจริยาว เอตฺถ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. ปุนปิ อฏฺกถาวจนเมว อุปปตฺติโต ทฬฺหํ กตฺวา ปติฏฺเปนฺโต ‘‘อิมินาปิ เจต’’นฺติอาทิมาห.
๘๐. ‘‘อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา’’ติ วุตฺตตฺตา สมฺมุติ อตฺถีติ คเหตพฺพาติ อาห ‘‘อิธ วุตฺตตฺตาเยวา’’ติอาทิ.
๘๒. อาทิโต ปฺจ สิกฺขาปทานีติ ปาณาติปาตาทีนิ ปฺจ สิกฺขาปทานิ. ‘‘เสสานีติ วิกาลโภชนาทีนิ ปฺจา’’ติ วทนฺติ. เกจิ ปน ¶ ‘‘อาทิโต ปฏฺาย ปฺจ สิกฺขาปทานีติ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทีนิ ปฺจา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปาณาติปาตาทีนิ หิ ทเสว สิกฺขาปทานิ สามเณรานํ ปฺตฺตานิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อถ ¶ โข สามเณรานํ เอตทโหสิ ‘กติ นุ โข อมฺหากํ สิกฺขาปทานิ, กตฺถ จ อมฺเหหิ สิกฺขิตพฺพ’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานิ, เตสุ จ สามเณเรหิ สิกฺขิตุํ, ปาณาติปาตา เวรมณี อทินฺนาทานา เวรมณี’’ติอาทิ (มหาว. ๑๐๖).
เตสํ ปฺตฺเตสุเยว สิกฺขาปเทสุ ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลวิจารณา กาตพฺพา, น จ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทีนิ วิสุํ เตสํ ปฺตฺตานิ อตฺถีติ. อถ ภิกฺขุโน ทุฏฺุลฺลสงฺขาตานิ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทีนิ อนุปสมฺปนฺนสฺส กึ นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺิ…เป… อชฺฌาจาโร นามาติ วุตฺต’’นฺติ. อิมินาปิ เจตํ สิทฺธํ ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทิ ทุฏฺุลฺลํ นาม น โหตี’’ติ. อชฺฌาจาโร นามาติ หิ วทนฺโต อนุปสมฺปนฺนสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทิ เกวลํ อชฺฌาจาโร นาม โหติ, น ปน ทุฏฺุลฺโล นาม อชฺฌาจาโรติ ทีเปติ. ‘‘อชฺฌาจาโร นามาติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา อกตฺตพฺพรูปตฺตา จ อนุปสมฺปนฺนสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทีนิ ทณฺฑกมฺมวตฺถุปกฺขํ ภชนฺติ, ตานิ จ อฺสฺส อนุปสมฺปนฺนสฺส อวณฺณกามตาย อาโรเจนฺโต ภิกฺขุ ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ วทนฺติ. อิธ ปน อนุปสมฺปนฺนคฺคหเณน สามเณรสามเณรีสิกฺขมานานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อนฺติมวตฺถุํ อนชฺฌาปนฺนสฺส ภิกฺขุโน สวตฺถุโก สงฺฆาทิเสโส, อนุปสมฺปนฺนสฺส อาโรจนํ, ภิกฺขุสมฺมุติยา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา
๘๔-๘๖. ทสเม เอกินฺทฺริยนฺติ ‘‘กายินฺทฺริยํ อตฺถี’’ติ มฺมานา วทนฺติ. มุฏฺิปฺปมาณาติ มุฏฺินา สงฺคเหตพฺพปฺปมาณา. เอตฺถ กิฺจาปิ เยภุยฺยปํสุํ อปฺปปํสฺุจ ¶ ปถวึ วตฺวา อุปฑฺฒปํสุกา ปถวี น วุตฺตา, ตถาปิ ปณฺณตฺติวชฺชสิกฺขาปเทสุ สาวเสสปฺตฺติยาปิ สมฺภวโต อุปฑฺฒปํสุกายปิ ปถวิยา ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ อุปฑฺเฒ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา อิธาปิ ทุกฺกฏํ ยุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ปาจิตฺติยวตฺถุกฺจ อนาปตฺติวตฺถุกฺจ ทุวิธํ ปถวึ เปตฺวา อฺิสฺสา ทุกฺกฏวตฺถุกาย ตติยาย ปถวิยา อภาวโต. ทฺเวเยว หิ ปถวิโย วุตฺตา ‘‘ชาตา จ ปถวี อชาตา จ ปถวี’’ติ. ตสฺมา ทฺวีสุ อฺตราย ปถวิยา ภวิตพฺพํ, วินยวินิจฺฉเย จ สมฺปตฺเต ครุเกเยว าตพฺพตฺตา น สกฺกา ¶ เอตฺถ อนาปตฺติยา ภวิตุํ. สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ ปน อุปฑฺเฒ ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ ตตฺถ ตาทิสสฺส ทุกฺกฏวตฺถุโน สพฺภาวา.
‘‘โปกฺขรณึ ขณา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส’’ติ อนิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ‘‘อิมํ วลฺลึ ขณา’’ติ วุตฺเตปิ ปถวีขณนํ สนฺธาย ปวตฺตโวหารตฺตา อิมินาว สิกฺขาปเทน อาปตฺติ, น ภูตคามปาตพฺยตาย. กุเฏหีติ ฆเฏหิ. ตนุกกทฺทโมติ อุทกมิสฺสกกทฺทโม. โส จ อุทกคติกตฺตา วฏฺฏติ. โอมกจาตุมาสนฺติ อูนจาตุมาสํ. โอวฏฺนฺติ เทเวน โอวฏฺํ. อกตปพฺภาเรติ อวฬฺชนฏฺานทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตาทิเส หิ วมฺมิกสฺส สพฺภาโวติ. มูสิกุกฺกุรํ นาม มูสิกาหิ ขณิตฺวา พหิ กตปํสุราสิ. เอเสว นโยติ โอมกจาตุมาสโอวฏฺโเยว วฏฺฏตีติ อตฺโถ.
เอกทิวสมฺปิ น วฏฺฏตีติ โอวฏฺเอกทิวสาติกฺกนฺโตปิ วิโกเปตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘เหฏฺาภูมิสมฺพนฺเธปิ จ โคกณฺฏเก ภูมิโต ฉินฺทิตฺวา อุทฺธํ ิตตฺตา อจฺจุคฺคตมตฺถกโต ฉินฺทิตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. สกฏฺาเน อติฏฺมานํ กตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา อาโลฬิตกทฺทมมฺปิ คเหตุํ วฏฺฏติ. ตโตติ ตโต ปุราณเสนาสนโต. อิฏฺกํ คณฺหามีติอาทิ สุทฺธจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุทเกนาติ อุชุกํ อากาสโตเยว ปตนกอุทเกน. ‘‘สเจ ปน อฺตฺถ ปหริตฺวา ปติเตน อุทเกน เตมิตํ โหติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อุจฺจาเลตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. เตน อปเทเสนาติ เตน เลเสน.
๘๗-๘๘. อวิสยตฺตา ¶ อนาปตฺตีติ เอตฺถ สเจปิ นิพฺพาเปตุํ สกฺกา โหติ, ปมํ สุทฺธจิตฺเตน ทินฺนตฺตา ‘‘ทหตู’’ติ สลฺลกฺเขตฺวาปิ ติฏฺติ, อนาปตฺติ. โอวฏฺํ ฉนฺนนฺติ ปมํ โอวฏฺํ ปจฺฉา ฉนฺนํ. เสสํ อุตฺตานเมว. ชาตปถวี, ปถวีสฺิตา, ขณนขณาปนานํ อฺตรนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต มุสาวาทวคฺโค ปโม.
๒. ภูตคามวคฺโค
๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา
๘๙. เสนาสนวคฺคสฺส ¶ ปเม นิคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺโตติ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต. อิมินา ปน วจเนน ทารกสฺส ตตฺถ อุปนีตภาโว เตน จ ทิฏฺภาโว วุตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เตน หิ ภิกฺขุนา ตํ รุกฺขํ ฉินฺทิตุํ อารทฺเธ ตตฺถ นิพฺพตฺตา เอกา ตรุณปุตฺตา เทวธีตา ปุตฺตํ องฺเกนาทาย ิตา ตํ ยาจิ ‘‘มา เม สามิ วิมานํ ฉินฺทิ, น สกฺขิสฺสามิ ปุตฺตกํ อาทาย อนาวาสา วิจริตุ’’นฺติ. โส ‘‘อหํ อฺตฺถ อีทิสํ รุกฺขํ น ลภิสฺสามี’’ติ ตสฺสา วจนํ นาทิยิ. สา ‘‘อิมมฺปิ ตาว ทารกํ โอโลเกตฺวา โอรมิสฺสตี’’ติ ปุตฺตํ รุกฺขสาขาย เปสิ. โส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตํ ผรสุํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ทารกสฺส พาหํ ฉินฺทิ. เอวฺจ สยิโต วิมาเน สยิโต นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘รุกฺขฏฺกทิพฺพวิมาเน นิปนฺนสฺสา’’ติ.
รุกฺขฏฺกทิพฺพวิมาเนติ จ สาขฏฺกวิมานํ สนฺธาย วุตฺตํ. รุกฺขสฺส อุปริ นิพฺพตฺตฺหิ วิมานํ รุกฺขปฏิพทฺธตฺตา ‘‘รุกฺขฏฺกวิมาน’’นฺติ วุจฺจติ. สาขฏฺกวิมานํ ปน สพฺพสาขาสนฺนิสฺสิตํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตตฺถ ยํ รุกฺขฏฺกวิมานํ โหติ, ตํ ยาว รุกฺขสฺส มูลมตฺตมฺปิ ติฏฺติ, ตาว น นสฺสติ. สาขฏฺกวิมานํ ปน สาขาสุ ภิชฺชมานาสุ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชิตฺวา สพฺพสาขาสุ ภินฺนาสุ สพฺพํ ภิชฺชติ, อิทมฺปิ จ วิมานํ สาขฏฺกํ, ตสฺมา รุกฺเข ฉินฺเน ตํ วิมานํ สพฺพโส วินฏฺํ, เตเนว สา เทวตา ภควโต สนฺติกา ลทฺเธ อฺสฺมึ วิมาเน วสิ. พาหุํ ถนมูเลเยว ฉินฺทีติ อํเสน สทฺธึ ¶ พาหํ ฉินฺทิ. อิมินา จ รุกฺขเทวตานํ คตฺตานิ ฉิชฺชนฺติ, น จาตุมหาราชิกาทีนํ วิย อจฺเฉชฺชานีติ ทฏฺพฺพํ. รุกฺขธมฺเมติ รุกฺขปกติยํ, รุกฺขสภาเวติ อตฺโถ. รุกฺขานํ วิย เฉทนาทีสุ อกุปฺปนฺหิ รุกฺขธมฺโม นาม.
อุปฺปติตนฺติ อุปฺปนฺนํ. ภนฺตนฺติ ธาวนฺตํ. วารเยติ นิคฺคณฺเหยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม เฉโก สารถิ อติเวเคน ธาวนฺตํ รถํ นิคฺคเหตฺวา ยถิจฺฉกํ เปเสติ, เอวํ โย ปุคฺคโล อุปฺปนฺนํ ¶ โกธํ วารเย นิคฺคณฺหิตุํ สกฺโกติ, ตมหํ สารถึ พฺรูมิ. อิตโร ปน ราชอุปราชาทีนํ รถสารถิชโน รสฺมิคฺคาโห นาม โหติ, น อุตฺตมสารถีติ.
ทุติยคาถาย ปน อยมตฺโถ – โยติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑) โย ยาทิโส ขตฺติยกุลา วา ปพฺพชิโต พฺราหฺมณกุลา วา ปพฺพชิโต นโว วา มชฺฌิโม วา เถโร วา. อุปฺปติตนฺติ อุทฺธมุทฺธํ ปติตํ, คตํ ปวตฺตนฺติ อตฺโถ, อุปฺปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. โกธนฺติ ‘‘อนตฺถํ เม จรตีติ อาฆาโต ชายตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. ๙.๒๙) นเยน สุตฺเต วุตฺตานํ นวนฺนํ, ‘‘อตฺถํ เม น จรตี’’ติอาทีนฺจ ตปฺปฏิปกฺขโต สิทฺธานํ นวนฺนเมวาติ อฏฺารสนฺนํ ขาณุกณฺฏกาทินา อฏฺาเนน สทฺธึ เอกูนวีสติยา อาฆาตวตฺถูนํ อฺตราฆาตวตฺถุสมฺภวํ อาฆาตํ. วิสฏนฺติ วิตฺถตํ. สปฺปวิสนฺติ สปฺปสฺส วิสํ. อิวาติ โอปมฺมวจนํ. อิ-การโลปํ กตฺวา ว-อิจฺเจว วุตฺตํ. โอสเธหีติ อคเทหิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วิสติกิจฺฉโก เวชฺโช สปฺเปน ทฏฺโ สพฺพํ กายํ ผริตฺวา ิตํ วิสฏํ สปฺปวิสํ มูลขนฺธตจปตฺตปุปฺผาทีนํ อฺตเรหิ, นานาเภสชฺเชหิ ปโยเชตฺวา กเตหิ วา โอสเธหิ ขิปฺปเมว วิเนยฺย, เอวเมว โย ยถาวุตฺเตน อาฆาตวตฺถุนา อุปฺปติตํ จิตฺตสนฺตานํ พฺยาเปตฺวา ิตํ โกธํ วินยนุปาเยสุ ตทงฺควินยาทีสุ เยน เกนจิ อุปาเยน วิเนติ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตึ กโรติ, โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ. โส เอวํ โกธํ วิเนนฺโต ภิกฺขุ ยสฺมา โกโธ ตติยมคฺเคน สพฺพโส ปหียติ, ตสฺมา โอรปารสฺิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ ชหาตีติ. อวิเสเสน หิ ปารนฺติ ตีรสฺส นามํ, ตสฺมา โอรานิ จ ตานิ สํสารสาครสฺส ปารภูตานิ จาติ กตฺวา ‘‘โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ.
อถ ¶ วา โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ, โส ตติยมคฺเคน สพฺพโส โกธํ วิเนตฺวา อนาคามิผเล ิโต ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ. ตตฺถ โอรนฺติ สกตฺตภาโว. ปารนฺติ ปรตฺตภาโว. โอรํ วา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ปารํ ฉ พาหิรายตนานิ. ตถา โอรํ มนุสฺสโลโก, ปารํ เทวโลโก. โอรํ กามธาตุ, ปารํ รูปารูปธาตุ. โอรํ กามรูปภโว, ปารํ อรูปภโว. โอรํ อตฺตภาโว, ปารํ อตฺตภาวสุขุปกรณานิ. เอวเมตสฺมึ โอรปาเร จตุตฺถมคฺเคน ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อนาคามิโน กามราคสฺส ปหีนตฺตา อิธตฺตภาวาทีสุ ฉนฺทราโค เอว นตฺถิ, อปิจ โข ปนสฺส วณฺณปฺปกาสนตฺถํ สพฺพเมตํ โอรปารเภทํ สงฺคเหตฺวา ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุตฺตํ.
อิทานิ ¶ ตสฺสตฺถสฺส วิภาวนตฺถาย อุปมํ อาห ‘‘อุรโค ชิณฺณมิวตฺตจํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ อุเรน คจฺฉตีติ อุรโค, สปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. โส ทุวิโธ กามรูปี จ อกามรูปี จ. กามรูปีปิ ทุวิโธ ชลโช ถลโช จ. ชลโช ชเล เอว กามรูปํ ลภติ, น ถเล สงฺขปาลชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑๔๓ อาทโย) สงฺขปาลนาคราชา วิย. ถลโช ถเล เอว, น ชเล. โส ชชฺชรภาเวน ชิณฺณํ, จิรกาลตาย ปุราณฺจาติ สงฺขํ คตํ ตจํ ชหนฺโต จตุพฺพิเธน ชหติ สชาติยํ ิโต ชิคุจฺฉนฺโต นิสฺสาย ถาเมนาติ. สชาติ นาม สปฺปชาติ ทีฆตฺตภาโว. อุรคา หิ ปฺจสุ าเนสุ สชาตึ นาติวตฺตนฺติ อุปปตฺติยํ จุติยํ วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน สชาติยา เมถุนปฏิเสวเน ชิณฺณตจาปนยเน จาติ. ตสฺมา ยทา ตจํ ชหติ, ตทา สชาติยํเยว ตฺวา ชหติ. สชาติยํ ิโตปิ จ ชิคุจฺฉนฺโต ชหติ. ชิคุจฺฉนฺโต นาม ยทา อุปฑฺฒฏฺาเน มุตฺโต โหติ, อุปฑฺฒฏฺาเน อมุตฺโต โอลมฺพติ, ตทา นํ อฏฺฏียนฺโต ชหติ, เอวํ ชิคุจฺฉนฺโตปิ จ ทณฺฑนฺตรํ วา มูลนฺตรํ วา ปาสาณนฺตรํ วา นิสฺสาย ชหติ. นิสฺสาย ชหนฺโตปิ จ ถามํ ชเนตฺวา อุสฺสาหํ กริตฺวา วีริเยน วงฺกํ นงฺคุฏฺํ กตฺวา ปสฺสสนฺโตว ผณํ กริตฺวา ชหติ. เอวํ ชหิตฺวา เยนกามํ ปกฺกมติ.
เอวเมว อยมฺปิ ภิกฺขุ โอรปารํ ชหิตุกาโม จตุพฺพิเธน ชหติ สชาติยํ ิโต ชิคุจฺฉนฺโต นิสฺสาย ถาเมนาติ. สชาติ นาม ภิกฺขุโน ‘‘อริยาย ชาติยา ชาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑) วจนโต สีลํ. เตเนวาห ‘‘สีเล ปติฏฺาย ¶ นโร สปฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒). เอวเมติสฺสํ สชาติยํ ิโต ภิกฺขุ ตํ สกตฺตภาวาทิเภทํ โอรปารํ ชิณฺณปุราณตฺตจมิว ตํ ทุกฺขํ ชเนนฺตํ ตตฺถ ตตฺถ อาทีนวทสฺสเนน ชิคุจฺฉนฺโต กลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย อธิมตฺตสมฺมาวายามสงฺขาตํ ถามํ ชเนตฺวา ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖; ๔.๓๗) วุตฺตนเยน รตฺตินฺทิวํ ฉธา วิภชิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อุรโค วิย วงฺกํ นงฺคุฏฺํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุรโค วิย ปสฺสสนฺโต อยมฺปิ อสิถิลปรกฺกมตาย วายมนฺโต อุรโคว ผณํ กริตฺวา อยมฺปิ าณวิปฺผารํ ชเนตฺวา อุรโคว ตจํ โอรปารํ ชหติ, ชหิตฺวา จ อุรโค วิย โอหิตตโจ เยนกามํ ปกฺกมติ, อยมฺปิ โอหิตภาโร อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุทิสํ ปกฺกมตีติ.
๙๐. ภวนฺตีติ อิมินา วิรุฬฺหมูเล นีลภาวํ อาปชฺชิตฺวา วฑฺฒมานเก ตรุณคจฺเฉ ทสฺเสติ. อหุวุนฺติ อิมินา ปน วฑฺฒิตฺวา ิเต มหนฺเต รุกฺขคจฺฉาทิเก ทสฺเสติ. ภวนฺตีติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ชายนฺติ วฑฺฒนฺตี’’ติ, อหุวุนฺติ อิมสฺส ‘‘ชาตา วฑฺฒิตา’’ติ. ราสีติ สุทฺธฏฺกธมฺมสมูโห. ภูตานนฺติ ตถาลทฺธสมฺานํ อฏฺธมฺมานํ. ‘‘ภูตานํ คาโม’’ติ วุตฺเตปิ อวยววินิมุตฺตสฺส ¶ สมุทายสฺส อภาวโต ภูตสฺิตา เตเยว ติณรุกฺขลตาทโย คยฺหนฺติ. ‘‘ภูมิยํ ปติฏฺหิตฺวา หริตภาวมาปนฺนา รุกฺขคจฺฉาทโย เทวตาหิ ปริคฺคยฺหนฺติ, ตสฺมา ภูตานํ นิวาสฏฺานตาย ภูตานํ คาโม’’ติปิ วทนฺติ. รุกฺขาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉลตาทโย เวทิตพฺพา.
นนุ จ รุกฺขาทโย จิตฺตรหิตตาย น ชีวา, จิตฺตรหิตตา จ ปริปฺผนฺทาภาวโต ฉินฺเนปิ รุหนโต วิสทิสชาติกภาวโต จตุโยนิอปริยาปนฺนโต จ เวทิตพฺพา, วุฑฺฒิ ปน ปวาฬสิลาลวณานมฺปิ วิชฺชตีติ น เตสํ ชีวภาเว การณํ, วิสยคฺคหณฺจ เนสํ ปริกปฺปนามตฺตํ สุปนํ วิย จิฺจาทีนํ, ตถา โทหฬาทโย, ตตฺถ กสฺมา ภูตคามสฺส เฉทนาทิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ วุตฺตนฺติ? สมณสารุปฺปโต ตํนิวาสสตฺตานุรกฺขณโต ¶ จ. เตเนวาห ‘‘ชีวสฺิโน หิ โมฆปุริสา มนุสฺสา รุกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิ.
๙๑. ‘‘มูเล ชายนฺตี’’ติอาทีสุ อตฺโถ อุปริ อตฺตนา วุจฺจมานปฺปกาเรน สีหฬฏฺกถายํ วุตฺโตติ อาห ‘‘เอวํ สนฺเตปิ…เป… น สเมนฺตี’’ติ. วิชาต-สทฺโท อิธ วิ-สทฺทโลปํ กตฺวา นิทฺทิฏฺโติ อาห ‘‘วิชาตานี’’ติ. วิชาต-สทฺโท จ ‘‘วิชาตา อิตฺถี’’ติอาทีสุ วิย ปสูตวจโนติ อาห ‘‘ปสูตานี’’ติ. ปสูติ จ นาเมตฺถ นิพฺพตฺตปณฺณมูลตาติ อาห ‘‘นิพฺพตฺตปณฺณมูลานี’’ติ. อิมินา อิมํ ทีเปติ ‘‘นิพฺพตฺตปณฺณมูลานิ พีชานิ ภูตคามสงฺขเมว คจฺฉนฺติ, เตสุ จ วตฺตมาโน พีชชาต-สทฺโท รุฬฺหีวเสน รุกฺขาทีสุปิ วตฺตตี’’ติ. ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ปน พีเชหิ ชาตานํ รุกฺขลตาทีนํเยว ภูตคามตา วุตฺตา.
ตานิ ทสฺเสนฺโตติ ตานิ พีชานิ ทสฺเสนฺโต. มูลพีชนฺติอาทีสุ มูลเมว พีชํ มูลพีชํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหนสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท. ตทตฺถสํสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีชสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีชพีช’’นฺติ ‘‘รูปรูปํ, ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ จ ยถา. พีชโต นิพฺพตฺเตน พีชํ ทสฺสิตนฺติ การิโยปจาเรน การณํ ทสฺสิตนฺติ ทีเปติ.
๙๒. พีเช พีชสฺีติ เอตฺถ การณูปจาเรน การิยํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยถา’’ติอาทิมาห. ภูตคามปริโมจนํ กตฺวาติ ภูตคามโต โมเจตฺวา, วิโยเชตฺวาติ อตฺโถ. ยํ พีชํ ภูตคาโม นาม โหตีติ พีชานิ จ ตานิ ชาตานิ จาติ วุตฺตมตฺถํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ ¶ ยํ พีชนฺติ ยํ นิพฺพตฺตปณฺณมูลํ พีชํ. ตสฺมึ พีเชติ ตสฺมึ ภูตคามสฺิเต พีเช. เอตฺถ จ พีชชาต-สทฺทสฺส วิย รุฬฺหีวเสน รุกฺขาทีสุ พีช-สทฺทสฺสปิ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ยถารุตนฺติ ยถาปาฬิ.
ยตฺถ กตฺถจีติ มูเล อคฺเค มชฺเฌ วา. สฺจิจฺจ อุกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ สเจปิ สรีเร ลคฺคภาวํ ชานนฺโตว อุทกโต อุฏฺหติ, ‘‘ตํ อุทฺธริสฺสามี’’ติ สฺาย อภาวโต วฏฺฏติ. อุปฺปาฏิตานีติ อุทฺธฏานิ. พีชคาเม สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ ภูตคามโต ปริโมจิตตฺตา วุตฺตํ. อนนฺตก-คฺคหเณน สาสปมตฺติกา คหิตา. นามฺเหตํ ตสฺสา เสวาลชาติยา ¶ . มูลปณฺณานํ อสมฺปุณฺณตฺตา ‘‘อสมฺปุณฺณภูตคาโม นามา’’ติ วุตฺตํ. อภูตคามมูลตฺตาติ เอตฺถ ภูตคาโม มูลํ การณํ เอตสฺสาติ ภูตคามมูโล, ภูตคามสฺส วา มูลํ การณนฺติ ภูตคามมูลํ. พีชคาโม หิ นาม ภูตคามโต สมฺภวติ, ภูตคามสฺส จ การณํ โหติ, อยํ ปน ตาทิโส น โหตีติ ‘‘อภูตคามมูลตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺรฏฺกตฺตา วุตฺตํ ‘‘โส พีชคาเมน สงฺคหิโต’’ติ. อิทฺจ ‘‘อภูตคามมูลตฺตา’’ติ เอตฺถ ปมํ วุตฺตอตฺถสมฺภวโต วุตฺตํ. กิฺจาปิ หิ ตาลนาฬิเกราทีนํ ขาณุ อุทฺธํ อวฑฺฒนโต ภูตคามสฺส การณํ น โหติ, ตถาปิ ภูตคามสงฺขฺยุปคตนิพฺพตฺตปณฺณมูลพีชโต สมฺภูตตฺตา ภูตคามโต อุปฺปนฺโน นาม โหตีติ พีชคาเมน สงฺคหํ คจฺฉติ.
‘‘องฺกุเร หริเต’’ติ วตฺวา ตเมว วิภาเวติ ‘‘นีลปณฺณวณฺเณ ชาเต’’ติ, นีลปณฺณสฺส วณฺณสทิเส วณฺเณ ชาเตติ อตฺโถ. ‘‘นีลวณฺเณ ชาเต’’ติ วา ปาโ คเหตพฺโพ. อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉตีติ นาฬิเกรสฺส อาเวณิกํ กตฺวา วทติ. ‘‘ปานียฆฏาทีนํ พหิ เสวาโล อุทเก อฏฺิตตฺตา พีชคามานุโลมตฺตา จ ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ วทนฺติ. กณฺณกมฺปิ อพฺโพหาริกเมวาติ นีลวณฺณมฺปิ อพฺโพหาริกเมว. เสเลยฺยกํ นาม สิลาย สมฺภูตา เอกา สุคนฺธชาติ. ‘‘รุกฺขตฺตจํ วิโกเปตีติ วุตฺตตฺตา รุกฺเข ชาตํ ยํ กิฺจิ ฉตฺตกํ รุกฺขตฺตจํ อวิโกเปตฺวา มตฺถกโต ฉินฺทิตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. รุกฺขโต มุจฺจิตฺวา ติฏฺตีติ เอตฺถ ‘‘ยทิปิ กิฺจิมตฺตํ รุกฺเข อลฺลีนา หุตฺวา ติฏฺติ, รุกฺขโต คยฺหมาโน ปน รุกฺขจฺฉวึ น วิโกเปติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อลฺลรุกฺขโต น วฏฺฏตีติ เอตฺถาปิ รุกฺขตฺตจํ อวิโกเปตฺวา มตฺถกโต ตจฺเฉตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. หตฺถกุกฺกุจฺเจนาติ หตฺถานํ อสํยตภาเวน, หตฺถจาปลฺเลนาติ วุตฺตํ โหติ. ปานียํ น วาเสตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตโน อตฺถาย นามิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เกวลํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อตฺถาย นามิเต ปน ปจฺฉา ตโต ลภิตฺวา น วาเสตพฺพนฺติ ¶ นตฺถิ. ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ วุตฺตตฺตา เยสํ สาขา น รุหติ, ตตฺถ กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ วทนฺติ.
๙๓. ปฺจหิ ¶ สมณกปฺเปหีติ ปฺจหิ สมณโวหาเรหิ. กิฺจาปิ หิ พีชานํ อคฺคินา ผุฏฺมตฺเตน นขาทีหิ วิลิขนมตฺเตน จ อวิรุฬฺหีธมฺมตา น โหติ, ตถาปิ เอวํ กเตเยว สมณานํ กปฺปตีติ อคฺคิปริชิตาทโย สมณโวหารา นาม ชาตา, ตสฺมา เตหิ สมณโวหาเรหิ กรณภูเตหิ ผลํ ปริภฺุชิตุํ อนุชานามีติ อธิปฺปาโย. อพีชนิพฺพฏฺฏพีชานิปิ สมณานํ กปฺปนฺตีติ ปฺตฺตปณฺณตฺติภาวโต สมณโวหาราอิจฺเจว สงฺขํ คตานิ. อถ วา อคฺคิปริชิตาทีนํ ปฺจนฺนํ กปฺปิยภาวโตเยว ปฺจหิ สมณกปฺปิยภาวสงฺขาเตหิ การเณหิ ผลํ ปริภฺุชิตุํ อนุชานามีติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อคฺคิปริชิตนฺติอาทีสุ ‘‘ปริจิต’’นฺติปิ ปนฺติ. อพีชํ นาม ตรุณมฺพผลาทิ. นิพฺพฏฺฏพีชํ นาม อมฺพปนสาทิ, ยํ พีชํ นิพฺพฏฺเฏตฺวา วิสุํ กตฺวา ปริภฺุชิตุํ สกฺกา โหติ. ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพนฺติ โย กปฺปิยํ กโรติ, เตน กตฺตพฺพาการสฺเสว วุตฺตตฺตา ภิกฺขุนา อวุตฺเตปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ น คเหตพฺพํ. ปุน ‘‘กปฺปิยํ กาเรตพฺพ’’นฺติ การาปนสฺส ปมเมว กถิตตฺตา ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ วุตฺเตเยว อนุปสมฺปนฺเนน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา อคฺคิปริชิตาทิ กาตพฺพนฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วจนํ ปน ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาว กาตพฺพ’’นฺติ วจนโต ปมํ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา ปจฺฉา อคฺคิอาทินา ผุสนาทิ กาตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปมํ อคฺคึ นิกฺขิปิตฺวา นขาทินา วา วิชฺฌิตฺวา ตํ อนุทฺธริตฺวาว ‘กปฺปิย’นฺติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.
เอกสฺมึ พีเช วาติอาทีสุ ‘‘เอกํเยว กาเรมีติ อธิปฺปาเย สติปิ เอกาพทฺธตฺตา สพฺพํ กตเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ทารุํ วิชฺฌตีติ เอตฺถ ‘‘ชานิตฺวาปิ วิชฺฌติ วา วิชฺฌาเปติ วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ วทนฺติ. ภตฺตสิตฺเถ วิชฺฌตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ตํ วิชฺฌติ, น วฏฺฏตีติ รชฺชุอาทีนํ ภาชนคติกตฺตา’’ติ วทนฺติ. มริจปกฺกาทีหิ มิสฺเสตฺวาติ เอตฺถ ภตฺตสิตฺถสมฺพนฺธวเสน เอกาพทฺธตา เวทิตพฺพา, น ผลานํเยว อฺมฺํ สมฺพนฺธวเสน. ภินฺทาเปตฺวา กปฺปิยํ การาเปตพฺพนฺติ พีชโต มุตฺตสฺส กฏาหสฺส ภาชนคติกตฺตา วุตฺตํ.
นิกฺขาเมตุนฺติ ตํ ภิกฺขุํ นิกฺขาเมตุํ. ‘‘สเจ เอตสฺส อนุโลม’’นฺติ เสนาสนรกฺขณตฺถาย อนฺุาตมฺปิ ปฏคฺคิทานาทึ อตฺตนาปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ ¶ เอตฺตเกเนว อิทมฺปิ เอตสฺส อนุโลมนฺติ เอวมธิปฺปาโย สิยา. ปฏคฺคิทานํ ปริตฺตกรณฺจ อตฺตโน ปรสฺส วา ¶ เสนาสนรกฺขณตฺถาย วฏฺฏติเยว. ตสฺมา สเจ ตสฺส สุตฺตสฺส เอตํ อนุโลมํ สิยา, อตฺตโน น วฏฺฏติ, อฺสฺส วฏฺฏตีติ อยํ วิเสโส กุโต ลพฺภตีติ อาห ‘‘อตฺตโน น วฏฺฏติ…เป… น สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ภูตคาโม, ภูตคามสฺิตา, วิโกปนํ วา วิโกปาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา
๙๔-๙๘. ทุติเย อฺํ วจนนฺติ ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนวจนํ วุตฺตํ, ตํ ตโต อฺเเนว วจเนน ปฏิจรติ. อถ วา อฺเนฺํ ปฏิจรตีติ อฺเน การเณน อฺํ การณํ ปฏิจรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนการณํ วุตฺตํ, ตโต อฺเน โจทนาย อมูลกภาวทีปเกน การเณน ปฏิจรตีติ วุตฺตํ โหติ. ปฏิจรตีติ จ ปฏิจฺฉาทนวเสน จรติ, ปวตฺตตีติ อตฺโถ. ปฏิจฺฉาทนตฺโถ เอว วา จรติ-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ. เตนาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ. โก อาปนฺโนติอาทินา ปาฬิยํ โจทนํ อวิสฺสชฺเชตฺวา วิกฺเขปาปชฺชนวเสน อฺเน อฺํ ปฏิจรณํ ทสฺสิตํ. อปรมฺปิ ปน โจทนํ วิสฺสชฺเชตฺวา พหิทฺธา กถาอปนามวเสน ปวตฺตํ ปาฬิมุตฺตกํ อฺเนฺํ ปฏิจรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฏลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺตึ ปุจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตโต ราชคหํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ‘‘ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณคหํ วา, อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วตฺวาว กถํ พหิทฺธา วิกฺขิปนฺโตปิ หิ ‘‘อฺเนฺํ ปฏิจรติ’’จฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.
ยเทตํ อฺเน อฺํ ปฏิจรณวเสน ปวตฺตวจนํ, ตเทว ปุจฺฉิตมตฺถํ เปตฺวา อฺํ วทตีติ อฺวาทกนฺติ อาห ‘‘อฺเนฺํ ปฏิจรณสฺเสตํ นาม’’นฺติ. ตุณฺหีภูตสฺเสตํ นามนฺติ ตุณฺหีภาวสฺเสตํ นามํ, อยเมว วา ปาโ. อฺวาทกํ อาโรเปตูติ อฺวาทกกมฺมํ อาโรเปตุ, อฺวาทกตฺตํ ¶ วา อิทานิ กริยมาเนน กมฺเมน อาโรเปตูติ อตฺโถ. วิเหสกํ อาโรเปตูติ เอตฺถาปิ วิเหสกกมฺมํ วิเหสกภาวํ วา อาโรเปตูติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อนาโรปิเต อฺวาทเก วุตฺตทุกฺกฏํ ปาฬิยํ อาคตอฺเนฺํปฏิจรณวเสน ยุชฺชติ ¶ . อฏฺกถายํ อาคเตน ปน ปาฬิมุตฺตกอฺเนฺํปฏิจรณวเสน อนาโรปิเต อฺวาทเก มุสาวาเทน ปาจิตฺติยํ, อาโรปิเต อิมินาว ปาจิตฺติยนฺติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘อาโรปิเต อฺวาทเก มุสาวาเทน อิมินา จ ปาจิตฺติยทฺวยํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ยา สา อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติ วุตฺตา, สาปิ ปาฬิยํ อาคตอฺเนฺํปฏิจรณวเสน วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา, อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ วา. เสสํ อุตฺตานเมว. ธมฺมกมฺเมน อาโรปิตตา, อาปตฺติยา วา วตฺถุนา วา อนุยฺุชิยมานตา, ฉาเทตุกามตาย อฺเนฺํ ปฏิจรณํ วา ตุณฺหีภาโว วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๐๓. ตติเย ธาตุปาเ เฌ-สทฺโท จินฺตายํ ปิโตติ อาห ‘‘ลามกโต วา จินฺตาเปนฺตี’’ติอาทิ. อยเมว จ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ โอโลกนตฺโถปิ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อกฺขราย วาเจตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๔๖) วิย ‘‘ฉนฺทายา’’ติ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ฉนฺเทนา’’ติ.
๑๐๕. เยน วจเนนาติ เยน ‘‘ฉนฺทาย อิตฺถนฺนาโม อิทํ นาม กโรตี’’ติอาทิวจเนน. เยน จ ขิยฺยนฺตีติ เยน ‘‘ฉนฺทาย อิตฺถนฺนาโม’’ติอาทิวจเนน ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขูนํ สวนูปจาเร ตฺวา อวณฺณํ ปกาเสนฺติ.
๑๐๖. อฺํ อนุปสมฺปนฺนํ อุชฺฌาเปตีติ อฺเน อนุปสมฺปนฺเนน อุชฺฌาเปติ. ตสฺส วา ตํ สนฺติเก ขิยฺยตีติ ตสฺส อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก ¶ ตํ สงฺเฆน สมฺมตํ อุปสมฺปนฺนํ ขิยฺยติ, อวณฺณํ วทนฺโต วา ปกาเสติ. อนุปสมฺปนฺนํ สงฺเฆน สมฺมตนฺติ เอตฺถ สมฺมตปุพฺโพ สมฺมโตติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. ยสฺมา อุชฺฌาปนํ ขิยฺยนฺจ มุสาวาทวเสเนว ปวตฺตํ, ตสฺมา อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺตีติ ปาจิตฺติยฏฺาเน ทุกฺกฏฏฺาเน จ อิมินาว อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา อุชฺฌาเปนฺตสฺส ขิยฺยนฺตสฺส จ เอกกฺขเณ ทฺเว ทฺเว อาปตฺติโย โหนฺตีติ อาปนฺนํ. อถ วา อีทิสํ สิกฺขาปทํ มุสาวาทโต ปมํ ปฺตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ธมฺมกมฺเมน สมฺมตตา, อุปสมฺปนฺนตา, อคติคมนาภาโว ¶ , ตสฺส อวณฺณกามตา, ยสฺส สนฺติเก วทติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา, อุชฺฌาปนํ วา ขิยฺยนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ฉ องฺคานิ.
อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๐๘-๑๑๐. จตุตฺเถ หิมวสฺเสนาติ หิมเมว วุตฺตํ. อปฺาเตติ อปฺปตีเต, อปฺปสิทฺเธติ อตฺโถ. ‘‘มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วาติ วจนโต วิวฏงฺคเณปิ นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. โคจรปฺปสุตาติ โคจรฏฺานํ ปฏิปนฺนา. ‘‘อฏฺ มาเส’’ติ อิมินา วสฺสานํ จาตุมาสํ เจปิ เทโว น วสฺสติ, ปฏิกฺขิตฺตเมวาติ อาห ‘‘อฏฺ มาเสติ วจนโต…เป… นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติเยวา’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร มาเสติ วสฺสานสฺส จตฺตาโร มาเส. อวสฺสิกสงฺเกเตติ อิมินา อนฺุาเตปิ อฏฺ มาเส ยตฺถ เหมนฺเต เทโว วสฺสติ, ตตฺถ อปเรปิ จตฺตาโร มาสา ปฏิกฺขิตฺตาติ อาห ‘‘อวสฺสิกสงฺเกเตติ วจนโต’’ติอาทิ. อิมินา อิมํ ทีเปติ ‘‘ยสฺมึ เทเส เหมนฺเต เทโว วสฺสติ, ตตฺถ อฏฺ มาเส ปฏิกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มาสา อนฺุาตา. ยตฺถ ปน วสฺสาเนเยว วสฺสติ, ตตฺถ จตฺตาโร มาเส ปฏิกฺขิปิตฺวา อฏฺ มาสา อนฺุาตา’’ติ.
อิมินาว นเยน มชฺฌิมปเทเส ยตฺถ เหมนฺเต หิมวสฺสํ วสฺสติ, ตตฺถาปิ อฏฺเว มาสา ปฏิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตสฺมา วสฺสานกาเล ปกติอชฺโฌกาเส โอวสฺสกมณฺฑเป รุกฺขมูเล จ สนฺถริตุํ น วฏฺฏติ, เหมนฺตกาเล ปกติอชฺโฌกาเส โอวสฺสกมณฺฑปาทีสุปิ วฏฺฏติ. ตฺจ ¶ โข ยตฺถ หิมวสฺเสน เสนาสนํ น เตมติ, คิมฺหกาเลปิ ปกติอชฺโฌกาสาทีสุ วฏฺฏติเยว, ตฺจ โข อกาลเมฆาทสฺสเน, กากาทีนํ นิพทฺธวาสรุกฺขมูเล ปน กทาจิปิ น วฏฺฏตีติ เอวเมตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
อิมฺจ ปน อตฺถวิเสสํ คเหตฺวา ภควตา ปมเมว สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ วิสุํ อนุปฺตฺติ น วุตฺตา. เตเนว หิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘อิติ ยตฺถ จ ยทา จ สนฺถริตุํ น วฏฺฏติ, ตํ สพฺพมิธ อชฺโฌกาสสงฺขเมว คต’’นฺติ. อถ วา อวิเสเสน อชฺโฌกาเส สนฺถรณสนฺถราปนานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อีทิเส กาเล อีทิเส จ ปเทเส เปถา’’ติ อนุชานนมตฺเตเนว อลนฺติ น สิกฺขาปเท ¶ วิสุํ อนุปฺตฺติ อุทฺธฏาติ เวทิตพฺพา. ปริวาเร (ปริ. ๖๕-๖๗) ปน อิมสฺเสว สิกฺขาปทสฺส อนุรูปวเสน ปฺตฺตตฺตา ‘‘เอกา อนุปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
นววายิโม สีฆํ น นสฺสตีติ อาห ‘‘นววายิโม วา’’ติ. โอนทฺธโกติ จมฺเมน โอนทฺโธ. อุกฺกฏฺอพฺโภกาสิโกติ อิทํ ตสฺส ปริวิตกฺกทสฺสนมตฺตํ, อุกฺกฏฺอพฺโภกาสิกสฺส ปน จีวรกุฏิ น วฏฺฏตีติ นตฺถิ. กายานุคติกตฺตาติ ภิกฺขุโน ตตฺเถว สนฺนิหิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิมินา จ ตสฺมึเยว กาเล อนาปตฺติ วุตฺตา, จีวรกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปน อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปิณฺฑาย ปวิสนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยว. ‘‘ยสฺมา ปน ทายเกหิ ทานกาเลเยว สหสฺสคฺฆนกมฺปิ กมฺพลํ ‘ปาทปฺุฉนึ กตฺวา ปริภฺุชถา’ติ ทินฺนํ ตเถว ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘อิมํ มฺจปีาทิเสนาสนํ อพฺโภกาเสปิ ยถาสุขํ ปริภฺุชถา’ติ ทายเกหิ ทินฺนํ เจ, สพฺพสฺมิมฺปิ กาเล อพฺโภกาเส นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เปเสตฺวา คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘โย ภิกฺขุ อิมํ านํ อาคนฺตฺวา วสติ, ตสฺส เทถา’’ติ วตฺวา เปเสตพฺพํ.
วลาหกานํ อนุฏฺิตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ อิมินา จ คิมฺหาเนปิ เมเฆ อุฏฺิเต มฺจปีาทึ ยํกิฺจิ เสนาสนํ อชฺโฌกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปาทฏฺานาภิมุขาติ นิสีทนฺตานํ ปาทปตนฏฺานาภิมุข’’นฺติ เกจิ. ‘‘สมฺมชฺชนฺตสฺส ปาทฏฺานาภิมุข’’นฺติ อปเร. ‘‘พหิ วาลุกาย อคมนนิมิตฺตํ ปาทฏฺานาภิมุขา วาลิกา หริตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ เอเก ¶ . กจวรํ หตฺเถหิ คเหตฺวา พหิ ฉฏฺเฏตพฺพนฺติ อิมินา กจวรํ ฉฑฺเฑสฺสามีติ วาลิกา น ฉฑฺเฑตพฺพาติ ทีเปติ.
๑๑๑. อนฺโต สํเวเตฺวา พทฺธนฺติ เอรกปตฺตาทีหิ เวณึ กตฺวา ตาย เวณิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ วิตฺถตฏฺาเนสุ พหุํ เวเตฺวา ตโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌฏฺานํ, ตาว อนฺโต อากฑฺฒนวเสน เวเตฺวา มชฺเฌ สงฺขิปิตฺวา ติริยํ ตตฺถ ตตฺถ พนฺธิตฺวา กตํ. กปฺปํ ลภิตฺวาติ คจฺฉาติ วุตฺตวจเนน กปฺปํ ลภิตฺวา. เถรสฺส หิ อาณตฺติยา คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘นิสีทิตฺวา สยํ คจฺฉนฺโต’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว. อฺตฺถ คจฺฉตีติ ตํ มคฺคํ อติกฺกมิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉติ. เลฑฺฑุปาตุปจารโต พหิ ิตตฺตา ‘‘ปาทุทฺธาเรน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปมปาทุทฺธาเร ทุกฺกฏํ, ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ. ปากติกํ อกตฺวาติ อปฺปฏิสาเมตฺวา. อนฺตรสนฺนิปาเตติ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปาเต.
อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ เอตฺถ อาคนฺตุเกหิ อาคนฺตฺวา กิฺจิ อวตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนปิ ¶ อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ อธิปฺปาโย. มหาปจฺจริวาเท ปน ‘‘อฺเสุ อาคนฺตฺวา นิสินฺเนสู’’ติ อิทํ อมฺหากนฺติ วตฺวา วา อวตฺวา วา นิสินฺเนสูติ อธิปฺปาโย. มหาอฏฺกถาวาเท ‘‘อาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยเมว วุตฺตํ. มหาปจฺจริยํ ปน สนฺถรณสนฺถราปเน สติ ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ อนาณตฺติยา ปฺตฺตตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ‘‘อิทํ อุสฺสารกสฺส, อิทํ ธมฺมกถิกสฺสา’’ติ วิสุํ ปฺตฺตตฺตา อนาณตฺติยา ปฺตฺเตปิ ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตสฺมึ อาคนฺตฺวา นิสินฺเน ตสฺส ปลิโพโธ’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘อนาณตฺติยา ปฺตฺเตปิ ธมฺมกถิกสฺส อนุฏฺาปนียตฺตา ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส ปน ปจฺฉา อาคเตหิ วุฑฺฒตเรหิ อุฏฺาเปตพฺพตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺต’’นฺติ.
๑๑๒. ภูมิยํ อตฺถริตพฺพาติ จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพา. สีหจมฺมาทีนํ ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพติ อิมินา –
‘‘น ¶ , ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) –
เอวํ วุตฺตาย ขนฺธกปาฬิยา อธิปฺปายํ วิภาเวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อนฺโตปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, พหิปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา มฺจปีเสุ อตฺถริตฺวา ปริโภโคเยว ปฏิกฺขิตฺโต, ภูมตฺถรณวเสน ปริโภโค ปน อปฺปฏิกฺขิตฺโตติ. ยทิ เอวํ ‘‘ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปาสาทปริโภค’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๐) วจนโต ปุคฺคลิเกปิ เสนาสเน เสนาสนปริโภควเสน นิยมิตํ สุวณฺณฆฏาทิกํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏมานมฺปิ เกวลํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ, เอวมิทํ ภูมตฺถรณวเสน ปริภฺุชิยมานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ตํ ตํ วิหารํ หริตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ทารุมยปีนฺติ ผลกมยเมว ปีํ วุตฺตํ. ปาทกถลิกนฺติ อโธตปาทฏฺปนกํ. อชฺโฌกาเส รชนํ ปจิตฺวา…เป… ปฏิสาเมตพฺพนฺติ เอตฺถ เถเว อสติ รชนกมฺเม นิฏฺิเต ปฏิสาเมตพฺพํ.
๑๑๓. ‘‘ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหตีติ วุตฺตตฺตา อลชฺชึ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. โอตาเปนฺโต คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘กิฺจาปิ ‘เอตฺตกํ ทูรํ คนฺตพฺพ’นฺติ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตถาปิ เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมฺม นาติทูรํ คนฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. เสสเมตฺถ ¶ อุตฺตานเมว. มฺจาทีนํ สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ เทเส สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, เลฑฺฑุปาตาติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน อนาปุจฺฉํ วา คจฺเฉยฺยาติ เอตฺถ ‘‘โย ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหติ, อตฺตโน ปลิโพธํ วิย มฺติ, ตถารูปํ อนาปุจฺฉิตฺวา ตํ เสนาสนํ ตสฺส อนิยฺยาเตตฺวา นิรเปกฺโข คจฺฉติ, ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกเมยฺย, เอเกน ปาเทน เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ทุกฺกฏํ, ทุติยปาทาติกฺกเม ปาจิตฺติย’’นฺติ วตฺวา องฺเคสุปิ นิรเปกฺขตาย สทฺธึ ฉ องฺคานิ ¶ วุตฺตานิ. ปาฬิยํ ปน อฏฺกถายฺจ ‘‘นิรเปกฺโข คจฺฉตี’’ติ อยํ วิเสโส น ทิสฺสติ. ‘‘โอตาเปนฺโต คจฺฉตี’’ติ จ โอตาปนวิสเย เอว สาเปกฺขคมเน อนาปตฺติ วุตฺตา. ยทิ อฺตฺถาปิ สาเปกฺขคมเน อนาปตฺติ สิยา, ‘‘อนาปตฺติ สาเปกฺโข คจฺฉตี’’ติ อวิเสเสน วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตสฺมา วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพนฺติ.
ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๑๖. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปเท เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. ‘‘อิทฺจ อฏฺกถาสุ ตถาวุตฺตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อฺมฺปิ ตาทิสํ มฺจปีเสุ อตฺถริตํ ปจฺจตฺถรณเมวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘ปจฺจตฺถรณํ นาม ปาวาโร โกชโวติ เอตฺตกเมวา’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา คณฺิปเทสุ วุตฺตํ อิมินา น สเมติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. เสนาสนโตติ สพฺพปจฺฉิมเสนาสนโต. โย โกจีติ ตสฺส าตโก วา อฺาตโก วา โย โกจิ.
๑๑๗. ปริเวณนฺติ เอเกกสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตรํ. กุรุนฺทฏฺกถายํ วุตฺตเมวตฺถํ สวิเสสํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจาปิ วุตฺโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘‘อปริจฺฉนฺเน มณฺฑเป’’ติ วิสุํ โยเชตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อปริจฺฉนฺนมณฺฑเป วา ปริจฺฉนฺเน วาปิ พหูนํ สนฺนิปาตภูเต’’ติ วุตฺตํ. โภชนสาลายมฺปิ อยํ วิเสโส ลพฺภติเยว. วตฺตพฺพํ นตฺถีติ วิเสเสตฺวา กิฺจิ วตฺตพฺพํ นตฺถิ. ปลุชฺชตีติ วินสฺสติ. นสฺเสยฺยาติ โจราทีหิ วินสฺเสยฺย.
๑๑๘. เยน ¶ มฺจํ วา ปีํ วา วินนฺติ, ตํ มฺจปีกวานํ. สิลุจฺจยเลณนฺติ สิลุจฺจเย เลณํ, ปพฺพตคุหาติ อตฺโถ. ‘‘เสนาสนํ อุปจิกาหิ ขายิต’’นฺติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วตฺถุอนุรูปวเสน อฏฺกถายํ อุปจิกาสงฺกาย อภาเว อนาปตฺติ วุตฺตา. วตฺตกฺขนฺธเก คมิกวตฺตํ ปฺเปนฺเตน ¶ ‘‘เสนาสนํ อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา เกวลํ อิติกตฺตพฺพาการมตฺตทสฺสนตฺถํ ‘‘อาปุจฺฉนํ ปน วตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน วตฺตเภเทน ทุกฺกฏนฺติ ทสฺสนตฺถํ. เตเนว อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘เสนาสนํ อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ยํ ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา กตเสนาสนํ ยตฺถ อุปจิกา นาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺตี’’ติ วกฺขติ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ คณฺิปเท ‘‘ตาทิเส เสนาสเน อนาปุจฺฉา คจฺฉนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ นตฺถิ, คมิกวตฺตวเสน ปน อนาปุจฺฉา คจฺฉโต วตฺตเภโท โหติ, ตสฺมา ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
ปจฺฉิมสฺส อาโภเคน มุตฺติ นตฺถีติ ตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺตสฺส อฺสฺส อภาวโต วุตฺตํ. เอกํ วา เปเสตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ เอตฺถ คมนจิตฺตสฺส อุปฺปนฺนฏฺานโต อนาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉโต ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยํ. กิฺจาปิ มฺจํ วา ปีํ วา อชฺโฌกาเส นิกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส อิธ วิสุํ อาปตฺติ น วุตฺตา, ตถาปิ อกาเล อชฺโฌกาเส มฺจปีานิ ปฺเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปุริมสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ, ปริกฺเขปาติกฺกเม อิมินา ทุกฺกฏนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วา’’ติ อิมินา อชฺโฌกาโสปิ สงฺคหิโตเยวาติ ตตฺถาปิ ทุกฺกฏํ อิธ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เสยฺยํ ปน อชฺโฌกาเส สนฺถริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส อุภเยนปิ ทุกฺกฏเมว. ‘‘สงฺฆิเก วิหาเร สงฺฆิกํเยว เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ วุตฺตนฺติ อุโภสุ เอเกกสฺมึ สงฺฆิเก ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. วุตฺตลกฺขณเสยฺยา, ตสฺสา สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ วิหาเร สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, อนเปกฺขสฺส ทิสาปกฺกมนํ, อุปจารสีมาติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ สตฺต องฺคานิ.
ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๑๙-๑๒๑. ฉฏฺเ อนุปวิสิตฺวาติ สมีปํ ปวิสิตฺวา. พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ¶ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ ธมฺมกถิกาทีนํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต. สมนฺตา ทิยฑฺโฒ หตฺโถติ มชฺเฌ ปฺตฺตมฺจปีํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๑๒๒. อุปจารํ ¶ เปตฺวาติ วุตฺตลกฺขณํ อุปจารํ เปตฺวา. เอกวิหาเรติ เอกสฺมึ เสนาสเน. เอกปริเวเณติ ตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตเร. ‘‘คิลาโน ปวิสตีติอาทีสุ อนาปตฺติการณสพฺภาวโต คิลานาทิตาย ปวิสิสฺสามีติ อุปจารํ ปวิสนฺตสฺส สติปิ สมฺพาเธตุกามตาย อนาปตฺติ วุตฺตาเยวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เอวฺจ สติ อคิลานาทิภาโวปิ วิสุํ องฺเคสุ วตฺตพฺโพ สิยา, มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘สงฺฆิกวิหารตา, อนุฏฺาปนียภาวชานนํ, สมฺพาเธตุกามตา, อุปจาเร นิสีทนํ วา นิปชฺชนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตสฺมา วีมํสิตพฺพํ.
อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒๖. สตฺตเม โกฏฺกานีติ ทฺวารโกฏฺกานิ. ‘‘นิกฺขมาติ วจนํ สุตฺวาปิ อตฺตโน รุจิยา นิกฺขมติ, อนาปตฺตี’’ติ วทนฺติ.
๑๒๘. อลชฺชึ นิกฺกฑฺฒตีติอาทีสุ ปมํ อลชฺชีอาทิภาเวน นิกฺกฑฺฒิสฺสามีติ จินฺเตตฺวา นิกฺกฑฺฒนฺตสฺส จิตฺตสฺส ลหุปริวตฺติตาย โกเป อุปฺปนฺเนปิ อนาปตฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สงฺฆิกวิหาโร, อุปสมฺปนฺนสฺส ภณฺฑนการกภาวาทิวินิมุตฺตตา, โกเปน นิกฺกฑฺฒนํ วา นิกฺกฑฺฒาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒๙-๑๓๑. อฏฺเม อุปริมตเล ปทรานํ อสนฺถริตตฺตา ‘‘อุปริอจฺฉนฺนตลายา’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนวาติ อนุปขชฺชสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. สงฺฆิโก วิหาโร ¶ , อสีสฆฏฺฏา เวหาสกุฏิ ¶ , เหฏฺา สปริโภคตา, อปฏาณิทินฺเน อาหจฺจปาทเก นิสีทนํ วา นิปชฺชนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๓๕. นวเม ‘‘มหลฺลโก นาม วิหาโร สสามิโก’’ติ วุตฺตตฺตา สฺาจิกาย กุฏิยา อนาปตฺติ. ‘‘อฑฺฒเตยฺยหตฺถมฺปี’’ติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตวจนํ ปาฬิยา สเมตีติ อาห ‘‘ตํ สุวุตฺต’’นฺติ. ‘‘ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาณสฺส โอกาสสฺส ทสฺสิตตฺตา กวาฏํ อฑฺฒเตยฺยหตฺถวิตฺถารโต อูนกํ วา โหตุ อธิกํ วา, อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาณํเยว โอกาโส’’ติ วทนฺติ.
ยสฺส เวมชฺเฌติ ยสฺส วิหารสฺส เวมชฺเฌ. สา อปริปูรอุปจาราปิ โหตีติ วิวริยมานํ กวาฏํ ยํ ภิตฺตึ อาหนติ, สา สมนฺตา กวาฏวิตฺถารปฺปมาณอุปจารรหิตาปิ โหตีติ อตฺโถ. อาโลกํ สนฺเธติ ปิเธตีติ อาโลกสนฺธิ. ‘‘ปุนปฺปุนํ ฉาทาเปสิ, ปุนปฺปุนํ ลิมฺปาเปสีติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺนโทเสน สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา เลปํ อนุชานนฺเตน จ ทฺวารพนฺธสฺส สมนฺตา อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาเณเยว ปเทเส ปุนปฺปุนํ เลปสฺส อนฺุาตตฺตา ตโต อฺตฺถ ปุนปฺปุนํ ลิมฺเปนฺตสฺส วา ลิมฺปาเปนฺตสฺส วา ภิตฺติยํ มตฺติกาย กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ปุน จตุตฺถเลเป ทินฺเน ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. คณฺิปเทสุ ปน ตีสุปิ ‘‘ปุนปฺปุนํ เลปทานสฺส วุตฺตปฺปมาณโต อฺตฺถ ปฏิกฺขิตฺตมตฺตํ เปตฺวา ปาจิตฺติยสฺส อวุตฺตตฺตา ทุกฺกฏํ อนุรูป’’นฺติ วุตฺตํ.
อธิฏฺาตพฺพนฺติ สํวิธาตพฺพํ. อปฺปหริเตติ เอตฺถ อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีสุ วิย อภาวตฺโถติ อาห ‘‘อหริเต’’ติ. ปตโนกาโสติ ปตโนกาสตฺตา ตตฺร ิตสฺส ภิกฺขุโน อุปริ ปเตยฺยาติ อธิปฺปาโย. สเจ หริเต ิโต อธิฏฺเติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ วจเนน อิมมตฺถํ ทีเปติ – สเจ วิหารสฺส สมนฺตา วุตฺตปฺปมาเณ ปริจฺเฉเท ปุพฺพณฺณาทีนิ น สนฺติ, ตตฺถ วิหาโร กาเรตพฺโพ. ยตฺถ ปน สนฺติ, ตตฺถ การาเปนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ.
๑๓๖. เอเกกํ ¶ มคฺคํ อุชุกเมว อุฏฺเปตฺวา ฉาทนํ มคฺเคน ฉาทนํ นาม โหตีติ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘มคฺเคน ฉาเทนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. อิมินา ปน นเยน สพฺพสฺมึ วิหาเร เอกวารํ ฉาทิเต ตํ ฉทนํ เอกมคฺคนฺติ คเหตฺวา ‘‘ทฺเว มคฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปริยาเยน ฉาทเนปิ อิมินาว นเยน โยเชตพฺพ’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ ฉาทาเปสี’’ติ อิมาย ปาฬิยา ‘‘สพฺพมฺปิ เจตํ ฉทนํ ฉทนูปริ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมินา อฏฺกถาวจเนน จ สเมติ, ตสฺมา ทฺเว มคฺเค อธิฏฺหิตฺวา ตติยาย มคฺคํ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เอตฺถ ทฺเว ฉทนานิ อธิฏฺหิตฺวา ตติยํ ฉทนํ ‘‘เอวํ ฉาเทหี’’ติ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ.
เกจิ ปน ‘‘ปมํ ตาว เอกวารํ อปริเสสํ ฉาเทตฺวา ปุน ฉทนทณฺฑเก พนฺธิตฺวา ทุติยวารํ ตเถว ฉาเทตพฺพํ, ตติยวารจตุตฺถวาเร สมฺปตฺเต ทฺเว มคฺเค อธิฏฺหิตฺวา อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘ปมวาเรเยว ตโยปิ มคฺเค อธิฏฺาตุํ วฏฺฏติ, จตุตฺถโต ปฏฺาย อาปตฺติ ปาจิตฺติย’’นฺติ วทนฺติ. ตทุภยมฺปิ ปาฬิยา อฏฺกถาย จ น สเมติ. ตติยาย มคฺคนฺติ เอตฺถ ตติยายาติ อุปโยคตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ตติยํ มคฺคนฺติ อตฺโถ. ติณฺณํ มคฺคานนฺติ มคฺควเสน ฉาทิตานํ ติณฺณํ ฉทนานํ. ติณฺณํ ปริยายานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุตฺเถ มคฺเค วา ปริยาเย วาติ จ ตถา ฉาเทนฺตานํ จตุตฺถํ ฉาทนเมว วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานเมว. มหลฺลกวิหารตา, อตฺตโน วาสาคารตา, อุตฺตริ อธิฏฺานนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๔๐. ทสเม อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ‘‘สิฺเจยฺย วา สิฺจาเปยฺย วา’’ติ พาหิรปริโภควเสน ปมํ ปฺตฺตตฺตา ‘‘สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภฺุเชยฺยา’’ติ สิกฺขาปทํ อตฺตโน นหานปานาทิปริโภควเสน ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมึ วา ปมํ ปฺตฺเตปิ อตฺตโน ปริโภควเสเนว ปฺตฺตตฺตา ¶ ปุน อิมํ สิกฺขาปทํ พาหิรปริโภควเสเนว ปฺตฺตนฺติ คเหตพฺพํ.
สปฺปาณกสฺิสฺส ‘‘ปริโภเคน ปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ปุพฺพภาเค ชานนฺตสฺสปิ สิฺจนสิฺจาปนํ ‘‘ปทีเป นิปติตฺวา ปฏงฺคาทิปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ชานนฺตสฺส ปทีปุชฺชลนํ วิย วินาปิ วธกเจตนาย โหตีติ อาห ‘‘ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว ¶ . อุทกสฺส สปฺปาณกตา, ‘‘สิฺจเนน ปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ชานนํ, ตาทิสเมว จ อุทกํ, วินา วธกเจตนาย เกนจิเทว กรณีเยน ติณาทีนํ สิฺจนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต เสนาสนวคฺโค ทุติโย.
ภูตคามวคฺโคติปิ อิมสฺเสว นามํ.
๓. โอวาทวคฺโค
๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๔๔. ภิกฺขุนิวคฺคสฺส ปมสิกฺขาปเท กถานุสาเรนาติ ‘‘โส เถโร กึสีโล กึสมาจาโร กตรกุลา ปพฺพชิโต’’ติอาทินา ปุจฺฉนฺตานํ ปุจฺฉากถานุสาเรน. กเถตุํ วฏฺฏนฺตีติ นิรามิเสเนว จิตฺเตน กเถตุํ วฏฺฏนฺติ. อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตา กถา ติรจฺฉานกถาติ อาห ‘‘สคฺคมคฺคคมเนปี’’ติอาทิ. อปิ-สทฺเทน ปเคว โมกฺขมคฺคคมเนติ ทีเปติ. ติรจฺฉานภูตนฺติ ติโรกรณภูตํ, พาธิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ลทฺธาเสวนา หิ ติรจฺฉานกถา สคฺคโมกฺขานํ พาธิกาว โหติ. สมิทฺโธติ ปริปุณฺโณ. สหิตตฺโถติ ยุตฺตตฺโถ. อตฺถคมฺภีรตาทิโยคโต คมฺภีโร. พหุรโสติ อตฺถรสาทิพหุรโส. ลกฺขณปฏิเวธสํยุตฺโตติ อนิจฺจาทิลกฺขณปฏิเวธรสอาวหนโต ลกฺขณปฏิเวธสํยุตฺโต.
๑๔๕-๑๔๗. ปรโตติ ปรตฺถ, อุตฺตรินฺติ อตฺโถ. กโรนฺโตวาติ ปริพาหิเร กโรนฺโตเยว. ปาติโมกฺโขติ จาริตฺตวาริตฺตปฺปเภทํ สิกฺขาปทสีลํ ¶ . ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหิ, ตสฺมา ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ. สํวรณํ สํวโร, กายวจีทฺวารานํ ปิทหนํ. เยน หิ เต สํวุตา ปิหิตา โหนฺติ, โส สํวโร, กายิกวาจสิกสฺส อวีติกฺกมสฺเสตํ นามํ. ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโตติ ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวจีทฺวาโร. ตถาภูโต จ ยสฺมา เตน สมงฺคี นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ ¶ . วตฺตตีติ อตฺตภาวํ ปวตฺเตติ. วิหรตีติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตสฺส ภิกฺขุโน อิริยาปถวิหาโร ทสฺสิโต.
สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ วิภงฺเคติ ฌานวิภงฺเค. สีลํ ปติฏฺาติอาทีนิ ปาติโมกฺขสฺเสว เววจนานิ. ตตฺถ (วิภ. อฏฺ. ๕๑๑) สีลนฺติ กามฺเจตํ สห กมฺมวาจาปริโยสาเนน อิชฺฌนกสฺส ปาติโมกฺขสฺเสว เววจนํ, เอวํ สนฺเตปิ ธมฺมโต เอตํ สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา เวทิตพฺพา. ยสฺมา ปน ปาติโมกฺขสีเลน ภิกฺขุ สาสเน ปติฏฺาติ นาม, ตสฺมา ตํ ‘‘ปติฏฺา’’ติ วุตฺตํ. ปติฏฺหติ วา เอตฺถ ภิกฺขุ, กุสลธมฺมา เอว วา เอตฺถ ปติฏฺหนฺตีติ ปติฏฺา. อยมตฺโถ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒) จ ‘‘ปติฏฺา, มหาราช, สีลํ สพฺเพสํ กุสลานํ ธมฺมาน’’นฺติ (มิ. ป. ๒.๑.๙) จ ‘‘สีเล ปติฏฺิตสฺส โข, มหาราช, สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น ปริหายนฺตี’’ติ จ อาทิสุตฺตวเสน เวทิตพฺโพ.
ตเทตํ ปุพฺพุปฺปตฺติอตฺเถน อาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๒).
ยถา หิ นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปมํ นครฏฺานํ โสเธติ, ตโต อปรภาเค วีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกาทิปริจฺเฉเทน วิภชิตฺวา นครํ มาเปติ, เอวเมว โยคาวจโร อาทิมฺหิ สีลํ โสเธติ, ตโต อปรภาเค ¶ สมาธิวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานานิ สจฺฉิกโรติ. ยถา วา ปน รชโก ปมํ ตีหิ ขาเรหิ วตฺถํ โธวิตฺวา ปริสุทฺเธ วตฺเถ ยทิจฺฉกํ รงฺคชาตํ อุปเนติ, ยถา วา ปน เฉโก จิตฺตกาโร รูปํ ลิขิตุกาโม อาทิโต ภิตฺติปริกมฺมํ กโรติ, ตโต อปรภาเค รูปํ สมุฏฺาเปติ, เอวเมว โยคาวจโร อาทิโตว สีลํ วิโสเธตฺวา อปรภาเค สมถวิปสฺสนาทโย ธมฺเม สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘อาที’’ติ วุตฺตํ.
ตเทตํ จรณสริกฺขตาย จรณํ. ‘‘จรณา’’ติ ปาทา วุจฺจนฺติ. ยถา หิ ฉินฺนจรณสฺส ปุริสสฺส ทิสํคมนาภิสงฺขาโร น ชายติ, ปริปุณฺณปาทสฺเสว ชายติ, เอวเมว ยสฺส สีลํ ภินฺนํ ¶ โหติ ขณฺฑํ อปริปุณฺณํ, ตสฺส นิพฺพานคมนาย าณคมนํ น สมฺปชฺชติ. ยสฺส ปน ตํ อภินฺนํ โหติ อขณฺฑํ ปริปุณฺณํ, ตสฺส นิพฺพานคมนาย าณคมนํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘จรณ’’นฺติ วุตฺตํ.
ตเทตํ สํยมนวเสน สํยโม, สํวรณวเสน สํวโรติ อุภเยนปิ สีลสํยโม เจว สีลสํวโร จ กถิโต. วจนตฺโถ ปเนตฺถ สํยเมติ วีติกฺกมวิปฺผนฺทนํ, ปุคฺคลํ วา สํยเมติ วีติกฺกมวเสน ตสฺส วิปฺผนฺทิตุํ น เทตีติ สํยโม, วีติกฺกมสฺส ปเวสนทฺวารํ สํวรติ ปิทหตีติ สํวโร. โมกฺขนฺติ อุตฺตมํ มุขภูตํ วา. ยถา หิ สตฺตานํ จตุพฺพิโธ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคมงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จตุภูมกกุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โมกฺข’’นฺติ. ปมุเข สาธูติ ปโมกฺขํ, ปุพฺพงฺคมํ เสฏฺํ ปธานนฺติ อตฺโถ. กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยาติ จตุภูมกกุสลานํ ปฏิลาภตฺถาย ปโมกฺขํ ปุพฺพงฺคมํ เสฏฺํ ปธานนฺติ เวทิตพฺพํ.
กายิโก อวีติกฺกโมติ ติวิธํ กายสุจริตํ. วาจสิโกติ จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ. กายิกวาจสิโกติ ตทุภยํ. อิมินา อาชีวฏฺมกสีลํ ปริยาทาย ทสฺเสติ. สํวุโตติ ปิหิโต, สํวุตินฺทฺริโย ปิหิตินฺทฺริโยติ อตฺโถ. ยถา หิ สํวุตทฺวารํ เคหํ ‘‘สํวุตเคหํ ปิหิตเคห’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิธ สํวุตินฺทฺริโย ‘‘สํวุโต’’ติ วุตฺโต. ปาติโมกฺขสํวเรนาติ ปาติโมกฺขสงฺขาเตน สํวเรน. อุเปโตติอาทีนิ สพฺพานิ อฺมฺเววจนานิ.
อิริยตีติอาทีหิ ¶ สตฺตหิปิ ปเทหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตสฺส ภิกฺขุโน อิริยาปถวิหาโร กถิโต. ตตฺถ อิริยตีติ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อฺตรสมงฺคิภาวโต อิริยติ. เตหิ อิริยาปถจตุกฺเกหิ กายสกฏวตฺตเนน วตฺตติ. เอกํ อิริยาปถทุกฺขํ อปเรน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา จิรฏฺิติภาเวน สรีรรกฺขณโต ปาเลติ. เอกสฺมึ อิริยาปเถ อสณฺหิตฺวา สพฺพอิริยาปเถ วตฺตนโต ยเปติ. เตน เตน อิริยาปเถน ตถา ตถา กายสฺส ยาปนโต ยาเปติ. จิรกาลวตฺตาปนโต จรติ. อิริยาปเถน อิริยาปถํ วิจฺฉินฺทิตฺวา ชีวิตหรณโต วิหรติ.
มิจฺฉาชีวปฏิเสธเกนาติ –
‘‘อิเธกจฺโจ เวฬุทาเนน วา ปตฺตทาเนน วา ปุปฺผ ผล สินานทนฺตกฏฺทาเนน วา จาฏุกมฺยตาย ¶ วา มุคฺคสูปฺยตาย วา ปาริภฏยตาย วา ชงฺฆเปสนิเกน วา อฺตรฺตเรน วา พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ วุจฺจติ อนาจาโร’’ติ (วิภ. ๕๑๓) –
เอวํ วุตฺตอนาจารสงฺขาตมิจฺฉาชีวปฏิปกฺเขน.
น เวฬุทานาทินา อาจาเรนาติ –
‘‘อิเธกจฺโจ น เวฬุทาเนน น ปตฺต น ปุปฺผ น ผล น สินาน น ทนฺตกฏฺ น จาฏุกมฺยตาย น มุคฺคสูปฺยตาย น ปาริภฏยตาย น ชงฺฆเปสนิเกน น อฺตรฺตเรน พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโร’’ติ (วิภ. ๕๑๓) –
เอวํ วุตฺเตน น เวฬุทานาทินา อาจาเรน.
เวสิยาทิอโคจรํ ปหายาติ –
‘‘อิเธกจฺโจ เวสิยโคจโร วา โหติ วิธว ถุลฺลกุมาริ ปณฺฑก ภิกฺขุนิ ปานาคารโคจโร วา, สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน, ยานิ ปน ตานิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ ¶ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อกฺโกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตกามานิ อผาสุกกามานิ อโยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ, อยํ วุจฺจติ อโคจโร’’ติ (วิภ. ๕๑๔) –
เอวมาคตํ เวสิยาทิอโคจรํ ปหาย.
สทฺธาสมฺปนฺนกุลาทินาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อุปนิสฺสยโคจราทึ สงฺคณฺหาติ. ติวิโธ หิ โคจโร อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติ. กตโม อุปนิสฺสยโคจโร? ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ ¶ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ. ยสฺส วา ปน อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ อุปนิสฺสยโคจโร. กตโม อารกฺขโคจโร? อิธ ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ โอโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ วิเปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร. กตโม อุปนิพนฺธโคจโร? จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย? ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒), อยํ อุปนิพนฺธโคจโร. อิติ อยํ ติวิโธ โคจโร อิธ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ.
อปฺปมตฺตเกสุ วชฺเชสูติ อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ. ภยโต ทสฺสนสีโลติ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตสทิสํ กตฺวา ทสฺสนสภาโว, สพฺพลหุกํ วา ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ทสฺสนสภาโว. สมฺมา อาทายาติ สมฺมเทว สกฺกจฺจํ สพฺพโส วา อาทิยิตฺวา.
วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ¶ โสตพฺพโต สุตํ, ปริยตฺติธมฺโม. ตํ ธาเรตีติ สุตธโร, สุตสฺส อาธารภูโต. ยสฺส หิ อิโต คหิตํ เอตฺโต ปลายติ, ฉิทฺทฆเฏ อุทกํ วิย น ติฏฺติ, ปริสมชฺเฌ เอกํ สุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถตุํ วา วาเจตุํ วา น สกฺโกติ, อยํ น สุตธโร นาม. ยสฺส ปน อุคฺคหิตํ พุทฺธวจนํ อุคฺคหิตกาลสทิสเมว โหติ, ทสปิ วีสติปิ วสฺสานิ สชฺฌายํ อกโรนฺตสฺส น นสฺสติ, อยํ สุตธโร นาม. เตเนวาห ‘‘ยทสฺส ต’’นฺติอาทิ. เอกปทมฺปิ เอกกฺขรมฺปิ อวินฏฺํ หุตฺวา สนฺนิจิยตีติ สนฺนิจโย, สุตํ สนฺนิจโย เอตสฺมินฺติ สุตสนฺนิจโยติ อาห ‘‘สุตํ สนฺนิจิตํ อสฺมินฺติ สุตสนฺนิจโย’’ติ. ยสฺส หิ สุตํ หทยมฺชุสายํ สนฺนิจิตํ สิลาย เลขา วิย สุวณฺณฆเฏ ปกฺขิตฺตา สีหวสา วิย จ สาธุ ติฏฺติ, อยํ สุตสนฺนิจโย นาม. เตนาห ‘‘เอเตน…เป… อวินาสํ ทสฺเสตี’’ติ.
ธาตาติ ปคุณา วาจุคฺคตา. เอกสฺส หิ อุคฺคหิตพุทฺธวจนํ นิจฺจกาลิกํ น โหติ, ‘‘อสุกสุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถหี’’ติ วุตฺเต ‘‘สชฺฌายิตฺวา อฺเหิ สํสนฺทิตฺวา ปริปุจฺฉาวเสน อตฺถํ โอคาหิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ วทติ. เอกสฺส ปคุณํ ปพนฺธวิจฺเฉทาภาวโต คงฺคาโสตสทิสํ ภวงฺคโสตสทิสฺจ อกิตฺติมํ สุขปฺปวตฺติ โหติ, ‘‘อสุกสุตฺตํ ¶ วา ชาตกํ วา กเถหี’’ติ วุตฺเต อุทฺธริตฺวา ตเมว กเถติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ธาตา’’ติ. วาจาย ปคุณา กตาติ สุตฺตทสกวคฺคทสกปณฺณาสทสกวเสน วาจาย สชฺฌายิตา, ทส สุตฺตานิ คตานิ, ทส วคฺคานิ คตานีติอาทินา สลฺลกฺเขตฺวา วาจาย สชฺฌายิตาติ อตฺโถ. สุตฺเตกเทสสฺส หิ สุตฺตมตฺตสฺส จ วจสา ปริจโย อิธ นาธิปฺเปโต, อถ โข วคฺคาทิวเสเนว. มนสา อนุเปกฺขิตาติ มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา, ภาคโส นิชฺฌายิตา จินฺติตาติ อตฺโถ. อาวชฺชนฺตสฺสาติ วาจาย สชฺฌายิตุํ พุทฺธวจนํ มนสา จินฺเตนฺตสฺส. สุฏฺุ ปฏิวิทฺธาติ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา สุฏฺุ ยาถาวโต ปฏิวิทฺธา.
ทฺเว มาติกาติ ภิกฺขุมาติกา ภิกฺขุนีมาติกา จ. วาจุคฺคตาติ ปุริมสฺเสว เววจนํ. ติสฺโส อนุโมทนาติ สงฺฆภตฺเต ทานานิสํสปฏิสํยุตฺตอนุโมทนา, วิหาราทิมงฺคเล มงฺคลสุตฺตาทิอนุโมทนา, มตกภตฺตาทิอวมงฺคเล ติโรกุฏฺฏาทิอนุโมทนาติ อิมา ติสฺโส อนุโมทนา ¶ . กมฺมากมฺมวินิจฺฉโยติ ปริวาราวสาเน กมฺมวคฺเค วุตฺตวินิจฺฉโย. ‘‘วิปสฺสนาวเสน อุคฺคณฺหนฺเตน จตุธาตุววตฺถานมุเขน อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตตฺตา จตสฺโส ทิสา เอตสฺสาติ จตุทฺทิโส, จตุทฺทิโสเยว จาตุทฺทิโส, จตสฺโส วา ทิสา อรหติ, จตูสุ วา ทิสาสุ สาธูติ จาตุทฺทิโส.
อภิวินเยติ สกเล วินยปิฏเก. วิเนตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ. ‘‘ทฺเว วิภงฺคา ปคุณา วาจุคฺคตา กาตพฺพาติ อิทํ ปริปุจฺฉาวเสน อุคฺคหณมฺปิ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เอกสฺส ปมุฏฺํ, อิตรสฺส ปคุณํ โหตีติ อาห ‘‘ตีหิ ชเนหิ สทฺธึ ปริวตฺตนกฺขมา กาตพฺพา’’ติ. อภิธมฺเมติ นามรูปปริจฺเฉเท. เหฏฺิมา วา ตโย วคฺคาติ มหาวคฺคโต เหฏฺา สคาถกวคฺโค นิทานวคฺโค ขนฺธกวคฺโคติ อิเม ตโย วคฺคา. ‘‘ธมฺมปทมฺปิ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตตฺตา ชาตกภาณเกน สาฏฺกถํ ชาตกํ อุคฺคเหตฺวาปิ ธมฺมปทมฺปิ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตพฺพเมว.
กลฺยาณา สุนฺทรา ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา วาจา อสฺสาติ กลฺยาณวาโจ. เตนาห ‘‘สิถิลธนิตาทีนํ…เป… วาจาย สมนฺนาคโต’’ติ. ตตฺถ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนายาติ านกรณสมฺปตฺติยา สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กตฺถจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา, ปทเมว วา อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ปทพฺยฺชนํ, ตํ อกฺขรปาริปูรึ กตฺวา สิถิลธนิตาทิทสวิธํ พฺยฺชนพุทฺธึ อปริหาเปตฺวา วุตฺตํ ปริมณฺฑลํ นาม โหติ. อกฺขรปาริปูริยา หิ ปทพฺยฺชนสฺส ปริมณฺฑลตา. เตน วุตฺตํ ‘‘สิถิลธนิตาทีนํ ¶ ยถาวิธานวจเนนา’’ติ, ปริมณฺฑลํ ปทพฺยฺชนํ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อถ วา ปชฺชติ ายติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิ. ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา.
อปิจ โย ภิกฺขุ ปริสติ ธมฺมํ เทเสนฺโต สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขิปิตฺวา อฺํ อุปารมฺภกรํ สุตฺตํ อาหรติ, ตสฺส อุปมํ กเถติ, ตทตฺถํ โอตาเรติ, เอวํ อิทํ คเหตฺวา เอตฺถ ขิปนฺโต เอกปสฺเสเนว ปริหรนฺโต กาลํ ตฺวา วุฏฺหติ, นิกฺขิตฺตสุตฺตํ ปน นิกฺขิตฺตมตฺตเมว โหติ, ตสฺส กถา อปริมณฺฑลา นาม โหติ อตฺถสฺส อปริปุณฺณภาวโต. โย ปน สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขิปิตฺวา พหิ เอกปทมฺปิ อคนฺตฺวา ¶ ยถานิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนาวเสเนว สุตฺตนฺตรมฺปิ อาเนนฺโต ปาฬิยา อนุสนฺธิฺจ ปุพฺพาปรฺจ อเปกฺขนฺโต อาจริเยหิ ทินฺนนเย ตฺวา ตุลิกาย ปริจฺฉินฺทนฺโต วิย ตํ ตํ อตฺถํ สุววตฺถิตํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต คมฺภีรมาติกาย อุทกํ เปเสนฺโต วิย คมฺภีรมตฺถํ คเมนฺโต วคฺคิหาริคติยา ปเท ปทํ โกฏฺเฏนฺโต สินฺธวาชานีโย วิย เอกํเยว ปทํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ ปุนปฺปุนํ สํวณฺณนฺโต คจฺฉติ, ตสฺส กถา ปริมณฺฑลา นาม โหติ ธมฺมโต อตฺถโต อนุสนฺธิโต ปุพฺพาปรโต อาจริยุคฺคหโตติ สพฺพโส ปริปุณฺณภาวโต. เอวรูปมฺปิ กถํ สนฺธาย ‘‘ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนายา’’ติ วุตฺตํ.
คุณปริปุณฺณภาเวน ปุเร ภวาติ โปรี, ตสฺส ภิกฺขุโน เตเนตํ ภาสิตพฺพํ อตฺถสฺส คุณปริปุณฺณภาเวน ปุเร ปุณฺณภาเว ภวาติ อตฺโถ. ปุเร วา ภวตฺตา โปริยา นาคริกิตฺถิยา สุขุมาลตฺตเนน สทิสาติ โปรี, ปุเร สํวฑฺฒนารี วิย สุกุมาราติ อตฺโถ. ปุรสฺส เอสาติปิ โปรี, ปุรสฺส เอสาติ นครวาสีนํ กถาติ อตฺโถ. นครวาสิโน หิ ยุตฺตกถา โหนฺติ ปิติมตฺตํ ‘‘ปิตา’’ติ, ภาติมตฺตํ ‘‘ภาตา’’ติ วทนฺติ. เอวรูปี หิ กถา พหุโน ชนสฺส กนฺตา โหติ มนาปา, ตาย โปริยา.
วิสฺสฏฺายาติ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺธาย สนฺทิฏฺวิลมฺพิตาทิโทสรหิตาย. อถ วา นาติสีฆํ นาติสณิกํ นิรนฺตรํ เอกรสฺจ กตฺวา ปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ กเถนฺตสฺส วาจา วิสฺสฏฺา นาม. โย หิ ภิกฺขุ ธมฺมํ กเถนฺโต สุตฺตํ วา ชาตกํ วา อารภิตฺวา อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ตุริตตุริโต อรณึ มนฺเถนฺโต วิย อุณฺหขาทนียํ ขาทนฺโต วิย ปาฬิยา อนุสนฺธิปุพฺพาปเรสุ คหิตํ คหิตเมว, อคฺคหิตํ อคฺคหิตเมว กตฺวา ปุราณปณฺณนฺตเรสุ จรมานํ โคธํ อุฏฺาเปนฺโต วิย ตตฺถ ตตฺถ ปหรนฺโต โอสาเปตฺวา อุฏฺาย คจฺฉติ ¶ . ปุราณปณฺณนฺตเรสุ หิ ปริปาติยมานา โคธา กทาจิ ทิสฺสติ กทาจิ น ทิสฺสติ, เอวเมกจฺจสฺส อตฺถวณฺณนา กตฺถจิ ทิสฺสติ กตฺถจิ น ทิสฺสติ. โยปิ ธมฺมํ กเถนฺโต กาเลน สีฆํ, กาเลน สณิกํ, กาเลน มนฺทํ, กาเลน มหาสทฺทํ, กาเลน ขุทฺทกสทฺทํ กโรติ, ยถา นิชฺฌามตณฺหิกเปตสฺส ¶ มุขโต นิจฺฉรณกอคฺคิ กาเลน ชลติ กาเลน นิพฺพายติ, เอวํ เปตธมฺมกถิโก นาม โหติ, ปริสาย อุฏฺาตุกามาย ปุน อารภติ. โยปิ กเถนฺโต ตตฺถ ตตฺถ วิตฺถายติ, อปฺปฏิภานตาย อาปชฺชติ, เกนจิ โรเคน นิตฺถุนนฺโต วิย กนฺทนฺโต วิย กเถติ, อิเมสํ สพฺเพสมฺปิ กถา วิสฺสฏฺา นาม น โหติ สุเขน อปฺปวตฺตภาวโต. โย ปน สุตฺตํ อาหริตฺวา อาจริเยหิ ทินฺนนเย ิโต อาจริยุคฺคหํ อมฺุจนฺโต ยถา จ อาจริยา ตํ ตํ สุตฺตํ สํวณฺเณสุํ, เตเนว นเยน สํวณฺเณนฺโต นาติสีฆํ นาติสณิกนฺติอาทินา วุตฺตนเยน กถาปพนฺธํ อวิจฺฉินฺนํ กตฺวา นทีโสโต วิย ปวตฺเตติ, อากาสคงฺคาโต ภสฺสมานอุทกํ วิย นิรนฺตรกถํ ปวตฺเตติ, ตสฺส กถา วิสฺสฏฺา นาม โหติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘วิสฺสฏฺายา’’ติ.
อเนลคฬายาติ เอลคฬวิรหิตาย. กสฺสจิ หิ กเถนฺตสฺส เอลํ คฬติ, ลาลา ปคฺฆรติ, เขฬผุสิตานิ วา นิกฺขมนฺติ, ตสฺส วาจา เอลคฬา นาม โหติ, ตพฺพิปรีตายาติ อตฺโถ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฏํ กตฺวา ภาสิตตฺถสฺส วิฺาปนสมตฺถตาย อตฺถาปเน สาธนาย.
วาจาว กรณนฺติ วากฺกรณํ, อุทาหารโฆโส. กลฺยาณํ มธุรํ วากฺกรณํ อสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณ. เตเนวาห ‘‘มธุรสฺสโร’’ติ. หีเฬตีติ อวชานาติ. มาตุคาโมติ สมฺพนฺโธ. มนํ อปายติ วฑฺเฒตีติ มนาโป. เตนาห ‘‘มนวฑฺฒนโก’’ติ. วฏฺฏภเยน ตชฺเชตฺวาติ โยพฺพนมทาทิมตฺตา ภิกฺขุนิโย สํสารภเยน ตาเสตฺวา. คิหิกาเลติ อตฺตโน คิหิกาเล. ภิกฺขุนิยา เมถุเนน ภิกฺขุนีทูสโก โหตีติ ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺคเมว วทติ. สิกฺขมานาสามเณรีสุ ปน เมถุเนนปิ ภิกฺขุนีทูสโก น โหตีติ อาห ‘‘สิกฺขมานาสามเณรีสุ เมถุนธมฺม’’นฺติ. ‘‘กาสายวตฺถวสนายา’’ติ วจนโต ทุสฺสีลาสุ ภิกฺขุนีสิกฺขมานาสามเณรีสุ ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนปุพฺโพ ปฏิกฺขิตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺสา ภิกฺขุนิยา อภาเวปิ ยา ยา ตสฺสา วจนํ อสฺโสสุํ, ตา ตา ตเถว มฺนฺตีติ อาห ‘‘มาตุคาโม หี’’ติอาทิ.
อิทานิ ¶ อฏฺ องฺคานิ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อิเมหิ ปน อฏฺหงฺเคหิ ¶ อสมนฺนาคตํ ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน สมฺมนฺเนนฺโต ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ภิกฺขุ ปน สมฺมโตเยว โหติ.
๑๔๘. ครุเกหีติ ครุกาตพฺเพหิ. เอกโตอุปสมฺปนฺนายาติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ‘‘โอวทตี’’ติ วา อิมสฺส ‘‘วทตี’’ติ อตฺเถ สติ สมฺปทานวจนมฺปิ ยุชฺชติ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม ปริวตฺตลิงฺคา วา ปฺจสตสากิยานิโย วา.
๑๔๙. อาสนํ ปฺเปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘สเจ ภูมิ มนาปา โหติ, อาสนํ อปฺาเปตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มาตุคามคฺคหเณน ภิกฺขุนีปิ สงฺคหิตาติ อาห ‘‘ธมฺมเทสนาปตฺติโมจนตฺถ’’นฺติ. สมฺมตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ ปาฏิปเท โอวาทตฺถาย สพฺพาหิ ภิกฺขุนีหิ อาคนฺตพฺพโต ‘‘สมคฺคาตฺถ ภคินิโย’’ติ อิมินา สพฺพาสํ อาคมนํ ปุจฺฉตีติ อาห ‘‘สพฺพา อาคตาตฺถา’’ติ. คิลานาสุ อนาคตาสุปิ คิลานานํ อนาคมนสฺส อนฺุาตตฺตา อาคนฺตุํ สมตฺถาหิ จ สพฺพาหิ อาคตตฺตา ‘‘สมคฺคามฺหยฺยา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อนฺโตคาเม วาติอาทีสุ ยตฺถ ปฺจ องฺคานิ ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตุํ น สกฺกา โหติ, ตตฺถ ิตาย เอว กายํ ปุรโต นาเมตฺวา ‘‘วนฺทามิ อยฺยา’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห คนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. อนฺตรฆรนฺติ กตฺถจิ นครทฺวารสฺส พหิอินฺทขีลโต ปฏฺาย อนฺโตคาโม วุจฺจติ, กตฺถจิ ฆรุมฺมารโต ปฏฺาย อนฺโตเคหํ. อิธ ปน ‘‘อนฺโตคาเม วา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา ‘‘อนฺตรฆเร วา’’ติ อนฺโตเคหํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยตฺถ กตฺถจีติ อนฺโตคามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ.
วฏฺฏตีติ ‘‘วสถ อยฺเย, มยํ ภิกฺขู อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺตวจนํ สทฺทหนฺตีหิ วสิตุํ วฏฺฏติ. น นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามาติ มนุสฺเสหิ นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามา น โหนฺตีติ อตฺโถ, ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตุกามา โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. ยโตติ ภิกฺขุนุปสฺสยโต. ยาจิตฺวาติ ‘‘ตุมฺเหหิ อานีตโอวาเทเนว มยมฺปิ วสิสฺสามา’’ติ ยาจิตฺวา. ตตฺถาติ ตสฺมึ ภิกฺขุนุปสฺสเย. อาคตานํ สนฺติเก โอวาเทน วสิตพฺพนฺติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสํ วสิตพฺพํ. อภิกฺขุกาวาเส วสนฺติยา อาปตฺตีติ โจทนามุเขน สามฺโต อาปตฺติปฺปสงฺคํ วทติ, น ปน ตสฺสา ¶ อาปตฺติ. วสฺสจฺเฉทํ กตฺวา คจฺฉนฺติยาปิ อาปตฺตีติ วสฺสานุปคมมูลํ อาปตฺตึ วทติ. อิตราย อาปตฺติยา อนาปตฺติการณสพฺภาวโต ‘‘สา รกฺขิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, สา วสฺสานุปคมมูลา อาปตฺติ รกฺขิตพฺพาติ อตฺโถ, อภิกฺขุเกปิ อาวาเส อีทิสาสุ อาปทาสุ วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อาปทาสุ หิ…เป… อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ. อิตราย ¶ ปน อาปตฺติยา อนาปตฺติ, การเณ อสติ ปจฺฉิมิกายปิ วสฺสํ น อุปคนฺตพฺพํ. สนฺเตสุ หิ ภิกฺขูสุ วสฺสํ อนุปคจฺฉนฺติยา อาปตฺติ. ตตฺถ คนฺตฺวา ปวาเรตพฺพนฺติ เอตฺถ อปวาเรนฺตีนํ อาปตฺติสมฺภวโต. สเจ ทูเรปิ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ โหติ, สกฺกา จ โหติ นวมิยํ คนฺตฺวา ปวาเรตุํ, ตตฺถ คนฺตฺวา ปวาเรตพฺพํ. สเจ ปน นวมิยํ นิกฺขมิตฺวา สมฺปาปุณิตุํ น สกฺกา โหติ, อคจฺฉนฺตีนํ อนาปตฺติ.
อุโปสถสฺส ปุจฺฉนํ อุโปสถปุจฺฉา, สาเยว ก-ปฺปจฺจยํ รสฺสตฺตฺจ กตฺวา อุโปสถปุจฺฉกนฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อุโปสถปุจฺฉน’’นฺติ. อุโปสโถ ปุจฺฉิตพฺโพติ ‘‘กทา, อยฺย, อุโปสโถ’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ. ภิกฺขุนาปิ ‘‘สฺเว, ภคินิ, อุโปสโถ’’ติ วตฺตพฺพํ. ภิกฺขู กทาจิ เกนจิ การเณน ปนฺนรสิกํ วา จาตุทฺทสีอุโปสถํ, จาตุทฺทสิกํ วา ปนฺนรสีอุโปสถํ กโรนฺติ, ยสฺมิฺจ ทิวเส ภิกฺขูหิ อุโปสโถ กโต, ตสฺมึเยว ภิกฺขุนีหิปิ อุโปสโถ กาตพฺโพติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปกฺขสฺส เตรสิยํเยว คนฺตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ปุจฺฉิเตน ภิกฺขุนา สเจ จาตุทฺทสิยํ อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘‘จาตุทฺทสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ปน ปนฺนรสิยํ กโรนฺติ, ‘‘ปนฺนรสิโก ภคินี’’ติ อาจิกฺขิตพฺพํ. โอวาทตฺถายาติ โอวาทยาจนตฺถาย. ปาฏิปททิวสโต ปน ปฏฺาย ธมฺมสวนตฺถาย คนฺตพฺพนฺติ ปาฏิปททิวเส โอวาทคฺคหณตฺถาย ทุติยทิวสโต ปฏฺาย อนฺตรนฺตรา ธมฺมสวนตฺถาย คนฺตพฺพํ. โอวาทคฺคหณมฺปิ หิ ‘‘ธมฺมสวนเมวา’’ติ อเภเทน วุตฺตํ. นิรนฺตรํ วิหารํ อุปสงฺกมึสูติ เยภุยฺเยน อุปสงฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตนฺติอาทินา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิสฺสามาติ สพฺพาสํเยว ภิกฺขุนีนํ อุปสงฺกมนทีปนตฺถํ ปาฬิ นิทสฺสิตา. โอวาทํ คจฺฉตีติ โอวาทํ ยาจิตุํ คจฺฉติ. ทฺเว ติสฺโสติ ทฺวีหิ ตีหิ. กรณตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ.
ปาสาทิเกนาติ ปสาทชนเกน นิทฺโทเสน กายกมฺมาทินา. สมฺปาเทตูติ ติวิธํ สิกฺขํ สมฺปาเทตุ. สเจ ปาติโมกฺขุทฺเทสกํเยว ทิสฺวา ¶ ตาหิ ภิกฺขุนีหิ โอวาโท ยาจิโต ภเวยฺย, เตน กึ กาตพฺพนฺติ? อุโปสถคฺเค สนฺนิปติเต ภิกฺขุสงฺเฆ ปุพฺพกิจฺจวเสน ‘‘อตฺถิ กาจิ ภิกฺขุนิโย โอวาทํ ยาจมานา’’ติ ปุจฺฉิยมาเน ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ โอวาทปฏิคฺคาหเกน วตฺตพฺพวจนํ อฺเน ภิกฺขุนา กถาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพวจนํ อตฺตนา วตฺวา ปุน สยเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํ, อฺเน วา ภิกฺขุนา ตสฺมึ ทิวเส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสาเปตพฺพํ. เอตํ วุตฺตนฺติ ‘‘ตาหี’’ติ เอตํ พหุวจนํ วุตฺตํ.
เอกา ภิกฺขุนี วาติ อิทํ พหูหิ ภิกฺขุนุปสฺสเยหิ เอกาย เอว ภิกฺขุนิยา สาสนปฏิคฺคหณํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ทุติยิกาย อภาวํ สนฺธาย. พหูหิ ภิกฺขุนุปสฺสเยหีติ อนฺตรามคฺเค วา ตสฺมึเยว วา คาเม พหูหิ ภิกฺขุนุปสฺสเยหิ. ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ จ อยฺย ภิกฺขุนิโย จ ภิกฺขุนี จา’’ติ อิมินา นานาอุปสฺสเยหิ สาสนํ คเหตฺวา อาคตภิกฺขุนิยา วตฺตพฺพวจนํ ทสฺเสติ. อิทฺจ เอเกน ปกาเรน มุขมตฺตนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ตสฺมึ ตสฺมึ ปน ภิกฺขุนุปสฺสเย ภิกฺขุนีนํ ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา ตทนุรูเปน นเยน วตฺตพฺพํ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส อยฺยานํ อยฺยสฺสาติ อิทํ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตํ.
ปาติโมกฺขุทฺเทสเกนปีติ อิทํ สงฺฆุโปสถวเสเนว ทสฺสิตํ. ยตฺถ ปน ติณฺณํ ทฺวินฺนํ วา วสนฏฺาเน ปาติโมกฺขุทฺเทโส นตฺถิ, ตตฺถาปิ ตฺติปนเกน อิตเรน วา ภิกฺขุนา อิมินาว นเยน วตฺตพฺพํ. เอกปุคฺคเลนปิ อุโปสถทิวเส โอวาทยาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปาฏิปเท อาคตานํ ภิกฺขุนีนํ ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติอาทิ วตฺตพฺพเมว. สเจ สยเมว, ‘‘สมฺมโต อห’’นฺติ วตฺตพฺพํ. อิมํ วิธึ อชานนฺโต อิธ พาโลติ อธิปฺเปโต.
๑๕๐. อธมฺมกมฺเม อธมฺมกมฺมสฺี วคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ วคฺคสฺี โอวทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติอาทีสุ วิชฺชมาเนสุปิ วคฺคาทิภาวนิมิตฺเตสุ ทุกฺกเฏสุ อธมฺมกมฺมมูลกํ ปาจิตฺติยเมว ปาฬิยํ สพฺพตฺถ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อธมฺมกมฺเม ทฺวินฺนํ นวกานํ วเสน อฏฺารส ปาจิตฺติยานี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อสมฺมตตา, ภิกฺขุนิยา ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, โอวาทวเสน อฏฺครุธมฺมภณนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๕๓. ทุติเย ¶ กุสลานํ ธมฺมานํ สาตจฺจกิริยายาติ ปุพฺพภาคปฺปฏิปตฺติวเสน วุตฺตํ. มุนาตีติ ชานาติ. เตน าเณนาติ เตน อรหตฺตผลปฺาสงฺขาเตน าเณน. ปเถสูติ อุปายมคฺเคสุ. อรหโต ปรินิฏฺิตสิกฺขตฺตา อาห ‘‘อิทฺจ…เป… วุตฺต’’นฺติ. อถ วา ‘‘อปฺปมชฺชโต สิกฺขโต’’ติ อิเมสํ ปทานํ เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา, ตสฺมา อปฺปมชฺชนเหตุ สิกฺขนเหตุ จ อธิเจตโสติ อตฺโถ. โสกาติ จิตฺตสนฺตาปา. เอตฺถ จ อธิเจตโสติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา, อปฺปมชฺชโตติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา, มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโตติ เอเตหิ อธิปฺาสิกฺขา, มุนิโนติ วา เอเตน อธิปฺาสิกฺขา, โมนปเถสุ สิกฺขโตติ เอเตน ¶ ตาสํ โลกุตฺตรสิกฺขานํ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทา, โสกา น ภวนฺตีติอาทีหิ สิกฺขาปาริปูริยา อานิสํสา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ.
โกกนุทนฺติ ปทุมวิเสสนํ ยถา ‘‘โกกาสย’’นฺติ, ตํ กิร พหุปตฺตํ วณฺณสมฺปนฺนํ อติวิย สุคนฺธฺจ โหติ. ‘‘โกกนุทํ นาม เสตปทุม’’นฺติปิ วทนฺติ. ปาโตติ ปเคว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา โกกนุทสงฺขาตํ ปทุมํ ปาโต สูริยุคฺคมนเวลายํ ผุลฺลํ วิกสิตํ อวีตคนฺธํ สิยา วิโรจมานํ, เอวํ สรีรคนฺเธน คุณคนฺเธน จ สุคนฺธํ สรทกาเล อนฺตลิกฺเข อาทิจฺจมิว อตฺตโน เตชสา ตปนฺตํ องฺเคหิ นิจฺฉรณชุติตาย องฺคีรสํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสาติ.
อภพฺโพติ ปฏิปตฺติสารมิทํ สาสนํ, ปฏิปตฺติ จ ปริยตฺติมูลิกา, ตฺวฺจ ปริยตฺตึ อุคฺคเหตุํ อสมตฺโถ, ตสฺมา อภพฺโพติ อธิปฺปาโย. สุทฺธํ ปิโลติกขณฺฑนฺติ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ ปริสุทฺธํ โจฬขณฺฑํ. ตทา กิร ภควา ‘‘น สชฺฌายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต มม สาสเน อภพฺโพ นาม โหติ, มา โสจิ ภิกฺขู’’ติ ตํ พาหายํ คเหตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา อิทฺธิยา ปิโลติกขณฺฑํ อภินิมฺมินิตฺวา ‘‘หนฺท, ภิกฺขุ, อิมํ ปริมชฺชนฺโต ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ ปุนปฺปุนํ สชฺฌายํ กโรหี’’ติ วตฺวา อทาสิ ตตฺถ ปุพฺเพกตาธิการตฺตา.
โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏํ ปฺุฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ ¶ . โส ‘‘อิมํ สรีรํ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺธสาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภติ, เตน การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต. รชํ หรตีติ รโชหรณํ. สํเวคํ ปฏิลภิตฺวาติ อสุภสฺํ อนิจฺจสฺฺจ อุปฏฺเปนฺโต สํเวคํ ปฏิลภิตฺวา. โส หิ โยนิโส อุมฺมชฺชนฺโต ‘‘ปริสุทฺธํ วตฺถํ, นตฺเถตฺถ โทโส, อตฺตภาวสฺส ปนายํ โทโส’’ติ อสุภสฺํ อนิจฺจสฺฺจ ปฏิลภิตฺวา นามรูปปริคฺคหาทินา ปฺจสุ ขนฺเธสุ าณํ โอตาเรตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อุทยพฺพยาณาทิปอปาฏิยา วิปสฺสนํ อนุโลมโคตฺรภุสมีปํ ปาเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนํ อารภี’’ติ. โอภาสคาถํ อภาสีติ โอภาสวิสฺสชฺชนปุพฺพกภาสิตคาถา โอภาสคาถา, ตํ อภาสีติ อตฺโถ.
เอตฺถ จ ‘‘อธิเจตโสติ อิมํ โอภาสคาถํ อภาสี’’ติ อิเธว วุตฺตํ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๖) ปน ¶ ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ) เถรคาถาสํวณฺณนายฺจ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๕๖๖) –
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ;
ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ปณฺฑิตา;
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โทโส…เป… สาสเน.
‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ;
โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ปณฺฑิตา;
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเนติ. –
อิมา ติสฺโส โอภาสคาถา อภาสี’’ติ วุตฺตํ. อธิเจตโสติ จ อยํ จูฬปนฺถกตฺเถรสฺส อุทานคาถาติ อิมิสฺสาเยว ปาฬิยา อาคตํ. เถรคาถายํ ปน จูฬปนฺถกตฺเถรสฺส อุทานคาถาสุ อยํ อนารุฬฺหา, ‘‘เอกุทานิยตฺเถรสฺส ปน อยํ อุทานคาถา’’ติ (เถรคา. อฏฺ. ๑.เอกุทานิยตฺเถรคาถาวณฺณนา) ตตฺถ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ อิมิสฺสา ปาฬิยา อฏฺกถาย จ เอวมาคตตฺตา จูฬปนฺถกตฺเถรสฺสปิ อยํ ¶ อุทานคาถา โอภาสคาถาวเสน จ ภควตา ภาสิตาติ คเหตพฺพํ. อรหตฺตํ ปาปุณีติ อภิฺาปฏิสมฺภิทาปริวารํ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อภพฺโพ ตฺวนฺติอาทิวจนโต อนุกมฺปาวเสน สทฺธิวิหาริกาทึ สงฺฆิกวิหารา นิกฺกฑฺฒาเปนฺตสฺส อนาปตฺติ วิย ทิสฺสติ. อภพฺโพ หิ เถโร สฺจิจฺจ ตํ กาตุํ, นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปเท วา อปฺตฺเต เถเรน เอวํ กตนฺติ คเหตพฺพํ.
๑๕๖. โอวทนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ อตฺถงฺคเต สูริเย ครุธมฺเมหิ วา อฺเน วา ธมฺเมเนว โอวทนฺตสฺส สมฺมตสฺสปิ ปาจิตฺติยํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อตฺถงฺคตสูริยตา, ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, โอวทนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๖๒. ตติยํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว. อุปสฺสยูปคมนํ, ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, สมยาภาโว, ครุธมฺเมหิ โอวทนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๖๔. จตุตฺเถ ‘‘อุปสมฺปนฺนํ…เป… ภิกฺขุโนวาทก’’นฺติ อิเมสํ ‘‘มงฺกุกตฺตุกาโม’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘อวณฺณํ กตฺตุกาโม อยสํ กตฺตุกาโม’’ติ อิเมสํ ปน วเสน ‘‘อุปสมฺปนฺน’’นฺติอาทีสุ ‘‘อุปสมฺปนฺนสฺสา’’ติ วิภตฺติวิปริณาโม กาตพฺโพติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘อุชฺฌาปนเก วุตฺตนเยเนวตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘จีวรเหตุ โอวทตี’’ติอาทินา ภณนฺตสฺส เอเกกสฺมึ วจเน นิฏฺิเต ปาจิตฺติยํ เวทิตพฺพํ. ‘‘อุปสมฺปนฺนํ สงฺเฆน อสมฺมต’’นฺติ ปาฬิวจนโต ‘‘สมฺมเตน วา สงฺเฆน วา ภารํ กตฺวา ปิโต’’ติ อฏฺกถาวจนโต จ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต สมฺมเตน วา วิปฺปวสิตุกาเมน ‘‘ยาวาหํ อาคมิสฺสามิ, ตาว ¶ เต ภาโร โหตู’’ติ ยาจิตฺวา ปิโต ตสฺสาภาวโต สงฺเฆน วา ตเถว ภารํ กตฺวา ปิโต อฏฺหิ ครุธมฺเมหิ อฺเน วา ธมฺเมน โอวทิตุํ ลภตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, อสมฺมโต ภิกฺขุนิโย โอวเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิทํ ปเคว ภารํ กตฺวา อฏฺปิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ.
๑๖๘. อนาปตฺติ ปกติยา จีวรเหตุ…เป… โอวทนฺตํ ภณตีติ เอตฺถ อามิสเหตุ โอวทนฺตํ ‘‘อามิสเหตุ โอวทตี’’ติ สฺาย เอวํ ภณนฺตสฺส อนาปตฺติ, ‘‘น อามิสเหตุ โอวทตี’’ติ สฺิโน ปน ทุกฺกฏํ, น อามิสเหตุ โอวทนฺตํ ปน ‘‘อามิสเหตุ โอวทตี’’ติ สฺาย ภณนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ สจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุปสมฺปนฺนตา, ธมฺเมน ลทฺธสมฺมุติตา, อนามิสนฺตรตา, อวณฺณกามตาย เอวํ ภณนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. จีวรสิพฺพาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๗๕. ฉฏฺเ ¶ สเจ สา ภิกฺขุนี ตํ จีวรํ อาทิโตว ปารุเปยฺย, อฺา ภิกฺขุนิโย ทิสฺวา อุชฺฌาเปยฺยุํ, ตโต มหาชโน ปสฺสิตุํ น ลภตีติ มฺมาโน ‘‘ยถาสํหฏํ หริตฺวา นิกฺขิปิตฺวา’’ติอาทิมาห.
๑๗๖. นีหรตีติ สกึ นีหรติ. เยปิ เตสํ นิสฺสิตกาติ สมฺพนฺโธ. กถินวตฺตนฺติ ‘‘สพฺรหฺมจารีนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิติกตฺตพฺพตาวเสน สูจิกมฺมกรณํ. อาจริยุปชฺฌายานํ ทุกฺกฏนฺติ อกปฺปิยสมาทานวเสน ทุกฺกฏํ. วฺเจตฺวาติ ‘‘ตว าติกายา’’ติ อวตฺวา ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา. ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา’’ติ สุตฺวา เต อฺาติกสฺิโน ภเวยฺยุนฺติ อาห ‘‘อกปฺปิเย นิโยชิตตฺตา’’ติ ¶ . ‘‘อิทํ เต มาตุ จีวร’’นฺติอาทีนิ อวตฺวาปิ ‘‘อิทํ จีวรํ สิพฺเพหี’’ติ สุทฺธจิตฺเตน สิพฺพาเปนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ.
๑๗๙. อุปาหนตฺถวิกาทินฺติ อาทิ-สทฺเทน ยํ จีวรํ นิวาเสตุํ วา ปารุปิตุํ วา น สกฺกา โหติ, ตมฺปิ สงฺคณฺหาติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา สนฺตกตา, นิวาสนปารุปนูปคตา, วุตฺตนเยน สิพฺพนํ วา สิพฺพาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
จีวรสิพฺพาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สํวิทหนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๘๑. สตฺตเม ‘‘ปจฺฉา คจฺฉนฺตีนํ โจรา อจฺฉินฺทึสู’’ติ เอตฺถ ‘‘ปตฺตจีวร’’นฺติ ปาเสโสติ อาห ‘‘ปจฺฉา คจฺฉนฺตีนํ ปตฺตจีวร’’นฺติ. ตา ภิกฺขุนิโยติ ปจฺฉา คจฺฉนฺติโย ภิกฺขุนิโย. ‘‘ปจฺฉา คจฺฉนฺตีน’’นฺติ จ วิภตฺติวิปริณาเมเนตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปาฬิยํ ‘‘คจฺฉาม ภคินิ, คจฺฉาม อยฺยา’’ติ ภิกฺขุปุพฺพกํ สํวิธานํ วุตฺตํ, ‘‘คจฺฉาม อยฺย, คจฺฉาม ภคินี’’ติ ภิกฺขุนีปุพฺพกํ. เอกทฺธานมคฺคนฺติ เอกํ อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ, เอกโต วา อทฺธานมคฺคํ. หิยฺโยติ สุเว. ปเรติ ตติยทิวเส.
๑๘๒-๑๘๓. ทฺวิธา วุตฺตปฺปกาโรติ ปาทคมนวเสน ปกฺขคมนวเสน วาติ ทฺวิธา วุตฺตปฺปเภโท ¶ . จตุนฺนํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ จตุกฺกํ, ติณฺณํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ สิงฺฆาฏกํ. ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร’’ติ เอตฺถ อฺโ คาโม คามนฺตรนฺติ อาห ‘‘นิกฺขมเน อนาปตฺติ…เป… ภิกฺขุโน ปาจิตฺติย’’นฺติ. ‘‘สํวิธายา’’ติ ปาฬิยํ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ‘‘เนว ปาฬิยา สเมตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘เอตฺถนฺตเร สํวิทหิเตปิ ภิกฺขุโน ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘น เสสอฏฺกถาย สเมตี’’ติ วุตฺตํ. อทฺธโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺสาติ อสติ คาเม อทฺธโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส. ยตฺถ หิ อทฺธโยชนพฺภนฺตเร อฺโ คาโม น โหติ, ตํ อิธ อคามกํ อรฺนฺติ อธิปฺเปตํ, อทฺธโยชนพฺภนฺตเร ปน คาเม สติ คามนฺตรคณนาย เอว อาปตฺติ.
๑๘๕. รฏฺเภเทติ รฏฺวิโลเป. จกฺกสมารุฬฺหาติ อิริยาปถจกฺกํ สกฏจกฺกํ วา สมารุฬฺหา. เสสํ อุตฺตานเมว. ทฺวินฺนมฺปิ สํวิทหิตฺวา มคฺคปฺปฏิปตฺติ ¶ , อวิสงฺเกตํ, สมยาภาโว, อนาปทา, คามนฺตโรกฺกมนํ วา อทฺธโยชนาติกฺกโม วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ. เอกโตอุปสมฺปนฺนาทีหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺส ปน มาตุคามสิกฺขาปเทน อาปตฺติ.
สํวิทหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๘๘. อฏฺเม โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสน กีฬาปุเรกฺขารา สํวิทหิตฺวาติ อยํ วิเสโส ‘‘เอวมิเม…เป… ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ นาวาย กีฬนฺตี’’ติ อิมินา ‘‘อุทฺธํคามินึ วา อโธคามินึ วา’’ติ อิมินา จ สิทฺโธ.
๑๘๙. นทิยา กุโต คามนฺตรนฺติ อาห ‘‘ยสฺสา นทิยา’’ติอาทิ. ‘‘ตสฺสา สคามกตีรปสฺเสน…เป… อทฺธโยชนคณนายาติ เอเกกปสฺเสเนว คมนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ตาทิสิกาย นทิยา มชฺเฌน คจฺฉนฺตสฺส คามนฺตรคณนาย อทฺธโยชนคณนาย จ อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. สพฺพอฏฺกถาสูติอาทินา อตฺตนา วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. ‘‘กีฬาปุเรกฺขารตาย ภิกฺขุนิยา สทฺธึ สํวิธาย นาวํ อภิรุหนฺตสฺส นทิยํเยว ปาจิตฺติยสฺส วุตฺตตฺตา วาปิสมุทฺทาทีสุ กีฬาปุเรกฺขารตาย ทุกฺกฏเมว, น ปาจิตฺติย’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสน กีฬาปุเรกฺขารา สํวิทหิตฺวา’’ติ วจนโต เกจิ ‘‘อิมํ สิกฺขาปทํ อกุสลจิตฺตํ โลกวชฺช’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. กีฬาปุเรกฺขารตาย หิ อภิรุหิตฺวาปิ คามนฺตโรกฺกมเน อทฺธโยชนาติกฺกเม วา กุสลาพฺยากตจิตฺตสมงฺคีปิ หุตฺวา อาปตฺตึ อาปชฺชติ ¶ . ยทิ หิ โส สํเวคํ ปฏิลภิตฺวา อรหตฺตํ วา สจฺฉิกเรยฺย, นิทฺทํ วา โอกฺกเมยฺย, กมฺมฏฺานํ วา มนสิ กโรนฺโต คจฺเฉยฺย, กุโต ตสฺส อกุสลจิตฺตสมงฺคิตา, เยนิทํ สิกฺขาปทํ อกุสลจิตฺตํ โลกวชฺชนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปณฺณตฺติวชฺชํ ติจิตฺตนฺติ สิทฺธํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๙๔. นวเม ¶ ปฏิยาทิตนฺติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย สมฺปาทิตํ. าตกา วา โหนฺติ ปวาริตา วาติ เอตฺถ สเจปิ ภิกฺขุโน อฺาตกา อปฺปวาริตา จ สิยุํ, ภิกฺขุนิยา าตกา ปวาริตา เจ, วฏฺฏติ.
๑๙๗. ปาปภิกฺขูนํ ปกฺขุปจฺเฉทาย อิทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมา ปฺจโภชเนเยว อาปตฺติ วุตฺตา. ปฺจ โภชนานิ เปตฺวา สพฺพตฺถ อนาปตฺตีติ อิทํ ปน อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วิฺตฺติยา อุปฺปนฺนํ ปริภฺุชนฺตสฺส หิ อฺตฺถ วุตฺตนเยน ทุกฺกฏํ. เสสํ อุตฺตานเมว. ภิกฺขุนิปริปาจิตภาโว, ชานนํ, คิหิสมารมฺภาภาโว, โอทนาทีนํ อฺตรตา, ตสฺส อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๙๘. ทสเม อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปเทนาติ อปฺปฏิจฺฉนฺเน มาตุคาเมน สทฺธึ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตํ อเจลกวคฺเค ปฺจมสิกฺขาปทํ โหติ, อุปนนฺทตฺเถรํ อารพฺภ ปฺตฺเตสุ ปน จตุตฺถภาวโต ‘‘อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปเทนา’’ติ วุตฺตํ. จตุตฺถสิกฺขาปทสฺส วตฺถุโต อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุโน ปมํ อุปฺปนฺนตฺตา อิทํ สิกฺขาปทํ ปมํ ปฺตฺตํ. อิมินา จ สิกฺขาปเทน เกวลํ ภิกฺขุนิยา เอว รโหนิสชฺชาย อาปตฺติ ปฺตฺตา, อุปริ มาตุคาเมน สทฺธึ รโหนิสชฺชาย อาปตฺติ วิสุํ ปฺตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต ภิกฺขุนิวคฺโค ตติโย.
๔. โภชนวคฺโค
๑. อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๐๖. โภชนวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมสิกฺขาปเท อทฺธโยชนํ วา โยชนํ วา คนฺตุํ สกฺโกตีติ เอตฺถ ตตฺตกํ คนฺตุํ สกฺโกนฺตสฺสปิ ตาวตกํ คนฺตฺวา อลทฺธภิกฺขสฺส อิโต ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อิเมสํเยวาติ อิเมสํ ปาสณฺฑานํเยว. เอตฺตกานนฺติ อิมสฺมึ ปาสณฺเฑ เอตฺตกานํ. เอกทิวสํ ภฺุชิตพฺพนฺติ เอกทิวสํ สกึเยว ภฺุชิตพฺพํ. ‘‘เอกทิวสํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ วจนโต ปน เอกสฺมึ ทิวเส ปุนปฺปุนํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ น คเหตพฺพํ. ปุน อาทิโต ปฏฺาย ภฺุชิตุํ น วฏฺฏตีติ อิมินา ปมํ ภุตฺตฏฺาเนสุ ปุน เอกสฺมิมฺปิ าเน ภฺุชิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ.
๒๐๘. ‘‘คจฺฉนฺโต วา อาคจฺฉนฺโต วาติ อิทํ อทฺธโยชนวเสน คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อนฺตรามคฺเค คตฏฺาเนติ เอกสฺเสว สนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อาคจฺฉนฺเตปิ เอเสว นโย’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต’’ติอาทิมาห. อาปตฺติฏฺาเนเยว ปุน ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ วตฺตพฺพาติ คมเน อาคมเน จ ปมํ โภชนํ อวตฺวา อนฺตรามคฺเค เอกทิวสํ คตฏฺาเน จ เอกทิวสนฺติ ปุนปฺปุนํ โภชนเมว ทสฺสิตํ, คมนทิวเส ปน อาคมนทิวเส จ ‘‘คมิสฺสามิ อาคมิสฺสามี’’ติ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติเยว. สุทฺธจิตฺเตน ปุนปฺปุนํ ภฺุชนฺตสฺสปิ ปุนปฺปุนํ โภชเน อนาปตฺติ. อฺสฺสตฺถาย อุทฺทิสิตฺวา ปฺตฺตํ ภิกฺขุโน คเหตุเมว น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ภิกฺขูนํเยว อตฺถายา’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อาวสถปิณฺฑตา, อคิลานตา, อนุวสิตฺวา โภชนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๐๙. ทุติเย อภิมาเรติ อภิคนฺตฺวา ภควโต มารณตฺถาย นิโยชิเต ธนุทฺธเร. คุฬฺหปฏิจฺฉนฺโนติ อปากโฏ. ปวิชฺฌีติ วิสฺสชฺเชสิ. นนุ ราชานมฺปิ มาราเปสีติ วจนโต อิทํ สิกฺขาปทํ อชาตสตฺตุโน กาเล ปฺตฺตนฺติ สิทฺธํ, เอวฺจ สติ ปรโต อนุปฺตฺติยํ –
‘‘เตน ¶ ¶ โข ปน สมเยน รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส าติสาโลหิโต อาชีวเกสุ ปพฺพชิโต โหติ. อถ โข โส อาชีวโก เยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ เอตทโวจ…เป… กุกฺกุจฺจายนฺตา นาธิวาเสนฺตี’’ติ –
อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? โส กิร อาชีวโก ตํ ทานํ เทนฺโต พิมฺพิสารกาลโต ปฏฺาย อทาสิ, ปจฺฉา อชาตสตฺตุกาเล สิกฺขาปทปฺตฺติโต ปฏฺาย ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา ตํ ทานํ น ปฏิคฺคณฺหึสุ, ตสฺมา อาทิโต ปฏฺาย ตํ วตฺถุ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อถ โข โส อาชีวโก ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสี’’ติ อิทฺจ ตโต ปภุติ โส อาชีวโก อนฺตรนฺตรา ภิกฺขู นิมนฺเตตฺวา ทานํ เทนฺโต อชาตสตฺตุกาเล สิกฺขาปเท ปฺตฺเต ยํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๒๑๕. อฺมฺวิสิฏฺตฺตา วิสทิสํ รชฺชํ วิรชฺชํ, ตโต อาคตา, ตตฺถ วา ชาตา, ภวาติ วา เวรชฺชา, เต เอว เวรชฺชกา. เต ปน ยสฺมา โคตฺตจรณาทิวิภาเคน นานปฺปการา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นานาเวรชฺชเก’’ติ. อฏฺกถายํ ปน นานาวิเธหิ อฺรชฺเชหิ อาคเตติ รชฺชานํเยว วเสน นานปฺปการตา วุตฺตา.
๒๑๗-๒๑๘. อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วิฺตฺตึ กตฺวา ภฺุชนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วิฺตฺติโต คณโภชนํ วตฺถุวเสเนว ปากฏนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ…เป… นิมนฺติตา ภฺุชนฺตี’’ติ นิมนฺตนวเสเนว ปทภาชเน คณโภชนํ วุตฺตํ. ‘‘กิฺจิ ปน สิกฺขาปทํ วตฺถุอนนุรูปมฺปิ สิยาติ ปทภาชเน วุตฺตนเยน นิมนฺตนวเสเนว คณโภชนํ โหตีติ เกสฺจิ อาสงฺกา ภเวยฺยา’’ติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ตํ ปเนตํ คณโภชนํ ทฺวีหากาเรหิ ปสวตี’’ติ วุตฺตํ. ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวาติ เอตฺถ ‘‘โภชนํ คณฺหถาติ วุตฺเตปิ คณโภชนํ โหติเยวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา อทฺธานคมนวตฺถุสฺมึ นาวาภิรุหนวตฺถุสฺมิฺจ ‘อิเธว, ภนฺเต, ภฺุชถา’ติ วุตฺเต ยสฺมา กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหึสุ, ตสฺมา ‘ภฺุชถา’ติ วุตฺเตปิ ¶ คณโภชนํ น โหติเยวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวา นิมนฺเตตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปน ‘‘โอทนํ ภฺุชถา’’ติ วา ‘‘ภตฺตํ ภฺุชถา’’ติ วา โภชนนามํ คเหตฺวาว วุตฺเต คณโภชนํ โหติ, น อฺถา. ‘‘อิเธว, ภนฺเต, ภฺุชถา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘โอทน’’นฺติ วา ‘‘ภตฺต’’นฺติ วา วตฺวาว เต เอวํ นิมนฺเตสุนฺติ คเหตพฺพํ. คณวเสน วา ¶ นิมนฺติตตฺตา เต ภิกฺขู อปกตฺุตาย กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหึสูติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ.
เอกโต คณฺหนฺตีติ เอตฺถ อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถํ อมฺุจิตฺวา ิตา เอกโต คณฺหนฺติ นามาติ คเหตพฺพํ. ‘‘อมฺหากํ จตุนฺนมฺปิ ภตฺตํ เทหีติ วา วิฺาเปยฺยุ’’นฺติ วจนโต เหฏฺา ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตํ เทหิ, ตฺวํ ทฺวินฺนนฺติ เอวํ วิฺาเปตฺวา’’ติ วจนโต จ อตฺตโน อตฺถาย อฺเหิ วิฺตฺตมฺปิ สาทิยนฺตสฺส คณโภชนํ โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วิฺตฺติโต ปสวตีติ เอตฺถ วิฺตฺติยา สติ คณฺหนฺตสฺส เอกโต หุตฺวา คหเณ อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ, วิสุํ คหเณ ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺตีหิ อาปตฺติ เวทิตพฺพา.
วิจาเรตีติ ปฺจขณฺฑาทิวเสน สํวิทหติ. ฆฏฺเฏตีติ อนุวาตํ ฉินฺทิตฺวา หตฺเถน ทณฺฑเกน วา ฆฏฺเฏติ. สุตฺตํ กโรตีติ สุตฺตํ วฏฺเฏติ. วเลตีติ ทณฺฑเก วา หตฺเถ วา อาวฏฺเฏติ. ‘‘อภินวสฺเสว จีวรสฺส กรณํ อิธ จีวรกมฺมํ นาม, ปุราณจีวเร สูจิกมฺมํ นาม น โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘จตุตฺเถ อาคเต น ยาเปนฺตีติ วจนโต สเจ อฺโ โกจิ อาคจฺฉนฺโต นตฺถิ, จตฺตาโรเยว จ ตตฺถ นิสินฺนา ยาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.
๒๒๐. คณโภชนาปตฺติชนกนิมนฺตนภาวโต ‘‘อกปฺปิยนิมนฺตน’’นฺติ วุตฺตํ. สมฺปเวเสตฺวาติ นิสีทาเปตฺวา. คโณ ภิชฺชตีติ คโณ อาปตฺตึ น อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู…เป… ภฺุชนฺตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา สํสนฺทนโต ‘‘อิตเรสํ ปน คณปูรโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. อวิเสเสนาติ ‘‘คิลาโน วา จีวรการโก วา’’ติ อวิเสเสตฺวา สพฺพสาธารณวจเนน. ตสฺมาติ อวิเสสิตตฺตา. ภุตฺวา คเตสูติ เอตฺถ อคเตสุปิ โภชนกิจฺเจ นิฏฺิเต คณฺหิตุํ วฏฺฏติ ¶ . ตานิ จ เตหิ เอกโต น คหิตานีติ เยหิ โภชเนหิ วิสงฺเกโต นตฺถิ, ตานิ โภชนานิ เตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต น คหิตานิ เอเกน ปจฺฉา คหิตตฺตา. มหาเถเรติ ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. ทูตสฺส ปุน ปฏิปถํ อาคนฺตฺวา ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วจนภเยน ‘‘คามทฺวาเร อฏฺตฺวาวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวาติ อนฺตรวีถิอาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ ิตานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา. ภิกฺขูนํ อตฺถาย ฆรทฺวาเร เปตฺวา ทิยฺยมาเนปิ เอเสว นโย. นิวตฺตถาติ วุตฺตปเท นิวตฺติตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘นิวตฺตถา’’ติ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. คณโภชนตา, สมยาภาโว, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๒๑. ตติเย ¶ กุลปฏิปาฏิยา อพฺโพจฺฉินฺนํ กตฺวา นิรนฺตรํ ทิยฺยมานตฺตา ‘‘ภตฺตปฏิปาฏิ อฏฺิตา โหตี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, อนฺตรา อฏฺตฺวา นิรนฺตรํ ปวตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. อุปจารวเสนาติ โวหารวเสน. น หิ โส พทรมตฺตเมว เทติ, อุปจารวเสน ปน เอวํ วทติ. พทรจุณฺณสกฺขราทีหิ ปโยชิตํ ‘‘พทรสาฬว’’นฺติ วุจฺจติ.
๒๒๖. วิกปฺปนาวเสเนว ตํ ภตฺตํ อสนฺตํ นาม โหตีติ อนุปฺตฺติวเสน วิกปฺปนํ อฏฺเปตฺวา ยถาปฺตฺตํ สิกฺขาปทเมว ปิตํ. ปริวาเร ปน วิกปฺปนาย อนุชานนมฺปิ อนุปฺตฺติสมานนฺติ กตฺวา ‘‘จตสฺโส อนุปฺตฺติโย’’ติ วุตฺตํ. มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺตนยํ ปจฺฉา วทนฺโต ปาฬิยา สํสนฺทนโต ปรมฺมุขาวิกปฺปนเมว ปติฏฺาเปสิ. เกจิ ปน ‘‘ตทา อตฺตโน สนฺติเก เปตฺวา ภควนฺตํ อฺสฺส อภาวโต เถโร สมฺมุขาวิกปฺปนํ นากาสิ, ภควตา จ วิสุํ สมฺมุขาวิกปฺปนา น วุตฺตา, ตถาปิ สมฺมุขาวิกปฺปนาปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เตเนว มาติกาอฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘โย ภิกฺขุ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อฺตรสฺส ‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ สมฺมุขา วา ‘อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ ¶ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ ปรมฺมุขา วา ปมนิมนฺตนํ อวิกปฺเปตฺวา ปจฺฉา นิมนฺติตกุเล ลทฺธภิกฺขโต เอกสิตฺถมฺปิ อชฺโฌหรติ, ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ.
๒๒๙. ปฺจหิ โภชเนหิ นิมนฺติตสฺส เยน เยน ปมํ นิมนฺติโต, ตสฺส ตสฺส โภชนโต อุปฺปฏิปาฏิยา อวิกปฺเปตฺวา วา ปรสฺส ปรสฺส โภชนํ ปรมฺปรโภชนนฺติ อาห ‘‘สเจ ปน มูลนิมนฺตนํ เหฏฺา โหติ, ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อุปริ, ตํ อุปริโต ปฏฺาย ภฺุชนฺตสฺส อาปตฺตี’’ติ. หตฺถํ อนฺโต ปเวเสตฺวา สพฺพเหฏฺิมํ คณฺหนฺตสฺส มชฺเฌ ิตมฺปิ อนฺโตหตฺถคตํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถํ ปน…เป… ยถา ตถา วา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ. ขีรสฺส รสสฺส จ ภตฺเตน อมิสฺสํ หุตฺวา อุปริ ิตตฺตา ‘‘ขีรํ วา รสํ วา ปิวโต อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
มหาอุปาสโกติ เคหสามิโก. ‘‘มหาอฏฺกถายํ ‘อาปตฺตี’ติ วจเนน กุรุนฺทิยํ ‘วฏฺฏตี’ติ วจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, ทฺวินฺนมฺปิ อธิปฺปาโย มหาปจฺจริยํ วิภาวิโต’’ติ มหาคณฺิปเทสุ วุตฺตํ. สพฺเพ นิมนฺเตนฺตีติ อกปฺปิยนิมนฺตเนน นิมนฺเตนฺติ. ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ¶ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต, ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภฺุชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตตฺตา สติปิ ภิกฺขาจริยาย ปมํ ลทฺธภาเว ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภฺุชติ, อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. อวิกปฺปวเสน ‘‘วจีกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปรมฺปรโภชนตา, สมยาภาโว, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๓๐-๒๓๑. จตุตฺเถ กาณาย มาตาติ กาณาติ ลทฺธนามาย ทาริกาย มาตา. กสฺมา ปเนสา กาณา นาม ชาตาติ อาห ‘‘สา กิรสฺสา’’ติอาทิ. อิมิสฺสา ทหรกาเล มาตาปิตโร สิเนหวเสน ‘‘อมฺม กาเณ, อมฺม กาเณ’’ติ โวหรึสุ, สา ตทุปาทาย กาณา นาม ชาตา, ตสฺสา จ มาตา ‘‘กาณมาตา’’ติ ปากฏา อโหสีติ ¶ เอวเมตฺถ การณํ วทนฺติ. ปฏิยาโลกนฺติ ปจฺฉิมํ ทิสํ, ปจฺจาทิจฺจนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๒๓๓. ปูวคณนาย ปาจิตฺติยนฺติ มุขวฏฺฏิยา เหฏฺิมเลขโต อุปริฏฺิตปูวคณนาย ปาจิตฺติยํ. ‘‘ทฺวตฺติปตฺตปูรา ปฏิคฺคเหตพฺพา’’ติ หิ วจนโต มุขวฏฺฏิยา เหฏฺิมเลขํ อนติกฺกนฺเต ทฺเว วา ตโย วา ปตฺตปูเร คเหตุํ วฏฺฏติ.
๒๓๕. อฏฺกถาสุ ปน…เป… วุตฺตนฺติ อิทํ อฏฺกถาสุ ตถา อาคตภาวมตฺตทีปนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ตสฺส วาทสฺส ปติฏฺาปนตฺถํ. อฏฺกถาสุ วุตฺตฺหิ ปาฬิยา น สเมติ. ตตุตฺตริคหเณ อนาปตฺติทสฺสนตฺถฺหิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘อนาปตฺติ ทฺวตฺติปตฺตปูเร ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ อิมินาว ปมาณยุตฺตคฺคหเณ อนาปตฺติสิทฺธิโต ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วิสุํ น วตฺตพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘ตํ ปาฬิยา น สเมตี’’ติ กสฺมา น วุตฺตนฺติ? เหฏฺา ตตุตฺตริสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ น วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) ‘‘อฏฺกถาสุ ปน าตกปวาริตฏฺาเน ปกติยาว พหุมฺปิ วฏฺฏติ, อจฺฉินฺนการณา ปมาณเมว วฏฺฏตีติ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา น สเมตี’’ติ. ‘‘อปาเถยฺยาทิอตฺถาย ปฏิยาทิต’’นฺติ สฺาย คณฺหนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยว อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อตฺตโนเยว คหณตฺถํ ‘‘อิมสฺส หตฺเถ เทหี’’ติ วจเนนปิ อาปชฺชนโต ‘‘วจีกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานเมว ¶ . วุตฺตลกฺขณปูวมนฺถตา, อเสสกตา, อปฏิปฺปสฺสทฺธคมนตา, น าตกาทิตา, อติเรกปฏิคฺคหณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๓๖. ปฺจเม ภุตฺตาวีติ ภุตฺตาวิโน ภุตฺตวนฺโต, กตภตฺตกิจฺจาติ วุตฺตํ โหติ. ปวาริตาติ เอตฺถ จตูสุ ปวารณาสุ ยาวทตฺถปวารณา ปฏิกฺเขปปวารณา จ ลพฺภตีติ อาห ‘‘พฺราหฺมเณน…เป… ปฏิกฺเขปปวารณาย ปวาริตา’’ติ. จตุพฺพิธา หิ ปวารณา วสฺสํวุตฺถปวารณา, ปจฺจยปวารณา ¶ , ปฏิกฺเขปปวารณา, ยาวทตฺถปวารณาติ. ตตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺถานํ ภิกฺขูนํ ตีหิ าเนหิ ปวาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๙) อยํ วสฺสํวุตฺถปวารณา. ปกาเรหิ ทิฏฺาทีหิ วาเรติ สงฺฆาทิเก ภชาเปติ ภตฺเต กโรติ เอตายาติ ปวารณา, อาปตฺติวิโสธนาย อตฺตโวสฺสคฺโคกาสทานํ. สา ปน ยสฺมา เยภุยฺเยน วสฺสํวุตฺเถหิ กาตพฺพา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘วสฺสํวุตฺถปวารณา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ จาตุมาสํ เภสชฺเชน ปวาเรตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๓๐๓) จ, ‘‘อฺตฺร ปุน ปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปวารณายา’’ติ (ปาจิ. ๓๐๖) จ อยํ ปจฺจยปวารณา ปวาเรติ ปจฺจเย อิจฺฉาเปติ เอตายาติ กตฺวา, จีวราทีหิ อุปนิมนฺตนาเยตํ อธิวจนํ. ‘‘ปวาริโต นาม อสนํ ปฺายติ, โภชนํ ปฺายติ, หตฺถปาเส ิโต อภิหรติ, ปฏิกฺเขโป ปฺายติ, เอโส ปวาริโต นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๓๙) อยํ ปฏิกฺเขปปวารณา. วิปฺปกตโภชนตาทิปฺจงฺคสหิโต โภชนปฏิกฺเขโปเยว เหตฺถ ปการยุตฺตา วารณาติ ปวารณา. ‘‘ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๖๓) อยํ ยาวทตฺถปวารณา. ยาวทตฺถํ โภชนสฺส ปวารณา ยาวทตฺถปวารณา.
๒๓๗. ติ-การํ อวตฺวา…เป… วตฺตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ วตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘ติ-กาเร ปน วุตฺเตปิ อกตํ นาม น โหตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
๒๓๘-๒๓๙. ปวาริโตติ ปฏิกฺเขปิโต. โย หิ ภฺุชนฺโต ปริเวสเกน อุปนีตํ โภชนํ อนิจฺฉนฺโต ปฏิกฺขิปติ, โส เตน ปวาริโต ปฏิกฺเขปิโต นาม โหติ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘กตปวารโณ กตปฏิกฺเขโป’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ‘‘อสน’’นฺติ ¶ อิมินาว ปเทน ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ อิมสฺส อตฺโถ วุตฺโต, ตสฺมา น ตสฺส กิฺจิ ปโยชนํ วิสุํ อุปลพฺภติ. ยทิ หิ อุปลพฺเภยฺย, ปวารณา ฉฬงฺคสมนฺนาคตา อาปชฺเชยฺยาติ มนสิ กตฺวา ปฺจสมนฺนาคตตฺตํเยว ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทินา ปาฬึ อาหรติ. เกจิ ปน ‘‘หตฺถปาเส ิโต อภิหรตี’’ติ เอกเมว องฺคํ กตฺวา ‘‘จตุรงฺคสมนฺนาคตา ปวารณา’’ติปิ วทนฺติ.
อมฺพิลปายาสาทีสูติ ¶ อาทิ-สทฺเทน ขีรปายาสาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ อมฺพิลปายาสคฺคหเณน ตกฺกาทิอมฺพิลสํยุตฺตา ฆนยาคุ วุตฺตา. ขีรปายาสคฺคหเณน ขีรสํยุตฺตา ยาคุ สงฺคยฺหติ. ปวารณํ น ชเนตีติ อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธนํ ปฏิกฺเขปํ น สาเธติ. กโตปิ ปฏิกฺเขโป อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธโน น โหตีติ อกตฏฺาเนเยว ติฏฺตีติ อาห ‘‘ปวารณํ น ชเนตี’’ติ. ‘‘ยาคุ-สทฺทสฺส ปวารณชนกยาคุยาปิ สาธารณตฺตา ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺเตปิ ปวารณา โหตีติ ปวารณํ ชเนติเยวาติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ ปรโต ตตฺเถว ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตการเณน น สเมติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เหฏฺา อยาคุเก นิมนฺตเน อุทกกฺชิกขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณา โหติ, ‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’ติ เอตฺถ ปน วิสุํ ยาคุยา วิชฺชมานตฺตา ปวารณา น โหตี’’ติ. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ขีราทีหิ สํมทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ยาคุยา จ ตตฺถ อภาวโต ปวารณา โหตีติ เอวเมตฺถ การณํ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ปรโต ‘‘เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตายา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตการเณนปิ สํสนฺทติ, อฺถา คณฺิปเทสุเยว ปุพฺพาปรวิโรโธ อาปชฺชติ. อฏฺกถาวจเนน จ น สเมติ. สเจ…เป… ปฺายตีติ อิมินา วุตฺตปฺปมาณสฺส มจฺฉมํสขณฺฑสฺส นหารุโน วา สพฺภาวมตฺตํ ทสฺเสติ. ตาหีติ ปุถุกาหิ.
สาลิวีหิยเวหิ กตสตฺตูติ เยภุยฺยนเยน วุตฺตํ, สตฺต ธฺานิ ปน ภชฺชิตฺวา กโตปิ สตฺตุเยว. เตเนวาห ‘‘กงฺคุวรก…เป… สตฺตุสงฺคหเมว คจฺฉตี’’ติ. สตฺตุโมทโกติ สตฺตุโย ปิณฺเฑตฺวา กโต อปกฺโก สตฺตุคุโฬ. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรวเสน วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา ‘‘มุเข สาสปมตฺตมฺปิ…เป… น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรตี’’ติ วจนโต สเจ สงฺฆิกํ ลาภํ อตฺตโน อปาปุณนฺตํ ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. อลชฺชิสนฺตกํ ปฏิกฺขิปนฺโตปิ น ปวาเรติ. อวตฺถุตายาติ อนติริตฺตาปตฺติสาธิกาย ปวารณาย อวตฺถุภาวโต. เอเตน ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตภาวํ ทีเปติ ¶ . ยฺหิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ¶ โหติ, ตสฺส ปฏิกฺเขโป อาปตฺติองฺคํ น โหตีติ ตํ ‘‘ปวารณาย อวตฺถู’’ติ วุจฺจติ.
อุปนาเมตีติ อิมินา กายาภิหารํ ทสฺเสติ. หตฺถปาสโต พหิ ิตสฺส สติปิ ทาตุกามาภิหาเร ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ทูรภาเวเนว ปวารณาย อภาวโต เถรสฺสปิ ทูรภาวมตฺตํ คเหตฺวา ปวารณาย อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เถรสฺส ทูรภาวโต’’ติ อาห, น ปน เถรสฺส อภิหารสพฺภาวโต. สเจปิ คเหตฺวา คโต หตฺถปาเส ิโต โหติ, กิฺจิ ปน อวตฺวา อาธารกฏฺาเน ิตตฺตา อภิหาโร นาม น โหตีติ ‘‘ทูตสฺส จ อนภิหรณโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘คเหตฺวา คเตน ‘ภตฺตํ คณฺหถา’ติ วุตฺเต อภิหาโร นาม โหตีติ ‘สเจ ปน คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุ…เป… ปวารณา โหตี’ติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปตฺตํ กิฺจิ อุปนาเมตฺวา ‘อิมํ ภตฺตํ คณฺหถา’ติ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ วาจาภิหารสฺส อิธ อนธิปฺเปตตฺตา.
ปริเวสนายาติ ภตฺตคฺเค. อภิหฏาว โหตีติ ปริเวสเกเนว อภิหฏา โหติ. ตโต ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา โหตีติ เอตฺถ อคณฺหนฺตมฺปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหติเยว. กสฺมา? ทาตุกามตาย อภิหฏตฺตา. ‘‘ตสฺมา สา อภิหฏาว โหตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ‘‘ทาตุกามาภิหาเร สติ เกวลํ ‘ทสฺสามี’ติ คหณเมว อภิหาโร นาม น โหติ, ‘ทสฺสามี’ติ คณฺหนฺเตปิ อคณฺหนฺเตปิ ทาตุกามาภิหาโรว อภิหาโร นาม โหติ, ตสฺมา คหณสมเย วา อคฺคหณสมเย วา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตี’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ อสติ ตสฺส ทาตุกามาภิหาเร คหณสมเยปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘รสํ คณฺหถา’’ติ อปวารณชนกสฺส นามํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ สุตฺวา ปฏิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. มจฺฉรสํ มํสรสนฺติ เอตฺถ ปน น เกวลํ มจฺฉสฺส รสํ มจฺฉรสมิจฺเจว วิฺายติ, อถ โข มจฺโฉ จ มจฺฉรสฺจ มจฺฉรสนฺติ เอวํ ปวารณชนกสาธารณนามวเสนปิ วิฺายมานตฺตา ¶ ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาว โหติ. ปรโต มจฺฉสูปนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเตปีติ เอตฺถ เอวํ อวตฺวาปิ ปวารณปโหนกํ ยํกิฺจิ อภิหฏํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. กรมฺพโกติ มิสฺสกาธิวจนเมตํ. ยฺหิ อฺเนฺเน มิสฺเสตฺวา กโรนฺติ, โส ‘‘กรมฺพโก’’ติ วุจฺจติ. โส สเจปิ มํเสน มิสฺเสตฺวา กโตว โหติ, ‘‘กรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ อปวารณารหสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ¶ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ. ‘‘มํสกรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปน มํสมิสฺสกํ คณฺหถาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ปวารณาว โหติ.
‘‘อุทฺทิสฺสกต’’นฺติ มฺมาโนติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุโน กปฺปิยตฺตา อกปฺปิยสฺาย ปฏิกฺขิปโตปิ อจิตฺตกตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปวารณา โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา อยาคุเก นิมนฺตเน อุทกกฺชิกขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณา โหติ, ‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’ติ เอตฺถ ปน วิสุํ ยาคุยา วิชฺชมานตฺตา ปวารณา น โหตี’’ติ วทนฺติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ‘‘เยนาปุจฺฉิโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วทติ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสนฺติ เอตฺถ เอเก ตาว วทนฺติ ‘‘ยสฺมา ยาคุมิสฺสกํ นาม ภตฺตเมว น โหติ, ขีราทิกมฺปิ โหติเยว, ตสฺมา กรมฺพเก วิย ปวารณาย น ภวิตพฺพํ. เอวฺจ สติ ยาคุ พหุตรา วา โหติ สมสมา วา, น ปวาเรติ. ‘ยาคุ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรตี’ติ เอตฺถ การณํ ทุทฺทส’’นฺติ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘ยาคุมิสฺสกํ นาม ภตฺตํ, ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย เอว ภวิตพฺพํ. เอวฺจ สติ ‘อิธ ปวารณา โหติ น โหตี’ติ เอตฺถ การณํ ทุทฺทส’’นฺติ.
ยถา เจตฺถ การณํ ทุทฺทสํ, เอวํ ปรโต ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ เอตฺถาปิ การณํ ทุทฺทสเมวาติ เวทิตพฺพํ. น หิ ปวารณปฺปโหนกสฺส อปฺปพหุภาโว ปวารณาย ภาวาภาวนิมิตฺตํ, กิฺจรหิ ปวารณชนกสฺส นามคฺคหณเมเวตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘อิทฺจ กรมฺพเกน น สมาเนตพฺพ’’นฺติอาทินา ยมฺปิ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ปุพฺเพ วุตฺเตน สํสนฺทิยมานํ น สเมติ. ยทิ หิ ‘‘มิสฺสก’’นฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหํ สิยา, เอวํ สติ ยถา ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ภตฺตํ พหุตรํ วา สมํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติเยว, เอวํ ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเตปิ อปฺปตเรปิ ¶ ภตฺเต ปวารณาย ภวิตพฺพํ มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหตฺตา. ตถา หิ ‘‘มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหโวหารตฺตา อิทํ ปน ‘ภตฺตมิสฺสกเมวา’ติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อถ ‘‘มิสฺสก’’นฺติ ภตฺตมิสฺสเก รุฬฺหํ น โหติ, มิสฺสกภตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตนฺติ. เอวมฺปิ ยถา อยาคุเก นิมนฺตเน ขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปวารณา โหติ, เอวมิธาปิ มิสฺสกภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ภตฺตํ อปฺปํ วา โหตุ พหุ วา, ปวารณา เอว สิยา. ตสฺมา ‘‘มิสฺสก’’นฺติ ภตฺตมิสฺสเก รุฬฺหํ วา โหตุ สนฺธายภาสิตํ วา, อุภยตฺถาปิ ปุพฺเพนาปรํ น สเมตีติ กิเมตฺถ การณจินฺตาย, อีทิเสสุ ปน าเนสุ อฏฺกถาปมาเณเนว คนฺตพฺพนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ.
‘‘วิสุํ ¶ กตฺวา เทตีติ ภตฺตสฺส อุปริ ิตํ รสาทึ วิสุํ คเหตฺวา เทตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘ยถา ภตฺตสิตฺถํ น ปตติ, ตถา คาฬฺหํ หตฺเถน ปีเฬตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตํ. ตถาปิ การณํ น ทิสฺสติ. ยถา หิ ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ยาคุมิสฺสกํ ภตฺตมฺปิ เทนฺตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ, เอวมิธาปิ พหุขีรรสาทีสุ ภตฺเตสุ ‘‘ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา ขีราทีนิ วา เทตุ ขีราทิมิสฺสกภตฺตํ วา, อุภยถาปิ ปวารณาย น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตี’’ติ เตนากาเรน เทนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ภตฺตมิสฺสกํ กตฺวา ทิยฺยมานํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตีติ ทสฺสนตฺถนฺติ คเหตพฺพํ. ยทิ ปน ภตฺตมิสฺสกํ กตฺวา ทิยฺยมาเน ปวารณา โหตีติ อธิปฺปาเยน อฏฺกถายํ ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ อฏฺกถาเยเวตฺถ ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ, น ปน การณนฺตรํ คเวสิตพฺพํ.
สเจ อุกฺกุฏิกํ นิสินฺโน ปาเท อมฺุจิตฺวาปิ ภูมิยํ นิสีทติ, อิริยาปถํ วิโกเปนฺโต นาม โหตีติ อุกฺกุฏิกาสนํ อวิโกเปตฺวาว สุเขน นิสีทิตุํ ‘‘ตสฺส ปน เหฏฺา…เป… นิสีทนกํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อาสนํ อจาเลตฺวาติ ปีเ ผุฏฺโกาสโต อานิสทมํสํ อโมเจตฺวา, อนุฏฺหิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, อทินฺนาทาเน วิย านาจาวนํ น คเหตพฺพ’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
อกปฺปิยกตนฺติ ¶ เอตฺถ อกปฺปิยกตสฺเสว อนติริตฺตภาวโต กปฺปิยํ อการาเปตฺวา ตสฺมึ ปตฺเต ปกฺขิตฺตมูลผลาทิเยว อติริตฺตํ น โหติ, เสสํ ปน ปตฺตปริยาปนฺนํ อติริตฺตเมว โหติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตํ ปน มูลผลาทึ ปริภฺุชิตุกาเมน ตโต นีหริตฺวา กปฺปิยํ การาเปตฺวา อฺสฺมึ ภาชเน เปตฺวา อติริตฺตํ การาเปตฺวา ภฺุชิตพฺพํ.
โส ปุน กาตุํ น ลภตีติ ตสฺมึเยว ภาชเน กริยมานํ ปมํ กเตน สทฺธึ กตํ โหตีติ ปุน โสเยว กาตุํ น ลภติ, อฺโ ลภติ. อฺสฺมึ ปน ภาชเน เตน วา อฺเน วา กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘เยน อกตํ, เตน กาตพฺพํ. ยฺจ อกตํ, ตํ กาตพฺพ’’นฺติ. เตนปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท น เกวลํ อฺเน วาติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. เอวํ กตนฺติ อฺสฺมึ ภาชเน กตํ. เปเสตฺวาติ อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ เปเสตฺวา. อิมสฺส วินยกมฺมภาวโต ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ ิตํ น กาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
สเจ ปน อามิสสํสฏฺานีติ เอตฺถ สเจ มุขคเตนปิ อนติริตฺเตน อามิเสน สํสฏฺานิ โหนฺติ ¶ , ปาจิตฺติยเมวาติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา ปวาริเตน โภชนํ อติริตฺตํ การาเปตฺวา ภฺุชนฺเตนปิ ยถา อกเตน มิสฺสํ น โหติ, เอวํ มุขฺจ หตฺถฺจ สุทฺธํ กตฺวา ภฺุชิตพฺพํ. กิฺจาปิ อปฺปวาริตสฺส ปุเรภตฺตํ ยามกาลิกาทีนิ อาหารตฺถาย ปริภฺุชโตปิ อนาปตฺติ, ปวาริตสฺส ปน ปวารณมูลกํ ทุกฺกฏํ โหติเยวาติ ‘‘ยามกาลิกํ…เป… อชฺโฌหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ.
๒๔๑. กาเยน ภฺุชนโต วาจาย อาณาเปตฺวา อติริตฺตํ อการาปนโต จ อาปชฺชตีติ ‘‘กายวาจโต’’ติ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปวาริตภาโว, อามิสสฺส อนติริตฺตตา, กาเล อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๔๓. ฉฏฺเ ¶ สาธารณเมวาติ ‘‘หนฺท ภิกฺขุ ขาท วา’’ติอาทินา วุตฺตปวารณาย สาธารณํ. ‘‘ภุตฺตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ มาติกายํ วุตฺตตฺตา โภชนปริโยสาเน อาปตฺติ, น อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร. อภิหฏฺุํ ปวาเรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ อิทฺจ โภชนปริโยสานํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปวาริตตา, ปวาริตสฺิตา, อาสาทนาเปกฺขตา, อนติริตฺเตน อภิหฏฺุํ ปวารณา, โภชนปริโยสานนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๔๗. สตฺตเม อคฺคสมชฺโชติ อุตฺตมํ นจฺจํ. ตํ กิร ปพฺพตมตฺถเก ตฺวา เอกํ เทวตํ อุทฺทิสฺส กโรนฺติ. นฏานํ นาฏกานิ นฏนาฏกานิ, สีตาหรณาทีนิ. อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปเท อปฺตฺเต. อทํสูติ ‘‘วิหารํ เนตฺวา ขาทิสฺสถา’’ติ อทํสุ.
๒๔๘-๒๔๙. มูลกมูลาทีนิ อุปเทสโตเยว เวทิตพฺพานิ. น หิ ตานิ ปริยายนฺตเรน วุจฺจมานานิปิ ¶ สกฺกา วิฺาตุํ. ปริยายนฺตเรปิ หิ วุจฺจมาเน ตํ ตํ นามํ อชานนฺตานํ สมฺโมโหเยว สิยา, ตสฺมา ตตฺถ น กิฺจิ วกฺขาม. ขาทนียตฺถนฺติ ขาทนีเยน กตฺตพฺพกิจฺจํ. เนว ผรนฺตีติ น นิปฺผาเทนฺติ. เตสุ เตสุ ชนปเทสูติ เอตฺถ ‘‘เอกสฺมึ ชนปเท อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ เสสชนปเทสุปิ น กปฺปตี’’ติ วทนฺติ. รุกฺขวลฺลิอาทีนนฺติ เหฏฺา วุตฺตเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา วุตฺตํ. อนฺโตปถวีคโตติ สาลกลฺยาณีขนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ. สพฺพกปฺปิยานีติ มูลขนฺธตจปตฺตาทิวเสน สพฺพโส กปฺปิยานิ. เตสมฺปิ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ. อจฺฉิวาทีนํ อปริปกฺกาเนว ผลานิ ยาวชีวิกานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริปกฺกานี’’ติ วุตฺตํ.
หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ มิฺชํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตกปาลานิ ยาวชีวิกานีติ อาจริยา. มิฺชมฺปิ ยาวชีวิกนฺติ เอเก. หิงฺคูติ หิงฺคุรุกฺขโต ปคฺฆริตนิยฺยาโส. หิงฺคุชตุอาทโยปิ หิงฺคุวิกติโย เอว. ตตฺถ หิงฺคุชตุ ¶ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส, หิงฺคุสิปาฏิกํ นาม หิงฺคุปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. ‘‘อฺเน มิสฺเสตฺวา กโต’’ติปิ วทนฺติ. ตกนฺติ อคฺคโกฏิยา นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปตฺตินฺติ ปตฺตโต นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปณฺณินฺติ ปลาเส ภชฺชิตฺวา กตสิเลโส. ‘‘ทณฺฑโต นิกฺขนฺตสิเลโส ติปิ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. วิกาลตา, ยาวกาลิกตา, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๕๒-๓. อฏฺเม ตาทิสนฺติ อสูปพฺยฺชนํ. ยํกิฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วาติ เอตฺถ ‘‘ยามกาลิก’’นฺติ อิมินา น เกวลํ ยาวกาลิเก เอว สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ, อถ โข ยามกาลิเกปีติ ทสฺเสติ. นนุ จ ยามกาลิกํ เนว ขาทนีเยสุ อนฺโตคธํ, น โภชนีเยสุ. เตเนว ปทภาชนีเย ‘‘ขาทนียํ นาม ปฺจ โภชนานิ ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ เปตฺวา อวเสสํ ขาทนียํ นาม. โภชนียํ นาม ปฺจ โภชนานี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภฺุเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ จ วุตฺตํ, ตสฺมา ยามกาลิเก ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ กถํ วิฺายตีติ? วุจฺจเต – ปทภาชเน ขาทนีย-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนตฺถํ ‘‘ยามกาลิกํ ¶ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, น ปน สนฺนิธิปจฺจยา อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ. ขาทิตพฺพฺหิ ยํกิฺจิ ขาทนียนฺติ อธิปฺเปตํ, น จ ยามกาลิเกสุ กิฺจิ ขาทิตพฺพํ อตฺถิ ปาตพฺยภาวโต. ตสฺมา กิฺจาปิ ยามกาลิกํ ขาทนียโภชนีเยหิ น สงฺคหิตํ, ตถาปิ อนาปตฺตึ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อนาปตฺติ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภฺุชตี’’ติ วจนโต ยามาติกฺกเม สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ วิฺายติ. ‘‘ยามกาลิเกน, ภิกฺขเว, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) อิมินาปิ ¶ จายมตฺโถ สิทฺโธ. เตเนว ภควโต อธิปฺปายฺูหิ อฏฺกถาจริเยหิ ยามกาลิเก ปาจิตฺติยเมว วุตฺตํ.
ปฏิคฺคหเณติ คหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิคฺคหิตเมว หิ ตํ, ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ. เตเนว ‘‘อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ’’ติ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘อชฺโฌหริสฺสามีติ คณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ’’อิจฺเจว วุตฺตํ. ยนฺติ ยํ ปตฺตํ. สนฺทิสฺสตีติ ยาคุยา อุปริ สนฺทิสฺสติ. เตลวณฺเณ ปตฺเต สติปิ นิสฺเนหภาเว องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส วณฺณวเสเนว เลขา ปฺายติ, ตสฺมา ตตฺถ อนาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สา อพฺโพหาริกา’’ติ วุตฺตํ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมว หิ ทุติยทิวเส น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเนน วา วิชหิตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจตฺตเมว โหตีติ ‘‘อปริจฺจตฺต’’นฺติ อิมินา อุภยถาปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ.
ยทิ เอวํ ‘‘ปตฺโต ทุทฺโธโต โหตี’’ติอาทีสุ กสฺมา อาปตฺติ วุตฺตาติ? ‘‘ปฏิคฺคหณํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยํ วา อฺเน วา ตุจฺฉํ กตฺวา น สมฺมา โธวิตฺวา นิฏฺาปิเต ปตฺเต ลคฺคมฺปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว โหตีติ ตตฺถ อาปตฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘สามเณรานํ ปริจฺจชนฺตีติ อิมสฺมึ อธิกาเร ตฺวา ‘อปริจฺจตฺตเมวา’ติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺส ปริจฺจตฺตเมว วฏฺฏติ, อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตสฺมา นิราลยภาเวน ปฏิคฺคหเณ วิชหิเตปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติ. ยทคฺเคน หิ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ, ตทคฺเคน สนฺนิธิมฺปิ น กโรติ วิชหิตปฏิคฺคหณสฺส อปฺปฏิคฺคหิตสทิสตฺตา. ปฏิคฺคเหตฺวา นิทหิเตเยว จ สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วุตฺตา. ‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา เอกรตฺตํ วีตินามิตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ หิ วุตฺตํ.
ปาฬิยํ ¶ ‘‘สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา สนฺนิหิเตสุ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิเกสุ ปุเรภตฺตมฺปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา ¶ ยามกาลิเกปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณ วิสุํ ทุกฺกเฏนปิ ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อาหารตฺถาย อชฺโฌหรโต ทุกฺกเฏน สทฺธึ ปาจิตฺติย’’นฺติ. ปกติอามิเสติ โอทนาทิกปฺปิยามิเส. ยามกาลิกํ สติ ปจฺจเย สามิเสน มุเขน อชฺโฌหรโต ทฺเวติ หิยฺโย ปฏิคฺคหิตยามกาลิกํ อชฺช ปุเรภตฺตํ สามิเสน มุเขน ภฺุชโต สนฺนิหิตยามกาลิกปจฺจยา เอกํ ปาจิตฺติยํ, สนฺนิหิเตน สํสฏฺอามิสปจฺจยา เอกนฺติ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ. วิกปฺปทฺวเยปีติ สามิเสน นิรามิเสนาติ วุตฺตวิธานทฺวเย. ทุกฺกฏํ วฑฺฒตีติ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรณปจฺจยา ทุกฺกฏํ วฑฺฒติ. ถุลฺลจฺจยฺจ ทุกฺกฏฺจ วฑฺฒตีติ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสสอกปฺปิยมํเสสุ ทุกฺกฏํ วฑฺฒติ.
๒๕๕. ปฏิคฺคหณปจฺจยา ตาว ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สนฺนิหิตตฺตา ปุเรภตฺตมฺปิ ทุกฺกฏเมว. สติ ปจฺจเย ปน สนฺนิหิตมฺปิ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ เภสชฺชตฺถาย คณฺหนฺตสฺส ปริภฺุชนฺตสฺส จ อนาปตฺติเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ยาวกาลิกยามกาลิกตา, สนฺนิธิภาโว, ตสฺส อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๕๗-๒๕๙. นวเม ปณีตสํสฏฺานิ โภชนานิ ปณีตโภชนานิ. ยถา หิ อาชฺยุตฺโต รโถ ‘‘อาชฺรโถ’’ติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ปณีตสํสฏฺานิ สตฺตธฺนิพฺพตฺตานิ โภชนานิ ‘‘ปณีตโภชนานี’’ติ วุตฺตานิ. เยหิ ปน ปณีเตหิ สํสฏฺานิ, ตานิ ‘‘ปณีตโภชนานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปเภททสฺสนตฺถํ ‘‘เสยฺยถิทํ, สปฺปิ นวนีต’’นฺติอาทิ ปาฬิยํ วุตฺตํ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิทฺจ ปาจิตฺติยวตฺถุปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน กปฺปิยวตฺถุปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ. น หิ อกปฺปิยมํสสตฺตานํ สปฺปิอาทีนิ น กปฺปนฺติ. เอกฺหิ มนุสฺสวสาเตลํ เปตฺวา สพฺเพสํ ขีรสปฺปินวนีตวสาเตเลสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิ. สปฺปิภตฺตนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ สปฺปิสํสฏฺํ ภตฺตํ สปฺปิภตฺตํ, สปฺปิ จ ภตฺตฺจ สปฺปิภตฺตนฺติปิ วิฺายติ, อฏฺกถาสุ ปน ‘‘สาลิภตฺตํ วิย สปฺปิภตฺตํ นาม นตฺถี’’ติ การณํ วตฺวา ทุกฺกฏสฺเสว ¶ ทฬฺหตรํ ¶ กตฺวา วุตฺตตฺตา น สกฺกา อฺํ วตฺตุํ. อฏฺกถาจริยา เอว หิ อีทิเสสุ าเนสุ ปมาณํ.
มูลนฺติ กปฺปิยภณฺฑํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาปตฺตีติ วิสงฺเกตตฺตา สพฺพาหิเยว อาปตฺตีหิ อนาปตฺติ. เกจิ ปน ‘‘ปาจิตฺติเยเนว อนาปตฺติ วุตฺตา, สูโปทนวิฺตฺติทุกฺกฏํ ปน โหติเยวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. กปฺปิยสปฺปินา อกปฺปิยสปฺปินาติ จ อิทํ กปฺปิยากปฺปิยมํสานํ วเสน วุตฺตํ, ตสฺมา กปฺปิยมํสสปฺปินา อกปฺปิยมํสสปฺปินาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. นานาวตฺถุกานีติ สปฺปินวนีตาทีนํ วเสน วุตฺตํ.
๒๖๑. มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพติ เอตฺถ –
‘‘อคิลาเนน ภิกฺขุนา จตุมาสปจฺจยปวารณา สาทิตพฺพา อฺตฺร ปุนปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปวารณาย, ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๓๐๖) –
อิทํ มหานามสิกฺขาปทํ นาม. อิมินา จ สิกฺขาปเทน สงฺฆวเสน คิลานปจฺจยปวารณาย ปวาริตฏฺาเน สเจ ตตฺถ รตฺตีหิ วา เภสชฺเชหิ วา ปริจฺเฉโท กโต โหติ, เอตฺตกาเยว รตฺติโย เอตฺตกานิ วา เภสชฺชานิ วิฺาเปตพฺพานีติ. อถ ตโต รตฺติปริยนฺตโต วา เภสชฺชปริยนฺตโต วา อุตฺตริ น เภสชฺชกรณีเยน วา เภสชฺชํ อฺเภสชฺชกรณีเยน วา อฺํ เภสชฺชํ วิฺาเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ. ตสฺมา อคิลาโน คิลานสฺี หุตฺวา ปฺจ เภสชฺชานิ วิฺาเปนฺโต น เภสชฺชกรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปนฺโต นาม โหตีติ ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. เอตานิ ปาฏิเทสนียวตฺถูนีติ ปาฬิยํ อาคตสปฺปิอาทีนิ สนฺธาย วุตฺตํ. ปาฬิยํ อนาคตานิ ปน อกปฺปิยสปฺปิอาทีนิ ภิกฺขุนีนมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถูนีติ เวทิตพฺพํ. สูโปทนวิฺตฺติยนฺติ ภิกฺขูนํ ปาจิตฺติยวตฺถูนิ ภิกฺขุนีนํ ปาฏิเทสนียวตฺถูนิ จ เปตฺวา อวเสสวิฺตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปณีตโภชนตา, อคิลานตา, อกตวิฺตฺติยา ปฏิลาโภ, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๖๓. ทสเม ¶ ¶ อยฺยโวสาฏิตกานีติ ปิตุปิณฺฑสฺเสตํ อธิวจนํ. อุมฺมาเรติ สุสาเน กตเคหสฺส อตฺตโน เคหสฺส วา อุมฺมาเร. ฆนพทฺโธติ ฆนมํเสน สมฺพทฺโธ, กถินสํหตสรีโรติ วุตฺตํ โหติ.
๒๖๔. มุขทฺวารนฺติ คลนาฬิกํ. อาหารนฺติ อชฺโฌหริตพฺพํ ยํกิฺจิ ยาวกาลิกาทึ. อาหเรยฺยาติ มุขทฺวารํ ปเวเสยฺย. มุเขน วา ปวิฏฺํ โหตุ นาสิกาย วา, คเลน อชฺโฌหรณียตฺตา สพฺพมฺปิ ตํ มุขทฺวารํ ปเวสิตเมว โหติ. ยสฺมา ปน เต ภิกฺขู อนาหาเรปิ อุทเก อาหารสฺาย ทนฺตโปเน จ มุขทฺวารํ อาหฏํ อิทนฺติ สฺาย กุกฺกุจฺจายึสุ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เต ภิกฺขู อทินฺนํ…เป… สมฺมา อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา กุกฺกุจฺจายึสู’’ติ. อุทกฺหิ ยถาสุขํ ปาตุํ ทนฺตกฏฺฺจ ทนฺตโปนปริโภเคน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ตสฺส ปน รสํ คิลิตุํ น วฏฺฏติ. สเจปิ ทนฺตกฏฺรโส อชานนฺตสฺส อนฺโต ปวิสติ, ปาจิตฺติยเมว. อนชฺโฌหรนฺเตน ปน ทนฺตกฏฺํ วา โหตุ อฺํ วา, กิฺจิ มุเข ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ.
๒๖๕. อกลฺลโกติ คิลาโน สหตฺถา ปริภฺุชิตุํ อสกฺโกนฺโต มุเขน ปฏิคฺคณฺหาติ. อุจฺจารณมตฺตนฺติ อุกฺขิปนมตฺตํ. เอกเทเสนปีติ องฺคุลิยาปิ ผุฏฺมตฺเตน. ตํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, สพฺพํ ปฏิคฺคหิตเมวาติ เวณุโกฏิยา พนฺธิตฺวา ปิตตฺตา. สเจปิ ภูมิยํ ิตเมว ฆฏํ ทายเกน หตฺถปาเส ตฺวา ฆฏํ ทสฺสามีติ ทินฺนเวณุโกฏิคฺคหณวเสน ปฏิคฺคณฺหาติ, อุภยโกฏิพทฺธํ สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. ภิกฺขุสฺส อตฺถาย อปีเฬตฺวา ปกติยา ปีฬิยมานอุจฺฉุรสํ สนฺธาย ‘‘คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อภิหาโร น ปฺายตี’’ติ วุตฺตํ. หตฺถปาเส ิตสฺส ปน ภิกฺขุสฺส อตฺถาย ปีฬิยมานา อุจฺฉุโต ปคฺฆรนฺตํ รสํ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ, โทณิกาย สยํ ปคฺฆรนฺตํ อุจฺฉุรสํ มชฺเฌ อาวริตฺวา อาวริตฺวา วิสฺสชฺชิตมฺปิ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. กตฺถจิ อฏฺกถาสุ.
อสํหาริเมติ ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน อสํหาริเย. ‘‘ตินฺติณิกาทิปณฺเณสู’’ติ วจนโต สาขาสุ ปฏิคฺคหณํ รุหตีติ ทฏฺพฺพํ. ปฺุฉิตฺวา ปฏิคฺคเหตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ปฺุฉิเต ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ตสฺมา ปฺุฉิตฺวา คเหตฺวาติ ¶ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ปฺุฉิตฺวา ปฏิคฺคเหตฺวา วาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปตฺเต ปติตรชนจุณฺณฺหิ อพฺภนฺตรปริโภคตฺถาย ¶ อปริหฏภาวโต ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ปุพฺพาโภคสฺส อนุรูเปน ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา…เป… วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ‘‘อฺสฺส ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ปรสนฺตกํ นาม น โหติ, ตสฺมา ตสฺส อทตฺวาปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
ภิกฺขุสฺส เทตีติ อฺสฺส ภิกฺขุสฺส เทติ. กฺชิกนฺติ ขีรรสาทึ ยํกิฺจิ ทฺรวํ สนฺธาย วุตฺตํ. หตฺถโต โมเจตฺวา ปุน คณฺหาติ, อุคฺคหิตกํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถโต อโมเจนฺเตเนวา’’ติ. อาลุเลนฺตานนฺติ อาโลเลนฺตานํ, อยเมว วา ปาโ. อาหริตฺวา ภูมิยํ ปิตตฺตา อภิหาโร นตฺถีติ อาห ‘‘ปตฺโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ. ปมตรํ อุฬุงฺกโต เถวา ปตฺเต ปตนฺตีติ เอตฺถ ‘‘ยถา ปมตรํ ปติตเถเว โทโส นตฺถิ, ตถา อากิริตฺวา อปเนนฺตานํ ปจฺฉา ปติตเถเวปิ อภิหฏตฺตา เนวตฺถิ โทโส’’ติ วทนฺติ. จรุเกนาติ ขุทฺทกภาชเนน. มุขวฏฺฏิยาปิ คเหตุํ วฏฺฏตีติ มุขวฏฺฏึ อุกฺขิปิตฺวา หตฺเถ ผุสาปิเต คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. เอส นโยติ กายปฏิพทฺธปฏิพทฺธมฺปิ กายปฏิพทฺธเมวาติ อยํ นโย. ตถา จ ตตฺถ กายปฏิพทฺเธ ตํปฏิพทฺเธ จ ถุลฺลจฺจยเมว วุตฺตํ.
เตนาติ ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คตํ, เตน. ตสฺมาติ ยสฺมา มูลฏฺสฺเสว ปริโภโค อนฺุาโต, ตสฺมา. ตํ ทิวสํ หตฺเถน คเหตฺวา ทุติยทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อุคฺคหิตกปฏิคฺคหิตํ โหตีติ อาห ‘‘อนามสิตฺวา’’ติ. อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา ‘‘สนฺนิธิปจฺจยา อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา ปน ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ. ‘‘ตํ ทิวสํ…เป… น ตโต ปร’’นฺติ วจนโต ตํ ทิวสํ หตฺเถน คเหตฺวา วา อคฺคเหตฺวา วา ปิตํ ทุติยทิวเส อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหติ, หตฺเถน คเหตฺวา ปิตํ ทุติยทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส ปน อุคฺคหิตกปฏิคฺคหิตํ โหติ. อปฺปฏิคฺคหิตเมว หิ หตฺเถน คเหตฺวา ปิตํ. ‘‘สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตุ’’นฺติ หิ วจนโต อปฺปฏิคฺคหิตสฺเสว ตสฺมึ ทิวเส ปริโภโค อนฺุาโต. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ คณฺิปเท ‘‘ตํ ทิยฺยมานํ ปตตีติ เอตฺถ ยถา คณโภชนาทีสุ คิลานาทีนํ ¶ กุกฺกุจฺจายนฺตานํ คณโภชนํ อนฺุาตํ, เอวมิธาปิ ภควตา ปฏิคฺคหิตเมว กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ อนฺุาต’’นฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘ตํ ทิยฺยมานํ ปตตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา จตูสุปิ กาลิเกสุ อยํ นโย เวทิตพฺโพ.
สตฺถเกนาติ ปฏิคฺคหิตสตฺถเกน. กสฺมา ปเนตฺถ อุคฺคหิตปจฺจยา สนฺนิธิปจฺจยา วา โทโส ¶ น สิยาติ อาห ‘‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’’ติ. อิมินาว พาหิรปริโภคตฺถํ สามํ คเหตฺวา อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ วา คเหตฺวา ปริหริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตสฺมา ปตฺตสมฺมกฺขนาทิอตฺถํ สามํ คเหตฺวา ปริหฏเตลาทึ สเจ ปริภฺุชิตุกาโม โหติ, ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ. อพฺภนฺตรปริโภคตฺถํ ปน สามํ คหิตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อุคฺคหิตกปฏิคฺคหิตํ โหติ, อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหติ, อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมว อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คเหตฺวา ปริหรนฺตสฺส สิงฺคีโลณกปฺโป วิย สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ โหติ. เกจิ ปน ‘‘ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุจฺจารณมตฺตํ โหตีติอาทินา วุตฺตปฺจงฺคสมฺปตฺติยา ปฏิคฺคหณสฺส รุหนโต พาหิรปริโภคตฺถมฺปิ สเจ อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คณฺหาติ, ปฏิคฺคหิตเมวา’’ติ วทนฺติ. เอวํ สติ อิธ พาหิรปริโภคตฺถํ อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คเหตฺวา ปริหรนฺตสฺส สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วตฺตพฺพา สิยา, ‘‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’’ติ จ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา พาหิรปริโภคตฺถํ คหิตํ ปฏิคฺคหิตํ นาม น โหตีติ เวทิตพฺพํ. ยทิ เอวํ ปฺจสุ ปฏิคฺคหณงฺเคสุ ‘‘ปริโภคตฺถายา’’ติ วิเสสนํ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ. ปฏิคฺคหณฺหิ ปริโภคตฺถเมว โหตีติ ‘‘ปริโภคตฺถายา’’ติ วิสุํ อวตฺวา ‘‘ตฺเจ ภิกฺขุ กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘สติปิ ปฏิคฺคหเณ ‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’ติ อิธ อปริโภคตฺถาย ปริหรเณ อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. อุทุกฺขลมุสลานิ ขิยฺยนฺตีติ เอตฺถ อุทุกฺขลมุสลานํ ขเยน ปิสิตโกฏฺฏิตเภสชฺเชสุ สเจ อาคนฺตุกวณฺโณ ปฺายติ, น วฏฺฏติ.
สุทฺธํ อุทกํ โหตีติ รุกฺขสาขาทีหิ คฬิตฺวา ปตนอุทกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปตฺโต วาสฺส ปฏิคฺคเหตพฺโพติ เอตฺถาปิ ปตฺตคตํ ฉุปิตฺวา เทนฺตสฺส หตฺถลคฺเคน ¶ อามิเสน โทสาภาวตฺถํ ปตฺตปฏิคฺคหณนฺติ อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมว ปฏิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ยํ สามเณรสฺส ปตฺเต ปตติ…เป… ปฏิคฺคหณํ น วิชหตีติ เอตฺถ ปุนปฺปุนํ คณฺหนฺตสฺส อตฺตโน ปตฺเต ปกฺขิตฺตเมว ‘‘อตฺตโน สนฺตก’’นฺติ สนฺนิฏฺานกรณโต หตฺถคตํ ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ, ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ ปน คณฺหนฺตสฺส คหณสมเยเยว ‘‘อตฺตโน สนฺตก’’นฺติ สนฺนิฏฺานสฺส กตตฺตา หตฺถคตํ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ. เกสฺจิ อตฺถาย โอทนํ ปกฺขิปตีติ เอตฺถ อนุปสมฺปนฺนสฺส อตฺถาย ปกฺขิปนฺเตปิ ‘‘อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสตี’’ติ สยเมว ปกฺขิปิตฺวา ปนโต ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ, อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ ปกฺขิตฺตํ ปน อนุปสมฺปนฺเนเนว ปิตํ นาม โหตีติ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ ปริจฺจตฺตภาวโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สามเณร…เป… ปริจฺจตฺตตฺตา’’ติ.
ปฏิคฺคหณูปคํ ภารํ นาม ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุกฺเขปารหํ. กิฺจาปิ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ¶ อฺเน หตฺเถน ปิทหนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, ตถาปิ น ปิทหิตพฺพนฺติ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ. มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ เอตฺถ ‘‘สเจปิ สาขาย ลคฺครชํ ปตฺเต ปตติ, สุเขน ปริภฺุชิตุํ สกฺกาติ สาขาย ปฏิคฺคหิตตฺตา อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมวิธ ปฏิคฺคหณนฺติ มูลปฏิคฺคหณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ เอตฺถ วจนมตฺตํ คเหตฺวา พาหิรปริโภคตฺถํ คหิต’’นฺติ วทนฺติ. ตสฺมิมฺปิ อสตีติ จาฏิยา วา กุณฺฑเก วา อสติ. อนุปสมฺปนฺนํ คาหาเปตฺวาติ ตํเยว อชฺโฌหรณียภณฺฑํ อนุปสมฺปนฺเนน คาหาเปตฺวา. เถรสฺส ปตฺตํ อนุเถรสฺสาติ เถรสฺส ปตฺตํ อตฺตนา คเหตฺวา อนุเถรสฺส เทติ. ตุยฺหํ ยาคุํ มยฺหํ เทหีติ เอตฺถ เอวํ วตฺวา สามเณรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโนปิ ปตฺตํ ตสฺส เทติ. เอตฺถ ปนาติ ปณฺฑิโต สามเณโรติอาทิปตฺตปริวตฺตนกถาย. การณํ อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ ยถา มาตุอาทีนํ เตลาทีนิ หรนฺโต ตถารูเป กิจฺเจ อนุปสมฺปนฺเนน อปริวตฺเตตฺวาว ปริภฺุชิตุํ ลภติ, เอวมิธ ปตฺตปริวตฺตนํ อกตฺวา ปริภฺุชิตุํ น ลภตีติ เอตฺถ การณํ วีมํสิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เอตฺถ ปน ‘‘สามเณเรหิ คหิตตณฺฑุเลสุ ปริกฺขีเณสุ อวสฺสํ อมฺหากํ สามเณรา สงฺคหํ กโรนฺตีติ วิตกฺกุปฺปตฺติ สมฺภวติ, ตสฺมา ตํ ปริวตฺเตตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพํ. มาตาปิตูนํ อตฺถาย ปน ฉายตฺถาย วา คหเณ ¶ ปริโภคาสา นตฺถิ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ การณํ วทนฺติ. เตเนว อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ วุตฺตํ –
‘‘มาตาปิตูนมตฺถาย, เตลาทิหรโตปิ จ;
สาขํ ฉายาทิอตฺถาย, อิเมสํ น วิเสสติ.
‘‘ตสฺมา หิสฺส วิเสสสฺส, จินฺเตตพฺพํ ตุ การณํ;
ตสฺส สาลยภาวํ ตุ, วิเสสํ ตกฺกยาม ต’’นฺติ.
อิทเมเวตฺถ ยุตฺตตรํ อวสฺสํ ตถาวิธวิตกฺกุปฺปตฺติยา สมฺภวโต. น สกฺกา หิ เอตฺถ วิตกฺกํ โสเธตุนฺติ. มาตาทีนํ อตฺถาย หรเณ ปน นาวสฺสํ ตถาวิธวิตกฺกุปฺปตฺตีติ สกฺกา วิตกฺกํ โสเธตุํ. ยตฺถ หิ วิตกฺกํ โสเธตุํ สกฺกา, ตตฺถ เนวตฺถิ โทโส. เตเนว วกฺขติ ‘‘สเจ ปน สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุํ, ตโต ลทฺธํ ขาทิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ.
นิจฺจาเลตุํ น สกฺโกตีติ นิจฺจาเลตฺวา สกฺขรา อปเนตุํ น สกฺโกติ. อาธารเก ปตฺโต ปิโต ¶ โหตีติ ปฏิคฺคเหตพฺพปตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. จาเลตีติ วินา การณํ จาเลติ. สติปิ การเณ ภิกฺขูนํ ปริโภคารหํ จาเลตุํ น วฏฺฏติ. กิฺจาปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) ตาทิเส อาพาเธ อตฺตโน อตฺถาย อามกมํสปฏิคฺคหณํ อนฺุาตํ, ‘‘อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ จ สามฺโต ปฏิกฺขิตฺตํ, ตถาปิ อตฺตโน อฺสฺส วา ภิกฺขุโน อตฺถาย อคฺคหิตตฺตา ‘‘สีหวิฆาสาทึ…เป… วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุนฺติ มยฺหมฺปิ เทตีติ วิตกฺกสฺส อนุปฺปนฺนภาวํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกติ, สามเณรสฺส ทสฺสามีติ สุทฺธจิตฺเตน มยา คหิตนฺติ วา สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกติ.
สเจ ปน มูเลปิ ปฏิคฺคหิตํ โหตีติ เอตฺถ ‘‘คเหตฺวา คเต มยฺหมฺปิ ทเทยฺยุนฺติ สฺาย สเจ ปฏิคฺคหิตํ โหตี’’ติ วทนฺติ. โกฏฺาเส กโรตีติ ภิกฺขุสามเณรา จ อตฺตโน อตฺตโน อภิรุจิตํ โกฏฺาสํ คณฺหนฺตูติ สพฺเพสํ สมเก โกฏฺาเส กโรติ. คหิตาวเสสนฺติ ¶ สามเณเรหิ คหิตโกฏฺาสโต อวเสสํ. คณฺหิตฺวาติ ‘‘มยฺหํ อิทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา. อิธ คหิตาวเสสํ นาม เตน คณฺหิตฺวา ปุน ปิตํ. ปฏิคฺคเหตฺวาติ ตทหุ ปฏิคฺคเหตฺวา. เตเนว ‘‘ยาวกาลิเกน ยาวชีวิกสํสคฺเค โทโส นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. สเจ ปน ปุริมทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปิตา โหติ, สามิเสน มุเขน ตสฺสา วฏฺฏิยา ธูมํ ปิวิตุํ น วฏฺฏติ. สมุทฺโททเกนาติ อปฺปฏิคฺคหิตสมุทฺโททเกน. ยสฺมา กตกฏฺิ อุทกํ ปสาเทตฺวา วิสุํ ติฏฺติ, ตสฺมา ‘‘อพฺโพหาริก’’นฺติ วุตฺตํ. ลคฺคตีติ มุเข หตฺเถ จ อุทเก สุกฺเข เสตวณฺณํ ทสฺเสนฺตํ ลคฺคติ. ปานียํ คเหตฺวาติ อตฺตโนเยว อตฺถาย คเหตฺวา. สเจ ปน ปีตาวเสสํ ตตฺเถว อากิริสฺสามีติ คณฺหาติ, ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ. วิกฺขมฺเภตฺวาติ วิยูหิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ.
มหาภูเตสูติ สรีรนิสฺสิเตสุ มหาภูเตสุ. ปตตีติ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปตติ. วิจฺฉินฺทิตฺวา ปติตเมว หิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, น อิตรํ. อลฺลทารุํ รุกฺขโต ฉินฺทิตฺวาปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ มตฺติกตฺถาย ปถวึ ขณิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. สปฺปทฏฺกฺขเณเยว วฏฺฏตีติ อสติ กปฺปิยการเก สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อฺทา ปฏิคฺคหาเปตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อปฺปฏิคฺคหิตตา, อนนฺุาตตา, ธูมาทิอพฺโพหาริกาภาโว, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต โภชนวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อเจลกวคฺโค
๑. อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๗๓. อเจลกวคฺคสฺส ¶ ปมสิกฺขาปเท เตสนฺติ ติตฺถิยานํ. ตตฺถาติ ภาชเน. อิโตติ ปตฺตโต. สเจ ติตฺถิโย วทตีติ ‘‘ปมเมว มํ สนฺธาย อภิหริตฺวา ปิตํ มยฺหํ สนฺตกํ โหติ, อิมสฺมึ ภาชเน อากิรถา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อฺติตฺถิยตา, อชฺโฌหรณียตา ¶ , อชฺโฌหรณตฺถาย สหตฺถา อนิกฺขิตฺตภาชเน ทานนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๗๔. ทุติยํ อุตฺตานตฺถเมว. อนาจารํ อาจริตุกามตา, ตทตฺถเมว อุปสมฺปนฺนสฺส อุยฺโยชนา, เอวํ อุยฺโยเชนฺตสฺส อุปจาราติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๘๐. ตติเย ปิฏฺสงฺฆาโฏติ ทฺวารพาหาเยตํ อธิวจนํ. ขุทฺทกํ นาม สยนิฆรํ วิตฺถารโต ปฺจหตฺถปฺปมาณํ โหติ, ตสฺส จ มชฺฌิมฏฺานํ ปิฏฺสงฺฆาฏโต อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาณเมว โหติ, ตสฺมา ตาทิเส สยนิฆเร ปิฏฺสงฺฆาฏโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา นิสินฺโน ปิฏฺิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสินฺโน นาม โหติ. เอวํ นิสินฺโน จ มชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา นิสินฺโน นาม โหตีติ อาห ‘‘อิมินา มชฺฌาติกฺกมํ ทสฺเสตี’’ติ. ยถา วา ตถา วา กตสฺสาติ ปิฏฺิวํสํ อาโรเปตฺวา วา อนาโรเปตฺวา วา กตสฺส. สจิตฺตกนฺติ อนุปวิสิตฺวา นิสีทนจิตฺเตน สจิตฺตกํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปริยุฏฺิตราคชายมฺปติกานํ สนฺนิหิตตา, สยนิฆรตา, ทุติยสฺส ภิกฺขุโน อภาโว, อนุปขชฺช นิสีทนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๘๔-๒๘๙. จตุตฺถปฺจเมสุ ¶ นตฺถิ กิฺจิ วตฺตพฺพํ.
๖. จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๙๘. ฉฏฺเ ¶ ปกติวจเนนาติ เอตฺถ ยํ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ิเตน โสตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ตํ ปกติวจนํ นาม. อาปุจฺฉิตพฺโพติ ‘‘อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ฆรํ คจฺฉามี’’ติ วา ‘‘จาริตฺตํ อาปชฺชามี’’ติ วา อีทิเสน วจเนน อาปุจฺฉิตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺตนสาทิยนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, ภตฺติยฆรโต อฺฆรปฺปเวสนํ, มชฺฌนฺหิกานติกฺกโม, สมยสฺส วา อาปทานํ วา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๐๓. สตฺตเม มหานาโม นามาติ อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ภาตา ภควโต จูฬปิตุ ปุตฺโต. สุทฺโธทโน สกฺโกทโน สุกฺโกทโน โธโตทโน อมิโตทโนติ อิเม หิ ปฺจ ชนา ภาตโร. อมิตา นาม เทวี เตสํ ภคินี, ติสฺสตฺเถโร ตสฺสา ปุตฺโต. ตถาคโต จ นนฺทตฺเถโร จ สุทฺโธทนสฺส ปุตฺตา, มหานาโม จ อนุรุทฺธตฺเถโร จ สุกฺโกทนสฺส, อานนฺทตฺเถโร อมิโตทนสฺส. โส ภควโต กนิฏฺโ, มหานาโม มหลฺลกตโร สกทาคามี อริยสาวโก. เตน วุตฺตํ ‘‘มหานาโม นาม…เป… อริยสาวโก’’ติ.
๓๐๕-๓๐๖. ปาฬิยํ อชฺชณฺโหติ อชฺช เอกทิวสนฺติ อตฺโถ, ‘‘อชฺชโน’’ติ วา อตฺโถ คเหตพฺโพ, โน อมฺหากํ. กาลํ อาหริสฺสถาติ สฺเว หริสฺสถ. ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺยาติ สเจ ตตฺถ รตฺตีหิ วา เภสชฺเชหิ วา ปริจฺเฉโท กโต โหติ ‘‘เอตฺตกาเยว วา รตฺติโย เอตฺตกานิ วา เภสชฺชานิ วิฺาเปตพฺพานี’’ติ, ตโต รตฺติปริยนฺตโต วา เภสชฺชปริยนฺตโต วา อุตฺตริ วิฺาเปนฺโต สาทิเยยฺย. ‘‘อิเมหิ ตยา เภสชฺเชหิ ปวาริตมฺห, อมฺหากฺจ อิมินาว เภสชฺเชน อตฺโถ’’ติ อาจิกฺขิตฺวา วิฺาเปตุมฺปิ คิลาโนว ลภติ.
๓๑๐. ยสฺมา สงฺฆปวารณายเมวายํ วิธิ, ตสฺมา ‘‘เย อตฺตโน ปุคฺคลิกาย ปวารณาย ปวาริตา’’ติ ¶ วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานเมว. สงฺฆปวารณตา ¶ , เภสชฺชวิฺตฺติ, อคิลานตา, ปริยนฺตาติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๑๑. อฏฺมํ อุตฺตานตฺถเมว. อุยฺยุตฺตเสนา, ทสฺสนตฺถาย คมนํ, อนฺุาโตกาสโต อฺตฺร ทสฺสนํ, ตถารูปปจฺจยสฺส อาปทาย วา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๑๗. นวมสิกฺขาปทมฺปิ อุตฺตานเมว. ติรตฺตาติกฺกโม, เสนาย สูริยสฺส อตฺถงฺคโม, คิลานตาทีนํ อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๒๒. ทสเม กติ เต ลกฺขานิ ลทฺธานีติ ตว สรปฺปหารสฺส ลกฺขณภูตา กิตฺตกา ชนา ตยา ลทฺธาติ อตฺโถ, กิตฺตกา ตยา วิทฺธาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุยฺโยธิกาทิทสฺสนตฺถาย คมนํ, อนฺุาโตกาสโต อฺตฺร ทสฺสนํ, ตถารูปปจฺจยสฺส อาปทาย วา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต อเจลกวคฺโค ปฺจโม.
๖. สุราปานวคฺโค
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๒๖-๓๒๘. สุราปานวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมสิกฺขาปเท วติยาติ คามปริกฺเขปวติยา. ปาฬิยํ ปิฏฺสุราทีสุ ปิฏฺํ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปิฏฺสุรา. เอวํ ปูเว โอทเน จ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปูวสุรา โอทนสุราติ จ วุจฺจติ. ‘‘กิณฺณา’’ติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ. เย สุราโมทกาติปิ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตา. หรีตกีสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตา.
มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผรโส จิรปริวาสิโต ปุปฺผาสโว. ปนสาทิผลรโส ผลาสโว. มุทฺทิการโส มธฺวาสโว. อุจฺฉุรโส คุฬาสโว. หรีตกามลกกฏุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปริวาสิโต สมฺภารสํยุตฺโต. พีชโต ปฏฺายาติ สมฺภาเร ปฏิยาเทตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิตฺตกาลโต, ตาลนาฬิเกราทีนํ ปุปฺผรสสฺส คหิตอภินวกาลโตเยว จ ปฏฺาย.
๓๒๙. โลณโสวีรกํ สุตฺตฺจ อเนเกหิ เภสชฺเชหิ อภิสงฺขโต อมชฺชภูโต อาสววิเสโส. วาสคฺคาหาปนตฺถนฺติ สุคนฺธิภาวคฺคาหาปนตฺถํ. อจิตฺตกํ โลกวชฺชนฺติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปมปาราชิกวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. มชฺชภาโว, ตสฺส ปานฺจาติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๓๐. ทุติเย ภิกฺขุนีปิ อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ิตาติ เอตฺถ ภิกฺขุปิ ภิกฺขุนิยา อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ¶ ิโตติ เวทิตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. หสาธิปฺปายตา, อุปสมฺปนฺนสฺส กาเยน กายามสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๓๕. ตติยํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว. อุปริโคปฺผกตา, หสาธิปฺปาเยน กีฬนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๔๔. จตุตฺเถ คารยฺโห อาจริยุคฺคโห น คเหตพฺโพติ ยสฺมา อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก, ตสฺส กสโฏ ยาวชีวิโก, ทฺวินฺนํเยว สมวาโย อุจฺฉุยฏฺิ, ตสฺมา วิกาเล อุจฺฉุยฏฺึ ขาทิตุํ วฏฺฏติ คุฬหรีตกํ วิยาติ เอวมาทิโก คารยฺหาจริยวาโท น คเหตพฺโพ. โลกวชฺเช อาจริยุคฺคโห น วฏฺฏตีติ โลกวชฺชสิกฺขาปเท อาปตฺติฏฺาเน โย อาจริยวาโท, โส น คเหตพฺโพ, โลกวชฺชํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘อิทํ อมฺหากํ อาจริยุคฺคโห’’ติ วทนฺตสฺส อุคฺคโห น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. สุตฺตานุโลมํ นาม อฏฺกถา. ปเวณิยา อาคตสโมธานํ คจฺฉตีติ ‘‘ปเวณิยา อาคโต อาจริยุคฺคโหว คเหตพฺโพ’’ติ เอวํ วุตฺเต มหาอฏฺกถาวาเทเยว สงฺคหํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุปสมฺปนฺนสฺส ปฺตฺเตน วจนํ, อนาทริยกรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๔๕. ปฺจมํ อุตฺตานตฺถเมว. อุปสมฺปนฺนตา, ตสฺส ทสฺสนสวนวิสเย ภึสาเปตุกามตาย วายมนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๕๐. ฉฏฺเ ¶ ¶ ภคฺคา นาม ชนปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘ภคฺคา’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภคฺคาติ ชนปทสฺส นาม’’นฺติ. สุสุมารคิเรติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส มาปนตฺถํ วตฺถุวิชฺชาจริเยน นครฏฺานสฺส ปริคฺคณฺหนทิวเส อวิทูเร สุสุมาโร สทฺทมกาสิ คิรํ นิจฺฉาเรสิ. อถ อนนฺตราเยน นคเร มาปิเต ตเมว สุสุมารคิรณํ สุภนิมิตฺตํ กตฺวา สุสุมารคิรํตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. เกจิ ปน ‘‘สุสุมารสณฺานตฺตา สุสุมาโร นาม เอโก คิริ, โส ตสฺส นครสฺส สมีเป, ตสฺมา ตํ สุสุมารคิริ เอตสฺส อตฺถีติ ‘สุสุมารคิรี’ติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. ตถา วา โหตุ อฺถา วา, นามเมตํ ตสฺส นครสฺสาติ อาห ‘‘สุสุมารคิรนฺติ นครสฺส นาม’’นฺติ. เภสกฬาติ ฆมฺปณฺฑนามโก คจฺฉวิเสโส. เกจิ ‘‘เสตรุกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. เตสํ พหุลตาย ปน ตํ วนํ เภสกฬาวนนฺตฺเวว ปฺายิตฺถ. ‘‘เภสคฬาวเน’’ติปิ ปาโ. ‘‘เภโส นาม เอโก ยกฺโข อยุตฺตการี, ตสฺส ตโต คฬิตฏฺานตาย ตํ วนํ เภสคฬาวนํ นาม ชาต’’นฺติ หิ เกจิ.
๓๕๒. โชติกรเณติ อคฺคิกรเณ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อคิลานตา, อนฺุาตกรณาภาโว, วิสิพฺเพตุกามตา, สมาทหนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
โชติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๕๗. สตฺตมสิกฺขาปทสฺส ปาฬิยํ อสมฺภินฺเนนาติ อมกฺขิเตน, อนฏฺเนาติ อตฺโถ. โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺยาติ นหาตทิวสโต ปฏฺาย อทฺธมาเส อปริปุณฺเณ นหาเยยฺย. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. มชฺฌิมเทโส, อูนกทฺธมาเส นหานํ, สมยานํ วา นทีปารคมนสฺส วา อาปทานํ วา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
นหานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๖๘. อฏฺเม ¶ ¶ ‘‘จมฺมการนีลํ นาม ปกตินีล’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. คณฺิปเท ปน ‘‘จมฺมการา อุทเก ติปุมลํ อยคูถฺจ ปกฺขิปิตฺวา จมฺมํ กาฬํ กโรนฺติ, ตํ จมฺมการนีล’’นฺติ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. วุตฺตปฺปการสฺส จีวรสฺส อกตกปฺปตา, อนฏฺจีวราทิตา, นิวาสนํ วา ปารุปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๗๔. นวเม อปจฺจุทฺธารณนฺติ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ปริภฺุช วา วิสฺสชฺเชหิ วา’’ติอาทินา อกตปจฺจุทฺธารํ. เยน วินยกมฺมํ กตนฺติ เยน สทฺธึ วินยกมฺมํ กตํ. ตึสกวณฺณนายนฺติ นิสฺสคฺคิยวณฺณนายํ. ปริโภเคน กายกมฺมํ, อปจฺจุทฺธาราปเนน วจีกมฺมํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สามํ วิกปฺปิตสฺส อปจฺจุทฺธาโร, วิกปฺปนุปคจีวรตา, ปริโภโคติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จีวรอปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๗๗. ทสมํ อุตฺตานตฺถเมว. อุปสมฺปนฺนสฺส สนฺตกานํ ปตฺตาทีนํ อปนิธานํ, วิเหเสตุกามตา วา หสาธิปฺปายตา วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
จีวรอปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต สุราปานวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. สปฺปาณกวคฺโค
๑. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๘๒. สปฺปาณกวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมสิกฺขาปเท อุสุํ สรํ อสฺสติ ขิปตีติ อิสฺสาโส, ธนุสิปฺปกุสโลติ อาห ‘‘ธนุคฺคหาจริโย’’ติ. ปฏิสตฺตุวิธมนตฺถํ ธนุํ คณฺหนฺตีติ ธนุคฺคหา, เตสํ อาจริโย ธนุคฺคหาจริโย. อปฺปมตฺเตน วตฺตํ กาตพฺพนฺติ ยถา เต ปาณา น มรนฺติ, เอวํ สูปฏฺิตสฺสตินา เสนาสเน วตฺตํ กาตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. องฺคานิปิ มนุสฺสวิคฺคเห วุตฺตนเยน เวทิตพฺพานีติ.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๘๗. ทุติเย อุทกสณฺานกปฺปเทเสติ ยตฺถ ภูมิภาเค อุทกํ นิกฺขิตฺตํ สนฺติฏฺติ, น สหสา ปริกฺขยํ คจฺฉติ, ตาทิเส ปเทเส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. องฺคานิ สิฺจนสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนว.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๙๒. ตติเย ยถาปติฏฺิตภาเวน ปติฏฺาตุํ น เทนฺตีติ เตสํ ปวตฺติอาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ยํ ปน ธมฺเมน อธิกรณํ นิหตํ, ตํ สุนิหตเมว. สเจ วิปฺปกเต กมฺเม ปฏิกฺโกสติ, ตํ สฺาเปตฺวาว กาตพฺพํ. อิตรถา กมฺมฺจ กุปฺปติ, การกานฺจ อาปตฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ยถาธมฺมํ นิหตภาโว, ชานนา, อุกฺโกฏนาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๙๙. จตุตฺเถ ¶ ¶ ตสฺเสวาติ โย อาปนฺโน, ตสฺเสว. อาโรเจตีติ ปฏิจฺฉาทนตฺถเมว มา กสฺสจิ อาโรเจสีติ วทติ. วตฺถุปุคฺคโลติ อาปนฺนปุคฺคโล. เยนสฺส อาโรจิตนฺติ เยน ทุติเยน อสฺส ตติยสฺส อาโรจิตํ. โกฏิ ฉินฺนา โหตีติ ยสฺมา ปฏิจฺฉาทนปจฺจยา อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาว ทุติเยน ตติยสฺส อาโรจิตํ, ตสฺมา ตปฺปจฺจยา ปุน เตน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา อภาวโต อาปตฺติยา โกฏิ ฉินฺนา นาม โหติ.
๔๐๐. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิ จ กายสํสคฺโค จาติ อยํ ทุฏฺุลฺลอชฺฌาจาโร นามา’’ติ อิทํ ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทฏฺกถาย น สเมติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๒) ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺลํ วา อทุฏฺุลฺลํ วา อชฺฌาจารนฺติ เอตฺถ อาทิโต ปฺจ สิกฺขาปทานิ ทุฏฺุลฺโล นาม อชฺฌาจาโร, เสสานิ อทุฏฺุลฺโล, สุกฺกวิสฺสฏฺิกายสํสคฺคทุฏฺุลฺลอตฺตกามา ปนสฺส อชฺฌาจาโร นามา’’ติ. ‘‘อาโรจเน อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺลํ อฺถา อธิปฺเปตํ, ปฏิจฺฉาทเน อฺถา’’ติ เอตฺถาปิ วิเสสการณํ น ทิสฺสติ, ตสฺมา อฏฺกถาย ปุพฺเพนาปรํ น สเมติ. อวิโรธํ อิจฺฉนฺเตน ปน วีมํสิตพฺพเมตฺถ การณํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺลาปตฺติชานนํ, ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย นาโรเจสฺสามีติ ธุรนิกฺเขโปติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๐๒. ปฺจเม รูปสุตฺตนฺติ เหรฺิกานํ สุตฺตํ. ทุรุตฺตานนฺติ อกฺโกสวเสน ทุรุตฺตานํ, ทุรุตฺตตฺตาเยว ทุราคตานํ. วจนปถานนฺติ เอตฺถ วจนเมว ตทตฺถํ าตุกามานํ าเปตุกามานฺจ ปโถติ วจนปโถ. ทุกฺขมานนฺติ ทุกฺเขน ขมิตพฺพานํ.
๔๐๔. คพฺเภ ¶ สยิตกาเลน สทฺธึ วีสติมํ วสฺสํ อสฺสาติ คพฺภวีโส. หายนวฑฺฒนนฺติ คพฺภมาเสสุ อธิเกสุ อุตฺตริหายนํ, อูเนสุ วฑฺฒนนฺติ เวทิตพฺพํ. เอกูนวีสติวสฺสนฺติ ทฺวาทสมาเส มาตุกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาตกาลโต ปฏฺาย เอกูนวีสติวสฺสํ. ปาฏิปททิวเสติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนทิวเส. ‘‘ตึสรตฺติทิโว มาโส’’ติ ¶ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๘.๔๓; วิภ. ๑๐๒๓) วจนโต ‘‘จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺติ, ตติเย สํวจฺฉเร เอกมาสํ อธิกมาสวเสน ปริจฺจชนฺตา วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ตติโย สํวจฺฉโร เตรสมาสิโก โหติ, สํวจฺฉรสฺส ปน ทฺวาทสมาสิกตฺตา อฏฺารสสุ วสฺเสสุ อธิกมาเส วิสุํ คเหตฺวา ‘‘ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตโตติ ฉมาสโต. นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ อธิกมาเสหิ สทฺธึ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา นิพฺเพมติกา หุตฺวา. ยํ ปน วุตฺตํ ตีสุ คณฺิปเทสุ ‘‘อฏฺารสนฺนํเยว วสฺสานํ อธิกมาเส คเหตฺวา คณิตตฺตา เสสวสฺสทฺวยสฺสปิ อธิกานิ ทิวสานิ โหนฺเตว, ตานิ อธิกทิวสานิ สนฺธาย ‘นิกฺกงฺขา หุตฺวา’ติ วุตฺต’’นฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทฺวีสุ วสฺเสสุ อธิกทิวสานิ นาม วิสุํ อุปลพฺภนฺติ ตติเย วสฺเส วสฺสุกฺกฑฺฒนวเสน อธิกมาเส ปริจฺจตฺเตเยว อติเรกมาสสมฺภวโต. ตสฺมา ทฺวีสุ วสฺเสสุ อติเรกทิวสานิ นาม วิสุํ น สมฺภวนฺติ.
นนุ จ ‘‘เต ทฺเว มาเส คเหตฺวา วีสติวสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, เอกูนวีสติวสฺสมฺหิ ปุน อปรสฺมึ วสฺเส ปกฺขิตฺเต วีสติวสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘เอตฺถ ปน…เป… วุตฺต’’นฺติ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ ปน-สทฺโท หิ-สทฺทตฺเถ, เอตฺถ หีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺหิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. อิมินา จ อิมํ ทีเปติ ‘‘ยํ วุตฺตํ ‘เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺตี’ติ, ตตฺถ คพฺภมาเสปิ อคฺคเหตฺวา ทฺวีหิ มาเสหิ อปริปุณฺณวีสติวสฺสํ สนฺธาย ‘เอกูนวีสติวสฺส’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา อธิกมาเสสุ ทฺวีสุ คหิเตสุ วีสติวสฺสานิ ปริปุณฺณานิ นาม โหนฺตี’’ติ. ตสฺมาติ ยสฺมา คพฺภมาสาปิ คณนูปคา โหนฺติ, ตสฺมา. เอกวีสติวสฺโส โหตีติ ชาตทิวสโต ปฏฺาย วีสติวสฺโส สมาโน คพฺภมาเสหิ สทฺธึ เอกวีสติวสฺโส โหติ.
๔๐๖. อฺํ ¶ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย กมฺมวาจาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อูนวีสติวสฺสตา, อูนกสฺิตา, อุปสมฺปาทนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๐๗. ฉฏฺสิกฺขาปทํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว. เถยฺยสตฺถกภาโว, ชานนํ, สํวิธานํ, อวิสงฺเกเตน คมนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔๑๒. สตฺตเม นตฺถิ กิฺจิ วตฺตพฺพํ.
๘. อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๑๗. อฏฺเม พาธยึสูติ หนึสุ. ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ. อนติกฺกมนฏฺเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺตา, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหนฺติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีลาติ อนฺตรายิกา. เตนาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติ. อานนฺตริยธมฺมาติ อานนฺตริกสภาวา เจตนาธมฺมา. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – จุติอนนฺตรผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตา, ตํนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลา, อนนฺตรปฺปโยชนาติ วา อานนฺตริกา, เต เอว อานนฺตริยาติ วุตฺตา. กมฺมานิ เอว อนฺตรายิกาติ กมฺมนฺตรายิกา. โมกฺขสฺเสว อนฺตรายํ กโรติ, น สคฺคสฺสาติ มิจฺฉาจารลกฺขณาภาวโต วุตฺตํ. น หิ ภิกฺขุนิยา ธมฺมรกฺขิตภาโว อตฺถิ. ปากติกภิกฺขุนีวเสน เจตํ วุตฺตํ. อริยาย ปน ปวตฺตํ อปายสํวตฺตนิกเมว, นนฺทมาณวโก เจตฺถ นิทสฺสนํ. อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทตาวเสน วา น สคฺคนฺตรายิกตา ¶ , โมกฺขนฺตรายิกตา ปน โมกฺขตฺถาย ปฏิปตฺติยา วิทูสนโต. อภิภวิตฺวา ปน ปวตฺติยํ สคฺคนฺตรายิกตาปิ น สกฺกา นิวาเรตุนฺติ.
อเหตุกทิฏฺิอกิริยทิฏฺินตฺถิกทิฏฺิโยว นิยตภาวํ ปตฺตา นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา. ปฏิสนฺธิธมฺมาติ ปฏิสนฺธิจิตฺตุปฺปาทมาห. ปณฺฑกาทิคฺคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ สพฺพายปิ อเหตุกปฏิสนฺธิยา วิปากนฺตรายิกภาวโต. ยาหิ อริเย อุปวทติ, ตา เจตนา อริยูปวาทา ชาตา. ตโต ปรนฺติ ขมาปนโต อุปริ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ทิพฺพจกฺขุกถายํ วุตฺตเมว. สฺจิจฺจ อาปนฺนา อาปตฺติโยติ สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา. สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตฺหิ อนฺตมโส ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมฺปิ สคฺคมคฺคผลานํ อนฺตรายํ ¶ กโรติ. ยาว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานาติ ปาราชิกํ อาปนฺโน, น วุฏฺาติ เสสครุกาปตฺตึ อาปนฺโน, น เทเสติ ลหุกาปตฺตึ อาปนฺโน.
อยํ ภิกฺขูติ อริฏฺโ ภิกฺขุ. รเสน รสํ สํสนฺทิตฺวาติ อนวชฺเชน ปจฺจยปริภฺุชนรเสน สาวชฺชกามคุณปริโภครสํ สมาเนตฺวา. โยนิโส ปจฺจเวกฺขเณน นตฺถิ เอตฺถ ฉนฺทราโคติ นิจฺฉนฺทราโค, ปจฺจยปริโภโค. อุปเนนฺโต วิยาติ พนฺธนํ อุปเนนฺโต วิย. ‘‘ฆเฏนฺโต วิยา’’ติปิ ปาโ. อุปสํหรนฺโต วิยาติ สทิสตํ อุปสํหรนฺโต วิย เอกนฺตสาวชฺเช อนวชฺชภาวปกฺเขปนโต. ปาปกนฺติ ลามกฏฺเน ทุคฺคติสมฺปาปนฏฺเน จ ปาปกํ. มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิยาติ เสตุกรณวเสน มหาสาครํ พนฺธนฺเตน วิย. สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนฺโตติ สพฺพฺุตฺาเณน ‘‘สาวชฺช’’นฺติ ทิฏฺํ ‘‘อนวชฺช’’นฺติ คหเณน เตน สห ปฏิวิรุชฺฌนฺโต. อาณาจกฺเกติ ปมปาราชิกสิกฺขาปทสงฺขาเต, ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหายา’’ติอาทิเทสนาสงฺขาเต จ อาณาจกฺเก.
อฏฺิกงฺกลํ นาม อุรฏฺิ วา ปิฏฺิกณฺฏกํ วา สีสฏฺิ วา. ตฺหิ นิมฺมํสตฺตา ‘‘กงฺกล’’นฺติ วุจฺจติ. วิคตมํสาย หิ อฏฺิสงฺขลิกาย เอกฏฺิมฺหิ วา กงฺกล-สทฺโท นิรุฬฺโห. อนุทหนฏฺเนาติ อนุปายปฏิปตฺติยา สมฺปติ อายติฺจ อนุทหนฏฺเน. มหาภิตาปนฏฺเน อนวฏฺิตสภาวตาย, อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน ¶ มุหุตฺตกรณียตาย, ตาวกาลิกฏฺเน ปเรหิ อภิภวนตาย, สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนฏฺเน เภทนาทิอธิกรณภาเวน, อุคฺฆาฏสทิสตาย อธิกุฏฺฏนฏฺเน, อวเณ วณํ อุปฺปาเทตฺวา อนฺโต อนุปวิสนภาวตาย วินิวิชฺฌนฏฺเน, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอนตฺถนิมิตฺตตาย สาสงฺกสปฺปฏิภยฏฺเน.
ปาฬิยํ ‘‘ถามสา ปรามาสา’’ติอาทีสุ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ถามสาติ ทิฏฺิถาเมน, ตสฺสา ทิฏฺิยา ถามคตภาเวนาติ อตฺโถ. ปรามาสาติ ทิฏฺิปรามาเสน, ทิฏฺิสงฺขาตปรามาเสนาติ อตฺโถ. ทิฏฺิเยว หิ ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสเนน ปรามาโส. อภินิวิสฺสาติ ตณฺหาภินิเวสปุพฺพงฺคเมน ทิฏฺาภินิเวเสน ‘‘อิทเมตฺถ สจฺจ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา. โวหรตีติ กเถติ. ยโต จ โข เต ภิกฺขูติ ยทา เต ภิกฺขู. เอวํพฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตาติ อิทํ เอส อตฺตโน ลทฺธึ นิคูหิตุกามตาย นตฺถีติ วตฺตุกาโมปิ ภควโต อานุภาเวน สมฺปฏิจฺฉติ. พุทฺธานํ กิร สมฺมุขา ทฺเว กถา กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. กสฺส นุ โข นาม ตฺวํ โมฆปุริสาติ ตฺวํ โมฆปุริส กสฺส ขตฺติยสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา เวสฺสสฺส วา สุทฺทสฺส วา คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา เทวสฺส วา มนุสฺสสฺส วา มยา เอวํ ¶ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ธมฺมกมฺมตา, สมนุภาสนา, อปฺปฏินิสฺสชฺชนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๒๔. นวเม ปโยคคณนายาติ ทานคฺคหณปฺปโยคคณนาย. สํวาเส กมฺมปริโยสานวเสน, สหเสยฺยาย เอกสฺมึ นิปนฺเน อิตรสฺส นิปชฺชนปโยควเสน อาปตฺติปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ปทภาชเน ‘‘เอกจฺฉนฺเน’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน นิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘สห ¶ วา เสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน นิปชฺเชยฺยา’’ติ. ปณฺณตฺตึ อชานนฺเตน อรหตาปิ กิริยาพฺยากตจิตฺเตน อาปชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘ติจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปน เกนจิ วุตฺตํ ‘‘ติจิตฺตนฺติ เอตฺถ วิปากาพฺยากตจิตฺเตน สห วา เสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ, อฺถา สจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส กิริยาพฺยากตํ สนฺธาย น ยุชฺชตี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ สจิตฺตกสิกฺขาปทวีติกฺกโม อรหโต น สมฺภวติ. เตเนว ปถวีขณนาทีสุ สจิตฺตกสิกฺขาปเทสุ ติจิตฺตเมว วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อกตานุธมฺมตา, ชานนา, สมฺโภคาทิกรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๒๘. ทสเม ปิเรติ นิปาตปทํ. สมฺโพธเน วตฺตมานํ ปร-สทฺเทน สมานตฺถํ วทนฺตีติ อาห ‘‘ปร อมามกา’’ติ, อมฺหากํ อนชฺฌตฺติกภูตาติ อตฺโถ. ปิเรติ วา ‘‘ปรโต’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทํ, ตสฺมา จร ปิเรติ ปรโต คจฺฉ, มา อิธ ติฏฺาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสเมตฺถ ปุริมสิกฺขาปททฺวเย วุตฺตนยเมว.
กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต สปฺปาณกวคฺโค สตฺตโม.
๘. สหธมฺมิกวคฺโค
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๓๔. สหธมฺมิกวคฺคสฺส ¶ ปมสิกฺขาปเท วาจาย วาจาย อาปตฺตีติ อนาทริยภยา เลเสน เอวํ วทนฺตสฺส อาปตฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุปสมฺปนฺนสฺส ปฺตฺเตน วจนํ, อสิกฺขิตุกามตาย เอวํ วจนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๓๘. ทุติเย ¶ วินยสฺส ปริยาปุณนํ วินยปริยตฺตีติ อาห ‘‘วินยํ ปริยาปุณนฺตาน’’นฺติอาทิ. สุคุตฺโตติ ยถา กรณฺฑเก ปกฺขิตฺตมณิกฺขนฺโธ วิย น นสฺสติ วิปตฺตึ น ปาปุณาติ, เอวํ สุฏฺุ โคปิโต. สุรกฺขิโตติ ตสฺเสว ปริยายวจนํ. ยถา หิ กิเลสโจเรหิ อวิลุมฺปนีโย โหติ, เอวํ สพฺพทา สูปฏฺิตสฺสติตาย สุฏฺุ รกฺขิโต. กุกฺกุจฺจปกตานนฺติ กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนกุกฺกุจฺเจน อภิภูตานํ. สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํ. วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท. สหธมฺเมนาติ สการเณน วจเนน. สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาตีติ ยถา น ปุน สีสํ อุกฺขิปนฺติ, อถ โข อปฺปฏิภานา มงฺกุภูตาเยว โหนฺติ, เอวํ สุฏฺุ นิคฺคณฺหาติ.
อลชฺชิตาติ ย-การโลเปน นิทฺเทโส, อลชฺชิตายาติ วุตฺตํ โหติ. อฺาณตาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. มนฺโท โมมูโหติ อฺาณภาเวน มนฺโท, อวิสยโต โมมูโห, มหามูฬฺโหติ อตฺโถ.
อตฺตปจฺจตฺถิกาติ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกา. วชฺชิปุตฺตกา ทสวตฺถุทีปกา. ปรูปหารอฺาณกงฺขาปรวิตารณาทิวาทาติ เอตฺถ เย อรหตฺตํ ปฏิชานนฺตานํ อปฺปตฺเต ปตฺตสฺีนํ อธิมานิกานํ กุหกานํ วา อรหตฺตํ ปฏิชานนฺตานํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ ทิสฺวา มารกายิกา เทวตา ‘‘อรหโต อสุจึ ¶ อุปสํหรนฺตี’’ติ มฺนฺติ เสยฺยถาปิ ปุพฺพเสลิยา อปรเสลิยา จ, เต ปรูปหารวาทา. เยสํ ปน อรหโต อิตฺถิปุริสาทีนํ นามโคตฺตาทีสุ าณปฺปวตฺติยา อภาเวน อตฺถิ อรหโต อฺาณํ, ตตฺเถว สนฺนิฏฺานาภาเวน อตฺถิ อรหโต กงฺขา, ยสฺมา จสฺส ตานิ วตฺถูนิ ปเร วิตาเรนฺติ ปกาเสนฺติ อาจิกฺขนฺติ, ตสฺมา อตฺถิ อรหโต ปรวิตารณาติ อิมา ติสฺโส ลทฺธิโย เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปุพฺพเสลิยานํ, เต อฺาณกงฺขาปรวิตารณวาทา. นิคฺคโห ปน เนสํ กถาวตฺถุปฺปกรเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
จตฺตาโร มคฺคา จ ผลานิ จาติ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน วุตฺตํ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺาติ อยมฺปิ อธิคมสทฺธมฺโมเยว. จ-กาโร ¶ วา อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกจิ เถราติ ธมฺมกถิกา. อาหํสูติ ปํสุกูลิกตฺเถรา เอวํ อาหํสุ.
กทา ปนายํ กถา อุทปาทีติ? อยฺเหตฺถ อนุปุพฺพิกถา (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) – อิมสฺมึ กิร ทีเป จณฺฑาลติสฺสมหาภเย สกฺโก เทวราชา มหาอุฬุมฺปํ มาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ ‘‘มหนฺตํ ภยํ ภวิสฺสติ, น สมฺมา เทโว วสฺสิสฺสติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา ปริยตฺตึ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, ปรตีรํ คนฺตฺวา อยฺเยหิ ชีวิตํ รกฺขิตุํ วฏฺฏติ. อิมํ มหาอุฬุมฺปํ อารุยฺห คจฺฉถ ภนฺเต, เยสํ เอตฺถ นิสชฺชฏฺานํ นปฺปโหติ, เต กฏฺขณฺเฑปิ อุรํ เปตฺวา คจฺฉนฺตุ, สพฺเพสํ ภยํ น ภวิสฺสตี’’ติ. ตทา สมุทฺทตีรํ ปตฺวา สฏฺิ ภิกฺขู กติกํ กตฺวา ‘‘อมฺหากํ เอตฺถ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยํ อิเธว หุตฺวา เตปิฏกํ รกฺขิสฺสามา’’ติ ตโต นิวตฺติตฺวา ทกฺขิณมลยชนปทํ คนฺตฺวา กนฺทมูลปณฺเณหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตา วสึสุ, กาเย วหนฺเต นิสีทิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺติ, อวหนฺเต วาลิกํ อุสฺสาเรตฺวา ปริวาเรตฺวา สีสานิ เอกฏฺาเน กตฺวา ปริยตฺตึ สมฺมสนฺติ. อิมินา นิยาเมน ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ สาฏฺกถํ เตปิฏกํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ธารยึสุ.
ภเย วูปสนฺเต สตฺตสตา ภิกฺขู อตฺตโน คตฏฺาเน สาฏฺกเถ เตปิฏเก เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยฺชนมฺปิ อวินาเสตฺวา อิมเมว ทีปมาคมฺม กลฺลคามชนปเท มณฺฑลารามวิหารํ ปวิสึสุ. เถรานํ อาคตปวตฺตึ สุตฺวา อิมสฺมึ ทีเป โอหีนา สฏฺิ ภิกฺขู ‘‘เถเร ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เถเรหิ สทฺธึ เตปิฏกํ โสเธนฺตา เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยฺชนมฺปิ อสเมนฺตํ นาม น ปสฺสึสุ. ตสฺมึ าเน เถรานํ อยํ กถา อุทปาทิ ‘‘ปริยตฺติ นุ โข สาสนสฺส มูลํ, อุทาหุ ปฏิปตฺตี’’ติ. ปํสุกูลิกตฺเถรา ‘‘ปฏิปตฺติ มูล’’นฺติ อาหํสุ, ธมฺมกถิกา ‘‘ปริยตฺตี’’ติ ¶ . อถ เน เถรา ‘‘ตุมฺหากํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ วจนมตฺเตเนว น สกฺกา วิฺาตุํ, ชินภาสิตํ สุตฺตํ อาหรถา’’ติ อาหํสุ. สุตฺตํ อาหริตุํ น ภาโรติ –
‘‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสฺุโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔). ‘‘ปฏิปตฺติมูลกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ ¶ , ปฏิปตฺติสารกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ, ปฏิปตฺติ ติฏฺนฺตี ติฏฺตี’’ติ (มิ. ป. ๔.๑.๗) –
สุตฺตํ อาหรึสุ.
อิมํ สุตฺตํ สุตฺวา ธมฺมกถิกา อตฺตโน วาทฏฺปนตฺถาย อิมํ สุตฺตํ อาหรึสุ –
‘‘ยาว ติฏฺนฺติ สุตฺตนฺตา, วินโย ยาว ทิปฺปติ;
ตาว ทกฺขนฺติ อาโลกํ, สูริเย อพฺภุฏฺิเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเตสุ อสนฺเตสุ, ปมุฏฺเ วินยมฺหิ จ;
ตโม ภวิสฺสติ โลเก, สูริเย อตฺถงฺคเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเต รกฺขิเต สนฺเต, ปฏิปตฺติ โหติ รกฺขิตา;
ปฏิปตฺติยํ ิโต ธีโร, โยคกฺเขมา น ธํสตี’’ติ.
อิมสฺมึ สุตฺเต อาหเฏ ปํสุกูลิกตฺเถรา ตุณฺหี อเหสุํ. ธมฺมกถิกตฺเถรานํเยว วจนํ ปุรโต อโหสิ. ยถา หิ ควสตสฺส ควสหสฺสสฺส วา อนฺตเร ปเวณิปาลิกาย เธนุยา อสติ โส วํโส สา ปเวณี น ฆฏียติ, เอวเมว อารทฺธวิปสฺสกานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหสฺเสปิ วิชฺชมาเน ปริยตฺติยา อสติ อริยมคฺคปฏิเวโธ นาม น โหติ. ยถา จ นิธิกุมฺภิยา ชานนตฺถาย ปาสาณปิฏฺเ อกฺขเรสุ อุปนิพทฺเธสุ ยาว อกฺขรานิ ธรนฺติ, ตาว นิธิกุมฺภี นฏฺา นาม น โหติ, เอวเมว ปริยตฺติยา ธรมานาย สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม น โหตีติ. ตสฺสาเธยฺโยติ ตสฺสายตฺโต.
๔๓๙. โส ¶ ปนาติ โส ปาติโมกฺโข. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ครหิตุกามตา, อุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทวิวณฺณนฺจาติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๔๓. ตติยํ ¶ อุตฺตานเมว. โมหาโรปนํ, โมเหตุกามตา, วุตฺตนเยน สุตภาโว, โมหนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๒. จตุตฺเถ รตฺตจิตฺโตติ กายสํสคฺคราเคน รตฺตจิตฺโต. สเจ ปน เมถุนราเคน รตฺโต ปหารํ เทติ, ทุกฺกฏเมว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. กุปิตตา, น โมกฺขาธิปฺปายตา, อุปสมฺปนฺนสฺส ปหารทานนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๗. ปฺจเม น ปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ ปหริตุกามตาย ปหเฏ ปุริมสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ, อุจฺจาเรตุกามตาย เกวลํ อุคฺคิรณมตฺเต กเต อิมินา ปาจิตฺติยํ. อิมินา ปน วิรชฺฌิตฺวา ปหาโร ทินฺโน, ตสฺมา ทุกฺกฏํ. กิมิทํ ทุกฺกฏํ ปหารปจฺจยา, อุทาหุ อุคฺคิรณปจฺจยาติ? ตตฺถ เกจิ ตาว วทนฺติ ‘‘ปหารปจฺจยา เอว ทุกฺกฏํ, อุคฺคิรณปจฺจยา ปาจิตฺติยนฺติ สทุกฺกฏํ ปาจิตฺติยํ ยุชฺชติ. ปุริมฺหิ อุคฺคิรณํ, ปจฺฉา ปหาโร, น จ ปจฺฉา ปหารํ นิสฺสาย ปุริมํ อุคฺคิรณํ อนาปตฺติวตฺถุกํ ภวิตุมรหตี’’ติ.
มยํ ¶ ปเนตฺถ เอวํ ตกฺกยาม ‘‘อุคฺคิรณสฺส อตฺตโน สภาเวเนว อสณฺิตตฺตา ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติเยน น ภวิตพฺพํ, อสุทฺธจิตฺเตน กตปโยคตฺตา ปน น สกฺกา เอตฺถ อนาปตฺติยา ภวิตุนฺติ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ‘น ปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา’ติ อิมินา จ ปหารปจฺจยา ปุริมสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยาสมฺภเว การณํ วุตฺตํ, น ปน ปหารปจฺจยา ทุกฺกฏสมฺภเว. น หิ อปหริตุกามตาย ปหาเร ทินฺเน ¶ ปุริมสิกฺขาปเทน ปหารปจฺจยา ปาจิตฺติเยน ทุกฺกเฏน วา ภวิตุํ ยุตฺต’’นฺติ. ‘‘ติรจฺฉานาทีนํ อสุจิกรณาทึ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวาปิ อุคฺคิรนฺตสฺส โมกฺขาธิปฺปาโย เอวา’’ติ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. กุปิตตา, น โมกฺขาธิปฺปายตา, อุปสมฺปนฺนสฺส ตลสตฺติอุคฺคิรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๙. ฉฏฺํ อุตฺตานตฺถเมว. อุปสมฺปนฺนตา, สงฺฆาทิเสสสฺส อมูลกตา, อนุทฺธํสนา, ตงฺขณวิชานนาติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๖๔. สตฺตมมฺปิ อุตฺตานตฺถเมว. อุปสมฺปนฺนตา, อผาสุกามตา, กุกฺกุจฺจุปฺปาทนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๗๑. อฏฺเม สุติสมีปนฺติ สทฺทสมีปํ. สุยฺยตีติ หิ สุติ, สทฺทสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺส สมีปํ อุปสฺสุติ, สทฺทสมีปนฺติ วุตฺตํ โหติ. คณฺิปเทสุ จ สุยฺยตีติ สุตีติ สทฺโทว วุตฺโต. ยตฺถ ปน ิเตน สกฺกา โหติ สทฺทํ โสตุํ, ตตฺถ ติฏฺนฺโต สทฺทสมีเป ิโต นาม โหตีติ ¶ อาห ‘‘ยตฺถ ตฺวา’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘สุณาติ เอตฺถาติ สุติ. ยตฺถ ิโต สุณาติ, ตสฺส านสฺเสตํ นามํ. ตสฺส สมีปํ อุปสฺสุตี’’ติ วทนฺติ, เอวํ ปน คยฺหมาเน ยสฺมึ าเน ิโต สุณาติ, ตสฺส ¶ อาสนฺเน อฺสฺมึ ปเทเส ติฏฺตีติ อาปชฺชติ. อฏฺกถายฺจ อุปสฺสุติ-สทฺทสฺเสว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยตฺถ ตฺวา สกฺกา โหติ, เตสํ วจนํ โสตุ’’นฺติ วุตฺตํ, น สุติ-สทฺทสฺส. ตสฺมา ปุพฺพนโยเวตฺถ ปสตฺถตโร. อถ วา อุเปจฺจ สุยฺยติ เอตฺถาติ อุปสฺสุติ, านํ. ยํ านํ อุปคเตน สกฺกา โหติ กเถนฺตานํ สทฺทํ โสตุํ, ตตฺถาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. มนฺเตนฺตนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘มนฺตยมาเน’’ติ.
๔๗๓. เอกปริจฺเฉทานีติ ‘‘สิยา กิริยํ, สิยา อกิริย’’นฺติ อิมินา นเยน เอกปริจฺเฉทานิ. อิมานิ หิ ตีณิ สิกฺขาปทานิ กทาจิ กิริยโต สมุฏฺหนฺติ, กทาจิ อกิริยโต, น เอกกฺขเณเยว กิริยากิริยโต สมุฏฺหนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุปสมฺปนฺนตา, โจทนาธิปฺปาโย, สวนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กมฺมปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๗๔. นวมํ อุตฺตานตฺถเมว. ธมฺมกมฺมตา, ธมฺมกมฺมนฺติ สฺา, ฉนฺทํ ทตฺวา ขิยฺยนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
กมฺมปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ฉนฺทํ อทตฺวา คมนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๗๙. ทสมํ อุตฺตานตฺถเมว. วินิจฺฉยกถาย ปวตฺตมานตา, ธมฺมกมฺมตา, ธมฺมกมฺมสฺิตา, สมานสีมายํ ิตตา, สมานสํวาสกตา, โกเปตุกามตาย หตฺถปาสวิชหนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ฉ องฺคานิ.
ฉนฺทํ อทตฺวา คมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๘๔. เอกาทสมมฺปิ ¶ ¶ อุตฺตานตฺถเมว. อุปสมฺปนฺนตา, ธมฺเมน ลทฺธสมฺมุติตา, สงฺเฆน สทฺธึ วิกปฺปนุปคจีวรทานํ, ปจฺฉา ขียิตุกามตาย ขิยฺยนาติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔๘๙. ทฺวาทสเม นตฺถิ กิฺจิ วตฺตพฺพํ.
นิฏฺิโต สหธมฺมิกวคฺโค อฏฺโม.
๙. ราชวคฺโค
๑. อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๙๗-๔๙๙. ราชวคฺคสฺส ปมสิกฺขาปเท อฏฺกถายํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว. ปาฬิยํ ปน อยมนุตฺตานปทตฺโถ. กตํ วา กริสฺสนฺติ วาติ เมถุนวีติกฺกมนํ กตํ วา กริสฺสนฺติ วา. อิเมสนฺติ ปทํ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา อุภยตฺถ โยเชตพฺพํ ‘‘อิเมหิ กตํ อิเม กริสฺสนฺตี’’ติ. รตนนฺติ มณิรตนาทีสุ ยํกิฺจิ. อุภโตติ ทฺวีหิ ปกฺเขหิ. ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ เอตฺตเก วุตฺเต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตา วิฺาเยยฺย, สุชาต-สทฺโท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ อาโรหสมฺปตฺติปริยาโยติ ชาติวเสเนว สุชาตตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํ. อโนรสปุตฺตวเสนปิ โลเก มาตุปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปน สา โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํ. คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, คพฺภาสยสฺิโต มาตุกุจฺฉิปฺปเทโส. สํสุทฺธา คหณี อสฺสาติ สํสุทฺธคหณิโก, สํสุทฺธา ตสฺส มาตุกุจฺฉีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สมเวปากินิยา คหณิยา’’ติ ¶ เอตฺถ ปน ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปาจนวเสน คณฺหนโต อฉฑฺฑนโต กมฺมชเตโชธาตุ ‘‘คหณี’’ติ วุจฺจติ.
ยาว ¶ สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอตฺถ ปิตุ ปิตา ปิตามโห, ปิตามหสฺส ยุคํ ปิตามหยุคํ. ‘‘ยุค’’นฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจติ. อภิลาปมตฺตเมว เจตํ, อตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคํ. ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค, ตสฺมา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา, ปิตามหทฺวนฺทาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ปิตามหคฺคหเณเนว มาตามโหปิ คหิโต โหติ. ยุค-สทฺโท เจตฺถ เอกเสเสน ทฏฺพฺโพ ยุโค จ ยุโค จ ยุโคติ. เอวฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวนฺทํ คหิตเมว โหติ, ตสฺมา ตโต อุทฺธํ สพฺเพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหยุคคฺคหเณเนว คหิตา. เอวํ ยาว สตฺตโม ปิตามหยุโค, ตาว สํสุทฺธคหณิโก.
อกฺขิตฺโตติ ‘‘อปเนถ เอตํ, กึ อิมินา’’ติ เอวํ อกฺขิตฺโต อนวกฺขิตฺโต. อนุปกุฏฺโติ น อุปกุฏฺโ, น อกฺโกสํ วา นินฺทํ วา ปตฺตปุพฺโพ. เกน การเณนาติ อาห ‘‘ชาติวาเทนา’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป… ปิตามหยุคา’’ติ เอเตน ตสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโต, ‘‘อกฺขิตฺโต’’ติ อิมินา กิริยาปราธาภาโว. กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติ. ‘‘อนุปกุฏฺโ’’ติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคฺหิ ปฏิจฺจ สตฺตา อกฺโกสํ ลภนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ขตฺติยตา, อภิสิตฺตตา, อุภินฺนมฺปิ สยนิฆรโต อนิกฺขนฺตตา, อปฺปฏิสํวิทิตตา, อินฺทขีลาติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐๒. ทุติเย มหาลตํ นามาติ ปติกุลํ คจฺฉนฺติยา กิร ตสฺสา ปิตา มหาลตาปิฬนฺธนํ นาม การาเปสิ. ตสฺมึ ปิฬนฺธเน จตสฺโส วชิรนาฬิโย ตตฺถ ตตฺถ อปฺเปตพฺพฏฺาเน อปฺปนวเสน วินิโยคํ อคมํสุ, มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬสฺส ทฺวาวีสติ นาฬิโย, มณีนํ เตตฺตึส นาฬิโย. อิติ เอเตหิ จ อฺเหิ จ เวฬุริยโลหิตงฺกมสารคลฺลาทีหิ สตฺตวณฺเณหิ จ รตเนหิ นิฏฺานํ อคมาสิ ¶ . ตํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ¶ ยาว ปาทปิฏฺิยา ภสฺสติ, ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธารยมานาว อิตฺถี นํ ธาเรตุํ สกฺโกติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
๕๐๖. อาวสถสฺส ปน สุปฺปปาโต วา มุสลปาโต วา อุปจาโร นามาติ โยเชตพฺพํ. อาวสโถติ เจตฺถ อนฺโตอาราเม วา โหตุ อฺตฺถ วา, อตฺตโน วสนฏฺานํ วุจฺจติ. ฉนฺเทนปิ ภเยนปีติ วฑฺฒกีอาทีสุ ฉนฺเทน, ราชวลฺลเภสุ ภเยน. ตเมว ภิกฺขุํ อาสงฺกนฺตีติ วิสฺสริตฺวา คมนกาเล อตฺตโน ปจฺฉโต อฺสฺสาภาวา อาสงฺกนฺติ. ปติรูปํ นาม รตนสมฺมเต ปํสุกูลคฺคหณํ วา รตเน นิรุสฺสุกฺกคมนํ วา. ยทิ หิ ตํ รตนสมฺมตํ อามาสํ เจ, ‘‘นตฺถิ เอตสฺส สามี’’ติ ปํสุกูลํ คเหสฺสติ. อนามาสํ เจ, ‘‘นตฺถิ เอตสฺส สามี’’ติ ปํสุกูลฉินฺนปลิโพโธ นิรเปกฺโข คมิสฺสติ. สมาทเปตฺวาติ อฺํ สมาทเปตฺวา, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยานยาจนา’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) วุตฺตนเยน ยาจิตฺวาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อนนฺุาตกรณํ, ปรสนฺตกตา, วิสฺสาสคฺคาหปํสุกูลสฺานํ อภาโว, อุคฺคหณํ วา อุคฺคหาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐๘. ตติเย อริยมคฺคสฺสาติ เอตฺถ สคฺคมคฺโคปิ สงฺคเหตพฺโพ. อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตา หิ กถา ติรจฺฉานกถา. ติรจฺฉานภูตนฺติ ติโรกรณภูตํ วิพนฺธนภูตํ. ราชปฏิสํยุตฺตํ กถนฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๐๘๐; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๖๙-๗๐) ราชานํ อารพฺภ ‘‘มหาสมฺมโต มนฺธาตา ธมฺมาโสโก เอวํมหานุภาโว’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตกถํ. เอตฺถ จ ‘‘อสุโก ราชา อภิรูโป ทสฺสนีโย’’ติอาทินา นเยน เคหสฺสิตกถาว ติรจฺฉานกถา โหติ. ‘‘โสปิ นาม เอวํมหานุภาโว ขยํ คโต’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตา กมฺมฏฺานภาเว ติฏฺติ. โจเรสุปิ ‘‘มูลเทโว เอวํมหานุภาโว, เมฆมาโล เอวํมหานุภาโว’’ติ ¶ เตสํ กมฺมํ ปฏิจฺจ ‘‘อโห สูรา’’ติ เคหสฺสิตกถาว ติรจฺฉานกถา. ยุทฺเธปิ ภรตยุทฺธาทีสุ ‘‘อสุเกน อสุโก เอวํ มาริโต เอวํ วิทฺโธ’’ติ กามสฺสาทวเสเนว กถา ติรจฺฉานกถา. ‘‘เตปิ นาม ขยํ คตา’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน สพฺพตฺถ กมฺมฏฺานเมว โหติ.
อปิจ ¶ อนฺนาทีสุ ‘‘เอวํ วณฺณวนฺตํ คนฺธวนฺตํ รสวนฺตํ ผสฺสสมฺปนฺนํ ขาทิมฺห ภฺุชิมฺห ปิวิมฺห ปริภฺุชิมฺหา’’ติ กามสฺสาทวเสน กเถตุํ น วฏฺฏติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘ปุพฺเพ เอวํ วณฺณาทิสมฺปนฺนํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ สยนํ มาลาคนฺธํ สีลวนฺตานํ อทมฺห, เจติยปูชํ อกริมฺหา’’ติ กเถตุํ วฏฺฏติ. าติกถาทีสุปิ ‘‘อมฺหากํ าตกา สูรา สมตฺถา’’ติ วา ‘‘ปุพฺเพ มยํ เอวํ วิจิตฺเรหิ ยาเนหิ วิจริมฺหา’’ติ วา อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฏฺฏติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘เตปิ โน าตกา ขยํ คตา’’ติ วา ‘‘ปุพฺเพ มยํ เอวรูปา อุปาหนา สงฺฆสฺส อทมฺหา’’ติ วา กเถตพฺพํ. คามกถาปิ สุนิวิฏฺทุนฺนิวิฏฺสุภิกฺขทุพฺภิกฺขาทิวเสน วา ‘‘อสุกคามวาสิโน สูรา สมตฺถา’’ติ วา เอวํ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ วา ‘‘ขยวยํ คตา’’ติ วา วตฺตุํ วฏฺฏติ. นิคมนครชนปทกถาสุปิ เอเสว นโย.
อิตฺถิกถาปิ วณฺณสณฺานาทีนิ ปฏิจฺจ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา, ขยํ คตา’’ติ เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. สูรกถาปิ ‘‘นนฺทิมิตฺโต นาม โยโธ สูโร อโหสี’’ติ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ, ‘‘สทฺโธ อโหสิ, ขยํ คโต’’ติ เอวเมว วฏฺฏติ. วิสิขากถาปิ ‘‘อสุกา วิสิขา สุนิวิฏฺา ทุนฺนิวิฏฺา สูรา สมตฺถา’’ติ อสฺสาทวเสเนว น วฏฺฏติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา, ขยํ คตา’’อิจฺเจว วฏฺฏติ.
กุมฺภฏฺานกถาติ กุฏฏฺานกถา อุทกติตฺถกถา วุจฺจติ, กุมฺภทาสีกถา วา. สาปิ ‘‘ปาสาทิกา นจฺจิตุํ คายิตุํ เฉกา’’ติ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติอาทินา นเยเนว วฏฺฏติ. ปุพฺพเปตกถาติ อตีตาติกถา. ตตฺถ วตฺตมานาติกถาสทิโสว วินิจฺฉโย.
นานตฺตกถาติ ปุริมปจฺฉิมกถาวิมุตฺตา อวเสสา นานาสภาวา นิรตฺถกกถา. โลกกฺขายิกาติ ‘‘อยํ โลโก เกน นิมฺมิโต, อสุเกน ¶ ปชาปตินา พฺรหฺมุนา อิสฺสเรน วา นิมฺมิโต, กาโก เสโต อฏฺีนํ เสตตฺตา, พกา รตฺตา โลหิตสฺส รตฺตตฺตา’’ติ เอวมาทิกา โลกายตวิตณฺฑสลฺลาปกถา. อุปฺปตฺติิติสํหาราทิวเสน โลกํ อกฺขายตีติ โลกกฺขายิกา. สมุทฺทกฺขายิกา นาม กสฺมา สมุทฺโท สาคโร, สาครสฺส รฺโ ปุตฺเตหิ ขตตฺตา สาคโร. ขโต อมฺเหหีติ หตฺถมุทฺทาย นิเวทิตตฺตา สมุทฺโทติ เอวมาทิกา นิรตฺถกา สมุทฺทกฺขายิกกถา.
อิติ ภโว อิติ อภโวติ ยํ วา ตํ วา นิรตฺถกการณํ วตฺวา ปวตฺติตกถา อิติภวาภวกถา. เอตฺถ จ ภโวติ สสฺสตํ, อภโวติ อุจฺเฉทํ. ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ ¶ . ภโวติ กามสุขํ, อภโวติ อตฺตกิลมโถ. อิติ อิมาย ฉพฺพิธาย อิติภวาภวกถาย สทฺธึ พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา นาม โหติ. อถ วา ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตาปิ อรฺปพฺพตนทีทีปกถา อิติ-สทฺเทน สงฺคเหตฺวา ฉตฺตึส ติรจฺฉานกถาติ วุจฺจติ. อิติ วาติ หิ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺเถ, วา-สทฺโท วิกปฺปตฺเถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘เอวํปการํ อิโต อฺํ วา ตาทิสํ นิรตฺถกกถํ กเถนฺตี’’ติ. อาทิอตฺเถ วา อิติ-สทฺโท ‘‘อิติ วา อิติ เอวรูปา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วิย, เอวมาทึ อฺมฺปิ ตาทิสํ กถํ กเถนฺตีติ อตฺโถ.
๕๑๒. อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ อิมินา ทุติยเลฑฺฑุปาโต อิธ อุปจาโรติ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, อนฺุาตการณาภาโว, วิกาเล คามปฺปวิสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๑๗. จตุตฺเถ ตํ อสฺส อตฺถีติ ปมํ ภินฺทิตฺวา ปจฺฉา เทเสตพฺพตฺตา ตํ เภทนกํ ตสฺส ปาจิตฺติยสฺส อตฺถีติ เภทนกํ, ปาจิตฺติยํ. อสฺสตฺถิอตฺเถ ¶ อ-การปจฺจโย ทฏฺพฺโพ. วาสิชเฏติ วาสิทณฺฑเก. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สูจิฆรตา, อฏฺิมยาทิตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฏิลาโภติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๒. ปฺจเม เฉทนกํ วุตฺตนยเมวาติ เฉทนเมว เฉทนกํ, ตํ ตสฺส อตฺถีติ เฉทนกนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสฺสติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปมาณาติกฺกนฺตมฺจปีตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฏิลาโภติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๖. ฉฏฺเ ¶ ตูลํ ปกฺขิปิตฺวาติ เหฏฺา จิมิลิกํ ปตฺถริตฺวา ตสฺส อุปริ ตูลํ ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. โปฏกิตูลนฺติ เอรกตูลาทิ ยํกิฺจิ ติณชาตีนํ ตูลํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ตูโลนทฺธมฺจปีตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฏิลาโภติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ. อตฺตนา การาปิตสฺส หิ ปฏิลาภมตฺเตเนว ปาจิตฺติยํ. เตเนว ปทภาชเน ‘‘ปฏิลาเภน อุทฺทาเลตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘ปฏิลาเภน อุทฺทาเลตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ปฏิลาภมตฺเตเนว ปาจิตฺติยํ วิย ทิสฺสติ, ปริโภเคเยว อาปตฺติ ทฏฺพฺพา. ‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ วจนํ เอตฺถ สาธก’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส มติมตฺตํ. น หิ ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ อตฺตนา การาปิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, กรณการาปนปจฺจยา จ อิมินา สิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ, น ปริโภคปจฺจยา. ‘‘น, ภิกฺขเว, ตูโลนทฺธํ มฺจํ วา ปีํ วา ปริภฺุชิตพฺพํ, โย ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ ขนฺธเก ¶ วุตฺตตฺตา อตฺตนา วา กตํ โหตุ อฺเน วา, ปริภฺุชนฺตสฺส ปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏเมว, น ปาจิตฺติยํ.
ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๓๑. สตฺตเม ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปเท วุตฺตเมว. นิสีทนสฺส ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฏิลาโภติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๓๗-๕๔๒. อฏฺมนวมทสเมสุ ¶ นตฺถิ วตฺตพฺพํ, องฺคานิปิ สตฺตเมว วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
นิฏฺิโต ราชวคฺโค นวโม.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ขุทฺทกวณฺณนา สมตฺตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๖. ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
ปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๕๒. ปาฏิเทสนีเยสุ ¶ ¶ ปเม ‘‘คารยฺหํ อาวุโสติอาทิ ปฏิเทเสตพฺพาการทสฺสน’’นฺติ วจนโต ปาฬิยํ อาคตนเยเนว อาปตฺติ เทเสตพฺพา. อสปฺปายนฺติ สคฺคโมกฺขานํ อหิตํ อนนุกูลํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, อฺาติกตา, อนฺตรฆเร ิตาย หตฺถโต สหตฺถา ปฏิคฺคหณํ, ยาวกาลิกตา, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
๕๕๗-๕๖๒. ทุติยตติยจตุตฺเถสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ, องฺเคสุ ปน ทุติเย ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, ปฺจโภชนตา, อนฺตรฆเร ิตาย อนฺุาตปฺปการโต อฺถา โวสาสนา, อนิวารณา, อชฺโฌหาโรติ อิมานิ ปฺจ องฺคานิ.
ตติเย เสกฺขสมฺมตตา, ปุพฺเพ อนิมนฺติตตา, อคิลานตา, ฆรูปจาโรกฺกมนํ, เปตฺวา นิจฺจภตฺตาทีนิ อฺํ อามิสํ คเหตฺวา ภฺุชนนฺติ อิมานิ ปฺจ องฺคานิ.
จตุตฺเถ ยถาวุตฺตอารฺกเสนาสนตา, ยาวกาลิกสฺส อตตฺถชาตกตา, อคิลานตา, อคิลานาวเสสกตา, อปฺปฏิสํวิทิตตา, อชฺฌาราเม ปฏิคฺคหณํ, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ สตฺต องฺคานิ.
ปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๗. เสขิยกณฺฑํ
๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา
เสขิเยสุ ¶ ¶ สิกฺขิตสิกฺเขนาติ จตูหิ มคฺเคหิ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตฺวา ิเตน, สพฺพโส ปรินิฏฺิตกิจฺเจนาติ วุตฺตํ โหติ. ตาทินาติ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยฏฺเน ตาทินา.
๕๗๖. สิกฺขา กรณียาติ ‘‘เอวํ นิวาเสสฺสามี’’ติ อาราเมปิ อนฺตรฆเรปิ สพฺพตฺถ สิกฺขา กตฺตพฺพา. เอตฺถ จ ยสฺมา วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตวตฺตานิปิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เสขิยาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ปาราชิกาทีสุ วิย ปริจฺเฉโท น กโต, จาริตฺตนยทสฺสนตฺถฺจ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอลมฺเพนฺโต นิวาเสยฺย, ทุกฺกฏ’’นฺติ เอวํ อาปตฺตินาเมน อวตฺวา ‘‘สิกฺขา กรณียา’’ติ เอวํ สพฺพสิกฺขาปเทสุ ปาฬิ อาโรปิตา. ปทภาชเน ปน ‘‘อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อนาทริยกรเณ ทุกฺกฏํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. ยสฺมา อฏฺงฺคุลมตฺตํ โอตาเรตฺวา นิวตฺถเมว นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลมตฺตํ โหติ, ตสฺมา อุโภเปเต อฏฺกถาวาทา เอกปริจฺเฉทา. เต สพฺเพติ นิวาสนโทสา.
ตํ ปนาติ ตํ อนาทริยํ. กิฺจาปิ กุรุนฺทิวาทํ ปจฺฉา วทนฺเตน ‘‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อยมตฺโถ ปติฏฺาปิโต, ตถาปิ นิวาสนวตฺตํ สาธุกํ อุคฺคเหตพฺพเมว. สฺจิจฺจ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส อนาทริยํ สิยา. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘อชานนฺตสฺสาติ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติ, อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติ.
สจิตฺตกนฺติ วตฺถุวิชานนจิตฺเตน ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน จ สจิตฺตกํ ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ปาณาติปาตาทิ วิย นิวาสนโทโส โลกครหิโต น โหตีติ ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ ¶ ผุสฺสเทวตฺเถโร อาห. อุปติสฺสตฺเถโร ปน ‘‘ยสฺมา อนาทริยวเสเนว อาปชฺชิตพฺพตฺตา เกวลํ อกุสลเมว, ตฺจ ปกติยา วชฺชํ, สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺจ ¶ โทมนสฺสิตสฺเสว โหติ, ตสฺมา โลกวชฺชํ อกุสลจิตฺตํ ทุกฺขเวทน’’นฺติ อาห. อนาทริยํ, อนาปตฺติการณาภาโว, อปริมณฺฑลนิวาสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ ปุริมานิ ทฺเว ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตปฏิปกฺขกรณฺจาติ ตีณิเยว โหนฺติ.
๕๗๗. ทุติยาทีสุ อเนกปฺปการํ คิหิปารุตนฺติ เสตปฏปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฏกปารุตนฺติอาทิ อเนกปฺปเภทํ คิหิปารุตํ. ตสฺสตฺโถ ขนฺธเกเยว อาวิ ภวิสฺสติ. วิหาเรปีติ พุทฺธุปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๕๗๘. ‘‘สุปฺปฏิจฺฉนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สสีสํ ปารุโต สพฺพถา สุปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา สุปฺปฏิจฺฉนฺโน นาม โหตี’’ติ ยสฺส สิยา, ตํ สนฺธายาห ‘‘น สสีสํ ปารุเตนา’’ติอาทิ.
๕๘๒. เอกสฺมึ ปน าเน ตฺวาติ เอตฺถ ‘‘คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยว, ตถา คาเม ปูช’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา
๕๘๖. ทุติยวคฺเค หสนียสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ หาสชนเก การเณ.
อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ขมฺภกตวคฺควณฺณนา
๖๐๓. ตติยวคฺเค ปตฺเต สฺา ปตฺตสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ ปตฺตสฺี, อตฺตโน ภาชเน อุปนิพนฺธสฺี หุตฺวาติ อตฺโถ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ปตฺเต สฺํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
๖๐๔. โอโลณีติ ¶ เอกา พฺยฺชนวิกติ. ‘‘โย โกจิ สุทฺโธ กฺชิกตกฺกาทิรสโอ’’ติ เกจิ. สากสูเปยฺย-คฺคหเณน ยา กาจิ สูเปยฺยสาเกหิ ¶ กตา พฺยฺชนวิกติ วุตฺตา. มํสรสาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อวเสสา สพฺพาปิ พฺยฺชนวิกติ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สมสูปกปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘เปตฺวา ปน สูปํ อวเสสา สพฺพาปิ สูเปยฺยา พฺยฺชนวิกติ รสรโส นาม โหตี’’ติ.
๖๐๕. สมปุณฺณนฺติ อธิฏฺานุปคสฺส ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ อนติกฺกาเมตฺวา รจิตํ. สมภริตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ผลาผลาทีติ อาทิ-สทฺเทน โอทนาทิมฺปิ สงฺคณฺหาติ. เหฏฺา โอโรหตีติ สมนฺตา โอกาสสพฺภาวโต จาลิยมานํ เหฏฺา ภสฺสติ. มตฺถเก ถูปีกตํ ปูวเมว วฏํสกสทิสตฺตา ‘‘ปูววฏํสก’’นฺติ วุตฺตํ. ปุปฺผวฏํสกาทีสุปิ เอเสว นโย.
ยสฺมา ‘‘สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ วจนํ ปิณฺฑปาโต สมฺปุณฺโณ ปฏิคฺคเหตพฺโพติ ทีเปติ, ตสฺมา อตฺตโน หตฺถคเต ปตฺเต ปิณฺฑปาโต ทิยฺยมาโน ถูปีกโตปิ เจ โหติ, วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘‘ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ วจนํ ปมํ ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปจฺฉา ปฏิคฺคณฺหโต อาปตฺตีติ ทีเปติ. ‘‘ปตฺเต ปฏิคฺคณฺหโต จ ถูปีกตํ โหติ, วฏฺฏติ อถูปีกตสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, ปโยโค ปน นตฺถิ อฺตฺร ปุพฺพเทสา’’ติ เกนจิ วุตฺตํ, ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ‘‘น ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนํ ปมํ ถูปีกตสฺเสว ปจฺฉา ปฏิคฺคณฺหนํ ทีเปติ. น หิ หตฺถคเตปิ ปตฺเต ทิยฺยมานํ ถูปีกตํ คณฺหนฺโต ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต นาม น โหติ, น จ เตน สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคหิโตติ สกฺกา วิฺาตุํ. ‘‘ถูปีกต’’นฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทเส คยฺหมาเน อยมตฺโถ สุฏฺุตรํ ปากโฏเยวาติ.
ขมฺภกตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา
๖๐๘. จตุตฺถวคฺเค สปทานนฺติ เอตฺถ ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโต อปทานํ, อนวขณฺฑนนฺติ อตฺโถ. สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนวิรหิตํ ¶ , อนุปฏิปาฏิยาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา อนุปฏิปาฏิยา’’ติ.
๖๑๑. ยสฺมึ ¶ สมเย ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติ ราชาโน เภรึ จราเปนฺติ, อยํ มาฆาตสมโย นาม. อิธ อนาปตฺติยํ คิลาโน น อาคโต, ตสฺมา คิลานสฺสปิ อาปตฺติ. สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปเท อสฺจิจฺจ อสฺสติยาติ เอตฺถ ‘‘มุเข ปกฺขิปิตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ฉฑฺเฑนฺตสฺส อรุจิยา ปวิสนฺเต ‘อสฺจิจฺจา’ติ วุจฺจติ, วิฺตฺติมฺปิ อวิฺตฺติมฺปิ เอตสฺมึ าเน ิตํ สหสา คเหตฺวา ภฺุชนฺเต ‘อสฺสติยา’ติ วุจฺจตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
๖๑๔-๖๑๕. อุชฺฌาเน สฺา อุชฺฌานสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ อุชฺฌานสฺี. ‘‘มยูรณฺฑํ อติมหนฺต’’นฺติ วจนโต มยูรณฺฑปฺปมาโณ กพโฬ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘มยูรณฺฑโต มหนฺโต น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ‘‘นาติมหนฺต’’นฺติ จ อติมหนฺตสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ขุทฺทเก อาปตฺติ น ทิสฺสติ. ‘‘มยูรณฺฑํ อติมหนฺตํ, กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทกํ, เตสํ เวมชฺฌปฺปมาโณ’’ติ อิมินา ปน สารุปฺปวเสน ขุทฺทกมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปริจฺเฉโท น ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กพฬวคฺควณฺณนา
๖๑๘. ปฺจมวคฺเค สพฺพํ หตฺถนฺติ เอตฺถ หตฺถ-สทฺโท ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘หตฺถมุทฺทา’’ติอาทีสุ วิย, สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเวปิ วตฺตนโต เอกงฺคุลิมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ.
กพฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สุรุสุรุวคฺควณฺณนา
๖๒๗. ฉฏฺวคฺเค สีตีกโตติ สีตฏฺโฏ, สีตปีฬิโตติ วุตฺตํ โหติ. สิลกพุทฺโธติ ปริหาสวจนเมตํ. สิลกฺหิ กฺจิ ทิสฺวา ‘‘พุทฺโธ อย’’นฺติ โวหรนฺติ.
๖๓๔. วิลีวจฺฉตฺตนฺติ ¶ เวณุวิลีเวหิ กตํ ฉตฺตํ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ ตาลปณฺณํ สห ทณฺฑเกน ฉินฺทิตฺวา ตเมว ฉตฺตทณฺฑํ กโรนฺติ โคปาลกาทโย วิย, ตํ สนฺธาเยตํ ¶ วุตฺตํ. ฉตฺตปาทุกาย วา ิตํ โหตีติ เอตฺถ ฉตฺตปาทุกา วุจฺจติ ฉตฺตาธาโร. ยสฺมึ ฉตฺตํ อปตมานํ กตฺวา เปนฺติ, ตาทิสิกาย ฉตฺตปาทุกาย ิตํ ฉตฺตํ ‘‘ฉตฺต’’นฺติ อชฺฌาหริตพฺพํ. ‘‘ฉตฺตํ ฉตฺตปาทุกาย ิต’’นฺติปิ ปนฺติ, ตตฺถาปิ อยเมวตฺโถ.
๖๓๗. จาโปติ มชฺเฌ วงฺกา กาจทณฺฑสทิสา ธนุวิกติ. โกทณฺโฑติ วฏฺฏลทณฺฑา ธนุวิกติ. ปฏิมุกฺกนฺติ ปเวสิตํ ลคฺคิตํ.
สุรุสุรุวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา
๖๔๗. สตฺตมวคฺเค ปฏิจฺฉนฺโน หุตฺวาติ โส กิร รตฺติภาเค อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพํ อภิรุหิตฺวา สาขาย สาขํ อมฺพํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตสฺส ตถา กโรนฺตสฺเสว รตฺติ วิภายิ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อิทานิ โอตริตฺวา คมิสฺสามิ, ทิสฺวา มํ โจโรติ คเหสฺสนฺติ, รตฺติภาเค คมิสฺสามี’’ติ. อเถกํ วิฏปํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน อจฺฉิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โส รุกฺขโต โอตรนฺโต เอกํ โอลมฺพินิสาขํ คเหตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตเร ปติฏฺาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อนฺตรา รุกฺขโต ปติโต’’ติ. ปาฬิยา อตฺถํ น ชานนฺตีติ อตฺตโน คหณสฺส อตฺถํ น ชานนฺติ.
ชาตกปาฬิยํ (ชา. ๑.๔.๓๓) ปน อยํ คาถา –
‘‘สพฺพมิทํ จริมํ กตํ, อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร;
อุโภ ปกติยา จุตา, โย จายํ มนฺเตชฺฌาเปติ;
โย จ มนฺตํ อธียตี’’ติ. –
เอวมาคตา. ตสฺสายมตฺโถ (ชา. อฏฺ. ๓.๔.๓๓) – สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ ยํ อมฺเหหิ ตีหิ ชเนหิ กตํ, สพฺพมิทํ กิจฺจํ ลามกํ นิมฺมริยาทํ อธมฺมิกํ. เอวํ อตฺตโน ¶ โจรภาวํ เตสฺจ มนฺเตสุ อคารวํ ครหิตฺวา ปุน อิตเร ทฺเวเยว ครหนฺโต ‘‘อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุโภติ อิเม ทฺเวปิ ชนา ครุการารหํ โปราณกธมฺมํ น ปสฺสนฺติ, ตโตว ธมฺมปกติโต จุตา. ธมฺโม หิ ปมุปฺปตฺติวเสน ปกติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ธมฺโม ¶ หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ,
ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๒๘);
โย จายนฺติ โย จ อยํ นีเจ นิสีทิตฺวา มนฺเต อชฺฌาเปติ, โย จ อุจฺเจ นิสีทิตฺวา อธียตีติ.
สาลีนนฺติ อยํ คาถาปิ –
‘‘สาลีนํ โอทนํ ภฺุเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;
ตสฺมา เอตํ น เสวามิ, ธมฺมํ อิสีหิ เสวิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๓๔) –
เอวํ ชาตเก อาคตา. ตตฺถ สุจินฺติ ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ. มํสูปเสจนนฺติ นานปฺปการาย มํสวิกติยา สิตฺตํ ภฺุเช, ภฺุชามีติ อตฺโถ. เสสํ ปากฏเมว.
ธิรตฺถูติ ธิ อตฺถุ, นินฺทา ภวตูติ อตฺโถ, ครหาม ตํ มยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ลทฺธลาโภติ ธนลาภํ ยสลาภฺจ สนฺธาย วทติ. วินิปาตนเหตุนาติ วินิปาตนสฺส เหตุภาเวน. วุตฺติ นาม โหตีติ ยถาวุตฺโต ทุวิโธปิ ลาโภ อปายสํวตฺตนิกตาย สมฺปราเย วินิปาตนเหตุภาเวน ปวตฺตนโต สมฺปติ อธมฺมจรเณน ปวตฺตนโต จ วุตฺติ นาม โหตีติ อตฺโถ. เอวรูปา ยา วุตฺตีติ เอวรูปา ธนลาภยสลาภสงฺขาตา ยา วุตฺติ. อธมฺมจรเณน วาติ วา-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. ตฺวนฺติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ตํ อิจฺเจว วา ปาโ. อสฺมาติ ปาสาณาธิวจนเมตํ.
ปาทุกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เสสํ อุตฺตานเมว.
เสขิยกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
อธิกรณสมเถสุ ¶ ¶ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถายํ อาคตฏฺาเนเยว ทสฺสยิสฺสาม.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ภิกฺขุวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวิภงฺโค นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา
๑. ปาราชิกกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)
๑. ปมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๕๖. ภิกฺขุนีวิภงฺเค ¶ ¶ โยติ โย ภิกฺขุนีนํ วิภงฺโค. มิคารนตฺตาติ มชฺฌปทโลเปเนตํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘มิคารมาตุยา ปน นตฺตา โหตี’’ติ. มิคารมาตาติ วิสาขาเยตํ อธิวจนํ. นวกมฺมาธิฏฺายิกนฺติ นวกมฺมสํวิธายิกํ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตํ ธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ ‘‘สติปุพฺพงฺคมาย ปฺายา’’ติ. สติ ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ สติปุพฺพงฺคมา. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานภาโว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ วิย. อตฺถคฺคหเณ ปน ปฺาย พฺยาปาโร อธิโก ปฏิวิชฺฌิตพฺพสฺส อตฺถสฺส อติคมฺภีรตฺตาติ อาห ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา’’ติ. อาลสิยวิรหิตาติ โกสชฺชรหิตา. ยถา ¶ อฺา กุสีตา นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺนาว โหนฺติ, ิตฏฺาเน ิตาว, เอวํ อหุตฺวา วิปฺผาริเกน จิตฺเตน สพฺพกิจฺจํ นิปฺผาเทติ.
สพฺพา ภิกฺขุนิโย สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทาติ ทุวิธา. ครุธมฺมปอคฺคหเณน หิ ลทฺธูปสมฺปทา มหาปชาปติโคตมี สตฺถุสนฺติกาว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา นาม. เสสา สพฺพาปิ สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทา. ตาปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตอุปสมฺปนฺนาติ ทุวิธา. ตตฺถ ยา ตา มหาปชาปติโคตมิยา สทฺธึ นิกฺขนฺตา ปฺจสตา สากิยานิโย, ตา เอกโตอุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุสงฺฆโต เอว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา, อิตรา อุภโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนตฺตา. เอหิภิกฺขุนีภาเวน อุปสมฺปนฺนา ปน ภิกฺขุนิโย น สนฺติ ตาสํ ตถา ¶ อุปสมฺปทาย อภาวโต. ยทิ เอวํ ‘‘เอหิ ภิกฺขุนี’’ติ อิธ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เทสนาย โสตปติตภาวโต. อยฺหิ โสตปติตตา นาม กตฺถจิ ลพฺภมานสฺสปิ อคฺคหเณน โหติ, ยถา อภิธมฺเม มโนธาตุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๑๖๐-๑๖๑) ลพฺภมานมฺปิ ฌานงฺคํ ปฺจวิฺาณโสเต ปติตาย น อุทฺธฏํ กตฺถจิ เทสนาย อสมฺภวโต, ยถา ตตฺเถว วตฺถุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๙๘๔ อาทโย) หทยวตฺถุ. กตฺถจิ อลพฺภมานสฺสปิ คหณวเสน ยถาิตกปฺปีนิทฺเทเส. ยถาห –
‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ิตกปฺปี? อยฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กปฺโป อุฑฺฑยฺเหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกเรยฺยา’’ติ (ปุ. ป. ๑๗).
เอวมิธาปิ อลพฺภมานคหณวเสน เวทิตพฺพํ. ปริกปฺปวจนฺเหตํ ‘‘สเจ ภควา ภิกฺขุนีภาวโยคฺยํ กฺจิ มาตุคามํ ‘เอหิ ภิกฺขุนี’ติ วเทยฺย, เอวํ ภิกฺขุนีภาโว สิยา’’ติ.
กสฺมา ปน ภควา เอวํ น กเถสีติ? ตถา กตาธิการานํ อภาวโต. เย ปน ‘‘อนาสนฺนาสนฺนิหิตภาวโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ภิกฺขู เอว หิ สตฺถุ อาสนฺนจาริโน สทา สนฺนิหิตา จ โหนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘เอหิภิกฺขู’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, น ภิกฺขุนิโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ สตฺถุ อาสนฺนทูรภาวสฺส ภพฺพาภพฺพภาวสิทฺธตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สงฺฆาฏิกณฺเณ ¶ เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ อสฺส ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺโต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากตินฺทฺริโย, อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต น มํ ปสฺสติ. โยชนสเต เจปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย, โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิตฺโต อปฺปทุฏฺมนสงฺกปฺโป อุปฏฺิตสฺสติ ¶ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต สํวุตินฺทฺริโย, อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
ตสฺมา อการณํ เทสโต สตฺถุ อาสนฺนานาสนฺนตา. อกตาธิการตาย ปน ภิกฺขุนีนํ เอหิภิกฺขุนูปสมฺปทาย อโยคฺยตา เวทิตพฺพา.
ยทิ เอวํ ยํ ตํ เถรีคาถาสุ ภทฺทาย กุณฺฑลเกสาย วุตฺตํ –
‘‘นิหจฺจ ชาณุํ วนฺทิตฺวา, สมฺมุขา อฺชลึ อกํ;
เอหิ ภทฺเทติ มํ อวจ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติ. (เถรีคา. ๑๐๙);
ตถา อปทาเนปิ –
‘‘อายาจิโต ตทา อาห, เอหิ ภทฺเทติ นายโก;
ตทาหํ อุปสมฺปนฺนา, ปริตฺตํ โตยมทฺทส’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๓.๔๔);
ตํ กถนฺติ? นยิทํ เอหิภิกฺขุนีภาเวน อุปสมฺปทํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุปสมฺปทาย ปน เหตุภาวโต ‘‘ยา สตฺถุ อาณตฺติ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติ วุตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (เถรีคา. อฏฺ. ๑๑๑) ‘‘เอหิ ภทฺเท ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพช อุปสมฺปชฺชสฺสูติ มํ อวจ อาณาเปสิ, สา สตฺถุ อาณา มยฺหํ อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อาสิ อโหสี’’ติ. อปทานคาถายมฺปิ เอวเมว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ตสฺมา ภิกฺขุนีนํ เอหิภิกฺขุนูปสมฺปทา นตฺถิเยวาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. ยถา เจตํ โสตปติตวเสน ‘‘เอหิ ¶ ภิกฺขุนี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขุนี’’ติ อิทมฺปิ โสตปติตวเสเนว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ สรณคมนูปสมฺปทายปิ ภิกฺขุนีนํ อสมฺภวโต.
๖๕๙. ภิกฺขุวิภงฺเค ‘‘กายสํสคฺคํ สาทิเยยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘สมาปชฺเชยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภิกฺขุ อาปตฺติยา น กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ตพฺพหุลนเยนาติ กิริยาสมุฏฺานสฺเสว พหุลภาวโต. ทิสฺสติ หิ ตพฺพหุลนเยน ตพฺโพหาโร ยถา ‘‘พฺราหฺมณคาโม’’ติ. พฺราหฺมณคาเมปิ ¶ หิ อนฺตมโส รชกาทีนิ ปฺจ กุลานิ สนฺติ. สาติ กิริยาสมุฏฺานตา.
๖๖๒. ตเถวาติ กายสํสคฺคราเคน อวสฺสุโตเยวาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ปมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๖๖. ทุติเย ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ อยฺเย ชานํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺน’’นฺติ วจนโต ‘‘อุทฺทิฏฺา โข อยฺยาโย อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทิวจนโต จ ภิกฺขุนีวิภงฺคํ ปตฺวา สาธารณานิ สิกฺขาปทานิ ภิกฺขูนํ อุปฺปนฺนวตฺถุสฺมึเยว ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, อนฺตมโส ติรจฺฉานคเตนปิ, ปาราชิกา โหติ อสํวาสา’’ติอาทินา นเยน สวิเสสมฺปิ อวิเสสมฺปิ มาติกํ เปตฺวา อนุกฺกเมน ปทภาชนํ อาปตฺติเภทํ ติกจฺเฉทํ อนาปตฺติวารฺจ อนวเสสํ วตฺวา วิตฺถาเรสิ. สงฺคีติการเกหิ ปน อสาธารณปฺตฺติโยเยว อิธ วิตฺถาริตาติ เวทิตพฺพา.
อถ อุปริเมสุ ทฺวีสุ อปฺตฺเตสุ อฏฺนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตรนฺติ อิทํ วจนํ น ยุชฺชตีติ อาห ‘‘อิทฺจ ปาราชิกํ ปจฺฉา ปฺตฺต’’นฺติอาทิ. ยทิ เอวํ อิมสฺมึ โอกาเส กสฺมา ปิตนฺติ อาห ‘‘ปุริเมน ปน สทฺธึ ยุคฬตฺตา’’ติอาทิ, ปุริเมน สทฺธึ เอกสมฺพนฺธภาวโต อิธ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘อฏฺนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตร’’นฺติ วจนโต จ วชฺชปฏิจฺฉาทิกํ ยา ปฏิจฺฉาเทติ, สาปิ วชฺชปฏิจฺฉาทิกาเยวาติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ วชฺชปฏิจฺฉาทนํ เปมวเสน โหติ, ตถาปิ สิกฺขาปทวีติกฺกมจิตฺตํ โทมนสฺสิตเมว โหตีติ กตฺวา ‘‘ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ทุติยปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๗๕. จตุตฺเถ โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสนาติ โลกสฺสาทสงฺขาตสฺส มิตฺตสนฺถวสฺส วเสน. วุตฺตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘กายสํสคฺคราเคนา’’ติ วุตฺตํ.
ติสฺสิตฺถิโย เมถุนํ ตํ น เสเวติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๑) ยา ติสฺโส อิตฺถิโย วุตฺตา, ตาสุปิ ยํ ตํ เมถุนํ นาม, ตํ น เสวติ. ตโย ปุริเสติ ตโย ปุริเสปิ อุปคนฺตฺวา เมถุนํ น เสวติ. ตโย จ อนริยปณฺฑเกติ อุภโตพฺยฺชนสงฺขาเต ตโย อนริเย, ตโย จ ปณฺฑเกติ อิเมปิ ฉ ชเน อุปคนฺตฺวา เมถุนํ น เสวติ. น จาจเร เมถุนํ พฺยฺชนสฺมินฺติ อนุโลมปาราชิกวเสนปิ อตฺตโน นิมิตฺเต เมถุนํ นาจรติ. เฉชฺชํ สิยา เมถุนธมฺมปจฺจยาติ สิยา เมถุนธมฺมปจฺจยา ปาราชิกนฺติ อยํ ปฺโห อฏฺวตฺถุกํว สนฺธาย วุตฺโต. ตสฺสา หิ เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพภาคกายสํสคฺคํ อาปชฺชิตุํ วายมนฺติยา เมถุนธมฺมปจฺจยา เฉชฺชํ โหติ. เฉโทเยว เฉชฺชํ.
เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพภาคตฺตาติ อิมินา เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพภาคภูโต กายสํสคฺโคเยว ตตฺถ เมถุนธมฺม-สทฺเทน วุตฺโต, น ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตีติ ทีเปติ. วณฺณาวณฺโณติ ทฺวีหิ สุกฺกวิสฺสฏฺิ วุตฺตา. คมนุปฺปาทนนฺติ สฺจริตฺตํ. สพฺพปเทสูติ ‘‘สงฺฆาฏิกณฺณคฺคหณํ สาทิเยยฺยา’’ติอาทีสุ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. กายสํสคฺคราโค, สอุสฺสาหตา, อฏฺมสฺส วตฺถุสฺส ปูรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
จตุตฺถปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุนีวิภงฺเค ปาราชิกกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๒. สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)
๑. ปมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๗๙. สงฺฆาทิเสสกณฺฑสฺส ¶ ¶ ปมสิกฺขาปเท ทฺวีสุ ชเนสูติ อฑฺฑการเกสุ ทฺวีสุ ชเนสุ. โย โกจีติ เตสุเยว ทฺวีสุ โย โกจิ, อฺโ วา เตหิ อาณตฺโต. ทุติยสฺส อาโรเจตีติ เอตฺถาปิ ทฺวีสุ ชเนสุ ยสฺส กสฺสจิ ทุติยสฺส กถํ โย โกจิ อาโรเจตีติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพติ อาห ‘‘ทุติยสฺส อาโรเจตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ. คติคตนฺติ จิรกาลปวตฺตํ.
อาปตฺตีติ อาปชฺชนํ. สห วตฺถุชฺฌาจาราติ วตฺถุวีติกฺกเมน สห. สหโยเค กรณวจนปฺปสงฺเค อิทํ นิสฺสกฺกวจนํ. ยนฺติ ยํ ธมฺมํ. นิสฺสาเรตีติ อาปนฺนํ ภิกฺขุนิสงฺฆมฺหา นิสฺสาเรติ. เหตุมฺหิ จายํ กตฺตุโวหาโร. นิสฺสารณเหตุภูโต หิ ธมฺโม นิสฺสารณีโยติ วุตฺโต. คีวาเยว โหติ, น ปาราชิกํ อนาณตฺติยา คหิตตฺตา. ยถา ทาสทาสีวาปีอาทีนิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ เตสํ อตฺถาย อฑฺฑกรณมฺปิ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อยํ อกปฺปิยอฑฺโฑ นาม, น วฏฺฏตี’’ติ.
เอตฺถ จ สเจ อธิกรณฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ เอโส ทาโส, ทาสี, วาปี, เขตฺตํ, อาราโม, อารามวตฺถุ, คาโว, อชา, กุกฺกุฏา’’ติอาทินา โวหรติ, อกปฺปิยํ. ‘‘อยํ อมฺหากํ อารามิโก, อยํ วาปี อิตฺถนฺนาเมน สงฺฆสฺส ภณฺฑโธวนตฺถาย ทินฺนา, อิโต เขตฺตโต อารามโต อุปฺปชฺชนกจตุปจฺจยา อิโต คาวิโต มหึสิโต อชาโต อุปฺปชฺชนกโครสา อิตฺถนฺนาเมน สงฺฆสฺส ทินฺนาติ ปุจฺฉิเต วา อปุจฺฉิเต วา วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อนากฑฺฒิตาย อฑฺฑกรณํ, อฑฺฑปริโยสานนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
ปมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๘๓. ทุติเย ¶ ¶ มลฺลคณภฏิปุตฺตคณาทิกนฺติอาทีสุ มลฺลคโณ นาม นารายนภตฺติโก ตตฺถ ตตฺถ ปานียฏฺปนโปกฺขรณีขณนาทิปฺุกมฺมการโก คโณ, ภฏิปุตฺตคโณ นาม กุมารภตฺติกคโณ. ธมฺมคโณติ สาสนภตฺติคโณ อเนกปฺปการปฺุกมฺมการกคโณ วุจฺจติ. คนฺธิกเสณีติ อเนกปฺปการสุคนฺธิวิกติการโก คโณ. ทุสฺสิกเสณีติ เปสการกคโณ. กปฺปคติกนฺติ กปฺปิยภาวํ คตํ.
วุฏฺาเปนฺติยาติ อุปสมฺปาเทนฺติยา. ‘‘โจรึ วุตฺตนเยน อนาปุจฺฉา ปพฺพาเชนฺติยา ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. ปณฺณตฺตึ อชานนฺตา อริยาปิ วุฏฺาเปนฺตีติ วา กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติกฺขเณ วิปากาพฺยากตสมงฺคิตาวเสน วา ‘‘ติจิตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. โจริตา, โจริสฺา, อฺตฺร อนฺุาตการณา วุฏฺาปนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ทุติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๙๒. ตติเย ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยาติ สกคามโต อฺสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา. ‘‘คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ หิ วจนโต อฺสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา เอว อาปตฺติ, น สกคามสฺส. อฺโ หิ คาโม คามนฺตรํ. อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารนฺติ เอตฺถ อุปจาร-สทฺเทน ฆรูปจารโต ปมเลฑฺฑุปาตสงฺขาตํ ปริกฺเขปารหฏฺานํ คหิตํ, น ตโต ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต อุปจาโรติ อาห ‘‘ปริกฺเขปารหฏฺาน’’นฺติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วุตฺตํ. อฺถา ยถา วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปเท ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ วเทยฺย. สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิมาห. วิหารสฺส ¶ จตุคามสาธารณตฺตาติ อิมินา ‘‘วิหารโต เอกํ คามํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺถ ¶ การณมาห. วิหารสฺส จตุคามสาธารณตฺตาเยว หิ จตูสุ คาเมสุ ยํกิฺจิ เอกํ คามํ คนฺตุํ วฏฺฏติ.
ยตฺถาติ ยสฺสํ นทิยํ. ‘‘ปมํ ปาทํ อุตฺตาเรนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส, ทุติยํ ปาทํ อุตฺตาเรนฺติยา อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ วจนโต นทึ โอตริตฺวา ปทสา อุตฺตรนฺติยา เอว อาปตฺตีติ อาห ‘‘เสตุนา คจฺฉติ, อนาปตฺตี’’ติอาทิ. ปรตีรเมว อกฺกมนฺติยา อนาปตฺตีติ นทึ อโนตริตฺวา ยานนาวาทีสุ อฺตเรน คนฺตฺวา ปรตีรเมว อกฺกมนฺติยา อนาปตฺติ. อุภยตีเรสุ วิจรนฺติ, วฏฺฏตีติ อิทํ อสติปิ นทีปารคมเน อุปริ วกฺขมานสฺส วินิจฺฉยสฺส ผลมตฺตทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โอริมตีรเมว อาคจฺฉติ, อาปตฺตีติ ปรตีรํ คนฺตุกามตาย โอติณฺณตฺตา วุตฺตํ. ตเมว ตีรนฺติ ตเมว โอริมตีรํ. อนาปตฺตีติ ปรตีรํ คนฺตุกามตาย อภาวโต อนาปตฺติ.
ตาทิเส อรฺเติ ‘‘พหิอินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) เอวํ วุตฺตลกฺขเณ อรฺเ. อถ ตาทิสสฺเสว อรฺสฺส คหิตภาโว กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ. อิมินา หิ อฏฺกถาวจเนน อีทิเสปิ คามสมีเป ทสฺสนูปจาเร วิชหิเต สติปิ สวนูปจาเร อาปตฺติ โหตีติ วิฺายติ. มคฺคมูฬฺหา อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺตีติ อาห ‘‘มคฺคมูฬฺหสทฺเทน วิยา’’ติ. สทฺทายนฺติยาติ สทฺทํ กโรนฺติยา. ปุริมาโยติ ปุเรตรํ คจฺฉนฺติโย. อฺํ มคฺคํ คณฺหาตีติ มคฺคมูฬฺหตฺตา, น โอหาตุํ, ตสฺมา ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อนนฺตราเยน เอกภาโว, คามนฺตรคมนาทีสุ อฺตรตาปชฺชนํ, อาปทาย อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ตติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๙๔. จตุตฺเถ การกคณสฺสาติ อุกฺเขปนียกมฺมการกคณสฺส. เตจตฺตาลีสปฺปเภทํ วตฺตํ ขนฺธเก อาวิ ภวิสฺสติ. เนตฺถารวตฺเตติ นิตฺถรณเหตุมฺหิ ¶ วตฺเต. เสสํ อุตฺตานเมว. ธมฺเมน กมฺเมน อุกฺขิตฺตตา, อฺตฺร อนฺุาตการณา โอสารณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
จตุตฺถสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๐๑. ปฺจเม ¶ เอตํ น วุตฺตนฺติ ‘‘ภิกฺขุนิยา อวสฺสุตภาโว ทฏฺพฺโพ’’ติ เอตํ นิยมนํ น วุตฺตํ. ตนฺติ ตํ นิยเมตฺวา อวจนํ. ปาฬิยา สเมตีติ ‘‘เอกโต อวสฺสุเต’’ติ อวิเสเสตฺวา วุตฺตปาฬิยา ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ อิมาย จ ปาฬิยา สเมติ. ยทิ หิ ปุคฺคลสฺส อวสฺสุตภาโว นปฺปมาณํ, กึ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี’’ติ อิมินา วจเนน, ‘‘อนาปตฺติ อุภโตอนวสฺสุตา โหนฺติ, อนวสฺสุตา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘อุภโตอนวสฺสุตา โหนฺติ, อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ อิมสฺส จ อนาปตฺติวารสฺส อยมตฺโถ. อุโภ เจ อนวสฺสุตา, สพฺพถาปิ อนาปตฺติ. อถ ภิกฺขุนี อนวสฺสุตา สมานา อวสฺสุตมฺปิ ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ สฺาย ตสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, เอวมฺปิ อนาปตฺติ. อถ สยํ อนวสฺสุตาปิ อฺํ อนวสฺสุตํ วา อวสฺสุตํ วา ‘‘อวสฺสุโต’’ติ ชานาติ, ทุกฺกฏเมว. วุตฺตฺเหตํ อนนฺตรสิกฺขาปเท ‘‘กิสฺส ตฺวํ อยฺเย น ปฏิคฺคณฺหาสีติ. อวสฺสุตา อยฺเยติ. ตฺวํ ปน อยฺเย อวสฺสุตาติ. นาหํ อยฺเย อวสฺสุตา’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุทกทนฺตโปนโต อฺํ อชฺโฌหรณียํ, อุภโตอวสฺสุตตา, สหตฺถา คหณํ, อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ปฺจมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉฏฺสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๐๕. ฉฏฺเ ปริวารคาถาย อยมตฺโถ. น เทติ น ปฏิคฺคณฺหาตีติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๑) น อุยฺโยชิกา เทติ, นาปิ อุยฺโยชิตา ตสฺสา หตฺถโต คณฺหาติ ¶ . ปฏิคฺคโห เตน น วิชฺชตีติ เตเนว การเณน อุยฺโยชิกาย หตฺถโต อุยฺโยชิตาย ปฏิคฺคโห น วิชฺชติ. อาปชฺชติ ครุกนฺติ เอวํ สนฺเตปิ อวสฺสุตสฺส หตฺถโต ปิณฺฑคฺคหเณ อุยฺโยเชนฺตี สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ อาปชฺชติ. ตฺจ ปริโภคปจฺจยาติ ตฺจ ปน อาปตฺตึ อาปชฺชมานา ตสฺสา อุยฺโยชิตาย ปริโภคปจฺจยา อาปชฺชติ. ตสฺสา หิ โภชนปริโยสาเน อุยฺโยชิกาย สงฺฆาทิเสโส โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. มนุสฺสปุริสตา, อฺตฺร อนฺุาตการณา ขาทนียํ โภชนียํ คเหตฺวา ภฺุชาติ อุยฺโยชนา, เตน วจเนน คเหตฺวา อิตริสฺสา โภชนปริโยสานนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ฉฏฺสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สตฺตมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๐๙. สตฺตเม ¶ กินฺนุมาว สมณิโยติ กึ นุ อิมา เอว สมณิโย. ตาสาหนฺติ ตาสํ อหํ. เสสํ อุตฺตานเมว.
สตฺตมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นวมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๒๑. นวเม วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกาติ ขุทฺทานุขุทฺทกวชฺชสฺส ปฏิจฺฉาทิกา. สมนุภาสนกมฺมกาเล เจตฺถ ทฺเว ติสฺโส เอกโต สมนุภาสิตพฺพา.
นวมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุนีวิภงฺเค สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๓. นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)
๗๓๓. นิสฺสคฺคิเยสุ ¶ ¶ ปมํ อุตฺตานเมว.
๗๔๐. ทุติเย ‘‘อยฺยาย ทมฺมีติ เอวํ ปฏิลทฺธนฺติ นิสฺสฏฺปฏิลทฺธํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ ‘‘นิสฺสฏฺํ ปฏิลภิตฺวาปิ ยถาทาเนเยว อุปเนตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาทาเนเยว อุปเนตพฺพนฺติ ยถา ทายเกน ทินฺนํ, ตถา อุปเนตพฺพํ, อกาลจีวรปกฺเขเยว เปตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ ภาชาปิตาย ลทฺธจีวรเมว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตํ วินยกมฺมํ กตฺวาปิ อตฺตนา น ลภติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อกาลจีวรตา, ตถาสฺิตา, กาลจีวรนฺติ อธิฏฺาย เลเสน ภาชาปนํ, ปฏิลาโภติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
๗๔๓. ตติเย เมตนฺติ เม เอตํ. สกสฺาย คหิตตฺตา ปาจิตฺติยํ ทุกฺกฏฺจ วุตฺตํ. อิตรถา ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพํ. อุปสมฺปนฺนตา, ปริวตฺติตจีวรสฺส วิกปฺปนุปคตา, สกสฺาย อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
๗๔๘-๗๕๒. จตุตฺเถ อาหฏสปฺปึ ทตฺวาติ อตฺตโน ทตฺวา. ยมกํ ปจิตพฺพนฺติ สปฺปิฺจ เตลฺจ เอกโต กตฺวา ปจิตพฺพํ. เลเสน คเหตุกามตา, อฺสฺส วิฺาปนํ, ปฏิลาโภติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
๗๕๓. ปฺจเม สาติ ถุลฺลนนฺทา. อยนฺติ อยํ สิกฺขมานา. เจตาเปตฺวาติ ชานาเปตฺวา อิจฺเจว อตฺโถติ อิธ วุตฺตํ, มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อฺเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘อฺํ เจตาเปตฺวาติ อตฺตโน กปฺปิยภณฺเฑน อิทํ นาม อาหราติ อฺํ ปริวตฺตาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘เจตาเปตฺวา’’ติ อิมสฺส ปริวตฺตาเปตฺวาติปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺํ เจตาเปยฺยาติ ‘‘เอวํ เม อิทํ ทตฺวา อฺมฺปิ อาหริสฺสตี’’ติ มฺมานา ‘‘น เม อิมินา อตฺโถ, อิทํ นาม เม อาหรา’’ติ ตโต อฺํ เจตาเปยฺย.
๗๕๘. ฉฏฺเ ¶ ¶ ธมฺมกิจฺจนฺติ ปฺุกมฺมํ. ปาวาริกสฺสาติ ทุสฺสวาณิชกสฺส. ยาย เจตาปิตํ, ตสฺสาเยว นิสฺสคฺคิยํ นิสฺสฏฺปฏิลาโภ จ, ตสฺมา ตาย ภิกฺขุนิยา นิสฺสฏฺํ ปฏิลภิตฺวา ยถาทาเน อุปเนตพฺพํ, น อตฺตนา คเหตพฺพํ. อฺสฺสตฺถายาติ จีวราทีสุ อฺตรสฺสตฺถาย. อฺุทฺทิสิเกนาติ ปุริมสฺเสวตฺถทีปนํ. ปริกฺขาเรนาติ กปฺปิยภณฺเฑน.
๗๖๔. สตฺตเม สยํ ยาจิตเกนาติ สยํ ยาจิตเกนาปีติ อตฺโถ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘เตน จ ปริกฺขาเรน สยมฺปิ ยาจิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตโตเยว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘สฺาจิเกนาติ สยํ ยาจิตเกนาปี’’ติ อตฺโถ วุตฺโต.
๗๖๘-๗๗๓. อฏฺมนวมทสมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๗๘๔. เอกาทสเม ยสฺมา ปวาริตฏฺาเน วิฺตฺติ นาม น ปฏิเสเธตพฺพา, ตสฺมา ภควา ธมฺมนิมนฺตนวเสน ปวาริตฏฺาเน ‘‘วเทยฺยาสิ เยนตฺโถ’’ติ วุตฺตาย ‘‘จตุกฺกํสปรมํ วิฺาเปตพฺพ’’นฺติ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ครุปาวุรณสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘เจตาเปตพฺพนฺติ เปตฺวา สหธมฺมิเก จ าตกปวาริเต จ อฺเน กิสฺมิฺจิเทว คุเณ ปริตุฏฺเน วเทยฺยาสิ เยนตฺโถติ วุตฺตาย วิฺาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ภิกฺขุนีวิภงฺเค นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๔. ปาจิตฺติยกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)
๑. ลสุณวคฺควณฺณนา
๗๙๓-๗๙๗. ปาจิตฺติเยสุ ¶ ¶ ลสุณวคฺคสฺส ปเม ชาตึ สรตีติ ชาติสฺสโร. สภาเวเนวาติ สูปสมฺปากาทึ วินาว. พทรสาฬวํ นาม พทรผลานิ สุกฺขาเปตฺวา จุณฺเณตฺวา กตฺตพฺพา ขาทนียวิกติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อามกลสุณฺเจว อชฺโฌหรณฺจาติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
๗๙๘-๘๐๒. ทุติยตติยจตุตฺถานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๘๑๒. ปฺจเม ทฺวินฺนํ ปพฺพานํ อุปรีติ เอตฺถ ทฺวินฺนํ องฺคุลีนํ สห ปเวสเน เอเกกาย องฺคุลิยา เอเกกํ ปพฺพํ กตฺวา ทฺวินฺนํ ปพฺพานํ อุปริ. เอกงฺคุลิปเวสเน ทฺวินฺนํ ปพฺพานํ อุปริ น วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. มหาปจฺจริยมฺปิ อยเมว นโย ทสฺสิโต. อุทกสุทฺธิปจฺจเยน ปน สติปิ ผสฺสสาทิยเน ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท อนาปตฺติ.
๘๑๕-๘๑๗. ฉฏฺเ อาสุมฺภิตฺวาติ ปาเตตฺวา. ทธิมตฺถูติ ทธิมณฺฑํ ทธิมฺหิ ปสนฺโนทกํ. ภฺุชนฺตสฺส ภิกฺขุโน หตฺถปาเส านํ, ปานียสฺส วา วิธูปนสฺส วา คหณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
๘๒๒. สตฺตเม ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ ปุพฺพปโยคทุกฺกฏสฺส นิทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘น เกวลํ ปฏิคฺคหเณเยว โหตี’’ติอาทิ. ปมาณนฺติ ปาจิตฺติยาปตฺติยา ปมาณํ. อิเมหิเยว ทฺวีหิ ปาจิตฺติยํ โหติ, นาฺเหิ ภชฺชนาทีหีติ อตฺโถ. วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาห. ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธนฺติ ปุนปิ วุตฺตนฺติ วุตฺตวาทํ สนฺธายาห. อฺาย วิฺตฺติยา ลทฺธมฺปิ หิ อนาณตฺติยา วิฺตฺติยา อิมิสฺสา ¶ อวิฺตฺติยา ลทฺธปกฺขํ ภชติ, ตสฺมา เหฏฺา อวิฺตฺติยา ลทฺเธ กรณการาปเนสุ วิเสสํ อวตฺวา อิธ วิเสสวจนํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ. ยทิ เจตฺถ กรเณ ปาจิตฺติยํ, การาปเนปิ ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพํ. อถ การาปเน ทุกฺกฏํ, กรเณปิ ทุกฺกเฏเนว ภวิตพฺพํ. น หิ กรเณ วา การาปเน วา วิเสโส อตฺถิ, ตสฺมา อฺาย วิฺตฺติยา ¶ ลทฺธํ สยํ ภชฺชนาทีนิ กตฺวาปิ การาเปตฺวาปิ ภฺุชนฺติยา ทุกฺกฏเมวาติ อิทเมตฺถ สนฺนิฏฺานํ. อวิเสเสน วุตฺตนฺติ กรณการาปนานํ สามฺโต วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สตฺตนฺนํ ธฺานํ อฺตรสฺส วิฺาปนํ วา วิฺาปาปนํ วา, ปฏิลาโภ, ภชฺชนาทีนิ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา อชฺโฌหรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
๘๒๔. อฏฺเม นิพฺพิฏฺโติ ปติฏฺาปิโต. เกณีติ รฺโ ทาตพฺพสฺส อายสฺเสตํ อธิวจนํ. านนฺตรนฺติ คามชนปทาทิานนฺตรํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุจฺจาราทิภาโว, อนวโลกนํ, วฬฺชนฏฺานํ, ติโรกุฏฺฏปาการตา, ฉฑฺฑนํ วา ฉฑฺฑาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
๘๓๐. นวเม สพฺเพสนฺติ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ. อิธ เขตฺตปาลกา อารามาทิโคปกา จ สามิกา เอว.
๘๓๖. ทสเม เอกปโยเคนาติ เอกทิสาวโลกนปโยเคน. เตสํเยวาติ เยสํ นจฺจํ ปสฺสติ. กิฺจาปิ สยํ นจฺจนาทีสุ ปาจิตฺติยํ ปาฬิยํ น วุตฺตํ, ตถาปิ อฏฺกถาปมาเณน คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘อาราเม ตฺวาติ น เกวลํ ตฺวา, ตโต ตโต คนฺตฺวาปิ สพฺพิริยาปเถหิ ลภติ, ‘อาราเม ิตา’ติ ปน อารามปริยาปนฺนภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิตรถา นิสินฺนาปิ น ลเภยฺยา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. นจฺจาทีนํ อฺตรตา, อฺตฺร อนฺุาตการณา คมนํ, ทสฺสนํ วา สวนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ลสุณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อนฺธการวคฺควณฺณนา
๘๔๑. อนฺธการวคฺคสฺส ปเม ทาเน วา ปูชาย วาติ ทานนิมิตฺตํ วา ปูชานิมิตฺตํ วา. ¶ มนฺเตตีติ กเถติ. รตฺตนฺธการตา, ปุริสสฺส หตฺถปาเส านํ วา สลฺลปนํ วา, สหายาภาโว, รโหเปกฺขตาติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
๘๔๒-๘๔๖. ทุติยตติยจตุตฺถานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๘๕๖-๘๕๗. ปฺจเม ¶ อโนวสฺสกํ อติกฺกาเมนฺติยาติ ฉนฺนสฺส อนฺโต นิสีทิตฺวา ปกฺกมนฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ’’ติ วทนฺติ. ปลฺลงฺกสฺส อโนกาเสติ อูรุพทฺธาสนสฺส อโนกาเส อปฺปโหนฺเต. ปุเรภตฺตตา, อนฺตรฆเร นิสชฺชา, อาสนสฺส ปลฺลงฺโกกาสตา, อฺตฺร อนฺุาตการณา อนาปุจฺฉนํ, วุตฺตปริจฺเฉทาติกฺกโมติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
๘๕๙-๘๖๔. ฉฏฺสตฺตมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
อนฺธการวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. นคฺควคฺควณฺณนา
๘๘๓-๘๘๗. นคฺควคฺคสฺส ปมทุติยานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๘๙๓. ตติเย วิสิพฺเพตฺวาติ ทุสฺสิพฺพิตํ ปุน สิพฺพนตฺถาย วิสิพฺเพตฺวา วิชเฏตฺวา. อฺตฺร จตูหปฺจาหาติ วิสิพฺพิตทิวสโต ปฺจ ทิวเส อติกฺกมิตฺวา. นิวาสนปาวุรณูปคจีวรตา, อุปสมฺปนฺนาย สนฺตกตา, สิพฺพนตฺถาย วิสิพฺพนํ วา วิสิพฺพาปนํ วา, อฺตฺร อนฺุาตการณา ปฺจาหาติกฺกโม, ธุรนิกฺเขโปติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
๘๙๘. จตุตฺเถ ปฺจนฺนํ จีวรานนฺติ ติจีวรํ อุทกสาฏิกา สงฺกจฺจิกาติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ จีวรานํ. ปฺจนฺนํ จีวรานํ อฺตรตา, ปฺจาหาติกฺกโม, อนฺุาตการณาภาโว, อปริวตฺตนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
๙๐๗. ฉฏฺเ ¶ จีวรลาภนฺติ ลภิตพฺพจีวรํ. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมตา, สงฺฆสฺส ปริณตภาโว, วินา อานิสํสทสฺสเนน อนฺตรายกรณนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
๙๑๖. อฏฺเม ¶ กุมฺภถูณํ นาม กุมฺภสทฺโท, เตน จรนฺติ กีฬนฺติ, ตํ วา สิปฺปํ เอเตสนฺติ กุมฺภถูณิกา. เตนาห ‘‘ฆฏเกน กีฬนกา’’ติ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๓) ปน ‘‘กุมฺภถูณํ นาม จตุรสฺสอมฺพณกตาฬ’’นฺติ วุตฺตํ. จตุรสฺสอมฺพณกตาฬํ นาม รุกฺขสารทนฺตาทีสุ เยน เกนจิ จตุรสฺสอมฺพณํ กตฺวา จตูสุ ปสฺเสสุ จมฺเมน โอนนฺธิตฺวา กตวาทิตภณฺฑํ. พิมฺพิสกนฺติปิ ตสฺเสว เววจนํ, ตํ วาเทนฺติ, ตํ วา สิปฺปํ เอเตสนฺติ กุมฺภถูณิกา. เตนาห ‘‘พิมฺพิสกวาทกาติปิ วทนฺตี’’ติ. สมณจีวรตา, เปตฺวา สหธมฺมิเก มาตาปิตโร จ อฺเสํ ทานํ, อตาวกาลิกตาติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
๙๒๗. ทสเม ธมฺมิกํ กถินุทฺธารนฺติ สพฺพาสํ ภิกฺขุนีนํ อกาลจีวรํ ทาตุกาเมน อุปาสเกน ยตฺตโก อตฺถารมูลโก อานิสํโส, ตโต อธิกํ วา สมกํ วา ทตฺวา ยาจิตเกน สมคฺเคน ภิกฺขุนิสงฺเฆน ยํ กถินํ ตฺติทุติเยน กมฺเมน อนฺตรา อุทฺธรียติ, ตสฺส โส อุทฺธาโร ธมฺมิโกติ วุจฺจติ, เอวรูปํ กถินุทฺธารนฺติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
นคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๙๓๒. ตุวฏฺฏวคฺเค สพฺพํ อุตฺตานเมว.
๕. จิตฺตาคารวคฺควณฺณนา
๙๗๘. จิตฺตาคารวคฺคสฺส ปเม กีฬนอุปวนนฺติ อนฺโตนคเร ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, กีฬนุยฺยานนฺติ พหินคเร ิตํ สนฺธาย. ปาเฏกฺกา อาปตฺติโยติ คีวาย ปริวฏฺฏนปฺปโยคคณนาย อาปตฺติโย, น อุมฺมีลนคณนาย. ‘‘อชฺฌาราเม ราชาคาราทีนิ กโรนฺติ ¶ , ตานิ ปสฺสนฺติยา อนาปตฺตี’’ติ วจนโต ‘‘อนฺโตอาราเม ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา นจฺจาทีนิ ปสฺสิตุํ ลภตี’’ติปิ สิทฺธํ.
๙๘๒. ทุติยาทีนิ ¶ อุตฺตานตฺถาเนว.
๑๐๑๕. นวเม หตฺถิอาทีสุ สิปฺป-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ, ตถา อาถพฺพณาทีสุ มนฺต-สทฺโท. ตตฺถ อาถพฺพณมนฺโต นาม อาถพฺพณเวทวิหิโต ปรูปฆาตกโร มนฺโต, ขีลนมนฺโต นาม ทารุสารขีลํ มนฺเตตฺวา ปถวิยํ ปเวเสตฺวา มารณมนฺโต, อคทปฺปโยโค วิสโยชนํ. นาคมณฺฑลนฺติ สปฺปานํ ปเวสนิวารณตฺถํ มณฺฑลพทฺธมนฺโต.
จิตฺตาคารวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐๒๑. อารามวคฺเค สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๐๖๗. คพฺภินิวคฺเคปิ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมว.
๘. กุมาริภูตวคฺควณฺณนา
๑๑๑๙. กุมาริภูตวคฺคสฺส ปเม สพฺพปมา ทฺเว มหาสิกฺขมานาติ คพฺภินิวคฺเค สพฺพปมํ วุตฺตา ทฺเว สิกฺขมานา. สิกฺขมานา อิจฺเจว วตฺตพฺพาติ สมฺมุติกมฺมาทีสุ เอวํ วตฺตพฺพา. คิหิคตาติ วา กุมาริภูตาติ วา น วตฺตพฺพาติ สเจ วทนฺติ, กมฺมํ กุปฺปตีติ อธิปฺปาโย. อิโต ปรํ นวมปริโยสานํ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๑๖๓. ทสเม อปุพฺพสมุฏฺานสีสนฺติ ปมปาราชิกสมุฏฺานาทีสุ เตรสสุ สมุฏฺาเนสุ อนนฺุาตสมุฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อิโต ปุพฺเพ ตาทิสสฺส สมุฏฺานสีสสฺส อนาคตตฺตา ‘‘อปุพฺพสมุฏฺานสีส’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๑๖๖. เอกาทสมาทีนิ ¶ อุตฺตานตฺถาเนว.
กุมาริภูตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ฉตฺตุปาหนวคฺควณฺณนา
๑๒๑๔. ฉตฺตุปาหนวคฺคสฺส ¶ เอกาทสเม อุปจารํ สนฺธายาติ สมนฺตา ทฺวาทสหตฺถุปจารํ สนฺธาย. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
ฉตฺตุปาหนวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
คิรคฺคสมชฺชาทีนิ อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานีติ วุตฺตตฺตา นจฺจนฺติ วา วณฺณกนฺติ วา อชานิตฺวาว ปสฺสนฺติยา วา นหายนฺติยา วา อาปตฺติสมฺภวโต วตฺถุอชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ, นจฺจนฺติ วา วณฺณกนฺติ วา ชานิตฺวา ปสฺสนฺติยา วา นหายนฺติยา วา อกุสเลเนว อาปชฺชนโต โลกวชฺชานีติ เวทิตพฺพานิ. โจรีวุฏฺาปนาทีนิ โจรีติอาทินา วตฺถุํ ชานิตฺวา กรเณ เอว อาปตฺติสมฺภวโต สจิตฺตกานิ, อุปสมฺปทาทีนํ เอกนฺตอกุสลจิตฺเตเนว อกตฺตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติวชฺชานิ. ‘‘อิธ สจิตฺตกาจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาชานนตาย อคฺคเหตฺวา วตฺถุชานนาชานนตาย คเหตพฺพา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
ภิกฺขุนีวิภงฺเค ขุทฺทกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
๕. ปาฏิเทสนียกณฺฑํ (ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา)
ปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒๒๘. ปาฏิเทสนียา ¶ ¶ นาม เย อฏฺ ธมฺมา สงฺเขเปเนว สงฺคหํ อารุฬฺหาติ สมฺพนฺโธ. ปาฬิวินิมุตฺตเกสูติ ปาฬิยํ อนาคเตสุ สปฺปิอาทีสุ.
ปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ นิฏฺิตํ.
เย ปน ปฺจสตฺตติ เสขิยา ธมฺมา อุทฺทิฏฺา, เย จ เตสํ อนนฺตรา สตฺตาธิกรณวฺหยา ธมฺมา อุทฺทิฏฺาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เตสนฺติ เตสํ เสขิยานํ. สตฺตาธิกรณวฺหยาติ สตฺตาธิกรณสมถสงฺขาตา. ตํ อตฺถวินิจฺฉยํ ตาทิสํเยว ยสฺมา วิทู วทนฺตีติ อตฺโถ.
ยถา นิฏฺิตาติ สมฺพนฺโธ. สพฺพาสวปหํ มคฺคนฺติ สพฺพาสววิฆาตกํ อรหตฺตมคฺคํ ปตฺวา สสนฺตาเน อุปฺปาเทตฺวา. ปสฺสนฺตุ นิพฺพุตินฺติ มคฺคาณโลจเนน นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺตุ, ปปฺโปนฺตูติ วา ปาโ. ตตฺถ นิพฺพุตินฺติ ขนฺธปรินิพฺพานํ คเหตพฺพํ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ.
ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
อุภโตวิภงฺคฏฺกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มหาวคฺค-ฏีกา
๑. มหาขนฺธกํ
โพธิกถาวณฺณนา
อิทานิ ¶ ¶ อุภโตวิภงฺคานนฺตรํ สงฺคหมาโรปิตสฺส มหาวคฺคจูฬวคฺคสงฺคหิตสฺส ขนฺธกสฺส อตฺถสํวณฺณนํ อารภิตุกาโม ‘‘อุภินฺนํ ปาติโมกฺขาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขวิภงฺคานํ. ปาติโมกฺขคฺคหเณน เหตฺถ เตสํ วิภงฺโค อเภเทน คหิโต. ยํ ขนฺธกํ สงฺคายึสูติ สมฺพนฺโธ. ขนฺธานํ สมูโห ขนฺธโก, ขนฺธานํ วา ปกาสนโต ทีปนโต ขนฺธโก. ‘‘ขนฺธา’’ติ เจตฺถ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาทิวินยกมฺมสงฺขาตา จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ‘‘ปฺตฺติโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ อคฺคิกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย. อปิจ ภาคราสฏฺตาเปตฺถ ยุชฺชติเยว ตาสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโต ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา. ขนฺธโกวิทาติ ปฺตฺติภาคราสฏฺวเสน ขนฺธฏฺเ โกวิทา.
ปทภาชนีเย ¶ เยสํ ปทานํ อตฺถา เยหิ อฏฺกถานเยหิ ปกาสิตาติ โยเชตพฺพํ. เต เจ ปุน วเทยฺยามาติ เต เจ อฏฺกถานเย ปุนปิ วเทยฺยาม. อถ วา ปทภาชนีเย เยสํ ปทานํ เย อตฺถา เหฏฺา ปกาสิตา, เต เจ อตฺเถ ปุน วเทยฺยามาติ โยเชตพฺพํ. อิมสฺมึ ปกฺเข หิ-สทฺโท ปทปูรเณ ทฏฺพฺโพ. ปริโยสานนฺติ สํวณฺณนาปริโยสานํ. อุตฺตานา เจว เย อตฺถาติ เย อตฺถา ปุพฺเพ อปกาสิตาปิ อุตฺตานา อคมฺภีรา.
๑. วิเสสการณํ นตฺถีติ ‘‘เยน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนเหตุภูโต ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน ¶ สมเยนา’’ติอาทินา วุตฺตการณํ วิย อิธ วิเสสการณํ นตฺถิ. อยมภิลาโปติ ‘‘เตน สมเยนา’’ติ อยมภิลาโป. กึ ปเนตสฺส วจเน ปโยชนนฺติ ยทิ วิเสสการณํ นตฺถิ, เอตสฺส วจเน กึ ปโยชนนฺติ อธิปฺปาโย. นิทานทสฺสนํ ปโยชนนฺติ โยเชตพฺพํ. ตเมว วิภาเวตุํ ‘‘ยา หิ ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
มหาเวลา วิย มหาเวลา, วิปุลวาลุกปฺุชตาย มหนฺโต เวลาตโฏ วิยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘มหนฺเต วาลิกราสิมฺหีติ อตฺโถ’’ติ. อุรุ มรุ สิกตา วาลุกา วณฺณุ วาลิกาติ อิเม สทฺทา สมานตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. เตนาห ‘‘อุรูติ วาลิกา วุจฺจตี’’ติ.
อิโต ปฏฺาย จ –
ยสฺมา สุตฺตนฺตปาฬีนํ, อตฺโถ สงฺเขปวณฺณิโต;
ตสฺมา มยํ กริสฺสาม, ตาสํ อตฺถสฺส ทีปนํ.
นชฺชาติ (อุทา. อฏฺ. ๑) นทติ สนฺทตีติ นที, ตสฺสา นชฺชา, นทิยา นินฺนคายาติ อตฺโถ. เนรฺชรายาติ ‘‘เนลฺชลายา’’ติ วตฺตพฺเพ ล-การสฺส ร-การํ กตฺวา ‘‘เนรฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลปณกาทิโทสรหิตสลิลายาติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘นีลํชลายาติ วตฺตพฺเพ เนรฺชรายาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, นามเมว วา เอตํ ตสฺสา นทิยาติ เวทิตพฺพํ. ตสฺสา นทิยา ตีเร ยตฺถ ภควา วิหาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิรุกฺขมูเล’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬว. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) เอตฺถ มคฺคาณํ โพธีติ วุตฺตํ, ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. ตทุภยมฺปิ โพธึ ภควา เอตฺถ ปตฺโตติ รุกฺโขปิ ‘‘โพธิรุกฺโข’’ตฺเวว นามํ ลภิ. อถ วา สตฺต โพชฺฌงฺเค พุชฺฌตีติ ภควา โพธิ. เตน พุชฺฌนฺเตน สนฺนิสฺสิตตฺตา โส รุกฺโข ¶ ‘‘โพธิรุกฺโข’’ติ นามํ ลภิ. อฏฺกถายํ ปน เอกเทเสเนว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มูเลติ สมีเป. ปมาภิสมฺพุทฺโธติ อนุนาสิกโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปมํ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. ปมนฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, ตสฺมา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สพฺพปมํ โพธิรุกฺขมูเล วิหรตีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
อถ ¶ โข ภควาติ เอตฺถ อถาติ ตสฺมึ สมเยติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ, ยสฺมึ สมเย อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา โพธิรุกฺขมูเล วิหรติ, ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. เตเนว อุทานปาฬิยํ (อุทา. ๒) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ วุตฺตํ. อถาติ วา ปจฺฉาติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา อภิสมฺโพธิโต ปจฺฉาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. โขติ ปทปูรเณ นิปาโต. สตฺต อหานิ สตฺตาหํ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ยสฺมา ภควา ตํ สตฺตาหํ นิรนฺตรตาย อจฺจนฺตเมว ผลสมาปตฺติสุเขน วิหาสิ, ตสฺมา ‘‘สตฺตาห’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ วุตฺตํ. เอกปลฺลงฺเกนาติ วิสาขปุณฺณมาย อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย อปราชิตปลฺลงฺกวเสน วชิราสเน นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย สกิมฺปิ อนุฏฺหิตฺวา ยถาภุชิเตน เอเกเนว ปลฺลงฺเกน.
วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ เอตฺถ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีสุ ปฺจสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติสงฺขาตา ภควโต ผลวิมุตฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน’’ติ. วิมุตฺตีติ จ อุปกฺกิเลเสหิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตสฺส วิมุตฺตภาโว, จิตฺตเมว วา ตถา วิมุตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตาย วิมุตฺติยา ชาตํ, สมฺปยุตฺตํ วา สุขํ วิมุตฺติสุขํ. ‘‘ยายํ, ภนฺเต, อุเปกฺขา สนฺเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๘) วจนโต อุเปกฺขาปิ เจตฺถ สุขมิจฺเจว เวทิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒) ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ. ภควา หิ จตุตฺถชฺฌานิกํ อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, น อิตรํ. อถ วา ‘‘เตสํ วูปสโม สุโข’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒) ยถา สงฺขารทุกฺขวูปสโม ‘‘สุโข’’ติ วุจฺจติ, เอวํ สกลกิเลสทุกฺขูปสมภาวโต อคฺคผเล ลพฺภมานา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว อิธ ‘‘สุข’’นฺติ เวทิตพฺพา.
อถาติ อธิการตฺเถ นิปาโต, โขติ ปทปูรเณ. เตสุ อธิการตฺเถน ‘‘อถา’’ติ อิมินา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนโต ¶ อฺํ อธิการํ ทสฺเสติ. โก ปเนโสติ? ปฏิจฺจสมอุปฺปาทมนสิกาโร. รตฺติยาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ปมนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจนํ ¶ . ภควา หิ ตสฺสา รตฺติยา สกลมฺปิ ปมํ ยามํ เตเนว มนสิกาเรน ยุตฺโต อโหสีติ.
ปจฺจยาการนฺติ อวิชฺชาทิปจฺจยธมฺมํ. ปฏิจฺจาติ ปฏิมุขํ คนฺตฺวา, การณสามคฺคึ อปฏิกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. ปฏิมุขคมนฺจ ปจฺจยสฺส การณสามคฺคิยา องฺคภาเวน ผลสฺส อุปฺปาทนเมว. อปฏิกฺขิปิตฺวาติ ปน วินา ตาย การณสามคฺคิยา องฺคภาวํ อคนฺตฺวา สยเมว น อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เอเตน การณพหุตา ทสฺสิตา. อวิชฺชาทิเอเกกเหตุสีเสน หิ เหตุสมูโห นิทฺทิฏฺโ. สหิเตติ สมุทิเต, อวินิพฺภุตฺเตติ อตฺโถ. อวิชฺชาทิโก หิ ปจฺจยธมฺโม สหิเตเยว อฺมฺํ อวินิพฺโภควุตฺติธมฺเม อุปฺปาเทติ. อิมินา ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมพหุตา ทสฺสิตา. อุภเยนปิ ‘‘เอกํ น เอกโต’’ติอาทินโย (วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส; วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๗) ทีปิโต โหติ. เอกโต หิ การณโต น อิธ กิฺจิ เอกํ ผลมตฺถิ, น อเนกํ, นาปิ อเนเกหิ การเณหิ เอกํ, อเนเกหิ ปน การเณหิ อเนกเมว โหติ. ตถา หิ อเนเกหิ อุตุปถวีพีชสลิลสงฺขาเตหิ การเณหิ อเนกเมว รูปคนฺธรสาทิองฺกุรสงฺขาตํ ผลมุปฺปชฺชมานํ ทิสฺสติ. ยํ ปเนตํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอเกกเหตุผลทีปนํ กตํ, ตตฺถ ปโยชนํ น วิชฺชติ.
ภควา หิ กตฺถจิ ปธานตฺตา กตฺถจิ ปากฏตฺตา กตฺถจิ อสาธารณตฺตา เทสนาวิลาสสฺส จ เวเนยฺยานฺจ อนุรูปโต เอกเมว เหตุํ วา ผลํ วา ทีเปติ. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ เอกเมว เหตุํ ผลฺจาห. ผสฺโส หิ เวทนาย ปธานเหตุ ยถาผสฺสํ เวทนาววตฺถานโต. เวทนา จ ผสฺสสฺส ปธานผลํ ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานโต. ‘‘เสมฺหสมุฏฺานา อาพาธา’’ติ (มหานิ. ๕) ปากฏตฺตา เอกํ เหตุํ อาห. ปากโฏ หิ เอตฺถ เสมฺโห, น กมฺมาทโย. ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพเต อโยนิโสมนสิการมูลกา’’ติ อสาธารณตฺตา เอกํ เหตุํ อาห. อสาธารโณ หิ อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลานํ, สาธารณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ. ตสฺมา อวิชฺชา ตาเวตฺถ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ วตฺถารมฺมณสหชาตธมฺมาทีสุ สงฺขารการเณสุ ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) จ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโย’’ติ ¶ (ม. นิ. ๑.๑๐๔) จ วจนโต อฺเสมฺปิ ตณฺหาทีนํ สงฺขารเหตูนํ เหตูติ ปธานตฺตา, ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตี’’ติ ปากฏตฺตา อสาธารณตฺตา จ สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ ¶ เวทิตพฺพา. เอวํ สพฺพตฺถ เอเกกเหตุผลทีปเน ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘เอกํ น เอกโต อิธ, นาเนกมเนกโตปิ โน เอกํ;
ผลมตฺถิ อตฺถิ ปน เอก-เหตุผลทีปเน อตฺโถ’’ติ.
ปจฺเจตุมรหตีติ ปฏิจฺโจ. โย หิ นํ ปจฺเจติ อภิสเมติ, ตสฺส อจฺจนฺตเมว ทุกฺขวูปสมาย สํวตฺตติ. สมฺมา สห จ อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโท. ปจฺจยธมฺโม หิ อตฺตโน ผลํ อุปฺปาเทนฺโต สมฺปุณฺณเมว อุปฺปาเทติ, น วิกลํ. เย จ ธมฺเม อุปฺปาเทติ, เต สพฺเพ สเหว อุปฺปาเทติ, น เอเกกํ. อิติ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วิตฺถาโรติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปทวณฺณนาปปฺโจ. มยมฺปิ ตํ อติปปฺจภยา อิธ น ทสฺสยิสฺสาม, เอวํ ปรโต วกฺขมานมฺปิ วิตฺถารํ. อนุโลมปฏิโลมนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. สฺเววาติ โส เอว ปจฺจยากาโร. ปุริมนเยน วา วุตฺโตติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต ปจฺจยากาโร. ปวตฺติยาติ สํสารปฺปวตฺติยา. มนสิ อกาสีติ โย โย ปจฺจยธมฺโม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ยถา ยถา เหตุปจฺจยาทินา ปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, ตํ สพฺพํ อวิปรีตํ อปริหาเปตฺวา อนวเสสโต ปจฺจเวกฺขณวเสน จิตฺเต อกาสีติ อตฺโถ.
อวิชฺชาปจฺจยาติอาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๕; วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๖-๕๘๗; อุทา. อฏฺ. ๑) อวินฺทิยํ กายทุจฺจริตาทึ วินฺทตีติ อวิชฺชา, วินฺทิยํ กายสุจริตาทึ น วินฺทตีติ อวิชฺชา, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวํ อวิทิตํ กโรตีติ อวิชฺชา, อนฺตวิรหิเต สํสาเร ภวาทีสุ สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา, อวิชฺชมาเนสุ ชวติ, วิชฺชมาเนสุ น ชวตีติ อวิชฺชา, วิชฺชาปฏิปกฺขาติ วา อวิชฺชา. สา ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา จตุพฺพิธา เวทิตพฺพา. ปฏิจฺจ นํ น วินา ผลํ เอติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ ปจฺจโย, อุปการฏฺโ วา ปจฺจโย. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย ¶ , ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา. สงฺขโรนฺตีติ สงฺขารา, โลกิยา กุสลากุสลเจตนา. เต ปฺุาปฺุาเนฺจาภิสงฺขารวเสน ติวิธา เวทิตพฺพา. วิชานาตีติ วิฺาณํ, ตํ โลกิยวิปากวิฺาณวเสน พาตฺตึสวิธํ. นมตีติ นามํ, เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ. รุปฺปตีติ รูปํ, ภูตรูปํ จกฺขาทิอุปาทารูปฺจ. อายตนฺติ, อายตฺจ สํสารทุกฺขํ นยตีติ อายตนํ ¶ . ผุสตีติ ผสฺโส. เวทยตีติ เวทนา. อิทมฺปิ ทฺวยํ ทฺวารวเสน ฉพฺพิธํ, วิปากวเสน คหเณ พาตฺตึสวิธํ. ตสฺสติ ปริตสฺสตีติ ตณฺหา, สา กามตณฺหาทิวเสน สงฺเขปโต ติวิธา, วิตฺถารโต อฏฺสตวิธา จ. อุปาทิยตีติ อุปาทานํ, ตํ กามุปาทานาทิวสเอน จตุพฺพิธํ.
ภวติ ภาวยติ จาติ ภโว, โส กมฺโมปปตฺติเภทโต ทุวิโธ. ชนนํ ชาติ. ชีรณํ ชรา. มรนฺติ เตนาติ มรณํ. โสจนํ โสโก. ปริเทวนํ ปริเทโว. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ. อุปฺปาทฏฺิติวเสน ทฺเวธา ขนตีติ วา ทุกฺขํ. ทุมฺมนสฺส ภาโว โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส. สมฺภวนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ. น เกวลฺจ โสกาทีเหว, อถ โข สพฺพปเทหิ ‘‘สมฺภวนฺตี’’ติ ปทสฺส โยชนา กาตพฺพา. เอวฺหิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ. เอวเมตสฺส…เป… สมุทโย โหตีติ เอตฺถ ปน อยมตฺโถ. เอวนฺติ นิทฺทิฏฺนยนิทสฺสนํ. เตน อวิชฺชาทีเหว การเณหิ, น อิสฺสรนิมฺมานาทีหีติ ทสฺเสติ. เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส. เกวลสฺสาติ อสมฺมิสฺสสฺส, สกลสฺส วา. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขสมูหสฺส, น สตฺตสฺส นาปิ สุภสุขาทีนํ. สมุทโย โหตีติ นิพฺพตฺติ สมฺภวติ.
อจฺจนฺตเมว สงฺขาเรหิ วิรชฺชติ เอเตนาติ วิราโค, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘วิราคสงฺขาเตน มคฺเคนา’’ติ. อเสสํ นิโรธา อเสสนิโรธา, อเสเสตฺวา นิสฺเสเสตฺวา นิโรธา สมุจฺฉินฺทนา อนุสยปฺปหานวเสน อคฺคมคฺเคน อวิชฺชาย อจฺจนฺตสมุคฺฆาตโตติ อตฺโถ. ยทิปิ เหฏฺิมมคฺเคหิปิ ปหียมานา อวิชฺชา อจฺจนฺตสมุคฺฆาตวเสเนว ปหียติ, ตถาปิ น อนวเสสโต ปหียติ. อปายคมนียา หิ อวิชฺชา ปมมคฺเคน ปหียติ, ตถา สกิเทว อิมสฺมึ โลเก สพฺพตฺถ จ อนริยภูมิยํ อุปปตฺติยา ปจฺจยภูตา อวิชฺชา ยถากฺกมํ ทุติยตติยมคฺเคหิ ปหียติ, น อิตราติ, อรหตฺตมคฺเคเนว ปน สา อนวเสสํ ¶ ปหียตีติ. อนุปฺปาทนิโรโธ โหตีติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ อนวเสสํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ. เหฏฺิเมน หิ มคฺคตฺตเยน เกจิ สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติ, เกจิ น นิรุชฺฌนฺติ อวิชฺชาย สาวเสสนิโรธา, อคฺคมคฺเคน ปนสฺสา อนวเสสนิโรธา น เกจิ สงฺขารา น นิรุชฺฌนฺตีติ. เอวํ นิรุทฺธานนฺติ เอวํ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุทฺธานํ. เกวล-สทฺโท นิรวเสสวาจโก จ โหติ ‘‘เกวลา องฺคมคธา’’ติอาทีสุ. อสมฺมิสฺสวาจโก จ ‘‘เกวลา สาลโย’’ติอาทีสุ. ตสฺมา อุภยถาปิ ¶ อตฺถํ วทติ ‘‘สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา’’ติ. ตตฺถ สกลสฺสาติ อนวเสสสฺส สพฺพภวาทิคตสฺส. สตฺตวิรหิตสฺสาติ ปรปริกปฺปิตชีวรหิตสฺส.
อปิเจตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติ เอตฺตาวตาปิ สกลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนวเสสโต นิโรโธ วุตฺโต โหติ, ตถาปิ ยถา อนุโลเม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส อตฺถิตาย โย โย ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม น นิรุชฺฌติ ปวตฺตติ เอวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ตปฺปฏิปกฺขโต ตสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อภาเว โส โส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม นิรุชฺฌติ น ปวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ อิธ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ, วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน อนุโลเม วิย กาลตฺตยปริยาปนฺนสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรธทสฺสนตฺถํ. อนาคตสฺเสว หิ อริยมคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อริยมคฺคภาวนาย นิโรโธ อิจฺฉิโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
ยทา หเวติ เอตฺถ หเวติ พฺยตฺตนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เกจิ ปน ‘‘หเวติ อาหเว ยุทฺเธ’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ‘‘โยเธถ มารํ ปฺาวุเธนา’’ติ (ธ. ป. ๔๐) หิ วจนโต กิเลสมาเรน ยุชฺฌนสมเยติ เตสํ อธิปฺปาโย. อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณนาติ อารมฺมณูปนิชฺฌานสภาเวน. ลกฺขณูปนิชฺฌานลกฺขเณนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ นาม อฏฺ สมาปตฺติโย กสิณารมฺมณสฺส อุปนิชฺฌายนโต. ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม วิปสฺสนามคฺคผลานิ. วิปสฺสนา หิ ตีณิ ลกฺขณานิ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, มคฺโค ¶ วิปสฺสนาย อาคตกิจฺจํ สาเธตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, ผลํ ตถลกฺขณํ นิโรธสจฺจํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. โน กลฺโล ปฺโหติ อยุตฺโต ปฺโห, ทุปฺปฺโห เอโสติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน –
‘‘ผุสตีติ อหํ น วทามิ. ผุสตีติ จาหํ วเทยฺยํ, ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโห ‘โก นุ โข, ภนฺเต, ผุสตี’ติ? เอวฺจาหํ น วทามิ, เอวํ มํ อวทนฺตํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กึปจฺจยา นุ โข, ภนฺเต, ผสฺโส’ติ, เอส กลฺโล ปฺโห. ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ ‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติ. โก นุ โข, ภนฺเต, เวทยตีติ? โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจ, เวทยตีติ อหํ น วทามิ, เวทยตีติ จาหํ วเทยฺยํ, ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโห ‘โก นุ โข, ภนฺเต, เวทยตี’ติ? เอวฺจาหํ ¶ น วทามิ. เอวํ มํ อวทนฺตํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กึปจฺจยา นุ โข, ภนฺเต, เวทนา’ติ, เอส กลฺโล ปฺโห. ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ ‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) –
เอวมาทึ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ.
อาทินา จ นเยนาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปน ‘‘กตมา นุ โข, ภนฺเต, ชาติ, กสฺส จ ปนายํ ชาตีติ. ‘โน กลฺโล ปฺโห’ติ ภควา อโวจา’’ติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. นนุ เจตฺถ ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๕) อิทํ สุปุจฺฉิตนฺติ? กิฺจาปิ สุปุจฺฉิตํ, ยถา ปน สตสหสฺสคฺฆนเก สุวณฺณถาลเก วฑฺฒิตสฺส สุโภชนสฺส มตฺถเก อามลกมตฺเต คูถปิณฺเฑ ปิเต สพฺพํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ โหติ ฉฑฺเฑตพฺพํ, เอวเมว ‘‘กสฺส จ ปนิทํ ชรามรณ’’นฺติ อิมินา สตฺตูปลทฺธิวาทปเทน คูถปิณฺเฑน ตํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ วิย อยมฺปิ สพฺโพ ทุปฺปฺโห ชาโตติ.
โสฬส กงฺขาติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ, กึ นุ โข อโหสึ, กถํ นุ โข อโหสึ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ, ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, อหํ ¶ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘) เอวมาคตา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนวิสยา โสฬสวิธา กงฺขา.
ตตฺถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๒๐) อโหสึ นุ โข, น นุ โขติ สสฺสตาการฺจ อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ, กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพํ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน ยถา ตถา วา ปวตฺตติ. อปิจ อโยนิโสมนสิกาโรเยเวตฺถ การณํ. เอวํ อโยนิโสมนสิการสฺส ปน กึ การณนฺติ? สฺเวว ปุถุชฺชนภาโว อริยานํ อทสฺสนาทีนิ วา. นนุ จ ปุถุชฺชโนปิ โยนิโส มนสิ กโรตีติ. โก วา เอวมาห ‘‘น มนสิ กโรตี’’ติ. น ปน ตตฺถ ปุถุชฺชนภาโว การณํ, สทฺธมฺมสวนกลฺยาณมิตฺตาทีนิ ตตฺถ การณานิ ¶ . น หิ มจฺฉมํสาทีนิ อตฺตโน ปกติยา สุคนฺธานิ, อภิสงฺขารปจฺจยา ปน สุคนฺธานิปิ โหนฺติ.
กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคุปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ.
กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกณฺหปฺปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. เกจิ ปน ‘‘อิสฺสรนิมฺมานาทึ นิสฺสาย ‘เกน นุ โข การเณน อโหสิ’นฺติ เหตุโต กงฺขตี’’ติ วทนฺติ.
กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา มนุสฺโส’’ติ อตฺตโน ปรมฺปรํ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว ปน อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนเมตํ, ตฺจ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.
ภวิสฺสามิ นุ โข, น นุ โขติ สสฺสตาการฺจ อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
อหํ ¶ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. ยุตฺตํ ปเนตนฺติ? ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อปิเจตฺถ อิทํ วตฺถุมฺปิ อุทาหรนฺติ, จูฬมาตาย กิร ปุตฺโต มุณฺโฑ, มหามาตาย ปุตฺโต อมุณฺโฑ. ตํ สุตฺตํ มุณฺเฑสุํ. โส อุฏฺาย ‘‘อหํ นุ โข จูฬมาตาย ปุตฺโต’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ ‘‘อหํ นุ โขสฺมี’’ติ กงฺขา โหติ.
โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. ตตฺราปิ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร มจฺเฉ คณฺหนฺโต อุทเก จิรฏฺาเนน สีติภูตํ อตฺตโน อูรุํ ‘‘มจฺโฉ’’ติ จินฺเตตฺวา ปหริ. อปโร สุสานปสฺเส เขตฺตํ รกฺขนฺโต ภีโต สงฺกุฏิโต สยิ. โส ปฏิพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน ชณฺณุกานิ ‘‘ทฺเว ยกฺขา’’ติ จินฺเตตฺวา ปหริ, เอวํ ‘‘โน นุ โขสฺมี’’ติ กงฺขติ.
กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ กณฺโณ วิย สูตปุตฺตสฺี. เอส นโย เสเสสุ. เทโว ปน สมาโน เทวภาวํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. โสปิ ปน ‘‘อหํ รูปี นุ โข อรูปี นุ โข’’ติอาทินา นเยน กงฺขติ. ขตฺติยาทโย กสฺมา ¶ น ชานนฺตีติ เจ? อปฺปจฺจกฺขา เตสํ ตตฺถ ตตฺถ กุเล อุปฺปตฺติ. คหฏฺาปิ จ ปาตลิกาทโย ปพฺพชิตสฺิโน. ปพฺพชิตาปิ ‘‘กุปฺปํ นุ โข เม กมฺม’’นฺติอาทินา นเยน คหฏฺสฺิโน. มนุสฺสาปิ จ เอกจฺเจ ราชาโน วิย อตฺตนิ เทวสฺิโน โหนฺติ.
กถํ นุ โขสฺมีติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเหตฺถ อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถีติ คเหตฺวา ตสฺส สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โขสฺมิ, รสฺสจตุรสฺสฉฬํสอฏฺํสโสฬสํสาทีนํ อฺตรปฺปกาโร’’ติ กงฺขนฺโต ‘‘กถํ นุ โขสฺมี’’ติ กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. สรีรสณฺานํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ.
กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขติ.
วปยนฺตีติ วิอปยนฺติ, อิการโลเปนายํ นิทฺเทโส. พฺยปยนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘วปยนฺติ อปคจฺฉนฺตี’’ติ. อปคมนฺจ อนุปฺปตฺตินิโรธวเสนาติ อาห ‘‘นิรุชฺฌนฺตี’’ติ.
๓. กทา ¶ ปนสฺส โพธิปกฺขิยธมฺมา จตุสจฺจธมฺมา วา ปาตุภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ ปกาสนฺตีติ? วิปสฺสนามคฺคาเณสุ ปวตฺตมาเนสุ. ตตฺถ วิปสฺสนาาเณ ตาว วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา สติอาทโย วิปสฺสนาาณฺจ ยถารหํ อตฺตโน อตฺตโน วิสเยสุ ตทงฺคปฺปหานวเสน สุภสฺาทิเก ปชหนฺตา กายานุปสฺสนาทิวเสน วิสุํ วิสุํ อุปฺปชฺชนฺติ. มคฺคกฺขเณ ปน เต นิพฺพานมาลมฺพิตฺวา สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺเข ปชหนฺตา จตูสุปิ อริยสจฺเจสุ อสมฺโมหปฏิเวธสาธนวเสน สกิเทว อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อุปฺปชฺชนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ. อริยสจฺจธมฺมานํ ปน โลกิยานํ วิปสฺสนากฺขเณ วิปสฺสนาย อารมฺมณกรณวเสน โลกุตฺตรานํ ตทธิมุตฺตตาวเสน มคฺคกฺขเณ นิโรธสจฺจสฺส อารมฺมณาภิสมยวเสน สพฺเพสมฺปิ กิจฺจาภิสมยวเสน ปากฏภาวโต ปกาสนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ.
อิติ ภควา สติปิ สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมานํ อตฺตโน าณสฺส ปากฏภาเว ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส กตตฺตา นิปุณคมฺภีรสุทุทฺทสตาย ปจฺจยาการสฺส ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนพลวโสมนสฺโส ปฏิปกฺขสมุจฺเฉทวิภาวเนน สทฺธึ อตฺตโน ตทภิสมยานุภาวทีปกเมเวตฺถ อุทานํ อุทาเนสิ.
‘‘กามา ¶ เต ปมา เสนา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนนฺติ –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
‘‘ปฺจมี ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ จ อฏฺมา.
‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส, ปเร จ อวชานติ.
‘‘เอสา ¶ นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;
น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑; มหานิ. ๒๘) –
อิมินา นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนํ.
ตตฺถ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๔๓๙-๔๑; มหานิ. อฏฺ. ๒๘) ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สตฺเต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมหยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑). ตโต เต ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาธติ, ตาย พาธิตานํ ปริเยสน ตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติ, อถ เนสํ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรฺวนปตฺเถสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสฺิตา ภีรุ ชายติ, เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มคฺโค’’ติ ปฏิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติ, เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมํ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติ, ลาภาทิมุจฺฉิตา ธมฺมปติรูปกานิ ปกาเสนฺตา มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ ปรํ วมฺเภนฺติ, ตสฺมา กามาทีนํ ปมเสนาทิภาโว เวทิตพฺโพ.
เอวเมตํ ¶ ทสวิธํ เสนํ อุทฺทิสิตฺวา ยสฺมา สา กณฺหธมฺมสมนฺนาคตตฺตา กณฺหสฺส นมุจิโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา นํ ‘‘ตว เสนา’’ติ นิทฺทิสนฺเตน ‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิปฺปหารินีติ สมณพฺราหฺมณานํ ฆาตนี นิปฺโปถนี, อนฺตรายกรีติ อตฺโถ. น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุขนฺติ เอวํ ตว เสนํ อสูโร กาเย จ ชีวิเต จ สาเปกฺโข ปุริโส น ชินาติ, สูโร ปน ชินาติ, เชตฺวา จ มคฺคสุขํ ผลสุขฺจ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ. โสปิ พฺราหฺมโณติ โสปิ ขีณาสวพฺราหฺมโณ.
อิทานิ ¶ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที. อถ โข ภควา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวา รตฺติยา ปมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมํ สาธุกํ มนสากาสิ. รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิโลมํ สาธุกํ มนสากาสิ. รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ สาธุกํ มนสากาสี’’ติ เอวํ วุตฺตาย อุทานปาฬิยา (อุทา. ๑) อิมิสฺสา จ ขนฺธกปาฬิยา อวิโรธํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทาเน ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถ ตสฺส วเสนาติ ตสฺส ปจฺจยาการปชานนสฺส ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส จ วเสน. เอเกกเมว โกฏฺาสนฺติ อนุโลมปฏิโลเมสุ เอเกกเมว โกฏฺาสํ. ปาฏิปทรตฺติยา เอวํ มนสากาสีติ รตฺติยา ตีสุปิ ยาเมสุ อนุโลมปฏิโลมํเยว มนสากาสิ. ภควา กิร เปตฺวา รตนฆรสตฺตาหํ เสเสสุ ฉสุ สตฺตาเหสุ อนฺตรนฺตรา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เยภุยฺเยน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที วิหาสิ, รตนฆรสตฺตาเห ปน อภิธมฺมปวิจยวเสเนว วิหาสิ. ตสฺมา อนฺตรนฺตรา ธมฺมปจฺจเวกฺขณวเสน อุปฺปาทิตมนสิกาเรสุ ปาฏิปทรตฺติยา อุปฺปาทิตํ มนสิการํ สนฺธาย อิมิสฺสํ ขนฺธกปาฬิยํ เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
โพธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อชปาลกถาวณฺณนา
๔. ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยนาติ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส อปคมเนน. ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวาติ ตโต อรหตฺตผลสมาปตฺติสมาธิโต ยถากาลปริจฺเฉทํ วุฏฺหิตฺวา. อฺเปิ พุทฺธตฺตกราติ วิสาขปุณฺณมิโต ปฏฺาย รตฺตินฺทิวํ เอวํ นิจฺจสมาหิตภาวเหตุภูตานํ พุทฺธคุณานํ อุปริ อฺเปิ พุทฺธตฺตสาธกา. ‘‘อยํ พุทฺโธ’’ติ พุทฺธภาวสฺส ปเรสํ วิภาวนา ธมฺมา กึ นุ โข สนฺตีติ โยชนา. เอกจฺจานํ เทวตานนฺติ ยา อธิคตมคฺคา สจฺฉิกตนิโรธา เอกปเทเสน ¶ พุทฺธคุเณ ชานนฺติ, ตา เปตฺวา ตทฺาสํ เทวตานํ. อนิมิเสหีติ ธมฺมปีติวิปฺผารวเสน ¶ ปสาทวิภาวนิจฺจลทลตาย นิเมสรหิเตหิ. รตนจงฺกเมติ เทวตาหิ มาปิเต รตนมยจงฺกเม. ‘‘รตนภูตานํ สตฺตนฺนํ ปกรณานํ ตตฺถ จ อนุตฺตรสฺส ธมฺมรตนสฺส สมฺมสเนน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาต’’นฺติปิ วทนฺติ. เตเนว อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ‘‘รตนฆรํ นาม น รตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ รตนฆรนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
กสฺมา ปนายํ อชปาลนิคฺโรโธ นาม ชาโตติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ตตฺถ เวเท สชฺฌายิตุํ อสมตฺถา มหลฺลกพฺราหฺมณา ปาการปริกฺเขปยุตฺตานิ นิเวสนานิ กตฺวา สพฺเพ วสึสุ, ตสฺมาสฺส ‘อชปาลนิคฺโรโธ’ติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ. อชปา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโลติ. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘ยสฺมา มชฺฌนฺหิเก สมเย อนฺโต ปวิฏฺเ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา ‘อชปาโล’ติสฺส นามํ รุฬฺห’’นฺติ. สพฺพถาปิ นามเมตํ ตสฺส รุกฺขสฺส.
วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตติ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว อนฺตรนฺตรา วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต. ‘‘ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต’’ติ เอวํ วา เอตฺถ ปาโ คเหตพฺโพ. อุทานฏฺกถายมฺปิ (อุทา. อฏฺ. ๔) หิ อยเมว ปาโ. ธมฺมํ วิจินนฺโต เจตฺถ เอวํ อภิธมฺเม นยมคฺคํ สมฺมสิ ปมํ ธมฺมสงฺคณีปกรณํ นาม, ตโต วิภงฺคปฺปกรณํ, ธาตุกถาปกรณํ, ปุคฺคลปฺตฺติปฺปกรณํ, กถาวตฺถุํ นาม, ยมกํ นาม, ตโต มหาปกรณํ ปฏฺานํ นามาติ. ตตฺถสฺส สณฺหสุขุมฏฺานมฺหิ จิตฺเต โอติณฺเณ ปีติ อุปฺปชฺชิ, ปีติยา อุปฺปนฺนาย โลหิตํ ปสีทิ, โลหิเต ปสนฺเน ฉวิ ปสีทิ, ฉวิยา ปสนฺนาย ปุรตฺถิมกายโต กูฏาคาราทิปฺปมาณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทํ ฉทฺทนฺตนาคกุลํ วิย ปาจีนทิสาย อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ ปกฺขนฺทา. ปจฺฉิมกายโต อุฏฺหิตฺวา ปจฺฉิมทิสาย, ทกฺขิณํสกูฏโต อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณทิสาย, วามํสกูฏโต อุฏฺหิตฺวา อุตฺตรทิสาย อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ ปกฺขนฺทา. ปาทตเลหิ ¶ ปวาฬงฺกุรวณฺณา รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา มหาปถวึ วินิพฺพิชฺฌ อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา วาตกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทา. สีสโต สํปริวตฺติยมานํ มณิทามํ วิย นีลวณฺณรสฺมิวฏฺฏิ อุฏฺหิตฺวา ฉ เทวโลเก วินิวิชฺฌิตฺวา นว พฺรหฺมโลเก อติกฺกมฺม อชฏากาสํ ปกฺขนฺทา. ตสฺมึ ทิวเส อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณา สตฺตา สพฺเพ สุวณฺณวณฺณาว อเหสุํ. ตํ ทิวสฺจ ปน ภควโต สรีรา นิกฺขนฺตา ¶ ยาวชฺชทิวสาปิ กิร ตา รสฺมิโย อนนฺตโลกธาตุโย คจฺฉนฺติเยว. น เกวลฺจ อิมสฺมึเยว สตฺตาเห ธมฺมํ วิจินนฺตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมึสุ, อถ โข รตนฆรสตฺตาเหปิ ปฏฺานํ สมฺมสนฺตสฺส เอวเมว สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขนฺตา เอวาติ เวทิตพฺพํ.
วุตฺตฺเหตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) –
‘‘อิเมสุ จ เอกวีสติยา ทิวเสสุ เอกทิวเสปิ สตฺถุ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตา, จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห ปจฺฉิมุตฺตราย ทิสาย รตนฆเร นิสีทิ. ตตฺถ ธมฺมสงฺคณึ สมฺมสนฺตสฺสปิ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตา. วิภงฺคปฺปกรณํ, ธาตุกถํ, ปุคฺคลปฺตฺตึ, กถาวตฺถุปฺปกรณํ, ยมกปฺปกรณํ สมฺมสนฺตสฺสปิ รสฺมิโย น นิกฺขนฺตา. ยทา ปน มหาปกรณํ โอรุยฺห ‘เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย…เป… อวิคตปจฺจโย’ติ สมฺมสนํ อารภิ, อถสฺส จตุวีสติสมนฺตปฏฺานํ สมฺมสนฺตสฺส เอกนฺตโต สพฺพฺุตฺาณํ มหาปกรเณ โอกาสํ ลภิ. ยถา หิ ติมิรปิงฺคลมหามจฺโฉ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร มหาสมุทฺเทเยว โอกาสํ ลภติ, เอวเมว สพฺพฺุตฺาณํ เอกนฺตโต มหาปกรเณเยว โอกาสํ ลภิ.
‘‘สตฺถุ เอวํ ลทฺโธกาเสน สพฺพฺุตฺาเณน ยถาสุขํ สณฺหสุขุมธมฺมํ สมฺมสนฺตสฺส สรีรโต นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมึสุ. เกสมสฺสูหิ เจว อกฺขีนฺจ นีลฏฺาเนหิ นีลรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน คคนตลํ อฺชนจุณฺณสโมกิณฺณํ วิย อุมาปุปฺผนีลุปฺปลทลสฺฉนฺนํ วิย วีติปตนฺตมณิตาลวณฺฏํ วิย สมฺปสาริตเมจกปฏํ ¶ วิย จ อโหสิ. ฉวิโต เจว อกฺขีนฺจ ปีตฏฺาเนหิ ปีตรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน ทิสาภาคา สุวณฺณรสนิสิฺจมานา วิย สุวณฺณปฏปสาริตา วิย กุงฺกุมจุณฺณกณิการปุปฺผสมฺปริกิณฺณา วิย จ วิโรจึสุ. มํสโลหิเตหิ เจว อกฺขีนฺจ รตฺตฏฺาเนหิ โลหิตรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน ทิสาภาคา จีนปิฏฺจุณฺณรฺชิตา วิย สุปกฺกลาขารสนิสิฺจมานา วิย รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตา วิย ชยสุมนปาริพทฺธกพนฺธุชีวกกุสุมสมฺปริกิณฺณา วิย จ วิโรจึสุ. อฏฺีหิ เจว ทนฺเตหิ จ อกฺขีนฺจ เสตฏฺาเนหิ โอทาตรสฺมิโย นิกฺขมึสุ, ยาสํ วเสน ทิสาภาคา รชตกุเฏหิ อาสิฺจมานขีรธาราสมฺปริกิณฺณา วิย ปสาริตรชตปฏวิตานา วิย วีติปตนฺตรชตตาลวณฺฏา ¶ วิย กุนฺทกุมุทสินฺธุวารสุมนมลฺลิกาทิกุสุมสฺฉนฺนา วิย จ วิโรจึสุ. มฺชิฏฺปภสฺสรา ปน ตมฺหา ตมฺหา สรีรปฺปเทสา นิกฺขมึสุ. อิติ ตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา ฆนมหาปถวึ คณฺหึสุ.
‘‘จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี นิทฺธนฺตสุวณฺณปิณฺฑิ วิย อโหสิ. ปถวึ ภินฺทิตฺวา เหฏฺา อุทกํ คณฺหึสุ. ปถวีสนฺธารกํ อฏฺนหุตาธิกจตุโยชนสตสหสฺสพหลํ อุทกํ สุวณฺณกลเสหิ อาสิฺจมานวิลีนสุวณฺณํ วิย อโหสิ. อุทกํ วินิวิชฺฌิตฺวา วาตํ อคฺคเหสุํ. ฉนฺนวุตาธิกนวโยชนสตสหสฺสพหโล วาโต สมุสฺสิตสุวณฺณกฺขนฺโธ วิย อโหสิ. วาตํ วินิวิชฺฌิตฺวา เหฏฺา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. อุปริภาเคน อุคฺคนฺตฺวาปิ จตุมหาราชิเก คณฺหึสุ. เต วินิวิชฺฌิตฺวา ตาวตึเส, ตโต ยาเม, ตโต ตุสิเต, ตโต นิมฺมานรตี, ตโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี, ตโต นว พฺรหฺมโลเก, ตโต เวหปฺผเล, ตโต ปฺจ สุทฺธาวาเส วินิวิชฺฌิตฺวา จตฺตาโร อารุปฺเป คณฺหึสุ. จตฺตาโร จ อารุปฺเป วินิวิชฺฌิตฺวา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทึสุ.
‘‘ติริยภาเคหิ ¶ อนนฺตา โลกธาตุโย ปกฺขนฺทึสุ, เอตฺตเก าเน จนฺทมฺหิ จนฺทปฺปภา นตฺถิ, สูริเย สูริยปฺปภา นตฺถิ, ตารกรูเปสุ ตารกรูปปฺปภา นตฺถิ, เทวตานํ อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺเขสุ สรีเร อาภรเณสูติ สพฺพตฺถ ปภา นตฺถิ. ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุยา อาโลกผรณสมตฺโถ มหาพฺรหฺมาปิ สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนโก วิย อโหสิ, จนฺทสูริยตารกรูปเทวตุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขานํ ปริจฺเฉทมตฺตกเมว ปฺายิตฺถ. เอตฺตกํ านํ พุทฺธรสฺมีหิเยว อชฺโฌตฺถฏํ อโหสิ. อยฺจ เนว พุทฺธานํ อธิฏฺานิทฺธิ, น ภาวนามยิทฺธิ. สณฺหสุขุมธมฺมํ ปน สมฺมสโต โลกนาถสฺส โลหิตํ ปสีทิ, วตฺถุรูปํ ปสีทิ, ฉวิวณฺโณ ปสีทิ. จิตฺตสมุฏฺานา วณฺณธาตุ สมนฺตา อสีติหตฺถมตฺเต ปเทเส นิจฺจลา อฏฺาสี’’ติ.
เอวํ นิสินฺเนติ ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวา นิสินฺเน. เอโก พฺราหฺมโณติ นามโคตฺตวเสน อนภิฺาโต อปากโฏ เอโก พฺราหฺมโณ. ‘‘หุํ หุ’’นฺติ กโรนฺโต วิจรตีติ สพฺพํ อโจกฺขชาติกํ ปสฺสิตฺวา ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หุํ หุ’’นฺติ กโรนฺโต วิจรติ. เอตทโวจาติ (อุทา. อฏฺ. ๔) เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ กิตฺตาวตาติ กิตฺตเกน ปมาเณน. นุ-ติ สํสยตฺเถ นิปาโต, โข-ติ ปทปูรเณ. โภ-ติ ¶ พฺราหฺมณานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕). โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. กถํ ปนายํ พฺราหฺมโณ สมฺปติ สมาคโต ภควโต โคตฺตํ ชานาตีติ? นายํ สมฺปติ สมาคโต, ฉพฺพสฺสานิ ปธานกรณกาเล อุปฏฺหนฺเตหิ ปฺจวคฺคิเยหิ สทฺธึ จรมาโน อปรภาเค ตํ วตํ ฉฑฺเฑตฺวา อุรุเวลายํ เสนนิคเม เอโก อทุติโย หุตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโนปิ เตน พฺราหฺมเณน ทิฏฺปุพฺโพ เจว สลฺลปิตปุพฺโพ จ, เตน โส ปุพฺเพ ปฺจวคฺคิเยหิ คยฺหมานํ ภควโต โคตฺตํ อนุสฺสรนฺโต ‘‘โภ โคตมา’’ติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. ยโต ปฏฺาย วา ภควา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต อโนมานทีตีเร ปพฺพชิ, ตโต ปภุติ ‘‘สมโณ ¶ โคตโม’’ติ จนฺโท วิย สูริโย วิย ปากโฏ ปฺาโต โหติ, น จ ตสฺส โคตฺตชานเน การณํ คเวสิตพฺพํ. พฺราหฺมณกรณาติ พฺราหฺมณํ กโรนฺตีติ พฺราหฺมณกรณา, พฺราหฺมณภาวกราติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘กิตฺตาวตา’’ติ เอเตน เยหิ ธมฺเมหิ พฺราหฺมโณ โหติ, เตสํ ธมฺมานํ ปริมาณํ ปุจฺฉติ. ‘‘กตเม’’ติ ปน อิมินา เตสํ สรูปํ ปุจฺฉติ.
อุทานํ อุทาเนสีติ ‘‘โย พฺราหฺมโณ’’ติอาทิกํ อุทานํ อุทาเนสิ, น ปน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. กสฺมา? ธมฺมเทสนาย อภาชนภาวโต. ตถา หิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อิมํ คาถํ สุตฺวา น สจฺจาภิสมโย อโหสิ. ยถา จ อิมสฺส, เอวํ อุปกสฺส อาชีวกสฺส พุทฺธคุณปฺปกาสนํ สุตฺวา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต หิ ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ ปเรสํ สุณนฺตานมฺปิ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น อเสกฺขภาคิยํ วา นิพฺเพธภาคิยํ วา. เอสา หิ ธมฺมตาติ. เวเทหิ วา อนฺตนฺติ เอตฺถ อนฺตํ นาม สพฺพสงฺขารปริโยสานํ นิพฺพานํ. อิเม อุสฺสทา นตฺถีติ สพฺพโส อิเม ปหีนตฺตา น สนฺติ.
อชปาลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มุจลินฺทกถาวณฺณนา
๕. มุจลินฺทมูเลติ (อุทา. อฏฺ. ๑๑) เอตฺถ มุจลินฺโท วุจฺจติ นีปรุกฺโข, โย ‘‘นิจุโล’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส สมีเปติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘มุจโลติ ตสฺส รุกฺขสฺส นามํ, วนเชฏฺกตาย ปน มุจลินฺโทติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อุทปาทีติ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรนฺโต มหาเมโฆ อุทปาทิ. เอวรูโป กิร เมโฆ ทฺวีสุเยว กาเลสุ วสฺสติ จกฺกวตฺติมฺหิ วา อุปฺปนฺเน พุทฺเธ วา, อิธ พุทฺธุปฺปาทกาเล อุทปาทิ. โปกฺขรณิยา นิพฺพตฺโตติ โปกฺขรณิยา เหฏฺา ¶ นาคภวนํ อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพตฺโต. สกภวนาติ อตฺตโน นาคภวนโต. เอวํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวาติ สตฺต วาเร อตฺตโน สรีรโภเคหิ ภควโต กายํ ปริวาเรตฺวา. อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ ¶ วิหจฺจาติ ภควโต มุทฺธปฺปเทสสฺส อุปริ อตฺตโน มหนฺตํ ผณํ ปสาเรตฺวา. ‘‘ผณํ กริตฺวา’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ.
ตสฺส กิร นาคราชสฺส เอตทโหสิ ‘‘ภควา จ มยฺหํ ภวนสมีเป รุกฺขมูเล นิสินฺโน, อยฺจ สตฺตาหวทฺทลิกา วตฺตติ, วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺตรตนมยํ ปาสาทํ นิมฺมินิตุํ สกฺโกนฺโตปิ ‘‘เอวํ กเต กายสาโร คหิโต น ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ ธาเรสิ. ‘‘ตสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตรํ โลหปาสาเท ภณฺฑาคารคพฺภปฺปมาณํ อโหสี’’ติ อิธ วุตฺตํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔) ปน –
‘‘ปริกฺเขปสฺส อนฺโต โอกาโส เหฏฺา โลหปาสาทปฺปมาโณ อโหสิ, ‘อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน สตฺถา วิหริสฺสตี’ติ นาคราชสฺส อชฺฌาสโย อโหสิ, ตสฺมา เอวํ มหนฺตํ โอกาสํ ปริกฺขิปิ, มชฺเฌ รตนปลฺลงฺโก ปฺตฺโต โหติ, อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมสริตคนฺธทามกุสุมเจลวิตานํ อโหสิ, จตูสุ โกเณสุ คนฺธเตเลน ทีปา ชลิตา, จตูสุ ทิสาสุ วิวริตฺวา จนฺทนกรณฺฑกา ปิตา’’ติ –
วุตฺตํ. อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน วิหริสฺสตีติ จ นาคราชสฺส อชฺฌาสยมตฺตเมตํ, ภควา ปน ยถานิสินฺโนว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ.
กิฺจาปิ…เป… จินฺเตตุํ ยุตฺตนฺติ เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘อุณฺหคฺคหณํ โภคปริกฺเขปสฺส วิปุลภาวกรเณ การณกิตฺตนํ. ขุทฺทเก หิ ตสฺมึ ภควนฺตํ นาคราชสฺส สรีรสมฺภูตา อุสฺมา พาเธยฺย, วิปุลภาวกรเณน ปน ตาทิสํ มา อุณฺหํ พาธยิตฺถา’’ติ. สอุปสคฺคปทสฺส อตฺโถ อุปสคฺเคน วินาปิ วิฺายตีติ อาห ‘‘วิทฺธนฺติ อุพฺพิทฺธ’’นฺติ, สา จสฺส อุพฺพิทฺธตา อุปกฺกิเลสวิคเมน ทูรภาเวน อุปฏฺานนฺติ อาห ‘‘เมฆวิคเมน ทูรีภูต’’นฺติ. อินฺทนีลมณิ วิย ทิพฺพติ โชตตีติ เทโว, อากาโส. วิทิตฺวาติ ‘‘อิทานิ วิคตวลาหโก อากาโส, นตฺถิ ภควโต สีตาทิอุปทฺทโว’’ติ ตฺวา. วินิเวเตฺวาติ อปเนตฺวา. อตฺตโน ¶ รูปนฺติ อตฺตโน นาครูปํ. ปฏิสํหริตฺวาติ อนฺตรธาเปตฺวา. มาณวกวณฺณนฺติ กุมารกรูปํ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ‘‘วิเวกสุขปฏิสํเวทิโน ยตฺถ กตฺถจิ สุขเมว โหตี’’ติ เอตํ อตฺถํ สพฺพากาเรน ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ วิเวกสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ. สุตธมฺมสฺสาติ วิสฺสุตธมฺมสฺส. เตนาห ‘‘ปกาสิตธมฺมสฺสา’’ติ. อกุปฺปนภาโวติ อกุปฺปนสภาโว.
มุจลินฺทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราชายตนกถาวณฺณนา
๖. โอสธหรีตกํ อุปเนสีติ น เกวลํ โอสธหรีตกเมว, ทนฺตกฏฺมฺปิ อุปเนสิ. ปจฺจคฺเฆติ เอตฺถ ปุริมํ อตฺถวิกปฺปํ เกจิ น อิจฺฉนฺติ, เตเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘ปจฺจคฺเฆติ อภินเว. ปจฺเจกํ มหคฺฆตาย ปจฺจคฺเฆติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต มหคฺฆํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ ปริภฺุชนฺติ วา’’ติ.
ราชายตนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
๗. อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ อาจริโต เจว อาจรนฺเตหิ จ สมฺมเทว อาจริโตติ อตฺโถ. เอเตน อยํ ปริวิตกฺโก สพฺพพุทฺธานํ ปมาภิสมฺโพธิยํ อุปฺปชฺชเตวาติ อยเมตฺถ ธมฺมตาติ ทสฺเสติ. คมฺภีโรปิ ธมฺโม ปฏิปกฺขวิธมเนน สุปากโฏ ภเวยฺย, ปฏิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฏิปตฺติปฏิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ ธมฺเม จ ปสาทายตฺตํ. โส วิเสสโต โลเก สมฺภาวนียสฺส ครุกาตพฺพสฺส อภิปตฺถนาเหตุโกติ ปรมฺปราย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา พฺรหฺมุโน ยาจนานิมิตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายา’’ติอาทิมาห.
อธิคโตติ ¶ ปฏิวิทฺโธ, สยมฺภูาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ยถาภูตํ อวพุทฺโธติ อตฺโถ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ปฏิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโต. คมฺภีโรติ มหาสมุทฺโท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อฺตฺร สมุปจิตปริปกฺกาณสมฺภาเรหิ อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ. คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพ, น สกฺกา สุเขน ทฏฺุํ. โย ¶ หิ อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ, โส โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต จ วิเสสโต จ สุเขน ปสฺสิตุํ น สกฺกา, อถ โข กิจฺเฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฏฺพฺโพ. ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํ. ยฺหิ ทฏฺุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุพุชฺฌเน กถา เอว นตฺถิ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโต. อิมสฺมึ าเน ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ วตฺตพฺพํ.
สนฺโตติ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ สงฺขารานฺจ อภาวโต วูปสนฺตสพฺพปริฬาหตาย สนฺโต นิพฺพุโต, สนฺตารมฺมณตาย วา สนฺโต. เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ สนฺตารมฺมณฺจาติ สนฺตารมฺมณํ. ปธานภาวํ นีโตติ ปณีโต. อถ วา ปณีโตติ อติตฺติกรณฏฺเน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิย. สนฺตปณีตภาเวเนว เจตฺถ อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฏฺพฺพา. อิทฺหิ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ อุตฺตมาณวิสยตฺตา ตกฺเกน อวจริตพฺโพ โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพ. ตโต เอว นิปุณาณโคจรตาย สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณ สณฺโห. ปณฺฑิตเวทนีโยติ พาลานํ อวิสยตฺตา สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตพฺโพ.
อลฺลียนฺติ อภิรมิตพฺพฏฺเน เสวิยนฺตีติ อาลยา, ปฺจ กามคุณาติ อาห ‘‘สตฺตา ปฺจกามคุเณ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺตี’’ติ. ตตฺถ ปฺจกามคุเณ อลฺลียนฺตีติ ปฺจกามคุเณ เสวนฺตีติ อตฺโถ. เตติ ปฺจ กามคุณา. รมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ กีฬนฺติ ลฬนฺติ. อาลียนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ, เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิเม หิ สตฺตา ยถา กามคุเณ, เอวํ ราคมฺปิ อสฺสาเทนฺติ ¶ อภินนฺทนฺติเยว. ยเถว หิ สุสชฺชิตปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิฏฺโ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, สมฺมุทิโต อาโมทิตปโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺติ, สายมฺปิ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวฏฺเฏ สมฺโมทิตา อนุกฺกณฺิตา วสนฺติ. เตน เนสํ ภควา ทุวิธมฺปิ อาลยํ อุยฺยานภูมึ วิย ทสฺเสนฺโต ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาห. รตาติ นิรตา. สุฏฺุ มุทิตาติ อติวิย มุทิตา อนุกฺกณฺนโต.
านํ สนฺธายาติ านสทฺทํ สนฺธาย. อตฺถโต ปน านนฺติ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิปฺเปโต ¶ . ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโย. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยว. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา เทโว เอว เทวตา. อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ ปจฺจยภาโว อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตา. เตน สมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติ. ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปททฺวเยนปิ ธมฺมานํ ปจฺจยฏฺโ เอว วิภาวิโต. สงฺขาราทิปจฺจยานฺหิ อวิชฺชาทีนํ เอตํ อธิวจนํ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ อตฺถโต นิพฺพานเมว. ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม ปฏิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยภาวเหตุ สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติ. สพฺพสงฺขตวิสํยุตฺเต หิ นิพฺพาเน สงฺขารวูปสมปริยาโย ายาคโตเยวาติ. อิทํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ – สพฺเพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถติ.
ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา สมุจฺเฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติ, อฏฺสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา ขียนฺติ, สพฺเพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติ, ยา ปเนสา ตณฺหา เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํ ภวนิกนฺติภาเวน วินติ สํสิพฺพติ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ, ตโต นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ. กิลมโถติ กายกิลมโถ. วิเหสาปิ กายวิเหสาเยว, จิตฺเต ปน อุภยมฺเปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา. เอตฺถ จ จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ¶ ปิฏฺิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ เวทิตพฺพา, สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานฺจ อปฺปฏิปชฺชนฺตานฺจ วเสน. ชานนฺตานํ ปน ปฏิปชฺชนฺตานฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมว, เตนาห ภควา ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสตี’’ติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติ.
อปิสฺสูติ สมฺปิณฺฑนตฺเถ นิปาโต. โส น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฏิภํสูติ ทีเปติ. ภควนฺตนฺติ ปฏิสทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ภควโต’’ติ. วุทฺธิปฺปตฺตา อจฺฉริยา วา อนจฺฉริยา. วุทฺธิอตฺโถปิ หิ อ-กาโร โหติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ. กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมรชฺชสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตฺตา คาถาตฺถสฺส ¶ อนุอจฺฉริยตา ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จ เวทิตพฺพา. อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตา. โคจรา อเหสุนฺติ อุปฏฺหํสุ, อุปฏฺานฺจ วิตกฺกยิตพฺพตาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพภาวํ ปาปุณึสู’’ติ.
กิจฺเฉนาติ น ทุกฺขปฺปฏิปทาย. พุทฺธานฺหิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฺปฏิปทาว โหนฺติ. ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหสฺเสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ สีสํ กนฺติตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา กุลวํสปฺปทีปํ ปุตฺตํ มนาปจารินึ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อฺานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฏิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ห-อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เอกํสตฺเถติ เกจิ. ห พฺยตฺตํ เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิจฺเฉน อธิคตํ ธมฺมํ เทเสตุนฺติ โยชนา. หลนฺติ วา อลนฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ วิย. ‘‘ปกาสิต’’นฺติปิ ปนฺติ, เทสิตนฺติ อตฺโถ. เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อลํ เทสิตํ ปริยตฺตํ เทสิตํ, โก อตฺโถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุฏฺเหิ, ผุฏฺวิเสน วิย สปฺเปน ราเคน โทเสน จ สมฺผุฏฺเหิ อภิภูเตหีติ ¶ อตฺโถ. อถ วา ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสานุคเตหิ, ราเคน จ โทเสน จ อนุพนฺเธหีติ อตฺโถ.
ปฏิโสตคามินฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๖๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๒) นิจฺจคาหาทีนํ ปฏิโสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ เอวํ คตํ ปวตฺตํ จตุสจฺจธมฺมนฺติ อตฺโถ. ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฏฺิราเคน จ รตฺตา. น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ, เต อปสฺสนฺเต โก สกฺขิสฺสติ อนิจฺจนฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺมํ ชานาเปตุนฺติ อธิปฺปาโย. ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมุฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ, อวิชฺชาราสินา อชฺโฌตฺถฏาติ อตฺโถ.
อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมตีติ กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ, นนุ เอส ‘‘มุตฺโตหํ โมเจสฺสามิ, ติณฺโณหํ ตาเรสฺสามิ,
กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๕๕) –
ปตฺถนํ ¶ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ? สจฺจเมว, ตเทว ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ตสฺส หิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฏา ชาตา. อถสฺส ‘‘อิเม สตฺตา กฺชิยปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฏิ วิย วสาเตลปีตปิโลติกา วิย อฺชนมกฺขิตหตฺโถ วิย จ กิเลสภริตา อติสํกิลิฏฺา ราครตฺตา โทสทุฏฺา โมหมุฬฺหา, เต กึ นาม ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนปิ เอวํ จิตฺตํ นมิ.
‘‘อยํ ธมฺโม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขนฺโธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิ วิย อณุ. มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺเตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ, ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสปิ ปถวี ¶ น กมฺปิตฺถ, ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺเสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. อิติ มาทิเสนปิ ติกฺขาเณน กิจฺเฉเนวายํ ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ, ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมคมฺภีรตาย ปจฺจเวกฺขณานุภาเวนปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ชานาติ หิ ภควา ‘‘มม อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมมาเน มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ, อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปติ, สนฺโต วต โภ ธมฺโม ปณีโต’ติ มฺมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติ. อิทมฺปิสฺส การณํ ปฏิจฺจ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํ.
๘. สหมฺปติสฺสาติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตตฺร นํ สหมฺปติ พฺรหฺมาติ สฺชานนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺสา’’ติ. นสฺสติ วตาติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรติ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สพฺเพ สนฺนิปตึสุ. อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ เต สภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ ¶ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ อภิฺา’’ติอาทีสุ วิย กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, อสฺสวนตายาติ อตฺโถ. ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุทฺเธสุ ทสปฺุกิริยวเสน กตาธิการา ปริปากคตปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมึ โอกฺกมนารหา น เอโก, น ทฺเว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิ. สมเลหิ จินฺติโตติ สมเลหิ ปูรณกสฺสปาทีหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ จินฺติโต. เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กณฺฏเก ปตฺถรมานา วิย วิสํ สิฺจมานา วิย ¶ จ สมลํ มิจฺฉาทิฏฺิธมฺมํ เทสยึสุ. เต กิร พุทฺธโกลาหลานุสฺสเวน สฺชาตกุตูหลา โลกํ วฺเจตฺวา โกหฺเ ตฺวา สพฺพฺุตํ ปฏิชานนฺตา ยํ กิฺจิ อธมฺมํเยว ธมฺโมติ ทีเปสุํ. อปาปุเรตนฺติ วิวร เอตํ. อมตสฺส ทฺวารนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารภูตํ อริยมคฺคํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอตํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ปิหิตํ นิพฺพานนครสฺส มหาทฺวารํ อริยมคฺคํ สทฺธมฺมเทสนาหตฺเถน อปาปุร วิวร อุคฺฆาเฏหีติ. สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธนฺติ อิเม สตฺตา ราคาทิมลานํ อภาวโต วิมเลน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนุพุทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณนฺตุ ตาว ภควาติ ยาจติ.
เสลปพฺพโต อุจฺโจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต มิสฺสกปพฺพโต วาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ. ตสฺสตฺโถ ‘‘เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว. น หิ ตตฺถ ิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถี’’ติ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาห. โส หิ สพฺพโส ปสาทาวโห สพฺพธมฺเม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาทสทิโส จ, ปฺาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สทฺโท. ปฺา หิ อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาโทติ อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺา. ตถา จาห –
‘‘ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘);
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย, ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปฺ สพฺพฺุตฺาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปฺามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเวกฺขสฺสุ ¶ อุปธารย อุปปริกฺขาติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิกาโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺยุํ, จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ อสฺส, อถ ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมึ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฏิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ อนุชฺชลภาวโต, กุฏิกาสุ ปน อคฺคิชาลามตฺตเมว ¶ ปฺาเยยฺย อุชฺชลภาวโต, เอวํ ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ าณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต อนุฬารภาวโต จ, รตฺตึ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ิตา อาปาถมาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกาณคฺคิตาย สมุชฺชลภาวโต อุฬารสนฺตานตาย จ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔);
อุฏฺเหีติ ภควโต ธมฺมเทสนตฺถํ จาริกจรณํ ยาจนฺโต ภณติ. อุฏฺเหีติ วา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสงฺโกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฏฺห. วีราติอาทีสุ ภควา สาติสยจตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยวนฺตตาย วีโร, เทวปุตฺตมจฺจุกิเลสาภิสงฺขารานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาโม, ชาติกนฺตาราทิโต เวเนยฺยสตฺถํ วาหนสมตฺถตาย นิพฺพานสงฺขาตํ เขมปฺปเทสํ สมฺปาปนสมตฺถตาย สตฺถวาโห, กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณติ เวทิตพฺโพ. โย หิ ปเรสํ อิณํ คเหตฺวา วินาเสติ, โส เตหิ ‘‘อิณํ เทหี’’ติ ตชฺชมาโนปิ ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ วมฺภมาโนปิ วธิยมาโนปิ กิฺจิ ปฏิปฺปหริตุํ น สกฺโกติ, สพฺพํ ติติกฺขติ. ติติกฺขการณฺหิสฺส ตํ อิณํ โหติ, เอวเมว โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชติ, ตณฺหาคหเณน ตํ วตฺถุํ คณฺหาติ, โส เตน ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ วมฺภมาโนปิ วธิยมาโนปิ กิฺจิ ปฏิปฺปหริตุํ น สกฺโกติ, สพฺพํ ติติกฺขติ. ติติกฺขการณฺหิสฺส โส กามจฺฉนฺโท โหติ ฆรสามิเกหิ วิเหิยมานานํ อิตฺถีนํ วิย. กสฺมา? อิณสทิสตฺตา กามจฺฉนฺทสฺส.
๙. อชฺเฌสนนฺติ ครุฏฺานียํ ปยิรุปาสิตฺวา ครุตรํ ปโยชนํ อุทฺทิสฺส อภิปตฺถนา อชฺเฌสนา, สาปิ อตฺถโต ยาจนา เอว. พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ พุทฺธจกฺขูติ นามํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส สมนฺตจกฺขูติ ¶ . เหฏฺิมานํ ¶ ติณฺณํ มคฺคาณานํ ธมฺมจกฺขูติ. อปฺปรชกฺเขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปฺาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขา. เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขา. เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยา. เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยา. เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. เย กถิตการณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. เย ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นาม.
อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คจฺโฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิปฺเปโต, ตสฺมา อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเนติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. อนฺโตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อุทกสฺส อนฺโต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสฺสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ. อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ติฏฺนฺตีติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺนฺติ. ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ, ตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกา อนุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬึ นารุฬฺหานิ, อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ อฏฺกถายํ ปกาสิตานิ. ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมว อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา.
ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา นเยน สงฺขิตฺเตน มาติกาย ปิยมานาย เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมตฺโถ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺูติ วุจฺจติ. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต กลฺยาณมิตฺเต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต ¶ พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม. ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฏิตฺู, สฺเว ปุปฺผนกานิ วิย วิปฺจิตฺู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนยฺเย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขปุปฺผานิ ¶ วิย ปทปรเม จ อทฺทส, ปสฺสนฺโต จ ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา, ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฏิตฺู’’ติ เอวํ สพฺพาการโตว อทฺทส.
ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมิฺเว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติ. ปทปรมานํ อนาคตตฺถาย วาสนา โหติ. อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน สพฺเพปิ ตีสุ ภเวสุ สตฺเต ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺเว โกฏฺาเส อกาสิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปฺา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพา. กตเม เต สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป… อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๖-๘๒๗). ตตฺถ สพฺเพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว าเณน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทส, โมห, วิตกฺก, สทฺธา, พุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฏฺาเส อกาสิ, เอวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ จินฺเตสิ. เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิภพฺพาทิวเสน อาวชฺเชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปฺุชปฺุชาว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, น เอเกกาติ ทฏฺพฺพํ.
ปจฺจภาสีติ ปติอภาสิ. อปารุตาติ วิวฏา. อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมคฺโค. โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ, โส มยา วิวริตฺวา ปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภูาเณน อธิคตตฺตาติ ทสฺเสติ. ‘‘อปารุตํ เตสํ อมตสฺส ทฺวาร’’นฺติ เกจิ ปนฺติ. ปมฺุจนฺตุ สทฺธนฺติ สพฺเพ อตฺตโน สทฺธํ มฺุจนฺตุ วิสฺสชฺเชนฺตุ ปเวเทนฺตุ, มยา เทสิเต ธมฺเม มยิ จ อตฺตโน สทฺทหนาการํ อุฏฺาเปนฺตูติ อตฺโถ. ปจฺฉิมปททฺวเย อยมตฺโถ – อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ ¶ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา น ภาสึ, น ภาสิสฺสามีติ จินฺเตสึ, อิทานิ ปน สพฺโพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติ. อนฺตรธายีติ สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อนฺตรหิโต, สกฏฺานเมว คโตติ อตฺโถ. สตฺถุสนฺติกฺหิ อุปคตานํ เทวานํ พฺรหฺมานฺจ ตสฺส ปุรโต อนฺตรธานํ นาม สกฏฺานคมนเมว.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา
๑๐. เอตทโหสีติ ¶ เอตํ อโหสิ, ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ อยํ ธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อุทปาทีติ อตฺโถ. อาฬาโรติ ตสฺส นามํ. ทีฆปิงฺคโล กิเรส. โส หิ ตุงฺคสรีรตาย ทีโฆ, ปิงฺคลจกฺขุตาย ปิงฺคโล, เตนสฺส ‘‘อาฬาโร’’ติ นามํ อโหสิ. กาลาโมติ โคตฺตํ. ปณฺฑิโตติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔) ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต, สมาปตฺติปฏิลาภสํสิทฺเธน อธิคมพาหุสจฺจสงฺขาเตน ปณฺฑิตภาเวน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. พฺยตฺโตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต, สมาปตฺติปฏิลาภปจฺจเยน ปาริหาริกปฺาสงฺขาเตน พฺยตฺตภาเวน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เมธาวีติ านุปฺปตฺติยา ปฺาย สมนฺนาคโต. อถ วา เมธาวีติ ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาสงฺขาตาย ตํตํอิติกตฺตพฺพตาปฺาสงฺขาตาย จ เมธาย สมนฺนาคโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อปฺปรชกฺขชาติโกติ สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตตฺตา นิกฺกิเลสชาติโก วิสุทฺธสตฺโต. อาชานิสฺสตีติ สลฺลกฺเขสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ.
ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทีติ ภควโตปิ สพฺพฺุตฺาณํ อุปฺปชฺชิ. ภควา กิร เทวตาย กถิเตเนว นิฏฺํ อคนฺตฺวา สยมฺปิ สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโต อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก กาลํ กตฺวา อากิฺจฺายตเน นิพฺพตฺโตติ อทฺทส. ตํ สนฺธายาห ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ. มหาชานิโยติ สตฺตทิวสพฺภนฺตเร ปตฺตพฺพมคฺคผลโต ¶ ปริหีนตฺตา มหตี ชานิ ปริหานิ อสฺสาติ มหาชานิโย. อกฺขเณ นิพฺพตฺตตฺถา อิธ ธมฺมเทสนฏฺานํ อาคมนปาทาปิ นตฺถิ, อถาหํ ตตฺถ คจฺเฉยฺยํ, คนฺตฺวา เทสิยมานํ ธมฺมมฺปิสฺส โสตุํ โสตปสาโทปิ นตฺถิ, เอวํ มหาชานิโย ชาโตติ ทสฺเสติ. กึ ปน ภควตา ตํ อตฺตโน พุทฺธานุภาเวน ธมฺมํ าเปตุํ น สกฺกาติ? อาม น สกฺกา, น หิ ปรโตโฆสมนฺตเรน สาวกานํ ธมฺมาภิสมโย สมฺภวติ, อฺถา อิตรปจฺจยรหิตสฺสปิ ธมฺมาภิสมเยน ภวิตพฺพํ, น จ ตํ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส อชฺฌตฺตฺจ โยนิโสมนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๗).
อุทโกติ ตสฺส นามํ, รามสฺส ปน ปุตฺตตาย รามปุตฺโต. อภิโทสกาลกโตติ อฑฺฒรตฺเต กาลกโต. ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทีติ อิธาปิ กิร ภควา เทวตาย กถิตวจเนน สนฺนิฏฺานํ อกตฺวา สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโต ‘‘หิยฺโย อฑฺฒรตฺเต กาลํ กตฺวา อุทโก รามปุตฺโต ¶ เนวสฺานาสฺายตเน นิพฺพตฺโต’’ติ อทฺทส, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
พหูปการาติ พหุอุปการา. ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสูติ ปธานตฺถาย เปสิตตฺตภาวํ วสนฏฺาเน ปริเวณสมฺมชฺชเนน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อนุพนฺธเนน มุโขทกทนฺตกฏฺทานาทินา จ อุปฏฺหึสุ. เก ปเนเต ปฺจวคฺคิยา นาม? เย เต –
ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี;
โกณฺฑฺโ จ โภโช สุยาโม สุทตฺโต;
เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา;
ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสูติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔; ชา. อฏฺ. ๑.นิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา);
โพธิสตฺตสฺส ชาตกาเล สุปินปฏิคฺคาหกา เจว ลกฺขณปฏิคฺคาหกา จ อฏฺ พฺราหฺมณา. เตสุ ตโย ทฺเวธา พฺยากรึสุ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน ราชา โหหิติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุทฺโธ’’ติ. ปฺจ พฺราหฺมณา เอกํสพฺยากรณา อเหสุํ ¶ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคาเร น ติฏฺติ, พุทฺโธว โหตี’’ติ. เตสุ ปุริมา ตโย ยถามนฺตปทํ คตา. เอเต หิ ลกฺขณมนฺตสงฺขาตเวทวจนานุรูปํ ปฏิปนฺนา ทฺเว คติโย ภวนฺติ อนฺาติ วุตฺตนิยาเมน นิจฺฉินิตุํ อสกฺโกนฺตา วุตฺตเมว ปฏิปชฺชึสุ, น มหาปุริสสฺส พุทฺธภาวปฺปตฺตึ ปจฺจาสีสึสุ. อิเม ปน โกณฺฑฺาทโย ปฺจ ‘‘เอกํสโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ชาตนิจฺฉยตฺตา มนฺตปทํ อติกฺกนฺตา. เต อตฺตนา ลทฺธํ ตุฏฺิทานํ าตกานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘อยํ มหาปุริโส อคาเร น อชฺฌาวสิสฺสติ, เอกนฺเตน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิพฺเพมติกา โพธิสตฺตํ อุทฺทิสฺส สมณปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา, เตสํ ปุตฺตาติปิ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ. เอเต กิร ทหรกาเลว พหู มนฺเต ชานึสุ, ตสฺมา เน พฺราหฺมณา อาจริยฏฺาเน ปยึสุ. เต ‘‘ปจฺฉา อมฺเหหิ ปุตฺตทารชฏํ ฉินฺทิตฺวา น สกฺกา ภวิสฺสติ ปพฺพชิตุ’’นฺติ ทหรกาเลเยว ปพฺพชิตฺวา รมณียานิ เสนาสนานิ ปริภฺุชนฺตา วิจรึสุ. กาเลน กาลํ ปน ‘‘กึ โภ มหาปุริโส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต’’ติ ปุจฺฉนฺติ. มนุสฺสา ‘‘กุหึ ตุมฺเห มหาปุริสํ ปสฺสิสฺสถ, ตีสุ ปาสาเทสุ วิวิธนาฏกมชฺเฌ เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุโภตี’’ติ วทนฺติ. เต สุตฺวา ‘‘น ตาว มหาปุริสสฺส าณํ ปริปากํ คจฺฉตี’’ติ อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรึสุเยว.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ ภควา ‘‘พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยา’’ติ อาห. กึ อุปการกานํเยว เอส ธมฺมํ เทเสติ, อนุปการกานํ น เทเสตีติ? โน น เทเสติ. ปริจยวเสน เหส อาฬารฺเจว กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ โอโลเกสิ. เอตสฺมึ ปน พุทฺธกฺเขตฺเต เปตฺวา อฺาสิโกณฺฑฺํ อฺโ ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. กสฺมา? ตถาวิธอุปนิสฺสยตฺตา. ปุพฺเพ กิร ปฺุกรณกาเล ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. เต จ เอกโต สสฺสํ อกํสุ. ตตฺถ เชฏฺสฺส ‘‘เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ มยา ทาตพฺพ’’นฺติ อโหสิ. โส วปฺปกาเล พีชคฺคํ นาม ทตฺวา คพฺภกาเล กนิฏฺเน สทฺธึ มนฺเตสิ ‘‘คพฺภกาเล คพฺภํ ผาเลตฺวา ทสฺสามี’’ติ. กนิฏฺโ ‘‘ตรุณสสฺสํ นาเสตุกาโมสี’’ติ อาห. เชฏฺโ กนิฏฺสฺส อนนุวตฺตนภาวํ ตฺวา เขตฺตํ วิภชิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสโต คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นีหริตฺวา สปฺปิผาณิเตน โยเชตฺวา อทาสิ, ปุถุกกาเล ปุถุกํ กาเรตฺวา อทาสิ ¶ , ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, เวณิโย ปุริสภารวเสน พนฺธิตฺวา กลาปกรเณ กลาปคฺคํ, ขเล กลาปานํ ปนทิวเส ขลคฺคํ, มทฺทิตฺวา วีหีนํ ราสิกรณทิวเส ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺาคาเร ธฺสฺส ปกฺขิปนทิวเส โกฏฺคฺคนฺติ เอวํ เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. กนิฏฺโ ปน ขลโต ธฺํ อุทฺธริตฺวา คหณทิวเส อทาสิ. เตสุ เชฏฺโ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ชาโต, กนิฏฺโ สุภทฺทปริพฺพาชโก. อิติ เอกสฺมึ สสฺเส นวนฺนํ อคฺคทานานํ ทินฺนตฺตา เปตฺวา เถรํ อฺโ ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ‘‘นวนฺนํ อคฺคทานานํ ทินฺนตฺตา’’ติ อิทฺจ ตสฺส รตฺตฺูนํ อคฺคภาวตฺถาย กตาภินีหารานุรูปํ ปวตฺติตสาวกปารมิยา จิณฺณนฺเต ปวตฺติตตฺตา วุตฺตํ. ติณฺณมฺปิ หิ โพธิสตฺตานํ ตํตํปารมิยา สิขาปฺปตฺตกาเล ปวตฺติตํ ปฺุํ อปฺุํ วา ครุตรวิปากเมว โหติ, ธมฺมสฺส จ สพฺพปมํ สจฺฉิกิริยาย วินา กถํ รตฺตฺูนํ อคฺคภาวสิทฺธีติ? ‘‘พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยา’’ติ อิทํ ปน อุปการานุสฺสรณมตฺตเกเนว วุตฺตํ.
อิสิปตเน มิคทาเยติ ตสฺมึ กิร ปเทเส อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ปจฺเจกสมฺพุทฺธา คนฺธมาทนปพฺพเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติยา วีตินาเมตฺวา นิโรธา วุฏฺาย นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อากาเสน อาคนฺตฺวา นิปตนฺติ. ตตฺถ จีวรํ ปารุปิตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจา คมนกาเลปิ ตโตเยว อุปฺปติตฺวา คจฺฉนฺติ. อิติ อิสโย เอตฺถ นิปตนฺติ อุปฺปตนฺติ จาติ ตํ านํ ‘‘อิสิปตน’’นฺติ สงฺขํ คตํ, มิคานํ ปน อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา ‘‘มิคทาโย’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ. อฺเ พุทฺธา ปมํ ธมฺมเทสนตฺถาย คจฺฉนฺตา อากาเสน คนฺตฺวา ตตฺเถว โอตรนฺติ, อมฺหากํ ปน ภควา อุปกสฺส อาชีวกสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อุปโก อิมํ อทฺธานํ ¶ ปฏิปนฺโน, โส มํ ทิสฺวา สลฺลปิตฺวา คมิสฺสติ, อถ ปุน นิพฺพินฺโน อาคมฺม อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสตี’’ติ ตฺวา อฏฺารสโยชนํ มคฺคํ ปทสาว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยน พาราณสี, เตน จาริกํ ปกฺกามี’’ติ.
๑๑. อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธินฺติ คยาย จ โพธิสฺส จ วิวเร ติคาวุตนฺตเร าเน. โพธิมณฺฑโต หิ คยา ตีณิ คาวุตานิ, พาราณสี ¶ อฏฺารส โยชนานิ. อุปโก โพธิมณฺฑสฺส จ คยาย จ อนฺตเร ภควนฺตํ อทฺทส. อนฺตรา-สทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว อนฺตรา-สทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ, อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตรา-สทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. อิธ ปน โยเชตฺวา เอว วุตฺโต. อทฺธานมคฺคนฺติ อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ, ทีฆมคฺคนฺติ อตฺโถ. อทฺธานคมนสมยสฺส วิภงฺเค ‘‘อทฺธโยชนํ คจฺฉิสฺสามีติ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๒๑๘) อทฺธโยชนมฺปิ อทฺธานมคฺโค โหติ. โพธิมณฺฑโต ปน คยา ติคาวุตํ. วิปฺปสนฺนานีติ สุฏฺุ ปสนฺนานิ. อินฺทฺริยานีติ มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ. ปริสุทฺโธติ นิทฺโทโส. ปริโยทาโตติ ตสฺเสว เววจนํ. นิรุปกฺกิเลสตาเยว หิ เอส ‘‘ปริโยทาโต’’ติ วุตฺโต, น เสตภาเวน. เอตสฺส ปริโยทาตตํ ทิสฺวาว อินฺทฺริยานํ วิปฺปสนฺนตํ อฺาสิ, นยคฺคาหีปฺา กิเรสา ตสฺส อาชีวกสฺส.
สพฺพาภิภูติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ิโต. สพฺพวิทูติ สพฺพํ จตุภูมกธมฺมํ อเวทึ อฺาสึ สพฺพโส เยฺยาวรณสฺส ปหีนตฺตา. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโตติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนาทินา กิเลสเลเปน อลิตฺโต. สพฺพฺชโหติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ ชหิตฺวา ิโต. อปฺปหาตพฺพมฺปิ หิ กุสลาพฺยากตํ ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน ปหีนตฺตา น โหตีติ ชหิตเมว โหติ. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหกฺขเย นิพฺพาเน อารมฺมณกรณวเสน วิมุตฺโต. สยํ อภิฺายาติ สพฺพํ จตุภูมกธมฺมํ อตฺตนาว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ กํ อฺํ ‘‘อยํ เม อาจริโย’’ติ อุทฺทิเสยฺยํ.
น เม อาจริโย อตฺถีติ โลกุตฺตรธมฺเม มยฺหํ อาจริโย นาม นตฺถิ. กิฺจาปิ หิ โลกิยธมฺมานมฺปิ ยาทิโส โลกนาถสฺส อธิคโม, น ตาทิโส อธิคโม ปรูปเทโส อตฺถิ, โลกุตฺตรธมฺเม ปนสฺส เลโสปิ นตฺถิ. นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโลติ มยฺหํ สีลาทีหิ คุเณหิ ปฏินิธิภูโต ปุคฺคโล นาม นตฺถิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธติ เหตุนา นเยน จตฺตาริ สจฺจานิ สยํ พุทฺโธ ¶ . สีติภูโตติ สพฺพกิเลสคฺคินิพฺพาปเนน สีติภูโต, กิเลสานํ เยว นิพฺพุตตฺตา นิพฺพุโต.
กาสินํ ¶ ปุรนฺติ กาสิรฏฺเ นครํ. อาหฺฉนฺติ อาหนิสฺสามิ. อมตทุนฺทุภินฺติ เวเนยฺยานํ อมตาธิคมาย อุคฺโฆสนาทึ กตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนา ‘‘อมตทุนฺทุภี’’ติ วุตฺตา, ธมฺมจกฺกปฏิลาภาย ตํ อมตเภรึ ปหริสฺสามีติ คจฺฉามีติ วุตฺตํ โหติ.
อรหสิ อนนฺตชิโนติ อนนฺตชิโนปิ ภวิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ. อนนฺตาโณ ชิตกิเลโสติ อนนฺตชิโน. หุเปยฺยปาวุโสติ อาวุโส เอวมฺปิ นาม ภเวยฺย, เอวํวิเธ นาม รูปรตเน อีทิเสน าเณน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อยฺหิสฺส ปพฺพชฺชาย ปจฺจโย ชาโต. กตาธิกาโร เหส. ตถา หิ ภควา เตน สมาคมนตฺถํ ปทสาว ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ปกฺกามีติ วงฺกหารชนปทํ นาม อคมาสิ.
ตตฺเถกํ มิคลุทฺทกคามกํ นิสฺสาย วาสํ กปฺเปสิ, เชฏฺกลุทฺทโก ตํ อุปฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ ชนปเท จณฺฑา มกฺขิกา โหนฺติ. อถ นํ เอกาย จาฏิยา วสาเปสุํ. มิคลุทฺทโก ทูรํ มิควํ คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺหากํ อรหนฺเต มา ปมชฺชี’’ติ จาปํ นาม ธีตรํ อาณาเปตฺวา อคมาสิ สทฺธึ ปุตฺตภาตุเกหิ. สา จสฺส ธีตา ทสฺสนียา โหติ โกฏฺาสสมฺปนฺนา. ทุติยทิวเส อุปโก ฆรํ อาคโต ตํ ทาริกํ สพฺพํ อุปจารํ กตฺวา ปริวิสิตุํ อุปคตํ ทิสฺวา ราเคน อภิภูโต ภฺุชิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ภาชเนน ภตฺตํ อาทาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ภตฺตํ เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจ จาปํ ลภามิ, ชีวามิ. โน เจ, มรามี’’ติ นิราหาโร สยิ. สตฺตเม ทิวเส มาควิโก อาคนฺตฺวา ธีตรํ อุปกสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. สา ‘‘เอกทิวสเมว อาคนฺตฺวา ปุน นาคตปุพฺโพ’’ติ อาห.
มาควิโก อาคตเวเสเนว นํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามีติ ตงฺขณํเยว คนฺตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อผาสุก’’นฺติ ปาเท ปรามสนฺโต ปุจฺฉิ. อุปโก นิตฺถุนนฺโต ปริวตฺตติเยว. โส ‘‘วท ภนฺเต, ยํ มยา สกฺกา กาตุํ, สพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อาห. อุปโก ‘‘สเจ จาปํ ลภามิ, ชีวามิ, โน เจ, มยฺหเมว มรณํ เสยฺโย’’ติ อาห. ชานาสิ กิร, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปนฺติ? น ชานามีติ. น, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปํ อชานนฺเตน สกฺกา ฆราวาสํ อธิฏฺาตุนฺติ. โส อาห ‘‘นาหํ กิฺจิ สิปฺปํ ชานามิ, อปิจ ¶ ตุมฺหากํ มํสหารโก ภวิสฺสามิ, มํสฺจ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. มาควิโก ‘‘อมฺหากมฺปิ เอตเทว รุจฺจตี’’ติ อุตฺตรสาฏกํ ¶ ทตฺวา ฆรํ อาเนตฺวา ธีตรํ อทาสิ. เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต วิชายิ, ‘‘สุภทฺโท’’ติสฺส นามํ อกํสุ. จาปา ตสฺส โรทนกาเล ‘‘มํสหารกสฺส ปุตฺต มิคลุทฺทกสฺส ปุตฺต มา โรทิ มา โรที’’ติอาทีนิ วทมานา ปุตฺตโตสนคีเตน อุปกํ อุปฺปณฺเฑสิ. ‘‘ภทฺเท ตฺวํ มํ อนาโถติ มฺสิ, อตฺถิ เม อนนฺตชิโน นาม สหาโย, ตสฺสาหํ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. จาปา ‘‘เอวมยํ อฏฺฏียตี’’ติ ตฺวา ปุนปฺปุนํ กเถสิ. โส เอกทิวสํ อนาโรเจตฺวาว มชฺฌิมเทสาภิมุโข ปกฺกามิ.
ภควา จ เตน สมเยน สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน, อถ โข ภควา ปฏิกจฺเจว ภิกฺขู อาณาเปสิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, อนนฺตชิโนติ ปุจฺฉมาโน อาคจฺฉติ, ตสฺส มํ ทสฺเสยฺยาถา’’ติ. อุปโกปิ โข ‘‘กุหึ อนนฺตชิโน วสตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ตฺวา ‘‘กุหึ อนนฺตชิโน’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ นยึสุ. โส จ ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘สฺชานาถ มํ ภควา’’ติ อาห. อาม อุปก สฺชานามิ, กุหึ ปน ตฺวํ วสิตฺถาติ. วงฺกหารชนปเท, ภนฺเตติ. อุปก มหลฺลโกสิ ชาโต, ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสีติ. ปพฺพชิสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภควา ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส กมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโต อนาคามิผเล ปติฏฺาย กาลํ กตฺวา อวิเหสุ นิพฺพตฺโต, นิพฺพตฺติกฺขเณเยว จ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อวิเห นิพฺพตฺตมตฺตา หิ สตฺต ชนา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, เตสํ โส อฺตโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติกํ.
‘‘อุปโก ปลคณฺโฑ จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;
ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สงฺคิโย;
เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๕๐, ๑๐๕);
๑๒. สณฺเปสุนฺติ ‘‘เนว อภิวาเทตพฺโพ’’ติอาทินา กติกํ อกํสุ. พาหุลฺลิโกติ จีวรพาหุลฺลาทีนํ อตฺถาย ปฏิปนฺโน. ปธานวิพฺภนฺโตติ ¶ ปธานโต ปุพฺเพ อนุฏฺิตทุกฺกรจรณโต วิพฺภนฺโต ภฏฺโ ปริหีโน. อาวตฺโต พาหุลฺลายาติ จีวราทิพหุภาวตฺถาย อาวตฺโต. อปิจ โข อาสนํ เปตพฺพนฺติ อปิจ โข ปนสฺส อุจฺจกุเล นิพฺพตฺตสฺส อาสนมตฺตํ ¶ เปตพฺพนฺติ วทึสุ. อสณฺหนฺตาติ พุทฺธานุภาเวน พุทฺธเตเชน อภิภูตา อตฺตโน กติกาย าตุํ อสกฺโกนฺตา. นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺตีติ ‘‘โคตมา’’ติ จ ‘‘อาวุโส’’ติ จ วทนฺติ, ‘‘อาวุโส โคตม, มยํ อุรุเวลายํ ปธานกาเล ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริมฺห, มุโขทกํ ทนฺตกฏฺํ อทมฺห, วุตฺถปริเวณํ สมฺมชฺชิมฺห, ปจฺฉา เต โก วตฺตปฏิปตฺตึ อกาสิ, กจฺจิ อมฺเหสุ ปกฺกนฺเตสุ น จินฺตยิตฺถา’’ติ เอวรูปํ กถํ กเถนฺตีติ อตฺโถ.
น จิรสฺเสวาติ อจิเรเนว. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺตา จ, เอเต ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺตาเยว. อคารสฺมาติ ฆรา. อคาราย หิตํ อคาริยํ, กสิโครกฺขาทิ กุฏุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ. นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ. ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตโนเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถาติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหริสฺสถ.
อิริยายาติ ทุกฺกรอิริยาย. ปฏิปทายาติ ทุกฺกรปฏิปตฺติยา. ทุกฺกรการิกายาติ ปสตปสตมุคฺคยูสาทิอาหรณาทินา ทุกฺกรกรเณน. อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ มนุสฺสธมฺมโต อุปริ. อลํ อริยํ กาตุนฺติ อลมริโย, อริยภาวาย สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ, าณทสฺสนเมว าณทสฺสนวิเสโส, อลมริโย จ โส าณทสฺสนวิเสโส จาติ อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. าณทสฺสนนฺติ จ ทิพฺพจกฺขุปิ วิปสฺสนาปิ มคฺโคปิ ผลมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ วุจฺจติ. ‘‘อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๑๑) หิ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุ าณทสฺสนํ นาม. ‘‘าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕) เอตฺถ ¶ วิปสฺสนาาณํ. ‘‘อภพฺพา เต าณทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๖) เอตฺถ มคฺโค. ‘‘อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ‘อกุปฺปา เม เจโตวิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ‘สตฺตาหกาลกโต อาฬาโร กาลาโม’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๐; มหาว. ๑๐) ¶ เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. อิธ ปน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาโน อริยมคฺโค สพฺพฺุตฺาณเมว วา อธิปฺเปตํ.
อภิชานาถ เม โนติ อภิชานาถ นุ เม. เอวรูปํ ปภาวิตเมตนฺติ เอตฺถ เอวรูปํ วากฺยเภทนฺติ อตฺโถ, อปิ นุ อหํ อุรุเวลายํ ปธาเน ตุมฺหากํ สงฺคณฺหนตฺถํ อนุกฺกณฺนตฺถํ รตฺตึ วา ทิวา วา อาคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, มยํ ยตฺถ กตฺถจิ คมิสฺสามาติ มา วิตกฺกยิตฺถ, มยฺหํ โอภาโส วา กมฺมฏฺานนิมิตฺตํ วา ปฺายตี’’ติ เอวรูปํ กฺจิ วจนเภทํ อกาสินฺติ อธิปฺปาโย. เต เอกปเทเนว สตึ ลภิตฺวา อุปฺปนฺนคารวา ‘‘อทฺธา เอส พุทฺโธ ชาโต’’ติ สทฺทหิตฺวา ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. อสกฺขิ โข ภควา ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สฺาเปตุนฺติ ภควา ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู ‘‘พุทฺโธ อห’’นฺติ ชานาเปตุํ อสกฺขิ. อฺา จิตฺตํ อุปฏฺาเปสุนฺติ อฺาย อรหตฺตปฺปตฺติยา จิตฺตํ อุปฏฺเปสุํ อภินีหรึสุ.
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตาติ ทฺเว อิเม, ภิกฺขเว, โกฏฺาสา, ทฺเว ภาคาติ อตฺโถ. ภาควจโน เหตฺถ อนฺต-สทฺโท ‘‘ปุพฺพนฺเต าณํ อปรนฺเต าณ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๖๓) วิย. อิมสฺส ปน ปทสฺส อุจฺจารณสมกาลํ ปวตฺตนิคฺโฆโส พุทฺธานุภาเวน เหฏฺา อวีจึ อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ตสฺมึเยว สมเย ปริปกฺกกุสลมูลา สจฺจาภิสมฺโพธาย กตาธิการา อฏฺารสโกฏิสงฺขา พฺรหฺมาโน สมาคจฺฉึสุ. ปจฺฉิมทิสาย สูริโย อตฺถเมติ, ปาจีนทิสาย อาสาฬฺหนกฺขตฺเตน ยุตฺโต ปุณฺณจนฺโท อุคฺคจฺฉติ. ตสฺมึ สมเย ภควา ¶ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ อารภนฺโต ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปพฺพชิเตนาติ คิหิพนฺธนํ เฉตฺวา ปพฺพชฺชุปคเตน. น เสวิตพฺพาติ น วฬฺเชตพฺพา นานุยฺุชิตพฺพา. โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ โย จ อยํ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสุขสฺส อนุโยโค, กิเลสกามสํยุตฺตสฺส สุขสฺส อนุคโตติ อตฺโถ. หีโนติ ลามโก. คมฺโมติ คามวาสีนํ สนฺตโก เตหิ เสวิตพฺพตาย. โปถุชฺชนิโกติ ปุถุชฺชเนน อนฺธพาลชเนน อาจิณฺโณ. อนริโยติ น อริโย น วิสุทฺโธ น อุตฺตโม, น วา อริยานํ สนฺตโก. อนตฺถสํหิโตติ น อตฺถสํหิโต, หิตสุขาวหการณํ อนิสฺสิโตติ อตฺโถ. อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถสฺส อนุโยโค, ทุกฺขกรณํ ทุกฺขุปฺปาทนนฺติ อตฺโถ. ทุกฺโขติ ¶ กณฺฏกาปสฺสยเสยฺยาทีหิ อตฺตพาธเนหิ ทุกฺขาวโห. มชฺฌิมา ปฏิปทาติ อริยมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. มคฺโค หิ กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อนฺโต, อตฺตกิลมถานุโยโค เอโก อนฺโต, เอเต ทฺเว อนฺเต น อุเปติ น อุปคจฺฉติ, วิมุตฺโต เอเตหิ อนฺเตหิ, ตสฺมา ‘‘มชฺฌิมา ปฏิปทา’’ติ วุจฺจติ. เอเตสํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา, วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ ปฏิปทาติ, ตถา โลโภ เอโก อนฺโต, โทโส เอโก อนฺโต. สสฺสตํ เอกํ อนฺตํ, อุจฺเฉโท เอโก อนฺโตติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.
จกฺขุกรณีติอาทีหิ ตเมว ปฏิปทํ โถเมติ. ปฺาจกฺขุํ กโรตีติ จกฺขุกรณี. สา หิ จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนาย สํวตฺตติ ปริฺาภิสมยาทิเภทสฺส ทสฺสนสฺส ปวตฺตนฏฺเนาติ ‘‘จกฺขุกรณี’’ติ วุจฺจติ. ตยิทํ สติปิ ปฏิปทาย อนฺตฺเต อวยววเสน สิชฺฌมาโน อตฺโถ สมุทาเยน กโต นาม โหตีติ อุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทุติยปทํ ตสฺเสว เววจนํ. อุปสมายาติ กิเลสุปสมตฺถาย. อภิฺายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อภิชานนตฺถาย. สมฺโพธายาติ เตสํเยว สมฺพุชฺฌนตฺถาย. นิพฺพานายาติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย. อถ วา นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. ‘‘อุปสมายา’’ติ หิ อิมินา สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คหิตํ.
อิทานิ ¶ ตํ มชฺฌิมปฺปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตุกาโม ‘‘กตมา จ สา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยเมวา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสชฺเชสิ. ตตฺถ อยเมวาติ อวธารณวจนํ อฺสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อตฺถิภาวปฏิเสธนตฺถํ. สตฺตาปฏิกฺเขโป หิ อิธ ปฏิเสธนํ อลพฺภมานตฺตา อฺสฺส มคฺคสฺส. อริโยติ กิเลสานํ อารกตฺตา อริโย นิรุตฺตินเยน. อริปหานาย สํวตฺตตีติปิ อริโย อรโย ปาปธมฺมา ยนฺติ อปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ กตฺวา. อริเยน ภควตา เทสิตตฺตา อริยสฺส อยนฺติปิ อริโย, อริยภาวปฺปฏิลาภาย สํวตฺตตีติปิ อริโย. เอตฺถ ปน อริยกโร อริโยติปิ อุตฺตรปทโลเปน อริย-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตตฺตา อฏฺงฺคิโก. มคฺคงฺคสมุทาเย หิ มคฺคโวหาโร, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต นาม โหติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – อตฺตโน อวยวภูตานิ อฏฺงฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโกติ. ปรมตฺถโต ปน องฺคานิเยว มคฺโค ปฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิย, น จ องฺควินิมุตฺโต ฉฬงฺโค เวโท วิย. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉตีติ มคฺโค นิรุตฺตินเยน, นิพฺพานํ มคฺคติ คเวสตีติ วา มคฺโค. อริยมคฺโค หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรนฺโต คเวสนฺโต วิย โหติ. นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียตีติ วา มคฺโค วิวฏฺฏูปนิสฺสยปฺุกรณโต ¶ ปฏฺาย ตทตฺถปฏิปตฺติโต. คมฺมติ วา เตหิ ปฏิปชฺชียตีติ มคฺโค. เอตฺถ ปน อาทิอนฺตวิปริยาเยน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส กตโม โส อิติ เจติ อตฺโถ, กตมานิ วา ตานิ อฏฺงฺคานีติ. สพฺพลิงฺควิภตฺติวจนสาธารโณ หิ อยํ นิปาโต. เอกเมกมฺปิ องฺคํ มคฺโคเยว. ยถาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิ มคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙). โปราณาปิ ภณนฺติ ‘‘ทสฺสนมคฺโค สมฺมาทิฏฺิ, อภินิโรปนมคฺโค สมฺมาสงฺกปฺโป…เป… อวิกฺเขปมคฺโค สมฺมาสมาธี’’ติ. นนุ จ องฺคานิ สมุทิตานิ มคฺโค อนฺตมโส สตฺตงฺควิกลสฺส อริยมคฺคสฺส อภาวโตติ? สจฺจเมตํ สจฺจสมฺปฏิเวเธ, มคฺคปฺปจฺจยตาย ปน ยถาสกํ กิจฺจกรเณน ปจฺเจกมฺปิ ตานิ มคฺโคเยว, อฺถา สมุทิตานมฺปิ เตสํ มคฺคกิจฺจํ น สมฺภเวยฺยาติ. สมฺมาทิฏฺิอาทีสุ สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา สงฺกปฺเปติ สมฺปยุตฺตธมฺเม ¶ นิพฺพานสงฺขาเต อารมฺมเณ อภินิโรเปตีติ สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมา วทติ เอตายาติ สมฺมาวาจา, สมฺมา กโรติ เอเตนาติ สมฺมากมฺมํ, ตเทว สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมา อาชีวติ เอเตนาติ สมฺมาอาชีโว, สมฺมา วายมติ อุสฺสหตีติ สมฺมาวายาโม, สมฺมา สรติ อนุสฺสรตีติ สมฺมาสติ, สมฺมา สมาธิยติ จิตฺตํ เอเตนาติ สมฺมาสมาธีติ เอวํ นิพฺพจนํ เวทิตพฺพํ. อิทานิ อยํ โข สา ภิกฺขเวติ ตเมว ปฏิปทํ นิคเมนฺโต อาห. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ จตฺตาโรปิ โลกุตฺตรมคฺเค เอกโต กตฺวา กถิโต อฏฺงฺคิโก มคฺโค, อยํ โข สา ภิกฺขเว…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตตีติ.
๑๔. เอวํ มชฺฌิมปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๐) ทุกฺขนฺติ เอตฺถ ทุ-อิติ อยํ สทฺโท กุจฺฉิเต ทิสฺสติ. กุจฺฉิตฺหิ ปุตฺตํ ‘‘ทุปุตฺโต’’ติ วทนฺติ, ขํ-สทฺโท ปน ตุจฺเฉ. ตุจฺฉฺหิ อากาสํ ‘‘ข’’นฺติ วุจฺจติ. อิทฺจ ปมสจฺจํ กุจฺฉิตํ อเนกอุปทฺทวาธิฏฺานโต, ตุจฺฉํ พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตโต, ตสฺมา กุจฺฉิตตฺตา ตุจฺฉตฺตา จ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วุจฺจติ. ยสฺมา ปเนตํ พุทฺธาทโย อริยา ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา ‘‘อริยสจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. อริยปฏิวิชฺฌิตพฺพฺหิ สจฺจํ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อริยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ. อริยสฺส ตถาคตสฺส สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ. ตถาคเตน หิ สยํ อธิคตตฺตา ปเวทิตตฺตา ตโต เอว จ อฺเหิ อธิคมนียตฺตา ตํ ตสฺส โหตีติ. อถ วา เอตสฺส อภิสมฺพุทฺธตฺตา อริยภาวสิทฺธิโต อริยสาธกํ สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ ปุพฺเพ วิย อุตฺตรปทโลเปน ¶ . อวิตถภาเวน วา อรณียตฺตา อธิคนฺตพฺพตฺตา อริยํ สจฺจนฺติปิ อริยสจฺจํ. สจฺจตฺถํ ปน จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ ปรโต เอกชฺฌํ ทสฺสยิสฺสาม.
อิทานิ ตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ ชาติ-สทฺโท อเนกตฺโถ. ตถา เหส ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑; ม. นิ. ๑.๑๔๘) เอตฺถ ภเว อาคโต. ‘‘อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺา นาม สมณชาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) เอตฺถ นิกาเย. ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๗๑) เอตฺถ สงฺขตลกฺขเณ. ‘‘ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปมํ จิตฺตํ ¶ อุปฺปนฺนํ ปมํ วิฺาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาตี’’ติ (มหาว. ๑๒๔) เอตฺถ ปฏิสนฺธิยํ. ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) เอตฺถ ปสูติยํ. ‘‘อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐๓) เอตฺถ กุเล. สฺวายมิธ คพฺภเสยฺยกานํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมนํ, ตาว ปวตฺเตสุ ขนฺเธสุ, อิตเรสํ ปฏิสนฺธิกฺขเณสฺเววาติ ทฏฺพฺโพ. อยมฺปิ จ ปริยายกถาว, นิปฺปริยายโต ปน ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมานานํ สตฺตานํ เย ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, เตสํ ปมปาตุภาโว ชาติ นาม.
กสฺมา ปเนสา ทุกฺขาติ เจ? อเนเกสํ ทุกฺขานํ วตฺถุภาวโต. อเนกานิ หิ ทุกฺขานิ. เสยฺยถิทํ – ทุกฺขทุกฺขํ วิปริณามทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ ปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ อปฺปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ ปริยายทุกฺขํ นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ. ตตฺถ กายิกเจตสิกา ทุกฺขา เวทนา สภาวโต จ นามโต จ ทุกฺขตฺตา ทุกฺขทุกฺขนฺติ วุจฺจติ. สุขา เวทนา วิปริณามทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต วิปริณามทุกฺขํ. อุเปกฺขา เวทนา เจว เสสา จ เตภูมกา สงฺขารา อุทยพฺพยปีฬิตตฺตา สงฺขารทุกฺขํ. กณฺณสูลทนฺตสูลราคชปริฬาหโทสชปริฬาหาทิกายิกเจตสิกา อาพาธา ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ อปากฏภาวโต ปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ. ทฺวตฺตึสกมฺมการณาทิสมุฏฺาโน อาพาโธ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ ปากฏภาวโต อปฺปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ. เปตฺวา ทุกฺขทุกฺขํ เสสทุกฺขํ สจฺจวิภงฺเค อาคตํ ชาติอาทิ สพฺพมฺปิ ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ปริยายทุกฺขํ. ทุกฺขทุกฺขํ ปน นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ วุจฺจติ. ตตฺรายํ ชาติ ยํ ตํ พาลปณฺฑิตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๔๖ อาทโย) ภควตาปิ อุปมาวเสน ปกาสิตํ อาปายิกํ ทุกฺขํ, ยฺจ สุคติยมฺปิ มนุสฺสโลเก คพฺโภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขา. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ชาเยถ ¶ โน เจ นรเกสุ สตฺโต;
ตตฺถคฺคิทาหาทิกมปฺปสยฺหํ;
ลเภถ ทุกฺขํ น กุหึ ปติฏฺํ;
อิจฺจาห ทุกฺขาติ มุนีธ ชาตึ.
‘‘ทุกฺขํ ¶ ติรจฺเฉสุ กสาปโตท-
ทณฺฑาภิฆาตาทิภวํ อเนกํ;
ยํ ตํ กถํ ตตฺถ ภเวยฺย ชาตึ;
วินา ตหึ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขา.
‘‘เปเตสุ ทุกฺขํ ปน ขุปฺปิปาสา-
วาตาตปาทิปฺปภวํ วิจิตฺตํ;
ยสฺมา อชาตสฺส น ตตฺถ อตฺถิ;
ตสฺมาปิ ทุกฺขํ มุนิ ชาติมาห.
‘‘ติพฺพนฺธกาเร จ อสยฺห สีเต;
โลกนฺตเร ยํ อสุเรสุ ทุกฺขํ;
น ตํ ภเว ตตฺถ น จสฺส ชาติ;
ยโต อยํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขา.
‘‘ยฺจาปิ คูถนรเก วิย มาตุ คพฺเภ;
สตฺโต วสํ จิรมโต พหิ นิกฺขมฺจ;
ปปฺโปติ ทุกฺขมติโฆรมิทมฺปิ นตฺถิ;
ชาตึ วินา อิติปิ ชาติ อยฺหิ ทุกฺขา.
‘‘กึ ภาสิเตน พหุนา นนุ ยํ กุหิฺจิ;
อตฺถีธ กิฺจิทปิ ทุกฺขมิทํ กทาจิ;
เนวตฺถิ ชาติวิรเหน ยโต มเหสิ;
ทุกฺขาติ สพฺพปมํ อิมมาห ชาติ’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๑; วิภ. อฏฺ. ๑๙๑; มหานิ. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
ชราปิ ¶ ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน ทุวิธา ชรา สงฺขตลกฺขณฺจ ขณฺฑิจฺจาทิสมฺมโต สนฺตติยํ เอกภวปริยาปนฺนกฺขนฺธปุราณภาโว จ, สา อิธ อธิปฺเปตา. สา ปเนสา ชรา สงฺขารทุกฺขภาวโต เจว ทุกฺขวตฺถุโต จ ทุกฺขา. ยฺหิ องฺคปจฺจงฺคสิถิลภาวอินฺทฺริยวิการวิรูปตาโยพฺพนวินาสวีริยาวิสาทสติมติวิปฺปวาสปรปริภวาทิอเนกปจฺจยํ กายิกเจตสิกํ ทุกฺขมุปฺปชฺชติ, ชรา ตสฺส วตฺถุ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘องฺคานํ สิถิลีภาวา, อินฺทฺริยานํ วิการโต;
โยพฺพนสฺส วินาเสน, พลสฺส อุปฆาตโต.
‘‘วิปฺปวาสา ¶ สตาทีนํ, ปุตฺตทาเรหิ อตฺตโน;
อปฺปสาทนียโต เจว, ภิยฺโย พาลตฺตปตฺติยา.
‘‘ปปฺโปติ ทุกฺขํ ยํ มจฺโจ, กายิกํ มานสํ ตถา;
สพฺพเมตํ ชราเหตุ, ยสฺมา ตสฺมา ชรา ทุขา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๒; วิภ. อฏฺ. ๑๙๒; มหานิ. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
พฺยาธิปิ ทุกฺโขติ อิทํ ปทํ วิภงฺเค ทุกฺขสจฺจนิทฺเทสปาฬิยํ น อาคตํ, เตเนว วิสุทฺธิมคฺเคปิ ทุกฺขสจฺจนิทฺเทเส ตํ น อุทฺธฏํ, ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตปาฬิยํเยว ปน อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตตฺเถวิมสฺส วจเน อฺตฺถ จ อวจเน การณํ วีมํสิตพฺพํ.
มรณมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอตฺถาปิ ทุวิธํ มรณํ สงฺขตลกฺขณฺจ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑). เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิจฺเฉโท จ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิจฺจํ มรณโต ภย’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๘๑; ชา. ๑.๑๑.๘๘), ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. ชาติปจฺจยมรณํ อุปกฺกมมรณํ สรสมรณํ อายุกฺขยมรณํ ปฺุกฺขยมรณนฺติปิ ตสฺเสว นามํ. ตยิทํ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ปาปสฺส ¶ ปาปกมฺมาทิ-นิมิตฺตมนุปสฺสโต;
ภทฺทสฺสาปสหนฺตสฺส, วิโยคํ ปิยวตฺถุกํ;
มียมานสฺส ยํ ทุกฺขํ, มานสํ อวิเสสโต.
‘‘สพฺเพสฺจาปิ ยํ สนฺธิ-พนฺธนจฺเฉทนาทิกํ;
วิตุชฺชมานมมฺมานํ, โหติ ทุกฺขํ สรีรชํ.
‘‘อสยฺหมปฺปฏิการํ, ทุกฺขสฺเสตสฺสิทํ ยโต;
มรณํ วตฺถุ เตเนตํ, ทุกฺขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๕๔๓; วิภ. อฏฺ. ๑๙๓; มหานิ. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๒-๓๓);
อิมสฺมิฺจ าเน ‘‘โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา’’ติ วิภงฺเค ทุกฺขสจฺจนิทฺเทเส อาคตํ, อิธ ปน ตํ นตฺถิ, ตตฺถาปิ การณํ ปริเยสิตพฺพํ.
อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโขติ เอตฺถ อปฺปิยสมฺปโยโค นาม อมนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ สโมธานํ. โสปิ ทุกฺขวตฺถุโต ทุกฺโข. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ทิสฺวาว ¶ อปฺปิเย ทุกฺขํ, ปมํ โหติ เจตสิ;
ตทุปกฺกมสมฺภูต-มถ กาเย ยโต อิธ.
‘‘ตโต ทุกฺขทฺวยสฺสาปิ, วตฺถุโต โส มเหสินา;
ทุกฺโข วุตฺโตติ วิฺเยฺโย, อปฺปิเยหิ สมาคโม’’ติ.
ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโขติ เอตฺถ ปน ปิยวิปฺปโยโค นาม มนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ วินาภาโว. โสปิ โสกทุกฺขสฺส วตฺถุโต ทุกฺโข. เตนาหุ โปราณา –
‘‘าติธนาทิวิโยคา;
โสกสรสมปฺปิตา วิตุชฺชนฺติ;
พาลา ¶ ยโต ตโตยํ;
ทุกฺโขติ มโต ปิยวิปฺปโยโค’’ติ.
ยมฺปิจฺฉํ น ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสามา’’ติอาทีสุ อลพฺภเนยฺยวตฺถูสุ อิจฺฉาว ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ วุตฺตา, สาปิ ทุกฺขวตฺถุโต ทุกฺขา. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ตํ ตํ ปตฺถยมานานํ, ตสฺส ตสฺส อลาภโต;
ยํ วิฆาตมยํ ทุกฺขํ, สตฺตานํ อิธ ชายติ.
‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถูนํ, ปตฺถนา ตสฺส การณํ;
ยสฺมา ตสฺมา ชิโน ทุกฺขํ, อิจฺฉิตาลาภมพฺรวี’’ติ.
สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน ยสฺมา อินฺธนมิว ปาวโก, ลกฺขมิว ปหรณานิ, โครูปํ วิย ฑํสมกสาทโย, เขตฺตมิว ลายกา, คามํ วิย คามฆาตกา, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกเมว ชาติอาทโย นานปฺปกาเรหิ วิพาเธนฺตา ติณลตาทีนิ วิย ภูมิยํ, ปุปฺผผลปลฺลวานิ วิย รุกฺเขสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุเยว นิพฺพตฺตนฺติ, อุปาทานกฺขนฺธานฺจ อาทิทุกฺขํ ชาติ, มชฺเฌทุกฺขํ ชรา, ปริโยสานทุกฺขํ มรณํ, มโนรถวิฆาตปฺปตฺตานฺจ อิจฺฉาวิฆาตทุกฺขํ อิจฺฉิตาลาโภติ เอวํ นานปฺปการโต อุปปริกฺขิยมานา อุปาทานกฺขนฺธาว ทุกฺขาติ ยเทตํ เอกเมกํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานํ อเนเกหิปิ กปฺเปหิ น สกฺกา อนวเสสโต วตฺตุํ, ตสฺมา ตํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ เอกชลพินฺทุมฺหิ สกลสมุทฺทชลรสํ วิย เยสุ เกสุจิ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สํขิตฺเตน ¶ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ ภควา อโวจ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ชาติปฺปภุติกํ ทุกฺขํ, ยํ วุตฺตมิธ ตาทินา;
อวุตฺตํ ยฺจ ตํ สพฺพํ, วินา เอเต น วิชฺชติ.
‘‘ยสฺมา ตสฺมา อุปาทาน-กฺขนฺธา สงฺเขปโต อิเม;
ทุกฺขาติ วุตฺตา ทุกฺขนฺต-เทสเกน มเหสินา’’ติ.
เอวํ ¶ สรูปโต ทุกฺขสจฺจํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมุทยสจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สํ-อิติ อยํ สทฺโท ‘‘สมาคโม สเมต’’นฺติอาทีสุ สํโยคํ ทีเปติ, อุ-อิติ อยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุทิต’’นฺติอาทีสุ อุปฺปตฺตึ. อย-สทฺโท ปน การณํ ทีเปติ. อิทฺจาปิ ทุติยสจฺจํ อวเสสปจฺจยสมาโยเค สติ ทุกฺขสฺสุปฺปตฺติการณนฺติ ทุกฺขสฺส สํโยเค อุปฺปตฺติการณตฺตา ‘‘ทุกฺขสมุทย’’นฺติ วุจฺจติ. ยายํ ตณฺหาติ ยา อยํ ตณฺหา. โปโนพฺภวิกาติ ปุนพฺภวกรณํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน, ปุนพฺภโว สีลเมติสฺสาติ โปโนพฺภวิกา. นนฺทีราเคน สหคตาติ นนฺทีราคสหคตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘นนฺทนโต รชฺชนโต จ นนฺทีราคภาวํ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ อปฺปจฺจกฺขาย วุตฺติยา นนฺทีราคสหคตา’’ติ. ตตฺรตตฺราภินนฺทินีติ ยตฺร ยตฺร อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ, ตตฺรตตฺราภินนฺทินี.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส สา กตมาติ เจติ อยมตฺโถ. รูปตณฺหาทิเภเทน ฉพฺพิธาเยว ตณฺหา ปวตฺติอาการเภทโต กามตณฺหาทิวเสน ติวิธา วุตฺตา. รูปตณฺหาเยว หิ ยทา จกฺขุสฺส อาปาถมาคตํ รูปารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยมานา ปวตฺตติ, ตทา กามตณฺหา นาม โหติ. ยทา ตเทวารมฺมณํ ธุวํ สสฺสตนฺติ ปวตฺตาย สสฺสตทิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา ภวตณฺหา นาม โหติ. สสฺสตทิฏฺิสหคโต หิ ราโค ‘‘ภวตณฺหา’’ติ วุจฺจติ. ยทา ปน ตเทวารมฺมณํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตีติ ปวตฺตาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา วิภวตณฺหา นาม โหติ. อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต หิ ราโค ‘‘วิภวตณฺหา’’ติ วุจฺจติ. เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุปิ.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ ตณฺหาว สมุทยสจฺจํ วุตฺตาติ? วิเสสเหตุภาวโต. อวิชฺชา หิ ภเวสุ อาทีนวํ ปฏิจฺฉาเทนฺตี ทิฏฺิอาทิอุปาทานฺจ ตตฺถ ตตฺถ อภินิวิสมานํ ตณฺหํ อภิวฑฺเฒติ, โทสาทโยปิ กมฺมสฺส การณํ โหนฺติ, ตณฺหา ปน ตํตํภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาอาวาสสตฺตนิกายกุลโภคิสฺสริยาทิวิจิตฺตตํ อภิปตฺเถนฺตี กมฺมวิจิตฺตตาย อุปนิสฺสยตํ กมฺมสฺส จ สหายภาวํ อุปคจฺฉนฺตี ภวาทิวิจิตฺตตํ นิยเมติ, ตสฺมา ทุกฺขสฺส วิเสสเหตุภาวโต อฺเสุปิ อวิชฺชาอุปาทานกมฺมาทีสุ สุตฺเต อภิธมฺเม จ อวเสสกิเลสากุสลมูลาทีสุ วุตฺเตสุ ทุกฺขเหตูสุ วิชฺชมาเนสุ ตณฺหาว ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา นิ-สทฺโท อภาวํ, โรธ-สทฺโท จ จารกํ ทีเปติ, ตสฺมา อภาโว เอตฺถ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ทุกฺขโรธสฺส สพฺพคติสฺุตฺตา, สมธิคเต วา ตสฺมึ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ¶ ทุกฺขโรธสฺส อภาโว โหติ ตปฺปฏิปกฺขตฺตาติปิ ‘‘ทุกฺขนิโรธ’’นฺติ วุจฺจติ. ทุกฺขสฺส วา อนุปฺปาทนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรธํ. ทุกฺขนิโรธํ ทสฺเสนฺเตน เจตฺถ ‘‘โย ตสฺสาเยว ตณฺหายา’’ติอาทินา นเยน สมุทยนิโรโธ วุตฺโต, โส กสฺมา วุตฺโตติ เจ? สมุทยนิโรเธน ทุกฺขนิโรโธ. พฺยาธินิมิตฺตวูปสเมน พฺยาธิวูปสโม วิย หิ เหตุนิโรเธน ผลนิโรโธ, ตสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อฺถา. เตนาห –
‘‘ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห;
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต;
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุน’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๓๘);
อิติ ยสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ภควา ทุกฺขนิโรธํ ทสฺเสนฺโต สมุทยนิโรเธน เทเสสิ. สีหสมานวุตฺติโน หิ ตถาคตา. เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธฺจ เทเสนฺตา เหตุมฺหิ ปฏิปชฺชนฺติ, น ผเล. ยถา หิ สีโห เยนตฺตนิ สโร ขิตฺโต, ตตฺเถว อตฺตโน ¶ พลํ ทสฺเสติ, น สเร, ตถา พุทฺธานํ การเณ ปฏิปตฺติ, น ผเล. ติตฺถิยา ปน สุวานวุตฺติโน. เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธฺจ เทเสนฺตา อตฺตกิลมถานุโยคเทสนาทีหิ ผเล ปฏิปชฺชนฺติ, น เหตุมฺหิ. ยถา หิ สุนขา เกนจิ เลฑฺฑุปฺปหาเร ทินฺเน ภุสฺสนฺตา เลฑฺฑุํ ขาทนฺติ, น ปหารทายเก อุฏฺหนฺติ, เอวํ อฺติตฺถิยา ทุกฺขํ นิโรเธตุกามา กายเขทมนุยุชฺชนฺติ, น กิเลสนิโรธนํ, เอวํ ตาว ทุกฺขนิโรธสฺส สมุทยนิโรธวเสน เทสนาย ปโยชนํ เวทิตพฺพํ.
อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ. ตสฺสาเยว ตณฺหายาติ ตสฺสา ‘‘โปโนพฺภวิกา’’ติ วตฺวา กามตณฺหาทิวเสน วิภตฺตตณฺหาย. วิราโค วุจฺจติ มคฺโค. ‘‘วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๕; สํ. นิ. ๓.๑๒, ๕๙) หิ วุตฺตํ. วิราเคน นิโรโธ วิราคนิโรโธ, อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราคนิโรโธ อเสสวิราคนิโรโธ. อถ วา วิราโคติ ปหานํ วุจฺจติ, ตสฺมา อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราโค อเสโส นิโรโธติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา ทฏฺพฺพา, อตฺถโต ปน สพฺพาเนว เอตานิ นิพฺพานสฺส เววจนานิ. ปรมตฺถโต หิ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจนฺติ นิพฺพานํ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม ตณฺหา วิรชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตสฺมา ‘‘วิราโค’’ติ จ ‘‘นิโรโธ’’ติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตเทว อาคมฺม ตสฺสา จาคาทโย ¶ โหนฺติ, กามคุณาลยาทีสุ เจตฺถ เอโกปิ อาลโย นตฺถิ, ตสฺมา จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโยติ วุจฺจติ.
อิทานิ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทาอริยสจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี’’ติอาทิมาห. ยสฺมา ปเนตํ อริยสจฺจํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ อารมฺมณวสเอน ตทภิมุขภูตตฺตา, ปฏิปทา จ โหติ ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา, ตสฺมา ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. โก ปน เนสํ ทุกฺขาทีนํ สจฺจฏฺโติ? โย ปฺาจกฺขุนา อุปปริกฺขิยมานานํ มายาว วิปรีโต, มรีจิว วิสํวาทโก, ติตฺถิยานํ อตฺตา วิย อนุปลพฺภสภาโว จ น โหติ, อถ โข พาธนปฺปภวสนฺตินิยฺยานปฺปกาเรน ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวน อริยาณสฺส โคจโร โหติเยว, เอส อคฺคิลกฺขณํ วิย โลกปกติ วิย จ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว สจฺจฏฺโติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อคฺคิลกฺขณํ นาม อุณฺหตฺตํ. ตฺหิ กตฺถจิ กฏฺาทิอุปาทานเภเท วิสํวาทกํ วิปรีตํ ¶ อภูตํ วา กทาจิปิ น โหติ, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๕๗) เอวํ วุตฺตชาติอาทิกา โลกปกตีติ เวทิตพฺพา. ‘‘เอกจฺจานํ ติรจฺฉานานํ ติริยํ ทีฆตา, มนุสฺสาทีนํ อุทฺธํ ทีฆตา, วุทฺธินิฏฺปฺปตฺตานํ ปุน อวฑฺฒนนฺติ เอวมาทิกา จ โลกปกตี’’ติ วทนฺติ.
อปิจ –
นาพาธกํ ยโต ทุกฺขํ, ทุกฺขา อฺํ น พาธกํ;
พาธกตฺตนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํ.
ตํ วินา นาฺโต ทุกฺขํ, น โหติ น จ ตํ ตโต;
ทุกฺขเหตุนิยาเมน, อิติ สจฺจํ วิสตฺติกา.
นาฺา นิพฺพานโต สนฺติ, สนฺตํ น จ น ตํ ยโต;
สนฺตภาวนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํ.
มคฺคา อฺํ น นิยฺยานํ, อนิยฺยาโน น จาปิ โส;
ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตา, อิติ โส สจฺจสมฺมโต.
อิติ ¶ ตจฺฉาวิปลฺลาส-ภูตภาวํ จตูสุปิ;
ทุกฺขาทีสฺววิเสเสน, สจฺจฏฺํ อาหุ ปณฺฑิตาติ. (วิภ. อฏฺ. ๑๘๙);
๑๕. ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสูติ อิโต ปุพฺเพ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา น อนุสฺสุเตสุ อสฺสุตปุพฺเพสุ จตุสจฺจธมฺเมสุ. จกฺขุนฺติอาทีนิ าณเววจนาเนว. าณเมว เหตฺถ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ วิยาติ จกฺขุ, าณฏฺเน าณํ, ปการโต ชานนฏฺเน ปฺา, ปฏิวิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา, สจฺจปฺปฏิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมนโต โอภาสนฏฺเน อาโลโกติ วุตฺตํ. ตํ ปเนตํ จตูสุ สจฺเจสุ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
๑๖. ยาวกีวฺจาติ ยตฺตกํ กาลํ. ติปริวฏฺฏนฺติ สจฺจาณกิจฺจาณกตาณสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปริวฏฺฏานํ วเสน ติปริวฏฺฏํ. สจฺจาณาทิวเสน หิ ตโย ปริวฏฺฏา เอตสฺสาติ ติปริวฏฺฏนฺติ วุจฺจติ าณทสฺสนํ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อิทํ ทุกฺขสมุทย’’นฺติ เอวํ จตูสุ สจฺเจสุ ยถาภูตาณํ สจฺจาณํ นาม. เตสุเยว ‘‘ปริฺเยฺยํ ¶ ปหาตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ ภาเวตพฺพ’’นฺติ เอวํ กตฺตพฺพกิจฺจชานนาณํ กิจฺจาณํ นาม. ‘‘ปริฺาตํ ปหีนํ สจฺฉิกตํ ภาวิต’’นฺติ เอวํ ตสฺส กตภาวชานนาณํ กตาณํ นาม. ทฺวาทสาการนฺติ เตสํเยว เอเกกสฺมึ สจฺเจ ติณฺณํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน ทฺวาทสาการํ. าณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ติปริวฏฺฏานํ ทฺวาทสนฺนํ อาการานํ วเสน อุปฺปนฺนาณสงฺขาตํ ทสฺสนํ.
อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ สมฺมา สามฺจ โพธึ. อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ. โพธีติ จ ภควโต อรหตฺตมคฺโค อิธาธิปฺเปโต. สาวกานํ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ, พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ. อภิสมฺพุทฺโธติ ปจฺจฺาสินฺติ อภิสมฺพุทฺโธ อหํ ปตฺโต ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโตติ เอวํ ปฏิชานึ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทีติ อธิคตคุณานํ ยาถาวโต ทสฺสนสมตฺถํ ปจฺจเวกฺขณาณฺจ ปน เม อุทปาทิ. อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ อยํ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปา ปฏิปกฺเขหิ น โกเปตพฺพาติ เอวํ าณํ อุทปาทิ. ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อกุปฺปตา เวทิตพฺพา มคฺคสงฺขาตการณโต จ อารมฺมณโต จ. สา หิ จตูหิ มคฺเคหิ สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ¶ ปุน อนิวตฺตนตาย การณโตปิ อกุปฺปา, อกุปฺปธมฺมํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตาย อารมฺมณโตปิ อกุปฺปา อนากุปฺปารมฺมณานํ โลกิยสมาปตฺตีนํ ตทภาวโต. อนฺติมาติ ปจฺฉิมา. นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิทานิ ปุน อฺโ ภโว นาม นตฺถีติ.
อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมินฺติ อิมสฺมึ นิคฺคาถเก สุตฺเต. นิคฺคาถกฺหิ สุตฺตํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนสหิตํ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ. ภฺมาเนติ ภณิยมาเน, เทสิยมาเนติ อตฺโถ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. วีตมลนฺติ อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ ¶ . ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ, ปฺจวิธทุสฺสีลฺยมลาปคเมน วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๘๓ อาทโย) เหฏฺิมา ตโย มคฺคา วุตฺตา, จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) อาสวกฺขโย, อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. จตุสจฺจสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ เตสํ ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ ธมฺมจกฺขุ, เหฏฺิเมสุ วา ตีสุ มคฺคธมฺเมสุ เอกํ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาตํ จกฺขูติ ธมฺมจกฺขุ, สมถวิปสฺสนาธมฺมนิพฺพตฺตตาย สีลาทิติวิธธมฺมกฺขนฺธภูตตาย วา ธมฺมมยํ จกฺขูติปิ ธมฺมจกฺขุ, ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ อาห. นนุ จ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ? สจฺจเมตํ, ยสฺมา ตํ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน สพฺพสงฺขตํ อสมฺโมหปฺปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตถา วุตฺตํ.
๑๗. ธมฺมจกฺเกติ ปฏิเวธาณฺเจว เทสนาาณฺจ ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส หิ จตูสุ สจฺเจสุ อุปฺปนฺนํ ทฺวาทสาการํ ปฏิเวธาณมฺปิ, อิสิปตเน นิสินฺนสฺส ทฺวาทสาการาย สจฺจเทสนาย ปวตฺตกํ เทสนาาณมฺปิ ธมฺมจกฺกํ นาม. อุภยมฺปิ เหตํ ทสพลสฺส อุเร ปวตฺตาณเมว. ตทุภยํ อิมาย เทสนาย ปกาเสนฺเตน ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นาม. ตํ ปเนตํ ธมฺมจกฺกํ ยาว อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาติ, ตาว ภควา ปวตฺเตติ นาม ปวตฺตนกิจฺจสฺส อนิฏฺิตตฺตา. ปติฏฺิเต ปวตฺติตํ นาม กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนนฺตรธานโต ปฏฺาย ยาว พุทฺธุปฺปาโท, เอตฺตกํ กาลํ อปฺปวตฺตปุพฺพสฺส ปวตฺติตตฺตา. ตํ สนฺธาย ‘‘ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจกฺเก ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภุมฺมาติ ภูมฏฺกเทวตา. สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ เอกปฺปหาเรเนว สาธุการํ ทตฺวา ‘‘เอตํ ภควตา’’ติอาทีนิ วทนฺตา อนุสฺสาวยึสุ. โอภาโสติ สพฺพฺุตฺาณานุภาเวน ปวตฺโต จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน โอภาโส. โส หิ ตทา เทวานํ เทวานุภาวํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจิตฺถ. อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโติ ¶ อิมสฺสปิ อุทานสฺส อุทาหรณโฆโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส อารมฺเภ วิย ปริสมาปเนปิ อติวิย อุฬารตมํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ.
๑๘. ทิฏฺโ ¶ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เอส นโย เสสปเทสุปิ. เอตฺถ จ ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา เอกเทสโตปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธึเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ. สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา อเนนาติ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ. ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุโข น นุโข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถ. เวสารชฺชปฺปตฺโตติ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทีสุ คุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต อธิคโต. สฺวายํ เวสารชฺชปฺปตฺติสุปฺปติฏฺิตภาโว กตฺถาติ อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ. อตฺตนา ปจฺจกฺขโต อธิคตตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ นปฺปวตฺตติ, น ตสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย.
ลเภยฺยาหนฺติ ลเภยฺยํ อหํ, อายาจนวจนเมตํ. เอหีติ อายาจิตานํ ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ อนุมตภาวปฺปกาสนวจนํ, ตสฺมา เอหิ สมฺปฏิจฺฉาหิ ยถายาจิตํ ปพฺพชฺชูปสมฺปทวิเสสนฺติ อตฺโถ. อิติ-สทฺโท ตสฺส เอหิภิกฺขูปสมฺปทาปฏิลาภนิมิตฺตวจนปริโยสานทสฺสโน. ตทวสาโน หิ ตสฺส ภิกฺขุภาโว. เตเนวาห ‘‘เอหิ ภิกฺขูติ ภควโต วจเนน อภินิปฺผนฺนา สาว ตสฺส อายสฺมโต เอหิภิกฺขูปสมฺปทา อโหสี’’ติ. จร พฺรหฺมจริยนฺติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ สมธิคจฺฉ. กิมตฺถํ? สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. อิธาปิ ‘‘อโวจา’’ติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ‘‘นว โกฏิสหสฺสานี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๗) วุตฺตปฺปเภทานํ อเนกสหสฺสานํ สํวรวินยานํ สมาทิยิตฺวา วตฺตเนน อุปริภูตา อคฺคภูตา สมฺปทาติ อุปสมฺปทา.
๑๙. นีหารภตฺโตติ นีหฏภตฺโต, คามโต ภิกฺขํ นีหริตฺวา ภิกฺขูหิ ทินฺนภตฺโตติ อตฺโถ ¶ . ภควา หิ ทหรกุมารเก วิย เต ภิกฺขู ¶ ปริหรนฺโต ปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ปิณฺฑปาตตฺถายปิ คามํ อปวิสิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว วสิ.
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนตฺตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๒๐. อามนฺเตสีติ อาสาฬฺหีปุณฺณมทิวเส ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิเต อฺาสิโกณฺฑฺปฺปมุเข ปฺจวคฺคิเย ‘‘อิทานิ เตสํ อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ ปฺจมิยา ปกฺขสฺส อามนฺเตสิ. อนตฺตาติ อวสวตฺตนฏฺเน อสามิกฏฺเน สฺุตฏฺเน อตฺตปฏิกฺเขปฏฺเนาติ เอวํ จตูหิ การเณหิ อนตฺตา. ตตฺถ ‘‘อุปฺปนฺนํ รูปํ ิตึ มา ปาปุณาตุ, านปฺปตฺตํ มา ชีรตุ, ชรปฺปตฺตํ มา ภิชฺชตุ, อุทยพฺพเยหิ มา กิลมยตู’’ติ น เอตฺถ กสฺสจิ วสีภาโว อตฺถิ, สฺวายมสฺส อวสวตฺตนฏฺโ. สามิภูตสฺส กสฺสจิ อภาโว อสามิกฏฺโ. นิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรเหน ตโต สฺุตา สฺุตฏฺโ. ปรปริกปฺปิตอตฺตสภาวาภาโว เอว อตฺตปฏิกฺเขปฏฺโ. อิทานิ อนตฺตตํเยว วิภาเวตุํ ‘‘รูปฺจ หิทํ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตา อภวิสฺสาติ การโก เวทโก สยํวสีติ เอวํภูโต อตฺตา อภวิสฺสาติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สติ รูปสฺส อาพาธาย สํวตฺตนํ อยุชฺชมานกํ สิยา. กามฺเจตฺถ ‘‘ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, รูปํ อนตฺตา, ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตตี’’ติ รูปสฺส อนตฺตตาย ทุกฺขตา วิภาวิตา วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ‘‘ยสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ, ตสฺมา อนตฺตา’’ติ ปากฏาย สาพาธตาย รูปสฺส อตฺตสาราภาโว วิภาวิโต, ตโต เอว จ ‘‘น จ ลพฺภติ รูเป ‘เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’ติ’’ รูเป กสฺสจิ อนิสฺสรตา ตสฺส จ อวสวตฺตนากาโร ทสฺสิโต. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย.
๒๑. ตํ กึมฺถ ภิกฺขเวติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? เอตฺตเกน าเนน อนตฺตลกฺขณเมว กถิตํ, น อนิจฺจทุกฺขลกฺขณานิ, อิทานิ ตานิ ทสฺเสตฺวา ¶ สโมธาเนตฺวา ตีณิปิ ลกฺขณานิ ทสฺเสตุํ อิทมารทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. อนิจฺจํ ภนฺเตติ ภนฺเต ยสฺมา หุตฺวา น โหติ, ตสฺมา อนิจฺจํ. ยสฺมา ปุพฺเพ อสนฺตํ ปจฺจยสมวาเยน หุตฺวา อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน ภงฺคุปคมเนน น โหติ, ตสฺมา น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, อทฺธุวนฺติ อธิปฺปาโย. อถ วา อุปฺปาทวยวนฺตตาย ตาวกาลิกตาย วิปริณามโกฏิยา นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโตติ อิเมหิปิ การเณหิ ¶ อนิจฺจํ. เอตฺถ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนวเสน นิรุชฺฌนวเสน จ ปวตฺตนโต อุปฺปาทวยวนฺตตา. ตงฺขณิกตาย ตาวกาลิกตา. วิปริณามวนฺตตาย วิปริณามโกฏิ. รูปฺหิ อุปฺปาทาทิวิการาปชฺชเนน วิปริณามนฺตํ วินาสํ ปาปุณาติ. นิจฺจสภาวาภาโว เอว นิจฺจปฏิกฺเขโป. อนิจฺจา หิ ธมฺมา, เตเนว อตฺตโน อนิจฺจภาเวน อตฺถโต นิจฺจตํ ปฏิกฺขิปนฺติ นาม.
ทุกฺขํ ภนฺเตติ ภนฺเต ปฏิปีฬนากาเรน ทุกฺขํ. อุปฺปาทชราภงฺควเสน หิ รูปสฺส นิรนฺตรํ พาธติ, ปฏิปีฬนากาเรนสฺส ทุกฺขตา. อถ วา สนฺตาปฏฺเน ทุกฺขมฏฺเน ทุกฺขวตฺถุกฏฺเน สุขปฏิกฺเขปฏฺเน จาติ จตูหิ การเณหิ ทุกฺขํ. เอตฺถ จ สนฺตาโป นาม ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ. ตโต เอวสฺส ทุสฺสหตาย ทุกฺขมตา. ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ สํสารทุกฺขสฺส จ อธิฏฺานตาย ทุกฺขวตฺถุกตา. สุขสภาวาภาโว เอว สุขปฏิกฺเขโป. วิปริณามธมฺมนฺติ ชราย มรเณน จ วิปริณามสภาวํ. กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุ. ตนฺติ เอวํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ รูปํ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห มมงฺการภาวโต. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห อหงฺการภาวโต. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห อตฺตภาววิปลฺลาสคฺคาหโต. ตณฺหาคาโห เจตฺถ อฏฺสตตณฺหาวิจริตวเสน, มานคาโห นววิธมานวเสน, ทิฏฺิคาโห ทฺวาสฏฺิทิฏฺิวเสน เวทิตพฺโพ. อิเมสํ ติณฺณํ ตณฺหามานทิฏฺิคาหานํ วเสน ยุตฺตํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อิติ ภควา อนิจฺจทุกฺขวเสน อนตฺตลกฺขณํเยว ทสฺเสสิ. ภควา หิ กตฺถจิ อนิจฺจวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ทุกฺขวเสน, กตฺถจิ อุภยวเสน. ตถา หิ ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ, จกฺขุสฺส อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ. ยสฺส โข ปน อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ, ‘อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ เจว เวติ จา’ติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหติ, ตสฺมา ตํ น อุปปชฺชติ. ‘จกฺขุ อตฺตา’ติ ¶ โย วเทยฺย, อิติ จกฺขุ อนตฺตา’’ติ อิมสฺมิฺจ ฉฉกฺกสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๔๒๒) อนิจฺจวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสสิ. ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺส…เป… เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ อิมสฺมึเยว อนตฺตลกฺขณสุตฺเต ทุกฺขวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสสิ. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา, ยทนตฺตา, ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เม โส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพ’’นฺติ อิมสฺมึ อรหนฺตสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๗๖-๗๗) อุภยวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสสิ. กสฺมา? อนิจฺจํ ทุกฺขฺจ ปากฏํ, อนตฺตา อปากฏํ. ปริโภคภาชนาทีสุ หิ ภินฺเนสุ ‘‘อโห อนิจฺจ’’นฺติ วทนฺติ, ‘‘อโห อนตฺตา’’ติ ¶ ปน วตฺตา นาม นตฺถิ. สรีเร คณฺฑปิฬกาสุ วา อุฏฺิตาสุ กณฺฏเกน วา วิทฺธา ‘‘อโห ทุกฺข’’นฺติ วทนฺติ, ‘‘อโห อนตฺตา’’ติ ปน วตฺตา นาม นตฺถิ. กสฺมา? อิทฺหิ อนตฺตลกฺขณํ นาม อวิภูตํ ทุทฺทสํ ทุปฺปฺาปนํ. ตถา หิ สรภงฺคาทโยปิ สตฺถาโร นาทฺทสํสุ, กุโต ปฺาปนา, เตน นํ ภควา อนิจฺจวเสน วา ทุกฺขวเสน วา อุภยวเสน วา ทสฺเสสิ. ตยิทํ อิมสฺมิมฺปิ เตปริวฏฺเฏ อนิจฺจทุกฺขวเสเนว ทสฺสิตํ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย.
๒๒. ตสฺมาติหาติ ตสฺมา อิจฺเจว วุตฺตํ. ติ-การ ห-การา นิปาตา, ยสฺมา อิเม ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา, ตสฺมาติ อตฺโถ. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานเมตํ. ยนฺติ หิ สามฺเน อนิยมทสฺสนํ, กิฺจีติ ปการโต เภทํ อามสิตฺวา อนิยมทสฺสนํ. อุภเยนปิ อตีตํ วา…เป… สนฺติเก วา อปฺปํ วา พหุํ วา ยาทิสํ วา ตาทิสํ วา นปุํสกนิทฺเทสารหํ สพฺพํ พฺยาเปตฺวา สงฺคณฺหาติ, ตสฺมา อนวเสสปริยาทานเมตํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ. เอวฺจ สติ อฺเสุปิ นปุํสกนิทฺเทสารเหสุ ปสงฺคํ ทิสฺวา ตตฺถ อธิปฺเปตตฺถํ อธิจฺจ ปวตฺตนโต อติปฺปสงฺคสฺส นิยมนตฺถํ ‘‘รูป’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ ปททฺวเยนปิ รูปสฺส อเสสปริคฺคโห กโต โหติ. อถสฺส อตีตาทิวิภาคํ อารภติ ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา. ตฺหิ กิฺจิ อตีตํ กิฺจิ อนาคตาทิเภทนฺติ. เอส นโย เวทนาทีสุปิ.
ตตฺถ รูปํ ตาว อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา อตีตํ นาม โหติ, ตถา อนาคตปจฺจุปฺปนฺนํ. ตตฺถ อทฺธาวเสน ตาว เอกสฺส เอกสฺมึ ¶ ภเว ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ อตีตํ, จุติโต อุทฺธมนาคตํ, อุภินฺนมนฺตเร ปจฺจุปฺปนฺนํ. สนฺตติวเสน สภาเคกอุตุสมุฏฺานเอกาหารสมอุฏฺานฺจ ปุพฺพาปริยวเสน วตฺตมานมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฏฺานํ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. จิตฺตชํ เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฏฺานํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. กมฺมสมุฏฺานสฺส ปาฏิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิ. เตสํเยว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฏฺานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. สมยวเสน เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺติทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ ตํตํสมยวนฺตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. ขณวเสน อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตยปริยาปนฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ, อิทเมเวตฺถ นิปฺปริยายํ, เสสา ปริยายกถา.
อชฺฌตฺตํ ¶ วา พหิทฺธา วาติ จกฺขาทิปฺจวิธํ รูปํ อตฺตภาวํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตํ, เสสํ ตโต พาหิรตฺตา พหิทฺธา. อปิจ นิยกชฺฌตฺตมฺปิ อิธ อชฺฌตฺตํ, ปรปุคฺคลิกมฺปิ จ พหิทฺธาติ เวทิตพฺพํ. โอฬาริกํ วา สุขุมํ วาติ จกฺขาทีนิ นว, อาโปธาตุวชฺชา ติสฺโส ธาตุโย จาติ ทฺวาทสวิธํ รูปํ ฆฏฺฏนวเสน คเหตพฺพโต โอฬาริกํ, เสสํ ตโต วิปรีตตฺตา สุขุมํ. หีนํ วา ปณีตํ วาติ เอตฺถ หีนปณีตภาโว ปริยายโต นิปฺปริยายโต จ. ตตฺถ อกนิฏฺานํ รูปโต สุทสฺสีนํ รูปํ หีนํ, ตเทว สุทสฺสานํ รูปโต ปณีตํ. เอวํ ยาว นรกสตฺตานํ รูปํ, ตาว ปริยายโต หีนปณีตตา เวทิตพฺพา. นิปฺปริยายโต ปน ยํ อารมฺมณํ กตฺวา อกุสลวิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ หีนํ อนิฏฺภาวโต. ยํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา กุสลวิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ปณีตํ อิฏฺภาวโต. ยถา หิ อกุสลวิปาโก สยํ อนิฏฺโ อนิฏฺเ เอว อุปฺปชฺชติ, น อิฏฺเ, เอวํ กุสลวิปาโกปิ สยํ อิฏฺโ อิฏฺเเยว อุปฺปชฺชติ, น อนิฏฺเ. ยํ ทูเร สนฺติเก วาติ ยํ สุขุมํ, ตเทว ทุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตา ทูเร, อิตรํ สุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตา สนฺติเก. อปิเจตฺถ โอกาสโตปิ อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา. ตํ สพฺพนฺติ ตํ อตีตาทีหิ ปเทหิ วิสุํ นิทฺทิฏฺํ สพฺพํ รูปํ. สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพนฺติ สหวิปสฺสนาย มคฺคปฺาย ทฏฺพฺพํ.
ยา ¶ กาจิ เวทนาติอาทีสุ ปน สนฺตติวเสน จ ขณวเสน จ เวทนาย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๙๗ อาทโย) สนฺตติวเสน เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติปริยาปนฺนา เอกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ ทิวสมฺปิ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺตสฺส ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปวตฺตสทฺธาทิสหิตเวทนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. ขณวเสน ขณตฺตยปริยาปนฺนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภโท นิยกชฺฌตฺตวเสน เวทิตพฺโพ. โอฬาริกสุขุมเภโท ‘‘อกุสลา เวทนา โอฬาริกา, กุสลาพฺยากตา เวทนา สุขุมา’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค (วิภ. ๑๑) วุตฺเตน ชาติสภาวปุคฺคลโลกิยโลกุตฺตรวเสน เวทิตพฺโพ. ชาติวเสน ตาว อกุสลเวทนา สาวชฺชกิริยเหตุโต กิเลสสนฺตาปสภาวโต จ อวูปสนฺตวุตฺตีติ กุสลเวทนาย โอฬาริกา, สพฺยาปารโต สอุสฺสาหโต สวิปากโต กิเลสสนฺตาปสภาวโต สาวชฺชโต จ วิปากาพฺยากตาย โอฬาริกา, สวิปากโต กิเลสสนฺตาปสภาวโต สพฺยาปชฺชโต สาวชฺชโต จ กิริยาพฺยากตาย โอฬาริกา, กุสลาพฺยากตา ปน วุตฺตวิปริยายโต อกุสลาย สุขุมา. ทฺเวปิ กุสลากุสลเวทนา สพฺยาปารโต สอุสฺสาหโต สวิปากโต จ ยถาโยคํ ทุวิธายปิ อพฺยากตาย โอฬาริกา, วุตฺตวิปริยาเยน ทุวิธาปิ อพฺยากตา ตาหิ สุขุมา. เอวํ ตาว ชาติวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
สภาววเสน ¶ ปน ทุกฺขเวทนา นิรสฺสาทโต สวิปฺผารโต อุพฺเพชนียโต อภิภวนโต จ อิตราหิ ทฺวีหิ โอฬาริกา, อิตรา ปน ทฺเว สาตโต สนฺตโต ปณีตโต มนาปโต มชฺฌตฺตโต จ ยถาโยคํ ทุกฺขาย สุขุมา. อุโภ ปน สุขทุกฺขา สวิปฺผารโต โขภกรณโต ปากฏโต จ อทุกฺขมสุขาย โอฬาริกา, สา วุตฺตวิปริยาเยน ตทุภยโต สุขุมา. เอวํ สภาววเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. ปุคฺคลวเสน ปน อสมาปนฺนสฺส เวทนา นานารมฺมณวิกฺขิตฺตภาวโต สมาปนฺนสฺส เวทนาย โอฬาริกา, วิปริยาเยน อิตรา สุขุมา. เอวํ ปุคฺคลวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. โลกิยโลกุตฺตรวเสน ปน สาสวา เวทนา โลกิยา. สา อาสวุปฺปตฺติเหตุโต ¶ โอฆนิยโต โยคนิยโต คนฺถนิยโต นีวรณิยโต อุปาทานิยโต สํกิเลสิกโต ปุถุชฺชนสาธารณโต จ อนาสวาย โอฬาริกา, สา วิปริยาเยน สาสวาย สุขุมา. เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ชาติอาทิวเสน สมฺเภโท ปริหริตพฺโพ. อกุสลวิปากกายวิฺาณสมฺปยุตฺตา หิ เวทนา ชาติวเสน อพฺยากตตฺตา สุขุมาปิ สมานา สภาวาทิวเสน โอฬาริกา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อพฺยากตา เวทนา สุขุมา, ทุกฺขา เวทนา โอฬาริกา. อสมาปนฺนสฺส เวทนา โอฬาริกา, สาสวา เวทนา โอฬาริกา’’ติ (วิภ. ๑๑). ยถา จ ทุกฺขเวทนา, เอวํ สุขาทโยปิ ชาติวเสน โอฬาริกา, สภาวาทิวเสน สุขุมา โหนฺติ. ตสฺมา ยถา ชาติอาทิวเสน สมฺเภโท น โหติ, ตถา เวทนานํ โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. เสยฺยถิทํ – อพฺยากตา ชาติวเสน กุสลากุสลาหิ สุขุมา. น ตตฺถ ‘‘กตมา อพฺยากตา, กึ ทุกฺขา, กึ สุขา, กึ สมาปนฺนสฺส, กึ อสมาปนฺนสฺส, กึ สาสวา, กึ อนาสวา’’ติ เอวํ สภาวาทิเภโท ปรามสิตพฺโพ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อปิจ ‘‘ตํ ตํ วา ปน เวทนํ อุปาทายุปาทาย เวทนา โอฬาริกา สุขุมา ทฏฺพฺพา’’ติ วจนโต อกุสลาทีสุปิ โลภสหคตาย โทสสหคตเวทนา อคฺคิ วิย อตฺตโน นิสฺสยทหนโต โอฬาริกา, โลภสหคตา สุขุมา. โทสสหคตาปิ นิยตา โอฬาริกา, อนิยตา สุขุมา. นิยตาปิ กปฺปฏฺิติกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. กปฺปฏฺิติกาสุปิ อสงฺขาริกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. โลภสหคตา ปน ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. สาปิ นิยตา กปฺปฏฺิติกา อสงฺขาริกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา, อวิเสเสน อกุสลา พหุวิปากา โอฬาริกา, อปฺปวิปากา สุขุมา. กุสลา ปน อปฺปวิปากา โอฬาริกา, พหุวิปากา สุขุมา.
อปิจ ¶ กามาวจรกุสลา โอฬาริกา, รูปาวจรา สุขุมา, ตโต อรูปาวจรา, ตโต โลกุตฺตรา. กามาวจรา จ ทานมยา โอฬาริกา, สีลมยา สุขุมา, ตโต ภาวนามยา. ภาวนามยาปิ ทุเหตุกา โอฬาริกา ¶ , ติเหตุกา สุขุมา. ติเหตุกาปิ สสงฺขาริกา โอฬาริกา, อสงฺขาริกา สุขุมา. รูปาวจรา ปมชฺฌานิกา โอฬาริกา…เป… ปฺจมชฺฌานิกา สุขุมาว. อรูปาวจรา อากาสานฺจายตนสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมฺปยุตฺตา สุขุมาว. โลกุตฺตรา จ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา…เป… อรหตฺตมคฺคสมฺปยุตฺตา สุขุมาว. เอส นโย ตํตํภูมิวิปากกิริยเวทนาสุ ทุกฺขาทิอสมาปนฺนาทิสาสวาทิวเสน วุตฺตเวทนาสุ จ.
โอกาสวเสน จาปิ นิรเย ทุกฺขา โอฬาริกา, ติรจฺฉานโยนิยํ สุขุมา…เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี สุขุมาว. ยถา จ ทุกฺขา, เอวํ สุขาปิ สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตพฺพา. วตฺถุวเสน จาปิ หีนวตฺถุกา ยา กาจิ เวทนา โอฬาริกา, ปณีตวตฺถุกา สุขุมา. หีนปฺปณีตเภเท ยา โอฬาริกา, สา หีนา. ยา จ สุขุมา, สา ปณีตาติ เวทิตพฺพา. ทูรปทํ ปน อกุสลา เวทนา กุสลาพฺยากตาหิ เวทนาหิ ทูเร, สนฺติกปทํ อกุสลา เวทนา อกุสลาย เวทนาย สนฺติเกติอาทินา นเยน วิภตฺตํ. ตสฺมา อกุสลา เวทนา วิสภาคโต อสํสฏฺโต อสริกฺขโต จ กุสลาพฺยากตาหิ ทูเร, ตถา กุสลาพฺยากตา อกุสลาย. เอส นโย สพฺพวาเรสุ. อกุสลา ปน เวทนา สภาคโต จ สํสฏฺโต จ สริกฺขโต จ อกุสลาย สนฺติเกติ. ตํตํเวทนาสมฺปยุตฺตานํ ปน สฺาทีนมฺปิ เอวเมว เวทิตพฺพํ.
๒๓. สุตวาติ อาคมาธิคมสงฺขาเตน พาหุสจฺเจน สมนฺนาคตตฺตา สุตวา. นิพฺพินฺทตีติ อุกฺกณฺติ. เอตฺถ จ นิพฺพิทาติ วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา อธิปฺเปตา. นิพฺพินฺทํ วิรชฺชตีติ เอตฺถ วิราควเสน จตฺตาโร มคฺคา กถิตา. วิราคา วิมุจฺจตีติ วิราเคน มคฺเคเนว เหตุภูเตน ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจติ. อิมินา จตฺตาริ สามฺผลานิ กถิตานิ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตีติ อิมินา ปน ปจฺจเวกฺขณาณํ กถิตํ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมิ. เตน หิ าเณน อริยสาวโก ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ ปชานาติ. กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ ปชานาตีติ? น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ ¶ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ¶ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ปชานาติ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา มคฺคพฺรหฺมจริยํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส, ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ ปชานาติ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปชานาติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวา อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย. เต จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ ปชานาติ.
๒๔. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ เต ภิกฺขู สกมนา ตุฏฺมนา, ปีติโสมนสฺเสหิ วา สมตฺตมนา หุตฺวา กรวีกรุตมฺชุนา กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสโต ภควโต วจนํ สุกถิตํ สุลปิตํ ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ มตฺถเกน สมฺปฏิจฺฉนฺตา อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ จาติ อตฺโถ. อยฺหิ อภินนฺท-สทฺโท ‘‘อภินนฺทติ อภิวทตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๑๑๔, ๑๑๘) ตณฺหายปิ อาคโต. ‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ, อุภเย เทวมานุสา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔๓) อุปคมเนปิ.
‘‘จิรปฺปวาสึ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคต’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๙; วิ. ว. ๘๖๑) –
อาทีสุ ¶ สมฺปฏิจฺฉเนปิ. ‘‘อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) อนุโมทเนปิ. สฺวายมิธ อนุโมทนสมฺปฏิจฺฉเนสุ ยุชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ ¶ จา’’ติ. อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมาเนหิ อาสเวหิ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวา กฺจิ ธมฺมํ ‘‘อหํ มมา’’ติ อนาทิยิตฺวาว จิตฺตานิ วิมุจฺจึสุ. ฉ อรหนฺโตติ ภควตา สทฺธึ ฉ ชนา อรหนฺโต. อฺเสํ ปน เทวพฺรหฺมานมฺปิ อรหตฺตปฺปตฺติสมฺภวโต อิทํ มนุสฺสอรหนฺเตเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ฉ มนุสฺสา อรหนฺโต โหนฺตี’’ติ.
อนตฺตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวคฺคิยกถา นิฏฺิตา.
ยสสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๒๕. อิทานิ ยสสฺส ปพฺพชฺชํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – เหมนฺติโกติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๓๙) ยตฺถ สุขํ โหติ เหมนฺตกาเล วสิตุํ, อยํ เหมนฺติโก. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – เหมนฺเต วาโส เหมนฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, เหมนฺตํ อรหตีติ เหมนฺติโก. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ วสฺสิโก ปาสาโท นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจ, ทฺวารวาตปานานิปิสฺส นาติพหูนิ นาติตนูนิ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณขชฺชโภชฺชานิเปตฺถ มิสฺสกาเนว วฏฺฏนฺติ. เหมนฺติเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ นีจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ตนุกานิ สุขุมฉิทฺทานิ, อุณฺหปฺปเวสนตฺถาย ภิตฺตินิยฺยูหานิ หริยนฺติ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณนิวาสนปารุปนานิ ปเนตฺถ อุณฺหวิกิริยานิ กมฺพลาทีนิ วฏฺฏนฺติ, ขชฺชโภชฺชํ สินิทฺธํ กฏุกสนฺนิสฺสิตฺจ. คิมฺหิเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ อุจฺจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ พหูนิ วิปุลชาตานิ โหนฺติ, ภูมตฺถรณานิ สีตวิกิริยานิ ทุกูลมยานิ วฏฺฏนฺติ, ขชฺชโภชฺชานิ มธุรรสสีตวิกิริยานิ, วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ นวา จาฏิโย เปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สฺฉาเทนฺติ, เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสนฺเต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติ.
นิปฺปุริเสหีติ ¶ ปุริสวิรหิเตหิ. น เกวลฺเจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฏฺานานิปิ นิปฺปุริสาเนว. โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยว. ปิตา กิร ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺตึ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปริสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิจฺเจสุ อิตฺถิโยว ปาเปสิ. ปฺจหิ กามคุเณหีติ ¶ รูปสทฺทาทีหิ ปฺจหิ กามโกฏฺาเสหิ. สมปฺปิตสฺสาติ สมฺมา อปฺปิตสฺส, อุเปตสฺสาติ อตฺโถ. สมงฺคีภูตสฺสาติ ตสฺเสว เววจนํ. ปริจารยมานสฺสาติ ปริโต จารยมานสฺส, ตสฺมึ ตสฺมึ กามคุเณ อินฺทฺริยานิ จารยมานสฺสาติ อตฺโถ. อาฬมฺพรนฺติ ปณวํ. วิเกสิกนฺติ มุตฺตเกสํ, วิปฺปกิณฺณเกสนฺติ อตฺโถ. วิกฺเขฬิกนฺติ วิสฺสนฺทมานลาลํ. วิปฺปลปนฺติโยติ วิรุทฺธํ ปลปนฺติโย วา รุทนฺติโย วา. สุสานํ มฺเติ อามกสุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพนฺโธ. อุทานํ อุทาเนสีติ สํเวควเสน อุทานํ อุทาเนสิ, สํเวควสปฺปวตฺตํ วาจํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺโถ.
๒๖. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ ตณฺหาทีหิ กิเลเสหิ อนุปทฺทุตํ อนุปสฺสฏฺฺจ. อนุปุพฺพึ กถนฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๗๕; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๖๙) ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวมนุปฏิปาฏิกถํ. ตตฺถ ทานกถา นาม ‘‘อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฏฺา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ. อิทฺหิ อวสฺสยฏฺเน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฏฺานฏฺเน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ, อิทฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน นาวา, สมสฺสาสนฏฺเน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณฏฺเน สุสงฺขตนครํ, มจฺเฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตฏฺเน ปทุมํ, เตสํ นิทหนฏฺเน อคฺคิ, ทุราสทฏฺเน อาสีวิโส, อสนฺตาสนฏฺเน สีโห, พลวนฺตฏฺเน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺเน วลาหโก อสฺสราชา. ทานํ นาเมตํ มยา คตมคฺโค, มยฺเหเวโส วํโส, มยา ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตน เวลามมหายฺา มหาโควินฺทมหายฺา มหาสุทสฺสนมหายฺา เวสฺสนฺตรมหายฺาติ อเนเก มหายฺา ปวตฺติตา, สสภูเตน ชลิเต ¶ อคฺคิกฺขนฺเธ อตฺตานํ นิยฺยาเตนฺเตน สมฺปตฺตยาจกานํ จิตฺตํ คหิตํ. ทานฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺตึ เทติ, มารสมฺปตฺตึ พฺรหฺมสมฺปตฺตึ จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ สาวกปารมิาณํ ปจฺเจกโพธิาณํ อภิสมฺโพธิาณํ เทตี’’ติ เอวมาทินา ทานคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถา.
ยสฺมา ปน ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. ทานฺหิ นาม ทกฺขิเณยฺเยสุ หิตชฺฌาสเยน ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก สตฺเตสุ เอกนฺตหิตชฺฌาสโย ปุริสปุคฺคโล, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตีติ อฏฺานเมตํ. ตสฺมา ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตีติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. อปิจ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฏฺานสฺส ¶ อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต โภคยสสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา.
สีลกถา นาม ‘‘สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ. สีลํ นาเมตํ มม วํโส, อหํ สงฺขปาลนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล สีลวราชกาเล มาตุโปสกหตฺถิราชกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิราชกาเลติ อนนฺเตสุ อตฺตภาเวสุ สีลํ ปริปูเรสึ. อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย สีลสทิสา ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถิ. สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธนํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก โอโลเกนฺโต ติตฺตึ น คจฺฉตี’’ติ เอวมาทิสีลคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถา.
อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. สคฺคกถา นาม ‘‘อยํ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป ¶ , นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ, ตาวตึสา ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานี’’ติ เอวมาทิสคฺคคุณปฏิสํยุตฺตกถา. สคฺคสมฺปตฺตึ กถยนฺตานฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ.
เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถึ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทนฺโต วิย อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ปาจิ. ๔๑๗) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิ. ตตฺถ อาทีนโวติ โทโส, อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทตาทินา จ ทูสิตภาโวติ อตฺโถ. อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา. ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. โอกาโรติ ลามกภาโว นิหีนภาโว อเสฏฺเหิ เสวิตพฺพตา เสฏฺเหิ น เสวิตพฺพตา จ. สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํกิลิสฺสนํ, วิพาเธตพฺพตา อุปตาเปตพฺพตาติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ กามาทีนเวน ตชฺเชตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยตฺตกา จ กาเมสุ อาทีนวา, ปฏิปกฺขโต ตตฺตกาว เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิจ ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปารโต’’ติอาทินา นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ. เอตฺถ จ สคฺคํ กเถตฺวา สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถาปิ อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค กเถตพฺโพ. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพสํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส ¶ จ กเถตพฺโพติ กาเมสุ อาทีนโว โอกาโร สํกิเลโส เนกฺขมฺเม จ อานิสํโส ปกาสิโตติ ทฏฺพฺพํ.
กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตนฺติ อตฺโถ. อสฺสทฺธิยาทโย วา ยสฺมา จิตฺตสฺส โรคภูตา ตทา ตสฺส วิคตา, ตสฺมา กลฺลจิตฺตํ อโรคจิตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ, กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ, สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา, อตฺตนาเยว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูาเณน ทิฏฺา อสาธารณา อฺเสนฺติ อตฺโถ. กา จ ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนา. เตเนวาห ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน ตสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุ เอว. รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปฺตา สุขปฏิปทขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติอาทิ ¶ วุตฺตนยเมว. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกขารเกหิ กาฬกปเทเส สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สีลสุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ, เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ ¶ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ.
๒๗. อสฺสทูเตติ อารุฬฺหอสฺเส ทูเต. อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อิทฺธิกิริยํ. อภิสงฺขเรสีติ อภิสงฺขริ, อกาสีติ อตฺโถ. กิมตฺถนฺติ เจ? อุภินฺนํ ปฏิลภิตพฺพวิเสสนฺตรายนิเสธนตฺถํ. ยทิ หิ โส ปุตฺตํ ปสฺเสยฺย, ปุตฺตสฺสปิ อรหตฺตปฺปตฺติ เสฏฺิสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภ น สิยา. อทิฏฺสจฺโจปิ หิ ‘‘เทหิ เต มาตุยา ชีวิต’’นฺติ ยาจนฺโต กถฺหิ นาม วิกฺเขปํ ปฏิพาหิตฺวา ภควโต ธมฺมเทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ธมฺมจกฺขุํ ปฏิลเภยฺย, ยโส จ เอวํ เตน ยาจิยมาโน กถํ ตํ วิกฺเขปํ ปฏิพาหิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺเหยฺย.
เอตทโวจาติ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน เอตํ ‘‘อภิกฺกนฺตํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ. อภิกฺกนฺต-สทฺโท จายมิธ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา สาธุ สาธุ ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –
อิมินาว ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถาปีติอาทินา จตูหิ อุปมาหิ ภควโต เทสนํ โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺติ ฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺคตเม.
เอวํ ¶ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตูติ มํ ภควา ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ. อชฺชตคฺเคติ เอตฺถายํ อคฺค-สทฺโท อาทิอตฺเถ, ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ ¶ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวํ. ‘‘อชฺชทคฺเค’’ติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ. ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ, อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา ธาเรตุ ชานาตุ. อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ อคมาสิ. เอวํ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติอาทีนํ อนุตฺตานปทตฺโถ เวทิตพฺโพ, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ อาคโตเยวาติ อิธ น ทสฺสิโต.
๒๘. ภูมึ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ อตฺตนา ทิฏฺมตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. อิทฺธาภิสงฺขารํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสีติ ยถา ตํ เสฏฺิ คหปติ ตตฺถ นิสินฺโนว ยสํ กุลปุตฺตํ ปสฺสติ, ตถา อธิฏฺาสีติ อตฺโถ. อธิวาเสตูติ สมฺปฏิจฺฉตุ. อชฺชตนายาติ ยํ เม ตุมฺเหสุ สกฺการํ กโรโต อชฺช ภวิสฺสติ ปฺฺุจ ปีติปาโมชฺชฺจ, ตทตฺถาย. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺตึ กโรนฺโต ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ, เสฏฺิสฺส อนุคฺคหตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจาติ ตสฺส กิร อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกนฺโต อเนกาสุ ชาตีสุ จีวราทิอฏฺปริกฺขารทานํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อโวจ. โส ตาวเทว ภณฺฑุ กาสาววสโน อฏฺหิ ภิกฺขุปริกฺขาเรหิ สรีเร ปฏิมุกฺเกเหว วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย ภควนฺตํ นมสฺสมาโนว นิสีทิ. โย หิ จีวราทิเก อฏฺ ปริกฺขาเร ปตฺตจีวรเมว วา โสตาปนฺนาทิอริยสฺส ปุถุชฺชนสฺเสว วา สีลสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ‘‘อิทํ ปริกฺขารทานํ อนาคเต เอหิภิกฺขุภาวาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปติ, ตสฺส ตํ สติ อธิการสมฺปตฺติยํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ.
๒๙. ปณีเตนาติ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปตฺวาติ สุฏฺุ ตปฺเปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวา. สมฺปวาเรตฺวาติ สุฏฺุ ปวาเรตฺวา, อลํ อลนฺติ หตฺถสฺาย ปฏิกฺขิปาเปตฺวา. ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ ¶ . โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – โอนิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ ¶ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณิ, ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณึ, หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา เอกมนฺตํ ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อตฺโถ. เอกมนฺตํ นิสีทึสูติ ภควนฺตํ เอวํภูตํ ตฺวา เอกสฺมึ โอกาเส นิสีทึสูติ อตฺโถ. ธมฺมิยา กถายาติอาทีสุ ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา กุสเล จ ธมฺเม สมาทเปตฺวา ตตฺถ จ นํ สมุตฺเตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย จ สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
ยสสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๓๐. อิทานิ ตสฺส สหายานํ ปพฺพชฺชํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสฺโสสุํ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – เสฏฺิโน จ อนุเสฏฺิโน จ เยสํ กุลานํ ตานิ เสฏฺานุเสฏฺีนิ กุลานิ, เตสํ เสฏฺานุเสฏฺีนํ กุลานํ, ปเวณิวเสน อาคเตหิ เสฏฺีหิ จ อนุเสฏฺีหิ จ สมนฺนาคตานํ กุลานนฺติ อตฺโถ. วิมโลติอาทีนิ เตสํ ปุตฺตานํ นามานิ. เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวาติ เกสฺจ มสฺสฺุจ โอโรเปตฺวา. กาสายานิ วตฺถานีติ กสายรสปีตานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ. โอรโกติ อูนโก ลามโก. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
จตุคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺาสคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๓๑. ปฺาสมตฺตานํ คิหิสหายานํ ปพฺพชฺชายปิ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. อิเมสํ ปน สพฺเพสํ ปุพฺพโยโค วตฺตพฺโพติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสอาทีนํ ¶ กุลปุตฺตานํ อยํ ปุพฺพโยโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วคฺคพนฺธเนนาติ คณพนฺธเนน, เอกีภูตาติ วุตฺตํ โหติ. อนาถสรีรานีติ อนาถานิ มตกเฬวรานิ. ปฏิชคฺคนฺตาติ พหิ นีหริตฺวา ฌาเปนฺตา.
ปฺาสคิหิสหายปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มารกถาวณฺณนา
๓๒. อิทานิ ¶ สรณคมนูปสมฺปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๔๑) – มุตฺตาหนฺติ มุตฺโต อหํ. จาริกนฺติ อนุปุพฺพคมนจาริกํ, คามนิคมราชธานีสุ อนุกฺกเมน คมนสงฺขาตํ จาริกนฺติ อตฺโถ. จรถาติ ทิวสํ โยชนปรมํ คจฺฉนฺตา จรถ. มา เอเกน ทฺเว อคมิตฺถาติ เอเกน มคฺเคน ทฺวีสุ คเตสุ เอกสฺมึ ธมฺมํ เทเสนฺเต เอเกน ตุณฺหีภูเตน าตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอวมาห. อาทิกลฺยาณนฺติ อาทิมฺหิ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ, ตถา มชฺฌปริโยสาเนสุ. อาทิมชฺฌปริโยสานฺจ นาเมตํ สาสนสฺส จ เทสนาย จ วเสน ทุพฺพิธํ. ตตฺถ สาสนสฺส สีลํ อาทิ, สมถวิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. สีลสมาธโย วา อาทิ, วิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. สีลสมาธิวิปสฺสนา วา อาทิ, มคฺโค มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. เทสนาย ปน จตุปฺปทิกคาถาย ตาว ปมปาโท อาทิ, ทุติยตติยา มชฺฌํ, จตุตฺโถ ปริโยสานํ. ปฺจปทฉปฺปทานํ ปมปาโท อาทิ, อวสานปาโท ปริโยสานํ, เสสา มชฺฌํ. เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, เสสํ มชฺฌํ. อเนกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส มชฺเฌ พหุกมฺปิ อนุสนฺธิ มชฺฌเมว, นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ. สาตฺถนฺติ สาตฺถกํ กตฺวา เทเสถ. สพฺยฺชนนฺติ พฺยฺชเนหิ เจว ปเทหิ จ ปริปูรํ กตฺวา เทเสถ. เกวลปริปุณฺณนฺติ สกลปริปุณฺณํ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. ปกาเสถาติ อาวิ กโรถ.
อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺาจกฺขุมฺหิ อปฺปกิเลสรชสภาวา, ทุกูลสาณิยา ปฏิจฺฉนฺนา วิย จตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถา ¶ สตฺตา สนฺตีติ อตฺโถ. ปริหายนฺตีติ อลาภปริหานิยา ธมฺมโต ปริหายนฺติ. เตเนวาห ‘‘อนธิคตํ นาธิคจฺฉนฺตา วิเสสาธิคมโต ปริหายนฺตี’’ติ. เสนานิคโมติ เสนาย นิคโม. ปมกปฺปิกานํ กิร ตสฺมึ าเน เสนานิเวโส อโหสิ, ตสฺมา โส ปเทโส ‘‘เสนานิคโม’’ติ วุจฺจติ. ‘‘เสนานิคาโม’’ติปิ ปาโ, เสนานิ นาม สุชาตาย ปิตา, ตสฺส คาโมติ อตฺโถ. เตนุปสงฺกมิสฺสามีติ นาหํ ตุมฺเห อุยฺโยเชตฺวา ปริเวณาทีนิ กาเรตฺวา อุปฏฺากาทีหิ ปริจริยมาโน วิหริสฺสามิ, ติณฺณํ ปน ชฏิลานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเมว เทเสตุํ อุปสงฺกมิสฺสามิ.
๓๓. มาโร ปาปิมาติ อตฺตโน วิสยํ อติกฺกมิตุํ ปฏิปนฺเน สตฺเต มาเรตีติ มาโร, ปเร ¶ ปาเป นิโยเชติ, สยํ วา ปาเป นิยุตฺโตติ ปาปิมา. อฺานิปิสฺส กณฺโห อธิปติ วสวตฺตี อนฺตโก นมุจิ ปมตฺตพนฺธูติอาทีนิ พหูนิ นามานิ, อิธ ปน นามทฺวยเมว คหิตํ. อุปสงฺกมีติ ‘‘อยํ สมโณ โคตโม มหายุทฺธํ วิจาเรนฺโต วิย ‘มา เอเกน ทฺเว อคมิตฺถ, ธมฺมํ เทเสถา’ติ สฏฺิ ชเน อุยฺโยเชติ, อิมสฺมึ ปน เอกสฺมิมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺเต มยฺหํ จิตฺตสฺส สาตํ นตฺถิ, เอวํ พหูสุ เทเสนฺเตสุ กุโต ภวิสฺสติ, ปฏิพาหามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ.
สพฺพปาเสหีติ สพฺเพหิ กิเลสปาเสหิ. เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย ทิพฺพกามคุณสงฺขาตา มานุสกกามคุณสงฺขาตา จ กิเลสปาสา นาม อตฺถิ, สพฺเพหิ เตหิ ตฺวํ พทฺโธติ วทติ. มหาพนฺธนพทฺโธติ มหตา กิเลสพนฺธเนน พทฺโธ, มหติ วา พนฺธเน พทฺโธ, กิเลสพนฺธนสฺส านภูเต ภวจารเก พทฺโธติ อตฺโถ. น เม สมณ โมกฺขสีติ สมณ ตฺวํ มม วิสยโต น มุจฺจิสฺสสิ. ‘‘น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ จ อิทํ มาโร ‘‘มุตฺตาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพปาเสหี’’ติ ภควโต วจนํ อสทฺทหนฺโต วทติ, สทฺทหนฺโตปิ วา ‘‘เอวมยํ ปเรสํ สตฺตานํ โมกฺขาย อุสฺสาหํ น กเรยฺยา’’ติ สนฺตชฺเชนฺโต โกหฺเ ตฺวา วทติ.
นิหโตติ ตฺวํ มยา นิหโต, นิพฺพิเสวนภาวํ คมิโต ปราชิโตติ อตฺโถ. อนฺตลิกฺเข จรนฺเต ปฺจาภิฺเปิ พนฺธตีติ อนฺตลิกฺขจโร. ราคปาโส หิ อนฺตลิกฺขจเรสุปิ กิจฺจสาธนโต ‘‘อนฺตลิกฺขจโร’’ติ ¶ วุจฺจติ, เตเนว นํ มาโรปิ อนฺตลิกฺขจโรติ มฺติ. มนสิ ชาโตติ มานโส, มนสมฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
มารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปพฺพชฺชูปสมฺปทากถาวณฺณนา
๓๔. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิกาย ปน ปาฬิยา โย ปพฺพชฺชูปสมฺปทาวินิจฺฉโย วตฺตพฺโพ, ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปพฺพชฺชาเปกฺขํ กุลปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺเตนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เย ปุคฺคลา ปฏิกฺขิตฺตาติ สมฺพนฺโธ. สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ เกสจฺเฉทนาทีนิ สยํ กโรนฺเตน ปพฺพาเชตพฺโพ. เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนํ สรณทานนฺติ หิ อิมานิ ตีณิ กโรนฺโต ‘‘ปพฺพาเชตี’’ติ วุจฺจติ. เอเตสุ เอกํ ทฺเว วาปิ กโรนฺโต ตถา โวหรียติเยว, ตสฺมา เอตํ ปพฺพาเชหีติ เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปชฺฌายํ ¶ อุทฺทิสฺส ปพฺพาเชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ วุตฺตํ. เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสจฺเฉทนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุโต อฺโ ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามเณโร ปนา’’ติอาทิ. ภพฺพรูโปติ ภพฺพสภาโว. ตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน วิภาเวติ ‘‘สเหตุโก’’ติ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต.
วณฺณสณฺานคนฺธาสโยกาสวเสน อสุจิเชคุจฺฉปฏิกูลภาวํ ปากฏํ กโรนฺเตนาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เกสา นาเมเต วณฺณโตปิ ปฏิกูลา, สณฺานโตปิ คนฺธโตปิ อาสยโตปิ โอกาสโตปิ ปฏิกูลา. มนฺุเปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๓; วิภ. อฏฺ. ๓๕๖; สารตฺถ. ฏี. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๑๖๒) หิ ยาคุปตฺเต วา ภตฺตปตฺเต วา เกสวณฺณํ กิฺจิ ทิสฺวา ‘‘เกสมิสฺสกมิทํ, หรถ น’’นฺติ ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ เกสา วณฺณโต ปฏิกูลา. รตฺตึ ภฺุชนฺตาปิ เกสสณฺานํ อกฺกวากํ วา มกจิวากํ วา ฉุปิตฺวา ¶ ตเถว ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ สณฺานโต ปฏิกูลา. เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขารวิรหิตานฺจ เกสานํ คนฺโธ ปรมเชคุจฺโฉ โหติ, ตโต เชคุจฺฉตโร อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตานํ. เกสา หิ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลาปิ สิยุํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยว. ยถา หิ ทหรสฺส กุมารกสฺส วจฺจํ วณฺณโต หลิทฺทิวณฺณํ, สณฺานโตปิ หลิทฺทิปิณฺฑิสณฺานํ. สงฺการฏฺาเน ฉฑฺฑิตฺจ อุทฺธุมาตกกาฬสุนขสรีรํ วณฺณโต ตาลปกฺกวณฺณํ, สณฺานโต วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมุทิงฺคสณฺานํ, ทาาปิสฺส สุมนมกุฬสทิสา, ตํ อุภยมฺปิ วณฺณสณฺานโต สิยา อปฺปฏิกูลํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลเมว, เอวํ เกสาปิ สิยุํ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลา, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยวาติ. ยถา ปน อสุจิฏฺาเน คามนิสฺสนฺเทน ชาตานิ สูเปยฺยปณฺณานิ นาคริกมนุสฺสานํ เชคุจฺฉานิ โหนฺติ อปริโภคานิ, เอวํ เกสาปิ ปุพฺพโลหิตมุตฺตกรีสปิตฺตเสมฺหาทินิสฺสนฺเทน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ เอวํ อาสยโต ปฏิกูลา. อิเม จ เกสา นาม คูถราสิมฺหิ อุฏฺิตกณฺณกํ วิย เอกตึสโกฏฺาสราสิมฺหิ ชาตา, เต สุสานสงฺการฏฺานาทีสุ ชาตสากํ วิย ปริขาทีสุ ชาตกมลกุวลยาทิปุปฺผํ วิย จ อสุจิฏฺาเน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ เอวํ โอกาสโต ปฏิกูลาติอาทินา นเยน ตจปฺจกสฺส วณฺณาทิวเสน ปฏิกูลภาวํ ปกาเสนฺเตนาติ อตฺโถ.
นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ วา ปากฏํ กโรนฺเตนาติ อิเม เกสา นาม สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา. ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาเตสุ กุนฺถติเณสุ น วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘‘มยิ กุนฺถติณานิ ชาตานี’’ติ, นาปิ กุนฺถติณานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’’ติ, เอวเมว ¶ น สีสกฏาหปลิเวนจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ เกสา ชาตา’’ติ, นาปิ เกสา ชานนฺติ ‘‘มยํ สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา’’ติ. อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมา. อิติ เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สฺุโ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตูติอาทินา นเยน นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ ปกาเสนฺเตน. ปุพฺเพติ ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก. มทฺทิตสงฺขาโรติ นามรูปววตฺถาเนน เจว ปจฺจยปริคฺคหวเสน จ าเณน ปริมทฺทิตสงฺขาโร. ภาวิตภาวโนติ กลาปสมฺมสนาทินา สพฺพโส กุสลภาวนาย ปูรเณน ภาวิตภาวโน.
อทินฺนํ ¶ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺติ. อนฺุาตอุปสมฺปทาติ ตฺติจตุตฺถกมฺเมน อนฺุาตอุปสมฺปทา. านกรณสมฺปทนฺติ เอตฺถ อุราทีนิ านานิ, สํวุตาทีนิ กรณานีติ เวทิตพฺพานิ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา วิจฺเฉทํ อกตฺวา ทาตพฺพานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ วุตฺตํ. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ม-การนฺตํ กตฺวา ทานสมเย วิจฺเฉทํ กตฺวา. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิเภทํ กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพติ อิมินา เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ, ตตฺถ จ กตฺตพฺพสฺส อกรเณ อกตฺตพฺพสฺส จ กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปติ.
ปพฺพชฺชูปสมฺปทากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยมารกถาวณฺณนา
๓๕. อถ โข ภควา วสฺสํวุฏฺโติอาทิกาย ปน ปาฬิยา อยํ อปุพฺพปทวณฺณนา. โยนิโสมนสิการาติ อุปายมนสิกาเรน, อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจาทิโต มนสิกรเณนาติ อตฺโถ. โยนิโส สมฺมปฺปธานาติ อุปายวีริเยน, อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิวิธินา ปวตฺตวีริเยนาติ อตฺโถ. วิมุตฺตีติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อรหตฺตผลวิมุตฺติ วุตฺตา. อชฺฌภาสีติ ‘‘อยํ อตฺตนา วีริยํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวาปิ น ตุสฺสติ, อิทานิ อฺเสมฺปิ ‘ปาปุณาถา’ติ อุสฺสาหํ กโรติ, ปฏิพาเหสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อภาสิ. มารปาเสนาติ กิเลสปาเสน. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ทุติยมารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภทฺทวคฺคิยกถาวณฺณนา
๓๖. ตึสภทฺทวคฺคิยวตฺถุมฺหิ ¶ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวาติ ยถาอชฺฌาสยํ วิหริตฺวา. พุทฺธานฺหิ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ ฉายูทกาทีนํ วิปตฺตึ วา อผาสุกเสนาสนํ วา มนุสฺสานํ อสฺสทฺธาทิภาวํ วา อาคมฺม ¶ อนภิรติ นาม นตฺถิ, เตสํ สมฺปตฺติยา ‘‘อิธ ผาสุํ วิหรามา’’ติ อภิรมิตฺวา จิรวิหาโรปิ นตฺถิ. ยตฺถ ปน ตถาคเต วิหรนฺเต สตฺตา สรเณสุ วา ตีสุ ปติฏฺหนฺติ, สีลานิ วา สมาทิยนฺติ, ปพฺพชนฺติ วา, โสตาปตฺติมคฺคาทีนํ วา ปเรสํ อุปนิสฺสโย โหติ, ตตฺถ พุทฺธา สตฺเต ตาสุ สมฺปตฺตีสุ ปติฏฺาปนอชฺฌาสเยน วสนฺติ, ตาสํ อภาเว ปกฺกมนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาอชฺฌาสยํ วิหริตฺวา’’ติ. อชฺโฌคาเหตฺวาติ ปวิสิตฺวา. ตึสมตฺตาติ ตึสปมาณา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ภทฺทวคฺคิยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา
๓๗-๓๘. อุรุเวลกสฺสปวตฺถุมฺหิ ชฏิโลติ ชฏาธโร. ชฏา อสฺส อตฺถีติ หิ ชฏิโล. เนตีติ นายโก, สามํ วิเนติ อตฺตโน ลทฺธึ สิกฺขาเปตีติ วินายโก. สเจ เต กสฺสป อครูติ กสฺสป สเจ ตุยฺหํ ภาริยํ อผาสุกํ กิฺจิ นตฺถิ. อคฺยาคาเรติ อคฺคิสาลายํ. อุภินฺนํ สโชติภูตานนฺติ อุโภสุ สโชติภูเตสุ ปชฺชลิเตสุ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม.
๓๙. อชฺชณฺโหติ อชฺช เอกทิวสํ. อคฺคิสาลมฺหีติ อคฺยาคาเร. สุมนมนโสติ สุนฺทรจิตฺตสงฺขาตมโน. เตโชธาตูสุ กุสโลติ เตโชกสิณสมาปตฺตีสุ กุสโล. อุทิจฺฉเรติ อุลฺโลเกสุํ, ปริวาเรสุนฺติ วา อตฺโถ. ปตฺตมฺหิ โอทหิตฺวาติ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา. ธุวภตฺเตนาติ นิจฺจภตฺเตน.
๔๐. อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺต-สทฺโท ขเย วตฺตติ, เตน ปริกฺขีณายรตฺติยาติ อตฺโถ. เอเต หิ จตฺตาโร มหาราชาโน มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคตา. นิยาโม กิเรส เทวตานํ, ยทิทํ พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคจฺฉนฺติ. อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปฉวิวณฺณา, อิฏฺวณฺณา มนาปวณฺณาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. เทวตา หิ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉมานา ปกติวณฺณํ ปกติอิทฺธึ ¶ ชหิตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ กตฺวา อติเรกวณฺณวตฺถาลงฺการกายาทีหิ โอภาสํ มฺุจมานาทิวเสน จ ทิพฺพํ อิทฺธานุภาวฺจ นิมฺมินิตฺวา นฏสมชฺชาทีนิ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา วิย อภิสงฺขเตน กาเยน อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ กามาวจรา อนภิสงฺขเตนปิ อาคนฺตุํ สกฺโกนฺติ โอฬาริกรูปตฺตา. ตถา หิ เต กพฬีการาหารภกฺขา, รูปาวจรา ปน อนภิสงฺขเตน กาเยน อาคนฺตุํ น สกฺโกนฺติ สุขุมตรรูปตฺตา. เตสฺหิ อติสุขุโมว อตฺตภาโว, น เตน อิริยาปถกปฺปนํ โหติ. ตสฺมา พฺรหฺมโลเกปิ พฺรหฺมาโน เยภุยฺเยน นิมฺมิตรูเปเนว ปวตฺตนฺติ. มูลปฏิสนฺธิรูปฺหิ เนสํ อติวิย สุขุมมหารูปํ, เกวลํ ตํ จิตฺตุปฺปาทสฺส นิสฺสยาธิฏฺานภูตํ สณฺานวนฺตํ หุตฺวา ติฏฺติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺทสฺส อนวเสสตฺตํ อตฺโถ, กปฺป-สทฺทสฺส สมนฺตภาโว, ตสฺมา เกวลกปฺปํ วนสณฺฑนฺติ อนวเสสํ สมนฺตโต วนสณฺฑนฺติ อตฺโถ. อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺสปิ หิ โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโส ผรตีติ ทสฺเสตุํ สมนฺตตฺโถ กปฺป-สทฺโท คหิโต. อถ วา อีสํ อสมตฺถํ เกวลกปฺปํ. ภควโต ปภาย อโนภาสิตเมว หิ ปเทสํ เทวตา อตฺตโน ปภาย โอภาเสนฺติ. น หิ ภควโต ปภา กายจิ ปภาย อภิภูยติ, สูริยาทีนมฺปิ ปน ปภํ สา อภิภุยฺย ติฏฺตีติ. โอภาเสตฺวาติ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฏฺิตาย อาภาย ผริตฺวา, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ. เทวตานฺหิ สรีราภา ทสทฺวาทสโยชนมตฺตฏฺานํ ตโต ภิยฺโยปิ ผริตฺวา ติฏฺติ, ตถา วตฺถาภรณาทีสุ สมุฏฺิตา ปภา. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ. ยตฺร หิ นามาติ ยํ นาม.
๔๓. องฺคมคธาติ อุโภ องฺคมคธรฏฺวาสิโน. อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ อิทฺธิภูตํ ปาฏิหาริยํ, น อาเทสนานุสาสนีปาฏิหาริยนฺติ อตฺโถ. ติวิธฺหิ ปาฏิหาริยํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ อนุสาสนีปาฏิหาริยนฺติ. ตตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ อาวิภาวํ ติโรภาว’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๒๓๘-๒๓๙; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๒.๗๐; ๕.๘๓๔) อิทฺธิวิธเมว ¶ อิทฺธิปาฏิหาริยํ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสติ, เจตสิกมฺปิ อาทิสติ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสติ, วิจาริตมฺปิ อาทิสติ ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน’’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ปฏิ. ม. ๓.๓๐) ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอวมนุสาสติ ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ, เอวํ ¶ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มานสา กริตฺถ, อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๐) เอวมาทินยปฺปวตฺตา สาวกานํ พุทฺธานฺจ สพฺพกาลํ เทเสตพฺพธมฺมเทสนา อนุสาสนีปาฏิหาริยํ.
ตตฺถ (อุทา. อฏฺ. ๑) ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริยนฺติ วทนฺติ. ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ เย หริตพฺพา, ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ วตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ปาฏิหาริยนฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยนฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ปฏีติ วา อยํ สทฺโท ปจฺฉาติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ, ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ. ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. สฺวาตนายาติ สฺเว ทาตพฺพสฺส อตฺถาย.
๔๔. ปํสุกูลํ ¶ อุปฺปนฺนํ โหตีติ ปริเยสมานสฺส ปฏิลาภวเสน อุปฺปนฺนํ โหติ. วิจิตฺตปาฏิหาริยทสฺสนตฺถาว สา ปริเยสนา. ยสฺมา ปาณินา ผุฏฺมตฺเต สา โปกฺขรณี นิมฺมิตา อโหสิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาณินา โปกฺขรณึ ขณิตฺวา’’ติ.
๔๖-๔๙. ชฏิลาติ ตาปสา. เต หิ ชฏาธาริตาย อิธ ‘‘ชฏิลา’’ติ วุตฺตา. อนฺตรฏฺกาสุ หิมปาตสมเยติ เหมนฺตสฺส อุตุโน อพฺภนฺตรภูเต มาฆมาสสฺส อวสาเน จตสฺโส, ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตสฺโสติ เอวํ อุภินฺนมนฺตเร อฏฺรตฺตีสุ หิมปตนกาเล. เนรฺชราย อุมฺมุชฺชนฺตีติ เกจิ ตสฺมึ ติตฺถสมฺมเต อุทเก ปมํ นิมุคฺคสกลสรีรา ตโต อุมฺมุชฺชนฺตา วุฏฺหนฺติ ¶ อุปฺปิลวนฺติ. นิมุชฺชนฺตีติ สสีสํ อุทเก โอสีทนฺติ. อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิปิ กโรนฺติ. ตตฺถ หิ เกจิ ‘‘เอกุมฺมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต อุมฺมุชฺชนเมว กตฺวา คจฺฉนฺติ. อุมฺมุชฺชนํ ปน นิมุชฺชนมนฺตเรน นตฺถีติ อวินาภาวโต นิมุชฺชนมฺปิ เต กโรนฺติเยว. เยปิ ‘‘เอกนิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เตปิ เอกวารเมว นิมุชฺชิตฺวา วุตฺตนเยเนว อวินาภาวโต อุมฺมุชฺชนมฺปิ กตฺวา ปกฺกมนฺติ. อปเร ‘‘ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กตฺวา นหาเต ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต กาเลน กาลํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กโรนฺติ. เต สพฺเพปิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺตี’’ติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ นิมุชฺชนปุพฺพกํ อุมฺมุชฺชนํ, นิมุชฺชนเมว ปน กโรนฺตา กติปยา, อุมฺมุชฺชนํ ตทุภยฺจ กโรนฺตา พหูติ เตสํ เยภุยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อุมฺมุชฺชนํ ปมํ วุตฺตํ.
๕๐-๕๑. อุทกวาหโกติ อุทโกโฆ. เรณุหตายาติ รโชคตาย, รโชกิณฺณายาติ วุตฺตํ โหติ. เนว จ โข ตฺวํ กสฺสป อรหาติ เอเตน ตทา กสฺสปสฺส อเสกฺขภาวํ ปฏิกฺขิปติ, นาปิ อรหตฺตมคฺคสมาปนฺโนติ เอเตน เสกฺขภาวํ. อุภเยนปิสฺส อนริยภาวเมว ทีเปติ. สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺสสิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ อิมินา ปนสฺส กลฺยาณปุถุชฺชนภาวมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ตตฺถ ปฏิปทาติ สีลวิสุทฺธิอาทโย ฉ วิสุทฺธิโย. ปฏิปชฺชติ เอตาย อริยมคฺโคติ ปฏิปทา. อสฺสสีติ ¶ ภเวยฺยาสิ. จิรปฏิกาติ จิรกาลโต ปฏฺาย, นาคทมนโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. ขาริกาชมิสฺสนฺติ เอตฺถ ขารีติ อรณีกมณฺฑลุสูจิอาทโย ตาปสปริกฺขารา, ตํ หรณกาชํ ขาริกาชํ. อคฺคิหุตมิสฺสนฺติ ทพฺพิอาทิอคฺคิปูโชปกรณํ.
๕๒-๕๓. อุปสคฺโคติ อุปทฺทโว. อิทานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ เอกโต คเณตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต อธิฏฺาเนน ปฺจ กฏฺสตานิ น ผาลิยึสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. นาคทมนาทีนิ ปน โสฬส ปาฏิหาริยานิ อิธ น คณิตานิ, เตหิ สทฺธึ โสฬสาติเรกอฑฺฒุฑฺฒปาฏิหาริยสหสฺสานีติ เวทิตพฺพํ.
อาทิตฺตปริยายสุตฺตวณฺณนา
๕๔. อิทานิ ตสฺส ภิกฺขุสหสฺสสฺส อาทิตฺตปริยายเทสนาย อรหตฺตปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ¶ ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ คยายํ วิหรติ คยาสีเสติ คยานามิกาย นทิยา อวิทูเร ภวตฺตา คาโม คยา นาม, ตสฺสํ คยายํ วิหรติ. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร คยาติ เอกา โปกฺขรณีปิ อตฺถิ นทีปิ คยาสีสนามโก หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฏฺิปาสาโณปิ. ยตฺถ ภิกฺขุสหสฺสสฺส โอกาโส ปโหติ, ภควา ตตฺถ วิหรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คยาสีเส’’ติ, คยาคามสฺส อาสนฺเน คยาสีสนามเก ปิฏฺิปาสาเณ วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เตสํ สปฺปายธมฺมเทสนํ วิจินิตฺวา ตํ เทเสสฺสามีติ อามนฺเตสิ. ภควา หิ ตํ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา เตน ปริวาริโต นิสีทิตฺวา ‘‘กตรา นุ โข เอเตสํ ธมฺมกถา สปฺปายา’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘อิเม สายํ ปาตํ อคฺคึ ปริจรนฺติ, อิเมสํ ทฺวาทสายตนานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ วิย กตฺวา ทสฺเสสฺสามิ, เอวํ อิเม อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ สนฺนิฏฺานมกาสิ. อถ เนสํ ตถา เทเสตุํ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’นฺติอาทินา อิมํ อาทิตฺตปริยายํ อภาสิ.
ตตฺถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๓) สพฺพํ นาม จตุพฺพิธํ สพฺพสพฺพํ อายตนสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ ปเทสสพฺพนฺติ. ตตฺถ –
‘‘น ¶ ตสฺส อทฺทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ;
อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;
สพฺพํ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ;
ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑) –
อิทํ สพฺพสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓) อิทํ อายตนสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑) อิทํ สกฺกายสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพธมฺเมสุ วา ปมสมนฺนาหาโร อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ มโน มานสํ ตชฺชา มโนวิฺาณธาตู’’ติ อิทํ ปเทสสพฺพํ นาม. อิติ ปฺจารมฺมณมตฺตํ ปเทสสพฺพํ, เตภูมกา ธมฺมา สกฺกายสพฺพํ, จตุภูมกา ธมฺมา อายตนสพฺพํ, ยํ กิฺจิ เนยฺยํ สพฺพสพฺพํ. ปเทสสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ น ปาปุณาติ ตสฺส เตภูมกธมฺเมสุปิ เอกเทสสฺส อสงฺคณฺหนโต. สกฺกายสพฺพํ อายตนสพฺพํ น ปาปุณาติ โลกุตฺตรธมฺมานํ อสงฺคณฺหนโต. อายตนสพฺพํ สพฺพสพฺพํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ยสฺมา อายตนสพฺเพน จตุภูมกธมฺมาว ปริคฺคหิตา ¶ , น ลกฺขณปฺตฺติโยติ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อายตนสพฺพํ อธิปฺเปตํ, ตตฺถาปิ อิธ วิปสฺสนุปคธมฺมาว คเหตพฺพา.
จกฺขูติ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๖; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๑) ทฺเว จกฺขูนิ าณจกฺขุ เจว มํสจกฺขุ จ. ตตฺถ าณจกฺขุ ปฺจวิธํ พุทฺธจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ สมนฺตจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ ปฺาจกฺขูติ. เตสุ พุทฺธจกฺขุ นาม อาสยานุสยาณฺเจว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ, ยํ ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓) อาคตํ. ธมฺมจกฺขุ นาม เหฏฺิมา ตโย มคฺคา ตีณิ จ ผลานิ, ยํ ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๕๕; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) อาคตํ. สมนฺตจกฺขุ นาม สพฺพฺุตฺาณํ, ยํ ‘‘ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขู’’ติ (ที. นิ. ๒.๗๐; ม. นิ. ๑.๒๘๒) อาคตํ. ทิพฺพจกฺขุ นาม อาโลกวฑฺฒเนน อุปฺปนฺนาณํ, ยํ ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๒๘๔) อาคตํ. ปฺาจกฺขุ นาม จตุสจฺจปริจฺเฉทกาณํ, ยํ ‘‘จกฺขุํ อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) อาคตํ. มํสจกฺขุปิ ทุวิธํ สสมฺภารจกฺขุ ปสาทจกฺขูติ. เตสุ ยฺวายํ อกฺขิกูปเก อกฺขิปฏเลหิ ปริวาริโต มํสปิณฺโฑ, ยตฺถ จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโว ชีวิตํ ¶ ภาโว จกฺขุปฺปสาโท กายปฺปสาโทติ สงฺเขปโต เตรส สมฺภารา โหนฺติ, วิตฺถารโต ปน จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโวติ อิเม นว จตุสมุฏฺานวเสน ฉตฺตึส, ชีวิตํ ภาโว จกฺขุปฺปสาโท กายปฺปสาโทติ อิเม กมฺมสมุฏฺานา ตาว จตฺตาโรติ จตฺตาลีส สมฺภารา โหนฺติ, อิทํ สสมฺภารจกฺขุ นาม. ยํ ปเนตฺถ เสตมณฺฑลปริจฺฉินฺเนน กณฺหมณฺฑเลน ปริวาริเต ทิฏฺิมณฺฑเล สนฺนิวิฏฺํ รูปทสฺสนสมตฺถํ ปสาทมตฺตํ, อิทํ ปสาทจกฺขุ นาม. ตสฺส ตโต ปเรสฺจ โสตาทีนํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๖) วุตฺตาว.
ตตฺถ ยทิทํ ปสาทจกฺขุ, ตฺจ คเหตฺวา ภควา ‘‘จกฺขุ อาทิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ ปทิตฺตํ, สมฺปชฺชลิตํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ เอกชาลีภูตนฺติ อตฺโถ. จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ, จกฺขุสฺส วา การณภูตสฺส วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ. กามํ รูปาโลกมนสิการาทโยปิ ตสฺส วิฺาณสฺส การณํ, เต ปน สาธารณการณํ, จกฺขุ อสาธารณนฺติ อสาธารณการเณนายํ นิทฺเทโส ยถา ‘‘ยวงฺกุโร’’ติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย. จกฺขุสนฺนิสฺสิโต ผสฺโส จกฺขุสมฺผสฺโส, จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตผสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ. โสตสมฺผสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย. จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ ¶ เวทยิตนฺติ จกฺขุสมฺผสฺสํ มูลปจฺจยํ กตฺวา อุปฺปนฺนา สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนชวนเวทนา. จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาย ปน เวทนาย จกฺขุสมฺผสฺสสฺส ปจฺจยภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. จกฺขุสมฺผสฺโส หิ สหชาตาย เวทนาย สหชาตาทิวเสน, อสหชาตาย อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจโย โหติ. เตเนว ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา’’ติ วุตฺตํ. โสตทฺวารเวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ มโนทฺวารสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ธมฺมาติ ธมฺมารมฺมณํ. มโนวิฺาณนฺติ สหาวชฺชนกํ ชวนํ. มโนสมฺผสฺโสติ ภวงฺคสหชาโต ผสฺโส. เวทยิตนฺติ อาวชฺชนเวทนาย สทฺธึ ชวนเวทนา. ภวงฺคสมฺปยุตฺตาย ปน เวทนาย คหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อาวชฺชนํ วา ภวงฺคโต อโมเจตฺวา มโนติ สาวชฺชนํ ภวงฺคํ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมาติ ธมฺมารมฺมณเมว. มโนวิฺาณนฺติ ชวนวิฺาณํ. มโนสมฺผสฺโสติ ¶ ภวงฺคาวชฺชนสหชาโต ผสฺโส. เวทยิตนฺติ ชวนสหชาตา เวทนา, ภวงฺคาวชฺชนสหชาตาปิ วฏฺฏติเยว.
ราคคฺคินาติอาทีสุ ราโคว อนุทหนฏฺเน อคฺคีติ ราคคฺคิ. ราโค หิ ติขิณํ หุตฺวา อุปฺปชฺชมาโน สตฺเต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา ‘‘อคฺคี’’ติ วุจฺจติ. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย. ตตฺริมานิ วตฺถูนิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕; วิภ. อฏฺ. ๙๒๔) – เอกา ทหรภิกฺขุนี จิตฺตลปพฺพตวิหาเร อุโปสถาคารํ คนฺตฺวา ทฺวารปาลรูปํ โอโลกยมานา ิตา. อถสฺสา อนฺโต ราโค ติขิณตโร หุตฺวา อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ตํสมุฏฺานา เตโชธาตุ อติวิย ติขิณภาเวน สทฺธึ อตฺตนา สหชาตธมฺเมหิ หทยปเทสํ ฌาเปสิ ยถา ตํ พาหิรา เตโชธาตุ สนฺนิสฺสยํ, เตน สา ภิกฺขุนี ฌายิตฺวา กาลมกาสิ. ภิกฺขุนิโย คจฺฉมานา ‘‘อยํ ทหรา ิตา, ปกฺโกสถ น’’นฺติ อาหํสุ. เอกา คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา ิตาสี’’ติ หตฺเถ คณฺหิ. คหิตมตฺตา ปริวตฺติตฺวา ปปตา. อิทํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตาย วตฺถุ.
โทสสฺส ปน อนุทหนตาย มโนปโทสิกา เทวา ทฏฺพฺพา. เตสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๗-๔๘) กิร เอโก เทวปุตฺโต ‘‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ สปริวาโร รเถน วีถึ ปฏิปชฺชติ. อถฺโ นิกฺขมนฺโต ตํ ปุรโต คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘โภ อยํ กปโณ อทิฏฺปุพฺพํ วิย เอตํ ทิสฺวา ปีติยา อุทฺธุมาโต วิย ภิชฺชมาโน วิย จ คจฺฉตี’’ติ กุชฺฌติ. ปุรโต คจฺฉนฺโตปิ นิวตฺติตฺวา ตํ กุทฺธํ ทิสฺวา กุทฺธา นาม สุวิชานา โหนฺตีติ กุทฺธภาวมสฺส ตฺวา ‘‘ตฺวํ กุทฺโธ มยฺหํ กึ กริสฺสสิ, อยํ สมฺปตฺติ มยา ทานสีลาทีนํ วเสน ลทฺธา, น ตุยฺหํ วเสนา’’ติ ปฏิกุชฺฌติ. เอกสฺมิฺหิ กุทฺเธ อิตโร อกุทฺโธ รกฺขติ. กุทฺธสฺส หิ โส โกโธ อิตรสฺมึ อกุชฺฌนฺเต อนุปาทาโน เอกวารเมว อุปฺปตฺติยา อนาเสวโน ¶ จาเวตุํ น สกฺโกติ, อุทกํ ปตฺวา อคฺคิ วิย นิพฺพายติ, ตสฺมา อกุทฺโธ ตํ จวนโต รกฺขติ. อุโภสุ ปน กุทฺเธสุ เอกสฺส โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺสปิ โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหตีติ อุโภ กนฺทนฺตานํเยว โอโรธานํ จวนฺติ. อุโภสุ หิ กุทฺเธสุ ภิยฺโย ภิยฺโย อฺมฺมฺหิ ปริวฑฺฒนวเสน ติขิณสมุทาจาโร นิสฺสยทหนรโส ¶ โกโธ อุปฺปชฺชมาโน หทยวตฺถุํ นิทฺทหนฺโต อจฺจนฺตสุขุมาลํ กรชกายํ วินาเสติ, ตโต สกโลปิ อตฺตภาโว อนฺตรธายติ. อิทํ โทสสฺส อนุทหนตาย วตฺถุ.
โมหสฺส ปน อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา ทฏฺพฺพา. โมหวเสน หิ เตสํ สติสมฺโมโส โหติ, ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารกาลํ อติวตฺเตตฺวา กาลํ กโรนฺติ. เต (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๕-๔๖) กิร ปฺุวิเสสาธิคเตน มหนฺเตน อตฺตโน สิริวิภเวน นกฺขตฺตํ กีฬนฺตา ตาย สมฺปตฺติมหนฺตตาย ‘‘อาหารํ ปริภฺุชิมฺห, น ปริภฺุชิมฺหา’’ติปิ น ชานนฺติ. อถ เอกาหาราติกฺกมนโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว น ติฏฺนฺติ. กสฺมา? กมฺมชเตชสฺส พลวตาย. มนุสฺสานฺหิ กมฺมชเตโช มนฺโท, กรชกาโย พลวา. เตสํ เตชสฺส มนฺทตาย กรชกายสฺส พลวตาย สตฺตาหมฺปิ อติกฺกมิตฺวา อุณฺโหทกอจฺฉยาคุอาทีหิ สกฺกา วตฺถุํ อุปตฺถมฺเภตุํ. เทวานํ ปน เตโช พลวา โหติ อุฬารปฺุนิพฺพตฺตตฺตา อุฬารครุสินิทฺธสุธาหารชิรณโต จ, กรชํ มนฺทํ มุทุสุขุมาลภาวโต. เตเนว หิ ภควา อินฺทสาลคุหายํ ปกติปถวิยํ ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ ‘‘โอฬาริกกายํ อธิฏฺาหี’’ติ อาห, ตสฺมา เต เอกํ อาหารเวลํ อติกฺกมิตฺวา สณฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. ยถา นาม คิมฺหานํ มชฺฌนฺหิเก ตตฺตปาสาเณ ปิตํ ปทุมํ วา อุปฺปลํ วา สายนฺหสมเย ฆฏสเตนปิ สิฺจิยมานํ ปากติกํ น โหติ วินสฺสติเยว, เอวเมว ปจฺฉา นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว น ติฏฺนฺติ.
โก ปน เตสํ อาหาโร, กา อาหารเวลาติ? สพฺเพสมฺปิ กามาวจรเทวานํ สุธา อาหาโร, โส เหฏฺิเมหิ เหฏฺิเมหิ อุปริมานํ อุปริมานํ ปณีตตโม โหติ. ตํ ยถาสกํ ทิวสวเสน ทิวเส ทิวเส ภฺุชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘พิฬารปทปฺปมาณํ สุธาหารํ ภฺุชนฺติ. โส ชิวฺหาย ปิตมตฺโต ยาว เกสคฺคนขคฺคา กายํ ผรติ, เตสํเยว ทิวสวเสน สตฺตทิวสํ ยาปนสมตฺโถว โหตี’’ติ วทนฺติ.
เก ปน เต ขิฑฺฑาปโทสิกา นาม เทวาติ? อิเม นามาติ อฏฺกถายํ วิจารณา นตฺถิ, ‘‘กมฺมชเตโช พลวา โหติ, กรชํ มนฺท’’นฺติ อวิเสเสน ¶ วุตฺตตฺตา ปน เย เกจิ กพฬีการาหารูปชีวิโน ¶ เอวํ กโรนฺติ, เต เอวํ จวนฺตีติ เวทิตพฺพา. เกจิ ปนาหุ ‘‘นิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เต เทวา. ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนมตฺเตเนว เหเต ขิฑฺฑาปโทสิกาติ วุตฺตา’’ติ. มโนปโทสิกา ปน จาตุมหาราชิกาติ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ขิฑฺฑาปโทสิกาปิ จาตุมหาราชิกาเยวา’’ติ วทนฺติ. เอวํ ตาว ราคาทโย ตโย อนุทหนฏฺเน ‘‘อคฺคี’’ติ เวทิตพฺพา. ชาติอาทิตฺตยํ ปน นานปฺปการทุกฺขวตฺถุภาเวน อนุทหนโต อคฺคิ. โสกาทีนํ อนุทหนตา ปากฏาเยว. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ทุกฺขลกฺขณํ กถิตํ จกฺขาทีนํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาเวน ทุกฺขมตาย ทุกฺขภาวสฺส กถิตตฺตา.
อาทิตฺตปริยายสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา
๕๕. อิทานิ ‘‘อถ โข ภควา คยาสีเส ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา’’ติอาทีสุ ยา สา อนุตฺตานปทวณฺณนา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ลฏฺิวเนติ ตาลุยฺยาเน’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตาลุยฺยาเนติ ตาลรุกฺขานํ พหุภาวโต เอวํลทฺธนาเม อุยฺยาเน. อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวาติอาทีสุ อฺชลึ ปณาเมตฺวาติ เย อุภโตปกฺขิกา, เต สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เต กิร เอวํ จินฺตยึสุ ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ตุมฺเห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ, เตสํ ‘กึ อฺชลิมตฺตกรเณนปิ วนฺทิตํ โหตี’ติ วกฺขาม. สเจ โน สมฺมาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ, ‘กึ สีเสน ภูมึ ปหรนฺเตเนว วนฺทิตํ โหติ, นนุ อฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนา เอวา’ติ วกฺขามา’’ติ. นามโคตฺตํ สาเวตฺวาติ ‘‘โภ โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุตฺโต ทตฺโต นาม มิตฺโต นาม อิธ อาคโต’’ติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นาม, ‘‘โภ โคตม, อหํ วาเสฏฺโ นาม กจฺจาโน นาม อิธาคโต’’ติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นาม. เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณกุลปุตฺตา ปริสมชฺเฌ นามโคตฺตวเสน ปากฏา ภวิสฺสามาติ เอวํ ¶ อกํสุ. เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ, เต เกราฏิกา เจว อนฺธพาลา จ. ตตฺถ เกราฏิกา ‘‘เอกํ ทฺเว กถาสลฺลาเป กโรนฺเต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ ทฺเว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจนฺตา ตุณฺหี นิสีทนฺติ. อนฺธพาลา อฺาณตาเยว อวกฺขิตฺตา มตฺติกาปิณฺโฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติ.
กิสโกวทาโนติ ¶ เอตฺถ กิสกานํ โอวทาโน กิสโกวทาโนติ อิมํ ตาว อตฺถวิกปฺปํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตาปสจริยาย กิสสรีรตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อคฺคิหุตฺตนฺติ อคฺคิปริจรณํ. รูปาทโยว อิธ กามนียฏฺเน ‘‘กามา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘เอเต รูปาทโย กาเม’’ติ. ยฺา อภิวทนฺตีติ ยาคเหตุ อิชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. อุปธีสูติ เอตฺถ จตฺตาโร อุปธี กามุปธิ ขนฺธุปธิ กิเลสุปธิ อภิสงฺขารุปธีติ. กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๗) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนตฺเถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสุ ขนฺธุปธิ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขนฺธุปธีสุ มลนฺติ ตฺวา’’ติ. ยฺา มลเมว วทนฺตีติ ยาคเหตุ มลเมว อิชฺฌตีติ วทนฺติ. ยิฏฺเติ มหายาเค. หุเตติ ทิวเส ทิวเส กตฺตพฺพอคฺคิปริจรเณ. กามภเว อสตฺตนฺติ กามภเว อลคฺคํ, ตพฺพินิมุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๕๗-๕๘. อาสีสนาติ ปตฺถนา. ทิพฺพสุวณฺเณสุปิ สิงฺคีสุวณฺณสฺส สพฺพเสฏฺตฺตา ‘‘สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ’’ติ วุตฺตํ. ยเถว หิ มนุสฺสปริโภเค สุวณฺเณ ยุตฺติกตํ หีนํ, ตโต รสวิทฺธํ เสฏฺํ, รสวิทฺธโต อากรุปฺปนฺนํ, ตโต ยํ กิฺจิ ทิพฺพํ เสฏฺํ, เอวํ ทิพฺพสุวณฺเณสุปิ จามีกรโต สาตกุมฺภํ, สาตกุมฺภโต ชมฺพุนทํ, ชมฺพุนทโต สิงฺคีสุวณฺณํ, ตสฺมา ตํ สพฺพเสฏฺํ. สิงฺคีนิกฺขนฺติ จ นิกฺขปริมาเณน สิงฺคีสุวณฺเณน กตํ สุวณฺณปฏฺฏํ. อูนกนิกฺเขน กตฺหิ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ น โหติ, อติเรเกน กตํ ฆฏฺฏนมชฺชนํ ขมติ, วณฺณวนฺตํ ปน น โหติ, ผรุสธาตุกํ ขายติ, นิกฺเขน กตํ ฆฏฺฏนมชฺชนฺเจว ขมติ วณฺณวนฺตฺจ โหติ. นิกฺขํ ปน วีสติสุวณฺณนฺติ เกจิ ¶ . ปฺจวีสติสุวณฺณนฺติ อปเร. มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ ปน ‘‘นิกฺขํ นาม ปฺจสุวณฺณา’’ติ วุตฺตํ. สุวณฺโณ นาม จตุธรณนฺติ วทนฺติ.
ทสสุ อริยวาเสสุ วุตฺถวาโสติ –
‘‘อิธ, (ที. นิ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการกฺโข จตุราปสฺเสโน ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ สมวยสฏฺเสโน อนาวิลสงฺกปฺโป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตารกฺเขน เจตสา สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตุราปสฺเสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตุราปสฺเสโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ ¶ , สพฺพานิ ตานิ นุณฺณานิ โหนฺติ ปนุณฺณานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฏินิสฺสฏฺานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเสโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ¶ กามสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, พฺยาปาทสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, วิหึสาสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ราคาจิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โทสา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โมหา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปฺโ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’ติ ปชานาติ, ‘โทโส เม ปหีโน…เป… โมโห เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’ติ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปฺโ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) –
เอวมาคเตสุ ทสสุ อริยวาเสสุ วุตฺถวาโส.
ตตฺถ วสนฺติ เอตฺถาติ วาสา, อริยานํ เอว วาสาติ อริยวาสา อนริยานํ ตาทิสานํ วาสานํ อสมฺภวโต. อริยาติ เจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ¶ ขีณาสวา คหิตา. เอการกฺโขติ เอกา สติสงฺขาตา อารกฺขา เอตสฺสาติ เอการกฺโข. ขีณาสวสฺส (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๐) หิ ตีสุ ทฺวาเรสุ สพฺพกาเล สติ อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ. เตเนวสฺส จรโต จ ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหตีติ วุจฺจติ.
จตุราปสฺเสโนติ จตฺตาริ อปสฺเสนานิ อปสฺสยา เอตสฺสาติ จตุราปสฺเสโน. สงฺขายาติ าเณน (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๘). ปฏิเสวตีติ าเณน ตฺวา เสวิตพฺพยุตฺตกเมว เสวติ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปริภฺุชตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน เวทิตพฺโพ. สงฺขาเยกํ อธิวาเสตีติ าเณน ตฺวา อธิวาเสตพฺพยุตฺตกเมว อธิวาเสติ. วิตฺถาโร ปเนตฺถ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔) นเยน ¶ เวทิตพฺโพ. ปริวชฺเชตีติ าเณน ตฺวา ปริวชฺเชตพฺพยุตฺตกเมว ปริวชฺเชติ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. วิโนเทตีติ าเณน ตฺวา วิโนเทตพฺพเมว วิโนเทติ นุทติ นีหรติ อนฺโต วสิตุํ น เทติ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตพฺโพ.
ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๘; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๘) ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว สจฺจ’’นฺติ เอวํ ปาฏิเยกฺกํ คหิตตฺตา ปจฺเจกสงฺขาตานิ ทิฏฺิสจฺจานิ ปนุณฺณานิ นีหฏานิ ปหีนานิ อสฺสาติ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ. ปุถุสมณพฺราหฺมณานนฺติ พหูนํ สมณพฺราหฺมณานํ. เอตฺถ จ สมณาติ ปพฺพชฺชุปคตา. พฺราหฺมณาติ โภวาทิโน. ปุถุปจฺเจกสจฺจานีติ พหูนิ ปาเฏกฺกสจฺจานิ, ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ปาฏิเยกฺกํ คหิตานิ พหูนิ สจฺจานีติ อตฺโถ. นุณฺณานีติ นีหฏานิ. ปนุณฺณานีติ สุฏฺุ นีหตานิ. จตฺตานีติ วิสฺสฏฺานิ. วนฺตานีติ วมิตานิ. มุตฺตานีติ ฉินฺนพนฺธนานิ กตานิ. ปหีนานีติ ปชหิตานิ. ปฏินิสฺสฏฺานีติ ยถา น ปุน จิตฺตํ อาโรหนฺติ, เอวํ ปฏิวิสฺสชฺชิตานิ. สพฺพาเนว เจตานิ อริยมคฺคาธิคมโต ปุพฺเพ คหิตสฺส ทิฏฺิคฺคาหสฺส วิสฺสฏฺภาวเววจนานิ.
สมวยสฏฺเสโนติ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๐) เอตฺถ อวยาติ อนูนา. สฏฺาติ นิสฺสฏฺา. สมฺมา อวยา สฏฺา เอสนา อสฺสาติ สมวยสฏฺเสโน, สมฺมา วิสฺสฏฺสพฺพเอสโนติ อตฺโถ. ‘‘ราคา จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติอาทีหิ มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโต. ‘‘ราโค เม ปหีโน’’ติอาทีหิ ปจฺจเวกฺขณามุเขน อริยผลํ กถิตํ. อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ. ตตฺถ ปฺจงฺควิปฺปหานปจฺเจกสจฺจาปโนทนเอสนาสมวยสชฺชนานิ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ อธิวาเสติ ปริวชฺเชติ วิโนเทตี’’ติ วุตฺเตสุ อปสฺเสเนสุ วิโนทนา จ มคฺคกิจฺจาเนว, อิตเร จ มคฺเคเนว สมิชฺฌนฺติ.
ทสพโลติ กายพลสงฺขาตานิ าณพลสงฺขาตานิ จ ทส พลานิ เอตสฺสาติ ทสพโล. ทุวิธฺหิ ¶ ตถาคตสฺส พลํ กายพลํ าณพลฺจ. เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๒๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฏฺ ๗๖; อุทา. อฏฺ. ๗๕; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๓๙; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๔; จูฬนิ. อฏฺ. ๘๑);
อิมานิ หิ ทส หตฺถิกุลานิ. ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฏฺพฺพํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺส. ยํ ทสนฺนํ คงฺเคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺส. ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺส. ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺส. ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺส. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลํ. นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ. ตตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา ตโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อตฺโถ. ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฏิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ¶ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ.
าณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว. ตตฺรายํ ปาฬิ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๑) –
‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ, เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ ทส? อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ, ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ¶ ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. (๑)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๒)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๓)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุํ นานาธาตุํ โลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๔)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๕)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๖)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป…. (๗)
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. เสยฺยถิทํ? เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ…เป…. (๘)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ…เป…. (๙)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. อิมานิ โข, สาริปุตฺต, ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ. (๑๐)
ตตฺถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฏฺ. ๗๖๐) านฺจ านโตติ การณฺจ การณโต. ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ านํ. เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฏฺาน’’นฺติ ปชานนฺโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปีติ เยน าเณน.
กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํ. านโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จ. ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส านํ, กมฺมํ เหตุ.
สพฺพตฺถคามินินฺติ สพฺพคติคามินิฺจ อคติคามินิฺจ. ปฏิปทนฺติ มคฺคํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ตสฺเสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉนฺโท ¶ วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหิยมาโน วิจรติ, ตสฺมา เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปาโท, เอส พหุปฺปาโท’’ติ ชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิสฺสติ, เอตํ อฺเน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ.
ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ¶ ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ. ตสฺมา เตสุ จ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ. ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก, ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ.
ตถา วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเห เอว สฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายเมว, เอส ปมผเลเยว, เอส ทุติยผเล เอว, เอส ตติยผเล เอว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติ.
อเนกธาตุนฺติ ¶ จกฺขุธาตุอาทีหิ, กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํ. นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตฺตา นานปฺปการธาตุํ. โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฏิวิชฺฌติ.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํ. ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํ. ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต ปเรสํ หีนสตฺตานํ. เอกตฺถเมว วา เอตํ ปททฺวยํ, เวเนยฺยวเสน ปน ทฺเวธา วุตฺตํ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวฺจ อปรภาวฺจ, วุทฺธิฺจ หานิฺจาติ อตฺโถ.
ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํ. สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํ. โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํ. วุฏฺานนฺติ ‘‘โวทานมฺปิ วุฏฺานํ, ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตํ ปคุณชฺฌานฺเจว ภวงฺคผลสมาปตฺติโย จ. เหฏฺิมํ ¶ เหฏฺิมฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โวทานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ภวงฺเคน สพฺพฌาเนหิ วุฏฺานํ โหติ, ผลสมาปตฺติยา นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺานํ โหติ. ตเมตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพาณานฺจ วิตฺถารกถาย วินิจฺฉโย สมฺโมหวิโนทนิยํ วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๗๖๐) วุตฺโต. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยาณกถา ปน เวรฺชกณฺเฑ (ปารา. ๑๒) วิตฺถาริตาเยว.
อิมานิ โข สาริปุตฺตาติ ยานิ ปุพฺเพ ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ อโวจํ, อิมานิ ตานีติ อปฺปนํ กโรติ. ตตฺถ ปรวาทิกถา โหติ ‘‘ทสพลาณํ นาม ปาฏิเยกฺกํ นตฺถิ, สพฺพฺุตฺาณสฺเสวายํ ปเภโท’’ติ, ตํ น ตถา ทฏฺพฺพํ. อฺเมว หิ ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตฺาณํ. ทสพลาณํ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ, สพฺพฺุตฺาณํ ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ปชานาติ. ทสพลาเณสุ หิ ปมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริจฺเฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว ¶ , ปฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฏฺํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธึ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฏฺมํ ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริจฺเฉทเมว. สพฺพฺุตฺาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพฺจ ตโต อุตฺตริฺจ ปชานาติ, เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติ. ตฺหิ ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกติ, มคฺโค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สกฺโกติ. อิติ ยถาวุตฺตกายพเลน เจว าณพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา ภควา ‘‘ทสพโล’’ติ วุจฺจติ.
ทสหิ อเสกฺเขหิ องฺเคหิ อุเปโตติ ‘‘อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิ, อเสกฺโข สมฺมาสงฺกปฺโป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสกฺโข สมฺมากมฺมนฺโต, อเสกฺโข สมฺมาอาชีโว, อเสกฺโข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสกฺโข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐) เอวํ วุตฺเตหิ ทสหิ อเสกฺขธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิอาทโย จ สพฺเพ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา เอว. เอตฺถ จ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาาณนฺติ ทฺวีสุ าเนสุ ปฺาว กถิตา ‘‘สมฺมา ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา ปชานนฏฺเน สมฺมาาณ’’นฺติ. อตฺถิ หิ ทสฺสนชานนานํ วิสเย ปวตฺติอาการวิเสโส. สมฺมาวิมุตฺตีติ อิมินา ปน ปเทน วุตฺตาวเสสา ผลสมาปตฺติสหคตธมฺมา สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา ¶ . อริยผลสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ หิ สพฺพโส ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตตํ อุปาทาย วิมุตฺตีติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ.
๕๙. วจนสทฺเทน อปฺปสทฺทนฺติ อารามุปจาเรน คจฺฉโต อทฺธิกชนสฺสปิ วจนสทฺเทน อปฺปสทฺทํ. นครนิคฺโฆสสทฺเทนาติ อวิภาวิตตฺเถน นคเร มนุสฺสานํ นิคฺโฆสสทฺเทน. มนุสฺเสหิ สมาคมฺม เอกชฺฌํ ปวตฺติตสทฺโท หิ นิคฺโฆโส. อนุสฺจรณชนสฺสาติ อนฺโตสฺจาริโน ชนสฺส. มนุสฺสานํ รหสฺสกิริยฏฺานิยนฺติ มนุสฺสานํ รหสฺสกรณสฺส ยุตฺตํ อนุจฺฉวิกํ. วิเวกานุรูปนฺติ เอกีภาวสฺส อนุรูปํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๖๐. อิทานิ ¶ ‘‘เตน โข ปน สมเยน สฺจโย ปริพฺพาชโก’’ติอาทีสุ อปุพฺพปทวณฺณนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สารีพฺราหฺมณิยา ปุตฺโต สาริปุตฺโต, โมคฺคลฺลีพฺราหฺมณิยา ปุตฺโต โมคฺคลฺลาโน. อมฺหากํ กิร (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๐ สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ) ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว สาริปุตฺโต ราชคหนครสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาเม สารีพฺราหฺมณิยา นาม กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํทิวสเมวสฺส สหาโยปิ ราชคหสฺเสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลฺลีพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายาเนว. เตสํ ทฺวินฺนํ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฏฺิ ธาติโย อุปนยึสุ. นามคฺคหณทิวเส สารีพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา ‘‘อุปติสฺโส’’ติ นามํ อกํสุ, อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา ‘‘โกลิโต’’ติ นามํ อกํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘คิหิกาเล อุปติสฺโส โกลิโตติ เอวํ ปฺายมานนามา’’ติ.
อฑฺฒเตยฺยสตมาณวกปริวาราติ เอตฺถ ปฺจปฺจสตมาณวกปริวาราติปิ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐) –
‘‘อุปติสฺสมาณวกสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกาสตานิ ¶ ปริวารานิ โหนฺติ, โกลิตมาณวกสฺส ปฺจ อาชฺรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺตี’’ติ.
ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺชํ นาม โหติ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจกํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ เอกโตว นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสิตฺวา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํวิชฺชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํวิชฺชนํ วา ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายทานํ วา นาโหสิ. ทฺเวปิ ¶ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ ‘‘กึ เอตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ. ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ. ‘‘สมฺม โกลิต, เอเตสํ โอโลกเน สาโร นตฺถิ, นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหีติ. ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนติ. โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส เอวมาห ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนํ สุจินฺติตํ, โมกฺขธมฺมํ ปน คเวสนฺเตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ, กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริมทฺทิตฺวา ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สฺจโย ‘‘เอตฺตโกว, สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ อาห. ตสฺส กถํ สุตฺวา จินฺตยึสุ ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา, มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา อวสฺสํ โมกฺขธมฺมเทสกํ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถี’’ติ สุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺหสากจฺฉํ กโรนฺติ, เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺโ กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา ‘‘สมฺม โกลิต, โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ ¶ , โส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุ. อิมเมว วตฺถุํ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺร เนสํ มหาชนํ ทิสฺวา…เป… กติกํ อกํสู’’ติ อาห.
ตตฺถ ฉนฺนปริพฺพาชกสฺสาติ เสตปฏธรสฺส ปริพฺพาชกสฺส. เตน นายํ นคฺคปริพฺพาชโกติ ทสฺเสติ. ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตนาติอาทีสุ ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน สารุปฺเปน สมณานุจฺฉวิเกน. อภิกฺกนฺเตนาติ ¶ คมเนน. ปฏิกฺกนฺเตนาติ นิวตฺตเนน. อาโลกิเตนาติ ปุรโต ทสฺสเนน. วิโลกิเตนาติ อิโต จิโต ทสฺสเนน. สมิฺชิเตนาติ ปพฺพสงฺโกจเนน. ปสาริเตนาติ เตสํเยว ปสารเณน. สพฺพตฺถ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, ตสฺมา สติสมฺปชฺเกหิ วภิสงฺขตตฺตา ปาสาทิกอภิกฺกนฺตปฏิกฺกนฺตอาโลกิตวิโลกิตสมิฺชิตปสาริโต หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ. อิริยาปถสมฺปนฺโนติ ตาย ปาสาทิกอภิกฺกนฺตาทิตาย สมฺปนฺนอิริยาปโถ. อตฺถิเกหิ อุปฺาตนฺติ ‘‘มรเณ สติ อมเตนปิ ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ อนุมานาเณน ‘‘อตฺถี’’ติ อุปคตํ นิพฺพานํ นาม, ตํ มคฺคนฺโต ปริเยสนฺโต ยนฺนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยนฺติ สมฺพนฺโธ. สุทินฺนกณฺเฑ วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘ทานปตีนํ ฆเรสุ สาลา โหนฺติ, อาสนานิ เจตฺถ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, อุปฏฺาปิตํ อุทกกฺชิยํ, ตตฺถ ปพฺพชิตา ปิณฺฑาย จริตฺวา นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺติ. สเจ อิจฺฉนฺติ, ทานปตีนมฺปิ สนฺตกํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ตมฺปิ อฺตรสฺส กุลสฺส อีทิสาย สาลาย อฺตรํ กุฏฺฏมูลนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ เอวํ วุตฺตปฺปการํ.
อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสูติ ปริพฺพาชโก ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา ปาวท, เอตํ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห. นิโรโธ จ นิโรธุปาโย จ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน ‘‘นิโรโธ’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ปฏิปาเทนฺโตติ นิคเมนฺโต. อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทีติ เอตฺถ ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อิตรปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ.
พหุเกหิ กปฺปนหุเตหีติ เอตฺถ ทส ทสกานิ สตํ, ทส สตานิ สหสฺสํ, สหสฺสานํ สตํ สตสหสฺสํ, สตสหสฺสานํ สตํ โกฏิ, โกฏิสตสหสฺสานํ สตํ ปโกฏิ, ปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ โกฏิปโกฏิ, โกฏิปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ เอกนหุตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๖๑. อถ ¶ ¶ โข สาริปุตฺโต ปริพฺพาชโก เยน โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมีติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๐ สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ) โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ. เวฬุวเน ปริพฺพาชกาติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ, อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อาโรเจตู’ติ, อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ.
๖๒. สาริปุตฺตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจาติ ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายสฺส มุขวณฺโณ น อฺทิวเสสุ วิย, อทฺธา อเนน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ปุจฺฉนฺโต เอตทโวจ. โสปิสฺส ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โมคฺคลฺลานสฺส ปริพฺพาชกสฺส…เป… ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ. คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเกติ ‘‘กหํ สมฺม สตฺถา วสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เวฬุวเน กิร สมฺม, เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิต’’นฺติ วุตฺเต เอวมาห.
สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ โมคฺคลฺลานํ ปริพฺพาชกํ เอวมาห ‘‘อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสปิ กเถสฺสาม, พุชฺฌมาโน ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา มคฺคผลปฺปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ. ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน สฺจโย ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมึสู’’ติ. อุปสงฺกมิตฺวา จ ‘‘อาจริย, ตฺวํ กึ กโรสิ, โลเก พุทฺโธ ¶ อุปฺปนฺโน, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ, อายาม ทสพลํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. โส ‘‘กึ วทถ ตาตา’’ติ เตปิ วาเรตฺวา ลาภคฺคยสคฺคปฺปวตฺติเมว เนสํ ทีเปติ. เต ‘‘อมฺหากํ เอวรูโป อนฺเตวาสิกวาโส นิจฺจเมว โหตุ, ตุมฺหากํ ปน คมนํ วา อคมนํ วา ชานาถา’’ติ อาหํสุ. สฺจโย ‘‘อิเม เอตฺตกํ ชานนฺตา มม วจนํ น กริสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห ตาตา, อหํ มหลฺลกกาเล อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุํ น สกฺโกมี’’ติ ¶ อาห. เต อเนเกหิปิ การณสเตหิ ตํ โพเธตุํ อสกฺโกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมานํ ชนํ อาทาย เวฬุวนํ อคมํสุ. ปฺจสุ อนฺเตวาสิกสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา นิวตฺตึสุ, อฑฺฒเตยฺยสตา เตหิ สทฺธึ อคมํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ตานิ อฑฺฒเตยฺยานิ ปริพฺพาชกสตานิ อาทาย เยน เวฬุวนํ เตนุปสงฺกมึสู’’ติ.
วิมุตฺเตติ ยถาวุตฺตลกฺขเณ นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา อธิมุตฺเต เน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน พฺยากาสีติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ พฺยากริตฺวา จ สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต เนสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ, เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก สพฺเพปิ อฑฺฒเตยฺยสตา ปริพฺพาชกา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, สพฺเพสํ เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ กายปฏิพทฺธํ อโหสิ. อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตํ, อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฏฺาติ. กสฺมา? สาวกปารมีาณสฺส มหนฺตตาย. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาฬคามกํ อุปนิสฺสาย สมณธมฺมํ กโรนฺโต ถินมิทฺธํ โอกฺกมนฺโต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อทฺธมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. เตเนวาห ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร สตฺตหิ ทิวเสหิ อรหตฺเต ปติฏฺิโต, สาริปุตฺตตฺเถโร อทฺธมาเสนา’’ติ.
ยทิปิ ¶ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺโต, ธมฺมเสนาปติ ตโต จิเรน, เอวํ สนฺเตปิ สาริปุตฺตตฺเถโรว มหาปฺตโร. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร หิ สาวกานํ สมฺมสนจารํ ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิย เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต สตฺต ทิวเส วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโร เปตฺวา พุทฺธานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ สมฺมสนจารํ สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสิ, เอวํ สมฺมสนฺโต อทฺธมาสํ วายมิ. อุกฺกํสคตสฺส สาวกานํ สมฺมสนจารสฺส นิปฺปเทเสน ปวตฺติยมานตฺตา สาวกปารมีาณสฺส จ ตถา ปริปาเจตพฺพตฺตา. ยถา หิ ปุริโส ‘‘เวณุยฏฺึ คณฺหิสฺสามี’’ติ มหาชฏํ เวณุํ ทิสฺวา ‘‘ชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส ปปฺโจ ภวิสฺสตี’’ติ อนฺตเรน หตฺถํ ปเวเสตฺวา สมฺปตฺตเมว ยฏฺึ มูเล จ อคฺเค จ ฉินฺทิตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย, โส ¶ กิฺจาปิ ปมตรํ คจฺฉติ, ยฏฺึ ปน สารํ วา อุชุํ วา น ลภติ. อปโร ตถารูปเมว เวณุํ ทิสฺวา สเจ สมฺปตฺตยฏฺึ คณฺหิสฺสามิ, สารํ วา อุชุํ วา น ลภิสฺสามีติ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา มหนฺเตน สตฺเถน เวณุชฏํ ฉินฺทิตฺวา สารา เจว อุชู จ ยฏฺิโย อุจฺจินิตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย, อยํ กิฺจาปิ ปจฺฉา คจฺฉติ, ยฏฺิโย ปน สารา เจว อุชู จ ลภติ, เอวํสมฺปทมิทํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ เถรานํ ปธานํ.
สมฺมสนจาโร จ นาเมตฺถ วิปสฺสนาภูมิ เวทิตพฺพา สมฺมสนํ จรติ เอตฺถาติ สมฺมสนจาโรติ กตฺวา. ตตฺถ พุทฺธานํ สมฺมสนจาโร ทสสหสฺสโลกธาตุยํ สตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขาราติ วทนฺติ. โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ อปเร. ตถา หิ อตฺตนิยวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยํ โอตริตฺวา ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิราณํ ปวตฺตํ. ปจฺเจกพุทฺธานํ สสนฺตานคเตหิ สทฺธึ มชฺฌิมเทสวาสีสตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขารา สมฺมสนจาโรติ วทนฺติ. ชมฺพุทีปวาสีสนฺตานคตาติ เกจิ. สสนฺตานคเต สพฺพธมฺเม ปรสนฺตานคเต จ สนฺตานวิภาคํ อกตฺวา พหิทฺธาภาวสามฺโต สมฺมสนํ, อยํ สาวกานํ สมฺมสนจาโร. โมคฺคลฺลานตฺเถโร ปน พหิทฺธา ธมฺเมปิ สสนฺตานวิภาเคน เกจิ เกจิ อุทฺธริตฺวา สมฺมสิ, ตฺจ โข าเณน ผุฏฺมตฺตํ กตฺวา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิย เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ. ตตฺถ าเณน นาม ยาวตา เนยฺยํ วตฺติตพฺพํ, ตาวตา อวตฺตนโต ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต ¶ วิยา’’ติ วุตฺตํ, อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย อภาวโต ‘‘เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมเสนาปติโนปิ ยถาวุตฺตสาวกานํ วิปสฺสนาย ภูมิเยว สมฺมสนจาโร. ตตฺถ ปน เถโร สาติสยํ นิรวเสสํ อนุปทฺจ สมฺมา วิปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสี’’ติ.
เอตฺถ จ สุกฺขวิปสฺสกา โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปกติสาวกา มหาสาวกา อคฺคสาวกา ปจฺเจกพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ฉสุ ชเนสุ สุกฺขวิปสฺสกานํ ฌานาภิฺาหิ อนธิคตปฺาเนปฺุตฺตา อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปเทโสกฺกมนํ วิปสฺสนากาเล อิจฺฉิติจฺฉิตธมฺมภาวนา นตฺถิ, เต ยถาปริคฺคหิตธมฺมมตฺเตเยว วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺติ. โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปน ปกติสาวกา เยน มุเขน วิปสฺสนํ อารภนฺติ, ตโต อฺเนปิ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ วิปุลาณตฺตา. มหาสาวกา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา ตโต สาติสยํ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ. อคฺคสาวเกสุ ทุติโย อภินีหารสมฺปตฺติยา สมาธานสฺส สาติสยตฺตา วิปสฺสนํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปโม ปน ตโตปิ มหาปฺตาย สาวเกหิ อสาธารณํ กตฺวา วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปจฺเจกพุทฺธา เตหิปิ ¶ มหาภินีหารตาย อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ วิปสฺสนํ กโรนฺติ. พุทฺธานํ สมฺมเทว ปริปูริตปฺาปารมีปภาวิตา สพฺพฺุตฺาณาธิคมสฺส อนุรูปา ยถา นาม กตวาลเวธปริจเยน สรภงฺคสทิเสน ธนุคฺคเหน ขิตฺโต สโร อนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺเขเยว ปตติ, น สชฺชติ น วิรชฺชติ, เอวํ อนฺตรา อสชฺชมานา อวิรชฺชมานา วิปสฺสนา สมฺมสนียธมฺเมสุ ยาถาวโต นานานเยหิ ปวตฺตติ, ยํ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ วุจฺจติ.
เอเตสุ จ สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร ขชฺโชตปฺปภาสทิโส, อภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทีปปฺปภาสทิโส, มหาสาวกานํ อุกฺกาปฺปภาสทิโส, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารกปฺปภาสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ จนฺทปฺปภาสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ รสฺมิสหสฺสปฏิมณฺฑิตสรทสูริยมณฺฑลสทิโส หุตฺวา อุปฏฺาติ. ตถา สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร อนฺธานํ ¶ ยฏฺิโกฏิยา คมนสทิโส, โลกิยาภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทณฺฑกเสตุคมนสทิโส, มหาสาวกานํ ชงฺฆเสตุคมนสทิโส, อคฺคสาวกานํ สกฏเสตุคมนสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ มหาชงฺฆมคฺคคมนสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ มหาสกฏมคฺคคมนสทิโส. ตถา พุทฺธานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสํวฑฺฒิตตฺตา สยมฺภูาณภูตา, อิตเรสํ สุตมยาณสํวฑฺฒิตตฺตา ปโรปเทสสมฺภูตาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ อุภินฺนมฺปิ เถรานํ ปุพฺพโยคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีเต กิรา’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว.
๖๓. คิริพฺพชนครนฺติ สมนฺตา ปพฺพตปริกฺขิตฺตํ วชสทิสํ หุตฺวา ติฏฺตีติ คิริพฺพชนฺติ เอวํลทฺธนามํ ราชคหนครํ. อุสูยนกิริยาย กมฺมภาวํ สนฺธาย ‘‘อุปโยคตฺเถ วา’’ติ วุตฺตํ.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา
๖๔. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, นตฺถิ อุปชฺฌาโย เอเตสนฺติ อนุปชฺฌายกา. เตนาห ‘‘วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายเกน ครุนา วิรหิตา’’ติ. ตตฺถ วชฺชาวชฺชนฺติ ขุทฺทกํ ¶ มหนฺตฺจ วชฺชํ. วุทฺธิอตฺโถ หิ อยมกาโร ‘‘ผลาผล’’นฺติอาทีสุ วิย. อุตฺติฏฺปตฺตนฺติ เอตฺถ อุจฺฉิฏฺ-สทฺทสมานตฺโถ อุตฺติฏฺ-สทฺโท. เตเนวาห ‘‘ตสฺมิฺหิ มนุสฺสา อุจฺฉิฏฺสฺิโน, ตสฺมา อุตฺติฏฺปตฺตนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ปิณฺฑาย จรณกปตฺตนฺติ อิมินา ปน ปตฺตสฺส สรูปทสฺสนมุเขน อุจฺฉิฏฺกปฺปนาย การณํ วิภาวิตํ. ตสฺมินฺติ ตสฺมึ ปิณฺฑาย จรณกปตฺเต.
๖๕. สคารวา สปฺปติสฺสาติ เอตฺถ ครุภาโว คารวํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณียตา. สห คารเวนาติ สคารวา. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺโส, ปติสฺสวภูตํ ตํสภาคฺจ ยํกิฺจิ คารวนฺติ อตฺโถ. สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺสา, โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉนฺตาติ อตฺโถ ¶ . ปติสฺสียตีติ วา ปติสฺโส, ครุกาตพฺโพ. เตน สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺสา. อฏฺกถายํ ปน พฺยฺชนวิจารํ อกตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ครุกภาวฺเจว เชฏฺกภาวฺจ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สาหูติ สาธุ. ลหูติ อครุ, มม ตุยฺหํ อุปชฺฌายภาเว ภาริยํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ เต อุปชฺฌายคฺคหณํ อิมินา อุปาเยน ตฺวํ เม อิโต ปฏฺาย ภาโร ชาโตสีติ วุตฺตํ โหติ. ปติรูปนฺติ อนุรูปํ ตว อุปชฺฌายคฺคหณนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน กายวจีปโยเคน. สมฺปาเทหีติ ติวิธสิกฺขํ นิปฺผาเทหีติ อตฺโถ. กาเยน วาติ หตฺถมุทฺทาทึ ทสฺเสนฺโต กาเยน วา วิฺาเปติ. คหิโต ตยา…เป… วิฺาเปตีติ ‘‘สาหู’’ติอาทีสุ เอกํ วทนฺโตเยว อิมมตฺถํ วิฺาเปตีติ วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อิทเมว หี’’ติอาทิ. สาธูติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายาติ อุปชฺฌาเยน ‘‘สาหู’’ติ วุตฺเต สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนวจนํ สนฺธาย. กสฺมา นปฺปมาณนฺติ อาห ‘‘อายาจนทานมตฺเตน หี’’ติอาทิ, สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ อายาจนมตฺเตน, อุปชฺฌายสฺส จ ‘‘สาหู’’ติอาทินา ทานวจนมตฺเตนาติ อตฺโถ. น เอตฺถ สมฺปฏิจฺฉนํ องฺคนฺติ สทฺธิวิหาริกสฺส สมฺปฏิจฺฉนวจนํ เอตฺถ อุปชฺฌายคฺคหเณ องฺคํ น โหติ.
๖๖. สมฺมาวตฺตนาติ สมฺมาปวตฺติ. อสฺสาติ สทฺธิวิหาริกสฺส. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ ทาตพฺพนฺติ อุตุมฺหิ สรีรสภาเว จ เอกากาเร ตาทิสเมว ทาตพฺพํ. ทฺเว จีวรานีติ ปารุปนํ สงฺฆาฏิฺจ สนฺธาย วทติ. ยทิ เอวํ ‘‘สงฺฆาฏิโย’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตตฺตา สงฺฆาฏีติ วุจฺจตี’’ติ. ปทวีติหาเรหีติ เอตฺถ ปทํ วีติหรติ เอตฺถาติ ปทวีติหาโร, ปทวีติหรณฏฺานํ ทูตวิลมฺพิตํ อกตฺวา สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. ปทานํ วา วีติหรณํ อภิมุขํ หริตฺวา นิกฺเขโป ปทวีติหาโรติ ¶ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺต น-การโต ปฏฺาย. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺติ เวทิตพฺพาติ ‘‘อีทิเสสุ คิลาโนปิ น มุจฺจตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺมฺปิ หิ ยถาวุตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส อคิลานสฺส วตฺตเภเท สพฺพตฺถ ทุกฺกฏเมว. เตเนว วกฺขติ ‘‘อคิลาเนน หิ สทฺธิวิหาริเกน สฏฺิวสฺเสนปิ สพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ ¶ กาตพฺพํ, อนาทเรน อกโรนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ. น-การปฏิสํยุตฺเตสุ ปน ปเทสุ คิลานสฺสปิ ปฏิกฺขิตฺตกิริยํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๖๔). อาปตฺติยา อาสนฺนวาจนฺติ อาปตฺติชนกเมว วจนํ สนฺธาย วทติ. ยาย หิ วาจาย อาปตฺตึ อาปชฺชติ, สา วาจา ตสฺสา อาปตฺติยา อาสนฺนาติ วุจฺจติ.
จีวเรน ปตฺตํ เวเตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อุตฺตราสงฺคสฺส เอเกน กณฺเณน เวเตฺวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. คาเมติ คามปริยาปนฺเน ตาทิเส กิสฺมิฺจิ ปเทเส. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. ปฏิกฺกมเนติ อาสนสาลายํ. ติกฺขตฺตุํ ปานีเยน ปุจฺฉิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ, อาทิมฺหิ มชฺเฌ อนฺเตติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. อุปกฏฺโติ อาสนฺโน. โธตวาลิกายาติ นิรชาย ปริสุทฺธวาลิกาย. สเจ ปโหตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘น เกนจิ เคลฺเน อภิภูโต โหตี’’ติ. ปริเวณํ คนฺตฺวาติ อุปชฺฌายสฺส ปริเวณํ คนฺตฺวา.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๗. สทฺธิวิหาริกวตฺตกถา อุตฺตานตฺถาเยว.
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา
๖๘. นสมฺมาวตฺตนาทิกถายํ เคหสฺสิตเปมนฺติ ‘‘ปิตา เม อย’’นฺติ เอวํ อุปฺปนฺนเปมํ. อุปชฺฌายมฺหิ ปิตุจิตฺตุปฏฺานเมว หิ อิธ เคหสฺสิตเปมํ นาม. น หิ อิทํ อกุสลปกฺขิยํ เคหสฺสิตเปมํ สนฺธาย วุตฺตํ ปฏิวิทฺธสจฺจานํ ปหีนานุเคธานํ ตทสมฺภวโต, น จ ภควา ภิกฺขู สํกิเลเส นิโยเชติ, เคหสฺสิตเปมสทิสตฺตา ปน เปมมุเขน เมตฺตาสิเนโห อิธ วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เตสุ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ…เป… เตสํ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต สเจ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา โหถ, อหํ ตุมฺหากํ สทฺธิวิหาริกํ อนฺเตวาสิกํ วา คิลานํ อุปฏฺหิสฺสามิ, โอวทิตพฺพํ โอวทิสฺสามิ, อิติ กรณีเยสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ วทติ, เต เอว วา สทฺธิวิหาริกาทโย ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เกวลํ อปฺโปสฺสุกฺกา ¶ โหถา’’ติ วทนฺติ, วตฺตํ วา น สาทิยนฺติ ¶ , ตโต ปฏฺาย อาจริยุปชฺฌายานํ อนาปตฺตีติ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา
๖๙. ราธพฺราหฺมณวตฺถุมฺหิ กิโส อโหสีติ ขาทิตุํ วา ภฺุชิตุํ วา อสกฺโกนฺโต ตนุโก อโหสิ อปฺปมํสโลหิโต. อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโตติ สฺชาตุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกภาโว ปณฺฑุปลาสปฺปฏิภาโค. ธมนิสนฺถตคตฺโตติ ปริยาทินฺนมํสโลหิตตฺตา สิราชาเลเนว สนฺถริตคตฺโต. อธิการนฺติ อธิกิริยํ, สกฺการนฺติ วุตฺตํ โหติ. กตํ ชานนฺตีติ กตฺุโน, กตํ ปากฏํ กตฺวา ชานนฺตีติ กตเวทิโน. กึ ปน เถโร ภควตา พาราณสิยํ ตีหิ สรณคมเนหิ อนฺุาตํ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ. ยทิ เอวํ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชมิ อุปสมฺปาเทมี’’ติ กสฺมา อาหาติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘กิฺจาปิ อายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติอาทิ. ปริมณฺฑเลหีติ ปริปุณฺเณหิ. อฺถา วา วตฺตพฺพํ อฺถา วทตีติ ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ ‘‘พนฺเธ’’ติ วทติ.
๗๑-๗๓. สมนนฺตราติ อนนฺตรํ. ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ กโรตีติ สิกฺขาปทวีติกฺกมํ กโรติ. อตฺตภาวปริหรณตฺถํ นิสฺสียนฺตีติ นิสฺสยา, ปิณฺฑิยาโลปโภชนาทิกา จตฺตาโร ปจฺจยา. ตตฺถ ปิณฺฑิยาโลปโภชนนฺติ ชงฺฆปิณฺฑิยพเลน จริตฺวา อาโลปมตฺตํ ลทฺธโภชนํ. อติเรกลาโภติ ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขาหารลาภโต อธิกลาโภ สงฺฆภตฺตาทิ. ตตฺถ สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ. กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. นิมนฺเตตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ นิมนฺตนํ. สลากํ คาหาเปตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ สลากภตฺตํ. เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพภตฺตํ ปกฺขิกํ. อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺตํ อุโปสถิกํ. ปาฏิปททิวเส ทาตพฺพภตฺตํ ปาฏิปทิกํ. วิตฺถารกถา เนสํ เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ อาวิ ภวิสฺสติ.
วิหาโรติ ¶ ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล อาวาโส. อฑฺฒโยโคติ
ทีฆปาสาโท. ครุฬสณฺานปาสาโทติปิ วทนฺติ. ปาสาโทติ จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘วิหาโร นาม ทีฆมุขปาสาโท, อฑฺฒโยโค เอกปสฺสจฺฉทนกเสนาสนํ ¶ , ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา, เตน ตํ เอกปสฺสจฺฉทนกํ โหติ, ปาสาโท อายตจตุรสฺสปาสาโท, หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนํ จนฺทิกงฺคณยุตฺต’’นฺติ. คุหาติ ปพฺพตคุหา. ปูติมุตฺตนฺติ ยํ กิฺจิ มุตฺตํ. ยถา สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ‘‘ปูติกาโย’’ติ วุจฺจติ, เอวํ อภินวมฺปิ มุตฺตํ ปูติมุตฺตเมว. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา
๗๕. อุปเสนวตฺถุมฺหิ อาจิณฺณนฺติ จริตํ วตฺตํ อนุธมฺมตา. กจฺจิ ภิกฺขุ ขมนียนฺติ ภิกฺขุ กจฺจิ ตุยฺหํ อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ขมนียํ สกฺกา ขมิตุํ สหิตุํ ปริหริตุํ, น กิฺจิ ทุกฺขํ อุปฺปาเทตีติ. กจฺจิ ยาปนียนฺติ กจฺจิ สพฺพกิจฺเจสุ ยาเปตุํ สกฺกา, น กิฺจิ อนฺตรายํ ทสฺเสตีติ. ชานนฺตาปิ ตถาคตาติเอวมาทิ ยํ ปรโต ‘‘กติ วสฺโสสิ ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทินา ปุจฺฉิ, ตสฺส ปริหารทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ตถาคตา นาม ชานนฺตาปิ สเจ ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ โหติ, ปุจฺฉนฺติ. สเจ ปน ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ นตฺถิ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ. ยสฺมา ปน พุทฺธานํ อชานนํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อชานนฺตาปี’’ติ น วุตฺตํ. กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺตีติ สเจ ตสฺสา ปุจฺฉาย โส กาโล โหติ, เอวํ ตํ กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ. สเจ น โหติ, เอวมฺปิ กาลํ วิทิตฺวาว น ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุจฺฉนฺตาปิ จ อตฺถสํหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ยํ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตํ, ตเทว ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสํหิตํ. กสฺมา? ยสฺมา อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. เสตุ วุจฺจติ มคฺโค, มคฺเคเนว ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต สมุจฺเฉโทติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ อตฺถสํหิตนฺติ เอตฺถ ยํ อตฺถนิสฺสิตํ วจนํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวีหิ อากาเรหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อากาเรหีติ การเณหิ ¶ . ธมฺมํ วา เทเสสฺสามาติ อฏฺุปฺปตฺติยุตฺตํ สุตฺตํ วา ปุพฺพจริตการณยุตฺตํ ชาตกํ วา กถยิสฺสาม. สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามาติ สาวกานํ วา ตาย ปุจฺฉาย วีติกฺกมํ ปากฏํ กตฺวา ครุกํ วา ลหุกํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสาม อาณํ เปสฺสาม. อติลหุนฺติ อติสีฆํ.
๗๖. อฺติตฺถิยวตฺถุมฺหิ อฺติตฺถิยปุพฺโพติ ปุพฺเพ อฺติตฺถิโย ภูโตติ อฺติตฺถิยปุพฺโพ. เอตฺถ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๒) จ ติตฺถํ ชานิตพฺพํ, ติตฺถกโร ชานิตพฺโพ ¶ , ติตฺถิยา ชานิตพฺพา, ติตฺถิยสาวกา ชานิตพฺพา. ตตฺถ ติตฺถํ นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย. เอตฺถ หิ สตฺตา ตรนฺติ อุปฺปิลวนฺติ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, ตสฺมา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจนฺติ. ตาสํ ทิฏฺีนํ อุปฺปาเทตา ติตฺถกโร นาม ปูรณกสฺสปาทิโก. ตสฺส ลทฺธึ คเหตฺวา ปพฺพชิตา ติตฺถิยา นาม. เต หิ ติตฺเถ ชาตาติ ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฏฺิคตสงฺขาตํ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา. เตสํ ปจฺจยทายกา ติตฺถิยสาวกาติ เวทิตพฺพา. สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโนติ สหธมฺมิเกน วุจฺจมาโน, กรณตฺเถ อุปโยควจนํ. ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สิกฺขิตพฺพตฺตา, เตสํ วา สนฺตกตฺตา ‘‘สหธมฺมิก’’นฺติ ลทฺธนาเมน พุทฺธปฺตฺเตน สิกฺขาปเทน วุจฺจมาโนติ อตฺโถ. ปสูโรติ ตสฺส นามํ. ปริพฺพาชโกติ คิหิพนฺธนํ ปหาย ปพฺพชฺชุปคโต.
ตํเยว ติตฺถายตนนฺติ เอตฺถ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสงฺขาตํ ติตฺถเมว อายตนนฺติ ติตฺถายตนํ, ติตฺถํ วา เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิโน, ติตฺถิยา, เตสํ อายตนนฺติปิ ติตฺถายตนํ. อายตนนฺติ จ ‘‘อสฺสานํ กมฺโพโช อายตนํ, คุนฺนํ ทกฺขิณปโถ อายตน’’นฺติ เอตฺถ สฺชาติฏฺานํ อายตนํ นาม.
‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา;
ฉายํ ฉายตฺถิโน ยนฺติ, ผลตฺถํ ผลโภชิโน’’ติ. (อ. นิ. ๕.๓๘) –
เอตฺถ สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, วิมุตฺตายตนานี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖) เอตฺถ การณํ, ตํ อิธ สพฺพมฺปิ ลพฺภติ. สพฺเพปิ หิ ทิฏฺิคติกา สฺชายมานา อิมาสุเยว ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีสุ สฺชายนฺติ, สโมสรมานาปิ เอตาสุเยว สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ, ทิฏฺิคติกภาเว จ เนสํ อิมาเยว ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ¶ การณํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตํ ติตฺถเมว สฺชาติอาทินา อตฺเถน อายตนนฺติ ติตฺถายตนํ, เตเนวตฺเถน ติตฺถีนํ อายตนนฺติปิ ติตฺถายตนํ.
อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ เอตฺถ อายสฺมโตติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ. พฺยตฺโต…เป… วุตฺตลกฺขโณเยวาติ ปริสุปฏฺาปกพหุสฺสุตํ สนฺธาย วทติ. ปฺจหุปาลิ องฺเคหีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปณามนาขมาปนากถาวณฺณนา
๘๐. ยํ ¶ ปุพฺเพ ลกฺขณํ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ, ‘‘เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ โปตฺถเกสุ ปาโ ทิสฺสติ, ‘‘น เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ เอวํ ปเนตฺถ ปาโ เวทิตพฺโพ. สทฺธิวิหาริกสฺส วุตฺตลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ น เวทิตพฺพาติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถปิ เวทิตพฺโพ. อฺถา ‘‘นิสฺสยนฺเตวาสิเกน หิ ยาว อาจริยํ นิสฺสาย วสติ, ตาว สพฺพํ อาจริยวตฺตํ กาตพฺพ’’นฺติ อิทํ วิรุชฺเฌยฺย. อิทฺหิ วจนํ นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อมุตฺตนิสฺสยสฺเสว วตฺตํ อกโรนฺตสฺส อาปตฺตีติ ทีเปติ. ตสฺมา สทฺธิวิหาริกสฺส ยถาวุตฺตวตฺตํ อกโรนฺตสฺส นิสฺสยมุตฺตกสฺส อมุตฺตกสฺสปิ อาปตฺติ, นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส ปน อมุตฺตนิสฺสยสฺเสว อาปตฺตีติ คเหตพฺพํ. เตเนว วิสุทฺธิมคฺเคปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) าติปลิโพธกถายํ –
‘‘าตีติ วิหาเร อาจริยุปชฺฌายสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกสมานาจริยกา, ฆเร มาตา ปิตา ภคินี ภาตาติ เอวมาทิกา. เต คิลานา อิมสฺส ปลิโพธา โหนฺติ, ตสฺมา โส ปลิโพโธ อุปฏฺหิตฺวา เตสํ ปากติกกรเณน อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ. ตตฺถ อุปชฺฌาโย ตาว คิลาโน สเจ ลหุํ น วุฏฺาติ, ยาวชีวํ ปฏิชคฺคิตพฺโพ. ตถา ¶ ปพฺพชฺชาจริโย อุปสมฺปทาจริโย สทฺธิวิหาริโก อุปสมฺปาทิตปพฺพาชิตอนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกา จ. นิสฺสยาจริย อุทฺเทสาจริย นิสฺสยนฺเตวาสิก อุทฺเทสนฺเตวาสิกสมานาจริยกา ปน ยาว นิสฺสยอุทฺเทสา อนุปจฺฉินฺนา, ตาว ปฏิชคฺคิตพฺพา’’ติ –
วิภาเคน วุตฺตํ. อยฺจ วิภาโค ‘‘เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ เอวํ ปาเ สติ น ยุชฺเชยฺย. อยฺหิ ปาโ สทฺธิวิหาริกสฺส วิย นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺสปิ ยถาวุตฺตวตฺตํ อกโรนฺตสฺส นิสฺสยมุตฺตกสฺส อมุตฺตกสฺสปิ อาปตฺตีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ ปาโ คเหตพฺโพ.
ปพฺพชฺชอุปสมฺปทธมฺมนฺเตวาสิเกหิ ปน…เป… ตาว วตฺตํ กาตพฺพนฺติ ปพฺพชฺชาจริยอุปสมฺปทาจริยธมฺมาจริยานํ
เอเตหิ ยถาวุตฺตวตฺตํ กาตพฺพํ. ตตฺถ เยน สิกฺขาปทานิ ทินฺนานิ, อยํ ¶ ปพฺพชฺชาจริโย. เยน อุปสมฺปทกมฺมวาจา วุตฺตา, อยํ อุปสมฺปทาจริโย. โย อุทฺเทสํ ปริปุจฺฉํ วา เทติ, อยํ ธมฺมาจริโยติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ปณามนาขมาปนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา
๘๓. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ ทิสํ คโตติ ปุน อาคนฺตุกาโม อนาคนฺตุกาโม วา หุตฺวา วาสตฺถาย กฺจิ ทิสํ คโต. ภิกฺขุโน สภาคตนฺติ เปสลภาวํ. โอโลเกตฺวาติ อุปปริกฺขิตฺวา. วิพฺภนฺเต…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ สเจ เกนจิ กรณีเยน ตทเหว คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต กติปาเหน คมิสฺสามีติ คมเน สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขตีติ วทนฺติ. มา อิธ ปฏิกฺกมีติ มา อิธ ปวิสิ. ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺเถว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุปชฺฌาเยน ปริจฺจตฺตตฺตา อุปชฺฌายสโมธานปริหาโร นตฺถิ, ตสฺมา อุปชฺฌาเยน สโมธานคตสฺสปิ อาจริยสฺส สนฺติเก คหิตนิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ.
อาจริยมฺหา ¶ นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธีสุ อาจริโย ปกฺกนฺโต วา โหตีติ เอตฺถ ‘‘ปกฺกนฺโตติ ทิสํ คโต’’ติอาทินา อุปชฺฌายสฺส ปกฺกมเน โย วินิจฺฉโย วุตฺโต, โส ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อิธาปิ สกฺกา วิฺาตุนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘โกจิ อาจริโย อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมตี’’ติอาทินา อฺโเยว นโย อารทฺโธ, อยฺจ นโย อุปชฺฌายปกฺกมเนปิ เวทิตพฺโพเยว. อีทิเสสุ หิ าเนสุ เอกตฺถ วุตฺตลกฺขณํ อฺตฺถาปิ ทฏฺพฺพํ. สเจ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตติ, ปฏิปฺปสฺสทฺโธ โหตีติ เอตฺถ เอตฺตาวตา ทิสาปกฺกนฺโต นาม โหตีติ อนฺเตวาสิเก อนิกฺขิตฺตธุเรปิ นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ พหิอุปจารสีมายํ อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ เสนาสเน วสนฺติ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาปิ วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ‘‘สเจปิ อาจริโย มฺุจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมตี’’ติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส อาณตฺติยมฺปิ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา
๘๔. ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคเตนาติอาทีสุ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา สามเณโร น คเหตพฺโพ. อยมตฺโถ องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๕๑-๒๕๓) วุตฺโตเยว.
‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๘) –
อิมสฺส อนุรูปวเสน ปมํ ตาว อตฺตสมฺปตฺติยํ นิโยเชตุํ ‘‘น อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนา’’ติอาทิ วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺควเสน. ตตฺถ อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนาติ อเสกฺขสฺส สีลกฺขนฺโธ อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ นาม. อเสกฺขสฺส อยนฺติ หิ อเสกฺโข, สีลกฺขนฺโธ. เอวํ ¶ สพฺพตฺถ. เอวฺจ กตฺวา วิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺสปิ อเสกฺขตา อุปปนฺนา. อเสกฺขสีลนฺติ จ น มคฺคผลเมว อธิปฺเปตํ, อถ โข ยํกิฺจิ อเสกฺขสนฺตาเน ปวตฺตสีลํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกสฺส สีลสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. สมาธิกฺขนฺธาทีสุปิ วิมุตฺติกฺขนฺธปริโยสาเนสุ อยเมว นโย. ตสฺมา ยถา สีลสมาธิปฺกฺขนฺธา มิสฺสกา อธิปฺเปตา, เอวํ วิมุตฺติกฺขนฺโธปีติ ตทงฺควิมุตฺติอาทโยปิ เวทิตพฺพา, น ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยเมว. เตเนว สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๕) วุตฺตํ ‘‘ปุริเมหิ จตูหิ ปเทหิ โลกิยโลกุตฺตรสีลสมาธิปฺาวิมุตฺติโย กถิตา, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ โหติ, ตํ โลกิยเมวา’’ติ.
อสฺสทฺโธติอาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอตสฺส นตฺถีติ อสฺสทฺโธ. สุกฺกปกฺเข สทฺทหตีติ สทฺโธ, สทฺธา วา เอตสฺส อตฺถีติปิ สทฺโธ. นตฺถิ เอตสฺส หิรีติ อหิริโก, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานสฺเสตํ อธิวจนํ. หิรี เอตสฺส อตฺถีติ หิริมา. น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายตีติ วุตฺตํ โหติ. ตพฺพิปรีโต โอตฺตปฺปี. กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต, หีนวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อารทฺธํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย, สมฺมปฺปธานยุตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. มุฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสติ, นฏฺสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺิตา สติ เอตสฺสาติ อุปฏฺิตสฺสติ, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปฺปวตฺตสติสฺเสตํ อธิวจนํ.
อธิสีเล ¶ สีลวิปนฺโน จ อชฺฌาจาเร อาจารวิปนฺโน จ อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต. สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาติ คาหยตีติ วา อนฺตคฺคาหิกา, มิจฺฉาทิฏฺิ. ปุริมานิ ทฺเว ปทานีติ ‘‘น ปฏิพโล โหติ อนฺเตวาสึ วา สทฺธิวิหารึ วา คิลานํ อุปฏฺาตุํ วา อุปฏฺาเปตุํ วา, อนภิรตํ วูปกาเสตุํ วา วูปกาสาเปตุํ วา’’ติ อิมานิ ทฺเว ปทานิ.
อภิวิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโรติ อภิสมาจาโร, อภิสมาจาโรว สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ อาภิสมาจาริกา สิกฺขา, อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกา. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตาติ ¶ อาทิพฺรหฺมจริยกา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาเยตํ อธิวจนํ. เตเนว ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) วุตฺตํ. ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา ปณฺณตฺตีติ คเหตพฺพา. เตเนว คณฺิปเทปิ วุตฺตํ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ ปาราชิกมาทึ กตฺวา สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปทปฺตฺติย’’นฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา
๘๖. อฺติตฺถิยวตฺถุมฺหิ อาชีวโก อเจลโกติ ทุวิโธ นคฺคปริพฺพาชโกติ อาห ‘‘นคฺคปริพฺพาชกสฺเสว อาชีวกสฺส วา’’ติอาทิ. ตตฺถ อาชีวโก อุปริ เอกเมว วตฺถํ อุปกจฺฉเก ปเวเสตฺวา ปริทหติ, เหฏฺา นคฺโค. อเจลโก สพฺเพน สพฺพํ นคฺโคเยว.
๘๗. อามิสกิฺจิกฺขสมฺปทานํ นาม อปฺปมตฺตกสฺเสว เทยฺยธมฺมสฺส อนุปฺปทานํ. รูปูปชีวิกาติ อตฺตโน รูปํเยว นิสฺสาย ชีวนฺติโย. เวสิยา โคจโร มิตฺตสนฺถววเสน อุปสงฺกมิตพฺพฏฺานํ อสฺสาติ เวสิยาโคจโร. เอส นโย สพฺพตฺถ. โยพฺพนปฺปตฺตา โยพฺพนาตีตา วาติ อุภเยนปิ มหลฺลิกา อนิวิทฺธกุมาริโยว วทติ. ภิกฺขุนิโย นาม อุสฺสนฺนพฺรหฺมจริยา, ตถา ภิกฺขูปิ. เตสํ อฺมฺวิสภาควตฺถุภาวโต สนฺถววเสน อุปสงฺกมเน กติปาเหเนว พฺรหฺมจริยนฺตราโย สิยาติ อาห ‘‘ตาหิ สทฺธึ ขิปฺปเมว วิสฺสาโส โหติ, ตโต สีลํ ภิชฺชตี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา
๘๘. ปฺจาพาธวตฺถุมฺหิ ¶ นขปิฏฺิปฺปมาณนฺติ เอตฺถ ‘‘กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘ตฺเจ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ ¶ โหติ, น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ อิมินา สามฺโต ลกฺขณํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวสุ นขปิฏฺิปฺปมาณํ วฑฺฒนกปกฺเข ิตฺเจ, น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. เอวฺจ สติ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตฺเจ, สพฺพตฺถ วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตฺจ น สามฺโต อธิปฺเปตนฺติ ปเทสวิเสเสเยว นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห. สเจ หิ อวิเสเสน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ วฏฺเฏยฺย, ‘‘นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปอจฺฉนฺเน าเน’’ติ ปเทสนิยมํ น กเรยฺย, ตสฺมา นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺานโต อฺตฺถ นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรํ ปน อวฑฺฒนกปกฺเข วฑฺฒนกปกฺเข วา ิตํ โหตุ, วฏฺฏติ นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรสฺส วฑฺฒนกปกฺเข อวฑฺฒนกปกฺเข วา ิตสฺส มุขาทีสุเยว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา.
คณฺเฑปิ อิมินาว นเยน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปน มุขาทีสุ โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิสุํ น ทสฺสิโต. ‘‘มุขาทิเก อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกปกฺเข ิโตปิ น วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตถาปิ กุฏฺเ วุตฺตนเยน มุขาทีสุ โกลฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิฺายติ, ตสฺมา อวฑฺฒนกปกฺเข ิโตปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ น วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตเยวาติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. ปกติวณฺเณ ชาเตติ โรคเหตุกสฺส วิการวณฺณสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. โกลฏฺิมตฺตโกติ พทรฏฺิปฺปมาโณ. สุฉวึ กาเรตฺวาติ สฺชาตฉวึ กาเรตฺวา. ‘‘สฺฉวึ กาเรตฺวา’’ติปิ ปาโ, วิชฺชมานฉวึ กาเรตฺวาติ อตฺโถ. ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณนฺติ รตฺตปทุมเสตปทุมวเสน ปทุมปตฺตวณฺณํ. โสสพฺยาธีติ ขยโรโค.
ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราชภฏาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๙๐-๙๖. ราชภฏาทิวตฺถูสุ ¶ อาหํสูติ มนุสฺสา วทึสุ. ตสฺมา…เป… เอวมาหาติ ยสฺมา สยํ ธมฺมสฺสามี, ตสฺมา ภิกฺขูหิ อปพฺพาชิตพฺพํ โจรํ องฺคุลิมาลํ ปพฺพาเชตฺวา อายตึ ¶ อกรณตฺถาย ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺโต ‘‘น, ภิกฺขเว, ธชพนฺโธ โจโร ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาห. อุปรมนฺตีติ วิรมนฺติ นิวตฺตนฺติ. ภินฺทิตฺวาติ อนฺทุพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา. ฉินฺทิตฺวาติ สงฺขลิกพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา. มฺุจิตฺวาติ รชฺชุพนฺธนํ มฺุจิตฺวา. วิวริตฺวาติ คามพนฺธนาทีสุ คามทฺวาราทีนิ วิวริตฺวา. อปสฺสมานานํ วา ปลายตีติ ปุริสคุตฺติยํ ปุริสานํ อปสฺสมานานํ ปลายติ. อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกํ โถกํ.
๙๗. อภิเสกาทีสุ พนฺธนาคาราทีนิ โสเธนฺติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘สพฺพสาธารเณน วา นเยนา’’ติ. สเจ สยเมว ปณฺณํ อาโรเปนฺติ, น วฏฺฏตีติ ตา ภุชิสฺสิตฺถิโย ‘‘มยมฺปิ ทาสิโย โหมา’’ติ สยเมว ทาสิปณฺณํ ลิขาเปนฺติ, น วฏฺฏติ. ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ ยถา อทาเส กโรนฺตา ตกฺเกน สีสํ โธวิตฺวา อทาสํ กโรนฺติ, เอวํ อารามิกวจเนน ทินฺนตฺตา อทาสาว เตติ อธิปฺปาโย. ตกฺกาสิฺจนํ ปน สีหฬทีเป จาริตฺตนฺติ วทนฺติ. เนว ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺตนฺติ กปฺปิยวจเนน ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส อารามิกทาสตฺตา เอวํ วุตฺตํ. นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกา สปุตฺตทาราทโย มตา โหนฺติ, น โกจิ ตสฺส ปริคฺคาหโก, โสปิ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ, ตํ ปน อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ วฏฺฏติ. เย วา ปน ตสฺมึ รฏฺเ สามิโน, เตหิปิ การาเปตุํ วฏฺฏติ. ‘‘เทวทาสิปุตฺตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตีสุ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ทาสสฺส ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปลายนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถีติ วทนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
ราชภฏาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสยมุจฺจนกกถาวณฺณนา
๑๐๓. นิสฺสยมุจฺจนกสฺส ¶ วตฺเตสุ ปฺจกฉกฺเกสุ ปน อุภยานิ โข ปน…เป… อนุพฺยฺชนโสติ เอตฺถ ‘‘สพฺโพปิ จายํ ปเภโท มาติกาฏฺกถายํ าตายํ าโต โหตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อาปตฺตึ ชานาตีติอาทีสุ จ ‘‘ปาเ อวตฺตมาเนปิ ‘อิทํ นาม กตฺวา อิทํ อาปชฺชตี’ติ ชานาติ เจ, วฏฺฏตี’’ติ ตตฺเถว วุตฺตํ. ตฺจ โข ปุพฺเพ ปาเ ปคุเณ กเตติ คเหตพฺพนฺติ จ อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ เอเสว นโยติ จ เกจิ วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นิสฺสยมุจฺจนกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๕. ราหุลวตฺถุมฺหิ ¶ ตตฺเถว วิหรึสูติ สพฺเพปิ เต อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ รฺโ ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส อนาโรเจตฺวาว ตตฺถ วิหรึสุ. เอกทิวสํ ชาตํ กาฬุทายึ นาม อมจฺจนฺติ อยํ กิร (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๒๕) ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมึเยว อมจฺจเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ชาตทิวเส โพธิสตฺเตน สทฺธึเยว ชาโตติ ตํ ทิวสํเยว ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานตฺถาย นยึสุ. โพธิสตฺเตน หิ สทฺธึ โพธิรุกฺโข ราหุลมาตา จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อาโรหนิยหตฺถี กณฺฑโก ฉนฺโน กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาโตติ อุทายีตฺเวว นามํ อกํสุ. โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายี นาม ชาโต. โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กุมารกีฬํ กีฬนฺโต วุทฺธึ อคมาสิ.
สฏฺิมตฺตาหิ ¶ คาถาหีติ –
‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต;
ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;
เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ;
สมโย มหาวีร ภาคีรสานํ. (เถรคา. ๕๒๗)
‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;
สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –
อาทิกาหิ สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ. ‘‘โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขรปตฺตวณฺณมุทก’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. โปกฺขรปตฺตปฺปมาณํ มชฺเฌ อุฏฺหิตฺวา อนุกฺกเมน สตปฏลํ สหสฺสปฏลํ หุตฺวา วสฺสนกวสฺสนฺติปิ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร วสฺสนฺเต เตเมตุกามาว เตเมนฺติ, น อิตเร. เอโกปิ ราชา วา…เป… คโต นตฺถีติ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกนฺเตสุ าตีสุ เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต ¶ วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา คโต นตฺถิ. ปิตาปิสฺส สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมนฺเตตฺวาว อคมาสิ, คนฺตฺวา ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฏิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ปฺาเปสิ.
กุลนคเรติ าติกุลสฺส นคเร. อุณฺหีสโต ปฏฺายาติ สีสโต ปฏฺาย. อุณฺหีสนฺติ หิ อุณฺหีสสทิสตฺตา ภควโต ปริปุณฺณนลาฏสฺส ปริปุณฺณสีสสฺส จ เอตํ อธิวจนํ. ภควโต หิ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฏฺาย มํสปฏลํ อุฏฺหิตฺวา สกลนลาฏํ ฉาทยมานํ ปูรยมานํ คนฺตฺวา วามกณฺณจูฬิกาย ปติฏฺิตํ สณฺหตมตาย สุวณฺณวณฺณตาย ปภสฺสรตาย ปริปุณฺณตาย จ รฺโ พทฺธอุณฺหีสปฏฺโฏ วิย วิโรจติ. ภควโต กิร อิมํ ลกฺขณํ ทิสฺวา ราชูนํ อุณฺหีสปฏฺฏํ อกํสุ. อฺเ ปน ชนา อปริปุณฺณสีสา โหนฺติ, เกจิ กปฺปสีสา, เกจิ ผลสีสา, เกจิ อฏฺิสีสา, เกจิ ตุมฺพสีสา, เกจิ กุมฺภสีสา, เกจิ ปพฺภารสีสา, ภควโต ปน อารคฺเคน วฏฺเฏตฺวา ปิตํ วิย สุปริปุณฺณํ อุทกปุพฺพุฬสทิสมฺปิ โหติ. เตเนว อุณฺหีสเวิตสีสสทิสตฺตา อุณฺหีสํ วิย สพฺพตฺถ ปริมณฺฑลสีสตฺตา จ อุณฺหีสสีโสติ ภควา วุจฺจติ.
นรสีหคาถาหิ ¶ นาม อฏฺหิ คาถาหีติ –
‘‘สินิทฺธนีลมุทุกฺุจิตเกโส;
สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;
ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส;
รํสิชาลวิตโต นรสีโห’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –
เอวมาทิกาหิ อฏฺหิ คาถาหิ. คณฺิปเทสุ ปน –
‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท;
ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;
จามรฉตฺตวิภูสิตปาโท;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘สกฺยกุมารวโร ¶ สุขุมาโล;
ลกฺขณจิตฺติกปุณฺณสรีโร;
โลกหิตาย คโต นรวีโร;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘ปุณฺณสสงฺกนิโภ มุขวณฺโณ;
เทวนราน ปิโย นรนาโค;
มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลีโน;
เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;
สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตนาโส;
โคปขุโม อภินีลสุเนตฺโต;
อินฺทธนูอภินีลภมูโก;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว ¶ ;
สีหหนู มิคราชสรีโร;
กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘สินิทฺธสุคมฺภิรมฺชุสโฆโส;
หิงฺคุลพนฺธุกรตฺตสุชิวฺโห;
วีสติวีสติเสตสุทนฺโต;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘อฺชนวณฺณสุนีลสุเกโส ¶ ;
กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;
โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.
‘‘คจฺฉตินิลปเถ วิย จนฺโท;
ตารคณาปริเวิตรูโป;
สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –
อิมา นว คาถาโยปิ เอตฺถ ทสฺสิตา, ตา ปน ‘‘อฏฺหิ คาถาหี’’ติ วจเนน น สเมนฺติ. อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลาติ วุตฺตานุกฺกโมปิ ตตฺถ น ทิสฺสติ. ภิกฺขาย จรตีติ ภิกฺขาจาโร.
อุตฺติฏฺเติ อุตฺติฏฺิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเฌยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตํ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสนฺโต อุตฺติฏฺเ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปน นปฺปมชฺชติ นาม, เอวํ กโรนฺโต อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเร. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาย จริยธมฺมํ จรนฺโต ธมฺมจารี อิธโลเก จ ปรโลเก จ จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ.
ทุติยคาถาย ¶ น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรนฺโต นํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม, เอวํ อจริตฺวา ตํ ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร. เสสเมตฺถ วุตฺตตฺถเมว. อิมํ ปน ทุติยคาถํ ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา อภาสีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว เถรคาถาสํวณฺณนายํ (เถรคา. อฏฺ. ๑.๑๕๖ นนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’ติ คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘ธมฺมํ จเร สุจริต’นฺติ คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ. ธมฺมปทฏฺกถายมฺปิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๒ นนฺทตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ ‘‘ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’ติ คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาเปตฺวา ‘ธมฺมํ จเร’ติ คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ.
ธมฺมปาลชาตกํ สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสีติ ปุเนกทิวสํ ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห. อหํ ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ปฏิกฺขิปินฺติ วุตฺเต อิทานิ กถํ สทฺทหิสฺสถ, ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ.
เกสวิสฺสชฺชนนฺติ กุลมริยาทวเสน เกโสโรปนํ. ปฏฺฏพนฺโธติ ยุวราชปฏฺฏพนฺโธ. อภินวฆรปฺปเวสนมโห ฆรมงฺคลํ, วิวาหกรณมโห อาวาหมงฺคลํ. ฉตฺตมงฺคลนฺติ ยุวราชฉตฺตมงฺคลํ. ชนปทกลฺยาณีติ (อุทา. อฏฺ. ๒๒) ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬา นาจฺโจทาตาติ อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ, อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นหารุกลฺยาณํ อฏฺิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา นาม. ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นตฺถิ. อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺถฏฺาเน ¶ อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ สุวณฺณสามา วา, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ ปน นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปูริตานิ วิย มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นหารุกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึส ทนฺตา สุผุสิตา สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสติวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิวลิปลิตา, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา. อิติ อิเมหิ ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ชนปทกลฺยาณีติ วุจฺจติ.
ตุวฏนฺติ สีฆํ. โสปิ ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสีติ. โส กิร ตถาคเต คารเวน ‘‘ปตฺตํ โว ภนฺเต คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ ¶ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อรุจิยา คจฺฉนฺโต สตฺถุ คารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ. ชนปทกลฺยาณิยา จ วุตฺตวจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. นนฺทกุมารฺหิ อภิเสกมงฺคลํ น ตถา ปีเฬสิ, ยถา ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนํ, เตนสฺส จิตฺตสนฺตาโป พลวา อโหสิ. อถ นํ ‘‘อิมสฺมึ าเน นิวตฺติสฺสติ, อิมสฺมึ าเน นิวตฺติสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตเมว สตฺถา วิหารํ เนตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติ อาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา ‘‘อาม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถา’’ติ วตฺวา ปพฺพาเชสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสี’’ติ. ‘‘สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๒ นนฺทตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ, องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๓๐) ปน –
‘‘มหาสตฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหโต กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ปมทสฺสเนเนว ¶ ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, ปุนทิวเส ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา ราหุลมาตาย โอวาทํ กตฺวา เสสชนสฺสปิ ธมฺมํ กเถสิ, ปุนทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุํ วิหาราภิมุโข ปายาสี’’ติ –
วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘ภควา กปิลปุรํ อาคนฺตฺวา ทุติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ วุตฺตํ, สพฺพมฺเปตํ อาจริเยน ตํตํภาณกานํ ตถา ตถา อนุสฺสววเสน ปริหริตฺวา อาคตภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ตถา ตถา วุตฺตนฺติ นตฺเถตฺถ อาจริยวจเน ปุพฺพาปรวิโรโธ.
พฺรหฺมรูปวณฺณนฺติ พฺรหฺมรูปสมานรูปํ. ตฺยสฺสาติ เต อสฺส. วฏฺฏานุคตนฺติ วฏฺฏปริยาปนฺนํ. สวิฆาตนฺติ ทุกฺขสหิตตฺตา สวิฆาตํ, สทุกฺขนฺติ อตฺโถ. สตฺตวิธํ อริยธนนฺติ –
‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธน’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕-๖) –
เอวํ วุตฺตํ สตฺตวิธํ อริยธนํ. อฺุฉาจริยายาติ ภิกฺขาจริยาย. ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชมาโน สกลสรีรํ ¶ โขเภตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺตีติ อาห ‘‘ปุตฺตเปมํ ภนฺเต…เป… อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ. ปุตฺตสิเนโห หิ พลวภาวโต สหชาตปีติเวคสฺส สวิปฺผารตาย ตํสมุฏฺานรูปธมฺเมหิ ผรณวเสน สกลสรีรํ อาโลเฬตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺติ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๖. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานีติอาทีสุ สิกฺขิตพฺพานิ ปทานิ สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาโกฏฺาสาติ อตฺโถ. สิกฺขาย วา ปทานิ สิกฺขาปทานิ, อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสิกฺขาย อธิคมุปายาติ ¶ อตฺโถ. อตฺถโต ปน กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา ปเนตฺถ ตคฺคหเณเนว คเหตพฺพา. สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต, ตโต ปาณาติปาตา.
เวรมณีติ เวรเหตุตาย เวรสฺิตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ, ‘‘มยิ อิธ ิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ วา ตชฺเชนฺตี วิย นีหรตีติ เวรมณี. วิรมติ เอตายาติ วา วิรมณีติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํ. อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย. สา ‘‘ปาณาติปาตาทึ วิรมนฺตสฺส ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลานติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ เอวมาทินา นเยน วิภงฺเค (วิภ. ๗๐๔) วุตฺตา. กามฺเจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทานวสปฺปวตฺตา วิรติ อธิปฺเปตาติ โลกุตฺตราย วิรติยา สมาทานวเสน ปวตฺติอสมฺภวโต กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย คเหตพฺพา.
อทินฺนาทานา เวรมณีติอาทีสุ อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺสหรณํ, เถยฺยํ โจริกาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ. ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ, ตสฺมึ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสอโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ.
อพฺรหฺมจริยํ นาม อเสฏฺจริยํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติ. สา หิ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ๒.๔๒) หีฬิตตฺตา อเสฏฺา อปฺปสตฺถา จริยาติ วา อเสฏฺานํ นิหีนานํ อิตฺถิปุริสานํ จริยาติ วา อเสฏฺจริยํ, อเสฏฺจริยตฺตา อพฺรหฺมจริยนฺติ จ วุจฺจติ ¶ , อตฺถโต ปน อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา อพฺรหฺมจริยํ.
มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท มุสา วทียติ วุจฺจติ เอตายาติ กตฺวา.
สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานาติ เอตฺถ สุราติ ปูวสุรา ปิฏฺสุรา โอทนสุรา กิณฺณปกฺขิตฺตา สมฺภารสํยุตฺตาติ ปฺจ สุรา. เมรยนฺติ ปุปฺผาสโว ผลาสโว มธฺวาสโว คุฬาสโว สมฺภารสํยุตฺโตติ ปฺจ อาสวา. ตตฺถ ปูเว ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปูวสุรา. เอวํ เสสสุราปิ. กิณฺณาติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ, เย สุราโมทกาติ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตา. หรีตกีสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตา. มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผรโส จิรปริวาสิโต ปุปฺผาสโว. ปนสาทิผลรโส ผลาสโว. มุทฺทิการโส มธฺวาสโว. อุจฺฉุรโส คุฬาสโว. หรีตกอามลกกฏุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปริวาสิโต สมฺภารสํยุตฺโต. ตํ สพฺพมฺปิ มทกรณวเสน มชฺชํ ปิวนฺตํ มทยตีติ กตฺวา. ปมาทฏฺานนฺติ ปมาทการณํ. ยาย เจตนาย ตํ มชฺชํ ปิวนฺติ, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํ. สุราเมรยมชฺเช ปมาทฏฺานํ สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานํ, ตสฺมา สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา.
วิกาลโภชนาติ อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา. อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. ภฺุชิตพฺพฏฺเน โภชนํ, ยาคุภตฺตาทิ สพฺพํ ยาวกาลิกวตฺถุ. ยถา จ ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ (ที. ๑.๑๐, ๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓; ๓.๑๔) เอตฺถ ¶ รตฺติยา โภชนํ รตฺตีติ อุตฺตรปทโลเปน วุจฺจติ, เอวเมตฺถ โภชนชฺโฌหรณํ โภชนนฺติ. วิกาเล โภชนํ วิกาลโภชนํ, ตโต วิกาลโภชนา, วิกาเล ยาวกาลิกวตฺถุสฺส อชฺโฌหรณาติ อตฺโถ. อถ วา น เอตฺถ กมฺมสาธโน ภฺุชิตพฺพตฺถวาจโก โภชนสทฺโท, อถ โข ภาวสาธโน อชฺโฌหรณตฺถวาจโก คเหตพฺโพ ¶ , ตสฺมา วิกาเล โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนํ. กสฺส ปน อชฺโฌหรณนฺติ? ยามกาลิกาทีนํ อนฺุาตตฺตา วิกาลโภชน-สทฺทสฺส วา ยาวกาลิกชฺโฌหรเณ นิรุฬฺหตฺตา ยาวกาลิกสฺสาติ วิฺายติ, อตฺถโต ปน กายทฺวารปฺปวตฺตา วิกาเล ยาวกาลิกชฺโฌหรณเจตนา ‘‘วิกาลโภชน’’นฺติ เวทิตพฺพา.
นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนาติ เอตฺถ สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํ. นจฺจาทีนฺหิ ทสฺสนํ สฉนฺทราคปฺปวตฺติโต สงฺเขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) ภควโต สาสนํ น อนุโลเมติ. นจฺจฺจ คีตฺจ วาทิตฺจ วิสูกทสฺสนฺจ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํ. อตฺตนา ปโยชิยมานํ ปเรหิ ปโยชาปิยมานฺเจตฺถ นจฺจํ นจฺจภาวสามฺโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจ-สทฺเทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิต-สทฺเทหิ คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ, ตสฺมา อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ อนฺตมโส มยูรนจฺจาทิวเสนปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตา ทสฺสนา จ เวรมณีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นจฺจาทีนิ อตฺตนา ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ น ภิกฺขุนีนํ วฏฺฏติ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน. ยถา สกํ วิสยอาโลจนสภาวตาย วา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสมฺภวโต ‘‘ทสฺสนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. ทสฺสนกมฺยตาย อุปสงฺกมิตฺวา ปสฺสโต เอว เจตฺถ วีติกฺกโม โหติ, ิตนิสินฺนสยโนกาเส ปน อาคตํ คจฺฉนฺตสฺส วา อาปาถคตํ ปสฺสโต สิยา สํกิเลโส, น วีติกฺกโม.
มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานาติ เอตฺถ มาลาติ ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ. กิฺจาปิ หิ มาลา-สทฺโท โลเก พทฺธมาลวาจโก, สาสเน ปน รุฬฺหิยา ปุปฺเผสุปิ วุตฺโต, ตสฺมา ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ พทฺธมพทฺธํ วา, ตํ สพฺพํ ‘‘มาลา’’ติ ทฏฺพฺพํ. คนฺธนฺติ วาสจุณฺณธูมาทิกํ วิเลปนโต อฺํ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ วิเลปนตฺถํ ปิสิตฺวา ปฏิยตฺตํ ยํ กิฺจิ ฉวิราคกรณํ. ปิฬนฺธนํ ธารณํ, อูนฏฺานปูรณํ มณฺฑนํ, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนํ ¶ ¶ วิภูสนํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐) มชฺฌิมนิกายฏฺกถายฺจ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๓) ‘‘ปิฬนฺธนฺโต ธาเรติ นาม, อูนฏฺานํ ปูเรนฺโต มณฺเฑติ นาม, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนฺโต วิภูเสติ นามา’’ติ วุตฺตํ. ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๒.ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘มาลาทีสุ ธารณาทีนิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพานี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. านํ วุจฺจติ การณํ, ตสฺมา ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, สา ธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานํ.
อุจฺจาสยนมหาสยนาติ เอตฺถ อุจฺจาติ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํ. เสติ เอตฺถาติ สยนํ, อุจฺจาสยนฺจ มหาสยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนํ. อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ มฺจาทิ. มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถตํ อาสนฺทาทิ. อาสนฺเจตฺถ สยเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน อาธาเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทาธารา กิริยา ปฏิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. อถ วา อุจฺจาสยนมหาสยนสยนาติ เอตสฺมึ อตฺเถ เอกเสสนเยน อยํ นิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ, อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. รชตนฺติ กหาปโณ โลหมาสโก ชตุมาสโก ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติ, ตสฺส อุภยสฺสปิ ปฏิคฺคหณํ ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณํ. ติวิธฺเจตฺถ ปฏิคฺคหณํ กาเยน วาจาย มนสาติ. ตตฺถ กาเยน ปฏิคฺคหณํ อุคฺคณฺหนํ, วาจาย ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ, มนสา ปฏิคฺคหณํ สาทิยนํ. ติวิธมฺปิ ปฏิคฺคหณํ สามฺนิทฺเทเสน เอกเสสนเยน วา คเหตฺวา ‘‘ปฏิคฺคหณา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เนว อุคฺคเหตุํ น อุคฺคหาเปตุํ น อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิตุํ วฏฺฏติ. อิมานิ ปน ทส สิกฺขาปทานิ คหฏฺานมฺปิ สาธารณานิ. วุตฺตฺเหตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑๓) ‘‘อุปาสกอุปาสิกานํ นิจฺจสีลวเสน ปฺจ สิกฺขาปทานิ, สติ วา อุสฺสาเห ทส, อุโปสถงฺควเสน อฏฺาติ อิทํ คหฏฺสีล’’นฺติ. เอตฺถ หิ ทสาติ สามเณเรหิ รกฺขิตพฺพสีลมาห ¶ ฆฏิการาทีนํ วิย. ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๒.สาธารณวิเสสววตฺถาน) ‘‘อาทิโต ทฺเว จตุตฺถปฺจมานิ อุปาสกานํ สามเณรานฺจ สาธารณานิ นิจฺจสีลวเสน, อุโปสถสีลวเสน ปน อุปาสกานํ สตฺตมฏฺมํ เจกํ องฺคํ กตฺวา สพฺพปจฺฉิมวชฺชานิ สพฺพานิปิ สามเณเรหิ สาธารณานิ, ปจฺฉิมํ ปน สามเณรานเมว วิเสสภูต’’นฺติ ¶ วุตฺตํ, ตํ ‘‘สติ วา อุสฺสาเห ทสา’’ติ อิมินา น สเมติ. นาสนวตฺถูติ ลิงฺคนาสนาย วตฺถุ, อธิฏฺานํ การณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๑๐๗. กินฺตีติ เกน นุ โข อุปาเยน. ‘‘อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิทํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยเมตฺถ คณฺิปทการานํ อธิปฺปาโย – ‘‘วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสน’’นฺติ อิมินา ตสฺส วสฺสคฺเคน ปตฺตํ สงฺฆิกเสนาสนํ วุตฺตํ, ‘‘อตฺตโน ปริเวณ’’นฺติ อิมินาปิ ตสฺเสว ปุคฺคลิกเสนาสนํ วุตฺตนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ‘‘ยตฺถ วา วสตี’’ติ อิมินา สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, ตสฺส นิพทฺธวสนกเสนาสนํ วุตฺตํ. ‘‘ยตฺถ วา ปฏิกฺกมตี’’ติ อิมินา ปน ยํ อาจริยสฺส อุปชฺฌายสฺส วา วสนฏฺานํ อุปฏฺานาทินิมิตฺตํ นิพทฺธํ ปวิสติ, ตํ อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฏฺานํ วุตฺตํ. ตสฺมา ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภเยนปิ อตฺตโน ปริเวณฺจ วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนฺจ วุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินา อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฏฺานํ ทสฺสิตํ, วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนนฺติ อิมินา ปน ตสฺส วสนฏฺานํ. ตทุภยมฺปิ สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, อาวรณํ กาตพฺพเมวาติ. มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภฺุชิตพฺพํ. ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวา. ทณฺเฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทณฺโฑ, โสเยว กาตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิ.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา
๑๐๘. ทณฺฑกมฺมมสฺส กโรถาติ อสฺส ทณฺฑกมฺมํ โยเชถ อาณาเปถ. ทณฺฑกมฺมนฺติ วา นิคฺคหกมฺมํ, ตสฺมา นิคฺคหมสฺส กโรถาติ วุตฺตํ ¶ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ อีทิเสสุ าเนสุ. เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ อิมินา จ ฉินฺนวสฺโส จ โหตีติ ทีเปติ. สเจ อากิณฺณโทโสว โหติ, อายตึ สํวเร น ติฏฺติ, นิกฺกฑฺฒิตพฺโพติ เอตฺถ สเจ ยาวตติยํ วุจฺจมาโน น โอรมติ, สงฺฆํ อปโลเกตฺวา นาเสตพฺโพ. ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจมาโนปิ อปโลเกตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ วทนฺติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉติ. อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพติ ฉินฺนวสฺสตาย วุตฺตํ. อิตรานิ ปฺจ สิกฺขาปทานีติ วิกาลโภชนาทีนิ ปฺจ. อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติอาทินา นเยน เทสาเปตพฺโพ.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๙. ปณฺฑกวตฺถุมฺหิ ¶ ‘‘โย กาฬปกฺเข อิตฺถี โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปุริโส, อยํ ปกฺขปณฺฑโก’’ติ เกจิ วทนฺติ, อฏฺกถายํ ปน ‘‘กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมตี’’ติ อปณฺฑกปกฺเข ปริฬาหวูปสมสฺเสว วุตฺตตฺตา ปณฺฑกปกฺเข อุสฺสนฺนปริฬาหตา ปณฺฑกภาวาปตฺตีติ วิฺายติ, ตสฺมา อิทเมเวตฺถ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อิตฺถิภาโว ปุมฺภาโว วา นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ตสฺมึ เยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ ‘‘อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพชิโต สเจ กิเลสกฺขยํ ปาปุณาติ, น นาเสตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปณฺฑกสฺส กิเลสกฺขยาสมฺภวโต ขีณกิเลสสฺส จ ปณฺฑกภาวานุปปตฺติโต. อเหตุกปฏิสนฺธิกถายฺหิ อวิเสเสน ปณฺฑกสฺส อเหตุกปฏิสนฺธิตา วุตฺตา. อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกานฺจ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาเยว ปณฺฑกสภาโว, น ปวตฺติยํเยวาติ วทนฺติ. เตเนว อเหตุกปฏิสนฺธินิทฺเทเส ชจฺจนฺธพธิราทโย วิย ปณฺฑโก ชาติสทฺเทน วิเสเสตฺวา น นิทฺทิฏฺโ. อิธาปิ ¶ จตุตฺถปาราชิกสํวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) ‘‘อภพฺพปุคฺคเล ทสฺเสนฺเตน ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา ตโย วตฺถุวิปนฺนา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เตสํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโต’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ.
ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๐. เถยฺยสํวาสกวตฺถุมฺหิ โกลฺาติ มาตุวํเส ปิตุวํเส จ ชาตา มาตาปิตุปฺปภุติสพฺพาตโย. เถยฺยาย สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติอาทิ. น ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูปํ ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ. ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกติ อิมินา น เอกกมฺมาทิโกว อิธ สํวาโส นามาติ ทสฺเสติ.
ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา ¶ . สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาย โส สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสตีติ อตฺโถ. โย หิ ราชภยาทึ วินา เกวลํ ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สทฺธึ สํวสิตุกามตาย ลิงฺคํ คณฺหาติ, โส อสุทฺธจิตฺตตาย ลิงฺคคฺคหเณเนว เถยฺยสํวาสโก นาม โหติ. อยํ ปน ตาทิเสน อสุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขู วฺเจตุกามตาย อภาวโต ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น โหติ. เตเนว ‘‘ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘คิหี มํ สมโณติ ชานนฺตู’ติ วฺจนาจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวา โทโส น ชาโต’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘วูปสนฺตภยตา ¶ อิธ สุทฺธจิตฺตตา’’ติ วทนฺติ, เอวฺจ สติ โส วูปสนฺตภโย ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อยมตฺโถ วิฺายติ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ วิฺายมาเน อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ เถยฺยสํวาสกตา น โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น จ อฏฺกถายํ อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ อเถยฺยสํวาสกตา ทสฺสิตา. สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโตติ จ อิมินา อวูปสนฺตตเยนปิ สํวาสํ อสาทิยนฺเตเนว วสิตพฺพนฺติ ทีเปติ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโตติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ, ตสฺมา ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาเยเวตฺถ สุทฺธจิตฺตตาติ คเหตพฺพํ.
สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา วีถิจตุกฺกาทีสุ เปตฺวา ทาตพฺพภตฺตานิ. กายปริหาริยานีติ กาเยน ปริหริตพฺพานิ. อพฺภุคฺคจฺฉนฺตีติ อภิมุขํ คจฺฉนฺติ. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิโครกฺขาทิกมฺมกรเณน. ตเทว ปตฺตจีวรํ อาทาย วิหารํ คจฺฉตีติ จีวรานิ นิวาสนปารุปนวเสน อาทาย ปตฺตฺจ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา วิหารํ คจฺฉติ. นาปิ สยํ ชานาตีติ ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สมโณ น โหตี’’ติ วา น ชานาติ. โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ อิมินา อุปสมฺปนฺนกาเล สุตฺวา สเจปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ.
สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อิทํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคเถนโก โหติ, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสเถนโก โหตีติ วุตฺตํ. เอโก ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวาติ เอตฺถาปิ อิทเมว การณํ ¶ ทฏฺพฺพํ. ปรโต สามเณโร สลิงฺเค ิโตติอาทินา สามเณรสฺส วุตฺตวิธาเนสุปิ อเถยฺยสํวาสกปกฺเข อยเมว นโย. ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโยติ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘สาปิ หิ คิหิภาวํ ปตฺถยมานา’’ติอาทินา วิภาเวติ. โย โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ ¶ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ เอเตน คิหิสนฺตกํ ทสฺสิตํ. สยํ สามเณโรว…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ เอตฺถ กิฺจาปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ปาราชิกํ ปน อาปชฺชติเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถายํ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตีติ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคคฺคหเณเนว เตสํ ลทฺธิปิ คหิตาเยว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ลทฺธิยา คหิตายปิ อคฺคหิตายปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉนโต อฺํ ลทฺธิคฺคหณํ นาม อตฺถิ. ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว หิ โส คหิตลทฺธิโก โหติ. เตเนว ‘‘วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ…เป… ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ, ตาว ตํ ลทฺธิ รกฺขติ. สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. นคฺโคว อาชีวกานํ อุปสฺสยํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏนฺติ ‘‘อาชีวโก ภวิสฺส’’นฺติ อสุทฺธจิตฺเตน คมนปจฺจยา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. นคฺเคน หุตฺวา คมนปจฺจยาปิ ทุกฺกฏา น มุจฺจติเยว. กูฏวสฺสํ คเณนฺโตติ กูฏวสฺสํ คเณตฺวา สํวาสํ สาทิยนฺโตติ อธิปฺปาโย.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑๑. ติรจฺฉานคตวตฺถุ อุตฺตานเมว.
มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๒. มาตุฆาตกาทิวตฺถูสุ อปวาหนนฺติ อปคมนํ, ปติกรณนฺติ อตฺโถ. ยถา สมานชาติกสฺส วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติกสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา’’ติ ¶ . ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตุปิตุสมฺา ¶ , ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชนิกา มาตา’’ติ วุตฺตํ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิพฺพตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติ. จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตํ, ตํนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลํ, อนนฺตรปโยชนํ วา อานนฺตริยํ, เตน อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน. ปิตุฆาตเกปิ เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโกติอาทินา สพฺพํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ.
ปริวตฺติตลิงฺคมฺปิ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙) มาตรํ ปิตรํ วา ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติเยว. สติปิ หิ ลิงฺคปริวตฺเต โส เอว เอกกมฺมนิพฺพตฺโต ภวงฺคปฺปพนฺโธ ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺโธ จ, นาฺโติ. โย ปน สยํ มนุสฺโส ติรจฺฉานภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา, สยํ วา ติรจฺฉานภูโต มนุสฺสภูตํ, ติรจฺฉานภูโตเยว วา ติรจฺฉานภูตํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ น โหติ, ภาริยํ ปน โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ. เอฬกจตุกฺกํ สงฺคามจตุกฺกํ โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺโส มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ มรณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา ปน มาตาปิติออสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. ยถา จ มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอตานิ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ ปน ตทารมฺมณํ ชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยานานนฺตรภาเว ปมาณํ. กตานนฺตริยกมฺโม จ ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิสฺสามี’’ติ สกลจกฺกวาฬํ มหาเจติยปฺปมาเณหิ กฺจนถูเปหิ ปูเรตฺวาปิ สกลจกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สงฺฆาฏิกณฺณํ อมฺุจนฺโต วิจริตฺวาปิ กายสฺส เภทา นิรยเมว อุปปชฺชติ, ปพฺพชฺชฺจ น ลภติ.
๑๑๕. อิจฺฉมานนฺติ ¶ โอทาตวตฺถวสนํ อิจฺฉมานํ. เตเนวาห ‘‘คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยวา’’ติ. สงฺฆเภทกกถาวิตฺถาโร ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. ทุฏฺจิตฺเตนาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตจิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ เอตฺถ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน จมฺมจฺเฉทํ กตฺวา โลหิตปคฺฆรณํ นาม นตฺถิ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ. เทวทตฺเตน ปวิทฺธสิลโต ภิชฺชิตฺวา คตสกฺขลิกาปิ ตถาคตสฺส ปาทนฺตํ ปหริ, ผรสุนา ปหโฏ วิย ปาโท อนฺโตโลหิโตเยว อโหสิ. ชีวโก ปน ตถาคตสฺส รุจิยา สตฺถเกน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ตมฺหา านา ทุฏฺโลหิตํ นีหริตฺวา ผาสุมกาสิ, เตนสฺส ปฺุกมฺมเมว อโหสิ. เตนาห ‘‘ชีวโก วิยา’’ติอาทิ.
อถ เย ปรินิพฺพุเต ตถาคเต เจติยํ ภินฺทนฺติ, โพธึ ฉินฺทนฺติ, ธาตุมฺหิ อุปกฺกมนฺติ, เตสํ กึ โหตีติ? ภาริยํ กมฺมํ โหติ อานนฺตริยสทิสํ. สธาตุกํ ปน ถูปํ วา ปฏิมํ วา พาธมานํ โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. สเจปิ ตตฺถ นิลีนา สกุณา เจติเย วจฺจํ ปาเตนฺติ, ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว. ปริโภคเจติยโต หิ สรีรเจติยํ ครุตรํ. เจติยวตฺถุํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺเต โพธิมูเลปิ ฉินฺทิตฺวา หริตุํ วฏฺฏติ. ยา ปน โพธิสาขา โพธิฆรํ พาธติ, ตํ เคหรกฺขณตฺถํ ฉินฺทิตุํ น ลภติ. โพธิอตฺถฺหิ เคหํ, น เคหตฺถาย โพธิ. อาสนฆเรปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ ปน อาสนฆเร ธาตุ นิหิตา โหติ, ตสฺส รกฺขณตฺถาย โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. โพธิชคฺคนตฺถํ โอโชหรณสาขํ วา ปูติฏฺานํ วา ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว, สตฺถุ รูปกายปฏิชคฺคเน วิย ปฺุมฺปิ โหติ.
มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๖. อุภโต ¶ พฺยฺชนมสฺส อตฺถีติ อุภโตพฺยฺชนโกติ อิมินา อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. พฺยฺชนนฺติ เจตฺถ อิตฺถินิมิตฺตํ ปุริสนิมิตฺตฺจ อธิปฺเปตํ. อถ อุภโตพฺยฺชนกสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ, อุทาหุ ทฺเวติ? เอกเมว ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน. ยสฺส วา ปน ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติ ¶ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) เอกสฺมึ สนฺตาเน อินฺทฺริยทฺวยสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา, ตฺจ โข อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสินฺทฺริยํ. ยทิ เอวํ ทุติยพฺยฺชนกสฺส อภาโว อาปชฺชติ. อินฺทฺริยฺหิ พฺยฺชนการณํ วุตฺตํ, ตฺจ ตสฺส นตฺถีติ? วุจฺจเต – น ตสฺส อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ. กสฺมา? สทา อภาวโต. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถิพฺยฺชนํ ปฏิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติ, ตถา อิตรสฺส อิตรํ. ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยฺชนทฺวยํ ติฏฺเยฺย, น ปน ติฏฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘น ตสฺส ตํ พฺยฺชนการณํ, กมฺมสหายํ ปน ราคจิตฺตเมเวตฺถ การณ’’นฺติ.
ยสฺมา จสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยมฺปิ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรมฺปิ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปรํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน น คณฺหาติ. ยทิ ปฏิสนฺธิยํ ปุริสลิงฺคํ, ยทิ ปฏิสนฺธิยํ อิตฺถิลิงฺคนฺติ จ ปฏิสนฺธิยํ ลิงฺคสพฺภาโว กุรุนฺทิยํวุตฺโต, โส จ อยุตฺโต. ปวตฺติยํเยว หิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ สมุฏฺหนฺติ, น ปฏิสนฺธิยํ. ปฏิสนฺธิยํ ปน อินฺทฺริยเมว สมุฏฺาติ, น ลิงฺคาทีนิ. น จ อินฺทฺริยเมว ลิงฺคนฺติ สกฺกา วตฺตุํ อินฺทฺริยลิงฺคานํ ภินฺนสภาวตฺตา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒) –
‘‘อิตฺถตฺตํ อิตฺถิภาโวติ อุภยํ เอกตฺถํ, อิตฺถิสภาโวติ อตฺโถ. อยํ กมฺมโช ปฏิสนฺธิสมุฏฺิโต. อิตฺถิลิงฺคาทิ ปน อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ปวตฺเต สมุฏฺิตํ. ยถา พีเช สติ พีชํ ปฏิจฺจ พีชปจฺจยา รุกฺโข วฑฺฒิตฺวา สาขาวิฏปสมฺปนฺโน หุตฺวา อากาสํ ปูเรตฺวา ¶ ติฏฺติ, เอวเมว อิตฺถิภาวสงฺขาเต อิตฺถินฺทฺริเย สติ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ โหนฺติ. พีชํ วิย หิ อิตฺถินฺทฺริยํ, พีชํ ปฏิจฺจ วฑฺฒิตฺวา อากาสํ ปูเรตฺวา ิตรุกฺโข วิย อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ปวตฺเต สมุฏฺหนฺติ. ตตฺถ อิตฺถินฺทฺริยํ น จกฺขุวิฺเยฺยํ, มโนวิฺเยฺยเมว. อิตฺถิลิงฺคาทีนิ จกฺขุวิฺเยฺยานิปิ มโนวิฺเยฺยานิปี’’ติ.
เตเนวาห ‘‘ตตฺถ วิจารณกฺกโม วิตฺถารโต อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย เวทิตพฺโพ’’ติ.
อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๗. สิกฺขาปทํ ¶ อปฺตฺตํ โหตีติ อิเธว ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวาติ ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ เอวํ อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวา. กมฺมวาจาย ปน อุปชฺฌายกิตฺตนํ กตํเยวาติ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตกมฺมวิปตฺติสมฺภวโต กมฺมํ กุปฺเปยฺย, เตเนว ‘‘อุปชฺฌายํ อกิตฺเตตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปชฺฌํ อคฺคาหาเปตฺวา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. ยถา จ อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส อุปสมฺปาทนกาเล กมฺมวาจาย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตวตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย กตายปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อสนฺตํ ปุคฺคลํ กิตฺเตตฺวา เกวลํ สนฺตปทนีหาเรน กมฺมวาจาย กตาย อุปสมฺปทา รุหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุปชฺฌายโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา ‘‘โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ อวุตฺตตฺตา กมฺมวิปตฺติลกฺขณสฺส จ อสมฺภวโต ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจวคฺคกรณฺเจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ ปณฺฑกปฺจโม กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๙๐) ปณฺฑกาทีนมฺปิ อุภโตพฺยฺชนกปริยนฺตานํ คณปูรกภาเวเยว กมฺมํ กุปฺปติ, น อฺถาติ อาห ‘‘อุภโตพฺยฺชนกุปชฺฌายปริโยสาเนสุปิ เอเสว นโย’’ติ.
อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๘. อฺเ ¶ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อนามฏฺปิณฺฑปาตนฺติ อคฺคหิตอคฺคํ ปิณฺฑปาตํ. สามเณรภาคสมโก อามิสภาโคติ เอตฺถ กิฺจาปิ สามเณรานํ อามิสภาคสฺส สมกเมว ทิยฺยมานตฺตา วิสุํ สามเณรภาโค นาม นตฺถิ, เหฏฺา คจฺฉนฺตํ ปน ภตฺตํ กทาจิ มนฺทํ ภเวยฺย, ตสฺมา อุปริ อคฺคเหตฺวา สามเณรปาฬิยาว คเหตฺวา ทาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. นิยตปพฺพชฺชสฺเสว จายํ ภาโค ทียติ. เตเนว ‘‘อปกฺกํ ปตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๙. อชปทเกติ ¶ อชปทสณฺาเน ปเทเส. พฺรหฺมุชุคตฺโตติ พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต. อวเสโส สตฺโตติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตสตฺโต. เอเตน เปตฺวา มหาปุริสํ จกฺกวตฺติฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกาติ ทสฺเสติ. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา ขนฺเธ กฏิยํ ชาณูสูติ ตีสุ าเนสุ นมนฺติ. เต กฏิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ าเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺติ. ทีฆสรีรา ปน เอเกน ปสฺเสน วงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนาเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, เอเก ปุรโต ปพฺภารา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติ. ปริวฏุโมติ สมนฺตโต วฏฺฏโล.
อฏฺิสิราจมฺมสรีโรติ อฏฺิสิราจมฺมมตฺตสรีโร. กปฺปสีโสติ ทฺวิธาภูตสีโส. เกกโรติ ติริยํ ปสฺสนฺโต. ‘‘อุทกตารกา นาม อุทกปุพฺพุฬ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อกฺขิตารกาติ อกฺขิภณฺฑกา. นิปฺปขุมกฺขีติ อกฺขิทลโลเมหิ วิรหิตอกฺขิโก. ปขุม-สทฺโท หิ โลเก อกฺขิทลโลเมสุ นิรุฬฺโห. ปฏงฺคมณฺฑูโก นาม มหามุขมณฺฑูโก. เอฬมุโขติ นิจฺจปคฺฆรณกลาลมุโข. สพฺพฺเจตนฺติ ‘‘กจฺฉุคตฺโต วา’’ติอาทึ สนฺธาย วทติ. วาตณฺฑิโกติ อณฺฑเกสุ วุทฺธิโรเคน สมนฺนาคโต. วิกโฏติ ติริยํ คมนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จ จงฺกมโต ¶ ชาณุกา พหิ คจฺฉนฺติ. ปณฺโหติ ปจฺฉโต ปริวตฺตปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา อนฺโต ปวิสนฺติ.
กุทณฺฑปาทตาย การณํ วิภาเวติ ‘‘มชฺเฌ สงฺกุฏิตปาทตฺตา’’ติ. อคฺเค สงฺกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺฑปาทตาย การณนิทสฺสนํ. กุณฺฑปาทสฺเสว คมนสภาวํ วิภาเวติ ‘‘ปิฏฺิปาทคฺเคน จงฺกมนฺโต’’ติ. มมฺมนนฺติ ขลิตวจนํ. โย เอกเมว อกฺขรํ จตุปฺจกฺขตฺตุํ วทติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ.
หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อลชฺชีนิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๐. นิสฺสยปฏิสํยุตฺตวตฺถูสุ ภิกฺขูหิ สมาโน สีลาทิคุณภาโค อสฺสาติ ภิกฺขุสภาโค, ตสฺส ภาโว ภิกฺขุสภาคตา. ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ วสิตฺวา คนฺตุกาเมน อนิสฺสิเตน ¶ วสิตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘ยาว ภิกฺขุสภาคตํ ชานามี’’ติ อาโภคํ วินาปิ อนิสฺสิเตน วสิตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ภิกฺขุสภาคตํ ปน ชานนฺโต ‘‘สฺเว คมิสฺสามิ, กึ เม นิสฺสเยนา’’ติ อรุณํ อุฏฺเปตุํ น ลภติ. ‘‘ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สยนฺตสฺส สเจ อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, วฏฺฏติ. ‘‘สตฺตาหํ วสิสฺสามี’’ติ อาลยํ กโรนฺเตน ปน นิสฺสโย คเหตพฺโพติ ‘‘สตฺตาหมตฺตํ วสิสฺสามิ, กึ ภิกฺขุสภาคตาชานเนนา’’ติ ชานเน ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา วสิตุํ น ลภติ, ภิกฺขุสภาคตํ อุปปริกฺขิตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพติ อตฺโถ.
คมิกาทินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๑. อนฺตรามคฺเค วิสฺสมนฺโต วา…เป… อนาปตฺตีติ อสติ นิสฺสยทายเก อนาปตฺติ. ตสฺส นิสฺสายาติ ปาฬิอนุรูปโต วุตฺตํ, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ. สเจ ปน อาสาฬฺหีมาเส…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ สเจ โส วสฺสูปนายิกาย อาสนฺนาย คนฺตุกาโม สุณาติ ‘‘อสุโก มหาเถโร อาคมิสฺสตี’’ติ, ตฺเจ อาคเมติ, วฏฺฏติ. อาคเมนฺตสฺเสว ¶ เจ วสฺสูปนายิกทิวโส โหติ, โหตุ, คนฺตพฺพํ ตตฺถ, ยตฺถ นิสฺสยทายกํ ลภติ. เกจิ ปน ‘‘สเจ โส คจฺฉนฺโต ชีวิตนฺตรายํ พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา ปสฺสติ, ตตฺเถว วสิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
โคตฺเตน อนุสฺสาวนานุชานนกถาวณฺณนา
๑๒๒. ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ นามกิตฺตนสฺส อนุสฺสาวนาย อาคตตฺตา ‘‘นาหํ อุสฺสหามิ เถรสฺส นามํ คเหตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘อายสฺมโต ปิปฺปลิสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ นามํ คเหตุํ น อุสฺสหามีติ อตฺโถ. ‘‘โคตฺเตนปิ อนุสฺสาเวตุ’’นฺติ วจนโต เยน โวหาเรน โวหรติ, เตน วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ‘‘โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเนปิ โคตฺตเมว นามํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ตสฺมา จตุพฺพิเธสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน อนุสฺสาวนา กาตพฺพาติ วทนฺติ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, ตตฺถ เอกํ นามํ ตฺติยา, เอกํ อนุสฺสาวนาย กาตุํ น วฏฺฏติ, อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อภินฺนาหิ อนุสฺสาวนาหิ ภวิตพฺพนฺติ. กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปาฬิยํ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ ปจฺฉา วุตฺตํ, กมฺมวาจาปาฬิยํ ปน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ ปมํ ลิขิตนฺติ ตํ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตนฺติ น ปจฺเจตพฺพํ. ปาฬิยฺหิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส ¶ อายสฺมโต’’ติ อตฺถมตฺตํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ อวุตฺโตปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ กมฺมวาจาปาฬิยํ ปโยโค ทสฺสิโต. ‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ อิจฺจายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติ จ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติ จ ปมํ ‘‘อายสฺมา’’ติ ปโยคสฺส ทสฺสนโตติ วทนฺติ. กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ เกวลํ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ สาเวติ, สาวนํ หาเปตีติ น วุจฺจติ นามสฺส อหาปิตตฺตาติ เอเก. สเจ กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ ‘‘พุทฺธรอขตสฺสายสฺมโต’’ติ สาเวติ, ปาานุรูปตฺตา เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติปิ เอเก. พฺยฺชนเภทปฺปสงฺคโต อนุสฺสาวนานํ ตํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สเจ ปน สพฺพฏฺาเนปิ เอเตเนว ปกาเรน วทติ, วฏฺฏติ.
ทฺเวอุปสมฺปทาเปกฺขาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๓. เอกานุสฺสาวเนติ ¶ เอตฺถ เอกโต อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนาติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ทฺเว เอกโตอนุสฺสาวเน’’ติ. ตตฺถ เอกโตติ เอกกฺขเณติ อตฺโถ, วิภตฺติอโลเปน จายํ นิทฺเทโส. ปุริมนเยเนว เอกโตอนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อาจริเยหิ เอเกน วา เอกโตอนุสฺสาวเน กาตุํ.
อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา
๑๒๖. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาติ อิมินา อุปชฺฌายสทฺทสมานตฺโถ อุปชฺฌาสทฺโทปีติ ทสฺเสติ.
จตฺตาโรนิสฺสยาทิกถาวณฺณนา
๑๓๐. สมฺโภเคติ ธมฺมสมฺโภเค อามิสสมฺโภเค จ. อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเสติ เอตฺถ จ อยมธิปฺปาโย – ยสฺมา อยํ โอสารณกมฺมสฺส กตตฺตา ปกตตฺตฏฺาเน ิโต, ตสฺมา น อุกฺขิตฺตเกน สทฺธึ สมฺโภคาทิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ, นาปิ อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ อลชฺชีลกฺขณานุปปตฺติโต. โย หิ อุจฺฉุรสกสฏานํ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกตฺตา วฏฺฏติ วิกาเล อุจฺฉุ ขาทิตุนฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขาทิตฺวา ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติยํ น ปสฺสติ ¶ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ ตถาสฺิตาย, โย วา ปน อาปตฺติมาปนฺนภาวํ ปฏิชานิตฺวา ‘‘น ปฏิกโรมี’’ติ อภินิวิสติ, อยํ –
‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อาปตฺตึ ปริคูหติ;
อคติคมนฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชีปุคฺคโล’’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –
วุตฺตลกฺขเณ อปตนโต อลชฺชี นาม น โหติ. ตสฺมา ยถา ปุพฺเพ ยาว อุกฺเขปนียกมฺมํ กตํ, ตาว เตน สทฺธึ สมฺโภเค สํวาเส จ อนาปตฺติ, เอวมิธาปีติ สพฺพถา อนาปตฺติฏฺาเนเยว อนาปตฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ ¶ . น หิ ภควา อลชฺชินา สทฺธึ สมฺโภคปจฺจยา อาปตฺติสมฺภเว สติ ‘‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ วทติ. ตโต ยเมตฺถ เกนจิ ‘‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ อิมินา ปาจิตฺติเยน อนาปตฺติ วุตฺตา, ‘‘อลชฺชีปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ ปน อาปชฺชติเยวา’’ติ วตฺวา พหุธา ปปฺจิตํ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
มหาขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุโปสถกฺขนฺธกํ
สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา
๑๓๒. อุโปสถกฺขนฺธเก ¶ ¶ ตรนฺติ ปฺลวนฺติ เอตฺถ พาลาติ ติตฺถํ. อิโตติ อิมสฺมึ สาสเน ลทฺธิโต. ตํ กเถนฺตีติ ‘‘อิมสฺมึ นาม ทิวเส มุหุตฺเต วา อิทํ กตฺตพฺพ’’นฺติอาทินา กเถนฺติ.
๑๓๔. ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วิตฺถารโต อาคตเมวาติ น อิธ วิตฺถารยิสฺสาม, อตฺถิเกหิ ปน ตโตเยว คเหตพฺพํ.
๑๓๕. อาปชฺชิตฺวา วา วุฏฺิโตติ เอตฺถ อาโรจิตาปิ อาปตฺติ อสนฺตี นาม โหตีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘ยสฺส ปน เอวํ อนาปนฺนา วา อาปตฺติ อาปชฺชิตฺวา จ ปน วุฏฺิตา วา เทสิตา วา อาโรจิตา วา, ตสฺส สา อาปตฺติ อสนฺตี นาม โหตี’’ติ. มุสาวาโท นาม วจีเภทปจฺจยา โหตีติ อาห ‘‘น มุสาวาทลกฺขเณนา’’ติ. ภควโต ปน วจเนนาติ สมฺปชานมุสาวาเท กึ โหติ? ‘‘ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ อิมินา วจเนน. วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหตีติ ยสฺมา ยสฺส ภิกฺขุโน อธมฺมิกาย ปฏิฺาย ตุณฺหีภูตสฺส นิสินฺนสฺส มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถิ, ยสฺมา ปน อาวิ กาตพฺพํ น อาวิ อกาสิ, เตนสฺส วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ.
วาจาติ ¶ วาจาย, ย-การโลเปนายํ นิทฺเทโส. เกนจิ มนุเชน วาจาย อนาลปนฺโตติ โยเชตพฺพํ. คิรํ โน จ ปเร ภเณยฺยาติ ‘‘อิเม โสสฺสนฺตี’’ติ ปรปุคฺคเล สนฺธาย สทฺทมฺปิ น นิจฺฉาเรยฺย. อาปชฺเชยฺย วาจสิกนฺติ วาจโต สมุฏฺิตํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย.
อนฺตรายกโรติ วิปฺปฏิสารวตฺถุตาย ปาโมชฺชาทิสมฺภวํ นิวาเรตฺวา ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย อนฺตรายกโร. ตสฺส ภิกฺขุโน ผาสุ โหตีติ ¶ อวิปฺปฏิสารมูลกานํ ปาโมชฺชาทีนํ วเสน ตสฺส ภิกฺขุโน สุขา ปฏิปทา สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา
๑๓๘. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทึ สนฺธาย วทติ. หตฺถิปฺปมาโณ นาม ปพฺพโต เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา ถูลตาย คเหตพฺพา, น ตุลคณนาย. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสารรุกฺเขหิ มิสฺสกานํ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ สีหฬทีเป เลขนทณฺฑปฺปมาโณติ วทนฺติ, โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺพํ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อปราย เอกนฺติ เอวํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ.
ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา อนฺตรวาสโก เตมิยตีติ สิกฺขากรณียํ อาคตลกฺขเณน ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ อนฺตรวาสโก เตมิยติ. ภิกฺขุนิยา เอว คหณฺเจตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ภิกฺขุนิยา วเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา เตเนว นเยน ทสฺสนตฺถํ กตํ. สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหตีติ อยํ วุตฺตลกฺขณา นที สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นิมิตฺตํ โหติ. อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยวาติ อาวรณํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สนฺทติเยว. อปฺปวตฺตมานาติ อสนฺทมานุทกา. อาวรณฺหิ ปตฺวา นทิยา ยตฺตเก ปเทเส อุทกํ อสนฺทมานํ สนฺติฏฺติ, ตตฺถ นทีนิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อุปริ สนฺทมานฏฺาเนเยว วฏฺฏติ, อสนฺทมานฏฺาเน ปน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ิตเมว หิ อุทกนิมิตฺเต วฏฺฏติ, น สนฺทมานํ. เตเนวาห ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ ¶ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. นทึ ภินฺทิตฺวาติ มาติกามุขทฺวาเรน นทีกูลํ ภินฺทิตฺวา. อุกฺเขปิมนฺติ กูปโต วิย อุกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํ.
สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ¶ ติโกณรจฺฉาสณฺานา. มุทิงฺคสณฺานาติ มุทิงฺคเภรี วิย มชฺเฌ วิตฺถตา อุโภสุ โกฏีสุ สงฺโกฏิตา โหติ. อุปจารํ เปตฺวาติ ปจฺฉา สีมํ พนฺธนฺตานํ สีมาย โอกาสํ เปตฺวา. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ เอกสฺส คามสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโต กตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ. อาคนฺตพฺพนฺติ จ สามีจิวเสน วุตฺตํ, นายํ นิยโม ‘‘อาคนฺตพฺพเมวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อพทฺธาย หิ สีมาย นานาคามเขตฺตานํ นานาสีมสภาวตฺตา เตสํ อนาคมเนปิ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ตสฺมา อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. พทฺธาย ปน สีมาย เอกสีมภาวโต ปุน อฺสฺมึ กมฺเม กริยมาเน อนฺโต สีมคเตหิ อาคนฺตพฺพเมวาติ อาห ‘‘อวิปฺปวาสสีมา…เป… อาคนฺตพฺพ’’นฺติ. นิมิตฺตกิตฺตนกาเล อโสธิตายปิ สีมาย เนวตฺถิ โทโส นิมิตฺตกิตฺตนสฺส อปโลกนาทีสุ อฺตราภาวโต.
ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชา-คหณํ. สุขกรณตฺถนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปาตนปริสฺสมํ ปหาย อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาตีติ วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ. อิทฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เหฏฺิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. น สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมาย พทฺธภาวํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายมนฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. พทฺธาย หิ อวิปฺปวาสสีมาย ตํ อสมูหนิตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กตายปิ กมฺมวาจาย อสมูหตาว โหติ สีมา. ปมฺหิ อวิปฺปวาสํ สมูหนิตฺวา ปจฺฉา สีมา สมูหนิตพฺพา. เอกรตนปฺปมาณา สุวิฺเยฺยตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เอกรตนปฺปมาณา วฏฺฏตี’’ติ. เอกงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติเยว. ตตฺตเกนปิ หิ สีมา อสมฺภินฺนาว โหติ.
อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรปสฺเส นิมิตฺตานิ. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ, อาจิณฺณกรเณเนว จ สมฺโมโห น โหตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา’’ติ. กุฏิเคเหติ กุฏิฆเร, ภูมิฆเรติ อตฺโถ. อุทุกฺขลนฺติ ขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ตํ ราชึ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ.
เหฏฺา ¶ ¶ น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาสปฺปเทสํ น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ สเจ เหฏฺา อนฺโตภิตฺติยํ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โอตรมานา จ อุปริสีมปฺปมาเณน น โอตรติ, สมนฺตา ภิตฺติปฺปมาเณน โอตรติ. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ สเจ เหฏฺา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โน เจ, น โอตรตีติ อธิปฺปาโย. สพฺโพ ปาสาโท สีมฏฺโ โหตีติ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกาพทฺธภิตฺติโก วา โหตุ มา วา, สพฺโพปิ ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ.
ตาลมูลกปพฺพเตติ ตาลมูลสทิเส ปพฺพเต. โส จ เหฏฺา มหนฺโต หุตฺวา อนุปุพฺเพน ตนุโก โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ปณวสณฺาโน มชฺเฌ ตนุโก โหติ มูเล อคฺเค จ วิตฺถโต. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. อนฺโตเลณํ โหตีติ ปพฺพตสฺส อนฺโต เลณํ โหติ. สีมามาฬเกติ ขณฺฑสีมามาฬเก. มหาสีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพนฺติ มหาสีมคตา ภิกฺขู หตฺถปาสํ วา อาเนตพฺพา, สีมโต วา พหิ กาตพฺพาติ อธิปฺปาโย. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘มหาสีมคเตหิ ภิกฺขูหิ ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา อนามสิตฺวา าตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมาย อุฏฺหิตฺวา มหาสีมาย โอณตรุกฺเขปิ. อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ขณฺฑสีมาย อนฺโต ิตตฺตา รุกฺขสฺส ตตฺถ ิโต หตฺถปาสํเยว อาเนตพฺโพติ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ.
๑๔๐. ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. ปาราติ สีมาเปกฺโข อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. อสฺสาติ ภเวยฺย. อิธาธิปฺเปตนาวาย ปมาณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน…เป… ตโย ชเน วหตี’’ติ. อิมินา จ วุตฺตปฺปมาณโต ขุทฺทกา นาวา วิชฺชมานาปิ อิธ อสนฺตปกฺขํ ภชตีติ ทีเปติ. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ปรตีเร สมฺมุขฏฺาเนติ โอริมตีเร สพฺพปริยนฺตนิมิตฺตสฺส สมฺมุขฏฺาเน. สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวาติ เอตฺถ สเจ เอกํ คามเขตฺตํ โหติ, อุโภสุ ตีเรสุ สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา ¶ สมฺมนฺนิตพฺพา. นานาคามกฺเขตฺตํ เจ, สมานสํวาสกสีมาพนฺธนกาเล อนาคนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติยํ ปน อาคนฺตพฺพเมว. ยสฺมา อุโภสุ ตีเรสุ นิมิตฺตกิตฺตนมตฺเตน ทีปโก สงฺคหิโต นาม น โหติ, ตสฺมา ทีปเกปิ นิมิตฺตานิ วิสุํ กิตฺเตตพฺพาเนวาติ อาห ‘‘ทีปกสฺส ¶ โอริมนฺเต จ ปาริมนฺเต จ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ. ทีปกสิขรนฺติ ทีปกมตฺถกํ. ปพฺพตสณฺานาติ ทีปกสฺส เอกโต อธิกตรตฺตา วุตฺตํ.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา
๑๔๒. วตฺถุวเสน วุตฺตนฺติ ‘‘มยฺจมฺหา อสมฺมตาย ภูมิยา นิสินฺนา ปาติโมกฺขํ อสฺสุมฺหา’’ติ วตฺถุมฺหิ ปาติโมกฺขสวนสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ. อุโปสถปฺปมุขํ นาม อุโปสถาคารสฺส สมฺมุขฏฺานํ. ปาฬิยํ ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา สีมาสมฺมุติยํ วิย ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วิเสเสตฺวา นิมิตฺตานํ อทสฺสิตตฺตา ‘‘ขุทฺทกานิ วา…เป… ยานิ กานิจิ นิมิตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อิมินา สมฺพนฺโธ.
อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา
๑๔๔. อสฺสาติ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส. ทฺเวปิ สีมาโยติ ปมํ วุตฺตา อวิปฺปวาสสีมา สมานสํวาสกสีมา จ. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมวาจํ น ภินฺทนฺติ, กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อธิปฺปาโย. เอตฺถาติ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ เอตฺถ. คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตฺถรตีติ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขํ คจฺฉติ. เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วาติ อภินวกตเคเหสุ สพฺพปมํ เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ อตฺถิ. อคตํ วาติ โปราณกคาเม อฺเสุ เคหานิ ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุ เอกมฺปิ กุลํ อคตํ อตฺถิ.
อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวาติ เจติยงฺคณาทีนํ ขณฺฑสีมาย อโนกาสตฺตา วุตฺตํ. ขณฺฑสีมฺหิ พนฺธนฺตา ตาทิสํ านํ ปหาย อฺสฺมึ วิวิตฺเต โอกาเส พนฺธนฺติ ¶ . อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมํเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ขณฺฑสีมํ. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ ขณฺฑสีมาย อฺาตตฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ ¶ น สมูหนิตพฺพา. อุโปสถสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อวเสสกมฺมวเสน สมานสํวาสตา เวทิตพฺพา.
คามสีมาทิกถาวณฺณนา
๑๔๗. อปริจฺฉินฺนายาติ พทฺธสีมาวเสน อกตปริจฺเฉทาย. เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา พหิปริจฺเฉทโต ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตีติ ทีเปติ. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ, ตตฺถ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อุปลพฺภติ. ยทิ เจตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมกรณาธิกาเร วุตฺตตฺตา อุทกุกฺเขปโต พหิ อฺํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกมิตฺวา อุโปสถาทิกรณตฺถํ ิโต สงฺโฆ สีมาสมฺเภทสมฺภวโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา, เอวํ สติ ยุชฺเชยฺย. เตเนว มาติกาฏฺกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ วุตฺตํ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทนฺติ ทุติยํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกนฺโตปิ โกเปติ. กสฺมา? อตฺตโน อุทกุกฺเขปสีมาย ปเรสํ อุทกุกฺเขปสีมาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา สีมาสมฺเภโท โหติ, ตสฺมา โกเปตี’’ติ. ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ สพฺพาสุปิ อฏฺกถาสุ สีมาสมฺเภทสฺส อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘อตฺตโน จ อฺเสฺจ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส อนฺตรา อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺเ ปเนตฺถ อฺถาปิ ปปฺเจนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทตีติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา นิสีทติ. อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถีติ ยสฺมา สพฺโพปิ นทีปเทโส ภิกฺขูหิ อชฺโฌตฺถโฏ ¶ , ตสฺมา สมนฺตโต นทิยา อภาวา อุทกุกฺเขเป ปโยชนํ นตฺถิ. อุทกุกฺเขปปฺปมาณา สีมนฺตริกา สุวิฺเยฺยตรา โหติ, สีมาสมฺเภทสงฺกา น จ สิยาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ยตฺตเกน ปน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกํ เปตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนวาหุ โปราณา ‘‘ยตฺตเกน สีมาสงฺกโร น โหติ, ตตฺตกมฺปิ เปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ อิทมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมาย ปริสวเสน วฑฺฒนโต สีมาสมฺเภทสงฺกา สิยาติ ตํนิวารณตฺถเมว วุตฺตํ.
คจฺฉนฺติยา ¶ ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. สีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ สีมโสธนํ นาม คามสีมาทีสุ ิตานํ หตฺถปาสานยนาทิ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺานทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิตโมทกนฺติ ตฬากรกฺขณตฺถํ เอกมนฺเตน ฉฑฺฑิตมุทกํ. เทเว อวสฺสนฺเตติ ทุพฺพุฏฺิกาเล วสฺสาเนปิ เทเว อวสฺสนฺเต. อุปฺปติตฺวาติ อุตฺตริตฺวา. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล จตฺตาโร มาเส อพฺโพจฺฉินฺนา ปวตฺตติ. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ สนฺธาย วทติ.
อคมนปเถติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิเส ปเทเส อรฺสีมาสงฺขเมว คจฺฉตีติ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ สนฺธาย วทติ. เตสนฺติ มจฺฉพนฺธานํ. คมนปริยนฺตสฺส โอรโตติ คมนปริยนฺตสฺส โอริมภาเค ทีปกํ ปพฺพตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมุทฺทปฺปเทสํ.
๑๔๘. สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโตกริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมาสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมาสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน ¶ อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิเตน รุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏตฺตา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพํ.
คามสีมาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา
๑๔๙. อธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมนฺติ เอตฺถ ยตฺถ จตฺตาโร วสนฺติ, ตตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนฺุาโต. ยตฺถ ทฺเว วา ตโย วา วสนฺติ, ตตฺถ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ. อิธ ปน ¶ ตถา อกตฺวา จตุนฺนํ วสนฏฺาเน ปาริสุทฺธิอุโปสถสฺส กตตฺตา ติณฺณํ วสนฏฺาเน จ ปาติโมกฺขสฺส อุทฺทิฏฺตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา สพฺเพว น สนฺนิปตึสุ, ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ สงฺฆมชฺฌํเยว อาคจฺฉติ, น คณมชฺฌํ, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตํ.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา
๑๕๐. เอวเมตํ ธารยามีติ ‘‘สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหี’’ติ เอตฺถ ‘‘เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติ วตฺตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ…เป… ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’นฺติอาทินา นเยน อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหตี’’ติ วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน. สวรภยนฺติ วนจรกภยํ. เตนาห ‘‘อฏวิมนุสฺสภย’’นฺติ. ‘‘อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพ’’นฺติ วจนโต นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติ. อุทฺทิฏฺอุทฺเทสาเปกฺขฺหิ อวเสสคฺคหณํ, ตสฺมา นิทาเน อุทฺทิฏฺเ ปาราชิกุทฺเทสาทีสุ ยสฺมึ วิปฺปกเต อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ.
ตีหิปิ ¶ วิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย สุตฺตสฺส โอสารณา โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. สุตฺตสฺส ตทตฺถสฺส วา สเรน ภณนํ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ ปมํ อุสฺสาเรตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน. มนุสฺสานํ ปน ‘‘ภณาหี’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุจฺจตเร นิสินฺเนนปิ มนุสฺสานํ ภณาหีติ วิเสเสตฺวาเยว วตฺตุํ วฏฺฏติ, อวิเสเสตฺวา ปน น วฏฺฏติ. สชฺฌายํ กโรนฺเตนาติ ยตฺถ กตฺถจิ นิสีทิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺเตน. เถโรติ โย โกจิ อตฺตนา วุฑฺฒตโร. เอกํ อาปุจฺฉิตฺวาติ เอกํ วุฑฺฒตรํ อาปุจฺฉิตฺวา. อปโร อาคจฺฉตีติ อปโร ตโตปิ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกอชฺเฌสนาทิกถาวณฺณนา
๑๕๕. โจทนาวตฺถุ ¶ นาม เอกํ นครํ. สงฺฆอุโปสถาทิเภเทน นววิธนฺติ สงฺเฆ อุโปสโถ คเณ อุโปสโถ ปุคฺคเล อุโปสโถติ เอวํ การกวเสน ตโย, สุตฺตุทฺเทโส ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฏฺานุโปสโถติ เอวํ กตฺตพฺพาการวเสน ตโย, จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคีอุโปสโถติ เอวํ ทิวสวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธํ อุโปสถกมฺมนฺติ อธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํ, อธมฺเมน สมคฺคํ อุโปสถกมฺมํ, ธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํ, ธมฺเมน สมคฺคํ อุโปสถกมฺมนฺติ เอวํ จตุพฺพิธมฺปิ อุโปสถกมฺมํ. ทุวิธํ ปาติโมกฺขนฺติ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ ภิกฺขุนีปาติโมกฺขนฺติ ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ อุทฺเทสา, ภิกฺขุนีนํ เปตฺวา อนิยตุทฺเทสํ อวเสสา จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ.
ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานนกถาวณฺณนา
๑๕๘-๑๖๑. สมนฺนาหรถาติ สลฺลกฺเขถ. ปริเยสิตพฺพานีติ ภิกฺขาจาเรน ปริเยสิตพฺพานิ.
ทิสํคมิกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๖๓. อุตุวสฺเสเยวาติ ¶ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว.
ปาริสุทฺธิทานกถาวณฺณนา
๑๖๔. เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วิฺาเปตีติ มนสา จินฺเตตฺวา หตฺถปฺปโยคาทินา เยน เกนจิ วิฺาเปติ. สงฺโฆ นปฺปโหตีติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อนฺตรา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ปฏิปาฏิยา าตุํ นปฺปโหติ. อิตรา ปน พิฬาลสงฺขลิกปาริสุทฺธิ นามาติ เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา พทฺธาว โหติ อนฺโตเคเห เอว สมฺปโยชนตฺตา, ยถา สา น กตฺถจิ คจฺฉติ, ตถา สาปิ น คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. อิตรถา วิเสสนํ นิรตฺถกํ โหตี’’ติ. อปเร ปน ‘‘ยถา พหูหิ มนุสฺเสหิ เอกสฺส พิฬาลสฺส อตฺตโน อตฺตโน สงฺขลิกา คีวาย อาพทฺธา พิฬาเล คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺติ อาพทฺธตฺตา, น อฺสฺมึ พิฬาเล คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺติ อนาพทฺธตฺตา, เอวเมวสฺส ภิกฺขุสฺส พหูหิ สงฺขลิกสทิสา ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทินฺนา, สา ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ คจฺฉนฺเต ¶ คจฺฉติ ตสฺมึ สงฺขลิกา วิย อาพทฺธตฺตา, น อฺสฺมึ อนาพทฺธตฺตา’’ติ วทนฺติ. สพฺพมฺเปตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ สาโร – ยถา สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยํเยว วลยํ ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ปาริสุทฺธิทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉตีติ สงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ฉนฺททานกถาวณฺณนา
๑๖๕. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถิ. ‘‘หตฺถปาสํ อาเนตพฺโพเยวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
สงฺฆุโปสถาทิกถาวณฺณนา
๑๖๘. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณนฺติ วุตฺตํ, ปุพฺพกรณโต ปจฺฉา กาตพฺพมฺปิ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กาตพฺพตฺตา ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุตฺตํ. อุภยมฺปิ เจตํ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา กตฺถจิ ปุพฺพกิจฺจมิจฺเจว โวหรียติ ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติอาทีสุ วิย.
อุโปสโถติ ¶ ตีสุ อุโปสถทิวเสสุ อฺตรทิวโส. ตสฺมิฺหิ สติ อิทํ สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ยถาห ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๘๓). ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุโปสถกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา, เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา. สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺตีติ เอตฺถ ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺตึ อาปชฺชติ, เอวรูปา ‘‘วตฺถุสภาคา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอตาสุ หิ อวิชฺชมานาสุ วิสภาคาสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสายา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต คหฏฺโ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๘๓) นเยน วุตฺตา ภิกฺขุนี สิกฺขมานา สามเณโร สามเณรี ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิตฺตโก อาปตฺติยา อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตโก ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตโก ปณฺฑโก เถยฺยสํวาสโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ติรจฺฉานคโต มาตุฆาตโก ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก ภิกฺขุนีทูสโก สงฺฆเภทโก โลหิตุปฺปาทโก อุภโตพฺยฺชนโกติ อิเม วีสติ จาติ เอกวีสติ ปุคฺคลา วชฺชนียา นาม, เต หตฺถปาสโต พหิกรณวเสน วชฺเชตพฺพา. เอเตสุ หิ ติวิเธ อุกฺขิตฺตเก สติ อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติ, เสเสสุ ทุกฺกฏํ. เอตฺถ จ ติรจฺฉานคโตติ ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา, โสว อธิปฺเปโต, ติตฺถิยา คหฏฺเเนว สงฺคหิตา. เอเตปิ หิ วชฺชนียา. เอวํ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อชฺช เม อุโปสโถ ปนฺนรโสติปีติ ปิ-สทฺเทน ปาฬิยํ อาคตนเยเนว ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ปน ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ จาตุทฺทโสติ วา ปนฺนรโสติ วา วตฺวา อธิฏฺามีติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
สงฺฆุโปสถาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาปตฺติปฏิกมฺมวิธิกถาวณฺณนา
๑๖๙. นนุ ¶ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอวํ สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ วิสุํ ปฺตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสติ, ตสฺมา ภควตา ปฺตฺตํ ‘‘น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ…เป… ปฺตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. กิฺจาปิ วิสุํ ปฺตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสติ, อถ โข ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติอาทึ วทนฺเตน อตฺถโต ปฺตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย.
ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนน จาติ อิมินาว ‘‘สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพา’’ติ ทีปิตํ โหติ. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ วตฺตุมรหติ. ตสฺมา ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘‘ปาติโมกฺขํ โสตพฺพ’’นฺติ วจนโต ยาว ¶ นิพฺเพมติโก น โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ, อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ‘‘ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพํ น จา’’ติ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ปฏิกริสฺสามีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ยถา สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา. ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ จ วทนฺติ.
อาปตฺติปฏิกมฺมวิธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ลิงฺคาทิทสฺสนกถาวณฺณนา
๑๗๙. อาจารสณฺานนฺติ ¶ อาจารสณฺิติ. อากรียติ ปกาสียติ เอเตนาติ อากาโร. ลีนํ คมยติ โพเธตีติ ลิงฺคํ. นิมิยนฺติ ปริจฺฉิชฺช ายนฺติ เอเตนาติ นิมิตฺตํ. อุทฺทิสียนฺติ อปทิสียนฺติ เอเตนาติ อุทฺเทโส. ‘‘อมฺหากํ อิท’’นฺติ อฺาตํ อวิทิตนฺติ อฺาตกํ. ตฺจ อตฺถโต ปรสนฺตกํเยวาติ อาห ‘‘อฺเสํ สนฺตก’’นฺติ.
๑๘๐. นานาสํวาสกภาวนฺติ ลทฺธินานาสํวาสกภาวํ. ตสฺส อภิภโว นาม เตสํ ลทฺธิวิสฺสชฺชาปนนฺติ อาห ‘‘ตํ ทิฏฺึ น นิสฺสชฺชาเปนฺตีติ อตฺโถ’’ติ.
นคนฺตพฺพคนฺตพฺพวารกถาวณฺณนา
๑๘๑. อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพาติ ครุกํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ลหุกสฺส อกตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ. อารฺเกนาปิ ภิกฺขุนาติ เอกจาริเกน อารฺกภิกฺขุนา, ยตฺถ วา สงฺฆปโหนกา ภิกฺขู น สนฺติ, ตาทิเส อรฺเ วสนฺเตน. ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว คนฺตพฺพนฺติ ตสฺส วสนฏฺาเน สงฺฆุโปสถสฺส อปฺปวตฺตนโต วุตฺตํ. อุโปสถนฺตราโยติ อตฺตโน อุโปสถนฺตราโย.
วชฺชนียปุคฺคลสนฺทสฺสนกถาวณฺณนา
๑๘๓. หตฺถปาสุปคมนเมว ¶ ปมาณนฺติ ภิกฺขุนีอาทโย ิตา วา โหนฺตุ นิสินฺนา วา, เตสํ หตฺถปาสุปคมนเมว อาปตฺติยา ปมาณนฺติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา เอกสีมายมฺปิ หตฺถปาสํ ชหาเปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกํ
วสฺสูปนายิกานุชานนกถาวณฺณนา
๑๘๔. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก ¶ ¶ อิธ-สทฺโท นิปาตมตฺโตติ โอกาสปริทีปนสฺสปิ อสมฺภวโต อตฺถนฺตรสฺส อโพธนโต วุตฺตํ. อปรชฺชุคตาย อสฺสาติ อิมินา อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยนฺติ ทสฺเสติ. อปรชฺชูติ อาสาฬฺหีปุณฺณมิโต อปรํ ทินํ, ปาฏิปทนฺติ อตฺโถ. อสฺสาติ อาสาฬฺหีปุณฺณมิยา.
วสฺสาเน จาริกาปฏิกฺเขปาทิกถาวณฺณนา
๑๘๕. อนเปกฺขคมเนน วา อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาปเนน วา อาปตฺติ เวทิตพฺพาติ เอตฺถ อนเปกฺขคมเนน อุปจาราติกฺกเม อาปตฺติ เวทิตพฺพา, สาเปกฺขคมเนน อฺตฺถ อรุณุฏฺาปเนน อาปตฺติ เวทิตพฺพา.
สตฺตาหกรณียานุชานนกถาวณฺณนา
๑๘๗-๑๘๙. ตีณิ ปริหีนานีติ ภิกฺขุนีนํ วจฺจกุฏิอาทีนํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปหีนานิ. วาเรยฺยนฺติ อาวาหวิวาหมงฺคลํ. สุตฺตนฺโตติ อตฺตโน ปคุณสุตฺตนฺโต. น ปลุชฺชตีติ น วินสฺสติ น อนฺตรธายติ.
ปหิเตเยว อนุชานนกถาวณฺณนา
๑๙๙. ภิกฺขุคติโกติ ภิกฺขุนิสฺสิตโก. โส ปน ยสฺมา ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนกปุริโส’’ติ. สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนํ ¶ รตฺติจฺเฉโท. อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนิมนฺติตตฺตา สตฺตาหกิจฺจํ อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ วสฺสจฺเฉโท เจว ทุกฺกฏฺจ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตฺหิ รตฺติจฺเฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามีติ คจฺฉโตปิ วสฺสจฺเฉทํ วทนฺติ. คนฺตุํ วฏฺฏตีติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คจฺฉนฺเตน จ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตเนว ‘‘อนฺโตสตฺตาเห อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตพฺพํ. สเจ อาโภคํ อกตฺวา อุปจารสีมํ อติกฺกมติ, ฉินฺนวสฺโสว โหตีติ วทนฺติ. ภณฺฑกนฺติ จีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปหิณนฺตีติ จีวรโธวนาทิกมฺเมน ปหิณนฺติ. สมฺปาปุณิตุํ ¶ น สกฺโกติ, วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺเชว อาคมิสฺสามี’’ติ สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามคฺเค สเจ อรุณุคฺคมนํ โหติ, วสฺสจฺเฉโทปิ น โหติ, รตฺติจฺเฉททุกฺกฏฺจ นตฺถีติ วทนฺติ. ‘‘อาจริยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปน คนฺตุํ ลภตีติ ‘‘อคิลานมฺปิ อาจริยํ อุปชฺฌายํ วา ปสฺสิสฺสามี’’ติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ ลภติ. สเจ ปน นํ อาจริโย ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ เอวํ สตฺตาหกรณีเยน คตํ อนฺโตสตฺตาเหเยว ปุน อาคจฺฉนฺตํ สเจ อาจริโย อุปชฺฌาโย วา ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย, วสฺสจฺเฉโท ปน โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ สตฺตาหสฺส พหิทฺธา วีตินามิตตฺตา.
อนฺตราเย อนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถาวณฺณนา
๒๐๑. สเจ ทูรํ คโต โหติ, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพติ อิมินา วสฺสจฺเฉทการเณ สติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ.
วชาทีสุ วสฺสูปคมนกถาวณฺณนา
๒๐๓. ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพนฺติ สตฺถสฺสาวิหารตฺตา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ กุฏิกาทีนํ อภาเว ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺเตเนว วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. วิปฺปกิรตีติ วิสุํ วิสุํ คจฺฉติ. ตีสุ าเนสุ นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ อาปตฺติ, เตหิ วิยุชฺชิตฺวา คมเน ปน อาปตฺติเยว, ปวาเรตฺุจ น ลภติ.
วสฺสํ อนุปคนฺตพฺพฏฺานกถาวณฺณนา
๒๐๔. เสยฺยถาปิ ¶ ปิสาจิลฺลิกาติ เอตฺถ ปิสาจา เอว ปิสาจิลฺลิกา, ปิสาจทารกาติปิ วทนฺติ. ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวาติ สกวาฏพทฺธเมว โยเชตฺวา. ปฺจนฺนํ ฉทนานนฺติ ติณปณฺณอิฏฺกสิลาสุธาสงฺขาตานํ ปฺจนฺนํ ฉทนานํ. อิทฺจ เยภุยฺเยน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ รุกฺขาทีสุ ¶ ปทรจฺฉทนายปิ กุฏิกาย วสฺสูปคมนสฺส วุตฺตตฺตา. น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ วจีเภทํ กตฺวา วสฺสูปคมนํ สนฺธาเยว ปฏิกฺเขโป, น อาลยกรณวเสน อุปคมนํ สนฺธายาติ วทนฺติ. ปาฬิยํ ปน อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อฏฺกถายฺจ ทุติยปาราชิกสํวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔) ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตน หิ นาลกปฏิปทํ ปฏิปนฺเนนปิ ปฺจนฺนํ ฉทนานํ อฺตเรน ฉนฺเนเยว สทฺวารพนฺเธ เสนาสเน อุปคนฺตพฺพํ. ตสฺมา วสฺสกาเล สเจ เสนาสนํ ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลภติ, หตฺถกมฺมํ ปริเยสิตฺวาปิ กาตพฺพํ. หตฺถกมฺมํ อลภนฺเตน สามมฺปิ กาตพฺพํ, น ตฺเวว อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตตฺตา อเสนาสนิกสฺส นาวาทึ วินา อฺตฺถ อาลโย น วฏฺฏตีติ อมฺหากํ ขนฺติ. นาวาสตฺถวเชสุเยว หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติอาทินา สติ อสติ วา เสนาสเน วสฺสูปคมนสฺส วิสุํ อนฺุาตตฺตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ อยํ ปฏิกฺเขโป ตตฺถ น ลพฺภตีติ อสติ เสนาสเน อาลยวเสนปิ นาวาทีสุ อุปคมนํ วุตฺตํ. ฏงฺกิตมฺโจ นาม ทีเฆ มฺจปาเท มชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ปเวเสตฺวา กโต มฺโจ. ตสฺส อิทํ อุปริ อิทํ เหฏฺาติ นตฺถิ, ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ สุสาเน เทวฏฺาเน จ เปนฺติ, จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตํ เคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ.
วสฺสํ อนุปคนฺตพฺพฏฺานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธมฺมิกกติกกถาวณฺณนา
๒๐๕. ตสฺสา ลกฺขณํ มหาวิภงฺเค วุตฺตนฺติ จตุตฺถปาราชิกสํวณฺณนายํ ‘‘โย อิมมฺหา อาวาสา ปมํ ปกฺกมิสฺสติ, ตํ มยํ อรหาติ ชานิสฺสามา’’ติ (ปารา. ๒๒๘) เอตฺถ ทสฺสิตํ อธมฺมิกกติกวตฺตลกฺขณํ สนฺธาย วทติ, ปรโตปิ เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ อาวิ ภวิสฺสติเยว.
ปฏิสฺสวทุกฺกฏาปตฺติกถาวณฺณนา
๒๐๗. ยสฺมา ¶ ¶ นานาสีมายํ ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ วสนฺตสฺส ทุติเย ‘‘วสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ปมเสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปุน ปเมเยว ‘‘วสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ทุติโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาทนปจฺจยา โหนฺตมฺปิ ทุกฺกฏํ สติเยว ปฏิสฺสเว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺส ตสฺส ปฏิสฺสเว ทุกฺกฏ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘ตฺจ โข…เป… ปจฺฉา วิสํวาทนปจฺจยา’’ติ.
อกรณีโยติ สตฺตาหกรณีเยน อกรณีโย. สกรณีโยติ สตฺตาหกรณีเยเนว สกรณีโย. ยทิ เอวํ ‘‘สตฺตาหกรณีเยน อกรณีโย สกรณีโย’’ติ จ กสฺมา น วุตฺตนฺติ? ‘‘อกรณีโย’’ติ วุตฺเตปิ สตฺตาหกรณีเยน สกรณียากรณียตา วิฺายตีติ กตฺวา น วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ปรโต ‘‘สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมตี’’ติ วารทฺวเยปิ ‘‘สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ เอตฺตกเมว กสฺมา น วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ตตฺถ ‘‘สตฺตาหกรณีเยนา’’ติ อวตฺวา ‘‘สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วุตฺเต โส ตํ สตฺตาหํ พหิทฺธา วีตินาเมตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ วุตฺเต สตฺตาหสฺส อธิกตตฺตา โส ตํ สตฺตาหํ พหิ วีตินาเมตีติ สกฺกา วตฺตุํ.
เอตฺถ จ อาทิมฺหิ จตฺตาโร วารา นิรเปกฺขคมนํ สนฺธาย วุตฺตา, ตตฺถาปิ ปุริมา ทฺเว วารา วสฺสํ อนุปคตสฺส วเสน วุตฺตา, ปจฺฉิมา ปน ทฺเว วารา วสฺสํ อุปคตสฺส วเสน, ตโต ปรํ ทฺเว วารา สาเปกฺขคมนํ สนฺธาย วุตฺตา, ตตฺถาปิ ปมวาโร สาเปกฺขสฺสปิ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา ตํ สตฺตาหํ พหิทฺธา วีตินาเมนฺตสฺส วสฺสจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต, อิตโร วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา อนฺโตสตฺตาเห นิวตฺตนฺตสฺส วสฺสจฺเฉทาภาวทสฺสนตฺถํ. ‘‘โส สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ อยํ ปน วาโร นวมิโต ปฏฺาย คนฺตฺวา สตฺตาหํ พหิทฺธา วีตินาเมนฺตสฺสปิ วสฺสจฺเฉทาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘อกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ ทุติยวารสฺส อนาคตตฺตา นวมิโต ปฏฺาย คจฺฉนฺเตนปิ สติเยว กรณีเย คนฺตพฺพํ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ. อิเม จ สตฺต วารา พหิทฺธา กตอุโปสถิกสฺส วเสน อาคตา, อปเร ¶ สตฺต อนฺโตวิหารํ คนฺตฺวา กตอุโปสถสฺส วเสนาติ เอวํ ปุริมิกาย วเสน จุทฺทส วารา วุตฺตา, ตโต ปรํ ปจฺฉิมิกาย วเสน เตเยว จุทฺทส วารา วุตฺตาติ เอวเมเตสํ นานากรณํ เวทิตพฺพํ.
อิเมหิ ¶ ปน สพฺพวาเรหิ วุตฺตมตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โส ตทเหว อกรณีโยติอาทีสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. โก ปน วาโท ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา อนฺโตสตฺตาเห นิวตฺตนฺตสฺสาติ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา อนฺโตสตฺตาเห นิวตฺตนฺตสฺส โก ปน วาโท, กถา เอว นตฺถีติ อธิปฺปาโย. อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา น อุเปติ.
โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมายํ. สา หิ กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที, จตุนฺนํ วสฺสิกานํ มาสานํ ปริโยสานตฺตา ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ. ตทา หิ กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ, ตสฺมา กุมุทานํ สมูโห, กุมุทานิ เอว วา โกมุทา, เต เอตฺถ อตฺถีติ ‘‘โกมุที’’ติ วุจฺจติ, กุมุทวตีติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ปฏิสฺสวทุกฺกฏาปตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปวารณกฺขนฺธกํ
อผาสุกวิหารกถาวณฺณนา
๒๐๙. ปวารณกฺขนฺธเก ¶ ¶ อาทิโต ลาโป อาลาโป, วจนปฏิวจนวเสน สมํ ลาโป สลฺลาโป. ปิณฺฑาย ปฏิกฺกเมยฺยาติ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺจาคจฺเฉยฺย. อวกฺการปาตึ โธวิตฺวา อุปฏฺาเปยฺยาติ อติเรกปิณฺฑปาตํ อปเนตฺวา ปนตฺถาย เอกํ สมุคฺคปาตึ โธวิตฺวา เปยฺย. สมุคฺคปาติ นาม สมุคฺคปุฏสทิสา ปาติ. อปฺปหริเตติ อปรูฬฺหหริเต, ยสฺมึ าเน ปิณฺฑปาตชฺโฌตฺถรเณน วินสฺสนธมฺมานิ ติณานิ นตฺถิ, ตสฺมินฺติ อตฺโถ. เตน นิตฺติณฺจ มหาติณคหนฺจ ยตฺถ สกเฏนปิ ฉฑฺฑิเต ปิณฺฑปาเต ติณานิ น วินสฺสนฺติ, ตฺจ านํ ปริคฺคหิตํ โหติ. ภูตคามสิกฺขาปทสฺส หิ อวิโกปนตฺถเมตํ วุตฺตํ. อปฺปาณเกติ นิปฺปาณเก, ปิณฺฑปาตชฺโฌตฺถรเณน มริตพฺพปาณกรหิเต วา มหาอุทกกฺขนฺเธ. ปริตฺโตทเก เอว หิ ภตฺตปกฺเขเปน อาลุฬิเต สุขุมปาณกา มรนฺติ, น มหาตฬากาทีสูติ. ปาณกานุรกฺขณตฺถฺหิ เอตํ วุตฺตํ. โอปิลาเปยฺยาติ นิมุชฺชาเปยฺย.
วจฺจฆฏนฺติ อาจมนกุมฺภี. ริตฺตนฺติ ริตฺตกํ. ตุจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อวิสยฺหนฺติ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อติภาริกํ. หตฺถวิกาเรนาติ หตฺถสฺาย. หตฺเถหิ อุกฺขิปนํ หตฺถวิลงฺฆนํ. เตนาห ‘‘หตฺถุกฺเขปเกนา’’ติ. อถ วา วิลงฺเฆติ เทสนฺตรํ ปาเปติ เอเตนาติ วิลงฺฆโก, หตฺโถ เอว วิลงฺฆโก หตฺถวิลงฺฆโก, เตน หตฺถวิลงฺฆเกน, อฺมฺํ สํสิพฺพิตหตฺเถนาติ วุตฺตํ โหติ. ทฺเว หิ ชนา หตฺเถน หตฺถํ สํสิพฺเพตฺวา ทฺวีสุ หตฺเถสุ เปตฺวา อุฏฺเปนฺตา หตฺถวิลงฺฆเกน อุฏฺเปนฺติ นาม. ติตฺถิยสมาทานนฺติ ติตฺถิเยหิ สมาทาตพฺพํ.
อผาสุกวิหารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปวารณาเภทกถาวณฺณนา
๒๑๒. ทฺเวมา ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ปวารณา จาตุทฺทสิกา จ ปนฺนรสิกา จาติ เอตฺถ ปุริมวสฺสํวุตฺถานํ ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, เตสํเยว สเจ ภณฺฑนการเกหิ อุปทฺทุตา ปวารณํ ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺติ, อถ กตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขจาตุทฺทโส วา ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา วา, ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอว วาติ อิเม ตโย ปวารณทิวสาติ เวทิตพฺพา. อิทฺจ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ, ตถารูปปจฺจเย ปน สติ ทฺวินฺนํ กตฺติกปุณฺณมานํ ปุริเมสุ จาตุทฺทเสสุปิ ปวารณํ กาตุํ วฏฺฏติ, เตเนว มหาวิหาเร ภิกฺขู จาตุทฺทสิยา ปวาเรตฺวา ปนฺนรสิยา กายสามคฺคึ เทนฺติ, เจติยคิริมหทสฺสนตฺถมฺปิ อฏฺมิยา คจฺฉนฺติ, ตมฺปิ จาตุทฺทสิยํ ปวาเรตุกามานฺเว โหติ.
ปวารณาทานานุชานนกถาวณฺณนา
๒๑๓. สเจ ปน วุฑฺฒตโร โหตีติ สเจ ปวารณทายโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร โหติ. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณทายเกน ภิกฺขุนา.
อนาปตฺติปนฺนรสกกถาวณฺณนา
๒๒๒. ปนฺนรสเกสุ ปวาริตมตฺเตติ ปวาริตสมนนฺตรํ. อวุฏฺิตาย ปริสายาติ ปวาเรตฺวา ปจฺฉา อฺมฺํ กเถนฺติยา. เอกจฺจาย วุฏฺิตายาติ เอกจฺเจสุ ยถานิสินฺเนสุ เอกจฺเจสุ สกสกฏฺานํ คเตสุ. ปุน ปวาริตพฺพนฺติ ปุนปิ สพฺเพหิ สมาคนฺตฺวา ปวาเรตพฺพํ. อาคจฺฉนฺติ สมสมา, เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพนฺติ คเต อนาเนตฺวา นิสินฺนานฺเว สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. สพฺพาย วุฏฺิตาย ปริสาย อาคจฺฉนฺติ สมสมา, เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพนฺติ ยทิ สพฺเพ วุฏฺหิตฺวา คตา สนฺนิปาเตตฺุจ น สกฺกา, เอกจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ปวาเรตุํ วฏฺฏติ, ตฺตึ เปตฺวา กตฺตพฺพสงฺฆกมฺมาภาวา วคฺคํ น โหติ. อุโปสเถปิ เอเสว นโย.
ปวารณาปนกถาวณฺณนา
๒๓๗. ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ. ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา ¶ , น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติอาทินา สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาตีติ อนฺตคฺคาหิกา.
ภณฺฑนการกวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๔๐. จตุตฺเถ ¶ กเต สุณนฺตีติ จตุตฺเถ ปนฺนรสิกุโปสเถ กเต อมฺหากํ ปวารณํ เปสฺสนฺตีติ สุณนฺติ. เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติเยน สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ.
ปวารณาสงฺคหกถาวณฺณนา
๒๔๑. อยํ ปวารณาสงฺคโห เอกสฺส ทินฺโนปิ สพฺเพสํ ทินฺโนว โหตีติ อาห ‘‘เอกสฺสปิ วเสน ทาตพฺโพ’’ติ. อาคนฺตุกา เตสํ เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺตีติ สเจปิ สฏฺิวสฺสภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, เตสํ เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺติ. ปวาเรตฺวา ปน อนฺตราปิ จาริกํ ปกฺกมิตุํ ลภนฺตีติ ปวารณาสงฺคเห กเต อนฺตรา ปกฺกมิตุกามา สงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปวาเรตุํ ลภนฺติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
ปวารณกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จมฺมกฺขนฺธกํ
โสณโกฬิวิสวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๔๒. จมฺมกฺขนฺธเก ¶ ¶ อุณฺณปาวารณนฺติ อุณฺณามยํ ปาวารณํ. วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารปจฺจนฺเต ฉายายํ. วิหารสฺส วฑฺฒมานจฺฉายายนฺติปิ วทนฺติ.
โสณสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๒๔๓. สุตฺตตฺโถ ปน สุตฺตวณฺณนาโตเยว คเหตพฺโพติ เอตฺถายํ สุตฺตวณฺณนา. สีตวเนติ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๕๕) เอวํนามเก วเน. ตสฺมึ กิร ปฏิปาฏิยา ปฺจ จงฺกมนสตานิ มาปิตานิ, เตสุ เถโร อตฺตโน สปฺปายํ จงฺกมนํ คเหตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส อารทฺธวีริยสฺส หุตฺวา จงฺกมโต ปาทตลานิ ภิชฺชึสุ, ชาณูหิ จงฺกมโต ชาณุกานิปิ หตฺถตลานิปิ ภิชฺชึสุ, ฉิทฺทานิ อเหสุํ. เอวํ อารทฺธวีริโย วิหรนฺโต โอภาสนิมิตฺตมตฺตกมฺปิ ทสฺเสตุํ นาสกฺขิ. ตสฺส วีริเยน กิลมิตกายสฺส จงฺกมนโกฏิยํ ปาสาณผลเก นิสินฺนสฺส โย วิตกฺโก อุทปาทิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข อายสฺมโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อารทฺธวีริยาติ ปริปุณฺณปคฺคหิตวีริยา. น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ ‘‘สเจ อหํ อุคฺฆฏิตฺู วา วิปฺจิตฺู วา เนยฺโย วา, น เม จิตฺตํ น วิมุจฺเจยฺย, อทฺธา ปน ปทปรโม, เยน เม จิตฺตํ น มุจฺจตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข ปนา’’ติอาทีนิ จินฺเตสิ. ตตฺถ โภคาติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตํ.
ปาตุรโหสีติ เถรสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘อยํ โสโณ อชฺช สีตวเน ปธานภูมิยํ นิสินฺโน อิมํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, คนฺตฺวาสฺส วิตกฺกํ สโหฑฺฒํ คณฺหิตฺวา วีโณปมกมฺมฏฺานํ กเถสฺสามี’’ติ สีตวเน ปาตุรโหสิ. ปฺตฺเต อาสเนติ ปธานิกภิกฺขู อตฺตโน วสนฏฺาเน โอวทิตุํ อาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นิสีทนตฺถํ ยถาลาเภน อาสนมฺปิ ปฺเปตฺวาว ปธานํ กโรนฺติ ¶ , อฺํ อลภมานา ปุราณปณฺณานิ สงฺฆริตฺวา อุปริ สงฺฆาฏึ ปฺเปนฺติ. เถโรปิ อาสนํ ปฺเปตฺวาว ปธานํ อกาสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฺตฺเต อาสเน’’ติ.
ตํ ¶ กึ มฺสีติ สตฺถา ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน อวเสสกมฺมฏฺาเนน อตฺโถ นตฺถิ, อยํ คนฺธพฺพสิปฺเป เฉโก จิณฺณวสี, อตฺตโน วิสเย กถิยมาเน ขิปฺปเมว สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ วีโณปมํ กเถตุํ ‘‘ตํ กึ มฺสี’’ติอาทิมาห. วีณาย ตนฺติสฺสเร กุสลตา นาม วีณาย วาทนกุสลตา, โส จ ตตฺถ กุสโล. มาตาปิตโร หิสฺส ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อฺํ สิปฺปํ สิกฺขนฺโต กาเยน กิลมิสฺสติ, อิทํ ปน อาสเน นิสินฺเนเนว สกฺกา อุคฺคณฺหิตุ’’นฺติ คนฺธพฺพสิปฺปเมว อุคฺคณฺหาเปสุํ. ตสฺส –
‘‘สตฺต สรา ตโย คามา, มุจฺฉนา เอกวีสติ;
านา เอกูนปฺาส, อิจฺเจเต สรมณฺฑลา’’ติ. –
อาทิกํ คนฺธพฺพสิปฺปํ สพฺพเมว ปคุณํ อโหสิ. อจฺจายตาติ อติอายตา ขรมุจฺฉนา. สรวตีติ สรสมฺปนฺนา. กมฺมฺาติ กมฺมกฺขมา กมฺมโยคฺคา. อติสิถิลาติ มนฺทมุจฺฉนา. สเม คุเณ ปติฏฺิตาติ มชฺฌิเม สเร เปตฺวา มุจฺฉิตา.
อจฺจารทฺธนฺติ อติคาฬฺหํ. อุทฺธจฺจาย สํวตฺตตีติ อุทฺธตภาวาย สํวตฺตติ. อติลีนนฺติ อติสิถิลํ. โกสชฺชายาติ กุสีตภาวตฺถาย. วีริยสมถํ อธิฏฺาหีติ วีริยสมฺปยุตฺตํ สมถํ อธิฏฺาหิ, วีริยํ สมเถน โยเชหีติ อตฺโถ. อินฺทฺริยานฺจ สมตํ อธิฏฺาหีติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมตํ สมภาวํ อธิฏฺาหิ. ตตฺถ สทฺธํ ปฺาย, ปฺฺจ สทฺธาย, วีริยํ สมาธินา, สมาธิฺจ วีริเยน โยชยตา อินฺทฺริยานํ สมตา อธิฏฺิตา นาม โหติ. สติ ปน สพฺพตฺถิกา, สา สทาปิ พลวตีเยว วฏฺฏติ. ตฺจ ปน เนสํ โยชนาวิธานํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๐-๖๒) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ นิมิตฺตํ คณฺหาหีติ ตสฺมิฺจ สมภาเว สติ เยน อาทาเส มุขพิมฺเพเนว นิมิตฺเตน อุปฺปชฺชิตพฺพํ, ตํ สมถนิมิตฺตํ วิปสฺสนานิมิตฺตํ มคฺคนิมิตฺตํ ผลนิมิตฺตฺจ คณฺห นิพฺพตฺเตหีติ เอวมสฺส สตฺถา อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถสิ.
ตตฺถ จ นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ สมถนิมิตฺตฺจ วิปสฺสนานิมิตฺตฺจ อคฺคเหสิ. เอโกติ อสหาโย. วูปกฏฺโติ วตฺถุกาเมหิ จ กิเลสกาเมหิ จ กาเยน เจว จิตฺเตน จ วูปกฏฺโ. อปฺปมตฺโตติ ¶ กมฺมฏฺาเน สตึ ¶ อวิชหนฺโต. อาตาปีติ กายิกเจตสิกวีริยาตาเปน อาตาโป. อาตปฺปติ กิเลเสหีติ อาตาโป, วีริยํ. ปหิตตฺโตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตตฺโต วิสฺสฏฺอตฺตภาโว, นิพฺพาเน วา เปสิตจิตฺโต. น จิรสฺเสวาติ กมฺมฏฺานารมฺภโต น จิเรเนว. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร เอโก มหาสาวโก อโหสีติ อตฺโถ.
๒๔๔. วุสิตวาติ วุตฺถพฺรหฺมจริยวาโส. กตกรณีโยติ จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพํ กตฺวา ิโต. โอหิตภาโรติ ขนฺธภารํ กิเลสภารํ อภิสงฺขารภารฺจ โอตาเรตฺวา ิโต. อนุปฺปตฺตสทตฺโถติ สทตฺโถ วุจฺจติ อรหตฺตํ, ตํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ ขีณภวพนฺธโน. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ สมฺมา เหตุนา การเณน ชานิตฺวา วิมุตฺโต. ฉ านานีติ ฉ การณานิ. อธิมุตฺโต โหตีติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิโต โหติ. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติอาทิ สพฺพํ อรหตฺตวเสน วุตฺตํ. อรหตฺตฺหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺขนฺตตฺตา เนกฺขมฺมํ, เตเหว ปวิวิตฺตตฺตา ปวิเวโก, พฺยาปชฺชาภาวโต อพฺยาปชฺชํ, อุปาทานสฺส ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา อุปาทานกฺขโย, ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ตณฺหกฺขโย, สมฺโมหาภาวโต อสมฺโมโหติ จ วุจฺจติ.
เกวลํ สทฺธามตฺตกนฺติ ปฏิเวธรหิตํ เกวลํ ปฏิเวธปฺาย อสมฺมิสฺสํ สทฺธามตฺตกํ. ปฏิจยนฺติ ปุนปฺปุนํ กรเณน วฑฺฒึ. วีตราคตฺตาติ มคฺคปฏิเวเธน ราคสฺส วิหตตฺตาเยว เนกฺขมฺมสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สจฺฉิกตฺวา ิโต โหติ, ผลสมาปตฺติวิหาเรน วิหรติ, ตนฺนินฺนมานโสเยว โหตีติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
ลาภสกฺการสิโลกนฺติ จตุปจฺจยลาภฺจ เตสํเยว สุกตภาวฺจ วณฺณภณนฺจ. นิกามยมาโนติ อิจฺฉมาโน ปตฺถยมาโน. ปวิเวกาธิมุตฺโตติ ‘‘ปวิเวเก อธิมุตฺโต อห’’นฺติ เอวํ อรหตฺตํ พฺยากโรตีติ อตฺโถ.
สีลพฺพตปรามาสนฺติ สีลฺจ วตฺจ ปรามสิตฺวา คหิตคฺคหณมตฺตํ. สารโต ปจฺจาคจฺฉนฺโตติ สารภาเวน ชานนฺโต. อพฺยาปชฺชาธิมุตฺโตติ ¶ อพฺยาปชฺชํ อรหตฺตํ พฺยากโรติ. อิมินาว นเยน สพฺพวาเรสุ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อปิเจตฺถ ‘‘เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติ อิมสฺมึเยว อรหตฺตํ กถิตํ, เสเสสุ ปฺจสุ นิพฺพาน’’นฺติ เอเก วทนฺติ. อปเร ‘‘อสมฺโมหาธิมุตฺโตติ ¶ เอตฺเถว นิพฺพานํ กถิตํ, เสเสสุ อรหตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สาโร – ‘‘สพฺเพสฺเวเวเตสุ อรหตฺตมฺปิ นิพฺพานมฺปิ กถิตเมวาติ.
ภุสาติ พลวนฺโต ทิพฺพรูปสทิสา. เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺตีติ เอตสฺส ขีณาสวสฺส จิตฺตํ คเหตฺวา าตุํ น สกฺโกนฺติ. กิเลสา หิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตํ คณฺหนฺติ นาม. อมิสฺสีกตนฺติ อมิสฺสกตํ. กิเลสา หิ อารมฺมเณน สทฺธึ จิตฺตํ มิสฺสํ กโรนฺติ, เตสํ อภาวา อมิสฺสีกตํ. ิตนฺติ ปติฏฺิตํ. อาเนฺชปฺปตฺตนฺติ อจลนปฺปตฺตํ. วยฺจสฺสานุปสฺสตีติ ตสฺส เจส จิตฺตสฺส อุปฺปาทมฺปิ วยมฺปิ ปสฺสติ. ภุสา วาตวุฏฺีติ พลวา วาตกฺขนฺโธ. เนว นํ สงฺกมฺเปยฺยาติ เอกภาเคน จาเลตุํ น สกฺกุเณยฺย. น สมฺปกมฺเปยฺยาติ ถูณํ วิย สพฺพภาคโต กมฺเปตุํ น สกฺกุเณยฺย. น สมฺปเวเธยฺยาติ เวเธตฺวา ปเวเธตฺวา ปาเตตุํ น สกฺกุเณยฺย.
เนกฺขมฺมํ อธิมุตฺตสฺสาติ อรหตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตสฺส. เสสปเทสุปิ อรหตฺตเมว กถิตํ. อุปาทานกฺขยสฺส จาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. อสมฺโมหฺจ เจตโสติ จิตฺตสฺส จ อสมฺโมหํ อธิมุตฺตสฺส. ทิสฺวา อายตนุปฺปาทนฺติ อายตนานํ อุปฺปาทฺจ วยฺจ ทิสฺวา. สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ สมฺมา เหตุนา นเยน อิมาย วิปสฺสนาย ปฏิปตฺติยา ผลสมาปตฺติวเสน จิตฺตํ วิมุจฺจติ, นิพฺพานารมฺมเณ อธิมุจฺจติ. อถ วา อิมินา ขีณาสวสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา. ตสฺส หิ อายตนุปฺปาทํ ทิสฺวา อิมาย วิปสฺสนาย อธิคตสฺส อริยมคฺคสฺส อานุภาเวน สพฺพกิเลเสหิ สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจติ. เอวํ ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส…เป… น วิชฺชติ. ตตฺถ สนฺตจิตฺตสฺสาติ นิพฺพุตจิตฺตสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
โสณสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สพฺพนีลิกาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา
๒๔๖. อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ ¶ อภินวาริฏฺผลวณฺณา. อุทเกน ตินฺตกากปตฺตวณฺณาติปิ วทนฺติ.
อชฺฌาราเม อุปาหนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา
๒๔๘. อภิชีวนฺติ ¶ เอเตนาติ อภิชีวนิกํ. กินฺตํ? สิปฺปํ. เตนาห ‘‘เยน สิปฺเปนา’’ติอาทิ.
กฏฺปาทุกาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา
๒๕๑. อุณฺณาหิ กตปาทุกาติ อุณฺณาโลมมยกมฺพเลหิ, อุณฺณาโลเมหิ เอว วา กตปาทุกา. น, ภิกฺขเว, คาวีนํ วิสาเณสุ คเหตพฺพนฺติอาทีสุ ‘‘โมกฺขาธิปฺปาเยน วิสาณาทีสุ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
ยานาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา
๒๕๓. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ หตฺถวฏฺฏกนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, หตฺถวฏฺฏก’’นฺติ เอวํ ปจฺเจกวากฺยปริสมาปนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปุริสยุตฺตํ อิตฺถิสารถิ วา…เป… ปุริสา วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ. ปีกสิวิกนฺติ ปีกยานํ. ปาฏงฺกินฺติ อนฺโทลิกาเยตํ อธิวจนํ.
อุจฺจาสยนมหาสยนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา
๒๕๔. วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. ‘‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโก’’ติ สารสมาเส วุตฺตํ. ‘‘ทีฆโลมโก มหาโกชโวติ จตุรงฺคุลาธิกโลโม กาฬโกชโว. ‘‘จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานี’’ติ วจนโต จตุรงฺคุลโต เหฏฺา วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วิจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโก อุณฺณามยตฺถรโณติ อุณฺณามยโลหิตตฺถรโณ. ปกติตูลิกาติ รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลสงฺขาตานํ ติณฺณํ ตูลานํ อฺตรปุณฺณา ตูลิกา. ‘‘อุทฺทโลมีติ ¶ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕) วุตฺตํ, สารสมาเส ปน ‘‘อุทฺทโลมีติ เอกโต อุคฺคตปุปฺผํ. เอกนฺตโลมีติ อุภโต อุคฺคตปุปฺผ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฏมย’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปเนตฺถ ‘‘เปตฺวา ¶ ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เปตฺวา ตูลิก’’นฺติ เอเตน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘‘รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ อิมินา ปน ยานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ตานิ ภูมตฺถรณวเสน ยถานุรูปํ มฺจาทีสุ จ อุปเนตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพตฺตา อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สุตฺตนฺติกเทสนายํ ปน คหฏฺานมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ…เป… วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ อปเร.
อชินจมฺเมหีติ อชินมิคจมฺเมหิ. ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปเวณี’’ติ. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ, ตฺจ โลหิตวิตานํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อุปริพทฺเธน รตฺตวิตาเนนา’’ติ. ‘‘รตฺตวิตาเนสุ จ กาสาวํ วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาอุปธานนฺติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อุปธานํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ อฏฺ. ๑.๑๕) ‘‘อโลหิตกานิ ทฺเวปิ วฏฺฏนฺติเยว, ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อฺเสํ ทาตพฺพานิ, ทาตุํ อสกฺโกนฺโต มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ ลภตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ, เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) ปน ‘‘อคิลานสฺส สีสุปธานฺจ ปาทุปธานฺจาติ ทฺวยเมว วฏฺฏติ, คิลานสฺส พิมฺโพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา คิลาโนเยว มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา นิปชฺชิตุํ ลภตีติ เวทิตพฺพํ.
อุจฺจาสยนมหาสยนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คิหิวิกตานฺุาตาทิกถาวณฺณนา
๒๕๖. อภินิสฺสาย ¶ นิสีทิตุนฺติ อปสฺสาย นิสีทิตุํ.
โสณกุฏิกณฺณวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๕๗. ปปตเก ปพฺพเตติ เอตฺถ ‘‘ปวตฺเต ปพฺพเต’’ติปิ ปนฺติ, ปวตฺตนามเก ปพฺพเตติ อตฺโถ. โสโณ อุปาสโกติอาทีสุ (อุทา. อฏฺ. ๔๖) นาเมน โสโณ นาม, ตีหิ สรณคมเนหิ ¶ อุปาสกตฺตปฏิเวทเนน อุปาสโก, โกฏิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ จ วตฺตพฺเพ ‘‘กุฏิกณฺโณ’’ติ เอวํ อภิฺาโต, น สุกุมารโสโณติ อธิปฺปาโย. อยฺหิ อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อภิปฺปสนฺโน สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิโต ปปตเก ปพฺพเต ฉายูทกสมฺปนฺเน าเน วิหารํ กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วสาเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.
โส กาเลน กาลํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ, เถโร จสฺส ธมฺมํ เทเสติ, เตน สํเวคพหุโล ธมฺมจริยายํ อุสฺสาหชาโต วิหรติ. โส เอกทา สตฺเถน สทฺธึ วาณิชฺชตฺถาย อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ สตฺเถ นิวิฏฺเ รตฺติยํ ชนสมฺพาธภเยน เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม นิทฺทํ อุปคฺฉิ. สตฺโถ ปจฺจูสเวลายํ อุฏฺาย คโต, น เอโกปิ โสณํ ปโพเธสิ, สพฺเพ วิสฺสริตฺวา อคมึสุ. โส ปภาตาย รตฺติยา ปพุชฺฌิตฺวา อุฏฺาย กฺจิ อปสฺสนฺโต สตฺเถน คตมคฺคํ คเหตฺวา สีฆํ สีฆํ คจฺฉนฺโต เอกํ วฏรุกฺขํ อุปคฺฉิ. ตตฺถ อทฺทส เอกํ มหากายํ วิรูปทสฺสนํ พีภจฺฉํ ปุริสํ อฏฺิโต มุตฺตานิ อตฺตโน มํสานิ สยเมว ขาทนฺตํ, ทิสฺวาน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. เปโตสฺมิ, ภนฺเตติ. กสฺมา เอวํ กโรสีติ? อตฺตโน ปุพฺพกมฺเมนาติ. กึ ปน ตํ กมฺมนฺติ? อหํ ปุพฺเพ ภารุกจฺฉนครวาสี กูฏวาณิโช หุตฺวา ปเรสํ สนฺตกํ วฺเจตฺวา ขาทึ, สมเณ จ ภิกฺขาย อุปคเต ‘‘ตุมฺหากํ มํสํ ขาทถา’’ติ อกฺโกสึ, เตน กมฺเมน เอตรหิ อิมํ ทุกฺขํ อนุภวามีติ. ตํ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคํ ปฏิลภิ.
ตโต ¶ ปรํ คจฺฉนฺโต มุขโต ปคฺฆริตกาฬโลหิเต ทฺเว เปตทารเก ปสฺสิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ, เตปิสฺส อตฺตโน กมฺมํ กเถสุํ. เต กิร ภารุกจฺฉนคเร ทารกกาเล คนฺธวาณิชฺชาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา อตฺตโน มาตริ ขีณาสเว นิมนฺเตตฺวา โภเชนฺติยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ สนฺตกํ กสฺมา สมณานํ เทสิ, ตยา ทินฺนํ โภชนํ ภฺุชนกสมณานํ มุขโต กาฬโลหิตํ ปคฺฆรตู’’ติ อกฺโกสึสุ. เต เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺส วิปากาวเสเสน เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตทา อิมํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคชาโต อโหสิ.
โส อุชฺเชนึ คนฺตฺวา ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา กุรรฆรํ ปจฺจาคโต เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโรปิสฺส ปวตฺตินิวตฺตีสุ อาทีนวานิสํเส วิภาเวนฺโต ธมฺมํ ¶ เทเสสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา เคหํ คโต สายมาสํ ภฺุชิตฺวา สยนํ อุปคโต โถกํเยว นิทฺทายิตฺวา ปพุชฺฌิตฺวา สยนตเล นิสชฺช ยถาสุตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตุํ อารทฺโธ. ตสฺส ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขโต เต จ เปตตฺตภาเว อนุสฺสรโต สํสารทุกฺขํ อติวิย ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาสิ, ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส วิภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา เถรํ อุปคนฺตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ อาโรเจตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โสโณ อุปาสโก…เป… ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, อยฺโย มหากจฺจาโน’’ติ.
ตตฺถ ยถา ยถาติอาทิปทานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – เยน เยน อากาเรน อยฺโย มหากจฺจาโน ธมฺมํ เทเสติ อาจิกฺขติ ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานึ กโรติ ปกาเสติ, เตน เตน เม อุปปริกฺขโต เอวํ โหติ ‘‘ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ, เอกทิวสมฺปิ กิเลสมเลน อมลีนํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ, สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ, อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุ’’นฺติ.
เอวํ อตฺตโน ปริวิตกฺกิตํ โสโณ อุปาสโก เถรสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ปฏิปชฺชิตุกาโม ‘‘อิจฺฉามหํ ภนฺเต’’ติอาทิมาห. เถโร ปน ¶ ‘‘น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ อุปธาเรตฺวา าณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘ทุกฺกรํ โข’’ติอาทินา ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรสิ. ตตฺถ เอกเสยฺยนฺติ อทุติยเสยฺยํ. เอตฺถ จ เสยฺยาสีเสน ‘‘เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ จตูสุ อิริยาปเถสุ กายวิเวกํ ทีเปติ, น เอกิกา หุตฺวา สยนมตฺตํ. เอกภตฺตนฺติ ‘‘เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓ อ. นิ. ๓.๗๑) เอวํ วุตฺตํ วิกาลโภชนา วิรตึ สนฺธาย วทติ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติพฺรหฺมจริยํ, สิกฺขตฺตยานุโยคสงฺขาตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ วา. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. ตตฺเถวาติ เคเหเยว. พุทฺธานํ สาสนํ อนุยฺุชาติ นิจฺจสีลอุโปสถสีลนิยมาทิเภทํ ปฺจงฺคํ อฏฺงฺคํ ทสงฺคฺจ สีลํ ตทนุรูปฺจ สมาธิปฺาภาวนํ อนุยฺุช. เอตฺหิ อุปาสเกน ปุพฺพภาเค อนุยฺุชิตพฺพํ พุทฺธสาสนํ นาม. เตนาห ‘‘กาลยุตฺตํ เอกเสยฺยํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ.
ตตฺถ กาลยุตฺตนฺติ จาตุทฺทสีปฺจทฺทสีอฏฺมีปาฏิหาริกปกฺขสงฺขาเตน กาเลน ยุตฺตํ, ยถาวุตฺตกาเล วา ตุยฺหํ อนุยฺุชนฺตสฺส ยุตฺตํ ปติรูปํ สกฺกุเณยฺยํ, น สพฺพกาลํ สพฺพนฺติ อธิปฺปาโย ¶ . สพฺพเมตํ าณสฺส อปริปกฺกตฺตา ตสฺส กามานํ ทุปฺปหานตาย สมฺมา ปฏิปตฺติยํ โยคฺยํ การาเปตุํ วทติ, น ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรตุํ. ปพฺพชฺชาภิสงฺขาโรติ ปพฺพชิตุํ อารมฺโภ อุสฺสาโห. ปฏิปฺปสฺสมฺภีติ อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตฺตา สํเวคสฺส จ นาติติกฺขภาวโต วูปสมิ. กิฺจาปิ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ, เถเรน วุตฺตวิธึ ปน อนุติฏฺนฺโต กาเลน กาลํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺโต ธมฺมํ สุณาติ. ตสฺส วุตฺตนเยเนว ทุติยมฺปิ ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ, เถรสฺส จ อาโรเจสิ, ทุติยมฺปิ เถโร ปฏิกฺขิปิ. ตติยวาเร ปน าณสฺส ปริปกฺกภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ นํ ปพฺพาเชตุํ กาโล’’ติ เถโร ปพฺพาเชสิ, ปพฺพชิตฺจ ตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกมิตฺวา คณํ ปริเยสิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ทุติยมฺปิ โข โสโณ…เป… อุปสมฺปาเทสี’’ติ.
ตตฺถ อปฺปภิกฺขุโกติ กติปยภิกฺขุโก. ตทา กิร ภิกฺขู เยภุยฺเยน มชฺฌิมเทเสเยว วสึสุ, ตสฺมา ตตฺถ กติปยา เอว อเหสุํ ¶ . เต จ เอกสฺมึ คาเม เอโก, เอกสฺมึ นิคเม ทฺเวติ เอวํ วิสุํ วิสุํ วสึสุ. กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน. กสิเรนาติ อายาเสน. ตโต ตโตติ ตสฺมา ตสฺมา คามนิคมาทิโต. เถเรน หิ กติปเย ภิกฺขู อาเนตฺวา อฺเสุ อานียมาเนสุ ปุพฺเพ อานีตา เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกมึสุ, กฺจิ กาลํ อาคเมตฺวา ปุน เตสุ อานียมาเนสุ อิตเร ปกฺกมึสุ. เอวํ ปุนปฺปุนํ อานยเนน สนฺนิปาโต จิเรเนว อโหสิ. เถโรปิ ตทา เอกวิหารี อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ วสฺสานํ…เป… สนฺนิปาตาเปตฺวา’’ติ.
วสฺสํวุตฺถสฺสาติ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุสิตวโต. เอทิโส จ เอทิโส จาติ เอวรูโป จ เอวรูโป จ. ‘‘เอวรูปาย นาม รูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต, เอวรูปาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต’’ติ สุโตเยว เม โส ภควา. น จ มยา สมฺมุขา ทิฏฺโติ เอตฺถ ปน ปุถุชฺชนสทฺธาย เอว อายสฺมา โสโณ ภควนฺตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. อปรภาเค ปน สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ปจฺจูสสมยํ อชฺฌิฏฺโ โสฬส อฏฺกวคฺคิยานิ สตฺถุ สมฺมุขา อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา อตฺถธมฺมปฏิสํเวที หุตฺวา ภณนฺโต ธมฺมุปสฺหิตปาโมชฺชาทิมุเขน สมาหิโต สรภฺปริโยสาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อนุปุพฺเพน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอตทตฺถเมว หิสฺส ภควตา อตฺตนา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วาโส อาณตฺโตติ วทนฺติ.
เกจิ ปนาหุ ‘‘น จ มยา สมฺมุขา ทิฏฺโติ อิทํ รูปกายทสฺสนเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อายสฺมา หิ โสโณ ปพฺพชิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนุปสมฺปนฺโนว ¶ โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ‘อุปาสกาปิ โสตาปนฺนา โหนฺติ, อหมฺปิ โสตาปนฺโน, กิเมตฺถ จิตฺต’นฺติ อุปริมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว ฉฬภิฺโ หุตฺวา วิสุทฺธิปวารณาย ปวาเรสิ. อริยสจฺจทสฺสเนน ภควโต ธมฺมกาโย ทิฏฺโ นาม โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗). ตสฺมาสฺส ธมฺมกายทสฺสนํ ปเคว สิทฺธํ, ปวาเรตฺวา ปน รูปกายํ ทฏฺุกาโม อโหสี’’ติ.
ปาสาทิกนฺติอาทิปทานํ ¶ อตฺโถ อฏฺกถายเมว วุตฺโต. ตตฺถ วิสูกายิกวิปฺผนฺทิตานนฺติ ปฏิปกฺขภูตานํ ทิฏฺิจิตฺตวิปฺผนฺทิตานนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิกนฺติ (อุทา. อฏฺ. ๑๐) วา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตาย สมนฺตปาสาทิกาย อตฺตโน สรีรปฺปภาย สมฺปตฺติยา รูปกายทสฺสนพฺยาวฏสฺส ชนสฺส สพฺพภาคโต ปสาทาวหํ. ปสาทนียนฺติ ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสอาเวณิกพุทฺธธมฺมปฺปภุติอปริมาณคุณคณสมนฺนาคตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา ปริกฺขกชนสฺส ปสาทนียํ ปสีทิตพฺพยุตฺตํ ปสาทกํ วา. สนฺตินฺทฺริยนฺติ จกฺขาทิปฺจินฺทฺริยโลลตาวิคเมน วูปสนฺตปฺจินฺทฺริยํ. สนฺตมานสนฺติ ฉฏฺสฺส มนินฺทฺริยสฺส นิพฺพิเสวนภาวูปคมเนน วูปสนฺตมานสํ. อุตฺตมทมถสมถํ อนุปฺปตฺตนฺติ โลกุตฺตรปฺาวิมุตฺติเจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ อุตฺตมํ ทมถํ สมถฺจ อนุปฺปตฺวา อธิคนฺตฺวา ิตํ. ทนฺตนฺติ สุปริสุทฺธกายสมาจารตาย หตฺถปาทกุกฺกุจฺจาภาวโต ทวาทิอภาวโต จ กาเยน ทนฺตํ. คุตฺตนฺติ สุปริสุทฺธวจีสมาจารตาย นิรตฺถกวาจาภาวโต รวาทิอภาวโต จ วาจาย คุตฺตํ. ยตินฺทฺริยนฺติ สุปริสุทฺธมโนสมาจารตาย อริยิทฺธิโยเคน อพฺยาวฏอปฺปฏิสงฺขุเปกฺขาภาวโต จ มนินฺทฺริยวเสน ยตินฺทฺริยํ. นาคนฺติ ฉนฺทาทิวเสน อคมนโต, ปหีนานํ ราคาทิกิเลสานํ อปุนาคมนโต อปจฺจาคมนโต กสฺสจิปิ อาคุสฺส สพฺพถาปิ อกรณโต, ปุนพฺภวสฺส จ อคมนโตติ อิเมหิ การเณหิ นาคํ. เอตฺถ จ ‘‘ปาสาทิก’’นฺติ อิมินา รูปกาเยน ภควโต ปมาณภูตตํ ทีเปติ, ‘‘ปสาทนีย’’นฺติ อิมินา ธมฺมกาเยน. ‘‘สนฺตินฺทฺริย’’นฺติอาทินา เสเสหิ ปมาณภูตตํ ทีเปติ, เตน จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส อนวเสสโต สตฺตานํ ภควโต ปมาณภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอกวิหาเรติ เอกคนฺธกุฏิยํ. คนฺธกุฏิ หิ อิธ ‘‘วิหาโร’’ติ อธิปฺเปโต. วตฺถุนฺติ วสิตุํ.
๒๕๘. อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวาติ (อุทา. อฏฺ. ๔๖) อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา. ‘‘ยสฺมา ภควา อายสฺมโต โสณสฺส สมาปตฺติสมาปชฺชเนน ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต สาวกสาธารณา สพฺพา สมาปตฺติโย ¶ อนุโลมปฏิโลมํ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสิ, ตสฺมา อายสฺมาปิ โสโณ ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ตทนุรูปํ สพฺพา ตา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส ¶ นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ปวิสิตฺวา จ ภควตา อนฺุาโต จีวรํ ติโรกรณียํ กตฺวาปิ ภควโต ปาทปสฺเส นิสชฺชาย วีตินาเมสิ. อชฺเฌสีติ อาณาเปสิ. ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุนฺติ ภิกฺขุ ตุยฺหํ ธมฺโม ภาสิตุํ อุปฏฺาตุ าณมุขํ อาคจฺฉตุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ภณาหีติ อตฺโถ.
สพฺพาเนว อฏฺกวคฺคิกานีติ อฏฺกวคฺคภูตานิ กามสุตฺตาทีนิ (มหานิ. ๑) โสฬส สุตฺตานิ. สเรน อภาสีติ สุตฺตุสฺสารณสเรน อภาสิ, สรภฺวเสน กเถสีติ อตฺโถ. สรภฺปริโยสาเนติ อุสฺสารณาวสาเน. สุคฺคหิตานีติ สมฺมา อุคฺคหิตานิ. สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานิ. เอกจฺโจ อุคฺคหณกาเล สมฺมา อุคฺคเหตฺวาปิ ปจฺฉา สชฺฌายาทิวเสน มนสิกรณกาเล พฺยฺชนานิ วา มิจฺฉา โรเปติ, ปทปจฺจาภฏฺํ วา กโรติ, น เอวมยํ. อิมินา ปน สมฺมเทว ยถุคฺคหิตํ มนสิ กตานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานี’’ติ. สูปธาริตานีติ อตฺถโตปิ สุฏฺุ อุปธาริตานิ. อตฺเถ หิ สุฏฺุ อุปธาริเต สกฺกา ปาฬิ สมฺมา อุสฺสาเรตุํ. กลฺยาณิยาปิ วาจาย สมนฺนาคโตติ สิถิลธนิตาทีนํ ยถาวิธานํ วจเนน ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต. วิสฺสฏฺายาติ วิมุตฺตาย. เอเตนสฺส วิมุตฺตวาทิตํ ทสฺเสติ. อเนลคลายาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, ตํ น ปคฺฆรตีติ อเนลคลา, ตาย นิทฺโทสายาติ อตฺโถ. อถ วา อเนลคลายาติ อเนลาย จ อคลาย จ, นิทฺโทสาย อคลิตปทพฺยฺชนาย อปริหีนปทพฺยฺชนายาติ อตฺโถ. ตถา หิ นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กลฺยาณวากฺกรณานํ ยทิทํ โสโณ กุฏิกณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๖) เอตทคฺเค เปสิ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ ยถาธิปฺเปตํ อตฺถํ าเปตุํ สมตฺถาย.
กติวสฺโสติ ¶ โส กิร มชฺฌิมวยสฺส ตติเย โกฏฺาเส ิโต อากปฺปสมฺปนฺโน จ ปเรสํ จิรตรปพฺพชิโต วิย ขายติ. ตํ สนฺธาย ภควา ปุจฺฉีติ เกจิ, ตํ อการณํ. เอวํ สนฺตํ สมาธิสุขํ อนุภวิตุํ ยุตฺโต, เอตฺตกํ กาลํ กสฺมา ปมาทํ อาปนฺโนสีติ ปน อนุยฺุชิตุํ สตฺถา ‘‘กติวสฺโสสี’’ติ ตํ ปุจฺฉิ. เตเนวาห ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ จิรํ อกาสี’’ติ. ตตฺถ กิสฺสาติ กึการณา. เอวํ จิรํ อกาสีติ เอวํ จิรายิ, เกน การเณน เอวํ จิรกาลํ ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา อคารมชฺเฌ วสีติ อตฺโถ. จิรํ ทิฏฺโ เมติ จิเรน ¶ จิรกาเลน มยา ทิฏฺโ. กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ จ. อาทีนโวติ โทโส. อปิจาติ กาเมสุ อาทีนเว เกนจิ ปกาเรน ทิฏฺเปิ น ตาวาหํ ฆราวาสโต นิกฺขมิตุํ อสกฺขึ. กสฺมา? สมฺพาโธ ฆราวาโส, อุจฺจาวเจหิ กิจฺจกรณีเยหิ สมุปพฺยูฬฺโห อคาริยภาโว. เตเนวาห ‘‘พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ กาเมสุ ยถาภูตํ อาทีนวทสฺสิโน จิตฺตํ จิรายิตฺวาปิ ฆราวาเส น ปกฺขนฺทติ, อฺทตฺถุ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย วินิวตฺตติเยวาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ปวตฺตึ นิวตฺติฺจ สมฺมเทว ชานนฺโต ปวตฺติยํ ตํนิมิตฺเต จ น กทาจิปิ รมตีติ อิทมตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ทิสฺวา อาทีนวํ โลเกติ สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารโลเก ‘‘อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติอาทีนวํ โทสํ ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา. เอเตน วิปสฺสนาจาโร กถิโต. ตฺวา ธมฺมํ นิรูปธินฺติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺตา นิรุปธึ นิพฺพานธมฺมํ ยถาภูตํ ตฺวา, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตามตสภาวโต มคฺคาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ‘‘ทิสฺวา ตฺวา’’ติ อิเมสํ ปทานํ ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๑) วิย เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา. อริโย น รมตี ปาเปติ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริโย สปฺปุริโส อณุมตฺเตปิ ปาเป น รมติ. กสฺมา? ปาเป น รมตี สุจีติ สุวิสุทฺธกายสมาจาราทิตาย สุจิ สุทฺธปุคฺคโล ราชหํโส วิย อุจฺจารฏฺาเน ปาเป สํกิลิฏฺธมฺเม น รมติ นาภินนฺทติ. ‘‘ปาโป ¶ น รมตี สุจิ’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – ปาโป ปุคฺคโล สุจึ อนวชฺชํ โวทานธมฺมํ น รมติ, อฺทตฺถุ คามสูกราทโย วิย อุจฺจารฏฺานํ อสุจึ สํกิเลสธมฺมํเยว รมตีติ ปฏิปกฺขโต เทสนํ ปริวตฺเตติ.
โสณกุฏิกณฺณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๕๙. กาฬสีโหติ กาฬมุขวานรชาติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เภสชฺชกฺขนฺธกํ
ปฺจเภสชฺชาทิกถาวณฺณนา
๒๖๑. เภสชฺชกฺขนฺธเก ¶ ¶ นจฺฉาเทนฺตีติ รุจึ น อุปฺปาเทนฺติ.
๒๖๒. สุสุกาติ สมุทฺเท ภวา เอกา มจฺฉชาติ. กุมฺภีลาติปิ วทนฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภคํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๒๖๓. ปิฏฺเหีติ ปิสิเตหิ. อุพฺภิทํ นาม อูสรปํสุมยํ.
๒๖๔. ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ. เตน เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ.
๒๖๕. สุวณฺณเครุโกติ สุวณฺณตุตฺถาทิ. อฺชนูปปิสนนฺติ อฺชนตฺถาย อุปปิสิตพฺพํ ยํ กิฺจิ จุณฺณชาตํ.
๒๖๘. สามํ คเหตฺวาติ เอตฺถ สปฺปทฏฺสฺส อตฺถาย อฺเน ภิกฺขุนา คหิตมฺปิ สามํ คหิตสงฺขเมว คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.
๒๖๙. ฆรทินฺนกาพาโธ นาม วสีกรณตฺถาย ฆรณิยา ทินฺนเภสชฺชสมุฏฺิโต อาพาโธ. เตนาห ‘‘วสีกรณปาณกสมุฏฺิตโรโค’’ติ. ฆร-สทฺโท เจตฺถ อเภเทน ฆรณิยา วตฺตมาโน อธิปฺเปโต. ‘‘อกฏยูเสนาติ อนภิสงฺขเตน มุคฺคยูเสน. กฏากเฏนาติ มุคฺเค ปจิตฺวา อจาเลตฺวาว ปริสฺสาวิเตน มุคฺคสูเปนา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
คุฬาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๒๗๒. คุฬกรณนฺติ ¶ คุฬกรณฏฺานํ, อุจฺฉุสาลนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๒๗๖. อปฺปมตฺตเกปิ ¶ ปวาเรนฺตีติ อปฺปมตฺตเกปิ คหิเต ปวาเรนฺติ, ‘‘พหุมฺหิ คหิเต อฺเสํ นปฺปโหตี’’ติ มฺมานา อปฺปมตฺตกํ คเหตฺวา ปวาเรนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปฏิสงฺขาปิ ปฏิกฺขิปนฺตีติ ‘‘ทิวา โภชนตฺถาย ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวาปิ ปฏิกฺขิปนฺติ.
๒๗๙. สมฺพาเธ ทหนกมฺมํ ปฏิกฺเขปาภาโว วฏฺฏติ.
๒๘๐. อุภโตปสนฺนาติ อุภยโต ปสนฺนา. มาฆาโตติ ‘‘มา ฆาเตถ ปาณิโน’’ติ เอวํ มาฆาตโฆสิตทิวโส.
ยาคุมธุโคฬกาทิกถาวณฺณนา
๒๘๒. มธุโคฬกนฺติ สกฺกราทิสํยุตฺตปูวํ. อายุํ เทตีติ อายุทานํ เทติ. วณฺณนฺติ สรีรวณฺณํ. สุขนฺติ กายิกเจตสิกสุขํ. พลนฺติ สรีรถามํ. ปฏิภานนฺติ ยุตฺตมุตฺตปฏิภานํ. วาตํ อนุโลเมตีติ วาตํ อนุโลเมตฺวา หรติ. วตฺถึ โสเธตีติ ธมนิโย สุทฺธํ กโรติ. อามาวเสสํ ปาเจตีติ สเจ อามาวเสสกํ โหติ, ตํ ปาเจติ. อนุปฺปเวจฺฉตีติ เทติ. วาตฺจ พฺยปเนตีติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.
๒๘๓. นนุ จ ‘‘ปรมฺปรโภชเนน กาเรตพฺโพ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ. ปรมฺปรโภชนฺหิ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺติตสฺส ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ ภฺุชนฺตสฺส โหติ, อิเม จ ภิกฺขู โภชฺชยาคุํ ปริภฺุชึสุ, ปฺจสุ โภชเนสุ อฺตรนฺติ อาห ‘‘โภชฺชยาคุยา หิ ปวารณา โหตี’’ติ. ยสฺมา ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ ปฏิกฺขิปนฺตสฺส วุตฺตา ปวารณา โภชฺชยาคุํ ปฏิกฺขิปนฺตสฺสปิ โหติเยว, ตสฺมา โภชฺชยาคุปิ โอทนคติกาเยวาติ อธิปฺปาโย.
๒๘๔. สุขุโมชํ ¶ ปกฺขิปึสูติ ‘‘ภควา ปริภฺุชิสฺสตี’’ติ มฺมานา ปกฺขิปึสุ.
ปาฏลิคามวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๘๕. ปาฏลิคาโมติ ¶ (อุทา. อฏฺ. ๗๖) เอวํนามโก มคธรฏฺเ เอโก คาโม. ตสฺส กิร คามสฺส มาปนทิวเส คามงฺคณฏฺาเน ทฺเว ตโย ปาฏลงฺกุรา ปถวิโต อุพฺภิชฺชิตฺวา นิกฺขมึสุ. เตน ตํ ‘‘ปาฏลิคาโม’’ ตฺเวว โวหรึสุ. ตทวสรีติ ตํ ปาฏลิคามํ อวสริ อนุปาปุณิ. ปาฏลิคามิกาติ ปาฏลิคามวาสิโน. อุปาสกาติ เต กิร ภควโต ปมทสฺสเนน เกจิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิตา. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปาสกา’’ติ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ ปาฏลิคาเม กิร อชาตสตฺตุโน ลิจฺฉวิราชูนฺจ มนุสฺสา กาเลน กาลํ คนฺตฺวา เคหสามิเก เคหโต นีหริตฺวา มาสมฺปิ อฑฺฒมาสมฺปิ วสนฺติ. เตน ปาฏลิคามวาสิโน มนุสฺสา นิจฺจุปทฺทุตา ‘‘เอเตสฺเจว อาคตกาเล วสนฏฺานํ ภวิสฺสตีติ เอกปสฺเส อิสฺสรานํ ภณฺฑปฏิสามนฏฺานํ, เอกปสฺเส วสนฏฺานํ, เอกปสฺเส อาคนฺตุกานํ อทฺธิกมนุสฺสานํ, เอกปสฺเส ทลิทฺทานํ กปณมนุสฺสานํ, เอกปสฺเส คิลานานํ วสนฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺเพสํ อฺมฺํ อฆฏฺเฏตฺวา วสนปฺปโหนกํ นครมชฺเฌ มหตึ สาลํ กาเรสุํ, ตสฺส นามํ อาวสถาคารนฺติ. อาคนฺตฺวา วสนฺติ เอตฺถ อาคนฺตุกาติ อาวสโถ, ตเทว อาคารํ อาวสถาคารํ.
ตํ ทิวสฺจ ตํ นิฏฺานํ อคมาสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา อิฏฺกกมฺมสุธากมฺมจิตฺตกมฺมาทิวเสน สุปรินิฏฺิตํ สุสชฺชิตํ เทววิมานสทิสํ ทฺวารโกฏฺกโต ปฏฺาย โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ อาวสถาคารํ อติวิย มโนรมํ สสฺสิริกํ, เกน นุ โข ปมํ ปริภุตฺตํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ จินฺเตสุํ, ตสฺมึเยว จ ขเณ ‘‘ภควา ตํ คามํ อนุปฺปตฺโต’’ติ อสฺโสสุํ, เตน เต อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสา ‘‘อมฺเหหิ ภควา คนฺตฺวาปิ อาเนตพฺโพ สิยา, โส สยเมว อมฺหากํ วสนฏฺานํ สมฺปตฺโต, อชฺช มยํ ภควนฺตํ อิธ วสาเปตฺวา ปมํ ปริภฺุชาเปสฺสาม, ตถา ภิกฺขุสงฺฆํ, ภิกฺขุสงฺเฆ อาคเต เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสติ, สตฺถารํ มงฺคลํ วทาเปสฺสาม, ธมฺมํ กถาเปสฺสาม, อิติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺเต ปจฺฉา อมฺหากํ ปเรสฺจ ปริโภโค ภวิสฺสติ, เอวํ โน ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา เอตทตฺถเมว ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ. ตสฺมา เอวมาหํสุ ‘‘อธิวาเสตุ โน, ภนฺเต, ภควา ¶ อาวสถาคาร’’นฺติ. เตนุปสงฺกมึสูติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๙๗-๒๙๘; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒) กิฺจาปิ ตํ ทิวสเมว ปรินิฏฺิตตฺตา เทววิมานํ ¶ วิย สุสชฺชิตํ สุปฏิชคฺคิตํ, พุทฺธารหํ ปน กตฺวา น ปฺตฺตํ. พุทฺธา หิ นาม อรฺชฺฌาสยา อรฺารามา, อนฺโตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วา, ตสฺมา ภควโต รุจึ ชานิตฺวาว ปฺเปสฺสามาติ จินฺเตตฺวา เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, อิทานิ ภควโต รุจึ ชานิตฺวา ตถา ปฺาเปตุกามา เยนาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมึสุ. สพฺพสนฺถรึ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวาติ เอตฺถ สนฺถรณํ สนฺถริ, สพฺโพ สกโล สนฺถริ เอตฺถาติ สพฺพสนฺถริ. อถ วา สนฺถตนฺติ สนฺถริ, สพฺพํ สนฺถริ สพฺพสนฺถริ, ตํ สพฺพสนฺถรึ. ภาวนปุํสกนิทฺเทโสวายํ, ยถา สพฺพเมว สนฺถตํ โหติ, เอวํ สนฺถริตฺวาติ อตฺโถ. สพฺพปมํ ตาว ‘‘โคมยํ นาม สพฺพมงฺคเลสุ วฏฺฏตี’’ติ สุธาปริกมฺมกตมฺปิ ภูมึ อลฺลโคมเยน โอปฺุชาเปตฺวา ปริสุกฺขภาวํ ตฺวา ยถา อกฺกนฺตฏฺาเน ปทํ ปฺายติ, เอวํ จาตุชฺชาติยคนฺเธหิ ลิมฺเปตฺวา อุปริ นานาวณฺณกฏสารเก สนฺถริตฺวา เตสํ อุปริ มหาปิฏฺิกโกชเว อาทึ กตฺวา หตฺถตฺถรณาทีหิ นานาวณฺเณหิ อตฺถรเณหิ สนฺถริตพฺพยุตฺตกํ สพฺโพกาสํ สนฺถราเปสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพสนฺถรึ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวา’’ติ.
อาสนานีติ มชฺฌฏฺาเน ตาว มงฺคลตฺถมฺภํ นิสฺสาย มหารหํ พุทฺธาสนํ ปฺเปตฺวา ตตฺถ ยํ ยํ มุทุกฺจ มโนรมฺจ ปจฺจตฺถรณํ, ตํ ตํ อตฺถริตฺวา อุภโตโลหิตกํ มนฺุทสฺสนํ อุปธานํ อุปทหิตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกวิจิตฺตวิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามปตฺตาทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา สมนฺตา ทฺวาทสหตฺเถ าเน ปุปฺผชาลํ กาเรตฺวา ตึสหตฺถมตฺตํ านํ ปฏสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา ปจฺฉิมภิตฺตึ นิสฺสาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปลฺลงฺกปีอปสฺสยปีมุณฺฑปีาทีนิ ปฺปาเปตฺวา อุปริ เสตปจฺจตฺถรเณหิ ปจฺจตฺถราเปตฺวา สาลาย ปาจีนปสฺสํ อตฺตโน นิสชฺชาโยคฺคํ กาเรสุํ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาสนานิ ปฺเปตฺวา’’ติ.
อุทกมณิกนฺติ มหากุจฺฉิกํ สเมขลํ อุทกจาฏึ. เอวํ ภควา ภิกฺขุสงฺโฆ จ ยถารุจิยา หตฺถปาเท โธวิสฺสนฺติ, มุขํ วิกฺขาเลสฺสนฺตีติ เตสุ เตสุ าเนสุ มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส ปูเรตฺวา วาสตฺถาย นานาปุปฺผานิ ¶ เจว อุทกวาสจุณฺณานิ จ ปกฺขิปิตฺวา กทลิปณฺเณหิ ปิทหิตฺวา ปติฏฺเปสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปตฺวา’’ติ.
เตลปทีปํ อาโรเปตฺวาติ รชตสุวณฺณาทิมยทณฺฑาสุ ทณฺฑทีปิกาสุ โยนกรูปกาทีนํ หตฺเถ ปิตสุวณฺณรชตาทิมยกปลฺลิกาสุ จ เตลปทีเป ชลยิตฺวา. เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ เอตฺถ ปน เต ปาฏลิคามิกอุปาสกา น เกวลํ อาวสถาคารเมว, อถ โข สกลสฺมิมฺปิ คาเม วีถิโย สชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฏ จ กทลิอาทโย จ ปาเปตฺวา ¶ สกลคามํ ทีปมาลาหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ‘‘ขีรปเก ทารเก ขีรํ ปาเยถ, ทหรกุมาเร ลหุํ ลหุํ โภเชตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺตึ สตฺถา อนฺโตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตี’’ติ เภรึ จราเปตฺวา สยํ ทณฺฑทีปิกา อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ.
อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมีติ ‘‘ยสฺส ทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มฺตี’’ติ เอวํ กิร เตหิ กาเล อาโรจิเต ภควา ลาขารเสน ตินฺตรตฺตโกวิฬารปุปฺผวณฺณํ สุรตฺตํ ทุปฏฺฏํ กตฺตริยา ปทุมํ กนฺเตนฺโต วิย, สํวิธาย ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต นิวาเสตฺวา สุวณฺณปามงฺเคน ปทุมกลาปํ ปริกฺขิปนฺโต วิย, วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพเลน คชกุมฺภํ ปริโยนนฺธนฺโต วิย, รตนสตุพฺเพเธ สุวณฺณคฺฆิเก ปวาฬชาลํ ขิปมาโน วิย, มหติ สุวณฺณเจติเย รตฺตกมฺพลกฺจุกํ ปฏิมฺุจนฺโต วิย, คจฺฉนฺตํ ปุณฺณจนฺทํ รตฺตวลาหเกน ปฏิจฺฉาทยมาโน วิย, กฺจนคิริมตฺถเก สุปกฺกลาขารสํ ปริสิฺจนฺโต วิย, จิตฺตกูฏปพฺพตมตฺถกํ วิชฺชุลตาชาเลน ปริกฺขิปนฺโต วิย จ สจกฺกวาฬสิเนรุยุคนฺธรมหาปถวึ จาเลตฺวา คหิตนิคฺโรธปลฺลวสมานวณฺณํ รตฺตวรปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา วนคหนโต เกสรสีโห วิย, อุทยปพฺพตกูฏโต ปุณฺณจนฺโท วิย, พาลสูริโย วิย จ อตฺตนา นิสินฺนตรุสณฺฑโต นิกฺขมิ.
อถสฺส กายโต เมฆมุขโต วิชฺชุกลาปา วิย รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสธาราปริเสกปิฺชรปตฺตปุปฺผผลสาขาวิฏเป วิย สมนฺตโต ¶ รุกฺเข กรึสุ. ตาวเทว อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย มหาภิกฺขุสงฺโฆ ภควนฺตํ ปริวาเรสิ. เต จ นํ ปริวาเรตฺวา ิตภิกฺขู เอวรูปา อเหสุํ อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา โจทกา ปาปครหิโน สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา. เตหิ ปริวาริโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณกฺขนฺโธ, รตฺตปทุมสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกาปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถ. มหากสฺสปปฺปมุขา ปน มหาเถรา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิตา วิย มหานาคา ปริวารยึสุ วีตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฏิตชฏา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคา.
อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ ¶ , นิตฺตณฺโห นิตฺตณฺเหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุทฺโธ อนุพุทฺเธหิ ปริวาริโต ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฏฺนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทนฺโต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรฏฺโ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺตี, มรุคณปริวาริโต วิย สกฺโก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริตมหาพฺรหฺมา, ตาราคณปริวุโต วิย ปุณฺณจนฺโท อสเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน ปาฏลิคามีนํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อถสฺส ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถํ านํ อคฺคเหสุํ, ปจฺฉิมกายโต ทกฺขิณปสฺสโต วามปสฺสโต สุวณฺณวณฺณา ฆนรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถํ านํ อคฺคเหสุํ, อุปริเกสนฺตโต ปฏฺาย สพฺพเกสาวตฺเตหิ โมรคีววณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถํ านํ อคฺคเหสุํ, เหฏฺาปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา ฆนปถวิยํ อสีติหตฺถํ านํ อคฺคเหสุํ, ทนฺตโต อกฺขีนํ เสตฏฺานโต, นขานฺจ มํสวินิมุตฺตฏฺานโต โอทาตา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถํ านํ อคฺคเหสุํ, รตฺตปีตวณฺณานํ สมฺภินฺนฏฺานโต มฺชิฏฺวณฺณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถํ านํ อคฺคเหสุํ, สพฺพตฺถกเมว ปภสฺสรา รสฺมิโย อุฏฺหึสุ. เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถมตฺตํ านํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิชฺโชตมานา วิปฺผนฺทมานา ¶ วิธาวมานา กฺจนทณฺฑทีปิกาหิ นิจฺฉริตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทมานา มหาปทีปชาลา วิย, จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต นิกฺขนฺตวิชฺชุลตา วิย จ ทิโสทิสํ ปกฺขนฺทึสุ. ยาหิ สพฺพทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุปฺเผหิ วิกิริยมานา วิย, สุวณฺณฆฏโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธาราหิ อาสิฺจิยมานา วิย, ปสาริตสุวณฺณปฏฺฏปริกฺขิตฺตา วิย, เวรมฺภวาตสมุทฺธตกึสุกกณิการกิกิราตปุปฺผจุณฺณสโมกิณฺณา วิย จีนปิฏฺจุณฺณสมฺปริรฺชิตา วิย จ วิโรจึสุ.
ภควโตปิ อสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมุชฺชลํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ สรีรํ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ สมุชฺชลตารกปภาสิตํ วิย คคนตลํ, วิกสิตํ วิย ปทุมวนํ, สพฺพปาลิผุลฺโล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก, ปฏิปาฏิยา ปิตานํ ทฺวตฺตึสจนฺทานํ ทฺวตฺตึสสูริยานํ ทฺวตฺตึสจกฺกวตฺตีนํ ทฺวตฺตึสเทวราชานํ ทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิรึ อภิภวมานํ วิย วิโรจิตฺถ, ยถา ตํ ทสหิ ปารมีหิ ทสหิ อุปปารมีหิ ทสหิ ปรมตฺถปารมีหีติ สมฺมเทว ปริปูริตาหิ สมตึสาย ปารมีหิ อลงฺกตํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทินฺเนน ทาเนน รกฺขิเตน สีเลน กเตน กลฺยาณกมฺเมน เอกสฺมึ อตฺตภาเว สโมสริตฺวา วิปากํ ทาตุํ โอกาสํ อลภมาเนน สมฺพาธปฺปตฺเตน ¶ วิย นิพฺพตฺติตํ นาวาสหสฺสสฺส ภณฺฑํ เอกํ นาวํ อาโรปนกาโล วิย, สกฏสหสฺสสฺส ภณฺฑํ เอกํ สกฏํ อาโรปนกาโล วิย, ปฺจวีสติยา คงฺคานํ สมฺภิชฺช มุขทฺวาเร เอกโต ราสีภูตกาโล วิย จ อโหสิ.
อิมาย พุทฺธรสฺมิยา โอภาสมานสฺสปิ ภควโต ปุรโต อเนกานิ ทณฺฑทีปิกาสหสฺสานิ อุกฺขิปึสุ, ตถา ปจฺฉโต วามปสฺเส ทกฺขิณปสฺเส. ชาติสุมนจมฺปกวนมาลิการตฺตุปฺปลนีลุปฺปลพกุลสินฺทุวาราทิปุปฺผานิ เจว นีลปีตาทิวณฺณสุคนฺธคนฺธจุณฺณานิ จ จาตุทฺทีปิกมหอาเมฆวิสฺสฏฺา สลิลวุฏฺิโย วิย วิปฺปกิรึสุ. ปฺจงฺคิกตูริยนิคฺโฆสา เจว พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณปฏิสํยุตฺตา ถุติโฆสา จ สพฺพา ทิสา ปูรยมานา มุขรา วิย อกํสุ. เทวสุปณฺณนาคยกฺขคนฺธพฺพมนุสฺสานํ อกฺขีนิ อมตปานํ วิย ลภึสุ. อิมสฺมึ ปน าเน ตฺวา ปทสหสฺเสหิ คมนวณฺณํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ตตฺริทํ มุขมตฺตํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒; อุทา. อฏฺ. ๗๖) –
‘‘เอวํ ¶ สพฺพงฺคสมฺปนฺโน, กมฺปยนฺโต วสุนฺธรํ;
อเหยนฺโต ปาณานิ, ยาติ โลกวินายโก.
‘‘ทกฺขิณํ ปมํ ปาทํ, อุทฺธรนฺโต นราสโภ;
คจฺฉนฺโต สิริสมฺปนฺโน, โสภเต ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘คจฺฉโต พุทฺธเสฏฺสฺส, เหฏฺาปาทตลํ มุทุ;
สมํ สมฺผุสเต ภูมึ, รชสานุปลิมฺปติ.
‘‘นินฺนํ านํ อุนฺนมติ, คจฺฉนฺเต โลกนายเก;
อุนฺนตฺจ สมํ โหติ, ปถวี จ อเจตนา.
‘‘ปาสาณา สกฺขรา เจว, กถลา ขาณุกณฺฏกา;
สพฺเพ มคฺคา วิวชฺชนฺติ, คจฺฉนฺเต โลกนายเก.
‘‘นาติทูเร อุทฺธรติ, นาจฺจาสนฺเน จ นิกฺขิปํ;
อฆฏฺฏยนฺโต นิยฺยาติ, อุโภ ชาณู จ โคปฺผเก.
‘‘นาติสีฆํ ¶ ปกฺกมติ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;
น จาติสณิกํ ยาติ, คจฺฉมาโน สมาหิโต.
‘‘อุทฺธํ อโธ ติริยฺจ, ทิสฺจ วิทิสํ ตถา;
น เปกฺขมาโน โส ยาติ, ยุคมตฺตฺหิ เปกฺขติ.
‘‘นาควิกฺกนฺตจาโร โส, คมเน โสภเต ชิโน;
จารุ คจฺฉติ โลกคฺโค, หาสยนฺโต สเทวเก.
‘‘อุสภราชาว โสภนฺโต, จาตุจารีว เกสรี;
โตสยนฺโต พหู สตฺเต, คามเสฏฺํ อุปาคมี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒; อุทา. อฏฺ. ๗๖);
วณฺณกาโล นาม กิเรส. เอวํวิเธสุ กาเลสุ ภควโต สรีรวณฺเณ วา คุณวณฺเณ วา ธมฺมกถิกสฺส ถาโมเยว ปมาณํ. จุณฺณิยปเทหิ คาถาพนฺเธหิ วา ยตฺตกํ สกฺโกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํ, ‘‘ทุกฺกถิต’’นฺติ วา ‘‘อติตฺเถน ปกฺขนฺโท’’ติ วา น วตฺตพฺโพ. อปริมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เตสํ พุทฺธาปิ อนวเสสโต วณฺณํ วตฺตุํ อสมตฺถา. สกลมฺปิ หิ กปฺปํ วทนฺตา ปริโยสาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาติ. อิมินา สิริวิลาเสน อลงฺกตปฏิยตฺตํ ปาฏลิคามํ ปวิสิตฺวา ภควา ปสนฺนจิตฺเตน ชเนน ปุปฺผคนฺธธูมวาสจุณฺณาทีหิ ปูชิยมาโน อาวสถาคารํ ¶ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมี’’ติ.
ปาเท ปกฺขาเลตฺวาติ ยทิปิ ภควโต ปาเท รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, เตสํ ปน อุปาสกานํ กุสลาภิวุทฺธึ อากงฺขนฺโต ปเรสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนตฺถํ ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ. อปิจ อุปาทินฺนกสรีรํ นาม สีติกาตพฺพมฺปิ โหตีติ ตทตฺถมฺปิ ภควา นหานปาทโธวนานิ กโรติเยว. ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวา. ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนฺเจว อุปาสกานฺจ มชฺเฌ นิสินฺโน คนฺโธทเกน นหาเปตฺวา ทุกูลจุมฺพเฏน โวทกํ กตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา รตฺตกมฺพลปลิเวิเต ปีเ ปิตา รตฺตสุวณฺณฆนปฏิมา วิย อติวิย วิโรจิตฺถ. อยํ ปเนตฺถ โปราณานํ วณฺณภณนมคฺโค –
‘‘คนฺตฺวาน ¶ มณฺฑลมาฬํ, นาควิกฺกนฺตจารโณ;
โอภาสยนฺโต โลกคฺโค, นิสีทิ วรมาสเน.
‘‘ตหึ นิสินฺโน นรทมฺมสารถิ,
เทวาติเทโว สตปฺุลกฺขโณ;
พุทฺธาสเน มชฺฌคโต วิโรจติ,
สุวณฺณเนกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเล.
‘‘เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, นิกฺขิตฺตํ ปณฺฑุกมฺพเล;
วิโรจติ วีตมโล, มณิ เวโรจโน ยถา.
‘‘มหาสาโลว สมฺผุลฺโล, เมรุราชาวลงฺกโต;
สุวณฺณถูปสงฺกาโส, ปทุโม โกสโก ยถา.
‘‘ชลนฺโต ทีปรุกฺโขว, ปพฺพตคฺเค ยถา สิขี;
เทวานํ ปาริจฺฉตฺโตว, สพฺพผุลฺโล วิโรจถา’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒; อุทา. อฏฺ. ๗๖);
ปาฏลิคามิเก อุปาสเก อามนฺเตสีติ ยสฺมา เตสุ อุปาสเกสุ พหู ชนา สีเล ปติฏฺิตา, ตสฺมา ปมํ ตาว สีลวิปตฺติยา อาทีนวํ ปกาเสตฺวา ปจฺฉา สีลสมฺปทาย อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจิเม คหปตโย’’ติอาทินา ธมฺมเทสนตฺถํ อามนฺเตสิ. ตตฺถ ทุสฺสีโลติ ¶ นิสฺสีโล (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๑๓; อุทา. อฏฺ. ๗๖). อภาวตฺโถ เหตฺถ ทุ-สทฺโท ‘‘ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ วิย. สีลวิปนฺโนติ วิปนฺนสีโล ภินฺนสํวโร. เอตฺถ จ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ ปเทน ปุคฺคลสฺส สีลาภาโว วุตฺโต. โส ปนสฺส สีลาภาโว ทุวิโธ อสมาทาเนน วา สมาทินฺนสฺส เภเทน วาติ. เตสุ ปุริโม น ตถา สาวชฺโช, ยถา ทุติโย สาวชฺชตโร. ยถาธิปฺเปตาทีนวนิมิตฺตํ สีลาภาวํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีลวิปนฺโน’’ติ วุตฺตํ, เตน ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสติ. ปมาทาธิกรณนฺติ ปมาทการณา. อิทฺจ สุตฺตํ คหฏฺานํ วเสน อาคตํ, ปพฺพชิตานมฺปิ ปน ลพฺภเตว. คหฏฺโ หิ เยน เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน. ปาณาติปาตาทิวเสน ปมตฺโต ตํ ตํ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, อถสฺส ¶ กมฺมํ วินสฺสติ. มาฆาตกาเล ปาณาติปาตํ ปน อทินฺนาทานาทีนิ จ กโรนฺโต ทณฺฑวเสน มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ. ปพฺพชิโต ทุสฺสีโล ปมาทการณา สีลโต พุทฺธวจนโต ฌานโต สตฺตอริยธนโต จ ชานึ นิคจฺฉติ.
ปาปโก กิตฺติสทฺโทติ คหฏฺสฺส ‘‘อสุโก อสุกกุเล ชาโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ปริจฺจตฺตอิธโลกปรโลโก สลากภตฺตมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ จตุปริสมชฺเฌ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. ปพฺพชิตสฺส ‘‘อสุโก นาม สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตฺวา นาสกฺขิ สีลานิ รกฺขิตุํ, น พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตุํ, เวชฺชกมฺมาทีหิ ชีวติ, ฉหิ อคารเวหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ.
อวิสารโทติ คหฏฺโ ตาว ‘‘อวสฺสํ พหูนํ สนฺนิปาตฏฺาเน โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ มํ นิคฺคณฺหิสฺสนฺตี’’ติ วา, ‘‘ราชกุลสฺส วา ทสฺสนฺตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข นิสีทติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. ปพฺพชิโตปิ ‘‘พหู ภิกฺขู สนฺนิปติตา, อวสฺสํ โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ เม อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ เปตฺวา สามฺโต จาเวตฺวา นิกฺกฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. เอกจฺโจ ปน ทุสฺสีโลปิ สมาโน ทปฺปิโต วิย วทติ, โสปิ อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว วิปฺปฏิสารีภาวโต.
สมฺมูฬฺโห ¶ กาลํ กโรตีติ ทุสฺสีลสฺส หิ มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ทุสฺสีลฺยกมฺมานํ สมาทาย วตฺติตฏฺานานิ อาปาถมาคจฺฉนฺติ. โส อุมฺมีเลตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทาราทิทสฺสนวเสน อิธโลกํ ปสฺสติ, นิมีเลตฺวา คตินิมิตฺตุปฏฺานวเสน ปรโลกํ ปสฺสติ, ตสฺส จตฺตาโร อปายา กมฺมานุรูปํ อุปฏฺหนฺติ. สตฺติสเตน ปหริยมาโน วิย อคฺคิชาลาย อาลิงฺคิยมาโน วิย จ โหติ. โส ‘‘วาเรถ วาเรถา’’ติ วิรวนฺโตว มรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรตี’’ติ.
กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. อปายนฺติอาทิ สพฺพํ นิรยเววจนํ. นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปฺุสงฺขาตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ วา อายสฺส อาคมนสฺส อภาวา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ, โทสพหุลตาย วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติ. วิวสา ¶ นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกฏการิโนติ วินิปาโต, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สํภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรโย.
อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยํ ทีเปติ. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา. เปตมหิทฺธิกานํ วิมานานิปิ นิพฺพตฺตนฺติ. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ ทีเปติ. โส หิ ยถาวุตฺเตนตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สพฺพสมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ วินิปาตตฺตา วินิปาโตติ จ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน ปน อวีจิอาทิกํ อเนกปฺปการํ นิรยเมว ทีเปติ. อุปปชฺชตีติ นิพฺพตฺตติ.
อานิสํสกถา วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – สีลวาติ สมาทานวเสน สีลวา. สีลสมฺปนฺโนติ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณฺจ กตฺวา สีลสฺส สมฺปาทเนน สีลสมฺปนฺโน. โภคกฺขนฺธนฺติ โภคราสึ. สุคตึ สคฺคํ โลกนฺติ เอตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติ เอว. ตตฺถ สุนฺทรา คตีติ สุคติ, รูปาทีหิ ¶ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค, โส สพฺโพปิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ.
ปาฏลิคามิเก อุปาสเก พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถายาติ อฺายปิ ปาฬิมุตฺตาย ธมฺมกถาย เจว อาวสถานุโมทนกถาย จ. ตทา หิ ภควา ยสฺมา อชาตสตฺตุนา ตตฺถ ปาฏลิปุตฺตนครํ มาเปนฺเตน อฺาสุ คามนิคมราชธานีสุ เย สีลาจารสมฺปนฺนา กุฏุมฺพิกา, เต อาเนตฺวา ธนธฺานิ ฆรวตฺถุเขตฺตวตฺถาทีนิ เจว ปริหารฺจ ทาเปตฺวา นิเวสิยนฺติ, ตสฺมา ปาฏลิคามิกา อุปาสกา อานิสํสทสฺสาวิตาย วิเสสโต สีลครุกาติ สพฺพคุณานฺจ สีลสฺส อธิฏฺานภาวโต เตสํ ปมํ สีลานิสํเส ปกาเสตฺวา ตโต ปรํ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย ปถโวชํ อากฑฺฒนฺโต วิย มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย โยชนปฺปมาณํ มหามธุํ จกฺกยนฺเตน ปีเฬตฺวา สุมธุรรสํ ปายมาโน วิย จ ปาฏลิคามิกานํ อุปาสกานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถนฺโตปิ ‘‘อาวาสทานํ นาเมตํ คหปตโย มหนฺตํ ปฺุํ, ตุมฺหากํ อาวาโส มยา ปริภุตฺโต, ภิกฺขุสงฺเฆน ปริภุตฺโต, มยา จ ภิกฺขุสงฺเฆน จ ปริภุตฺเต ธมฺมรตเนนปิ ปริภุตฺโตเยว โหติ, เอวํ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺเต อปริเมยฺโยว วิปาโก, อปิจ อาวาสทานสฺมึ ทินฺเน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหติ, ภูมฏฺกปณฺณสาลาย วา สาขามณฺฑปสฺส วา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตสฺส อานิสํโส ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกา. อาวาสทานานุภาเวน ¶ หิ ภเว นิพฺพตฺตมานสฺสปิ สมฺปีฬิตคพฺภวาโส นาม น โหติ, ทฺวาทสหตฺโถ โอวรโก วิยสฺส มาตุกุจฺฉิ อสมฺพาโธว โหตี’’ติ เอวํ นานานยวิจิตฺตํ พหุํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
‘‘วิหาเร ¶ การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) –
เอวํ อยมฺปิ อาวาสทาเน อานิสํโส อยมฺปิ อาวาสทาเน อานิสํโสติ พหุเทว รตฺตึ อติเรกทิยฑฺฒยามํ อาวาสทานานิสํสํ กเถสิ. ตตฺถ อิมา คาถาว สงฺคหํ อารุฬฺหา, ปกิณฺณกธมฺมเทสนา ปน สงฺคหํ น อาโรหติ. สนฺทสฺเสตฺวาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ทฺเว ยามา คตา. ยสฺสทานิ ตุมฺเห กาลํ มฺถาติ ยสฺส คมนสฺส ตุมฺเห กาลํ มฺถ, คมนกาโล ตุมฺหากํ, คจฺฉถาติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา ปน ภควา เต อุยฺโยเชสีติ? อนุกมฺปาย. ติยามรตฺติฺหิ นิสีทิตฺวา วีตินาเมนฺตานํ เตสํ สรีเร อาพาโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ภิกฺขุสงฺโฆปิ จ มหา, ตสฺส สยนนิสชฺชานํ โอกาสํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิติ อุภยานุกมฺปาย อุยฺโยเชสิ.
สฺุาคารนฺติ ¶ ปาฏิเยกฺกํ สฺุาคารํ นาม ตตฺถ นตฺถิ. เต กิร คหปตโย ตสฺเสว อาวสถาคารสฺส เอกปสฺเส ปฏสาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา กปฺปิยมฺจํ ปฺเปตฺวา ตตฺถ กปฺปิยปจฺจตฺถรณานิ อตฺถริตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกคนฺธมาลาทิทามปฏิมณฺฑิตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธเตลปทีปํ อาโรปยึสุ ‘‘อปฺเปว นาม สตฺถา ธมฺมาสนโต วุฏฺาย โถกํ วิสฺสเมตุกาโม อิธ นิปชฺเชยฺย, เอวํ โน อิทํ อาวสถาคารํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สฺุาคารํ ปาวิสี’’ติ. ตตฺถ ปาทโธวนฏฺานโต ปฏฺาย ยาว ธมฺมาสนา อคมาสิ, เอตฺตเก าเน คมนํ นิปฺผนฺนํ. ธมฺมาสนํ ปตฺวา โถกํ อฏฺาสิ, อิทํ ตตฺถ านํ. ทฺเว ยาเม ธมฺมาสเน นิสีทิ, เอตฺตเก าเน นิสชฺชา นิปฺผนฺนา. อุปาสเก อุยฺโยเชตฺวา ธมฺมาสนโต โอรุยฺห ยถาวุตฺเต าเน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ ¶ . เอตํ านํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ อโหสีติ.
ปาฏลิคามวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุนิธวสฺสการวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๘๖. สุนิธวสฺสการาติ (ที. นิ. ๒.๑๕๓; อุทา. อฏฺ. ๗๖) สุนิโธ จ วสฺสกาโร จ ทฺเว พฺราหฺมณา. มคธมหามตฺตาติ มคธรฺโ มหาอมจฺจา, มคธรฏฺเ วา มหามตฺตา, มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตาติ มคธมหามตฺตา. ปาฏลิคาเม นครํ มาเปนฺตีติ ปาฏลิคามนฺตสงฺขาเต ภูมิปฺปเทเส นครํ มาเปนฺติ, ปุพฺเพ ‘‘ปาฏลิคาโม’’ติ ลทฺธนามํ านํ อิทานิ นครํ กตฺวา มาเปนฺตีติ อตฺโถ. วชฺชีนํ ปฏิพาหายาติ ลิจฺฉวิราชูนํ อายมุขปจฺฉินฺทนตฺถํ. วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิ ฆรปติฏฺาปนฏฺานานิ. จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุนฺติ รฺโ ราชมหามตฺตานฺจ นิเวสนานิ มาเปตุํ วตฺถุวิชฺชาปากานํ จิตฺตานิ นมนฺติ. เต กิร อตฺตโน สิปฺปานุภาเวน เหฏฺาปถวิยํ ตึสหตฺถมตฺเต าเน ‘‘อิธ นาคานํ นิวาสปริคฺคโห, อิธ ยกฺขานํ, อิธ ภูตานํ นิวาสปริคฺคโห, อิธ ปาสาโณ วา ขาณุโก วา อตฺถี’’ติ ชานนฺติ, เต ตทา สิปฺปํ ชปฺปิตฺวา ตาทิสํ สารมฺภฏฺานํ ปริหริตฺวา อนารมฺเภ าเน ตาหิ วตฺถุปริคฺคาหิกาหิ เทวตาหิ สทฺธึ มนฺตยมานา วิย ตํตํเคหานิ มาเปนฺติ.
อถ วา เนสํ สรีเร เทวตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิเวสนานิ มาเปตุํ จิตฺตํ นาเมนฺติ. ตา จตูสุ โกเณสุ ขาณุเก โกฏฺเฏตฺวา วตฺถุมฺหิ คหิตมตฺเต ปฏิวิคจฺฉนฺติ. สทฺธานํ กุลานํ ¶ สทฺธา เทวตา ตถา กโรนฺติ, อสฺสทฺธานํ กุลานํ อสฺสทฺธา เทวตา จ. กึ การณา? สทฺธานฺหิ เอวํ โหติ ‘‘อิธ มนุสฺสา นิเวสนํ มาเปนฺตา ปมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา มงฺคลํ วทาเปสฺสนฺติ, อถ มยํ สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ ธมฺมกถํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ อนุโมทนฺจ โสตุํ ลภิสฺสาม, มนุสฺสาทานํ ทตฺวา อมฺหากํ ปตฺตึ ทสฺสนฺตี’’ติ. อสฺสทฺธา เทวตาปิ ‘‘อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ เตสํ ปฏิปตฺตึ ปสฺสิตุํ กถฺจ โสตุํ ลภิสฺสามา’’ติ ตถา กโรนฺติ.
ตาวตึเสหีติ ¶ ยถา หิ เอกสฺมึ กุเล เอกํ ปณฺฑิตํ มนุสฺสํ, เอกสฺมิฺจ วิหาเร เอกํ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ อุปาทาย ‘‘อสุกกุเล มนุสฺสา ปณฺฑิตา, อสุกวิหาเร ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, เอวเมวํ สกฺกํ เทวราชานํ วิสฺสกมฺมฺจ เทวปุตฺตํ อุปาทาย ‘‘ตาวตึสา ปณฺฑิตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคโต. เตนาห ‘‘ตาวตึเสหี’’ติ. เสยฺยถาปีติอาทินา เทเวหิ ตาวตึเสหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา วิย สุนิธวสฺสการา นครํ มาเปนฺตีติ ทสฺเสติ.
ยาวตา อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยมนุสฺสานํ โอสรณฏฺานํ นาม อตฺถิ. ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ อาหฏภณฺฑสฺส ราสิวเสเนว กยวิกฺกยฏฺานํ นาม, วาณิชานํ วสนฏฺานํ วา อตฺถิ. อิทํ อคฺคนครนฺติ เตสํ อริยายตนวณิปฺปถานํ อิทํ นครํ อคฺคํ ภวิสฺสติ เชฏฺกํ ปาโมกฺขํ. ปุฏเภทนนฺติ ภณฺฑปุฏเภทนฏฺานํ, ภณฺฑคนฺถิกานํ โมจนฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกลชมฺพุทีเป อลทฺธภณฺฑมฺปิ หิ อิเธว ลภิสฺสติ, อฺตฺถ วิกฺกยํ อคจฺฉนฺตมฺปิ อิธ วิกฺกยํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา อิเธว ปุฏํ ภินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ. อายนฺติ ยานิ จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ, สภายํ เอกนฺติ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ ตตฺถ อุฏฺหิสฺสนฺติ, ตานิสฺส ภาวีนิ อายานิ ทสฺเสติ. อคฺคิโต วาติอาทีสุ จ-การตฺโถ วา-สทฺโท, อคฺคินา จ อุทเกน จ มิถุเภเทน จ นสฺสิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺส หิ เอโก โกฏฺาโส อคฺคินา นสฺสิสฺสติ, นิพฺพาเปตุมฺปิ นํ น สกฺขิสฺสติ, เอกํ โกฏฺาสํ คงฺคา คเหตฺวา คมิสฺสติ, เอโก อิมินา อกถิตํ อมุสฺส, อมุนา อกถิตํ อิมสฺส วทนฺตานํ ปิสุณวาจานํ วเสน ภินฺนานํ มนุสฺสานํ อฺมฺเภเทน วินสฺสิสฺสติ.
เอวํ วตฺวา ภควา ปจฺจูสกาเล คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา กตมุขโธวโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน นิสีทิ. สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘อมฺหากํ ราชา สมณสฺส โคตมสฺส อุปฏฺาโก, โส อมฺเห อุปคเต ปุจฺฉิสฺสติ ‘สตฺถา กิร ปาฏลิคามํ อคมาสิ, กึ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺถ, น อุปสงฺกมิตฺถา’ติ, ‘อุปสงฺกมิมฺหา’ติ จ วุตฺเต ‘นิมนฺตยิตฺถ, น นิมนฺตยิตฺถา’ติ ¶ ปุจฺฉิสฺสติ, ‘น นิมนฺตยิมฺหา’ติ จ วุตฺเต อมฺหากํ โทสํ อาโรเปตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสติ, อิทฺจาปิ มยํ อกตฏฺาเน นครํ มาเปม, สมณสฺส โข ¶ ปน โคตมสฺส คตคตฏฺาเน กาฬกณฺณิสตฺตา ปฏิกฺกมนฺติ, ตํ มยํ นครมงฺคลํ วาจาเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺตยึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข สุนิธวสฺสการา’’ติอาทิ. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพณฺหกาเล. นิวาเสตฺวาติ คามปฺปเวสนนีหาเรน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตฺจ จีวรฺจ อาทิยิตฺวา กายปฏิพทฺธํ กตฺวา, จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวาติ อตฺโถ.
สีลวนฺเตตฺถาติ สีลวนฺเต เอตฺถ อตฺตโน วสนฏฺาเน. สฺเตติ กายวาจาจิตฺเตหิ สฺเต. ตาสํ ทกฺขิณมาทิเสติ สงฺฆสฺส ทินฺเน จตฺตาโร ปจฺจเย ตาสํ ฆรเทวตานํ อาทิเสยฺยปตฺตึ ทเทยฺย. ปูชิตา ปูชยนฺตีติ ‘‘อิเม มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, ตถาปิ โน ปตฺตึ เทนฺตีติ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรถา’’ติ สุฏฺุ อารกฺขํ กโรนฺติ. มานิตา มานยนฺตีติ กาลานุกาลํ พลิกมฺมกรเณน มานิตา ‘‘เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, ตถาปิ จตุมาสฉมาสนฺตเร โน พลิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ มาเนนฺติ อุปฺปนฺนปริสฺสยํ หรนฺติ. ตโต นนฺติ ตโต นํ ปณฺฑิตชาติกํ มนุสฺสํ. โอรสนฺติ อุเร เปตฺวา สํวฑฺฒิตํ, ยถา มาตา โอรสํ ปุตฺตํ อนุกมฺปติ, อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณตฺถเมวสฺส วายมติ, เอวํ อนุกมฺปนฺตีติ อตฺโถ. ภทฺรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ ปสฺสติ.
อนุโมทิตฺวาติ เตหิ ตทา ปสุตปฺุสฺส อนุโมทนวเสน เตสํ ธมฺมกถํ กตฺวา. สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘ยา ตตฺถ เทวตา อาสุํ, ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส’’ติ ภควโต วจนํ สุตฺวา เทวตานํ ปตฺตึ อทํสุ. ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสีติ ตสฺส นครสฺส เยน ทฺวาเรน ภควา นิกฺขมิ, ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสิ. คงฺคาย ปน อุตฺตรณตฺถํ อโนติณฺณตฺตา โคตมติตฺถํ นาม นาโหสิ. ปูราติ ปุณฺณา. สมติตฺติกาติ ตีรสมํ อุทกสฺส ติตฺตา ภริตา. กากเปยฺยาติ ตีเร ิตกาเกหิ ปาตุํ สกฺกุเณยฺยอุทกา. ตีหิปิ ปเทหิ อุภโตกูลสมํ ปริปุณฺณภาวเมว วทติ. อุฬุมฺปนฺติ ปารคมนตฺถาย ลหุเก ทารุทณฺเฑ คเหตฺวา กวาฏผลเก วิย อฺมฺสมฺพนฺเธ กาตุํ อาณิโย โกฏฺเฏตฺวา นาวาสงฺเขเปน กตํ. กุลฺลนฺติ เวฬุนฬาทิเก สงฺฆริตฺวา วลฺลิอาทีหิ กลาปวเสน พนฺธิตฺวา กตํ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ มหาชนสฺส คงฺคุทกมตฺตสฺสปิ เกวลํ ตริตุํ อสมตฺถตํ, อตฺตโน ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อติคมฺภีรวิตฺถตํ สํสารมหณฺณวํ ตริตฺวา ิตภาวฺจ สพฺพาการโต ¶ วิทิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. อุทานคาถาย อตฺโถ ปน อฏฺกถายํ ทสฺสิโตเยว. ตตฺถ อุทกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิ อุทกฏฺานสฺส เอตํ อณฺณวนฺติ อธิวจนํ, น สมุทฺทสฺเสวาติ อธิปฺปาโย. สรนฺติ อิธ นที อธิปฺเปตา สรติ สนฺทตีติ กตฺวา. คมฺภีรํ วิตฺถตนฺติ อคาธฏฺเน คมฺภีรํ, สกลโลกตฺตยพฺยาปิตาย วิตฺถตํ. วิสชฺชาติ อนาสชฺช อปฺปตฺวา เอว ปลฺลลานิ เตสํ อตรณโต. กุลฺลฺหิ ชโน พนฺธตีติ กุลฺลํ พนฺธิตุํ อายาสํ อาปชฺชติ. วินา เอว กุลฺเลนาติ อีทิสํ อุทกํ กุลฺเลน อีทิเสน วินา เอว. ติณฺณา เมธาวิโน ชนาติ อริยมคฺคาณสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ ติณฺณา ปรตีเร ปติฏฺิตา.
สุนิธวสฺสการวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โกฏิคาเม สจฺจกถาวณฺณนา
๒๘๗. โกฏิคาโมติ มหาปนาทสฺส รฺโ ปาสาทโกฏิยํ กตคาโม, ปติตสฺส ปาสาทสฺส ถุปิกาย ปติฏฺิตฏฺาเน นิวิฏฺคาโมติ อตฺโถ. อริยสจฺจานนฺติ เย ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ อริยภาวกรานํ สจฺจานํ. อนนุโพธาติ อพุชฺฌเนน อชานเนน. อปฺปฏิเวธาติ อปฺปฏิวิชฺฌเนน. อนุโพโธ เจตฺถ ปุพฺพภาคิยาณํ, ปฏิเวโธ มคฺคาเณน อภิสมโย. ตตฺถ ยสฺมา อนุโพธปุพฺพโก ปฏิเวโธ อนุโพเธน วินา น โหติ, อนุโพโธปิ เอกจฺโจ ปฏิเวธสมฺพนฺโธ ตทุภยาภาวเหตุกฺจ วฏฺเฏ สํสรณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนนุโพธา…เป… ตุมฺหากฺจา’’ติ. ตตฺถ สนฺธาวิตนฺติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ภวโต ภวนฺตรุปคมเนน สนฺธาวิตํ. สํสริตนฺติ อปราปรํ จวนุปปชฺชนวเสน สํสริตํ. มมฺเจว ตุมฺหากฺจาติ มยา จ ตุมฺเหหิ จ. อถ วา สนฺธาวิตํ สํสริตนฺติ สนฺธาวนํ สํสรณํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ อโหสีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สํสิตนฺติ ¶ สํสริตํ. ภวเนตฺติ สมูหตาติ ทีฆรชฺชุยา พทฺธสกุณํ วิย รชฺชุหตฺโถ ปุริโส เทสนฺตรํ, ตณฺหารชฺชุยา พทฺธสตฺตสนฺตานํ อภิสงฺขาโร ภวนฺตรํ เนติ เอตายาติ ภวเนตฺติ, สา ภวโต ภวํ นยนสมตฺถา ตณฺหารชฺชุ อริยมคฺคสตฺเถน สุฏฺุ หตา ฉินฺนา อปฺปวตฺติกตาติ ภวเนตฺติ สมูหตา.
อมฺพปาลีวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๘๘. ยานสฺส ¶ ภูมีติ ยตฺถ สกฺกา โหติ ยานํ อารุยฺห ยาเนน คนฺตุํ, อยํ ยานสฺส ภูมิ นาม. ยานา ปจฺโจโรหิตฺวาติ วิหารสฺส พหิทฺวารโกฏฺเก ยานโต โอโรหิตฺวา.
ลิจฺฉวีวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๘๙. นีลาติ อิทํ สพฺพสงฺคาหกวจนํ. นีลวณฺณาติอาทิ ตสฺเสว วิภาคทสฺสนตฺถํ. ตตฺถ น เตสํ ปกติวณฺโณ นีโล, นีลวิเลปนวิลิตฺตตฺตา ปเนตํ วุตฺตํ. นีลวตฺถาติ ปฏทุกูลโกเสยฺยาทีนิปิ เนสํ นีลาเนว โหนฺติ. นีลาลงฺการาติ นีลมณิอลงฺกาเรหิ นีลปุปฺเผหิ จ อลงฺกตา. เต กิร อลงฺการา สุวณฺณวิจิตฺตาปิ อินฺทนีลมณิโอภาเสหิ เอกนีลา วิย ขายนฺติ, รถาปิ เนสํ นีลมณิขจิตา นีลวตฺถปริกฺขิตฺตา นีลธชนีลวมฺมิเกหิ นีลาภรเณหิ นีลอสฺเสหิ ยุตฺตา, ปโตทยฏฺิโยปิ นีลาเยวาติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปฏิวฏฺเฏสีติ ปหริ. กิสฺส เช อมฺพปาลีติ เช-ติ อาลปนํ, โภติ อมฺพปาลิ กึการณาติ วุตฺตํ โหติ. สาหารนฺติ เอตฺถ อาหรนฺติ อิมสฺมา ราชปุริสา พลินฺติ อาหาโร, ตพฺภุตฺตชนปโท. เตน สหิตํ สาหารํ, สชนปทนฺติ อตฺโถ. องฺคุลึ โผเฏสุนฺติ องฺคุลึ จาเลสุํ. อมฺพกายาติ มาตุคาเมน. อุปจารวจนฺเหตํ, อิตฺถีสุ ยทิทํ อมฺพกา มาตุคาโม ชนนิกาติ. โอโลเกถาติ ปสฺสถ. อปโลเกถาติ อปวตฺติตฺวา โอโลเกถ, ปุนปฺปุนํ ปสฺสถาติ อตฺโถ. อุปสํหรถาติ อุปเนถ, อิมํ ลิจฺฉวีปริสํ ตุมฺหากํ จิตฺเตน ตาวตึสสทิสํ อุปสํหรถ อุปเนถ อลฺลียาเปถ. ยเถว ตาวตึสา ¶ อภิรูปา ปาสาทิกา นีลาทินานาวณฺณา, เอวมิเม ลิจฺฉวีราชาโนปีติ ตาวตึเสหิ สมเก กตฺวา ปสฺสถาติ อตฺโถ.
กสฺมา ปน ภควา อเนกสเตหิ สุตฺเตหิ จกฺขาทีนํ รูปาทีสุ นิมิตฺตคฺคาหํ ปฏิเสเธตฺวา อิธ มหนฺเตน อุสฺสาเหน นิมิตฺตคฺคาเห นิโยเชตีติ? หิตกามตาย เตสํ ภิกฺขูนํ ยถา อายสฺมโต นนฺทสฺส หิตกามตาย สคฺคสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. ตตฺร กิร เอกจฺเจ ภิกฺขู โอสนฺนวีริยา, เต สมฺปตฺติยา ปโลเภนฺโต ‘‘อปฺปมาเทน สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ เอวรูปา อิสฺสริยสมฺปตฺติ สุลภา’’ติ สมณธมฺเม อุสฺสาหชนนตฺถํ อาห. อถ วา นยิทํ นิมิตฺตคฺคาเห นิโยชนํ, เกวลํ ปน ‘‘ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสา เอเตสํ ราชูนํ อิสฺสริยสมฺปตฺตี’’ติ อนุปุพฺพิกถาย สมฺปตฺติกถนํ วิย ทฏฺพฺพํ. อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถฺจาปิ เอวมาห. น จิรสฺเสว ¶ หิ สพฺเพปิเม อชาตสตฺตุสฺส วเสน วินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ, อถ เนสํ รชฺชสิริสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ิตภิกฺขู ‘‘ตถารูปายปิ นาม สิริสมฺปตฺติยา วินาโส ปฺายิสฺสตี’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ ภาเวตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถํ อาห.
อธิวาเสตูติ อมฺพปาลิยา นิมนฺติตภาวํ ตฺวาปิ กสฺมา นิมนฺเตนฺตีติ? อสทฺทหนตาย จ วตฺตสีเสน จ. สา หิ ธุตฺตา อิตฺถี อนิมนฺเตตฺวาปิ ‘‘นิมนฺเตสิ’’นฺติ วเทยฺยาติ เตสํ อโหสิ. ธมฺมํ สุตฺวา คมนกาเล จ นิมนฺเตตฺวา คมนํ นาม มนุสฺสานํ วตฺตเมว.
ลิจฺฉวีวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สีหเสนาปติวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๙๐. อภิฺาตาติ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๘.๑๒) าตา ปฺาตา ปากฏา. สนฺถาคาเรติ มหาชนสฺส สนฺถมฺภนาคาเร วิสฺสมนตฺถาย กเต อคาเร. สา กิร สนฺถาคารสาลา นครมชฺเฌ อโหสิ, จตูสุ ทฺวาเรสุ ิตานํ ปฺายติ, จตูหิ ทิสาหิ อาคตมนุสฺสา ปมํ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา ปจฺฉา อตฺตโน อตฺตโน ผาสุกฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ราชกุลานํ รชฺชกิจฺจสนฺถรณตฺถํ กตํ ¶ อคารนฺติปิ วทนฺติเยว. ตตฺถ หิ นิสีทิตฺวา ลิจฺฉวีราชาโน รชฺชกิจฺจํ สนฺถรนฺติ กโรนฺติ วิจาเรนฺติ. สนฺนิสินฺนาติ เตสํ นิสีทนตฺถํเยว ปฺตฺเตสุ มหารหปจฺจตฺถรเณสุ สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเตสุ อาสเนสุ สนฺนิสินฺนา. อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตีติ ราชกุลกิจฺจฺเจว โลกตฺถกิริยฺจ วิจาเรตฺวา อเนเกหิ การเณหิ พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ. ปณฺฑิตา หิ เต ราชาโน สทฺธาสมฺปนฺนา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อริยสาวกา, เต สพฺเพปิ โลกิยชฏํ ภินฺทิตฺวา พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภาสนฺติ.
ตตฺถ ติวิโธ พุทฺธวณฺโณ นาม จริยวณฺโณ สรีรวณฺโณ คุณวณฺโณติ. ตตฺริเม ราชาโน จริยาย วณฺณํ อารภึสุ – ‘‘ทุกฺกรํ วต กตํ สมฺมาสมฺพุทฺเธน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรนฺเตน าตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ พุทฺธตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺเตนา’’ติ อฑฺฒจฺฉกฺเกหิ ชาตกสเตหิ พุทฺธวณฺณํ กเถนฺตา ตุสิตภวนํ ปาเปตฺวา ¶ ปยึสุ. ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ปเนเต ‘‘ภควตา ธมฺโม เทสิโต, นิกายโต ปฺจ นิกายา โหนฺติ, ปิฏกโต ตีณิ ปิฏกานิ, องฺคโต นว องฺคานิ, ขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ โกฏฺาสวเสน ธมฺมคุณํ กถยึสุ. สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา กุลปุตฺตา โภคกฺขนฺธฺเจว าติปริวฏฺฏฺจ ปหาย เสตจฺฉตฺตอุปรชฺชเสนาปติเสฏฺิภณฺฑาคาริกฏฺานนฺตราทีนิ อคณยิตฺวา นิกฺขมฺม สตฺถุ วรสาสเน ปพฺพชนฺติ, เสตจฺฉตฺตํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ภทฺทิยมหาราชมหากปฺปินปุกฺกุสาติอาทิราชปพฺพชิตานํเยว พุทฺธกาเล อสีติ สหสฺสานิ อเหสุํ, อเนกโกฏิธนํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ปน ยสกุลปุตฺตโสณเสฏฺิปุตฺตรฏฺปาลปุตฺตาทีนํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, เอวรูปา จ เอวรูปา จ กุลปุตฺตา สตฺถุ สาสเน ปพฺพชนฺตี’’ติ ปพฺพชฺชาสงฺเขปวเสน สงฺฆคุณํ กถยึสุ.
สีโห เสนาปตีติ เอวํนามโก เสนาย อธิปติ. เวสาลิยฺหิ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโน, เต สพฺเพปิ สนฺนิปติตฺวา สพฺเพสํ มนํ คเหตฺวา ‘‘รฏฺํ วิจาเรตุํ สมตฺถํ เอกํ วิจินถา’’ติ วิจินนฺตา สีหราชกุมารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺส ¶ รตฺตมณิวณฺณกมฺพลปริโยนทฺธํ เสนาปติจฺฉตฺตํ อทํสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สีโห เสนาปตี’’ติ. นิคณฺสาวโกติ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปจฺจยทายโก อุปฏฺาโก. ชมฺพุทีปตลสฺมิฺหิ ตโย ชนา นิคณฺานํ อคฺคุปฏฺากา – นาฬนฺทายํ อุปาลิ คหปติ, กปิลปุเร วปฺโป สกฺโก, เวสาลิยํ อยํ สีโห เสนาปตีติ. นิสินฺโน โหตีติ เสสราชูนมฺปิ ปริสาย อนฺตเร อาสนานิ ปฺาปยึสุ, สีหสฺส ปน มชฺเฌ าเนติ ตสฺมึ ปฺตฺเต มหารเห ราชาสเน นิสินฺโน โหติ. นิสฺสํสยนฺติ นิพฺพิจิกิจฺฉํ อทฺธา เอกํเสน. น เหเต ยสฺส วา ตสฺส วา อปฺเปสกฺขสฺส เอวํ อเนกสเตหิ การเณหิ วณฺณํ ภาสนฺติ.
เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมีติ นิคณฺโ กิร นาฏปุตฺโต ‘‘สจายํ สีโห กสฺสจิเทว สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณํ กเถนฺตสฺส สุตฺวา สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสติ, มยฺหํ ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปมตรํเยว สีหํ เสนาปตึ เอตทโวจ ‘‘เสนาปติ อิมสฺมึ โลเก ‘อหํ พุทฺโธ อหํ พุทฺโธ’ติ พหู วทนฺติ, สเจ ตฺวํ กฺจิ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิ, มํ ปุจฺเฉยฺยาสิ, อหํ เต ยุตฺตฏฺานฺเว เปเสสฺสามิ, อยุตฺตฏฺานโต นิวาเรสฺสามี’’ติ. โส ตํ กถํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สเจ มํ เปเสสฺสติ, คมิสฺสามิ. โน เจ, น คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา นิคณฺโ มหาปพฺพเตน วิย พลวโสเกน โอตฺถโฏ ‘‘ยตฺถ ทานิสฺสาหํ ¶ คมนํ น อิจฺฉามิ, ตตฺเถว คนฺตุกาโม ชาโต, หโตหมสฺมี’’ติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘ปฏิพาหนุปายมสฺส กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ ปน ตฺว’’นฺติอาทิมาห. เอวํ วทนฺโต จรนฺตํ โคณํ ตุณฺเฑ ปหรนฺโต วิย ชลมานํ ปทีปํ นิพฺพาเปนฺโต วิย ภตฺตภริตํ ปตฺตํ นิกุชฺชนฺโต วิย จ สีหสฺส อุปฺปนฺนํ ปีตึ วินาเสสิ. คมิกาภิสงฺขาโรติ หตฺถิยานาทีนํ โยชาปนคนฺธมาลาทิคฺคหณวเสน ปวตฺโต ปโยโค. โส ปฏิปฺปสฺสมฺภีติ โส วูปสนฺโต.
ทุติยมฺปิ โขติ ทุติยวารมฺปิ. อิมสฺมิฺจ วาเร พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ตุสิตภวนโต ปฏฺาย ยาว มหาโพธิปลฺลงฺกา ทสพลสฺส เหฏฺา ปาทตเลหิ ¶ อุปริ เกสคฺเคหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาวเสน สรีรวณฺณํ กถยึสุ. ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอกปเทปิ เอกพฺยฺชเนปิ อวกฺขลิตํ นาม นตฺถี’’ติ สุกถิตวเสเนว ธมฺมคุณํ กถยึสุ. สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอวรูปํ ยสสิริวิภวํ ปหาย สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตา น โกสชฺชปกติกา โหนฺติ, เตรสสุ ปน ธุตคุเณสุ ปริปูรการิโน หุตฺวา สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺติ, อฏฺตึส อารมฺมณวิภตฺติโย วฬฺเชนฺตี’’ติ ปฏิปทาวเสน สงฺฆคุเณ กถยึสุ.
ตติยวาเร ปน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสมานา ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว พุทฺธคุเณ กถยึสุ, ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ธมฺมคุเณ, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว สงฺฆคุเณ จ กถยึสุ. ตโต สีโห จินฺเตสิ ‘‘อิเมสํ ลิจฺฉวีราชกุลานํ ตติยทิวสโต ปฏฺาย พุทฺธธมฺมสงฺฆคุเณ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ, อทฺธา อโนมคุณสมนฺนาคโต โส ภควา, อิมํ ทานิ อุปฺปนฺนํ ปีตึ อวิชหิตฺวาว อหํ อชฺช สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. อถสฺส ‘‘กิฺหิ เม กริสฺสนฺติ นิคณฺา’’ติ วิตกฺโก อุทปาทิ. ตตฺถ กิฺหิ เม กริสฺสนฺตีติ กึ นาม มยฺหํ นิคณฺา กริสฺสนฺติ. อปโลกิตา วา อนปโลกิตา วาติ อาปุจฺฉิตา วา อนาปุจฺฉิตา วา. น หิ เม เต อาปุจฺฉิตา ยานวาหนสมฺปตฺติอิสฺสริยยสวิเสสํ ทสฺสนฺติ, นาปิ อนาปุจฺฉิตา มาเรสฺสนฺติ, อผลํ เอเตสํ อาปุจฺฉนนฺติ อธิปฺปาโย.
ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสฺส ทิวา มชฺฌนฺหิเก อติกฺกนฺตมตฺเต. เวสาลิยา นิยฺยาสีติ ยถา หิ คิมฺหกาเล เทเว วุฏฺเ อุทกํ สนฺทมานํ นทึ โอตริตฺวา โถกเมว คนฺตฺวา ติฏฺติ นปฺปวตฺตติ, เอวํ สีหสฺส ปมทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคณฺเน ปฏิพาหิตกาโล, ยถา ทุติยทิวเส เทเว วุฏฺเ อุทกํ สนฺทมานํ นทึ โอตริตฺวา โถกํ ¶ คนฺตฺวา วาลิกาปฺุชํ ปหริตฺวา อปฺปวตฺตํ โหติ, เอวํ สีหสฺส ทุติยทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคณฺเน ปฏิพาหิตกาโล, ยถา ตติยทิวเส เทเว วุฏฺเ อุทกํ สนฺทมานํ นทึ โอตริตฺวา ปุราณปณฺณสุกฺขทณฺฑกนฬกจวราทีนิ ปริกฑฺฒนฺตํ วาลิกาปฺุชํ ภินฺทิตฺวา สมุทฺทนินฺนเมว ¶ โหติ, เอวํ สีโห ตติยทิวเส ติณฺณํ วตฺถูนํ คุณกถํ สุตฺวา อุปฺปนฺเน ปีติปาโมชฺเช ‘‘อผลา นิคณฺา, นิปฺผลา นิคณฺา, กึ เม อิเม กริสฺสนฺติ, คมิสฺสามหํ สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ คมนํ อภินีหริตฺวา เวสาลิยา นิยฺยาสิ. นิยฺยนฺโต จ ‘‘จิรสฺสาหํ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ชาโต, น โข ปน เม ยุตฺตํ อฺาตกเวเสน คนฺตุ’’นฺติ ‘‘เย เกจิ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม, สพฺเพ นิกฺขมนฺตู’’ติ โฆสนํ กาเรตฺวา ปฺจ รถสตานิ โยชาเปตฺวา อุตฺตมรเถ ิโต เตหิ เจว ปฺจหิ รถสเตหิ มหติยา จ ปริสาย ปริวุโต คนฺธปุปฺผจุณฺณวาสาทีนิ คาหาเปตฺวา นิยฺยาสิ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ อารามํ ปวิสนฺโต ทูรโตว อสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ฉพฺพณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม ปุริสํ เอวํ อาสนฺเน วสนฺตํ เอตฺตกํ กาลํ นาทฺทสํ, วฺจิโต วตมฺหิ, อลาภา วต เม’’ติ จินฺเตตฺวา มหานิธึ ทิสฺวา ทลิทฺทปุริโส วิย สฺชาตปีติปาโมชฺโช เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ โภตา โคตเมน วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติ. การณวจโน เหตฺถ ธมฺม-สทฺโท ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิย. การณนฺติ เจตฺถ ตถาปวตฺตสฺส สทฺทสฺส อตฺโถ อธิปฺเปโต ตสฺส ปวตฺติเหตุภาวโต. อตฺถปฺปยุตฺโต หิ สทฺทปฺปโยโค. อนุการณนฺติ จ โส เอวํ ปเรหิ ตถา วุจฺจมาโน. สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา ตโต ปรํ ตสฺส อนุวาโท วา โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ วิฺูหิ ครหิตพฺพํ านํ การณํ น อาคจฺฉติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กึ สพฺพากาเรนปิ ตว วาเท คารยฺหการณํ นตฺถีติ. อนพฺภกฺขาตุกามาติ น อภูเตน วตฺตุกามา.
๒๙๑-๒๙๒. อตฺถิ สีห ปริยาโยติอาทีนํ อตฺโถ เวรฺชกณฺเฑ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ปรเมน อสฺสาเสนาติ จตุมคฺคจตุผลสงฺขาเตน อุตฺตมอสฺสาเสน. อสฺสาสาย ธมฺมํ เทเสตีติ อสฺสาสนตฺถาย สนฺถมฺภนตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ. อิติ ภควา อฏฺหงฺเคหิ สีหเสนาปติสฺส ธมฺมํ เทเสติ.
๒๙๓. อนุวิจฺจการนฺติ ¶ อนุวิทิตฺวา จินฺเตตฺวา ตุลยิตฺวา กาตพฺพํ กโรหีติ วุตฺต โหติ. สาธุ โหตีติ สุนฺทโร โหติ. ตุมฺหาทิสสฺมิฺหิ มํ ทิสฺวา มํ สรณํ คจฺฉนฺเต นิคณฺํ ทิสฺวา ¶ นิคณฺํ สรณํ คจฺฉนฺเต ‘‘กึ อยํ สีโห ทิฏฺทิฏฺเมว สรณํ คจฺฉตี’’ติ ครหา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ สาธูติ ทสฺเสติ. ปฏากํ ปริหเรยฺยุนฺติ เต กิร เอวรูปํ สาวกํ ลภิตฺวา ‘‘อสุโก นาม ราชา วา ราชมหามตฺโต วา เสฏฺิ วา อมฺหากํ สรณํ คโต สาวโก ชาโต’’ติ ปฏากํ อุกฺขิปิตฺวา นคเร โฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติ. กสฺมา? ‘‘เอวํ โน มหนฺตภาโว อาวิ ภวิสฺสตี’’ติ จ, สเจ ปนสฺส ‘‘กิมหํ เอเต สรณํ คโต’’ติ วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ โส ‘‘เอเตสํ เม สรณคตภาวํ พหู ชานนฺติ, ทุกฺกรํ ทานิ ปฏินิวตฺติตุ’’นฺติ วิโนเทตฺวา น ปฏิกฺกมิสฺสตีติ จ. เตนาห ‘‘ปฏากํ ปริหเรยฺยุ’’นฺติ. โอปานภูตนฺติ ปฏิยตฺตอุทปาโน วิย ิตํ. กุลนฺติ ตว นิเวสนํ. ทาตพฺพํ มฺเยฺยาสีติ ปุพฺเพปิ ทสปิ วีสติปิ สฏฺิปิ ชเน อาคเต ทิสฺวา นตฺถีติ อวตฺวา เทสิ, อิทานิ มํ สรณํ คตการณมตฺเตเนว มา อิเมสํ เทยฺยธมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺถ, สมฺปตฺตานฺหิ ทาตพฺพเมวาติ โอวทติ. สุตํ เม ตํ ภนฺเตติ กุโต สุตํ? นิคณฺานํ สนฺติกา. เต กิร กุลฆเรสุ เอวํ ปกาเสนฺติ ‘‘มยํ ยสฺส กสฺสจิ สมฺปตฺตสฺส ทาตพฺพนฺติ วทาม, สมโณ ปน โคตโม ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ…เป… น อฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ เอวํ วทตี’’ติ. ตํ สนฺธาย อยํ ‘‘สุตํ เม ต’’นฺติอาทิมาห.
๒๙๔. ปวตฺตมํสนฺติ ปกติยา ปวตฺตํ กปฺปิยมํสํ, มูลํ คเหตฺวา อนฺตราปเณ ปริเยสาหีติ อธิปฺปาโย. สมฺพหุลา นิคณฺาติ ปฺจสตมตฺตา นิคณฺา. ถูลํ ปสุนฺติ ถูลํ มหาสรีรํ โคกณฺณมหึสสูกรสงฺขาตํ ปสุํ. อุทฺทิสฺสกตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา กตํ, มาริตนฺติ อตฺโถ. ปฏิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สทฺโท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘อตฺตานํ ปฏิจฺจ กต’’นฺติ. นิมิตฺตกมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิย. นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺส, น กรณการาปนวเสน. ปฏิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฏิจฺจกมฺมํ ยถา ‘‘พุทฺธํ เอตสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ’’ติ. อถ วา ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตีติ ¶ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ, สฺวายํ เอตํ มํสํ ปฏิจฺจ ตํ ปาณวธกกมฺมํ ผุสตีติ อตฺโถ. ตฺหิ อกุสลํ อุปฑฺฒํ ทายกสฺส, อุปฑฺฒํ ปฏิคฺคาหกสฺส โหตีติ เนสํ ลทฺธิ. อุปกณฺณเกติ กณฺณมูเล. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ, โหตุ กึ อิมินาติ อตฺโถ. น จ ปน เตติ เอเต อายสฺมนฺตา ทีฆรตฺตํ อวณฺณกามา หุตฺวา อวณฺณํ ภาสนฺตาปิ อพฺภาจิกฺขนฺตา น ชิริทนฺติ, อพฺภกฺขานสฺส อนฺตํ น คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา ลชฺชนตฺเถ อิทํ ชิริทนฺตีติ ปทํ ทฏฺพฺพํ, น ลชฺชนฺตีติ อตฺโถ.
สีหเสนาปติวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กปฺปิยภูมิอนุชานนกถาวณฺณนา
๒๙๕. อภิลาปมตฺตนฺติ ¶ เทสนามตฺตํ. อามิสขาทนตฺถายาติ ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺฑิตสฺส อามิสสฺส ขาทนตฺถาย. อนุปฺปเคเยวาติ ปาโตเยว. โอรวสทฺทนฺติ มหาสทฺทํ. ตํ ปน อวตฺวาปีติ อนฺธกฏฺกถายํวุตฺตนเยน อวตฺวาปิ. ปิ-สทฺเทน ตถา วจนมฺปิ อนุชานาติ. อฏฺกถาสุ วุตฺตนเยนาติ เสสอฏฺกถาสุ วุตฺตนเยน. ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรมา’ติ วา, ‘กปฺปิยกุฏี’ติ วา วุตฺเต สาธารณลกฺขณ’’นฺติ สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺตอุสฺสาวนนฺติกากุฏิกรณลกฺขณํ. จยนฺติ อธิฏฺานํ. ยโต ปฏฺายาติ ยโต อิฏฺกโต สิลโต มตฺติกาปิณฺฑโต วา ปฏฺาย. ปมิฏฺกาทีนํ เหฏฺา น วฏฺฏนฺตีติ ภิตฺติยา ปมิฏฺกาทีนํ เหฏฺา ภูมิยํ ปติฏฺาปิยมานา อิฏฺกาทโย ภูมิคติกตฺตา ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วตฺวา ปติฏฺาเปตุํ น วฏฺฏนฺติ. ยทิ เอวํ ภูมิยํ นิขณิตฺวา ปติฏฺาปิยมานา ถมฺภา กสฺมา ตถา วตฺวา ปติฏฺาเปตุํ วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘ถมฺภา ปน…เป… วฏฺฏนฺตี’’ติ. สงฺฆสนฺตกเมวาติ วาสตฺถาย กตํ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุสนฺตกนฺติ วาสตฺถาย เอว กตํ ภิกฺขุสฺส ปุคฺคลิกเสนาสนํ. มุขสนฺนิธีติ อิมินา อนฺโตวุตฺถทุกฺกฏเมว ทีปิตํ.
กปฺปิยภูมิอนุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เกณิยชฏิลวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๐๐. เยน ¶ อาปณํ ตทวสรีติอาทีสุ อาปณนฺติ เอกสฺส นิคมสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺมึ กิร นิคเม วีสติ อาปณมุขสหสฺสานิ วิภตฺตานิ อเหสุํ. อิติ โส อาปณานํ อุสฺสนฺนตฺตา ‘‘อาปณ’’นฺตฺเวว สงฺขํ คโต. ตสฺส ปน นิคมสฺส อวิทูเร นทีตีเร ฆนจฺฉาโย รมณียภูมิภาโค มหาวนสณฺโฑ, ตสฺมึ ภควา วิหรติ. เกณิโยติ ตสฺส นามํ. ชฏิโลติ อาหริมชฏาธโร ตาปโส. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาโล, ธนรกฺขณตฺถาย ปน ตาปสปพฺพชฺชํ สมาทาย รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา ตตฺถ อสฺสมํ กาเรตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ วณิชฺชํ ปโยเชตฺวา กุลสหสฺสสฺส นิสฺสโย หุตฺวา วสติ. อสฺสเมปิ จสฺส เอโก ตาลรุกฺโข ทิวเส ทิวเส เอกํ โสวณฺณมยํ ผลํ มฺุจตีติ วทนฺติ. โส ทิวา กาสาวานิ ธาเรติ, ชฏา จ พนฺธติ, รตฺตึ กามสมฺปตฺตึ อนุภวติ.
ปวตฺตาโรติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๕; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๗; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๙๒) ปวตฺตยิตาโร ¶ , ปาวจนวเสน วตฺตาโรติ อตฺโถ. เยสนฺติ เยสํ สนฺตกํ. มนฺตปทนฺติ มนฺตสทฺเท พหิกตฺวา รโห ภาสิตพฺพฏฺเน มนฺตา เอว ตํตํอตฺถปฏิปตฺติเหตุตาย ปทนฺติ มนฺตปทํ, เวทวจนํ. คีตนฺติ อฏฺกาทีหิ ทสหิ โปราณพฺราหฺมเณหิ อุทาตฺตานุทาตฺตาทิสรสมฺปตฺติวเสน สชฺฌายิตํ. ปวุตฺตนฺติ ปาวจนวเสน อฺเสํ วุตฺตํ, วาจิตนฺติ อตฺโถ. สมิหิตนฺติ สมุปพฺยูฬฺหํ ราสิกตํ, อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ มนฺตพฺราหฺมณาทิวเสน สชฺฌายนวาจกาทิวเสน จ ปิณฺฑํ กตฺวา ปิตนฺติ อตฺโถ. ตทนุคายนฺตีติ เอตรหิ พฺราหฺมณา ตํ เตหิ ปุพฺเพ คีตํ อนุคายนฺติ อนุสชฺฌายนฺติ. ตทนุภาสนฺตีติ ตํ อนุภาสนฺติ, อิทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. ภาสิตมนุภาสนฺตีติ เตหิ ภาสิตํ สชฺฌายิตํ อนุสชฺฌายนฺติ. วาจิตมนุวาเจนฺตีติ เตหิ อฺเสํ วาจิตํ อนุวาเจนฺติ. เสยฺยถิทนฺติ เต กตเมติ อตฺโถ. อฏฺโกติอาทีนิ เตสํ นามานิ. เต กิร ทิพฺพจกฺขุปริภณฺเฑน ยถากมฺมูปคาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาทึ ปุพฺเพนิวาสาเณน ¶ อตีตกปฺเป พฺราหฺมณานํ มนฺตชฺเฌนวิธิฺจ โอโลเกตฺวา ปรูปฆาตํ อกตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ภควโต วฏฺฏสนฺนิสฺสิเตน วจเนน สห สํสนฺทิตฺวา มนฺเต คนฺเถสุํ. อปราปเร ปน โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนพฺราหฺมณา ปาณาติปาตาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ตโย เวเท ภินฺทิตฺวา พุทฺธวจเนน สทฺธึ วิรุทฺเธ อกํสุ. รตฺติโภชนํ รตฺติ, ตโต อุปรตาติ รตฺตูปรตา. อติกฺกนฺเต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นาม, ตโต วิรตตฺตา วิรตา วิกาลโภชนา. ปฏิยาทาเปตฺวาติ สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ เจว มริเจหิ จ สุสงฺขตํ ปานํ ปฏิยาทาเปตฺวา.
‘‘มหา โข เกณิย ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ กสฺมา ภควา ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิ? ติตฺถิยานํ ปฏิกฺเขปปสนฺนตาย. ติตฺถิยา หิ ‘‘อโห วตายํ อปฺปิจฺโฉ, โย นิมนฺติยมาโนปิ น สาทิยตี’’ติ อุปนิมนฺติยมานสฺส ปฏิกฺเขเป ปสีทนฺตีติ เกจิ, อการณฺเจตํ. นตฺถิ พุทฺธานํ ปจฺจยเหตุ เอวรูปํ โกหฺํ, อยํ ปน อฑฺฒเตลสานิ ภิกฺขุสตานิ ทิสฺวา เอตฺตกานํเยว ภิกฺขํ ปฏิยาเทสฺสติ, สฺเวว เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ ปุริสสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิสฺสติ, อยุตฺตํ โข ปน นวเก อฺโต เปเสตฺวา อิเมเหว สทฺธึ คนฺตุํ, อิเม วา อฺโต เปเสตฺวา นวเกหิ สทฺธึ คนฺตุํ. อถาปิ สพฺเพว คเหตฺวา คมิสฺสามิ, ภิกฺขาหาโร นปฺปโหสฺสติ. ตโต ภิกฺขูสุ ปิณฺฑาย จรนฺเตสุ มนุสฺสา อุชฺฌายิสฺสนฺติ ‘‘จิรสฺสมฺปิ เกณิโย สมณํ โคตมํ นิมนฺเตตฺวา ยาปนมตฺตํ ทาตุํ นาสกฺขี’’ติ, สยฺจ วิปฺปฏิสารี ภวิสฺสติ. ปฏิกฺเขเป ปน กเต ‘‘สมโณ โคตโม ปุนปฺปุนํ ‘ตฺวฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน’ติ พฺราหฺมณานํ นามํ คณฺหาตี’’ติ จินฺเตตฺวา พฺราหฺมเณปิ นิมนฺเตตุกาโม ภวิสฺสติ, ตโต ¶ พฺราหฺมเณ ปาฏิเยกฺกํ นิมนฺเตสฺสติ, เต เตน นิมนฺติตา ภิกฺขู หุตฺวา ภฺุชิสฺสนฺติ, เอวมสฺส สทฺธา อนุรกฺขิตา ภวิสฺสตีติ ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิ. กิฺจาปิ โข โภ โคตมาติ อิมินา อิทํ ทีเปติ ‘‘โภ โคตม, กึ ชาตํ, ยทิ อหํ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน, อธิวาเสตุ ภวํ โคตโม, อหํ พฺราหฺมณานมฺปิ ทาตุํ สกฺโกมิ ตุมฺหากมฺปี’’ติ. เปตฺวา ธฺผลรสนฺติ เอตฺถ ตณฺฑุลโธวโนทกมฺปิ ธฺรโสเยวาติ วทนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรสนฺติ เอตฺถ นิกฺกสโฏ อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโกติ เวทิตพฺพํ.
อิมาหิ ¶ คาถาหีติ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๐๐) อิมาหิ เกณิยสฺส จิตฺตานุกูลาหิ คาถาหิ. ตตฺถ อคฺคิปริจริยํ วินา พฺราหฺมณานํ ยฺาภาวโต ‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา’’ติ วุตฺตํ, อคฺคิหุตฺตเสฏฺา อคฺคิชุหนปฺปธานาติ อตฺโถ. พฺราหฺมณา หิ ‘‘อคฺคิมุขา เทวา’’ติ อคฺคิชุหนปุพฺพกํ ยฺํ วิทหนฺติ. เวเท สชฺฌายนฺเตหิ ปมํ สชฺฌายิตพฺพโต สาวิตฺตี ‘‘ฉนฺทโส มุข’’นฺติ วุตฺตา, สาวิตฺตี เวทสฺส ปุพฺพงฺคมาติ อตฺโถ ตํปุพฺพกตฺตา เวทสวนสฺส. มนุสฺสานํ เสฏฺภาวโต ราชา ‘‘มุข’’นฺติ วุตฺโต. โอคาหนฺตีนํ นทีนํ อาธารภาวโต คนฺตพฺพฏฺานภาเวน ปฏิสรณโต จ สาคโร ‘‘มุข’’นฺติ วุตฺโต. จนฺทสมาโยเคน ‘‘อชฺช กตฺติกา, อชฺช โรหิณี’’ติ สฺายนโต นกฺขตฺตานิ อภิภวิตฺวา อาโลกกรณโต นกฺขตฺเตหิ อติวิเสสโสมฺมภาวโต จ ‘‘นกฺขตฺตานํ มุขํ จนฺโท’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ทีปสิขา อคฺคิชาลา อสนิวิจกฺก’’นฺติ เอวมาทีนํ ตปนฺตานํ วิชฺชุลตานํ อคฺคตฺตา อาทิจฺโจ ‘‘ตปตํ มุข’’นฺติ วุตฺโต. ทกฺขิเณยฺยานํ ปน อคฺคตฺตา วิเสเสน ตสฺมึ สมเย พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ สนฺธาย ‘‘ปฺุํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติ วุตฺตํ. เตน สงฺโฆ ปฺุสฺส อายมุขํ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาเวนาติ ทสฺเสติ.
เกณิยชฏิลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โรชมลฺลวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๐๑. โรชวตฺถุมฺหิ วิหาโรติ คนฺธกุฏึ สนฺธาย อาหํสุ. อตรมาโนติ อตุรนฺโต, สณิกํ ปทปฺปมาณฏฺาเน ปทํ นิกฺขิปนฺโต วตฺตํ กตฺวา สุสมฺมฏฺํ มุตฺตาทลสินฺทุวารสนฺถรสทิสํ วาลิกํ อวินาเสนฺโตติ อตฺโถ. อาฬินฺทนฺติ ปมุขํ. อุกฺกาสิตฺวาติ อุกฺกาสิตสทฺทํ กตฺวา. อคฺคฬนฺติ กวาฏํ. อาโกเฏหีติ อคฺคนเขน อีสกํ กฺุจิกฉิทฺทสมีเป โกเฏหีติ วุตฺตํ โหติ. ทฺวารํ กิร อติอุปริ อมนุสฺสา, อติเหฏฺา ติรจฺฉานชาติกา โกเฏนฺติ, ตถา อโกเฏตฺวา มชฺเฌ ฉิทฺทสมีเป มนุสฺสา ¶ โกเฏนฺติ, อิทํ ทฺวารโกฏกวตฺตนฺติ ทีเปนฺตา วทนฺติ. วิวริ ¶ ภควา ทฺวารนฺติ น ภควา อุฏฺาย ทฺวารํ วิวริ, วิวรตูติ ปน หตฺถํ ปสาเรสิ. ตโต ‘‘ภควา ตุมฺเหหิ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ ทานํ ททมาเนหิ น สหตฺถา ทฺวารวิวรณกมฺมํ กต’’นฺติ สยเมว ทฺวารํ วิวฏํ. ตํ ปน ยสฺมา ภควโต มเนน วิวฏํ, ตสฺมา ‘‘วิวริ ภควา ทฺวาร’’นฺติ วุตฺตํ.
โรชมลฺลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วุฑฺฒปพฺพชิตวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๐๓. อาตุมาวตฺถุมฺหิ อฺตโร วุฑฺฒปพฺพชิโตติ สุภทฺโท นาม อฺตโร ภิกฺขุ วุฑฺฒกาเล ปพฺพชิตตฺตา ‘‘วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ วุตฺโต. ทฺเว ทารกาติ สามเณรภูมิยํ ิตา ทฺเว ปุตฺตา. นาฬิยาวาปเกนาติ นาฬิยา เจว ถวิกาย จ. สํหรึสูติ ยสฺมา มนุสฺสา เต ทารเก มฺชุภาณิเน ปฏิภานวนฺเต ทิสฺวา กาเรตุกามาปิ อกาเรตุกามาปิ กาเรนฺติเยว, กตกาเล จ ‘‘กึ คณฺหิสฺสถ ตาตา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. เต วทนฺติ ‘‘น อมฺหากํ อฺเน เกนจิ อตฺโถ, ปิตา ปน โน ภควโต อาคตกาเล ยาคุทานํ กาตุกาโม’’ติ. ตํ สุตฺวา มนุสฺสา อปริคเณตฺวาว ยํ เต สกฺโกนฺติ หริตุํ, สพฺพํ เทนฺติ. ยมฺปิ น สกฺโกนฺติ, มนุสฺเสหิ เปเสนฺติ. ตสฺมา เต ทารกา พหุํ โลณมฺปิ เตลมฺปิ สปฺปิมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ สํหรึสุ.
อาตุมายํ วิหรตีติ อาตุมํ นิสฺสาย วิหรติ. ภุสาคาเรติ ภุสมเย อคารเก. ตตฺถ กิร มหนฺตํ ปลาลปฺุชํ อพฺภนฺตรโต ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา สาลาสทิสํ ปพฺพชิตานํ วสนโยคฺคฏฺานสทิสํ กตํ, ตทา ภควา ตตฺถ วสิ. อถ ภควติ อาตุมํ อาคนฺตฺวา ภุสาคารกํ ปวิฏฺเ สุภทฺโท สายนฺหสมยํ คามทฺวารํ คนฺตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตสิ ‘‘อุปาสกา นาหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา อฺํ กิฺจิ ปจฺจาสีสามิ, มยฺหํ ทารเกหิ อานีตเตลาทีนิเยว สงฺฆสฺส ปโหนฺติ, หตฺถกมฺมมตฺตํ เม เทถา’’ติ. กึ, ภนฺเต, กโรมาติ? ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ สพฺพูปกรณานิ คาเหตฺวา วิหาเร อุทฺธนานิ กาเรตฺวา เอกํ กาฬกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา ตาทิสเมว ปารุปิตฺวา ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ กโรถา’’ติ สพฺพรตฺตึ วิจาเรนฺโต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา โภชฺชยาคฺุจ ¶ มธุโคฬกฺจ ปฏิยาทาเปสิ. โภชฺชยาคุ นาม ปมํ ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคุ, ตตฺถ สปฺปิมธุผาณิตมจฺฉมํสปุปฺผผลรสาทิ ยํกิฺจิ ขาทนียํ นาม, สพฺพํ ปวิสติ, กีฬิตุกามานํ สีสมกฺขนโยคฺคา โหติ สุคนฺธคนฺธา.
อถ ¶ ภควา กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย จริตุํ อาตุมคามนคราภิมุโข ปายาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ภควา ปิณฺฑาย คามํ ปวิสติ, ตยา กสฺส ยาคุ ปฏิยาทิตา’’ติ. โส ยถานิวตฺถปารุเตเหว เตหิ กาฬกกาสาเวหิ เอเกน หตฺเถน ทพฺพิฺจ กฏจฺฉฺุจ คเหตฺวา พฺรหฺมา วิย ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม, ภนฺเต, ภควา ยาคุ’’นฺติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โส วุฑฺฒปพฺพชิโต ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน พหุตรํ ยาคุํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต อุปนาเมสี’’ติ. ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตีติอาทิ วุตฺตนยเมว. กุตายนฺติ กุโต อยํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๓๐๔. ทสภาคํ ทตฺวาติ ทสมภาคํ ทตฺวา. เตเนวาห ‘‘ทส โกฏฺาเส กตฺวา เอโก โกฏฺาโส ภูมิสามิกานํ ทาตพฺโพ’’ติ.
วุฑฺฒปพฺพชิตวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุมหาปเทสกถาวณฺณนา
๓๐๕. ปริมทฺทนฺตาติ อุปปริกฺขนฺตา. ปตฺตุณฺณเทเส สฺชาตวตฺถํ ปตฺตุณฺณํ. โกเสยฺยวิเสโสติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํ. จีนเทเส โสมารเทเส จ สฺชาตวตฺถานิ จีนโสมารปฏานิ. ปตฺตุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิมยิกํ เอหิภิกฺขูนํ ปฺุิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ. ตํ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํเยว อนุโลมํ. เทวตาหิ ทินฺนจีวรํ เทวทตฺติยํ. ตํ กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินีเทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ. ตมฺปิ โขมาทีนฺเว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต. ทฺเว ปฏา เทสนาเมเนว วุตฺตาติ เตสํ สรูปทสฺสนปรเมตํ, นาฺํ นิวตฺตนปรํ ปตฺตุณฺณปฏสฺสปิ เทสนาเมเนว วุตฺตตฺตา. ตุมฺพาติ ภาชนานิ ¶ . ผลตุมฺโพติ ลาพุอาทิ. อุทกตุมฺโพติ อุทกุกฺขิปนกกุฏโก. กิลฺชจฺฉตฺตนฺติ เวฬุวิลีเวหิ วายิตฺวา กตฉตฺตํ. สมฺภินฺนรสนฺติ สมฺมิสฺสิตรสํ. ปานกํ ปฏิคฺคหิตํ โหตีติ อมฺพปานาทิปานกํ ปฏิคฺคหิตํ ¶ โหติ, ตํ วิกาเลปิ กปฺปติ อสมฺภินฺนรสตฺตา. เตน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธินฺติ เตน สตฺตาหกาลิเกน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธึ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
จตุมหาปเทสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กถินกฺขนฺธกํ
กถินานุชานนกถาวณฺณนา
๓๐๖. กถินกฺขนฺธเก ¶ ¶ สีสวเสนาติ ปธานงฺควเสน. ‘‘กถินนฺติ ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘โส เนสํ ภวิสฺสตี’’ติ ยุชฺชตีติ ‘‘โส ตุมฺหาก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เนส’’นฺติ วจนํ ยุชฺชติ. เย อตฺถตกถินาติ น เกวลํ ตุมฺหากเมว, เย อฺเปิ อตฺถตกถินา, เตสมฺปิ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อนามนฺเตตฺวา จรณนฺติ จาริตฺตสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน อนาปุจฺฉิตฺวา กุเลสุ จรณํ. มตกจีวรนฺติ มตสฺส สนฺตกํ จีวรํ. ตตฺรุปฺปาเทน อาภตนฺติ วิหารสนฺตเกน เขตฺตวตฺถุอาทินา อานีตํ.
ปมปวารณาย ปวาริตาติ อิทํ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วสฺสํวุตฺถภาวสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ อนฺตราเยน อปฺปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต. เตเนว ‘‘อปฺปวาริตา วา’’ติ อวตฺวา ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ นานาสีมาย อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา อิมสฺมึ วิหาเร กถินตฺถารํ น ลภนฺตีติ อตฺโถ. ขลิมกฺขิตสาฏโกติ อหตวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทานกมฺมวาจาติ กถินทุสฺสทานกมฺมวาจา. อกาตุํ น ลพฺภตีติ อิมินา อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ทีเปติ. กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฏฺฏตีติ กถินตฺถารสาฏกสฺส ทานกาเล วุตฺตา เอกาเยว กมฺมวาจา วฏฺฏติ. ปุน ตสฺส อฺสฺมึ วตฺเถ ทิยฺยมาเน กมฺมวาจาย ทาตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, อปโลกนเมว อลนฺติ อธิปฺปาโย.
๓๐๘. มหาภูมิกนฺติ มหาวิสยํ, จตุวีสติอาการวนฺตตาย มหาวิตฺถาริกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปฺจกนฺติ ปฺจขณฺฑํ. เอส นโย เสเสสุปิ. ปมจิมิลิกาติ กถินวตฺถโต อฺา อตฺตโน ปกติจิมิลิกา. ‘‘กุจฺฉิจิมิลิกํ กตฺวา สิพฺพิตมตฺเตนาติ ถิรชิณฺณานํ จิมิลิกานํ เอกโต กตฺวา สิพฺพนสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาปจฺจริยํ กุรุนฺทิยฺจ ¶ ¶ ‘‘วุตฺตวจนนิทสฺสนํ พฺยฺชเน เอว เภโท, อตฺเถ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ กต’’นฺติ วทนฺติ. ปิฏฺิอนุวาตาโรปนมตฺเตนาติ ทีฆโต อนุวาตสฺส อาโรปนมตฺเตน. กุจฺฉิอนุวาตาโรปนมตฺเตนาติ ปุถุลโต อนุวาตสฺส อาโรปนมตฺเตน. สารุปฺปํ โหตีติ สมณสารุปฺปํ โหติ. รตฺตินิสฺสคฺคิเยนาติ รตฺติอติกฺกนฺเตน.
กถินานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาทายสตฺตกาทิกถาวณฺณนา
๓๑๑. อยนฺติ อาสาวจฺเฉทิโก กถินุทฺธาโร. อิธ น วุตฺโตติ ปาฬิยํ มาติกาปทภาชเน สวนนฺติกานนฺตรํ น วุตฺโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ สีมาติกฺกนฺติเก กถินุทฺธาเร. ‘‘สีมาติกฺกนฺติโก นาม จีวรกาลสีมาติกฺกนฺติโก’’ติ เกนจิ วุตฺตํ. ‘‘พหิสีมายํ จีวรกาลสมยสฺส อติกฺกนฺตตฺตา สีมาติกฺกนฺติโก’’ติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ. สหุพฺภาเร ‘‘โส กตจีวโร’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, เอวฺจ สติ จีวรปลิโพโธ ปมํ ฉิชฺชตีติ วิฺายติ, อิธ ปน ปริวารปาฬิยฺจ ‘‘ทฺเว ปลิโพธา อปุพฺพํ อจริมํ ฉิชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๑๕) วจนโต ตํ น สเมติ, ตสฺมา วีมํสิตพฺพเมตฺถ การณํ.
๓๑๒. ‘‘สมาทายวาโร อาทายวารสทิโส, อุปสคฺคมตฺตเมตฺถ วิเสโส’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ อนวเสเสตฺวา ปกฺกมนฺโต ‘สมาทาย ปกฺกมตี’ติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. ปุน สมาทายวาเรปิ เตเยว ทสฺสิตาติ สมฺพนฺโธ. วิปฺปกตจีวเร ปกฺกมนนฺติกสฺส กถินุทฺธารสฺส อสมฺภวโต ‘‘ยถาสมฺภว’’นฺติ วุตฺตํ. ปกฺกมนนฺติโก หิ กถินุทฺธาโร นิฏฺิตจีวรสฺเสว วเสน วุตฺโต ‘‘ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน กตจีวรํ อาทาย ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา โส วิปฺปกตจีวโร น สมฺภวตีติ ฉเฬว อุพฺภารา ตตฺถ ทสฺสิตา.
ตตฺรายํ อาทิโต ปฏฺาย วารวิภาวนา – อาทายวารา สตฺต, ตถา สมาทายวาราติ ทฺเว สตฺตกวารา, ตโต ปกฺกมนนฺติกํ วชฺเชตฺวา วิปฺปกตจีวรสฺส อาทายสมาทายวารวเสน ทฺเว ฉกฺกวารา, ตโต ปรํ ¶ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน ตีณิ ติกานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ ปมตฺติกํ อนฺโตสีมายํ ‘‘ปจฺเจสฺสํ น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อิมํ วิธึ อนามสิตฺวา พหิสีมายเมว ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปวตฺตํ, ตสฺมา ปกฺกมนนฺติกสีมาติกฺกนฺติกสอุพฺภารา ตตฺถ ¶ น ยุชฺชนฺติ. ทุติยตฺติกํ อนฺโตสีมายํ ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปวตฺตํ. ตติยตฺติกํ อนธิฏฺิต-ปเทน วิเสเสตฺวา ปวตฺตํ, อตฺถโต ปมตฺติเกน สเมติ. อนธิฏฺิเตนาติ จ ‘‘ปจฺเจสฺสํ น ปจฺเจสฺส’’นฺติ เอวํ อนธิฏฺิเตน, อนิยมิเตนาติ อตฺโถ. ตติยตฺติกานนฺตรํ จตุตฺถตฺติกํ สมฺภวนฺตํ อนฺโตสีมายํ ‘‘ปจฺเจสฺส’’นฺติ วจนวิเสเสน สมฺภวติ. ตถา จ โยชิยมานํ อิตเรหิ สวนนฺติกาทีหิ อวิรุทฺธํ โหตีติ จตุตฺถตฺติกํ อหุตฺวา ฉกฺกํ ชาตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ตีณิ ติกานิ เอกํ ฉกฺกฺจาติ ปมํ ปนฺนรสกํ เวทิตพฺพํ.
๓๑๖-๓๒๐. ตโต อิทเมว ปนฺนรสกํ อุปสคฺควิเสเสน ทุติยํ สมาทายปนฺนรสกํ นาม กตํ. ปุน ‘‘วิปฺปกตจีวรํ อาทายา’’ติ ตติยํ ปนฺนรสกํ, ‘‘สมาทายา’’ติ จตุตฺถํ ปนฺนรสกํ ทสฺสิตนฺติ เอวํ จตฺตาริ ปนฺนรสกานิ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ปมทุติเยสุ ปนฺนรสเกสุ สพฺเพน สพฺพํ อกตจีวรํ อธิปฺเปตํ, อิตเรสุ ทฺวีสุ วิปฺปกตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตโต ปรํ ‘‘จีวราสาย ปกฺกมตี’’ติอาทินา นเยน นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนอาสาวจฺเฉทิกวเสน เอโก วาโรติ อิทเมกํ จตุกฺกํ ชาตํ, ตสฺมา ปุพฺเพ วุตฺตานิ ติกานิ อาสาวจฺเฉทิกานิ ตีณิ จ ติกานีติ เอตํ อนาสายทฺวาทสกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตทนนฺตเร อาสายทฺวาทสเก กิฺจาปิ ปมํ ทฺวาทสกํ ลพฺภติ, ตถาปิ ตํ นิพฺพิเสสนฺติ ตเมกํ ทฺวาทสกํ อวุตฺตสิทฺธํ กตฺวา วิเสสโต ทสฺเสตุํ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนฺโตสีมายํ ปจฺเจสฺส’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ ทุติยจตุกฺเก ‘‘โส พหิสีมคโต สุณาตี’’ติอาทิวจนสฺส ตติยจตุกฺเก สวนนฺติกาทีนฺจ โอกาสกรณตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทํ ปน ทฺวาทสกํ อนาสายวเสนปิ ลพฺภมานํ อิมินา อวุตฺตสิทฺธํ กตฺวา น ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวเมตฺถ ทฺเว ทฺวาทสกานิ อุทฺธริตพฺพานิ. กรณียทฺวาทสเกปิ ยถาทสฺสิตํ อนาสายทฺวาทสกํ อวุตฺตสิทฺธํ อาสายทฺวาทสกฺจาติ ทฺเว ทฺวาทสกานิ อุทฺธริตพฺพานิ.
๓๒๑-๓๒๒. ยสฺมา ทิสํคมิกนวเก ‘‘ทิสํคมิโก ปกฺกมตี’’ติ วจเนเนว ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อิทํ อวุตฺตสิทฺธเมว, ตสฺมา ตํ น วุตฺตํ. เอตฺตาวตา ¶ จ อาวาสปลิโพธาภาโว ทสฺสิโต. จีวรปฏิวีสํ อปวิลายมาโนติ อิมินา จีวรปลิโพธสมงฺคิตมสฺส ทสฺเสติ. ตตฺถ จีวรปฏิวีสนฺติ อตฺตโน ปตฺตพฺพจีวรภาคํ. อปวิลายมาโนติ อากงฺขมาโน. ตสฺส จีวรลาเภ สติ วสฺสํวุตฺถาวาเส นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน เอกํ ติกํ, เตสํเยว วเสน อนฺตรามคฺเค เอกํ, คตฏฺาเน เอกนฺติ ติณฺณํ ติกานํ วเสน เอกํ นวกํ เวทิตพฺพํ.
๓๒๔. ตโต ¶ ปรํ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกสีมาติกฺกนฺติกสอุพฺภารานํ วเสน ผาสุวิหารปฺจกํ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
อาทายสตฺตกาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กถินกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. จีวรกฺขนฺธกํ
ชีวกวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๒๙-๓๓๐. จีวรกฺขนฺธเก ¶ ¶ กมฺมวิปากนฺติ กมฺมชโรคํ. สํยมสฺสาติ อานิสํสสฺส, อุปโยคตฺเถ เจตํ สามิวจนํ.
ปชฺโชตราชวตฺถุกถาทิวณฺณนา
๓๓๔-๓๓๖. วิจฺฉิกสฺส ชาโตติ ตสฺส กิร มาตุยา อุตุสมเย สยนคตาย วิจฺฉิโก นาภิปฺปเทสํ อารุฬฺโห, สา ตสฺส สมฺผสฺเสน คพฺภํ คณฺหิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘วิจฺฉิกสฺส ชาโต’’ติ. อุสฺสนฺนโทโสติ สฺจิตปิตฺตาทิโทโส.
วรยาจนกถาวณฺณนา
๓๓๗. อิตรีตเรนาติ อิตเรน อิตเรน. อิตร-สทฺโท ปน อนิยมวจโน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํกิฺจิ-สทฺเทหิ สมานตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจี’’ติ. มหาปิฏฺิยโกชวนฺติ หตฺถิปิฏฺีสุ อตฺถริตพฺพตาย มหาปิฏฺิยนฺติ ลทฺธสมฺํ จตุรงฺคุลปุปฺผํ โกชวํ.
กมฺพลานุชานนาทิกถาวณฺณนา
๓๔๐. อุปจาเรติ สุสานสฺส อาสนฺเน ปเทเส. ฉฑฺเฑตฺวา คตาติ กิฺจิ อวตฺวาเยว ฉฑฺเฑตฺวา คตา. โส เอว สามีติ อกตาย กติกาย เยน คหิตํ, โสว สามี.
จีวรปฏิคฺคาหกสมฺมุติอาทิกถาวณฺณนา
๓๔๒-๓๔๓. ธุรวิหารฏฺาเนติ ¶ วิหารทฺวารสฺส สมฺมุขฏฺาเน. วิหารมชฺเฌเยว สมฺมนฺนิตพฺพนฺติ สพฺเพสํ ชานนตฺถาย วิหารมชฺเฌเยว นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตพฺพํ. ตุลาภูโตติ ตุลาสทิโส. วณฺณาวณฺณํ กตฺวาติ สพฺพโกฏฺาเส อคฺฆโต สมเก กตฺวา. เตเนวาห ‘‘สเม ปฏิวีเส เปตฺวา’’ติ. อิทนฺติ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสสฺส ทานํ. ผาติกมฺมนฺติ สมฺมฺุชนีพนฺธนาทิหตฺถกมฺมํ ¶ . อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตีติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. สมปฏิวีโส ทาตพฺโพติ กริสฺสามาติ ยาจนฺตานํ ปฏิฺามตฺเตนปิ สมโกฏฺาโส ทาตพฺโพ.
จีวรรชนกถาวณฺณนา
๓๔๔. รชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวาติ อนฺโตรชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวา เอวํ วฏฺฏาธารเก อนฺโตรชนกุมฺภิยา ปกฺขิตฺเต มชฺเฌ อุทกํ ติฏฺติ, วฏฺฏาธารกโต พหิ สมนฺตา อนฺโตกุมฺภิยํ รชนจฺฉลฺลิ. รชนํ ปกฺขิปิตุนฺติ รชนจฺฉลฺลึ ปกฺขิปิตุํ.
ติจีวรานุชานนกถาวณฺณนา
๓๔๖. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺมุขิยา.
อติเรกจีวราทิกถาวณฺณนา
๓๔๘. อจฺฉุเปยฺยนฺติ ปติฏฺเปยฺยํ. หตวตฺถกานนฺติ กาลาตีตวตฺถานํ. อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑนฺติ ทุพฺพลฏฺานํ อปเนตฺวา อลฺลียาปนวตฺถขณฺฑํ.
วิสาขาวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๔๙-๓๕๑. วิสาขาวตฺถุมฺหิ กลฺลกายาติ อกิลนฺตกายา ปีติโสมนสฺเสหิ ผุฏสรีรา. คตีติ าณคติ าณาธิคโม. อภิสมฺปราโยติ าณาภิสมฺปราโย าณสหิโต เปจฺจภาโว.
ตํ ¶ ภควา พฺยากริสฺสตีติ ‘‘โส ภิกฺขุ โสตาปนฺโน สกทาคามี’’ติอาทินา ตสฺส ตํ าณคตึ, ตโต ปรํ ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโณ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๔) าณาภิสมฺปรายฺจ อาวิ กริสฺสติ. โสวคฺคิกนฺติ สคฺคสํวตฺตนิกํ. โสกํ นุทติ วิโนเทตีติ โสกนุทํ.
นิสีทนาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๓๕๓. ทุกฺขํ ¶ สุปตีติ นานาวิธสุปินํ ปสฺสนฺโต ทุกฺขํ สุปติ. ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌตีติ ปฏิพุชฺฌนฺโตปิ อุตฺตสิตฺวา สโลมหํโส ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌติ.
ปจฺฉิมวิกปฺปนุปคจีวราทิกถาวณฺณนา
๓๕๙-๓๖๒. อฏฺปทกจฺฉนฺเนน ปตฺตมุขํ สิพฺพิตุนฺติ อฏฺปทผลกากาเรน ปตฺตมุเข ตตฺถ ตตฺถ คพฺภํ ทสฺเสตฺวา สิพฺพิตุํ. อคฺคฬคุตฺติเยว ปมาณนฺติ อิเมหิ จตูหิ นิกฺเขปการเณหิ เปนฺเตนปิ อคฺคฬคุตฺติวิหาเรเยว เปตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย.
สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา
๓๖๓. ปฺจ มาเสติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโตติ วสฺสาวาสิกตฺถาย เวยฺยาวจฺจกเรหิ วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโต. ตตฺรุปฺปาทโตติ นาฬิเกรอารามาทิตตฺรุปฺปาทโต. ‘‘วสฺสาวาสิกลาภวเสน วา มตกจีวรวเสน วา ตตฺรุปฺปาทวเสน วา อฺเน วา เกนจิ อากาเรน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส อุปฺปนฺนจีวรํ, สพฺพํ ตสฺเสว อตฺถตกถินสฺส ปฺจ มาเส, อนตฺถตกถินสฺส เอกํ จีวรมาสํ ปาปุณาตี’’ติ อวิเสสโต วตฺวาปิ ปุน วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺเน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน อิท’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อิธาติ อภิลาปมตฺตเมตํ. ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ โสเยว นโย. อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตีติ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺนตฺตา อนตฺถตกถินสฺสปิ วุตฺถวสฺสสฺส ปฺจ มาเส ปาปุณาติ. เกนจิ ปน ‘‘อิธ-สทฺเทน นิยมิตตฺตา’’ติ การณํ วุตฺตํ, ตํ อการณํ. ตถา หิ อิธ-สทฺเทน อนิยเมตฺวาปิ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วา อนฺโตเหมนฺเต วสฺสาวาสิกลาภวเสน ทินฺนํ จีวรํ อนตฺถตกถินสฺสปิ วุตฺถวสฺสสฺส ปฺจ มาเส ปาปุณาติ, เตเนว ¶ ปรโต อฏฺสุ มาติกาสุ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทตี’’ติ อิมสฺส มาติกาปทสฺส วินิจฺฉเย (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว วสฺสาวาสิกํ ¶ เทมาติ วุตฺเต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ อนตฺถตํ วา, อตีตวสฺสํวุตฺถานเมว ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปรนฺติ ปฺจมาสโต ปรํ, คิมฺหานสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.
‘‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ อิทํ ‘‘อุทาหุ อนาคตวสฺเส’’ติ อิมสฺสานนฺตรํ ทฏฺพฺพํ. คิมฺหานสฺส ปมทิวสโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนเมว หิ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘กึ อตีตวสฺเส อิทํ วสฺสาวาสิก’’นฺติอาทินา ปุจฺฉิตพฺพํ, เตเนว ปรโตปิ วกฺขติ ‘‘คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย วุตฺเต ปน มาติกา อาโรเปตพฺพา ‘อตีตวสฺสาวาสสฺส ปฺจ มาสา อติกฺกนฺตา, อนาคโต จาตุมาสจฺจเยน ภวิสฺสติ, กตรวสฺสาวาสสฺส เทสี’ติ. สเจ ‘อตีตวสฺสํวุตฺถานํ ทมฺมี’ติ วทติ, ตํอนฺโตวสฺสํวุตฺถานเมว ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙). โปตฺถเกสุ ปน ‘‘อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตี’’ติ อิมสฺสานนฺตรํ ‘‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ อิทํ ลิขนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. น หิ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, น จ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนํ วุตฺถวสฺสสฺเสว ปาปุณาติ, สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ, เตเนว ปรโต วกฺขติ ‘‘อสุกวิหาเร วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสาติ วทติ, ตตฺร วสฺสํวุตฺถานเมว ยาว กถินสฺสุพฺภารา ปาปุณาติ. สเจ ปน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย เอวํ วทติ, ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙).
ิติกา ปน น ติฏฺตีติ เอตฺถ อฏฺิตาย ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ เอโก ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวีหิปิ คเหตพฺพํ. ิตาย ปน ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ นวกตโร อาคจฺฉติ, ิติกา เหฏฺา คจฺฉติ. สเจ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ิติกา อุทฺธมาโรหติ. อถ อฺโ นตฺถิ, ปุน อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพํ. ทุคฺคหิตานิ โหนฺตีติ เอตฺถ สงฺฆิกาเนว โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. คหิตเมว นามาติ ‘‘อิมสฺส อิทํ ปตฺต’’นฺติ กิฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา อตฺถโต เตสํ ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย. อิโตวาติ เถรานํ ทาตพฺพโตเยว.
สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปนนฺทสกฺยปุตฺตวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๖๔. สตฺตาหวาเรน ¶ ¶ อรุณเมว อุฏฺาเปตีติ เอตํ วจนมตฺตเมว เอกสฺมึ วิหาเร สตฺตาหกิจฺจาภาวโต. อิทนฺติ เอกาธิปฺปายทานํ. นานาลาเภหีติอาทีสุ นานา วิสุํ วิสุํ ลาโภ เอเตสูติ นานาลาภา, ทฺเว วิหารา, เตหิ นานาลาเภหิ. นานา วิสุํ วิสุํ ปาการาทีหิ ปริจฺฉินฺโน อุปจาโร เอเตสนฺติ นานูปจารา, เตหิ นานูปจาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ เอกูปจารสีมายํ ทฺวีหิ วิหาเรหิ.
คิลานวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๖๕. ปลิปนฺโนติ นิมุคฺโค, มกฺขิโตติ อตฺโถ. อุจฺจาเรตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. สมานาจริยโกติ เอตฺถ สเจปิ เอกสฺส อาจริยสฺส เอโก อนฺเตวาสิโก โหติ, เอโก สทฺธิวิหาริโก, เอเตปิ อฺมฺํ สมานาจริยกา เอวาติ วทนฺติ.
๓๖๖. เภสชฺชํ โยเชตุํ อสมตฺโถ โหตีติ เวชฺเชน ‘‘อิทฺจิทฺจ เภสชฺชํ คเหตฺวา อิมินา โยเชตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ตถา กาตุํ อสมตฺโถติ อตฺโถ. นีหาตุนฺติ นีหริตุํ, ฉฑฺเฑตุนฺติ อตฺโถ.
มตสนฺตกกถาวณฺณนา
๓๖๗-๓๖๙. ภิกฺขุสฺส กาลกเตติ เอตฺถ กาลกต-สทฺโท ภาวสาธโนติ อาห ‘‘กาลกิริยายา’’ติ. ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆสฺสาติ ตสฺมึ ตสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺส.
สงฺเฆ ภินฺเน จีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา
๓๗๖. ยตฺถ ปน ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ ภิกฺขู ยสฺมึ รฏฺเ ทกฺขิโณทกปอคฺคหณมตฺเตนปิ เทยฺยธมฺมสฺส สามิโน โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป.
๓๗๘. มตกจีวรํ อธิฏฺาตีติ เอตฺถ มคฺคํ คจฺฉนฺโต ตสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา อวิหารฏฺาเน ¶ เจ ทฺวาทสรตนพฺภนฺตเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อภาวํ ตฺวา ‘‘อิทํ จีวรํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ.
อฏฺจีวรมาติกากถาวณฺณนา
๓๗๙. ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน ¶ วุตฺตนฺติ ‘‘สีมายทาน’’นฺติอาทินา วตฺตพฺเพ ‘‘สีมาย เทตี’’ติอาทิ ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน วุตฺตํ. ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนาติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ธุวสนฺนิปาตฏฺานาทิโต ปมเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโต อุปจารสีมาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ทุติยเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโตปิ อุปจารสีมาเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ ปริยนฺตคตเมว คเหตพฺพํ. ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปเวสนเสนาสนาปุจฺฉนาทิ ปริวาสมานตฺตาโรจนวสฺสจฺเฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิ วิธานนฺติ อิทํ สพฺพํ อิมิสฺสาเยว อุปจารสีมาย วเสน เวทิตพฺพํ. ลาภตฺถาย ปิตสีมา ลาภสีมา. สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาสุ ทินฺนสฺส อิทํ นานตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘สมานสํวาสกสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานมฺปิ ปาปุณาตีติ.
พุทฺธาธิวุตฺโถติ พุทฺเธน ภควตา อธิวุตฺโถ. เอกสฺมินฺติ เอกสฺมึ วิหาเร. ปากวฏฺฏนฺติ ทานวฏฺฏํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทมา’’ติ วุตฺตตฺตา ปํสุกูลิกานํ วฏฺฏติ. วิจาริตเมวาติ อุปาหนตฺถวิกาทีนมตฺถาย วิจาริตเมว.
อุปฑฺฒํ ทาตพฺพนฺติ ยํ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนํ, ตโต อุปฑฺฒํ ภิกฺขูนํ, อุปฑฺฒํ ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺพํ. สเจปิ เอโก ภิกฺขุ โหติ เอกา วา ภิกฺขุนี, อนฺตมโส อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ อุปฑฺฒเมว ทาตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเต ปน ปุคฺคโล วิสุํ น ลภตีติ อิทํ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ. น เหตฺถ วิเสสการณํ อุปลพฺภติ. ตถา หิ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต สามฺวิเสสวจเนหิ สงฺคหิตตฺตา ยถา ปุคฺคโล วิสุํ ลภติ, เอวมิธาปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ สามฺวิเสสวจนสพฺภาวโต ภวิตพฺพเมว วิสุํ ปุคฺคลปฏิวีเสนาติ วิฺายติ, ตสฺมา อฏฺกถาวจนเมเวตฺถ ปมาณํ. ปาปุณนฏฺานโต เอกเมว ลภตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺานโต เอกเมว ¶ โกฏฺาสํ ลภติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ, ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณเนว ปุคฺคลสฺสปิ คหิตตฺตาติ ¶ อธิปฺปาโย. ภิกฺขุสงฺฆสฺส หราติ วุตฺเตปิ หริตพฺพนฺติ อีทิสํ คิหิเวยฺยาวจฺจํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
ลกฺขณฺู วทนฺตีติ อิทํ สนฺนิฏฺานวจนํ, อฏฺกถาสุ อนาคตตฺตา ปน เอวํ วุตฺตํ. พหิอุปจารสีมายํ…เป… สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สเจ ปน พหิอุปจารสีมายํ ิโต ‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’ติ วทติ, ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ สมฺปตฺตานํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนนุรูเป ปเทเส ตฺวา วุตฺตตฺตา วสฺสํวุตฺถานํ อวุตฺถานฺจ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อวุตฺถวสฺสานํ ปาปุณาติ. เอวํ วทตีติ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ. อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโตติ ตสฺส สนฺติเก อุทฺเทสํ อคหิตปุพฺพสฺสปิ อุทฺเทสํ คณฺหิสฺสามีติ อาคตกาลโต ปฏฺาย อนฺเตวาสิกภาวูปคมนโต วุตฺตํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อฏฺจีวรมาติกากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. จมฺเปยฺยกฺขนฺธกํ
กสฺสปโคตฺตภิกฺขุวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๘๐. จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ¶ ¶ จมฺปายนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺส หิ นครสฺส อารามโปกฺขรณีอาทีสุ เตสุ เตสุ าเนสุ จมฺปกรุกฺขาว อุสฺสนฺนา อเหสุํ, ตสฺมา ‘‘จมฺปา’’ติ สงฺขํ อคมาสิ. คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ ตสฺส จมฺปานครสฺส อวิทูเร คคฺคราย นาม ราชมเหสิยา ขณิตตฺตา ‘‘คคฺครา’’ติ ลทฺธโวหารา โปกฺขรณี อตฺถิ, ตสฺสา ตีเร สมนฺตโต นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิตํ มหนฺตํ จมฺปกวนํ, ตสฺมึ ภควา กุสุมคนฺธสุคนฺเธ จมฺปกวเน วิหรติ. ตํ สนฺธาย ‘‘คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร’’ติ วุตฺตํ. ตนฺติพทฺโธติ ตนฺติ วุจฺจติ พฺยาปาโร, ตตฺถ พทฺโธ ปสุโต อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโนติ อตฺโถ, ตสฺมึ อาวาเส อกตํ เสนาสนํ กโรติ, ชิณฺณํ ปฏิสงฺขโรติ, กเต อิสฺสโร โหตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมึ อาวาเส กตฺตพฺพตฺตา ตนฺติปฏิพทฺโธ’’ติ, กตฺตพฺพกมฺเม อุสฺสาหมาปนฺโนติ อตฺโถ.
ตฺติวิปนฺนกมฺมาทิกถาวณฺณนา
๓๘๕-๓๘๗. ปฏิกฺโกสนฺเตสูติ นิวาเรนฺเตสุ. หาปนํ วา อฺถา กรณํ วา นตฺถีติ ตฺติกมฺมสฺส เอกาย เอว ตฺติยา กตฺตพฺพตฺตา ตโต หาปนํ น สมฺภวติ, อนุสฺสาวนาย อภาวโต ปจฺฉา ตฺติปนวเสน ทฺวีหิ ตฺตีหิ กรณวเสน จ อฺถา กรณํ นตฺถิ.
จตุวคฺคกรณาทิกถาวณฺณนา
๓๘๙. อุกฺเขปนียกมฺมกโต กมฺมนานาสํวาสโก, อุกฺขิตฺตานุวตฺตโก ลทฺธินานาสํวาสโก.
ทฺเวนิสฺสารณาทิกถาวณฺณนา
๓๙๕. อปฺปตฺโต ¶ นิสฺสารณนฺติ เอตฺถ นิสฺสารณกมฺมํ นาม กุลทูสกานฺเว อนฺุาตํ, อยฺจ ‘‘พาโล โหติ อพฺยตฺโต’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺโ กุลทูสโก น โหติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปตฺโต’’ติ วุตฺโต ¶ . ยทิ เอวํ กถํ สุนิสฺสาริโต โหตีติ? พาลอพฺยตฺตตาทิยุตฺตสฺสปิ กมฺมกฺขนฺธเก ‘‘อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ กเรยฺยา’’ติ (จูฬว. ๒๗) วุตฺตตฺตา. เตเนวาห ‘‘ตฺเจส…เป… ตสฺมา สุนิสฺสาริโต โหตี’’ติ. ตตฺถ ตนฺติ ปพฺพาชนียกมฺมํ. เอโสติ ‘‘พาโล’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺโ. อาเวณิเกน ลกฺขเณนาติ ปพฺพาชนียกมฺมสฺส อาเวณิกภูเตน กุลทูสกภาวลกฺขเณน.
ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรติ, สุนิสฺสาริโตติ เอตฺถ อธิปฺเปตสฺส ปพฺพาชนียกมฺมสฺส วเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยทิ ‘‘ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรตี’’ติ ตชฺชนียาทิกมฺมวเสน นิสฺสารณา อธิปฺเปตา, ตทา นิสฺสารณํ สมฺปตฺโตเยว ตชฺชนียาทิวเสน สุนิสฺสาริโตติ พฺยติเรกมุเขน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรตี’’ติ อุลฺลิงฺเคตฺวา อตฺโถ กถิโต. นตฺถิ เอตสฺส อปทานํ อวขณฺฑนํ อาปตฺติปริยนฺโตติ อนปทาโน. เอเกเกนปิ องฺเคน นิสฺสารณา อนฺุาตาติ กมฺมกฺขนฺธเก อนฺุาตา. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
ทฺเวนิสฺสารณาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธกํ
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา
๔๕๑. โกสมฺพกกฺขนฺธเก ¶ ¶ สเจ โหติ, เทเสสฺสามีติ สุพฺพจตาย สิกฺขากามตาย จ อาปตฺตึ ปสฺสิ. นตฺถิ อาปตฺตีติ อนาปตฺติปกฺโขปิ เอตฺถ สมฺภวตีติ อธิปฺปาเยนาห. สา ปนาปตฺติ เอว. เตนาห ‘‘โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสี’’ติ.
๔๕๓-๔๕๔. สมฺภมอตฺถวเสนาติ ตุริตตฺถวเสน. ‘‘อการเณ ตุมฺเหหิ โส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺโต’’ติ วเทยฺยาติ ยสฺมา ปุพฺเพ วินยธรสฺส วจเนน ‘‘สเจ อาปตฺติ โหติ, เทเสสฺสามี’’ติ อเนน ปฏิฺาตํ, อิทานิปิ ตสฺเสว วจเนน ‘‘อสฺจิจฺจ อสฺสติยา กตตฺตา นตฺเถตฺถ อาปตฺตี’’ติ อนาปตฺติสฺี, ตสฺมา ‘‘อการเณ ตุมฺเหหิ โส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺโต’’ติ อุกฺเขปเก ภิกฺขู ยทิ วเทยฺยาติ อธิปฺปาโย. อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก วา ‘‘ตุมฺเห อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติ วเทยฺยาติ ยสฺมา วตฺถุชานนจิตฺเตนายํ สจิตฺตกา อาปตฺติ, อยฺจ อุทกาวเสเส อุทกาวเสสสฺี, ตสฺมา สาปตฺติกสฺเสว ‘‘ตุมฺเห ฉนฺทาคตึ คจฺฉถา’’ติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตุมฺเห อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติ อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก วเทยฺย.
๔๕๕-๔๕๖. กมฺมํ โกเปตีติ ‘‘นานาสํวาสกจตุตฺโถ เจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๘๙) สเจ สงฺโฆ ตํ คณปูรกํ กตฺวา กมฺมํ กเรยฺย, อยํ ตตฺถ นิสินฺโนปิ ตํ กมฺมํ โกเปตีติ อธิปฺปาโย. อุปจารํ มฺุจิตฺวาติ เอตฺถ อุปจาโร นาม อฺมฺํ หตฺเถน ปาปุณนฏฺานํ.
๔๕๗. ภณฺฑนชาตาติอาทีสุ กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นาม, ตํ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา, หตฺถปรามาสาทิวเสน มตฺถกํ ปตฺโต กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตา, วิรุทฺธวาทภูตํ วาทํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. มุขสตฺตีหีติ วาจาสตฺตีหิ. วิตุทนฺตาติ วิชฺฌนฺตา ¶ . ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจาติ ‘‘อิธ, ภนฺเต, โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา’’ติอาทิวจนํ อโวจ, ตฺจ โข เนว ปิยกมฺยตาย, น เภทาธิปฺปาเยน, อถ โข อตฺถกามตาย หิตกามตาย. สามคฺคีการโก กิเรส ภิกฺขุ, ตสฺมาสฺส เอตทโหสิ ‘‘ยถา อิเม ภิกฺขู วิวาทํ อารทฺธา, น สกฺกา มยา, นาปิ อฺเน ภิกฺขุนา สมคฺเค กาตุํ, อปฺเปว นาม สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ภควา สยํ วา คนฺตฺวา อตฺตโน วา สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอเตสํ ภิกฺขูนํ ขนฺติเมตฺตาปฏิสํยุตฺตํ สารณียธมฺมเทสนํ กเถตฺวา สามคฺคึ กเรยฺยา’’ติ อตฺถกามตาย หิตกามตาย คนฺตฺวา อโวจ. ตสฺมา เอวมาหาติ อตฺถกามตฺตา เอวมาห, น ภควโต วจนํ อนาทิยนฺโต. เย ปน ตทา สตฺถุ วจนํ น คณฺหึสุ, เต กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหีภูตา มงฺกุภูตา อฏฺํสุ, ตสฺมา อุภเยสมฺปิ สตฺถริ อคารวปฏิปตฺติ นาโหสิ.
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๕๘. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติอาทีสุ ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ ภควา ปถวีคตํ นิธึ อุทฺธริตฺวา ปุรโต ราสึ กโรนฺโต วิย ภวปฏิจฺฉนฺนํ ปุราวุตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห. อฑฺโฒติ อิสฺสโร. โย โกจิ อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน อฑฺโฒ โหติ, อยํ ปน น เกวลํ อฑฺโฒเยว, มหทฺธโน มหตา อปริมาณสงฺเขน ธเนน สมนฺนาคโตติ อาห ‘‘มหทฺธโน’’ติ. ภฺุชิตพฺพโต ปริภฺุชิตพฺพโต วิเสสโต กามา โภคา นาม, ตสฺมา ปฺจกามคุณวเสน มหนฺตา อุฬารา โภคา อสฺสาติ มหาโภโค. มหนฺตํ เสนาพลฺเจว ถามพลฺจ เอตสฺสาติ มหพฺพโล. มหนฺโต หตฺถิอสฺสาทิวาหโน เอตสฺสาติ มหาวาหโน. มหนฺตํ วิชิตํ รฏฺํ เอตสฺสาติ มหาวิชิโต. ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโรติ โกโส วุจฺจติ ภณฺฑาคารสารคพฺโภ, โกฏฺํ วุจฺจติ ธฺสฺส อาปนฏฺานํ, โกฏฺภูตํ อคารํ โกฏฺาคารํ, นิทหิตฺวา ปิเตน ธเนน ปริปุณฺณโกโส ธฺานฺจ ปริปุณฺณโกฏฺาคาโรติ อตฺโถ.
อถ ¶ วา จตุพฺพิโธ โกโส หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตีติ. ยถา หิ อสิโน ติกฺขภาวปริปาลโก ปริจฺฉโท ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ รฺโ ติกฺขภาวปริปาลกตฺตา จตุรงฺคินี เสนา ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ. ติวิธํ โกฏฺาคารํ ธนโกฏฺาคารํ ธฺโกฏฺาคารํ วตฺถโกฏฺาคารนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ ปริปุณฺณมสฺสาติ ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร. จตุรงฺคินึ เสนนฺติ หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาเตหิ ¶ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ เสนํ. สนฺนยฺหิตฺวาติ จมฺมปฏิมฺุจนาทีหิ สนฺนาหํ กาเรตฺวา. อพฺภุยฺยาสีติ อภิอุยฺยาสิ, อภิมุโข หุตฺวา นิกฺขมีติ อตฺโถ. เอกสงฺฆาตมฺปีติ เอกปฺปหารมฺปิ. โธวนนฺติ โธวนุทกํ. ปริเนตฺวาติ นีหริตฺวา. ‘‘อนตฺถโท’’ติ วตฺตพฺเพ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘อนตฺถโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ.
๔๖๔. วคฺคภาเวน วา ปุถุ นานา สทฺโท อสฺสาติ ปุถุสทฺโท. สมชโนติ ภณฺฑเน สมชฺฌาสโย ชโน. ตตฺถาติ ตสฺมึ ชนกาเย. อหํ พาโลติ น มฺิตฺถาติ พาลลกฺขเณ ิโตปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มฺิ. ภิยฺโย จาติ อตฺตโน พาลภาวสฺส อชานนโต ภิยฺโย จ ภณฺฑนสฺส อุปริโผโฏ วิย สงฺฆเภทสฺส อตฺตโน การณภาวมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ น มฺิตฺถ นาฺาสิ.
กลหวเสน ปวตฺตวาจาเยว โคจรา เอเตสนฺติ วาจาโคจรา. มุขายามนฺติ วิวทนวเสน มุขํ อายาเมตฺวา ภาณิโน. น ตํ ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. กลหํ กโรนฺโต จ ตํ น ชานนฺโต นาม นตฺถิ. ยถา ปน น ชานนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติ, อยํ กลโห นาม อตฺตโน ปเรสฺจ อตฺถหาปนโต อนตฺถุปฺปาทนโต ทิฏฺเว ธมฺเม สมฺปราเย จ สาทีนโว สโทโสติ อตฺโถ. ตํ น ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. กถํ น ชานนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติ, ‘‘เอวํ สาทีนโว อยํ กลโห’’ติ เอวํ ตํ กลหํ น ชานนฺตีติ อตฺโถ.
อกฺโกจฺฉิ มนฺติอาทีสุ อกฺโกจฺฉีติ อกฺโกสิ. อวธีติ ปหริ. อชินีติ กูฏสกฺขิโอตารเณน วา วาทปฏิวาเทน วา กรณุตฺตริยกรเณน วา อเชสิ. อหาสีติ มม สนฺตกํ ปตฺตาทีสุ กิฺจิเทว อวหริ ¶ . เย จ ตนฺติ เย เกจิ เทวา วา มนุสฺสา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ตํ ‘‘อกฺโกจฺฉิ ม’’นฺติอาทิวตฺถุกํ โกธํ สกฏธุรํ วิย นทฺธินา ปูติมจฺฉาทีนิ วิย จ กุสาทีหิ ปุนปฺปุนํ เวเนฺตา อุปนยฺหนฺติ อุปนาหวเสน อนุพนฺธนฺติ, เตสํ สกึ อุปฺปนฺนํ เวรํ น สมฺมตีติ อตฺโถ.
เย จ ตํ นุปนยฺหนฺตีติ อสฺสติยา อมนสิการวเสน วา กมฺมปจฺจเวกฺขณาทิวเสน วา เย ตํ อกฺโกสาทิวตฺถุกํ โกธํ ‘‘ตยาปิ โกจิ นิทฺโทโส ปุริมภเว อกฺกุฏฺโ ภวิสฺสติ, ปหโฏ ภวิสฺสติ, กูฏสกฺขึ โอตาเรตฺวา ชิโต ภวิสฺสติ, กสฺสจิ เต ปสยฺห กิฺจิ อจฺฉินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา นิทฺโทโส หุตฺวาปิ อกฺโกสาทีนิ ปาปุณาสี’’ติ เอวํ น อุปนยฺหนฺติ ¶ , เตสุ ปมาเทน อุปฺปนฺนมฺปิ เวรํ อิมินา อนุปนยฺหเนน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท อุปสมฺมติ.
น หิ เวเรน เวรานีติ ยถา หิ เขฬสิงฺฆาณิกาทิอสุจิมกฺขิตํ านํ เตเหว อสุจีหิ โธวนฺโต สุทฺธํ นิคฺคนฺธํ กาตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ตํ านํ ภิยฺโยโส มตฺตาย อสุทฺธตรฺจ ทุคฺคนฺธตรฺจ โหติ, เอวเมว อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต เวเรน เวรํ วูปสเมตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ภิยฺโย เวรเมว กโรติ. อิติ เวรานิ นาม เวเรน กิสฺมิฺจิปิ กาเล น สมฺมนฺติ, อถ โข วฑฺฒนฺติเยว. อเวเรน จ สมฺมนฺตีติ ยถา ปน ตานิ เขฬาทีนิ อสุจีนิ วิปฺปสนฺเนน อุทเกน โธวิยมานานิ นสฺสนฺติ, ตํ านํ สุทฺธํ โหติ นิคฺคนฺธํ, เอวเมว อเวเรน ขนฺติเมตฺโตทเกน โยนิโสมนสิกาเรน ปฏิสงฺขาเนน ปจฺจเวกฺขเณน เวรานิ วูปสมฺมนฺติ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส อเวเรน เวรูปสมนสงฺขาโต โปราณโก ธมฺโม สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ คตมคฺโค.
น ชานนฺตีติ อนิจฺจสฺํ น ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ ตโต ตสฺมา การณา เมธคา กลหา สมฺมนฺติ วูปสมํ คจฺฉนฺติ. กถํ เต สมฺมนฺตีติ อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวฺหิ เต ชานนฺตาติ เต ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสมีปํ คจฺฉามา’’ติ เอวํ ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ¶ ปฏิปชฺชนฺติ, อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺตีติ อธิปฺปาโย.
เตสมฺปิ โหติ สงฺคตีติ เย มาตาปิตูนํ อฏฺีนิ ฉินฺทนฺติ, ปาเณ หรนฺติ, ควาทีนิ จ ปสยฺห คณฺหนฺติ, เอวํ รฏฺํ วิลุมฺปมานานํ เตสมฺปิ สงฺคติ โหติ, กิมงฺคํ ปน ตุมฺหากํ น สิยาติ อธิปฺปาโย.
วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตาติ ‘‘พาลสหายตาย อิเม ภิกฺขู กลหปสุตา, ปณฺฑิตสหายานํ ปน อิทํ น สิยา’’ติ ปณฺฑิตสหายสฺส พาลสหายสฺส จ วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตา. นิปกนฺติ เนปกฺกปฺาย สมนฺนาคตํ. สาธุวิหาริ ธีรนฺติ ภทฺทกวิหารึ ปณฺฑิตํ. ปากฏปริสฺสเย จ ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จ อภิภวิตฺวาติ สีหพฺยคฺฆาทโย ปากฏปริสฺสเย จ ราคภยโทสภยาทโย ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จาติ สพฺเพว ปริสฺสเย อภิภวิตฺวา.
เอกกา ¶ จรึสูติ ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม มหนฺตํ ปมาทฏฺานํ, กึ อมฺหากํ รชฺเชน การิเตนา’’ติ รฏฺํ ปหาย ตโต มหาอรฺํ ปวิสิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกกา จรึสูติ อตฺโถ.
เอกสฺส จริตํ เสยฺโยติ ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอกีภาวาภิรตสฺส เอกกสฺเสว จริตํ เสยฺโยติ อตฺโถ. นตฺถิ พาเล สหายตาติ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตคุณา วิปสฺสนาาณํ จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา อมตมหานิพฺพานนฺติ อยํ สหายตา นาม, สา พาลํ นิสฺสาย อธิคนฺตุํ น สกฺกาติ นตฺถิ พาเล สหายตา. มาตงฺโค อรฺเ มาตงฺครฺเติ สรโลเปน สนฺธิ. ‘‘มาตงฺครฺโ’’ติปิ ปาโ, อรฺโก มาตงฺโค วิยาติ อตฺโถ. มาตงฺค-สทฺเทเนว หตฺถิภาวสฺส วุตฺตตฺตา นาควจนํ ตสฺส มหตฺตวิภาวนตฺถนฺติ อาห ‘‘นาโคติ มหนฺตาธิวจนเมต’’นฺติ. มหนฺตปริยาโย หิ นาค-สทฺโท โหติ ‘‘เอตํ นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน’’ติอาทีสุ (อุทา. ๓๕).
ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พาลกโลณกคมนกถาวณฺณนา
๔๖๕. พาลกโลณการคาโมติ ¶ อุปาลิคหปติสฺส เอวํนามโก โภคคาโม. เตนุปสงฺกมีติ ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรสุ วา อสีติมหาสาวเกสุ วา อนฺตมโส ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อานนฺทตฺเถรมฺปิ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย อนีกนิสฺสโฏ หตฺถี วิย ยูถนิสฺสโฏ กาฬสีโห วิย วาตจฺฉินฺโน วลาหโก วิย จ เอกโกว อุปสงฺกมิ. กสฺมา อุปสงฺกมิ? คเณ กิรสฺส อาทีนวํ ทิสฺวา เอกวิหารึ ภิกฺขุํ ปสฺสิตุกามตา อุทปาทิ, ตสฺมา สีตาทิปีฬิโต อุณฺหาทึ ปตฺถยมาโน วิย อุปสงฺกมิ. อถ วา ภควตา โส อาทีนโว ปเคว ปริฺาโต, น เตน สตฺถา นิพฺพินฺโน, ตสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส เกจิ พุทฺธเวเนยฺยา นาเหสุํ, เตน อฺตฺถ คมนํ เตสํ ภิกฺขูนํ ทมนุปาโยติ ปาลิเลยฺยกํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺโต เอกวิหารึ อายสฺมนฺตํ ภคุํ สมฺปหํเสตุํ ตตฺถ คโต. เอวํ คเต จ สตฺถริ ปฺจสตา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ ‘‘อาวุโส อานนฺท สตฺถา เอกโกว คโต, มยํ อนุพนฺธิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาวุโส, ยทา ภควา สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามนฺเตตฺวา อุปฏฺาเก อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อทุติโย คจฺฉติ, ตทา เอกจาริกํ ¶ จริตุํ ภควโต อชฺฌาสโย, สาวเกน นาม สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา น อิเมสุ ทิวเสสุ ภควา อนุคนฺตพฺโพ’’ติ นิวาเรสิ, สยมฺปิ นานุคฺฉิ. ธมฺมิยา กถายาติ เอกีภาเว อานิสํสปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมกถาย.
พาลกโลณกคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจีนวํสทายคมนกถาวณฺณนา
๔๖๖. เยน ปาจีนวํสทาโยติ ตตฺถ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ยถา นาม ชิฆจฺฉิตสฺส โภชเน, ปิปาสิตสฺส ปานีเย, สีเตน ผุฏฺสฺส อุณฺเห, อุณฺเหน ผุฏฺสฺส สีเต, ทุกฺขิตสฺส สุเข อภิรุจิ อุปฺปชฺชติ, เอวเมว ภควโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อฺมฺํ วิวาทาปนฺเน อสมคฺควาสํ วสนฺเต, สมคฺควาสํ ¶ วสนฺเต อาวชฺเชนฺตสฺส อิเม ตโย กุลปุตฺตา อาปาถมาคมึสุ, อถ เนสํ ปคฺคณฺหิตุกาโม อุปสงฺกมิ ‘‘เอวายํ ปฏิปตฺติอนุกฺกเมน โกสมฺพกานํ ภิกฺขูนํ วินยนูปาโย โหตี’’ติ. วิหรนฺตีติ สามคฺคิรสํ อนุภวมานา วิหรนฺติ.
ทายปาโลติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๒๕) อรฺปาโล. โส อรฺํ ยถา อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปเทเสน มนุสฺสา ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผํ วา ผลํ วา นิยฺยาสํ วา ทพฺพสมฺภารํ วา น หรนฺติ, เอวํ วติยา ปริกฺขิตฺตสฺส อรฺสฺส โยชิเต ทฺวาเร นิสีทิตฺวา อรฺํ รกฺขติ, ตสฺมา ‘‘ทายปาโล’’ติ วุตฺโต. อตฺตกามรูปา วิหรนฺตีติ อตฺตโน หิตํ กามยมานสภาวา หุตฺวา วิหรนฺติ. โย หิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมทูตกมฺมปหิณคมนาทีนํ วเสน เอกวีสติอเนสนาหิ ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ น อตฺตกามรูโป นาม. โย ปน อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอกวีสติอเนสนํ ปหาย จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺาย พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายธุตงฺคํ อธิฏฺาย อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามนฺตํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กุรุมาโน วิจรติ, อยํ อตฺตกาโม นาม. เตปิ ตโย กุลปุตฺตา เอวรูปา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตกามรูปา วิหรนฺตี’’ติ.
มา เตสํ อผาสุมกาสีติ เตสํ อผาสุกํ มา อกาสีติ ภควนฺตํ วาเรสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิเม กุลปุตฺตา สมคฺคา วิหรนฺติ, เอกจฺจสฺส จ คตฏฺาเน ¶ ภณฺฑนกลหวิวาทา วตฺตนฺติ, ติขิณสิงฺโค จณฺฑโคโณ วิย โอวิชฺฌนฺโต วิจรติ, อเถกมคฺเคน ทฺวินฺนํ คมนํ น โหติ, กทาจิ อยมฺปิ เอวํ กโรนฺโต อิเมสํ กุลปุตฺตานํ สมคฺควาสํ ภินฺเทยฺย, ปาสาทิโก จ ปเนส สุวณฺณวณฺโณ รสคิทฺโธ มฺเ, คตกาลโต ปฏฺาย ปณีตทายกานํ อตฺตโน อุปฏฺากานํ วณฺณกถนาทีหิ อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อปฺปมาทวิหารํ ภินฺเทยฺย, วสนฏฺานานิ จาปิ เอเตสํ กุลปุตฺตานํ นิพทฺธานิ ปริจฺฉินฺนานิ ติสฺโสว ปณฺณสาลา ตโย จงฺกมา ตีณิ ทิวาฏฺานานิ ตีณิ มฺจปีานิ, อยํ ปน สมโณ มหากาโย วุฑฺฒตโร มฺเ ภวิสฺสติ, โส อกาเล อิเม กุลปุตฺเต เสนาสนา วุฏฺเปสฺสติ, เอวํ สพฺพถาปิ เอเตสํ อผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. ตํ อนิจฺฉนฺโต ‘‘มา เตสํ อผาสุมกาสี’’ติ ภควนฺตํ วาเรติ.
กึ ¶ ปเนส ชานนฺโต วาเรสิ อชานนฺโตติ? อชานนฺโต. สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ นาม ยทา อเนกภิกฺขุสหสฺสปริวาโร พฺยามปฺปภาย อสีติอนุพฺยฺชเนหิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสิริยา จ พุทฺธานุภาวํ ทสฺเสนฺโต วิจรติ, ตทา ‘‘โก เอโส’’ติ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺโพ โหติ. ตทา ปน ภควา ‘‘มาสฺสุ โกจิ มม พุทฺธานุภาวํ อฺาสี’’ติ ตถารูเปน อิทฺธาภิสงฺขาเรน สพฺพมฺปิ ตํ พุทฺธานุภาวํ จีวรคพฺเภน วิย ปฏิจฺฉาเทตฺวา วลาหกคพฺเภน ปฏิจฺฉนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย อฺาตกเวเสน อคมาสิ. อิติ ตํ อชานนฺโตว ทายปาโล วาเรสิ.
เอตทโวจาติ เถโร กิร ‘‘มา สมณา’’ติ ทายปาลสฺส กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยํ ตโย ชนา อิธ วิหราม, อฺโ ปพฺพชิโต นาม นตฺถิ, อยฺจ ทายปาโล ปพฺพชิเตน วิย สทฺธึ กเถติ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ทิวาฏฺานโต อุฏฺาย ทฺวาเร ตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต ภควนฺตํ อทฺทส. ภควาปิ เถรสฺส สห ทสฺสเนเนว สรีโรภาสํ มฺุจิ, อสีติอนุพฺยฺชนวิราชิตา พฺยามปฺปภา ปสาริตสุวณฺณปโฏ วิย วิโรจิตฺถ. เถโร ‘‘อยํ ทายปาโล ผณกตอาสีวิสํ คีวาย คเหตุํ หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย โลเก อคฺคปุคฺคเลน สทฺธึ กเถนฺโตว น ชานาติ, อฺตรภิกฺขุนา วิย สทฺธึ กเถตี’’ติ นิวาเรนฺโต เอตํ ‘‘มาวุโส, ทายปาลา’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ อกตฺวาว อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘มยํ ตโย ชนา สมคฺควาสํ วสาม, สจาหํ เอกโกว ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามิ, สมคฺควาโส นาม น ภวิสฺสติ, ปิยมิตฺเต คเหตฺวาว ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามิ. ยถา จ ภควา ¶ มยฺหํ ปิโย, เอวํ สหายานมฺปิ เม ปิโย’’ติ เตหิ สทฺธึ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุกาโม สยํ อกตฺวา อุปสงฺกมิ. เกจิ ปน ‘‘เตสํ เถรานํ ปณฺณสาลทฺวาเร จงฺกมนโกฏิยา ภควโต อาคมนมคฺโค โหติ, ตสฺมา เถโร เตสํ สฺํ ททมาโนว คโต’’ติ วทนฺติ. อภิกฺกมถาติ อิโต อาคจฺฉถ. ปาเท ปกฺขาเลสีติ วิกสิตปทุมสนฺนิเภหิ ชาลหตฺเถหิ มณิวณฺณํ อุทกํ คเหตฺวา สุวณฺณวณฺเณสุ ปิฏฺิปาเทสุ อุทกํ อาสิฺจิตฺวา ปาเทน ปาทํ ฆํเสนฺโต ปกฺขาเลสิ. พุทฺธานํ ¶ กาเย รโชชลฺลํ นาม น อุปลิมฺปติ, กสฺมา ปกฺขาเลสีติ? สรีรสฺส อุตุคฺคหณตฺถํ เตสฺจ จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ. อมฺเหหิ อภิหเฏน อุทเกน ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ, ปริโภคํ อกาสีติ เตสํ ภิกฺขูนํ พลวโสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปีณิตํ โหติ, ตสฺมา ปกฺขาเลสิ.
อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจาติ โส กิร เตสํ วุฑฺฒตโร, ตสฺส สงฺคเห กเต เสสานํ กโตว โหตีติ เถรฺเว เอตํ ‘‘กจฺจิ โว อนุรุทฺธา’’ติอาทิวจนํ อโวจ. อนุรุทฺธาติ วา เอกเสสนเยน วุตฺตํ วิรูเปกเสสสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวฺจ กตฺวา พหุวจนนิทฺเทโส จ สมตฺถิโต โหติ. กจฺจีติ ปุจฺฉนตฺเถ นิปาโต. โวติ สามิวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กจฺจิ อนุรุทฺธา ตุมฺหากํ ขมนียํ, อิริยาปโถ โว ขมติ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โว ชีวิตํ ยาเปติ ฆฏิยติ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถ, กจฺจิ ตุมฺหากํ สุลภปิณฺฑํ, สมฺปตฺเต โว ทิสฺวา มนุสฺสา อุฬุงฺกยาคุํ วา กฏจฺฉุภิกฺขํ วา ทาตพฺพํ มฺนฺตีติ ภิกฺขาจารวตฺตํ ปุจฺฉติ. กสฺมา? ยสฺมา ปจฺจเยน อกิลมนฺเตน สกฺกา สมณธมฺโม กาตุํ, วตฺตเมว วา เอตํ ปพฺพชิตานํ.
อถ เตน ปฏิวจเน ทินฺเน ‘‘อนุรุทฺธา ตุมฺเห ราชปพฺพชิตา มหาปฺุา, มนุสฺสา ตุมฺหากํ อรฺเ วสนฺตานํ อทตฺวา กสฺส อฺสฺส ทาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตุมฺเห ปน เอตํ ภฺุชิตฺวา กึ นุ โข มิคโปตกา วิย อฺมฺํ ฆฏฺเฏนฺตา วิหรถ, อุทาหุ สามคฺคิภาโว โว อตฺถี’’ติ สามคฺคิรสํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขีโรทกีภูตาติ ยถา ขีรฺจ อุทกฺจ อฺมฺํ สํสนฺทติ, วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปติ, กจฺจิ เอวํ สามคฺคิวเสน เอกตฺตุปคตจิตฺตุปฺปาทา วิหรถาติ ปุจฺฉติ. ปิยจกฺขูหีติ เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา โอโลกนโต ปิยภาวทีปกานิ จกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิ นาม, ‘‘กจฺจิ ตถารูเปหิ จกฺขูหิ อฺมฺํ ปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ ปุจฺฉติ. ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต, เอกํเสน มยํ ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. ยถา กถํ ปนาติ เอตฺถ ยถาติ นิปาตมตฺตํ, กถนฺติ ¶ การณปุจฺฉา, กถํ ปน ตุมฺเห เอวํ วิหรถ, เกน การเณน วิหรถ, ตํ เม การณํ พฺรูหีติ วุตฺตํ โหติ.
เมตฺตํ ¶ กายกมฺมนฺติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺตํ กายกมฺมํ. อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา เจว ปรมฺมุขา จ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ สมฺมุขา กายวจีกมฺมานิ สหวาเส ลพฺภนฺติ, อิตรานิ วิปฺปวาเส, มโนกมฺมํ สพฺพตฺถ ลพฺภติ. ยฺหิ สเหว วสนฺเตสุ เอเกน มฺจปีํ วา ทารุภณฺฑํ วา มตฺติกาภณฺฑํ วา พหิ ทุนฺนิกฺขิตฺตํ โหติ, ตํ ทิสฺวา ‘‘เกนิทํ วฬฺชิต’’นฺติ อวฺํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตํ วิย คเหตฺวา ปฏิสาเมนฺตสฺส ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ วา ปน านํ ปฏิชคฺคนฺตสฺส สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม โหติ. เอกสฺมึ ปกฺกนฺเต เตน ทุนฺนิกฺขิตฺตํ เสนาสนปริกฺขารํ ตเถว นิกฺขิปนฺตสฺส ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ วา ปน านํ ปฏิชคฺคนฺตสฺส ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม โหติ. สหวสนฺตสฺส ปน เถเรหิ สทฺธึ มธุรํ สมฺโมทนียกถํ ปฏิสนฺถารกถํ สารณียกถํ ธมฺมกถํ สรภฺํ สากจฺฉํ ปฺหปุจฺฉนํ ปฺหวิสฺสชฺชนนฺติ เอวมาทิกรเณ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม โหติ. เถเรสุ ปน ปกฺกนฺเตสุ ‘‘มยฺหํ ปิยสหาโย นนฺทิยตฺเถโร กิมิลตฺเถโร เอวํ สีลสมฺปนฺโน เอวํ อาจารสมฺปนฺโน’’ติอาทิคุณกถเน ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม โหติ. ‘‘มยฺหํ ปิยมิตฺโต นนฺทิยตฺเถโร กิมิลตฺเถโร อเวโร โหตุ อพฺยาปชฺโช สุขี’’ติ เอวํ สมนฺนาหรโต ปน สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ เมตฺตํ มโนกมฺมํ โหติเยว.
นานา หิ โข โน ภนฺเต กายาติ อยฺหิ กาโย ปิฏฺํ วิย มตฺติกา วิย จ โอมทฺทิตฺวา เอกโต กาตุํ น สกฺกา. เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ปน โน อตฺตโน วิย อฺมฺสฺส หิตภาเวน อวิโรธภาเวน เภทาภาเวน สมคฺคภาเวน เอกเมวาติ ทสฺเสติ. กถํ ปเนเต สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิตเรสํ จิตฺตวเสน วตฺตึสูติ? เอกสฺส ปตฺเต มลํ อุฏฺหติ, เอกสฺส จีวรํ กิลิฏฺํ โหติ, เอกสฺส ปริภณฺฑกมฺมํ โหติ. ตตฺถ ยสฺส ปตฺเต มลํ อุฏฺิตํ, เตน ‘‘มมาวุโส ปตฺเต มลํ อุฏฺิตํ, ปจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต อิตเร ‘‘มยฺหํ จีวรํ กิลิฏฺํ โธวิตพฺพํ, มยฺหํ ปริภณฺฑํ กาตพฺพ’’นฺติ อวตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ทารูนิ อาหริตฺวา ภินฺทิตฺวา ปตฺตกฏาเห พหลตนุมตฺติกาหิ เลปํ กตฺวา ปตฺตํ ปจิตฺวา ตโต ปรํ จีวรํ วา โธวนฺติ, ปริภณฺฑํ วา กโรนฺติ. ‘‘มมาวุโส จีวรํ กิลิฏฺํ, โธวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ‘‘มม ปณฺณสาลา อุกฺลาปา, ปริภณฺฑํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปมตรํ อาโรจิเตปิ เอเสว นโย.
อิทานิ ¶ เตสํ อปฺปมาทลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ โวติ นิปาตมตฺตํ, ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุมฺเหติ อตฺโถ. อมฺหากนฺติ อมฺเหสุ ตีสุ ชเนสุ. ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมตีติ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺจาคจฺฉติ. อวกฺการปาตินฺติ อติเรกปิณฺฑปาตํ อปเนตฺวา ปนตฺถาย เอกํ สมุคฺคปาตึ โธวิตฺวา เปติ. โย ปจฺฉาติ เต กิร เถรา น เอกโตว ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ. ผลสมาปตฺติรตา เหเต ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทนฺติ. เตสุ โย ปมตรํ นิสินฺโน อตฺตโน กาลปริจฺเฉทวเสน ปมตรํ อุฏฺาติ, โส ปิณฺฑาย จริตฺวา ปฏินิวตฺโต ภตฺตกิจฺจฏฺานํ อาคนฺตฺวา ชานาติ ‘‘ทฺเว ภิกฺขู ปจฺฉโต, อหํ ปมตรํ อาคโต’’ติ. อถ ปตฺตํ ปิทหิตฺวา อาสนปฺาปนาทีนิ กตฺวา ยทิ ปตฺเต ปฏิวีสมตฺตเมว โหติ, นิสีทิตฺวา ภฺุชติ, ยทิ อติเรกํ โหติ, อวกฺการปาติยํ ปกฺขิปิตฺวา ปาตึ ปิธาย ภฺุชติ, กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสติ.
ทุติโยปิ อาคนฺตฺวาว ชานาติ ‘‘เอโก ปมํ อาคโต, เอโก ปจฺฉโต’’ติ. โส สเจ ปตฺเต ภตฺตํ ปมาณเมว โหติ, ภฺุชติ. สเจ มนฺทํ, อวกฺการปาติโต คเหตฺวา ภฺุชติ. สเจ อติเรกํ โหติ, อวกฺการปาติยํ ปกฺขิปิตฺวา ปมาณเมว ภฺุชิตฺวา ปุริมตฺเถโร วิย วสนฏฺานํ ปวิสติ. ตติโยปิ อาคนฺตฺวาว ชานาติ ‘‘ทฺเว ปมํ อาคตา, อหํ ปจฺฉิโม’’ติ. โสปิ ทุติยตฺเถโร วิย ภฺุชิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา อาสนานิ อุกฺขิปิตฺวา ปฏิสาเมติ, ปานียฆเฏ วา ปริโภชนียฆเฏ วา อวเสสอุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา ฆเฏ นิกุชฺชิตฺวา อวกฺการปาติยํ สเจ อวเสสภตฺตํ โหติ, ตํ วุตฺตนเยน ชหิตฺวา ปาตึ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติ, โส กจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา สมฺมชฺชนึ อุกฺขิปิตฺวา อุปจิกาหิ มุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วสนฏฺานํ ปวิสติ. อิทํ เถรานํ พหิวิหาเร อรฺเ ภตฺตกิจฺจกรณฏฺาเน โภชนสาลาย วตฺตํ. อิทํ สนฺธาย ‘‘โย ปจฺฉา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โย ¶ ปสฺสตีติอาทิ ปน เนสํ อนฺโตวิหาเร วตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ วจฺจฆฏนฺติ อาจมนกุมฺภึ. ริตฺตนฺติ ริตฺตกํ. ตุจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อวิสยฺหนฺติ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อติภาริยํ. หตฺถวิกาเรนาติ หตฺถสฺาย. เต กิร ปานียฆฏาทีสุ ยํกิฺจิ ตุจฺฉกํ คเหตฺวา โปกฺขรณึ คนฺตฺวา อนฺโต จ พหิ จ โธวิตฺวา อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ตีเร เปตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ หตฺถวิกาเรน อามนฺเตนฺติ, โอทิสฺส วา อโนทิสฺส วา สทฺทํ น กโรนฺติ. กสฺมา โอทิสฺส น กโรนฺติ? ตฺหิ ภิกฺขุํ สทฺโท พาเธยฺยาติ. กสฺมา อโนทิสฺส น ¶ กโรนฺติ? อโนทิสฺส สทฺเท ทินฺเน ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ทฺเวปิ นิกฺขเมยฺยุํ. ตโต ทฺวีหิ กตฺตพฺพกมฺเม ตติยสฺส กมฺมจฺเฉโท ภเวยฺย. สํยตปทสทฺโท ปน หุตฺวา อปรสฺส ภิกฺขุโน ทิวาฏฺานสนฺติกํ คนฺตฺวา เตน ทิฏฺภาวํ ตฺวา หตฺถสฺํ กโรติ, ตาย สฺาย อิตโร อาคจฺฉติ, ตโต ทฺเว ชนา หตฺเถน หตฺถํ สํสิพฺพนฺตา ทฺวีสุ หตฺเถสุ เปตฺวา อุฏฺาเปนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺาเปมา’’ติ.
ปฺจาหิกํ โข ปนาติ จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฏฺมิยนฺติ อิทํ ตาว ปกติธมฺมสฺสวนเมว, ตํ อขณฺฑํ กตฺวา ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ทฺเว เถรา นาติวิกาเล นหายิตฺวา อนุรุทฺธตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ ตโยปิ นิสีทิตฺวา ติณฺณํ ปิฏกานํ อฺตรสฺมึ อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อฺมฺํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เตสํ เอวํ กโรนฺตานํเยว อรุณํ อุคฺคจฺฉติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา เถเรน ภควตา อปฺปมาทลกฺขณํ ปุจฺฉิเตน ปมาทฏฺาเนสุเยว อปฺปมาทลกฺขณํ วิสฺสชฺชิตํ โหติ. อฺเสฺหิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขาจารปวิสนกาโล นิกฺขมนกาโล นิวาสนปริวตฺตนํ จีวรปารุปนํ อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จรณํ ธมฺมกถนํ อนุโมทนํ อนฺโตคามโต นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจกรณํ ปตฺตโธวนํ ปตฺตโอสาปนํ ปตฺตจีวรปฏิสามนนฺติ ปปฺจกรณฏฺานานิ เอตานิ. ตสฺมา เถโร ‘‘อมฺหากํ เอตฺตกํ านํ มฺุจิตฺวา วิสฺสฏฺกถาปวตฺตเนน กมฺมฏฺาเน ปมชฺชนฏฺานานิ, ตตฺถาปิ มยํ, ภนฺเต, กมฺมฏฺานวิรุทฺธํ น ปฏิปชฺชามา’’ติ อฺเสํ ปมาทฏฺาเนสุเยว สิขาปฺปตฺตํ อตฺตโน อปฺปมาทลกฺขณํ วิสฺสชฺเชสิ. อิมินาว เอตานิ านานิ มฺุจิตฺวา อฺตฺถ วิหารสมาปตฺตีนํ อวฬฺชนวเสน ปมาทกาโล นาม อมฺหากํ นตฺถีติ ทีเปติ.
ปาจีนวํสทายคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา
๔๖๗. ธมฺมิยา ¶ กถายาติ สมคฺควาเส อานิสํสปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมกถาย. อนุปุพฺเพน (อุทา. อฏฺ. ๓๕) จาริกํ จรมาโนติ อนุกฺกเมน คามนิคมปฏิปาฏิยา จาริกํ จรมาโน. เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสรีติ เอกโกว เยน ปาลิเลยฺยกคาโม, ตํ อวสริ. ปาลิเลยฺยกคามวาสิโนปิ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต ทานํ ทตฺวา ปาลิเลยฺยกคามสฺส อวิทูเร รกฺขิตวนสณฺโฑ นาม อตฺถิ, ตตฺถ ภควโต ปณฺณสาลํ กตฺวา ‘‘เอตฺถ ภควา วสตู’’ติ ยาจิตฺวา วาสยึสุ. ภทฺทสาโลติ ปน ตตฺเถโก มนาโป ลฏฺิโก สาลรุกฺโข. ภควา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย ¶ วนสณฺเฑ ปณฺณสาลาย สมีเป ตสฺมึ รุกฺขมูเล วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล’’ติ.
อถ โข ภควโต รโหคตสฺสาติอาทิ ภควโต วิเวกสุขปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ. อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสินฺติ สมฺพาธปฺปตฺโต อากิณฺโณ วิหาสึ. กึ ปน ภควโต สมฺพาโธ อตฺถิ สํสคฺโค วาติ? นตฺถิ. น หิ โกจิ ภควนฺตํ อนิจฺฉาย อุปสงฺกมิตุํ สกฺโกติ. ทุราสทา หิ พุทฺธา ภควนฺโต สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตา, หิเตสิตาย ปน สตฺเตสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ ปฏิฺานุรูปํ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถํ อฏฺนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน สนฺติกํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ อธิวาเสติ, สยฺจ มหากรุณาสมุสฺสาหิโต กาลฺู หุตฺวา ตตฺถ อุปสงฺกมีติ อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณํ. นายมิธ อากิณฺณวิหาโร อธิปฺเปโต, อิธ ปน เตหิ กลหการเกหิ โกสมฺพกภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกวิหาเร วาสํ วิหาสิ, ตทา วิเนตพฺพาภาวโต อากิณฺณวิหารํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสิ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘เตหิ โกสมฺพเกหิ ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหี’’ติอาทิ.
ทหรโปตเกหีติ ทหเรหิ หตฺถิโปตเกหิ, เย ภิงฺกาติปิ วุจฺจนฺติ. เตหีติ หตฺถิอาทีหิ. กทฺทโมทกานีติ กทฺทมมิสฺสานิ อุทกานิ. โอคาหาติ เอตฺถ ‘‘โอคาห’’นฺติปิ ปาฬิ. อสฺสาติ หตฺถินาคสฺส. อุปนิฆํสนฺติโยติ ฆฏฺเฏนฺติโย. อุปนิฆํสิยมาโนปิ อตฺตโน อุฬารภาเวน ¶ น กุชฺฌติ, เตน ตา ฆํสนฺติเยว. วูปกฏฺโติ วูปกฏฺโ ทูรีภูโต.
ยูถาติ หตฺถิฆฏาย. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร หตฺถินาโค ยูถวาเส อุกฺกณฺิโต ตํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺโ. ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ฆฏสหสฺเสน นิพฺพาปิตสนฺตาโป วิย นิพฺพุโต หุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ภควโต สนฺติเก อฏฺาสิ, ตโต ปฏฺาย วตฺตสีเส ตฺวา ภทฺทสาลสฺส ปณฺณสาลาย จ สมนฺตโต อปฺปหริตํ กตฺวา สาขาภงฺเคน สมฺมชฺชติ, ภควโต มุขโธวนํ เทติ, นหาโนทกํ อาหรติ, ทนฺตกฏฺํ เทติ, อรฺโต มธุรานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา สตฺถุ อุปเนติ. สตฺถา ตานิ ปริภฺุชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติอาทิ. โส กิร โสณฺฑาย ทารูนิ อาหริตฺวา อฺมฺํ ฆํสิตฺวา อคฺคึ อุฏฺาเปตฺวา ทารูนิ ชาลาเปตฺวา ตตฺถ ปาสาณขณฺฑานิ ตาเปตฺวา ตานิ ทณฺฑเกหิ วฏฺเฏตฺวา โสณฺฑิยํ ขิปิตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺติ. ภควา ‘‘หตฺถินาโค มม นหานํ อิจฺฉตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นหานกิจฺจํ กโรติ. ปานีเยปิ เอเสว ¶ นโย. ตสฺมึ ปน สีตเล ชาเต อุปสงฺกมติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติ.
อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวาติ เกหิจิ อนากิณฺณภาวลทฺธํ กายวิเวกํ ชานิตฺวา. อิตเร ปน วิเวกา ภควโต สพฺพกาลํ วิชฺชนฺติเยว. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมํ อตฺตโน หตฺถินาคสฺส จ วิเวกาภิรติยา สมานชฺฌาสยภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
คาถาย ปน เอวมตฺถโยชนา เวทิตพฺพา (อุทา. อฏฺ. ๓๕) – เอตํ อีสาทนฺตสฺส รถอีสาสทิสทนฺตสฺส หตฺถินาคสฺส จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส จิตฺเตน สเมติ สํสนฺทติ. กถํ สเมติ เจ? ยเทโก รมตี วเน, ยสฺมา พุทฺธนาโค ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ วิหาสิ’’นฺติ ปุริมํ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ยถา เอโก อทุติโย วเน อรฺเ รมติ อภิรมติ, เอวํ อยมฺปิ หตฺถินาโค ปุพฺเพ ¶ อตฺตโน หตฺถิอาทีหิ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา อิทานิ เอโก อสหาโย วเน เอกวิหารํ รมติ อภินนฺทติ, ตสฺมาสฺส จิตฺตํ นาเคน สเมติ, ตสฺส จิตฺเตน สเมตีติ กตฺวา เอกีภาวรติยา เอกสทิสํ โหตีติ อตฺโถ.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๗๓. โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ โย เสนาสนารหสฺส เสนาสนํ ปฏิพาหติ, ตสฺเสว อาปตฺติ. กลหการกาทีนํ ปเนตฺถ ‘‘โอกาโส นตฺถี’’ติอาทิกํ สงฺฆสฺส กติกํ อาโรเจตฺวา น ปฺเปนฺตสฺส ‘‘อหํ วุฑฺโฒ’’ติ ปสยฺห อตฺตนาว อตฺตโน ปฺเปตฺวา คณฺหนฺตํ ‘‘ยุตฺติยา คณฺหถา’’ติ วตฺวา วาเรนฺตสฺส จ นตฺถิ อาปตฺติ. ‘‘ภณฺฑนการกํ นิกฺกฑฺฒตีติ วจนโต กุลทูสกสฺส ปพฺพาชนียกมฺมานฺุาย จ อิธ กลหวูปสมนตฺถํ อาคตานํ โกสมฺพกานมฺปิ ‘ยถาวุฑฺฒ’นฺติ อวตฺวา ‘วิวิตฺเต อสติ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา วิวิตฺตํ กตฺวา เทนฺตํ ปฏิพาหนฺตสฺเสว อาปตฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
อุปาลิสงฺฆสามคฺคีปุจฺฉาวณฺณนา
๔๗๖. น ¶ มูลา มูลํ คนฺตฺวาติ มูลโต มูลํ อคนฺตฺวา. อตฺถโต อปคตาติ สามคฺคิสงฺขาตอตฺถโต อปคตา.
๔๗๗. เยน นํ ปจฺจตฺถิกา วเทยฺยุํ, ตํ น หิ โหตีติ สมฺพนฺโธ. อนปคตนฺติ การณโต อนเปตํ, สการณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อุสูยายาติ อิมินา โทสาคติคมนสฺส สงฺคหิตตฺตา ‘‘อคติคมเนนา’’ติ อวเสสอคติคมนํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฏฺหิ ทูตงฺเคหีติ ‘‘โสตา จ โหติ สาเวตา จ อุคฺคเหตา จ ธาเรตา จ วิฺาเปตา ¶ จ กุสโล จ สหิตาสหิตทสฺสโน จ อกลหการโก จา’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ทูตงฺเคหิ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
จูฬวคฺค-ฏีกา
๑. กมฺมกฺขนฺธกํ
ตชฺชนียกมฺมกถาวณฺณนา
๑. จูฬวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม กมฺมกฺขนฺธเก ตาว ‘‘ยฏฺึ ปเวสย, กุนฺเต ปเวสยา’’ติอาทีสุ วิย สหจรณาเยน ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติอาทีสุ วิย นิสฺสิเตสุ นิสฺสยโวหารวเสน วา ปณฺฑุกโลหิตกนิสฺสิตา ปณฺฑุกโลหิตกสทฺเทน วุตฺตาติ อาห ‘‘เตสํ นิสฺสิตกาปิ ปณฺฑุกโลหิตกาตฺเวว ปฺายนฺตี’’ติ. ปฏิวทถาติ ปฏิวจนํ เทถ.
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาวณฺณนา
๔. ตีหิ ¶ องฺเคหิ สมนฺนาคตนฺติ ปจฺเจกํ สมุทิเตหิ วา ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ. น หิ ติณฺณํ เอว องฺคานํ สโมธาเนน อธมฺมกมฺมํ โหติ, เอเกนปิ โหติเยว. ‘‘อปฺปฏิฺาย กตํ โหตีติ ลชฺชึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ กถิตํ.
นนุ จ ‘‘อเทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ อิทํ ปรโต ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมํ กเรยฺย, อธิสีเล สีลวิปนฺโน โหตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌติ. อเทสนาคามินึ อาปนฺโน หิ ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’’ติ วุจฺจตีติ? ตตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘ตชฺชนียกมฺมสฺส หิ วิเสเสน ภณฺฑนการกตฺตํ องฺค’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา อาคตนิทาเนน สเมติ, ตสฺมา สพฺพติเกสุปิ ภณฺฑนํ อาโรเปตฺวา ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสน อิทํ กมฺมํ กาตพฺพํ. ตสฺมา ‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ เอตฺถาปิ ¶ ปุพฺพภาเค วา ปรภาเค วา โจทนาสารณาทิกาเล ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสเนว กาตพฺพํ, น เกวลํ สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพ’’นฺติ. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘อเทสนาคามินิยาติ อิทํ ปาราชิกาปตฺตึเยว สนฺธาย วุตฺตํ, น สงฺฆาทิเสสํ. อฏฺกถายํ ปน ‘อเทสนาคามินิยาติ ปาราชิกาปตฺติยา วา สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วา’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วาติ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ, ‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ จ อิทํ สงฺฆาทิเสสํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, น ปาราชิกํ. ตสฺมา ปาราชิกาปตฺติปจฺจยา น ตชฺชนียกมฺมํ กาตพฺพํ ปโยชนาภาวา, สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพนฺติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ. สุกฺกปกฺเข ‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น เอเกน ปริยาเยน สงฺฆาทิเสสสฺสปิ เทสนาคามินีโวหารสมฺภวโต’’ติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ.
นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพอฏฺารสกกถาวณฺณนา
๘. โลมํ ปาเตนฺตีติอาทิ สมฺมาวตฺตนาย ปริยายวจนํ.
นิยสฺสกมฺมกถาวณฺณนา
๑๑. นิยสฺสกมฺเม ‘‘นิสฺสาย เต วตฺถพฺพนฺติ ครุนิสฺสยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อิตร’’นฺติ เกนจิ ลิขิตํ. คณฺิปเท ปน ‘‘นิยสฺสกมฺมํ ยสฺมา พาลวเสน กรียติ, ตสฺมา นิสฺสาย วตฺถพฺพนฺติ ¶ นิสฺสยํ คาหาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. อปิสฺสูติ เอตฺถ สุอิติ นิปาตมตฺตํ, ภิกฺขู อปิ นิจฺจพฺยาวฏา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
ปพฺพาชนียกมฺมกถาวณฺณนา
๒๙. ปพฺพาชนียกมฺเม เตน หิ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตูติ อิทํ เตสุ วิพฺภมนฺเตสุปิ ปกฺกมนฺเตสุปิ สมฺมาวตฺตนฺเตเยว สนฺธาย วุตฺตํ.
ปฏิสารณียกมฺมกถาวณฺณนา
๓๓. สุธมฺมวตฺถุสฺมึ มจฺฉิกาสณฺเฑติ เอวํนามเก นคเร. ตตฺถ กิร (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๒ จิตฺตคหปติวตฺถุ) จิตฺโต คหปติ ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตรํ มหานามตฺเถรํ ปิณฺฑาย จรมานํ ทิสฺวา ¶ ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย เคหํ ปเวเสตฺวา โภเชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ธมฺมกถํ สุณนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อจลสทฺโธ หุตฺวา อมฺพาฏกวนํ นาม อตฺตโน อุยฺยานํ สงฺฆารามํ กาตุกาโม เถรสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา นิยฺยาเตสิ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘ปติฏฺิตํ พุทฺธสาสน’’นฺติ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ, มหาเสฏฺิ อุยฺยาเน มหาวิหารํ กาเรสิ. ตตฺถายํ สุธมฺโม ภิกฺขุ อาวาสิโก อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา สุธมฺโม มจฺฉิกาสณฺเฑ จิตฺตสฺส คหปติโน อาวาสิโก โหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ธุวภตฺติโกติ นิจฺจภตฺติโก.
อปเรน สมเยน จิตฺตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ ทฺเว อคฺคสาวกา ตสฺส สงฺคหํ กตฺตุกามา มจฺฉิกาสณฺฑํ อคมํสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา เถรา’’ติอาทิ. จิตฺโต คหปติ เตสํ อาคมนํ สุตฺวา อทฺธโยชนมตฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เต อาทาย อตฺตโน วิหารํ ปเวเสตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา ‘‘ภนฺเต, โถกํ ธมฺมกถํ โสตุกาโมมฺหี’’ติ ธมฺมเสนาปตึ ยาจิ. อถ นํ เถโร ‘‘อุปาสก, อทฺธาเนนามฺหา กิลนฺตรูปา, อปิจ โถกํ สุณาหี’’ติ ตสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จิตฺตํ คหปตึ อายสฺมา สาริปุตฺโต ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสี’’ติอาทิ. โส เถรสฺส ธมฺมกถํ สุณนฺโตว อนาคามิผลํ ปาปุณิ.
๔๑. นาสกฺขิ จิตฺตํ คหปตึ ขมาเปตุนฺติ โส ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘คหปติ, มยฺหเมว โส โทโส ¶ , ขมาหิ เม’’ติ วตฺวาปิ ‘‘นาหํ ขมามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺโต มงฺกุภูโต ตํ ขมาเปตุํ นาสกฺขิ. ปุนเทว สตฺถุ สนฺติกํ ปจฺจาคมาสิ. สตฺถา ‘‘นาสฺส อุปาสโก ขมิสฺสตี’’ติ ชานนฺโตปิ ‘‘มานถทฺโธ เอส ตึสโยชนํ คนฺตฺวาว ปจฺจาคจฺฉตู’’ติ ขมนุปายํ อนาจิกฺขิตฺวาว อุยฺโยเชสิ. อถสฺส ปุน อาคตกาเล นิหตมานสฺส อนุทูตํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, อิมินา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกํ ขมาเปหี’’ติ วตฺวา ‘‘สมเณน นาม ‘มยฺหํ วิหาโร, มยฺหํ นิวาสฏฺานํ, มยฺหํ อุปาสโก, มยฺหํ อุปาสิกา’ติ มานํ วา อิสฺสํ วา กาตุํ น วฏฺฏติ. เอวํ กโรนฺตสฺส หิ อิจฺฉามานาทโย กิเลสา วฑฺฒนฺตี’’ติ โอวทนฺโต –
‘‘อสนฺตํ ¶ ภาวนมิจฺเฉยฺย, ปุเรกฺขารฺจ ภิกฺขุสุ;
อาวาเสสุ จ อิสฺสริยํ, ปูชา ปรกุเลสุ จ.
‘‘มเมว กต มฺนฺตุ, คิหี ปพฺพชิตา อุโภ;
มเมวาติวสา อสฺสุ, กิจฺจากิจฺเจสุ กิสฺมิจิ;
อิติ พาลสฺส สงฺกปฺโป, อิจฺฉา มาโน จ วฑฺฒตี’’ติ. (ธ. ป. ๗๓-๗๔) –
ธมฺมปเท อิมา คาถา อภาสิ.
สุธมฺมตฺเถโรปิ อิมํ โอวาทํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปทกฺขิณํ กตฺวา เตน อนุทูเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกสฺส จกฺขุปเถ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อุปาสกํ ขมาเปสิ. โส อุปาสเกน ‘‘ขมามหํ ภนฺเต, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ขมถ เม’’ติ ปฏิขมาปิโต สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ตฺวา กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺเขปนียกมฺมกถาวณฺณนา
๕๐. ตสฺสา อทสฺสเนเยว กมฺมํ กาตพฺพนฺติ ตสฺสา อทสฺสเนเยว อุกฺเขปนียกมฺมํ กาตพฺพํ. ตชฺชนียาทิกมฺมํ ปน อาปตฺตึ อาโรเปตฺวา ตสฺสา อทสฺสเน อปฺปฏิกมฺเม วา ภณฺฑนการกาทิองฺเคหิ กาตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปาริวาสิกกฺขนฺธกํ
ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา
๗๕. ปาริวาสิกกฺขนฺธเก ¶ ¶ นวกตรํ ปาริวาสิกนฺติ อตฺตโน นวกตรํ ปาริวาสิกํ. ปาริวาสิกสฺส หิ อตฺตโน นวกตรํ ปาริวาสิกํ เปตฺวา อฺเ มูลายปฏิกสฺสนารหมานตฺตารหมานตฺตจาริกอพฺภานารหาปิ ปกตตฺตฏฺาเนเยว ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส มูลายปอกสฺสนารหาทีนมฺปี’’ติ. ปาเท ฆํเสนฺติ เอเตนาติ ปาทฆํสนํ, สกฺขรกถลาทิ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปาทฆํสนิโย สกฺขรํ กถลํ สมุทฺทเผณก’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๙) หิ วุตฺตํ. สทฺธิวิหาริกาทีนมฺปิ สาทิยนฺตสฺสาติ สทฺธิวิหาริกานมฺปิ อภิวาทนาทึ สาทิยนฺตสฺส. ‘‘มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติ วุตฺเต อนาปุจฺฉาปิ คามํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. โย โย วุฑฺโฒติ ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ โย โย วุฑฺโฒ. นวกตรสฺส สาทิตุนฺติ ปาริวาสิกนวกตรสฺส อภิวาทนาทึ สาทิตุํ.
ตตฺเถวาติ สงฺฆนวกฏฺาเนเยว. อตฺตโน ปาฬิยา ปวาเรตพฺพนฺติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตปาฬิยา ปวาเรตพฺพํ, น ปน สพฺเพสุ ปวาริเตสูติ อตฺโถ. ยทิ ปน น คณฺหาติ น วิสฺสชฺเชตีติ ยทิ ปุริมทิวเส อตฺตโน น คณฺหาติ คเหตฺวา จ น วิสฺสชฺเชติ. จตุสฺสาลภตฺตนฺติ โภชนสาลายํ ปฏิปาฏิยา ทิยฺยมานภตฺตํ. หตฺถปาเส ิเตนาติ ทายกสฺส หตฺถปาเส ิเตน.
๗๖. อฺโ สามเณโร น คเหตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา อฺโ สามเณโร น คเหตพฺโพ. อุปชฺฌํ ทตฺวา คหิตสามเณราปีติ ปกตตฺตกาเล อุปชฺฌํ ทตฺวา คหิตสามเณราปิ. ลทฺธสมฺมุติเกน อาณตฺโตปิ ครุธมฺเมหิ อฺเหิ วา โอวทิตุํ ลภตีติ อาห ‘‘ปฏิพลสฺส วา ภิกฺขุสฺส ภาโร กาตพฺโพ’’ติ. อาคตา ภิกฺขุนิโย วตฺตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สวจนียนฺติ สโทสํ ¶ . เชฏฺกฏฺานํ น กาตพฺพนฺติ ปธานฏฺานํ น กาตพฺพํ. กึ ตนฺติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วา’’ติอาทิ.
รเชหิ ¶ หตา อุปหตา ภูมิ เอติสฺสาติ รโชหตภูมิ, รโชกิณฺณภูมีติ อตฺโถ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกลาภํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกปสฺเส ตฺวาติ ปาฬึ วิหาย ภิกฺขูนํ ปจฺฉโต ตฺวา. เสนาสนํ น ลภตีติ เสยฺยาปริยนฺตภาคิตาย วสฺสคฺเคน คณฺหิตุํ น ลภติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ‘‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ. ยถา พหิ ทิสฺวา อาโรจิตสฺส ภิกฺขุโน วิหารํ อาคเต ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เอวํ อฺํ วิหารํ คเตนปิ ตตฺถ ปุพฺเพ อาโรจิตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ วทนฺติ.
๘๑. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกสฺส อุกฺขิตฺตกสฺส จ อวิเสเสน. โอพทฺธนฺติ ปลิพุทฺธํ.
๘๓. สหวาโสติ วุตฺตปฺปกาเร ฉนฺเน ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ สยนเมว อธิปฺเปตํ, น เสสอิริยาปถกปฺปนํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ปาริวาสิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สมุจฺจยกฺขนฺธกํ
สุกฺกวิสฺสฏฺิกถาวณฺณนา
๙๗. สมุจฺจยกฺขนฺธเก ¶ ¶ วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทาตพฺพนฺติ ปาริวาสิกกฺขนฺธกวณฺณนายํ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ ปเทหิ เอเกน วา สมาทาตพฺพํ. เวทิยามีติ จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโย. วุตฺตนเยเนว สงฺฆมชฺเฌ นิกฺขิปิตพฺพนฺติ ปาริวาสิกกฺขนฺธเก วุตฺตนเยน ‘‘มานตฺตํ นิกฺขิปามิ, วตฺตํ นิกฺขิปามี’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ เอเกน วา นิกฺขิปิตพฺพํ. ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ อนาโรจเนน วตฺตเภททุกฺกฏปริโมจนตฺถํ วุตฺตํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ ภิกฺขูนํ สชฺฌายนสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ มคฺคปฺปฏิปนฺนภิกฺขูนํ อุปจารวิชหนตฺถํ, คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ. อนิกฺขิตฺตวตฺเตน อนฺโตอุปจารคตานํ สพฺเพสมฺปิ อาโรเจตพฺพตฺตา ‘‘อยํ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปริหาโร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺสาติ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ.
ปริวาสกถาวณฺณนา
๑๐๒. ‘‘สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสฺี ฉาเทติ, อจฺฉนฺนา โหติ. อนฺตรายิกสฺส ปน อนนฺตรายิกสฺาย ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติปิ ปาโ. อเวรีติ หิตกาโม. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุฏฺิเต อรุเณ. สุทฺธสฺส สนฺติเกติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส สนฺติเก. วตฺถุนฺติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมํ.
สุกฺกวิสฺสฏฺีติ ¶ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ สุกฺกวิสฺสฏฺีติ อิทํ อสุจิโมจนลกฺขณสฺส วีติกฺกมสฺส ปกาสนโต วตฺถุ เจว โหติ, สชาติยสาธารณวิชาติยวินิวตฺตสภาวาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอว ปกาสนโต โคตฺตฺจ โหตีติ อตฺโถ. คํ ตายตีติ หิ โคตฺตํ. สงฺฆาทิเสโสติ ¶ นามฺเจว อาปตฺติ จาติ สงฺฆาทิเสโสติ เตน เตน วีติกฺกเมน อาปนฺนสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามปฺปกาสนโต นามฺเจว โหติ อาปตฺติสภาคตฺตา อาปตฺติ จ.
ตทนุรูปํ กมฺมวาจํ กตฺวา มานตฺตํ ทาตพฺพนฺติ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ เอกาหปฏิจฺฉนฺนํ, โส สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอกาหปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจิ. สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอกาหปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ อทาสิ. โส ปริวุตฺถปริวาโส. อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โส สงฺฆํ ตาสํ อาปตฺตีนํ สฺเจตนิกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺีนํ ปฏิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฏิจฺฉนฺนาย จ ฉารตฺตํ มานตฺตํ ยาจติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทฺวินฺนํ อาปตฺตีนํ สฺเจตนิกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺีนํ ปฏิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฏิจฺฉนฺนาย จ ฉารตฺตํ มานตฺตํ ทเทยฺย, เอสา ตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต…เป… โส ปริวุตฺถปริวาโส. อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โส สงฺฆํ ตาสํ…เป… ยาจติ. สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทฺวินฺนํ อาปตฺตีนํ สฺเจตนิกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺีนํ ปฏิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฏิจฺฉนฺนาย จ ฉารตฺตํ มานตฺตํ เทติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทฺวินฺนํ อาปตฺตีนํ สฺเจตนิกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺีนํ ปฏิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฏิจฺฉนฺนาย จ ฉารตฺตํ มานตฺตสฺส ทานํ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป…
ทินฺนํ สงฺเฆน อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทฺวินฺนํ อาปตฺตีนํ สฺเจตนิกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺีนํ ¶ ปฏิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฏิจฺฉนฺนาย จ ฉารตฺตํ มานตฺตํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามีติ –
เอวํ ¶ กมฺมวาจํ กตฺวา มานตฺตํ ทาตพฺพํ. จิณฺณมานตฺตสฺส จ อิมินาว นเยน กมฺมวาจํ โยเชตฺวา อพฺภานํ กาตพฺพํ.
อฺสฺมินฺติ สุทฺธนฺตปริวาสวเสน อาปตฺติวุฏฺานโต อฺสฺมึ. ทสสตํ อาปตฺติโย รตฺติสตํ ฉาทยิตฺวาติ โยเชตพฺพํ.
ปริวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมายาติ วิหาเร พทฺธสีมเมว สนฺธาย วุตฺตํ. วิหารูปจารโตปิ ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อติกฺกมิตพฺพาติ ภิกฺขุวิหารํ สนฺธาย วทติ คามูปจาราติกฺกเมเนว ภิกฺขุนีวิหารูปจาราติกฺกมสฺส สิทฺธตฺตา. วิหารสฺส จาติ ภิกฺขุวิหารสฺส. คามสฺสาติ น วุตฺตนฺติ คามสฺส อุปจารํ มฺุจิตุํ วฏฺฏตีติ น วุตฺตํ, ตสฺมา คามูปจาเรปิ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย.
ตตฺเถว านํ ปจฺจาสีสนฺตีติ ภิกฺขูนํ านํ ปจฺจาสีสนฺติ. ปริวาสวตฺตาทีนนฺติ ปริวาสนิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิอาทีนํ. ยุตฺตตรํ ทิสฺสตีติ อิมินา อนิกฺขิตฺตวตฺตภิกฺขุนา วิย ภิกฺขุนิยาปิ อนฺโตอุปจารสีมคตานํเยว อาโรเจตพฺพํ, น คาเม ิตานมฺปิ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพนฺติ ทีเปติ. ตสฺมึ คาเมติ ยสฺมึ คาเม ภิกฺขุนุปสฺสโย โหติ, ตสฺมึ คาเม. พหิ อุปจารสีมาย ตฺวาติ อุปจารสีมโต พหิ ตฺวา. สมฺมนฺนิตฺวา ทาตพฺพาติ เอตฺถ สมฺมนฺนิตฺวา ทินฺนาย สหวาเสปิ รตฺติจฺเฉโท น โหติ.
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถาวณฺณนา
๑๐๘. วิสุํ มานตฺตํ จริตพฺพนฺติ มูลายปฏิกสฺสนํ อกตฺวา วิสุํ กมฺมวาจาย มานตฺตํ คเหตฺวา จริตพฺพํ.
สุกฺกวิสฺสฏฺิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถาวณฺณนา
๑๓๔. เอกาปตฺติมูลกนฺติ ¶ ¶ ‘‘เอกา อาปตฺติ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนา, เอกา อาปตฺติ ทฺวีหปฺปฏิจฺฉนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตนยํ สนฺธาย วทติ. อาปตฺติวฑฺฒนกนฺติ ‘‘เอกา อาปตฺติ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนา, ทฺเว อาปตฺติโย ทฺวีหปฺปฏิจฺฉนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตํ อาปตฺติวฑฺฒนกนยํ สนฺธาย.
ทฺเวภิกฺขุวารเอกาทสกาทิกถาวณฺณนา
๑๘๑. ถุลฺลจฺจยาทีหิ มิสฺสกนฺติ เอกวตฺถุมฺหิ ปุพฺพภาเค อาปนฺนถุลฺลจฺจยทุกฺกเฏหิ มิสฺสกํ. มกฺขธมฺโม นาม ฉาเทตุกามตา.
๑๘๒. สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชติ ปริมาณมฺปีติอาทิ ชาติวเสเนกวจนํ, ภาวนปุํสกนิทฺเทโส วา. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
สมุจฺจยกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สมถกฺขนฺธกํ
สมฺมุขาวินยกถาวณฺณนา
๑๘๗. สมถกฺขนฺธเก ¶ ¶ สฺาเปตีติ เอตฺถ สํ-สทฺทูปปโท า-สทฺโท โตสนวิสิฏฺเ อวโพธเน วตฺตตีติ อาห ‘‘ปริโตเสตฺวา ชานาเปตี’’ติ.
สติวินยาทิกถาวณฺณนา
๑๙๕-๒๐๐. เทสนามตฺตเมเวตนฺติ ‘‘ปฺจิมานี’’ติ เอตํ เทสนามตฺตํ. สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส ทาตพฺโพ วินโย สติวินโย. อมูฬฺหสฺส ทาตพฺโพ วินโย อมูฬฺหวินโย. ปฏิฺาเตน กรณํ ปฏิฺาตกรณํ.
๒๑๒. ติณวตฺถารกสทิสตฺตาติ ตํสทิสตาย ตพฺโพหาโรติ ทสฺเสติ ยถา ‘‘เอส พฺรหฺมทตฺโต’’ติ.
อธิกรณกถาวณฺณนา
๒๑๖. วิวาทาธิกรณสฺส กึ มูลนฺติอาทีสุ วิวาทมูลานีติ วิวาทสฺส มูลานิ. โกธโนติ กุชฺฌนลกฺขเณน โกเธน สมนฺนาคโต. อุปนาหีติ เวรอปฺปฏินิสฺสคฺคลกฺขเณน อุปนาเหน สมนฺนาคโต. อคารโวติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๒๓; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๔๔) คารววิรหิโต. อปฺปติสฺโสติ อปฺปติสฺสโย อนีจวุตฺติ. เอตฺถ ปน โย ภิกฺขุ สตฺถริ ธรมาเน ตีสุ กาเลสุ อุปฏฺานํ น ยาติ, สตฺถริ อนุปาหเน จงฺกมนฺเต สอุปาหโน จงฺกมติ, นีเจ จงฺกเม จงฺกมนฺเต อุจฺเจ จงฺกมติ, เหฏฺา วสนฺเต อุปริ วสติ, สตฺถุ ทสฺสนฏฺาเน อุโภ อํเส ปารุปติ, ฉตฺตํ ธาเรติ, อุปาหนํ ธาเรติ, นหายติ, อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา กโรติ, ปรินิพฺพุเต ¶ วา ปน เจติยํ วนฺทิตุํ น คจฺฉติ, เจติยสฺส ปฺายนฏฺาเน สตฺถุทสฺสนฏฺาเน วุตฺตํ สพฺพํ กโรติ, อฺเหิ จ ภิกฺขูหิ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ, น อิทํ วฏฺฏติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นาม ลชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุณฺหี โหหิ, พุทฺโธ พุทฺโธติ วทสิ, กึ พุทฺโธ นามา’’ติ ภณติ, อยํ สตฺถริ อคารโว นาม.
โย ¶ ปน ธมฺมสวเน สงฺฆุฏฺเ สกฺกจฺจํ น คจฺฉติ, สกฺกจฺจํ ธมฺมํ น สุณาติ, นิทฺทายติ วา สลฺลปนฺโต วา นิสีทติ, สกฺกจฺจํ น คณฺหาติ น วาเจติ, ‘‘กึ ธมฺเม อคารวํ กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุณฺหี โหหิ, ธมฺโม ธมฺโมติ วทสิ, กึ ธมฺโม นามา’’ติ วทติ, อยํ ธมฺเม อคารโว นาม. โย ปน เถเรน ภิกฺขุนา อนชฺฌิฏฺโ ธมฺมํ เทเสติ อุทฺทิสติ ปฺหํ กเถติ, วุฑฺเฒ ภิกฺขู ฆฏฺเฏนฺโต คจฺฉติ ติฏฺติ นิสีทติ, ทุสฺสปลฺลตฺถิกํ วา หตฺถปลฺลตฺถิกํ วา กโรติ, สงฺฆมชฺเฌ อุโภ อํเส ปารุปติ, ฉตฺตุปาหนํ ธาเรติ, ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘ตุณฺหี โหหิ, สงฺโฆ สงฺโฆติ วทสิ, กึ สงฺโฆ, มิคสงฺโฆ อชสงฺโฆ’’ติอาทีนิ วทติ, อยํ สงฺเฆ อคารโว นาม. เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ หิ อคารเว กเต สงฺเฆ กโตเยว โหติ. ติสฺโส สิกฺขา ปน อปูรยมาโน สิกฺขาย น ปริปูรการี นาม.
อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานนฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๒๕; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๔๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๓๖) เอกสฺมึ วิหาเร ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อุปฺปนฺนวิวาโท กถํ เทวมนุสฺสานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตติ? โกสมฺพกกฺขนฺธเก วิย หิ ทฺวีสุ ภิกฺขูสุ วิวาทํ อาปนฺเนสุ ตสฺมึ วิหาเร เตสํ อนฺเตวาสิกา วิวทนฺติ, เตสํ โอวาทํ คณฺหนฺโต ภิกฺขุนิสงฺโฆ วิวทติ, ตโต เตสํ อุปฏฺากา วิวทนฺติ, อถ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา ทฺเว โกฏฺาสา โหนฺติ. ตตฺถ ธมฺมวาทีนํ อารกฺขเทวตา ธมฺมวาทินิโย โหนฺติ, อธมฺมวาทีนํ อธมฺมวาทินิโย. ตโต อารกฺขเทวตานํ มิตฺตา ภุมฺมเทวตา ภิชฺชนฺติ. เอวํ ปรมฺปราย ยาว พฺรหฺมโลกา เปตฺวา อริยสาวเก สพฺเพ เทวมนุสฺสา ทฺเว โกฏฺาสา โหนฺติ. ธมฺมวาทีหิ ปน อธมฺมวาทิโนว พหุตรา โหนฺติ. ตโต ‘‘ยํ พหุเกหิ คหิตํ, ตํ ตจฺฉ’’นฺติ ธมฺมํ วิสฺสชฺเชตฺวา พหุตรา อธมฺมํ คณฺหนฺติ. เต อธมฺมํ ปุรกฺขตฺวา วิหรนฺตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ. เอวํ เอกสฺมึ วิหาเร ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อุปฺปนฺโน วิวาโท พหูนํ อหิตาย ทุกฺขาย โหติ. อชฺฌตฺตํ วาติ อตฺตนิ วา อตฺตโน ปริสาย วา. พหิทฺธา วาติ ปรสฺมึ วา ปรสฺส ปริสาย วา. อายตึ อนวสฺสวายาติ อายตึ อนุปฺปาทาย.
มกฺขีติ ¶ ปเรสํ คุณมกฺขนลกฺขเณน มกฺเขน สมนฺนาคโต. ปฬาสีติ ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปฬาเสน สมนฺนาคโต. อิสฺสุกีติ ปรสกฺการาทีนํ อิสฺสายนลกฺขณาย ¶ อิสฺสาย สมนฺนาคโต. มจฺฉรีติ อาวาสมจฺฉริยาทีหิ สมนฺนาคโต. สโติ เกราฏิโก. มายาวีติ กตปาปปฏิจฺฉาทโก. ปาปิจฺโฉติ อสนฺตสมฺภาวนิจฺฉโก ทุสฺสีโล. มิจฺฉาทิฏฺีติ นตฺถิกวาที อเหตุกวาที อกิริยวาที. สนฺทิฏฺิปรามาสีติ สยํ ทิฏฺเมว ปรามสติ คณฺหาติ. อาธานคฺคาหีติ ทฬฺหคฺคาหี. ทุปฺปฏินิสฺสคฺคีติ น สกฺกา โหติ คหิตํ นิสฺสชฺชาเปตุํ. เอตฺถ จ โกธโน โหติ อุปนาหีติอาทินา ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน โกธูปนาหาทโย อกุสลธมฺมา วิวาทมูลานีติ ทสฺสิตานิ, ตถา ทุฏฺจิตฺตา วิวทนฺตีติอาทินา โลภโทสโมหา. อทุฏฺจิตฺตา วิวทนฺตีติอาทินา จ อโลภาทโย วิวาทมูลานีติ ทสฺสิตานิ.
๒๑๗. ทุพฺพณฺโณติ ปํสุปิสาจโก วิย ฌามขาณุวณฺโณ. ทุทฺทสฺสิโกติ วิชาตมาตุยาปิ อมนาปทสฺสโน. โอโกฏิมโกติ ลกุณฺฑโก. กาโณติ เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา. กุณีติ เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วา. ขฺโชติ เอกปาทขฺโช วา อุภยปาทขฺโช วา. ปกฺขหโตติ หตปกฺโข ปีสปฺปี.
๒๒๐. วิวาทาธิกรณํ กุสลํ อกุสลํ อพฺยากตนฺติ วิวาทาธิกรณํ กึ กุสลํ อกุสลํ อุทาหุ อพฺยากตนฺติ ปุจฺฉติ. วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสลนฺติอาทิ วิสฺสชฺชนํ. เอส นโย เสเสสุปิ. วิวทนฺติ เอเตนาติ วิวาโทติ อาห ‘‘เยน วิวทนฺติ, โส จิตฺตุปฺปาโท วิวาโท’’ติ. กถํ ปน โส จิตฺตุปฺปาโท อธิกรณํ นามาติ อาห ‘‘สมเถหิ จ อธิกรณียตาย อธิกรณ’’นฺติ, สมเถหิ สเมตพฺพตาย อธิกรณนฺติ อตฺโถ. วิวาทเหตุภูตสฺส หิ จิตฺตุปฺปาทสฺส วูปสเมน ตปฺปภวสฺส สทฺทสฺสปิ วูปสโม โหตีติ จิตฺตุปฺปาทสฺส สมเถหิ อธิกรณียตา ปริยาโย สมฺภวติ.
๒๒๒. อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตนฺติ อยํ วิกปฺโป ปฺตฺติวชฺชํเยว สนฺธาย วุตฺโต, น โลกวชฺชนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺธายภาสิตวเสนา’’ติอาทิมาห. กสฺมา ปเนตฺถ สนฺธายภาสิตวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ยสฺมึ หี’’ติอาทิ. ปถวีขณนาทิเกติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ภูตคามปาตพฺยตาทิปฺตฺติวชฺชํ สิกฺขาปทํ ¶ สงฺคณฺหาติ. โย วินเย อปกตฺุตาย วตฺตสีเสน สมฺมฺุชนิอาทินา ปถวีขณนาทีนิ กโรติ, ตทา ตสฺสุปฺปนฺนจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหตี’’ติ. องฺคํ โหตีติ จ วตฺตสีเสน กโรนฺตสฺสปิ ‘‘อิมํ ปถวึ ขณามี’’ติอาทินา วีติกฺกมชานนวเสน ¶ ปวตฺตตฺตา ตํ กุสลจิตฺตํ อาปตฺตาธิกรณํ, กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา การณํ โหตีติ อตฺโถ. น หิ วีติกฺกมํ อชานนฺตสฺส ปถวีขณนาทีสุ อาปตฺติ สมฺภวติ. ตสฺมึ สตีติ ตสฺมึ กุสลจิตฺเต อาปตฺติภาเวน คหิเต สตีติ อธิปฺปาโย. ตสฺมาติ ยสฺมา กุสลจิตฺเต อาปตฺติภาเวน คหิเต สติ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา. นยิทํ องฺคปฺปโหนกจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ อิทํ อาปตฺติสมุฏฺาปกภาเวน องฺคปฺปโหนกํ อาปตฺติยา การณภูตํ จิตฺตํ สนฺธาย น วุตฺตํ. กึ ปน สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ. ภิกฺขุมฺหิ กมฺมฏฺานคตจิตฺเตน นิปนฺเน นิทฺทายนฺเต วา มาตุคาโม เจ เสยฺยํ กปฺเปติ, ตสฺมึ ขเณ เสยฺยากาเรน วตฺตมานรูปเมว อาปตฺติ, น กุสลาทิวสปฺปวตฺตํ จิตฺตนฺติ อาห ‘‘อสฺจิจฺจ…เป… สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชโต (ปริ. ๓๒๓ อตฺถโต สมานํ) อพฺยากตํ โหตี’’ติ. ตสฺมิฺหิ ขเณ อุฏฺาตพฺเพ ชาเต อนุฏฺานโต ตทาการปวตฺโต รูปกฺขนฺโธว อาปตฺติ.
‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต กุสลจิตฺโต วา อาปชฺชติ อกุสลาพฺยากตจิตฺโต วา’’ติ วจนโต กุสลมฺปิ อาปตฺตาธิกรณํ สิยาติ เจ? น. โย หิ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ วุจฺจติ, โส ตีสุ จิตฺเตสุ อฺตรจิตฺตสมงฺคี หุตฺวา อาปชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กุสลจิตฺโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ปถวีขณนาทีสุ กุสลจิตฺตกฺขเณ วีติกฺกมาทิวเสน ปวตฺตรูปสมฺภวโต กุสลจิตฺโต วา ตถาปวตฺตรูปสงฺขาตํ อพฺยากตาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตถา อพฺยากตจิตฺโต วา อพฺยากตรูปสงฺขาตํ อพฺยากตาปตฺตึ อาปชฺชติ. ปาณาติปาตาทึ อกุสลจิตฺโต วา อกุสลาปตฺตึ อาปชฺชติ, รูปํ ปเนตฺถ อพฺโพหาริกํ. สุปินนฺเต จ ปาณาติปาตาทึ กโรนฺโต สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต อกุสลจิตฺโต อพฺยากตาปตฺตึ อาปชฺชตีติ.
กุสลจิตฺตํ ¶ อาปชฺเชยฺยาติ เอฬกโลมํ คเหตฺวา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน ติโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส ปฺตฺตึ อชานิตฺวา ปทโส ธมฺมํ วาเจนฺตสฺส จ อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา กุสลจิตฺตํ อาปชฺเชยฺย. น จ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคนฺติ ตสฺมึ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ น โหติ, สยํ อาปตฺติ น โหตีติ อตฺโถ. จลิตปฺปวตฺตานนฺติ จลิตานํ ปวตฺตานฺจ. จลิโต กาโย, ปวตฺตา วาจา. อฺตรเมว องฺคนฺติ กายวาจานํ อฺตรเมว อาปตฺตีติ อตฺโถ. ตฺจ รูปกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา อพฺยากตนฺติ อิมินา อพฺยากตมาปตฺตาธิกรณํ, นาฺนฺติ ทสฺเสติ.
ยทิ ¶ เอวํ ‘‘สาปตฺติกสฺส, ภิกฺขเว, นิรยํ วา วทามิ ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ วจนโต อพฺยากตสฺสปิ วิปากธมฺมตา อาปชฺเชยฺยาติ? นาปชฺเชยฺย. อสฺจิจฺจ อาปนฺนา หิ อาปตฺติโย ยาว โส น ชานาติ, ตาว อนนฺตรายกรา, ชานิตฺวา ฉาเทนฺโต ปน ฉาทนปฺปจฺจยา อฺํ ทุกฺกฏสงฺขาตํ อกุสลมาปตฺตาธิกรณมาปชฺชติ, ตฺจ อกุสลสภาวตฺตา สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกรณนฺติ สาปตฺติกสฺส อปายคามิตา วุตฺตา. อพฺยากตํ ปน อาปตฺตาธิกรณํ อวิปากธมฺมเมวาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. เตเนว โปราณคณฺิปเทสุปิ ‘‘ปุถุชฺชโน กลฺยาณปุถุชฺชโน เสกฺโข อรหาติ จตฺตาโร ปุคฺคเล ทสฺเสตฺวา เตสุ อรหโต อาปตฺตาธิกรณํ อพฺยากตเมว, ตถา เสกฺขานํ, ตถา กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส อสฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล อพฺยากตเมว. อิตรสฺส อกุสลมฺปิ โหติ อพฺยากตมฺปิ. ยสฺมา จสฺส สฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล อกุสลเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’นฺติ. สพฺพตฺถ เอวํ อพฺยากตนฺติ วิปากาภาวมตฺตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. ยฺจ อาปตฺตาธิกรณํ อกุสลํ, ตมฺปิ เทสิตํ วุฏฺิตํ วา อนนฺตรายกรํ. ยถา หิ อริยูปวาทกมฺมํ อกุสลมฺปิ สมานํ อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาปเนน ปโยคสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปนฺนํ อโหสิกมฺมํ โหติ, เอวมิทมฺปิ เทสิตํ วุฏฺิตํ วา ปโยคสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตาย อโหสิกมฺมภาเวน อนนฺตรายกรํ ชาตํ. เตเนว ‘‘สาปตฺติกสฺส, ภิกฺขเว, นิรยํ วา วทามิ ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ สาปตฺติกสฺเสว อปายคามิตา วุตฺตา.
อธิกรณวูปสมนสมถกถาวณฺณนา
๒๒๘. วิวาทสงฺขาเต ¶ อตฺเถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา.
๒๒๙. สมฺมุขาวินยสฺมินฺติ สมฺมุขาวินยภาเว.
๒๓๑. อุพฺพาหิกาย ขียนเก ปาจิตฺติ น วุตฺตา ตตฺถ ฉนฺททานสฺส นตฺถิตาย.
๒๓๖. ตสฺส โข ตนฺติ เอตฺถ โข ตนฺติ นิปาตมตฺตํ.
๒๓๘. ‘‘กา ¶ จ ตตฺถ ตสฺสปาปิยสิกายา’’ติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ. ‘‘กา จ ตสฺสปาปิยสิกา’’ติ เอวํ ปเนตฺถ ปาโ เวทิตพฺโพ.
๒๔๒. กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมตีติ เอตฺถ ‘‘กิจฺจเมว กิจฺจาธิกรณ’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๘๖) วจนโต อปโลกนกมฺมาทีนเมตํ อธิวจนํ. ตํ วิวาทาธิกรณาทีนิ วิย สมเถหิ สเมตพฺพํ น โหติ, กินฺตุ สมฺมุขาวินเยน สมฺปชฺชติ, ตสฺมา สมฺมตีติ เอตฺถ สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
สมถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกํ
ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๔๓. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก ¶ ¶ อฏฺปทากาเรนาติ อฏฺปทผลกากาเรน, ชูตผลกสทิสนฺติ วุตฺตํ โหติ. มลฺลกมูลสณฺาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺาเนน.
๒๔๕. มุตฺโตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุณฺฑลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปลมฺพกสุตฺตนฺติ ยฺโปจิตากาเรน โอลมฺพกสุตฺตํ.
๒๔๘. สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตคีตํ.
๒๔๙. จตุรสฺเสน วตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน อุจฺจารณวตฺเตน. ตรงฺควตฺตาทีนํ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปฺปโยคานิ. พาหิรโลมินฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, ยถา ตสฺส อุณฺณปาวารสฺส พหิทฺธา โลมานิ ทิสฺสนฺติ, ตถา ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๒๕๑. อิมานิ จตฺตาริ อหิราชกุลานีติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๖๗) อิทํ ทฏฺวิเส สนฺธาย วุตฺตํ. เย หิ เกจิ ทฏฺวิสา, สพฺเพ เต อิเมสํ จตุนฺนํ อหิราชกุลานํ อพฺภนฺตรคตาว โหนฺติ. อตฺตคุตฺติยาติ อตฺตโน คุตฺตตฺถาย. อตฺตรกฺขายาติ อตฺตโน รกฺขณตฺถาย. อตฺตปริตฺตํกาตุนฺติ อตฺตโน ปริตฺตาณตฺถาย อตฺตปริตฺตํ นาม กาตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
อิทานิ ยถา ตํ ปริตฺตํ กาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวฺจ ปน ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.๑๐๕) วิรูปกฺเขหีติ วิรูปกฺขนาคกุเลหิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. สหโยเค เจตํ กรณวจนํ, เอเตหิ สห มยฺหํ มิตฺตภาโวติ วุตฺตํ โหติ อปาทเกหีติ อปาทกสตฺเตหิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. สพฺเพ สตฺตาติ อิโต ปุพฺเพ เอตฺตเกน าเนน ¶ โอทิสฺสกเมตฺตํ กเถตฺวา อิทานิ อโนทิสฺสกเมตฺตํ กเถตุํ อิทมารทฺธํ. ตตฺถ สตฺตา ปาณา ภูตาติ สพฺพาเนตานิ ปุคฺคลเววจนาเนว. ภทฺรานิ ปสฺสนฺตูติ ภทฺรานิ อารมฺมณานิ ปสฺสนฺตุ. มา กฺจิ ปาปมาคมาติ กฺจิ สตฺตํ ปาปกํ ลามกํ มา อาคจฺฉตุ.
อปฺปมาโณ พุทฺโธติ เอตฺถ พุทฺโธติ พุทฺธคุณา เวทิตพฺพา, เต หิ อปฺปมาณา นาม. เสสทฺวเยสุปิ เอเสว นโย, ปมาณวนฺตานีติ คุณปฺปมาเณน ยุตฺตานิ. อุณฺณนาภีติ โลมสนาภิโก มกฺกฏโก. สรพูติ ฆรโคฬิกา. กตา เม รกฺขา กตํ เม ปริตฺตนฺติ มยา เอตฺตกสฺส ชนสฺส รกฺขา จ ปริตฺตาณฺจ กตํ. ปฏิกฺกมนฺตุ ภูตานีติ สพฺเพปิ เม กตปริตฺตาณา สตฺตา อปคจฺฉนฺตุ, มา มํ วิเหยึสูติ อตฺโถ. โสหนฺติ ยสฺส มม เอเตหิ สพฺเพหิปิ เมตฺตํ, โส อหํ ภควโต นโม กโรมิ, วิปสฺสีอาทีนฺจ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ นโม กโรมีติ สมฺพนฺโธ.
อฺมฺหิ เฉตพฺพมฺหีติ ราคานุสยํ สนฺธาย วทติ. ตาทิสํ วา ทุกฺขนฺติ มุฏฺิอาทีหิ ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺส.
๒๕๒. ชาลานิ ปริกฺขิปาเปตฺวาติ ปริสฺสยโมจนตฺถฺเจว ปมาเทน คฬิตานํ อาภรณาทีนํ รกฺขณตฺถฺจ ชาลานิ กรณฺฑกากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา. จนฺทนคณฺิ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคาติ เอโก กิร รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อุปริตีเร ชาโต คงฺโคทเกน โธตมูโล ปติตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ สมฺภิชฺชมาโน วิปฺปกิริ. ตโต เอกา ฆฏปฺปมาณา ฆฏิกา ปาสาเณสุ ฆํสิยมานา อุทกอูมีหิ โปถิยมานา มฏฺา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วุยฺหมานา เสวาลปริโยนทฺธา อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ชาเล ลคฺคิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เลขนฺติ ลิขิตคหิตํ จุณฺณํ. อุฑฺฑิตฺวาติ เวฬุปรมฺปราย อุทฺธํ ปาเปตฺวา, อุฏฺาเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โอหรตูติ อิทฺธิยา โอตาเรตฺวา คณฺหตุ.
ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร. ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๑-๑๕๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๒) ปูรโณติ ตสฺส สตฺถุปฏิฺสฺส นามํ. กสฺสโปติ โคตฺตํ. โส กิร อฺตรสฺส กุลสฺส เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโน ชาโต. เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามํ อกํสุ. มงฺคลทาสตฺตา ¶ จสฺส กตํ ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วตฺตา นตฺถิ, อกตํ วา ‘‘น กต’’นฺติ ¶ . โส ‘‘กิมหํ เอตฺถ วสามี’’ติ ปลายิ. อถสฺส โจรา วตฺถานิ อจฺฉินฺทึสุ. โส ปณฺเณน วา ติเณน วา ปฏิจฺฉาเทตุมฺปิ อชานนฺโต ชาตรูเปเนว เอกํ คามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อรหา อปฺปิจฺโฉ, นตฺถิ อิมินา สทิโส’’ติ ปูวภตฺตาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ สาฏกํ อนิวตฺถภาเวน อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตโต ปฏฺาย สาฏกํ ลภิตฺวาปิ น นิวาเสสิ, ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสิ. ตสฺส สนฺติเก อฺเปิ อฺเปีติ ปฺจสตา มนุสฺสา ปพฺพชึสุ. เอวมยํ คณาจริโย หุตฺวา ‘‘สตฺถา’’ติ โลเก ปากโฏ อโหสิ.
มกฺขลีติ ตสฺส นามํ. โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ ทุติยนามํ. ตํ กิร สกทฺทมาย ภูมิยา เตลฆฏํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ ‘‘ตาต มา ขลี’’ติ สามิโก อาห. โส ปมาเทน ขลิตฺวา ปติตฺวา สามิกสฺส ภเยน ปลายิตุํ อารทฺโธ. สามิโก อุปธาวิตฺวา สาฏกกณฺเณ อคฺคเหสิ, โส สาฏกํ ฉฑฺเฑตฺวา อเจลโก หุตฺวา ปลายิ. เสสํ ปูรณสทิสเมว.
อชิโตติ ตสฺส นามํ. เกสกมฺพลํ ธาเรตีติ เกสกมฺพโล. อิติ นามทฺวยํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อชิโต เกสกมฺพโล’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ เกสกมฺพโล นาม มนุสฺสานํ เกเสหิ กตกมฺพโล. ตโต ปฏิกิฏฺตรํ วตฺถํ นาม นตฺถิ. ยถาห ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ. เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต อุณฺเห อุณฺโห ทุพฺพณฺโณ ทุคฺคนฺโธ ทุกฺขสมฺผสฺโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘).
ปกุโธติ ตสฺส นามํ. กจฺจายโนติ โคตฺตํ. อิติ นามโคตฺตํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘ปกุโธ กจฺจายโน’’ติ วุจฺจติ. สีตูทกปฏิกฺขิตฺตโก เอส, วจฺจํ กตฺวาปิ อุทกกิจฺจํ น กโรติ, อุณฺโหทกํ วา กฺชิยํ วา ลภิตฺวา กโรติ, นทึ วา มคฺโคทกํ วา อติกฺกมฺม ‘‘สีลํ เม ภินฺน’’นฺติ วาลิกถูปํ กตฺวา สีลํ อธิฏฺาย คจฺฉติ. เอวรูปนิสฺสิริกลทฺธิโก เอส.
สฺจโยติ ตสฺส นามํ. เพลฏฺสฺส ปุตฺโต เพลฏฺปุตฺโต. ‘‘อมฺหากํ คณฺนกิเลโส ปลิพุนฺธนกิเลโส นตฺถิ, กิเลสคณฺิรหิตา มย’’นฺติ ¶ เอวํวาทิตาย ลทฺธนามวเสน นิคณฺโ. นาฏสฺส ปุตฺโตติ นาฏปุตฺโต.
ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ ¶ (อุทา. อฏฺ. ๓๖) ปิณฺฑํ อุลมาโน ปริเยสมาโน ปพฺพชิโตติ ปิณฺโฑโล. โส กิร ปริชิณฺณโภโค พฺราหฺมโณ หุตฺวา มหนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา ปิณฺฑตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต. โส มหนฺตํ กปลฺลปตฺตํ ‘‘ปตฺต’’นฺติ คเหตฺวา จรติ, กปลฺลปูรํ ยาคุํ ปิวติ, ภตฺตํ ภฺุชติ, ปูวขชฺชกฺจ ขาทติ. อถสฺส มหคฺฆสภาวํ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตตฺถวิกํ นานุชานิ. เถโร เหฏฺามฺเจ ปตฺตํ นิกุชฺชิตฺวา เปติ. โส เปนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว ปณาเมตฺวา เปติ, คณฺหนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาติ. ตํ คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ฆํสเนน ปริกฺขีณํ นาฬิโกทนมตฺตสฺเสว คณฺหนกํ ชาตํ. ตโต สตฺถุ อาโรเจสุํ. อถสฺส สตฺถา ปตฺตตฺถวิกํ อนุชานิ. เถโร อปเรน สมเยน อินฺทฺริยภาวนํ ภาเวนฺโต อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อิติ โส ปุพฺเพ สวิเสสํ ปิณฺฑตฺถาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล. โคตฺเตน ปน ภารทฺวาโชติ อุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติ.
‘‘อถ โข อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช…เป… เอตทโวจา’’ติ กสฺมา เอวมาหํสุ? โส กิร (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๐ เทโวโรหณวตฺถุ) เสฏฺิ เนว สมฺมาทิฏฺิ, น มิจฺฉาทิฏฺิ, มชฺฌตฺตธาตุโก. โส จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ เคเห จนฺทนํ พหุ, กึ นุ โข อิมินา กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘มยํ อรหนฺโต, มยํ อรหนฺโต’ติ วตฺตาโร พหู, อหํ เอกํ อรหนฺตมฺปิ น ชานามิ, เคเห ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา สิกฺกาย เปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฏฺิหตฺถมตฺเต อากาเส โอลมฺพาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วกฺขามิ. โย ตํ คเหสฺสติ, ตสฺส สปุตฺตทาโร สรณํ คมิสฺสามี’’ติ. โส จินฺติตนิยาเมเนว ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺมึ โลเก อรหา, โส อากาเสน อาคนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตู’’ติ อาห.
ตทา ¶ ฉ สตฺถาโร ‘‘อมฺหากํ เอส อนุจฺฉวิโก, อมฺหากเมว นํ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. ฉฏฺเ ทิวเส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อนฺเตวาสิเก เปเสสิ ‘‘คจฺฉถ เสฏฺึ เอวํ วเทถ ‘อมฺหากํ อาจริยสฺเสว อนุจฺฉวิโก, มา อปฺปมตฺตกสฺส การณา อากาเสน อาคมนํ กริ, เทหิ กิร เต ปตฺต’นฺติ’’. เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ตถา วทึสุ. เสฏฺิ ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหิตุํ สมตฺโถว คณฺหาตู’’ติ อาห. นาฏปุตฺโต สยํ คนฺตุกาโม หุตฺวา อนฺเตวาสิกานํ สฺํ อทาสิ ‘‘อหํ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิตฺวา อุปฺปติตุกาโม วิย ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห มํ ‘อาจริย กึ กโรถ, ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตคุณํ มหาชนสฺส มา ทสฺสยิตฺถา’ติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ ปาเทสุ จ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ¶ ภูมิยํ ปาเตยฺยาถา’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ อาห ‘‘มหาเสฏฺิ อยํ ปตฺโต อฺเสํ นานุจฺฉวิโก, มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ รุจฺจิ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. ภนฺเต, อากาเสน อุปฺปติตฺวาว คณฺหถาติ. ตโต นาฏปุตฺโต ‘‘เตน หิ อเปถ อเปถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา ‘‘อากาเส อุปฺปติสฺสามี’’ติ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิ. อถ นํ อนฺเตวาสิกา ‘‘อาจริย, กึ นาเมตํ กโรถ, ฉวสฺส ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคุเณน ตุมฺเหหิ มหาชนสฺส ทสฺสิเตน โก อตฺโถ’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. โส เสฏฺึ อาห ‘‘มหาเสฏฺิ, อิเม เม อุปฺปติตุํ น เทนฺติ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. อุปฺปติตฺวาว คณฺหถ ภนฺเตติ. เอวํ ติตฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ปตฺตํ น ลภึสุเยว.
อถ สตฺตเม ทิวเส อายสฺมโต จ โมคฺคลฺลานสฺส อายสฺมโต จ ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ ตฺวา จีวรํ ปารุปนกาเล ธุตฺตกา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘หมฺโภ ปุพฺเพ ฉ สตฺถาโร ‘มยํ อรหนฺตามฺหา’ติ วิจรึสุ, ราชคหเสฏฺิโน ปน อชฺช สตฺตโม ทิวโส ปตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ปยโต ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วทนฺตสฺส, เอโกปิ ‘อหํ อรหา’ติ อากาเส อุปฺปตนฺโต นตฺถิ, อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว าโต’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ ¶ อาห ‘‘สุตํ เต, อาวุโส ภารทฺวาช, อิเมสํ วจนํ, อิเม พุทฺธสาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วิย วทนฺติ, ตฺวฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺเฉตํ ปตฺตํ อากาเสน คนฺตฺวา คณฺหาหี’’ติ. ‘‘อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ตฺวํ ‘อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค’ติ ปากโฏ, ตฺวํ เอตํ คณฺห, ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. อถ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ‘‘คณฺหาวุโส’’ติ อาห. อิติ เต โลกสฺส อรหนฺเตหิ อสฺุภาวทสฺสนตฺถํ เอวมาหํสุ.
ติกฺขตฺตุํ ราชคหํ อนุปริยายีติ ติกฺขตฺตุํ ราชคหํ อนุคนฺตฺวา ปริพฺภมิ. ‘‘สตฺตกฺขตฺตุ’’นฺติปิ วทนฺติ. เถโร กิร อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ติคาวุตํ ปิฏฺิปาสาณํ อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺทนฺโต ตูลปิจุ วิย อากาเส อุฏฺาเปตฺวา ราชคหนครสฺส อุปริ สตฺตกฺขตฺตุํ อนุปริยายิ. โส ติคาวุตปฺปมาณสฺส นครสฺส อปิธานํ วิย ปฺายิ. นครวาสิโน ‘‘ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ ภีตา สุปฺปาทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิลียึสุ. สตฺตเม วาเร เถโร ปิฏฺิปาสาณํ ภินฺทิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสติ. มหาชโน เถรํ ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต ปิณฺโฑลภารทฺวาช, ตว ปาสาณํ คาฬฺหํ กตฺวา คณฺห, มา ¶ โน สพฺเพ นาสยี’’ติ อาห. เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส คนฺตฺวา ยถาาเนเยว ปติฏฺาสิ. เถโร เสฏฺิสฺส เคหมตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘โอตร สามี’’ติ วตฺวา อากาสโต โอติณฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา จตุมธุรปุณฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วิหาราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส เย อรฺคตา ปาฏิหาริยํ นาทฺทสํสุ, เต สนฺนิปติตฺวา ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ เถรํ อนุพนฺธึสุ. โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสนฺโต วิหารํ อคมาสิ. สตฺถา ตํ อนุพนฺธิตฺวา อุนฺนาเทนฺตสฺส มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อานนฺท, กสฺเสโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา…เป… กึ นุ โข โส, อานนฺท, อุจฺจาสทฺโท มหาสทฺโท’’ติ.
วิกุพฺพนิทฺธิยา ปาฏิหาริยํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เอตฺถ วิกุพฺพนิทฺธิ นาม ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ นาควณฺณํ วา, วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวมาคตา ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตา ¶ อิทฺธิ. อธิฏฺานิทฺธิ ปน ‘‘ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา, อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘พหุโก โหมี’’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐ ทสอิทฺธินิทฺเทส) เอวํ วิภชิตฺวา ทสฺสิตา อธิฏฺานวเสน นิปฺผนฺนา อิทฺธิ.
๒๕๓-๒๕๔. น อจฺฉุปิยนฺตีติ น สุผสฺสิตานิ โหนฺติ. รูปกากิณฺณานีติ อิตฺถิรูปาทีหิ อากิณฺณานิ. ภูมิอาธารเกติ วลยาธารเก. ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา กตอาธารเก พหูหิ ทณฺฑเกหิ กตอาธารเก วาติ อตฺโถ, ตีหิ ทณฺเฑหิ กโต ปน น วฏฺฏติ. ภูมิยํ ปน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอกเมว เปตพฺพนฺติ เอตฺถ ทฺเว เปนฺเตน อุปริ ปิตปตฺตํ เอเกน ปสฺเสน ภูมิยํ ผุสาเปตฺวา เปตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกานํ. ปริวตฺติตฺวา ตตฺเถว ปติฏฺาตีติ เอตฺถ ‘‘ปริวตฺติตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิยา ปติฏฺาตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิ กุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ. ตนุกมิฑฺฒิกายาติ ขุทฺทกมิฑฺฒิกาย. มิฑฺฒนฺเตปิ อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาธารก’’นฺติ หิ วจนโต มิฑฺฒาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาธารกํ เปตฺวา ตตฺถ ปตฺตํ เปตุํ วฏฺฏติ อาธารเก ปโนกาสสฺส อนิยมิตตฺตาติ วทนฺติ. ‘‘ปตฺตมาโฬ นาม วฏฺเฏตฺวา ปตฺตานํ อคมนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา กโต’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
๒๕๕. ฆฏิกนฺติ อุปริ โยชิตํ อคฺคฬํ. ตาวกาลิกํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สกิเทว คเหตฺวา ¶ เตน อามิสํ ปริภฺุชิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ฆฏิกฏาเหติ ภาชนกปาเล. อภุํ เมติ เอตฺถ ภวตีติ ภู, วฑฺฒิ. น ภูติ อภู, อวฑฺฒิ. ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘‘อภุ’’นฺติ อาห, วินาโส มยฺหนฺติ อตฺโถ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ฉวสีสมยํ ปตฺตํ. ปกติวิการสมฺพนฺเธ เจตํ สามิวจนํ, อเภเทปิ วา เภทูปจาเรนายํ โวหาโร ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติอาทีสุ วิย.
จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ วามหตฺเถเนว ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตฺวา. อุจฺฉิฏฺหตฺเถนาติ สามิเสน หตฺเถน. เอตฺตาวตาติ เอกคณฺฑุสคหณมตฺเตน. ลฺุจิตฺวาติ ตโต มํสํ ¶ อุทฺธริตฺวา. เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา มา วา, อาปตฺติเยว.
๒๕๖. กิณฺณจุณฺเณนาติ สุรากิณฺณจุณฺเณน. ‘‘อนุวาตํ ปริภณฺฑนฺติ กิลฺชาทีสุ กโรนฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. พิทลกนฺติ ทุคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทุคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินํ อตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทุคุณํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหนฺติ องฺคุลิกฺจุกํ.
๒๕๗-๒๕๙. ปาติ นาม ปฏิคฺคหณสณฺาเนน กโต ภาชนวิเสโส. น สมฺมตีติ นปฺปโหติ.
๒๖๐-๒๖๒. นีจวตฺถุกํ จินิตุนฺติ พหิกุฏฺฏสฺส สมนฺตโต นีจวตฺถุกํ กตฺวา จินิตุํ. อรหฏฆฏิยนฺตํ นาม สกฏจกฺกสณฺานํ อเร อเร ฆฏิกานิ พนฺธิตฺวา เอเกน ทฺวีหิ วา ปริพฺภมิยมานํ ยนฺตํ.
๒๖๓. อาวิทฺธปกฺขปาสกนฺติ กณฺณิกมณฺฑลสฺส สมนฺตา ปิตปกฺขปาสกํ. มณฺฑเลติ กณฺณิกมณฺฑเล. ปกฺขปาสเก เปตฺวาติ สมนฺตา ปกฺขปาสกผลกานิ เปตฺวา.
๒๖๔. ‘‘นมตกํ สนฺถตสทิส’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. จมฺมขณฺฑปริหาเรน ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อนธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ. เอตฺเถว ปวิฏฺานีติ มโฬริกาย เอว อนฺโตคธานิ. ปุพฺเพ ปตฺตสงฺโคปนตฺถํ อาธารโก อนฺุาโต, อิทานิ ภฺุชนตฺถํ.
๒๖๕. นิกฺกุชฺชิตพฺโพติ ¶ เตน ทินฺนสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อปฺปฏิคฺคหณตฺถํ ปตฺตนิกฺกุชฺชนกมฺมวาจาย นิกฺกุชฺชิตพฺโพ, น อโธมุขปเนน. เตเนวาห ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, นิกฺกุชฺชิตพฺโพ’’ติอาทิ. อลาภายาติ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อลาภตฺถาย. อนตฺถายาติ อุปทฺทวาย อวฑฺฒิยา.
๒๖๖. ปสาเทสฺสามาติ อายาจิสฺสาม. เอตทโวจาติ ‘‘อปฺปติรูปํ มยา กตํ, ภควา ปน มหนฺเตปิ อคุเณ อจินฺเตตฺวา มยฺหํ อจฺจยํ ปฏิคฺคณฺหิสฺสตี’’ติ มฺมาโน เอตํ ‘‘อจฺจโย มํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ ¶ . ตตฺถ ายปฏิปตฺตึ อติจฺจ เอติ ปวตฺตตีติ อจฺจโย, อปราโธ. มํ อจฺจคมาติ มํ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต. ปุริเสน มทฺทิตฺวา อภิภวิตฺวา ปวตฺติโตปิ หิ อปราโธ อตฺถโต ปุริสํ อติจฺจ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต นาม โหติ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ ขมตุ. อายตึ สํวรายาติ อนาคเต สํวรณตฺถาย ปุน เอวรูปสฺส อปราธสฺส โทสสฺส ขลิตสฺส อกรณตฺถาย. ตคฺฆาติ เอกํเสน. ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสีติ ยถา ธมฺโม ิโต, ตเถว กโรสิ, ขมาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหามาติ ตํ ตว อปราธํ มยํ ขมาม. วุฑฺฒิ เหสา, อาวุโส วฑฺฒ, อริยสฺส วินเยติ เอสา, อาวุโส วฑฺฒ, อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน วุฑฺฒิ นาม. กตมา? อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกริตฺวา อายตึ สํวราปชฺชนา. เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต ‘‘โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ อาห.
๒๖๘. โพธิราชกุมารวตฺถุมฺหิ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๒๔ อาทโย) โกกนโทติ โกกนทํ วุจฺจติ ปทุมํ, โส จ มงฺคลปาสาโท โอโลกนปทุมํ ทสฺเสตฺวา กโต, ตสฺมา ‘‘โกกนโท’’ติ สงฺขํ ลภิ. ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวราติ เอตฺถ ปจฺฉิมโสปานกเฬวรนฺติ ปมโสปานผลกํ วุตฺตํ ตสฺส สพฺพปจฺฉา ทุสฺเสน สนฺถตตฺตา. อุปริมโสปานผลกโต ปฏฺาย หิ โสปานํ สนฺถตํ. อทฺทสา โขติ โอโลกนตฺถํเยว ทฺวารโกฏฺเก ิโต อทฺทส.
ภควา ตุณฺหี อโหสีติ ‘‘กิสฺส นุ โข อตฺถาย ราชกุมาเรน อยํ มหาสกฺกาโร กโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุตฺตปตฺถนาย กตภาวํ อฺาสิ. โส หิ ราชปุตฺโต อปุตฺตโก. สุตฺจาเนน อโหสิ ‘‘พุทฺธานํ กิร อธิการํ กตฺวา มนสา อิจฺฉิตํ ลภนฺตี’’ติ. โส ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ. โน เจ ลภิสฺสามิ, น อกฺกมิสฺสตี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สนฺถราเปสิ. อถ ภควา ‘‘นิพฺพตฺติสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปุตฺโต’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘น นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อทฺทส. ปุพฺเพ กิร โส เอกสฺมึ ¶ ทีเป วสมาโน ¶ สมานจฺฉนฺเทน สกุณโปตเก ขาทิ. สจสฺส มาตุคาโม ปฺุวา ภเวยฺย, ปุตฺตํ ลเภยฺย. อุโภหิ ปน สมานจฺฉนฺเทหิ หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตํ, เตนสฺส ปุตฺโต น นิพฺพตฺติสฺสตีติ อฺาสิ. ทุสฺเส ปน อกฺกนฺเต ‘‘พุทฺธานํ อธิการํ กตฺวา ปตฺถิตํ ลภนฺตีติ โลเก อนุสฺสโว, มยา จ มหาอธิกาโร กโต, น จ ปุตฺตํ ลภามิ, ตุจฺฉํ อิทํ วจน’’นฺติ มิจฺฉาคหณํ คณฺเหยฺย. ติตฺถิยาปิ ‘‘นตฺถิ สมณานํ อกตฺตพฺพํ นาม, เจลปฏิกํ มทฺทนฺตา อาหิณฺฑนฺตี’’ติ อุชฺฌาเยยฺยุํ. เอตรหิ จ อกฺกมนฺเตสุ พหู ภิกฺขู ปรจิตฺตวิทุโน, เต ภพฺพตํ ชานิตฺวา อกฺกมิสฺสนฺติ, อภพฺพตํ ชานิตฺวา น อกฺกมิสฺสนฺติ. อนาคเต ปน อุปนิสฺสโย มนฺโท ภวิสฺสติ, อนาคตํ น ชานิสฺสนฺติ, เตสุ อกฺกมนฺเตสุ สเจ ปตฺถิตํ อิชฺฌิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อิชฺฌิสฺสติ, ‘‘ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อธิการํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ลภนฺติ, อิทานิ น ลภนฺติ, เตเยว มฺเ ภิกฺขู ปฏิปตฺติปูรกา อเหสุํ, อิเม ปน ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน ภวิสฺสนฺตีติ อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ภควา อกฺกมิตุํ อนิจฺฉนฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตีติ อิทํ ปน เถโร วุตฺเตสุ การเณสุ ตติยํ การณํ สนฺธายาห. มงฺคลํ อิจฺฉนฺตีติ มงฺคลิกา.
๒๖๙. พีชนินฺติ จตุรสฺสพีชนึ. ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺตาทีหิ กตํ มณฺฑลิกพีชนึ.
๒๗๐-๒๗๕. ‘‘เอกปณฺณจฺฉตฺตํ นาม ตาลปตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กมฺมสเตนาติ เอตฺถ สต-สทฺโท อเนกปริยาโย, อเนเกน กมฺเมนาติ อตฺโถ, มหตา อุสฺสาเหนาติ วุตฺตํ โหติ. รุธีติ ขุทฺทกวณํ.
๒๗๘. ‘‘อกายพนฺธเนน สฺจิจฺจ อสฺจิจฺจ วา คามปฺปเวสเน อาปตฺติ. สริตฏฺานโต พนฺธิตฺวา ปวิสิตพฺพํ นิวตฺติตพฺพํ วา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตนฺติ พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวา นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ เวเตฺวา มุรชวฏฺฏิสทิสํ กตํ. เตเนว ทุติยปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉย) วุตฺตํ ‘‘พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน ¶ นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตํ. ปามงฺคทสา จตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺาเนนาติ วรกสีสากาเรน. ปาสนฺโตติ ทสามูลํ.
๒๘๐-๒๘๒. มุณฺฑวฏฺฏีติ ¶ มลฺลกมฺมกราทโย. ปมาณงฺคุเลนาติ วฑฺฒกีองฺคุลํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมว.
ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เสนาสนกฺขนฺธกํ
วิหารานุชานนกถาวณฺณนา
๒๙๔. เสนาสนกฺขนฺธเก ¶ ¶ เสนาสนํ อปฺตฺตํ โหตีติ วิหารเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. จตุพฺพิธฺหิ (ม. นิ. อฏฺฏ. ๑.๒๙๖) เสนาสนํ วิหารเสนาสนํ มฺจปีเสนาสนํ สนฺถตเสนาสนํ โอกาสเสนาสนนฺติ. ตตฺถ ‘‘มฺโจปิ เสนาสนํ, ปีมฺปิ ภิสิปิ พิมฺโพหนมฺปิ วิหาโรปิ อฑฺฒโยโคปิ ปาสาโทปิ หมฺมิยมฺปิ คุหาปิ อฏฺโฏปิ มาโฬปิ เลณมฺปิ เวฬุคุมฺโพปิ รุกฺขมูลมฺปิ มณฺฑโปปิ เสนาสนํ. ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสน’’นฺติ (วิภ. ๕๒๗) วจนโต วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหาติ อิทํ วิหารเสนาสนํ นาม. มฺโจ ปีํ ภิสิ พิมฺโพหนนฺติ อิทํ มฺจปีเสนาสนํ นาม. จิมิลิกา จมฺมขณฺโฑ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโรติ อิทํ สนฺถตเสนาสนํ นาม. ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺตีติ อิทํ โอกาสเสนาสนํ นาม.
รุกฺขมูเลติอาทีสุ รุกฺขมูลเสนาสนํ นาม ยํกิฺจิ สนฺทจฺฉายํ วิวิตฺตํ รุกฺขมูลํ. ปพฺพโต นาม เสโล. ตตฺถ หิ อุทกโสณฺฑีสุ อุทกกิจฺจํ กตฺวา สีตาย รุกฺขจฺฉายาย นิสินฺนา นานาทิสาสุ ขายมานาสุ สีเตน วาเตน พีชิยมานา สมณธมฺมํ กโรนฺติ. กนฺทเรติ กํ วุจฺจติ อุทกํ, เตน ทาริโต อุทเกน ภินฺโน ปพฺพตปฺปเทโส กนฺทรํ. ยํ ‘‘นิตมฺพ’’นฺติปิ ‘‘นทีกฺุช’’นฺติปิ วทนฺติ. ตตฺถ หิ รชตปฏฺฏสทิสา วาลิกา โหติ, มตฺถเก มณิวิตานํ วิย วนคหนํ, มณิกฺขนฺธสทิสํ อุทกํ สนฺทติ, เอวรูปํ กนฺทรํ โอรุยฺห ปานียํ ปิวิตฺวา คตฺตานิ สีตํ กตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา ปํสุกูลจีวรํ ปฺเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนา เต ภิกฺขู สมณธมฺมํ กโรนฺติ. คิริคุหา นาม ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตรา, เอกสฺมึเยว วา อุมงฺคสทิสํ มหาวิวรํ.
‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติอาทิวจนโต (วิภ. ๕๓๑) ยตฺถ น ¶ กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิสํ มนุสฺสานํ อุปจารฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ิตํ อรฺกเสนาสนํ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. อชฺโฌกาโส นาม เกนจิ ¶ อจฺฉนฺโน ปเทโส. อากงฺขมานา ปเนตฺถ จีวรกุฏึ กตฺวา วสนฺติ. ปลาลปฺุเชติ ปลาลราสิมฺหิ. มหาปลาลปฺุชโต หิ ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย กโรนฺติ, คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปิ อุปริ ปลาลํ ปริกฺขิปิตฺวา เหฏฺา นิสินฺนา สมณธมฺมํ กโรนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปฺจ เลณานีติ ปฺจ ลียนฏฺานานิ. นิลียนฺติ เอตฺถ ภิกฺขูติ เลณานิ, วิหาราทีนเมตํ อธิวจนํ. สุปณฺณวงฺกเคหนฺติ ครุฬปกฺขสณฺาเนน กตเคหํ.
๒๙๕. อนุโมทนคาถาสุ สีตนฺติ อชฺฌตฺตธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธอุตุวิปริณามวสเอน วา อุปฺปชฺชนกสีตํ. อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ, ตสฺส วนทาหาทีสุ วา สมฺภโว ทฏฺพฺโพ. ปฏิหนฺตีติ พาธติ. ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนํ น โหติ, เอวํ กโรติ. สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ. วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิเค. คุตฺตเสนาสนฺหิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติ. สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺเต คจฺฉนฺเต ทีฆชาติเก. มกเสติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ฑํสาทีนมฺปิ เอเตเนว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิสิเรติ สิสิรกาลวเสน สตฺตาหวทฺธลิกาทิวเสน จ อุปฺปนฺเน สิสิรสมฺผสฺเส. วุฏฺิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฏฺิโย.
วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภฺชนาทิวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จ ปฏิหฺติ ปฏิพาหียติ. เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา ปฏิสลฺลานารามตฺถํ. สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํ. ฌายิตุนฺติ อฏฺตึสารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิชฺฌายิตุํ. วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สงฺขาเร สมฺมสิตุํ.
วิหาเรติ ปติสฺสเย. การเยติ การาเปยฺย. รมฺเมติ มโนรเม นิวาสสุเข. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม นิวาเสยฺย. เต นิวาเสนฺโต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนฺจ ¶ ปานฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปนฺเนสุ กมฺมผลานํ รตนตฺตยคุณานฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
อิทานิ คหฏฺปพฺพชิตานํ อฺมฺุปการิตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เตติ ¶ เต พหุสฺสุตา. ตสฺสาติ อุปาสกสฺส. ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฏฺฏทุกฺขาปนูทนํ สทฺธมฺมํ เทเสนฺติ. ยํ โส ธมฺมํ อิธฺายาติ โส ปุคฺคโล ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมึ สาสเน สมฺมา ปฏิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพายติ.
โส จ สพฺพทโท โหตีติ อาวาสทานสฺมึ ทินฺเน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา หิ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๔๒) ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นหายิตฺวา ปติสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฏฺาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสยา เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สพฺเพ ปริสฺสยา น โหนฺติ, สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขฺจ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธาวิกฺเขปาภาวโต, พหิ วิจรนฺตสฺส จ เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มฺจปีานิ น ปฺายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมฺจปีาทีนิ ปฺายนฺติ, เอตสฺมิฺจ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ.
๒๙๖. อาวิฺฉนจฺฉิทฺทนฺติ ยตฺถ องฺคุลึ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ อากฑฺฒนฺตา ทฺวารพาหํ ผุสาเปนฺติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. อาวิฺฉนรชฺชุนฺติ กวาเฏเยว ฉิทฺทํ กตฺวา ตตฺถ ปเวเสตฺวา เยน รชฺชุเกน กฑฺฒนฺตา ทฺวารํ ผุสาเปนฺติ, ตํ อาวิฺฉนรชฺชุกํ. เสนาสนปริโภเค อกปฺปิยจมฺมํ นาม นตฺถีติ ¶ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สเจปิ ทีปินงฺคุฏฺเน กตา โหติ, วฏฺฏติเยวา’’ติ วุตฺตํ. เจติเย เวทิกาสทิสนฺติ วาตปานพาหาสุ เจติเย เวทิกาย วิย ปฏฺฏิกาทีหิ ทสฺเสตฺวา กตํ. ถมฺภกวาตปานํ นาม ติริยํ ทารูนิ อทตฺวา อุชุกํ ิเตหิ เอว เวณุสลากาทีหิ กตํ.
วิหารานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มฺจปีาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๒๙๗. โปฏกิตูลนฺติ ¶ เอรกติณตูลํ. โปฏกิคหณฺเจตฺถ ติณชาตีนํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘เยสํ เกสฺจิ ติณชาติกาน’’นฺติ. ปฺจวิธํ อุณฺณาทิตูลมฺปิ วฏฺฏตีติ เอตฺถาปิ ‘‘พิมฺโพหเน’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ‘‘ตูลปูริตํ ภิสึ อปสฺสยิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ เกจิ วทนฺติ, วฏฺฏตีติ อปเร. อุปทหนฺตีติ เปนฺติ. สีสปฺปมาณนฺติ ยตฺถ คลวาฏกโต ปฏฺาย สพฺพสีสํ อุปทหนฺติ, ตํ สีสปฺปมาณํ. ตฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ติริยํ มุฏฺิรตนํ โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ กณฺเณสู’’ติอาทิมาห. มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหตีติ พิมฺโพหนสฺส มชฺฌฏฺานํ ติริยโต มุฏฺิรตนปฺปมาณํ โหติ. มสูรเกติ จมฺมมยภิสิยํ. ผุสิตานิ ทาตุนฺติ สฺากรณตฺถํ พินฺทูนิ ทาตุํ.
๒๙๘. น นิพนฺธตีติ อนิพนฺธนีโย, น อลฺลียตีติ อตฺโถ. ปฏิพาเหตฺวาติ มฏฺํ กตฺวา.
อิฏฺกาจยาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๓๐๐. รุกฺขํ วิชฺฌิตฺวาติ รุกฺขทารุํ วิชฺฌิตฺวา. ขาณุเก อาโกเฏตฺวาติ ทฺเว ทฺเว ขาณุเก อาโกเฏตฺวา. ตํ อาหริมํ ภิตฺติปาทนฺติ วุตฺตนเยน ขาณุเก อาโกเฏตฺวา กตํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. ภูมิยํ ปติฏฺาเปตุนฺติ มูเลน ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา ภิตฺติปาทสฺส อุปตฺถมฺภนวเสน อุสฺสาเปตฺวา ขาณุเกหิ ภิตฺติปาทํ อุสฺสาเปตฺวา เปตุนฺติ อธิปฺปาโย. อุภโต กุฏฺฏํ นีหริตฺวา กตปเทสสฺสาติ ยถา อนฺโตทฺวารสมีเป ¶ นิสินฺเนหิ อุชุกํ พหิ โอโลเกตุํ น สกฺกา โหติ, เอวํ อุโภหิ ปสฺเสหิ กุฏฺฏํ นีหริตฺวา อภิมุเข ภิตฺตึ อุปฏฺเปตฺวา กตปเทสสฺส. สมนฺตา ปริยาคาโรติ สมนฺตโต อาวิทฺธปมุขํ. อุคฺฆาฏนกิฏิกนฺติ ทณฺเฑหิ อุกฺขิปิตฺวา ปนกปทรกิฏิกํ.
อนาถปิณฺฑิกวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๐๔. อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุมฺหิ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๒) เกนจิเทว กรณีเยนาติ วาณิชฺชกมฺมํ อธิปฺเปตํ. อนาถปิณฺฑิโก กิร ราชคหเสฏฺิ จ อฺมฺํ ภคินิปติกา โหนฺติ. ยทา ราชคเห อุฏฺานกภณฺฑํ สมคฺฆํ โหติ, ตทา ราชคหเสฏฺิ ตํ คเหตฺวา ¶ สกฏสเตหิ สาวตฺถึ คนฺตฺวา โยชนมตฺเต ิโต อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปติ. อนาถปิณฺฑิโก ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ตสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เอกํ ยานํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถึ ปวิสติ. โส สเจ ภณฺฑํ ลหุกํ วิกฺกียติ, วิกฺกิณาติ. โน เจ, ภคินิฆเร เปตฺวา ปกฺกมติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ตเถว กโรติ. สฺวายํ ตทาปิ เตเนว กรณีเยน อคมาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ตํ ทิวสํ ปน ราชคหเสฏฺิ โยชนมตฺเต ิเตน อนาถปิณฺฑิเกน อาคตภาวชานนตฺถํ เปสิตํ ปณฺณํ น สุณิ, ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ อคมาสิ. โส ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน ฆเร อุทฺธนขณาปนทารุผาลนาทีนิ กาเรสิ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสติ, อิทานิ กริสฺสตี’’ติ ฆรทฺวาเรปิ ปจฺจุคฺคมนํ อลภิตฺวา อนฺโตฆรํ ปวิฏฺโ ปฏิสนฺถารมฺปิ น พหุํ อลตฺถ. ‘‘กึ มหาเสฏฺิ กุสลํ ทารกรูปานํ, นสิ มคฺเค กิลนฺโต’’ติ เอตฺตโกว ปฏิสนฺถาโร อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส เอตทโหสี’’ติอาทิ.
พุทฺโธติ ตฺวํ คหปติ วเทสีติ ตสฺส กิร มุขโต พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา อนาถปิณฺฑิโก ปฺจวณฺณํ ปีตึ ปฏิลภติ, สา ตสฺส สีเส อุฏฺหิตฺวา ยาว ปาทปิฏฺิยา, ปาทปิฏฺิยา อุฏฺาย ยาว สีสา คจฺฉติ, อุภโต อุฏฺาย มชฺเฌ โอสรติ, มชฺเฌ อุฏฺาย อุภโต คจฺฉติ. โส ปีติยา นิรนฺตรํ ผุโฏ ‘‘พุทฺโธติ ตฺวํ คหปติ วเทสี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิ. อกาโล โข, คหปติ, อิมํ กาลํ ตํ ภควนฺตํ ¶ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุนฺติ ‘‘พุทฺธา นาม ทุราสทา อาสีวิสสทิสา โหนฺติ, สตฺถา จ สิวถิกาย สมีเป วสติ, น สกฺกา ตตฺถ อิมาย เวลาย อิมินา คนฺตุ’’นฺติ มฺมาโน เอวมาห. พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชีติ อฺํ กิฺจิ อจินฺเตตฺวา พุทฺธคตาย เอว สติยา นิปชฺชิ. ตํ ทิวสํ กิรสฺส ภณฺฑสกเฏสุ วา อุปฏฺาเกสุ วา จิตฺตมฺปิ นุปฺปชฺชิ, สายมาสมฺปิ น อกาสิ. สตฺตภูมิกํ ปน ปาสาทํ อารุยฺห สุปฺตฺตาลงฺกตวรสยเน ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธ’’ติ สชฺฌายํ กโรนฺโตว นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. ติกฺขตฺตุํ วุฏฺาสิ ปภาตํ มฺมาโนติ ปมยาเม ตาว วีติวตฺเต อุฏฺาย พุทฺธํ อนุสฺสริ, อถสฺส พลวปฺปสาโท อุทปาทิ, ปีติอาโลโก อโหสิ, สพฺพตมํ วิคจฺฉิ, ทีปสหสฺสุชฺชลนํ วิย จนฺทุฏฺานสูริยุฏฺานํ วิย จ ชาตํ. โส ‘‘ปมาทํ อาปนฺโนมฺหิ, วฺจิโตมฺหิ, สูริโย อุคฺคโต’’ติ อุฏฺาย อากาสตเล ตฺวา จนฺทํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอโกว ยาโม คโต, อฺเ ทฺเว อตฺถี’’ติ ปุน ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ, เอเตนุปาเยน มชฺฌิมยามาวสาเนปิ ปจฺฉิมยามาวสาเนปิ ติกฺขตฺตุํ อุฏฺาสิ. ปจฺฉิมยามาวสาเน ปน พลวปจฺจูเสเยว ¶ อุฏฺาย อากาสตลํ อาคนฺตฺวา มหาทฺวาราภิมุโข อโหสิ, สตฺตภูมิกทฺวารํ สยเมว วิวฏํ อโหสิ, ปาสาทา โอรุยฺห อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิ.
๓๐๕. อมนุสฺสาติ อธิคตวิเสสา เทวตา. ตถา หิ ตา เสฏฺิสฺส ภาวินิสมฺปตฺตึ ปจฺจกฺขโต สมฺปสฺสมานา ‘‘อยํ มหาเสฏฺิ ‘พุทฺธุปฏฺานํ คมิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ติณฺณํ รตนานํ อคฺคุปฏฺาโก หุตฺวา อสทิสํ สงฺฆารามํ กตฺวา จาตุทฺทิสสฺส อริยสงฺฆสฺส อนาวฏทฺวาโร ภวิสฺสติ, น ยุตฺตมสฺส ทฺวารํ ปิทหิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทฺวารํ วิวรึสุ. อนฺตรธายีติ ราชคหํ กิร อากิณฺณมนุสฺสํ, อนฺโตนคเร นว โกฏิโย พหินคเร นวาติ ตํ อุปนิสฺสาย อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. อเวลาย มตมนุสฺเส พหิ นีหริตุํ อสกฺโกนฺตา อฏฺฏาลเก ตฺวา พหิทฺวาเร ขิปนฺติ. มหาเสฏฺิ นครโต พหิ นิกฺขนฺตมตฺโตว อลฺลสรีรํ ปาเทน อกฺกมิ, อปรมฺปิ ปิฏฺิปาเทน ปหริ, มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา ปกิรึสุ, ทุคฺคนฺโธ นาสาปุฏํ อภิหนิ, พุทฺธปฺปสาโท ตนุตฺตํ คโต. เตนสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ ปีติเวคสฺส ตนุภาเว ตํสมุฏฺิตรูปานํ ปริทุพฺพลภาวโต ¶ . สทฺทมนุสฺสาเวสีติ ‘‘เสฏฺิสฺส อุสฺสาหํ ชเนสฺสามี’’ติ สุวณฺณกิงฺกิณิกํ ฆฏฺเฏนฺโต วิย มธุรสฺสเรน สทฺทํ อนุสฺสาเวสิ.
สตํ กฺาสหสฺสานีติ ปุริมปทานิปิ อิมินาว สหสฺส-ปเทน สทฺธึ สมฺพนฺธิตพฺพานิ. ยเถว หิ สตํ กฺาสหสฺสานิ, เอวํ สตํ สหสฺสานิ หตฺถี, สตํ สหสฺสานิ อสฺสา, สตํ สหสฺสานิ รถาติ อยเมตฺถ อตฺโถ, อิติ เอเกกํ สตสหสฺสํ ทีปิตํ โหติ. ปทวีติหารสฺสาติ ปทํ วีติหรติ เอตฺถาติ ปทวีติหาโร. โส ทุตวิลมฺพิตํ อกตฺวา สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ ตํ เอกํ ปทวีติหารํ โสฬส ภาเค กตฺวา ตโต เอโก โกฏฺาโส ปุน โสฬสธา, ตโต เอโก โสฬสธาติ เอวํ โสฬส วาเร โสฬสธา ภินฺนสฺส เอโก โกฏฺาโส โสฬสี กลา นาม, ตํ โสฬสึ กลํ เอตานิ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สตํ หตฺถิสหสฺสานิ สตํ อสฺสสหสฺสานิ สตํ รถสหสฺสานิ สตํ กฺาสหสฺสานิ, ตา จ โข อามุกฺกมณิกุณฺฑลา สกลชมฺพุทีปราชธีตโรวาติ อิมสฺมา เอตฺตกา ลาภา วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ตสฺมึ โสฬสิกลาสงฺขาเต ปเทเส ลงฺฆนสาธนวเสน ปวตฺตเจตนาว อุตฺตริตราติ. ปทํ วา วีติหรติ เอเตนาติ ปทวีติหาโร, ตถาปวตฺตา กุสลเจตนา, ตสฺสา ผลํ โสฬสธา กตฺวาติ จ วทนฺติ. อิทํ ปน วิหารคมนํ กสฺส วเสน คหิตนฺติ? วิหารํ คนฺตฺวา อนนฺตราเยน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหนฺตสฺส วเสน คหิตํ. ‘‘คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กริสฺสามิ, เจติยํ วนฺทิสฺสามิ, ธมฺมํ โสสฺสามิ, ¶ ทีปปูชํ กริสฺสามิ, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทสฺสามิ, สิกฺขาปเทสุ วา สรเณสุ วา ปติฏฺหิสฺสามี’’ติ คจฺฉโตปิ วเสน วฏฺฏติเยว.
อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ โส กิร จินฺเตสิ ‘‘อหํ เอกโกติ สฺํ กโรมิ, อมนุสฺสา จ เม อนุคามิโน สหายา อตฺถิ, กสฺมา ภายามี’’ติ สูโร อโหสิ. อถสฺส พลวา พุทฺธปฺปสาโท อุทปาทิ, ตสฺมา อนฺธกาโร อนฺตรธายิ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. อาโลโก ปาตุรโหสีติ ปุริมพุทฺเธสุ จิรกาลปริจยสมฺภูตสฺส พลวโต ปสาทสฺส วเสน อุปฺปนฺนาย อุฬาราย พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สมุฏฺาปิโต ¶ วิปสฺสโนภาสสทิโส สาติสโย จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน อาโลโก ปาตุรโหสิ. เทวตาหิ กโตติปิ วทนฺติ, ปุริโมเยเวตฺถ ยุตฺตตโร. เอหิ สุทตฺตาติ โส กิร เสฏฺิ คจฺฉมาโนว จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺมึ โลเก พหู ปูรณกสฺสปาทโย ติตฺถิยา ‘มยํ พุทฺธา, มยํ พุทฺธา’ติ วทนฺติ, กถํ นุ โข อหํ สตฺถุ พุทฺธภาวํ ชาเนยฺย’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘มยฺหํ คุณวเสน อุปฺปนฺนํ นามํ มหาชโน ชานาติ, กุลทตฺติยํ ปน เม นามํ อฺตฺร มยา น โกจิ ชานาติ, สเจ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, กุลทตฺติกนาเมน มํ อาลปิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา เอวมาห.
ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. อาสตฺติโยติ รูปาทีสุ อาสฺชนฏฺเน อาสตฺติโย, ตณฺหาโย. สนฺตินฺติ กิเลสวูปสมํ. ปปฺปุยฺยาติ อคฺคมคฺเคน ปตฺวา. เสสเมตฺถ ปาฬิอนุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. ยฺเจตฺถ อนุตฺตานมตฺถํ, ตํ อฏฺกถายํ วุตฺตเมว.
๓๐๖. วยเมว เวยฺยายิกนฺติ อาห ‘‘เวยฺยายิกนฺติ วยกรณํ วุจฺจตี’’ติ.
อนาถปิณฺฑิกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อคฺคาสนาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๓๑๐-๓๑๑. ทกฺขิโณทกนฺติ อคฺคโต อุปนียมานํ ทกฺขิโณทกํ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติ (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๓๖ ติตฺติรชาตกวณฺณนา) เตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน อตฺตโน รุจิวเสน อคฺคาสนาทิรหานํ กถิตกาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, มยฺหํ สาสเน อคฺคาสนาทีนิ ปตฺวา ขตฺติยกุลา ปพฺพชิโต ปมาณํ, น พฺราหฺมณกุลา, น คหปติกุลา ปพฺพชิโต, น วินยธโร, น สุตฺตนฺติโก, น อาภิธมฺมิโก, น ปมชฺฌานาทิลาภิโน, น โสตาปนฺนาทโย ¶ ปมาณํ, อถ โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ สาสเน ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กตฺตพฺพํ, อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺโฑ ลทฺธพฺโพ, อิทเมตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ เอเตสํ อนุจฺฉวิโก. อิทานิ โข ปน, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต มยฺหํ อคฺคสาวโก อนุธมฺมจกฺกปฺปวตฺตโก ¶ มมานนฺตรเสนาสนํ ลทฺธุํ อรหติ. โส อิมํ รตฺตึ เสนาสนํ อลภนฺโต รุกฺขมูเล วีตินาเมสิ. ตุมฺเห อิทาเนว เอวํ อคารวา อปฺปติสฺสา, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล กินฺติ กตฺวา วิหริสฺสถา’’ติ วตฺวา อถ เนสํ โอวาททานตฺถาย ‘‘ปุพฺเพ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตาปิ ‘น โข ปเนตํ อมฺหากํ ปติรูปํ, ยํ มยํ อฺมฺํ อคารวา อปฺปติสฺสา อสภาควุตฺติโน วิหเรยฺยาม, อมฺเหสุ มหลฺลกตรํ ชานิตฺวา ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กริสฺสามา’ติ สาธุกํ วีมํสิตฺวา ‘อยํ มหลฺลโก’ติ ตฺวา ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กตฺวา เทวปถํ ปูรยมานา คตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสตุํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ.
เย วุฑฺฒมปจายนฺตีติ ชาติวุฑฺโฒ วโยวุฑฺโฒ คุณวุฑฺโฒติ ตโย วุฑฺฒา. เตสุ ชาติสมฺปนฺโน ชาติวุฑฺโฒ นาม, วเย ิโต วโยวุฑฺโฒ นาม, คุณสมฺปนฺโน คุณวุฑฺโฒ นาม. เตสุ คุณสมฺปนฺโน วโยวุฑฺโฒ อิมสฺมึ าเน วุฑฺโฒติ อธิปฺเปโต. อปจายนฺตีติ เชฏฺาปจายิกกมฺเมน ปูเชนฺติ. ธมฺมสฺส โกวิทาติ เชฏฺาปจายนธมฺมสฺส โกวิทา กุสลา. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. ปาสํสาติ ปสํสารหา. สมฺปราเย จ สุคฺคตีติ สมฺปเรตพฺเพ อิมํ โลกํ หิตฺวา คนฺตพฺเพ ปรโลเกปิ เตสํ สุคติเยว โหตีติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑตฺโถ – ภิกฺขเว, ขตฺติยา วา โหนฺตุ พฺราหฺมณา วา เวสฺสา วา สุทฺทา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ติรจฺฉานคตา วา, เย เกจิ สตฺตา เชฏฺาปจิติกมฺเม เฉกา กุสลา คุณสมฺปนฺนานํ วโยวุฑฺฒานํ อปจิตึ กโรนฺติ, เต อิมสฺมิฺจ อตฺตภาเว เชฏฺาปจิติการกาติ ปสํสํ วณฺณนํ โถมนํ ลภนฺติ, กายสฺส จ เภทา สคฺเค นิพฺพตฺตนฺตีติ.
อคฺคาสนาทิอนุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสนปฺปฏิพาหนาทิกถาวณฺณนา
๓๑๓-๔. อุทฺทิสฺสกตนฺติ คิหีหิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตํ. คิหิวิกตนฺติ คิหีหิ กตํ ปฺตฺตํ, คิหิสนฺตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อติสมีปํ อคนฺตฺวาติ ภิกฺขูนํ อาสนฺนตรํ านํ อคนฺตฺวา.
เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติกถาวณฺณนา
๓๑๘. ปจฺจเยเนว ¶ ¶ หิ ตํ ปฏิชคฺคนํ ลภิสฺสตีติ ตสฺมึ เสนาสเน มหาเถรา ตสฺส ปจฺจยสฺส การณา อฺตฺถ อคนฺตฺวา วสนฺตาเยว นํ ปฏิชคฺคิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อุพฺภณฺฑิกา ภวิสฺสนฺตีติ อุกฺขิตฺตภณฺฑา ภวิสฺสนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน ปริกฺขาเร คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจริสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ทีฆสาลาติ จงฺกมนสาลา. มณฺฑลมาโฬ อุปฏฺานสาลา. อนุทหตีติ ปีเฬติ. ชมฺพุทีเป ปนาติ อริยเทเส ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. เต กิร ตถา ปฺาเปนฺติ. น โคจรคาโม ฆฏฺเฏตพฺโพติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘น ตตฺถ มนุสฺสา วตฺตพฺพา’’ติอาทินา. วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวาติ ‘‘อิมินา นีหาเรน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิวาเรตฺวา ปจฺจเย ทสฺสนฺตี’’ติ เอวรูปํ วิตกฺกํ อนุปฺปาเทตฺวา. เตสุ เจ เอโกติ เตสุ มนุสฺเสสุ เอโก ปณฺฑิตปุริโส. ภณฺฑปฏิจฺฉาทนนฺติ ปฏิจฺฉาทนกภณฺฑํ, สรีรปฏิจฺฉาทนํ จีวรนฺติ อตฺโถ.
ปฏิชคฺคิตพฺพานีติ สมฺมชฺชนาทีหิ ปฏิชคฺคิตพฺพานิ. มุณฺฑเวทิกายาติ เจติยสฺส หมฺมิยเวทิกาย. หมฺมิยเวทิกาติ จ เจติยสฺส อุปริ จตุรสฺสเวทิโย วุจฺจติ. ปฏิกฺกมฺมาติ วิหารโต อปสกฺกิตฺวา. อุปนิกฺเขปนฺติ เขตฺตํ วา นาฬิเกราทิอารามํ วา กหาปณาทีนิ วา อารามิกาทีนํ นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิโต อุปฺปนฺนา วฑฺฒิ วสฺสาวาสิกตฺถาย โหตู’’ติ ทินฺนํ. วตฺตํ กตฺวาติ ตสฺมึ เสนาสเน กตฺตพฺพวตฺตํ กตฺวา.
ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพนฺติ ปรโต วกฺขมานนเยน ‘‘ภิกฺขู จีวเรน กิลมนฺติ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตี’’ติอาทินา ปุคฺคลปรามาสวเสเนว กาตพฺพํ, ‘‘สงฺโฆ จีวเรน กิลมตี’’ติอาทินา ปน สงฺฆปรามาสวเสน น กาตพฺพํ. จีวรปจฺจยนฺติ จีวรสงฺขาตํ ปจฺจยํ. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํวุตฺตํ. กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวฺหิ นวโก วุฑฺฒตรสฺส, วุฑฺโฒ จ นวกสฺส คาเหสฺสตี’’ติ, ยสฺมา อตฺตนาว อตฺตโน ปาเปตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ทฺวีสุ สมฺมเตสุ นวโก วุฑฺฒตรสฺส, วุฑฺโฒ จ นวกสฺสาติ อุโภ อฺมฺํ คาเหสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปกสฺส อาณตฺติยา อฺเน คาหิเตปิ คาโห รุหติเยวาติ เวทิตพฺพํ. อฏฺปิ โสฬสปิ ชเน ¶ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ กึ วิสุํ วิสุํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, อุทาหุ เอกโตติ? เอกโตปิ วฏฺฏติ. นิคฺคหกมฺมเมว หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส น กโรติ, สมฺมุติทานํ ปน พหูนมฺปิ เอกโต กาตุํ วฏฺฏติ, เตเนว สตฺตสติกกฺขนฺธเก อุพฺพาหิกสมฺมุติยํ อฏฺปิ ชนา เอกโต สมฺมตาติ.
มคฺโคติ ¶ มคฺเค กตทีฆสาลา. โปกฺขรณีติ นหายนฺตานํ โปกฺขรณิยํ กตสาลา. รุกฺขมูลาทโย ฉนฺนา กวาฏพทฺธาว เสนาสนํ. วิชเฏตฺวาติ วิโยเชตฺวา, วิสุํ วิสุํ กตฺวาติ อตฺโถ. อาวาเสสูติ เสนาสเนสุ. ปกฺขิปิตฺวาติ เอตฺถ ปกฺขิปนํ นาม เตสุ วสนฺตานํ อิโต อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกทานํ. ปวิสิตพฺพนฺติ อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ มหาลาเภ ปริเวเณ วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวาว ลาโภ คเหตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
ปจฺจยํ วิสฺสชฺเชตีติ จีวรปจฺจยํ นาธิวาเสติ. อยมฺปีติ เตน วิสฺสฏฺปจฺจโยปิ. อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข วา มณฺฑเป วา วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวา คณฺหถา’’ติ เอวํ อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพํ. ‘‘กตฺถ นุ โข วสิสฺสามิ, กตฺถ วสนฺตสฺส ผาสุ ภวิสฺสติ, กตฺถ วา ปจฺจโย ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺเนน วิตกฺเกน จรตีติ วิตกฺกจาริโก. อรฺวิหาเรสุ ปริสฺสยวิชานนตฺถํ อิจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ปฺจ ปฺจ อุกฺกา โกฏฺเฏตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.
วตฺตนฺติ กติกวตฺตํ. ติวิธมฺปีติ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ. โสเธตฺวา ปพฺพาเชถาติ ภพฺเพ อาจารกุลปุตฺเต อุปปริกฺขิตฺวา ปพฺพาเชถ. ทสวตฺถุกกถา นาม อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถา.
วิคฺคหสํวตฺตนิกวจนํ วิคฺคาหิกํ. จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตาติ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา อสุภํ มรณสฺสตีติ อิมํ จตุรารกฺขํ อปริหาเปนฺตา. ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ เอตฺถ ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ โย เทวสิกํ สงฺฆมชฺเฌ โอสรติ, เตน สามเณราทีหิ อาหริตฺวา ภิกฺขูนํ ยถาสุขํ ปริภฺุชนตฺถาย ทนฺตกฏฺมาฬเก นิกฺขิตฺเตสุ ทนฺตกฏฺเสุ ทิวเส ทิวเส เอกเมว ทนฺตกฏฺํ คเหตพฺพํ. โย ¶ ปน เทวสิกํ น โอสรติ, ปธานฆเร วสิตฺวา ธมฺมสฺสวเน วา อุโปสถคฺเค วา ทิสฺสติ, เตน ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา จตฺตาริ ปฺจ ทนฺตกฏฺานิ อตฺตโน วสนฏฺาเน เปตฺวา ขาทิตพฺพานิ. เตสุ ขีเณสุ สเจ ปุนปิ ทนฺตกฏฺมาฬเก พหูนิ โหนฺติเยว, ปุนปิ อาหริตฺวา ขาทิตพฺพานิ. ยทิ ปน ปมาณํ อสลฺลกฺเขตฺวา อาหรติ, เตสุ อขีเณสุเยว มาฬเก ขียติ, ตโต เกจิ เถรา ‘‘เยหิ คหิตานิ, เต ปฏิหรนฺตู’’ติ วเทยฺยุํ, เกจิ ‘‘ขาทนฺตุ, ปุน สามเณรา อาหริสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา วิวาทปริหารตฺถํ ปมาณํ สลฺลกฺเขตพฺพํ. คหเณ ปน โทโส นตฺถิ, มคฺคํ คจฺฉนฺเตนปิ เอกํ วา ทฺเว วา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ภิกฺขาจารวตฺตํ วตฺตกฺขนฺธเก ปิณฺฑจาริกวตฺเต อาวิ ภวิสฺสติ.
ปตฺตฏฺาเนติ ¶ วสฺสคฺเคน อาคนฺตุกภิกฺขุโน ปตฺตฏฺาเน. เตสํ ฉินฺนวสฺสตฺตา ‘‘สาทิยนฺตาปิ หิ เต เนว วสฺสาวาสิกสฺส สามิโน’’ติ วุตฺตํ, ปมํเยว กติกาย กตตฺตา ขียนฺตาปิ จ อาวาสิกา เนว อทาตุํ ลภนฺตีติ วุตฺตํ. ภตินิวิฏฺนฺติ ภตึ กตฺวา วิย นิวิฏฺํ ปริยิฏฺํ. สงฺฆิกํ ปน อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ตตฺรุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺจยวเสน คาหิตนฺติ ทายกานํ วสฺสาวาสิกปจฺจยวเสน คาหิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺโถ ภิกฺขุ วิพฺภมติ, สงฺฆสฺเสเวต’’นฺติ (มหาว. ๓๗๔-๓๗๕) วจนโต ‘‘คตฏฺาเน…เป… สงฺฆิกํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. มนุสฺเสติ ทายกมนุสฺเส. วรภาคํ สามเณรสฺสาติ ปมภาคสฺส คาหิตตฺตา วุตฺตํ.
เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปนนฺทวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๑๙. ยํ ตยา ตตฺถ เสนาสนํ คหิตํ…เป… อิธ มุตฺตํ โหตีติ ยํ ตยา ตตฺถ คามกาวาเส ปจฺฉา เสนาสนํ คหิตํ, ตํ เต คณฺหนฺเตเนว อิธ สาวตฺถิยํ ปมคหิตเสนาสนํ มุตฺตํ โหติ. อิธ ทานาหํ ¶ …เป… ตตฺราปิ มุตฺตนฺติ ‘‘อิทานาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึ คามกาวาเส คหิตเสนาสนํ มฺุจามี’’ติ วทนฺเตน ตตฺราปิ คามกาวาเส คหิตเสนาสนํ มุตฺตํ.
๓๒๐. ทีฆาสนํ นาม มฺจปีวินิมุตฺตํ ยํ กิฺจิ เอกโต สุขํ นิสีทิตุํ ปโหติ. หตฺถิมฺหิ นโข อสฺสาติ หตฺถินโข. ‘‘ปาสาทสฺส นโข นาม เหฏฺิมปริจฺเฉโท, โส จ หตฺถิกุมฺเภ ปติฏฺิโต’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. คิหิวิกตนีหาเรน ลพฺภนฺตีติ คิหิวิกตนีหาเรน ปริภฺุชิตุํ ลพฺภนฺติ, เตหิ อตฺถริตฺวา ทินฺนาเนว นิสีทิตุํ ลพฺภนฺติ, น สยํ อตฺถตานิ อตฺถราปิตานิ วา.
อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๒๑. อรฺชโรติ พหุอุทกคณฺหนกา มหาจาฏิ. ชลํ คณฺหิตุํ อลนฺติ อรฺชโร. ‘‘วฏฺฏจาฏิ วิย หุตฺวา โถกํ ทีฆมุโข มชฺเฌ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา กโต’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ปฺจนิมฺมลโลจโนติ มํสทิพฺพธมฺมพุทฺธสมนฺตจกฺขุวเสน ปฺจโลจโน.
ถาวเรน ¶ จ ถาวรํ ครุภณฺเฑน จ ครุภณฺฑนฺติ เอตฺถ ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ ปุริมทฺวยํ ถาวรํ, ปจฺฉิมตฺตยํ ครุภณฺฑนฺติ เวทิตพฺพํ. ชานาเปตฺวาติ ภิกฺขุสงฺฆํ ชานาเปตฺวา. กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน ‘‘วิหารสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, สุวณฺณรชตมยาทิอกปฺปิยมฺเจปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. น เกวลํ…เป… ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏนฺตีติ อิมินา อถาวเรน ถาวรมฺปิ อถาวรมฺปิ ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ถาวเรน อถาวรเมว หิ ปริวตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. อกปฺปิยํ วา มหคฺฆํ กปฺปิยํ วาติ เอตฺถ อกปฺปิยํ นาม สุวณฺณมยมฺจาทิ อกปฺปิยภิสิพิมฺโพหนานิ จ. มหคฺฆํ กปฺปิยํ นาม ทนฺตมยมฺจาทิ ปาวาราทิกปฺปิยอตฺถรณาทีนิ จ.
ปาริหาริยํ น วฏฺฏตีติ อตฺตโน สนฺตกํ วิย คเหตฺวา ปริหริตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘คิหิวิกตนีหาเรเนว ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ อิมินา สเจ อารามิกาทโย ปฏิสาเมตฺวา ปฏิเทนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ปณฺณสูจิ นาม เลขนี’’ติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ.
‘‘อฑฺฒพาหูติ ¶ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อฑฺฒพาหุ นาม วิทตฺถิจตุรงฺคุลนฺติปิ วทนฺติ. ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตา. อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ ทีฆโต อฏฺงฺคุลมตฺโต ปริณาหโต ปณฺณสูจิทณฺฑมตฺโต. มฺุชปพฺพชานํเยว ปาฬิยํ วิสุํ อาคตตฺตา ‘‘มฺุชํ ปพฺพชฺจ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อฏฺงฺคุลปฺปมาโณติ ทีฆโต อฏฺงฺคุลปฺปมาโณ. ฆฏฺฏนผลกํ นาม ยตฺถ เปตฺวา รชิตจีวรํ หตฺเถน ฆฏฺเฏนฺติ. ฆฏฺฏนมุคฺคโร นาม อนุวาตาทิฆฏฺฏนตฺถํ กโตติ วทนฺติ. อมฺพณนฺติ ผลเกหิ โปกฺขรณีสทิสํ กตปานียภาชนํ. รชนโทณีติ ยตฺถ ปกฺกรชนํ อากิริตฺวา เปนฺติ. ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺจตฺถรณคติกนฺติ อิมินา มฺจปีเปิ อตฺถริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ปาวาราทิปจฺจตฺถรณมฺปิ ครุภณฺฑนฺติ เอเก, โนติ อปเร, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. มุฏฺิปณฺณนฺติ ตาลปณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ.
นวกมฺมทานกถาวณฺณนา
๓๒๓. กิฺจิเทว สมาทเปตฺวา กาเรสฺสตีติ สามิโกเยว กฺจิ ภิกฺขุํ สมาทเปตฺวา กาเรสฺสติ. อุตุกาเล ปฏิพาหิตุํ น ลภตีติ เหมนฺตคิมฺเหสุ อฺเ สมฺปตฺตภิกฺขู ปฏิพาหิตุํ น ลภติ. ติภาคนฺติ ตติยภาคํ. สเจ สทฺธิวิหาริกานํ ทาตุกาโม โหตีติ สเจ โส สงฺฆสฺส ภณฺฑกปนฏฺานํ วา นวกานํ วา วสนฏฺานํ ทาตุํ น อิจฺฉติ, อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานฺเว ¶ ทาตุกาโม โหตีติ อตฺโถ. เอตฺหิ สทฺธิวิหาริกานํ ทาตุํ ลภตีติ เอตํ ตติยภาคํ อุปฑฺฒภาคํ วา ทาตุํ ลภติ. อกตฏฺาเนติ เสนาสนโต พหิ จยาทีนํ อกตฏฺาเน. พหิกุฏฺเฏติ กุฏฺฏโต พหิ.
อฺตฺรปริโภคปฏิกฺเขปาทิกถาวณฺณนา
๓๒๔. จกฺกลิกนฺติ กมฺพลาทีหิ เวเตฺวา จกฺกสณฺาเนน ปาทปฺุฉนโยคฺคํ กตํ. ปริภณฺฑกตา ภูมิ นาม สณฺหมตฺติกาหิ กตา กาฬวณฺณาทิภูมิ. เสนาสนํ มฺจปีาทิ. ตเถว วฬฺเชตุํ วฏฺฏตีติ อฺเหิ อาวาสิกภิกฺขูหิ ปริภุตฺตนีหาเรน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘เนวาสิกา ปกติยา อนตฺถตาย ภูมิยา เปนฺติ เจ, เตสมฺปิ อนาปตฺติเยวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ทฺวารมฺปีติอาทินา วุตฺตทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพา. โลเมสูติ โลเมสุ ผุสนฺเตสุ.
สงฺฆภตฺตาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๓๒๕. อุทฺเทสภตฺตํ ¶ นิมนฺตนนฺติ อิมํ โวหารํ ปตฺตานีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ‘‘อุทฺเทสภตฺตํ นิมนฺตน’’นฺติอาทิโวหารํ ปตฺตานีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตมฺปิ อนฺโต กตฺวาติ อายตึ ภิกฺขูนํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถาย ตมฺปิ สงฺฆภตฺตํ อนฺโต กตฺวา.
อุทฺเทสภตฺตกถาวณฺณนา
อตฺตโน วิหารทฺวาเรติ วิหารสฺส ทฺวารโกฏฺกสมีปํ สนฺธาย วุตฺตํ. โภชนสาลายาติ ภตฺตุทฺเทสฏฺานภูตาย โภชนสาลาย. ‘‘ทินฺนํ ปนา’’ติ วตฺวา ยถา โส ทายโก เทติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺฆโต ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. อนฺโตอุปจารคตานนฺติ เอตฺถ คามทฺวารวีถิจตุกฺเกสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรํ อนฺโตอุปจาโร นาม. อนฺตรฆรสฺส อุปจาเร ปน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฆรูปจาโร เจตฺถา’’ติอาทิมาห. เอกวฬฺชนฺติ เอเกน ทฺวาเรน วฬฺชิตพฺพํ. นานานิเวสเนสูติ นานากุลสฺส นิเวสเนสุ. ลชฺชี เปสโล อคติคมนํ วชฺเชตฺวา เมธาวี จ อุปปริกฺขิตฺวา อุทฺทิสิสฺสตีติ อาห ‘‘เปสโล ลชฺชี เมธาวี อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ. นิสินฺนสฺสปิ นิทฺทายนฺตสฺสปีติ อนาทเร สามิวจนํ. ติจีวรปริวารนฺติ เอตฺถ ‘‘อุทกปตฺตลาภี วิย อฺโปิ อุทฺเทสภตฺตํ อลภิตฺวา วตฺถาทิมเนกปฺปการกํ ลภติ เจ, ตสฺเสว ¶ ต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อตฺตโน รุจิวเสน ยํ กิฺจิ วตฺวา อาหริตุํ วิสฺสชฺชิตตฺตา วิสฺสฏฺทูโต นาม. ยํ อิจฺฉตีติ ‘‘อุทฺเทสปตฺตํ เทถา’’ติอาทีนิ วทนฺโต ยํ อิจฺฉติ. ปุจฺฉาสภาเคนาติ ปุจฺฉาสทิเสน.
‘‘เอกา กูฏฏฺิติกา นาม โหตี’’ติ วตฺวา ตเมว ิติกํ วิภาเวนฺโต ‘‘รฺโ วา หี’’ติอาทิมาห. อฺเหิ อุทฺเทสภตฺเตหิ อมิสฺเสตฺวา วิสุํเยว ิติกาย คเหตพฺพตฺตา ‘‘เอกจาริกภตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เถยฺยาย หรนฺตีติ ปตฺตหารกา หรนฺติ. คีวา โหตีติ อาณาปกสฺส คีวา โหติ. ‘‘มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คจฺฉนฺตีติ ‘‘มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เตน ภิกฺขุนา วุตฺตา คจฺฉนฺติ. อกตภาโค นามาติ อาคนฺตุกภาโค นาม. ‘‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภฺุชตู’’ติ ¶ วุตฺเตติ เอตฺถ ‘‘ปมเมว ‘สพฺพํ สงฺฆิกํ ปตฺตํ เทถา’ติ วตฺวา ปจฺฉา ‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภฺุชตู’ติ อวุตฺเตปิ ภาเชตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา
‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติอาทีนิ อวตฺวา ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ สงฺฆิกํ นิมนฺตนํ นาม. ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ภิกฺขาปริยาเยน วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ปฏิปาฏิยาติ ลทฺธปฏิปาฏิยา. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ปทํ อวตฺวา. เตเนวาห ‘‘ภตฺตนฺติ อวทนฺเตนา’’ติ. อาโลปสงฺเขเปนาติ เอเกกปิณฺฑวเสน. อยฺจ นโย นิมนฺตเนเยว, น อุทฺเทสภตฺเต. ตตฺถ หิ เอกสฺส ปโหนกปฺปมาณํเยว ภาเชตพฺพํ, ตสฺมา อุทฺเทสภตฺเต อาโลปฏฺิติกา นาม นตฺถิ. อจฺฉตีติ ติฏฺติ. ‘‘เอกวารนฺติ ยาว ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ ภิกฺขู, สพฺเพ ลภนฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – เอกวารนฺติ น เอกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยตฺตกา ปน ภิกฺขู ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ, เต สพฺเพ. เอกสฺมึ ทิวเส คหิตภิกฺขู อฺทา อคฺคเหตฺวา ยาว เอกวารํ สพฺเพ ภิกฺขู โภชิตา โหนฺติ, ตาว เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตพฺพนฺติ.
สลากภตฺตกถาวณฺณนา
อุปนิพนฺธิตฺวาติ ลิขิตฺวา. นิคฺคเหน ทตฺวาติ อนิจฺฉนฺตมฺปิ นิคฺคเหน สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา ¶ . เอกเคหวเสนาติ เอกาย ฆรปาฬิยา วเสน. อุทฺทิสิตฺวาติ ‘‘ตุยฺหฺจ ตุยฺหฺจ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา. ทูรตฺตา นิคฺคเหตฺวาปิ วาเรน คาเหตพฺพคาโม วารคาโม. วิหารวาเร นิยุตฺตา วิหารวาริกา, วาเรน วิหารรกฺขณกา. อฺถตฺตนฺติ ปสาทฺถตฺตํ. ผาติกมฺมเมว ภวนฺตีติ วิหารรกฺขณตฺถาย สงฺเฆน ทาตพฺพอติเรกลาภา โหนฺติ. สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเลติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺส ปาปิตานิ ทฺเว ตีณิ เอกจาริกภตฺตานิ เตเนว นิยาเมน อตฺตโน ปาปุณนฏฺาเน สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเล. ยสฺส กสฺสจิ สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน เจ ภิกฺขู พหิสีมคตา โหนฺติ, สมฺมุขีภูตสฺส ¶ ยสฺส กสฺสจิ ปาเปตพฺพํ สภาคตฺตา เอเกน ลทฺธํ สพฺเพสํ โหติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อตฺตโน ปาเปตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. รสสลากนฺติ อุจฺฉุรสสลากํ.
‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากาปิ วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยวา’’ติ สาธารณํ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตตฺตา ‘‘เอวํ คาหิเต สาทิตพฺพํ, เอวํ น สาทิตพฺพ’’นฺติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา จ เภสชฺชาทิสลากาโย เจตฺถ กิฺจาปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สลากวเสน คาหิตตฺตา ปน น สาทิตพฺพาติ เอตฺถ อธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ. ยทิ หิ เภสชฺชาทิสลากา สลากวเสน คาหิตา น สาทิตพฺพา สิยา, สงฺฆโต นิรามิสสลากา วฏฺฏติเยวาติ น วเทยฺย, ‘‘อติเรกลาโภ สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺต’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๒๘) ‘‘อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามี’’ติ สลากวเสน คาเหตพฺพํ ภตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ, น เภสชฺชํ. สงฺฆภตฺตาทีนิ หิ จุทฺทส ภตฺตานิเยว เตน น สาทิตพฺพานีติ วุตฺตานิ, ขนฺธกภาณกานํ วา มเตน อิธ เอวํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. อคฺคโต ทาตพฺพภิกฺขา อคฺคภิกฺขา. ลทฺธา วา อลทฺธา วาติ ลภิตฺวา วา อลภิตฺวา วา. นิพทฺธาย อคฺคภิกฺขาย อปฺปมตฺติกาย เอว สมฺภวโต ลภิตฺวาปิ ปุนทิวเส คณฺหิตุํ วุตฺตํ. อคฺคภิกฺขามตฺตนฺติ หิ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท พหุภาวํ นิวตฺเตติ.
สลากภตฺตํ นาม วิหาเรเยว อุทฺทิสียติ วิหารเมว สนฺธาย ทิยฺยมานตฺตาติ อาห ‘‘วิหาเร อปาปิตํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺร อาสนสาลายาติ ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย. วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ตถา วตฺวา ตสฺมึ ทิวเส ทินฺนภตฺตํ วิหารเมว อาเนตฺวา ิติกาย คาเหตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ทิสาภาเค. ตํ คเหตฺวาติ ตํ วารคามสลากํ อตฺตนา คเหตฺวา. เตนาติ โย อตฺตโน ปตฺตํ วารคามสลากํ ทิสํคมิกสฺส อทาสิ, เตน. อนติกฺกนฺเตเยว ตสฺมึ ตสฺส สลากา คาเหตพฺพาติ ยสฺมา อุปจารสีมฏฺสฺเสว สลากา ปาปุณาติ, ตสฺมา ตสฺมึ ทิสํคมิเก ¶ อุปจารสีมํ อนติกฺกนฺเตเยว ตสฺส ทิสํคมิกสฺส ปตฺตสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพา.
อนาคตทิวเสติ ¶ เอตฺถ กถํ เตสํ ภิกฺขูนํ อาคตานาคตภาโว วิฺายตีติ เจ? ยสฺมา ตโต ตโต อาคตา ภิกฺขู ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย สนฺนิปตนฺติ, ตสฺมา เตสํ อาคตานาคตภาโว สกฺกา วิฺาตุํ. อมฺหากํ โคจรคาเมติ สลากภตฺตทายกานํ คาเม. ภฺุชิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ‘‘มหาเถโร เอกโกว วิหาเร โอหีโน อวสฺสํ สพฺพสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา ิโต’’ติ มฺมานา อาคจฺฉนฺติ.
ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา
อภิลกฺขิเตสุ จตูสุ ปกฺขทิวเสสุ ทาตพฺพภตฺตํ ปกฺขิกํ. อภิลกฺขิเตสูติ เอตฺถ อภีติ อุปสคฺคมตฺตํ, ลกฺขณีเยสุ อิจฺเจว อตฺโถ, อุโปสถสมาทานธมฺมสฺสวนปูชาสกฺการาทิกรณตฺถํ ลกฺขิตพฺเพสุ สลฺลกฺเขตพฺเพสุ อุปลกฺเขตพฺเพสูติ วุตฺตํ โหติ. สฺเว ปกฺโขติ ‘‘อชฺช ปกฺขิกํ น คาเหตพฺพ’’นฺติ ปกฺขิกสฺส อนิยมตฺตา วุตฺตํ. ‘‘สฺเว อมฺหากํ ฆเร ลูขภตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, ‘‘ปกฺขภตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ. อุโปสเถ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถิกํ. นิพนฺธาปิตนฺติ ‘‘อสุกวิหารสฺสา’’ติ นิยมิตํ. คาเหตฺวา ภฺุชิตพฺพนฺติ ตสฺมึ เสนาสเน วสนฺเตหิ ิติกาย คาเหตฺวา ภฺุชิตพฺพํ. ตณฺฑุลาทีนิเปเสนฺติ…เป… วฏฺฏตีติ อภิหฏภิกฺขตฺตา วฏฺฏติ. ตถา ปฏิคฺคหิตตฺตาติ ภิกฺขานาเมน ปฏิคฺคหิตตฺตา. ปตฺตํ ปูเรตฺวา ถเกตฺวา ทินฺนนฺติ ‘‘คุฬกภตฺตํ เทมา’’ติ ทินฺนํ. คุฬปิณฺเฑปิ…เป… ทาตพฺโพติ เอตฺถ คุฬปิณฺฑํ ตาลปกฺกปฺปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สงฺฆเภทกกฺขนฺธกํ
ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๓๓๐. สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก ¶ ¶ อนุปิยายนฺติอาทีสุ ‘‘อนุปิยา นามา’’ติ วตฺตพฺเพ อาการสฺส รสฺสตฺตํ อนุนาสิกสฺส จ อาคมํ กตฺวา ‘‘อนุปิยํ นามา’’ติ วุตฺตํ. มลฺลานนฺติ มลฺลราชูนํ. น เหฏฺา ปาสาทา โอโรหตีติ อุปริปาสาทโต เหฏฺิมตลํ น โอโรหติ, ‘‘เหฏฺาปาสาท’’นฺติปิ ปนฺติ. อนุรุทฺโธ วา ปพฺพาเชยฺยาติ โยเชตพฺพํ. ฆราวาสตฺถนฺติ ฆราวาสสฺส อนุจฺฉวิกํ กมฺมํ. อุทกํ อภิเนตพฺพนฺติ อุทกํ อาหริตพฺพํ. นินฺเนตพฺพนฺติ อาภตมุทกํ ปุน นีหริตพฺพํ. นิทฺธาเปตพฺพนฺติ อนฺตรนฺตรา อุฏฺิตติณานิ อุทฺธริตฺวา อปเนตพฺพํ. ลวาเปตพฺพนฺติ ปริปกฺกกาเล ลวาเปตพฺพํ. อุพฺพาหาเปตพฺพนฺติ ขลมณฺฑลํ หราเปตพฺพํ. อุชุํ การาเปตพฺพนฺติ ปฺุชํ การาเปตพฺพํ. ปลาลานิ อุทฺธราเปตพฺพานีติ ปลาลานิ อปเนตพฺพานิ. ภุสิกา อุทฺธราเปตพฺพาติ คุนฺนํ ขุรคฺเคหิ สฺฉินฺนา ภุสสงฺขาตา นาฬทณฺฑา อปเนตพฺพา. โอปุนาเปตพฺพนฺติ วาตมุเข โอปุนาเปตฺวา ปลาลํ อปเนตพฺพํ. อติหราเปตพฺพนฺติ อนฺโตโกฏฺาคารํ อุปเนตพฺพํ. น กมฺมาติ น กมฺมานิ. ฆราวาสตฺเถนาติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ. อุปชานาหีติ จ อุปสคฺคมตฺโต อุป-สทฺโท. เตนาห ‘‘ฆราวาสตฺถํ ชานาหี’’ติ. ชานาหีติ เจตฺถ ปฏิปชฺชาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อกามกาติ อนิจฺฉมานา.
๓๓๑-๓๓๒. ยํ น นิวตฺโตติ ยสฺมา น นิวตฺโต. สฺุาคารคโตติ (อุทา. อฏฺ. ๒๐) ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺ’’นฺติ (ปารา.๙๒) วุตฺตํ อรฺํ รุกฺขมูลฺจ เปตฺวา อฺํ ปพฺพตกนฺทราทิ ปพฺพชิตสารุปฺปํ นิวาสฏฺานํ ชนสมฺพาธาภาวโต อิธ ‘‘สฺุาคาร’’นฺติ อธิปฺเปตํ. อถ วา ฌานกณฺฏกานํ สทฺทานํ อภาวโต วิวิตฺตํ ยํ กิฺจิ อคารมฺปิ ‘‘สฺุาคาร’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สฺุาคารํ อุปคโต. อภิกฺขณนฺติ พหุลํ. อุทานํ อุทาเนสีติ โส หิ อายสฺมา อรฺเ ทิวาวิหารํ อุปคโตปิ รตฺติวาสูปคโตปิ เยภุยฺเยน ผลสมาปตฺติสุเขน นิโรธสมาปตฺติสุเขน จ วีตินาเมสิ, ตสฺมา ¶ ตํ สุขํ สนฺธาย ปุพฺเพ ¶ อตฺตนา อนุภูตํ สภยํ สปริฬาหํ รชฺชสุขํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ โสมนสฺสสหิตาณสมุฏฺานํ ปีติสมุคฺคารํ สมุคฺคิรติ. เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุนฺติ เต สมฺพหุลา ภิกฺขู อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิตา ตสฺส อนุคฺคณฺหนาธิปฺปาเยน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ, น อุชฺฌานวเสน. นิสฺสํสยนฺติ อสนฺเทเหน, เอกนฺเตนาติ อตฺโถ. เต กิร ภิกฺขู ปุถุชฺชนา ตสฺส อายสฺมโต วิเวกสุขํ สนฺธาย อุทานํ อชานนฺตา เอวมาหํสุ. สมนุสฺสรนฺโตติ อุกฺกณฺนวเสน อนุสฺสรนฺโต.
อฺตรนฺติ นามโคตฺเตน อปากฏํ เอกํ ภิกฺขุํ. อามนฺเตสีติ อาณาเปสิ เต ภิกฺขู สฺาเปตุกาโม. เอวนฺติ วจนสมฺปฏิคฺคเห, สาธูติ อตฺโถ. เอวํ ภนฺเตติ เอตฺถ ปน เอวํ-สทฺโท ปฏิฺายํ. ‘‘อภิกฺขณํ ‘อโห สุขํ อโห สุข’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ยถา เต ภิกฺขู วทนฺติ, ตํ เอวํ ตเถวาติ อตฺตโน อุทานํ ปฏิชานาติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ภทฺทิยา’’ติ กสฺมา ภควา ปุจฺฉติ, กึ ตสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ, เตเนว ปน ตมตฺถํ วทาเปตฺวา เต ภิกฺขู สฺาเปตุํ ปุจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๖, ๑๙๔). อตฺถวสนฺติ การณํ.
อนฺโตปิ อนฺเตปุเรติ อิตฺถาคารสฺส สฺจรณฏฺานภูเต ราชเคหสฺส อพฺภนฺตเร, ยตฺถ ราชา นหานโภชนสยนาทึ กปฺเปติ. รกฺขา สุสํวิหิตาติ อารกฺขาทิกตปุริเสหิ คุตฺติ สุฏฺุ สมนฺตโต วิหิตา. พหิปิ อนฺเตปุเรติ อฏฺฏกรณฏฺานาทิเก อนฺเตปุรโต พหิภูเต ราชเคเห. เอวํ รกฺขิโต โคปิโต สนฺโตติ เอวํ ราชเคหราชธานีรชฺชเทเสสุ อนฺโต พหิ จ อเนเกสุ าเนสุ อเนกสเตหิ สุสํวิหิตรกฺขาวรณคุตฺติยา มเมว นิพฺภยตฺถํ ผาสุวิหารตฺถํ รกฺขิโต โคปิโต สมาโน. ภีโตติอาทีนิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา ภีโตติ ปรราชูหิ ภายมาโน. อุพฺพิคฺโคติ สกรชฺเชปิ ปกติกฺโขภโต อุปฺปชฺชนกภยุพฺเพเคน อุพฺพิคฺโค จลิโต. อุสฺสงฺกีติ ‘‘รฺา นาม สพฺพกาลํ อวิสฺสตฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วจนโต สพฺพตฺถ อวิสฺสาสนวเสน เตสํ เตสํ กิจฺจกรณียานํ อจฺจยโต อุปฺปชฺชนกปริสงฺกาย จ อุทฺธมุทฺธํ สงฺกมาโน. อุตฺราสีติ ‘‘สนฺติกาวจเรหิปิ อชานนฺตสฺเสว เม กทาจิ ¶ อนตฺโถ ภเวยฺยา’’ติ อุปฺปนฺเนน สรีรกมฺปมฺปิ อุปฺปาทนสมตฺเถน ตาเสน อุตฺราสิ. ‘‘อุตฺรสฺโต’’ติปิ ปนฺติ. วิหรามีติ เอวํภูโต หุตฺวา วิหรามิ.
เอตรหีติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย. เอโกติ อสหาโย. เตน วิเวกฏฺกายตํ ทสฺเสติ. อภีโตติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภยาทินิมิตฺตสฺส ปริคฺคหสฺส ¶ ตํนิมิตฺตสฺส จ กิเลสคหนสฺส อภาเวเนวสฺส อภีตาทิตาติ เอเตน จิตฺตวิเวกํ ทสฺเสติ. อปฺโปสฺสุกฺโกติ สรีรคุตฺติยํ นิรุสฺสุกฺโก. ปนฺนโลโมติ โลมหํสุปฺปาทกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส อภาเวน อนุคฺคตโลโม. ปททฺวเยนปิ เสริวิหารํ ทสฺเสติ. ปรทตฺตวุตฺโตติ ปเรหิ ทินฺเนน จีวราทินา วตฺตมาโน. เอเตน สพฺพโส สงฺคาภาวทีปนมุเขน อนวเสสภยเหตุวิรหํ ทสฺเสติ. มิคภูเตน เจตสาติ วิสฺสตฺถวิหาริตาย มิคสฺส วิย ชาเตน จิตฺเตน. มิโค หิ อมนุสฺสปเถ อรฺเ วสมาโน วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ นิสีทติ นิปชฺชติ เยนกามฺจ ปกฺกมติ อปฺปฏิหตจาโร, เอวํ อหมฺปิ วิหรามีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ ปจฺเจกสมฺพุทฺเธน –
‘‘มิโค อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ;
เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;
วิฺู นโร เสริต เปกฺขมาโน;
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๓๙; อป. เถร ๑.๑.๙๕);
อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, อตฺถวสนฺติ ภควา ยทิทํ มม เอตรหิ ปรมํ วิเวกสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ, อิทเมว การณํ สมฺปสฺสมาโน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทาเนมิ. เอตมตฺถนฺติ เอตํ ภทฺทิยตฺเถรสฺส ปุถุชฺชนวิสยาตีตํ วิเวกสุขสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สเหตุกภยโสกวิคมานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเต จิตฺตกาลุสฺสิยกรณโต จิตฺตปฺปโกปา ¶ ราคาทโย อาฆาตวตฺถุอาทิการณเภทโต อเนกเภทา โทสโกปา เอว วา น สนฺติ, มคฺเคน ปหีนตฺตา น วิชฺชนฺติ. อยฺหิ อนฺตร-สทฺโท กิฺจาปิ ‘‘มฺจ ตฺวฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ ทิสฺสติ, ‘‘อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๔๖) เวมชฺเฌ, ‘‘อนฺตรา จ เชตวนํ อนฺตรา จ สาวตฺถิ’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๑๓, ๔๔) วิวเร, ‘‘ภยมนฺตรโต ชาต’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕) จิตฺเต, อิธาปิ จิตฺเต เอว ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ยสฺส จิตฺเต โกปา น สนฺตี’’ติ.
อภว-สทฺทสฺส วิภว-สทฺเทน อตฺถุทฺธาเร การณมาห ‘‘วิภโวติ จ อภโวติ จ อตฺถโต เอก’’นฺติ. อิติ-สทฺโท ปการวจโนติ อาห ‘‘อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา’’ติ. วีติวตฺโตติ อติกฺกนฺโต ¶ . เอตฺถ จ ‘‘ยสฺสา’’ติ อิทํ โย วีติวตฺโตติ วิภตฺติวิปริณามวเสน โยเชตพฺพํ. ตํ วิคตภยนฺติ ตํ เอวรูปํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตํ ขีณาสวํ จิตฺตโกปาภาวโต อิติภวาภวสมติกฺกมนโต จ ภยเหตุวิคเมน วิคตภยํ. วิเวกสุเขน อคฺคผลสุเขน จ สุขึ, วิคตภยตฺตา เอว อโสกํ. เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายาติ อธิคตมคฺเค เปตฺวา สพฺเพปิ อุปปตฺติเทวา วายมนฺตาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ทสฺสนาย ทฏฺุํ นานุภวนฺติ น อภิสมฺภุณนฺติ น สกฺโกนฺติ, ปเคว มนุสฺสา. เสกฺขาปิ หิ ปุถุชฺชนา วิย อรหโต จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺติ. ตสฺส ทสฺสนํ เทวานมฺปิ ทุลฺลภนฺติ เอตฺถาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ตสฺส ทสฺสนํ เทวานมฺปิ ทุลฺลภํ อลพฺภนียํ, เทเวหิปิ ตํ ทสฺสนํ น สกฺกา ปาปุณิตุนฺติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อภาวตฺโถ เหตฺถ ทุ-สทฺโท ‘‘ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ วิย.
๓๓๓. ภตฺตาภิหาโรติ อภิหริตพฺพภตฺตํ. ตสฺส ปน ปมาณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ จ ถาลิปากสตานี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เอโก ถาลิปาโก ทสนฺนํ ปุริสานํ ภตฺตํ คณฺหาติ. ลาภสกฺการสิโลเกนาติ เอตฺถ ลาโภ นาม จตุปจฺจยลาโภ. สกฺกาโรติ เตสํเยว สุกตานํ สุสงฺขตานํ ลาโภ. สิโลโกติ วณฺณโฆโส. มโนมยํ กายนฺติ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ พฺรหฺมกายํ. อุปปนฺโนติ อุปคโต. อตฺตภาวปฺปฏิลาโภติ สรีรปฏิลาโภ. ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ คามเขตฺตานีติ ¶ เอตฺถ มาคธกํ คามเขตฺตํ อตฺถิ ขุทฺทกํ, อตฺถิ มชฺฌิมํ, อตฺถิ มหนฺตํ. ขุทฺทกํ คามเขตฺตํ อิโต จตฺตาลีส อุสภานิ, เอตฺโต จตฺตาลีส อุสภานีติ คาวุตํ โหติ. มชฺฌิมํ อิโต คาวุตํ, เอตฺโต คาวุตนฺติ อฑฺฒโยชนํ โหติ. มหนฺตํ อิโต ทิยฑฺฒคาวุตํ, เอตฺโต ทิยฑฺฒคาวุตนฺติ ติคาวุตํ โหติ. เตสุ ขุทฺทเกน คามเขตฺเตน ตีณิ, ขุทฺทเกน จ มชฺฌิเมน จ ทฺเว คามเขตฺตานิ ตสฺส อตฺตภาโว. ติคาวุตฺหิสฺส สรีรํ. ปริหริสฺสามีติ ปฏิชคฺคิสฺสามิ โคปยิสฺสามิ. รกฺขสฺเสตนฺติ รกฺขสฺสุ เอตํ.
ปฺจสตฺถุกถาวณฺณนา
๓๓๔. สตฺถาโรติ คณสตฺถาโร. นาสฺสสฺสาติ น เอตสฺส ภเวยฺย. ตนฺติ ตํ สตฺถารํ. เตนาติ อมนาเปน. สมุทาจเรยฺยามาติ กเถยฺยาม. สมฺมนฺนตีติ อมฺหากํ สมฺมานํ กโรติ. เตนาห ‘‘สมฺมาเนตี’’ติ, สมฺมนฺนตีติ วา ปเรหิ สมฺมานียตีติ อตฺโถ.
๓๓๕. นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺยุนฺติ อจฺฉปิตฺตํ วา มจฺฉปิตฺตํ วา นาสาปุเฏ ปกฺขิเปยฺยุํ. ปราภวายาติ อวฑฺฒิยา วินาสาย. อสฺสตรีติ วฬวาย กุจฺฉิสฺมึ คทฺรภสฺสชาตา, ตํ อสฺเสน ¶ สทฺธึ สมฺปโยเชนฺติ, สา คพฺภํ คณฺหิตฺวา กาเล สมฺปตฺเต วิชายิตุํ น สกฺโกติ, ปาเทหิ ภูมึ ปหรนฺตี ติฏฺติ, อถสฺสา จตฺตาโร ปาเท จตูสุ ขาณุเกสุ พนฺธิตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา โปตกํ นีหรนฺติ, สา ตตฺเถว มรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตวธาย คพฺภํ คณฺหาตี’’ติ.
๓๓๙. โปตฺถนิกนฺติ ฉุริกํ, ยํ ขรนฺติปิ วุจฺจติ.
นาฬาคิริเปสนกถาวณฺณนา
๓๔๒. มา กฺุชร นาคมาสโทติ โภ, กฺุชร, พุทฺธนาคํ วธกจิตฺเตน มา อุปคจฺฉ. ทุกฺขนฺติ ทุกฺขการณตฺตา ทุกฺขํ. กถํ ตํ ทุกฺขนฺติ อาห ‘‘น หิ นาคหตสฺสา’’ติอาทิ. นาคหตสฺส สุคติปฏิกฺเขเปน พุทฺธนาคสฺส ฆาโต ทุคฺคติทุกฺขการณนฺติ ทสฺเสติ. อิโตติ อิโต ชาติโต. ยโตติ ยสฺมา. อิโต ปรํ ยโตติ อิโต ปรํ คจฺฉนฺตสฺสาติ วา ¶ อตฺโถ. มโทติ มานมโท. ปมาโทติ ปมตฺตภาโว. ปฏิกุฏิโตติ สงฺกุฏิโต. อลกฺขิโกติ อหิริโก. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม.
ปฺจวตฺถุยาจนกถาวณฺณนา
๓๔๓. ติกโภชนนฺติ ตีหิ ภฺุชิตพฺพโภชนํ, ติณฺณํ เอกโต ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชิตุํ ปฺเปสฺสามีติ อตฺโถ. โกกาลิโกติอาทีนิ จตุนฺนํ เทวทตฺตปกฺขิยานํ คณปาโมกฺขานํ นามานิ. อายุกปฺปนฺติ เอกํ มหากปฺปํ อสีติภาคํ กตฺวา ตโต เอกภาคมตฺตํ กาลํ อนฺตรกปฺปสฺิตํ กาลํ.
อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจาติ (อุทา. อฏฺ. ๔๘) เทวทตฺโต สพฺพํ สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาคํ นิปฺผาเทตฺวา ‘‘เอกํเสเนว อชฺช อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมฺจ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอตํ ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ อฺตฺเรว ภควตาติ วินา เอว ภควนฺตํ, ตํ สตฺถารํ อกตฺวาติ อตฺโถ. อฺตฺร ภิกฺขุสงฺฆา อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมานิ จาติ ภควโต โอวาทการกํ ภิกฺขุสงฺฆํ วินา มํ อนุวตฺตนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมานิ จ กริสฺสามิ. อชฺชตคฺเค, ภนฺเต, เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตีติ เภทการกานํ สพฺเพสํ เทวทตฺเตน สชฺชิตตฺตา ‘‘เอกํเสเนว เทวทตฺโต อชฺช สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตี’’ติ มฺมาโน เอวมาห. ภินฺทิสฺสตีติ ทฺวิธา กริสฺสติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อวีจิมหานิรยุปฺปตฺติสํวตฺตนิยํ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ เทวทตฺเตน นิพฺพตฺติยมานํ สงฺฆเภทกมฺมํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ กุสลากุสเลสุ ยถากฺกมํ สปฺปุริสาสปฺปุริสานํ สุกรา ปฏิปตฺติ, น ปน เนสํ อกุสลกุสเลสูติ อิทมตฺถวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุกรํ สาธุนา สาธูติ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตํ สาเธตีติ สาธุ, สมฺมาปฏิปนฺโน. เตน สาธุนา สาริปุตฺตาทินา สาวเกน ปจฺเจกสมฺพุทฺเธน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อฺเน วา โลกิยสาธุนา สาธุ สุนฺทรํ ภทฺทกํ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตสุขาวหํ สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกา. สาธุ ปาเปน ทุกฺกรนฺติ ตเทว ปน วุตฺตลกฺขณํ สาธุ ปาเปน เทวทตฺตาทินา ¶ ปาปปุคฺคเลน ทุกฺกรํ กาตุํ น สกฺกา, น โส ตํ กาตุํ สกฺโกตีติ อตฺโถ. ปาปํ ปาเปน สุกรนฺติ ปาปํ อสุนฺทรํ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถาวหํ ปาเปน ยถาวุตฺตปาปปุคฺคเลน สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกุเณยฺยํ. ปาปมริเยหิ ทุกฺกรนฺติ อริเยหิ ปน พุทฺธาทีหิ ตํ ปาปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ. เสตุฆาโตเยว หิ เตสํ ตตฺถาติ ทีเปติ.
สงฺฆเภทกถาวณฺณนา
๓๔๕. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยาติอาทีสุ ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ, สาวกานฺจ พุทฺธานฺจ สตตํ ธมฺมเทสนํ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ, อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ. ตตฺถ อิทฺธิปาฏิหาริเยน สทฺธึ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อาจิณฺณํ, อาเทสนาปาฏิหาริเยน สทฺธึ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ธมฺมเสนาปติสฺส. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย โอวที’’ติอาทิ. ตทา หิ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ธมฺมเสนาปติ เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตจารํ ตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร วิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ปาฬิยฺเจตฺถ ทฺวินฺนมฺปิ เถรานํ เทสนาย ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภว ทสฺสิโต. ทีฆภาณกา ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘ภควตา เปสิเตสุ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ธมฺมเสนาปติ เตสํ จิตฺตจารํ ตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฺจสตาปิ ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. อถ เนสํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร วิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สพฺเพ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสู’’ติ. เทวทตฺตํ อุฏฺาเปสีติ ชณฺณุเกน หทยมชฺเฌ ปหริตฺวา อุฏฺาเปสิ.
๓๔๖. สรสีติ ¶ สโร. สุวิกฺขาลิตนฺติ สุฏฺุ วิกฺขาลิตํ, สุวิโสธิตํ กตฺวาติ อตฺโถ. สํขาทิตฺวาติ สุฏฺุ ขาทิตฺวา. มหึ วิกุพฺพโตติ มหึ ทนฺเตหิ วิลิขนฺตสฺส. นทีสุ ภิสํ ฆสานสฺสาติ โยเชตพฺพํ. นทีติ เจตฺถ มหาสโร อธิปฺเปโต. ชคฺคโตติ หตฺถิยูถํ ปาเลนฺตสฺส. ภิงฺโกวาติ หตฺถิโปตโก วิย. มมานุกุพฺพนฺติ มํ อนุกโรนฺโต.
๓๔๗. ทูเตยฺยนฺติ ¶ ทูตกมฺมํ. คนฺตุมรหตีติ ทูเตยฺยสงฺขาตํ สาสนํ หริตุํ ธาเรตฺวา หริตุํ อรหติ. โสตาติ ยํ อสฺส สาสนํ เทนฺติ, ตสฺส โสตา. สาเวตาติ ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘อิทํ นาม ตุมฺเหหิ วุตฺต’’นฺติ ปฏิสาเวตา. อุคฺคเหตาติ สุอุคฺคหิตํ กตฺวา อุคฺคเหตา. ธาเรตาติ สุธาริตํ กตฺวา ธาเรตา. วิฺาตาติ อตฺตนา ตสฺส อตฺถํ ชานิตา. วิฺาเปตาติ ปรํ วิชานาเปตา. สหิตาสหิตสฺสาติ ‘‘อิทํ สหิตํ, อิทํ อสหิต’’นฺติ เอวํ สหิตาสหิตสฺส กุสโล อุปคตานุปคเตสุ เฉโก สาสนํ อาโรเจนฺโต สหิตาสหิตํ สลฺลกฺเขตฺวา อาโรเจติ. น พฺยถตีติ น เวธติ น ฉมฺภติ. อุคฺควาทินินฺติ ผรุสวจเนน สมนฺนาคตํ. ปุจฺฉิโตติ ปฏิฺตฺถาย ปุจฺฉิโต.
๓๔๘. อฏฺหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหีติอาทีสุ อสทฺธมฺเมหีติ (อิติวุ. อฏฺ. ๘๙) อสตํ ธมฺเมหิ, อสนฺเตหิ วา อโสภเนหิ วา ธมฺเมหิ. อภิภูโตติ อชฺโฌตฺถโฏ. ปริยาทินฺนจิตฺโตติ เขปิตจิตฺโต ลาภาทิเหตุเกน อิจฺฉาจาเรน มานมทาทินา จ ขยํ ปาปิตกุสลจิตฺโต. อถ วา ปริยาทินฺนจิตฺโตติ ปริโต อาทินฺนจิตฺโต, วุตฺตปฺปกาเรน อกุสลโกฏฺาเสน ยถา กุสลจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติวาโร น โหติ, เอวํ สมนฺตโต คหิตจิตฺตสนฺตาโนติ อตฺโถ. อปาเย นิพฺพตฺตนารหตาย อาปายิโก. ตตฺถปิ อวีจิสงฺขาเต มหานิรเย อุปฺปชฺชตีติ เนรยิโก. เอกํ อนฺตรกปฺปํ ปริปุณฺณเมว กตฺวา ตตฺถ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. อเตกิจฺโฉติ พุทฺเธหิปิ อนิวตฺตนียตฺตา อวีจินิพฺพตฺติยา ติกิจฺฉาภาวโต อเตกิจฺโฉ, อติกิจฺฉนีโยติ อตฺโถ. ลาเภนาติ ลาเภน เหตุภูเตน. อถ วา ลาภเหตุเกน มานาทินา. ลาภฺหิ นิสฺสาย อิเธกจฺเจ ปุคฺคลา ปาปิจฺฉา อิจฺฉาปกตา อิจฺฉาจาเร ตฺวา ‘‘ลาภํ นิพฺพตฺเตสฺสามา’’ติ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อปเร ยถาลาภํ ลภิตฺวา ตํนิมิตฺตํ มานาติมานมทมจฺฉริยาทิวเสน ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ, อยฺจ ตาทิโส. เตน วุตฺตํ ‘‘ลาเภน, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก’’ติอาทิ. อสกฺกาเรนาติ หีเฬตฺวา ปริภวิตฺวา ปเรหิ อตฺตนิ ปวตฺติเตน ¶ อสกฺกาเรน, อสกฺการเหตุเกน วา มานาทินา. อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ปวตฺตา ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา, ¶ ตาย. ‘‘อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ หิ ตสฺส อิจฺฉา อุปฺปนฺนา. โกกาลิกาทโย ปาปา ลามกา มิตฺตา เอตสฺสาติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา, ตาย.
๓๔๙. อภิภุยฺยาติ อภิภวิตฺวา มทฺทิตฺวา.
๓๕๐. ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหีติอาทิ วุตฺตนยเมว. โอรมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตรา โวสานํ อาปาทีติ เอตฺถ ปน อยมตฺโถ. โอรมตฺตเกนาติ อปฺปมตฺตเกน ฌานาภิฺามตฺเตน. วิเสสาธิคเมนาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคเมน. อนฺตราติ เวมชฺเฌ. โวสานํ อาปาทีติ อกตกิจฺโจว สมาโน ‘‘กตกิจฺโจมฺหี’’ติ มฺมาโน สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ฌานาภิฺาหิ อุตฺตริกรณีเย อธิคนฺตพฺเพ มคฺคผเล อนธิคเต สติเยว ตํ อนธิคนฺตฺวา สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชีติ. อิติ ภควา อิมินา สุตฺเตน วิเสสโต ปุถุชฺชนภาเว อาทีนวํ ปกาเสติ ‘‘ภาริโย ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ฌานาภิฺาปริโยสานา สมฺปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวาปิ อเนกานตฺถาวหํ นานาวิธทุกฺขเหตุอสนฺตคุณสมฺภาวนํ อสปฺปุริสสํสคฺคํ อาลสิยานุโยคฺจ อวิชหนฺโต อวีจิสํวตฺตนิกํ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ กิพฺพิสํ ปสวตี’’ติ.
คาถาสุ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ชาตูติ เอกํเสน. โกจีติ สพฺพสงฺคาหกวจนํ. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ สตฺตโลเก โกจิ ปุคฺคโล เอกํเสน ปาปิจฺโฉ มา โหตูติ. ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถา คตีติ ปาปิจฺฉานํ ปุคฺคลานํ ยถาคติ ยาทิสี นิพฺพตฺติ ยาทิโส อภิสมฺปราโยติ อิมินาปิ การเณน ชานาถาติ เทวทตฺตํ นิทสฺเสนฺโต เอวมาห.
ปณฺฑิโตติ สมฺาโตติ ปริยตฺติพาหุสจฺเจน ปณฺฑิโตติ าโต. ภาวิตตฺโตติ สมฺมโตติ ฌานาภิฺาหิ ภาวิตจิตฺโตติ สมฺภาวิโต. ตถา หิ โส ‘‘มหิทฺธิโก โคธิปุตฺโต, มหานุภาโว โคธิปุตฺโต’’ติ ¶ ธมฺมเสนาปตินาปิ ปสํสิโต อโหสิ. ชลํว ยสสา อฏฺา, เทวทตฺโตติ วิสฺสุโตติ อตฺตโน กิตฺติยา ปริวาเรน จ ชลนฺโต วิย โอภาสนฺโต วิย ิโต เทวทตฺโตติ เอวํ วิสฺสุโต ปากโฏ อโหสิ. ‘‘เม สุต’’นฺติปิ ปาโ, มยา สุตํ สุตมตฺตํ, กติปาเหเนว อตถาภูตตฺตา ตสฺส ตํ ปณฺฑิจฺจาทิสวนมตฺตเมวาติ อตฺโถ.
โส ¶ ปมาทํ อนุจิณฺโณ, อาสชฺช นํ ตถาคตนฺติ โส เอวํภูโต เทวทตฺโต ‘‘พุทฺโธปิ สากิยปุตฺโต, อหมฺปิ สากิยปุตฺโต, พุทฺโธปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ, พุทฺโธปิ อิทฺธิมา, อหมฺปิ อิทฺธิมา, พุทฺโธปิ ทิพฺพจกฺขุโก, ทิพฺพโสตเจโตปริยาณลาภี, พุทฺโธปิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน ธมฺเม ชานาติ, อหมฺปิ เต ชานามี’’ติ อตฺตโน ปมาณํ อชานิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อตฺตนา สมสมฏฺปเนน ปมาทํ อาปชฺชนฺโต ‘‘อิทานาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ อภิมารปโยชนาทินา ตถาคตํ อาสชฺช อาสาเทตฺวา วิเหเตฺวา. ‘‘ปมาทมนุชิณฺโณ’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ปมาทํ วุตฺตนเยน ปมชฺชนฺโต ปมาทํ นิสฺสาย ภควตา สทฺธึ ยุคคฺคาหจิตฺตุปฺปาเทน สเหว ฌานาภิฺาหิ อนุชิณฺโณ ปริหีโนติ. อวีจินิรยํ ปตฺโต, จตุทฺวารํ ภยานกนฺติ ชาลานํ ตตฺถ อุปฺปนฺนสตฺตานํ วา นิรนฺตรตาย ‘‘อวีจี’’ติ ลทฺธนามํ จตูสุ ปสฺเสสุ จตุมหาทฺวารโยเคน จตุทฺวารํ อติภยานกํ มหานิรยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ปตฺโต. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;
อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๕๐, ๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖);
อทุฏฺสฺสาติ อทุฏฺจิตฺตสฺส. ทุพฺเภติ ทุสฺเสยฺย. ตเมว ปาปํ ผุสตีติ ตเมว อทุฏฺทุพฺภึ ปาปปุคฺคลํ ปาปํ นิหีนํ ปาปผลํ ผุสติ ปาปุณาติ อภิภวติ. เภสฺมาติ วิปุลภาเวน คมฺภีรภาเวน จ ภึสาปโน, ภึสาเปนฺโต วิย วิปุลคมฺภีโรติ อตฺโถ. วาเทนาติ โทเสน. อุปหึสตีติ พาธติ อาสาเทติ. วาโท ตมฺหิ น รูหตีติ ตสฺมึ ตถาคเต ¶ ปเรน อาโรปิยมาโน โทโส น รุหติ น ติฏฺติ, วิสกุมฺโภ วิย สมุทฺทสฺส น ตสฺส วิการํ ชเนตีติ อตฺโถ.
เอวํ ฉหิ คาถาหิ ปาปิจฺฉตาทิสมนฺนาคตสฺส นิรยูปคภาวทสฺสเนน ทุกฺขโต อปริมุตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตปฺปฏิปกฺขธมฺมสมนฺนาคตสฺส ทุกฺขกฺขยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาทิสํ มิตฺต’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส สมฺมา ปฏิปนฺนสฺส มคฺคานุโค ปฏิปตฺติมคฺคํ อนุคโต สมฺมา ปฏิปนฺโน อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเมน สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ขยํ ปริโยสานํ ¶ ปาปุเณยฺย, ตาทิสํ พุทฺธํ พุทฺธสาวกํ วา ปณฺฑิโต สปฺปฺโ อตฺตโน มิตฺตํ กุพฺเพถ เตน เมตฺตึ กเรยฺย, ตฺจ เสเวถ ตเมว ปยิรุปาเสยฺยาติ.
กึ ปเนตํ สุตฺตํ เทวทตฺตสฺส นิรยูปปตฺติโต ปุพฺเพ ภาสิตํ, อุทาหุ ปจฺฉาติ? อิติวุตฺตกฏฺกถายํ (อิติวุ. อฏฺ. ๘๙) ตาว –
‘‘เทวทตฺเต หิ อวีจิมหานิรยํ ปวิฏฺเ เทวทตฺตปกฺขิกา อฺติตฺถิยา ‘สมเณน โคตเมน อภิสปิโต เทวทตฺโต ปถวึ ปวิฏฺโ’ติ อพฺภาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา สาสเน อนภิปฺปสนฺนา มนุสฺสา ‘สิยา นุ โข เอตเทวํ, ยถา อิเม ภณนฺตี’ติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทสุํ. ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. อถ โข ภควา ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคตา กสฺสจิ อภิสปํ เทนฺติ, ตสฺมา น เทวทตฺโต มยา อภิสปิโต, อตฺตโน กมฺเมเนว นิรยํ ปวิฏฺโ’ติ วตฺวา เตสํ มิจฺฉาคาหํ ปฏิเสเธนฺโต อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสี’’ติ –
วุตฺตํ, ตสฺมา เตสํ มเตน ตสฺส นิรยูปปตฺติโต ปจฺฉาปิ ภควา อิทํ สุตฺตมภาสีติ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน ตสฺส นิรยูปปตฺติโต ปมเมว อุปฺปนฺเน วตฺถุมฺหิ ภาสิตํ ปาฬิอารุฬฺหนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘อวีจินิรยํ ปตฺโต’’ติ อิทํ ปน อาสํสายํ อตีตวจนนฺติ วุตฺตํ, อาสํสาติ เจตฺถ อวสฺสมฺภาวินี อตฺถสิทฺธิ อธิปฺเปตา. อวสฺสมฺภาวินิฺหิ อตฺถสิทฺธิมเปกฺขิตฺวา อนาคตมฺปิ ภูตํ วิย โวหรนฺติ, ตฺจ สทฺทลกฺขณานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
สงฺฆเภทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาลิปฺหกถาวณฺณนา
๓๕๑. อุปาลิปฺเห ¶ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถายํ ทสฺสิตเมว. ตตฺถ อนุนยนฺโตติ อนุชานาเปนฺโต, เภทสฺส อนุรูปํ วา โพเธนฺโต, ยถา เภโท โหติ, เอวํ ภินฺทิตพฺเพ ภิกฺขู วิฺาเปนฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น ตุมฺหาก’’นฺติอาทิ.
๓๕๒. อฏฺารสเภทกรวตฺถุมฺหิ ทส อกุสลกมฺมปถา สํกิลิฏฺธมฺมตาย โวทานธมฺมปอปกฺขตฺตา ‘‘อธมฺโม’’ติ ทสฺสิตา, ตถา อุปาทานาทโย, โพธิปกฺขิยธมฺมานํ เอกนฺตานวชฺชภาวโต ¶ นตฺถิ อธมฺมภาโว, ภควตา ปน เทสิตากาเรน หาเปตฺวา วฑฺเฒตฺวา วา กถนํ ยถาธมฺมํ อกถนนฺติ กตฺวา อธมฺมภาโวติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโย สติปฏฺานา’’ติอาทิ. นิยฺยานิกนฺติ สปาฏิหีรํ อปฺปฏิหตํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ. ตเถวาติ อิมินา ‘‘เอวํ อมฺหาก’’นฺติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อากฑฺฒติ. กาตพฺพํ กมฺมํ ธมฺโม นามาติ ยถาธมฺมํ กรณโต ธมฺโม นาม, อิตรํ วุตฺตวิปริยายโต อธมฺโม นาม.
ราควินโย…เป… อยํ วินโย นามาติ ราคาทีนํ วินยนโต สํวรณโต ปชหนโต ปฏิสงฺขานโต จ วินโย นาม, วุตฺตวิปริยาเยน อิตโร อวินโย. วตฺถุสมฺปตฺติอาทิวเสน สพฺเพสํ วินยกมฺมานํ อกุปฺปตาติ อาห ‘‘วตฺถุสมฺปตฺติ…เป… อยํ วินโย นามา’’ติ. ตปฺปฏิปกฺขโต อวินโย เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘วตฺถุวิปตฺตี’’ติอาทิ. ยาสํ อาปนฺนสฺส ปพฺพชฺชา สาวเสสา, ตา อาปตฺติโย สาวเสสา.
๓๕๔. อาปายิโกติอาทิคาถาสุ (อิติวุ. อฏฺ. ๑๘) สงฺฆสฺส เภทสงฺขาเต วคฺเค รโตติ วคฺครโต. อธมฺมิกตาย อธมฺเม เภทกรวตฺถุมฺหิ สงฺฆเภทสงฺขาเต เอว จ อธมฺเม ิโตติ อธมฺมฏฺโ. โยคกฺเขมา ปธํสตีติ หิตโต ปริหายติ, จตูหิปิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคกฺเขมํ นาม อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ, ตโต ปนสฺส ธํสเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ทิฏฺิสีลสามฺโต สงฺฆตฏฺเน สงฺฆํ, ตโต เอว ¶ เอกกมฺมาทิวิธานโยเคน สมคฺคํ สหิตํ ภินฺทิตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขเณน สงฺฆเภเทน ภินฺทิตฺวา. กปฺปนฺติ อนฺตรกปฺปสงฺขาตํ อายุกปฺปํ. นิรยมฺหีติ อวีจิมหานิรยมฺหิ.
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคีติ (อิติวุ. อฏฺฏ. ๑๙) สุขสฺส ปจฺจยภาวโต สามคฺคี ‘‘สุขา’’ติ วุตฺตา ยถา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔). สมคฺคานฺจนุคฺคโหติ สมคฺคานํ สามคฺคิอนุโมทเนน อนุคฺคณฺหนํ สามคฺคิอนุรูปํ วา, ยถา เต สามคฺคึ น วิชหนฺติ, ตถา คหณํ ปนํ อนุพลปฺปทานนฺติ อตฺโถ. สมคฺคํ กตฺวานาติ ภินฺนํ สงฺฆํ สงฺฆราชิปฺปตฺตํ วา สมคฺคํ สหิตํ กตฺวา. กปฺปนฺติ อายุกปฺปเมว. สคฺคมฺหิ โมทตีติ กามาวจรเทวโลเก อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อภิภวิตฺวา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺโต อิจฺฉิตนิพฺพตฺติยา จ โมทติ ปโมทติ ลฬติ กีฬติ.
๓๕๕. สิยา นุ โข, ภนฺเต, สงฺฆเภทโกติอาทิ ปาฬิอนุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘ปฺจหิ, อุปาลิ, อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ ¶ เอวํ ปริวาเร (ปริ. ๔๕๘) อาคตมฺปิ สงฺฆเภทลกฺขณํ อิธ วุตฺเตน กึ นานากรณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริวาเร ปนา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ สีมฏฺกสงฺเฆ อสนฺนิปติเต วิสุํ ปริสํ คเหตฺวา กตโวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหสฺส กมฺมํ วา กโรนฺตสฺส อุทฺเทสํ วา อุทฺทิสนฺตสฺส เภโท จ โหติ อานนฺตริยกมฺมฺจ. สมคฺคสฺาย ปน ‘‘วฏฺฏตี’’ติ สฺาย วา กโรนฺตสฺส เภโทว โหติ, น อานนฺตริยกมฺมํ. ตโต อูนปริสาย กโรนฺตสฺส เนว สงฺฆเภโท น อานนฺตริยํ. สพฺพนฺติเมน หิ ปริจฺเฉเทน นวนฺนํ ชนานํ โย สงฺฆํ ภินฺทติ, ตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติ, อนุวตฺตกานํ อธมฺมวาทีนํ มหาสาวชฺชํ กมฺมํ, ธมฺมวาทิโน อนวชฺชา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อุปาลิปฺหกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆเภทกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. วตฺตกฺขนฺธกํ
อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา
๓๕๖-๓๕๗. วตฺตกฺขนฺธเก ¶ ¶ อุปริปิฏฺิโตติ ปิฏฺิสงฺฆาฏสฺส อุปริภาคโต, ทฺวารพาหสฺส อุปริปเทสโตติ อตฺโถ. วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ สุกฺขาปนตฺถํ อาตเป วิสฺสชฺชิตพฺพํ. อภิวาทาเปตพฺโพติ ตสฺส วสฺเส ปุจฺฉิเต ยทิ ทหโร โหติ, สยเมว วนฺทิสฺสติ, ตทา อิมินาว วนฺทาปิโต นาม โหติ. นิลฺโลเกตพฺโพติ โอโลเกตพฺโพ. ยถาภาคนฺติ ปุพฺเพ ปฺตฺตํ ปเทสภาคํ อนติกฺกมิตฺวา. สนฺตานกนฺติ อุณฺณนาภิสุตฺตํ. อุลฺโลกาติ เคหสฺส อุปริภาคโต ปฏฺาย, ปมํ อุปริภาโค สมฺมชฺชิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ.
อาวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา
๓๕๙. มหาอาวาเสติ มหาวิหารสทิเส มหาอาวาเส.
อนุโมทนวตฺตกถาวณฺณนา
๓๖๒. ปฺจเม นิสินฺเนติ อนุโมทนตฺถาย นิสินฺเน. อุปนิสินฺนกถา นาม พหูสุ สนฺนิปติเตสุ ปริกถากถนํ.
ภตฺตคฺควตฺตกถาวณฺณนา
๓๖๔. มนุสฺสานํ ปริวิสนฏฺานนฺติ ยตฺถ มนุสฺสา สปุตฺตทารา อาวสิตฺวา เทนฺติ. หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธายาติ ภุตฺตาวิสฺส โภชนาวสาเน หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธาย. เตเนวาห ‘‘อนฺตรา ปิปาสิเตน ปน…เป… หตฺถา น โธวิตพฺพา’’ติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ปานียํ ปิวิตฺวา ¶ หตฺถา น โธวิตพฺพา’’ติ ลิขนฺติ, ‘‘หตฺถา โธวิตพฺพา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพนฺติ อมฺหากํ ขนฺติ. อฺถา ‘‘น ตาว อุทกนฺติ อิทํ หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อนฺตรา ปิปาสิเตน ปนา’’ติอาทินา วุตฺตวิเสโส น อุปลพฺภติ. อถ มตํ ‘‘น ตาว เถเรน อุทกํ ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ อิทํ กึ ปานียปฏิคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุทาหุ หตฺถโธวนอุทกคฺคหณํ สนฺธายาติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘อิทํ หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธาย ¶ วุตฺต’นฺติอาทิ กถิต’’นฺติ, ตฺจ น, ตตฺถ อาสงฺกาย เอว อสมฺภวโต. น หิ ภควา ‘‘ยาว อฺเ น ภุตฺตาวิโน โหนฺติ, ตาว ปานียํ น ปาตพฺพ’’นฺติ วกฺขตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. ยทิ เจตํ ปานียปฏิคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘น ตาว เถเรน อุทกํ ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อุทกสทฺทปฺปโยโค จ น กตฺตพฺโพ สิยา, อฏฺกถายฺจ ‘‘อิทํ หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วตฺวา เตน นิวตฺติตพฺพมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อนฺตรา ปิปาสิเตน ปน คเล วิลคฺคามิเสน วา ปานียํ ปิวิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ, ‘‘ปานียํ ปิวิตฺวา หตฺถา น โธวิตพฺพา’’ติ เอวํ ปน น วตฺตพฺพนฺติ. ธุเร นิสินฺนา โหนฺตีติ ทฺวารสมีเป นิสินฺนา โหนฺติ.
ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาวณฺณนา
๓๖๖. ปรามสตีติ คณฺหาติ. เปติ วาติ ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ วทนฺตี เปติ นาม.
อารฺิกวตฺตกถาวณฺณนา
๓๖๗. เกนชฺช, ภนฺเต, ยุตฺตนฺติ เกน นกฺขตฺเตน อชฺช จนฺโท ยุตฺโตติ เอวํ วทนฺเตน นกฺขตฺตํ ปุจฺฉิตํ โหติ.
เสนาสนวตฺตกถาวณฺณนา
๓๖๙-๓๗๐. องฺคเณติ อพฺโภกาเส. น วุฑฺฒํ อนาปุจฺฉาติ เอตฺถ ตสฺส โอวรเก ตทุปจาเร จ อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ วทนฺติ. โภชนสาลาทีสุปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ โภชนสาลาทีสุปิ อุทฺเทสทานาทิ อาปุจฺฉิตฺวาว กาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
วจฺจกุฏิวตฺตกถาวณฺณนา
๓๗๓-๓๗๔. อิทํ ¶ อติวิวฏนฺติ อิทํ านํ คุมฺพาทีหิ อปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา อติวิย ปกาสนํ. นิพทฺธคมนตฺถายาติ อตฺตโน นิพทฺธคมนตฺถาย. ปุคฺคลิกฏฺานํ วาติ อตฺตโน วิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อิมสฺมึ ¶ วตฺตกฺขนฺธเก อาคตานิ อาคนฺตุกาวาสิกคมิยานุโมทนภตฺตคฺคปิณฺฑจาริการฺิก เสนาสน ชนฺตาฆร วจฺจกุฏิ อุปชฺฌาจริย สทฺธิวิหาริก อนฺเตวาสิกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ นาม, อิโต อฺานิ ปน กทาจิ ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเลเยว จริตพฺพานิ อสีติ ขนฺธกวตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘อิมานิเยว จุทฺทส มหาวตฺตานิ อคฺคหิตคฺคหเณน คหิยมานานิ อสีติ ขนฺธกวตฺตาอานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ.
วตฺตกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกํ
ปาติโมกฺขุทฺเทสยาจนกถาวณฺณนา
๓๘๓. ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธเก ¶ ¶ ตทหูติ (อุทา. อฏฺ. ๔๕) ตสฺมึ อหนิ ตสฺมึ ทิวเส. อุโปสเถติ เอตฺถ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. อยฺหิ อุโปสถ-สทฺโท ‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสามี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๑๐.๔๖) สีเล อาคโต. ‘‘อุโปสโถ วา ปวารณา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๕) ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวินยกมฺเม. ‘‘โคปาลกูโปสโถ นิคณฺูโปสโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖; ม. นิ. ๓.๒๕๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘) ทิวเส. อิธาปิ ทิวเสเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา ตทหุโปสเถติ ตสฺมึ อุโปสถทิวสภูเต อหนีติ อตฺโถ. นิสินฺโน โหตีติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อุปาสิกาย รตนปาสาเท นิสินฺโน โหติ. นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกนฺโต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ปุคฺคเล อิธ นิสินฺเนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธาวสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิ.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ปริกฺขีณา. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา. อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ ปตฺวาปิ ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจิ ตสฺมึ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๘๓) สิกฺขาปทสฺส อปฺตฺตตฺตา. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ติกฺขตฺตุํ เถเรน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส ยาจิตตฺตา อนุทฺเทสสฺส การณํ กเถนฺโต ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุทฺโธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาห ¶ . กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺตึ ตถา วีตินาเมสิ? ตโต ปฏฺาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฏํ กาตุํ.
อทฺทสาติ ¶ กถํ อทฺทส. อตฺตโน เจโตปริยาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานนฺโต ตสฺส ปุริสสฺส ทุสฺสีลฺยจิตฺตํ ปสฺสิ. ยสฺมา ปน จิตฺเต ทิฏฺเ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิฏฺโ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติ วุตฺตํ. ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยาณลาภี ปชานาติ, เอวํ อตีเตปีติ. ทุสฺสีลนฺติ นิสฺสีลํ, สีลวิรหิตนฺติ อตฺโถ. ปาปธมฺมนฺติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวํ. อสุจินฺติ อปริสุทฺเธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา น สุจึ. สงฺกสฺสรสมาจารนฺติ กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียตาย สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ. อถ วา เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ. ลชฺชิตพฺพตาย ปฏิจฺฉาเทตพฺพสฺส กรณโต ปฏิจฺฉนฺนํ กมฺมนฺตํ เอตสฺสาติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตํ. กุจฺฉิตสมณเวสธาริตาย น สมณนฺติ อสฺสมณํ. สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา สมณา’’ติ คณนาย ‘‘อหมฺปิ สมโณมฺหี’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย สมณปฏิฺํ. อเสฏฺจาริตาย อพฺรหฺมจารึ. อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต กุสุมฺภกปฏธเร คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา อพฺรหฺมจารี สมาโน สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ปฏิปชฺชนฺโต อุโปสถาทีสุ จ สนฺทิสฺสนฺโต ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหตีติ พฺรหฺมจาริปฏิฺํ. ปูตินา กมฺเมน สีลวิปตฺติยา อนฺโต อนุปวิฏฺตฺตา อนฺโตปูตึ. ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสาวสฺสเวน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตํ. สฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวนฺเตหิ ฉฑฺเฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตํ. มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปนฺโน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺโต นิสินฺนํ.
ทิฏฺโสีติ ‘‘อยํ น ปกตตฺโต’’ติ ภควตา ทิฏฺโ อสิ. ยสฺมา จ เอวํ ทิฏฺโ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกกมฺมาทิสํวาโส. ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุฏฺเหิ อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา. ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ ‘‘เถโร สยเมว นิพฺพินฺโน โอรมิสฺสติ, อิทานิ อิเมสํ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี ¶ อโหสิ. พาหายํ คเหตฺวาติ ‘‘ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิฏฺโ, ยาวตติยํ ‘อุฏฺเหี’ติ จ วุตฺโต น อุฏฺาติ, อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล ¶ , มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ พาหายํ อคฺคเหสิ. พหิ ทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฏฺกา ทฺวารสาลโต นิกฺขาเมตฺวา, พหีติ ปน นิกฺขามิตฏฺานทสฺสนํ. อถ วา พหิทฺวารโกฏฺกาติ พหิทฺวารโกฏฺกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อนฺโตทฺวารโกฏฺกโต เอว. อุภยถาปิ วิหารโต พหิกตฺวาติ อตฺโถ. สูจิฆฏิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิฺจ อุปริฆฏิกฺจ อาทหิตฺวา, สุฏฺุ กวาฏํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคมิสฺสติ, อจฺฉริยมิทนฺติ ทสฺเสติ. อิทฺจ ครหณจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํ.
มหาสมุทฺเท อฏฺจฺฉริยกถาวณฺณนา
๓๘๔. อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเทติ (อุทา. อฏฺ. ๔๕) โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุทฺเทโส, โส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธมฺโมติ ตํ อปเรหิ สตฺตหิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺเมหิ สทฺธึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ปมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุทฺเท อจฺฉริยอพฺภุตธมฺเม ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท’’ติอาทิมาห. อสุราติ เทวา วิย น สุรนฺติ น อีสนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา. สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย. เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺาภาเค, เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทีนิ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตาว อภิรมนฺติ. สา ตตฺถ เตสํ อภิรติ อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุทฺเท อภิรมนฺตี’’ติ. ตตฺถ อภิรมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ, อนุกฺกณฺมานา วสนฺตีติ อตฺโถ.
อนุปุพฺพนินฺโนติอาทีนิ สพฺพานิ อนุปฏิปาฏิยา นินฺนภาวสฺเสว เววจนานิ. น อายตเกเนว ปปาโตติ นจฺฉินฺนตฏมหาโสพฺโภ วิย อาทิโต ¶ เอว ปปาโต. โส หิ ตีรเทสโต ปฏฺาย เอกงฺคุลทฺวงฺคุลวิทตฺถิรตนยฏฺิอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนาทิวเสน คมฺภีโร หุตฺวา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต สิเนรุปาทมูเล จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร หุตฺวา ิโตติ ทสฺเสติ.
ิตธมฺโมติ ิตสภาโว อวฏฺิตสภาโว. กุณเปนาติ เยน เกนจิ หตฺถิอสฺสาทิกเฬวเรน. วาเหตีติ หตฺเถน คเหตฺวา วิย วีจิปฺปหาเรเนว ถเล ขิปติ. คงฺคา ยมุนาติ ¶ อโนตตฺตทหสฺส ทกฺขิณมุขโต นิกฺขนฺตนที ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน คงฺคาติอาทินา ปฺจธา สงฺขํ คตา. ตตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํ. สวนฺติโยติ ยา กาจิ สวมานา สนฺทมานา คจฺฉนฺติโย มหานทิโย วา กุนฺนทิโย วา. อปฺเปนฺตีติ อลฺลียนฺติ โอสรนฺติ. ธาราติ วุฏฺิธารา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มหาสมุทฺทสฺส หิ อยํ ธมฺมตา – ‘‘อิมสฺมึ กาเล เทโว มนฺโท ชาโต, ชาลกฺขิปาทีนิ อาทาย มจฺฉกจฺฉเป คณฺหิสฺสามี’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ กาเล อติมหนฺตา วุฏฺิ, ลภิสฺสาม นุ โข ปิฏฺิปสารณฏฺาน’’นฺติ วา น สกฺกา วตฺตุํ. ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺาย หิ ตีรํ ภสฺสิตฺวา สิเนรุเมขลํ อาหจฺจ อุทกํ ิตํ, ตโต เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุทกํ เนว เหฏฺา โอตรติ, น อุทฺธํ อุตฺตรติ. เอกรโสติ อสมฺภินฺนรโส.
มุตฺตาติ ขุทฺทกมหนฺตวฏฺฏทีฆาทิเภทา อเนกวิธมุตฺตา. มณีติ รตฺตนีลาทิเภโท อเนกวิโธ มณิ. เวฬุริโยติ วํสวณฺณสิรีสปุปฺผวณฺณาทิสณฺานโต อเนกวิโธ. สงฺโขติ ทกฺขิณาวฏฺฏกตุมฺพกุจฺฉิธมนสงฺขาทิเภโท อเนกวิโธ. สิลาติ เสตกาฬมุคฺควณฺณาทิเภทา อเนกวิธา. ปวาฬมฺปิ ขุทฺทกมหนฺตรตฺตฆนรตฺตาทิเภทํ อเนกวิธํ. โลหิตโก ปทุมราคาทิเภโท อเนกวิโธ. มสารคลฺลํ กพรมณิ. จิตฺตผลิกนฺติปิ วทนฺติ. มหตํ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํ. ติมิ ติมิงฺคโล ติมิติมิงฺคโลติ ติสฺโส มจฺฉชาติโย. ติมึ คิลนสมตฺโถ ติมิงฺคโล, ติมิฺจ ติมิงฺคลฺจ คิลนสมตฺโถ ติมิติมิงฺคโลติ วทนฺติ. นาคาติ อูมิปิฏฺิวาสิโนปิ วิมานฏฺกนาคาปิ.
อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺจฺฉริยกถาวณฺณนา
๓๘๕. เอวเมว ¶ โขติ กิฺจาปิ สตฺถา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โสฬสปิ พาตฺตึสปิ ตโต ภิยฺโยปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ สกฺโกติ, อุปมาภาเวน ปน คหิตานํ อฏฺนฺนํ อนุรูปวเสน อฏฺเว เต อุปเมตพฺพธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺสนฺโต ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา’’ติ อาห. ตตฺถ อนุปุพฺพสิกฺขาย ติสฺโส สิกฺขา คหิตา, อนุปุพฺพกิริยาย เตรส ธุตธมฺมา, อนุปุพฺพปฏิปทาย สตฺต อนุปสฺสนา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา อฏฺตึส อารมฺมณวิภตฺติโย สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา จ คหิตา. น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธติ มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อาทิโตว สีลปูรณาทีนิ อกตฺวา อรหตฺตปฏิเวโธ นาม นตฺถิ, ปฏิปาฏิยา ปน สีลสมาธิปฺาโย ปูเรตฺวาว อรหตฺตปฺปตฺตีติ อตฺโถ.
มม ¶ สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติ. น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติ. อุกฺขิปตีติ อปเนติ. อารกาวาติ ทูเร เอว. ตถาคตปฺปเวทิเตติ ตถาคเตน ภควตา สาวเกสุ เทสิเต อกฺขาเต ปกาสิเต. น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วาติ อสงฺขฺเยยฺเยปิ มหากปฺเป พุทฺเธสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุ เอกสตฺโตปิ ปรินิพฺพาตุํ น สกฺโกติ, ตทาปิ ‘‘ตุจฺฉา นิพฺพานธาตู’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, พุทฺธกาเล ปน เอเกกสฺมึ สมาคเม อสงฺขฺเยยฺยาปิ สตฺตา อมตํ อาราเธนฺติ, ตทาปิ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปูรา นิพฺพานธาตู’’ติ. วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโส. สพฺพา หิ สาสนสมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺตีติ อตฺโถ.
รตนานีติ รติชนนฏฺเน รตนานิ. สติปฏฺานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อเนกวิธํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ปเคว อปรภาเค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
โลกิยรตนนิมิตฺตํ ¶ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆติ. อปิจ –
จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนนฺติ ปวุจฺจติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓);
ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฏฺานาทีนฺเว ภูโต รตนภาโว. โพธิปกฺขิยธมฺมานฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมีาณํ, ปจฺเจกสมฺพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ อาสนฺนการณตฺตา. ปรมฺปรการณฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนฏฺเน จิตฺตีกตาทิอตฺเถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สาติสโย. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ.
อารมฺมเณ โอกฺกนฺทิตฺวา อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ, สติเยว ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ ¶ สุภสุขนิจฺจอตฺตสฺานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวคฺคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภตฺโต.
สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ สุนฺทรํ วา ปทหนนฺติ สมฺมปฺปธานํ, ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ, วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ อุปฺปาทนาปนวเสน จ จตุกิจฺจสาธกตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ.
อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ ตาย วา สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. ปเมน อตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ. ทุติเยน อตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฏฺา อธิคมุปาโยติ อิทฺธิปาโท. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ. สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธมฺเม ธุเร เชฏฺเก กตฺวา นิพฺพตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาโท’’ติ.
ปฺจินฺทฺริยานีติ ¶ สทฺธาทีนิ ปฺจ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ สทฺธา อินฺทฺริยํ. โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ, ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฏฺานลกฺขเณ, วิกฺเขปํ อภิภวิตฺวา อวิกฺเขปลกฺขเณ, อฺาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ ปฺา อินฺทฺริยํ.
ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน จ พลานิ เวทิตพฺพานิ.
สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี, ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย. โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส วา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ โปราณา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส ¶ องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๘๒; วิภ. อฏฺ. ๔๖๖; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๒๕), ‘‘โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) นเยนปิ โพชฺฌงฺคฏฺโ เวทิตพฺโพ.
อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ตํตํมคฺควชฺเฌหิ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฏฺงฺคานิเยว วา อฏฺงฺคิโก. มาเรนฺโต กิเลเส คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ วา มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ เอวเมเตสํ สติปฏฺานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตพฺโพ.
โสตาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ิโต, โสตาปตฺติผลฏฺโติ อตฺโถ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณตฺถาย ปฏิปชฺชมาโน ปมมคฺคฏฺโ ¶ , โย อฏฺมโกติปิ วุจฺจติ. สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลฏฺโ. อนาคามีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลฏฺโ. โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติ เอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เตสํเยว เภโทติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺตโน ธมฺมวินเย มตกุณปสทิเสน ทุสฺสีลปุคฺคเลน สทฺธึ สํวาสาภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อสํวาสารหสํวาสารหภาวานํ การณปริทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ฉนฺนมติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ
อาปชฺชติ, ตโต อปรนฺติ เอวํ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ อติวิย วสฺสติ. วิวฏํ นาติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปนฺโน ตํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา วิวรนฺโต สพฺรหฺมจารีนํ ปกาเสนฺโต ยถาธมฺมํ ยถาวินยํ ปฏิกโรนฺโต เทเสนฺโต วุฏฺหนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ นาปชฺชติ, เตนสฺส ตํ วิวฏํ ปุน อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ. ยสฺมา จ เอตเทว, ตสฺมา ฉนฺนํ ฉาทิตํ อาปตฺตึ วิวเรถ. เอวํ ตํ นาติวสฺสตีติ เอวํ สนฺเต ตํ อาปตฺตึ อาปชฺชนปุคฺคลานํ อตฺตภาวํ อติวิชฺฌิตฺวา กิเลสวสฺสเนน น วสฺสติ น เตเมติ, เอวํ โส กิเลเสหิ อนวสฺสุโต ปริสุทฺธสีโล สมาหิโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมสนฺโต อนุกฺกเมน นิพฺพานํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย.
อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺจฺฉริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาติโมกฺขสวนารหกถาวณฺณนา
๓๘๖. อถ ¶ ภควา จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสงฺเฆ อพฺพุโท ชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ อุทฺทิสติ, อนุทฺทิสนฺเต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ, ยนฺนูนาหํ อิโต ปฏฺาย ภิกฺขูนฺเว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ, เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภิกฺขูนฺเว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานิ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ. ตตฺถ นทานาหนฺติ น อิทานิ อหํ. อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปจฺเจกํ น-กาเรน สมฺพนฺโธ. ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ อาณาปาติโมกฺขํ โอวาทปาติโมกฺขนฺติ. เตสุ ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต’’ติอาทิกํ อาณาปาติโมกฺขํ, ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสียติ. ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป… อนุปวาโท อนุปฆาโต…เป… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) อิมา ปน ติสฺโส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม, ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุทฺเทโส, อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปมโพธิยํเยว, ตโต ปรํ อิตโร, ตฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิ.
อฏฺานนฺติ อการณํ. อนวกาโสติ ตสฺเสว เววจนํ. การณฺหิ ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘อวกาโส’’ติปิ วุจฺจติ. ยนฺติ กิริยาปรามสนํ. น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพนฺติอาทิ ปทตฺถโต สุวิฺเยฺยํ. วินิจฺฉยโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถาย วุตฺตเมว. ตตฺถ ปุเร วา ปจฺฉา วาติ ตฺติโต ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา.
ธมฺมิกาธมฺมิกปาติโมกฺขฏฺปนกถาวณฺณนา
๓๘๗. กตฺจ อกตฺจ อุภยํ คเหตฺวาติ ยสฺส เอกนฺเตน กตาปิ อตฺถิ, อกตาปิ อตฺถิ, ตสฺส ตทุภยํ คเหตฺวา.
ธมฺมิกปาติโมกฺขฏฺปนกถาวณฺณนา
๓๘๙. ปริสา ¶ วุฏฺาตีติ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปาติโมกฺขํ ปิตํ, ตํ วตฺถุํ อวินิจฺฉินิตฺวา เกนจิ อนฺตราเยน วุฏฺาติ.
๓๙๓. ปจฺจาทิยตีติ ปติ อาทิยติ, ‘‘อกตํ กมฺม’’นฺติอาทินา ปุน อารภตีติ อตฺโถ.
อตฺตาทานองฺคกถาวณฺณนา
๓๙๘. ปรํ ¶ โจเทตุํ อตฺตนา อาทาตพฺพํ คเหตพฺพํ อธิกรณํ อตฺตาทานํ. เตนาห ‘‘สาสนํ โสเธตุกาโม’’ติอาทิ. วสฺสารตฺโตติ วสฺสกาโล.
โจทเกน ปจฺจเวกฺขิตพฺพธมฺมกถาวณฺณนา
๓๙๙. ปฏิมาสิตุนฺติ ปรามสิตุํ. ปลิโพเธ ฉินฺทิตฺวา…เป… อธิคตํ เมตฺตจิตฺตนฺติ อิมินา อปฺปนาปฺปตฺตํ เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน วิหตาฆาต’’นฺติ.
โจทเกน อุปฏฺาเปตพฺพธมฺมกถาวณฺณนา
๔๐๐. โน โทสนฺตโรติ เอตฺถ จิตฺตปริยาโย อนฺตร-สทฺโทติ อาห ‘‘น ทุฏฺจิตฺโต หุตฺวา’’ติ.
โจทกจุทิตกปฏิสํยุตฺตกถาวณฺณนา
๔๐๑. กรุณนฺติ อปฺปนาปฺปตฺตํ กรุณชฺฌานํ. กรุณาปุพฺพภาคนฺติ ปริกมฺมุปจารวสปฺปวตฺตํ กรุณํ. เมตฺตฺจ เมตฺตาปุพฺพภาคฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ภิกฺขุนิกฺขนฺธกํ
มหาปชาปติโคตมีวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๐๒. ภิกฺขุนิกฺขนฺธเก ¶ ¶ สกฺเกสุ วิหรตีติ ปมคมเนน คนฺตฺวา วิหรติ. มหาปชาปติ โคตมีติ เอตฺถ โคตมีติ โคตฺตํ. นามกรณทิวเส ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรฺโ มเหสี ภวิสฺสติ. สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตีติ อุภยถาปิ มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ, ตสฺมา ปุตฺตปชาย เจว ธีตุปชาย จ มหนฺตตาย ‘‘มหาปชาปตี’’ติ นามํ อกํสุ, อิธ ปน โคตฺเตน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ‘‘มหาปชาปติ โคตมี’’ติ วุตฺตํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภควา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ปมเมว นนฺทํ ปพฺพาเชสิ, สตฺตเม ทิวเส ราหุลกุมารํ. จุมฺพฏกกลเห ปน อุภยนครวาสิเกสุ ยุทฺธตฺถาย นิกฺขนฺเตสุ สตฺถา คนฺตฺวา เต ราชาโน สฺาเปตฺวา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) กเถสิ. ราชาโน ปสีทิตฺวา อฑฺฒเตยฺยสเต อฑฺฒเตยฺยสเต ทารเก อทํสุ. ตานิ ปฺจ กุมารสตานิ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. อถ เนสํ ปชาปติโย สาสนํ เปเสตฺวา อนภิรตึ อุปฺปาทยึสุ. สตฺถา เตสํ อนภิรติยา อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา เต ปฺจสเต ทหรภิกฺขู กุณาลทหํ เนตฺวา อตฺตโน กุณาลกาเล นิสินฺนปุพฺเพ ปาสาณตเล นิสีทิตฺวา กุณาลชาตกกถาย (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) เตสํ อนภิรตึ วิโนเทตฺวา สพฺเพปิ เต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, ปุน มหาวนํ อาเนตฺวา อรหตฺตผเล. เตสํ จิตฺตชานนตฺถํ ปุนปิ ปชาปติโย สาสนํ ปหิณึสุ. เต ‘‘อภพฺพา มยํ ฆราวาสสฺสา’’ติ ปฏิสาสนํ ปหิณึสุ. ตา ‘‘น ทานิ อมฺหากํ ปรฆรํ คนฺตุํ ยุตฺตํ, มหาปชาปติยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจสตาปิ มหาปชาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อยฺเย, อมฺหากํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปถา’’ติ อาหํสุ. มหาปชาปติ จ ตา อิตฺถิโย คเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา รฺโ ปรินิพฺพุตกาเล อุปสงฺกมีติปิ วทนฺติเยว. ปกฺกามีติ ปุน กปิลปุรเมว ปาวิสิ.
ยถาภิรนฺตํ ¶ ¶ วิหริตฺวาติ โพธเนยฺยสตฺตานํ อุปนิสฺสยํ โอโลเกนฺโต ยถาชฺฌาสเยน วิหริตฺวา. จาริกํ ปกฺกามีติ มหาชนสงฺคหํ กโรนฺโต อุตฺตมาย พุทฺธสิริยา อโนปเมน พุทฺธวิลาเสน อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. สมฺพหุลาหิ สากิยานีหิ สทฺธินฺติ อนฺโตนิเวสนสฺมึเยว ทสพลํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชฺชาเวสํ คเหตฺวา ตาปิ ปฺจสตา สากิยานิโย ปพฺพชฺชาเวสํเยว คาหาเปตฺวา สพฺพาหิปิ ตาหิ สมฺพหุลาหิ สากิยานีหิ สทฺธึ. ปกฺกามีติ คมนํ อภินีหริ. คมนาภินีหรณกาเล ปนสฺสา ‘‘สุกุมารา ราชิตฺถิโย ปทสา คนฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ สากิยโกลิยราชาโน สุวณฺณสิวิกาโย อุปฏฺาปยึสุ, ตา ปน ‘‘ยาเน อารุยฺห คจฺฉนฺตีหิ สตฺถริ อคารโว กโต โหตี’’ติ เอกปณฺณาสโยชนิกํ มคฺคํ ปทสาว ปฏิปชฺชึสุ. ราชาโนปิ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อารกฺขํ สํวิทหาเปตฺวา ตณฺฑุลสปฺปิเตลาทีนํ สกฏานิ ปูเรตฺวา ‘‘คตคตฏฺาเน อาหารํ ปฏิยาเทถา’’ติ ปุริเส เปสยึสุ. สูเนหิ ปาเทหีติ ตาสฺหิ สุขุมาลตฺตา ปาเทสุ เอโก โผโฏ อุฏฺเติ, เอโก ภิชฺชติ, อุโภ ปาทา กฏกฏฺิสมฺปริกิณฺณา วิย หุตฺวา อุทฺธุมาตา. เตน วุตฺตํ ‘‘สูเนหิ ปาเทหี’’ติ. พหิทฺวารโกฏฺเกติ ทฺวารโกฏฺกสฺส พหิ. กสฺมา ปเนวํ ิตาติ? เอวํ กิรสฺสา อโหสิ ‘‘อหํ ตถาคเตน อนฺุาตา สยเมว ปพฺพชฺชาเวสํ อคฺคเหสึ, เอวํ คหิตภาโว จ ปน เม สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ ชาโต, สเจ สตฺถา ปพฺพชฺชํ อนุชานิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. สเจ นานุชานิสฺสติ, มหตี ครหา ภวิสฺสตี’’ติ วิหารํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตี โรทมานา อฏฺาสิ. กึ นุ ตฺวํ โคตมีติ กึ นุ ราชกุลานํ วิปตฺติ อุปฺปนฺนา, เกน นุ ตฺวํ การเณน เอวํ วิวณฺณภาวํ ปตฺตา สูเนหิ ปาเทหิ…เป… ิตาติ.
อฺเนปิ ปริยาเยนาติ อฺเนปิ การเณน. อาปาทิกาติ สํวฑฺฒิกา, ตุมฺหากํ หตฺถปาเทสุ หตฺถปาทกิจฺจํ อสาเธนฺเตสุ หตฺเถ จ ปาเท จ วฑฺเฒตฺวา ปฏิชคฺคิกาติ อตฺโถ. โปสิกาติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร นหาเปตฺวา โภเชตฺวา ปาเยตฺวา ตุมฺเห โปเสสิ. ถฺํ ปาเยสีติ นนฺทกุมาโร กิร โพธิสตฺตโต กติปาเหเนว ทหรตโร. ตสฺมึ ชาเต มหาปชาปติ อตฺตโน ปุตฺตํ ธาตีนํ ทตฺวา ¶ สยํ โพธิสตฺตสฺส ธาติกิจฺจํ สาธยมานา อตฺตโน ถฺํ ปาเยสิ. ตํ สนฺธาย เถโร เอวมาห. สาธุ ภนฺเตติ ‘‘พหุการา’’ติอาทีหิ ตสฺสา คุณํ กเถตฺวา ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจนฺโต เอวมาห.
มหาปชาปติโคตมีวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺครุธมฺมกถาวณฺณนา
๔๐๓. สตฺถาปิ ¶ ‘‘อิตฺถิโย นาม ปริตฺตสทฺธา, เอกายาจิตมตฺเตเยว ปพฺพชฺชาย อนฺุาตาย น มม สาสนํ ครุํ กตฺวา คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทานิ ครุํ กตฺวา คาหาเปตุกามตาย ‘‘สเจ, อานนฺท, มหาปชาปติ โคตมี อฏฺ ครุธมฺเม ปฏิคฺคณฺหาติ, สาวสฺสา โหตุ อุปสมฺปทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาวสฺสาติ สา เอว อสฺสา ปพฺพชฺชาปิ อุปสมฺปทาปิ โหตุ.
ตทหุปสมฺปนฺนสฺสาติ ตํ ทิวสมฺปิ อุปสมฺปนฺนสฺส. อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาตพฺพนฺติ มานาติมานํ อกตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน อภิวาทนํ, อาสนา อุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนวเสน ปจฺจุฏฺานํ, ทสนเข สโมธาเนตฺวา อฺชลิกมฺมํ, อาสนปฺาปนพีชนาทิกํ อนุจฺฉวิกกมฺมสงฺขาตํ สามีจิกมฺมฺจ กตฺตพฺพํ. อภิกฺขุเก อาวาเสติ ยตฺถ วสนฺติยา อนนฺตราเยน โอวาทตฺถาย อุปสงฺกมนารเห าเน โอวาททายโก อาจริโย นตฺถิ, อยํ อภิกฺขุโก อาวาโส นาม, เอวรูเป อาวาเส วสฺสํ น อุปคนฺตพฺพํ. อนฺวทฺธมาสนฺติ อนุโปสถิกํ. โอวาทูปสงฺกมนนฺติ โอวาทตฺถาย อุปสงฺกมนํ. ทิฏฺเนาติ จกฺขุนา ทิฏฺเน. สุเตนาติ โสเตน สุเตน. ปริสงฺกายาติ ทิฏฺสุตวเสน ปริสงฺกิเตน. ครุธมฺมนฺติ ครุกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ. ปกฺขมานตฺตนฺติ อนูนานิ ปนฺนรส ทิวสานิ มานตฺตํ. ฉสุ ธมฺเมสูติ วิกาลโภชนจฺฉฏฺเสุ สิกฺขาปเทสุ. สิกฺขิตสิกฺขายาติ เอกสิกฺขมฺปิ อขณฺฑํ กตฺวา ปูริตสิกฺขาย.
น อกฺโกสิตพฺโพ น ปริภาสิตพฺโพติ ทสนฺนํ อกฺโกสวตฺถูนํ อฺตเรน อกฺโกสวตฺถุนา น อกฺโกสิตพฺโพ, ภยุปทํสนาย กายจิ ¶ ปริภาสาย น ปริภาสิตพฺโพ. โอวโฏ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถติ โอวาทานุสาสนิธมฺมกถาสงฺขาโต วจนปโถ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ โอวโฏ ปิหิโต, น ภิกฺขุนิยา โกจิ ภิกฺขุ โอวทิตพฺโพ วา อนุสาสิตพฺโพ วา, ‘‘ภนฺเต โปราณกตฺเถรา อิทฺจิทฺจ วตฺตํ ปูรยึสู’’ติ เอวํ ปน ปเวณิวเสน กเถตุํ วฏฺฏติ. อโนวโฏ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีสูติ ภิกฺขูนํ ปน ภิกฺขุนีสุ วจนปโถ อนิวาริโต, ยถารุจิยา โอวทนฺตุ อนุสาสนฺตุ ธมฺมกถํ กเถนฺตูติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนสา ครุธมฺมกถา มหาวิภงฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อิเม ปน อฏฺ ครุธมฺเม สตฺถุ สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา เถเรน อตฺตโน อาโรจิยมาเน สุตฺวา มหาปชาปติยา ¶ ตาวมหนฺตํ โทมนสฺสํ ขเณน ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อโนตตฺตทหโต อาหเฏน สีตุทกสฺส ฆฏสเตน มตฺถเก ปริสิตฺตา วิย วิคตปริฬาหา อตฺตมนา หุตฺวา ครุธมฺมปฏิคฺคหเณน อุปฺปนฺนปีติปาโมชฺชํ อาวิ กโรนฺตี ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต’’ติอาทิกํ อุทานํ อุทาเนสิ. ตตฺถ ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพฺภาเว ิโต. มณฺฑนกชาติโกติ อลงฺการสภาโว. ตตฺถ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ ยถา อติตรุโณ. โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโต, อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิปฺเปโต, ตสฺมา เอวมาห. อุปฺปลาทีนิ โลกสมฺมตตฺตา วุตฺตานิ. อิโต ปรํ ยํ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ตํ อฏฺกถายํ ทสฺสิตเมว.
ตตฺถ มาตุคามสฺส ปพฺพชิตตฺตาติ อิทํ ปฺจวสฺสสตโต อุทฺธํ อฏฺตฺวา ปฺจสุเยว วสฺสสเตสุ สทฺธมฺมฏฺิติยา การณนิทสฺสนํ. ปฏิสมฺภิทาปเภทปฺปตฺตขีณาสววเสเนว วุตฺตนฺติ เอตฺถ ‘‘ปฏิสมฺภิทาปตฺตขีณาสวคฺคหเณน ฌานานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. น หิ นิชฺฌานกานํ สพฺพปฺปการสมฺปตฺติ อิชฺฌตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน วสฺสสหสฺสนฺติอาทินา จ ยํ วุตฺตํ. ตํ ขนฺธกภาณกานํ มเตน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๖๑) ปน เอวํ วุตฺตํ –
‘‘ปฏิสมฺภิทาปตฺเตหิ ¶ วสฺสสหสฺสํ อฏฺาสิ, ฉฬภิฺเหิ วสฺสสหสฺสํ, เตวิชฺเชหิ วสฺสสหสฺสํ, สุกฺขวิปสฺสเกหิ วสฺสสหสฺสํ, ปาติโมกฺเขน วสฺสสหสฺสํ อฏฺาสี’’ติ.
องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายมฺปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) –
‘‘พุทฺธานฺหิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฏิสมฺภิทา นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิฺา, ตโต ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา นิพฺพตฺเตนฺติ, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติ. เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน สกทาคามิโน โสตาปนฺนา’’ติ –
วุตฺตํ.
สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ ปน (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๑๕๖) –
‘‘ปมโพธิยฺหิ ¶ ภิกฺขู ปฏิสมฺภิทาปตฺตา อเหสุํ. อถ กาเล คจฺฉนฺเต ปฏิสมฺภิทา ปาปุณิตุํ น สกฺขึสุ, ฉฬภิฺา อเหสุํ, ตโต ฉ อภิฺา ปตฺตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณึสุ. อิทานิ กาเล คจฺฉนฺเต ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา อาสวกฺขยมตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา อนาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา สกทาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา โสตาปตฺติผลํ, คจฺฉนฺเต กาเล โสตาปตฺติผลมฺปิ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ –
วุตฺตํ.
ยสฺมา เจตํ สพฺพํ อฺมฺปฏิวิรุทฺธํ, ตสฺมา เตสํ เตสํ ภาณกานํ มตเมว อาจริเยน ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. อฺถา หิ อาจริยสฺเสว ปุพฺพาปรวิโรธปฺปสงฺโค สิยาติ.
ตานิเยวาติ ตานิเยว ปฺจ วสฺสสหสฺสานิ. ปริยตฺติมูลกํ สาสนนฺติ อาห ‘‘น หิ ปริยตฺติยา อสติ ปฏิเวโธ อตฺถี’’ติอาทิ. ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฏิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปฏิปตฺติยา อนฺตรหิตาย อธิคโม อนฺตรธายติ. กึการณา? อยฺหิ ปริยตฺติ ¶ ปฏิปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, ปฏิปตฺติ อธิคมสฺส, อิติ ปฏิปตฺติโตปิ ปริยตฺติเยว ปมาณํ. ตตฺถ ปฏิเวโธ จ ปฏิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล ปฏิเวธกรา ภิกฺขู พหู โหนฺติ, ‘‘เอส ภิกฺขุ ปุถุชฺชโน’’ติ องฺคุลึ ปสาเรตฺวา ทสฺเสตพฺโพ โหติ, อิมสฺมึเยว ทีเป เอกวารํ ปุถุชฺชนภิกฺขุ นาม นาโหสิ. ปฏิปตฺติปูรกาปิ กทาจิ พหู โหนฺติ, กทาจิ อปฺปา, อิติ ปฏิเวโธ จ ปฏิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิ. สาสนฏฺิติยา ปน ปริยตฺติเยว ปมาณํ. ปณฺฑิโต หิ เตปิฏกํ สุตฺวา ทฺเวปิ ปูเรติ. ยถา อมฺหากํ โพธิสตฺโต อาฬารสฺส สนฺติเก ปฺจาภิฺา สตฺต จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส ‘‘น ชานามี’’ติ อาห, ตโต อุทกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธิคตวิเสสํ สํสนฺทิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสฺส ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส อาจิกฺขิ, ตสฺส วจนสมนนฺตรเมว มหาสตฺโต ตํ สมฺปาเทสิ, เอวเมว ปฺวา ภิกฺขุ ปริยตฺตึ สุตฺวา ทฺเวปิ ปูเรติ, ตสฺมา ปริยตฺติยา ิตาย สาสนํ ิตํ โหติ. ยถาปิ มหโต ตฬากสฺส ปาฬิยา ถิราย อุทกํ น สฺสตีติ น วตฺตพฺพํ, อุทเก สติ ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ น ปุปฺผิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพํ, เอวเมว มหาตฬากสฺส ถิรปาฬิสทิเส เตปิฏเก พุทฺธวจเน สติ มหาตฬาเก อุทกสทิสา ปฏิปตฺติปูรกา กุลปุตฺตา นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ, เตสุ สติ ¶ มหาตฬาเก ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ วิย โสตาปนฺนาทโย อริยปุคฺคลา นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. เอวํ เอกนฺตโต ปริยตฺติเยว ปมาณํ.
ปริยตฺติยา อนฺตรหิตายาติ เอตฺถ ปริยตฺตีติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สาฏฺกถา ปาฬิ. ยาว สา ติฏฺติ, ตาว ปริยตฺติ ปริปุณฺณา นาม โหติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล กลิยุคราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ เตสมฺปิ อมจฺจาทโย อธมฺมิกา โหนฺติ, ตโต รฏฺชนปทวาสิโนติ เตสํ อธมฺมิกตาย น เทโว สมฺมา วสฺสติ, ตโต สสฺสานิ น สมฺปชฺชนฺติ, เตสุ อสมฺปชฺชนฺเตสุ ปจฺจยทายกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปจฺจเย ทาตุํ น สกฺโกนฺติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา อนฺเตวาสิเก สงฺคเหตุํ น สกฺโกนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปริยตฺติ ปริหายติ, อตฺถวเสน ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปาฬิวเสเนว ¶ ธาเรนฺติ. ตโต กาเล คจฺฉนฺเต ปาฬิมฺปิ สกลํ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปมํ อภิธมฺมปิฏกํ ปริหายติ, ปริหายมานํ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ. ปมเมว หิ มหาปกรณํ ปริหายติ, ตสฺมึ ปริหีเน ยมกํ, กถาวตฺถุ, ปุคฺคลปฺตฺติ, ธาตุกถา, วิภงฺโค, ธมฺมสงฺคโหติ.
เอวํ อภิธมฺมปิฏเก ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหายติ. ปมฺหิ องฺคุตฺตรนิกาโย ปริหายติ, ตสฺมิมฺปิ ปมํ เอกาทสกนิปาโต…เป… ตโต เอกกนิปาโตติ. เอวํ องฺคุตฺตรนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สํยุตฺตนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ มหาวคฺโค ปริหายติ, ตโต สฬายตนวคฺโค, ขนฺธกวคฺโค, นิทานวคฺโค, สคาถาวคฺโคติ. เอวํ สํยุตฺตนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย มชฺฌิมนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ อุปริปณฺณาสโก ปริหายติ, ตโต มชฺฌิมปณฺณาสโก, ตโต มูลปณฺณาสโกติ. เอวํ มชฺฌิมนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย ทีฆนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ ปาถิกวคฺโค ปริหายติ, ตโต มหาวคฺโค, ตโต สีลกฺขนฺธวคฺโคติ. เอวํ ทีฆนิกาเย ปริหีเน สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหีนํ นาม โหติ. วินยปิฏเกน สทฺธึ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. วินยปิฏกฺหิ ลชฺชิโน ธาเรนฺติ, ลาภกามา ปน ‘‘สุตฺตนฺเต กถิเตปิ สลฺลกฺเขนฺตา นตฺถี’’ติ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. คจฺฉนฺเต กาเล ชาตกมฺปิ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. อถ เนสํ ปมํ เวสฺสนฺตรชาตกํ ปริหายติ, ตโต ปฏิโลมกฺกเมน ปุณฺณกชาตกํ, มหานารทชาตกนฺติ ปริโยสาเน อปณฺณกชาตกํ ปริหายติ, วินยปิฏกเมว ธาเรนฺติ.
คจฺฉนฺเต กาเล ตมฺปิ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ. ปมฺหิ ปริวาโร ปริหายติ, ตโต ¶ ขนฺธโก, ภิกฺขุนีวิภงฺโค, มหาวิภงฺโคติ อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธกมตฺตเมว ธาเรนฺติ. ตทาปิ ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติ. ยาว ปน มนุสฺเสสุ จตุปฺปทิกคาถาปิ ปวตฺตติ, ตาว ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติ. ยทา สทฺโธ ปสนฺโน ราชา หตฺถิกฺขนฺเธ สุวณฺณจงฺโกฏกมฺหิ สหสฺสตฺถวิกํ ปาเปตฺวา ‘‘พุทฺเธหิ กถิตํ จตุปฺปทิกํ คาถํ ชานนฺโต อิมํ สหสฺสํ คณฺหตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ‘‘เอกวารํ จราปิเต นามํ สุณนฺตาปิ โหนฺติ อสุณนฺตาปี’’ติ ยาวตติยํ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ราชปุริสา ¶ สหสฺสตฺถวิกํ ปุน ราชกุลํ ปเวเสนฺติ, ตทา ปริยตฺติ อนฺตรหิตา นาม โหติ.
จิรํ ปวตฺติสฺสตีติ ปริยตฺติยา อนฺตรหิตายปิ ลิงฺคมตฺตํ อทฺธานํ ปวตฺติสฺสติ. กถํ? คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต หิ กาเล จีวรคฺคหณํ ปตฺตคฺคหณํ สมิฺชนปสารณํ อาโลกิตวิโลกิตํ น ปาสาทิกํ โหติ, นิคณฺสมณา วิย อลาพุปตฺตํ ภิกฺขู ปตฺตํ อคฺคพาหาย ปริกฺขิปิตฺวา อาทาย วิจรนฺติ, เอตฺตาวตาปิ ลิงฺคํ อนนฺตรหิตเมว โหติ. คจฺฉนฺเต ปน กาเล อคฺคพาหโต โอตาเรตฺวา หตฺเถน วา สิกฺกาย วา โอลมฺเพตฺวา วิจรนฺติ, จีวรมฺปิ รชนสารุปฺปํ อกตฺวา โอฏฺฏฺิวณฺณํ กตฺวา รชนฺติ. คจฺฉนฺเต กาเล รชนมฺปิ น โหติ, ทสจฺฉินฺทนํ โอวฏฺฏิกาวิชฺฌนํ กปฺปมตฺตฺจ กตฺวา วฬฺชนฺติ, ปุน โอวฏฺฏิกํ วิชฺฌิตฺวา กปฺปํ น กโรนฺติ. ตโต อุภยมฺปิ อกตฺวา ทสา เฉตฺวา ปริพฺพาชกา วิย จรนฺติ. คจฺฉนฺเต กาเล ‘‘โก อิมินา อมฺหากํ อตฺโถ’’ติ ขุทฺทกํ กาสาวขณฺฑํ หตฺเถ วา คีวายํ วา พนฺธนฺติ, เกเสสุ วา อลฺลียาเปนฺติ, ทารภรณํ กโรนฺตา กสิตฺวา วปิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปตฺวา วิจรนฺติ, ตทา ทกฺขิณํ เทนฺโต ชโน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เอเตสมฺปิ เทติ. อิทํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ ‘‘ภวิสฺสนฺติ โข ปนานนฺท, อนาคตมทฺธานํ โคตฺรภุโน กาสาวกณฺา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, เตสุ ทุสฺสีเลสุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทสฺสนฺติ, ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ตโต คจฺฉนฺเต กาเล นานาวิธานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ‘‘ปปฺโจ เอส, กึ อิมินา อมฺหาก’’นฺติ กาสาวขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา อรฺเ ขิปนฺติ, ตสฺมึ กาเล ลิงฺคํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ. กสฺสปทสพลสฺส กิร กาลโต ปฏฺาย โยนกานํ เสตวตฺถานิ ปารุปิตฺวา จรณจาริตฺตํ ชาตํ. เอวํ ปริยตฺติยา อนฺตรหิตายปิ ลิงฺคมตฺตํ จิรํ ปวตฺติสฺสตีติ เวทิตพฺพํ.
อฏฺครุธมฺมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา
๔๐๔-๔๐๕. ยทคฺเคนาติ ¶ ¶ ยํ ทิวสํ อาทึ กตฺวา. ตเทวาติ ตสฺมิฺเว ทิวเส. อนฺุตฺติยาติ อนฺุาย. เอกาหํ, ภนฺเต อานนฺท, ภควนฺตํ วรํ ยาจามีติ ‘‘เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต อานนฺท, อิเม อฏฺ ครุธมฺเม ปฏิคฺคณฺหามิ ยาวชีวํ อนติกฺกมนีเย’’ติ ปฏิชานิตฺวา อิทานิ กสฺมา วรํ ยาจตีติ เจ? ปรูปวาทวิวชฺชนตฺถํ. เอวฺหิ เกจิ วเทยฺยุํ ‘‘มหาปชาปติยา ปมํ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ นาโหสิ, สา เจ วรํ ยาเจยฺย, ภควา อนุชาเนยฺยา’’ติ.
๔๐๖. สราคายาติ สราคภาวาย กามราคภวราคปริพฺรูหนาย. สฺโคายาติ วฏฺเฏ สํโยชนตฺถาย. อาจยายาติ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนตฺถาย. มหิจฺฉตายาติ มหิจฺฉภาวาย. อสนฺตุฏฺิยาติ อสนฺตุฏฺิภาวาย. สงฺคณิกายาติ กิเลสสงฺคณคณสงฺคณวิหาราย. โกสชฺชายาติ กุสีตภาวาย. ทุพฺภรตายาติ ทุปฺโปสตาย. วิราคายาติ สกลวฏฺฏโต วิรชฺชนตฺถาย. วิสฺโคายาติ กามราคาทีหิ วิสํยุชฺชนตฺถาย. อปจยายาติ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏสฺส อปจยตฺถาย, นิพฺพานายาติ อตฺโถ. อปฺปิจฺฉตายาติ ปจฺจยปฺปิจฺฉตาทิวเสน สพฺพโส อิจฺฉาปคมาย. สนฺตุฏฺิยาติ ทฺวาทสวิธสนฺตุฏฺิภาวาย. ปวิเวกายาติ ปวิวิตฺตภาวาย กายวิเวกาทิตทงฺควิเวกาทิวิเวกสิทฺธิยา. วีริยารมฺภายาติ กายิกสฺส เจว เจตสิกสฺส จ วีริยสฺส ปคฺคณฺหนตฺถาย. สุภรตายาติ สุขโปสนตฺถาย. เอวํ โย ปริยตฺติธมฺโม อุคฺคหณธารณปริปุจฺฉามนสิการวเสน โยนิโส ปฏิปชฺชนฺตสฺส สราคาทิภาวปริวชฺชนสฺส การณํ หุตฺวา วิราคาทิภาวาย สํวตฺตติ, เอกํสโต เอโส ธมฺโม, เอโส วินโย สมฺมเทว อปายาทีสุ อปตนวเสน ธารณโต กิเลสานํ วินยนโต, สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาทานุสิฏฺิภาวโต เอตํ สตฺถุสาสนนฺติ ธาเรยฺยาสิ ชาเนยฺยาสิ, อวพุชฺเฌยฺยาสีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สุตฺเต ปมวาเรน วฏฺฏํ, ทุติยวาเรน วิวฏฺฏํ กถิตํ.
๔๐๙-๔๑๐. วิมาเนตฺวาติ ¶ อปรชฺฌิตฺวา. กมฺมปฺปตฺตาโยปีติ กมฺมารหาปิ. อาปตฺติคามินิโยปีติ อาปตฺติอาปนฺนาโยปิ. วุตฺตนเยเนว กาเรตพฺพตํ อาปชฺชนฺตีติ ตถากรณสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ทุกฺกเฏน กาเรตพฺพตํ อาปชฺชนฺติ.
๔๑๓-๕. ทฺเว ติสฺโส ภิกฺขุนิโยติ ทฺวีหิ ตีหิ ภิกฺขุนีหิ. น อาโรเจนฺตีติ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส ¶ น อาโรเจนฺติ. น ปจฺจาหรนฺตีติ ภิกฺขุนีนํ น ปจฺจาหรนฺติ. วิเสสกนฺติ วตฺตภงฺคํ.
๔๒๐. เตน จ ภิกฺขุ นิมนฺเตตพฺโพติ สามีจิทสฺสนเมตํ, น ปน อนิมนฺติยา อาปตฺติ.
๔๒๕. ตโย นิสฺสเยติ เสนาสนนิสฺสยํ อปเนตฺวา อปเร ตโย นิสฺสเย. รุกฺขมูลเสนาสนฺหิ สา น ลภติ.
๔๒๘. อนุวาทํ ปฏฺเปนฺตีติ อิสฺสริยํ ปวตฺเตนฺติ.
๔๓๐. ภิกฺขุทูเตน อุปสมฺปาเทนฺตีติ ภิกฺขุเยว ทูโต ภิกฺขุทูโต, เตน ภิกฺขุทูเตน, ภิกฺขุทูตํ กตฺวา อุปสมฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ.
๔๓๑. น สมฺมตีติ นปฺปโหติ. นวกมฺมนฺติ นวกมฺมํ กตฺวา ‘‘เอตฺตกานิ วสฺสานิ วสตู’’ติ อปโลเกตฺวา สงฺฆิกภูมิทานํ.
๔๓๒. สนฺนิสินฺนคพฺภาติ ปติฏฺิตคพฺภา.
๔๓๔. ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภตีติ ติตฺถายตนสงฺกนฺตาย อภพฺพภาวูปคมนโต น ลภติ. อิทํ โอทิสฺส อนฺุาตํ วฏฺฏตีติ เอกโต วา อุภโต วา อวสฺสเว สติปิ โอทิสฺส อนฺุาตตฺตา วฏฺฏติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุนิกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ปฺจสติกกฺขนฺธกํ
สงฺคีตินิทานกถาวณฺณนา
๔๓๗. ปฺจสติกกฺขนฺธเก ¶ ¶ ปาวาย กุสินารนฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๑) ปาวานคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กุสินารํ คมิสฺสามีติ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน. มนฺทารวปุปฺผํ คเหตฺวาติ มหาจาฏิปฺปมาณํ ปุปฺผํ อาคนฺตุกทณฺฑเก เปตฺวา ฉตฺตํ วิย คเหตฺวา. อทฺทสํ โขติ อาคจฺฉนฺตํ ทูรโตว อทฺทสํ. ทิสฺวา จ ปน ‘‘ปุจฺฉิสฺสามิ นํ ภควโต ปวตฺติ’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สเจ โข ปน นิสินฺนโกว ปุจฺฉิสฺสามิ, สตฺถริ อคารโว กโต ภวิสฺสตี’’ติ อุฏฺหิตฺวา ิตฏฺานโต อปกฺกมฺม ฉทฺทนฺโต นาคราชา มณิจมฺมํ วิย ทสพลทตฺติยํ เมฆวณฺณปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา สตฺถริ กเตน คารเวน อาชีวกสฺส อภิมุโข หุตฺวา ‘‘อปาวุโส อมฺหากํ สตฺถารํ ชานาสี’’ติ อาห. กึ ปน สตฺถุ ปรินิพฺพานํ ชานนฺโต ปุจฺฉิ อชานนฺโตติ? อาวชฺชนปฺปฏิพทฺธํ ขีณาสวานํ ชานนํ. อนาวชฺชิตตฺตา ปเนส อชานนฺโต ปุจฺฉีติ เอเก. เถโร สมาปตฺติพหุโล รตฺติฏฺานทิวาฏฺานเลณมณฺฑปาทีสุ นิจฺจํ สมาปตฺติผเลเนว ยาเปติ. กุลสนฺตกมฺปิ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺิโตว ภิกฺขํ คณฺหาติ. เถโร กิร ‘‘อิมินา เม ปจฺฉิเมน อตฺตภาเวน มหาชนานุคฺคหํ กริสฺสามิ, เย มยฺหํ ภิกฺขํ วา เทนฺติ, คนฺธมาลาทีหิ วา สกฺการํ กโรนฺติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ เอวํ กโรติ. ตสฺมา สมาปตฺติพหุลตาย น ชานิ. อิติ อชานนฺโตว ปุจฺฉีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น เหตฺถ อชานนการณํ อตฺถิ. อภิลกฺขิตํ สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อโหสิ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีหิ นิมิตฺเตหิ. เถรสฺส ปน ปริสาย เกหิจิ ภิกฺขูหิ ภควา ทิฏฺปุพฺโพ, เกหิจิ น ทิฏฺปุพฺโพ. ตตฺถ เยหิ ทิฏฺปุพฺโพ, เตปิ ปสฺสิตุกามาว. เยหิปิ อทิฏฺปุพฺโพ, เตปิ ปสฺสิตุกามาว. ตตฺถ เยหิ น ทิฏฺปุพฺโพ, เต อภิทสฺสนกามตาย คนฺตฺวา ‘‘กุหึ ภควา’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. จีวรํ ฉฑฺเฑตฺวา เอกวตฺถา วา ทุนฺนิวตฺถา วา อุรานิ ปฏิปิสนฺตา ปโรทิสฺสนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา ‘‘มหากสฺสเปน สทฺธึ ¶ อาคตปํสุกูลิกา สยมฺปิ อิตฺถิโย วิย ปโรทนฺติ, เต ¶ กึ อมฺเห สมสฺสาเสนฺตี’’ติ มยฺหํ โทสํ ทสฺสนฺติ. อิทํ ปน สฺุํ มหารฺํ, อิธ ยถา ตถา โรทนฺเตสุ โทโส นตฺถิ. ปุริมตรํ สุตฺวา นาม โสโกปิ ตนุโก โหตีติ ภิกฺขูนํ สตุปฺปาทลาภตฺถํ ชานนฺโตว ปุจฺฉิ.
อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโตติ อชฺช ทิวสโต ปฏิโลมโต สตฺตเม อหนิ ปรินิพฺพุโต. ตโต เม อิทนฺติ ตโต สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพุตฏฺานโต. อวีตราคาติ ปุถุชฺชนา เจว โสตาปนฺนสกทาคามิโน จ. เตสฺหิ โทมนสฺสํ อปฺปหีนํ, ตสฺมา เตปิ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, อุโภ หตฺเถ สีเส เปตฺวา โรทนฺติ. ฉินฺนปาตํ ปปตนฺตีติ ฉินฺนานํ ปาโต วิย ฉินฺนปาโต, ตํ ฉินฺนปาตํ, ภาวนปุํสกนิทฺเทโสยํ, มชฺเฌ ฉินฺนา วิย หุตฺวา ยโต วา ตโต วา ปตนฺตีติ อตฺโถ. อาวฏฺฏนฺตีติ อภิมุขภาเวน วฏฺฏนฺติ. ยตฺถ ปติตา, ตโต กติปยรตนฏฺานํ วฏฺฏนวเสเนว คนฺตฺวา ปุน ยถาปติตเมว านํ วฏฺฏนวเสน อาคจฺฉนฺติ. วิวฏฺฏนฺตีติ ยตฺถ ปติตา, ตโต นิวฏฺฏนฺติ, ปติตฏฺานโต ปรภาคํ วฏฺฏมานา คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อปิจ ปุรโต วฏฺฏนํ อาวฏฺฏนํ, ปสฺสโต ปจฺฉโต จ วฏฺฏนํ วิวฏฺฏนํ. ตสฺมา ทฺเว ปาเท ปสาเรตฺวา สกึ ปุรโต สกึ ปจฺฉโต สกึ วามโต สกึ ทกฺขิณโต สมฺปริวฏฺฏมานาปิ อาวฏฺฏนฺติ วิวฏฺฏนฺตีติ วุจฺจนฺติ. วีตราคาติ ปหีนโทมนสฺสา อิฏฺานิฏฺเสุ นิพฺพิการตาย สิลาถมฺภสทิสา อนาคามิขีณาสวา. กามฺหิ โทมนสฺเส อสติปิ เอกจฺโจ ราโค โหติเยว, ราเค ปน อสติ โทมนสฺสสฺส อสมฺภโวเยว. ตเทกฏฺภาวโต หิ ราคปฺปหาเนน ปหีนโทมนสฺสา วุตฺตา, น ขีณาสวา เอว.
สพฺเพเหว ปิเยหีติอาทีสุ ปิยายิตพฺพโต ปิเยหิ มนวฑฺฒนโต มนาเปหิ มาตาปิตาภาตาภคินีอาทิเกหิ. นานาภาโวติ ชาติยา นานาภาโว, ชาติอนุรูปคมเนน วิสุํ ภาโว, อสมฺพทฺธภาโวติ อตฺโถ. วินาภาโวติ มรเณน วินาภาโว, จุติยา เตนตฺตภาเวน อปุนปวตฺตนโต วิปฺปโยโคติ อตฺโถ. อฺถาภาโวติ ภเวน อฺถาภาโว, ภวนฺตรคฺคหเณน ‘‘กามาวจรสตฺโต ¶ รูปาวจโร โหตี’’ติอาทินา ตตฺถาปิ ‘‘มนุสฺโส เทโว โหตี’’ติอาทินา จ ปุริมาการโต อฺาการตาติ อตฺโถ. ตนฺติ ตสฺมา. กุเตตฺถ ลพฺภาติ กุโต กุหึ กสฺมึ นาม าเน เอตฺถ เอตสฺมึ ขนฺธปฺปวตฺเต ยํ ตํ ชาตํ…เป… มา ปลุชฺชีติ ลทฺธุํ สกฺกา, น สกฺกา เอว ตาทิสสฺส การณสฺส อภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว, ตสฺมา ทส ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ สมฺโพธึ ปตฺวาปิ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวาปิ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวาปิ เทโวโรหณํ กตฺวาปิ ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ¶ ปโลกธมฺมํ, ตฺจ ตถาคตสฺสปิ สรีรํ มา ปลุชฺชีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, โรทนฺเตนปิ กนฺทนฺเตนปิ น สกฺกา ตํ การณํ ลทฺธุนฺติ.
เตน โข ปนาวุโส, สมเยน สุภทฺโท นาม วุฑฺฒปพฺพชิโตติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ นิทานวณฺณนายํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) วุตฺตนยเมว.
สงฺคีตินิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา
๔๔๑. สมูหเนยฺยาติ อากงฺขมาโน สมูหนตุ, ยทิ อิจฺฉติ, สมูหเนยฺยาติ อตฺโถ. กสฺมา ปน ‘‘สมูหนถา’’ติ เอกํเสเนว อวตฺวา ‘‘อากงฺขมาโน สมูหเนยฺยา’’ติ วิกปฺปวจเนเนว ภควา เปสีติ? มหากสฺสปสฺส าณพลสฺส ทิฏฺตฺตา. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘สมูหนถาติ วุตฺเตปิ สงฺคีติกาเล กสฺสโป น สมูหนิสฺสตี’’ติ, ตสฺมา วิกปฺเปเนว เปสิ. ยทิ อสมูหนนํ ทิฏฺํ, ตเทว จ อิจฺฉิตํ, อถ กสฺมา ภควา ‘‘อากงฺขมาโน สมูหนตู’’ติ อโวจาติ? ตถารูปปุคฺคลชฺฌาสยวเสน. สนฺติ หิ เกจิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมาทาย วตฺติตุํ อนิจฺฉนฺตา, เตสํ ตถา อวุจฺจมาเน ภควติ วิฆาโต อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. ตถา ปน วุตฺเต เตสํ วิฆาโต น อุปฺปชฺเชยฺย, อมฺหากเมวายํ โทโส, ยโต อมฺเหสุเยว เกจิ สมูหนนํ น อิจฺฉนฺตีติ ¶ . เกจิ ‘‘สกลสฺส ปน สาสนสฺส สงฺฆายตฺตภาวกรณตฺถํ ตถา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ยํ กิฺจิ สตฺถารา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ สมณา สกฺยปุตฺติยา สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ชีวิตํ วิย รกฺขนฺติ. ตถา หิ เต ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ อากงฺขมาโน สงฺโฆ สมูหนตู’’ติ วุตฺเตปิ น สมูหนึสุ. อฺทตฺถุ ปุรโต วิย ตสฺส อจฺจเยปิ รกฺขึสุเยวาติ สตฺถุ สาสนสฺส สงฺฆสฺส จ มหนฺตภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ อายสฺมา อานนฺโท อฺเปิ วา ภิกฺขู ‘‘กตมํ ปน, ภนฺเต, ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทก’’นฺติ น ปุจฺฉึสุ สมูหนชฺฌาสยสฺเสว อภาวโต, เตเนว เอกสิกฺขาปทมฺปิ อปริจฺจชิตฺวา สพฺเพสํ อนุคฺคเหตพฺพภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานี’’ติอาทิมาหํสุ. เอวฺหิ วทนฺเตหิ ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกา อิเม นามา’’ติ อวินิจฺฉิตตฺตา สพฺเพสํ อนุคฺคเหตพฺพภาโว ทสฺสิโต โหติ.
๔๔๒. อถ ¶ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสีติ เอตฺถ ปน เกจิ วทนฺติ ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กตมํ ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทกนฺติ มิลินฺทรฺา ปุจฺฉิเต ‘ทุกฺกฏํ มหาราช, ขุทฺทกํ, ทุพฺภาสิตํ อนุขุทฺทก’นฺติ (มิ. ป. ๔.๒.๑) วุตฺตตฺตา นาคเสนตฺเถโร ขุทฺทานุขุทฺทกํ ชานิ, มหากสฺสปตฺเถโร ปน ตํ อชานนฺโต ‘สุณาตุ เม อาวุโส’ติอาทินา กมฺมวาจํ สาเวสี’’ติ, น ตํ เอวํ คเหตพฺพํ. นาคเสนตฺเถโร หิ ปเรสํ วาทปโถปจฺเฉทนตฺถํ สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกมหาเถเรหิ คหิตโกฏฺาเสสุ อนฺติมโกฏฺาสเมว คเหตฺวา มิลินฺทราชานํ สฺาเปสิ, มหากสฺสปตฺเถโร ปน เอกสิกฺขาปทมฺปิ อสมูหนิตุกามตาย ตถา กมฺมวาจํ สาเวสิ.
ตตฺถ คิหิคตานีติ คิหิปฏิสํยุตฺตานีติ วทนฺติ. คิหีสุ คตานิ, เตหิ าตานิ คิหิคตานีติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธูมกาโล เอตสฺสาติ ธูมกาลิกํ จิตกธูมวูปสมโต ปรํ อปฺปวตฺตนโต. อปฺปฺตฺตนฺติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๓๖; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๗.๒๓) นวํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา พนฺธนฺตา อปฺปฺตฺตํ ปฺเปนฺติ นาม ปุราณสนฺถตวตฺถุสฺมึ สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย. อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สาสนํ ทีเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ ¶ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิย. ขุทฺทานุขุทฺทกา ปน อาปตฺติโย สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตา ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม อสฺสชิปุนพฺพสุกา วิย. นวํ ปน กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา อพนฺธนฺตา, ธมฺมโต วินยโต สาสนํ ทีเปนฺตา, ขุทฺทานุขุทฺทกมฺปิ จ สิกฺขาปทํ อสมูหนนฺตา อปฺปฺตฺตํ น ปฺเปนฺติ, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตนฺติ นาม อายสฺมา อุปเสโน วิย อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วิย จ.
๔๔๓. ภควตา โอฬาริเก นิมิตฺเต กยิรมาเนติ เวสาลึ นิสฺสาย จาปาเล เจติเย วิหรนฺเตน ภควตา –
‘‘รมณียา, อานนฺท, เวสาลี, รมณียํ อุเทนเจติยํ, รมณียํ โคตมกเจติยํ, รมณียํ สตฺตมฺพเจติยํ, รมณียํ พหุปุตฺตเจติยํ, รมณียํ สารนฺททเจติยํ, รมณียํ จาปาลเจติยํ. ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติฏฺเยฺย กปฺปาวเสสํ วา. ตถาคตสฺส โข ปน, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ¶ ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติฏฺเยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๖๖) –
เอวํ โอฬาริเก นิมิตฺเต กยิรมาเน.
มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ มาเรน อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต. มาโร หิ ยสฺส สพฺเพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. เถรสฺส จ จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส มาโร จิตฺตํ ปริยุฏฺาสิ. โส ปน จิตฺตปริยุฏฺานํ กโรนฺโต กึ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทสฺเสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติ, ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา วิวฏมุขา โหนฺติ, เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ, ตโต วิสฺาว หุตฺวา ติฏฺนฺติ ¶ . เถรสฺส ปเนส มุเขน หตฺถํ ปเวเสตุํ กึ สกฺขิสฺสติ, เภรวารมฺมณํ ปน ทสฺเสสิ, ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิตฺโตภาสํ น ปฏิวิชฺฌิ.
ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมทณฺฑกถาวณฺณนา
๔๔๕. อุชฺชวนิกายาติ ปฏิโสตคามินิยา. รโชหรณนฺติ รโชปฺุฉนี. น กุลวํ คเมนฺตีติ นิรตฺถกวินาสนํ น คเมนฺติ. กุจฺฉิโต ลโว กุลโว, อนยวินาโสติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ธมฺมวินยสงฺคีติยา’’ติ วตฺตพฺเพ สงฺคีติยา วินยปฺปธานตฺตา ‘‘วินยสงฺคีติยา’’ติ วุตฺตํ. วินยปฺปธานา สงฺคีติ วินยสงฺคีติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
ปฺจสติกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. สตฺตสติกกฺขนฺธกํ
ทสวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๔๖. สตฺตสติกกฺขนฺธเก ¶ ¶ นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณาติ รูปิยสิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา. ตตฺถ มณิคฺคหเณน สพฺพํ ทุกฺกฏวตฺถุ, สุวณฺณคฺคหเณน สพฺพํ ปาจิตฺติยวตฺถุ คหิตํ โหติ. ภิกฺขคฺเคนาติ ภิกฺขุคณนาย.
๔๔๗. อุปกฺกิเลสาติ วิโรจิตุํ อทตฺวา อุปกฺกิลิฏฺภาวกรเณน อุปกฺกิเลสา. มหิกาติ หิมํ. ธูโม จ รโช จ ธูมรโช. เอตฺถ ปุริมา ตโย อสมฺปตฺตอุปกฺกิเลสา, ราหุ ปน สมฺปตฺตอุปกฺกิเลสวเสน กถิโตติ เวทิตพฺโพ. สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺตีติ คุณปตาเปน น ตปนฺติ คุโณภาเสน น ภาสนฺติ คุณวิโรจเนน น วิโรจนฺติ. สุราเมรยปานา อปฺปฏิวิรตาติ ปฺจวิธาย สุราย จตุพฺพิธสฺส จ เมรยสฺส ปานโต อวิรตา.
อวิชฺชานิวุฏาติ อวิชฺชาย นิวาริตา ปิหิตา. ปิยรูปาภินนฺทิโนติ ปิยรูปํ สาตรูปํ อภินนฺทมานา ตุสฺสมานา. สาทิยนฺตีติ คณฺหนฺติ. อวิทฺทสูติ อนฺธพาลา. สรชาติ สกิเลสรชา. มคาติ มิคสทิสา. ตสฺมึ ตสฺมึ วิสเย ภเว วา เนตีติ เนตฺติ, ตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. ตาย สห วตฺตนฺตีติ สเนตฺติกา.
๔๔๘. ตํ ปริสํ เอตทโวจาติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๓๖๒) ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺตา ปุตฺตทารฺเจว ชาตรูปรชตฺจ ปหาเยว ปพฺพชนฺติ, น จ สกฺกา ยํ ปหาย ปพฺพชิตา ตํ เอเตหิ คาเหตุ’’นฺติ นยคฺคาเห ตฺวา เอตํ ‘‘มา อยฺยา’’ติอาทิวจนํ อโวจ. เอกํเสเนตนฺติ เอตํ ปฺจกามคุณกปฺปนํ ‘‘อสฺสมณธมฺโม อสกฺยปุตฺติยธมฺโม’’ติ เอกํเสน ธาเรยฺยาสิ.
ติณนฺติ ¶ เสนาสนจฺฉทนติณํ. ปริเยสิตพฺพนฺติ ติณจฺฉทเน วา อิฏฺกจฺฉทเน วา เคเห ปลุชฺชนฺเต เยหิ ตํ การิตํ, เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ¶ ‘‘ตุมฺเหหิ การิตํ เสนาสนํ โอวสฺสติ, น สกฺกา ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํ. มนุสฺสา สกฺโกนฺตา กริสฺสนฺติ, อสกฺโกนฺตา ‘‘ตุมฺเห วฑฺฒกี คเหตฺวา การาเปถ, มยํ เต สฺาเปสฺสามา’’ติ วกฺขนฺติ. เอวํ วุตฺเต กาเรตฺวา เตสํ อาจิกฺขิตพฺพํ, มนุสฺสา วฑฺฒกีนํ ทาตพฺพํ ทสฺสนฺติ. สเจ อาวาสสามิกา นตฺถิ, อฺเสมฺปิ ภิกฺขาจารวตฺเตน อาโรเจตฺวา กาเรตุํ วฏฺฏติ. อิมํ สนฺธาย ‘‘ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ทารูติ เสนาสเน โคปานสิอาทีสุ ปลุชฺชมาเนสุ ตทตฺถาย ทารุ ปริเยสิตพฺพํ. สกฏนฺติ คิหิวิกฏํ วา ตาวกาลิกํ วา กตฺวา สกฏํ ปริเยสิตพฺพํ. น เกวลฺจ สกฏเมว, อฺมฺปิ วาสิผรสุกุทาลาทิอุปกรณํ เอวํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ. ปุริโสติ หตฺถกมฺมวเสน ปุริโส ปริเยสิตพฺโพ. ยํ กฺจิ หิ ปุริสํ ‘‘หตฺถกมฺมํ อาวุโส ทสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘ทสฺสามิ ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อิมสฺมึ อิทฺจิทฺจ กโรหี’’ติ ยํ อิจฺฉติ, ตํ กาเรตุํ วฏฺฏติ. น ตฺเววาหํ คามณิ เกนจิ ปริยาเยนาติ ชาตรูปรชตํ ปนาหํ เกนจิปิ การเณน ปริเยสิตพฺพนฺติ น วทามิ.
๔๔๙. ปาปกํ กตนฺติ อสุนฺทรํ กตํ.
๔๕๐. อโหคงฺโคติ ตสฺส ปพฺพตสฺส นามํ.
๔๕๑. ปฏิกจฺเจว คจฺเฉยฺยนฺติ ยตฺถ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, ตตฺถ ปมเมว คจฺเฉยฺยํ. สมฺภาเวสุนฺติ ปาปุณึสุ.
๔๕๒. อโลณกํ ภวิสฺสตีติ อโลณกํ ภตฺตํ วา พฺยฺชนํ วา ภวิสฺสติ. อาสุตาติ สพฺพสมฺภารสชฺชิตา. ‘‘อสุตฺตา’’ติ วา ปาโ.
๔๕๓. อุชฺชวึสูติ นาวํ อารุยฺห ปฏิโสเตน คจฺฉึสุ. ปาจีนกาติ ปาจีนเทสวาสิโน.
๔๕๔. นนุ ตฺวํ อาวุโส วุฑฺโฒ วีสติวสฺโสสีติ นนุ ตฺวํ อาวุโส วีสติวสฺโส, น นิสฺสยปฏิพทฺโธ ¶ , กสฺมา ตํ เถโร ปณาเมตีติ ทีเปนฺติ. ครุนิสฺสยํ คณฺหามาติ กิฺจาปิ มยํ มหลฺลกา, เอตํ ปน เถรํ ครุํ กตฺวา วสิสฺสามาติ อธิปฺปาโย.
๔๕๕. เมตฺตาย ¶ รูปาวจรสมาธิมตฺตภาวโต ‘‘กุลฺลกวิหาเรนา’’ติ วุตฺตํ, ขุทฺทเกน วิหาเรนาติ อตฺโถ, ขุทฺทกตา จสฺส อคมฺภีรภาวโตติ อาห ‘‘อุตฺตานวิหาเรนา’’ติ. สฺุตาวิหาเรนาติ สฺุตามุเขน อธิคตผลสมาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ.
๔๕๗. สุตฺตวิภงฺเคติ ปทภาชนีเย. เตน สทฺธินฺติ ปุเรปฏิคฺคหิตโลเณน สทฺธึ. น หิ เอตฺถ ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิตนฺติ ‘‘กปฺปติ สิงฺคิโลณกปฺโป’’ติ เอตฺถ วุตฺตสิงฺคิโลณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ ปุเร ปฏิคฺคเหตฺวา สิงฺเคน ปริหฏํ น ตทหุปฏิคฺคหิตํ. ยาวกาลิกเมว ตทหุปฏิคฺคหิตนฺติ สิงฺคิโลเณน มิสฺเสตฺวา ภฺุชิตพฺพํ อโลณามิสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุโปสถสํยุตฺเตติ อุโปสถปฏิสํยุตฺเต, อุโปสถกฺขนฺธเกติ วุตฺตํ โหติ. อติสรณํ อติสาโร, อติกฺกโม. วินยสฺส อติสาโร วินยาติสาโร. ตํ ปมาณํ กโรนฺตสฺสาติ ทสาย สทฺธึ นิสีทเน ยํ ปมาณํ วุตฺตํ, ทสาย วินา ตํ ปมาณํ กโรนฺตสฺส. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
สตฺตสติกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวิวคฺคสงฺคหาติ จูฬวคฺคมหาวคฺคสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ วคฺเคหิ สงฺคหิตา. ทฺวาวีสติปเภทนาติ มหาวคฺเค ทส, จูฬวคฺเค ทฺวาทสาติ เอวํ ทฺวาวีสติปฺปเภทา. สาสเนติ สตฺถุสาสเน. เย ขนฺธกา วุตฺตาติ โยเชตพฺพํ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
จูฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ปริวาร-ฏีกา
โสฬสมหาวาโร
ปฺตฺติวารวณฺณนา
วิสุทฺธปริวารสฺสาติ ¶ ¶ สพฺพโส ปริสุทฺธขีณาสวปริวารสฺส. ธมฺมกฺขนฺธสรีรสฺสาติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตธมฺมกฺขนฺธสรีรสฺส สาสเนติ สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ‘‘ปริวาโร’’ติ โย สงฺคหํ อารุฬฺโห, ตสฺส. ปุพฺพาคตํ นยนฺติ ปุพฺเพ อาคตํ วินิจฺฉยํ.
๑. ปกตตฺถปฏินิทฺเทโส ต-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตตฺถสฺส ยาย วินยปฺตฺติยา ภควา ปกโต อธิกโต สุปากโฏ จ, ตํ วินยปฺตฺตึ ¶ สทฺธึ ยาจนาย อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… วินยปฺตฺตึ ปฺเปสี’’ติ อาห. ตตฺถ วินยปฺตฺตินฺติ วินยภูตํ ปฺตฺตึ.
‘‘ชานตา ปสฺสตา’’ติ อิเมสํ ปทานํ วินยสฺส อธิกตตฺตา ตตฺถ วุตฺตนเยน ตาว อตฺถํ โยเชตฺวา อิทานิ สุตฺตนฺตนเยน ทสฺเสนฺโต สติปิ าณทสฺสน-สทฺทานํ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เตสํ วิสยวิเสสปวตฺติทสฺสนตฺถํ วิชฺชตฺตยวเสน อภิฺานาวรณาณวเสน สพฺพฺุตฺาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ อตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาเณหิ. ปฏิเวธปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. เทสนาปฺาย ปสฺสตาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ โพธเนยฺยปุคฺคลานฺจ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเภทํ ธมฺมํ เทสนาปฺาย ยาถาวโต ปสฺสตา. อรหตาติ อรีนํ, อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนฺจ อรหตฺตา อรหตา. สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ สมฺมา สามฺจ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา อนฺตรายิกธมฺเม ¶ ชานตา, นิยฺยานิกธมฺเม ปสฺสตา, กิเลสารีนํ หตตฺตา อรหตา, สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอวํ จตุเวสารชฺชวเสนเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
อปิจ านาฏฺานาทิวิภาคํ ชานตา, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปสฺสตา, สวาสนอาสวานํ ฉินฺนตฺตา อรหตา, อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทิวเสน ติณฺณมฺปิ กมฺมานํ าณานุปริวตฺติโต สมฺมา การิตาย ปสฺสตา, ทวาทีนํ อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอวํ ทสพลอฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา กาตพฺพา.
๒. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนติ ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน. มชฺฌิมเทเสเยว ปฺตฺตีติ ตสฺมึเยว เทเส ยถาวุตฺตวตฺถุวีติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต. วินีตกถาติ วินีตวตฺถุกถา, อยเมว วา ปาโ.
กาเยน ปน อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ ปุพฺพภาเค เสวนจิตฺตํ องฺคํ กตฺวา กายทฺวารสงฺขาตวิฺตฺตึ ชนยิตฺวา ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทสงฺขาตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ. กิฺจาปิ หิ จิตฺเตน สมุฏฺาปิตา วิฺตฺติ, ตถาปิ จิตฺเตน อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส กายวิฺตฺติยา สาธิตตฺตา ¶ ‘‘กายทฺวาเรน อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วุจฺจติ. อิมมตฺถํ สนฺธายาติ อาปนฺนาย อาปตฺติยา อนาปตฺติภาวาปาทนสฺส อสกฺกุเณยฺยตาสงฺขาตมตฺถํ สนฺธาย, น ภณฺฑนาทิวูปสมํ.
๓. โปราณเกหิ มหาเถเรหีติ สีหฬทีปวาสีหิ มหาเถเรหิ. ปิตาติ โปตฺถกสงฺคหาโรหนกาเล ปิตา. จตุตฺถสงฺคีติสทิสา หิ โปตฺถกาโรหสงฺคีติ. อุภโตวิภงฺเค ทฺวตฺตึส วารา สุวิฺเยฺยาว.
สมุฏฺานสีสวณฺณนา
๒๕๗. สมุฏฺานกถาย ¶ ¶ ปน กรุณาสีตลภาเวน จนฺทสทิสตฺตา ‘‘พุทฺธจนฺเท’’ติ วุตฺตํ, กิเลสติมิรปหานโต ‘‘พุทฺธาทิจฺเจ’’ติ วุตฺตํ. ปิฏเก ตีณิ เทสยีติ ยสฺมา เต เทสยนฺติ, ตสฺมา องฺคิรโสปิ ปิฏกานิ ตีณิ เทสยิ. ตานิ กตมานีติ อาห ‘‘สุตฺตนฺต’’นฺติอาทิ. มหาคุณนฺติ มหานิสํสํ. เอวํ นียติ สทฺธมฺโม, วินโย ยทิ ติฏฺตีติ ยทิ วินยปริยตฺติ อนนฺตรหิตา ติฏฺติ ปวตฺตติ, เอวํ สติ ปฏิปตฺติปฏิเวธสทฺธมฺโม นียติ ปวตฺตติ. วินยปริยตฺติ ปน กถํ ติฏฺตีติ อาห ‘‘อุภโตจา’’ติอาทิ. ปริวาเรน คนฺถิตา ติฏฺนฺตีติ โยเชตพฺพํ. ตสฺเสว ปริวารสฺสาติ ตสฺมึเยว ปริวาเร.
นิยตกตนฺติ กตนิยตํ, นิยมิตนฺติ อตฺโถ. อฺเหิ สทฺธินฺติ เสสสิกฺขาปเทหิ สทฺธึ. อสมฺภินฺนสมุฏฺานานีติ อสงฺกรสมุฏฺานานิ.
ตสฺมา สิกฺเขติ ยสฺมา วินเย สติ สทฺธมฺโม ติฏฺติ, วินโย จ ปริวาเรน คนฺถิโต ติฏฺติ, ปริวาเร จ สมุฏฺานาทีนิ ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา สิกฺเขยฺย ปริวารํ, อุคฺคณฺเหยฺยาติ อตฺโถ.
อาทิมฺหิ ตาว ปุริมนเยติ ‘‘ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฏฺานานํ กติหิ สมุฏฺาเนหิ สมุฏฺาตีติ เอเกน สมุฏฺาเนน สมุฏฺาติ, กายโต จ จิตฺตโต จ สมุฏฺาตี’’ติอาทินา (ปริ. ๑๘๗) ปฺตฺติวาเร สกึ อาคตนยํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
๒๕๘. นานุพนฺเธ ปวตฺตินินฺติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี วุฏฺาปิตํ ปวตฺตินึ ทฺเว วสฺสานิ นานุพนฺเธยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๑๑๑๑) วุตฺตสิกฺขาปทํ.
๒๗๐. อกตนฺติ อฺเหิ อมิสฺสีกตํ, นิยตสมุฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อนฺตรเปยฺยาลํ
กติปุจฺฉาวารวณฺณนา
๒๗๑. เวรํ ¶ ¶ มณตีติ ราคาทิเวรํ มณติ วินาเสติ. เอตายาติ วิรติยา. นิยฺยานนฺติ มคฺคํ. กายปาคพฺพิยนฺติ กายปาคพฺพิยวเสน ปวตฺตํ กายทุจฺจริตํ.
๒๗๔. สารณียาติ สริตพฺพยุตฺตา อนุสฺสรณารหา อทฺธาเน อติกฺกนฺเตปิ น สมฺมุสฺสิตพฺพา. มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, มิตฺตภาโว. เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ กายกมฺมํ, ตํ ปน ยสฺมา เมตฺตาสหคตจิตฺตสมุฏฺานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺตจิตฺเตน กตํ กายกมฺม’’นฺติ. อาวีติ ปกาสํ. ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติ. รโหติ อปกาสํ. อปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กมฺมํ กรียติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติ. อุภเยหีติ นวเกหิ เถเรหิ จ. ปิยํ ปิยายิตพฺพํ กโรตีติ ปิยกรโณ. ครุํ ครุฏฺานิยํ กโรตีติ ครุกรโณ. สงฺคหายาติ สงฺคหวตฺถุวิเสสภาวโต สพฺรหฺมจารีนํ สงฺคหณตฺถาย. อวิวาทายาติ สงฺคหวตฺถุภาวโต เอว น วิวาทาย. สติ จ อวิวาทเหตุภูตสงฺคหกตฺเต เตสํ วเสน สพฺรหฺมจารีนํ สมคฺคภาโว เภทาภาโว สิทฺโธเยวาติ อาห ‘‘สมคฺคภาวายา’’ติอาทิ.
ปคฺคยฺห วจนนฺติ เกวลํ ‘‘เทโว’’ติ อวตฺวา ‘‘เทวตฺเถโร’’ติ คุเณหิ ถิรภาวโชตนํ ปคฺคณฺหิตฺวา อุจฺจํ กตฺวา วจนํ. มมตฺตโพธนวจนํ มมายนวจนํ. เอกนฺตติโรกฺขสฺส มโนกมฺมสฺส สมฺมุขตา นาม วิฺตฺติสมุฏฺาปนวเสเนว โหติ, ตฺจ โข โลเก กายกมฺมนฺติ ปากฏํ ปฺาตํ หตฺถวิการาทึ อนามสิตฺวาเยว ทสฺเสนฺโต ‘‘นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา’’ติอาทิมาห. กามฺเจตฺถ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว, ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติ.
อิมานิ ¶ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๙๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๑๑) จ เมตฺตกายกมฺมาทีนิ ปาฬิยํ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติเยว. ภิกฺขูนฺหิ เมตฺตจิตฺเตน อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกธมฺมปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. สพฺพฺจ อนวชฺชกายกมฺมํ อาภิสมาจาริกกมฺมนฺโตคธเมวาติ เวทิตพฺพํ. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ, คามํ วา ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ, ปตฺตปฏิคฺคหณํ, อาสนปฺาปนํ, อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. ภิกฺขูนํ เมตฺตจิตฺเตน อาจารปฺตฺติสิกฺขาปน กมฺมฏฺานกถน ธมฺมเทสนา ปริปุจฺฉน อฏฺกถากถนวเสน ปวตฺติยมานํ เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, โพธิวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ทีปมาลาปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺเปถ, ปานียํ อุปฏฺาเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อาเนถ, ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปถ, ฉนฺทชาตา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติอาทิกถนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฏิชคฺคนํ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ จ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
ลาภาติ จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา. ธมฺมิกาติ กุหนาทิเภทํ มิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจริยวตฺเตน อุปฺปนฺนา. อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปีติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปตฺเต ปริยาปนฺนํ ปตฺตสฺส อนฺโตคตํ ทฺวตฺติกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ. เทยฺยํ ทกฺขิเณยฺยฺจ อปฺปฏิวิภตฺตํ กตฺวา ภฺุชตีติ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี. เอตฺถ หิ ทฺเว ปฏิวิภตฺตานิ นาม อามิสปฏิวิภตฺตํ ปุคฺคลปฏิวิภตฺตฺจ. ตตฺถ ‘‘เอตฺตกํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ อามิสปฏิวิภตฺตํ นาม. ‘‘อสุกสฺส ทสฺสามิ, อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ ปน ปุคฺคลปฏิวิภตฺตํ นาม. ตทุภยมฺปิ อกตฺวา โย อปฺปฏิวิภตฺตํ ภฺุชติ, อยํ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม. เตนาห ‘‘เนว อามิสํ ปฏิวิภชิตฺวา ภฺุชตี’’ติอาทิ. อทาตุมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ¶ ทาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ทานฺหิ นาม น กสฺสจิ นิวาริตํ, เตน ทุสฺสีลสฺสปิ อตฺถิกสฺส สติ สมฺภเว ทาตพฺพํ, ตฺจ โข กรุณายนวเสน, น วตฺตปูรณวเสน. สารณียธมฺมปูรกสฺส อปฺปฏิวิภตฺตโภคิตาย ‘‘สพฺเพสํ ทาตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ. คิลานาทีนํ ปน โอทิสฺสกํ กตฺวา ทานํ อปฺปฏิวิภาคปกฺขิกํ ‘‘อสุกสฺส ¶ น ทสฺสามี’’ติ ปฏิกฺเขปสฺส อภาวโต. พฺยติเรกปฺปธาโน หิ ปฏิวิภาโค. เตนาห ‘‘คิลานคิลานุปฏฺาก…เป… วิเจยฺย ทาตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ.
สาธารณโภคีติ เอตฺถ สาธารณโภคิโน อิทํ ลกฺขณํ – ยํ ยํ ปณีตํ ลภติ, ตํ ตํ เนว ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนมุเขน คิหีนํ เทติ อตฺตโน อาชีวสุทฺธึ รกฺขมาโน, น อตฺตนาว ปริภฺุชติ ‘‘มยฺหํ อสาธารณโภคิตา มา โหตู’’ติ. ตํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ คเหตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ สงฺฆสนฺตกํ วิย ปสฺสติ. อิมินา จ ตสฺส ลาภสฺส ตีสุปิ กาเลสุ สาธารณโต ปนํ ทสฺสิตํ. ‘‘ตํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ อิมินา ปฏิคฺคหณกาโล ทสฺสิโต, ‘‘คเหตฺวา…เป… ปสฺสตี’’ติ อิมินา ปฏิคฺคหิตกาโล. ตทุภยํ ปน ตาทิเสน ปุพฺพภาเคน วินา น โหตีติ อตฺถสิทฺโธ ปุริมกาโล. ตยิทมฺปิ ปฏิคฺคหณโต ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ, ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ, ปฏิคฺคเหตฺวา โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคหิตํ มยา’’ติ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ กตฺวา ลทฺธลาภํ โอสานลกฺขณํ อวิโกเปตฺวา ปริภฺุชนฺโต สาธารณโภคี อปฺปฏิวิภตฺตโภคี จ โหติ.
อิมํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๙๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๑๑) ปน สารณียธมฺมํ โก ปูเรติ, โก น ปูเรติ? ทุสฺสีโล ตาว น ปูเรติ. น หิ ตสฺส สนฺตกํ สีลวนฺโต คณฺหนฺติ. ปริสุทฺธสีโล ปน วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต ปูเรติ. ตตฺริทํ วตฺตํ – โย โอทิสฺสกํ กตฺวา มาตุ วา ปิตุ วา อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เทติ, โส ทาตพฺพํ เทตุ, สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหติ, ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหติ. สารณียธมฺโม หิ มุตฺตปลิโพธสฺเสว วฏฺฏติ. เตน ปน ¶ โอทิสฺสกํ เทนฺเตน คิลานคิลานุปฏฺากอาคนฺตุกคมิกานฺเจว นวปพฺพชิตสฺส จ สงฺฆาฏิปตฺตคฺคหณํ อชานนฺตสฺส ทาตพฺพํ. เอเตสํ ทตฺวา อวเสสํ เถราสนโต ปฏฺาย โถกํ โถกํ อทตฺวา โย ยตฺตกํ คณฺหาติ, ตสฺส ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. อวสิฏฺเ อสติ ปุน ปิณฺฑาย จริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ยํ ยํ ปณีตํ, ตํ ตํ ทตฺวา เสสํ ภฺุชิตพฺพํ.
อยํ ปน สารณียธมฺโม สารณียธมฺมปูรณวิธิมฺหิ สุสิกฺขิตาย ปริสาย สุปูโร โหติ. สุสิกฺขิตาย หิ ปริสาย โย อฺโต ลภติ, โส น คณฺหาติ. อฺโต อลภนฺโตปิ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ, น อติเรกํ. อยฺจ ปน สารณียธมฺโม เอวํ ปุนปฺปุนํ ปิณฺฑาย ¶ จริตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ เทนฺตสฺสปิ ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูรติ, น ตโต โอรํ. สเจ หิ ทฺวาทสเมปิ วสฺเส สารณียธมฺมปูรโก ปิณฺฑปาตปูรํ ปตฺตํ อาสนสาลายํ เปตฺวา นหายิตุํ คจฺฉติ, สงฺฆตฺเถโร จ ‘‘กสฺเสโส ปตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘สารณียธมฺมปูรกสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาหรถ น’’นฺติ สพฺพํ ปิณฺฑปาตํ วิจาเรตฺวา ภฺุชิตฺวาว ริตฺตปตฺตํ เปติ. อถ โส ภิกฺขุ ริตฺตปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ อนวเสเสตฺวาว ปริภฺุชึสู’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, สารณียธมฺโม ภิชฺชติ, ปุน ทฺวาทส วสฺสานิ ปูเรตพฺโพ โหติ. ติตฺถิยปริวาสสทิโส เหส, สกึ ขณฺเฑ ชาเต ปุน ปูเรตพฺโพว. โย ปน ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม ปตฺตคตํ อนาปุจฺฉาว สพฺรหฺมจาริโน ปริภฺุชนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ ชเนติ, ตสฺส ปุณฺโณ นาม โหติ.
เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺส ปน เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ สุลภปจฺจโย, ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานมฺปิ น ขียติ, ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ลภติ, ภเย วา ฉาตเก วา สมฺปตฺเต เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ.
ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – เลณคิริวาสี ติสฺสตฺเถโร กิร มหาขีรคามํ อุปนิสฺสาย วสติ. ปฺาสมตฺตา เถรา นาคทีปํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉนฺตา ขีรคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา นิกฺขมึสุ. เถโร ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต’’ติ. วิจริมฺห, อาวุโสติ. โส อลทฺธภาวํ ตฺวา อาห ‘‘ภนฺเต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ ¶ . มยํ, อาวุโส, ปฺาส ชนา ปตฺตเตมนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหาติ. ภนฺเต, เนวาสิกา นาม ปฏิพลา โหนฺติ, อลภนฺตาปิ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคํ ชานนฺตีติ. เถรา อาคมึสุ. เถโร คามํ ปาวิสิ. ธุรเคเหเยว มหาอุปาสิกา ขีรภตฺตํ สชฺเชตฺวา เถรํ โอโลกยมานา ิตา เถรสฺส ทฺวารํ สมฺปตฺตสฺเสว ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส ตํ อาทาย เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ สงฺฆตฺเถรํ อาห. เถโร ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตเกหิ กิฺจิ น ลทฺธํ, อยํ สีฆเมว คเหตฺวา อาคโต, กึ นุ โข’’ติ เสสานํ มุขํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกนากาเรเนว ตฺวา ‘‘ภนฺเต, ธมฺเมน สเมน ลทฺโธ ปิณฺฑปาโต, นิกฺกุกฺกุจฺจา คณฺหถา’’ติอาทิโต ปฏฺาย สพฺเพสํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ยาวทตฺถํ ภฺุชิ. อถ นํ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถรา ปุจฺฉึสุ ‘‘กทา, อาวุโส, โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌี’’ติ? นตฺถิ เม, ภนฺเต, โลกุตฺตรธมฺโมติ. ฌานลาภีสิ อาวุโสติ? เอตมฺปิ เม, ภนฺเต, นตฺถีติ. นนุ, อาวุโส, ปาฏิหาริยนฺติ? สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต, ตสฺส เม ปูริตกาลโต ปฏฺาย สเจปิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ โหติ, ปตฺตคตํ น ขียตีติ. สาธุ สาธุ สปฺปุริส อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺหนฺติ. อิทํ ตาว ปตฺตคตํ น ขียตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
อยเมว ¶ ปน เถโร เจติยปพฺพเต คิริภณฺฑมหาปูชาย ทานฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ทาเน กึ วรภณฺฑ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ทฺเว สาฏกา, ภนฺเตติ. เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ. ตํ สุตฺวา อมจฺโจ รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เอโก ทหโร เอวํ วทตี’’ติ. ‘‘ทหรสฺส เอวํ จิตฺตํ, มหาเถรานํ ปน สุขุมา สาฏกา วฏฺฏนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘มหาเถรานํ ทสฺสามี’’ติ เปสิ. ตสฺส ภิกฺขุสงฺเฆ ปฏิปาฏิยา ิเต เทนฺตสฺส มตฺถเก ปิตาปิ เต สาฏกา หตฺถํ นาโรหนฺติ, อฺเว อาโรหนฺติ. ทหรสฺส ทานกาเล ปน หตฺถํ อารุฬฺหา. โส ตสฺส หตฺเถ เปตฺวา อมจฺจสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา ทหรํ นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา สงฺฆํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทหรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ ธมฺมํ กทา ปฏิวิชฺฌิตฺถา’’ติ อาห. โส ปริยาเยนปิ อสนฺตํ อวทนฺโต ‘‘นตฺถิ มยฺหํ, มหาราช, โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพว อวจุตฺถาติ. อาม มหาราช, สารณียธมฺมปูรโก อหํ, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย ภาชนียฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ. ‘‘สาธุ สาธุ ภนฺเต, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุมฺหาก’’นฺติ ¶ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ ภาชนียฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
จณฺฑาลติสฺสภเยน ปน ภาตรคามวาสิโน นาคตฺเถริยา อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ. เถรี ปจฺจูสสมเย ‘‘อติ วิย อปฺปนิคฺโฆโส คาโม, อุปธาเรถ ตาวา’’ติ ทหรภิกฺขุนิโย อาห. ตา คนฺตฺวา สพฺเพสํ คตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถริยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถ, อตฺตโน อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิกาเรสุเยว โยคํ กโรถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ ปารุปิตฺวา อตฺตทฺวาทสมา คามทฺวาเร นิคฺโรธมูเล อฏฺาสิ. รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ทฺวาทสนฺนมฺปิ ภิกฺขุนีนํ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ‘‘อยฺเย อฺตฺถ มา คจฺฉถ, นิจฺจํ อิเธว เอถา’’ติ อาห. เถริยา ปน กนิฏฺภาตา นาคตฺเถโร นาม อตฺถิ, โส ‘‘มหนฺตํ ภยํ, น สกฺกา ยาเปตุํ, ปรตีรํ คมิสฺสามี’’ติ อตฺตทฺวาทสโม อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขนฺโต ‘‘เถรึ ทิสฺวา คมิสฺสามี’’ติ ภาตรคามํ อาคโต. เถรี ‘‘เถรา อาคตา’’ติ สุตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อยฺยา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา ‘‘อชฺช เอกทิวสํ วิหาเร วสิตฺวา สฺเวว คมิสฺสถา’’ติ อาห. เถรา วิหารํ อาคมํสุ.
เถรี ปุนทิวเส รุกฺขมูเล ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อฏฺาสิ. ธมฺมิโก ตาต ปิณฺฑปาโต, กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ปริภฺุชถาติ. วฏฺฏิสฺสติ เถรีติ. สา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเส ขิปิ. ปตฺโต อากาเส อฏฺาสิ. เถโร ‘‘สตฺตตาลมตฺเต ิตมฺปิ ภิกฺขุนีภตฺตเมว เถรี’’ติ วตฺวา ‘‘ภยํ นาม สพฺพกาลํ น โหติ, ภเย วูปสนฺเต อริยวํสํ กถยมาโน ‘โภ ปิณฺฑปาติก ¶ ภิกฺขุนีภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วีตินามยิตฺถา’ติ จิตฺเตน อนุวทิยมาโน สนฺถมฺภิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถ เถริโย’’ติ มคฺคํ อารุหิ. รุกฺขเทวตาปิ ‘‘สเจ เถโร เถริยา หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิสฺสติ, น นํ นิวตฺเตสฺสามิ, สเจ น ปริภฺุชิสฺสติ, นิวตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺตยมานา ตฺวา เถรสฺส คมนํ ทิสฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถา’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ รุกฺขมูลํเยว อาเนตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ทฺวาทส ภิกฺขุนิโย ทฺวาทส จ ภิกฺขู สตฺต วสฺสานิ อุปฏฺหิ ¶ . อิทํ เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตีติ เอตฺถ วตฺถุ. ตตฺร หิ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ.
นตฺถิ เอเตสํ ขณฺฑนฺติ อขณฺฑานิ, ตํ ปน เนสํ ขณฺฑํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปสมฺปนฺนสีลานํ อุทฺเทสกฺกเมน อาทิอนฺตา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘สตฺตสู’’ติอาทิ. อนุปสมฺปนฺนสีลานํ ปน สมาทานกฺกเมนปิ อาทิอนฺตา ลพฺภนฺติ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย. วิสทิสุทาหรณฺเจตํ ‘‘อขณฺฑานี’’ติ อิมสฺส อธิกตตฺตา. เอวํ เสสานิปิ อุทาหรณานิ. ขณฺฑนฺติ ขณฺฑวนฺตํ, ขณฺฑิตํ วา. ฉิทฺทนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. วิสภาควณฺเณน คาวี วิยาติ สมฺพนฺโธ. วิสภาควณฺเณน อุปฑฺฒํ ตติยภาคํ วา สมฺภินฺนวณฺณํ สพลํ, วิสภาควณฺเณเหว ปน พินฺทูหิ อนฺตรนฺตรา วิมิสฺสํ กมฺมาสํ. อยํ อิเมสํ วิเสโส.
ภุชิสฺสภาวกรณโตติ ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรณโต. สีลสฺส จ ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภาวาปาทนํ, เตนสฺส วิวฏฺฏูปนิสฺสยตา ทสฺสิตา. ‘‘ภุชิสฺสภาวกรณโต’’ติ จ อิมินา ภุชิสฺสกรานิ ภุชิสฺสานีติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. ยสฺมา จ ตํสมงฺคีปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิสฺโส นาม โหติ, ตสฺมาปิ ภุชิสฺสานิ. สุปริสุทฺธภาเวน ปาสํสตฺตา วิฺุปสตฺถานิ. อวิฺูนํ ปสํสาย อปฺปมาณภาวโต วิฺูคหณํ กตํ. ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตาติ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ ตณฺหาปรามาเสน ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว หุตฺวา ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต ภวิสฺสามี’’ติ ทิฏฺิปรามาเสน จ อปรามฏฺตฺตา. อถ วา ‘‘อยํ เต สีเลสุ ทาโส’’ติ จตูสุ วิปตฺตีสุ ยํ วา ตํ วา วิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมํ นาม ตฺวํ อาปนฺนปุพฺโพ’’ติ เกนจิ ปรามฏฺุํ อนุทฺธํเสตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อปรามฏฺานีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สีลํ นาม อวิปฺปฏิสาราทิปารมฺปริเยน ยาวเทว สมาธิสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.
สมานภาโว ¶ ¶ สามฺํ, ปริปุณฺณจตุปาริสุทฺธิภาเวน มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย เภทาภาวโต สีเลน สามฺํ สีลสามฺํ, ตํ คโต อุปคโตติ สีลสามฺคโต. เตนาห ‘‘สมานภาวูปคตสีโล’’ติ, สีลสมฺปตฺติยา สมานภาวํ อุปคตสีโล สภาควุตฺติโกติ อตฺโถ. โสตาปนฺนาทีนฺหิ สีลํ สมุทฺทนฺตเรปิ เทวโลเกปิ วสนฺตานํ อฺเสํ โสตาปนฺนาทีนํ สีเลน สมานเมว โหติ, นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺตํ. กามฺหิ ปุถุชฺชนานมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีเล นานตฺตํ น สิยา, ตํ ปน น เอกนฺติกนฺติ อิธ นาธิปฺเปตํ, มคฺคสีลํ ปน เอกนฺติกํ นิยตภาวโตติ ตเมว สนฺธาย ‘‘ยานิ ตานิ สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูตา. ทิฏฺีติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ. นิทฺโทสาติ นิทฺธุตโทสา, สมุจฺฉินฺนราคาทิปาปธมฺมาติ อตฺโถ. นิยฺยาตีติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคจฺฉติ. สยํ นิยนฺตีเยว หิ ตํมคฺคสมงฺคีปุคฺคลํ วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยาเปตีติ วุจฺจติ. ยา สตฺถุ อนุสิฏฺิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนกสฺสาติ อตฺโถ. ทิฏฺิสามฺคโตติ สจฺจสมฺปฏิเวเธน สมานทิฏฺิภาวํ อุปคโต.
กติปุจฺฉาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉอาปตฺติสมุฏฺานวารกถาวณฺณนา
๒๗๖. ปเมน อาปตฺติสมุฏฺาเนนาติอาทิ สพฺพํ อุทฺเทสนิทฺเทสาทิวเสน ปวตฺตปาฬึ อนุสาเรเนว สกฺกา วิฺาตุํ.
สมถเภทํ
อธิกรณปริยายวารกถาวณฺณนา
๒๙๓. โลโภ ¶ ¶ ปุพฺพงฺคโมติอาทีสุ ปน โลภเหตุ วิวทนโต ‘‘โลโภ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. านานีติ การณานิ. ติฏฺนฺติ เอตฺถาติ านํ. เก ติฏฺนฺติ? วิวาทาธิกรณาทโย. วสนฺติ เอตฺถาติ วตฺถุ. ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิ. กุสลากุสลาพฺยากตจิตฺตสมงฺคิโน วิวทนโต ‘‘นว เหตู’’ติ วุตฺตํ. ทฺวาทส มูลานีติ ‘‘โกธโน โหติ อุปนาหี’’ติอาทีนิ ทฺวาทส มูลานิ.
๒๙๔-๒๙๕. อิมาเนว ทฺวาทส กายวาจาหิ สทฺธึ ‘‘จุทฺทส มูลานี’’ติ วุตฺตานิ. สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา านานีติ เอตฺถ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส ยา อาปตฺติ, ตสฺสา ปุพฺเพ อาปนฺนา อาปตฺติโย านานีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วจนโต อาปตฺตาธิกรเณ อกุสลาพฺยากตวเสน ฉ เหตู วุตฺตา. กุสลจิตฺตํ ปน องฺคํ โหติ, น เหตุ.
๒๙๖. จตฺตาริ กมฺมานิ านานีติ เอตฺถ ‘‘เอวํ กตฺตพฺพ’’นฺติ อิติกตฺตพฺพตาทสฺสนวเสน ปวตฺตปาฬิ กมฺมํ นาม, ยถาิตปาฬิวเสน กโรนฺตานํ กิริยา กิจฺจาธิกรณํ นาม. ตฺติตฺติทุติยตฺติจตุตฺถกมฺมานิ ตฺติโต ชายนฺติ, อปโลกนกมฺมํ อปโลกนโตวาติ อาห ‘‘ตฺติโต วา อปโลกนโต วา’’ติ. กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ, สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เตหิ สเมตพฺพตฺตา ‘‘วิวาทาธิกรณสฺส สาธารณา’’ติ วุตฺตํ.
ตพฺภาคิยวารกถาวณฺณนา
๒๙๘. วิวาทาธิกรณสฺส ตพฺภาคิยาติ วิวาทาธิกรณสฺส วูปสมโต ตปฺปกฺขิกา.
สมถา สมถสฺส สาธารณวารกถาวณฺณนา
๒๙๙. เอกํ ¶ อธิกรณํ สพฺเพ สมถา เอกโต หุตฺวา สเมตุํ สกฺโกนฺติ น สกฺโกนฺตีติ ปุจฺฉนฺโต ‘‘สมถา สมถสฺส สาธารณา, สมถา ¶ สมถสฺส อสาธารณา’’ติ อาห. เยภุยฺยสิกาย สมนํ สมฺมุขาวินยํ วินา น โหตีติ อาห ‘‘เยภุยฺยสิกา สมฺมุขาวินยสฺส สาธารณา’’ติ. สติวินยาทีหิ สมนสฺส เยภุยฺยสิกาย กิจฺจํ นตฺถีติ อาห ‘‘สติวินยสฺส…เป… อสาธารณา’’ติ. เอวํ เสเสสุปิ. ตพฺภาคิยวาเรปิ เอเสว นโย.
วินยวารกถาวณฺณนา
๓๐๒. สพฺเพสมฺปิ สมถานํ วินยปริยาโย ลพฺภตีติ ‘‘วินโย สมฺมุขาวินโย’’ติอาทินา วินยวาโร อุทฺธโฏ. สิยา น สมฺมุขาวินโยติ เอตฺถ สมฺมุขาวินยํ เปตฺวา สติวินยาทโย เสสสมถา อธิปฺเปตา. เอส นโย เสเสสุปิ.
กุสลวารกถาวณฺณนา
๓๐๓. สงฺฆสฺส สมฺมุขา ปฏิฺาเต ตํ ปฏิชานนํ สงฺฆสมฺมุขตา นาม. ตสฺส ปฏิชานนจิตฺตํ สนฺธาย ‘‘สมฺมุขาวินโย กุสโล’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. นตฺถิ สมฺมุขาวินโย อกุสโลติ ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาหิ ติวงฺคิโก สมฺมุขาวินโย เอเตหิ วินา นตฺถิ. ตตฺถ กุสลจิตฺเตหิ กรณกาเล กุสโล, อรหนฺเตหิ กรณกาเล อพฺยากโต. เอเตสํ สงฺฆสมฺมุขตาทีนํ อกุสลปฏิปกฺขตฺตา อกุสลสฺส สมฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘นตฺถิ สมฺมุขาวินโย อกุสโล’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เยภุยฺยสิกา อธมฺมวาทีหิ วูปสมนกาเล, ธมฺมวาทีนมฺปิ อธมฺมวาทิมฺหิ สลากคฺคาหาปเก ชาเต อกุสลา. สติวินโย อนรหโต สฺจิจฺจ สติวินยทาเน อกุสโล. อมูฬฺหวินโย อนุมฺมตฺตกสฺส ทาเน, ปฏิฺาตกรณํ มูฬฺหสฺส อชานโต ปฏิฺาย กรเณ, ตสฺสปาปิยสิกา สุทฺธสฺส กรเณ, ติณวตฺถารกํ มหากลเห สฺจิจฺจ กรเณ จ อกุสลํ. สพฺพตฺถ อรหโต วเสเนว อพฺยากต’’นฺติ สพฺพเมตํ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
สมถวารวิสฺสชฺชนาวารกถาวณฺณนา
๓๐๔-๓๐๕. ยตฺถ เยภุยฺยสิกา ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติอาทิ ปุจฺฉา. ยสฺมึ ¶ สมเย สมฺมุขาวินเยน จาติอาทิ ตสฺสา ¶ วิสฺสชฺชนํ, ยสฺมึ สมเย สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตสฺมึ สมเย ยตฺถ เยภุยฺยสิกา ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติ เอวํ สพฺพตฺถ สมฺพนฺโธ. ยตฺถ ปฏิฺาตกรณํ ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติ เอตฺถ เอกํ วา ทฺเว วา พหู วา ภิกฺขู ‘‘อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุจฺฉิเต สติ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานเน ทฺเวปิ ปฏิฺาตกรณสมฺมุขาวินยา ลพฺภนฺติ. ตตฺถ ‘‘สงฺฆสมฺมุขตา ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตา’’ติ เอวํ วุตฺตสมฺมุขาวินเย สงฺฆสฺส ปุรโต ปฏิฺาตํ เจ, สงฺฆสมฺมุขตา. ตตฺเถว เทสิตํ เจ, ธมฺมวินยสมฺมุขตาโยปิ ลทฺธา โหนฺติ. อถ วิวทนฺตา อฺมฺํ ปฏิชานนฺติ เจ, ปุคฺคลสมฺมุขตา. ตสฺเสว สนฺติเก เทสิตํ เจ, ธมฺมวินยสมฺมุขตาโยปิ ลทฺธา โหนฺติ. เอกสฺเสว วา เอกสฺส สนฺติเก อาปตฺติเทสนกาเล ‘‘ปสฺสสิ, ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ตตฺถ ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาสฺิโต สมฺมุขาวินโย จ ปฏิฺาตกรณฺจ ลทฺธํ โหติ.
สํสฏฺวารกถาวณฺณนา
๓๐๖. อธิกรณานํ วูปสโมว สมโถ นาม, ตสฺมา อธิกรเณน วินา สมถา นตฺถีติ อาห ‘‘มา เหวนฺติสฺส วจนีโย…เป… วินิพฺภุชิตฺวา นานากรณํ ปฺาเปตุ’’นฺติ.
สมถาธิกรณวารกถาวณฺณนา
๓๐๙-๓๑๐. สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติอาทิ ปุจฺฉา. สิยา สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติอาทิ วิสฺสชฺชนํ. ตตฺถ สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติ เอตฺถ สมฺมนฺตีติ สมฺปชฺชนฺติ, อธิกรณา วา ปน สมฺมนฺติ วูปสมํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เยภุยฺยสิกา สมฺมุขาวินเยน สมฺมตีติ เอตฺถ สมฺมุขาวินเยน สทฺธึ เยภุยฺยสิกา สมฺปชฺชติ, น สติวินยาทีหิ สทฺธึ เตสํ ตสฺสา อนุปการตฺตาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๓๑๑. ‘‘สมฺมุขาวินโย วิวาทาธิกรเณน สมฺมตี’’ติ ปาโ. ‘‘สมฺมุขาวินโย น เกนจิ สมฺมตี’’ติ หิ อวสาเน วุตฺตตฺตา สมฺมุขาวินโย ¶ สยํ สมเถน วา อธิกรเณน วา สเมตพฺโพ น โหติ.
๓๑๓. วิวาทาธิกรณํ…เป… กิจฺจาธิกรเณน สมฺมตีติ เอตฺถ ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต ¶ …เป… ปมํ สลากํ นิกฺขิปามี’’ติ เอวํ วิวาทาธิกรณํ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมตีติ ทฏฺพฺพํ.
สมุฏฺาปนวารกถาวณฺณนา
๓๑๔. วิวาทาธิกรณํ น กตมํ อธิกรณํ สมุฏฺาเปตีติ ‘‘นายํ ธมฺโม’’ติ วุตฺตมตฺเตเนว กิฺจิ อธิกรณํ น สมุฏฺาเปตีติ อตฺโถ.
ภชติวารกถาวณฺณนา
๓๑๘-๙. กตมํ อธิกรณํ ปริยาปนฺนนฺติ กตมาธิกรณปริยาปนฺนํ, อยเมว วา ปาโ. วิวาทาธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ ภชตีติ ปมุปฺปนฺนวิวาทํ ปจฺฉา อุปฺปนฺโน ภชติ. วิวาทาธิกรณํ ทฺเว สมเถ ภชตีติ ‘‘มํ วูปสเมตุํ สมตฺถา ตุมฺเห’’ติ วทนฺตํ วิย ภชติ. ทฺวีหิ สมเถหิ สงฺคหิตนฺติ ‘‘มยํ ตํ วูปสเมสฺสามา’’ติ วทนฺเตหิ วิย ทฺวีหิ สมเถหิ สงฺคหิตํ.
ขนฺธกปุจฺฉาวาโร
ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวณฺณนา
๓๒๐. นิทาเนน ¶ ¶ จ นิทฺเทเสน จ สทฺธินฺติ เอตฺถ นิทาเนนาติ สิกฺขาปทปฺตฺติเทสสงฺขาเตน นิทาเนน. นิทฺเทเสนาติ ปุคฺคลาทินิทฺเทเสน. อุภเยนปิ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ, ตสฺมา วตฺถุนา สทฺธึ ขนฺธกํ ปุจฺฉิสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุปสมฺปทกฺขนฺธเก. อุตฺตมานิ ปทานิ วุตฺตานีติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อูนวีสติวสฺโส ปุคฺคโล อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๙๙, ๑๒๔) นเยน อุตฺตมปทานิ วุตฺตานิ. จมฺมสํยุตฺเตติ จมฺมกฺขนฺธเก.
เอกุตฺตริกนโย
เอกกวารวณฺณนา
๓๒๑. มูลวิสุทฺธิยา ¶ ¶ อนฺตราปตฺตีติ อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา มูลายปฏิกสฺสนํ กตฺวา ิเตน อาปนฺนา. ‘‘อคฺฆวิสุทฺธิยา อนฺตราปตฺตีติ สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิตฺวา ตาสุ สพฺพจิรปฏิจฺฉนฺนวเสน อคฺฆสโมธานํ คเหตฺวา วสนฺเตน อาปนฺนาปตฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. สอุสฺสาเหเนว จิตฺเตนาติ ‘‘ปุนปิ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ สอุสฺสาเหเนว จิตฺเตน. ภิกฺขุนีนํ อฏฺวตฺถุกาย วเสน เจตํ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘อฏฺเม วตฺถุสฺมึ ภิกฺขุนิยา ปาราชิกเมว โหตี’’ติ. ‘‘ธมฺมิกสฺส ปฏิสฺสวสฺส อสจฺจาปเน’’ติ วุตฺตตฺตา อธมฺมิกปฏิสฺสวสฺส วิสํวาเท ทุกฺกฏํ น โหติ. ‘‘ตุมฺเห วิพฺภมถา’’ติ หิ วุตฺเต สุทฺธจิตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา สเจ น วิพฺภมติ, อนาปตฺติ. เอวํ สพฺพตฺถ. ปฺจทสสุ ธมฺเมสูติ ‘‘กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลนา’’ติอาทินา วุตฺตปฺจทสธมฺเมสุ. อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภพฺพตาย ภพฺพาปตฺติกา.
เอกกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุกวารวณฺณนา
๓๒๒. ทุเกสุ นิทหเนติ อาตเป อติจิรํ เปตฺวา นิทหเน. วตฺถุสภาคํ เทเสนฺโต เทเสนฺโต อาปชฺชติ, อาปนฺนํ อาปตฺตึ น เทเสสฺสามีติ ธุรํ นิกฺขิปนฺโต น เทเสนฺโต อาปชฺชติ. โรมชนปเท ชาตํ โรมกํ. ปกฺกาลกนฺติ ยวกฺขารํ. อนฺุาตโลณตฺตา โลณานิปิ ทุเกสุ วุตฺตานิ.
ทุกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติกวารวณฺณนา
๓๒๓. ติเกสุ ¶ ¶ วจีสมฺปยุตฺตํ กายกิริยํ กตฺวาติ กาเยน นิปจฺจการํ กตฺวา. มุขาลมฺพรกรณาทิเภโทติ มุขเภริวาทนาทิปฺปเภโท. ยสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกเม กายสมุฏฺานา อาปตฺติโย, ตํ กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทํ. อุปฆาเตตีติ วินาเสติ. น อาทาตพฺพนฺติ ‘‘อิมสฺมา วิหารา ปรมฺปิ มา นิกฺขม, วินยธรานํ วา สนฺติกํ อาคจฺฉ วินิจฺฉยํ ทาตุ’’นฺติ วุตฺเต ตสฺส วจนํ น คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อกุสลานิ เจว มูลานิ จาติ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน เอกนฺตากุสลภาวโต อกุสลานิ, อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนโต มูลานิ, น อกุสลภาวสาธนโต. น หิ มูลโต อกุสลานํ อกุสลภาโว, กุสลาทีนํ วา กุสลาทิภาโว. ตถา จ สติ โมมูหจิตฺตทฺวยโมหสฺส อกุสลภาโว น สิยา.
ทุฏฺุ จริตานีติ ปจฺจยโต สมฺปยุตฺตธมฺมโต ปวตฺติอาการโต จ น สุฏฺุ อสมฺมาปวตฺติตานิ. วิรูปานีติ พีภจฺฉานิ สมฺปติ อายติฺจ อนิฏฺรูปตฺตา. สุฏฺุ จริตานีติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทฺเวปิ เจเต ติกา ปณฺณตฺติยา วา กมฺมปเถหิ วา กเถตพฺพา. ปณฺณตฺติยา ตาว กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม กายทุจฺจริตํ, อวีติกฺกโม กายสุจริตํ. วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม วจีทุจฺจริตํ, อวีติกฺกโม วจีสุจริตํ. อุภยตฺถ ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม มโนทุจฺจริตํ มโนทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส อภาวโต. ตยิทํ ทฺวารทฺวเย อกิริยสมุฏฺานาย อาปตฺติยา วเสน เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตาย อาปตฺติยา อวีติกฺกโมว มโนสุจริตํ. อยํ ปณฺณตฺติกถา.
ปาณาติปาตาทโย ปน ติสฺโส เจตนา กายทฺวาเร วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํ ทฺวารนฺตเร อุปฺปนฺนสฺสปิ กมฺมสฺส สนามาปริจฺจาคโต เยภุยฺยวุตฺติยา ตพฺพหุลวุตฺติยา จ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;
ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อฺมฺํ ววตฺถิตา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. กามาวจรกุสล ทฺวารกถา, กายกมฺมทฺวาร);
ตถา ¶ ¶ จตสฺโส มุสาวาทาทิเจตนา กายทฺวาเรปิ วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนา วจีทุจฺจริตํ, อภิชฺฌา พฺยาปาโท มิจฺฉาทิฏฺีติ ตโย มโนกมฺมภูตาย เจตนาย สมฺปยุตฺตธมฺมา มโนทุจฺจริตํ, กายวจีกมฺมภูตาย ปน เจตนาย สมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย ตํตํปกฺขิกา วา โหนฺติ อพฺโพหาริกา วา. ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ติสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํ กายิกสฺส วีติกฺกมสฺส อกรณวเสน ปวตฺตนโต. กาเยน ปน สิกฺขาปทานํ สมาทิยมาเน สีลสฺส กายสุจริตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. มุสาวาทาทีหิ วิรมนฺตสฺส จตสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ วจีสุจริตํ วาจสิกสฺส วีติกฺกมสฺส อกรณวเสน ปวตฺตนโต. อนภิชฺฌา อพฺยาปาโท สมฺมาทิฏฺีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ อยํ กมฺมปถกถา.
ติกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุกฺกวารวณฺณนา
๓๒๔. จตุกฺเกสุ อนริยโวหาราติ อนริยานํ ลามกานํ โวหารา สํโวหารา อภิลาปวาจา. อริยโวหาราติ อริยานํ สปฺปุริสานํ โวหารา. ทิฏฺวาทิตาติ ‘‘ทิฏฺํ มยา’’ติ เอวํวาทิตา. เอตฺถ จ ตํตํสมุฏฺาปกเจตนาวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปมกปฺปิเกสุ ปมํ ปุริสลิงฺคเมว อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘ปมํ อุปฺปนฺนวเสนา’’ติ. ปุริมํ ปุริสลิงฺคํ ปชหตีติ ยถาวุตฺเตนตฺเถน ปุพฺพงฺคมภาวโต ปุริมสงฺขาตํ ปุริสลิงฺคํ ชหติ. สตํ ตึสฺจ สิกฺขาปทานีติ ตึสาธิกานิ สตํ สิกฺขาปทานิ.
ภิกฺขุสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ จตูสุ ปาราชิเกสูติ สาธารเณสุเยว จตูสุ ปาราชิเกสุ. ปโม ปฺโหติ ‘‘อตฺถิ วตฺถุนานตฺตตา, โน อาปตฺตินานตฺตตา’’ติ อยํ ปฺโห. ‘‘อตฺถิ อาปตฺติสภาคตา, โน วตฺถุสภาคตา’’ติ อยํ อิธ ทุติโย นาม.
อนาปตฺติวสฺสจฺเฉทสฺสาติ นตฺถิ เอตสฺมึ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ อนาปตฺติวสฺสจฺเฉโท, ตสฺส, อนาปตฺติกสฺส วสฺสจฺเฉทสฺสาติ อตฺโถ. มนฺตาภาสาติ ¶ มติยา อุปปริกฺขิตฺวา ภาสนโต อสมฺผปฺปลาปวาจา อิธ ‘‘มนฺตาภาสา’’ติ วุตฺตา.
นวมภิกฺขุนิโต ¶ ปฏฺาย อุปชฺฌายาปิ อภิวาทนารหา โน ปจฺจุฏฺานารหาติ ยสฺมา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภตฺตคฺเค อฏฺนฺนํ ภิกฺขุนีนํ ยถาวุฑฺฒํ อวเสสานํ ยถาคติก’’นฺติ วทนฺเตน ภควตา ภตฺตคฺเค อาทิโต ปฏฺาย อฏฺนฺนํเยว ภิกฺขุนีนํ ยถาวุฑฺฒํ อนฺุาตํ, อวเสสานํ อาคตปฏิปาฏิยา, ตสฺมา นวมภิกฺขุนิโต ปฏฺาย สเจ อุปชฺฌายาปิ ภิกฺขุนี ปจฺฉา อาคจฺฉติ, น ปจฺจุฏฺานารหา, ยถานิสินฺนาหิเยว สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อภิวาเทตพฺพตฺตา อภิวาทนารหา. อาทิโต นิสินฺนาสุ ปน อฏฺสุ ยา อพฺภนฺตริมา อฺา วุฑฺฒตรา อาคจฺฉติ, สา อตฺตโน นวกตรํ วุฏฺาเปตฺวา นิสีทิตุํ ลภติ. ตสฺมา สา ตาหิ อฏฺหิ ภิกฺขุนีหิ ปจฺจุฏฺานารหา. ยา ปน อฏฺหิปิ นวกตรา, สา สเจปิ สฏฺิวสฺสา โหติ, อาคตปฏิปาฏิยาว นิสีทิตุํ ลภติ.
อิธ น กปฺปนฺตีติ วทนฺโตติ ปจฺจนฺติมชนปเทสุ ตฺวา ‘‘อิธ น กปฺปนฺตี’’ติ วทนฺโต วินยาติสารทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. กปฺปิยฺหิ ‘‘น กปฺปตี’’ติ วทนฺโต ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทติ นาม. อิธ กปฺปนฺตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
จตุกฺกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจกวารวณฺณนา
๓๒๕. ปฺจเกสุ ‘‘นิมนฺติโต สภตฺโต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา’’ติ (ปาจิ. ๒๙๔-๒๙๗) วจนโต อกปฺปิยนิมนฺตนํ สาทิยนฺตสฺเสว อนามนฺตจาโร น วฏฺฏตีติ ‘‘ปิณฺฑปาติกสฺส กปฺปนฺตี’’ติ วุตฺตํ. คณโภชนาทีสุปิ เอเสว นโย. อธิฏฺหิตฺวา โภชนนฺติ ‘‘คิลานสมโย’’ติอาทินา อาโภคํ กตฺวา โภชนํ. อวิกปฺปนาติ ‘‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ อวิกปฺปนา.
อยสโต วา ครหโต วาติ เอตฺถ ปรมฺมุขา อคุณวจนํ อยโส. สมฺมุขา ครหา. วิยสตีติ พฺยสนํ, หิตสุขํ ขิปติ วิทฺธํเสตีติ อตฺโถ. าตีนํ ¶ พฺยสนํ าติพฺยสนํ, โจรโรคภยาทีหิ าติวินาโสติ อตฺโถ. โภคานํ พฺยสนํ โภคพฺยสนํ, ราชโจราทิวเสน โภควินาโสติ อตฺโถ. โรโค เอว พฺยสนํ โรคพฺยสนํ. โรโค หิ อาโรคฺยํ พฺยสติ วินาเสตีติ พฺยสนํ. สีลสฺส พฺยสนํ สีลพฺยสนํ, ทุสฺสีลฺยสฺเสตํ นามํ. สมฺมาทิฏฺึ วินาสยมานา อุปฺปนฺนา ทิฏฺิเยว พฺยสนํ ทิฏฺิพฺยสนํ. าติสมฺปทาติ าตีนํ สมฺปทา ปาริปูริ พหุภาโว ¶ . โภคสมฺปทายปิ เอเสว นโย. อาโรคฺยสฺส สมฺปทา อาโรคฺยสมฺปทา. ปาริปูริ ทีฆรตฺตํ อโรคตา. สีลทิฏฺิสมฺปทาสุปิ เอเสว นโย.
วตฺตํ ปริจฺฉินฺทีติ ตสฺมึ ทิวเส กาตพฺพวตฺตํ นิฏฺาเปสิ. อฏฺ กปฺเป อนุสฺสรีติอาทินา ตสฺมึ ขเณ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปุพฺเพนิวาสาณํ นิพฺพตฺเตสีติ ทีเปติ. ตฺติยา กมฺมปฺปตฺโต หุตฺวาติ ตฺติยา ปิตาย อนุสฺสาวนกมฺมปฺปตฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ.
มนฺทตฺตา โมมูหตฺตาติ เนว สมาทานํ ชานาติ, น อานิสํสํ, อตฺตโน ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา อฺาเณเนว อารฺิโก โหติ. ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโตติ ‘‘อรฺเ เม วิหรนฺตสฺส ‘อยํ อารฺิโก’ติ จตุปฺปจฺจยสกฺการํ กริสฺสนฺติ, ‘อยํ ภิกฺขุ ลชฺชี ปวิวิตฺโต’ติอาทีหิ จ คุเณหิ สมฺภาเวสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ปาปิกาย อิจฺฉาย ตฺวา ตาย เอว อิจฺฉาย อภิภูโต หุตฺวา อารฺิโก โหตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อรฺวาเสน ปจฺจยลาภํ ปตฺถยมาโน’’ติ. อุมฺมาทวเสน อรฺํ ปวิสิตฺวา วิหรนฺโต อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา อารฺิโก นาม โหติ. วณฺณิตนฺติ อิทํ อารฺิกงฺคํ นาม พุทฺเธหิ พุทฺธสาวเกหิ จ วณฺณิตํ ปสตฺถนฺติ อารฺิโก โหติ.
ปฺจกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉกฺกวารวณฺณนา
๓๒๖. ฉกฺเกสุ ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพนฺติ ปทภาชนํ ทสฺสิตํ. เสสํ อุตฺตานเมว.
ฉกฺกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตกวารวณฺณนา
๓๒๗. สตฺตเกสุ ¶ ฉกฺเก วุตฺตานิเยว สตฺตกวเสน โยเชตพฺพานีติ ฉกฺเก วุตฺตจุทฺทสปรมานิ ทฺวิธา กตฺวา ทฺวินฺนํ สตฺตกานํ วเสน โยเชตพฺพานิ.
อาปตฺตึ ชานาตีติ อาปตฺตึเยว ‘‘อาปตฺตี’’ติ ชานาติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อาภิเจตสิกานนฺติ ¶ เอตฺถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๖๖) อภิเจโตติ ปากติกกามาวจรจิตฺเตหิ สุนฺทรตาย ปฏิปกฺขโต วิสุทฺธตฺตา จ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธจิตฺตํ วุจฺจติ, อุปจารชฺฌานจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. อภิเจตสิ ชาตานิ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโตสนฺนิสฺสิตานีติ วา อาภิเจตสิกานิ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารานํ. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว วุจฺจติ, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อตฺโถ. รูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํ. ตานิ หิ อปฺเปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมิฺเว อตฺตภาเว อสํกิลิฏฺํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺติ. นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี, อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภี, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อกิจฺฉลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺเม วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อกสิรลาภีติ อกสิรานํ ลาภี วิปุลานํ, ยถาปริจฺเฉเทเนว วุฏฺาตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สกฺโกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ. เอกจฺโจ สกฺโกติ ตถา สมาปชฺชิตุํ, ปาริปนฺถิเก ปน กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ. เอกจฺโจ ตถา จ สมาปชฺชติ, ปาริปนฺถิเก จ อกิจฺเฉเนว วิกฺขมฺเภติ, น สกฺโกติ กาลมานนาฬิกยนฺตํ วิย ยถาปริจฺเฉเทเยว วุฏฺาตุํ.
อาสวานํ ขยาติ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ขยา. อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํ. เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโต-วจเนน อรหตฺตผลสมฺปยุตฺโต สมาธิ, ปฺา-วจเนน ตํสมฺปยุตฺตา จ ปฺา วุตฺตา. ตตฺถ จ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปฺา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํ (สํ. นิ. ๕.๕๒๐). ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปฺา, ตทสฺส ปฺินฺทฺริยํ ¶ (สํ. นิ. ๕.๕๑๖). อิติ โข, ภิกฺขเว, ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๓๒). อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจเยน ตฺวาติ อตฺโถ. สุตมยาณาทินา วิย ปรปฺปจฺจยตํ นยคฺคาหฺจ มฺุจิตฺวา ปรโตโฆสานุคตภาวนาธิคมภูตาย อตฺตโนเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, น สยมฺภูาณภูตายาติ อธิปฺปาโย. อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหรติ.
สตฺตกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺกวารวณฺณนา
๓๒๘. อฏฺเกสุ ¶ อฏฺานิสํเส สมฺปสฺสมาเนนาติ –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ, โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหติ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ, เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ เอวํ ชานนฺติ ‘อยํ โข อายสฺมา พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม, สเจ มยํ อิมํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิสฺสาม, น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา อุโปสถํ กริสฺสาม, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ตโตนิทานํ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณ’นฺติ, เภทครุเกหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ น โส ภิกฺขุ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๔๕๓) –
อาทินา วุตฺตอฏฺานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน. เตน หิ สทฺธึ อุโปสถาทิอกรณํ อาทีนโว เภทาย สํวตฺตนโต, กรณํ อานิสํโส ¶ สามคฺคิยา สํวตฺตนโต. ตสฺมา เอเต อฏฺานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน น โส ภิกฺขุ อุกฺขิปิตพฺโพติ อตฺโถ.
ทุติยอฏฺเกปิ อฏฺานิสํเส สมฺปสฺสมาเนนาติ –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ, โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหติ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ, โส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เต ภิกฺขู เอวํ ชานาติ ‘อิเม โข อายสฺมนฺโต พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา เมธาวิโน ลชฺชิโน กุกฺกุจฺจกา สิกฺขากามา, นาลํ มมํ วา การณา อฺเสํ วา การณา ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, สเจ มํ อิเม ภิกฺขู อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิสฺสนฺติ, น มยา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสนฺติ, วินา มยา อุโปสถํ กริสฺสนฺติ, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ตโตนิทานํ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณ’นฺติ, เภทครุเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปเรสมฺปิ สทฺธาย สา อาปตฺติ เทเสตพฺพา’’ติ (มหาว. ๔๕๓) –
อาทินา ¶ วุตฺตอฏฺานิสํเส สมฺปสฺสมาเนนาติ อตฺโถ.
ปาฬิยํ อาคเตหิ สตฺตหีติ ‘‘ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘มุสา ภณิสฺส’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘มุสา ภณามี’ติ, ภณิตสฺส โหติ ‘มุสา มยา ภณิต’นฺติ วินิธาย ทิฏฺึ, วินิธาย ขนฺตึ, วินิธาย รุจึ, วินิธาย ภาว’’นฺติ (ปารา. ๒๒๐) เอวมาคเตหิ สตฺตหิ.
อพฺรหฺมจริยาติ อเสฏฺจริยโต. รตฺตึ น ภฺุเชยฺย วิกาลโภชนนฺติ อุโปสถํ อุปวุตฺโถ รตฺติโภชนฺจ ทิวาวิกาลโภชนฺจ น ภฺุเชยฺย. มฺเจ ฉมายํว สเยถ สนฺถเตติ กปฺปิยมฺเจ วา สุธาทิปริกมฺมกตาย ภูมิยํ วา ติณปณฺณปลาลาทีนิ สนฺถริตฺวา กเต สนฺถเต วา สเยถาติ อตฺโถ. เอตฺหิ อฏฺงฺคีกมาหุโปสถนฺติ เอตํ ปาณาติปาตาทีนิ อสมาจรนฺเตน อุปวุตฺถอุโปสถํ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘อฏฺงฺคิก’’นฺติ วทนฺติ.
‘‘อกปฺปิยกตํ ¶ โหติ อปฺปฏิคฺคหิตก’’นฺติอาทโย อฏฺ อนติริตฺตา นาม. สปฺปิอาทิ อฏฺเม อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ โหติ. อฏฺกวเสน โยเชตฺวา เวทิตพฺพานีติ ปุริมานิ อฏฺ เอกํ อฏฺกํ, ตโต เอกํ อปเนตฺวา เสเสสุปิ เอเกกํ ปกฺขิปิตฺวาติ เอวมาทินา นเยน อฺานิปิ อฏฺกานิ กาตพฺพานีติ อตฺโถ.
อฏฺกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นวกวารวณฺณนา
๓๒๙. นวเกสุ อาฆาตวตฺถูนีติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๙.๒๙) อาฆาตการณานิ. อาฆาตปฏิวินยานีติ อาฆาตสฺส ปฏิวินยการณานิ. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ ‘‘ตํ อนตฺถจรณํ มา อโหสี’’ติ เอตสฺมึ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา เกน การเณน สกฺกา ลทฺธุํ. ‘‘ปโร นาม ปรสฺส อตฺตโน จิตฺตรุจิยา อนตฺถํ กโรตี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา อาฆาตํ ปฏิวิโนเทติ. อถ วา สจาหํ ปฏิกฺโกปํ กเรยฺยํ, ตํ โกปกรณํ เอตฺถ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา, เกน การเณน ลทฺธพฺพํ นิรตฺถกภาวโตติ อตฺโถ. กมฺมสฺสกา หิ สตฺตา, เต กสฺส รุจิยา ทุกฺขิตา สุขิตา วา ภวนฺติ, ตสฺมา เกวลํ ตสฺมึ มยฺหํ กุชฺฌนมตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย. อถ วา ตํ โกปกรณํ เอตฺถ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา ปรมตฺถโต กุชฺฌิตพฺพสฺส ¶ กุชฺฌนกสฺส จ อภาวโต. สงฺขารมตฺตฺเหตํ ยทิทํ ขนฺธปฺจกํ ยํ ‘‘สตฺโต’’ติ วุจฺจติ, เต จ สงฺขารา อิตฺตรกาลา ขณิกา, กสฺส โก กุชฺฌตีติ อตฺโถ. ‘‘กุโต ลาภา’’ติปิ ปาโ, สจาหํ เอตฺถ โกปํ กเรยฺยํ, ตสฺมึ เม โกปกรเณ กุโต ลาภา, ลาภา นาม เก สิยุํ อฺตฺร อนตฺถุปฺปตฺติโตติ อตฺโถ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ ตนฺติ นิปาตมตฺตเมว โหติ.
ตณฺหํ ปฏิจฺจาติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๐๓; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๙.๒๓) ทฺเว ตณฺหา เอสนตณฺหา เอสิตตณฺหา จ. ยาย ตณฺหาย อชปถสงฺกุปถาทีนิ ปฏิปชฺชิตฺวา โภเค เอสติ คเวสติ, อยํ เอสนตณฺหา นาม. ยา เตสุ เอสิเตสุ คเวสิเตสุ ปฏิลทฺเธสุ ¶ ตณฺหา, อยํ เอสิตตณฺหา นาม. อิธ เอสิตตณฺหา ทฏฺพฺพา. ปริเยสนาติ รูปาทิอารมฺมณปริเยสนา. สา หิ เอสนตณฺหาย สติ โหติ. ลาโภติ รูปาทิอารมฺมณปฺปฏิลาโภ. โส หิ ปริเยสนาย สติ โหติ. วินิจฺฉโย ปน าณตณฺหาทิฏฺิวิตกฺกวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ ‘‘สุขวินิจฺฉยํ ชฺา, สุขวินิจฺฉยํ ตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยฺุเชยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๒๓) อยํ าณวินิจฺฉโย. ‘‘วินิจฺฉโยติ ทฺเว วินิจฺฉยา ตณฺหาวินิจฺฉโย จ ทิฏฺิวินิจฺฉโย จา’’ติ (มหานิ. ๑๐๒) เอวํ อาคตานิ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ ตณฺหาวินิจฺฉโย. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ทิฏฺิวินิจฺฉโย. ‘‘ฉนฺโท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๘) อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อิธ วินิจฺฉโยติ วุตฺโต วิตกฺโกเยว อาคโต. ลาภํ ลภิตฺวา หิ อิฏฺานิฏฺํ สุนฺทราสุนฺทรฺจ วิตกฺเกน วินิจฺฉินาติ ‘‘เอตฺตกํ เม รูปารมฺมณตฺถาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ สทฺทารมฺมณตฺถาย, เอตฺตกํ มยฺหํ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ปรสฺส, เอตฺตกํ ปริภฺุชิสฺสามิ, เอตฺตกํ นิทหิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ.
ฉนฺทราโคติ เอวํ อกุสลวิตกฺเกน วิตกฺกิเต วตฺถุสฺมึ ทุพฺพลราโค จ พลวราโค จ อุปฺปชฺชติ. อชฺโฌสานนฺติ ‘‘อหํ, มม’’นฺติ พลวสนฺนิฏฺานํ. ปริคฺคโหติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปริคฺคหกรณํ. มจฺฉริยนฺติ ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหนตา. เตเนวสฺส โปราณา เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ ‘‘อิทํ อจฺฉริยํ มยฺเหว โหตุ, มา อฺสฺส อจฺฉริยํ โหตูติ ปวตฺตตฺตา มจฺฉริยนฺติ วุจฺจตี’’ติ. อารกฺโขติ ทฺวารปิทหนมฺชูสาโคปนาทิวเสน สุฏฺุ รกฺขณํ. อธิ กโรตีติ อธิกรณํ, การณสฺเสตํ นามํ. อารกฺขาธิกรณนฺติ ภาวนปุํสกํ, อารกฺขเหตูติ อตฺโถ. ทณฺฑาทานาทีสุ ปรนิเสธนตฺถํ ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. เอกโตธาราทิโน สตฺถสฺส อาทานํ สตฺถาทานํ. กลโหติ กายกลโหปิ วาจากลโหปิ. ปุริโม ปุริโม วิโรโธ วิคฺคโห, ปจฺฉิโม ปจฺฉิโม วิวาโท. ตุวํ ตุวนฺติ อคารววเสน ‘‘ตุวํ ตุว’’นฺติ วจนํ.
อธิฏฺิตกาลโต ¶ ปฏฺาย น วิกปฺเปตพฺพานีติ วิกปฺเปนฺเตน อธิฏฺานโต ปุพฺเพ วา
วิกปฺเปตพฺพํ, วิชหิตาธิฏฺานํ วา ปจฺฉาวิกปฺเปตพฺพํ. อวิชหิตาธิฏฺานํ ¶ ปน น วิกปฺเปตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ทุกฺกฏวเสน วุตฺตานีติ ‘‘วคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ วคฺคสฺี โอวทตี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๕๐) นเยน อธมฺมกมฺเม ทฺเว นวกานิ ทุกฺกฏวเสน วุตฺตานิ.
นวกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสกวารวณฺณนา
๓๓๐. ทสเกสุ นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิวเสน เวทิตพฺพาติ ‘‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา, เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๙๔, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐) เอวมาคตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สสฺสโต โลโกติอาทิวเสนาติ ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖๙) เอวมาคตํ สงฺคณฺหาติ.
มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย มิจฺฉาวิมุตฺติปริโยสานาติ ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมนฺโต มิจฺฉาอาชีโว มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ มิจฺฉาสมาธิ มิจฺฉาาณํ มิจฺฉาวิมุตฺตี’’ติ (วิภ. ๙๗๐) เอวมาคตํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ มิจฺฉาาณนฺติ ปาปกิริยาสุ อุปายจินฺตาวเสน ปาปกํ กตฺวา ‘‘สุกตํ มยา’’ติ ปจฺจเวกฺขณากาเรน จ อุปฺปนฺโน โมโห. มิจฺฉาวิมุตฺตีติ อวิมุตฺตสฺเสว สโต วิมุตฺติสฺิตา. สมถกฺขนฺธเก นิทฺทิฏฺาติ ‘‘โอรมตฺตกํ อธิกรณํ โหติ, น จ คติคตํ, น จ สริตสาริต’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๒๐๔) นิทฺทิฏฺา. สมถกฺขนฺธเก วุตฺเตหิ สมนฺนาคโต โหตีติ ¶ สมฺพนฺโธ. มาตุรกฺขิตาทโย ทส อิตฺถิโย. ธนกฺกีตาทโย ทส ภริยาโย.
ทสกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกาทสกวารวณฺณนา
๓๓๑. เอกาทสเกสุ ¶ น โวทายนฺตีติ น ปกาสนฺติ. สุยุตฺตยานสทิสาย กตายาติ อิจฺฉิติจฺฉิตกาเล สุเขน ปวตฺเตตพฺพตฺตา ยุตฺตยานํ วิย กตาย. ยถา ปติฏฺา โหตีติ สมฺปตฺตีนํ ยถา ปติฏฺา โหติ. อนุ อนุ ปวตฺติตายาติ ภาวนาพหุลีกาเรหิ อนุ อนุ ปวตฺติตาย.
สุขํ สุปตีติอาทีสุ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๑.๑๕; วิสุทฺธิ ๑.๒๕๘) ยถา เสสชนา สมฺปริวตฺตมานา กากจฺฉมานา ทุกฺขํ สุปนฺติ, เอวํ อสุปิตฺวา สุขํ สุปติ, นิทฺทํ โอกฺกนฺโตปิ สมาปตฺตึ สมาปนฺโน วิย โหติ. สุขํ ปฏิพุชฺฌตีติ ยถา อฺเ นิตฺถุนนฺตา วิชมฺภนฺตา สมฺปริวตฺตนฺตา ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌนฺติ, เอวํ อปฺปฏิพุชฺฌิตฺวา วิกสมานมิว ปทุมํ สุขํ นิพฺพิการํ ปฏิพุชฺฌติ. อนุภูตปุพฺพวเสน เทวตูปสํหารวเสน จสฺส ภทฺทกเมว สุปินํ โหติ, น ปาปกนฺติ อาห ‘‘ปาปกเมว น ปสฺสตี’’ติอาทิ. ธาตุกฺโขภเหตุกมฺปิ จสฺส พหุลํ ภทฺทกเมว สิยา เยภุยฺเยน จิตฺตชรูปานุคุณตาย อุตุอาหารชรูปานํ. ตตฺถ ปาปกเมว น ปสฺสตีติ ยถา อฺเ อตฺตานํ โจเรหิ สมฺปริวาริตํ วิย, วาเฬหิ อุปทฺทุตํ วิย, ปปาเต ปตนฺตํ วิย จ ปสฺสนฺติ, เอวํ ปาปกเมว สุปินํ น ปสฺสติ. ภทฺรกํ ปน วุฑฺฒิการณภูตํ ปสฺสตีติ เจติยํ วนฺทนฺโต วิย, ปูชํ กโรนฺโต วิย, ธมฺมํ สุณนฺโต วิย จ โหติ.
มนุสฺสานํ ปิโย โหตีติ อุเร อามุกฺกมุตฺตาหาโร วิย, สีเส ปิฬนฺธมาลา วิย จ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ มนาโป. อมนุสฺสานํ ปิโย โหตีติ ยเถว จ มนุสฺสานํ ปิโย, เอวํ อมนุสฺสานมฺปิ ปิโย โหติ วิสาขตฺเถโร วิย. นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมตีติ เมตฺตาวิหาริสฺส กาเย อุตฺตราย อุปาสิกาย วิย อคฺคิ วา, สํยุตฺตภาณกจูฬสีวตฺเถรสฺเสว ¶ วิสํ วา, สํกิจฺจสามเณรสฺเสว สตฺถํ วา น กมติ น ปวิสติ, นาสฺส กายํ วิโกเปตีติ วุตฺตํ โหติ. เธนุวตฺถุมฺปิ เจตฺถ กถยนฺติ, เอกา กิร เธนุ วจฺฉกสฺส ขีรธารํ มฺุจมานา อฏฺาสิ. เอโก ลุทฺทโก ‘‘ตํ วิชฺฌิสฺสามี’’ติ หตฺเถน สมฺปริวตฺเตตฺวา ทีฆทณฺฑกํ สตฺตึ มฺุจิ. สา ตสฺสา สรีรํ อาหจฺจ ตาลปณฺณํ วิย วิวฏฺฏมานา คตา, เนว อุปจารพเลน น อปฺปนาพเลน, เกวลํ ปน วจฺฉเก พลวหิตจิตฺตตาย. เอวํ มหานุภาวา เมตฺตา. ขิปฺปํ สมาธิยตีติ เกนจิ ปริปนฺเถน ปริหีนชฺฌานสฺส พฺยาปาทสฺส ทูรสมนุสฺสริตภาวโต ขิปฺปเมว สมาธิยติ. มุขวณฺโณ วิปฺปสีทตีติ พนฺธนา ปมุตฺตตาลปกฺกํ วิย จสฺส วิปฺปสนฺนวณฺณํ มุขํ โหติ. อสมฺมูฬฺโห กาลํ ¶ กโรตีติ เมตฺตาวิหาริโน สมฺโมหมรณํ นาม นตฺถิ, อสมฺมูฬฺโหว นิทฺทํ โอกฺกมนฺโต วิย กาลํ กโรติ.
เอกาทสกวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกุตฺตริกนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถาทิปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวณฺณนา
๓๓๒. ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมีติอาทิ ปวารณากถา นามา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
อตฺถวสปกรณวณฺณนา
๓๓๔. ปมปาราชิกวณฺณนายเมว วุตฺตนฺติ ‘‘สงฺฆสุฏฺุตายา’’ติอาทีนํ อตฺถวณฺณนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทสกฺขตฺตุํ โยชนาย ปทสตํ วุตฺตนฺติ เอกมูลกนเย ทสกฺขตฺตุํ โยชนาย กตาย สงฺขลิกนเย วุตฺตปเทหิ สทฺธึ ปทสตํ วุตฺตนฺติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อฺถา เอกมูลเก เอว นเย น สกฺกา ปทสตํ ลทฺธุํ. เอกมูลกนเยหิ ปุริมปจฺฉิมปทานิ เอกโต กตฺวา เอเกกสฺมึ วาเร นว นว ปทานิ วุตฺตานีติ ทสกฺขตฺตุํ โยชนาย นวุติ ปทานิเยว ลพฺภนฺติ. ตสฺมา ตานิ นวุติ ปทานิ สงฺขลิกนเย พทฺธจกฺกวเสน โยชิเต ทส ปทานิ ลพฺภนฺตีติ เตหิ สทฺธึ ปทสตนฺติ สกฺกา วตฺตุํ. อิโต อฺถา ปน อุโภสุปิ ¶ นเยสุ วิสุํ วิสุํ อตฺถสตํ ธมฺมสตฺจ ยถา ลพฺภติ, ตถา ปมปาราชิกสํวณฺณนายเมว อมฺเหหิ ทสฺสิตํ, ตํ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. ปุริมปจฺฉิมปทานิ เอกตฺเตน คเหตฺวา ‘‘ปทสต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ตตฺถ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส ปทสฺส วเสน อตฺถสตํ, ปุริมสฺส ปุริมสฺส วเสน ธมฺมสต’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมึ ปทสเต ‘‘สงฺฆสุฏฺู’’ติอาทินา วุตฺตปุริมปทานํ วเสน ธมฺมสตํ, ‘‘สงฺฆผาสู’’ติอาทินา วุตฺตปจฺฉิมปทานํ วเสน อตฺถสตนฺติ อธิปฺปาโย.
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมคาถาสงฺคณิกํ
สตฺตนคเรสุ ปฺตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๓๕. อฑฺฒุฑฺฒสตานีติ ¶ ¶ ตีณิ สตานิ ปฺาสฺจ สิกฺขาปทานิ. วิคฺคหนฺติ มนุสฺสวิคฺคหํ. อติเรกนฺติ ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ. กาฬกนฺติ ‘‘สุทฺธกาฬกาน’’นฺติ วุตฺตกาฬกํ. ภูตนฺติ ภูตาโรจนํ. ปรมฺปรภตฺตนฺติ ปรมฺปรโภชนํ. ภิกฺขุนีสุ จ อกฺโกโสติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ภิกฺขุํ อกฺโกเสยฺย วา ปริภาเสยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๑๐๒๙) วุตฺตสิกฺขาปทํ. อนฺตรวาสกนฺติ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรปฏิคฺคณฺหนํ. รูปิยนฺติ รูปิยสํโวหารํ. สุตฺตนฺติ ‘‘สามํ สุตฺตํ วิฺาเปตฺวา ตนฺตวาเยหี’’ติ (ปารา. ๖๓๗) วุตฺตสิกฺขาปทํ. อุชฺฌาปนเกติ อุชฺฌาปนเก ขิยฺยนเก ปาจิตฺติยํ. ปาจิตปิณฺฑนฺติ ภิกฺขุนีปริปาจิตํ. จีวรํ ทตฺวาติ ‘‘สมคฺเคน สงฺเฆน จีวรํ ทตฺวา’’ติ (ปาจิ. ๔๘๕) วุตฺตสิกฺขาปทํ. โวสาสนฺตีติ ‘‘ภิกฺขู ปเนว กุเลสุ นิมนฺติตา ภฺุชนฺติ, ตตฺร เจสา ภิกฺขุนี’’ติ (ปาจิ. ๕๕๘) วุตฺตปาฏิเทสนียํ. คิรคฺคนฺติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๔) วุตฺตสิกฺขาปทํ. จริยาติ ‘‘อนฺโตวสฺสํ จาริกํ จเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๙๗๐) จ, ‘‘วสฺสํวุตฺถา จาริกํ น ปกฺกเมยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๙๗๔) จ วุตฺตสิกฺขาปททฺวยํ. ฉนฺททาเนนาติ ปาริวาสิเกน ฉนฺททาเนน.
ปาราชิกานิ จตฺตารีติ ภิกฺขุนีนํ จตฺตาริ ปาราชิกานิ. กุฏีติ กุฏิการสิกฺขาปทํ. โกสิยนฺติ โกสิยมิสฺสกสิกฺขาปทํ. เสยฺยาติ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยสิกฺขาปทํ. ขณเนติ ปถวีขณนํ. คจฺฉ เทวเตติ ภูตคามสิกฺขาปทํ. สิฺจนฺติ สปฺปาณกอุทกสิฺจนํ. มหาวิหาโรติ มหลฺลกวิหาโร. อฺนฺติ อฺวาทกํ. ทฺวารนฺติ ยาว ทฺวารโกสา. สหธมฺโมติ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน. ปโยปานนฺติ สุรุสุรุการกํ. เอฬกโลมานีติ เอฬกโลมโธวาปนํ. ปตฺโตติ อูนปฺจพนฺธนปตฺโต. โอวาโทติ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตฺวา โอวาโท. เภสชฺชนฺติ ตทุตฺตริเภสชฺชวิฺาปนํ. สูจีติ อฏฺิมยาทิสูจิฆรํ. อารฺิโกติ ¶ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ อารฺกานิ เสนาสนานี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๕๗๐) วุตฺตปาฏิเทสนียํ ¶ . โอวาโทติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี โอวาทาย วา สํวาสาย วา น คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๑๐๕๕) วุตฺตสิกฺขาปทํ.
ปาราชิกานิ จตฺตารีติอาทินา ฉสุ นคเรสุ ปฺตฺตํ เอกโต สมฺปิณฺฑิตฺวา สาวตฺถิยา ปฺตฺตํ วิสุํ คเณตฺวา สพฺพาเนว สิกฺขาปทานิ ทฺวีหิ ราสีหิ สงฺคณฺหาติ.
สตฺตนคเรสุ ปฺตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุวิปตฺติวณฺณนา
๓๓๖. เอกตึส ครุกา นาม อุภโต อฏฺ ปาราชิกา, ภิกฺขูนํ เตรส, ภิกฺขุนีนํ ทส สงฺฆาทิเสสา. อฏฺเตฺถ อนวเสสาติ เอเตสุ ยถาวุตฺตครุเกสุ สาธารณาสาธารณวเสน อฏฺ ปาราชิกา อนวเสสา นาม.
อสาธารณาทิวณฺณนา
๓๓๘. ‘‘โธวนฺจ ปฏิคฺคโห’’ติ คาถา อฏฺกถาจริยานํ. ตตฺถ โธวนฺจ ปฏิคฺคโหติ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรโธวาปนํ จีวรปฏิคฺคหณฺจ. โกเสยฺย…เป… ทฺเว โลมาติ เอฬกโลมวคฺเค อาทิโต สตฺต สิกฺขาปทานิ วุตฺตานิ. วสฺสิกาติ วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทํ. อารฺเกน จาติ สาสงฺกสิกฺขาปทํ วุตฺตํ. ปณีตนฺติ ปณีตโภชนวิฺตฺติ. อูนนฺติ อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทํ. นิสีทเน จ ยา สิกฺขา, วสฺสิกา ยา จ สาฏิกาติ นิสีทนวสฺสิกสาฏิกานํ ปมาณาติกฺกโม.
อาปตฺติกฺขนฺธา เจว อุโปสถาทีนิ จ ‘‘ปาราชิกสงฺฆาทิเสสา’’ติอาทินา วิภตฺตตฺตา ‘‘วิภตฺติโย’’ติ วุตฺตานิ. เตวีสติ สงฺฆาทิเสสาติ ภิกฺขุนีนํ อาคตานิ ทส, ภิกฺขูนํ เตรสาติ เตวีสติ. ทฺเวจตฺตาลีส นิสฺสคฺคิยาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ทฺวีหิ…เป… กิจฺจํ เอเกน สมฺมตีติ ทฺวีหิ วิวาทาธิกรณํ, จตูหิ อนุวาทาธิกรณํ, ตีหิ อาปตฺตาธิกรณํ, เอเกน กิจฺจาธิกรณํ สมฺมตีติ อตฺโถ.
๓๓๙. นิรงฺกโตติ ¶ สงฺฆมฺหา อปสาริโต.
อธิกรณเภทวณฺณนา
๓๔๐. ยสฺมา ¶ อธิกรณํ อุกฺโกเฏนฺโต สมถปฺปตฺตเมว อุกฺโกเฏติ, ตสฺมา ‘‘วิวาทาธิกรณํ อุกฺโกเฏนฺโต กติ สมเถ อุกฺโกเฏตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๓๔๑. ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉเยเนวาติ วินยลกฺขณํ วินา เกวลํ ธมฺมเทสนามตฺตวเสเนวาติ อตฺโถ. เยนาปิ วินิจฺฉเยนาติ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ขนฺธกโต จ ปริวารโต จ สุตฺเตนาติ ขนฺธกปริวารโต อานีตสุตฺเตน. นิชฺฌาเปนฺตีติ ปฺาเปนฺติ.
๓๔๒. กิจฺจํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกกิจฺจานนฺติ ปุพฺเพ กตอุกฺเขปนียาทิกิจฺจํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกกิจฺจานํ. กีทิสานํ? ยาวตติยสมนุภาสนาทีนํ.
๓๔๔. อธิกรเณสุ เยน อธิกรเณน สมฺมนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ ยทา อธิกรเณหิ สมฺมนฺติ, ตทา กิจฺจาธิกรเณเนว สมฺมนฺติ, น อฺเหิ อธิกรเณหีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
๓๕๓. ‘‘สตฺตนฺนํ สมถานํ กตเม ฉตฺตึส สมุฏฺานา’’ติ ปุจฺฉิตฺวาปิ ‘‘กมฺมสฺส กิริยา กรณ’’นฺติอาทินา สมฺมุขาวินยสฺส สมุฏฺานานิ อวิภชิตฺวาว สติวินยาทีนํ ฉนฺนฺเว ฉ สมุฏฺานานิ วิภตฺตานิ, ตํ กสฺมาติ อาห ‘‘กิฺจาปิ สตฺตนฺนํ สมถาน’’นฺติอาทิ. สติวินยาทีนํ วิย สงฺฆสมฺมุขตาทีนํ กิจฺจยตา นาม นตฺถีติ อาห ‘‘กมฺมสงฺคหาภาเวนา’’ติ.
ทุติยคาถาสงฺคณิกวณฺณนา
๓๕๙. มนฺตคฺคหณนฺติ ¶ อฺมฺํ สํสนฺทนํ. อนุ อนุ สนฺธานํ อนุสนฺธิตนฺติ ภาวสาธโน อนุสนฺธิตสทฺโทติ อาห ‘‘อนุสนฺธิตนฺติ กถานุสนฺธี’’ติ.
สงฺคามทฺวยวณฺณนา
๓๖๕. านนิสชฺชวตฺตาทินิสฺสิตาติ ¶ ‘‘เอวํ าตพฺพํ, เอวํ นิสีทิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิกา. สฺาชนนตฺถนฺติ จุทิตกโจทกานํ สฺุปฺปาทนตฺถํ. อนุโยควตฺตํ กถาเปตฺวาติ ‘‘กึ อนุโยควตฺตํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตเนว กถาเปตฺวา.
๓๗๕. นีลาทิวณฺณาวณฺณวเสนาติ นีลาทิวณฺณวเสน อาโรคฺยตฺถาทิอวณฺณวเสน จ.
กถินเภทวณฺณนา
๔๐๔. ปุเรชาตปจฺจเย ปเนส อุทฺทิฏฺธมฺเมสุ เอกธมฺมมฺปิ น ลภตีติ เอส อุทกาหรณาทิปโยโค อตฺตโน ปุเรชาตปจฺจยภาเว ปุพฺพกรณวเสน อุทฺทิฏฺเสุ โธวนาทิธมฺเมสุ เอกธมฺมมฺปิ น ลภติ อตฺตโน ปุเรชาตสฺส ปุพฺพกรณสงฺคหิตสฺส ธมฺมสฺส นตฺถิตาย.
๔๑๒. รูปาทีสุ ธมฺเมสูติ วณฺณคนฺธาทีสุ สุทฺธฏฺกธมฺเมสุ.
๔๑๖. ปุริมา ทฺเวติ อิมสฺมึ อธิกาเร ปมํ วุตฺตา อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา, น ปกฺกมนนฺติกาทโย ทฺเว อุทฺธารา.
อุปาลิปฺจกวณฺณนา
๔๒๐-๔๒๑. โอมทฺทการโกติ โอมทฺทิตฺวา อภิภวิตฺวา การโก. อุปตฺถมฺโภ น ทาตพฺโพติ สามคฺคิวินาสาย อนุพลํ น ทาตพฺพํ. ทิฏฺาวิกมฺมมฺปิ กตฺวาติ ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ ทิฏฺึ อาวิ กตฺวาปิ.
โวหารวคฺควณฺณนา
๔๒๔. กายปฺปโยเคน ¶ อาปชฺชิตพฺพา กายปฺปโยคา. วจีปโยเคน อาปชฺชิตพฺพา วจีปโยคา. นวสุ าเนสูติ โอสารณาทีสุ นวสุ าเนสุ. ทฺวีสุ าเนสูติ ตฺติทุติยตฺติจตุตฺถกมฺเมสุ. ตสฺมาติ ยสฺมา มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนเยน อุภโตวิภงฺคา อสงฺคหิตา, ตสฺมา. ยํ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
ทิฏฺาวิกมฺมวคฺควณฺณนา
๔๒๕. ‘‘จตูหิ ¶ ปฺจหี’’ติ วจนโต ทฺวีหิ วา ตีหิ วา เอกโต เทเสตุํ วฏฺฏติ, ตโต ปรํ น วฏฺฏติ. มาฬกสีมายาติ ขณฺฑสีมาย. อวิปฺปวาสสีมายาติ มหาสีมาย.
มุสาวาทวคฺควณฺณนา
๔๔๔. ปริยาเยน ชานนฺตสฺส วุตฺตมุสาวาโทติ ยสฺส กสฺสจิ ชานนฺตสฺส ปริยาเยน วุตฺตมุสาวาโทติ อตฺโถ.
๔๔๖. อนุโยโค น ทาตพฺโพติ เตน วุตฺตํ อนาทิยิตฺวา ตุณฺหี ภวิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ภิกฺขุโนวาทวคฺควณฺณนา
๔๕๔. เอกูนวีสติเภทายาติ มคฺคปจฺจเวกฺขณาทิวเสน เอกูนวีสติเภทาย.
อธิกรณวูปสมวคฺควณฺณนา
๔๕๘. ปฺจหิ การเณหีติ อิทํ อตฺถนิปฺผาทนกานิ เตสํ ปุพฺพภาคานิ จ การณภาวสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปน สพฺเพสํ ปฺจนฺนํ สมานโยคกฺเขมตฺตา. อนุสฺสาวเนนาติ เภทสฺส อนุรูปสาวเนน. ยถา เภโท โหติ, เอวํ ภินฺทิตพฺพานํ ภิกฺขูนํ อตฺตโน วจนสฺส สาวเนน วิฺาปเนนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นนุ ตุมฺเห’’ติอาทิ. กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวาติ เอเตน ปากฏํ กตฺวา เภทกรวตฺถุทีปนํ โวหรณํ. ตตฺถ อตฺตนา วินิจฺฉิตมตฺตํ ¶ รหสฺสวเสน วิฺาปนํ อนุสฺสาวนนฺติ ทสฺเสติ. กมฺมเมว อุทฺเทโส วา ปมาณนฺติ เตหิ สงฺฆเภทสิทฺธิโต ปมาณํ, อิตเร ปน เตสํ สมฺภารภูตา. เตนาห ‘‘โวหารา’’ติอาทิ. ตตฺถาติ โวหรเณ.
กถินตฺถารวคฺควณฺณนา
๔๖๗. อนฺตรา วุตฺตการเณนาติ ‘‘ตฺหิ วนฺทนฺตสฺส มฺจปาทาทีสุปิ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยา’’ติอาทินา วุตฺตการเณน.
สมุฏฺานวณฺณนา
๔๗๐. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตเมวาติ สหเสยฺยาทิปณฺณตฺติวชฺชํ. อิตรนฺติ สจิตฺตกํ. ภึสาปนาทีนิ กตฺวาติ ภึสาปนาทินา อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาติ อธิปฺปาโย.
อปรทุติยคาถาสงฺคณิกํ
กายิกาทิอาปตฺติวณฺณนา
๔๗๔. วินเย ครุกา วินยครุกา. กิฺจาปิ อิทํ ทฺวีสุ คาถาสุ อาคตํ, อฺเหิ ปน มิสฺเสตฺวา วุตฺตภาวโต นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ.
เทสนาคามินิยาทิวณฺณนา
๔๗๕. ทฺเว สํวาสกภูมิโยติ เอตฺถ ภูมีติ อวตฺถา. องฺคหีนตา การณเวกลฺลวเสนปิ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ. เอส นโยติ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทินา วุตฺตนโย. วนปฺปตึ ฉินฺทนฺตสฺส ปาราชิกนฺติ อทินฺนาทาเน วนปฺปติกถาย อาคตํ ปรสนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิสฺสฏฺิฉฑฺฑเนติ สุกฺกวิสฺสฏฺิยา โมจเน. ทุกฺกฏา กตาติ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ปมสิกฺขาปทมฺหิเยวาติ ภิกฺขุโนวาทกวคฺคสฺส ปมสิกฺขาปเทเยว. อามกธฺํ วิฺาเปตฺวา ภฺุชนฺติยา ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฏํ, อชฺโฌหาเร ปาจิตฺติยํ.
ปาจิตฺติยวณฺณนา
๔๗๖. อพฺภุณฺหสีโลติ ¶ อภินวสีโล.
๔๗๘. อสุตฺตกนฺติ สุตฺตวิรหิตํ, สุตฺตโต อปนีตํ นตฺถีติ อตฺโถ.
เสทโมจนคาถา
อวิปฺปวาสาทิปฺหวณฺณนา
๔๗๙. เสทโมจนคาถาสุ ¶ ตหินฺติ ตสฺมึ ปุคฺคเล. ‘‘อกปฺปิยสมฺโภโค นาม เมถุนธมฺมาที’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เอสา ปฺหา กุสเลหิ จินฺติตาติ ลิงฺควิปลฺลาสวเสเนตํ วุตฺตํ, เอโส ปฺโห กุสเลหิ จินฺติโตติ อตฺโถ.
ทสาติ อวนฺทิเย ทส. เอกาทสาติ ปณฺฑกาทโย เอกาทส. อุพฺภกฺขเก น วทามีติ อิมินา มุเข เมถุนธมฺมาภาวํ ทีเปติ. อโธนาภึ วิวชฺชิยาติ อิมินา วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺเคสุ.
คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทีปารํ โอกฺกนฺตภิกฺขุนึ สนฺธายาติ เอตฺถ นที ภิกฺขุนิยา คามปริยาปนฺนา, ปรตีรํ คามนฺตรปริยาปนฺนํ. ตตฺถ ปรตีเร ปมเลฑฺฑุปาตปฺปมาโณ คามูปจาโร นทีปริยนฺเตน ปริจฺฉินฺโน, ตสฺมา ปรตีเร รตนมตฺตมฺปิ อรฺํ นตฺถิ, ปรตีรฺจ ติณาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ทสฺสนูปจารวิรหิตํ กโรติ. ตตฺถ อตฺตโน คาเม อาปตฺติ นตฺถิ, ปรตีเร ปน ปมเลฑฺฑุปาตสงฺขาเต คามูปจาเรเยว ปาทํ เปติ. อนฺตเร อภิธมฺเม วุตฺตนเยน อรฺภูตํ สกคามํ อติกฺกมติ นาม, ตสฺมา คณมฺหา โอหียนา นาม โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ภิกฺขูนํ สนฺติเก เอกโตอุปสมฺปนฺนา นาม มหาปชาปติปมุขา ปฺจสตสากินิโย ภิกฺขุนิโย. มหาปชาปติปิ หิ อานนฺทตฺเถเรน ทินฺนโอวาทสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม.
ปาราชิกาทิปฺหวณฺณนา
๔๘๐. สห ¶ ทุสฺเสน เมถุนวีติกฺกมสฺส สกฺกุเณยฺยตาย ‘‘ทุสฺสกุฏิอาทีนิ สนฺธายา’’ติ วุตฺตํ. ลิงฺคปริวตฺตํ สนฺธาย วุตฺตาติ ‘‘ลิงฺคปริวตฺเต สติ ปฏิคฺคหณสฺส วิชหนโต สามํ คเหตฺวา ภฺุชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ลิงฺคปริวตฺตนํ สนฺธาย วุตฺตา.
๔๘๑. สุปฺปติฏฺิตนิคฺโรธสทิสนฺติ โยชนทฺวิโยชนาทิปรมํ มหานิคฺโรธํ สนฺธาย วุตฺตํ.
เสทโมจนคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวคฺโค
กมฺมวคฺควณฺณนา
๔๘๓. กมฺมวคฺเค ¶ ¶ อุมฺมตฺตกสฺส ภิกฺขุโน อุมฺมตฺตกสมฺมุติ อุมฺมตฺตเก ยาจิตฺวา คเต อสมฺมุขาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ นิสินฺเนปิ น กุปฺปติ นิยมาภาวโต. อสมฺมุขา กเต ปน โทสาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสมฺมุขากตํ สุกตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ทูเตน อุปสมฺปทา ปน สมฺมุขา กาตุํ น สกฺกา กมฺมวาจานานตฺตสมฺภวโต. ปตฺตนิกฺกุชฺชนาทโย หตฺถปาสโต อปนีตมตฺเตปิ กาตุํ วฏฺฏนฺติ. สงฺฆสมฺมุขตาติอาทีสุ ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโฏ โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺติ, อยํ สงฺฆสมฺมุขตา. เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, อยํ ธมฺมสมฺมุขตา. ตตฺถ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนํ นาม ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา จ. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส สมฺมุขภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา. กตฺติกมาสสฺส ปวารณมาสตฺตา ‘‘เปตฺวา กตฺติกมาส’’นฺติ วุตฺตํ. ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จาติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสึ วา ปนฺนรสึ วา สนฺธาย วุตฺตํ. ทฺเว จ ปุณฺณมาสิโยติ ปมปจฺฉิมวสฺสูปคตานํ วเสน วุตฺตํ.
๔๘๕. านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ สิถิลํ, ตานิเยว ธนิตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํ, เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสปฺปกาเรน ปเภโท. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนานิ จ. สํโยโค ปโร เอตสฺมาติ สํโยคปโร, น สํโยคปโร อสํโยคปโร. อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตเถรสฺส ยสฺส น ขมตีติ เอตฺถ ต-การ น-การสหิตากาโร อสํโยคปโร. กรณานีติ กณฺาทีนิ.
๔๘๘. อนุกฺขิตฺตา ¶ ¶ ปาราชิกํ อนาปนฺนา จ ปกตตฺตาติ อาห ‘‘ปกตตฺตา อนุกฺขิตฺตา’’ติอาทิ. ตตฺถ อนิสฺสาริตาติ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. ปริสุทฺธสีลาติ ปาราชิกํ อนาปนฺนา. น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอตีติ ตีสุ ทฺวีสุ วา นิสินฺเนสุ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาหฏาปิ อนาหฏาว โหตีติ อธิปฺปาโย.
อปโลกนกมฺมกถาวณฺณนา
๔๙๕-๔๙๖. กายสมฺโภคสามคฺคีติ สหเสยฺยปฏิคฺคหณาทิ. โส รโตติ สุเภ รโต. สุฏฺุ โอรโตติ วา โสรโต. นิวาตวุตฺตีติ นีจวุตฺติ. ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย าเณน อุปปริกฺขิตฺวา. ยํ ตํ อวนฺทิยกมฺมํ อนฺุาตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส านํ โหตีติ เอวมฺปิ อปโลกนกมฺมํ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. กมฺมเมว ลกฺขณนฺติ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณนิสฺสารณภณฺฑุกมฺมาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา อุปลกฺขียตีติ ‘‘กมฺมลกฺขณ’’นฺติ วุจฺจติ. เอตมฺปิ กมฺมลกฺขณเมวาติ วุตฺตกมฺมลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรชิณฺณจีวรนฏฺจีวราน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิณปลิโพธมฺปีติ อิณเมว ปลิโพโธ อิณปลิโพโธ, ตมฺปิ ทาตุํ วฏฺฏติ. สเจ ตาทิสํ ภิกฺขุํ อิณายิกา ปลิพุนฺธนฺติ, ตตฺรุปฺปาทโตปิ ตสฺส อิณํ โสเธตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย.
ฉตฺตํ วา เวทิกํ วาติ เอตฺถ เวทิกาติ เจติยสฺส อุปริ จตุรสฺสจโย วุจฺจติ. ฉตฺตนฺติ ตโต อุทฺธํ วลยานิ ทสฺเสตฺวา กโต อคฺคจโย วุจฺจติ. เจติยสฺส อุปนิกฺเขปโตติ เจติเย นวกมฺมตฺตาย อุปนิกฺขิตฺตโต, เจติยสนฺตกโตติ วุตฺตํ โหติ. อฺา กติกา กาตพฺพาติ ปุริมกติกาย อสงฺคหิตตฺตา วุตฺตํ. เตหีติ เยสํ ปุคฺคลิกฏฺาเน ติฏฺนฺติ, เตหิ. ทสภาคนฺติ ทสมภาคํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วิหาเร. มูเลติ ปุพฺเพ. ‘‘อิโต ปฏฺาย ภาเชตฺวา ขาทนฺตู’’ติ วจเนเนว ยถาสุขํ ปริโภโค ปฏิกฺขิตฺโต โหตีติ อาห ‘‘ปุริมกติกา ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ.
อนุวิจริตฺวาติ ปจฺฉโต ปจฺฉโต คนฺตฺวา. อปจฺจาสีสนฺเตนาติ เตสํ สนฺติกา
ปจฺจยํ อปจฺจาสีสนฺเตน. มูลภาคนฺติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘ทสภาคมตฺต’’นฺติ. อกตาวาสํ วา กตฺวาติ ตโต อุปฺปนฺนอาเยน ¶ กตฺวา. ชคฺคิตกาเล จ น วาเรตพฺพาติ ชคฺคิตานํ ปุปฺผผลภริตกาเล น วาเรตพฺพา. ชคฺคนกาเลติ ชคฺคิตุํ อารทฺธกาเล. ตฺติกมฺมฏฺานเภเทติ ตฺติกมฺมสฺส านเภเท.
กมฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
อปฺตฺเต ปฺตฺตวคฺควณฺณนา
๕๐๐. สตฺต ¶ อาปตฺติกฺขนฺธา ปฺตฺตํ นามาติ สมฺพนฺโธ. กกุสนฺธโกณาคมนกสฺสปา เอว สตฺต อาปตฺติกฺขนฺเธ ปฺเปสุํ, วิปสฺสีอาทโย ปน โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสึสุ, น สิกฺขาปทํ ปฺเปสุนฺติ อาห ‘‘กกุสนฺธฺจ…เป… อนฺตรา เกนจิ อปฺตฺเต สิกฺขาปเท’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย สารตฺถทีปนิยํ
ปริวารฏฺกถาวณฺณนา สมตฺตา.
นิคมนกถาวณฺณนา
อวสานคาถาสุ ¶ ปน อยมตฺโถ. วิภตฺตเทสนนฺติ อุภโตวิภงฺคขนฺธกปริวาเรหิ วิภตฺตเทสนํ วินยปิฏกนฺติ โยเชตพฺพํ. ตสฺสาติ ตสฺส วินยสฺส.
ตตฺริทนฺติอาทิ ปมปาราชิกวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว.
สตฺถุมหาโพธิวิภูสิโตติ สตฺถุนา ปริภุตฺตมหาโพธิวิภูสิโต มณฺฑิโต, ตสฺส มหาวิหารสฺส ทกฺขิณภาเค อุตฺตมํ ยํ ปธานฆรนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ปธานฆรนฺติ ตํนามกํ ปริเวณํ. สุจิจาริตฺตสีเลน, ภิกฺขุสงฺเฆน เสวิตนฺติ อิทมฺปิ ปธานฆรวิเสสนํ.
ตตฺถาติ ตสฺมึ ปธานฆเร. จารุปาการสฺจิตนฺติ มนาเปน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ. สีตจฺฉายตรูเปตนฺติ ฆนนิจิตปตฺตสฺฉนฺนสาขาปสาขตาย สีตจฺฉาเยหิ รุกฺเขหิ อุเปตํ. วิกสิตกมลกุวลยปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทิปุปฺผสฺฉนฺนมธุรสีตลุทกปุณฺณตาย สมฺปนฺนา สลิลาสยา อสฺสาติ สมฺปนฺนสลิลาสโย. อุทฺทิสิตฺวาติ พุทฺธสิรึ นาม เถรํ นิสฺสาย, ตสฺส อชฺเฌสนํ นิสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺธาติ อตฺถวินิจฺฉยาทีหิ อิทฺธา ผีตา ปริปุณฺณา.
สิรินิวาสสฺสาติ สิริยา นิวาสฏฺานภูตสฺส. ชยสํวจฺฉเรติ ชยปฺปตฺตสํวจฺฉเร. อยนฺติ เถรํ พุทฺธสิรึ อุทฺทิสฺส ยา วินยวณฺณนา อารทฺธา, อยํ. ธมฺมูปสํหิตาติ กุสลสนฺนิสฺสิตา. อิทานิ สเทวกสฺส โลกสฺส อจฺจนฺตสุขาธิคมาย อตฺตโน ปฺุํ ปริณาเมนฺโต ‘‘จิรฏฺิตตฺถ ธมฺมสฺสา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สมาจิตนฺติ อุปจิตํ. สพฺพสฺส อานุภาเวนาติ สพฺพสฺส ตสฺส ปฺุสฺส เตเชน. สพฺเพปิ ปาณิโนติ กามาวจราทิเภทา สพฺเพ สตฺตา. สทฺธมฺมรสเสวิโนติ ยถารหํ โพธิตฺตยาธิคมวเสน สทฺธมฺมรสเสวิโน ภวนฺตุ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
นิคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ จ –
วินเย ปาฏวตฺถาย, สาสนสฺส จ วุฑฺฒิยา;
วณฺณนา ยา สมารทฺธา, วินยฏฺกถาย สา.
สารตฺถทีปนี นาม, สพฺพโส ปรินิฏฺิตา;
ตึสสหสฺสมตฺเตหิ, คนฺเถหิ ปริมาณโต.
อชฺเฌสิโต นรินฺเทน, โสหํ ปรกฺกมพาหุนา;
สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน, สาสนุชฺโชตการินา.
เตเนว การิเต รมฺเม, ปาสาทสตมณฺฑิเต;
นานาทุมคณากิณฺเณ, ภาวนาภิรตาลเย.
สีตลูทกสมฺปนฺเน, วสํ เชตวเน อิมํ;
อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, อกาสึ สุวินิจฺฉยํ.
ยํ สิทฺธํ อิมินา ปฺุํ, ยํ จฺํ ปสุตํ มยา;
เอเตน ปฺุกมฺเมน, ทุติเย อตฺตสมฺภเว.
ตาวตึเส ปโมเทนฺโต, สีลาจารคุเณ รโต;
อลคฺโค ปฺจกาเมสุ, ปตฺวาน ปมํ ผลํ.
อนฺติเม ¶ อตฺตภาวมฺหิ, เมตฺเตยฺยํ มุนิปุงฺควํ;
โลกคฺคปุคฺคลํ นาถํ, สพฺพสตฺตหิเต รตํ.
ทิสฺวาน ตสฺส ธีรสฺส, สุตฺวา สทฺธมฺมเทสนํ;
อธิคนฺตฺวา ผลํ อคฺคํ, โสเภยฺยํ ชินสาสนํ.
สทา รกฺขนฺตุ ราชาโน, ธมฺเมเนว อิมํ ปชํ;
นิรตา ปฺุกมฺเมสุ, โชเตนฺตุ ชินสาสนํ.
อิเม จ ปาณิโน สพฺเพ, สพฺพทา นิรุปทฺทวา;
นิจฺจํ กลฺยาณสงฺกปฺปา, ปปฺโปนฺตุ อมตํ ปทนฺติ.
สารตฺถทีปนี นาม วินยฏีกา นิฏฺิตา.