📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วินยปิฏเก

วชิรพุทฺธิ-ฏีกา

คนฺถารมฺภกถา

ปฺาวิสุทฺธาย ทยาย สพฺเพ;

วิโมจิตา เยน วิเนยฺยสตฺตา;

ตํ จกฺขุภูตํ สิรสา นมิตฺวา;

โลกสฺส โลกนฺตคตสฺส ธมฺมํ.

สงฺฆฺจ สีลาทิคุเณหิ ยุตฺต-

มาทาย สพฺเพสุ ปเทสุ สารํ;

สงฺเขปกาเมน มมาสเยน;

สฺโจทิโต ภิกฺขุหิตฺจ ทิสฺวา.

สมนฺตปาสาทิกสฺิตาย;

สมฺพุทฺธโฆสาจริโยทิตาย;

สมาสโต ลีนปเท ลิขิสฺสํ;

สมาสโต ลีนปเท ลิขีตํ.

สฺา นิมิตฺตํ กตฺตา จ, ปริมาณํ ปโยชนํ;

สพฺพาคมสฺส ปุพฺเพว, วตฺตพฺพํ วตฺตุมิจฺฉตาติ. –

วจนโต สมนฺตปาสาทิเกติ สฺา. ทีปนฺตเร ภิกฺขุชนสฺส อตฺถํ นาภิสมฺภุณาตีติ นิมิตฺตํ. พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยนาติ กตฺตา. สมธิกสตฺตวีสติสหสฺสมตฺเตน ตสฺส คนฺเถนาติ ปริมาณํ. จิรฏฺิตตฺถํ ธมฺมสฺสาติ ปโยชนํ.

ตตฺราห – ‘‘วตฺตพฺพํ วตฺตุมิจฺฉตาติ ยํ วุตฺตํ, ตตฺถ กถํวิโธ วตฺตา’’ติ? อุจฺจเต –

ปาตฺถวิทูสํหีโร, วตฺตา สุจิ อมจฺฉโร;

จตุกฺกมปริจฺจาคี, เทสกสฺส หิตุสฺสุโกติ. (มหานิ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา);

ตตฺร ปียเตติ ปาโ. โส หิ อเนกปฺปกาโร อตฺถานุรูโป อตฺถานนุรูโป เจติ. กถํ? สนฺธายภาสิโต พฺยฺชนภาสิโต สาวเสสปาโ นิรวเสสปาโ นีโต เนยฺโยติ. ตตฺร อเนกตฺถวตฺตา สนฺธายภาสิโต นาม ‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๒๙๔). เอกตฺถวตฺตา พฺยฺชนภาสิโต นาม ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ตฺยาทิ (ธ. ป. ๑, ๒; เนตฺติ. ๙๐, ๙๒; เปฏโก. ๑๔). สาวเสโส นาม ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’มิตฺยาทิ (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘). วิปรีโต นิรวเสโส นาม ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ตฺยาทิ (มหานิ. ๑๕๖; ปฏิ. ม. ๓.๕). ยถา วจนํ, ตถา อวคนฺตพฺโพ นีโต นาม ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ตฺยาทิ. ยุตฺติยา อนุสฺสริตพฺโพ เนยฺโย นาม ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิ (อ. นิ. ๑.๑๗๐).

อตฺโถปิ อเนกปฺปกาโร ปาตฺโถ สภาวตฺโถ เยฺยตฺโถ ปาานุรูโป ปาานนุรูโป สาวเสสตฺโถ นิรวเสสตฺโถ นีตตฺโถ เนยฺยตฺโถตฺยาทิ. ตตฺถ โย ตํตํสฺาปนตฺถมุจฺจารียเต ปาโ, ส ปาตฺโถ ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’มิตฺยาทีสุ (ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๑๙๐) วิย. รูปารูปธมฺมานํ ลกฺขณรสาทิ สภาวตฺโถ ‘‘สมฺมาทิฏฺึ ภาเวตี’’ตฺยาทีสุ (วิภ. ๔๘๙; สํ. นิ. ๕.๓) วิย. โย ายมาโน หิตาย ภวติ, ส าตุมรหตฺตา เยฺยตฺโถ ‘‘อตฺถวาที ธมฺมวาที’’ตฺเยวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔; ๓.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๔๑๑) วิย. ยถาปาํ ภาสิโต ปาานุรูโป ‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุราณกมฺม’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๔๖) ภควตา วุตฺตมโต จกฺขุมปิ กมฺมนฺติ. พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหยมาเนน วุตฺโต ปาานนุรูโป. วชฺเชตพฺพํ กิฺจิ อปริจฺจชิตฺวา ปริเสสํ กตฺวา วุตฺโต สาวเสสตฺโถ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๖๐; มหานิ. ๑๐๗) จ, ‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’’ตฺยาทีสุ (ธ. ป. ๑๒๙) วิย. วิปรีโต นิรวเสสตฺโถ ‘‘สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ (ที. นิ. ๒.๑๕๕; มหา. ๒๘๗; เนตฺติ. ๑๑๔). ตตฺร, ภิกฺขเว, โก มนฺตา โก สทฺธาตา…เป… อฺตฺร ทิฏฺปเทหี’’ตฺยาทิ (อ. นิ. ๗.๖๖). สทฺทวเสเนว เวทนีโย นีตตฺโถ ‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา’’ตฺยาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑, ๑๖๕; มหาว. ๓๓) วิย. สมฺมุติวเสน เวทิตพฺโพ เนยฺยตฺโถ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, วลาหกูปมาปุคฺคลา’’ตฺยาทีสุ วิย (อ. นิ. ๔.๑๐๑; ปุ. ป. ๑๕๗). อาห จ –

‘‘โย อตฺโถ สทฺทโต เยฺโย, นีตตฺถํ อิติ ตํ วิทู;

อตฺถสฺเสวาภิสามคฺคี, เนยฺยตฺโถ อิติ กถฺยเต’’ติ.

เอวํ ปเภทคเต ปาตฺเถ วิชานาตีติ ปาตฺถวิทู. น สํหีรเต ปรปวาทีหิ ทีฆรตฺตํ ติตฺถวาเสเนตฺยสํหีโร. ภาวนายาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา วตฺตุํ สกฺโกตีติ วตฺตา, สงฺเขปวิตฺถารนเยน เหตุทาหรณาทีหิ อวโพธยิตุํ สมตฺโถตฺยตฺโถ. โสจยตฺยตฺตานํ ปเร เจติ สุจิ, ทุสฺสีลฺยทุทฺทิฏฺิมลวิรหิโตตฺยตฺโถ. ทุสฺสีโล หิ อตฺตานมุปหนฺตุนาเทยฺยวาโจ จ ภวตฺยปตฺตาหาราจาโร อิว นิจฺจาตุโร เวชฺโช. ทุทฺทิฏฺิ ปรํ อุปหนฺติ, นาวสฺสํ นิสฺสโย จ ภวตฺยหิวาฬคหากุโล อิว กมลสณฺโฑ. อุภยวิปนฺโน สพฺพถาปฺยนุปาสนีโย ภวติ คูถคตมิว ฉวาลาตํ คูถคโต วิย จ กณฺหสปฺโป. อุภยสมฺปนฺโน ปน สุจิ สพฺพถาปฺยุปาสนีโย เสวิตพฺโพ จ วิฺูหิ, นิรุปทฺทโว อิว รตนากโร. นาสฺส มจฺฉโรตฺยมจฺฉโร, อหีนาจริยมุฏฺีตฺยตฺโถ. สุตฺตสุตฺตานุโลมาจริยวาทอตฺตโนมติสงฺขาตสฺส จตุกฺกสฺสาปริจฺจาคี, ตทตฺถสฺเสว พฺยาขฺยาเตตฺยตฺโถ. อถ วา ปจฺจกฺขานุมานสทฺทตฺถาปตฺติปฺปเภทสฺส ปมาณจตุกฺกสฺสาปริจฺจาคี.

‘‘เอกํสวจนํ เอกํ, วิภชฺชวจนาปรํ;

ตติยํ ปฏิปุจฺเฉยฺย, จตุตฺถํ ปน าปเย’’ติ. –

เอวํ วุตฺตจตุกฺกสฺส วา อปริจฺจาคี; หิตุสฺสุโก อิติ โสตูนํ หิตาโยสฺสุโก, เตสมวโพธนํ ปติ ปตฺเถตี ตฺยตฺโถ; โส เอโส สุจิตฺตา ปิโย; จตุกฺกสฺส อปริจฺจาคิตฺตา ครุ; อสํหีรตฺตา ภาวนีโย; เทสกตฺตา วตฺตา; หิตุสฺสุกตฺตา วจนกฺขโม; ปาตฺถวิทุตฺตา คมฺภีรกถํ กตฺตา; อมจฺฉรตฺตา โน จฏฺาเน นิโยชโกติ;

‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก’’. (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) –

อิติอภิหิโต เทสโก;

โสตา อิทานิ อภิธียเต –

ธมฺมาจริยครุ สทฺธา-ปฺาทิคุณมณฺฑิโต;

อสามาโย โสตาสฺส, สุเมโธ อมตามุโข.

ตตฺถ ธมฺมครุตฺตา กถํ น ปริภวติ, อาจริยครุตฺตา กถิกํ น ปริภวติ, สทฺธาปฺาทิคุณปฏิมณฺฑิตตฺตา อตฺตานํ น ปริภวติ, อสามายตฺตา อมตาภิมุขตฺตา จ อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ภวติ, สุเมธตฺตา โยนิโสมนสิกโรตีตฺยตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิตฺโต, โยนิโส จ มนสิ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑).

ตํลกฺขณปฺปตฺตตฺตา ภาวนา ภวติ สวนสฺเสตฺยุตฺโต โสตา.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

อิทานิ อสฺสารมฺโภ – ตตฺถ โยติ อนิยมนิทฺเทโส, เตน วิสุทฺธชาติกุลโคตฺตาทีนํ กิเลสมลวิสุทฺธิยา, ปูชารหตาย วา อการณตํ ทสฺเสตฺวา โย โกจิ อิมิสฺสา สมนฺตปาสาทิกาย อาทิคาถาย นิทฺทิฏฺโลกนาถตฺตเหตุํ ยถาวุตฺตเหตุมูเลน ถิรตรํ อจลํ กตฺวา ยถาวุตฺตเหตุกาลํ อจฺจนฺตเมว ปูเรนฺโต อวสาเน ยถาวุตฺตเหตุผลํ สมฺปาเทตฺวา ยถาวุตฺตเหตุผลปฺปโยชนํ สาเธติ, โสว ปรมปูชารโหติ นิยเมติ.

เอตฺตาวตา –

ภยสมฺโมหทุทฺทิฏฺิ-ปณาโม เนส สพฺพถา;

ปฺาปุพฺพงฺคโม เอโส, ปณาโมติ นิทสฺสิโต.

ตตฺร เหตูติ อติทุกฺกรานิ ตึสปารมิตาสงฺขาตานิ ปุฺกมฺมานิ. ตานิ หิ อจฺจนฺตทุกฺเขน กสิเรน วจนปถาตีตานุภาเวน มหตา อุสฺสาเหน กรียนฺตีติ อติทุกฺกรานิ นาม. อติทุกฺกรตฺตา เอว หิ เตสํ อติทุลฺลภํ โลเก อนฺสาธารณํ นาถตฺตสงฺขาตํ ผลํ ผลนฺติ, ตํ ตตฺถ เหตุผลํ; เหตุมูลํ นาม ยถาวุตฺตสฺส เหตุโน นิปฺผาทนสมตฺถา มหากรุณา, สา อาทิปณิธานโต ปฏฺาย ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ยาว เหตุผลปฺปโยชนา, ตาว อพฺโพจฺฉินฺนํ ปวตฺตติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘สกานนา สคฺริวรา สสาครา,

คตา วินาสํ พหุโส วสุนฺธรา;

ยุคนฺตกาเล สลิลานลานิเล,

น โพธิสตฺตสฺส มหาตปา กุโต’’ติ.

ยาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘นโม มหาการุณิกสฺส ตสฺสา’’ติ อาห. เหตุกาลํ นาม จตุอฏฺโสฬสอสงฺขฺเยยฺยาทิปฺปเภโท กาโล, ยํ สนฺธายาห ‘‘กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาล’’นฺติ. ตตฺถ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ ‘‘มาสํ อธีเต, ทิวสํ จรตี’’ติอาทีสุ วิย. กามฺจ โส กาโล อสงฺขฺเยยฺยวเสน ปเมยฺโย วิฺเยฺโย, ตถาปิ กปฺปโกฏิวเสน อวิฺเยฺยตํ สนฺธาย ‘‘กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาล’’นฺติ อาห. ตตฺถ กาลยตีติ กาโล, ขิปติ วิทฺธํสยติ สตฺตานํ ชีวิตมิติ อตฺโถ. กล วิกฺเขเป. ตตฺถ กปฺปียติ สํกปฺปียติ สาสปปพฺพตาทีหิ อุปมาหิ เกวลํ สํกปฺปียติ, น มนุสฺสทิวสมาสสํวจฺฉราทิคณนาย คณียตีติ กปฺโป. เอกนฺติอาทิคณนปถสฺส โกฏิภูตตฺตา โกฏิ, กปฺปานํ โกฏิโย กปฺปโกฏิโย. ตาหิปิ น ปมียตีติ อปฺปเมยฺโย, ตํ อปฺปเมยฺยํ. กโรนฺโตติ นานตฺถตฺตา ธาตูนํ ทานํ เทนฺโต, สีลํ รกฺขนฺโต, โลภกฺขนฺธโต นิกฺขมนฺโต, อตฺตหิตปรหิตาทิเภทํ ตํ ตํ ธมฺมํ ปชานนฺโต, วิวิเธน วายาเมน ฆเฏนฺโต วายมนฺโต, ตํ ตํ สตฺตาปราธํ ขมนฺโต, ปฏิฺาสมฺมุติปรมตฺถสจฺจานิ สจฺจายนฺโต, ตํ ตํ สตฺตหิตํ อธิฏฺหนฺโต, สกลโลกํ เมตฺตายนฺโต, มิตฺตามิตฺตาทิเภทํ ปกฺขปาตํ ปหาย ตํ ตํ สตฺตํ อชฺฌุเปกฺขนฺโต จาติ อตฺโถ. เขทํ คโตติ อนนฺตปฺปเภทํ มหนฺตํ สํสารทุกฺขํ อนุภวนฏฺเน คโต, สมฺปตฺโตตฺยตฺโถ. สํสารทุกฺขฺหิ สารีริกํ มานสิกฺจ สุขํ เขทยติ ปาตยตีติ ‘‘เขโท’’ติ วุจฺจติ. โลกหิตายาติ อิทํ ยถาวุตฺตเหตุผลปฺปโยชนนิทสฺสนํ, ‘‘สํสารทุกฺขานุภวนการณนิทสฺสน’’นฺติปิ เอเก –

‘‘‘ชาติสํสารทุกฺขานํ, คนฺตุํ สกฺโกปิ นิพฺพุตึ;

จิรลฺลิฏฺโปิ สํสาเร, กรุณาเยว เกวล’นฺติ. –

จ วุตฺต’’นฺติ, ตมยุตฺตํ. น หิ ภควา โลกหิตาย สํสารทุกฺขมนุภวติ. น หิ กสฺสจิ ทุกฺขานุภวนํ โลกสฺส อุปการํ อาวหติ. เอวํ ปเนตํ ทสฺเสติ ตึสปารมิตาปเภทํ เหตุํ, ปารมิตาผลภูตํ นาถตฺตสงฺขาตํ ผลฺจ. ยถา จาห ‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒). ตตฺถ ภควา ยถาวุตฺตเหตูหิ สตฺตานํ วิเนยฺยภาวนิปฺผาทนปฺาพีชานิ วปิ, เหตุผเลน ปริปกฺกินฺทฺริยภาเวน ปรินิปฺผนฺนวิเนยฺยภาเว สตฺเต วินยิ, สํสารทุกฺขโต โมจยีติ อตฺโถ. น เอวํ สํสารทุกฺเขน โลกสฺส อุปการํ กิฺจิ อกาสิ, ตสฺมา กโรนฺโต อติทุกฺกรานิ โลกหิตายาติ สมฺพนฺโธ. อิมิสฺสา โยชนาย สพฺพปมสฺส โพธิสตฺตสฺส อุปฺปตฺติกาลโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส นาถตฺตสงฺขาตปารมิตาเหตุผลาธิคโม เวทิตพฺโพ. โย นาโถติ หิ สมฺพนฺโธ อธิปฺเปโต. อิมสฺส ปนตฺถสฺส –

‘‘ยเทว ปมํ จิตฺต-มุปฺปนฺนํ ตว โพธเย;

ตฺวํ ตเทวสฺส โลกสฺส, ปูชิเก ปริวสิตฺถ’’. –

อิติ วจนํ สาธกํ. ปมจิตฺตสฺส ปารมิตาภาโว รุกฺขสฺส องฺกุรโต ปฏฺาย อุปฺปตฺติอุปมาย สาเธตพฺโพ. เอตฺถาห – ‘‘เขทํ คโตติ วจนํ นิรตฺถกํ, ยถาวุตฺตนเยน คุณสาธนาสมฺภวโต’’ติ? น, อนฺตรา อนิวตฺตนกภาวทีปนโต. ทุกฺกรานิ กโรนฺโต เขทํ คโต เอว, น อนฺตรา เขทํ อสหนฺโต นิวตฺตตีติ ทีเปติ. โลกทุกฺขาปนยนกามสฺส วา ภควโต อตฺตโน ทุกฺขานุภวนสมตฺถตํ ทสฺเสติ.

‘‘ยสฺส กสฺสจิ วรโทสฺสํ, ยาวาหํ สพฺพสตฺตทุกฺขานิ;

สพฺพานิ สพฺพกาลํ ยุคํ, ปทฺมสฺเสว พุชฺฌนฺโตมฺหี’’ติ. –

เอวํอธิปฺปายสฺส อตฺตมตฺตทุกฺขานุภวนสมตฺถตาย กาเยว กถาติ อติสยํ อตฺถํ ทสฺเสตีติ อตฺโถ. อถ วา เขทํ คโตติ พฺยาปารํ ปริจยํ คโตติปิ อตฺโถ สมฺภวติ. กมฺมาทีสุ สพฺยาปารํ ปุริสํ ทิสฺวา สนฺติ หิ โลเก วตฺตาโร ‘‘ขินฺโนยํ กมฺเม, ขินฺโนยํ สตฺเต’’ติอาทิ. อิมิสฺสา โยชนาย นาโถติ อิมินา พุทฺธตฺตาธิคมสิทฺธํ โกฏิปฺปตฺตํ นาถภาวํ ปตฺวา ิตกาโล ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. เกจิ ‘‘มหาการุณิกสฺสาติ วทนฺโต พุทฺธภูตสฺสาติ ทสฺเสตี’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ วิย, โพธิสตฺตกาเลปิ ตพฺโพหารสพฺภาวโต. ตสฺมา โส เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกรานิ กโรนฺโต อวสาเน ทุกฺกรปารมิตาปาริปูริยา ตาสํ ผลภูตํ นาถภาวํ ปตฺวา โลกหิตาย พฺยาปารํ คโตติ อยมตฺโถ นิทสฺสิโต โหติ. ‘‘โพธึ คโต’’ติ วุตฺเตปิ สุพฺยตฺตํ เหตุผลํ ทสฺสิตํ โหติ. พุทฺธภาวปฺปตฺตสฺเสว จ นาถสฺส นโม กโต โหติ วิเสสวจนสพฺภาวโต, น โพธิสตฺตสฺส. เอวํ สนฺเตปิ วินยาธิกาโร อิธาธิปฺเปโต. โส จ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ยาวมรณกาลา โหติ. ตํ อติวิย ปริตฺตํ กาลํ ลชฺชิโน อติสุกรํ สีลมตฺตํ เอกกสฺส อตฺตโน หิตาย อตฺตมตฺตทุกฺขาปนยนาธิปฺปาเยน ปริปูเรนฺโต โก นาม อิธโลกปรโลกาติกฺกมสุขํ น คจฺเฉยฺย, นนุ ภควา สกลโลกทุกฺขาปนยนาธิปฺปาเยน กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ กาลํ กโรนฺโต อติทุกฺกรนิรสฺสาทํ เขทํ คโตติ อฺาปเทเสน คุณํ วณฺเณติ อาจริโย.

โลกหิตายาติ เอตฺถ โลกิยติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ โลโก, ลุยเต วา ชาติชรามรณทุกฺเขหีติ โลโก, อิมินา สตฺตโลกํ ชาติโลกฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺมา ตสฺส สตฺตโลกสฺส อิธโลกปรโลกหิตํ อติกฺกนฺตปรโลกานํ วา อุจฺฉินฺนโลกสมุทยานํ โลกานํ, อิธ ชาติโลเก โอกาสโลเก วา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสงฺขาตฺจ หิตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา โลกสฺส, โลกานํ, โลเก วา หิตนฺติ สรูเปกเทเสกเสสํ กตฺวา ‘‘โลกหิต’’มิจฺเจวาห. นาโถติ สพฺพสตฺตานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติเภทานุรูปธมฺมเทสนสมตฺถตาย ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ…เป… ตํ สุณาถา’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) เอวํ ยาจนฏฺเนาปิ นาถเตติ นาโถ. ภิกฺขูนํ วีติกฺกมานุรูปํ สิกฺขาปทปฺาปเนน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาย จ กรุณาย อุปคนฺตฺวา ตปติ, สุตฺตนฺตวเสน วา เตสํ สพฺพสตฺตานํ อนุสยิเต กิเลเส กรุณาย จ ปฺาย จ อุปคนฺตฺวา ตปติ, อภิธมฺมวเสน วา เต เต สงฺขาเร อนิจฺจาทิลกฺขณวเสน อุปปริกฺขิตฺวา อตฺตโน กิเลเส ปฺาย อุเปจฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตปตีติ ตปนฏฺเนาปิ นาถเตติ นาโถ. สเทวเก โลเก อปฺปฏิปุคฺคลตฺตา เกนจิ อปฺปฏิหตธมฺมเทสนตฺตา ปรมจิตฺติสฺสริยปฺปวตฺติโต จ อิสฺสริยฏฺเนาปิ นาถเตติ นาโถ. ‘‘ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสี’’ติ (มหาว. ๙๐) วจนโต สมฺปหํสนสงฺขาเตน อาสีสฏฺเน, ปณิธานโต ปฏฺาย ‘‘กถํ นามาหํ มุตฺโต โมจยิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อาสีสฏฺเน วา นาถเตติ นาโถติ เวทิตพฺโพ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ. จตูหิปิ นาถงฺเคหิ จตุเวสารชฺชจตุปฏิสมฺภิทาทโย สพฺเพปิ พุทฺธคุณา โยเชตพฺพา, อติวิตฺถาริกภยา ปน น โยชิตา.

นโมติ ปรมตฺถโต พุทฺธคุณพหุมานปพฺภารา จิตฺตนติ, จิตฺตนติปฺปภวา จ วจีกายนติ. อตฺถุ เมติ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ. มหาการุณิกสฺสาติ เอตฺถ สพฺพสตฺตวิสยตฺตา มหุสฺสาหปฺปภวตฺตา จ มหตี กรุณา มหากรุณา. ตตฺถ ปณิธานโต ปฏฺาย ยาวอนุปาทิเสสนิพฺพานปุรปฺปเวสา นิยุตฺโตติ มหาการุณิโก, ภควา. เอตฺถ จ มหาการุณิกสฺสาติ อิมินา ยถาวุตฺตเหตุมูลํ ทสฺเสติ. นิกฺกรุโณ หิ ปรทุกฺเขสุ อุทาสิโน พุทฺธตฺถาย ปณิธานมตฺตมฺปิ อติภาริยนฺติ มฺนฺโต อปฺปเมยฺยํ กาลํ อติทุกฺกรํ เหตุํ ปูเรตฺวา นาถตฺตสงฺขาตํ เหตุผลปฺปโยชนภูตํ โลกหิตํ กถํ กริสฺสติ. ตสฺมา สพฺพคุณมูลภูตตฺตา มหากรุณาคุณเมว วณฺเณนฺโต ‘‘นโม มหาการุณิกสฺสา’’ติ อาห. เอตฺตาวตา เหตุอนุรูปํ ผลํ, ผลานุรูโป เหตุ, ทฺวินฺนมฺปิ อนุรูปํ มูลํ, ติณฺณมฺปิ อนุรูปํ ปโยชนนฺติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ.

เอวํ อจฺฉริยปุริโส, นาโถ นาถคุเณ ิโต;

นโมรโห อนาถสฺส, นาถมานสฺส สมฺปทํ.

เอตฺถ สิยา ‘‘อเนเกสุ ภควโต คุเณสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ‘มหาการุณิกสฺสา’ติ เอกเมว คหิต’’นฺติ? อุจฺจเต –

โทสหีนสฺส สตฺถสฺส, โจทนา ตุ น วิชฺชเต;

โทสยุตฺตมสตฺถฺจ, ตสฺมา โจทนา อปตฺตกาติ.

น มยา โจทนา กตา, กินฺตุ ปุจฺฉา เอว กตา. อปิจ –

‘‘ผลํ สติปิ รุกฺเขฑฺเฒ, น ปตตฺยวิกมฺปิเต;

โจทนา ยา’ตฺถุ สตฺถานํ, ปุจฺฉนาตฺยตฺถผลํ มหตา.

‘‘นโภตฺตุํ กุรุเต สมฺมา, คหิตุํ นาฑฺฒเต ฆฏํ;

อกฺเขเป หิ กเต ตทิ-จฺฉิสฺสาณาพุทฺธิพนฺธนํ.

‘‘ยถา หิมปโท ปทฺโธ, ปพุทฺโธ คนฺธลิมฺปิยา;

ภินฺนตฺถวิรมสฺเสวํ, สตฺถกตาตฺถลิมฺปิยา’’ติ. –

เอวํ เจกํ –

สมฺมาปิ โจทนา ตํ ขลุ, คุรโว วิวากฺยา วิวทฺธ;

ยติสิสฺสา อาฆฏฺฏิตาติ-วากฺเยนาภฺยธิกํ โคปย.

สรวตี อาเจรํ กิลิฏฺา, ตทิจฺฉิสฺสชิตาตฺตานํ;

ชยตฺยตฺตานมาเจโร, สทสฺสสฺเสว สารถีติ. –

อตฺโรจฺจเต –

ยสฺส หิ วากฺยสหสฺสํ, วากฺเย วากฺเย สตฺจ ชิวฺหา;

นามํ ทสพลคุณปเทสํ, วตฺตุํ กปฺเปนปิ น สกฺกา.

ยถา

พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,

กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;

ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,

วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสาติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา) –

โจตฺตตฺตา น สกฺกา ภควตํ คุณานมวเสสาภิธาตุํ.

อปิจ –

ยถา ตฺวํ สตฺตานํ, ทสพล ตถา าณกรุณา;

คุณทฺวนฺทํ เสฏฺํ, ตว คุณคณา นาม ติคุณาติ. –

สพฺพคุณเสฏฺตฺตา มูลตฺตา จ เอกเมว วุตฺตํ. อถ วา ‘‘ฉสุ อสาธารณาเณสุ อฺตรตฺตา ตคฺคหเณน เสสาปิ คหิตาว สหจรณลกฺขเณนา’’ติ จ วทนฺติ. วิเสสโต ปเนตฺถ อภิธมฺมสฺส เกวลํ ปฺาวิสยตฺตา อภิธมฺมฏฺกถารมฺเภ อาจริเยน ‘‘กรุณา วิย สตฺเตสุ, ปฺา ยสฺส มเหสิโน’’ติ ปฺาคุโณ วณฺณิโต เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยจอยาธิมุตฺติเภทานุรูปปริจฺฉินฺทนปฺาย, สตฺเตสุ มหากรุณาย จ อธิการตฺตา. สุตฺตนฺตฏฺกถารมฺเภ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ, ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ ภควโต อุโภปิ ปฺากรุณาคุณา วณฺณิตา. อิธ ปน วินเย อาสยาทินิรเปกฺขํ เกวลํ กรุณาย ปากติกสตฺเตนาปิ อโสตพฺพารหํ สุณนฺโต, อปุจฺฉิตพฺพารหํ ปุจฺฉนฺโต, อวตฺตพฺพารหฺจ วทนฺโต สิกฺขาปทํ ปฺเปสีติ กรุณาคุโณเยเวโก วณฺณิโตติ เวทิตพฺโพ.

ปฺาทยา อตฺตปรตฺถเหตู,

ตทนฺวยา สพฺพคุณา ชินสฺส;

อุโภ คุณา เต คุณสาครสฺส,

วุตฺตา อิธาจริยวเรน ตสฺมา.

เอตฺตาวตา อฏฺกถาทิคาถา,

สมาสโต วุตฺตปทตฺถโสภา;

อยมฺปิ วิตฺถารนโยติ จาหํ,

อุทฺธํ อิโต เต ปฏิสํขิปามิ.

ทุติยคาถาย อสมฺพุธนฺติ ธมฺมานํ ยถาสภาวํ อพุชฺฌนฺโต. พุทฺธนิเสวิตนฺติ พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺเธหิ โคจรภาวนาเสวนาหิ ยถารหํ นิเสวิตํ. ภวา ภวนฺติ วตฺตมานภวโต อฺํ ภวํ คจฺฉติ อุปคจฺฉติ, ปฏิปชฺชตีติ อตฺโถ. อถ วา ภโวติ สสฺสตทิฏฺิ. ตสฺส ปฏิปกฺขตฺตา อภโวติ อุจฺเฉททิฏฺิ. ภโวติ วา วุทฺธิ. อภโวติ หานิ. ภโวติ วา ทุคฺคติ. อภโวติ สุคติ. ‘‘อปฺปมาณา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๓, ๑๑) วิย หิ วุทฺธิอตฺถตฺตา อการสฺส. ภาวยตีติ ภโว, ชาติ. ภวตีติ วา ภโว. สวิการา พหุวิธขนฺธุปฺปตฺติ ทีปิตา. อภโวติ วินาโส, ชาติภาวํ มรณภาวฺจ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ อรหนฺตานํ มรณมฺปิ ขณิกวเสน คเหตพฺพํ. ภเวสุ อภโว ภวาภโว, ตํ ภวาภวํ, ภเวสุ อภาวปฺตฺตึ คจฺฉตีติ อตฺโถ. ชีวโลโกติ สตฺตโลโก, สงฺขารโลกโอกาสโลกานํ ภวาภวคมนาสมฺภวโต สตฺตโลกํ ชีวโลโกติ วิเสเสติ. อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโนติ เอตฺถ นวปิ โลกุตฺตรธมฺมา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อปจยคามิตา หิ จตุมคฺคธมฺมสฺส โอธิโส อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํโส, โส อสฺส อตฺถิ, ตทารมฺมณํ หุตฺวา ตตฺถ สหายภาวูปคมเนน นิพฺพานสฺสาปิ. ยถาห ‘‘โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย…เป… อิทํ วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ. อรหตฺตสฺสาปิ ตถา ราคาทิกฺขยวจนสพฺภาวโต. ผลสามฺเน ติณฺณมฺปิ ผลานํ อตฺถีติ นววิโธเปส ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี’’ติ วุจฺจติ. อถ วา สหจรณลกฺขณกอารณตาย ปฏิปกฺขโคจรคฺคหณตา. อนภิหิโตปิ หิ ธมฺมสฺส ตตฺราภิหิโตว พุชฺฌิตพฺโพ อิติ วจนโต การณโคจรคฺคหเณน จตฺตาริปิ ผลานิ คหิตานิ. นรกาทีสุ อปตมานํ ธาเรติ สุคติยํ อุปฺปาทเนนาติ ธมฺโม. ปุน สุคติมฺหิ อชนนการี อกุสลธมฺเม นิวาเรตฺวา โปเสติ ปวตฺเตติ วฑฺเฒตีติ ธมฺโม. โส ปน กามรูปารูปเภทโต ติวิโธ อจฺจนฺตสุขาวหนโต, ตโตปิ อุตฺตมตฺตา ธมฺมวโร.

เอตฺถาห – ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริต’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๕๕; มหาว. ๒๘๗) วจนโต จตุสจฺจธมฺมํ อสมฺพุธํ ภวา ภวํ คจฺฉติ ชีวโลโกติ สิทฺธํ. ตสฺมา ยํ อสมฺพุธํ คจฺฉติ, ตสฺเสว ‘‘ตสฺสา’’ติ อนฺเต ตํนิทฺเทเสน นิยมนโต จตุสจฺจธมฺโมปิ อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี ธมฺมวโรติ จาปชฺชติ. อฺถา ‘‘นโม อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโน ธมฺมวรสฺส ตสฺสา’’ติ ตํนิทฺเทเสน สมานวิภตฺติกรณํ น ยุชฺชติ อติปฺปสงฺคนิยมนโต, ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสิโน ธมฺมวรสฺสา’’ติ วจนํ วิเสสนวจนํ. ตสฺมา ทุกฺขสมุทยสจฺจานํ ตพฺภาวปฺปสงฺโค นตฺถีติ เจ? น, ตํนิทฺเทเสน สมานวิภตฺติฏฺาเน อวิเสสิตตฺตา. อปิ จ มคฺคสจฺจนิโรธสจฺเจสุ ผลานํ อปริยาปนฺนตฺตา นว โลกุตฺตรธมฺมา สงฺคหิตาติ วจนวิโรโธ, ผลานํ อสงฺคเห เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ น เกวลํ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ, อปิ จ อริยผลธมฺเมหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ…เป… ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ (วิ. ว. ๘๘๗) วจนวิโรโธ จาติ ปุพฺพาปรวิรุทฺธา เอสา คาถา สาสนวิรุทฺธา จา’’ติ? วุจฺจเต – สพฺพเมตมยุตฺตํ วุตฺตคาถตฺถาชานนโต. เอตฺถ หิ อาจริเยน ปวตฺติปวตฺติเหตุวิสยวิภาโค จ ทสฺสิโต. กถํ? ตตฺถ อสมฺพุธนฺติ อสมฺโพโธ, โส อตฺถโต อวิชฺชา, ตาย จ ตณฺหุปาทานานิ คหิตานิ, ตโยปิ เต ธมฺมา สมุทยสจฺจํ, ภวาภวนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสจฺจํ วุตฺตํ. สุคติทุคฺคติปฺปเภโท หิ ภโว อตฺถโต ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โหนฺติ. ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (มหาว. ๑) วจนโต ทุกฺขปฺปวตฺติ ปวตฺติ นาม, ทุกฺขสมุทโย ปวตฺติเหตุ นาม, อวิชฺชาสงฺขาตสฺส จ ปวตฺติเหตุสฺส อคฺคหิตคฺคหเณน นิโรธมคฺคสจฺจทฺวยํ วิสโย นาม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา? ทุกฺเข อฺาณํ…เป… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณ’’นฺติ (วิภ. ๒๒๖).

เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ พุทฺเธน โคจราเสวนาย อาเสวิตํ, มคฺคสจฺจํ ภาวนาเสวนาย. เอตฺตาวตา อสมฺพุธํ พุทฺธนิเสวิตํ ยนฺติ อุปโยคปฺปตฺโต โย วิสโย นิโรโธ จ มคฺโค จ, ตสฺส ยถาวุตฺตาวิชฺชาทิกิเลสชาลตฺตยวิทฺธํสิโน นโม ธมฺมวรสฺสาติ อยํ คาถาย อตฺโถ. ปริยตฺติธมฺโมปิ กิเลสวิทฺธํสนสฺส สุตฺตนฺตนเยน อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตา กิเลสวิทฺธํสนสีลตาย ‘‘อวิชฺชาทิกิเลสชาลวิทฺธํสี’’ติ วตฺตุํ สมฺภวติ. เอวฺหิ สติ ราควิราคาติ คาถตฺโถ, โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ สุตฺตตฺโถ จ อเสสโต คหิโต โหติ. อถ วา อิมาย คาถาย เกวลํ ปริยตฺติธมฺโมว คหิโต โหติ, ยํ สนฺธายาห ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๐; ปารา. ๑), ตมฺปิ อสมฺพุธํ พุทฺเธเหว นิเสวิตํ โคจราเสวนาย อนฺนิเสวิตํ. ยถาห ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา…เป… ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖).

ตติยคาถาย สีลาทโย กิฺจาปิ โลกิยโลกุตฺตรา ยถาสมฺภวํ ลพฺภนฺติ, ตถาปิ อนฺเต ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ วจนโต สีลาทโย จตฺตาโร ธมฺมกฺขนฺธา โลกุตฺตราว. เอตฺถ จ ‘‘สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณปฺปภุตีหี’’ติ วตฺตพฺเพ สรูเปกเสสํ กตฺวา ‘‘วิมุตฺติาณปฺปภุตีหี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ วิมุตฺตีติ ผลธมฺมาว สุตฺเต อธิปฺเปตา, ตถาปิ ‘‘มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ. ปหีเน กิเลเส ปจฺจเวกฺขติ. ผลํ ปจฺจเวกฺขติ. นิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๐) วจนโต มคฺคาทิปจฺจเวกฺขณาณํ วิมุตฺติาณนฺติ เวทิตพฺพํ. วิมุตฺติ วิโมกฺโข ขโยติ หิ อตฺถโต เอกํ. ‘‘ขเย าณํ อนุปฺปาเท าณนฺติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒; ที. นิ. ๓.๓๐๔) เอตฺถ ขโย นาม มคฺโค, ราคกฺขโย โทสกฺขโยติ ผลนิพฺพานานํ อธิวจน’’นฺติ สุตฺเต อาคตเมว. ปหีนกิเลสานํ ขโย ปากติโก ขโย เอว. ปภุติ-สทฺเทน ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาติ เอวมาทโย คุณา สงฺคหิตา. สมนฺนาคมฏฺเน อปริหีนฏฺเน จ ยุตฺโต. เขตฺตํ ชนานํ กุสลตฺถิกานนฺติ ‘‘อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ สุตฺตโต กุสลสฺส วิรุหนฏฺานตฺตา, สุตฺตนฺตนเยน อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตา จ กามํ กุสลสฺส เขตฺตํ โหติ สงฺโฆ, น กุสลตฺถิกานํ ชนานํ. ตสฺมา น ยุชฺชตีติ เจ? น, สุตฺตตฺถสมฺภวโต. สุตฺเต ‘‘อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) หิ วุตฺตํ. กสฺส โลกสฺส? ปุฺตฺถิกสฺส เขตฺตํ สงฺโฆ, ปุฺุปนิสฺสยตฺตา ปุฺกฺเขตฺตํ โหติ สงฺโฆ, กุสลตฺถิกานนฺติ จ วุจฺจนฺติ. โลเกปิ หิ เทวทตฺตสฺส เขตฺตํ ยฺทตฺตสฺส เขตฺตํ สาลิยวุปนิสฺสยตฺตา สาลิเขตฺตํ ยวเขตฺตนฺติ จ วุจฺจติ. อริยสงฺฆนฺติ วิคตกิเลสตฺตา อริยํ ปริสุทฺธํ อริยานํ, อริยภาวํ วา ปตฺตํ สีลทิฏฺิสามฺเน สงฺฆตตฺตา สงฺฆํ. ‘‘อริย-สทฺเทน สมฺมุติสงฺฆํ นิวาเรตี’’ติ เกจิ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ วิมุตฺติาณคุณคฺคหเณน วิเสสิตตฺตา. สิรสาติ อิมินา กามํ กายนตึ ทสฺเสติ, ตถาปิ อุตฺตมสงฺเฆ คุณคารเวน อุตฺตมงฺคเมว นิทฺทิสนฺโต ‘‘สิรสา นมามี’’ตฺยาห. สิรสฺส ปน อุตฺตมตา อุตฺตมานํ จกฺขุโสตินฺทฺริยานํ นิสฺสยตฺตา, เตสํ อุตฺตมตา จ ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยเหตุตาย เวทิตพฺพา. เอตฺถาห – อนุสนฺธิกุสโล

‘‘อุโปคฺฆาโต ปทฺเจว, ปทตฺโถ ปทวิคฺคโห;

โจทนาปฺรตฺยวชฺชานํ, พฺยาขฺยา ตนฺตสฺส ฉพฺพิธา’’ติ. –

เอวมวตฺวา กสฺมา รตนตฺตยปณามํ ปมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – สตาจารตฺตา. อาจาโร กิเรส สปฺปุริสานํ, ยทิทํ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปูชาวิธานํ. ตสฺมา ‘‘สตาจารโต ภฏฺา มา มยํ โหมา’’ติ กรียติ, จตุคมฺภีรภาวยุตฺตฺจ วินยปิฏกํ สํวณฺเณตุกามสฺส มหาสมุทฺทํ โอคาหนฺตสฺส วิย ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคตสฺสาปิ มหนฺตํ ภยํ โหติ, ภยกฺขยาวหฺเจตํ รตนตฺตยคุณานุสฺสรณชนิตํ ปณามปูชาวิธานํ. ยถาห ‘‘เอวํ พุทฺธํ สรนฺตาน’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙). อปิจาจริโย สตฺถุปูชาวิธาเนน อสตฺถริ สตฺถาภินิเวสสฺส โลกสฺส ยถาภูตํ สตฺถริ เอว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สตฺถุสมฺภาวนํ อุปฺปาเทติ, อสตฺถริ สตฺถุสมฺภาวนํ ปริจฺจชาเปติ, ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อตฺตโน ทหตี’’ติ วุตฺตโทสํ ปริหรติ. อนฺตรายพหุลตฺตา ขนฺธสนฺตติยา วิปฺปกตาย วินยสํวณฺณนาย อตฺตโน อายุวณฺณสุขพลานํ ปริกฺขยสมฺภวาสงฺกาย ‘‘อภิวาทนสีลิสฺส…เป… อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ (ธ. ป. ๑๐๙) วุตฺตานิสํเส ยาว สํวณฺณนาปริโยสานา ปตฺเถติ. อปิ เจตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต ปณามปูชาวิธานํ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวาธิคมตฺถํ พุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหํ ชเนติ. โลกิยโลกุตฺตรเภทสฺส, โลกุตฺตรสฺเสว วา สทฺธมฺมสฺส ปูชาวิธานํ ปจฺเจกพุทฺธภาวาธิคมตฺถํ ปจฺเจกพุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหํ ชเนติ. สทฺธมฺมปฏิเวธมตฺตาภิลาสิโน หิ เต. ปรมตฺถสงฺฆปูชาวิธานํ ปรมตฺถสงฺฆภาวาธิคมตฺถํ สาวกยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหํ ชเนติ, มงฺคลาทีนิ วา สาตฺถานิ อนนฺตรายานิ จิรฏฺิติกานิ พหุมตานิ จ ภวนฺตีติ เอวํลทฺธิกานํ จิตฺตปริโตสนตฺถํ ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยาน’’นฺติ ภควตา ปสตฺถมงฺคลํ กโรติ. วุจฺจเต จ –

‘‘มงฺคลํ ภควา พุทฺโธ, ธมฺโม สงฺโฆ จ มงฺคลํ;

มงฺคลาทีนิ สาตฺถานิ, สีฆํ สิชฺฌนฺติ สพฺพโส.

‘‘สตฺถุ ปูชาวิธาเนน, เอวมาที พหู คุเณ;

ลภตีติ วิชานนฺโต, สตฺถุปูชาปโร สิยา’’ติ.

เอตฺถ จ สตฺถุปธานตฺตา ธมฺมสงฺฆานํ ปูชาวิธานํ สตฺถุปูชาวิธานมิจฺเจว ทฏฺพฺพํ สาสนโต โลกโต จ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘สตฺถา’’ติ ธมฺโม สุคเตน วุตฺโต;

นิพฺพานกาเล ยมโต ส สตฺถา;

สุวตฺถิคาถาสุ ‘‘ตถาคโต’’ติ;

สงฺโฆ จ วุตฺโต ยมโต ส สตฺถา.

กิฺจ ภิยฺโย –

ธมฺมกาโย ยโต สตฺถา, ธมฺโม สตฺถา ตโต มโต;

ธมฺมฏฺิโต โส สงฺโฆ จ, สตฺถุสงฺขฺยํ นิคจฺฉติ.

สนฺติ หิ โลเก วตฺตาโร โกสคตํ อสึ คเหตฺวา ิตํ ปุริสํ วิสุํ อปรามสิตฺวา ‘‘อสึ คเหตฺวา ิโต เอโส’’ติ. เตเนวาห จาริยมาตฺรจฺเจวา –

‘‘นมตฺถุ พุทฺธรตฺนาย, ธมฺมรตฺนาย เต นโม;

นมตฺถุ สงฺฆรตฺนาย, ติรตฺนสมวานยี’’ติ.

อปิจ สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขปาตุภาวาภิสงฺขาตํ ขนฺธสนฺตานมุปาทาย ‘‘พุทฺโธ’’ติ ยทิ ปฺาปิยติ, ธมฺโม ปณามารโหติ กา เอว กถา, สงฺโฆ จ ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ วุตฺตตฺตา ภาชนนฺติ ทีเปติ. อถ วา ‘‘พุทฺธสุโพธิโต ธมฺโม อาจริยปรมฺปราย สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตเตลมิว อปริหาเปตฺวา ยาวชฺชตนา อาภตตฺตา เอว มาทิสานมฺปิ โสตทฺวารมนุปฺปตฺโต’’ติ สงฺฆสฺส อาจริโย อตีว อาทเรน ปณามํ กโรติ ‘‘สิรสา นมามี’’ติ.

เอวํ อเนกวิธํ ปณามปฺปโยชนํ วทนฺติ, อาจริเยน ปน อธิปฺเปตปฺปโยชนํ อตฺตนา เอว วุตฺตํ ‘‘อิจฺเจวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺย’’นฺติอาทินา จตุตฺถคาถาย. อิจฺเจวนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท รตนตฺตยปูชาวิธานปริสมตฺตตฺโถ. ยทิ เอวํ ยถาวิหิตมตฺตเมว ปูชาวิธานํ อรหติ รตนตฺตยํ, น ตโต อุทฺธนฺติ อาปชฺชตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ ‘‘เอวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺย’’นฺติ อาห. ตตฺถ เอวนฺติ อิมินา ยถาวุตฺตวิธึ ทสฺเสติ. ยถาวุตฺเตน วิธินา, อฺเน วา ตาทิเสน อจฺจนฺตเมว มุหุตฺตมปิ อฏฺตฺวา อภิกฺขณํ นิรนฺตรํ นิยเมน นมสฺสนารหํ นมสฺสมานสฺส หิตมหปฺผลกรณโตติ อตฺโถ. เอวํวิธํ ทุลฺลภฏฺเน มหปฺผลฏฺเน จ สิทฺธํ รตนภาวํ รตนตฺตยํ นมสฺสมาโน ยํ ปุฺาภิสนฺทํ อลตฺถํ อลภึ. อกุสลมลํ ตทงฺคาทิปฺปหาเนน ปุนาตีติ ปุฺํ. กิเลสทรถปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สีตลตฺตา จิตฺตํ อภิสนฺเทตีติ อภิสนฺโท. ปุฺฺจ ตํ อภิสนฺโท จาติ ปุฺาภิสนฺโท, ตํ ปุฺาภิสนฺทํ. คณฺิปเท ปน ‘‘ปุฺมหตฺตํ’’นฺติ ภณนฺติ, ‘‘วิปุล’’นฺติ วจนโต โส อตฺโถ น ยุชฺชตีติ อาจริโย. อถ วา ปุฺานํ อภิสนฺโท ปุฺาภิสนฺโท, ตํ ปุฺาภิสนฺทํ. สนฺท สวเนติ ธาตุ. ตสฺมา ปุฺโสตํ ปุฺุสฺสยนฺติ อตฺโถ ยุชฺชติ, ตํ ปน วิปุลํ, น ปริตฺตนฺติ ทสฺสิตํ วิปุล-สทฺเทน.

ปฺจมคาถา ยสฺมึ วินยปิฏเก ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนูนํ ลชฺชีปุคฺคเลสุ ปวตฺตนฏฺเน ิเต สกลํ ติวิธมฺปิ สาสนํ เตสฺเวว ปุคฺคเลสุ ปติฏฺิตํ โหติ. กสฺส สาสนนฺติ เจ? อฏฺิตสฺส ภควโต. ภควา หิ ิติเหตุภูตาย อุจฺเฉททิฏฺิยา อภาเวน อฏฺิโตติ วุจฺจติ. อุจฺเฉททิฏฺิโก หิ ปรโลเก นิรเปกฺโข เกวลํ กามสุขลฺลิกานุโยคมนุยุฺชนฺโต ติฏฺติ, น ปรโลกหิตานิ ปุฺานิ กตฺตุํ พฺยาวโฏ โหติ, สสฺสตทิฏฺิโก ตานิ กตฺตุํ อายูหติ. ภควา ปน ตถา อติฏฺนฺโต อนายูหนฺโต มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชนฺโต สยฺจ โอฆํ ตริ, ปเร จ ตาเรสิ. ยถาห ‘‘อปฺปติฏฺํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อนายูหํ โอฆมตริ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑). จตุพฺรหฺมวิหารวเสน สตฺเตสุ สุฏฺุ สมฺมา จ ิตสฺสาติ อตฺถวเสน วา สุสณฺิตสฺส. สุสณฺิตตฺตา เหส เกวลํ สตฺตานํ ทุกฺขํ อปเนตุกาโม หิตํ อุปสํหริตุกาโม สมฺปตฺติยา จ ปโมทิโต อปกฺขปติโต จ หุตฺวา วินยํ เทเสติ, ตสฺมา อิมสฺมึ วินยสํวณฺณนาธิกาเร สารุปฺปาย ถุติยา โถเมนฺโต อาห ‘‘สุสณฺิตสฺสา’’ติ. คณฺิปเท ปน ‘‘มนาปิเย จ โข, ภิกฺขเว, กมฺมวิปาเก ปจฺจุปฏฺิเต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๕; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๖) สุตฺตสฺส, ‘‘สุสณฺานา สุรูปตา’’ติ (ขุ. ปา. ๘.๑๑) สุตฺตสฺส จ วเสน สุสณฺิตสฺสาติ อตฺโถ วุตฺโต, โส อธิปฺเปตาธิการานุรูโป น โหติ. อมิสฺสนฺติ กึ วินยํ อมิสฺสํ, อุทาหุ ปุพฺพาจริยานุภาวนฺติ? โนภยมฺปิ. อมิสฺสา เอว หิ วินยฏฺกถา. ตสฺมา ภาวนปุํสกวเสน อมิสฺสํ ตํ วณฺณยิสฺสนฺติ สมฺพนฺโธ. ปุพฺพาจริยานุภาวนฺติ อฏฺกถา ‘‘ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสู’’ติ วจนโต เตสํ อานุภาโว นาม โหติ. กิฺจิ อปุพฺพํ ทิสฺวา สนฺติ หิ โลเก วตฺตาโร ‘‘กสฺเสส อานุภาโว’’ติ. อถ วา ภควโต อธิปฺปายํ อนุคนฺตฺวา ตํตํปาเ อตฺถํ ภาวยติ วิภาวยติ, ตสฺส ตสฺส วา อตฺถสฺส ภาวนา วิภาวนาติ อานุภาโว วุจฺจติ อฏฺกถา.

ปุพฺพาจริยานุภาเว สติ กึ ปุน ตํ วณฺณยิสฺสนฺติ อิมินา อารมฺเภนาติ ตโต วุจฺจนฺติ ฉฏฺสตฺตมฏฺมนวมคาถาโย. ตตฺถ อริยมคฺคาณมฺพุนา นิทฺโธตมลตฺตา วิสุทฺธวิชฺเชหิ, เตเนว นิทฺโธตาสวตฺตา วิสุทฺธปฏิสมฺภิเทหิ, วิสุทฺธปฏิสมฺภิทตฺตา จ สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหีติ โยชนา เวทิตพฺพา. เกจิ ‘‘ปุพฺพาจริยาติ วุตฺเต โลกาจริยาปิ, สาสเน ราหุลาจริยาทโยปิ สงฺคยฺหนฺติ, เต อปเนตุํ กามฺจาติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ตํ วณฺณยิสฺส’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปุพฺพฏฺกถาย อูนภาโว ทสฺสิโตติ เจ? น, จิตฺเตหิ นเยหิ สํวณฺณิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สทฺธมฺมํ สํวณฺเณตุํ โกวิเทหิ, ตาย สํวณฺณนาย วา โกวิเทหิ สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหิ.

สลฺเลขิเยติ กิเลสชาตํ พาหุลฺลํ วา สลฺลิขติ ตนุํ กโรตีติ สลฺเลโข, สลฺเลขสฺส ภาโว สลฺเลขิยํ, ตสฺมึ สลฺเลขิเย. โนสุลภูปเมหีติ อสุลภูปเมหิ. มหาวิหารสฺสาติ มหาวิหารวํสสฺส. ปฺาย อจฺจุคฺคตฏฺเน ธโช อุปมา เอเตสนฺติ ธชูปมา, เตหิ ธชูปเมหิ. สมฺพุทฺธวรํ อนุอเยหิ อนุคเตหิ สมฺพุทฺธวรนฺวเยหิ, พุทฺธาธิปฺปายานุเคหีติ อธิปฺปาโย. อิธ วร-สทฺโท ‘‘สามํ สจฺจานิ พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺโธ’’ติ วจนโต ปจฺเจกพุทฺธาปิ สงฺคยฺหนฺติ. ตสฺมา เต อปเนตุํ วุตฺโต.

อฏฺกถาย อูนภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน กรณวิเสสํ ตสฺส ปโยชนฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘สํวณฺณนา’’ติอาทิมาห. น กิฺจิ อตฺถํ อภิสมฺภุณาตีติ กิฺจิ ปโยชนํ ผลํ หิตํ น สาเธตีติ อตฺโถ ‘‘น ตํ ตสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อตฺถํ อนุโภตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕๓๘) วิย. อชฺเฌสนํ พุทฺธสิริวฺหยสฺสาติ อิมินา ยสฺมา สหมฺปติพฺรหฺมุนา อชฺฌิฏฺเน ธมฺโม เทสิโต ภควตา, สาริปุตฺตสฺส อชฺเฌสนํ นิสฺสาย วินโย ปฺตฺโต, ตสฺมา อยมฺปิ อาจริโย ตํ อาจริยวตฺตํ ปูเชนฺโต อิมํ สํวณฺณนํ พุทฺธสิริตฺเถรสฺส ยาจนํ นิสฺสาย อกาสีติ ทสฺเสติ. สมนุสฺสรนฺโตติ ตสฺสาภาวํ ทีเปติ อาทรฺจ.

ตโต ปรํ ทฺเว คาถาโย กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. เตน ตาสุ อฏฺกถาสุ วุตฺตวินิจฺฉยปจฺจยวิมตึ วิโนเทติ, เอกฏฺกถาย กุสลสฺส วา ‘‘อยํ นโย อฏฺกถายํ นตฺถี’’ติ ปฏิกฺเขปํ นิวาเรติ, อยุตฺตตฺถปริจฺจาเคน ตตฺถ อภินิวิฏฺานํ อภินิเวสํ ปริจฺจชาเปติ, เถรวาททสฺสเนน วินยวินิจฺฉยํ ปติ วินยธรานํ การโณปปตฺติโต อุหาโปหกฺกมํ ทสฺเสติ, อยุตฺตตฺเถรวาทปฏิกฺเขเปน ปุคฺคลปฺปมาณตํ ปฏิกฺขิปตีติ อิเม จานิสํสา กตฺตพฺพวิธิทสฺสเนน ทสฺสิตา โหนฺติ. สํวณฺณนํ ตฺจ สมารภนฺโต ตสฺสา สํวณฺณนาย มหาอฏฺกถํ สรีรํ กตฺวา สมารภิสฺสํ, มหาปจฺจริยมฺปิ โย วุตฺโต วินิจฺฉโย, ตเถว กุรุนฺทีนามาทีสุ โลเก วิสฺสุตาสุ อฏฺกถาสุ จ โย วุตฺโต วินิจฺฉโย, ตโตปิ วินิจฺฉยโต มหาอฏฺกถานเยน, วินยยุตฺติยา วา ยุตฺตมตฺถํ ตสฺส สรีรสฺส อลงฺการํ วิย คณฺหนฺโต สมารภิสฺสํ. กึ สํวณฺณนเมว, น อฺนฺติ ทสฺสนตฺถํ ปุน สํวณฺณนาคฺคหณํ. อถ วา อนฺโตคธตฺเถรวาทํ สํวณฺณนํ กตฺวา สมารภิสฺสนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. เถรวาทา หิ พหิอฏฺกถาย วิจรนฺติ. เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน จูฬปจฺจริอนฺธกอริยฏฺกถาปนฺนวาราทโยปิ สงฺคหิตา. ตตฺถ ปจฺจรี นาม สีหฬภาสาย อุฬุมฺปํ กิร, ตสฺมึ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํ. กุรุนฺทีวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา กุรุนฺที นาม ชาตา.

สมฺม สมารภิสฺสนฺติ กตฺตพฺพวิธานํ สชฺเชตฺวา อหํ ิโต, ตสฺมา ตํ เม นิสาเมนฺตูติ คาถาย ตํ สํวณฺณนํ เม มม, มยา วา วุจฺจมานนฺติ ปาเสโส. นิสาเมนฺตุ ปสฺสนฺตุ ปฺาจกฺขุนา สุณนฺตุ วา สทฺธาวีริยปีติปาโมชฺชาภิสงฺขาเรน สงฺขริตฺวา ปูชยนฺตา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ. กสฺส ธมฺมํ? ธมฺมปฺปทีปสฺส ตถาคตสฺส. กึ ทสฺเสติ? ปทีปฏฺานิโย หิ ธมฺโม หิตาหิตปฺปกาสนโต, ปทีปธรฏฺานิโย ธมฺมธโร ตถาคโต, ตสฺมา ปรินิพฺพุเตปิ ตสฺมึ ตถาคเต ตตฺถ โสกํ อกตฺวา สกฺกจฺจ ธมฺมํ ปฏิมานยนฺตา นิสาเมนฺตูติ ทสฺเสติ. อถ วา ‘‘ธมฺมกายา ตถาคตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๘) วจนโต ธมฺโม จ โส ปทีโป จาติ ธมฺมปฺปทีโป, ภควา.

โย ธมฺมวินโย ยถา พุทฺเธน วุตฺโต, โส ตเถว พุทฺธปุตฺเตหิ สาวเกหิ าโต อวพุทฺโธ, เยหิ เตสํ พุทฺธปุตฺตานํ มตึ อธิปฺปายํ อจฺจชนฺตา นิรวเสสํ คณฺหนฺตา. ปุเรติ ปุรา, โปราณตฺเถรา วา. อฏฺกถาติ อฏฺกถาโย, อุปโยคพหุวจนํ.

ยํ อตฺถชาตํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ ปมาทเลขกานํ ปมาทเลขมตฺตํ วชฺชยิตฺวา. กึ สพฺเพสมฺปิ ปมาณํ? น, กินฺตุ สิกฺขาสุ สคารวานํ อิธ วินยมฺหิ ปณฺฑิตานํ, มหาอฏฺกถายํ ปน สจฺเจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทเลขนฺติ เวทิตพฺพํ. ปมาทเลขํ วชฺชยิตฺวา ปมาณํ เหสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

ตโต จาติ อฏฺกถาสุ วุตฺตอตฺถชาตโต ตนฺติกฺกมํ ปาฬิกฺกมํ. สุตฺตนฺตา สุตฺตาวยวา. อนฺโตติ หิทํ อพฺภนฺตราวยวสมฺภาวนาทีสุ ทิสฺสติ. สุตฺตนฺเตสุ ภวา สุตฺตนฺติกา, เตสํ สุตฺตนฺติกานํ, สุตฺตนฺตคนฺเถสุ อาคตวจนานนฺติ อตฺโถ. อถ วา อมียตีติ อนฺโต, สาธียตีติ อธิปฺปาโย. เกน สาธียติ? สุตฺเตน, สุตฺตสฺส อนฺโต สุตฺตนฺโต, โก โส? โส โส อตฺถวิกปฺโป, ตสฺมึ สุตฺตนฺเต นิยุตฺตานิ วจนานิ สุตฺตนฺติกานิ. เตสํ สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ. ตสฺส ตสฺส อาคมสุตฺตสฺส อภิธมฺมวินยสุตฺตสฺส จานุรูปํ ปริทีปยนฺตี, อยํ ตาเวตฺถ สมาสโต อตฺถวิภาวนา – ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทีนํ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๔๗๙; อ. นิ. ๖.๑๐; ปารา. ๑) สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ อาคมสุตฺตนฺตานุรูปํ. ‘‘วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสลํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๐) เอวมาทีนํ อภิธมฺมสุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ อภิธมฺมสุตฺตนฺตานุรูปนฺติ เอวมาทิ. เหสฺสตีติ ภวิสฺสติ, กรียิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. วณฺณนาปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, โส ตสฺมาติ ปเทน โยเชตพฺโพ. กถํ? ปณฺฑิตานํ ปมาณตฺตาปิ วิตฺถารมคฺคสฺส สมาสิตตฺตาปิ วินิจฺฉยสฺส อเสสิตตฺตาปิ ตนฺติกฺกมสฺส อโวกฺกมิตตฺตาปิ สุตฺตนฺติกวจนานํ สุตฺตนฺตฏฺกถานุรูปํ ทีปนโตปิ ตสฺมาปิ สกฺกจฺจํ อนุสิกฺขิตพฺพาติ. เอตฺถ ‘‘ตนฺติกฺกมํ อโวกฺกมิตฺวา’’ติ วจเนน สิทฺเธปิ ‘‘อฏฺกถาจริยา เวรฺชกณฺฑาทีสุ ‘สุตฺตนฺติกานํ ภาโร’ติ คตา, มยํ ปน วตฺวาว คมิสฺสามา’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘สุตฺตนฺติกาน’’นฺติ วุตฺตํ กิร.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

พาหิรนิทานกถาวณฺณนา

ตทงฺควินยาทิเภเทน วินยสฺสพหุตฺตา วินโย ตาว ววตฺถเปตพฺโพ. ‘‘พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อิทานิ ‘‘วุตฺตํ เยนา’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? ตสฺส เอวมาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ธาริตํ เยน จาภตํ. ยตฺถปฺปติฏฺิตฺเจตนฺติ วจนํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตีติ อาหจฺจ ภาสิตํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ภควโต อตีตาทีสุ อปฺปจฺจกฺขํ กิฺจิ อตฺถิ. ยทิ อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหติ, ปทโสธมฺมาปตฺตึ น ชเนยฺยาติ เจ? น, สาวกภาสิตสฺสปิ ปทโสธมฺมาปตฺติชนนโต. นิยมาภาวา อติปฺปสงฺโคติ เจ? น, ปทโสธมฺมสิกฺขาปทฏฺกถายํ ‘‘สงฺคีติตฺตยํ อารุฬฺโห’’ติ วิเสสิตตฺตา. ตถา อฏฺกถายมฺปิ สงฺคีตึ อารุฬฺหตฺตา ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ…เป… สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส) เอวมาทิวจนํ, ยฺจ สงฺคีติอารุฬฺหกฺกมานุคตํ, ตํ ปทโสธมฺมาปตฺตึ ชเนตีติ อายสฺมา อุปติสฺโส.

ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา

ปมมหาสงฺคีติ นาม จาติ เอตฺถ -สทฺโท อติเรกตฺโถ, เตน อฺาปิ อตฺถีติ ทีเปติ. ตมฺปิ สาลวนํ อุปคนฺตฺวา มิตฺตสุหชฺเช อปโลเกตฺวา นิวตฺตนโต อุปวตฺตนนฺติ ปากฏํ ชาตํ กิร. ยมกสาลานนฺติ เอกา กิร สาลปนฺติ สีสภาเค, เอกา ปาทภาเค. ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺเน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส, มูลขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺพิตฺวา ิตสาลานนฺติปิ วุตฺตํ. อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ‘‘กตกิจฺโจ ปีติช หาส เจโต อเวรมุเขนาภตกุณฺฑเลนา’’ติอาทีสุ วิย. ปรินิพฺพาเน ปรินิพฺพานเหตุ, ตสฺมึ าเน วา มา โสจิตฺถ จิตฺเตน, มา ปริเทวิตฺถ วาจาย ‘‘ปริเทวนํ วิลาป’’นฺติ วจนโต. มหาสมเณนาติ นิสฺสกฺกตฺเถ กรณวจนํ. สูริยํ’สูภิ ปฏุกรา’ภา’ริณสฺส ตาณา อิตฺยตฺเรว. ยฺจ ภควโต อนุคฺคหํ, ตสฺส อนุคฺคหสฺสาติ อาจริยา. เอกจฺเจ ปน ‘‘ยํ ยสฺมา อหํ อนุคฺคหิโต’’ติ วทนฺติ. นิพฺพสนานีติ นิฏฺิตวสนกิจฺจานิ, มยา ปริภุฺชิตฺวา อปนีตานิ. ยทิ สุยุตฺตานิ ธาเรสฺสสีติ ปุจฺฉติ, กวจสทิสานิ สาณานิ. อิสฺสริยสทิสา นว อนุปุพฺพวิหาราทโย. อฏฺ สมาปตฺติโย นิโรธสมาปตฺติ จ ปฏิลาภกฺกเมน ‘‘อนุปุพฺพวิหารา’’ติ วุตฺตา.

อนาคเต สนฺนิกฏฺเ, ตถาตีเต จิรนฺตเน;

กาลทฺวเยปิ กวีหิ, ปุราสทฺโท ปยุชฺชเต.

สตฺถุสาสนเมว ปริยตฺติ สตฺถุสาสนปริยตฺติ, สา สุตฺตเคยฺยาทิวเสน นวงฺคา. ติปิฏกเมว สพฺพปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธรา. ‘‘วินา น สกฺกา’’ติ น วตฺตพฺพํ ‘‘ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร’’ติ วุตฺตตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ อตฺถิ วิเสโส เตหิ สมฺมุขาปิ อสมฺมุขาปิ สุตํ, เถเรน ปน อสมฺมุขาปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถีติ. น วายนฺติ เอตฺถ วาติ วิภาสา, อฺาสิปิ น อฺาสิปีติ อตฺโถ. ตตฺร อุจฺจินเน. พหุสทฺโท วิปุลฺลตฺโถ ‘‘อนนฺตปารํ พหุ เวทิตพฺพมิตฺย’’ตฺเรว. ปุพฺเพ ‘‘ติปิฏกสพฺพปอยตฺติปฺปเภทธเร’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘พหุ จาเนน…เป… ปริยตฺโต’’ติ น ยุชฺชตีติ เจ? น, ติปิฏกสฺส อนนฺตตฺตา, ตสฺมา อมฺเห อุปาทาย เตน พหุ ปริยตฺโตติ อธิปฺปาโย. อิตรถา อานนฺทตฺเถโร เตหิ อปฺปสฺสุโตติ อาปชฺชติ, ‘‘อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถี’’ติ วจนวิโรโธ จ. อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโตติ เอตฺถ เอโก ทิวโส นฏฺโ, โส ปาฏิปททิวโส, โกลาหลทิวโส นาม โส, ตสฺมา อิธ น คหิโต. สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กีฬนโต สาธุกีฬนํ นาม. สฺเวปีติ อปิ-สทฺโท อเปกฺขามนฺตานุฺาย. สุภสุตฺตํ ‘‘อจิรปรินิพฺพุเต ภควตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๔) วุตฺตตฺตา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ อนฺโตคธํ น โหตีติ เจ? น, ภควโต กาเล ลทฺธนยตฺตา กถาวตฺถุ วิย. ฉฑฺฑิตา ปติตา อุกฺลาปา ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา. อาณา เอว อปฺปฏิหตฏฺเน จกฺกนฺติ อาณาจกฺกํ. เอกโต เอตฺถ นิปตนฺตีติ เอกนิปาตนํ. อากาเสน อาคนฺตฺวา นิสีทีติ เอเกติ เอตํ ทุติยวาเร คมนํ สนฺธายาติ อายสฺมา อุปติสฺโส. ปมํ วา อากาเสน คนฺตฺวา ปริสํ ปตฺวา ภิกฺขุปนฺตึ อปีเฬนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อาสเน เอว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อุภยถา จ อาปาถํ คโต, เตน อุภยมฺปิ ยุชฺชติ, อฺถา ทฺวีสุ เอกํ อภูตํ อาปชฺชติ.

อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปุจฺฉิ…เป… อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสีติ อิทํ ปุพฺเพ ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลี’’ติอาทินา (จูฬว. ๔๓๙) วุตฺตปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ สงฺขิปิตฺวา สงฺคีติการเกหิ ทสฺสิตวจนนฺติ คณฺิปเท ลิขิตํ. ตถา โหตุ, กิมตฺถํ ปเนตฺถ ‘‘นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอวํ ปุพฺเพ ทสฺสิตานุกฺกเมน อวตฺวา ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอวํ อนุกฺกโม กโตติ? ‘‘วตฺถุมูลกตฺตา สิกฺขาปทปฺตฺติยา อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ เอเก. เอตฺถ ปน วิจารณา เวรฺชกณฺเฑ สมฺปตฺเต กรียติ. ราชาคารเกติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. อภิรมนารหํ กิร ราชาคารมฺปิ. ตตฺถ, ยสฺส วเสเนตํ เอวํ นามํ ลภติ. อถ โข ‘‘อายสฺมา มหากสฺสโป’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตเมว สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ สงฺคีติการโก วสีคโณ. ยทิ เอวํ ยถา นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉีติ เอตฺถ ปุจฺฉากฺกโม ทสฺสิโต, ตถา อานนฺทตฺเถรสฺส วิสฺสชฺชนกฺกโมปิ กิมตฺถํ น ทสฺสิโตติ เจ? อิมินานุกฺกเมน สงฺคหํ ปฺจปิ นิกายา อนารุฬฺหาติ ทสฺสนตฺถํ. กถํ ปน อารุฬฺหาติ? อายสฺมา มหากสฺสโป ปฺจปิ นิกาเย อนุกฺกเมเนว ปุจฺฉิ, อานนฺทตฺเถโร ปน อนุกฺกเมเนว ปุจฺฉิตมฺปิ อปุจฺฉิตมฺปิ ตสฺส ตสฺส สุตฺตสฺส สภาวํ อนฺตรา อุปฺปนฺนํ วตฺถุํ อุทฺเทสนิทฺเทสกฺกมํ มาติกาวิภงฺคกฺกมนฺติ เอวมาทิสพฺพํ อนุรูปวจนํ ปกฺขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, เตเนวาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ปฺจปิ นิกาเย ปุจฺฉี’’ติ. อถ วา ‘‘อมฺพลฏฺิกายํ ราชาคารเก’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ อุปฺปฏิปาฏิวจเนนปิ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ‘‘อมฺพลฏฺิกายํ วิหรติ ราชาคารเก’’ติ หิ วุตฺตํ.

คหการนฺติ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน สกฺกา โส ทฏฺุํ, ตสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ ตํ าณํ อวินฺทนฺโต วิจรินฺติ อตฺโถ. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ. สพฺพา เต ผาสุกาติ ตว สพฺพา อนวเสสกิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. คหกูฏํ นาม อวิชฺชา. โสมนสฺสสหคตํ าณํ โสมนสฺสมยํ. น หิ โสมนสฺสมยํ าณํ ขนฺธสภาวเภทโต. ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, ตํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ปกาสยิสฺสาม. อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม จ วินเย จาติ เอตฺถ ปาณาติปาโต อกุสลนฺติ เอวมาทีสุ มรณาธิปฺปายสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา อกุสลํ, น ปาณสงฺขาตชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทกสงฺขาโต อติปาโต. ตถา อทินฺนสฺส ปรสนฺตกสฺส อาทานสงฺขาตา วิฺตฺติ อพฺยากโต ธมฺโม, ตพฺพิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อกุสโล ธมฺโมติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๗) เอวมาทินา อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม ปฏิพโล วิเนตุํ. ชาตรูปรชตํ ปรสนฺตกํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส ยถาวตฺถุํ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกเฏสุ อฺตรํ, ภณฺฑาคาริกสีเสน ทิยฺยมานํ คณฺหนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, อตฺตตฺถาย คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เกวลํ โลลตาย คณฺหนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏํ, รูปิยฉฑฺฑกสมฺมตสฺส อนาปตฺตีติ เอวํ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต วินเยปิ ปฏิพโล วิเนตุนฺติ อตฺโถ. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ, เอเตน ผลวเสน ชวนวเสน จ จิตฺตสฺส วุทฺธึ ทสฺเสติ. ‘‘อวิสิฏฺ’’นฺติ ปาโ, สาธารณนฺติ อตฺโถ.

เทเสนฺตสฺส วเสเนตฺถ, เทสนา ปิฏกตฺตยํ;

สาสิตพฺพวเสเนตํ, สาสนนฺติปิ วุจฺจติ.

กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส, วเสนาปิ กถาติ จ;

เทสนา สาสนา กถา, เภทมฺเปวํ ปกาสเย.

สาสนสฺส นปุํสกตฺตา ‘‘ยถา…เป… ธมฺมสาสนานี’’ติ วุตฺตํ. ทุจฺจริตสํกิเลสํ นาม อตฺถโต เจตนา, ตถาการปฺปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท วา. อนิจฺจาทิลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตตฺตา วิปสฺสนาจิตฺตานิ วิสยโต โลกิยา’ภิสมโย อสมฺโมหโต โลกุตฺตโร, โลกุตฺตโร เอว วา อภิสมโย วิสยโต นิพฺพานสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส, อิตรสฺส มคฺคาทิกสฺส อสมฺโมหโตติปิ เอเก. เอตฺถ ‘‘ปฏิเวโธ’’ติ วุตฺตํ าณํ, ตํ กถํ คมฺภีรนฺติ เจ? คมฺภีรสฺส อุทกสฺส ปมาณคฺคหณกาเล ทีเฆน ปมาเณน ภวิตพฺพํ, เอวํ อลพฺภเนยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อิทานีติ วุตฺตนฺติ เอเก. ยสฺส จตฺถาย มคฺคผลตฺถาย. ตฺจ อตฺถํ นานุโภนฺติ นาธิคจฺฉนฺติ กฺจิ อตฺตนา อธิปฺเปตํ, อิติวาทปโมกฺขฺจ. กสฺมา? อตฺถสฺส อนุปปริกฺขิตฺวา คหิตตฺตา. อธิคตผลตฺตา ปฏิวิทฺธากุปฺโป. ปุน ขีณาสวคฺคหเณน อรหนฺตเมว ทสฺเสติ, น เสกฺขํ. โส หิ ยถา ภณฺฑาคาริโก รฺโ กฏกมกุฏาทึ โคเปตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ อุปเนติ, เอวํ สเหตุกานํ สตฺตานํ มคฺคผลตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตาสํเยว ตตฺถ วินยปิฏเก ปเภทโต วุตฺตตฺตา, วายมิตฺวา ตา เอว ปาปุณาตีติ อาจริยา. กิมตฺถํ ติสฺโสว วิชฺชา ตตฺถ วิภตฺตาติ? สีลสมฺปตฺติยา เอตปรมุปนิสฺสยภาวโต. ‘‘อปเรหิปิ สตฺตหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วินยธโร โหติ. อาปตฺตึ ชานาติ, อนาปตฺตึ, ลหุกํ อาปตฺตึ, ครุกํ อาปตฺตึ, อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ…เป… ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ…เป… อาสวานฺจ ขยา…เป… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ปริ. ๓๒๗) สุตฺตเมตฺถ สาธกํ. วินยํ ปริยาปุณิตฺวา สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย อาสวกฺขยาเณน สเหว วิย ทิพฺพจกฺขุปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณานิ ปฏิลภติ. วิสุํ เอเตสํ ปริกมฺมกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ตาสํเยวาติ วุตฺตนฺติ จ วทนฺติ เอเก. อภิธมฺเม ปน ติสฺโสวิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา อฺเ จ สมฺมปฺปธานาทโย คุณวิเสสา วิภตฺตา. กิฺจาปิ วิภตฺตา, ตถาปิ วิเสสโต ปฺาชาติกตฺตา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาตีติ ทสฺสนตฺถํ ตาสํ ตตฺเถวาติ อวธารณวิปลฺลาโส กโต. อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ธมฺเมนาติ ปาเสโส. กตฺตริ เจตํ กรณวจนํ, เหตุตฺเถ จ, อตฺตนา ทุคฺคหิตเหตูติ อธิปฺปาโย. กสฺมา ปนาติ ‘‘อนุโลมิโก’’ติ วุตฺตตฺถํ ทีเปติ.

ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนานโย.

ทุติยสงฺคีติกถาวณฺณนา

ปนฺนภาราติ ปติตกฺขนฺธภารา. ‘‘ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๒) หิ วุตฺตํ. ‘‘สมฺมุขา ภวิสฺสาม น ภวิสฺสามา’’ติ วตฺตาโร. เตสุ ทหรา กิร. ชมฺมินฺติ ลามกํ.

ทุติยสงฺคีติกถาวณฺณนานโย.

ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนา

พฺรหฺมโลกา จวิตฺวาติ เอตฺถ จตฺตาโร มคฺคา ปฺจานนฺตริยานิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺีติ อิเมเยว นิยตา, น มหคฺคตา, ตสฺมา ปณิธิวเสน เหฏฺุปปตฺติปิ โหติ. อติจฺฉถาติ อติจฺจ อิจฺฉถ, คนฺตฺวา ภิกฺขํ ปริเยสถาติ อธิปฺปาโย. เกฏุภํ นาม กพฺยกรณวิธิยุตฺตํ สตฺถํ. กิริยากปฺปํ อิตฺเยเก, กตฺตาขฺยาทิลกฺขณยุตฺตสตฺถํ. อสนฺธิมิตฺตาติ ตสฺสา นามํ. ตสฺสา กิร สรีเร สนฺธโย น ปฺายนฺติ, มธุสิตฺถเกน กตํ วิย สรีรํ โหติ. ตสฺมา ‘‘เอวํนามิกา ชาตา’’ติปิ วทนฺติ. มาคธเกน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขาริกา, วีสติขาริโก วาโหติ. เกถุมาลาติ ‘‘สีสโต อุฏฺหิตฺวา ิโต โอภาสปุฺโช’’ติ วทนฺติ. ราชิทฺธิอธิการปฺปสงฺเคเนตํ วตฺถุ วุตฺตํ, นานุกฺกเมน. อนุกฺกเมน ปน พุทฺธสาสนาวหารํ วตฺถุํ ทีเปนฺโต ‘‘ราชา กิรา’’ติอาทิมาห. กิเลสทมเนน ทนฺตํ. กายวาจาหิ คุตฺตํ. ‘‘ปาจีนมุโข’’ติปิ ปาโ อตฺถิ. ปุพฺเพ เชฏฺภาติกตฺตา เตเนว ปริจเยน ปตฺตคฺคหณตฺถาย อาการํ ทสฺเสติ. อภาสีติ ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วิตกฺเกสิ. อปเร ‘‘อฺาตนฺติ วุตฺเตปิ สพฺพํ อภณี’’ติ วทนฺติ. อมตนฺติ นิพฺพานสงฺขาตาย นิวตฺติยา สคุณาธิวจนํ, ตสฺสา อปฺปมาโท ปทํ มคฺโค. มจฺจูติ ปวตฺติยา สโทสาธิวจนํ, ตสฺสา ปมาโท ปทํ มคฺโคติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ สนฺทสฺสิตานิ โหนฺติ. สงฺฆสรณคตตฺตา สงฺฆนิสฺสิตา ปพฺพชฺชา, ภณฺฑุกมฺมสฺส วา ตทายตฺตตฺตา. นิคฺโรธตฺเถรสฺสานุภาวกิตฺตนาธิการตฺตา ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ ปจฺฉา วตฺตพฺพมฺปิ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘ปุน ราชา อโสการามํ นาม มหาวิหารํ กาเรตฺวา สฏฺิสหสฺสานิ…เป… จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ การาเปสี’’ติ. ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺส วา ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค’’ติ วจนโต เสกฺขาว ปรมตฺถโต ทายาทา, ตถาปิ เถโร มหินฺทกุมารสฺส ปพฺพชฺชตฺถํ เอเกน ปริยาเยน โลกธมฺมสิทฺเธน เอวมาห ‘‘โย โกจิ มหาราช…เป… โอรสํ ปุตฺต’’นฺติ. วุตฺตฺหิ เวเท

‘‘องฺคา องฺคา สมฺภวสิ, หทยา อธิชายเส;

อตฺตา เว ปุตฺโต นามาสิ, ส ชีว สรโทสต’’นฺติ.

ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน โอรโส ปุตฺโต มาตาปิตูหิ ปพฺพชิโต เจ, อตฺถโต เต สยํ ปพฺพชิตา วิย โหนฺติ. ธมฺมกถิกา กสฺมา นาโรเจนฺติ? ราชา ‘‘เถรํ คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ, ธมฺมกถิกา เถรสฺส อาคมนกาเล ปริวารตฺถาย เปสิตา, ตสฺมา. อปิจ เตน วุตฺตวิธินาว วทนฺติ จณฺฑตฺตา, จณฺฑภาโว จสฺส ‘‘อมฺพํ ฉินฺทิตฺวา เวฬุยา วตึ กโรหี’’ติ วุตฺตอมจฺจวตฺถุนา วิภาเวตพฺโพ. กสฺมา ปน ธมฺมกถิกา ราชาณาปนํ กโรนฺตีติ? ‘‘สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ’’ติ วุตฺตตฺตา. ทีปกติตฺติโรติ กูฏติตฺติโร. อยํ ปน กูฏติตฺติรกมฺเม นิยุตฺโตปิ สุทฺธจิตฺโต, ตสฺมา ตาปสํ ปุจฺฉิ. สาณิปาการนฺติ สาณิปากาเรน. วิภชิตฺวา วทตีติ วิภชฺชวาที ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ ปริยาโย’’ติอาทินา (ปารา. ๕). อปิจ สสฺสตวาที จ ภควา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อสงฺขต’’นฺติอาทิ (อิติวุ. ๔๓)-วจนโต. เอกจฺจสสฺสติโก จ ‘‘สปฺปจฺจยา ธมฺมา, อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗) วจนโต. อนฺตานนฺติโก จ –

‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;

น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ’’. (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕);

‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร ปุพฺพโกฏิ น ปฺายตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๑) วจนโต. อมราวิกฺเขปิกปกฺขมฺปิ อีสกํ ภชติ ภควา ‘‘สสฺสโต โลโกติ อพฺยากตเมตํ อสสฺสโต โลโกติ อพฺยากตเมต’’นฺติอาทิอพฺยากตวตฺถุทีปนโต สมฺมุติสจฺจทีปนโต จ. ตฺหิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาทิวเสน น วตฺตพฺพํ. ยถาห ‘‘อากิฺจฺายตนํ น วตฺตพฺพํ อชฺฌตฺตารมฺมณนฺติปี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๔๓๗). ตถา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกปกฺขมฺปิ ภชติ ‘‘ลทฺธา มุธา นิพฺพุตึ ภุฺชมานา’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๗; สุ. นิ. ๒๓๐) วจนโต. ตตฺถ หิ มุธาติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนเววจนํ. สฺีวาทาทิโก จ ภควา สฺีภวอสฺีภวเนวสฺีนาสฺีภววเสน. อุจฺเฉทวาที จ ‘‘อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อุจฺเฉทํ วทามิ ราคสฺสา’’ติ (ปารา. ๖) วจนโต. ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที จ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ (มหาว. ๒๓; ที. นิ. ๒.๒๑๕; สํ. นิ. ๓.๓๕) วจนโต, ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (มหาว. ๑๖) วจนโต, ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธสมาปตฺติทีปนโต จ. เอวํ เตน เตน ปริยาเยน ตถา ตถา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิภชิตฺวา วทตีติ วิภชฺชวาที ภควาติ.

ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนานโย.

ปุปฺผนาโม สุมนตฺเถโร. มหาปทุมตฺเถโรติ เอเก. มหึสกมณฺฑลํ อนฺธรฏฺนฺติ วทนฺติ. ธมฺมจกฺขุ นาม ตโย มคฺคา. โสตาปตฺติมคฺคนฺติ จ เอเก. ปฺจปิ รฏฺานิ ปฺจ จีนรฏฺานิ นาม. ราชคเหติ เทวิยา กตวิหาเร. สิลกูฏมฺหีติ ปพฺพตกูเฏ. วฑฺฒมานนฺติ อลงฺกรณจุณฺณํ. อริยเทเส อตีว สมฺมตํ กิร. เอกรเสน นาถกรณา อิติ ทมิฬา. สารปามงฺคนฺติ อุตฺตมํ ปามงฺคํ. เปตวตฺถุอาทินา สํเวเชตฺวา อภิสมยตฺถํ สจฺจสํยุตฺตฺจ. เมฆวนุยฺยานํ นาม มหาวิหารฏฺานํ. ‘‘ทฺวาสฏฺิยา เลเณสู’’ติ ปาโ. ทสภาติกนฺติ อภยกุมาราทโย ทส, เต อิธ น วุตฺตา. วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวาติ จาตุมาสินิยา ปวารณายาติ อตฺโถ. ปมปวารณาย วา ปวาเรตฺวา เอกมาสํ ตตฺเถว วสิตฺวา กตฺติกปุณฺณมาสิยํ อโวจ, อฺถา ‘‘ปุณฺณมายํ มหาวีโร’’ติ วุตฺตตฺตา น สกฺกา คเหตุํ. มหาวีโรติ พุทฺโธปจาเรน ธาตุโย วทติ. ชงฺฆปฺปมาณนฺติ ‘‘ถูปสฺส ชงฺฆปฺปมาณ’’นฺติ วทนฺติ. มาตุลภาคิเนยฺยา จูโฬทรมโหทรา. ธรมานสฺส วิย พุทฺธสฺส รสฺมิ สรสรสฺมิ, รฺโ เลขาสาสนํ อปฺเปสิ, เอวฺจ มุขสาสนมโวจ. โทณมตฺตา มคธนาฬิยา ทฺวาทสนาฬิมตฺตา กิร. ‘‘ปริจฺฉินฺนฏฺาเน ฉิชฺชิตฺวา’’ติ ปาโ. สพฺพทิสาหิ ปฺจ รสฺมิโย อาวฏฺเฏตฺวาติ ปฺจหิ ผเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา ปฺจ, ตา ปน ฉพฺพณฺณาว. กตฺติกชุณฺหปกฺขสฺส ปาฏิปททิวเสติ ชุณฺหปกฺขสฺส ปมทิวเสติ อตฺโถ. มหาโพธิฏฺาเน ปริวาเรตฺวา ิตนาคยกฺขาทิเทวตากุลานิ. โคปกา นาม ราชปริกมฺมิโน ตถาภาวกิจฺจา. เตสํ กุลานํ นามนฺติปิ เกจิ. อุทกาทิวาหา กาลิงฺคา. กาลิงฺเคสุ ชนปเทสุ ชาติสมฺปนฺนํ กุลํ กาลิงฺคกุลนฺติ เกจิ.

ปมปาฏิปททิวเสติ ทุติยอุโปสถสฺส ปาฏิปททิวเสติ อตฺโถ. ตตฺถ ิเตหิ สมุทฺทสฺส ทิฏฺตฺตา ตํ านํ สมุทฺทสาลวตฺถุ. โสฬส ชาติสมฺปนฺนกุลานิ อฏฺ พฺราหฺมณามจฺจกุลานิ. มหาอริฏฺตฺเถโร เจติยคิริมฺหิ ปพฺพชิโต. อมจฺจสฺส ปริเวณฏฺาเนติ สมฺปติกาลวเสนาห. มหินฺทตฺเถโร ทฺวาทสวสฺสิโก หุตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ สมฺปตฺโต, ตตฺถ ทฺเว วสฺสานิ วสิตฺวา วินยํ ปติฏฺาเปสิ, ทฺวาสฏฺิวสฺสิโก หุตฺวา ปรินิพฺพุโต. วินโย สํวรตฺถายาติ วินยปิฏกํ, ตสฺส ปริยาปุณนํ วา. ยถาภูตาณทสฺสนํ สปฺปจฺจยนามรูปปริคฺคโห. มคฺคาทิปจฺจเวกฺขเณ อสติ อนฺตรา ปรินิพฺพานํ นาม นตฺถิ เสกฺขสฺส มรณํ วา, สติเยว โหติ. ตสฺมา อาห ‘‘วิมุตฺติาณทสฺสน’’นฺติ. อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายาติ กฺจิ ธมฺมํ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวา อีสกมฺปิ อนวเสเสตฺวา ปรินิพฺพานตฺถายาติ อตฺโถ. อุปนิสาติ ‘‘วินโย สํวรตฺถายา’’ติอาทิกา การณปรมฺปรา. เอตฺตาวตา อตฺตหิตนิปฺผตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรหิตนิปฺผตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตทตฺถํ โสตาวธาน’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อตฺตโน วินยกถนํ วินยมนฺตนฺจ อุคฺคเหตุํ ปเรสํ โสตสฺส โอทหนํ โสตาวธานํ. ตโต อุคฺคหิตวินยกถามนฺตนานํ เตสํ อุปนิสา ยถาวุตฺตการณปรมฺปรา สิทฺธาเยวาติ น ปุน ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. อฺถา เอตทตฺถา อุปนิสาติ อิมินา วจเนเนว อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส สงฺคหิตตฺตา อนุปาทาปรินิพฺพานโต อุทฺธํ โสตาวธานาสมฺภวโต เอตทตฺถํ โสตาวธานนฺติ อนฺเต น สมฺภวตีติ นิรตฺถกํ ภเวยฺย, น จ นิรตฺถกํ ปรหิตนิปฺผตฺติยา มูลการณทสฺสนตฺถตฺตาติ เวทิตพฺพํ.

เอวํ ยถา ยถา ยํ ยํ, สมฺภเวยฺย ปทํ อิธ;

ตํ ตํ ตถา ตถา สพฺพํ, ปโยเชยฺย วิจกฺขโณติ.

พาหิรนิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาราชิกวณฺณนา

เวรฺชกณฺโฑ

เวรฺชกณฺฑวณฺณนา

‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วินยนิทาเน อารภิตพฺเพ เวรฺชกณฺฑสฺส อารมฺโภ กิมตฺโถติ เจ? วุจฺจเต – มูลโต ปภุติ วินยนิทานํ ทสฺเสตุํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลิ ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺตนฺติ, เวสาลิย’’นฺติ วจเนน วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติ. กสฺมา? กตฺถ ปฺตฺตนฺติ หิ นิทานปุจฺฉา. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ปมสฺส ปาราชิกสฺส กึนิทาน’’นฺติ ปุจฺฉิเต สาธารณมหานิทานวิสฺสชฺชนํ อยุตฺตํ วิยาติ? นายุตฺตํ, สพฺเพสํ สิกฺขาปทานํ ปาเฏกฺกํ นิทานสฺส ปุฏฺตฺตา ตสฺส วิสฺสชฺเชตพฺพตฺตา จ สพฺพสาธารณมหานิทานํ ปมมาห. เอกนฺเตน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนกฺกเมน ปาราชิกาทีนิ สงฺคหํ อาโรปิตานิ. กถํ อาโรปิตานีติ เจ? อายสฺมตา มหากสฺสเปน อนุกฺกเมน สพฺโพปิ วินโย ปุจฺฉิโต, ปุฏฺเน จ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ยถาสมฺภวํ นิรนฺตรํ วิสฺสชฺชิตเมว. อปุจฺฉิตานิปิ วินีตวตฺถุอาทีนิ ยุชฺชมานานิ วตฺถูนิ อนฺโตกตฺวา วิสฺสชฺชนกฺกเมเนว คณสชฺฌายมกํสูติ เวทิตพฺพํ. อฺถา เวรฺชกณฺฑํ ปมปาราชิกสฺเสว นิทานนฺติ วา อนธิการิกํ วา นิปฺปโยชนํ วา ปาเฏกฺกํ สิกฺขาปทนิทานปุจฺฉานนฺตรํ ตเทว วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ วา อาปชฺชติ, ตสฺมา อาทิโต ปภุติ วินยนิทานํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทิ อารทฺธํ.

อิทานิ นิทานภณเน ปโยชนํ วกฺขาม – วินยสฺสอาณาเทสนตฺตา ภควโต ตาว อาณารหภาวทีปนํ, อาณาภูตสฺส จ วินยสฺส อนฺวิสยภาวทีปนํ, อาณาย ิตานํ สาวกานํ มหานุภาวทีปนฺจาติ ติวิธมสฺส ปโยชนํ. กถํ? อาณาสาสนารโห หิ ภควา ปหีนกิเลสตฺตา, อธิคตคุณวิเสสตฺตา, โลกเชฏฺเสฏฺตฺตา, ตาทิภาวปฺปตฺตตฺตา จ, อรสรูปตาทีหิ อฏฺหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกมฺปนโต ภควโต ตาทิภาวปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, อฏฺนฺนมฺปิ เตสํ อกฺโกสวตฺถูนํ อตฺตนิ สมฺภวปริยายทีปนปาฬิยา ปหีนกิเลสตา เวทิตพฺพา. จตุนฺนํ ฌานานํ ติสฺสนฺนฺจ วิชฺชานํ อธิคมปริทีปเนน อธิคตคุณวิเสสตา เวทิตพฺพา. ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณ ปสฺสามิ สเทวเก…เป… มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ จ ‘‘เชฏฺโ เสฏฺโ โลกสฺสา’’ติ จ วจเนน เชฏฺเสฏฺตา เวทิตพฺพา, อิทฺจ ภควโต อาณารหภาวทีปนปฺปโยชนํ. ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺต, อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺต, ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสตี’’ติ วจนํ อนฺวิสยภาวทีปนํ. ‘‘สาธาหํ, ภนฺเต, ปถวึ ปริวตฺเตยฺย’’นฺติ จ ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต, ปาณึ อภินิมฺมินิสฺสามี’’ติ จ ‘‘สาธุ, ภนฺเต, สพฺโพ ภิกฺขุสงฺโฆ อุตฺตรกุรุํ ปิณฺฑาย คจฺเฉยฺยา’’ติ จ อิเมหิ เถรสฺส ตีหิ สีหนาเทหิ อาณาย ิตานํ สาวกานํ มหานุภาวตาทีปนํ เวทิตพฺพํ. สาวตฺถิยาทีสุ อวิหริตฺวา กิมตฺถํ ภควา เวรฺชายเมว ตทา วิหาสีติ เจ? นเฬรุยกฺขสฺส ปีติสฺชนนตฺถํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภิกฺขาวเสน อกิลมนตฺถํ, เวรฺชพฺราหฺมณสฺส ปสาทสฺชนนตฺถํ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อานุภาวทีปนฏฺานภูตตฺตา, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูตปริวิตกฺกนฏฺานภูตตฺตา จ. เตสุ ปจฺฉิมํ พลวการณํ, เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เตน สมเยนาติ เยน กาเลน อายสฺมโต…เป… เตน กาเลนา’’ติ. ปุริเมสุ จตูสุ อสงฺคหการเณสุ ปเมน ภควา เมตฺตาภาวนาทินา อมนุสฺสานํ จิตฺตสํรกฺขเณน ภิกฺขูนํ อาทรํ ชเนติ. ทุติเยน ปริสาวจเรน ภิกฺขุนา เอวํ ปริสา สงฺคเหตพฺพา, เอวํ อปฺปิจฺเฉน สนฺตุฏฺเน จ ภวิตพฺพนฺติ วา ทสฺเสติ. ตติเยน ปจฺจเย นิรเปกฺเขน กุลานุคฺคโห กาตพฺโพติ. จตุตฺเถน เอวํ มหานุภาเวนาปิ ปจฺจยตฺถํ น โลลุปฺปํ กาตพฺพํ, เกวลํ ปรทตฺตุปชีวินา ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘เตนาติอาทิปาสฺส…เป… วินยสฺสตฺถวณฺณน’’นฺติ วจนโต อฺโ เตนาติอาทิปาโ, อฺโ วินโย อาปชฺชติ.

‘‘เตนาติอาทิปามฺหา, โก อฺโ วินโย อิธ;

ตสฺสตฺถํ ทสฺสยนฺโตว, กเร วินยวณฺณน’’นฺติ. –

เจ? นนุ วุตฺตํ ปุพฺเพว ‘‘อิทฺหิ พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหตี’’ติอาทิ, ตสฺมา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตสฺส เตนาติอาทิปาสฺส อตฺถํ นานปฺปการโต ทสฺสยนฺโต กริสฺสามิ วินยสฺส ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนภูตสฺส อตฺถวณฺณนนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยทิ เอวํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตีติ เอวมาทิวจนปฏิมณฺฑิตนิทานํ วินยปิฏกํ เกน ธาริต’’นฺติอาทิวจนํ วิรุชฺฌติ ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทิวจนสฺส วินยปิฏกปริยาปนฺนภาวทีปนโตติ เจ? น, อฺตฺเถปิ ตพฺโพหารสิทฺธิโต ‘‘นานาวิธภิตฺติกมฺมปฏิมณฺฑิตวสโน ปุริโส’’ติอาทีสุ วิย. วินยสฺสาทิภาเวน สงฺคีติการเกหิ อนุฺาตตฺตา วินยปริยาปนฺนตาปิ ยุชฺชติ ตสฺส วจนสฺส. เอตฺถาห – ยถา สุตฺตนฺเต ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ จ, อภิธมฺเม จ ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ อนิยมโต วุตฺตํ, ตถา อวตฺวา อิธ ‘‘เตน สมเยนา’’ติ ปมํ ตํนิทฺเทโสว กสฺมา วุตฺโตติ? วุจฺจเต – ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติสมยสฺส, ยสฺส วา สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุภูตสฺส สมยสฺส เหตุ ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺส จ สมยสฺส อตีตสฺส เตสํ สงฺคีติการกานํ วสีนํ สุวิทิตตฺตา. กถํ? ‘‘เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา เต อุชฺฌายนฺตี’’ติอาทิวจนโต, ‘‘อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ จ ‘‘อถ โข ภควา เอตสฺมึ นิทาเน สนฺนิปาตาเปตฺวา’’ติ จ ‘‘ภิกฺขูนํ ตทนุจฺฉวิกํ ตทนุ…เป… ทส อตฺถวเส ปฏิจฺจ สงฺฆสุฏฺุตายา’’ติ จ ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ จ ขนฺธเกสุ จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทิวินยกฺกมสฺส วจนโต โย โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย, ตสฺส ตสฺส วินยกฺกมสฺส โส ปฺตฺติสมโย จ สุวิทิโต เตสํ ปฺจสตานํ ธมฺมธรานํ ภิกฺขูนํ, นายํ นโย สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ สมฺภวติ. ตสฺมา สุวิทิตตฺตา เตน สมเยน เหตุภูเตน วิหรตีติ วิหรติปเทน เอกสมฺพนฺธตฺตา จ ปมํ ยํนิทฺเทสาทิโน อสมฺภวโต จ วินยปิฏเก ตํนิทฺเทโสว ปมํ วุตฺโต. กถํ? เอตฺถ ‘‘เยน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เยน โข ปน สมเยน เวสาลี…เป… โหตี’’ติ วา อสมฺภวโต ยํนิทฺเทเสน อวตฺวา ตํนิทฺเทสสฺเสว สมฺภวโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน…เป… กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ, เกวลํ สุวิทิตตฺตา วา. อนิยมนิทฺเทสวจนนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ยถาวุตฺตนเยน นิยมนิทฺเทสวจนเมเวตํ ตํนิทฺเทสตฺตา, ตถาปิ สมฺปติกาลวเสน ตทิตเรสํ ภิกฺขูนํ อวิทิตตฺตา ‘‘อนิยมนิทฺเทสวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อยฺหิ สพฺพสฺมิมฺปิ วินเย ยุตฺตี’’ติ, ตํ ตพฺพหุเลน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยทิ สพฺพํ เตนาติ ปทํ อนิยมนิทฺเทสวจนํ ภเวยฺย, เตน หิ ภิกฺขเว ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทนฺติ เอตฺถ อิทมฺปิ ปุพฺเพ สิทฺธตฺถํ เตนาติ ปทํ อนิยมนิทฺเทสวจนํ ภเวยฺย. ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา อุรุเวลายํ วิหรตี’’ติอาทีสุ วุตฺตํ เตนาติ ปทฺจ อนิยมนิทฺเทสวจนํ ภเวยฺย, น จ โหติ, ตสฺมา เยสํ เตน ตํนิทฺเทเสน นิทฺทิฏฺตฺโถ อวิทิโต, เตสํ วเสนาห ‘‘อนิยมนิทฺเทสวจนเมต’’นฺติ. อถ วา ตโต ปมํ ตทตฺถาทสฺสนโต ปจฺฉาปิ ตํสมฺพนฺเธน ยํนิทฺเทสทสฺสนโต จ ‘‘อนิยมนิทฺเทสวจนเมต’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา ปุพฺพณฺหาทีสุ อยํ นามาติ อนิยเมตฺวา กาลปริทีปนสฺส สมยสทฺทสฺส อุปปทภาเวนปิ เอวํ วตฺตุมรหติ ‘‘ยทิทํ อนิยมนิทฺเทสวจน’’นฺติ. อถ วา ‘‘เตนา’’ติ วุตฺเต เตน ฆเฏน ปเฏนาติ สพฺพตฺถปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ นิยมํ กโรติ ‘‘สมเยนา’’ติ. เกน ปน สมเยน? ปรภาเค อตฺถโต สิทฺเธน สาริปุตฺตสฺส ปริวิตกฺกสมเยน. เอตฺถาห – วิตกฺกสมโย เจ อิธาธิปฺเปโต, ‘‘ปรโต อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จา’’ติอาทิวจนํ วิรุชฺฌตีติ? น, พาหุลฺเลน วุตฺตตฺตา. สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ วิย อวตฺวา อิธ วินยปิฏเก กรณวจเนน กสฺมา นิทฺเทโสติ หิ โจทนา. ตสฺมา ตสฺสา วิสฺสชฺชเน พาหุลฺเลน กรณวจนปฺปโยชนํ วตฺตุกาโม อาจริโย อาห ‘‘โย โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย’’ติอาทิ. น สมฺปติ วุจฺจมานสฺเสว กรณวจนสฺส ปโยชนํ วตฺตุกาโม, อิมสฺส ปน เหตุอตฺโถว สมฺภวติ, น กรณตฺโถ, ตสฺมา อาห ‘‘อปรภาเค อตฺถโต สิทฺเธนา’’ติอาทิ. สมยฺจาติ อาคมนปจฺจยสมวายํ ตทนุรูปกาลฺจ อุปาทายาติ อตฺโถ. ปจฺจยสามคฺคิฺจ อาคมนกาลฺจ ลภิตฺวา ชานิสฺสามาติ อธิปฺปาโย.

เอตฺถาห – ยถา ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ สมโย จา’’ติ เอตฺถ ขณสมยานํ เอโก อตฺโถ, ตถา กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายาติ กาลสมยานํ เอโก อตฺโถ สิยา, อปิจ อาคมนปจฺจยสมวาโย เจตฺถ สมโย กาลสฺสาปิ อาคมนปจฺจยตฺตา สมยคฺคหเณเนว โส คหิโตติ วิสุํ กาโล กิมตฺถํ คหิโตติ จ? วุจฺจเต – อปฺเปว นาม สฺเวปีติ กาลสฺส ปมํ นิยมิตตฺตา น สมโย กาลตฺโถ. ตสฺมึ สฺเวติ นิยมิตกาเล อิตเรสํ อาคมนปจฺจยานํ สมวายํ ปฏิจฺจ อุปสงฺกเมยฺยาม ยถานิยมิตกาเลปิ ปุพฺพณฺหาทิปฺปเภทํ ยถาวุตฺตสมวายานุรูปํ กาลฺจ อุปาทายาติ สฺเวติ ปริจฺฉินฺนทิวเส ปุพฺพณฺหาทิกาลนิยตภาวํ ทสฺเสติ, ตสฺมา กาลสมยานํ น เอกตฺถตฺตา กาลสฺส วิสุํ คหณมฺปิ สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ขเณ ขเณ ตฺวํ ภิกฺขุ ชายสิ จ ชียสิ จ มียสิ เจติ ภิกฺขุนิยา สนฺติเก อภิกฺขณํ คจฺฉตีติ (ปาจิ. ๑๙๘) จ ขเณ ขเณ ภาสติ สตฺถุสาสนนฺติ จ ขณสทฺโท อเนกตฺโถ, ตถา สมยสทฺโท จ, ตสฺมา เอกเมเกน นิยเมนฺโต ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จา’’ติ อาห. ขณสมยานํ อตฺโถ เอกตฺโถ ยุชฺชติ ขโณ โอกาสลาโภ, อฏฺกฺขณวชฺชิโต นวโม ขโณติ อตฺโถ. อตฺตโน อตฺตโน อุจฺเฉทาทโย ทิฏฺิคตสงฺขาเต สมเย เอตฺถ ปวทนฺตีติ สมยปฺปวาทโก. สฺเวว ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรุรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ตินฺทุกาจีรํ. เอกสาลเกติ เอโก สาลรุกฺโข. ‘‘กุฏิกา’’ติปิ วทนฺติ. อตฺถาภิสมยาติ อตฺตโน หิตปฏิลาภา. ธีโรติ จ ปณฺฑิโต วุจฺจติ, นาฺโ. สมฺมา มานาภิสมยาติ สุฏฺุ มานสฺส ปหาเนน, สมุจฺเฉทวเสน สุฏฺุ มานปฺปหาเนนาติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโติอาทีสุ ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ จตูหิ อากาเรหิ ปฏิเวโธ’’ติอาทีสุ ขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส ทุกฺขาการตายฏฺโ. สงฺขตฏฺโ การณุปฺปตฺติอตฺโถ, ทุกฺขาย เวทนาย สนฺตาปฏฺโ. สุขาย เวทนาย วิปริณามฏฺโ. ปีฬนฏฺาทิโกว อภิสมยฏฺโติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. คพฺโภกฺกนฺติสมโยติอาทีสุปิ ปถวีกมฺปนอาโลกปาตุภาวาทีหิ เทวมนุสฺเสสุ ปากโฏ. ทุกฺกรการิกสมโยปิ กาโฬ สมโณ โคตโม น กาโฬติอาทินา ปากโฏ. สตฺตสตฺตาหานิ จ อฺานิ จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย.

อจฺจนฺตเมว ตํ สมยนฺติ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว ปตฺตสนฺนิฏฺานา, ตาว อจฺจนฺตสมฺปโยเคน ตสฺมึ สมเย. กรุณาวิหาเรน วิหาสีติ กรุณากิจฺจวิหาเรน ตสฺมึ สมเย วิหาสีติ อตฺโถ. ตํ สมยฺหิ กรุณากิจฺจสมยํ. าณกิจฺจํ กรุณากิจฺจนฺติ ทฺเว ภควโต กิจฺจานิ, อภิสมฺโพธิ าณกิจฺจํ, มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา เวเนยฺยสตฺตาวโลกนํ กตฺวา ตทนุรูปกรณํ กรุณากิจฺจํ. ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณีย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓; อุทา. ๑๒, ๒๘) หิ วุตฺตํ, ตํ ภควาปิ กโรติเยว. อถ วา อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ อาทิสมาโยคฺจ. ตตฺถ กรุณากิจฺจํ วิหารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กรุณาวิหาเรน วิหาสี’’ติ อาห. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถติ เอตฺถ หิ-กาโร การณตฺโถ. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม กาลสมูหขณสมวายเหตุสงฺขาตวเสน ปฺจวิโธ สมยฏฺโ ทฏฺพฺโพ. กาลสมูหฏฺโ สมโย กถํ อธิกรณํ โหติ? อธิกรณมุปฺปตฺติฏฺานํ ปุพฺพณฺเห ชาโตติ ยถา, เอวํ กาลฏฺโ สมยสทฺโท ทฏฺพฺโพ. กถํ ราสฏฺโ? ยวราสิมฺหิ ชาโตติ ยถา. ตสฺมา ยสฺมึ กาเล ปุฺเช วา จิตฺตํ สมุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ กาเล ปุฺเช วา ผสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อธิกรณฺหีติ เอตฺถ อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺํ อธิกรณํ กาลฏฺโ สมูหฏฺโ จ โหติ, ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ วุตฺตํ อธิกรณํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ภาเวนภาวลกฺขณฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ วุตฺตาน’’มิจฺจาทิมาห. ตตฺถ อภิธมฺเม วุตฺตานํ ภาโว นาม กินฺติ? อุปฺปตฺติ วิชฺชมานตา, สา เตสํ ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ, สา ปน สมยสฺส ภาเวน ภาโว ลกฺขียติ ายติ, ตสฺมา ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโตติ วุตฺตํ โหติ.

ตตฺถ ขโณ นาม อฏฺกฺขณวินิมุตฺโต นวโม ขโณ, ตสฺมึ สติ อุปฺปชฺชติ. สมวาโย นาม จกฺขุนฺทฺริยาทิการณสามคฺคี, ตสฺมึ สติ อุปฺปชฺชติ. เหตุ นาม รูปาทิอารมฺมณํ. ตสฺมา ตสฺมึ ขณการณสมวายเหตุมฺหิ สติ เตสํ ผสฺสาทีนํ ภาโว วิชฺชมานตา โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตีติ เอตฺถ อตฺถทฺวยเมกสฺส สมฺภวตีติ อิธ วินเย วุตฺตสฺส สมยสทฺทสฺส กตฺตุกรณตฺเถ ตติยา เหตุมฺหิ จ อิตฺยุตฺตตฺตา. โส ทุพฺพิฺเยฺโยติ ‘‘ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสตี’’ติ วุตฺตตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. เตน สมเยนาติ ตสฺส สมยสฺส การณา ‘‘อนฺเนน วสติ วิชฺชาย วสตี’’ติ ยถา, อนฺนํ วา วิชฺชํ วา ลภามีติ ตทตฺถํ วสตีตฺยตฺโถ. เอวํ ‘‘เตน สมเยน วิหรตี’’ติ วุตฺเต เหตฺวตฺเถ ตติยา ทฏฺพฺพา, ตสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สมยฺจ วีติกฺกมฺจ โอโลกยมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิหาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตติยปาราชิกาทีสุ ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ, ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๑๖๒) เอวมาทีสุ ทฏฺพฺพา, ตสฺมา ทุติยา กาลทฺธาเน อจฺจนฺตสํโยเคติ ทุติยาตฺร สมฺภวติ ‘‘มาสมธีเต ทิวสมธีเต’’ติ ยถา. อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตีติ เอตฺถ ยสฺส กรณวจนสฺส เหตุอตฺโถ สมฺภวติ, เตน สมเยน เหตุภูเตน ตํ ตํ วตฺถุวีติกฺกมสงฺขาตํ วีติกฺกมสมยสงฺขาตํ วา สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุฺจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ. ยสฺส กรณตฺโถ สมฺภวติ, เตน กรณภูเตน สมเยน สมฺปตฺเตน สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสีติ อธิปฺปาโย.

คณฺิปเท ปน ‘‘สุทินฺนาทีนํ วีติกฺกโมว การณํ นาม, ตสฺส นิยมภูโต กาโล ปน กรณเมว ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวาว สิกฺขาปทสฺส ปฺเปตพฺพตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ นิทฺโทสํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อิทํ กรณํ ปุพฺพภาคตฺตา ปมํ วตฺตพฺพมฺปิ ปจฺฉา วุตฺต’’นฺติ, ตํ ทุวุตฺตํ. เหตุอตฺถโต หิ ยถา ปจฺฉา กรณตฺโถ โยชิยมาโน อนุกฺกเมเนว โยคํ คจฺฉติ, ตถา จ โยชิโต. ยํ ปน อฏฺกถาจริโย ปจฺฉา วุตฺตํ อิทํ กรณตฺถํ ปมํ โยเชตฺวา ปมํ วุตฺตํ เหตุอตฺถํ ปจฺฉา โยเชสิ, ตํ โยชนาสุขตฺตาติ เวทิตพฺพนฺติ อาจริเยน ลิขิตํ. อิโต ปฏฺาย ยตฺถ ยตฺถ ‘‘อาจริเยน ลิขิต’’นฺติ วา ‘‘อาจริยสฺส ตกฺโก’’ติ วา วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ อาจริโย นาม อานนฺทาจริโย กลสปุรวาสีติ คเหตพฺโพ. เอตฺถาห – ยถา สุตฺตนฺเต ‘‘เอกํ สมยํ ภควา’’ติ วุจฺจติ, ตถา ‘‘เตน สมเยน ภควา เวรฺชาย’’นฺติ วตฺตพฺพํ, อถ สเววจนํ วตฺตุกาโม เถโร, ตถาคโต สุคโตติอาทีนิปิ วตฺตพฺพานิ, อถ อิมสฺเสว ปททฺวยสฺส คหเณ กิฺจิ ปโยชนํ อตฺถิ, ตํ วตฺตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – เกสฺจิ พุทฺธสฺส ภควโต ปรมคมฺภีรํ อชฺฌาสยกฺกมํ อชานตํ ‘‘อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อนาทีนวทสฺโส…เป… อภิวิฺาเปสี’’ติอาทิกํ (ปารา. ๓๖) ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สุทินฺนํ ปฏิปุจฺฉี’’ติอาทิกฺจ (ปารา. ๓๙) ‘‘สาทิยิ ตฺวํ ภิกฺขูติ. นาหํ ภควา สาทิยิ’’นฺติอาทิกฺจ (ปารา. ๗๒) ตถา ปุราณโวหาริกํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิตฺวา เตน วุตฺตปริจฺเฉเทน ทุติยปาราชิกปฺาปนฺจ เทวทตฺตสฺส ปพฺพชฺชานุชานนฺจาติ เอวมาทิกํ วินยปริยตฺตึ ทิสฺวา พุทฺธสุพุทฺธตํ ปฏิจฺจ สงฺกา สมฺภเวยฺย, ‘‘ตถา กึ ปน ตุยฺหํ ฉวสฺส เขฬาสกสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๓๖) เอวมาทิกํ ผรุสวจนปฏิสํยุตฺตํ วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย ขีณาสวตฺตํ ปฏิจฺจ สงฺกา สมฺภเวยฺย, ตทุภยสงฺกาวิโนทนตฺถํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน อิทเมว ปททฺวยคฺคหณํ สพฺพตฺถ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนตํ ทีเปติ – กามํ สพฺพเยฺยพุทฺธตฺตา พุทฺโธเยว, ภคฺคสพฺพโทสตฺตา ภควาว, โส สตฺถาติ. ปรโตปิ วุตฺตํ ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ…เป… อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตาน’’นฺติ (ปารา. ๑๖). สุตฺตนฺเต จ วุตฺตํ ‘‘สณฺเหนปิ เกสิ วิเนมิ ผรุเสนปี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๑๑๑).

อสาธารณเหตุมฺหีติ เอตฺถ กุสลมูลานิ น อกุสลานํ กทาจิ มูลานิ โหนฺติ, ตถา อกุสลมูลานิ กุสลานํ, อพฺยากตมูลานิ น กทาจิ กุสลานนฺติ อยเมว นโย ลพฺภติ, ยสฺมา กุสลา เหตู ตํสมุฏฺานานํ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๑ อาทโย), ตสฺมา กุสลานิ กุสลานํเยวาติอาทินโย น ลพฺภติ. ปุจิ วุจฺจเต กุฏฺา, เต มนฺทยติ นาสยตีติ ปุจิมนฺโท. สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺตตนฺติ เอตฺถ สามฺโต วุตฺตสตฺเต ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสานํ อุปการพหุลต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. พหุชนหิตายาติ พหุโน ชนสฺส หิตตฺถาย. ปฺาสมฺปตฺติยา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโก หิ ภควา. สุขายาติ สุขตฺถาย. จาคสมฺปตฺติยา อุปการกสุขสมฺปทายโก หิ เอส. เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา โลกานุกมฺปาย มาตาปิตโร วิย. โลกสฺส รกฺขิตโคปิตา หิ เอส. เทวมนุสฺสานนฺติ เอตฺถ ภพฺพปุคฺคเล เวเนยฺยสตฺเตเยว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย อตฺตโน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘อตฺถายา’’ติ หิ วุตฺเต ปรมตฺถตฺถาย นิพฺพานาย, ‘‘หิตายา’’ติ วุตฺเต ตํสมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, มคฺคโต อุตฺตริ หิตํ นาม นตฺถีติ. สุขายาติ ผลสมาปตฺติสุขตฺถาย ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ เอตฺถ สมาธึ ปฺฺจ อคฺคเหตฺวา ทิฏฺิสีลมตฺตคฺคหณํ สพฺพเสกฺขาเสกฺขสามฺตฺตา. โกสมฺพกสุตฺเตปิ (ม. นิ. ๑.๔๙๒) ‘‘สีลสามฺคโต วิหรติ, ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺิคฺคหเณน ปฺาปิ คหิตาติ เจ? น, โสตาปนฺนาทีนมฺปิ ปฺาย ปริปูรการิภาวปฺปสงฺคโต, ตสฺมา เอกลกฺขณานมฺปิ ตาสํ ปฺาทิฏฺีนํ อวตฺถนฺตรเภโท อตฺถิ ธิติสมาธินฺทฺริยสมฺมาสมาธีนํ วิย. อฺาสีติ เอตฺถ โสตทฺวารานุสาเรน าตา, อตฺถา สุตาติ หิ วุจฺจนฺติ ‘‘สุตเมตํ, โภ โคตม, ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จา’’ติอาทีสุ วิย. ‘‘ภิกฺขุ โข, อุปาลิ, สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๕๔) วิย อวธารณตฺเถ วา. เวรฺชายํ ภโว วิชฺชมาโน. อิตฺถมฺภูตสฺส เอวํ ภูตสฺส. กถํ ภูตสฺส? สกฺยปุตฺตสฺส สกฺยกุลา ปพฺพชิตสฺส, เอวํ หุตฺวา ิตสฺส กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโตติ อภิสทฺเทน โยเค อุปโยควจนานิ โหนฺตีติ อตฺโถ.

กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวติ, พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตตีติ อิมินา กามุปาทานเหตุ กมฺมํ กตฺวา กามภเว เอว นิพฺพตฺตตีติวาทีนํ วาโท ปฏิกฺขิตฺโตติ วทนฺติ, ‘‘พฺรหฺมโลเก ปณีตา กามา’’ติ สุตฺวา, กปฺเปตฺวา วา ปจฺฉา ‘‘ตตฺถ สมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ กามุปาทานปจฺจยา ตทุปคํ กโรตีติ พฺรหฺมโลเกปิ กามนียฏฺเน กามา, ‘‘ตทารมฺมณตฺตา ตณฺหา กามุปาทานนฺติ วุตฺตา’’ติ จ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. กมฺมฺจ จกฺขุสฺส ชนกการณํ, กมฺมสฺส มูลการณํ ตณฺหา, ตสฺมา น มูลการณํ โหติ ชนกํ. รูปตณฺหาทโย ทุกฺขสจฺจํ ขนฺธปริยาปนฺนตฺตา, ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; ม. นิ. ๑.๑๓๑; วิภ. ๑๙๐) วจนโต จ. ตสฺส มูลการณภาเวน สมุฏฺาปิกาติ ตสฺส การณภูตสฺส อิมสฺส ขนฺธปฺจกสฺส สมุฏฺาปิกาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต ตสฺส เอว การณนฺติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อปิจ ‘‘รูปาทิ วิย ตณฺหาปิ ตณฺหาย อุปฺปตฺติปฺปหานฏฺาน’’นฺติ วจนโต รูปาทิ วิย ตณฺหาปิ ทุกฺขสจฺจํ กตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; วิภ. ๒๐๓) จ ‘‘เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๔) จ. วิสุทฺธิมคฺเค ‘‘สพฺพากาเรน ปน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขฺเจว อริยสจฺจฺจ อฺตฺร ตณฺหายา’’ติ วจนโต อิธ รูปตณฺหาทโย ทุกฺขสจฺจนฺติ วจนํ วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อฺมฺาสงฺกรภาเวน ทสฺเสตุํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตตฺตา. ยทิ ตณฺหา อุปาทานกฺขนฺธปริยาปนฺนา น ภเวยฺย, สจฺจวิภงฺเค ‘‘ตตฺถ กตเม สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา. เสยฺยถิทํ, รูปุปาทานกฺขนฺโธ ..เป… วิฺาณุปาทานกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๒๐๒) เอตฺถ ‘‘เปตฺวา ตณฺหํ สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น จ วุตฺตํ, ตสฺมา ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนา ตณฺหาติ เจ? น, เหตุผลสงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. น สงฺกรโทโสติ เจ? สจฺจวิภงฺคปาฬิยฺหิ ปฺจหิ โกฏฺาเสหิ สมุทยสจฺจํ นิทฺทิฏฺํ.

กถํ? ตณฺหาติ เอโก วาโร, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสาติ ทุติโย, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมาติ ตติโย, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานีติ จตุตฺโถ, ตณฺหา จ อวเสสา จ กิเลสา อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมาติ ปฺจโม วาโรติ. อาม นิทฺทิฏฺํ, ตถาปิ อภิธมฺมภาชนิเยเยว, น อฺสฺมึ, โส จ นโย อริยสจฺจนิทฺเทเส น ลพฺภติ. ตถา หิ ตตฺถ ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ’’จฺเจวาห, สุตฺตนฺตภาชนิยปฺหปุจฺฉเกสุ วิย ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ น วุตฺตํ, ตสฺมา สุตฺตนฺตภาชนิโยว ปมาณํ ตตฺถ จ ตณฺหาย วุตฺตตฺตา. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ, ยายํ ตณฺหา โปโนภวิกา…เป… เสยฺยถิทํ, กามตณฺหา’’ติอาทิ (วิภ. ๒๐๓). ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) อิมินา ปริยาเยน วุตฺตตฺตา ตตฺถ วุตฺตมฺปิ ปมาณเมว. ‘‘ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๘๖ อาทโย) วจนโต ‘‘กสิณานี’’ติ ฌานานิ วุตฺตานิ. เกจิ ‘‘อุคฺคหนิมิตฺตปฏิภาคนิมิตฺเต สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ‘‘ทฺวตฺตึสาการาปิ ปณฺณตฺตึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปฏิกูลาติ สติ ปฏฺเปตพฺพา’’ติ วจนโต สติโคจรา รูปาทโย จ เวทิตพฺพา.

สทฺธาหิโรตฺตปฺปพาหุสจฺจวีริยารมฺโภปฏฺิตสติสมฺปชฺตาติ อิเม สตฺต สทฺธมฺมา นาม. สภาวโตติ ทุกฺขโต. น จวตีติ เทเว สนฺธาย. าเตยฺยนฺติ าตพฺพํ. ทฏฺเยฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปน ‘‘นาหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺย’’นฺติ วทามีติ อตฺโถ. โลกนฺติ ขนฺธโลกํ. คมเนน น ปตฺตพฺโพติ สรีรคมเนน, อคติคมเนน วา น ปตฺตพฺโพ, อริยคมเนน โลกนฺตํ ปตฺวาว ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมิตาวีติ สมิตกิเลโส. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา. เย เกจิ ปจฺจยฏฺิติกา, สพฺเพ เต ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน เอโก โลโกติ อธิปฺปาโย. สงฺขารา หิ สกสกปจฺจยายตฺตตาย สตฺตา วิสตฺตา สตฺตา นาม. ปริหรนฺติ ปริจรนฺติ. ทิสาติ อุปโยคพหุวจนํ. ภนฺติ ปฏิภนฺติ. เก เต? เตเยว วิโรจมานา ปภสฺสรา จนฺทิมสูริยา. อฏฺ โลกธมฺมา สงฺขาราว. ‘‘สิเนรุสฺส สมนฺตโต’’ติ วจนโต ยุคนฺธราทโย สิเนรุํ ปริกฺขิปิตฺวา ปริมณฺฑลากาเรน ิตาติ วทนฺติ. ปริกฺขิปิตฺวา อจฺจุคฺคโต โลกธาตุ อยํ. ‘‘ม-กาโร ปทสนฺธิกโร’’ติ วทนฺติ. อฺถาปิ ลกฺขณาทิเภทโต สงฺขารโลกํ, อาสยานุสยเภทโต สตฺตโลกํ, จกฺกวาฬาทิปริมาณโต โอกาสโลกฺจ สพฺพถาปิ วิทิตตฺตา โลกวิทู.

วิมุตฺติาณทสฺสนํ กามาวจรํ ปริตฺตํ โลกิยํ, เตน สพฺพํ โลกํ กถํ อภิวติ? อสทิสานุภาวตฺตา สพฺพฺุตฺาณํ วิย. ตฺหิ อตฺตโน วิสเย ภควโต สพฺพฺุตฺาณคติกํ, ลหุตรปฺปวตฺติ จ ภวงฺคจิตฺตทฺวยานนฺตรํ อุปฺปตฺติโต. น กสฺสจิ เอวํลหุตรํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, อปิ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส, ตสฺส กิเรส จิตฺตวาโร ปฺจทสภวงฺคานนฺตรนฺติ. อคฺคิสิขธูมสิขา จ นาคา กิร สีหฬทีเป. อตฺถสฺส ทีปกํ ปทํ อตฺถปทํ. เอกตฺถทีปกํ ปทํ, สพฺพเมตํ วากฺยนฺติ อตฺโถ. อฏฺ ทิสา นาม อฏฺ วิโมกฺขา, สมาปตฺติโย วา. สตฺถวาโห สตฺถาติ นิปาติโต ยถา ปิสิตาโส ปิสาโจ. อุทเก มณฺฑูโก อหํ อาสึ, น ถเล มณฺฑูโก, วาริมตฺตเมว โคจโร, ตสฺส เม ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺส สีสํ ทณฺเฑน สนฺนิรุมฺภิตฺวาติ ปาเสโส. อนาทรตฺเถ วา สามิวจนํ. ‘‘เอตฺตเกนปิ เอวรูปา อิทฺธิ ภวิสฺสตี’’ติ สิตํ กตฺวา. วิโมกฺโขติ เจตฺถ มคฺโค, ตทนนฺตริกํ าณํ นาม ผลาณํ, ตสฺมึ ขเณ พุทฺโธ นาม. สพฺพสฺส พุทฺธตฺตาติ กตฺตริ. โพเธตาติ เหตุกตฺตริ. เสฏฺตฺถทีปกํ วจนํ เสฏฺํ นาม, ตถา อุตฺตมํ. สจฺฉิกาปฺตฺตีติ สพฺพธมฺมานํ สจฺฉิกรณวเสน สยมฺภุตา ปฺตฺติ, อตฺตนา เอว วา าตา สจฺฉิกตาติปิ สจฺฉิกาปฺตฺติ. ภคี ภควา จีวรปิณฺฑปาตาทีนํ. ภชี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ. ภาคี อตฺถธมฺมวิมุตฺติรสสฺส. ราคาทิกิเลสคณภคฺคมกาสิ. ภาวิตตฺตโน ภาวิตกาโย. ภวสฺส อนฺตํ นิพฺพานํ มคฺคาธิคเมน ตํ คโตติ ภวนฺตโค.

‘‘โลภํ, ภิกฺขเว, เอกํ ธมฺมํ ปชหถา’’ติอาทินา (อิติวุ. ๑) นเยน เอกกาทิวเสนาคเต คเหตฺวา วทติ. สํกิเลสตณฺหาทิฏฺิทุจฺจริตสํกิเลสวเสน อนิจฺจทุกฺขมนตฺตาสุเภสุ นิจฺจนฺติอาทิวิปริเยสา. จีวรเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาต เสนาสนอิติภวาภวเหตุ วา (อ. นิ. ๔.๙). เจโตขิลา สตฺถริ กงฺขติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโตติ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; วิภ. ๙๔๑) อาคตา ปฺจ. กาเม อวีตราโค โหติ…เป… กาเย, รูเป, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตีติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; วิภ. ๙๔๑) อาคตา ปฺจ วินิพนฺธา. วิวาทมูลานิ โกโธ อุปนาโห มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยํ ถมฺโภ สารมฺโภ สนฺทิฏฺิปรามาสิตา อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิตา (อ. นิ. ๖.๓๖; ที. นิ. ๓.๓๒๕). วิภงฺเค ปน ‘‘โกโธ มกฺโข อิสฺสา สาเยฺยํ ปาปิจฺฉตา สนฺทิฏฺิปรามาสิตา’’ติ (วิภ. ๙๔๔) อาคตํ. ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, เอวํ ฉนฺทราโค, อชฺโฌสานํ, ปริคฺคโห, มจฺฉริยํ, อารกฺโข, อารกฺขาธิกรณํ, ทณฺฑาทานสตฺถาทาน…เป… อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตีติ (ที. นิ. ๒.๑๐๔; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๓; วิภ. ๙๖๓) วุตฺตานํ. รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพธมฺมตณฺหาติ ฉ, ตา กามภววิภวตณฺหาวเสเนว อฏฺารส, ตา เอว อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย อฏฺารส, พาหิรสฺสุปาทาย อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, ตา อตีเต ฉตฺตึส, อนาคเต ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉตฺตึสาติ เอวํ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานีติ. มาเรตีติ มาโร, ปมาโท ‘‘ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) วจนโต. สมฺมาอาชีววินาสนโต วา กิเลสา วุจฺจนฺติ ‘‘มาโร’’ติ, วธกูปมตฺตา ขนฺธาว มารา. อภิสงฺขารา ชาติทุกฺขาภินิพฺพตฺตาปนโต, ชาตสฺส ชราทิสมฺภวโต จ มารา. เอกภวปริยาปนฺนชีวิตมารณโต มจฺจุ มาโร. อณิมตา นาม ปรมาณุ วิย อทสฺสนูปคมนํ. ลฆิมตา สรีเรน, จิตฺเตน วา สีฆคมนํ. มหิมตา จนฺทิมสูริยาทีนมฺปิปาณินา ปรามสนาทิ. ปตฺติ นาม ยถิจฺฉิตเทสปฺปตฺติ. ปกาสนตา, ลาภกสฺสตฺถสาธนํ วา ปากมฺมํ. อีสตฺตํ นาม สยํวสิตา. วสิตฺตํ นาม อปรวสิตา. ยตฺถกามาวสายิตํ นาม ยตฺถิจฺฉติ ยทิจฺฉติ ยาวทิจฺฉติ, ตตฺถ ตาว ตทตฺถสาธนํ. ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขมริยสจฺจนฺติอาทิมฺหิ อิทํ โจทนาปุพฺพงฺคมํ อตฺถวิสฺสชฺชนํ – ทุกฺขาทีนํ อฺเปิ รูปตณฺหาทโย อตฺถา อตฺถิ, อถ กสฺมา จตฺตาโร เอว วุตฺตาติ เจ? อฺสจฺจทสฺสนวเสน อาวิภาวโต.

‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺเขาณํ, ทุกฺขํ อารพฺภ ยา อุปฺปชฺชติ ปฺา’’ติอาทินาปิ (วิภ. ๗๙๔) นเยน เอเกกสจฺจารมฺมณวเสนาปิ สจฺจาณํ วุตฺตํ. ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) นเยน เอกํ สจฺจํ อารมฺมณํ กตฺวา เสเสสุ กิจฺจนิปฺผตฺติวเสนาปิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทา เอเกกํ สจฺจํ อารมฺมณํ กโรติ, ตทา สมุทยทสฺสเนน ตาว สภาวโต ปีฬนลกฺขณสฺสาปิ ทุกฺขสฺส ยสฺมา ตํ อายูหนลกฺขเณน สมุทเยน อายูหิตํ สงฺขตํ, ตสฺมาสฺส โส สงฺขตฏฺโ อาวิ ภวติ. ยสฺมา ปน มคฺโค กิเลสสนฺตาปหโร สุสีตโล, ตสฺมาสฺส มคฺคทสฺสเนน สนฺตาปฏฺโ อาวิ ภวติ นนฺทสฺส อจฺฉราทสฺสเนน สุนฺทริยา อนภิรูปภาโว วิย. อวิปริณามธมฺมสฺส ปน นิโรธสฺส ทสฺสเนน ตสฺส วิปริณามฏฺโ อาวิ ภวตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. สภาวโต อายูหนลกฺขณสฺสปิ สมุทยสฺส ทุกฺขทสฺสเนน นิทานฏฺโ อาวิ ภวติ อสปฺปายโภชนโต อุปฺปนฺนพฺยาธิทสฺสเนน โภชนสฺส พฺยาธินิทานภาโว วิย. วิสํโยคภูตสฺส นิโรธสฺส ทสฺสเนน สํโยคฏฺโ. นิยฺยานภูตสฺส จ มคฺคสฺส ทสฺสเนน ปลิโพธฏฺโติ. ตถา นิสฺสรณสฺสาปิ นิโรธสฺส อวิเวกภูตสฺส สมุทยสฺส ทสฺสเนน วิเวกฏฺโ อาวิ ภวติ. มคฺคทสฺสเนน อสงฺขตฏฺโ. อิมินา หิ อนมตคฺเค สํสาเร มคฺโค น ทิฏฺปุพฺโพ, โสปิ จ สปฺปจฺจยตฺตา สงฺขโต เอวาติ อปฺปจฺจยธมฺมสฺส อสงฺขตภาโว อติวิย ปากโฏ โหติ. ทุกฺขทสฺสเนน ปนสฺส อมตฏฺโ อาวิ ภวติ. ทุกฺขฺหิ วิสํ, อมตํ นิพฺพานนฺติ. ตถา นิยฺยานลกฺขณสฺสาปิ มคฺคสฺส สมุทยทสฺสเนน ‘‘นายํ เหตุ นิพฺพานสฺส ปตฺติยา, อยํ เหตู’’ติ เหตฺวตฺโถ อาวิ ภวติ. นิโรธทสฺสเนน ทสฺสนฏฺโ ปรมสุขุมรูปานิ ปสฺสโต ‘‘วิปฺปสนฺนํ วต เม จกฺขู’’ติ จกฺขุสฺส วิปฺปสนฺนภาโว วิย. ทุกฺขทสฺสเนน อธิปเตยฺยฏฺโ อเนกโรคาตุรกปณชนทสฺสเนน อิสฺสรชนสฺส อุฬารภาโว วิยาติ เอวเมตฺถ ลกฺขณวเสน, เอกสฺส อฺสจฺจทสฺสนวเสน จ อิตเรสํ ติณฺณํ อาวิภาวโต เอเกกสฺส จตฺตาโร อตฺถา วุตฺตา. อุปธิวิเวโก นิกฺกิเลสตา.

ปฏิปกฺขํ อตฺถยนฺตีติ ปจฺจตฺถิกา. ปติ วิรุทฺธา อมิตฺตา ปจฺจามิตฺตา. สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เอตฺตาวตา ภควโต สพฺพฺุตํ ทีเปติ. เตน าณสมฺปตฺตึ ทีเปตฺวา อิทานิ กรุณาสมฺปตฺตึ ทีเปตุํ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสสี’’ติอาทิมาห. อถ วา กึ โส ปเวเทสีติ? าณํ, ตํ สพฺพํ ติโลกหิตภูตเมว. โส ธมฺมํ เทเสสีติ กีทิสํ? ‘‘อาทิกลฺยาณ’’นฺติอาทิ. อเนน วจเนน วตฺตุํ อรหภาวํ ทีเปติ. สาสนธมฺโมติ โอวาทปริยตฺติ. กิจฺจสุทฺธิยาติ กิเลสปฺปหานนิพฺพานารมฺมณกิจฺจสุทฺธิยา. สาสนพฺรหฺมจริยํ นาม สิกฺขตฺตยํ, นวโกฏิสหสฺสานีติอาทิกํ วา. มคฺคเมว พฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ตสฺส ปกาสกํ ปิฏกตฺตยํ อิธ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ นาม. ฉสุ อตฺถปเทสุ สงฺเขปโต กาสนํ สงฺกาสนํ. อาทิโต กาสนํ ปกาสนํ. อุภยมฺปิ วิตฺถาเรตฺวา เทสนํ วิวรณํ. ปุน วิภาคกรณํ วิภชนํ. โอปมฺมาทินา ปากฏกรณํ อุตฺตานีกรณํ. โสตูนํ จิตฺตปริโตสชนเนน, จิตฺตนิสาเนน จ ปฺาปนํ เวทิตพฺพํ. พฺยฺชนปเทสุ อกฺขรณโต อกฺขรํ, ‘‘เอกกฺขรปทมกฺขร’’นฺติ เอเก. วิภตฺติอนฺตํ ปทํ. พฺยฺชยตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. ปทสมุทาโย วา วากฺยํ. วิภาคปกาโส อากาโร นาม. ผุสตีติ ผสฺโสติอาทิ นิพฺพจนํ นิรุตฺติ, นิรุตฺติยา นิทฺทิฏฺสฺส อปเทโส นิทฺเทโส นาม. ผุสตีติ ผสฺโส, โส ติวิโธ – สุขเวทนีโย ทุกฺขเวทนีโย อทุกฺขมสุขเวทนีโยติ. เอเตสุ อยํ โยชนา – อกฺขเรหิ สงฺกาสยติ, ปเทหิ ปกาสยติ, พฺยฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กโรติ, นิทฺเทเสหิ ปฺาเปติ. อกฺขเรหิ วา สงฺกาสยิตฺวา ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยฺชเนหิ วิวริตฺวา อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานึ กตฺวา นิทฺเทเสหิ ปฺาเปติ. อกฺขเรหิ วา อุคฺฆาเฏตฺวา ปเทหิ วิเนติ อุคฺฆฏิตฺุํ, พฺยฺชเนหิ วิวริตฺวา อากาเรหิ วิเนติ วิปฺจิตฺุํ, นิรุตฺตีหิ เนตฺวา นิทฺเทเสหิ วิเนติ เนยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ. อตฺโถติ ภาสิตตฺโถ. ตสฺเสวตฺถสฺส ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สโก สโก ภาโว ปฏิเวโธ นาม. ตํ อุภยมฺปิ อตฺโถ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถ’’นฺติ. ธมฺโมติ วา เทสนาติ วา พฺยฺชนเมว. นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ สาสนพฺรหฺมจริยํ, สิกฺขตฺตยปริคฺคหิโต มคฺโค จ, อุภยมฺปิ พฺรหฺมจริยปเทน สงฺคหิตํ. ปฏิปตฺติยาติ ปฏิปตฺติเหตุ. อาคมพฺยตฺติโตติ ปุนปฺปุนํ อธียมานา ขนฺธาทโย ปากฏา โหนฺติ. ทุรุตฺตสตฺถานิ อธียมานานิ สมฺโมหเมวาวาหนฺติ.

๒-๓. กจฺจิ ขมนียํ สีตุณฺหาทิ. กจฺจิ ยาปนียํ ยถาลทฺเธหิ ชีวิตสาธเนหิ ชีวิตํ. อปฺปาพาธนฺติ อปฺโปปสคฺคํ, อปฺปาตงฺกนฺติ อปฺปโรคํ. กจฺจิ ลหุฏฺานํ สรีรกิจฺเจ. กจฺจิ พลํ สมณกิจฺเจ. กจฺจิ ผาสุวิหาโร ยถาวุตฺตนเยน อปฺปาพาธตาย, อนุกฺกณฺนาทิวเสน วา. สตฺตสฏฺิโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย, อุตฺตรามุโขติ วุตฺตํ โหติ. โลกวิวรเณ ชาเต อิธ กึ โอโลเกสิ, นตฺเถตฺถ ตยา สทิโสปีติ อาห ‘‘ตฺวํ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺโค’’ติอาทิ. อาสภึ อุตฺตมํ. อุปปตฺติวเสน เทวา. รูปานํ ปริโภควเสน, ปตฺถนาวเสน วา อุปฺปนฺนา ราคสมฺปยุตฺตา โสมนสฺสเวทนานุรูปโต อุปฺปชฺชิตฺวา หทยตปฺปนโต อมฺพรสาทโย วิย ‘‘รูปรสา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถาคตสฺส ปหีนาติ อธิการวเสนาห. ตถาคตสฺสปิ หิ กสฺสจิ เต ปหีนาติ มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา. กถํ? รูปรสาทิวจเนน วิปากธมฺมธมฺมา คหิตา, เต วิชฺชมานาปิ มตฺถกสทิสานํ ตณฺหาวิชฺชานํ มคฺคสตฺเถน ฉินฺนตฺตา อายตึ ตาลปนฺติสทิเส วิปากกฺขนฺเธ นิพฺพตฺเตตุํ อสมตฺถา ชาตา. ตสฺมา ตาลาวตฺถุ วิย กตา. ‘‘กุสลโสมนสฺสาปิ เอตฺถ สงฺคหิตา’’ติ วทนฺติ. ปมมคฺเคน ปหีนา กมฺมปถฏฺานิยา, ทุติเยน อุจฺฉินฺนมูลา โอฬาริกา, ตติเยน ตาลาวตฺถุกตา กามราคฏฺานิยา. จตุตฺเถน อนภาวํกตา รูปราคารูปราคฏฺานิยา. อปริหานธมฺมตํ ปน ทีเปนฺโต ‘‘อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ อาห. ตทงฺคปฺปหาเนน วา ปหีนา วิปสฺสนากฺขเณ, ฌานสฺส ปุพฺพภาคกฺขเณ วา, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน อุจฺฉินฺนมูลา ฌานกฺขเณ. ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ปารา. ๑๑) หิ วุตฺตํ. สมุจฺเฉทปฺปหาเนน ตาลาวตฺถุกตา ตติยวิชฺชาธิคมกฺขเณ. อิตฺถมฺภูตา ปน เต รูปรสาทโย อนภาวํกตา อายติมนุปฺปาทธมฺมาติ เอกเมวิทํ อตฺถปทํ. ปมาย วา อภินิพฺภิทาย ปหีนา, ทุติยาย อุจฺฉินฺนมูลา, ตติยาย ตาลาวตฺถุกตา. อิตฺถมฺภูตา ยสฺมา อนภาวํกตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อายตึอนอุปฺปาทธมฺมาติ เวทิตพฺพา. อถ วา ทุกฺขาเณน ปหีนา, สมุทยาเณน อุจฺฉินฺนมูลา, นิโรธาเณน ตาลาวตฺถุกตา, มคฺคาเณน อนภาวํกตา, ปจฺจเวกฺขณาเณน อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ เวทิตพฺพา. โลกิยมคฺเคน วา ปหีนา, ทสฺสนมคฺเคน อุจฺฉินฺนมูลา, ติวิเธน ภาวนามคฺเคน ตาลาวตฺถุกตาติอาทิ. พฺราหฺมณสฺส อวิสยตฺตา ธมฺมรสา น อุทฺธฏา.

๑๑. ธมฺมธาตุนฺติ เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ ธมฺมธาตุ นาม. อนุกมฺปวจนานุรูปํ ‘‘ปุณฺณจนฺโท วิยา’’ติ วุตฺตํ, สูริยวจนํ ‘‘สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา’’ติวจนานุรูปํ, ปถวีสมจิตฺตตาย การณํ ‘‘กรุณาวิปฺผาร’’นฺติ วทนฺติ. ปฏิจฺฉาเทตพฺเพ หิ อตฺตโน คุเณ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริย’’นฺติอาทินา ปกาเสนฺโต อตฺตโน กรุณาวิปฺผารํ ปกาเสตีติ คเหตพฺโพ. วรภูริเมธโส วรปุถุลาโณ, ภูรีติ วา ภูมิ, ภูมิ วิย ปตฺถฏวรปฺโติ อตฺโถ. อพุชฺฌิ เอตฺถาติปิ อธิกรเณน รุกฺโข โพธิ. สยํ พุชฺฌติ, พุชฺฌนฺติ วา เตน ตํสมงฺคิโนติ มคฺโค โพธิ, เอวํ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ. พุชฺฌียตีติ นิพฺพานํ โพธิ. ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อุปนิสฺสยวโต ยถาสมฺภวํ ติสฺโส วิชฺชา เวทิตพฺพา. เอกคฺคตาวเสน ติกฺขภาโว. ติกฺโขปิ เอกจฺโจ สโร ลกฺขํ ปตฺวา กุณฺโ โหติ, น ตถา อิทํ. สตินฺทฺริยวเสนสฺส ขรภาโว, สทฺธินฺทฺริยวเสน วิปฺปสนฺนภาโว, อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กิเลสปจฺจตฺถิกานํ สุฏฺุ อภิภวนโต วีริยินฺทฺริยวเสนสฺส สูรภาโว จ เวทิตพฺโพ. มคฺควิชายนตฺถํ คพฺภคฺคหณกาโล สงฺขารุเปกฺขานนฺตรมนุโลมตฺตา.

ฉนฺโทติ จ สงฺกปฺโปติ จ อวตฺถนฺตรเภทภินฺโน ราโคว –

‘‘เสนหาตฺถฺยงฺคมุเปติ,

รตฺตหทโย ราเคน;

สมฺมคเต รตฺตกามมุเปติ,

กามปติตํ โลกสฺส มาตฺราลมตี’’ติ –

อาทีสุ วิย –

วิภงฺเคเยว กิฺจาปิ อตฺโถ วุตฺโตติ เอตฺถ อยมธิปฺปาโย – วิภงฺคปาฬึ อาเนตฺวา อิธ วุตฺโตปิ สพฺเพสํ อุปการาย น โหติ, ตสฺมา ตํ อฏฺกถานเยเนว ปกาสยิสฺสามีติ. อิโตติ กาเมหิ. กายวิเวกาทีสุ อุปธิวิเวโก ตติโย, ตสฺมา ตติยํ ฉฑฺเฑตฺวา ทฺเว คเหตฺวา ตทงฺคาทีสุ วิกฺขมฺภนวิเวกํ คเหตฺวา ‘‘ตโย เอวา’’ติ วุตฺตา. เอวํ สติ จิตฺตวิกฺขมฺภนา เอกตฺถา เอวาติ วิเสโส น สิยาติ เจ? อปฺปนาวารตฺตา น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. กายวิเวกคฺคหเณน ปุพฺพภาคคฺคหณํ ายติ, ตสฺมา จิตฺตวิเวโกติ ตทงฺควิเวโก วุตฺโต, วิกฺขมฺภเนน อปฺปนากาเลติ คเหตพฺพํ อสงฺกรโต. อถ วา จิตฺตวิเวเกน ตทงฺควิกฺขมฺภนา คหิตา, อิตเรน วิกฺขมฺภนวิเวโก เอวาติปิ ยุตฺตํ, กิเลสกามตฺตา วา ทฺวีสุ กมฺเมสุ ปริยาปนฺโน ปุริโส วิย. ยถา อวิชฺชมาเนน อวิชฺชมานปฺตฺติวเสน โลเก ‘‘สผโล รุกฺโข’’ติ วุจฺจติ, ตเถว วิชฺชมาเนน วิชฺชมานปฺตฺติวเสน สาสเน ‘‘สวิตกฺกํ สวิจารํ ฌาน’’นฺติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.

วูปสมาติ เอตฺถ เกสํ วูปสมาติ, กึ ปมชฺฌานิกานํ, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกานนฺติ? เอตฺถ ยทิ ปมชฺฌานิกานํ, นตฺถิ เตสํ วูปสโม. น หิ ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารรหิตํ อตฺถิ. ยทิ ทุติยชฺฌานิกานํ, นตฺเถว วูปสโม ตตฺถ ตทภาวาติ เจ? เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘สมติกฺกมา’’ติ, สมติกฺกโมปิ น เตสํเยว. กินฺตุ สกลสฺสปิ ปมชฺฌานธมฺมราสิสฺสาติ เจ? เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘โอฬาริกสฺส ปน สมติกฺกมา’’ติอาทิ. สพฺเพปิ ปมชฺฌานธมฺมา โอฬาริกาว ทุติยชฺฌานโต, น เกวลํ วิตกฺกวิจารทฺวยเมวาติ เจ? น วิตกฺกวิจาราเยว เตหิ สมฺปยุตฺตานํ โอฬาริกภาวโตติ เตสฺเวว อาทีนวทสฺสเนน ทุติยชฺฌานกฺขเณ เตสํ อภาโว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุติยชฺฌานกฺขเณ อปาตุภาวา’’ติ, ยสฺส ธมฺมสฺสานุภาเวน, โยเคน วา อิทํ ฌานํ ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติ จ, ตสฺส ทสฺสนตฺถํ สทฺธาสมาธโย วิภงฺเค วุตฺตา. ปณีตโภชนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๕๗ อาทโย) สปฺปิอาทโย วิยาติ วุตฺเต อยํ อตฺถวณฺณนา น วิรุชฺฌติ. สมํ ปสฺสตีติ ลีนุทฺธจฺจํ ปหาย ขีณาสวสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนาการภูตา อุเปกฺขา ฉฬงฺคุเปกฺขา. นีวรณาทิปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนาคหเณ มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นาม. วิจินเน มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา วิปสฺสนุเปกฺขา นาม. ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา โพชฺฌงฺคุเปกฺขา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา ฌานุเปกฺขา ปาริสุทฺธุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว, อวตฺถาเภเทน เภโท เนสํ. สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขานมฺปิ เอกตา ปฺาวเสน, กิจฺจวเสน ปน ทุวิธตา เวทิตพฺพา.

ฉฬงฺคุเปกฺขา กามาวจรา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา รูปาวจราติอาทินา ภูมิวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา ขีณาสวสฺเสว, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ติณฺณมฺปิ ปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺขานนฺติ เอวํ ปุคฺคลวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา อุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา เอวาติ เอวํ จิตฺตวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา ฉฬารมฺมณา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ธมฺมารมฺมณาวาติ อารมฺมณวเสน. เวทนุเปกฺขา เวทนากฺขนฺเธน สงฺคหิตา, อิตรา นว สงฺขารกฺขนฺเธนาติ ขนฺธสงฺคหวเสน. ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารโพชฺฌงฺคฌานุเปกฺขา ปาริสุทฺธิตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา, ตสฺมา เอกกฺขเณ เอกาว สิยา, น อิตรา, ตถา สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขาปิ. เวทนาวีริยุเปกฺขานํ เอกกฺขเณ สิยา อุปฺปตฺตีติ. ฉฬงฺคุเปกฺขา อพฺยากตา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา กุสลาพฺยากตา, ตถา เสสา. เวทนุเปกฺขา ปน สิยา อกุสลาปิ. เอวํ กุสลตฺติกวเสน. ทสเปตา สงฺเขเปน จตฺตาโรว ธมฺมา วีริยเวทนาตตฺรมชฺฌตฺตาณวเสน. ‘‘ทุกฺขโทมนสฺสสุขโสมนสฺสาน’’นฺติ เอวํ ปหานกฺกเมน อวตฺวา วิภงฺเค วุตฺตนเยน กสฺมา วุตฺตานีติ เจ? สุตฺตานุรกฺขณตฺถํ. อิฏฺานิฏฺวิปรีตนฺติ เอตฺถ ‘‘อารมฺมณวเสน อคฺคเหตฺวา อิฏฺานิฏฺวิปรีตากาเรน อนุภวตีติ คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. กสฺมา? เอกํเยว กสิณํ อารพฺภ สพฺเพสํ ปวตฺติโต. ตติยชฺฌานโต ปฏฺาย อุปการา หุตฺวา อาคตาติ สติสีเสน เทสนา กตา, วิคตวลาหกาทินา โสมฺมตาย รตฺติยา วลาหกาทินา กาลุสฺสิเย สติปิ ทิวา วิย อนุปการิกา น โหติ รตฺตึ, ตสฺมา ‘‘อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สูริยปฺปภาภิภวา, รตฺติยา อลาภาติ อิเม ทฺเว เหตู อปริสุทฺธตาย การณํ. โสมฺมภาเวน, อตฺตโน อุปการกตฺเตน จาติ อิเม ทฺเว สภาคตาย การณ’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺสา อปริสุทฺธาย ชาติยาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา การณวจนนฺติ เอเก.

ฌานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา

๑๒. จิตฺเตกคฺคตาสภาคตฺตา ฌานานํ ‘‘เกสฺจิ จิตฺเตกคฺคตตฺถานี’’ติ อาห. กุสลานํ ภโวกฺกมนสภาคตฺตา ‘‘เกสฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานี’’ติ. อสภาคตฺตา เสสฏฺาเนสุ ‘‘ปาทกตฺถานี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาทกานี’’ติ อาห. เตน ปาทกภูตานมฺปิ ยถาสมฺภวํ จิตฺเตกคฺคตา ภโวกฺกมนตาวหตํ, อิตเรสํ ยถาสมฺภวํ ปาทกตาวหตฺจ ทีเปติ. อสภาคตฺตา ชวนวิปสฺสนาปาทกานิ สมานานิ อภิฺาปาทกานิ จ โหนฺติ, อภิฺาปาทกานิ จ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺตีติปิ ทีเปติ, ตถา ปาทกาภาวํ ทีเปติ. อภิฺาย หิ จตุตฺถเมว ปาทกํ, น อิตรานิ. เตสุ จตุตฺถสฺส ตติยํ ปาทกํ, ตติยสฺส ทุติยํ, ทุติยสฺส ปมนฺติ. อถ วา ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ ยถาลาภโต วุตฺตํ.

วินยนิทานนิมิตฺตํ, เวรฺชนิวาสกปฺปนํ;

สตฺถุ ยสฺมา ตสฺมา ภควา, วิชฺชตฺตยมาห เวรฺเช.

วุตฺตฺเหตํ ‘‘วินเย สุปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสายา’’ติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา). สีลวโต หิ สีลปจฺจเวกฺขณตฺถํ รตฺติฏฺานทิวาาเนสุ นิสินฺนสฺส นิสชฺชนโต ปฏฺาย อตฺตโน อตีตกิริยานุสฺสรณพหุลตาย ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติวิชฺชา อปฺปกสิเรน สมิชฺฌติ. ตถา อตฺตานํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ จุติปริคฺคหณสีลตาย จุตูปปาตาณํ อปฺปกสิเรน สมิชฺฌติ, อุทกาทีสุ สุขุมตฺต ทสฺสนสีลตาย ทิพฺพจกฺขุาณํ สมิชฺฌติ. ยสฺมา สตฺตวิธเมถุนสํโยคปริวชฺชเนน, กามาสวาทิปริวชฺชเนน วา พฺรหฺมจริยํ อขณฺฑาทิภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺมาสฺส อาสวกฺขยาณํ อปฺปกสิเรน สมิชฺฌตีติ เอตฺถ วินยนิทาเน วิชฺชตฺตยเมว ทสฺสิตํ, ตสฺมา อาห ‘‘เยสฺจ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทสฺเสนฺโต’’ติ, อฺถา วิชฺชตฺตยปฏิลาภมตฺตปฺปสงฺโค สิยาติ.

โส เอวนฺติ อิมินา กิฺจาปิ จตุนฺนํ ฌานานํ ปุพฺพภาคปฏิปทาปิ สงฺคหํ คจฺฉติ, น เกวลํ ปุริมชฺฌานตฺติกเมว, ตถาปิ เกวลํ ปุริมชฺฌานตฺติกเมว คณฺหนฺโต ‘‘เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ, อิมินา ปมชฺฌานาธิคมาทินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฏิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห, ตํ กสฺมาติ เจ? สมฺภารภูมิตฺตา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๑) ‘‘เอตฺถ จ ปุริมานิ ตีณิ ฌานานิ ยสฺมา ปีติผรเณน จ สุขผรเณน จ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ลหุมุทุกมฺมฺกาโย หุตฺวา อิทฺธึ ปาปุณาติ, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน อิทฺธิลาภาย สํวตฺตนโต สมฺภารภูมิโยติ เวทิตพฺพานิ. จตุตฺถชฺฌานํ ปน อิทฺธิลาภาย ปกติภูมิ เอวา’’ติ. อิทเมว วา อตฺถํ สนฺธายาห ‘‘ปุพฺเพ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ เกสฺจิ อภิฺาปาทกานี’’ติ. ยทิ เอวํ จตุตฺถชฺฌานมฺปิ อนฺโตกตฺวา เอวนฺติ กิมตฺถํ น วุตฺตํ. ตฺหิ ปกติภูมีติ เจ? น วตฺตพฺพํ, จตุตฺถชฺฌานโต ปรสฺส สมาหิตาทิภาวปฺปตฺตสฺส จิตฺตสฺส อตฺถิภาวปฺปสงฺคโต. ยสฺมา ยสฺมึ สติ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺมึ จตุตฺถชฺฌานจิตฺเต ปกติภูมิภาวปฺปตฺเต อภิฺาปาทเก ชาเต ปริกมฺมจิตฺตํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ อาห. อภินีหารกฺขมํ โหตีติ เอตฺถ ตํ อิทฺธิวิธาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ อภินีหรติ. กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อิทฺธิวิธาภิมุขํ เปเสสิ. คณฺิปเท ปน ‘‘อภิฺาปาทกชฺฌานโต อิทฺธิวิธาณาทีนํ นีหรณตฺถ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อภินีหารกฺขมนฺติ อตฺโถ ปกปฺปิโต.

โส เอวํ สมาหิเต เอวํ อาเนฺชปฺปตฺเตติ โยชนา เวทิตพฺพา ทุติยวิกปฺเป, นีวรณทูรีภาเวน วิตกฺกาทิสมติกฺกเมนาติ ปมชฺฌานาทีนํ กิจฺจสงฺคณฺหนโต. อยํ โยชนา ปมวิกปฺเป น สมฺภวติ ‘‘ปริสุทฺเธติอาทีสุ ปนา’’ติ วจเนน ‘‘เอว’’นฺติ ปทสฺส อนุปฺปพนฺธนิวารณโต. เตเนว ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ’’ติอาทิมาห. อิจฺฉาวจรานนฺติ ‘‘อโห วตาหํ อาปตฺติฺเจว อาปนฺโน อสฺสํ, น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๐) นเยน อุปฺปนฺนอิจฺฉาวเสน ปวตฺตานํ โกปอปจฺจยานํ อภาเวน อนงฺคเณติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปน ยถาวุตฺตปฺปการา อิจฺฉาปิ ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย อนฺตรายิกา ‘‘สมฺปชานมุสาวาโท โข ปนายสฺมนฺโต อนฺตรายิโก ธมฺโม’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วุตฺตตฺตา, ปเคว อิจฺฉาวจรา โกปอปจฺจยา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจนีกานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจราน’’นฺติอาทิ. กตฺถจิ ปน ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยานํ อิจฺฉาวจราน’’นฺติ โปตฺถเกสุ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปมาทเลโข, คณฺิปเท จ ‘‘อโห วต สตฺถา มมฺเว ปฏิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสยฺยา’’ติ โย ตทตฺโถ ลิขิโต, โส ทุลฺลิขิโต. น หิ ฌานปฏิลาภปจฺจยา โกปาทโย อนงฺคณสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) วุตฺตา, ‘‘น จ ยุตฺติโต สมฺภวนฺติ ฌานลาภิโน ตทภาวา’’ติ อาจริโย วทติ, ตํ วีมํสิตพฺพํ. เอตฺถ วิชฺชตฺตยสฺส อุตฺตรุตฺตรวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา ปุนปฺปุนํ อฏฺงฺคนิทสฺสนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุตฺตรุตฺตรวิเสสา เจภาสํ อตฺตทุกฺขปรทุกฺขทสฺสนตทุปสมตฺตทีปนโต เวทิตพฺพา. ภควา หิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อตฺตโน อนนฺตสํสารทุกฺขํ ปสฺสิตฺวา, จุตูปปาตาเณน ปรสฺส จ โลกสฺส อาสวกฺขยาเณน ตทุภยวูปสมตฺตฺจ ปสฺสิตฺวา ตํ เทเสติ, ปเมน วา อตฺตทุกฺขทสฺสนโต อตฺตสิเนหปริจฺจาคํ ทีเปติ. ทุติเยน ปรทุกฺขทสฺสนโต ปเรสุ โกปปริจฺจาคํ, ตติเยน อริยมคฺคทสฺสนโต โมหปริจฺจาคฺจ ทีเปติ. เอวํ นานาคุณวิเสสทีปนโต อิมสฺเสว โลกิยาภิฺาทฺวยสฺส อิธ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยสฺมา อตีตชาติ เอว นิวาโส, ตสฺมา ‘‘อตีตชาตีสู’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ชาติยา เอกเทเสปิ นิวาสโวหารสิทฺธิทสฺสนโต. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติอาทิวจเนน สกลชาติยา อนุสฺสรณเมว ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ วิย ทิสฺสติ, น เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตเทกเทสานุสฺสรณมฺปิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ, ภุมฺมวจนํ กตํ โอกาสาทิสงฺคหตฺถฺจ. ‘‘ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ อาทิ-สทฺเทน อนิวุตฺถโลกธาตุทีปรฏฺนครคามาทิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตสํ ฉินฺนวฏุมกานํ โลกุตฺตรสีลาทีนิ น ภควตา โพธิสตฺตกาเล วิฺาตานี’’ติ วุตฺตํ. อตฺถาปตฺติโต โลกิยานิ วิฺาตานีติ อาปชฺชติ, ตํ ทิพฺพจกฺขุาณาธิกาเร ‘‘อริยานํ อุปวาทกา’’ติ วจเนน สเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. น หิ อริเย อปสฺสนฺตสฺส เอวํ โหติ. กิมตฺถํ ปเนตฺถ อนุสฺสติ วุตฺตา, นนุ เอส วิชฺชาธิกาโรติ เจ? อาทิกมฺมิกสฺส สติวเสน นิพฺพตฺติโต, อตีตธมฺมานํ สติยา วิเสสาธิการตฺตา จ. วุตฺตฺหิ ‘‘อนุสฺสรามี’’ติ.

‘‘วตฺตมาเนสุ วิชฺชาน-มตีเตสฺวสฺส สรติ;

อนาคเตสุ ธมฺเมสุ, สรติ วิชฺชาน ปณิธี’’ติ.

อาจริยกุมาริเตน สิโลโกปิ วุตฺโต.

ตตฺถ ราเค อุสฺสนฺนตเร เตโชสํวฏฺโฏ. โทเส อาโปสํวฏฺโฏ. โมเห วาโยสํวฏฺโฏ. เกจิ ‘‘โทเส เตโชสํวฏฺโฏ, ราเค อาโปสํวฏฺโฏ, โมเห วาโยสํวฏฺโฏ’’ติ วทนฺติ. ยสฺมา อมุตฺราติ จิตฺตํ, วจนํ วา ภวาทินิยเมน โหติ, ตสฺมา ‘‘ภเว วา’’ติอาทิ. เอวํนาโม เอวํโคตฺโตติ ปททฺวเยน อชฺฌตฺตพหิทฺธามูลกํ ปฺตฺติสงฺขาตํ โคจรนิวาสํ ทีเปติ. ปวตฺตผลโภชโน สยํปติตผลาหาโร. จตุราสีติกปฺปสหสฺสปรมายุปริยนฺโต วาติ ปณิธานโต ปุพฺเพ. ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ น โหติ. ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณลาภีนํ ปเนตํ อานุภาวปริทีปน’’นฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ. อมุตฺราติ เอตฺถ ปมโยชนายํ สีโหกฺกนฺตวเสน อนุสฺสรณํ วุตฺตํ, ตฺจ โข อนุโลมวเสน. ‘‘ปฏิโลมวเสนา’’ติปิ ลิขนฺติ, ตํ ทุวิฺเยฺยํ. สีโหกฺกนฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อเนกาสุ กปฺปโกฏีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา ตนฺติ นิทสฺสเนน ปฏิปตฺติสาธารเณน ผลสาธารณตํ ทสฺเสนฺโต พฺราหฺมณสฺส อาทรํ ชเนติ, อตฺตานเมเวกํ อุกฺกํเสตีติ วจนํ นิวาเรติ. ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ ตสฺส ปุพฺเพ อุปฺปนฺนจิตฺเต เอว นิโยเชติ. ปมา อภินิพฺภิทาติ วจเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส พหุปฏลภาวํ ทสฺเสติ, เตน อฏฺคุณิสฺสริยาทินา อนภินิพฺภิทํ ทีเปติ.

ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา

๑๓. ‘‘จุตูปปาตาณายา’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตํ. อิทฺหิ ทิพฺพจกฺขุาณํ รูปารมฺมณตฺตา ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ โหติ. น จุตึ วา ปฏิสนฺธึ วา อารมฺมณํ กโรติ. ตสฺมา ‘‘ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามี’’ติ (ปารา. ๑๓) วจนํ วิย ผลูปจาเรเนว วุตฺตมิทนฺติ เวทิตพฺพํ. ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา การโณปจาเรน ทิพฺพํ. อิมินา ปน เกจิ อาจริยา ‘‘กุสลากุสลา จกฺขู ทิพฺพจกฺขุ กามาวจร’’นฺติ วทนฺติ, เต ปฏิเสธิตา โหนฺติ. จตุตฺถชฺฌานปฺา หิ เอตฺถ อธิปฺเปตา. มหาชุติกตฺตา มหาคติกตฺตาติ เอเตสุ ‘‘สทฺทสตฺถานุสาเรนา’’ติ วุตฺตํ. เอกาทสนฺนํ อุปกฺกิเลสานํ เอวํ อุปฺปตฺติกฺกโม อุปกฺกิเลสภาโว จ เวทิตพฺโพ, มหาสตฺตสฺส อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา นานาวิธานิ รูปานิ ทิสฺวา ‘‘อิทํ นุ โข กิ’’นฺติ วิจิกิจฺฉา อุทปาทิ, โส อุปกฺกิเลโส อุปกฺกิเลสสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๒๓๖ อาทโย) ‘‘วิจิกิจฺฉาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิมฺหิ จวิ, สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’’นฺติ วจนโต. ตโต ‘‘รูปานิ เม ปสฺสโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อิทานิ น กิฺจิ มนสิ กริสฺสามี’’ติ จินฺตยโต อมนสิกาโร, ตโต กิฺจิ อมนสิกโรนฺตสฺส ถินมิทฺธํ อุทปาทิ, ตโต ตสฺส ปหานตฺถํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา รูปานิ ปสฺสโต หิมวนฺตาทีสุ ทานวรกฺขสาทโย ปสฺสนฺตสฺส ฉมฺภิตตฺตํ อุทปาทิ, ตโต ตสฺส ปหานตฺถํ ‘‘มยา ทิฏฺภยํ ปกติยา โอโลกิยมานํ นตฺถิ, อทิฏฺเ กึ นาม ภย’’นฺติ จินฺตยโต อุปฺปิลาวิตตฺตํ อุทปาทิ. คณฺิปเท ปน ‘‘อุปฺปิลํ ทิพฺพรูปทสฺเสเนนา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ตํ ทุวุตฺตํ ปรโต อภิชปฺปาวจเนน ตทตฺถสิทฺธิโต’’ติ อาจริโย วทติ. ตโต ฉมฺภิตตฺตปฺปหานตฺถํ ‘‘มยา วีริยํ ทฬฺหํ ปคฺคหิตํ, เตน เม อิทํ อุปฺปิลํ อุปฺปนฺน’’นฺติ วีริยํ สิถิลํ กโรนฺตสฺส กายทุฏฺุลฺลํ กายทรโถ กายาลสิยํ อุทปาทิ, ตโต ตํ จชนฺตสฺส อจฺจารทฺธวีริยํ อุทปาทิ, ตตฺถ โทสํ ปสฺสโต อติลีนวีริยํ อุปทาทิ, ตโต ตํ ปหาย สมปฺปวตฺเตน วีริเยน ฉมฺภิตตฺตภยา หิมวนฺตาทิฏฺานํ ปหาย เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เทวสงฺฆํ ปสฺสโต ตณฺหาสงฺขาตา อภิชปฺปา อุทปาทิ, ตโต ‘‘มยฺหํ เอกชาติกรูปํ มนสิ กโรนฺตสฺส อภิชปฺปา อุปฺปนฺนา, ตสฺมา ทานิ นานาวิธํ รูปํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ กาเลน เทวโลกาภิมุขํ, กาเลน มนุสฺสโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นานาวิธานิ รูปานิ มนสิ กโรโต นานตฺตสฺา อุทปาทิ, ตโต ‘‘นานาวิธรูปานิ เม มนสิ กโรนฺตสฺส นานตฺตสฺา อุทปาทิ, ตสฺมา ทานิ อภิชปฺปาทิภยา อิฏฺาทินิมิตฺตคฺคาหํ ปหาย เอกชาติกเมว รูปํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ ตถา กโรโต อภินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ อุทปาทิ เอวํ ปหีนอุปกฺกิเลสสฺสาปิ อนธิฏฺิตตฺตา. โอภาสฺหิ โข ชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามีติอาทิ ชาตํ.

ตสฺสตฺโถ – ยทา ปริกมฺโมภาสเมว มนสิ กโรมิ, ตทา โอภาสํ สฺชานามิ, ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปานิ น จ ปสฺสามิ, รูปทสฺสนกาเล จ โอภาสํ น ชานามีติ. กิมตฺถมิทํ วุตฺตํ, น หิ เอตํ อุปกฺกิเสสคตนฺติ? น เกวลํ อุปกฺกิเลสปฺปชหนเมเวตฺถ กตฺตพฺพํ, เยน อิทํ วิสุทฺธํ โหติ, อฺมฺปิ ตทุตฺตริ กตฺตพฺพํ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ. วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโสติอาทีสุ ‘‘อิเม ธมฺมา อุปกฺกิเลสาติ อาทีนวทสฺสเนน ปชหึ, น มยฺหํ ตทา อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ เกจิ วทนฺติ. มานุสกํ วาติ อิมินา สภาวาติกฺกมํ ทสฺเสติ. มํสจกฺขุนา วิยาติ อิมินา ปริยตฺติคฺคหณํ, วณฺณมตฺตารมฺมณตฺจ อุปเมติ. วณฺณมตฺเต เหตฺถ สตฺต-สทฺโท, น ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) เอตฺถ วิย สพฺพสงฺขเตสุ, หีนชาติอาทโย โมหสฺส นิสฺสนฺโท วิปาโก. กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา ปุพฺเพ อตีตภเว อเหสุํ, สมฺปติ นิรยํ อุปปนฺนาติ เอวํ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ‘‘ยถากมฺมูปคาณฺหิ เอกนฺตมตีตารมฺมณํ, ทิพฺพจกฺขุ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณ’’นฺติ อุภินฺนํ กิจฺจวเสน วุตฺตํ. มหลฺลโกติ สมณานํ สารุปฺปมสารุปฺปํ, โลกาจารํ วา น ชานาตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตตฺตา คุณปริธํสเนน ครหตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๙๙๘, ๑๐๐๔) วุตฺโต อริยปุคฺคโล มคฺคาวรณํ กาตุํ สมตฺถํ ผรุสวจนํ ยทิ กเถยฺย, อปายคมนียมฺปิ กเรยฺย, เตน โส อปายุปโคปิ ภเวยฺย, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ เอเก. ‘‘วายามํ มา อกาสีติ เถเรน วุตฺตตฺตา มคฺคาวรณํ กโรตี’’ติ วทนฺติ. ปุพฺเพว โสตาปนฺเนน อปายทฺวาโร ปิหิโต, ตสฺมาสฺส สคฺคาวรณํ นตฺถิ. ‘‘ปากติกนฺติ ปวตฺติวิปากํ อโหสี’’ติ วทนฺติ. ‘‘วุทฺธิ เหสา, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย, โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๐; ที. นิ. ๑.๒๕๑) วจนโต ปากติกํ อโหสีติ เอเก. สเจ โส น ขมตีติ โสตาปนฺนาทีนํ ขนฺติคุณสฺส มนฺทตาย วา อายตึ ตสฺส สุฏฺุ สํวรตฺถาย วา อกฺขมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุขานํ วา อายสฺส อารมฺมณาทิโน อภาวา กาลกฺจิกา อสุรา โหนฺติ. ‘‘อิโต โภ สุคตึ คจฺฉา’’ติ (อิติวุ. ๘๓) วจนโต มนุสฺสคติปิ. ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุเมว ทสฺสนฏฺเน าณํ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วินฺทนฏฺเน วิชฺชาติ อตฺโถ.

ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา

๑๔. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ กึ ปุริมสฺมึเยว, อุทาหุ อฺสฺมึเยว จตุตฺถชฺฌานจิตฺเต. อฏฺกถายมฺปิ ยโต วุฏฺาย ปุริมวิชฺชาทฺวยํ อธิคตํ, ตเทว ปุน สมาปชฺชนวเสน อภินวํ อภิณฺหํ กตนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถาห – ยทิ ตเทว ปุน สมาปชฺชนวเสน อภินวํ กตํ, อถ กสฺมา ปุพฺเพ วิย ‘‘วิปสฺสนาปาทกํ อภิฺาปาทกํ นิโรธปาทกํ สพฺพกิจฺจสาธกํ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกํ อิธ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, นนุ อิธ ตถาวจนฏฺานเมว ตํ อรหตฺตมคฺเคน สทฺธึ สพฺพคุณนิปฺผาทนโต, น ปมวิชฺชาทฺวยมตฺตนิปฺผาทนโตติ? วุจฺจเต – อริยมคฺคสฺส โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคปฏิปทาวิโมกฺขวิเสสนิยโม ปุพฺพภาควุฏฺานคามินีวิปสฺสนาย สงฺขารุเปกฺขาสงฺขาตาย นิยเมน อโหสีติ ทสฺสนตฺถํ วิปสฺสนาปาทกมิธ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปริยาปนฺนตฺตา, น ตทารมฺมณมตฺเตน. ปริยายโตติ อฺเนปิ ปกาเรน. ‘‘อิเม อาสวา’’ติ อยํ วาโร กิมตฺถํ อารทฺโธ? ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อธิการานุโลมนตฺถํ. มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหตีติ อิทํ เอกตฺตนเยน วุตฺตํ. ยฺหิ วิมุจฺจมานํ, ตเทว อปรภาเค วิมุตฺตํ นาม โหติ. ยฺจ วิมุตฺตํ, ตเทว ปุพฺพภาเค วิมุจฺจมานํ นาม โหติ. ภุฺชมาโน เอว หิ โภชนปริโยสาเน ภุตฺตาวี นาม. ‘‘อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ ทสฺเสตี’’ติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ปฏฺาเน ‘‘มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ, ผลํ, นิพฺพานํ, ปหีเน กิเลเส ปจฺจเวกฺขตี’’ติ อยมุปฺปตฺติกฺกโม วุตฺโต. ปวตฺติกฺกโม ปเนตฺถ สรูปโต อตฺถโตติ ทฺวิธา วุตฺโต. ตตฺถ ‘‘วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสี’’ติ สรูปโต จตุพฺพิธสฺสปิ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ปวตฺติกฺกมนิทสฺสนํ. ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทิ อตฺถโต. เตเนว อนฺเต ‘‘อพฺภฺาสิ’’นฺติ ปุคฺคลาธิฏฺานํ เทสนํ อกาสิ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ตถา อปฺปวตฺติโต. อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติ ชานาติ นาม. ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณ’’นฺติ อนาคตํสาณสฺส จ ทิพฺพจกฺขุสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ.

อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา

๑๕. กณฺณสุขโต หทยงฺคมโตติ วจนเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อนตฺตุกฺกํสนโตติอาทิ ปุคฺคลวเสน, กณฺณสุขโตติ โสตินฺทฺริยํ สนฺธาย. อาปาถารมณียโตติ าณาปาถารมณียโต. สยเมว เหฏฺามุขชาตํ วา, มคฺโค ปน อโสโก โหติ. ตทา หิ โสโก ปหียมาโน. จริยาทิอนุกูลโต อปฺปฏิกูลํ. ‘‘มธุรมิม’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ธมฺมมิม’’นฺติ วจนํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ. ตสฺมา ‘‘ราควิราคมิม’’นฺติ เอวํ วิสุํ วิสุํ โยเชตฺวา ปุน ปิณฺเฑตฺวา ธมฺมมิมํ อุเปหีติ โยเชตพฺพํ, ‘‘ธมฺมเมว สรณตฺถมุเปหี’’ติ ปนฺติ กิราติ ทีเปติ. สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุคฺคตึ ปริกฺกิเลสํ ทุกฺขํ หึสตีติ รตนตฺตยํ สรณํ นาม. ตปฺปสาทตคฺครุตาทีหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายนตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคีสตฺโต สรณํ คจฺฉติ. ปเภเทน ปน ทุวิธํ สรณคมนํ โลกุตฺตรํ โลกิยนฺติ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสํ ตทงฺควิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต รตนตฺตเย สทฺธาปฏิลาโภ สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ. โลกุตฺตรสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. ‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ…เป… สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒) หิ วุตฺตํ. โลกิยสฺส ภวโภคสมฺปทา. ‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗) หิ วุตฺตํ. โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ, น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส สาวชฺโช อนวชฺโชติ ทุวิโธ เภโท. ตตฺถ อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ สาวชฺโช โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลกิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสติ. โย โกจิ สรณคโต คหฏฺโ อุปาสโก. รตนตฺตยอุปาสนโต อุปาสโก. ปฺจ เวรมณิโย สีลํ. สตฺถสตฺตมํสมชฺชวิสวาณิชฺชารหิตํ ธมฺเมน ชีวิกํ อาชีโว. วุตฺตสีลาชีววิปตฺติ วิปตฺติ นาม. วิปรีตา สมฺปตฺติ.

๑๖. ลจฺฉาม นุ โขติ ทุคฺคเต สนฺธาย วุตฺตํ. สกฺขิสฺสาม นุโข โนติ สมิทฺเธ สนฺธาย. ตตฺถ เวรฺชายํ. ปคฺคยฺหตีติ ปตฺตํ ปคฺคโห, เตน ปคฺคเหน ปตฺเตนาติ อตฺโถ. สมาทาเยวาติ นิทสฺสนํ. น จ วฏฺฏตีติ ปุน ปากํ กิฺจาปิ วฏฺฏติ, ตถาปิ น สุฏฺุ ปกฺกตฺตา วุตฺตํ, ‘‘อุตฺตณฺฑุลภตฺตํ ลภิตฺวาปิ ปิเธตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาวจนฺเจตฺถ สาธกํ. ‘‘สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ อิมินา วจเนน อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ สนฺธาย ‘‘ปจฺฉา สีล’’นฺติ วุตฺตํ. อุปาลิตฺเถโรปิ ตํ ตํ วตฺถุํ ปฏิจฺจ ภควตา พหูนิ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ อตฺถีติ ทีเปติ. ยทิ เอวํ เวรฺชายํ ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติ วจนํ น สเมตีติ เจ? น, ตโต ปุพฺเพ สิกฺขาปทาภาวปฺปสงฺคโต. เถโร ปน ปฺตฺตานิ เปตฺวา อิทานิ ปฺเปตพฺพานิ ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกานิ สนฺธายาห. ภควาปิ ‘‘น ตาว สาริปุตฺต สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตี’’ติ ภทฺทาลิสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๓๔; อาทโย) วิย เอกจฺเจสุ ปฺตฺเตสุปิ ตโต ปรํ ปฺเปตพฺพานิ สนฺธายาห. อิเธว อฏฺกถายํ ‘‘สามมฺปิ ปจนํ สมณสารุปฺปํ น โหติ น จ วฏฺฏตี’’ติ วจนฺจ, ตถา ‘‘รตฺติจฺเฉโท วา วสฺสจฺเฉโท วา’’ติอาทิวจนานิ จ อตฺถิ. อฺถา ‘‘ทฺวีหากาเรหิ พุทฺธา ภควนฺโต ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉนฺตี’’ติ อิเธเวทํ ปาฬิปนํ วิรุชฺฌตีติ อาจริเยน วิจาริตํ, ตํ สุนฺทรํ ปุพฺเพปิ ปฺตฺตสิกฺขาปทสมฺภวโต. กินฺตุ อิธ ปาฬิปนวิโรธวิจารณา ปน นิปฺปโยชนา วิย มม ทิสฺสติ. กสฺมา? อุปาลิตฺเถเรน สงฺคีติกาเล วุตฺตปาตฺตา. รตฺติจฺเฉโทติ สตฺตาหกิจฺจํ สนฺธาย วุตฺโต. ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา รตฺติจฺเฉโท วา วสฺสจฺเฉโท วา เอกภิกฺขุนาปิ น กโต’’ติ วุตฺตํ กิร มหาอฏฺกถายํ, ตสฺมา วสฺสจฺเฉทสฺส การเณ สติ สตฺตาหกิจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. วินยธรา ปน นิจฺฉนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถาธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ, อิมาย เวรฺชายํ อปฺปิจฺฉตาทิปฏิปทาย ปสนฺนา. สาลีนํ วิกติ สาลิวิกติ.

๑๗-๘. อุปปนฺนผโลติ พหุผโล. ‘‘ขุทฺทํ มธุ’’นฺติ ปาโ. เถรํ สีหนาทํ นทาเปตุํ ปุจฺฉีติ อิมินา อาจริโย ยํ ปุพฺเพ อาณาย ิตานํ สาวกานํ มหานุภาวตาทสฺสนํ ‘‘เวรฺชายํ นิวาสปฺปโยชน’’นฺติ อมฺเหหิ วุตฺตํ, ตํ สมฺปาเทติ, ราชคเห เวรฺชายฺจาติ อุภยตฺถ วิตกฺกุปฺปาเท เอกโต ปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห. กาลํ สนฺธาย จิรํ, ิตึ สนฺธาย จิราติ วิคฺคโห.

กามํ หิโนติ อตฺตโน ผลนิพฺพตฺติยา สหายํ คจฺฉตีติ กตฺตริ เหตุ, ตถาปิ อิธ เตน กรณภูเตน ตสฺส ผลํ หิโนติ ปวตฺตตีติ เหตุ. ตถา ฆฏนฺติ เตนาติ ฆโฏ. กิลาสุโนติ ปโยชนาภาเวน อวาวฏา. อพฺโพกิณฺณานิ วิสภาเคหิ. อาคามินิยา อนาคเตติ อตฺโถ. อิเมสํเยว โนติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺพพุทฺธานํ หี’’ติ วุตฺตํ. ยาวสาสนปริยนฺตาติ ยาว พุทฺธา ธรนฺติ, ตาวาติ อตฺโถ. ขตฺติยพฺราหฺมณาว อุจฺจา, ตตฺถาปิ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุจฺจนีจอุฬารุฬารโภคา’’ติ. ‘‘มนสิ กตฺวา’’ติปิ ปาโ. อุปสมฺปาทฺยอุปสมฺปาทฺยอิจฺเจตํ ทฺวยํ มาคเธ ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ วุจฺจติ. อนุปาทายาติ อารมฺมณกรณวเสน อคฺคเหตฺวา. อาสเวหีติ กตฺตริ ตติยาวิภตฺติ. จิตฺตานีติ ปจฺจตฺตพหุวจนํ. วิมุจฺจึสูติ กมฺมการเก. วิโมจิตานีติ อธิปฺปาโยติ อาจริโย. อาสเวหีติ ปทฺจ ปจฺจตฺเต กรณวจนํ กตฺวา คณฺิปเท อตฺโถ ปกาสิโต. ยทิ อริยมคฺเคน นิรุทฺธานํ อาสวานํ วเสน อนาสวตา, โลเก จิตฺตานิปิ อนาสวา สิยุํ. น หิ นิรุทฺธานิ จิตฺตานิ อารมฺมณานิ กโรนฺตีติ ตานิ อนิรุทฺธาสววเสน สาสวานีติ เจ. โสตาปนฺนสฺส มคฺคจิตฺตํ อุปริมคฺควชฺฌาสววเสน สาสวํ, อวสิฏฺาสวสมุจฺฉินฺทนานุภาวตฺตา ผลานิ สาสวานิ สิยุนฺติ? น, อาสวสมุจฺฉินฺทนานุภาวาคตผลตฺตา. ภึสนสฺส กรณํ ภึสนกตํ, ตสฺมึ ภึสนกตสฺมึ, ภึสนกิริยายาติ อตฺโถ. อิตฺถิลิงฺคํ วิปลฺลาสํ กตฺวา นปุํสกลิงฺคํ, ปุริสลิงฺคํ วา กตฺวา. นิมิตฺตตฺเถติ เอตฺถ –

‘‘จมฺมนิ ทีปินํ หนฺติ, ทนฺเตสุ หนฺติ กุฺชรํ;

วาเลสุ จามรึ หนฺติ, สิงฺเคสุ สรโภ หโต’’ติ. –

อธิกรณํ.

๒๐-๒๑. นจิรฏฺิติกการเณ กถิเต จิรฏฺิติกการณํ อตฺถโต วุตฺตปฏิปกฺขวเสน กิฺจาปิ สิทฺธํ, ตถาปิ ตํ เถรสฺส วินยปฺตฺติยาจนาย โอกาสการณาธิปฺปายโต วินยปฺตฺติยาจโนกาสํ ปาเปตุํ ปุน ภควนฺตํ ‘‘โก ปน, ภนฺเต, เหตู’’ติ ปุจฺฉิ. ภควาปิ ยาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตุกาโม พฺยากาสิ. ‘‘อาสวฏฺานียา สงฺเฆ ปาตุภวนฺตี’’ติ ปุคฺคลสฺส สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตํ. อาทรตฺถวเสเนเวตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตนฺติ ยสฺมา เถโร ปุพฺเพ ราชคเห, สมฺปติ เวรฺชายนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ กาจิ, ตสฺมา อาทเรน ปุนปฺปุนํ ยาจยมานํ ปสฺสิตฺวา สยมฺปิ ภควา อาทเรเนว ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺตา’’ติ อาห. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘มา ตฺวํ ปุนปฺปุนํ ยาจาหิ, สมฺปฏิจฺฉิตาว มยา เต ยาจนา, ปุพฺเพนนุ ตวยาจนํ สมฺปฏิจฺฉตาว มยา เอตฺตเก กาเล เอตฺตกานิ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ, น ตาว เม สาวกานํ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทสานุชานนกาโล สมฺปตฺโต, ตกฺกานุมานวเสน ตยา ‘เอตสฺส ภควา กาโล’ติ ปุนปฺปุนํ นิทฺทิสิยมาโนปิ เนส โส กาโล, กินฺตุ ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสตี’’ติ. ยสฺมา ปน ‘‘สิกฺขาปทปฺตฺติกาลโต ปภุติ อาณาปาติโมกฺขเมว อุทฺทิสิยตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกสิกฺขาปทเมว สนฺธายาห. ‘‘ตตฺถาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนาเปกฺขํ ภุมฺมวจน’’นฺติ เอกเมว ปทํ วุตฺตํ ตสฺสา สิทฺธิยา อิตรสฺส สิทฺธิโต. ‘‘สาวกานํ วิสยภาวนฺติ อิมินา มหาปทุมตฺเถรวาโท ปฏิกฺขิตฺโต’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ สุนฺทรํ วิย. สมฺมุเข ครหา. ปรมฺมุเข อุปวาโท. ‘‘น, ภิกฺขเว, อูนทสวสฺเสน…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๗๕) อิทํ สิกฺขาปทํ ภควา พุทฺธตฺเตน ทสวสฺสิโก หุตฺวา ปฺเปสิ อูนทสวสฺสิกสฺส ตสฺส ตถา สิกฺขาปทปฺตฺติยา อภาวโต. น ตทา อติเรกทสวสฺสิโกว ทสวสฺสิกานํ รตฺตฺุมหตฺตปฺปตฺติโต, ตสฺมา ตํ สิกฺขาปทํ เวรฺชายํ วสฺสาวาสโต ปุพฺเพ ราชคเห เอว ปฺตฺตนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมึ สิทฺเธ สิทฺธเมว ‘‘ยาว น สงฺโฆ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺโตติ วจนํ อิโต ปุพฺเพ ปมยาจนายปิ วุตฺต’’นฺติ. อฏฺกถายมฺปิ รตฺตฺุมหตฺตปฺปตฺตกาเล ‘‘ทฺเว สิกฺขาปทานี’’ติ คณนปริจฺเฉทวจนํ ปมยาจนาย วุตฺตวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺถา รตฺตฺุมหตฺตปฺปตฺตกาเล ทฺเว เอว, น อฺนฺติ อาปชฺชติ.

‘‘อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมฺหิ อยมาทิโต ปฏฺาย อตฺถวิภาวนา – อยํ กิรายสฺมา อสฺสชิตฺเถรโต ปฏิลทฺธํ เอกคาถามตฺตกํ ธมฺมปริยายํ นยสตสหสฺเสหิ วิเวเจนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา สาวกปารมีาเณ ิโต ‘‘อโห วต มหานุภาโวยํ สทฺธมฺโม, โย วินาปิ ธมฺมสามินา ปรมฺมุขโต สุตมตฺเตปิ มยฺหํ มหนฺตํ คุณวิเสสํ ชเนสิ, สาธุ วตายํ สทฺธมฺโม จิรํ ติฏฺเยฺยา’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘กตเมสานํ นุ โข พุทฺธานํ ภควนฺตานํ…เป… น จิรฏฺิติก’’นฺติ ตมตฺถํ, การณฺจ อตฺตโน อคฺคสาวกาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา ‘‘สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติอาทิจิรฏฺิติการณ’’นฺติ นิฏฺํ กตฺวา วินยปฺตฺติยาจโนกาสกรณตฺถํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. ตโต ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน วินยปฺตฺติยาจโนกาเส สมฺปตฺเต ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล, เอตสฺส สุคต กาโล’’ติ วินยปฺตฺตึ ยาจิ. ตโต ภควา ตสฺสา ยาจนาย สมฺปฏิจฺฉิตภาวํ, ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติ วุตฺตกาลสฺส อกาลตํ, กาลสฺส จ อนฺวิสยตํ ทีเปนฺโต ‘‘อาคเมหิ ตฺว’’นฺติอาทิมาห, ตโต ภควา ตสฺส ยาจนํ, สตฺเตสุ การุฺตฺจ ปฏิจฺจ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนุปชฺฌายกา อนาจริยกา อโนวทิยมานา’’ติอาทินา (มหาว. ๖๔) นเยน เวปุลฺลมหตฺตตํ ปฏิจฺจ สตฺถา สาวกานํ อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ วินยกมฺมานิ, ตทนุรูปสิกฺขาปทานิ จ ปฺเปสิ. ตโต อนุกฺกเมน ทฺวาทสมวสฺสํ เวรฺชายํ วสิ. ตทา จ อายสฺมา สาริปุตฺโต สตฺถารา นิทฺทิฏฺเสุ จิรฏฺิติเหตูสุ ชาเตสุ ‘‘นวงฺคสตฺถุสาสนมหตฺตตา จ สมฺปติ ชาตา, วินยปฺตฺติ จ พหุตรา ชาตา, ปาติโมกฺขุทฺเทโส เอเวโก น ตาว สาวกานํ อนุฺาโต, โส จ ปริสุทฺเธน สงฺเฆน กรียติ. สงฺโฆปิ เอตรหิ ปริสุทฺโธ ปจฺฉิมกสฺส โสตาปนฺนตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานาเปตุกาโม ยตฺตเกหิ จ สิกฺขาปเทหิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนุชานียติ, ตตฺตกานํ ปฺตฺติยาจนปุพฺพงฺคมํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจนฺโต ปุพฺพุปฺปนฺนวิตกฺกสูจนปุจฺฉาวิสฺสชฺชนกฺกมวเสน ยาจโนกาเส สมฺปตฺเต ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ‘‘ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺยา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกสิกฺขาปทํ สนฺธายาห, อยมตฺโถ ภทฺทาลิสุตฺเตน (ม. นิ. ๒.๑๓๔ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. ตตฺถ หิ พหูสุ สิกฺขาปเทสุ ปฺตฺเตสุ, ปฺปิยมาเนสุ จ ‘‘น ตาว ภทฺทาลิ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๔๕) วุตฺตํ อปฺตฺตํ อุปาทาย, ตถา อิธาปิ อปฺตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปริสุทฺธตฺตา สงฺฆสฺส สมฺปติ สาวกานํ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทสํ นานุชานามีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิรพฺพุโท’’ติอาทิมาห. น หิ ปริสุทฺเธ สงฺเฆ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส อนุทฺเทสการณํ อตฺถิ, ตสฺมึ สติ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทสานุชานนาธิปฺปายโต. ตถา จ โส ตโต อฏฺนฺนํวสฺสานํ อจฺจเยน อนุฺาโต. ยถาห ปาติโมกฺขปนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๘๖) ‘‘น ทานาหํ, ภิกฺขเว, อิโต ปรํ อุโปสถํ กริสฺสามิ…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ. ยํ ปน อุปสมฺปทกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๒๙) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อฺตรํ ภิกฺขุํ อุปสมฺปาเทตฺวา เอกกํ โอหาย ปกฺกมึสุ…เป… โส ตสฺสา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา จิเรน อคมาสี’’ติ วตฺถุ อาคตํ, ตํ สุทินฺนวตฺถุโต ปรโต อุปฺปนฺนมฺปิ ตตฺถ ยถาธิการํ สโมธาเนตุํ วุตฺตํ. ตถา ตตฺเถว ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺตี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๔๗; อ. นิ. ๘.๕๒; ๑๐.๓๓) องฺคานิปิ เวทิตพฺพานิ. น หิ อาทิโต เอว อุภโตปาติโมกฺขานิ สิทฺธานีติ. อปิจ อาทิโต ปฏฺาย อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ, เสยฺยถิทํ – ราหุลกุมาเร อุปฺปนฺเน โพธิสตฺโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรํ กตฺวา สตฺตเม อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมึ เอว สํวจฺฉเร กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชสิ. อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑๐๗ อาทโย) ‘‘อยฺหิ อายสฺมา สตฺตวสฺสิกกาเล ภควนฺตํ จีวรกณฺเณ คเหตฺวา ‘ทายชฺชํ เม สมณ เทหิ, ทายชฺชํ เม สมณ เทหี’ติ ทายชฺชํ ยาจมาโน ภควตา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพาชิโต’’ติ จ วุตฺตํ, ตสฺมา ราหุลกุมารํ อารพฺภ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณรปพฺพชฺช’’นฺติ (มหาว. ๑๐๕) วุตฺตตฺตา สรณคมนูปสมฺปทา ปมวสฺสพฺภนฺตเร เอว ปฏิกฺขิตฺตา, ตฺติจตุตฺถกมฺมวเสน อุปสมฺปทา อนุฺาตาติ ปฺายติ. อปิจ ราหุลวตฺถุมฺหิ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนนุฺาโต มาตาปิตูหิ ปุตฺโต ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๐๕) สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิโต ปุพฺเพปิ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานีติ สิทฺธํ.

สุตฺวา จ โย เหตุนิโรธมคฺคํ,

นิโรธุปายํ ปฏิวิชฺฌิ ขิปฺปํ;

ชาโตวเปกฺเขน อเสสเมตํ,

โลกํ วิปสฺสี สุคตคฺคสิสฺโส.

โส ธมฺมเสนาปติ อคฺคสิสฺโส,

สทฺธมฺมราชสฺส ตถาคตสฺส;

สยํ มุนินฺเทน ยสสฺส ปตฺโต,

อเนกโส โสฬสธา ปสตฺโถ.

ตสฺมา หิ สิกฺขาปทพนฺธกาโล,

าตุมฺปิ โลเก อติภาริโยว;

ปเคว สิกฺขาปทภาวเภโท,

ปเคว อฺโ อุภยตฺถ ตตฺถ.

ปจฺเจกพุทฺธา อปิ ตํ ทฺวยนฺตุ,

าตุํ น สกฺกาว ปเคว เนตุํ;

นิสฺสํสยํ ตตฺถ ตถาคโตว,

ชานิสฺสติจฺจาห ตถาคโตติ.

อิจฺเจตมตฺถํ อิธ ภิกฺขุ ตฺวา,

สิกฺขาปทานํ กมภาวเภทํ;

าตุํ สยํ โน น ปเร จ เนตุํ,

ปริเยสิตพฺโพ อิธ ยุตฺติมคฺโค.

ตตฺถ กมเภโท สิกฺขาปทานํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ภาวเภโท ตาว อุกฺขิตฺตกานุวตฺตนปจฺจยา ภิกฺขุ อนาปตฺติโก, ภิกฺขุนี ปน สมนุภฏฺา ปาราชิกา โหติ. ปาราชิกาปตฺติปฏิจฺฉาทเน ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ, ภิกฺขุนิยา ปาราชิกํ. ทุฏฺุลฺลํ อาโรเจนฺตสฺส, ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส จ ปาจิตฺติยํ. มหาสาวชฺชํ ปาราชิกํ อาโรเจนฺตสฺส, ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส จ ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ. อิจฺเจวมาทีหิ อภาวเภทสิกฺขาปทานํ อิธ ภาวเภเทน ยุตฺติปริเยสนํ สาธยมาโนปิ สิยา อนุมฺมาทวิฆาตภาคีติ. เอตฺตาวตา สกลสฺสปิ วินยปิฏกสฺส วิตกฺกยาจนกาลกาลฺูการณผลปโยชเนหิ สตฺตหิ องฺเคหิ ปฏิมณฺฑิตํ นิทานมายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน นิทสฺสิตํ โหติ. ตตฺถ เถรสฺส วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต วิตกฺโก นาม. ตสฺเสว ‘‘เอตสฺส ภควา กาโล’’ติอาทินา ปวตฺตา ยาจนา นาม. รตฺตฺูเวปุลฺลลาภคฺคพาหุสจฺจมหตฺตปฺปตฺติ กาโล นาม. สพฺพฺู เอว กาลฺู นาม. อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปาตุภาโว การณํ นาม. ‘‘เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตายา’’ติ วจนโต อาสวฏฺานียธมฺมปฏิฆาโต ผลํ นาม. ‘‘ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺสา’’ติ วจนโต สาสนพฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติ ปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘วิตกฺโก ยาจนา กาโล, กาลฺู การณํ ผลํ;

ปโยชนนฺติ สตฺตงฺคํ, นิทานํ วินยสฺสิธา’’ติ.

๒๒. อนฺติมมณฺฑลนฺติ อพฺภนฺตรมณฺฑลํ. ตฺหิ อิตเรสํ อนฺโต โหติ, ขุทฺทกมณฺฑลํ วา. อนุมติทานวเสน เตสํ ภิกฺขูนํ ทตฺวา. เตสํ พุทฺธานํ จาริกาย วิเนตพฺพา เวเนยฺยสตฺตา. โอจินนฺตา วิยาติ พหุปุปฺผํ คจฺฉํ มาลาการา จิรํ โอจินนฺติ, เอวํ พหุเวเนยฺเยสุ คามาทีสุ จิรํ วสนฺตา เวเนยฺยปุฺํ ปริหรนฺตา จรนฺติ. สนฺตํ สุขํ, น เวทนาสุขํ วิย สปริปฺผนฺทํ. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ เทวานํ วเสน วุตฺตํ. มนุสฺสา ปน อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ โพธเนยฺยา อุปฺปชฺชนฺติ. มหากรุณาย ธุวํ สตฺตสมวโลกนํ. โอติณฺเณติ ปริสมชฺฌํ อาคเต, อาโรจิเต วา. เยน การเณน มยํ ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ ทเทยฺยาม, ตํ กุโต สกฺกา ลทฺธุํ. พหุกิจฺจา หิ ฆราวาสาติ. ทุติยวิกปฺเป นฺติ เทยฺยธมฺมํ. ‘‘ตุมฺเหหิ ตํ กุโต ลทฺธา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปมํ กิริยํ เปกฺขติ, ทุติยํ เทยฺยธมฺม’’นฺติ วทนฺติ. อาจริโย ปน ‘‘ปมโยชนาย ยํ ทานปุฺํ, ตํ กุโต ลพฺภา. ปุฺนฺตรายพหุลา หิ ฆราวาสาติ. ทุติยโยชนาย เตมาสพฺภนฺตเร ยมหํ ทเทยฺยํ, อติกฺกนฺตกาลตฺตา ตมหํ สมฺปติ กุโต ทเทยฺยนฺติ ทสฺเสตี’’ติ วทติ. สีลาทิกุสลธมฺมสนฺทสฺสนาทิธมฺมรตนวสฺสํ.

๒๓. ปตฺตุณฺณเทเส ปตฺตุณฺณํ ปฏวรํ. มหายาคนฺติ มหาทานํ. ปริปุณฺณสงฺกปฺปนฺติ เตมาสํ โสตพฺพํ อชฺช สุณินฺติ.

ตตฺริทนฺติ อิทํ การณํ.

อุปาลิ ทาสโกติ อาจริยปรมฺปรโต. พาหิรพฺภนฺตรนิทานํ, สิกฺขาปทานํ ปฺตฺติฏฺานสงฺขาตํ อาเวณิกนิทานฺจ สนฺธายาห ‘‘นิทานสฺส ปเภททีปนโต’’ติ. เถรวาทาทิ วตฺถุปฺปเภโท. สกาย ปฏิฺาย เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถาติอาทิ ปรสมยวิวชฺชนโตติอาทิ. วิภงฺคนยเภททสฺสนโตติ ติสฺโส อิตฺถิโย ภูมฏฺํ ถลฏฺนฺติอาทิ. เอตฺถาห – กึ ภควโต มาราวฏฺฏนปฏิฆาตาย สตฺติ นตฺถีติ? อตฺถิ, ตถาปิสฺส ปจฺฉา อุปคุตฺตกาเล ปสาทเหตุตฺตา อธิวาเสติ. เอตฺถ อุปคุตฺตาธิฏฺานํ วตฺตพฺพํ. พุทฺธานํ อาจิณฺณนฺติ ทิชทสฺสเนน กึปโยชนนฺติ เจ? มาราวฏฺฏนเหตุ พฺราหฺมณสฺส ปุฺนฺตราโยติ ปโยชนํ.

ทิโชปิ โส มารมโนรถสฺส,

ภงฺคํ กโรนฺโต ชินปุงฺควสฺส;

สสฺสิสฺสสงฺฆสฺส อทาสิ ทานํ,

อเสสกํ กปฺปิยภณฺฑเภทํ.

กึ ภควา สสิสฺโส ตาว มหนฺตํ กปฺปิยภณฺฑํ อุพฺภณฺฑิกํ กตฺวา อคมาสีติ? น อคมาสิ, เตมาสิภาคิยํ ปน ปุฺราสิกํ เทยฺยธมฺมํ อปฺปฏิกฺขิปนฺโต พฺราหฺมณสฺส อุปายโต สตฺถา อทาสิ.

ตทฺถา มารมโนรโถว,

ปูโร สิยา เนว ทิชสฺส ภิยฺโย;

ปาปํ มหนฺตํ อปิ ปาปุเณยฺย,

มิจฺฉาภิมาเนน ตถาคเต โส.

ตสฺมา ภควา อสฺสาทิยนฺโต ตํ เทยฺยธมฺมํ อปฺปฏิกฺขิปนฺโต อุปาเยน พฺราหฺมณสฺส ปุฺพุทฺธึ กตฺวา, มารสฺส จ มโนรถวิฆาตํ กตฺวา อคมาสีติ, ‘‘อยํ นโย อฏฺกถํ วินาปิ ปาฬินยานุโลมโต สิทฺโธ’’ติ วทนฺติ. กถํ? –

‘‘สตฺถา สสิสฺโส ยทิ อคฺคเหสิ,

ทิชสฺส ตํ จีวรมาทิโตว;

นาถสฺส โน วีสติวสฺสกาเล,

วิรุชฺฌเต ชีวกยาจนาปิ;

ตถาปิ สพฺพํ สุวิจารยิตฺวา,

ยุตฺตํ นยํ จินฺตยิตุํว ยุตฺต’’นฺติ.

อิทานิ อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร วินยปฺตฺติยา สาธารณนิทานํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทานํ ปาเฏกฺกํ ปฺตฺติฏฺานสงฺขาตํ นิทานมาทึ กตฺวา ปุคฺคลปฺตฺติอนุปฺตฺติวิภาคาปตฺติเภทนฺตราปตฺติอาทิกํ นานปฺปการํ วิธึ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ภควา เวรฺชายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา’’ติอาทิมาหาติ. อิธ ตฺวา –

สิกฺขาปทาน สพฺเพสํ, กมเภทํ ปกาสเย;

ตสฺมึ สิทฺเธ นิทานานํ, กมสิทฺธิ ยโต ภเว.

ตตฺถ สพฺพสิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ เทสนากฺกโม ปหานกฺกโม ปฏิปตฺติกฺกโม อุปฺปตฺติกฺกโมติ จตุพฺพิโธ กโม ลพฺภติ. ตตฺถ ภควตา ราชคเห ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส โย เทสนากฺกโม อนุฺาโต, ตํ เทสนากฺกมมนุโลเมนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป ปมํ ปาราชิกุทฺเทสํ ปุจฺฉิ, ตทนนฺตรํ สงฺฆาทิเสสุทฺเทสํ, ตโต อนิยตุทฺเทสํ วิตฺถารุทฺเทสฺจ ปุจฺฉิตฺวา ตทนนฺตรํ ภิกฺขุนีวิภงฺคฺจ เตเนว อนุกฺกเมน ปุจฺฉิ, นิทานุทฺเทสนฺโตคธานฺจ สรูเปน อนุทฺทิฏฺานํ ปุจฺฉนตฺถํ ขนฺธเกปิ ปุจฺฉิ. เอเตน จ ขนฺธเก ปฺตฺตา ถุลฺลจฺจยา สงฺคหิตา โหนฺติ. ปุจฺฉิตานุกฺกเมเนว อุปาลิตฺเถโร ตํ สพฺพํ สาปตฺติเภทาทิกํ เทเสนฺโต ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตอาปตฺติสมุฏฺานาทิทีปกํ อนฺโตกตฺวา เทเสสิ, อยเมตฺถ เทสนากฺกโม. อุภโตวิภงฺคขนฺธกโต ปน อุจฺจินิตฺวา ตทา ปริวารปาฬิ วิสุํ กตา. อิมเมว นยํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกปริวาเรปิ อาโรเปสุ’’นฺติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา). อปิจ ปาฬิยา ‘‘เอเตเนวุปาเยน อุภโตวินเย ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตสฺมา มหากสฺสโป อุภโตวิภงฺเค เอว ปุจฺฉิ. วิสฺสชฺเชนฺโต ปน อายสฺมา อุปาลิ นิวรเสสํ เทเสนฺโต ขนฺธกปริวาเร อนฺโตกตฺวา เทเสสิ. ตทา จ ขนฺธกปริวารปาฬิ วิสุํ กตาติ อยํ เทสนากฺกโม. ยทิ เอวํ นิทานุทฺเทโส ปมํ เทเสตพฺโพติ เจ? น, ตทสมฺภวโต. โส หิ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน ปวตฺตตฺตา ปมํ สิกฺขาปทสงฺคหิตาสุ อาปตฺตีสุ อทสฺสิตาสุ น สมฺภวติ. ‘‘ยานิ มยา ภิกฺขูนํ ปฺตฺตานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ วจนโต สิกฺขาปทาเนว ปมํ เทเสตพฺพานีติ ปาราชิกุทฺเทสกฺกโม สมฺภวติ.

ปาราชิกุทฺเทสาทิสงฺคหิตานํ อาปตฺติอกุสลานํ ยโถฬาริกกฺกเมน ปหาตพฺพตฺตา ปหานกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ. อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรํ ‘‘ตาวเทว จตฺตาริ อกรณียานิ อาจิกฺขิตพฺพานี’’ติ (มหาว. ๑๒๙) วจนโต ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๓) วจนโต จ ยถา ครุกํ อาจิกฺขณํ สิกฺขเนน ปฏิปตฺติกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ, เอวมิเมหิ ตีหิ กเมหิ เทเสตพฺพานมฺเปเตสํ สิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ อุปฺปตฺติกฺกโม สมฺภวติ. ตถา หิ ยํ ยํ สาธารณํ, ตํ ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อุปฺปนฺเน เอว วตฺถุสฺมึ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ภิกฺขุนีนมฺปิ ปฺตฺตํ. อฺถา ตํ ภิกฺขุนีนํ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ สิยา. ตโต ‘‘อนุปฺปนฺนปฺตฺติ ตสฺมึ นตฺถี’’ติ (ปริ. ๒๔๗) ปริวาเร เอตํ วจนํ วิรุชฺฌติ, เอตฺตาวตา ปุริเมน กมตฺตเยน ปมํ เทเสตพฺพตํ ปตฺเต ปาราชิกุทฺเทเส ปมุปฺปนฺนตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกํ สพฺพปมํ เทเสตุกาโม อุปาลิตฺเถโร ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิย’’นฺติ เวสาลิเมว ปาเปตฺวา เปสิ. อฺถา พาราณสิยํ ปฺตฺตานํ ‘‘น, ภิกฺขเว, มนุสฺสมํสํ ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๘๐) เอวมาทีนํ เทสนาธิปฺปาเย สติ พาราณสึ ปาเปตฺวา เปยฺยาติ.

อพฺภนฺตรนิทานกถา นิฏฺิตา.

เวรฺชกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. ปาราชิกกณฺโฑ

๑. ปมปาราชิกํ

สุทินฺนภาณวารวณฺณนา

ปมสฺเสตฺถ นิทาเน, ตฺวา ปาราชิกสฺส วิฺเยฺโย;

โจทนาปริหารนโย, ปุคฺคลวตฺถุปฺปกาสเนเยว.

ตตฺถ ภควา เวรฺชายํ วุตฺถวสฺโส อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺโต กตฺติกชุณฺหปกฺเข เอว เวสาลึ ปาปุณิตฺวา ยาว ปมปาราชิกสิกฺขาปทปฺาปนํ, ตาว อฏฺ วสฺสานิ เวสาลิยํเยว วิหรนฺโต วิย ปาฬิกฺกเมน ทิสฺสติ, น จ ภควา ตาวตฺตกํ กาลํ ตตฺเถว วิหาสิ. โส หิ สุทินฺนสฺส สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ อนุชานิตฺวา ยถาภิรนฺตํ ตตฺถ วิหริตฺวา จาริกํ จรนฺโต เภสกฬาวนํ ปตฺวา ตตฺถ เตรสมํ วสฺสํ วสิ, เตเนว อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา จุทฺทสมํ วสฺสํ วสิ, ปนฺนรสมํ กปิลวตฺถุมฺหิ, โสฬสมํ อาฬวิยํ, ตโต วุตฺถวสฺโส จาริกํ จรนฺโต ราชคหํ ปตฺวา สตฺตรสมํ วสิ, อิมินา อนุกฺกเมน อปรานิปิ ตีณิ วสฺสานิ ตตฺเถว วสิ. เอตฺตาวตา ภควา ปริปุณฺณวีสติวสฺโส ราชคหโต อนุปุพฺเพน เวสาลึ ปาปุณิ, ตโต อุปสมฺปทาย อฏฺวสฺสิโก สุทินฺโน เวสาลิยํเยว เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิฺาเปสิ, ตโต ภควา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปมํ ปาราชิกํ ปฺเปสีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยสฺมา อุปาลิตฺเถโร อิโต ปมตรํ ตตฺถ เวสาลิยฺจ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ อทสฺเสตุกาโม, วินยนิทานานนฺตรํ ปมปาราชิกเมว ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา เวสาลิยํ ปมํ นิวาสํ, ปจฺฉา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺติกาเล นิวาสฺจ เอกโต กตฺวา ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิย’’นฺติอาทิมาห, เตน วุตฺตํ ‘‘ปมสฺเสตฺถ นิทาเน, ตฺวา …เป… ปกาสเนเยวา’’ติ. ตสฺมา อิมสฺมึ ปมปาราชิกสฺส ปฺตฺติฏฺานสงฺขาเต นิทาเน ตฺวา ‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหติ…เป… อฺตรํ วชฺชิคามํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ เอตสฺมึ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปุคฺคลปฺปกาสเน, ‘‘เตน โข ปน สมเยน วชฺชี ทุพฺภิกฺขา โหติ…เป… ติกฺขตฺตุํ เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิฺาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๐) อิมสฺมึ วตฺถุปฺปกาสเน จ โจทนานโย, ปริหารนโย จ เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺรายํ ปกาสนา – กิมตฺถํ เถเรน อฺเสํ สิกฺขาปทานํ ปุคฺคลวตฺถูนิ วิย สงฺเขปโต อวตฺวา ยตฺถ จ โส อุปฺปนฺโน, ยถา จ ธมฺเม ปสนฺโน, ยถา จ ปพฺพชิโต, ยถา จ อิมํ วตฺถุํ อุปฺปาเทติ, ตํ สพฺพํ อนวเสเสตฺวา ปุคฺคลวตฺถูนิ วิตฺถารโต วุตฺตานีติ เจ? วุจฺจเต –

เอวํ สทฺธาย กิจฺเฉน, มหนฺเต โภคาตเก;

หิตฺวา ปพฺพชิตานมฺปิ, เปสลานมฺปิ สพฺพโส.

สพฺพลามกธมฺมายํ, เมถุโน ยทิ สมฺภเว;

น ธมฺมเทสนาเยว, สิทฺธา วิรติ สพฺพโส.

ตสฺมา นวงฺคสทฺธมฺเม, สตฺถารา เทสิเตปิ จ;

วินโย ปฺเปตพฺโพ, ตโต ธมฺมวิสุทฺธิหิ.

วินยาภาวโต เอวํ, อชฺฌาจาโร ภวิสฺสติ;

ตสฺมา วินยปฺตฺติ, สาตฺถิกา เปสลสฺสปิ.

อนาทีนวทสฺสาวี, ยสฺมา ยํ ปาปมาจริ;

วินโยเยว สทฺธานํ, อาทีนววิภาวิโน.

ตสฺมา สทฺธานุสารีนํ, วินโย สาตฺถโกว ยํ;

ธมฺโม ธมฺมานุสารีนํ, ตโต อุภยเทสนา.

อปิ จ ยทิ ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ อกโรนฺตสฺสาปิ ยาว พฺรหฺมโลกา อยโส ปตฺถโฏ, ปเควฺเสนฺติ ทสฺสนตฺถํ อชฺฌาจารสฺส ปากฏภาวทีปนํ. กถํ? –

อภพฺโพ อรหตฺตสฺส, สุทินฺโน ปุตฺตมาตโร;

ภพฺพานุปฺปนฺนปฺตฺติ, ตทตฺถํ น กตา อยํ.

นนุ มาคณฺฑิกํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา มาตาปิตูนมสฺสา หิตตฺถํ ธมฺมํ เทเสตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ พีชกพีชกมาตูนํ อรหตฺตุปฺปตฺติ เถเรน ทีปิตา. ‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหติ, เยน สมเยน สุทินฺโน ปุราณทุติยิกาย เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวี’’ติ วา ‘‘เยน สมเยน ภควา ปมปาราชิกํ ปฺเปสี’’ติ วา วจนํ อิธ น ยุชฺชติ. กสฺมา? ‘‘อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวตี’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาวจนฺหิ อิธ น ลพฺภติ. จิรนิวิฏฺโ หิ โส คาโม, น ตสฺมึเยว สมเยติ. ยสฺมา ปน โส จิรนิวิฏฺโปิ จ คาโม อตฺตโน นิวิฏฺกาลโต ปฏฺาย สพฺพกาลมตฺถีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, เตน ปริยาเยน ‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเร กลนฺทคาโม นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ.

๒๕-๖. อนุฺาโตสิ ปน ตฺวนฺติ สมณวตฺตทสฺสนตฺถํ ภควา ปุจฺฉติ. มาตาปิตูหิ อนนุฺาตนฺติ เอตฺถ ชนเกเหว อนนุฺาตทสฺสนตฺถํ ปุจฺฉีติ วุตฺตํ. น โข สุทินฺน ตถาคตาติ ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ ยาจนาวเสน ปเนวมาห, น ภควา สยํ สรณานิ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. ทุกฺขสฺสาติ เอตฺถ ‘‘กลภาคมฺปี’’ติ ปาเสโส. วิกปฺปทฺวเยปีติ ทุติยตติยวิกปฺเปสุ. ปุริมปทสฺสาติ กิฺจีติ ปทสฺส. อุตฺตรปเทนาติ ทุกฺขสฺสาติ ปเทน. สมานวิภตฺตีติ สามิวจนํ. ยถา กึ? ‘‘กสฺสจิ ทุกฺขสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘กิฺจิ ทุกฺขสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อกามกา วินา ภวิสฺสามาติ ตยา สทฺธึ อมริตฺวา อกามา ชีวิสฺสาม. สเจปิ น มราม, อกามกาว ตยา วิโยคํ ปาปุณิสฺสาม, ตยิ ชีวมาเน เอว โน มรณํ ภเวยฺย, มรเณนปิ โน ตยา วิโยคํ มยํ อกามกาว ปาปุณิสฺสาม.

๓๐. กติปาหํ พลํ คาเหตฺวาติ กสฺมา ปนายํ ตถา ปพฺพชฺชาย ติพฺพจฺฉนฺโท อนุฺาโต สมาโน กติปาหํ ฆเรเยว วิลมฺพิตฺวา กายพลฺจ อคฺคเหสีติ? อนุมติทาเนน มาตาปิตูสุ สหายเกสุ จ ตุฏฺโ เตสํ จิตฺตตุฏฺตฺถํ. เกสุจิ อฏฺกถาโปตฺถเกสุ เกจิ อาจริยา ‘‘อยํ สุทินฺโน ชีวกวตฺถุโต ปจฺฉา ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก ชาโต’’ติ สฺาย ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก โหตี’’ติ ลิขนฺติ, ตํ ‘‘อจิรูปสมฺปนฺโน’’ติ วจเนน วิรุชฺฌติ. ‘‘ตถา สุทินฺโน หิ ภควโต ทฺวาทสเม วสฺเส ปพฺพชิโต, วีสติเม วสฺเส าติกุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ สยํ ปพฺพชฺชาย อฏฺวสฺสิโก หุตฺวา’’ติ, ‘‘ภควโต หิ พุทฺธตฺตํ ปตฺตโต ปฏฺาย ยาว อิทํ วตฺถํ, เอตฺถนฺตเร วีสติ วสฺสานิ น โกจิ คหปติจีวรํ สาทิยิ, สพฺเพ ปํสุกูลิกาว อเหสุ’’นฺติ จ วุตฺเตน อฏฺกถาวจเนน วิรุชฺฌติ, ปพฺพชฺชาย อฏฺวสฺสิโก, น อุปสมฺปทาย. อุปสมฺปทํ ปน ชีวกวตฺถุโต (มหาว. ๓๒๖) ปจฺฉา อลตฺถ, ตสฺมา อวสฺสิโก าติกุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ สิยาติ เจ? น, ‘‘อลตฺถ โข สุทินฺโน กลนฺทปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติ เอกโต อนนฺตรํ วุตฺตตฺตา. ปพฺพชฺชานนฺตรเมว หิ โส อุปสมฺปนฺโน เตรสธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตนฺโต อฏฺ วสฺสานิ วชฺชิคาเม วิหริตฺวา นิสฺสยมุตฺตตฺตา สยํวสี หุตฺวา ‘‘เอตรหิ โข วชฺชี ทุพฺภิกฺขา’’ติอาทิตกฺกวเสน เยน เวสาลี ตทวสริ, ตสฺมา ‘‘ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก โหตี’’ติ เอตฺตโกเยว ปาโ เยสุ โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, โสว ปมาณโต คเหตพฺโพ. ‘‘อารฺิโก โหตี’’ติ อิมินา ปฺจ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ สงฺคหิตานิ เนสชฺชิกงฺคฺจ วิหารสภาคตฺตา, ‘‘ปิณฺฑปาติโก’’ติ อิมินา ปฺจ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ, ‘‘ปํสุกูลิโก’’ติ อิมินา ทฺเว จีวรปฏิสํยุตฺตานิ สงฺคหิตานีติ. าติฆรูปคมนการณทีปนาธิปฺปายโต สปทานจาริกงฺคํ วิสุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘มา อติหราเปสุ’’นฺติ กาลพฺยตฺตยวเสน วุตฺตํ. ธมฺมสฺสนฺตรายกรตรตฺตา ‘‘อิมํ นย’’นฺติ อนโยเยว.

เยภุยฺเยน หิ สตฺตานํ, วินาเส ปจฺจุปฏฺิเต;

อนโย นยรูเปน, พุทฺธิมาคมฺม ติฏฺติ.

๓๖. อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ เอตฺถ ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ. กถํ? ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ เอวํ สอุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ ปาติโมกฺเข สรูปโต อาคตา ปฺจ อาปตฺติกฺขนฺธา สอุทฺเทสปฺตฺติ นาม. สาปิ ทุวิธา สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสเภทโต. ตตฺถ ยสฺสา ปฺตฺติยา อนฺโต อาปตฺติยา สห, วินา วา ปุคฺคโล ทสฺสิโต, สา สปุคฺคลนิทฺเทสา. อิตรา อปุคฺคลนิทฺเทสาติ เวทิตพฺพา. สปุคฺคลนิทฺเทสาปิ ทุวิธา ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติเภทโต. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา. ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ หิ ปุคฺคโลว ตตฺถ ทสฺสิโต, นาปตฺติ. ทสฺสิตาปตฺติกา นาม ภิกฺขุนีปาติโมกฺเข ‘‘สตฺตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ หิ ตตฺถ อาปตฺติ ทสฺสิตา สทฺธึ ปุคฺคเลน, ตถา อปุคฺคลนิทฺเทสาปิ ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติโตว ทุวิธา. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม เสขิยา ธมฺมา. เสสา ทสฺสิตาปตฺติกาติ เวทิตพฺพา. สาปิ ทุวิธา อนิทฺทิฏฺการกนิทฺทิฏฺการกเภทโต. ตตฺถ อนิทฺทิฏฺการกา นาม สุกฺกวิสฺสฏฺิ มุสาวาท โอมสวาท เปสุฺ ภูตคาม อฺวาทก อุชฺฌาปนก คณโภชน ปรมฺปรโภชน สุราเมรย องฺคุลิปโตทก หสธมฺม อนาทริย ตลฆาตกชตุมฏฺก สิกฺขาปทานํ วเสน ปฺจทสวิธา โหนฺติ. เสสานํ ปุคฺคลนิทฺเทสานํ วเสน นิทฺทิฏฺการกา เวทิตพฺพา.

อนุทฺเทสปฺตฺติปิ ปทภาชนนฺตราปตฺติวินีตวตฺถุปฏิกฺเขปปฺตฺติอวุตฺตสิทฺธิวเสน ฉพฺพิธา โหนฺติ. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน ขายิตํ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๑) เอวมาทิกา ปทภาชนิเย สนฺทิสฺสมานาปตฺติ ปทภาชนสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘น ตฺเวว นคฺเคน อาคนฺตพฺพํ, โย อาคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิกา (ปารา. ๕๑๗) อนฺตราปตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๕) เอวมาทิกา วินีตวตฺถุสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘โลหิตุปฺปาทโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๔) เอวมาทิกา ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทํ นาม. ขนฺธเกสุ ปฺตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานิ ปฺตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา วาทิตํ วา ทสฺสนาย คจฺเฉยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๘๓๔) อิมินา วุตฺเตน ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺเจยฺย วา คาเยยฺย วา วาเทยฺย วา ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวมาทิกํ ยํ กิฺจิ อฏฺกถาย ทิสฺสมานํ อาปตฺติชาตํ, วินยกมฺมํ วา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทํ นาม. ฉพฺพิธมฺเปตํ ฉหิ การเณหิ อุทฺเทสารหํ น โหตีติ อนุทฺเทสสิกฺขาปทํ นามาติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ปฺจหิ อุทฺเทเสหิ ยถาสมฺภวํ วิสภาคตฺตา ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตานํ, สภาควตฺถุกมฺปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยทฺวยํ อสภาคาปตฺติกตฺตา, อนฺตราปตฺติปฺตฺติสิกฺขาปทานํ นานาวตฺถุกาปตฺติกตฺตา, ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทานํ เกสฺจิ วินีตวตฺถุปฺตฺติสิกฺขาปทานฺจ อทสฺสิตาปตฺติกตฺตา, อทสฺสิตวตฺถุกตฺตา เภทานุวตฺตกถุลฺลจฺจยสฺส, อทสฺสิตาปตฺติวตฺถุกตฺตา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทานนฺติ. เอตฺตาวตา ‘‘ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ อุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สมาสโต ปกาสิตํ โหติ.

ตตฺถ อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ สอุทฺเทสสิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอกจฺเจ อาจริยา เอวํ กิร วณฺณยนฺติ ‘‘จตฺตาโร ปาราชิกา กติวสฺสาภิสมฺพุทฺเธน ภควตา ปฺตฺตาติอาทินา ปุจฺฉํ กตฺวา เตสุ ปมปาราชิโก เวสาลิยํ ปฺตฺโต ปฺจวสฺสาภิสมฺพุทฺเธน เหมนฺตานํ ปเม มาเส ทุติเย ปกฺเข ทสเม ทิวเส อฑฺฒเตยฺยโปริสาย ฉายาย ปุรตฺถาภิมุเขน นิสินฺเนน อฑฺฒเตรสานํ ภิกฺขุสตานํ มชฺเฌ สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภ ปฺตฺโต’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ, กสฺมา? –

ยสฺมา ทฺวาทสมํ วสฺสํ, เวรฺชายํ วสิ ชิโน;

ตสฺมิฺจ สุทฺโธ สงฺโฆติ, เนว ปาราชิกํ ตทา.

เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส, สิกฺขาปฺตฺติยาจนา;

ตสฺมึ สิทฺธาติ สิทฺธาว, ครุกาปตฺติ โน ตทา.

โอวาทปาติโมกฺขฺจ, กึ สตฺถา จตุวสฺสิโก;

ปฏิกฺขิปิ กิมาณฺจ, สมตฺตํ อนุชานิ โส.

อชาตสตฺตุํ นิสฺสาย, สงฺฆเภทมกาสิ ยํ;

เทวทตฺโต ตโต สงฺฆ-เภโท ปจฺฉิมโพธิยํ.

อาราธยึสุ มํ ปุพฺเพ, ภิกฺขูติ มุนิภาสิตํ;

สุตฺตเมว ปมาณํ โน, โสว กาโล อนปฺปโกติ.

ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อถ ภควา อชฺฌาจารํ อปสฺสนฺโต ปาราชิกํ วา สงฺฆาทิเสสํ วา น ปฺเปสี’’ติ, ตํ สกลสิกฺขาปทํ สนฺธายาห. น เกวลํ สอุทฺเทสสิกฺขาปทมตฺตํ, เตน สอุทฺเทสานุทฺเทสปฺตฺติเภทํ สกลํ ปาราชิกํ สนฺธายาหาติ วุตฺตํ โหติ. กิฺจาปิ นาภิปรามสนมฺปิ กายสํสคฺโค, ตถาปิ เอตํ วิเสสนิยมนโต, อจฺฉนฺทราคาธิปฺปายโต จ วิสุํ วุตฺตํ. ฉนฺทราครตฺตสฺเสว หิ กายสํสคฺโค อิธาธิปฺเปโต. อสุจิปาเน ปน หตฺถินิยา ตาปสปสฺสาวปาเนน วาลกาพฺโย นาม อุปฺปชฺชติ, วาลกาพฺยสฺส วตฺถุ วตฺตพฺพํ. มณฺฑพฺยสฺส นาภิยา ปรามสเนเนว กิร. รูปทสฺสเน ปน เวชฺชกา อาหุ –

‘‘ถีนํ สนฺทสฺสนา สุกฺกํ, กทาจิ จลิโตวเร;

ตํ คามธมฺมกรณํ, ทฺวยสมํ สงฺคมิย;

คพฺภาทีติ อยํ นโย, ถีนํ ปุริสทสฺสนาสีตฺยูปเนยฺย’’.

ตถาปฺยาหุ

‘‘ปุปฺผิเก เอธิยฺย สุทฺเธ, ปสฺสํ นรฺจ อิตฺถิ ตํ;

คพฺภฺจ นเยตฺยุตฺต-มิติ ตสฺมา กาโส อิตี’’ติ.

ราโชโรโธ วิยาติ สีหฬทีเป เอกิสฺสา อิตฺถิยา ตถา อโหสิ, ตสฺมา กิร เอวํ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ, น ตํ มนุสฺสานํ วิสโย อโหสิ เตสํ รูปํ วิย. เตเนว ภิกฺขู ปุจฺฉึสุ ‘‘กจฺจิ โน ตฺวํ อาวุโส สุทินฺน อนภิรโต’’ติ.

๓๙. กลีติ โกโธ, ตสฺส สาสนํ กลิสาสนํ, กลโห. คามธมฺมนฺติ เอตฺถ ชนปทธมฺมํ ชนปทวาสีนํ สิทฺธึ. อตฺตาติ จิตฺตํ, สรีรฺจ. อสุตฺตนฺตวินิพทฺธนฺติ วินยสุตฺเต อนาคตํ, สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ อนาคตํ, ปาฬิวินิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. กุสุมมาลนฺติ นานาคุณํ สนฺธายาห. รตนทามนฺติ อตฺถสมฺปตฺตึ สนฺธาย วทติ. ปฏิกฺขิปนาธิปฺปายา ภทฺทาลิ วิย. ปทนิรุตฺติพฺยฺชนานิ นามเววจนาเนว ‘‘นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๕) วิย. นิปฺปริยาเยน วิรติ สิกฺขาปทํ นาม. อกุสลปกฺเข ทุสฺสีลฺยํ นาม เจตนา. กุสลปกฺเขปิ เจตนาปริยายโต วิภงฺเค ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺฆสุฏฺุตายาติ เอตฺถ โลกวชฺชสฺส ปฺาปเน สงฺฆสุฏฺุตา โหติ ปากฏาทีนวโต. ปฺตฺติวชฺชสฺส ปฺาปเน สงฺฆผาสุตา โหติ ปากฏานิสํสตฺตา. ตตฺถ ปเมน ทุมฺมงฺกูนํ นิคฺคโห, ทุติเยน เปสลานํ ผาสุวิหาโร. ปเมน สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาโต, ทุติเยน ทิฏฺธมฺมิกานํ. ตถา ปเมน อปฺปสนฺนานํ ปสาโท, ทุติเยน ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาโว. ‘‘ปุพฺเพ กตปุฺตาย โจทิยมานสฺส ภพฺพกุลปุตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สุทินฺโน ตํ กุกฺกุจฺจํ วิโนเทตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ, เตเนว ปพฺพชฺชา อนุฺาตา’’ติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. ตถา ปเมน สทฺธมฺมฏฺิติ, ทุติเยน วินยานุคฺคโห โหตีติ เวทิตพฺโพ.

อปิเจตฺถ วตฺถุวีติกฺกเม ยตฺถ เอกนฺตากุสลภาเวน, ตํ สงฺฆสุฏฺุภาวาย ปฺตฺตํ โลกวชฺชโต, ยตฺถ ปฺตฺติชานเน เอว อตฺถาปตฺติ, น อฺทา, ตํ สทฺธมฺมฏฺิติยา วาปิ ปสาทุปฺปาทพุทฺธิยา ธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺตํ, อิตรฺจ เสขิยํ, อิทํ โลกวชฺชํ นาม. วตฺถุโน ปฺตฺติยา วา วีติกฺกมเจตนายาภาเวปิ ปฏิกฺขิตฺตสฺส กรเณ, กตฺตพฺพสฺส อกรเณ วา สติ ยตฺถ อาปตฺติปฺปสงฺโค, ตํ สพฺพํ เปตฺวา สุราปานํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ เวทิตพฺพํ. อาคนฺตุกวตฺตํ, อาวาสิก, คมิก, อนุโมทน, ภตฺตคฺค, ปิณฺฑจาริก, อารฺก, เสนาสน, ชนฺตาฆร, วจฺจกุฏิ, สทฺธิวิหาริก, อุปชฺฌาย, อนฺเตวาสิก, อาจริยวตฺตนฺติ เอตานิ อคฺคหิตคฺคหณนเยน คณิยมานานิ จุทฺทส, เอตานิ ปน วิตฺถารโต ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ นาม โหนฺติ. สตฺตหิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ สํวโร สํวรวินโย ปฺตฺติสิกฺขาปทเมว. ตตฺถ ปฺตฺติวินโย สมถวินยตฺถาย สมถวินโย สํวรวินยตฺถาย สํวรวินโย ปหานวินยตฺถายาติ โยชนา เวทิตพฺพา. ยํ สงฺฆสุฏฺุ, ตํ สงฺฆผาสูติ เอกมิว วุตฺตํ สงฺฆสุฏฺุตาย สติ สงฺฆผาสุ ภวิสฺสตีติ ทีปนตฺถํ. ปกรียนฺติ เอตฺถ เต เต ปโยชนวิเสสสงฺขาตา อตฺถวสาติ อตฺถวสํ ‘‘ปกรณ’’นฺติ วุจฺจติ. ทสสุ ปเทสุ เอเกกํ มูลํ กตฺวา ทสกฺขตฺตุํ โยชนาย ปทสตํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺฉิมสฺส ปทสฺส วเสน อตฺถสตํ ปุริมสฺส วเสน ธมฺมสตํ อตฺถโชติกานํ นิรุตฺตีนํ วเสน นิรุตฺติสตํ, ธมฺมภูตานํ นิรุตฺตีนํ วเสน นิรุตฺติสตนฺติ ทฺเว นิรุตฺติสตานิ, อตฺถสเต าณสตํ, ธมฺมสเต าณสตํ ทฺวีสุ นิรุตฺติสเตสุ ทฺเว าณสตานีติ จตฺตาริ าณสตานิ เวทิตพฺพานิ. เอตฺถ สงฺฆสุฏฺุตาติ ธมฺมสงฺฆสฺส สุฏฺุภาโวติ อตฺโถ. ‘‘อตฺถปทานีติ อฏฺกถา. ธมฺมปทานีติ ปาฬี’’ติ วุตฺตํ กิร.

เมถุนํ ธมฺมนฺติ เอวํ พหุลนเยน ลทฺธนามกํ สกสมฺปโยเคน, ปรสมฺปโยเคน วา อตฺตโน นิมิตฺตสฺส สกมคฺเค วา ปรมคฺเค วา ปรนิมิตฺตสฺส สกมคฺเค เอว ปเวสปวิฏฺิตุทฺธรเณสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปฏิสาทิยนวเสน เสเวยฺย ปาราชิโก โหติ อสํวาโสติ. เกจิ ปน ‘‘ปเวสาทีนิ จตฺตาริ วา ตีณิ วา ทฺเว วา เอกํ วา ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ, ิตํ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติอาที’’ติ (ปารา. ๕๙) วทนฺติ, เตสํ มเตน จตูสุปิ จตสฺโส ปาราชิกาปตฺติโย อาปชฺชติ. เตเยว เอวํ วทนฺติ ‘‘อาปชฺชตุ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยา ตพฺภาคิยา’’ติ, ‘‘อตฺตโน วีติกฺกเม ปาราชิกาปตฺตึ, สงฺฆาทิเสสาปตฺติฺจ อาปชฺชิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺกาเล เมถุนาทิปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา เอกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ เอกมเนกํ วา ปฏิกริตฺวาว โส ปุคฺคโล ยสฺมา นิราปตฺติโก โหติ, ตสฺมา โส คหฏฺกาเล สาปตฺติโกวาติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ อตฺเถว อาปตฺติวุฏฺานํ. วุฏฺานเทสนาหิ ปน อสุชฺฌนโต ‘ปโยเค ปโยเค อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติ น วุตฺตํ คณนปโยชนาภาวโต. กิฺจาปิ น วุตฺตํ, อถ โข ปทภาชเน ‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติ วจเนนายมตฺโถ สิทฺโธ’’ติ ยุตฺติฺจ วทนฺติ. ยทิ เอวํ มาติกายมฺปิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย ปาราชิก’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ปาราชิกสฺส อนวเสสวจนมฺปิ น ยุชฺเชยฺย. สพฺเพปิ หิ อาปตฺติกฺขนฺเธ ภิกฺขุคณนฺจ อนวเสเสตฺวา ติฏฺตีติ อนวเสสวจนนฺติ กตฺวา ปเวเสว อาปตฺติ, น ปวิฏฺาทีสุ, ตเมเวกํ สนฺธาย ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ ปาราชิกาปตฺติมฺปิ อนฺโต กตฺวา นิทานุทฺเทเส วจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา มาติกายํ ‘‘ปาราชิก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติ ปุคฺคลนิทฺเทสวจนํ เตน สรีรพนฺธเนน อุปสมฺปทาย อภพฺพภาวทีปนตฺถํ. ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปทภาชเน วจนํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ ปาราชิกสฺส อสํวาสสฺส สโต ปุคฺคลสฺส อเถยฺยสํวาสกภาวทีปนตฺถํ. น หิ โส สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ, ตสฺมา ‘‘อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙). อนุปสมฺปนฺนสฺส ตทภาวโต สิทฺโธ โส ‘‘อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ’’ตฺเวว วุจฺจตีติ. เตน ปทโสธมฺมํ สหเสยฺยฺจ น ชเนติ, ภิกฺขุเปสุฺาทิฺจ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ. ภิกฺขุนีนํ สงฺฆาทิเสเสสุ ปน ภิกฺขุสงฺฆาทิเสสโต วุฏฺานวิธิวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘อยมฺปิ ภิกฺขุนี…เป… อาปนฺนา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๙) ปุคฺคลนิทฺเทสํ กตฺวาปิ ปาราชิกโต อธิปฺปายนฺตรทสฺสนตฺถํ ‘‘นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ (ปาจิ. ๖๗๙) อาปตฺตินามคฺคหณฺจ กตํ. เอตฺตาวตา สปุคฺคลนิทฺเทเส ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติทุกํ วิตฺถาริตํ โหติ. อปุคฺคลนิทฺเทเสสุ เสขิเยสุ อาปตฺติยา ทสฺสนการณํ เสขิยานํ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. ตทภาวโต อิตเรสุ อาปตฺติทสฺสนํ กตํ. อปุคฺคลนิทฺเทเสสุปิ ทสฺสิตาทสฺสิตาปตฺติทุกฺจ วิตฺถาริตํ โหตีติ.

ปมปฺตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สุทินฺนภาณวารํ นิฏฺิตํ.

มกฺกฏีวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๐-๑. ทุติยปฺตฺติยํ ‘‘อิธ มลฺลา ยุชฺฌนฺตี’’ติอาทีสุ วิย ปฏิเสวตีติ วตฺตมานวจนํ ปจุรปฏิเสวนวเสน วุตฺตํ, ‘‘ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ ปริปุณฺณตฺถมฺปิ ปมํ ปฺตฺตึ อตฺตโน มิจฺฉาคาเหน วา เลสโอฑฺฑนตฺถาย วา เอวมาห. ปริปุณฺณตฺถตํเยว นิยเมตุํ ‘‘นนุ อาวุโส ตเถว ตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ, เตเนว มกฺกฏีวตฺถุ วินีตวตฺถูสุ ปกฺขิตฺตํ อวิเสสตฺตา, ตถา วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ. วิจารณา ปเนตฺถ ตติยปฺตฺติยํ อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘นนุ, อาวุโส, ภควตา อเนกปริยาเยนา’’ติอาทิ น เกวลํ สอุทฺเทสสิกฺขาปเทเนว สิทฺธํ, ‘‘ติรจฺฉานคตาทีสุปิ ปาราชิก’’นฺติ อนุทฺเทสสิกฺขาปเทนปิ สิทฺธนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อถ วา ยทิ สอุทฺเทสสิกฺขาปทํ สาวเสสนฺติ ปฺเปสิ, อิมินา อนุทฺเทสสิกฺขาปเทนาปิ กึ น สิทฺธนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ ตเทว สิกฺขาปทํ ปมปฺตฺตเมว เลสตฺถิกานํ อเลโสกาสํ กตฺวา อาเมฑิตตฺถํ กตฺวา ปฺเปสฺสามีติ อตฺโถ. อฺถา ‘‘อฺวาทเก วิเหสเก ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๑) วิย วตฺถุทฺวเยน อาปตฺติทฺวยํ อาปชฺชติ, น จาปชฺชติ, โส เอวตฺโถ อฺเนาปิ วจเนน สุปฺปกาสิโต, สุปริพฺยตฺตกรณตฺเถน ทฬฺหตโร กโตติ อธิปฺปาโย. ตติยปฺตฺติยมฺปิ อฺเสุ จ เอวํ วิสุทฺโธ.

ยสฺส สจิตฺตกปกฺเขติอาทิมฺหิ ปน คณฺิปทนโย ตาว ปมํ วุจฺจติ, สจิตฺตกปกฺเขติ สุราปานาทิอจิตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ. สจิตฺตเกสุ ปน ยํ เอกนฺตมกุสเลเนว สมุฏฺาปิตฺจ. อุภยํ โลกวชฺชํ นาม. สุราปานสฺมิฺหิ ‘‘สุรา’’ติ วา ‘‘ปาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมว, ตถา ภิกฺขุนีนํ คนฺธวณฺณกตฺถาย เลปเน, เภสชฺชตฺถาย เลปเน อโทสตฺตา ‘‘อวิจารณีย’’นฺติ เอตฺตกํ วุตฺตํ. ตตฺถ น วฏฺฏตีติ ‘‘ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสาปิ โลกวชฺชภาวปฺปสงฺคโต. อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ปริหริตุกามตาย วชิรพุทฺธิตฺเถรสฺส คณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘อิธ สจิตฺตกนฺติ จ อจิตฺตกนฺติ จ วิจารณา วตฺถุวิชานเนเยว โหติ, น ปฺตฺติวิชานเน. ยทิ ปฺตฺติวิชานเน โหติ, สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชาเนว สิยุํ, น จ สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ, ตสฺมา วตฺถุวิชานเนเยว โหตี’’ติ, อิทํ ยุชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา เสขิเยสุ ปฺตฺติชานนเมว ปมาณํ, น วตฺถุมตฺตชานนนฺติ, ยํ ปน ตตฺเถว วุตฺตํ ‘‘ปสุตฺตสฺส มุเข โกจิ สุรํ ปกฺขิเปยฺย, อนฺโต เจ ปวิเสยฺย, อาปตฺติ, ตตฺถ ยถา ภิกฺขุนิยา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ ปรสฺส อามสนาทิกาเล กายํ อจาเลตฺวา จิตฺเตเนว สาทิยนฺติยา อาปตฺติ ‘กิริยาว โหตี’ติ วุตฺตา เยภุยฺเยน กิริยสมฺภวโต, ตถา อยมฺปิ ตทา กิริยาว โหตี’’ติ, ตํ สุวิจาริตํ อเนกนฺตากุสลภาวสาธนโต. สุราปานาปตฺติยา เอกนฺตากุสลตา ปน มชฺชสฺิโนปิ สกึ ปโยเคน ปิวโต โหตีติ กตฺวา วุตฺตา.

อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – สิกฺขาปทสีเสน อาปตฺตึ คเหตฺวา ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ. สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิ โลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. สจิตฺตกปกฺเขติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธายาห. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส สจิตฺตกปกฺเขติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถิ. ยสฺมา ปเนตฺถ ปณฺณตฺติวชฺชสฺส ปฺตฺติชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว, วตฺถุชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ สิยา กุสลํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ น วุจฺจตีติ ‘‘เสสํ ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. อธิมาเน วีติกฺกมาภาวา, สุปินนฺเต อพฺโพหาริกตฺตา สุปินนฺเต วิชฺชมานาปิ วีติกฺกมฉายา อพฺโพหาริกภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ ปน วจนํ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนตฺตา จ วุตฺตํ, เตน ยํ วุตฺตํ พาหิรนิทานกถาธิกาเร ‘‘ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ เยภุยฺยตาย วุตฺต’’นฺติอาทิ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ.

มกฺกฏีวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

วชฺชิปุตฺตกวตฺถุวณฺณนา

๔๓-๔. วชฺชีสุ ชนปเทสุ วสนฺตา วชฺชิโน นาม, เตสํ ปุตฺตา. ยาวทตฺถนฺติ ยาวตา อตฺโถ อธิปฺปาโยติ วุตฺตํ โหติ, ตตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํอนาวิกตฺวา’’ติ, ตํ กามํ สิกฺขาปจฺจกฺขาเน, ตเทกฏฺเ จ ทุพฺพลฺยาวิกรเณ ปฺตฺเต สติ ยุชฺชติ, น อฺถา. ตถาปิ อิทานิ ปฺเปตพฺพํ อุปาทาย วุตฺตํ, กถฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติเรกจีวรํ ธาเรสฺสนฺติ (ปารา. ๔๕๙), อาฬวกา ภิกฺขู กุฏิโย การาเปนฺติ อปฺปมาณิกาโย (ปารา. ๓๔๒), ภิกฺขุนิโย ทฺเว วสฺสานิ ฉสุ ธมฺเมสุ อสิกฺขิตสิกฺขํ สิกฺขมานํ วุฏฺาเปนฺติ (ปาจิ. ๑๐๗๗), สงฺเฆน อสมฺมตํ วุฏฺาเปนฺตีติอาทิ (ปาจิ. ๑๐๘๔) วิย ทฏฺพฺพํ. น หิ ตโต ปุพฺเพ อธิฏฺานํ วิกปฺปนํ วา อนุฺาตํ. ยทภาวา อติเรกจีวรนฺติ วเทยฺย, ปมาณํ วา น ปฺตฺตํ, ยทภาวา อปฺปมาณิกาโยติ วเทยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภนฺเต, สงฺโฆ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ (มหาว. ๗๑, ๑๒๖) อุปสมฺปทํ ยาจิตฺวา อุปสมฺปนฺเนน อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ‘‘อุปสมฺปนฺเนน ภิกฺขุนา เมถุโน ธมฺโม น ปฏิเสวิตพฺโพ, อสกฺยปุตฺติโย’’ติ (มหาว. ๑๒๙) จ ปฺตฺเตน อสฺสมณาทิภาวํ อุปคนฺตุกาเมน นนุ ปมํ อชฺฌุปคตา สิกฺขา ปจฺจกฺขาตพฺพา, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ วา อาวิกาตพฺพํ สิยา, เต ปน ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสู’’ติ อนุปฺตฺติยา โอกาสกรณตฺถํ วา ตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ กิฺจาปิ เอตฺเถว วุตฺตํ, ตถาปิ อิตเรสุปิ ปาราชิเกสุ ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺพํ. น หิ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา โย ปาราชิกวตฺถุํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยติ, มนุสฺสวิคฺคหํ วา ชีวิตา โวโรเปติ, ปฏิวิชานนฺตสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ วา อุลฺลปติ, โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ. อนุปฺตฺติ หิ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกมฺมกรณปฺปโยชนา. สา หิ ยสฺส ปาราชิกํ โหติ อฺา วา อาปตฺติ, ตสฺส นิยมทสฺสนปฺปโยชนาติลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา. เอวฺหิ อนฺเต อวตฺวา อาทิมฺหิ วุตฺตา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ (ปารา. ๙๑) อนุปฺตฺติ วิย. ปริปุณฺเณ ปเนตสฺมึ สิกฺขาปเท –

‘‘นิทานา มาติกาเภโท, วิภงฺโค ตํนิยามโก;

ตโต อาปตฺติยา เภโท, อนาปตฺติ ตทฺถา’’ติ. –

อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สุทินฺนวตฺถุ มกฺกฏิวตฺถุ วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ จาติ ติปฺปเภทํ วตฺถุ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทานํ นาม, ตโต นิทานา ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… อสํวาโส’’ติ อิมิสฺสา มาติกาย เภโท ชาโต. ตตฺถ หิ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ อิตฺถิลิงฺควจเนน ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข อิตฺถิยา โน ปุริเส โน ปณฺฑเก โน อุภโตพฺยฺชนเก จา’’ติ มกฺกฏิปาราชิโก วิย อฺโปิ เลสํ โอฑฺเฑตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตาทิสสฺส อเลโสกาสสฺส ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ. มกฺกฏิวตฺถุสงฺขาตา นิทานา ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มาติกาวจนเภโท น อิตฺถิยา เอว เมถุนสิทฺธิทสฺสนโต กโต, ตสฺมา วิภงฺโค ตํนิยามโก ตสฺสา มาติกาย อธิปฺเปตตฺถนิยามโก วิภงฺโค. วิภงฺเค หิ ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย. ตโย อุภโตพฺยฺชนกา. ตโย ปณฺฑกา. ตโย ปุริสา. มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค…เป… ติรจฺฉานคตปุริสสฺส ทฺเว มคฺเค’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน สพฺพเลโสกาสํ ปิทหิตฺวา นิยโม กโต.

เอตฺถาห – ยทิ เอวํ สาธารณสิกฺขาปทวเสน วา ลิงฺคปริวตฺตนวเสน วา น เกวลํ ภิกฺขูนํ, ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ตทวจเนน ภิกฺขุนี ปุริสลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุภาเว ิตา เอวํ วเทยฺย ‘‘นาหํ อุปสมฺปทกาเล ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนา, ตสฺมา น อปฺปจฺจกฺขาตสิกฺขาปิ เมถุนธมฺเมน ปาราชิกา โหมี’’ติ? วุจฺจเต – ตถา น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วุตฺเต ภิกฺขุนีนมฺปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถีติ อาปชฺชติ, ตฺจานิฏฺํ. อิทํ อปรํ อนิฏฺปฺปสงฺโคติ ‘‘สพฺพสิกฺขาปทานิ สาธารณาเนว, นาสาธารณานี’’ติ. อปิจายํ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนวาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๖๙) วุตฺตํ, อปิจ โย ตถา เลสํ โอฑฺเฑตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต วชฺชิปุตฺตกา วิย ปาราชิโก โหติ. เต หิ ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วจนาภาเว สติ ‘‘อาปตฺตึ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาปนฺนา ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตา ภควตา. เอตฺถ ปน ‘‘ภิกฺขเว’’ติ วุตฺตตฺตา เกจิ ภิกฺขุลิงฺเค ิตา, ‘‘อิทานิ เจปิ มยํ, ภนฺเต อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติ วุตฺตตฺตา เกจิ วิพฺภนฺตาติ เวทิตพฺพา. ตโต อาปตฺติยา เภโทติ ตโต วิภงฺคโต ‘‘อกฺขายิเต สรีเร ปาราชิกํ, เยภุยฺเยน ขายิเต ถุลฺลจฺจย’’นฺติอาทิ อาปตฺติยา เภโท โหติ. อนาปตฺติ ตทฺถาติ ตโต เอว วิภงฺคโต เยนากาเรน อาปตฺติ วุตฺตา, ตโต อฺเนากาเรน อนาปตฺติเภโทว โหติ. ‘‘สาทิยติ อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ อนาปตฺตี’’ติ หิ วิภงฺเค อสติ น ปฺายติ. เอตฺตาวตา สมาสโต คาถาตฺโถ วุตฺโต โหติ. เอตฺถ จ ปน –

‘‘นิทานมาติกาเภโท, วิภงฺคสฺส ปโยชนํ;

อนาปตฺติปกาโร จ, ปโม นิปฺปโยชโน’’ติ. –

อิมํ นยํ ทสฺเสตฺวาว สพฺพสิกฺขาปทานํ อตฺโถ ปกาสิตพฺโพ. กถํ? ภควตา ปน เยนากาเรน ยํ สิกฺขาปทํ ปฺาปิตํ, ตสฺส อาการสฺส สมตฺถํ วา อสมตฺถํ วาติ ทุวิธํ นิทานํ, อยํ นิทานเภโท. มาติกาปิ นิทานาเปกฺขา นิทานานเปกฺขาติ ทุวิธา. ตตฺถ จตุตฺถปาราชิกาทิสิกฺขาปทานิ นิทานาเปกฺขานิ. น หิ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู สยเมว อตฺตโน อตฺตโน อสนฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มุสาวาทลกฺขณํ ปาเปตฺวา ภาสึสุ. อฺมฺสฺส หิ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส คิหีนํ วณฺณํ ภาสึสุ, น จ ตาวตา ปาราชิกวตฺถุ โหติ. ตตฺถ เตน เลเสน ภควา ตํ วตฺถุํ นิทานํ กตฺวา ปาราชิกํ ปฺเปสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘นิทานาเปกฺข’’นฺติ. อิมินา นเยน นิทานาเปกฺขานิ ตฺวา ตพฺพิปรีตานิ สิกฺขาปทานิ นิทานานเปกฺขานีติ เวทิตพฺพานิ, อยํ มาติกาเภโท.

นานปฺปการโต มูลาปตฺติปฺปโหนกวตฺถุปโยคจิตฺตนิยามทสฺสนวเสน มาติกาย วิภชนภาวทีปนตฺถํ เตสํ อปฺปโหนกตาย วา ตทฺตรเวกลฺลตาย วา วีติกฺกเม สติ อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ, อสติ อนาปตฺติทสฺสนตฺถฺจาติ สพฺพตฺถ ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ มาติกาย วิภชนํ วิภงฺโค อารภียตีติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ ปน ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ, ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขู’’ติ เกวลํ พฺยฺชนตฺถทีปนวเสน ปวตฺโต วา, ‘‘สมฺาย ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุภาวสมฺภวํ อนเปกฺขิตฺวาปิ เกวลํ ภิกฺขุ นาม ปวตฺติฏฺานทีปนวเสน ปวตฺโต วา, ‘‘เอหิ ภิกฺขูติ ภิกฺขุ, สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขุ, ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขู’’ติ อุปสมฺปทานนฺตเรนาปิ ภิกฺขุภาวสิทฺธิทีปนวเสน ปวตฺโต วา, ‘‘ภทฺโร ภิกฺขุ, สาโร ภิกฺขุ, เสกฺโข ภิกฺขุ, อเสกฺโข ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตภิกฺขุทีปนวเสน ปวตฺโต วา วิภงฺโค อชฺฌุเปกฺขิโต สพฺพสามฺปทตฺตา, ตถา อฺภาคิยสิกฺขาปทาทีสุ สทฺวารวเสน, อธิกรณทสฺสนาทิวเสน ปวตฺโต จ อชฺฌุเปกฺขิโต อิตรตฺถ ตทภาวโตติ เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ ติสฺโส อิตฺถิโยติอาทิ วตฺถุนิยมทสฺสนวเสน ปวตฺโต, มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติอาทิ ปโยคนิยมทสฺสนวเสน ปวตฺโต, ภิกฺขุสฺส เสวนจิตฺตํ อุปฏฺิเตติอาทิ จิตฺตนิยมทสฺสนวเสน ปวตฺโต, สาทิยติ อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ อนาปตฺตีติอาทิ วตฺถุปโยคนิยเม สติ จิตฺตนิยมภาวาภาววเสน อาปตฺตานาปตฺติทสฺสนตฺถํ ปวตฺโต, มตํ เยภุยฺเยน ขายิตํ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสาติอาทิ วตฺถุสฺส อปฺปโหนกตาย วีติกฺกเม อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ ปวตฺโต, น สาทิยติ อนาปตฺตีติ จิตฺตนิยมเวกลฺเยน วีติกฺกมาภาวา อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ ปวตฺโตติ. เอวํ อิตเรสุปิ สิกฺขาปเทสุ ยถาสมฺภวนโย อยนฺติ ปโยชโน วิภงฺโค.

อนาปตฺติวาโร ปน มูลาปตฺติโต, ตทฺเกเทสโต, สพฺพาปตฺติโต จ อนาปตฺติทีปนวเสน ติวิโธ. ตตฺถ โย ปโม, โส วิภงฺโค วิย ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ ปวตฺโต. กตเม ตโย? มาติกาปทานํ สาตฺถกนิรตฺถกานํ ตทฺถา อุทฺธรณานุทฺธรณวเสน สปฺปโยชนนิปฺปโยชนภาวทีปนตฺถํ, ตทฺถา ปฏิปตฺติกฺกมทสฺสนตฺถํ, อาปตฺติปฺปโหนกฏฺาเนปิ วิสฺสชฺชนตฺถฺจาติ. กถํ? เอฬกโลมสิกฺขาปเท ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๕๗๒) เอตานิ เกวลํ วตฺถุมตฺตทีปนปทานีติ นิรตฺถกานิ นาม, เตสํ อนาปตฺติ. ‘‘อทฺธานมคฺคํ อปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺเน เอฬกโลเม อนาปตฺติ, อากงฺขมาเนน ปฏิคฺคหิเต’’ติอาทินา นเยน ตทฺถา อนุทฺธรเณน นิปฺปโยชนภาโว ทีปิโต โหติ, ยทิทํ มาติกายํ ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ, อิทํ สาตฺถกํ. ตสฺส สปฺปโยชนภาวทีปนตฺถํ ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ชานนสาทิยนภาเวน อาปตฺติ, อเสวนฺตสฺส อนาปตฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ มาติกายํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปรปริคฺคหิตํ ปรปริคฺคหิตสฺิตา ครุปริกฺขาโร เถยฺยจิตฺตํ อวหรณ’’นฺติ วุตฺตานํ ปฺจนฺนมฺปิ องฺคานํ ปาริปูริยา เปตติรจฺฉานคตปริคฺคหิเต อาปตฺติปฺปโหนกฏฺาเนปิ วิสฺสชฺชนตฺถํ ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคหิเต’’ติอาทิ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตํ. อนาปตฺติ อิมํ ชาน, อิมํ เทหิ, อิมํ อาหร, อิมินา อตฺโถ, อิมํ กปฺปิยํ กโรหีติ ภณตีติอาทิ ปน ตทฺถา ปฏิปตฺติกฺกมทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา ‘‘นิทานมาติกาเภโท’’ติอาทินา วุตฺตคาถาย อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.

เอตฺถ ปมปฺตฺติ ตาว ปมโพธึ อติกฺกมิตฺวา ปฺตฺตตฺตา, อายสฺมโต สุทินฺนสฺส อฏฺวสฺสิกกาเล ปฺตฺตตฺตา จ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ปฺตฺตา. ทุติยอนุปฺตฺติ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา. โส หายสฺมา มกฺกฏิปาราชิโก ยถา มาตุคามปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ ติรจฺฉานคติตฺถี อนธิปฺเปตา, ตถา อิธาปีติ สฺาย ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคติตฺถิยา’’ติ อาห. ตติยานุปฺตฺติ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา. เต หิ วชฺชิปุตฺตกา ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตา หุตฺวา ยาวทตฺถํ ภุฺชิตฺวา นฺหายิตฺวา วรสยเนสุ สยิตฺวา ตติยานุปฺตฺติยา วตฺถุํ อุปฺปาเทสุํ, เต จ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ อุปฺปนฺนา, สยฺจ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺตาติ ‘‘เวปุลฺลมหตฺตมฺเปตฺถ ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. อิทํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ ติวิธมฺปิ วตฺถุํ อุปาทาย จตุพฺพิธมฺปิ ตํ กาลํ ปตฺวา ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ. ภิกฺขูติ ตสฺส อติปฺปสงฺคนิยมปทํ. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ตสฺส วิเสสนวจนํ. น หิ สพฺโพปิ ภิกฺขุนามโก ยา ภควตา ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนภิกฺขูนํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สิกฺขิตพฺพสิกฺขา วิหิตา, ‘‘เอตฺถ สห ชีวนฺตี’’ติ โย จ อาชีโว วุตฺโต, ตํ อุภยํ สมาปนฺโนว โหติ. กทา ปน สมาปนฺโน อโหสิ? ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ตทุภยํ ชานนฺโตปิ อชานนฺโตปิ ตทชฺฌุปคตตฺตา สมาปนฺโน นาม โหติ. สห ชีวนฺตีติ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ปาราชิกภาวฺจ น ปาปุณาติ, ยํ ปน วุตฺตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สิกฺขาสมาปนฺโน สาชีวํ อวีติกฺกมนฺโต สาชีวสมาปนฺโน โหตี’’ติ, ตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ. น หิ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต กามวิตกฺกาทิพหุโล วา เอกจฺจํ สาวเสสํ สาชีวํ วีติกฺกมนฺโต วา สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน นาม น โหติ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปน จตุกฺกํ ลพฺภติ อตฺถิ ภิกฺขุ สิกฺขาสมาปนฺโน สีลานิ ปจฺจเวกฺขนฺโต น สาชีวสมาปนฺโน อจิตฺตกํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺโต, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน กามวิตกฺกาทิพหุโล สาชีวสมาปนฺโน นิราปตฺติโก, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน น จ สาชีวสมาปนฺโน อนวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อตฺถิ สิกฺขาสมาปนฺโน จ สาชีวสมาปนฺโน จ สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต, อยเมว จตุตฺโถ ภิกฺขุ อุกฺกฏฺโ อิธ อธิปฺเปโต สิยา. น หิ ภควา อนุกฺกฏฺํ วตฺตุํ ยุตฺโตติ เจ? น, ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติวจนวิโรธโต. อุกฺกฏฺคฺคหณาธิปฺปาเย สติ ‘‘สิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. สิกฺขตฺตยสมาปนฺโน หิ สพฺพุกฺกฏฺโติ.

‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ปรโต วจนํ อเปกฺขิตฺวา อธิสีลสิกฺขาว วุตฺตาติ เจ? น, ตสฺสาปิ อภพฺพตฺตา. น หิ อธิสีลสิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุํ ภพฺโพ, ตํ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ วีติกฺกมนฺโต เอว หิ ปฏิเสเวยฺยาติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ยสฺมา สิกฺขาปทสงฺขาโต สาชีโว อธิสีลสิกฺขเมว สงฺคณฺหาติ, เนตรํ อธิจิตฺตสิกฺขํ อธิปฺาสิกฺขํ วา, ตสฺมา ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อธิสีลสิกฺขาย สงฺคาหโก สาชีโว สิกฺขาสาชีโวติ วุตฺโต. อิติ สาชีววิเสสนตฺถํ สิกฺขาคฺคหณํ กตํ. ตทตฺถทีปนตฺถเมว วิภงฺเค สิกฺขํ อปรามสิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ วุตฺตํ, เตน เอกเมวิทํ อตฺถปทนฺติ ทีปิตํ โหติ. ตฺจ อุปสมฺปทูปคมนนฺตรโต ปฏฺาย สิกฺขนาธิการตฺตา ‘‘สิกฺขตี’’ติ จ ‘‘สมาปนฺโน’’ติ จ วุจฺจติ. โย เอวํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ สงฺขฺยํ คโต, ตาทิสํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อปรภาเค สาชีวสงฺขาตเมว สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย, ตสฺมึเยว จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยาติ อยมตฺโถ ยุชฺชติ. กินฺตุ อฏฺกถานโย ปฏิกฺขิตฺโต โหติ. โส จ น ปฏิกฺเขปารโหติ เตน ตทนุสาเรน ภวิตพฺพํ.

อธิปฺปาโย ปเนตฺถ ปริเยสิตพฺโพ, โส ทานิ วุจฺจติ – สพฺเพสุปิ สิกฺขาปเทสุ อิทเมว ภิกฺขุลกฺขณํ สาธารณํ, ยทิทํ ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ. ขีณาสโวปิ สาวโก อาปตฺตึ อาปชฺชติ อจิตฺตกํ, ตถา เสกฺโข. ปุถุชฺชโน ปน สจิตฺตกมฺปิ, ตสฺมา เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนภิกฺขูนํ สามฺมิทํ ภิกฺขุลกฺขณนฺติ กตฺวา เกวลํ สิกฺขาสมาปนฺโน, เกวลํ สาชีวสมาปนฺโน จ อุภยสมาปนฺโน จาติ สรูเปกเทเสกเสสนเยน ‘‘สิกฺขาสาชีวสมอาปนฺโน’’ตฺเวว สมฺปิณฺเฑตฺวา อุกฺกฏฺคฺคหเณน อนุกฺกฏฺานํ คหณสิทฺธิโต อฏฺกถายํ อุกฺกฏฺโว วุตฺโต. ตเมว สมฺปาเทตุํ ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ สิกฺขาปทสฺส อวจเน ปริหารํ วตฺวา ยสฺมา ปน โส อสิกฺขมฺปิ สมาปนฺโน, ตสฺมา สิกฺขาสมาปนฺโนติปิ อตฺถโต เวทิตพฺโพติ จ วตฺวา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน ตํ อปฺปจฺจกฺขาย ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ อยมฏฺกถายํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอตสฺมึ ปน อธิปฺปาเย อธิสีลสิกฺขาย เอว คหณํ สพฺพตฺถิกตฺตา, สีลาธิการโต จ วินยสฺสาติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ สิกฺขาปทํ สมาทิยนฺโต สีลํ สมาทิยตีติ วุจฺจติ, เอวํ สิกฺขาปทํ ปจฺจกฺขนฺโต สีลสงฺขาตํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ. สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ปฏิเสวิตเมถุนสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานนฺโต น สมูหนติ นาม. น หิ โส ภิกฺขุ หุตฺวา ปฏิเสวิ, ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ จ ปฺตฺตํ. เอตฺตาวตา สมาสโต ‘‘สิกฺขาสาชีวสมานฺโน’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพํ วุตฺตํ.

กึ อิมินา วิเสสวจเนน ปโยชนํ, นนุ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา…เป… อสํวาโส’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. โย ปน สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน เถยฺยสํวาสาทิโก เกวเลน สมฺามตฺเตน, ปฏิฺามตฺเตน วา ภิกฺขุ, ตสฺสาปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถิ. สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย จ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติ. โย วา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ตสฺส จ, โย วา ปกฺขปณฺฑกตฺตา ปณฺฑกภาวูปคมเนน น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ตสฺส จ ตทุภยํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ‘‘ปณฺฑกภาวปกฺเข จ ปกฺขปณฺฑโก อุปสมฺปทาย น วตฺถู’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อิตรสฺมึ ปกฺเข วตฺถูติ สิทฺธํ, ตสฺมึ ปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกภาวปกฺเข ปณฺฑกตฺตา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, โส ปริจฺจชิตพฺพสิกฺขาย อภาเวน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย มุเขน ปรสฺส องฺคชาตคฺคหณาทโย เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ตสฺส กุโต ปาราชิกาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. อยํ นโย อปณฺฑกปกฺขํ อลภมานสฺเสว ปรโต ยุชฺชติ, ลภนฺตสฺส ปน อรูปสตฺตานํ กุสลานํ สมาปตฺติกฺขเณ ภวงฺควิจฺเฉเท สติปิ อมรณํ วิย ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. สํวาสํ วา สาทิยนฺตสฺส น เถยฺยสํวาสกภาโว อตฺถิ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส วิย. น จ สหเสยฺยาทิกํ ชเนติ. คณปูรโก ปน น โหติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน วิย, น โส สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อิตรสฺมึ ปน ปกฺเข โหติ, อยํ อิมสฺส ตโต วิเสโส. กิมยํ สเหตุโก, อุทาหุ อเหตุโกติ? น อเหตุโก. ยโต อุปสมฺปทา ตสฺส อปณฺฑกปกฺเข อนุฺาตา สเหตุกปฏิสนฺธิกตฺตา. ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ กิสฺส นานุฺาตาติ เจ? ปณฺฑกภูตตฺตา โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส วิย.

อปิจ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ อิมินา ตสฺส สิกฺขาสมาทานํ ทีเปตฺวา ตํ สมาทินฺนสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ตตฺถ จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, น อฺถาติ อิมินา การเณน ยถาวุตฺตานิฏฺปฺปสงฺคโต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, ตถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺย (ปารา. ๘๙), สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺย อติเรกํ วา, เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๕๔๘) นเยน สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปีติ มนุสฺสิตฺถึ อุปาทาย วุตฺตํ. น หิ ‘‘ปเคว ปณฺฑเก ปุริเส วา’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยเมว.

อยํ ปมปาราชิกสฺส มาติกาย ตาว วินิจฺฉโย.

จตุพฺพิธวินยกถาวณฺณนา

๔๕. นีหริตฺวาติ เอตฺถ สาสนโต นีหริตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปฺจหุปาลิ, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นานุยุฺชิตพฺพํ. กตเมหิ ปฺจหิ? สุตฺตํ น ชานาติ, สุตฺตานุโลมํ น ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) เอวมาทิโต หิ ปริยตฺติสาสนโต สุตฺตํ, สุตฺตานุโลมฺจ นีหริตฺวา ปกาเสสุํ. ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห ปริปุจฺฉาติ ภณตี’’ติ เอวมาทิโต ปริยตฺติสาสนโต อาจริยวาทํ นีหริตฺวา ปกาเสสุํ. ภารุกจฺฉกวตฺถุสฺมึ ‘‘อายสฺมา อุปาลิ เอวมาห – อนาปตฺติ, อาวุโส, สุปินนฺเตนา’’ติ (ปารา. ๗๘) เอวมาทิโต ปริยตฺติสาสนโต เอว อตฺตโนมตึ นีหริตฺวา ปกาเสสุํ. ตาย หิ อตฺตโนมติยา เถโร เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ. อปิ จ วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุปสมฺปนฺเนน ปฺตฺเตน วา อปฺตฺเตน วา วุจฺจมาโน…เป… อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๔๓). ตตฺถ หิ ปฺตฺตํ นาม สุตฺตํ. เสสตฺตยํ อปฺตฺตํ นาม. เตนายํ ‘‘จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา’’ติ คาถา สุวุตฺตา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ นาคเสนตฺเถเรน. อาหจฺจปเทนาติ อฏฺ วณฺณฏฺานานิ อาหจฺจ วุตฺเตน ปทนิกาเยนาติ อตฺโถ, อุทาหเฏน กณฺโกฺกนฺเตน ปทสมูเหนาติ อธิปฺปาโย. รเสนาติ ตสฺส อาหจฺจภาสิตสฺส รเสน, ตโต อุทฺธเฏน วินิจฺฉเยนาติ อตฺโถ. สุตฺตจฺฉายา วิย หิ สุตฺตานุโลมํ. อาจริยวาโท ‘‘อาจริยวํโส’’ติ วุตฺโต ปาฬิยํ วุตฺตานํ อาจริยานํ ปรมฺปราย อาภโตว ปมาณนฺติ ทสฺสนตฺถํ. อธิปฺปาโยติ การโณปปตฺติสิทฺโธ อุหาโปหนยปฺปวตฺโต ปจฺจกฺขาทิปมาณปติรูปโก. อธิปฺปาโยติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโนมตี’’ติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ.

ปริวารฏฺกถายํ, อิธ จ กิฺจาปิ ‘‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มหาปเทสนยสิทฺธํ ปฏิกฺขิตฺตาปฏิกฺขิตฺตํ อนุฺาตานนุฺาตํ กปฺปิยากปฺปิยนฺติ อตฺถโต วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา านํ โอกาโส ปเทโสติ การณเววจนานิ ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส’’ติอาทิ (ปารา. ๔๓) สาสนโต, ‘‘นิคฺคหฏฺาน’’นฺติ จ ‘‘อสนฺทิฏฺิฏฺาน’’นฺติ จ ‘‘อสนฺทิฏฺิ จ ปน ปเทโส’’ติ จ โลกโต, ตสฺมา มหาปเทสาติ มหาการณานีติ อตฺโถ. การณํ นาม าปโก เหตุ อิธาธิปฺเปตํ. มหนฺตภาโว ปน เตสํ มหาวิสยตฺตา มหาภูตานํ วิย. เต ทุวิธา วินยมหาปเทสา สุตฺตนฺติกมหาปเทสา จาติ. ตตฺถ วินยมหาปเทสา วินเย ปโยคํ คจฺฉนฺติ, อิตเร อุภยตฺถาปิ, เตเนว ปริวาเร อนุโยควตฺเต ‘‘ธมฺมํ น ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ น ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) วุตฺตํ. ตตฺถ ธมฺมนฺติ เปตฺวา วินยปิฏกํ อวเสสปิฏกทฺวยํ. ธมฺมานุโลมนฺติ สุตฺตนฺติเก จตฺตาโร มหาปเทเส. ตตฺถ โย ธมฺมํ ธมฺมานุโลมฺเจว ชานาติ, น วินยํ วินยานุโลมฺจ, โส ‘‘ธมฺมํ รกฺขามี’’ติ วินยํ อุพฺพินยํ กโรติ, อิตโร ‘‘วินยํ รกฺขามี’’ติ ธมฺมํ อุทฺธมฺมํ กโรติ, อุภยํ ชานนฺโต อุภยมฺปิ สมฺปาเทติ.

ตตฺริทํ มุขมตฺตํ – ตตฺถ ปโม ‘‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ, ิตํ, อุทฺธรณํ สาทิยติ อาปตฺติ, น สาทิยติ อนาปตฺตี’’ติ เอตฺถ วิปฺปฏิปชฺชติ. โส หายสฺมา สุขเวทนียสฺส อุปาทินฺนโผฏฺพฺพสฺส, กายินฺทฺริยสฺส จ สมาโยเค สติ ปฏิวิชานนฺโต กายิกสุขเวทนุปฺปตฺติมตฺเตน สาทิยติ นามาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติ อเสวนาธิปฺปายสฺสปิ อาปตฺติปฺปสงฺคํ กโรติ, ตถา ยสฺส สนฺถตตฺตา วา โยนิโทสวเสน วา ทุกฺขา อสาตา เวทนา, วาโตปหฏคตฺตตาย วา เนว กายิกเวทนา, ตสฺส ชานโต อชานโตปิ ‘‘อนาปตฺติ อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๗๖) สุตฺตนฺตํ ทสฺเสตฺวา เสวนาธิปฺปายสฺสาปิ อนาปตฺติปฺปสงฺคํ กโรติ, ตถา ยทิ โมจนราเคน อุปกฺกมโต มุตฺเต สงฺฆาทิเสโส, ปเคว เมถุนราเคนาติ ทุกฺกฏฏฺานํ คเหตฺวา สงฺฆาทิเสสฏฺานํ กโรติ, เอวํ วินยํ อุพฺพินยํ กโรติ นาม. อิตโร ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺสาติ วุตฺตตฺตา ชานโต ชานเนเนว สุขเวทนา โหตุ วา มา วา สาทิยนา โหตี’’ติ วตฺวา อเสวนาธิปฺปายสฺสปิ ชานโต อนาปตฺติฏฺาเน อาปตฺตึ กโรติ, อนวชฺชํ สาวชฺชํ กโรตีติ เอวํ ธมฺมํ อุทฺธมฺมํ กโรติ. อุภยํ ปน ชานนฺโต ‘‘ภิกฺขุสฺส เสวนจิตฺตํ อุปฏฺิเตติ (ปารา. ๕๗) วจนโต เสวนจิตฺตเมเวตฺถ ปมาณํ, ตสฺส ภาเวน อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, อภาเวน อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา อุภยมฺปิ รกฺขติ สมฺปาเทติ. อิมินา นเยน สพฺพสิกฺขาปเทสุ ยถาสมฺภวํ สปฺปโยชนา กาตพฺพา.

สงฺคีตึ อาโรเปตฺวา ปิตปาฬิโต วินิมุตฺตํ กตฺวา ปิตตฺตา ปาฬิวินิมุตฺตา อตฺถโต, นยโต, อนุโลมโต จ ปาฬิโอกฺกนฺตวินิจฺฉยปฺปวตฺตา อนุปวิฏฺวินิจฺฉยวเสน ปวตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘น สมูหนิสฺสตี’’ติ ชานนฺโตปิ ภควา เกวลํ ‘‘เตสํ มตํ ปจฺฉิมา ชนตา มม วจนํ วิย ปมาณํ กโรตู’’ติ ทสฺสนตฺถฺจ ปรินิพฺพานกาเล เอวมาห ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖), เตเนตํ สิทฺธํ ‘‘ปฺตฺตมฺปิ เจ สิกฺขาปทํ สมูหนิตุํ ยสฺส สงฺฆสฺส อนุฺาตํ ภควตา, ตสฺส ปฺตฺตานุโลมํ อติเรกตฺถทีปนํ, ปเควานุฺาตํ ภควตา’’ติ. กิฺจ ภิยฺโย อูนาติริตฺตสิกฺขาปเทสุ อาจริยกุเลสุ วิวาโท อฺมฺํ น กาตพฺโพติ ทสฺสนตฺถฺจ. กสฺมา สงฺโฆ น สมูหนีติ? อฺมฺํ วิวาทปฺปสงฺคทสฺสนโต. ภควตา จ ‘‘สพฺเพเหว สมคฺเคหิ สมฺโมทมาเนหิ อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ จ เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสูติ จ อฺวาททสฺสนโต วิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพํ ชาตํ, ตทภาวตฺตมฺปิ ตฺติทุติยกมฺมวาจํ สาเวตฺวา อวิวทมาเนเหว สิกฺขิตพฺพํ อกาสิ.

อปิจาติ อตฺตโน มติยา ปากฏกรณตฺถํ อารมฺโภ. ตตฺถ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสู’’ติ วจนโต ปิฏกตฺตยสฺสปิ สาธารณา เอสา กถาติ เวทิตพฺพา, ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิย’’นฺติอาทิ วินยสฺเสว. การกสงฺฆสทิสนฺติ สงฺคีติการกสงฺฆสทิสํ. ‘‘สุตฺตาทิจตุกฺกํ อปฺปจฺจกฺขาย เตน อวิรุทฺธสฺส กมฺมสฺส การกสงฺฆสทิส’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถรสฺส คณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตํ, ‘‘สุตฺตเมว พลวตรํ. สุตฺตฺหิ อปฺปฏิวตฺติยํ การกสงฺฆสทิส’’นฺติ เอเตหิ ปเทหิ อยุตฺตตฺตา. ปากติเก ปน คณฺิปเท ‘‘ตมตฺถํ วินิจฺฉินิตฺวา ตสฺส การกสงฺฆสทิส’’นฺติ วุตฺตํ. ปรวาทีติ อมฺหากํ สมยวิชานนโก อฺนิกายิโกติ วุตฺตํ. ปรวาที สุตฺตานุโลมนฺติ กถํ? ‘‘อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา’’ติ (ปาจิ. ๒๖๖) สุตฺตํ สกวาทิสฺส, ตทนุโลมโต นาฬิเกรผลสฺส อุทกมฺปิ อุทกเมว โหตีติ ปรวาที จ.

‘‘นาฬิเกรสฺส ยํ โตยํ, ปุราณํ ปิตฺตพนฺธนํ;

ตเมว ตรุณํ โตยํ, ปิตฺตฆํ พลพนฺธน’’นฺติ. –

เอวํ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ธฺผลสฺส คติกตฺตา, อาหารตฺถสฺส จ ผรณโต ‘‘ยาวกาลิกเมว ต’’นฺติ วทนฺโต ปฏิกฺขิปติ. ปโร อาจริยวาทนฺติ ‘‘สุงฺกํ ปริหรตีติ เอตฺถ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา กิฺจาปิ ปริหรติ, อวหาโร เอวา’’ติ อฏฺกถาวจนโต ‘‘ตถา กโรนฺโต ปาราชิกมาปชฺชตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ สุตฺตํ ตตฺเถว อาคตมหาอฏฺกถาวจเนน สทฺธึ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ, ตถา กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ. ปโร อตฺตโนมตีติ เอตฺถ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปรสนฺตกํ อวหราติ ปุเรภตฺตเมว หริสฺสามีติ วายมนฺตสฺส ปจฺฉาภตฺตํ โหติ, ปุเรภตฺตปโยโคว โส, ตสฺมา มูลฏฺโ น มุจฺจตีติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา มูลฏฺสฺส ปาราชิกเมวา’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘ตํ สงฺเกตํ ปุเร วา ปจฺฉา วา ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๑๑๙) สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปติ.

ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อนิยตเหตุธมฺโม สมฺมตฺตนิยตเหตุธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ สุตฺตํ ปฏฺาเน ลิขิตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อริยมคฺคสฺส น นิพฺพานเมวารมฺมณ’’นฺติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘อารมฺมณตฺติกาทิสุตฺตานุโลเม น โอตรตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. สุตฺตานุโลเม โอตรนฺตํเยว หิ สุตฺตํ นาม, เนตรํ. เตน วุตฺตํ ปาฬิอาคตํ ปฺายตีติ เอตฺตเกนปิ สิทฺเธ ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหปาฬิอาคตํ ปฺายตี’’ติอาทิ. ตาทิสฺหิ ปมาทเลขนฺติ อาจริโย. ‘‘อปฺปมาโท อมตํ ปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑; เนตฺติ. ๒๖) วจนโต ทินฺนโภชเน ภุฺชิตฺวา ปริสฺสยานิ ปริวชฺชิตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา วิหรนฺโต นิจฺโจ โหตีติ. เอวรูปสฺส อตฺถสฺส วเสน อารุฬฺหมฺปิ สุตฺตํ น คเหตพฺพํ, เตน วุตฺตํ โน เจ ตถา ปฺายตีติ สิทฺเธปิ ‘‘โน เจ ตถา ปฺายติ, น โอตรติ น สเมตี’’ติ. ‘‘พาหิรกสุตฺตํ วา’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน สุตฺตมฺปิ อตฺเถน อสเมนฺตํ น คเหตพฺพํ. ปโร อาจริยวาทนฺติอาทีสุ ทฺวีสุ นเยสุ ปมาทเลขวเสน ตตฺถ ตตฺถ อาคตฏฺกถาวจนํ เถรวาเทหิ สทฺธึ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.

อถ ปนายํ อาจริยวาทํ. ปโร สุตฺตนฺติ ปรวาทินา ‘‘มูลพีชํ นาม หลิทฺทิ สิงฺคิเวรํ วจา…เป… พีเช พีชสฺี ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วา ภินฺทติ วา…เป… อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ (ปาจิ. ๙๑) ตุมฺหากํ ปาตฺตา หลิทฺทิคณฺึ ฉินฺทนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺเต สกวาที ‘‘ยานิ วา ปนฺานิ อตฺถิ มูเล สฺชายนฺตี’’ติอาทึ ทสฺเสตฺวา ตสฺส อฏฺกถาสงฺขาเตน อาจริยวาเทน ปฏิกฺขิปติ. น หิ คณฺิมฺหิ คณฺิ ชายตีติ. ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ปรวาทินา ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโหติ วจนสฺสานุโลมโต ‘อมฺหากํ โปราณภิกฺขู เอกปาสาเท คพฺภํ ถเกตฺวา อนุปสมฺปนฺเนน สยิตุํ วฏฺฏตีติ ตถา กตฺวา อาคตา, ตสฺมา อมฺหากํ วฏฺฏตี’ติ ตุมฺเหสุ เอว เอกจฺเจสุ วทนฺเตสุ ตุมฺหากํ น กิฺจิ วตฺตุํ สกฺกา’’ติ วุตฺเต สกวาที ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ อุคฺคหิตกานํเยว อาจริยานํ อุคฺคโห ปมาณ’’นฺติอาทิอฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ. ปโร อตฺตโนมตินฺติ ‘‘ทฺวารํ วิวริตฺวา อนาปุจฺฉา สยิเตสุ เก มุจฺจนฺตี’’ติ เอตฺถ ปน ทฺเวปิ ชนา มุจฺจนฺติ โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา อฺเ สพฺเพปิ ยถา ตถา วา นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ.

อถ ปนายํ อตฺตโนมตึ. ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตี’’ติ ปรวาทินา คุตฺเต สกวาที ‘‘ทิวา กิลนฺตรูโป มฺเจ นิสินฺโน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวาว นิทฺทาวเสน นิปชฺชติ, ตสฺส อนาปตฺตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) ทสฺเสตฺวา เอกภงฺเคน นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ. อถายํ อตฺตโนมตึ. ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ‘‘โทมนสฺสํ ปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปีติอาทิวจเนหิ (ที. นิ. ๒.๓๖๐) สํสนฺทนโต สทารโปเส โทโส ตุมฺหากํ นตฺถิ, เตน วุตฺตํ ‘ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕) ปรวาทินา วุตฺเต กิฺจาปิ สกวาที พหุสฺสุโต น โหติ, อถ โข ราคสหิเตเนว อกุสเลน ภวิตพฺพนฺติ ปฏิกฺขิปติ. เสเสสุปิ อิมินา นเยน อฺถาปิ อนุรูปโต โยเชตพฺพํ. อิทํ สพฺพํ อุปติสฺสตฺเถราทโย อาหุ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘เอตฺถ ปโรติ วุตฺโต อฺนิกายิโก, โส ปน อตฺตโน สุตฺตาทีนิเยว อาหรติ. ตานิ สกวาที อตฺตโน สุตฺตาทิมฺหิ โอตาเรตฺวา สเจ สเมติ คณฺหาติ, โน เจ ปฏิกฺขิปตี’’ติ วทติ.

จตุพฺพิธวินยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปทภาชนียวณฺณนา

สิกฺขาปทวิภงฺเค ปน กิฺจาปิ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ, ตถาปิ ภิกฺขูติ อิมินา ปรปเทน สมานาธิกรณตฺตา ตทนุรูปาเนวสฺส วิภงฺคปทานิ วุตฺตานิ. ภิกฺขุนิพฺพจนปทานิ ตีณิ กิฺจาปิ สภิกฺขุภาวสฺส, อภิกฺขุภาวสฺส จาติ ยสฺส กสฺสจิ ปพฺพชิตสฺส สาธารณานิ, ตถาปิ ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอวมาทิสุตฺตํ นิพฺพจนตฺถยุตฺโตว ปุคฺคโล ‘‘อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) เอตฺถ วตฺถุ, น อิตโร คิหิภูโตติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. สพฺพสฺสปิ วินยปิฏกสฺส สาธารณํ ภิกฺขุลกฺขณํ วตฺถุฺหิ ภควา อารภิ. โย ปน สุทฺโธ เอว สมาโน เกนจิ การเณน คิหิลิงฺเค ิโต, โส อตฺตโน สภิกฺขุภาวตฺตา เอว วตฺถุ โหติ, อสุทฺโธปิ ภิกฺขุลิงฺเค ิตตฺตาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. อสุทฺโธปิ าตเกหิ, ปจฺจตฺถิเกหิ วา ราชภยาทิการเณน วา กาสาเวสุ สอุสฺสาโหว อปนีตกาสาโว วตฺถุ เอว ปุน กาสาวคฺคหเณน เถยฺยสํวาสกภาวานุปคมนโต, ภิกฺขุนิพฺพจนตฺเถ อนิกฺขิตฺตธุรตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. โย ปน ลิงฺคตฺเถนโก ภิกฺขุนิพฺพจนตฺถํ สยฺจ อชฺฌุปคโต, สํวาสํ เถเนนฺโต, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ.

‘‘สมฺาย ภิกฺขุ ปฏิฺาย ภิกฺขู’’ติ วจนทฺวยํ ยถาวุตฺตฺจ อตฺถํ อุปพฺรูเหติ, อนฺตรา อุปฺปนฺนาย นิยตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา อุปจฺฉินฺนกุสลมูโล เกวลาย สมฺาย, ปฏิฺาย จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุจฺจติ, น ปรมตฺถโตติ อิมํ อติเรกตฺถํ ทีเปติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหาสาวชฺชํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, มหาวชฺชานี’’ติ อาหจฺจภาสิตํ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ สุตฺตํ, อฏฺกถายมฺปิสฺส ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมา เอเตสนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปรมานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐) วุตฺตํ. ปฺจ อานนฺตริยกมฺมานิ มหาสาวชฺชานิ, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน มหาสาวชฺชตราติ อธิปฺปาโยติ. กสฺมา? เตสฺหิ ปริจฺเฉโท อตฺถิ, สพฺพพลวมฺปิ กปฺปฏฺิติกเมว โหติ, นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา ปน ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตาย สมนฺนาคตสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุกรณา กุสลา ธมฺมา สํวิชฺชนฺตี’’ติ วา ‘‘สุทฺโธวาย’’นฺติ วา น สกฺกา วตฺตุํ. ‘‘ทิฏฺิวิปตฺติปจฺจยา ทฺเว อาปตฺติโย อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ‘‘อสุทฺโธ’’ติ วา ‘‘อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน’’ติ วา วตฺตุํ. เอส หิ อุโภปิ ปกฺเข น ภชติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺาย, ปฏิฺาย จ ภิกฺขุ, น ปรมตฺถโต’’ติ.

กิมตฺถํ ปเนวํ มหาสาวชฺชาย นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา ปาราชิกํ ภควา น ปฺเปสีติ? ทุพฺพิชานตฺตา. ปกติยาเปสา ทิฏฺิ นาม ‘‘สมฺมา’’ติ วา ‘‘มิจฺฉา’’ติ วา ทุวิฺเยฺยา, ปเคว ‘‘นิยตา’’ติ วา ‘‘อนิยตา’’ติ วาติ. ตตฺถ ปาราชิกาปตฺติยา ปฺตฺตาย ภิกฺขู อฺมฺํ อสมทิฏฺิกํ ปาราชิกํ มฺมานา อุโปสถาทีนิ อกตฺวา อจิเรเนว สาสนํ วินาเสยฺยุํ, สยฺจ อปุฺํ ปสเวยฺยุํ สุทฺเธสุปิ ภิกฺขูสุ วิปฺปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชเนน. ตสฺมา อุปายกุสลตาย ปาราชิกํ อปฺาเปตฺวา ตสฺส อุกฺเขปนียกมฺมํ, สมฺมาวตฺตฺจ ปฺาเปตฺวา ตํ สงฺเฆน อสมฺโภคํ, อสํวาสฺจ อกาสิ. ภควา หิ ตสฺส เจ เอสา ทิฏฺิ อนิยตา, สมฺมาวตฺตํ ปูเรตฺวา โอสารณํ ลภิตฺวา ปกตตฺโต ภเวยฺย. นิยตา เจ, อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ โส นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก สมฺมาวตฺตํ ปูเรตฺวา โอสารณํ ลภิตฺวา ปกตตฺโต ภเวยฺย. เกวลํ ‘‘สมฺายภิกฺขุ ปฏิฺายภิกฺขู’’ติ นามมตฺตธารโก หุตฺวา ปรํ มรณา อริฏฺโ วิย สํสารขาณุโกว ภวิสฺสตีติ อิมํ นยํ อทฺทส.

อฏฺสุ อุปสมฺปทาสุ ติสฺโสเวตฺถ วุตฺตา, น อิตรา ปาฏิปุคฺคลตฺตา, ภิกฺขูนํ อสนฺตกตฺตา จ. ตตฺถ หิ โอวาทปฏิคฺคหณปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา ทฺวินฺนํ เถรานํ เอว, เสสา ติสฺโส ภิกฺขุนีนํ สนฺตกาติ อิธ นาธิปฺเปตา, ติสฺสนฺนมฺปิ อุปสมฺปทานํ มชฺเฌ ‘‘ภทฺโร ภิกฺขู’’ติอาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ วุตฺตานิ ติสฺสนฺนํ สาธารณตฺตา. เอหิภิกฺขุภาเวน วา สรณคมนตฺติจตุตฺเถน วา อุปสมฺปนฺโน หิ ภทฺโร จ สาโร จ เสกฺโข จ อเสกฺโข จ โหติ, อุปสมฺปทวจนํ ปน เนสํ สาวกภาวทีปนตฺถํ. อิเม เอว หิ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺติ, น สมฺมาสมฺพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา จ.

อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโตติ เอตฺถ จ อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภพฺพา ตฺติจตุตฺเถเนว กมฺเมน อุปสมฺปนฺนา. น หิ อฺเ เอหิภิกฺขุสรณคมนโอวาทปฏิคฺคหณปฺหพฺยากรณาหิ อุปสมฺปนฺนา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภพฺพา, เตเนเต ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขู’’ติ อนฺติโมว วุตฺโตติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร, ตํ อยุตฺตํ. ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา อภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ. อฺถา เอหิภิกฺขุอาทโยปิ วตฺตพฺพา สิยุํ. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา ภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จา’’ติ สามฺเน วุตฺตตฺตา จ, อปิจ อาปตฺติภยฏฺานทสฺสนโต จ. กถํ? อายสฺมา สาริปุตฺโต อาวสถปิณฺฑํ กุกฺกุจฺจายนฺโต น ปฏิคฺคเหสิ, จีวรวิปฺปวาสภยา จ สพฺพํ ติจีวรํ คเหตฺวา นทึ ตรนฺโต มนํ วุฬฺโห อโหสิ มหากสฺสโป. กิฺจ สรณคมนูปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺเน อารพฺภ สทฺธิวิหาริกวตฺตาทีนิ อสมฺมาวตฺตนฺตานํ เนสํ ทุกฺกฏานิ จ ปฺตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ทุพฺพิจาริตเมตํ. อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ ปฏิกฺขิตฺตาย สรณคมนูปสมฺปทาย อนุฺาตปฺปสงฺคภยาติ อุปติสฺสตฺเถโร, อาปตฺติยา ภพฺพตํ สนฺธาย ตสฺมิมฺปิ วุตฺเต ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตาปิ สา ปุน เอวํ วทนฺเตน อนุฺาตาติ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาคาโห วา วิมติ วา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา น วุตฺตาติ วุตฺตํ โหติ, ตํ ‘‘ภิกฺขุนี นาม อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนา’’ติ (ปาจิ. ๑๖๑) อิมินา สเมติ. อิทฺหิ สากิยาทีนํ อนุฺาตอุปสมฺปทาย อนุปฺปพนฺธภยา วุตฺตํ.

อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ภิกฺขุ-ปทนิทฺเทสตฺตา ยตฺตกานิ เตน ปเทน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, เย จ วินยปิฏเก ตตฺถ ตตฺถ สนฺทิสฺสนฺติ สยํ อาปตฺตาปชฺชนฏฺเน วา ทุฏฺุลฺลาโรจนปฏิจฺฉาทนาทีสุ ปเรสํ อาปตฺติกรณฏฺเน วา, เต สพฺเพปิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยทิทํ ตสฺส ภิกฺขุ-ปทสฺส วิเสสนตฺถํ วุตฺตํ ปรปทํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ, ตสฺส วเสน อิทํ วุตฺตํ ‘‘อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขู’’ติ. โส เอว หิ กมฺมวาจานนฺตรเมว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน โหติ ตโต ปฏฺาย สอุทฺเทสสิกฺขาปทานํ อุปฺปตฺติทสฺสนโต, ตสฺเสว จ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ทิสฺสติ, เนตรสฺส. ตสฺเสว จ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ สมฺภวติ ‘‘อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภนฺเต, สงฺโฆ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ (มหาว. ๗๑, ๑๒๖) วตฺวา สมาทินฺนตฺตา, ตสฺเสว จ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว อกรณียนิสฺสยาจิกฺขนทสฺสนโต, วินยํ ปาติโมกฺขํ อุทฺเทสํ ปจฺจกฺขามีติอาทิสิกฺขาปจฺจกฺขานลกฺขณปาริปูริโต จาติ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อุปาทาย โส เอว อิธาธิปฺเปโตติ วุตฺตํ โหติ.

ยสฺมา ปนสฺส สิกฺขาปจฺจกฺขานํ สพฺพถา ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ตํ ตํ วตฺถุํ วีติกฺกมนฺตสฺส ตโต ตโต อาปตฺติโต อนาปตฺติ, อิตรสฺส อาปตฺตี’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘ยตฺถ ยตฺถ สาวชฺชปฺตฺติ, อนวชฺชปฺตฺติ วา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ตทชฺฌาจารตฺเถนายเมว ตฺติจตุตฺเถน อุปสมฺปนฺโน อธิปฺเปโต นามา’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สนฺเต ยํ วุตฺตํ ‘‘ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อยํ อิมสฺมึ ‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา ปาราชิโก โหตี’ติ อตฺเถ ภิกฺขูติ อธิปฺเปโต’’ติ, ตมฺปิ น วตฺตพฺพเมว. กถํ โหติ? วิโรธโทโสปิ ปริหโต โหติ. กถํ? สเจ ตฺติจตุตฺเถน อุปสมฺปนฺโน เอว อิธาธิปฺเปโต ‘‘ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ จ, เตน น อุปสมฺปนฺโน อนุปสมฺปนฺโน นามาติ กตฺวา ตฺติจตุตฺถกมฺมโต อฺถา อุปสมฺปนฺนา นาม มหากสฺสปตฺเถราทโย อิตเรสํ อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ตฺวา สหเสยฺยปทโสธมฺมาปตฺตึ ชเนยฺยุํ, โอมสนาทิกาเล จ ทุกฺกฏเมว ชเนยฺยุนฺติ เอวมาทิโก วิโรธโทโส ปริหโต โหตีติ สพฺพํ อาจริโย วทติ. มงฺคุรจฺฉวิ นาม สาโม.

ยสฺมา เต อติมหนฺโต ชาติมโท จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ มม สาสเน เอวํ สิกฺขิตพฺพํ. ‘‘สาตสหคตา ปมชฺฌานสุขสหคตา อสุเภ จ อานาปาเน จา’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. อุทฺธุมาตกสฺาติ อุทฺธุมาตกนิมิตฺเต ปฏิลทฺธปมชฺฌานสฺา. รูปสฺาติ ปถวีกสิณาทิรูปาวจรชฺฌานสฺา. โส ตํ พฺยากาสิ ‘‘อวิภูตา, ภนฺเต, อุทฺธุมาตกสฺา อวฑฺฒิตพฺพตฺตา อสุภานํ, วิภูตา, ภนฺเต, รูปสฺา วฑฺฒิตพฺพตฺตา กสิณาน’’นฺติ. ปฺจอุปสมฺปทกฺกโม มหาวคฺคา คหิโต. ตฺติจตุตฺเถนาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ตฺติ สพฺพปมํ วุจฺจติ, ติสฺสนฺนํ ปน อนุสฺสาวนานํ อตฺถพฺยฺชนเภทาภาวโต อตฺถพฺยฺชนภินฺนา ตฺติตาสํ จตุตฺถาติ กตฺวา ‘‘ตฺติจตุตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. พฺยฺชนานุรูปเมว อฏฺกถาย ‘‘ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ เอกาย จ ตฺติยา’’ติ วุตฺตํ, อตฺถปวตฺติกฺกเมน ปเทน ปน ‘‘เอกาย ตฺติยา ตีหิ อนุสฺสาวนาหี’’ติ วตฺตพฺพํ. ยสฺมา ปเนตฺถ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กมฺมานิ (มหาว. ๓๘๔), ฉ อิมานิ, ภิกฺขเว, กมฺมานิ อธมฺมกมฺมํ วคฺคกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๓๘๗) วจนโต กุปฺปกมฺมมฺปิ กตฺถจิ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุจฺจติ ตสฺมา ‘‘อกุปฺเปนา’’ติ วุตฺตํ.

ยสฺมา อกุปฺปมฺปิ เอกจฺจํ น านารหํ, เยน อปฺปตฺโต โอสารณํ ‘‘โสสาริโต’’ติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๙๕ อาทโย) วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘านารเหนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘านารเหนา’’ติ อิทเมว ปทํ วตฺตพฺพํ, น ปุพฺพปทํ อิมินา อกุปฺปสิทฺธิโตติ เจ? ตํ น, อฏฺานารเหน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อิมสฺมึ อตฺเถ อนธิปฺเปโตติ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ทฺวีหิ ปเนเตหิ เอกโต วุตฺเตหิ อยมตฺโถ ปฺายติ ‘‘เกวลํ เตน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ‘ภิกฺขู’ติ, านารเหน จ อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ‘ภิกฺขู’ติ, กุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน นาธิปฺเปโต’’ติ. เตนายมฺปิ อตฺโถ สาธิโต โหติ ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทยฺย, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ (ปาจิ. ๔๐๓) วจนโต ยาว น ายติ, ตาว สมฺายภิกฺขุปฏิฺายภิกฺขุภาวํ อุปคโตปิ น ปุพฺเพ ทสฺสิตสมฺายภิกฺขุปฏิฺายภิกฺขุ วิย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อุปสมฺปนฺนฏฺาเน ตฺวา โอมสนปาจิตฺติยาทิวตฺถุ โหติ, เกวลํ อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ตฺวา ‘‘อนุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺี ปทโส ธมฺมํ วาเจติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๗) อาปตฺติวตฺถุเมว หุตฺวา ติฏฺติ. อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน ปน ปจฺฉา ปาราชิโกปิ ชาติโต อุปสมฺปนฺนฏฺาเน ติฏฺตีติ ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๙) นเยน วุตฺเตสุ ปน วชฺชนียปุคฺคเลสุ โกจิ ปุคฺคโล ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ, โนปิ อุปสมฺปนฺนฏฺาเน ติฏฺติ, โกจิ ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ ปน อตฺถิ กมฺมํ อกุปฺปํ านารหํ, อตฺถิ านารหํ นากุปฺปํ, อตฺถิ อกุปฺปฺเจว น านารหฺจ, อตฺถิ นากุปฺปํ น จ านารหนฺติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปมํ ตาว วุตฺตํ, ตติยจตุตฺถานิ ปากฏานิ. ทุติยํ ปริยาเยน ภิกฺขุนิสงฺฆโต เอกโตอุปสมฺปนฺนาย ลิงฺคปริวตฺเต สติ ลพฺภติ. ตสฺส หิ ปุคฺคลสฺส ปุพฺเพ สิกฺขมานกาเล ลทฺธํ ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทากมฺมํ กิฺจาปิ อกุปฺปฺเจว านารหฺจ, ปุริสลิงฺเค ปน ปาตุภูเต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปท’’นฺติ (ปารา. ๖๙) เอตฺถ อปริยาปนฺนตฺตา ตสฺส ปุคฺคลสฺส เกวลํ สามเณรภาวาปตฺติโต กมฺมํ ทานิ กุปฺปํ ชาตนฺติ วุจฺจติ. ลิงฺคปริวตฺเตน จีวรสฺส อธิฏฺานวิชหนํ วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ภิกฺขุนิสงฺเฆน กตาย อุปสมฺปทาย วิชหนํ โหตีติ เวทิตพฺพํ, อฺถา โส ปุคฺคโล อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขูติ อาปชฺชติ. อถ วา ลิงฺคปริวตฺเต อสติปิตํ เอกโตอุปสมฺปทากมฺมํ กุปฺปติ, ยถาาเน น ติฏฺติ. ตสฺมา น ตาว สา ‘‘ภิกฺขุนี’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ยสฺมา อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปชฺชิตฺวาปิ อนาปชฺชิตฺวาปิ อุปฺปพฺพชิตุกามตาย คิหิลิงฺคํ สาทิยนฺติยา ปุนปิ อุปสมฺปทา อุภโตสงฺเฆ ลพฺภติ, ตสฺมา เตน ปริยาเยน ‘‘กุปฺปตีติ กุปฺป’’นฺติ วุจฺจติ, ยถาวุตฺตกมฺมโทสาภาวโต ปน ‘‘านารห’’นฺติ. ภิกฺขุนี ปน คิหิลิงฺคํ สาทิยนฺติกาเล น ปุริสลิงฺคปาตุภาเว สติ ภิกฺขูสุ อุปสมฺปทํ ลพฺภตีติ สาธกํ การณํ น ทิสฺสติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อุปฺปพฺพชิตา เจ, ลภตีติ เอเก, ตํ ปนายุตฺตํ ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขนาภาวโตติ อมฺหากํ ขนฺตีติ อาจริโย. ‘‘ยถา ‘กตฺตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ, ตถา อกเต กุปฺปตีติ กตฺวา กรณํ สตฺถุสาสน’’นฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ยตฺถ ยตฺถ ‘‘คณฺิปเท’’ติ วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ธมฺมสิริตฺเถรสฺส คณฺิปเท’’ติ คเหตพฺพํ.

สาชีวปทภาชนียวณฺณนา

‘‘มหาโพธิสตฺตา นิยตา’’ติ วุตฺตํ อนุคณฺิปเท. ยตฺถ ‘‘อนุคณฺิปเท’’ติ, ตตฺถ ‘‘วชิรพุทฺธิตฺเถรสฺสา’’ติ คเหตพฺพํ. สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธีติ วา ตีสุ โพธีสุ สมฺมาสมฺโพธิยํ สตฺตา โพธิสตฺตา มหาโพธิสตฺตา นาม. ปาติโมกฺขสีลพหุกตฺตา, ภิกฺขุสีลตฺตา, กิเลสปิทหนวเสน วตฺตนโต, อุตฺตเมน ภควตา ปฺตฺตตฺตา จ อธิกํ, พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตนโต อุตฺตมนฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท. กิฺจาปิ ปจฺเจกพุทฺธาปิ ธมฺมตาวเสน ปาติโมกฺขสํวรสีเลน สมนฺนาคตาว โหนฺติ, ตถาปิ ‘‘พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตี’’ติ นิยมิตํ เตน ปริยาเยนาติ. เตนาห ‘‘น หิ ตํ ปฺตฺตึ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ. ปาติโมกฺขสํวรโตปิ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ อนธิปฺเปตํ. น หิ ตํ ปาติโมกฺขุทฺเทเสน สงฺคหิตนฺติ. สมนฺตภทฺรกํ การณวจนํ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณลกฺขณตฺตา อิมิสฺสา อนุปฺตฺติยา อริยปุคฺคลา จ เอกจฺจํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตีติ สาธิตเมตํ, ตสฺมา ‘‘น หิ ตํ สมาปนฺโน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ อสมตฺถํ วิย ทิสฺสตีติ? นาสมตฺถํ, สมตฺถเมว ยสฺมึ ยสฺมึ สิกฺขาปเท สาสา วิจารณา, ตสฺส ตสฺเสว วเสน อฏฺกถาย ปวตฺติโต. ตถา หิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อุทกุกฺเขปสีมาธิกาเร ‘‘ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา’’ติ วุตฺตํ ภิกฺขุนิวิภงฺเค อาคตตฺตา. เอเสว นโย อฺเปิ เอวรูเปสุ. กิมตฺถนฺติ เจ ตํ? ปาฬิกฺกมานุวตฺตเนน ปาฬิกฺกมทสฺสนตฺถํ. ตตฺริทํ สมาสโต อธิปฺปายทีปนํ – ปทโสธมฺมสิกฺขาปทสฺส ติกปริจฺเฉเท อุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺี, อนาปตฺติ, อกฏานุธมฺมสิกฺขาปทวเสน อุปสมฺปนฺเน อุกฺขิตฺตเก สิยา อาปตฺติ, ตถา สหเสยฺยสิกฺขาปเทติ เอวมาทิ. อตฺโถ ปเนตฺถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตโตปิ จ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตํ ปน อิธ อนธิปฺเปต’’นฺติ จ, ‘‘ตโตปิ จ มคฺคผลปฺาว อธิปฺา, สา ปน อิธ อนธิปฺเปตา. น หิ ตํสมาปนฺโน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวตี’’ติ. ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌติ. อยฺหิ ปาฬิ อธิสีลสิกฺขาว อิธ อธิปฺเปตา, น อิตราติ ทีเปติ. อฏฺกถาวจนํ ตาสมฺปิ ติณฺณํ โลกิยานํ อธิปฺเปตตํ ทีเปติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถาธิปฺปาโย – ติสฺโสปิ โลกิยา สิกฺขา อิมสฺมึ ปมปาราชิเก สมฺภวนฺติ, กาเลนาปิ อธิจิตฺตปฺาลาภี ภิกฺขุ ตถารูปํ อสปฺปายํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ ตโต ตโต อธิจิตฺตโต, อธิปฺาโต จ อาวตฺติตฺวา สีลเภทํ ปาปุเณยฺยาติ านเมตํ วิชฺชติ, น โลกุตฺตรจิตฺตปฺาลาภี, อยํ นโย อิตเรสุปิ สพฺเพสุ อทินฺนาทานาทีสุ สจิตฺตเกสุ ลพฺภติ, อจิตฺตเกสุ ปน อิตโรปิ. ตถาปิ เกวลํ วินยปิฏกสฺส, ปาติโมกฺขสีลสฺส จ สงฺคาหกตฺตา ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ อิมสฺมึ อุตฺตรปเท ปจฺจกฺขานารหา อธิสีลสิกฺขาว โลกิยาติ ทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ สิกฺขาติ กายวจีทุจฺจริตโต วิรตี จ เจตนา จ, อฺตฺร เจตนาเยว เวทิตพฺพา. สิกฺขาปทนฺติ สอุทฺเทสสิกฺขาปทํ, เอกจฺจํ อนุทฺเทสสิกฺขาปทฺจ ลพฺภติ. จิตฺตสฺส อธิกรณํ กตฺวาติ ตสฺมึ สิกฺขตีติ อธิกรณตฺเถ ภุมฺมนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ยถาสิกฺขาปทนฺติ ปจฺจเวกฺขณวเสน วุตฺตํ. สีลปจฺจเวกฺขณาปิ หิ สีลเมว, ตสฺมา สุปฺปฏิจฺฉนฺนาทิจาริตฺเตสุ วิรติวิปฺปยุตฺตเจตนํ ปวตฺเตนฺโตปิ สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) วุตฺตมริยาทํ อวีติกฺกมนฺโต ‘‘ตสฺมิฺจ สิกฺขาปเท สิกฺขตี’’ติ วุจฺจติ. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาติ ตํ สิกฺขาปทํ สิกฺขนภาเวน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท. สาชีวนฺติ ปฺตฺติ. ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ปุพฺเพ เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ยสฺมา สิกฺขาย คุณสมฺมตาย ปุฺสมฺมตาย ตนฺติยา อภาวโต โลกสฺส ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ตตฺถ น สมฺภวติ. ปตฺถนียา หิ สา, ตสฺมา ‘‘ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อาณาย หิ ทุพฺพลฺยํ สมฺภวตีติ อายสฺมา อุปติสฺโส.

สิกฺขาปจฺจกฺขานกถาวณฺณนา

เอตฺถ ยามีติ อมุกสฺมึ ติตฺถายตเน, ฆราทิมฺหิ วา. ภาววิกปฺปากาเรนาติ ‘‘อหํ อสฺส’’นฺติ อาคตตฺตา ยํ ยํ ภวิตุกาโม, ตสฺส ตสฺส ภาวสฺส วิกปฺปากาเรน, ภิกฺขุภาวโต อฺภาววิกปฺปากาเรนาติ อธิปฺปาโย.

๔๖. หนฺทาติ วจสาเยว. คิหิภาวํ ปตฺถยมาโนติอาทิปเทหิ จิตฺตนิยมํ ทสฺเสติ. เอเกเนว จิตฺเตน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนาติ.

๕๑. พุทฺธํ ธมฺมนฺติอาทิปเทหิ เขตฺตนิยมํ ทสฺเสติ. ตตฺถ อาทิโต จุทฺทสหิ ปเทหิ สภาวปริจฺจาโค, ปจฺฉิเมหิ อฏฺหิ ภาวนฺตราทานฺจ ทสฺสิตํ โหติ. ปจฺจกฺขามิ ธาเรหีติ เอเตหิ กาลนิยมํ ทสฺเสติ. วทตีติ อิมินา ปเทน ปโยคนิยมํ ทสฺเสติ. วิฺาเปตีติ อิมินา วิชานนนิยมํ ทสฺเสติ. อุมฺมตฺตโก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ, อุมฺมตฺตกสฺส สนฺติเก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตีติอาทีหิ ปุคฺคลนิยมํ ทสฺเสติ. อริยเกน มิลกฺขสฺส สนฺติเก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตีติอาทีหิ ปน ปุคฺคลาทินิยเมปิ สติ วิชานนนิยมาสมฺภวํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘ยาย มิลกฺขภาสาย กาลนิยโม นตฺถิ, ตายปิ ภาสาย กาลนิยมตฺถทีปเน สติ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ รุหตีติ โน มตี’’ติ อาจริโย. ทวายาติอาทีหิ เขตฺตาทินิยเม สติปิ จิตฺตนิยมาภาเวน น รุหตีติ ทสฺเสติ. สาเวตุกาโม น สาเวตีติ จิตฺตนิยเมปิ สติ ปโยคนิยมาภาเวน น รุหตีติ ทสฺเสติ. อวิฺุสฺสสาเวติ, วิฺุสฺส น สาเวตีติ จิตฺตเขตฺตกาลปโยคปุคฺคลวิชานนนิยเมปิ สติ ยํ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส สาเวติ, ตสฺเสว สวเน น รุหติ, น อฺสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ยทิ อยเมว ชานาตูติ เอกํ นิยเมตฺวา อาโรเจติ, ตฺเจ โส เอว ชานาติ, ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา. อถ โส น ชานาติ…เป… อปฺปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา’’ติ. สพฺพโส วา ปน น สาเวติ, อปฺปจฺจกฺขา โหติ สิกฺขาติ จิตฺตาทินิยเมเนว สิกฺขา ปจฺจกฺขาตา โหติ, น อฺถาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา ‘‘สิกฺขา…เป… ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปทสฺส ปทภาชนํ ตีหิ อากาเรหิ ทสฺสิตํ โหติ. ตตฺถ ทฺเว อมิสฺสา, ปจฺฉิโม เอโก มิสฺโสติ เวทิตพฺโพ. เตเนว วจีเภเทนาติ ตทตฺถทีปนมตฺตํ วจนํ สุตฺวาว เตเนว วจีเภเทน ชานาเปตีติ อตฺโถ. จิตฺตสมฺปยุตฺตนฺติ ปจฺจกฺขาตุกามตาจิตฺตสมฺปยุตฺตํ. สมยฺู นาม ตทธิปฺปายชานนมตฺเตน โหติ.

๕๓. วณฺณปฏฺานํ พุทฺธคุณทีปกํ สุตฺตํ. อุปาลิคหปตินา วุตฺตา กิร อุปาลิคาถา. ปฺาณํ สฺาณนฺติ อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา โพธิปฺาณนฺติ โพธิสฺาณํ, โพธิพีชนฺติ วุตฺตํ โหติ.

ทฺวินฺนมฺปิ นิยเมตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ทฺวีสุปิ ชานนฺเตสุ เอว ปจฺจกฺขามีติ อธิปฺปาเยน วุตฺเต เตสุ เอโก เจ ชานาติ, น ปจฺจกฺขาตา โหตี’’ติ อฺตรสฺมิมฺปิ คณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ. ‘‘คิหี โหมี’’ติ วา ‘‘คิหิมฺหี’’ติ วา วุตฺเต กิฺจาปิ วตฺตมานวจนํ โหติ. ‘‘ธาเรหี’’ติ อตฺถาภาวา จ ‘‘ธาเรหี’’ติ วุตฺเต จ ปรสฺสุปริ คจฺฉติ, ตสฺมา น โหติ. สนฺทิฏฺิกํ ธมฺมนฺติ สพฺพตฺถ ธมฺมวจนํ วุตฺตํ ยํ สนฺธาย ‘‘สนฺทิฏฺิก’’นฺติ วทติ, ตํ ปกาเสตุํ. อฺถา ‘‘วิชิตวิชยํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วุตฺเต จกฺกวตฺติอาทีสุปิ ตปฺปสงฺคโต พุทฺธสทฺโทปิ อวสาเน วตฺตพฺโพ ภเวยฺย. อาจริยเววจเนสุ ปน โย มํ ปพฺพาเชสีติอาทิ อุปชฺฌํ อคฺคเหตฺวา, ปรํ วา อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. โอกลฺลโกติ กปณาธิวจนํ. โมฬิพทฺโธติ สิขาพทฺโธ, โอมุกฺกมกุโฏ วา. เจลฺลโก อเถโร. เจฏโก มชฺฌิโม. โมฬิคลฺโล มหาสามเณโร. มนุสฺสวิคฺคหนาคาทีนํ นาครูปาทีนํ วา สนฺติเก, ภาสาชานนกินฺนราทีนํ วา. ‘‘เทวตา นาม มหาปฺา’’ติ กิร ปาโ. ทวายาติ สหสา. รวาภฺเนาติ ขลิตภฺเน. อกฺขรสมยานฺหิ นาภิฺาตาย วา กรณานํ อวิสทตาย วา โหติ รวาภฺํ. อวิเธยฺยินฺทฺริยตาย ‘‘โปตฺถกรูปสทิสสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ครุเมธสฺส มนฺทปฺสฺส. กิตฺตาวตา ปน ครุเมโธ โหตีติ เจ? สมเย อโกวิทตาย.

สิกฺขาปจฺจกฺขานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

มูลปฺตฺติกถาวณฺณนา

๕๕. ‘‘ปฏิเสวตินามา’’ติ ปทํ มาติกายํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ปฏิเสเวยฺยาติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ‘‘เอโส เมถุนธมฺโม นามา’’ติ สพฺพปาฬิโปตฺถเกสุ, อฏฺกถายํ ‘‘เอโส วุจฺจติ เมถุนธมฺโม นามา’’ติ อุทฺธฏา. อิตฺถิยา นิมิตฺเตน อตฺตโน นิมิตฺตนฺติ ทุวิฺเยฺยเมตํ ทสฺสิตํ. อตฺตโน นิมิตฺเตน อิตฺถิยา นิมิตฺตํ สุวิฺเยฺยตฺตา น ทสฺสิตํ. จตฺตาริ านานิ มุฺจิตฺวาติ เอตฺถ อพฺภนฺตรตลํ ฉุปนฺตํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, อจฺฉุปนฺตํ นีหรนฺตสฺส อนาปตฺติ. มชฺฌนฺติ อคฺคปฺปเทสํ. อุปริภาคมชฺฌนฺติ อุปริภาคสฺส อคฺคปฺปเทสํ. นฏฺกายปฺปสาทนฺติ เอตฺถ อุปหตินฺทฺริยสฺส อาปตฺติสมฺภวโต อิธาปิ อาปตฺตีติ เจ? เนติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มตจมฺมํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มตจมฺมฺหิ อนุปาทินฺนํ, อุปาทินฺเน เอว ปาราชิกาปตฺติ. อปิธาย อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา. ยถา ทนฺตา น ทิสฺสนฺติ, ตถา ปิธาเยว นิสีทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

โคนโสติ โคณปิฏฺิโก มณฺฑลสปฺโป, ยสฺส ปิฏฺเ โลหิตกานิ มณฺฑลานิ ทิสฺสนฺติ. กลลปริจยวาริจารมจฺฉคฺคหเณน กิฺจาปิ สมุทฺเท มหามุขา หตฺถิสรีรมฺปิ เอกปฺปหาเรน คิลิตุํ สมตฺถา ตโต มหนฺตตรา จ คหิตา โหนฺติ, เตสํ มุขาทีสุ เมถุนธมฺโม น สมฺภวตีติ ตตฺถ านปริจฺเฉโท นตฺถีติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอตเมว หีติ อนนฺตรํ สนฺธาย. สทฺธึ โยชนาย อกฺขรโยชนาย. ‘‘ปฺตฺตํ ปน สิกฺขาปทํ สพฺเพหิปิ ลชฺชีปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นามาติ วุตฺตตฺตา สพฺพสิกฺขาปทํ สพฺพภิกฺขูหิ สิกฺขิตพฺพํ. น หิ กสฺสจิ อูนมธิกํ วา อตฺถี’’ติ ตสฺส คณฺิปเท วุตฺตํ. ปริวาเร ปน –

‘‘น อุกฺขิตฺตโก น จ ปน ปาริวาสิโก,

น สงฺฆภินฺโน น จ ปน ปกฺขสงฺกนฺโต;

สมานสํวาสกภูมิยา ิโต,

กถํ นุ สิกฺขาย อสาธารโณ สิยา’’ติ. (ปริ. ๔๗๙) –

วุตฺตํ. ตทฏฺกถาย จ ‘‘อยํ ปฺหา นหาปิตปุพฺพกํ สนฺธาย วุตฺตา. อยฺหิ ขุรภณฺฑํ ปริหริตุํ น ลภติ, อฺเ ลภนฺติ. ตสฺมา สิกฺขาย อสาธารโณ’’ติ วุตฺตํ. ตํ สพฺพํ ยถา สํสนฺทติ สเมติ, ตถา เวทิตพฺพํ. ภิกฺขุนีนํเยว สาธารณานิ สิกฺขาปทานิปิ ภิกฺขุ สิกฺขติ, เอวมฺโปิ อนฺหาปิตปุพฺพโก ภิกฺขุ ตํ สิกฺขาปทํ สิกฺขติ เอว ตทตฺถโกสลฺลตฺถนฺติ กตฺวา สพฺพมฺปิ สิกฺขาปทํ สมสิกฺขตา นามาติ. ยํ ตํ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย’’ติอาทิวิภงฺโคตํนิยามโกติลกฺขณตฺตา วตฺถุนิยมนตฺถํ วุตฺตํ. เตน อมนุสฺสิตฺถิปฺปสงฺเคน กเต สุวณฺณรชตาทิมเย ปฏิกฺขิปติ. อิโต ปฏฺาย เย จ ‘‘ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ วิภงฺโค ปวตฺตตี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตา, เต ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา เวทิตพฺพา.

ปมจตุกฺกกถาวณฺณนา

๕๗. อาปตฺติ ปาราชิกา อสฺส โหตีติ เอตฺถ ยสฺมา สา อกุสลา อาปตฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺภวํ อภิภวติ, ราคาภิภเว ตสฺมึ ปาราชิกาติ ลทฺธนามา ปุพฺพภาเค อาปนฺนา ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยาทโย อาปตฺติโย อภิภวิตฺวา วินาเสตฺวา สยเมเวกา อสฺส. วตฺถุนา สภาคาหิ วา อสภาคาหิ วา อฺาหิ ปาราชิกตฺเตน สมานชาติกาหิ อาปตฺตีหิ สยํ นาภิภวียตีติ เอเก. ตํ ตํ ปุพฺเพ วิจาริตเมว. ยทา ปน จตสฺโสปิ ปาราชิกาปตฺติโย เอกโต โหนฺติ, ตทา ตา ตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุภาวํ อภิภวนฺติ, อภิกฺขุํ กโรนฺติ, อนุปสมฺปนฺนํ กโรนฺติ, สมฺายปิ ภิกฺขุ น โหติ. โอมสวาทปาจิตฺติยํ น ชเนตีติ เอเก. ทุติเยน อตฺถวิกปฺเปน ปาราชิกสฺส ธมฺมสฺส ปตฺติ สมฺปตฺติ อาปตฺตีติ อตฺโถ สงฺคหิโต โหตีติ กตฺวา อาปตฺติสมฺปตฺติวาทีนํ สงฺคหิโต โหติ, ยุชฺชติ เจสา ปรสาเปกฺขา. สาปตฺติโก นาม โส ภิกฺขุ โหติ, อฺถา ตสฺส ขณภงฺเคน อนาปตฺติโก ภเวยฺย, น จ โหตีติ. กทา ปน โหตีติ? ยทา กาลํ กโรติ, ยทา จ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย สามเณราทิภูมิยํ ติฏฺติ. ยทิ เอวํ สิกฺขาย ปจฺจกฺขาตาย ปาราชิกาปตฺติ ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา จาติ อุภยํ ตสฺส เอกโต อตฺถิ, สงฺฆาทิเสสาทิอาปตฺติ สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน กึ น ปจฺจกฺขาตา, ปุน อุปสมฺปนฺเนน เทสาเปตพฺพา. สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อาปตฺติวุฏฺานํ ชาตํ, อภิกฺขุ อาปตฺติโต วุฏฺาติ, คหฏฺโ วุฏฺาติ, สามเณโร วุฏฺาติ, ตโต วินยวิโรธา น วุฏฺาติ. หฺจิ ปน วุฏฺาติ คหฏฺโ, สามเณโร วา สีลสมฺปนฺโนว ฌานลาภี อสฺส, โสตาปตฺติผลสฺส วา อรหตฺตผลสฺส วา ลาภี อสฺส, ปาราชิกาปตฺติยา สาปตฺติโก อรหา อสฺส. อุกฺขิตฺตโก อุปฺปพฺพชิโต วา ปริวาสารโห มานตฺตารโห อุปฺปพฺพชิโต วา สีลสมฺปนฺโน ฌานลาภี อสฺส, โสตาปตฺติผลสฺส, อรหตฺตผลสฺส วา ลาภี อสฺส, สาปตฺติโก สนฺตรายิโก อรหา อสฺส, โส ปุน อุปสมฺปนฺโน ปริวาสํ, มานตฺตํ วา ทตฺวา อพฺเภตพฺโพ อุกฺขิตฺตโก โอสาเรตพฺโพติ สมาโน อยํ อุปลพฺโภติ.

อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปนฺโน ยาว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานาติ สาทิยติ สํวาสํ, สนฺตรายิกตฺตา อุโปสถทิวสาทีสุ คหฏฺสฺส วิย สยเมว สีลํ สมาทิยนฺตสฺสปิ น สีลสมาทานํ รุหติ, ปเคว ฌานาทีนิ. โส เจ ภิกฺขุภาวํ น สาทิยติ น ปฏิชานาติ สํวาสํ น สาทิยติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ อาวิกตฺวา ราชเวริโจราทิภเยน กาสาวํ น ปริจฺจชติ, อนุปสมฺปนฺโนว โหติ สหเสยฺยาทึ ชเนติ, สีลสฺส จ ฌานาทีนฺจ ภาคี โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘อาปนฺเนน วิสุทฺธาเปกฺเขน สนฺตี อาปตฺติ อาวิกาตพฺพา, อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ปมสฺส ฌานสฺส อธิคมายา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๓๔-๑๓๕).

ตตฺถ สนฺตี อาปตฺตีติ สาวเสสานวเสสปฺปเภทา สพฺพาปิ อาปตฺติ อาปนฺนา อธิปฺเปตา. เอวํ สนฺเตปิ ปเคว คหฏฺาทิภูมิยํ ิโต ฌานาทีนํ ภาคี อสฺส สุทฺธนฺเต ิตตฺตา, โย ปน อุกฺขิตฺตโก อโนสาริโต, ครุธมฺมํ วา อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺาทิภูมิยํ ิโต, น โส ฌานาทีนํ ภาคีเยว ภวติ น สุทฺธนฺเต ิตตฺตา, สกรณียตฺตา จ, เตเนว ภควตา ‘‘โส ปุน อุปสมฺปนฺโน โอสาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส เต ภิกฺขุกาเล อาปนฺนา อนฺตรายิกา ธมฺมา วิปฺปฏิสารํ ชนยิตฺวา อวิปฺปฏิสารมูลกานํ ปาโมชฺชาทีนํ สมฺภวํ นิวาเรนฺติ, โน สกาสาเวสุเยว. โน เจ นิวาเรนฺติ, สมฺภวติ. ครุกํ อาปชฺชิตฺวา ภิกฺขูนํ อาวิกตฺวา เจ อุปฺปพฺพชิโต, ปกตตฺโต หุตฺวา อุปฺปพฺพชิโตติ กตฺวา ฌานาทีนํ ภาคี อสฺส ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา. ปเคว ภิกฺขุกาเล, น ตฺเวว อุกฺขิตฺตโก สกรณียตฺตาติ เอเก. ตทนุวตฺตนโก ปน ตํ ลทฺธึ ปหาย ภาคี อสฺส. น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย (มหาว. ๑๕๔) สิกฺขาปจฺจกฺขาตกสฺส อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนกสฺส นิสินฺนปริสายาติ (มหาว. ๑๘๓) เอตฺถ คหฏฺโ นาม ปกติยา คิหิลิงฺเค ิโต. สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ภิกฺขุลิงฺเค ิโต สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก. โส สกาสาเวสุ สาเปกฺขตฺตา สามเณรภาวํ ปตฺถยมาโน เตเนว ลิงฺเคน ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณโร โหติ. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ ปจฺฉา ปุพฺเพ วุตฺตกฺกเมน อสาทิยิตฺวา สามเณรภาวํ ปตฺถยมาโน สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วิย ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณโร โหติ, น ปุน กาสาวํ ปฏิคฺคาหาเปตพฺโพ ภิกฺขูหิ ปมํ ทินฺนลิงฺเคเยว ิตตฺตา. โย ปน ปาราชิโก โจทิยมาโน ปราชิตฺวา ‘‘หนฺท, ภนฺเต, สามเณโร ภวามิ, สรณานิ เทถา’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ คณฺหาหี’’ติ น วตฺตพฺโพ, คิหิลิงฺเค เปตฺวา ปุน กาสายานิ ปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. ‘‘อิทํ ปน สพฺพํ อตฺตโน มติยา วุตฺตตฺตา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริโย วทติ. ปเวสนํ นาม องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส องฺคชาเตน สมฺผุสนํ. ปวิฏฺํ นาม ยาว มูลา ปเวเสนฺตสฺส วิปฺปกตกาเล วายามกาโล. สุกฺกวิสฺสฏฺิสมเย องฺคชาตํ ิตํ นาม. อุทฺธรณํ นาม นีหรณกาโล. คณฺิปเท ปน ‘‘วายามโต โอรมิตฺวา านํ ิตํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อสงฺกรโต ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปเวสนปวิฏฺอุทฺธรณกาเลสุปิ สุกฺกวิสฺสฏฺิ โหติเยว.

ปมจตุกฺกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา

๕๙-๖๐. ‘‘มตํ เยภุยฺเยน อกฺขายิต’’นฺติ วจนโต อมตํ เยภุยฺเยน ขายิตมฺปิ ปาราชิกวตฺถุเมวาติ ทสฺเสติ. สพฺพโส ขายิตํ, อุปฺปาฏิตํ วา ถุลฺลจฺจยวตฺถุเมวาติ ทสฺเสติ, ตถา ‘‘เยภุยฺเยน ขายิต’’นฺติ วจนโต มตํ สพฺพขายิตํ, อุปฺปาฏิตํ วา ทุกฺกฏวตฺถูติ ทสฺเสติ. น จ สาวเสสํ ปฺเปนฺติ. กึ การณา? อิทฺหิ สิกฺขาปทํ โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํ. ตตฺถ สิกฺขาปทนฺติ ปาราชิกํ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ถุลฺลจฺจยมฺปิ หิ โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํ. อถ วา อุภยมฺปิ อนวเสสํ ปฺตฺตํ. ปาราชิกเขตฺเต หิ เหฏฺิมโกฏึ ปาเปตฺวา ปิเต ตโต ปรํ ถุลฺลจฺจยนฺติ ปฺตฺตเมว โหติ. ตตฺถ ถุลฺลจฺจยเขตฺตมฺปิ ปาราชิกเขตฺตํ วิย เหฏฺิมปริจฺเฉเทน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุปฑฺฒกฺขายิเต ถุลฺลจฺจยนฺติ ยตฺถ นิมิตฺตํ ขายิตํ, ตํ ทุกฺกฏวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาห – ปณฺณตฺติวชฺชํ กึ สาวเสสเมว ภควา ปฺาเปตีติ? น. เอกํสโต ปน ยถาสมฺภวํ ตตฺถ ตตฺถ ปกาสยิสฺสาม, กิมตฺถํ ปน ภควา อุปฑฺฒกฺขายิเต ปาราชิกํ น ปฺาเปสีติ อยํ ตาว อปุจฺฉา พุทฺธวิสยตฺตา วินยปฺตฺติยา. อิทํ ปเนตฺถ การณปติรูปกํ ‘‘อุปฑฺฒภาวสฺส ทุพฺพินิจฺฉยตฺตา’’ติ. เยภุยฺเยน ขายิตํ นาม วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคมุขานํ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาเส อติกฺกมฺม ยาว ตติยโกฏฺาสปริโยสานา ขาทิตํ, ตติยโกฏฺาสํ อติกฺกมฺม ยาว จตุตฺถโกฏฺาสปริโยสานา ทุกฺกฏวตฺถุ.

ยทิปิ นิมิตฺตํ สพฺพโส ขายิตนฺติ ‘‘ชีวมานกสรีรํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อลฺลสรีเรติ อภินเว, อกุถิเต วา มนุสฺสานํ ชีวมานสรีเร อกฺขินาสาทีสุ ถุลฺลจฺจยเมว. ติรจฺฉานคตานํ หตฺถิอสฺสาทีนํ นาสาย วตฺถิโกเส จ ถุลฺลจฺจยนฺติ ‘‘อมคฺเคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อิมาย ปาฬิยา อตฺถวิเสเสเนตฺถ วุตฺตํ. อุปกจฺฉกาทีสุ ทุกฺกฏํ, สพฺเพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ อกฺขิกณฺณวเณสุ ทุกฺกฏํ, อวเสสสรีเรปิ ทุกฺกฏเมวาติ อิทํ วินีตวตฺถุสฺมึ ‘‘เอหิ, ภนฺเต, เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวา’’ติ. ‘‘อลํ ภคินิ เนตํ กปฺปตี’’ติ (ปารา. ๗๙) อิมินา ตาว เมถุนราคาภาโว ทสฺสิโต โหติ. ‘‘เอหิ, ภนฺเต, อูรุนฺตริกาย ฆฏฺเฏหิ…เป… โส ภิกฺขุ ตถา อกาสี’’ติ อิมินา ตาว โมจนสฺสาโท ทสฺสิโต โหติ, เตเนวาห ภควา ‘‘อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ. ‘‘โย ปน เมถุนราเคน อูรุนฺตริกาย ฆฏฺเฏติ, ตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ สิทฺธนฺติ กตฺวา วุตฺตํ.

มนุสฺสานํ อกฺขิกณฺณวณาทิ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ, ติรจฺฉานคตานํ ทุกฺกฏวตฺถูติ เอตฺถ ทุวิฺเยฺโย ปาฬิเลโส, ตสฺมา ‘‘น จ, ภิกฺขเว, รตฺตจิตฺเตน องฺคชาตํ ฉุปิตพฺพํ, โย ฉุเปยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วจนโต รตฺตจิตฺเตน อกฺขิกณฺณวณํ ฉุปนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ สิทฺธนฺติ อยํ จมฺมกฺขนฺธเก ปาฬิเลโสติ เวทิตพฺโพ. ‘‘ชีวมานกปุริสสฺสาติ ชีวมานกสทฺโท มเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ าปนตฺถํ วุตฺโต’’ติ วทนฺติ. มหาอฏฺกถายํ ปนาติ อิทํ กิฺจาปิ ‘‘กตฺวา มหาอฏฺกถํ สรีร’’นฺติ วุตฺตํ, อถ โข เสสอฏฺกถาสุ ‘‘เมถุนราเคน มุเขนา’’ติ วจนาภาวโต ตตฺเถว ภาวโต ตํ วจนํ ปาฬิวจเนน สํสนฺทิตฺวา ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘ตํ สพฺพมฺปีติ มหาอฏฺกถายเมว เมถุนราเคน อิตฺถิยา นิมิตฺตํ อปฺปเวเสนฺโต ฉุปติ, ถุลฺลจฺจย’’นฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘เมถุนราเคน มุเขนา’’ติปิ กตฺถจิ, ปาฬิยํ อวิเสเสน ‘‘น จ, ภิกฺขเว, รตฺตจิตฺเตน องฺคชาตํ ฉุปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปุริมํ ปสํสนฺตีติ ติรจฺฉานคติ…เป… วุตฺตนเยเนว ถุลฺลจฺจยํ, กายสํสคฺคราเคน ทุกฺกฏนฺติอาทิอฏฺกถาวจเนหิ สํสนฺทนโต. ‘‘ตํ สพฺพมฺปิ…เป… ปุริมํ ปสํสนฺตี’’ติ อิทํ สงฺคีติโต ปจฺฉา สีหฬทีปเกหิ อาจริเยหิ ปาฬิยา, อฏฺกถายฺจ วุตฺตวจนํ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตวินิจฺฉโยติ วุตฺตํ. เอตฺถ อิตรถา หีติ ปกติมุเขน. กสฺมา ทุกฺกฏนฺติ เจ? ‘‘องฺคุลิพีชาทีนิ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ยุตฺตํ. ติรจฺฉานคติตฺถิยา ปสฺสาวมคฺคนฺติ เอตฺถ มหาอฏฺกถายมฺปิ ปุพฺเพ ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วตฺวา เอตฺถ ‘‘ปสฺสาวมคฺค’’นฺติ วุตฺตตฺตา อวเสสนิมิตฺเต ทุกฺกฏนฺติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. วุตฺตนเยเนวาติ เมถุนราเคน. ถุลฺลจฺจยนฺติ จ ขนฺธเก ปสฺสาวนิมิตฺตวเสเนวาคตตฺตา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ.

เอกูนสตฺตติทฺวิสตจตุกฺกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สนฺถตจตุกฺกเภทกกถาวณฺณนา

๖๑-๒. อิตฺถินิมิตฺตํ ขาณุํ กตฺวาติ อิตฺถินิมิตฺตสฺส อนฺโต ขาณุํ ปเวเสตฺวา สมตลํ วา กตฺวา อติริตฺตํ วา ขาณุํ ฆฏฺเฏนฺตสฺส ทุกฺกฏํ ปเวสาภาวา. อีสกํ อนฺโต ปเวเสตฺวา ิตํ ขาณุเมว เจ องฺคชาเตน ฉุปติ, ปาราชิกํ. ‘‘อุปฺปลคนฺธา อุปฺปลภาวา’’ติปิ ทีปวาสิโน ปนฺติ กิร. สุตฺตํ ภิกฺขุมฺหีติ เสวนจิตฺตํ อุปฏฺิเตติ (ปารา. ๕๗) เอตฺถ วิย. ‘‘สุตฺตภิกฺขุมฺหี’’ติ จ ปนฺติ, ตํ อุชุกเมว.

สนฺถตจตุกฺกเภทกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปกิณฺณกกถาวณฺณนา

ปกิณฺณเก ยานิ สิกฺขาปทานิ ‘‘กิริยานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ วเสน กาโย, วาจา จ สห วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา. อกิริยานํ วเสน วินา วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา, จิตฺตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ ภูตาโรจนสมุฏฺานสฺส กิริยตฺตา, อจิตฺตกตฺตา จ. ตตฺถ กิริยา อาปตฺติยา อนนฺตรจิตฺตสมุฏฺานา เวทิตพฺพา. อวิฺตฺติชนกมฺปิ เอกจฺจํ พาหุลฺลนเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจติ, ยถยิทํ ปมปาราชิกํ วิฺตฺติยา อภาเวปิ ‘‘โส เจ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ ‘‘น สาทิยติ อนาปตฺตี’’ติ จ. วิฺตฺติสงฺขาตาปิ กิริยา วินา เสวนจิตฺเตน น โหติ จิตฺตชตฺตา, วิการรูปตฺตา, จิตฺตานุปริวตฺติกตฺตา จ. ตสฺมา กิริยาสงฺขาตมิทํ วิฺตฺติรูปํ อิตรํ จิตฺตชรูปํ วิย ชนกจิตฺเตน วินา น ติฏฺติ, อิตรํ สทฺทายตนํ ติฏฺติ, ตสฺมา กิริยาย สติ เอกนฺตโต ตชฺชนกํ เสวนจิตฺตํ อตฺถิเยวาติ กตฺวา น สาทิยติ อนาปตฺตีติ น ยุชฺชติ. ยสฺมา วิฺตฺติชนกมฺปิ สมานํ เสวนจิตฺตํ น สพฺพกาลํ วิฺตฺตึ ชเนติ, ตสฺมา วินาปิ วิฺตฺติยา สยํ อุปฺปชฺชตีติ กตฺวา ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นุปฺปชฺชติ เจ, น สาทิยติ นาม, ตสฺส อนาปตฺติ, เตเนว ภควา ‘‘กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ จิตฺเตเนว อาปตฺตึ ปริจฺฉินฺทติ, น กิริยายาติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา ฉ อาปตฺติสมุฏฺานานิ, ตานิ เอว อาปตฺติกรา ธมฺมา นามาติ จ, จตูหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชติ กาเยน วาจาย กายวาจาหิ กมฺมวาจาย อาปชฺชตีติ จ เอตานิ สุตฺตปทานิ อวิโรธิตานิ โหนฺติ, อฺถา วิโรธิตานิ. กถํ? ยฺหิ อาปตฺตึ กมฺมวาจาย อาปชฺชติ, น ตตฺถ กายาทโยติ อาปนฺนํ, ตโต กมฺมวาจาย สทฺธึ อาปตฺติกรา ธมฺมา สตฺตาติ อาปชฺชติ, อถ ตตฺถาปิ กายาทโย เอกโต วา นานาโต วา ลพฺภนฺติ. ‘‘จตูหิ อากาเรหี’’ติ น ยุชฺชติ, ‘‘ตีหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ เอวํ วิโรธิตานิ โหนฺติ. กถํ อวิโรธิตานีติ? สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภทภินฺนตฺตา กายาทีนํ. ยา กิริยา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ กาเยน สวิฺตฺติเกน อาปชฺชติ, เอกจฺจํ สวิฺตฺติยา วาจาย, เอกจฺจํ สวิฺตฺติกาหิ กายวาจาหิ อาปชฺชติ. ยา ปน อกิริยา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ กมฺมวาจาย อาปชฺชติ, ตฺจ โข อวสิฏฺาหิ อวิฺตฺติกาหิ กายวาจาหิเยว, น วินา ‘‘โน เจ กาเยน วาจาย ปฏินิสฺสชฺชติ, กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๔, ๔๒๑) วจนโต. อวิเสเสน วา เอกจฺจํ อาปตฺตึ กาเยน อาปชฺชติ, เอกจฺจํ วาจาย, เอกจฺจํ กายวาจาหิ. ยํ ปเนตฺถ กายวาจาหิ, ตํ เอกจฺจํ เกวลาหิ กายวาจาหิ อาปชฺชติ, เอกจฺจํ กมฺมวาจาย อาปชฺชตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพติ เอวํ อวิโรธิตานิ โหนฺติ.

ตตฺรายํ สมาสโต อตฺถวิภาวนา – กาเยน อาปชฺชตีติ กาเยน สวิฺตฺติเกน อกตฺตพฺพํ กตฺวา เอกจฺจํ อาปชฺชติ, อวิฺตฺติเกน กตฺตพฺพํ อกตฺวา อาปชฺชติ, ตทุภยมฺปิ กายกมฺมํ นาม. อกตมฺปิ หิ โลเก ‘‘กต’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘อิทํ ทุกฺกฏํ มยา, ยํ มยา ปุฺํ น กต’’นฺติ เอวมาทีสุ, สาสเน จ ‘‘อิทํ เต, อาวุโส อานนฺท, ทุกฺกฏํ, ยํ ตฺวํ ภควนฺตํ น ปุจฺฉี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๔๓), เอวมิธ วินยปริยาเย กาเยน อกรณียมฺปิ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, อยเมว นโย วาจาย อาปชฺชตีติอาทีสุ. ตตฺถ สมุฏฺานคฺคหณํ กตฺตพฺพโต วา อกตฺตพฺพโต วา กายาทิเภทาเปกฺขเมว อาปตฺตึ อาปชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺสนตฺถํ. กิริยาคฺคหณํ กายาทีนํ สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภททสฺสนตฺถํ. สฺาคฺคหณํ อาปตฺติยา องฺคานงฺคจิตฺตวิเสสทสฺสนตฺถํ, เตน ยํ จิตฺตํ กิริยาลกฺขเณ, อกิริยาลกฺขเณ วา สนฺนิหิตํ, ยโต วา กิริยา วา อกิริยา วา โหติ, น ตํ อวิเสเสน อาปตฺติยา องฺคํ วา อนงฺคํ วา โหติ, กินฺตุ ยาย สฺาย ‘‘สฺาวิโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ องฺคํ, อิตรํ อนงฺคนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. อิทานิ เยน จิตฺเตน สิกฺขาปทํ สจิตฺตกํ โหติ, ยทภาวา อจิตฺตกํ, เตน ตสฺส อวิเสเสน สาวชฺชตฺตา โลกวชฺชภาโวว วุจฺจติ, กินฺตุ สาวชฺชํเยว สมานํ เอกจฺจํ โลกวชฺชํ เอกจฺจํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ ทสฺสนตฺถํ โลกวชฺชคฺคหณํ. จิตฺตเมว ยสฺมา ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา มโนกมฺมมฺปิ สิยา อาปตฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ กมฺมคฺคหณํ. ยํ ปเนตฺถ อกิริยาลกฺขณํ กมฺมํ, ตํ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ สิยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ กุสลตฺติกคฺคหณํ. ยา ปเนตฺถ อพฺยากตา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ อเวทนมฺปิ สฺาเวทยิตนิโรธสมาปนฺโน อาปชฺชตีติ กตฺวา เวทนาตฺติกํ เอตฺถ น ลพฺภตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ เวทนาตฺติกคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. สิกฺขาปทฺหิ สจิตฺตกปุคฺคลวเสน ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ลทฺธโวหารํ อจิตฺตเกนาปนฺนมฺปิ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’มิจฺเจว วุจฺจติ. ตตฺริทํ สุตฺตํ ‘‘อตฺถาปตฺติ อจิตฺตโก อาปชฺชติ อจิตฺตโก วุฏฺาติ (ปริ. ๓๒๔). อตฺถาปตฺติ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ กุสลจิตฺโต วุฏฺาตี’’ติอาทิ (ปริ. ๔๗๐). อนุคณฺิปเท ปน ‘‘สฺา สทา อนาปตฺติเมว กโรติ, จิตฺตํ อาปตฺติเมว, อจิตฺตกํ นาม วตฺถุอวิชานนํ, โนสฺาวิโมกฺขํ วีติกฺกมชานนํ, อิทเมเตสํ นานตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ สพฺพสิกฺขาปทานํ สงฺคหวเสน. ภิกฺขุนิยา จีวรทานาทิ กิริยากิริยโต. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาทิ สิยา กิริยโต. อุปนิกฺขิตฺตาปฏิกฺเขเป สิยา อกิริยโต. เทสิตวตฺถุกปมาณาติกฺกนฺตกุฏิกรเณ สิยา กิริยโต, อเทสิตวตฺถุกปมาณาติกฺกนฺตกรเณ สิยา กิริยากิริยโต. ยํ จิตฺตงฺคํ ลภติเยวาติ กายจิตฺตํ วาจาจิตฺตนฺติ เอวํ. วินาปิ จิตฺเตนาติ เอตฺถ วินาปิ จิตฺเตน สหาปิ จิตฺเตนาติ อธิปฺปาโย. โย โส สวิฺตฺติโก, อวิฺตฺติโก จ วุตฺโต กาโย, ตสฺส กมฺมํ กายกมฺมํ, ตถา วจีกมฺมํ. ตตฺถ สวิฺตฺติโก กาโย อุปฺปตฺติยา กมฺมํ สาเธติ, อิตโร อนุปฺปตฺติยา. ตถา วาจาติ เวทิตพฺพํ, สิกฺขาปทนฺติ ‘‘โย ตตฺถ นามกาโย ปทกาโย’’ติ วจนโต วีติกฺกเม ยุชฺชตีติ วุตฺตํ. ‘‘หสิตุปฺปาทโวฏฺพฺพนานิปิ อาปตฺติสมุฏฺาปกจิตฺตานิ. อิทมฺปิ น มยา ปริจฺฉินฺนนฺติ หสมาโน ปสฺสติ ยทา, ตทา โวฏฺพฺพนํ ชวนคติก’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อภิฺาจิตฺตานิ ปฺตฺตึ อชานิตฺวา อิทฺธิวิกุพฺพนาทิกาเล คเหตพฺพานิ.

เอตฺถ ปน โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก โหติ อสํวาโส. ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก. ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกปกฺเข เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โส ปาราชิกํ อาปตฺตึ นาปชฺชตีติ น ปาราชิโก นาม. น หิ อภิกฺขุโน อาปตฺติ นาม อตฺถิ. โส อนาปตฺติกตฺตา อปณฺฑกปกฺเข อาคโต กึ อสํวาโส โหติ น โหตีติ? โหติ, ‘‘อภพฺโพ เตน สรีรพนฺธเนนา’’ติ (ปารา. ๕๕; มหาว. ๑๒๙) หิ วุตฺตํ. ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ภิกฺขูนํ…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) วุตฺตตฺตา โย ปน ภิกฺขุภาเวน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, โส เอว อภพฺโพ. นายํ อปาราชิกตฺตาติ เจ? น, ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๘๖) วุตฺตฏฺาเน ยถา อภิกฺขุนา กมฺมวาจาย สาวิตายปิ กมฺมํ รุหติ กมฺมวิปตฺติยา อสมฺภวโต, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺริทํ ยุตฺติ – อุปสมฺปนฺนปุพฺโพ เอว เจ กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺโฆ จ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺนสฺี, เอวฺเจ กมฺมํ รุหติ, น อฺถาติ โน ขนฺตีติ อาจริโย. คหฏฺโ วา ติตฺถิโย วา ปณฺฑโก วา อนุปสมฺปนฺนสฺี กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺเฆน กมฺมวาจา น วุตฺตา โหติ, ‘‘สงฺโฆ อุปสมฺปาเทยฺย, สงฺโฆ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) หิ วจนโต สงฺเฆน กมฺมวาจาย วตฺตพฺพาย สงฺฆปริยาปนฺเนน, สงฺฆปริยาปนฺนสฺิเตน วา เอเกน วุตฺตา สงฺเฆน วุตฺตาว โหตีติ เวทิตพฺโพ, อยเมว สพฺพกมฺเมสุ ยุตฺติ. ตถา อตฺถิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โกจิ นาเสตพฺโพ ‘‘โย ภิกฺขุนีทูสโก, อยํ นาเสตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา เอว, โส อนุปสมฺปนฺโนว, สหเสยฺยาปตฺติอาทึ ชเนติ, ตสฺส โอมสเน จ ทุกฺกฏํ โหติ. อภิกฺขุนิยา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต น นาเสตพฺโพ ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน…เป… นาเสตพฺโพ’’ติ ปาฬิยา อภาวโต. เตเนว โส อุปสมฺปนฺนสงฺขฺยํ คจฺฉติ, น สหเสยฺยาปตฺตาทึ ชเนติ, เกวลํ อสํวาโสติ กตฺวา คณปูรโก น โหติ, เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโสปิ หิ สํวาโสติ วุตฺโต. สมสิกฺขตาปิ สํวาโสติ กตฺวา โส เตน สทฺธึ นตฺถีติ ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนตีติ การณจฺฉายา ทิสฺสติ. ยถา ภิกฺขุนิยา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เอกกมฺมาทิโน สํวาสสฺส อภาวา ภิกฺขุนี อสํวาสา ภิกฺขุสฺส, ตถา ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนิยา, ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนติ. ตถา ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโนปิ เอกจฺโจ โย นาเสตพฺโพ’’ติ อวุตฺโตติ อิมินา นิทสฺสเนน สา การณจฺฉายา คหณํ น คจฺฉติ.

อปิ จ ‘‘ภิกฺขุ สุตฺตภิกฺขุมฺหิ วิปฺปฏิปชฺชติ, ปฏิพุทฺโธ สาทิยติ, อุโภ นาเสตพฺพา’’ติ (ปารา. ๖๖) จ, ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถา’’ติ (ปารา. ๓๘๔) จ วจนโต โย สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อนุวิชฺชเกน อนุวิชฺชิยมาโน ปราชาปิโต, โสปิ อนุปสมฺปนฺโนว, น โอมสวาทปาจิตฺติยํ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ. กิฺจาปิ ‘‘อุปสมฺปนฺนํ อุปสมฺปนฺนสฺี ขุํเสตุกาโม’’ติ ปาฬิ นตฺถิ, กิฺจาปิ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘ยํ อกฺโกสติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา, อนฺาปเทเสน ชาติอาทีหิ อกฺโกสนํ, ‘มํ อกฺโกสตี’ติ ชานนา, อตฺถปุเรกฺขารตาทีนํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตถาปิ ทุฏฺโทสสิกฺขาปเท ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน โอกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาทสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) วจนโต อสุทฺเธ อุปสมฺปนฺนสฺาย เอว โอมสนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. อสุทฺธทิฏฺิสฺส ทุกฺกฏํ. ‘‘สุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล, อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อนชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน โอกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาทสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) วจนโต ปน กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา อุปสมฺปนฺนสฺิตา’’ติ น วุตฺตํ อเนกํสิกตฺตา ตสฺส องฺคสฺสาติ เวทิตพฺพํ.

อปิ เจตฺถ สิกฺขาปจฺจกฺขาตกจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ, อตฺถิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน น สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก, อตฺถิ สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เจว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน จ, อตฺถิ เนว สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. ตตฺถ ตติโย ภิกฺขุนีสิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เวทิตพฺโพ. สา หิ ยาว น ลิงฺคํ ปริจฺจชติ, กาสาเว สอุสฺสาหาว สมานา สามฺา จวิตุกามา สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺตีปิ ภิกฺขุนี เอว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขาน’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๔). กทา จ ปน สา อภิกฺขุนี โหตีติ? ยทา สามฺา จวิตุกามา คิหินิวาสนํ นิวาเสติ, สา ‘‘วิพฺภนฺตา’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘ยเทว สา วิพฺภนฺตา, ตเทว อภิกฺขุนี’’ติ (จูฬว. ๔๓๔). กิตฺตาวตา ปน วิพฺภนฺตา โหตีติ? สามฺา จวิตุกามา กาสาเวสุ อนาลยา กาสาวํ วา อปเนติ, นคฺคา วา คจฺฉติ, ติณปณฺณาทินา วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา คจฺฉติ, กาสาวํเยว วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, โอทาตํ วา วตฺถํ นิวาเสติ, สลิงฺเคเนว วา สทฺธึ ติตฺถิเยสุ ปวิสิตฺวา เกสลุฺจนาทิวตํ สมาทิยติ, ติตฺถิยลิงฺคํ วา สมาทิยติ, ตทา วิพฺภนฺตา นาม โหติ. ตตฺถ ยา ภิกฺขุนิลิงฺเค ิตาว ติตฺถิยวตํ สมาทิยติ, สา ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ภิกฺขุ วิย ปจฺฉา ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ, เสสา ปพฺพชฺชเมเวกํ ลภนฺติ, น อุปสมฺปทํ. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘ยา สา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี สกาสาวา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา น อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติ วจนโต ยา ปมํ วิพฺภมิตฺวา ปจฺฉา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา อุปสมฺปาเทตพฺพาติ อนุฺาตํ วิย ทิสฺสติ. สงฺคีติอาจริเยหิ ปน ‘‘จตุวีสติ ปาราชิกานี’’ติ วุตฺตตฺตา น ปุน สา อุปสมฺปาเทตพฺพา, ตสฺมา เอว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ นานุฺาตํ ภควตา. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนา ปน ภิกฺขุนี เอว. ปกฺขปณฺฑกีปิ ภิกฺขุนี เอว. กินฺติ ปุจฺฉา.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๖๗. วินีตานิ วินิจฺฉิตานิ วตฺถูนิ วินีตวตฺถูนิ. เตสํ เตสํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขู’’ติอาทีนํ วตฺถูนํ ปาเฏกฺกํ นามคณนํ อุทฺธริตฺวา อุทฺธริตฺวา อูนาธิกโทสโสธนฏฺเน อุทฺทานา จ ตา มตฺราทิสิทฺธิคาถาหิ ฉนฺโทวิจิติลกฺขเณน คาถา จาติ ‘‘อุทฺทานคาถา นามา’’ติ วุตฺตํ, เท, โสธเน อิติ ธาตุสฺส รูปํ อุทฺทานาติ เวทิตพฺพํ. อิมา ปน อุทฺทานคาถา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ สงฺคีติกาเล ปิตา, กตฺถาติ เจ? ปทภาชนียาวสาเน. ‘‘วตฺถุคาถา นาม ‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขู’ติอาทีนํ อิเมสํ วินีตวตฺถูนํ นิทานานี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน วินีตวตฺถูนิ เอว ‘‘วตฺถุคาถา’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. อิทเมตฺถ สมาสโต อธิปฺปายนิทสฺสนํ – ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ มูลาปตฺติทสฺสนวเสน วา, ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส, ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาปตฺติเภททสฺสนวเสน วา, ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ อนาปตฺติทสฺสนวเสน วา ยานิ วตฺถูนิ วินีตานิ วินิจฺฉิตานิ, ตานิ วินีตวตฺถูนิ นาม. เตสํ วินีตวตฺถูนํ นิทานวตฺถุทีปิกา ตนฺติ วตฺถุคาถา นาม. อุทฺทานคาถาว ‘‘วตฺถุคาถา’’ติ วุตฺตาติ เอเก. เตสํ ‘‘อิมินา ลกฺขเณน อายตึ วินยธรา วินยํ วินิจฺฉินิสฺสนฺตี’’ติ วจเนน วิรุชฺฌติ. น หิ อุทฺทานคาถายํ กิฺจิปิ วินิจฺฉยลกฺขณํ ทิสฺสติ, อุทฺทานคาถานํ วิสุํ ปโยชนํ วุตฺตํ ‘‘สุขํ วินยธรา อุคฺคณฺหิสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา ปโยชนนานตฺตโตเปตํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถายํ วิคฺคโห – วตฺถูนิ เอว คาถา วตฺถุคาถา. วินีตวตฺถุโต วิเสสนตฺถเมตฺถ คาถาคฺคหณํ. อุทฺทานคาถาโต วิเสสนตฺถํ วตฺถุคฺคหณนฺติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘คาถานํ วตฺถูนีติ วตฺตพฺเพ วตฺถุคาถาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. มกฺกฏิวตฺถุํ อฺเ ตตฺถ ภิกฺขู อาโรเจสุํ, อิธ สยเมว. ตตฺถ การณสฺส ‘‘ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตตฺตา วชฺชิปุตฺตกาปิ อฺเ เอว. ‘‘ตตฺถ อานนฺทตฺเถโร, อิธ เต เอวา’’ติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท วุตฺตํ. อาจริยสฺส อธิปฺปาโย ปุพฺเพ วุตฺโต, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ.

๖๗-๘. ตฺวาติ อปุจฺฉิตฺวา สยเมว ตฺวา. โปกฺขรนฺติ สรีรํ เภริโปกฺขรํ วิย. โลกิยา อวิกลํ ‘‘สุนฺทร’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺมา วณฺณโปกฺขรตายาติ ปเมนตฺเถน วิสิฏฺกายจฺฉวิตายาติ อตฺโถ, ทุติเยน วณฺณสุนฺทรตายาติ. ‘‘อุปฺปลคพฺภวณฺณตฺตา สุวณฺณวณฺณา, ตสฺมา อุปฺปลวณฺณาติ นามํ ลภี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. นีลุปฺปลวณฺณา กายจฺฉวีติ วจนํ ปน สามจฺฉวึ ทีเปติ. โลเก ปน ‘‘อุปฺปลสมา ปสตฺถสามา’’ติ วจนโต ‘‘ยา สามา สามวณฺณา สามตนุมชฺฌา, สา ปาริจริยา สคฺเค มม วาโส’’ติ วจนโต สามจฺฉวิกา อิตฺถีนํ ปสตฺถา. ‘‘ยาวสฺสา นํ อนฺธการ’’นฺติปิ ปาโ. กิเลสกาเมหิ วตฺถุกาเมสุ โย น ลิมฺปติ.

๖๙. อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภูตนฺติ อิตฺถิสณฺานํ ปาตุภูตํ, ตฺจ โข ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธาเนน อิตฺถินฺทฺริยสฺส ปาตุภาเวน. เอวํ ปุริสินฺทฺริยปาตุภาเวปิ. เอเตน ยถา พฺรหฺมานํ ปุริสินฺทฺริยํ นุปฺปชฺชติ, เกวลํ ปุริสสณฺานเมว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ กสฺสจิ ปณฺฑกสฺส วินาปิ ปุริสินฺทฺริเยน ปุริสสณฺานํ อุปฺปชฺชติ, น ตถา เตสนฺติ ทสฺสิตํ โหติ, ตํ ปน อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ วา อนฺตรธายนฺตํ มรนฺตานํ วิย ปฏิโลมกฺกเมน สตฺตรสมจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย อนฺตรธายติ. ปจฺจุปฺปนฺเน อินฺทฺริเย นิรุทฺเธ อิตรํ วิสภาคินฺทฺริยํ ปาตุภวติ. ยสฺมา มหานิทฺทํ โอกฺกนฺตสฺเสว กิรสฺส วิสภาคินฺทฺริยํ ปาตุภวติ, ตสฺมา ‘‘รตฺติภาเค นิทฺทํ โอกฺกนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปท’’นฺติ วจนโต ปวตฺตินีเยว อุปชฺฌายา, อุปสมฺปทาจริยา ภิกฺขุนีเยว อาจริยาติ กตฺวา ตาสํ อุปชฺฌายวตฺตํ, อาจริยวตฺตฺจ อิมินา ภิกฺขุนาสทาสายํ ปาตํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา กาตพฺพํ, ตาหิ จ อิมสฺส วิหารํ อาคมฺม สทฺธิวิหาริกวตฺตาทิ กาตพฺพํ นุ โขติ เจ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุ’’นฺติ วจเนน วินาภาวทีปนโต เกวลํ น ปุน อุปชฺฌา คเหตพฺพา, น จ อุปสมฺปทา กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถเมว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุนฺติ ภิกฺขูหิ วินา หุตฺวา ภิกฺขุนีหิ เอว สทฺธึ สมงฺคี ภวิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ, ตสฺมา อิมินา ปาฬิเลเสน ‘‘ตสฺสา เอว คามนฺตราทีหิ อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ สิทฺธํ โหติ, อาคนฺตฺวา สงฺคมิตุํ สกฺกา, ยฺจ ภควตา คมนํ อนุฺาตํ, ตํ นิสฺสาย กุโต คามนฺตราทิปจฺจยา อาปตฺติ. น หิ ภควา อาปตฺติยํ นิโยเชตีติ ยุตฺตเมว ตํ, อฺถา ‘‘ยา อาปตฺติโย ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ อสาธารณา, ตาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺตี’’ติ ปาฬิวจนโต น คามนฺตราทีหิ อนาปตฺตีติ อาปชฺชติ. สาธารณตา อาปตฺติเยว ‘‘ยา อาปตฺติโย ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ อสาธารณา, ยา จ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมนฺติยา คามนฺตรนทีปารรตฺติวิปฺปวาสคณโอหียนาปตฺติโย, ตาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺตี’’ติ น วุตฺตตฺตาติ เจ? น วุตฺตํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ สงฺกนฺตายปิ ตสฺสา ตา ปหาย อฺาหิ สงฺคมนฺติยา คามนฺตราทีหิ อนาปตฺติ เอว สพฺพกาลนฺติ อิมสฺส อนิฏฺปฺปสงฺคโต ตถา น วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ คามนฺตราปตฺตาทิวตฺถุํ สฺจิจฺจ ตสฺมึ กาเล อชฺฌาจรนฺตีปิ สา ลิงฺคปาตุภาเวน การเณน อนาปชฺชนโต อนาปตฺติ. อนาปชฺชนฏฺเเนว วุฏฺาติ นามาติ เวทิตพฺพา. ตถา โยคี อนุปฺปนฺเน เอว กิเลเส นิโรเธติ. อพนฺธโนปิ ปตฺโต ‘‘อูนปฺจพนฺธโน’’ติ วุจฺจติ, สพฺพโส วา ปน น สาเวติ อปฺปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา, เอวมิธ อนาปนฺนาปิ อาปตฺติ วุฏฺิตา นาม โหตีติ เวทิตพฺพา.

ยสฺมา ปน สา ปุริเสน สหเสยฺยาปตฺตึ อนาปชฺชนฺตีปิ สกฺโกติ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุํ, ตสฺมา อนาปตฺตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘อุภินฺนมฺปิ สหเสยฺยาปตฺติ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร ‘‘อปเรหิปิ จตูหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชติ สงฺฆมชฺเฌ คณมชฺเฌ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก ลิงฺคปาตุภาเวนา’’ติ (ปริ. ๓๒๔). ยํ ปน วุตฺตํ ปริวาเร ‘‘อตฺถาปตฺติ อาปชฺชนฺโต วุฏฺาติ วุฏฺหนฺโต อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๒๔), ตสฺส สหเสยฺยาทึ อาปชฺชติ อสาธารณาปตฺตีหิ วุฏฺาติ, ตทุภยมฺปิ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทูเร วิหาโร โหติ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิมํ, วิหารโต ปฏฺาย คามํ ปวิสนฺติยา คามนฺตรํ โหตีติ อตฺโถ. สํวิทหนํ ปริโมเจตฺวาติ อทฺธานคมนสํวิทหนํ อกตฺวาติ อตฺโถ. ตา โกเปตฺวาติ ปริจฺจชิตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปริปุณฺณวสฺสสามเณเรนาปี’’ติ วจนโต อปริปุณฺณวสฺสสฺส อุปชฺฌายคฺคหณํ นตฺถีติ วิย ทิสฺสติ. วินยกมฺมํ กตฺวา ปิโตติ วิกปฺเปตฺวา ปิโต. อวิกปฺปิตานํ ทสาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยตา เวทิตพฺพา. ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สนฺนิธึ ภิกฺขุนีหิ ปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๒๑) วจนโต วุตฺตํ. อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนนาติ วตฺถุํ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วา ปฏิคฺคหเณน วา ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิสฺสามีติ. ปกฺขมานตฺตกาเล ปุนเทว ลิงฺคํ ปริวตฺตติ ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ สเจ, ภิกฺขุกาเล อปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา, โน ปฏิจฺฉนฺนายาติ โน ลทฺธีติ อาจริโย.

ปริวาสทานํ ปน นตฺถีติ ภิกฺขุนิยา ฉาทนาสมฺภวโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สเจ ภิกฺขุนี อสาธารณํ ปาราชิกาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปุริสลิงฺคํ ปฏิลภติ, ภิกฺขูสุ อุปสมฺปทํ น ลภติ, ปพฺพชฺชํ ลภติ, อนุปพฺพชิตฺวา ภิกฺขุภาเว ิโต สหเสยฺยาปตฺตึ น ชเนติ. วิพฺภนฺตาย ภิกฺขุนิยา ปุริสลิงฺเค ปาตุภูเต ภิกฺขูสุ อุปสมฺปทํ น ลภติ, ปาราชิกํ. อวิพฺภนฺตมานสฺส คหฏฺสฺเสว สโต ภิกฺขุนีทูสกสฺส สเจ อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวติ, เนว ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปทํ ลภติ, น ปุน ลิงฺคปริวตฺเต ชาเต ภิกฺขูสุ วาติ. ภิกฺขุนิยา ลิงฺคปริวตฺเต สติ ภิกฺขุ โหติ, โส เจ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย วิพฺภมิตฺวา อิตฺถิลิงฺคํ ปฏิลเภยฺย, ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปทํ ปฏิลภติ อุภยตฺถ ปุพฺเพ ปาราชิกภาวํ อปฺปตฺตตฺตา. ยา ปน ภิกฺขุนี ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสา ปุริสลิงฺคํ ปฏิลเภยฺย, อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ เอว. ปุน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ อปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา. ปุน ลิงฺคปริวตฺเต สติ ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปทํ ลภติ. เอวํ เจ กตทฺวาทสสงฺคหสฺส ทารกสฺส ลิงฺคปริวตฺเต สติ คิหิคตา อิตฺถี โหติ, ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสา อุปสมฺปาเทตพฺพา กิร. ภิกฺขุนิยา อิตฺถิลิงฺคนฺตรธาเนน, ภิกฺขุสฺส วา ปุริสลิงฺคนฺตรธาเนน ปกฺขปณฺฑกภาโว ภเวยฺย, น สา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนีหิ นาเสตพฺพา ภิกฺขุ วา ภิกฺขูหิ ปุน ปกติภาวาปตฺติสมฺภวา. ปกติปณฺฑกํ ปน สนฺธาย ‘‘ปณฺฑโก นาเสตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ปกฺขปณฺฑโก หิ สํวาสนาสนาย นาเสตพฺโพ, อิตโร อุภยนาสนายาติ อตฺโถ. ยทิ เตสํ ปุน ปกติภาโว ภเวยฺย, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปทํ ตานิเยว วสฺสานิ ภิกฺขุนีหิ สงฺคมิตุ’’นฺติ อยํ วิธิ สมฺภวติ. สเจ เนสํ ลิงฺคนฺตรํ ปาตุภเวยฺย, โส จ วิธิ, ยา อาปตฺติโย ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ สาธารณา, ตา อาปตฺติโย ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก วุฏฺาตุํ อสาธารณาหิ อนาปตฺตีติ อยมฺปิ วิธิ สมฺภวติ. ยํ วุตฺตํ ปริวาเร ‘‘สห ปฏิลาเภน ปุริมํ ชหติ, ปจฺฉิเม ปติฏฺาติ, วิฺตฺติโย ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ, ปฺตฺติโย นิรุชฺฌนฺติ, สห ปฏิลาเภน ปจฺฉิมํ ชหติ, ปุริเม ปติฏฺาติ, วิฺตฺติโย’’ติอาทิ, ตํ ยถาวุตฺตวิธึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อมฺหากํ ขนฺตีติ อาจริโย. อิตฺถิลิงฺคํ, ปุริสลิงฺคํ วา อนฺตรธายนฺตํ กึ สกลมฺปิ สรีรํ คเหตฺวา อนฺตรธายติ, อุทาหุ สยเมว. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกลํ สรีรํ คเหตฺวา อนฺตรธายติ, อยํ ปุคฺคโล จุโต ภเวยฺย. ตสฺมา สามฺา จุโต ภเวยฺย, ปุน อุปสมฺปชฺชนฺโต โอปปาติโก ภเวยฺย. อถ สยเมว อนฺตรธายติ, โสปิ ภาโว ตสฺส วิรุชฺฌติ. อิตฺถินฺทฺริยาทีนิ หิ สกลมฺปิ สรีรํ พฺยาเปตฺวา ิตานีติ ขณนิโรโธ วิย เตสํ อนฺตรธานํ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตโทสปฺปสงฺคาภาโว เวทิตพฺโพ. อฺมฺํ สํสฏฺปฺปภานํ ทีปานํ เอกปฺปภานิโรเธปิ อิตริสฺสา านํ วิย เสสสรีรฏฺานํ ตตฺถ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

๗๑-๒. มุจฺจตุ วา มา วา ทุกฺกฏเมวาติ โมจนราคาภาวโต. อวิสโยติ อสาทิยนํ นาม เอวรูเป าเน ทุกฺกรนฺติ อตฺโถ. เมถุนธมฺโม นาม อุภินฺนํ วายาเมน นิปชฺชติ ‘‘ตสฺส ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตฺวํ มา วายาม, เอวํ เต อนาปตฺติ ภวิสฺสติ, กิริยฺเหตํ สิกฺขาปทนฺติ วุตฺตํ โหติ, ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขุ อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ วจนโต อกิริยมฺเปตํ สิกฺขาปทํ เยภุยฺเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจตีติ สิทฺธํ โหติ.

๗๓-๔. ‘‘ปาราชิกภเยน อากาสคตเมว กตฺวา ปเวสนาทีนิ กโรนฺตสฺส สหสา ตาลุกํ วา ปสฺสํ วา องฺคชาตํ ฉุปติ เจ, ทุกฺกฏเมวา’’ติ วทนฺติ. กสฺมา? น เมถุนราคตฺตาติ, วีมํสิตพฺพํ. ทนฺตานํ พาหิรภาโว โอฏฺานํ พาหิรภาโว วิย ถุลฺลจฺจยวตฺถุ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘พหิ นิกฺขนฺตทนฺเต ชิวฺหาย จ ถุลฺลจฺจย’’นฺติ. ตํ ปุคฺคลํ วิสฺึ กตฺวาติ วจเนน โส ปุคฺคโล ขิตฺตจิตฺโต นาม โหตีติ ทสฺสิตํ โหติ. โย ปน ปุคฺคโล น วิสฺีกโต, โส เจ อตฺตโน องฺคชาตสฺส ธาตุฆฏฺฏนจริณิชฺฌิณิกาทิสฺาย สาทิยติ, เมถุนสฺาย อภาวโต วิสฺีปกฺขเมว ภชตีติ ตสฺส อนาปตฺติจฺฉายา ทิสฺสติ. ‘‘เมถุนเมตํ มฺเ กสฺสจิ อมนุสฺสสฺสา’’ติ ตฺวา สาทิยนฺตสฺส อาปตฺติ เอว. ปณฺฑกสฺส เมถุนธมฺมนฺติ ปณฺฑกสฺส วจฺจมคฺเค วา มุเข วา, ภุมฺมตฺเถ วา สามิวจนํ. อเวทยนฺตสฺสปิ เสวนจิตฺตวเสน อาปตฺติ สนฺถเตเนว เสวเน วิย.

อุปหตินฺทฺริยวตฺถุสฺมึ ‘‘เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, โส อาโรเจสี’’ติ ทุวิโธ ปาโ อตฺถิ. ตตฺถ ‘‘อาโรเจสุ’’นฺติ วุตฺตปาโ ‘‘เวทิยิ วา โส ภิกฺขเว’’ติ วุตฺตตฺตา สุนฺทรํ, อฺถา ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘เวทิยา วา’’ติ ทีปวาสิโน ปนฺติ กิร, เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพปโยคา หตฺถคฺคาหาทโย, ตสฺมา ‘‘ทุกฺกฏเมวสฺส โหตี’’ติ อิมินา ปุริมปเทน สมฺพนฺโธ. ยสฺมา ปน ทุกฺกฏเมวสฺส โหติ, ตสฺมา ยาว สีสํ น ปาปุณาติ ปุคฺคโล, ตาว ทุกฺกเฏ ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. สีสํ นาม มคฺคปฏิปาทนํ. ‘‘สีสํ น ปาปุณาตีติ ปาราชิกํ น โหติ ตาว ปุพฺพปโยคทุกฺกเฏ ติฏฺตี’’ติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ. อุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺเนาติ เอตฺถ ภาวนิฏฺาปจฺจโย เวทิตพฺโพ. ทฏฺเน ทํเสน ขาทเนนาติ หิ อตฺถโต เอกํ.

๗๖-๗. สงฺคามสีเส ยุทฺธมุเข โยธปุริโส วิยายํ ภิกฺขูติ ‘‘สงฺคามสีสโยโธ ภิกฺขู’’ติ วุจฺจติ. รุกฺขสูจิทฺวารํ อุปิลวาย, เอเกน วา พหูหิ วา กณฺฏเกหิ ถกิตพฺพํ กณฺฏกทฺวารํ. ทุสฺสทฺวารํ สาณิทฺวารฺจ ทุสฺสสาณิทฺวารํ. ‘‘กิลฺชสาณี’’ติอาทินา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ทุสฺสสาณิยเมว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ. เอกสทิสตฺตา ‘‘เอก’’นฺติ วุตฺตํ. อากาสตเลติ หมฺมิยตเลติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโปติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘กิฺจิ กโรนฺตา นิสินฺนา โหนฺตีติ วุตฺตตฺตา นิปนฺนานํ อาปุจฺฉนํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ยถาปริจฺเฉทเมว จ น อุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติเยวา’’ติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อนาทริยทุกฺกฏาปตฺติ เอว ตตฺถ อธิปฺเปตา. กถํ ปฺายตีติ? ‘‘รตฺตึ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺหติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา, มหาปจฺจริยํ วิเสเสตฺวา ‘‘อนาทริยทุกฺกฏาปิ น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา จ, เตน อิตรสฺมา ทุกฺกฏา มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. ยถาปริจฺเฉทเมว จ น อุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติเยวาติ เอตฺถ น อนาทริยทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถาปริจฺเฉทเมวาติ อวธารณตฺตา ปริจฺเฉทโต อพฺภนฺตเร น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. ปุน ‘‘สุปตี’’ติ วุตฺตฏฺาเน วิย สนฺนิฏฺานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เอวํ นิปชฺชนฺโตติ นิปชฺชนกาเล อาปชฺชิตพฺพทุกฺกฏเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ยถาปริจฺเฉเทน อุฏฺหนฺตสฺส ทฺเว ทุกฺกฏานีติ วุตฺตํ โหตีติ. อนฺธกฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยทิ รตฺตึ ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปนฺโน ‘ทิวา วุฏฺหิสฺสามี’ติ, อนาทริเย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ, เอตฺถาปิ ‘‘นิปนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อรุเณ อุฏฺิเต อุฏฺาหี’’ติ น วุตฺตตฺตา จ ชานิตพฺพํ. ‘‘มหาปจฺจริยํ อนาทริยทุกฺกฏเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น อฏฺกถายํ วุตฺตทุกฺกฏ’’นฺติ เอเก วทนฺติ. ตสฺส อนาปตฺตีติ อตฺถโต อนิปนฺนตฺตา วุตฺตํ. ‘‘สเจ ปน รตฺตึ สํวริตฺวา นิปนฺโน, อรุณุฏฺานสมเย โกจิ วิวรติ, ทฺวารชคฺคนาทีนิ อกตฺวา นิปนฺนสฺส อาปตฺติเยว. กสฺมา? อาปตฺติเขตฺตตฺตา’’ติ วทนฺติ.

ยสฺมา ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโต วิย ขิตฺตจิตฺโต นาม โหติ, อสฺส ปาราชิกาปตฺติโต อนาปตฺติ, ปเคว อฺโต, ตสฺมา ‘‘ยกฺขคหิตโก วิย วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจตี’’ติ ยํ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺเพ สฺจิจฺจ ทิวา นิปนฺโน ปจฺฉา ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจติ นิปชฺชนปโยคกฺขเณ เอว อาปนฺนตฺตาติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตว มุจฺจตีติ น ยกฺขคหิตกาทีสฺเวว, โสปิ ยาว สยเมว สยนาธิปฺปาโย น โหติ, ตาว มุจฺจติ. ยทา กิลนฺโต หุตฺวา นิทฺทายิตุกามตาย สยนาธิปฺปาโย โหติ, ตทา สํวราเปตฺวา, ชคฺคาเปตฺวา วา อาโภคํ วา กตฺวา นิทฺทายิตพฺพํ, อฺถา อาปตฺติ. สภาโค เจ นตฺถิ, น ปสฺสติ วา, น คนฺตุํ วา สกฺโกติ. จิรมฺปิ อธิวาเสตฺวา ปจฺฉา เวทนาฏฺโฏ หุตฺวา อนาโภเคเนว สยติ, ตสฺส ‘‘อนาปตฺติ เวทนาฏฺฏสฺสา’’ติ วจเนน อนาปตฺติ, ตสฺสาปิ อวิสยตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสตีติ วิสฺีภาเวเนว สุปนฺตสฺส ‘‘อนาปตฺติ ขิตฺตจิตฺตสฺสา’’ติ วจเนน น ทิสฺสติ. อาจริยา ปน เอวํ น กถยนฺตีติ อวิเสเสน ‘‘น ทิสฺสตี’’ติ น กถยนฺติ, ยทิ สฺํ อปฺปฏิลภิตฺวา สยติ, อวสวตฺตตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสติ, สเจ สฺํ ปฏิลภิตฺวาปิ กิลนฺตกายตฺตา สยนํ สาทิยนฺโต สุปติ, ตสฺส ยสฺมา อวสวตฺตตฺตํ น ทิสฺสติ, ตสฺมา อาปตฺติ เอวาติ กถยนฺตีติ อธิปฺปาโย.

มหาปทุมตฺเถรวาเท ยกฺขคหิตโก ขิตฺตจิตฺตโก มุจฺจติ. พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต อสยนาธิปฺปายตฺตา, เวทนาฏฺฏตฺตา จ มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สนฺเต ปาฬิอฏฺกถา, เถรวาโท จ สเมติ, ตสฺมา เตสํ เตสํ วินิจฺฉยานํ อยเมว อธิปฺปาโยติ โน ขนฺตีติ อาจริโย, อนุคณฺิปเท ปน ยกฺขคหิตโกปิ วิสฺีภูโตปิ น มุจฺจติ นาม, ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ ภพฺโพ โส อนฺตรนฺตรา สฺาปฏิลาภโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต วา’’ติ กุรุนฺทีวจเนน เอกภงฺเคน นิปนฺโนปิ น มุจฺจตีติ เจ? มุจฺจติเยว. กสฺมา? อตฺถโต อนิปนฺนตฺตา. กุรุนฺทีวาเทน มหาอฏฺกถาวาโท สเมติ. กสฺมา? อวสวตฺตสามฺโต. กิฺจาปิ สเมติ, อาจริยา ปน เอวํ น กถยนฺติ. น เกวลํ เตเยว, มหาปทุมตฺเถโรปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มหาปทุมตฺเถเรนา’’ติ วุตฺตํ. มหาปทุมตฺเถรวาเท ‘‘ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ อภพฺโพ ยกฺขคหิตโก นามา’’ติ จ วุตฺตํ, ตตฺถ อาจริยา ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘สเจ โอกฺกนฺตนิทฺโท อชานนฺโตปิ ปาเท มฺจกํ อาโรเปติ, อาปตฺติเยวาติ วุตฺตตฺตา โย ปน ปติตฺวา ตตฺเถว สยติ น วุฏฺาติ, ตสฺส อาปตฺติ อนฺตรนฺตรา ชานนฺตสฺสาปิ อชานนฺตสฺสาปิ โหตี’’ติ. สพฺพฏฺกถาสุ วุตฺตวจนานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ โก มุจฺจติ โก น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. ยกฺขคหิตโก วา วิสฺีภูโต วา น เกวลํ ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ ภพฺโพ เอว, สพฺโพปิ อาปชฺชติ. เอวํ ‘‘พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตว มุจฺจตี’’ติ วจเนน ตสฺสปิ อวสวตฺตตฺตา ‘‘อาปตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ เอวํ น กถยนฺติ. ยสฺมา อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺเฏสุ อฺตโร น โหติ, ตสฺมา ‘‘อาปตฺติเยวา’’ติ กถยนฺติ. อิทํ กิร สพฺพํ น สงฺคีตึ อารุฬฺหํ. ‘‘ปเวสนํ สาทิยตีติอาทินา วุตฺตตฺตา อกิริยาปิ โหตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ยทา ปน สาทิยติ, ตทา สุขุมาปิ วิฺตฺติ โหติ เอวาติ อิธ กิริยา เอวา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.

ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยปาราชิกํ

ธนิยวตฺถุวณฺณนา

๘๔. ทุติเย ราชูหิ เอว ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ ลทฺธนามเก สมีปตฺเถน, อธิกรณตฺเถน จ ปฏิลทฺธภุมฺมวิภตฺติเก คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต จตูหิ วิหาเรหิ วิหรนฺโตติ อธิปฺปาโย. ตสฺส ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉึสู’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตโย เอว หิ ตฺตึ เปตฺวา คณกมฺมํ กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา อกิริยตฺตา. ตตฺถ วินยปริยาเยน สงฺฆคณปุคฺคลกมฺมโกสลฺลตฺถํ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สงฺโฆ เอว กโรติ, น คโณ น ปุคฺคโล, ตํ อปโลกนกมฺมสฺส กมฺมลกฺขเณกเทสํ เปตฺวา อิตรํ จตุพฺพิธมฺปิ กมฺมํ เวทิตพฺพํ. อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สงฺโฆ จ กโรติ, คโณ จ กโรติ, ปุคฺคโล จ กโรติ. กิฺจาติ? ยํ ปุพฺเพ ปิตํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวารฏฺกถายํ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร ทฺเว ตโย ชนา วสนฺติ, เตหิ นิสีทิตฺวา กตมฺปิ สงฺเฆน กตสทิสเมว. ยสฺมึ ปน วิหาเร เอโก ภิกฺขุ โหติ, เตน ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา นิสินฺเนน กตมฺปิ กติกวตฺตํ สงฺเฆน กตสทิสเมว โหตี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖). ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘เอกภิกฺขุเก ปน วิหาเร เอเกน สาวิเตปิ ปุริมกติกา ปฏิปฺปสฺสมฺภติ เอวา’’ติ. อตฺถิ คณกมฺมํ สงฺโฆ กโรติ, คโณ กโรติ, ปุคฺคโล กโรติ, ตํ ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถา อฺเสํ สนฺติเก กรียนฺติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ คณกมฺมํ คโณว กโรติ, น สงฺโฆ น ปุคฺคโล, ตํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อฺมฺํ อาโรจนวเสน กรียติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ ปุคฺคลกมฺมํ ปุคฺคโลว กโรติ, น สงฺโฆ น คโณ, ตํ อธิฏฺานุโปสถวเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ คณกมฺมํ เอกจฺโจว คโณ กโรติ, เอกจฺโจ น กโรติ, ตตฺถ อตฺติกํ ทฺเว เอว กโรนฺติ, น ตโย. สตฺติกํ ตโยว กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา, เตน วุตฺตํ ‘‘ตโย เอว หิ ตฺตึ เปตฺวา คณกมฺมํ กโรนฺติ, น ตโต อูนา อธิกา วา อกิริยตฺตา’’ติ. ตสฺมา ตโยว วินยปริยาเยน สมฺปหุลา, น ตโต อุทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘กิฺจาปิ กมฺมลกฺขณํ ตโยว กโรนฺติ, อถ โข เตหิ กตํ สงฺเฆน กตสทิสนฺติ วุตฺตตฺตา เอเกน ปริยาเยน ตโย ชนา วินยปริยาเยนปิ สงฺโฆ’’ติ วุตฺตํ, อิทํ สพฺพมฺปิ วินยกมฺมํ อุปาทาย วุตฺตํ, ลาภํ ปน อุปาทาย อนฺตมโส เอโกปิ อนุปสมฺปนฺโนปิ ‘‘สงฺโฆ’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ กิร. ปวารณาทิวสสฺส อรุณุคฺคมนสมนนฺตรเมว ‘‘วุตฺถคสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ, อุกฺกํสนเยน ‘‘ปาฏิปททิวสโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตํ, เตเนว ‘‘มหาปวารณาย ปวาริตา’’ติ วุตฺตํ. อฺถา อนฺตราเยน อปวาริตา ‘‘วุตฺถวสฺสา’’ติ น วุจฺจนฺตีติ อาปชฺชติ. ถมฺภาทิ กฏฺกมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ตนุกํ ทารุตฺถมฺภํ อนฺโตกตฺวา มตฺติกามยํ ถมฺภํ กโรนฺติ, อยํ ปน ตถา น อกาสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพมตฺติกามยํ กุฏิกํ กริตฺวา’’ติ. เตลมิสฺสาย ตมฺพมตฺติกาย.

๘๕. ‘‘มา ปจฺฉิมา ชนตา ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชี’’ติ อิมินา อนุทฺเทสสิกฺขาปเทน ยตฺถ อิฏฺกปจน ปตฺตปจน กุฏิกรณ วิหารการาปน นวกมฺมกรณ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณ วิหารสมฺมชฺชน ปฏคฺคิทาน กูปโปกฺขรณีขณาปนาทีสุ ปาตพฺยตํ ชานนฺเตน ภิกฺขุนา กปฺปิยวจนมฺปิ น วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ, เตเนว ปริยายํ อวตฺวา เตสํ สิกฺขาปทานํ อนาปตฺติวาเรสุ ‘‘อนาปตฺติ อสติยา อชานนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนฺตราปตฺติสิกฺขาปท’’นฺติปิ เอตสฺส นามเมว. ‘‘คจฺฉเถตํ, ภิกฺขเว, กุฏิกํ ภินฺทถา’’ติ อิมินา กตํ ลภิตฺวา ตตฺถ วสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฏเมวาติ จ สิทฺธํ. อฺถา หิ ภควา น ภินฺทาเปยฺย. เอส นโย เภทนกํ เฉทนกํ อุทฺทาลนกนฺติ เอตฺถาปิ, อาปตฺติเภทาว. ตโต เอว หิ เภทนกสิกฺขาปทาทีสุ วิย ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ตถา อฺสฺสตฺถาย กโรติ, เจติยาทีนํ อตฺถาย กโรติ, ทุกฺกฏเมวาติ จ สิทฺธํ, อฺถา กุฏิการสิกฺขาปทาทีสุ วิย ‘‘อฺสฺสตฺถาย วาสาคารํ เปตฺวา สพฺพตฺถ, อนาปตฺตี’’ติ นยเมว วเทยฺย, น ภินฺทาเปยฺย. สพฺพมตฺติกามยภาวํ ปน โมเจตฺวา กฏฺปาสาณาทิมิสฺสํ กตฺวา ปริภุฺชติ, อนาปตฺติ. ตถา หิ เฉทนกสิกฺขาปทาทีสุ ภควตา นโย ทินฺโน ‘‘อฺเน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฏิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุฺชตี’’ติอาทีสุ. เกจิ ปน ‘‘วยกมฺมมฺปีติ เอเตน มูลํ ทตฺวา การาปิตมฺปิ อตฺถิ, เตน ตํ อฺเน กตมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. กสฺมา? สมฺภาเร กิณิตฺวา สยเมว กโรนฺตสฺสาปิ วยกมฺมสมฺภวโต. กึ วา ปาฬิเลเส สติ อฏฺกถาเลสนโย. อิฏฺกาหิ คิฺชกาวสถสงฺเขเปน กตา วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปกติอิฏฺกาหิ จินิตฺวา กตฺตพฺพาวสโถ คิฺชกาวสโถ นาม. สา หิ ‘‘มตฺติกามยา’’ติ น วุจฺจติ, ‘‘อิฏฺกกุฏิกา’’ตฺเวว วุจฺจติ, ตสฺมา ถุสโคมยติณปลาลมิสฺสา มตฺติกามยาปิ อปกฺกิฏฺกมยาปิ ‘‘สพฺพมตฺติกามยา’’ตฺเวว วุจฺจตีติ โน ขนฺตีติ อาจริโย, ภสฺมาทโย หิ มตฺติกาย ทฬฺหิภาวตฺถเมว อาทียนฺติ, อปกฺกิฏฺกมยาปิ คิฺชกาวสถสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, น จ อายสฺมา ธนิโย เอกปฺปหาเรเนว กุมฺภกาโร วิย กุมฺภํ ตํ กุฏิกํ นิฏฺาเปสิ, อนุกฺกเมน ปน สุกฺขาเปตฺวา สุกฺขาเปตฺวา มตฺติกาปิณฺเฑหิ จินิตฺวา นิฏฺาเปสิ, อปกฺกิฏฺกมยา กุฏิ วิย สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ เอกาพทฺธา โหติ, น ตถา ปกฺกิฏฺกมยา, ตสฺมา สา กปฺปตีติ เอเก. สพฺพมตฺติกามยาย กุฏิยา พหิ เจ ติณกุฏิกาทึ กตฺวา อนฺโต วสติ, ทุกฺกฏเมว. สเจ ตตฺถ ตตฺถ ฉิทฺทํ กตฺวา พนฺธิตฺวา เอกาพทฺธํ กโรติ, วฏฺฏติ. อนฺโต เจ ติณกุฏิกาทึ กตฺวา อนฺโต วสติ, วฏฺฏติ. การโก เอว เจ วสติ, กรณปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, น วสนปจฺจยา. สเจ อนฺโต วา พหิ วา อุภยตฺถ วา สุธาย ลิมฺปติ, วฏฺฏติ. ยสฺมา สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ สุกรา ภินฺทิตุํ, ตสฺมา ตตฺถ ปิตํ ปตฺตจีวราทิ อคุตฺตํ โหติ, โจราทีหิ อวหริตุํ สกฺกา, เตน วุตฺตํ ‘‘ปตฺตจีวรคุตฺตตฺถายา’’ติ.

ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา

เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อุจฺจาวเจ ปตฺเต ธาเรนฺติ, อุจฺจาวจานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรนฺตี’’ติ (จุฬว. ๒๕๓) เอวมาทีนิ วตฺถูนิ นิสฺสาย ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา ปตฺตา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา นเยน อกปฺปิยปริกฺขาเรสุ จ ทุกฺกฏํ ปฺตฺตํ. กสฺมา? ตทนุโลมตฺตา. ยตฺถาปิ น ปฺตฺตํ, ตตฺถ ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจานิ ฉตฺตานิ ธาเรตพฺพานิ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๖๙-๒๗๐) นเยน ทุกฺกฏํ สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘ตตฺรายํ ปาฬิมุตฺตโก’’ติ อารภิตฺวา สพฺพปริกฺขาเรสุ วณฺณมฏฺํ, สวิการํ วา กโรนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏนฺติ ทีเปนฺเตน ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาห – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา ปหรณึ สพฺพํ โลหภณฺฑํ, เปตฺวา อาสนฺทึ ปลฺลงฺกํ ทารุปตฺตํ ทารุปาทุกํ สพฺพํ ทารุภณฺฑํ, เปตฺวา กตกฺจ กุมฺภการิกฺจ สพฺพํ มตฺติกาภณฺฑ’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๓) วุตฺตตฺตา ยถาปิตํ วชฺเชตฺวา อิตรํ สพฺพํ วณฺณมฏฺมฺปิ สวิการมฺปิ อวิเสเสน วฏฺฏตีติ? วุจฺจเต – ตํ น ยุตฺตํ ยถาทสฺสิตปาฬิวิโรธโต, ตสฺมา ‘‘เปตฺวา ปหรณิ’’นฺติ เอวํ ชาติวเสน อยํ ปาฬิ ปวตฺตา, ยถาทสฺสิตา ปาฬิ วณฺณมฏฺาทิวิการปฏิเสธนวเสน ปวตฺตาติ เอวํ อุภยมฺปิ น วิรุชฺฌติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว. อารคฺเคน นิขาทนคฺเคน, ‘‘อารคฺเคริว สาสโป’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๕๘; ธ. ป. ๔๐๑; สุ. นิ. ๖๓๐) เอตฺถ วุตฺตนยโต อารคฺเคน.

ปฏฺฏมุเข วาติ ปฏฺฏโกฏิยํ. ปริยนฺเตติ จีวรปริยนฺเต. เวณิอุหุมุนิยุเปฺาม. อคฺฆิยนฺติ เจติยํ. คยมุคฺครนฺติ ตุลาทณฺฑสณฺานํ, คยา สีเส สูจิกา โหติ, มุขปตฺตา ลทฺรา. อุกฺกิรนฺติ นีหรนฺติ กโรนฺติ เปนฺติ. โกณสุตฺตปิฬกา นาม คณฺิกปฏฺฏาทิโกเณสุ สุตฺตมยปิฬกา. ยํ เอตฺถ จีวรํ วา ปตฺโต วา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต, ตตฺถ อธิฏฺานํ รุหติ, วิกปฺปนาปิ รุหตีติ เวทิตพฺพํ. เทฑฺฑุโภติ อุทกสปฺโป. อจฺฉีติ กุฺชรกฺขิ. โคมุตฺตกนฺติ โคมุตฺตสณฺานา ราชิโย. กุฺจิกาย เสนาสนปริกฺขารตฺตา สุวณฺณรูปิยมยาปิ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ, ‘‘กุฺจิกาย วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนโต อฺเ กปฺปิยโลหาทิมยาว กุฺจิกา กปฺปนฺติ ปริหรณียปริกฺขารตฺตา. อารกณฺฏโก โปตฺถกาทิกรณสตฺถกชาติ. ‘‘อามณฺฑกสารโก อามลกผลมโย’’ติ วทนฺติ. ตาลปณฺณพีชนีอาทีสุ ‘‘วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตานิ กุฺจิกา วิย ปริหรณียานิ, อถ โข ‘‘อุจฺจาวจานิ น ธาเรตพฺพานี’’ติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตานิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิธูปนฺจ ตาลวณฺฏฺจา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๖๙) วุตฺตานิ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตลภาชเนสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตีติ เสนาสนปริกฺขารตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ราชวลฺลภาติ ราชกุลูปกา. สีมาติ อิธาธิปฺเปตา ภูมิ, พทฺธสีมา จ. ‘‘เยสํ สนฺตกา เตสํ สีมา, ตตฺถ ปเรหิ น กตฺตพฺพ’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘ภูมิ จ สีมา จ เยสํ สนฺตกา, เตหิ เอว วาเรตพฺพา. เยสํ ปน อฺเสํ ภูมิยํ สีมา กตา, เต วาเรตุํ น อิสฺสรา’’ติ วทนฺติ. ‘‘สงฺฆเภทาทีนํ การณตฺตา ‘มา กโรถา’ติ ปฏิเสเธตพฺพา เอวา’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ กิร.

๘๖-๗. ทารุกุฏิกํ กาตุํ, กตฺตุนฺติ จ อตฺถิ. ขณฺฑาขณฺฑิกนฺติ ผลาผลํ วิย ทฏฺพฺพํ. อาณาเปหีติ วจนํ อนิฏฺเ เอว วุจฺจตีติ กตฺวา พนฺธํ อาณาเปสิ. อิสฺสริยมตฺตายาติ สมิทฺธิยํ มตฺตาสทฺโทติ าเปติ.

๘๘. ‘‘เอวรูปํ วาจํ ภาสิตฺวา’’ติ จ ปาโ. โลเมน ตฺวํ มุตฺโต, มา ปุนปิ เอวรูปมกาสีติ อิทํ กึ พฺยาปาททีปกํ, ทารูสุปิ โลภกฺขนฺธทีปกํ วจนํ โสตาปนฺนสฺส สโต ตสฺส ราชสฺส ปติรูปํ. นนุ นาม ‘‘ปุพฺเพ กตํ สุกตํ ภนฺเต, วเทยฺยาถ ปุนปิ เยนตฺโถ’’ติ ปวาเรตฺวา อตีว ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทตพฺพํ เตน สิยาติ? สจฺจเมตํ โสตาปนฺนตฺตา อตีว พุทฺธมามโก ธมฺมมามโก สงฺฆมามโก จ, ตสฺมา ภิกฺขูนํ อกปฺปิยํ อสหนฺโต, สิกฺขาปทปฺตฺติยา จ โอกาสํ กตฺตุกาโม ‘‘สุปยุตฺตานิ เม ทารูนี’’ติ ตุฏฺจิตฺโตปิ เอวมาหาติ เวทิตพฺพํ. อิเมหิ นาม เอวรูเป าเน. ‘‘อาคตปทานุรูเปนาติ อฺเหิ วา ปเทหิ, อิโต โถกตเรหิ วา อาคตกาเล ตทนุรูปา โยชนา กาตพฺพา’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘น เกวลํ อิมสฺมึเยว สิกฺขาปเท, อฺเสุปิ อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ อาคตปทานุรูเปน โยชนา เวทิตพฺพา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อุชฺฌายนตฺโถ อทินฺนสฺสาทินฺนตฺตาว, เต อุชฺฌายึสุ.

รุทฺรทามโก นาม รุทฺรทามกาทีหิ อุปฺปาทิโต. พาราณสินคราทีสุ เตหิ เตหิ ราชูหิ โปราณสตฺถานุรูปํ ลกฺขณสมฺปนฺนา อุปฺปาทิตา นีลกหาปณา. เตสํ กิร ติภาคํ อคฺฆติ รุทฺรทามโก, ตสฺมา ตสฺส ปาโท ถุลฺลจฺจยวตฺถุ โหติ. มาสโก ปน อิธ อปฺปมาณํ. กหาปโณ กิฺจิกาเล อูนวีสติมาสโก โหติ, กิฺจิ กาเล อติเรกวีสติมาสโก. ตสฺมา ตสฺส กหาปณสฺส จตุตฺถภาโค ปฺจมาสโก วิย อติเรกปฺจมาสโก วา อูนปฺจมาสโก วา ปาโทติ เวทิตพฺพํ. อิมสฺสตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ‘‘ตทา ราชคเห วีสติมาสโก กหาปโณ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ รชตมโย สุวณฺณมโย ตมฺพมโย จ กหาปโณ โหติ. สุวณฺณภูมิยํ วิย ปาโทปิ ยตฺถ ตมฺพมโยว กโต โหติ, ตตฺถ โสว ปาโทติ อาจริโย. ยสฺมา ปาโท เอกนีลกหาปณคฺฆนโก, ตสฺมา ตสฺส ปาทสฺส จตุตฺถภาโคว สิยา ปาโทติ เอเก. อิทํ น ยุชฺชติ. โย จ ตตฺถ ปาทารโห ภณฺโฑ, ตสฺส จตุตฺถภาคสฺเสว ปาราชิกวตฺถุภาวปฺปสงฺคโต. ยทิ ปาทารหํ ภณฺฑํ ปาราชิกวตฺถุ, สิทฺธํ ‘‘โสว ปาโท ปจฺฉิมํ ปาราชิกวตฺถู’’ติ. น หิ สพฺพตฺถ ภณฺฑํ คเหตฺวา นีลกหาปณคฺเฆน อคฺฆาเปนฺติ. ยสฺมา ตสฺส ตสฺเสว กหาปณคฺเฆน อคฺฆาเปนฺติ, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส ชนปทสฺส ปาโทว ปาโทติ ตทคฺฆนกเมว ปาทคฺฆนกนฺติ สิทฺธํ, ‘‘โส จ โข โปราณสฺส นีลกหาปณสฺส วเสน, น อิตเรสนฺติ ยตฺถ ปน นีลกหาปณา วฬฺชํ คจฺฉนฺติ, ตตฺเถวา’’ติ เกจิ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ.

ปทภาชนียวณฺณนา

๙๒. คามา วา อรฺา วาติ ลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา ปมปฺตฺติยา อาทิมฺหิ วุตฺตา. ยโต วา อปกฺกนฺตา, โส อมนุสฺโส นาม. ‘‘อมนุสฺสคามํ อปารุปิตฺวา, คามปฺปเวสนฺจ อนาปุจฺฉา ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘ยโต คามโต อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตา, ตํ คามํ เอวํ ปวิสิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ เอเก. เกจิ ปน ‘‘ยกฺขปริคฺคหภูโตปิ อาปณาทีสุ ทิสฺสมาเนสุ เอว ‘คาโม’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, อทิสฺสมาเนสุ ปเวสเน อนาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘คาโม เอว อุปจาโร คามูปจาโรติ เอวํ กมฺมธารยวเสน คหิเต กุรุนฺทฏฺกถาทีสุ วุตฺตมฺปิ สุวุตฺตเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ตสฺส ฆรูปจาโร คาโมติ อาปชฺชตี’’ติ วจนํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘คามสฺสุปจาโร จ คาโม จ คามูปจาโร จา’’ติ วทนฺติ, ตํ วิรุชฺฌติ, น. ‘‘อิเมสํ ลาภาทีสุ ลกฺขณํ สนฺธาย มหาอฏฺกถายํ ‘ฆรํ ฆรูปจาโร’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ น มยํ ปฏิกฺขิปามา’’ติ จ วทนฺติ. ‘‘กตปริกฺเขโป จาติ ฆรสฺส สมนฺตโต ตตฺตโก อุปจาโร นามา’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘โย โย อฏฺกถาวาโท วา เถรวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจตีติ อิโต อนาคตํ สนฺธาย วุตฺตํ, นาตีตํ. ยทิ อตีตมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ, มหาปทุมเถรวาโทว ปมาณํ ชาตนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อนาคตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาจริยา กถยนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสสมฺปีติ คามูปจารลกฺขณมฺปิ.

ตตฺรายํ นโยติ ตสฺส คามูปจารสฺส คหเณ อยํ นโย. วิกาเลคามปฺปเวสนาทีสูติ เอตฺถ ‘‘คามปฺปเวสนฺหิ พหิ เอว อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘ตํ อฏฺกถาย น สเมตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘คามสงฺขาตูปจารํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คหิเต สเมตีติ มม ตกฺโก. ‘‘อาทิ-สทฺทโต ฆเร ิตานํ ทินฺนลาภภาชนาทีนี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘คามูปจาเร ิตานํ ปาปุณิตพฺพลาภํ สฺจิจฺจ อเทนฺตานํ ปาราชิก’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. กิฺจาปิ กุรุนฺทิอาทีสุ ปาฬิยํ วุตฺตวจนานุโลมวเสน วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาทเลขา’’ติ น วตฺตพฺพํ, มหาอฏฺกถายํ วุตฺตวินิจฺฉโย สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคโต. ‘‘ยฺเจตํ มหาอฏฺกถาย’’นฺติอาทิ สีหฬทีเป อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ ‘‘วินิจฺฉยนโย’’ติ จ. เลฑฺฑุปาเตเนว ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ ปริกฺเขปารหฏฺานํ, น อุปจารํ. โส หิ ตโต อปเรน เลฑฺฑุปาเตน ปรจฺฉินฺโน. อิมสฺมึ อทินฺนาทานสิกฺขาปเทติ นิยเมน อฺตฺถ อฺถาติ อตฺถโต วุตฺตํ โหติ. เตน วา นิยเมน ยถารุตวเสนาปิ อตฺโถ อิธ ยุชฺชติ. อภิธมฺเม ปนาติอาทินา อฺถาปิ อตฺถาปตฺติสิทฺธํ ทสฺเสติ.

‘‘ปริจฺจาคาทิมฺหิ อกเต ‘อิทํ มม สนฺตก’นฺติ อวิทิตมฺปิ ปรปริคฺคหิตเมว ปุตฺตกานํ ปิตุ อจฺจเยน สนฺตกํ วิย, ตํ อตฺถโต อปริจฺจตฺเต สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘เถนสฺส กมฺมํ เถยฺยํ, เถเนน คเหตพฺพภูตํ ภณฺฑํ. เถยฺยนฺติ สงฺขาตนฺติ เถยฺยสงฺขาต’’นฺติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. ตํ เถยฺยํ ยสฺส เถนสฺส กมฺมํ, โส ยสฺมา เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต โหติ, ตสฺมา ‘‘เถยฺยสงฺขาต’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต’’ติ ปทภาชนมฺปิ เตสํ โปราณานํ ยุชฺชเตว, ตถาปิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. ‘‘ยฺจ ปุพฺพภาเค ‘อวหริสฺสามี’ติ ปวตฺตํ จิตฺตํ, ยฺจ คมนาทิสาธกํ, ปรามสนาทิสาธกํ วา มชฺเฌ ปวตฺตํ, ยฺจ านาจาวนปโยคสาธกํ, เตสุ อยเมเวโก ปจฺฉิโม จิตฺตโกฏฺาโส อิธ อธิปฺเปโต ‘เถโน’ติ อปเร’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อูนมาสกมาสปาทาทีสุ ‘‘อวหรณจิตฺเตสุ เอกจิตฺตโกฏฺาโสติ อาจริยา วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

ปฺจวีสติอวหารกถาวณฺณนา

ปฺจวีสติ อวหารา นาม วจนเภเทเนว ภินฺนา, อตฺถโต ปน อภินฺนา. อากุลา ทุวิฺเยฺยวินิจฺฉยาติ อาจริยานํ มุเข สนฺติเก สพฺพากาเรน อคฺคหิตวินิจฺฉยานํ ทุวิฺเยฺยา. ทุกติกปฏฺานปาฬิ (ปฏฺา. ๕.๑.๑ อาทโย, ทุกติกปฏฺานปาฬิ) วิย อากุลา ทุวิฺเยฺยวินิจฺฉยา, เกวลํ ตํ อาจริยา ปุพฺพาปรวิโรธมกตฺวา สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคตนยมวินาเสตฺวา วณฺณยนฺตีติ ‘‘ปฏฺานปาฬิมิวาติ อปเร วทนฺตี’’ติ จ วุตฺตา. โปราณาติ สงฺคีติอาจริยา. อยเมตฺถ สามีจิ เอว, สเจ น เทติ, อาปตฺติ นตฺถิ, ปาราชิกภยา ปน ยถา สิกฺขากาโม เทติ, เอวํ ทาตพฺพเมว. ยานิ ปเนตฺถ วตฺถูนิ, ตานิ สีหฬทีเป อาจริเยหิ สงฺฆาทีนมนุมติยา อฏฺกถาสุ ปกฺขิตฺตานิ, ‘‘อนาคเต พฺรหฺมจารีนํ หิตตฺถาย โปตฺถการุฬฺหกาลโต ปจฺฉาปี’’ติ วุตฺตํ. อาณตฺติกํ อาณตฺติกฺขเณปิ คณฺหาติ, กาลนฺตเรนาปิ อตฺถสาธโก, กาลนฺตรํ สนฺธายาติ อิทเมเตสํ นานตฺตํ. ภฏฺเติ อปคเต. อนฺตรสมุทฺเท อตุรุมุหุเท. ผรติ สาเธติ. นวโธโตติ นวกโต. ปาสาณสกฺขรนฺติ ปาสาณฺจ สกฺขรฺจ.

ภูมฏฺกถาทิวณฺณนา

๙๔. มหาอฏฺกถายํ ปน สจฺเจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ ยเถตรหิ ยุตฺติยา คเหตพฺพา. ตตฺถ ‘‘จตุวคฺเคน เปตฺวา อุปสมฺปทปวารณอพฺภานาทิสพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ’’จฺเจว วตฺตพฺเพ ‘‘อุปสมฺปทปวารณกถินพฺภานาทีนี’’ติ ลิขนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ตํ อาจริยา ‘‘ปมาทเลขา’’ตฺเวว วณฺณยนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปมาทลิขิต’’นฺติ. ยํ ยํ วจนํ มุสา, ตตฺถ ตตฺถ ปาจิตฺติยนฺติ วุตฺตํ. ทุกฺกฏสฺส วจเน ปโยชนาภาวา ‘‘อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค’’ติ วุตฺตํ. อฺเสมฺปิ ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฏฺาเน ปาจิตฺติยเมว. ปมาทลิขิตนฺติ เอตฺถ อิธ อธิปฺเปตเมว คเหตฺวา อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ คหิเต สเมติ วิย. อาจริยา ปน ‘‘ปาจิตฺติยฏฺาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ วตฺวา ทุกฺกเฏ วิสุํ วตฺตพฺเพ ‘‘สจฺจาลิเก’’ติ สามฺโต วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาทเลขา’’ติ วทนฺตีติ เวทิตพฺพาติ. ‘‘กุสลจิตฺเตน คมเน อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ทานฺจ ทสฺสามี’’ติ วจเนน อนาปตฺติ วิย.

ปาจิตฺติยฏฺาเน ทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ ปาจิตฺติเยน สทฺธึ ทุกฺกฏมาปชฺชติ. พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตูติ ขณนพฺยูหนุทฺธรเณสุ ทส ทส กตฺวา อาปตฺติโย อาปนฺโน, เตสุ อุทฺธรเณ ทส ปาจิตฺติโย เทเสตฺวา มุจฺจติ, ชาติวเสน ‘‘เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, ตสฺมา ปุริเมน สเมติ. ‘‘สโมธาเนตฺวา ทสฺสิตปโยเค ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สมานปโยคา พหุทุกฺกฏตฺตํ าเปติ. ขณเน พหุกานีติ สมานปโยคตฺตา น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อฏฺกถาจริยปฺปมาเณนาติ ยถา ปเนตฺถ, เอวํ อฺเสุปิ เอวรูปานิ อฏฺกถาย อาคตวจนานิ สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคตตฺตา คเหตพฺพานีติ อตฺโถ. ‘‘อิธ ทุติยปาราชิเก คเหตพฺพา, น อฺเสู’’ติ ธมฺมสิริตฺเถโร กิราห. คณฺิปเท ปน ‘‘ปุริมขณนํ ปจฺฉิมํ ปตฺวา ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, เตเนว เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘วิสภาคกิริยํ วา ปตฺวา ปุริมํ ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ จ วุตฺตํ.

เอวํ เอกฏฺาเน ิตาย กุมฺภิยา านาจาวนฺเจตฺถ ฉหากาเรหิ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. กุมฺภิยาติ ภุมฺมวจนํ. อุทฺธํ อุกฺขิปนฺโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ภูมิโต โมเจติ, ปาราชิกนฺติ เอตฺถ มุขวฏฺฏิยา ผุฏฺโกาสํ พุนฺเทน โมจิเต ‘‘านาจาวนฺเจตฺถ ฉหากาเรหิ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมินา สเมติ, ตถา อวตฺวา ‘‘ภูมิโต มุตฺเต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกนฺเต ภูมิโต โมจิตํ นาม โหตี’’ติ ทฬฺหํ กตฺวา วทนฺติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. เอตฺถ เอกจฺเจ เอวํ อตฺถํ วทนฺติ ‘‘ปุพฺเพ ขณนฺเตน อวเสสฏฺานานิ วิโยชิตานิ, ตสฺมึ วิมุตฺเต ปาราชิก’’นฺติ. สงฺเขปมหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตวจนสฺส ปมาทเลขภาโว ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ, มุฏฺึ วา ฉินฺทตี’’ติ วจเนน ทีปิโต.

ยํ ปน ‘‘ปีตมตฺเต ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ยเถตรหิ ‘‘ปฺจวิฺาณา อุปฺปนฺนวตฺถุกา อุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ ปทสฺส ‘‘อุปฺปนฺนวตฺถุกาหิ อนาคตปฏิกฺเขโป’’ติ อฏฺกถาวจนํ ‘‘อสมฺภินฺนวตฺถุกา อสมฺภินฺนารมฺมณา ปุเรชาตวตฺถุกา ปุเรชาตารมฺมณา’’ติ วจนมเปกฺขิตฺวา อตีตานาคตปฏิกฺเขโปติ ปริวตฺเตติ, ตถา ตาทิเสหิ ปริวตฺต’นฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ อฏฺกถาจริยา ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ วทนฺติ. ยํ ปน อาจริยา ‘‘อิทํ ปมาทลิขิต’’นฺติ อปเนตฺวา ปฏิกฺขิปิตฺวา วจนกาเล วาเจนฺติ, อุทฺทิสนฺติ, ตเมว จ อิมินาปิ อาจริเยน ‘‘ปมาทลิขิต’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตํ. ยฺจ สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา เต ปฏิกฺขิปนฺติ, ตเมว จ ทสฺเสนฺเตน อิมินา ปฏิกฺขิตฺตํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ปน ตตฺเถวา’’ติอาทิ.

อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตนฺติ เนว อวหาโร น คีวา อนาปตฺตีติ พฺยฺชนโตว เภโท, น อตฺถโตติ ทสฺสนตฺถํ. ตํ ปมาทลิขิตํ กตเรหีติ เจ? ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรหิ, เลขเกหิ วา, เอส นโย สพฺพตฺถ. ‘‘น หิ ตเทว พหูสุ าเนสุ ยุตฺตโต ปาราชิกมหุตฺวา กตฺถจิ โหตี’’ติ สพฺพํ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ทุฏฺปิตํ วา เปตีติ เอตฺถ ตโต ปคฺฆริสฺสตีติ านาจาวนํ สนฺธาย กตตฺตา ปาราชิกํ ตํ ปน คณฺหตุ วา มา วา ตตฺเถว ‘‘ภินฺทตี’’ติอาทิวจนโต เวทิตพฺพํ. ‘‘ตตฺเถวาติ านาจาวนํ อกโรนฺโตว านา อจาเวตุกาโมว เกวลํ ‘ภินฺทตี’ติ อฏฺกถาวจนโต จ าเปตพฺพ’’นฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท วุตฺตํ. ตถา ‘‘ปคฺฆริเตหิ ตินฺตปํสุํ คเหตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา คเหตุํ สกฺกา, ตสฺมา คหณเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อปเร. ‘‘ริตฺตกุมฺภิยา อุปริ กโรติ, ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อาณตฺติยา วิรุชฺฌติ, ‘‘ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อตฺถสาธโก อาณตฺติกาเล เอว ปาราชิกํ. อปิจ อาวาฏกาทีนิ ถาวรปโยคานิ จ เอตฺถ สาธกานิ. นตฺถิ กาลกตปโยคานิ ปาราชิกวตฺถูนีติ ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ เอเก. ยตฺถ ยตฺถ ‘‘อปเร’’ติ วา ‘‘เอเก’’ติ วา วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉฑฺเฑตพฺพํ. วทนฺตีติ อาจริยา วทนฺติ. น, อฺถา คเหตพฺพตฺถโตติ ปาฬิปริหรณตฺถํ วุตฺตํ. เอวเมเก วทนฺตีติ ตํ น คเหตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ปสฺสาวํ วา ฉฑฺเฑตี’’ติ จ ‘‘อปริโภคํ วา กโรตี’’ติ จ อตฺถโต เอกตฺตา, อฏฺกถาย ‘‘มุคฺคเรน โปเถตฺวา ภินฺทตี’’ติ วุตฺตตฺตาปิ.

อยํ ปเนตฺถ สาโรติอาทิกถาย ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส วจน’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร อาห. สงฺคหาจริยานํ วาโทติ เอเก. ปุพฺเพ วุตฺตาปิ เต เอว, ตสฺมา โวหารวเสนาติ อฉฑฺเฑตุกามมฺปิ ตถา กโรนฺตํ ‘‘ฉฑฺเฑตี’’ติ โวหรนฺติ. เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ คเหตพฺโพติ เอวํ สนฺเต ‘‘านาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฏ’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน อติวิย สเมติ, ตตฺถ านาจาวนจิตฺตสฺส นตฺถิตาย านา จุตมฺปิ น ‘‘านา จุต’’นฺติ วุจฺจตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. อิตรถาปีติ เถยฺยจิตฺตาภาวา านา จาเวตุกามสฺสปิ ทุกฺกฏํ ยุชฺชติ.

๙๖. สยเมว ปติตโมรสฺเสว อิโต จิโต จ กโรโต ถุลฺลจฺจยํ. อากาสฏฺวินิจฺฉเย ตปฺปสงฺเคน ตสฺมึ เวหาสาทิคเตปิ อสมฺโมหตฺถํ เอวํ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอวมฺตฺราปิ สามิเส’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘านาจาวนํ อกโรนฺโต จาเลตี’’ติ วจนโต านาจาวเน ถุลฺลจฺจยํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. เกจิ อผนฺทาเปตฺวา านาจาวนาจาวเนหิปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจเย วทนฺติ. ‘‘เต านาจาวนํ อกโรนฺโตติ อิมํ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธตพฺพา’’ติ เกจิ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.

๙๗. เฉทนโมจนาทิ อุปริภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ. อวสฺสํ านโต อากาสคตํ กโรติ. เอตฺถ ‘‘เอกโกฏึ นีหริตฺวา ปิเต วํเส ิตสฺส อากาสกรณํ สนฺธายา’’ติ เกจิ วทนฺติ. เต ปน อถ ‘‘มูลํ อจฺเฉตฺวา วลยํ อิโต จิโต จ สาเรติ, รกฺขติ. สเจ ปน มูลโต อนีหริตฺวาปิ หตฺเถน คเหตฺวา อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิก’’นฺติ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธตพฺพา. ภิตฺตินิสฺสิตนฺติ ภิตฺติยา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอเก. ภิตฺตึ นิสฺสาย ปิตนฺติ นาคทนฺตาทีสุ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ฉินฺนมตฺเตติ อุปริ อุคฺคนฺตฺวา ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๙๘. อุปริ ิตสฺส ปิฏฺิยาติ เอตฺถ อโธ โอสารณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เหฏฺา โอสาเรนฺตสฺส อุปริมสฺส ปิฏฺิยา เหฏฺิเมน ิโตกาสํ อติกฺกนฺตมตฺเต ปาราชิกํ, อุทฺธํ อุกฺขิปนฺตสฺส อุทกโต มุตฺตมตฺเต. ‘‘เอวํ คหิเต ภูมฏฺเ วุตฺเตน สเมตี’’ติ วทนฺติ. มตมจฺฉานํ ิตฏฺานเมว านํ กิร. เถยฺยจิตฺเตน มาเรตฺวา คณฺหโต อูนปาทคฺฆนเก ทุกฺกฏํ, สหปโยคตฺตา ปาจิตฺติยํ นตฺถีติ เอเก. มทนผลวสาทีนีติ เอตฺถ สีหฬภาสา กิร วส อิติ วิสนฺติ อตฺโถ, ครุฬากาเรน กตุปฺเปยิตํ วา.

๙๙. ปุพฺเพ ปาเส พทฺธสูกรอุปมาย วุตฺตา เอว. ‘‘ถเล ปิตาย นาวาย น ผุฏฺโกาสมตฺตเมวา’’ติ ปาโ. ‘‘วาโต อาคมฺมาติ วจนโต วาตสฺส นตฺถิกาเล ปโยคสฺส กตตฺตา อวหาโร นตฺถิ, อตฺถิกาเล เจ กโต, อวหาโรวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ภณฺฑเทยฺยํ ปน เกสนฺติ เจ? เยสํ หตฺเถ กหาปณานิ คหิตานิ, เตสํ วา, นาวาสามินา นาวาย อคฺคหิตาย นาวาสามิกสฺส วา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.

๑๐๔. นิรมฺพิตฺวา อุปริ. อกตํ วา ปน ปติฏฺเปตีติ อปุพฺพํ วา ปฏฺเปตีติ อตฺโถ.

๑๐๖. คามฏฺเ วา ‘‘คาโม นามา’’ติ น วุตฺตํ ปมํ คามลกฺขณสฺส สพฺพโส วุตฺตตฺตา.

๑๐๗. อรฺฏฺเ อรฺํ นามาติ ปุน น เกวลํ ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขณฺเว อรฺนฺติ อิธาธิปฺเปตํ, กินฺตุ ปรปริคฺคหิตเมว เจตํ โหติ, ตํ อิธาธิปฺเปตนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนว อตฺเถปิ อรฺคฺคหณํ กตํ. อคฺเคปิ มูเลปิ ฉินฺนาติ เอตฺถ ‘‘น เวเตฺวา ิตา, ฉินฺนมตฺเต ปตนกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตจฺเฉตฺวา ปิโตติ อรฺสามิเกหิ ปเรหิ ลทฺเธหิ ตจฺเฉตฺวา ปิโต. อทฺธคโตปีติ จิรกาลิโกปิ. ‘‘น คเหตพฺโพติ อรฺสามิเกหิ อนุฺาเตนปี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ฉลฺลิยา ปริโยนทฺธํ โหตีติ อิมินา สามิกานํ นิรเปกฺขตํ ทีเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ยทิ สามิกานํ สาเปกฺขตา อตฺถิ, น วฏฺฏติ.

๑๐๘. ตตฺถ ‘‘ภาชเนสุ โปกฺขรณีตฬาเกสุ จ คาโว ปกฺโกสตีติ อิโต ปฏฺาย ตโย ทส วารา อาทิเมว ทสฺเสตฺวา สํขิตฺตา’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. นิพฺพหนอุทกํ นาม ตฬากรกฺขณตฺถาย อธิโกทกนิกฺขมนทฺวาเรน นิกฺขมนอุทกํ. ‘‘คเหตุํ น ลภตีติ สามีจิกมฺมํ น โหตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. อิโต ปฏฺาย ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺเต อนุคณฺิปเทติ คเหตพฺพํ. อนิกฺขนฺเต อุทเกติ ปาเสโส, สุกฺขมาติกาปโยคตฺตา ภณฺฑเทยฺยมฺปิ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตฬากํ นิสฺสาย เขตฺตสฺส กตตฺตาติ ‘‘สพฺพสาธารณํ ตฬากํ โหตี’’ติ ปมํ วุตฺตตฺตา ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ยสฺมา ตฬากคตํ อุทกํ สพฺพสาธารณมฺปิ มาติกาย สติ ตํ อติกฺกมิตฺวา คเหตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย กุรุนฺทิยาทีสุ อวหาโรติ วุตฺต’’นฺติ อปเร อาหูติ. อิมินา ลกฺขเณน น สเมตีติ ยสฺมา สพฺพสาธารณเทโส นาม ตฺจ ตฬากํ สพฺพสาธารณํ, กติกาภาวา จ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตเมว ยุตฺตนฺติ อาหาจริโย.

๑๐๙. ‘‘ตโต ปฏฺาย อวหาโร นตฺถีติ เถยฺยายปิ คณฺหโต, ตสฺมา ยถามุณฺฑมหาเชตพฺพตฺตา, อรกฺขิตพฺพตฺตา, สพฺพสาธารณตฺตา จ อฺมฺปิ สงฺฆสนฺตกํ อิทํ น โหตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ.

๑๑๐. อุชุกเมว ติฏฺตีติ เอตฺถ ‘‘สมีเป รุกฺขสาขาทีหิ สนฺธาริตตฺตา อีสกํ ขลิตฺวา อุชุกเมว ติฏฺติ เจ, อวหาโร. ฉินฺนเวณุ วิย ติฏฺติ เจ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตํ, ตสฺส วินิจฺฉเย ‘‘สเจ ตานิ รกฺขนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. โน อฺถาติ สมฺปตฺเต เจ วาเต วาตมุขโสธนํ กโรติ, ปาราชิกนฺติ อตฺโถ.

๑๑๑. อฺเสุ ปน วิจารณา เอว นตฺถีติ เตสุ อปฺปฏิกฺขิปิตตฺตา อยเมว วินิจฺฉโยติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอเตน ธุรนิกฺเขปํ กตฺวาปิ โจเรหิ อาหฏํ โจเทตฺวา คณฺหโต อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๑๒. เอเสว นโยติ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํ, กสฺมา? อฺเหิ ปตฺเตหิ สาธารณสฺส สฺาณสฺส วุตฺตตฺตา. ปทวาเรนาติ โจเรน นีหริตฺวา ทินฺนํ คเหตฺวา คจฺฉโต. คามทฺวารนฺติ โวหารมตฺตเมว, คามนฺติ อตฺโถ อาณตฺติยา ทฏฺพฺพตฺตา, ทฺวินฺนมฺปิ อุทฺธาเร เอว ปาราชิกํ. อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวาติ วจเนน ยาว ตสฺส คามสฺส ปรโต อุปจาโร, สพฺพเมตํ อาณตฺตเมว โหติ. ‘‘ตฺวา วา นิสีทิตฺวา วา วิสฺสมิตฺวา ปุริมเถยฺยจิตฺตํ วูปสมิตฺวา คมนตฺถฺเจ ภณฺฑํ น นิกฺขิตฺตํ, ยถาคหิตเมว, ปทวาเรน กาเรตพฺโพติ, นิกฺขิตฺตฺเจ, อุทฺธาเรนา’’ติ จ ลิขิตํ. เกวลํ ‘‘ลิขิต’’นฺติ วุตฺเต คณฺิปเท คเหตพฺพํ. เถยฺยจิตฺเตน ปริภุฺชนฺโตติ านาจาวนํ อกตฺวา นิวตฺถปารุตนีหาเรน ‘‘ปุพฺเพเวทํ มยา คหิต’’นฺติ เถยฺยจิตฺเตน ปริภุฺชนฺโต. ‘‘นฏฺเ ภณฺฑเทยฺยํ กิรา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อฺโ วา’’ติ วจเนน เยน ปิตํ, เตน ทินฺเน อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติ โคปกสฺส ทาเน วิย, ‘‘เกวลํ อิธ ภณฺฑเทยฺยนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อฺโ วา’’ติ วจนโต เยน ปิตํ. โส วาติปิ ลพฺภตีติ วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพ. วา-สทฺเทน ยสฺส หตฺเถ ปิตํ, โส วา เทติ ราชคเห คณโก วิย ธนิยสฺส, ตสฺมา ปาราชิกํ ยุตฺตํ วิย.

ตว ถูลสาฏโก ลทฺโธติ วุตฺตกฺขเณ มุสาวาเท ทุกฺกฏํ. ตสฺส นามํ ลิขิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เตน ‘คเหตฺวา เปยฺยาสี’ติ อาณตฺตตฺตา นามเลขนกาเล อนาปตฺติ กุสสงฺกมนสทิสํ น โหตี’’ติ วุตฺตํ. น ชานนฺตีติ น สุณนฺตีติ อตฺโถ. สเจ ชานิตฺวาปิ จิตฺเตน น สมฺปฏิจฺฉนฺติ เอเสว นโย. ชานนฺเตน ปน รกฺขิตุํ อนิจฺฉนฺเต ปฏิกฺขิปิตพฺพเมว เอตนฺติ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. อุมฺมคฺเคนาติ ปุราปาณํ ขณิตฺวา กตมคฺเคนาติ อตฺโถ.

นิสฺสิตวาริกสฺส ปน สภาคา ภตฺตํ เทนฺติ, ตสฺมา ยถา วิหาเร ปนฺติ, ตเถว กาตพฺพนฺติ สมฺปตฺตวารํ อคฺคเหตุํ น ลภนฺติ, ‘‘ตสฺส วา สภาคา อทาตุํ น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อตฺตทุติยสฺสาติ น หิ เอเกนานีตํ ทฺวินฺนํ ปโหติ, สเจ ปโหติ ปาเปตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปริปุจฺฉํ เทตีติ ปุจฺฉิตปฺหสฺส วิสฺสชฺชนํ กโรตี’’ติ ลิขิตํ. สงฺฆสฺส ภารํ นาม ‘‘สทฺธมฺมวาจนา เอวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘นวกมฺมิโกปิ วุจฺจตี’’ติ จ, ‘‘อิโต ภณฺฑโต วฏฺฏนฺตํ ปุน อนฺโต ปวิสตีติ มหาอฏฺกถาปทสฺส กุรุนฺทีสงฺเขปฏฺกถาหิ อธิปฺปาโย วิวริโต’’ติ ลิขิตํ.

๑๑๓. คจฺฉนฺเต ยาเน วาติ เอตฺถ ‘‘สุงฺกฏฺานสฺส พหิ ิตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ กิร. ‘‘คจฺฉนฺเต ยาเน วาติอาทิ สุงฺกฏฺานพฺภนฺตเร คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. พหิ ิตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ‘‘อนฺโต ตฺวา’’ติ อธิกาเร วุตฺตตฺตา เจติ ยุตฺตํ – ยานาทีสุ ปิเต ตสฺส ปโยคํ วินาเยว คเตสุ ปาราชิโก น โหติ. กสฺมา น ภณฺฑเทยฺยนฺติ เจ? สุงฺกฏฺานสฺส พหิ ิตตฺตา. อรฺฏฺเ ‘‘อสฺสติยา อติกฺกมนฺตสฺสปิ ภณฺฑเทยฺยเมวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๗) วุตฺตํ เตสํ สปริคฺคหิตตฺตา. อิธ ปน ‘‘อตฺร ปวิฏฺสฺสา’’ติ วจนโต น พหิ ิตสฺส, ตํ กิร สุงฺกสงฺเกตํ. อฺํ หราเปตีติ ตตฺถ ‘‘สหตฺถา’’ติ วจนโต อนาปตฺติ. นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺตีติ อฏฺกถาโต ปาจิตฺติยํ, อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ปริหรเณ สาทีนวตฺตา ทุกฺกฏํ.

สุงฺกฏฺาเน สุงฺกํ ทตฺวาว คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ทานิ วตฺตพฺพานํ มาติกาติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘อนุราธปุรสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ สุงฺกํ คณฺหนฺติ, เตสุ ทกฺขิณทฺวารสฺส ปุรโต มคฺโค ถูปารามโต อานนฺทเจติยํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เชตวนวิหารสฺสนฺตรปาการสฺสาสนฺเน นิวิฏฺโ, โย น คามํ ปวิสนฺโต อุปจารํ โอกฺกนฺโต โหติ. ถูปารามโต จ มหาเจติยํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชวิหารํ คจฺฉนฺโต น โอกฺกมตี’’ติ กิร มหาอฏฺกถายํ อาคตํ. เอตฺถ จาติ สุงฺกฆาเต ‘‘ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหีติ อาจริยปรมฺปราภตา’’ติ ลิขิตํ. ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหีติ สุงฺกฆาตสฺส ปริจฺเฉเท อฏฺปิเต ยุชฺชติ, ปิเต ปน อติเรกโยชนมฺปิ สุงฺกฆาตํ โหตีติ ตโต ปรํ ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อุปจาโรติ คเหตพฺโพ. โส ปเนตฺถาปิ ทุวิโธ พาหิรพฺภนฺตรเภทโต. ตตฺถ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาตํ พาหิโรปจารํ สนฺธาย ปาฬิยํ, มหาอฏฺกถายฺจ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อพฺภนฺตรํ สนฺธาย กุรุนฺทิยนฺติ โน ขนฺติ. ‘‘อตฺร ปวิฏฺสฺส สุงฺกํ คณฺหนฺตูติ หิ นิยมิตฏฺานํ เอกนฺตโต ปาราชิกเขตฺตํ โหติ, ตฺจ ปริกฺขิตฺตํ, เอโก เลฑฺฑุปาโต ทุกฺกฏเขตฺตํ, อปริกฺขิตฺตฺเจ, ทุติโย เลฑฺฑุปาโตติ โน อธิปฺปาโย’’ติ อาจริโย วทติ.

๑๑๔. ธนํ ปน คตฏฺาเน วฑฺฒตีติ เอตฺถ ‘‘วฑฺฒิยา สห อวหารกสฺส ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘ตํ วฑฺฒึ ทสฺสามี’’ติ อคฺคเหสิ, ตตฺถ กมฺมํ อกโรนฺตสฺส วฑฺฒตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เกวลํ อาปิตเขตฺตสฺส น วฑฺฒติ. ‘‘ยํ ธนํ วฑฺฒิ, ตํ เทนฺตสฺส อวหารกสฺส วฑฺฒิยา อทาเน ปาราชิกํ โหตี’’ติ วทนฺติ.

นาเมนาติ สปฺปนาเมน วา สามิเกน กเตน วา.

๑๑๖. ราชฆรสฺส อนฺโตวตฺถุมฺหิ, ปริกฺขิตฺตราชงฺคณํ วา อนฺโตวตฺถุ. อปริกฺขิตฺเต ราชงฺคเณ ิตสฺส สกลนครํ านํ. โคณสฺส ‘‘อปริกฺขิตฺเต ิตสฺส อกฺกนฺตฏฺานเมว าน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ขณฺฑทฺวารนฺติ อตฺตนา ขณฺฑิตจฺฉิทฺทํ. ตตฺเถว ฆาเตตีติ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณตฺตา วธกจิตฺตสฺส ปาจิตฺติยํ โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อทินฺนาทานปโยคตฺตา. ตมฺปิ เถยฺยจิตฺตํ สงฺขารารมฺมณํว โหติ. อิธ ตทุภยํ ลภติ สทฺธึ ปุพฺพภาคาปรภาเคหี’’ติ วุตฺตํ.

๑๑๘. ตสฺสุทฺธาเร สพฺเพสํ ปาราชิกนฺติ ยทิ โย อาณตฺโต อวสฺสํ ตํ ภณฺฑํ หรติ, อาณตฺติกฺขเณ เอว ปาราชิกํ. ‘‘อิธ ติณฺณํ กสฺมา ปาราชิกํ, นนุ ‘ตุมฺเห, ภนฺเต, ตโย หรถา’ติ วุตฺตตฺตา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรสฺจ ปฏิปาฏิยา เอเกกสฺสาณตฺตตฺตา เอเกเกน จ ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพํ. กถํ, เอโก กิร มาสคฺฆนกํ ปริสฺสาวนํ เถเนตฺวา เทเสตฺวา นิรุสฺสาโห เอว วา หุตฺวา ปุน มาสคฺฆนกํ สูจึ ตเถว กตฺวา ปุน มาสคฺฆนกนฺติ เอวํ สิยาติ? น เอวํ, ตํ ยถา อุปฺปลเถนโก เยน วตฺถุ ปูรติ ตาว สอุสฺสาหตฺตา ปาราชิโก อาสิ, เอวมิเม สอุสฺสาหาว น เทสยึสุ วา’’ติ ลิขิตํ, ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ สํวิทหิตฺวา คเตสุ เอกสฺสุทฺธาเร สพฺเพสํ ปาราชิกํ วินา วิย อาณตฺติยา กิฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ‘‘ตสฺสายํ อตฺโถ’’ติ วตฺวา ปจฺฉา วุตฺตวินิจฺฉเยสุ จ เอกภณฺฑเอกฏฺานาทีสุ จ สมฺพหุลา เอกํ อาณาเปนฺตีติ อาณตฺติเมว นิยเมตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา วิย, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘‘เอกภณฺฑํ เอกฏฺาน’นฺติ จ ปาโ ‘เอกกุลสฺส ภณฺฑ’นฺติ วจนโต’’ติ วทนฺติ.

๑๑๙-๑๒๐. โอจรเก วุตฺตนเยเนวาติ อวสฺสํหาริเย ภณฺเฑ. ตํ สงฺเกตนฺติ ตสฺส สงฺเกตสฺส. อถ วา ตํ สงฺเกตํ อติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา วา. อปตฺวา ปุเร วา. เอส นโย ตํ นิมิตฺตนฺติ เอตฺถาปิ. อกฺขินิขณนาทิกมฺมํ ลหุกํ อิตฺตรกาลํ, ตงฺขเณ เอว ภณฺฑํ อวหริตุํ น สกฺกา, กิฺจิ ภณฺฑํ ทูรํ โหติ, กิฺจิ ภาริยํ, ตํ คเหตุํ ยาว คจฺฉติ ยาว อุกฺขิปติ, ตาว นิมิตฺตสฺส ปจฺฉา โหติ. สเจ ตํ ภณฺฑํ อธิคตํ วิย อาสนฺนํ, ลหุกฺจ, สกฺกา นิมิตฺตกฺขเณ อวหริตุํ, ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ กินฺติ? น, ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ ‘‘ตโต ปฏฺาย เตเนว นิมิตฺเตน อวหรตี’’ติ วุจฺจติ อารทฺธตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘ปุเรภตฺตปโยโค เอโส’’ติ วาโร ปมาณํ โหติ, น จ ตํ ปมาณํ มหาปทุมตฺเถรวาทสฺส ปจฺฉา วุตฺตตฺตา, น สงฺเกตกมฺมํ วิย นิมิตฺตกมฺมํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ หิ กาลปริจฺเฉโท อตฺถิ, อิธ นตฺถิ, อิทเมว เตสํ นานตฺตํ.

๑๒๑. ตฺจ อสมฺโมหตฺถนฺติ เอโก ‘‘ปุเรภตฺตาทีสุ วา, อกฺขินิขณนาทีนิ วา ทิสฺวา คณฺหา’’ติ, เอโก คเหตพฺพํ ภณฺฑนิสฺสิตํ กตฺวา ‘‘ปุเรภตฺตํ เอวํ วณฺณสณฺานํ ภณฺฑํ คณฺหา’’ติ วทติ, เอวํวิเธสุ อสมฺโมหตฺถํ เอวํวิธํ สงฺเกตํ นิมิตฺตฺจ ทสฺเสตุนฺติ จ, ยถาธิปฺปายนฺติ ทุติโย ตติยสฺส ตติโย จตุตฺถสฺสาติ เอวํ ปฏิปาฏิยา เจ วทนฺตีติ อตฺโถ. สเจ ทุติโย จตุตฺถสฺส วเทติ, น ยถาธิปฺปาโยติ จ. ‘‘ปฏิคฺคหิตมตฺเตติ อวสฺสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, ปุพฺเพว ถุลฺลจฺจย’’นฺติ จ ลิขิตํ. ปฏิคฺคณฺหกานํ ทุกฺกฏํ สพฺพตฺโถกาสาภาวโต น วุตฺตํ. ปาราชิกาปชฺชเนเนตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชิตฺวา อาปชฺชนฺติ กิร. อตฺถสาธกาณตฺติเจตนาขเณ เอว ปาราชิโก โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ มคฺคฏฺานิยํ กตรํ, กตรํ ผลฏฺานิยนฺติ ‘‘อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา’’ติ วุตฺตตฺตา ผลฏฺานิยา เจตนาติ สิทฺธํ. อาณตฺติ เจ มคฺคฏฺานิยา สิยา, เจตนาสหชตฺตา น สมฺภวติ, ตถา ภณฺฑสฺส อวสฺสํหาริตา จ น สมฺภวติ. อาณตฺติกฺขเณ เอว หิ ตํ อวสฺสํหาริตํ ชาตนฺติ อวหารกสฺส ปฏิคฺคณฺหฺเจ, ตมฺปิ น สมฺภวติ อนาคตตฺตา. เจตนา เจ มคฺคฏฺานิยา โหติ, อาณตฺติอาทีสุ อฺตรํ, ภณฺฑสฺส อวสฺสํหาริตา เอว วา ผลฏฺานิยา เจ, อตฺโถ น สมฺภวติ. ปาราชิกาปตฺติ เอว หิ ผลฏฺานิยา ภวิตุมรหติ, น อฺนฺติ เอวํ ตาว อิธ โอปมฺมสํสนฺทนํ สมฺภวติ เจตนา มคฺคฏฺานิยา, ตสฺสา ปาราชิกาปตฺติภาโว ผลฏฺานิโย. ยถา กึ? ยถา ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘สทฺธาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. สทฺธาย สทฺทตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ อฺโ สทฺโธ, อฺโ สทฺธาย สทฺทตฺโถติ สิทฺธํ, ยถา จ ‘‘เอโก อโมหสงฺขาโต ธมฺโม สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย อธิปติสหชาตอฺมฺนิสฺสยอินฺทฺริยมคฺคสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ อโมโห ธมฺโม อฺโ, อฺเ ตสฺส เหตุปจฺจยตาทโยติ สิทฺธํ. ยถา จ วินยปิฏเก ยานิ ฉ อาปตฺติสมุฏฺานานิ, เอวํ ยถาสมฺภวํ ‘‘สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อฺา อาปตฺติสมุฏฺานตา, อฺโ อาปตฺติกฺขนฺธภาโวติ สิทฺธํ. อิมินา อาปตฺติกฺขนฺธนเยน อาปตฺตาธิกรณสฺส กติ านานีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา านานีติ. กติ วตฺถูนีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา วตฺถูนีติ. กติ ภูมิโยติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา ภูมิโยติ เอวมาทโยปิ ทสฺเสตพฺพา. ตถา หิ ตสฺสา เอวํ มคฺคฏฺานิยาย อตฺถสาธิกาย เจตนาย ยสฺมา อฺา ปาราชิกาปตฺติตา อนตฺถนฺตรภูตา อาการวิเสสสงฺขาตา ผลฏฺานิยา อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา เกวลํ ธมฺมนิยามตฺตํเยว อุปมตฺเตน อาจริเยน เอวํ วุตฺตนฺติปิ สมฺภวตีติ น ตตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ ปริเยสิตพฺพํ, ‘‘อิทํ สพฺพํ เกวลํ ตกฺกวเสน วุตฺตตฺตา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริโย.

ภูมฏฺกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาปตฺติเภทวณฺณนา

๑๒๒. ‘‘วิภงฺคนยทสฺสนโต’’ติ วุตฺตตฺตา ตํ สมฺปาเทตุํ ‘‘อิทานิ ตตฺถ ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ องฺควตฺถุเภเทน จาติ อวหารงฺคชานนเภเทน วตฺถุสฺส หริตพฺพภณฺฑสฺส ครุกลหุกภาวเภเทนาติ อตฺโถ. อถ วา องฺคฺจ วตฺถุเภเทน อาปตฺติเภทฺจ ทสฺเสนฺโตติ อตฺโถ. อติเรกมาสโก อูนปฺจมาสโกติ เอตฺถ วา-สทฺโท น วุตฺโต, ตีหิปิ เอโก เอว ปริจฺเฉโท วุตฺโตติ. อนชฺฌาวุฏฺกํ นาม อรฺปาลกาทินา น เกนจิ มมายิตํ. ฉฑฺฑิตํ นาม อนตฺถิกภาเวน อติเรกมตฺตาทินา สามิเกน ฉฑฺฑิตํ. นฏฺํ ปริเยสิตฺวา ฉินฺนาลยตฺตา ฉินฺนมูลกํ. อสฺสามิกวตฺถูติ อจฺฉินฺนมูลกมฺปิ ยสฺส สามิโก โกจิ โน โหติ, นิรเปกฺขา วา ปริจฺจชนฺติ, ยํ วา ปริจฺจตฺตํ เทวตาทีนํ, อิทํ สพฺพํ อสฺสามิกวตฺถุ นาม. เทวตาทีนํ วา พุทฺธธมฺมานํ วา ปริจฺจตฺตํ ปเรหิ เจ อารกฺขเกหิ ปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตเมว. ตถารูเป หิ อทินฺนาทาเน ราชาโน โจรํ คเหตฺวา หนนาทิกํ กเรยฺยุํ, อนารกฺขเก ปน อาวาเส, อภิกฺขุเก อนารามิกาทิเก จ ยํ พุทฺธธมฺมสฺส สนฺตกํ, ตํ ‘‘อาคตาคเตหิ ภิกฺขูหิ รกฺขิตพฺพํ โคเปตพฺพํ มมายิตพฺพ’’นฺติ วจนโต อภิกฺขุกาวาสสงฺฆสนฺตกํ วิย ปรปริคฺคหิตสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ ฉายา ทิสฺสติ. อิสฺสโร หิ โย โกจิ ภิกฺขุ ตาทิเส ปริกฺขาเร โจเรหิปิ คยฺหมาเน วาเรตุํ ปฏิพโล เจ, พลกฺกาเรน อจฺฉินฺทิตฺวา ยถาาเน เปตุนฺติ. อปริคฺคหิเต ปรสนฺตกสฺิสฺส ฉสุ อากาเรสุ วิชฺชมาเนสุปิ อนาปตฺติ วิย ทิสฺสติ, ‘‘ยํ ปรปริคฺคหิตฺจ โหตี’’ติ องฺคภาโว กิฺจาปิ ทิสฺสติ, ปรสนฺตเก ตถา ปฏิปนฺนเก สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. อตฺตโน สนฺตกํ โจเรหิ หฏํ, โจรปริคฺคหิตตฺตา ปรปริคฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา ปโร เจตํ เถยฺยจิตฺโต คณฺหติ, ปาราชิกํ. สามิโก เอว เจ คณฺหติ, น ปาราชิกํ, ยสฺมา โจเทตฺวา, อจฺฉินฺทิตฺวา จ โส ‘‘มม สนฺตกํ คณฺหามี’’ติ คเหตุํ ลภติ. ปมํ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา เจ ปจฺฉา เถยฺยจิตฺโต คณฺหติ, เอส นโย. สามิเกน ธุรํ นิกฺขิตฺตกาเล โส เจ โจโร กาลํ กโรติ, อฺโ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหติ, น ปาราชิโก. อนิกฺขิตฺตกาเล เอว เจ กาลํ กโรติ, ตํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส ภิกฺขุโน ปาราชิกํ มูลภิกฺขุสฺส สนฺตกภาเว ิตตฺตา. โจรภิกฺขุมฺหิ มเต ‘‘มตกปริกฺขาร’’นฺติ สงฺโฆ วิภชิตฺวา เจ ตํ คณฺหติ, มูลสามิโก ‘‘มม สนฺตกมิท’’นฺติ คเหตุํ ลภติ.

เอตฺถาห – ภูมฏฺาทินิมิตฺตกมฺมปริโยสานา เอว อวหารเภทา, อุทาหุ อฺเปิ สนฺตีติ. กิฺเจตฺถ ยทิ อฺเปิ สนฺติ, เตปิ วตฺตพฺพา. น หิ ภควา สาวเสสํ ปาราชิกํ ปฺเปติ. โน เจ สนฺติ, เย อิเม ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏอุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยควิปราโมสอาโลปสาหสาการา จ สุตฺตงฺเคสุ สนฺทิสฺสมานา, เต อิธ อาคเตสุ เอตฺถ สโมธานํ คจฺฉนฺตีติ จ ลกฺขณโต วา เตสํ สโมธานคตภาโว วตฺตพฺโพติ? วุจฺจเต – ลกฺขณโต สิทฺโธว. กถํ? ‘‘ปฺจหิ อากาเรหี’’ติอาทินา นเยน องฺควตฺถุเภเทน. อาปตฺติเภโท หิ ปาฬิยํ (ปารา. ๑๒๘-๑๓๐) วุตฺโต เอว, อฏฺกถายฺจ ‘‘กูฏมานกูฏกหาปณาทีหิ วา วฺเจตฺวา คณฺหติ, ตสฺเสวํ คณฺหโต อวหาโร เถยฺยาวหาโร’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘; กงฺขา. อฏฺ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) อาคตตฺตา ตุลากูฏคหณาทโย เถยฺยาวหาเร สโมธานํ คตาติ สิทฺธํ. วิปราโมสอาโลปสาหสาการา จ อฏฺกถายาคเต ปสยฺหาวหาเร สโมธานํ คจฺฉนฺติ. อิมํเยว วา ปสยฺหาวหารํ ทสฺเสตุํ ‘‘คามฏฺํ อรฺฏฺ’’นฺติ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา ‘‘คามฏฺํ นาม ภณฺฑํ จตูหิ าเนหิ นิกฺขิตฺตํ โหตี’’ติอาทินา นเยน วิภาโค วุตฺโต. เตเนทํ วุตฺตํ โหติ – คหณาการเภทสนฺทสฺสนตฺถํ วิสุํ กตํ. น หิ ภูมิตลาทีหิ คามารฺฏฺํ ยํ กิฺจีติ. ตตฺถ ยํ ตุลากูฏํ, ตํ รูปกูฏงฺคคหณปฏิจฺฉนฺนกูฏวเสน จตุพฺพิธมฺปิ เวหาสฏฺเ สโมธานํ คจฺฉติ. หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิเธ มานกูเฏ ‘‘สฺวายํ หทยเภโท มริยาทํ ฉินฺทตี’’ติ เอตฺถ สโมธานํ คจฺฉติ. หทยเภโท หิ สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ‘‘ผนฺทาเปติ อตฺตโน ภาชนคตํ กโรตี’’ติ เอตฺถ สิขาเภโทปิ ลพฺภติ. โส ‘‘ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. เขตฺตมินนกาเล รชฺชุเภโท สโมธานํ คจฺฉติ. ‘‘ธมฺมํ จรนฺโต สามิกํ ปราเชตี’’ติ เอตฺถ อุกฺโกฏนํ สโมธานํ คจฺฉตีติ เต จ ตถา วฺจนนิกติโยปิ.

อาปตฺติเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนาปตฺติเภทวณฺณนา

๑๓๑. จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสคาเหน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพนฺติ อิทํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ทฺเว ภิกฺขู สหายกา โหนฺติ. เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ…เป… อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, วิสฺสาสคฺคาเห’’ติ (ปารา. ๑๔๖) อิมินา อสเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. เอตฺถ หิ ‘‘โส ชานิตฺวา ตํ โจเทสิ อสฺสมโณสิ ตฺว’’นฺติ วจเนน อนตฺตมนตา ทีปิตา. ปุน ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, วิสฺสาสคฺคาเห’’ติ วจเนน อตฺตมนตายปิ สติ วิสฺสาสคฺคาโห รุหตีติ ทีปิตนฺติ เจ? ตํ น, อฺถา คเหตพฺพตฺถโต. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ปาราชิกาปตฺติยา อนาปตฺติ วิสฺสาสสฺาย คาเห สติ, โสปิ ภิกฺขุ สหายกตฺตา น กุทฺโธ โจเทสิ, ปิโย เอว สมาโน ‘‘กจฺจิ อสฺสมโณสิ ตฺวํ, คจฺฉ, วินิจฺฉยํ กตฺวา สุทฺธนฺเต ติฏฺาหี’’ติ โจเทสิ. สเจปิ โส กุทฺโธ เอว โจเทยฺย, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ อิทํ เกวลํ ปาราชิกาภาวํ ทีเปติ, น วิสฺสาสคฺคาหสิทฺธํ. โย ปน ปริสมชฺเฌ ลชฺชาย อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทตีติ อตฺโถ. ‘‘ปุนวตฺตุกามตาธิปฺปาเย ปน โสปิ ปจฺจาหราเปตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ. สเจ โจโร ปสยฺห คเหตุกาโมปิ ‘‘อธิวาเสถ, ภนฺเต, อิธ เม จีวรานี’’ติ วตฺวา จีวรานิ เถเรน ทินฺนานิ, อทินฺนานิ วา สยํ คเหตฺวา คจฺฉติ, เถโร ปุน ปกฺขํ ลภิตฺวา โจเทตุํ ลภติ, ปุพฺเพ อธิวาสนา อธิวาสนสงฺขฺยํ น คจฺฉติ ภเยน ตุณฺหีภูตตฺตา, ‘‘ยํ จีวรํ อิธ สามิโก ปจฺจาหราเปตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ. สามิกสฺส ปากติกํ กาตพฺพํ, ‘‘อิทํ กิร วตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ สงฺฆสฺส สนฺตกํ เกนจิ ภิกฺขุนา คหิตํ, ตสฺส เตน สงฺฆสฺส วา ธมฺมสฺส วา อุปการิตา อตฺถิ, คหิตปฺปมาณํ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ. ‘‘โส เตน ยถาคหิตํ ปากติกํ กตฺวา อนโณ โหติ, คิลานาทีนมฺปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.

ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปกิณฺณกกถาวณฺณนา

สาหตฺถิกาณตฺติกนฺติ เอกภณฺฑํ เอว. ‘‘ภาริยฺหิทํ ตฺวมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺห, อหมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺหามีติ สํวิทหิตฺวา อุภเยสํ ปโยเคน านาจาวเน กเต กายวาจาจิตฺเตหิ โหติ. อฺถา ‘สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ, อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสา’ติ อิมินา วิรุชฺฌตี’’ติ ลิขิตํ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘น เกวลํ ภาริเย เอว วตฺถุมฺหิ อยํ นโย ลพฺภติ, ปฺจมาสกมตฺตมฺปิ ทฺเว เจ ชนา สํวิทหิตฺวา คณฺหนฺติ, ทฺวินฺนมฺปิ ปาเฏกฺกํ, สาหตฺถิกํ นาม ตํ กมฺมํ, สาหตฺถิกปโยคตฺตา เอกสฺมึเยว ภณฺเฑ, ตสฺมา ‘สาหตฺถิกํ อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหตี’ติ วจนมิมํ นยํ น ปฏิพาหติ. ‘สาหตฺถิกวตฺถุองฺคนฺติ สาหตฺถิกสฺส วตฺถุสฺส องฺคํ น โหตี’ติ ตตฺถ วุตฺตํ. อิธ ปน ปโยคํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ยุชฺชตี’’ติ อาห กิร, ตํ อยุตฺตํ กายวจีกมฺมนฺติ วจนาภาวา, ตสฺมา สาหตฺถิกาณตฺติเกสุ ปโยเคสุ อฺตเรน วายมาปตฺติ สมุฏฺาติ, ตถาปิ ตุริตตุริตา หุตฺวา วิโลปนาทีสุ คหณคาหาปนวเสเนตํ วุตฺตํ. ยถา กาเลน อตฺตโน กาเลน ปรสฺส ธมฺมํ อารพฺภ สีฆํ สีฆํ อุปฺปตฺตึ สนฺธาย ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๑) วุตฺตา, เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ตตฺถปิ เย อนุตฺตราทโย เอกนฺตพหิทฺธารมฺมณา วิฺาณฺจายตนาทโย เอกนฺตอชฺฌตฺตารมฺมณา, อิตเร อนิยตารมฺมณตฺตา ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, น เอกกฺขเณ อุภยารมฺมณตฺตา. อยํ ปน อาปตฺติ ยถาวุตฺตนเยน สาหตฺถิกา อาณตฺติกาปิ โหติเยว, ตสฺมา อนิทสฺสนเมตนฺติ อยุตฺตํ. ‘‘ยถา อนิยตารมฺมณตฺตา ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติ วุตฺตา, ตถา อนิยตปโยคตฺตา อยมฺปิ อาปตฺติ ‘สาหตฺถิกาณตฺติกา’ติ วุตฺตาติ นิทสฺสนเมเวต’’นฺติ เอกจฺเจ อาจริยา อาหุ. ‘‘อิเม ปนาจริยา อุภินฺนํ เอกโต อารมฺมณกรณํ นตฺถิ. อตฺถิ เจ, ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๒๑.๑ อชฺฌตฺตารมฺมณติก) ปฏฺานปาเน ภวิตพฺพนฺติ สฺาย อาหํสุ, เตสํ มเตน ‘สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา, น จ นิรตฺถกํ, ตสฺมา อตฺเถว เอกโต อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมโณ ธมฺโม. ปุน ‘อยํ โส’ติ นิยเมน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา ธมฺมา วิย นิทฺทิสิตพฺพาภาวโต น อุทฺธโฏ สิยา. ตตฺถ อนุทฺธฏตฺตา เอว ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ อุภินฺนมฺปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาธมฺมานํ เอกโต อารมฺมณกรณธมฺมวเสน ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติ อวตฺวา ‘กาเลน อชฺฌตฺตพหิทฺธา ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณ’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา คณฺิปเท วุตฺตนโยว สาโรติ โน ตกฺโก’’ติ อาจริโย. ตตฺถ ‘‘กายวจีกมฺม’’นฺติ อวจนํ ปนสฺส สาหตฺถิกปโยคตฺตา เอกปโยคสฺส อเนกกมฺมตฺตาว, ยทิ ภเวยฺย, มโนกมฺมมฺปิ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ยถา ตตฺถ มโนกมฺมํ วิชฺชมานมฺปิ อพฺโพหาริกํ ชาตํ, เอวํ ตสฺมึ สาหตฺถิกาณตฺติเก วจีกมฺมํ อพฺโพหาริกนฺติ เวทิตพฺพํ, ตํ ปน เกวลํ กายกมฺมสฺส อุปนิสฺสยํ ชาตํ, จิตฺตํ วิย ตตฺถ องฺคเมว ชาตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สาหตฺถิกปโยคตฺตา’’ติ, ‘‘องฺคภาวมตฺตเมว หิ สนฺธาย ‘สาหตฺถิกาณตฺติก’นฺติ วุตฺตนฺติ โน ตกฺโก’’ติ จ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

กายวาจา สมุฏฺานา, ยสฺสา อาปตฺติยา สิยุํ;

ตตฺถ กมฺมํ น ตํ จิตฺตํ, กมฺมํ นสฺสติ ขียติ.

กิริยากิริยาทิกํ ยฺจ, กมฺมากมฺมาทิกํ ภเว;

น ยุตฺตํ ตํ วิรุทฺธตฺตา, กมฺมเมกํว ยุชฺชติ.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๑๓๒. อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, จิตฺตุปฺปาเทติ เอตฺถ เกวลํ จิตฺตํ, ตสฺเสว อุปฺปาเทตพฺพาปตฺตีหิ อนาปตฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถาห – อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ, สพฺเพสุ จ อกิริยสิกฺขาปเทสุ น กายงฺคโจปนํ วา วาจงฺคโจปนํ วา, อปิจาปตฺติ, กสฺมา อิมสฺมึเยว สิกฺขาปเท อนาปตฺติ, น สพฺพาปตฺตีหีติ? น, กสฺมา.

กตฺตพฺพา สาธิกํ สิกฺขา, วิฺตฺตึ กายวาจิกํ;

อกตฺวา กายวาจาหิ, อวิฺตฺตีหิ ตํ ผุเส.

น เลสภาวตฺตา. สปฺปาเย อารมฺมเณ อฏฺตฺวา ปฏิลทฺธาเสวนํ หุตฺวา ตโต ปรํ สุฏฺุ ธาวตีติ สนฺธาวติ. ตโต อภิชฺฌาย สหคตํ, พฺยาปาทสหคตํ วา หุตฺวา วิเสสโต ธาวตีติ วิธาวติ.

๑๓๗. วณํ กตฺวา คเหตุนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิตฺถิรูปสฺส นาม ยตฺถ อามสนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ เกจิ. ‘‘กายปฏิพทฺธคฺคหณํ ยุตฺตํ, ตํ สนฺธาย วฏฺฏตีติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อุภยํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๓๘. มหาปจฺจริยาทีสุ ยํ วุตฺตํ ‘‘ปทุทฺธาเรเนว กาเรตพฺโพ’’ติ, ตํ สุวุตฺตํ. กินฺตุ ตสฺส ปริกปฺปาวหารกมตฺตํ น ทิสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ. อุทฺธาเร วายํ อาปนฺโน, ตสฺมา ทิสฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘ปทุทฺธาเรเนว กาเรตพฺโพ’’ติ อิทํ ตตฺถ ทุวุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. กถํ? ‘‘สาฏกตฺถิโก สาฏกปสิพฺพกเมว คเหตฺวา พหิ นิกฺขมิตฺวา สาฏกภาวํ ตฺวา ‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’ติ เอวํ ปริกปฺเปตฺวา คณฺหติ, น อุทฺธาเร เอวาปชฺชติ. ยทา พหิ ตฺวา ‘สาฏโก อย’นฺติ ทิสฺวา คจฺฉติ, ตทา ปทุทฺธาเรเนว กาเรตพฺโพ’’ติ น วุตฺตเมตํ, กินฺตุ กิฺจาปิ ปริกปฺโป ทิสฺสติ, ปุพฺพภาเค อวหารกฺขเณ น ทิสฺสตีติ น โส ปริกปฺปาวหาโร, อยมตฺโถ มหาอฏฺกถายํ วุตฺโตว, ตสฺมา ‘‘ายเมวา’’ติ วทนฺติ. กมฺมนฺตสาลา นาม กสฺสกานํ วนจฺเฉทกานํ เคหานิ. อยํ ตาวาติ สเจ อุปจารสีมนฺติอาทิ ยาว เถรวาโท มหาอฏฺกถานโย, ตตฺถ เกจิ ปนาติอาทิ น คเหตพฺพํ เถรวาทตฺตา ยุตฺติอภาวโต, น หิ สาหตฺถิเก เอวํวิธา อตฺถสาธกเจตนา โหติ. อาณตฺติเก เอว อตฺถสาธกเจตนา. ‘‘เสสํ มหาปจฺจริยํ วุตฺเตนตฺเถน สเมตี’’ติ วุตฺตํ.

กุสสงฺกามนกรเณ สเจ ปโร ‘‘นายํ มม สนฺตโก’’ติ ชานาติ, อิตรสฺส หตฺถโต มุตฺตมตฺเต ปาราชิกาปตฺติ ขีลสงฺกามเน วิย. ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ สเจ ชานาติ, น โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปฺจกานิ สงฺกรานิ โหนฺตีติ อุปปริกฺขิตพฺพํ.

๑๔๐. ปรานุทฺทยตายาติ เอตฺถ ปรานุทฺทยตาย โกฏิปฺปตฺเตน ภควตา กสฺมา ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคเห ติรจฺฉานคตปริคฺคเห’’ติ (ปารา. ๑๓๑) วุตฺตนฺติ เจ? ปรานุทฺทยตาย เอว. ยสฺส หิ ปริกฺขารสฺส อาทาเน ราชาโน โจรํ คเหตฺวา น หนนาทีนิ กเรยฺยุํ, ตสฺมิมฺปิ นาม สมโณ โคตโม ปาราชิกํ ปฺเปตฺวา ภิกฺขุํ อภิกฺขุํ กโรตีติ มหาชโน ภควติ ปสาทฺถตฺตํ อาปชฺชิตฺวา อปายุปโค โหติ. อเปตปริคฺคหิตา รุกฺขาที จ ทุลฺลภา, น จ สกฺกา าตุนฺติ รุกฺขาทีหิ ปาปภีรุโก อุปาสกชโน ปฏิมาฆรเจติยโพธิฆรวิหาราทีนิ อกตฺวา มหโต ปุฺกฺขนฺธโต ปริหาเยยฺย. ‘‘รุกฺขมูลเสนาสนํ ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วุตฺตนิสฺสยา จ อนิสฺสยา โหนฺติ. ปรปริคฺคหิตสฺิโน หิ ภิกฺขู รุกฺขมูลปํสุกูลานิ น สาทิยิสฺสนฺตีติ, ปพฺพชฺชา จ น สมฺภเวยฺยุํ, สปฺปทฏฺกาเล ฉาริกตฺถาย รุกฺขํ อคฺคเหตฺวา มรณํ วา นิคจฺเฉยฺยุํ, อจฺฉินฺนจีวราทิกาเล สาขาภงฺคาทึ อคฺคเหตฺวา นคฺคา หุตฺวา ติตฺถิยลทฺธิเมว สุลทฺธิ วิย ทีเปนฺตา วิจเรยฺยุํ, ตโต ติตฺถิเยสฺเวว โลโก ปสีทิตฺวา ทิฏฺิคฺคหณํ ปตฺวา สํสารขาณุโก ภเวยฺย, ตสฺมา ภควา ปรานุทฺทยตาย เอว ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคเห’’ติอาทิมาหาติ เวทิตพฺพํ.

๑๔๑. อปรมฺปิ ภาคํ เทหีติ ‘‘คหิตํ วิฺตฺติสทิสตฺตา เนว ภณฺฑเทยฺยํ น ปาราชิก’’นฺติ ลิขิตํ, อิทํ ปกติชเน ยุชฺชติ. ‘‘สเจ ปน สามิโก วา เตน อาณตฺโต วา ‘อปรสฺส สหายภิกฺขุสฺส ภาคํ เอส คณฺหาติ ยาจติ วา’ติ ยํ อปรภาคํ เทติ, ตํ ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วทนฺติ.

๑๔๘-๙. ขาทนฺตสฺส ภณฺฑเทยฺยนฺติ โจรสฺส วา สามิกสฺส วา สมฺปตฺตสฺส ทินฺนํ สุทินฺนเมว กิร. อวิเสเสนาติ ‘‘อุสฺสาหคตานํ วา’’ติ อวตฺวา วุตฺตํ, น หิ กติปยานํ อนุสฺสาหตาย สงฺฆิกมสงฺฆิกํ โหติ. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยทิ สอุสฺสาหาว คจฺฉนฺติ, เถยฺยจิตฺเตน ปริภุฺชโต อวหาโร โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทุภยเมกํ. ฉฑฺฑิตวิหาเร อุปจารสีมาย ปมาณํ ชานิตุํ น สกฺกา, อยํ ปน ภิกฺขุ อุปจารสีมาย พหิ ตฺวา ฆณฺฏิปหรณาทึ กตฺวา ปริภุฺชติ ขาทติ, เตน เอวํ ขาทิตํ สุขาทิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิตรวิหาเร ตตฺถ ทิตฺตวิธินาว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘สุขาทิตํ อนฺโตวิหารตฺตา’’ติ ลิขิตํ, อาคตานาคตานํ สนฺตกตฺตาติ ‘‘จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมี’’ติ ทินฺนตฺตา วุตฺตํ. เอวํ อวตฺวา ‘‘สงฺฆสฺส เทมี’’ติ ทินฺนมฺปิ ตาทิสเมว. ตถา หิ พหิ ิโต ลาภํ น ลภติ ภควโต วจเนนาติ เวทิตพฺพํ.

๑๕๓. ‘‘มตสูกโร’’ติ วจนโต ตเมว ชีวนฺตํ ภณฺฑเทยฺยนฺติ กตฺวา ทาตุํ น ลภติ. วชฺฌํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. มทฺทนฺโต คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยนฺติ เอตฺถ กิตฺตกํ ภณฺฑเทยฺยํ, น หิ สกฺกา ‘‘เอตฺตกา สูกรา มทฺทิตฺวา คตา คมิสฺสนฺตี’’ติ ชานิตุนฺติ? ยตฺตเก สามิกานํ ทินฺเน เต ‘‘ทินฺนํ มม ภณฺฑ’’นฺติ ตุสฺสนฺติ, ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. โน เจ ตุสฺสนฺติ, อติกฺกนฺตสูกรมูลํ ทตฺวา กึ โอปาโต ขณิตฺวา ทาตพฺโพติ? น ทาตพฺโพ. อถ กึ โจทิยมานสฺส อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ปาราชิกํ โหตีติ? น โหติ, เกวลํ กปฺปิยปริกฺขารํ ทตฺวา โตเสตพฺโพว สามิโก, เอเสว นโย อฺเสุปิ เอวรูเปสูติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘ตทเหว วา ทุติยทิวเส วา มทฺทนฺโต คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. คุมฺเพ ขิปติ, ภณฺฑเทยฺยเมวาติ อวสฺสํ ปวิสนเก สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ เอกสฺมึ วิหาเร ปรจกฺกาทิภยํ อาคตํ. มูลวตฺถุจฺเฉทนฺติ ‘‘สพฺพเสนาสนํ เอเต อิสฺสรา’’ติ วจนโต อิตเร อนิสฺสราติ ทีปิตํ โหติ.

๑๕๖. อารามรกฺขกาติ วิสฺสฏฺวเสน คเหตพฺพํ. อธิปฺปายํ ตฺวาติ เอตฺถ ยสฺส ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ภิกฺขุํ, ภาคํ วา สามิกา น รกฺขนฺติ น ทณฺเฑนฺติ, ตสฺส ทานํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ อิธ สนฺนิฏฺานํ. ตมฺปิ ‘‘น วฏฺฏติ สงฺฆิเก’’ติ วุตฺตํ. อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรติ ยตฺถ โส อิจฺฉติ, ตตฺถ อตฺตาตเหตุํ ลภติ กิร อตฺโถ. อปิจ ‘‘ทหโร’’ติ วทนฺติ. สวตฺถุกนฺติ สห ภูมิยาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ติณมตฺตํ ปน น ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กินฺตุ ครุภณฺฑนฺติ เจ, อรกฺขิยอโคปิยฏฺาเน, วินสฺสนกภาเว จ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. กปฺปิเยปิ จาติ วตฺวา, อวตฺวา วา คหณยุตฺเต มาตาทิสนฺตเกปิ เถยฺยจิตฺตุปฺปาเทน. อิทํ ปน สิกฺขาปทํ ‘‘ราชาปิเมสํ อภิปฺปสนฺโน’’ติ (ปารา. ๘๖) วจนโต ลาภคฺคมหตฺตํ, เวปุลฺลมหตฺตฺจ ปตฺตกาเล ปฺตฺตนฺติ สิทฺธํ.

ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยปาราชิกํ

ปมปฺตฺตินิทานวณฺณนา

๑๖๒. ตีหิ สุทฺเธนาติ เอตฺถ ตีหีติ นิสฺสกฺกวจนํ วา โหติ, กรณวจนํ วา. นิสฺสกฺกปกฺเข กายวจีมโนทฺวาเรหิ สุทฺเธน. ตถา ทุจฺจริตมเลหิ วิสเมหิ ปปฺเจหีติอาทินา นเยน สพฺพกิเลสตฺติเกหิ โพธิมณฺเฑ เอว สุทฺเธนาติ โยเชตพฺพํ. กรณปกฺเข ตีหีติ กายวจีมโนทฺวาเรหิ สุทฺเธน. ตถา ตีหิ สุจริเตหิ, ตีหิ วิโมกฺเขหิ, ตีหิ ภาวนาหิ, ตีหิ สีลสมาธิปฺาหิ สุทฺเธนาติ สพฺพคุณตฺติเกหิ โยเชตพฺพํ. วิภาวิตนฺติ เทสนาย วิตฺถาริตํ, วิภูตํ วา กตํ วิหิตํ, ปฺตฺตํ วา โหติ. สํวณฺณนาติ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนํ.

เกวลํ ราชคหเมว, อิทมฺปิ นครํ. สปริจฺเฉทนฺติ สปริยนฺตนฺติ อตฺโถ. สปริกฺเขปนฺติ เอเก. ‘‘หํสวฏฺฏกจฺฉทเนนาติ หํสปริกฺเขปสณฺาเนนา’’ติ ลิขิตํ. กายวิจฺฉินฺทนิยกถนฺติ อตฺตโน อตฺตภาเว, ปรสฺส วา อตฺตภาเว ฉนฺทราคปฺปหานกรํ วิจฺฉินฺทนกรํ ธมฺมกถํ กเถติ. อสุภา เจว สุภาการวิรหิตตฺตา. อสุจิโน จ โทสนิสฺสนฺทนปภวตฺตา. ปฏิกูลา จ ชิคุจฺฉนียตฺตา ปิตฺตเสมฺหาทีสุ อาสยโต. อสุภาย วณฺณนฺติ อสุภาการสฺส, อสุภกมฺมฏฺานสฺส วา วิตฺถารํ ภาสติ. สามิอตฺเถ เหตํ สมฺปทานวจนํ. อสุภนฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อาวิภาวาย ปจฺจุปฏฺานาย วิตฺถารกถาสงฺขาตํ วณฺณํ ภาสภีติ อตฺโถ. เตสํเยว อาทิมชฺฌปริโยสานานํ ทสหิ ลกฺขเณหิ สมฺปนฺนํ กิเลสโจเรหิ อนภิภวนียตฺตา ฌานจิตฺตํ มฺชูสํ นาม.

ตตฺริมานีติ เอตฺถายํ ปิณฺฑตฺโถ – ยสฺมึ วาเร ปมํ ฌานํ เอกจิตฺตกฺขณิกํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สกลมฺปิ ชวนวารํ อนุโลมปริกมฺมอุปจารโคตฺรภุอปฺปนาปฺปเภทํ เอกตฺตนเยน ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติ คเหตฺวา ตสฺส ปมชฺฌานสฺส อปฺปนาปฏิปาทิกาย ขิปฺปาทิเภทาย อภิฺาย อธิคตาย กิจฺจนิปฺผตฺตึ อุปาทาย อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทีติ เวทิตพฺพา. ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌติ เวทิตพฺพา. ปริโยทาปกาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาทิจิตฺตโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานสฺส อุปฺปาทกฺขณํ, เอตสฺมึ อนฺตเร ปฏิปทาวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพา. อุปฺปาทิติกฺขเณสุ อุเปกฺขานุพฺรูหนา, ิติภงฺคกฺขเณสุ สมฺปหํสนาติ เวทิตพฺพา. ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณนฺติ กตฺวา ‘‘วิสุทฺธิปฏิปตฺติปกฺขนฺทเน’’ติอาทินา ปุพฺพภาโค ลกฺขียติ, ติวิเธน อชฺฌุเปกฺขเนน มชฺฌํ ลกฺขียติ, จตุพฺพิธาย สมฺปหํสนาย ปริโยสานํ ลกฺขียตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทส ลกฺขณานี’’ติ.

ปาริพนฺธกโตติ นีวรณสงฺขาตปาริพนฺธกโต วิสุทฺธตฺตา โคตฺรภุปริโยสานํ ปุพฺพภาคชวนจิตฺตํ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธี’’ติ วุจฺจติ. ตถา วิสุทฺธตฺตา ตํ จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมาธินิมิตฺตสงฺขาตํ อปฺปนาสมาธึ ตทตฺถาย อุปคจฺฉมานํ เอกสนฺตติวเสน ปริณาเมนฺตํ ปฏิปชฺชติ นาม. เอวํ ปฏิปนฺนสฺส ตสฺส ตตฺถ สมถนิมิตฺเต ปกฺขนฺทนํ ตพฺภาวูปคมนํ โหตีติ กตฺวา ‘‘ตตฺถ จิตฺตปกฺขนฺทน’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว ปมชฺฌานุปฺปาทกฺขเณ เอว อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ เวทิตพฺพา. เอวํ วิสุทฺธสฺส อปฺปนาปฺปตฺตสฺส ปุน วิโสธเน พฺยาปาราภาวา อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ. สมถปฺปฏิปนฺนตฺตา ปุน สมาธาเน พฺยาปาราภาวา จ สมถปฺปฏิปนฺนสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ. กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกนฺเตน อุปฏฺิตตฺตา ปุน เอกตฺตุปฏฺาเน พฺยาปาราสมฺภวโต เอกตฺตุปฏฺานสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ. ตตฺถ ชาตานนฺติ ตสฺมึ จิตฺเต ชาตานํ สมาธิปฺานํ ยุคนทฺธภาเวน อนติวตฺตนฏฺเน นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา. สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ วิมุตฺติรเสเนกรสฏฺเน อนติวตฺตเนกสภาวานํ เตสํ ทฺวินฺนํ อุปคตํ ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ ตทนุรูปํ วีริยํ ตถา จิตฺตํ โยคี วาเหติ ปวตฺเตตีติ กตฺวา ตทุปควีริยวาหนฏฺเน จ วิเสสภาคิยภาวตฺตา อาเสวนฏฺเนสมฺปหํสนา โหตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปิเจตฺถ ‘‘อนนฺตราตีตํ โคตฺรภุจิตฺตํ เอกสนฺตติวเสน ปริณาเมนฺตํ ปฏิปชฺชติ นามา’’ติ ลิขิตํ. ตตฺถ หิ ปริณาเมนฺตํ ปฏิปชฺชตีติ เอตานิ วจนานิ อตีตสฺส น สมฺภวนฺติ, ยฺจ ตทนนฺตรํ ลิขิตํ ‘‘อปฺปนาสมาธิจิตฺตํ อุปคจฺฉมานํ โคตฺรภุจิตฺตํ ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นามา’’ติ. อิมินาปิ ตํ น ยุชฺชติ, ‘‘ปฏิปตฺติกฺขเณ เอว อตีต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘โคตฺรภุจิตฺตํ ตตฺถ ปกฺขนฺทตี’’ติ วจนเมว วิรุชฺฌตีติ อาจริโย. ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกมฺปิ โลกุตฺตรจิตฺตํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกสฺสาปิ ฌานสฺส เอตานิ ทส ลกฺขณานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตโต ปฏฺาย อาเสวนา ภาวนา เอวา’’ติปิ วุตฺตํ. ‘‘อธิฏฺานสมฺปนฺนนฺติ อธิฏฺาเนน สหคต’’นฺติ ลิขิตํ. ตสฺสตฺโถ – ยฺจ ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานสงฺขาต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ เตสํ ติณฺณมฺปิ กลฺยาณกตาย สมนฺนาคตตฺตา ติวิธกลฺยาณกตฺจ. เอวํ ติวิธจิตฺตํ ตทธิคมมูลกานํ คุณานํ, อุปริฌานาธิคมสฺส วา ปทฏฺานฏฺเน อธิฏฺานํ โหติ, ตสฺมา จิตฺตสฺส อธิฏฺานภาเวน สมฺปนฺนตฺตา อธิฏฺานสมฺปนฺนํ นามาติ.

อทฺธมาสํ ปฏิสลฺลียิตุนฺติ เอตฺถ อาจริยา เอวมาหุ ‘‘ภิกฺขูนํ อฺมฺวธทสฺสนสวนสมฺภเว สตฺถุโน สติ ตสฺส อุปทฺทวสฺส อภาเว อุปายาชานนโต ‘อยํ อสพฺพฺู’ติ เหตุปติรูปกมเหตุํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรสฺสาปิ ตถาคตสฺส กมฺเมสฺวนิสฺสริยํ อสมฺพุชฺฌมานา อสพฺพทสฺสิตมธิจฺจโมหา พหุชนา อวีจิปรายนา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา โส ภควา ปเคว เตสํ ภิกฺขูนํ อฺมฺํ วธมานภาวํ ตฺวา ตทภาโวปายาภาวํ ปน สุวินิจฺฉินิตฺวา ตตฺถ ปุถุชฺชนานํ สุคติลาภเหตุเมเวกํ กตฺวา อสุภเทสนาย วา รูปสทฺททสฺสนสวเนหิ นิปฺปโยชเนหิ วิรมิตฺวา ปเคว ตโต วิรมณโต, สุคติลาภเหตุกรณโต, อวสฺสํ ปฺาปิตพฺพาย ตติยปาราชิกปฺตฺติยา วตฺถาคมทสฺสนโต จ อตฺตโน สพฺพทสฺสิตํ ปริกฺขกานํ ปกาเสนฺโต วิย ตมทฺธมาสํ เวเนยฺยหิตนิปฺผตฺติยา ผลสมาปตฺติยา อวกาสํ กตฺวา วิหริตุกาโม ‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ปฏิสลฺลียิตุ’นฺติอาทิมาหา’’ติ. อาจริยา นาม พุทฺธมิตฺตตฺเถรธมฺมสิริตฺเถรอุปติสฺสตฺเถราทโย คณปาโมกฺขา, อฏฺกถาจริยสฺส จ สนฺติเก สุตปุพฺพา. ตโต อฺเ เอเกติ เวทิตพฺพา. ‘‘สเกน กาเยน อฏฺฏียนฺติ…เป… ภวิสฺสนฺตี’’ติ อิทํ ปรโต ‘‘เย เต ภิกฺขู อวีตราคา, เตสํ ตสฺมึ สมเย โหติ เอว ภยํ, โหติ โลมหํโส, โหติ ฉมฺภิตตฺต’’นฺติ อิมินา น ยุชฺชติ, อิทฺจ ภควโต อสุภกถารมฺมณปฺปโยชเนน น สเมตีติ เจ? น, ตทตฺถาชานนโต. สเกน กาเยน อฏฺฏียนฺตานมฺปิ เตสํ อริยมคฺเคน อปฺปหีนสิเนหตฺตา ขีณาสวานํ วิย มรณํ ปฏิจฺจ อภยํ น โหติ, ภยฺจ ปน อสุภภาวนานุโยคานุภาเวน มนฺทีภูตํ อนฏฺฏียนฺตานํ วิย น มหนฺตํ หุตฺวา จิตฺตํ โมเหสิ. อปายุปเค เต สตฺเต นากาสีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา อิทํ ปุริมสฺส การณวจนํ, ยสฺมา เตสํ ตสฺมึ สมเย โหติ เอว ภยํ, ฉมฺภิตตฺตํ, โลมหํโส จ, ตสฺมา ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อสุภกถํ กเถตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ.

อถ วา สเกน กาเยน อฏฺฏียนฺตานมฺปิ เตสํ โหติ เอว ภยํ, มหานุภาวา วีตราคาติ ขีณาสวานํ มหนฺตํ วิเสสํ ทสฺเสติ, อติทุปฺปสเหยฺยมิทํ มรณภยํ, ยโต เอวํวิธานมฺปิ อวีตราคตฺตา ภยํ โหตีติปิ ทสฺเสติ. ตทฺเ เตสํ ภิกฺขูนํ ปฺจสตานํ อฺตรา. เตเนทํ ทีเปติ ‘‘ตํ ตถา อาคตํ อสิหตฺถํ วธกํ ปสฺสิตฺวา ตทฺเสมฺปิ โหติ เอว ภยํ, ปเคว เตสนฺติ กตฺวา ภควา ปมเมว เตสํ อสุภกถํ กเถสิ, ปรโต เตสํ นาโหสิ. เอวํ มหานิสํสา เนสํ อสุภกถา อาสี’’ติ. โย ปเนตฺถ ปจฺฉิโม นโย, โส ‘‘เตสุ กิร ภิกฺขูสุ เกนจิปิ กายวิกาโร วา วจีวิกาโร วา น กโต, สพฺเพ สตา สมฺปชานา ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปชฺชึสู’’ติ อิมินา อฏฺกถาวจเนน สเมติ.

อปเร ปนาหูติ กุลทฺธิปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘อยํ กิร ลทฺธี’’ติ วจนํ ‘‘มารเธยฺยํนาติกฺกมิสฺสตี’’ติ วจเนน วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติ. กถํ? อยํ ภิกฺขู อฆาเตนฺโต มารวิสยํ อติกฺกมิสฺสติ อกุสลกรณโต จ. ฆาเตนฺโต ปน มารเธยฺยํ นาติกฺกมิสฺสติ พลวตฺตา กมฺมสฺสาติ สยํ มารปกฺขิกตฺตา เอวํ จินฺเตตฺวา ปน ‘‘เย น มตา, เต สํสารโต น มุตฺตา’’ติ อตฺตโน จ ลทฺธิ, ตสฺมา ตํ ตตฺถ อุภเยสํ มคฺเค นิโยเชนฺตี เอวมาห, เตเนว ‘‘มารปกฺขิกา มาเรน สมานลทฺธิกา’’ติ อวตฺวา ‘‘มารสฺสา นุวตฺติกา’’ติ วุตฺตา. ‘‘อิมินา กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา มารสฺส อนุวตฺติ, ตสฺมา เอวํ จินฺเตตฺวาปิ อตฺตโน ลทฺธิวเสน เอวมาหา’’ติ เกจิ ลิขนฺติ. มม สนฺติเก เอกโต อุปฏฺานมาคจฺฉนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก อุทฺเทสาทึ คณฺหาติ.

อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา

๑๖๕. อยมฺปิ โข, ภิกฺขเวติ อิมินา กึ ทสฺเสติ? เยสํ เอวมสฺส ‘‘ภควตา อาจิกฺขิตกมฺมฏฺานานุโยคปจฺจยา เตสํ ภิกฺขูนํ ชีวิตกฺขโย อาสี’’ติ, เตสํ ตํ มิจฺฉาคาหํ นิเสเธติ. เกวลํ เตสํ ภิกฺขูนํ ปุพฺเพ กตกมฺมปจฺจยาว ชีวิตกฺขโย อาสิ, อิทํ ปน กมฺมฏฺานํ เตสํ เกสฺจิ อรหตฺตปฺปตฺติยา, เกสฺจิ อนาคามิสกทาคามิโสตาปตฺติผลปฺปตฺติยา, เกสฺจิ ปมชฺฌานาธิคมาย, เกสฺจิ วิกฺขมฺภนตทงฺคปฺปหาเนน อตฺตสิเนหปอยาทานาย อุปนิสฺสโย หุตฺวา, เกสฺจิ สุคติยํ อุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย อโหสีติ สาตฺถิกาว เม อสุภกถา, กินฺตุ ‘‘สาธุ, ภนฺเต ภควา, อฺํ ปริยายํ อาจิกฺขตู’’ติ อานนฺเทน ยาจิตตฺตา อฺํ ปริยายํ อาจิกฺขามิ, ยถา โว ปุพฺเพ อาจิกฺขิตอสุภกมฺมฏฺานานุโยคา, เอวํ อยมฺปิ โข ภิกฺขเวติ โยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘อสฺสาสวเสน อุปฏฺานํ สตี’’ติ วุตฺตํ. สา หิ ตํ อสฺสาสํ, ปสฺสาสํ วา อารมฺมณํ กตฺวา ปุพฺพภาเค, อปรภาเค ปน อสฺสาสปสฺสาสปภวนิมิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฏฺาตีติ จ ตถา วุตฺตา.

อสุเภ ปวตฺตํ อสุภนฺติ วา ปวตฺตํ ภาวนากมฺมํ อสุภกมฺมํ, ตเทว อฺสฺส ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนกสฺส การณฏฺเน านตฺตา อสุภกมฺมฏฺานํ, อารมฺมณํ วา อสุภกมฺมสฺส ปทฏฺานฏฺเน านนฺติ อสุภกมฺมฏฺานนฺติ อิธ อสุภชฺฌานํ, เตเนว ‘‘โอฬาริการมฺมณตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิเวธวเสนาติ วิตกฺกาทิองฺคปฏิลาภวเสน. อารมฺมณสนฺตตายาติ อนุกฺกเมน สนฺตกาลํ อุปาทาย วุตฺตกายทรถปฺปฏิปสฺสทฺธิวเสน นิพฺพุโต. ปริกมฺมํ วาติ กสิณปริกมฺมํ กิร นิมิตฺตุปฺปาทปริโยสานํ. ตทา หิ นิรสฺสาทตฺตา อสนฺตํ, อปฺปณิหิตฺจ. ยถา อุปจาเร นีวรณวิคเมน, องฺคปาตุภาเวน จ สนฺตตา โหติ, น ตถา อิธ, อิทํ ปน ‘‘อาทิสมนฺนาหารโต’’ติ วุตฺตํ. ทุติยวิกปฺเป อเสจนโกติ อติตฺติกโร, เตน วุตฺตํ ‘‘โอชวนฺโต’’ติ. เจตสิกสุขํ ฌานกฺขเณปิ อตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘อุโภปิ ฌานา วุฏฺิตสฺเสว คเหตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. สมเถน สกสนฺตาเน อวิกฺขมฺภิเต. อิตรถา ปาปกานํ ฌาเนน สหุปฺปตฺติ สิยา. ขนฺธาทีนํ โลกุตฺตรปาทกตฺตา นิพฺเพธภาคิยํ, วิเสเสน ยสฺส นิพฺเพธภาคิยํ โหติ, ตํ สนฺธาย วา. ‘‘อนิจฺจานุปสฺสีติอาทิจตุกฺกวเสน อนุปุพฺเพน อริยมคฺควุฑฺฒิปฺปตฺโต สมุจฺฉินฺทติ, เสสานเมตํ นตฺถี’’ติ ลิขิตํ.

ตถาภาวปฏิเสธโน จาติ โสฬสวตฺถุกสฺส ติตฺถิยานํ นตฺถิตาย วุตฺตํ. สพฺพปมานํ ปน จตุนฺนํ ปทานํ วเสน โลกิยชฺฌานเมว เตสํ อตฺถิ, ตสฺมึ โลกุตฺตรปทฏฺานํ นตฺถิ เอว. ‘‘ผลมุตฺตมนฺติ ผเล อุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํ. อุตุตฺตยานุกูลนฺติ คิมฺเห อรฺเ, เหมนฺเต รุกฺขมูเล, วสนฺตกาเล สุฺาคาเร คโต. เสมฺหธาตุกสฺส อรฺํ, ปิตฺตธาตุกสฺส รุกฺขมูลํ, วาตธาตุกสฺส สุฺาคารํ อนุกูลํ. โมหจริตสฺส อรฺํ อนุกูลํ มหาอรฺเ จิตฺตํ น สงฺกุฏติ, โทสจริตสฺส รุกฺขมูลํ, ราคจริตสฺส สุฺาคารํ. านจงฺกมานิ อุทฺธจฺจปกฺขิกานิ, สยนํ ลีนปกฺขิกํ, ปลฺลงฺกาภุชเนน นิสชฺชาย ทฬฺหภาวํ, อุชุกายํ ปณิธาเนน อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺตนสุขํ ‘‘ปริมุขํ สติ’’นฺติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปายํ ทสฺเสติ. การีติ กรณสีโล. เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘สโต การี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปมจตุกฺกํ เอว ลพฺภติ, น เสสานี’’ติ จ ‘‘ทีฆํอสฺสาสวเสนาติ อโลปสมาสํ กตฺวา’’อิติ จ ‘‘เอกตฺถตาย อวิกฺเขป’’นฺติ จ ‘‘อสมฺโภควเสน ปชานโต’’ติ จ ‘‘เตน าเณนา’’ติ จ ‘‘ปชานโตติ วุตฺตาเณนา’’ติ จ ‘‘สโตการีติ สติสมฺปชฺาหิการี’’ติ จ ‘‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิโน อสฺสาสาว ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสา’’ติ จ ลิขิตํ. อุปฺปฏิปาฏิยา อาคตมฺปิ ยุชฺชเตว, เตน าเนน ปฏิสิทฺธํ. ตาลุํ อาหจฺจ นิพฺพายนโต กิร โปตโก สมฺปติชาโตว ขิปิตสทฺทํ กโรติ, ฉนฺทปาโมชฺชวเสน ฉ ปุริมา ตโยติ นว. เอเกนากาเรนาติ อสฺสาสวเสน วา ปสฺสาสวเสน วา เอวํ อานาปานสฺสตึ ภาวยโต กาเย กายานุปสฺสนาสติกมฺมฏฺานภาวนา สมฺปชฺชติ.

กาโยติ อสฺสาสปสฺสาสา. อุปฏฺานํ สติ. ทีฆนฺติ สีฆํ คตํ อสฺสาสปสฺสาสํ. อทฺธานสงฺขาเตติ กาลสงฺขาเต วิย กาลโกฏฺาเสติ อตฺโถ, ทีฆกาเล วาติ อตฺโถ. เอโก หิ อสฺสาสเมวูปลกฺเขติ, เอโก ปสฺสาสํ, เอโก อุภยํ, ตสฺมา ‘‘วิภาคํ อกตฺวา’’ติ วา วุตฺตํ, ฉนฺโทติ เอวํ อสฺสาสโต, ปสฺสาสโต จ อสฺสาโท อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท อุปฺปชฺชติ. ตโต ปาโมชฺชนฺติ. อสฺสาสปสฺสาสานํ ทุวิฺเยฺยวิสยตฺตา จิตฺตํ วิวตฺตติ, คณนํ ปหาย ผุฏฺฏฺานเมว มนสิ กโรนฺตสฺส เกวลํ อุเปกฺขาว สณฺาติ. จตฺตาโร วณฺณาติ ‘‘ปตฺตสฺส ตโย วณฺณา’’ติอาทีสุ วิย จตฺตาโร สณฺานาติ อตฺโถ.

ตถาภูตสฺสาติ อานาปานสฺสตึ ภาวยโต. สํวโรติ สติสํวโร. อถ วา ปเมน ฌาเนน นีวรณานํ, ทุติเยน วิตกฺกวิจารานํ, ตติเยน ปีติยา, จตุตฺเถน สุขทุกฺขานํ, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาย, ปฏิฆสฺาย, นานตฺตสฺาย วา ปหานํ. ‘‘สีลนฺติ เวรมณิ สีลํ, เจตนา สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙ โถกํ วิสทิสํ) วุตฺตวิธินาเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อตฺถโต ตถา ตถา ปวตฺตธมฺมา อุปธารณสมาธานสงฺขาเตน สีลนฏฺเน สีลนฺติ วุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา ‘‘อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ เอตฺถาปิ เจตนาสีลเมว, กตฺถจิ วิรติสีลมฺปีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺถา ปณฺณตฺติวชฺเชสุปิ สิกฺขาปเทสุ วิรติปฺปสงฺโค อโหสิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตีติ กตฺวา ตสฺสาปิ วิรติปฺปสงฺโค. ตสฺมึ อารมฺมเณติ อานาปานารมฺมเณ. ตาย สติยาติ ตตฺถ อุปฺปนฺนสติยา. ‘‘เตน มนสิกาเรนาติ อาวชฺชเนนา’’ติ ลิขิตํ. เอเตน นานาวชฺชนปฺปวตฺติทีปนโต นานาชวนวาเรหิปิ สิกฺขติ นามาติ ทีปิตํ โหติ, เยน ปน มนสิกาเรน วา. าณุปฺปาทนาทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ยาว ปริโยสานํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตตฺราติ ตสฺมึ อานาปานารมฺมเณ. เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพนเยนา’’ติ ลิขิตํ. ตตฺราติ เตสํ อสฺสาสปสฺสาสานํ วา. ตฺหิ ‘‘ปุพฺเพ อปริคฺคหิตกาเล’’ติ อิมินา สุฏฺุ สเมติ. ‘‘ปมวาโท ทีฆภาณกานํ. เต หิ ‘ปมชฺฌานํ ลภิตฺวา นานาสเน นิสีทิตฺวา ทุติยตฺถาย วายามโต อุปจาเร วิตกฺกวิจารวเสน โอฬาริกจิตฺตปฺปวตฺติกาเล ปวตฺตอสฺสาสปสฺสาสวเสน โอฬาริกา’ติ วทนฺติ. ‘มชฺฌิมภาณกา ฌานลาภิสฺส สมาปชฺชนกาเล, เอกาสนปฏิลาเภ จ อุปรูปริ จิตฺตปฺปวตฺติยา สนฺตภาวโต ปมโต ทุติยสฺสุปจาเร สุขุมตํ วทนฺตี’’’ติ ลิขิตํ.

วิปสฺสนายํ ปนาติ จตุธาตุววตฺถานมุเขน อภินิวิฏฺสฺส อยํ กโม, อฺสฺส จาติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต อฺนฺติ ทสฺสนํ สนฺธาย ‘‘สกลรูปปริคฺคเห’’ติ วุตฺตํ. รูปารูปปริคฺคเหติ เอตฺถ อนิจฺจตาทิลกฺขณารมฺมณิกภงฺคานุปสฺสนโต ปภุติ พลวตี วิปสฺสนา. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ สพฺเพสํเยว ปน มเตน อปริคฺคหิตกาเลติอาทินา. โสธนา นาม วิสฺสชฺชนํ. อสฺสาติ ‘‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ ปทสฺส.

ปุรโต นมนา อานมนา. ติริยํ นมนา วินมนา. สุฏฺุ นมนา สนฺนมนา. ปจฺฉา นมนา ปณมนา. ชาณุเก คเหตฺวา านํ วิย อิฺชนาติ อานมนาทีนํ อาวิภาวตฺถมุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถารูเปหิ อานมนาทิ วา กมฺปนาทิ วา โหติ, ตถารูเป ปสฺสมฺภยนฺติ สมฺพนฺโธ. อิติ กิราติ อิติ เจ. เอวํ สนฺเตติ สนฺตสุขุมมฺปิ เจ ปสฺสมฺภติ. ปภาวนาติ อุปฺปาทนํ. อสฺสาสปสฺสาสานํ วูปสนฺตตฺตา อานาปานสฺสติสมาธิสฺส ภาวนา น โหติ. ยสฺมา ตํ นตฺถิ, ตสฺมา น สมาปชฺชติ, สมาปตฺติยา อภาเวน น วุฏฺหนฺติ. อิติ กิราติ เอวเมตํ ตาว วจนนฺติ ตเทตํ. สทฺโทว สทฺทนิมิตฺตํ, ‘‘สโต อสฺสสติ สโต ปสฺสสตี’’ติ ปทานิ ปติฏฺเปตฺวา ทฺวตฺตึสปทานิ จตฺตาริ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ.

อปฺปฏิปีฬนนฺติ เตสํ กิเลสานํ อนุปฺปาทนํ กิฺจาปิ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิปิ อตฺถโต ปาติโมกฺขสํวรสีเล สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วจนโต. ตถาปิ ‘‘น ตาว, สาริปุตฺต, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ, ยาว น อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอตฺถ อนธิปฺเปตตฺตา ‘‘อาภิสมาจาริก’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ยํ ปเนตฺถ อาปตฺติฏฺานิยํ น โหติ, ตํ อมิสฺสเมวา’’ติ วุตฺตํ.

ยถาวุตฺเตนาติ โยคานุโยคกมฺมสฺส ปทฏฺานตฺตา. สลฺลหุกวุตฺติ อฏฺปริกฺขาริโก. ปฺจสนฺธิกํ กมฺมฏฺานนฺติ เอตฺถ ฌานมฺปิ นิมิตฺตมฺปิ ตทตฺถโชติกาปิ ปริยตฺติ อิธ กมฺมฏฺานํ นาม. คมนาคมนสมฺปนฺนตาทิ เสนาสนํ. สํกิลิฏฺจีวรโธวนาทโย ขุทฺทกปลิโพธา. ‘‘อนฺตรา ปติตํ นุ โข’’ติ วิกมฺปติ.

อชฺฌตฺตํ วิกฺเขปคเตนาติ นิยกชฺฌตฺเต วิกฺเขปคเตน. สารทฺธา อสมาหิตตฺตา. อุปนิพนฺธนถมฺภมูลํ นาม นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วา. ตตฺเถวาติ นาสิกคฺคาทินิมิตฺเต. ‘‘โทลาผลกสฺส เอกปสฺเส เอว อุโภ โกฏิโย มชฺฌฺจ ปสฺสตี’’ติ วทนฺติ.

อิธ ปนาติ กกจูปเม. เทสโตติ ผุสนกฏฺานโต. ‘‘นิมิตฺตํ ปฏฺเปตพฺพนฺติ นิมิตฺเต สติ ปฏฺเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ครูหิ ภาเวตพฺพตฺตา ครุกภาวนํ. เอกจฺเจ อาหูติ เอกจฺเจ ฌายิโน อาหุ.

‘‘สฺานานตายา’’ติ วจนโต เอกจฺเจหิ วุตฺตมฺปิ ปมาณเมว, สงฺคีติโต ปฏฺาย อฏฺกถาย อนาคตตฺตา ตถา วุตฺตํ. ‘‘มยฺหํ ตารกรูปํ นุ โข อุปฏฺาตี’’ติอาทิปริกปฺเป อสติปิ ธาตุนานตฺเตน เอตาสํ ธาตูนํ อุปฺปตฺติ วิย เกวลํ ภาวยโต ตถา ตถา อุปฏฺาติ. ‘‘น นิมิตฺต’นฺติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ สมฺปชานมุสาวาทตฺตา’’ติ วุตฺตํ. กมฺมฏฺานนฺติ อิธ วุตฺตปฏิภาคนิมิตฺตเมว.

นิมิตฺเต ปฏิภาเค. นานาการนฺติ ‘‘จตฺตาโร วณฺณา วตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตนานาวิธตํ. วิภาวยนฺติ ชานํ ปกาสยํ. อสฺสาสปสฺสาเสติ ตโต สมฺภูเต นิมิตฺเต, อสฺสาสปสฺสาเส วา นานาการํ. นิมิตฺเต หิ จิตฺตํ เปนฺโตว นานาการตฺจ วิภาเวติ, อสฺสาสปสฺสาเส วา สกํ จิตฺตํ นิพนฺธตีติ วุจฺจติ. ตารกรูปาทิวณฺณโต. กกฺขฬตฺตาทิลกฺขณโต.

อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาสนฺนภวงฺคตฺตาติ การณํ วตฺวา สีหฬฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตํ. กสฺมา? ยสฺมา ฉฏฺเ, สตฺตเม วา อปฺปนาย สติ มคฺควีถิยํ ผลสฺส โอกาโส น โหติ, ตสฺมา. อิธ โหตูติ เจ? น, โลกิยปฺปนาปิ หิ อปฺปนาวีถิมฺหิ โลกุตฺตเรน สมานคติกาวาติ ปฏิลทฺธชฺฌาโนปิ ภิกฺขุ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถาย ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ นิสีทิตุกาโม จตุตฺเถ, ปฺจเม วา อปฺเปตฺวา นิสีทติ, น ฉฏฺเ, สตฺตเม วา. ตตฺถ หิ อปฺปนา. ตโต ปรํ อปฺปนาย อาธารภาวํ น คจฺฉติ. อาสนฺนภวงฺคตฺตา จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา คจฺฉติ ถเล ิตฆโฏ วิย ชวนานมนฺตเร ิตตฺตาติ กิร อาจริโย.

ปุถุตฺตารมฺมณานิ อนาวชฺชิตฺวา ฌานงฺคาเนว อาวชฺชนํ อาวชฺชนวสี นาม. ตโต ปรํ จตุนฺนํ, ปฺจนฺนํ วา ปจฺจเวกฺขณจิตฺตานํ อุปฺปชฺชนํ, ตํ ปจฺจเวกฺขณวสี นาม. เตเนว ‘‘ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตา’’ติ วุตฺตํ. สมาปชฺชนวสี นาม ยตฺตกํ กาลํ อิจฺฉติ ตตฺตกํ สมาปชฺชนํ, ตํ ปน อิจฺฉิตกาลปริจฺเฉทํ ปติฏฺาเปตุํ สมตฺถตาติ. ‘‘อธิฏฺานวสิยา วุฏฺานวสิโน อยํ นานตฺตํ อธิฏฺานานุภาเวน ชวนํ ชวติ, วุฏฺานานุภาเวน ปน อธิปฺเปตโต อธิกํ ชวตี’’ติปิ วทนฺติ. อปิจ ปถวีกสิณาทิอารมฺมณํ อาวชฺชิตฺวา ชวนฺจ ชวิตฺวา ปุน อาวชฺชิตฺวา ตโต ปฺจมํ ฌานํ จิตฺตํ โหติ, อยํ กิร อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท. ภควโต ปน อาวชฺชนสมนนฺตรเมว ฌานํ โหตีติ สพฺพํ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.

‘‘วตฺถุนฺติ หทยวตฺถุํ. ทฺวารนฺติ จกฺขาทิ. อารมฺมณนฺติ รูปาที’’ติ ลิขิตํ. ยถาปริคฺคหิตรูปารมฺมณํ วา วิฺาณํ ปสฺสติ, อฺถาปิ ปสฺสติ. กถํ? ‘‘ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ วา’’ติ วุตฺตํ. ยถาปริคฺคหิตรูเปสุ วตฺถุทฺวารารมฺมณานิ ยสฺส วิฺาณสฺส, ตํ วิฺาณํ ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ ตมฺปิ ปสฺสติ, เอกสฺส วา อารมฺมณสทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพติ จ มม ตกฺโก วิจาเรตฺวาว คเหตพฺโพ.

ตโต ปรํ ตีสุ จตุกฺเกสุ ทฺเว ทฺเว ปทานิ เอกเมกํ กตฺวา คเณตพฺพํ. สมเถน อารมฺมณโต วิปสฺสนาวเสน อสมฺโมหโต ปีติปฏิสํเวทนเมตฺถ เวทิตพฺพํ. ‘‘ทุกฺขเมตํ าณ’’นฺติอาทีสุ ปน ‘‘อารมฺมณโต อสมฺโมหโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, อิธ ตโต วุตฺตนยโต อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตํ. ตตฺถ หิ เยน โมเหน ตํ ทุกฺขํ ปฏิจฺฉนฺนํ, น อุปฏฺาติ, ตสฺส วิหตตฺตา วา เอวํ ปวตฺเต าเณ ยถารุจิ ปจฺจเวกฺขิตุํ อิจฺฉิติจฺฉิตกาเล สมตฺถภาวโต วา ทุกฺขาทีสุ ตีสุ อสมฺโมหโต าณํ วุตฺตํ. นิโรเธ อารมฺมณโต ตํสมฺปยุตฺตา ปีติปฏิสํเวทนา อสมฺโมหโต น สมฺภวติ โมหปฺปหานาภาวา, ปฏิสมฺภิทาปาฬิวิโรธโต จ. ตตฺถ ‘‘ทีฆํ อสฺสาสวเสนา’’ติอาทิ อารมฺมณโต ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตาย สติยา เตน าเณน สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ ตทารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตาติ เอตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทิ อสมฺโมหโต ปีติปฏิสํเวทนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. อนิจฺจาทิวเสน ชานโต, ปสฺสโต, ปจฺจเวกฺขโต จ. ตทธิมุตฺตตาวเสน อธิฏฺหโต, อธิมุจฺจโต, ตถา วีริยาทึ สมาทหโต ขณิกสมาธินา.

อภิฺเยฺยนฺติ าตปริฺาย. ปริฺเยฺยนฺติ ตีรณปริฺาย. สพฺพฺหิ ทุกฺขสจฺจํ อภิฺเยฺยํ, ปริฺเยฺยฺจ. ตตฺร จายํ ปีตีติ ลิขิตํ. อภิฺเยฺยนฺติอาทิ มคฺคกฺขณํ สนฺธายาหาติ วุตฺตํ. มคฺเคน อสมฺโมหสงฺขาตวิปสฺสนากิจฺจนิปฺผตฺติโต มคฺโคปิ อภิฺเยฺยาทิอารมฺมณํ กโรนฺโต วิย วุตฺโต. วิปสฺสนาภูมิทสฺสนตฺถนฺติ สมเถ กายิกสุขาภาวา วุตฺตํ. ทฺวีสุ จิตฺตสงฺขารปเทสูติ จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที…เป… สิกฺขติ ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที…เป… สิกฺขตีติ เอเตสุ. โมทนาทิ สพฺพํ ปีติเววจนํ. อนิจฺจานุปสฺสนาทิ กิเลเส, ตมฺมูลเก ขนฺธาภิสงฺขาเร. เอวํ ภาวิโตติ น จตุกฺกปฺจกชฺฌานนิพฺพตฺตเนน ภาวิโต. เอวํ สพฺพาการปริปุณฺณํ กตฺวา ภาวิโต. วิปสฺสนามคฺคปจฺจเวกฺขณกาเลสุปิ ปวตฺตอสฺสาสมุเขเนว สพฺพํ ทสฺสิตํ อุปายกุสเลน ภควตา.

๑๖๘. กสฺมา อิทํ วุจฺจติ อมฺเหหีติ อธิปฺปาโย.

ปทภาชนียวณฺณนา

๑๗๒. อุสฺสุกฺกวจนนฺติ ปากฏสทฺทสฺา กิร, สมานกปทนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สุตฺวา ภุฺชนฺตี’’ติ เอตฺถ วิย สฺจิจฺจ โวโรเปตุกามสฺส สฺจิจฺจปทํ โวโรปนปทสฺส อุสฺสุกฺกํ, สฺเจตนา จ ชีวิตา โวโรปนฺจ เอกสฺเสวาติ วุตฺตํ โหติ. น เกวลํ เจตสิกมตฺเตเนว โหติ, ปโยโคปิ อิจฺฉิตพฺโพ เอวาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตานีติ กิร อุปติสฺสตฺเถโร. ‘‘ชานิตฺวา สฺชานิตฺวา เจจฺจ อภิวิตริตฺวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ชานนฺโต…เป… วีติกฺกโม’’ติ โวโรปนมฺปิ ทสฺสิตํ, ตสฺมา พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวา อตฺโถ ทสฺสิโต. วีติกฺกมสงฺขาตตฺถสิทฺธิยา หิ ปุริมเจตนา อตฺถสาธิกา โหติ. สพฺพสุขุมอตฺตภาวนฺติ รูปํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อรูปํ. อตฺตสงฺขาตานฺหิ อรูปานํ ขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๑ อาทโย) วิย อิธ โอฬาริกสุขุมตา อนธิปฺเปตา. มาตุกุจฺฉิสฺมินฺติ เยภุยฺยวจนํ, โอปปาติกมนุสฺเสปิ ปาราชิกเมว, อรูปกาเย อุปกฺกมาภาวา ตคฺคหณํ กสฺมาติ เจ? อรูปกฺขนฺเธน สทฺธึ ตสฺเสว รูปกายสฺส ชีวิตินฺทฺริยสมฺภวโต. เตน สชีวโกว มนุสฺสวิคฺคโหปิ นาม โหตีติ สิทฺธํ. เอตฺถ มาตุกุจฺฉิสฺมินฺติ มนุสฺสมาตุยา วา ติรจฺฉานมาตุยา วา. วุตฺตฺหิ ปริวาเร (ปริ. ๔๘๐) –

‘‘อิตฺถึ หเน จ มาตรํ, ปุริสฺจ ปิตรํ หเน;

มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, น เตนานนฺตรํ ผุเส;

ปฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ.

ปมนฺติ ปฏิสนฺธิจิตฺตเมว. เอกภวปริยาปนฺนาย หิ จิตฺตสนฺตติยา ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปมจิตฺตํ นาม. จุติจิตฺตํ ปจฺฉิมํ นาม. อฺถา อนมตคฺเค สํสาเร ปมจิตฺตํ นาม นตฺถิ วินา อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ จิตฺตุปฺปตฺติยา อภาวโต. ภาเว วา นวสตฺตปาตุภาวโทสปฺปสงฺโค. อยํ สพฺพปโม มนุสฺสวิคฺคโหติ กิฺจาปิ อิมํ ชีวิตา โวโรเปตุํ น สกฺกา, ตํ อาทึ กตฺวา สนฺตติยา ยาว มรณา อุปฺปชฺชนกมนุสฺสวิคฺคเหสุ อปริมาเณสุ ‘‘สพฺพปโม’’ติ ทิสฺสติ. ยทา ปน โย มนุสฺสวิคฺคโห ปุพฺพาปริยวเสน สนฺตติปฺปตฺโต โหติ, ตทา ตํ ชีวิตา โวโรเปตุํ สกฺกา. สนฺตตึ วิโกเปนฺโต หิ ชีวิตา โวโรเปติ นาม. เอตฺถ จ นานตฺตนเย อธิปฺเปเต สติ ‘‘สพฺพปโม’’ติ วจนํ ยุชฺชติ, น ปน เอกตฺตนเย สนฺตติยา เอกตฺตา. เอกตฺตนโย จ อิธาธิปฺเปโต ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ วจนโต, ตสฺมา ‘‘สพฺพปโม’’ติ วจนํ น ยุชฺชตีติ เจ? น, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนพหุตฺตา. ยสฺมา ปน สนฺตติ นาม อเนเกสํ ปุพฺพาปริยุปฺปตฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อยํ สพฺพปโม’’ติ วุตฺโต, เอวเมตฺถ ทฺเวปิ นยา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, อฺถา ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ อิทํ วจนํ น สิชฺฌติ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ วจนโต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนเมว อธิปฺเปตํ, น อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ยสฺมา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺเน วิโกปิเต อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วิโกปิตเมว โหติ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺเน ปน วิโกปิเต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วิโกปิตํ โหตีติ เอตฺถ วตฺตพฺพํ นตฺถิ. ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘ตทุภยมฺปิ โวโรเปตุํ สกฺกา, ตสฺมา ตเทว สนฺธาย ‘สนฺตตึ วิโกเปตี’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. ‘‘สนฺตตึ วิโกเปตี’’ติ วจนโต ปกติยา อายุปริยนฺตํ ปตฺวา มรณกสตฺเต วีติกฺกเม สติ อนาปตฺติ วีติกฺกมปจฺจยา สนฺตติยา อโกปิตตฺตา. วีติกฺกมปจฺจยา เจ อายุปริยนฺตํ อปฺปตฺวา อนฺตราว มรณกสตฺเต วีติกฺกมปจฺจยา อาปตฺติ, กมฺมพทฺโธ จาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวณฺเณยฺย, มรณาย วา สมาทเปยฺย, อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ วจนโต วา เจตนากฺขเณ เอว ปาราชิกาปตฺติ เอกนฺตากุสลตฺตา, ทุกฺขเวทนตฺตา, กายกมฺมตฺตา, วจีกมฺมตฺตา, กิริยตฺตา จาติ เวทิตพฺพํ.

สตฺตฏฺชวนวารมตฺตนฺติ สภาคารมฺมณวเสน วุตฺตํ, เตเนว ‘‘สภาคสนฺตติวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺตโน ปฏิปกฺเขน สมนฺนาคตตฺตา สมนนฺตรสฺส ปจฺจยํ โหนฺตํ ยถา ปุเร วิย อหุตฺวา ทุพฺพลสฺส. นฺติ ชีวิตินฺทฺริยวิโกปนํ.

อีตินฺติ สตฺตวิธวิจฺฉิกาทีนิ ยุทฺเธ ฑํสิตฺวา มารณตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺติ. ปชฺชรกนฺติ สรีรฑาหํ. สูจิกนฺติ สูลํ. วิสูจิกนฺติ สุกฺขมาติสารํวสยํ. ปกฺขนฺทิยนฺติ รตฺตาติสารํ. ทฺวตฺติพฺยามสตปฺปมาเณ มหากาเย นิมฺมินิตฺวา ิตนาคุทฺธรณํ, กุชฺฌิตฺวา โอโลกิเต ปเรสํ กาเย วิสมรณํ วา ฑาหุปฺปาทนํ วา ปโยโค นาม.

เกจีติ มหาสงฺฆิกา. อยํ อิตฺถี. กุลุมฺพสฺสาติ คพฺภสฺส. กถํ สา อิตรสฺสาติ เจ? ตสฺส ทุฏฺเน มนสานุปกฺขิเต โส จ คพฺโภ สา จ อิทฺธีติ อุภยมฺปิ สเหว นสฺสติ, ฆฏคฺคีนํ เภทนิพฺพายนํ วิย เอกกฺขเณ โหติ. ‘‘เตสํ สุตฺตนฺติเกสุ โอจริยมานํ น สเมตี’’ติ ลิขิตํ, ‘‘เตสํ มตํ คเหตฺวา ‘ถาวรีนมฺปิ อยํ ยุชฺชตี’ติ วุตฺเต ติกวเสน ปฏิเสธิตพฺพนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิยปโยเคสุ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย สตฺตมาย สหุปฺปนฺนกายวิฺตฺติยา สาหตฺถิกตา เวทิตพฺพา. อาณตฺติเก ปน สตฺตหิปิ เจตนาหิ สห วจีวิฺตฺติสมฺภวโต สตฺตสตฺต สทฺทา เอกโต หุตฺวา เอเกกกฺขรภาวํ คนฺตฺวา ยตฺตเกหิ อกฺขเรหิ อตฺตโน อธิปฺปายํ วิฺาเปติ, ตทวสานกฺขรสมุฏฺาปิกาย สตฺตมเจตนาย สหชาตวจีวิฺตฺติยา อาณตฺติกตา เวทิตพฺพา. ตถา วิชฺชามยปโยเค. กาเยนาณตฺติยํ ปน สาหตฺถิเก วุตฺตนโยว. ถาวรปโยเค ยาวตา ปรสฺส มรณํ โหติ, ตาวตา กมฺมพทฺโธ, อาปตฺติ จ. ตโต ปรํ อติสฺจรเณ กมฺมพทฺธาติพหุตฺตํ เวทิตพฺพํ สติ ปรํ มรเณ. ปาราชิกาปตฺติ ปเนตฺถ เอกา. อตฺถสาธกเจตนา ยสฺมา เอตฺถ จ ทุติยปาราชิเก จ ลพฺภติ, น อฺตฺถ, ตสฺมา ทฺวินฺนมฺปิ สาธารณา อิมา คาถาโย –

‘‘ภูตธมฺมนิยามา เย, เต ธมฺมา นิยตา มตา;

ภาวิธมฺมนิยามา เย, เตว อนิยตา อิธ.

‘‘ภูตธมฺมนิยามานํ, ิตาว สา ปจฺจยฏฺิติ;

ภาวิธมฺมนิยามานํ, สาเปกฺขา ปจฺจยฏฺิติ.

‘‘เตนฺา เหตุยา อตฺถิ, สาปิ ธมฺมนิยามตา;

ตสฺสา ผลํ อนิยตํ, ผลาเปกฺขา นิยามตา.

‘‘เอวฺหิ สพฺพธมฺมานํ, ิตา ธมฺมนิยามตา;

ลทฺธธมฺมนิยามา ยา, สาตฺถสาธกเจตนา.

‘‘เจตนาสิทฺธิโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา ตสฺสาตฺถสิทฺธิโต;

อวิเสเสน สพฺพาปิ, ฉพฺพิธา อตฺถสาธิกา.

‘‘อาณตฺติยํ ยโต สกฺกา, วิภาเวตุํ วิภาคโต;

ตสฺมา อาณตฺติยํเยว, วุตฺตา สา อตฺถสาธิกา.

‘‘มิจฺฉตฺเต วาปิ สมฺมตฺเต, นิยตานิยตา มตา;

อภิธมฺเม น สพฺพตฺถิ, ตตฺถ สา นิยตา สิยา.

‘‘ยา เถยฺยเจตนา สพฺพา, สหตฺถาณตฺติกาปิ วา;

อภิธมฺมนเยนายํ, เอกนฺตนิยตา สิยา.

‘‘ปาณาติปาตํ นิสฺสาย, สหตฺถาณตฺติกาทิกา;

อภิธมฺมวเสเนสา, ปจฺเจกํ ตํ ทุกํ ภเช.

‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉโท, เจตนา เจติ ตํ ทฺวยํ;

น สาหตฺถิกกมฺเมน, ปเควาณตฺติกาสมํ.

‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉโท, เจตนา เจติ ตํ ทฺวยํ;

น สาหตฺถิกกมฺเมน, ปเควาณตฺติกาสมํ.

‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกฺขเณ วธกเจตนา;

จิราิตาติ โก ธมฺโม, นิยาเมติ อาปตฺติกํ.

‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกฺขเณ เจ วธโก สิยา;

มโต สุตฺโต ปพุทฺโธ วา, กุสโล วธโก สิยา.

‘‘กุสลตฺติกเภโท จ, เวทนาตฺติกเภโทปิ;

สิยา ตถา คโต สิทฺโธ, สหตฺถา วธกเจตนา’’ติ.

ยานิ ปน พีชอุตุกมฺมธมฺมจิตฺตนิยามานิ ปฺจ อฏฺกถาย อาเนตฺวา นิทสฺสิตานิ, เตสุ อยมตฺถสาธกเจตนา โยคํ คจฺฉตีติ มฺเ ‘‘อยํ อตฺถสาธกเจตนานิยโม นตฺถี’’ติ เจตนานํ มิจฺฉตฺตสมฺมตฺตนิยตานมฺปิ นตฺถิภาวปฺปสงฺคโต. ภชาปิยมานา เยน, เตน สพฺเพปิ ยถาสมฺภวํ กมฺมจิตฺตนิยาเม ภชนฺติ คจฺฉนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ชีวิเต อาทีนโว มรณวณฺณทสฺสเน น วิภตฺโตว, อิธ ปน สงฺกปฺปปเท อตฺถโต ‘‘มรณสฺี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโย’’ติ เอวํ อวิภูตตฺตา วิภตฺโต, อปากฏตฺตา, อโนฬาริกตฺตา วา อวิภาคา การิตา วา. นยิทํ วิตกฺกสฺส นามนฺติ น วิตกฺกสฺเสว นามํ, กินฺตุ สฺาเจตนานมฺปิ นามนฺติ คเหตพฺพํ. กงฺขาวิตรณิยมฺปิ เอวเมว วุตฺตํ.

๑๗๔. กายโตติ วุตฺตตฺตา ‘‘สตฺติสู’’ติ วตฺตพฺเพ วจนสิลิฏฺตฺถํ ‘‘อุสุสตฺติอาทินา’’ติ วุตฺตํ. อนุทฺเทสิเก กมฺมสฺสารมฺมณํ โส วา โหติ, อฺโ วา. อุภเยหีติ กิฺจาปิ ปมปฺปหาโร น สยเมว สกฺโกติ, ทุติยํ ลภิตฺวา ปน สกฺโกนฺโต ชีวิตวินาสนเหตุ อโหสิ, ตทตฺถเมว หิ วธเกน โส ทินฺโน, ทุติโย ปน อฺเน จิตฺเตน ทินฺโน, เตน สุฏฺุ วุตฺตํ ‘‘ปมปฺปหาเรเนวา’’ติ, ‘‘เจตนา นาม ทารุณาติ ครุํ วตฺถุํ อารพฺภ ปวตฺตปุพฺพภาคเจตนา ปกติสภาววธกเจตนา, โน ทารุณา โหตี’’ติ อาจริเยน ลิขิตํ. ‘‘ปุพฺพภาคเจตนา ปริวารา, วธกเจตนาว ทารุณา โหตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาธิปฺปายนฺติ อุโภปิ ปฏิวิชฺฌติ, สาหตฺถิโกปิ สงฺเกตตฺตา น มุจฺจติ กิร.

กิริยาวิเสโส อฏฺกถาสุ อนาคโต. ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเหหี’ติ ปาฬิยา สเมตีติ อาจริเยน คหิโต’’ติ วทนฺติ. ปุรโต ปหริตฺวาติอาทิ วตฺถุวิสงฺเกตเมว กิร. เอตํ คาเม ิตนฺติ ปุคฺคโลว นิยมิโต. โย ปน ลิงฺควเสน ‘‘ทีฆํ…เป… มาเรหี’’ติ อาณาเปติ อนิยเมตฺวา. ยทิ นิยเมตฺวา วทติ, ‘‘เอตํ ทีฆ’’นฺติ วเทยฺยาติ อปเร. อาจริยา ปน ‘‘ทีฆนฺติ วุตฺเต นิยมิตํ โหติ, เอวํ อนิยเมตฺวา วทติ, น ปน อาณาปโก ทีฆาทีสุ อฺตรํ มาเรหีติ อธิปฺปาโย’’ติ วทนฺติ กิร. ‘‘อตฺโถ ปน จิตฺเตน เอกํ สนฺธายปิ อนิยเมตฺวา อาณาเปตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อิตโร อฺํ ตาทิสํ มาเรติ, อาณาปโก มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ ยถาธิปฺปายํ น คตตฺตา. ‘‘เอวํ ทีฆาทิวเสนาปิ จิตฺเตน อนิยมิตสฺเสวาติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสตี’’ติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ, สุฏฺุ วีมํสิตฺวา สพฺพํ คเหตพฺพํ, โอกาสสฺส นิยมิตตฺตาติ เอตฺถ โอกาสนิยมํ กตฺวา นิทฺทิสนฺโต ตสฺมึ โอกาเส นิสินฺนํ มาเรตุกาโมว โหติ, สยํ ปน ตทา ตตฺถ นตฺถิ. ตสฺมา โอกาเสน สห อตฺตโน ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ น โหติ, เตน อตฺตนา มาราปิโต ปโร เอว มาราปิโต. กถํ? สยํ รสฺโส จ ตนุโก จ หุตฺวา ปุพฺพภาเค อตฺตานํ สนฺธาย อาณตฺติกฺขเณ ‘‘ทีฆํ รสฺสํ ถูลํ พลวนฺตํ มาเรหี’’ติ อาณาเปนฺตสฺส จิตฺตํ อตฺตนิ ตสฺสาการสฺส นตฺถิตาย อฺสฺส ตาทิสสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตติ, เตน มูลฏฺสฺส กมฺมพทฺโธ. เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ทูตปรมฺปรานิทฺเทเส อาณาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อิตรสฺส อาโรเจติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ อาจริยนฺเตวาสีนํ ยถาสมฺภวํ อาโรจเน, ปฏิคฺคณฺหเน ทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. น วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺส ทุกฺกฏนฺติ สิทฺธํ โหติ. ตํ ปน โอกาสาภาวโต น วุตฺตํ. มูลฏฺเน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา หิ ตสฺส โอกาโส อปริจฺฉินฺโน, เตนสฺส ตสฺมึ โอกาเส ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. วธโก เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, มูลฏฺโ อาจริโย ปุพฺเพ อาปนฺนทุกฺกเฏน สห ถุลฺลจฺจยมฺปิ อาปชฺชติ. กสฺมา? มหาชโน หิ เตน ปาเป นิโยชิโตติ. อิทํ ปน ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยํ วธโก เจ ตมตฺถํ น สาเวติ อาปชฺชติ. ยทิ สาเวติ, ปาราชิกเมวาปชฺชติ. กสฺมา? อตฺถสาธกเจตนาย อภาวา. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘ปฏิคฺคณฺหติ, ตํ ทุกฺกฏํ โหติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ปาเ น วุตฺตนฺติ เจ? วธโก ปน ‘สาธุ กโรมี’ติ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ตํ น กโรติ. เอวฺหิ นิยเม ‘มูลฏฺสฺส กึ นาม โหติ, กิมสฺส ทุกฺกฏาปตฺตี’ติ สฺชาตกงฺขานํ ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’’ติ วุตฺตํ. ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, มูลฏฺสฺส จ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตํ น สิลิสฺสติ, มูลฏฺเน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติทสฺสนาธิการตฺตา วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ วุตฺตํ.

วิสกฺกิยทูตปทนิทฺเทเส ‘‘วตฺตุกามตาย จ กิจฺเฉเนตฺถ วตฺวา ปโยชนํ นตฺถีติ ภควตา น วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปน ‘‘มูลฏฺสฺเสว ทุกฺกฏ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ วิจารณา – อาจริเยน อาณตฺเตน พุทฺธรกฺขิเตน ตทตฺเถ สงฺฆรกฺขิตสฺเสว อาโรจิเต กิฺจาปิ โย ‘‘สาธู’’ติ ปฏิคฺคณฺหาติ, อถ โข อาจริยสฺเสเวตํ ทุกฺกฏํ วิสงฺเกตตฺตา, น พุทฺธรกฺขิตสฺส, กสฺมา? อตฺถสาธกเจตนาย อาปนฺนตฺตา. เตเนว ‘‘อาณาปกสฺส จ วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตํ ปน มูลฏฺเน อาปชฺชิตพฺพทุกฺกฏํ ‘‘มูลฏฺสฺส อนาปตฺตี’’ติ อิมินา อปริจฺฉินฺโนกาสตฺตา น วุตฺตํ.

อวิสงฺเกเต ‘‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา วิสงฺเกเต อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สิทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ ปน ทุกฺกฏํ วธกสฺเสว. โส หิ ปมํ อาณาปกํ พุทฺธรกฺขิตํ ปาราชิกาปตฺตึ ปาเปตฺวา สยํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อาปชฺชิสฺสตีติ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาณาปกสฺส จ วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ตถาปิ ตํ อตฺถโต วุตฺตเมว, ‘‘ยโต ปาราชิกํ ปฺตฺต’’นฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา จ ตํ น วุตฺตํ. ‘‘โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ สพฺเพสํ ปาราชิกสฺสา’’ติ หิ ปุพฺเพ วุตฺตํ. เอตฺถ ปุพฺเพ อาจริยนฺเตวาสิกานํ วุตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยาปตฺติโย ปมเมว อนาปนฺนา ปาราชิกาปตฺติยา อาปนฺนตฺตา. ตถาปิ วธกสฺส ปาราชิกาปตฺติยา เตสํ ปาราชิกภาโว ปากโฏ ชาโตติ กตฺวา ‘‘อาปตฺติ สพฺเพสํ ปาราชิกสฺสา’’ติ เอกโต วุตฺตํ, น ตถา ‘‘อาณาปกสฺส, วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ เอตฺถ. กสฺมา? วธกสฺส ทุกฺกฏาปตฺติยา อาปนฺนตฺตา. โส หิ ปมํ ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปชฺชติ. ยทิ ปน อนฺเตวาสิกา เกวลํ อาจริยสฺส ครุกตาย สาสนํ อาโรเจนฺติ สยํ อมรณาธิปฺปายา สมานา ปาราชิเกน อนาปตฺติ. อกปฺปิยสาสนหรณปจฺจยา ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ เอว, อิมสฺสตฺถสฺส สาธนตฺถํ ธมฺมปทวตฺถูหิ มิคลุทฺทกสฺส ภริยาย โสตาปนฺนาย ธนุอุสุสูลาทิทานํ นิทสฺสนํ วทนฺติ เอเก. ตํ ติตฺติรชาตเกน (ชา. ๑.๔.๗๓ อาทโย) สเมติ, ตสฺมา สุตฺตฺจ อฏฺกถฺจ อนุโลเมตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อิธ ปน ทูตปรมฺปราย จ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปาวท, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ ปาวทตู’’ติ เอตฺถ อวิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา วาจาย วา อาโรเจตุ, หตฺถมุทฺทาย วา, ปณฺเณน วา, ทูเตน วา อาโรเจตุ, วิสงฺเกโต นตฺถิ. สเจ วิเสเสตฺวา มูลฏฺโ, อนฺตราทูโต วา วทติ, ตทติกฺกเม วิสงฺเกโตติ เวทิตพฺพํ.

อิทานิ อิมสฺมึเยว อธิการทฺวเย อนุคณฺิปเท วุตฺตนโย วุจฺจติ – ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วธกสฺเสว อาปตฺติ, น อาณาปกสฺส พุทฺธรกฺขิตสฺส. ยทิ ปน โส วชฺฌมรณามรเณสุ อวสฺสมฺตรํ กโรติ, พุทฺธรกฺขิตสฺสาณตฺติกฺขเณ เอว ปาราชิกทุกฺกเฏสุ อฺตรํ สิยา. ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติ อธิการโต ‘‘จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ เอตฺถาปิ อิติ-สทฺโท วิย ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อธิการโต ‘‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตเมว โหติ. กสฺมา สรูเปน น วุตฺตนฺติ เจ? ตโต จุตฺตริ นยทานตฺถํ. ‘‘มูลฏฺสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ วุตฺเต มูลฏฺสฺเสว วเสน นิยมิตตฺตา ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ น ายติ. ‘‘วธโก ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ อนิยเมตฺวา วุตฺเต สกฺกา อุภเยสํ วเสน ทุกฺกเฏ โยเชตุํ. ตสฺมา เอว หิ อฏฺกถาจริเยหิ อธิการํ คเหตฺวา ‘‘สงฺฆรกฺขิเตน สมฺปฏิจฺฉิเต มูลฏฺสฺเสว ทุกฺกฏนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส เนว อนุฺาตํ, น ปฏิกฺขิตฺตํ, เกวลนฺตุ พุทฺธรกฺขิตสฺส อนิยมิตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺส ปน ปาราชิกทุกฺกเฏสุ อฺตรํ ภเวยฺยาติ อยมตฺโถ ทีปิโต, ตสฺมา ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ยสฺมา อุภเยสํ วเสน โยเชตุํ สกฺกา, ตสฺมา อาจริเยหิ ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺเสเวตํ ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ มูลฏฺโ เนว อนุฺาโต ‘‘มูลฏฺสฺสา’’ติ วจนาภาวโต, น จ ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิยา อภาวโต, ปฏิคฺคณฺหนปจฺจยา วธกสฺส ทุกฺกฏํ สิยาติ นยํ ทาตุํ ‘‘มูลฏฺสฺสา’’ติ ปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา ‘‘ตํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺเสเวตํ ทุกฺกฏ’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ตตฺร หิ พุทฺธรกฺขิตสฺส ปฏิกฺขิตฺตํ, วุตฺตนเยน ปน ตสฺส อาปตฺติ อนิยตาติ. กสฺมา ปน อฏฺกถายํ อนุตฺตานํ ปฏิคฺคณฺหนปจฺจยา วธกสฺส ทุกฺกฏํ อวตฺวา มูลฏฺสฺเสว วเสน ทุกฺกฏํ วุตฺตนฺติ เจ? อนิฏฺนิวารณตฺถํ. ‘‘สงฺฆรกฺขิเตน สมฺปฏิจฺฉิเต ปฏิคฺคณฺหนปจฺจยา ตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ หิ วุตฺเต อนนฺตรนเยน สรูเปน วุตฺตตฺตา อิธาปิ มูลฏฺสฺส ถุลฺลจฺจยํ อฏฺกถายํ วุตฺตเมว โหตีติ อาปชฺชติ. อิติ ตํ เอวํ อาปนฺนํ ถุลฺลจฺจยํ อุตฺตานนฺติ ตํ อวตฺวา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อนุตฺตานตฺตา อฏฺกถายนฺติ อิมํ อนิฏฺคฺคหณํ นิวาเรตุํ ‘‘มูลฏฺสฺเสเวตํ ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริเยน หิ วุตฺตนเยน ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏมฺปิ อุตฺตานเมว. อุตฺตานฺจ กสฺมา อมฺหากํ ขนฺตีติ วุตฺตนฺติ เจ? ปฏิปตฺติทีปนตฺถํ. ‘‘ปิฏกตฺตยาทีสุ อปฺปฏิหตพุทฺธิโยปิ อาจริยา สรูเปน ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ อวุตฺตตฺตา เอวรูเปสุ นาม าเนสุ เอวํ ปฏิปชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน มาทิโสติ สุหทยา กุลปุตฺตา อนาคเต วุตฺตนยมนติกฺกมิตฺวา สงฺกรโทสํ วิวชฺเชตฺวา วณฺณนาเวลฺจ อนติกฺกมฺม ปฏิปชฺชนฺตี’’ติ จ อปเรหิ วุตฺตํ. อยํ ปน อฏฺกถาย วา อวุตฺตตฺตา เอวรูเปสุ นาม ปาโ อาจริเยน ปจฺฉา นิกฺขิตฺตตฺตา เกสุจิ โปตฺถเกสุ น ทิสฺสตีติ กตฺวา สพฺพํ ลิขิสฺสาม. เอวํ สนฺเต ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติเยว น สิยา, สฺจริตฺตปฏิคฺคหณมรณาภินนฺทเนสุปิ จ อาปตฺติ โหติ, มารณปฏิคฺคหเณ กถํ น สิยา, ตสฺมา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺเสเวตํ ทุกฺกฏํ, เตเนเวตฺถ ‘‘มูลฏฺสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. ปุริมนเยปิ เจตํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส เวทิตพฺพเมว, โอกาสาภาเวน ปน น วุตฺตํ. ตสฺมา โย โย ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺส ตสฺส ตปฺปจฺจยา อาปตฺติเยวาติ อยเมตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อทินฺนาทาเนปีติ.

๑๗๕. อรโห รโหสฺีนิทฺเทสาทีสุ กิฺจาปิ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ, ตถาปิ ตตฺถ ปรมฺปราย สุตฺวา มรตูติ อธิปฺปาเยน อุลฺลปนฺตสฺส อุทฺเทเส สติ อุทฺทิฏฺสฺส มรเณน อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, อสติ ยสฺส กสฺสจิ มรเณน อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. ‘‘อิตฺถนฺนาโม สุตฺวา เม วชฺฌสฺส อาโรเจตู’’ติ อุทฺทิสิตฺวา อุลฺลปนฺตสฺส วิสงฺเกตตา ทูตปรมฺปราย วุตฺตตฺตา เวทิตพฺพา. สเจ ‘‘โย โกจิ สุตฺวา วทตู’’ติ อุลฺลปติ, วชฺโฌ สยเมว สุตฺวา มรติ, วิสงฺเกตตฺตา น ปาราชิกํ. โย โกจิ สุตฺวา วทติ, โส เจ มรติ, ปาราชิกํ. ‘‘โย โกจิ มม วจนํ สุตฺวา ตํ มาเรตู’’ติ อุลฺลปติ, โย โกจิ สุตฺวา มาเรติ, ปาราชิกํ, สยเมว สุตฺวา มาเรติ, วิสงฺเกตตฺตา น ปาราชิกนฺติ เอวํ ยถาสมฺภโว เวทิตพฺโพ.

๑๗๖. มูลํ ทตฺวา มุจฺจตีติ เอตฺถ ภินฺทิตฺวา, ภฺชิตฺวา, จวิตฺวา, จุณฺเณตฺวา, อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา วา ปเคว มุจฺจตีติ อตฺถโต วุตฺตเมว โหติ. เยสํ หตฺถโต มูลํ คหิตนฺติ เยสํ าตกปริวาริตานํ หตฺถโต มูลํ เตน ภิกฺขุนา คหิตํ, โปตฺถกสามิกหตฺถโต ปุพฺเพ ทินฺนมูลํ ปุน คเหตฺวา เตสฺเว าตกาทีนํ ทตฺวา มุจฺจติ, เอวํ โปตฺถกสามิกสฺเสว สนฺตกํ ชาตํ โหติ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘สเจปิ โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา สีฆํ เตสํ มูลํ ทตฺวา มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เยน ธเนน โปตฺถโก กีโต, ตฺจ ธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมา? โปตฺถกสามิกหตฺถโต ธเน คหิเต โปตฺถเก อทินฺเนปิ มุจฺจนโต. สเจ อฺํ ธนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ยุตฺตํ โปตฺถกสฺส อตฺตนิยภาวโต อโมจิตตฺตา. สเจ โปตฺถกํ สามิกานํ ทตฺวา มูลํ น คณฺหาติ, น มุจฺจติ อตฺตนิยภาวโต อโมจิตตฺตา. สเจ โปตฺถกํ มูลฏฺเน ทิยฺยมานํ ‘‘ตเวว โหตู’’ติ อปฺเปติ, มุจฺจติ อตฺตนิยภาวโต โมจิตตฺตา. เอตฺถายํ วิจารณา – ยถา เจติยํ วา ปฏิมํ โปกฺขรณึ เสตุํ วา กิณิตฺวา คหิตมฺปิ การกสฺเสเวตํ ปุฺํ, น กิณิตฺวา คหิตสฺส, ตถา ปาปมฺปิ เยน โปตฺถโก ลิขิโต, ตสฺเสว ยุชฺชติ, น อิตรสฺสาติ เจ? น, ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ วจนโต. ปเรน หิ กตสตฺถํ ลภิตฺวา อุปนิกฺขิปนฺตสฺส ปาราชิกนฺติ สิทฺธํ. เอวํ ปเรน ลิขิตมฺปิ โปตฺถกํ ลภิตฺวา ยถา วชฺโฌ ตํ ปสฺสิตฺวา มรติ, ตถา อุปนิกฺขิเปยฺย ปาราชิกนฺติ สิทฺธํ โหตีติ. เจติยาทีติ เอตมนิทสฺสนํ กรณปจฺจยํ หิ ตํ กมฺมํ อิทํมรณปจฺจยนฺติ เอวํ อาจริเยน วิจาริตํ. มม ปน เจติยาทินิทสฺสเนเนว โสปิ อตฺโถ สาเธตพฺโพ วิย ปฏิภาติ.

ตตฺตกา ปาณาติปาตาติ ‘‘เอกาปิ เจตนา กิจฺจวเสน ‘ตตฺตกา’ติ วุตฺตา สติปฏฺานสมฺมปฺปธานานํ จตุกฺกตา วิยา’’ติ ลิขิตํ. ปมาเณ เปตฺวาติ อตฺตนา อธิปฺเปตปฺปมาเณ. ‘‘กตํ มยา เอวรูเป อาวาเฏ ขณิเต ตสฺมึ ปติตฺวา มรตู’’ติ อธิปฺปาเยน วธโก อาวาฏปฺปมาณํ นิยเมตฺวา สเจ ขณิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ อาวาเฏ’’ติ. อิทานิ ขณิตพฺพํ สนฺธาย เอตฺตกปฺปมาณสฺส อนิยมิตตฺตา ‘‘เอกสฺมิมฺปิ กุทาลปฺปหาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ, สุตฺตนฺติกตฺเถเรหิ กิฺจาปิ อุปตํ, ตถาปิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา อุภยตฺถ อตฺเถวาติ อาจริยา. พหูนํ มรเณ อารมฺมณนิยเม กถนฺติ เจ? วชฺเฌสุ เอกสฺส ชีวิตินฺทฺริเย อาลมฺพิเต สพฺเพสมาลมฺพิตเมว โหติ. เอกสฺส มรเณปิ น ตสฺส สกลํ ชีวิตํ สกฺกา อาลมฺพิตุํ น อุปฺปชฺชมานํ, อุปฺปนฺนํ, นิรุชฺฌมานํ, อตฺถิตายปาณาติปาตเจตนาว ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, ปุเรชาตารมฺมณา จ โหติ, ตสฺมา ตมฺปิ ยุชฺชติ. ปจฺฉิมโกฏิยา เอกจิตฺตกฺขเณ ปุเรชาตํ หุตฺวา ิตํ ตํ ชีวิตมาลมฺพณํ กตฺวา สตฺตมชวนปริยาปนฺนเจตนาย โอปกฺกเม กเต อตฺถโต ตสฺส สตฺตสฺส สพฺพํ ชีวิตินฺทฺริยมาลมฺพิตํ, โวโรปิตฺจ โหติ, อิโต ปนฺถา น สกฺกา; เอวเมว ปุพฺพภาเค ‘‘พหูปิสตฺเต มาเรมี’’ติ จินฺเตตฺวา สนฺนิฏฺานกาเล วิสปกฺขิปนาทีสุ เอกํ ปโยคํ สาธยมานา วุตฺตปฺปการเจตนา เตสุ เอกสฺส วุตฺตปฺปการํ ชีวิตินฺทฺริยํ อาลมฺพณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฺปนฺนาย ปเนกาย สพฺเพปิ เต มาริตา โหนฺติ ตาย เอว สพฺเพสํ มรณสิทฺธิโต, อฺถา น สกฺกา โวโรเปตุํ, อาลมฺพิตุํ วา. ตตฺถ เอกาย เจตนาย พหูนํ มรเณ อกุสลราสิ กถนฺติ เจ? วิสุํ วิสุํ มรเณ ปวตฺตเจตนานํ กิจฺจกรณโต. กถํ? ตา ปน สพฺพา อุปปชฺชเวทนียาว โหนฺติ, ตสฺมา ตาสุ ยาย กายจิ ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อิตรา สพฺพาปิ ‘‘ตโต พลวตรกุสลปฏิพาหิตา อโหสิกมฺม’’นฺติอาทิโกฏฺาสํ ภชนฺติ, ปุนปิ วิปากํ ชนิตุํ น สกฺโกนฺติ. อปราปริยเวทนียาปิ วิย ตํ ปฏิพาหิตฺวา กุสลเจตนา ปฏิสนฺธึ เทติ, ตถา อยมฺปิ เจตนา อนนฺตรภเว เอว ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน ตาสํ กิจฺจเลสกรณโต เอกาปิ สมานา ‘‘ราสี’’ติ วุตฺตา. ตาย ปน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อติติกฺโข วิปาโก โหติ. อยเมตฺถ วิเสโสติอาทิ อนุคณฺิปเท ปปฺจิตํ.

อมริตุกามา วาติ อธิปฺปายตฺตา โอปปาติกมรเณปิ อาปตฺติ. ‘‘‘นิพฺพตฺติตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา ปตนํ น ทิสฺสตีติ เจ? โอปปาติกตฺตํ, ปตนฺจ เอกเมวา’’ติ ลิขิตํ. อถ วา ‘‘สพฺพถาปิ อนุทฺทิสฺเสวา’’ติ วจนโต เอตฺถ มรตูติ อธิปฺปายสมฺภวโต ‘‘อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต มรติ ปาราชิกเมวา’’ติ สุวุตฺตํ. สเจ ‘‘ปติตฺวา มรตู’’ติ นิยเมตฺวา ขณิโต โหติ, โอปปาติกมนุสฺโส จ นิพฺพตฺติตฺวา ิตนิยเมเนว ‘‘อุตฺตริตุํ น สกฺกา’’ติ จินฺเตตฺวา มรตีติ ปาราชิกจฺฉายา น ทิสฺสติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต’’ติ. โส หิ อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต ปุนปฺปุนํ ปติตฺวา มรติ, เตน ปาโตปิ ตสฺส สิทฺโธ โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ สิยา – โย ปน ‘‘อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต มรตี’’ติ วุตฺโต, โส โอปาตขณนกฺขเณ อรูปโลเก ชีวติ. วธกเจตนา จ ‘‘อนิยโต ธมฺโม มิจฺฉตฺตนิยตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, รูปชีวิตินฺทฺริยํ มาตุฆาติกมฺมสฺส ปิตุฆาติกมฺมสฺส อรหนฺตฆาติกมฺมสฺส รุหิรุปฺปาทกมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๕.๓๘ มิจฺฉตฺตนิยตตฺติก) วจนโต รูปชีวิตินฺทฺริยารมฺมณํ โหติ, น จ ตํ อรูปาวจรสตฺตสฺสตฺถิ, น จ สา เจตนา ‘‘อนิยโต ธมฺโม มิจฺฉตฺตนิยตสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อารมฺมณปุเรชาตํ วตฺถุปุเรชาตํ อารมฺมณปุเรชาตํ. รูปชีวิตินฺทฺริยํ มาตุฆาติกมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๕.๔๘ มิจฺฉตฺตนิยตตฺติก) วจนโต อนาคตารมฺมณา โหติ. อฺโ อิธ ปติตฺวา มรณกสตฺโต นตฺถิ, เอวํ สนฺเต วธกเจตนาย กึ อารมฺมณนฺติ เจ? ยสฺส กสฺสจิ อิธ ชีวนกสตฺตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนํ ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ. กิฺจาปิ โส น มรติ, อถ โข ปาณาติปาโต โหติ เอว. ยถา กึ ‘‘ยถากฺกเมน ิเต สตฺต ชเน เอเกน กณฺเฑน วิชฺฌิตฺวา มาเรมี’’ติ ปุพฺพภาเค จินฺเตตฺวา สนฺนิฏฺานกาเล เตสุ เอกสฺส ชีวิตมารมฺมณํ กตฺวา กณฺฑํ วิสฺสชฺเชติ, กณฺโฑ ตํ วิรชฺฌิตฺวา อิตเร ฉ ชเน มาเรติ, เอวํ สนฺเตปิ อยํ ปาณาติปาตี เอว โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘โย โกจี’’ติ วิกปฺเปนฺตสฺส วธกเจตนา ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ อมเตปิ อิตรสฺส วเสน ปาณาติปาตี. สเจ อรหา หุตฺวา ปรินิพฺพายติ, อรหนฺตฆาตโกว โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ เอวรูเปสุ. อยเมว เหตฺถ อาจริยปรมฺปราคตา ยุตฺติ วินิจฺฉยกถาติ วุตฺตํ.

ปตนรูปํ ปมาณนฺติ เอตฺถ ยถา มาตุยา ปติตฺวา ปริวตฺตลิงฺคาย มตาย โส มาตุฆาตโก โหติ, น เกวลํ ปุริสฆาตโก, ตสฺมา ปตนสฺเสว วเสน อาปตฺติ. กสฺมา? ปตนรูปมรณรูปานํ เอกสนฺตานตฺตา, ตเทว หิสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ, ตสฺส หิ ปริวตฺตนํ นตฺถิ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยาเนว ปวตฺติยํ นิรุชฺฌนุปฺปชฺชนกานิ, อิตฺถิปุริโสติ จ ตตฺถ โวหารมตฺตเมว, ตสฺมา มาตุฆาตโกว, น ปุริสฆาตโกติ, ยถา ตสฺส ปตนรูปวเสนาปตฺติ, ตถา อิธาปิ ปตนรูปวเสน ถุลฺลจฺจยํ เอกสนฺตานตฺตาติ อยํ ปมเถรวาเท ยุตฺติ. ทุติเย กิฺจาปิ เปโต ปติโต, ยกฺโข จ, อถ โข อเหตุกปฏิสนฺธิกตฺตา อกุสลวิปากสฺส ‘‘วาเมน สูกโร โหตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๖; มหานิ. อฏฺ. ๑๖๖) เอตฺถ วุตฺตยกฺขานํ ปฏิสนฺธิ วิย สพฺพรูปานํ สาธารณตฺตา, อมนุสฺสชาติกตฺตา จ ติรจฺฉานรูเปน มเต มรณรูปวเสน ปาจิตฺติยํ, วตฺถุวเสน ลหุกาปตฺติยา ปริวตฺตนา โหติ เอว ตตฺถชาตกรุกฺขาทิเฉทนปาจิตฺติยปริวตฺตนํ วิย. อยเมว ยุตฺตตโร, ตสฺมา ปจฺฉา วุตฺโต. ปาราชิกสฺส ปน มนุสฺสชาติโก ยถา ตถา วา ปติตฺวา ยถา ตถา วา มรตุ, ปาราชิกเมว ครุกตฺตา. ครุกาปตฺติยา หิ วิปริวตฺตนา นตฺถีติ วุตฺตํ.

ถุลฺลจฺจยํ ติรจฺฉาเน, มเต เภทสฺส การณํ;

สรูปมรณํ ติสฺโส, ผุสฺโส มฺเติ อฺถา.

คณฺิปเท ปน ‘‘ทุติยวาเท ปุถุชฺชนสฺส ปติตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มรนฺตสฺส วเสน วุตฺโต’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ติรจฺฉาเน’’ติ เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘เทวา อธิปฺเปตา’’ติ. ‘‘สกสกรูเปเนว มรณํ ภวติ นาฺถา’’ติ จ วทนฺติ. ยกฺขเปตรูเปน มเตปิ เอเสว นโยติ ถุลฺลจฺจยนฺติ อตฺโถ. ‘‘ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหมรเณ วิยา’’ติ ลิขิตํ. ปหารํ ลทฺธาติ สตฺตานํ มารณตฺถาย กตตฺตา วุตฺตํ.

๑๗๗. สาธุ สุฏฺุ มรตูติ วจีเภทํ กโรติ. วิสภาคโรโคติ สรีรฏฺโ คณฺฑปีฬกาทิ.

๑๗๘. กาฬานุสารีติ เอกิสฺสา ลตาย มูลํ กิร. มหากจฺฉเปน กตปุปฺผํ วา. หํสปุปฺผนฺติ หํสานํ ปกฺขปตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตนเยน สาหตฺถิกาณตฺติกนยฺเหตฺถ โยเชตฺวา กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานวิธิ ทสฺเสตพฺโพ.

ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๑๘๐. มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา เอวํอธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตีติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา อาปนฺนา ปาราชิกํ. น หิ เต ‘‘อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน. สนฺนิฏฺาเน ปเนตํ นตฺถิ. ปาเส พทฺธสูกรโมจเน วิย น โหติ. ยถานุสนฺธินาติ อนฺตรา อมริตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ อวิจาเรตฺวา. เหฏฺิมภาเค หิ กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน วลิ ปฺายติ. ทสฺสิเตติ อุทฺธริตฺวา ปิเต. ปฏิพนฺธนฺติ ตยา ปฏิพนฺธํ, ปริโภคนฺตรายํ สงฺฆสฺส มา อกาสีติ อตฺโถ.

๑๘๑-๒. ยสฺมา กิริยํ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘ปมํ ลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺเพปิ อตฺตนา ลทฺธปิณฺฑปาตโต ปณีตปณีตํ เทนฺโต ตตฺถปิ อตฺตการิยํ อทาสิ. อสฺจิจฺจาติ เอตฺถ อฺํ อากฑฺฒนฺตสฺส อฺสฺส ปตเน สพฺเพน สพฺพํ อภิสนฺธิ นตฺถิ. น มรณาธิปฺปายสฺสาติ ปฏิโฆ จ ปโยโค จ อตฺถิ, วธกเจตนา นตฺถิ. อชานนฺตสฺสาติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุอชานนวเสน อชานนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, อิทํ กิร เตสํ นานตฺตํ. ‘อสฺจิจฺโจ อห’นฺติ ปาฬิยํ น ทิสฺสติ. อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ตถารูปาย ปาฬิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. โน เจ, ถุลฺลจฺจยนฺติ เอตฺถ ‘‘ทุกฺขเวทนา เจ นุปฺปชฺชติ, ทุกฺกฏเมวา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘มุคฺครา นาม ขาทนทณฺฑกา. เวมา นาม เตสํ ขาทนทณฺฑกานํ เหฏฺา จ อุปริ จ ติริยํ พนฺธิตพฺพทณฺฑา’’ติ ลิขิตํ. เหฏฺาว ทุวิธาปิ ปนฺติ. หตฺถปฺปตฺโต วิย ทิสฺสติ ‘‘ตสฺส วิกฺเขโป มา โหตู’’ติ อุปจฺฉินฺทติ. วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา ตปฺปภวํ สกฺการํ ลชฺชียนฺโต อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ สภาคานํ พฺยากตตฺตา. เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺติ.

๑๘๖. อกตวิฺตฺติยาติ น วิฺตฺติยา. สา หิ อนุฺาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ. ‘‘‘วเทยฺยาถ, ภนฺเต เยนตฺโถ’ติ เอวํ อกตฏฺาเน วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตี’’ติ ลิขิตํ. ติตฺถิยภูตานํ มาตาปิตูนํ สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ. ปิตุจฺฉา นาม ปิตุภคินี. สเจปิ น ยาจนฺติ ‘‘ยาจิตุํ ทุกฺข’’นฺติ, สยํ วา เอวํ วตฺตุมสกฺโกนฺตา. ‘‘ยทา เตสํ อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ อาโภคํ กตฺวา วา. ‘‘‘เวชฺชกมฺมํ วา น โหตี’ติ วจนโต ยาว สตฺตโม กุลปริวฏฺโฏ, ตาว เภสชฺชํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. สพฺพปเทสูติ มหามาตุยาจูฬมาตุยาติอาทีนํ.

วุตฺตนเยน ปริเยสิตฺวาติ ‘‘สามเณเรหิ วา’’ติอาทินา. ‘‘น อกตวิฺตฺติยา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปจฺจาสีสติ สเจ, ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. กปฺปิยวเสนาติ ปุปฺผํ อาเนถาติอาทินา. ‘‘ปูชํ อกาสี’ติ วุตฺตตฺตา สยํ คเหตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.

‘‘ภณถา’’ติ วุตฺเต ปน กาตพฺพํ. ธมฺมฺหิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. โน เจ ชานนฺติ, น ปาทา อปเนตพฺพา. อวมงฺคลนฺติ หิ คณฺหนฺติ.

โจรนาคสฺส หิ อามฏฺํ ทินฺเน กุชฺฌิสฺสติ, อนามฏฺํ น วฏฺฏตีติ องฺคุลนฺตเร โถกํ ภตฺตํ คเหตฺวา ปตฺเต ภตฺตํ สพฺพํ อทาสิ, โส เตน ตุสฺสิ. วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ สิพฺพิตฺวา กาตพฺพตฺถรณวิกติ. ปิตุราชา ทมิฬสฺส ปราชิโต โรหเณ โสฬสวสฺสานิ วสิตฺวา มิตฺตามจฺจปริวุโต ‘‘รชฺชํ คณฺหามี’’ติ อาคนฺตฺวา อนฺตรามคฺเค อปฺปมตฺตกสฺส การณา เอกํ อมจฺจํ ฆาตาเปสิ. เสสา ภเยน ปลายนฺตา อรฺเ อนฺตรามคฺเค โจเรหิ วิลุตฺตา หมฺพุคลฺลกวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺถ จาตุนิกายิกติสฺสตฺเถโร เตสํ สงฺคหํ กตฺวา ปุน อาเนตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ, เตหิ สทฺธึ รชฺชํ คเหตฺวา ราชา หมฺพุคลฺลกติสฺสตฺเถรสฺส อภยคิริวิหารํ อกาสิ. เสสาปิ เอเกกวิหารํ การาเปสุํ กิร.

๑๘๗. โจรสมีปํ เปเสนฺโต ‘‘วาฬยกฺขวิหารํ เปเสตี’’ติ อิมินา สทิโส. กสฺมา? มรณาธิปฺปายตฺตา. ตฬากาทีสุ มจฺฉาทิคฺคหณตฺถํ เกวฏฺฏํ อฺาปเทเสน ‘‘ตฬากตีรํ คจฺฉา’’ติ ปหิณนฺตสฺส ปาณาติปาเตน ภวิตพฺพํ, ‘‘วาฬยกฺขวิหารํ ปาเหสี’’ติ อิมสฺส สทิโส. กสฺมา? ‘‘มรณาธิปฺปายตฺตา’’ติ วจนสฺสานุโลมโต, อฏฺกถายมฺปิ ‘‘เอวํ วาฬยกฺขมฺปี’’ติ วุตฺตตฺตา.

๑๘๙. ตํ ตตฺรฏฺิตํ ฉินฺทนฺตนฺติ ตํ-สทฺโท เอกจฺเจสุ นตฺถิ. อิตเรสุ ปาราชิกถุลฺลจฺจยํ อาปนฺนาติ อตฺโถ. ‘‘อิมํ ฉินฺทิตฺวา สีฆํ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรํ ทสฺสามี’’ติ กุสลจิตฺเตนปิ ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏติ อนนุฺาตตฺตา. อฺสฺส ปน ภิกฺขุโน วฏฺฏติ อนุฺาตตฺตา.

๑๙๐. กถํ? กุฏิรกฺขณตฺถฺหิ ภควตา ปฏคฺคิทานาทิ อนุฺาตํ, กุฏิ นาเมสา ภิกฺขูนํ อตฺถาย. ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุรกฺขณตฺถํ อฺสฺส ภิกฺขุสฺส วฏฺฏตี’ติ วตฺตพฺพเมตฺถ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ อจฺฉินฺนจีวรสฺส นคฺคภาวปฺปฏิจฺฉาทนตฺถํ ภูตคามปาตพฺยตา ภควตา อนุฺาตา, ชีวิตรกฺขณตฺถฺจ สปฺปทฏฺกาเล อนุฺาตํ, ตสฺมา ‘‘อปิ ชีวิตํ ปริจฺจชิตพฺพํ, น จ รุกฺโข วา ฉินฺทิตพฺโพ’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา ตํ นิทสฺสนํ อปฺปมาณํ, อฏฺกถาจริโย เอเวตฺถ ปมาณํ. เอตฺถ ปนายํ อาจริยสฺส ตกฺโก – อริยปุคฺคเลสุปิ สตฺตา นคฺคิยํ ปสฺสิตฺวา อปฺปสาทํ กตฺวา นิรยูปคา ภวิสฺสนฺติ, ตถา สปฺปา จ ฑํสิตฺวา, เตสํ ปาปวิโมจนตฺถํ ภูตคามปาตพฺยตา อนุฺาตา. ทานปตีนํ จิตฺตรกฺขณตฺถํ ปฏคฺคิทานาทิ. อฺถา โลกสฺส ปุฺนฺตราโย, สงฺฆสฺส จ ลาภนฺตราโย โหติ. วธกสฺส ปน จิตฺตหิตกรณํ นตฺถิ, ตํ ปน อวีติกฺกมํ, ชีวิตปริจฺจชนํ ปสฺสิตฺวา วา ‘‘อโห ทุกฺกรํ กต’’นฺติ ปสาทเมว ลเภยฺยุนฺติ อตฺตโน น วฏฺฏติ, อฺสฺส วฏฺฏติ. อฺถา ติตฺถิยานํ อสทฺธมฺมสิทฺธิยาติ. คณฺิปเท ปน ‘‘ชีวิตตฺถาย รุกฺขํ ฉินฺทนฺตสฺส อตฺตสิเนหวเสน ฉินฺทนโต อกุสลตฺตา น วฏฺฏติ, อฺสฺส วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อเนเกสุ รุกฺเขน โอตฺถเตสุ, โอปาเต วา ปติเตสุ อฺเน อฺสฺสตฺถาย รุกฺขเฉทนาทิ กาตุํ วฏฺฏติ, กสฺมา? ปรปริตฺตาณาธิปฺปายโตติ. ปริตฺตนฺติ รกฺขณํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๑๙๑. ตีหิ มาริเต ปน วิสงฺเกตนฺติ เอตฺถ ตีสุ เอเกน มาริเตปิ ‘‘เขตฺตเมว โอติณฺณตฺตา ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตโยปิ เอกโต หุตฺวา มาเรนฺติ เจ, อาปชฺชติ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร วา อวิสงฺเกต’’นฺติ. ‘‘ปริจฺเฉทาติกฺกเม ปน สพฺพตฺถ วิสงฺเกตํ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ทฺวินฺนํ พลํ คเหตฺวา ตติโย เจ มาเรติ อาปชฺชติ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘ทฺเว มาเรนฺตู’’ติ วุตฺเต เอเกน วา ทฺวีหิ วา มาริเต ปาราชิกนฺติ ‘‘ทฺวินฺนํ ปหารานํ มรเณ สติ ทฺเว มาริตา นาม โหนฺติ, อสติ เอโกว โหติ, ตสฺมา วิชานิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.

ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถปาราชิกํ

วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุวณฺณนา

๑๙๓. จตุตฺเถ วคฺคุ จ สา โมทยติ จ สตฺเตติ วคฺคุมุทา. ‘‘วคฺคุมทา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส วคฺคุ จ สา ปสนฺนสุทฺธตรงฺคสมิทฺธตฺตา สุขุมา จาติ อตฺโถ ชีวิตวคฺคุตฺถนิตา ชีวิตตฺถนฺติ นีลุปฺปลนฺติอาทีสุ วิย. มทสฺสาติ จ พหุขชฺชโภชฺชปานาทิสมิทฺธา นที ฉณทิวเสสูติ นิรุตฺติ เวทิตพฺพา. วคฺคุ ปริสุทฺธาติ โลเกน สมฺมตาติ กิร อตฺโถ. ภาสิโต ภวิสฺสตีติ ปาเสโส.

๑๙๔-๕. วณฺณวา วณฺณวนฺโต วณฺณวนฺตานีติปิ สิชฺฌติ กิร พหุวจเนน. ยสฺมา อินฺทฺริยานํ อูนตฺตํ, ปูรตฺตํ วา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อภินิวิฏฺโกาสสฺส ปริปุณฺณตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ฉฏฺสฺส อภินิวิฏฺโกาโส หทยวตฺถุ. จตุอิริยาปถจกฺเก ปากตินฺทฺริเย. อตฺตโน ทหตีติ อตฺตนา ทหติ, อตฺตนา ปฏิวิทฺธํ กตฺวา ปเวเทตีติ อธิปฺปาโย. สนฺตนฺติ วตฺตมานํ. โคตฺรภุโนติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวตฺตา นามมตฺตกเมวาติ อตฺโถ.

สวิภงฺคสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๙๗. ปทภาชเน ‘‘ติสฺโส วิชฺชา’’ติ วุตฺตตฺตา อรูปาวจรชฺฌานานิ ปฏิกฺขิตฺตานีติ เจ? น, ตตฺเถว ‘‘ยํ าณํ, ตํ ทสฺสนํ, ยํ ทสฺสนํ, ตํ าณ’’นฺติ ทสฺสนปเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา, ตสฺมา เอว อฏฺกถายํ ‘‘วิชฺชาสีเสน ปทภาชนํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ธุรํ กตฺวาติ ปุริมํ กตฺวา.

ปทภาชนียวณฺณนา

๑๙๙. อนาคเต อุปฺปชฺชนกราคาทีนํ การณตฺตา ราคาทโยว นิมิตฺตํ นาม. ติสฺสนฺนฺจ วิชฺชานํ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘วิชฺชานํ ลาภีมฺหี’’ติ ภณติ, ปาราชิกํ, น วตฺถุวิชฺชาทีนํ กิเลสนหานเมว วุตฺตํ, ตํขณตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฺปวตฺติ น โหตีติ เจ? น, มคฺคกิจฺจทีปนโต. เตเนว ‘‘มคฺเคน วินา นตฺถี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตนฺติ จิตฺตสฺส วิคตนีวรณตาติ อตฺโถ. ‘‘ยาวฺจ วิชฺชา อนาคตา, ตาว วิปสฺสนาาณสฺส ลาภีมฺหี’ติ วทนฺโต ยทิ โลกุตฺตรํ สนฺธาย วทติ, โสปิ จ ตถา ชานาติ, ปาราชิกเมว โลกุตฺตรสฺสปิ ตํนามตฺตา’’ติ วทนฺติ. ‘‘อวิเสเสนาปิ วทโต ปาราชิกํ วุตฺตนฺติ โลกุตฺตรํ สนฺธาย วทโต ‘ปาราชิก’นฺติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. ยถา กึ ‘วิชฺชานํ ลาภีมฺหี’ติ ภณนฺโตปิ ปาราชิกเมวา’ติ วุตฺตฏฺาเน วตฺถุวิชฺชาทีนํ สมฺภเวปิ ตาสํ อนธิปฺเปตตฺตา ปาราชิกํ โหติ, เอวมิธาปิ. น สกฺกา อฺํ ปมาณํ กาตุนฺติ อตฺตโน คุณมาโรเจตุกาโม โลกิเยน สมฺมิสฺสํ อตฺถปฏิสมฺภิทํ วทโต ปาราชิกนฺติ ปมาณํ กาตุํ น สกฺกา, อิตรถา โหตี’’ติ อปเรหิ วุตฺตํ, ‘‘ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ, ตสฺมา วิชฺชานิทสฺสนํ อิธ อนิทสฺสนํ สาสเน วตฺถุวิชฺชาทีนํ วิชฺชาวิธานาภาวา. ภควตา วิภตฺตเขตฺตปเท วา เตสํ ปริยายวจนานํ อนามฏฺตฺตา น สกฺกา อฺํ ปมาณํ กาตุ’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘ปฏิสมฺภิทานํ ลาภีมฺหี’ติ วุตฺเต ปริยาเยน วุตฺตตฺตา ถุลฺลจฺจยํ ยุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วิจาเรตพฺพํ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ ‘‘โย เต วิหาเร วสตี’’ติอาทีหิ สํสนฺทนโต ปริยายวจนตฺตา ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. ‘‘นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชามี’ติ วา ‘ลาภีมฺหาหํ ตสฺสา’ติ วา วทโตปี’’ติ วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘สเจ ปนสฺเสวํ โหตี’’ติอาทิวจนมฺปิ อตฺถโต เอกเมว, โสปิ หิ อตฺตโน วิเสสํ อาโรเจตุเมว วทติ. ‘‘โย เต วิหาเร วสตี’ติอาทีสุ อหํ-วจนาภาวา ปริยาโย ยุชฺชติ, อิธ ปน ‘ลาภีมฺหาหํ ตสฺสา’ติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, ตสฺมา ปาราชิกํ อาปชฺชิตุํ ยุตฺตํ วิยา’’ติ วทนฺติ. ‘‘มหาปจฺจริยาทิวจนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมสุ เอโกปิ น โหติ, ตสฺมา ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น โหตี’’ติ วทนฺติ, สุฏฺุ อุปปริกฺขิตพฺพํ. ผลสจฺฉิกิริยา-ปทโต ปฏฺาย เอว ปาโ คเหตพฺโพ, ผลสจฺฉิกิริยายปิ เอเกกมฺปิ เอเกกผลวเสน ปาราชิกํ เวทิตพฺพํ.

ราคสฺส ปหานนฺติอาทิตฺติเก กิเลสปฺปหานเมว วุตฺตํ, ตํ ปน ยสฺมา มคฺเคน วินา นตฺถิ. ตติยมคฺเคน หิ ราคโทสานํ ปหานํ, จตุตฺเถน โมหสฺส, ตสฺมา ‘‘ราโค เม ปหีโน’’ติอาทีนิ วทโตปิ ปาราชิกํ. ราคา จิตฺตํ วินีวรณตาติอาทิตฺติเก โลกุตฺตรเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ราคา เม จิตฺตํ วินีวรณ’’นฺติอาทีนิ วทโต ปาราชิกเมวาติ. อกุปฺปธมฺมตฺตาติ เกจิ อุตฺตรวิหารวาสิโน. กสฺมา น โหตีติ เจ? ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ วตฺตมานวจเนเนว มาติกายํ วุตฺตตฺตา. ยทิ เอวํ ปทภาชเน ‘‘สมาปชฺชึ, สมาปนฺโน’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา ‘‘อตีตตฺตภาเว โสตาปนฺโนมฺหี’’ติ วทโตปิ โหตูติ เจ? น, อฺถา อตฺถสมฺภวโต. กถํ? อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนวเสน วตฺตมานตา คเหตพฺพาติ าปนตฺถํ วุตฺตํ, น อตีตตฺตภาวํ. อตีตตฺตภาโว หิ ปริยาเยน วุตฺตตฺตา ‘‘ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาจริยา.

๒๐๐. ‘‘สเจปิ น โหติ, ปาราชิกเมวา’’ติ อฏฺานปริกปฺปวเสน วุตฺตํ กิร. ‘‘อิติ วาจา ติวงฺคิกา’’ติ วกฺขติ. นตฺเถตนฺติ ปุริเม สติ ปจฺฉิมสฺสาภาวา สมาปชฺชึ, สมาปนฺโนติ อิเมสํ กิฺจาปิ อตฺถโต กาลวิเสโส นตฺถิ, วจนวิเสโส ปน อตฺถิ เอว.

๒๐๗. อุกฺเขฏิโตติ อุตฺตาสิโต. ขิฏ อุตฺราสเน.

สุทฺธิกวารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

วตฺตุกามวารกถาวณฺณนา

วิฺตฺติปเถติ วิชานนฏฺาเน, เตน ‘‘วิฺตฺติปถมติกฺกมิตฺวา ิโต ภิกฺขุ ทิพฺพาย โสตธาตุยา สุตฺวา ชานาติ, น ปาราชิกนฺติ ทีเปตี’’ติ วุตฺตํ. ฌานํ กิร สมาปชฺชินฺติ เอตฺถ โส เจ ‘‘เอส ภิกฺขุ อตฺตโน คุณทีปนาธิปฺปาเยน เอวํ วทตี’’ติ ชานาติ, ปาราชิกเมว. อฺถา ชานาตีติ เจ? ปาราชิกจฺฉายา น ทิสฺสตีติ อาจริโย.

วตฺตุกามวารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนาปตฺติเภทกถาวณฺณนา

อนุลฺลปนาธิปฺปาโยติ ยทิ อุลฺลปนาธิปฺปาโย ภเวยฺย, ทุกฺกฏเมวาติ อปเร. ‘‘ตํ ปรโต ‘นาวุโส, สกฺกา ปุถุชฺชเนน อธิวาเสตุ’นฺติ วตฺถุนา สํสนฺทิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

ปทภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๒๒๕-๖. ทุกฺกร อาคาร อาวฏกาม อภิรติวตฺถูสุ ‘‘ยทิ อุลฺลปนาธิปฺปาโย ภเวยฺย, ปาราชิก’’นฺติ วทนฺติ, การณํ ปน ทุทฺทสํ, ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ วิย, วีมํสิตพฺพํ. ยาเนน วา อิทฺธิยา วา คจฺฉนฺโตปิ ปาราชิกํ นาปชฺชตีติ ปทสา คมนวเสเนว กติกาย กตาย ยุชฺชติ. ‘‘อปุพฺพํอจริมํ คจฺฉนฺโตติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา อฺมฺสฺส หตฺถํ คณฺหนฺโต วิย คจฺฉนฺโต’’ติ วุตฺตํ. อุฏฺเถ เอถ คจฺฉามาติ เอวํ สหคมเน ปุพฺพาปรา คจฺฉนฺโตปิ นาปชฺชตีติ อาจริยสฺส ตกฺโก. วสนฺตสฺสาติ ตถา วสนฺโต เจ อุปาสเกน ทิสฺสติ, ปาราชิโก โหติ. ‘‘รตฺตึ วสิตฺวา คจฺฉนฺโต น ปาราชิโก’’ติ วุตฺตํ. นานาเวรชฺชกาติ นานาชนปทวาสิโน. สงฺฆลาโภติ ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน ปาปุณนโกฏฺาโส.

๒๒๘. อิธาติ ‘‘โก นุ โข’’ติอาทินา วุตฺเต ปฺหากมฺเม. ธมฺมธาตุ สพฺพฺุตฺาณํ.

๒๓๒. อุปฺปฏิปาฏิยาติ น สีโหกฺกนฺตวเสน อนุสฺสริ. ตสฺมา อนฺตราภวภูตา เอกา เอว ชาตีติ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ.

นิคมนวณฺณนา

๒๓๓. จตุวีสตีติ เอตฺถ มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา. ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพิอาทโย จ จตฺตาโร ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธานุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพิอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมปฏิเสวิโน น โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตา. ‘‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’’ติ เอวํ วุตฺตสํวาสสฺส อภพฺพตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา’’ติ. อฺถา เนสํ สมฺายปฏิฺายภิกฺขุภาโวปิ นตฺถีติ อาปชฺชติ.

จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาราชิกกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สงฺฆาทิเสสกณฺโฑ

๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๓๕. ‘‘โอกฺกมนฺตาน’’นฺติ ปาโ. เอตฺถาห – ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ การโก อิธ กสฺมา น นิทฺทิฏฺโติ? อภิ-นิทฺเทเสน อิมสฺส สาเปกฺขาภาวทสฺสนตฺถํ. กถํ? กณฺฑุวนาทิอธิปฺปายเจตนาวเสน เจเตนฺตสฺส กณฺฑุวนาทิอุปกฺกเมน อุปกฺกมนฺตสฺส, เมถุนราควเสน อูรุอาทีสุ ทุกฺกฏวตฺถูสุ, วณาทีสุ ถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ จ อุปกฺกมนฺตสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิยา สติปิ น สงฺฆาทิเสโส. โมจนสฺสาทสงฺขาตาธิปฺปายาเปกฺขาว สุกฺกวิสฺสฏฺิ สติ อุปกฺกเม, น อฺถา ‘‘อนาปตฺติ น โมจนาธิปฺปายสฺสา’’ติ วจนโต. ตสฺมา ตทตฺถทสฺสนตฺถํ อิธ การโก น นิทฺทิฏฺโ, อฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อาปชฺเชยฺยา’’ติ การเก นิทฺทิฏฺเ ‘‘เจเตติ น อุปกฺกมติ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตวจนวิโรโธ. ‘‘สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ ภุมฺเม นิทฺทิฏฺเปิ โสว วิโรโธ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตทุภยวจนกฺกมํ อวตฺวา ‘‘สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนาภาวโต เหตุตฺถนิยโม น กโต โหติ. ตสฺมึ อกเต สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสสาปตฺติ, อุปกฺกเม อสติ อนาปตฺตีติ อยมตฺโถ ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.

๒๓๖-๗. สฺเจตนิกาติ เอตฺถ ปมวิคฺคเหน อุปสคฺคสฺส สาตฺถกตา ทสฺสิตา, ทุติเยน อิกปจฺจยสฺส. วาตปิตฺตเสมฺหรุหิราทิอาสยเภทโตติ อตฺโถ. ธาตูติ เอตฺถ ‘‘ปถวีธาตุอาทโย จตสฺโส, จกฺขุธาตุอาทโย วา อฏฺารสา’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. วตฺถิสีสนฺติ วตฺถิปุฏสฺส สีสํ. ‘‘องฺคชาตสฺส มูลํ อธิปฺเปตํ, น อคฺคสีส’’นฺติ วทนฺติ. ตเถวาติ ‘‘นิมิตฺเต อุปกฺกมโต’’ติอาทึ คณฺหาติ. ตโต มุจฺจิตฺวาติ ‘‘น สกลกายโต, ตสฺมา ปน านา จุตมตฺเต โหตู’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต’’ติ อิมินา น สเมตีติ เจ? ตโต ทกโสโตโรหณฺเจตฺถาติอาทิ วุจฺจติ. ตสฺสตฺโถ – นิมิตฺเต อุปกฺกมํ กตฺวา สุกฺกํ านา จาเวตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารวเสน ทกโสโตโรหณํ นิวาเรตุํ อธิวาเสมีติ. ตโต พหิ นิกฺขมนฺเต อธิวาเสตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อธิวาสนาธิปฺปาเยน อธิวาเสตฺวา อนฺตรา ทกโสตโต อุทฺธํ นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘อนิกฺขนฺเต วา’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา? านา จุตฺหิ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรตีติ อฏฺกถาธิปฺปาโย คณฺิปทาธิปฺปาเยน สเมติ. ตโต มุจฺจิตฺวาติ สกฏฺานโต. สกสรีรโต หิ พหิ นิกฺขนฺตเมว โหติ, ตโต ‘‘พหิ นิกฺขนฺเต วา อนิกฺขนฺเต วา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. ยสฺมา ปน ตมฺหา ตมฺหา สรีรปเทสา จุตํ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต’’ติ, อิมินา จ อาปตฺติยา ปากฏกาลํ ทสฺเสติ, กึ วุตฺตํ โหติ? โมจนสฺสาเทน นิมิตฺเต อุปกฺกมโต สุกฺกํ พหุตรมฺปิ สรีรปเทสา จุตํ ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคาวเสสํ ยตฺตกํ เอกา ขุทฺทกมกฺขิกา ปิเวยฺย, ตตฺตเก ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต สงฺฆาทิเสสาปตฺติ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทกโสตํ อโนติณฺเณปิ สงฺฆาทิเสโส’’ติอาทิ. ตตฺตกสฺส พหิ นิกฺขมนํ อสลฺลกฺเขนฺโต ‘‘เจเตติ อุปกฺกมติ น มุจฺจติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วจนโต ถุลฺลจฺจยนฺติ สฺาย เทเสนฺโตปิ น มุจฺจติ, ปสฺสาวมฺปิ วณฺณตํ ปสฺสิตฺวา วตฺถิโกสคตสฺส ปิจฺฉิลตาย วา ตฺวา สงฺฆาทิเสสโต วุฏฺาตพฺพํ. อยเมตฺถ ตติยตฺเถรวาเท ยุตฺติ. สพฺพาจริยา อิเม เอว ตโย เถรา, เตสมฺปิ ทกโสโตโรหณํ นิมิตฺเต อุปกฺกมนนฺติ อยํ ทุติโย วินิจฺฉโย สาธารณโต เอตฺถ, เอวํ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ กิร.

านา จุตฺหิ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรตีติ กตฺวา ‘‘านา จาวนมตฺเตเนเวตฺถ อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ทกโสตํ โอติณฺเณ เอว อาปตฺติ. สุกฺกสฺส หิ สกลํ สรีรํ านํ, อโนติณฺเณ านา จุตํ นาม น โหตีติ วีมํสิตพฺพํ. อาภิธมฺมิกตฺตา เถรสฺส ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺิ นาม ราคสมุฏฺานา โหตี’’ติ (กถา. อฏฺ. ๓๐๗) กถาวตฺถุฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา สมฺภโว จิตฺตสมุฏฺาโน, ‘‘ตํ อสุจึ เอกเทสํ มุเขน อคฺคเหสิ, เอกเทสํ องฺคชาเต ปกฺขิปี’’ติ (ปารา. ๕๐๓) วจนโต อุตุสมุฏฺาโน จ ทิสฺสติ, โส จ โข อวีตราคสฺเสว ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ อรหโต อสุจิ มุจฺเจยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๕๓; กถา. ๓๑๓) วจนโต. ปรูปาหารฏฺกถายํ ‘‘อตฺถิ ตสฺส อาสโยติ ตสฺส สุกฺกสฺส อุจฺจารปสฺสาวานํ วิย ปติฏฺาโนกาโส อตฺถี’’ติ (กถา. อฏฺ. ๓๐๙) จนโต ตสฺส อาสโยติ สิทฺธํ. ปากติกจิตฺตสมุฏฺานรูปํ วิย อสํสฏฺตฺตา, นิกฺขมนโต จ ‘‘วตฺถิสีสํ, กฏิ, กาโย’’ติ ติธา สุกฺกสฺส านํ ปกปฺเปนฺติ อาจริยา. สปฺปวิสํ วิย ตํ ทฏฺพฺพํ, น จ วิสสฺส านนิยโม, โกธวเสน ผุสนฺตสฺส โหติ, เอวมสฺส น จ านนิยโม, ราควเสน อุปกฺกมนฺตสฺส โหตีติ ตกฺโก.

โขภกรณปจฺจโย นาม เภสชฺชเสนาสนาหาราทิปจฺจโย. สํสคฺคเภทโตปีติ เอเตสุ ทฺวีหิปิ ตีหิปิ. ปหีนวิปลฺลาสตฺตาติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ สุปินนฺเตน เสกฺขปุถุชฺชนา ปสฺสนฺติ, ตํ สพฺพํ วิปลฺลตฺถํ อภูตเมวาติ อาปชฺชติ. ตโต ‘‘ยํ ปน ปุพฺพนิมิตฺตโต ปสฺสติ. ตํ เอกนฺตสจฺจเมว โหตี’’ติ อิทํ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา น วิสยํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ สจฺโจ วา โหติ, อลิโก วาติ กตฺวา ตฺเจ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา, ‘‘อเสกฺขา ปหีนวิปลฺลาสตฺตา สจฺจเมว ปสฺสนฺติ, นาสจฺจ’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา. กินฺตุ ทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อภูตํ, อปสฺสนฺโตปิ หิ ปสฺสนฺโต วิย อสุณนฺโตปิ สุณนฺโต วิย อมุนนฺโตปิ มุนนฺโต วิย โหติ. สจฺจมฺปิ วิปสฺสตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ตํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ น โหติ, อาคนฺตุกปจฺจุปฺปนฺนํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตภูตานิ หิ รูปนิมิตฺตาทีนิ ภวงฺคสฺส อารมฺมณานิ โหนฺติ เอว. ตตฺถ กมฺมนิมิตฺตมตีตเมว, คตินิมิตฺตํ โถกํ กาลํ ปจฺจุปฺปนฺนํ สิยา.

อีทิสานีติ ปจฺจกฺขโต อนุภูตปุพฺพปริกปฺปิตาคนฺตุกปจฺจุปฺปนฺนรูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณานิ, ราคาทิสมฺปยุตฺตานิ จาติ อตฺโถ. มกฺกฏสฺส นิทฺทา ลหุปริวตฺตา โหติ. โส หิ รุกฺขสาขโต ปตนภยา อภิกฺขณํ อุมฺมีลติ จ สุปติ จ. มนุสฺสา กิฺจาปิ ปุนปฺปุนํ อุมฺมีลนฺติ สุพฺยตฺตตรํ ปฏิพุทฺธา วิย ปสฺสนฺติ, อถ โข ปฏิพุทฺธานํ ปุนปฺปุนํ ภวงฺโคตรณํ วิย สุปินกาเลปิ เตสํ ภวงฺโคตรณํ โหติ, เยน ‘‘สุปตี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ภวงฺคจิตฺเตน หิ สุปตี’’ติ วจนโต ภวงฺโคตรณํ กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตภาวูปนิสฺสยตฺตา ‘‘นิทฺทา’’ติ วุจฺจติ. สา กรชกายสฺส ทุพฺพลภาเวน สุปินทสฺสนกาเล ภวงฺคโต อุตฺตรเณ สติปิ นิรุสฺสาหสนฺตภาวปฺปตฺติยา ‘‘ปวตฺตตี’’ติ จ วุจฺจติ, ยโต สตฺตา ‘‘ปฏิพุทฺธา’’ติ น วุจฺจนฺติ, กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตสภาวปฺปตฺติโต จ ตนฺนิสฺสิตํ หทยวตฺถุ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตโต ตนฺนิสฺสิตาปิ จิตฺตปฺปวตฺติ อสุปฺปสนฺนวฏฺฏินิสฺสิตทีปปฺปภา วิย. เตเนว อฏฺกถายํ ‘‘สฺวายํ ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา เจตนาย ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ อสมตฺโถ’’ติอาทิ วุตฺตํ.

คณฺิปเท ปน ‘‘ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตมฺปิ ทุพฺพล’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ อเนกตฺถํ สพฺพมฺปิ นิมิตฺตํ โหติ, น จ ทุพฺพลารมฺมณวตฺถุกตฺตา เจตนา, ตาย จิตฺตปฺปวตฺติ ทุพฺพลา อตีตานาคตารมฺมณาย, ปฺตฺตารมฺมณาย วา อทุพฺพลตฺตา, อวตฺถุกาย ทุพฺพลภาโว น ยุชฺชติ เจตนาย อวตฺถุกาย ภาวนาปภาวายาติเรกพลสพฺภาวโต. ภาวนาพลสมปฺปิตฺหิ จิตฺตํ อรูปมฺปิ สมานํ อติภาริยมฺปิ กรชกายํ คเหตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณเนว พฺรหฺมโลกํ ปาเปตฺวา เปติ. ตปฺปฏิภาคํ อนปฺปิตมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ กรชกายํ อากาเส ลงฺฆนสมตฺถํ กโรติ, ปเคเวตรํ. กึ ปเนตฺถ ตํ อนุมานการณํ, เยน จิตฺตสฺเสว อานุภาโวติ ปฺาเยยฺย จิตฺตานุภาเวน วา ลทฺธาเสวนาทิกิริยาวิเสสนิพฺพตฺติทสฺสนโต, ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตาติ อาจริยสฺส ตกฺโก. อตฺตโน มนฺทติกฺขากาเรน ตนฺนิสฺสิตสฺส จิตฺตสฺส มนฺทติกฺขภาวนิปฺผาทนสมตฺถฺเจ, หทยวตฺถุ จกฺขุโสตาทิวตฺถุ วิย อินฺทฺริยํ ภเวยฺย, น เจตํ อินฺทฺริยํ. ยโต ธมฺมสงฺคเห อุปาทายรูปปาฬิยํ อุทฺเทสารหํ น ชาตํ. อนินฺทฺริยตฺตา หิ ตํ กายินฺทฺริยสฺส อนนฺตรํ น อุทฺทิฏฺํ, วตฺถุรูปตฺตา จ อวตฺถุรูปสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส อนนฺตรมฺปิ น อุทฺทิฏฺํ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ ‘‘ตสฺส อสุปฺปสนฺนตฺตา ตนฺนิสฺสิตา จ จิตฺตปฺปวตฺติ อสุปฺปสนฺนา โหตี’’ติ, ตํ น สิทฺธนฺติ เจ? สิทฺธเมว อนินฺทฺริยานมฺปิ สปฺปายาสปฺปายอุตุอาหาราทีนํ ปจฺจยานํ สมาโยคโต, จิตฺตปฺปวตฺติยา วิการทสฺสนโต, ปจฺจกฺขตฺตา จ. ยสฺมา อปฺปฏิพุทฺโธปิ ปฏิพุทฺธํ วิย อตฺตานํ มฺตีติ. เอตฺตาวตา กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตภาวาการวิเสโส นิทฺทา นาม. สา จิตฺตสฺส ภวงฺโคตรณาการวิเสเสน โหติ, ตาย สมนฺนาคโต สตฺโต ภวงฺคโต อุตฺติณฺโณ สุปินํ ปสฺสติ, โส ‘‘กปิมิทฺธปเรโต’’ติ วุจฺจติ, โส สุตฺโต อปฺปฏิพุทฺโธ โหตีติ อยมตฺโถ สาธิโต โหติ.

ยสฺมา ภวงฺควารนิรนฺตรตาย อจฺจนฺตสุตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘ยทิ ตาว สุตฺโต ปสฺสติ, อภิธมฺมวิโรโธ อาปชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน นิทฺทากฺขเณ น ปฏิพุทฺโธ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อถ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, วินยวิโรโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ, ยสฺมา จ อขีณนิทฺโท, อโนติณฺณภวงฺโค จ อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘กปิมิทฺธปเรโต ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อฺถา อยํ เนว สุตฺโต น ปฏิพุทฺโธ, อตฺตนา ตํ นิทฺทํ อโนกฺกนฺโต อาปชฺเชยฺย. เอตฺตาวตา จ อภิธมฺโม, วินโย, นาคเสนตฺเถรวจนํ ยุตฺติ จาติ สพฺพํ อฺมฺสํสนฺทิตํ โหติ. ตตฺถ กปิมิทฺธปเรโตติ ภวงฺคโต อุตฺติณฺณนิทฺทาปเรโต. สา หิ อิธ กปิมิทฺธํ นาม. ‘‘ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา…เป… สุปนํ, อิทํ วุจฺจติ มิทฺธ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๖๓) เอวมาคตํ. อิทฺหิ อรูปํ, อิมสฺส ผลภูโต กรชกายสฺส อกลฺยตา’ปจลายิกาสุปิ นิทฺทาวิเสโส การโณปจาเรน ‘‘กปิมิทฺธ’’นฺติ ปวุจฺจติ. ยฺเจว ‘‘กปิมิทฺธปเรโต โข, มหาราช, สุปินํ ปสฺสตี’’ติ (มิ. ป. ๕.๓.๕ โถกํ วิสทิสํ) วุตฺตนฺติ.

ยํ ตํ อาปตฺติวุฏฺานนฺติ เอตฺถ เยน วินยกมฺเมน ตโต วุฏฺานํ โหติ, ตํ อิธ อาปตฺติวุฏฺานํ นาม. อวยเว สมูหโวหาเรน วาติ เอตฺถ สาขจฺเฉทโก รุกฺขจฺเฉทโกติ วุจฺจตีติอาทิ นิทสฺสนํ, เวทนากฺขนฺธาทิ รุฬฺหีสทฺทสฺส นิทสฺสนํ. น จ มยาติ วีมํสนปทสฺส ตสฺส กิริยํ สนฺธาย, โมจเน จ สนฺนิฏฺานํ สนฺธาย มุจฺจนปกติยา จาติ วุตฺตํ.

๒๔๐. เคหนฺติ ปฺจกามคุณา. วนภงฺคิยนฺติ ปาภติกํ. สมฺปยุตฺตสุขเวทนามุเขน ราโคว ‘‘อสฺสาโท’’ติ วุตฺโต. สุปนฺตสฺส จาติ อิทํ กปิมิทฺธปเรโต วิย ภวงฺคสนฺตตึ อวิจฺฉินฺทิตฺวา สุปนฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ชคฺคนตฺถายาติ โสธนตฺถาย.

๒๖๖. ‘‘ทารุธีตลิกเลปจิตฺตานํ องฺคชาตปฏินิชฺฌาเนปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อุปฺปนฺเน ปริฬาเห โมจนราคโช’’ติ ลิขนฺติ. วาลิกาย วา ‘‘หตฺถิกามํ นสฺสตี’’ติ เอตฺถ วิย ‘‘อาปตฺติ ตฺว’’นฺติ สพฺพตฺถ ปาโ. ‘‘เอหิ เม ตฺวํ, อาวุโส สามเณร, องฺคชาตํ คณฺหาหี’’ติ อาคตตฺตา ‘‘วจีกมฺม’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. เอวํ สนฺเต อฺํ ‘‘เอวํ กโรหี’’ติ อาณตฺติยาปิ อาปตฺติ สิยาติ สงฺกรํ โหติ. ตสฺมา น วุตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ เกจิ.

๒๖๗. ‘‘ปุปฺผาวลิยํ สาสวฬิย’’นฺติ ทุวิโธ กิร.

สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๗๐. ‘‘โอติณฺโณ’’ติ อิมินาสฺส เสวนาธิปฺปายตา ทสฺสิตา. ‘‘วิปริณเตน จิตฺเตน มาตุคาเมน สทฺธิ’’นฺติ อิมินาสฺส วายาโม ทสฺสิโต. ‘‘สทฺธิ’’นฺติ หิ ปทํ สํโยคํ ทีเปติ, โส จ ปโยโค สมาคโม อลฺลียนํ. เกน จิตฺเตน? วิปริณเตน จิตฺเตน, น ปตฺตปฏิคฺคหณาธิปฺปายาทินาติ อธิปฺปาโย. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฏิวิชานนา ทสฺสิตา โหติ. วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานนฺโต หิ สมาปชฺชติ นาม. เอวมสฺส ติวงฺคสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. อถ วา โอติณฺโณ. เกน? วิปริณเตน จิตฺเตน ยกฺขาทินา สตฺโต วิย. อุปโยคตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ. โอติณฺโณ วิปริณตํ จิตฺตํ กูปาทึ วิย สตฺโต. อถ วา ‘‘ราคโต อุตฺติณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุภาวํ อุปคโต, ตโต อุตฺติณฺณาธิปฺปายโต วิปริณเตน จิตฺเตน เหตุภูเตน ตเมว ราคํ โอติณฺโณ. มาตุคาเมน อตฺตโน สมีปํ อาคเตน, อตฺตนา อุปคเตน วา. เอเตน มาตุคามสฺส สารตฺตตา วา โหตุ วิรตฺตตา วา, สา อิธ อปฺปมาณา, น ภิกฺขุนีนํ กายสํสคฺเค วิย อุภินฺนํ สารตฺตตาย ปโยชนํ อตฺถิ.

กายสํสคฺคนฺติ อุภินฺนํ กายานํ สมฺปโยคํ. ปทภาชเน ปน ‘‘สมาปชฺเชยฺยาติ อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สมาปชฺชนํ สนฺธาย, น กายสํสคฺคํ. กายสํสคฺคสฺส สมาปชฺชนา หิ ‘‘อชฺฌาจาโร’’ติ วุจฺจติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โย โส กายสํสคฺโค นาม, โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เสวนาธิปฺปาโย, น จ กาเยน วายมติ, ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๒๗๙) วุตฺตลกฺขเณน วิรุชฺฌตีติ. ผสฺสปฏิวิชานนาย หิ สํสคฺโค ทีปิโต. โส เจ อชฺฌาจาโร โหติ, กถํ อนาปตฺติ โหตีติ. สุวุตฺตเมตํ, กินฺตุ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ อุภินฺนมฺปิ ปทานํ สามฺภาชนียตฺตา, สมาปชฺชิตพฺพาภาเว สมาปชฺชนาภาเวน ‘‘โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ สิยา.

‘‘หตฺถคฺคาหํ วา’’ติ เอตฺถ หตฺเถน สพฺโพปิ อุปาทินฺนโก กาโย สงฺคหิโต, น ภินฺนสนฺตาโน ตปฺปฏิพทฺโธ หตฺถาลงฺการาทิ. เวณิคฺคหเณน อนุปาทินฺนโก อภินฺนสนฺตาโน เกสโลมนขทนฺตาทิโก กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน คหิโตติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อนุปาทินฺนเกนปิ เกนจิ เกสาทินา อุปาทินฺนกํ วา อนุปาทินฺนกํ วา ผุสนฺโตปิ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติเยวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๗๔). เตน อนุปาทินฺนกานมฺปิ เกสโลมาทีนํ องฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ผสฺสํ ปฏิชานาตีติ ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส. ผสฺสสฺส อปฺปฏิวิชานนโต ทุวงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฏ’’นฺติ อิมินา ปาฬิอฏฺกถานเยน วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต. ผุฏฺภาวฺหิ ปฏิวิชานนฺโตปิ ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, อยเมโก อตฺโถ, ตสฺมา มาตุคามสฺส, อตฺตโน จ กายปริยาปนฺนานํ เกสาทีนํ อฺมฺํ ผุฏฺภาวํ ผุสิตฺวา ตํ สาทิยนํ ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, น กายวิฺาณุปฺปตฺติยา เอว. อเนกนฺติกฺเหตฺถ กายวิฺาณํ. มาตุคามสฺส อุปาทินฺนเกน กาเยน, อนุปาทินฺนเกน วา กาเยน ภิกฺขุโน อุปาทินฺนกกาเย ผุฏฺเ ปสนฺนกายินฺทฺริโย เจ โหติ, ตสฺส กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, เตเนว ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม โส โหติ. อนุปาทินฺนกกาโย, โลลุปฺโป อปฺปสนฺนกายินฺทฺริโย วา โหติ, ติมิรวาเตน อุปหตกาโย วา ตสฺส กายวิฺาณํ นุปฺปชฺชติ. น จ เตน ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, เกวลํ เสวนาธิปฺปาเยน วายมิตฺวา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺโต ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม มโนวิฺาเณน, เตน วุตฺตํ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยาติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฏิวิชานนา ทสฺสิตา’’ติ. อปโรปิ ภิกฺขุ มาตุคามสฺส กายปฏิพทฺเธน วา นิสฺสคฺคิเยน วา ผุฏฺโ กายวิฺาณํ อุปฺปาเทนฺเตน ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อเนกนฺติกฺเหตฺถ กายวิฺาณ’’นฺติ. อปโร วตฺถํ ปารุปิตฺวา นิทฺทายนฺตํ มาตุคามํ กายสํสคฺคราเคน วตฺถสฺส อุปริภาเค สณิกํ ผุสนฺโต วตฺถนฺตเรน นิกฺขนฺตโลมสมฺผสฺสํ อปฺปฏิวิชานนฺโตปิ เสวนาธิปฺปาโย กาเยน วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ นาม, สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติ. ‘‘นีลํ ฆฏฺเฏสฺสามีติ กายํ ฆฏฺเฏติ, สงฺฆาทิเสโส’’ติ หิ วุตฺตํ. อยํ ทุติโย อตฺโถ. เอวํ อเนกตฺถตฺตา, เอวํ ทุวิฺเยฺยาธิปฺปายโต จ มาติกาฏฺกถายํ ผสฺสปฏิวิชานนํ องฺคนฺตฺเวว น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชิตฺวาปิ นเขน โลเมน สํสคฺโค ทิฏฺโ, น จ เม โลมฆฏฺฏเนน กายวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ, ติมิรวาตถทฺธคตฺโต จาหํ น ผสฺสํ ปฏิวิชานามีติ อนาปนฺนสฺี สิยาติ น วุตฺตํ, อปิจ ‘‘ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ, น จ ผสฺสํ ปฏิวิชานาตี’’ติ จ เอเตสํ ปทานํ อฏฺกถายํ วุตฺตนยํ ทสฺเสตฺวา โส ปฺาเปตพฺโพ. เอตฺตาวตา น ตทตฺถชานนโตติ การณํ วิตฺถาริตํ โหติ.

ปทภาชนียวณฺณนา

๒๗๑. ‘‘รตฺตํ จิตฺตํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตํ วิปริณต’’นฺติ กิฺจาปิ สามฺเน วุตฺตํ, วินีตวตฺถูสุ ‘‘มาตุยา มาตุเปเมน อามสติ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา กายสํสคฺคราเคเนว รตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา ‘‘มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี’’ติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อถ โข อวินฏฺินฺทฺริยาว มนุสฺสิตฺถี อิธาธิปฺเปตา ‘‘มติตฺถิยา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชิ…เป… อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘มนุสฺสิตฺถี’’ติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ ‘‘น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา’’ติ วจนํ อวินฏฺินฺทฺริยาปิ น สพฺพา มนุสฺสวิคฺคหา อิตฺถี อิธ มนุสฺสิตฺถี นาม. ยกฺขิอาทโย หิ อตฺตโน ชาติสิทฺเธน อิทฺธิวิเสเสน อิชฺฌนฺติโย มนุสฺสวิคฺคหาปิ โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตาสุ ยกฺขี ถุลฺลจฺจยวตฺถุ โหติ วินีตวตฺถูสุ ยกฺขิยา กายสํสคฺเคน ถุลฺลจฺจยสฺส วุตฺตตฺตา. ตทนุโลมตฺตา เปติตฺถี, เทวิตฺถี จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ. ติรจฺฉานคติตฺถี ทุกฺกฏวตฺถุ. ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถี จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุเมวาติ เอเก. วิภงฺเค ปน ‘‘มนุสฺสิตฺถี จ โหติ มนุสฺสิตฺถิสฺี’’ติ ปาฬิยา อภาเวน ‘‘อิตฺถี จ โหติ ยกฺขิสฺี’’ติอาทิวจเน สติ ยกฺขิอาทีนํ อนิตฺถิตาปสงฺคโต, ‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสฺี’’ติอาทิมฺหิ ยกฺขิอาทีนํ อนฺโตกรเณ สติ ตาสํ สงฺฆาทิเสสวตฺถุภาวปฺปสงฺคโต จ ยกฺขิอาทโย น วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอเก ปน ‘‘วินีตวตฺถุมฺหิ ‘อฺตโร ภิกฺขุ ติรจฺฉานคติตฺถิยา กาย…เป… ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอตฺถ อมนุสฺสวิคฺคหา ปากติกติรจฺฉานคติตฺถี อธิปฺเปตา, ตสฺมา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ‘อิตฺถี จ โหติ ติรจฺฉานคตสฺีติ ติรจฺฉานคตา จ โหติ อิตฺถิสฺี’ติอาทิวาเรสุปิ ปากติกติรจฺฉานคโตว อธิปฺเปโต, โส จ ติรจฺฉานคตปุริโสว. เตเนว ทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกอามปาริจริยสิกฺขาปเทสุ มนุสฺสปุริสปฏิสํยุตฺตวารา วิย ติรจฺฉานปฏิสํยุตฺตวาราปิ นาคตา’’ติ วทนฺติ. ตถา ปณฺฑโกติ อิธ มนุสฺสปณฺฑโกว, ปุริโสติ จ อิธ มนุสฺสปุริโสว อาคโต, ตสฺมา อมนุสฺสิตฺถี อมนุสฺสปณฺฑโก อมนุสฺสปุริโส ติรจฺฉานคติตฺถี ติรจฺฉานคตปณฺฑโก มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา จาติ อฏฺ ชนา อิธ นาคตา, เตสํ วเสน วตฺถุสฺาวิมติเภทวเสน อาปตฺติเภทาเภทวินิจฺฉโย, อนาคตวารคณนา จ อสมฺมุยฺหนฺเตน เวทิตพฺพา, ตถา เตสํ ทุกมิสฺสกาทิวารา, อาปตฺติอนาปตฺติเภทวินิจฺฉโย จ. ‘‘ตตฺถ อมนุสฺสปณฺฑกอมนุสฺสปุริสติรจฺฉานคติตฺถิติรจฺฉานคตปณฺฑกาติ จตฺตาโร ทุกฺกฏวตฺถุกา, อมนุสฺสิตฺถิมนุสฺสอุภโตพฺยฺชนกา ถุลฺลจฺจยวตฺถุกา, อมนุสฺสอุภโตพฺยฺชนกา ติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา ทุกฺกฏวตฺถุกา, ปาฬิยํ ปน อมนุสฺสิตฺถิยา อนาคตตฺตา อมนุสฺสปณฺฑกา, อุภโตพฺยฺชนกา ปุริสา จ นาคตา. ติรจฺฉานคติตฺถิปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกา ติรจฺฉานคตปุริเสน สมานคติกตฺตา นาคตา, มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก มนุสฺสปณฺฑเกน สมานคติกตฺตา อนาคโต’’ติ วทนฺติ. อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๑) ปน ‘‘นาคมาณวิกายปิ สุปณฺณมาณวิกายปิ กินฺนริยาปิ คาวิยาปิ ทุกฺกฏเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา ตเทว ปมาณโต คเหตพฺพํ.

ตตฺรายํ วิจารณา – ‘‘น, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตสฺส นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๓) เอตฺถ ‘‘ติรจฺฉานคโตติ ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห ปากติกติรจฺฉานคตโต วิสิฏฺโ, ตถา ยกฺขเปตติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหานํ ‘‘ติรจฺฉานคตสฺส จ ทุกฺขุปฺปตฺติยํ อปิจ ทุกฺกฏเมวา’’ติ เอตฺถ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา จ ‘‘ปตนรูปํ ปมาณํ, น มรณรูป’’นฺติ เอตฺถ อาปตฺติวิเสสวจนโต จ ‘‘อุภโต อวสฺสุเต ยกฺขสฺส วา เปตสฺส วา ปณฺฑกสฺส วา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหสฺส วา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ กาเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๖๖๑) สามฺเน วจนโต จ โส วิสิฏฺโติ สิทฺธํ. วิสิฏฺตฺตา จ ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถิยา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺตสฺสาติ วิเสโส โหติ, ตสฺมา ตตฺถ อาปตฺติวิเสเสน ภวิตพฺพํ. ยทิ กายสํสคฺคสิกฺขาปเท ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถีปิ อธิปฺเปตา, รูปสามฺเน สฺาวิราคตฺตาสมฺภวโต ทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปเทสุปิ สา วตฺตพฺพา ภเวยฺย, สา จานาคตา. สรูเปน สํขิตฺตวารตฺตา นาคตาติ เจ? อิตฺถี จ โหติ ติรจฺฉานคโต จ อุภินฺนํ อิตฺถิสฺีติ อิธ อาคตตฺตา ปุริสลิงฺคนิทฺเทโส น ยุชฺชติ, ตสฺมา ติรจฺฉานคตปุริโส จ อิธ อาคโต, ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถิยา ปาฬิยํ อนาคตายปิ ทุกฺกฏเมว อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตาติ อิมสฺส วจนสฺส การณจฺฉายา ปริเยสิตพฺพาติ อธิปฺปาโย. อิทํ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อิตฺถีนํ, ปุริสานฺจ เอกโต วจเน ปุริสลิงฺคสพฺภาวโต. อิธ ติรจฺฉานคตปุริสปณฺฑกิตฺถิโย ติสฺโสปิ เอกโต สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺถ จ มนุสฺสวิคฺคหามนุสฺสวิคฺคเหสุ อิตฺถิปณฺฑกปุริสสฺิตา ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺพา. ทุฏฺุลฺลวาจาทิสิกฺขาปททฺวเย วารานํ สํขิตฺตตฺตา ปุริสติรจฺฉานคตาทโย นาคตา. ยถาวุตฺเตสุ อาปตฺติ, ตถา ตตฺถาปิ. อฺถา ปุริสํ โอภาสนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ ปณฺฑกํ โอภาสนฺตสฺส จ ถุลฺลจฺจยนฺติ มาติกาฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตสฺมา เต วารา สํขิตฺตาติ ปฺายนฺตีติ. วิเสโส จ ปณฺฑเก, ปุริเส, ติรจฺฉานคเต จ อิตฺถิสฺิสฺส อตฺถิ, ตถาปิ ตตฺถ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตเมว ปมาณนฺติ ทฺวินฺนเมเตสํ วาทานํ ยตฺถ ยุตฺติ วา การณํ วา อติเรกํ ทิสฺสติ, ตํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพนฺติ อาริจโย. เอวรูเปสุ าเนสุ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา กเถตพฺพํ.

ตตฺถ ปาฬิยํ อาคตวารคณนา ตาว เอวํ สงฺเขปโต เวทิตพฺพา – อิตฺถิมูลกา ปฺจ วารา ปณฺฑกปุริสติรจฺฉานคตมูลกา จ ปฺจ ปฺจาติ วีสติ วารา เอกมูลกา, ตถา ทุมูลกา วีสติ, มิสฺสกมูลกา วีสตีติ สฏฺิ วารา, ตานิ ตีณิ วีสติกานิ โหนฺติ. เอเกกสฺมึ วีสติเก เอเกกมูลวารํ คเหตฺวา กาเยน กายปฏิพทฺธวารา ตโย วุตฺตา. เสสา สตฺตปฺาส วารา สํขิตฺตา, ตถา กายปฏิพทฺเธน กายวารา ตโย วุตฺตา, เสสา สํขิตฺตา, เอวํ กายปฏิพทฺเธน กายปฏิพทฺธวาเรปิ นิสฺสคฺคิเยน กายวาเรปิ นิสฺสคฺคิเยน กายปฏิพทฺธวาเรปิ นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยวาเรปิ ตโย ตโย วารา วุตฺตา, เสสา สํขิตฺตา. เอวํ ฉนฺนํ ติกานํ วเสน อฏฺารส วารา อาคตาติ สรูปโต วุตฺตา, เสสา ทฺเวจตฺตาลีสาธิกานิ ตีณิ วารสตานิ สํขิตฺตานิ. ตโต ปรํ มาตุคามสฺส สารตฺตปกฺเข กาเยน กายนฺติ เอกเมกํ วฑฺเฒตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตา อฏฺารส วารา อาคตาติ เอกวีสติ วารา สรูเปน อาคตา, นวนวุตาธิกานิ ตีณิ วารสตานิ สํขิตฺตานิ. ตโต ปรํ อาปตฺตานาปตฺติทีปกา จตฺตาโร เสวนาธิปฺปายมูลกา จตฺตาโร โมกฺขาธิปฺปายมูลกาติ ทฺเว จตุกฺกา อาคตา.

ตตฺถายํ วิเสโส – ยทิทํ มาติกาย ปรามสนปทํ, เตน ยสฺมา อามสนาทีนิ ฉุปนปริโยสานานิ ทฺวาทสปิ ปทานิ คหิตานิ, ตสฺมา ปทุทฺธารํ อกตฺวา ‘‘อามสนา ปรามสนํ ฉุปน’’นฺติ อาห. ปรามสนํ นาม อามสนา. ‘‘ฉุปน’’นฺติ หิ วุตฺเต ปรามสนมฺปิ วิสุํ เอกตฺตํ ภเวยฺยาติ เวทิตพฺพํ. อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสฺี จาติ อิมสฺมึ ปมวาเร เอว ทฺวาทสปิ อามสนาทีนิ โยเชตฺวา ทสฺสิตานิ. ตโต ปรํ อาทิมฺหิ ทฺเว ปทานีติ จตฺตาริ ปทานิ อาคตานิ, อิตรานิ สํขิตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. นิสฺสคฺคิเยน กายวาราทีสุ ปน สพฺพากาเรน อลาภโต อามสนเมเวกํ อาคตํ, เนตรานิ. ‘‘สฺโจเปติ หรตี’’ติ ปาโ, สฺโจเปติ จ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘ปุริมนเยเนวาติ รชฺชุวตฺถาทีหิ ปริกฺขิปเน’’ติ จ ปจฺฉา ‘‘ปุริมนเยเนวาติ สมฺมสนา โหตี’’ติ จ ‘‘เวณิคฺคาเห อาปตฺติยา ปฺตฺตตฺตา โลมผุสเนปิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ จ ‘‘ตํ ปกาเสตุํ อุปาทินฺนเกน หีติอาทิ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ.

ยถานิทฺทิฏฺนิทฺเทเสติ อิมสฺมึเยว ยถานิทฺทิฏฺเ นิทฺเทเส. ‘‘สทิสํ อคฺคเหสี’’ติ วุตฺเต ตาทิสํ อคฺคเหสีติ ครุกํ ตตฺถ การเยติ อตฺโถ, กายสํสคฺควิภงฺเค วาติ อตฺโถ. อิตโรปิ กายปฏิพทฺธฉุปนโก. คหเณ จาติ คหณํ วา. วิราคิเตติ วิรทฺเธ. สารตฺตนฺติ กายสํสคฺคราเคน รตฺตํ, อตฺตนา อธิปฺเปตนฺติ อตฺโถ. ‘‘มาตุภคินิอาทิวิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วิรตฺตํ าติเปมวเสน คณฺหิ, เอตฺถ ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ. ‘‘กายสํสคฺคราคํ วา สารตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วิรตฺตํ มาตรํ คณฺหิ, อนธิปฺเปตํ คณฺหิ. เอตฺถ มหาสุมตฺเถรวาเทน ถุลฺลจฺจยํ ‘‘กายํ คณฺหิสฺสามี’’ติ กายปฺปฏิพทฺธํ คณฺหาติ, ถุลฺลจฺจยนฺติ ลทฺธิกตฺตา. ‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสฺี สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กาเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๗๓) วจนโต สงฺฆาทิเสโสปิ ขายติ. ‘‘วิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สารตฺตํ คณฺหาติ, เอตฺถปิ สงฺฆาทิเสโสว ขายติ ‘‘นีลํ ฆฏฺเฏสฺสามี’ติ กายํ ฆฏฺเฏติ, สงฺฆาทิเสโส’’ติ วจนโต. เอตฺถ ปน ‘‘น ปุพฺพภาเค กายสํสคฺคราคตฺตา’’ติ อนุคณฺิปเท การณํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ครุกาปตฺติภเยน ‘นีลเมว ฆฏฺเฏสฺสามี’ติ วายามนฺโต กายํ ฆฏฺเฏติ, ปุพฺพภาเค ตสฺส ‘กายปฏิพทฺธํ ฆฏฺเฏสฺสามี’ติ ปวตฺตตฺตา ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ‘‘เอวรูเป สงฺฆาทิเสโส’’ติ วทติ กิร. ‘‘อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกอิตฺถิยา ปุริสอุภโตพฺยฺชนกปุริเส วุตฺตนเยน อาปตฺติเภโท, อิตฺถิลิงฺคสฺส ปฏิจฺฉนฺนกาเลปิ อิตฺถิวเสเนว อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๒๘๑. ติณณฺฑุปกนฺติ หิริเวราทิมูลานิ คเหตฺวา กตฺตพฺพํ. ตาลปณฺณมุทฺทิกนฺติ ตาลปณฺณมยํ องฺคุลิมุทฺทิกํ, เตน ตาลปณฺณมยํ กฏํ, กฏิสุตฺตกํ, กณฺณปิฬนฺธนาทิ สพฺพํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ตมฺพปณฺณิวาสิโน อิตฺถิรูปํ ลิขิตํ, กฏิกปฏฺจ น ฉุปนฺติ กิร. อากรโต มุตฺตมตฺโต. รตนมิสฺโสติ อลงฺการตฺถํ กโต กฺจนลตาทิวินทฺโธ. สุวณฺเณน สทฺธึ โยเชตฺวา ปจิตฺวาติ สุวณฺณรสํ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา. พีชโต ธาตุปาสาณโต ปฏฺาย. เถโร น กปฺปตีติ ‘‘ตุมฺหากํ เปสิต’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘เจติยสฺส ปูชํ กโรถา’’ติ วุตฺเต วฏฺฏติ กิร. พุพฺพุฬกํ ตารกํ. อารกูฏโลหมฺปิ ชาตรูปคติกเมว.

วุตฺตฺเหตํ อนฺธกฏฺกถายํ

‘‘อารกูฏโลหํ สุวณฺณสทิสเมว, สุวณฺณํ อนุโลเมติ, อนามาส’’นฺติ.

‘‘เภสชฺชตฺถาย ปน วฏฺฏตี’’ติ วจนโต มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนเยกเทโสปิ อนุฺาโต โหตีติ ตตฺถ ตตฺถ อธิปฺปายํ ตฺวา วิภาเวตพฺพํ.

กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๘๓. ตติเย ตโย สงฺฆาทิเสสวารา ตโย ถุลฺลจฺจยวารา ตโย ทุกฺกฏวารา ตโย กายปฏิพทฺธวาราติ ทฺวาทส วารา สรูเปน อาคตา. ตตฺถ ตโย สงฺฆาทิเสสวารา ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตาติ ติณฺณํ วีสติกานํ เอเกกมูลา วาราติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา อิธ วิเสสาติ ปณฺณาส วารา สํขิตฺตา โหนฺติ, อฺถา อิตฺถี จ โหติ เวมติโก สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคํ ปสฺสาวมคฺคํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ…เป… อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. อิตฺถี จ โหติ ปณฺฑกปุริสสฺี ติรจฺฉานคตสฺี สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคํ ปสฺสาวมคฺคํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ อกฺโกสติปิ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. ปณฺฑโก จ โหติ ปณฺฑกสฺี สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ ปณฺฑกสฺส วจฺจมคฺคํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสาติ เอวมาทีนํ อาปตฺติฏฺานานํ อนาปตฺติฏฺานตา อาปชฺเชยฺย, น จาปชฺชติ, ปณฺฑเก อิตฺถิสฺิสฺส ทุกฺกฏนฺติ ทีเปตุํ ‘‘อิตฺถี จ ปณฺฑโก จ อุภินฺนํ อิตฺถิสฺี อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปณฺฑเก ปณฺฑกสฺิสฺส ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตเมว โหติ, ตสฺมา สพฺพตฺถ สํขิตฺตวาเรสุ ถุลฺลจฺจยฏฺาเน ถุลฺลจฺจยํ, ทุกฺกฏฏฺาเน ทุกฺกฏมฺปิ วุตฺตเมว โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตถา ‘‘อิตฺถี จ โหติ เวมติโก สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคํ ปสฺสาวมคฺคํ เปตฺวา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทินา นเยน ถุลฺลจฺจยเขตฺเตปิ ยถาสมฺภวํ อุทฺธริตพฺพา. ตถา ‘‘อิตฺถี จ โหติ เวมติโก สารตฺโต จ, ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กายปฏิพทฺธํ อาทิสฺส วณฺณมฺปิ ภณติ…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา นเยน กายปฏิพทฺธวาราปิ ยถาสมฺภวํ อุทฺธริตพฺพา. กายปฺปฏิพทฺธวารตฺติกํ วิย นิสฺสคฺคิยวารตฺติกํ ลพฺภมานมฺปิ อาปตฺติวิเสสาภาวโต น อุทฺธฏํ. กายปฺปฏิพทฺธวารตฺติเก ปน ทินฺนนยตฺตา ตมฺปิ ตทนุโลมา วารา จ อุทฺธริตพฺพา. สพฺพตฺถ น-วิฺู ตรุณทาริกา, มหลฺลิกา อุมฺมตฺติกาทิกา จ อนธิปฺเปตา, ปเคว ปากติกา ติรจฺฉานคติตฺถีนํ, ตถา ปณฺฑกาทโยปีติ เวทิตพฺพา. เสสํ ทุติเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

ปทภาชนียวณฺณนา

๒๘๕. วุตฺตนยเมวาติ ‘‘กายสํสคฺเค อิตฺถิลกฺขเณนา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อิตฺถิลกฺขเณนา’’ติ กิร มหาอฏฺกถาปาโ. สีสํ น เอตีติ อกฺโกสนํ น โหติ, ฆฏิเต ปน โหติ. ตตฺรายํ วิเสโส – อิเมหิ ตีหิ ฆฏิเต เอว สงฺฆาทิเสโส วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํ นิยตวจนตฺตา, อจฺโจฬาริกตฺตา วา, น อฺเหิ อนิมิตฺตาสีติอาทีหิ อฏฺหิ. ตตฺถ อโลหิตาสิ, ธุวโลหิตาสิ, ธุวโจฬาสิ, ปคฺฆรณีสิ, อิตฺถิปณฺฑกาสิ, เวปุริสิกาสีติ เอตานิ ฉ มคฺคานํ อนิยตวจนานิ, อนิมิตฺตาสิ, นิมิตฺตมตฺตาสีติ ทฺเว ปทานิ อนจฺโจฬาริกานิ จ, ยโต อฏฺปทานิ ‘‘สงฺฆาทิเสสํ น ชเนนฺตี’’ติ วุตฺตานิ, ตสฺมา ตานิ ถุลฺลจฺจยวตฺถูนิ. ปริพฺพาชกวตฺถุมฺหิ วิย อกฺโกสมตฺตตฺตา ทุกฺกฏวตฺถูนีติ เอเก. อิตฺถิปณฺฑกาสิ, เวปุริสิกาสีติ เอตาเนว ปทานิ สกลสรีรสณฺานเภททีปกานิ สุทฺธานิ สงฺฆาทิเสสํ น ชเนนฺติ สกลสรีรสามฺตฺตา, อิตรานิ ชเนนฺติ อสามฺตฺตา. ตานิ หิ ปสฺสาวมคฺคเมว ทีเปนฺติ สิขรณี-ปทํ วิย. อุภโตพฺยฺชนาสีติ วจนํ ปน ปุริสนิมิตฺเตน อสงฺฆาทิเสสวตฺถุนา มิสฺสวจนํ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส จ อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. ยทิ ตมฺปิ ชเนติ, กถํ อนิมิตฺตาสีติอาทิปทานิ น สงฺฆาทิเสสํ ชเนนฺตีติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ. ปุริสสฺสปิ นิมิตฺตาธิวจนโต, ‘‘เมถุนุปสํหิตาหิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ มาติกาย ลกฺขณสฺส วุตฺตตฺตา จ เมถุนุปสํหิตาหิปิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา สงฺฆาทิเสโส, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ เอเก, สพฺพํ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

๒๘๗. หสนฺโตติ ยํ อุทฺทิสฺส ภณติ, สา เจ ปฏิวิชานาติ, สงฺฆาทิเสโส.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๒๘๙. ‘‘ปฏิวุตฺตํ นามา’’ติ ปาโ. โน-สทฺโท อธิโก. ‘‘อกฺขรลิขเนนปิ โหตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อาวชฺชนสมนนฺตรวิธินา สเมติ เจ, คเหตพฺพํ.

ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๙๐. จตุตฺเถ ตโย สงฺฆาทิเสสวารา อาคตา, เสสา สตฺตปฺาส วารา ถุลฺลจฺจยทุกฺกฏาปตฺติกาย สํขิตฺตาติ เวทิตพฺพา, ตโต อฺตโร อสมฺภวโต อิธ น อุทฺธโฏ. เสสโยชนกฺกโม วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. นครปริกฺขาเรหีติ ปาการปริขาทีหิ นครปริวาเรหิ. เสตปริกฺขาโรติ เสตาลงฺกาโร, สีลาลงฺกาโรติ อตฺโถ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๔). จกฺกวีริโยติ วีริยจกฺโก. วสลํ ทุคฺคนฺธนฺติ นิมิตฺตํ สนฺธายาห, ตเทว สนฺธาย ‘‘กึ เม ปาปกํ, กึ เม ทุคฺคนฺธ’’นฺติ วุตฺตํ.

๒๙๑. สนฺติเกติ ยตฺถ ิโต วิฺาเปติ. ‘‘ปมวิคฺคเห สเจ ปาฬิวเสน โยเชตีติ กามเหตุปาริจริยาอตฺโถ. เสสนฺติ ‘อธิปฺปาโย’ติ ปทํ พฺยฺชนํ อตฺถาภาวโต. ทุติเย ปาฬิวเสน กามเหตุ-ปทานิ พฺยฺชนานิ เตสํ ตตฺถ อตฺถาภาวโต. เอวํ จตฺตาริ ปทานิ ทฺวินฺนํ วิคฺคหานํ วเสน โยชิตานีติ อปเร วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

๒๙๕. เอเตสุ สิกฺขาปเทสุ เมถุนราเคน วีติกฺกเม สติ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ. ตสฺมา ‘‘กึ ภนฺเต อคฺคทานนฺติ. เมถุนธมฺม’’นฺติ อิทํ เกวลํ เมถุนธมฺมสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตํ, น เมถุนธมฺมาธิปฺปาเยน ตทตฺถิยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ปรสฺส ภิกฺขุโน กามปาริจริยาย วณฺณภณเน ทุกฺกฏํ. ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนนปิ ทุกฺกฏํ. ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย. ยา มาทิสํ สีลวนฺต’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวาติ เอเก. วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. คณฺิปเท ปน ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุ ทุฏฺุลฺลตฺตกามวจเน ถุลฺลจฺจย’นฺติ วทนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน นาคต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติโกวา’’ติ วทนฺติ.

อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๙๗. อหมฺหิ ทุคฺคตาติ อหํ อมฺหิ ทุคฺคตา. อหํ ขฺวยฺโยติ เอตฺถ อยฺโยติ พหุวจนํ โหติ.

๒๙๘. โอยาจนฺตีติ นีจํ กตฺวา เทเว ยาจนฺติ. อายาจนฺตีติ อุจฺจํ กตฺวา อาทเรน ยาจนฺติ. อลงฺการาทีหิ มณฺฑิโต เกสสํวิธานาทีหิ ปสาธิโต. ‘‘มณฺฑิตกรเณ ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ.

ปทภาชนียวณฺณนา

๓๐๓. สห ปริทณฺเฑน วตฺตมานาติ อตฺโถ. ฉนฺทวาสินี นาม ‘‘ปิยา ปิยํ วเสตี’’ติ ปาฬิ, ปุริสํ วาเสตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปิโย ปิยํ วาเสตี’’ติ อฏฺกถา.

ตํ กิริยํ สมฺปาเทสฺสตีติ อวสฺสํ อาโรเจนฺติยา เจ อาโรเจตีติ อตฺโถ. ทฺวินฺนํ มาตาปิตูนํ เจ อาโรเจติ, สงฺฆาทิเสโสติ วินยวินิจฺฉเย ‘‘วตฺถุ โอโลเกตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วตฺถุมฺหิ จ ‘‘อุทายิตฺเถโร คณิกาย อาโรเจสี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘มาตาทีนมฺปิ วทโต วิสงฺเกโต นตฺถี’’ติ อฏฺกถาวจนโต นิปฺปโยชนํ. ตํ ปเนตนฺติ อาจริยสฺส วจนํ. มาตุรกฺขิตํ พฺรูหีติ เปสิตสฺส คนฺตฺวา มาตาปิตุรกฺขิตํ วทโต ตสฺส ตสฺสา มาตุรกฺขิตภาเวปิ สติ วิสงฺเกตเมว, กสฺมา? ‘‘ปิตุรกฺขิตาทีสุ อฺตรํ วทนฺตสฺส วิสงฺเกต’’นฺติ วุตฺตตฺตา อิตรถา อาทิ-สทฺโท นิรตฺถโก สิยา. เอกํ ทสกํ อิตเรน ทสเกน โยเชตฺวา ปุพฺเพ สุกฺกวิสฺสฏฺิยํ วุตฺตนยตฺตา มาตุรกฺขิตาย มาตา อตฺตโน ธีตุสนฺติกํ ปหิณตีติ คเหตพฺพํ.

๓๓๘. อนภินนฺทิตฺวาติ วจนมตฺตเมว, ยทิปิ อภินนฺทติ, ยาว สาสนํ นาโรเจติ, ตาว ‘‘วีมํสิโต’’ติ น วุจฺจติ. สาสนาโรจนกาเลติ อาณาปกสฺส สาสนวจนกฺขเณ. ตติยปเท วุตฺตนเยนาติ เอกงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. วตฺถุคณนาย สงฺฆาทิเสโสติ อุภยวตฺถุคณนาย กิร.

๓๓๙. จตุตฺเถ อนาปตฺตีติ เอตฺถ ปน ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ น วีมํสติ น ปจฺจาหรติ, อนาปตฺตีติ เอตฺถ วิย ‘คจฺฉนฺโต น สมฺปาเทติ, อาคจฺฉนฺโต วิสํวาเทตี’ติ อนาปตฺติปาฬิยาปิ ภวิตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เอกจฺเจสุ โปตฺถเกสุ ‘‘อตฺถี’’ติปิ.

วินีตวตฺถุวณฺณนา

๓๔๑. อลํวจนียาติ น วจนียา, นิวารเณ อลํ-สทฺโท. เถรปิตา วทตีติ ชิณฺณปิตา วทตีติ อตฺโถ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา, ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส น ยกฺโข’’ติอาทิ นตฺถิ, ตถาปิ กายสํสคฺคาทีสุ ‘‘มนุสฺสิตฺถี’’ติ อิตฺถีววตฺถานสฺส กตตฺตา อิธาปิ มนุสฺสิตฺถี เอวาติ ปฺายติ. เมถุนปุพฺพภาคตฺตา มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุโกว โหติ, เสสา มนุสฺสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกติรจฺฉานคตปุริสาทโย ทุกฺกฏวตฺถุกาว มิจฺฉาจารสาสนงฺคสมฺภวโตติ เวทิตพฺพํ. ยถาสมฺภวํ ปน วารา อุทฺธริตพฺพา. ปฺตฺติอชานเน วิย อลํวจนียภาวาชานเนปิ อจิตฺตกตา เวทิตพฺพา. ทุฏฺุลฺลาทีสุปีติ ‘‘อิมสฺมิมฺปี’’ติ วุตฺตเมว โหติ. ‘‘เลขํ เนตฺวา ปฏิเลขํ อาโรจิตสฺสาปิ สฺจริตฺตํ นตฺถิ สฺจริตฺตภาวมชานนฺตสฺสา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๔๒. ยาจนาติ ‘‘เทถ เทถา’’ติ โจทนา. วิฺตฺตีติ อิมินา โน อตฺโถติ วิฺาปนา. ‘‘หตฺถกมฺมํ ยาจิโต อุปกรณํ, มูลํ วา ทสฺสตี’’ติ ยาจติ, น วฏฺฏตีติ. วฏฺฏติ เสนาสเน โอภาสปริกถาทีนํ ลทฺธตฺตาติ เอเก. อนชฺฌาวุตฺถกนฺติ อสฺสามิกํ. น อาหฏํ ปริภุฺชิตพฺพนฺติ ‘‘สูโปทนวิฺตฺติทุกฺกฏํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กิฺจาปิ ครุภณฺฑปฺปโหนเกสูติ วุตฺตํ, ตถาปิ ยํ วตฺถุวเสน อปฺปํ หุตฺวา อคฺฆวเสน มหา หริตาลหิงฺคุลิกาทิ, ตํ ยาจิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.

๓๔๔. โส กิราติ อิสิ. ตทา อชฺฌคมา ตทชฺฌคมา.

๓๔๘-๙. น หิ สกฺกา ยาจนาย กาตุํ, ตสฺมา สยํ ยาจิตเกหิ อุปกรเณหีติ อธิปฺปาโย. พฺยฺชนํ สเมติ, น อตฺโถ. กสฺมา? อิธ อุภเยสํ อธิปฺเปตตฺตา, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. อิธ วุตฺตนเยนาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปทวิภงฺเค วุตฺตนเยน. ‘‘สฺาจิกายา’’ติ วจนโต กโรนฺเตนาปิ, ‘‘ปเรหิ ปริโยสาเปตี’’ติ วจนโต การาเปนฺเตนาปิ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อุโภเปเต การกการาปกา. พฺยฺชนํ วิโลมิตํ ภเวยฺย, ‘‘การยมาเนนา’’ติ หิ พฺยฺชนํ ‘‘กโรนฺเตนา’’ติ วุตฺเต วิโลมิตํ โหติ อตทตฺถตฺตา. น หิ การาเปนฺโต นาม โหติ. ‘‘อิธ วุตฺตนเยนาติ เทสิตวตฺถุกปมาณิกนเยน. เอวํ สนฺเต ‘กโรนฺเตน วา การาเปนฺเตน วา’ติ วจนโต กโรนฺเตนาปิ ปเรหิ วิปฺปกตํ วตฺตพฺพนฺติ เจ, ตทตฺถวิสฺสชฺชนตฺถํ ‘ยทิ ปนาติอาทิมาหา’’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘สฺาจิกาย กุฏึ กโรนฺโต’’ติ วจนวเสน วุตฺตํ. ‘‘อายามโต จ วิตฺถารโต จา’’ติ อวตฺวา วิกปฺปตฺถสฺส วา-สทฺทสฺส คหิตตฺตา เอกโตภาเคปิ วฑฺฒิเต อาปตฺติ เอว. ปมาณยุตฺตมฺโจ กิร นววิทตฺถิ. ‘‘‘จตุหตฺถวิตฺถารา’ติ วจเนน ‘ติริยํ ติหตฺถา วา’ติ วจนมฺปิ สเมติ ‘ยตฺถ ปมาณยุตฺโต’ติอาทิสนฺนิฏฺานวจนาสมฺภวโต’’ติ วุตฺตํ. ปมาณโต อูนตรมฺปีติ วิตฺถารโต จตุปฺจหตฺถมฺปิ ทีฆโต อนติกฺกมิตฺวา วุตฺตปมาณเมว เทสิตวตฺถุ. อเทสิตวตฺถุฺหิ กโรโต อาปตฺติ. ปมาณาติกฺกนฺตา กุฏิ เอว ปมาณาติกฺกนฺตํ กุฏึ กเรยฺยาติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ถมฺภตุลา’’ติ ปาโ. อนุสฺสาวนานเยนาติ เอตฺถ ‘‘ทมิฬภาสายปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.

๓๕๓. จารภูมิ โคจรภูมิ. น คหิตาติ น วาริตา. อฏฺกถายํ ‘‘การณาย คุตฺติพนฺธนาคารํ, อกรณฏฺานํ วา ธมฺมคนฺธิกา หตฺถปาทจฺฉินฺทนกา คนฺธิกา’’ติ ลิขิตํ. ทฺวีหิ พลิพทฺเทหีติ เหฏฺิมโกฏิยา กิร วุตฺตโต อาวิชฺชิตุํ น สกฺกา ฉินฺนาวฏตฺตา, นิคมนสฺสาปิ อตฺถปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปาจินนฺติ วตฺถุ อธิฏฺานํ. ตทตฺถายาติ ตจฺฉนตฺถาย. ปณฺณสาลมฺปีติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตกุฏิเมว ปณฺณจฺฉทนํ. เตเนว ‘‘สภิตฺติจฺฉทน’’นฺติ วุตฺตํ, อลิตฺตํ กิร สพฺพํ วฏฺฏติ. ปุพฺเพ โถกํ ปิตํ ปุน วฑฺเฒตฺวา. ตสฺมินฺติ ทฺวารพนฺธเน วา วาตปาเน วา ปิเต. ปมเมวาติ เอตฺถ ปตฺตกาเล เอวาติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร. อุปติสฺสตฺเถโร ปิตกาเลวาติ กิร. ปุริเมน เลปสฺส อฆฏิตตฺตา ทุติเยน วตฺตสีเสน กตตฺตา อุภินฺนมฺปิ อนาปตฺติ. สเจ อาณตฺเตน กตํ, ‘‘กโรติ วา การาเปติ วา’’ติ วจนโต อาปตฺติ อุภินฺนํ สติ อตฺตุทฺเทสิกตาย, อสติ มูลฏฺสฺเสว. เหฏฺิมปฺปมาณสมฺภเว สติ สพฺพมตฺติกามยํ กุฏึ กโรโต อาปตฺติ ทุกฺกเฏน สงฺฆาทิเสโสติ อาจริยสฺส ตกฺโก.

๓๕๔. ฉตฺตึส จตุกฺกานิ นาม อเทสิตวตฺถุกจตุกฺกํ เทสิตวตฺถุกจตุกฺกํ ปมาณาติกฺกนฺตจตุกฺกํ ปมาณิกจตุกฺกํ อเทสิตวตฺถุกปมาณาติกฺกนฺตจตุกฺกํ เทสิตวตฺถุกปมาณิกจตุกฺกนฺติ ฉ จตุกฺกานิ, เอวํ สมาทิสติวาราทีสุปิ ปฺจสูติ ฉตฺตึส. อาปตฺติเภททสฺสนตฺถนฺติ เอตฺถ ยสฺมา ‘‘สารมฺเภ เจ, ภิกฺขุ, วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน…เป… สงฺฆาทิเสโส’’ติ มาติกายํ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา สารมฺภอปริกฺกมเนปิ สงฺฆาทิเสโสวาติ มิจฺฉาคาหวิวชฺชนตฺถํ อาปตฺติเภโท ทสฺสิโต, ตสฺมา วุตฺตานีติ อธิปฺปาโย. วิภงฺเค เอวํ อวตฺวา กิมตฺถํ มาติกายํ ทุกฺกฏวตฺถุ วุตฺตนฺติ เจ? ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ. กีทิสํ? อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรํ, อิตรสฺมึ ‘‘สารมฺเภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน’’ติ เอวํ อานิสํสวเสน อาคตตฺตา วุตฺตํ. ยสฺมา วตฺถุ นาม อตฺถิ สารมฺภํ, อตฺถิ อนารมฺภํ, อตฺถิ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ อปริกฺกมนนฺติ พหุวิธตฺตา วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. กิมตฺถิกา ปเนสา เทสนาติ เจ? ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุปริวชฺชนุปายตฺถา. วตฺถุเทสนาย หิ ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุตฺตา อกตวิฺตฺติ คิหีนํ ปีฬาชนเนน อตฺตทุกฺขปรทุกฺขเหตุภูโต จ สารมฺภภาโวติ เอเต วตฺถุเทสนาปเทเสน อุปาเยน ปริวชฺชิตา โหนฺติ. น หิ ภิกฺขุ อกปฺปิยกุฏิกรณตฺถํ คิหีนํ วา ปีฬานิมิตฺตํ สารมฺภวตฺถุ. กุฏิกรณตฺถํ วา วตฺถุํ เทเสนฺตีติ ปมเมว สาธิตเมตํ. โวมิสฺสกาปตฺติโยติ ทุกฺกฏสงฺฆาทิเสสมิสฺสกาปตฺติโย.

๓๕๕. ตตฺถ ‘‘ทฺวีหิ สงฺฆาทิเสเสหี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ทฺวินฺนํ สงฺฆาทิเสเสนา’’ติ วิภตฺติพฺยตฺตเยน, วจนพฺยตฺตเยน จ วุตฺตํ. ‘‘อาปตฺติ ทฺวินฺนํ สงฺฆาทิเสสาน’’นฺติปิ ปาโ.

๓๖๔. น ฆฏยติ ฉทนเลปาภาวโต, อนาปตฺติ, ตํ ปรโต สาธิยติ. ฉทนเมว สนฺธาย อุลฺลิตฺตาวลิตฺตตา วุตฺตาติ. ‘‘กุกฺกุฏจฺฉิกเคหํ วฏฺฏตีติ วตฺวา ปุน ฉทนํ ทณฺฑเกหีติอาทินา นเยน ตํ ทสฺเสนฺเตหิ ติณปณฺณจฺฉทนากุฏิกาว วุตฺตา. ตตฺถ ฉทนํ ทณฺฑเกหิ ทีฆโต ติริยฺจ ชาลํ วิย พนฺธิตฺวา ติเณหิ วา ปณฺเณหิ วา ฉาเทตุํ อุลฺลิตฺตาทิภาโว ฉทนเมว สนฺธาย วุตฺโตติ ยุตฺตมิทํ. ตสฺมา มตฺติกามยํ ภิตฺตึ วฑฺฒาเปตฺวา อุปริ อุลฺลิตฺตํ วา อวลิตฺตํ วา อุภยํ วา ภิตฺติยา ฆฏิตํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติ เอว วินาปิ ภิตฺติเลเปนา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘‘โส จ ฉทนเมว สนฺธายา’ติ ปธานวเสน วุตฺตํ, น เหฏฺาภาคํ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. เอตฺถาติ ติณกุฏิกาย. ยถาสมาทิฏฺายาติ ยถาวุตฺตปฺปการนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘อาปตฺติ การุกานํ ติณฺณํ ทุกฺกฏาน’’นฺติอาทิมฺหิ โส สุณาติฉกฺกมฺปิ ลพฺภติ. อุภยตฺถ สมาทิฏฺตฺตา อาณาปกสฺส อนาปตฺติ. อาณตฺตสฺส ยถา สมาทิฏฺํ อาณาปเกน, ตถา อกรณปจฺจยา ทุกฺกฏํ. สเจ ‘‘อหมฺเปตฺถ วสามี’’ติ อตฺตุทฺเทสมฺปิ กโรติ, สงฺฆาทิเสโสว. ‘‘กุฏึ กโรถา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตฏฺาเน ปน อาณาปกสฺสาปิ สงฺฆาทิเสโส อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส.

อหฺจ วสิสฺสามีติ เอตฺถ ปรสฺส ยสฺส กสฺสจิ อุทฺทิฏฺสฺส อภาวา อาปตฺติ เอว ‘‘กโรนฺตสฺส วา’’ติ นิยมิตตฺตา, อนาปตฺติ อวิภตฺตตฺตา. ‘‘อิธ ปฺตฺติชานนมตฺตเมว จิตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน อหฺจ วสิสฺสามีติ เอตฺถ โย ‘‘มยฺหํ วาสาคารฺจ ภวิสฺสตี’’ติ อิจฺฉติ, ตสฺสาปตฺติ. โย ปน อุโปสถาคารํ อิจฺฉติ, ตสฺส อนาปตฺติ, ตสฺมา ‘‘อุภยํ สเมตี’’ติ วตฺวา จ ‘‘วินยวินิจฺฉเย อาคเต ครุเก าตพฺพ’’นฺติ วจนโต มหาปจฺจริวาทโต อิตโร ปจฺฉา วตฺตพฺโพติ เจ? น, พลวตฺตา. ‘‘วาสาคารํ เปตฺวา สพฺพตฺถ, อนาปตฺตี’’ติ วจนโต, โภชนสาลาทีนมฺปิ อตฺถาย อิมินา กตตฺตา สงฺกรา ชาตา. ยถา – ทฺเว ตโย ‘‘เอกโต วสิสฺสามา’’ติ กโรนฺติ, รกฺขติ ตาวาติ เอตฺถ วิย. ‘‘อิทํ านํ วาสาคารํ ภวิสฺสติ, อิทํ อุโปสถาคาร’’นฺติ วิภชิตฺวา กเตปิ อาปตฺติ เอว. ทฺวีสุ มหาปจฺจริวาโท พลวา, ตสฺมา ‘‘ปจฺฉา วุตฺโต’’ติอาทินา อตีว ปปฺจิตํ. กึ เตน. ‘‘อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา จ ปเรหิ จ ปริโยสาเปตี’’ติอาทินา นเยน อปรานิปิ จตุกฺกานิ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา ทสฺเสตพฺพานิ, เลณาทีสุ กิฺจาปิ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ, อกตวิฺตฺติยา สติ ตปฺปจฺจยา อาปตฺติ เอว.

กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๖๖. สตฺตเม วา-สทฺโท อวธารณตฺโถติ เวทิตพฺโพ.

วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปมทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๘๐. สาวเกน ปตฺตพฺพนฺติ ปกติสาวกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อคฺคสาวกํ. ยถูปนิสฺสยยถาปุคฺคลวเสน ‘‘ติสฺโส วิชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เกนจิ สาวเกน ติสฺโส วิชฺชา, เกนจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, เกนจิ ฉ อภิฺา, เกนจิ เกวโล นวโลกุตฺตรธมฺโมติ เอวํ วิสุํ วิสุํ ยถาสมฺภวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๓๘๒. ‘‘เย เต ภิกฺขู สุตฺตนฺติกา’’ติอาทิวจนโต ธรมาเนปิ ภควติ ปิฏกตฺตยปริจฺเฉโท อตฺถีติ สิทฺธํ. ธมฺมกถิกาติ อาภิธมฺมิกา รติยา อจฺฉิสฺสนฺตีติอาทิ อายสฺมโต ทพฺพสฺส เนสํ ติรจฺฉานกถาย รตินิโยชนํ วิย ทิสฺสติ, น ตถา ทฏฺพฺพํ. สุตฺตนฺติกาทิสํสคฺคโต เตสํ สุตฺตนฺติกาทีนํ ผาสุวิหารนฺตรายํ, เตสมฺปิ ติรจฺฉานกถารติยา อภาเวน อนภิรติวาสํ, ตโต เนสํ สามฺา จาวนฺจ ปริวชฺชนฺโต เอวํ จินฺเตสีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นิมฺมิตานํ ธมฺมตาติ สาวเกหิ นิมฺมิตานํเยว, น พุทฺเธหี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สาธกตมํ กรณ’’นฺติ เอวํ วุตฺเต กรณตฺเถเยว ตติยาวิภตฺตีติ อตฺโถ.

๓๘๓-๔. นฺติ เยน. ‘‘กตฺตาติ กตฺตา, น กตฺตา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ภริยํ วิย มํ อชฺฌาจรตี’’ติ วทนฺติยา พลวตี โจทนา. เตน หีติ เอตฺถ ยถา ฉุปนมตฺเต วิปฺปฏิสารีวตฺถุสฺมึ กายสํสคฺคราคสมฺภวา อปุจฺฉิตฺวา เอว สงฺฆาทิเสสํ ปฺาเปสิ, ตเถว ปุพฺเพวสฺสา ทุสฺสีลภาวํ ตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิ ตาว ภูตาย ปฏิฺาย นาสิตา, เถโร การโก โหติ. อถ อภูตาย, ภควตา ‘‘นาเสถา’’ติ น วตฺตพฺพํ, วุตฺตฺจ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยทิ ตาว ปฏิฺาย นาสิตา, เถโร การโก โหตี’’ติ.

อถ อปฺปฏิฺายาติ ‘‘อยฺเยนมฺหิ ทูสิตา’’ติ อิมํ ปฏิฺํ วินา เอว ตสฺสา ปกติทุสฺสีลภาวํ สนฺธาย นาสิตา, เถโร อการโก โหติ. อภยคิริวาสิโนปิ อตฺตโน สุตฺตํ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก’’ติ วทนฺติ, กสฺมา? ทุกฺกฏํ มุสาวาทปจฺจยา ลิงฺคนาสนาย อนาเสตพฺพตฺตา. ปาราชิกสฺเสว หิ ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺพา. ‘‘นาเสถา’’ติ จ วุตฺตตฺตา ปาราชิกาว ชาตา, สา กึ สนฺธาย, ตโต เถโร การโก อาปชฺชติ. ‘‘สกาย ปฏิฺาย นาเสถา’’ติ วุตฺเต ปน อปาราชิกาปิ อตฺตโน วจเนน นาเสตพฺพา ชาตาติ อธิปฺปาโย. มหาวิหารวาสิโนปิ อตฺตโน สุตฺตํ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก’’ติ จ วทนฺติ. กสฺมา? ‘‘สกาย ปฏิฺาย นาเสถา’’ติ หิ วุตฺเต ปฏิฺาย ภูตตา อาปชฺชติ ‘‘นาเสถา’’ติ วจนโต. ภูตาเยว หิ ปฏิฺาย นาเสตพฺพา โหติ, นาภูตายาติ อธิปฺปาโย. ปุริมนเยติ ทุกฺกฏวาเท. ปุริโม ยุตฺติวเสน ปวตฺโต, ปจฺฉิโม ปาฬิวจนวเสน ปวตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

๓๘๕-๖. ปีติสุเขหีติ เอตฺถ ‘‘สุเขนา’’ติ วตฺตพฺเพ ปีติคฺคหณํ ตติยชฺฌานสุขํ, กายิกฺจ อปเนตุํ สมฺปยุตฺตปีติยา วุตฺตํ. สเจ จุทิตกวเสน กตํ อมูลกํ นาม, ‘‘อนชฺฌาปนฺนํ อกต’’นฺติ วเทยฺย, อิเม กริสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘ตาทิสํ ทิฏฺสฺี หุตฺวา โจเทตี’’ติ ปาโ. ‘‘เอเตน นเยน สุตมุตปริสงฺกิตานิปิ วิตฺถารโต เวทิตพฺพานี’’ติ ปาโ. ‘‘จตุนฺนํ อฺตเรนา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทเส เอว อาคเต คเหตฺวา วุตฺตํ, อิตเรสํ อฺตเรนาปิ อนุทฺธํเสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ภิกฺขุภาวา หิ จาวนสมตฺถโต. ‘‘สมีเป ตฺวา’’ติ วจนโต ปรมฺมุขา โจเทนฺตสฺส, โจทาเปนฺตสฺส วา สีสํ น เอติ. ทิฏฺฺเจ สุเตน ปริสงฺกิเตน โจเทติ โจทาเปติ, สุตปริสงฺกิตํ วา ทิฏฺาทีหิ โจทิเต วา โจทาปิเต วา สีสํ เอติ เอว อมูลเกน โจทิตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ทิฏฺสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต, ตฺเจ โจเทติ ‘สุโต มยา…เป… สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๗). ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ อสุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. โอกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๙) อิมินา น-สเมนฺตํ วิย ขายติ, กถํ? ทิฏฺสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต นาม อสุทฺโธ ปุคฺคโล โหติ, ‘‘อฺตรสฺมึ อสุทฺธทิฏฺิ สมาโน ตฺเจ โจเทติ ‘สุโต มยา ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโนสี’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ วจนโต ปุริมนเยนาปตฺติ. ‘‘จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต ปจฺฉิมนเยน สงฺฆาทิเสเสน อาปตฺตีติ ทฺเว ปาฬินยา อฺมฺํ วิรุทฺธา วิย ทิสฺสนฺติ, น จ วิรุทฺธํ พุทฺธา กถยนฺติ, ตสฺมา เอตฺถ ยุตฺติ ปริเยสิตพฺพา. อฏฺกถาจริยา ตาวาหุ ‘‘สมูลเกน วา สฺาสมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, อมูลเกน วา ปน สฺาอมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อาปตฺตี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ทสฺสนสวนปริสงฺกนมูเลน สมูลเกน วา ตทภาเวน อมูลเกนาปิ สฺาสมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ทสฺสนาทิมูลาภาเวน อมูลเกน วา ตพฺภาเวน สมูลเกนาปิ สฺาอมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ, ตสฺมา ทิฏฺสฺส โหติ.

ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโตติอาทิมฺหิ ทสฺสนมูเลน สมูลเกนาปิ ‘‘สุโต มยา’’ติ วจนโต สฺาอมูลเกน วา โจเทติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส. ตทตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ‘‘ทิฏฺเ เวมติโก’’ติอาทิ วารา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.

อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโลภิอาทิมฺหิ ปน สมูลเกน, สฺาสมูลเกน วา โจทิตตฺตา อนาปตฺตีติ. เอวเมวํ ปน ตทตฺถทีปนตฺถํ เต วารา วุตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘อทิฏฺสฺส โหตี’’ติอาทิวารา อมูลเกน โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ‘‘ทิฏฺเ เวมติโก’’ติอาทินา สฺาอมูลเกน โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. อฺถา ‘‘ทิฏฺสฺส โหติ, ทิฏฺเ เวมติโก’’ติอาทิวารา นิพฺพิเสสา ภเวยฺยุํ. อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ-ยถา อสุทฺธํ ปุคฺคลํ อโนกาสํ การาเปตฺวา โจเทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อกฺโกสาธิปฺปายสฺส จ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺส, ตถา อสุทฺธทิฏฺิโกปิ อสุทฺธํ อสุทฺธทิฏฺิ อมูลเกน โจเทติ, อาปตฺติ. สมูลเกน วา โจเทติ, อนาปตฺตีติ ตํ สนฺนิฏฺานํ ยถา ‘‘อนาปตฺติ สุทฺเธ อสุทฺธทิฏฺิสฺส อสุทฺเธ อสุทฺธทิฏฺิสฺสา’’ติ อิมินา สํสนฺทติ, ตถา คเหตพฺพํ. อฺถา ยุตฺติ ปริเยสิตพฺพา.

สีลสมฺปนฺโนติ เอตฺถ ‘‘ทุสฺสีลสฺส วจนํ อปฺปมาณํ. ภิกฺขุนี หิ ภิกฺขุมฺหิ อนิสฺสรา, ตสฺมา อุกฺกฏฺนเย วิธึ สนฺธาย เถเรน วุตฺตํ. ทุติยตฺเถเรน ภิกฺขุนี อชานิตฺวาปิ โจเทติ, สิกฺขมานาทโย วา โจเทนฺติ, เตสํ สุตฺวา ภิกฺขู เอว วิจาเรตฺวา ตสฺส ปฏิฺาย กาเรนฺติ. โก เอตฺถ โทโสติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตติเยน ติตฺถิยานํ วจนํ สุตฺวาปิ ภิกฺขู เอว วิจาเรนฺติ, ตสฺมา น โกจิ น ลภตีติ เอวํ สพฺพํ สเมตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ตึสานิ ตึสวนฺตานิ. อนุโยโคติ ปฏิวจนํ. เอหิตีติ อาคมิสฺสติ. ทิฏฺสนฺตาเนนาติ ทิฏฺนเยน, ทิฏฺวิธาเนนาติ อธิปฺปาโย. ปติฏฺายาติ ปติฏฺํ ลภิตฺวา. าเนติ ลชฺชิฏฺาเน.

คาหนฺติ ‘‘อหํ โจเทสฺสามี’’ติ อตฺตาทานคฺคหณํ. เจตนาติ อตฺตาทานคฺคหณเจตนา. โวหาโรติ อิโต, เอตฺโต จ ตฺวา ปกาสนํ. ปณฺณตฺตีติ นามปฺตฺติ. ยา วจีโฆสารมฺมณสฺส โสตทฺวารปฺปวตฺตวิฺาณสนฺตานสฺส อนนฺตรํ อุปฺปนฺเนน อุปลทฺธปุพฺพสงฺเกเตน มโนทฺวารวิฺาเณน วิฺายติ, ยสฺสา วิฺาตตฺตา ตทตฺโถ ปรมตฺโถ วา อปรมตฺโถ วา ตติยวารํ อุปฺปนฺเนน มโนวิฺาเณน วิฺายตีติ นามาทีหิ ฉหิ พฺยฺชเนหิ ปาฬิยา ปกาสิตา, สา ‘‘วิชฺชมานปฺตฺติ อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติอาทินา ฉธา อาจริเยหิ ทสฺสิตา. ตพฺภาคิยภาโว อตพฺภาคิยภาโว จ นิปฺผนฺนธมฺมสฺเสว ยุชฺชติ, น ปฺตฺติยา อธิกรณียวตฺถุตฺตา, อธิกรเณ ปวตฺตตฺตา จ อธิกรโณ มฺจฏฺเ มฺโจปจาโร วิยาติ จ. ‘‘ปริยาเยนาติ อมูลกา นามปฺตฺติ นตฺถิ. ปริยายมตฺตํ, สภาวโต นตฺถิ. อภิธานมตฺตเมว, อภิเธยฺยํ นตฺถี’’ติ จ ลิขิตํ. อิเธวาติ อิมสฺมึ เอว สิกฺขาปเท. น สพฺพตฺถาติ วิวาทาธิกรณาทีสุ. กสฺมา? น หีติอาทิ. วิวาทาธิกรณาทีนมตฺถิตา วิย อมูลกํ อธิกรณํ นตฺถีติ. ปุพฺเพ วุตฺตสมเถหีติ ‘‘ยํ อธิกิจฺจ สมถา วตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตสมเถหีติ อธิปฺปาโย. อปิจ สภาวโต นตฺถีติ อปฺปฏิลทฺธสภาวตฺตา วุตฺตํ. อนุปฺปนฺนํ วิย วิฺาณาทิ. น หิ วิวาทาทีนํ ปณฺณตฺติ อธิกรณฏฺโติ ปณฺณตฺตึ อธิกิจฺจ สมถา น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา น ตสฺสา อธิกรณียตาติ น วิวาทาทีนํ ปณฺณตฺติ อธิกรณฏฺโติ อธิปฺปาโย. โหติ เจตฺถ –

‘‘ปาราชิกาปตฺติ อมูลิกา เจ,

ปณฺณตฺติมตฺตา ผลมคฺคธมฺมา;

จตุตฺถปาราชิกวตฺถุภูตา,

ปณฺณตฺติมตฺตาว สิยุํ ตเถว.

‘‘ตโต ทฺวิธา มคฺคผลาทิธมฺมา,

สิยุํ ตถาตีตมนาคตฺจ;

ปณฺณตฺติฉกฺกํ น สิยา ตโต วา,

ปริยายโต สมฺมุติวาทมาหา’’ติ.

อนุวทนฺตีติ อกฺโกสนฺติ. กิจฺจยตาติ กรณียตา. ตํ กตมนฺติ เจ? อปโลกนกมฺมนฺติอาทิ. กิจฺจนฺติ วิฺตฺติสมุฏฺาปกจิตฺตํ กิร อธิปฺเปตํ.

๓๘๗. สุตาทีนํ อภาเวน อมูลกตฺตนฺติ เอตฺถ โย ทิสฺวาปิ ‘‘ทิฏฺโสิ มยา’’ติ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน ทิฏฺนิยาเมเนว ‘‘สุโตสิ มยา’’ติ วทติ. ตสฺส ตสฺมึ อสุทฺธทิฏฺิตฺตา อาปตฺติ, อิธ ปน โย ปุพฺเพ สุตฺวา อนาปตฺติ, ปจฺฉา ตํ วิสฺสริตฺวา สุทฺธทิฏฺิ เอว สมาโน วทติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. เชฏฺพฺพติโก กาเกกปฺปฏิวตฺตา. ยทคฺเคนาติ ยาวตา, ยทา วา. โน กปฺเปตีติอาทิ เวมติกาภาวทีปนตฺถเมว วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เตน เวมติโกว นสฺสรติ สมฺมุฏฺโ นามาติ อาปชฺชติ, ตํ น ยุตฺตํ ตทนนฺตรภาวโต, ตสฺมา ทุติยตฺเถรวาโท ปจฺฉา วุตฺโต.

๓๘๙. สพฺพตฺถาติ สพฺพอฏฺกถาสุ. โอกาสกมฺมนฺติ โอกาสกรณํ. ‘‘โอกาเสน กมฺมํ โอกาสกมฺม’’นฺติ ลิขิตํ. อสูริยํ ปสฺสติ กฺาติ เอตฺถ ยถา กฺา สูริยํ น ปสฺสตีติ ภวติ, เอวํ ‘‘อโนกาสํ กาเรตฺวา’’ติ วุตฺเต โอกาสํ น กาเรตฺวาติ โหติ.

ปมทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทุติยทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๙๑. เวฬุวเนเยวาติ อิทํ เตหิ วุตฺตเวลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ปุพฺเพ มยํ อาวุโส สุเตน อโวจุมฺหา’’ติ ‘‘อมฺเหหิ สา อุสฺสาหิตา กุปิเตหิ อนตฺตมเนหี’’ติอาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺภาคสฺส อิทนฺติ มนุสฺสภิกฺขุภาวโต อฺภาคสฺส ติรจฺฉานฉคลกภาคสฺส อิทํ ฉคลกชาตํ อธิกรณํ. อฺภาโค วา อสฺส อตฺถีติ โส ติรจฺฉานฉคลกภาวสงฺขาโต อฺภาโค อสฺส ฉคลกสฺส อตฺถีติ สฺวายํ ฉคลโก อฺภาคิยํ อธิกรณํ นาม.

ตตฺถ ปฏิมาย สรีรํ, สิลาปุตฺตกสฺส สรีรนฺติ นิทสฺสนํ, ปมํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ ชาติปทตฺโถติวาทีนํ มเตน วุตฺตํ. สา หิ สามิภาเวน, นิจฺจภาเวน จ ปธานตฺตา สตฺติสภาเว ิตา. ตพฺพิปรีตกตฺตา พฺยตฺตากติ ชาติโย ตุ ปทตฺโถ อิติ อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน ทุติยํ นิพฺพจนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. นามกรณสฺาย อาธาโรติ เอตฺถ นามเมว นามกรณํ. นามํ กโรนฺตานํ สฺา นามกรณสฺา, ตสฺสา. มนุสฺสชาติโก ฉคลกชาติอาธาโร นาม. น หิ ตํ นามํ กจฺฉปโลมํ วิย อนาธารนฺติ อธิปฺปาโย. ตํ ปน ฉคลกสฺส ทพฺโพติ ทินฺนนามํ ‘‘เทโส’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา เถรํ อมูลเกนาติอาทินา อฺมฺปิ วตฺถุํ เถรสฺส ลิสฺสติ สิลิสฺสติ โวหารมตฺเตเนว, น อตฺถโต, อีสกํ อลฺลียตีติ เลโสติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา เทสเลสา อตฺถโต นินฺนานากรณา, ตสฺมา ‘‘กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายา’’ติ อุทฺธริตฺวา ‘‘ทส เลสา ชาติเลโส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถา นิทาเน, เอวํ สิกฺขาปทปฺตฺติยมฺปิ มาติกายมฺปิ อยเมวตฺโถ. ยสฺมา อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสาติ ฉคลกสฺส. กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายาติ ทพฺโพติ นามํ อุปาทายาติ อยมตฺโถ อฏฺุปฺปตฺติวเสเนว อาวิภูโต, ตสฺมา น วิภตฺโต. กิฺจ ภิยฺโย อนิยมตฺตา. น หิ เมตฺติยภูมชกานํ วิย สพฺเพสมฺปิ ฉคลกเมว อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหติ. อฺํ โคมหึ สาทิกมฺปิ โหติ, น จ เมตฺติยภูมชกา วิย สพฺเพปิ นามเลสมตฺตเมว อุปาทิยนฺติ. อฺมฺปิ ชาติเลสาทึ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อนิยมตฺตา จ ยถาวุตฺตนเยน น วิภตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ตถา วุตฺเต ฉคลกสฺเสว อฺภาคิยตา สมฺภวติ, น อฺสฺส, เยน โสว ทสฺสิโต. เลโส จ นาม เลโสว, น ชาติอาทิ, เยน โสว ทสฺสิโตติ เอวํ มิจฺฉาคาหปฺปสงฺคโต จ ตถา น วิภตฺโต.

๓๙๓. อฺภาคิยสฺสาติ จุทิตกโต อฺสฺส. อธิกรณสฺสาติ มนุสฺสสฺส วา อมนุสฺสสฺส วา ติรจฺฉานคตสฺส วาติ เอวํ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ วุตฺเต มนุสฺสาทีนํเยว ชาติเลสาทโย วุตฺตา โหนฺติ, อฺถา จตุนฺนํ อธิกรณานํ เต อาปชฺชนฺติ ‘‘อธิกรณสฺส กฺจิ เทสํ เลสมตฺต’’นฺติ สามิวจนํ ปุพฺพงฺคมํ อุทฺทิฏฺตฺตาติ เจ? น, นามสฺส วิย ชาติอาทีนํ มนุสฺสาทีนํ อาธารภาวนิยมสมฺภวโต, อธิกรณภาวานิยมโตติ วุตฺตํ โหติ. นิยเม จ สติ ชาติยา อาธาโร ชาติ, ลิงฺคสฺส จ ลิงฺคํ, อาปตฺติยา จ อาปนฺโน อาธาโร, วิรุทฺธานมฺปิ อสมาทินฺนานมฺปิ ปตฺตจีวรานํ สามิโก อาธาโร, เยน อธิกรณสงฺขฺยํ คจฺเฉยฺยาติ อาปชฺชตีติ อธิกรณสฺสาติ ปทํ อภาเชตพฺพเมว ภเวยฺยาติ น อุทฺธริตพฺพํ สิยา, อุทฺธริตพฺพํ. ตสฺมา ‘‘อธิกรณนฺติ วจนสามฺโต’’ติอาทิ สพฺพํ วตฺตพฺพํ. อปากฏา อิโต อฺตฺร ทสฺสิตฏฺานาภาวโต. ชานิตพฺพา จ วินยธเรหิ ยสฺมา อฺถา ปริวาเร ‘‘วิวาทาธิกรณํ จตุนฺนํ อธิกรณานํ วิวาทาธิกรณํ ภชตี’’ติอาทินา นเยน อนาคตฏฺาเน ‘‘กสฺมา’’ติ วุตฺเต การณํ น ปฺาเยยฺย, ตสฺมา เตสํ ตพฺภาคิยตา จ อฺภาคิยตา จ ชานิตพฺพา วินยธเรหิ. ตาสุ หิ วิฺาตาสุ วิวาทาธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ ภชติ. กสฺมา? ตพฺภาคิยตฺตา. อิตรํ น ภชติ อฺภาคิยตฺตาติ สุขการณโต ปฺายนฺติ, ตสฺมา วจนสามฺโต ลทฺธํ อธิกรณํ นิสฺสายาติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา อาปตฺตฺภาคิยํ มหาวิสยํ, อิตเรหิ อสทิสนิทฺเทสฺจ, ตสฺมา ตํ อธิกรณปริยาปนฺนมฺปิ สมานํ วิสุํ วุตฺตํ ‘‘อาปตฺตฺภาคิยํ วา โหตี’’ติ. อธิกรณปริยาปนฺนตฺตา จ ‘‘อธิกรณฺภาคิยํ วา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถาปิ มหาวิสยตฺตา, มาติกายํ อาคตตฺตา จ ปมํ อฺภาคิยตา วุตฺตา, ปจฺฉา ตพฺภาคิยตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ยสฺมา อธิกรณฺภาคิยวจเนน อตฺถาปตฺตินเยน สิทฺธํ. อธิกรณํ ตพฺภาคิยํ, ตสฺมา ‘‘อธิกรณํ ตพฺภาคิยํ โหตี’’ติ เอวํ อุทฺเทสํ อกตฺวา ‘‘กถํ อธิกรณํ อธิกรณสฺส ตพฺภาคิยํ โหตี’’ติ ปุจฺฉาปุพฺพงฺคมนิทฺเทโส กโต. ตตฺถาปิ อาปตฺตาธิกรณสฺส อฺภาคิยตา กิฺจาปิ ปาราชิเกน อนุทฺธํสิภาธิการตฺตา ปาราชิกานํเยว วเสน วุตฺตา, อถ โข เสสาปตฺติกฺขนฺธวเสนาปิ เวทิตพฺพา. ยา จ สา โจทนา ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหตี’’ติอาทิกา, ตตฺถ ‘‘สงฺฆาทิเสเส ถุลฺลจฺจยทิฏฺิ โหติ, ทุพฺภาสิเต สงฺฆาทิเสสทิฏฺิ โหตี’’ติ เอวมาทิกา วินเย อปกตฺุตาย, ตํตํวตฺถุสริกฺขตาย วา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. สพฺพตฺถาปิ ‘‘ปาราชิกทิฏฺิ โหตี’’ติ น วุตฺตํ. ตถาสฺิโน อนาปตฺติโต. ‘‘ตพฺภาคิยวิจารณาย’’นฺติ ตพฺภาคิยปทนิทฺเทเส อฺภาคิยตายปิ นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ.

วตฺถุสภาคตายาติ อนุวาทวตฺถุสภาคตายาติ อตฺโถ. อฺถา ‘‘จตสฺโส วิปตฺติโย’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. สภาวสริกฺขาสริกฺขโต จาติ สภาเวน สทิสาสทิสโต. ตตฺถ ฌานาทิวตฺถุวิสภาคตายปิ สภาวสริกฺขตาย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิกาปตฺติ ตสฺเสว ตพฺภาคิยาว โหติ. ตถา วตฺถุวเสน อนุวาทาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณฺจ ปาเฏกฺกํ จตุพฺพิธมฺปิ วุตฺตฺภาคิยํ น ชาตํ, ตสฺมา ตทฺภาคิยตาย วิทิตาย ตพฺภาคิยตา ปาริเยสยุตฺติยา อวุตฺตาปิ สิชฺฌตีติ กตฺวา ‘‘อฺภาคิยเมว ปมํ นิทฺทิฏฺ’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เอกํเสน ตพฺภาคิยํ น โหตีติ สริกฺขวเสน อรหตฺตํ อาปตฺติ อนาปตฺตีติ วิวาทสพฺภาวโต อพฺยากตภาเวน วิวาทาธิกรณสฺสปิ อฺภาคิยํ สิยา, ปาฬิยํ อาปตฺตาธิกรณสฺส วุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตํ, อาทิโต ปฏฺายาติ ‘‘อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสา’’ติ อิโต ปฏฺาย. ‘‘เมถุนราเคน มนุสฺสวิคฺคโห โทเสนาติอาทินา สริกฺขโต จา’’ติ ลิขิตํ. ตํ วตฺถุวิสภาคตาย เอว สิทฺธํ. อยํ ปน วตฺถุสภาคตายปิ สติ อาปตฺติสภาคตา สริกฺขโตติ โน ตกฺโกติ จ, เอกสฺมิมฺปิ หิ วตฺถุสฺมึ อาปตฺติเภโท โหตีติ อาจริโย. ปรโต วุตฺตนเยน เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.

‘‘กิจฺจเมว กิจฺจาธิกรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สงฺฆกมฺมานเมตํ อธิวจนํ. กมฺมลกฺขณนฺติ กมฺมานํ สภาวํ. ตํ นิสฺสายาติ ปุพฺเพว หิ สํวิธาย สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ. อถ วา ปุริมํ ปุริมนฺติ ปริวาสอุกฺเขปนิยาทีนิ สงฺฆกมฺมานิ นิสฺสาย อพฺภานโอสารณาทิ อุปฺปนฺนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. ตสฺมา กิฺจาปิ สงฺฆกมฺมเมว กิจฺจาธิกรณํ, ตถาปิ เสสวิเสโส ลพฺภตีติ ทสฺเสติ.

๓๙๔. อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา เทสสฺส อตฺถมวตฺวา ‘‘เลโส’’ติอาทิ วุตฺตํ กิร.

๓๙๕. สวตฺถุกํ กตฺวาติ ปุคฺคลสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา ขตฺติยาทิภาเวน เอกชาติโกปิ ทีฆรสฺสกาฬโกทาตาทีนํ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตานํ วเสน อฺภาคิยตา, ทีฆํ ขตฺติยํ อชฺฌาจรนฺตํ ทิสฺวา รสฺสาทิขตฺติยปฺตฺติยา อาธารภาวโต ชาติเลเสน โจเทติ, เอกํ วา ขตฺติยํ อชฺฌาจรนฺตํ ทิสฺวา ตโต วิสิฏฺฺภาคภูตํ ขตฺติยํ ชาติเลสํ คเหตฺวา ‘‘ขตฺติโย ทิฏฺโ ตฺวํ ขตฺติโยสี’’ติ โจเทติ ทิฏฺาทิอฺภาเคน. เอตฺถ จ ‘‘ทีฆาทโย, ทิฏฺาทโย จ ชาตินามาทีนํ วตฺถุภูตตฺตา อธิกรณ’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ ‘‘อธิกรณภาวานิยมโต’’ติ วุตฺตโทสํ นาติกฺกมติ, อฏฺกถายํ ‘‘ขตฺติยชาติปฺตฺติยา อาธารวเสน อธิกรณตา จ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตมฺปิ นามโคตฺตโต อฺิสฺสา นามโคตฺตปฺตฺติยา นาม กสฺสจิ อภาวโต น สพฺพสาธารณํ, ตสฺมา ‘‘อธิกรณสฺสา’’ติ ปทุทฺธารณํ อธิกรณจตุกฺกทสฺสนตฺถํ, ตํ สมานวจนทสฺสนตฺถนฺติ โน ตกฺโกติ. ตตฺถ ทีฆาทิโน วา ทิฏฺาทิโน วาติ เอตฺถ ทีฆาทิตา, ทิฏฺาทิตา จ อฺภาโค, โย จุทิตโก อิตรสฺส วิเสโส ยโต อฺโติ วุจฺจติ.

๓๙๙. ลหุกํ อาปตฺตินฺติ ปาราชิกโต ลหุกาปตฺติ สงฺฆาทิเสสาทิ. เตเนว อนฺเต ตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาปตฺติเลโสปิ กิมตฺถํ ชาติเลสาทโย วิย น วิตฺถาริโตติ เจ? ตถา อสมฺภวโตติ เวทิตพฺพํ.

๔๐๐. สาฏกปตฺโต สรีรฏฺปตฺโต. อาปตฺติยาติ ปาราชิกาปตฺติยา อฺภาคิยํ สงฺฆาทิเสสาทิ, อธิกรณฺจ อาปตฺติปฺตฺติยา. ‘‘เลโส นาม อาปตฺติภาโค’’ติ วุตฺตตฺตา อาปตฺติภาวเลโส วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ, ตสฺมา ปาราชิกาปตฺติโต อฺภาคิยสฺส อาปตฺติปฺตฺติยา อาธารณฏฺเน ‘‘อธิกรณ’’นฺติ สงฺขฺยํ คตสฺส สงฺฆาทิเสสาทิโน อาปตฺตินิกายสฺส อาปตฺติภาวเลสํ คเหตฺวา โจทนา อาปตฺติเลสโจทนาติ เวทิตพฺพา.

๔๐๘. อนาปตฺติ ตถาสฺี โจเทติ วา โจทาเปติ วาติ อาปตฺตฺภาคิยโจทนายเมว, น อฺตฺถ. เอตฺตาวตา ปมทุฏฺโทเส วุตฺตวิจรณาย สํสนฺทิตํ โหติ, ตํ อิธ กถํ ปฺายตีติ เจ? กงฺขาวิตรณิยา วจนโต. วุตฺตฺหิ ‘‘ตตฺถ อิธ จ อาปตฺตฺภาคิยโจทนาย ตถาสฺิโนปิ อนาปตฺตี’’ติ.

อฺาภาคิยสิกฺขํ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต. คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตฺจ

โสติ.

ทุติยทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๐๙. ‘‘วชฺชํ น ผุเสยฺยา’’ติ จ ปาโ.

๔๑๐. เตสํ อนุรูปาชานนโต อสพฺพฺู อสฺส. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตเมว. ติโกฏิปริสุทฺธนฺติ ปรสฺส ปาปปสงฺคนิวารณตฺถํ วุตฺตํ, น ปฏิจฺจกมฺมนิวารณตฺถํ โกฏีหีติ อากาเรหิ. ปริสุทฺธนฺติ วิมุตฺตํ. ทสหิ เลเสหิ อุทฺทิสฺส กตํ สมณา ปริภุฺชนฺติ, อสฺสมณา อิเมติ สาสนสฺส ครหภาโว อาคจฺเฉยฺย, ครหปจฺจยา โลโก วา อปุฺํ อริยูปวาทํ ปสเวยฺย, เตหิ วิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. วาคุรนฺติ มิคชาลํ. อตฺตโน อตฺถาย วาติอาทินา ปเรสํ อตฺถาย กเต กปฺปิยภาวํ ทสฺเสตฺวา ภิกฺขูนฺจ อฺเสฺจ อตฺถาย กเต ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตานํ เปตกิจฺจตฺถายา’’ติอาทิมาห.

ยํ ยํ หีติอาทิ ตสฺส การณสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปุน ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อตฺถาย กตํ น กปฺปตีติ วุตฺตนฺติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร. คณฺิปเท ‘‘ภิกฺขูนเมว สุทฺธานํ อตฺถาย กตํ น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อปเรหิ ปน ‘‘มตานํ เปตกิจฺจตฺถายาติอาทินา วุตฺเตปิ กปฺปติ, ภิกฺขูนํเยว อตฺถายาติ อิมินา ‘ภิกฺขูนมฺปิ ทตฺวา มยํ ภุฺชิสฺสามา’ติ กตมฺปิ วุตฺตํ. ปุน ‘ปฺจสุ เอกํ อุทฺทิสฺสกตํ อิตเรสํ น กปฺปตี’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘ปฺจสุ หิ สหธมฺมิเกสูติอาทิ วุตฺต’นฺติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท ‘‘อมฺหากนฺติ จ ราชยุตฺตาทีนนฺติ จ วุตฺเต วฏฺฏตีติ วตฺวา ‘ตุมฺหาก’นฺติ อวตฺวา ‘เปตกิจฺจตฺถายาติ วุตฺเตปิ วฏฺฏตี’ติ จ ทสฺเสตฺวา สพฺพตฺถ วุตฺตานํ, อาทิสทฺเทน สงฺคหิตานฺจ ลกฺขณํ เปนฺเตน ‘ภิกฺขูนํเยวา’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘ภิกฺขูนํ อุทฺทิฏฺเ เอวาติ อธิปฺปาเยนา’ติ วุตฺตํ. น ‘ตุมฺหากํ, อมฺหากฺจาติ วุตฺเต อนาปตฺตี’ติ ทสฺสนตฺถํ. กสฺมา? มิสฺสกวารสฺส อภาวา. ลกฺขณํ นาม วุตฺตานํ, วุตฺตสทิสานฺจ โหติ. ‘สเจ เปตกิจฺจตฺถายาติ วุตฺตฏฺาเน ภิกฺขูนํ โภชนํ สนฺธาย กโรนฺตี’ติ วทนฺติ มหาอฏฺกถายฺจ ‘ตสฺมึ วาเร จ น ตุมฺหากนฺติ วุตฺเต วฏฺฏตี’ติ วุตฺตตฺตา. เตเนว อิธาปิ ‘เปตกิจฺจตฺถาย, มงฺคลาทีนํ วา อตฺถาย กเตปิ เอเสว นโย’ติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺถวเสน วุตฺตํ. ‘อวธารณตฺเถน มิสฺสเก วฏฺฏตี’ติ เจ? ‘กปฺปิยมํสสฺส หิ ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติ นตฺถี’ติ วจเนน อกปฺปิยปฏิคฺคหเณ อาปตฺตีติ อาปนฺนํ, ‘ตฺจ คเหตพฺพํ สิยา’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุนฺทรํ วิย ทิสฺสติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ยตฺถ จาติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย กเตปิ. ตมตฺถํ อาวิ กาตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน ‘‘ภิกฺขุนีนํ ทุกฺกฏํ, อิตเรสํ ทณฺฑกมฺมวตฺถู’’ติ วทนฺติ. กปฺปํ นิรยมฺหีติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปํ. วิวฏฺฏฏฺายิกาเลเยว สงฺฆเภโท โหตีติ. กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ.

๔๑๑. กุสลนฺติ เขมํ. อาปตฺติภยา กตา ลชฺชีหีติ เอตฺถ อาปตฺติภเยน อวสฺสํ อาโรเจนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ลชฺชี รกฺขิสฺสตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๒; ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) โปราณวจนสฺสานุรูปโต ‘‘อฺเหิ ลชฺชีหี’’ติ วุตฺตํ. อลชฺชิสฺสปิ อนาโรเจนฺตสฺส อาปตฺติเยว ‘‘เย ปสฺสนฺติ เย สุณนฺตี’’ติ วจนโต.

๔๑๖. อสมนุภาสนฺตสฺสาติ กมฺมการเก กตฺตุนิทฺเทโส, สมนุภาสนกมฺมํ อกริยมานสฺสาติ อตฺโถ. โอทิสฺส อนุฺาโต นาม อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนฏฺฏาทิโก ‘‘อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ อริฏฺสิกฺขาปเท อาคตตฺตา อตฺถีติ เจ? ยมฺปีติอาทิ. สา ปเนสา อนาปตฺติ. โส วุจฺจตีติ ตตฺถ อาคโตปิ สกมฺมพฺยาวโฏปิ เอวํ วุจฺจติ. เอเตนุปาเยนาติ อสมนุภาสนฺตสฺส จ อาทิกมฺมิกสฺส จ วุตฺตตฺถวเสน. เปตฺวา อริฏฺสิกฺขาปทนฺติ ตตฺถ อาทิกมฺมิกปทาภาวา.

ติวงฺคิกนฺติ เอตฺถ วาจาย เอว ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺส โอฏฺจลนาทิกายวิฺตฺติ โหติ, ตสฺมา ทุวิธมฺปิ วิฺตฺตึ กเถนฺตสฺส โหติ. วจีเภทํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส กายวิการํ กโรนฺตสฺส อนาปตฺติยา ภวิตพฺพํ. กสฺมา? ติวงฺเคสุ เอกสฺส ปริหีนตฺตา, ตสฺมา ติวงฺคภาโว อาปตฺติยา, องฺคหานิภาโว อนาปตฺติยาติ คเหตพฺพํ. เอตฺถ สิยา – ยทิ องฺคหานิภาเวน อนาปตฺติ, เอวํ สนฺเตปิ วิการํ อกตฺวา จิตฺเตเนว วิสฺสชฺเชนฺตสฺส อนาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อฏฺกถายํ ‘‘กายวิการํ วา วจีเภทํ วา อกโรนฺตสฺเสว ปน อาปชฺชนโต อกิริย’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ‘‘จิตฺตํ วา อนุปฺปาเทนฺตสฺส วา’’ติ น วุตฺตํ, ตสฺมา จิตฺตฺจ นาม วิฺตฺติปฏิพทฺธํ เอวาติ วิสุํ องฺคภาเวเนว วุตฺตตฺตา ชานิตพฺพนฺติ เจ? ตํ น, ทฺวินฺนํเยว อกิริยาติ, ตสฺมา จิตฺเตน วิสฺสชฺเชนฺตสฺสาปิ อาปตฺติ วิย ทิสฺสติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘อกุสลจิตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ เจ? ‘‘จิตฺตพาหุลฺลโต วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เตปิ กิร พาหุลฺลโต วทนฺติ.

ปมสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ทุติยสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๒๒. สฺีติ สฺิโน.

ทุติยสงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๒๔. ปตํ ปติตํ วิวริ วิวฏฺฏยิ. เอกโต อุสฺสาเรติ จ คิฬิตโต เปติ จ. เอกปํสุถุปกนทีสงฺขํ ทีฆมูลกปณฺณเสวาลํ เสวาลํ ทณฺฑิสิปิปฺปรึ ปณกํ เปสิฏฺึ นิสฺสาเรติ. ติลพีชกนฺติ สุขุมมูลปณฺณกํ หุตฺวา อุทกปิฏฺเ ปตฺถริกํ อุทกปปฺปฏกํ นิสฺสาเรติ.

๔๒๕-๖. ‘‘ทุพฺพจฺจชาติโก’’ติปิ ปนฺติ. อปทาเนนาติ ปุราณกมฺเมน. ‘‘กึ ปุพฺเพปิ มยํ เอวรูปํ กโรมาติอาทินา เอกูนวีสตี’’ติ มหาปจฺจริยํ กิร วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายฺจ อนุมานสุตฺตฏฺกถายฺจ ‘‘โสฬสวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สเมติ.

ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๓๑. น เกวลํ วิหาโร เอว กีฏาคิริ, โสปิ คาโม ‘‘กีฏาคิริ’’จฺเจว วุจฺจติ. คามฺหิ สนฺธาย ปรโต ‘‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฏาคิริสฺมึ วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอกสํวจฺฉเร ทฺวิกฺขตฺตุํ วสฺสติ กิร, ตํ สนฺธาย ‘‘ทฺวีหิ เมเฆหี’’ติ วุตฺตํ. สมธิกนฺติ ฉ ชเน สนฺธาย. อกตวตฺถุนฺติ นวํ อฏฺุปฺปตฺตึ. ‘‘ชาภิสุมนาทิคจฺฉํ อลฺลานํ หริตานํ เอวา’’ติ ลิขิตํ. ภูตคามพีชคามเภทโต ปเนส เภโท. วตตฺถายาติ วติอตฺถาย. ยํกิฺจีติ โสทกํ วา นิรุทกํ วา. อารามาทิอตฺถายาติ วนราชิกาทิอตฺถาย. มาลาวจฺฉโรปนํ กุลทูสกํเยว สนฺธาย, คนฺถนาทิสพฺพํ น สนฺธาย วุตฺตนฺติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺเธน ธมฺโม’’ติอาทิ. ‘‘อาเวฬํ อาพิฬ’’นฺติปิ ปาโ.

โคปฺผนนฺติ คนฺถนํ. เวิมนฺติ ตคฺคติกเมว. เวธิมํ อฺเน เกนจิ ปุปฺผํ เวเธตฺวา กตํ. กณฺฏกมฺปิ พนฺธิตุนฺติ เอตฺถ ‘‘สยํ วิชฺฌนตฺถํ น วฏฺฏติ. อฺสฺสตฺถาย วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ชาลมยํ วิตานํ ชาลวิตานํ. ปุปฺผปฏิจฺฉกํ ควกฺขํ วิย สฉิทฺทํ กโรนฺติ. ตาลปณฺณคุฬกนฺติ ตาลปณฺณมยํ ปุน กตมฺปิ ปฏิฉิชฺชกเมว. ธมฺมรชฺชุ เจติยํ วา โพธึ วา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถํ อาวิชฺฌิตฺวา พทฺธรชฺชุ. ‘‘กาสาเวน พทฺธมฺปิ สุตฺตวากาทีหิ พทฺธํ ภณฺฑิตสทิส’’นฺติ ลิขิตํ. อํสภณฺฑิกํ ปสิพฺพเก ปกฺขิตฺตสทิสตฺตา เวธิมํ น ชาตํ, ตสฺมา ‘‘สิถิลพทฺธสฺส อนฺตรนฺตรา ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อฺมฺํ อผุสาเปตฺวา อเนกกฺขตฺตุมฺปิ ปริกฺขิปิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ปูริตนฺติ ทีฆโต ปสาเรตฺวา ปูริตํ. ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ ‘‘ยมกทามโอลมฺพโก’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เคณฺฑุขรปตฺตทามานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา เจลาทีหิ กตทามมฺปิ น วฏฺฏติ อกปฺปิยานุโลมตฺตา’’ติ วทนฺติ.

‘‘เรจกํ นาม ตถาลาสิยนาฏนฏานํ นจฺจ’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ ‘‘ปริวตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สาริโย นาม รุตสุนขา สิงฺคาลกมฺมกุรุงฺคเกฬิปเน ิตา’’ติ กิร ปาโ. ‘‘นิพุชฺฌนฺตี’’ติ ปาฬิ.

๔๓๒. อพลพลาทิ-ปทานํ อุปฺปฏิปาฏิยา. ยถา ปาโมกฺขานํ วเสน สพฺเพปิ ‘‘อสฺสชิปุนพฺพสุกา’’ติ วุตฺตา, ตถา ปาโมกฺขปฺปตฺตสาวกสฺส วเสน ตทายตฺตวุตฺติเน สพฺเพปิ ‘‘สาริปุตฺตา’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห สาริปุตฺตา’’ติ.

๔๓๓. ‘‘คาเม วา น วสิตพฺพ’’นฺติ อิมินาว ตสฺมึ คาเม อฺตฺถ น วสิตพฺพนฺติ สิทฺธํ. ‘‘ตสฺมึ วิหาเร วา’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? อตฺถสพฺภาวโต. ยสฺมิฺหิ คาเม กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ตสฺมึ คาเม, ยสฺมึ วิหาเร วสนฺเตน กุลทูสนํ กตํ, ตํ วิหารํ เปตฺวา อฺสฺมึ วสิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. ตํ กถนฺติ เจ? ‘‘คาเม วา น วสิตพฺพ’’นฺติ วจเนน ยสฺมึ คาเม กุลทูสนกมฺมํ กตํ, ตสฺมึ วิหาเรปิ วสิตุํ น ลพฺภตีติ อาปนฺนํ, ตํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺมึ วิหาเร’’ติ วุตฺตํ, เตน ตสฺมึ คาเม อฺสฺมึ วสิตุํ ลพฺภตีติ สิทฺธํ. ‘‘ตสฺมึ วิหาเร วสนฺเตนา’’ติ อิมินา ตสฺมึ คาเม อฺตฺถ วสนฺเตน สามนฺตคาเม ปิณฺฑาย จริตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. สามนฺตวิหาเรปีติ สามนฺตวิหาโร นาม ตสฺมึเยว คาเม ตสฺส วิหารสฺส สามนฺตวิหาโร จ ตสฺส คามสฺส สามนฺตวิหาโร จาติ อุภยํ วุจฺจติ, เอเตน ตสฺมึ คาเม อฺตฺถ วสนฺเตน ตสฺมึ คาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ. สามนฺตคาเมปิ ปิณฺฑาย จริตุํ วฏฺฏติ, ปุน ยสฺมึ คาเม กุลทูสนกมฺมํ กตํ, ตสฺส สามนฺตคาเม กุลทูสกวิหารสฺส สามนฺตวตฺถุวิหาเร วสนฺเตน ตสฺมึ คาเมปิ จริตุํ วฏฺฏติ. ยสฺมึ สามนฺตคาเม กุลทูสกํ น กตํ, ตสฺมิมฺปิ จริตุํ วฏฺฏติ, เนว วิหาเรติ อธิปฺปาโย. ‘‘น นคเร จริตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อฺสฺมึ วิหาเร ตสฺมึ คาเม วสิตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหตีติ เอเก. คณฺิปเทสุ ปน วิจารณา เอว นตฺถิ, ตสฺมา สุฏฺุ วิจาเรตฺวา กเถตพฺพํ.

๔๓๖-๗. ทาเปตุํ น ลภนฺติ, ปุปฺผทานฺหิ สิยา. ตสฺเสว น กปฺปตีติ เอตฺถ ยาคุอาทีนิ อาเนตฺวา ‘‘ททนฺตู’’ติ อิจฺฉาวเสน วทติ เจ, สพฺเพสํ น กปฺปติ, เกวลํ ปน สุทฺธจิตฺเตน อตฺตานํ วา ปเรสํ วา อนุทฺทิสิตฺวา ‘‘อิเม มนุสฺสา ทานํ ทตฺวา ปุฺํ ปสวนฺตู’’ติ วทนฺตสฺส ตสฺเสว น กปฺปติ ยาคุอาทีนํ ปจฺจยปฏิสํยุตฺตกถาย อุปฺปนฺนตฺตา. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกาน’’นฺติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา อตฺถโต สยเมวาติ อปเร. อาจริยา ปน ‘‘ยถา มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ ‘ตสฺเสวา’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ, เอวํ มหาอฏฺกถายํ วิเสเสตฺวา น วุตฺตํ, ตสฺมา สพฺเพสํ น กปฺปตี’’ติ วทนฺติ.

กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

เตรสกกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อนิยตกณฺโฑ

๑. ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๔๔-๕. อุทฺเทสนฺติ อุทฺทิสนํ, อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ นาม วสฺสูปคมปูชา. โสตสฺส รโหติ เอตฺถ รโห-วจนสามฺโต วุตฺตํ ทุฏฺุลฺลสามฺโต ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปเทสุ ปาราชิกวจนํ วิย. ตสฺมา ‘‘จกฺขุสฺส รเหเนว ปน ปริจฺเฉโท กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘มาตุคาโม นาม ตทหุชาตาปิ ทาริกา’’ติ วจนโต, ‘‘อลํกมฺมนิเยติ สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ วจนโต จ รโหนิสชฺชสฺสาโท เจตฺถ เมถุนสนฺนิสฺสิตกิเลโส, น ทุติเย วิย ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทกิเลโส, ตสฺมา จ ปฺายติ ‘‘โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโต’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ตฺจ ลพฺภตีติ วจนสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตน ทุติเย วุตฺตา วิฺู ปฏิพลา คหิตา โหตี’’ติ วทนฺติ. เยน วา สาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ วา’’ติ โยเชตพฺโพ, โส จ วิกปฺปตฺโถ, ตสฺมา กาเรตพฺโพ วา ปฏิชานมาโน, น วา กาเรตพฺโพ อปฺปฏิชานมาโนติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ปฏิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ…เป… น กาเรตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เอว ปาฬิยํ ตทตฺถทฺวยทสฺสนตฺถํ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สทฺเธยฺยวจสา’’ติ อิมินา โสตาปนฺนา อตฺถภฺชนกํ น ภณนฺติ, เสสํ ภณนฺตีติ วาทีนํ วาโท ปฏิเสธิโต โหติ. ‘‘ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘โอโลเกสี’’ติ สุนฺทรํ. รกฺเขยฺยาสีติ มม วิเสสํ กสฺสจิ นาโรเจยฺยาสีติ อธิปฺปาโย.

๔๔๖. ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺยสฺส มยา สุตํ นิสินฺนสฺส มาตุคามํ ทุฏฺุลฺลาหิ วาจาหิ โอภาเสนฺตสฺสา’’’ติ, อิทํ กิมตฺถเมตฺถ วุตฺตํ, น อธิปฺเปตฺเหตํ อิธ โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโตติ กตฺวาติ เจ? อลํกมฺมนิยฏฺาเน ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ลพฺภติ, น ปน นาลํกมฺมนิยฏฺาเน เมถุนนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ. ยถา เอตํ, ตถา ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺยสฺส มยา สุตํ มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสนฺตสฺสา’’’ติ เอตมฺปิ อิธ ลพฺภติ, น ทุติเย นาลํกมฺมนิยฏฺานตฺตาติ เอเก. กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา) อิธาปิ ทุติยานิยตาธิกาเร ปาราชิกาปตฺติฺจ ปริหาเปตฺวา ทุฏฺุลฺลวาจาปตฺติยา วุตฺตตฺตา ปมานิยเต ทุฏฺุลฺลวาจาปตฺติ น วุตฺตาติ เจ? ‘‘สา เจ’’ติ ตสฺสา ปาฬิยา โปตฺถกา โสเธตพฺพา. คณฺิปเท จ ‘‘อิธ สิกฺขาปเท เมถุนกายสํสคฺครโหนิสชฺชานเมวาคตตฺตา จกฺขุสฺสรโหว ปมาณ’’นฺติ ลิขิตํ, ทุติยานิยตาธิกาเร จ ‘‘อนนฺโธ กายสํสคฺคํ ปสฺสติ, อพธิโร ทุฏฺุลฺลํ สุณาติ, กายจิตฺตโต กายสํสคฺโค, วาจาจิตฺตโต ทุฏฺุลฺลํ, อุภเยหิ อุภย’’นฺติ จ ลิขิตํ. อฏฺกถายํ ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมปาราชิกสทิสาเนวา’’ติ วุตฺตตฺตาปิ ทุฏฺุลฺลวาโท น สุนฺทโร ‘‘ตทหุชาตา’’ติ วุตฺตตฺตาติ.

ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๕๓. ทุติเย เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘น เหว โข ปน ปฏิจฺฉนฺนํ อาสนํ โหติ อาสน’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อาสนนฺติ อธิกํ, อุทฺธริตานุรูป’’นฺติ ลิขิตํ. ทฺเวปิ รหา อิธ อธิปฺเปตา กายสํสคฺคทุฏฺุลฺลวาจารโหนิสชฺชคฺคหณโต. ยทิ เอวํ ‘‘มาตุคาโม นาม วิฺู ปฏิพลา’’ติ กิมตฺถํ วุตฺตนฺติ? อยเมว หิ มาตุคาโม ทฺวินฺนมฺปิ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺลวาจานํ เอกโต วตฺถุภูโต, ตสฺมา วุตฺตํ. กายสํสคฺคสฺส วตฺถุภูโต ทสฺสิโต, น อิตรสฺสาติ กตฺวา ทุฏฺุลฺลวาจเมว สนฺธาย ตสฺสา วตฺถุํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

เอตฺถาห – ยถา ปเม อนธิปฺเปตาปิ ทุฏฺุลฺลวาจา สมฺภววิเสสทสฺสนตฺถํ วุตฺตา, อิธาปิ กายสํสคฺโค, กสฺมา น ตสฺส วเสน จกฺขุสฺส รโห คเหตพฺโพติ? อาม น คเหตพฺโพ, น จ คหิโต, คหิโต เอว ปน นิสชฺชวเสน, น หิ องฺคสฺส นิสชฺชา วิเสโสติ. อปฺปฏิจฺฉนฺเน สติ กถํ จกฺขุสฺส รโหติ เจ? ทูรตฺตา. ปเม กสฺมา อิตฺถิสตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรติ, อิธ กสฺมา เอกาปิ กโรตีติ เจ? โน วุจฺจติ สิทฺธตฺตา. สิทฺธํ โหติ, ยทิทํ อฺตโร ภิกฺขุ เวสาลิยํ มหาวเน…เป… ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน โหติ…เป… สมฺพหุลา อิตฺถิโย ยาวทตฺถํ กตฺวา ปกฺกมึสูติ (ปารา. ๗๗). ตสฺมา น เมถุนสฺส มาตุคาโม ทุติโย โหติ. อิตฺถิโย หิ อฺมฺิสฺสา วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ, เตเนว ภิกฺขุนีนํ วชฺชปฏิจฺฉาทเน ปาราชิกํ ปฺตฺตํ. ตถา ‘‘อายสฺมา อุทายี ตา อิตฺถิโย วิหารํ เปกฺขาเปตฺวา ตาสํ อิตฺถีนํ วจฺจมคฺค’’นฺติ (ปารา. ๒๘๓) เอตฺถ ‘‘ยา ปน ตา อิตฺถิโย หิริมนา, ตา นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌาเปนฺตี’’ติ (ปารา. ๒๘๓) วจนโต ทุฏฺุลฺลสฺส มาตุคาโม ทุติโย โหตีติ สิทฺธนฺติ อธิปฺปาโย. อุภยตฺถาปิ อุมฺมตฺตกาทิกมฺมิกานํ อนาปตฺตีติ เตสํ ปาเฏกฺกํ นิทาเน อาคตํ, อาทิกมฺมิกานํ อนาปตฺตีติ อตฺโถ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อเจลกวคฺเค รโหปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปเท ‘วิฺู ปุริโส ทุติโย โหตี’ติ (ปาจิ. ๒๘๘) อิมสฺส อนุรูปโต ‘อิตฺถีนํ สตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรตี’ติ วุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘ทุติยานิยเต ‘อิตฺถีปิ ปุริโสปี’ติ อิทํ ภิกฺขุนีวคฺเค โอสานสิกฺขาปทสฺส, อเจลกวคฺเค อปฺปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปทสฺส จ อนาปตฺติวาเร ‘โย โกจิ วิฺู ปุริโส ทุติโย’ติ วุตฺตํ. อิเมสํ อนุรูปโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ.

ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปกิณฺณกวณฺณนา

อปิเจตฺถ อิทํ ปกิณฺณกํ, เสยฺยถิทํ – อิทํ อนิยตกณฺฑํ นิปฺปโยชนํ อปุพฺพาภาวโตติ เจ? น, ครุกลหุกเภทภินฺนาปตฺติโรปนาโรปนกฺกมลกฺขณทีปนปฺปโยชนโต. เอตฺถ หิ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย มยา ทิฏฺโ นิสินฺโน มาตุคามสฺส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต’ติ, โส จ ตํ ปฏิชานาติ, อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ…เป… นิสชฺชาย กาเรตพฺโพ’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔๖) อาปตฺติยา ครุกาย ลหุกาย จ โรปนกฺกมลกฺขณํ, กาเรตพฺโพติ อิมินา อนาโรปนกฺกมลกฺขณฺจ ทสฺสิตํ. ลกฺขณทีปนโต อาทิมฺหิ, อนฺเต วา อุทฺทิสิตพฺพนฺติ เจ? น, อสมฺภวโต. กถํ? น ตาว อาทิมฺหิ สมฺภวติ, เยสมิทํ ลกฺขณํ, เตสํ สิกฺขาปทานํ อทสฺสิตตฺตา. น อนฺเต, ครุกมิสฺสกตฺตา, ตสฺมา ครุกลหุกานํ มชฺเฌ เอว อุทฺทิสิตพฺพนฺติ อรหติ อุภยามิสฺสกตฺตา. ยา ตตฺถ ลหุกาปตฺติ ทสฺสิตา, สาปิ ครุกาทิกา. เตเนวาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ครุกานํ เอว อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺาติปิ เอเก. เอวํ สนฺเต ปมเมวาลํ ตาวตา ลกฺขณทีปนสิทฺธิโต, กึ ทุติเยนาติ เจ? น, โอกาสนิยมปจฺจยมิจฺฉาคาหนิวารณปฺปโยชนโต. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อลํกมฺมนิเย’’ติ โอกาสนิยมโต หิ ตพฺพิปรีเต โอกาเส อิทํ ลกฺขณํ น วิกปฺปิตนฺติ มิจฺฉาคาโห โหติ, ตนฺนิวารณโต ทุติยมฺปิ สาตฺถกเมวาติ อธิปฺปาโย. กสฺมา? โอกาสเภทโต, รโหเภททีปนโต, รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโต. โอกาสนิยมภาเว จ รโหนิสชฺชสฺสาทเภโท ชาโต. ทฺวินฺนํ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทานํ นานตาชานนฺจ สิยา, ตถา กายสํสคฺคเภททีปนโต. นาลํกมฺมนิเยปิ หิ โอกาเส อปฺปฏิจฺฉนฺเน, ปฏิจฺฉนฺเนปิ วา นิสินฺนาย วาตปานกวาฏฉิทฺทาทีหิ นิกฺขนฺตเกสาทิคฺคหเณน กายสํสคฺโค ลพฺภตีติ เอวมาทโยปิ นยา วิตฺถารโต เวทิตพฺพา. ‘‘ภิกฺขุปาติโมกฺเข อาคตนยตฺตา ภิกฺขุนีปาติโมกฺเข อิทํ กณฺฑํ ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อตฺถุปฺปตฺติยา ตตฺถ อนุปนฺนตฺตาติ เอเก. ตํ อเนกตฺถภาวทีปนโต อยุตฺตํ. สพฺพพุทฺธกาเล หิ ภิกฺขูนํ ปฺจนฺนํ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโร จ อุทฺเทสา สนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺตฺติยา อสาธารณตฺตา ตตฺถ นิทฺทิฏฺสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยานนฺติ เอเก. ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกอฏฺวตฺถุกวเสน กายสํสคฺควิเสโส ปาราชิกวตฺถุ, ‘‘หตฺถคฺคหณํ วา สาทิเยยฺย, กายํ วา ตทตฺถาย อุปสํหเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๔-๖๗๕) วจนโต สาทิยนมฺปิ, ‘‘สนฺติฏฺเยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต านมฺปิ, ‘‘สงฺเกตํ วา คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต คมนมฺปิ, ‘‘ฉนฺนํ วา อนุปวิเสยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ปฏิจฺฉนฺนฏฺานปเวโสปิ, ตถา ‘‘รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส เอเกเนกา สนฺติฏฺเยฺย วา สลฺลเปยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๘) วจนโต ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ปาจิตฺติยวตฺถุกนฺติ กตฺวา ตาสํ อฺถา อนิยตกณฺฑสฺส อวตฺตพฺพตาปตฺติโตปิ น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย.

ปกิณฺณกวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนิยตกณฺฑํ นิฏฺิตํ.

๔. นิสฺสคฺคิยกณฺโฑ

๑. จีวรวคฺโค

๑. ปมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๕๙. สมิตาวินาติ สมิตา’เนน กิเลสาติ สมิตาวี, เตน สมิตาวินา. ‘‘ตีณิ จีวรานี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ติจีวร’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺขฺยาปุพฺโพ ทิคุเนกวจนนฺติ เอตฺถ ลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน อธิฏฺิตสฺสปิ อนธิฏฺิตสฺสปิ นามํ ‘‘เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’’ติอาทีสุ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตสฺส นามํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) เอตฺถ อนธิฏฺิตสฺส นามํ, อิธ ตทุภยมฺปิ สมฺภวติ. ‘‘ภควตา ภิกฺขูนํ ติจีวรํ อนุฺาตํ โหตี’’ติ เอตฺถ อธิฏฺิตเมว. ‘‘อฺเเนว ติจีวเรน คามํ ปวิสนฺตี’’ติ เอตฺถ อนธิฏฺิตเมว. เอกสฺมึเยว หิ จีวเร ติจีวราธิฏฺานํ รุหติ, น อิตรสฺมึ ปตฺตาธิฏฺานํ วิย, ตสฺมา อิตรํ อติเรกฏฺาเน ติฏฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กถฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติเรกจีวรํ ธาเรสฺสนฺตี’’ติอาทิ.

๔๖๐-๑. ปมปฺตฺติยา ปเนตฺถ เอกรตฺตมฺปิ อติเรกจีวรํ ธาเรยฺย, นิสฺสคฺคิยํ วุตฺตํ โหติ, ตโต ปรํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุํ. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ ‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’’นฺติ เอวํ ภควา ปริปุณฺณํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ. อถ ปจฺฉิมโพธิยํ อชาตสตฺตุกาเล กถินํ อนุฺาตํ, ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู อิทํ สิกฺขาปทํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาห…เป… ปาจิตฺติย’’นฺติ อุทฺทิสนฺติ, เอส นโย ทุติยตติยกถิเนสุปิ. ตถาปิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทสาหปรมนฺติ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติ เอตฺตกํเยว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วจนํ น ปฺตฺติ, น จ อนุปฺตฺตีติ สิทฺธํ. น หิ ปฺตฺติวตฺถุสฺมึ, อนุปฺตฺติวตฺถุมฺหิ วา กถินาธิกาโร ทิสฺสตีติ ยถาวุตฺตนโยว สาโรติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. อถาปิ สิยา ‘‘กถินสฺสุปฺปตฺติกาลโต ปฏฺาย ภควโต วจนํ อนุปฺตฺติภาเวน วุตฺต’’นฺติ. ยทิ เอวํ ทฺเว อนุปฺตฺติโย สิยุํ, ตโต ปริวาเร (ปริ. ๒๔) ‘‘เอกา อนุปฺตฺตี’’ติวจนวิโรโธ. อปิจ ยถาวุตฺตนยทีปนตฺถํ อิธ ตํ วจนํ ปมปฺตฺติกาเล อวตฺวา ปจฺฉา วุตฺตํ. เอตฺถ สาธิตตฺตา ทุติยตติเยสุ ปจฺฉา วุตฺตปมปฺตฺตีสุ เอวํ วุตฺตํ. อฺถา ตตฺถปิ ตํ วจนํ ปจฺฉา วตฺตพฺพํ สิยา. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘ปจฺฉา วุตฺตภาวํ สนฺธาย นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติอาทีสุ อนุปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ เปมํ, อรหนฺตานํ คารโว. ทสมํ วา นวมํ วาติ เอตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ.

๔๖๒-๓. นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติ อิทํ เกวลํ จีวรปลิโพธาภาวมตฺตทีปนตฺถํ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘นฏฺํ วา วินฏฺํ วา ทฑฺฒํ วา จีวราสา วา อุปจฺฉินฺนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพจีวรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ สิยา, นฏฺาทิกํ โส ธาเรยฺย. ธารณฺเจตฺถ ปนํ, ปริโภโค วา. ตํ ทฺวยํ กเตปิ ยุชฺชติ, อกเตปิ ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘กตํ วา โหตี’’ติปิ น วตฺตพฺพํ. น หิ กตเมว อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยนฺติ, ตสฺมา ยํ จีวรํ อุปาทาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตมฺปิ อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหปรมํ กาลํ ธาเรตพฺพนฺติ อตฺโถ น คเหตพฺโพ. ตฺหิ จีวรํ สนฺตฺเจ, อุพฺภตสฺมึ กถิเน เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลพฺภติ. อปิจ ‘‘จีวรํ นาม วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ จ กตํ นาม โหติ, ตสฺมาปิ น ตํ สนฺธาย ธาเรตพฺพนฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ อสมฺภวโต.

อนุคณฺิปเท ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ สิยา – ตสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ นฏฺาทีสุ อฺตรํ ยทิ ภเวยฺย, กตมํ จีวรํ ทสาหปรมํ ธาเรยฺย. ยสฺมา ธาเรตพฺพจีวรํ นตฺถิ, ตสฺมา อตฺถุทฺธารวเสน กรณปลิโพธทสฺสนตฺถํ ‘นฏฺํ วา’ติอาทิปทานิ วุตฺตานิ. อยํ ปนตฺโถ ‘นฏฺํ วา’ติอาทินา นเยน วุตฺตจีวรานํ อฺตรสฺมึ จีวเร อสติ คเหตพฺโพ, สติ ตํ ทสาหปรมํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ‘กตํ วา โหตี’ติ วุตฺตจีวรเมวาธิปฺเปตํ. กสฺมา ปน กตจีวรํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตนฺติ น วุตฺตนฺติ เจ? ปากฏตฺตา. กถํ? นฏฺวินฏฺจีวราทีนํ ธารณสฺส อภาวโต กตจีวรเมว อิธาธิปฺเปตนฺติ ปากฏํ. ยถา กึ? ยถา ปมานิยเต เมถุนกายสํสคฺครโหนิสชฺชานเมวาคตตฺตา โสตสฺส รโห อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺโตติ ปากโฏ, ตสฺมา ‘จกฺขุสฺส รโห อิตรสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต’ติ น วุตฺโต. เอวํสมฺปทมิทนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘กตํ วา โหตี’ติ อิทํ น วตฺตพฺพํ, กสฺมา? อกตํ อติกฺกามยโตปิ นิสฺสคฺคิยตฺตา, กิฺจาปิ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, อิธ ปน ติจีวราธิฏฺานมธิปฺเปตํ. ตสฺมึ ติจีวราธิฏฺาเน อกตํ, อรชิตํ, อกปฺปิยกตฺจ ‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’ติอาทินา นเยน อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ, ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘กตํ วา โหตี’ติ วุตฺตํ. อิตรถา ‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปฏิลทฺเธ’ติ วเทยฺย, เอวํ สนฺเต ติจีวรํ ทสาหํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยนฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? วจนปฺปมาณโต. ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’นฺติ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘อติเรกจีวรํ นาม อนธิฏฺิต’นฺติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ‘กตํ วา โหตี’ติ วจเนน อิธาธิปฺเปตจีวเรน สทฺธึ เสสมฺปิ ทสาหปรมโต อุตฺตริ ธาเรตุํ น ลพฺภตีติ อนุชานนฺโต ‘อติเรกจีวรํ นาม อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิต’นฺติ อาห. ตตฺถ สิยา – ยถา ‘อวิกปฺปิต’นฺติ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ, ตถา ‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’นฺติปิ. กสฺมา? ยสฺมา ติจีวรเมว ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพํ ‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’นฺติอาทิอนุปฺตฺติวเสน. อิตรถา เอกาหาติกฺกเมปิ นิสฺสคฺคิยํ โหติ ‘โย ปน, ภิกฺขุ, อติเรกจีวรํ ธาเรยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’นฺติ วจนโต. น ติจีวรโต อฺมฺปิ จีวรํ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพํ, ตโต ปรํ นิสฺสคฺคิยํ ‘อนฺโตทสาห’นฺติ วุตฺตตฺตา. ยถาห ‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’ติ, อิตรถา ‘อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเตี’ติ วจนมตฺตเมว ภเวยฺย, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. อิทํ สพฺพํ อปเร วทนฺตี’’ติ. เอตฺถ อนฺโตกถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ กตเมว สนฺตฺเจ, ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพนฺติ อิทฺจิมสฺส สาธนตฺถํ วุตฺตวจนฺจ ปรโต อิเธว วุตฺตวิจารณาย ยถาวุตฺตยุตฺติยา จ วิรุชฺฌตีติ น คเหตพฺพํ.

อิเธว วุตฺตวิจารณา นาม – ‘‘สฺเว กถินุทฺธาโร ภวิสฺสตี’’ติ อชฺช อุปฺปนฺนจีวรํ ตทเหว อนธิฏฺหนฺตสฺส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ. กสฺมา? ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทินา สิกฺขาปทสฺส วุตฺตตฺตา. อนฺโตกถิเน อติเรกทสาหมฺปิ ปริหารํ ลภติ, กถินโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. ยถา กึ? ยถา อตฺถตกถิโน สงฺโฆ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา เอกทิวสาวเสเสปิ กถินุพฺภาเร อานิสํสํ ลภติ, ปุนทิวเส น ลภติ. สเจ สติสมฺโมสา ภาชนียจีวรํ น ภาชิตํ, ปุนทิวเส อนตฺถตกถินานมฺปิ สาธารณํ โหติ. ทิวสา เจ สาวเสสา, อตฺถตกถินสฺเสว สงฺฆสฺส ปาปุณาติ, เอวเมว อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏติ อนุฺาตทิวสพฺภนฺตรตฺตา. กถินทิวโส คณนุปโค โหติ, อุพฺภตทิวสโต ปฏฺาย ทสาหปรมํ กาลํ อุปฺปนฺนจีวรํ ปริหารํ ลภติ, ตโต ปรํ น ลภติ. กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ วจนโต. อนฺโตกถิเนปิ เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยปฺปสงฺคํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อยํ อนุปฺตฺติ วาเรตฺวา ิตา, น จ เต ทิวเส อทิวเส อกาสีติ. ตถา ตติยกถิเน จ วิจาริตํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ วทนฺเตน ภควตา ยํ มยา เหฏฺา ปมสิกฺขาปเท ‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’นฺติ อนุฺาตํ, ตมฺปิ กถินมาสโต พหิ อุปฺปนฺนเมว, น อนฺโตติ ทีปิตํ โหตี’’ติ จ, ‘‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ เอตํ อกาลจีวร’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ทสาหปริหารํ น ลภตีติ ทีปิตํ โหติ, เตหิ สทฺธึ ปุน กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ปฺจ ทิวสานิ ลภตีติ ปสงฺโคปิ ‘นิฏฺิตจีวร…เป… ขิปฺปเมว กาเรตพฺพ’นฺติ อกาลจีวรสฺส อุปฺปตฺติกาลํ นิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา วาริโต โหติ. ตทุภเยน กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินุพฺภารโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภตีติ สิทฺธํ โหตี’’ติ จ. ตสฺมา ทุวิธมฺเปตํ วิจารณํ สนฺธาย อมฺเหหิ ‘‘อิเธว วุตฺตวิจารณาย ยถาวุตฺตยุตฺติยา จ วิรุชฺฌตีติ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺถาห – ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทํ ภุมฺมํ กึ จีวรสฺส อุปฺปตฺติ นิยเมติ, อุทาหุ ธารณํ, อุทาหุ อุภยนฺติ, กิฺเจตฺถ, ยทิ อุปฺปตฺตึ นิยเมติ, ปจฺฉิมกตฺติกมาเส เอว อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ ตโต ปฏฺาย ทสาหํ ธาเรตพฺพํ อนิฏฺิเตปิ ตสฺมึ มาเสติ อาปชฺชติ. อถ ธารณํ นิยเมติ, อนฺโตกถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ อุพฺภเตปิ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพนฺติ อาปชฺชติ. อถ อุภยํ นิยเมติ, ตติยกถิเน วิย วิเสเสตฺวา วตฺตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – กามํ อุภยํ นิยเมติ, น ปน วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถิ. ยํ อนฺโตกถิเน อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ, น ตํ สนฺธาย ‘‘ธาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, สาธิตฺเหตํ. ‘‘กตํ วา โหตี’’ติอาทิวจนโต ตทตฺถสิทฺธิ, เตน ปุน วิเสสเน ปโยชนํ นตฺถิ, น หิ กตเมว นิสฺสคฺคิยํ กโรติ, น จ นฏฺาทิกํ ธาเรตุํ สกฺกาติ. เยน วา อธิปฺปาเยน ภควตา อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, โส อธิปฺปาโย ตติยกถิเน ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. กสฺมา ตตฺถ ปกาสิโตติ เจ? วิเสสวิธานทสฺสนาธิปฺปายโต. วิเสสวิธานฺหิ ‘‘โน จสฺส ปาริปูรี’’ติอาทิ. ตตฺถาปิ ‘‘จีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ วิเสสเนน อุพฺภเตปิ กถิเน กาลจีวรํ อตฺถีติ ทีเปติ. กิฺเจตํ? ปจฺฉิมกตฺติกมาเส อุปฺปนฺนจีวรํ, เตเนว ตตฺถ ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปฺปตฺตินิยเม วุตฺตโทสาภาวสิทฺธิ. ยฺจ ตตฺถ ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺส ทฺเว อตฺถวิกปฺปา. อาเทสวเสน ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ ลทฺธสงฺขฺยมฺปิ กาเล อุปฺปนฺนตฺตา กาลปริหารํ ลภติ, ปเควานาเทสนฺติ อยํ ปโม วิกปฺโป อุปฺปตฺตินิยเม วุตฺตโทสาภาวเมว อุปตฺถมฺเภติ. ตถา อาเทสวเสน อกาลจีวรสงฺขฺยํ คตํ จีวรกาเล อุปฺปนฺนตฺตา จีวรกาลโต ปรํ ทสาหปริหารํ น ลภติ, ปเควานาเทสนฺติ อยํ ทุติโย ธารณนิยเม วุตฺตโทสาภาวเมว อุปตฺถมฺเภติ. ยทิ เอวํ อาเทสวเสน อกาลจีวรสฺส อกาลจีวรตา กิมตฺถิกาติ เจ? สงฺฆุทฺเทสิกสฺส ตสฺส อตฺถตกถินสฺสปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สาธารณภาวตฺถิกาติ เวทิตพฺพา.

อปิจ ปุคฺคลสฺส กถินทิวสาปิ ทิวสาว. เอวํ คณนุปคตฺตา อกาลจีวรสงฺขยาปฏิลาภานุภาเวน ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วจนาเปกฺขสฺส อนิสฺสคฺคิยตฺตา ตทนุโลมตฺตา ‘‘กาลจีวรสฺสปี’’ติ เอวํ สพฺพถา จตุพฺพิธํ เอตฺถ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อปิจ อตฺถิ เอกจฺเจน กถินุทฺธาเรน อุพฺภเต กถิเน อุปฺปนฺนํ เอกจฺจสฺส ภิกฺขุโน กาลจีวรํ โหติ, เอกจฺจสฺส อกาลจีวรํ, ตํ สีมาติกฺกนฺตสฺส, โน อุพฺภารคตํ. ตํ ทฺวินฺนํ วเสน อุพฺภเต อุปฺปนฺนํ เปตฺวา อิตเรสํ อฺตเรน อุพฺภเต อุปฺปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ ยสฺส อุพฺภตํ, ตสฺส อกาลจีวรํ, อิตรสฺส กาลจีวรํ. ตถา อตฺถิ เอกจฺเจน กถินุทฺธาเรน อุพฺภเต กถิเน อุปฺปนฺนํ สพฺพสฺสปิ อกาลจีวรเมว โหติ. ตํ ยถาปิตํ เวทิตพฺพํ. ตถา อตฺถิ อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺนํ เปตฺวา วสฺสานสฺส ปจฺฉิเม มาเส อุปฺปนฺนํ. ตถา อตฺถิ อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺนํ อกาลจีวรํ, ตํ เหมนฺเต, คิมฺเห วา อุปฺปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ปุคฺคลกาลเภทโต พหุวิธตฺตา อุปฺปนฺนสฺส ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน อุปฺปนฺน’’นฺติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อเนกํสิกตฺตา อิมมฺปิ อตฺถวิกปฺปํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเนติ ภิกฺขุโน กถินํ อุพฺภตํ โหตี’’ติ. เอตฺตาวตา สิทฺเธปิ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ อฺตรายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ธารยามี’’ติ ภิกฺขุนีวิภงฺเค อาคโตติ วตฺตพฺโพ. ‘‘เอว’’นฺติ วจเนน วจนเภโท ตตฺถ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.

‘‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกตฺตา วุตฺตํ. ‘‘อธิฏฺานุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ อสพฺพสงฺคาหิกํ. น หิ ยตฺตกํ สงฺฆาฏิ อธิฏฺานุปคํ ปจฺฉิมํ, ตตฺตกํ อนฺตรวาสกาทิ อธิฏฺานุปคํ ปจฺฉิมํ โหติ อธิฏฺานสฺส พหุวิธตฺตา. น เอวํ วิกปฺปนาย เภโท ตสฺสา เอกวิธตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อนฺติมํ เปตฺวา ตโต ปุริมตรสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺติมํ นาม อปรกตฺติกาย ปมารุณุคฺคมนํ. ตฺหิ กาลตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น กโรติ, เตเนวาห อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทฏฺกถายํ ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปิตจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๙). อิมํเยว นยํ สนฺธาย ‘‘อจฺเจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปฺจ มาสา, ตโต ปรํ เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถี’’ติ ตตฺเถวาห. อิมสฺมึ นเย สิทฺเธ อนจฺเจกจีวรํ ทฺวาทสาเห น ลภตีติ สิทฺธเมว โหติ. ตโต ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๖๕๐) เอตฺถ อจฺเจกจีวรสทิเส อฺสฺมึ อนธิฏฺิเตติ สิทฺธํ โหติ. ตตฺถ ปน ‘‘ปฺจ มาสา’’ติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวจนํ. วสฺสิกสาฏิกฺจ อวสฺสิกสาฏิกภาวํ ปตฺวา เอกาทสมาเส ปริหารํ ลภตีติ เวทิตพฺพํ.

ทสาหาติกฺกนฺตํ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอตฺถ อาปตฺติวุฏฺาเน ‘‘ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปกฺขอติเรกปกฺขมาสอติเรกมาสปฏิจฺฉนฺน’’นฺติอาทิวจนเภโท วิย, น อิธ วจนเภโท, ตสฺมา สํวจฺฉราติกฺกนฺตมฺปิ ทสาหาติกฺกนฺตเมว นาม, ตถา ทุติยกถิเนปิ สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว. ตติเย สํวจฺฉราติกฺกนฺตมฺปิ มาสาติกฺกนฺตเมว นามาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนธิฏฺิเต อธิฏฺิตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิทเมกสฺส ติกปาจิตฺติยสฺส อาทิปททีปนํ. เอส นโย อวิกปฺปิเตติอาทีสุปิ, ตสฺมา เอตฺถ อฏฺสุ ติกจฺเฉเทสุ เอกํ วิตฺถาเรตฺวา อิตเรสํ เอเกกมาทิปทํ วิตฺถาเรหฺวา ทฺเว ทฺเว ภควตาว สงฺขิตฺตตฺตาติ พหูสุปิ ติกจฺเฉเทสุ สมฺภวนฺเตสุ เอโก เอว วุจฺจติ, ‘‘อยํ วินยสฺส ธมฺมตา’’ติ วทนฺติ. ทุกฺกฏวาเรสุ ปน เอกํ ทุกฺกฏํ วิตฺถาเรตฺวา เสสานิ สตฺต ตเถว สงฺขิตฺตานิ. ตถา อนฺติมนฺติโม เอเกโก อนาปตฺติโกฏฺาโสติ เวทิตพฺพํ.

อนาปตฺติ อนฺโตทสาหนฺติ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ตํ ทสาหปรมํ ธาเรตพฺพํ. ตํ อติเรกจีวรํ ยถาสกํ อธิฏฺานํ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วา วิกปฺเปติ วา วิสฺสชฺเชติ วา อตฺตโน ธมฺมตาย นสฺสติ วา วินสฺสติ วา ฑยฺหติ วา อฺโ วา ตํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหาติ วิสฺสาสนฺโต วา คณฺหาติ ปาจิตฺติยโต อนาปตฺติ. ทุกฺกฏโต ปน สิยา อาปตฺติ สิยา อนาปตฺติ สฺาเภเทน. อนฺติมานํ ปเนตฺถ ทฺวินฺนํ ปทานํ วเสน อนจฺฉินฺเน อจฺฉินฺนสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. อวิสฺสาสคฺคาเห วิสฺสาสคฺคาหสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติอาทิกา ทฺเว ติกปาจิตฺติยา, ทฺเว จ ทุกฺกฏา สงฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอตฺถ หิ ยทิ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, ทสาหปรมํ อรุณํ อติกฺกมิตฺวา ตสฺส ทิวสภาเค อธิฏฺหตีติ เวทิตพฺพํ. อยํ ตาว ปาฬิวินิจฺฉโย.

อฏฺกถายํ ปน อิโต ครุกตรานีติอาทิมฺหิ อยํ โจทนาปุพฺพงฺคโม วินิจฺฉโย – คณฺิปเท ปนสฺส อิโต นิสฺสฏฺจีวรทานโต ครุกมฺปิ ตฺติทุติยกมฺมํ ยถา อปโลกเนน กโรนฺติ, เอวมิทํ ตฺติยา กตฺตพฺพมฺปิ ปกติวจเนน วฏฺฏตีติ. ยทิ เอวํ ปริวาเร กมฺมวคฺคสฺส อฏฺกถายํ ‘‘ตฺติกมฺมมฺปิ เอกํ ตฺตึ เปตฺวาว กาตพฺพํ, อปโลกนกมฺมาทิวเสน น กาตพฺพ’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ยํ วุตฺตํ, เตน วิรุชฺเฌยฺย. เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘เตสํ เอตํ อนุโลม’’นฺติ, ตสฺมา อนุโลมนเยเนว ตํ วุตฺตํ. นิยมํ ปน ยถา ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ วินา ตฺติยา โหติ, เอวํ ทฺวินฺนํ นิสฺสฏฺจีวรทานมฺปีติ วทาม, ตสฺมา ‘‘อายสฺมโต เทมา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. กถํ ปเนตํ าตพฺพนฺติ? ตทนุโลมตฺตาติ. เอกเทเวทํ ตฺติกมฺมํ อปโลกเนนาปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ สาธนนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อาจริโย. อนุคณฺิปเท ปเนตฺถ โจทนํ กตฺวา ‘‘เอตํ สาธิตํ. ตฺติกมฺมํ เอกํ ตฺตึ เปตฺวาว กาตพฺพ’’นฺติ ปาฬิยา อาคตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อิทํ ปน ปาฬิยํ นาคตํ, เลสโต อาหริตฺวา วุตฺตนฺติ กตฺวา เอตํ อปโลกเนนาปิ วฏฺฏตีติ.

๔๖๘. เอส นโยติ อฺเสํ จีวเรสุ อุปจิกาทีหิ ขายิเตสุ มมปิ ขายิตานีติอาทิ. ‘‘อฺเน กตํ…เป… สาธก’’นฺติ วจนโต สมานชาติกํ, เอกตฺถชาติกฺจ ตติยกถินํ ปมสมานเมวาติ สิทฺธํ โหติ.

๔๖๙. ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ เอตฺถ ติจีวรํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพยุตฺตกํ, ยํ วา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตุํ อวิกปฺเปตุํ อนุชานามิ, ตสฺส อธิฏฺานกาลปริจฺเฉทาภาวโต สพฺพกาลํ อิจฺฉนฺตสฺส อธิฏฺาตุํเยว อนุชานามิ, ตํ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วิกปฺเปตุํ นานุชานามิ. สติ ปน ปจฺจเย ยทา ตทา วา ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ วจนโต สิทฺธํ โหตีติ วุตฺตเมตํ. วสฺสิกสาฏิกํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํเยว นาธิฏฺาตุํ. วตฺถฺหิ กตปริโยสิตํ อนฺโตจตุมาเส วสฺสานทิวสํ อาทึ กตฺวา อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตุํ อนุชานามิ, จตุมาสโต อุทฺธํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปิตุกาเมน วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. สุคตจีวรโต อูนกนฺติ ติณฺณมฺปิ จีวรานํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท. ‘‘ติจีวรํ ปน ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วาเท ปน สติ ตถารูปปจฺจเย วฏฺฏติ. ยถา สติ ปจฺจเย วิกปฺเปตุํ วฏฺฏตีติ สาธิตเมตํ, ปเคว อฺเน อธิฏฺาเนน อธิฏฺาตุํ. ‘‘อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ อนิยมโต วุตฺตนฺติ สงฺฆาฏิ, อุตฺตราสงฺโค, อนฺตรวาสกนฺติ อธิฏฺิตานธิฏฺิตานํ สมานเมว นามํ. ‘‘อยํ สงฺฆาฏี’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๖) หิ อนธิฏฺิตา วุตฺตา. ‘‘ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’’ติ เอตฺถ อธิฏฺิตา วุตฺตา. สามนฺตวิหาเร วาติ โคจรคามโต วิหาเรติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ทูรตเรปิ ลพฺภเตวาติ อาจริโย. อนุคณฺิปเทปิ ‘‘สามนฺตวิหาเร วาติ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ สกฺกา. รตฺติวิปฺปวาสํ รกฺขนฺเตน ตโต ทูเร ิตํ อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ กิร มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ. เกจิ ‘‘จีวรวํเส ปิตํ อฺโ ปริวตฺติตฺวา นาคทนฺเต เปติ, ตํ อชานิตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺสปิ รุหติ จีวรสฺส สลฺลกฺขิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. อธิฏฺหิตฺวาติ ปริกฺขารโจฬาทิวเสน. มหนฺตตรเมวาติอาทิ สพฺพาธิฏฺานสาธารณลกฺขณํ. ตตฺถ ปุน อธิฏฺาตพฺพเมวาติ อธิฏฺิตจีวรสฺส เอกเทสภูตตฺตา. อนธิฏฺิตฺเจ, อธิฏฺิตสฺส อปฺปภาเวน เอกเทสภูตํ อธิฏฺิตสงฺขฺยเมว คจฺฉติ. ตถา อธิฏฺิตฺเจ, อนธิฏฺิตสฺส เอกเทสภูตํ อนธิฏฺิตสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ หิ ลกฺขณํ, น เกวลฺเจตฺถ ทุติยปฏฺฏเมว, ตติยปฏฺฏาทิกมฺปิ. ยถาห ‘‘อนุชานามิ…เป… อุตุทฺธฏานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ…เป… ปํสุกูเล ยาวทตฺถ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘).

อวเสสา ภิกฺขูติ วกฺขมานกาเล นิสินฺนา ภิกฺขู. ตสฺมา วฏฺฏตีติ ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ปริกฺขารโจฬมฺปิ วุตฺตํ, น ตสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท วุตฺโต, น จ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท, ตสฺมา ตีณิปิ จีวรานิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฏฺามี’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ‘‘นิธานมุขเมต’’นฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ ปริปุณฺณํ โหติ ติจีวรํ, อตฺโถ จ โหติ ปริสฺสาวเนหิปิ ถวิกาหิปี’’ติ เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) อนุฺาตตฺตา. ภิกฺขูนฺจ เอกเมว ปริสฺสาวนํ, ถวิกา วา วฏฺฏติ, น ทฺเว วา ตีณิ วาติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วิกปฺปนุปคปจฺฉิมปฺปมาณานิ, อติเรกปฺปมาณานิ วา ปริสฺสาวนาทีนิ ปริกฺขารานิ กปฺปนฺตีติ สิทฺธํ. ยทิ เอวํ ‘‘ยํนูนาหํ ภิกฺขูนํ จีวเร สีมํ พนฺเธยฺยํ มริยาทํ เปยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๔๖) วจนวิโรโธติ เจ? น, อนุสนฺธิยา อชานนโต, วิโรธโต จ. กึ วุตฺตํ โหติ? จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๒๖ อาทโย) ปมํ คหปติจีวรํ อนุฺาตํ, ตโต ปาวารโกสิยโกชวกมฺพลาทิ. ตโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส อุจฺจาวจานิ จีวรานิ อุปฺปนฺนานิ โหนฺติ. อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กึ นุ โข ภควตา จีวรํ อนุฺาตํ, กึ อนนุฺาต’’’นฺติ เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉ จีวรานิ โขม’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๓๙) กปฺปิยจีวรชาติ อนุฺาตา, น ปน สงฺขฺยาปมาณํ. ตโต ‘‘อทฺทส ภควา…เป… สมฺพหุเล ภิกฺขู จีวเรหิ อุพฺภณฺฑิเต สีเสปิ จีวรภิสึ กริตฺวา ขนฺเธปิ จีวรภิสึ กริตฺวา กฏิยาปิ จีวรภิสึ กริตฺวา อาคจฺฉนฺเต, ทิสฺวาน ภควโต เอตทโหสิ…เป… เยปิ โข เต กุลปุตฺตา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย สีตาลุกา สีตภีรุกา, เตปิ สกฺโกนฺติ ติจีวเรน ยาเปตุํ, ยํนูนาหํ ภิกฺขูนํ จีวเร สีมํ พนฺเธยฺยํ มริยาทํ เปยฺยํ ติจีวรํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๔๖) จีวรํ อนุฺาตํ, ตฺจ โข เอกเมว. ฉพฺพคฺคิยา ปน มิจฺฉา คเหตฺวา พหูนิ ปริหรึสุ. ตานิ เนสํ อติเรกฏฺาเน ิตานิ โหนฺติ. ตโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) อนุฺาตํ, เตเนตํ ปฺายติ. อติเรกานิ พหูนิ จีวรานิ เต ปริหรึสุ, ‘‘ตานิ ทสาหปรมเมว ธาเรตุํ อนุชานามิ, น ตเมเวก’’นฺติ วทนฺเตน ยา ปุพฺเพ ติจีวราธิฏฺานสงฺขาตา จีวเร สีมาพทฺธา, มริยาทา จ ปิตา, ตาย สติปิ ติจีวรพาหุลฺลปริหรณกฺกโม ทสฺสิโต ทิวสปริจฺเฉทวเสน. ตโต ปรํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อติเรกจีวรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) อนุชานนฺเตน วินาปิ ทิวสปริจฺเฉเทน อติเรกจีวรปริหรณกฺกโม ทสฺสิโตติ ทฺเวปิ ตานิ นิธานมุขานีติ สิทฺธํ. ตถา ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานมฺปิ สิยา, อฺถา อิตรจีวราธิฏฺานานุชานนวิโรโธ สิยา สีมามริยาทฏฺปนวิโรธโต. ติจีวราธิฏฺานปฺตฺติเยว ติจีวรมริยาทา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาเฏกฺกํ นิธานมุขเมต’’นฺติ. ‘‘ปมํ ติจีวรํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพํ, ปุน ปริหริตุํ อสกฺโกนฺเตน ปจฺจุทฺธริตฺวา ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตพฺพํ, น ตฺเวว อาทิโตว อิทํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ยถา ติจีวรํ ปริหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส คิลานสฺส วิปฺปวาสสมฺมุติ อนุฺาตา, อคิลานสฺสปิ สาสงฺกสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๕๒) ตสฺส อนฺตรฆเร นิกฺเขโป จ, ตโตปิ สติ ปจฺจเย ฉารตฺตวิปฺปวาโส, ตโตปิ อสกฺโกนฺตสฺส ปจฺจุทฺธาโร, ปจฺจุทฺธฏมฺปิ อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตุํ, อสกฺโกนฺตสฺส วิกปฺปนา จ อนุฺาตา. ตเถว ทฺวินฺนมฺปิ สมฺมุขาปรมฺมุขาวิกปฺปนานํ ปรสนฺตกตฺตา วิกปฺปนปจฺจเย อสติ ‘ปริกฺขารโจฬ’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตุํ ภควตา อนุฺาตํ สิยา, ยโต ตทธิปฺปายฺู เอวํ วทนฺตี’’ติ มหาปจฺจริยมฺปิ วุตฺตํ. ปุพฺเพติอาทิ ‘‘ปาเฏกฺกํ นิธานมุข’’นฺติ วุตฺตสฺส ปโยคทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อพทฺธสีมายํ ทุปฺปริหารนฺติ วิกปฺปนาทิอตฺถาย อุปจารํ อติกฺกมิตฺวาปิ คมนสมฺภวโต.

วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณาติ ตสฺสา อุกฺกฏฺปริจฺเฉทสฺส วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฏฺาตพฺพเมวาติ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อมฺหากํ เสนาสนสฺส อุปริ อตฺถริตพฺพ’’นฺติอาทินา ทินฺนํ นาธิฏฺาตพฺพํ, ‘‘อิทํ ตุมฺหาก’’นฺติ ทินฺนํ สยํ อธิปฺเปตํว อธิฏฺาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘สกึ อธิฏฺิตํ อธิฏฺิตเมว โหติ, น ปุน ปจฺจุทฺธรียติ กาลปริจฺเฉทาภาวโต’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เอกวจเนนปิ วฏฺฏตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. เภสชฺชนวกมฺมมาตาปิตุอาทีนํ อตฺถายาติ เอตฺถ ‘‘อิมินา เภสชฺชํ เจตาเปสฺสามิ, อิทํ มาตุยา ทสฺสามี’’ติ เปนฺเตน อธิฏฺาตพฺพํ. ‘‘‘อิทํ เภสชฺชสฺส, อิมํ มาตุยา’ติ วิภชนฺเตน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สกภาวํ โมเจตฺวา ปนํ สนฺธายาหา’’ติ ลิขิตํ.

‘‘ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ อยํ สงฺคีติโต ปฏฺาย อาคตอฏฺกถาวาโท. ตโต ปรํ อาจริยานํ ตตฺถ ตตฺถ ยุตฺติวิจารณา’’ติ วุตฺตํ. ปมาณจีวรสฺสาติ ปจฺฉิมปฺปมาณสฺส. ทฺเว จีวรานีติ สห อุตฺตราสงฺเคน. เอส นโยติ ปมาณยุตฺเตสุ ยตฺถ กตฺถจีติอาทินโยว. ‘‘ตํ อติกฺกามยโต เฉทนก’’นฺติ (ปาจิ. ๕๓๓) วจนโต อุตฺตริ ปฏิสิทฺธํ, ตโต เหฏฺา อปฺปฏิสิทฺธตฺตา วฏฺฏติ. ตตฺถ สิยา – ติจีวรสฺส ปจฺฉิมปฺปมาณํ วิสุํ สุตฺเต นตฺถีติ, น วตฺตพฺพํ, สิกฺขากรณีเยหิ สิทฺธตฺตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามิ, ปารุปิสฺสามิ, สุปฺปฏิจฺฉนฺโน อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’ติ (ปาจิ. ๕๗๖-๕๗๙) วจนโต ยตฺตเกน ปมาเณน ปริมณฺฑลตา, สุปฺปฏิจฺฉนฺนตา จ อฏฺกถายํ วุตฺตกฺกเมน สมฺปชฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ. เตสํ วเสน ปจฺฉิมปฺปมาณนฺติ สิทฺธํ, ตฺจ โข มุฏฺิปฺจกาทิ ยถาวุตฺตเมว วุจฺจเต. เตเนวาห เลสํ เปตฺวา ‘‘วิสุํ สุตฺเต นตฺถี’’ติ.

อปิเจตฺถ อธิปฺเปตํ, ตถาปิ น สเมติเยวาติ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘ยที’’ติอาทิสมฺพนฺโธ อทฺธา วุตฺโต. ยสฺมา ปริจฺฉินฺโน สเมติ จ. อิตเรสุ ปน เอกจฺจสฺมึ อาจริยวาเท เนว ปริจฺเฉโท อตฺถิ. เอกจฺจสฺมึ น ปุพฺพาปรํ สเมตีติ สมฺพนฺโธ. อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมว, ปริโภคกาเล ปน อรชิตํ น วฏฺฏติ. อิทํ สพฺพํ ติจีวเร เอว. อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย – อนตฺถเต กถิเน เหมนฺตานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อตฺถเต กถิเน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ.

เอตฺถาห – ‘‘รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตํ การาเปนฺตสฺสาปิ อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมวา’’ติ วจนโต อรชิเตปิ อธิฏฺานํ รุหติ, เตน สูจิกมฺมํ กตฺวา รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ นิยโม น กาตพฺโพติ? วุจฺจเต, กาตพฺโพว ปตฺโต วิย อธิฏฺิโต. ยถา ปุน เสตภาวํ, ตมฺพภาวํ วา ปตฺโต อธิฏฺานํ น วิชหติ, น จ ปน ตาทิโส อธิฏฺานํ อุปคจฺฉติ, เอวเมตํ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘ยโต ปฏฺาย ปริโภคาทโย วฏฺฏนฺติ, ตโต ปฏฺาย อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.

อวิเสเสน วุตฺตวจนนฺติ อธิฏฺาตพฺพํ อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตพฺพํ วิกปฺเปตีติ เอวํ สวิเสสํ กตฺวา อวจนํ ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) อิมินา วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. อิทานิ อิทํ อธิฏฺานวิกปฺปนนยปฏิพทฺธํ ขนฺธกํ, ปริวารฺจ มิสฺเสตฺวา ปกิณฺณกํ วุจฺจติ – ขนฺธเก ตาว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปริวาเร ‘‘น นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น นว จีวรานิ วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ (ปริ. ๓๒๙), ‘‘ทสเก ทส, เอกาทสเก เอกาทส จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ (ปริ. ๓๓๑) จ อเนกกฺขตฺตุํ วจเนน สุฏฺุ ทฬฺหํ กตฺวา ‘‘สพฺพานิ จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุโภปิ เต วิรุทฺธา วิย ทิสฺสนฺติ, ขนฺธเก เอว จ ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วุตฺตํ. ตทฏฺกถายํ ‘‘วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณา นามํ คเหตฺวา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส อธิฏฺาตพฺพา, ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. อิทฺจ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ อฺมฺํ เหมนฺเต ปจฺจุทฺธารสมฺภวโต, วสฺสาเน วิกปฺปนาสมฺภวโต จ. ตถา อิธ ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’’ติ วจนปฺปมาณโต สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฺปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) อฏฺกถาวจนํ ปริวารวจเนน วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, น หิ วิรุทฺธํ ตถาคตา ภาสนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถานโยเวตฺถ ปฏิสรณํ, เยน สพฺพมฺปิ ตํ เอกรสํ โหติ. ปริวารฏฺกถายฺจ วุตฺตํ ‘‘น วิกปฺเปตพฺพานีติ อธิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย น วิกปฺเปตพฺพานี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙). ติจีวรานิ อธิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย, วสฺสิกสาฏิกาทีนิ จ อตฺตโน อตฺตโน อธิฏฺานเขตฺเต น อกามา วิกปฺเปตพฺพานีติ อตฺโถ, อวเสสปาฬิ, อตฺโถ จ อิธ อฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺมา สพฺพมฺเปตํ เอกรสนฺติ.

เอตฺถาห – ยทิ เอวํ ‘‘นว จีวรานิ นาธิฏฺาตพฺพานี’’ติ จ วตฺตพฺพํ. วิกปฺปิตกาลโต ปฏฺาย หิ นาธิฏฺาตพฺพานีติ? เอตฺถ วุจฺจเต – ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ…เป… ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ เอตฺถ สพฺพตฺถ อธิฏฺาเน ปฏิเสธาทสฺสนโต, วิกปฺปนาย อทสฺสนโต จ ‘‘ตโต ปร’’นฺติ ทฺวีสฺเวว ปริจฺเฉททสฺสนโต จ ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานิ, น วิกปฺเปตพฺพานิ เจว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อปโร นโย – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ อกามา. กสฺมา? กาเล อุปฺปนฺนํ อนธิฏฺหนฺตสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต, อกาเล อุปฺปนฺนํ อนธิฏฺหนฺตสฺส ทสาหาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต จ. ตตฺถ ยํ กาเล อุปฺปนฺนํ อปฺปโหนฺเตปิ ทสาเห กาลาติกฺกเม อาปตฺติกรํ, ตํ นิสฺสชฺชนกาเล ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, อติเรกจีวรํ ธาริตํ นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ สงฺฆสฺสา’’ติอาทินา นิสฺสชฺชิตพฺพํ, อิตรํ ยถาปาฬิเมว. ตตฺถ ปมนโย ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, อติเรกจีวรํ ธาเรยฺย นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อิมาย ปมปฺตฺติยา วเสน วุตฺโต, ทุติโย อนุปฺตฺติยา วเสน วุตฺโต.

ยถา จ นิสฺสชฺชิตพฺพวตฺถุมฺหิ อสติ ยถาปาฬึ อวตฺวา เกวลํ อาปตฺติ เอว เทเสตพฺพา, ยถา จ วสฺสิกสาฏิกนิสฺสชฺชเน เกวลํ ปริยิฏฺมตฺเต ยถาปาฬึ อวตฺวา ยถาสมฺภวํ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ตถา อิทมฺปีติ เวทิตพฺพํ. ยถา สํวจฺฉราติกฺกนฺตํ อติเรกจีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’มิจฺเจว วุจฺจติ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถติจีวรํ, มาสาติกฺกนฺตฺจ ‘‘รตฺติวิปฺปวุตฺถ’’นฺติ จ ‘‘ฉารตฺตวิปฺปวุตฺถ’’นฺติ จ วุจฺจติ, ตถา อิทมฺปิ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ เอเก, ตสฺมา สิทฺธมิทํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ อกามา’’ติ, ตถา อกามา น วิกปฺเปตุนฺติ อตฺโถ. อิจฺฉาย หิ สติ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหติ, ทสาหาติกฺกเม จ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา วสฺสิกสาฏิกา อกามา อธิฏฺาตุํ ทสาหาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต. กิตฺตกํ กาลนฺติ เจ? วสฺสานํ จาตุมาสํ, อิจฺฉาย ปน สติ อุทฺธํเยว วิกปฺเปตพฺพํ. ‘‘สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฺปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพ’’ติ หิ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, โน คิมฺเห, โน วสฺเส’’ติ (ปริ. ๓๒๓) จ วุตฺตํ, เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา’’ติ.

ตตฺรายํ วิจารณา – กทา ปจฺจุทฺธริตพฺพา, กทา วิกปฺเปตพฺพา, กิฺเจตฺถ ยสฺมา ‘‘ตโต ปร’’นฺติ วุตฺตํ. เหมนฺตฺจ ปตฺตมตฺเต สา อธิฏฺานํ วิชหติ, ตสฺมา ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ น วตฺตพฺพํ อธิฏฺานสฺส นตฺถิตาย, อถ ‘‘อนฺโตจาตุมาเส วิกปฺเปตพฺพา’’ติ น วตฺตพฺพํ. ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ หิ วุตฺตนฺติ? เอตฺถ เอกจฺเจ วทนฺติ ‘‘วตฺตพฺพเมต’’นฺติ. ยถา ปริวุตฺถปริวาโส, จิณฺณมานตฺโต จ สนฺโต นิฏฺิเตสุปิ ปริวาสมานตฺตทิวเสสุ, ตถา นิฏฺิเตสุปิ อธิฏฺานทิวเสสุ สาธิฏฺานเมตนฺติ เอเก. อฏฺกถาจริยานํ อิทํ สนฺนิฏฺานํ ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส ปจฺจุทฺธริตฺวา ปาฏิปททิวเส วิกปฺเปตพฺพา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวารฏฺกถายํ ‘‘กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส วิกปฺเปตฺวา ปิตํ วสฺสิกสาฏิกํ นิวาเสนฺโต เหมนฺเต อาปชฺชติ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา เหมนฺเต อาปชฺชตี’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ‘จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’นฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๓). ตตฺถ กุรุนฺทินโย ปจฺฉา วุตฺตตฺตา สารโต ทฏฺพฺโพ, น ปุริโม. นิวาเสนฺโต หิ คิมฺเหปิ โอเรนทฺธมาสํ อาปชฺชติ เอว. อิธ จ ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, โน คิมฺเหติ วุตฺต’’นฺติ กุรุนฺทิวจนสฺสายมตฺโถ ทิสฺสติ.

‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา ตสฺมึเยว ทิวเส อวิกปฺเปนฺโต ปจฺฉิมปาฏิปททิวเส อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, น, อวิกปฺปนปจฺจยา ทสาหปริหารสมฺภวโต’’ติ การณเมเก วทนฺติ. เอวํ สติ เหมนฺเต ปตฺตมตฺเต อธิฏฺานํ วิชหตีติ อาปชฺชติ, ตฺจ อยุตฺตํ. อธิฏฺานฺหิ ‘‘อฺสฺส ทาเนน…เป… ฉิทฺทภาเวนาติ อิเมหิ นวหิ การเณหิ วิชหตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ, น ‘‘อธิฏฺานเขตฺตาติกฺกเมน วา’’ติ. อสาธารณตฺตา น วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘ฉิทฺทภาเวนา’’ติ น วตฺตพฺพปฺปสงฺคโต, ฉิทฺทภาเวน ปน ติจีวรสฺเสว สพฺพฏฺกถาสุ อธิฏฺานวิชหนสฺส วุตฺตตฺตา. ตสฺมา เหมนฺตสฺส ปมทิวเส อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, น ปจฺจุทฺธริตฺวา อวิกปฺปนปจฺจยา. ‘‘วิกปฺเปตุ’’นฺติ วจนโต ตโต อธิฏฺานํ น วิชหตีติ ปฺายติ. น หิ กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส อวิกปฺเปตฺวา เหมนฺเต อาปชฺชตีติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย, ยสฺมา ตํ อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏํ เหมนฺตสฺส ปมอรุณกฺขเณ เอว อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจุทฺธฏํ ปน เหมนฺเต ทสาหปริหารํ ลภติ. ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๐) หิ วุตฺตํ, ตฺจ โข สมเย อุปฺปนฺนํ เจ, นาสมเย. ตถา จ สาธิตํ อปจฺจุทฺธฏํ น นิสฺสคฺคิยํ โหติ, โน จ ตํ ปริทหิตํ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเส เอว ปจฺจุทฺธรณฺจ วิกปฺปนฺจ กตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ, เอตฺถ จ ยถา อติเรกจีวรํ ทสเม ทิวเส วิกปฺเปนฺเตน ทสาหปรมํ ธาริตํ โหติ, อนฺโตทสาเห จ วิกปฺปิตํ โหติ, ตถา กตฺติกปุณฺณมาย วิกปฺเปนฺเตน วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺิตฺจ โหติ, ตโต ปรํ อนาปตฺติเขตฺเต เอว วิกปฺปนา จ โหตีติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา อตฺถิ วิกปฺปนาเขตฺเต อธิฏฺานํ, อธิฏฺานเขตฺเต จ วิกปฺปนาติ ทีปิตํ โหติ. อฺถา ‘‘อตฺถาปตฺติ อธิฏฺาเนน อาปชฺชติ, อนธิฏฺาเนน อาปชฺชติ. อตฺถาปตฺติ วิกปฺปนาย อาปชฺชติ, อวิกปฺปนาย อาปชฺชตี’’ติ ทุเกสุ ทฺเว ทุกานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ. ตตฺถ ปมทุเก ปมปทํ สมฺภวติ. วิกปฺปนเขตฺเต หิ วสฺสิกสาฏิกาทีนํ อธิฏฺาเนน วินยาติสารทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. เอเตเนว ทุติยทุกฺกฏสฺส ทุติยปทํ วุตฺตํ โหติ. อนธิฏฺาเนน อาปชฺชตีติ นตฺถิ. อนฺโตทสาเห อนาปชฺชนโต, วิกปฺปนาทิสมฺภวโต จ วิกปฺปนาย อาปชฺชตีติ นตฺถิ สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฺปฏิสิทฺธตฺตา, ตสฺมา ตานิ ทุกานิ ‘‘น ลพฺภนฺตี’’ติ น วุตฺตานิ. เอตฺถาห – ยา สา ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๒๓) วจนปฺปมาณโต ทุกฺกฏาปตฺติ สาธิตา, สา สฺจิจฺจ อปจฺจุทฺธรนฺตสฺส ยุชฺชติ, อสติยา เจ, กฺจิ, อนาปตฺติ. กตฺติกปุณฺณมาย ปจฺจุทฺธฏํ สฺจิจฺจ อวิกปฺปยโต ทุกฺกเฏน สห ปุนทิวเส นิสฺสคฺคิยํ, อสติยา อวิกปฺปยโต นิสฺสคฺคิยเมว อิธ ปมปฺตฺติยา. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนาปิ อธิฏฺานํ วิชหติ, ตสฺมา สา ตโต ปรํ วิกปฺเปตพฺพา’’ติ, เตเนตํ วิรุชฺฌติ, น เกวลํ อิทเมว, ‘‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ วิรุชฺฌติ. ตโต ปรํ นาม หิ เหมนฺตํ, ตตฺถ เจ ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปี’’ติอาทิ น ยุตฺตํ อธิฏฺานาภาเวน ปจฺจุทฺธาราภาวโต. อวิโรโธ จ อิจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมา ‘‘ปจฺจุทฺธรณํ วตฺตมตฺต’’นฺติวาโท เอตฺถาปิ สมฺภวตีติ เจ? น, กุรุนฺทิ วจนวิโรธโต. ตตฺถ หิ กตฺติกปุณฺณมาย ปจฺจุทฺธาโร วุตฺโต, ตสฺมา วสฺสานทิวสตฺตา สาธิฏฺานาวสา ปจฺจุทฺธรียตีติ น ปจฺจุทฺธาโร วตฺตมตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตโต ปร’’นฺติ ยาว ปุณฺณมา อธิปฺเปตา สิยา. ยถา จายํ วิกปฺโป, ตถา ‘‘วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ อาพาธวูปสเมนาปี’’ติ อิทมฺปิ อวสฺสํ ปจฺจุทฺธริตพฺพตาย วุตฺตํ สิยา. เอวฺจ สติ อิธ สมนฺตปาสาทิกาย ตทวจเนน สเมติ. อฺถา อิธปิ ตํ วตฺตพฺพํ สิยาติ ยถาวุตฺโตว วิธิ เอตฺถ สมฺภวติ, กิฺจาปิ สมฺภวติ, ทุวิฺาปยสฺส ปน โลกสฺส สุวิฺาปนตฺถํ วุตฺตา. ยสฺมา ปน สา วสฺสานาติกฺกเมน อธิฏฺานํ วิชหติ, เหมนฺตปมารุเณ จ อปจฺจุทฺธารปจฺจยา ทุกฺกฏา สาธิตา, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมายเมว ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา, อวิกปฺปิตาย ‘‘นิสฺสคฺคิยาปชฺชนเมวา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอตฺตาวตาปิ สนฺโตสํ อกตฺวา วินิจฺฉโย ปริเยสิตพฺโพ. โหติ เจตฺถ –

‘‘เอวํ อภาวํ วินยสฺส ปาฬิ,

ภินฺนํ อภินฺนฺจ ตทตฺถยุตฺตึ;

วิฺาตุกาเมน ตทตฺถวิฺู,

ปริเยสิตพฺพา วินเย วิฺายา’’ติ.

‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต วินาปิ ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วจเนน สุทินฺนํ โหติ. อิตโร เจ อธิวาเสติ, เตนาปิ สุคฺคหิตํ โหติ, โน เจ อธิวาเสติ, เทนฺเตน สุทินฺนํ. ตํ ปน วตฺถุ น กสฺสจิ โหติ. ตถา ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สามิโก เจ อธิวาเสติ, วินาปิ ‘‘คณฺหาหี’’ติ วจเนน สุคฺคหิตํ. โน เจ อธิวาเสติ, สามิกสฺเสว ตํ, น หิ ตสฺเสตํ วินยกมฺมนฺติ เอตฺถ วินยกมฺมสฺสตฺถาย เจ คณฺหาติ, น วฏฺฏติ. น เกวลํ อตฺตโน อตฺถาย คหิตํ, ปุน ตสฺสปิ เทติ, วฏฺฏตีติ จ. ตถา อนเปกฺโข หุตฺวา ปรสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน เตน ทินฺนํ วา ตสฺส วิสฺสาสนฺโต วา ปริภุฺชติ, วฏฺฏติ. ตตฺถาปิ วินยกมฺมวเสน น วฏฺฏตีติ เอเก. เต เอว ‘‘มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรตี’’ติ เอตฺถ ‘‘ติจีวเร ทีฆโต วิทตฺถิ อนติกฺกมิตฺวา ฉินฺทิตฺวา กโรติ, เอวํ เสเสสุปี’’ติ วทนฺติ. เอวรูเปสุ าเนสุ โปราณาจริยานํ กถามคฺคํ สุฏฺุ อาจริยกุลเสวนาย สฺชานิตฺวา เตน สํสนฺทิตฺวา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา โสตูนฺจ จิตฺตํ อวิโมเหตฺวา กเถตพฺพํ. เอสา อมฺหากํ อายาจนา.

ปมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๗๑. สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติ. กสฺมา? กิฺจาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ, โย ปวิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๖๒) ปมํ วุตฺตํ. ปจฺฉา ปน ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา สงฺฆาฏิยา นิกฺเขปาย, อุตฺตราสงฺคสฺส, อนฺตรวาสกสฺส นิกฺเขปาย คิลาโน วา โหติ, วสฺสิกสงฺเกตํ วา, นทีปารํ คนฺตุํ วา, อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา, อตฺถตกถินํ วา โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายมฺปิสฺส ‘‘ปฺจสุ เปเตสุ อคฺคฬคุตฺติ เอว ปมาณํ. คุตฺเต เอว หิ วิหาเร นิกฺขิปิตฺวา พหิ คนฺตุํ วฏฺฏติ, นาคุตฺเต’’ติ วุตฺตตฺตา อปฺตฺเตปิ กถิเน ‘‘เต ภิกฺขู อคฺคฬคุตฺติวิหาเร เปถา’’ติ วตฺวา สภาคานํ หตฺเถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน คามปฺปเวเส ลทฺธกปฺปิยา ชนปทจาริกํ ปกฺกามึสูติ เวทิตพฺพํ.

๔๗๓. อวิปฺปวาสสมฺมุตินฺติ อวิปฺปวาสตฺถํ, วิปฺปวาสปจฺจยา ยา อาปตฺติ, ตทภาวตฺถํ วา สมฺมุตึ ทาตุนฺติ อตฺโถ. ตโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. กิตฺตกํ กาลํ วฏฺฏตีติ? มาสํ วา อติเรกํ วา ยาว คมเน สอุสฺสาโห, ตาว วฏฺฏติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺเตน ปจฺจุทฺธริตพฺพ’’นฺติ. ปุน สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถีติ สเจ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺโ โรโค โหติ, วฏฺฏติ, อุปสมฺปทกมฺมํ วิย ยาวชีวํ เอกาสมฺมุติ วฏฺฏตีติ จ.

‘‘กตํ วา โหตี’’ติอาทิ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท น วตฺตพฺพํ, กสฺมา? กรณปลิโพเธ อุปจฺฉินฺเนปิ อนธิฏฺิตจีวรโต วิปฺปวาสปจฺจยา อาปตฺติยา อสมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติ ภิกฺขุโน จีวรํ อธิฏฺิตํ โหตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ตทายตฺตตฺตา. อธิฏฺานฺหิ กรณปลิโพธสฺส นิฏฺาปนายตฺตํ, ตสฺมา ‘‘กตํ วาติอาทิ วุตฺต’’นฺติ จ วุตฺตํ. ตตฺถ กตนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตเมว.

๔๗๗-๘. อวิปฺปวาสลกฺขณววตฺถาปนตฺถนฺติ เอตฺถ ‘‘อนฺโตคาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตคาเม วตฺถพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต อวิปฺปวาสลกฺขณํ ววตฺถาปิตํ, ตพฺพิปรีตนเยน วิปฺปวาสลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. คาโม เอกูปจาโรติอาทิมฺหิ ปน เปตฺวา สตฺถํ, รุกฺขมูลํ, อชฺโฌกาสฺจ เสเสสุ ปริกฺเขปาปริกฺเขปวเสน เอกูปจารนานูปจารตา เวทิตพฺพา. ยสฺมา ปน สตฺถํ ทุวิธํ นิวิฏฺํ, อนิวิฏฺฺจ, เตสุ อนิวิฏฺํ เอกกุลสฺส วา นานากุลสฺส วา อปริกฺขิตฺตเมว โหติ, นิวิฏฺํ สิยา ปริกฺขิตฺตํ, สิยา อปริกฺขิตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ ปริกฺเขปาทิวเสน อทสฺเสตฺวา อพฺภนฺตรวเสน วุตฺโต. ตถา อพฺโภกาเส. รุกฺขมูเล ฉายาวเสน. อฺถา ‘‘สตฺโถ เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทิ อุทฺเทสวิโรโธ สิยา วิภงฺเค อทสฺสิตตฺตา, ตสฺมา สตฺถสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ สตฺตพฺภนฺตรา, ปสฺสโต จ เอกพฺภนฺตรนฺติ อยเมกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร. ตถา รุกฺขมูลสฺส ยตฺถ มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, อยํ เอกูปจาโร. อิตโร นานูปจาโร. กสฺมา? ตตฺถ หิ ปริกฺเขโป อปฺปมาณํ. ฉายาว ปมาณํ. อชฺโฌกาสสฺส ปาฬิยํ วุตฺโตว. ‘‘สตฺถาทีนํ เอกกุลสนฺตกวเสน เอกูปจารตา’’ติ ลิขิตํ, ตสฺมา นิเวสเน, อุโทสิเต จ วุตฺตปริจฺเฉโทว อฏฺฏาทีสูติ กตฺวา สํขิตฺตํ. ตโต ปรํ เขตฺตธฺกรณอารามวิหาเรสุ ปน ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺต-ปทํ ปุน อุทฺธฏํ สตฺถวิภงฺเคน อธิการสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา. ‘‘นานาคพฺภา’’ติอาทิวจนํ ปน อสมฺภวโต เขตฺตธฺกรณอาราเมสุ น อุทฺธฏํ. วิหาเร สมฺภวนฺตมฺปิ ตตฺถ ปจฺฉินฺนตฺตา น อุทฺธฏํ. กุลํ วุจฺจติ สามิโก, ตสฺมา ‘‘เอกกุลสฺส นานากุลสฺสา’’ติ อิมินา คามาทีนํ จุทฺทสนฺนํ จีวรนิกฺเขปฏฺานานํ สาธารณาสาธารณภาวํ ทีเปติ. อชฺโฌกาสสฺส ปน อสมฺภวโต น วุตฺตํ. ยสฺมา ปเนตฺถ เอกกุลสฺส, นานากุลสฺส จ อปริกฺขิตฺเตสุ คามาทีสุ ปริหารวิเสโส กิฺจาปิ นตฺถิ, ปริกฺขิตฺเตสุ ปน อตฺถิ, ตสฺมา เอกนานากุลคฺคหณํ, เอกนานูปจารคฺคหณฺจ สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถปิ อยํ วิเสโส – สตฺเถ, รุกฺขมูเล จ กุลเภทโตว เภโท, โนปจารเภทโต. อชฺโฌกาเส อุปจารเภทโต จ, โส ปน ปาฬิยํ น ทสฺสิโตติ. ‘‘ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวาติ วจนโต อากาเสปิ อฑฺฒเตยฺยรตนปฺปมาเณ โทโส นตฺถี’’ติ วทนฺติ.

๔๗๙. ‘‘สภา’’ติ อิตฺถิลิงฺคํ. ‘‘สภาย’’นฺติ นปุํสกลิงฺคํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ลิงฺคพฺยตฺตนเยนา’’ติ. นปุํสกลิงฺคทสฺสนตฺถํ กิร ‘‘สภาย’’นฺติ ปจฺจตฺตวเสน นิทฺทิฏฺํ, ตสฺส อนุปโยคตฺตา ‘‘ทฺวารมูล’’นฺติปิ. อตฺตโน นิกฺขิตฺตฏฺาเน อนิกฺขิตฺตตฺตา วีถิหตฺถปาโส น รกฺขติ, ยสฺมึ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ ฆเร วตฺถพฺพํ. ‘‘สภาเย วา วตฺถพฺพํ ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. ‘‘หตฺถปาเสเยว อรุณํ อุฏฺเปตพฺพ’’นฺติ นิยมิตตฺตา ชานิตุํ น สกฺกาติ เจ? อนฺโตฆเร น สกฺกา, ตถา ตถา วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ยุตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. อยมตฺโถ อฏฺกถายมฺปิ ปกาสิโต, ปุนปิ ขุทฺทกคาเม สพฺพสาธารณคามทฺวารวเสน. สเจ ตสฺส ทฺวารทฺวยํ โหติ, มชฺเฌ จ ฆรสภายํ, ยตฺถิจฺฉติ, ตตฺถ วสิตพฺพ’’นฺติ.

๔๘๐-๑. ยานิ นิเวสนาทีนิ คามสงฺขฺยํ น คจฺฉนฺติ, ตานิ นิเวสนาทีนีติ อธิปฺเปตานิ. อชฺโฌกาเส อปริสงฺกิตมฺปิ จีวรํ อติเรกสตฺตพฺภนฺตเร นิกฺขิตฺตํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, เอตฺถ อนฺโตสีมตา น รกฺขติ, สตฺเถ ปน รกฺขติ. ‘‘นทีปริหาโร จ ลพฺภตี’’ติ วจนโต อุทกุกฺเขปสีมายํ ปริหาโร ลพฺภตีติ สิทฺธํ. สามนฺตวิหาโร เจ เอกสีโม, จีวรํ น นิสฺสคฺคิยํ.

อิทานิ –

‘‘ฉินฺนํ ธุตงฺคํ สาสงฺก-สมฺมโต สนฺตรุตฺตรํ;

อจีวรสฺสานาปตฺติ, ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต’’ติ. –

อิทํ ปกิณฺณกํ, ตตฺถายํ โจทนาปุพฺพงฺคโม วินิจฺฉโย – เกจิ ‘‘ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) วจนโต ‘‘เอกจฺจิกา สงฺฆาฏิปิ นาธิฏฺาตพฺพา. สเจ อธิฏฺาติ น รุหตี’’ติ วตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขานมฺปิ ทิคุณเมว สงฺฆาฏึ ทตฺวา อุปสมฺปาเทนฺติ, เต อิมินา สุตฺตเลเสน สฺาเปตพฺพา. ภควตา หิ ‘‘ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ ปมํ อนุฺาตํ. ตโต ‘‘อฺตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กริยมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อจฺฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว อจฺฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๖๐) อนุฺาตํ, ตสฺมา เอกจฺจิกาปิ สงฺฆาฏิ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ยา ฉิชฺชมานา นปฺปโหติ, ตสฺสา กุโต ทิคุณตาติ. อฏฺกถายมฺปิสฺส วุตฺตํ ‘‘อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ อาคนฺตุกปตฺตมฺปิ ทาตุํ. อิทํ ปน อปฺปโหนเก อาโรเปตพฺพํ. สเจ ปโหติ, อาคนฺตุกปตฺตํ น วฏฺฏติ, ฉินฺทิตพฺพเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๐). กถินํ ปน ฉินฺนกเมว วฏฺฏติ อาเวณิกลกฺขณตฺตา, ‘‘ฉินฺนกํ ทิคุณํ นปฺปโหตี’’ติ วจนาภาวโต จาติ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพํ.

ธุตงฺคนฺติ อนุปสมฺปนฺนานํ เตจีวริกธุตงฺคาภาวโต ติจีวเรเนว เตจีวริโกติ. เตสํ อธิฏฺานาภาวโต ‘‘อธิฏฺิเตเนวา’’ติ วตฺตพฺพํ โหตูติ เจ? น, ธุตงฺคเภเทน วิโรธปฺปสงฺคโต. จตุตฺถจีวรสาทิยเนน หิ ธุตงฺคเภโท, น ติจีวรวิปฺปวาเสน, นาปิ อติเรกจีวรสาทิยเนน, นาปิ อติเรกจีวรธารเณน. ยสฺมา ปน ภิกฺขูนํเยว ภควตา อธิฏฺานวเสน นว จีวรานิ อนุฺาตานิ, ชาติวเสน จ วุตฺตานิ, น เอวํ อนุปสมฺปนฺนานํ. ตสฺมา เตสํ จีวรนิยมาภาวา น ตํ ธุตงฺคํ อนุฺาตํ คหฏฺานํ วิย, ตสฺมา ตสฺส สมาทานวิธาเน อวจนโต จ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพํ.

สาสงฺกสมฺมโตติ กงฺขาวิตรณิยํ สาสงฺกสิกฺขาปเท วิสุํ องฺคานิ น วุตฺตานิ, ‘‘เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, น จ ปเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถ รตฺติวิปฺปวาโส จตุตฺถํ องฺคํ, อิธ ฉารตฺตวิปฺปวาโส, อยเมตฺถ วิเสโสติ, ตสฺมา องฺคสามฺโต, สมฺมุติสามฺโต จ สาสงฺกสิกฺขาปทเมว วทนฺติ. อิทํ นิปฺปเทสํ, ตํ สปฺปเทสํ มาสปรมตฺตา. ตตฺถ พหิคาเมปิ คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิธ น ตถา, อิธ อนนฺตเร อนนฺตเร อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ สตฺตเมติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วิเสโส. องฺคานิ ปน จีวรนิกฺเขปงฺคสมฺปตฺติโต วิปริยาเยน, อิธ วุตฺตนเยน จ สิทฺธตฺตา น วุตฺตานิ. ตานิ กามํ น วุตฺตานิ, ตถาปิ จตุตฺถมงฺคํ วิเสสิตพฺพํ, น ปน วิเสสิตํ. กึการณา? อิธ วุตฺตนิสฺสชฺชนกฺกเมน นิสฺสชฺเชตฺวา อาปตฺติเทสนโต, ตตฺถาปนฺนาปตฺติวิโมกฺขทีปนตฺถํ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว, ปเคว ฉารตฺตํ วิปฺปวุตฺถํ. เอวํ สนฺเตปิ ตตฺถ ยถาวุตฺตองฺคสมฺปตฺติยา สติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เหมนฺเต วา คิมฺเห วา นิสฺสชฺชติ เจ? อิธ วุตฺตนเยนาปิ นิสฺสชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ าปนตฺถํ จตุตฺถํ องฺคํ น วิเสสิตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. มาสาติกฺกนฺตมฺปิ จีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสฏฺเมว. ทฺวเยน อูนมาสํ หุตฺวา ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา มาสาติกฺกนฺตนฺติ เอเก. ตถาปิ สเจ ปจฺจาสาจีวรํ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา, มูลจีวรํ ปน ‘‘มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสชฺชิตพฺพํ.

‘‘สนฺตรุตฺตร’’นฺติ วา ‘‘สงฺฆาฏิ’’นฺติ วา ‘‘จีวร’’นฺติ วา กึ ติจีวรํ, อุทาหุ อฺมฺปีติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ติจีวรเมว ปฏิสิทฺธํ, ปริยาปนฺนวเสน อจฺฉินฺนจีวรจฺฉินฺทนโธวาปนวิฺตฺติอาทิวิโรโธ. อถ อฺมฺปิ, ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอวมาทินา วิโรโธติ? วุจฺจเต – น นิยมโต เวทิตพฺพํ ยถาสมฺภวํ คเหตพฺพโต. ตถา หิ ‘‘จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ (ปารา. ๔๗๑) เอวมาทีสุ ติจีวรเมว. ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ, สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาธิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทีสุ ยํกิฺจิ, ตถา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, สงฺฆาฏิ ทาตพฺพา, หนฺท เต, อาวุโส, สงฺฆาฏิ, เทหิ เม ปฏนฺติอาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตฏฺเน ‘สงฺฆาฏี’ติ วุจฺจตี’’ติ. ตถา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตฺถาปีติ เอเก. อนฺโตสมเย หิ ยาวทตฺถํ จีวรํ อนุฺาตํ, ตํ สพฺพํ กริยมานํ กทา นิฏฺานํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา ติจีวรเมวาติ เอเก. อจีวรสฺสานาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโตติ กึ วุตฺตํ โหติ? อุโทสิตสิกฺขาปทสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต ติจีวรวิปฺปวาเส เตจีวรสฺส อาปตฺตีติ เอเก. ตตฺเถตํ วุจฺจติ น โหติ อาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต. ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตอรุเณ ปจฺจุทฺธรติ, วิสฺสชฺเชตี’’ติ หิ วุตฺตํ. อฺถา ปจฺจุทฺธรนฺตสฺส, อนฺโตอรุเณ วิสฺสชฺเชนฺตสฺส จ ยาว อฺโ นาธิฏฺาติ, ตาว อาปตฺตึ อาปชฺชติ ยถาวุตฺตนเยน. อฺถา สตฺตพฺภนฺตเรน วิปฺปวาสสฺสาติ วิปฺปวาสโต ยถารุตํเยว สติ วิปฺปวาเส วิปฺปวาสโต อวิปฺปวาเส สติ อวิปฺปวาสโตติ.

อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๙๗. นปฺปโหตีติ ลามกปริจฺเฉทํ น ปาปุณาติ, เตเนว ติจีวรสฺส มุฏฺิปฺจกาทิลามกปริจฺเฉโทว ตาว วุตฺโต. จีวเร ปจฺจาสา จีวรปจฺจาสา. เตเนตํ ทีเปติ – ตํ จีวรํ ปจฺฉา ลพฺภตุ วา มา วา, ยาว สา ปจฺจาสา ฉิชฺชติ, ตาว อิทํ มูลจีวรํ เปตุํ อนุชานามีติ. ‘‘จีวรปจฺจาสา’’ติ มริยาทตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ, ภุมฺมตฺเถ วา ปจฺจตฺตวจนํ กตํ.

๔๙๙-๕๐๐. นิฏฺิตจีวรสฺมึ …เป… จีวราสา วา อุปจฺฉินฺนาติอาทิมฺหิ ตีสุ จีวเรสุ อฺตรํ กตํ โหติ, เสสา อตฺถิ, รกฺขติ. จีวรปลิโพธสฺส อุปจฺเฉเท, อุพฺภตสฺมิฺจ กถิเน สมเย วา เหมนฺตสฺส สมเย วา อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺย, ขิปฺปเมว กาเรตพฺพํ. สติ ปาริปูริยา ปจฺจาสา น รกฺขติ, อสติ นตฺถิ เจ ปจฺจาสา, น รกฺขติ. ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ วจนโต อปรกตฺติกา อตฺถเต วา อนตฺถเต วา สมโยว. เหมนฺโต สิยา สมโย อตฺถเต, สิยา อสมโย อนตฺถเต. ตโต ปรํ เอกํสโต อสมโย วาติ. ‘‘อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ อิทํ อิธ อลพฺภมานมฺปิ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ ภิกฺขุนีนํ ทุติยนิสฺสคฺคิเย (ปาจิ. ๗๓๘ อาทโย) เสสํ อกาลจีวรํ วิย. ตตฺถ หิ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ‘‘สมฺปตฺตา ภาเชนฺตู’’ติ เอวํ อาทิสฺส ทินฺนเมว ‘‘อกาลจีวรํ กาลจีวร’’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ภาเชนฺติยา นิสฺสคฺคิยํ. ตถา หิ ตตฺถ ยถา ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ อิทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ, เอวํสมฺปทมิทํ. ยทิ เอวํ ‘‘เอกปุคฺคลสฺส อิทํ ตุยฺหํ ทมฺหีติ ทินฺน’’นฺติ อิทํ กิมตฺถํ วุตฺตํ, น หิ ตํ ภาชนียนฺติ เจ? อภาชนียสามฺโต วุตฺตํ โหติ. ยถา สงฺฆสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ อตฺถตกถิเนหิ เอว ภิกฺขูหิ อภาชนียตฺตา อกาลจีวรํ นาม ชาตํ, เอวํ ปุคฺคลิกมฺปิ อิตเรหีติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตปิ กสฺสจิ สิยา ‘‘อาทิสฺส ทินฺนมฺปิ ทสาหเมว ปริหารํ ลภตี’’ติ. ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ. ปมกถิเน ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทฺหิ นิรตฺถกนฺติ. อนุพฺภตสฺมิมฺปิ หิ กถิเน ทสาหปรมเมว ธาเรตพฺพนฺติ วิฺาตตฺตา อนาทิสฺส ทินฺนเมว สนฺธาเยตํ วุตฺตํ สิยาติ เจ? เอวํ สนฺเตปิ อนาทิสฺส ทินฺนมฺปิ อนตฺถตกถินานํ อปรกตฺติกาย ทสาหเมว ปริหารํ ลภติ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตตฺตา. อามนฺตาติ เจ? ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ วจเนน วิรุชฺฌติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนเวตฺถ สนฺนิฏฺานํ คนฺตพฺพํ.

อนุคณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘ปมสิกฺขาปเท สพฺพจีวรานํ ยาวทตฺถจีวรวเสน กถินมาสพฺภนฺตเร ทสาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ ปริหารสฺส ทินฺนตฺตา. ยถา กถินมาสพฺภนฺตเร อาทิสฺส ทินฺนมกาลจีวรํ กาลจีวรปริหารเมว ลภติ, ตถา อิตรมาเสปิ ลภตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา เอวํ ‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว จีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติอาทินา สิกฺขาปเท สิทฺเธปิ อนตฺถตกถินานํ ปจฺฉิมกตฺติกมาสํ อนุชานนฺเตน ‘อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อวุตฺเต อกาลจีวรํ นาม ‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ. เอวฺหิ วจนโต อนตฺถตกถินานํ อตฺถตกถินานํ วิย สพฺพจีวรานํ ปจฺฉิมกตฺติกมาเส ทสาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ น โหตี’’ติอาทิ.

ภิยฺโยปิ เอวํ วุตฺตํ – ยํ ปน มยา ‘‘ปมกถิเน ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ อนุฺาตํ, ตมฺปิ กถินมาสโต พหิ อุปฺปนฺนเมว, น อนฺโตติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหติ. กถํ? อติเรกจีวรสฺส ทสาหปริหารโต อุทฺธํ อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อนุปฺตฺติยา กถินพฺภนฺตเร วาเรตฺวา ตโต อุทฺธํ อุปฺปนฺเนสุ ทสาหาติกฺกเม อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ อิมินา สิกฺขาปเทน วาเรตุํ ‘‘อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ วจนโต กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ทสาหปริหารํ น ลภตีติ ทีปิตํ โหติ, เตหิ สทฺธึ ปุน กถินุพฺภารโต อุทฺธํ ปฺจ ทิวสานิ ลภตีติ ปสงฺโคปิ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺย…เป… ขิปฺปเมว กาเรตพฺพ’’นฺติ อกาลจีวรสฺส อุปฺปตฺติกาลํ นิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา นิวาริโต โหติ, ตทุภเยน กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินุพฺภารโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภตีติ สิทฺธํ โหติ. เอวํ อปเร วทนฺตีติ.

ปุนปิ วุตฺตํ – อาจริยา ปน เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ เอตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วทนฺโต เอวํ วิฺาเปติ ‘‘เอตฺถนฺตเร ติณฺณนฺนมฺปิ อกาลจีวรานํ อุปฺปตฺติ อภาว’’นฺติ. กสฺมา ปน ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ? วุจฺจเต – อิทํ สิกฺขาปทํ อธิฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, กินฺตุ ปเม ทสาหํ อนุชานิตฺวา ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต สเจ ปจฺจาสา อตฺถิ, ตเมว วฑฺเฒตฺวา มาสํ อนุชานนฺโต อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทีเปติ อกาลจีวรํ นาม สมฺมุขีภูเตน ภาเชตพฺพนฺติปิ ทีเปติ. ตํ ปน ‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิกฺขาปเทน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตนฺติ, ตสฺมา ตีณิปิ ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ.

‘‘ขิปฺปเมว กาเรตพฺพนฺติ ทสาหา กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปโหนกภาเว ปุริมสิกฺขาปทลกฺขเณนาติ ทีเปตุํ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘เอวํ สีฆนฺติ วา ลหุนฺติ วา’’ติอาทินา อวตฺวา ‘‘ทสาหา’’ติ วุตฺตํ. อตฺถตกถินสฺส เอวํ โหตุ, อนตฺถเต ปน กถิเน กถนฺติ วุตฺเต อนตฺถตสฺส ปฏิกฺเขปตํ ทสฺเสตีติ วุตฺโต อปสฺสนฺโต วิฆาตํ อาปชฺชตีติ. เอกตึเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยนฺติ มหนฺเตนปิ ปจฺจาสาจีวเรน สห ฆฏิตมฺปิ ตพฺภาวํ อนุปติตฺวา นิสฺสคฺคิยํ โหติ สติ ปจฺฉิมปฺปมาณสมฺภเว, อสติ น โหติ, ปุน ฆฏิเต โหติ, อฺเน ฆฏิเต น โหติ. ฉินฺนํ อฺวตฺถุ โหติ. ปุพฺพปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตํ ฆฏิตํ ปุน อฺปริจฺเฉทํ ลภตีติ เอเก, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ปน ‘‘สงฺฆสฺส วา อิทํ อกาลจีวรนฺติ อุทฺทิสฺส ทินฺน’นฺติ เอตฺถ สงฺฆสฺส ทินฺเน อาปตฺติ นาม นตฺถิ, ‘โสตสฺส รโห’ติอาทีสุ วิย ปทุทฺธาเรน วุตฺตํ, ตสฺส ลาภํ สนฺธายาติ เจ? สงฺฆโต วา อุปฺปชฺเชยฺยาติ อเนน สิทฺธตฺตา อธิกเมวา’’ติ จ ‘‘สงฺโฆ จีวรานิ ลภิสฺสติ คโณ วา’ติอาทินาปิ ปาโ อตฺถี’’ติ จ วุตฺตํ. คณฺิปเท โกสลฺลตฺถํ ปน มยา สพฺพํ ลิขิตํ, สุฏฺุ วิจาเรตฺวา กเถตพฺพํ.

ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๐๓-๕๐๕. ภตฺตวิสฺสคฺคนฺติ ภตฺตกิจฺจาธิฏฺานํ. ภตฺตกิจฺจาธิฏฺานวิภาคนฺติ โปราณา. ตตฺถ นาม ตฺวนฺติ ตตฺถ ตยา กตกมฺเม เอวํ อกตฺตพฺเพ สติ โธวาปิสฺสสิ นาม. อถ วา โส นาม ตฺวนฺติ อตฺโถ. อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปทาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ตทนุปสงฺคภยา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปุราณจีวร’’นฺติ เอตฺถ ปุราณภาวทีปนตฺถเมว ‘‘สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ วจนสฺส โอกาโส น ชาโตติ เอเก. ยสฺมา วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ อิธ นาธิปฺเปตํ, นิวาสนปารุปนุปคเมวาธิปฺเปตํ, เตเนว นิสีทนปจฺจตฺถรเณ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตสฺมา น วุตฺตนฺติ เอเก. ชาติปฺปมาณาวจนโต ยํ กิฺจิ ปุราณวตฺถํ โธวาเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยเมว, เตเนว ‘‘อนาปตฺติ จีวรํ เปตฺวา อฺํ ปริกฺขารํ โธวาเปตี’’ติ วุตฺตํ. ถวิกมฺปิ หิ อสุจิมกฺขิตํ ปริภุตฺตํ โธวาเปติ, นิสฺสคฺคิยเมว โอฬาริกตฺตา, อปฺปติรูปตฺตา จ. เตเนว กงฺขาวิตรณิยํ อิมสฺมึ าเน จีวรปริจฺเฉโท น วุตฺโตติ เอเก, วิจาเรตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. ‘‘รชิตฺวา กปฺปํ กตฺวาติ กปฺปิยํ กตเมว นิวาเสตุํ, ปารุปิตุํ วา วฏฺฏติ, เนตร’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา จ มชฺฌิมตฺเถรวาโท อุปตฺถมฺภิโต โหติ, โนปตฺถมฺภิโต. รชิตฺวาติอาทิ ปน วินยวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ มม ตกฺโก. ยถา อฺาติกาย อฺาติกสฺีวาเร ตีณิ จตุกฺกานิ, เอวํ เวมติกาติกวาเรสุ จาติ นว จตุกฺกานิ โหนฺติ. เอตฺถาห – เอกวารํ โธวิตฺวา โธวเนสุ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุน ‘‘ทุทฺโธต’’นฺติ มฺมานา โธวติ, อนาปตฺติยา ภวิตพฺพํ, ทุติยวารํ อวุตฺตา โธวติ นาม โหตีติ? วุจฺจเต – สเจ ภิกฺขุ ‘‘อลํ เอตฺตาวตา โธเตนา’’ติ ปฏิกฺขิปติ, ปุน โธวนฺตี อวุตฺตา โธวติ นามาติ ยุชฺชติ. โน เจ, วุตฺตาว โหตีติ เวทิตพฺพํ. ภิกฺขุสฺส ลิงฺคปริวตฺตเน เอกโตอุปสมฺปนฺนาย วเสน อาปตฺติ สากิยานีนํ วิย.

๕๐๖. เอเกน วตฺถุนาติ เยน เกนจิ ปเมน. ‘‘ติณฺณํ จตุกฺกานํ วเสนา’’ติ ปาโ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อฏฺวาจิกาย อุปสมฺปนฺนาย ปากฏตฺตา ตํ อวตฺวา สากิยานิโยว วุตฺตา อปากฏตฺตา.

ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จีวรปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๐๘-๕๑๐. อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ เอตฺถ ‘‘คณมฺหา โอหียนสิกฺขาปเท’’ติ ลิขิตํ. อรฺวาสีนิเสธนสิกฺขาปเท อปฺตฺเตติ เอเก, ‘‘ตํ น สุนฺทร’’นฺติ วทนฺติ. วิหตฺถตายาติ อายาเสน.

๕๑๒. อุปจาโรติ ทฺวาทสหตฺโถ. มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ วุตฺตนฺติ เอตฺถ รตฺติภาเค ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุโน พหูสุ จีวเรสุ มหาชเนน ปสาททานวเสน ปฏิกฺขิตฺเตสุ ปุนทิวเส ‘‘อุปาสกานํ ปสาททานานิ เอตานี’’ติ สุทฺธจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, ‘‘ภิกฺขุนีหิปิ ทินฺนานิ อิธ สนฺตี’’ติ ตฺวา คณฺหโต โทโส. ตํ อจิตฺตกภาเวนาติ ภิกฺขุนีหิ ทินฺนภาวํ ตฺวา พหูสุ ตสฺสา จีวรสฺส อชานเนนาติ อตฺโถ. ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘ภิกฺขุนีหิ นุ โข ทินฺนํ สิยา’’ติ อวิกปฺเปตฺวา ‘‘ปํสุกูลํ คณฺหามี’’ติ คณฺหนฺตสฺส วฏฺฏติ. กุรุนฺทิอาทีสุ วุตฺโตปิ อตฺโถ อยเมว, เอกํ, ‘‘อจิตฺตกภาเวนา’’ติ วจเนน ‘‘ยถา ตถา คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อุปฺปโถว ปฏิเสธิโตติ อปเร. เอวํ ธมฺมสิริตฺเถโร น วทติ, อุชุกเมว วทตีติ ปปฺจิตํ. ตสฺเสว วิสโย, ตสฺสายํ อธิปฺปาโย – ยถา ‘‘ปํสุกูลํ คณฺหิสฺสตีติ ปิตํ กามํ ภิกฺขุนิสนฺตกมฺปิ อวิกปฺเปตฺวา ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตถา ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุนิยา ทินฺนมฺปิ อปฺายมานํ วฏฺฏตีติ, ตสฺมา ตํ วุตฺตํ มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ อจิตฺตกภาเวน น สเมตีติ. ปฏิกฺเขโป ปน วิกปฺปคฺคหเณ เอว รุหติ. อฺถา ปุพฺพาปรํ วิรุชฺฌตีติ. ตํ น ยุตฺตํ ปํสุกูเลน อสมานตฺตา. ปํสุกูลภาเวน สงฺการกูฏาทีสุ ปิตํ ภิกฺขุนีหิ, น ตํ ตสฺสา สนฺตกํ หุตฺวา ิตํ โหติ. อสฺสามิกฺหิ ปํสุกูลํ สพฺพสาธารณฺจ, อฺโปิ คเหตุํ ลภติ. อิทํ ปุพฺเพว ‘‘ภิกฺขุนีนํ จีวร’’นฺติ ชานิตฺวาปิ ปํสุกูลิโก คเหตุํ ลภติ ตทา ตสฺสา อสนฺตกตฺตา. ‘‘ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา’’ติ สลฺเลขกฺกมนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. มํสํ ททนฺเตน ตถาคเตน สลฺเลขโต กปฺปิยมฺปิ ภุตฺตํ นิสฺสคฺคิยํ จีวรมาห โย มํสํ กถนฺติ สยมาทิเสยฺยาติ.

อจิตฺตกตฺตา กถํ ปํสุกูลํ วฏฺฏตีติ เจ? ตาย ตสฺส อทินฺนตฺตา, ภิกฺขุนาปิ ตโต ภิกฺขุนิโต อคฺคหิตตฺตา จ. อสฺสามิกมฺปิ หิ ปํสุกูลํ อฺิสฺสา หตฺถโต คณฺหาติ, น วฏฺฏติ ‘‘อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรํ ปฏิคฺคณฺเหยฺยา’’ติ วุตฺตลกฺขณสมฺภวโต. อฺาติกาย สนฺตกํ าติกาย หตฺถโต คณฺหาติ, วฏฺฏตีติ เอเก. ยถา สิกฺขมานสามเณราทีนํ หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อนาปตฺติ, ตถา กงฺขาวิตรณิยฺจ ‘‘อฺาติกาย หตฺถโต คหณ’’นฺติ (กงขา. อฏฺ. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา) องฺคํ วุตฺตํ. ตถา าติกาย สนฺตกํ สิกฺขมานาย, สามเณริยา, อุปาสกสฺส, อุปาสิกาย, ภิกฺขุสฺส, สามเณรสฺส สนฺตกํ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต คณฺหนฺตสฺส จ อนาปตฺติ เอวํ ยถาวุตฺตลกฺขณาสมฺภวโตติ เอเก, เตเนว ‘‘เอกโตอุปสมฺปนฺนาย จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาตี’ติ อวตฺวา ‘หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ อฺตฺร ปาริวตฺตกา, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ (ปารา. ๕๑๓) วุตฺตํ, ตสฺมา อฺาติกาย สนฺตกมฺปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนาย หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, อุโภเปเต น สารโต ทฏฺพฺพา, การณํ ปริเยสิตพฺพํ.

๕๑๔. โก ปน วาโท ปตฺตตฺถวิกาทีสูติ อนธิฏฺาตพฺเพสุ พหูสุ ปฏเลสุ. เตเนวาห มาติกาฏฺกถายํ ‘‘ปตฺตตฺถวิกาทิมฺหิ อนธิฏฺาตพฺพปริกฺขาเร’’ติ. อธิฏฺานุปเคสุ วา เตสํ ปริกฺขารตฺตา ภิสิฉวิยา วิย อนาปตฺติ. กึ ปฏปริสฺสาวนํ ปริกฺขารํ น โหตีติ? โหติ, กินฺตุ ตํ กิร นิวาสนาทิจีวรสณฺานตฺตา น วฏฺฏติ. ตสฺมา อิธ นิวาสนาทิจีวรสาธนํ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ จีวรํ นาม. อนนฺตราตีเต นิวาสนปารุปนุปคเมวาติ สนฺนิฏฺานํ. เอวํ สนฺเต กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา) กปฺปนุปคปจฺฉิมตา, ปาริวตฺตกาภาโว, อฺาติกาย หตฺถโต คหณนฺติ ตีเณว องฺคานิ อวตฺวา อปริกฺขารตาติ จตุตฺถมงฺคํ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ, อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ปตฺตตฺถวิกาทิปริกฺขารสฺส อจีวรสงฺขฺยตฺตา. ปมกถินาทีสุ วิกปฺปนุปคตา ปมาณํ, อิธ กายปริโภคุปคตาติ. ‘‘อฺํ ปริกฺขาร’’นฺติ อุทฺธริตฺวา ‘‘ปตฺตตฺถวิกาทึ ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตตฺตา วิกปฺปนุปคมฺปิ ปตฺตตฺถวิกาทึ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ, ‘‘ปฏปริสฺสาวนมฺปี’’ติ วุตฺตฏฺาเน จ ‘‘จีวรํ นาม วิกปฺปนุปคปจฺฉิม’’นฺติ วจนโต ปฏปริสฺสาวนํ จีวรเมว, น ปริกฺขารํ. ‘‘โก ปน วาโทติ นิคมนวจนมฺปิ สาธก’’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ปณฺณตฺตึ อชานนโต อจิตฺตกํ, น วตฺถุํ, ‘‘อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา สนฺตกภาวาชานนโต, จีวรภาวาชานนโต จ อจิตฺตก’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ.

จีวรปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๑๕. ปริกฺขารานนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. เอกสาฏกนฺติ ภาวนปุํสกํ, ‘‘อฺาตโก โมฆปุริสา’’ติ วจเนน ปวาริโตปิ อทาตุกาโม อฺาตโก อปฺปวาริตฏฺาเน ติฏฺตีติ ทีปิตํ โหติ. อฺถา ‘‘อนาปตฺติ ปวาริตาน’’นฺติ อิมินา วิรุชฺฌติ.

๕๑๗. เนว ตาว วิฺาเปตพฺพํ, น ภฺชิตพฺพนฺติ อนจฺฉินฺนานํ จีวรานํ อตฺตโน สนฺตกานํ อตฺถิตาย, ตตฺถ ปจฺจาสาสพฺภาวโต จ. ปจฺจาสา กิตฺตกํ กาลํ รกฺขตีติ? ยาว คามนฺตรา, ยาว อทฺธโยชนาติ เอเก. ยาว ทสฺสนสวนูปจาราติ เอเก. ยาว อฺเ น ปสฺสนฺตีติ เอเก. ยาว ปจฺจาสา ฉิชฺชตีติ เอเก. ยาว สาขาปลาสปริเยสนภฺชนสชฺชนกาลปริจฺเฉทาติ เอเก. อิทํ สพฺพํ ยถาสมฺภวํ ยุชฺชติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘สเจ ปน เอเตสํ วุตฺตปฺปการานํ คิหิวตฺถาทีนํ ภิสิฉวิปริยนฺตานํ กิฺจิ น ลพฺภติ, เตน ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถาวจนโต.

น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานีติ น ตาว อตฺตโน รุจิยา ทาตพฺพานิ, ยทา เถรา ‘‘เทถาวุโส’’ติ วทนฺติ, ตทา ทาตพฺพานิ. ‘‘เอวํ สติ ทหราปิ อจฺฉินฺนจีวรฏฺาเน ติฏฺนฺติ, สาขาปลาสํ ภฺชิตุํ วฏฺฏติ, น อฺถา. ‘เยหิ เกหิจิ วา อจฺฉินฺนํ โหตี’ติ หิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริโย ปน เอวํ วทติ ‘‘อตฺตโน รุจิยาปิ ทาตุํ ลภนฺตี’’ติ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ‘‘ปริโภคชิณฺณํ วา’ติ เอตฺถ จ ‘อจฺฉินฺนจีวรานํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ อตฺตนา ติณปณฺเณหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ทินฺนจีวรมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตี’ติ วตฺตุํ ยุชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อถาปิ สิยา อาจริยาทีหิ ‘‘อาหราวุโส’’ติ วุตฺเตเยว, นาวุตฺเตติ, น, ‘‘เกหิจิ วา อจฺฉินฺน’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตเลสโต ทุติยเลสสฺส อวิเสสภาวปฺปสงฺคโตติ. อถ กิมตฺถํ ‘‘น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? ยาว เถรานํ อตฺถาย สาขาปลาสานิ ภฺชติ, ตาว น ทาตพฺพานิ, ตโต ตานิ เถรุทฺทิสฺสกานิ สาขาปลาสานิ สยํ ปริทหิตฺวา วินาปิ เถราณตฺติยา อตฺตโน รุจิยา ทาตพฺพานิ, ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ น โหติ สตฺถุนาปิ อนุฺาตตฺตา. ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตํ กปฺปิยเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘ตทลาเภ น ตฺเวว…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนวิโรธโต. เอตฺถาห – ทุกฺกฏภยา ปาจิตฺติยวตฺถุ เจ อติกฺกมิตพฺพํ, ตทลาเภ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ สงฺฆิกํ, ตทลาเภ ปาราชิกวตฺถุปิ อติกฺกมิตพฺพํ สิยาติ? น, ปาราชิกสฺส โลกวชฺชตฺตา. อปิจ น สพฺพํ ภูตคามํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว, ตโต ทุกฺกฏาทิวตฺถุปิ อตฺถิ, อนาปตฺติวตฺถุปิ กาโลทิสกํ, ตสฺมา อิทํ ตทา อนาปตฺติวตฺถุกนฺติ เวทิตพฺพํ. กิตฺตาวตา ภิกฺขุ อจฺฉินฺนจีวโร นฏฺจีวโร โหตีติ? เอตฺตาวตา นคฺโค โหตีติ เอเก. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมภาเวน, วิกปฺปนุปคปจฺฉิมมาทึ กตฺวา วิฺาเปนฺตสฺส อาปตฺตีติ เอเก. นิวาสนปารุปนุปคาภาเวนาติ เอเก. ติจีวราภาเวนาติ เอเก. สนฺตรุตฺตรปรมาภาเวนาติ เอเก. อยํ เอเกวาโท ยุตฺโต ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ หิ วจนโต, ตสฺมา สนฺตรุตฺตเร สติ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ วิฺาเปนฺตสฺส ปฏิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ. ยทิ เอวํ ‘‘วิฺาเปตฺวา ปฏิลเภยฺย นิสฺสคฺคิย’’นฺติ สิกฺขาปเทน ภวิตพฺพนฺติ เจ? ตนฺน, ตทตฺถสิทฺธิโต นานตฺถตฺตา ธาตูนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา หิ ‘‘ติกฺขตฺตุํ เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิฺาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๖) วุตฺเต ปวตฺเตสีติ อตฺโถ, ตถา อิธาปิ ‘‘จีวรํ วิฺาเปยฺยา’’ติ วิฺตฺติยา ปวตฺเตยฺย อุปฺปาเทยฺยาติ อตฺโถ.

เตน นิวตฺโถติ ตํนิวตฺโถ. อฺสฺส อลาเภน ตเมว ปริภุฺชโต ชิรติ, น เลเสน. อตฺตนาติ สยเมว วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา อยุตฺตปริโภเคน อปริภุฺชิตฺวา ยุตฺตปริโภควเสน ปริภุฺชโต ชิณฺณํ ปริโภคชิณฺณํ นาม. ตสฺส สภาคานํ อจฺฉินฺนกาเล ทานมฺปิ ยุตฺตปริโภเค เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิเม กิร ทฺเว เลสา อฏฺกถาโย, วาเจนฺตานํ อาจริยานํ มตนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร อาหา’’ติ วุตฺตํ.

๕๒๑. นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา น ลภตีติ ยถาสุขํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อนุวตฺตติ เอว. อตฺถาย กสฺส? ตสฺเสว อฺสฺส. ยถา อฺาตเก ติกปาจิตฺติยํ, ตถา อปฺปวาริเตปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘าตเก าตกสฺี’’ติ อิมินา สิทฺธตฺตา น นิจฺจํ เสสํ อาปชฺชติ. อปิเจตฺถ อฺาตกคฺคหเณน อปฺปวาริตคฺคหณํ โหติ, อปฺปวาริตคฺคหเณน อฺาตกคฺคหณํ, อฺาตกา หิ อปฺปวาริตา โหนฺติ. ตถา าตกคฺคหเณน ปวาริตคฺคหณํ โหติ, กตฺถจิ น โหติ. น ปวาริตคฺคหเณน าตกคฺคหณํ โหตีติ อิมสฺส อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา อปฺปวาริตาย จ จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติ. าติกาย ปน ปวาริตาย จ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, อนาปตฺติ. ตถา ปุราณจีวรํ าติกาย อนาปตฺติ, ปวาริตาย ปน ติกปาจิตฺติยเมว. าตกานฺจ เอกจฺจานํ ปุราณจีวรํ นาม ทาตุํ วฏฺฏติ, น ปวาริตานํ. ติกจฺเฉโท จ มาติกาปเทเนว โหติ, น อฺเน. ตตฺถาปิ เอเกเนว, น ทุติยาทีหีติ อยํ วินเย ธมฺมตา เวทิตพฺพา.

อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๒๒-๔. ปคฺคาหิกสาลํ วาติ ทุสฺสปสารํ วา. หตฺเถน ปคฺคเหตฺวา ตฺวา สาลายํ ปสาเรตพฺพทุสฺสํ ปสาเรนฺตีติ โจทนา. ติจีวริเกเนวาติ วินยติจีวริเกน. โส หิ อธิฏฺหิตฺวา ปิตปริกฺขารโจฬาทีสุ สนฺเตสุปิ ติจีวเร อจฺฉินฺเน สนฺตรุตฺตรปรมํ วิฺาเปตฺวา คเหตุํ ลภติ. อฺถาปีติ ‘‘ปมาณิกํ ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชโต ตสฺมึ นฏฺเ พหูนิปิ คเหตุํ ลภติ, น สนฺตรุตฺตรปรม’’นฺติ จ, ตสฺมา ตํ วิภาคนฺติ ‘‘ติจีวริกสฺส ตํ วิภาคนฺติ อตฺโถ, น ปริกฺขารโจฬิกสฺสา’’ติ จ เกจิ วทนฺติ. อาจริโย ปน ‘‘อฺเนาติ อติจีวริเกน, อฺถาติ อิโต วุตฺตคฺคหณปริจฺเฉทโต อฺเนา’’ติ เอตฺตกเมว วทติ. อฺถาติ ปน สเจ ตีณิปิ นฏฺานิ, สนฺตรุตฺตรปรมํ คณฺหิตพฺพํ, สเจ ทฺเว วา เอกํ วา นฏฺํ, เตน ‘‘อฺถาปี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอเก. คณฺิปเทสุ วิจารณา เอว นตฺถิ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรติ, สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา ตํสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วา.

๕๒๖. ‘‘ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ สลฺเลขทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตํ มิจฺฉา คเหตฺวา าตกาทิฏฺาเน ตทุตฺตริ คณฺหนฺตสฺส อาปตฺตีติ เจ? ตํ ปาฬิยา น สเมติ, ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ หิ ปาฬิ. เอตฺถ จ ปวาริตา นาม อจฺฉินฺนกาลโต ปุพฺเพ เอว ปวาริตา, น อจฺฉินฺนกาเล. ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา โย อจฺฉินฺนกาลสฺสตฺถาย ปวาเรติ, อุโภปิ อปฺปวาริตา เอวาติ เวทิตพฺพา. เต หิ อจฺฉินฺนการณา นฏฺการณาว เทนฺติ นาม. อปิจ ยถา ปิฏฺิสมเย สตุปฺปาทํ กตฺวา าตกปวาริตฏฺานโต วสฺสิกสาฏิกํ นิปฺผาเทนฺตสฺส เตน สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ, ตถา อิธาปิ าตกปวาริตฏฺาเนปิ อจฺฉินฺนนฏฺการณา น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘อฏฺกถาสุ ปมาณเมว วฏฺฏตี’ติ วุตฺตวจนเมว ปมาณ’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร อาห, ตํ อยุตฺตํ, กสฺมา? ยสฺมา อิทํ สิกฺขาปทํ ตทุตฺตริ วิฺาเปนฺตสฺส ปฺตฺตํ, ตสฺมิฺจ ‘‘อฺาตโก คหปติ วา คหปตานี วา’’ติ มาติกาย ปาฬิ, วิภงฺเค จ ‘‘อฺาตโก นาม มาติโต วา…เป… อสมฺพทฺโธ’’ติ ปาฬิ, อนาปตฺติวาเร จ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ ปาฬิ, ตสฺมา ติวิธายปิ ปาฬิยา น สเมตีติ อยุตฺตเมว, ตสฺมา เกวลํ สลฺเลขเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อปเร. อุปริ กาณมาตาสิกฺขาปเท อฏฺกถาสุ ปน ‘‘เตสมฺปิ ปาเถยฺยปเหณกตฺถาย ปฏิยตฺตโต ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘ปาฬิยา น สเมตี’’ติ วุตฺตํ, น ตตฺถ จ อิธ จ นานากรณํ ปฺายติ, ตสฺมา เถรสฺส ลทฺธิ สุนฺทรา วิย มม ขายติ, วีมํสิตพฺพํ. ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘เสสํ อุตฺตานตฺถเมวา’’ติ ปาโ. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ นิทานวิโรธโต น วุตฺตํ. ตถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยน ลพฺภตีติ อาจริโย. เอวรูเปสุ คหปติปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปเทสุ กิฺจาปิ ‘‘คหปติ นาม โย โกจิ อคารํ อชฺฌาวสตี’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ ปฺจ สหธมฺมิเก เปตฺวา อวเสสา จ สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก จ ติตฺถิโย จ เวทิตพฺโพ.

ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปมอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๒๗-๘. อปิ โหติ จิตฺตนฺติ อตฺโถ. เมยฺยาติ ปาสฺส มยฺหนฺติ อตฺโถ. น อิเม สุกรา, ‘‘น อิเมสํ สุกรา’’ติ วา ปาโ. ‘‘ตสฺส น อิเมสํ สุกรา อจฺฉาเทตุนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ปุพฺเพ อปฺปวาริโต’’ติ วจนโต ตสฺมึ ขเณ ปวาริโตปิ อปฺปวาริโตว โหตีติ.

ปมอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๓๒. ทุติยอุปกฺขเฏน กึปโยชนนฺติ? นตฺถิ, เกวลํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปฺตฺตํ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ วิย. เอวํ สนฺเต ตนฺติ อนาโรเปตพฺพํ ภเวยฺย วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต, อนิสฺสรตฺตา, อนาโรเปตุํ อนุฺาตตฺตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ…เป… สมูหเนยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖). อิทํ สพฺพมการณํ. น หิ พุทฺธา อปฺปโยชนํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺติ, ปเคว สิกฺขาปทํ, เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘ตฺหิ อิมสฺส อนุปฺตฺติสทิส’’นฺติอาทิ. อนุปฺตฺติ จ นิปฺปโยชนา นตฺถิ, ตํสทิสฺเจตํ, น นิปฺปโยชนนฺติ ทสฺสิตํ โหติ, เอวํ สนฺเต โก ปเนตฺถ วิเสโสติ? ตโต อาห ‘‘ปมสิกฺขาปเท เอกสฺส ปีฬา กตา, ทุติเย ทฺวินฺนํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ. อิมินา อตฺถวิเสเสน โก ปนฺโ อติเรกตฺโถ ทสฺสิโตติ? โปราณคณฺิปเท ตาว วุตฺตํ ‘‘เอกสฺมิมฺปิ วตฺถุสฺมึ อุภินฺนํ ปีฬา กาตุํ วฏฺฏตีติ อยมติเรกตฺโถ ทสฺสิโต’’ติ. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘น เกวลํ ปฏิลทฺธจีวรคณนาเยว อาปตฺติคณนา, ปีฬิตปุคฺคลสงฺขาตวตฺถุคณนายปี’’ติ.

โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘วตฺถุโต คณนายาปิ, สิยา อาปตฺติ เนกตา;

อิติ สนฺทสฺสนตฺถฺจ, ทุติยูปกฺขฏํ อิธ.

‘‘กายสํสคฺคสิกฺขาย, วิภงฺเค วิย กินฺเตตํ;

เอกิตฺถิยาปิ เนกตา, อาปตฺตีนํ ปโยคโต’’ติ.

อปิเจตํ สิกฺขาปทํ ตํชาติเกสุ สิกฺขาปเทสุ สพฺเพสุปิ คเหตพฺพวินิจฺฉยสฺส นยทสฺสนปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. อาห จ –

‘‘อฺาติกาย พหุตาย วิมิสฺสตาย,

อาปตฺติยาปิ พหุตา จ วิมิสฺสตา จ;

อิจฺเจวมาทิวิธิสมฺภวทสฺสนตฺถํ,

สตฺถา อุปกฺขฏมิทํ ทุติยํ อโวจา’’ติ.

ตสฺสายํ สงฺเขปโต อธิปฺปายปุพฺพงฺคมา วิจารณา – ปุราณจีวรํ เอกเมว ภิกฺขุ ภิกฺขุนีหิ ทฺวีหิ, พหูหิ วา โธวาเปติ, ภิกฺขุนิคณนาย ปาจิตฺติยคณนา, ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณํ เอกเมว จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหาติ, อิธาปิ ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณเมกํ วิฺาเปติ, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย อาปตฺติคณนา. ตถา อฺเสุปิ เอวรูเปสุ สิกฺขาปเทสุ นโย เนตพฺโพ. อยํ ตาว พหุตาย นโย. มิสฺสตาย ปน าติกาย, อฺาติกาย จ เอกํ โธวาเปติ, เอกโต นิฏฺาปเน เอกํ ปาจิตฺติยํ. อถ าติกา ปมํ โถกํ โธวิตฺวา ิตา, ปุน อฺาติกา สุโธตํ กโรติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อฺาติกา ปมํ โธวติ, ปจฺฉา าติกา สุโธตํ กโรติ, อฺาติกาย ปโยควเสน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏเมว. อฺาติกาย จ าติกาย จ อฺาติกสฺี, เวมติโก, าติกสฺี วา โธวาเปติ, ยถาวุตฺตนเยน นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกาย จ าติกาย จ สนฺตกํ จีวรํ อุโภหิ เอกโต ทิยฺยมานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส, อฺาติกาย เอว หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส จ นิสฺสคฺคิยเมว. อถ าติกาย อนาปตฺติ. อถ อุโภสุ อฺาติกาทิสฺี วุตฺตนเยเนว นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปเทสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. อยํ มิสฺสตาย นโย. อาทิ-สทฺเทน ปน อเนเก อฺาติกา วิฺตฺตาวิฺตฺตปุคฺคลคณนาย ทุกฺกฏํ. เอโก เทติ, เอโก น เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อวิฺตฺโต เทติ, น นิสฺสคฺคิยํ. อถ วิฺตฺตาวิฺตฺตานํ สาธารณํ วิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อุโภ เทนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อวิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติ. วิฺตฺตสฺส วจเนน อวิฺตฺโต เทติ, อนาปตฺติ เอว. ตถา อุปกฺขฏาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ.

ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๓๗. ‘‘น โข มยํ, อาวุโส, จีวรเจตาปนฺนํ ปฏิคฺคณฺหาม…เป… กาเลน กปฺปิย’’นฺติ อิโต ปุพฺเพ เอว รูปิยปฏิคฺคหณสิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา วุตฺตํ. อฺถา อายสฺมา อุปนนฺโท มํสสฺส เจตาปนฺนํ เอกมฺปิ กหาปณํ หตฺเถน ปฏิคฺคณฺหนฺโต ตโต มหนฺตตรํ จีวรเจตาปนฺนํ กถํ น ปฏิคฺคณฺหิสฺสติ, เอวํ สนฺเตปิ จีวรปฏิสํยุตฺตตฺตา จีวรวคฺเค สงฺคายึสูติ.

๕๓๘-๙. ‘‘อาคตการณํ ภฺชตี’’ติ วุตฺตตฺตา นนุ ปุน โจเทตุํ น ลภตีติ เอเก. อาคมนสฺส สาตฺถกํ น โหติ, จีวรํ น ลภิสฺสติ ปฏิสนฺถารสฺส กตตฺตาติ เอเก. โจทนาลกฺขณํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก. ‘‘ตฺวา โจเทมี’’ติ อาคโต ตํ านํ ภฺชติ, กโรติ เจกํ, ตีณิปิ เจ กโรติ, เอกเมว, เอกวจนตฺตาติ เอเก. ตีณิ านานิ ภฺชตีติ เอเก. อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘น โจทนาทึ ภฺชติ, โจเทตุกาโม อกตฺตพฺพํ อกาสิ, เตน วตฺตเภเท ทุกฺกฏ’’นฺติ วทติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘อาสเน เจ นิสีทติ, เอกาย นิสชฺชาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. อามิสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, เอเกน ปฏิคฺคเหน ทฺเว านานิ ภฺชติ. ธมฺมํ เจ ภาสติ, ธมฺมเทสนสิกฺขาปเท วุตฺตปริจฺเฉทาย เอกาย วาจาย ทฺเว านานิ ภฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘ยตฺถา’’ติ วุตฺเต อตฺตโน เอว สนฺติกํ คนฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ วิย โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺยฺชนํ ปน น สเมตี’’ติ. อุปาสเกหิ อาณตฺตา ตํ. มูลํ อสาทิยนฺเตนาติ มูลสฺส อกปฺปิยภาเว สติ อสาทิยนฺเตน. ตฺจ โข จิตฺเตน, น มุเขน. สเจ เอวํ วุตฺเต อกปฺปิยํ ทสฺเสตีติ กตฺวา จิตฺเตน อกปฺปิยํ อิจฺฉนฺโตว มุเขน กปฺปิยํ นิทฺทิสติ ‘‘จีวรํ เม เทถา’’ติ, น วฏฺฏติ. ปฏิลาเภ รูปิยปฏิคฺคหณสิกฺขาปเทน อาปตฺติ.

ตตฺรายํ วิจารณา – จิตฺเตน สาทิยนฺโตปิ มุเขน กปฺปิยโวหาเรน เจ โวหรติ ‘‘กหาปณารเหน, ปาทารเหน วา กปฺปิยภณฺเฑน อิทฺจิทฺจ อาหรา’’ติ. กิฺจาปิ รูปิยํ สนฺธาย วทติ, วฏฺฏติ เอว. กสฺมา? กฺจิ สสฺสุฏฺานกํ ภูมิปเทสํ สนฺธาย ‘‘สีมํ เทมาติ วทนฺติ, วฏฺฏตี’’ติ วจนโต, ‘‘วิหารสฺส เทมา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปฏิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนโต จ. อนุคณฺิปเท ปน วุตฺตํ ‘‘สงฺฆํ สนฺธาย ‘วิหารสฺส เทมา’ติ ทินฺนํ ครุภณฺฑํ น โหติ, ทกฺขิโณทกํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ, ‘สาธู’ติ จ วตฺตุํ, อนุโมเทตุฺจ วฏฺฏติ. กสฺมา? สงฺฆสฺส ‘วิหาโร’ติ นามาภาวโต, เขตฺตสฺเสว ‘สีมา’ติ นามภาวโต จ, จิตฺเตน อารมฺมณํ กตํ อปฺปมาณํ, กปฺปิยโวหาโรว ปมาณํ. กปฺปิยเมวาจิกฺขิตตฺตา ‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’ติ (มหาว. ๒๙๙) วจเนนปิ น วิรุชฺฌติ. กปฺปิยวจนปจฺจยา ทายโก สยเมว กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสตีติ อธิปฺปายโต ทายเกน เอตสฺส อธิปฺปายํ ตฺวา กปฺปิยการกสฺส หตฺเถ ปิตํ ภิกฺขุสฺส สนฺตกเมว โหตี’’ติ. อิทํ สพฺพมยุตฺตํ, กสฺมา? สีมาวิหารวจนสฺส ทายกวจนตฺตา. อิธ จ ภิกฺขุโน วจนํ ปมาณํ. เตเนวาห ‘‘อถาปิ ‘มม ตฬากํ วา โปกฺขรณึ วา สงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเต ‘สาธุ, อุปาสก, สงฺโฆ ปานียํ ปิวิสฺสตี’ติอาทีนิ วตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ เอวา’’ติ. อฺถา เขตฺตํ สนฺธาย ภิกฺขุโน เขตฺตปฏิพทฺธวจนานิ สีมาวจเนน กปฺปนฺตีติ อาปชฺชติ. อวิหารสฺส จ ภิกฺขุสฺส รูปิยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ วิหารสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานํ ชานนฺเตนาปิ ตํ อปฺปฏิกฺขิปิตพฺพํ. ตถา กหาปณารหาทิโน อกปฺปิยภณฺฑภาวํ, กหาปณาทิภาวเมว วา ชานนฺตเมว สนฺธาย ตถาโวหรนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ อาปชฺชติ. ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยนา’’ติ นิปฺปเทสโต วุตฺตตฺตา น สกฺกา เลสํ โอฑฺเฑตุนฺติ โน ตกฺโก, วิจาเรตฺวา ปน คเหตพฺพํ. ‘‘โน เจ อิจฺฉติ, น กเถตพฺพ’’นฺติ วจนโต ยถาวุตฺตสามิจิยา อกรเณ อนาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ ทสฺเสติ.

‘‘อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วจนโต ยถาวุตฺตสามิจิมฺปิ น กตฺวา เจ นิปฺผาเทติ, อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพติ ทสฺเสติ. กปฺปิยการกา สยเมว โจเทตฺวา เทนฺติ, วฏฺฏติ. ‘‘สยํ กรณเมว ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ จ วทนฺติ. ปิณฺฑปาตาทีนํ …เป… เอเสว นโยติ เอตฺถ ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ, ททนฺเตสุปีติ อปิ-สทฺเทน สงฺคหิตตฺตา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยเมว. ชาตรูปรชตํ ‘‘สงฺเฆ สาทิเต ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วิกปฺเปนฺติ. ตํ วิเสเสตฺวา นวุตฺตตฺตา ปาจิตฺติยเมวาติ ทสฺเสติ. ‘‘นิสฺสคฺคิยเมวาติ เยวาปนกสิกฺขาปเทสุ สิยา’’ติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ หิ อฺสฺส…เป… มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ วจนโต อปพฺพชิตานํ อนฺตมโส มาตาปิตูนมฺปิ อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ ทสฺเสติ.

สพฺพตฺถ สมฺปฏิจฺฉนํ นาม ‘‘อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺยวา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺยา’’ติ เอวํ วุตฺตลกฺขณเมว. เอวํ สนฺเตปิ กตฺถจิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, กตฺถจิ น ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, กตฺถจิ ปฏิกฺขิตฺตํ สาทิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ กิฺจิ วฏฺฏติ, อิทํ สพฺพมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติ วิตฺถาโร อารทฺโธ. ตตฺถ ‘‘เจติยสฺส…เป… น วฏฺฏตี’’ติ วจนโต อปฺปฏิกฺขิตฺตํ วิหารสฺส ทินฺนํ สาทิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ตถา เถรสฺส ‘‘มาตุยา เทมา’’ติอาทินา วุตฺเตปิ ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติ ปาจิตฺติยเมว. สาปตฺติโก โหตีติ เอตฺถ กาย อาปตฺติยา สาปตฺติโก โหตีติ? ทุกฺกฏาปตฺติยาติ เอเก. น ยาย กายจิ, เกวลํ อฏฺาเน โจเทตีติ กตฺวา ‘‘สาปตฺติโก’’ติ วุตฺตํ. ยถา กถนฺติ? ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก ปณาเมตพฺโพ…เป… ปณาเมนฺโต อนติสาโร’’ติ (มหาว. ๖๘) เอตฺถ น สมฺมาวตฺตนฺตํเยว อปณาเมนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ยถาห – ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อสมฺมาวตฺตนฺโต น ปณาเมตพฺโพ, โย น ปณาเมยฺย, อาปตฺติทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๖๘), ตสฺมา อธิมตฺตเปมาทิอภาเวปิ อปณาเมนฺตสฺส อนาปตฺติ ทิสฺสติ. อปิจ ‘‘สาติสาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อฏฺกถาย ‘‘สาติสาโร โหตีติ สโทโส โหติ, อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๖๘) วุตฺตตฺตา น ยุตฺตนฺติ เจ? น, ตทนนฺตรเมว ตํมิจฺฉาคาหนิวตฺตนตฺถํ, ตสฺมา ‘‘น สมฺมาวตฺตนฺโต ปณาเมตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา อนาปตฺติกา กตาติ. ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ อาจริโย, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘กปฺปิยภณฺฑมฺปิ อกปฺปิยเมวาติ ตฬากโต นิปฺผนฺนธฺเน ปริวตฺเตตฺวา ลทฺธํ โครสมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

กปฺปิยโวหาเรปิ วิธานํ วกฺขาม, เสยฺยถิทํ – ‘‘อุทกวเสนา’’ติอาทิ. ทุพฺพินิพฺโภคํ โหตีติ อิทํ ปรโต ‘‘ตสฺเสว อกปฺปิยํ. กสฺมา? ธฺสฺส วิจาริตตฺตา’’ติ อิมินา อสทิสํ, ตสฺมา สุวุตฺตํ. อิทฺหิ ภิกฺขุสฺส ปโยควเสน อาทิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺเนน มิสฺสนฺติ. อกตปุพฺพํ นวสสฺสํ นาม. ขเล วา ตฺวา รกฺขตีติ ‘‘อิทํ วา เอตฺตกํ วา มา คณฺห, อิทํ คเหตุํ ลพฺภตี’’ติ วา ‘‘อิโต อปเนหิ, อิธ ปุฺชํ กโรหี’’ติ เอวมาทินา วา ปโยเคน เจ รกฺขติ, ตํ อกปฺปิยํ. ‘‘สเจ ‘มยิิเต รกฺขิตํ โหตี’ติ รกฺขติ, คณฺหนฺเต วา ปสฺสิตฺวา ‘กึ กโรถา’ติ, ภณติ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ. รูปิยปฏิคฺคหณสิกฺขาปเท ‘‘ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รกฺขนฺเตน วสิตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. ตสฺเสว ตํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? อปุพฺพสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา. เหฏฺา ‘‘สสฺสํ กตฺวา อาหรถา’’ติ วตฺตุํ ปน น วฏฺฏตีติ. ปณฺเณปิ เอเสว นโย. ‘‘ปกติยา สยเมว กโรนฺตานํ อุสฺสาหชนนโต’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา? ‘‘กหาปณานํ วิจาริตตฺตา’’ติ วจนโต, ปเคว อุฏฺาปิตตฺตาติ สิทฺธํ โหติ. สเจ ทายกา วา สงฺฆสฺส คามเขตฺตารามาทึ เกณิยา คหิตมนุสฺสา วา ตตฺถ กุฏุมฺพิโน ‘‘อิเม สงฺฆสฺส กหาปณา อาหฏา’’ติ วทนฺติ, ‘‘น กปฺปตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. กปฺปิยการกาว เจ วทนฺติ, ‘‘สงฺฆสฺส กหาปณา น กปฺปนฺติ, สปฺปิอาทีนิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆสฺส กปฺปิยการเก วา คุตฺตฏฺานํ วา อาจิกฺขถา’’ติ วตฺวา เตหิ สมฺปาทิตํ เกนจิ อกตฺตพฺพตาย ‘‘อิมินา สปฺปึ อาหราหี’’ติ วิจาเรติ นิฏฺาเปตฺวา อิตเรสํ กปฺปิยํ ปรโต ปตฺตจตุกฺเก จตุตฺถปตฺโต วิย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ เทหี’ติ กหาปเณ ทาเปตฺวา คหิโต, อยํ ปตฺโต เอตสฺเสว ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ, ทุพฺพิจาริตตฺตา, อฺเสํ ปน วฏฺฏติ, มูลสฺส อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ สพฺเพสํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ. อิทํ ทุวุตฺตนฺติ เจ? น, มูลสฺส สมฺปฏิจฺฉิตฏฺานํ สนฺธาย อิมสฺส วุตฺตตฺตา ปตฺตจตุกฺเก ทุติยตติยปตฺตา วิย, เตเนว วุตฺตํ สยํการิวาเร ‘‘น กปฺปตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพ’นฺติ. ตโต ปรํ มูลํ สมฺปฏิจฺฉติ นาม.

มหาวิสยสิกฺขตฺตา, ราชสิกฺขาปทํ อิทํ;

รฺโ วิย ทุวิฺเยฺยํ, จิตฺตาธิปฺปายโตปิ วา.

ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต จีวรวคฺโค ปโม.

๒. โกสิยวคฺโค

๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๔๒. โกสิยการโกติ เอตฺถ โกสํ กโรนฺตีติ ‘‘โกสการา’’ติ ลทฺธโวหารานํ ปาณกานํ โกสโต นิพฺพตฺตํ โกสิยํ นาม. อตฺตนา กตํ เจ? นิสฺสชฺชนกาเล ‘‘สยํ กตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. อุโภหิ เจ กตํ, ยถาปาเมว วตฺตพฺพํ. อตฺตนา จ ปเรหิ จ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปตีติอาทิจตุกฺกมฺปิ สมฺภวนฺตํ น ทสฺสิตํ. วินยธมฺมตา เหสา, ยทิทํ เอกสฺมึ ติเก วา จตุกฺเก วา ทสฺสิเต อิตรํ สมฺภวนฺตมฺปิ น วุจฺจตีติ.

โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๔๗. สุทฺธกาฬกานนฺติ เอตฺถ ยถา ปเม ‘‘เอเกนปิ โกสิยํสุนา’’ติ วุตฺตํ, ตถา อิธ ‘‘เอเกนปิ อฺเน อมิสฺเสตฺวา’’ติ วจนาภาวโต อฺเหิ มิสฺสภาเว สติปิ อปฺายมานรูปกํ ‘‘สุทฺธกาฬก’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ เวทิตพฺพํ.

สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๕๒. ‘‘ธารยิตฺวา ทฺเว ตุลา อาทาตพฺพา’’ติ วจนโต ยถา ตุลาธารณาย กาฬกา อธิกา น โหนฺติ, ตถา กาฬกานํ ทฺเว ภาวา คเหตพฺพา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน. กถํ ปฺายตีติ? สุทฺธกาฬกปฏิเสธนนิทาเนน. ตติยํ โอทาตานํ จตุตฺถํ โคจริยานนฺติ เหฏฺิมปริจฺเฉโท. มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกสฺสปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเว นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตํ ตุลาธารณาย กิฺจาปิ น สเมติ, อจิตฺตกตฺตา ปน สิกฺขาปทสฺส ปุพฺเพ ตุลาย ธารยิตฺวา ปิเตสุ เอกมฺปิ โลมํ ตตฺถ ปเตยฺย นิสฺสคฺคิยนฺติ อธิปฺปาโยติ โน ตกฺโก. อฺถา ทฺเว ตุลา นาทาตพฺพา, อูนกตรา อาทาตพฺพา สิยุํ. น หิ โลมํ คเณตฺวา ตุลาธารณา กรียติ. อถ คเณตฺวาว กาตพฺพํ. กึ ตุลาธารณาย ปโยชนนฺติ เกจิ. ‘‘โคจริยโอทาเตสุ เอกเมว ทิคุณํ กตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, อฏฺกถายํ อวิจาริตตฺตา วีมํสิตพฺพํ.

ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๖๒. นวํ นาม กรณํ อุปาทายาติ อิทํ อาทิกรณโต ปฏฺาย วสฺสคณนํ ทีเปติ. กริตฺวา วาติ วจนํ นิฏฺานทิวสโต ปฏฺายาติ ทีเปติ. ธาเรตพฺพนฺติ วจนํ ปน ปริโภคโต ปฏฺายาติ ทีเปติ, ยสฺมา ลทฺธสมฺมุติกสฺส คตคตฏฺาเน ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ โอรโตว กตานิ พหูนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา อฺํ นวนฺติ กึ กตโต อฺํ, อุทาหุ ธาริตโต อฺนฺติ? กิฺเจตฺถ ยทิ กตโต อฺํ, เตสุ อฺตรํ ทุกฺกตํ วา ปริโภคชิณฺณํ วา ปุน กาตุํ วฏฺฏติ, ตฺจ โข วินาปิ ปุราณสนฺถตสฺส สุคตวิทตฺถึ อปฺปฏิสิทฺธปริยาปนฺนตฺตา. กตโต หิ อฺํ ปฏิสิทฺธํ, อิทฺจ ปุพฺพกตนฺติ ตโต อนนฺตรสิกฺขาปทวิโรโธ โหติ. อถ ธาริตโต อฺํ นาม, สมฺมุติ นิรตฺถิกา อาปชฺชติ, ปมกตํ เจ อปริภุตฺตํ, สติยาปิ สมฺมุติยา อฺํ นวํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย? ตตฺริทํ สนฺนิฏฺานนิทสฺสนํ – นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ จ สตฺตเม วสฺเส สมฺปตฺเต ฉพฺพสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺติ. ตฺจ โข มาสปริจฺเฉทวเสน, น วสฺสปริจฺเฉทวเสน. สตฺตเม ปริปุณฺณฺจ อูนกฺจ วสฺสํ นาม, ตสฺมา วิปฺปกตสฺเสว สเจ ฉพฺพสฺสานิ ปูเรนฺติ, ปุน นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉพฺพสฺสานิ ลภนฺติ. ตฺจ โข ปริภุตฺตํ วา โหตุ อปริภุตฺตํ วา, ธาริตเมว นาม. ยสฺมา ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ฉนฺนํ วสฺสานํ ปรโต ตเมว ปุพฺพกตํ ทุกฺกตภาเวน, ปริโภคชิณฺณตาย วา วิชเฏตฺวา ปุน กโรติ, นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพํ, อติเรกํ วา. อนฺโต เจ กโรติ, ตเทว อฺํ นวํ นาม โหติ กรณํ อุปาทาย, ตสฺมา นิสฺสคฺคิยํ. อฺถา ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทายา’’ติ อิมินา น โกจิ วิเสโส อตฺถิ. เอวํ สนฺเต กึ โหติ? อฏฺุปฺปตฺตีติ. ‘‘ยาจนพหุลา วิฺตฺติพหุลา วิหรนฺตี’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตฺจ อฺสฺส กรณํ ทีเปติ. ยทิ เอวํ ตํ นิพฺพิเสสเมว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. อยํ ปนสฺส วิเสโส, ยสฺมา ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺโถ วิเสโสติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ วุตฺเต อติเรกจีวรสฺส อุปฺปตฺติ วิย ปฏิลาเภนสฺส อุปฺปตฺติ นวตา อาปชฺชติ. ตโต ปฏิลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพํ. โอเรน เจ ฉนฺนํ วสฺสานํ…เป… การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา นวํ นาม กรณเมว อุปาทาย วุจฺจติ, น ปฏิลาภํ. โอเรน ฉนฺนํ วสฺสานํ อตฺตโน อนุปฺปนฺนตฺตา ‘‘นว’’นฺติ สงฺขฺยํ คตํ, อปฺปฏิลทฺธํ เจ การาเปยฺย, ยถา ลาโภ, ตถา กเรยฺย วา การาเปยฺย วาติ จ น โหติ. กสฺมา? ยสฺมา อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชติ, อนาปตฺตีติ วิเสโสติ.

ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๖๕. นาสฺสุธ โกจีติ เอตฺถ อสฺสุธ-อิติ อวธารณตฺเถ นิปาโต. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘เอวํ ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู’’ติ พหุวจนํ วุตฺตํ, ตถาปิ เต ภิกฺขู ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา อิธ เตสุ ภิกฺขูสุ โกจิ ภควนฺตํ นาสฺสุธ อุปสงฺกมติ อฺตฺร เอเกนาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ตํ สุคฺคาหํ เอกาหํ ภนฺเต ภควนฺตํ วรนฺติอาทีสุ (มหาว. ๓๓๗) วิย, อนุชานามิ…เป… ยถาสุขํ มํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตูติ ทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมนฺตุ.

๕๖๖-๗. ‘‘มยํ อายสฺมนฺตํ อุปเสน’’นฺติ ตสฺส คณปาโมกฺขตฺตา วุตฺตํ. อารฺิกปิณฺฑปาติกปํสุกูลิกวเสน สพฺพานิ วุตฺตานิ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘สนฺถเต จตุตฺถจีวรสฺิตายา’’ติ. กึ สพฺเพปิ เต จีวรํ น พุชฺฌนฺตีติ เจ? ยถา โหตุ. กตมํ จีวรํ นามาติ? ฉนฺนํ อฺตรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมนฺติ. กิฺจ วายิมํ อวายิมนฺติ? วายิมเมวาติ. กตรสุตฺเตนาติ? อทฺธา โส สุตฺตเมว น ปสฺสติ, สิเวยฺยกํ ทุสฺสยุคํ, อิทฺธิมยิกฺจ เทวทตฺติยฺจ อจีวรํ กโรติ. ยทิ เอวํ อวายิมมฺปีติ วทามีติ. เอวํ สนฺเต สิทฺธา สนฺถเต จีวรสฺิตา กมฺพลสีเสน อุณฺณามยสามฺโต. กึ ปน เต สนฺถตํ อธิฏฺหึสูติ? ทุฏฺุ อธิฏฺหึสุ อจีวรตฺตา, น อธิฏฺานุปคตฺตา จ สนฺถตสฺส. อถ นาธิฏฺหึสุ, ปุพฺเพว ตตฺถ อจีวรสฺิโน เอเตติ กตฺวา ตตฺถ จีวรสฺิตาย ตทุภยํ น ยุชฺชตีติ. กึ ปเนตํ อธิฏฺานุปคํ นตฺถีติ? ตตฺเถวาคตํ, อปิเจตํ อวิกปฺปนุปคํ เจ, จีวรํ น โหติ, อฺถา ‘‘จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อฺตร’’นฺติ เอตฺตาวตา สิทฺธํ ‘‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. อถ น วิกปฺปนุปคมฺปิ จีวรเมว สิทฺธํ, อนธิฏฺานุปคํ, อวิกปฺปนุปคฺจ เอกชฺฌํ ‘‘จีวร’’นฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เตเนวาห ‘‘เตจีวริกสฺส จตุตฺถจีวรํ วตฺตมานํ อํสกาสาวเมว วฏฺฏตี’’ติ.

อปิจ สนฺถเต จีวรสฺิตา น เกวลํ เตสํเยว, อฺเสมฺปิ อนุพนฺธติ เอว ‘‘ปุราณสนฺถตํ นาม สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ วจนโต. อฏฺกถาจริโย ปนสฺส อจีวรตํ สนฺธายภาสิตตฺถทีปเนน ทีเปติ. นิวตฺถปารุตนฺติ เอเตสํ นิสินฺนฺเจว นิปนฺนฺจาติ อตฺโถ. อปิจ เอวํ สนฺเตปิ สนฺถเต จีวรสฺิตา อนุพนฺธติ เอว. ขนฺธเก (มหาว. ๓๕๘) หิ ‘‘นิสีทนํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ จ, ปริวาเร (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานี’’ติ จ นิสีทนสิกฺขาปเท ‘‘ทสา วิทตฺถี’’ติ จ อิธ ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ จ วุตฺตํ, อฏฺกถายฺจสฺส ‘‘สนฺถตสทิสํ สนฺถริตฺวา เอกสฺมึ อนฺเต สุคตวิทตฺถิยา วิทตฺถิมตฺตปเทเส ทฺวีสุ าเนสุ ผาเลตฺวา ติสฺโส ทสา กรียนฺติ, ตาหิ ทสาหิ สทสํ นาม วุจฺจตี’’ติ จ ‘‘นิสีทนํ วุตฺตนเยน อธิฏฺาตพฺพเมว, ตฺจ โข ปมาณยุตฺตํ เอกเมว, ทฺเว น วฏฺฏนฺตี’’ติ จ วุตฺตํ, ตสฺมา นิสีทนํ นาม นวนฺนํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรํ อธิฏฺาตพฺพํ, ตฺจ สนฺถตสทิสํ เอฬกโลมมยสนฺถตวิเสสนฺติ สิทฺธํ, ตถา นิสีทนเมว นิสีทนสนฺถตฺจ สิทฺธํ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘เอกเมวา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมึ สิทฺเธ สิทฺธา สนฺถเต จีวรสฺิตาติ อตฺโถ. กสฺมา? สนฺถตสามฺโต.

เอตฺถาห – กถํ อทสเมว สนฺถตํ จีวรสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. อเนกมฺปิ อนธิฏฺิตมฺปิ มหนฺตมฺปิ วฏฺฏติ, ยโต สทสเมว สนฺถตํ จีวรสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตโต อธิฏฺานฺจ อุปคจฺฉตีติ. อสนฺถตปริยาปนฺนตฺตา โอเรน จ ฉนฺนํ วสฺสานํ วินาปิ สมฺมุตึ, ตฺจ โปราณํ วิสฺสชฺเชตฺวา เอว, น อวิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ตฺจ โข ปมาณยุตฺตํ เอกเมว, ทฺเว น วฏฺฏนฺตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) วจนโตติ. อถาปิ สิยา สนฺถตํ สยนตฺถเมว กรียติ, นิสีทนํ อสนฺถตเมวาติ. ตฺจ น นิยมโต ‘‘ปุราณสนฺถตํ นาม สกึ นิวตฺถํ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ วุตฺตตฺตาติ. เอตฺถ วุจฺจติ, น เอตฺถ การณํ ปริเยสิตพฺพํ วินยปฺตฺติยา อนฺวิสยตฺตา.

สนฺถตสฺส ปน อจีวรภาเว อยํ ยุตฺติ – อาทิโต ‘‘ตีณิ สนฺถตานิ ปน วินยกมฺมํ กตฺวา ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจนโต ตานิ อกปฺปิยานีติ สิทฺธํ, ภควตา จ โขมาทีนิ ฉ อนุฺาตานีติ โกเสยฺยํ กปฺปิยนฺติ สิทฺธํ. เอวํ สนฺเต สุทฺธโกเสยฺยมฺปิ จีวรํ กปฺปิยํ ชาตํ, ปเคว โกสิยมิสฺสกสนฺถตจีวรนฺติ อาปชฺชติ. ตถา กมฺพลฺจ อนุฺาตํ, ตฺจ สุทฺธิกมฺปิ โหติ ชาติกาฬกภาเวน, ปเคว โอทาตโคจริยมิสฺสกสนฺถตจีวรนฺติ อาปชฺชติ. ตโต จ อฺมฺวิโรโธ, ตสฺมา น สนฺถตํ จีวรํ นาม โหติ, นิสีทนํ ปน โหติ ตสฺส ปมาณสณฺานปริจฺเฉทสมฺภวโต. เอตฺถาหุ เกจิ อาจริยา ‘‘ทุวิธํ นิสีทนํ สนฺถตํ, อสนฺถตฺจ. ตตฺถ สนฺถตํ สนฺถตเมว. อสนฺถตํ โขมาทิฉพฺพิธํ, ตทนุโลมํ วา โหติ, อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ.

เอตฺถาห – กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘สนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา’’ติ สิกฺขาปทํ อปฺาเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตนฺติ? จีวรสฺิตาย สนฺถตานํ อุชฺฌิตตฺตา เตสํ อจีวรภาวทสฺสนตฺถํ ตถา ปฺตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู ธุตงฺคเภทภยา ตานิ อุชฺฌิตฺวา เตรสาปิ ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ, สีสทสฺสนวเสน ตีเณว วุตฺตานิ, ภควา จ เตสํ สนฺถตํ อนุชานิ, ตโต เนสํ เอวํ โหติ ‘‘นิสีทนจีวรสณฺานมฺเปตํ นิสีทนสนฺถตํ โน อนุฺาตํ, จตุตฺถจีวรภาเวน ปเคว กตสนฺถตํ วา’’ติ. ตโต สนฺถเต เนสํ จีวรสฺิตา น ภวิสฺสตีติ ตทตฺถํ ภควตา นิสีทนสนฺถตนฺติ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปจฺฉิมานิ ทฺเว วฏฺฏนฺตี’’ติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชตี’’ติ วจนโตติ.

นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๗๒-๓. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสาติ อิมินา ปกติยา ทีฆมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนานิปิ ติโยชนปรมเมว หริตพฺพานิ, ปเคว อปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ทสฺเสติ. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ วา สมฺพนฺโธ. เตเนว วาสาธิปฺปายสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธคมนุสฺสาหตฺตา ‘‘อปฺปฏิปนฺโน’’ติ สงฺขฺยํ คตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธา. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป หิ ภิกฺขุโน ปเนว เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ…เป… อสนฺเตปิ หารเก อทฺธานํ มคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานีติ อตฺตโน สนฺตกานํเยว ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺตึ ทสฺเสติ. เตน อนากงฺขมาเนน ปรสนฺตกานิ ปฏิคฺคหิตานิ อติเรกติโยชนํ หรนฺตสฺส อนาปตฺติ สิทฺธา. อยมตฺโถ ‘‘ภิกฺขุโน อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อิมินา, ‘‘อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา’’ติ อิมินา จ ทีปิโตว โหตีติ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘อฺํ ภิกฺขุํ หราเปนฺโต คจฺฉติ เจ, ทฺวินฺนํ อนาปตฺตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺเว ภิกฺขู ติโยชนปรมํ ปตฺวา อฺมฺสฺส ภณฺฑํ ปริวตฺเตตฺวา เจ หรนฺติ, อนาปตฺตีติ สิทฺธํ, เตเนว อนาปตฺติวาเร ‘‘อฺํ หราเปตี’’ติ วุตฺตํ. กึ หราเปติ? ชานนฺตํ อชานนฺตํ. กิฺเจตฺถ ยทิ ชานนฺตํ, ‘‘อฺโ หริสฺสตีติ เปติ, เตน หริเตปิ อาปตฺติเยวา’’ติ เอกํสโต น วตฺตพฺพํ. ชานนฺโตปิ หิ เอกจฺโจ หรตีติ. ตโต อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. อถ อชานนฺตํ, ‘‘อฺสฺส ยาเน วา ภณฺเฑ วา อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยานี’’ติ ปาฬิยา วิรุชฺฌติ, อถ อุโภปิ เอกโต เอกํ ภณฺฑํ หราเปนฺติ, ตมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ สิยา. อนิสฺสคฺคิยนฺติ ยุตฺติยา วิรุชฺฌติ ‘‘ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานิ อสนฺเต หารเก’’ติ อวิเสเสน จ ปาฬิ วุตฺตา. หารโกปิ สเจตโน อเจตโนติ ทุวิโธ. สเจตโนปิ เอฬกโลมภาวํ วา ‘‘อหมิทํ หรามี’’ติ วา ‘‘มํ เอส อิทํ หราเปตี’’ติ วา ชานนาชานนวเสน ทุวิโธ โหติ. ตตฺถ อเจตโน นาม หารโก นทีโสโต วา นาวา วา อสฺสามิกยานํ วา โหติ. สเจตโน ปากโฏว. ตตฺถ ‘‘มํ เอส อิทํ หราเปตี’’ติ เอตฺตกํ ชานนฺตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานคตํ วา อฺํ หราเปติ, อนาปตฺตีติ อนุคณฺิปทนโย. อยํ ปาฬิยา, อฏฺกถาย จ เอกรโส วินิจฺฉโย, ‘‘อสนฺเต หารเก’’ติ กิฺจาปิ อิทํ อวิเสสโต วุตฺตํ, ‘‘อฺสฺส ยาเน วา ภณฺเฑ วา อชานนฺตสฺสา’’ติ วจนโต ปน สเจตโนว หารโก ตตฺถ อธิปฺเปโตติ ปฺายติ, โส จ เอฬกโลมภาวฺจ ‘‘อิทํ หรามี’’ติ จ ชานนฺโต นาธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺโ หริสฺสตีติ เปติ, เตน หริเตปิ อาปตฺติเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เหตุกตฺตุโน อภาวโตว. ปาฬิยฺหิ ‘‘อฺํ หราเปตี’’ติ เหตุกตฺตุวเสน วุตฺตา. อิตเร ทฺเว ชานนฺตา อิธ สมฺภวนฺติ. ‘‘อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา’’ติ ปาฬิยํ ‘‘เอส หราเปตี’’ติ วา ‘‘อิทํ านํ อติกฺกมาเปตี’’ติ วา ชานนฺตสฺส ยาเน วา ภณฺเฑ วา ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกมาเปติ, น นิสฺสคฺคิยา โหนฺตีติ ทีเปติ.

‘‘หราเปตี’’ติ อิทํ เหตุกตฺตุวจนตํ สาเธติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘สามิกสฺส อชานนฺตสฺเสวา’’ติ อิทํ ‘‘มํ เอส หราเปตี’’ติ เอวํ อชานนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘สาเรติ โจเทติ อนุพนฺธาเปตี’’ติ อิทํ ‘‘มํ เอส อิทํ านํ อติกฺกมาเปตี’’ติ เอวํ ชานนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อชานนฺโตปิ สารณาทีหิ ิตฏฺานํ นาติกฺกมติ, น วา อนุพนฺธติ. อถ สารณาทีหิ อนติกฺกมิตฺวา อตฺตโน รุจิยา อติกฺกมติ อาปตฺติ เอว ภิกฺขุโน เหตุกตฺตุภาวาสมฺภวโต.

อิทานิ ยถาิตฏฺานโต ปฏฺาย วกฺขาม, ‘‘อสนฺเตปิ หารเก’’ติ หารกาลาภปจฺจยาปิ สยํ หรณโต นิสฺสคฺคิยเมว, ปเคว สติ หารเกติ อยเมโก อตฺโถ. อวธารณตฺถํ อปิ-สทฺทํ คเหตฺวา อสนฺเต เอว หารเก นิสฺสคฺคิยํ, สติ ปน หารเก น เตน หราเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ อยํ ทุติโย อตฺโถ. ‘‘สงฺฆโต วา…เป… อตฺตโน วา ธเนนา’’ติ อิมินา กิฺจาปิ อจิตฺตกมิทํ สิกฺขาปทํ, สงฺฆาทิโต ปน อตฺตนา อากงฺขมาเนน ปฏิคฺคหิตสฺเสว เอฬกโลมสฺส ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติ, น อชานโต อปฺปฏิคฺคหิตสฺส จีวราทีสุ กุโตจิ ลคฺคสฺส อติกฺกมเนติ ทีเปติ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘กมฺพลสฺส อุปริ นิปชฺชิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส สเจ เอกมฺปิ โลมํ จีวเร ลคฺคํ โหติ, อาปตฺติ เอว กมฺพลโต วิชฏิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กมฺพลสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา อตฺตโน อิจฺฉาย ปฏิคฺคหิตเมว โหตีติ ยุตฺตํ. ยสฺมา ‘‘อนาปตฺติ กตภณฺเฑ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตํ อเนกมฺปิ กตภณฺฑฏฺานิยเมว โหติ. ตฺหิ อเนน ปฏิคฺคหิตํ, น โลมํ. อถ โลมมฺปิ อคฺคหิตเมว โหติ, กตภณฺฑํ ทุปฺปริหาริยโลมวินิพฺโภคกตภณฺโฑ นิยโม. เอวํ สนฺเต อกตภณฺเฑ ติกปาจิตฺติยํ, กตภณฺเฑ ติกทุกฺกฏฺจ นยโต ทสฺเสตพฺพํ ภเวยฺย, อฺถา ติกสฺส ทสฺสิตตฺตา. สอุสฺสาหตฺตาติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺธคมนตฺตา. อจิตฺตกตฺตา จาติ ภิกฺขุโน อุสฺสาหานุรูปํ โลมานํ ติโยชนาติกฺกมนโต วินาปิ ปโยคจิตฺเตน หรณจิตฺเตน อาปชฺชติ เอวาติ อธิปฺปาโย. สา อนาปตฺติ ปาฬิยา น สเมตีติ อนฺโต ปน ปโยเคน ติโยชนปรมํ อติกฺกมิตตฺตา อนาปตฺติ. ‘‘ติโยชนํ หรตี’’ติ อิมินา ติโยชนํ ปทสา เนตุกาโมปิ อนฺโตติโยชเน ปเท ปเท ทุกฺกฏํ นาปชฺชตีติ ทสฺเสติ, ตํ ยุตฺตํ ‘‘ติโยชนํ วาสาธิปฺปาโย คนฺตฺวา ตโต ปรํ หรตี’ติ วจนสฺสตฺถิตายา’’ติ วุตฺตํ. ปุนปิ วุตฺตํ ‘‘อฺํ หราเปตีติ ‘อิทํ หริสฺสามี’ติ สอุสฺสาหเมว อฺํ หราเปตีติ อตฺโถ. อิตรถา คจฺฉนฺตสฺส สีเส เปสิ, ตสฺมึ อชานนฺเตปิ อนาปตฺติ สิยา’’ติ. สเจ ปน ‘‘อคจฺฉนฺเต ยาเน วา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตตฺตา หรณาทีหิ ชนิตอุสฺสาหานํ หตฺถิอาทีนํ ‘อิทํ กริสฺสามา’ติ วา ‘หริสฺสามา’ติ วา อาโภเค ชนิเต เอว อนาปตฺติ, น อชนิเตติ อุปติสฺสตฺเถโร อาหา’’ติ จ วุตฺตํ. ปริวตฺเตตฺวา ปิเตติ ทฺวินฺนมฺปิ พหิ นิกฺขิปิตตฺตาติ อุปติสฺสตฺเถโร. พหิสีมาย ปิตํ ภณฺฑิกํ อนฺโต อนฺโตสีมายํ ปิตํ พหิ กโรโต อนาปตฺตีติ เกจิ, น สุนฺทรํ วิย.

๕๗๕. ปฏิลภิตฺวา หรตีติ ปมติโยชนโต ปรํ หรติ, น ทุติยาทิโตติ อตฺโถ. กตภณฺเฑ อุปฺปนฺโนกาสาภาวา อนาปตฺติ.

เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๘๑. กิฺจาปิ ปุราณจีวรโธวนสิกฺขาปเท จีวรํ เปตฺวา ‘‘อฺํ ปริกฺขารํ โธวาเปตี’’ติ (ปารา. ๕๐๗) อนาปตฺติวาเร วุตฺตํ. อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย เอฬกโลมโธวาปนาทินา อาปตฺตีติ เอเก. สา วา อนาปตฺติ มูลาปตฺติโต เอว, น อิมมฺหาติ เอเก. เอฬกโลมานํ อปริกฺขารตฺตา ภฏฺํ อคฺคหณเมวาติ เอเก. อิมสฺส อนฺติมนยสฺส อตฺถปฺปกาสนตฺถํ อิทํ ปฺหากมฺมํ – ‘‘โธวาเปตี’’ติ อิทํ รชาปนวิชฏาปนคฺคหเณน นิปฺปเทสวาจิปทํ, อุทาหุ อคฺคหเณน สปฺปเทสวาจิปทํ. กิฺเจตฺถ ยทิ นิปฺปเทสวาจิปทํ, สพฺพตฺถ อิทเมว วตฺตพฺพํ, น อิตรานิ. อถ สปฺปเทสวาจิปทํ, ‘‘อวุตฺตา โธวติ, อปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ เอตฺถ วิโรโธ. ‘‘อวุตฺตา รชติ วิชเฏติ, นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อนิฏฺปฺปสงฺคโตติ? เทสนาวิลาสมตฺตํ ภควโต วจนํ, กตฺถจิ ติกปทวจนํ, กตฺถจิ เอกปทวจนํ, นิปฺปเทสปทเมว เต วทนฺตีติ. สเจ ‘‘กตภณฺฑํ โธวาเปตี’’ติ เอตฺถ ปฏิวิโรโธ, ‘‘กตภณฺฑํ วิชฏาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ อนิฏฺปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, อกตภณฺฑสฺส สุทฺธโลมสฺส วิชฏาปนํ อิโต วา ทาตพฺพํ. อุทกาทิโธวนวเสน ปิณฺเฑตฺวา ิตานํ วิชฏาปนํ ลพฺภตีติ เจ? ปุราณสนฺถตสฺส วิชฏาปเน อนาปตฺติยา ภวิตพฺพํ, น จ ตํ ยุตฺตํ ‘‘อปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ วจนโต. เตน ปริภุตฺตํ โธวาเปติ รชาเปติ วิชฏาเปติ, นิสฺสคฺคิยเมวาติ สิทฺธํ โหติ, ตฺจ ปริภุตฺตํ นาม กตภณฺฑเมว โหติ. น หิ สกฺกา เอฬกโลมานิ ปริภุฺชิตุํ, อฺถา ‘‘ปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ โหติ. น หิ เอตฺถ ‘‘ปุราณานิ เอฬกโลมานิ โธวาเปยฺย วา’’ติ วจนํ อตฺถิ ปุราณจีวรสิกฺขาปเท วิย. ตตฺถ อาทินฺนกปฺปวเสน, อิธ ตํ ลิขิตํ. เลขโทโสติ เจ? น, วิเสสเหตุโน อภาวา, ปุราณจีวรสิกฺขาปเท อปริภุตฺตํ กตภณฺฑํ นาม, ‘‘กมฺพลโกชวสนฺถตาทิ’’นฺติ วจนโต จ. กิฺจาปิ อิมินา สทฺเทน อยมตฺโถ สิทฺโธ, ‘‘โธวาเปตี’’ติ อิทํ ปน สิยา นิปฺปเทสํ. สิยา สปฺปเทสํ. ตฺหิ ‘‘อวุตฺตา โธวตี’’ติอาทีสุ นิปฺปเทสํ. ‘‘กตภณฺฑํ โธวาเปตี’’ติ เอตฺถ สปฺปเทสํ. ‘‘อกตภณฺฑํ โธวาเปติ รชาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ ‘‘วิชฏาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ วจนปฺปมาณโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, วจนปฺปมาณโต เอว อาปตฺตีติ อาปชฺชนโต. ‘‘อปริภุตฺตํ โธวาเปตี’’ติ วจนเมว หิ ตํ อปริภุตฺตํ สนฺถตํ วิชฏาเปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทีเปติ เจ? สิทฺธํ ปริภุตฺตํ วิชฏาเปนฺตสฺส อาปตฺติ เอวาติ.

เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๘๓-๔. สพฺพมฺปีติ ติวิธมฺปิ. ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สงฺโข’ติอาทิ ปน กิฺจาปิ ราชสิกฺขาปเท ‘น วฏฺฏตี’ติ ปสงฺคโต วุตฺตํ, สรูปโต ปน อาปตฺติทสฺสนวเสน สกฏฺาเนปิ วตฺตุมารทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. กถเมตํ? มุตฺตาทีนํ สกฏฺานํ ชาตํ, น หิ ตานิ อิธ ปาฬิยํ ทิสฺสนฺตีติ อิมสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตานิ, ราชสิกฺขาปทสฺสปิ อฏฺกถายํ วุตฺตานีติ. น เกวลํ หิรฺสุวณฺณเมว, อฺมฺปิ เขตฺตวตฺถาทิกํ ‘‘อกปฺปิยํ น สมฺปฏิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ สามฺเน, น สรูปโต. ปาฬิยํ ปน สรูปโต ‘‘จีวรเจตาปนฺนํ นาม หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา มุตฺตา วา มณิ วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ราชสิกฺขาปทเมวสฺส สกฏฺานํ. มุตฺตามณิคฺคหเณน เจตฺถ ตชฺชาติยคฺคหณํ สิทฺธเมวาติ นาคโต อิมสฺส ปมเมว ปฺตฺตตฺตา. ยทิ เอวํ อิธ อนาคตตฺตา กตรํ เนสํ สกฏฺานนฺติ? อิทเมว อตฺถโต, โน สรูปโต.

กถํ? เอตานิ หิ รตนสิกฺขาปเท นิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ, ทุกฺกฏวตฺถูนิ จ เอกโต ‘‘รตน’’นฺติ อาคตานิ, ‘‘รตนสมฺมต’’นฺติ กปฺปิยวตฺถุ อาคตํ. เตสุ จ ทสสุ รตเนสุ รชตชาตรูปทฺวยํ อิธ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ, อวเสสํ ทุกฺกฏวตฺถูติ สิทฺธํ. อิธ จ สิทฺธตฺตา เอว รตนสิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘รตนสมฺมตํ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, ตาวกาลิกํ คณฺหาติ, ปํสุกูลสฺิสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น รตนํ วุตฺตํ. สตฺตวิธธฺทาสิทาสเขตฺตาทิ ปน พฺรหฺมชาลาทิสุตฺตวเสน (ที. นิ. ๑.๑ อาทโย) อกปฺปิยนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมา อิธ ทุกฺกฏวตฺถูติ สิทฺธํ, เตเนว อนุโยควตฺเต ‘‘ธมฺมํ ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ, วินยํ, วินยานุโลมํ ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) วุตฺตํ. ตถา อามกมํสมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถุํ อาปชฺชตีติ? น, อิธ วินเย อนุฺาตตฺตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํส’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๖๔), ตสฺมา น อามกมํสํ สุตฺเต อาคตมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถุ โหติ, ตถาปิ อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ปฏิคฺคหเณ ทุกฺกฏเมวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ วุตฺเต อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อกปฺปิยวิจารณา เอว น วฏฺฏตีติ เจ? กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตนฺติ เอตฺถ ตํ สยํ อปริโภคารหํ หุตฺวา ตทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํ ปริโภคารหํ หุตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ, ‘‘ปํสุกูลภาเวน ิตตฺตา, คุตฺตฏฺานาจิกฺขนสฺส กปฺปิยตฺตา จ กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ. ‘อิทํ คณฺหา’ติอาทินา วทนฺตสฺส อกปฺปิยตฺตา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิต’’นฺติ จ. เอวมฺปิ กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจาติ ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ปิตํ, กึ น ปสฺสสีติ เฉกตเร อิเมว กหาปเณ’’ติอาทิวจนสฺส กปฺปิยตฺตา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ. ‘‘อิทํ คณฺหา’’ติ วุตฺเต ทุพฺพิจาริตตฺตา อตฺตโน อกปฺปิยตฺตา ตโต อาคตํ อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตเมว โหติ. ‘‘อิทํ คณฺหา’ติ วุตฺเต เตน คหิเต ‘อุคฺคณฺหาเปยฺย วา’ติ วุตฺตวิธึ น ปาปุณาติ, เกวลํ ทุพฺพิจาริตตฺตา ตสฺเสว ตํ อกปฺปิยํ โหติ, มูลปฏิคฺคหณสฺส สุทฺธตฺตา ปรโต ปตฺตจตุกฺเก ตติยปตฺโต วิยาติ จ เอวํ อุปติสฺสตฺเถโร วทตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. กึ พหุนา, วิสุทฺธาคมตฺตา กปฺปิยํ. ทุพฺพิจารณาย สติ อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ โหตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘เอวํ สงฺฆคณาทีนมฺปิ อตฺถาย ปริจฺจตฺเตปิ เตน สมานคติกตฺตา เปตฺวา อาปตฺติวิเสส’’นฺติ วุตฺตํ.

น กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตนฺติ เจตาปิตฺเจ, อุปายาภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘อุปนิกฺเขปํ เปตฺวาติ สเจ โส อุปาสโก ‘อติพหุํ เอตํ หิรฺํ, อิทํ ภนฺเต อชฺเชว น วินาเสตพฺพ’นฺติ วตฺวา สยํ อุปนิกฺเขปเทเส เปติ, อฺเน วา ปาเปติ, เอตํ อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา ตโต ลทฺธํ อุทยํ ปริภุฺชนฺโต สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภุฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ.

๕๘๕. อยํ กิร อิตฺถํลกฺขณสมฺปนฺโน อุกฺกํสโต. เอวํ องฺคสมฺปนฺโนปิ อปรภาเค โลภวเสน วา อฺเน วา การเณน สเจ นิมิตฺตํ กตฺวา ปาเตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเส. โส หิ การณนฺตเรน รุกฺขมูลิกสฺส, อพฺโภกาสิกสฺสปิ วฏฺฏติ เอว, านนิสชฺชาทิวเสน นิวาสาธิปฺปาเย สติ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. เภสชฺชสฺส สติปจฺจยตา สพฺพกาลมฺปีติ เอเก. อสนฺนิหิตสฺส ปจฺฉาภตฺตเมว, สนฺนิหิตสฺส ปุเรภตฺตมฺปีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย…เป… ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๒๔๔) หิ วุตฺตํ. ทุกฺกฏฺหิ วิกาลโภชนสิกฺขาปเท อาคตํ วิกาเล อาปชฺชติ, โน กาเล อาหารกาลตฺตา, สนฺนิธิสิกฺขาปเท อาคตํ ปน กาเลปิ สนฺนิธิชาตตฺตา, เตเนว ตตฺถ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกทฺวยเมว วุตฺตนฺติ. ‘‘สติ ปจฺจเย’’ติ วจนโต นายํ วิเสโส ลพฺภตีติ เจ? น, อนิฏฺปฺปสงฺคโต, วจนานิยมโต จ. สนฺนิธิสิกฺขาปเท หิ ‘‘อนาปตฺติ ยาวกาลิกํ ยาวกาลํ นิทหิตฺวา ภุฺชติ. ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภุฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๒๕๖) เอตฺถ วจนปฺปมาณโต ยามกาลิกํ น ปุเรภตฺเต, น ปจฺฉาภตฺเต, น ทิวเส, น รตฺติยํ ยามเมว นิทหิตฺวา ภุฺชนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺโค. ตถา ตตฺเถว ‘‘ยามกาลิกํ ยามํ นิทหิตฺวา ภุฺชติ, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหํ นิทหิตฺวา ภุฺชตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘สติ ปจฺจเย’’ติ, ตสฺมา สติปจฺจย-วจนํ กตฺถจิ โหติ, กตฺถจิ น โหตีติ วจนานิยมโต อาปตฺติยาปิ อนิยโม สิยา. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตทุกฺกฏํ อาปชฺชติ เอว. น อนาหารปฺปโยชนตฺตา ยามกาลิกาทีนนฺติ เจ? น, สปฺปิอาทิมิสฺสโภชนสฺส ปณีตโภชนภาวปฺปตฺติโต. อปิจ สพฺพกาลิเกสุ ยาวกาลิกํ โอฬาริกํ, ตํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส กาเล อนาปตฺติ, ปเคว อโนฬาริกํ ยามกาลิกาทึ, อาหารตฺถาย เอว อนุฺาตตฺตา. ยาวกาลิเก เอว อนาปตฺตีติ เจ? น, อนาหารตฺถาย คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติสมฺภวโต อิตรํ อาหารตฺถาย คณฺหนฺตสฺส วิย, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมเวตฺถ สนฺนิฏฺานํ ปาฬึ, ยุตฺติฺจ อนุโลเมตีติ.

เทสนาสุทฺธีติ เอตฺถ เทสนา นาม วินยกมฺมํ, เตน วุฏฺานมฺปิ เทสนา เอว นาม โหตีติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปฏิเสวตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติ. ขีณาสวา กตกิจฺจตฺตา วิภตฺตทายาทา วิย โหนฺติ, เตน เตสํ สามิปริโภคา โหนฺติ. อฺถา ยาวกาลิกภาวํ อนติกฺกนฺตตฺตา วิรุชฺฌติ. อิณปริโภโค น วฏฺฏติ, เภสชฺเช อาปตฺติโต, อิตรสฺมึ อยุตฺตปริโภคโต, อิณํ วิย อนนุฺาตภุตฺตตฺตา จ. ‘‘อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถิ, ตสฺมา น โกจิ สงฺกิตพฺโพ’’ติ ลิขิตํ. ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโย. ยถาทานเมว คหิตตฺตาติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโน หตฺเถน เจ เทติ, น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อติเรกภาคํ คเหตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน อตฺถาย อุทฺธฏภาคํ ตตฺเถว ทาเปติ, วฏฺฏตี’’ติ จ. ปริวตฺตกํ เทติ, ธมฺมิยฺเจ, วฏฺฏติ. โน อธมฺมิยํ. ‘‘ตํ ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เกน เลเสนาติ เจ? ‘‘อลพฺภมานาย สามคฺคิยา อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ (มหาว. ๑๓๐) อิมินา อุปสมฺปทกฺขนฺธกวจนเลเสน.

๕๘๖. อสฺสติยา ทินฺนนฺติ เอตฺถ ‘‘อสฺสติยา ทินฺนํ นาม อปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺมา ทุสฺสนฺเต พทฺธกหาปณาทีนิ สตึ ปฏิลภิตฺวา ทายกา เจ ปุน คณฺหนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว เทเสตพฺพํ. เตน อกปฺปิยภณฺเฑน เต เจ ทายกา สปฺปิอาทีนิ กิณิตฺวา สงฺฆสฺส เทนฺติ, ตสฺสปิ ภิกฺขุโน กปฺปติ ทายกานํเยว สนฺตกตฺตา. ภิกฺขุนา หิ ‘วตฺถํ คณฺหามี’ติ วตฺถสฺาย เอว คหิตํ, น รูปิยสฺาย. อิทฺจ สิกฺขาปทํ อตฺตโน อตฺถาย อุคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น จ เตน ตํ อตฺตโน อตฺถาย ปเรสํ วา อตฺถาย คหิตํ. อถ เต ทายกา โน เจ อาคนฺตฺวา คณฺหนฺติ, ทายเก ปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย เจ ปริจฺจตฺตํ, สงฺเฆ นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพา. โน เจ, อาปตฺติ เอว เทเสตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ. อาปตฺติเทสนาย หิ สติ รูปิยํ ปฏิคฺคหิตนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมึ สิทฺเธ ‘‘ตโต อุปฺปนฺนํ ตสฺสปิ กปฺปตี’’ติ อิทํ น ยุชฺชตีติ. กปฺปติ เอวาติ เจ? น, วตฺถุํ อนิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพาติ น ยุชฺชติ. อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส ยุชฺชตีติ เจ? น, สพฺพตฺถ ‘‘รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนโต. ‘‘รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ หิ วุตฺตํ, อฺถา สพฺพตฺถ ‘‘รูปิย’’นฺติ ปทํ นิรตฺถกํ โหติ วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต. อเนน จ วตฺถํ ปฏิคฺคหิตํ, ทายเกน จ วตฺถเมว ทินฺนํ, วตฺถคตมฺปิ รูปิยํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺโต ปทวาเรน กาเรตพฺโพ. อฏฺกถายฺจ ‘‘รูปิเย อรูปิยสฺีติ สุวณฺณาทีสุ ขรปตฺตาทิสฺี’’ติ วุตฺตํ ‘‘รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนวเสน.

‘‘อปิจ ปุฺกามา’’ติอาทิ ปน วิธานนฺตรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตเนว หิ ‘‘อิมสฺมึ เคเห อิทํ ลทฺธนฺติ สลฺลกฺเขตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา สลฺลกฺขเณ วิมติวเสน, วิมติยา จ สติ นิสฺสคฺคิยเมว ‘‘รูปิเย เวมติโก’’ติอาทิ วจนโตติ. อิทํ วิธานํ นิรตฺถกเมว อาปชฺชติ, น จ นิรตฺถกํ. กสฺมา? ทุสฺสนฺเต พทฺธกหาปณาทิ อสฺสติยา ทินฺนํ วตฺถสฺาย ปฏิคฺคหิตฺจ, ตโต น รูปิยํ ทินฺนฺจ โหติ ปฏิคฺคหิตฺจาติ. เอตฺถ อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นตฺถิ, ตํ ปน ทายกานเมว ปฏิทาตพฺพํ. ตโต อุปฺปนฺนํ กปฺปิยภณฺฑฺจ สพฺเพสํ กปฺปตีติ อิมสฺส วิธานนฺตรทสฺสนตฺถํ ‘‘อปิจ ปุฺกามา’’ติอาทีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.

รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๘๗. ‘‘ชาตรูปรชตปริวตฺตน’’นฺติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตํ, ตถา ‘‘รูปิยํ นาม สตฺถุวณฺโณ กหาปโณ’’ติอาทิ ปาฬิวจนฺจ. ‘‘อรูปิเย รูปิยสฺี รูปิยํ เจตาเปตี’’ติอาทิ ติกวจนโต, ‘‘ทุกฺกฏวตฺถุนา ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ เจตาเปนฺตสฺส…เป… นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ ครุกสฺส เจตาปิตตฺตา’’ติ อฏฺกถาวจนโต จ ปน อนุกฺกฏฺปริจฺเฉโทเปตฺถ ลพฺภตีติ สิทฺธํ. สตฺถุวณฺโณ จ กหาปโณ จ ตโต เย จฺเ โวหารํ คจฺฉนฺตีติ เอวเมตฺถ สมุจฺจโย เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปเท ‘‘นานปฺปการกํ นาม กตมฺปิ อกตมฺปิ กตากตมฺปี’’ติ เอตฺถ วิภตฺตานํ ติณฺณํ รูปิยารูปิยานฺจ ทฺวินฺนํ วเสน ปฺจ ติกา วุตฺตา, อฏฺกถาจริเยหิ ตทนุโลมโต เอโก ติโก ทสฺสิโตติ สพฺเพ ฉ โหนฺติ.

เอตฺถาห – อฺสฺมึ สิกฺขาปเท เอกสฺมึ ติกจฺเฉเท ทสฺสิเต สติปิ สมฺภเว อิตเร น ทสฺสียนฺติ, อิเธว กสฺมา ทสฺสิโตติ? ‘‘นานปฺปการก’’นฺติ มาติกายํ วุตฺตตฺตา อิเธว นานปฺปการภาวทสฺสนตฺถนฺติ. น กยวิกฺกยสิกฺขาปเทปิ วตฺตพฺพปฺปสงฺคโตติ เจ? น, อิธ ทสฺสิตนยตฺตา. อถ จ รูปิยสฺส วิภงฺเค ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ อนฺเต วุตฺตตฺตา สตฺถุวณฺณาทโย วฬฺชนุปคา เอวาติ สิทฺธํ. ตโต อวฬฺชนุปเคหิ ชาตรูปรชเตหิ โวหาเรน น นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ อาปชฺชนตฺถนฺติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กเตน กตํ เจตาเปตี’’ติอาทโย ติกา วุตฺตาติ, เอวํ สนฺเต รูปิยวิภงฺเค ‘‘เย จ โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมึ ปเท อวุตฺเต อวฬฺชนุปคาปิ สงฺคหํ คตาว โหนฺตีติ กตาทีหิ ติกตฺตยสฺส วตฺตพฺพปโยชนํ น ภวิสฺสตีติ เจ? น, กปฺปิยภณฺเฑน กปฺปิยภณฺฑปอวตฺตนสฺสาปิ รูปิยสํโวหารภาวปฺปสงฺคโต. ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ วจเนนปิ กมุก กถล กํสภาชน สาฏกาทิปริวตฺตนสฺสปิ รูปิยสํโวหารภาวปฺปสงฺโค เอวาติ เจ? น, กตาทิวจเนน ชาตรูปาทิอกปฺปิยวตฺถูนฺเว อธิปฺเปตภาวทีปนโต, ตสฺมา อุภเยนปิ ยเทตํ กตากตาทิเภทํ ปากติกรูปิยํ ยฺจ กหาปณมาสกสงฺเขปํ, ยฺจ กหาปณาทิโวหารูปคํ, อุภยมฺเปตํ อิธ จ อนนฺตราตีตสิกฺขาปเท จ รูปิยํ นามาติ อธิปฺเปตตฺถสิทฺธิ โหติ, น ตณฺฑุลาทีนิ, ตตฺถ กตาทิโวหาราสมฺภวโต. เอตฺตาวตา กตาทิติกตฺตยปฺปโยชนํ วุตฺตํ.

อิทานิ เสสตฺติกานิ วุจฺจติ – เอตฺถ หิ ยถาวุตฺตปฺปเภทํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ รูปิยํ นาม, เสสํ ทุกฺกฏวตฺถุปิ กปฺปิยวตฺถุปิ น รูปิยนฺติ อรูปิยํ นาม โหตีติ กตฺวา ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อนาปตฺตี’’ติ อิทํ น เอกํสิกํ อาปชฺชติ ทุกฺกฏวตฺถุมฺหิ ทุกฺกฏาปชฺชนโต. อิธ วจนปฺปมาณโต นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต อฺํ อนฺตมโส มุตฺตาทิปิ อรูปิยเมว นาม. ตตฺถ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อนาปตฺตีติ เจ? น, ราชสิกฺขาปทวิโรธโต. ตตฺถ หิ ‘‘มุตฺตา วา มณิ วา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา มุตฺตาทิ อกปฺปิยํ ทุกฺกฏวตฺถูติ จ สิทฺธํ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ อภาวา. เอวํ สนฺเต ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อนาปตฺตี’’ติ สุทฺธกปฺปิยภณฺฑํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สพฺพํ อรูปิยํ. ตโต อฺตฺถ ปน ‘‘อรูปิเย รูปิยสฺี’’ติอาทิติกทุกฺกเฏ จ อฏฺกถายํ ทสฺสิตติเก จ สพฺพํ อรูปิยํ นามาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา อรูปิยภาวทีปนตฺถํ ทุติโย ติโก วุตฺโต. ตทตฺถเมว อฏฺกถายํ ทสฺสิโต เอโก ติโก. กสฺมา น ปาฬิยํ โส วุตฺโตติ เจ? ตตฺถ เจตาปิตอรูปิเย รูปิยฉฑฺฑนกสมฺมุติกิจฺจาภาวโต. ตสฺมิฺหิ ติเก วุตฺเต กปฺปิยวตฺถุโนปิ อรูปิยฉฑฺฑนกสมฺมุติ ทาตพฺพาติ อาปชฺชติ, ตสฺส วเสน รูปิยฉฑฺฑนกสมฺมุติ เอว น วตฺตพฺพาติ? น, รูปิยสฺสปิ สมฺมุติกิจฺจาภาวปฺปสงฺคโต, ตสฺมา รูปิเย รูปิยสฺี กปฺปิยวตฺถุํ เจตาเปติ ปตฺตจตุกฺเก ตติยปตฺตํ วิย, ตํ สงฺฆาทีนํ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, นิสฺสฏฺํ ปน อฺเสํ กปฺปติ ตติยปตฺโต วิย. อถ สมฺปฏิจฺฉิตรูปิเยน เจตาปิตํ โหติ ทุติยปตฺโต วิย, ตํ วินาปิ สมฺมุติยา โย โกจิ ภิกฺขุ ฉฑฺเฑติ, วฏฺฏติ. ตโต ปรํ ‘‘สเจ ตตฺถ อาคจฺฉติ อารามิโก วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘รูปิเย’’ติ วา ‘‘อรูปิเย’’ติ วา สพฺพตฺถ ภุมฺมปฺปตฺเต อตฺตโน สนฺตกํ, อุปโยคปฺปตฺเต ปรสนฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาห – อุปติสฺสตฺเถโร ปุริมสิกฺขาปเทน รูปิยปฏิคฺคหณํ วาริตํ, อิมินา สุทฺธาคเมน กปฺปิยการกสฺส หตฺเถ กปฺปิยํ นิสฺสาย ิเตน สํโวหาโร วาริโตติ.

๕๘๙. นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ…เป… อปราปรปริวตฺตเน อิมินาติ เอตฺถ เอกสฺมึ เอว วตฺถุสฺมึ ทฺวินฺนํ สิกฺขาปทานํ วเสน เอกโต อาปตฺติ วุตฺตา, ตํ ปน ปจฺฉิมสฺส วเสน นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เอเตน นิสฺสคฺคิยํ อาปนฺนมฺปิ อาปชฺชตีติ เอเก. ปรสฺส รูปิยคฺคหณํ ปริวตฺตนนฺติ รูปิเย อคฺคหิเต ตสฺส อภาวโต อิมินาว อาปตฺติ, น ปุริเมน โอมสวาโท วิย. มุสาวาเทน มุสา วทนฺตสฺสาปิ หิ โอมสวาเทเนว อาปตฺติ. นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา ทุกฺกฏ…เป… เอเสว นโยติ เอตสฺส ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หิ อย’’นฺติ อาห.

วฑฺฒึ ปโยเชนฺตสฺสาติ เอตฺถ อิทํ คเหตฺวา สติ มาเส, สติ สํวจฺฉเร ‘‘เอตฺตกํ เทหี’’ติ เจ วทติ. รูปิยสํโวหาโร โหติ. วินา กปฺปิยการเกน ‘‘เอตฺตกา วุฑฺฒิ โหตุ, เอตฺตกํ คณฺหา’’ติ วทโต ทุกฺกฏํ กยวิกฺกยลกฺขณาภาวโต. ‘‘มูเล มูลสามิกาน’’นฺติอาทิ กปฺปิยกรณูปายทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เกวลํ นิสฺสฏฺํ อปริโภคํ โหติ, ปุน เอวํ กเต ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตสฺสปิ ปริโภเค มูลสฺส กปฺปิยกรณูปาโย เจ น โหติ, กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ยถา ปาฬิยา เจตฺถ กปฺปิยกรณูปาโย, โส จ ตติยปตฺเตปิ, ‘‘ยถา จ อตฺตโน อตฺถาย คหิเต เอวรูปุปาโย, ตถา สงฺฆาทิอตฺถาย คหิเตปิ เอโส วา’’ติ วุตฺตํ. อิเม กิร ปมทุติยปตฺเต ยาว คหฏฺเน ปริวตฺเตติ, ตาว น กปฺปิยกรณูปาโย, อเนกปุริสยุคมฺปิ ‘‘อกปฺปิยา เอวา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘สงฺฆสนฺตกํ กปฺปิยภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา อาคตกหาปณานิปิ ปฏิคฺคหณํ โมเจตฺวาว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพานิ, ตสฺมา กปฺปิยการโก เจ อิมานิ ตานิ กหาปณานีติ วทติ, น วฏฺฏติเยว, ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, น วิจาเรตพฺพํ, วิจาเรติ เจ? สพฺเพสํ น กปฺปติ. ปฏิคฺคหณํ โมเจตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตานิ เจ วิจาเรติ, ตสฺเสว น วฏฺฏตี’’ติ อภิกฺขณํ วุตฺตํ.

รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๙๓. ปฏปิโลติกานนฺติ ปฏปิโลติเกหิ. ‘‘อชฺฌาจรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ ปุริมสิกฺขาปเทปิ เวทิตพฺพํ. ‘‘กยิตฺจ โหติ วิกฺกยิตฺจา’’ติ เอเตสํ ปทานํ วิปรีตโต ‘‘อตฺตโน ภณฺฑ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา? ‘‘อิมินา อิม’’นฺติ วจนานุรูปโต. สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ ปเนตฺถ อฏฺานปทานํ วเสน เวทิตพฺพํ.

กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต โกสิยวคฺโค ทุติโย.

๓. ปตฺตวคฺโค

๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๙๘. พหู ปตฺเต สนฺนิจยนฺติ เอตฺถ สนฺนิจยนฺติ ภาวนปุํสกํ, พหู ปตฺเต วา คเหตฺวา สนฺนิจยํ กริสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘อฑฺฒเตรสปลมาสานํ คาหิกา’’ติ ลิขิตํ. เอตฺถ –

‘‘กุฑุโว จตุปเลยฺโย, กุฑุวานํ จตุคฺคุณํ;

ปตฺถํ จตุคฺคุโณ มาสา-ติ กมาหุ จตุคฺคุณ’’นฺติ. –

อาทึ โลกโวหารํ ทสฺเสตฺวาว เกจิ ปปฺเจนฺติ.

๖๐๒. ขาทนนฺติ ขาทนียํ สูปาทิ. ‘‘พฺยฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนโต จตุตฺโถ ภาโค’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๗) พฺรหฺมายุสุตฺตฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา อาโลปสฺส จตุตฺถภาคํ พฺยฺชนํ อนุรูปนฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุนิยา ปตฺตสนฺนิจยสฺส วาริตตฺตา ตทนุโลมโต ภิกฺขูนมฺปิ ทุติโย วาริโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ, ปาฬิยฺหิ ‘‘สนฺนิจยํ กเรยฺยาติ อนธิฏฺิโต อวิกปฺปิโต’’ติ (ปาจิ. ๗๓๕) วุตฺตํ. โส หิ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖ อาทโย) นิจยสนฺนิธิ วิย เอโกปิ ปุนทิวเส ‘‘สนฺนิจโย’’ติ วุจฺจติ. อนนฺตรสิกฺขาปเท ปน ‘‘ทุติโย วาริโตติ อธิฏฺานํ นิยตํ, ตสฺมา ทฺเว ปตฺเต อธิฏฺาตุํ น ลภติ. สเจ เอกโต อธิฏฺาติ, ทฺเวปิ น อธิฏฺิตา โหนฺติ. วิสุํ วิสุํ อธิฏฺาติ, ทุติโย อนธิฏฺิโต’’ติ วทนฺติ. วิกปฺเปตุํ ปน พหูปิ ลภติ. อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย ‘‘นามมตฺเต วิเสโส’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นามนฺติ มชฺฌิโม มชฺฌิโมมโก มชฺฌิมุกฺกฏฺโติอาทิ.

๖๐๘. ‘‘ปากสฺส หิ อูนตฺตา ปตฺตสงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ วจนโต อธิฏฺิตปตฺโตปิ ขรปาเกน เสตตฺตา อธิฏฺานํ วิชหตีติ เจ? น, อธิฏฺานวิชหเนสุ นวสุ อนาคตตฺตา, ตสฺมา ปมปากานํ เอว อูนตฺตา ปตฺตสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺมึ สติ อฺํ วิฺาเปตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อูนปฺจพนฺธเนนา’’ติ หิ วุตฺตํ. ฉิทฺเท, ราชิยา วา หิ สติ เตหิ อธิฏฺานํ วิชหตีติ วิชหิเต นายํ ปฏิเสโธ, ตสฺมา ปจฺจุทฺธริตฺวา, วิกปฺเปตฺวาปิ อฺํ วิฺาเปตุํ น ลภติ.

เอวํ ปตฺตการโก มูลํ ลภิตฺวาติ เอตฺถ ปจิตฺวา ปิตทิวสโต ปฏฺาย. ทาตุกาโม หุตฺวาติ เอตฺถ ทินฺนทิวสโต, สุตทิวสโต วา ปฏฺาย ทสาหํ เวทิตพฺพํ. ลิงฺคปริวตฺเตน ปน ทสาหาติกฺกเม ปตฺตสามิกสฺส ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา ปน รตฺตาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ.

ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๑๒-๓. พหู ปตฺเต วิฺาเปนฺตีติ เอกเมกํ วิฺาเปนฺตา พหู ภิกฺขู พหู ปตฺเต วิฺาเปนฺติ, พหู วา ภิกฺขู ปตฺเต วิฺาเปนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปตฺโต วิฺาเปตพฺโพ, โย วิฺาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ สิกฺขาปทํ อูนปฺจพนฺธเนน สมูหตํ โหติ น โหตีติ? น โหติ ตเมว คเหตฺวา ‘‘วิฺาเปติ, ปโยเค ทุกฺกฏ’’นฺติ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฏิลาภมฺปิ ปริยาทิยิตฺวา ตํ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตสฺมา ตํ ‘‘ปฏิลาเภน นิสฺสคฺคิโย โหตี’’ติ อิมินา สมูหตํ โหติ. อฺถา สทุกฺกฏํ นิสฺสคฺคิยํ อาปชฺชติ อนาปตฺติวารวิโรโธ จ. ยา กาจิ ปน อกตวิฺตฺติ อนนุฺาตกาเล ทุกฺกฏเมว. ภินฺเนนาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ, เภเทนาติ วา อตฺโถ, เหตฺวตฺเถ กรณวจนํ.

อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๒๐. ‘‘สา อโหสิ สุวณฺณมาลา’’ติ วจนโต เปตฺวา สหธมฺมิเก อฺเสํ ยถาสุขํ รูปิยํ ทาตุํ วฏฺฏติ อุคฺคณฺหาเปตุํ, สพฺโยหาราเปภุฺจาติ อาจริโย, วีมํสิตพฺพํ อิทฺธิมสฺส อิทฺธิวิสยตฺตา.

๖๒๒. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ วจเนน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ กิฺจาปิ น กปฺปติ, น ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ตถา น ปณีตโภชนวตฺถูติ. อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตนฺติ อชฺโฌหรณตฺถํ นิกฺขิตฺตํ. อิตรฺหิ ปฏิคฺคเหตฺวา อชฺโฌหริตุํ วฏฺฏติ. อุภเยสมฺปีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตหิ, ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตหิ จ กตานํ. ‘‘มํสสฺส อกปฺปิยตฺตา’’ติ การณปติรูปกํ วตฺวา. ขาทึสูติ ‘‘วิกาเล เกวลํ นวนีตเมว ขาทิตุกาเมน ทธิตกฺกคตานิ อปเนตพฺพานิ, ปจิตุกามสฺส สามํปากํ น โหตีติ เถรสฺส อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ขยํ คมิสฺสตี’’ติ วจนโต ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกสปฺปิ วิกาเล กปฺปตีติ สิทฺธํ. เภสชฺเชหีติ ยาวชีวิกเภสชฺเชหิ. กตเตลํ ปุเรภตฺตนฺติ อปจิตฺวา กตํ เอว. อุณฺโหทเกนาติ ตาปนภาวํ ทีเปตีติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. นิพฺพฏฺฏิตตฺตาติ ปิฺากาทิโต. ‘‘เตลตฺถาย ปฏิคฺคหิต…เป… ทุกฺกฏเมวา’’ติ วจนโต อเตลตฺถาย ปฏิคฺคหิเตหิ, สตฺตาหาติกฺกนฺเตหิปิ กตเตลํ กตทิวสโต ปฏฺาย สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ, กรมนฺทํ รุกฺขสาโรติ เกจิ.

๖๒๓. อวสกสเฏ ยสฺมา ขีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา เตลํ ปจนฺติ, ตสฺมา กสฏํ น วฏฺฏติ, เตลเมว วฏฺฏติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปกฺกเตลกสเฏ วิย กุกฺกุจฺจายตี’’ติ. วสาย สทฺธึ ปกฺกตฺตา น วฏฺฏตีติ เจ? วทถ, ภนฺเต, นวนีเต ทธิคุฬิกาติอาทิสมฺพนฺโธ. มธุมฺหิ จตฺตาโร กาลิกา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, อุจฺฉุมฺหิ จ, กถํ? สมกฺขิกํ เสฬกํ มธุ ยาวกาลิกํ. อเนลกํ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ, อสมฺภินฺนํ สตฺตาหกาลิกํ, มธุสิฏฺํ ปริสุทฺธํ ยาวชีวิกํ. ตถา อุจฺฉุ วา รโส วา สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก, อสมฺภินฺโน สตฺตาหกาลิโก, สุกฺขกสฏํ ยาวชีวิกนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? อุทกสมฺเภทวิเสสโต.

กึ วุตฺตํ โหติ? จตูสุ กาลิเกสุ ปุพฺพํ ปุพฺพํ ครุกํ, อปรํ อปรํ ลหุกํ. เตสุ จายํ อุทกสมฺเภโท ครุกํ ลหุกํ กโรติ, ลหุกฺจ ครุกํ. อมฺพรสาทีนิ หิ ยาวกาลิกตฺตา ครุกานิ, อุทกสมฺเภโท ปน ตานิ อมฺพปานาทิสมฺํ ทตฺวา ลหุกานิ ยามกาลิกานิ กโรติ. ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตนฺติ อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ อฏฺกถาวจนโต อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโกติ สิทฺธํ. ตตฺถ ‘‘อุทกสมฺเภโท ตํ ยามกาลิกํ กโรตี’’ติอาทึ พหุํ วตฺวา โยชิตา.

อปิเจตฺถ อุจฺฉุรโส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) อนุฺาตตฺตา คุโฬทกํ วิย อุจฺฉุรสสามฺโต อุทเกน อสมฺภินฺโนปิ อคิลานสฺส วฏฺฏติ, เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อุจฺฉุรโส นิกสโฏ ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏตี’’ติ (มหา. อฏฺ. ๓๐๐). อยํ สพฺโพ โน ตกฺโกติ อาจริโย. เกจิ ปนาหุ ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’นฺติ วจนโต, ‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’ติ อฏฺกถาวจนโต จ อุจฺฉุรโส ผาณิตเมว, ตสฺมา คุเฬ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ. เกจิ ‘‘วุตฺตนเยน สตฺตาหกาลิโกว สมาโน ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’นฺติ วิสุํ อนุฺาตตฺตา อสมฺภินฺโนปิ อคิลานสฺส วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘วุตฺตนเยน วิสุํ อนุฺาตตฺตา เอว สมฺภินฺโน วา อสมฺภินฺโน วา ยามกาลิโกว, คุโฬทกํ ปน สตฺตาหกาลิกเมวา’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘คุโฬทกํ วิย โส ทุวิโธปิ สตฺตาหกาลิโกเยวา’’ติ วทนฺติ.

ตตฺถายํ ปมาจริยวาเท วิจารณา – ผาณิตานุมติยาเยว อุจฺฉุรสานุมติยา สิทฺธิโต วิสุํ ‘‘อุจฺฉุรส’’นฺติ อุทฺธริตฺวา อนุมติ นิรตฺถิกาติ อาปชฺชติ, ตถา ‘‘อุจฺฉุรโส นิกสโฏ ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาปิ นิรตฺถิกา. ‘‘สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ, น จ ตถา สกฺกา วตฺตุํ. ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏนกรสาธิการตฺตาติ เจ? น, ตสฺมึ อธิกาเร สตฺตาหกาลิกสฺส อวตฺตพฺพปฺปสงฺคโต. กาลเภทํ อนเปกฺขิตฺวา รสาธิกาเร โอติณฺณตฺตา วุตฺโตติ เจ? น สกฺกา ‘‘นิกสโฏ สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺตุํ. ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏนกรสาธิการตฺตา น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, เอวฺหิ วุตฺเต ตทฺรโส วิย อยมฺปิ ปจฺฉาภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ตโต ปรนฺติ อาปชฺชติ. ตโต ปรํ อปริโภคตฺตา ‘‘ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? น, ยาวกาลิกภาวปฺปสงฺคโต. น โส ปสงฺโค อาภิโทสิกสฺสาปิ อุจฺฉุรสสฺส ปาเกน ผาณิตาทิภาวปฺปสงฺคโต. อยเมว ตติยจตุตฺถาจริยวาเทสุ วิจารณา. ทุติยวาเท วิจารณา วุตฺตา, วิมทฺโท ปเนตฺถ เภสชฺชกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๐) อาวิ ภวิสฺสติ. ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตนฺติ มธุกตาลนาฬิเกรผาณิตาทิโต อุกฺกฏวตฺถุโต นิสฺสคฺคิยวตฺถุผาณิตสฺส วิเสสวจนํ, เตเนตํ ปฺายติ ‘‘นิสฺสคฺคิยวตฺถุภูตํ อิธ ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตเมว, น มธุกาทิโต นิพฺพตฺต’’นฺติ. เอตฺตาวตา ยํกิฺจิ อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตํ, น ตํ สพฺพํ ผาณิตเมว นามาติ สาธิตํ โหติ. เตเนว ขนฺธเก ผาณิตํ ปมํ อนุชานิตฺวาว ปจฺฉา อุจฺฉุรโส อนุฺาโต, ตถา ตตฺเถว คุฬํ, คุโฬทกฺจ.

อุจฺฉุรสํ อุปาทาย อปกฺกา วาติอาทิมฺหิ ปน เยสํ ลทฺธิ ‘‘อุจฺฉุรโส ยามกาลิโก’’ติ. ‘‘เต อปกฺกา วาติ สามํ ภิกฺขุนา อปกฺกา วา. อวตฺถุกปกฺกา วาติ วินา วตฺถุนา ปกฺกา วา’’ติ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ อิมสฺส วจนสฺส ปโยชนาภาวปฺปสงฺคโต, ภิกฺขุโน ปจนาธิการาภาวา. สามปาโก อิธาธิปฺเปโตติ เจ? สามํ อปกฺกสฺส อุจฺฉุรสสฺส เตสํ อตฺตโนมติยา ผาณิตภาวสิทฺธิโต จ ปรโต ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสน กตผาณิต’’นฺติอาทินยทสฺสนโต จ ตํ อยุตฺตํ, ตตฺถ ‘‘อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสน สยํกตํ นิรามิสเมว วฏฺฏตี’’ติ วจนํ ยํ ตตฺถ กสฏํ สามปากํ น ชเนติ, สวตฺถุกปฏิคฺคหิตกตํเยว ตํ กโรตีติ ทีเปติ, ตสฺมา ปฏิคฺคเหตุํ น วฏฺฏติ วิกาเลติ โปราณา. ‘‘โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตํ ‘รชนปากํ วิย โอฬาริกํ สวตฺถุกปกฺกํ นาม โหตี’ติ สฺาย ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถาจริยา ‘‘เอวํ ผาณิตคฺคหณํ อมธุรํ, ตสฺมา ปจฺฉาภตฺตํ น วฏฺฏตี’’ติ วทึสุ. กึ มธุรตาย, อมธุรตาย วาติ? อตฺถเมว ทสฺเสตุํ มหาปจฺจริยํ ตถา วุตฺตนฺติ อุปติสฺสตฺเถโร อาห กิร. ตํ ยุตฺตนฺติ อุจฺฉุโต นิพฺพตฺตตฺตา วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ขณฺฑสกฺขรํ ปน…เป… วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ตํ ขีรฆเฏ ปกฺขิปิตฺวา ปจนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ชลฺลิกา นาม เผณาทิ.

เภสชฺโชทิสํ วทนฺเตน อิตเร อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตา. ‘‘อาหารตฺถํ ผริตุํ สมตฺถานี’’ติ ขนฺธเก (มหาว. ๒๖๐) ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺส เภสชฺชสมฺมตฺจ โลกสฺส, อาหารตฺถฺจ ผเรยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. เอตฺถ วิจารณา เภสชฺชกฺขนฺธเก อาวิ ภวิสฺสติ.

๖๒๔. ทฺวารวาตปานกวาฏานีติ ทฺวารสฺส จ วาตปานานฺจ กวาฏานิ. กสาวปกฺเขปมตฺเตน หิ ตานิ อตฺตโน สภาวํ ปริจฺจชิตานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘มกฺเขตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กสาโว นาม กนกลมฺพาทีนิปี’’ติ วทนฺติ. อธิฏฺเตีติ ‘‘อิทานิ อชฺโฌหรณียํ น ภวิสฺสติ, พาหิรปริโภโค ภวิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ. อิธ ‘‘วิกปฺเปตี’’ติ ปทํ นตฺถิ. อธิฏฺานมฺปิ มุขารุฬฺหิยา วุตฺตํ ‘‘อิมํ นวนีตํ อธิฏฺามี’’ติ อวตฺตพฺพโต.

๖๒๕. ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ วิสฺสาสาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ สวิสฺสาโส, วฏฺฏตีติ ‘‘ปริภุฺช ตฺว’’นฺติ เอตฺตาวตา วิสฺสชฺชิตํ โหติ, ตสฺมา อุภินฺนํ อนาปตฺตีติ สมฺพนฺโธ. สเจ น วิสฺสชฺชิตํ, อาปตฺติ โหตีติ สิทฺธํ. ตสฺมา อุภินฺนํ สนฺตกํ จีวรํ อฺตเรน สมฺมุขีภูเตน อธิฏฺาตพฺพํ. โน เจ อธิฏฺาติ, นิสฺสคฺคิยํ โหตีติปิ ยุชฺชติ. กากนิกมตฺตฺเจ มูลํ อทินฺนํ, ‘‘น อธิฏฺานุปคํ…เป… สกภาวํ น อุเปตี’’ติ อิมินา เอตํ สทิสํ น โหติ, อาภิธมฺมิกคณานํ ทินฺนํ วิย จ น โหติ. กสฺมา? อาภิธมฺมิกา หิ อนุปสมฺปนฺนาปิ โหนฺติ, ปจฺฉา อาภิธมฺมิกภูตานมฺปิ ตํ สาธารณํ โหตีติ. เอตฺถ ทฺเวปิ อุปสมฺปนฺนา เอว, ทฺวินฺนมฺปิ ตตฺถ ยถากามกรณียตา อตฺถิ มมตฺตฺจ, น เอวํ ตทฺเสํ สาธารณํ, น จ ทฺเว ตโย ภิกฺขู ‘‘เอกโต วสฺสิสฺสามา’’ติ กโรนฺติ, รกฺขติ ตาว. ‘‘อวิภตฺตตฺตา อนาปตฺตี’’ติ อิมินา จ อิทํ สทิสํ, เยน มูเลน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺส สเจ อิตโร เทติ, โส วา ตํ อิตรสฺส เทติ, สติ ปฏิคฺคหเณ สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยตฺตา, ตสฺมา ตํ จีวรํ ทฺวีสุ สมฺมุขีภูเตน เอเกน อธิฏฺาตพฺพํ. กิฺจาปิ เอตฺถ ปโยโค น ทิสฺสติ สมานปริกฺขารานํ ทฺวินฺนํ อธิฏฺานปโยคาภาวโต, ตถาปิ สมานสพฺพภณฺฑกานํ ทฺวินฺนํ เตลาทิ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติสมฺภวโต, อนธิฏฺาเน ทุลฺลภวิเสสเหตุตฺตา จ ‘‘อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ อยุตฺตํ ปตฺตจีวรสตฺตาหกาลิกานํ อสทิสวิธานตฺตา. เอตฺถ ปตฺตจีวรฺหิ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อุปคตเมว อนธิฏฺหนฺตสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติ, สตฺตาหกาลิกํ ปน ปรสนฺตกสาธารณมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ปฏิคฺคาหกสฺส กาลาติกฺกเม อาปตฺติกรํ. ปฏิคฺคหณฺเจตฺถ ปมาณํ, น ตตฺถ สกสนฺตกตา, สตฺตาหกาลิกฺจ นิสฺสคฺคิยํ, สพฺเพสมฺปิ อนชฺโฌหรณียํ. ปตฺตจีวรํ อฺสฺส ปริภุฺชโต อนาปตฺติ. อิทฺจ กาลาติกฺกนฺตมฺปิ นิสฺสชฺชิตฺวา ปจฺฉา ลทฺธํ กปฺปติ. ปตฺตจีวรํ ปน ตํ ตสฺส วินยกมฺมนฺติ กปฺปตีติ. อวิภตฺตสฺสปิ อิมสฺส ทานํ รุหติ, น ปตฺตจีวรสฺส. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ…เป… สเจปิ อวิภชิตฺวา สทฺธิวิหาริกาทีนํ เทนฺติ, อทินฺนเมว โหตี’’ติ. ยสฺส ทานเมว น รุหติ, ตสฺส กุโต อธิฏฺานํ. เอโก เจ ปตฺตจีวรํ ทสเม ทิวเส อิตรสฺส เทติ. ตโต ปฏฺาย โส ทส ทิวเส ปริหริตุํ ลภติ, น ตถา สตฺตาหกาลิกนฺติ สพฺพถา อุปปริกฺขิยมานํ สริกฺขํ นกฺขมตีติ น ตํ สารโต ทฏฺพฺพนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก. ‘‘วินยกมฺมวเสน ปน อนิสฺสชฺชิตฺวา สหสา วิรุชฺฌิตฺวา กสฺสจิ ปริจฺจตฺตมฺปิ ปุน ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, สเจ เทสนฺตริตํ, สมุทฺทนฺตริตํ วา จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ ชาตํ, ตํ อิธ ิเตน ภิกฺขุนา เอกสฺส วนฺเตน จิตฺเตน จตฺตํ กตฺวา อนเปกฺขิตฺวา อาปตฺตึ เทเสตฺวา ตสฺส วิสฺสาเสน ปุน คเหตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, ‘‘ปตฺตาทีสุ จ อยเมว นโย’’ติ จ วุตฺตํ, ‘‘ตาลนาฬิเกรผาณิตมฺปิ สตฺตาหกาลิกํ เอวา’’ติ จ. ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตึ น กโรติ, ปริภุฺชิตุํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘ปรสนฺตกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปิเตปิ เอเสว นโย’’ติ จ เกจิ วทนฺติ. ทุกฺกฏวตฺถุภูตํ สปฺปิอาทิ นิสฺสชฺชิตพฺพํ ปุน ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ วิธานํ น ทิสฺสตีติ.

เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๒๗. ‘‘เอกเมว กตฺวา’’ติ วจเนน วสฺสิกสาฏิกลกฺขเณน าตกานมฺปิ สตุปฺปาทํ กโรนฺเตน เอกเมว คเหตพฺพนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร. จตุพฺพิธํ เขตฺตนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ติวิธํ ทิสฺสติ, ตํ ปน เอวํ คเหตพฺพํ, ยสฺมึ เขตฺเต ปริเยสิตุํ ลภติ, ตํ ปริเยสนเขตฺตํ นาม, ‘‘เอวํ กรณนิวาสนาธิฏฺานเขตฺตานิปี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปจฺฉิเมน ปุริมคฺคาโห เวทิตพฺโพ, น ปุริเมน ปจฺฉิมคฺคาโห, ยถาลาภนฺติ อาจริโย. ตสฺสตฺโถ – อธิฏฺานเขตฺเตน ปจฺฉิเมน ปุริมานํ ติณฺณํ คาโห โหติ, ตถา นิวาสนเขตฺเตน ทฺวินฺนํ ปุริมานํ. กรณเขตฺเตน ปน เอกสฺเสว ปุริมสฺส คาโห โหตีติ. เอตฺถ ปน กิฺจาปิ กรณเขตฺตนิวาสนเขตฺตานํ กาลโต นานตฺตํ นตฺถิ, กิริยโต ปน ‘‘อฏฺึ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ ปาฬิวจนโต, ตสฺมา ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ อฺตราภาเวน, ตทตฺถสิทฺธิโต จ, กถํ ปเนตฺถ นานตฺตํ นตฺถีติ ปฺายตีติ เจ? ปาฬิโต, ‘‘อฑฺฒมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ หิ ปาฬิ, ตถา มาติกาฏฺกถาโต (กงฺขา. อฏฺ. วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา) จ.

ตถาห ‘‘ปจฺฉิโม อฑฺฒมาโส กรณนิวาสนเขตฺตมฺปี’’ติ, อิมินา นเยน ติวิธเมว เขตฺตนฺติปิ สิทฺธํ. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘เชฏฺมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ยาว กาฬปกฺขุโปสโถ, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเขตฺตฺเจว กรณเขตฺตฺจ. เอตสฺมิฺหิ อนฺตเร วสฺสิกสาฏิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ, ลทฺธํ กาตุฺจ วฏฺฏติ, นิวาเสตุํ, อธิฏฺาตุฺจ น วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส อปาโ ยถาวุตฺตปาฬิมาติกาฏฺกถาวิโรธโต, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘อลทฺธํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ, กาตุํ, นิวาเสตุํ, อธิฏฺาตุฺจ น วฏฺฏตี’’ติ ปาโ เวทิตพฺโพ. เอวํ ตาว ปจฺฉิเมน ปุริมคฺคาหสิทฺธิ เวทิตพฺพา, น ปุริเมน กรณเขตฺตาทีนํ คาโห สมฺภวติ. ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสิกสาฏิกจีวรํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว หิ วุตฺตํ, น, อฏฺกถายํ ‘‘อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเขตฺตฺเจว กรณเขตฺตฺจา’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น, ตสฺส เลขนโทสตฺตา, ตถา สาธิตํ. กรณเขตฺเตน ปน นิวาสนเขตฺตคฺคาโห อตฺถิ กาลนานตฺตาภาวโต, เตเนว ปุพฺเพ ยถาลาภคฺคหณํ กตํ, ตถา จ สาธิตเมว, น เภโท ปนตฺถิ, ปโยชนํ วุตฺตเมว. นิวาสนกฺเขตฺเตน อธิฏฺานกฺเขตฺตคฺคาโห นตฺถิ เอว, น หิ ปุริเมน ปจฺฉิมคฺคาโห เวทิตพฺโพ. น ปาฬิวิโรธโตติ เจ? น, ตทตฺถาชานนโต. ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ อทฺธมาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺทสฺส หิ อิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. ปรโต อาปตฺติเขตฺตทสฺสนโต อิตรสฺส อนาปตฺติเขตฺตภาโว ทสฺสิโตว โหติ. ทินฺนปุพฺพโตปิ าตกปวาริตฏฺานโต นิปฺผาเทนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปิฏฺิสมยตฺตา, ปกติยา วสฺสิกสาฏิกทายกา นาม สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา อปวาเรตฺวา อนุสํวจฺฉรํ เทนฺตา, ตตฺถ สตุปฺปาโทว วฏฺฏติ. วตฺตเภเท ทุกฺกฏนฺติ ตทฺเสุ.

‘‘สเจ กต…เป… วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฏฺาตพฺพา…เป… ฉ มาเส ปริหารํ ลภตี’’ติ วจนโต อนฺโตวสฺเสปิ ยาว วสฺสานสฺส ปจฺฉิมทิวสา อกตา ปริหารํ ลภตีติ ทีปิตํ โหติ. กสฺมา น วิจาริตนฺติ เจ? อตฺถาปตฺติสิทฺธตฺตา. ‘‘ฉ มาเส ปริหารํ ลภตี’’ติ วจเนน อกตา ลภตีติ สิทฺธเมว, ตํ กิฺจาปิ สิทฺธํ, สรูเปน ปน อนาคตตฺตา สรูเปน ทสฺเสตุํ, ทุสฺสทฺธาปยตฺตา อุปปตฺติโต ทสฺเสตุฺจ อิทมารทฺธํ อาจริเยน, ‘‘ยถา เจตฺถ, เอวํ กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรมฺปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ ตตฺเถว ปุพฺพาปรวิโรธโต. ยฺเจตฺถ อฏฺกถาวจนํ สาธกตฺเตน วุตฺตํ, ตํ ตมตฺถํ น สาเธติ. ‘‘ยทิ นปฺปโหติ ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภตี’’ติ วจนํ อปฺปโหนฺตสฺส ยาว กตฺติกปุณฺณมา ตาว ปริหารเขตฺตํ, ตโต ปรํ เอกทิวโสปิ น โหตีติ ทีเปติ, ตสฺมา อปฺปโหนกภาเวน อกตาว ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภติ, ตโต ปรํ น ลภตีติ สิทฺธํ. ตถา ตเทว วจนํ กตปริหารํ น ลภตีติ ทีเปติ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเสเยว อธิฏฺาตพฺพา. ‘‘อปฺปโหนฺเต ทสาเห อนฺโตวสฺเส กรณปริโยสานํเยว ปมาณ’’นฺติ ลิขิตํ.

เอตฺถาห – ‘‘เอกาหทฺวีหาทิวเสนา’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? คิมฺหทิวสานํ อนธิฏฺานกาลตฺตา, ตสฺมา เอว ‘‘อนฺโตทสาเห วา ตทเหเยว วา อธิฏฺาตพฺพา’ติ จ สามฺโต น วตฺตพฺพํ คิมฺหทิวสานํ อธิฏฺานเขตฺตภาวปฺปสงฺคโต’’ติ. เอตฺถ วุจฺจติ – น, ตทตฺถาชานนโต. ทสาหานาคตาย วสฺสูปนายิกาย คิมฺหทิวสา ทสาหา โหนฺติ, ปมทิวเส จ ลทฺธา นิฏฺิตา วสฺสิกสาฏิกา ทสาหาติกฺกนฺตาปิ วสฺสูปนายิกทิวสํ อธิฏฺานเขตฺตํ อปฺปตฺตตฺตา น จ ตาว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, วุตฺตฺเจตํ ‘‘วสฺสูปนายิกโต ปุพฺเพ ทสาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตี’’ติ.

อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพาติ อิทํ น อวิเสเสน เอตสฺมึ อนฺตเร คิมฺหทิวเสปิ อธิฏฺาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปตุํ วุตฺตํ, กินฺตุ คิมฺหทิวเส เจ อุปฺปนฺนา, อธิฏฺานเขตฺเต จ อนฺโตทสาหํ โหติ, อนฺโตทสาเห เขตฺเตเยว อธิฏฺาตพฺพา, น เขตฺตนฺติ กตฺวา ทสาหํ อติกฺกมิตพฺพนฺติ ทีเปตุํ วุตฺตํ. กสฺมา? คิมฺหทิวสานมฺปิ คณนูปคตฺตา, ตสฺมา อเขตฺตทิวเสปิ คเณตฺวา เขตฺเต เอว ‘‘อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพา’’ติ วุตฺตํ โหตีติ.

วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๓๒. สามนฺติ สกสฺิตานิยมนตฺถํ วุตฺตํ. สกสฺิตาเยว หิ อจฺฉินฺทาปนอจฺฉินฺทเนสุ นิสฺสคฺคิยํ, ตสฺมา นิสฺสคฺคิยมูลงฺคนิทสฺสนเมตํ. ‘‘จีวร’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘อจีวรํ อจฺฉินฺทนฺตสฺส น นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วุตฺตเมว โหติ. ‘‘ทตฺวาติ ทตฺวา วา ทาเปตฺวา วา’’ติ กิฺจาปิ ปทภาชนํ ยุชฺชติ, อฺสฺส ปน สนฺตกํ อฺสฺส ภิกฺขุโน ทาเปตฺวา ตํ สยํ วา อจฺฉินฺเทยฺย, เตเนว วา อจฺฉินฺทาเปยฺยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคภยา น วุตฺตํ, อตฺถโต ปน อตฺตโน สนฺตกํ อฺเน สทฺธิวิหาริกาทินา ทาเปตฺวา, อฺสฺส สนฺตกํ วา ตสฺส วิสฺสาสา ทาเปตฺวา ตํ อจฺฉินฺเทยฺย วา อจฺฉินฺทาเปยฺย วา นิสฺสคฺคิยนฺติ เวทิตพฺพํ, ตฺจ โข อนเปกฺโข ทตฺวา. ยทิ เอวํ ‘‘จชิตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ’’ติ อิทํ กินฺติ เจ? สกสฺาย อคฺคเหตฺวา อฺาย เถยฺยาย คณฺหนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘สกสฺาย คหิตตฺตา ปนสฺส ปาราชิกํ นตฺถี’’ติ, อปิจ ‘‘อนาปตฺติ โส วา เทติ, ตสฺส วา วิสฺสสนฺโต คณฺหาตี’’ติ วจนโตปิ ตํ สิทฺธเมว. เอตฺตาวตา ตาวกาลิกํ กตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติ สาธิตา โหติ. ‘‘อมฺหากํ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตี’’ติอาทิวจนํ สามเณรสฺส ทานํ ทีเปติ, ตฺจ อิธ นาธิปฺเปตํ. ปาฬิยํ (ปารา. ๖๓๓-๖๓๔) อุปสมฺปนฺเน ติกปาจิตฺติยํ วิย อนุปสมฺปนฺเน ติกทุกฺกฏมฺปิ อาคตนฺติ เจ? น, ตทธิปฺปายาชานนโต. อนุปสมฺปนฺนกาเล เอวํ ทตฺวา อฺสฺส สนฺติเก อุปสมฺปนฺนํ ทิสฺวา กุปิโต เจ อจฺฉินฺทติ, อุปสมฺปนฺนสฺเสว วา ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ตุมฺหากํ สนฺติเก อุปสมฺปชฺชิสฺสามี’’ติ วทนฺตสฺส ทตฺวา ปุน อจฺฉินฺทติ เจ, นิสฺสคฺคิยนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.

๖๓๓. สกึ อาณตฺโต พหุกมฺปิ อจฺฉินฺทติ, นิสฺสคฺคิยนฺติ เอกพทฺธตฺตา เอกํ ปาจิตฺติยํ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘อาณตฺโต พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติย’’นฺติ. มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ อาณตฺติยา พหุตฺตา ‘‘สพฺพานิ คณฺหา’’ติ วทนฺตสฺส คาหํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนว ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโย’’ติ. เอวํ สนฺเต ปาฬิวจนํ, อฏฺกถาวจนทฺวยฺจ อฺมฺํ สเมติ, ปรสนฺตกมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ โหติ ปํสุกูลฺจ, เตน ‘‘ทุสฺสนฺเต พทฺธรูปิยํ วิยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตทตฺถนิยมทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ยถาวฉาทิตํ อจฺฉินฺทนจิตฺเตน สจิตฺตกํ, วจีกมฺมํ ปน เกวลํ อจฺฉินฺทาเปนฺตสฺเสว ‘‘เทหี’’ติ พลกฺกาเรน คณฺหโตปิ เวทิตพฺพํ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อนาปตฺติ โส วา เทตี’’ติ วจนโต. ‘‘ตุฏฺโ วา ทุฏฺโ วา เทติ, อนาปตฺติเยวา’’ติ มาติกาฏฺกถาวจนโต วาติ เจ? น, อุภยตฺถ อตฺตโน รุจิยา ทานํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา, ปสยฺหาวหาเร อนาปตฺติปฺปสงฺคโต จ. ‘‘ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา’ติ ปาฬิวจนโต จ มาติกาฏฺกถาย องฺคววตฺถาเน ‘อุปสมฺปนฺนตา’ติ วุตฺตตฺตา จ อุภยตฺถ ทานหรเณสุ ภิกฺขุภาโว อิจฺฉิตพฺโพติ ทีเปตี’’ติ วทนฺติ, อิทมยุตฺตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. กสฺมา? อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํ ทตฺวา ตํ อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติปฺปสงฺคโต. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํ วา อฺํ วา ปริกฺขารํ ทตฺวา…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต ทุกฺกฏํ ตตฺถ โหตีติ เจ? นาสิทฺธตฺตา, ทานกาเล เอว อุปสมฺปนฺนตา ปมาณนฺติ อสิทฺธเมตํ อฏฺกถาย วา ปาฬิยา วา ยุตฺติโต วา, ตสฺมา ตํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํ ทตฺวา ตสฺเสว อนุปสมฺปนฺนกาเลเยว จีวรํ อจฺฉินฺทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อุปสมฺปนฺนกาเล วา ทตฺวา อนุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ตสฺส วจนสฺส อิทํ วิกปฺปนฺตรฺจ สมฺภวติ, ตสฺมา (ปารา. ๖๓๑ อาทโย) วิกปฺปนฺตรสฺส สมฺภวโต จ น ยุตฺตํ, ยสฺมา อนุปสมฺปนฺนกาเล ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส วิสุํ ทุกฺกฏํ น ปฺตฺตํ, ตสฺมา ปุราณจีวรโธวาปนาทิสิกฺขาปเทสุ วิย อปรภาเค อุปสมฺปนฺนตา เจตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘อุปสมฺปนฺนตา’’ติ องฺเคสุ วุตฺตตฺตา จ ตํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ ‘‘ปจฺจาสีสนฺตสฺเสว ทานมธิปฺเปตํ, น นิสฺสฏฺทาน’’นฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร วทติ กิร, วีมํสิตพฺพํ.

จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สุตฺตวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๓๗. ฉฏฺเ กิฺจาปิ ‘‘สามํ สุตฺตํ วิฺาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘จีวรตฺถาย สามํ วิฺตฺตํ สุตฺต’’นฺติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘จีวรตฺถาย วิฺาปิตสุตฺต’’นฺติ องฺเคสุ วุตฺตตฺตา อฺเน จีวรตฺถาย วิฺตฺตํ สุตฺตมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. สามนฺติ เจตฺถ กสฺสจิ นิยมนํ. ‘‘สามํ วิฺาเปตฺวา’’ติ กิฺจาปิ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘สามํ วายาเปยฺยา’’ติ อตฺตโน อตฺถาย วายาเปยฺยาติ เอวํ สมฺพนฺโธ, อตฺโถ จ เวทิตพฺโพ, ปาฬิยํ ปน อาสนฺนปเทน โยชนา กตา, ตสฺมา สามํ วิฺตฺตํ สุตฺตนฺติ อฺวิฺตฺตํ กปฺปิยํ อาปชฺชติ, หตฺถกมฺมยาจนวเสน ลทฺธตนฺตวาโยปิ กปฺปิโย. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมปฺปมาณํ เจ, ตนฺเต วีตํเยว สกึ อธิฏฺาตพฺพํ, ปุน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ อธิฏฺิเตน เอกีภาวูปคมนโต. ‘‘สเจ ปน ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวาว จินสาฏกํ วิย, อนฺตรนฺตรา อธิฏฺิตํ โหติ, ปุน อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปฏิลาเภนาติ วจเนน วายาเปตฺวา เปสฺสามีติอาทิ เอกสฺมึ อนฺโตคธํ โหตี’’ติ วทนฺติ.

สุตฺตวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๔๒. วิสิฏฺํ กปฺปฺจ ตสฺส วจเนน วิสิฏฺํ กตฺจ ปมาณํ, น อามิสทานํ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘จีวร’’นฺติ อุทฺธริตฺวา วิภาโค วุตฺโต, ตํ น สเมตีติ.

มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๔๖. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อจฺเจกจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตุ’’นฺติ, ‘‘ยาว ปวารณา ปวาริตา’’ติ จ ยํ วุตฺตํ, เต ปน ภิกฺขู ตสฺส วจนสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา อจฺเจกจีวรํ นิกฺขิปนฺตา จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมสุํ. กิมิทํ วิภตฺตํ, อุทาหุ อวิภตฺตนฺติ? วิภตฺตํ, ปุคฺคลิกํ วา. เตเนว ปรโต ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, อจฺเจกจีวรานี’’ติ วุตฺตํ, อวิภตฺตํ ปน สงฺฆิกตฺตา น กสฺสจิ นิสฺสคฺคิยํ กโรติ.

อปิจ ‘‘อจฺเจกจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตุ’’นฺติ อิมินา สามฺวจเนน วสฺสูปนายิกทิวสโต ปฏฺาย, ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย วา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ เอว สงฺฆิกตฺตา, ปุคฺคลิกมฺปิ ‘‘วสฺสํวุตฺถกาเล คณฺหถา’’ติ ทินฺนตฺตา. ตาทิสฺหิ ยาว วสฺสํวุตฺโถ โหติ, ตาว น ตสฺเสว, ทายกสฺส สนฺตกํ โหติ, ตถา อิโต ตติยวสฺเส, จตุตฺถวสฺเส วา ‘‘ปวารณาย คณฺหถา’’ติอาทินา ทินฺนมฺปิ นิกฺขิปิตฺวา ยถาทานเมว คเหตพฺพํ. อยมตฺโถ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๙ อาทโย) ปากโฏ. ตานิ จีวรกาลสมยาติกฺกเม น นิสฺสคฺคิยานีติ เจ? น, อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา. ยสฺมา อยํ สมโย ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘กาโล’’ติ อาคโต, คณโภชนสิกฺขาปทาทีสุ ‘‘สมโย’’ตฺเวว อาคโต, ตสฺมา อิธ เตสํ เอกตฺถตาทสฺสนตฺถํ เอกโต ‘‘จีวรกาลสมโย’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. มาติกายํ ปเนตฺถ ตาทิสํ จีวรํ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อุปคตํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว อจฺเจกจีวรํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. อตฺตโน กุฏิยา วสฺสํวุตฺถสฺส ภิกฺขุโน หิ ทาตุํ อลภนฺโต อนฺโตวสฺเส เอว ทานกิจฺจํ ปรินิฏฺาเปตฺวา คจฺฉติ, ตถา สงฺฆสฺส. ตสฺมา อิทํ อจฺเจกจีวรํ อตฺถิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา สนฺตกภาวํ อุปคจฺฉนฺตํ, ยํ น วสฺสาวาสิกภาเวน ทินฺนํ, อตฺถิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย อนุปคนฺตฺวา วสฺสํวุตฺถกาเลเยว ปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา อุปคจฺฉนฺตํ, ยํ วสฺสาวาสิกภาเวน อุปฺปชฺชิตฺวา สมเย ทินฺนํ, อตฺถิ สมเย ทินฺนมฺปิ ปุคฺคลสฺส สนฺตกภาวํ อนุปคจฺฉนฺตํ, สงฺฆสนฺตกภาวํ วา ทายกสนฺตกภาวํ วา อุปคจฺฉนฺตํ, อีทิสํ สนฺธาย ‘‘สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ อติเรกสํวจฺฉรมฺปิ นิกฺขิปิตุํ ลภติ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อนุปคตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ อิโต อฺํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สิทฺธเมตนฺติ. ทสาหโต ปุเรตรํ ลภิตฺวา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ น ลภติ, ตสฺมา สกภาวูปคตเมว อธิฏฺาตพฺพํ, ตํเยว สนฺธาย ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ วุตฺตํ, ยโต ‘‘อนฺโตสมเย อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ อนาปตฺติวาเร วุตฺตํ. สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพกํ ปน ปรสฺส ทาตพฺพตาย สกภาวํ อนุปคตํ, น หิ ตํ สนฺธาย ‘‘อธิฏฺเติ, วิกปฺเปตี’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, น จ ตํ อิมสฺมึ อตฺเถ นิสฺสคฺคิยํ โหติ สงฺฆสฺส นิสฺสคฺคิยาภาวโต, อฏฺกถายมฺปิ อยมตฺโถ สุฏฺุ ปากโฏว. กตมํ สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เจ? ปรสนฺตกํ จีวรํ สงฺฆิกเมว โหติ, ตโต ‘‘สลฺลกฺเขตฺวา สุขํ ทาตุํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา หิ ปรสฺส สนฺตกภาโว ทสฺสิโต.

‘‘ตโต ปรํ เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถีติ ทสาหปรมโต อุทฺธํ อนุปคตตฺตา’’ติ ลิขิตํ, อิโต สมยโต อุทฺธเมว ทสาหสฺส อนุปคตตฺตา สมยโต ปรํ ทสาหํ น ลภตีติ กิรสฺส อธิปฺปาโย. ‘‘เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’ติ เอตฺถ ‘‘เอกาทสมํ อรุณํ จีวรมาเส อุฏฺเตี’’ติ การณํ ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อนธิฏฺหิตฺวา เอกาทสทิวเส นิกฺขิปิตุํ ลภตี’ติ วทนฺโต ภควา อิตรมฺปิ อนจฺเจกจีวราทึ อนุชานาติ, อจฺเจกจีวรมุเขนาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ กตรํ สุภาสิตํ? อุภยมฺปีติ เอเก. กถํ? ปมํ ‘‘อจฺเจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน ทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน ทสทิวสาธิกา ปฺจมาสา’’ติ อิมินา สเมติ, อนุคณฺิปทลทฺธิยา หิ เอตฺถ ‘‘เอกาทสทิวสาธิโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ทุติยํ ‘‘ทสาหานาคตนฺติ…เป… ทสาเหน อสมฺปตฺตาติ อตฺโถ’’ติ อิมินา สเมติ. อิมสฺส นยสฺส วเสน ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหตี’’ติ ปาโ ยุชฺชติ. ตถา คณฺิปทลทฺธิยา ‘‘นวาหานาคตํ กตฺติกเตมาสิกปุณฺณม’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ตสฺส วเสน ‘‘กามฺเจส ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพนฺติ อิมินาว สิทฺโธ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทํ ปิต’’นฺติ อยํ ปาโ ยุชฺชติ. โก ปเนตฺถ สาโรติ? โย ปจฺฉา วุตฺโต, โสว สาโร. เตเนว อฏฺกถาจริเยน ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตํ. โปราณคณฺิปเทหิ อฏฺกถาย จ สทฺธึ สํสนฺทนโต, ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ ปาฬิยา สํสนฺทนโต จ เอตฺถ คณฺิปทลทฺธิปิ ปาฬิยา สเมติ.

กถํ? ยสฺมา ปวารณาทิวเส อรุณุคฺคมเน ภิกฺขุ วสฺสํวุตฺโถ โหติ, ตสฺมา อิมินา ทสเมน อเหน สทฺธึ ฉฏฺิโต ปฏฺาย นวทิวสา ทส อหานีติ ทสาหํ, เตน ทสาเหน, สหโยคตฺเถ กรณวจนํ. กตฺติกเตมาสิกปุณฺณมา จีวรสมยํ อสมฺปตฺตาติ กตฺวา ‘‘อนาคตา’’ติ วุจฺจติ. ยถา อปรกตฺติกปุณฺณมาย วสฺสิกสาฏิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปนฺโต ‘‘จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ. เอตฺถ วุจฺจตีติ เจ? น, อิมสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต. อจฺเจกจีวรปฏิคฺคหณกาลํ นิยมิตนฺติ เจ? น, ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ อจฺเจกเมว น โหติ. ปมกถิเนน สิทฺธตฺตา’’ติ โปราณฏฺกถาคณฺิปเทสุ วุตฺตตฺตา ตโต อุปริ ‘‘อจฺเจกจีวร’’นฺติ วุจฺจติ, ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติสงฺคโห จ. น จ สา อาปตฺติ ปาฬิยา, อฏฺกถาย, ยุตฺติโต วา สมฺภวติ. อฏฺุปฺปตฺติมตฺตวเสน วุตฺตนฺติ เจ? น, ทสาหาธิจฺจการิกา อฏฺุปฺปตฺติปายํ น ทิสฺสติ. ‘‘ภิกฺขู อจฺเจกจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมนฺตี’’ติ เอตฺถ เอตฺติกา เอว หิ อฏฺุปฺปตฺติ. ตถา หิ ปริวาเร (ปริ. ๔๗-๕๓) ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ อารภิตฺวา เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพํ, อิตรํ อติกฺกาเมตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ ปฺตฺตนฺติ เจ? น, อจฺเจกจีวรสฺเสว อปราธทสฺสนโต, วิเสสการณาภาวา, ‘‘กามฺเจส ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพนฺติ อิมินาว สิทฺโธ’’ติอาทิวจนวิโรธโต จ ยถาวุตฺตวจนาสมฺภวโต จ.

กถํ? ทสาเหน สห กตฺติกปุณฺณมา ‘‘อนาคตา’’ติ หิ วุตฺเต ทสาหโต อฺา สา ปุณฺณมาติ อาปชฺชติ. อนฺา เจ, สห-สทฺโท น สมฺภวติ, น หิ อตฺตนาว อตฺตโน โยโค สมฺภวติ, อนาคต-สทฺโท จ น สมฺภวติ. อาคตา สมฺปตฺตา เอว หิ สา ปุณฺณมา. จีวรสมยสฺส อนนฺตรตฺตา เอกีภาวํ อนาคตตฺตา อนาคตาเยวาติ เจ? น, ตถาปิ อนาคต-สทฺทสฺส สมฺภวโต, อาคมนสมฺภเว สติเยว หิ อนาคต-สทฺโท สมฺภวติ, น หิ นิพฺพานํ, ปฺตฺติ วา ‘‘อนาคตา’’ติ วุจฺจติ. นิพฺพานํ วิย ขณตฺตยํ, สา จ ปุณฺณมา น กทาจิ สมยภาวํ ปาปุณาตีติ อยุตฺตเมว. ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ ปน วจนํ ปิฏฺิสมยํ คเหตฺวา ิตตฺตา สมฺภวติ. อปิจ ปวารณายํ อรุเณ จ อุฏฺิเต สา ปุณฺณมา จีวรสมยํ เอกาหานาคตา เอวาปชฺชติ ปุพฺเพ สหโยคปตฺตตฺตา. เอวํ สนฺเต เอกีภาวคตาปิ สา จีวรสมยํ อนาคตา เอว ชาตาติ สพฺพทา น ตถาวิคฺคหกรณวจนตฺถํ โกจิเทว วจนโต ทีเปตีติ เวทิตพฺพํ.

กิมตฺถํ ปเนตฺถ ‘‘ทสทิวสาธิโก มาโส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ? ตํ ปาริปูริสมฺภวโต. ปฺจมิยฺหิ ปุเร อรุณํ อุปฺปนฺนอจฺเจกจีวรสฺส ทสทิวสาธิโก มาโสเยว ปริปูโรติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. อปิจ ตสฺสา ปฺจมิยา ทิวสภาโคปิ สมฺปตฺตาย รตฺติยา ‘‘หิยฺโย’’ติ วุจฺจติ, ปเคว ปุเร อรุณํ, เตเนวาห ‘‘หิยฺโย โข, อาวุโส, อมฺหาก’’นฺติอาทิ. ‘‘เอวํ สนฺเต ‘ฉฏฺิโต ปฏฺายา’ติ วุตฺตปมปาสฺส วเสน ‘อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปิตํ ติจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’’ติ จ ‘‘ทสทิวสาธิโก มาโส’’ติอาทิ จ ยํ ลิขิตํ. ตํ น, ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ ปาเ สชฺชิเตว เอเตน ปริยาเยน ยถาวุตฺตอตฺถสมฺภวโต, น ตานิ านานิ ปุน สชฺชิตานิ. ยถาิตวเสเนว อชฺฌุเปกฺขิตพฺพานีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อิทํ สิกฺขาปทํ ปุณฺณมายํ อนิสฺสคฺคิยตฺถเมวาติ อุปติสฺสตฺเถโร. ‘‘ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ ปาเ สชฺชิเต เอเตน ปริยาเยน ยถาวุตฺโต อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหติ, ‘‘อจฺเจกจีวรนฺติ อจฺจายิกจีวรํ วุจฺจตี’’ติอาทิ ปาโ. ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺายา’’ติ จ ‘‘กามฺเจส ทสาหปรม’’นฺติอาทิ จ ยํ ลิขิตํ, ตํ น ปาโ, ตสฺมา เอกาทสทิวสํ ปริหารํ ลภตีติ กตฺวา อาจริเยน ‘‘ปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ ลิขาปิโต กิร. ‘‘ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปิตํ ติจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวาติ ปาโ’’ติ จ ‘‘อจฺเจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปฺจมาสาติ ปาโ’’ติ จ เอตฺถ ปปฺเจนฺติ, ตสฺมา สุฏฺุ สลฺลกฺเขตฺวา กเถตพฺพํ, ตุณฺหีภูเตน วา ภวิตพฺพํ.

อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๕๒. ‘‘ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรนฺติ อิทํ ติจีวเร เอว อยํ วิธิ, อิตรสฺมึ ยถาสุขนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อติเรกฉารตฺตํ วิปฺปวสนฺตี’’ติ ตสฺมึเยว เสนาสเน วาโส น วิปฺปวาโสติ กตฺวา วุตฺตํ. กสฺมา? จีวรปฺปวตฺติชานนโต. เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ วจนโต อติเรกโตปิ วุตฺตํ, อารฺกเมว ปน เสนาสนํ โหติ, ธุตงฺคํ รกฺขติ จีวรปฺปวตฺติชานนปลิโพธสมฺภวโต.

๖๕๓. ‘‘คาวุตโต อติเรกปฺปมาเณน ลภตี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘สิยา จ ตสฺส ภิกฺขุโน โกจิเทว ปจฺจโย เตน จีวเรน วิปฺปวาสายา’’ติ วจนโต. โยชนปฺปมาเณปิ สิยาติ เจ? น, ‘‘ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ อนาปตฺติวาเร อนุฺาตตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘โยชนปฺปมาเณ น ลภตี’’ติ อิทํ กินฺติ? อิทํ นิพทฺธาวาสวเสเนว วุตฺตํ. ตตฺถ ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ? น ภิชฺชติ, กินฺตุ น อิธ ธุตงฺคาธิกาโร อตฺถีติ. อถ กสฺมา ‘‘อยํ ธุตงฺคโจโรติ เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตนฺติ? อสมฺภวโต. กถํ ปฺายตีติ? องฺเคสุ อภาวโต. ธุตงฺคธรสฺส ปติรูปเสนาสนทีปนโต ธุตงฺคธรตา ตสฺส สิทฺธา. วจนปฺปมาณโตติ เจ? น, วจนปฺปมาณโต จ ปาฬิเยว ปมาณํ. ‘‘อนาปตฺติ ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ หิ วุตฺตํ. คามสีมา นิกฺขมิตฺวา กิตฺตกํ กาลํ วสิตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เจ? ปุนทิวเสเยว, ตสฺมา อฏฺโม อรุโณ นิพทฺธาวาเส วา คนฺตพฺพฏฺาเน วา อุฏฺเตพฺโพติ เอเก. อนฺโตฉารตฺตนฺติ เอเก. ยาว นิพทฺธาวาสํ น กปฺเปตีติ เอเก. ยาว มคฺคปริสฺสมวิโนทนาติ เอเก. สติ อนฺตราเย อนฺโตฉารตฺตํ วสติ, อนาปตฺติ. นิพทฺธาวาสกปฺปเน สติ อรุณุคฺคมเน อาปตฺติ. สเจ ตํสตฺตโม ทิวโส, ตทเหว นิกฺขิตฺตจีวรํ คเหตพฺพํ, ปจฺจุทฺธริตพฺพํ วาติ เอเก. สเจ อนฺตรา นวมคฺคปาตุภาเวน วา นวคามสนฺนิเวเสน วา, ตํ เสนาสนํ องฺคสมฺปตฺติโต ปริหายติ. ตทเหว จีวรํ คเหตพฺพํ วา ปจฺจุทฺธริตพฺพํ วา. ฉารตฺตํ วิปฺปวสนฺตสฺส เจ ปริหายติ, อนาปตฺติ อนุฺาตทิวสตฺตาติ เอเก. อาปตฺติ เอว อนงฺคสมฺปตฺติโตติ เอเก. ยุตฺตตรํ ปเนตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. สเจ ธุตงฺคธโร โหติ, คามสีมายํ อวสิตฺวา ปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺเต าเน วสิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ. ปมํ พทฺธอวิปฺปวาสสีโม เจ คาโม โหติ, อฺสฺมิมฺปิ มาเส อนฺโตสีมาย วสโต อนาปตฺติ. โปราณคณฺิปเท ‘‘ยถาวุตฺตเสนาสเน วสนฺเตนาปิ ฉารตฺตเมว จีวรํ คาเม นิกฺขิปิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน อฺํ อนฺโตฉารตฺตมฺปิ อฺมฺปิ วสโต อาปตฺติเยวา’’ติ วุตฺตํ.

สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๕๗. เทถาวุโส อมฺหากนฺติ เอตฺถ อกตวิฺตฺติ โหติ น โหตีติ? โหติ, ยทิ เอวํ อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส จ อิมสฺส จ กึ นานากรณนฺติ? ตํ อฺาตกอปฺปวาริเตเยว วิฺาเปนฺตสฺส, อิทํ าตกปวาริเตปิ, ตํ อนจฺฉินฺนจีวรสฺเสว, อิทํ ตสฺสปิ, ตํ จีวรํเยว วิฺาเปนฺตสฺส, อิทํ อจีวรมฺปิ. เอวํ สนฺเต อิทํ ตํ อนฺโตกตฺวา ิตํ โหติ, ตสฺมา ทฺวินฺนมฺปิ องฺคสมฺปตฺติยา สติ เกน ภวิตพฺพนฺติ? อิมินา ภวิตพฺพํ อิมสฺส นิปฺปเทสโตติ เอเก. ทฺวีหิปิ ภวิตพฺพํ อุภินฺนมฺปิ องฺคสิทฺธิโตติ เอเก. อิมานิ ตสฺส องฺคานิ วิกปฺปนุปคจีวรตา, สมยาภาโว, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ จตฺตาริ. อิมสฺส ปน สงฺเฆ ปริณตภาโว, ตฺวา อตฺตโน ปริณามนํ, ปฏิลาโภติ ตีณิ. เอตฺถ ปโม วาโท อยุตฺโต กตฺวาปิ โอกาสํ อฏฺกถายํ, ปริวาเร จ อวิจาริตตฺตา. ยทิ เอวํ ตตฺถ องฺเคสุ ‘‘อนฺปริณตตา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ, อตฺถโต สิทฺธตฺตา. ปริณตสิกฺขาปททฺวยสิทฺธิโต, ปริณตสฺิโต, อาปตฺติสมฺภวโต จ ‘‘มยฺหมฺปิ เทถา’’ติ วทติ, ‘‘วฏฺฏตี’’ติ อนุทฺทิฏฺํ, ‘‘อมฺหากมฺปิ อตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ‘‘สงฺฆสฺส ปริณตํ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถ ‘‘ปุคฺคลสฺสา’’ติ น วุตฺตํ, ยโต สุทฺธปาจิตฺติยวเสน อาคตตฺตา. ‘‘อฺเจติยสฺสา’’ติ น วุตฺตํ สงฺฆสฺส อเจติยตฺตา, ตสฺมาเยว ‘‘เจติยสฺส ปริณตํ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘อฺสงฺฆสฺส อฺปุคฺคลสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘ยโต ตถา อิธ จ ‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอตฺถ จ ‘อตฺตโนปี’ติ กิฺจาปิ น วุตฺตํ, ตถาปิ สมฺภวตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ปน อิธ อตฺตโน ปริณามนาธิการตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส น วุตฺตนฺติ เอเก. ตตุตฺตริสิกฺขาปเท ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) ปทํ วิยาติ เอเก. ตํ น, เอตฺถ ปุคฺคลปริณามนสิกฺขาปเท อวุตฺตตฺตา. ธมฺมสิริตฺเถโร ปนาห –

‘‘อตฺตโน อฺโต ลาภํ, สงฺฆสฺสฺสฺส วา นตํ;

ปริณาเมยฺย นิสฺสคฺคิ, ปาจิตฺติยมฺปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สงฺฆสฺส ปริณตํ อตฺตโน ปริณาเมยฺย นิสฺสคฺคิยํ. ตเทว อฺโต ปริณาเมยฺย ปาจิตฺติยํ. อฺสฺส ปริณตํ อตฺตโน วา ปรสฺส วา ปริณาเมยฺย ทุกฺกฏนฺติ, ตสฺมา อฺาตกวิฺตฺติอาทีสุ วุตฺตาปตฺติสมฺภวโต อิธ ปริณตทฺวเย ‘‘อตฺตโน’’ติ ปทํ น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต ทุกฺกฏมตฺตปฺปสงฺโค สิยา, อวุตฺเต ปเนเตสุ วุตฺตาปตฺตีนํ ยถาคมมฺตรา จ อิธ อวุตฺตสิทฺธิ ทุกฺกฏฺจาติ ทฺเว อาปตฺติโย เอกโต โหนฺตีติ วินยธรานํ อนวเสสาณสฺส โอกาโส กโต โหตีติ.

อิติ ตึสกกณฺฑํ สารมณฺฑํ,

อลเมตํ วินยสฺส สารมณฺเฑ;

อิธ นิฏฺิตสพฺพสารมณฺฑํ,

วินยวเสน ปุนาติ สารมณฺฑนฺติ.

ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ปตฺตวคฺโค ตติโย.

นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาจิตฺติยวณฺณนา

๕. ปาจิตฺติยกณฺโฑ

๑. มุสาวาทวคฺโค

๑. มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา

. วาทกฺขิตฺโตติ เอตฺถ อวิเสเสน วาทชปฺปวิตณฺฑสงฺขาโต ติวิโธปิ กถามคฺโค ‘‘วาโท’’ อิจฺเจว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. เตสุ ‘‘ติตฺถิเยหิ สทฺธิ’’นฺติ วจนโต เปตฺวา วาทํ ‘‘เสสา’’ติ วทนฺติ. ฉลชาตินิคฺคหฏฺานกุสลตาย กทาจิ กตฺถจิ อวชานิตฺวา ปฏิชานาติ, ตถา ปุพฺเพ กิฺจิ วจนํ ปฏิชานิตฺวา ปจฺฉา อวชานาติ. เอวํ วา อฺถา วา อฺเนฺํ ปฏิจรติ. เอวํ ปวตฺโต สมฺปชานมุสา ภาสํ ปฏิสฺสุณิตฺวา อสจฺจายนฺโต สงฺเกตํ กตฺวา วิสํวาเทนฺโต เอวํ โส วาทกฺขิตฺโต สมาโน ปาจิตฺติยวตฺถุฺจ ปริปูเรนฺโต วิจรตีติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อตฺตโน วาเทติ เอตฺถ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๙; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗; เนตฺติ. ๕; มหานิ. ๒๗) ปมมารทฺเธ อตฺตโน วาเท. ‘‘ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) โน สมโย. ‘‘สพฺเพ ธมฺมา’’ติ วุตฺเต นิพฺพานมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉติ. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔; ม. นิ. ๒.๒๑๕) วุตฺตตฺตา ปน ตํ น ทุกฺขํ. โน านเมตํ วิชฺชติ. อยํ ปรวาที ‘‘ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา สิทฺธนฺตํ สมฺภเมตฺวา ‘‘วิโรธิ วิรุทฺโธ’’ติ วุตฺตํ โทสํ อาโรเปสฺสตีติ ตสฺมึ ปมวาเท กฺจิ โทสํ สลฺลกฺเขนฺโต อาโรปิเต วา โทเส อนาโรปิเต วา ‘‘นายํ มม วาโท’’ติ ตํ อวชานิตฺวา ‘‘นิพฺพานนฺตฺเวว สสฺสต’’นฺติ, ‘‘อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา’’ติ จ สุตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส ปมวาทสฺส นิทฺโทสตํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘มเมว อยํ วาโท’’ติ ตเมว ปจฺฉา ปฏิชานาติ. เอวํ ตตฺถ ยถาวุตฺตมานิสํสํ สลฺลกฺเขนฺโต ตํ ปฏิชานิตฺวา ยทิ อนตฺตา สพฺเพ ธมฺมา, ธมฺมา เอว น เต ภวนฺติ. สภาวํ ธาเรนฺตีติ หิ ‘‘ธมฺมา’’ติ วุจฺจนฺติ.

อยฺจ อตฺต-สทฺโท สภาววาจีติ เอวํ อาโรปิเต วา โทเส อนาโรปิเต วา โทโสติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘นายํ มม วาโท’’ติ ตเมว ปมวาทํ ปจฺฉา อวชานาติ. อถ โส ปรวาที สปกฺขํ ปฏิเสเธ ปฏิชานนตฺตาปนยนํ. ปฏิชานาติ ปตฺยาสฺส อิติ วจนโต ‘‘ปฏิฺา อฺา โส นาม เต นิคฺคโห’’ติ วุตฺโต. สภาวาติริตฺตํ อตฺถํ ปฏิเสธาธิปฺปายโต สภาวโต อติริตฺตํ พาลปริกปฺปิตมตฺตานํ สนฺธาย ‘‘อนตฺตา สพฺเพ ธมฺมา’’ติ เม ปฏิฺาตกถา, สา จ ตทวตฺถาเยวาติ น เม ตํ ปฏิฺาตตฺตาปนยนํ อตฺถิ, ‘‘นายํ มม วาโท’’ติ อวชานนํ ปน สภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ สนฺธาย ‘‘อนตฺตา สพฺเพ ธมฺมา’’ติ น วทามีติ อธิปฺปาเยน กตนฺติ อิมินา อฺเน การเณน ตํ ปุพฺเพ ปฏิฺาตตฺตาปนยนํ การณํ ปฏิจฺฉาเทติ. ‘‘อนตฺตา สพฺเพว ธมฺมา’’ติ น วตฺตพฺพํ ‘‘อตฺต-สทฺทสฺส สภาววาจิตฺตา’’ติ อิทํ การณํ ปฏิจฺจ เตน ปุพฺเพ ปฏิฺาตตฺตาปนยนํ กตํ. ตมฺการณํ ปจฺฉา ทสฺสิเตน อฺเน การเณน ปฏิจฺฉาเทตีติ อธิปฺปาโย.

ยสฺมา น เกวลํ ยถาทสฺสิตนเยน โส อตฺถเมว อวชานาติ, ปฏิชานาติ จ, กินฺตุ วจนมฺปิ, ตสฺมา อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑) ‘‘ชานิตพฺพโต’’ติ ปมํ การณํ วตฺวา ปรวาทินา ‘‘ยทิ ชานิตพฺพโต อนิจฺจํ, นิพฺพานํ เต อนิจฺจํ สิยา’’ติ วุตฺเต ‘‘น มยา ‘ชานิตพฺพโต’ติ การณํ วุตฺตํ, ‘ชาติธมฺมโต’ติ มยา วุตฺตํ, ตํ ตยา พธิรตาย อฺเน สลฺลกฺขิตนฺติอาทีนิ วทตีติ อธิปฺปาโย. ‘ชานิตพฺพโต’ติ วตฺวา ปุน ‘ชาติธมฺมโต’ติอาทีนิ วทตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อวชานิตฺวา ปุน ปฏิชานนฺโต ตํ อวชานนํ อิมินา ปฏิจฺฉาเทติ นามา’’ติ ลิขิตํ.

. ชานิตฺวา ชานนฺตสฺส จาติ ชานิตฺวา วา ชานนฺตสฺส วาติ อตฺถทฺวยํ ทีเปตีติ.

. อปิจ มิจฺฉาวาจาปริยาปนฺนาติ จตุพฺพิธมิจฺฉาวาจาปริยาปนฺนา. สีหฬาทินามเภทคตาติ เกจิ, ตสฺมา เอวํ วทโต วจนํ, ตํสมุฏฺาปิกา เจตนาติ อุภยํ วุตฺตนฺติ มาติกายํ อุภินฺนํ สงฺคหิตตฺตา. วิภงฺเค ตํ วจนํ ยสฺมา วินา วิฺตฺติยา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘วาจสิกา วิฺตฺตี’’ติ วิฺตฺติ จ ทสฺสิตา. ‘‘เอวํ วทโต วจน’’นฺติ โลกโวหาเรน วตฺวา ปรมตฺถโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํสมุฏฺาปิกา วา เจตนาติ วุตฺต’’นฺติ จ วทติ. โอฬาริเกเนวาติ เจตนาสมุฏฺานวาจานํ สุขุมตฺตา วิสยวเสเนว กตาติ.

. ทิฏฺสฺส โหตีติ ทิฏฺโ อสฺส, อเนน วา อุปจารชฺฌานวเสน น มยา อพฺยาวโฏ มโต, ‘‘น มยา ปวนฺโต ปโฏ ทิฏฺโ’’ติอาทึ ภณนฺตสฺส จ ปรมตฺถสุฺตํ อุปาทาย เอว ‘‘อิตฺถึ น ปสฺสามิ, น จ ปุริส’’นฺติ ภณนฺตสฺส จ น มุสาวาโท.

๑๑. อาปตฺตึ อาปชฺชติเยวาติ เอตฺถ ‘‘ทุพฺภาสิตาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. กสฺมา? ‘‘เกฬึ กุรุมาโน’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘วาจา คิรา…เป… วาจสิกา วิฺตฺตี’’ติ อุชุกํ สนฺธาย, กาโย น อุชุโก.

มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๓. ‘‘ปุน อเร ปตฺเตติ ปุน ตํ านํ ปริวฏฺเฏตฺวา อาคเต อฺสฺมึ อเร’’ติ ลิขิตํ. ปติฏฺิตารปฺปเทสนฺติ ภูมึ. ปุน อเรติ ปุน ตสฺมึเยว อเร ภูมึ ปตฺเตติ อตฺโถติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ วิย. ชาปิโตติ ปราชิโต, ‘‘ปราชิโต’’ติ วา ปาโ. ปาเปสีติ อภิภวสิ. มนาปํ ภาสมานสฺส พฺราหฺมณสฺส ครุํ ภารํ. อุทพฺพหีติ อากฑฺฒีติ อตฺโถ, อนาทรตฺเถ วา สามิวจนํ. ธนฺจ นํ อลาเภสีติ ยถา โส ธนํ อลภิ, ตถา อกาสีติ อธิปฺปาโย.

๑๕. ปุพฺเพติ นิทาเน. อวกณฺณกนฺติ ฉินฺนกณฺณกนามํ. ชวกณฺณกนฺติ วงฺกกณฺณกนามํ. ธนิฏฺกํ ธนวฑฺฒกนามํ, สิริวฑฺฒกนามํ กุลวฑฺฒกสฺเสว นามํ. ตจฺฉกกมฺมนฺติ ขณนกมฺมการา โกฏฺกา, ปาสาณกมฺมการาติ เกจิ. ‘‘มุทฺทาติ ปพฺพคณนา. คณนาติ มหาคณนา’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘มธุเมหํ โอเมห’’นฺติ ลิขิตํ. ถูลกายสฺส มํสูปจโยติ เอเก. ยภ เมถุเน. วีตราคตาทีหิ อกฺโกสนฺโตปิ กิเลเสเหว กิร อกฺโกสติ นาม, ตถา ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ อกฺโกสนฺโต อาปตฺติยา อกฺโกสติ นามาติ เอเก. ลิงฺคายตฺตตฺตา อจฺโจทาตาทิปิ ลิงฺคเมว ชาตํ.

๑๖. สพฺพตฺถ วเทตีติ อุทฺเทโส. ภณตีติ วิตฺถาโร. วเทตีติ วา อิมินา ปรวิฺาปนํ ทีเปติ.

๒๖. อฺาปเทสวาเรสุ ปน ‘‘เอวํ วเทตี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา? ปุพฺเพ ทสฺสิตอุทฺเทสกฺกมนิทสฺสนตฺถํ. ปุพฺเพปิ ‘‘หีเนน หีนํ, หีเนน อุกฺกฏฺํ, อุกฺกฏฺเน หีนํ, อุกฺกฏฺเน อุกฺกฏฺ’’นฺติ ชาตฺยาทีสุ เอเกกสฺมึ จตุธา จตุธา ทสฺสิตอุทฺเทสกฺกมสฺส นิทสฺสนํ ‘‘เอว’’นฺติ อิมินา กโรติ. ‘‘หีเนน หีนํ วเทตี’’ติ วุตฺตฏฺาเนเยว หิ ‘‘เอวํ วเทตี’’ติ วุตฺเต โส อากาโร นิทสฺสิโต โหตีติ อธิปฺปาโย. อฺถา อฺาปเทเสน โส อากาโร น สมฺภวตีติ อาปชฺชติ. น สมฺภวติ เอวาติ เจ? น, วิเสสการณาภาวา, ตตฺถ อนาปตฺติปฺปสงฺคโต, อนิยมนิทฺเทเสน อนิยมตฺถสมฺภวโต จ. ‘‘สนฺติ อิเธกจฺเจ จณฺฑาลา’’ติอาทินา หิ อนิยมนิทฺเทเสน จณฺฑาลํ วา อจณฺฑาลํ วา สนฺธาย ภณนฺตสฺส อาปตฺตีติ อนิยมตฺโถ สมฺภวตีติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ ตาวตา ปุพฺเพ ทสฺสิตอุทฺเทสกฺกมนิทสฺสนสิทฺธิโตติ? น, ‘‘วเทตี’’ติ อิมินา อโยชิเต ‘‘เอว’’นฺติ ปเท อิมํ นาม อาการํ ทสฺเสตีติ อนวโพธโต. อฺาปเทสนเยปิ ปรวิฺาปเนเยว ทุกฺกฏปาจิตฺติยํ วิยาติ นิยมนปโยชนํ วา ‘‘วเทตี’’ติ ปทนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา อตฺตโน สมีเป ตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ อาณาเปนฺโต หีเนน หีนํ วเทติ ภณติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส. สเจ สยํ หีโน หีเนน หีนํ จณฺฑาลํ…เป… ปุกฺกุสํ ‘‘ปุกฺกุโส’’ติ ภณติ อาปตฺติ วาจาย วาจาย ปาจิตฺติยสฺส, เอส นโย อฺาปเทสวาเรสุปีติ โยชนา เวทิตพฺพา. อยมตฺโถ ทุฏฺโทเสสุ ปริเยสิตพฺโพ. อฺถา ‘‘วเทติ ภณตี’’ติ เอเตสํ อฺตรํ อุภยตฺถ อนฺาปเทสวารอฺาปเทสวาเรสุ, วิเสเสน วา อฺาปเทสวาเรสุ นิรตฺถกํ อาปชฺชติ วินาเยว เตน วจนสิลิฏฺตาสมฺภวโต. อตฺตโต ปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา ปเนตฺถ ‘‘สาณตฺติก’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺรายํ ปทสนฺธิ วเทตีติ วท อิตีติ. อสมฺมุขา วทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ ‘‘สมฺมุขา ปน สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ทวกมฺยตา นาม เกฬิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘หสาธิปฺปายตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อสมฺมุขาปิ ทวกมฺยตาย วทนฺตสฺส ทุพฺภาสิตเมวา’’ติ อาจริยา วทนฺติ. ปาปครหิตาย กุชฺฌิตฺวาปิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อสมฺมุขา อนาปตฺตีติ.

โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. เปสุฺสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๖-๗. ‘‘อิมสฺส สุตฺวา อมุสฺสา’’ติ ปาโ. ‘‘อิเมสํ สุตฺวา’’ติ น สุนฺทรํ. เภทายปีติ เภทาย. ติณฺณมฺปิ ภิกฺขุภาวโตเยว นิปชฺชนโต ‘‘ภิกฺขูนํ เปสุฺเ’’ติ พหุวจนํ กตํ.

๓๘-๙. ‘‘อิตฺถนฺนาโม อายสฺมา จณฺฑาโล…เป… ปุกฺกุโสติ ภณตี’’ติ วตฺวา เปสุฺํ อุปสํหรตีติ โยชนา. อฺถา ‘‘ปุกฺกุโสติ ภณตี’’ติ วตฺตพฺพตา อาปชฺชติ. เอตฺถ อนุปสมฺปนฺนวาโร ลพฺภมาโนปิ น อุทฺธโฏ โอมสวาเท ทสฺสิตนยตฺตา, สงฺเขปโต อนฺเต ทสฺเสตุกามตาย วา. ตถา หิ อนฺเต ตีณิ ทุกฺกฏานิ ทสฺสิตานิ. ตานิ ปน ทสฺเสนฺโต ภควา ยสฺมา ‘‘อุปสมฺปนฺนสฺส สุตฺวา อุปสมฺปนฺนสฺส เปสุฺํ อุปสํหรตี’’ติ วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ ปทานํ อฺตรวิปลฺลาสวเสน วา อุภยวิปลฺลาสวเสน วา ปาจิตฺติยนฺติ กตฺวา ทฺเวปิ ตานิ เอกโต วุตฺตานีติ ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา สพฺพปมํเยว ‘‘อุปสมฺปนฺโน อุปสมฺปนฺนสฺส สุตฺวา อุปสมฺปนฺนสฺส เปสุฺํ อุปสํหรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ อาห. ‘‘ทฺวีสุ ปเนเตสุ ยสฺมา ปาราชิกํ อชฺฌาปนฺโนปิ อุปสมฺปนฺโน ตาทิสํเยว อุปสมฺปนฺนํ ขุํเสตุกาโม โอมสติ, ตาทิสสฺส สุตฺวา ตาทิสสฺส เปสุฺํ อุปสํหรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส, ตสฺมา ‘อุปสมฺปนฺโน’ติ อิทํ อาทิปทํ สพฺพตฺถ วุตฺต’’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, อนวเสสอาปตฺตึ อาปนฺนสฺส ปุน อาปตฺติยา อสมฺภวโต, ตสฺมา เกวลํ มาติกายํ ภิกฺขุปทาภาวโตเยว ‘‘ภณติ อุปสํหรตี’’ติ ปทานํ การกนิทฺเทสาภาเว อสมฺภวโต เอว ตํ อาทิปทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทํ ปาฬิเลสาภาวโต อนาณตฺติกเมว. ‘‘น ปิยกมฺยสฺส, น เภทาธิปฺปายสฺสา’’ติ อุปสํหรณาเปกฺขํ สามิวจนํ ตุณฺหีภูตสฺส วจนปฺปโยชนาภาวโต, เตน วุตฺตํ ‘‘ปาปครหิตาย ภณนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ.

เปสุฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๕-๖. สพฺพเมตํ ปทโส ธมฺโม นามาติ เอตฺถ ธมฺโม นาม พุทฺธภาสิโตติ เอวํ สมฺพนฺโธ. อกฺขรสมูโหติ อสมตฺตปเท. ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ พุทฺธภาสิเต เอว. อนุปาสกคหฏฺเหิ ภาสิโต อิสิภาสิตาทิสงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘เทวตาภาสิโต’’ติ ปทํ นตฺถิ, ยตฺถ อตฺถิ, สา ปาฬิ. คาถาพนฺเธปิ จ เอส นโยติ เอกเมว อกฺขรํ วตฺวา านํ ลพฺภติ เอว. ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิสุตฺตํ ภณาปิยมาโน เอการํ วตฺวา ติฏฺติ เจ, อนฺวกฺขเรน ปาจิตฺติยํ, อปริปุณฺณปทํ วตฺวา ิเต อนุพฺยฺชเนน. ปเทสุ เอกํ ปมปทํ วิรุชฺฌติ เจ, อนุปเทน ปาจิตฺติยํ. อฏฺกถานิสฺสิโตติ อฏฺกถานิสฺสิตวเสน ิโต. ปุพฺเพ ปกติภาสาย วุตฺตํ อฏฺกถํ สนฺธาย. ปาฬินิสฺสิโตติ ปาฬิยํ เอวาคโต. มคฺคกถาทีนิปิ ปกรณานิ.

๔๘. อุปจารนฺติ ทฺวาทสหตฺถํ. ‘‘โอปาเตตีติ เอกโต ภณติ สมาคจฺฉตี’’ติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ อปลาลทมนมฺปิ สีลุปเทโสปิ ภควโต กาเล อุปฺปนฺโน, อถ โข เตสุ ยํ ยํ พุทฺธวจนโต อาหริตฺวา วุตฺตํ, ตํ ตเทว อาปตฺติวตฺถุ โหตีติ วิฺาปนตฺถํ มหาอฏฺกถายํ ‘‘วทนฺตี’’ติ วจเนหิ สิถิลํ กตํ. พุทฺธวจนโต อาหริตฺวา วุตฺตสฺส พหุลตาย ตพฺพหุลนเยน เตสุ อาปตฺติ วุตฺตา, ตสฺมา มหาปจฺจริยํ ตสฺสาธิปฺปาโย ปกาสิโตติ อตฺโถ. ‘‘สพฺเพสเมว วจนนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. สเจ อาจริโย ิโต นิสินฺนานํ ปาํ เทติ, ‘‘น ิโต นิสินฺนสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ วุตฺตาปตฺตึ นาปชฺชตีติ เอเก. เตสมฺปิ ปาทานํ ธมฺมเทสนโต น อฺนฺติ ตํ น ยุตฺตํ, ฉตฺตปาณิกาทีนํ ปาทาเนน อนาปตฺติปฺปสงฺคโต, อาปตฺติภาโว จ สิทฺโธ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อุโภ อตฺถํ น ชานนฺติ, อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร;

โย จายํ มนฺตํ วาเจติ, โย จาธมฺเมนธียตี’’ติ. (ปาจิ. ๖๔๗);

เอตฺถ อธียตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ปาทานมฺปิ ธมฺมเทสนาว. เสขิยฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๓๔) ‘‘ธมฺมปริจฺเฉโท ปเนตฺถ ปทโสธมฺเม วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อยเมว ธมฺโม สพฺพตฺถ ธมฺมปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปเทสุ เวทิตพฺโพ. ยทิ เอวํ สงฺขารภาสาทิวเสน จิตฺตธมฺมํ เทเสนฺตสฺส เสขิยวเสน อนาปตฺติ สิยา, ตโต ฉปกชาตกวิโรโธ. ตตฺถ มนฺตานํ พาหิรคนฺถตฺตาติ เจ? น, ตทธิปฺปายาชานนโต. อยฺหิ ตตฺถ อธิปฺปาโย ‘‘พาหิรกคนฺถสงฺขาตมฺปิ มนฺตํ อุจฺเจ อาสเน นิสินฺนสฺส วาเจตุํ เม ภิกฺขเว อมนาปํ, ปเคว ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ‘‘ตทาปิ เม, ภิกฺขเว, อมนาปํ นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อุจฺเจ อาสเน นิสินฺนสฺส มนฺตํ วาเจตุํ, กิมงฺคํ ปน เอตรหิ…เป… ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๖๔๗) หิ อยํ ปาฬิ ยถาวุตฺตเมว อธิปฺปายํ ทีเปติ, น อฺํ. เตเนว ‘‘มนฺตํ วาเจตุํ ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ วจนเภโท กโต. อฺถา อุภยตฺถ ‘‘ธมฺมํ เทเสตุ’’มิจฺเจว วตฺตพฺพนฺติ.

มยา สทฺธึ มา วทาติอาทิมฺหิ ปน อนุคณฺิปเท เอวํ วุตฺโต ‘‘สเจ ภิกฺขุ สามเณเรน สทฺธึ วตฺตุกาโม, ตถา สามเณโรปิ ภิกฺขุนา สทฺธึ วตฺตุกาโม สหสา โอปาเตติ, ‘เยภุยฺเยน ปคุณํ คนฺถํ ภณนฺตํ โอปาเตตี’’ติอาทีสุ วิย อนาปตฺติ, น หิ เอตฺตาวตา ภิกฺขุ สามเณรสฺส อุทฺทิสติ นาม โหติ. ยสฺมา มหาอฏฺกถายํ นตฺถิ, ตสฺมาปิ ยุตฺตเมเวตํ. สเจ ตตฺถ วิจาเรตฺวา ปฏิกฺขิตฺตํ สิยา อาปตฺติ, กิริยากิริยฺจ นาปชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา จิตฺเตน เอกโต วตฺตุกาโม, อถ โข นํ ‘เอกโต มา วทา’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ เอกโต วทนฺโต อาปชฺชติ. อวตฺตุกามสฺส สหสา วิรชฺฌิตฺวา เอกโต วทนฺตสฺส อนาปตฺติ, เตน วุตฺตํ ‘มยา สทฺธึ มา วทาติ วุตฺโต ยทิ วทติ, อนาปตฺตี’ติ. ตถาปิ อาจริยานํ มติมนุวตฺตนฺเตน เอวรูเปสุ าเนสุ ยถาวุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. กสฺมา? ยสฺมา มหาอฏฺกถายํ นตฺถิ, นตฺถิภาวโตเยว อาปตฺติ. สเจ ตตฺถ อนาปตฺติอวจนํ น สมฺภวติ อยมฏฺานตฺตา’’ติ.

ตตฺรายํ วิจารณา – ‘‘มยา สทฺธึ มา วทา’’ติ วุตฺโต ยทิ วทติ, ภิกฺขุโน อนาปตฺตีติ ยุตฺตเมตํ ภิกฺขุโน วตฺตุกามตายาภาวโต, ภาเวปิ สชฺฌายกรณาทีสุ ตีสุ อนาปตฺติโต จ. อถ สามเณเรน พฺยตฺตตาย ‘‘มยา สทฺธึ มา วทา’’ติ วุตฺโต ภิกฺขุ อพฺยตฺตตาย วทติ, อาปตฺติ เอว วตฺตุกามตาสพฺภาวโต. สหสา เจ วทติ, อนาปตฺติ ตทภาวโต. สเจ ภิกฺขุ เอวํ ‘‘มยา สทฺธึ มา วทา’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ สยํ วทติ, อาปตฺติ เอว. น หิ เอตํ สิกฺขาปทํ กิริยากิริยํ. ยทิ เอตํ สิกฺขาปทํ กิริยากิริยํ ภเวยฺย, ยุตฺตํ. ตตฺถ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. มหาปจฺจริยํ อิมินาว อธิปฺปาเยน ‘‘มยา สทฺธึ มา วทา’’ติ วุตฺตํ สิยา. น หิ สามเณรสฺส กิริยา อิธ ปมาณนฺติ, อิมสฺมึ ปน อธิปฺปาเย วุตฺเต อติยุตฺตํวาติ อตฺโถ. อกฺขรตฺโถ พฺยฺชนตฺโถ. กิฺจาปิ ‘‘ยฺจ ปทํ ยฺจ อนุปทํ ยฺจ อนฺวกฺขรํ ยฺจ อนุพฺยฺชนํ, สพฺพเมตํ ปทโสธมฺโม นามา’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘ปเทน วาเจติ, ปเท ปเท อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส, อกฺขราย วาเจติ, อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ อิทเมว ทฺวยํ โยชิตํ, ตํ กสฺมาติ เจ? ปเทน อนุปทอนุพฺยฺชนานํ สงฺคหิตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุปทนฺติ ทุติยปาโท. อนุพฺยฺชนนฺติ ปุริมพฺยฺชเนน สทิสํ ปจฺฉาพฺยฺชน’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๕), ตสฺมา อนุปเทกเทสมตฺตเมว อนุพฺยฺชนนฺติ สิทฺธํ. ‘‘อกฺขรานุพฺยฺชนสมูโห ปท’’นฺติ จ วุตฺตตฺตา ปทมตฺตเมว วตฺตพฺพํ เตน อนุปทาทิตฺตยคฺคหณโตติ เจ? น วตฺตพฺพํ วจนวิเสสโต. ปเทน วาเจนฺโต หิ ปเท วา อนุปเท วา อนุพฺยฺชเน วา อาปตฺตึ อาปชฺชติ. น อกฺขเรน. อกฺขเรน วาเจนฺโต ปน ปทาทีสุ อฺตรสฺมึ อาปชฺชติ. น หิ ‘‘วโร วรฺู วรโท วราหโร’’ติอาทิมฺหิ ปมํ ว-การํ วาเจนฺโต ทุติยาทิว-กาเร โอปาเตติ, ปมํ โร-การํ วาเจนฺโต ทุติยโร-กาเร โอปาเตติ, ปมํ ร-การํ วาเจนฺโต ทุติยร-กาเร โอปาเตติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ สมฺภวติ. อนุพฺยฺชนานุโลมโต สมฺภวติ เอวาติ เจ? น, ‘‘ปเท ปเท อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ อิมินา วิรุทฺธตฺตา. อิทฺหิ วจนํ เอกสฺมึ ปเท เอกา อาปตฺตีติ ทีเปติ. ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วุจฺจมาโน รูติ โอปาเตตี’’ติ วจนโต สกลํ ปาทํ วาเจนฺตสฺส ปมอกฺขรมตฺเต เอกโต วุตฺเต อาปตฺตีติ สิทฺธนฺติ เจ? น, ‘‘อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ อิมินา วิรุทฺธตฺตา, ตสฺมา รูติ โอปาเตตีติ วตฺตุํ อสมฺภวโต รู-การสฺส ยถาวุตฺตธมฺมปริยาปนฺนภาวสิทฺธิโต ตํ อวตฺวา เกวลํ อกฺขราย วาเจนฺตสฺส ยถาวุตฺตธมฺมปริยาปนฺนอกฺขรภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วุจฺจมาโน’’ติ วุตฺตํ, วจนสิลิฏฺตาวเสน วา อนุพฺยฺชเน เวทนาวจนํ วิยาติ เวทิตพฺพํ.

ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๐. ‘‘น สหเสยฺยํ กปฺเปตพฺพ’’นฺติ ภาววเสน วุตฺตํ, เกสุจิ ‘‘น สหเสยฺยา กปฺเปตพฺพา’’ติ ปาโ, น กปฺเปตพฺพา ภิกฺขุนาติ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘อปสฺเสนํ วาติ วายิมมฺจกเมว โหตี’’ติ ลิขิตํ. ยํ เอเตสํ น กปฺปติ, ตํ เตสมฺปีติ อุปชฺฌายาทีนํ สนฺติกํ อคนฺตฺวา สหเสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ ปาเสโส.

๕๒. ‘‘อนุปสมฺปนฺโน นาม ภิกฺขุํ เปตฺวา อวเสโส’ติ วุตฺตตฺตา มาตุคาโม อนุปสมฺปนฺโนติ จตุตฺถรตฺติยํ มาตุคาโม ทฺเวปิ สหเสยฺยาปตฺติโย ชเนตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ภิกฺขุํ เปตฺวา…เป… ปนฺโนติ ปาราชิกวตฺถุภูโต ติรจฺฉานปุริโส อธิปฺเปโต’’ติ จ, อุภยมฺปิ วีมํสิตพฺพํ. ทุติยสิกฺขาปเท มาตุคาโม นามาติ มนุสฺสิตฺถึเยว คเหตฺวา ยกฺขี เปตี ติรจฺฉานคตา ปาราชิกวตฺถุภูตา น คหิตา เตสุ ทุกฺกฏตฺตา. ‘‘สเจ ปน อตฺตโนปิ สิกฺขาปเท ทุกฺกฏํ ภเวยฺย, อถ กสฺมา ปมสิกฺขาปเท ปาจิตฺติย’’นฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตี’’ติ สีหฬฏฺกถาวจนํ, ตสฺสตฺถํ ทีเปตุํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิต’’นฺติ วุตฺตํ. ปุน วสตีติ จตุตฺถทิวเส วสติ. ภิกฺขุนิปนฺเนติ ภิกฺขุมฺหิ นิปนฺเน. สนฺนิปติตมณฺฑปํ นาม มหาวิหาเร สนฺนิปาตฏฺานํ. ‘‘ตีณิ จ ทิวสานิ ทุกฺกฏเขตฺเต วสิตฺวา จตุตฺเถ ทิวเส สหเสยฺยาปตฺติปโหนเก สยติ, ปาจิตฺติเยวา’’ติ เอกจฺเจ วทนฺติ กิร, ตํ น ยุตฺตํ.

ปมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๕. ‘‘อถ โข เต มนุสฺสา’’ติ จ ‘‘เต อทฺธิกา’’ติ จ ปาโ. ‘‘เอกรตฺต’’นฺติปิ อตฺถิ, โส น สุนฺทโร. ปณฺฑเก ปาฬิยํ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘อุภโตพฺยฺชเนหิ มูลาปตฺตีติ ทิสฺสตี’’ติ, ‘‘อนิมิตฺตาทโย อิตฺถิโยวา’’ติ จ วทนฺติ อุภโตพฺยฺชนเก วุตฺตํ วิย. กิฺจาปิ มติตฺถี ปาราชิกวตฺถุ โหติ, อนุปาทินฺนปกฺเข ิตตฺตา ปน อิธ อาปตฺตึ น กโรติ. ปาราชิกาปตฺติฏฺานฺเจตฺถ น โอโลเกตพฺพํ.

ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๖. ‘‘วิฺู ปฏิพลา’’ติ วจนโต อวิฺู อิตฺถิยาปิ เทเสนฺตสฺส อนาปตฺติ. อิธ ยกฺขีอาทโย มนุสฺสิตฺถี วิย อโนฬาริกตฺตา ทุกฺกฏวตฺถุกา ชาตา. ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถิยา ปฏิพลตาย วุตฺตตฺตา อิตราปิ ทุกฺกฏวตฺถุเยวาติ เอเก. ‘‘มาตุคามายา’’ติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. ‘‘อฏฺกถาทิปาํ เปตฺวา ทมิฬาทินา ยถารุจิ กเถตุํ ลภติ กิรา’’ติ ลิขิตํ, ยถา ยกฺขีอาทโย ทุกฺกฏวตฺถุกา ชาตา, ตถา ปุริสวิคฺคหํ คเหตฺวา ิเตน ยกฺขาทินา สทฺธึ ิตสฺส มาตุคามสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ทุกฺกฏํ อนาปชฺชิตฺวา กสฺมา ปาจิตฺติยมาปชฺชตีติ เจ? อีสกมฺปิ ทุติยปกฺขํ อภชนโต. มนุสฺสมาตุคาโมปิ น ทุติโย, ปเคว ยกฺขาทโยติ. น ทุติยานิยเต ตสฺส ทุติยตฺตาติ เจ? น ตตฺถ ทุฏฺุลฺลวาจาเปกฺขา ทุติยตา, กินฺตุ นิสชฺชาเปกฺขา, อิธ จ น นิสชฺชมตฺตํ, กินฺตุ เทสนา อิธาธิปฺเปตา. สา จ นิปชฺชนโต โอฬาริกา, ตสฺมา อสมตฺถนิทสฺสนํ.

ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๗. ‘‘จตุตฺถปาราชิกวตฺถุ จ อิทฺจ เอกเมวา’’ติ วุตฺตํ, น ยุตฺตํ. กสฺมา? ตตฺถ ‘‘โมฆปุริสา’’ติ วุตฺตตฺตา. เต อริยมิสฺสกา น โหนฺตีติ ทฺเวปิ เอกสทิสานีติ มม ตกฺโก. ‘‘อริยาปิ ปฏิชานึสุ, เตสมฺปิ อพฺภนฺตเร วิชฺชมานตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺสา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘สพฺเพปิ ภูตํ ภควาติ ปุถุชฺชนอริยานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส อาโรจิตตฺตา ‘ภูต’นฺติ วุตฺตํ, น อตฺตโน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ สนฺธายาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ.

๗๗. ปุพฺเพ อวุตฺเตหีติ จตุตฺถปาราชิเก อวุตฺเตหีติ.

ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๘-๘๐. ‘‘เตเนว หตฺเถน อุปกฺกมิตฺวา อสุจึ โมเจสี’’ติ ปาโ สมฺปติปาโ สุนฺทโร. อปโลเกตฺวาว กาตพฺพา. โน เจ, ปาฬิยํเยว วุตฺตํ สิยา. ‘‘โอตฺตปฺเปนา’’ติ วตฺตพฺเพ รุฬฺหีวเสน ปเรสุ ‘‘หิโรตฺตปฺเปนา’’ติ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายํ อุตฺตานตฺตา น วุตฺตํ, ปาจิตฺติยาสมฺภวทสฺสเนเนว หิ ทุกฺกฏนฺติ สิทฺธํ.

๘๓. ตตฺถ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตอชฺฌาจาเรปิ ปริยาปนฺนตฺตา ตํ ตสฺส ทณฺฑกมฺมวตฺถุ. ‘‘ตตฺถ กมฺมํ อาปนฺโน’’ติ ปุพฺเพปิ ลิขิตํ. มหาอฏฺกถายํ ‘‘อตฺตกามํ อาปนฺโน’’ติ ปาโ, ‘‘อยเมว คเหตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.

ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๖. กฏสกฺขรา เสตมตฺติกา วิย มุทุกา สกฺขรชาติ. ‘‘อกตปพฺภาเรติ อวลฺชิตพฺพฏฺานทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อโนวสฺสกฏฺานทสฺสนตฺถ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. มูสิกุกฺกุรนฺติ มูสิกาหิ อุทฺธฏปํสุ. สุทฺธจิตฺตาติ กิฺจาปิ ‘‘เอวํ ปวฏฺฏิเต ปถวี ภิชฺชิสฺสตี’’ติ ชานนฺติ, โน ปน เจ ปถวีเภทตฺถิกา, สุทฺธจิตฺตา นาม โหนฺติ. ปํสุอาทโย ทฺเว โกฏฺาสา อาปตฺติกรา. เกจิ ‘‘สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ อุปฑฺเฒ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา สเจ ทุกฺกฏํ, ยุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺถ ยุตฺตํ ตาทิสสฺส วตฺถุโน สมฺภวา, อิธ ปน ชาตปถวี จ อชาตปถวี จาติ ทฺเวเยว วตฺถูนิ, ตสฺมา ทฺวินฺนํ เอเกน ภวิตพฺพนฺติ น ยุตฺตํ. เอตฺถาปิ ทุกฺกฏวจนํ อตฺถีติ เจ? ตํ ปน สฺาวเสน, น วตฺถุวเสนาติ น ยุตฺตเมว.

๘๗. อคฺคึ กาตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ เอตฺตาวตา อุสุมํ คณฺหาติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ เกจิ. เอวํ สติ ปถวิยา อคฺคิมฺหิ กเต ทูรโตปิ ภูมิ อุณฺหา โหติ, ตตฺตกํ โกเปตพฺพํ สิยา, น จ กปฺปติ, ตสฺมา ยสฺมึ าเน ปตติ, ตํ โส อคฺคิ ฑหติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ เอเก. อฑหิเตปิ ‘‘อทฑฺฒาย ปถวิยา อคฺคึ เปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตนา ปาตนาเยว โทโส ปติเต อุปทาเหติ เวทิตพฺพํ.

ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน มุสาวาทวคฺโค ปโม.

๒. ภูตคามวคฺโค

๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๙. ผรสุํ นิคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺโตติ ทสฺสิตภาวํ ชานาเปติ. กสฺมา อยํ ผรสุํ อุคฺคิรีติ เจ? มนุสฺสานนฺติอาทิ ตสฺส ปริหาโร. ‘‘อาโกเฏสิ ฉินฺทีติ จ วจนโต รุกฺขเทวตานํ หตฺถานิ ฉิชฺชนฺติ, น จาตุมหาราชิกาทีนํ วิย อจฺเฉชฺชานี’’ติ วทนฺติ.

๙๐-๙๒. ภวนฺติ อหุวุฺจาติ ทฺวิกาลิโก ภูตสทฺโท. ยทิ พีชโต นิพฺพตฺเตน พีชํ ทสฺสิตํ, ตเทว สนฺตกํ ยทิทํ. โสว กุกฺกุโฏ มํสิมกฺขิโตติ อยเมว หิ ปริหาโร. อฏฺกถาสุปิ หิ ‘‘พีเช พีชสฺี’’ติ ลิขิตํ. ยํ พีชํ ภูตคาโม นาม โหติ, ตสฺมึ พีเช ภูตคามพีเชติ โยเชตฺวา. อมูลกตฺตา กิร สมฺปุณฺณภูตคาโม น โหติ, ‘‘สมูลปตฺโต เอว หิ ภูตคาโม นามา’’ติ การณํ วทนฺติ. ‘‘อภูตคามมูลตฺตาติ ภูตคามโต อนุปฺปนฺนตฺตา อภูตคามมูลํ, ภูตคามสฺส อมูลกตฺตา วา. น หิ ตโต อฺโ ภูตคาโม อุปฺปชฺชตี’’ติ ทฺวิธาปิ ลิขิตํ. ปิยงฺคุ อสนรุกฺโข วฑฺฒนตฺตโจ ขชฺชผโล, ‘‘ปีตสาโล’’ติปิ วุจฺจติ. อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉตีติ นาฬิเกรสฺเสวายํ. ฆฏปิฏฺิชาตตฺตา, พีชคามานุโลมตฺตา จ ทุกฺกฏวตฺถุ. น วาเสตพฺพํ ‘‘ทุรูปจิณฺณตฺตา’’ติ ลิขิตํ, ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ วจนโต เยสํ น รุหติ, เตสํ สาขาย กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถีติ สิทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. มุทฺทติณนฺติ ตสฺส นามํ. ‘‘มุฺชติณนฺติ ปาโ’’ติ ลิขิตํ.

สมณกปฺเปหีติ สมณโวหาเรหิ, ตสฺมา วตฺตพฺพํ ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ. ตสฺส อาณตฺติยา กโรนฺเตนาปิ สามเณราทินา ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว อคฺคิปริชิตํ กาตพฺพนฺติ สิทฺธํ. อคฺคิปริชิตาทีนิ วิย กปฺปิยตฺตา อพีชนิพฺพฏฺฏพีชานิปิ ‘‘ปฺจหิ สมณกปฺเปหี’’ติ (จูฬว. ๒๕๐) เอตฺถ ปวิฏฺานิ, ยถาลาภโต วา สมณกปฺปวจนํ คเหตพฺพํ. ‘‘กปฺปิย’นฺติ วตฺตุกาโม ‘กปฺป’นฺติ เจ วทติ, ‘วฏฺฏตี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กปฺปิย’นฺติ วจนํ สกสกภาสายปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ภิกฺขุนา ‘กปฺปิยํ’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, ‘‘อิตเรน ปน ยาย กายจิ ภาสายา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘อุจฺฉุํ กปฺปิยํ กริสฺสามีติ ทารุํ วิชฺฌตี’’ติ วจนโต กปฺปิยํ กาตพฺพํ สนฺธาย วิรทฺเธติ วุตฺตํ โหติ, อาจริยา ปน ‘‘กปฺปิยํ กาเรตพฺพํ สนฺธาย กปฺปิยนฺติ สิตฺถาทึ กาเรติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตสฺส การณํ วทนฺตา กาตุํ วฏฺฏนภาเวเนว วิรชฺฌิตฺวา กเตปิ กปฺปิยํ ชาตํ. ยทิ น วฏฺเฏยฺย, สิตฺถาทิมฺหิ กเต น วฏฺเฏยฺยาติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. อุฏฺิตเสวาลฆฏํ อาตเป นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ, วิโกเปตุกามตาย สติ ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ วิย. ‘‘ปุปฺผรชฺชุภาชนคติกา, ตสฺมา น วฏฺฏติ. นาเฬ วา พทฺธปุปฺผกลาเป นาฬสฺมึ กเตปิ วฏฺฏติ ตสฺมึ ปุปฺผสฺส อตฺถิตายา’’ติ วทนฺติ. โปราณคณฺิปเท ‘‘พีชคาเมน ภูตคาโม ทสฺสิโต อนวเสสปริยาทานตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ.

ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๘-๙. อฺํ วทตีติ อฺวาทกํ, ‘‘วจนํ กเรยฺยา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ตุณฺหีภูตสฺเสตํ นาม’’นฺติ ปาโ. อุคฺฆาเตตุกาโมติ สโมหนิตุกาโม, อนฺตรายํ กตฺตุกาโมติ โปราณา.

๑๐๐. ‘‘สุทิฏฺโ ภนฺเต, น ปเนโส กหาปโณติอาทีสุ อนาโรปิเต ทุกฺกเฏน มุสาวาทปาจิตฺติยํ, อโรปิเต ปาจิตฺติยทฺวยํ โหตี’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.

๑๐๒. อธมฺเมน วา วคฺเคน วา น กมฺมารหสฺส วาติ เอตฺถ ‘‘มยิ วุตฺเต มํ วา อฺํ วา สงฺโฆ อธมฺเมน วา กมฺมํ, วคฺเคน วา กมฺมํ กริสฺสติ, น กมฺมารหสฺส วา เม, อฺสฺส วา กมฺมํ กริสฺสตี’’ติ น กเถตีติ โยเชตพฺพํ.

อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๐๓. ‘‘ฉนฺทายา’’ติ อกฺขรกฺขรายาติอาทิ วิย ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ฉนฺทตฺถนฺติ วา อตฺโถ. เยสํ เสนาสนานิ ปฺเปติ, เตสํ อตฺตนิ ฉนฺทตฺถนฺติ อธิปฺปาโย.

๑๐๖. อนุปสมฺปนฺนนฺติอาทีสุ กรณตฺโถ คเหตพฺโพ. อฺํ อนุปสมฺปนฺนนฺติ อฺเน อนุปสมฺปนฺเนน. ตสฺส วาติ อนุปสมฺปนฺนสฺส. ‘‘สมฺมุติกาเล ปฺจงฺควิรหาทโย อสมฺมตา นามา’’ติ, ‘‘อุปสมฺปนฺเนน ลทฺธสมฺมุติ สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน วินสฺสตี’’ติ จ วุตฺตํ. สงฺเฆนาติ สพฺเพน สงฺเฆน กมฺมวาจาย อสฺสาเวตฺวา ‘‘ตเวโส ภาโร’’ติ เกวลํ อาโรปิตภาโร. เกวล-สทฺโท เหตฺถ กมฺมวาจาย อสฺสาวิตภาวมตฺตเมว ทีเปติ. สยเมวาติ อิตเรสํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา. อภูเตน ขียนกสฺส อาทิกมฺมิกสฺส กถํ อนาปตฺตีติ เจ? อิมินา สิกฺขาปเทน. มุสาวาเท อาปตฺติเยว ทฺเว ปาจิตฺติโย วุตฺตา วิย ทิสฺสนฺติ ปุพฺพปโยเค รุกฺขาทิฉินฺทนาทีสุ วิย, วิจาเรตพฺพํ.

อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๑๐. ‘‘เอวฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหตี’’ติ วจนโต, ปริวาเร ‘‘เอกา ปฺตฺติ, เอกา อนุปฺตฺตี’’ติ (ปริ. ๒๒๖) วจนโต จ อิธ อตฺถิ อนุปฺตฺตีติ สิทฺธํ. กิฺจาปิ สิทฺธํ, ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติอาทินา ปน ปฺตฺติฏฺานํ น ปฺายติ, เกวลํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺมาเส…เป… นิกฺขิปิตุ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตํ กสฺมาติ เจ? ปมปฺตฺติยํ วุตฺตนเยเนว วตฺตพฺพโต อวิเสสตฺตา น วุตฺตํ. ยทิ เอวํ กา เอตฺถ อนุปฺตฺตีติ? อชฺโฌกาเสติ. อยมนุปฺตฺติ ปฺตฺติยมฺปิ อตฺถีติ เจ? อตฺถิ, ตํ ปน โอกาสมตฺตทีปนํ, ทุติยํ จาตุวสฺสิกมาสสงฺขาตกาลทีปนํ. ยสฺมา อุภยมฺปิ เอกํ กาโลกาสํ เอกโต กตฺวา ‘‘อชฺโฌกาเส’’ติ วุตฺตนฺติ ทีเปนฺโต ภควา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว…เป… นิกฺขิปิตุ’’นฺติ อาหาติ เวทิตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ จ ยทา จ สนฺถริตุํ น วฏฺฏติ, ตํ สพฺพมิธ อชฺโฌกาสสงฺขฺยเมว คตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. เหมนฺตกาลสฺส อนาปตฺติสมยตฺตา อิทํ สิกฺขาปทํ นิทานานเปกฺขนฺติ สิทฺธํ, ตถา หิ อชฺโฌกาสปทสามตฺถิเยน อยํ วิเสโส – วสฺสานกาเล โอวสฺสกฏฺาเน อชฺโฌกาเส, มณฺฑปาทิมฺหิ จ น วฏฺฏติ. เหมนฺตกาเล ปกติอชฺโฌกาเส น วฏฺฏติ, สพฺพมิธ โอวสฺสเกปิ มณฺฑปาทิมฺหิ วฏฺฏติ, ตฺจ โข ยตฺถ หิมวสฺเสน เสนาสนํ น เตเมติ, คิมฺหกาเล ปกติอชฺโฌกาเสปิ วฏฺฏติ, ตฺจ โข อกาลเมฆาทสฺสเนเยวาติ อยํ วิเสโส ‘‘อฏฺ มาเส’’ติ จ ‘‘อวสฺสิกสงฺเกเต’’ติ จ เอเตสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ สามตฺถิยโตปิ สิทฺโธ.

กิฺจ ภิยฺโย – อฏฺกถายํ สนฺทสฺสิตวิเสโสว. จมฺมาทินา โอนทฺธโก วา นววายิโม วา น สีฆํ วินสฺสติ. กายานุคติกตฺตาติ กาเย ยตฺถ, ตตฺถ คตตฺตา. สงฺฆิกมฺจาทิมฺหิ กายํ ผุสาเปตฺวา วิหริตุํ น วฏฺฏตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘สงฺฆิกํ ปน ‘อชฺโฌกาสปริโภเคน ปริภุฺชถ, ภนฺเต, ยถาสุข’นฺติ ทายกา เทนฺติ เสนาสนํ, เอวรูเป อนาปตฺตี’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วจนโต, อิธ จ ปฏิกฺเขปาภาวโต วฏฺฏติ. ‘‘อฺฺจ เอวรูปนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปาทฏฺานาภิมุขาติ นิสีทนฺตสฺส ปาทปตนฏฺานาภิมุขา’’ติ ลิขิตํ. สมฺมชฺชนฺตสฺส ปาทฏฺานาภิมุขนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก.

๑๑๑. ‘‘ปาทุทฺธาเรนาติ พหิอุปจาเร ิตตฺตา’’ติ ลิขิตํ. คจฺฉนฺติ, ทุกฺกฏํ ธมฺมกถิกสฺส วิย. กสฺมา น ปาจิตฺติยํ? ปจฺฉา อาคเตหิ วุฑฺฒตเรหิ อุฏฺาเปตฺวา คเหตพฺพโต. ธมฺมกถิกสฺส ปน อนุฏฺเปตพฺพตฺตา. ‘‘อนาณตฺติยา ปฺตฺติยมฺปิ ตสฺส ภาโร’’ติ วุตฺตํ.

๑๑๒. ปริหรเณเยวาติ เอตฺถ คเหตฺวา วิจารเณติ ธมฺมสิริตฺเถโร. อตฺตโน สนฺตกกรเณติ อุปติสฺสตฺเถโร. พีชนีปตฺตกํ จตุรสฺสพีชนี.

๑๑๓. ‘‘โย ภิกฺขุ วา สามเณโร วา…เป… ลชฺชี โหตี’ติ วุตฺตตฺตา อลชฺชึ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ปาเ ‘‘เกนจิ ปลิพุทฺธํ โหตี’’ติ จ อฏฺกถายํ ‘‘ปลิพุทฺธ’’นฺติ จ เสนาสนํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ตถาปิ อตฺถีติ คเหตพฺพํ. ‘‘อนาปุจฺฉํ วา’’ติ ปาโ.

ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๑๖-๗. เอตฺตกเมว วุตฺตมฏฺกถาสุ, ตถาปิ ปทฏฺาทโยปิ ลพฺภนฺติ เอว. อนุคณฺิปเท ‘‘อฺํ อตฺถรณาทิ อกปฺปิยตฺตา น วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘มฺจํ วา ปีํ วา วิหาเร วา วิหารูปจาเร วา’ติ อิมินาปิ สํสนฺทนตฺถํ ‘กิฺจาปิ วุตฺโต, อถ โข’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ จ วุตฺตํ. อุปจารมตฺตฺเจตํ ‘‘รุกฺขมูเล’’ติ, ตตฺถ วตฺตพฺพํ นตฺถิ.

๑๑๘. อนาปุจฺฉิตฺวาปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อสติยา คจฺฉโตปิ อนาปตฺติ, อาปุจฺฉนํ ปน วตฺตํ สฺจิจฺจ อนาปุจฺฉโต วตฺตเภททุกฺกฏตฺตา. ปุคฺคลิกเสนาสเน สงฺฆิกเสยฺยํ, สงฺฆิกเสนาสเน วา ปุคฺคลิกเสยฺยํ อตฺถริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ วิย. กสฺมา? ‘‘เสยฺยามตฺตเมว นสฺเสยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา. อิธ ปน ‘‘ปลิพุทฺธํ ปลิพุทฺโธ’’ติ ทุวิธมฺปิ อตฺถิ.

ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๒๑. ฉพฺพคฺคิเยสุเยว เถรา ภิกฺขูติ เกจิ. ปาเท โธวิตฺวาติอาทิมฺหิ ปวิสนฺตสฺส วา ปาทโธวนปาสาณโต ยาว มฺจปีํ ปสฺสาวตฺถาย นิกฺขมนฺตสฺส วา ยาว ปสฺสาวฏฺานนฺติ โยชนา กาตพฺพา. เอวํ สนฺเต ‘‘ปสฺสาวตฺถาย นิกฺขมนฺตสฺส วา’’ติ น วตฺตพฺพํ, ‘‘ปสฺสาวฏฺานโต นิกฺขมนฺตสฺส วา’’ติ วตฺตพฺพํ. ปสฺสาวฏฺานนฺติ กตฺถจิ โปตฺถเก. ตถา หิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ปวิสนฺตสฺส ปาทโธวนปาสาณโต ยาว มฺจปีํ นิกฺขมนฺตสฺส มฺจปีโต ยาว ปสฺสาวฏฺานํ, ตาว อุปจาโร’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ปาเท โธวิตฺวา ปวิสนฺตสฺส, ปสฺสาวตฺถาย นิกฺขมนฺตสฺส จ ทฺวาเร นิกฺขิตฺตปาทโธวนปาสาณโต, ปสฺสาวฏฺานโต จ มฺจปี’’นฺติ กตฺถจิ โปตฺถเก ปาโ, โส อปาโ. กสฺมา? มฺจปีานํ อุปจารสฺส วุตฺตตฺตา. ปวิสนฺตสฺส ยาว มฺจปีานํ อุปจาโร, นิกฺขมนฺตสฺส ตโต ปฏฺาย ยาว ปสฺสาวฏฺานํ วจฺจกุฏิจงฺกมฏฺานนฺติ อิมินา อตฺเถน ยถา สํสนฺทติ, ตถาวิโธ ปาโติ อาจริโย.

๑๒๒. อุปจารํ เปตฺวาติ อิธ วุตฺตอุปจารํ เปตฺวา. ‘‘ทสฺสนสวนูปจาเรปิ สนฺถรนฺตสฺสา’’ติ ลิขิตํ.

อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๒๖-๗. ฉสตฺตโกฏฺกานิ วาติ เอตฺถ ทฺวารโกฏฺกํ อธิปฺเปตํ. ‘‘นิกฺขมา’’ติ วจนํ สุตฺวาปิ อตฺตโน รุจิยา นิกฺขมติ, อนาปตฺติ; อิธ อคฺคิสาลาทิ เอว อุปจาโรติ.

นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๒๙. ‘‘ปมาณมชฺฌิมสฺส คลปฺปมาเณ ทินฺนตุลาปิ เวหาสกุฏิเยวา’’ติ ลิขิตํ, ‘‘น สา อิธ อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ.

เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๓๕. ยาว ทฺวารโกสาติ ทฺวารสมีปา, ยาว ภิตฺตีติ อตฺโถ, ตํ สุวุตฺตํ. กวาฏวิตฺถารปฺปมาโณติ หตฺถปาสสฺสาธิปฺเปตตฺตา, สมนฺตา กวาฏวิตฺถารปฺปมาณอุปจารสฺส คหิตตฺตา อปริปูรอุปจาราปิ โหติ. อาโลกํ กโรตีติ อาโลกํ สนฺเธติ ปิเธตีติ สนฺธิ เอว อาโลกสนฺธินามกา โหนฺติ. วาตปานกวาฏเลปกมฺเม อปฺปหริตฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ.

๑๓๖. อิฏฺกาติ ฉทนกปาลาสิลาทิอิฏฺกา. ฉทนูปรีติ เอตฺถ ปมํ ตาว เอกวารํ อปริเสสํ ฉาเทตฺวา ปุน ฉาทนทณฺฑเก พนฺธิตฺวา ทุติยวารํ ตเถว ฉาเทตพฺพํ. ‘‘ตติยวารจตุตฺถวาเร สมฺปตฺเต ทฺเว มคฺเค อธิฏฺหิตฺวา ตติยมคฺคํ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ ฉาทาเปตี’’ติ อิมินา ยุชฺชติ.

โปราณา ปน ‘‘ปมวาเรเยว ตโย มคฺเค อธิฏฺาตุํ วฏฺฏติ, จตุตฺถโต ปฏฺาย อาปตฺติ ปาจิตฺติยํ, จตุตฺถเลปโต ปฏฺาย อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ตตฺถ ฉทเน วุตฺตวิธินิทาเนน สเมติ, เลเป วุตฺตวิธิติกจฺเฉเทน สเมติ. ตถาปิ โส น ยุตฺโตว. นิทาเน, อฏฺกถายฺจ สิทฺธเลปตฺตา สพฺพโสวาปิ อจฺฉนฺเน, ฉนฺเนวาปิ อเนกโส ปริยายสฺส ตติยสฺเสว อธิฏฺานนฺติ โน สเมตีติ อาจริโย. ‘‘ทฺเว มคฺเค’’ติ, ‘‘ทฺเว ฉทเน’’ติ จ ‘‘ตติยวารโต ปฏฺาย เอวํ ฉาทาเปหี’ติ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ จ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ กิร.

มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๔๐. สปฺปาณกสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน ภูตคามวคฺโค ทุติโย.

๓. โอวาทวคฺโค

๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๔๔. กถานุสาเรนาติ โย ภิกฺขุโนวาทกตฺถิโก กึสีโล กึสมาจาโร กตรกุลา ปพฺพชิโตติอาทิ กถานุสาเรนาติ อตฺโถ. สคฺคมคฺคคมเนปีติ อปิ-สทฺเทน โมกฺขคมเนปิ. ‘‘ลกฺขณปฺปฏิเวธปฏิสํยุตฺโต’’ติ อฏฺครุธมฺมานุสาเรน วตฺตพฺพํ ธมฺมกถํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๑๔๕-๑๔๗. นิสฺสีมนฺติ วิหาเร พทฺธสีมโต อฺํ อพทฺธสีมํ, คามสีมาทินฺติ อตฺโถ. ‘‘สุปินนฺเตนปี’’ติ น สพฺเพสนฺติ อิธ พาหุลฺลนเยน วุตฺตํ. ฉพฺพคฺคิยา หิ เกจิ วีสติวสฺสาปิ อตฺถิ อติเรกวีสติวสฺสาปีติ อิมินา อิมํ มชฺฌิมโพธิกาเล ปฺตฺตนฺติ วิฺายติ. ‘‘สีลวา โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺส จตุพฺพิธตฺตา อิธ อธิปฺเปตสีลเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. คณฺานุคณฺิปเทสุ ‘‘สติสํวราทโย อิธ นาธิปฺเปตา, เตน วิภงฺคปาํ ทสฺเสติ อฏฺกถาจริโย’’ติ วุตฺตํ. อตฺถโตติ ปาฬิอตฺถโต. การณโตติ การณูปปตฺติโต, อฏฺกถาโตติ อธิปฺปาโย. อถ วา การณโตติ ธมฺมโต, เตน อตฺถโต ธมฺมโตติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺถโตติ ผลโต. ‘‘การณโตติ เหตุโต. ธมฺมปทมฺปิ ชาตเกน สหา’’ติ ลิขิตํ. ปฺหํ กเถตุนฺติ ‘‘ปฺหํ ปุฏฺโ กเถตี’’ติ เอตฺถ ภิกฺขุนิยา ปุฏฺเน ‘‘น ชานามี’’ติ น สกฺกา กเถตุํ. ‘‘น โข ปน ตํ ภควนฺต’’นฺติ ปาโ. ‘‘น โข ปเนต’’นฺติ จ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ‘‘กาสายวตฺถวสนายา’’ติ วจนโต ปาราชิกายปิ น วฏฺฏติ. ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺคเมว วุตฺตํ. เมถุเนน หิ ภิกฺขุนีทูสโก โหติ.

๑๔๘-๙. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม ปริวตฺตลิงฺคา, ปฺจสตา สากิยานิโย วา. ‘‘ธมฺมเทสนาปตฺติโมจนตฺถํ ปนา’’ติ วจนโต มาตุคามคฺคหเณน สพฺพตฺถ ภิกฺขุนีสงฺคหํ คจฺฉตีติ สิทฺธํ. ภิกฺขุนิคฺคหเณน ปน มาตุคาโม ติริยํ ตรณสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๑๘๗-๑๙๐) สงฺคหิโต, น อฺตฺถ. ‘‘โอสาเรตพฺพา’’ติ ปาฬิปาโ, ปาฬิ โอสาเรตพฺพาติ อตฺโถ. ‘‘โอสาเรตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถาปาฬิ. เอกสฺมึ าเน วนฺทิเต โทสาภาวโต พหูสุ เอกาย วนฺทิเต วฏฺฏตีติ เจ? ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพํ นตฺถิ, ภิกฺขุนิยาเยว กตฺตพฺพํ, ตสฺมา น วฏฺฏติ. ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺนายาติ อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ นิสินฺนายา’’ติ วทนฺติ. น นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามาติ นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามา ภิกฺขู อิธ นาธิปฺเปตา, วสฺสํ อุปคนฺตุกามาว อธิปฺเปตาติ อตฺโถ. ยโต ปนาติ ภิกฺขุนีวิหารโต. ตตฺถาติ ภิกฺขุนีวิหาเร. กิฺจาปิ ‘‘โอวาททายกา ภิกฺขู’’ติ วจนโต โอวาททายเกเหว สภิกฺขุโก อาวาโส โหติ, น สพฺเพหีติ อาปนฺโน, ตถาปิ อสติ ภิกฺขุโนวาทเก โอวาทสํวาสานํ อตฺถาย ยาจนตฺถาย อวสฺสํ คนฺตพฺพตฺตา อฺเหิปิ ภิกฺขูหิ สภิกฺขุโกปิ สภิกฺขุโก เอวาติ เวทิตพฺโพ. สา รกฺขิตพฺพาติ วสฺสจฺเฉทาปตฺติ รกฺขิตพฺพา. กสฺมา? อาปทาสุ หีติอาทิ. ‘‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทสิโกติ ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ เตรสิยํเยว, เอตรหิ ปน ภิกฺขุนิโย จาตุทฺทสิยํเยว คนฺตฺวา ‘‘กทา อยฺย อุโปสโถ’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ‘‘ชายาโย วา ชาริโย วา’’ติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ กิร. ‘‘คจฺเฉยฺย เจ, อาปตฺตี’’ติ ปาโ. ทฺเว ติสฺโสติ ทฺวีหิ ตีหิ. เอกโต อาคตานํ วเสน ‘‘ตาหี’’ติ พหุวจนํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอกา ภิกฺขุนี วา พหู ภิกฺขุนี วา พหูหิ ภิกฺขุนุปสฺสเยหิ โอวาทตฺถาย เปสิตา’’ติ วจนสฺส วิตฺถาโร ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ จ อยฺย ภิกฺขุนิโย จา’’ติอาทินา วุตฺโต. ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ จ อยฺย ภิกฺขุนิโย จา’ติอาทิ นานาอุปสฺสเยหิ เปสิตาย วจน’’นฺติ จ ‘‘อปริปุณฺณสงฺฆปุคฺคลนานาวาสทุติยวจนวเสน ปฺจกฺขตฺตุํ อุปสงฺกมนํ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ. ยสฺมึ อาวาเส ปาติโมกฺขุทฺเทโส น ปวตฺตติ, ตตฺถาปิ ยาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุนทิวเส เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน ‘‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ. อตฺถิ เจ สมฺมโต, นิทฺทิสิตพฺโพ. ‘‘สยเมว เจ สมฺมโต, อห’นฺติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ สมฺมโต วา โอวาทปฏิคฺคาหโก วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, อฺเน อาโรจาเปตพฺพนฺติ เอเก, ‘‘อตฺตนาปิ อาโรเจตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ วทนฺติ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘อยฺยานํ ปวาเรตี’’ติ ลิขิตํ, เอวํ สติ ‘‘อยฺยสฺส ปวาเรมี’’ติ วตฺตพฺพํ, โปตฺถเก นตฺถิ.

โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๕๓. มุนาตีติ ชานาติ. อนฺตรธายติปีติ เอตฺถ ตทุตฺตมํ เจ อตฺถิ, ตํ ปสฺสามิ, ยํ วิจิตฺตํ วา, ตทตฺถฺจ. ตคฺฆ การณํ. สห อุปฺปาทมนนฺตรา กิริยา. ยมา จ เต มนสา กตตฺร เนตฺวาติ. ยถา ปาโต สิยา ปาโต ภวํ ปาโตว อุทกโต อุคฺคนฺตฺวา ิตํ, ตถา วิโรจมานํ องฺคีรสํ พุทฺธํ ปสฺส, น เกวลํ ปทุมํ วิย, วิโรจมานํ ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเขติ สมฺพนฺโธ. อถ วา องฺคีรสํ พุทฺธํ ปทุมํว วิโรจมานํ สูริยํว ตปนฺตํ ปสฺส พุทฺธํ. ยถา ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ โกกนุทสงฺขาตํ ปทุมํ ปสฺสสิ, ตถา วิโรจมานํ องฺคีรสํ พุทฺธํ ปสฺส. อุภเยเนว หิ ภควโต กนฺติ ทีปิตาติ กตฺวา ทีปิตคุณสุภํ พุทฺธํ สกฺกตฺวา ตํ กนฺตึ ปูเชยฺย. ปูชเนยฺยโตปิ วีตินาเมยฺย อิติ ลกฺขเย. ‘‘เอกโต อุปสมฺปนฺนายา’’ติ ปาฬิ.

๑๕๖. ‘‘เอกโต อุปสมฺปนฺนาน’’นฺติ อฏฺกถาปาโ. ‘‘อภพฺโพ ตฺว’’นฺติอาทิวจนโต อนุกมฺปาวเสน สทฺธิวิหาริกาทึ สงฺฆิกา วิหารา นิกฺกฑฺฒาเปนฺตสฺส อนาปตฺติ วิย ทิสฺสติ. อภพฺโพ หิ เถโร สฺจิจฺจ ตํ กาตุํ, คเวสิตพฺพาว เอตฺถ ยุตฺตีติ เกจิ. เถเรน สิกฺขาปทปฺตฺติโต ปุพฺเพ กตนฺติ มม ตกฺโก.

อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๖๒. ‘‘เอกรตฺตมฺปิ วสนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๑๖๑) วจนโต ยตฺถ รตฺติยํ น วสนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา โอวทิตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. ยทิ เอวํ สงฺเกตฏฺานํ คนฺตฺวา โอวทิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ‘‘ตโต อทฺธโยชเนเยว สภิกฺขุโก อาวาโส อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ น วตฺตพฺพํ. ภิกฺขุโนวาทโก เจ อทฺธโยชนํ คนฺตฺวา โอวทิตุกาโม โหติ, ภิกฺขุนิสงฺโฆ จ อทฺธโยชนํ คนฺตฺวา โสตุกาโม, ‘‘วฏฺฏตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตฺจ น วุตฺตํ, ตสฺมา น วฏฺฏติ. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ปน ‘‘เอกรตฺตมฺปี’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปฏฺาย อุปสฺสยํ โหติ, น อุปสฺสยสงฺเขเปน กตมตฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ วาสูปคตา ภิกฺขุนิโย, โส อุปสฺสยสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตตฺถ น คนฺตฺวา โอวาโท ทาตพฺโพ. เอกาวาเส ทิวา วฏฺฏตีติ เอเก, วิจาเรตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ.

ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๖๔. ‘‘อุปสมฺปนฺนํ สงฺเฆน อสมฺมต’’นฺติ ปาฬิวจนโต, ‘‘สมฺมเตน วา สงฺเฆน วา ภารํ กตฺวา ปิโต’’ติ อฏฺกถาวจนโต จ อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต สมฺมเตน วา วิปฺปวสิตุกาเมน ‘‘ยาวาหํ อาคมิสฺสามิ, ตาว เต ภาโร โหตู’’ติ ยาจิตฺวา ปิโต, ตสฺสาภาวโต สงฺเฆน วา ตเถว ภารํ กตฺวา ปิโต อฏฺหิ ครุธมฺเมหิ โอวทิตุํ ลภติ, ปเคว อฺเน ธมฺเมนาติ สิทฺธํ. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อสมฺมโต ภิกฺขุนิโย โอวเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ ปเคว ภารํ กตฺวา อฏฺปิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อภยคิริวาสีนมฺปิ อิทเมว มตํ, อนุคณฺิปเท ปน อิมํ นยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติอาทินา ‘‘เอตรหิ โอวาทโก อสมฺมโต ภิกฺขุโนวาทโก นามา’’ติ วตฺวา ‘‘ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘อุปสมฺปนฺนํ สงฺเฆน กมฺมวาจาย อสมฺมตํ, ภิกฺขุสงฺเฆน ปน ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อนุคฺคหํ กโรถ, ภิกฺขุนิโย โอวทถ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ กโรถ ผาสุวิหารนฺติ เอวํ ยาจิตฺวา ปิโต ภิกฺขุสงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา, ตโต โส เถโร ภิกฺขุนิโย โอวทติ, เอวรูปํ ภิกฺขุสงฺเฆน อสมฺมตนฺติ, ตตฺร วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘อสมฺมโต คามํ โอวาทตฺถาย อาคตานํ ภิกฺขุนีนํ วจนํ สุตฺวา ปฏิวจนํ เทนฺโต สงฺฆานุมติยา, น ตฺติจตุตฺเถนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อนุคณฺิปทมเตน สเมติ, อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตวจนํ เตน สเมติ, ตฺจ ปาฬิวจนํ, น หิ โอวาทปฏิคฺคาหโก, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทตู’’ติ วจนมตฺเตน ภิกฺขุโนวาทโก นาม โหติ. โหตีติ เจ, อนุปสมฺปนฺโนปิ ตตฺตเกน วจเนน ‘‘ภิกฺขุโนวาทโก โหตู’’ติ วตฺตพฺโพ. โหตีติ เจ, ยํ วุตฺตํ คณฺานุคณฺิปเทสุ ‘‘อสมฺมโต นาม อสมฺมตภาเวน ‘พหุสฺสุโต ตฺวํ โอวทาหี’ติ สงฺเฆน ภารํ กตฺวา ปิโต’’ติ. เอตฺถ พาหุสจฺเจน กึ ปโยชนํ. อนุคณฺิปเทเยว ‘‘อภยคิริวาสี วทตีติ สุตฺวา สมฺมเตน วา อาณตฺโต โอวทิตุํ ลภตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร ปจฺฉา อนุชานาตี’’ติ วุตฺตํ. กึ พหุกาย. ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทตู’’ติ เอตฺตกมตฺเตน ภิกฺขุโนวาทโก โหติ. อฏฺกถายํ ‘‘ภารํ กตฺวา’’ติ อิมินา กึ ปโยชนํ, ตตฺตกมฺปิ วตฺตุํ อฺโ น ลภติ, เตน จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา พาลํ คิลานํ คมิกํ อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๔) อยํ ปาฬิ วิรุชฺเฌยฺย. กถํ? ตสฺส หิ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น ปจฺจาหริตพฺโพ’’ติ (จูฬว. ๔๑๕) จนโต สมฺมตาสมฺมตภาเวน นตฺถิ โกจีติ ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทตู’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, วทนฺโต จ อิธ ปเมน อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ โหตีติ. โหตุ อสมฺมตตฺตา, อกตภารตฺตา จ. อิมสฺส จ ภิกฺขุโนวาทกตฺเต อิมสฺส ขียเนน ทุกฺกฏํ สิยา, สพฺพเมตํ อนิฏฺํ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘อยเมตฺถ ภิกฺขุโนวาทโก นามา’’ติ อวุตฺตตฺตา ตถา ภารํ กตฺวา ปิโต โอวทิตุํ ลภติเยว, นาฺโติ อาจริโย.

อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๖๙. สาทิยิสฺสสีติ ปุจฺฉา.

จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๗๖. วฺเจตฺวาติ ‘‘ตว าติกายา’’ติ อวตฺวา ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา, เต หิ ‘‘เอกิสฺสา’’ติ วจนํ สุตฺวา อฺาติกาย สนฺตกสฺิโน สิพฺเพสุํ. อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ‘‘จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อฺตรํ จีวร’’นฺติ เอตฺตกเมว ปาฬิ, เตน วุตฺตํ ‘‘จีวรนฺติ ยํ นิวาเสตุํ วา ปารุปิตุํ วา’’ติอาทิ. ‘‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ จ ลิขิตํ, โส ปมาทเลโข.

จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๘๑. ตา ภิกฺขุนิโย ทูสยึสูติ วิปริณาโม กาตพฺโพ.

๑๘๒-๔. สมฺปทนฺตีติ ปทสา คจฺฉนฺติ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สมฺปตนฺติ เอตฺถาติ สมฺปาโต’’ติอาทินา. ปทคเต อุปจาโร น ลพฺภติ, อจฺจาสนฺนตฺตา มิสฺสํ วิย โหตีติ. กุกฺกุฏวสฺสิตปริจฺฉินฺโน มหาอฏฺกถายํ. ‘‘ตมฺปิ โวหาเรนา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เยภุยฺเยน ตถา สนฺนิเวโส โหตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตสฺมา น ปมาทเลโข’’ติ จ, ‘‘อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตํ อฏฺกถายํ, ตโต อุทฺธํ อทฺธโยชนลกฺขณสมฺปตฺตํ นาม โหตีติ คเหตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘กปฺปิยภูมิ กิรายํ…เป… น วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ทุทฺทสฺเหตฺถ การณํ. กตรํ ปน ตนฺติ? ‘‘คจฺฉามาติ สํวิทหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘คจฺฉามา’’ติ วตฺตมานวจนนฺตฺจ, อมคฺเค ภิกฺขุนุปสฺสยาทิมฺหิ น สมฺภวติเยว มนุสฺสานํ อนฺตรฆราทิมฺหิ มคฺคสงฺเขปคมนโต, อุจฺจาสยนาทิอุปฺปตฺติฏฺานตฺตา จ. น ติตฺถิยเสยฺยาย วา ปพฺพชิตาวาสตฺตา. ทฺวาเรติ สมีปตฺเถ ภุมฺมํ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘รถิกายา’’ติ อาห. เสสอฏฺกถายํ ‘‘เอตฺถนฺตเร สํวิทหิเตปิ ภิกฺขุโน ทุกฺกฏ’’นฺติ อาคตตฺตา น สเมติ. ‘‘คามนฺตเร’’ติ วจนโต อฺคามสฺส อุปจาโรกฺกมเน เอว อาปตฺติ. ‘‘อทฺธโยชเน’’ติ วจนโต อติกฺกมเนเยว ยุตฺตํ.

๑๘๕. รฏฺเภเทติ วิโลเป. โปราณคณฺิปเท ‘‘ตโยปิ สงฺเกตา กาลทิวสมคฺควเสน, ตตฺถ ปจฺฉิเมเนว อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิมินา มคฺเคนา’’ติ วิสฺสชฺเชตฺวา อฺเน คจฺฉนฺติ เจ, อาปตฺติเยวาติ อตฺโถ.

สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๘๙. นทิยา กุโต คามนฺตรนฺติ เจ? ‘‘ยสฺสา นทิยา’’ติอาทิมาห. คามนฺตรคณนายาติ ยสฺมึ คามติตฺเถ อารุฬฺโห, ตํ เปตฺวา อฺคามคณนาย. ‘‘มาตุคาโมปิ อิธ สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ อาจริยสฺส ตกฺโก, เตเนว ‘‘อุภยตฺถ เอกโต อุปสมฺปนฺนาย ทุกฺกฏํ, สิกฺขมานาย สามเณริยา อนาปตฺตี’’ติ จ น วุตฺตํ. เอเสว นโย อฺเสุปิ เอวรูเปสุ.

๑๙๑. ‘‘โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสน เกฬิปุเรกฺขารา สํวิทหิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อกุสลจิตฺตํ โลกวชฺชนฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ, ‘‘เกฬิปุเรกฺขารา’’ติ วจนํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘ตีณิ จิตฺตานิ ติสฺโส เวทนา’’ติ วุตฺตํ, สํวิทหนกาเล วา เกฬิปุเรกฺขาโร ภิกฺขุ สํวิทหติ, อาปตฺติ ภิกฺขุโน คามนฺตโรกฺกมเน, อทฺธโยชนาติกฺกเม วา. กุสลจิตฺโต วา โหติ ปจฺจเวกฺขนฺโต, เจติยาทีนิ วา ปสฺสนฺโต, อพฺยากตจิตฺโต วา โหติ กิลมถวเสน นิทฺทายนฺโตติ ติจิตฺตานิ คหิตานีติ เวทิตพฺพา.

นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๙๒. เจฏเกติ ทารเก. ตรุณโปตเกติ โปราณา. ‘‘ปาปภิกฺขูนํ ปกฺขุปจฺเฉทาย อิทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมา ปฺจ โภชเนเยวาปตฺติ วุตฺตา’’ติ ลิขิตํ.

๑๙๔-๗. นิปฺผาทิตนฺติ วิฺตฺติยา น โหติ, กินฺตุ ปริกถาทีหิ, ตสฺมา อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, ตํ สนฺธาย ‘‘สพฺพตฺถ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กถานุสาเรน ตตฺถ ปสีทิตฺวา เทนฺติ, อิทํ ปริปาจิตํ น โหติ, วฏฺฏนฺตี’’ติ ปมสิกฺขาปเท วุตฺตตฺตาติ ธมฺมสิริตฺเถโร, อุปติสฺสตฺเถโร ปน ‘‘อิตรมฺปิ วฏฺฏติเยวา’’ติ อาห. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘ยสฺมา เทวทตฺโต ปกติยา ตตฺถ ภิกฺขุนิปริปาจิตํ ภุฺชติ, ตสฺมา อิมํ อฏฺุปฺปตฺตึ นิทานํ กตฺวา อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๙๘. ‘‘อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปเทน จา’’ติ ปาโ.

รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน โอวาทวคฺโค ตติโย.

๔. โภชนวคฺโค

๑. อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๐๓-๔. ปูคสฺสาติ ปูเคน. กุกฺกุจฺจายนฺโตติ นิสฺสรเณเนตฺถ ภวิตพฺพํ, ตํ มยํ น ชานามาติ สนฺนิฏฺานสฺส กรณวเสน ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺโต’’ติ วุจฺจติ. ยถา หิ อายสฺมา อุปาลิ นยคฺคาเหน ‘‘อนาปตฺติ อาวุโส สุปินนฺเตนา’’ติ (ปารา. ๗๘) อาห, ตถา เถโรปิ ‘‘อนาปตฺติ คิลานสฺสา’’ติ กสฺมา น ปริจฺฉินฺทตีติ? อนตฺตาธิการตฺตา วินยปฺตฺติยา, ‘‘นายํ อตฺตโน โอกาโส’’ติ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, สิกฺขาปทสฺส อปริปุณฺณตฺตา. ปมปาราชิกสิกฺขาปเท ปริปุณฺณํ กตฺวา ปฺตฺเตเยว หิ โส เถโร ‘‘อนาปตฺติ สุปินนฺเตนา’’ติ อาห ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ วุตฺตปทานุสาเรนาติ. ยสฺมา โอทิสฺส อยาวทตฺเถว ทายกานํ ปีฬา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อโนทิสฺส ยาวทตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.

๒๐๘. ‘‘อนฺตรามคฺเค เอกทิวส’นฺติ เอกํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ จ ‘‘เอเสว นโยติ วุตฺตนยเมว ทสฺเสตุํ คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต หีติอาทิมาหา’’ติ จ ‘‘สุทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปกติคมเนว ภุฺชิตุํ ลภตี’’ติ จ ‘‘อคิลานสฺส คิลานสฺิโน กาเยน สมุฏฺาตี’’ติ จ ลิขิตํ.

อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๐๙-๒๑๘. คุฬฺหปฏิจฺฉนฺโนติ อปากโฏว. เอโก ปุตฺเตนาติ เอกสฺเสกํ ภตฺตํ ‘‘อหํ อฺเน นิมนฺติโต’’ติ น วุจฺจติ. ‘‘สเจ เอกโต คณฺหนฺติ , คณโภชนํ โหตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๑๗-๒๑๘) วุตฺตตฺตา จตฺตาโร อุปาสกา จตฺตาโร ภิกฺขู วิสุํ วิสุํ นิมนฺเตตฺวา หตฺถปาเส ิตานํ เจ เทนฺติ, คณโภชนํ โหติ เอวาติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ วิย. ‘‘วิฺตฺติโต ปสวเน คณสฺส เอกโต คหเณ อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ, วิสุํ คหเณ ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺตีหี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘วิฺตฺติโต ปสวนํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน อฏฺกถายํ อนุฺาตํ. สูโปทนาทิวเสน ตตฺถ อาปตฺติ เอวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? ปริวาเร (ปริ. ๑๖๘) เอว ทฺวินฺนํ อาการานํ อาคตตฺตา, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘อนุฺาต’’นฺติ ทุวุตฺตํ. อฏฺุปฺปตฺติยํเยว ปากฏนฺติ ‘‘ปทภาชเน น วุตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพํ. เอกโต คณฺหนฺตีติ คหิตภตฺตาปิ อฺเ ยาว คณฺหนฺติ, ตาว เจ ติฏฺนฺติ, เอกโต คณฺหนฺติเยว นาม. ‘‘คจฺฉติ เจ, อนาปตฺตี’’ติ วทนฺติ.

เอตฺถาห – ‘‘ปฏิคฺคหณเมว เหตฺถ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ จตฺตาโร…เป… ภุฺชนฺติ, เอตํ คณโภชนํ นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๑๘) วุตฺตนฺติ? วุจฺจติ – ยตฺถาติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ. จตฺตาโรติ คณสฺส เหฏฺิมปริจฺเฉทนิทสฺสนํ. ปฺจนฺนํ โภชนานนฺติ อาปตฺติปฺปโหนกโภชนนิทสฺสนํ. อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติตาติ อกปฺปิยนิมนฺตนนิทสฺสนํ. นิมนฺตนวเสเนว ปน คณโภชนสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘นิมนฺติตา ภุฺชนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อฺตรํ โภชนํ วิฺาเปตฺวา ภุฺชนฺตี’’ติ ปน น วุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติยํเยว ปากฏตฺตา. ยํ ภุฺชนฺตีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ภุฺชนฺตีติ ปฏิคฺคาหกนิยมวจนํ. น หิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ ภิกฺขู ภุฺชนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘คณสฺส ยโต ปฏิคฺคหิตาหารโภชนเหตุ ปาจิตฺติย’’นฺติ. อาคนฺตุกปฏฺฏํ โมฆสุตฺเตน สิพฺพิตฺวา เปนฺติ, ตตฺถ อนุวาเต ยถา เอกตลํ โหติ, ตถา หตฺเถหิ ฆฏฺเฏติ. วเลตีติ อาวฏฺเฏติ. ปริวตฺตนนฺติ สุตฺตํ คณฺหนฺตานํ สุขคฺคหณตฺถํ สุตฺตปริวตฺตนํ กโรติ, ปฏฺฏํ สิพฺพนฺตานํ สุขสิพฺพนตฺถํ ปฏฺฏปริวตฺตนฺจ. นวจีวรการโก อิธาธิปฺเปโต, น อิตโรติ. ‘‘พิมฺพิสารํ อาปุจฺฉิตฺวา สมฺภาเร กยิรมาเนเยว กาลา อติกฺกนฺตา, ปจฺฉา คณโภชนสิกฺขาปเท ปฺตฺเต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉี’’ติ วทนฺติ, อฺถา อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต.

๒๒๐. ‘‘ทฺเว ตโย เอกโตติ เยปิ อกปฺปิยนิมนฺตนํ สาทิยิตฺวา’’ติอาทิวจเนน อกปฺปิยนิมนฺตนปจฺจยา เอว อนาปตฺติ, วิฺตฺติโต อาปตฺติเยวาติ ทีเปติ. อนิมนฺติโต จตุตฺโถ ยสฺส ตเทตํ อนิมนฺติตจตุตฺถํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปเวเสตฺวาติ นิสีทาเปตฺวา. จีวรทานสมยลทฺธกจตุกฺกํ จีวรการสมยลทฺธกจตุกฺกนฺติ เอวมาทีนิ. ตานิ จาติ เยหิ โภชเนหิ วิสงฺเกโต นตฺถิ, ตานิ. มหาเถเรติ อุปสมฺปนฺเน. อฏฺตฺวาติ ิเตน นิมิตฺตํ ทสฺสิตํ โหติ. ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวาติ รถิกาทีสุ ภิกฺขุสมีเป คนฺตฺวา. อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปเท กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จีวรทานสมเย คณโภชนํ ภุฺชิตุํ. เอวฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูน’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ. กตฺถจิ ‘‘ภุฺชิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ ปาโ, อยํ โสภโน.

คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๒๑. อธิฏฺิตาติ นิจฺจปฺปวตฺตา. พทรจุณฺณสกฺกราทีหิ โยชิตํ พทรสาฬวํ. กิรกมฺมกาเรนาติ กิรสฺส กมฺมกาเรน.

๒๒๖. ‘‘วิกปฺเปตฺวา คณฺหาหี’’ติ เอตฺถาหุ โปราณตฺเถรา ‘‘ภควโต สมฺมุขา อวิกปฺเปตฺวา เคหโต นิกฺขมิตฺวา รถิกาย อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก วิกปฺเปสิ, วิกปฺเปนฺเตน ปน ‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ วตฺตพฺพํ, อิตเรน วตฺตพฺพํ ‘ตสฺส สนฺตกํ ปริภุฺช วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’’ติ. ปฺจสุสหธมฺมิเกสูติ สมฺมุขา ิตสฺส สหธมฺมิกสฺส ยสฺส วิกปฺเปตุกาโม, ตํ สหธมฺมิกํ อทิสฺวา คหฏฺสฺส วา สนฺติเก, สยเมว วา ‘‘ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อิตฺถนฺนามสฺส วิกปฺเปมี’’ติ วตฺวา ภุฺชิตพฺพนฺติ เอเก, เอวํ สติ เถโร ตสฺมึเยว นิสินฺโนว ตถา วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ปฏิคฺคณฺหาตีติ ตกฺโก ทิสฺสติ. มหาปจฺจริยาทีสุ ปน ปรมฺมุขา วิกปฺปนาว วุตฺตา, สา ‘‘เตน หานนฺท, วิกปฺเปตฺวา คณฺหาหี’’ติ อิมินา สเมติ, ตถาปิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตสฺมา โย ภิกฺขุ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อฺตรสฺส ‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ สมฺมุขา วา ‘อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ ปรมฺมุขา วา’’ติ วจนโต สหธมฺมิกสฺส สนฺติเก เอว วตฺตพฺพํ, น สยเมวาติ ทิสฺสติ. ยสฺมา อยํ ปจฺฉิมนโย โปราณคณฺิปเทนปิ สเมติ, ตสฺมา อิธ มาติกาฏฺกถานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘เต มนุสฺสา…เป… โภชนมทํสู’’ติ วจนโต อกปฺปิยนิมนฺตนํ ปฺายติ, ตถาปิ เถรสฺส กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติการเณน ภตฺเตน โส นิมนฺติโตติ เวทิตพฺโพ. อฺถา ปรโต ‘‘ทฺเว ตโย นิมนฺตเน เอกโต ภุฺชตี’’ติ วจเนน, อนาปตฺติวาเรน จ วิรุชฺฌติ.

๒๒๙. เอตฺถายํ วิจารณา – ‘‘อฺโ มนุสฺโส ปตฺตํ คณฺหาติ, น ทาตพฺพ’’นฺติ วจนโต อปรภาเค อกปฺปิยนิมนฺตเนน นตฺถิ ปโยชนํ, ปุพฺพภาเคเยว อกปฺปิยนิมนฺตเนน ปโยชนนฺติ สฺเวปิ ภนฺเต อาคจฺเฉยฺยาถาติ เอตฺถ กตรํ อกปฺปิยนิมนฺตนํ, ตสฺมา อธิปฺปาโย เจตฺถ ปมาณนฺติ. น, ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภุฺชติ, อาปตฺตี’’ติ วจนโตติ. ตตฺถ ‘‘สฺเวปิ ภนฺเต’’ติ เอตฺถ ยถา วจนมตฺตํ อคฺคเหตฺวา อกปฺปิยนิมนฺตนกฺกเมน อตฺโถ คหิโต, ตถา ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา’’ติ เอตฺถาปิ อนฺตรา อกปฺปิยนิมนฺตเนน ลทฺธภตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ปิณฺฑาย หิ จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ทินฺนมฺปิ อกปฺปิยนิมนฺตเนน ลทฺธํ นาม โหติ. โวหาเรน ปน ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อฺถา มาติกาฏฺกถายํ ‘‘คณโภชเน วุตฺตนเยเนว ปฺจหิ โภชเนหิ นิมนฺติตสฺส…เป… ปรสฺส ปรสฺส โภชเน’’ติ วุตฺตวจนวิโรโธ. อิทฺหิ วจนํ เยน ปมํ นิมนฺติโต, ตโต ปมนิมนฺติตํ อาทาย คโต ปรสฺส ปรสฺส นิมนฺตนกทายกสฺส โภชเนติ อตฺถปริทีปนโต นิมนฺตนโต ลทฺธภตฺตสฺส โภชเนเยว อาปตฺตีติ ทีเปติ. ‘‘ทฺเว ตโย นิมนฺตเน เอกโต’’ติ วจเนนปิ สเมติ, อฺถา ‘‘เยน นิมนฺติโต, ตสฺส โภชนโต ปรสฺส โภชเน’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพํ สิยา, ปาฬิยํ วา ‘‘นิมนฺตเนน เอกโตภุฺชตี’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพํ สิยา. ทุติยนิมนฺตนสฺส ปมโภชเน อาปตฺติปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ ‘‘เยน เยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิมนฺตนปฏิปาฏิยา ภุฺชตีติ ปาฬีติ เจ? น, ‘‘อนาปตฺติ นิจฺจภตฺเต’’ติอาทิปาฬิวิโรธโต.

คณฺิปเท ปน ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ กสฺมา ภุฺชิตุํ น ลภตีติ เจ? ‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต, ตํ เปตฺวา ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภุฺชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’ติ วุตฺตตฺตา’’ติ ลิขิตํ. ยทิ เอวํ นิจฺจภตฺตาทิกมฺปิ น วฏฺฏตีติ อาปชฺชตีติ นิจฺจภตฺตาทิ โอทิสฺสกนฺติ เจ? ตํ น, ตทฺสฺส อตฺตโน ธเนน นิปฺผนฺนสฺส, สงฺฆโต ลทฺธสฺส วา ปาโต ปจนกยาคุ เจ ฆนา โหติ, ตสฺสาปิ, เอกกุฏิกํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรโต ภิกฺขาจริยวเสน ลภิตพฺพนิจฺจภตฺตสฺส จ อกปฺปิยภาวปฺปสงฺคโต. ตตฺถ ภิกฺขาจริยวเสน ลทฺธํ น กปฺปติ นิมนฺตนกานํ อปฺปสาทาวหนโตติ เจ? น, ‘‘ปฺจ โภชนานิ เปตฺวา สพฺพตฺถ อนาปตฺตี’’ติ วจนวิโรธโต. ขาทนียมฺปิ หิ ปรสฺส ขาทิตฺวา ภุตฺตตฺตา นิมนฺตนโภชนํ อภุฺชนฺโต อปฺปสาทํ กโรติ เอว, ตสฺมา อปฺปสาทาวหํ อปฺปมาณํ, ตสฺมา นิจฺจภตฺตาทิ โอทิสฺสกํ น สมฺภวติ. อปิจ เหฏฺา วุตฺตนเยน สทฺธึ อิธ วุตฺตนเยน สํสนฺทิตฺวา ยํ ยํ ขมติ, ตํ ตํ คเหตพฺพนฺติ สพฺโพปิ เกสฺจิ อาจริยานํ วินิจฺฉโย. อาจริยสฺส ปน วินิจฺฉโย อนฺเต อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘ขีรํ วา รสํ วา ปิวโต อมิสฺสมฺปีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. คณฺิปเท ‘‘เหฏฺา โอทเนนามิสฺเสตฺวา อุปริ ติฏฺตี’’ติ ลิขิตํ.

มหาอุปาสโกติ เคหสามิโก. มหาอฏฺกถายํ ‘‘อาปตฺตี’’ติ วจเนน กุรุนฺทิยํ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ วจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ อธิปฺปาโย มหาปจฺจริยํ วิจาริโต’’ติ ลิขิตํ. ‘‘จาริตฺตโตติ ‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา’ติ ปรโต วตฺตพฺพโต’’ติ วุตฺตํ. วจีกมฺมํ อวิกปฺปนํ. เอตฺถ ‘‘มหาอุปาสโก ภิกฺขู นิมนฺเตติ…เป… ปจฺฉา ลทฺธํ ภตฺตํ ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ. ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภุฺชติ, อาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วจนโต, ‘‘กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิมฺหา’’ติ ปาฬิโต, ขนฺธเก ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺตเน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภุฺชิตพฺพา, โย ปริภุฺเชยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๒๘๓) วจนโต จ นิมนฺเตตฺวา วา ปเวเทตุ อนิมนฺเตตฺวา วา, ปมคหิตนิมนฺตนสฺส ภิกฺขุโน ปมนิมนฺตนโภชนโต อฺํ ยํ กิฺจิ ปรสนฺตกํ โภชนํ ปรมฺปรโภชนาปตฺตึ กโรติ. อตฺตโน สนฺตกํ, สงฺฆคณโต ลทฺธํ วา อคหฏฺสนฺตกํ วฏฺฏติ, นิมนฺตนโต ปมํ นิพทฺธตฺตา ปน นิจฺจภตฺตาทิ ปรสนฺตกมฺปิ วฏฺฏติ. ขนฺธเก ‘‘น จ, ภิกฺขเว…เป… ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๒๘๓) วจนํ ปรสนฺตกโภชนวุตฺตนิยมนํ. ตโต หตฺถโกว โน ตกฺโกติ อาจริโย.

ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๑-๓. ปฏิยาโลกนฺติ ปจฺฉิมํ เทสํ. ปูวคณนายาติ อติริตฺตปูวคณนายาติ อตฺโถ. สเจ ‘‘อปาเถยฺยาทิอตฺถาย สชฺชิต’’นฺติ สฺาย คณฺหาติ, อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส อาปตฺติ เอว. อถ อุคฺคหิตํ คณฺหาติ, น มุจฺจติเยว. อสํวิภาเค ปน อนาปตฺติ อกปฺปิยตฺตา. อจิตฺตกตา ปฺตฺติชานนาภาเวเนว, น วตฺถุชานนาภาเวนาติ เอเก. น, มาติกาฏฺกถายํ ‘‘ปาเถยฺยาทิอตฺถาย สชฺชิตภาวชานน’’นฺติ องฺเคสุ อวุตฺตตฺตา. โปราณคณฺิปเท ปเนวํ วุตฺตํ ‘‘เอเกน วา อเนเกหิ วา ทฺวตฺติปตฺตปูเรสุ คหิเตสุ เตสํ อนาโรจเนน วา สยํ วา ชานิตฺวา โย อฺํ คณฺหาติ, ตสฺส ทุกฺกฏํ. เอกโต ตีสุ, จตูสุ วา ปวิฏฺเสุ เอเกน เจ ทฺเวปตฺตปูรา คหิตา, ทุติเย ทฺเว คณฺหนฺเต ปโม เจ น นิวาเรติ, ปมสฺส ปาจิตฺติยํ. นิวาเรติ เจ, อนาปตฺติ, ทุติยสฺเสว ทุกฺกฏ’’นฺติ. สเจ สฺจิจฺจ น วทติ, โปราณคณฺิปเท วุตฺตนเยน ปาจิตฺติยํ, มาติกาฏฺกถาวเสน (กงฺขา. อฏฺ. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา) ทุกฺกฏํ. ‘‘อติเรกปฏิคฺคหณ’’นฺติ ตตฺถ ปฺจมํ องฺคํ วุตฺตํ, ตสฺมา อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา น ปาจิตฺติยํ, กตฺตพฺพากรณโต ปน ทุกฺกฏํ. อฺถา กิริยากิริยํ อิทํ อาปชฺชติ, อนิวารณํ, อนาโรจนํ วา ฉฏฺงฺคํ วตฺตพฺพํ สิยา. เอกนิกายิกานํ วาติ เอตฺถ ‘‘อาสนฺนวิหารภิกฺขู, อาสนฺนอาสนสาลาคตา วา สเจ วิสภาเคหิ อานีตํ น ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ‘อารามิกาทีนํเยว วา ทาเปนฺตี’ติ ชานาติ, ยตฺถ ปริโภคํ คจฺฉติ, ตตฺถ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ทฺวตฺติปตฺตปูรา’ติ วจนโต ปจฺฉิอาทีสุ อธิกมฺปิ คณฺหโต อนาปตฺตี’’ติ เกจิ วินยธรมานิโน วทนฺติ, ตํ เตสํเยว นิสีทตุ, อาจริยา ปน ‘‘ปจฺฉิอาทีสุปิ อุกฺกฏฺปตฺตสฺส ปมาณวเสน ทฺวตฺติปตฺตปูรา คเหตพฺพา. อุกฺกฏฺปริจฺเฉทกถา เหสา’’ติ วทนฺติ.

กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๓๖. ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริตา กิฺจาปิ ‘‘ปวาริตา’’อิจฺเจว อธิปฺเปตา อฏฺุปฺปตฺติยาว, อถ โข ปจฺฉิมาว อิธาธิปฺเปตา.

๒๓๗. ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อติริตฺตํ นาม โหติ. ภิกฺขุสฺส อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อฺํ น ลจฺฉตีติ กิร อตฺโถ.

๒๓๘-๙. ‘‘อสนํ ปฺายตี’’ติ เอเตเนว ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ เอตสฺส สิทฺธตฺตา วิสุํ อตฺถสิทฺธิ นตฺถิ. ยทิ อตฺถิ, องฺคานํ ฉกฺกตฺตทสฺสนนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตนฺติอาทิ ปวารณงฺคานํ ปฺจกตฺตทสฺสนํ. วรโกติ โย โกจิ วรโก. ‘‘ปวารณํ ปน ชเนติเยวาติ วิสุํ สิตฺถํ โวทกํ กโรนฺติ, ปวารณํ น ชเนติ. ยาคุํ วา ปิวนฺโต ปมํ อุทกํ ปิวติ, วฏฺฏติ. อวสิฏฺํ เหฏฺาสิตฺถํ ปวารณํ น ชเนตี’’ติ ลิขิตํ. อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘ชเนติเยวา’’ติ วทติ, ตํ น อิจฺฉนฺติ อาจริยา. ภชฺชิตปิฏฺนฺติ ตณฺฑุลจุณฺณเมว. ภชฺชิตสตฺตุโย ปิณฺเฑตฺวา กตโมทโก สตฺตุโมทโก.

‘‘ยาคุสิตฺถมตฺตาเนว ทฺเว…เป… ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปรจงฺกมจฺฉาทโย ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกยาคุํ ปิวนฺโต สเจ อฺํ ตาทิสํเยว ปฏิกฺขิปติ, ปวารณา น โหตีติ กิร ธมฺมสิริตฺเถโร. สเจ อฺํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ. กสฺมา? อสนสงฺขาตสฺส วิปฺปกตโภชนสฺสาภาวโต. โภชนสาลายํ ภุฺชนฺโต เจ, อตฺตโน อปาปุณนโกฏฺาสํ อภิหฏํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ. กามํ ปฏิกฺขิปติ, ปตฺเต ปน อารามิโก อากิรติ, ตโต ภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ. อิทฺหิ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺอเนสนาย อุปฺปนฺเนเยว สงฺคหํ คจฺฉติ. ยถา หิ สงฺฆโต อุทฺธฏปิณฺฑํ ทุสฺสีโล เทติ, ตํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ, เอวํสมฺปทมิทํ. ‘‘วิสภาโค ลชฺชี เจ เทติ, ตํ เตน สมฺโภคํ อกตฺตุกามตาย ปฏิกฺขิปติ, ปวาเรตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ปริเวสนายาติ ภตฺตคฺเค. ‘‘มํเสน รสํ, มํสฺจ รสฺจ มํสรสนฺติ อาปชฺชนโต ‘มํสรส’นฺติ วุตฺเต ปฏิกฺเขปโต โหติ, มํสสฺส รสํ มํสรสนฺติ วิคฺคโห นาธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. มํสกรมฺพโก นาม…เป… วฏฺฏตีติ สุทฺธยาคุ เอว โหติ. อปฺปวารณมิสฺสกกรมฺพโกเยว โหติ, ตสฺมา น ปวาเรติ, เตน วุตฺตํ ปรโต ‘‘อิทฺจ กรมฺพเกน น สมาเนตพฺพ’’นฺติอาทิ, ตสฺมา ‘‘ตํ อภิหริตฺวา กฺชิยํ คณฺหถา’ติ วทนฺตํ ปฏิกฺขิปติ, ปวารณา น โหตี’’ติ จ ‘‘มิสฺสกยาคุํ คณฺหถา’ติ อวุตฺตตฺตา ‘สมฺมิสฺสิตํ วิสุํ กตฺวา เทตี’ติ วุตฺตตฺตา’’ติ จ วุตฺตํ, ยสฺมา ยาคุมิสฺสกนฺติ เอตฺถ ปททฺวเย ปวารณารหสฺส นามคฺคหณํ นตฺถิ, ตสฺมา ตตฺร เจ ยาคุ พหุตรา วา โหติ สมสมา วา, น ปวาเรติ. กสฺมา? ตตฺถ อภิหารกปฏิกฺเขปกานํ ยาคุสฺตฺตา. ยาคุ เจ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรติ. กสฺมา? เตสํ อุภินฺนมฺปิ ตตฺถ ภินฺนสฺตฺตาติ ตกฺโก อาจริยสฺส. ภตฺตมิสฺสเก ปวารณารหสฺส นามสฺส สพฺภาวโต สพฺพทา ปวาเรติ เอว. มิสฺสเก ปน วุตฺตนเยน การณํ วตฺตพฺพํ. วิสุํ กตฺวา เทตีติ ยถา ภตฺตสิฏฺํ น ปตติ, ตถา คาฬฺหํ หตฺเถน ปีเฬตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา เทติ.

อกปฺปิยกตนฺติ เอตฺถ ‘‘กปฺปิยํ อการาปิเตหิ กทลิปฺผลาทีหิ สทฺธึ อติริตฺตํ กปฺปิยํ การาเปตฺวาปิ ตํ กทลิปฺผลาทึ เปตฺวา อวเสสํ ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. อมิสฺสกรสตฺตา ปุน ตานิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา อฺสฺมึ ภาชเน เปตฺวา อติริตฺตํ กาเรตฺวา ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? ปุพฺเพ เตสุ วินยกมฺมสฺส อนารุฬฺหตฺตา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ภุตฺตาวินา จ ปวาริเตน อาสนา วุฏฺิเตน กต’’นฺติ วจนโต ภุตฺตาวินา อปฺปวาริเตน อาสนา วุฏฺิเตน กตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมา ‘‘ปาโตว อทฺธานํ คจฺฉนฺเตสุ ทฺวีสุ เอโก ปวาริโต อวุฏฺิโต ตตฺถ นิสีทติ, โส อิตเรน ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ภิกฺขํ อตฺตนา อภุตฺวาปิ ‘อลเมตํ สพฺพ’นฺติ กาตุํ ลภติ เอวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุกฺกปกฺเข ‘‘ภุตฺตาวินา กตํ โหตี’’ติ อิมินาว สิทฺธํ, ตสฺมึ ปกฺเข อตฺตโน สตฺตงฺคานิ น ปูเรนฺติ, กณฺหปกฺเข ปฏิภาเคน สตฺต วุตฺตานีติ เวทิตพฺพํ. ภุตฺตาวินา อปฺปวาริเตน อาสนา วุฏฺิเตน, อวุฏฺิเตน วา กตํ โหติ, วฏฺฏติ. ‘‘ปวาริเตน อาสนา อวุฏฺิเตเนวา’’ติ อิมํ ปน อตฺถวิกปฺปํ ทีเปตุํ ‘‘สตฺตงฺคานิ วุตฺตานี’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. โส ปุน กาตุํ น ลภติ ปมํ กตสฺส ปุน เตเนว กตฺตพฺพปฺปสงฺคโต. ยฺจ อกตํ, ตํ กตฺตพฺพนฺติ หิ วุตฺตํ. อถ โสว ปโม ปุน กตฺตุกาโม โหติ, อฺสฺมึ ภาชเน ปุพฺเพ อกตํ กาตุํ ลภติ. ทุติโย ปมภาชเนปิ กาตุํ ลภติ. ‘‘เยน อกตํ, เตน กาตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อิมเมวตฺถํ สนฺธาย ‘‘เยน ยํ ปมํ กปฺปิยํ กตํ, ตเมว โส ปุน กาตุํ น ลภติ, อฺเน กาตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. ตตฺถ นฺติ ตํ ปมํ กตนฺติ อตฺโถ. เปเสตฺวา กาเรตพฺพนฺติ เอตฺถ อนุปสมฺปนฺโน เจ คโต, ตตฺรฏฺเน เอเกน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคาเหตฺวา อปเรน กาเรตพฺพนฺติ ตตฺถ เอโกว เอวเมว กาตุํ น ลภตีติ. ‘‘ยํ กิฺจิ คิลานํ อุทฺทิสฺสา’ติอาทิวจนโต วิหาราทีสุ คิลานสฺส ปาปุณนโกฏฺาสมฺปิ คิลานาติริตฺตํ นาม, ตสฺมา วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อาหารตฺถายาติ วิกาเล เอวาติ เอเก.

๒๔๑. กายกมฺมํ อชฺโฌหรณโต. วจีกมฺมํ วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ ภนฺเต’’ติ อการาปเนนาติ เวทิตพฺพํ.

ปมปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๔๓. สาธารณเมวาติ สพฺพปวารณานํ สาธารณํ ‘‘ยาวตฺตกํ อิจฺฉสี’’ติ อิทํ.

ทุติยปวารณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๔๗-๙. นฏานํ นาฏกานิ นฏนาฏกานิ, สีตาหรณาทีนิ. มูลฺจ ตํ ขาทนียฺจาติ มูลขาทนียํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปิฏฺนฺติ จุณฺณํ. ขารกมูลนฺติ ยูปสมูลํ. จจฺจุมูลํ เนฬิยมูลํ. ตมฺพกํ วจํ. ตณฺฑุเลยฺยกํ จูฬกุหุ. วตฺถุเลยฺยกํ มหากุหุ. วชกลิ นิโกฏฺํ. ชชฺฌรี หิรโต.

โกฏฺํ ชรฏฺํ วุจฺจติ. คณฺิ มุหุกุลมุทุ วิจยตฺถ วชมุชุ วทุฬวิ.

วชฺชเยติเม กึสุกํ, หลิทฺทิ. กเสรุโก, กฏิพลวนฺติ ตสฺส นามํ. อมฺพาฏกํ อมูลกํ ปิฒล กกฺกุล. มสาลุ กินฬ. อาลุว กฬิ ตฑฺฒิอฬิ อลส กฏิสฺสล นเมทติ เมร. สิคฺคุ สีริ โกฬ กาลกํ เนกฬวิ. ขีรวลฺลิกนฺโท ตุมูโรริโย โหติ. สงฺขโต โธวนเมว. อยํ ‘‘ปริสงฺขาโร’’ติ ลิขิตํ. ขีรกาโกลี กิริกเวฬิ. ชีวิกํ ชีวิหิ. อุสภก อุมฺมสุวิยิ.

หินฺตาลํ กิติลิ. กุนฺตาล โตโห ติลิสตา ปทิกฬิโร ปฏเสวลกฬิ. กรมนฺทกํ กรมฺพ ทณฺโฑกิร อุทกโชติ กณฺฑโก. ‘‘สิงฺฆตโกติปิ วุจฺจตี’’ติ ลิขิตํ. ผคฺคว หกิฬิ. นตฺตมาลนฺติ กรฺชิ.

เสลฺลุ โลโหลิยํ. กาสมทฺทก กุทุววลิ อนสิกิน. อุมฺมาทิย เมเลลิทิย. จีนมุคฺโค เวนมุตฺติ หุรมุคฺค. ราชมาโส มาหวิลิติ. อคฺคิมนฺโต มุฺจิ. สุนิปณฺณโก ติปิลวนินาฬิกา ติลก. ภูมิยํ ชาตโลณีติ เอตฺถ โลณีนามสฺส สาธารณตฺตา ‘‘ภูมิย’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. พฺรหฺมีปตฺตํ เทเมเตเย ปณสา. ‘‘ทีปวาสิโน วทนฺตี’’ติ สิถิลํ กตฺวา กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? ‘‘ขาทนียตฺถํ ผรตีติ ลกฺขเณน อสมานตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ปเทลิวินิเตกิ. สุลสิปณฺณนฺติ ตสาปลิกํ.

อคนฺธิกปุปฺผํ กริสฺสเยติ เจกวาทิทปุปฺผํ เจเลปติมลํ. ชีวนฺตีปุปฺผํ ชีวิตนฺทิคมล. พกุล มุถุวล. กุยฺยก ปุนปุนฺนามปุนฺนรา, ชาติสุมน. นวมาลิกา เจเหมล.

ตินฺติณิก กจินี วิเลยิ. มาตุลุงฺค ลวโน. ปุสฺสผล สุปุลิ. ติมฺพรูสก ติคิพฺเพเรหิติ สุสตุธุต. ติปุสวาติงฺคณ ธุตติเกณ ปฏิยิ. โจจ วริยิเยลิ. โมจ อติเรลิ. โคฏฺผลํ ปูวผลนฺติ เอเก. โกฏฺเส กิร อจฺฉิว.

อสมุสฺสิ พิมฺพ อิติ เกจิ. กาสฺมรีติ เสปณฺณิ. อติเตเมติ กริยเมติสฺส. ชาติผลํ กตํเมติ. กฏุกผลํ ติริรก.

ตรุณผลํ กิริอุปุลุ. โปกฺขรฏฺิ กิฺจกฺขฏฺิ. สิทฺธตฺถกํ สาสปํ เสตวณฺณํ. ราชิกํ รตฺตํ โหติ.

หิงฺคุํ หิงฺคุชตุนฺติ สพฺพาปิ หิงฺคุวิกติโย. เอตฺถ หิงฺคุชตุ นาม ปตฺตสาขา ปจิตฺวา กาตพฺพา. สาขา ปจิตฺวา กตา สิปาฏิกา. อฺเหิ มิสฺเสตฺวา กตาติ เกจิ. ตกํ กฏฺชนฺติ อคฺคิเกฬินิ. นิกิติสฺสากาเลสโย. ติเมร, ตกปตฺติ ปสาขาปตฺเต ปจิตฺวา กาตพฺพา. ‘‘ตกปณฺณิ สาวติ เอว กาตพฺพา’’ติ ลิขิตํ.

วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๕๓. อปรชฺชุ สนฺนิธิ นาม โหตีติ อตฺโถ. อชฺช ปฏิคฺคหิตนฺติ น เกวลํ ปฏิคฺคหิตเมว, อถ โข อุคฺคหิตกมฺปิ, เตเนว อฏฺกถายํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอวํ สนฺนิธิกตํ ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ ตาว อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ ตํ ปมเมว ปฏิคฺคหิตํ, ‘‘ปฏิคฺคหเณ ตาวา’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘อตฺตโน กาเล คหิตํ อชฺช ปฏิคฺคหิต’นฺติ วุตฺต’’นฺติ.

เอตฺถาห – ยถา ปฺจ เภสชฺชานิ อุคฺคหิตกานิ อนธิปฺเปตานิ. สตฺตาหาติกฺกเม อนาปตฺติ อนชฺโฌหรณียตฺตา, ตถา อิธาปิ อุคฺคหิตกํ นาธิปฺเปตนฺติ? เอตฺถ วุจฺจติ – เภสชฺชสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๑๘ อาทโย) อุคฺคหิตกํ นาธิปฺเปตนฺติ ยุตฺตํ อตฺตโน กาลาติกฺกมนมตฺเตน ตตฺถ อาปตฺติปฺปสงฺคโต. เอตฺถ น ยุตฺตํ อตฺตโน กาลาติกฺกมนมตฺเตน อาปตฺติปฺปสงฺคาภาวโต. อชฺโฌหรเณเนว หิ เอตฺถ อาปตฺตีติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา อนุคณฺิปทมเตน อชฺช อุคฺคเหตฺวา ปุนทิวเส ภุฺชนฺโต ทฺเว อาปตฺติโย อาปชฺชติ.

ตตฺรายํ วิจารณา – อตฺตนา ภุฺชิตุกาโม อชฺช อุคฺคเหตฺวา ปุนทิวเส ภุฺชติ, ทฺเว อาปตฺติโย อาปชฺชติ. สามเณราทีนํเยว อตฺถาย อุคฺคเหตฺวา คหิตํ ปุนทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ภุฺชนฺโต อาปตฺติยา น กาเรตพฺโพติ. ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – สเจ เพลฏฺสีโส วิย ทุติยตติยาทิทิวสตฺถาย อชฺช ปฏิคฺคเหตฺวา สามเณราทีนํ โคปนตฺถาย เทติ, ตสฺส ปุนทิวเส อชฺโฌหรณตฺถํ ปฏิคฺคหเณ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สมฺภวติ. สยเมว สเจ ตํ โคเปตฺวา เปติ, ปุนทิวเส ปติตํ กจวรํ ทิสฺวา วิมติวเสน วา ปฏิคฺคณฺหโต ปฏิคฺคหณโตว อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สมฺภวติ. โน เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตํ ทุกฺกฏํ นตฺถิ. ‘‘อิทฺหิ ‘เอกํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’ติอาทิ วิยา’’ติ วุตฺตํ. โย ปน เอกปฺปหาเรเนว ทฺเวปิ ปาเท อติกฺกาเมติ, ตสฺส ตํ ถุลฺลจฺจยํ นตฺถิ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ ปฏิคฺคหิตภาวํ อวิชหนฺตเมว สนฺนิธึ ชเนตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร, ตํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิยา วิรุชฺฌติ. กปาเลน ปีโต ปน สฺเนโห อพฺโพหาริโก. กิฺจาปิ อุณฺเห โอตาเปนฺตสฺส ปคฺฆรติ, ตถาปิ ‘‘เภสชฺชสิกฺขาปเท วิยา’’ติ วุตฺตํ. อิตรถา กปาเลน ปีตา สปฺปิอาทโยปิ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตึ ชเนยฺยุนฺติ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวาติ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตวิธิเยว. ทุทฺโธตปตฺตกถาปิ เอเตน สเมติ วิย. อาหารตฺถายาติ กาเลปิ ลพฺภติ. ปกติอามิเสติ กปฺปิยามิเส. สามิเสน มุเขน อชฺโฌหรโต ทฺเวติ ‘‘หิยฺโย ปฏิคฺคหิตยามกาลิกํ อชฺช ปุเรภตฺตํ สามิเสน มุเขน อชฺโฌหรโต ทฺเว ปาจิตฺติยานี’’ติ ลิขิตํ. อชฺช ปฏิคฺคหิตํ ยาวกาลิกมฺปิ หิ ยามาติกฺกนฺตปานเกน สํสฏฺํ สนฺนิธึ กโรติ. อกปฺปิยมํเสสุ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสสมํเส ทุกฺกฏฺจ วฑฺฒติ.

๒๕๕. สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถายาติ กาเลปิ ทุกฺกฏเมว สนฺนิธึ อนาปชฺชนโตติ เกจิ. ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ ตทหุ ปุเรภตฺตํ วฏฺฏตีติ เจ? น, ปาฬิยมฺปิ อฏฺกถายมฺปิ วิเสสสฺส นตฺถิตาย. เภสชฺชสิกฺขาปเท ปุเรภตฺตํ ยถาสุขํ ปริภุฺชนํ วุตฺตนฺติ เจ? อาหาเร สปฺปิอาทิ สงฺคหํ ยาติ, เตน ตคฺคติกวเสน วุตฺตํ, น เภสชฺชวเสน วุตฺตนฺติ อุปติสฺโส.

สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๕๙. อกปฺปิยสปฺปินาติ เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปินา. ‘‘วสาเตลฺหิ เปตฺวา อกปฺปิยสปฺปิ นาม นตฺถี’’ติ ลิขิตํ. วิสงฺเกตนฺติ เอตฺถ ‘‘สูโปทนวิฺตฺติปิ น โหตี’’ติ วุตฺตํ. กายิกานีติ กาเยน อาปชฺชิตพฺพานิ.

๒๖๑. มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพติ สงฺฆวเสน ปวาริเต เภสชฺชตฺถาย สปฺปิอาทิปฺจกํ วิฺาเปติ เจ, ตตฺถ ‘‘น เภสชฺเชน กรณีเยน เภสชฺช’’นฺติ เอตฺถ สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘เตน ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ. ปาฬิมุตฺตเกสุ ‘‘ภิกฺขุนีนมฺปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ ลิขิตํ.

ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๖๔-๕. มุขทฺวารนฺติ กณฺนาฬิ. อุจฺจารณมตฺตนฺติ อุกฺขิปิตพฺพมตฺตกํ. กสฏํ ฉฑฺเฑตฺวาติ สมุทาจารวเสน, อฉฑฺฑิเตปิ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. หตฺถปาสาติกฺกมนฺติ ทายกสฺส. ภิกฺขุสฺส เทตีติ อฺสฺส ภิกฺขุสฺส. กฺชิกนฺติ ยํ กิฺจิ ทฺรวํ. ปตฺโต ปฏิคฺคเหตพฺโพติ ภูมิยํ ปิเต อภิหาราภาวโต. ‘‘ยถา ปมตรํ ปติตเถเว โทโส นตฺถิ, ตถา อากิริตฺวา อปเนนฺตานํ ปติตเถเวปิ อภิหฏตฺตา เนวตฺถิ โทโส’’ติ ลิขิตํ. จรุเกนาติ ขุทฺทกปิณฺเฑน. ชาครนฺตสฺสปีติ ‘‘อปิ-สทฺเทน สุตฺตสฺสปี’’ติ ลิขิตํ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. เตหิ กายสํสคฺเค กายปฏิพทฺเธนาปิ ตปฺปฏิพทฺเธนาปิ ถุลฺลจฺจยาปตฺติ ทสฺสิตา เอวาติ อตฺโถ. กายปฏิพทฺธปฏิพทฺเธนาติ วจนมตฺตเมเวตํ. ‘‘สตฺถเกนาติ ปฏิคฺคหิตเกนา’’ติ ลิขิตํ, ตํ ทุลฺลิขิตํ สติปิ มเล ปุน ปฏิคฺคเหตพฺพกิจฺจาภาวโต. เกสฺจิ อตฺถายาติ อนุปสมฺปนฺนานํ อตฺถาย. ‘‘สามเณรสฺส หตฺถํ ผุฏฺมตฺตเมว ตํ ปริจฺจตฺต’’นฺติ ลิขิตํ.

ปฏิคฺคหณุปคภารํ นาม มชฺฌิมปุริเสน อุกฺขิปิตพฺพกํ. มูลปฏิคฺคหณเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ วุตฺตตฺตา ‘อภุฺชนตฺถายาปิ ปฏิคฺคเหตฺวา คหิเต วฏฺฏตี’’’ติ เย วทนฺติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘สีสมกฺขนเตลํ ปฏิคฺคเหตฺวา ‘อิทํ สีสมกฺขน’นฺติ อนาโภเคเนว สตฺตาหํ อติกฺกาเมนฺตสฺส กึ นิสฺสคฺคิยํ ภเวยฺยา’’ติอาทิ, สุตฺตาธิปฺปาโย ปน เอวํ คเหตพฺโพ ‘‘มจฺฉิกวารณตฺถํ พีชนฺตสฺส ตสฺมึ ลคฺครชาทิมฺหิ ปตฺเต ปติเต สุขํ ปริภุฺชิตุํ สกฺกา’ติ สฺาย ปุพฺเพ ปฏิคฺคหิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริวตฺตนกถายํ ‘‘อมฺหากํ ตณฺฑุเลสุ ขีเณสุ เอเตหิ อมฺหากํ หตฺถคเตหิ สามเณรสนฺตเกหิปิ สกฺกา ปติฏฺเปตุ’นฺติ ภิกฺขูนํ จิตฺตุปฺปาโท เจ สมฺภวติ, ‘ปริวตฺตนํ สาตฺถก’นฺติ อุปติสฺสตฺเถโร’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ สุทฺธจิตฺตานํ นิรตฺถกนฺติ อาปนฺนเมว, ตถา ‘‘ปณฺฑิโต เอส สามเณโร ปตฺตปริวตฺตนํ กตฺวา ทสฺสติ, มยเมว จ อิมสฺส วิสฺสาเสน วา ยาจิตฺวา วา ภุฺชิสฺสามา’’ติ จิตฺเต สติ ภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ กเตปิ ปริวตฺตเนติ จ อาปนฺนํ, กึ พหุนา. นิรเปกฺเขเหว คณฺหิตพฺพํ, น สาเปกฺเขหีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อาจริโย. อยเมวตฺโถ ‘‘สเจ ปน สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุํ, ตโต ลทฺธํ ขาทิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วจเนน สิทฺโธว. อาธารเก ปตฺโต ปิโต โหติ ยถาปฏิคฺคหิตภาเว นิราลโย. สมุทฺโททเกน อปฺปฏิคฺคหิตเกน. เมณฺฑกสฺส ขีรํ ขีรตฺตาว วฏฺฏติ. ‘‘อตฺตโน ปน ขีรํ มุเขเนว ปิวนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทสฺเสตุํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘สรีรนิสฺสิตมหาภูตานิ หิ อิธาธิปฺเปตานี’’ติ ลิขิตํ, ตทุภยมฺปิ ‘‘กปฺปิยมํสขีรํ วา’’ติอาทินา นเยน วิรุชฺฌติ.

อปิจ ‘‘อปฺปฏิคฺคหิตภาชเน อฺภิกฺขุสนฺตเก อตฺตโน ปิณฺฑปาตํ ปกฺขิปติ, ‘ตํ โถก’นฺติ วา อฺเน วา การเณน วทติ, ตํ สพฺเพสํ น กปฺปติ. กสฺมา? วินยทุกฺกฏตฺตา. อตฺตนา ปฏิคฺคเหตฺวา ปกฺขิปิตพฺพํ วินยวิธึ อกตฺวา ทุกฺกฏนฺติ อธิปฺปาโย. เอวํ ตาทิสํ กิมตฺถํ น ภุฺชตีติ? อฏฺกถายํ ‘อุคฺคหิตโก โหตี’ติ วุตฺตตฺตา. เอวฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ ภูมิยํ วา ภาชเน วา ผลํ วา ยํ กิฺจิ อามิสํ วา ยาวชีวิกมฺปิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ อชานนฺโต อามสติ, น วฏฺฏติ, อุคฺคหิตกํ โหตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ, ตสฺมา อิมสฺส มเตน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส สเจ ปตฺเต อปฺปฏิคฺคหิเต ปิณฺฑํ เปติ, ตํ อกปฺปิยํ อุคฺคหิตกนฺติ สิทฺธํ. อยเมวตฺโถ ‘‘สเจ อตฺตโน วา ภิกฺขูนํ วา ยาคุปจนกภาชเน…เป… นิรามิสํ กตฺวา ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ วจเนน สํสนฺทิตฺวา กเถตพฺโพ. ‘‘กปฺปิยมํสขีรํ วา’’ติ ปสงฺควเสน วุตฺตํ. ทธิ เจ ปฏิลทฺธํ, ตฺจ อธิปฺเปตนฺติ เกจิ.

ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน โภชนวคฺโค จตุตฺโถ.

๕. อเจลกวคฺโค

๑. อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๖๙. วิฆาสาทานํ อนฺตรา ปูวลาเภน อฺตรา ปริพฺพาชิกา ปวิสิตฺวา ิตา. ทาเปตีติ อนุปสมฺปนฺเนน.

อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๗๖. วิชหนฺตสฺสาติ อนาทรตฺเถ สามิวจนํ. อุยฺโยชกสฺส วิชหนฺตสฺส สโต อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติปิ อตฺโถ. อิธ อนุปสมฺปนฺโน นาม สามเณโรวาธิปฺเปโต.

อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๘๐. สโภชเนติ เอตฺถ ปมวิกปฺโป ‘‘อิตฺถี จ ปุริโส จา’’ติ อิมินา ตติยปเทน ยุชฺชติ, ทุติยวิกปฺโป ปเมหิ ทฺวีหิ. กุเลติ ฆเร. อนุปวิสิตฺวา นิสีทนจิตฺเตน สจิตฺตกํ.

สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. รโหปฏิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๘๔. อิธ ปฺจมํ อุปนนฺทสฺส จตุตฺถํ โหติ, ตสฺมา ภิกฺขุนิวคฺคสฺส ทสมฏฺกถายํ อุปริ อุปนนฺทสฺส ‘‘ตติยสิกฺขาปเทนา’’ติ น ปาโ, ‘‘จตุตฺเถนา’’ติ ปาโติ เวทิตพฺโพ.

รโหปฏิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๘๙. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๖. จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

๒๙๔. สภตฺโตติ นิมนฺตนภตฺโตติ โปราณา.

ปุเรภตฺตฺจ ปิณฺฑาย, จริตฺวา ยทิ ภุฺชติ;

สิยา ปรมฺปราปตฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ น สา สิยา.

ปจฺฉาภตฺตฺจ คมิโก, ปุพฺพเคหํ ยทิ คจฺเฉ;

เอเก อาปตฺติเยวาติ, อนาปตฺตีติ เอกจฺเจ.

กุลนฺตรสฺโสกฺกมเน, อาปตฺติมตโย หิ เต;

สมานภตฺตปจฺจาสา, อิติ อาหุ อิธาปเร.

มตา คณิกภตฺเตน, สเมนฺติ นํ นิมนฺตเน;

วิสฺสชฺชนํ สมานนฺติ, เอเก สมฺมุขตาปเร.

สนฺนิฏฺานตฺถิเกเหว, วิจาเรตพฺพเภทโต;

วิฺู จาริตฺตมิจฺเจว, สิกฺขาปทมิทํ วิทูติ.

จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๑๐. กาลนฺติ โส. ยสฺมา สงฺฆปวารณายเมวายํ วิธิ, ตสฺมา ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อิมินา หิ ตยา ปวาริตมฺห, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ อตฺโถ’’ติ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตฺวา วิฺาเปตุํ คิลาโนว ลภติ. ยํ ปน วุตฺตํ ปณีตโภชนสิกฺขาปเท ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ, ตํ สงฺฆวเสน ปวาริตํ, เภสชฺชตฺถาย สปฺปิอาทิเภสชฺชปฺจกํ วิฺาเปติ เจ, ‘‘น เภสชฺเชน กรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปตี’ติ วจเนน ปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ’’ติ (ปาจิ. ๓๐๙) ลิขิตํ.

มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๑๑-๕. มํ ทิฏฺเนาติ มยา ทิฏฺเน, มม ทสฺสเนน วา. เอกมฺปิ สรหตฺถํ ปุริสนฺติ องฺคปริยาปนฺนํ.

อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๑๙. นวเม เสนาปริกฺเขเปน วา ปริกฺเขปารหฏฺาเนน วา สฺจรณฏฺานปริยนฺเตน วา ปริจฺฉินฺทิตพฺพา.

เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๒๔. ทสเม เอกเมกํ ทสฺสนาย คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ยตฺถ ิโต ปสฺสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติอาทิ. อฏฺเม ปน เอกเมกํ ทสฺสนาย คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ยตฺถ ิโต ปสฺสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ ปาฬิ. กสฺมา? องฺคปฺปมาณาเภเทปิ อนีกวิเสสโต. ทสเม ปน อฏฺมงฺคสฺส ทสฺสเนน ทุกฺกฏํ สิยาติ.

อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน อเจลกวคฺโค ปฺจโม.

๖. สุราปานวคฺโค

๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา

อายสฺมโต ยํ มุนิ สาคตสฺส,

มหิทฺธิกตฺตสฺส นิทสฺสเนน;

ปานสฺส โทโส ตสฺส ทสฺสนตฺถํ,

ปุพฺเพว โส ภทฺทวตึ ปยาโต.

ตสฺมา ปสฺสํ นาคมโปถยิตฺวา,

วินิสฺสฏํ สาคตํ อิทฺธิยา จ;

นโต สุราปานนิเสธนตฺถํ,

โกสมฺพิเมวชฺฌคมาติ เยฺยํ.

๓๒๖-๘. ปสุปาลกาติ อชปาลกา. เยน มชฺชติ, ตสฺส พีชโต ปฏฺาย. เกจิ ‘‘สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวาติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตตฺตา วตฺถุํ ชานิตฺวา ปิวโต อกุสล’’นฺติ วทนฺติ. เอวํ สติ ‘‘อกุสเลเนว ปาตพฺพตายาติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สจิตฺตกปกฺขเมว สนฺธายา’’ติ วทนฺติ. เอวํ สติ ‘‘กุสลากุสลาพฺยากตจิตฺตนฺติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ตมฺปิ ‘‘ตพฺพหุลนเยน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. กงฺขาวิตรณิยมฺปิ อวิเสเสตฺวา ‘‘อกุสลจิตฺต’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตํ อกุสเลเนว ปิวตี’’ติ วทนฺตีติ.

สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๓๐. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๓๖. ตติเย กถํ ติเวทนํ? หสาธิปฺปาเยเนว ‘‘ปรสฺส ทุกฺขํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ อุทกํ ขิปนฺตสฺส ทุกฺขเวทนํ. เสสํ อุตฺตานํ.

อิทํ สฺาวิโมกฺขฺเจ, ติกปาจิตฺติยํ กถํ;

กีฬิตํว อกีฬาติ, มิจฺฉาคาเหน ตํ สิยา.

เอตฺตาวตา กถํ กีฬา, อิติ กีฬายํ เอวายํ;

อกีฬาสฺี โหเตตฺถ, วินยตฺถํ สมาทเย.

เอกนฺตากุสโล ยสฺมา, กีฬายาภิรตมโน;

ตสฺมา อกุสลํ จิตฺตํ, เอกเมเวตฺถ ลพฺภตีติ.

หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๔๔. ‘‘โลกวชฺชํ อติกฺกมิตฺวา ‘อิทํ อมฺหากํ อาจริยุคฺคโห’ติ วทนฺตสฺส น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. ยํ สํกิลิฏฺเเนว จิตฺเตน อาปชฺชติ, ยํ วา อริยปุคฺคโล อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อชฺฌาจรติ, อิทํ โลกวชฺชนฺติ สพฺพตฺถิกวาทีอาทีนิ อาจริยกุลานิ. ตตฺถ ทุติยตติยวิกปฺโป อิธ น อธิปฺเปโต เสขิยานํ โลกวชฺชตฺตา.

คารยฺโห อาจริยุคฺคโหติ เอตฺถ ‘‘ยสฺมา อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก, ตสฺส กสโฏ ยาวชีวิโก, ทฺวินฺนํเยว สมวาโย อุจฺฉุยฏฺิ, ตสฺมา วิกาเล อุจฺฉุยฏฺึ ขาทิตุํ วฏฺฏติ คุฬหรีฏกํ วิยา’ติ เอวมาทิโก สมฺปติ นิพฺพตฺโต คารยฺหาจริยวาโท น คเหตพฺโพ’’ติ จ, ปณฺณตฺติวชฺเช ปน วฏฺฏตีติ ‘‘น ปตฺตหตฺเถน กวาโฏ ปณาเมตพฺโพ’ติ อิมสฺส ‘เยน หตฺเถน ปตฺโต คหิโต, เตน หตฺเถน น ปณาเมตพฺโพ, อิตเรน ปณาเมตพฺโพ’ติ อตฺถํ คเหตฺวา ตถา อาจรนฺโต น อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ. ‘ตถา พุทฺธโพธิเจติยานํ ปุปฺผํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ ตถา อาจรนฺโต’’ติ จ. ตถา อาจรติ อภยคิริวาสิโก. มหาวิหารวาสิโน เจ เอวํ วทนฺติ, ‘‘มา เอวํ วทา’’ติ อปสาเทตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ อุคฺคหิตกานํเยวา’’ติอาทิ. ‘‘อิทํ สพฺพํ อุปติสฺสตฺเถโร อาหา’’ติ จ วุตฺตํ. ‘‘สุตฺตานุโลมํ อฏฺกถา’’ติ ลิขิตํ.

อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๔๕. ภึสาปนสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๕๔. ‘‘วิสิพฺพนาเปกฺโข’’ติ วจนโต ยสฺส อเปกฺขา นตฺถิ, ตสฺส อนาปตฺติ.

โชติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๖๔. นหานสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๖๘. อลภีติ ลโภ. ยถา ‘‘ปจตีติ ปโจ, ปถตีติ ปโถ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ลภตีติ ลโภ’’ติ กสฺมา น วุตฺตํ? ปรินิฏฺิตลาภสฺเสว อิธาธิปฺเปตตฺตา. มคฺเคติ สิพฺพินิมคฺเค. กปฺปกเตน สทฺธึ อกปฺปกตํ สิพฺเพติ. ยาวตา อธิฏฺานํ น วิชหติ, ตาวตา ปุพฺพํ กปฺปเมว. กปฺปํ น วิชหติ เจ, ปุน กปฺปํ ทาตพฺพนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก.

ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๗๔. ปริโภโค เอตฺถ กายกมฺมํ. อปจฺจุทฺธารณํ วจีกมฺมํ.

วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. จีวราปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๗๙. ทสเม ยสฺมา นิสีทนสนฺถตํ จีวรนิสีทนมฺปีติ อุภยมฺปิ สทสเมว, ตสฺมา ตํ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ อาห. ตตฺถาปิ จีวรคฺคหเณน จีวรนิสีทนํ คหิตเมวาติ อตฺถโต สนฺถตนิสีทนเมว วุตฺตํ โหติ. ยทิ เอวํ ‘‘นิสีทนสนฺถตํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? น, อิตรสฺส อนิสีทนอทสภาวปฺปสงฺคโต. เอตฺถ นิสีทนสนฺถตสฺส ปาจิตฺติยวตฺถุตฺตา อิตรมฺปิ ปาจิตฺติยวตฺถุเมวาติ เวทิตพฺพํ ตชฺชาติกตฺตา. สสฺสามิเก สูจิฆเร สูจิคณนาย อาปตฺติโยติ โปราณา.

จีวราปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน สุราปานวคฺโค ฉฏฺโ.

๗. สปฺปาณกวคฺโค

๑. สฺจิจฺจปาณสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๘๒. สฺจิจฺจปาณสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๘๗. ‘‘ปาโณ อตฺถี’’ติ ชานนฺโตปิ ‘‘มริสฺสนฺตี’’ติ อวิจาเรตฺวา ปิวติเจ, อนาปตฺติ.

ชเล ปกฺขิปนํ ปุปฺผํ, ชลปฺปเวสนํ อิทํ;

เอวํ อุภินฺนํ นานตฺตํ, เยฺยํ าณวตา สทาติ.

สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๙๒. ตติเย ทฺวาทส อุกฺโกฏา เวทิตพฺพา. ตตฺถ อกตํ กมฺมํ, ทุกฺกฏํ กมฺมํ, ปุน กาตพฺพํ กมฺมนฺติ อนุวาทาธิกรเณ ลพฺภนฺติ. อนิหฏํ, ทุนฺนิหฏํ, น ปุน หริตพฺพนฺติ วิวาทาธิกรเณ ลพฺภนฺติ, อวินิจฺฉิตํ, ทุวินิจฺฉิตํ, ปุน วินิจฺฉิตพฺพนฺติ อาปตฺตาธิกรเณ ลพฺภนฺติ. อวูปสนฺตํ, ทุวูปสนฺตํ, ปุน วูปสเมตพฺพนฺติ กิจฺจาธิกรเณ ลพฺภนฺตีติ อฏฺกถานโย, ปาฬิยํ ปเนตฺถ มุขมตฺตเมว ทสฺสิตํ.

อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๙๙. ‘‘ปาราชิกานีติ อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺสิตานี’’ติ กถํ วิฺายตีติ เจ? ปริวารปาฬิโต. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อาปตฺตาธิกรณปจฺจยา กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ. อาปตฺตาธิกรณปจฺจยา จตสฺโส อาปตฺติโย อาปชฺชติ. ภิกฺขุนี ชานํ ปาราชิกํ ธมฺมํ ปฏิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. เวมติกา ปฏิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ ปฏิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส. อาจารวิปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๙๐). ปาราชิกํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต ภิกฺขุ อนาปตฺติ, โน อาปตฺตึ อาปชฺชติ อวุตฺตตฺตาติ เจ? น, สํกิลิฏฺเน จิตฺเตน ปฏิจฺฉาทเน วินา อาปตฺติยา อสมฺภวโต. ทุกฺกฏวาเร วตฺตพฺพาปิ ปาราชิกาปตฺติโย ปมํ อตฺถุทฺธารวเสน สงฺฆาทิเสเสหิ สห วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปุน วตฺตุนฺติ น วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.

ยาว โกฏิ น ฉิชฺชตีติ เจตฺถ โย อนฺตมโส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ อฺสฺส อาโรเจตุ วา, มา วา, ปฏิจฺฉาทนจิตฺเตเนว อาปตฺตึ อาปนฺโน. ตสฺส ปุน อฺสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ อนาโรจเนเนว น โกฏิ ฉินฺนา โหติ, กึ ปุน ปฏินิวตฺติตฺวา วจเนน ปโยชนนฺติ น อนฺติมสฺส อนาโรจเนน ฉินฺนา โหติ, อปฺปฏิจฺฉาทเนน เอว ฉินฺนา โหติ, ตโต อปฺปฏิจฺฉาทนตฺถํ อปุพฺพสฺส อาโรเจตพฺพํ, ตโต ปฏฺาย โกฏิ ฉินฺนา โหติ, ตทภาโว ปฏินิวตฺติตฺวา อปฺปฏิจฺฉาทนตฺถํ อาโรเจตพฺพํ, เอวมฺปิ โกฏิ ฉินฺนา โหตีติ เอวํ โน ปฏิภาตีติ อาจริโย. ตติเยน ทุติยสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ทุติโย นาม ปโม’’ติ วทนฺตานํ ‘‘วตฺถุ ปุคฺคโล น วตฺตพฺโพ’’ติ วาริตตฺตา น สุนฺทรํ. อฺสฺส จตุตฺถสฺส อาโรจเนปิ น สุนฺทรํ. กสฺมา? ปุพฺเพว สุตฺวา อฺสฺส อนาโรจิตตฺตา. ‘‘สุเตน อฺสฺส อาโรเจตพฺพํ สิยา’’ติ วทนฺติ.

ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๐๔. ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต พหุธา. หายนวฑฺฒนนฺติ มาตุกุจฺฉิสฺมึ เจ ทฺวาทสนฺนํ มาสานํ อูนตาย หายนํ กตํ. ปสูตสฺส วฑฺฒนํ กาตพฺพํ. มาตุกุจฺฉิสฺมึ เจ วฑฺฒนํ กตํ. ปสูตสฺส หายนํ กาตพฺพํ. นิกฺขมนียปุณฺณมาสี นาม สาวณมาสสฺส ปุณฺณมาสี. ‘‘ปาฏิปททิวเสติ ทุติเย อุปคจฺฉติ ทิวเส’’ติ ลิขิตํ. โส หิ ปสูตทิวสโต ปฏฺาย ปริปุณฺณวีสติวสฺโส โหติ. อวเสสานํ ทฺวินฺนํ วสฺสานํ อธิกทิวสานิ โหนฺเตว, ตสฺมา นิกฺกงฺขา หุตฺวา อุปสมฺปาเทนฺติ. ตํ สนฺธายาติ คพฺภวสฺสฺจ ปวาเรตฺวา ลทฺธวสฺสฺจ อคเณตฺวา ชาตทิวสโต ปฏฺาย คเณตฺวา เอกูนวีสติวสฺสํ. เอกูนวีสติวสฺโสติ ‘‘คพฺภวสฺสํ เอว ปหายา’’ติ ลิขิตํ, ตํ ทุลฺลิขิตํ.

๔๐๖. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทติ. ‘‘โอปปาติกสฺส โสฬสวสฺสุทฺเทสิกภาวโต ปุน จตฺตาโร วสฺเส อติกฺกมิตฺวา อุปสมฺปทา กาตพฺพา’’ติ อาจริยา วทนฺตีติ เกจิ.

อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๐๙. เถยฺยสตฺโถ เจ สุทฺธมาตุคาโม ทฺเว อาปตฺติโย. อถ ภิกฺขุนิโย, สมโย รกฺขติ. เถยฺยสตฺถภาวสฺส านํ กตฺวา รกฺขณียตฺตา สหธมฺมิกานํ รกฺขติเยวาติ เอเก. เถยฺยภาเว น สหธมฺมิกตา, ตสฺมา น รกฺขติ เอวาติ เอเก. อปาราชิกเถยฺยภาเว สติ สหธมฺมิกภาโวติ เจ? อิตรสฺมึ อิตรนฺติ สมโย อนิสฺสโฏ อาปชฺชติ. ภิกฺขุ เถยฺยสตฺโถ เจ, ยถาวตฺถุกเมว. เถยฺยสตฺเถ เถยฺยสตฺถสฺี สทฺธึ สํวิธายาติ จ. ‘‘สทฺธิ’’นฺติ ปทํ เกสุจิ นตฺถิ, ตํ อนนุรูปํ. ตถา ทุติเยปิ.

เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๑๒. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรา อิตฺถี’’ติ จ ปาโ อตฺถิ, เกสุจิ นตฺถิ. นตฺถิภาโว สุนฺทโร ‘‘เตน โข สมเยนา’’ติ อธิการตฺตาติ เกจิ. อิธ เอกโตอุปสมฺปนฺนา, สิกฺขมานา, สามเณรีติ อิมาปิ ติสฺโส สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อิมาสํ ปน สมโย รกฺขติ, อยมิมาสํ, มาตุคามสฺส จ วิเสโส.

๔๑๔. อปิเจตฺถ ‘‘วิฺู ปฏิพลา’’ติ วจนโต อปฺปฏิพลา อนาปตฺติวตฺถุกาติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ทุกฺกฏวตฺถุกตฺตา. ‘‘ภิกฺขุ สํวิทหติ, มาตุคาโม น สํวิทหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ. ตถา หิ อุปปริกฺขิตพฺพํ.

สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๑๗. คหฏฺสฺสาปิ ภิกฺขุนีทูสกกมฺมํ โมกฺขนฺตรายิกเมว, ตสฺมา ตสฺส ปพฺพชฺชาปิ ปฏิกฺขิตฺตา. วิปากนฺตรายิกา อเหตุกตฺตา. ปุพฺเพ สฺจิจฺจ อาปนฺนา สมฺมุฏฺา สุทฺธสฺิโน อนฺตรายิกา เอว. เสสาติ ชาติกา. รเสนาติ ภาเวน. อธิกุฏฺฏนฏฺเนาติ อธิกรณํ กตฺวา กุฏฺฏนฏฺเน ฉินฺทนฏฺเน. อสิสูนูปมา กุสลธมฺมจฺเฉทนฏฺเน. สตฺติสูลูปมา จิตฺตวิตุทนฏฺเนาติ โปราณา. อนาปตฺติปาฬิยํ ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ มุขารุฬฺหวเสน ลิขิตํ.

อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๒๕. ‘‘ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสฏฺเนาติ อิมินา ลทฺธินานาสํวาสกตํ ทีเปตี’’ติ วุตฺตํ. ติจิตฺตนฺติ เอตฺถ วิปากาพฺยากตจิตฺเตน สหวาเสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺถา สจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส กิริยาพฺยากตํ สนฺธาย น ยุชฺชติ.

อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๒๘. ยตฺถ เต น ปสฺสามาติ เตติ ตํ. อถ วา ตว รูปาทึ น ปสฺสาม. อยํ สมณุทฺเทโส ปาราชิโก โหติ. ‘‘สเจ ตํ ทิฏฺึ ปฏินิสฺสชฺชติ, สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา สงฺฆานุมติยา ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ, ทณฺฑกมฺมนาสนา หิ อิธาธิปฺเปตา. ยทิ โส ปาราชิโก, ลิงฺคนาสนา นาม สิยา. เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายาติ จ ทิฏฺิ สตฺถริ อสตฺถาทิทิฏฺิ น โหติ. สเจ สา ยสฺส อุปฺปชฺชติ, โส ปาราชิโก โหติ, ตสฺมิมฺปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพํ สํวเร อติฏฺนฺโต ลิงฺคนาสนาเยว นาเสตพฺโพติ อาจริยสฺส ตกฺโก.

กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน สปฺปาณกวคฺโค สตฺตโม.

๘. สหธมฺมิกวคฺโค

๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๓๔. สหธมฺมิกสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๓๘. อาปตฺติฺจ สติสมฺโมสายาติ เอตฺถ จ-สทฺโท กตฺตพฺพฺจ น กโรตีติ ทีเปติ, น จตฺตาริ เอวาติ วุตฺตํ โหติ. รฏฺเกเทโส ชนปโท. พุทฺธกาเล อริฏฺกณฺฏกา สาสนปจฺจตฺถิกา. ‘‘นาลํ อนฺตรายายา’’ติ วจเนน หิ เต ภควโต อสพฺพฺุตํ ทีเปนฺติ. ปรินิพฺพุเต ภควติ ทสวตฺถุทีปกา วชฺชิปุตฺตกา. เต หิ วินยสาสนปจฺจตฺถิกา. ปรูปหาราทิวาทา ปน สุตฺตนฺตาภิธมฺมปฺปจฺจตฺถิกา. เก ปน เต? เอกจฺเจ มหาสงฺฆิกาทโย, น สพฺเพติ ทีปนตฺถํ ‘‘ปรูปหารา…เป… วาทา’’ติ วิเสสนวจนมาห. ตตฺถ เย กุหกา ปาปิจฺฉกา อภูตํ อุลฺลปิตฺวา ปฏิลทฺธวรโภชนานิ ภุฺชิตฺวา มุฏฺสฺสตี นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา สุกฺกวิสฺสฏฺึ ปตฺตา, อฺเหิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ อรหโต สุกฺกวิสฺสฏฺี’’ติ วุตฺเต ‘‘มารกายิกา อุปสํหรนฺตี’’ติ วตฺวา ชนํ วฺเจนฺติ. เย จ สมฺมาปฏิปนฺนา อกุหกา, เตปิ ตํ วจนํ สุตฺวา เกจิ ตํทิฏฺิกา โหนฺติ อธิมานิโน จ. อตฺตโน สุกฺกวิสฺสฏฺึ ปสฺสิตฺวาปิ นาธิมุจฺจนฺติ, อนธิคเต อธิกตสฺิโนว โหนฺติ. ตถา อตฺถิ อรหโต อฺาณกงฺขาวิตรณา นามโคตฺตาทีสุ วิย สจฺเจสุ ปรวิตรณา ปเรหิ ปฺตฺตา นามานีติ อธิปฺปาโย ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ วินยธโร ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อรหโต อสุจิ มุจฺเจยฺย (กถา. ๓๑๓; มหาว. ๓๕๓). ทิฏฺธมฺมา…เป… อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน’’ติอาทีนิ (มหาว. ๓๐) สุตฺตปทานิ ทสฺเสตฺวา เต สาสนปจฺจตฺถิเกสุ นิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาตีติ อธิปฺปาโย. อิตเร ‘‘ปริยตฺติ มูล’’นฺติ วาทิโน. ‘‘ปาติโมกฺเข อุทฺทิสฺสมาเน’’ติ นิทานวเสน วุตฺตํ. ตถาคตสฺส วิภงฺคปทานิ สิทฺธานิ. สิทฺเธเยว กึ อิมสฺส องฺคานิ? ครหิตุกามตา อุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทวิวณฺณนฺจาติ.

วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๔๔. โมหนสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๕๒. รตฺตจิตฺโตติ กายสํสคฺคราเคน. วิเหเตุกามํ ปน ทิสฺวา ‘‘สเจ อหํ อิมํ มาเรมิ, นตฺถิ เม โมกฺโข’’ติ จินฺเตตฺวา กุปิโต สตฺตสฺํ ปุเรกฺขตฺวา ปหารํ เทติ, ตสฺส ยถาวตฺถุกเมว.

ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๕๖. ‘‘กายํ วา กายปฏิพทฺธํ วา’’ติ (ปาจิ. ๔๕๖) วจนโต กายาทีสุ ยํ อุจฺจาเรติ, ตํ ตลํ นาม. ตลเมว ตลสตฺติกํ. โปถนสมตฺถฏฺเน สตฺติกนฺติ เอเก. ตํ ‘‘อุปฺปลปตฺตมฺปี’’ติ อิมินา นิยเมติ. เอวํ กุปิตา หิ โกปวเสน โปถนาสมตฺถตํ อวิจาเรตฺวา ยํ กิฺจิ หตฺถคตํ ปฏิกฺขิปนฺติ, สุขสมฺผสฺสมฺปิ โหตุ, ปาจิตฺติยเมว. ยสฺมา ปหริตุกามตาย ปหเฏ ปุริเมน ปาจิตฺติยํ. เกวลํ อุจฺจาเรตุกามตาย อุคฺคิรณมตฺเต กเต อิมินา ปาจิตฺติยํ. อิมินา ปน วิรชฺฌิตฺวา ปหาโร ทินฺโน, ตสฺมา น ปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฏํ. กิมิทํ ทุกฺกฏํ ปหารปจฺจยา, อุทาหุ อุคฺคิรณปจฺจยาติ? ปหารปจฺจยา เอว ทุกฺกฏํ. ปุริมํ อุคฺคิรณปจฺจยา ปาจิตฺติยนฺติ สทุกฺกฏํ ปาจิตฺติยํ ยุชฺชติ. ปุริมฺหิ อุคฺคิรณํ, ปจฺฉา ปหาโร. น จ ปจฺฉิมปหารํ นิสฺสาย ปุริมํ อุคฺคิรณํ อนาปตฺติวตฺถุกํ ภวิตุมรหตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ‘‘เตน ปหาเรน หตฺถาทีสุ ยํ กิฺจิ ภิชฺชติ, ทุกฺกฏเมวา’’ติ อิมินาปิ ปหารปจฺจยา ทุกฺกฏํ. อุคฺคิรณํ ยถาวตฺถุกเมวาติ สิทฺธํ, สุฏฺุ วีมํสิตพฺพํ. ‘‘ติรจฺฉานาทีนํ อสุจิกรณาทีนิ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวาปิ อุคฺคิรนฺตสฺส โมกฺขาธิปฺปาโย เอวา’’ติ วทนฺติ.

ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๖๒. อุปสมฺปนฺเน อนุปสมฺปนฺนสฺี อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสนาติ สุกฺกวิสฺสฏฺิกายสํสคฺคาทินา สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วตฺถุนาติ เวทิตพฺพํ. น หิ อนุปสมฺปนฺนสฺส สงฺฆาทิเสสาปตฺติ นาม อตฺถิ.

อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๖๘. อูนวีสติวสฺโส มฺเติ เอตฺถ สยํ สฺาย ตถา อมฺนฺโต กุกฺกุจฺจุปฺปาทนตฺถํ ‘‘มฺเ’’ติ วทนฺโต กึ มุสาวาเทน กาเรตพฺโพติ? น สิยา องฺคสมฺปตฺติยา, น จ เกวลํ ‘‘มฺเ’’ติ อิมินา นิยมโต องฺคสมฺปตฺติ โหติ. ปรมตฺถวิหิตํ กตฺถจิ โหติ. ‘‘อุทกํ มฺเ อาทิตฺต’’นฺติอาทิมฺหิ ปโร กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตุ วา, มา วา, ตํ อปฺปมาณนฺติ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘กุกฺกุจฺจุปฺปาทน’’นฺติ ตสฺส อธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ.

สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๗๓. อิเมสํ สุตฺวาติ เอตฺถ ‘‘วจน’’นฺติ ปาเสโส. เอกปริจฺเฉทานีติ สิยา กิริยา สิยา อกิริยาติ อิมินา นเยน เอกปริจฺเฉทานิ. เอตฺถ กิฺจาปิ อฺวาทกปจฺจยาปตฺติ กิริยา จ วิเหสกปจฺจยาปตฺติ อกิริยา จ, ตทุภยํ ปน เอกสิกฺขาปทนฺติ กตฺวา ตํ อฺวาทกสงฺขาตํ สิกฺขาปทํ สิยา กิริยา ปมสฺส วเสน, สิยา อกิริยา ทุติยสฺส วเสนาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กมฺมปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๗๔. ‘‘ธมฺมิกานํ กมฺมาน’’นฺติ (ปาจิ. ๔๗๕) วจนโต เอกจฺเจ ภิกฺขู ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ ฉนฺทํ เทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตเมว, น ปฏิปตฺติ. อธมฺมํ นิสฺสาย ขิยฺยติ, ตํ วา อุกฺโกเฏติ, อนาปตฺติ เนว โหตีติ? น, ตถา ฉนฺททานกาเล อกตฺวา ปจฺฉา อธมฺมกมฺมขิยฺยนาทิปจฺจยา อนาปตฺติวาเร วุตฺตตฺตา. อธมฺเมน วา วคฺเคน วา น กมฺมารหสฺส วา กมฺมกรณปจฺจยา อาปตฺติโมกฺขกรณโต อวิเสสเมว ตถาวจนนฺติ เจ? น, ฉนฺททานกาเล อธมฺมกมฺมกรณานุมติยา อภาวโต, การกสฺเสว วชฺชปฺปสงฺคโต จ. คณสฺส ทุกฺกฏนฺติ เจ? ปาริสุทฺธิฉนฺททายกาว เต, น คโณ อกมฺมปฺปตฺตตฺตา, ปริวาเรปิ (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) กมฺมวคฺเค กมฺมปฺปตฺตฉนฺททายกา วิสุํ วุตฺตา. ตถาปิ อธมฺมกมฺมสฺส ฉนฺโท น ทาตพฺโพ เทนฺเต อกปฺปิยานุมติทุกฺกฏโต. ตตฺถ หิ โยชนทุกฺกฏโต น มุจฺจนฺตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.

กมฺมปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๘๑. สนฺนิปาตํ อนาคนฺตฺวา เจ ฉนฺทํ น เทติ, อนาปตฺตีติ เอเก. ทุกฺกฏนฺติ เอเก ธมฺมกมฺมนฺตรายกรณาธิปฺปายตฺตา. สงฺฆมชฺเฌ ฉนฺทํ ทาตุํ ลภตีติ เกจิ. ทินฺนฉนฺเท สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา ปุน คเตปิ ฉนฺโท น ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺยาติ เจ? ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. กสฺมา? ‘‘อหตฺถปาโส ฉนฺทารโห’’ติอาทีหิ วิรุชฺฌนโต. ปาฬิยํ ปน ทาตุกามตาย หตฺถปาสํ อติกฺกมนฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เกจิ.

ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๘๔-๕. อทาสีติ อปโลเกตฺวา อทาสิ. ภิกฺขูติ เอตฺถ เต ฉพฺพคฺคิยา อตฺตานํ ปริวชฺชยิตฺวา ‘‘สงฺโฆ’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาหํสุ. ปริณาเมนฺตีติ เนนฺติ. ตตฺถ ลาโภติ ปทุทฺธารกรณํ อิธ อนธิปฺเปตสฺสปิ ยสฺส กสฺสจิ อตฺถุทฺธารวเสน ลาภทีปนตฺถํ. จีวรเมว หิ อิธาธิปฺเปตํ, เตเนว ‘‘อฺํ ปริกฺขารํ ทินฺนํ ขียติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ทินฺนนฺติ จ ปริกฺขารนฺติ จ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ.

ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๙๑. าตกมฺปิ ปรสฺส ทาตุกามํ อฺสฺส ทาเปติ, อาปตฺติ เอว. สพฺพตฺถ อาปุจฺฉิตฺวา ทาตุกามํ ยถาสุขํ วิจาเรตุํ ลภติ.

ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน สหธมฺมิกวคฺโค อฏฺโม.

๙. รตนวคฺโค

๑. อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา

๔๙๔-๗. ยถา ภควนฺตํ ปยิรุปาสติ, เอวมากาเรน นารหตายํ ปุริโส ปาโป โหตุํ, น โหติ ปาโปติ อตฺโถ, การณตฺถํ วา. นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยโตติ วา อตฺโถ. หตฺถิสมฺมทฺทนฺติ สงฺฆาฏสมฺมทฺโท, อกฺกมนํ จุณฺณตาติ อตฺโถ.

๔๙๘. รตนํ นาม อคฺคมเหสี, ตถาปิ อิธ อฺาปิ เทวิโคตฺตา น รกฺขติ, อนาปตฺติวาเร ‘‘น มเหสี โหตี’’ติ วจนาภาวโต. สเจ ขตฺติโยว โหติ, นาภิสิตฺโต. อภิสิตฺโตเยว โหติ, น ขตฺติโย รกฺขตีติ อาจริโย. อนาปตฺติวาเร มาติกาฏฺกถายํ องฺคภาเวน จ วุตฺตตฺตา อภิสิตฺตภาโววปมาณํ. เสสํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโทติ เอเก.

๕๐๐-๕๐๑. ‘‘น สยนิฆเร สยนิฆรสฺี’’ติ ติกจฺเฉโทปิ เอตฺถ ลพฺภติ. น สยนิฆรํ นาม อปริกฺขิตฺตรุกฺขมูลาทิ.

อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๐๔. ‘‘อธิวาเสนฺตุ คหปติโน ภตฺต’’นฺติ จ ‘‘เม คหปติโน’’ติ จ อตฺถิ.

๕๐๖. กุรุนฺทิวจเนน ฆเรปิ ยทิ ภิกฺขู อาสงฺกนฺติ, ตตฺถ ตฺวา อาจิกฺขิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปติรูปาติ ‘‘รตนสมฺมเต ปํสุกูลคฺคหณํ วา รตเน นิรุสฺสุกฺกคมนํ วา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ตาวกาลิกวเสนปิ อนามาสํ ปฏิคฺคณฺหิตุํ น ลภตี’’ติ วทนฺติ. สมาทเปตฺวาติ ยาจิตฺวา ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) วุตฺตนเยน.

รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๑๑-๒. อหินา ฑฏฺวตฺถุมฺหิ โส ภิกฺขุ สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา คโต, ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อุทปาทิ. อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยนาติ คาโม คามูปจาโรติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ.

วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๑๗. นฺติ เภทนกํ. อสฺสาติ ปาจิตฺติยสฺส ปมํ เภทนกํ กตฺวา ปจฺฉา เทเสตพฺพตฺตา. เอส นโย อิตเรสุปิ.

๕๒๐. วาสิชเฏติ วาสิทณฺฑเก.

สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มฺจสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๒๑-๒. ‘‘อุจฺเจ มฺเจ’’ติ จ ‘‘อุจฺจา มฺเจ’’ติ จ กตฺถจิ. อายโตติ วิตฺถโต. อฏฺงฺคุลปาทกนฺติ ภาวนปุํสกํ, อฏฺงฺคุลปฺปมาณํ ปาทกํ วา.

มฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๒๘. โปฏกิตูลนฺติ ยํ กิฺจิ ติณตูลํ. ปฏิลาเภน อุทฺทาเลตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ปฏิลาภมตฺเตเนว ปาจิตฺติยนฺติ วิย ทิสฺสติ, ปริโภเคเยว ปน อาปตฺติ ทฏฺพฺพา, ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภุฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนํ เอตฺถ สาธกํ.

ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๓๑. กิฺจาปิ นิสีทนสฺส ชาติ น ทิสฺสติ เอตฺถ, ตถาปิ จีวรกฺขนฺธเก อนุฺาตตฺตา, ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานี’’ติ เอตฺถ จ ปริยาปนฺนตฺตา จีวรชาติเยวสฺส ชาตีติ เวทิตพฺพา. ‘‘สนฺถตสทิสํ สนฺถริตฺวาติ สทส’’นฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนิสีทนสนฺถตตฺตา อุปเมติ. ลาเภ สทสํ, อลาเภ อทสมฺปิ วฏฺฏตีติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ. ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ ตสฺส สณฺานนิยมนโต.

นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. กณฺฑุปฏิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๓๙. ยทิ กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ นาม อโธนาภิ อุพฺภชาณุมณฺฑลา อุปฺปนฺนกณฺฑุปีฬกาทิปฏิจฺฉาทิกา อธิปฺเปตา, ตสฺส สุคตสฺส สุคตวิทตฺถิยา ทีฆโส จตสฺโส วิทตฺถิโย ติริยํ ทฺเวติ อิทมฺปิ อติมหนฺตํ ปมาณํ ทิสฺสติ. สพฺโพ หิ ปุริโส อตฺตโน อตฺตโน วิทตฺถิยา สตฺตวิทตฺถิโก โหติ, สุคตสฺส จ เอกาวิทตฺถิ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ติสฺโส วิทตฺถิโย โหนฺติ, ตสฺมา กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ ปกติปุริสสฺส ปมาณํ อาปชฺชติ ติริยํ, ทีฆโส ปน ทิคุณํ อาปชฺชตีติ. อาปชฺชตุ, อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท ตสฺสา, เจ อิจฺฉติ, สพฺพมฺปิ สรีรํ ปฏิจฺฉาเทสฺสติ, สพฺพสรีรคตสงฺฆาฏิ วิย พหุคุณํ กตฺวา นิวาเสตุกาโม นิวาเสสฺสตีติ อยํ ภควโต อธิปฺปาโย สิยา.

กณฺฑุปฏิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๔๒. วสฺสิกสาฏิกาปิ อุกฺกฏฺปฏิจฺเฉทวเสน อนุฺาตา. วสฺสกาเล เกจิ สงฺฆาฏิปริโภเคเนว ปริภุฺชิสฺสนฺตีติ อยํ ภควโต อธิปฺปาโย สิยา. กิฺจาปิ อิมินา ตกฺเกน อนุฺาตา, ‘‘อปฺปมาณิกาโย กณฺฑุปฏิจฺฉาทิโย ธาเรนฺติ, วสฺสิกสาฏิกาโย ธาเรนฺตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา ปน อฺถา ปุณฺณปริจฺเฉทโต อธิกปฺปมาณาโย เต ภิกฺขู ธาเรสุนฺติ กตฺวา เอตปรมตา ตาสํ อนุฺาตาติ เวทิตพฺพา. เอเสว นโย ทสเมปิ.

วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นนฺทตฺเถรสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๕๑. ตตฺถ ภิสึ วา พิพฺโพหนํ วา กโรตีติ ทีฆโส พหูนํ ภิกฺขูนํ สาธารณตฺถํ กโรตีติ ยุชฺชติ.

นนฺทตฺเถรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมตฺโต วณฺณนากฺกเมน รตนวคฺโค นวโม.

ปาจิตฺติยกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปาฏิเทสนียกณฺโฑ

๑. ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๕๓-๕. ‘‘ปฏิเทเสตพฺพาการทสฺสน’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปาฬิยํ อาคตวเสเนว อาปตฺติ เทเสตพฺพา, น อฺถา. ‘‘อนฺตรฆเร อนฺตรฆรสฺี’’ติอาทินา จ ‘‘ขาทนียโภชนีเย อขาทนียอโภชนียสฺี’’ติอาทินา จ ‘‘ภิกฺขุนิยา อภิกฺขุนิสฺี’’ติอาทินา จ นเยน อปเรปิ ตโย ติกจฺเฉทา โยเชตฺวา ทสฺเสตพฺพา.

ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา

๕๕๙. ‘‘นิมนฺติตา ภุฺชนฺตีติ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติตา ภุฺชนฺตี’’ติ กิฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข อกปฺปิยนิมนฺตเนน นิมนฺติตตา เอตฺถ น องฺคํ, มาติกาฏฺกถายํ วา อิธ วา อนาปตฺติวาเร เลสาภาวโต, ตสฺมา ‘‘นิมนฺติตา’’ติ ปทสฺส อตฺโถ ปุพฺเพ อาจิณฺณวเสเนว วุตฺโต. อปเรปิ ตโย ติกจฺเฉทา โยเชตฺวา ทสฺเสตพฺพา ปทภาชเน วุตฺตตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ยถา ตถา หิ ภุฺชนฺตานํ ตาทิสํ ภิกฺขุนึ อวาเรนฺตานํ ปาฏิเทสนียเมว. ‘‘เอสา โวสาสติ นาม, โวสาสนฺตี’’ติ จ ทุวิโธ ปาโ. ‘‘อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร’’ติ วจเนน ปุน ‘‘คารยฺหํ อาวุโส ธมฺม’’นฺติ เอกวจนํ วิรุทฺธนฺติ. ปมํ อชฺโฌหาเรเยว อาปนฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตถา อฺตฺราปิ อาคจฺฉติ ‘‘อาปชฺชิมฺหา’’ติ วจนโต. เอเกน พหูนมฺปิ วฏฺฏตีติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. ‘‘เตหิ ภิกฺขูหี’’ติอาทินา ปาเ วุตฺตตฺตาติ มม ตกฺโก. เอเกน สเหว ‘‘อหํ อาปชฺชิ’’นฺติปิ วตฺตพฺพนฺติ เอเกน ทฺวีหิ ตีหิ เทเสตพฺพโต, สพฺเพหิ เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อาปชฺชิมฺหาติ สเหวา’’ติ วทนฺติ. เอเกน เจ อวาริโต, ‘‘อหํ, อาวุโส, คารยฺหํ ธมฺมํ อาปชฺชิ’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ.

ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๖๒-๕๗๐. ตติยจตุตฺถสิกฺขาปทานิ อุตฺตานตฺถานิเยว.

ปาฏิเทสนียกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เสขิยกณฺโฑ

๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา

๕๗๖. ‘‘สิกฺขิตสิกฺเขนาติ จตูหิ มคฺเคหี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา อฏฺงฺคุลมตฺตํ โอตาเรตฺวา นิวตฺถเมว นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลมตฺตํ โหติ, ตสฺมา อุโภเปเต อฏฺกถาวาทา เอกปริจฺเฉทา, ‘‘อฑฺฒเตยฺยหตฺถ’’นฺติ สุขุมํ, เอกปตฺตํ วา สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ ยถาาเนน ติฏฺติ. ทุปฏฺฏํ สนฺธาย ‘‘ทฺวิหตฺถปฺปมาณมฺปี’’ติ วุตฺตนฺติ อุปติสฺสตฺเถโร. เอกปฏฺฏํ, ทฺวิปฏฺฏํ วา เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ‘‘ทฺวิหตฺถปฺปมาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ นิสฺสคฺคิยอฏฺกถายํ ‘‘ติริยํ ทฺวิหตฺโถปิ วฏฺฏตี’’ติ, ตฺจ โข อลาเภ เอว ‘‘อลาเภ ติริยํ ทฺวิหตฺถปฺปมาณมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา. อิทํ สพฺพํ อธิฏฺานุปคํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิรุทฺธํ ทิสฺวา สชฺเชตพฺพํ. โน เจ สชฺเชติ, ทุกฺกฏํ. สจิตฺตกํ ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตเนว ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา, น วตฺถุวิชานนจิตฺเตน ‘‘อิทเมวํ กต’’นฺติ ชานโตปิ อาปตฺติยา อภาวโต. ผุสฺสเทวตฺเถรวาโทปิ เอเกน ปริยาเยน ยุชฺชติ. ตถา อุปติสฺสตฺเถรวาโทปิ. ปฺตฺเตปิ สิกฺขาปเท อปฺตฺเตปิ ยํ ปกติยา วชฺชํ, ตํ โลกวชฺชํ. อิทํ ปน ปฺตฺเตเยว วชฺชํ, นาปฺตฺเต, ตสฺมา อิตรโลกวชฺเชน อสทิสตฺตา น โลกวชฺชํ. ปณฺณตฺติโต ปฏฺาย วชฺชโต ปณฺณตฺติวชฺชํ. อนาทริยจิตฺเตเนว อาปชฺชิตพฺพตฺตา สจิตฺตกํ, ตสฺส จิตฺตสฺส ติเวทนตฺตา ติเวทนํ. ยสฺมา อนาทริยจิตฺตตา นาม เกวลํ อกุสลเมว, ตฺจ ปกติยา วชฺชํ, ตสฺมา อิทํ โลกวชฺชํ. สฺจิจฺจ วีติกฺกมนํ นาม โทมนสฺสิกสฺเสว โหตีติ ทุกฺขเวทนํ. คณฺิปเท ปน ‘‘ปาณาติปาตาทิ วิย นิวาสนาทิโทโส โลกครหิโต น โหตีติ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ ผุสฺสเทวตฺเถโร’’ติ ลิขิตํ.

๕๗๗. วิหาเรปีติ พุทฺธุปฏฺานาทิกาเล, ตสฺมา ‘‘ปารุปิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตราสงฺคกิจฺจวเสน วุตฺตํ. ปมทุติยสิกฺขาปเทสุ ปริฬาหาทิปจฺจยา กปฺปติ, น อนฺตรฆรปฏิสํยุตฺเตสุ.

๕๘๒. ‘‘เอกสฺมึ ปน าเน ตฺวา’’ติ เอตฺถ ‘‘คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยว. ตถา คาเม ปูช’’นฺติ ลิขิตํ, ตํ ปน ‘‘เอกสฺมึ าเน ตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ตาทิสํ อนฺตรายํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา

๕๘๖. หสนียสฺมินฺติ เหตฺวตฺเถ ภุมฺมํ, หสิตพฺพวตฺถุการณาติ อตฺโถ. อนฺตรฆเร อุจฺจาสทฺเทน อนุโมทนาทึ กโรนฺตสฺส อนาปตฺติ กิร. ตถา หิ มหินฺทตฺเถโรปิ หตฺถิสาลาทีสุ มหาชนสฺส กเถสิ.

๕๙๑. เกจิ ภิกฺขู ‘‘ปริกฺขารฏฺปนมตฺเตน วาสูปคโต โหตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตเมว. ภิกฺขุนิโย เจ วาสูปคา โหนฺติ, ภิกฺขุนุปสฺสโยว กปฺปิยภูมิ. ‘‘ยตฺถ ภิกฺขุนิโย เอกรตฺตมฺปิ วสนฺติ, อยํ ภิกฺขุนุปสฺสโย’’ติ (ปาจิ. ๑๖๑) วจนโต ตาสํ สมีปํ วา ตาหิ คหิตวาสาคารํ วา ‘‘คจฺฉามี’’ติ คจฺฉโต ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. น หิ ตาวตา ตํ ฆรํ อนฺตรฆรสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.

อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ขมฺภกตวคฺควณฺณนา

๖๐๔. สูโป ปตฺตปฺปมาณวณฺณนายํ วุตฺตากาโร. โอโลณี วุจฺจติ กุธิตํ, โครสโต ปูรา ถูปิโตติ อตฺโถ.

๖๐๕. เหฏฺา โอโรหตีติ เอตฺถ ‘‘โอโรหนปฺปมาเณ สติ เอกเทเส ถูปีกเตปิ อนาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปตฺตสฺส ปน เหฏฺา จ อุปริ จ ปทุมินิปณฺณาทีหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา โอทหนฺติยา ลทฺธํ นาม วฏฺฏตี’’ติ จ วทนฺติ. เอตฺถ ‘‘ยสฺมา ‘สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’ติ วจนํ ปิณฺฑปาโต สมปุณฺโณ ปฏิคฺคเหตพฺโพติ ทีเปติ, ตสฺมา อตฺตโน หตฺถคเต ปตฺเต ปิณฺฑปาโต ทิยฺยมาโน ถูปีกโตปิ เจ โหติ, วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ หิ วจนํ ปมํ ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปจฺฉา ปฏิคฺคณฺหโต, อาปตฺตีติ ทีเปติ. ปตฺเตน ปฏิคฺคณฺหโต เจปิ ถูปีกตํ โหติ, วฏฺฏติ อถูปีกตสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา. ปโยโค ปน นตฺถิ อฺตฺร ปุพฺพเทสา’’ติ จ ‘‘สมติตฺติกนฺติ วา ภาวนปุํสก’’นฺติ จ วทนฺติ, ตสฺมา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

ขมฺภกตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา

๖๐๙. สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปเท ‘‘สูโป นาม ทฺเว สูปา’’ติ น วุตฺตํ สูปคฺคหเณน ปณีตโภชเนหิ อวเสสานํ สพฺพโภชนานํ สงฺคณฺหนตฺถํ. อนาปตฺติวาเร จสฺส ‘‘าตกานํ ปวาริตานํ อฺสฺสตฺถาย อตฺตโน ธเนนา’’ติ อิทํ อธิกํ. กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘อนาปตฺติ อสฺจิจฺจ อสติยา อชานนฺตสฺส คิลานสฺส อาปทาสู’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตํ น, ‘‘สมสูปกํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิสฺสามี’’ติ อิมสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ กตฺถจิ ลิขิตํ, ตฺจ ปมาทวเสน ลิขิตํ. ‘‘มุเข ปกฺขิปิตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารี หุตฺวา โอคิลิตุกามสฺสปิ สหสา เจ ปวิสติ, เอตฺถ ‘อสฺจิจฺจา’ติ วุจฺจติ. วิฺตฺตมฺปิ อวิฺตฺตมฺปิ เอกสฺมึ าเน ิตํ สหสา อนุปธาเรตฺวา คเหตฺวา ภุฺชนฺโต ‘อสติยา’ติ วุจฺจตี’’ติ ลิขิตํ, อนาปตฺติวาเร เอกจฺเจสุ โปตฺถเกสุ ‘‘รสรเสติ ลิขิตํ, ตํ คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กพฬวคฺควณฺณนา

๖๑๘. ‘‘สพฺพํ หตฺถ’’นฺติ วจนโต เอกเทสํ มุเข ปกฺขิปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ เอกจฺเจ. ‘‘สพฺพนฺติ วจนโต เอกเทสมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ อนาปตฺติวาเร อวิเสสิตตฺตา.

๖๒๔. สิตฺถาวการเก ‘‘กจวรํ ฉฑฺเฑนฺตํ สิตฺถํ ฉฑฺฑิยฺยตี’’ติ จ ‘‘กจวรํ ฉฑฺเฑนฺโต’’ติ จ ปาโ.

กพฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สุรุสุรุวคฺควณฺณนา

๖๒๗. ‘‘สุรุสุรุ’’นฺติ จ ‘‘สุโรสุโร’’ติ จ ปาโ. สีตีกโตติ สีตงฺโก. ‘‘สิลกพุทฺโธติ อริยานํ ปริหาสวจนเมเวต’’นฺติ ลิขิตํ.

๖๓๑. ปฏิกฺกูลวเสนาติ เอตฺถ ยทิ ปฏิกฺกูลวเสน ปฏิกฺขิตฺตํ, ‘‘เสยฺยถาปิ กามโภคิโน’’ติ น วตฺตพฺพํ. น หิ เต ปฏิกฺกูลํ กโรนฺตีติ เจ? น, อิสฺสริยลิงฺควเสน คหณสมฺภวโต. เต หิ อนาทรา โหนฺติ. ปตฺตโธวนนฺติ ปตฺตโธวโนทกํ โภชนปฏิสํยุตฺตํ.

๖๓๔. ‘‘ฉตฺตปาทุกาย’’นฺติ จ ‘‘ฉตฺตปาเท’’ติ จ ปาโ.

๖๓๗. จาโปติ สตฺตขาทนวโธ. ‘‘เสสา สพฺพา ธนุวิกติ โกทณฺเฑ ปวิฏฺา’’ติ จ ลิขิตํ, ปฏิมุกฺกนฺติ ปเวสิตํ, ลคฺคิตํ โหตีติ อตฺโถ.

สุรุสุรุวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา

๖๔๐. สยํ ยานคโต หุตฺวา, ยถา ยานคตสฺส เว.

อลํ วตฺตุํ ตถา นาลํ, สฉตฺโต ฉตฺตปาณิโน.

ยถา เอตฺถ, เอวํ อฺตฺราปิ.

๖๔๗. ฉปกวตฺถุสฺมึ ‘‘สจาหํ น ลภิสฺสามี’’ติ ปาโ, ‘‘ทส เจ น ลภิสฺสามี’’ติ จ อตฺถิ, ‘‘วตฺถุสฺมึ อคิลานสฺสา’’ติ จ อาคจฺฉติ, ตํ น สุนฺทรํ, สิกฺขาปเทเยว สุนฺทรํ. โถมิโตติ อหมฺปิ ชานามีติ สมฺพนฺโธ. ยา ธนยสลาภสงฺขาตา วุตฺติ วินิปาเตน โหติ สมฺปราเย อปาเยสุ วินิปาตเหตุ หุตฺวา ปวตฺตติ. อถ วา วินิปาเตนาติ เหตฺวตฺเถ กรณวจนํ, วินิปาตนาย ปวตฺตตีติ อธิปฺปาโย. อธมฺมจรเณน อธมฺมจรณาย. ‘‘อสฺมา กุมฺภิมิวา’’ติ จ ปนฺติ.

ปาทุกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปกิณฺณกวณฺณนา

กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺหนฺตีติ กตฺวา ‘‘สมนุภาสนสมุฏฺานานี’’ติ วุตฺตานิ. สมนุภาสนํ กิริยํ. อิมานิ กิริยานิ. ธมฺมเทสนสมุฏฺานานิ วาจาจิตฺตโตติ เอตฺถ กายวจีวิฺตฺติภาวโต อุชฺชคฺฆิกอุจฺจาสทฺทาทีสุ วิย ‘‘กายวาจาจิตฺตโต’’ติ วตฺตพฺพานีติ เจ? น วตฺตพฺพานิ. นิสีทนคมนาหารปกฺขิปนาทิกายวิฺตฺติยา สพฺภาวา ตตฺถ ยุตฺตํ, น ธมฺมเทสเน ตาทิสสฺสาภาวา.

ปกิณฺณกวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสขิยกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สตฺตาธิกรณสมถวณฺณนา

‘‘เยภุยฺยสิกา กาตพฺพา…เป… ติณวตฺถารโก กาตพฺโพ, โส ปุคฺคโล’’ติ จ ลิขิตํ.

สตฺตาธิกรณสมถวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภิกฺขุวิภงฺโค นิฏฺิโต.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา

๑. ปาราชิกกณฺฑวณฺณนา

คนฺถารมฺภวณฺณนา

วิภงฺเค วิย ภิกฺขูนํ, วิตฺถารมภิสงฺขตํ;

อกตฺวา ภิกฺขุนีนมฺปิ, วกฺเข คณฺิปทกฺกมํ.

โย ภิกฺขุนีนํ วิภงฺโค อสฺส, ตสฺส สํวณฺณนากฺกโม ปตฺโตติ อตฺโถ.

คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. ปมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๕๖-๗. ตตฺถ ตตฺถ านุปฺปตฺติกปฺา วีมํสา. ปทปฏิปาฏิยา เอวาติ มาติกาปทปฏิปาฏิยา เอว. ‘‘วุตฺตนฺติ สงฺคีติกานํ อุปสงฺกปฺปนานํ วิภาชนํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ.

๖๕๘. ‘‘เอหิภิกฺขุนีติ ภิกฺขุนี, ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขุนี’’ติ อิทํ ปน เทสนาวิลาสวเสน วุตฺตนฺติ เอเก. อฺพุทฺธกาเล อตฺถีติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ อมฺหากมฺปิ พุทฺธกาเล สมฺภวปฺปสงฺคโต, เอหิภิกฺขุนิยา ปฏิเสธฉายาทิสฺสนโต จ. ยถาห ธมฺมปเท วิสาขาวตฺถุสฺมึ (ธ. ป. อฏฺ. ๑. วิสาขาวตฺถุ) ‘‘ตสฺส จีวรทานสฺส นิสฺสนฺเทน อิมํ มหาลตาปสาธนํ ลภิ. อิตฺถีนฺหิ จีวรทานํ มหาลตาปสาธนภณฺเฑน มตฺถกํ ปปฺโปติ, ปุริสานํ อิทฺธิมยปตฺตจีวเรนา’’ติ. ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาย ปน ภิกฺขุนิยา สมฺภโว อฺพุทฺธกาเล กทาจิ สิยา, นตฺเถว อมฺหากํ พุทฺธกาเล. เทสนาวิลาเสน ปน ภิกฺขุเทสนากฺกเมเนว ภิกฺขุนินิทฺเทโส วุตฺโต, เตเนว ภิกฺขุสงฺฆวเสน เอกโตอุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุนิโย วิชฺชมานาปิ ตตฺถ น วุตฺตา. ตาสํ อตฺถิตา อิมาย ปริวารกถาย เวทิตพฺพา –

‘‘อุโภ เอกโต อุปสมฺปนฺนา,

อุภินฺนํ หตฺถโต จีวรํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย;

สิยา อาปตฺติโย นานา,

ปฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๗๙);

อถ วา ปุถุชฺชนกาเล เอหิภิกฺขุสรณคมเนน อุปสมฺปนฺโนว อิตฺถิลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุนิภาเว ิตา ปุริสูปสมฺปนฺนํ อุปาทาย ‘‘เอหิภิกฺขุนี’’ติ, ‘‘ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุนี’’ติ จ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. โน เจ, ตํ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘วิฺู ปฏิพโล’’ติ ทฺวินฺนํ อวสฺสวภาวสฺส อิชฺฌนโต วุตฺตํ. เอตฺถ ยสฺมา ยํ กิฺจิ อามิสํ ปฏิคฺคณฺหนฺตีนํ อคฺคหตฺถา ปุริสานํ หตฺเถหิ กทาจิ มิสฺสีภาวํ คจฺฉนฺติ, วนฺทนฺตานํ วา ปุริสานํ สิรานิ อคฺคปาเทหิ มิสฺสิตานิ กทาจิ โหนฺติ, เกสจฺเฉทนกาเล วา สิรํ ปุริสานํ หตฺเถหิ มิสฺสิตํ โหติ, จิตฺตํ นาเมตํ อติรทฺธคเวสิ, ทุรกฺขิยํ วา, ตสฺมา ‘‘มา อติลหุํ ปาราชิกาปตฺติ ภิกฺขุนีนํ โหตู’’ติ พุทฺธา ภควนฺโต การุฺเน ปาราชิกกฺเขตฺตปริจฺเฉทํ, ถุลฺลจฺจยกฺเขตฺตปริจฺเฉทฺจ วิสุํ วิสุํ เทเสสุนฺติ เวทิตพฺพํ.

๖๕๙. ตพฺพหุลนเยน สา วุตฺตาติ เอตฺถ อยมนุคณฺิปทกฺกโม – เยภุยฺเยน กิริยสมุฏฺานตฺตา ‘‘กิริยสมุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อวตฺวา ปน ‘‘สาทิเยยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อกิริยโตปิ สมุฏฺาตีติ เวทิตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ เหฏฺา ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา นเยน กิริยสมุฏฺานตํ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ภิกฺขุปจฺจตฺถิกา…เป… โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน อกิริยสมุฏฺานตายปิ วุตฺตตฺตา ปมปาราชิกสฺสาปิ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฏฺานตา เวทิตพฺพา. น หิ ปเวสนสาทิยนาทิมฺหิ กิริยสมุฏฺานตา ทิสฺสติ. องฺคชาตจลนฺเจตฺถ น สารโต ทฏฺพฺพํ ‘‘โส เจ ปเวสนํ น สาทิยติ, ปวิฏฺํ น สาทิยติ, ิตํ น สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๕๘) เอตฺถ ิต น สาทิยเน ปกติยาปิ ปริปุณฺณจลนตฺตา. สาทิยนปจฺจยา หิ เสวนจลนฺเจตฺถ น ทิสฺสเตวาติ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฏฺานตา คเหตพฺพา. ตตฺถ ตตฺถ อฏฺกถาสุ กสฺมา ตพฺพหุลนโย อวุตฺโตติ เจ? ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๒) มาติกายํ กิริยสมุฏฺานสฺส สรูเปน วุตฺตตฺตา ตทนุรูปวเสน วิภงฺคนยมโนโลเกตฺวา ‘‘กิริยสมุฏฺาน’’มิจฺเจว วุตฺตํ. ยถา เจเตสุ ตพฺพหุลนเยน กิริยสมุฏฺานตา วุตฺตา, ตถา สุราทีนํ อกุสเลเนว ปาตพฺพตา, น อิตรถา ‘‘ยํ อกุสเลเนว อาปชฺชติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺเต โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชานํ นิยมนลกฺขณสิทฺธิ โหติ, ตถา ตํ อวตฺวา ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา. เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ วุตฺเต โลกวชฺชวจนํ นิรตฺถกํ สิยา วตฺถุอชานนปกฺเขปิ อกุสเลเนว ปาตพฺพตฺตา. ยสฺมา ตตฺถ สุราปานวีติกฺกมสฺส อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๘) ‘‘มชฺชปาเน ปน ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฏฺาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, สามเณโร ชานิตฺวา ปิวนฺโต สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘วตฺถุอชานนปกฺเข ปาณาติปาตาทีนํ สิทฺธิกรอกุสลจิตฺตุปฺปาทสทิเส จิตฺตุปฺปาเท สติปิ สามเณโร สีลเภทํ นาปชฺชตี’’ติ. อภินิเวสวจนํ ปาณาติปาตาทีหิ สมานชาติกตฺตา สามเณรานํ สุราปานสฺส. ‘‘สุราทโย ปนิเม’’ติ วตฺถุํ ชานิตฺวา ปาตพฺพตาทิวเสน วีติกฺกมนฺตสฺส อกุสลสฺส อสมฺภโว นตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปกฺเข’’ติอาทิ.

กิฺเจตฺถ ยุตฺติวจเนน อรหนฺตานํ อปฺปวิสนโต สจิตฺตกาจิตฺตกปกฺเขสุ อกุสลนิยโมติ เจ? น, ธมฺมตาวเสน เสกฺขานมฺปิ อปฺปวิสนโต. อจิตฺตกปกฺเข อกุสลนิยมาภาวทสฺสนตฺถํ สุปนฺตสฺส มุเข ปกฺขิตฺตชลพินฺทุมิว สุราพินฺทุอาทโย อุทาหริตพฺพาติ. ตพฺพหุลนเยน หิ อตฺเถ คหิเต ปุพฺเพนาปรํ อฏฺกถาย สเมติ. ‘‘สทฺธึ ปาฬิยา อวิเสสตฺโถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. อิทเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ. ยทิ วตฺถุชานนปกฺเข วินา อกุสเลน มชฺชปานํ สิยา, กสฺมา นาฬิมชฺฌํ นาติกฺกมติ อริยานํ ปานกาทิสฺีนนฺติ? สีลเภทวตฺถุวีติกฺกโม วินาปิ จิตฺเตน อริยานํ ธมฺมตาวเสเนว น สมฺภวตีติ เจ, น, จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑) อาทิวิโรธโตติ. อปิจ ภิกฺขุโนปิ สามเณรสฺส วิย สุราปานํ สจิตฺตกเมว กสฺมา น ชาตนฺติ? อปฺปติรูปตฺตาติ เจ, สามเณรานมฺปิ อปฺปติรูปเมว. สหธมฺมิกา เอว หิ เต. มหาสาวชฺชตฺตาติ เจ? สามเณรานมฺปิ ตาทิสเมว. สามเณรานํ สจิตฺตกเมว ปาราชิกํ, อิตรํ ทณฺฑกมฺมวตฺถูติ เจ? ภิกฺขูนมฺปิ มชฺชปาเน นตฺถิ. เอตฺถ ติกปาจิตฺติเยน น ภวิตพฺพํ. มชฺเช อมชฺชสฺิสฺส ทุกฺกฏาปตฺติ ปฺาเปตพฺพา สิยา. ภิกฺขุสฺส ปาจิตฺติยวตฺถุ สามเณรานํ ปาราชิกํ โหติ ติรจฺฉานคตสามเณรานํ วิยาติ เจ? อจิตฺตกมฺปิ มชฺชปานาทีนํ สามเณรานํ ปาราชิกํ ปฺาเปตพฺพํ สิยา. นาจิตฺตกํ ปาราชิกํ สมฺภวตีติ เจ? น, ปณฺณตฺติวชฺชมฺปิ ปาราชิกํ สมฺภวตีติ. นิกายนฺตรปกฺเข อยเมว โทโส. อมฺหากฺหิ โลกวชฺชเมว มชฺชปานนฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ สุราปานเมว ธมฺมตาวเสน อริยา น กโรนฺตีติ? น เกวลํ สุราปานเมว ธมฺมตาวเสน อริยา น กโรนฺติ, ปาเณสุปิ โกธวเสน ปาณสฺิตาย สีสจฺเฉทนาทีนิ น กโรนฺติ, สทารสฺาย ปรทารํ น วีติกฺกมนฺติ, อนตฺถภฺชกสฺาย อตฺถภฺชกมุสา น วทนฺติ, สมฺมาทิฏฺิสฺาย มิจฺฉาทิฏฺึ น ปฏิปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพา. อาจริยาปิ สุราปาเน อกุสลนิยมาภาวเมว วทนฺติ, ตสฺมา เอว มาติกาฏฺกถาย คณฺิปเท โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชาธิกาเร ‘‘สจิตฺตกปกฺเขอกุสลนฺติ สุราปานาทิสงฺคหตฺถํ, อิตรถา ยสฺส อกุสลเมวาติ วเทยฺยา’’ติ ลิขิตํ. กิริยสมุฏฺานตา ปนสฺส ตพฺพหุลนยเมว, น ปมปาราชิเก. กถํ? กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ ปมปาราชิกสมุฏฺานํ. เอตฺถ ภิกฺขุสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ กายสํสคฺคภาเว สติ ภิกฺขุนี กายงฺคมโจปยมานาปิ จิตฺเตเนว อธิวาเสนฺตี อาปชฺชติ, น เอวํ ภิกฺขุ. ภิกฺขุ ปน โจปยมาโนว อาปชฺชติ, เอวเมว ปมปาราชิเกปิ โจปเน สติ เอว อาปชฺชติ, นาสติ. ปเวสนํ สาทิยตีติ เอตฺถ ปเวสนสาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตสฺสุปฺปาทนนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

ปมปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา

‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ อยฺเย ชานํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺน’’นฺติ วจนโต, ‘‘อฏฺนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตรํ ปาราชิกํ อชฺฌาปนฺน’’นฺติ (ปาจิ. ๖๖๖) วจนโต, อนฺเต ‘‘อุทฺทิฏฺา โข อยฺยาโย อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๖๗๗), ปริวาเร ‘‘สาธารณปฺตฺติ อุภโตปฺตฺตี’’ติ (ปริ. ๒๐๑) วจนโต จ ภิกฺขุนิวิภงฺคํ ปตฺวา ภควา สาธารณานิ สิกฺขาปทานิ ภิกฺขูนํ อุปฺปนฺนวตฺถุสฺมึเยว ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย อนฺตมโส ติรจฺฉานคเตนปิ ปาราชิกา โหติ อสํวาสา’’ติอาทินา นเยน สวิเสสมฺปิ อวิเสสมฺปิ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา อนุกฺกเมน ปทภาชนํ, อาปตฺติเภทํ, ติกจฺเฉทํ, อนาปตฺติวารฺจ อนวเสสํ วตฺวา วิตฺถาเรสิ. สงฺคีติการเกหิ ปน อสาธารณปฺตฺติโยเยว อิธ วิตฺถาริตาติ เวทิตพฺพา.

๖๖๖. ตตฺถ ‘‘อฏฺนฺนํ ปาราชิกาน’’นฺติ อิทํ เกวลํ สงฺคีติการกานํเยว นยโต นิกฺขิตฺตวจนํ อิโต ปุพฺเพ ฉฏฺสตฺตมฏฺมานํ ปาราชิกานํ อปฺตฺตตฺตา. ภควตา ปน อิทํ ปฺาปิตมาทิสิกฺขาปทมฺปิ อุปาทาย ‘‘ฉนฺนํ ปาราชิกาน’’นฺติ วุตฺตํ สิยา. อิโต อุทฺธํ ปฺตฺตานิปิ อุปาทาย ‘‘อฏฺนฺนํ ปาราชิกาน’’นฺติ วจนํ อปรภาเค อุปฺปนฺนนฺติ เอกจฺเจ อาจริยา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อิทฺจ ปาราชิกํ ปจฺฉา ปฺตฺตํ, ตสฺมา ‘อฏฺนฺน’นฺติ วิภงฺเค วุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อฏฺกถาจริยานํ มเตน สิทฺธเมตํ ยถาปฺตฺตานุกฺกมวเสเนว สงฺคีตานีติ. ‘‘อฺาสิ’’นฺติ ปาโ. อฺาสีติ น คเหตพฺโพ. ‘‘ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนวา’’ติ วจนโต วชฺชปฏิจฺฉาทิกํ ยา ปฏิจฺฉาเทติ, สาปิ วชฺชปฏิจฺฉาทิกอาเยวาติ สิทฺธํ. กิฺจาปิ วชฺชปฏิจฺฉาทนํ เปมวเสน โหติ, ตถาปิ สิกฺขาปทวีติกฺกมจิตฺตํ โทมนสฺสิกเมว โหตีติ กตฺวา ‘‘ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตํ.

ทุติยปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๖๙. อิมํ อธิปฺปายมตฺตนฺติ ‘‘โจเทตฺวา สาเรตฺวา’’ติ เอตํ. เอตฺถายํ วิจารณา – โย ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตกภิกฺขุนา สมานทิฏฺิโก ลทฺธินานาสํวาสโก โหติ, โส อวนฺทนีโย, กมฺมากมฺเม อุกฺขิตฺตโก วิย น คณปูรโณ, สหเสยฺยมฺปิ น ลภติ, น ตถา ภิกฺขุนี. สา หิ ยาว น สมนุภฏฺา, ตาว คณปูรกา จ โหติ, สํวาสฺจ ลภติ. ลทฺธินานาสํวาสิกานุวตฺติกาปิ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาว โหติ. อุกฺขิตฺโต เจ กาลงฺกโต, ตทนุวตฺตโก ภิกฺขุ ลทฺธินานาสํวาสโก โหติเยว. ตถา วิพฺภนฺเตปิ ตสฺมึ ติตฺถิยปกฺกนฺตเกปิ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย สามเณรภูมิยํ ิเตปีติ เอเก. เตสํ มเตน อุกฺขิตฺตเก ตถาภูเตปิ ภิกฺขุนี ตทนุวตฺติกา สมนุภาสิตพฺพาวาติ อาปชฺชติ. สมนุภาสนกมฺมํ สงฺฆายตฺตํ, สงฺเฆน สฺจิจฺจ ปุริมกาปตฺตึ อปเนตุํ น ยุตฺตํ วิย ขายติ. อุกฺเขปนียกมฺมฺจ อาปตฺติอทสฺสนมตฺเต, อปฺปฏิกมฺมมตฺเต, กุทิฏฺิอปฺปฏินิสฺสชฺชนมตฺเต จ กริยติ, ตสฺส อนุวตฺตนมตฺเตน สมนุภาสิตฺวา สาสนโต จาเวตพฺพานีติ น ยุตฺตนฺติ เจ? น วตฺตพฺพเมว, อิทํ อปาราชิกวตฺถูสุปิ ตปฺปสงฺคโต, อนฺวิสยตฺตา จ วินยสฺส.

ตติยปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๗๕. ‘‘โลกสฺสาทสงฺขาตสฺส มิตฺตสนฺถวสฺส วเสน ตํ ทสฺเสตุํ กายสํสคฺคราเคนาติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. ติสฺสิตฺถิโยติ ตีสุ อิตฺถีสุ, ติสฺโส วา อิตฺถิโย. ตํ น เสเวติ ตาสุ น เสวติ. อนริยาติ อุภโตพฺยฺชนา. พฺยฺชนสฺมินฺติ อตฺตโน พฺยฺชเน. น เสเวติ น เสวติ. น จาจเรติ นาจรติ. วณฺณาวณฺโณติ ทฺวีหิปิ สุกฺกวิสฺสฏฺิ. คมนุปฺปาทนนฺติ สฺจริตฺตํ.

๖๗๖. ‘‘นิวตฺถํ วา ปารุตํ วา’’ติ เอตฺถ นิวตฺถสฺส วา ปารุตสฺส วา วตฺถสฺส คหณํ สาทิยตีติ อตฺโถ.

จตุตฺถปาราชิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาราชิกกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สงฺฆาทิเสสกณฺฑวณฺณนา

๑. ปมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๘๑. อาหตโกติ อานีโต, นิยตโกติ อธิปฺปาโย. อกปฺปิยอฑฺโฑ นาม สงฺฆสฺส วา อารามิกปุคฺคลสฺส วา วตฺถุสฺส การณา สงฺฆสฺส วาริกภาเวน สยเมว วา อธิกรณฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ เอโส ทาโส, ทาสี, วาปี, เขตฺตํ, อาราโม, อารามวตฺถุ, คาโว, คาวี, มหึสี, อชา, กุกฺกุฏา’’ติอาทินา โวหรติ, อกปฺปิยํ. ‘‘อยํ อมฺหากํ อารามิโก อารามิกา, อยํ วาปี อิตฺถนฺนาเมน สงฺฆสฺส หตฺเถ โทหนตฺถาย ทินฺนา. อิโต เขตฺตโต อารามโต อุปฺปชฺชนกจตุปจฺจยา อิโต คาวิโต มหึสิโต อชาโต อุปฺปชฺชนกโครสา อิตฺถนฺนาเมน สงฺฆสฺส ทินฺนา’’ติ ปุจฺฉิเต วา อปุจฺฉิเต วา วตฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘กต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กโรนฺตี’’ติ วจเนน กิร อเนนกตํ อารพฺภ อาจิกฺขิตา นาม โหติ. คีวาติ เกวลํ คีวา เอว โหติ, น ปาราชิกํ. การาเปตฺวา ทาตพฺพาติ เอตฺถ สเจ อาวุธภณฺฑํ โหติ, ตสฺส ธารา น กาเรตพฺพา, อฺเน ปน อากาเรน สฺาเปตพฺพํ. ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘มานุสฺสยวเสน โกธุสฺสยวเสนา’’ติ ตพฺพหุลนเยน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ปมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๘๓. ภฏิปุตฺตกานํ กุมารภฏิกานํ คณา ภฏิปุตฺตคณา. กปฺปนฺติ กปฺปิยํ. กปฺปคติกนฺติ กปฺปิยสภาวํ. ปกฺกนฺตาสุปีติ อตฺตโน ปริสํ เปตฺวา อิตราสุ ปกฺกนฺตาสุ. ปณฺณตฺตึ อชานนฺตา อริยาปิ วุฏฺาเปนฺตีติ กตฺวา วา กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติกฺขเณ วิปากาพฺยากตสมงฺคิตาวเสน วา ‘‘ติจิตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปพฺพาชเน น ทุกฺกฏ’’นฺติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

ทุติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๘๗. ภทฺทากาปิลานี มหากสฺสปสฺส ปุราณทุติยา กิร. าตีนํ กุลํ ยสฺมึ คามเก, ตเทตํ คามกํ าติกุลํ, กุลสนฺนิหิตํ คามกํ อคมาสีติ อตฺโถ. ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติอาทีสุ วิย วา ทฺวิกมฺมิกํ กตฺวา คามกํ อคมาสิ าติกุลํ อคมาสีติปิ ยุชฺชติ.

๖๙๒. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วจเนนปิ เอวํ เวทิตพฺพํ – วิกาลคามปฺปเวสเน ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํเยว วเสน อุปจาโร ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, อิตรถา ยถา เอตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปริกฺเขปํ วิย กตฺวา ‘‘อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ตตฺถาปิ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วเทยฺย. ยสฺมา ปน ตตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานโต อุตฺตริ เอโก เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํเยว ‘อุปจาร’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺานานํ นินฺนานาการณทีปนตฺถํ ‘อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’ติ วุตฺตํ ปาฬิวิเสสมสลฺลกฺเขตฺวาว อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส อิธ อุปจาโร ปริกฺเขโป ยถา ภเวยฺย, ตํ อุปจารํ ปมํ ปาทํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ทุติยํ ปาทํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพเมว ปาฬิยา วิเสสสพฺภาวโตติ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยาติปิ เอกจฺเจสุ ทิสฺสติ, ตํ น คเหตพฺพนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ปาฬิวิเสสมสลฺลกฺเขตฺวา’’ติ ทุวุตฺตํ, กสฺมา? วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปเทปิ กตฺถจิ ‘‘อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ ปาโ ทิสฺสตีติ, โส อนฺธกฏฺกถาปาโต คหิโตติ อาจริโย. อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโรกฺกมนเมว ปาโ ยุชฺชติ, น อติกฺกมนํ. กสฺมา? พหูสุ าเนสุ ปาฬิยา อฏฺกถาหิ วิรุชฺฌนโต, อิมสฺมึ วาปิ สิกฺขาปเท วิรุชฺฌติ. กถํ? คณมฺหา โอหียมานาย อรฺเ อาปตฺติ โหติ, น คาเม. อถ จ ปน นิทสฺสนมฺปิ ‘‘สิกฺขาปทา พุทฺธวเรนา’’ติ (ปริ. ๔๗๙) คาถา ทสฺสิตา, ตสฺมา อุปจาโรกฺกมนปริยาปนฺนนทึ อติกฺกาเมนฺติยา โหติ. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘คจฺฉนฺตสฺส จตสฺโส อาปตฺติโย, ิตสฺส จาปิ ตตฺตกาติอาทีนํ (ปริ. ๔๗๕) ปริวารคาถานํ อฏฺกถาหิ อุปจาโรกฺกมนเมว ปาโติ นิฏฺํ คนฺตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ, สุฏฺุ สลฺลกฺเขตฺวา กเถตพฺพํ.

‘‘ปทสา คมนเมว หิ อิธาธิปฺเปตํ, เตเนว ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺติยาติอาทิมาหา’’ติ เอตฺถ วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทาทีสุ ตทภาวา ยาเนน วา อิทฺธิยา วา ปวิสโต, อทฺธานํ คจฺฉโต จ อาปตฺตีติ ทีเปติ. ตตฺถ อสารุปฺปตฺตา อาปตฺติโมกฺโข นตฺถีติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ภิกฺขุนีวิหารภูมิ ‘‘คามนฺตร’’นฺติ น วุจฺจติ คามนฺตรปริยาปนฺนายปิ กปฺปิยภูมิตฺตา. ‘‘ปรโต ‘สเจ ภิกฺขุนีสุ มหาโพธิยงฺคณํ ปวิสนฺตีสุ เอกา พหิ ติฏฺติ, ตสฺสา อาปตฺตี’ติอาทิวจนโต ภิกฺขุวิหาโร น กปฺปิยภูมีติ สิทฺธํ, ตสฺมา กฺจินคเร ขนฺธธมฺมวิหาโร วิย, กาวีรปฏฺฏเน สารีธมฺมวิหาโร วิย จ อฺโปิ โส วิหาโร, ตสฺมา สีมพทฺธสุขตฺถํ คามนฺตรภาเว นิรนฺตรา อธิฏฺานตฺถํ ปวิสนฺติยา, นิกฺขมนฺติยาปิ คามนฺตราปตฺติ โหตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. จตุคามสาธารณตฺตาติ เอตฺถ เอวํวิเธ วิหาเร สีมํ พนฺธนฺเตหิ จตฺตาโรปิ เต คามา โสเธตพฺพาติ เวทิตพฺพา. สํวิทหิตฺวา ภิกฺขุนิยา วา มาตุคาเมน วา เถยฺยสตฺเถน วา สทฺธึ ตํ วิหารํ โอกฺกมนฺติยา จตสฺโส อาปตฺติโย เอกโตว โหนฺติ. ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตาติ เอเก.

ทุติยปาทุทฺธาเร สงฺฆาทิเสโสติ เอตฺถ สเจ ทุติโย ปาทุทฺธาโร กปฺปิยภูมิยํ โหติ, น สงฺฆาทิเสโส, อกปฺปิยภูมิยํ เอว สงฺฆาทิเสโส. ‘‘อุภยตีเรสุ วิจรนฺติ, วฏฺฏตีติ ทสฺสนูปจารสฺเสตฺถ สมฺภวา’’ติ ลิขิตํ, ตํ ยุตฺตํ. สวนูปจาโร เหตฺถ นทีปาเร, คามนฺตเร วา อปฺปมาณนฺติ. อนฺธกฏฺกถายํ ปน ‘‘ปรตีรโต นทึ โอตริตฺวา ทสฺสนูปจารโต ทารูนิ, ปณฺณานิวา มคฺคิตฺวา อาเนติ, อนาปตฺติ. ติจีวรานิ ปรตีเร โอตาเปติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โอริมตีรเมว อาคจฺฉติ, อาปตฺตี’’ติ อติกฺกมิตุกามตาย ปวิฏฺตฺตา วุตฺตํ. ‘‘นฺหายนาทิกิจฺเจน ปวิฏฺานํ กตฺเถวาลยสมฺภวา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. คามนฺตเร ปมาณนฺติ อฏฺกถายํ ปรตีรโต นทึ โอตริตฺวา ทสฺสนูปจารโต ทารูนิ ปณฺณานิ สกคามโต โถกมฺปิ ตรณวาเรน น วฏฺฏติ กิร นิกฺขมิตฺวา ปวิสิตุํ.

อคามเก อรฺเติ อคามลกฺขเณ อรฺเติ อตฺโถ. อิมินา อาปตฺติเขตฺตํ ทสฺสิตํ. ยสฺมา อิทํ อาปตฺติเขตฺตํ, ตสฺมา ยา ภิกฺขุนุปสฺสยโต คามสฺส อินฺทขีลํ อติกฺกมติ, สา อสนฺเต คาเม คณมฺหา โอหียนาปตฺตึ อาปชฺชติ. ทสฺสนสวนูปจาราภาเวปิ ปเคว คาเม อินฺทขีลาติกฺกมนกฺขเณเยว อาปชฺชติ. สเจ ตตฺถ เอกา ภิกฺขุนี อตฺถิ, ตสฺสา ทสฺสนสวนูปจาราติกฺกมนกฺขเณ อาปชฺชติ, อรฺมคฺคคมนกาเล เอวายํ วิธีติ น คเหตพฺพํ. คามโต ปน นิกฺขมนฺตี อิโต ปฏฺาย อาปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อคามกํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อาราธิกา จ โหนฺติ สงฺคาหิกา ลชฺชินิโย, ตา โกเปตฺวา อฺตฺถ น คนฺตพฺพํ. คจฺฉติ เจ, คามนฺตรนทีปารรตฺติวิปฺปวาสคณมฺหา โอหียนาปตฺตีหิ น มุจฺจตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘คณมฺหา โอหียนาปตฺติ สกึเยวาปชฺชติ. อิตรา คาเม คาเม ปาเร ปาเร อรุเณ อรุเณ จาติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทีนิ อสาธกานิ ยถาสมฺภวํ คเหตพฺพตฺตา. ‘‘มหาโพธิยงฺคณนฺติอาทิ เอวํ คามสฺส อาสนฺนฏฺาเนปิ อิมํ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ.

ตติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๖๙๔. ปฏิวตฺตาติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. กมฺมโทสนฺติ ‘‘อนฺาย คณสฺส ฉนฺทนฺติ เอวมาที’’ติ ลิขิตํ. กตฺตพฺพฏฺานโทสนฺติ โปราณา. การกคณสฺสาติ การกสงฺฆสฺส. ‘‘ภิกฺขุนิสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา การกสงฺโฆปิ อยเมวาติ เจ? ปมเมว การกสงฺฆํ น อามนฺเตตฺวา พลกฺกาเรนายํ ถุลฺลนนฺทา ตํ ภิกฺขุนึ โอสาเรสี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ, ตสฺมา การกภิกฺขูนํ สมฺมุขาปิ เตสํ อนุมตึ ปมํ อคฺคเหตฺวา ตํ กมฺมํ น ปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ปฏิปฺปสฺสทฺธํ พลกฺกาเรน น กาตพฺพเมวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุนีปิ ทิฏฺาวิกมฺมํ กาตุํ ลภตี’’ติ จ ตตฺถ วุตฺตํ.

๖๙๘. อสนฺเต กมฺมการกสงฺเฆ โอสาเรติ, อนาปตฺตีติ เอตฺถ กิตฺตาวตา อสนฺโต นาม โหตีติ? อิทํ สพฺพตฺถ น วิจาริตํ. การกานํ กาลกิริยายาติ เอเก. เอกสฺสปิ อภาเวนาติ เอเก. เอกสฺมึ รชฺเชติ เอเก. เอกรฏฺเติ เอเก. เอกคาเมติ เอเก. เอกสฺมึ อาวาเสติ เอเก. ยตฺถ สกฺกา อปโลเกตุนฺติ เอเก. อนฺโตอทฺธโยชเนติ เอเก. ตตฺถ ตสฺมึ อาวาเส อสนฺเต การกสงฺเฆ โอสาเรติ, อนาปตฺตีติ อิทํ ปสํสนฺติ อาจริยา. ยตฺถ สกฺกา อปโลเกตุนฺติ สามีจิ.

จตุตฺถสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๐๑. เอตํ น วุตฺตนฺติ ภิกฺขุนิยา อวสฺสุตภาโว ทฏฺพฺโพติ เอตํ นิยมนํ น วุตฺตํ. ตํ อวจนํ ปาฬิยา สเมติ. กตรปาฬิยาติ? ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ อิมาย. ยทิ หิ ปุคฺคลสฺส อวสฺสุตภาโว น ปมาณํ, กึ อิมาย ปาฬิยา ปโยชนํ, ‘‘อนาปตฺติ อุโภ อนวสฺสุตา โหนฺติ, อนวสฺสุตา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยา. อตฺตโน หิ อนวสฺสุตภาโวเยว ปมาณนฺติ. อิมสฺส ปน อนาปตฺติวารสฺส อยมตฺโถ – อุโภ เจ อนวสฺสุตา, สพฺพถาปิ อนาปตฺติ. อถ ภิกฺขุนี อนวสฺสุตา สมานา อวสฺสุตมฺปิ ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ สฺาย ตสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, เอวมฺปิ อนาปตฺตีติ. อถ สา อนวสฺสุตาปิ อฺํ อนวสฺสุตํ วา อวสฺสุตํ วา ‘‘อวสฺสุโต’’ติ ชานาติ, ทุกฺกฏเมว. วุตฺตฺเหตํ อนนฺตรสิกฺขาปเท ‘‘กิสฺส ตฺวํ อยฺเย น ปฏิคฺคณฺหาสีติ. อวสฺสุโต อยฺเยติ…เป… นาหํ อวสฺสุตา’’ติ.

ปฺจมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉฏฺสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๐๕. เตนาติ ตสฺมา. ยสฺมา อุยฺโยชิกา น เทติ น ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺมา ปฏิคฺคโห น วิชฺชตีติ อตฺโถ. อิตริสฺสา ปริโภคปจฺจยา. ‘‘อกุสลจิตฺต’’นฺติ พาหุลฺเลน วุตฺตํ. ‘‘วฏฺฏตีติ สฺาย วทนฺติยาปิ อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ.

ฉฏฺสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๑๒-๔. กมฺมวาจโต ปุพฺเพ อาปนฺนาปตฺติโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ. ตฺติยา ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ สงฺฆาทิเสเส ปตฺเตติ โปราณา. ตํ ‘‘อชฺฌาปชฺชนฺติยา’’ติ ปาฬิยา สเมติ. ‘‘สุตฺวา น วทนฺตี’’ติ เอตฺถ สเจ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายภยา น วทนฺติ, อนาปตฺติ. ‘‘อธมฺมกมฺเม อธมฺมกมฺมสฺา อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อนาปตฺติ อสมนุภาสนฺติยา’’ติ สงฺฆาทิเสสํ สนฺธาย วุตฺตํ.

สตฺตมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๑๕. ปจฺจากตาติ ปราชิตา. กุลทูสกสิกฺขาปทสฺส, อิมสฺส จ นิทานมตฺตเมว นานากรณํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ตสฺส วจนสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย เอว วจนีโย, น กุลทูสนนิวารณตฺถายา’’ติ. เอวํ สนฺเต อุโภเปตา อาปตฺติโย อฺมฺํ สภาคตฺถา, ตสฺมา อิทํ ตสฺส อนุปฺตฺติสทิสํ อาปชฺชติ, ตโต อิทํ นิรตฺถกเมว อาปชฺชตีติ? น เอวํ ทฏฺพฺพํ. วตฺถุวิเสสโต, กมฺมวาจาวิเสสโต จ อุภินฺนํ นานากรณํ.

อฏฺมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๒๓. ‘‘กายิกวาจสิเกน สํสคฺเคนา’’ติ ปาเสโส.

นวมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สงฺฆาทิเสสกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นิสฺสคฺคิยกณฺฑวณฺณนา

๑. ปมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๓๓. ปมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทํ อุตฺตานเมว.

๒. ทุติยนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๔๐. วตฺถุสมฺปตฺตตฺตา วา น ตสฺสา อนาปนฺนกามตาย วา อนาณตฺติกตาย วา อกาลจีวรมทํสุ. ยถาทาเน เอว อุปเนตพฺพํ, น ภาเชตพฺพํ ปุคฺคลิกตฺตาติ อธิปฺปาโย. อตฺถโต หิ อิตรมฺปิ ยถาทาเน เอว อุปเนตพฺพเมว. คณฺิปเท ปน ‘‘อยฺยาย ทมฺมีติ เอวํ ปฏิลทฺธนฺติ นิสฺสฏฺปฏิลทฺธํ. ยถาทาเนติ ทายเกหิ ปริจฺจตฺตวิธาเนน. อุปเนตพฺพนฺติ อกาลจีวรภาเวน ภาเชตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อิธ ภาชาปิตาย ลทฺธจีวรเมว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตํ วินยกมฺมํ กตฺวาปิ อตฺตนา น ลภตี’’ติ ลิขิตํ. ยทิ นิสฺสฏฺปฏิลทฺธํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ สิยา, ‘‘นิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทเทยฺย, ทเทยฺยุํ, อยฺยาย ทมฺมี’’ติ วุตฺตตฺตา ตีณิเปตานิ ปทานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ, ตสฺมา น เกวลํ นิสฺสฏฺปฏิลทฺธเมว ยถาทาเน อุปเนตพฺพํ, อฺาหิ ภิกฺขุนีหิ ลทฺธโกฏฺาสมฺปิ ยถาทาเนเยว อุปเนตพฺพํ.

๗๔๑. ‘‘อกาลจีวเร กาลจีวรสฺาย อนาปตฺตี’’ติ ปน ภาชนปจฺจยา อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ นาปชฺชตีติ เอตฺตกเมว ทีเปติ, น ปฏิลทฺธํ, น ยถาทาเน ทาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. เลเสน ปน คณฺหาติ เจ, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพา.

ทุติยนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๔๔. สกสฺาย คหิตตฺตา ปาจิตฺติยํ, ทุกฺกฏฺจ วุตฺตํ. อิตรถา ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพํ.

ตติยนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๕๒. เลเสน คเหตุกามตา, อฺสฺส วิฺุสฺส วิฺาปนํ, ปฏิลาโภติ ตีณิ องฺคานิ, ตสฺมา ปมํ วิฺตฺตํ อลภิตฺวา อฺํ ตโต อูนตรมฺปิ ลเภยฺย, นิสฺสคฺคิยเมว องฺคสมฺปตฺติโต. เอส นโย อฺตฺถาปิ.

จตุตฺถนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๕๓. ‘‘เตลํ โคเปตฺวา สปฺปิมฺปิ เม อตฺตโน กุลฆรา’’ติ กิร ปาโ.

ปฺจมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉฏฺนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๕๘-๗๖๒. ปาวาริกสฺสาติ ทุสฺสวาณิชกสฺส. ยาย เจตาปิตํ, ตสฺสา นิสฺสคฺคิยํ, นิสฺสฏฺปฏิลาโภ จ. ‘‘อิตราสํ ปน ชานิตฺวา วสฺสคฺเคน ปตฺตโกฏฺาสํ สาทิยนฺตีนมฺปิ น นิสฺสคฺคิยํ, เกวลํ ยถาทาเน เอว ตาหิปิ อุปเนตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘นิสฺสฏฺํ ปฏิลภิตฺวาปิ ยถาทาเน อุปเนตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา เสสาหิ คหิตํ สุคฺคหิต’’นฺติ วทนฺติ. เอตฺถ คิลานายปิ น โมกฺโข.

ฉฏฺนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๖๔. สตฺตเม ‘‘สยํ ยาจิตเกนา’’ติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ. ตถาปิ อฺทตฺถิเกน อตฺตุทฺเทสิเกน สฺาจิเกนาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยมตฺโถ ‘‘ภิกฺขุนิโย เตน จ ปริกฺขาเรน สยมฺปิ ยาจิตฺวา เภสชฺชํ เจตาเปตฺวา ปริภุฺชึสู’’ติ อิมิสฺสา ปาฬิยา อตฺเถน สํสนฺทิตฺวา เวทิตพฺโพ. ตสฺสายมตฺโถ – เตน ปริกฺขาเรน เภสชฺชํ เจตาเปตฺวา จ-สทฺเทน สฺาจิเกน จ เภสชฺชํ เจตาเปตฺวาติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต ‘‘สยมฺปิ ยาจิตฺวา เภสชฺชํ เจตาเปตฺวา’’ติ อาห. อฺถา ‘‘เตน ปริกฺขาเรน เภสชฺชํ เจตาเปตฺวา สยมฺปิ ยาจิตฺวา ปริภุฺชึสู’’ติ อิมินา อนุกฺกเมน ปาฬิ วตฺตพฺพา สิยา.

ปทภาชเน ปน ‘‘สํยาจิเกนาติ สยํ ยาจิตฺวา’’ติ ตสฺเสว ปทสฺส อธิปฺปายมตฺตํ วุตฺตํ. สา หิ ปทภาชนธมฺมตา. ‘‘สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณต’’นฺติอาทิปทานํ ภาชเน ปน สา ปากฏา. อฺถา สํยาจิกปเทน โก อฺโ อติเรกตฺโถ สงฺคหิโต สิยา, โส น ทิสฺสตีติ ตเทว ปทํ นิปฺปโยชนํ, อิทฺจ สิกฺขาปทํ ปุริเมน นินฺนานากรณํ สิยา. อตฺตโน หิ สนฺตกํ ยถากามํ กรณียนฺติ. เอตฺถ จ สงฺฆสฺส ยาจนาย วเสน เอกโต หุตฺวา ยาจนาย ลทฺธํ สํยาจิกนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺถา อิโต ปเรน สํยาจิก-สทฺเทน อิทํ นิพฺพิเสสํ อาปชฺชตีติ ‘‘ปุคฺคลิเกน สํยาจิเกนา’’ติ อิทฺจ สิกฺขาปทํ วิสุํ น วตฺตพฺพํ สิยา อิเธว เตน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา สงฺคหิตตฺตา, น จ สงฺคหิตา อาปตฺติทฺวยภาวโต. มิสฺเสตฺวา เจตาปิตตฺตา หิ เอกเมว อาปตฺตีติ เจ? น, สํยาจิกปทสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต, เอวํ สงฺฆิกมหาชนิกปุคฺคลิกานิ มิสฺสิตฺวา เจตาปเน เอกาปตฺติภาวปฺปสงฺคโต จ.

สตฺตมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๖๙. คณสฺสาติ อาภิธมฺมิกาทิคณสฺส, อูนจตุวคฺคสฺส จ.

อฏฺมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๗๔. สฺาจิเกนาติ คณยาจนาย ลทฺเธเนว, น อฺเน.

นวมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๗๙. ทสเม ปน ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี อฺทตฺถิเกน ปริกฺขาเรน อฺุทฺทิสิเกน ปุคฺคลิเกน อฺํ เจตาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวํวิเธน ภวิตพฺพํ, ‘‘ปุคฺคลิเกน สํยาจิเกนา’’ติ อิมินา เอกาทสเมน ภวิตพฺพํ สิยา ยถากฺกเมน สมฺภวโต. กามเมว เจตํ อฏฺุปฺปตฺติยา อภาวโต น วุตฺตํ, อตฺถโต ปน คเหตพฺพเมว. เอตฺถ ปน สงฺฆคณปุคฺคลานํ ปวาริตฏฺาเน, ปุคฺคลสฺเสว าตกฏฺาเน จ อนาปตฺติฉายา ทิสฺสติ, อิทํ สพฺพํ อมฺหากํ ตกฺกานุสารวเสเนว วุตฺตนฺติ กตฺวา น สารโต ทฏฺพฺพํ. วิจาเรตฺวา ยถา นิจฺจลการณํ ทิสฺวา ยํ วา วินยกฺกมโกวิทา อนุชานนฺติ, ตํ ตเทว คเหตพฺพํ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘อาปทาสุปิ อฺํ ครุภณฺฑเมว เจตาเปตพฺพํ, อิตรํ น วฏฺฏติ, ภิกฺขุสฺส ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

ทสมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. เอกาทสมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๘๔. ‘‘ทุติยวคฺคสฺส ปเม’’ติ อวตฺวา ‘‘เอกาทสเม’’ติ อิธ วุตฺตํ. กสฺมา? ภิกฺขุนิวิภงฺเค ตึสกกณฺฑํ ปตฺวา วคฺคกฺกมสฺส อวุตฺตตฺตา. ยสฺมา ปวาริตฏฺาเน วิฺตฺติ นาม น ปฏิเสเธตพฺพา, ตสฺมา ภควา อฺาติกอปฺปวาริตฏฺาเน ธมฺมนิมนฺตนวเสน วเทยฺย ‘‘เยนตฺโถ’’ติ วุตฺตาย ‘‘จตุกฺกํสปรมํ วิฺาเปตพฺพ’’นฺติ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. อฺถา ‘‘นิทาเนน สิกฺขาปทํ น สเมติ, สิกฺขาปเทน จ อนาปตฺติวาโร’’ติ จ ‘‘อกตวิฺตฺติยา จตุกฺกํสปรมํ วิฺาเปตพฺพ’’นฺติ จ อนิฏฺํ อาปชฺชติ, ตสฺมา มาติกาฏฺกถายํ เจตาเปตพฺพนฺติ เปตฺวา สหธมฺมิเก จ าตกปวาริเต จ อฺเน กิสฺมิฺจิเทว คุเณน, ปริตุฏฺเน จ วเทยฺย ‘‘เยนตฺโถ’’ติ วุตฺตสฺส ‘‘วิฺาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘อิทํ ปริจฺฉินฺนปวารณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตานนฺติ ปน สพฺพปฺปกาเรน ปวตฺตํ นิจฺจปวารณํ สนฺธาย วุตฺตํ. นิจฺจปวารณา นาม ยทา เยนตฺโถ, ตทา ตํ วเทยฺยาถาติ เอวํ ปวตฺตา. ‘หนฺท สีตปาวุรณ’นฺติ เทนฺตานํ ปน อติเรกจตุกฺกํสมฺปิ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อยเมว นโย ทสเมปีติ.

เอกาทสมนิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภิกฺขุนีวิภงฺเค ตึสกวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิสฺสคฺคิยกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปาจิตฺติยกณฺฑวณฺณนา

๑. ลสุณวคฺโค

๑. ปมลสุณสิกฺขาปทวณฺณนา

๗๙๓-๗. อหํ ลสุเณนาติ เอตฺถ ‘‘ปวาเรมี’’ติ ปาเสโส. พทรสาฬวํ กิร พทรผลานิ สุกฺขาเปตฺวา จุณฺเณตฺวา กตฺตพฺพา ขาทนียวิกติ.

ปมลสุณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๐๐. สํหราเปยฺยาติ ‘‘สํหรติ วา สํหราเปติ วา’’ติ ปทภาชนํ เวทิตพฺพํ. กิฺจาปิ เอตฺถ อาปตฺติเภโท น ทสฺสิโต, ตถาปิ ขุรสณฺฑาสกตฺตริอาทิปริเยสนฆํสนาทีสุ ปุพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฏํ ยุชฺชติ, ยถา เจตฺถ, เอวํ ตลฆาตกาทิมฺหิ จ อาปตฺติเภโท ปาฬิยํ น วุตฺโต. ยถาสมฺภวํ ปน ปุพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฏํ สมฺภวติ. เอวํ ภิกฺขุสฺส เอตฺถ จ ลสุเณ จ ทุกฺกฏํ. อิทํ กิริยากิริยนฺติ โปราณา. ตตฺถ ‘‘กิริยากิริย’’นฺติ น วุตฺตํ.

ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘๐๒-๖. ตติยจตุตฺถสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๕. ปฺจมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๑๒. ปฺจเม อุทกสุทฺธิปจฺจเย สติปิ ผสฺสสาทิยเน ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท อนาปตฺติ. ตตฺถ ทฺวินฺนํ ปพฺพานนฺติ ‘‘ทฺวินฺนํ องฺคุลานํ สหปเวสเน เอเกกองฺคุลสฺส เอเกกํ ปพฺพํ กตฺวา ทฺเว ปพฺพา, เอกงฺคุลปฺปเวสเน ทฺวินฺนํ ปพฺพานํ อุปริ น วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. มหาปจฺจริยมฺปิ อยเมว นโย ทสฺสิโต’’ติ ลิขิตํ.

ปฺจมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘๑๕. ฉฏฺสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๗. สตฺตมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๒๐-๘๒๒. ‘‘นครํ อติหรนฺตี’’ติ ปาโ. ‘‘นครทฺวาเร อติหรนฺตี’’ติ กตฺถจิ, ตตฺถ ทฺวาเรนาติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ. ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธนฺติ ‘‘ปุนปิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ วาทํ สนฺธาย, น ตโต ปุพฺเพ ตตฺถ วุตฺตํ วาทํ. เอตฺถ ‘‘มาตรมฺปิ วิฺาเปตฺวาติ วจเนน วิรุชฺฌตี’’ติ ลิขิตํ, ตํ ทุลฺลิขิตํ, น หิ เตน วิโรธํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ. กรเณ เจ ปาจิตฺติยํ, การาปเนปิ ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพํ. อถ การาปเน ทุกฺกฏํ, กรเณปิ ทุกฺกเฏเนว ภวิตพฺพํ. น หิ กรเณ วา การาปเน วา วิเสโส อตฺถิ อาปชฺชเน สตีติ อธิปฺปาโย.

๘๒๓. สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตีติ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘สาธู’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ปฏิคฺคเหตุํ วฏฺฏติ. อนามาสตฺตา ‘‘อามกธฺํ ปน าตกปวาริตฏฺาเนปิ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘กปฺปิเยน ลทฺธํ ธฺํ ภชฺชิตฺวา ภุฺชนฺติยา ทุกฺกฏํ. อปรณฺเณปิ เอเสว นโย’’ติ จ ‘‘อนาปตฺติ อาพาธปจฺจยาติ วจนโต สตฺต ธฺานิปิ อนามาสานีติ สิทฺธํ, เตเนว เหฏฺา อฏฺกถายํ ทุกฺกฏวตฺถุมฺหิ สตฺต ธฺานิปิ คหิตานิ อนามาสานี’’ติ จ วุตฺตานิ. อามาสานิ กปฺปิยวตฺถูนิ จ ยทิ ภเวยฺยุํ, ยถา าตกปวาริเต สนฺธาย ‘‘อปรณฺณํ วิฺาเปตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตานํ อฺสฺส อตฺถาย วิฺาเปติ, อุมฺมตฺติกาย อาทิกมฺมิกายา’’ติ วตฺตพฺพํ. ยสฺมา ทุกฺกฏวตฺถุตฺตา จ อนามาสตฺตา จ มาตรมฺปิ สตฺตวิธํ ธฺํ วิฺาเปตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ สตฺตวิธํ ธฺํ สนฺธาย ‘‘อนาปตฺติ อาพาธปจฺจยา’’ติ วุตฺตํ, ยถา ภิกฺขุนิยา อาพาธปจฺจยา วฏฺฏติ, ตถา ภิกฺขุสฺสาปีติ จ. ยถา วา ปน ภิกฺขุนิยา ภชฺชนาทีนิ การาเปตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ ภิกฺขุสฺสาปิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘อฺตโร พาลภิกฺขุ กปฺปิยํ อชานนฺโต เอตทโวจ ‘อามกธฺํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ ภิกฺขูนํ น วฏฺฏติ. เอตํ ธฺํ ภชฺชิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ปจิตฺวา ยาคุขชฺชกํ ภตฺตฺจ เทถา’ติ, อาณาปกสฺเสว ภิกฺขุสฺส อาปตฺติ, สพฺเพสํ อนาปตฺตี’’ติ. ตสฺมา ‘‘สงฺฆวาริกานํ ธฺํ โกฏฺเฏถา’’ติ อารามิกานํ วตฺตุฺจ น วฏฺฏติ. ‘‘ทิวสํ ปริพฺพยํ คณฺหถ, ตณฺฑุเล สมฺปาเทถ, ตฺวํ เอตฺตเก คณฺห, ตฺวํ เอตฺตเก’’ติ เอวมาทีนิ ปน วตฺตุํ วฏฺฏตีติ จ. ยํ ปน ‘‘อวิฺตฺติยา ลพฺภมานํ ปน นวกมฺมตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ เหฏฺา ‘‘อิมํ ตฬากํ เขตฺตํ วตฺถุํ วิหารสฺส เทมา’ติ วุตฺเต ‘สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ นยํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา สุวุตฺตเมว. ‘‘นวกมฺมตฺถาย ธฺํ เทมา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธู’’ติ วตฺตพฺพํ. ยํ ปน เหฏฺา ‘‘ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ อตฺตโน วา สงฺฆคณปุคฺคลเจติยานํ วา อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ…เป… ทุกฺกฏวตฺถุํ สพฺเพสมฺปิ อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉโต ทุกฺกฏเมวา’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตเมว. กสฺมา? ‘‘เจติยสฺส อตฺถาย ธฺํ ทาตุกาโมมฺหิ, ตุมฺเห ภนฺเต ตทตฺถาย สมฺปฏิจฺฉถา’’ติ วุตฺเต ปฏิคฺคเหตุํ อกปฺปิยตฺตา. ‘‘อิทํ ปน ตาทิสํ น โหตี’’ติ จ วุตฺตํ. สพฺโพปายํ อุปติสฺสตฺเถรวาโท กิร. ธมฺมสิริตฺเถโร ปเนวมาห ‘‘ปุพฺเพปิ นวกมฺมตฺถาย ปฏิคฺคโห น วาริโต, สงฺฆสฺสตฺถาย ปฏิคฺคหิตมฺปิ ปฏิคฺคาหกสฺเสว อกปฺปิย’’นฺติ.

สตฺตมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๒๔. โปราณา ‘‘นิพฺพิฏฺราชภโฏ’’ติ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ วาริตภตฺตเวตโน ราชภโฏติ. ‘‘ตฺเว ภฏปถนฺติ ตํเยว ภตฺตเวตน’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. อุมฺมุกนฺติ อลาตํ.

๘๒๖. เอตฺถ ฉฑฺฑิตํ กิริยา. อโนโลกนํ อกิริยา.

อฏฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๓๒. ‘‘สามิเก อปโลเกตฺวา ฉฑฺเฑตี’’ติ กตฺถจิ โปตฺถเก นตฺถิ, กตฺถจิ อตฺถิ, อตฺถิภาโวว เสยฺโย กิริยากิริยตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อิธ เขตฺตปาลกา, อารามาทิโคปกา จ สามิกา เอว. ‘‘สงฺฆสฺส เขตฺเต, อาราเม จ ตตฺถ กจวรํ น ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ กติกา เจ นตฺถิ, ภิกฺขุสฺส ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา, น ภิกฺขุนีนํ. ตาสมฺปิ ภิกฺขุนิสงฺฆสนฺตเก วุตฺตนเยน วฏฺฏติ, น ตตฺถ ภิกฺขุสฺส, เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสเนว กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

นวมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๓๓. สาธุกีฬิตคีตํ วาติ เอตฺถ ปาจิณฺณคีตมฺปิ โสตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘คีตุปสฺหิตํ ปน ธมฺมํ โสตุํ วฏฺฏตีติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘ธมฺมคีตมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺธสฺส คายาม วาเทมาติ วุตฺเต สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปูชํ กโรม, ชาตกํ วา วตฺถุํ วา เทเสมาติ วุตฺเต ‘สาธู’ติ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ วุตฺตํ.

๘๓๖. เอกปโยโค นาม เอกทิวสาวโลกนํ. เตสํเยวาติ เยสํ นจฺจํ ปสฺสติ. ‘‘ภิกฺขุนี สยมฺปิ นจฺจิตุํ วา คายิตุํ วา วาทิตุํ วา น ลภตี’’ติอาทิ อิธ สิกฺขาปเท นตฺถิ. กสฺมา? เอฬกโลมสมุฏฺานตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? สุตฺตานุโลมมหาปเทสโต. ยทิ นจฺจาทีนิ ปสฺสิตุํ วา โสตุํ วา น ลภติ, ปเคว อตฺตนา กาตุนฺติ นยโต ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ. อิตรถา มหาปเทสา นิรตฺถกา สิยุํ. เอวมฺตฺถาปิ นโย เนตพฺโพ. ‘‘สมุฏฺานมฺปิ อิธ วุตฺตเมว อคฺคเหตฺวา ฉสมุฏฺานวเสน คเหตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. ตํ ‘‘อฺเ นจฺจ, คาย, วาเทหี’’ติ วตฺตุํ น ลพฺภตีติอาทิวจีกมฺมํ สนฺธาย ลิขิตฺเจ, ตํ สุลิขิตํ เอฬกโลมสมุฏฺาเน วาจาย อภาวโต. ‘‘สยมฺปิ นจฺจิตุ’’นฺติอาทิกายกมฺมฺเจ สนฺธาย ลิขิตํ, ทุลฺลิขิตํ. เอฬกโลมสมุฏฺานฺหิ เอกนฺตโต กายกมฺมํ โหติ, ตสฺมา อุทฺธฏํ อคฺคเหตฺวา อาทิสทฺเทน สงฺคหิตเมว อิธ คเหตพฺพนฺติ. เอตํ เอฬกโลมสมุฏฺานตฺตาติ เอตฺถ การณวจเน สุตฺตานุโลมมหาปเทสโตติ เอตฺถ ปน อุทฺธฏํ คเหตพฺพํ, เอวํ ยถาลาภวเสน ตํ ลิขิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อาหจฺจภาสิตสิกฺขาปทวเสน เอฬกโลมสมุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ อุปติสฺสตฺเถโร. ‘‘เอฬกโลมสมุฏฺานฺเจ อิทํ สิกฺขาปทํ, อาณาปโก มุจฺเจยฺย, น จ มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘กสฺมา’’ติ วุตฺเต ‘‘สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถาจริโย อาหาติ ธมฺมสิริตฺเถโร.

๘๓๗. อาราเม ตฺวาติ น เกวลํ ตฺวา, ตโต คนฺตฺวา ปน สพฺพิริยาปเถหิปิ ลภติ. ‘‘อาราเม ิตาติ ปน อารามปริยาปนฺนาติ อตฺโถ, อิตรถา นิสินฺนาปิ น ลเภยฺยา’’ติ ลิขิตํ, ตํ สุลิขิตเมว.

ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ลสุณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อนฺธการวคฺควณฺณนา

๑. ปมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๓๙. ‘‘ทิวาปิ อนฺธการํ อตฺถิ, ตปฺปฏิเสธนตฺถํ ‘รตฺตนฺธกาเร’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ โปราณา. สนฺติฏฺเยฺยาติ เอตฺถ านาปเทเสน จตุพฺพิโธปิ อิริยาปโถ สงฺคหิโต, ตสฺมา ปุริสสฺส หตฺถปาเส เตน สทฺธึ จงฺกมนาทึ กโรนฺติยา ปาจิตฺติยเมว. ‘‘สลฺลเปยฺย วา’’ติ เกวลํ นิทานวเสน วุตฺตํ วิเสสาภาวโต. ‘‘สลฺลเปยฺยวาติ ปุริสสฺส หตฺถปาเส ิตา สลฺลปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตนฺติ เอเก. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺส ปุริสสฺส หตฺถปาเส ิเตเนว เอกํ ปาจิตฺติยํ. สลฺลปเนนปิ อปรมฺปิ เอกํ อาปชฺชตีติ นาปชฺชติ, กถํ ปฺายตีติ? องฺควเสน. อิมสฺส หิ รตฺตนฺธการตา, ปุริสสฺส หตฺถปาเส านํ วา สลฺลปนํ วา, สหายาภาโว, รโหเปกฺขตาติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ ยทิ านปจฺจยา เอกา อาปตฺติ วิสุํ สิยา, ตสฺสา จตฺตาริ องฺคานิ สิยุํ. ยทิ สลฺลปนปจฺจยา เอกา, ตสฺสาปิ ปฺจ องฺคานิ สิยุํ. ตสฺมา มาติกาฏฺกถายํ ‘‘จตฺตาริ วา ปฺจ วา องฺคานี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตํ, ตสฺมา สลฺลปนปจฺจยา วิสุํ นตฺถีติ. อตฺถิเยว, มาติกาฏฺกถาวจนฺจ ตทตฺถเมวาติ เอเก. กถํ? สหุปฺปตฺติโต ทฺวินฺนํ อาปตฺตีนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? สลฺลปเน สติ านปจฺจยา อาปชฺชิตพฺพํ จตุรงฺคิกํ, สลฺลปนปจฺจยา อาปชฺชิตพฺพํ จตุรงฺคิกนฺติ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ สหุปฺปนฺนานิ เอกโต อาปชฺชนฺตีติ. อิทํ อยุตฺตํ ปาฬิวิโรธโต. ปาฬิยฺหิ ‘‘สลฺลเปยฺย วาติ ปุริสสฺส หตฺถปาเส ิตา สลฺลปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ ทฺเว สิยุํ, ‘‘อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ปาจิตฺติยาน’’นฺติ น วตฺตพฺพตา สิยาติ. อยํ นโย ทุติยาทีสุปิ ยถาโยคํ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ ทุติเยนาปิ สทฺธึ ยทิ ภิกฺขุนิยา รโหเปกฺขตา อตฺถิ, โส เจ ปุริโส, น ทุติโย, ปุริสคณนาย อาปตฺติโย. อถ ทุติยา ภิกฺขุนี โหติ, ตสฺสา จ เตน ปุริเสน สทฺธึ รโหเปกฺขตา อตฺถิ, สา จ ภิกฺขุนี น ทุติยา โหติ. อุภินฺนมฺปิ อาปชฺชตีติ เอเก, วิจาเรตฺวา ปน คเหตพฺพํ. โปราณคณฺิปเท ปน วุตฺตํ ‘‘หตฺถปาเส าเนน ทุกฺกฏ’’นฺติ, ตํ ปาฬิยา วิรุชฺฌติ. ‘‘ปุริสสฺส หตฺถปาเส ติฏฺติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ หิ ปาฬิ, กึพหุนา. จตุตฺถสิกฺขาปเท มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยิกอุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สนฺติฏฺนาทีสุ ตีณิ ปาจิตฺติยานี’’ติอาทิวจนโต วตฺถุคณนาย อาปตฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘องฺคานิ เจตฺถ จตฺตาริ ปฺจ วา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ สนฺนิฏฺานํ.

ปมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๓-๔. ทุติยตติยจตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๔๒-๖. ทุติยตติยจตุตฺถานิ อุตฺตานานิ. สพฺพตฺถ ‘‘สลฺลปตีติ ยํ กิฺจิ ติรจฺฉานกถํ กเถตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

๘๕๒. จตุตฺเถ ปนายํ วิเสโส – ‘‘เอเกเนกา’’ติ ปมํ วุตฺตตฺตา ทุติยิกํ วา ภิกฺขุนีนํ อุยฺโยเชยฺย, ปาจิตฺติยํ น สมฺภวตีติ เจ? สมฺภวติ. กสฺมา? สนฺติฏฺนาทิตฺตยมตฺตาเปกฺขตฺตา, ตสฺส วจนสฺสาปิ วา อฺายปิ รโหเปกฺขนสฺสาทสมฺภเว สติ อุภินฺนํ เอกตฺถสมฺภวโต จ สาธิตเมตํ. ‘‘หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา สนฺติฏฺติ วา สลฺลปติ วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. กสฺมา ‘‘นิกณฺณิกํ วา ชปฺเปตี’’ติ น วุตฺตํ? หตฺถปาสาติกฺกเม อสมฺภวโต. ตสฺส ตติยสฺส ปทสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา สมฺภวนฺตมฺปิ ‘‘ทุติยิกํ วา อุยฺโยเชตี’’ติ น วุตฺตํ, ตสฺมา อตฺถโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา สนฺติฏฺติ วา สลฺลปติ วา ทุติยิกํ วา อุยฺโยเชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย ยกฺเขน วาติอาทีสุปิ. ตตฺถ ‘‘หตฺถปาเส’’ติ วา ‘‘หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา’’ติ วา น วุตฺตํ อุภยตฺถ ทุกฺกฏตฺตา. อนาปตฺติวาเรปิ อสมฺภวโต ‘‘นิกณฺณิกํ วา ชปฺเปตี’’ติ น วุตฺตนฺติ เจ? สมฺภวติ สติ กรณีเย นิกณฺณิกํ วา ชปฺเปตีติ สมฺภวโต. อถ กสฺมา เอวํ น วุตฺตนฺติ เจ? อนวชฺชกถายํ นิกณฺณิกชปฺปเน ปโยชนาภาวา, ธมฺมกถายมฺปิ อุทายึ อารพฺภ ปฏิสิทฺธตฺตา จ.

ทุติยตติยจตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๕๖. ‘‘กุลํ นาม จตฺตาริ กุลานี’’ติ วุตฺตตฺตา ติตฺถิยาราเม กปฺปติ ตสฺส กุลโวหาราภาวโตติ เอเก. ติตฺถิยานํ ขตฺติยาทิปริยาปนฺนตฺตา น กปฺปตีติ เอเก. ตสฺส กปฺปิยภูมิตฺตา น ยุตฺตนฺติ เจ? น, ยถาวุตฺตขตฺติยาทีนํ สมฺภวโต. ตถาปิ โคจรกุลํ อิธาธิปฺเปตํ. ‘‘อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ’’ติ ลิขิตํ.

ปฺจมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๖๐. ‘‘นิสีทนฺติยา เอกา, นิปชฺชนฺติยา เอกา’’ติ อวตฺวา ‘‘นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺติยา’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ. น หิ คมนปจฺจยา เอสา อาปตฺตีติ? น, ปริโยสานาธิปฺปายวเสน วุตฺตตฺตา. ‘‘นิสีทิตฺวา นิปชฺชนฺติยา ทฺเว’’ติ วจเนนปิ คมนํ อิธ นาธิปฺเปตนฺติ ทสฺสิตํ โหติ, ตถา ‘‘นิปชฺชิตฺวา นิสีทนฺติยา ทฺเว’’ติปิ วตฺตพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘ตสฺมึ อภินิปชฺชติ, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ปาจิตฺติยาน’’นฺติ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? อนิสีทิตฺวาปิ นิปชฺชนสมฺภวโต. นิปชฺชนตฺถาย นิสีทิตฺวา นิปชฺชนฺติยา นิปชฺชนกปโยคตฺตา เอกา อาปตฺตีติ เกจิ.

ฉฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๖๗. อนาปตฺติวาเร ‘‘ธุวปฺตฺเต’’ติ น วุตฺตํ ‘‘สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา’’ติ วุตฺตตฺตา. อิธ ฉฏฺเ วุตฺตนเยน ปกติยา ปฺตฺเต อภินิสีทติ วา อภินิปชฺชติ วา, ปาจิตฺติยเมว. อฺตฺถ ธุวปฺตฺตํ. อิธ วุตฺตนเยน สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา อภินิสีทติ วา อภินิปชฺชติ วา, ปาจิตฺติยเมว. อุภยตฺถาปิ ปฺจเม วุตฺตนเยน อนาปุจฺฉา ปกฺกเมยฺย, ปาจิตฺติยเมว, อนาปตฺติวาเร มาติกายํ วุตฺตกาลโต อฺกาลสฺส อปรามฏฺตฺตาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อปิจ อตฺถาปตฺติกาเล อาปชฺชติ, โน วิกาเลติอาทิตฺติเก, อตฺถาปตฺติ รตฺตึ อาปชฺชติ, โน ทิวาติอาทิตฺติเก จ อฏฺกถายํ อิธ ปฺจมฉฏฺสตฺตมสิกฺขาปเทหิ สงฺคหิตาปตฺตีนํ อปรามฏฺตฺตา ยถาสมฺภวํ ติวิธกาเล ติวิธเมตํ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ วฏฺฏติ เอว มหาปเทสนยานุโลมโต.

สตฺตมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๖๙. อฏฺเม ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ สมฺภวติ.

อฏฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๗๕-๗. ทุคฺคาหวเสน วา สุคฺคาหวเสน วา ยถาวุตฺตนเยน สปถกรเณ อาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา มาติกายํ ‘‘อตฺตานํ วา ปรํ วา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ยา อตฺตานเมว อารพฺภ สปถํ กเรยฺย, ตสฺสา เอกา. ปรเมวารพฺภ ตสฺสา เอกา. อุโภปิ อารพฺภ ตสฺสา ทฺเว อาปตฺติโย สมฺภวนฺติ. ติกจฺเฉโท ปเนตฺถ ปรเมวารพฺภ สปถกรณํ สนฺธาย ปวตฺโต.

นวมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๘๒. ทสเม อนาปตฺติวาโร โรทนสฺเสว, น วธสฺส, ตสฺมา าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺาปิ อตฺตานํ วธติ เอว, น โรทติ, ทุกฺกฏเมว.

ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนฺธการวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นคฺควคฺควณฺณนา

๑-๒. ปมทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๘๓. นคฺควคฺคสฺส ปมทุติยานิ อุตฺตานานิ. ปเม อยํ วิเสโส – ภิกฺขุสฺส ตถา นฺหายนฺตสฺส ทุกฺกฏํ อฺตฺร ชนฺตาฆรอุทกปฏิจฺฉาทีหิ. น จ วิครหิ ตตฺถ ภควา อตฺตนาว อนนุฺาตตฺตา อุทกสาฏิกายาติ โปราณา. ‘‘เอกเมว นิวาเสตฺวา, ปารุปิตฺวา จ นหายิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

ปมทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๙๔. ตติเย อนฺโตจตูหปฺจาหํ ธุรํ นิกฺขิปนฺติยาปิ อาปตฺติ เอว. ลิงฺคปริวตฺเต ธุรํ นิกฺขิปนฺติยา ทุกฺกฏํ ติกทุกฺกฏตฺตา. ‘‘สมฺพหุลาหิ ภิกฺขุนีหิ สทฺธินฺติ เอตฺถ จตสฺโสปิ สมฺพหุลา’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

ตติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา

๘๙๘. จตุตฺเถ สงฺฆาฏิจารนฺติ เอตฺถ สงฺฆาฏิอาทิวเสน อธิฏฺิตานํเยวายํ วิธิ, เนตราสํ กิร. ตตฺถ ติจีวเร เอว วิปฺปวาสปจฺจยา นิสฺสคฺคิยํ. อนฺโตจีวรกาเลปิ ปฺจาหิกํ สงฺฆาฏิจารํ อติกฺกาเมนฺติยา อาปตฺติเยว. ‘‘วินา เอเตหิ จีวเรหิ อุปสมฺปทํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

จตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๐๖. ปฺจมสฺส อนาปตฺติวาเร ตาย วา อวิปฺปวาสายาติ อตฺถโต ลพฺภติ.

ปฺจมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๐๗-๙๑๑. ฉฏฺสตฺตมานิ อุตฺตานานิ.

๘. อฏฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๑๖. โสกชฺฌายิกา นาม กิร มายาการา. วิลุมฺปกา ภณฺฑกาติ จ โปราณา.

อฏฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๒๐. ‘‘กถฺหิ นาม อติกฺกาเมสฺสตี’’ติ วุตฺตตฺตา ถุลฺลนนฺทา จีวรกาลสมยํ อาคเมถาติ อติกฺกมาเปสีติ สิทฺธํ โหติ.

นวมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๒๗. ทสเม เอกกุลํ เอตทโวจุนฺติ เอตฺถ กุลํ นาม ตสฺมึ มนุสฺสา, ตสฺมา พหุวจนํ.

ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ตุวฏฺฏวคฺควณฺณนา

๑. ปมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๓๔-๕. เอกาย นิปนฺนาย อปรา นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ ‘‘อุภินฺนมฺปิ ปมนิปนฺนาย อนุฏฺาปนา’’ติ วตฺวา เอตฺถ กิริยากิริยนฺติ เอเก, ตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. ‘‘กิริย’’นฺติ หิ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อถ กสฺสา อาปตฺตีติ? อุภินฺนมฺปิ นิปชฺชนกิริยํ ปฏิจฺจ. อิมสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘ววตฺถานํ ทสฺเสตฺวา’’ติ นตฺถิ, ตสฺมา ววตฺถานํ กตฺวา นิปชฺชิตุํ น วฏฺฏตีติ เอเก. วิปุลตเร วฏฺฏตีติ เอเก. ‘‘อนฺตรํ กตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ โปราณคณฺิปเท ลิขิตํ.

ปมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๔๐. ววตฺถานํ ทสฺเสตฺวาติ เอตฺถ อุปริ ปารุปนมฺปิ มชฺเฌ โอโภคํ กตฺวา อุภินฺนํ อนฺตเร โอตาเรติ, วฏฺฏตีติ เอเก. ววตฺถานฺจ ยถา าเน น ติฏฺติ, ตถา อติกฺกมิตฺวา ตุวฏฺเฏนฺติยา อาปตฺติเยวาติ. ‘‘กิริยากิริย’’นฺติ จ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๔๑. อตฺตโน สชฺฌายนฏฺาเน เจ วุฑฺฒตรา อาคจฺฉติ, วนฺทนกาเล วา, อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ. เอกสฺมึ โอวรเก อาปุจฺฉิตพฺพํ. ‘‘อถ โอวรเก มหาเถรี วสติ, สมฺมุเข อิตรา, อาปุจฺฉิตพฺพา ตสฺสา อุปจารตฺตา’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ.

ตติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๔๖-๙๕๐. จตุตฺถปฺจมสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๖. ฉฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๕๖. คหปติ นาม เปตฺวา สหธมฺมิเก เวทิตพฺโพ, ตสฺมา ภิกฺขุนา วา สามเณเรน วา อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน สํสฏฺาปิ น สมนุภาสิตพฺพาติ สมฺภวติ เอว.

ฉฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๖๑-๕. สตฺตมอฏฺม สิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๙. นวมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๖๙. เอกินฺทฺริยนฺติ กายินฺทฺริเยเนว เอกินฺทฺริยํ, นิคณฺานํ อเจลกานํ มตํ. กาปิลา ปน ‘‘ปฺจินฺทฺริยา’’ติ มฺนฺตา เอวํ วทนฺติ ‘‘สจกฺขุกตฺตา อลาพุมาลุวาทโย ยตฺถ อาลมฺพนํ, ตตฺถ คจฺฉนฺติ. สโสตกตฺตา กทลิโย เมฆคชฺชิตํ สุตฺวา คพฺภํ คณฺหนฺติ. สฆานกตฺตา ปนสาทโย กุณปคนฺเธน ผลนฺติ. สชิวฺหกตฺตา อุทกํ ปิวนฺติ เยน, สพฺเพปิ ‘ปาทปา’ติ วุจฺจนฺติ. สกายปสาทตฺตา อิตฺถิสมฺผสฺเสน อโสกรุกฺขา ปุปฺผนฺตี’’ติ. สงฺฆาตนฺติ วินาสํ.

๙๗๐. อิธ จ วสฺสจฺเฉเทน ทุกฺกฏํ. ปมํ อาวสิตฺวา ปจฺฉา จาริกา จรณปจฺจยา ปาจิตฺติยํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. อถ วสฺสํ อวสิตฺวา จรติ, อวสฺสุปคมนปจฺจยา ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘อนฺโตสตฺตาเห อนฺโตวสฺเส จาริกํ จรนฺติยา ปาจิตฺติยํ. สตฺตาหกรณีเยน ปน วฏฺฏติ, ภิกฺขุโน ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.

๙๗๒. เกนจิ อุพฺพาฬฺหาติ วสฺสจฺเฉทการเณนาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. กิตฺตาวตา จาริกา โหตีติ? อิทํ น สพฺพตฺถ วิจาริตํ. อนนฺตรสิกฺขาปเท ‘‘อนฺตมโส ฉปฺปฺจโยชนานิปี’’ติ วุตฺตตฺตา โส จ มฺเ เหฏฺิมปริจฺเฉโทติ.

นวมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๗๓. ทสเม ‘‘อาหุนฺทริกา’’ติ ปนฺติ กิร.

ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตุวฏฺฏวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จิตฺตาคารวคฺควณฺณนา

๑. ปมสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๗๘. กีฬนอุปวนํ นาม กฺจินครสฺส นครุปวนํ วิย ทฏฺพฺพํ. อุยฺยานํ นาม ตตฺเถว นนฺทวนอุยฺยานํ วิย ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตตฺเถว ตฺวา ตํ ตํ ทิสาภาคํ วิโลเกตฺวา ปสฺสนฺติยา ปน ปาเฏกฺกา อาปตฺติโย’’ติ ปาโ. เอวํ วุตฺเต ยํ ปุพฺเพ วุตฺตํ ปทํ ‘‘อนุทฺธรมานา’’ติ, ตํ เอกสฺมึเยว ทิสาภาเคติ สิทฺธนฺติ เอเก. อุปจาโร ทฺเว เลฑฺฑุปาโตติ จ.

ปมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๘๔. ‘‘อาหริเมหิ วาเฬหี’’ติ ‘‘อสํหาริเมนา’’ติ จ ทุวิโธ ปาโ. ‘‘วิสุํ กตฺวา ปจฺฉา สทฺธึ เตหิ วาเฬหี’’ติ ลิขิตํ. ยถา ตถา วาฬรูเป อุฏฺเปตฺวา กตปาทํ ‘‘ปลฺลงฺก’’นฺติ วุจฺจติ อนาปตฺติวาเร ‘‘อสํหาริเมหิ วาเฬหิ กตํ ปริภุฺชตี’’ติ วจนาภาวโต.

ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๘๘. ‘‘อุชฺชวุชฺชเวติ หตฺถปฺปสารเณ’’ติ ลิขิตํ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘ยตฺตกํ หตฺเถน อฺฉิตํ โหติ, ตสฺมึ ตกฺกมฺหิ เวิเต เอกาปตฺตี’’ติ วจนโต.

ตติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา

๙๙๓. ‘‘ยาคุปาเนติ ยาคุทาเน’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเท ‘‘มาตาปิตูนํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

จตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๙๔. ปฺจมสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๖. ฉฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๐๐๑. ฉฏฺเ ภิกฺขุวิภงฺเค อเจลกสิกฺขาปเทน เอกปริจฺเฉทํ. อิธ อคาริโก วิเสโส, ตสฺมา ‘‘อสาธารณ’’นฺติ วทนฺติ.

ฉฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๐๓-๘. สตฺตมฏฺเมสุ วตฺตพฺพํ นตฺถิ.

๙. นวมสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๐๑๕. ‘‘ขีลนมนฺตํ ทารุสารขีลํ มนฺเตตฺวา ปถวิยํ ปเวเสตฺวา มารณมนฺตํ. นาคมณฺฑลํนาม นาคโรธมนฺตํ, ปิฏฺาทีหิ วา ปริกฺเขปํ กตฺวา ตตฺถ มนุสฺเส ปเวเสนฺติ คุตฺตตฺถายา’’ติ ลิขิตํ.

นวมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๑๗. ทสมสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

จิตฺตาคารวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อารามวคฺควณฺณนา

๑๐๒๑. ปมสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒. ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๐๓๐. ภิกฺขุนี เจ ภิกฺขุํ อกฺโกสติ, อิมินา สิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ. ภิกฺขุนึ เจ อกฺโกสติ, โอมสวาเทน อาปชฺชติ. โอมสวาเท สมฺมุขาว รุหติ, อิธ ปน ปรมฺมุขาปิ.

ตตฺรายํ วิจารณา – ภิกฺขุวิภงฺเค โอสมวาทสิกฺขาปเท ภิกฺขุนี อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ติฏฺตีติ กตฺวา ภิกฺขุนิวิภงฺเคปิ โอมสวาทสิกฺขาปเท ภิกฺขุ ภิกฺขุนิยา อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ติฏฺตีติ สิทฺธํ. อิธ จ อนุปสมฺปนฺนสฺส อกฺโกสเน ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ภิกฺขุสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส อกฺโกสเน ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ, ตสฺมา อิมานิ ทฺเว สิกฺขาปทานิ ภิกฺขุมฺหิ สํสนฺทิยมานานิ อฺมฺํ น สเมนฺติ. ยถา สเมนฺติ, ตถา ชานิตพฺพํ. ตตฺถ โปราณคณฺิปเท วุตฺตนเยน ภิกฺขุนีนํ โอมสวาทสิกฺขาปเท อนุปสมฺปนฺโนติ น คเหตพฺโพ, อิทเมตฺถ ยุตฺตํ. ปริภาเสยฺยาติ อฺตฺร อกฺโกสวตฺถูหิ. เตสุ หิ อฺตรสฺมึ สติ โอมสวาทปาจิตฺติยเมวาติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ. โอมสวาเท ปาฬิมุตฺตกอกฺโกเส หิ ทุกฺกฏํ โหตีติ. ทุกฺกโฏกาเส อิทํ ปาจิตฺติยํ เตหิ นิทฺทิฏฺํ โหติ, ตสฺมา ‘‘พาลา เอตา’’ติ ปาฬิยํ อิธ อาคตปทานํเยว วเสน ปริภาสนํ เวทิตพฺพํ.

ทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๓๓. ตติยสิกฺขาปทํ อุตฺตานตฺถเมว.

๔. จตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๐๓๘. นิมนฺติตา วา ปวาริตา วาติ เอตฺถ โปราณคณฺิปเท ตาว เอวํ วุตฺตํ ‘‘ปวาริตาปิ ยาคุํ ปาตุํ ลภติ, โภชฺชยาคุํ น ลภติ. ยาคุ ปเนตฺถ ขาทนียโภชนียสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. นิมนฺติตา ภิกฺขุนี ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิตุกามา สามิเก อปโลเกตฺวาว ภุฺชิตุํ ลภติ. ปรมฺปรโภชนาปตฺติ ภิกฺขุนีนํ นตฺถิ. นิมนฺติตา ตํ ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา วา อภุฺชิตฺวา วา ปวาริตา กปฺปิยํ การาเปตฺวา ภุฺชิตุํ น ลภติ, อกปฺปิยนิมนฺตเนน นิมนฺติยมานา ทฺเว นิมนฺตนานิ สมฺปฏิจฺฉิตุฺจ น ลภตี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ปวาริตาปิ ยาคุํ ปาตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อนุฺาตตฺตา. ‘‘นิมนฺติตา อปฺปวาริตา ยาคุํ ปิวตี’’ติ หิ ปาฬิยํ วุตฺตํ. ตตฺริทํ สิกฺขาปทวณฺณนาปุพฺพงฺคมสนฺนิฏฺานํ – นิมนฺติตา วา ปวาริตา วาติ เอตฺถ วาสทฺเทน อกปฺปิยนิมนฺตเนน นิมนฺติตา อปฺปวาริตา เปตฺวา ยาคุํ อฺํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติยํ อฺตฺร สามิกานํ อปโลกนา. ปรมฺปรโภชนาภาเวน ภิกฺขุนีนํ โก คุโณ ชาโตติ? น เอตาสํ คุณลาโภ, เกวลํ ปากฏตรํ ชาตํ. ภิกฺขูปิ วิกปฺเปตฺวา มิสฺเสตฺวาว ภุฺชิตุํ ลภนฺติ. สมเย ยถาสุขํ ลภนฺติ. อิมินา อปโลกเนน กินฺติ? ปวาริตา วา อนิมนฺติตา วา น กิฺจิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา คิลานาติริตฺตมฺปิ ลภนฺติ, นิมนฺติตา จ ปวาริตา จ ยาคุมฺปิ น ลภนฺติ, อปโลเกตฺวาปิ น ลภนฺตีติ.

จตุตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

อารามวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. คพฺภินิวคฺควณฺณนา

๑. ปมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๐๖๗. ‘‘คพฺภินิ’’นฺติ ทสฺสนาทีหิปิ คพฺภสมฺภวโต วุตฺตํ. ปทภาชเนปิ ปวาริตภาโว น ทิสฺสติ.

๑๐๗๔. ธาติ วาติ เอตฺถ ทารกํ สามิกานํ ทตฺวา อาหเฏ วฑฺเฒติ, ตถา มาตาปีติ เกจิ.

๑๐๘๐. ‘‘สิกฺขมาน’’นฺติ ปาํ ทีปวาสิโน โรเจนฺติ กิริยากิริยตฺตา, ชมฺพุทีปวาสิโน ‘‘สิกฺขมานา’’ติ. ตสฺสตฺโถ สิกฺขาธมฺมมานนโต สิกฺขมานาติ. อิธ กิริยา น โหติ, สฺาว อธิปฺเปตา. น เอตาสุ อสิกฺขิตา อุปสมฺปาเทตพฺพา อุปชฺฌายินีอาทีนํ อาปตฺติภาวา. ‘‘ตสฺสา อุปสมฺปทา โหติ เอวา’’ติ วทนฺติ.

๑๐๘๒. ธมฺมกมฺเมติ อุปสมฺปทกมฺมํ อธิปฺเปตํ.

๑๑๑๒. วุฏฺาปิตนฺติ สามเณริภูมิโต ยาย เถริยา อุปสมฺปทาเปกฺขา วุฏฺปิตา, สา เถรี วุฏฺาปิตา นาม, เตเนว ปุน วิเสสนตฺถํ ‘‘ปวตฺตินิ’’นฺติ อาห.

ปมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

คพฺภินิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. กุมาริภูตวคฺควณฺณนา

๒. ทุติยาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๑๒๔. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺารสวสฺสาย กุมาริภูตาย…เป… สิกฺขาสมฺมุตึ ทาตุ’’นฺติ อิธ วุตฺตํ วิย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสวสฺสาย คิหิคตาย…เป… สิกฺขาสมฺมุตึ ทาตุ’’นฺติ น วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสาย เอว คิหิคตาย สิกฺขาสมฺมุติ ทาตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. คิหิคตาย สิกฺขาสมฺมุติ ทาตพฺพาติ เอเกติ กตฺวา ทสวสฺสายปิ วฏฺฏติ. กสฺมา? ‘‘อนาปตฺติ ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสํ ปริปุณฺณสฺา วุฏฺาเปตี’ติ (ปาจิ. ๑๐๙๓-๑๐๙๕) จ ‘อนาปตฺติ ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสํ คิหิคตํ…เป… สิกฺขิตสิกฺขํ วุฏฺาเปตี’ติ (ปาจิ. ๑๐๙๗-๑๑๐๑) จ วุตฺตตฺตา’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. กึ อิมินา ปริหาเรน. ‘‘ทสวสฺสาย คิหิคตาย สิกฺขาสมฺมุติ ทาตพฺพา’’ติ หิ วุตฺตํ. ‘‘คิหิคตาติปิ วตฺตุํ น วฏฺฏตี’ติ สเจ วทนฺติ, กมฺมํ กุปฺปตี’’ติ ลิขิตํ.

๑๑๔๖. อหเมว นูน…เป… อลชฺชินี, ยา สงฺโฆติ เอตฺถ ยา อหเมว นูน พาลาติ อตฺโถ. ‘‘ยํ สงฺโฆ’’ติปิ อตฺถิ, ตตฺถ ยํ ยสฺมา เทติ, ตสฺมา อหเมว นูน พาลาติ อตฺโถ.

๑๑๕๙. ปุริสสํสฏฺา กุมารกสํสฏฺา จณฺฑี โสกาวาสาวกถํ สิกฺขมานาติ วุจฺจติ, ปทภาชเน เอว จายํ สิกฺขมานา ‘‘ฉสุ ธมฺเมสุ สิกฺขิตสิกฺขา’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ปุพฺเพ คหิตสิกฺขตฺตา, ปุพฺเพ ปริปุณฺณสิกฺขตฺตา จ เอวํ วุจฺจตีติ เวทิตพฺพํ.

๑๑๖๖-๗. ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปสฺสิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘สิกฺขมานาย าตกา กิร สมฺปาทยึสุ, ตํ ปสฺสิตฺวา เถเร ภิกฺขู อุยฺโยเชสิ. อุยฺโยเชตฺวา เตสํ ฉนฺทํ คเหตฺวา ปุพฺเพ ฉนฺททายเก คณํ กตฺวา เสสานํ ฉนฺทํ ฉนฺทเมว กตฺวา กมฺมํ การาเปสี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. ฉนฺทํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ เอตฺถ อนุคณฺิปเท เอวํ วุตฺตํ ‘‘อิทํ กมฺมํ อชฺช น กตฺตพฺพํ. ‘ยถาสุข’นฺติ วตฺวา วิสฺสชฺชิตํ โหติ, ตสฺมา โย โกจิ มุขโร, พาโล วา กิฺจาปิ ‘ยถาสุข’นฺติ วทติ, เถรายตฺตตฺตา ปน เถรสฺส อนุมติยา สติยา วิสฺสชฺชิโต โหติ, อสติยา น โหติ, ตถาปิ ปุน ฉนฺทํ คเหตฺวาว กมฺมํ กโรนฺติ, อยํ ปโยโค. คหเณ ปโยชนํ ปน นตฺถิ. สงฺฆตฺเถโร เจ วิสฺสชฺเชติ, ฉนฺทํ คเหตฺวาว กาตพฺพํ. ฉนฺทํ วิสฺสชฺเชตฺวา กาเยน วุฏฺิตายาติ เอตฺถ อิธ สมฺพาโธ, ‘อมุกมฺหิ าเน กริสฺสามา’ติ หตฺถปาสํ วิชหิตฺวาปิ คจฺฉนฺติ เจ, นตฺถิ โทโส. กิฺจาปิ นตฺถิ, ตา ปน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวาว คจฺฉนฺติ, อยํ ปโยโค’’ติ. ‘‘รตฺติปาริวาสิเย อุโปสถปวารณาว น วฏฺฏติ, อฺกมฺมํ ปน วฏฺฏติ. อุโปสถปวารณาปิ อนุโปสถปวารณทิวเส น วฏฺฏนฺติ, อิตรํ สพฺพกาลํ วฏฺฏติ. ปริสปาริวาสิเย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา จตูสุ คเตสุ จตุวคฺคกรณีเย อฺสฺมึ ปฺจสุ ทสสุ วีสตีสุ คเตสุ เสเสหิ วิสุํ ตหึ ตหึ คนฺตฺวาปิ ปุน สนฺนิปาตฏฺานํ อาคนฺตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. อชฺฌาสยปาริวาสิเย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ยถานิสินฺนาว นิสินฺนา เจ, ปุน กาตุํ วฏฺฏติ หตฺถปาสสฺส อวิชหิตตฺตา’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. เตสํ โปราณานํ มเตน ฉนฺทปาริวาสิยเมเวกํ น วฏฺฏตีติ อาปนฺนงฺคฺจ ทสฺสิตํ, อิธาปิ ตํ วิสุํ น ทสฺสิตํ อสมฺภวโตติ เอเก. ฉนฺททายเก ปริสํ ปตฺวา คเต ตสฺส ปุพฺพฉนฺททานํ ฉนฺทปาริวาสิยนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.

ตตฺริทํ สนฺนิฏฺานํ – ปริสปาริวาสิเย อฏฺกถายํ ‘‘อฺตฺร คจฺฉามาติ ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว อุฏฺหนฺติ…เป… กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตวจเน หตฺถปาสา วิชหนํ น ปฺายติ. เอตฺถ ปน กมฺมปฺปตฺตานํ หตฺถปาสสฺส อวิชหนเมว อิจฺฉิตพฺพนฺติ กตฺวา โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. กิฺจาปิ น ปฺายติ, อปฺปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปน วฏฺฏตีติ เจ? น, ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. กถํ? ฉนฺโท นาม กมฺมปฺปตฺเตสุ ภิกฺขูสุ เอกสีมาย สนฺนิปติเตสุ อาคจฺฉติ, นาสนฺนิปติเตสุ. อิธ หิ ‘‘ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวา’’ติ จ ‘‘ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฏฺตฺตา’’ติ จ วุตฺตํ. ‘‘อชฺฌาสยํ อวิสฺสชฺเชตฺวา’’ติ จ ‘‘อชฺฌาสยสฺส อวิสฺสฏฺตฺตา’’ติ จ น วุตฺตํ, ตสฺมา ฉนฺทสฺส อวิสฺสชฺชนํ กมฺมปฺปตฺตานํ หตฺถปาสาวิชหเนเนว โหติ, น วิชหเนติ สิทฺธํ.

โหติ เจตฺถ –

‘‘ยโต อาคมนํ ยสฺส, ตทภาวสฺส นิคฺคเห;

ตสฺมา สนฺนิปติเตสุ, ภิกฺขูสุ ตสฺส เภทโต’’ติ.

รตฺติปาริวาสิยฉนฺโท วิย รตฺติปาริวาสิยปาริสุทฺธิปีติ ตทนุโลเมน วฏฺฏติ สฺวาตนาย ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา ปวารณา วา, ตาย กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. อุโปสถปวารณา ปน อนุโปสถทิวเส น วฏฺฏติ, อิตรํ วฏฺฏติ. ปนฺนรสิอุโปสถํ จาตุทฺทสิยํ กาตุํ วฏฺฏติ เขตฺตตฺตา. น จาตุทฺทสิอุโปสถํ ปนฺนรสิยํ อเขตฺตตฺตา อนุโปสถทิวสตฺตา ปาฏิปททิวสตฺตาติ เอกจฺเจ อาจริยา, ตสฺมา เตสํ มเตน จาตุทฺทสิอุโปสถํ ตติยํ, สตฺตมํ วา ปนฺนรสิยํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ปเนตฺถ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สเจ จาตุทฺทสิกํ อุโปสถํ กริสฺสามาติ นิสินฺนา, ปนฺนรโสติ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต ‘‘ปนฺนรสิยเมว ‘จาตุทฺทสิกํ อุโปสถํ กริสฺสามา’ติ นิสินฺนา ปุนทิวเส อตฺตโน ตํ อุโปสถํ ‘ปนฺนรโส’ติ กาตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ’’ติ เอวํ ปริหรนฺติ, ตํ เตสํ มตํ ‘‘ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อิมินา มาติกาฏฺกถาวจเนน น สเมติ. น หิ ตตฺถ ‘‘อฺสฺมิมฺปิ ปนฺนรเส จาตุทฺทสิกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติ อนุฺาตทิวเส ปริยาปนฺนตฺตา ฉนฺนํ จาตุทฺทสิกานํ ปจฺฉิมา ปนฺนรสี อนุโปสถทิวโส น โหตีติ สิทฺธํ โหติ. กิฺจาปิ สิทฺธํ, อิมินา ปน ‘‘อาวาสิกานํ ปนฺนรโส, อาคนฺตุกานํ จาตุทฺทโส, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สมสเมหิ วา อปฺปตเรหิ วา อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ วจนเมตฺถ นิรตฺถกํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

ทุติยาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

กุมาริภูตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ฉตฺตุปาหนวคฺควณฺณนา

๑๑. เอกาทสมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

๑๒๑๔. อุปจารํ สนฺธาย กถิตนฺติ ‘‘ทฺวาทสหตฺถํ อุปจาโร’’ติ ลิขิตํ.

๑๒๒๑. สุตฺตนฺเต โอกาสํ การาเปตฺวา วินยํ วา อภิธมฺมํ วา ปุจฺฉตีติ เอตฺถ จ ตีณิ ปิฏกานิ อตฺตโน อตฺตโน นาเมน วุตฺตานีติ กตฺวา อภิธมฺโม พุทฺเธน ภาสิโต เอวาติ ทีปิตํ โหติ.

๑๒๒๔-๕. ถโน จ อุทโร จ ถนุทรา. ‘‘สํกจฺจิกาย ปมาณํ ติริยํ ทิยฑฺฒหตฺถา’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ พหูสุ โปตฺถเกสุ, สงฺฆาทิเสสกณฺเฑ วิย ‘‘อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา’’ติ ปาโ อปฺปเกสุ, โสว ปาโ. อฏฺกถายํ ‘‘ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺติยาติ เอเกน ปาเทน อติกฺกนฺเต ทุกฺกฏํ, ทุติเยน ปาจิตฺติยํ. อุปจาเรปิ เอเสว นโย’’ติ วจนมฺปิ ‘‘อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา’’ติ ปาโติ ทีเปตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.

เอกาทสมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ฉตฺตุปาหนวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนวณฺณนา

คิรคฺคสมชฺชาทีนิ ‘‘อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺโธ’’ติ วา อชานิตฺวาปิ ทสฺสเนน, วิลิมฺปเนน วา อาปชฺชนโต วตฺถุอชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ. ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺโธ’’ติ วา ชานิตฺวา ปสฺสนฺติยา, วิลิมฺปนฺติยา จ อกุสลตฺตา เอว โลกวชฺชานิ. โจริวุฏฺาปนาทีนิ ‘‘โจรี’’ติอาทินา วตฺถุํ ชานิตฺวา กรเณ เอว อาปตฺติสพฺภาวโต สจิตฺตกานิ. อุปสมฺปทาทีนํ เอกนฺเตน อกุสลจิตฺเตเนว อกตฺตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติวชฺชานิ. ‘‘อิธ สจิตฺตกาจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาชานนตาย อคฺคเหตฺวา วตฺถุชานนาชานนตาย คเหตพฺพา’’ติ ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘คิรคฺคสมชฺชาทีนิ ‘อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานี’ติ วุตฺตตฺตา ‘นจฺจ’นฺติ วา ‘สงฺฆาณี’ติ วา ‘คนฺโธ’ติ วา ตสฺส นามวเสน อชานิตฺวา มายาการสฺส มายานิ สีสฏฺิอาทีนิ ปฏิสงฺขาย ปสฺสนฺติยา, อกฺขมาลาทิอตฺถาย สงฺฆาณึ กฏิยา พนฺธนฺติยา, ‘เสทคนฺธํ อปเนตฺวา พุทฺธปูชํ กริสฺสามี’ติ อุปฺปนฺเนน จิตฺเตน คนฺธํ วิลิมฺเปตฺวา นหายนฺติยา จ อาปตฺติสพฺภาวโต นาเมน สทฺธึ นามวเสน วา วตฺถุสฺส อชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ นาม. น อนฺธกาเร ‘กฏิสุตฺตมิท’นฺติ สฺาย สงฺฆาณึ คเหตฺวา กฏิยํ ธารณกาเล, มตฺติกาสฺาย จ คนฺธํ คเหตฺวา วิลิมฺปนกาเล อาปตฺติสพฺภาวโต ‘อจิตฺตกานี’ติ วตฺตพฺพานิ. ตสฺมึ กาเล อนาปตฺติ, เตเนว สงฺฆาณิยา อสงฺฆาณิสฺาวาเรปิ ‘อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’ติ ปาฬิ น วุตฺตา. ยถา ‘เขตฺตอาพาธปจฺจยา, กฏิสุตฺตกํ ธาเรตี’ติ วจนโต วินาปิ อกุสเลน สงฺฆาณิอาทีนิ สกฺกา ธาเรตุนฺติ สิทฺธํ, เอวํ อาพาธปจฺจยา วินาปิ อกุสเลน น สกฺกา สุรํ ปาตุนฺติ สิทฺธํ ‘อนาปตฺติ อาพาธปจฺจยา มชฺชํ ปิวตี’ติ ปาฬิยา อภาวโต. อกุสเลน วินา มธุปุณฺณมุฏฺิยํ ปกฺขิตฺตมชฺชสฺส อชฺโฌหรณกาลาทีสุ สุราปานาปตฺตึ อาปชฺชตีติ จ สิทฺธํ ‘มชฺเช อมชฺชสฺี ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’ติ (ปาจิ. ๓๒๘) วุตฺตตฺตา. กึพหุนา, กามโภคสฺาย สทฺธึ ‘สงฺฆาณี’ติ จ ‘คนฺโธ’ติ จ ชานิตฺวา วินา อนาปตฺติการเณน ธาเรนฺติยา เอกนฺตากุสลตฺตา โลกวชฺชานิ นาม วุจฺจนฺติ. อิมินา อุปาเยน เสเสสุปิ นโย เนตพฺโพ. เอตฺถ สุราปานาธิกาเร อุปติสฺสตฺเถรวาโท’’ติ วุตฺตํ. อสํกจฺจิกสิกฺขาปเท ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยาติ ปาโ’’ติ จ ‘‘ปณีตโภชนวิฺตฺติ, อเจลกสิกฺขาปทํ, นิมนฺติตสฺส จาริตฺตาปชฺชนํ, ทุฏฺุลฺลปฺปฏิจฺฉาทนํ, อูนวีสติวสฺสุปสมฺปทํ, มาตุคาเมน สทฺธึ สํวิธาย อทฺธานคมนํ, ราชนฺเตปุรปฺปเวสนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามปฺปเวสนํ, นิสีทนํ, วสฺสิกสาฏิกนฺติ ปาโ’’ติ จ วุตฺตํ.

นิคมนวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาจิตฺติยกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุภโตวิภงฺคฏฺกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

มหาวคฺควณฺณนา

๑. มหาขนฺธกวณฺณนา

โพธิกถาวณฺณนา

ยํ ขนฺธเก ลีนปทาทิเภท-ปกาสนํ ทานิ สุปตฺตกาลํ;

ตสฺมา อปุพฺพํ วินยตฺถเมว, วกฺขามิ สงฺเขปคหณตฺถํ.

ตตฺถ เกนฏฺเนายํ ขนฺธโกติ? ขนฺธานํ สมูหตฺตา วิภงฺโค วิย. เต ปน กถนฺติ? ขนฺธานํ ปกาสนโต ทีปนโต. ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชาทิวินยกมฺมสงฺขาตา, จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ‘‘ปฺตฺติโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธ-สทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ อคฺคิกฺขนฺโธ อุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย. เตสํ ปฺตฺติสงฺขาตานํ ขนฺธานํ ปกาสนโต วณฺณนโต ปพฺพชฺชกฺขนฺธกาทโย วีสติ ‘‘ขนฺธกา’’ติ วุตฺตา, อวสาเน ทฺเว ตํสทิสตฺตา เวลาย สทิสตฺตา สีลสฺส เวลาติ วจนํ วิย. อปิจ ภาคราสตฺถตาเปตฺถ ยุชฺชเต เตสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโต จ ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา. กึ ปเนเตสํ ขนฺธกานํ อนุปุพฺพการณนฺติ? นายํ ปุจฺฉา สมฺภวติ, อฺถา วุตฺเตสุปิ ตปฺปสงฺคานติกฺกมนโต. อถ วา ปพฺพชฺชุปสมฺปทาปุพฺพงฺคมตฺตา สาสนปฺปเวสนสฺส ตทตฺถสงฺคหโก มหาขนฺธโก ปมํ วุตฺโต. เกนาติ เจ? ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ. ภควตา ปน ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนวตฺถุํ ปฏิจฺจ ตถา ตถา วุตฺตานิ, น อิมินา อนุกฺกเมน. เถรา ปน ตํ ตํ ปโยชนํ ปฏิจฺจ สมานชาติเก เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมน สชฺฌายึสุ. เสสานํ ปโยชนํ ตตฺถ ตตฺเถว อาวิ ภวิสฺสติ.

ขนฺธโกวิทาติ ปฺตฺติภาคราสฏฺเน เนสํ ขนฺธตฺถโกวิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาปารปฺปตฺตาติ อตฺโถ. เตสํ อนุตฺตานตฺถานํ ปทานํ สํวณฺณนา. กสฺมา ปเนวํ วิเสสิตนฺติ? ตโต เสสภาคา ยุตฺตา. มาติกาฏฺุปฺปตฺติคฺคหณมฺเปตฺถ ปทภาชนิยคฺคหเณเนว เวทิตพฺพํ. เยหิ อตฺถา เยสํ ปทวิเสสานํ อฏฺกถายํ ปกาสิตา, เตสํ เต ปทวิเสเส ปุน อิธ วเทยฺยาม, วณฺณนาย ปริโยสานํ กทา ภเว เต เต อตฺเถติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส นิทฺเทเสน ยุชฺชติ. อุตฺตานา เจว ยา ปาฬิ, ตสฺสา สํวณฺณนาย กินฺติ วตฺตพฺพํ? น หิ อตฺถา อุตฺตานาติ สมฺภวติ. อธิปฺปายานุสนฺธีหีติอาทิวจเนหิปิ ตํ วจนํ สมฺภวตีติ เจ? น, อตฺถคฺคหเณน เจตฺถ ปทวิเสสานํ คหิตตฺตา. เต หิ อตฺถโต อนเปตตฺเถน, อภิธานตฺเถน วา อตฺโถปจาเรน วา อตฺถาติ เวทิตพฺพา. สํวณฺณนานโยติ สํวณฺณนา นาม อวุตฺเตสุ อุหาโปหกฺกมนิทสฺสนโต ‘‘นโย’’ติ วุตฺโต.

. อุรุเวลาติ ยถาวุตฺตวาลิกราสิวเสน ลทฺธนามโก คาโม, ตสฺมา สมีปตฺเถ เอตํ ภุมฺมํ. ตถาภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘นชฺชา เนรฺชราย ตีเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺถา ตสฺมึ วาลิกราสิมฺหิ วิหรตีติ อาปชฺชติ, ‘‘อุรุเวลํ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ เยน อุรุเวลเสนานิคโม’’ติอาทิวจนวิโรโธ จ. อฏฺกถายํ ปน มูลการณเมว ทสฺสิตํ. ตตฺถ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ…เป… ทฏฺพฺโพติ นิคมนวจนํ. ตํ กิมตฺถนฺติ เจ? คามํ สนฺธาย ยถาวุตฺตปทตฺถสมฺภวทสฺสนตฺถํ. ‘‘โส ปน คาโม ตทุปจาเรน เอวํ นามํ ลภตี’’ติ วจนํ ปน อวุตฺตสิทฺธนฺติ กตฺวา น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อถ วา ยสฺส ‘‘อุรุเวลา’’ติ ยถาวุตฺตวาลิกราสิสฺส, ตสฺส สมีปคามสฺสปิ นามํ. ตตฺถ อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร น อิธ คามํ สนฺธาย ‘‘อุรุเวลายํ วิหรตี’’ติ อาห โคจรคามปโยชนาภาวโต. น หิ ภควา ตํ คามํ โคจรํ กตฺวา ตทา ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา เอตฺถ วาลิกราสิสฺส สมีเป โพธิรุกฺขมูเล วิหารํ สนฺธาย โส เอวมาหาติ ทสฺเสตุกาโม อฏฺกถาจริโย เอวมาหาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ภควโต คามโต ทูรตเร อรฺเ อภิสมฺโพธิทีปเนน ทุติยุปฺปตฺติฏฺานนิยมํ ตีหิ ปเทหิ อกาสิ เถโรติ เวทิตพฺพํ, อฺถา ปทตฺตยวจนปโยชนาภาวโต. ตตฺถ นทนฺตา คจฺฉตีติ นที. เนลฺชลายาติ วตฺตพฺเพ -การสฺส -การํ กตฺวา ‘‘เนรฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลวิรหิตตฺตา นิทฺโทสชลายาติ อตฺโถ, นีลชลายาติ ตสฺสา นามเมว วา เอตํ.

โพธิรุกฺขมูเลติ เอตฺถ จ โพธิ วุจฺจติ อภิสมฺโพโธ. โส จ อตฺถโต ภควโต จตุตฺถมคฺคาณํ โหติ ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ นาม’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ปฏิสมฺภิทาวจนโต. กิฺจาปิ ตํ นามกรณภูตํ จตุตฺถผลาณมฺปิ วตฺตุํ สมฺภวติ, กตฺตพฺพกิจฺจานํ ปน กรณโต ตํ จตุตฺถมคฺคาณเมว เอตฺถ โพธีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘ตติยวิชฺชาย อาสวานํ ขยาณายา’’ติ ตเทว ทสฺสิตํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โพชฺฌงฺคา’’ติ, ‘‘โพธิปกฺขิยา ธมฺมา’’ติ จ. ตตฺถ ยสฺมา จตูสุ มคฺเคสุ าณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา สามฺโต วตฺตุกามตาธิปฺปายวเสน ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) วุตฺตํ อิธาธิปฺเปตาณสฺสปิ ตทนฺโตคธตฺตา. อถ วา ปาฬิยํ ภควโต อาทิมคฺคตฺตยวจนสฺส วุตฺตฏฺานาภาวา จตุตฺถมคฺคาณเมว ภควโต อุปฺปนฺนํ, น ภควา โสตาปนฺนาทิภาวํ ปตฺวา พุทฺโธ ชาโตติ สมยนฺตรปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ ‘‘จตูสู’’ติ วุตฺตํ อาทิตฺตยสฺส จตุตฺถอุปนิสฺสยสมฺภเวน โพธิปริยายสิทฺธิโต. ‘‘ปุคฺคโลปิ เสนาสนมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙ ปจฺจยนิทฺเทส) วจนโต ผลเหตุโก ผลชนโก รุกฺโข ผลรุกฺโขติ วิย โพธิเหตุรุกฺโข โพธิรุกฺโขติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ ‘‘ยสฺมา เกวลํ โพธีติ รุกฺขสฺสปิ นามํ, ตสฺมา โพธี’’ติ ปรโต วุตฺตํ. นิคฺโรธาทิรุกฺขโต อสฺส วิเสสนวจนํ ปน ตทฺโพธิมูลปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ. มคฺคาณฺหิ กุสลมูลตฺตา โพธิ จ ตํ มูลฺจาติ สงฺขฺยํ ลเภยฺย. ปมาภิสมฺพุทฺโธ นิสีทตีติ สมฺพนฺโธ. เตน อภิสมฺพุทฺธทิวเสน สทฺธึ อฏฺาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺนภาวํ ทสฺเสติ. เอตฺถ เอก-สทฺโท ตสฺส นิสชฺชาสงฺขาตสฺส ปพฺพชฺชานุโยคานุรูปสฺส ปลฺลงฺกสฺส อฺเน อิริยาปเถน อนนฺตริยภาวํ อถสฺส อโกปิตภาวํ ทสฺเสติ. วิมุตฺติสุขนฺติ เอตฺถ วิมุตฺติยํ วา สุขนฺติ น สมฺภวติ. ปฺจมชฺฌานิกตฺตา ภควโต ผลสมาปตฺติสงฺขาตา วิมุตฺติ เอว อนุชงฺฆนฏฺเน นิพฺพานสุขนฺติ วิมุตฺติสุขํ, ตํ สมาปชฺชเนน ปฏิสํเวที อนุภวนฺโต นิสีทิ. เวเนยฺยกาลานติกฺกมนโต ตํ อเปกฺขมาโน นิสีทิ, น วิมุตฺติสุขสงฺเคน.

อถ โขติ อธิการนฺตรารมฺเภ นิปาตทฺวยํ. เตน วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน น ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสิ, กินฺตุ ตโต วุฏฺายาติ ทสฺเสติ. ปฏิเวธวเสเนว สุมนสิกตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปุนปฺปุนํ มนสิกรณํ คมฺภีรตฺตา อสฺสาทชนนโต, น อปุพฺพนยทสฺสนาธิปฺปายโต. ปจฺจกฺขภูตสพฺพธมฺมตฺตา ภควโต อสมฺโมหโต, ปฏิวิทฺธสฺส วิสยโต วา มนสิกรณํ ปน วิชิตเทสปจฺจเวกฺขณํ วิย รฺโ อปุพฺพํ ปีตึ ชเนติ. วุตฺตฺหิ ‘‘อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ (ธ. ป. ๓๗๓). รตฺติยา ปมํ ยามนฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ, เตน ตสฺส วิกปฺปนานตฺตตํ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ ‘‘อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ เอกโตว วุตฺตํ, ตถาปิ อิมินา อนุกฺกเมนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทิ. ตตฺถ จ กิฺจาปิ ปวตฺติมตฺตปจฺจเวกฺขณา อธิปฺเปตา กถํ ปฺายตีติ? ปมภาวาย, ปฏิโลมมนสิกรณํ ปน อนุโลเม ปจฺจยานํ, ปจฺจยุปฺปนฺนานฺจ ตถาภาวสาธนตฺถํ. ยสฺมา อวิชฺชาย เอว นิโรธา สงฺขารนิโรโธ, น อฺถา, ตสฺมา สงฺขารานํ อวิชฺชา ปจฺจโย, ตสฺสา จ สงฺขารา ผลนฺติ ทีปนโต. ตถา นิพฺพานปจฺจเวกฺขณาย อนุโลมมนสิกรณํ การณนิโรธา ผลนิโรธสาธนตฺถํ. เอตฺถ จ อนุภาวโต นิพฺพานํ ทสฺสิตํ. น หิ ตํ อวิชฺชาทินิโรธมตฺตนฺติ. ตตฺถ ‘‘ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติ วจเนน อนุโลโม นาธิปฺเปโตติ สิทฺธํ. มคฺคปจฺจเวกฺขณาย วตฺตพฺพํ นตฺถิ, อุภยตฺถปิ กิจฺจโต, อารมฺมณโต จ ตสฺส มคฺคสฺส วิสยโต จ ตตฺถ มคฺโค ทสฺสิโต.

ตตฺถาห – ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ น ยุชฺชติ, น หิ ปฏิโลมาปเทเสน นิทฺทิฏฺํ นิพฺพานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ภวิตุมรหตีติ? วุจฺจเต – น, ตทตฺถชานนโต. อนุโลมปฏิโลมนฺติ หิ ภาวนปุํสกํ. อนุโลมโต, ปฏิโลมโต จ ตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสีติ หิ ตตฺถ อตฺโถ. อฺถา นิโรธสฺส ปฏิโลมปฺปสงฺคาปตฺติเยวาปชฺชติ. ปฏิโลเม จ ปเนตสฺมึ อนุกฺกมนิยโม อนุโลเม อนุกฺกมนิยมโต สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฏิโลโม นาม อปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ สิทฺธํ โหติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต ปุพฺพาปรวิโรโธ โหติ. กถํ? ปฏิจฺจาติ หิ อิมินา ผลสฺส ปจฺจยปริคฺคเหน, ปจฺจยานฺจ ปจฺจยายตฺตุปคมเนน ตสฺส อุปฺปาทาภิมุขภาวทีปนโต อสมุปฺปาโท น สมฺภวติ, ตสฺมา อปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวํ อุภยปฏิกฺเขเปน ปนสฺส ปฏิโลมตา เวทิตพฺพาติ เอเก. ตํ อยุตฺตํ ตสฺส อนุโลมภาวนิยมนโต, อตฺถาติสยาภาวโต, ตสฺมา อปฺปฏิจฺจสมุปฺปาโท ตสฺส ปฏิโลโมติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ภควตา ปาฬิยํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนนิโรโธ วุตฺโต. ตตฺถ หิ ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติ เอวํ ปจฺจยสฺส สมุจฺฉินฺนปจฺจยภาววเสน ปจฺจยนิโรธํ, ผลสฺส ปจฺจยปฏิคฺคหาภาววเสน ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธฺจ ทีเปติ. ทุวิโธ ปาฬิยํ นิโรโธ อตฺถโต อนุปฺปาโท นาม โหตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเต นิพฺพานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ นิโรธมตฺตนฺติ อาปชฺชตีติ เจ? น, ตสฺสานุภาวทีปนาธิปฺปายโต. วิทิตเวลายนฺติ มนสิกตเวลายนฺติ อตฺโถ, อฺถา ตโต ปุพฺเพ อวิทิตปฺปสงฺคโต.

ฌายโตติ เอตฺถ กามํ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายโต โพธิปกฺขิยธมฺมา ปาตุภวนฺติ, จตุอริยสจฺจธมฺมา วา ปกาสนฺติ, ตถาปิ ปุพฺพภาเค สมถาทิยานิกวิภาคทสฺสนตฺถํ อารมฺมณูปนิชฺฌานคฺคหณํ. จตุสจฺจธมฺมคฺคหณํ กามํ อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสนาธิกาเรน วิรุชฺฌติ, ตถาปิ ‘‘โย ทุกฺขํ ปริชานาติ, โส สมุทยํ ปชหตี’’ติ ลทฺธิวเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

. ‘‘ปจฺจยกฺขยสฺสา’’ติ กิจฺจปริยายวเสน วุตฺตํ. เตน ปจฺจยนิพฺพานํ, ตทุปนิสฺสยนิพฺพานฺจาติ ทุวิธํ นิพฺพานํ ทสฺสิตํ โหตีติ. กามฺจ ตํ น เกวลํ ปจฺจยกฺขยมตฺตํ กโรติ, อถ โข ปจฺจยุปฺปนฺนกฺขยมฺปิ กโรติ. ยโต อุภินฺนมฺปิ นิโรโธ ทสฺสิโต, ตถาปิ เหตุนิโรธา ผลนิโรโธติ กตฺวา ‘‘ปจฺจยกฺขยสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตปฺปการา ธมฺมาติ เอตฺถ จตุสจฺจคฺคหณํ ปมคาถายํ วุตฺตนยวิปลฺลาเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

. สมุทยนิโรธสงฺขาโต อตฺโถติ เอตฺถ สมุทโย กิจฺจวเสน, นิโรโธ อารมฺมณกิริยาย. เอเตน ทฺวิปฺปการา นิโรธา ทสฺสิตา โหนฺติ ตสฺส อนุภาวสฺส วเสนาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปลฺลงฺกาภุชิตฏฺานฺจ ‘‘ปลฺลงฺโก’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ผลาธิคมฏฺานํ ‘‘ปลฺลงฺก’’นฺติ วุตฺตํ.

อชปาลกถาวณฺณนา

. สมฺโมทีติ หิตกามตาย ภควา เตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมฺโมทิ. เวเทหิ อนฺตนฺติ เอตฺถ นิพฺพานํ อนฺโต นาม. เวทานํ วา อนฺตํ คตตฺตาติ เอตฺถ อรหตฺตํ. ตตฺถ ปเมน เวทนฺตคู ยสฺมา, ตสฺมา เอว วุสิตพฺรหฺมจริโย. ทุติเยน เวทนฺตคู ยสฺมา, ตสฺมา วุสิตพฺรหฺมจริโยติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา. กิฺจาปิ พฺราหฺมณสฺส จตุสจฺจยุตฺตํ อตฺถโต วุตฺตํ, อุทานคาถายํ วุตฺตปฏิเวธาภาวํ สนฺธาย ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจตีติ ปริหาโร.

อชปาลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

มุจลินฺทกถาวณฺณนา

. มุจลินฺทวตฺถุมฺหิ เอตมตฺถนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํ วิเวกนฺติ อุปธิวิเวกํ. ‘‘อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเก’’ติ อิมินา ปมมคฺคํ ทสฺเสติ เตน สตฺเตสุ มารณวเสน อุปฺปชฺชนกพฺยาปาทปฺปหานสิทฺธิโต. ‘‘ปาณภูเตสุ สํยโม’’ติ อิมินา ทุติยมคฺคํ ทสฺเสติ. มคฺคี หิ ปุคฺคโล อวสิฏฺพฺยาปาทตนุตฺตวเสน ปาณภูเตสุ สํยโต โหติ วิหึสาธิปฺปายาภาวโต. เอวํ จตฺตาโร หิ มคฺคา อนุกฺกเมนาปิ คหิตา โหนฺติ.

มุจลินฺทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราชายตนกถาวณฺณนา

. ราชายตนํ ปาตลิ. ‘‘จตุทฺทิสา อาคนฺตฺวา’’ติ ปาเสโส. มุขวฏฺฏิยํ กิรสฺส ทินฺนานํ จตุนฺนมฺปิ เลขาปริจฺเฉโท อตฺถิ, เต วาณิชา เทวตาย คารวทสฺสเนน ภควโต รูปกายทสฺสเนน ปสนฺนตฺตา สรณํ อคฺคเหสุํ. เทวตาย ‘‘ภควา ราชายตนมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ วจนํ สุตฺวา สาวกสงฺฆาภาวํ, อภิสมฺพุทฺธธมฺมสพฺภาวฺจ ชานึสูติ เวทิตพฺพํ. ชานนฺตีติ พุทฺธาติ สมฺพนฺโธ.

ราชายตนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา

. อธิคโต โข มฺยายนฺติอาทิมฺหิ ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม, คมฺภีรตฺตา ทุทฺทโส. ทุทฺทสตฺตา ทุรนุโพโธ. สนฺโตติ นิพฺพุโต. ปณีโตติ อตปฺปโก. อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ ตกฺเกน อาการปริวิตกฺเกน โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพติ อตฺโถ. ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทนีโย. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมว. ตฺหิ ผลูปจาเรน เอกมฺปิ สมานํ ตถา ตถา วุจฺจติ. รามาติ ปชา. อนุ อนุ อจฺฉริยา อนจฺฉริยา. เตสํ ภควโต ปุพฺพภาคปฏิปทํ สุตปุพฺพานํ, ธมฺมสฺส วา คมฺภีรภาวํ อธิคตปุพฺพานํ. กิฺจาปิ ภควโต จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฺปฏิปทา, ตถาปิ โพธิสตฺตปฏิปทํ สนฺธาย ‘‘กิจฺเฉน เม’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปกาสิตํ ปกาสิตุ’’นฺติ อุภยถาปิ ปาโ. ปเรเตหิ ยุตฺเตหิ. ราครตฺตาติ กามราคทิฏฺิราเคหิ รตฺตา. อตฺตนิจฺจาทิคาหกา น ทกฺขนฺติ น ปสฺสิสฺสนฺติ.

. สหํปติ กิร ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรติ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สนฺนิปตึสุ. ปฺามเย อกฺขิมฺหิ สนฺตานานุสยิตวเสน อปฺปํ ปริตฺตํ ราคาทิรชํ เอเตสํ, เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย.

สมเลหิ สตฺถาเรหิ. อปาปุเรตนฺติ วิวร เอตํ. อมตสฺส ทฺวารนฺติ อริยมคฺคํ, จตุสจฺจธมฺมํ วา. วิชฺชตฺตยจตุมคฺคาเณหิ ปุนปฺปุนํ พุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ. เสเลติ สิลามเย. วิคตรชตฺตา สุขทสฺสนโยคฺเค อิโต จ เอตฺโต จ อาคนฺตฺวา ยถา ิโต จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย. ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปฺ สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย สมนฺตจกฺขุ. สพฺพกิเลสสงฺคามานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาม. ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณตฺถํ เวเนยฺยชนสตฺถวาหนสมตฺถตาย สตฺถวาห. กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณณ.

. พุทฺธจกฺขุนา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ. อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเน. เอวํ เสเสสุปิ. อนฺโต นิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อนฺโต นิมุคฺคาเนว โปสิยนฺติ, ตตฺถ ยานิ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ, ตานิ สูริยรํสิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกานุคฺคตานิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม โหนฺติ. ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬินารุฬฺหานิ, อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานิ. เอเตหิ อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา โยเชตพฺพา. ปจฺจภาสีติ ปติ อภาสิ.

อปารุตาติ วิวฏา. ปจฺฉิมสฺส ปททฺวยสฺส อยมตฺโถ. อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา นาภาสิ.

พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา

๑๐. อิทานิ ปน สพฺโพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติ. อปฺปรชกฺขชาติโกติ สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตา นิกฺกิเลสชาติโก. อาชานิสฺสตีติ เจ น นิฏฺานมกํสุ ธมฺมสงฺคาหกา เต วินยกฺกมฺา, อหํ เทเสยฺยํ ปฏิวิชฺฌิสฺสตีติ อธิปฺปาโย, ‘‘มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๒) เอตฺถ วิย อภูตปริกปฺโป กิเรโส. โลเก ตสฺส อธิมุตฺตภาวทีปนตฺถฺหิ อิทํ วจนํ อตฺตโน ตทุปเทเสน อวิทิตภาวทีปนตฺถํ. ตสฺส อนนฺเตวาสิกภาวทีปนตฺถนฺติ เอวมาทีนิ ปเนตฺถ ปโยชนานิ. ภควโตปิ โข าณนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ ตสฺส มรณารมฺมณํ อุปฺปชฺชิ. เตน ตโต ปุพฺเพ ตสฺส สติ ธมฺมเทสนาย ขิปฺปํ ชานนภาวารมฺมณนฺติ ทีเปติ. ปโรปเทสโต อชานิตฺวา ปจฺจกฺขโต มรณสจฺฉิกิริยมฺปิ ทสฺเสติ. พุทฺธานมฺปิ อเนกาณสโมธานาภาวโต สุวุตฺตเมตํ. จิตฺตปุพฺพิกา หิ จิตฺตปฺปวตฺติ, อฺถา นวสตฺตปาตุภาวปฺปสงฺโค. สพฺพธมฺมานํ เอกโต คหเณ วิรุทฺธกาลานํ เอกโต ชานนปฺปสงฺโค. ตโต เอกาณสฺส วิตถภาวปฺปตฺติโทโส, ตสฺมา สพฺพสฺส วินาเนกาณสโมธานํ อาปชฺชิตธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณวนฺตตฺตา ปน สพฺพฺู เอว ภควาติ เวทิตพฺพํ, น สพฺพกาลํ เอกโต. อาฬาราทีนํ มรณาชานนโตติ เจ? น, ตสฺส ชานเนน ปุถุชฺชนสฺสาปิ สพฺพฺุตาปตฺติปฺปสงฺคโต. ยทาภาเวน ยทาภาโว ตพฺภาเวน ตสฺสาภาวปฺปสงฺโค โลเก สิทฺโธติ. ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ วจนโต ตสฺส มรณชานนํ สิทฺธนฺติ กตฺวา ภวํ มเตเนว ภควา สพฺพฺูติ สิทฺธํ น เทวตาโรจนโต ปุพฺเพ อชานนโตติ เจ? น, วิเสสํ ปริคฺคเหตฺวา อนฺตรา ปชานนโต, เทวตาย สพฺพฺุภาวปฺปตฺติโทสโต จ. น หิ โส กสฺสจิ วจเนน อฺาสีติ.

อปิจ กิมิทํ ตตฺถ ชานนํ นาม ตทารมฺมณาณุปฺปตฺตีติ เจ? น, โลเก สพฺพฺุโน อจฺจนฺตาภาวปฺปสงฺคโต. สาธิกา หิ มยา เอกาณกฺขเณ สพฺพํ าณํ, ตทฺเสฺจ ตทฺาณานุปฺปตฺติ. อปิจ สพฺพฺุโน สพฺพธมฺมวิสเย าณปจฺจุปฏฺานสิทฺธิ ตสฺส าณสฺส อตฺตนาว อตฺตโน อวิสโยติ เจ? น, เหตุนิทสฺสนานุปฺปตฺติโต. อปิจ ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ เอตฺถ วิเสสวจนํ อตฺถิ. เยน เทวตาโรจนุตฺตรกาลเมว ภควโต าณํ อุทปาทีติ ปฺายติ. น หิ วจนปุพฺพาปริยภาวมตฺเตน ตทตฺถปุพฺพาปริยตา โหติ, ตสฺมา อยุตฺตเมตํ. อภิโทสกาลํกโตติ ปมยาเม กาลํกโต. ‘‘มชฺฌิมยาเม’’ติปิ วทนฺติ. อุภยตฺถปิ มหาชานิโย. สตฺตทิวสพฺภนฺตเร, เอกทิวสพฺภนฺตเร จ ปตฺตพฺพมคฺคผลโต ปริหีนตฺตา มหตี ชานิ อสฺสาติ มหาชานิ. เตสุ หิ ทฺวีสุ อาฬาโร อากิฺจฺายตนภเว นิพฺพตฺโต, อุทโก ภวคฺเค, ตสฺมา เนสํ ธมฺมเทสนาย อกฺขเณ นิพฺพตฺตภาวํ สนฺธาย ภควา เอวํ จินฺเตสิ, น อิโต มนุสฺสโลกโต จุติภาวํ สนฺธายาติ เวทิตพฺพํ. อพุทฺธเวเนยฺยตฺจ สนฺธายาติ โน ตกฺโก, อฺถา อนิฏฺปฺปสงฺโคติ อาจริโย.

โพธิสตฺตสฺส ชาตกาเล สุปินปฏิคฺคาหกา เจว ลกฺขณปริคฺคาหกา จ อฏฺ พฺราหฺมณา. เตสุ ตโย ทฺวิธา พฺยากรึสุ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺติ, ปพฺพชนฺโต พุทฺโธ’’ติ. ปฺจ พฺราหฺมณา ‘‘อคาเร น ติฏฺติ, พุทฺโธว โหตี’’ติ เอกํสพฺยากรณาว อเหสุํ. เตสุ ปุริมา ตโย ยถามนฺตปารํ คตา. อิเม ปน มนฺตปารํ อติกฺกมนฺตา อตฺตนา ลทฺธํ ปุฺมหตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา โพธิสตฺตํ อุทฺทิสฺส ปุเรตรเมว ปพฺพชึสุ. อิเม สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฺจวคฺคิยา’’ติ. ‘‘เตสํ ปุตฺตา’’ติปิ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา ‘‘พหูปการา โข เม’’ติ จินฺเตสิ. กึ อุปการกานํ เอว เอส ธมฺมํ เทเสติ, อิตเรสํ น เทเสตีติ? โน น เทเสติ. อุปการานุสฺสรณมตฺตเกเนว วุตฺตนฺติ อฏฺกถานโย. อตฺตโน กตฺุกตเวทิภาวปฺปกาสนตฺถํ, กตฺุตาทิปสํสนตฺถํ, ปเรสฺจ กตฺุภาวาทินิโยชนตฺถํ, ขิปฺปชานนปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ.

๑๑. อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธินฺติ คยาย จ โพธิยา จ มชฺเฌ ติคาวุตนฺตเร าเน. โพธิมณฺฑโต หิ คยา ตีณิ คาวุตานิ. พาราณสินครํ อฏฺารส โยชนานิ. อุปโก ปน โพธิมณฺฑสฺส จ คยาย จ อนฺตเร ภควนฺตํ อทฺทส. อนฺตรา-สทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทปิ โยเชตพฺโพ. อโยชิยมาเน ปน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ. อิธ ปน โยเชตฺวาว วุตฺโตติ.

สพฺพาภิภูติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ิโต. ตณฺหกฺขเยติ นิพฺพาเน. วิมุตฺโตติ อารมฺมณโต วิมุตฺโต. นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโลติ มยฺหํ ปฏิปุคฺคโล นาม นตฺถิ, อสทิโสติ อตฺโถ, มม สพฺพฺุภาเว โทสํ ทสฺเสตฺวา โลเก าตุํ อสมตฺถตาย มม ปจฺจตฺถิกปุคฺคโล วา นตฺถีติ อตฺโถ. อาหฺฉํ อมตทุนฺทุภินฺติ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภาย อมตเภรึ ปหริสฺสามีติ คจฺฉามิ.

อรหสิ อนนฺตชิโน ภวิตุํ ยุตฺโต ตฺวนฺติ อตฺโถ. อิทมฺปิ อตฺตโน สตฺถุนามํ. หุเปยฺยาสีติ อาวุโส เอวมฺปิ นาม ภเวยฺย. ปกฺกามีติ วงฺกหารชนปทํ นาม อคมาสิ. ภควาปิ ‘‘ตตฺถ ตสฺส มิคลุทฺทกสฺส ธีตุยา จาปาย อุกฺกณฺิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา อนาคามี อยํ ภวิสฺสตี’’ติ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา เตน สทฺธึ อาลปิ. โส จ ตเถวาคนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อนาคามี หุตฺวา อนุกฺกเมน กาลํ กตฺวา อวิเหสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

๑๒. สณฺเปสุนฺติ กติกํ อกํสุ. ปธานวิพฺภนฺโตติ ปธานโต ภฏฺโ ปริหีโน. ‘‘อภิชานาถ นุ ภาสิตเมต’’นฺติ, ‘‘วาจํ ภาสิตเมว’’นฺติ จ เอวรูปํ กฺจิ วจนเภทํ อกาสีติ อธิปฺปาโย. ภควนฺตํ สุสฺสูสึสูติ ภควโต วจนํ โสตุกามา อเหสุํ. อฺาติ อฺาย, ชานิตุนฺติ อตฺโถ.

๑๓. อถ กิมตฺถํ อามนฺเตสีติ? ตโตปิ สุฏฺุตรํ ปฏิชานนตฺถํ, ธมฺมสฺส อภิภาริยทุลฺลภภาวทีปนตฺถํ, อกฺขรวิกฺเขปนิวารณตฺถฺจ. ตตฺถ ทฺเวเมติ อนฺตทฺวยวจนํ อฺเสมฺปิ ตทนฺโตคธภาวโต. อปิจ โยชนาวเสน. ตณฺหาอวิชฺชาติ หิ สํสารปฺปวตฺติยา สีสภูตา ทฺเว กิเลสา. เต จ สมถวิปสฺสนานํ ปฏิปกฺขภูตตฺตา อนฺตา นาม. เตสุ ตณฺหาวเสน กามสุขลฺลิกานุโยคํ ภชนฺโต สมถํ ปริหาเปติ พาโล, ตถา อวิชฺชาวเสน อตฺตกิลมถานุโยคํ ภชนฺโต คจฺฉนฺโต วิปสฺสนนฺติ น สกฺกา อุโภ ทฺเว อนฺเต อปฺปหาย อมตํ อธิคนฺตุนฺติ เอวํ วุตฺตา. อปิจ ลีนุทฺธจฺจปหานทสฺสนเมตํ. ลีโน หิ นิกฺขิตฺตวีริยารมฺโภ กามสุขฺจ ภชติ, อิตโร อจฺจารทฺธวีริโย อตฺตกิลมถํ. อุโภปิ เต วีริยสมตาย ปฏิปกฺขตฺตา อนฺตา นาม. อปิจ ติสฺโส สาสเน ปฏิปทา วุตฺตา อาคาฬฺหา, นิชฺฌามา, มชฺฌิมา จ. ตตฺถ อาคาฬฺหา ‘‘ปาณาติปาตี โหติ, นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ เอวมาทิกา. นิชฺฌามา ‘‘อเจลโก โหติ, มุตฺตาจาโร’’ติ เอวมาทิกา, มชฺฌิมา ‘‘อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เอวมาทิกา. ตตฺถ กามสุขลฺลิกานุโยโค อาคาฬฺหา นาม ปฏิปทา โหติ สพฺพากุสลมูลตฺตา. อตฺตกิลมถานุโยโค นิชฺฌามา นาม อตฺตชฺฌาปนโต. อุโภเปเต มชฺฌิมาย ปฏิปทาย ปฏิปกฺขภูตตฺตา อนฺตา นาม, ตสฺมา อิเมว สนฺธาย ทฺเวเมติ. กิมตฺถํ ภควา ‘‘ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ ปพฺพชิเต เอว อธิกโรติ, น คหฏฺเติ? ปพฺพชิตานํ ตทธิมุตฺตตฺตา, สุขปริวชฺชนสมตฺถตาย, ตทธิกตตฺตา จ ปพฺพชิตา เอตฺถ อธิกตา, น คหฏฺา. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ กามสุขลฺลิกานุโยคมาห, นนุ เต ปกติยาปิ กามปริจฺจาคํ กตฺวา ตํ นิสฺสรณตฺถํ ปพฺพชิตาติ? น, เตสํ อนฺตทฺวยนิสฺสิตตฺตา. เต หิ อิธ โลเก กาเมน วิสุทฺธิมิจฺฉนฺติ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา ตสฺเสว ตปสฺส ผเลน เปจฺจ ทิพฺเพ กาเม อาสีสมานา ทฬฺหตรํ กามสุขลฺลิกานุโยคมนุยุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อนฺตตฺโถ ปน อิธ กุจฺฉิตฏฺเน เวทิตพฺโพ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ, ยทิทํ ปิณฺโฑลฺย’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) วิย.

โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ เอตฺถ กาเมสูติ วตฺถุกาโม อธิปฺเปโต, ทุติโย กิเลสกาโม. ตํสมฺปยุตฺตสุขเมตฺถ กามสุขํ นาม. เตน วิปากสุขสฺส นิรวชฺชภาวํ ทีเปตีติ. อลฺลียนํ นาม ตทภินนฺทนา. อนุโยโค นาม ภวนฺตเร ตทนุโยคปตฺถนา. หานภาคิยกรตฺตา กุสลปกฺขสฺส, หีนปุคฺคลภาวิตตฺตา, หีนธาตุปภวตฺตา จ ลามกฏฺเน หีโน. คามนิวาสิสตฺตธมฺมตฺตา คมฺโม. ปุถุชฺชนสาธารณตฺตา โปถุชฺชนิโก. อนริโยติ อริยานํ อนธิปฺเปตตฺตา, อริยธมฺมปฏิปกฺขตฺตา, อนริยกรตฺตา, อนริยธมฺมตฺตา, อนริยาจิณฺณตฺตา จ เวทิตพฺโพ. อนตฺถสงฺขาตสํสารภยาวหตฺตา, อนตฺถผลนิพฺพตฺตกตฺตา จ อนตฺถสํหิโต. อตฺตโน เกวลํ เขทูปคโม อตฺตกิลมโถ นาม. โส ทิฏฺิคตปุพฺพกตฺตตปานุกฺกมกิริยาวิเสสํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ตสฺส ทิฏฺิวเสน อนุโยโค อตฺตกิลมถานุโยโค นาม. อตฺตวิโยควิตฺตาปริสฺสมตฺตา, อนุปายปวตฺตตฺตา สมฺปชฺชมาโน มิคโยนิโคโยนิกุกฺกุรโยนิสูกรโยนีสุ ปาตายติ. วิปจฺจมาโน นรกํ เนตีติ อนตฺถสํหิโต. เอเต ตฺวาติ เอเต ตุ. ตถาคเตนาติ อตฺตานํ อวิตถาคมนํ อาวิ กโรติ, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘น มยา ปริวิตกฺกิตมตฺเตน วิตกฺกิตา, กินฺตุ มยา ตถาคเตเนว สตา อภิสมฺโพธิาเณน อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. จกฺขุกรณีติอาทีหิ ปน ตเมว ปฏิปทํ โถเมติ. เภสชฺชํ อาตุรสฺส วิย ‘‘จกฺขุกรณี’’ติ อิมินา าณจกฺขุวิโสธนํ วุตฺตํ. าณกรณีติ อิมินา อนฺธการวิธมนํ วุตฺตํ. อุปสมายาติ กิเลสปริฬาหปฏิปฺปสฺสทฺธิ วุตฺตา. อภิฺายาติ สจฺจปฏิเวธนํ วุตฺตํ. สมฺโพธายาติ สจฺจปฏิวิชฺฌนํ วุตฺตํ. นิพฺพานายาติ โสปาทิเสสนิพฺพานธาตุยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยาติ เอวํ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา กเถตพฺพํ.

๑๔. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา อฺตฺถ วิย อนุปุพฺพึ กถํ อกเถตฺวา ปมเมว อเสวิตพฺพมนฺตทฺวยํ วตฺวา มชฺฌิมปฏิปทํ เทเสสีติ? อตฺตาทิมิจฺฉาภิมานนิวารณตฺถํ, กุมฺมคฺคปฏิปตฺตินิวารณตฺถฺจ อนฺตทฺวยวชฺชนํ วตฺวา อตฺตโน วิเสสาธิคมทีปนนเยน อพาหุลฺลิกาทิภาวทสฺสนตฺถํ, เตสฺจ มชฺฌิมปฏิปทาทีปเนน ตตฺถ อนุโยชนตฺถํ ปจฺฉา สมฺมาปฏิปทํ เทเสสิ, ตโต ตสฺส มชฺฌิมปฏิปทาสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส วิสยทสฺสนตฺถํ จตุสจฺจธมฺมํ สงฺเขปวิตฺถารวเสน เทเสตุกาโม ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺข’’นฺติอาทิมาห, อยเมตฺถ อนุสนฺธิ. ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ เม, ภิกฺขเว’’ติอาทิ สุตฺตานุสนฺธิปกอาสนตฺถํ อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ. ยถาวุตฺตํ ปฏิปทํ สุตฺวา กิร โกณฺฑฺโ อาห ‘‘กถํ ภควตา วุตฺตปฏิปทาย อุปฺปตฺติ สิยา. อยฺหิ ปฏิปทา กิเลสานํ อนุปฺปตฺติยา สติ สมฺภวติ, น อฺถา. กิเลสานฺจ ยทิ โลภโต อุปฺปตฺติ ขุปฺปิปาสานํ วิย, ตทาเสวนาย อนุปฺปตฺติ สิยา, ตทวตฺถุสฺส วา เตสํ อุปฺปตฺติ. ตทวตฺถุวิปรีตกายกิลมถาเสวนาย อนุปฺปตฺติ สิยา. อุโภเปตา ภควตา ‘อนฺตา’ติ วุตฺตา, ตสฺมา กถํ ปเนติสฺสาย สมฺมาปฏิปทาย อุปฺปตฺติ สมฺภเวยฺยา’’ติ. ภควา อาห อนุปายาเสวนโต. กถนฺติ เจ? –

‘‘สํสารมูลโต าณํ, ตฺจ าณา ปหิยฺยติ;

ชีวิเต สติ ตํ โหติ, ตฺจ ชีวิตสาธเน.

‘‘ตสฺมา าณาย เมธาวี, รกฺเข ชีวิตมตฺตโน;

าณสาธนภูตฺจ, สีลฺจ ปริปาลเย.

‘‘ชีวิตฺจ ยถา โลเก, ภินฺเน กาเย น วิชฺชติ;

ตเถว ภินฺนสีลสฺส, นตฺถิ าณสฺส สมฺภโว.

‘‘ตสฺมา อายุฺจ สีลฺจ, าณตฺถํ รกฺขตา สตา;

เสวิตพฺพา น กามาปิ, นาปิ กายวินาสนา.

‘‘กาเมสุ เคธมุปคมฺม หิโน คมฺมฺจ,

อจฺจุทฺธโน กิลมถํ คมุเปติ มูฬฺโห;

โย มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ปรมํ อุเปติ,

โส ขิปฺปเมว ลภเต ปรมํ วิโมกฺข’’นฺติ.

สุตฺวา ตเทตํ สุคตสฺส วากฺยํ,

ปฺํ มุนี โส สุตชํ ลภิตฺวา;

จินฺตามยํ าณ ปเวสมาโน,

อุจฺฉินฺทยํ ปฺหมิมํ อปุจฺฉิ.

‘‘นิพฺเพธปทฏฺานํ ปหาย โฆรํ,

ตปํ กถมิวาติ โส ตฺวํ;

พฺรูหิ ตเทว โหติ ภิกฺขุ จร,

วิราคมุปยาติ จ ทุกฺขสจฺจสฺส;

ทสฺสเนเนว ทุกฺขานุภวนา,

ตมฺหิ โทสสฺส ปจฺจโย’’ติ.

สุตฺวาว โกณฺฑฺโ มุนิวจนํ,

วุฏฺาย หฏฺโ สหสา อโวจ;

‘‘อุทาหร ตฺวํ ภควา มเมตํ,

ภิกฺขุ ยถา ปสฺสติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ.

จินฺตามยิสฺส ปฺาปริปุณฺณา ภาวนามยิปฺาสมฺปตฺติ ชานิตพฺพา อิเมหิ อิติ ภควา สุตฺตมิทมาหาติ กิร. กสฺมา ภควา โกณฺฑฺสฺส ปุริมเมว สจฺจเทสนํ อวฑฺเฒตฺวา อตฺตโน อธิคตกฺกมมาหาติ? นาหํ กสฺสจิ อาคมํ เทเสมิ, อปิจ โข สยเมว เอวมธิคโตมฺหีติ ทสฺสนตฺถํ. ตตฺถ ‘‘ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสู’’ติ อิมินา อิทํ อตฺถทฺวยํ ทสฺเสติ, น มยา อาฬารโต, อุทกโต วา อยํ ธมฺโม สุโต, กินฺตุ ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสฺเวว าณํ เม อุทปาทีติ มชฺฌิมาย ปฏิปทาย อานุภาวํ ปกาเสติ. อปิจ ยสฺมา เอวํ ปฏิปนฺโน วินาปิ ปโรปเทเสน อริยสจฺจานิ ปสฺสติ, ตสฺมา กถํ ตุมฺเหว มมาปเทเสน น ปสฺสถาติ.

๑๕. จกฺขุนฺติอาทีนิ ปฺจ ปทานิ าณเววจนาเนว. าณฺหิ สจฺจานํ อาโลจนโต จกฺขุภูตตฺถชานนโต าณํ. ปกาเรหิ ชานนโต ปฺา. กิเลสวิทารณโต, วิชฺชนโต จ วิชฺชา. สจฺจจฺฉาทกตมวินาสนโต, เตสํ คติโกฏิปกาสนโต อาโลโกติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปเมน ปริวฏฺเฏน สจฺจานํ อฺมฺํ อสงฺกรโต ปนปฺํ ทสฺเสติ, ทุติเยน เตสํ กตฺตพฺพาการปริจฺฉินฺทนปฺํ, ตติเยน สจฺเจสุ าณกิจฺจสนฺนิฏฺานํ ทสฺเสติ.

๑๖. ยาวกีวฺจาติ ทฺวีหิ ปเทหิ ยาวอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติอาทิ วิย. ราคาทีหิ อกุปฺปตาย อกุปฺปา วิมุตฺติ. เวยฺยากรณนฺติ ธมฺมเทสนา. สา หิ ธมฺมานํ พฺยากรณโต ปกาสนโต ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ. วิรชํ วีตมลนฺติ เอตฺถ วิรชํ วิสมเหตุวาทวิคมโต. วีตมลํ อเหตุกวาทวิคมโต. วิรชํ สสฺสตทิฏฺิปฺปหานโต. วีตมลํ อุจฺเฉททิฏฺิปฺปหานโต. วิรชํ ปริยุฏฺานปฺปหานโต. วีตมลํ อนุสยปฺปหานโต. ธมฺมจกฺขุนฺติ ธมฺมมตฺตทสฺสนํ, น ตตฺถ สตฺโต วา ชีโว วา การโก วา เวทโก วาติ, เตเนวาห ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ. อิทฺหิ ตสฺส ธมฺมจกฺขุสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน เอว สงฺขตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ.

๑๗. ธมฺมจกฺกนฺติ เอตฺถ เทสนาาณํ อธิปฺเปตํ, ปฏิเวธาณฺจ ลพฺภเตว. เอตฺถ กิมตฺถํ เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ? นานาทิฏฺิคตนฺธการวิธมนโต ลทฺธาโลกตฺตา, อปายภยสมติกฺกมนโต อสฺสาสํ ปตฺตตฺตา, เทวกายวิมานทสฺสนโต ปีติปาโมชฺชจลิตตฺตา จาติ เอวมาทีเนตฺถ การณานิ วทนฺติ. ปถวิกมฺปนมหาสทฺทปาตุภาโว จ ธมฺมตาวเสเนว โหตีติ เอเก. เทวตานํ กีฬิตุกามตาย ปถวิกมฺโป. พหุโน เทวสงฺฆสฺส สนฺนิปาตโต, ภควโต สรีรปฺปภาชาลวิสชฺชนโต จาติ เอกจฺเจ.

๑๘. ปพฺพชฺชุปสมฺปทาวิเสสนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อิติ-สทฺโท ตสฺส เอหิภิกฺขูปสมฺปทาปฏิลาภนิมิตฺตวจนปริโยสานทสฺสโน. ตทวสาโน หิ ตสฺส ภิกฺขุภาโว. สฺวากฺขาโตติอาทิ ‘‘เอหี’’ติ อามนฺตนาย ปโยชนทสฺสนวจนํ. ‘‘เอหิภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ ‘‘สฺวากฺขาโต ธมฺโม จร…เป… กิริยายา’’ติ จ อโวจาติ ปทสมฺพนฺโธ. ตตฺถ จร พฺรหฺมจริยนฺติ อวสิฏฺํ มคฺคตฺตยพฺรหฺมจริยํ สมธิคจฺฉ. กิมตฺถํ? สมฺมาทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ อตฺโถ. ‘‘เอหิภิกฺขู’’ติ อิมินา ภควโต วจเนน นิปฺผนฺนตฺตา การณูปจาเรน ‘‘เอหิภิกฺขูปสมฺปทา’’ติ วุตฺตา. สาว ตสฺสายสฺมโต ยาวชีวํ อุปสมฺปทา อโหสีติ อตฺโถ. เตน ตสฺสา อุปสมฺปทาย สิกฺขาปจฺจกฺขาตาทินา วิจฺเฉทา วา ตทฺาย อุปสมฺปทาย กิจฺจํ วา นตฺถีติ อิทมตฺถทฺวยํ อฏฺกถายํ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนมฺปิ อุปสมฺปทานํ เอหิภิกฺขุโอวาทปฏิคฺคหณปฺหพฺยากรณครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทานํ จตุนฺนํ อฺตราย อุปสมฺปนฺนสฺส อนฺตรา วิจฺเฉโท วา ตทฺูปสมฺปทาย กิจฺจํ วา นตฺถิ, อิตรสฺสตฺถีติ. นิกายนฺตริกา ปนาหุ ‘‘พุทฺธปจฺเจกพุทฺธานํ นิยาโมกฺกนฺติสงฺขาตาย อุปสมฺปทาย ตฺติจตุตฺถกมฺมุปสมฺปทฺจ ทสวคฺคปฺจวคฺคกรณียวเสน ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทสวิโธปสมฺปทา’’ติ. กา ปเนตฺถ อตฺถโต อุปสมฺปทา นามาติ? ตทธิคตกิริยาวเสน นิพฺพตฺติยา อเสกฺขา ตทธิวาสนเจตนาย ปริภาวิตปฺจกฺขนฺธิกา อชฺฌตฺตสนฺตติ. กา ปเนตฺถ ปริภาวนา นาม? ตพฺพิปกฺขธมฺมชฺฌาจารวิรุทฺธภาโว, ตสฺส ปตฺติยา ตาย ปริภาวนาย วเสน กตฺถจิ ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘โลเภน สมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, อภพฺโพ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ ภาเวตุ’’นฺติอาทิ. เอตฺถาหุ นิกายนฺตริกา ‘‘ยถาวุตฺตาย อุปสมฺปทาย ปตฺติสงฺขาโต จิตฺตวิปฺปยุตฺโต สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺโน ธมฺโม อตฺถิ, ตสฺส สนฺตติวเสน ปุพฺพาปริยํ อุปฺปชฺชมานสฺส ยาว อวิจฺเฉโท, ตาว อุปสมฺปนฺโนติ, อฺถา ตโต ธมฺมนฺตรุปฺปตฺติกฺขเณ ตสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส อนุปสมฺปนฺนภาวปฺปสงฺโค อาปชฺชตี’’ติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘สุตฺตํ อาหรถา’’ติ. เต เจ วเทยฺยุํ ‘‘โย เตสํ ทสนฺนํ อเสกฺขานํ ธมฺมานํ อุปาทาย ปฏิลาภสมนฺนาคโม อริโย โหติ วิปฺปหีโนติ เอวมาทีนิ โน สุตฺตานี’’ติ. เอวํ สติ อสนฺตธมฺเมหิ, ปรสตฺเตหิ จ สมนฺนาคมโทสปฺปสงฺโค เนสํ ปาปุณาติ. กึการณํ? สุตฺตสมฺภวโต. ยถาห – ‘‘ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๙๙-๒๐๐ อตฺถโต สมานํ) วิตฺถาโร. วสิภาโว ตตฺถ สมนฺนาคตสทฺเทน วุตฺโต. ตสฺสหิเตสุ รตเนสุ วสิภาโว กามจาโร อตฺถีติ เจ? เอตฺถ วสิภาโว สมนฺนาคมสทฺเทน วุตฺโต, อฺตฺถ ปตฺติสงฺขาโต, ตํ ธมฺมนฺตรนฺติ. กิเมตฺถ วิเสสการณํ? นตฺถิ จ, ตสฺมา ยถาวุตฺตลกฺขณาว อุปสมฺปทา. อยเมว นโย ปพฺพชฺชาทีสุปิ เนตพฺโพ.

๑๙. กิฺจาปิ วปฺปตฺเถรสฺส ปาฏิปททิวเส…เป… อสฺสชิตฺเถรสฺส จตุตฺถิยนฺติ เอวํ นานาทิวเสสุ ปาเฏกฺกํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ, ตถาปิ โอวาทสามฺเน วปฺปภทฺทิยานํ, มหานามอสฺสชีนฺเจตฺถ เอกโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๒๐. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา’’ติ กิมตฺถํ อาทิโตว อนตฺตลกฺขณํ ทีเปตีติ? เตสํ ปุถุชฺชนกาเลปิ อิตรลกฺขณทฺวยสฺส ปากฏตฺตา. เต หิ มนาปานํ กามานํ อนิจฺจตาทสฺสเนน สํวิคฺคา ปพฺพชึสูติ อนิจฺจลกฺขณํ ตาว เนสํ เอกเทเสน ปากฏํ, ปพฺพชิตานฺจ อตฺตกิลมถานุโยคโต กายิกทุกฺขํ, ตฺจ มานสสฺส ปจฺจโยติ มานสิกทุกฺขฺจ ปากฏํ, ตสฺมา ตทุภยํ วชฺชิตฺวา อนตฺตลกฺขณเมว ทีเปตุํ อารภิ. ตฺจ ทีเปนฺโต ทุกฺขลกฺขเณเนว ทีเปตุํ ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺสา’’ติอาทิมาห. กิมตฺถนฺติ? อนิจฺจลกฺขณโตปิ เตสํ ทุกฺขลกฺขณสฺส สุฏฺุตรํ ปากฏตฺตา. เตสฺหิ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตตฺตา, ตปฺปรายณภาวโต จ ทุกฺขลกฺขณํ สุฏฺุ ปากฏํ, ตสฺมา เตน ตาว สุฏฺุ ปากเฏน อนตฺตลกฺขณํ ทีเปตฺวา ปุน ตเทว ตทุภเยนาปิ ทีเปตุํ ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ วกฺขติ. กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคฺคาโห. เอโสหมสฺมีติ มานคฺคาโห. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคฺคาโห. ตณฺหาคฺคาโห เจตฺถ อฏฺสตตณฺหาวิจริตวเสน, มานคฺคาโห นววิธมานวเสน, ทิฏฺิคฺคาโห ทฺวาสฏฺิทิฏฺิวเสน เวทิตพฺโพ.

ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๒๕. เยน สมเยน ภควา ปฺจวคฺคิเย ปฺจมิยํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา สตฺตมิยํ นาฬกตฺเถรสฺส นาฬกปฏิปทํ อาจิกฺขิตฺวา ภทฺทปทปุณฺณมายํ ยสสฺส อินฺทฺริยานํ ปริปกฺกภาวํ ตฺวา ตํ อุทิกฺขนฺโต พาราณสิยํ วิหาสิ, เตน สมเยน ยโส นามาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺส กิร อุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ตสฺส กุลสฺส กิตฺติสทฺทสงฺขาโต, ปริชนสงฺขาโต วา ยโส วิเสสโต ปวฑฺฒติ. เตน ตสฺส มาตาปิตโร เอวํ นามมกํสุ. ‘‘สุขุมาโล’’ติอาทิ กิมตฺถํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตนฺติ? ปจฺฉิมชนสฺส เนกฺขมฺเม สมุสฺสาหนชนนตฺถํ. เอวํ อุตฺตมโภคสมปฺปิตานมฺปิ อุตฺตเมสุ โภเคสุ อปฺปมตฺตเกนาปิ อสุภนิมิตฺเตน วิตชฺเชตฺวา กาลากาลํ อคเณตฺวา วิเวกาภิรติยา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ติณํ วิย ปหาย เคหโต นิกฺขมนา อโหสิ, กสฺส ปนฺสฺส น สิยาติ อธิปฺปาโย. สมงฺคีภูตสฺสาติ เตหิ เอกตฺตํ อุปคตสฺส, อวิวิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. นิทฺทา โอกฺกมีติ มนาเปสุปิ วิสเยสุ ปวตฺตึ นิวาเรตฺวา ตสฺส จิตฺตํ อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา อตฺตโน วสํ อุปเนสีติ อตฺโถ. สพฺพรตฺติโย จาติ ตโยปิ ยาเม. เตน ปริชนสฺส วิการทสฺสเน การณํ ทสฺเสติ. รตฺติ-สทฺโท ปเนตฺถ กาเล สูริยาภาเว, ยาเม จ ปวตฺตตีติ วิฺเยฺโย. ยาเมวิธ วิฺเยฺโย ติจีวรวิปฺปวาเส จ. กจฺเฉติ กจฺฉปสฺเส. กณฺเติ กณฺสฺส เหฏฺา. มุทิงฺคสฺส หิ อุปริ กณฺํ เปตฺวา สยนฺติยา กณฺเ มุทิงฺคํ อทฺทสาติ อตฺโถ. อาฬมฺพรนฺติ ปณวํ. อุภโตมุขสฺส ตนุกา ทีฆา. วิตฺถินฺนสมตลสฺส วาทิตสฺส เอตํ อธิวจนํ. วิปฺปลปนฺติโยติ สุปินทสฺสนาทิวเสน อสมฺพนฺธปลาปํ วิปฺปลปนฺติโย. สุสานํ มฺเติ สุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพนฺโธ. อาทีนโวติ อสุภภาโว. นิพฺพิทาย จิตฺตํ สณฺาตีติ วิมุจฺจิตุกามตาสงฺขาตาย อุกฺกณฺาย จิตฺตํ นมีติ อตฺโถ. อุทานํ อุทาเนสีติ ‘‘อิโต ปฏฺาย อิมาหิ อิตฺถีหิ สห นาหํ ภวิสฺสามี’’ติ อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ. ทฺเว กิร อาการา ตสฺส ปมาทสุตฺตปริชนทสฺสเน ปากฏา ชาตา กิเลสานํ พลวภาโว, อสุภาการสฺส อติโอฬาริกภาโว จ. เอวํ สติ โอฬาริกตเร จ อสุภากาเร กิเลสวเสนายํ สพฺโพปิ โลโก เอตฺถ ปีฬิโต มุจฺฉิโต. อโห กิเลสา พลวตราติ หิ ปสฺสโต ปสฺสโต ตสฺส ทฺเวปิ เต อาการา ปากฏา ชาตา, เยเนวมโวจาติ.

‘‘สุวณฺณปาทุกาโย อาโรหิตฺวา’’ติ เอเตนสฺส นิสฺสงฺคตาย วิสฺสฏฺคมนํ ทีเปติ. โส หิ พลวสํเวคาภิตุนฺนหทยตฺตา ปริชนสฺส ปโพเธ สติปิ อตฺตโน คมนนิวารณสมตฺถภาวํ อสหมาโน อตฺตานํ ตกฺเกนฺโต วิสฺสฏฺโ อคมาสิ. อมนุสฺสาติ เทวตา. ตา หิ มนุสฺเสหิ สุคติปฏิเวธาณสณฺานาทิคุณสามฺเน ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ. น หิ อสมานชาติกา ติรจฺฉานาทโย ‘‘อพฺราหฺมณา’’ติ วา ‘‘อวสลา’’ติ วา วุจฺจนฺติ, กินฺตุ ชาติสภาคตาย เอว วสลาทโย ‘‘อพฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ มนุสฺเสหิ เกนจิ อากาเรน สภาคตาย เทวตา ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วุตฺตา. อฺถา มนุสฺสา น โหนฺตีติ ติรจฺฉานคตาปิ ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วตฺตพฺพา ภเวยฺยุํ.

๒๖. วนคหนํ ทิสฺวา ‘‘สุมุตฺโตหํ นครโต’’ติ ปมุทิตตฺตา ภควโต อวิทูเร อุทาเนสิ. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ ตณฺหาทิกิเลเสหิ อนุปทฺทุตํ, อนุปสฏฺตฺจ ทสฺสนมตฺเตนาปิ อสฺสาทชนนโต. ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ เยน ตํ นิพฺพานํ อิธ นิสินฺนมตฺโตว ตฺวํ อธิคมิสฺสสีติ อธิปฺปาโย. กิราติ อสฺสทฺเธยฺยอพฺยตฺติปริหาเสสุ นิปาโต, อิธ อพฺยตฺติยํ. สุวณฺณปาทุกาโย โอโรหิตฺวาติ จ สุวณฺณปาทุกาหิ โอตริตฺวา. นิสฺสกฺกตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ตสฺส นิสินฺนมตฺตสฺเสว อฺํ สมฺโมทนียํ กถํ อกตฺวา อนามนฺเตตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. สุปริปกฺกินฺทฺริยตฺตา, ปฏิเวธกฺขณานติกฺกมนตฺถํ อนุปทฺทุตานุปสฏฺตานํ ปาปกธมฺมเทสนาภิมุขจิตฺตตฺตา, เสฏฺิสฺส คหปติโน อจิราคมนทสฺสนโต จ. กิมตฺถํ ภควา ตสฺส สุฏฺุตรํ สํวิคฺคหทยสฺส ภวโต มุจฺจิตุกามสฺส ภวาภวูปายานิสํสกถํ ปมเมว กเถสีติ? สพฺพภวาทีนวทสฺสนตฺถํ. โส หิ มนุสฺสโลกสฺเสว อุปทฺทุตอุปสฏฺภาวํ อทฺทส, น สคฺคานนฺติ กทาจิ สคฺคโลกํ สุขโต มฺเยฺย. ตตฺถ สุขสฺเน นิพฺพานาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสยฺยาติ สคฺคานมฺปิ อาทีนวํ ทสฺเสตุกามตาย อนุปุพฺพึ กถํ อารภิ. เอตฺถ ทานํ, ทานานิสํสํ, สีลานิสํสฺจ กเถนฺโต ทานสีลกถํ กเถติ นาม. สคฺควณฺณํ กเถนฺโต สคฺคกถํ กเถติ นาม. ตตฺถ วตฺถุกามกิเลสกามานํ อนิจฺจตํ, อปสาทตํ, มหาทีนวตฺจ กเถนฺโต กามานํ อาทีนวํ, โอการํ, สํกิเลสฺจ ปกาเสติ. เนกฺขมฺเม ตทภาวโต จ ตํนิสฺสรณโต จ ตพฺพิปรีตํ อานิสํสํ กเถนฺโต เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสติ นาม. ตตฺถ โอการนฺติ อวการํ ลามกภาวํ. สํกิเลสนฺติ สํกิลิสฺสนํ พาธนํ อุปตาปนํ วาติ อตฺโถ. กลฺลจิตฺตํ ปฺินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน, ทิฏฺิโยควิจิกิจฺฉาโยคานํ ปฺินฺทฺริเยน วิหตตฺตา. มุทุจิตฺตํ สตินฺทฺริยสมาโยเคน, วิหึสาสารมฺภาทิกิเลสปเวสํ นิวาเรตฺวา จิตฺตมุทุตาทิกุสลธมฺมปฺปเวสนํ กโรนฺตํ สหชาตํ จิตฺตํ มุทุํ กโรติ. สมาธินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน วินีวรณจิตฺตํ. ตฺหิ วิเสสโต นีวรณวิปกฺขภูตนฺติ. วีริยินฺทฺริยวเสน อุทคฺคจิตฺตํ. ตฺหิ ถินมิทฺธสงฺขาตลีนภาววิปกฺขนฺติ. สทฺธินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน ปสนฺนจิตฺตํ ตสฺส ปสาทลกฺขณตฺตา. สามุกฺกํสิกาติ เอตํ วิสยวเสน เทสนํ อุปาลิตฺเถโร ปกาเสติ. สจฺจานิ หิ สามุกฺกํสิกเทสนาย วิสยานิ. อฺถา ทุกฺขาทีนิ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนาติ อาปชฺชติ ตสฺส วิภาวเน สจฺจานํ นิทฺทิฏฺตฺตา.

๒๗. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ. อภิสงฺขเรสีติ อภิสงฺขริ. กิมตฺถนฺติ เจ? อุภินฺนํ ปฏิลภิตพฺพวิเสสนฺตรายนิเสธนตฺถํ. ยทิ โส ปุตฺตํ ปสฺเสยฺย, ปุตฺตสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภ อรหตฺตุปฺปตฺติ, เสฏฺิสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภ น สิยา. ทิฏฺสจฺโจปิ ‘‘เทหิ เต มาตุยา ชีวิต’’นฺติ วทนฺโต กิมฺํ น กเรยฺย. ยโสปิ ตํ วจนํ สุตฺวา อรหาปิ สมาโน สยํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ภควนฺตํ อุลฺโลเกนฺโต กิมฺาย สณฺเหยฺย.

๒๘. อุโภหิปิ ปตฺตพฺพวิเสสโกฏิยา ปตฺตตฺตา ภควา ปุน ตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสิ. ปุพฺเพ อคาริกภูโตติ ตสฺส โสตาปนฺนกาลํ สนฺธายาห. โสตาปนฺโน หิ อคารมชฺเฌ วสนารหตฺตา อคาริยภูโต นาม โหติ อปพฺพชิโต. สมฺปติ ปพฺพชิโต สมาโน อคารมชฺฌวสนสฺส อภพฺพตฺตา ‘‘อคาริโก’’ติ น วุจฺจติ, ตสฺมา เอวมาห. ยสฺส ทิฏฺโติ สมฺพนฺโธ, เยน ทิฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เสยฺยถาปิ ปุพฺเพ อคาริกภูโต’’ติ วจเนน ลทฺธนยตฺตา ปจฺฉา คหปติ คิหิเวสธาริเมว ยสํ สนฺธายาห ‘‘ยเสน กุลปุตฺเตน ปจฺฉาสมเณนา’’ติ. ตตฺถ จร พฺรหฺมจริยนฺติ อาภิสมาจาริกสีลํ พฺรหฺมจริยํ จร ปริปูเรหิ ตาว, ยาว สมฺมาทุกฺขสฺสนฺตกิริยา, ยาว จุติจิตฺตาติ อธิปฺปาโย. ลิงฺคพฺรหฺมจริยํ สนฺธายาติ โปราณา, ตฺจ ยุตฺตํ. ลิงฺคมตฺตฺหิ สนฺธาย โส อายสฺมา ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปท’’นฺติ อาห.

กิมตฺถํ ภควา ยสสฺส มาตุ, ปชาปติยา จ ภตฺตกิจฺจํ อกตฺวาว ธมฺมํ เทเสสีติ? ยสสฺส ปพฺพชฺชาย โสกสลฺลสมปฺปิตตฺตา ทานฺจ โสมนสฺสิกจิตฺเตน น ทเทยฺยุํ, สตฺถริ จ โทมนสฺสปฺปตฺตา หุตฺวา มคฺคปฏิเวธมฺปิ น ลเภยฺยุนฺติ ภควา ปมํ ตาว ตา วิคตโสกสลฺลหทยาโย กตฺวา ปุน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ.

๓๐. เสฏฺานุเสฏฺีนนฺติ อนุกฺกมเสฏฺีนนฺติ โปราณา. ‘‘เสฏฺิโน จานุเสฏฺิโน จ ยานิ กุลานิ, ตานิ เสฏฺานุเสฏฺานิ กุลานิ, เตสํ เสฏฺานุเสฏฺีนํ กุลาน’’นฺติ ลิขิตํ. ธมฺมวินโยติ สาสนพฺรหฺมจริยํ ปาวจนนฺติ อิธ อตฺถโต เอกํ. อถ วา ธมฺเมน วินโย, น ทณฺฑสตฺเถหีติ ธมฺมวินโย, ธมฺมาย วินโย, น หึสตฺถนฺติ วา ธมฺมโต วินโย, นาธมฺมโตติ วา ธมฺโม วินโย, นาธมฺโมติ วา ธมฺมานํ วินโย, น อฺเสนฺติ วา ธมฺมกายตฺตา, ธมฺมสามิตฺตา วา ธมฺโม ภควา, ตสฺส ธมฺมสฺส วินโย, น ตกฺกิกานนฺติ วา ธมฺมวินโย. สมานาธิกรณวเสน วา ธมฺมวินโย นีลุปฺปลํ วิย, ธมฺโม จ วินโย จาติ ธมฺมวินโย ผลาผลํ วิย นปุํสกมิติ ปุลฺลิงฺคาปเทสโต อสฺส ลิงฺคภาโว สิทฺโธ, ยสฺส วา ธมฺโม วินโย, โส ธมฺมวินโย เสตปโฏ ปุริโส วิย, ธมฺเมน ยุตฺโต วา วินโย ธมฺมวินโย อสฺสรโถ วิยาติ เอวมาทินา นเยน โยชนา เวทิตพฺพา.

๓๔. ‘‘ขณฺฑสีมํ เนตฺวา’’ติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปฏิหรณตฺถํ วุตฺตํ. เตน ‘‘สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏตีติ. ปพฺพาเชตฺวาติ อิมสฺส อธิปฺปายปกาสนตฺถํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา เอหี’’ติ วุตฺตํ. อุปชฺฌาโย เจ เกสมสฺสุโอโรปนาทีนิ อกตฺวา ปพฺพชตฺถํ สรณานิ เทติ, น รุหติ ปพฺพชฺชา. กมฺมวาจํ สาเวตฺวา อุปสมฺปาเทติ, รุหติ อุปสมฺปทา. อปฺปตฺตจีวรานํ อุปสมฺปทาสิทฺธิทสฺสนโต, กมฺมวิปตฺติยา อภาวโต เจตํ ยุชฺชเตวาติ เอเก. โหติ เจตฺถ –

‘‘สลิงฺคสฺเสว ปพฺพชฺชา, วิลิงฺคสฺสาปิ เจตรา;

อเปตปุพฺพเวสสฺส, ตํ ทฺวยํ อิติ จาปเร’’ติ.

ภิกฺขุนา หิ สหตฺเถน วา อาณตฺติยา วา ทินฺนเมว กาสาวํ วฏฺฏติ, อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ ปน สนฺเตสฺเวว กาสาเวสุ, นาสนฺเตสุ อสมฺภวโตติ เตสํ อธิปฺปาโย. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพ อุปสมฺปาเทตพฺโพ. ปมํ…เป…อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทนฺติ เอตฺถ อิมินา อนุกฺกเมน ทินฺเนหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทํ อนุชานามิ เกวเลหีติ อธิปฺปายทสฺสนโต –

อาทินฺนปุพฺพลิงฺคสฺส, นคฺคสฺสาปิ ทฺวยํ ภเว;

เนตรสฺสาติ โน ขนฺติ, สพฺพปาานุโลมโตติ. –

อาจริโย. อาจริเยน อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเทปิ ตเถว ลิขิตํ. อุราทีนิ านานิ นาม. สํวุตาทีนิ กรณานิ นาม. ‘‘อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา เอกสมฺพนฺธํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา อฏฺตฺวา วตฺตพฺพํ. วิจฺฉินฺทิตฺวา ทาเนปิ ยถาวุตฺตฏฺาเน เอว วิจฺเฉโท, อฺตฺร น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อนุนาสิกนฺเต ทิยฺยมาเน ขลิตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ มกาเรน มิสฺสีภูเต เขตฺเต โอติณฺณตฺตา วฏฺฏตีติ อุปติสฺสตฺเถโร. มิสฺสํ กตฺวา วตฺตุํ วฏฺฏติ, วจนกาเล ปน อนุนาสิกฏฺาเน วิจฺเฉทํ อกตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘เอวํ กมฺมวาจายมฺปี’’ติ วุตฺตํ. อุภโตสุทฺธิยาว วฏฺฏตีติ เอตฺถ มหาเถโร ปติตทนฺตาทิการณตาย อจตุรสฺสํ กตฺวา วทติ, พฺยตฺตสามเณโร สมีเป ิโต ปพฺพชฺชาเปกฺขํ พฺยตฺตํ วทาเปติ. มหาเถเรน อวุตฺตํ วทาเปตีติ น วฏฺฏติ. กมฺมวาจาย อิตโร ภิกฺขุ เจ วทติ, วฏฺฏตีติ. สงฺโฆ หิ กมฺมํ กโรติ, น ปุคฺคโลติ. น นานาสีมปวตฺตกมฺมวาจาสามฺนเยน ปฏิกฺขิปิตพฺพตฺตา. อถ เถเรน จตุรสฺสํ วุตฺตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตํ สามเณโร สยํ วตฺวา วทาเปติ, อุภโตสุทฺธิ เอว โหติ เถเรน วุตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา. พุทฺธํ สรณํ คจฺฉนฺโต อสาธารเณ พุทฺธคุเณ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉนฺโต นิพฺพานํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉนฺโต เสกฺขธมฺมํ, อเสกฺขธมฺมฺจ สรณํ คจฺฉตีติ อคฺคหิตคฺคหณวเสน โยชนา กาตพฺพา. อฺถา สรณตฺตยสงฺกรโทโส. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิ. ‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพ’’ติ วจนโต เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ. ตตฺถ จาริตฺตสฺส อกรเณ วาริตฺตสฺส กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปติ.

ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยมารกถาวณฺณนา

๓๕. ‘‘เตน เหตุนา’’ติ วจนโต ปาฬิยํ ‘‘โยนิโสมนสิการาสมฺมปฺปธานา’’ติ เหตฺวตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ เวทิตพฺพํ.

ทุติยมารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา

๓๗-๘. วเสยฺยามาติ ‘‘ตฺวฺจ อหฺจ วเสยฺยามา’’ติ ปิยวจเนน ตสฺส สงฺคณฺหนตฺถํ วุตฺตํ กิร. เตชสา เตชนฺติ อานุภาเวน อานุภาวํ. เตโชธาตุยา วา เตโชธาตุํ. อุภินฺนํ สโชติภูตานนฺติ อนาทรตฺเถ สามิวจนํ, ภาวสตฺตมีอตฺเถ วา. อคฺยาคารเมว อาทิตฺตํ, น ตตฺถ วสนโก สตฺตชาติโก. อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิวิสโย. กสฺมา ปน ภควา อคฺยาคารมฺปิ อนาทิตฺตํ นาธิฏฺาสีติ? อตฺตโน ทุกฺขุปฺปาทาภาวสฺส อนติวิมฺหาทิภาวปฺปสงฺคโต. กิมตฺถํ ปรสนฺตกํ มหาสมฺภารปวตฺตํ ตํ วินาเสตีติ? ปุน ยถาโปราณํ อิทฺธานุภาเวน กตฺตุกามตาธิปฺปายโต. ปริยาทินฺโนติ ขยํ นีโต. เตชสา เตชนฺติ อานุภาเวน อานุภาวํ. อคฺยาคารสฺส ปริตฺตตฺตา อิตโร อตฺโถ น สมฺภวติ. อยมตฺโถ ‘‘มกฺขํ อสหมาโน’’ติ อิมินา อติวิย สเมติ. อิทฺธานุภาวมกฺขนฺหิ ตตฺถ มกฺโข นาม. ปตฺเตนาติ ปทุมปตฺเตนาติปิ โปราณา. ปทุมินิสณฺเฑ ิโต หิ ภควา ตตฺถ อโหสีติ เตสํ มติ.

๓๙. ทินฺนนฺติ อนุมตินฺติ อตฺโถ. อภีโต นิพฺภโย. กสฺมา? ยโต โส มคฺเคน ภยมตีโต. ‘‘สุมนมนโสติ สุนฺทรจิตฺตสงฺขาตมโน. สุมโน เอว วา’’ติ ลิขิตํ. เตโชวาติ อคฺคิ วิย. ธาตุกุสโลติ เตโชธาตุมฺหิ กุสโล. ‘‘พฺยวหิตา เจ’’ติ สทฺทลกฺขณตฺตา จ อุปสคฺโค. เตโชธาตุสมาปตฺตีสุ กุสโล อิจฺเจวตฺโถ. อุทิจฺฉเรติ อุลฺโลเกสุํ. ‘‘สํปริวาเรสุ’’นฺติ จ ลิขิตํ. อิติ เอวํ ภณนฺตีติ อตฺโถ. หตาติ สมาติ อตฺโถ, กาฬกาว โหนฺตีติ กิเรตฺถ อธิปฺปาโย. อีสกมฺปิ พฺยาปารํ อกตฺวา อุปสมานุรูปํ ติฏฺนฺติ. เย จ อเนกวณฺณา อจฺจิโย โหนฺตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นีลา อถ โลหิติกา’’ติอาทิมาห.

๔๐. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ.

๔๔. ปํสุกูลํ อุปฺปนฺนนฺติ ปริเยสมานสฺส ปฏิลาภวเสน อุปฺปนฺนํ โหติ. จิตฺตวิจิตฺตปาฏิหีรทสฺสนตฺถาย จ สา ปริเยสนา. สา อยํ สายํ. ตา อิมา ตยิมา. ทฺเว เอกโต คเหตฺวา วทติ. อายามิ อหํ อายมหํ. เอตนฺติ เอตสฺส. ยถา มยนฺติ ยสฺมา มยํ.

๕๐-๕๑. อุทกวาหโกติ อุทโกโฆ. อุทกโสโตติ โปราณา. ‘‘ยาย ตฺว’’นฺติ ปุพฺพภาควิปสฺสนาปฏิปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. จิรปฏิกาติ จิรปภุติ, นาคทมนโต ปฏฺาย จิรปฏิกา. ‘‘จิรปฏิสงฺขา’’ติปิ วทนฺติ. เกสมิสฺสนฺติอาทิมฺหิ อพฺโพกิณฺณํ วิสุํ วิสุํ พนฺธิตฺวา ปกฺขิตฺตตฺตา เกสาทโยว เกสมิสฺสาติ โปราณา. ขาริกาชมิสฺสนฺติ เอตฺถ ขารี วุจฺจติ ตาปสปริกฺขาโร. ชฏิเล ปาเหสีติ ทฺเว ตโย ตาปเส ปาเหสิ. ‘‘โสฬสาติเรกอฑฺฒอุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานี’’ติ วุตฺตํ.

๕๔. อคฺคิหุตฺเต กตปริจยตฺตา ภควา เตสํ อาทิตฺตปริยาย-มภาสิ (สํ. นิ. ๔.๒๘). ตตฺถ เอกจฺจํ อารมฺมณวเสน อาทิตฺตํ จกฺขาทิ ราคคฺคินา, เอกจฺจํ สมฺปโยควเสน จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา เวทยิตาทิเกเนว, เอกจฺจํ อภิภูตตฺเถน จกฺขาทิ เอว ชาติอาทินา, เอกจฺจํ ปจฺจยตฺเถน, ตเทว โสกาทินาติ ยถาสมฺภวเมตฺถ อาทิตฺตตา เวทิตพฺพา. เอตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺขลกฺขณเมเวกํ ปากฏํ, ตทนุสาเรน ปน อิตรํ ลกฺขณทฺวยมฺปิ เตหิ ทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ ทุกฺขาการสฺส อิตราการทีปนโต. สนฺตสุขตณฺหาภินิวิฏฺตฺตา ปเนสํ ทุกฺขลกฺขณปุพฺพงฺคมา เทสนา กตาติ เวทิตพฺพา.

อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา

๕๕-๗. วตฺถุกามภูตา อิตฺถิโย กามิตฺถิโย. ทุติยาทโย อสฺสาสกา. ยสฺมา อนุปฺปนฺเน เอว ภควติ พุทฺธโกลาหลํ โลเก ปมเมว วสฺสสหสฺสํ อุปฺปชฺชติ. พฺรหฺมาโน จ พฺราหฺมณวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา เวเทสุ สหสฺสตฺตยมตฺตํ พุทฺธปฏิสํยุตฺตํ ปริยตฺตึ ปกฺขิปิตฺวา วาเจนฺติ, ภควโต ชาติโต ปฏฺาย จ พุทฺธกถา ลกฺขณฺูหิ พฺราหฺมเณหิ อุปฺปาทิตา, ปตฺถฏา โลเก, ตสฺมา ยุชฺชนฺติ, น อฺถา. ‘‘ตมทฺทส พิมฺพิสาโร, ปาสาทสฺมึ ปติฏฺิโต’’ติอาทิคาถาหิ โพธิสตฺตกาเล เอว อภิสิตฺตตา พิมฺพิสารสฺส สิทฺธา.

๕๘. อิธาวุโส ขีณาสโว ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการกฺโข จตุราปสฺเสโน ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ สมวยสฏฺเสโน อนาวิลสงฺกปฺโป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๑๙) ทส อริยวาสา นาม. รูปารูปสมาปตฺติโย อฏฺ นิโรธสมาปตฺติ มหากรุณาสมาปตฺตีติปิ โปราณา. ตตฺถ นีวรณา ปฺจงฺคา จ. ฉฬงฺคุเปกฺขา ฉฬงฺคา. สตารกฺเขน เอการกฺขา. สงฺขาย เอกํ ปฏิเสวติ, อธิวาเสติ, ปริวชฺเชติ, สงฺขาย เอกํ วิโนเทตีติ อยํ จตุราปสฺเสโน. ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ จตฺตาริ ปหีนานิ, เอวํ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ. กาเมสนา ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, เอวํ สมวยสฏฺเสโน. กามพฺยาปาทวิหึสาสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, เอวํ อนาวิลสงฺกปฺโป, สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ เอวํ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ. ราโค ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล…เป… อนุปฺปาทธมฺโมติ ปชานาติ, โทโส, โมโห อนุปฺปาทธมฺโมติ ปชานาติ, เอวํ สุวิมุตฺตปฺโติ.

‘‘านาานํ วิปากฺจ, าณํ สพฺพตฺถคามินึ;

อเนกธาตุโย โลกํ, อธิมุตฺติฺจ ปาณินํ.

‘‘ชานาติ อินฺทฺริยานฺจ, ปโรปริยตํ มุนิ;

ฌานาทิสํกิเลสาทิ-าณํ วิชฺชตฺตยํ ตถา’’ติ. –

อิมานิ ทส พลานิ. อเสกฺขงฺคานิ นาม อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิ…เป… อเสกฺขวิมุตฺติ อเสกฺขวิมุตฺติาณทสฺสนนฺติ. ตตฺถ ทสมํ อเสกฺขํ. เอเตหิ ทสหิ จุเปโต ปารมีหีติ โปราณา.

พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๖๐. กึ กาหสีติ กึ กาหติ. ‘‘กึ กโรติ, กึ กโรสี’’ติ วา พฺยฺชนํ พหุํ วตฺวาติ อตฺโถ. ปฏิปาเทนฺโตติ นิคเมนฺโต. ‘‘ปจฺจพฺยถา, ปจฺจพฺยถ’’นฺติปิ ปนฺติ. กปฺปนหุเตหีติ เอตฺถ ทสกานํ สตํ สหสฺสํ, สหสฺสานํ สตํ สตสหสฺสํ, สตสหสฺสานํ สตํ โกฏิ, โกฏิสตสหสฺสานํ สตํ ปโกฏิ, ปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ โกฏิปโกฏิ, โกฏิปโกฏิสตสหสฺสานํ สตํ นหุตนฺติ เวทิตพฺพํ. กปฺปนหุเตหีติ เอวมนุสารโต อพฺภตีตํ นามาติ ขนฺธกภาณกานํ ปาโติ.

๖๓. ‘‘กุลจฺเฉทายา’’ติ ปาโ, กุลุปจฺเฉทายาติ อตฺโถ. มนุสฺสา ‘‘ธมฺเมน กิร สมณา สกฺยปุตฺติยา นยนฺติ, นาธมฺเมนา’’ติ น ปุน โจเทสุนฺติ เอวํ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.

เอตฺตาวตา เถโร นิทานํ นิฏฺเปสีติ เวทิตพฺพํ. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘ยํ ธมฺมเสนาปติ เอตฺถ มูล-

คนฺถสฺส สิทฺธิกฺกมทสฺสเนน;

นิทานนิฏฺานมกํสุ ธมฺม-

สงฺคาหกา เต วินยกฺกมฺู.

‘‘นิทานลีนตฺถปทานเมว,

นิทานิฏฺานมิทํ วิทิตฺวา;

อิโต ปรํ เจ วินยตฺถยุตฺต-

ปทานิ วีมํสนเมว เยฺย’’นฺติ.

สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา

๖๔. พุทฺธุปชฺฌายกานํ อิตเรสํ เอหิภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนกปฺปโต เนสํ วิสุํ วิสุํ สทิสตฺตา ‘‘ทุนฺนิวตฺถา ทุปฺปารุตา อนากปฺปสมฺปนฺนา’’ติ วุตฺตา. น เกวลฺจ อิตฺถมฺภูตา ปิณฺฑาย จรนฺติ, อปิจ มนุสฺสานํ ภุฺชมานานํ อุปรีติอาทิ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ปิปาสาสหนโต, อิตเรสํ อากปฺปสมฺปตฺติยา ปสนฺนตฺตา จ.

๖๕. เกน โก อุปชฺฌาโย คเหตพฺโพติ? ‘‘ตทา โส ยสฺส สนฺติเก ปพฺพาชิโต, เอตรหิ ยสฺส สนฺติเก อุปสมฺปทาเปกฺโข โหติ. อุปชฺฌาเยน จ สาธูติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายา’’ติ เกหิจิ ลิขิตํ. ตํ เต เอวํ ชานนฺติ ‘‘อุปชฺฌาเยน ‘สาหู’ติอาทินา สมฺปฏิจฺฉิเต สทฺธิวิหาริกสฺส ‘สาธุ สุฏฺุ สมฺปฏิจฺฉามี’ติ วจนํ เกวลํ ภิกฺขูหิ อาจิณฺณเมว, น กตฺถจิ ทิสฺสติ, ตสฺมา วินาปิ เตน อุปชฺฌาโย คหิโตว โหตี’’ติ. ตตฺถ สาหูติ สาธูติ วุตฺตํ โหติ. ลหูติ ลหุ, ตฺวํ มม น ภาริโยสีติ วุตฺตํ โหติ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, อิมินา อุปาเยน ตฺวํ เม อิโต ปฏฺาย ภาโร ชาโตสีติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ อนุรูปํ เต อุปชฺฌายคฺคหณนฺติ อตฺโถ.

๖๖. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ อุตุมฺหิ เอกสภาเคติ. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตน-การโต ปฏฺาย. เตน ‘‘นาติทูเร คนฺตพฺพํ, นาจฺจาสนฺเน คนฺตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตน-กาเรน อนาปตฺตีติ ทีเปตีติ เอเก. สจิตฺตกา อยํ อาปตฺติ, อุทาหุ อจิตฺตกาติ? อนาทริยปจฺจยตฺตา สจิตฺตกา. อนาทริยปจฺจยตา กถํ ปฺายตีติ เจ? อนาทริยปจฺจเยหิ สงฺคหิตนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทเส เสขิยานํ คณปริจฺเฉทากรณฺหิ ขนฺธกปริยาปนฺนาปตฺติยา สงฺคณฺหนตฺถํ. อิทํ ปน ลกฺขณํ จาริตฺเตเยว เวทิตพฺพํ, น วาริตฺเต อกปฺปิยมํสขาทนาทิอาปตฺตีนํ อจิตฺตกตฺตา. ขนฺธกวาริตฺตานํ เตหิ สงฺคโห, เสขิยวาริตฺเตเยว อจิตฺตเกหิ สูโปทนวิฺตฺติปจฺจยาทีหีติ อาจริโย. ยตฺถ ยตฺถ -กาเรน ปฏิเสโธ กรียติ, กึ สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ? อาม. ยตฺถ อฏฺกถาย นโย น ทสฺสิโต, ตตฺถ สพฺพตฺถ. ปรโต หิ อฏฺกถายํ ‘‘สเจ ปน กาฬวณฺณกตา วา สุธาพทฺธา วา โหติ นิรชมตฺติกา, ตถารูปาย ภูมิยา เปตุํ วฏฺฏตี’’ติอาทินา นเยน นโย ทสฺสิโต.

เอตฺถาห – ยสฺมา ปาฬิยํเยว ‘‘สเจ อุปชฺฌายสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (มหาว. ๖๖) ภควโต วจนวเสน อฏฺกถายํ วุตฺตนโย ยุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน’’ติ เอตฺถ โก ภควโต วจนเลโสติ? วุจฺจเต – ‘‘ปมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนํ ปฺาเปตพฺพ’’นฺติอาทีนิ วทนฺติ เทสนิยมนโต. อุปชฺฌาเยน อนุมตํเยว ปมคมนนฺติ เจ? น, อสิทฺธตฺตา, สิทฺเธปิ ยถาวุตฺตนยสิทฺธิโต จ. น หิ วาริตฺตสฺส อนุมติ อนาปตฺติกรา โหติ, เอวํ สนฺเตปิ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. โกฏฺกนฺติ ทฺวารโกฏฺกํ. น นิสฺสชฺชิตพฺพํ, น นิทหิตพฺพํ วา.

อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา

๖๘. อธิมตฺตํ เคหสฺสิตเปมํ น โหตีติ เอตฺถ เคหสฺสิตเปมํ น อกุสลมิจฺเจว ทฏฺพฺพํ ขีณาสวานมฺปิ สาธารณตฺตา อิมสฺส ลกฺขณสฺส. น ขีณาสวานํ อสมฺมาวตฺตนาภาวโตติ เจ? น, เตสํ น ปณาเมตพฺพํ ตํสมนฺนาคมนสิทฺธิโต, ตสฺมา ‘‘มเมส ภาโร’’ติ มมตฺตกรณํ ตตฺถ เปมนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอโก วตฺตสมฺปนฺโน…เป… เตสํ อนาปตฺตี’ติ เอตฺถ วิย สเจ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ ‘ภนฺเต, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา โหถ, อหํ ตุมฺหากํ สทฺธิวิหาริกํ, อนฺเตวาสิกํ วา คิลานํ วา อุปฏฺหิสฺสามิ, โอวทิตพฺพํ โอวทิสฺสามิ, อิติ กรณีเยสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิสฺสามี’ติ วทติ, เต เอวาสทฺธิวิหาริกาทโย ‘ภนฺเต, ตุมฺเหว เกวลํ อปฺโปสฺสุกฺกา โหถา’ติ วทนฺติ, วตฺตํ วา น สาทิยนฺติ, ตโต ปฏฺาย อาจริยุปชฺฌายานํ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา

๗๓. ‘‘ปูติมุตฺตนฺติ มุตฺตํ ปูติกาโย วิยา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘ปูติภาเวน มุตฺตํ ปฏินิสฺสฏฺํ เภสชฺชํ ปูติมุตฺตเภสชฺช’’นฺติ ลิขิตํ. สพฺพตฺถ อิตฺถนฺนาโมติ เอโกว น-กาโร โหติ.

ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา

๗๖. ‘‘อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อายสฺมโต โอวาทํ นิสฺสาย วสามี’’ติ ปาเสสวเสน เวทิตพฺพา. นิสฺสายาติ วา นิสฺสยา, นิสฺสเยนาติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโตติ วา อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ.

อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา

๘๓. ทิสํ คโตติ ตตฺถ ธุรนิกฺขิตฺตวาโส หุตฺวา ติโรคามํ คโต. ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ อุปชฺฌาเย วุตฺตนเยเนว ‘‘กติปาเหน คมิสฺสามี’’ติ คมเน เจส อุสฺสาโห รกฺขติ. มา อิธ ปฏิกฺกมีติ มา อิธ คจฺฉ. สภาคา นาม อุปชฺฌายสฺส สิสฺสา. ตตฺถ นิสฺสยํ คเหตฺวา. ยทิ เอวํ โก วิเสโสติ เจ? เตน อิทํ วุจฺจติ ‘‘อปฺเปว นาม ขเมยฺยา’’ติ. วสิตุํ วฏฺฏตีติ อุปชฺฌาเยน ปริจฺจตฺตตฺตา อุปชฺฌายสโมธานํ นิรตฺถกนฺติ อตฺโถ. สเจ อุปชฺฌาโย จิเรน อนุคฺคเหตุกาโม โหติ, ตโต ปฏฺาย อุปชฺฌาโยว นิสฺสโย. อุปชฺฌาโย เจ อลชฺชี โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อเนกกฺขตฺตุํ วาเรตฺวา อวิรมนฺตํ อุปชฺฌายํ ปหาย วินาปิ นิสฺสยปณามเนน อฺสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. อุปชฺฌายสฺส เจ ลิงฺคํ ปริวตฺตติ, เอกทิวสมฺปิ น รกฺขติ. ปกฺขปณฺฑโก เจ โหติ, นิสฺสยชาติโก เจ ‘‘อุปชฺฌายสฺส สุกฺกปกฺขํ อาคเมหี’’ติ วทติ, สยเมว วา อาคเมติ, วฏฺฏติ. อุปชฺฌาโย เจ อุกฺเขปนิยกมฺมกโต โหติ, นานาสํวาสกภูมิยํ ิตตฺตา นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. สมฺมาวตฺตนฺตํ ปน ปสฺสิตฺวา กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธึ อาคเมตุํ ลภติ. มานตฺตาจารี เจ โหติ, อพฺภานํ อาคเมตพฺพํ. ทีฆํ เจ ปริวาสํ จรติ, อฺสฺส สนฺติเก นิสฺสโย คเหตพฺโพ, อุปชฺฌายสโมธานํ อปฺปมาณํ. ปริวาสมานตฺตจารินา หิ น นิสฺสโย ทาตพฺโพ. ยํ ปน ปาริวาสิกกฺขนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘สทฺธิวิหาริกานมฺปิ สาทิยนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวา’’ติอาทิ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕), ตํ ยถาวุตฺตมตฺถํ สาเธติ เอว. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สเจ สทฺธาปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ‘ตุมฺเห, ภนฺเต, วินยกมฺมมตฺตํ กโรถา’’ติ วตฺวา วตฺตํ กโรนฺติเยว, คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉนฺติเยว, ตํ วาริตกาลโต ปฏฺาย อนาปตฺตี’’ติ. ตํ วตฺตสาทิยนปจฺจยา ทุกฺกฏาภาวมตฺตทีปนตฺถํ, สทฺธิวิหาริกานํ สาเปกฺขตํ วา สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา เต เจ อุปชฺฌาเยน วาริตานุรูปเมว ปฏิปชฺชนฺติ, นิสฺสโย เตสํ ปฏิปฺปสฺสทฺโธติ สิทฺธํ โหติ.

ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตตีติ ‘‘เอตฺตาวตา ทิสาปกฺกนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา อนฺเตวาสิเก อนิกฺขิตฺตธุเรปิ นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อนติกฺกมฺม เลฑฺฑุปาตทฺวยพฺภนฺตเร ติโรวิหาเรปิ ปริกฺขิตฺเต, อปริกฺขิตฺเต วา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อปริกฺขิตฺเตเยวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย, เอตฺถ ปน อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต วิมุตฺเต อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ อธิปฺปาโย. วิหาโรติ เจตฺถ ‘‘ตาทิสสฺส วิหารสฺส อนฺเต ิตา เอกา กุฏิกา อธิปฺเปตาติ อุปติสฺสตฺเถโร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘สเจ อุโภปิ อาจริยนฺเตวาสิกา เกนจิ…เป… นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ อิมินา สามฺโต วุตฺเตน อฏฺกถาวจเนน ธมฺมสิริตฺเถรวาโท สเมติ. อปริกฺขิตฺเต วาติ ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต ปริกฺขิตฺโต วา โหติ อปริกฺขิตฺโต วา. ‘‘พหิสีม’’นฺติ จ วุตฺตตฺตา อนฺโตวิหารสีมายํ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาปิ วสิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา ปน อุปติสฺสตฺเถรวาโท น สเมติ. เอกาวาเส หิ ปริกฺขิตฺเต วา อปริกฺขิตฺเต วา อนฺตมโส อนฺโตติโยชเนปิ วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. โส จ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺโน, สา จ อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺโน เอกาวาโส.

อุโปสถกฺขนฺธเก เอกาวาสวิมติยํ สีมาย อนุฺาตตฺตาติ เจ? น, จีวรกฺขนฺธกฏฺกถาย วิจาริตตฺตา. ยถาห ‘‘สีมฏฺกสงฺโฆ ภาเชตฺวา คณฺหาตู’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙). กตรสีมาย ภาเชตพฺพํ? มหาสิวตฺเถโร กิราห ‘‘อวิปฺปวาสสีมายา’’ติ. ตโต นํ อาหํสุ ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฏิปฺปนฺนสฺส ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ตฺวา อารามปฺปเวสนา อาปุจฺฉิตพฺพา ภวิสฺสติ, สพฺพเมตํ อุปจารสีมาปริจฺเฉทวเสน กาตุํ วฏฺฏตีติ. ตสฺมา อนฺโตอุปจารสีมาย เลฑฺฑุปาตทฺวยํ อติกฺกมิตฺวาปิ วสโต นิสฺสโย ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ สิทฺธํ. กามฺเจตฺถ อุปจารสีมาย ติโยชนปฺปมาณาย, อติเรกาย วา ยถาวุตฺตโทสปฺปสงฺโค สิยาติ. สา หิ อาวาเสสุ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒติ, ปริหายนฺเตสุ ปริหายตีติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตาทิสสฺส วิหารสฺส อนฺเต ิตา เอกา กุฏิ วิหาโรติ อิธาธิปฺเปตา. สาปิ ตสฺเสว วิหารสฺส กุฏิกาว โหตีติ กตฺวา โส อาวาโส โหติ. นานาวาโส เอว เจ อธิปฺเปโต, ‘‘อนฺเต ิตา กุฏิกา’’ติ น วตฺตพฺพํ. ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อพฺภนฺตเร ปน อปริกฺขิตฺเต นานาวาเส นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ยฺวายํ ‘‘โน ตกฺโก’’ติ วุตฺโต, โส ตาทิเส นานาวาเส เสนาสนคฺคาหสฺส อปฺปฏิปฺปสฺสทฺธินเยน วุตฺโต. เสนาสนคฺคาโห หิ ‘‘คหเณน คหณํ อาลโย ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ ลกฺขณตฺตา อิตรตฺถ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตตฺรายํ ปาฬิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต เอโก ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ วสิ…เป… เทถ, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔). อฏฺกถายฺจสฺส เอวํ วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ นานาลาเภหิ นานูปจาเรหิ เอกสีมวิหาเรหิ กถิตํ, นานาสีมวิหาเร ปน เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๔). อปริกฺขิตฺตา นานาวาสา เอกูปจารสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ปริกฺขิตฺตฺจ เอกูปจารํ อปริกฺขิตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอตฺตาวตา เลฑฺฑุปาตทฺวยพฺภนฺตเร อปริกฺขิตฺเต อฺสฺมึ วิหาเร วสโต นิสฺสโย ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปริกฺขิตฺเต ปฏิปฺปสฺสมฺภติ เอวาติ อยมตฺโถ สาธิโตติ. เอตฺถาห – ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาว สโตปิ นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. วุตฺตฺหิ นิสฺสคฺคิยฏฺกถายํ ‘‘สเจ คจฺฉนฺตานํเยว อสมฺปตฺเตสุ ทหเรสุ อรุณํ อุคฺคจฺฉติ, จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, นิสฺสโย ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๙๕)? วุจฺจเต – ตํ อุปชฺฌาเยน สมาคเม สอุสฺสาหตาย วุตฺตํ. อิธ ธุววาสํ สนฺธาย, ตสฺมา อฺมฺํ น วิโลเมนฺติ. เกจิ ปน ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมฺมาติ อิทํ เทวสิกํ อาโรเจตฺวา วสนวเสน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตเมวาติ มม ตกฺโก. เทวสิกํ อาโรเจตฺวา วตฺถพฺพนฺติ หิ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ ทิสฺสติ, ตฺจ ปน อปกตฺูหิ อาจิณฺณนฺติ เวทิตพฺพํ.

นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา

๘๔. อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนาติอาทิ ‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย’’ติ (ธ. ป. ๑๕๘) วจนวเสน วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺควเสน. นีลสมาโยคโต นีลํ วิย วุตฺตํ ‘‘อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธนา’’ติ. อธิสีเล สีลวิปนฺโน นาม อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต.

อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา

๘๖. โย โส อฺติตฺถิยปุพฺโพติ เอตฺถ ทฺเว อตฺถวิกปฺปา – ตสฺส ปสูรสฺส ภิกฺขุภาวํ สนฺธาย อฺติตฺถิยปุพฺโพ, โส ภิกฺขุ ตํเยว ติตฺถายตนํ สงฺกมีติ อยเมโก อตฺโถ. เอวํ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ปุน คิหิเวเสน อาคโต อฺติตฺถิยปุพฺโพ, โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพติ อยเมโก อตฺโถ. ตํ อฺติตฺถิยปกฺกนฺตกํ เปตฺวา ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยปุพฺโพ’’ติ เอตฺถ น คิหิเวสธารโณว ปุพฺพสทฺเทน วุตฺโต, กินฺตุ ตสฺมึ อตฺตโน ยถาสมาทินฺนติตฺถิยเวเส ิโตปิ. ทิฏฺิวเสน อติตฺถิยภูตตฺตา อติตฺถิยปุพฺโพ, โส ปนาคโต วิพฺภนฺโต อาคจฺฉติ, ตสฺส ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. กึ อิมสฺส อฺติตฺถิยปุพฺพสฺส ภิกฺขุเวสํ คเหตฺวา สรณคมเนน สามเณรปพฺพชฺชา ชาตา, น ชาตาติ? กิฺเจตฺถ ยทิ ชาตา, ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺโปิ อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๘๖) วจนํ วิรุชฺฌติ. อถ น ชาตา, ปริวาสกมฺมวาจาย ปพฺพชฺชาย อปรามสนํ วิรุชฺฌตีติ. ตตฺถ มหาวิหารวาสิโน ‘‘สามเณรสฺเสว สโต ปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. อิตเร ตถา น วทนฺติ. เต หิ ‘‘เอวํ อาราธโก โข ภิกฺขเว อฺติตฺถิยปุพฺโพ อาคโต อุปสมฺปาเทตพฺโพ’ติ (มหาว. ๘๗) สุตฺตปทํ ปริหริตพฺพํ, ปุเร จ ปจฺฉา จ ‘อฺติตฺถิยปุพฺโพ’ติ วจนสามฺโต น สามเณโร ชาโตติ เจ, ยทิ เอวํ อปพฺพาเชตฺวาว อุปสมฺปาเทตพฺโพติ อาปชฺชติ. ตโต จ สพฺพปมํ วุตฺตสุตฺตํ วิรุชฺฌติ. ‘ติตฺถายตนํ สงฺกนฺโต’ติ ปาโปิ น สุนฺทรํ. ปาณาติปาตาทีสุ อฺตรํ สเจ ภินฺทติ, จตฺตาโร มาเส ปริปุณฺเณปิ ปุน ปริปูเรตพฺพํ วิย ทิสฺสติ. วุตฺตมฺปิ ตสฺส สํวรํ ภิกฺขุกรณตฺถาย อนุฺาตตฺตา สีเล วตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. สรณานิ สเจ ภิชฺชนฺติ สามเณรสฺเสว.

อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา

๘๘. นขปิฏฺีติ จูฬงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน นขปิฏฺิโต มหนฺตมฺปิ วฏฺฏติ, เอวํ เสเสสุปี’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ วิย. ปทุมกณฺณิกาปิ อารุฬฺเห รตฺตปทุมวณฺณจิตฺรํ.

ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

โจรวตฺถุกถาวณฺณนา

๙๑-๒. ธมฺมสามีติ ยสฺมา สยํ ธมฺมสามี, ตสฺมา ภิกฺขูหิ อปพฺพาเชตพฺพกมฺปิ โจรํ องฺคุลิมาลํ ปพฺพาเชตฺวา อายตึ เอวมาหาติ อตฺโถ. ปาฬิโปตฺถเกสุ ‘‘ขรเภทโก’’ติปิ ลิขิตํ. สนฺนิสินฺนาสูติ วูปสนฺตาสุ.

โจรวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิณายิกทาสวตฺถุกถาวณฺณนา

๙๖. ปสฺส เม ปตฺตจีวรมตฺตํ, อหํ อิทํ ทสฺสามีติ สามีจิ, ยโต นตฺถิ อาปตฺติ. อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกํ โถกํ.

๙๗. เทสจาริตฺตนฺติ สาวนปณฺณาโรปนาทิ ตํ ตํ เทสจาริตฺตํ. ‘‘เทวทาสิปุตฺเต วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อารามิกํ เจ ปพฺพาเชตุกาโม, อฺเมกํ ทตฺวา ปพฺพาเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. มหาปจฺจริวาทสฺส อยมิธ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส อารามิเก เทมา’’ติ ทินฺนตฺตา น เต เตสํ ทาสา. ‘‘อารามิโก จ เนว ทาโส น ภุชิสฺโสติ วตฺตพฺพโต น ทาโส’’ติ ลิขิตํ. ตกฺกาสิฺจนํ สีหฬทีเป จาริตฺตํ. เต จ ปพฺพาเชตพฺพา สงฺฆสฺสารามิกตฺตา. นิสฺสามิกํ ทาสํ อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ ลภติ. ‘‘ทาสสฺส ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปลายนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถีติ วทนฺตี’’ติ จ ลิขิตํ. อตฺตโน วา ทาโส อสฺส ภิกฺขุโนติ อตฺโถ. นิสฺสามิกสฺส ทาสสฺส ราชา สามิ, ตสฺมา ราชานํ วา ตสฺมึ คาเม มนุสฺเส วา อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ เอเก. ‘‘ภุชิสฺสํ กตฺวา’’ติ ลิขิตํ. ตสฺส ปริหารํ ภณนฺติ ‘‘ยถา ภุชิสฺโส โหติ, ตถา กตฺตพฺโพ’’ติ. เอวํ สงฺกปฺเปน วตฺวา ‘‘ปโยชนํ นตฺถี’’ติ เกหิจิ ลิขิตํ. ภุชิสฺสํ กาตุเมว วฏฺฏตีติ ‘‘สเจ ปสฺสนฺติ, อนุพนฺธิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อาปตฺติ นตฺถิ. ‘‘อสุทฺธา กิร เมติปิ ตํ สนฺธาเยว วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.

อิณายิกทาสวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

กมฺมารภณฺฑุวตฺถาทิกถาวณฺณนา

๙๘. กมฺมารภณฺฑูติ เอตฺถ ทารโก จูฬามตฺตํ เปตฺวา อาคจฺฉติ, ตสฺมา อาปุจฺฉิตุํ ลภติ. ตฺเจ โส วา อฺโ วา อวหรติ, โทโส นตฺถิ. ‘‘เกสมสฺสุโอโรหนํ อกตฺวา อสติยา สรณานิ ทตฺวา ปพฺพาเชติ, รุหเตวา’’ติ วทนฺติ.

๑๐๑-๓. เอตฺถ กุเล. ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส…เป… อนุพฺยฺชนโสติ สพฺโพปายํ ปเภโท มาติกาฏฺกถายํ าโต โหตี’’ติ จ ‘‘อาปตฺตึ ชานาตีติ ปาเ อวตฺตมาเนปิ อิทํ นาม กตฺวา อิทํ อาปชฺชตีติ ชานาติ เจ, วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ตฺจ โข ตโต ปุพฺเพ ปาเ ปคุเณ กเตติ คเหตพฺพํ, อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.

กมฺมารภณฺฑุวตฺถาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๐๕. ‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต’’ติอาทีหิ (เถรคา. ๕๒๗) สฏฺิมตฺตาหิ. ทสฺเสหิ อิติ มํ อาณาเปสิ. เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาหริตพฺโพ. โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขรปตฺตวณฺณํ อุทกํ, ตมฺหิ วสฺสนฺเต เตมิตุกามาว เตเมนฺติ. อุณฺหีสโต ปฏฺายาติ มุทฺธโต ปฏฺาย.

‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุฺจิตเกโส,

สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;

ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส,

รํสิชาลวิตโต นรสีโห’’ติ. (อป. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –

อาทิคาถาหิ. อถ วา –

‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท,

ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;

จามรฉตฺตวิภูสิตปาโท,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘สกฺยกุมารวโร สุขุมาโล,

ลกฺขณจิตฺติกปุณฺณสรีโร;

โลกหิตาย คโต นรวีโร,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘ปุณฺณสสงฺกนิโภ มุขวณฺโณ,

เทวนราน ปิโย นรนาโค;

มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลีโน,

เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;

สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตนาโส,

โคปขุโม อภินีลสุเนตฺโต;

อินฺทธนู อภินีลภมูโก,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว,

สีหหนู มิคราชสรีโร;

กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘สุทฺธสุคมฺภีรมฺชุสโฆโส,

หิงฺคุลพทฺธสุรตฺตสุชิวฺโห;

วีสติ วีสติ เสตสุทนฺโต,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘อฺชนวณฺณสุนีลสุเกโส,

กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;

โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห.

‘‘คจฺฉตินีลปเถ วิย จนฺโท,

ตารคณาปริเวิตรูโป;

สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท,

เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –

อิมาหิ.

อุทฺทิฏฺเติ เอวํ จริตพฺพนฺติ อตฺตโน, ‘‘อุตฺติฏฺเ’’ติ ธมฺมปทปาโ. ธมฺมนฺติ สปทานจาริกวตฺตํ. อเนสนํ วชฺเชตฺวา สุจริตํ จเร.

เกสวิสฺสชฺชนนฺติ ปฺจสิขาการํ วชฺเชตฺวา เอกสิขาการํ. ปฏฺฏพนฺโธติ เอตฺถ ปฏฺโฏติ ตสฺมึ กุเล อาจิณฺโณ อลงฺการวิเสโส. ฆรมงฺคลนฺติ ฆรมโห. ฉตฺตมงฺคลนฺติ ยุวราชฉตฺตปฏฺฏิ. วฏฺฏานุคตนฺติ กิเลสวฏฺฏานุคตํ. วิฆาตปจฺจยตฺตา สวิฆาตกํ. เถโร ราธํ พฺราหฺมณํ ปุพฺเพ ปพฺพชิตฺวา กสฺมา อิทานิ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ราหุลํ ปพฺพาเชมี’’ติ อาหาติ เจ? ตตฺถ อุปสมฺปทาปฏิกฺเขโป อธิปฺเปโต, ตสฺมา ‘‘ภควา อุปสมฺปทเมว ปฏิกฺขิปิ, อิทานิ อนาคเต สํสยาปนยนาธิปฺปาโย ภควา’’ติ ตฺวา อาห. จิตฺตสมุฏฺานรูปวเสน ‘‘อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจา’’ติ วุตฺตํ กิร. พุทฺธานํ, จกฺกวตฺตีนฺจ พฺยตฺตาทิวเสน นานตฺตํ เวทิตพฺพํ, อฺถา นนฺทาทโยปิ ปพฺพชิตฺวา พุทฺธา สิยุํ ‘‘สเจ ปพฺพชติ, พุทฺโธ โหตี’’ติ วจนโต.

เปเสตฺวา ทสฺเสตุํ วฏฺฏติ, อาปุจฺฉิสฺสามาติ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตีติ จ อิทํ ยสฺมา วิเทสปฺปตฺโต นาม โลกสงฺเกเตนาปิ มาตาปิตุวาสโต มุตฺโต เสริวิหารีติ วุจฺจติ, ตสฺมาสฺส เต อสนฺตปกฺเข ิตา วิย โหนฺตีติ กตฺวา ‘‘น ตสฺส ปพฺพชฺชาจริเย วา อปฺปสาทํ กโรนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ นฏฺเมว. ปพฺพชิตา สมคติกาติ โลกโวหาโร. เตเนว เจตฺถ ทุกฺขปฺปตฺตาทินา เทสนฺตรคมนฺจ สมคติกํ กตํ. วิเทสํ คนฺตฺวาติ เจตฺถ วิเทโส นาม มาตาปิตุวาสโต อฺโ เทโส, น อุปฺปตฺติเทสโต. พฺยฺชนตฺโถ เอว เจ ปมาณํ, น ยุตฺติ. มตมาตาปิติโกปิ น ปพฺพาเชตพฺโพติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อนุปฺปตฺตพฺพฏฺาเน ิเตหิเยว มาตาปิตูหิ อนนุฺาโต ปุตฺโต น ปพฺพาเชตพฺโพติ เอวมิธาธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ, อฺถา ปาฬิยา วิรุชฺเฌยฺย, อาปตฺติฏฺานสฺส จ สิถิลกรณํ อฏฺกถาย น ยุชฺชติ. อิทํ ตาว เอวํ โหตุ, ‘‘วิหารํ วา ฌาเปมี’’ติอาทินโย กถํ น วิรุชฺฌตีติ เจ? อตฺตปรูปทฺทวปฺปสงฺคภเยน อวเสน ปพฺพชิตตฺตา, ปุตฺตรกฺขณตฺถํ ปพฺพชิตตฺตา จ. เอวฺหิ สติ สยเมว โส อตฺตนา ปพฺพชิโต โหติ, น เกนจิ อุปลาเปตฺวา ปพฺพชิโต. ‘‘ปุตฺตเปมํ วา ปุตฺตรกฺเข ปิโย โหตี’’ติ นิทานานุโลมโต น วิรุชฺฌติ.

ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๐๗. อตฺตโน ปริเวณฺจาติ ปุคฺคลิกํ. มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภุฺชิตพฺพํ. ตตฺถ นิโยชิตพฺพกํ, ตสฺส อาวรณํ นิวารณํ กโรนฺติ. อถ วา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาวรณํ กาตุ’’นฺติ ยํ อาวรณํ อนุฺาตํ, ตํ อาวรณํ มุขทฺวาริกํ อาหารํ กโรนฺตีติ อธิปฺปาโย.

สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา

๑๐๘. ปรสฺส ทุสฺสีลภิกฺขุสฺสปีติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘ทุสฺสีลภิกฺขูปี’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. โปราณา ปน ‘‘ยาวตติยํ วุจฺจมาโน เจ น โอรมติ, สงฺฆํ อปโลเกตฺวา นาเสตพฺโพ, ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจมาโนปิ อปโลเกตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ภิกฺขูนํ อุปสมฺปทกมฺมวาจาสทิสนฺติ เอตฺถ ‘‘ยถา อุปสมฺปนฺโน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ยถานิวตฺถปารุโตว หุตฺวา ปจฺฉา อุปสมฺปนฺโน ปุพฺเพ อตฺตโน นวกตรสฺส สมานวสฺสิกสฺส ปุน วนฺทนาทีนิ กโรติ, เอวํ สามเณโรปิ ปุน คหิตสรโณ ตโต ปุพฺเพ อตฺตโน นวกตรสฺส สมานวสฺสิกสฺส สามเณรสฺส ปุน วนฺทนาทีนิ กโรติ. ลิงฺคํ ปเนตฺถ วุฑฺฒตรภาวํ น สาเธตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วิกาลโภชนํ สามเณรานํ วีติกฺกเมวาติ เอเก. ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจาคมา’’ติอาทินา นเยน อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพ. ‘‘ทิฏฺิยา อนิสฺสชฺชเนน ‘ตฺวํ, สามเณร, คจฺฉา’ติ วุตฺเตเยว ปาราชิโก โหตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ยาวตติยนฺติ วุตฺตตฺตา พุทฺธาทีนํ อวณฺณภาสิตมตฺเตน จ ทิฏฺิคฺคหิตมตฺเตน จ สรณานิ น ภิชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปาณาติปาตาทึ กโรนฺตสฺสาปิ ตํ สมฺโภตีติ มม ตกฺโก. ‘‘นิสฺสีลสฺส ปุน นาสนา วุตฺตา’’ติ จ เกจิ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย. น หิ ภควา สีลวนฺตสฺส ลิงฺคนาสนํ อนุชานาตีติ วิจาเรตพฺพํ, ภิกฺขุนิทูสกาปเทเสน ภพฺพาภพฺเพ สงฺคณฺหาตีติ โปราณา. ‘‘ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภตีติ ยถา เจตฺถ อยมตฺโถ ทสฺสิโต, ตถา ‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ (มหาว. ๑๐๙) อาทินา นเยน วุตฺตานมฺปิ ปพฺพชฺชํ นตฺถีติ ทีปิตํ โหติ. น หิ อิทํ านํ เปตฺวา เตสํ ปพฺพชฺชาย วาริตฏฺานํ อตฺถิ. ‘ภิกฺขุนิทูสโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ (มหาว. ๑๑๔) วุตฺเตนปิ สมานตฺตา ตสฺส ปพฺพชฺชา วิย เตสมฺปิ ปพฺพชฺชา วาริตาว โหตีติปิ ทสฺเสตุํ ปุน ภิกฺขุนิทูสโกติ คหิตนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. กึ อิมินา? นนุ อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ยสฺส เจตฺถ ปพฺพชฺชา วาริตา, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ.

อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๐๙. โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส หีนงฺคตฺตา อปพฺพชิตสฺส ปพฺพชฺชา วาริตา, ปพฺพชิตสฺส อุปสมฺปทา น กาตพฺพา. ปุพฺเพ อุปสมฺปนฺนสฺส เจ อุปจรณํ อตฺถิ, น นาสนา กาตพฺพาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ฉินฺนงฺคชาโต น ปณฺฑโก. ปฺจสุ นปุํสกปณฺฑโกว อภาวโก. อิตเร จตฺตาโร สภาวกาติ เวทิตพฺพา. ภาโว ปน เตสํ ปณฺฑโก โหติ. เอเต จตฺตาโรปิ กิร ปุริสาวาติ เอเก. อิตฺถีปิ ปกฺขปณฺฑกี โหตีติ เอเก. อุปกฺกเม กเต ปณฺฑกภาโว อวสฺสํ โหติ, ตสฺมา ปพฺพชฺชํ น ลภติ. ‘‘ยทิ ปน กสฺสจิ น โหติ, ปพฺพชฺชา น วาริตาติ วินิจฺฉยํ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

‘‘ปพฺพชฺชา วาริตาติ อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเท ปน มาสปณฺฑกเลขปณฺฑเกหิ สห สตฺต ปณฺฑกา วุตฺตา. ตตฺถ เลขปณฺฑโก นาม กิร มนฺตวเสน อุปหตพีโช. ตตฺถ ‘‘โอปกฺกมิกเลขปณฺฑกา ปพฺพชิตา น นาเสตพฺพา. โย ปพฺพาเชติ, ตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วุตฺตํ.

ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๐. เถยฺยสํวาสโกติ เอตฺถ กิฺจาปิ พฺยฺชนตฺถวเสน สํวาสตฺเถนโกว เถยฺยสํวาสโกติ ปฺายติ, อถ โข ตโย เถยฺยสํวาสกา. สํวาโสติ เจตฺถ น เอกกมฺมาทิโก สํวาโส, กินฺตุ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก กิริยเภโท อิธ สํวาโส นาม. อิมฺหิ สกฺกา เถยฺยาย กาตุํ, เนตรนฺติ อฏฺกถาย อธิปฺปาโย. วิเทสํ คนฺตฺวา ปพฺพชิเตหิ ปุจฺฉิเต ‘‘ทสวสฺโส’’ติอาทึ ภณนฺตสฺส โทโส. คิหีนํ วุตฺเต โทโส นตฺถีติ เกจิ. ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘‘คิหี มํ สมโณติ ชานาตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย, เตหิ สํวสิตุกามตาย จ อภาวา โทโส น ชาโต. ‘‘สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ. ‘‘สูปสมฺปนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา คหฏฺมฺปิ สเจ อุปสมฺปาเทนฺติ, สูปสมฺปนฺโนติ อาปนฺนํ, ‘‘อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวา’’ติ อิมินา สเจ อุปสมฺปนฺนกาเล สุณาติ, สูปสมฺปนฺโน เอว อนาโรเจนฺโตปีติ ทสฺเสติ. อนฺธกฏฺกถายํ, โปราณคณฺิปเทสุ จ ทุสฺสีลภิกฺขุ ‘‘เถยฺยสํวาสโก’’ติ วุตฺโต ‘‘เถยฺยาย โว, ภิกฺขเว, รฏฺปิณฺโฑ ภุตฺโต’’ติ (ปารา. ๑๙๕) อิมินา กิร ปริยาเยนาติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ. ‘‘มหาเปฬาทีสู’’ติ เอเตน คิหิสนฺตกํ ทสฺสิตํ.

สยํ สามเณโรว กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต ปาราชิโก โหติ, เถยฺยสํวาสโก ปน น โหติ, ตถา ภิกฺขุปิ, โส ปน ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘สยํ สามเณโรวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยํ ปน เถยฺยสํวาสโก นาม ยสฺมา ปพฺพชิโตว โหติ, นาปพฺพชิโต, ตสฺมา ‘‘เถยฺยสํวาสโก, ภิกฺขเว, อปพฺพชิโต น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพชิโต นาเสตพฺโพ’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาติ กตฺวา อิมสฺส วเสน ปณฺฑกโต ปฏฺาย ‘‘อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา ปาฬิ ปิตา, น อุปสมฺปทามตฺตสฺเสว อภพฺพตฺตา เอกาทสนฺนมฺปิ เนสํ ปพฺพชฺชารหภาวปฺปสงฺคโต. อปิจ อนิฏฺโทสปฺปสงฺคโต ตถา เอว ปาฬิ ปิตา. ยสฺมา ติตฺถิยปกฺกมนํ, สงฺฆเภทนฺจ อุปสมฺปนฺนสฺเสว โหติ, นานุปสมฺปนฺนสฺส, โส ทุวิโธปิ ปพฺพชิโตว โหติ, นาปพฺพชิโต, ตสฺมา ‘‘ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ภิกฺขเว, อปพฺพชิโต น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทิปาฬิยา สติ เต อุโภปิ อปพฺพาเชตพฺพา โหนฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชตีติ. ตีสุ ปน เถยฺยสํวาสเกสุ สามเณราลยํ กโรนฺโต ลิงฺคตฺเถนโก, อุปสมฺปนฺนาลยํ กโรนฺโต สํวาสตฺเถนโก, อุภยตฺเถนโก จ. น หิ สามเณรสํวาโส อิธ สํวาโส นาม, เตเนว อฏฺกถายํ ‘‘ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หิ สพฺโพปิ กิริยเภโท อิมสฺมึ อตฺเถ สํวาโส’’ติ วุตฺตนฺติ เอเก. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนสาทิยนาสนปฏิพาหนานํ สามเณรสํวาสสามฺโต เนวาติ อาจริโย.

เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา

ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ภิกฺขเวติอาทิ อตฺตโน นิทานภูเต ปสูรวตฺถุสฺมึ เอว วตฺตพฺพํ สมานมฺปิ ตตฺถ วาริตอธิการาภาวา อภพฺพา. อิเธว เถยฺยสํวาสเกน วินา สมฺภวโต วุตฺโต. ตตฺถ ‘‘อถ โข น ปพฺพาเชตพฺโพปี’’ติ อิเธว วจนํ ปสูรสฺส อุปสมฺปทาย เอว ยาจนิจฺฉาย ทสฺสเนน, ‘‘โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ ภควโต อุปสมฺปทามตฺตปฏิเสธเนน จ ปพฺพชฺชานุมติโทสปฺปสงฺคภยาติ เวทิตพฺพํ. เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ลทฺธิยา คหิตายปิ อคฺคหิตายปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ, อวนฺทนียสฺเสว นคฺคลิงฺคสฺส เสฏฺภาวํ วา อุปคจฺฉติ, น มุจฺจติ, เอตฺถ ‘‘ปทวาเร ทุกฺกฏํ, อาชีวโก ภวิสฺสนฺติ วิสมจิตฺตวเสน คตตฺตา นคฺโค หุตฺวา น คมเนนา’’ติ วทนฺติ. อุภินฺนมฺปิ วเสน ยุตฺตนฺติ มม ตกฺโก. ตาว นํ ลทฺธิ รกฺขติ อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตา. อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโตติ กถํ ปฺายติ? อฏฺกถาวจนปฺปมาณโตวาติ เอเก. นิทานวเสนาติ เอเก. ปสูรสฺส อุปสมฺปนฺนตฺตา อุปสมฺปนฺนานํ เอว ติตฺถิยปกฺกนฺตตาวจนโตติ เอเก. ยถาห ‘‘อุปชฺฌาโย ปกฺกนฺโตวา โหติ, วิพฺภนฺโต วา, กาลํกโต วา, ปกฺขสงฺกนฺโต วา’’ติ อาจริโย. ปกฺขสงฺกนฺโต วาติ สามเณรนาสนาวตฺถูสุ อภาวโตติ เอเก. อฺติตฺถิยปุพฺพสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส สโต ปกฺขสงฺกนฺตภยา อนุปสมฺปนฺนกาเล อุปสมฺปทตฺถํ ปริวาสปฺาปเนนาติ เอเก. ปพฺพชฺชตฺถมฺปีติ เจ? น, ปุพฺเพ วิจาริตตฺตา, อปพฺพชิตสฺส อธิสีลาภาวโต จ. ปาติโมกฺขสีลฺหิ อธิสีลํ นาม, ตฺจ อปพฺพชิตสฺส นตฺถิ. อิมสฺส จ ปริวาสวตฺเต อธิสีลํ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยปุพฺโพ ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ อุทฺเทเส ปริปุจฺฉาย อธิสีเล’’ติ (มหาว. ๘๗). อปิจ ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ชาติยา สากิโย อฺติตฺถิยปุพฺโพ อาคจฺฉติ, โส อาคโต อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๘๗) เอตฺถ อุปสมฺปทามตฺตปริทีปนโต. อุปสมฺปทามตฺตปริทีปนฺเหตฺถ ตสฺเสว ปริวาสทานสิทฺธิโต. ปริวาสทานตฺตนิทสฺสนตฺเถ เหสา ปาฬิ.

ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติรจฺฉานคตวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๑. นาคโยนิยาติ นาคโยนิโต, อตฺตโน นาคชาติเหตูติ อธิปฺปาโย. กึการณา? อภิกฺขณํ สกชาติยา เมถุนปฏิเสวเน, วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน จ สพฺเพสมฺปิ.

ติรจฺฉานคตวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๒-๕. อปวาหนนฺติ ปกฺขลนํ, กาสายวตฺถนิวาสนํ อิจฺฉมานนฺติ อตฺโถ. ทุฏฺจิตฺเตน. กีทิเสน? วธกจิตฺเตนาติ อธิปฺปาโย. โลหิตุปฺปาทนวเสน ทุฏฺจิตฺตนฺติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ.

มาตุฆาตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๖. ‘‘ยทิ ปฏิสนฺธิยํ อุปฺปนฺนลิงฺเคน เอตํ นามํ ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ.

อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๗. ‘‘เกจิ ‘กุปฺปตี’ติ วทนฺติ, ตํ ‘น คเหตพฺพ’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ปฺจวคฺคกรณียฺเจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ ภิกฺขุนิปฺจโม กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๙๐) นเยน วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนํ คณปูรณภาเว เอว กมฺมํ กุปฺปติ, น สพฺพนฺติ กตฺวา สุวุตฺตํ, อิตรถา ‘‘ปณฺฑกุปชฺฌาเยน กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิกาย ปาฬิยา ภวิตพฺพํ สิยา. ยถา อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส อุปสมฺปาทนกาเล กมฺมวาจายํ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา อุปสมฺปทาย กตาย ตสฺมึ อสนฺเตปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อวตฺถุํ ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ, อสนฺตํ วา, วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กตายปิ คณปูรกานมตฺถิตาย อุปสมฺปทา รุหเตว. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑกุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิวจนสฺสาภาวา อยมตฺโถ สิทฺโธว โหติ. น หิ พุทฺธา วตฺตพฺพยุตฺตํ น วทนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘โย ปน, ภิกฺขุ, ชานํ อูนวีสติวสฺสํ…เป… โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๐๓). ตถา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’ติ (มหาว. ๗๑) วจนโต เถยฺยสํวาสกาทิอาจริเยหิ อนุสฺสาวนาย กตาย อุปสมฺปทา น รุหติ เตสํ อภิกฺขุตฺตา’’ติ วจนมฺปิ น คเหตพฺพํ. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทินา (ปริ. ๔๘๒) นเยน กมฺมานํ สมฺปตฺติวิปตฺติยา กถิยมานาย ‘‘สตฺตหิ อากาเรหิ กมฺมานิ วิปชฺชนฺติ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา อุปชฺฌายโต วา อาจริยโต วา’’ติ อกถิตตฺตา น คเหตพฺพํ. ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน อาจริยอุปชฺฌายานํ วา สงฺคโห กโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค เตสมนามฏฺตฺตา. อยมตฺโถ ‘‘ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ อยมสฺส ยุตฺติคเวสนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺริทํ วิจาเรตพฺพํ – อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตา เต ภิกฺขู ยถาวุตฺตนเยน อภูตํ ตํ วตฺถุํ กิตฺตยึสุ, อุทาหุ มุสาวาทภยา ตาเนว ปทานิ น สาเวสุนฺติ. กิฺเจตฺถ ยทิ ตาว อุปชฺฌายาภาวต น สาเวสุํ, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺโค โหติ, อถ สาเวสุํ, มุสาวาโท เนสํ ภวตีติ? วุจฺจเต – สาเวสุํเยว ยถาวุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺคภยา, ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ อฏฺกถาย วุตฺตตฺตา จ, น มุสาวาทสฺส อสมฺภวโต, มุสาวาเทนาปิ กมฺมสมฺภวโต จ. น หิ สกฺกา มุสาวาเทน กมฺมวิปตฺติสมฺปตฺตึ กาตุนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนสฺส อุภยโทสวินิมุตฺโต อตฺโถ ปริเยสิตพฺโพ.

อยฺเจตฺถ ยุตฺติ – ‘‘ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชุปสมฺปทุปชฺฌาเยสุ วิชฺชมาเนสุปิ อุปชฺฌายคฺคหณกฺกเมน อคฺคหิตตฺตา ‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนุปชฺฌายก’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ อุปชฺฌายสฺส วิชฺชมานสฺเสว สโต อคฺคหิตตฺตา ‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’ติ วุตฺตํ. กมฺมวาจาจริเยน ปน คหิโต เตน อุปชฺฌาโยติ สฺาย อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตพฺพํ, เกนจิ วา การเณน กายสามคฺคึ อเทนฺตสฺส อุปชฺฌายสฺส ฉนฺทํ คเหตฺวา กมฺมวาจํ สาเวติ, อุปชฺฌาโย วา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อุปชฺฌํ ทตฺวา ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเน ตสฺมึ ตาทิเส วตฺถุสฺมึ สมนุยุฺชิยมาโน วา อสมนุยุฺชิยมาโน วา อุปชฺฌายทานโต ปุพฺเพ เอว สามเณโร ปฏิชานาติ, สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก วา ปฏิชานาติ, ฉนฺทหารกาทโย วิย อุปชฺฌาโย วา อฺสีมาคโต โหติ, ‘กมฺมวาจา รุหตี’ติ วตฺวา ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’นฺติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา เกจิ ‘วินยธรปฺจเมน อุปชฺฌาเยน สนฺนิหิเตเนว ภวิตพฺพ’นฺติ วทนฺตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. โส เจ ปาโ ปมาโณ มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ตสฺส วจนสฺสาภาวโต. อสนฺนิหิเตปิ อุปชฺฌาเย กมฺมวาจา รุหตีติ อาปชฺชตีติ เจ? น, กสฺมา? กมฺมสมฺปตฺติยํ ‘‘ปุคฺคลํ ปรามสตี’’ติ วุตฺตปาโว โน ปมาณํ. น หิ ตตฺถ อสนฺนิหิโต อุปชฺฌายสงฺขาโต ปุคฺคโล ปรามสนํ อรหติ, ตสฺมา ตตฺถ สงฺฆปรามสนํ วิย ปุคฺคลปรามสนํ เวทิตพฺพํ. สงฺเฆน คเณน อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ เตสํ อตฺถโต ปุคฺคลตฺตา. ปณฺฑกาทิอุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ อุปสมฺปาทนกาเล อวิทิตตฺตาติ โปราณา.

อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๘. อปตฺตจีวรํ อุปสมฺปาเทนฺตีติ กมฺมวาจาจริโย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ สฺาย, เกวลํ อตฺถสมฺปตฺตึ อนเปกฺขิตฺวา สนฺตปทนิหาเรน วา ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจํ สาเวติ. ยถา เอตรหิ มตวิปฺปวุตฺถมาตาปิติโกปิ ‘‘อนุฺาโตสิ มาตาปิตูหี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วทติ. กึ พหุนา, อยํ ปเนตฺถ สาโร – ‘‘ตสฺมึ สมเย จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติ ลกฺขณสฺส น ตาว ปฺตฺตตฺตา อนุปชฺฌายกาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ, วชฺชนียปุคฺคลานํ อวุตฺตตฺตา ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ. เตรสนฺตรายปุจฺฉาย อทสฺสนตฺตา อปตฺตจีวรกํ อุปสมฺปาเทนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๖๙) เอวํ สพฺพปมํ อนุฺาตกมฺมวาจาย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อวจนเมตฺถ สาธกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ วจนํ อนุกฺกเมนานุฺาตนฺติ.

หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๑๙. อิทํ ตาว สพฺพถา โหตุ, ‘‘มูคํ ปพฺพาเชนฺติ, พธิรํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ อิทํ กถํ สมฺภวิตุมรหติ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๔) อนุฺาตตฺตาติ? วุจฺจเต – ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพติ. เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ…เป… ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ ‘‘เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ’’ติ อิมสฺส วจนสฺส มิจฺฉา อตฺถํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชสุํ. ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ ตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ อาณาเปตฺวา สยํ อุปชฺฌาเยน วตฺตพฺโพ ‘‘ตติยํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ, โส ปพฺพชฺชาเปกฺโข ตถา อาณตฺโต อุปชฺฌายวจนสฺส อนุ อนุ วทตุ วา, มา วา, ตตฺถ ตตฺถ ภควา ‘‘กาเยน วิฺาเปติ, วาจาย วิฺาเปติ, กาเยน วาจาย วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. ทินฺโน โหติ ฉนฺโท. ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ. ทินฺนา โหติ ปวารณา’’ติ วทติ. ตทนุมาเนน วา กาเยน เตน ปพฺพชฺชาเปกฺเขน วิฺตฺตํ โหติ สรณคมนนฺติ วา โลเกปิ กาเยน วิฺาเปนฺโต ‘‘เอวํ วทตี’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปริยายํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชนฺตีติ เวทิตพฺพํ. โปราณคณฺิปเท ‘‘มูคํ กถํ ปพฺพาเชนฺตี’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ตสฺส กายปฺปสาทสมฺภวโต กาเยน ปหารํ ทตฺวา หตฺถมุทฺทาย วิฺาเปตฺวา ปพฺพาเชสุ’’นฺติ วุตฺตํ. กึ พหุนา, อยํ ปเนตฺถ สาโร – ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชาธิกาเร วตฺตมาเน ปพฺพชฺชาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อุปสมฺปทวเสเนว อภิลาโป กโต. เถยฺยสํวาสกปเท อสมฺภวโต กิฺจาปิ โส น กโต ปพฺพชฺชาว ตตฺถ กตา, สพฺพตฺถ ปน อุปสมฺปทาภิลาเปน อธิปฺเปตา ตทนุภาวโต. อุปสมฺปทาย ปพฺพชฺชาย วาริตาย อุปสมฺปทา วาริตา โหตีติ กตฺวา. ตถา อิธ อุปสมฺปทาธิกาเร วตฺตมาเน อุปสมฺปทาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปสมฺปทเมว สนฺธาย ปพฺพชฺชาภิลาโป กโตติ เวทิตพฺโพ. กามํ โส น กตฺตพฺโพ, มูคปเท อสมฺภวโต ตสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย อุปสมฺปทาภิลาโปว กตฺตพฺโพ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ตสฺเสว มูคปทสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชาภิลาโปว กโต มิจฺฉาคหณนิวารณตฺถํ. กถํ? ‘‘มูโค, ภิกฺขเว, อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) วจนโต มูโค อุปสมฺปนฺโน โหตีติ สิทฺธํ. โส ‘‘เกวลํ อุปสมฺปนฺโนว โหติ, น ปน ปพฺพชิโต ตสฺส ปพฺพชฺชาย อสมฺภวโต’’ติ มิจฺฉาคาโห โหติ. ตํ ปริจฺจชาเปตฺวา โย อุปสมฺปนฺโน, โส ปพฺพชิโตว โหติ. ปพฺพชิโต ปน อตฺถิ โกจิ อุปสมฺปนฺโน, อตฺถิ โกจิ อนุปสมฺปนฺโน. อิมํ สมฺมาคาหํ อุปฺปาเทติ ภควาติ เวทิตพฺพํ.

อปิจ เตสํ หตฺถจฺฉินฺนาทีนํ ปพฺพชิตานํ สุปพฺพชิตภาวทีปนตฺถํ, ปพฺพชฺชาภาวาสงฺกานิวารณตฺถฺเจตฺถ ปพฺพชฺชาภิลาโป กโต. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทินา ปฏิกฺเขเปน, ‘‘ปพฺพชิตา สุปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตฏฺานาภาเวน จ เตสํ ปพฺพชฺชาภาวปฺปสงฺกา ภเวยฺย. ยถา ปสงฺกาภเว, ตถา ปสงฺกํ เปยฺย. ขนฺธเก อุปสมฺปทํ สนฺธาย ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติอาทินา นเยน ภควา นิวาเรติ. เตเนว ปน นเยน ปพฺพชิตา เต สพฺเพปิ สุปพฺพชิตา เอวาติ ทีเปติ, อฺถา สพฺเพเปเต อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตาติ อยมนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพชิโต นาเสตพฺโพ’’ติ วา ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ อปพฺพชิโต’’ติ วา ตนฺติยา ปิตาย จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘โสสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ ‘‘อิเม หตฺถจฺฉินฺนาทโย อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตา’’ติ วา ‘‘อุปสมฺปนฺนาปิ เจ ปพฺพชิตา, นาเสตพฺพา’’ติ วา อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย.

อิทํ ปเนตฺถ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘โส จ อปพฺพชิโต’’ติ วจนาภาวโต มูคสฺส ปพฺพชฺชสิทฺธิปฺปสงฺคโต ปพฺพชฺชาปิ เอกโตสุทฺธิยา โหตีติ อยมนิฏฺโกฏฺาโส กถํ นาปชฺชตีติ? ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทา อิธาธิปฺเปตาติ สมฺมาคาเหน นาปชฺชติ, อฺถา ยถาพฺยฺชนํ อตฺเถ คหิเต ยถาปฺตฺตทุกฺกฏาภาวสงฺขาโต อปโรปิ อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, มูโค ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปพฺพชฺชปริโยสาเน โหติ, น ตสฺสาวิปฺปกตาย. ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว หิ ปมํ อาปชฺชติ, ตสฺมา มูคสฺส ปพฺพชฺชปริโยสานสฺเสว อภาวโต อิมสฺส ทุกฺกฏสฺส โอกาโส จ สพฺพกาลํ น สมฺภเวยฺย. อุปสมฺปทาวเสน ปน อตฺเถ คหิเต สมฺภวติ กมฺมนิปฺผตฺติโต. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ทุกฺกฏํ น ปฺตฺตํ. อปฺตฺตตฺตา ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว เจตฺถ สมฺภวติ, เนตรํ, เอตฺตาวตา สิทฺธเมตํ ‘‘ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทา จ ตตฺถ อธิปฺเปตา, น ปพฺพชฺชา’’ติ.

เอตฺถาห – สามเณรปพฺพชฺชา น กายปโยคโต โหตีติ กถํ ปฺายตีติ? วุจฺจเต – กาเยน วิฺาเปตีติอาทิตฺติกาทสฺสนโต. โหติ เจตฺถ –

‘‘อปฺเปว สสโก โกจิ, ปติฏฺเยฺย มหณฺณเว;

น ตฺเวว จตุคมฺภีเร, ทุคฺคาโห วินยณฺณเว’’ติ.

พฺรหฺมุชุคตฺโตติ เอตฺถ ‘‘นิทฺโทสตฺเถ, เสฏฺตฺเถ จ พฺรหฺม-สทฺทํ คเหตฺวา นิทฺโทสํ หุตฺวา อุชุ คตฺตํ ยสฺส โส พฺรหฺมุชุคตฺโต’’ติ ลิขิตํ. อถ วา กามโภคิตฺตา เทวินฺทาทโย อุปมาวเสน อคฺคเหตฺวา พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต พฺรหฺมุชุคตฺโต. มหากุจฺฉิโต ฆโฏ มหากุจฺฉิฆโฏ. เตน สมาโน วุจฺจติ ‘‘มหากุจฺฉิฆฏสทิโส’’ติ. คลคณฺฑีติ เทสนามตฺตเมเวตนฺติ กถํ ปฺายตีติ? ‘‘น, ภิกฺขเว, ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺโ ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วจนโต. กิลาโสปิ อิธาธิปฺเปโตติ น เกวลํ โส เอเวโก, กินฺตุ ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺโ, ปาฬิยํ อาคตา ราชภฏาทโย ทาสปริโยสานา, ราหุลวตฺถุมฺหิ อาคตา อนนุฺาตมาตาปิตโร จาติ ทสปิ ชนา อิธาธิปฺเปตา. ตทตฺถทีปนตฺถเมว ลิขิตกกสาหตลกฺขณาหเต ปุพฺเพ วุตฺเตปิ อาเนตฺวา อุปาลิตฺเถโร อิธ หตฺถจฺฉินฺนปาฬิยํ อาห. เตเนว จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อปฺปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, เอกจฺโจ โสสาริโต, เอกจฺโจ โทสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺา, ราชภฏา, โจรการเภทกอิณายิกทาสา, อนนุฺาตมาตาปิตโร จา’’ติ สตฺต ชนา น คหิตา, น จ ลพฺภนฺติ, อฺถา อิเมปิ ตสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพา สิยุํ. น วตฺตพฺพา ตตฺถ อภพฺพตฺตาติ เจ? เอวํ สนฺเต ‘‘สงฺโฆ โอสาเรติ, เอกจฺโจ โทสาริโต’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพา ปณฺฑกาทโย วิย, น จ วุตฺตา. อุภยตฺถ อวุตฺตตฺตา น จิเม อนุภยา ภวิตุมรหนฺติ, ตสฺมา อวุตฺตานเมว ทสนฺนํ ยถาวุตฺตานํ สงฺคณฺหนตฺถํ ปุน ลิขิตกาทโย วุตฺตาติ. อถ กิมตฺถํ เต อิธ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตาติ? อิณายิกทาสานํ โสสาริตภาเวปิ อิณายิกทาสา สามิกานํ ทาตพฺพาติ ตทธีนภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนว ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ปลาโตปิ อาเนตฺวา ทาตพฺโพ’’ติอาทิ. โย ปเนตฺถ โจโร กตกมฺโม ปพฺพชติ, ราชภโฏ วา สเจ กตโทโส, อิณายิกคฺคหเณเนว คหิโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา ยถาวุตฺตลกฺขโณ สพฺโพปิ อิณายิกทาสานํ ‘‘โสสาริโต’’ติ วตฺตพฺพารโห น โหตีติ กตฺวา เตสํ ปริวชฺชนตฺถํ อุปฺปฏิปาฏิยา เทสนา อุปริ อาโรหติ, น เหฏฺาติ ทีปนโต. ลิขิตโก ‘‘โสสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนฺตรํ เนตพฺโพ. ตถาการเภทกาทโยปีติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺตาวตา ภควตา อตฺตโน เทสนากุสลตาย ปุพฺเพ คหิตคฺคหเณน ยถาวุตฺตานํ ทสนฺนมฺปิ ปพฺพชฺชุปสมฺปทากมฺมนิปฺผตฺติ, อุปฺปฏิปาฏิวจเนน ปุคฺคลเวมตฺตตฺจ เทสนาย โกวิทานํ ทีปิตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘วตฺตพฺพยุตฺตํ วจเนน วตฺวา, อยุตฺตมิฏฺํ นยเทสนาย;

สนฺทีปยนฺตํ สุคตสฺส วากฺยํ, จิตฺตํ วิจิตฺตํว กโรติปี’’ติ.

เอตฺถาห จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก อูนวีสติวสฺโส อุภยตฺถ อวุตฺตตฺตา อนุภโย สิยาติ? น สิยา อวุตฺตตฺตา เอว. ยทิ หิ ตติยาย โกฏิยา ภวิตพฺพํ, สา อวสฺสํ ภควตา วตฺตพฺพาว โหติ, น จ วุตฺตา, ตสฺมา น โส อนุภโย โหติ. อถ กตรํ ปกฺขํ ภชตีติ? โทสาริตปกฺขํ ภชติ. อถ กสฺมา น วุตฺโตติ? สิกฺขาปเทน ปฏิสิทฺธตฺตา. อุปนาหํ พนฺธิตฺวาติ ปุน พนฺธนํ กตฺวา. ‘‘นานาวิเธหิ โอสเธหิ ปาทํ พนฺธิตฺวา อาวาฏเก ปเวเสตฺวา กตฺตพฺพวิธานสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ ลิขิตํ. กปฺปสีโส วา หตฺถี วิย. โคภตฺตนาฬิกา นาม คุนฺนํ ภตฺตปานตฺถํ กตนาฬิกา. อุปกฺกมุโข นาม กุธิตมุโข วุจฺจติ, วาตณฺฑิโก นาม อณฺฑเกสุ วุฑฺฒิโรเคน สมนฺนาคโต. วิกโฏ นาม ติริยํ คมนกปาเทหิ สมนฺนาคโต. ‘‘คุณิ กุณี’’ติ ทุวิโธ กิร ปาโ. เยสฺจ ปพฺพชฺชา ปฏิกฺขิตฺตา, อุปสมฺปทาปิ เตสํ ปฏิกฺขิตฺตาวาติอาทิ ยสฺมา หตฺถจฺฉินฺนาทโย อุปสมฺปทาวเสเนว วุตฺตา, ตสฺมา เต เอว หตฺถจฺฉินฺนาทโย สนฺธายาห.

หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อลชฺชีนิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๒๐. ‘‘น, ภิกฺขเว, อลชฺชีนํ นิสฺสโย ทาตพฺโพ’’ติ อิมินา อลชฺชีหิ ภิกฺขูหิ, สามเณเรหิ วา สทฺธึ ทฺเวปิ ธมฺมามิสปริโภคา ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ นิสฺสยภาเว ภาวโต เตสํ. ยถาห ‘‘อาจริเยน, ภิกฺขเว, อนฺเตวาสิโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา’’ติอาทิ (มหาว. ๗๙) อุปชฺฌายสฺสปิ นิสฺสยปฺปณามนสมฺภวโต, โสปิ สทฺธิวิหาริกสฺส นิสฺสโยติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา อุปชฺฌาโย เจ อลชฺชี โหติ, น ตํ นิสฺสาย วสิตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สมานภาโค ภิกฺขุ สภาโค. ตสฺสภาโว ภิกฺขุสภาคตา. ตํ ภิกฺขุสภาคตํ. ยาว ชานามีติ อธิปฺปาเยน วสิตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขูหิ สภาคตํ. กึ ตํ? ลชฺชิภาวํ. ‘‘สตฺตาหํ…เป… คเหตพฺโพ’’ติ เอตฺถ ‘‘สตฺตาหมตฺตํ วสิสฺสามิ, กึ ภิกฺขุสภาคตาชานเนนาติ ชานเน ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา วสิตุํ น ลภตีติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ภิกฺขุสภาคตํ ปน ชานนฺโต สฺเวว คมิสฺสามิ, กึ เม นิสฺสยาโรจเนนา’’ติ อรุณํ อุฏฺเปตุํ น ลภติ. ‘‘ปุเร อรุณํ อุฏฺหิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สยนฺตสฺส เจ อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, วฏฺฏติ.

คมิกาทินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๒๑. ‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺเนน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุนฺติ อวสฺสกาเลเยว วสฺสกาเล อทฺธานคมนสฺส ปาฬิยํเยว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อปฺปมาณํ สตฺตาหํ วสฺสจฺเฉทาทิวเสน อทฺธานคมนสมฺภวโต, คจฺฉนฺตสฺเสว วสฺสกาลคมนสมฺภวโต จ. อนฺตรามคฺเค…เป… อนาปตฺตีติ นิสฺสยทายกาภาเวเยว. ‘‘ตสฺส นิสฺสายา’’ติ ปาานุรูปํ วุตฺตํ, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ. ‘‘ยทา ปติรูโป นิสฺสยทายโก อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วจเนน อยํ วิธิ อวสฺสกาเล เอวาติ สิทฺธํ. ‘‘อนฺโตวสฺเส ปน กสฺสจิ อาคมนาภาวา’’ติ วุตฺตํ. สเจ โส ชลปฏฺฏเน วา ถลปฏฺฏเน วา วสนฺโต วสฺสูปนายิกาย อาสนฺนาย คนฺตุกาโม สุณาติ ‘‘อสุโก มหาเถโร อาคมิสฺสตี’’ติ, ตํ เจ อาคเมติ, วฏฺฏติ. อาคเมนฺตสฺเสว เจ วสฺสูปนายิกทิวโส โหติ, โหตุ, คนฺตพฺพํ ตตฺถ, ยตฺถ นิสฺสยทายกํ ลภตีติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสกาภาเวน เจ คนฺตุํ วฏฺฏติ, ปเคว นิสฺสยทายกาภาเวน. สเจ โส คจฺฉนฺโต ชีวิตนฺตรายํ, พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา ปสฺสติ, ตตฺเถว วสิตพฺพนฺติ เอเก.

๑๒๒. ‘‘นาหํ อุสฺสหามิ เถรสฺส นามํ คเหตุ’’นฺติ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโตติ ลกฺขณโต อาห. ‘‘โคตฺเตนาปี’ติ วจนโต เยน โวหาเรน โวหริยนฺติ, เตน วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา ‘โก นาโม เต อุปชฺฌาโย’ติ ปุฏฺเนาปิ โคตฺตเมว นามํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ตสฺมา จตุพฺพิเธสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน อนุสฺสาวนา กาตพฺพา’’ติ วทนฺติ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, ตตฺถ เอกํ นามํ ตฺติยา, เอกํ อนุสฺสาวนาย กาตุํ น วฏฺฏติ, อตฺถโต, พฺยฺชนโต จ อภินฺนาหิ อนุสฺสาวนาหิ ภวิตพฺพนฺติ. กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ เกวลํ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ สาเวติ, ‘‘สาวนํ หาเปตี’’ติ น วุจฺจติ นามสฺส อหาปิตตฺตาติ เอเก. สเจ กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสายสฺมโต’’ติ สาเวติ, ปาานุรูปตฺตา เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติปิ เอเก. พฺยฺชนเภทปฺปสงฺคโต อนุสฺสาวเน ตํ น วฏฺฏตีติ เอเก. สเจ ปน สพฺพฏฺาเนปิ ตเถว วทติ, วฏฺฏติ ภควตา ทินฺนลกฺขณานุรูปตฺตา. ลกฺขณวิโรธโต อฺถา น วฏฺฏตีติ เจ? น, ปโยคานุรูปตฺตา. ตตฺถ ตถา, อิธ อฺถา ปโยโคติ เจ? น, วิปตฺติลกฺขณานํ วิโรธโต. น สพฺเพน สพฺพํ, สาวนาหาปนา เอว หิ ปาฬิยํ ตทตฺถวิภาวเน อาคตาติ อฺปเทสุ สาวเนสุ ปริหาโร น สมฺภวติ อาจิณฺณกปฺปวิโรธโต. โสปิ กึปมาณนฺติ เจ? ปมาณํ อาจริยุคฺคหสฺส ปมาณตฺตา.

๑๒๓. ทฺเว เอกานุสฺสาวเนติ เอตฺถ คณฺิปเท ตาว เอวํ ลิขิตํ ‘‘เอกโต ปวตฺตอนุสฺสาวเน’’. อิทํ สนฺธายาติ นานุปชฺฌายํ เอกาจริยํ อนุสฺสาวนกิริยํ สนฺธาย, ตฺจ อนุสฺสาวนกิริยํ เอเกนุปชฺฌาเยน นานาจริเยหิ อนุชานามีติ อตฺโถ. นานุปชฺฌาเยหิ เอเกนาจริเยน น ตฺเวว อนุชานามีติ อตฺโถติ. โปราณคณฺิปเทปิ ตเถว วตฺวา ‘‘ติณฺณํ อุทฺธํ น เกนจิ อากาเรน เอกโต วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ, น หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ กโรตีติ อาจริโย. อิทํ ปเนตฺถ จินฺเตตพฺพํ. กถํ? จตฺตาโร วา อติเรกา วา อุปสมฺปทาเปกฺขา สงฺฆโวหารํ น ลภนฺติ ภิกฺขุภาวํ อปฺปตฺตตฺตา. เกวลํ ภควตา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตโย’’ติ วุตฺตตฺตา ตโต อุทฺธํ น วฏฺฏตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อนุคณฺิปเทปิ อยเมวตฺโถ พหุธา วิจาเรตฺวา วุตฺโต. ตถา อนฺธกฏฺกถายมฺปิ. น สพฺพตฺถ อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป มติเภโท อตฺถิ. ยา ปเนสา อุโภ ปริปุณฺณวีสติวสฺสา, อุภินฺนเมกุปชฺฌาโย, เอกาจริโย, เอกา กมฺมวาจา, เอโก อุปสมฺปนฺโน, เอโก อนุปสมฺปนฺโนติ ปริวารกถา, ตํ ทสฺเสตฺวา เอโก เจ อาจริโย ทฺวินฺนํ, ติณฺณํ วา อุปสมฺปทาเปกฺขานํ เอกํ กมฺมวาจํ เอเกนุปชฺฌาเยน สาเวติ, วฏฺฏตีติ เอเก. ตํ อยุตฺตํ, น หิ สกฺกา สิถิลธนิตาทิพฺยฺชนลกฺขณสมฺปนฺนํ ตสฺมึ ขเณ กมฺมวาจํ ทสฺเสตุํ วิมุตฺตโทสาทีสุ ปตนโต. วิสุํ วิสุํ กรณํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ ทีปนตฺถํ ‘‘ตโย ปริปุณฺณวีสติวสฺสา, ติณฺณเมกุปชฺฌาโย, เอกาจริโย, เอกา กมฺมวาจา, ทฺเว อุปสมฺปนฺนา, เอโก อนุปสมฺปนฺโน’’ติ น วุตฺโต. เอวฺหิ วุตฺเต สกฺกา ตีสุ อากาสฏฺมปเนตฺวา สีมฏฺานํ ทฺวินฺนมนุรูปํ กมฺมวาจํ ทสฺเสตุํ, ตมนิฏฺปฺปสงฺคํ นิวาเรตุํ ‘‘อุโภ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺถ ปริปุณฺณวีสติวสฺสวจเนน วตฺถุสมฺปตฺติ, ปริสาย ปธานตฺตา, อาจริยุปชฺฌายวจเนน ปริสสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาย อนุสฺสาวนสมฺปตฺติ ทสฺสิตา, สีมสมฺปตฺติ เอเวกา น ทสฺสิตา. ตโต วิปตฺติ ชาตา กมฺมวาจานํ นานากฺขณิกตฺตา. เอกกฺขณภาเว สติ อุภินฺนํ สมฺปตฺติ วา สิยา วิปตฺติ วา, น เอกสฺเสว สมฺปตฺติ เอกสฺส วิปตฺตีติ สมฺภวติ วิมุตฺตาทิพฺยฺชนโทสปฺปสงฺคโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ วจนํ อุโภปิ เจเต สีมคตาว โหนฺติ, อุภินฺนํ เอกโต กมฺมสมฺปตฺติทีปนโต ทฺวินฺนํ เอกโต อนุสฺสาวนํ เอเกน อุปชฺฌาเยน เอเกนาจริเยน วฏฺฏตีติ สาเธติ. ทฺวินฺนํ, ติณฺณฺจ เอกโต สสมนุภาสนา จ ปาฬิยํเยว ทสฺสิตา, ตฺจ อนุโลเมติ. อฏฺกถาจริเยหิ นานุฺาตํ, น ปฏิกฺขิตฺตํ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพนฺติ อาจริโย, ตํ ธมฺมตาย วิรุชฺฌติ.

อยฺหิ พุทฺธานํ ธมฺมตา – ยทิทํ ยตฺถ ยตฺถ วจนนานตฺตมตฺถิ, ตตฺถ ตตฺถ ครุเกสุ าเนสุ วตฺตพฺพยุตฺตํ วทนฺติ. ทูเตน อุปสมฺปทาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ. ยสฺมา เจตฺถ ปุพฺเพ อนุฺาตกมฺมวาจาย นานตฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺเว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺโพ’’ติ น วุตฺตํ. นานตฺเต สติปิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา วเสน วุตฺตกมฺมวาจานุสาเรน คเหตพฺพโต อวุตฺตนฺติ เจ? น หิ ลหุเกสุ าเนสุ วตฺวา ครุเกสุ อวจนํ ธมฺมตาติ อาจริโย. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท เอวํ ปปฺจิตํ ทฺเว เอกานุสฺสาวเนติ ทฺเว เอกโต อนุสฺสาวเน. ‘‘เอเกน’’ อิติ ปาโ, เอเกน อาจริเยนาติ อตฺโถ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอเกน วา ทฺวีหิ วา อาจริเยหี’’ติ วุตฺตนเยน เอว, ตสฺมา เอเกนาจริเยน ทฺเว วา ตโย วา อนุสฺสาเวตพฺพา. ‘‘ทฺวีหิ วา ตีหิ วา’’ติ ปาโ. นานาจริยา นานุปชฺฌายาติ เอตฺถ ‘‘ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ วุตฺตตฺตา น วฏฺฏตีติ เจ? วฏฺฏติ. กถํ? เอเกน อนุสฺสาวเน เอกานุสฺสาวเนติ วิคฺคหสฺส ปากฏตฺตา ลีนเมว ทสฺเสตุํ ‘‘เอกโต อนุสฺสาวเน’’ติ วิคฺคโหว วุตฺโต, ตสฺมา อุชุกตฺตเมว สนฺธาย ตฺจ โข เอเกน อนุสฺสาวนํ เอกานุสฺสาวนํ, เอเกน อุปชฺฌาเยน อนุชานามิ, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนาติ อตฺโถ. อิทํ สนฺธาย หิ ทฺวิธา วิคฺคโห, ตสฺมา ‘‘นานาจริเยหิ นานุปชฺฌายา น วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธเมวา’’ติ อฺถาปิ วทนฺติ. ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน เอกสฺส อุปชฺฌายสฺส วา วตฺตพฺพํ อนุสฺสาวนํ, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยน อนุชานามีติ อตฺโถ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘เอโก อาจริโย, ทฺเว วา ตโย วา อุปสมฺปทาเปกฺขา ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วา อุปชฺฌายานํ น ตฺเวว อนุชานามี’’ติ กิร วุตฺตนฺติ. อปรสฺมึ ปน คณฺิปเท ‘‘เอเกน อนุสฺสาวเนติ วิคฺคหสฺส ปากฏตฺตา ตํ ปกาเสตุํ ‘เอเกนา’ติ วุตฺตํ. เอวํ วุตฺเต อวสฺสํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ. ตํปากฏตฺตา เจ ชานนฺติ, เอเกนาติ อิมินา กินฺติ เจ? กิฺจาปิ ชานนฺติ, วิวาโท ปน โหติ อลทฺธเลสตฺตา, ชานิตุฺจ น สกฺกา, ‘เอเกนา’ติ วุตฺเต ปน ตํ สพฺพํ น โหตีติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. เอวํ เอตฺถ อเนเก อาจริยา จ ตกฺกิกา จ อเนกธา ปปฺเจนฺติ, ตํ สพฺพํ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ครุกุลํ ปยิรุปาสิตฺวา วํสานุคโตว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ‘‘น สพฺพตฺถ อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป มติเภโท อตฺถี’’ติ วุตฺตเมว.

อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา

๑๒๕. กุฏฺํ คณฺโฑติ เอตฺถ กุฏฺาทิคฺคหเณน หตฺถจฺฉินฺนาทโยปิ คหิตาว โหนฺตีติ โปราณา, ตสฺมา ‘‘มนุสฺโสสิ ปุริโสสี’’ติ เอเตหิ ภพฺพาภพฺพปุคฺคลปริวชฺชนํ กโรติ. ‘‘ภุชิสฺโสสิ อณโณสี’’ติอาทีหิ ปุพฺเพ หตฺถจฺฉินฺนาธิกาเร วุตฺตอตฺถวิกปฺเปสุ ทุติยํ วิกปฺปํ อุปถมฺเภติ. ตตฺถ ‘‘อณโณสิ ภุชิสฺโสสี’’ติ อนุกฺกเมน อวตฺวา อุปฺปฏิปาฏิยา วจเนน ภุชิสฺโส โหติ, น จ รฺโ ภตฺตเวตนวเสน ภโฏ. ราชาธีนตฺตา ปน โส ราชภฏปกฺขํ ภชตีติ ตพฺพิปกฺขภาวปุจฺฉนตฺถํ ‘‘นสิ ราชภโฏ’’ติ วุตฺตํ. อฺถา ปฺจหิ อาพาเธหิ ผุฏฺานํ คหเณเนว สพฺเพสํ คหเณ สิทฺเธ อิตเร น วตฺตพฺพา. อถ วตฺตพฺพา, สพฺเพปิ วตฺตพฺพา สิยุํ.

จตฺตาโรนิสฺสยาทิกถาวณฺณนา

๑๒๘-๙. ‘‘ตาวเทว ฉายา เมตพฺพา’’ติอาทิ ‘‘ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา’’ติ วจนโต เถราเถรภาวชานนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘จิเรน อคมาสี’’ติ กิร โปราณปาโ, จิรํ อกาสีติ จตฺถิ.

๑๓๐. อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเสติ อุกฺขิตฺตเกน สทฺธึ สมฺโภคสํวาสปจฺจยา ปาจิตฺติยาปตฺติ ปฺตฺตา, ตโต อนาปตฺตีติ อตฺโถ. กถํ ปฺายตีติ? สํวาสคฺคหเณ. อลชฺชินา สทฺธึ สมฺโภคปจฺจยา อาปชฺชิตพฺพํ ทุกฺกฏํ ปน อาปชฺชติ เอว, น สํวาสปจฺจยา. น หิ อลชฺชินา สทฺธึ สํวาโส ปฏิกฺขิตฺโต. สํวาโส ปเนตฺถ สหเสยฺยปฺปโหนเก อาวาเส สหวาโส, น ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ เอตฺถ วุตฺตสํวาโส. อยํ สํวาโส อุกฺขิตฺตเกน สทฺธึ น วฏฺฏติ. อลชฺชินา สทฺธึ เอกจฺโจ วฏฺฏติ. ธมฺมสมฺโภควินิมุตฺโตเวตโร. อิทํ ปน ‘‘อุกฺขิตฺตโก วิพฺภมี’’ติอาทิสุตฺตํ อิมสฺมึ อุปสมฺปาเทตพฺพานุปสมฺปาเทตพฺพทีปนสามฺโต วุตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ปฏิปตฺติกฺกมโตว อาปตฺติโต สุทฺธิ โหติ, น วิพฺภเมน, ตสฺมา อุปสมฺปนฺโน ภิกฺขุ อนฺตมโส ทุพฺภาสิตมฺปิ อาปชฺชิตฺวา อปรภาเค วิพฺภมิตฺวา อาคโต อุปสมฺปชฺชติ, ตํ อาปตฺตึ เทเสตฺวาว สุชฺฌติ, น อฺถาติ อุปสมฺปนฺนสฺส สุทฺธิกฺกมทสฺสนตฺถํ. อสาธารณาปตฺติยา อทสฺสนปจฺจยา อุกฺขิตฺตกสฺส ลิงฺคปริวตฺตเนน อาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส ปุน เจ ปกติลิงฺคเมวุปฺปชฺชติ, นานาสํวาสกตาว, วิพฺภมิตฺวา อาคเตปิ ยถาวุตฺตนเยเนว อุปสมฺปาเทตฺวา น วุฏฺิตตฺตาติ เจ? น ลิงฺคนฺตรปาตุภาวา. น วิพฺภเมน กมฺมาสุชฺฌนโต. น กมฺมาสุชฺฌเน ปุน อุปสมฺปทากมฺมวิปตฺติปฺปสงฺคโต. น จ กมฺมวิปตฺติ, น จ กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิ. วิพฺภเมน จ อนุปสมฺปนฺโน นานาสํวาสกภาเวน กมฺมํ โกเปติ ธมฺมิสฺสเรน อาหจฺจ ภาสิตตฺตา. เตเนว ‘‘ปสฺสิสฺสสี’’ติ อนาคตวจนํ กตํ. ตาทิโส ปน คหฏฺโ นิกฺขิตฺตวตฺตปาริวาสิโก วิย ปกตตฺตภูมิยํ วิพฺภมาทินา อนุปสมฺปนฺนปกติยํเยว ติฏฺตีติ อิมสฺส สพฺพสฺสปิ อตฺถวิกปฺปสฺส ทสฺสนตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาโร ปน ปริวตฺติตลิงฺโค หุตฺวา ปุน ปกติลิงฺเค ิตอุกฺขิตฺตโก ปุน ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ปสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ วทนฺโต โอสาเรตพฺโพ. ‘‘เทเสหี’’ติ น วตฺตพฺโพ ลิงฺคปริวตฺตเนน วุฏฺิตตฺตา. ตปฺปฏิกมฺโม อุกฺขิตฺตโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ปฏิกมฺมํ กึ เต กต’’นฺติ, ‘‘อาม กต’’นฺติ วทนฺโต โอสาเรตพฺโพ. ‘‘กตฺตพฺพํ เม ปฏิกมฺมํ น โหตี’’ติ วทนฺโต น โอสาเรตพฺโพติ เอเก. อสาธารณาปตฺติมฺหิ อิทํ วิธานํ, น สาธารณาย. ตตฺถ อุกฺขิตฺตโก ลิงฺคปริวตฺตเนเนว ปฏิปฺปสฺสทฺธกมฺโมติ เอเก. วิจาเรตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพนฺติ อาจริโย. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อลชฺชิปริโภโค สหตฺถทานาทิวเสน ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, ‘สารณียธมฺมปูรกาทโย ทสฺเสตฺวา อลชฺชิสฺส สหตฺถา ทาตุํ วฏฺฏตี’ติ วทนฺตานํ วาโท ปฏิเสเธตพฺโพ. กถํ? อุกฺขิตฺตกสฺส สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ วินิจฺฉยานุสาเรน. ทาเปตุํ ปน วฏฺฏเตวาติ จ. กิฺจาปิ อลชฺชิปริโภควเสน ทุกฺกฏํ, อถ โข อยํ อลชฺชี น โหติ, ตสฺมา สพฺพากาเรน นิราปตฺติตํ สนฺธาย ‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ? วิฺเยฺโย อตฺถโต อุจฺฉุรสกสฏานํ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกตฺตา ‘วฏฺฏติ วิกาเล อุจฺฉุํ ขาทิตุ’นฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขาทิตฺวา ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติยํ น ปสฺสติ, วฏฺฏตีติ ตถาสฺิตาย. โย วา ปน อาปตฺตึ อาปนฺนภาวํ ปฏิชานิตฺวา ‘น ปฏิกโรมี’ติ อภินิวิสติ, อิเม ทฺเว –

‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อาปตฺตึ ปริคูหติ;

อคติคมนฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชีปุคฺคโล’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –

วุตฺตลกฺขเณ อปตนโต อลชฺชิโน น โหนฺติ, ตสฺมา ‘โย อาปตฺติเทสนปฏิกมฺมานิ น กโรติ, เตน สทฺธึ สมฺโภคาทิกรเณ อนาปตฺตี’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตวจเนน, อิตเรนปิ สทฺธึ กิฺจาปิ รูปิยสํโวหาโร น โหติ, อถ โข กยวิกฺกเยน อาปตฺติ โหติเยวาติ นโย ทินฺโน โหติ, ปฺจหิ สทฺธึ สพฺพถาปิ อนาปตฺตีติ นโย จ. เอวํ สาปตฺติฏฺาเนสุ วิเสเสตฺวา จ วจนโต อิธ ตถา อวุตฺตตฺตา เตน สห อลชฺชิปริโภโค นตฺถิ. ภชาปิยมาโน ปน อลชฺชิปกฺขํ ภชตีติ อิมินาปิ อุปาเยน สพฺพตฺถ ตํ ตํ สํสนฺทิตฺวา อตฺโถ ปริเยสิตพฺโพติ อปเร. อาจริยา ปน เอวํ น วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สจาหํ น ปสฺสิสฺสามีติ วทติ, น ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ปุพฺเพ อาปนฺนาปตฺติโย อุปฺปพฺพชิตสฺสาปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ สิทฺธํ, เตเนว อาจริยา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวาว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ การาเปนฺตีติ จ อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเสติ อิทํ ปุพฺเพ อาปนฺนํ สนฺตึ เอว อาปตฺตึ น ปสฺสตีติ อาสงฺกิตพฺโพ. สา ปฏิปฺปสฺสทฺธาติ าปนตฺถํ วุตฺตนฺติ จ เอเก. ‘‘ปสฺสิสฺสสี’’ติ คหฏฺตฺตา เทเสตุํ น วฏฺฏตีติ อนาคตวเสน วุตฺตํ. ‘‘อุปสมฺปาเทตฺวา ปสฺสิสฺสสี’’ติ ปริวาสาทินา กตฺตพฺพสฺส อตฺถิภาเวน ‘‘ปสฺสสี’’ติ อวตฺวา อนาคตวเสน วุตฺตํ, โอสาเรตฺวาติ อพฺภานวเสน. ตตฺถ ปุน กาตพฺพสฺส อภาวา ‘‘ปสฺสสี’’ติ วุตฺตํ. อิทํ สพฺพํ สพฺพตฺถ ปฏิชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกตฺราปิ ปุน น ปฏิชานาติ, เอเตน สห ตสฺสา อาปตฺติยา อนุรูเปน สํวาโส น กาตพฺโพ, อลชฺชิภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. ทิฏฺิยาติอาทีสุ โอสารณํ นาม สมานกมฺมาทินา กรณนฺติ อตฺโถ. อนาปตฺติ สมฺโภเคติ อุกฺขิตฺตเกน สมฺโภเค อนาปตฺติ. กสฺมา? อุกฺขิตฺตกกมฺมสฺส คหฏฺภาเวน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา, เตเนว ‘‘อลพฺภมานาย สามคฺคิยา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ภิกฺขุภาเว กตฺตพฺพโตติ เกจิ. ทฺวีสุปิ วาเรสุ กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิวิธานํ เตเยว ชานนฺติ, ตสฺมา สพฺพวาเรสุ ยุตฺตมยุตฺตฺจ สุฏฺุ สลฺลกฺเขตฺวา กเถตพฺพํ.

โย ขนฺธกํ ปพฺพชฺชนามเธยฺยํ,

นานานยํ สาสนมูลภูตํ;

ตฺวา ปกาเสติ ปรสฺส สมฺมา,

ตสฺสาธิปจฺจํ มุนิสาสนสฺมินฺติ.

มหาขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนา

สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา

๑๓๒-๓. เตน สมเยนาติ อตฺตโน โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทเส ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ภิกฺขูนํเยว วิสุํ อุโปสถกรณํ อนุชานิตฺวา ิตสมเยน. โก ปน โสติ? มชฺฌิมโพธิยํ ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺปโหนกสิกฺขาปทานํ ปรินิฏฺานกาโล. เตเนวาห ‘‘ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ. ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ นิทานุทฺเทสํ ปฺาเปตุกามตาย จ สิกฺขาปทานํ อุทฺเทสปริจฺเฉทนิทสฺสนตฺถฺจ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยถา’’ติ สพฺพสิกฺขาปทานํ อุทฺทิสิตพฺพกฺกมสฺส ทสฺสิตตฺตา อิทานิ ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ อิทํ นิรตฺถกํ อาปชฺชติ, อิทฺจ สพฺพสงฺฆุโปสถํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๑๓๔. ‘‘ยํนูน อยฺยาปิ…เป… สนฺนิปเตยฺยุ’’นฺติ พหูนํ อธิการปฺปวตฺติ. ตตฺราปิ วินยํ อาคมฺม วุตฺโต ภิกฺขุ สามิ, น เกวลํ สงฺฆตฺเถโรติ ทสฺสนตฺถํ, สงฺฆสฺส คารวยุตฺตวจนารหตาทสฺสนตฺถฺจ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ตตฺถ สยํ เจ เถโร, ภิกฺขุํ สนฺธาย ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. กถํ ปฺายติ? พุทฺธกาเล สงฺฆตฺเถโร อพฺยตฺโต นาม ทุลฺลโภ. สพฺพกมฺมวาจาย ปโยคนิทสฺสเน จ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ อิจฺเจว ภควา ทสฺเสตีติ เจ? เอวเมตํ ตถา ทสฺสนโต. สงฺฆํ อุปาทาย สงฺฆตฺเถเรนาปิ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ, ภิกฺขุํ อุปาทาย ‘‘อาวุโส’’ติ มหากสฺสปสฺส กมฺมวาจาย ปโยคทสฺสนโต, ปาริสุทฺธิอุโปสเถ จ เถเรน ภิกฺขุนา ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, อาวุโส’’ติ ปโยคทสฺสนโต จ. ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺล’’นฺติ ปรโต ปฺาเปตพฺเพ อุโปสถกรณนฺตราเย สนฺธายาห. อุโปสถสฺส พหุวิธตฺตา สรูปโต วตฺตุํ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ อาห. เอตฺตาวตา ตฺตึ นิฏฺเปสิ. ตฺติทุติยกมฺมโต เอว หิ อุโปสถกมฺมํ. น, ตติยานุสฺสาวนสมฺภวโตติ เจ? น, อฺเหิ ตฺติจตุตฺถกมฺเมหิ อสทิสตฺตา. น หิ เอตฺถ จตุกฺขตฺตุํ ‘‘สุณาตุ เม’’ติ อารภียตีติ. อฺเหิ ตฺติทุติเยหิ อสทิสตฺตา ตฺติทุติยมฺปิ มาโหตูติ เจ? น, ตฺติทุติยกมฺมสฺส อฺถาปิ กตฺตพฺพโต. ตถา หิ ตฺติทุติยกมฺมํ เอกจฺจํ อปโลกนวเสนปิ กาตุํ วฏฺฏติ, น อฺํ อฺถา กาตุํ วฏฺฏติ. กถํ ปฺายตีติ? อิทเมว อุโปสถกมฺมํ าปกํ.

‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อิทํ น ตฺติ นิฏฺเปตฺวา วตฺตพฺพํ, ตฺหิ ตฺติโต ปุเรตรเมว กรียตีติ. ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ยทิ สงฺฆสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ? ตถาปิ น วตฺตพฺพํ, น หิ ตํ ตฺติยา อนฺโตกรียตีติ. ยทิ เอวํ สพฺพตฺถ น วตฺตพฺพํ ปโยชนาภาวาติ เจ? น, ยถาคตฏฺาเนเยว วตฺตพฺพโต, ปรปทาเปกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ อกตฺวา อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ, ปุคฺคโล วา ปนกฺเขตฺตาติกฺกเม อาปชฺชติ. น หิ ตสฺมึ เขตฺเต อติกฺกนฺเต สมฺมชฺชนาสโนทกปทีปกรเณ อาปตฺติโมกฺโข โหติ. อุโปสถกมฺมโต ปุพฺเพ กตฺตพฺพกิจฺจากรณปจฺจยตฺตา ตสฺสา อาปตฺติยา, น สา กมฺมปริโยสานาเปกฺขา เอตฺถาคตสมฺปชานมุสาวาทาปตฺติ วิย, ตสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ภิกฺขุ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ วตฺตุกาโม ปมํเยว ปริสุทฺธาปริสุทฺธปจฺจยํ ปุพฺพกิจฺจํ สราเปติ. ตฺหิ กตํ ปริสุทฺธปจฺจโย โหติ, อกตํ อปริสุทฺธปจฺจโย, เตเนว อุภยาเปกฺขาธิปฺปาเยน ‘‘กตํ น กต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’ มิจฺเจวาห. ตตฺถ อกตปกฺเข ตาว ปาริสุทฺธิอาโรจนกฺกมนิทสฺสนตฺถํ ปรโต ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิ กเรยฺยา’’ติ จ, กตปกฺเข ‘‘อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพ’’นฺติ จ วกฺขติ.

ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถ. กึการณา? ยสฺมา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ. เอตฺถ จ ‘‘อุทฺทิสามี’’ติ วตฺตมานกาลํ อปรามสิตฺวา ‘‘อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ อนาคตกาลปรามสเนน ยฺวายํ ‘‘ทานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๕๐) เอตฺถ วุตฺตปาติโมกฺขุทฺเทโส, ตํ สนฺธาย ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ เอเก. ยสฺมา ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา วตฺตมานสฺส นิทานุทฺเทสสงฺขาตสฺส ปาติโมกฺขสฺส ยเทตํ อนฺเต ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’’ติอาทิกํ ยาวตติยานุสฺสาวนํ, ตสฺเสว อาปตฺติเขตฺตตฺตา, อวยเวปิ อวยวีโวหารสมฺภวโต จ อิธ อาปตฺติเขตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ วุตฺเต ยสฺมา ปรโต อาปตฺติเขตฺตํ อาคมิสฺสติ, ตสฺมา อาปตฺติภีรุกา ตุมฺเห สพฺเพว ปมเมว ปาริสุทฺธึ อาโรเจถาติ อยมตฺโถ สมฺภวติ. วตฺตมานกาลวเสน วุตฺเต ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ วจนเมว น สมฺภวติ ตทาโรจนสฺส ปมํ อิจฺฉิตพฺพตฺตา, ปเคว ตสฺส กรณาภาเวน ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วจนํ. อยํ นโย สนฺติยา อาปตฺติยา อาโรจเน ยุชฺชติ, น ตุณฺหีภาเว, อกมฺมปริโยสานา ตุณฺหีภาวปฺปตฺติโต, เอวํ สนฺเตปิ ตสฺมึ ยุชฺชเตว. ปาติโมกฺขุทฺเทสโก หิ อฺมฺํ อาปตฺติอาวิกรณํ อกตฺวา ตุณฺหีภูเต ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา เตเนว ตุณฺหีภาเวน อาโรจิตปาริสุทฺธิโก หุตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อารภิ.

เอตฺถาห – ปมํ ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กริสฺสติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพํ, อถ ‘‘ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสา’’ติ ลกฺขณตฺตา ยถารุตเมว วตฺตพฺพํ, ตถาปิ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ลกฺขณวิโรธโต, อนิฏฺปฺปสงฺคโต จ. ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสา เอว หิ สงฺฆสฺส อุโปสโถ กโต โหติ, น ปุคฺคลสฺส อุโปสถกรเณน. ตฺจ โสว กริสฺสติ, น สงฺโฆติ อนิฏฺปฺปสงฺโคว อาปชฺชติ. ‘‘สุณาถา’’ติ วุตฺเต อจิตฺตสามคฺคิปฺปสงฺคภยา ‘‘สุโณมา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สุณิสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพํ ‘‘อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น วตฺตพฺพํ, อาปตฺติเขตฺตทสฺสนาธิปฺปายนิรเปกฺขตาย ‘‘สุโณม’’ อิจฺเจว วตฺตพฺพํ. เอกปเทเนว หิสฺส ตทธิปฺปาโย อติกฺกนฺโตติ. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ ตํ สพฺเพเหว อารทฺธนฺติ เจ? ‘‘อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ อิมินา อสาธารณวจเนน อาปนฺนสฺส อจิตฺตสามคฺคิปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ. สรมาเนนาติ อิมินา จสฺส สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตํ ทสฺเสติ. อนฺตรายิโก ธมฺโม วุตฺโต ภควตาติ เอวํ อกิริยสมุฏฺานสฺสาปิ เอวํ ปริตฺตกสฺส อิมสฺส มุสาวาทสฺส มหาทีนวตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธาเปกฺเขนาติ สาวเสสํ อาปตฺตึ อุปาทาย อนาปตฺติภาวสงฺขาตํ อนวเสสฺจ อุปาทาย คิหิภาวสงฺขาตํ วิสุทฺธึ อิจฺฉนฺเตน กสฺมา อาวิ กาตพฺพา? อนฺตรายภาวานุปคมเนน ผาสุวิหารปจฺจยตฺตา. อิธ ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ น วุตฺตํ ปรโต ทิวสนิยมสฺส กตฺตุกามตาธิปฺปาเยน อวุตฺตตฺตา. เอวํ ปน เต ภิกฺขู สพฺพทิวเสสุ อุทฺทิสึสุ.

๑๓๕. ‘‘อาทิเมต’’นฺติ สีลปาติโมกฺขเมว วุตฺตํ, กิฺจาปิ คนฺถปาติโมกฺโข อธิปฺเปโต. ‘‘ปฺจนฺนํ วา’’ติ มาติกายํ วุตฺตานํ วเสน วุตฺตํ. อนชฺฌาปนฺโน วาติ ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนา. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘‘อุโปสถํ กเรยฺยา’ติ เอตฺตาวตา ตฺติ โหติ. ยาวตติยานุสฺสาวนา นาม ‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’ติอาทิวจนตฺตยํ, อนฺเต ‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ปุจฺฉามี’ติ อิทฺจาติ ทุวิธํ. ตตฺถ ปมํ อาปตฺตึ สริตฺวา นิสินฺนสฺส, ทุติยํ อสรนฺตสฺส สารณตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วจีทฺวาเร’’ติ ปากฏวเสน อุชุกเมว วุตฺตํ. กิฺจาปิ กายวิฺตฺติยาปิ กรียติ, กายกมฺมาภาวา ปน วจีวิฺตฺติยาเยว อาวิ กาตพฺพา. ‘‘สงฺฆมชฺเฌ วา’’ติอาทิ ลกฺขณวจนํ กิร. สงฺฆุโปสถกรณตฺถํ สงฺฆมชฺเฌ เจ นิสินฺโน, ตสฺมึ สงฺฆมชฺเฌ. คณุโปสถกรณตฺถฺเจ คณมชฺเฌ นิสินฺโน, ตสฺมึ คณมชฺเฌ. เอกสฺเสว สนฺติเก เจ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กตฺตุกาโม, ตสฺมึ เอกปุคฺคเล อาวิ กาตพฺพาติ, ‘‘เอเตน น เกวลํ สงฺฆมชฺเฌ เอวายํ มุสาวาโท สมฺภวติ, อถ โข เอตฺถ วุตฺตลกฺขเณน อสติปิ ‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’ติอาทิวิธาเน คณุโปสเถปิ สาปตฺติโก หุตฺวา อุโปสถํ กตฺตุกาโม อนาโรเจตฺวา ตุณฺหีภูโตว กโรติ เจ, สมฺปชานมุสาวาทาปตฺตึ อาปชฺชตีติ อิมสฺสตฺถสฺส อาวิกรณโต ลกฺขณวจนํ กิเรต’’นฺติ วทนฺติ ตกฺกิกา. อฺถา ‘‘คณมชฺเฌวา’’ติ น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. อาโรจนาธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อาโรเจนฺโต หิ สงฺฆสฺส อาโรเจมีติ อธิปฺปาเยน อาวิ กโรนฺโต สงฺฆมชฺเฌ อาวิ กโรติ นาม. อตฺตโน อุภโตปสฺเส นิสินฺนานํ อาโรเจนฺโต คณมชฺเฌ. เอกสฺเสวาโรเจสฺสามิ สภาคสฺสาติ อธิปฺปาเยน อาโรเจนฺโต เอกปุคฺคเล อาโรเจติ นาม. ปุพฺเพ วิภตฺตปทสฺส ปุน วิภชนํ อตฺถวิเสสาภาวทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๓๖-๗. ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวสิกํ…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ อิทํ อนุโปสเถ เอว ตํ ทุกฺกฏํ, อุโปสเถ ปน เทวสิกมฺปิ วฏฺฏตีติ ทีเปติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู จาตุทฺทสิยํ อุทฺทิสิตฺวาปิ ปนฺนรสิยํ อุทฺทิสึสุ, เตนาห ‘‘สกึ ปกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ ปุริเมน สามคฺคีทิวโส อุโปสถทิวโส เอวาติ ทีเปติ. อุภเยน อฏฺมึ ปฏิกฺขิปิตฺวา เทวสิกํ ปฏิกฺเขปสฺส อติปฺปสงฺคํ นิวาเรติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ภินฺโน เจ สงฺโฆ ปาฏิปททิวเส สมคฺโค โหติ, ตสฺมึ ทิวเส สามคฺคีอุโปสถํ กโรนฺโต อุภยมฺปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺโต อุภเยน เอกีภูเตน นิวาริโต โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อฺถา สามคฺคีอุโปสโถ น เทวสิโก. เจ, อโหรตฺตํ กาตพฺโพ. ตสฺมิฺจ ปกฺเข ปกติอุโปสโถ น เทวสิโก. เจ, อโหรตฺตํ กาตพฺโพ. ตสฺมิฺจ ปกฺเข ปกติอุโปสโถ อนุทฺทิฏฺโ. เจ โหติ, สามคฺคีอุโปสโถ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ. น อปวาทนเยน คเหตพฺพตฺตาติ เจ? น, อนิฏฺปฺปสงฺคโต. กึ วุตฺตํ โหติ? สามคฺคีทิวเส สามคฺคีอุโปสถํ กตฺวา ปุน ตสฺมึ ปกฺเข ปกติอุโปสถทิวเส สมฺปตฺเต ปกติอุโปสโถ น กาตพฺโพติ. อปวาโทติ. อปวาทิตพฺพฏฺานโต อฺตฺถ อุสฺสคฺควิธานํ นิวาเรติ.

กิตฺตาวตา นุ โข สามคฺคีติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – สามคฺคี นาเมสา สภาคานํ สนฺนิปาโต. สภาคา จ นาม ยตฺตกา สหธมฺมิกา, เต สพฺเพปิ โหนฺติ, อุทาหุ อาวาสสภาคตาย สภาคา นาม โหนฺตีติ. ตตฺถ ยทิ สหธมฺมิกานํ สามคฺคี สามคฺคี นาม, สพฺเพสํ ปุถุวิภตฺตานํ สามคฺคี อิจฺฉิตพฺพา. อถาวสถวเสน, เอกาวาสสภาคานนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺถา เอกาวาเส สามคฺคีติ อาปชฺชติ. มา โน อคมาสีติ อคโต มา โหติ.

สีมานุชานนกถาวณฺณนา

๑๓๘. เอกาวาสคตานํ วเสน สามคฺคึ ปฏิกฺขิปิตฺวา เอกสีมคตานํ วเสน อนุชานิตุกาโม ภควา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ อาห. อถ อาวาสปริจฺเฉทํ วตฺตุกาโม ภเวยฺย. เอตฺตาวตา เอกาวาโส ยาวตา เอกาสีมา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ วเทยฺย. ตสฺมา น อิธ อนุฺาตพทฺธสีมาวเสน เอกาวาสปริจฺเฉโท โหติ, อุปจารสีมาวเสเนว โหตีติ เวทิตพฺพํ. กถํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? ปาฬิโตว, ยถาห ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต เอโก ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ วสิ…เป… เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔). อฺถา วสฺสจฺเฉโทติ อนิฏฺปฺปสงฺโคว, กถํ? เอกาวาสวเสเนว เจ สามคฺคี, พหุอาวาสอนาวาเสสุ น สมฺภเวยฺย. ตโต โส ตํ อาวาสํ คจฺฉนฺโต พหิทฺธา อุโปสถํ กโรติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุโก อนาวาโส คนฺตพฺโพ’’ติอาทิ (มหาว. ๑๘๑)-ปาฬิวิโรโธ สติปิ สงฺเฆ อนาวาเส อุโปสถสฺส อกตฺตพฺพโต. อนาวาเสปิ เจ สามคฺคี ลพฺภติ, ‘‘เอตฺตาวตา สามคฺคี, ยาวตา เอกาวาโส’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา สพฺพถา ปุริมนโย ปจฺฉิเมเนว ปฏิกฺขิตฺโตติ กตฺวา นานาวาสวเสนปิ สามคฺคีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตํ กมฺมํ กโรมาติ วตฺวา น อกํสู’ติอาทีสุ วิย อนาคตมฺปิ อเปกฺขติ, ตสฺมา ‘กโรมา’ติ วุตฺเต น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สีมํ อโสเธตฺวาปิ นิมิตฺตํ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ หตฺถิปฺปมาโณ. สเจ เอโก พทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘จตูสุ ทิสาสุ จตุนฺนํ ปพฺพตกูฏานํ เหฏฺา ปิฏฺิปาสาณสทิเส ปาสาเณ ิตตฺตา เอกาพทฺธภาเว สติปิ ปถวิโต อุทฺธํ เตสํ สมฺพนฺเธ อสติ เหฏฺา ปถวิคตสมฺพนฺธมตฺเต อพฺโพหาริกํ กตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘ปิฏฺิปาสาโณ อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉตี’ติ วุตฺตํ. ปถวิโต เหฏฺา ตสฺส มหนฺตภาเว คยฺหมาเน ปพฺพตเมว โหตี’’ติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘จินิตฺวา กตปํสุปุฺเช ติณคุมฺพรุกฺขา เจ ชายนฺติ, ปพฺพโต โหตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร. เนวาติ อุปติสฺสตฺเถโร’’ติ วุตฺตํ.

ปาสาโณติ ‘‘สุธามยปาสาโณปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. วีมํสิตพฺพํ อิฏฺกาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาโณ ตุลตาย, น ตุลคณนาย. โสปีติ ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณ.

จตุปฺจรุกฺขนิมิตฺตมตฺตมฺปีติ เอกจฺเจสุ นิมิตฺตสทฺโท นตฺถิ. เอตฺถ ตโย เจ สารรุกฺขา โหนฺติ, ทฺเว อสารรุกฺขา, สารรุกฺขานํ พหุตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. ‘‘สุสานมฺปิ อิธ ‘วนเมวา’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ สยํชาตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘จตูสุ ทฺเว อนฺโตสารา เจ, วฏฺฏติ. อนฺโตสารา อธิกา, สมา วา, วฏฺฏติ. ตสฺมา พหูสุปิ ทฺเว เจ อนฺโตสารา อตฺถิ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.

ปรภาเคติ เอตฺถ ‘‘เอเตหิ พทฺธฏฺานโต คตตฺตา วฏฺฏติ. ตถา ทีฆมคฺเคปิ คหิตฏฺานโต คตฏฺานสฺส อฺตฺตา’’ติ วทนฺติ.

อนฺวทฺธมาสนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุพทฺโธ อทฺธมาโส, อทฺธมาสสฺส วา อนู’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตตฺตกปฺปมาณอุทเกเยว กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ. เตมิยตีติ อิมินา เหฏฺิมโกฏิยา นทิลกฺขณํ วุตฺตํ. เอวรูปาย นทิยา ยสฺมึ าเน จตฺตาโร มาเส อปฺปํ วา พหุํ วา อุทกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ าเน อปฺโปทเกปิ ตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทินิมิตฺต’นฺติ วุตฺตตฺตา เสตุโต ปรโต ตตฺตกํ อุทกํ ยทิ ปวตฺตติ, นที เอวา’’ติ วทนฺติ.

ชาตสฺสราทีสุ ิโตทกํ ชาตสฺสราทิปเทเสน อนนฺตริกมฺปิ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ นทิปารสีมาย นิมิตฺตํ วิย. สเจ โส ปเทโส กาลนฺตเรน คามเขตฺตภาวํ ปาปุณาติ, ตตฺถ อฺํ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. อุกฺเขปิมนฺติ อุทฺธริตฺวา คเหตพฺพกํ.

อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ ‘‘อายตึ สมฺมนฺนิตพฺพาย โอกาสํ เปตฺวา’’ติ ลิขิตํ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ ‘‘เอกสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโตกตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา ‘อนฺโตนิมิตฺตคเตหี’ติ วุตฺตํ, ตฺจ สามีจิวเสนา’’ติ วทนฺติ. อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตีติ ‘‘สีมาย อพทฺธตฺตา วคฺคํ นาม น โหตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อฺสฺมึ คามเขตฺเต ตฺวา นิมิตฺตกิตฺตนกาเล, สมานสํวาสกสีมาย สมฺมนฺนนกาเล จ อาคมนปโยชนํ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. เภริสฺํ วาติ ‘‘สมฺมนฺนนปริโยสานํ กโรมาติ วตฺวา’’ติ ลิขิตํ, เตน ตาทิเส กาเล ตํ กปฺปตีติ สิทฺธํ โหติ. กึ อิมินา? สุขกรณตฺถนฺติ มหาชนสนฺนิปาตนปริสฺสมํ อกตฺวา อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. ยทิ มหาสีมาพนฺธนกาเล อนฺตราโย โหติ, ตตฺตเกนปิ สุขวิหาโรติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปม’’นฺติ วุตฺตนฺติ เอเก. ตโต โอรํ น วฏฺฏตีติ กถํ ปฺายตีติ? วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส. กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู เจ คณฺหาติ, วฏฺฏติ. ตตฺตกปฺปมาณํ สุขนิสชฺชวเสน เวทิตพฺพํ. ตเมว นิมิตฺตํ อฺเปิ กิตฺเตตฺวา สเจ พนฺธนฺติ, วฏฺฏตีติ เอเก.

‘‘เอวํ พทฺธาสุ ปน…เป… สีมนฺตริกา หิ คามเขตฺตํ ภชตี’’ติ น อาวาสวเสน สามคฺคีปริจฺเฉโท, กินฺตุ สีมาวเสเนวาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘นิมิตฺตุปคปาสาเณ เปตฺวา’’ติ สฺจาริมนิมิตฺตสฺส ตปฺปรโต วุตฺตํ. อิโต ปฏฺาย คณฺิปทกฺกโม โหติ – น สกฺขิสฺสนฺตีติ เต อวิปฺปวาสํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายามนฺตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. ‘‘เอกรตนปฺปมาณา’’ติ สุวิฺเยฺยนฺตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ วฏฺฏเตว. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ. อาจิณฺณกรเณน วิคตสมฺโมโห โหตีติ. กุฏิเคเหติ กุฏิฆเร ภูมิฆเร. อุทุกฺขลํวาติ ภูมิอุทุกฺขลํ วิย ขุทฺทกาวาฏํ. ‘‘ปมุเข’’ติ ภูมิกุฏึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอเก. เหฏฺา น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาเส น โอตรติ, อุปริ กเต ปาสาเทติ อตฺโถ. ภิตฺติลคฺเคติ ภิตฺตินิสฺสิตเก. อิเม กิร ภิตฺติลคฺคาปิ ‘‘เอกาพทฺธา’’ติ น วุจฺจนฺติ. สพฺโพ ปาสาโท สีมฏฺโ โหตีติ เอกาพทฺโธ วา โหตุ, มา วา. ตาลมูลกปพฺพโต นาม อนุปุพฺเพน ตนุโก. อากาสปพฺภารนฺติ อปริกฺเขปปพฺภารํ. สุสิรปาสาโณ นาม เลณํ โหติ. อนฺโตเลณนฺติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ. ทฺวารํ ปน สนฺธาย ปรโต ‘‘โอรโต’’ติ วุตฺตํ, สพฺพถาปิ สีมโต พหิเลเณน โอตรตีติ อธิปฺปาโย.

มหาสีมํ โสเธตฺวาติ สีมฏฺํ ทูรคตมฺปิ สีมคตํ สีมสมฺพนฺธํว, ตสฺมา ตํ อนามสิตฺวา าตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ ‘‘ตนฺนิสฺสิตกํ อปเนตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺตพฺพํ. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘สีมํ โสเธตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. มหาเถราปิ ‘‘โสเธตพฺพ’’มิจฺเจว วทนฺตีติ เอเก. ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ จ ปาโ อตฺถิ. ‘‘วุตฺตนเยเนวา’’ติ จ ปรโต วกฺขติ, ตสฺมา สาธารณปาโว สุนฺทโรติ เอเก. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมาย อุฏฺหิตฺวา มหาสีมาย โอนเตปีติ อตฺโถ. อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? อนฺโต ิตตฺตา. รุกฺขสฺส เหฏฺา ปถวิคตํ มูลํ ขณฺฑสีมาว โหติ, อพฺโพหาริกํ วาติ อปเร. ‘‘มชฺเฌ ปน ฉินฺเน มหาสีมาย ิตมูลํ มหาสีมเมว ภชติ, ขณฺฑสีมาย ิตํ ขณฺฑสีมเมว ภชติ ตทายตฺตปถวิรสาทีหิ อนุคฺคหิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สีมาย ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ปจฺฉาสีมายํ กตเคเห วิยา’’ติ วตฺวา ‘‘พนฺธนกาเล ิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ อุปริสีมาย อคมนโต’’ติ การณํ วทนฺติ. เอวํ สติ พนฺธนกาเล ปุน อาโรหณํ นาม นตฺถิ, พนฺธิตกาเล เอว อารุหตีติ อาปชฺชติ. ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺโข ปน ตปฺปฏิพทฺธตฺตา สีมสงฺขฺยเมว คโต, เอวํ ปุพฺเพ อุฏฺิตรุกฺโขปีติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจิปี’’ติ วจนโต ติณาทิปิ สงฺคหิตํ. มหาเถราปิ ติณํ โสเธตฺวาว กโรนฺตีติ.

๑๔๐. ยสฺมา มชฺฌโต โกณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โกณโต โกณ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อาปตฺติฺจ อาปชฺชติ อจิตฺตกตฺตา’’ติ วทนฺติ. ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. กา สา? สีมา. ‘‘ยา สพฺพนฺติเมน…เป… วหตี’’ติ ตโต เหฏฺิมา นาวาสงฺขฺยํ น คจฺฉตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ทุติยปาราชิเก นาวฏฺภณฺฑาธิกาเร ตสฺสาปิ อธิปฺเปตตฺตา. มชฺฌิมปุริสสฺส ภารปฺปมาเณน วุตฺตนฺติ เอเก. ภิกฺขุนีนมฺปิ นทีปารสีมาสมฺภวโต ตาสํ ‘‘เอกา วา นทีปารํ คจฺเฉยฺยา’’ติ วุตฺตโทสปริหรณตฺถนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก. อุภยตฺถาปิ ธุว-สทฺโท คหิโต. เตน อุโปสถนฺตราย ปริหรณตฺถํ อุโปสถทิวโส นิยมโตว วุตฺโต. เอตฺถ จ นาวา นาม ปมาณยุตฺตา สพฺพสาธารณา ถมฺภนาวา อธิปฺเปตา, น กุลฺลนาวาติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ อตฺโถ. สเจ เอกํ คามเขตฺตํ, สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. นานาคามเขตฺตํ เจ, อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. อุภยตีเร นิมิตฺตกิตฺตนมตฺเตน ทีปโก สงฺคหิโต น โหติ, ตสฺมา ทีปเก นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพาเนว. ‘‘นทิยา เหฏฺา นิสินฺนภิกฺขุ กมฺมํ โกเปติ. อุปริเยว หิ นที โหตี’’ติ วทนฺติ.

สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา

๑๔๑. ‘‘ยํ สงฺโฆ อากงฺขติ วิหารํ วา…เป… คุหํ วา’’ติ วจนโต น เกวลํ ปถวิยํเยว, วิหาราทีนํ อุปริปิ สีมา อนุฺาตา โหติ อุโปสถกมฺมปธานตฺตาติ สิทฺธํ. ตปฺปธานา สีมาติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ตทธิการานุฺาตตฺตา, สมฺมุติยํ ‘‘สมานสํวาสา’’ติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ วิสุํ ‘‘เอกูโปสถา’’ติ วจนโต จ. ‘‘อุโปสถํ เปตฺวา เสสกมฺมานิ สมานสํวาสา นามา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เอกํ สมูหนิตฺวา’’ติ ปาฬิปาโ.

๑๔๒. กโตวสฺสาติ เอกสีมาย สมคฺเค สนฺธาย วุตฺตํ. อฺถา นานาสีมายํ ิตานํ สวนํ ปมาณํ, เอกสีมายปิ หตฺถปาสํ มุฺจิตฺวา ิตานํ วา สวนเมว ปมาณนฺติ อนิฏฺํ อาปชฺชติ. ตตฺถ สมฺมตาย วา อสมฺมตาย วาติ อุโปสถาคารสมฺมุติยา, น สีมาสมฺมุติยา. กถํ ปฺายตีติ? อธิการโต, ปรโต ฉนฺททานปฺตฺติโต, ปาริสุทฺธิทานปฺตฺติโต จ. ตตฺถ ปุริมํ การณํ ปุริมํ อนิฏฺํ นิวาเรติ, ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมนฺติ เวทิตพฺพํ. อุโปสถมุขนฺติ อุโปสถฏฺานํ. ‘‘อุโปสถมุขสฺสาติ อุโปสถาคารฏฺานสฺสา’’ติ ลิขิตํ. ยานิ กานิจิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตุํ วฏฺเฏตีติ อิทํ กถํ ปฺายตีติ? ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา. ปมํ วุตฺตตฺตา น วุจฺจนฺตีติ เจ? ตํ ปน อการณํ, น หิ พุทฺธานํ เทสนาย อาลสิยํ อตฺถิ. สีมาสมูหนนกาเล อุโปสถาคารํ สมูหนิตฺวาว สีมาสมูหนนํ อิชฺฌตีติ เอเก. ตํ อยุตฺตํ อพทฺธาย สีมาย อุโปสถาคารสมฺมุติสิทฺธิโตติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. อุโปสถมุขนฺติ อุโปสถาคารสฺส มุขนฺติ อาจริยา. อุโปสถมุขสฺส นิมิตฺตกิตฺตนา สีมาย วุตฺตนเยน กาตพฺพา. เอเกนาปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เอเก. ‘‘ปาสาโท วา โหตุ, มณฺฑปาทีสุ วา อฺตโร. กมฺมวาจาย ปน ‘อุโปสถมุข’มิจฺเจว วตฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘โปราณโก อาวาโส นาม มูลาวาโส’’ติ ลิขิตํ. วทติ ฆฏมตฺตา อิติ หิ ลกฺขณํ.

อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา

๑๔๓-๔. ‘‘มนมฺหิ วูฬฺโห’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ มนมฺหิ วูฬฺโหติ มนํ วูฬฺโห อมฺหีติ อตฺโถ. เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจาติ อนฺตรฆรสงฺขาตํ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา. เกจิ ‘‘ปริกฺขิตฺตํ คามํ สนฺธาย ‘คาม’นฺติ วุตฺตํ, อปริกฺขิตฺตํ สนฺธาย ‘คามูปจาร’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปน อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. ตสฺมา นิเวสนรจฺฉาทโย สนฺธาย คามํ, ปริกฺเขปารหฏฺานานิ สนฺธาย ‘‘คามูปจาร’’นฺติ จ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน อเนกธา ปนฺติ. กึ เตน, ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ยถา สเมนฺติ, ตถา คเหตพฺพํ. ภิกฺขูนํ ปุริมกมฺมวาจา น วฏฺฏตีติ คามคามูปจาเร อนฺโตกตฺวา สมานสํวาสกสีมาย สมฺมตาย อุปริ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติยํ ยุชฺชติ. ยตฺถ ปน เกวลํ อรฺํเยว สมฺมตํ, ตตฺถ กถํ น วฏฺฏตีติ. ตตฺถ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วจนํ น สาตฺถกนฺติ เจ? วุจฺจเต – เอวเมตํ, กินฺตุ อนุสฺสาวนหานิปฺปสงฺคโต ตํ วจนํ วตฺตพฺพเมวาติ อิมินาว อธิปฺปาเยน ‘‘ปุริมกมฺมวาจา น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ สิยา. เอกสฺมึ วา อตฺเถ กมฺมวาจาทฺวยอาภาวโตติ วุตฺตํ. ‘‘น หิ เต อฺมฺสฺส กมฺเม คณปูรกา โหนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา อุภินฺนํ นานาสํวาสกสงฺฆานมฺปิ อยเมว วิธิ อาปชฺเชยฺยาติ เจ? นาปชฺชติ ปฏิคฺคหสนฺนิธีนํ อนุฺาตตฺตา, โอมสนาทิปจฺจยา อวิเสสโต, กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิมตฺตาเปกฺขตาย จ. ตสฺสาติ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ เปตฺวา คามนฺติ เอตฺถ. ‘‘ยทิ ภิกฺขูนํ อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตรติ, อถ กสฺมา คาเม สีมาพนฺธนกาเล อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺนนฺตีติ เจ? อาจิณฺณกปฺเปน, น ตโต อฺํ กฺจิ อตฺถํ อเปกฺขิตฺวา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อตฺถโต หิ สา พหิทฺธาปิ อพทฺธา เอว โหตี’’ติ วุตฺตํ. อนฺตรคาเม พทฺธา สมานสํวาสสีมา ยสฺมา คามสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺมาติ เอเก. โสปิ สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. อิทํ ปเนตฺถ วิจาเรตพฺพํ – คามํ อนฺโตกตฺวา พทฺธาย สีมาย ปุน อวิปฺปวาสสมฺมุติยํ อรฺปเทเส ตฺวา อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา, อุทาหุ คาเม ตฺวาติ? คาเม ตฺวา กตายปิ กปฺปิยภูมิยา ผรตีติ. พหิสีเม ิตสมฺมตโทสานุโลมตฺตา อกปฺปิยภูมิยํ ตฺวา น กาตพฺพาติ โน ตกฺโก, เอส นโย สมูหนเนปีติ อาจริโย. ขณฺฑสีมายํ ตฺวา อวิปฺปวาสสีมาติอาทีสุ มหาสีมา กิร ‘‘อวิปฺปวาสสีมา’’ติ วุตฺตา.

๑๔๖. ‘‘ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอติสฺสา สีมาย สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย สมุคฺฆาโต, โส ตุณฺหสฺสา’’ติ อนฺธกโปตฺถเก, สีหฬโปตฺถเกสุ จ เกสุจิ ปาโ อตฺถิ. เกสุจิ ‘‘สมุคฺฆาโต เอติสฺสา สีมายา’’ติ ปมํ ลิขนฺติ, เกสุจิ ‘‘เอติสฺสา สีมาย สมุคฺฆาโต’’ติ จ.

คามสีมาทิกถาวณฺณนา

๑๔๗. สา จาติ สา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนคามสีมา จ อิตรา จ. สา กตมาติ เจ? ‘‘ปกติคามา’’ติอาทิมาห. พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺตีติ สา จ โหติ อิตรา จ โหตีติ อธิปฺปาโย, ตสฺมาเยว ‘‘ติจีวรวิปฺปวาสปริหารํ ลภตี’’ติ เอกวจนํ กตํ, ตํ น ยุตฺตํ อุภินฺนมฺปิ คามตฺตาติ เอเก. ‘‘โหนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ จ พหุวจนมฺปิ กโรนฺตีติ. ‘‘สา จ อิตรา จา’’ติ วุตฺตา ‘‘มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทินฺนคามสีมา ปกติคามาทโย อภินฺนา’’ติ จ วทนฺติ. ‘‘ภิกฺขุวสตี’’ติ ปาโ, ‘‘วสนฺตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘อถสฺส ิโตกาสโต’’ติ วุตฺตตฺตา เอกวจนเมว ยุตฺตํ. สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมาติ กตรํ สีมํ ปฏิกฺขิปติ? พทฺธสีมํ, เอกาทสวิปตฺติสีมฺตรปฺปสงฺคโตติ อาจริยา. สเจ ปมํ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา นทิอาทโย โหนฺติ, ปฏิกฺเขโปติ ปสงฺโค อาปชฺชติ, ตสฺมา อพทฺธสีมเมว ปฏิกฺขิปติ. ยถา สพฺโพ คาโม คามสีมา, ตถา สพฺพา นที อสีมา. กินฺตุ ตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโน อุทกุกฺเขปสีมาติ สีมานานตฺตํ ทสฺเสตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปาติ ปน เอกิสฺสา นทิยา จตุวคฺคาทีนํ สงฺฆานํ วิสุํ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมกรณกาเล สีมาปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ติจีวเรน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสปริจฺเฉททสฺสนตฺถมฺปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉททสฺสนํ วิยาติ อาจริยา, ตสฺมา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทาภาเวปิ อนฺโตนทิยํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ.

อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ นาวาคโต เจ, นาวายํ วุตฺตนเยน. สตฺถคโต เจ, สตฺเถ วุตฺตนเยน. โส เจ อติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ, คาเม วุตฺตนเยน ติจีวราวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ อยํ วิเสโส – สเจ สตฺโถ อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต โหติ, อุทกุกฺเขปสีมาปมาณนฺติ เอเก. สตฺโถว ปมาณนฺติ อาจริยา. สเจ ปเนตฺถ พหู ภิกฺขูติอาทิมฺหิ เกจิ อธิฏฺานุโปสถํ, เกจิ คณุโปสถํ, เกจิ สงฺฆุโปสถนฺติ วตฺตุกามตาย ‘‘พหู สงฺฆา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ เอตฺถ สีมาสมฺเภทสมฺภวโตติ อุปติสฺสตฺเถโร. เปนฺเต หิ อูนกํ น เปตพฺพํ. ‘‘อเปตุมฺปิ วฏฺฏติ เอวา’’ติ วุตฺตํ. คจฺฉนฺติยา ปนาติ เอตฺถ ‘‘อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. อฺิสฺสา สีมาย ตฺตีติอาทิ กึ สีมโต กมฺมวิปตฺติภยา วุตฺตํ, อุทาหุ ปริสโตติ? เอกกมฺมสฺส นานาสีมาย อสมฺภวโต สีมโตติ. เอกกมฺมสฺส นานาสีมฏฺสงฺเฆน อสมฺภวโต ปริสโตติปิ เอเก. ‘‘สวนํ หาเปตี’’ติ วุตฺตโทสปฺปสงฺคโตติ โน ตกฺโก. เอกิสฺสา หิ สีมาย เอกํ กมฺมํ อนิฏฺเปนฺโต หาเปตีติ อาจริโย.

พหินทิตีเร ชาตรุกฺขสฺส อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขาย วาติ เอตฺถ จ นทิตีเร ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวาติ เอตฺถ จ สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตาติ เอตฺถ จ สีมาโสธนํ นาม คามสีมฏฺเ หตฺถปาสานยนํ. ขณฺฑสีมาย อุฏฺิตรุกฺขโต วิโยเชตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? ตีรฏฺเ รุกฺเข พทฺธนาวาย คาโม อาธาโรติ. ‘‘อุภโตภาเคน คามสีมํ ผุสิตฺวา ิตเสตุ ขณฺฑสีมามหาสีมาโย ผุสิตฺวา ิตรุกฺเขน อุปเมตพฺโพ’’ติ จ ลิขิตํ. ตตฺถ ปุริมนเย ตาว อิทํ วิจาเรตพฺพํ – ตาทิเส าเน กตกมฺมํ กึ นทิยํ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุทาหุ คามสีมายํ, อถ อุภยตฺถาติ? กิฺเจตฺถ ตํ เจ นทิยํ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุทกุกฺเขปสีมาว โสเธตพฺพา, น อิตรา. อถ คามสีมายํ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อุทกุกฺเขปสีมา น โสเธตพฺพา. ยทิ อุภยตฺถ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ทฺวีสุ สีมาสุ เอกกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชติ. ตโต ‘‘อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อนุสฺสาวนา โหตี’’ติ อิทฺจ ‘‘ขณฺฑสีมามหาสีมฏฺานํ กายสามคฺคิยา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทฺจานิฏฺํ อาปชฺชตีติ? เอตฺถ วุจฺจเต – ยถาวุตฺตํ กมฺมํ อุภยตฺถ กตสงฺขฺยํ คจฺฉติ, น จ ยถาวุตฺตํ อนิฏฺํ อาปชฺชติ. กสฺมา? ‘‘ตฺติอนุสฺสาวนานํ เอเกกสีมายํ ปวตฺตตฺตา, การกภิกฺขูนํ วา เอเกกสีมายํ ิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. อุภยตฺถาปิ าตุํ สกฺกุเณยฺยตาย ปน ตํ อการณํ. เอกีภาวํ อุปคตสีมฏฺาเน กตตฺตาติ อิทํ อจลการณํ. เอกีภาวํ อุปคตาสุ หิ ทฺวีสุ นทีคามสีมาสุ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ จ. สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ เจ นที โหติ, สมุทฺโท วา, ชาตสฺสโร วา. เตสุ ิตภิกฺขุ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ ิตสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. ตตฺถ เจ นทิอาทิลกฺขณํ อปฺปตฺโต ทีปโก, ปาสาโณ, รุกฺโข วา โหติ, สตฺตพฺภนฺตรสงฺขฺยํ คจฺฉติ. มนุสฺเสหิ วฬฺชนฏฺานํ เจ ตํ โหติ, คามเขตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉติ. กตรคามเขตฺตํ? ยโต มนุสฺสา สฺจรนฺติ, สพฺเพ เจ สฺจรนฺติ, วิสุํ คามเขตฺตสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ จ อาจริยา.

ปจฺฉิมนเย สเจ เสตุ นทีลกฺขณฏฺานํ อผุสิตฺวา ิโต, คามสีมาสงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตตฺถ เอโก เจ คาโม, ตํ โสเธตฺวา, ทฺวีสุ ตีเรสุ สเจ ทฺเว, ทฺเวปิ คาเม โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. เอวฺหิ กตํ อุภยตฺร กตํ โหติ. อิมินา นเยน ทฺวีสุ นทีสุ, ชาตสฺสเรสุ จ เอกกมฺมปสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อยํ ปน นโย ขณฺฑสีมามหาสีมานมฺปิ ลพฺภเตว. สเจ เสตุ นทีลกฺขณฏฺานํ ผุสิตฺวา ิโต, อุทกุกฺเขปสีมาปิ โสเธตพฺพา.

สีมานเมว เจกตฺตํ, เวหาสฏฺํ วินา คโต;

วิทิตฺวา เอกกมฺมสฺส, สีมโต อิทมาทิเส.

เอกสีมํ ทฺวิสีมํ วา, ติสีมํ จตุสีมกํ;

เอกกมฺมํ สิยา ตสฺส, โกโป ปริสโต สิยาติ.

อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – นทิยํ กโรนฺตานํ อุทกุกฺเขปโต พหิ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ อปฺปมาณํ. คาเม กโรนฺตานํ นทิยํ สมฺพนฺธรุกฺขสฺส อุทกุกฺเขปโต พหิ ิตภิกฺขุ อปฺปมาณํ, ตโต โอรํ ปมาณํ. พทฺธสีมาย สมฺพนฺธรุกฺขสฺส พทฺธสีมาย ิตภิกฺขุ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘สีมํ โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนมฺปิ ปาโรหาทีสุ วิย สกลสีมาโสธนเมว กาตพฺพนฺติ สาเธติ, วีมํสิตพฺพํ. อติวุฏฺิกาเล ปนาติ เอตฺถ อติวุฏฺิ นาม ยถา จาตุมาสิกายาติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา จตุมาสํ อติวุฏฺิเยว สเจ โหติ, สพฺโพปิ โอเฆน โอตฺถโฏกาโส นที เอว. อถ เอกิสฺสาปิ อติวุฏฺิยา โอโฆ จตุมาสํ ติฏฺติ, สนฺทติ วา, พหิตีเร ปติฏฺิตโอเฆน โอตฺถโฏกาโส สพฺโพปิ นที เอว. นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺายาติ ตเมว วา นทึ อฺํ วา อปุพฺพํ วา ปเทสํ อตฺตโน ปวตฺตวเสน นทิลกฺขณปฺปตฺตํ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวาติ จตุมาสปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อคมนปเถติ ตทหุ คตปจฺจาคตํ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยเก’’ติ ลิขิตํ. ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. กสฺมา? นทิยมฺปิ ตํโทสปฺปสงฺคโต. ติปุสกาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน กมลุปฺปลาทีนิปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. สพฺโพปิ อชาตสฺสโร โหติ, คามสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ เยหิ กตํ, เตสํ คามสีมาสงฺขฺยํ วา, สมนฺตโต ตีรฏฺคาเมหิ เจ กตํ, สพฺพคามสงฺขฺยํ วา, อฺเหิ คามเขตฺเตหิ อสมฺพนฺธฏฺานํ เจ, วิสุํคามสีมาสงฺขฺยํ วา คจฺฉตีติ อตฺโถ.

๑๔๘. สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อาสนฺนตฺตํ ทีเปติ, เตน ปเทสสมฺภินฺทนา อิธ สมฺเภโทติ ทีเปติ. โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมาสงฺกรํ กโรตีติ พทฺธสีมฏฺานปฺปเวสนวเสน ‘‘เอกเทสพทฺธสีมา’’ติ วตฺตพฺพโต สงฺกรโทโส โหติ. น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพาติ เอตฺถ ‘‘ปมํ พทฺธสีมาย ปจฺฉา อตฺตนา พนฺธิตพฺพสีมา น สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติ เอเก อธิปฺปายํ สํวณฺณยนฺติ. ปมํ สมฺมตสีมายํ สมฺเภทาภาวโต สฺวาธิปฺปาโย อชฺโฌตฺถรเณน ยุชฺชติ, ตสฺมา ปจฺฉา พนฺธิตพฺพสีมาย ปมํ พทฺธสีมา น สมฺภินฺทิตพฺพา. สกลํ วา เอกเทสโต วา นิมิตฺตานํ อนฺโตกรเณน ปมํ พทฺธสีมาย สีมนฺตริเก อกิตฺเตตฺวา สมฺมนฺนนโต หิ สมฺภินฺทติ นาม, ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา เอกเทสโต วา นิมิตฺตานํ อนฺโตกรเณน อชฺโฌตฺถรติ นาม, เตเนวาห ‘‘สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – ปมํ พทฺธสีมาย สีมนฺตริกํ ปจฺฉา พนฺธิตพฺพสีมาย นิมิตฺตภูตํ เปตฺวา ปจฺฉา สีมํ สมฺมนฺนิตุนฺติ. อิมา ทฺเวปิ วิปตฺติโย ภิกฺขุภิกฺขุนีสีมานํ อฺมฺํ น สมฺภวนฺติ. โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมาสงฺกรํ กโรตีติ เอตฺถ เกวลํ สีมาสงฺกรเมว กโรติ. ตสฺมึ กตกมฺมานิ น กุปฺปนฺตีติ เกจิ, ตํ นยุตฺตํ สาขาปาโรหเฉทนสีมาโสธนานํ วุตฺตตฺตา. อิทํ สพฺพํ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา ครุกุเล ปยิรุปาสิตฺวา คเหตพฺพยุตฺตกํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉฑฺเฑตพฺพํ.

อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา

๑๔๙. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อุโปสถา’’ติ ตทา สามคฺคีอุโปสถสฺส อนนุฺาตตฺตา วุตฺตํ. สามคฺคีอุโปสถสฺส ปุพฺพกิจฺเจ ‘‘อชฺชุโปสโถ สามคฺคี’’ติ วตฺตพฺพํ, น จ กมฺมวาจาย ภควตา ปโยโค ทสฺสิโต, ปาฬินยโต อฏฺกถาจริเยหิ อุทฺทิสิตพฺพกฺกโม ทสฺสิโต. ตถา ปฺจนฺนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสานํ อุทฺเทสกฺกโม สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. ตโย วา ทฺเว วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อธมฺเมน สมคฺคํ นาม โหตีติ เอตฺถ กามํ สงฺฆสฺส สามคฺคี นาม โหติ วคฺคกถาย ยถากมฺมํ สามคฺคีววตฺถานโต. ตถาปิ วคฺคปฏิปกฺขภาเวน สมคฺคํ, สมคฺคปฏิปกฺขภาเวน จ วคฺคํ นาม กตํ. อาเวณิกโต วา คณกมฺมาทิสมฺภวโต, ตสฺส จ สมคฺควคฺคภาวสมฺภวโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺเมน วคฺคนฺติ เอตฺถ ปาริสุทฺธิกรณํ ธมฺมิกํ, สงฺฆสฺเสว ฉนฺทาคมนํ, น คณสฺสาติ กตฺวา วคฺคํ นาม โหติ. ‘‘เอกวารํ กตํ สุกตํ, อาปตฺตึ ปน อาปชฺชติ, ปุน กาตุํ น ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปฺจสุ เอกสฺส ฉนฺทํ อาหริตฺวา จตูหิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ, ฉนฺทหารเก ภิกฺขูนํ สนฺติกํ ปตฺเต เตน สงฺโฆ ปโหติ, ตสฺมา ฉนฺโท สงฺฆปฺปตฺโต โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา

๑๕๐. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ…เป… ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’ติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’นฺติอาทินา นเยน อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เอวเมตํ ธารยามีติ สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหี’’ติ เอตฺถ ‘‘ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ วจนํ สํขิตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, เตเนว ขุทฺทกเปยฺยาลวเสน ลิขิตํ. เอวํ มาติกาฏฺกถายมฺปิ ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ วจนํ สํขิตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ เอเก. เกจิ ‘‘อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’นฺติ วุตฺเต นิทานุทฺเทโส นิฏฺิโต นาม โหติ, ตสฺมา อนาวิกโรนฺโต อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? ‘‘นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ นิฏฺานวจเนน หิ นิทานสฺส นิฏฺิตภาโว วุตฺโต, นิทานาวสาเน จ อาปตฺติ วุตฺตาติ. ‘‘สรภฺํ นาม สเรน ภณน’’นฺติ ลิขิตํ. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. ‘‘อาปุจฺฉามีติ วุตฺตมตฺเตน กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ตุณฺหีภาเว ยุชฺชติ. ‘‘อถาปิ ลาภาทินา อภิภูโต วาเรติ, ตํ น ปมาณ’’นฺติ วทนฺติ. เอเสว นโยติ กเถนฺโต ยทิ วิจฺฉินฺทติ, ปุน อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ.

อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิกถาวณฺณนา

๑๕๔. ‘‘เตสํ อนุปทฺทวตฺถายา’’ติ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ น กโรติ, อฺโปิ อุปทฺทโว พหูนํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกอชฺเฌสนาทิกถาวณฺณนา

๑๕๕. ‘‘เถราธิกํ ปาติโมกฺข’’นฺติ วตฺวาปิ ปจฺฉา อวิเสเสน ‘‘โย ตตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺย’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภนฺเต’’ติ วจนํ เถรสฺสาปิ อตฺถีติ สิทฺธํ โหติ. ‘‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา’’ติ วจนโต อสติปิ อนฺตราเย ถามํ ปมาณนฺติ สิทฺธํ โหติ.

ทิสํคมิกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๖๓. ‘‘สจสฺส สทฺธึจรา ภิกฺขุอุปฏฺากา อตฺถี’’ติ ปาโ. ‘‘อุตุวสฺเสติ อุตุสํวจฺฉเร เหมนฺตคิมฺเหสู’’ติ ลิขิตํ.

ปาริสุทฺธิทานกถาวณฺณนา

๑๖๔. ปาริสุทฺธึ ทมฺมีติ ‘‘สาปตฺติโก เถรานํ เทติ, สมฺปชานมุสาวาเท ทุกฺกฏํ สมฺภวตี’’ติ อาจริเยน ลิขิตํ. กึ นุ โข การณํ? สมฺปชานมุสาวาเทน ทุกฺกฏาปตฺติ นาม เกวลํ ภควตา วุตฺตตฺตา อกิริยสมุฏฺานา โหตีติ. ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมี’’ติ เอตฺถ ปน กิริยา ปฺายติ, ตสฺมา สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยํ วิย ทิสฺสติ, สุฏฺุ อุปปริกฺขิตพฺพํ. มหนฺตา หิ เต อาจริยา นาม. ตตฺถ ‘‘ทมฺมี’’ติ อตฺตโน อุโปสถกมฺมนิพฺพตฺตินิมิตฺตํ วุตฺตํ. ‘‘หรา’’ติ จ ‘‘อาโรเจหี’’ติ จ หารกสฺส อนาโรจนปจฺจยา ทุกฺกฏโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เอเสว นโย ฉนฺททาเนปิ. ตตฺถ ‘‘ทมฺมี’’ติ อตฺตโน จิตฺตสามคฺคิทีปนวจนํ, เสสํ วุตฺตนยเมว, เอวํ อุปติสฺสตฺเถโร วณฺเณติ. อถ วา ปมํ สมคฺคภาวํ สนฺธาย, ทุติยํ ปจฺฉา วิธาตพฺพภาวํ, ตติยํ ฉนฺทหารกสฺส ทุกฺกฏโมจนตฺถํ วุตฺตํ. อุภยตฺถาปิ ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต ปกฺกมตี’’ติอาทิวจนโต สงฺเฆ สมคฺเค เอว ฉนฺทปาริสุทฺธิทานํ รุหติ, นาสมคฺเคติ สิทฺธํ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต อุกฺขิตฺตโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติอาทิวจนโต อุกฺขิตฺตกาทีนมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิทานํ รุหตีติ สิทฺธํ, ตฺจ โข ปกตตฺตสฺาย, โน อฺถาติ ตกฺโก. ชานิตฺวา สามเณรสฺส ทินฺเน น ยาติ, อาปตฺติ จ, อชานิตฺวา ทินฺเน ยาติ จ, อนาปตฺตีติ เอเก. พิฬาลสงฺขลิกา นาม ปาริสุทฺธีติ เอตฺถ สงฺขลิกา นาม อนนฺตเรน สมฺพชฺฌติ, อฺเน จ สงฺขลิเกนาติ เกวลํ สงฺขลิกา ปาริสุทฺธิ นาม โหตีติ อุปติสฺสตฺเถโร. เอวํ สนฺเต วิเสสนํ นิรตฺถกํ โหติ. พิฬาลสงฺขลิกา พทฺธาว โหติ อนฺโตเคเห เอว สมฺปโยชนตฺตา. ยถา สา น กตฺถจิ คจฺฉติ, ตถา สาปิ น กตฺถจิ คจฺฉตีติ กิร อธิปฺปาโย.

ฉนฺททานาทิกถาวณฺณนา

๑๖๕-๗. ‘‘ฉนฺทํ ทตฺวา ขณฺฑสีมํ วา สีมนฺตริกํ วา พหิสีมํ วา คนฺตฺวา อาคโต ภิกฺขุ กมฺมํ น โกเปติ, ตสฺมา คมิกภิกฺขูนํ ฉนฺทํ คณฺหิตฺวา ขณฺฑสีมํ พนฺธิตฺวา ปุน วิหารสีมํ พนฺธิตุํ เตสํ ฉนฺทํ น คณฺหนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘มุหุตฺตํ เอกมนฺตํ โหถา’’ติอาทิวจนโต ยํ กิฺจิ ภิกฺขุกมฺมํ คหฏฺาทีสุ หตฺถปาสคเตสุ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. นิสฺสีมนฺติ พหิสีมํ. ตสฺส สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถีติ ตสฺมึ สติปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. อาสเนน สห อุทกนฺติ อตฺโถ. ปนฺนรโสปีติ อปิ-สทฺโท จาตุทฺทสึ สมฺปิณฺเฑติ, เตน วุตฺตํ มหาอฏฺกถายํ ‘‘ยทิ โน เอต’’นฺติ. ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ อธิฏฺานํ สทา น กิฺจิ, น อฺถาติ เอเก.

อาปตฺติปฏิกมฺมวิธิกถาทิวณฺณนา

๑๖๙-๑๗๐. ปฏิเทเสมีติ ยาย กายจิ ภาสาย วุตฺเต เทสนา จ ปฏิคฺคโห จ โหติเยว ทิฏฺาวิกมฺเมน วิสุทฺธิยา วุตฺตตฺตาติ เกจิ. เวมติเกน ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกิสฺสา ถุลฺลจฺจยาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวํ กเต ยาว นิพฺเพมติโก น โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ, อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพํ. น จาติ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถีติ. ตถา อิโต วุฏฺหิตฺวา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามีติ เอตฺถ จ สกลสงฺเฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺเน, เวมติเก จ. ตถา จ ‘‘สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ยทา สุทฺธํ ปสฺสิสฺสตี’’ติ, ‘‘ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’ติ วตฺวา ‘อุโปสถํ กาตุํ ลภตี’’ติ จ ลิขิตํ.

อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา

๑๗๒-๓. ‘‘อตฺถฺเ’’ติ ปุพฺพวาเร, ‘‘อถฺเ’’ติ ปจฺฉาวาเร ปาโ. สีมํ โอกฺกนฺเต วา โอกฺกมนฺเต วา ปสฺสนฺติ. ธมฺมสฺิโน ปน อฺาเณน โหนฺติ. ‘‘เวมติกปนฺนรสกํ อุตฺตานเมวา’’ติ ปาโ.

สีโมกฺกนฺติกเปยฺยาลกถาวณฺณนา

๑๗๘. ‘‘น อกามา ทาตพฺพา’’ติวจนโต อิจฺฉาย สติ ทาตพฺพาติ สิทฺธํ.

ลิงฺคาทิทสฺสนกถาวณฺณนา

๑๘๐. นาภิวิตรนฺตีติ เอตฺถ ลทฺธินานาสํวาสกา กิร เต. กมฺมนานาสํวาสกฺหิ ทิฏฺึ ปฏินิสฺสชฺชาเปตฺวา ตสฺส โอสารณกมฺมํ กาตพฺพํ. เอวฺหิ กเต เตน สทฺธึ อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. อิตเรน ลทฺธินิสฺสชฺชนมตฺเตน กาตุนฺติ วุตฺตํ. อาปตฺติยา อทสฺสเน อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตกฺจ ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตกฺจ ชานิตฺวา เตน สทฺธึ กโรนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, ตสฺมา อิเม อุกฺขิตฺตานุวตฺตกาติ เวทิตพฺพาติ เอเก.

นคนฺตพฺพคนฺตพฺพวารกถาวณฺณนา

๑๘๑. น คนฺตพฺโพติ กึ สนฺธาย? ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วจนโต ยสฺมึ วิหาเร สตํ ภิกฺขู วิหรนฺติ, เต สพฺเพ เกนจิเทว กรณีเยน ทส ทส หุตฺวา วิสุํ วิสุํ นานาอุทกุกฺเขปสีมาทีสุ ตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภนฺติ. นวกมฺมสาลาทิกา นานาสีมาโกฏิ อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. ครุกํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วิสฺสชฺชิตฺวา ลหุกสฺส อกตฺตพฺพตฺตา ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วจนํ สาเธติ. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ อาวาเส อุโปสถการกา …เป… อกตฺวา น คนฺตพฺโพ’’ติ วจนโต วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ‘‘ตโต ปาริสุทฺธิอุโปสถกรณตฺถํ วิสฺสฏฺอุโปสถา คนฺตุํ วฏฺฏติ, ขณฺฑสีมํ วา ปวิสิตุนฺติ อปเร วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโยติ ‘‘อตฺตโน อุโปสถนฺตราโย’’ติ ลิขิตํ.

วชฺชนียปุคฺคลสนฺทสฺสนกถาวณฺณนา

๑๘๓. ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส นิสินฺนปริสาย กลหาทิภเยน นาหํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. อฺกมฺเม ตสฺส นิสินฺนปริสาย อาปตฺติ นตฺถีติ เอเก. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) วจนโต สามคฺคีทิวโส อนุโปสถทิวโสติ อตฺถโต วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อุโปสถา’’ติ วุตฺตวจนวเสเนตํ วุตฺตํ, อฺถา ปริวารปาฬิยา วิรุชฺฌตีติ อาจริยา. จาตุทฺทสิยํ, ปนฺนรสิยํ วา เจ สงฺโฆ สมคฺโค โหติ, ‘‘อชฺชุโปสโถ สามคฺคี’’ติ อวตฺวา ปกตินีหาเรเนว กตฺตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ ยถาเทสนา กตาติ โน ตกฺโก. อฺถา ยถาวุตฺตทฺวเย เจ สามคฺคี โหติ, ตตฺถ อุโปสถํ อกตฺวา อนุโปสถทิวเส เอว สามคฺคีอุโปสโถ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ. อฺถา ปุพฺเพ ปฏิสิทฺธตฺตา อิทานิ ปฏิเสธนกิจฺจํ นตฺถิ. ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวสิกํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๖) ปุพฺเพ หิ วุตฺตํ. อถ วา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติ จ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อุโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๙) จ ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ตโต อฺสฺมึ ทิวเส อุโปสโถ น กาตพฺโพติ อตฺถโต อาปนฺนํ อนิฏฺํ, สติ สงฺฆสามคฺคิยา อฺโ ทิวโส ปกติวเสน อนุโปสโถปิ อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ ทสฺสนวเสน นิวาเรตุมฺปิ เอวํเทสนา กตาติ เวทิตพฺพา.

อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา

วสฺสูปนายิกานุชานนกถาวณฺณนา

๑๘๔. มหาอฏฺกถายมฺปิ ‘‘สงฺกาสยิสฺสนฺตี’’ติ ปาโ, ทีปวาสิโน ‘‘สงฺกาปยิสฺสนฺตี’’ติ ปนฺติ กิร. ‘‘กติ นุ โข วสฺสูปนายิกา’’ติ จินฺตายํ ‘‘กึ นิมิตฺต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติ ยํ วสฺสูปคมนํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วตฺวา อุปคนฺตพฺพํ. วสฺสานมาสา จ จตฺตาโร. ตตฺถ ปมํ เตมาสํ, ปจฺฉิมํ เตมาสนฺติ ทุวิธํ เตมาสํ. เตนายํ เตสํ ภิกฺขูนํ จินฺตา อโหสิ.

วสฺสาเนจาริกาปฏิกฺเขปาทิกถาวณฺณนา

๑๘๕. อนเปกฺขคมเนน วา อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาปเนน วา อาปตฺติ เวทิตพฺพาติ เอตฺถ ปมํ ตาว โส สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ. ‘‘อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺย, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต โอรํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘โส ตทเหว อกรณีโย ปกฺกมติ, สกรณีโย ปกฺกมติ, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตํ.

สตฺตาหกรณียานุชานนกถาวณฺณนา

๑๘๗-๘. ทุติยํ ปน ‘‘โส ตํ สตฺตาหํ พหิทฺธา วีตินาเมติ, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต สตฺตาหโต ปรํ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘โส ตํ สตฺตาหํ อนฺโต สนฺนิวตฺตํ กโรติ, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตํ. สติปิ การณทฺวเย วสฺสจฺเฉทการณาภาเว อาปตฺติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา ตีณิปิ เอตานิ วจนานิ ยถาสมฺภวํ โยชิตานิ วิคฺคหานิ โหนฺติ. ตีณิ ปริหีนานีติ ตาสํ นตฺถิตาย.

ปหิเตเยวอนุชานนกถาวณฺณนา

๑๙๙. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, สงฺฆกรณีเยน คนฺตุํ, สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพ’’ติ วจนโต อนฺโตวสฺเส สํหาริกภาเวน คนฺตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ธมฺมฉนฺทวเสนปิ อาคเต สงฺฆสฺส อายมุขํ วินสฺสติ. ตโต ‘‘เสนาสนานิ กตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ. อาคตนฺติ อาคมนํ. ภาเวตฺถ ตปจฺจโยยํ. สงฺฆกรณีเยน คนฺตุนฺติ เอตฺถ ‘‘เสนาสนปฏิสํยุตฺเตสุ เอว สงฺฆกรณีเยสุ, น อฺเสู’’ติ ธมฺมสิริตฺเถโร วทติ กิร. อฏฺกถายมฺปิ ตํ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ อุโปสถาคาราทีสุ เสนาสเนสู’’ติอาทินา เสนาสนเมว ทสฺสิตํ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ.

อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ตสฺส รตฺติจฺเฉโท จ ทุกฺกฏาปตฺติ จ โหติ, ตํ ‘‘วสฺสจฺเฉโท’’ติ จ วทนฺติ. นิมนฺติโตเยว นาม โหตีติ เอตฺถ อุปาสเกหิ ‘‘อิมสฺมึ นาม ทิวเส ทานาทีนิ กโรม, สพฺเพ สนฺนิปตนฺตู’’ติ กตายปิ กติกาย คนฺตุํ วฏฺฏติ. ปวารณาย นวมิโต ปฏฺาย ปํสุกูลิกจีวรํ ปริเยสิตุํ กาวีรปฏฺฏเน วิย สพฺเพสํ คนฺตุํ วฏฺฏติ อนุสํวจฺฉรํ นิยมโต อุปาสเกหิ สชฺชิตฺวา ปนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆน วา กติกา กตา ‘สมนฺตา ภิกฺขู คจฺฉนฺตู’ติ, โฆสนํ วา กตํ อุปาสเกหิ, ตตฺถ คจฺฉนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท นตฺถีติ ตถา ‘อนุสํวจฺฉรํ อาคจฺฉนฺตู’ติ สกึ นิมนฺติเตปิ วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘จีวรกาลโต ปฏฺาย นิยมํ กตฺวา สมนฺตโต อาคตานํ สชฺเชตฺวา ทานโต กาวีรปฏฺฏเน โฆเสตฺวา กรณากาโร ปฺายตีติ อปเร’’ติ จ. อาจริยา ปน เอวํ น วทนฺติ.

อนฺตราเยอนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถาวณฺณนา

๒๐๑. ‘‘สเจ ทูรํ คโต โหติ, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วจนโต ‘ยสฺมึ อนฺตราเย สติ วสฺสจฺเฉทํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมึ อนฺตราเยว วสฺสจฺเฉทมกตฺวา สตฺตาหกรณีเยน วีตินาเมตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. วินยธรา ปน น อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ‘‘สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อิทํ ตตฺรุปฺปาทาทินิมิตฺตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สนฺธาย ‘‘อาจริยา ปน เอวํ น วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. คาวุํ วาติ พลิพทฺธํ วา. พหิสีมาย ิตานนฺติ เตหิ ขณฺฑสีมาย ิเตหิปีติ อุปติสฺสตฺเถโร. วสฺสจฺเฉเท อสฺส วสฺสจฺเฉทสฺส. วิหารา อฺตฺถ วุฏฺาเปนฺเตหิ ตตฺเถว สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ นาม ปเทเส อิมํ วิหารํ เนตฺวา วุฏฺาเปมา’’ติ อนุสฺสาเวตฺวาว กาตพฺพนฺติ.

วชาทีสุวสฺสูปคมนกถาวณฺณนา

๒๐๓. วเชน สทฺธึ คตสฺส วสฺสจฺเฉเท อนาปตฺตีติ วสฺสจฺเฉโท น โหตีติ กิร อธิปฺปาโย. สตฺถสฺส อวิหารตฺตา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพํ. ‘‘สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาส’นฺติ วา ‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’ติ วา น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺเตเนว วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. ตํ ปน อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมีติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อฏฺกถาวจนมฺปิ ปุพฺพาปรํ วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. สตฺโถ ทุวิโธ ิโต, สฺจาโรติ. ตตฺถ ิเต กุฏิกาย ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วตฺวา วสิตพฺพํ. อิทฺหิ สนฺธาย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺเถ วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ, สฺจาริมฺหิ ปน สตฺเถ กุฏิกาย อภาวโต วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ. สติ สิวิกาย วา สกฏกุฏิกาย วา วฏฺฏติ, ตถา วเชปิ. ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺติ.

ปวาเรตุฺจ ลภตีติ เอตฺถายํ วิจารณา – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน วโช, เตน คนฺตุ’’นฺติ อิทํ กึ วสฺสรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ, อุทาหุ วสฺสจฺเฉทาปตฺติรกฺขณตฺถนฺติ? กิฺเจตฺถ ยทิ วสฺสรกฺขณตฺถํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ อิทํ วิรุชฺฌติ. อถ วสฺสจฺเฉทาปตฺติรกฺขณตฺถํ วุตฺตนฺติ สิทฺธํ น โส ปวาเรตุํ ลภตีติ, กา ปเนตฺถ ยุตฺติ? ยโต อยเมว ติวิโธ ปวาเรตุํ ลภติ, เนตโร. วาเฬหิ อุพฺพาฬฺหาทิโก หิ อุปคตฏฺานาปริจฺจาคา ลภติ. ปริจฺจาคา น ลภตีติ อยเมตฺถ ยุตฺติ. เยน คาโม, ตตฺถ คโตปิ ปวาเรตุํ ลภตีติ เอเกนาติ อาจริโย. โย หิ ปุพฺเพ ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ น อุปคโต, ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อุปคโต, โส จ ปริจฺจตฺโต. อฺถา วินา วิหาเรน เกวลํ คามํ สนฺธาย ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ อุปคนฺตุํ วฏฺฏตีติ. อาปชฺชตูติ เจ? น, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วเช สตฺเถ นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติ วจนํ วิย ‘‘คาเม อุปคนฺตุ’’นฺติ วจนาภาวโต. ยสฺมา ‘‘ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตี’’ติ วจนํ ตตฺถ วสฺสูปคมนํ อตฺถีติ ทีเปติ ตทภาเว เฉทาภาวา, ตสฺมา ‘‘สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ กุฏิยา อภาวกาลํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สิทฺธํ. ตีสุ าเนสุ ภิกฺขุโน นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ ‘‘เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ, วิรุชฺฌิตฺวา คมเน อาปตฺติ จ, ปวาเรตุฺจ น ลภตี’’ติ ลิขิตํ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘อถ สตฺโถ อนฺโตวสฺเสเยว ภิกฺขุนา ปตฺถิตฏฺานํ ปตฺวา อติกฺกมติ…เป… อนฺตรา เอกสฺมึ คาเม ติฏฺติ วา วิปฺปกิรติ วา’’ติอาทิ, ตํ เอตฺตาวตา วิรุชฺฌิตฺวา คตานมฺปิ วิรุชฺฌิตฺวา คมนํ น โหติ, ตสฺมา ปวาเรตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘ปทรจฺฉทนํ กุฏึ กตฺวา อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ วจนโต เสนาสนตฺถาย รุกฺขํ อารุหิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ, น ปาฬิวิโรธโตติ เจ? น, ตปฺปฏิกฺเขเปเนว สิทฺธตฺตา, อิมสฺส อิธ ปุนปิ ปฏิกฺเขปนโต. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ อิมินา ปฏิกฺเขเปน สิทฺเธ ‘‘น, ภิกฺขเว, อชฺโฌกาเส วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺเขโป วิย สิยาติ เจ? น, อชฺโฌกาสสฺส อเสนาสนภาวานุมติปฺปสงฺคโต. อชฺโฌกาโส หิ ‘‘อชฺโฌกาเส ปลาลปุฺเช’’ติ วจนโต เสนาสนนฺติ สิทฺธํ. จตุสาลอชฺโฌกาเส วสนฺโตปิ ‘‘จตุสาลาย วสตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตตฺถ วฏฺฏตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อิธ อเสนาสนิโก นาม อตฺตนา วา ปเรน วา อตฺตโน นิพทฺธวาสตฺถํ อปาปิตเสนาสนิโกติ เวทิตพฺพํ. อฺถา ทฺวินฺนํ ปฏิกฺเขปานํ อฺตราติเรกตา จ รุกฺขมูเลปิ นิพฺพโกเสปิ วสฺสํ อุปคนฺตุํ วฏฺฏตีติ จ, อปาปิตเสนาสนิเกนาปิ คพฺเภ วสิตุํ วฏฺฏตีติ จ อาปชฺชติ, สทฺวารพนฺธเมว เสนาสนํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? นิทานโต. อยฺหิ อเสนาสนิกวสฺสูปคมนาปตฺติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อเสนาสนิกา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ, สีเตนปิ อุณฺเหนปิ กิลมนฺตี’’ติ อิมสฺมึ นิทาเน ปฺตฺตา, ตสฺมา สีตาทิปฏิกฺเขปเมว อิธ เสนาสนนฺติ อธิปฺเปตพฺพนฺติ สิทฺธํ. เอวํ สนฺเต สิทฺธํ ปุพฺพปกฺขนิทสฺสนนฺติ เจ? น, ปุพฺเพ อปรตฺถปวตฺติสูจนโต. ทุติยชฺฌานนิทฺเทเส ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ม. นิ. ๑.๒๗๑) วจนานิ นิทสฺสนํ. อชฺโฌกาสปฏิกฺเขปนิทาเนน พหิอชฺโฌกาโสว ปฏิกฺขิตฺโต, น จตุสาลาทิมชฺฌคโต อชฺโฌกาโสติ อาปชฺชติ, ตสฺมา น นิทานํ ปมาณนฺติ เจ? น, นิยมโต. กิฺจิ หิ สิกฺขาปทํ นิทานาเปกฺขํ โหตีติ สาธิตเมตํ. อิทํ สาเปกฺขํ, อิทํ อนเปกฺขนฺติ กถํ ปฺายติ, น หิ เอตฺถ อุภโตวิภงฺเค วิย สิกฺขาปทานํ ปทภาชนํ, อนาปตฺติวาโร วา อตฺถีติ? อิธาปิ เทสนาวิธานโต ปฺายติ. ‘‘เทเว วสฺสนฺเต รุกฺขมูลมฺปิ นิพฺพโกสมฺปิ อุปธาวนฺตี’’ติ หิ อิเมหิ ทฺวีหิ นิทานวจเนหิ พหิ วา อนฺโต วา สพฺพํ โอวสฺสกฏฺานํ อิธ อชฺโฌกาโส นาม. อโนวสฺสกฏฺานมฺปิ อนิพฺพโกสเมว อิธ อิจฺฉิตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. เตน น อุปคนฺตพฺพนฺติ น อาลยกรณปฏิกฺเขโป, ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจนปฏิกฺเขโป. ฉวสรีรํ ทหิตฺวา ฉาริกาย, อฏฺิกานฺจ อตฺถาย กุฏิกา กรียตีติ อนฺธกฏฺกถาวจนํ. ‘‘ฏงฺกิตมฺโจติ กสิกุฏิกาปาสาณฆร’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อกวาฏพทฺธเสนาสเน อตฺตโน ปาปิเต สภาคฏฺาเน สกวาฏพทฺเธ วสติ เจ, วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ปโยโคปิ อตฺถิ, ‘‘อเสนาสนิเกน วสฺสํ น อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ปาฬิอฏฺกถา จ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ.

อธมฺมิกกติกาทิกถาวณฺณนา

๒๐๕. มหาวิภงฺเค วุตฺตนฺติ เอตฺถ อยํ อนฺธกฏฺกถาวจนํ อูนปนฺนรสวสฺเสน สามเณเรน อิธ วิหาเร น วตฺถพฺพา, น ปํสุกูลํ อาหิณฺฑิตพฺพํ, น โจฬภิกฺขา คเหตพฺพา, น อฺวิหาเร ภุฺชิตพฺพํ, น อฺสฺส ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา สนฺตกํ ภุฺชิตพฺพํ, อฺมฺํ เนว อาลเปยฺยาม น สลฺลเปยฺยาม, น สชฺฌายิตพฺพํ, มตฺติกาปตฺเตน วฏฺฏติ, น อปริปุณฺณปริกฺขารสฺส วาโสติ.

๒๐๖. มุสาวาโทติ วิสํวาโท อธิปฺเปโต. เกจิ ‘‘วิสํวาทนวเสน ปฏิสฺสุณิตฺวาติ วุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘รฺโ วุตฺตวจนานุรูปโต มุสาวาโทติ คหฏฺา คณฺหนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ จ วทนฺติ.

๒๐๗. ‘‘ปุริมิกา จ น ปฺายติ. กสฺมา? ‘ทุติเย วสามี’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ปมเสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ปุน ‘ปเม เอว วสามี’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ทุติโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อุภยาวาเส วิธานํ นตฺถี’’ติ ลิขิตํ. โปราณคณฺิปเท ปน ‘‘ปมํ คหิตฏฺาเน อวสิตฺวา อฺสฺมึ วิหาเร เสนาสนํ คเหตฺวา ทฺวีหตีหํ วสติ, ตโต ปมคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ปุริมิกา จ น ปฺายติ. ปจฺฉิมคฺคาโห น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อิทฺหิ ทิวสวเสน ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ นาม โหติ. อถ ปจฺฉิมํ เตมาสํ อฺสฺมึ วสติ, ปุริมิกา จ น ปฺายติ, อิทํ เสนาสนคฺคาหานํ วเสน ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. อุโภเปเต อตฺถวิกปฺปา อิธ นาธิปฺเปตา. ยตฺถายํ ปฏิสฺสุโต, ตตฺถ ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. กตฺถ ปน ปุริมิกา ปฺายตีติ? อนฺตรามคฺเค ทฺวีสุ อาวาเสสุ ยตฺถ ตทเหว ปจฺฉิมคฺคาโห, ตตฺถ ปมํ คหิตฏฺาเน สตฺตาหกรณีเยน คจฺฉโต น วสฺสจฺเฉโท, โส ตทเหว อกรณีโย ปกฺกมตีติอาทิมฺหิ ‘‘กรณียํ นาม สตฺตาหกรณีย’’นฺติ ลิขิตํ.

ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉเย ‘‘ธมฺมสฺสวนาที’’ติ วุตฺตํ. อาทิมฺหิ จตูสุ วาเรสุ นิรเปกฺขปกฺกมนสฺสาธิปฺเปตตฺตา ‘‘สตฺตาหกรณีเยนา’’ติ น วุตฺตํ ตสฺมึ สติ นิรเปกฺขคมนาภาวโต. ตตฺถ ปุริมา ทฺเว วารา วสฺสํ อนุปคตสฺส วเสน วุตฺตา, ตสฺมา อุปคตสฺส ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา อนฺโตสตฺตาหํ อาคจฺฉโต น วสฺสจฺเฉโทติ สิทฺธํ. ปจฺฉิมา ทฺเว วารา อุปคตสฺส นิรเปกฺขคมนวเสน วุตฺตา, ‘‘สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ ตโต พหิทฺธา สตฺตาหํ วีตินาเมนฺตสฺส วสฺสจฺเฉโทติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วจนาภาวา วินา รตฺติจฺเฉทการเณน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ปวาเรตฺวา ปน คนฺตุํ วฏฺฏติ ปวารณาย ตํทิวสสนฺนิสฺสิตตฺตา. ตตฺถ น วา อาคจฺเฉยฺยาติ อนฺตราเยน. อาจริโย ปน ‘‘น ปุน อิธาคจฺฉามี’ติ นิรเปกฺโขปิ สกรณีโยว คนฺตุํ ลภตีติ ทสฺสนตฺถํ อกรณีโย’ติ น วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘สีหฬทีเป กิร จูฬปวารณา นาม อตฺถิ, ตํ ปวารณํ กตฺวา ยถาสุขํ สกรณียา คจฺฉนฺติ, ปโยคฺจ ทสฺเสนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺถ ฉ อรุณา อนฺโตวสฺเส โหนฺติ, เอโก พหิ, ตสฺมา โส เตมาสํ วุตฺโถ โหตีติ อปเร’’ติ จ, ‘‘อาจริโย เอวํ น วทตี’’ติ จ วุตฺตํ. สพฺพตฺถ วิหารํ อุเปตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตคพฺภํ อุเปตีติ โปราณา. อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ เอตฺถ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาส’’นฺติ อวจเนน. ‘‘อฏฺกถายํ วุตฺตรตฺติจฺเฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามีติ คจฺฉโตปิ วสฺสจฺเฉท’’นฺติ ลิขิตํ.

๒๐๘. ปฏิสฺสุโต โหติ ปจฺฉิมิกายาติ อนฺตรา ปพฺพชิตภิกฺขุนา, ฉินฺนวสฺเสน วา ปฏิสฺสุโต, อฺเน ปน ปุริมํ อนุปคนฺตฺวา ปจฺฉิมิกายํ ปฏิสฺสโว น กาตพฺโพ. รตฺติจฺเฉเท สพฺพตฺถ วสฺสจฺเฉโทติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา วทนฺติ. เกจิ ปน น อิจฺฉนฺติ. ตํ สาเธตุํ อเนกธา ปปฺเจนฺติ. กึ เตน.

วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปวารณากฺขนฺธกวณฺณนา

อผาสุกวิหารกถาวณฺณนา

๒๑๐. ‘‘สงฺฆํ อาวุโส ปวาเรมี’’ติ วุตฺตตฺตา ปจฺฉาปิ ‘‘วทตุ มํ สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ วิย ทิสฺสติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา อหํ สงฺฆํ ปวาเรมิ, ตสฺมา ตตฺถ ปริยาปนฺนา เถรา, มชฺฌิมา, นวา วา อวิเสเสนายสฺมนฺโต สพฺเพปิ มํ วทนฺตูติ.

ปวารณาเภทวณฺณนา

๒๑๒. ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ปวารณาติ เอตฺถ ตาทิเส กิจฺเจ สติ ยตฺถ กตฺถจิ ปวาเรตุํ วฏฺฏติ. เตเนว มหาวิหาเร ภิกฺขู จาตุทฺทสิยํ ปวาเรตฺวา ปนฺนรสิยํ กายสามคฺคึ อิทานิปิ เทนฺติ. เจติยคิริ มหาทสฺสนตฺถมฺปิ อฏฺมิยํ คจฺฉนฺติ, ตมฺปิ จาตุทฺทสิยํ ปวาเรตุกามานํเยว โหติ. ‘‘สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อนาปตฺตีติ วจนโต อิทํ อาจิณฺณ’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอกสฺส วุตฺตทุกฺกฏํ, ตสฺเสว วุตฺตํ ปุพฺพกิจฺจฺจ สงฺฆคณานมฺปิ เนตพฺพํ.

ปวารณาทานานุชานนกถาวณฺณนา

๒๑๓. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณาทายเกน.

อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา

‘‘ตสฺสา จ ปวารณาย อาโรจิตาย สงฺเฆน จ ปวาริเต สพฺเพสํ สุปฺปวาริตํ โหตีติ วจนโต เกวลํ ปวารณาย ปวารณาทายโกปิ ปวาริโตว โหตี’’ติ วทนฺตีติ.

๒๒๒. อวุฏฺิตาย ปริสายาติ ปวาเรตฺวา ปจฺฉา อฺมฺํ กเถนฺติยา. เอกจฺจาย วุฏฺิตายาติ เอกจฺเจสุ ยถานิสินฺเนสุ เอกจฺเจสุ สกสกฏฺานํ คเตสุ. ปุน ปวาเรตพฺพนฺติ ปุนปิ สพฺเพหิ สมาคนฺตฺวา ปวาเรตพฺพํ. อาคจฺฉนฺติ สมสมา, เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพนฺติ ‘‘คเต อนาเนตฺวา นิสินฺนานํเยว สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, อุโปสถกฺขนฺธเกปิ เอเสว นโย’’ติ ลิขิตํ. สพฺพาย วุฏฺิตาย ปริสาย อาคจฺฉนฺติ สมสมา, เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพนฺติ ‘‘ยทิ สพฺเพ วุฏฺหิตฺวา คตา, สนฺนิปาเตตุฺจ น สกฺกา, เอกจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปวาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. กสฺมา? ตฺตึ เปตฺวา กตฺตพฺพสงฺฆกมฺมาภาวา วคฺคํ น โหติ กิร. เอตฺถ ปน เอกจฺเจสุ คเตสุปิ สพฺเพสุ คเตสุปิ สพฺเพ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตฺตึ อฏฺเปตฺวา เกวลํ ปวาเรตพฺพํ. เอกจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมี’’ติ วจนโต. สพฺเพปิ หิ สนฺนิปติตา ปจฺฉา ทิฏฺํ วา สุตํ วา ปริสงฺกิตํ วา วตฺตาโร โหนฺติ. อนาคตานํ อตฺถิภาวํ ตฺวาปิ เอกจฺจานํ สนฺติเก ปวารณาวจนํ วิย โหติ. สมฺมุขีภูเต จตฺตาโร สนฺนิปาตาเปตฺวา นิสฺสคฺคิยํ อาปนฺนจีวราทินิสฺสชฺชนํ วิย ปวารณา น โหติ สพฺพายตฺตตฺตา. ‘‘สมคฺคานํ ปวารณา ปฺตฺตา’’ติ วจนฺเจตฺถ สาธกํ. ‘‘อิโต อฺถา น วฏฺฏติ อฏฺกถายํ อนนุฺาตตฺตา’’ติ อุปติสฺสตฺเถโร วทติ. ‘‘โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ ตฺตึ อฏฺเปตฺวาวา’’ติ วุตฺตํ. อาคนฺตุกา นาม นวมิโต ปฏฺายาคตา วา วชสตฺถนาวาสุ วุตฺถวสฺสา วา โหนฺติ.

๒๓๗. ‘‘ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ ตถาคโตติอาที’’ติ ลิขิตํ. ‘‘นตฺถิ ทินฺนนฺติอาที’’ติ วุตฺตํ.

๒๓๙. ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา ชานิสฺสามาติ เตน สห ปวาเรตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ.

ปวารณากฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา

โสณโกฬิวิสวตฺถุกถาวณฺณนา

๒๔๒. อสีติยา …เป… กาเรตีติ ‘‘อสีติ คามิกสหสฺสานิ สนฺนิปาตาเปตฺวา’’ติ อิมสฺส การณวจนํ. ตตฺถ ‘‘คามานํ อสีติยา สหสฺเสสู’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อสีติยา คามสหสฺเสสู’’ติ วุตฺตํ. คามปฺปมุขา คามิกา, เตสํ สหสฺสานิ. ‘‘กมฺมจิตฺตีกตานี’’ติ อุปจาเรน วุตฺตํ. กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาเน หิ เตสํ อฺชนวณฺณภาโว. ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เกนจิเทวา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ เอวํ-สทฺโท โอปมฺเม ปวตฺตติ. เอวมุปมาโนปเทสปุจฺฉาวธารณปฏิฺาตโอปมฺเม. ปุรโต เปกฺขมานานนฺติ อนาทรตฺเถ สามิวจนํ. ตโต ปน ภควโต คนฺธกุฏิยา กวาฏํ สุพทฺธํ ปสฺสิตฺวา อิจฺฉิตาการกุสลตาย อิทฺธิยา คนฺตฺวา กุฏึ ปวิสิตฺวา อาโรเจสิ. วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารสฺส วฑฺฒมานจฺฉายายํ. ‘‘อโห นูนาติ อโห มหนฺโต’’ติ ลิขิตํ. ภควโต สมฺพหุเลหิ สทฺธึ อาหิณฺฑนํ อายสฺมโต โสณสฺส วีริยารมฺภนิทสฺสเนน อนารทฺธวีริยานํ อุตฺเตชนตฺถํ, เอวํ สุขุมาลานํ ปาทรกฺขณตฺถํ อุปาหนา อนุฺาตาติ ทสฺสนตฺถฺจ.

โสณสฺสปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๒๔๓. ตตฺถ จ นิมิตฺตํ คณฺหาหีติ เตสํ อินฺทฺริยานํ อาการํ อุปลกฺเขหิ.

๒๔๔. อธิมุตฺโต โหตีติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิโต โหติ. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติอาทีหิ นิพฺพานํ, อรหตฺตฺจ วุตฺตํ. ‘‘ตฺหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺขนฺตตฺตา ‘เนกฺขมฺม’นฺติ จ เคหโต ปวิวิตฺตตฺตา ‘ปวิเวโก’ติ จ พฺยาปชฺชาภาวโต ‘อพฺยาปชฺช’นฺติ จ อรหตฺตํ อุปาทานสฺส ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ‘อุปาทานกฺขโย’ติ จ ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ‘ตณฺหกฺขโย’ติ จ สมฺโมหาภาวโต ‘อสมฺโมโห’ติ จ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. สพฺเพหิ อรหตฺตํ วุตฺตนฺติ เกจิ. สิยา โข เอวมสฺสาติ กทาจิ เอวมสฺส, อสฺส วา อายสฺมโต เอวํ สิยา. ปจฺจาคจฺฉนฺโต ชานนฺโต. กรณียมตฺตานนฺติ อตฺตโน. โส เอว วา ปาโ. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติ อิมสฺมึเยว อรหตฺตํ กถิตํ. เสเสสุ นิพฺพานนฺติ เกจิ. อสมฺโมหาธิมุตฺโตติ เอตฺเถว นิพฺพานํ. เสเสสุ อรหตฺตนฺติ เกจิ. ‘‘สพฺเพสฺเวเวเตสุ อุภยมฺปี’’ติ วทนฺติ. ปวิเวกฺจ เจตโส, อธิมุตฺตสฺส, อุปาทานกฺขยสฺส จาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. อายตนานํ อุปฺปาทฺจ วยฺจ ทิสฺวา.

สพฺพนีลิกาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๔๖. ‘‘รฺชนโจฬเกน ปุฺฉิตฺวา’’ติ ปาโ. ‘‘ขลฺลกาทีนิ อปเนตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา ทฺเว ตีณิ ฉิทฺทานิ กตฺวา วฬฺเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺตานํ วาโท น คเหตพฺโพ.

ยานาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๕๔. ‘‘จตุรงฺคุลาธิกานี’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรงฺคุลโต เหฏฺา วฏฺฏตีติ เอเก. อุภโตโลหิตกูปธานนฺติ เอตฺถ ‘‘กาสาวํ ปน วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ.

สพฺพจมฺมปฏิกฺเขปาทิกถาวณฺณนา

๒๕๕. กิสฺส ตฺยายนฺติ กิสฺส เต อยํ.

๒๕๖. คิหิวิกตนฺติ คิหีนํ อตฺถาย กตํ. ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ นิสีทิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพโต อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ‘‘ตตฺถ ปน สุตฺตนฺติกเทสนาย คหฏฺาทีนมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ เปตฺวา ‘ตูลิกํ…เป… วฏฺฏนฺตี’ติ วุตฺตํ วิย ขายตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํ.

๒๕๙. มิคมาตุโกติ ตสฺส นามํ. วาตมิโคติ จ ตสฺส นามํ. ‘‘กาฬสีโห กาฬมุโข กปี’’ติ ลิขิตํ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ เยน ปริยาเยน จมฺมํ วฏฺฏิสฺสติ, โส ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘อตฺตโน ปุคฺคลิกวเสน ปริหาโร ปฏิกฺขิตฺโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, กิฺจิ จมฺมํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ ‘‘น, ภิกฺขเว, โคจมฺม’’นฺติ อิทํ ปรโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จมฺมานิ อตฺถรณานี’’ติ เอตฺถ อนุมติปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนา

ปฺจเภสชฺชาทิกถาวณฺณนา

๒๖๐. ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสา’’ติ ปรโต ‘‘ตทุภเยน ภิยฺโยโส มตฺตาย กิสฺสา โหนฺตี’’ติอาทินา วิโรธทสฺสนโต นิทานานเปกฺขํ ยถาลาภวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถานิทานํ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? ตทฺาเปกฺขาธิปฺปายโต. สพฺพพุทฺธกาเลปิ หิ สปฺปิอาทีนํ สตฺตาหกาลิกภาวาเปกฺขาติ ตถา วจเนน ภควโต อธิปฺปาโย, เตเนว ‘‘อาหารตฺถฺจ ผเรยฺย, น จ โอฬาริโก อาหาโร ปฺาเยยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุนฺติ เอตฺถ จ กาลปริจฺเฉโท น กโต. กุโตเยว ปน ลพฺภา ตทฺาเปกฺขาธิปฺปาโย ภควโต มูลเภสชฺชาทีนิ ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวนฺติ กาลปริจฺเฉโท. ยํ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุ’’นฺติ วจนํ, ตํ ‘‘สนฺนิธึ กตฺวา อปราปรสฺมึ ทิวเส กาเล เอว ปริภุฺชิตุํ อนุชานามี’’ติ อธิปฺปายโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺถา อติสยตฺตาภาวโต ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสา’’ติอาทิ วิตกฺกุปฺปาโท น สมฺภวติ. ปณีตโภชนานุมติยา ปสิทฺธตฺตา อาพาธานุรูปสปฺปายาเปกฺขาย วุตฺตานีติ เจ? ตฺจ น, ภิยฺโยโส มตฺตาย กิสาทิภาวาปตฺติทสฺสนโต. ยถา ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย ผาณิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตถา ‘‘นวนีตํ อุปาทาย สปฺปิ’’นฺติ วตฺตพฺพโต นวนีตํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, วิเสสทสฺสนาธิปฺปายโต. ยถา ผาณิตคฺคหเณน สิทฺเธปิ ปรโต อุจฺฉุรโส วิสุํ อนุฺาโต อุจฺฉุสามฺโต คุโฬทกฏฺาเน ปนาธิปฺปายโต. ตถา นวนีเต วิเสสวิธิทสฺสนาธิปฺปายโต นวนีตํ วิสุํ อนุฺาตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสสวิธิ ปนสฺส เภสชฺชสิกฺขาปทฏฺกถาวเสน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ปจิตฺวา สปฺปึ กตฺวา ปริภุฺชิตุกาเมน อโธตมฺปิ ปจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๒). ตตฺถ สปฺปิ ปกฺกาว โหติ, นาปกฺกา. ตถา ผาณิตมฺปิ. นวนีตํ อปกฺกเมว.

เอตฺถาห – นวนีตํ วิย อุจฺฉุรโสปิ สตฺตาหกาลิกปาฬิยํ เอว วตฺตพฺโพติ? น วตฺตพฺโพ. กสฺมา? สตฺตาหกาลิกปาฬิยํ วุตฺเต อุจฺฉุรโส คุฬาปเทเสน ยถา อคิลานสฺส ผาณิตํ ปฏิสิทฺธํ, ตถา อุจฺฉุรโสปีติ อาปชฺชติ, อวุตฺเต ปน คุฬํ วิย โส ผาณิตสงฺขฺยํ น คจฺฉติ. อิธ อวตฺวา ปจฺฉา วจเนน คุโฬทกฏฺาเนว ปิโต โหติ. ตทตฺถเมว ปจฺฉาภตฺตํ วฏฺฏนกปานกาธิกาเร วุตฺโต, ตสฺมา เอว ยามกาลิโกติ เจ? น, อฏฺกถาวิโรธโต. น อุปาทายตฺถสฺส นิสฺสยตฺถตฺตาติ เจ? กึ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย อุจฺฉุวิกติ ผาณิตนฺติ เวทิตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) ยเทตํ นิสฺสคฺคิยฏฺกถาวจนํ, ตตฺถ ‘‘อุปาทายา’’ติ อิมสฺส นิสฺสาย ปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถติ. น, ปรโต อปรกิริยาย อทสฺสนโต. ยถา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๒.๔๓) ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ อิมสฺส อุสฺสุกฺกวจนสฺส ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ อปรกิริยา ทิสฺสติ, น ตถา ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ เอตฺถ อปรกิริยา ทิสฺสตีติ. อยุตฺตเมตํ ตตฺถ ตทภาเวปิ สิทฺธตฺตา. ยถา ‘‘จตฺตาโร จ มหาภูตา จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูป’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) เอตฺถ อปรกิริยาย อภาเวปิ อุสฺสุกฺกวจนํ สิทฺธํ, ตถา เอตฺถาปิ สิยาติ? น, ตตฺถ ปาเสสาเปกฺขตฺตา. ยถา จตฺตาโร มหาภูตา อุปาทาย วุตฺตํ, ปวตฺตกํ วา รูปนฺติ อิมํ ปาเสสํ สา ปาฬิ อเปกฺขติ, น ตถา อิทํ อฏฺกถาวจนํ กฺจิ ปาํ อเปกฺขติ. ปริปุณฺณวาทิโน หิ อฏฺกถาจริยา. สฺากรณมตฺตํ วา ตสฺส รูปสฺส. ‘‘อตฺถิ รูปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๔) หิ สฺากรณมตฺตํ, เอวมิธาปีติ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ อุจฺฉุรสํ อาทึ กตฺวา, ตโต ปฏฺายาติ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อุจฺฉุรเสน สํสฏฺํ ภตฺตํ อคิลาโน ภิกฺขุ วิฺาเปตฺวา ภุฺชนฺโต ปณีตโภชนสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ, ภิกฺขุนี ปาฏิเทสนิเยนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตนฺติ เอเก. เต วิเสสเหตุโน อภาวํ ทสฺเสตฺวา ปฺาเปตพฺพา.

เอตฺตาวตา ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายาติ อุจฺฉุรสํ อาทึ กตฺวา’’ติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา ยทิ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ วจเนน อุจฺฉุรโส ผาณิตํ สิยา, ‘‘อปกฺกา วา’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ อปกฺกวจเนน อุจฺฉุรสสฺส คหิตตฺตา. อถ ‘‘ปกฺกา วา’’ติ วจเนน อุจฺฉุรโส ผาณิตนฺติ สิทฺธํ, ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทายา’’ติ วจนํ นิรตฺถกนฺติ อุตฺตรํ วุตฺตํ, ตํ อนุตฺตรนฺติ สาธิตํ โหติ. โส เจเตหิ อปกฺกา วาติ สามํ ภิกฺขุนา อปกฺกา วา. อวตฺถุกปกฺกา วาติ ภิกฺขุนาว สามํ วินา วตฺถุนา ปกฺกา วาติ อตฺโถ. ตสฺมา อฺถา ‘‘สวตฺถุกปกฺกา วา’’ติ จ วตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ ทสฺสิโต, โส ทุฏฺุ ทสฺสิโต. กสฺมา? มหาอฏฺกถายํ ‘‘ฌามอุจฺฉุผาณิตํ วา โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตํ วา ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ‘‘สวตฺถุกปกฺกา วา’’ติ วจนสฺส จ ลทฺธิวิโรธโต อวุตฺตตฺตา. ‘‘มหาปจฺจริยํ ปน ‘เอตํ สวตฺถุกปกฺกํ วฏฺฏติ โน วฏฺฏตี’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘อุจฺฉุผาณิตํ ปจฺฉาภตฺตํ โน วฏฺฏนกํ นาม นตฺถี’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺต’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) วุตฺตตฺตา จ สวตฺถุกปกฺกา วาติ อตฺโถ จ วุตฺโตเยว โหติ, ตสฺมา ทุทฺทสฺสิโตติ สิทฺธํ. อาหารตฺถนฺติ อาหารปโยชนํ. อาหารกิจฺจํ ยาปนนฺติ อตฺโถติ จ.

๒๖๒. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภเคน.

๒๖๓. สติ ปจฺจเยติ เอตฺถ สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทฺวิธา เวทิตพฺพา. วิกาลโภชนสิกฺขาปทสฺส หิ อนาปตฺติวาเร ยามกาลิกาทีนํ ติณฺณมฺปิ อวิเสเสน สติปจฺจยตา วุตฺตา. อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทกํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺน’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมา สิทฺธํ สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทุวิธาติ. อฺถา อสติ ปจฺจเย คุโฬทกาทีสุ อาปชฺชติ. ตโต จ ปาฬิวิโรโธ.

ปิฏฺเหีติ ปิสิตเตเลหิ. โกฏฺผลนฺติ โกฏฺรุกฺขสฺส ผลํ. ‘‘มทนผลํ วา’’ติ จ ลิขิตํ. หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปลฺลวปวาฬปากนิปฺผนฺนา. หิงฺคุสิปาฏิกา นาม ตสฺส มูลสาขปากนิปฺผนฺนา. ตกํ นาม ตสฺส รุกฺขสฺส ตจปาโกทกํ. ตกปตฺตีติ ตสฺส ปตฺตปาโกทกํ. ตกปณฺณีติ ตสฺส ผลปาโกทกํ. อถ วา ‘‘ตกํ นาม ลาขา. ตกปตฺตีติ กิตฺติมโลมลาขา. ตกปณฺณีติ ปกฺกลาขา’’ติ ลิขิตํ. อุพฺภิทํ นาม อูสปํสุมยํ.

๒๖๔. ฉกณํ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ, เตน ‘‘เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. จาลิเตหีติ ปริสฺสาวิเตหิ.

๒๖๕. นานาสมฺภาเรหิ กตนฺติ นาโนสเธหิ.

คุฬาทิอนุชานนกถาวณฺณนา

๒๗๔. สามํ ปกฺกํ สมปกฺกนฺติ ทุวิธํ วิย ทีเปติ, ตสฺมา ขีราทีสุ อุณฺหมตฺตเมว ปาโก. เตน อุตฺตณฺฑุลาทิสมานา โหนฺติ.

๒๗๖-๘. ‘‘พุทฺธปฺปมุข’นฺติ อาคตฏฺาเน ‘ภิกฺขุสงฺโฆ’ติ อวตฺวา ‘สงฺโฆ’ติ วุจฺจติ ภควนฺตมฺปิ สงฺคเหตุ’’นฺติ วทนฺติ. นาโคติ หตฺถี.

๒๗๙. สมฺพาเธติ วจฺจมคฺเค ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ ปสฺสาวมคฺเคปิ อนุโลมโต. ทหนํ ปฏิกฺเขปาภาวา วฏฺฏติ. สตฺถวตฺติกมฺมานุโลมโต น วฏฺฏตีติ เจ? น, ปฏิกฺขิตฺตปฏิกฺเขปา, ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺส ตปฺปรมตาทีปนโต, กึ วุตฺตํ โหติ? ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตมฺปิ สตฺถกมฺมํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ปจฺฉา ‘‘น, ภิกฺขเว…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมสฺส ปฏิกฺเขโป กโต. เตน สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ นาม. สตฺถวตฺติกมฺมโต อุทฺธํ นตฺถีติ ทีเปติ. กิฺจ ภิยฺโย ปุพฺเพ สมฺพาเธเยว สตฺถกมฺมํ ปฏิกฺขิตฺตํ, ปจฺฉา สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา ตสฺเสว ปฏิกฺเขโป, เนตรสฺสาติ สิทฺธํ. เอตฺถ ‘‘สตฺถํ นาม สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติอาทีสุ วิย เยน ฉินฺทติ, ตํ สพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กณฺฏเกน วา’’ติอาทิ. ขารทานํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนิวิภงฺเค ปสาเข เลปมุเขน อนุฺาตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอเก ปน ‘‘สตฺถกมฺมํ วา’’ติ ปาํ วิกปฺเปตฺวา วตฺถิกมฺมํ กโรนฺติ. ‘‘วตฺถี’’ติ กิร อคฺฆิกา วุจฺจติ. ตาย ฉินฺทนํ วตฺถิกมฺมํ นามาติ จ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, เต ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทภาชนียํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อณฺฑวุฑฺฒีติ วาตณฺฑโก. อาทานวตฺตีติ อานหวตฺติ.

มนุสฺสมํสปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๘๐. ‘‘น, ภิกฺขเว, มนุสฺสมํสํ…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา, ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปฺปฏิ…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ จ วุตฺตตฺตา อปฺปฏิเวกฺขณทุกฺกฏฺจ ถุลฺลจฺจยฺจาติ ทฺเว อาปชฺชติ, ตสฺมา กปฺปิยมํเสปิ อปฺปฏิเวกฺขณปจฺจยา ทุกฺกฏเมว. เกจิ ‘‘มํสภาวํ ชานนฺโตว อาปชฺชติ. ปูวาทีสุ อชานนฺตสฺส กา ปจฺจเวกฺขณา’’ติ วทนฺติ. อชานนฺโตปิ อาปชฺชติ สามฺเน วุตฺตตฺตาติ เกจิ.

หตฺถิมํสาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๘๑. อิเมสํ …เป… สพฺพํ น วฏฺฏตีติ อิทํ ทสนฺนมฺปิ มนุสฺสมํสาทีนํ อกปฺปิยภาวมตฺตปริทีปนวจนํ, นาปตฺติวิภาคทสฺสนวจนํ. ยํ กิฺจิ ตฺวา วา อตฺวา วา ขาทนฺตสฺส อาปตฺติเยวาติ อิทมฺปิ อนิยมิตวจนเมว ‘‘อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ อวุตฺตตฺตา. ตทุภยมฺปิ เหฏฺา มนุสฺสาทีนํ มํสาทีสุ ถุลฺลจฺจยทุกฺกฏาปตฺติโย โหนฺตีติ คหิตนเยหิ อธิปฺปาโย ชานิตุํ สกฺกาติ เอวํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ยสฺมา เอเตสํ มนุสฺสาทีนํ มํสาทีนิ อกปฺปิยานิ, ตสฺมา มนุสฺสานํ มํสาทีสุ ถุลฺลจฺจยาปตฺติ. เสสานํ สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ. ปาเเยว หิ โลหิตาทึ มํสคติกํ กตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, มนุสฺสมํสํ…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺเถว หตฺถาทีนํ มํสาทีสุปิ ทุกฺกฏาปตฺติ ปฺตฺตา. เตน วุตฺตํ สีหฬฏฺกถายํ ‘‘มนุสฺสมํเส วา เกเส วา นเข วา อฏฺิมฺหิ วา โลหิเต วา ถุลฺลจฺจยเมวา’’ติ วุตฺตํ. อิมินา เอว –

‘‘อฏฺิปิ โลหิตํ จมฺมํ, โลมเมสํ น กปฺปตี’’ติ. –

ขุทฺทสิกฺขาคาถาปทสฺส อตฺโถ จ อธิปฺปาโย จ สุวิฺเยฺโยติ. ปฏิคฺคหเณติ เอตฺถ อนาทริยทุกฺกฏํ วุตฺตํ. ‘‘อุทกมนุสฺสาทิมํสมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. นาคราเชน วุตฺตาทีนเว สติปิ อุชฺฌายนาธิการเมว คเหตฺวา ‘‘ปฏิกูลตายา’’ติ วุตฺตํ.

ยาคุมธุโคฬกาทิกถาวณฺณนา

๒๘๓. ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพติ อิทํ สงฺคีติการกวจนํ. น หิ ภควา ตเมว สิกฺขาปทํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฺเปสิ, เอวํ เอวรูเปสูติ เอเก. ปมปฺตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ตถาปิ น จ เต ภิกฺขู สาปตฺติกา ชาตา. กถํ? ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา. ‘‘อปิจ มยํ กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิมฺหา’’ติ วุตฺตํ. มาติกาวิภงฺเค (ปาจิ. ๒๒๗) จ ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต, ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภุฺชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อฺํ โภชนํ นาม นิมนฺตนโต ลทฺธํ ยํ กิฺจีติ สิทฺธํ. ยสฺมา น โภชฺชยาคุนิมนฺตนโต ลทฺธโภชนํ, ตสฺมา ‘‘เอตฺถ อนาปตฺตี’’ติ เต ภิกฺขู ปริภุฺชึสูติ. เอตฺถ ‘‘ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ปน อฺนิมนฺตนโต ลทฺธโภชนเมว ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ, เนตรนฺติ อนุฺาตํ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘นิจฺจภตฺเต สลากภตฺเต ปกฺขิเก อุโปสถิเก ปาฏิปทิเก’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพ เวสาลิยา ปฺตฺตกาเล นตฺถิ, ยทิ อตฺถิ, อฏฺุปฺปตฺติมาติกาวิภงฺควิโรโธ, ตสฺมา ‘‘อปิจ มยํ กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิมฺหา’’ติ อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตตฺตา, ปทภาชเนปิ ‘‘อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภุฺชตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา จ ปมํ วา ปจฺฉา วา นิมนฺติตํ โภชนํ เปตฺวา อนิมนฺติตเมว ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ, เนตรนฺติ กิฺจาปิ อาปนฺนํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺติเตน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภุฺชิตพฺพา’’ติ วุตฺตตฺตา ปน ปมนิมนฺติตโภชนโต อฺํ ปจฺฉา ลทฺธํ นิมนฺติตโภชนํ, นิจฺจภตฺตาทีนิ จ ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺตีติ อาปชฺชมานํ วิย ชาตนฺติ อนุปฺตฺติปฺปสงฺคนิวารณํ, อนิมนฺตนโภชเน อาปตฺติปฺปสงฺคนิวารณฺจ กโรนฺโต, ปมปฺตฺติสิกฺขาปทเมว อิมินา อตฺเถน ปริณาเมนฺโต จ ‘‘ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ ภควา อาห, ตสฺมา ตโต ปฏฺาย ปจฺฉา นิมนฺตนโภชนํ ภุฺชนฺตสฺเสว อาปตฺติ. เตสุ น นิจฺจภตฺตาทีนีติ อาปนฺนํ. เตเนวายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ตสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘นิจฺจภตฺเต’’ติอาทีนิ ปฺจ ปทานิ ปกฺขิปิตฺวา สงฺคายิ. อธิปฺปายฺู หิ เต มหานาคา, ตสฺมา ปมเมว ยํ ภควตา วุตฺตํ ‘‘ปฺจ โภชนานิ เปตฺวา สพฺพตฺถ อนาปตฺตี’’ติ วจนํ, ปจฺฉาปิ ตํ อนุรกฺขนฺเตน อโภชนํ มธุโคฬกํ อปรามสิตฺวา โภชฺชยาคุ เอว วุตฺตาติ เอวํ อาจริโย.

เอตฺถาห – ยถา ปจฺฉาลทฺธเลเสน เถเรน นิจฺจภตฺตาทิปกฺเขโป กโต, เอวํ กถินกฺขนฺธเก ปรมฺปรโภชนํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, ฉ กปฺปิสฺสนฺตี’’ติ กิมตฺถํ น วุจฺจนฺติ? วุจฺจเต – ยถาวุตฺตเลสนิทสฺสนตฺถํ. อฺถา อิทํ สิกฺขาปทํ เวสาลิยํ, อนฺธกวินฺเท จาติ อุภยตฺถ อุปฑฺฒุปฑฺเฒน ปฺตฺตํ สิยา. โน เจ, สาปตฺติกา ภิกฺขู สิยุํ, น จ เต สาปตฺติกา อปฺปฏิกฺขิตฺเตปิ เตสํ กุกฺกุจฺจทสฺสนโต. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขูนํ เทหีติ. ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เตสฺหิ ‘‘ปริภุฺชถา’’ติ ภควโต อาณตฺติยา ปริภุตฺตานมฺปิ ‘‘โอทิสฺสกํ นุ โข อิทํ อมฺหาก’’นฺติ วิมติปฺปตฺตานํ วิมติวิโนทนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจ มธุโคฬกฺจา’’ติ วุตฺตํ. เอวมิธาเปเต ปฺตฺตํ ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทํ โอมทฺทิตฺวา ปรมฺปรโภชนํ กถํ ภุฺชิสฺสนฺตีติ. เอตฺถาหุ เกจิ อาจริยา ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปเทเนว ‘‘อฺสฺส โภชนํ น กปฺปตี’’ติ ชานนฺตาปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจา’’ติ วิสุํ อนุฺาตตฺตา ‘‘ปฏคฺคิทานมหาวิกฏาทิ วิย กปฺปตี’’ติ สฺาย ภุฺชึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปิจ มยํ กาลสฺเสว โภชฺชยาคุยา ธาตา’’ติอาทิ, ตํ อยุตฺตํ ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺติมาติกาวิภงฺควิโรเธน อนาปตฺติวาเร นิจฺจภตฺตาทีนํ อสมฺภวปฺปสงฺคโต, ภิกฺขูนํ สาปตฺติกภาวานติกฺกมนโต, มิจฺฉาคาหเหตุปฺปสงฺเคน ภควตา อนุฺาตปฺปสงฺคโต จ. เต หิ ภิกฺขู ยสฺมา ภควา กตฺถจิ วินยวเสน กปฺปิยมฺปิ ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๔; สุ. นิ. ๘๑; มิ. ป. ๔.๕.๙) ปฏิกฺขิปติ, ตสฺมา ภควโต อธิปฺปายํ ปติ ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, สิกฺขาปทํ ปติ ภควาปิ อตฺตโน อธิปฺปายปฺปกาสนตฺถเมว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจา’’ติ อาห. ทุรวคฺคาโห หิ ภควโต อธิปฺปาโย. ตถา หิ ภารทฺวาชสฺส ปายาสํ อโภชเนยฺยนฺติ อกตวิฺตฺติปฺปสงฺคโต ปฏิกฺขิปิ. อานนฺทตฺเถเรน วิฺาเปตฺวา สชฺชิตํ เตกฏุลยาคุํ ปน ‘‘ยทปิ, อานนฺท, วิฺตฺตํ, ตทปิ อกปฺปิย’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ยทปิ, อานนฺท, อนฺโตวุตฺถ’’นฺติอาทิเมวาห. เตน โน เจ ตํ อนฺโตวุตฺถํ กปฺปตีติ อธิปฺปายทสฺสเนน ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทานิ อุปตฺถมฺเภติ ภควโตปิ กปฺปติ, ปเคว อมฺหากนฺติ.

๒๘๔. คิลานสฺเสว ภควตา คุโฬ อนุฺาโตติ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานี’’ติ (ปารา. ๖๒๒) วจนวเสน วุตฺตํ, เตเนว เต อิธ ปฏิคฺคหเณ กุกฺกุจฺจายึสุ. อิธ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ วตฺตพฺเพ คุฬาธิการตฺตา ปุพฺเพ อนุฺาตฺจ วตฺวา อคิลานสฺส คุโฬทกํ อนุฺาตํ, เตน คิลาเนน สติ ปจฺจเย คุโฬ ปริภุฺชิตพฺโพ, คุโฬทกํ อสติ ปจฺจเยปิ วฏฺฏตีติ อิมํ วิเสสํ ทีเปติ. ตตฺถ ‘‘คุโฬทกํ กาลิเกสุ สตฺตาหกาลิกํ, ภควตา โอทิสฺสานุฺาตตฺตา สตฺตาหาติกฺกเมน ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, อุทกสมฺภินฺนตฺตา สตฺตาหกาลิกภาวํ ชหติ. ‘‘ยถา อมฺพาทิ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ ชาตํ, ตถา สตฺตาหกาลิกํ ชหิตฺวา ตทนนฺตเร ยาวชีวิเก ิต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ, ตฺจ ภควตา โอทิสฺสานุฺาตตฺตา ปจฺจเวกฺขณาภาเว โทโส นตฺถิ. ‘‘คุโฬทก’นฺติ วุตฺตตฺตา อุทกคติก’’นฺติ วทนฺติ. ยทิ อุทกมิสฺสํ อุทกคติกํ โหติ, มธุปิ สิยา ตํ ตถา อนุฺาตตฺตา. มา โหตุ, อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ สิยา อุทกคติกตฺตา, ตฺจ น โหติ, ‘‘สพฺพตฺถาปิ อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท วุตฺตํ.

๒๘๕. สุฺาคารนฺติ จตุตฺถชฺฌานํ.

กปฺปิยภูมิอนุชานนกถาวณฺณนา

๒๙๕. โอรวสทฺทนฺติ มหาสทฺทํ. พหูหิ สมฺปริวาเรตฺวาติ เอตฺถ เอเกนาปิ วฏฺฏติ. ‘‘พหูสุ เอกสฺสปิ วจเนน สห สิยาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อามสิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อนามสิเต น วฏฺฏติ. ‘‘โทโส นตฺถี’’ติ วจเนน เสสาปิ อนุฺาตา. ‘‘ภิตฺติฺเจ อุปสนฺเต ปจฺฉา ตํ ปูเรนฺติ, ตตฺถ กาตุํ น วฏฺฏติ, ปกติภูมิยํเยว กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ อุปริ อฏฺกถายํ ‘‘อิฏฺกาทีหิ กตาจยสฺสา’’ติอาทินา วิรุชฺฌติ วิย. มตฺติกาปิณฺฑํ วาติ เอตฺถ ‘‘อสติยา อนธิฏฺิตาย สริตฏฺานโต ปฏฺาย เจ อุปริ อธิฏฺิตา, เหฏฺา ิตํ ภณฺฑํ อกปฺปิยํ, อุปริฏฺิตเมว กปฺปิยํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ กปฺปิยกุฏิ ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ เอวํวิเธ ปุน กาตพฺพาติ อตฺโถ. กปฺปิยกุฏึ กาตุํ เทมาติ เอตฺถ กปฺปิยกุฏิกิจฺจํ กาตุนฺติ อธิปฺปาโย. โภชนสาลา ปน เสนาสนเมว, ตสฺมา ตตฺถ กาตพฺพนฺติ อปเร. ‘‘อกเตปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

‘‘มุขสนฺนิธิ นาม โภชนกาเล สนฺนิธี’’ติ ลิขิตํ. มุขสนฺนิธีติ ตสฺส นามํ. ‘‘ยทิ สนฺนิธิ โหติ, ปาจิตฺติยํ ภเวยฺย, มุขสนฺนิธิ ปน ทุกฺกฏํ, ตสฺมา สนฺนิธิ อนธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตสฺส สนฺตกํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ นาธิปฺเปตํ. จีวรวิกปฺปเน วิย กปฺปิยมตฺตํ าตพฺพนฺติ เกจิ.

เกณิยชฏิลวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๐๐. ‘‘อตฺตนา ปฏิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตเมว ปริจฺจชิตฺวา สามเณราทีหิ ปานกํ กตฺวา ทินฺเน ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ปจฺฉาภตฺตํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ปุน ปฏิคฺคหเณ นิทฺโทสตฺตา, ปุเรภตฺตเมว ปฏิคฺคหณสฺส นิสฺสฏฺตฺตา, อตฺตนา จ อคฺคหิตตฺตา โทโส น ทิสฺสติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. สาลูกา นาม กนฺทา, ‘‘อิโต กิฺจิตก’’นฺติ โวหรนฺติ. ‘‘ผารุสกนฺติ โคฬวิสเย เอโก รุกฺโข’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ปกฺกฑากรส’’นฺติ วิเสสิตตฺตา ‘‘อปกฺกํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิวจเนนปิ สิทฺธเมว. ตณฺฑุลโธวโนทกมฺปิ ธฺรโส เอว. ‘‘นิกฺกสโฏ อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก’’ติ ลิขิตํ. สาวิตฺตีติ คายตฺติ. ฉนฺทโสติ เวทสฺส. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปพฺพชิเตน อกปฺปิเย สมาทเปตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺสาปิ น เกวลํ ทสสุ เอว สิกฺขาปเทสุ, อถ โข ยํ ภิกฺขุสฺส น กปฺปติ, ตสฺมิมฺปีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.

๓๐๕. ทฺเว ปฏา เทสนาเมเนวาติ จีนปฏฺฏโสมารปฏฺฏานิ. ตีณีติ ปตฺตุณฺเณน สห ตีณิ. อิทฺธิมยิกํ เอหิภิกฺขูนํ นิพฺพตฺตํ. เทวทตฺติยํ อนุรุทฺธตฺเถเรน ลทฺธํ. ‘‘ยามาติกฺกเม สนฺนิธิวเสน สตฺตาหาติกฺกเม เภสชฺชสิกฺขาปทวเสนา’’ติ ลิขิตํ.

เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กถินกฺขนฺธกวณฺณนา

กถินานุชานนกถาวณฺณนา

๓๐๖. ‘‘กถินนฺติ ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ปฺจ กปฺปนฺตี’’ติ อวตฺวา ‘‘กปฺปิสฺสนฺตี’’ติ อนาคตวจนํ ‘‘โว’’ติ อิมสฺส สามิวจนปกฺเข ยุชฺชติ เตสํ ตสฺมึ ขเณ อนตฺถตกถินตฺตา. ทฺวีสุ ปเนเตสุ อตฺถวิกปฺเปสุ ปจฺฉิโม ยุตฺโต สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปาเวยฺยกานํ สพฺพธุตงฺคธรตฺตา. นิมนฺตนํ สาทิยนฺตสฺเสว หิ อนามนฺตจาโร ปฺตฺโต, ตถา คณโภชนํ. อสมาทานจาโร อนธิฏฺิตติจีวรสฺส นตฺถิ อเตจีวริกสฺส ยาวทตฺถจีวรจตุตฺถาทิจีวรคฺคหณสมฺภวโต. อิตรสฺสาปิ อนธิฏฺานมุเขน ลพฺภติ. จีวรุปฺปาโท อปํสุกูลิกสฺเสว. ‘‘กถินตฺถตสีมาย’’นฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปจารสีมฏฺสฺส มตกจีวราทิภาคิยตาย พทฺธสีมาย ตตฺรุปฺปาทาภาวโต วิฺเยฺยเมตํ อุปจารสีมาเวตฺถ อธิปฺเปตาติ. กถินตฺถารํ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา สาเธนฺติ. กถินทุสฺสสฺส หิ ทายกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร โหนฺติ. เอโก ปฏิคฺคาหโกติ. ‘‘ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ (มหาว. ๓๘๘) จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา ‘‘น ปฺจวคฺคกรณีย’’นฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยสฺส สงฺโฆ กถินทุสฺสํ เทติ, ตํ หตฺถปาเส อกตฺวาปิ พหิสีมาย ิตสฺสปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ หตฺถปาเส กตฺวา เอว ทาตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ตสฺส กมฺมปฺปตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺเถสุ เจตาปิเตสุ อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติ. วตฺเถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สพฺเพสํ ตานิ ปาปุณนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ปมปวารณาย ปวาริตา ลภนฺตีติ อิทํ อุกฺกฏฺโกฏิยา วุตฺตํ. อนฺตราเยน อปฺปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ (ปริ. ๔๐๓) ปริวาเร เอกวจนกรณโต, ตตฺเถว ‘‘สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถินํ, คณสฺส ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ (ปริ. ๔๑๔) วจนโต จ.

อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ อิทํ กึ เอกสีมสฺมึ, อุทาหุ นานาสีมสฺมินฺติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว เอกสีมสฺมึ, ปรโต ‘‘สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพํ, วิสุํ วิสุํ อตฺถริตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมินา อฏฺกถาวจเนน วิรุชฺฌติ. อิทฺหิ วจนํ สพฺเพสํเยว เอโก กถินตฺถาโรติ ทีเปติ. อถ นานาสีมสฺมึ, อุปนนฺทสฺส เอกาธิปฺปายทานานุมติยา วิรุชฺฌติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เทถ, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔). อิทฺหิ วจนํ ทฺวีสุปิ อาวาเสสุ ตสฺส กถินตฺถารสิทฺธึ ทีเปตีติ. อวิโรโธว อิจฺฉิตพฺโพ อปฺปฏิสิทฺธตฺตา, ตสฺมา เอกสีมสฺมึ วา นานาสีมสฺมึ วา นานูปจาเร อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ‘‘ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปนฺโน ปมปวารณาย ปวาเรตุมฺปิ ลภติ, วสฺสิโก จ โหติ อานิสํสฺจ ลภตีติ สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุฺาตํ โหติ, สามเณรา กถินานิสํสํ ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ.

ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรปฺปโหนกนฺติ อิทํ ‘‘น อฺตฺร สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌนํ วิย ทิสฺสติ. อยฺหิ ปาฬิ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรวิรเหนาปิ น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ ทีเปตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต, น ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรวิรเหน น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ หิ ทีเปตุกาโม ภควา ตํ ปาฬิมาห. ยทิ เอวํ ‘‘อฺตฺร สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ น วตฺตพฺพา สิยาติ เจ? น, อธิปฺปายชานนโตว. โย สงฺฆาฏิยา อตฺถริตุกาโม, ตสฺส อฺตฺร สงฺฆาฏิยา น อตฺถตํ โหติ. เอส นโย อิตรตฺถาปีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. เตเนว สุกฺกปกฺเข ‘‘สงฺฆาฏิยา อตฺถตํ โหตี’’ติอาทินา นเยน เอกเมว จีวรํ วุตฺตํ, เอวํ สนฺเต ‘‘จตุวีสติยา อากาเรหิ อนตฺถตํ โหติ กถินํ, สตฺตรสหิ อากาเรหิ อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ ยถารหํ อุกฺกฏฺโกฏิยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา กณฺหปกฺเข อุลฺลิขิต…เป… นิสฺสีมฏฺานุโมทนานํ จตุวีสติยา อาการานํ สมฺภวนฺตานํ สพฺเพน สพฺพํ อภาเวนปิ นิมิตฺตกตาทีนํ อสมฺภวนฺตานํ อฺตรภาเวนปิ น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. สุกฺกปกฺเขปิ อหตาหตกปฺป…เป… สีมฏฺานุโมทนานํ สตฺตรสนฺนํ อาการานํ สมฺภวนฺตานํ อฺตรภาเวนปิ อิตเรสํ สพฺเพน สพฺพํ อภาเวนปิ อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อฺถา อฺมฺวิโรโธ, ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา เวทิตพฺโพ.

ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – กณฺหปกฺเข ‘‘อุตฺตราสงฺเคน อตฺถเต กถิเน น อฺตฺร สงฺฆาฏิยา น อฺตฺร อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ วจนปฺปมาณโต ตํ กถินํ อนตฺถตํ สิยา. สุกฺกปกฺเข จ ‘‘อนิมิตฺตกเตน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ วจนปฺปมาณโต อนิมิตฺตกเตน กถิเน อตฺถเต ตฺเจ ปริกถา กตํ, ตถาปิ อตฺถตเมว กถินํ โหตีติ อยํ ทุวิโธปิ วิโรโธ. ยถาวุตฺตนเยน อธิปฺปาเย คหิเต ปริหาโร โหตีติ เวทิตพฺพํ.

โย อานิสํสํ พหุํ เทตีติ อิมินา ปจฺจยโลลภาวํ วิย ทีเปติ, ตถาปิ ภควตา ยาวทตฺถจีวรปริเยสนปฺาปนมุเขน ทฺวารํ ทินฺนนฺติ กตฺวา สงฺฆานุคฺคหตฺถํ โหติ. ‘‘อกาตุํ น โหตีติ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ ลิขิตํ. อนุโมทามาติ เอตฺถ สพฺพสงฺคาหิกวเสน เอวํ วุตฺตํ. ‘‘อนุโมทามี’’ติ เอกเกน วตฺตพฺพํ, อิตรถา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ มหาอฏฺกถายํ กิร วุตฺตํ. กถินจีวรํ อธิฏฺหิตฺวา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจาย ภินฺนมตฺตาย ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติ. ‘‘กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฏฺฏตีติ กถินทุสฺสสฺส เอว กมฺมวาจา, เสสจีวรทาเน อปโลกนเมวาติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. เอกสีมายาติ เอกอุปจารสีมายาติ อตฺโถ ยุชฺชติ. เกจิ ปน ‘‘พทฺธสีมา อธิปฺเปตา เอกสีมาย เอกฏฺาเน อตฺถริเต สพฺพตฺถ อตฺถริตํ โหติ ‘สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา, เตหิปิ อนุโมทนฺเตหิ อตฺถริตเมว โหติ, อุปจารปริจฺฉินฺเน ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธํ เตหิ เตหิ ลทฺธพฺพํ โหติ. ตตฺถ ปวิฏฺเหิปิ ลภิตพฺพํ สพฺเพหิปิ อตฺถริตตฺตา, อยํ วิเสโส. มหาอฏฺกถายมฺปิ เอวเมว วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.

๓๐๘. จตุวีสติ อาการวนฺตตาย มหาภูมิกํ. ‘‘ทีฆสิพฺพิตนฺติ ปจฺฉากตสิพฺพนํ, โอวฏฺฏิตฺวา สิพฺพนํ วา’’ติ ลิขิตํ. กณฺฑุสํ นาม ปุพฺพพนฺธนํ. ปมจิมิลิกา ฆเฏตฺวา ปิตา โหตีติ กถินทุสฺสํ ทุพฺพลํ ทิสฺวา ตํ พลวตา อตฺตโน ปกติทุสฺเสน สทฺธึ ฆเฏตฺวา ทุปฏฺฏํ กตฺวา สิพฺพิตุกาเมหิ กถินทุสฺสโต ปกติทุสฺสสฺส มหนฺตตาย ปมํ ตปฺปมาณานุรูปํ พนฺธกณฺฑุเส ฆเฏตฺวา รชฺชุเกหิ พนฺธิตฺวา กตํ โหตีติ อธิปฺปาโย. กถินจีวรสฺส อปฺปตาย ปมํ พทฺธทุสฺสํ กุจฺฉิจิมิลิกา โหติ, มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ วุตฺตวจนนิทสฺสนํ, พฺยฺชเน เอว เภโท, อตฺเถ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อิมินา กึ ทีเปตีติ เจ? ตถากตํ ทุปฏฺฏจีวรํ ปกติจีวรสฺส มหนฺตตาย ปกติจีวรสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, น กถินจีวรสงฺขฺยนฺติ กสฺสจิ สิยา, เนวํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ กุจฺฉิจิมิลิกภาเวน ิตมฺปิ กถินจีวรํ. มหนฺตมฺปิ ตํ ปกติจีวรํ อตฺตโน กถินจีวรเมวาติ. เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจกสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา กถินทุสฺสํ ขณฺฑาขณฺฑํ พหุธา ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตุกาโม กถินจีวรโต ปฏฺฏํ คเหตฺวา อฺสฺมึ อกถินจีวเร ปฏฺฏมาโรเปตี’’ติ ลิขิตํ. อถ วา พหูนิ กถินทุสฺสานิ ปํสุกูลานิ ขุทฺทกขุทฺทกานิ เอกจีวรตฺถาย, มหนฺตานิ จ อูนตฺถาย ทินฺนานิ โหนฺติ. กถินจีวรโตติ ภิกฺขุ เอกจฺจโต กถินจีวรโต ปฏฺฏํ คเหตฺวา อฺสฺมึ อาโรเปติ. เอตฺถาห – กึ ปํสุกูลานิ กถินทุสฺสานิ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมานิ ทาตพฺพานิ, อุทาหุ ขุทฺทกานิปีติ? เอตฺถ อจีวรสงฺขฺยตฺตา ขุทฺทกานิ ทาตุํ น วฏฺฏติ. กมฺมวาจา ตตฺถ น รุหตีติ เอเก. ‘‘ปํสุกูเลน อตฺถตํ โหตี’’ติ ปาฬิยํ นยทานโต กุจฺฉิจิมิลิกภาเวน ิตสฺส กถินทุสฺสสฺส อตฺตโน สภาเวน อนธิฏฺานุปคสฺส ปุราณจีวรภาเวเนว อธิฏฺานารหสฺสปิ กถินจีวรภาวานุมติมุเขน อฏฺกถายํ ปทานโต จ ขุทฺทกานิปิ ทาตุํ วฏฺฏติ. ตฺหิ กถินตฺถารโก ฆเฏตฺวา กถินจีวรํ กริสฺสตีติ กตฺวา กปฺปตีติ เอเก, ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ.

นิจยสนฺนิธิ สงฺฆายตฺตา สงฺเฆน กตตฺตา. รตฺตาติกฺกนฺตํ นิสฺสชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วุจฺจติ. ปฺจ ขณฺฑานิ ปฏฺฏานิ ปมาณํ อสฺสาติ ปฺจกํ. เตน วา อติริตฺเตน วาติ อตฺโถ. ตทเหว สฺฉินฺเนนาติ สงฺเฆน กถินตฺถารกสฺส กมฺมวาจํ วตฺวา ทินฺเนเนว ตทเหว สฺฉินฺเนน สมณฺฑลิกเตน ภวิตพฺพํ. เอวํ ทินฺนํเยว หิ ปริวาเร ‘‘ปุพฺพกรณํ สตฺตหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิต’’นฺติ วุตฺตํ, น ทายเกน ทิยฺยมานํ, ตสฺมา ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมามณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ กตปุพฺพกรณสฺส ปุน กตฺตพฺพาภาวโต. อตฺถารกสฺส หตฺถคตเมว หิ สนฺธาย ‘‘น อุลฺลิขิตมตฺเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณมฺปิ ปุน โธวิตฺวา วิสิพฺพิตฺวา กาตพฺพเมว วจนปมาณโตติ เจ? น, ฉินฺนสฺส ปุน เฉทาสมฺภวโต. อฺสฺมึ าเน ฉินฺทิตพฺพเมวาติ เจ? น, ปพฺพชฺชาธิกาเร ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาราเปตฺวา’’ติ วจนปฺปมาณโต มุณฺฑิกสฺส ฉินฺเนปิ เกเส ปริเยสิตฺวา สิรสฺมึ เปตฺวา ปุน โอหาราเปตฺวา ปพฺพาเชตพฺพปฺปสงฺคโต, น อิธ น-กาเรน ปฏิสิทฺธตฺตาติ เจ? น, ‘‘น อฺตฺร สงฺฆาฏิยา’’ติ น-กาเรน ปฏิสิทฺธตฺตา อุตฺตราสงฺเคน อตฺถเต อนตฺถตํ โหตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคโต, ตสฺมา อภินิเวโส น กาตพฺโพ. ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิโต’’ติ วุตฺตตฺตาปิ ปุพฺเพ วุตฺตวินิจฺฉโยว คเหตพฺโพ.

๓๐๙. อสนฺนิธิกเตน อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอตฺถ กึ กถินตฺถารมาเสเยว ทุวิโธปิ สนฺนิธิ อธิปฺเปโต, อุทาหุ ตโต ปุพฺเพปิ, ทายเกน วา กทา ทาตพฺพํ, กึ กถินตฺถารมาเสเยว, อุทาหุ ตโต ปุพฺเพปิ, กถินตฺถารมาเสปิ อสุกสฺมึ ทิวเสเยว อตฺถารตฺถาย ทมฺมีติ ทาตุํ วฏฺฏติ น วฏฺฏตีติ อิทํ วิจาเรตพฺพํ. กถินตฺถารมาเส เอว ทุวิโธปิ สนฺนิธิ. ทายเกนาปิ วสฺสาวาสิกํ วิย กถินจีวรํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? ‘‘กถินทายกสฺส วตฺตํ อตฺถี’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) นเยน อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. อุกฺกฏฺมตฺตเมตนฺติ เจ? น, ‘‘กถินํ นาม อติอุกฺกฏฺํ วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๘) วุตฺตตฺตา. น อาคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, อิทมฺปิ อาคมนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ปุพฺเพ ทินฺนํ น วฏฺฏตีติ.

๓๑๐. กถินสฺสาติ กถินตฺถารสฺส. อุพฺภารายาติ วูปสมาย, อปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ. กิมตฺถิยํ อุพฺภารนิทสฺสนนฺติ เจ? ปฺจหิ อนาปตฺติกาลปริยนฺตทสฺสเนน เตสุ สํวรุปฺปาทนตฺถํ. อฺถา ‘‘จีวรกาลสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส, อตฺถเต กถิเน ปฺจ มาสา’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วิภงฺเค วุตฺตตฺตา อนฺตราปกฺกมนนฺติกาทิอุพฺภาราภาเวปิ ปฺจหิ ปฺจสุ มาเสสุ อนาปตฺติเยวาติ มิจฺฉาคาโห สิยา. ตโต อาปตฺติเขตฺเต อนาปตฺติเขตฺตสฺาย ตํ ตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, อิตเรสฺจ ภิกฺขูนํ ลาภนฺตรายํ กโรตีติ เวทิตพฺพํ.

อาทายสตฺตกกถาวณฺณนา

๓๑๑. สนฺนิฏฺานนฺติเก ทฺเวปิ ปลิโพธา เอกโต ฉิชฺชนฺตีติ อิธ, ปริวารฏฺกถายฺจ วุตฺตํ อิมิสฺสา ขนฺธกปาฬิยา สเมติ เอกโต อุภินฺนมฺปิ ธุรนิกฺเขปสฺส กตตฺตา. ‘‘อิทํ พหิสีมายเมว วุตฺตํ สนฺนิฏฺานนฺติกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ปริวาเร ‘จตฺตาโร กถินุทฺธารา สิยา อนฺโตสีมาย อุทฺธริยฺยนฺติ, สิยา พหิสีมาย อุทฺธริยฺยนฺติ, นิฏฺานนฺติโก สนฺนิฏฺานนฺติโก นาสนนฺติโก อาสาวจฺเฉทิโก’ติ (ปริ. ๔๑๖). ตตฺถ พหิสีมาย สนฺนิฏฺานนฺติโก อุทฺธริยฺยตีติ อิธ ทสฺสิตนโยว. กถํ อนฺโตสีมาย สนฺนิฏฺานนฺติโก? อกตจีวรมาทาย ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ คโต, คตคตฏฺาเน ผาสุวิหารํ อลภนฺโต ตเมว วิหารํ อาคจฺฉติ, ตสฺส จีวรปลิโพโธ ิโต. โส จ ‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’นฺติ จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต ฉิชฺชติ, ตสฺมา อนฺโตสีมาย อุทฺธริยฺยติ, ตสฺมา ทุวิโธ สนฺนิฏฺานนฺติโก’’ติ โปราณคณฺิปเท ลิขิตํ, ตํ ยุตฺตํ, อฺถา อนฺโตสีมาย ‘‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’’นฺติ ปวตฺตอุพฺภาโร อิตเรสุ สโมธานํ น คจฺฉตีติ อติริตฺโต สิยา. สีมาติกฺกนฺติโกติ จีวรกาลสีมาติกฺกนฺติโก. สอุพฺภาเร จีวรปลิโพโธ ปมํ ฉิชฺชนฺโต วิย ขายติ, อถ โข สาเปกฺขตาย จีวรกรเณ สอุสฺสาโหว โหตีติ เลสํ สนฺธาย ปริวารวเสน ‘‘ทฺเว ปลิโพธา อปุพฺพํ อจริมํ ฉิชฺชนฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๑๑) วุตฺตํ. ‘‘กตจีวโร’’ติ วุตฺตตฺตา อิธ น สมฺภวติ.

๓๑๖. สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ อนวเสเสตฺวา ปกฺกมนฺโต ‘‘สมาทาย ปกฺกมตี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘กถินุทฺธาเร วิเสโส นตฺถิ. ปุคฺคลาธิปฺปายวิเสเสน เกวลํ วารทสฺสนตฺถํ สมาทายวารา วุตฺตา’’ติ สพฺเพสุ คณฺิปเทสุ ลิขิตํ. อิธ ปน ปุคฺคลาธิปฺปาเยน ปโยชนํ วีมํสิตพฺพํ. ปกฺกมนนฺติกสฺส อภาวา ‘‘ยถาสมฺภว’’นฺติ วุตฺตํ. วิปฺปกเตปิ ธุรนิกฺเขปวเสน ปกฺกมนนฺติกตา สมฺภวติ, ตสฺมา ปกฺกมนนฺติกวาโรปิ วตฺตพฺโพติ เจ? น, สนฺนิฏฺานนฺติกลกฺขณปฺปสงฺคโต. อกตจีวรสฺส น สวนนฺติกตา จ.

ตตฺรายํ อาทิโต ปฏฺาย วารวิภาวนา – อาทายวารา สตฺต, ตถา สมาทายวาราติ ทฺเว สตฺตกวารา. ตโต ปกฺกมนนฺติกํ วชฺเชตฺวา วิปฺปกตจีวรสฺส อาทายวารา, สมาทายวารา จาติ ทฺเว ฉกฺกวารา. ตโต ปรํ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน ตีณิ ติกานิ ทสฺสิตานิ, ตตฺถ ปมตฺติกํ อนฺโตสีมาย ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อิมํ วิธึ อนามสิตฺวา พหิสีมายํ เอว ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปวตฺตํ, ตสฺมา ปกฺกมนนฺติกสีมาติกฺกนฺติกสอุพฺภารา ตตฺถ น ยุชฺชนฺติ. ‘‘อาสาวจฺเฉทิโก สมฺภวนฺโตปิ ยถาวุตฺตการเณน น วุตฺโต. ทุติยตฺติกํ อนฺโตสีมาย ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ ปวตฺตํ, เอตฺถ กิฺจาปิ ปกฺกมนนฺติโก สมฺภวติ, ตถาปิ เยหิ จีวรปลิโพโธ ฉิชฺชติ, เตสํเยวาธิปฺเปตตฺตา น วุตฺโต’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. สพฺพสฺมิมฺปิ ปนฺนรสเก วิปฺปกตจีวรสฺเสวาธิปฺเปตตฺตาติ ตกฺโก. อธิฏฺานุปเค จ วิปฺปกเต สติ น นิฏฺานนฺติโก. นิฏฺานาวเสเส สติ น นาสนนฺติโกติ โปราณา. ตติยตฺติกํ อนธิฏฺิต-ปเทน วิเสเสตฺวา ปวตฺตํ, อตฺถโต ปมตฺติเกน สเมติ. ตสฺส อตฺถทสฺสนปโยชนํ กิร ตํ. ยสฺมา อิเม ตโย อตฺถวิกปฺปา อิเมหิ เอว ตีหิ กถินุทฺธาเรหิ สกฺกา ทสฺเสตุํ, ตสฺมา อิเมว โยชิตา เอกสมฺพนฺธวเสน, อฺถา ปมตฺติกํ ฉกฺกํ ภเวยฺย อิมสฺส ปนฺนรสกสฺส อนฺเต ฉกฺกํ วิย. ตติยตฺติกานนฺตรํ จตุตฺถตฺติกํ สมฺภวนฺตํ ‘‘อนฺโตสีมายํ ‘ปจฺเจสฺส’’นฺติ วจนวิเสเสน สมฺภวติ. ตถา จ โยชิยมานํ อิตเรหิ สวนนฺติกาทีหิ อวิรุทฺธกฺกมํ โหติ, ตสฺมา จตุตฺถตฺติกํ อหุตฺวา ฉกฺกํ ชาตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ตีณิ ติกานิ เอกํ ฉกฺกฺจาติ ปมํ ปนฺนรสกํ เวทิตพฺพํ. อิทานิ อิทเมว ปนฺนรสกํ อุปสคฺควิเสเสน ทุติยํ สมาทายปนฺนรสกํ นาม กตํ. ปุน วิปฺปกตจีวรํ อาทายาติ ตติยํ ปนฺนรสกํ, สมาทายาติ จตุตฺถํ ปนฺนรสกํ ทสฺสิตํ. เอวํ จตฺตาริ ปนฺนรสกานิ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ปมทุติเยสุ ปนฺนรสเกสุ สพฺเพน สพฺพํ อกตจีวรํ อธิปฺเปตํ, อิตเรสุ ทฺวีสุ วิปฺปกตนฺติ โยเชตพฺพํ. ‘‘ปุพฺเพ นิพทฺธฏฺาเน จีวราสาย คเหตพฺพํ, อฺตฺถ น วฏฺฏติ. อุปจฺฉินฺนาย เจ จีวราสาย จีวรํ อุปฺปนฺนํ, น ตํ จีวรปลิโพธํ กโรตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. นิสฺสคฺคิเยสุ ตติยกถิเน อาคตจีวรปจฺจาสา อิธ จีวราสาติ ตกฺโก. ยตฺถ จีวราสา, ตํ านํ อธิกรณูปจาเรน ‘‘จีวราสา’’ตฺเวว วุจฺจตีติ กตฺวา ‘‘ตํ จีวราสํ ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อนาสาย ลภตีติ อนาสายิตฏฺาเน ลภตีติอาทินา อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอตฺถ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนอาสาวจฺเฉทิกวเสน เอโก วาโรติ อิทเมกํ จตุกฺกํ ชาตํ, ตสฺมา ปุพฺเพ วุตฺตานิ ตีณิ ติกานิ อาสาวจฺเฉทิกาธิกานิ ตีณิ จตุกฺกานีติ เอกํ อนาสายทฺวาทสกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตทนนฺตเร อาสายทฺวาทสเก กิฺจาปิ ปมทฺวาทสกฺกโม ลพฺภติ, ตถาปิ ตํ นิพฺพิเสสนฺติ ตเมกํ ทฺวาทสกํ อวุตฺตสิทฺธํ กตฺวา วิเสสโต ทสฺเสตุํ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนฺโตสีมาย ปจฺเจสฺส’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ทุติยจตุกฺเก ‘‘โส พหิสีมคโต สุณาตี’’ติอาทิวจนสฺส ตติยจตุกฺเก สวนนฺติกาทีนฺจ โอกาสกรณตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทํ ปน ทฺวาทสกํ อนาสาย วเสน ลพฺภมานมฺปิ อิมินา อวุตฺตสิทฺธํ กตฺวา น ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวเมตฺถ ทฺเว ทฺวาทสกานิ อุทฺธริตานิ. กรณียทฺวาทสเกปิ ยถาทสฺสิตอนาสายทฺวาทสกํ, อวุตฺตสิทฺธํ อาสายทฺวาทสกฺจาติ ทฺเว ทฺวาทสกานิ อุทฺธริตพฺพานิ. อิทานิ ทิสํคมิกนวกํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา ‘‘ทิสํคมิโก ปกฺกมตี’’ติ วจเนเนว ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อิทํ อวุตฺตสิทฺธเมว, ตสฺมา ตํ น วุตฺตํ. เอตฺตาวตา อาวาสปลิโพธาภาโว ทสฺสิโต.

๓๒๑. ‘‘จีวรปฏิวีสํ อปวิลายมาโน’’ติ อิมินา จีวรปลิโพธสมงฺคิตมสฺส ทสฺเสติ. ปฏิวีโสติ อตฺตโน ปตฺตพฺโพ จีวรภาโค. อปวิลายมาโนติ อากงฺขมาโน. ตสฺส จีวรลาเภ สติ วสฺสํวุตฺถาวาเส นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน เอกํ ติกํ, เตสํเยว วเสน อนฺตรามคฺเค เอกํ, คตฏฺาเน เอกนฺติ ติณฺณํ ติกานํ วเสน เอกํ นวกํ เวทิตพฺพํ. ตโต ปรํ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติ กสีมาติกฺกนฺติกสอุพฺภารานํ วเสน ผาสุวิหารปฺจกํ วุตฺตํ. อุภยตฺถ เสสกถินุทฺธาราสมฺภโว ปากโฏว. อยํ ปเนตฺถ ปฺจเก วิเสโส – สมาทายวาโร น สมฺภวติ ‘‘ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปจฺจาคมนาธิปฺปายโต.

๓๒๕. ทฺเวเม ภิกฺขเว กถินสฺส ปลิโพธาติ กถินตฺถารสฺส อนุปพนฺธนปจฺจยาติ.

กถินกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. จีวรกฺขนฺธกวณฺณนา

ชีวกวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๒๖. ราชคหโกติ ราชคหวาสี.

๓๒๘. อโมหชาติกตฺตา น จิรสฺเสว วิฺุตํ ปาปุณิ. อหํ เต ปิตา, เกนฏฺเน? ยสฺมา ตฺวํ มยา โปสาปิโต.

๓๒๙. ‘‘สกฺเก วิสฺสฏฺมตฺเต’’ติ ปาโ, อฏฺมสิกฺขาปเท วิสฺสฏฺมตฺโตว.

ปชฺโชตราชวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๓๔. ภุฺชิตุํ นิสินฺนสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ธมฺมปเท ‘พหินคเร ทิสฺวา’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวีสุ ทิวเสสุ ทินฺนํ เตน เตสุ เอเกกํ คเหตฺวา ทฺวีสุ อฏฺกถาสุ วุตฺตนฺติ ยุชฺชตี’’ติ วทนฺติ.

สมตฺตึสวิเรจนกถาวณฺณนา

๓๓๖. กพเฬ กพเฬติ เอตฺถ กิฺจาปิ คุฬาทีสุ ปกฺขิตฺตํ, ตํ ปน ภควาว ปริภุฺชิ, ตสฺมา นตฺถิ โทโส.

วรยาจนกถาวณฺณนา

๓๓๗. มหาปิฏฺิยโกชวํ นาม อติเรกจตุรงฺคุลปุปฺผํ กิร.

กมฺพลานุชานนาทิกถาวณฺณนา

๓๔๐. อุปจาเรติ สุสานสฺส อุปจาเร. พหิปิ วฏฺฏตีติ เอเก. กติกกรณํ ทสฺเสตฺวา ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ตว จ มม จ โหตูติ วตฺวา อิตเรน จ ตถาวุตฺเต วฏฺฏตี’’ติ สมานปริกฺขารวิธึ วทนฺติ.

๓๔๒. ‘‘ขณฺฑสีมายปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตตฺตา เสสกมฺมานิปิ ตตฺถ นิสีทิตฺวา กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ สนฺเต โจริกาย กตสทิสํ โหติ, ตสฺมา น วฏฺฏตี’’ติ ทีปวาสิโน วทนฺติ กิร. ‘‘โจริกาย คหิตตฺตา น ปาปุณาตีติ เสนาสนกฺขนฺธเก อาคตสุตฺตฺจ สาธก’’นฺติ วทนฺติ, ตสฺมา เตสํ มเตน อิทํ อาเวณิกลกฺขณนฺติ เวทิตพฺพํ.

ภณฺฑาคารสมฺมุติอาทิกถาวณฺณนา

๓๔๓. ‘‘อิทํ ปน ภณฺฑาคารนฺติ อาเวณิกลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํ.

จีวรรชนกถาวณฺณนา

๓๔๔. โคมเย อาปตฺติ นตฺถิ, วิรูปตฺตาวาริตํ. ‘‘กุงฺกุมปุปฺผํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อลฺลิกายา’’ติปิ ปาโ อตฺถิ.

นิสีทนาทิอนุชานนกถาวณฺณนา

๓๕๓. อฏฺานเมตนฺติ เอตฺถ รูปกณฺเฑ ‘‘จตุสมุฏฺานิก’’นฺติ วุตฺตตฺตา กมฺมสมุฏฺานํ ราคจิตฺตาภาวา น มุจฺจตีติ วา ราคปจฺจเย สติ กมฺมสมุฏฺานํ โหตีติ วา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ กถาวตฺถุนา จ.

๓๖๒. อคฺคฬคุตฺติเยว ปมาณนฺติ อิเมหิ จตูหิ นิกฺเขปการเณหิ เปนฺเตน อคฺคฬคุตฺติวิหาเรเยว เปตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย.

สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา

๓๖๓. โน เจ อตฺถตํ โหติ ‘‘เอกํ จีวรมาส’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ ยาว จีวรมาสา’’ติ วจนสฺส อภาวโต, ตสฺมา อนตฺถตกถินสฺส อนนุฺาตนฺติ เจ? น, เหฏฺา อนุฺาตตฺตา, ตโต ลีนตฺถทีปนตฺถมิธ ตถา วุตฺตตฺตา จ. เหฏฺา หิ ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺนํ, กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต อนตฺถตกถินานํ เอกจีวรมาเส อุปฺปนฺนํ, เตสํเยว โหตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา อิธ ตํ อวตฺวา เอโกปิ ตโย คณปูรเก ลภิตฺวา กถินํ อตฺถริตุํ ลภตีติ อิมํ ลีนตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘ยาว กถินสฺส อุพฺภารายา’’ติ วุตฺตํ. อิตรถา อยมตฺโถ น ายติ. ‘‘ชานิตพฺโพ จ วินยธเรหีติ ตถา วุตฺโตติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. อตฺถตํ โหติ, ปฺจ มาเส สพฺพํ ตสฺเสว ภิกฺขุโน โหตีติ สมฺพนฺโธ. อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ. ‘‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ นิยมิตตฺตา ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ เอตฺถ จ ‘‘อิธา’’ติ อธิการตฺตา ตสฺมึ วุตฺเต ลภติ. ‘‘ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตาติ จีวรกาลสฺสาสนฺนตฺตา จ อนตฺถตกถินานมฺปิ วุตฺถวสฺสานฺจ อนุฺาตฏฺานตฺตา เอว วุตฺต’’นฺติ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ. เกจิ ปน ‘‘ยํ ปน อิทํ ‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’ติอาทึ กตฺวา ยาว ‘อนาคตวสฺเส’ติ ปทํ, ตาว ปุจฺฉิตฺวา ‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’ติ อิทํ ปรโต ‘ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’ติ อิมสฺส ปริโยสาเน ‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’ติ ลิขิตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? ปรโต ‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว เหมนฺตสฺสา’ติ วุตฺเตน นิพฺพิเสสตฺตา, ตสฺมา เอว เอกจฺเจสุ ปณฺฑิตนฺติ วทนฺตี’’ติ วทนฺติ. อิธ ปน อิธ-สทฺเทน วิเสสิตํ, ตตฺถ นตฺถิ, ตสฺมา อฺมฺวิโรโธ นตฺถีติ คเหตพฺพํ. ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานิ ปาปุณนฺตี’’ติ วจนเมวาธิฏฺานํ, อิทเมตฺถ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ. ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานี’ติ วุตฺเตปิ อธิฏฺิตเมว โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มยฺหิมานี’ติ วุตฺเต ตสฺส จีวรานิ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘จีวรานิ ปาปุณนฺตี’ติ วตฺตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติ. ทุคฺคหิตานีติ สงฺฆิกาเนว โหนฺติ. ‘‘คหิตเมว นามา’ติ อิมสฺส อิทํ ปตฺตนฺติ กิฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา เตสํ อตฺถโต ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เอกสฺมึ อปติเต ปุน อาคตา ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

อุปนนฺทสกฺยปุตฺตวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๖๔. ‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร วสฺสํวุตฺเถนา’’ติ จีวรสมยํ อุปาทาย ปฏิกฺเขโป กโต.เอกสฺมึ วิหาเร ‘‘ราชวิหาเร วิย นานาปริเวเณสุ วา อิธ วา วุตฺถา ลภตู’’ติ วตฺวา ทินฺนํ. ‘‘สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตีติ เอตํ วจนมตฺตเมว เอกวิหาเร สตฺตาหกิจฺจาภาวา’’ติ จ ลิขิตํ.

มตสนฺตกกถาวณฺณนา

๓๖๙. ภิกฺขุสฺสาติ ภิกฺขุสฺมึ กาลํกเต. ตตฺถ ‘‘ปตฺตจีวเร’’ติ ปธานปริกฺขารทสฺสนมุเขน สพฺพปริกฺขารนิทสฺสนนฺติ เวทิตพฺพํ. อธมฺเมน อุปฺปนฺนฺเจตํ โหติ, สงฺฆสฺส กปฺปิยเมว มตตฺตาติ เอเก. โนติ ตกฺโก ปตฺตจตุกฺเก สพฺพถา อกปฺปิยปตฺตนยวิโรธโต. อธมฺเมน อุปฺปนฺนเสนาสเน จ วสโต อนาปตฺติ. อฺตรสฺมึ อาวาเส ทฺเว ภิกฺขู วสนฺติ, ตตฺถ เจโก กาลํกโต, อิตโร ตสฺส ปริกฺขารํ อปาเปตฺวา ตํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหาติ, สงฺฆสนฺตกํ คหิตํ โหติ, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. อนาวาเส คณฺหาติ, น กาเรตพฺโพ อสฺสามิกสฺส คหิตตฺตา. มรณสมเย วตฺตุํ อสหนฺโต เจ จิตฺเตเนว เทติ, ปุฺํ ปสวติ, สงฺโฆว ตสฺส สามี. ปโร วา อวิสฺสาสิโก สยเมว คณฺหาติ, คหณํ น รุหติ, เถยฺยจิตฺเตน เจ, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. ตสฺส จ อาวาสคตสฺส โก สามี. ‘‘สงฺโฆ สามี’’ติ วจนโต สงฺเฆน พลกฺกาเรน โส วาเรตพฺโพติ เอเก. ชีวมานกาเล คหิตตฺตา น สงฺโฆ สามีติ เอเก. สามิโก เจ สยํ ปสฺสิตฺวา อจฺฉินฺทิตุํ ลภติ, สงฺโฆปิ ลภติ สามิาเน ิตตฺตาติ อิตเร, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

มตกสฺส หิรฺาทิอกปฺปิยภณฺฑํ โหติ. อุคฺคหิตฺเจตํ โหติ, อุคฺคหิเต วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ธมฺเมน อุปฺปนฺนํ เจ, กปฺปิยการโก อาจิกฺขิตพฺโพ. ทาโส เจ คหิโต โหติ, น สงฺโฆ สามี, อารามิโก เจ, สงฺโฆ สามี. คาวีมหึสีอาทโย โหนฺติ, อาวาสคตานํ สงฺโฆ สามี, อนาวาสคตานํ น สงฺโฆ สามี. สงฺโฆ เจ อาวาสํ อาเนตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปจฺฉา สมีเป พหิสีมาย เปติ, การกสงฺโฆ สามี, ตถา อารามิเก. มตกสฺส ปริกฺขาโร นิกฺเขปวเสน ปิโต โหติ, เอโสว สามี. มหคฺโฆ เจ โหติ, เสสสฺส สงฺโฆ สามี. ‘‘เกนจิ คิลานุปฏฺาเกนา’’ติ วตฺตพฺพกฺกโม เอเตน ทสฺสิโต. ปุน อุปฏฺากานํ พหุภาเว สติ สพฺเพสํ ทาตพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา กมฺมวาจายํ ‘‘คิลานุปฏฺากาน’’นฺติ วุตฺตํ. สามเณรวาเร ‘‘จีวร’’นฺติ ปาโ. ‘‘อิมํ ตุยฺหํ เทมิ ททามิ ทชฺชามิ โอโณเชมิ ปริจฺจชามิ วิสฺสชฺชามิ นิสฺสชฺชามี’ติ วา ‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมิ…เป… นิสฺสชฺชามี’ติ วา วทติ, ‘สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา วุตฺเต ทินฺนํเยว โหตี’ติ ทานลกฺขณสฺส จ ‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’ติ วุตฺเต ‘มยฺหํ คณฺหามี’ติ วทติ, ‘สุทินฺนํ สุคฺคหิตฺจา’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) คหณลกฺขณสฺส จ วุตฺตตฺตา ‘มม สนฺตกํ ตว จ มม จ โหตู’ติ เอวมาทิวจเนน สมานปริกฺขารํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อาจริยา’’ติ ลิขิตํ.

อนุคณฺิปเท ปน อตีว ปปฺจํ กตฺวา ปุน ‘‘อิทเมตฺถ อาจริยานํ สนฺนิฏฺานํ – สเจสมฺพหุลา, ทฺเว วา สมานปริกฺขารํ กตฺตุกามา โหนฺติ, เต สพฺเพ อตฺตโน สนฺตกํ วตฺตมานํ อุปฺปชฺชนเกน สทฺธึ เปสลสฺส เอกสฺส ปริจฺจชนฺติ, โส ปุน เตสเมว ปริจฺจชติ, เอตฺตาวตา เต สมานปริกฺขาริกา โหนฺตีติ. อิทํ สมานปริกฺขารลกฺขณํ ปาฬิอาทีสุ วุตฺตลกฺขเณเยว ปตนโต อจลปฺปตฺตํ โหติ, ตถาปิ โปราณวิธึ อชฺโฌตฺถริตฺวา วตฺตนโต ปฏิเสเธตพฺโพ, อาจริยานํ มตานุสาเรน กาตพฺพํ กาตุกาเมนาติ อปเร’’ติ วุตฺตํ, ‘‘วสฺสํวุตฺถสามเณโร ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ เอกํ อติกฺกมิตฺวา ปุน คหิโต ลาภํ น ลภติ, อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน นาม โหตี’’ติ วทนฺติ.

วสฺสํวุตฺถานํอนุปฺปนฺนจีวรกถาวณฺณนา

๓๗๕. อุปฺปนฺเน จีวเร อภาชิเต ปกฺกมตีติ เอตฺถ ‘‘สงฺเฆน ตตฺรุปฺปาทโต เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เอตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ ทาตุํ สงฺฆสฺส รุจฺจตี’’ติ สาวิเตปิ วิพฺภมติ, ตโต น ลภติ, ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา จีวรภาชนํ สมฺภาเวนฺโตปิ น ลภติเยว ปุพฺพปกติโต ภฏฺตฺตา. อถ ปาปิเต วิพฺภมติ, ลภตี’’ติ จ วุตฺตํ.

สงฺเฆภินฺเนจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา

๓๗๖. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป.

อฏฺจีวรมาติกากถาวณฺณนา

๓๗๙. ยสฺมา อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานํ ทุพฺพิชานํ, ตสฺมา ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ ปริยนฺตคตเมว คเหตพฺพํ. ‘‘มหาปจฺจริยํ ปน ภิกฺขูสุปิ…เป… ปาปุณาตีติ ‘อุปจารสีมาย เทมา’ติ เอวํ ทินฺนเมว สนฺธายา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ วุตฺเต ขณฺฑสีมาทีสุ ิตานํ น ปาปุณาติ ตาสํ วิสุํ สมานสํวาสกสีมตฺตา. สมานสํวาสกอวิปฺปวาสสีมานํ อิทํ นานตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺมึ าเน อวิปฺปวาสสีมา อตฺถิ, ตตฺถ ิตานํ, อิตรตฺร ิตานฺจ ปาปุณาติ. ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ‘สีมฏฺกสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเต อุปจารสีมาย เอว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย เทมา’’ติ ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ทินฺเน ตตฺเถว ปาปุณาตีติ เกจิ. โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺตีติ เอตฺถ วิหารูปจาเร หตฺถปาเสน, พหิคามาทีสุ ทฺวาทสหตฺเถน อุปจาโรติ เอเก. ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺเต เอกาพทฺธา หุตฺวาปิ ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ิตานํ น ปาปุณาตีติ เอเก. ‘‘ภิกฺขุนิวิหารโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ตฺวา ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆว สามี’’ติ วทนฺติ. เอโกปิ คนฺตฺวาติ เอตฺถ สพฺเพสํ วา ปาเปตฺวา คนฺตพฺพํ, อาเนตฺวา วา ปาเปตพฺพํ, อิตรถา คตสฺส น ปาปุณาติ. สมานลาภกติกา มูลาวาเส สติ สิยา, มูลาวาสวินาเสน กติกาปิ วินสฺสติ. สมานลาภวจนํ สติ ทฺวีสุ, พหูสุ วา ยุชฺชติ. เตเนว เอกสฺมึ อวสิฏฺเ ยุชฺชตีติ โน มติ.

‘‘ตาวกาลิกกาเลน, มูลจฺเฉทวเสน วา;

อฺเสํ กมฺมํ อฺสฺส, สิยา นาวาสสงฺคโม’’ติ. –

อาจริโย.

สพฺพตฺถ ทินฺนเมวาติ ‘‘สมานภาโคว โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘เอกเมกํ อมฺหากํ ปาปุณาตีติ เจ วทติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ วิภาคสฺส กตตฺตา. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวเร ทินฺเน ปํสุกูลิกานํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อุภโตสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ อวุตฺตตฺตา ภิกฺขุนิสงฺเฆน มิสฺสิตตฺตา, ตตฺถ อปริยาปนฺนตฺตา จ ปุคฺคโล วิสุํ ลภติ. เอวํ สนฺเต ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น วิรุชฺฌติ, ตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ ทินฺนภาวเมว ทีเปติ, น อุภโตสงฺฆปฺตฺตึ, ตสฺมา เอว ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ วาโร น วุตฺโต. อถ วา อฏฺกถาวจนเมว ปมาณํ, น วิจารณาติ เอเก. ยสฺมา เอโก อทฺธานาทิยโก วิย ทุวิโธ น โหติ, ตสฺมา อุภโตสงฺฆคฺคหเณน เอโก ภิกฺขุ น คหิโตติ. ‘‘สพฺพาวาสสฺส จ เจติยสฺส จ ธมฺมสฺส จา’ติ วุตฺเต สพฺพวิหาเรสุ เจติยธมฺมานํ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต น วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตตฺถ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา, อิธ วิหาเรน ฆฏิตตฺตา จ ตมฺหิ ตมฺหิ วิหาเร เอกภาคํ ลภิตพฺพเมวาติ ปริหรนฺติ. อตฺตโน ปาเปตฺวาติ วิกาเล อปริโภคตฺตา สกโลปิ วฏฺเฏยฺยาติ เจ? ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺตตฺตา, เตน ‘‘หรามี’’ติ คหิตตฺตา จ น วฏฺฏติ. ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺโท อวธารณตฺโถ, ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานเมวาติ อตฺโถ, อิตรถา สมุจฺจยตฺเถ คหิเต ‘‘ลกฺขณฺู วทนฺตี’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา. กสฺมาติ อารภิตฺวา ปปฺจํ กโรนฺติ. กึ เตน, ปรโต ‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย…เป… อตีตวสฺสํวุตฺถานเมว ปาปุณาตี’’ติ อิมินา สิทฺธตฺตา น วิจาริตํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ลกฺขณฺู’’ติ อจลวเสน. สเจ ปน พหิอุปจารสีมาย ิโต…เป… สมฺปตฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานนฺติ อธิปฺปาโย ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ สมฺปตฺตานํ ปาปุณาตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) กงฺขาวิตรณิยํ วุตฺตตฺตา. คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย วุตฺเต ปน ยสฺมา อนนฺตราตีตํ เหมนฺตํ เอว วุตฺถา นาม โหนฺติ, น วสฺสํ, ตสฺมา ‘‘มาติกา อาโรเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. เย วา เถเรหิ เปสิตา, เตสํ ปาปุณาตีติ กิร อตฺโถ.

จีวรกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนา

ทฺเวนิสฺสารณาทิกถาวณฺณนา

๓๙๕. อปฺปตฺโต นิสฺสารณนฺติ เอตฺถ นิสฺสารณํ นาม กุลทูสกานํเยว อนุฺาตํ, อยํ ปน กุลทูสโก น โหติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปตฺโต’’ติ วุตฺโต. ยทิ เอวํ กถํ สุนิสฺสาริโต โหตีติ? จูฬวคฺเค ‘‘อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ กเรยฺยา’’ติ (จูฬว. ๒๗) วุตฺตตฺตา. ‘‘ตสฺสปาปิยสิกกมฺมารหสฺส ตสฺสปาปิยสิกกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ วจนโต จกฺกํ พนฺธนฺติ าตพฺพํ.

อุปาลิปุจฺฉากถาวณฺณนา

๔๐๐. ‘‘ปรโตติ อุปาลิปุจฺฉโต ปร’’นฺติ ลิขิตํ. โทสาริตปาฬิยํ ‘‘อูนวีสติวสฺโส น อาคโต วิปฺปนฺนวตฺถุกตฺตา’’ติ วุตฺตํ. อิมสฺมึ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก อธมฺมกมฺมานิเยว ทฺวิธา กตฺวา ปฺจาคตานีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ปริวาเร อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘‘ปฺจ อธมฺมิกานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนฺธมูคพธิโร โสสาริโต’’ติ อิมินา อปพฺพชิตสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหตีติ สิทฺธํ.

จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนา

โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา

๔๕๑. สุตฺตนฺติโกติ เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘วินยธโร มาติกาธโร’’ติ วุตฺตํ, อุภโตวิภงฺคํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ, น ขนฺธกภาณโก โหติ. อาวุโส เอตฺถ อาปตฺตีติ วจนํ อุปาทาย ‘‘โส ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติ วุจฺจติ. ปจฺฉา วินยธโร ‘‘วตฺถุมฺหิ สติ ปมาณํ, น ปฺตฺติย’’นฺติ สตึ ปฏิลภิตฺวา ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ, เตน วุตฺตํ อนฺเต ‘‘อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺตี’’ติ.

๔๕๕. ‘‘ยถา มยา ตฺตี’’ติ ลิขนฺติ ‘‘ปฺตฺตา’’ติ เอกวจนตฺตา.

ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๕๘. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต’’ติ ลิขนฺติ. ปุราณโปตฺถเกสุ ‘‘พาราณสิย’’นฺติ นตฺถิ, ‘‘นตฺถิภาโวว สุนฺทโร’’ติ วทนฺติ.

ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา

๔๖๗. รกฺขิตวนสณฺเฑติ สงฺคีติตฺเถเรหิ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘ปาลิเลยฺโยติ คาโม, ตสฺส วเสนา’’ติปิ วทนฺติ, ตํ ธมฺมปทฏฺกถาย น วิรุชฺฌติ.

อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๗๓. ตฺเวว…เป… ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามีติ เอตฺถ เสนาสนารหสฺส โย เสนาสนํ ปฏิพาหติ, ตสฺเสว อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ‘‘กลหการกาทีนเมตฺถ โอกาโส นตฺถีติอาทิกํ สงฺฆสฺส กติกํ วตฺวา ตํ น ปฺาเปนฺตสฺส วา ‘อหํ พุทฺโธ’ติ ปสยฺห อตฺตนา อตฺตโน ปฺาเปตฺวา คณฺหนฺตํ ‘ยุตฺติยา คณฺหถา’ติ วตฺวา วาเรนฺตสฺส วา โทโส นตฺถิ. อิธ กลหวูปสมนตฺถํ อาคตานํ โกสมฺพิกานมฺปิ ‘ยถาวุฑฺฒ’นฺติ อวตฺวา ‘วิวิตฺเต อสติ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา วิวิตฺตํ กตฺวา เทนฺตํ ปฏิพาเหนฺตสฺเสว อาปตฺตีติ กิร อยมตฺโถ ปาริวาสิกาทีนํ วิหารปริยนฺตทาปเนน สาธิตพฺโพ’’ติ ลิขิตํ.

สงฺฆสามคฺคีกถาวณฺณนา

๔๗๕. ‘‘อถ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ โอสาเรตฺวา เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู…เป… ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรมา’’ติ วจนํ ทุวิฺเยฺยวินิจฺฉยํ วินยลกฺขณกุสลสฺส. วิชฺชมาเน หิ การกสงฺเฆ อิตโร สงฺโฆ โอสาริตุํ น ลภติ. โอสาเรนฺโต เจ, เต ภิกฺขู การกสงฺเฆน สมานลทฺธิกภาวํ ปตฺตตฺตา เตน สมานสํวาสกา โหนฺติ, ตโต อุกฺเขปกานํ ฉนฺทํ อคฺคเหตฺวา โอสาเรนฺตานํ กมฺมํ กุปฺปติ, ตสฺมา ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ตํ ภิกฺขุํ โอสาเรถา’’ติ (มหาว. ๔๗๔) ภควโต วจเนน อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา โอสาเรสุํ, อุทาหุ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา, อุทาหุ อิตเรสํ ฉนฺทํ คเหตฺวา โอสาเรสุํ, นนุ เอเตสมฺตเรเนตฺถ ภวิตพฺพํ, น จ ปเนตํ สพฺพคณฺิปเทสุ วิจาริตํ. อยํ ปเนตฺถ ตกฺโก –

‘‘ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ สงฺเฆน, กตกมฺมสฺส ภิกฺขุโน;

สติ ตสฺมึ น อฺสฺส, ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ ขมํ.

‘‘วิรมนฺเต ตโต โทโส, อปิ สงฺโฆ อการโก;

โอสาเรตุํ อลํ ยสฺมา, การโก อนุโลมิโก’’ติ.

๔๗๗. ‘‘อฏฺ ทูตงฺคานิ นาม โสตา จ โหติ, สาเวตา จ อุคฺคเหตา จ ธาเรตา จ วิฺาตา จ วิฺาเปตา จ กุสโล จ สหิตาสหิตทสฺสโน จ อกลหการโก จาติ เอตานี’’ติ วุตฺตํ.

โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺคสฺส ลีนตฺถปกาสนา นิฏฺิตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

จูฬวคฺควณฺณนา

๑. กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา

อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาวณฺณนา

. อสมฺมุขา กตํ โหตีติอาทโย ติกา เกวลํ เทสนามตฺตเมว. น หิ ตีหิ เอว องฺเคหิ สโมธาเนหิ อธมฺมกมฺมํ โหติ, เอเกนปิ โหติ เอว, อยมตฺโถ ‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิปาฬิยา (จูฬว. ๖) สาเธตพฺโพ. ‘‘อปฺปฏิฺาย กตํ โหตี’’ติ ลชฺชึ สนฺธาย วุตฺตํ. กณฺหปกฺเข ‘‘อเทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ สุกฺกปกฺเข ‘‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ อิทํ ทฺวยํ ปรโต ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมํ กเรยฺย. อธิสีเล สีลวิปนฺโน โหตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌติ, อเทสนาคามินึ อาปนฺโน หิ ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’’ติ วุจฺจตีติ. ยุตฺตเมตํ, กตฺตุ อธิปฺปาโย เอตฺถ จินฺเตตพฺโพ. เอตฺถาห อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘ตชฺชนียกมฺมสฺส หิ วิเสเสน ภณฺฑนการกตฺตํ องฺค’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา อาคตนิทาเนน ยุชฺชติ, ตสฺมา สพฺพตฺติเกสุปิ ภณฺฑนํ อาโรเปตฺวา ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสน อิทํ กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺมา ‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ เอตฺถาปิ ปุพฺพภาเค วา อปรภาเค วา โจทนาสารณาทิกาเล ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสเนว กาเรตพฺพํ, น เกวลํ สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘อเทสนาคามินิยา อาปตฺติยาติ ปาราชิกาปตฺติยา’ติ เอตฺตกมตฺตํ วตฺวา ปรโต ‘อธิสีเล ปาราชิกสงฺฆาทิเสเส อชฺฌาจารา’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ สงฺฆาทิเสสํ สนฺธายา’’ติ คณฺิปเท ลิขิตํ. อิทํ โปราณคณฺิปเท ปุริมวจเนน สเมติ, ตสฺมา ตตฺถ ปจฺฉิมํ ปาราชิกปทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ สิยา, อฏฺกถายฺจ ‘‘อเทสนาคามินิยาติ ปาราชิกาปตฺติยา วา สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปาราชิกาปตฺติ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตา สิยา. ยโต คณฺิปเท ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’ติ สงฺฆาทิเสสํ สนฺธายา’’ติ เอตฺตกเมว ลิขิตํ, ตสฺมา สพฺพตฺถ คณฺิปเท สกเลน นเยน ปาราชิกาปตฺติปจฺจยา อุปฺปนฺนภณฺฑนเหตุ น ตชฺชนียกมฺมํ กาตพฺพํ ปโยชนาภาวา, สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพนฺติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ. น, สุกฺกปกฺเข ‘‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ (จูฬว. ๕) วจนโตติ เจ? น, เอเกน ปริยาเยน สงฺฆาทิเสสสฺสปิ เทสนาคามินิโวหารสมฺภวโต,

เยน กมฺเมน สนฺตชฺชนํ กรียติ, ตํ ตชฺชนียกมฺมํ นาม. เยน กมฺเมน นิสฺสาย เต วตฺถพฺพนฺติ นิสฺสิยติ ภชาปิยติ นิยสฺโส, ตํ นิยสกมฺมํ นาม. เยน ตโต อาวาสโต, คามโต จ ปพฺพาเชนฺติ กุลทูสกํ, ตํ ปพฺพาชนียกมฺมํ นาม. เยน กมฺเมน อกฺกุฏฺคหฏฺสมอีปเมว ปฏิสาริยติ โส อกฺโกสโก ปจฺฉา เปสิยติ, ตํ ปฏิสารณียกมฺมํ นาม. เยน สมานสํวาสกภูมิโต อุกฺขิปิยติ. ฉฑฺฑียติ สาติสาโร ภิกฺขุสงฺเฆน, ตํ กมฺมํ อุกฺเขปนียกมฺมํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

๑๑. ‘‘นิสฺสาย เต วตฺถพฺพ’’นฺติ ครุนิสฺสยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อิตรนฺติ.

๒๑. อสฺสชิปุนพฺพสุกวตฺถุสฺมึ ‘‘เตสุ วิพฺภนฺเตสุปิ กมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตุํ อนุฺาตมฺปิ สมฺมาวตฺตนฺตานํเยวา’’ติ ลิขิตํ. สมฺมุขา วุตฺตเมว คิหิปฏิสํยุตฺตํ นาม. ปรมฺมุขา วุตฺตํ เทสนํ คจฺฉติ.

๔๑. ขมาเปนฺเตน ‘‘ขมาหี’’ติ วตฺตพฺพมตฺตเมว, น อุกฺกุฏิกาทิสามีจินา ปโยชนนฺติ. อนุทูตนฺติ สหายนฺติ อตฺโถ.

๕๐. อทสฺสเนเยว อุกฺเขปนียํ กาตพฺพํ, น อฺถา. ‘‘ตชฺชนียาทิกรณกาเล อาปตฺตึ โรเปตฺวา ตสฺสา อทสฺสเน, อปฺปฏิกมฺเม วา ภณฺฑนการกาทิองฺเคหิ กาตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ.

ตชฺชนียกมฺมาทีสุ อยํ ปกิณฺณกวินิจฺฉโยติ เวทิตพฺโพ. กึ ตชฺชนียกมฺมํ, ตชฺชนียกมฺมสฺส กึ มูลํ, กึ วตฺถุ, กึ ปริโยสานํ, กสฺมา ‘‘ตชฺชนียกมฺม’’นฺติ วุจฺจตีติ? กึ ตชฺชนียกมฺมนฺติ วตฺถุสฺมึ สติ กรณสมฺปตฺติ. ตชฺชนียกมฺมสฺส กึ มูลนฺติ สงฺโฆ มูลํ. ตชฺชนียกมฺมสฺส กึ วตฺถูติ กลหชาตาปตฺติวตฺถุ. กึ ปริโยสานนฺติ ภาวนาปริโยสานํ. กสฺมา ตชฺชนียกมฺมนฺติ วุจฺจตีติ สงฺโฆ กลหการกปุคฺคลํ กลเห จ เภเท จ ภยํ ทสฺเสตฺวา ขนฺติยา ชเนติ, อุปสเม ชเนติ, ตสฺมา ‘‘ตชฺชนียกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. กถํ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กถํ อกตํ. กินฺติ จ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กินฺติ จ อกตํ. เกน จ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, เกน จ อกตํ. กตฺถ จ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กตฺถ จ อกตํ. กาย เวลาย ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กาย เวลาย อกตํ โหติ? กถํ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหตีติ สมคฺเคน สงฺเฆน ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน. กถํ อกตํ โหตีติ วคฺเคน สงฺเฆน ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน. กินฺติ จ กตํ โหตีติ กรณสมฺปตฺติยา. กินฺติ จ อกตํ โหตีติ กรณวิปตฺติยา. เกน จ กตํ โหตีติ สงฺเฆน. เกน จ อกตํ โหตีติ คเณน ปุคฺคเลน. กตฺถ จ กตํ โหตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมํ กโรติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส สมฺมุขีภูเต. กตฺถ จ อกตํ โหตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมํ กโรติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส อสมฺมุขีภูเต. กาย เวลาย กตํ โหตีติ ยทา กลหชาตาปตฺติ สํวิชฺชติ. กาย เวลาย อกตํ โหตีติ ยทา กลหชาตาปตฺติ น สํวิชฺชติ. กติหากาเรหิ ตชฺชนียกมฺมสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติ, กติหากาเรหิ อปตฺตกลฺลํ? สตฺตหากาเรหิ ตชฺชนียกมฺมสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติ, สตฺตหากาเรหิ อปตฺตกลฺลํ. กตเมหิ สตฺตหากาเรหิ ปตฺตกลฺลํ, กตเมหิ สตฺตหากาเรหิ อปตฺตกลฺลํ โหติ? กลหชาตาปตฺติ น สํวิชฺชติ, โส วา ปุคฺคโล อสมฺมุขีภูโต โหติ, สงฺโฆ วา วคฺโค โหติ, อสํวาสิโก วา ปุคฺคโล ตสฺสํ ปริสายํ สํวิชฺชติ, อโจทิโต วา โหติ อสาริโต วา, อาปตฺตึ วา อนาโรปิโต. อิเมหิ สตฺตหากาเรหิ ตชฺชนียกมฺมสฺส อปตฺตกลฺลํ โหติ, อิตเรหิ สตฺตหากาเรหิ ปตฺตกลฺลํ โหติ. เอวํ เสสกมฺเมสูติ.

กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปาริวาสิกกฺขนฺธกวณฺณนา

ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา

๗๕. ปาริวาสิกกฺขนฺธเก ‘‘มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถาติ วุตฺเต อนาปุจฺฉาปิ คามํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. สงฺโฆ อตฺตโน ปตฺตฏฺาเน คเหตุํ วฏฺฏติ. โอโณชนํ นาม วิสฺสชฺชนํ. ‘‘ตํ ปน ปาริวาสิเกน ปาปิตสฺส อตฺตนา สมฺปฏิจฺฉิตสฺเสว ปุนทิวสาทิอตฺถาย วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ, อสมฺปฏิจฺฉิตฺวาเยว เจ วิสฺสชฺเชติ, น ลภตี’’ติ วุตฺตํ.

๗๖. ปกติยาว นิสฺสโยติ เอตฺถ ‘‘อนฺเตวาสิกานํ อาลยสพฺภาเว ยาว วสฺสูปนายิกทิวโส, ตาว กปฺปติ, ตสฺส อาลยสฺส สพฺภาเว นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ เจ? น วฏฺฏติ. ตตฺถ อิทานิ ขมาเปยฺยามีติอาทินา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺเตน วิสฺสฏฺตฺตา, อิธ ปน เอกนฺเตเนว ทฺวินฺนมฺปิ สมภาโว อิจฺฉิตพฺโพ เอวาติ เอเก. ปฏิพลสฺส วา ภิกฺขุสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ลทฺธสมฺมุติเกน อาณตฺโตปิ ครุธมฺเมหิ, อฺเหิ วา โอวทิตุํ น ลภตี’’ติ ลิขิตํ. ตโต วา ปาปิฏฺตราติ เอตฺถ ‘‘อสฺจิจฺจ อาปนฺนสฺจริตฺตโต สุกฺกวิสฺสฏฺิ ปาปิฏฺตราติ อยมฺปิ นโย โยเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกํ. เสนาสนํ น ลภติ เสยฺยปริยนฺตภาคิตาย. ‘‘อุทฺเทสาทีนิ ทาตุมฺปิ น ลภตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ อวิเสเสน ‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. อฺวิหารคเตนาปิ ตตฺถ ปุพฺเพ อาโรจิตสฺส ปุนาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ. ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส พหิ อาโรจิตสฺส ยถา ปุน วิหาเร อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เอวํ ‘อาคนฺตุกโสธนตฺถํ อุโปสถทิวเส อาโรเจตพฺพ’นฺติ วจนฺเหตฺถ สาธก’’นฺติ วทนฺติ.

๘๑. เอกจฺฉนฺเน นิสินฺนสฺสาปิ รตฺติจฺเฉททุกฺกฏาปตฺติโย โหนฺตีติ เอเก. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกสฺส อุกฺขิตฺตกสฺสาติ อิมํ เภทํ อกตฺวา. ‘‘ตทหุปสมฺปนฺเนปิ ปกตตฺเต’’ติ วจนโต อนุปสมฺปนฺเนหิ วสิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘สมวสฺสาติ เอเตน อปจฺฉา อปุริมํ นิปชฺชเน ทฺวินฺนมฺปิ วตฺตเภทาปตฺติภาวํ ทีเปตี’’ติ ลิขิตํ.

ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

มูลายปฏิกสฺสนารหวตฺตกถาวณฺณนา

๘๖. อตฺตโน อตฺตโน นวกตรนฺติ ปาริวาสิกาทินวกตรํ. ปมํ สงฺฆมชฺเฌ ปริวาสํ คเหตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺเตน ปุน เอกสฺสปิ สนฺติเก สมาทิยิตุํ, นิกฺขิปิตุฺจ วฏฺฏติ. มานตฺเต ปน นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ. อูเน คเณ จรณโทสตฺตา น คเหตุนฺติ เอเก. ปมํ อาทินฺนวตฺตํ เอกสฺส สนฺติเก ยถา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ, ตถา สมาทิยิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ โปราณคณฺิปเท.

ปาริวาสิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สมุจฺจยกฺขนฺธกวณฺณนา

สุกฺกวิสฺสฏฺิกถาวณฺณนา

๙๗. ‘‘เวทยามีติ ชานามิ, จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํ. ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. ยสฺส อาโรจิตํ, ตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เกวลํ นิกฺขิปิตพฺพเมว. วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมาคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ. ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. ‘‘อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต’ติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘นิกฺขิปนฺเตน อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, ปโยชนํ อตฺถี’’ติ จ วุตฺตํ, น ปน ตํ ปโยชนํ ทสฺสิตํ. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ จิณฺณมานตฺตสฺส จ อพฺภานารหสฺส จ นินฺนานาการณตฺตา อฺถา ‘‘อพฺภานารโห อพฺเภตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. อุกฺเขปนียกมฺมกโตปิ อตฺตโน ลทฺธิคฺคหณวเสน สภาคภิกฺขุมฺหิ สติ ตสฺส อนาโรจาเปตุํ น ลภติ.

ปริวาสกถาวณฺณนา

๑๐๒. ‘‘อนนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติ ปาโ. อเวริภาเวน สภาโค อเวริสภาโค. ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ปสงฺคโต อิเธว ปกาสิตํ. ลหุเกสุ ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. ตตฺถ ตฺติยา อาวิ กตฺวา อุโปสถํ กาตุํ อนุฺาตตฺตา ลหุกสภาคํ อาวิ กาตุํ วฏฺฏตีติ. สภาคสงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรจนํ น วฏฺฏตีติ กิร. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตี’ติ (มหาว. ๑๗๑) วุตฺตตฺตา ลหุกสฺเสวายมนุฺาตา. น หิ สกฺกา สุทฺธสฺส เอกสฺส สนฺติเก สงฺฆาทิเสสสฺส ปฏิกรณํ กาตุ’’นฺติ ลิขิตํ. ลหุเกสุปิ สภาคํ อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตีติ, ตสฺมา เอว หิ ตฺติยา อาวิกรณํ อนุฺาตํ, อิตรถา ตํ นิรตฺถกํ สิยา. อฺมฺาโรจนสฺส วฏฺฏติ, ตโต น วฏฺฏตีติ ทีปนตฺถเมว ตฺติยา อาวิกรณมนุฺาตํ, เตเนว อิธ ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยมตฺโถ ‘‘เอตฺตาวตา เต ทฺเว นิราปตฺติกา โหนฺติ, เตสํ สนฺติเก เสเสหิ สภาคาปตฺติโย เทเสตพฺพา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วจเนน กงฺขาวิตรณิยํ ปกาสิโตว. สงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตสฺสา ตฺติยา อยมตฺโถ ยทา สุทฺธํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อาโรจนวเสน ปฏิกริสฺสติ. เอวํ ปฏิกเต ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, โย สุเณยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖) วุตฺตาปตฺติโต โมกฺโข โหตีติ, ตสฺมา ‘‘ครุกํ วา โหตุ ลหุกํ วา, ตฺติยา อาวิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, อุโภสุ นเยสุ ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ.

นามฺเจว อาปตฺติ จาติ ‘‘เตน เตน วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติ อาปตฺติ. นามนฺติ ตสฺสา อาปตฺติยา นาม’’นฺติ ลิขิตํ. อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เอตฺถ อาโรจนํ วตฺตเภททุกฺกฏปอหรณปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. อการณเมตนฺติ ‘‘สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติ วุตฺเต วุฏฺานโต.

ทสสตํ รตฺติสตนฺติ ทสสตํ อาปตฺติโย รตฺติสตํ ฉาเทตฺวาติ โยเชตพฺพํ. อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโสติ.

ปริวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

‘‘คามสฺสาติ น วุตฺต’’นฺติ วจนโต กิร คามูปจาเรปิ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโยติ ลิขิตํ. วุตฺตฺจ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ. ‘‘เอตฺถ อฏฺกถาจริยาว ปมาณํ. ยุตฺตํ น ทิสฺสตี’’ติ ลิขิตํ. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อยํ ปน วิเสโส, อาคนฺตุกสฺส…เป… โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติเยวา’’ติ วจเน เหฏฺา ‘‘อนฺโตอรุเณ เอว นิกฺขมิตฺวา คามูปจารโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทินา นเยน ครุํ กตฺวา วจนโต, ภิกฺขุนีนํ ครุกวเสเนว ตตฺถ ตตฺถ สิกฺขาปทานํ ปฺตฺตตฺตา จ ตทนุรูปวเสเนว อฏฺกถาจริเยน ภิกฺขุนีนํ ครุํ กตฺวา มานตฺตจรณวิธิทสฺสนตฺถํ ‘‘ยตฺตกา ปุเรภตฺตํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุรุนฺทิอาทีสุ วุตฺตวจเนน กโรนฺตสฺสปิ โทโส นตฺถีติ ทสฺเสตุํ เกวลํ ลกฺขณมตฺตเมว วุตฺตํ, ตทุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน ยุชฺชติ, วินิจฺฉเย ปตฺเต ลกฺขเณ เอว าตพฺพโต กุรุนฺทิอาทีสุ วุตฺตวจนํ ปจฺฉา วุตฺตํ. ปโยโค ปน ปุริโมว. ยถา เจตฺถ, ตถา สเจ กาจิ ภิกฺขุนี ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อนติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปติ, โทโส นตฺถิ, ตถาปิ สพฺพฏฺกถาสุ วุตฺตตฺตา ‘‘ปุริมเมว อาจิณฺณ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริวาสวตฺตาทีนนฺติ ‘‘ปริวาสนิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิอาทีนํ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตา ภิกฺขุนุปสฺสยสฺส อุปจารสีมาว คเหตพฺพา, น คาโม’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ตสฺมึ คาเม ภิกฺขาจาโร สมฺปชฺชตี’ติอาทิ ปวาริตวเสน วุตฺตํ. น หิ ตตฺถ อนฺโตคาเม วิหาโร อตฺถี’’ติ จ ลิขิตํ, ‘‘ตมฺปิ เตน ปริยาเยน ยุชฺชติ, น อตฺถโต’’ติ จ.

ปฏิจฺฉนฺนปริวาสาทิกถาวณฺณนา

๑๐๘. ‘‘วิสุํ มานตฺถํ จริตพฺพนฺติ มูลาย ปฏิกสฺสนํ อกตฺวา วิสุํ กมฺมวาจายา’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘สงฺฆาทิเสสาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา เอโกว, เอกวตฺถุมฺหิ อาปนฺนา สงฺฆาทิเสสา ถุลฺลจฺจยทุกฺกฏมิสฺสกา นาม. มกฺขธมฺโม นาม ฉาเทตุกามตา.

๑๔๓. ธมฺมตาติ ธมฺมตาย, ตถาตายาติ อตฺโถ ‘‘อลชฺชิตา’’ติ เอตฺถ วิย.

๑๔๘. ปุริมํ อุปาทาย ทฺเว มาสา ปริวสิตพฺพาติ เอตฺถ ‘‘ปริวสิตทิวสาปิ คณนูปคา โหนฺตี’’ติ ลิขิตํ.

๑๘๔. ตสฺมึ ภูมิยนฺติ ตสฺสํ ภูมิยํ. สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชติ ปริมาณมฺปีติอาทิ ชาติวเสเนกวจนํ.

สมุจฺจยกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สมถกฺขนฺธกวณฺณนา

สมฺมุขาวินยกถาวณฺณนา

๑๘๖-๑๘๗. ยตฺถ ยตฺถ กมฺมวาจาย ‘‘อย’’นฺติ วา ‘‘อิเม’’ติ วา สมฺมุขานิทฺเทสนิยโม อตฺถิ, สพฺพํ ตํ กมฺมํ สมฺมุขากรณียเมว, น เกวลํ ตชฺชนียาทิปฺจวิธเมว. ปฺจวิธสฺเสว ปน อุทฺธริตฺวา ทสฺสนํ กมฺมกฺขนฺธเก ตาว ตสฺเสว ปาฬิอารุฬฺหตฺตา, จตุวีสติยา ปาราชิเกสุ วิชฺชมาเนสุ ปาราชิกกณฺเฑ อาคตานํเยว จตุนฺนํ อุทฺธริตฺวา ทสฺสนํ วิยาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘ปุคฺคลสฺส สมฺมุขตา หตฺถปาสูปคมนเมวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ การณํ สมฺมุขากรณียสฺสปิ สมฺมุขานิทฺเทสนิยมาภาวโต. กามํ อยมตฺโถ กมฺมกฺขนฺธเกเยว ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ ตชฺชนียกมฺมํ อธมฺมกมฺมฺจ โหติ…เป… อสมฺมุขากตํ โหตี’’ติ (จูฬว. ๔) วจเนเนว สิทฺโธ, ตตฺถ ปน อาปตฺติ น ทสฺสิตา. อิธ ‘‘โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ตตฺถ ภวิตพฺพาปตฺติทสฺสนตฺถํ อิทํ อารทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สมฺมุขาวินยปติรูปเกน วูปสนฺตมฺปิ สมฺมุขาวินเยเนว วูปสนฺตคณนํ คจฺฉตีติ ทสฺเสตุํ ‘อธมฺมวาที ปุคฺคโล’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ลิขิตฺจ. เอวํ วูปสนฺตํ สมฺมุขาวินยปติรูปเกน วูปสนฺตํ นาม โหติ, น สมฺมุขาวินเยน จ อฺเน เกนจีติ ทสฺเสตุํ อิทมารทฺธนฺติ อาจริโย.

สติวินยกถาวณฺณนา

๑๙๕. ทพฺพสฺส กมฺมวาจาย ‘‘สงฺโฆ อิมํ อายสฺมนฺตํ ทพฺพ’’นฺติ สมฺมุขานิทฺเทโส นตฺถิ, ตถาปิ ‘‘ปมํ ทพฺโพ ยาจิตพฺโพ’’ติ วจเนน สมฺมุขากรณียตา ตสฺส สิทฺธา. ตถา อฺตฺถาปิ ยถาสมฺภวํ เลโส เวทิตพฺโพ. สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส ทาตพฺโพ วินโย สติวินโย.

อมูฬฺหวินยกถาวณฺณนา

๑๙๖-๗. ‘‘ยสฺส อุมฺมตฺตกสฺส ตํตํวีติกฺกมโต อนาปตฺติ, ตาทิสสฺเสว อมูฬฺหวินยํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อมูฬฺหสฺส กตฺตพฺพวินโย อมูฬฺหวินโย’’ติ ลิขิตํ, ตํ ยุตฺตํ ‘‘สงฺโฆ คคฺคสฺส ภิกฺขุโน อมูฬฺหสฺส อมูฬฺหวินยํ เทตี’’ติ วจนโต. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อธมฺมิกานิ อมูฬฺหวินยสฺส ทานานี’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘น สรามี’’ติ วจนํ วีติกฺกมกาลํ สนฺธาย ตสฺส วิภงฺคสฺส ปวตฺตตฺตา. อมูฬฺหวินยทานกาเล ปนสฺส อมูฬฺหตา วินิจฺฉิตพฺพา.

ปฏิฺาตกรณกถาวณฺณนา

๒๐๐. ‘‘อปฺปฏิฺาย ภิกฺขูนํ กมฺมานิ กโรนฺตี’’ติ อารภนฺตสฺส การณํ วุตฺตเมว. ปฏิฺาเตน กรณํ ปฏิฺาตกรณํ.

ตสฺสปาปิยสิกากถาวณฺณนา

๒๐๗. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ ตสฺสปาปิยสิกากมฺม’’นฺติ อารภิตฺวา ปฺจ องฺคานิ ทสฺเสตฺวา ปาฬิ คตา, ‘‘สา เปยฺยาเลน สงฺขิปิตฺวา คตาติ าตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. ตถา สุกฺกปกฺเขปิ.

ติณวตฺถารกาทิกถาวณฺณนา

๒๑๔. ‘‘สพฺเพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ ฉนฺททานสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปวารณกฺขนฺธกฏฺกถายฺจ ‘‘ภินฺนสฺส หิ สงฺฆสฺส สมคฺคกรณกาเล, ติณวตฺถารกสมเถ, อิมสฺมิฺจ ปวารณสงฺคเหติ อิเมสุ ตีสุ าเนสุ ฉนฺทํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๔๑) วุตฺตตฺตา อิธ อาคนฺตฺวา วา ฉนฺทํ ทตฺวา ปริเวณาทีสุ นิสินฺนาติ อิทํ วิรุชฺฌติ วิย ขายตีติ เจ? น ขายติ อธิปฺปายฺูนํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – วิสุชฺฌิตุกาเมหิ สพฺเพเหว สนฺนิปติตพฺพํ, อสนฺนิปติตสฺส นตฺถิ สุทฺธิ ฉนฺททายกสฺส. เกวลํ ตํ กมฺมํ สนฺนิปติตานํ สมฺปชฺชติ. อฏฺกถายํ วิสุชฺฌิตุกามานํ ฉนฺทํ ทาตุํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. อิตรถา ปาฬิยา จ วิรุชฺฌติ. ‘‘เปตฺวา เย น ตตฺถ โหตี’’ติ หิ อยํ ปาฬิ สนฺนิปาตํ อาคนฺตฺวา ฉนฺทํ ทตฺวา ิตานํ อตฺถิตํ ทีเปติ. นิสฺสีมคเต สนฺธาย วุตฺตํ สิยาติ เจ? นิสฺสีมคเต เปตฺวา อิธ กึ, ตสฺมา โย สามคฺคีอุโปสเถ ฉนฺทํ ทตฺวา ติฏฺติ เจ, นานาสํวาสกภูมิยํเยว ติฏฺติ, ตสฺส ฉนฺททายกสฺส ปวารณสงฺคโหปิ นตฺถิ. โย จ ติณวตฺถารกกมฺเม นาคจฺฉติ, โส ตาหิ อาปตฺตีหิ น สุชฺฌตีติ เวทิตพฺพํ. ยสฺส เอตํ น รุจฺจติ, ตสฺส ปริวาเร วุตฺตปริสโต กมฺมวิปตฺติลกฺขณํ วิรุชฺฌติ, ตตฺถ หิ เกวลํ ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อนาหโฏ โหติ สเจ, อกตํ ตพฺพิปรีเตน สมฺปตฺติทีปนโตติ วุตฺตํ โหติ. ตถา ปตฺตกลฺลลกฺขณมฺปิ วิรุชฺฌติ. เตสุ ตีสุ าเนสุ กมฺมปฺปตฺตาเยว สพฺเพ, น ตตฺถ ฉนฺทารโห อตฺถีติ เจ? น, จตุวคฺคาทิกรณวิภาชเน อวิเสเสตฺวา ฉนฺทารหสฺส อาคตตฺตา, ตํ สามฺโต วุตฺตํ. อิทฺจ อาเวณิกลกฺขณํ, เตเนว สติปิ ทิฏฺาวิกมฺเม อิทํ ปฏิกุฏฺกตํ น โหตีติ เจ? น, นานตฺตสภาวโต. อิธ หิ เย ปน ‘‘น เมตํ ขมตี’ติ อฺมฺํ ทิฏฺาวิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๑๔) วจนโต น สงฺฆสฺส ทิฏฺาวิกมฺมํ กตํ. ตสฺมึ สติ ปฏิกุฏฺกตเมว โหติ. อฺถา ปุพฺพภาคา ตา ตฺติโย นิรตฺถิกา สิยุํ, น จ ปริวารฏฺกถายํ ฉนฺทารหาธิกาเร นโย ทินฺโน. ปวารณกฺขนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ตีสุ าเนสุ ฉนฺทํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๒๔๑) วุตฺตตฺตา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อฏฺกถาย ปมาณภาเว สติ ‘‘อิธ ฉนฺทํ ทตฺวา ปริเวณาทีสุ นิสินฺนา’’ติอาทิ วจเน สุทฺธิกามโต เอว คหิเต สพฺพํ น วิรุชฺฌตีติ เอเก. ‘‘อาคนฺตฺวา วา ฉนฺทํ ทตฺวา ปริเวณาทีสุ นิสินฺนา, เต อาปตฺตีหิ น วุฏฺหนฺตี’’ติ อิทํ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? เหฏฺา ‘‘สพฺเพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ ฉนฺททานสฺส ปฏิกฺเขปวจนโต อฏฺกถายํ ‘‘ตีสุ าเนสุ ฉนฺทํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา, อนฺธกฏฺกถายมฺปิ ตเถว วุตฺตตฺตา จาติ? น, เอกชฺฌเมว กมฺเม กรียมาเน โย อิธ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ…เป… คิหิปฏิสํยุตฺต’’นฺติ สาธารณตฺตึ เปตฺวา ปุน ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา’’ติอาทินา อสาธารณตฺติโย เปตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, อมฺหากํ…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอกโตปกฺขิกานํ สนฺธิยา กตาย ตทนนฺตเร เกนจิ กรณีเยน ฉนฺทํ ทตฺวา คจฺฉติ, ตสฺส อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ นตฺถิ. อปเรสมฺปิ เอกโตปกฺขิกานํ อพฺภนฺตเร ิตตฺตา วิภูตตฺตา กรณสฺส อยมตฺโถว วุตฺโต. สาธารณวเสน ทุติยาย ตฺติยา ปิตาย เย ตสฺมึ ขเณ ตฺติทุติยกมฺมวาจาสุ อนารทฺธาสุ, อปริโยสิตาสุ วา ฉนฺทํ ทตฺวา คจฺฉนฺติ, เตสมฺปิ น วุฏฺาติ เอว. เย น ตตฺถ โหนฺตีติ ปทสฺส จ เย วุตฺตปฺปกาเรน นเยน ตตฺถ น โหนฺตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. วุตฺตปฺปการตฺถทีปนตฺถฺจ อฏฺกถายํ ‘‘ฉนฺทํ ทตฺวา ปริเวณาทีสุ นิสินฺนา’’ติ อิทเมว อวตฺวา ‘‘เย ปน เตหิ วา สทฺธึ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ ตตฺถ อนาคตา, อาคนฺตฺวา วา ฉนฺทํ ทตฺวา ปริเวณาทีสุ นิสินฺนา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ปุพฺเพนาปรํ สนฺธียติ. ‘‘ปาฬิยา จ ตตฺถ ทิฏฺาวิกมฺเมน กมฺมสฺส อกุปฺปตา เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.

อธิกรณกถาวณฺณนา

๒๒๐. จิตฺตุปฺปาโท วิวาโท. วิวาทสทฺโทปิ การณูปจาเรน กุสลาทิสงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตํ สนฺธาย ‘‘สมเถหิ จ อธิกรณียตาย อธิกรณ’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา วิวาทเหตุภูตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส วูปสเมน สมฺภวสฺส สทฺทสฺสปิ วูปสโม โหตีติ จิตฺตุปฺปาทสฺสปิ สมเถหิ อธิกรณียตา ปริยาโย สมฺภวติ. ‘‘กุสลจิตฺตา วิวทนฺตี’’ติ วุตฺตวิวาเทปิ ‘‘วิปจฺจตาย โวหาโร’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตวจนเหตุวเสนาติ เวทิตพฺพํ.

๒๒๒. ‘‘อาปตฺติฺหิ อาปชฺชนฺโต กุสลจิตฺโต วา’’ติ วจนโต กุสลมฺปิ สิยาติ เจ? น ตํ อาปตฺตาธิกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, โย อาปตฺตึ อาปชฺชติ, โส ตีสุ จิตฺเตสุ อฺตรจิตฺตสมงฺคี หุตฺวา อาปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กุสลจิตฺโต อาปชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โย ‘‘ปฺตฺติมตฺตํ อาปตฺตาธิกรณ’’นฺติ วเทยฺย, ตสฺส อกุสลาทิภาโวปิ อาปตฺตาธิกรณสฺส น ยุชฺชเตว วิวาทาธิกรณาทีนํ วิยาติ เจ? น, ‘‘นตฺถาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ อิมินา วิโรธสมฺภวโต. อนุคณฺิปเท ปน ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ นาม ตถาปวตฺตมานอกอุสลจิตฺตุปฺปาทรูปกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. อวสิฏฺเสุ กุสลาพฺยากตปฺตฺตีสุ ‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’นฺติ วจนโต ปฺตฺติตาว ปฏิสิทฺธา กุสลตฺติเก อปริยาปนฺนตฺตา. กุสลปฏิเสเธเนว เตน สมานคติกตฺตา กิริยาพฺยากตานมฺปิ ปฏิเสโธ เวทิตพฺโพ, กิริยาพฺยากตานํ วิย อนุคมนโต วิปากาพฺยากตานมฺปิ ปฏิเสโธ กโตว โหติ, ตถาปิ อพฺยากตสามฺโต รูปกฺขนฺเธน สทฺธึ วิปากกิริยาพฺยากตานมฺปิ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหตี’’ติ วินเย อปกตฺุโน สนฺธาย วุตฺตํ อปฺปหริตกรณาทิเก สติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วตฺตุํ น สกฺกา, ตสฺมา กุสลจิตฺตํ องฺคํ น โหตีติ อตฺโถ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ วุจฺจตีติ เจ? ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นยิท’’นฺติอาทิ อารทฺธนฺติ เอเก. อาปตฺติสมุฏฺาปกจิตฺตํ องฺคปฺปโหนกจิตฺตํ นาม. ‘‘เอกนฺตโตติ เยภุยฺเยนาติ อตฺโถ, อิตรถา วิรุชฺฌติ. กสฺมา? ‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหตี’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตตฺตา’’ติ วทนฺติ. เตน กึ? วิปาโก นตฺถิ, กสฺมา? เอกนฺตากุสลตฺตา, ตสฺมา กถาว ตตฺถ นตฺถิ. ยตฺถ ปน อตฺถิ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติอาทิมาห. อสฺจิจฺจ ปน กิฺจิ อชานนฺตสฺส…เป… อพฺยากตํ โหตีติ ภิกฺขุมฺหิ กมฺมฏฺานคตจิตฺเตน นิปนฺเน, นิทฺทายนฺเต วา มาตุคาโม เจ เสยฺยํ กปฺเปติ, ตสฺส ภิกฺขุโน วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ น โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ ขเณ เสยฺยากาเรน วตฺตมานรูปเมว อาปตฺตาธิกรณํ นาม. ภวงฺคจิตฺเต วิชฺชมาเนปิ เอเสว นโย. ตสฺมิฺหิ ขเณ อุฏฺาตพฺเพ ชาเต อนุฏฺานโต รูปกฺขนฺโธว อาปตฺติ นาม, น วิปาเกน สทฺธึ. สเจ ปน วเทยฺย, ตสฺส เอวํวาทิโน อจิตฺตกานํ กุสลจิตฺตํ อาปชฺเชยฺย. กึ วุตฺตํ โหติ? เอฬกโลมํ คเหตฺวา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน ติโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส, ปณฺณตฺตึ อชานิตฺวา ปทโส ธมฺมํ วาเจนฺตสฺส จ อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา กุสลจิตฺตํ อาปชฺเชยฺยาติ. อาปชฺชติเยวาติ เจ? นาปชฺชติ. กสฺมา? ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วจนโต.

จลิโต กาโย, ปวตฺตา วาจา, อฺตรเมว องฺคนฺติ อฺตรเมว อาปตฺตีติ อตฺโถ. เกวลํ ปฺตฺติยา อกุสลาทิภาวาสมฺภวโต อาปตฺติตา น ยุชฺชติ. อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ตีสุ อฺตรสมงฺคี หุตฺวา อาปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กุสลจิตฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ปถวีขณนาทีสุ กุสลจิตฺตกฺขเณ วีติกฺกมวเสน ปวตฺตรูปสมฺภวโต กุสลจิตฺโต วา อพฺยากตาปตฺตึ อาปชฺชติ. ตถา อพฺยากตจิตฺโต วา อพฺยากตรูปสงฺขาตํ อพฺยากตาปตฺตึ อาปชฺชติ, ปาณาติปาตาทีสุ อกุสลจิตฺโต วา อกุสลาปตฺตึ อาปชฺชติ, รูปํ ปเนตฺถ อพฺโพหาริกํ. สุปินปสฺสนกาลาทีสุ ปาณาติปาตาทึ กโรนฺโต สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชิตพฺพาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต อกุสลจิตฺโต อพฺยากตาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺโพ. อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ อกุสลนฺติ อกุสลจิตฺตุปฺปาโท. โปราณคณฺิปเทสุ ปน ‘‘ปุถุชฺชโน กลฺยาณปุถุชฺชโน เสกฺโข อรหาติ จตฺตาโร ปุคฺคเล ทสฺเสตฺวา เตสุ อรหโต อาปตฺตาธิกรณํ อพฺยากตเมว, ตถา เสกฺขานํ, ตถา กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส อสฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล อพฺยากตเมว. อิตรสฺส อกุสลมฺปิ โหติ อพฺยากตมฺปิ. ยสฺมา จสฺส สฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล อกุสลเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’นฺติ. สพฺพตฺถ อพฺยากตํ นาม ตสฺส วิปากาภาวมตฺตํ สนฺธาย เอวํนามกํ ชาต’’นฺติ ลิขิตํ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

๒๒๔. วิวาโท วิวาทาธิกรณนฺติ โย โกจิ วิวาโท, โส สพฺโพ กึ วิวาทาธิกรณํ นาม โหตีติ เอกปุจฺฉา. ‘‘วิวาโท อธิกรณนฺติ วิวาทาธิกรณเมว วิวาโท จ อธิกรณฺจาติ ปุจฺฉติ. ตทุภยํ วิวาทาธิกรณเมวาติ ปุจฺฉตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ อยํ ปุจฺฉา นตฺถิ. ยทิ เอวํ อิมาย น ภวิตพฺพํ วิวาโท วิวาทาธิกรณํ, วิวาทาธิกรณํ วิวาโท, วิวาทาธิกรณํ วิวาโท เจว อธิกรณฺจาติ ปฺจปฺหาหิ ภวิตพฺพํ สิยา. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ติสฺโส, เกสุจิ จตสฺโส, ปฺจ นตฺถิ. ตตฺถ ทฺเว วิภตฺตา. อิตราสุ อธิกรณํ วิวาโทติ ยํ กิฺจิ อธิกรณํ, วิวาทสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, วิวาโท อธิกรณนฺติ โย โกจิ วิวาโท, โส สพฺโพ อธิกรณสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ ปุจฺฉติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.

๒๒๘. สมฺมุขาวินยสฺมินฺติ สมฺมุขาวินยภาเว.

๒๓๐. ‘‘อนฺตเรนาติ การเณนา’’ติ ลิขิตํ.

๒๓๓. อุพฺพาหิกาย ขิยฺยนเก ปาจิตฺติ น วุตฺตา ตตฺถ ฉนฺททานสฺส นตฺถิตาย.

๒๓๖. ตสฺส โข เอตนฺติ เอโสติ อตฺโถ ‘‘เอตทคฺค’’นฺติ เอตฺถ วิย.

๒๓๘. ‘‘กา จ ตสฺส ปาปิยสิกา’’ติ กิร ปาโ.

๒๔๒. ‘‘กิจฺจเมว กิจฺจาธิกรณ’’นฺติ วจนโต อปโลกนกมฺมาทีนเมตํ อธิวจนํ, ตํ วิวาทาธิกรณาทีนิ วิย สมเถหิ สเมตพฺพํ น โหติ, กินฺตุ สมฺมุขาวินเยน สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ.

สมถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนา

ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา

๒๔๔. ปุถุปาณินา กตฺตพฺพํ กมฺมํ ปุถุปาณิกํ.

๒๔๕. ‘‘กณฺณโต นิกฺขนฺตมุตฺโตลมฺพกาทีนํ กุณฺฑลาทีน’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘กายูร’’นฺติ ปาฬิปาโ. ‘‘เกยูราทีนี’’ติ อาจริเยนุทฺธฏํ.

๒๔๘. ‘‘สาธุคีตํ นาม ปรินิพฺพุตฏฺาเน คีต’’นฺติ ลิขิตํ. ทนฺตคีตํ คายิตุกามานํ วากฺกกรณียํ. ทนฺตคีตสฺส วิภาวนตฺถํ ‘‘ยํ คายิสฺสามา’’ติอาทิมาห.

๒๔๙. จตุรสฺสวตฺตํ นาม จตุปฺปาทคาถาวตฺตํ. ‘‘ตรงฺควตฺตาทีนิ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปโยคานี’’ติ ลิขิตํ. พาหิรโลมินฺติ ภาวนปุํสกํ, ยถา ตสฺส อุณฺณปาวารสฺส พหิทฺธา โลมานิ ทิสฺสนฺติ, ตถา ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๒๕๑. วิรูปกฺเขหีติอาทิ สหโยคกรณวจนํ. สรพูติ เคหโคฬิกา. สา กิร เสตา สวิสา โหติ. โสหนฺติ ยสฺส เม เอเตหิ เมตฺตํ, โสหํ นโม กโรมิ ภควโตติ สมฺพนฺโธ. อฺมฺหิ…เป… เฉตพฺพมฺหีติ ราคานุสเย.

๒๕๒. อุฏฺฏิตฺวาติ ปกฺขิปิตฺวา. โอตรตูติ อิทฺธิยา โอตาเรตฺวา คณฺหาตุ. อนุปริยายีติ อนุปริพฺภมิ.

๒๕๓. น อจฺฉุปิยนฺตีติ น ลคฺคนฺติ. รูปกากิณฺณานีติ อิตฺถิรูปาทีหิ โวกิณฺณานิ.

๒๕๔. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ. ปริวตฺเตตฺวา ตตฺเถวาติ เอตฺถ ‘‘ปริวตฺเตตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิยา ปติฏฺาตี’’ติ ลิขิตํ. ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิ กุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ. เอตฺถ ‘‘ปริวฏฺฏิตฺวา ปตฺโต ภิชฺชตีติ อธิกรณเภทาสงฺกาย อภาเว าเน เปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. ปตฺตมาฬโก วฏฺฏิตฺวา ปตฺตานํ อปตนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา มาฬกจฺฉนฺเนน กโต. ‘‘ปตฺตมณฺฑลิกา ปตฺตปจฺฉิกา ตาลปตฺตาทีหิ กตา’’ติ จ ลิขิตํ. มิฑฺฒนฺเต อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ ปตฺตสนฺธารณตฺถํ วุตฺตตฺตา. มฺเจ อาธารเกปิ น วฏฺฏติ นิสีทนปจฺจยา วาริตตฺตา. อาสนฺนภูมิกตฺตา โอลมฺเพตุํ วฏฺฏติ.

๒๕๕. ‘‘อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวาติ วจนโต อคฺคหตฺเถ ลคฺเคตฺวา องฺเก เปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ เกจิ วทนฺติ, น สุนฺทรํ, ‘‘น เกวลํ ยสฺส ปตฺโต’’ติอาทิ ยทิ หตฺเถน คหิตปตฺเต เภทสฺา, ปเคว อฺเน สรีราวยเวนาติ กตฺวา วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ปจุรโวหารวเสน วุตฺตํ. ฆฏิกปาลมยํ ฆฏิกฏาหํ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีรํ, ขีรสฺส ธาราติอาทิโวหารวเสน วุตฺตํ. มฺเจ นิสีทิตุํ อาคโตติ อตฺโถ. ‘‘ปิสาจิลฺลิกาติ ปิสาจทารกา’’ติปิ วทนฺติ. ทินฺนกเมว ปฏิคฺคหิตเมว. จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. อฏฺิกานิ จ กณฺฏกานิ จ อฏฺิกกณฺฏกานิ. ‘‘เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา, มา วา, อาปตฺติเยวา’’ติ ลิขิตํ.

๒๕๖. วิปฺผาเฬตฺวาติ ผาเฬตฺวา. กิณฺเณน ปูเรตุนฺติ สุรากิณฺเณน ปูเรตุํ. พิทลกํ นาม ทิคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทิคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินมตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทิคุณํ กาตพฺพํ. อฺถา ขุทฺทกจีวรสฺส อนุวาตปริภณฺฑาทิวิธานกรเณ หตฺถสฺส โอกาโส น โหติ. สลากาย สติ ทฺวินฺนํ จีวรานํ อฺตรํ ตฺวา สิพฺพิตาสิพฺพิตํ สุขํ ปฺายติ. ทณฺฑกถิเน กเต น พหูหิ สหาเยหิ ปโยชนํ. ‘‘อสํกุฏิตฺวา จีวรํ สมํ โหติ. โกณาปิ สมา โหนฺตี’’ติ ลิขิตํ, ‘‘หลิทฺทิสุตฺเตน สฺากรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา หลิทฺทิสุตฺเตน จีวรํ สิพฺเพตุมฺปิ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ตตฺถ หิ เกจิ อกปฺปิยสฺิโน. ปฏิคฺคโห นาม องฺคุลิโกโส.

๒๕๗-๘. ปาตีติ ปฏิคฺคหสณฺานํ. ปฏิคฺคหตฺถวิกนฺติ องฺคุลิโกสตฺถวิกํ. สูจิสตฺถกานํ ปุพฺเพ อาเวสนตฺถวิกาย อนุฺาตตฺตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เภสชฺชตฺถวิก’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ สูจิสตฺถกาทีนิปิ เปตพฺพานีติ นิทานํ สูเจติ. สเจปิ อุปนนฺโท ภิกฺขุ อลชฺชี, ตถาปิ สนฺตกเมตํ อมูลจฺเฉทกตภิกฺขุโน ลชฺชิโนปิ สมานสฺส กปฺปตีติ ยุชฺชติ. น สมฺมตีติ น ปโหติ.

๒๖๐-๑. พหิ กุฏฺฏสฺส สมนฺตโต นีจวตฺถุกํ กตฺวา ิตํ ‘‘มณฺฑลิก’’นฺติ วุจฺจติ. ชนฺตาฆรปฺปฏิจฺฉาทินา ฉนฺนสฺส นคฺคิยํ ยสฺส น ปฺายติ, ตสฺเสว ปริกมฺมํ กาตพฺพํ. เอส นโย อุทกวตฺถปฏิจฺฉาทีสุปิ.

๒๖๒-๓. ปณิยา นาม ปณิยการกา. อากฑฺฒนยนฺตํ อากฑฺฒิยมานํ กูปสฺส อุปริภาเค ปริพฺภมติ. อรหฏฆฏิยนฺตํ สกฏจกฺกสณฺานยนฺตํ. ตสฺส อเร อเร ฆฏิกานิ พนฺธิตฺวา เอเกน, ทฺวีหิ วา ปริพฺภมิยมานสฺส อุทกนิพฺพาหนํ เวทิตพฺพํ. อาวิทฺธปกฺขปาสํ นาม ยตฺถ มณฺฑลากาเรน ปกฺขปาสา พชฺฌนฺติ อาวิทฺธวตฺถตา วิย อาวิทฺธปกฺขปาสกา. ปุพฺเพ ปตฺตสงฺโคปนตฺถํ, อิทานิ เปตพฺพํ ภุฺชิตุํ อาธารโก อนุฺาโต.

๒๗๓. ปรคลํ คจฺฉตีติ อิมสฺส ปโยคาภาวา วฏฺฏติ. กมฺมสเตนาติ มหตา อุสฺสาเหน.

๒๗๗-๘. โลหภณฺฑํ นาม กํสโต เสสโลหภณฺฑํ. มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตํ. ปามงฺคทสา จตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺาเนนาติ สงฺฆาฏิยา มุทิงฺคสิพฺพนากาเรน วรกสีสากาเรน. ปวนนฺโตติ ปาสนฺโต. ‘‘ทสามูล’’นฺติ จ ลิขิตํ. อกายพนฺธเนน สฺจิจฺจ วา อสฺจิจฺจ วา คามปฺปเวสเน อาปตฺติ. ‘‘สริตฏฺานโต พนฺธิตฺวา ปวิสิตพฺพํ, นิวตฺติตพฺพํ วา’’ติ ลิขิตํ.

๒๗๙. สตฺตงฺคุลํ วา อฏฺงฺคุลํ วาติ เอตฺถ ‘‘สุคตงฺคุเลนา’’ติ อวุตฺตตฺตา ปกติองฺคุเลน สารุปฺปตฺถาย วฑฺเฒตฺวาปิ กโรนฺติ เจ, น โทโส.

๒๘๐. ตาลวณฺฏากาเรน สีหฬิตฺถีนํ วิย.

ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนา

วิหารานุชานนกถาวณฺณนา

๒๙๔. นิลียนฺติ ภิกฺขู เอตฺถาติ วิหาราทโย เลณานิ นาม. อาคต-วจเนน ตสฺสาคตสงฺโฆว สามี, น อนาคโตติ เกจิ, ตํ น ยุชฺชติ สมานลาภกติกาย สิทฺธตฺตา.

๒๙๖-๗. ทีปินงฺคุฏฺเนาติ เอตฺถ ‘‘ทีปินา อกปฺปิยจมฺมํ ทสฺเสตี’’ติ ลิขิตํ. ถมฺภกวาตปานํ นาม ติริยํ ทารูนิ อทตฺวา อุชุกํ ิเตเหว ทารูหิ กตฺตพฺพํ. ภิสีนํ อนุฺาตํ วฏฺฏตีติ พิมฺโพหเน วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ตูลปูริตํ ภิสึ อปสฺสยิตุํ น วฏฺฏติ อุณฺณาทีนํเยว อนุฺาตตฺตา. นิสีทนนิปชฺชนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา อปสฺสยิตุํ วฏฺฏตีติ เจ? อกปฺปิยนฺติ น วฏฺฏตีติ เกจิ. ยทิ เอวํ อกปฺปิยมฺจฺจ อปสฺสยิตุํ น วฏฺเฏยฺย. ยสฺมา วฏฺฏติ, ตสฺมา โทโส นตฺถิ. อปิจ คิลานสฺส พิมฺโพหนํ นิปชฺชิตุมฺปิ อนุฺาตํ, ตสฺมา ภิสิปิ วฏฺฏติ อปสฺสยิตุํ. อาจริยา จ อนุชานนฺติ, วฬฺเชนฺติ จาติ เอเก. สิมฺพลิตูลสุตฺเตน สิพฺพิตํ จีวรํ วฏฺฏติ. กสฺมา? กปฺปาสสฺส อนุโลมโต. ‘‘อกฺกผลสุตฺตมยมฺปิ อกฺกวากมยเมว ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ เต เอว วทนฺติ.

๒๙๘. อนิพนฺธนีโย อลคฺโค. ปฏิพาเหตฺวาติ มฏฺํ กตฺวา. ‘‘เสตวณฺณาทีนํ ยถาสงฺขฺยํ อิกฺกาสาทโย พนฺธนตฺถํ วุตฺตา’’ติ ลิขิตํ.

๓๐๐. ปกุฏฺฏํ สมนฺตโต อาวิทฺธปมุขํ.

๓๐๓. สุธาเลโปติ สุธามตฺติกาเลโป.

๓๐๕. อาสตฺติ ตณฺหา. สนฺตึ อทรํ.

๓๐๗. เกตุนฺติ กเยน คเหตุํ.

๓๐๘. จิตาติ อิฏฺกาโย กพเฬน นิทฺธมนวเสน ฉินฺทิตฺวา กตาติ อตฺโถ.

๓๑๐. ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ อนฺเตวาสิกาติ เอตฺถ วีสติวสฺสํ อติกฺกมิตฺวา ฉพฺพคฺคิยา อุปฺปนฺนา. ‘‘อาราธยึสุ เม ภิกฺขู จิตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วุตฺตตฺตา อฺสฺมึ กาเล สาวตฺถิคมเน อุปฺปนฺนํ วตฺถุํ อิธ อาปตฺติทสฺสนตฺถํ อาหริตฺวา วุตฺตนฺติ ยุตฺตํ วิย, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. วุทฺธนฺติ วุทฺธตรํ.

๓๑๓. สนฺถเรติ ติณสนฺถราทโย.

เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา

๓๑๘. ‘‘เสยฺยคฺเคนาติ มฺจฏฺานปริจฺเฉเทน. วิหารคฺเคนาติ โอวรกคฺเคนา’’ติ ลิขิตํ. ถาวราติ นิยตา. ปจฺจเยเนว หิ ตนฺติ ตสฺมึ เสนาสเน มหาเถรา ตสฺส ปจฺจยสฺส การณา อฺตฺถ อคนฺตฺวา วสนฺตาเยว นํ ปฏิชคฺคิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อฆฏฺฏนกมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘น ตตฺถ มนุสฺสา’’ติอาทิมาห. ‘‘วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวา สุทฺธจิตฺเตน คมนวตฺเตเนว คนฺตพฺพ’’นฺติ ปาโ. มุทฺทเวทิกา นาม เจติยสฺส หมฺมิยเวทิกา. ปฏิกฺกมฺมาติ อปสกฺกิตฺวา. สมานลาภกติกา มูลาวาเส สติ สิยา, มูลาวาสวินาเสน กติกาปิ วินสฺสติ. สมานลาภ-วจนํ สติ ทฺวีสุ, พหูสุ วา ยุชฺชติ, เตเนว เอกสฺมึ อวสิฏฺเติ โน มติ. ตาวกาลิกํ กาเลน มูลจฺเฉทนวเสน วา อฺเสํ วา กมฺมํ อฺสฺส สิยา นาวายํ สงฺคโมติ อาจริโย. ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพนฺติ อปโลกนกาเล สงฺโฆ วสฺสํวุตฺถภิกฺขูนํ ปาเฏกฺกํ ‘‘เอตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ วตฺถํ เทติ, รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ ปุคฺคลเมว ปรามสิตฺวา ทาตพฺพํ, น สงฺฆวเสน กาตพฺพํ. น สงฺโฆ สงฺฆสฺส เอตฺตกํ เทตีติ. ‘‘เอกสฺมึ อาวาเส สงฺฆสฺส กมฺมํ กโรตี’ติ วจนโต สงฺฆวเสน กาตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. น หิ ตถา วุตฺเต สงฺฆสฺส กิฺจิ กมฺมํ กตํ นาม โหติ. ‘‘สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปกโต อฺเน คาหิเตปิ คาโห รุหติ อคฺคหิตุปชฺฌายสฺส อุปสมฺปทา วิยา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘กมฺมวาจายปิ สมฺมุติ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ.

อฏฺปิ โสฬสปิ ชเนติ เอตฺถ กึ วิสุํ วิสุํ, อุทาหุ เอกโตติ? เอกโตปิ วฏฺฏติ. น หิ เต ตถา สมฺมตา สงฺเฆน กมฺมกตา นาม โหนฺติ, เตเนว สตฺตสติกกฺขนฺธเก เอกโต อฏฺ ชนา สมฺมตาติ. เตสํ สมฺมุติ กมฺมวาจายปีติ ตฺติทุติยกมฺมวาจายปิ. อปโลกนกมฺมสฺส วตฺถูหิ สา เอว กมฺมวาจา ลพฺภมานา ลพฺภติ, ตสฺสา จ วตฺถูหิ อปโลกนกมฺมเมว ลพฺภมานํ ลพฺภติ, น อฺนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมํ นยํ มิจฺฉา คณฺหนฺโต ‘‘อปโลกนกมฺมํ ตฺติทุติยกมฺมํ กาตุํ, ตฺติทุติยกมฺมฺจ อปโลกนกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คณฺหาติ, เอวฺจ สติ กมฺมสงฺกรโทโส อาปชฺชติ. มคฺโค โปกฺขรณีติ เอตฺถ มคฺโค นาม มคฺเค กตทีฆสาลา, โปกฺขรณีติ นหายิตุํ กตโปกฺขรณี. เอตานิ หิ อเสนาสนานีติ เอตฺถ ภตฺตสาลา น อาคตา, ตสฺมา ตํ เสนาสนนฺติ เจ? สาปิ เอตฺเถว ปวิฏฺา วาสตฺถาย อกตตฺตา. โภชนสาลา ปน อุภยตฺถ นาคตา. กิฺจาปิ นาคตา, อุปริ ‘‘โภชนสาลา ปน เสนาสนเมวา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) วุตฺตตฺตา เสนาสนํ. ‘‘กปฺปิยกุฏิ จ เอตฺถ กาตพฺพา’’ติ วทนฺติ, ตํ เนติ เอเก. รุกฺขมูลเวฬุคุมฺพา ฉนฺนา กวาฏพทฺธาว เสนาสนํ. ‘‘อลาภเกสุ อาวาเสสูติ อลาภเกสุ เสนาสเนสู’’ติ ลิขิตํ, ตํ ยุตฺตํ. น หิ ปาเฏกฺกํ เสนาสนํ โหติ. ตํ สฺาเปตฺวาติ เอตฺถ ปฺตฺตึ อคจฺฉนฺเต พลกฺกาเรนปิ วฏฺฏติ. อยมฺปีติ ปจฺจโยปิ.

อุปนิพนฺธิตฺวาติ ตสฺส สมีเป รุกฺขมูลาทีสุ วสิตฺวา ตตฺถ วตฺตํ กตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ. ‘‘ทสกถาวตฺถุกํ ทสอสุภํ ทสอนุสฺสติ’’นฺติ ปาโ. ‘‘ปมภาคํ มุฺจิตฺวาติ อิทํ เจ ปมคาหิตวตฺถุโต มหคฺฆํ โหตี’’ติ ลิขิตํ. ฉินฺนวสฺสานํ วสฺสาวาสิกํ นาม ปุพฺเพ คหิตวสฺสาวาสิกานํ ปจฺฉา ฉินฺนวสฺสานํ. ภตินิวิฏฺนฺติ ภตึ กตฺวา วิย นิวิฏฺํ ปริยิฏฺํ. ‘‘สงฺฆิกํ ปน…เป… วิพฺภนฺโตปิ ลภเตวา’’ติ อิทํ ตตฺรุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิมินา อปโลกนเมว ปมาณํ, น คาหาปนนฺติ เกจิ. วินยธรา ปน ‘‘อมฺหากํ วิหาเร วสฺสํ อุปคตานํ เอเกกสฺส ติจีวรํ สงฺโฆ ทสฺสตี’ติอาทินา อปโลกิเตปิ อภาชิตํ วิพฺภนฺตโก น ลภติ. ‘อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิต’นฺติ วุตฺตตฺตา, ‘อภาชิเต วิพฺภมตี’ติ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา จา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปจฺจยวเสนาติ คหปติกํ วา อฺํ วา วสฺสาวาสิกํ ปจฺจยวเสน คาหิต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘เอกเมว วตฺถํ ทาตพฺพนฺติ ตตฺถ นิสินฺนานํ เอกเมกํ วตฺถํ ปาปุณาตี’’ติ ลิขิตํ. ทุติโย เถราสเนติ อนุภาโค. ปมภาโค อฺถา เถเรน คหิโตติ ชานิตพฺพํ.

อุปนนฺทวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๒๐. ติวสฺสนฺตเรนาติ ติณฺณํ วสฺสานํ อนฺโต ิเตน. หตฺถิมฺหิ นโข อสฺสาติ หตฺถินโข. ปาสาทสฺส นโข นาม เหฏฺิมปริจฺเฉโท. คิหิวิกฏนีหาเรนาติ คิหีหิ กตนีหาเรเนว. ‘‘เตหิ อตฺถริตฺวา ทินฺนาเนว นิสีทิตุํ ลพฺภนฺติ, น ภิกฺขุนา สยํ อตฺถริตฺวา วิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺเฆน อตฺถราเปตฺวา วา’’ติ ลิขิตํ.

อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถาวณฺณนา

๓๒๑. ‘‘น วิสฺสชฺเชตพฺพํ สงฺเฆน วา คเณน วา ปุคฺคเลน วา’’ติ วจนํ ‘‘ยํ อครุภณฺฑํ วิสฺสชฺชิยํ เวภงฺคิยํ สงฺฆิกํ, ตํ คโณ เจ ตสฺมึ อาวาเส วสติ ปุคฺคโลปิ วา, คเณน วา ปุคฺคเลน วา วิสฺสชฺชิตํ สงฺเฆน วิสฺสชฺชิตสทิสเมว โหตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตวจนํ สาเธติ, อฺถา เอตฺถ คณปุคฺคลคฺคหณํ นิรตฺถกํ. อรฺชโร อุทกจาฏิ, อลฺชโล, พหุอุทกคณฺหนโกติ อตฺโถ. ‘‘วฏฺฏจาฏิ วิย หุตฺวา โถกํ ทีฆมุโข มชฺเฌ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา กโต’’ติ ลิขิตํ. มํสทิพฺพธมฺมพุทฺธสมนฺตจกฺขุวเสน ปฺจ.

ครุภณฺเฑน จ ครุภณฺฑนฺติ สํหาริมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตุนฺติ อฏฺฏกจฺฉนฺเนน กเต มฺเจ. วฏฺฏโลหํ นาม ปีตวณฺณํ. ปาริหาริยํ น วฏฺฏตีติ อาคนฺตุกสฺส อทตฺวา ปริจาริกหตฺถโต อตฺตโน นามํ ลิขาเปตฺวา คเหตฺวา ยถาสุขํ ปริหริตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘คิหิวิกฏนีหาเรเนวาติ ยาว อตฺตโน กมฺมนิพฺพตฺติ, ตาว คเหตฺวา เทตี’’ติ ลิขิตํ. สิขรํ นาม เยน ปริพฺภมนฺตา ฉินฺทนฺติ. ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺิอาทิการโก. ‘‘ปฏิมานํ สุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘อฑฺฒพาหูติ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏ’’นฺติ ลิขิตํ. อิโต ปฏฺายาติ อิมํ ปาฬึ อาทึ กตฺวา. ทณฺฑมุคฺคโร นาม เยน รชิตจีวรํ โปเถนฺติ. ‘ปจฺจตฺถรณคติก’นฺติ วุตฺตตฺตา, ‘‘ตมฺปิ ครุภณฺฑเมวาติ วุตฺตตฺตา จ อปิ-สทฺเทน ปาวาราทิปจฺจตฺถรณํ สพฺพํ ครุภณฺฑเมวา’’ติ วทนฺติ. เอเตเนว สุตฺเตน อฺถา อตฺถํ วตฺวา ‘‘ปาวาราทิปจฺจตฺถรณํ น ครุภณฺฑํ, ภาชนียเมว, เสนาสนตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรณเมว ครุภณฺฑ’’นฺติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. คณฺิกาติ จีวรคณฺิกา. ภฺจโก นาม สรโก.

นวกมฺมทานกถาวณฺณนา

๓๒๓-๔. อคฺคฬพนฺธสูจิทฺวารกรณมตฺเตนปิ. ‘‘กโปตภณฺฑิกา นาม วฬภิยา อุปริ เปตพฺพวลยํ วา ติณจฺฉทนเคหสฺส ปิฏฺิวํสสฺส เหฏฺา เปตพฺพํ วา อุภยมสฺส คตา ทารู’’ติ ลิขิตํ. การนฺตราติ ตทา ปุน ปวิสฏฺํ ปุพฺพปโยชิตานานํ วจนปาตเสนาสนวาโส. น ปน ปติสฏฺโตติ ทฏฺพฺพํ. สพฺพตฺถ วินฏฺวาโส น จ ปฏิเสธโก โหตีติ ทฏฺพฺโพ. ทฺวารวาตปานาทีนิ อปหริตฺวา ทาตุํ อสกฺกุเณยฺยโต ‘‘ปฏิทาตพฺพานิเยวา’’ติ วุตฺตํ. โคปานสิอาทโย เทนฺตสฺส วิหาโร ปลุชฺชตีติ ‘‘มูลํ วา ทาตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ เอเก. ‘‘เนวาสิกา ปกติยา อนตฺถตาย ภูมิยา เปนฺติ เจ, เตสมฺปิ อนาปตฺติเยวา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ อปฏิจฺฉาเทตฺวา น อปสฺสยิตพฺพา’’ติ ลิขิตํ.

สงฺฆภตฺตาทิอนุชานนกถาวณฺณนา

อุทฺเทสภตฺตกถาวณฺณนา

๓๒๕. ยา ภตฺตุทฺเทสฏฺานภูตาย โภชนสาลาย ปกติิติกา. ทินฺนํ ปนาติ ยถา โส ทายโก เทติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สงฺฆโต ภนฺเต’’ติอาทิมาห. เอกวฬฺชนฺติ เอกทฺวาเรน วฬฺชิตพฺพํ. ติจีวรปริวารนฺติ เอตฺถ ‘‘อุทกมตฺตลาภี วิย อฺโปิ อุทฺเทสภตฺตํ อลภิตฺวา วตฺถาทิมเนกปฺปการํ ลภติ เจ, ตสฺเสว ต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘อุทฺเทสปตฺเต เทถา’ติ วตฺวา คเหตฺวา อาคตภาเวน สงฺฆสฺส ปริจฺจตฺตํ น โหติเยว ตสฺเสว หตฺเถ คตตฺตา, ตสฺมา เตหิ วุตฺตกฺกเมน สพฺเพหิ ภาเชตฺวา ภุฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปฏิปาฏิปตฺตํ วา ิติกาย ิตปตฺตํ วา. ‘‘กูฏฏฺิติกา นาม อคฺคเหตพฺพานมฺปิ คาหิตตฺตา’’ติ ลิขิตํ, ‘‘ปณีตภตฺตฏฺิติกฺจ อชานิตฺวา มิสฺเสตฺวา คาหิเตปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ จ ลิขิตํ. ตฺเจ เถยฺยาย หรนฺติ ปตฺตหารกา, อาณาปกสฺส คีวา โหติ. อติกฺกนฺตมฺปิ ิติกํ เปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ตํทิวสเมว เจ ภิกฺขา ลพฺภติ, อปรทิวสโต ปฏฺาย น ลพฺภติ กิรา’’ติ ลิขิตํ. ปจฺฉา ‘‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภุฺชตู’’ติ อวุตฺเตปิ ภาเชตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ. ‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เทถา’ติ อวตฺวา ‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ คณฺหถา’ติ ทินฺนํ สงฺฆิกนิมนฺตนํ นามา’’ติ ลิขิตํ.

นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา

ปฏิปาฏิยาติ ยถาลทฺธปฏิปาฏิยา. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ภตฺตํ คณฺหถาติ ปทํ อวตฺวา. อาโลปสงฺเขเปนาติ อยํ นโย นิมนฺตนายเมว, อุทฺเทสภตฺเต ปน เอกสฺส ปโหนกปฺปมาเณ เอว ิติกา ติฏฺติ. ‘‘เอกวารนฺติ ยาว ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ ภิกฺขู, สพฺเพว ลภนฺตี’’ติ ลิขิตํ.

สลากภตฺตกถาวณฺณนา

น หิ พหิสีมาย สงฺฆลาโภติ เอตฺถ ‘‘อุทฺเทสภตฺตาทีสุ พหิสีมาย ิตสฺสปิ เจ อุปาสกา เทนฺติ, คเหตุํ ลภนฺติ, อตฺตโนปิ ปาเปตฺวา คหณํ อนุฺาตํ, ตถา อิธ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. น ปาปุณนฺตีติ อุทฺทิสิตฺวาปิ. วารคามนฺติ ทูรตฺตา วาเรน นิคฺคเหน คนฺตพฺพคาเม. ผาติกมฺมเมวาติ อติเรกลาภา จ ภวนฺติ. สมฺมุขีภูตสฺสาติ เยภุยฺเยน เจ ภิกฺขู พหิสีมํ คตา, สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตพฺพํ. สภาคตฺตา หิ เอเกน ลทฺธํ สพฺเพสํ ปโหติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อตฺตโน ปาเปตฺวา ทาตพฺพํ. ‘‘ลทฺธา วา อลทฺธา วา’’ติ วจนสิลิฏฺวเสน วุตฺตํ. วิหาเร อปาปิตํ ปน…เป… น วฏฺฏตีติ สลากภตฺตํ วิหาเร อุทฺทิสิยติ. เตน ปน ทินฺนสลาเกน. ตสฺสาติ คเหตฺวา คตสฺส. สลากา คเหตพฺพาติ ยุตฺตํ วิย. สพฺพโปตฺถเกสุ ‘‘คาเหตพฺพา’’ติ ปาโ, ตสฺมา เตนาติ สลากคฺคาหาปเกนาติ อตฺโถ. ‘‘โจริกาย คหิตตฺตา น ปาปุณาตี’’ติ วจนโต ‘‘กุฏิโสธนํ วฏฺฏตี’’ติ จ ทีปวาสิโน วทนฺติ กิร. เอกํ มหาเถรสฺสาติ มหาเถโร วิหารโต เยภุยฺเยน น คจฺฉติ, อิตเร กทาจิ คจฺฉติ, ตสฺมา สภาคา เจ, อตฺตโน ปาเปตฺวา ปุน อิตเรสํ ทิยฺยติ. วิหาเร เถรสฺส ปตฺตสลากภตฺตนฺติ มหาเถโร เอกโกว วิหาเร โอหีโน, ‘‘อวสฺสํ สพฺพสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา ิโต’’ติ ปฏิสฺสยํ คนฺตฺวา อาคนฺตุกภิกฺขูนมฺปิ อทสฺสนโต กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ภุฺชนฺติ.

ปกฺขิกภตฺตกถาวณฺณนา

อุโปสถทิวเส อาปตฺติเทสนํ สนฺธาย ‘‘ปริสุทฺธสีลาน’’นฺติ อาห. เลขํ กตฺวา นิพทฺธาปิตํ. ‘‘อาคนฺตุกภตฺตมฺปิ คมิกภตฺตมฺปี’’ติ อาคนฺตุโกว หุตฺวา คจฺฉนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาถคิลานุปฏฺาโกปิ เตน ทินฺนํ ภุฺชติ เจ, ตสฺสปิ ปาเปตพฺพเมว. คุฬปิณฺฑํ ตาลปกฺกมตฺตํ.

เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สงฺฆเภทกกฺขนฺธกวณฺณนา

ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๓๓๐. ‘‘อนุปิยํ นามา’’ติ เอกวจเนน ทิสฺสติ, สตฺตมิยํ ปน ‘‘อนุปิยาย’’นฺติ. ‘‘กาฬุทายิปฺปภุตโย ทส ทูตา’’ติ ปาโ. ‘‘น เหฏฺาปาสาทา น เหฏฺาปาสาทํ วา’’ติ ลิขิตํ.

๓๓๒. ปุพฺเพ ปุพฺพกาเล. ‘‘รฺโ สโต’’ติ จ ‘‘รฺโวสโต’’ติ จ ปาโ.

๓๓๓. น ลาภตณฺหา อิธ กามตณฺหา, ฌานสฺส เนสา ปริหานิ เหตุ. พุทฺธตฺตสีลํ ปน ปตฺถยนฺโต ฌานาปิ นฏฺโติ. นนุ ปตฺตภาวนา. มโนมยนฺติ ฌานมโนมยํ.

๓๓๔. สตฺถาโรติ คณสตฺถาโร.

๓๓๙. โปตฺถนิกนฺติ ฉุริกํ.

๓๔๐. มนุสฺเสติ ปุริเส.

๓๔๑. เอกรตฺตาธิกาเรน รกฺขํ ปจฺจาสีสนฺตา อีทิสาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฺจิเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปุพฺเพ รกฺขสฺเสต’’นฺติ วุตฺตตฺตา มยฺหํ ปน รกฺขเณ กิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ อิทํ อาณตฺติยา อาคตตฺตา เอวํ วุตฺตํ.

๓๔๒. มา อาสโทติ มา วธกจิตฺเตน อุปคจฺฉ. อิโตติ อิมมฺหา ชีวิตมฺหา. ‘‘ยโตติ ยสฺมา, ยโตติ วา คตสฺสา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ปฏิกุฏิโตติ อปสกฺกิตฺวา สงฺกุจิโต หุตฺวา วา ปฏิสกฺกตี’’ติ ลิขิตํ.

๓๔๓. ติกโภชนนฺติ ตีหิ ภุฺชิตพฺพโภชนํ. ‘‘ติกโภชนีย’’นฺติปิ ปาโ. ปริกปฺปโต หิ ติณฺณํ ภุฺชิตุํ อนุชานามิ, ตโต อุทฺธํ คณโภชนเมว โหติ, ตสฺสาปิ อิทเมว วุตฺตํ. อิธ อปุพฺพํ นตฺถิ. ‘‘อกตวิฺตฺติลทฺธํ ติณฺณํ ภุฺชนฺตานํ กิฺจาปิ ตํ คณโภชนํ นาม น โหติ, วิฺตฺติวเสน ปน น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจาติ เอตฺถาปิ ‘‘มา ปาปิจฺฉาปกฺขํ นิสฺสาย สงฺฆํ ภินฺเทยฺยุ’’นฺติ เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายาติ โยเชตพฺพํ. กุลานุทฺทยตาย จาติ กุลานํ ปสาทรกฺขณตฺถํ. วชฺชนฺติ วชฺชเมว. ‘‘วชฺชมิมํ ผุเสยฺยา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘วชฺชนียํ ปุคฺคลํ ผุเสยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิมสฺส มโน น ผุเสยฺยา’’ติ วตฺตพฺพมฺปิ สิยา. จกฺกเภทนฺติ สาสนเภทํ. อายุกปฺปนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ อวีจิมฺหิ อายุปริมาณํ นตฺถิ, เยน ปน กมฺเมน ยตฺตกํ อนุภวิตพฺพํ, ตสฺส อายุกปฺปนฺติ เวทิตพฺพํ.

๓๔๕. ‘‘อฺตรํ อาสนํ คเหตฺวา นิสีที’’ติ วจนโต วิสภาคฏฺานํ คตสฺส เปสลสฺสปิ ภิกฺขุโน เตสํ อาสเน นิสีทิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อาคิลายตีติ รุชฺชติ. อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยาติ ตสฺส ตสฺส จิตฺตาจารํ อาทิสฺส อาทิสฺส เทสนา, อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนี. อิทฺธิ เอว ปาฏิหาริยํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ, อิทฺธิปาฏิหาริยสํยุตฺตาย อนุสาสนิยา โอวทตีติ อตฺโถ. นนุ ตํ อาวุโสติ เอตฺถ ตํ วจนํ นนุ มยา วุตฺโตสีติ อตฺโถ.

๓๔๖-๙. สุวิกฺขาลิตนฺติ สุโธตํ. สํขาทิตฺวาติ สุฏฺุ ขาทิตฺวา. ‘‘มหึ วิกุพฺพโตติ มหาวิสาโล’’ติ ลิขิตํ. ตสฺส ภิสํ ฆสมานสฺส. ตตฺถ นทีสุ ชคฺคโตติ ปาเลนฺตสฺส. ‘‘กึ? หตฺถิยูถํ คนฺตุ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อสํปาโต’ติ ปาโ, อปตฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อปายพหุตฺตา ปุน ทสฺสิโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เอวํสเตติ เอวํ อสฺส เต อาสวา’’ติ ลิขิตํ.

๓๕๐. ‘‘โวสานํ ปรินิฏฺานํ วา’’ติ จ ลิขิตํ. ชาตูติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต. มา อุทปชฺชถาติ มา อุปฺปชฺเชยฺย. ‘‘โส ปมาทมนุยุฺชนฺโต’’ติ ปาโ. อนาทรํ กุสเลสุ. อุทธิ มหาติ กิตฺตโก มหา? เภสฺมา ยาว ภยานโก, ตาว มหาติ วุตฺตํ โหติ.

๓๕๑. น โข, อุปาลิ, ภิกฺขุนี สงฺฆํ ภินฺทตีติ เอตฺถ ภิกฺขุ สงฺฆํ น ภินฺทติ, ภิกฺขุนี สงฺฆํ ภินฺทตีติ เกจิ, เนตํ คเหตพฺพํ. เกวลํ ‘‘สงฺโฆ’’ติ วุตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆว อธิปฺเปโต. ‘‘สงฺฆสฺส เทติ, อุภโตสงฺฆสฺส เทติ จา’’ติ (มหาว. ๓๗๙) มาติกาวจนมฺปิ สาเธติ. ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิเภเท ธมฺมทิฏฺิ สิยา. ‘‘สีลสติเภเทสุปิ สมาโน ธมฺมํ กาตุนฺติ สงฺฆเภเท เวมติโกปิ ตาทิโส วา’’ติ ลิขิตํ. วินิธายาติ อตฺตโน วฺจนาธิปฺปายตํ ฉาเทตฺวา.

สงฺฆเภทกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วตฺตกฺขนฺธกวณฺณนา

อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา

๓๕๗. เอกสฺมึ คาเม อฺวิหารโต อาคโตปิ อาคนฺตุโกว. ตตฺถ เกจิ เอวํ วทนฺติ ‘‘อาวาสิโก กตฺถจิ คนฺตฺวา สเจ อาคโต, ‘เตนาปิ อาคนฺตุกภตฺตํ ภุฺชิตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา ทูราคมนํ วุตฺตํ โหติ, น คาเม, ตสฺมา น ยุตฺต’’นฺติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘อาคนฺตุกภตฺตํ นาม คหฏฺเหิ ปิตํ. ยสฺมึ นิพทฺธํ, ตโต อฺคามโตติ อาปนฺนํ. ตถา วิหาราธิการตฺตา อฺวิหารโต อาคโตปิ อาคนฺตุโก วา’’ติ อาจริยานํ สนฺนิฏฺานํ. ปานียํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปริโภชนียํ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ อุทฺธริตฺวา ฆฏสราวาทิคตํ สนฺธาย ปมํ, ทุติยํ กูปตฬากาทิคตนฺติ อาจริโย. ทุติยวาเร อตฺตโน วสนฏฺานตฺตา วิสุํ ปุจฺฉิตพฺพเมว, ตสฺมา วุตฺตํ เอตํ ‘‘ปริจฺฉินฺนภิกฺโข วา คาโม’’ติ. พหูสุ โปตฺถเกสุ ทุวิธาปิ ยุชฺชติ.

อนุโมทนวตฺตกถาวณฺณนา

๓๖๒-๔. ปฺจเม อนุโมทนตฺถาย นิสินฺเน. ‘‘มนุสฺสานํ ปริวิสนฏฺานนฺติ ยตฺถ มนุสฺสา สปุตฺตทารา อาวสิตฺวา เทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. อิมสฺมึ ขนฺธเก อาคนฺตุกาวาสิกคมิกานุโมทนภตฺตคฺคปิณฺฑจาริการฺกเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฏิอุปชฺฌาจริยสทฺธิวิหาริกนฺเตวาสิกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ นาม. อคฺคหิตคฺคหเณน คณิยมานานิ อสีติ ขนฺธกวตฺตานิ นาม โหนฺติ.

วตฺตกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนา

ปาติโมกฺขุทฺเทสยาจนกถาวณฺณนา

๓๘๓-๔. ‘‘นนฺทิมุขี’’ติ ลิขิตํ. อายตเกเนวาติ อาทิมฺหิ เอว. นฺติ ยสฺมา. สวนฺติโย มหานทิโย. ‘‘มหนฺตภูตาน’’นฺติ ปาโ. ปตฺตาติ ปตฺวา. ‘‘สมูลิกาย เปติ อกตายา’’ติ ปนกสฺส สฺามูลวเสน วุตฺตํ. ตํ วตฺถุํ อวินิจฺฉินิตฺวาว ปริสา วุฏฺาติ.

อตฺตาทานองฺคกถาวณฺณนา

๓๙๘-๙. ‘‘อตฺตาทานนฺติ สยํ ปเรหิ โจทิโต อตฺตานํ โสเธตุํ อนาทิยิตฺวา ปเรสํ วิปฺปฏิปตฺตึ ทิสฺวา สาสนํ โสเธตุํ อตฺตนา อาทิตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. วสฺสารตฺโตติ วสฺสกาโล. สปฺปฏิมาโสติ อากฑฺฒนยุตฺโตติ อธิปฺปาโย.

๔๐๑. อุปทหาตพฺโพติ อุปฺปาเทตพฺโพ, วิปฺปฏิสารมุเขน ธาเรตพฺโพติ อธิปฺปาโย.

ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ภิกฺขุนิกฺขนฺธกวณฺณนา

มหาปชาปติโคตมีวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๐๒-๓. สูเนหีติ สุเตหิ. ‘‘เสตฏฺฏิกา นาม โรคชาตี’’ติ ปาฬิ. ‘‘เสตฏฺิกา’’ติ อฏฺกถา. ‘‘ปฏิสมฺภิทาปตฺตขีณาสวคฺคหเณน ฌานานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. น หิ นิชฺฌานิกานํ สพฺพปฺปการา สมฺปตฺติ อิชฺฌตี’’ติ ลิขิตํ.

ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา

๔๐๔. ยทคฺเคน ยํ ทิวสํ อาทึ กตฺวา. ตเทวาติ ตสฺมึ เอว ทิวเส. ‘‘อนุตฺติยา’’ติ ปาโ. ‘‘อนุปฺตฺติยา’’ติ น สุนฺทรํ.

๔๐๕. ‘‘ปฏิคฺคณฺหามิ ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโย’’ติ วตฺวา อิทานิ กึ การณา วรํ ยาจตีติ เจ? ปรูปวาทวิวชฺชนตฺถํ. ทุพฺพุทฺธิโน หิ เกจิ วเทยฺยุํ ‘‘มหาปชาปติยา ปมํ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา อุภโตสงฺฆสฺส ยถาวุฑฺฒอภิวาทนํ น ชาตํ. โคตมี เจ วรํ ยาเจยฺย, ภควา อนุชาเนยฺยา’’ติ.

๔๐๘. วิมาเนตฺวาติ อปรชฺฌิตฺวา.

๔๑๐-๓. กมฺมปฺปตฺตาโยปีติ กมฺมารหาปิ. อาปตฺติคามินิโยปีติ อาปตฺตึ อาปนฺนาโยปิ. ทฺเว ติสฺโส ภิกฺขุนิโยติ ทฺวีหิ ตีหิ ภิกฺขุนีหิ. ‘‘มโนสิลิกายา’’ติ ปาโ.

๔๒๐. ‘‘เตน จ ภิกฺขุ นิมนฺเตตพฺโพ’’ติ สามีจิวเสน วุตฺตํ.

๔๒๒-๓. ‘‘อนุชานามิ…เป… ตาวกาลิก’’นฺติ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สงฺฆิกนฺติ อาจริโย. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุตุนิยา กฏิสุตฺตก’’นฺติ วจนโต ภิกฺขุสฺส วินิพนฺธํ กฏิสุตฺตกํ น วฏฺฏติ. ปคฺฆรนฺตี วิสวิณา. เวปุริสิกา มสฺสุทาี.

๔๒๕. ตโย นิสฺสเยติ รุกฺขมูลฺหิ สา น ลภติ.

๔๒๖. ภตฺตคฺเค สเจ ทายกา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ภุตฺตวโต จตุปจฺจเย ทาตุกามา โหนฺติ, ยถาวุฑฺฒเมว.

๔๒๗. วิกาเลติ ยาว วิกาเล โหนฺติ, ตาว ปวาเรสุนฺติ อตฺโถ. อชฺชตฺตนาติ อชฺชตนา.

๔๒๘. อนุวาทนฺติ อิสฺสริยฏฺานํ. อิทํ สพฺพํ ‘‘อชฺชตคฺเค โอวโฏ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถ’’ติ ปฺตฺตสฺส ครุธมฺมสฺส วีติกฺกมอาปตฺติปฺาปนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อฺถา เยสํ ครุธมฺมานํ ปฏิคฺคหเณน ภิกฺขุนีนํ อุปสมฺปทา อนุฺาตา, เตสํ วีติกฺกเม อนุปสมฺปนฺนาว สิยาติ อาสงฺกา ภเวยฺย.

๔๒๙. อิตฺถิยุตฺเตนาติ อิตฺถีหิ คาวีอาทีหิ ธุรฏฺาเน ยุตฺเตน. ปุริสนฺตเรนาติ ปุริเสน อนฺตริเกน. ‘‘ปุริสทุติเยนา’’ติ ลิขิตํ, ปุริสสารถินาติ อธิปฺปาโย. ‘‘พาฬฺหตรํ อผาสู’’ติ วจนโต คิลานาย วฏฺฏติจฺเจว สิทฺธํ, ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา อนุฺาตฏฺาเน อุปสมฺปชฺชิสฺสามีติ อธิปฺปาโย.

๔๓๐. สา เกนจิเทว อนฺตราเยนาติ สพฺพนฺตรายสงฺคหนวจนํ, ตสฺมา ตํ น อนฺตรายํ กิตฺเตตฺวา, วุตฺตนฺตราเยน ‘‘ราชนฺตราเยนา’’ติ สาเธตพฺพนฺติ อาจริโย.

๔๓๑-๒. ‘‘นวกมฺมนฺติ กตฺวา ‘เอตฺตกานิ วสฺสานิ วสตู’ติ อปโลเกตฺวา สงฺฆิกภูมิทาน’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘สาคาร’’นฺติ วุตฺตตฺตา อคารปฏิสํยุตฺตรโหนิสชฺชสิกฺขาทิวชฺชิตาติ เกจิ, ยุตฺตเมตํ. กสฺมา? ‘‘สหาคารเสยฺยมตฺตํ เปตฺวา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โปเสตุ’’นฺติ วจนโต โปสนยุตฺตกมฺมํ สพฺพํ วฏฺฏติ มาตุยา, น อฺเสํ. วสิตุํ เจ น สกฺโกติ ทุติยํ วินา, สมฺมนฺนิตฺวาว ทาตพฺพา ตาย อิติ โน มติ. กิตฺตกํ กาลํ? วสิตฺวา เจ ทุติยา คนฺตุมิจฺฉติ, อฺํ สมฺมนฺนิตุํ ยุตฺตาว. สา วิชาตา ลเภติ อาจริโย.

๔๓๔. ‘‘อิทํ โอทิสฺส อนุฺาตํ วฏฺฏตีติ เอกโต วา อุภโต วา อวสฺสเว สติปิ วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘เกสจฺเฉทาทิกํ กมฺมํ อนุชานามิ สาทิตุํ ’’อิจฺเจว วุตฺตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตทฺเ สาทิตุ’’นฺติ. ‘‘เกสจฺเฉทาทิกํ กมฺมํ อนุชานามิ, ภิกฺขเว’’ติ อวตฺวา เอตฺตกํ ยสฺมา ‘‘สาทิตุ’’นฺติ ภาสิตํ, ตสฺมา สา วิจิกิจฺฉาย อุภโตปิ อวสฺสเว อปิ ปาราชิกเขตฺเตน สา ปาราชิกํ ผุสติ. อิติ อฏฺกถาสฺเวตํ สพฺพาสุปิ วินิจฺฉิตํ. โอทิสฺสกาภิลาโป หิ อฺถา นิพฺพิเสสโต ตํ ปมาณํ. ยทิ ตถา ภิกฺขุสฺส กปฺปติ วิจิกิจฺฉา.

กาลโมทิสฺส นํ ปทํ, น สตฺโตทิสฺสกฺหิ ตํ;

อถ ภิกฺขุนิยา เอว, กาลโมทิสฺส ภาสิตํ.

เอวํ ปาราชิกาปตฺติ, สิถิลาว กตา สิยา;

สพฺพโส ปิหิตํ ทฺวารํ, สพฺพปาราชิกสฺมินฺติ.

นิรตฺถกภาวโต, อุพฺภชาณุมณฺฑเล;

ตสฺมา น สาทิยนฺตีติ, นิทานวจนกฺกมํ.

นิสฺสาย สตฺถุนา วุตฺตํ, สาทิตุนฺติ น อฺถา;

อตฺตโน ปณฺหิสมฺผสฺสํ, สาทิตุํ เยน วาริตํ.

อปิ ปาราชิกกฺเขตฺเต, กถํ ทฺวารํ ทเทยฺย โส;

ตถาปิ พุทฺธปุตฺตานํ, พุทฺธภาสิตภาสิตํ.

วจนฺจ สมาเนนฺโต, โน เจตฺถ ยุตฺติกถา ธีรา;

เกสจฺเฉทาทิกมฺมสฺส, อวสฺสํ กรณียโต.

จิตฺตสฺส จาติโลลตฺตา, คณสฺส จ องฺคสมฺปทา-

ภาวา ภิกฺขุนีนํ มเหสินา, รกฺขิตุฺจ อสงฺกตฺตา;

นนุ โมทิสฺสกํ กตนฺติ.

ภิกฺขุนิกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ปฺจสติกกฺขนฺธกวณฺณนา

สงฺคีตินิทานกถาวณฺณนา

๔๓๗. ฉินฺนปาตนฺติ ภาวนปุํสกํ, เตนากาเรน ปตนฺตีติ อตฺโถ. อุปทฺทุตา จ มยํ โหมาติ อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ, อหุมฺหาติ อตฺโถ. อถ วา ตสฺมึ สติ โหม. ‘‘ปฺจ ภิกฺขุสตานี’’ติ คณนวเสน วตฺวา ‘‘วสฺสํ วสนฺตา’’ติ ปุคฺคลนิทฺเทโส กโต.

ขุทฺทานุขุทฺทกกถาวณฺณนา

๔๔๓. ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ อกฺกมิตฺวา’’ติ วจนโต ภควโต จตุตฺถจีวรมฺปิ อตฺถีติ สิทฺธํ. เตเนวาห จีวรกฺขนฺธเก ‘‘จตุตฺถํ จีวรํ ปารุปี’’ติ.

๔๔๔. ‘‘อปิจ ยเถว มยา’’ติอาทิ สงฺคีติยา อคฺคหณาธิปฺปายวเสน วุตฺตํ, กินฺตุ สุสงฺคีตา อาวุโส เถเรหิ ธมฺโม จ วินโย จ. อปิจาหํ นาม ตเถวาหํ ธาเรสฺสามีติ ยเถว มยา ภควโต สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ, ตเถว เถเรหิ ภควตา สยเมว เอตทคฺคํ อาโรปิเตหิ, ตสฺมา สุสงฺคหิตา สงฺคีตีติ วุตฺตํ โหติ.

พฺรหฺมทณฺฑกถาวณฺณนา

๔๔๕. ‘‘ตฺวํเยว อาณาเปหี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, เถรา ปน พฺรหฺมทณฺฑํ กตฺวา วุตฺตํเยว ‘‘ฉนฺนสฺสา’’ติอาทิมาหํสูติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ อานนฺทตฺเถโร วิย อฺโปิ สงฺเฆน อาณตฺโต ภิกฺขุ พฺรหฺมทณฺฑกเตน ภิกฺขุนา อาลปิตุํ ลภติ, น อฺโ. อุชฺชวนิกายาติ ปฏิโสตคามินิยา. อาคมา นุ โข อิธ อาคมา นุ ขฺวิธ. อาคมา โข อิธ, เต โอโรธา อิธ อาคมา โข. ‘‘ภิสิจฺฉวีติ ภิสิตฺถวิกา’’ติ ลิขิตํ. สพฺเพวิเมติ สพฺพเมว. กุลวํ คเมนฺตีติ นิรตฺถกวินาสํ คเมนฺติ. กุจฺฉิโต ลโว กุลโว, อนยวินาโสติ วุตฺตํ โหติ. อิมาย โข ปน ‘‘ธมฺมวินยสงฺคีติยา’’ติ วตฺตพฺเพ วิเสเสน วินยสฺส สาสนมูลภาวทสฺสนตฺถํ, ตสฺมึ ิเต สกลสาสนิติสิทฺธิทีปนตฺถฺจ ‘‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’’ติ วตฺถุสฺมึ อารทฺธตฺตา, อิมิสฺสา จ ปริยตฺติยา วินยปิฏกตฺตา ‘‘วินยสงฺคีติยา’’ติ อิธ วุตฺตํ.

ปฺจสติกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. สตฺตสติกกฺขนฺธกวณฺณนา

ทสวตฺถุกถาวณฺณนา

๔๔๖. นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณาติ สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา. ตตฺถ มณิคฺคหเณน สพฺพํ ทุกฺกฏวตฺถุ, สุวณฺณคฺคหเณน สพฺพํ ปาจิตฺติยวตฺถุ คหิตํ โหติ. ภิกฺขคฺเคน ภิกฺขุคณนายาติ วุตฺตํ โหติ.

๔๔๗. มหิกาติ หิมํ. โปสาติ สตฺตา. สรชาติ สกิเลสรชา. มคาติ มคสทิสา. ตสฺมึ ตสฺมึ วิสเย, ภเว วา เนตีติ เนตฺติ, ตณฺหาเยตํ อธิวจนํ, ตาย สห วตฺตนฺตีติ สเนตฺติกา.

๔๕๐-๒. อโหคงฺโคติ ปพฺพตสฺส นามํ. อนุมาเนสฺสามาติ ปฺาเปสฺสาม. อาสุตาติ สชฺชิตา, ‘‘อสุตฺตา’’ติ วา ปาโ, อนาวิลา อปกฺกา ตรุณา.

๔๕๓. อุชฺชวึสุ ปฏิโสเตน คจฺฉึสุ.

๔๕๕. อปฺเปว นามาติ สาธุ นาม. มูลา ทายกา เปสลกา. ‘‘กุลฺลกวิหาเรนาติ ขุทฺทกวิหาเรนา’’ติ ลิขิตํ. รูปาวตารตฺตา กุลฺลกวิหาโร นาม. กถํ ปเนตํ ปฺายติ, เยน สนฺนิธิกตํ ยาวชีวิกํ ยาวกาลิเกน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สมฺภินฺนรสํ ตทหุปฏิคฺคหิตสงฺขยํ อาคนฺตฺวา สนฺนิธิกตามิสสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ? วุจฺจเต – ‘‘ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ วจนโต ปุเรปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิเตนามิเสน เจ สมฺภินฺนํ, ปุเรปฏิคฺคหิตสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ สิทฺธํ. อฺถา ‘‘สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตฏฺาเน วิย อิธาปิ ‘‘ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปตี’’ติ วเทยฺย, ตฺจาวุตฺตํ. ตสฺมา ปุเรปฏิคฺคหิตํ ตํ อามิสสมฺภินฺนํ อามิสคติกเมวาติ เวทิตพฺพํ. คณฺิปเท ปน ‘‘สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา’’ติ (ปาจิ. ๒๕๓) วุตฺตํ. พฺยฺชนมตฺตํ น คเหตพฺพํ.

๔๕๗. อิธาติ อิมสฺมึ ปาเ. ‘‘‘กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปตี’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตวจนมตฺเตน ‘วิกาเล กปฺปตี’ติ วิกาลโภชนปาจิตฺติยํ อาวหํ โหตีติ อตฺโถ, ‘น กปฺปตี’ติ สนฺนิธิโภชนปาจิตฺติยํ อาวหํ โหตีติ อตฺโถ, ยทิ สมฺภินฺนรสํ อชฺชปฏิคฺคหิตมฺปิ ยาวชีวิกนฺติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. สุตฺตวิภงฺเคติ มาติกาสงฺขาเต สุตฺเต จ ตสฺส ปทภาชนียสงฺขาเต วิภงฺเค จาติ อตฺโถ. อิทํ อาคตเมว. กตรนฺติ? ‘‘อติกฺกามยโต เฉทนก’’นฺติ อิทํ.

ติวิทตฺถิปมาณฺเจ, อทสํ ตํ นิสีทนํ;

นิสีทนํ กถํ โหติ, สทสํ ตฺหิ ลกฺขณํ.

ติวิทตฺถิปมาณํ ตํ, ทสา ตตฺถ วิทตฺถิ เจ;

ตํนิสีทนนามตฺตา, ตสฺมึ เฉทนกํ สิยา.

อนิสีทนนามมฺหิ, กถํ เฉทนกํ ภเว;

อิติ เจ เนว วตฺตพฺพํ, นิสีทนวิทตฺถิโต.

กปฺปเต สทสามตฺตํ, นิสีทนมิติ การณํ;

กถํ ยุชฺชติ โน เจตํ, นิสีทนสฺส นามกํ.

นิสีทนนฺติ วุตฺตตฺตา, ปมาณสมติกฺกมา;

ตสฺสานุมติเหตุตฺตา, ตตฺถ เฉทนกํ ภเว.

ชาตรูปกปฺเป –

ชาตรูปํ ปฏิกฺขิตฺตํ, ปุคฺคลสฺเสว ปาฬิยํ;

น สงฺฆสฺสาติ สงฺฆสฺส, ตฺเจ กปฺปติ สพฺพโส.

วิกาลโภชนฺจาปิ, ปุคฺคลสฺเสว วาริตํ;

น สงฺฆสฺสาติ สงฺฆสฺส, กปฺปตีติ กถํ สมํ.

สตฺตสติกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.

จูฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ปริวารวณฺณนา

โสฬสมหาวารวณฺณนา

ปฺตฺติวารวณฺณนา

๑-๒. สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตสฺส ธมฺมกฺขนฺธสรีรสฺส สาสเนติ อตฺโถ. ปริวาโรติ สงฺคหํ โย สมารุฬฺโห, ตสฺส ปริวารสฺส. วินยภูตา ปฺตฺติ วินยปฺตฺติ. ‘‘ปฺตฺติกาลํ ชานตา’’ติ ทุกนยวเสน วตฺวา ปุน สุตฺตนฺตนเยน วตฺตุํ ‘‘อปิจ ปุพฺเพนิวาสาทีหี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปสฺสนํ นาม ทสฺสนตฺตา ทิพฺพจกฺขุนา โยชิตํ ปฏิเวธาณทสฺสนํ. เทสนาปฺาย ปสฺสตาติ อาสยานุสยาทิเก. ปุจฺฉายาติ สตฺตมี. ปุนปิ เอตฺถาติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน. มิจฺฉาทิฏฺีติ นตฺถิกทิฏฺิ อนฺตคฺคาหิกทิฏฺิ. ‘‘อาชีวเหตุ ปฺตฺตานี’’ติ วจนโต อิมานิ ฉ สิกฺขาปทานิ เปตฺวา เสสา อาจารวิปตฺติ นามาติ เวทิตพฺพํ. กาเยน ปน อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘ปุพฺพภาเค เสวนจิตฺตมงฺคํ กตฺวา กายทฺวารสงฺขาตํ วิฺตฺตึ ชนยิตฺวา ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทสงฺขาตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, กิฺจาปิ จิตฺเตน สมุฏฺาปิตา วิฺตฺติ, ตถาปิ จิตฺเตน อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส วิฺตฺติยา สาธิตตฺตา ‘กายทฺวาเรน อาปชฺชตี’ติ วุตฺต’’นฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ภณฺฑนาทิตฺตยวูปสมํ. อาปาณโกฏิกนฺติ ชีวิตปริยนฺตํ กตฺวา. โปราณเกหิ มหาเถเรหีติ สีหฬทีเป มหาเถเรหิ โปตฺถกํ อาโรปิตกาเล ปิตาติ อตฺโถ. ‘‘จตุตฺถสงฺคีติสทิสา โปตฺถการุฬฺหสงฺคีติ อโหสี’’ติ วุตฺตํ.

มหาวิภงฺเค ปฺตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

กตาปตฺติวาราทิวณฺณนา

๑๖๖. กตาปตฺติวาเร ‘‘สงฺฆิกํ มฺจํ วา’’ติอาทิ อชฺโฌกาสตฺตา วิหารพฺภนฺตเรปิ อาปชฺชนโต เลฑฺฑุปาตาติกฺกมวเสน วุตฺตํ. ทุติเย เสยฺยํ สนฺถริตฺวาติ อพฺภนฺตเร สนฺถริตภาวโต วิหารโต พหิคมเนปิ ตํทิวสานาคเม อาปชฺชนโต ‘‘ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๗๑. สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปนฺโต จตสฺโส อาปตฺติโยติ เอตฺถ กิฺจาปิ ตสฺมึ สิกฺขาปเท ติรจฺฉานคตปาโณว อธิปฺเปโต, อถ โข ปาโณติ โวหารสามฺโต อตฺถุทฺธารวเสน ‘‘จตสฺโส’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย อฺเสุปิ เอวรูเปสุ าเนสุ.

๑๗๓. วิกาเล คามปฺปเวสเน ‘‘ปมํ ปาทํ ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ วุตฺตตฺตา อุปจาเร นาปชฺชติ, ปริกฺเขปํ อติกฺกมิตฺวาว อาปชฺชตีติ สิทฺธเมวา’’ติ วทนฺติ.

๑๙๓. ปจฺจยวาเร ปุริมวารโต วิเสโส อตฺถิเยว, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต กติ อาปตฺติโย อาปชฺชตี’’ติ วุตฺเต ชตุมฏฺกสฺโสกาโส น ชาโต, อิธ ปน ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนปจฺจยา’’ติ วุตฺเต ปุคฺคลนิทฺเทสาภาวา ชตุมฏฺกฺจ ปวิฏฺํ, เอวํ วิเสโส อตฺถิ. ตถา เอวรูเปสุ าเนสุ.

มหาวิภงฺเค จ ภิกฺขุนิวิภงฺเค โสฬสมหาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมุฏฺานสีสวณฺณนา

๒๕๗. อนตฺตาติ อตฺตวิรหิตา ‘‘อลวณโภชน’’นฺติอาทีสุ วิย. กรุณาสีตลภาเวน จนฺทสทิโส. กิเลสติมิรปฺปหานโต อาทิจฺโจ. ยสฺมา เต เทสยนฺติ, ตสฺมา องฺคีรโสปิ. ปิฏเก ตีณิ เทสยิ เตสํ อฺตรตฺตาติ อตฺโถ. วินโย ยทิ ติฏฺติ, เอวํ ปฏิปตฺติสทฺธมฺมาทิ นียติ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. อยํ ปน กถํ ติฏฺตีติ? อาห ‘‘อุภโต จา’’ติอาทิ. ปริวาเรน คนฺถิตา ติฏฺนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺเสว ปริวารสฺส สุตฺเต. นิยตสมุฏฺานํ กตํ, วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อสมฺภินฺนสมุฏฺานานิ อสงฺกรสมุฏฺานานิ, อฺเหิ อสทิสสมุฏฺานานีติ อตฺโถ. ยสฺมา ปริวาเร สติ วินโย ติฏฺติ, วินเย สติ สทฺธมฺโม ติฏฺติ, ยสฺมา สมุฏฺานานิ จ สุตฺเต ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา สิกฺเขติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมกาโม สุเปสโล’’ติ ปริวาเร คารวชนนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถาติ ‘‘ทิสฺสนฺตี’’ติ ตตฺถ. ‘‘เอเกน สมุฏฺาเนน สมุฏฺาตีติ ปมปาราชิกํ เอเกน สมุฏฺาเนน สมุฏฺาตี’’ติ วุตฺตํ. ปาฬิยฺหิ นิทฺทิฏฺสมุฏฺานฺจ ทิสฺสติ. ‘‘ตสฺเสว ปริวารสฺส, สมุฏฺานํ นิยโต กต’’นฺติ วุตฺตํ ปุริมนเยติ อตฺโถ. ยถาายนฺติ ยถาภูตํ. ‘‘สฺจริตฺตาภาสนฺจา’’ติ ปาโ. ‘‘สฺจริตฺตานุภาสนฺจา’’ติปิ อตฺถิ. นยวชฺเชหิ วินยวชฺเชหีติ อตฺโถ.

ปมปาราชิกสมุฏฺานวณฺณนา

๒๕๘. นานุพนฺเธ ปวตฺตินินฺติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี วุตฺถาปิตํ ปวตฺตินึ ทฺเว วสฺสานิ นานุพนฺเธยฺยา’’ติ วุตฺตสิกฺขาปทฺจ. อยํ ปาโ เอกจฺเจสุ โปตฺถเกสุ น ทิสฺสติ. ฉสตฺตติ ปมปาราชิกสมุฏฺานา.

ทุติยปาราชิกสมุฏฺานวณฺณนา

๒๕๙. ‘‘กุกฺกุจฺจํ จีวรํ ทตฺวาติ กุกฺกุจฺจุปฺปาทนฺจ ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ขียนฺจ จีวรํ ทตฺวา ขียนฺจา’’ติ ปาโ. ‘‘ทตฺวา’’ติ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘กุกฺกุจฺจํ ธมฺมิกํ ทตฺวาติ ปาโ สุนฺทโร’’ติ วทนฺติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

๒๖๙. อกตนฺติ อภินวํ.

อนฺตรเปยฺยาลํ

กติปุจฺฉาวารวณฺณนา

๒๗๑. ปฏินิทฺเทสนฺติ ปุนปฺปุนํ นิทฺทิสนํ. อาปตฺติกฺขนฺเธหิ วินีตานิ สํวรานีติ อตฺโถ. เอเตหิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ. ‘‘อารกา’’ติ นิวตฺติอตฺเถน วุตฺตตฺตา ตํ ปุน สรูเปน วตฺตุกาโม ‘‘ภุสา วา’’ติ อาห. ‘‘เคหํ ธูเมน ปุณฺณํ อาธูมิต’’นฺติอาทีสุ วิย ราคาทิเวรํ มณติ วินาเสติ. เอตายาติ วิรติยา. เวล จลเน. นิยฺยานํ มคฺคํ สิโนติ พนฺธตีติ เสตุ. ‘‘เสตุฆาโตติ วีติกฺกมปฏิปกฺขภูตา วิรติ, ตทตฺถนิพฺพตฺติกรจิตฺตุปฺปาโท วา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ธมฺมสฺสวนคฺคนฺติ ธมฺมํ สุณนฺตานํ สมูห’’นฺติ ลิขิตํ. สเจ น คจฺฉติ, วิกฺขิตฺโต วา นิสีทติ. กายปฺปาคพฺภิยํ กายทุจฺจริตํ. ‘‘ปมาเท’’ติ วตฺวา ตทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สติวิปฺปวาเส’’ติ วุตฺตํ.

๒๗๒-๓. สปรสนฺตาเน วาติ สสนฺตาเน วา ปรสนฺตาเน วา. ตถา วิวทนฺตา ปนาติ เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย วิวทนฺตา. อุภเยหิปีติ เถรนเวหิ. นฺติ เมตฺตํ กายกมฺมํ. เยสํ ปุคฺคลานํ ปิยํ กโรติ, เตสํ เมตฺตากายกมฺมสงฺขาโต ธมฺโม. เอตฺตกนฺติ อามิสวิภตฺติทสฺสนํ. อสุกสฺส จาติ ปุคฺคลวิภตฺติทสฺสนํ. ‘‘ทุสฺสีลสฺส อทาตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา เอว อลชฺชิปริโภโค วาริโต. สพฺเพสํ ทาตพฺพเมวาติ สนฺนิฏฺาเนน อชานนฺเตน วิภาคํ อกตฺวา ทาตพฺพภาวํ ทีเปตีติ เอเก. ‘‘สพฺเพสํ ทาตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาสุ. ตตฺถ ‘‘อลชฺชิอุกฺขิตฺตกานํ ปริโภคสีเสน สหตฺถา น ทาตพฺพํ, ทาเปตพฺพนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํ. วิจินิตฺวา ทานํ วิเจยฺย ทานํ. ยสฺมา อยํ วิเสโส กาตพฺโพเยวาติ อยํ กโรติ, ตสฺมา ปุคฺคลวิภาโค น กโตติ สมฺพนฺโธ. ปกติวณฺเณน วิสภาควณฺเณน. ‘‘อิทํ นาม อาปนฺโน’’ติ ปเรหิ อปรามสิตพฺพโต อปรามฏฺานิ. อนุโลเมหิ คหิตสงฺขารารมฺมเณหิ นิพฺพานารมฺมณํ กตฺวา นิยฺยาติ.

ฉอาปตฺติสมุฏฺานวาราทิวณฺณนา

๒๗๖. ‘‘ปเมน อาปตฺติสมุฏฺาเนน ทุพฺภาสิตํ อาปชฺเชยฺยาติ น หีติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ วาจาจิตฺตวเสเนวาปชฺชิตพฺพโต.

๒๗๗. กุฏึ กโรตีติ เอตฺถ สฺจริตฺตมวตฺวา ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยสงฺฆาทิเสสานํ เอกสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปฏิปาฏิยา อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถมิทํ วุตฺตํ. น หิ สฺจริตฺเต เอว อาปชฺชติ. ‘‘อิมินา ปน นเยน สพฺพตฺถ ปฏิปาฏิยา อคฺคหเณ การณํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

๒๘๓. วิเวกทสฺสินาติ ตทงฺควิเวกาทิปฺจวิธวิเวกทสฺสินา.

๒๘๔. อตฺตโน ทุฏฺุลฺลนฺติ สงฺฆาทิเสสํ.

๒๘๘. วิวาทาธิกรณปจฺจยาติ อฺเหิ, อตฺตนา วา ปุพฺพภาเค อาปนฺนปจฺจยาติ อตฺโถ. โอมสตีติ ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย’’ติ วิวทนฺโต ‘‘ตฺวํ กึ ชานาสี’’ติอาทินา โอมสติ. ตีหิ สมเถหิ สมฺมุขาวินยปฏิฺาตกรณติณวตฺถารเกหิ. ‘‘สมฺมุขาวินยฺเจตฺถ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพโต ‘สมฺมุขาวินเยน เจว ปฏิฺาตกรเณน จา’ติอาทินา ทฺวีหิปิ โยชิตํ. เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ วุตฺตํ.

๒๙๑. เปตฺวา สตฺต อาปตฺติโยติ เอตฺถ ‘‘กิฺจาปิ อวเสสา นตฺถิ, ตถาปิ ปฏิปาฏิยา ปาฏวชนนตฺถํ ปุจฺฉา กตา’’ติ วุตฺตํ.

อนฺตรเปยฺยาลํ นิฏฺิตํ.

สมถเภทวณฺณนา

อธิกรณปริยายวาราทิวณฺณนา

๒๙๓-๔. โลภการณา วิวาทนโต ‘‘โลโภ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุ. านานีติอาทีนิ การณเววจนานิ. การณฺหิ ติฏฺนฺติ เอตฺถาติ านํ, วสนฺติ เอตฺถาติ วตฺถุ, ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมีติ วุจฺจติ. เก ติฏฺนฺติ วสนฺติ ภวนฺติ จาติ? วิวาทาธิกรณาทโย. กุสลากุสลาพฺยากตจิตฺโต หุตฺวา วิวทนโต ‘‘นว เหตู’’ติ วุตฺตํ. โกธโน โหติ อุปนาหีติอาทีนิ ทฺวาทส มูลานิ. อกฺโกสนฺเตน หิ จตูสุ วิปตฺตีสุ เอเกน อนุวทนโต ‘‘จตสฺโส วิปตฺติโย านานี’’ติ วุตฺตํ. จุทฺทส มูลานีติ วิวาทาธิกรเณ วุตฺตา ทฺวาทส, กาโย, วาจา จ.

๒๙๕-๖. สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา านานีติ เอตฺถ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส ยา อาปตฺติ โหติ, ตสฺสา อาปตฺติยา ปุพฺเพ อาปนฺนา อาปตฺติ านํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสลนฺติ วจนโต นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณสฺส กุสลเหตุ, กุสลจิตฺตํ ปน องฺคํ โหตี’’ติ ลิขิตํ. จตฺตาริ กมฺมานิ านานีติ เอตฺถ ‘‘เอวํ กตฺตพฺพนฺติ ิตปาฬิ กมฺมํ นาม. ‘ยถาิตปาฬิวเสน กโรนฺตานํ กิริยา กิจฺจาธิกรณํ นามา’’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปาฬิอนุสาเรน ปฏิกาตพฺพลกฺขณํ วา กมฺมํ. ตเถว กรณํ กิจฺจาธิกรณ’’นฺติ จ. ตฺติตฺติทุติยตฺติจตุตฺถกมฺมานิ ตฺติโต ชายนฺติ, อปโลกนกมฺมํ อปโลกนโต, ‘‘กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ’’ติ ลิขิตํ. สิยุนฺติ โหนฺติ. กถฺจ สิยาติ กถํ โหติ. วิวาทาธิกรณสฺส ทฺเวติ เต ทฺเว เปตฺวา อฺเหิ น สมฺมติ.

๒๙๗. สาธารณาติ ตํ สเมตพฺพา.

๒๙๘. ตพฺภาคิยาติ ตํโกฏฺาสา.

๒๙๙. เอกาธิกรณํ สพฺเพ สมถา สมคฺคา หุตฺวา สเมตุํ ภพฺพาติ ปุจฺฉนฺโต ‘‘สมถา สมถสฺส สาธารณา’’ติ อาห. สมถา สมถสฺสา สิยา สาธารณา สิยา อสาธารณา.

๓๐๐. สมถา สมถสฺส ตพฺภาคิยวาเรปิ เอเสว นโย.

๓๐๑. อิเม สมถา สมถา, น สมฺมุขาวินโยติ อตฺโถ.

๓๐๒. ‘‘สมถา วินโย’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺมา วินโย สมฺมุขาวินโยติ วินยวาโร อุทฺธโฏ สิยา. น สมฺมุขาวินโยติ สมฺมุขาวินยํ เปตฺวา สติวินยาทโย เสสสมถา.

๓๐๓. สงฺฆสฺส สมฺมุขา ปฏิฺาเต ตํ ปฏิชานนํ สงฺฆสฺส สมฺมุขตา นาม โหตีติ ‘‘ตสฺส ปฏิชานนจิตฺตํ สนฺธาย ‘สมฺมุขาวินโย กุสโล’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. นตฺถิ สมฺมุขาวินโย อกุสโลติ ‘‘ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาหิ ติวงฺคิโก สมฺมุขาวินโย เอเตหิ วินา นตฺถิ. ตตฺถ กุสลจิตฺเตหิ กรณกาเล กุสโล, อรหนฺตานํ กรณกาเล อพฺยากโต, เอเตสํ อกุสลปฏิปกฺขตฺตา อกุสลสฺส สมฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา ‘นตฺถิ สมฺมุขาวินโย อกุสโล’ติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘เยภุยฺยสิกา อธมฺมวาทีหิ วูปสมนกาเล สลากคฺคาหาปเก ธมฺมวาทิมฺหิ กุสลา, ธมฺมวาทีนมฺปิ อธมฺมวาทิมฺหิ สลากคฺคาหาปเก ชาเต อกุสลา, สพฺพตฺถ อรหโต วเสเนว อพฺยากตตา, อนรหโต สฺจิจฺจ สติวินยทาเน สติวินโย อกุสโล, อมูฬฺหวินโย อนุมฺมตฺตกสฺส ทาเน, ปฏิฺาตกรณํ มูฬฺหสฺส อชานนโต ปฏิฺายกรเณ, ตสฺสปาปิยสิกา สุทฺธสฺส กรเณ, ติณวตฺถารกํ มหากลเห, สฺจิจฺจ กรเณ จ อกุสล’’นฺติ ลิขิตํ.

ยตฺถวารปุจฺฉาวารวณฺณนา

๓๐๔. ลพฺภตีติ ปุจฺฉา.

สมถวารวิสฺสชฺชนาวารวณฺณนา

๓๐๕. ยสฺมึ สมเย สมฺมุขาวินเยน จาติอาทิ ตสฺสา วิสฺสชฺชนํ. ยสฺมึ สมเย สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตสฺมึ สมเย ยตฺถ เยภุยฺยสิกา ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติ เอวํ สพฺพตฺถ สมฺพนฺโธ. ยตฺถ ปฏิฺาตกรณํ ลพฺภติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินโย ลพฺภตีติ เอตฺถ เอกํ วา ทฺเว วา พหู วา อาปตฺติโย อาปนฺโน ภิกฺขุ ‘‘อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘อามา’’ติ อาปตฺตึ ปฏิชานาติ, ทฺเวปิ ลพฺภนฺติ. ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาติ เอวํ วุตฺตสมฺมุขาวินเย สงฺฆสฺส ปุรโต ปฏิฺาตํ กตํ เจ, สงฺฆสมฺมุขตา. ตตฺเถว เทสิตํ เจ, ธมฺมวินยสมฺมุขตาโยปิ ลทฺธา โหนฺติ. อวิวทนฺตา อฺมฺํ ปฏิชานนฺติ เจ, ปุคฺคลสมฺมุขตา. ตสฺเสว สนฺติเก เทสิตํ เจ, ธมฺมวินยสมฺมุขตาโยปิ ลทฺธา โหนฺติ. เอกสฺเสว วา เอกสฺส สนฺติเก อาปตฺติเทสนกาเล ‘‘ปสฺสสิ, ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ตตฺถ ธมฺมวินยปุคฺคลสมฺมุขตาสฺิโต สมฺมุขาวินโย จ ปฏิฺาตกรณฺจ ลทฺธํ โหติ.

สํสฏฺวาราทิวณฺณนา

๓๐๖. อธิกรณานํ วูปสโมว สมโถ นาม, โส อธิกรณํ วินา นตฺถิ, ตสฺมา น จ ลพฺภา วินิภุชฺชิตฺวา นานากรณํ กาตุํ.

๓๐๙-๓๑๐. สมถา สมเถหิ สมฺมนฺตีติ เอตฺถ สมฺมนฺตีติ สมฺปชฺชนฺติ. อธิกรณา วา ปน สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘เยภุยฺยสิกา สมฺมุขาวินเยน สมฺมตี’’ติ อิมาย สมฺมุขาวินเยน สทฺธึ สมฺปชฺชติ, น สติวินยาทีหิ เตสํ ตสฺสา อนุปการตฺตาติ อตฺโถ. สมถา อธิกรเณหิ สมฺมนฺตีติ เอตฺถ สมถา อภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

๓๑๑. ‘‘สมฺมุขาวินโย วิวาทาธิกรเณน น สมฺมตี’’ติ ปาโ. เยภุยฺยสิกาย สมานภาวโต จ อวสาเน ‘‘สมฺมุขาวินโย น เกนจิ สมฺมตี’’ติ (ปริ. ๓๑๓) วุตฺตตฺตา จ สมฺมุขาวินโย สยํ สมเถน วา อธิกรเณน วา สเมตพฺโพ น โหตีติ กตฺวา วุตฺโต. สติวินโย กิจฺจาธิกรเณน สมฺมติ. อมูฬฺหวินยตสฺสปาปิยสิกติณวตฺถารกาปิ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมนฺติ.

๓๑๓. วิวาทาธิกรณํ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมตีติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต…เป… ปมํ สลากํ นิกฺขิปามี’’ติ เอวํ วิวาทาธิกรณํ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมติ. อนุวาทาธิกรณอาปตฺตาธิกรณาปิ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมนฺติ. ‘‘‘อกตํ กมฺมํ ทุกฺกฏํ กมฺม’นฺติ เอวํ กิจฺจาธิกรณมฺปิ กิจฺจาธิกรเณน สมฺมตีติ เอวํ ปาโ เวทิตพฺโพ’’ติ ลิขิตํ. อฺตรสฺมึ ปน คณฺิปเท ‘‘‘สมถา อธิกรเณหิ สมฺมนฺตี’ติ เอตฺถ ยสฺมา สพฺเพ สมถา กิจฺจาธิกรเณน สมฺมนฺติ, ตสฺมา ‘สมถา กิจฺจาธิกรเณน สมฺมนฺตี’ติ ปาโ คเหตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.

๓๑๔. วิวาทาธิกรณํ กตมํ อธิกรณํ สมุฏฺาเปตีติ ‘‘นายํ ธมฺโม’’ติ วุตฺตมตฺเตน กิฺจิ อธิกรณํ น สมุฏฺาเปติ.

๓๑๘-๙. ‘‘กตมาธิกรณปริยาปนฺน’’นฺติ ปาโ. วิวาทาธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ ภชตีติ ปมุปฺปนฺนวิวาทํ ปจฺฉา อุปฺปนฺโน ภชติ. วิวาทาธิกรณํ ทฺเว สมเถ ภชตีติ ‘‘อิมํ วูปสเมตุํ สมตฺถา ตุมฺเห’’ติ วทนฺตํ วิย ภชติ ‘‘มยํ ตํ วูปสเมสฺสามา’’ติ วทนฺเตหิ วิย ทฺวีหิ สมเถหิ สงฺคหิตํ.

สมถเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ขนฺธกปุจฺฉาวารวณฺณนา

ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวณฺณนา

๓๒๐. นิทานํ นาม กาลฺจ นครฺจ เทโส จ ภควา จ. วตฺถุปุคฺคลาทิ นิทฺเทโส. ยานิ ตตฺถ อุปสมฺปทกฺขนฺธเก ‘‘น, ภิกฺขเว, อูนวีสติวสฺโส ปุคฺคโล อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อุตฺตมานิ ปทานิ วุตฺตานีติ สมฺพนฺโธ. สา สา ตสฺส ตสฺส ปทสฺส อาปตฺตีติ วุจฺจตีติ ยา ‘‘น, ภิกฺขเว, อูนวีสติวสฺโส ปุคฺคโล อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ ปเทน ปฺตฺตา อาปตฺติ, สา ตสฺส ปทสฺสาติ อธิปฺปาโย. จมฺมสํยุตฺเตติ จมฺมกฺขนฺธเก.

เอกุตฺตริกนยวณฺณนา

เอกกวารวณฺณนา

๓๒๑. เอกุตฺตริกนเย อาปตฺติ ชานิตพฺพาติ เอตฺถ อาปตฺติ นาม กึ ปรมตฺถสภาวา, อุทาหุ น วตฺตพฺพสภาวาติ? น วตฺตพฺพสภาวา. วุตฺตฺหิ ปริวาเร ‘‘วตฺถุ ชานิตพฺพํ, โคตฺตํ ชานิตพฺพํ, นามํ ชานิตพฺพํ, อาปตฺติ ชานิตพฺพา’’ติ เอเตสํ ปทานํ วิภงฺเค ‘‘เมถุนธมฺโมติ วตฺถุ จ โคตฺตฺจ. ปาราชิกนฺติ นามฺเจว อาปตฺติ จา’’ติ. นามฺจ โคตฺตฺจ ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๖) วจนโต สมฺมุติมตฺตํ, ตสฺมา ‘‘กุสลตฺติกวินิมุตฺตา น วตฺตพฺพธมฺมภูตา เอกจฺจา สมฺมุติ เอวา’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปน วุตฺตํ สมถกฺขนฺธเก ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๒), ตํ ‘‘วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๐) เอตฺถ วิย ปริยายโต วุตฺตํ. อตฺถโต หิ วิวาโท นาม เอกจฺโจ สมฺมุติวิเสโส. โย จิตฺตสมงฺคิโน, โส ‘‘ตํ จิตฺตปริยาเยน ปน สิยา กุสล’’นฺติอาทิ โวหารลทฺโธ, ตถา อาปตฺตาธิกรณมฺปีติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชมาโน หิ อกุสลจิตฺโต วา อาปชฺชติ กุสลาพฺยากตจิตฺโต วา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา). อฺถา สมเถหิ อธิกรณียตา น สมฺภวติ. น หิ สมถา กุสลาทึ อกุสลาทึ วา อธิกิจฺจปวตฺตนฺติ, สมถวเสน วา กุสลาทิ สมฺมติ. น จ กุสลสฺส วิวาทสฺส, อนุวาทสฺส วา กุสลาทิสมเถหิ วูปสเมตพฺพตา อาปชฺชตีติ เตสํ อธิกรณมตฺตเมว น สมฺภเวยฺย, ตสฺมา อธิกรณานํ, สมถานฺจ กุสลาทิภาโว ปริยายเทสนาย ลพฺภติ, โน อฺถา, เตเนว สมฺมุขาวินเย วิย อาปตฺตาธิกรเณ ติกํ น ปูริตํ. สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชมานสฺส ยสฺมา สฺเจตนา เอกนฺตโต อกุสลาว โหติ. อิตรสฺส สจิตฺตกสฺส วา อจิตฺตกสฺส วา ตทาภาวมตฺตํ อุปาทาย ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา หิ ‘‘ติกฺขตฺตุํ โจทยมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, อิจฺเจตํ กุสล’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๕๓๘) น กุสลสทฺโท สุขวิปาโก, ‘‘สมฺปรายิกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตายา’’ติอาทีสุ (ปริ. ๔๙๘) น อกุสลา วา โหติ. อิตรสฺส สจิตฺตกสฺส วา อจิตฺตกสฺส วา ตทาภาวมตฺตํ อุปาทาย ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา หิ ทฺวิกฺขตฺตุํ โจทยมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, ยํ ปเนตฺถ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ อกุสล’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺส วเสน ตทกุสลโต สตฺต วินีตวตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ, ตโต จีวรนฺติ สมฺภวโต อจีวรกา, อนฺตราปตฺติกา จ. อนนฺตริกลกฺขณปฺปตฺตสฺส วเสน นิยตา จ นามาติ เวทิตพฺพํ. สมฺมุตินิทฺเทเส ครุกลหุกนิทฺเทโสปิ สมฺภวติ. อฺถา ‘‘อนนฺตรายิกา ปณฺณตฺติวชฺชา, อนวชฺชาปณฺณตฺตี’’ติ จ วุตฺตา. กุฏิการมหลฺลกาปตฺติ อนฺตรายิกา โลกวชฺชสาวชฺชปณฺณตฺติโต. สมฺปชานมุสาวาโท โอมสวาทาทิโต ครุกาทิ น สมฺภเวยฺย, ตโต วา อยํ ลหุกาทีติ อิทํ สพฺพํ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มตํ, ‘‘สพฺพํ อยุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. กสฺมา? ยสฺมา ‘‘ปาราชิกนฺติ นามฺเจว อาปตฺติจา’’ติ วจเนน เจ อาปตฺติ น วตฺตพฺพธมฺโม สิยา, วตฺถุ จ น วตฺตพฺพธมฺโม สิยา โคตฺเตน สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ‘‘เมถุนธมฺโม’’ติ ปทํ อชฺฌาจารสงฺขาตํ วตฺถุฺจ ทีเปติ. อชฺฌาจารวเสเนว อาปตฺติยา ลทฺธนามํ อสาธารณนามตฺตา ‘‘โคตฺต’’นฺติ จ วุจฺจตีติ อยํ ตตฺถ อตฺโถ.

‘‘อาปตฺตาธิกรณสฺส กึ ปุพฺพงฺคมนฺติ? โลโภ ปุพฺพงฺคโม, โทโส, โมโห, อโลโภ, อโทโส, อโมโห ปุพฺพงฺคโม’’ติ ‘‘กติ เหตูติ? ฉ เหตู ตโย อกุสลเหตู, ตโย อพฺยากตเหตู’’ติ จ วุตฺตตฺตา นิปฺปริยาเยเนว ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํ. สมถกฺขนฺธเก ปน สนฺธายภาสิตวเสน ตถา เอว วุตฺตํ. ตสฺมา อาปตฺตาธิกรณํ สภาวโต นิปฺปริยาเยเนว อกุสลา จตฺตาโร ขนฺธา, รูปอพฺยากตา จ โหนฺติ. ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๒) วุตฺตตฺตา กุสลเมว ปฏิกฺขิตฺตํ, ขีณาสวานํ กิริยาพฺยากตํ นาม โหตีติ กุสเล ปฏิกฺขิตฺเต กิริยาพฺยากตมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตเมว โหติ. ตสฺมึ ปฏิกฺขิตฺเต สพฺพถา อวาวฏํ วิปากาพฺยากตํ ปฏิกฺขิตฺตเมว โหติ. นิพฺพานาพฺยากเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ เอเก, ตํ อยุตฺตํ ‘‘ฉ เหตุโย’’ติ วุตฺตตฺตา. กิฺจาปิ วุตฺตํ สามฺเน, ตถาปิ วิปากเหตุเยว ตตฺถ อธิปฺเปโต, น กิริยาเหตุ, เต หิ กุสลสภาวา จ, ตสฺมา รูปํ, วิปากาพฺยากตฺจาปตฺติ. ตตฺถ อกุสลาปตฺติโต วินีตวตฺถูนิ. อิตรสฺสาปิ อาทิโต ฉาทนา กุสลจิตฺตโตติ วุตฺตํ โหติ. อนฺตรายิกนิยตสาวชฺชปฺตฺติภาโวปิ จสฺสา เววจนวเสน เวทิตพฺโพ ปณฺณตฺติวชฺชาย, สฺจิจฺจ อาปนฺนาย จ, ตสฺมา ‘‘ชีวิตินฺทฺริยํ สิยา สารมฺมณํ สิยา อนารมฺมณ’’นฺติ วจนํ วิย เอกนฺตากุสลํ อเนกนฺตากุสลฺจ โลกวชฺชํ, เอกนฺตาพฺยากตํ ภูตาโรจนํ อเนกนฺตาพฺยากตฺจ เสสํ ปณฺณตฺติวชฺชํ เอกโต สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยาพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํ. สมถกฺขนฺธเก ปน ปณฺณตฺติวชฺชเมว สนฺธาย ตถา วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ, คณฺิปเท จ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’นฺติ เอตฺถ สนฺธายภาสิตวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺมิฺหิ ปถวิขณนาทิเก อาปตฺตาธิกรเณ อปกตฺุโน สนฺธาย อปฺปหริตกรณาทิกาเล กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหติ, ขณนาทิปโยคสงฺขาตํ รูปาพฺยากตํ อาปตฺติสมุฏฺาเปนฺตํ โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อตฺถาปตฺติ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ, กุสลจิตฺโต วุฏฺาตี’’ติอาทิ. ตสฺมิฺหิ สติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ. ยสฺมา อาปตฺติสมุฏฺาปกํ จิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ, ตสฺมา น ยิทํ องฺคปฺปโหนกจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยทิ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘สิยา กุสล’’นฺติ จ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา อิทํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ – ยํ ตาว อาปตฺตาธิกรณํ โลกวชฺชํ, ตํ เอกนฺตโต อกุสลเมว, ตตฺถ ‘‘สิยา อกุสล’’นฺติ วิกปฺโป นตฺถิ. ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ตํ ยสฺมา สฺจิจฺจ ‘‘อิมํ อาปตฺตึ วีติกฺกมามี’’ติ วีติกฺกมนฺตสฺเสว อกุสลํ โหติ, อสฺจิจฺจ ปน กิฺจิ อชานนฺตสฺส สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชโต รูปวิปากํ อพฺยากตํ โหติ อนุฏฺานโต. ตสฺมา ตสฺส ปณฺณตฺติวชฺชสฺส สฺจิจฺจาสฺจิจฺจวเสน อิมํ วิกปฺปภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ.

สเจ ปน โกจิ วินเย อปกตฺู ‘‘ยํ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ, อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วเทยฺย, ตสฺเสวํวาทิโน อจิตฺตกานํ เอฬกโลมาทิสมุฏฺานานมฺปิ กุสลจิตฺตสมงฺคิกาเล ตาสํ อาปตฺตีนํ กุสลจิตฺโต อาปชฺเชยฺย, น วา อาปชฺชติ. กึการณํ? น จ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ. อตฺตภาโว สภาโว ปกตีติ วุตฺตํ โหติ. กตรํ ปน ตสฺสา อาปตฺติยา ตทา องฺคสภาโวติ? วุจฺจเต – กายวจีวิฺตฺติวเสน ปน จลิตสฺส กายสฺส, ปวตฺตาย วาจาย จาติ เอเตสํ ทฺวินฺนํ จลิตปฺปวตฺตานํ กายวาจานํ อฺตรเมว องฺคสภาโว, ตฺจ รูปกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา อพฺยากตนฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ? กาโย, วาจา จ ตทา อาปตฺตาธิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยา ปเนตฺถ อกุสลาปตฺติกฺขเณ กายวาจาโย อพฺยากตภาโว, ตา อพฺโพหาริกา โหนฺติ กายวจีกมฺมกาเล มโนกมฺมํ วิย. ตทา หิ กายวาจาโย อาปตฺติกราทิฏฺาเน ติฏฺนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาปตฺติกรา ธมฺมา ชานิตพฺพา. กติ มูลานีติ ฉ อาปตฺติสมุฏฺานานิ มูลานี’’ติอาทิ. ยทา ปน กายวาจาโย อาปตฺติยา องฺคเมว โหนฺติ, ตทา ‘‘จิตฺตํ จิตฺตาธิปเตยฺย’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กามาวจรกุสลวณฺณนา) วจนํ วิย ปุพฺพปโยคานํ อปรปโยคสฺส ปจฺจยภาวโต อาปตฺติกราทิปฺตฺตึ น วิชหนฺติ. ยถา ตพฺภาเวปิ ‘‘อาปตฺตาธิกรณสฺส กติ วตฺถูนีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา วตฺถูนิ. กติ ภูมิโยติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา ภูมิโย’’ติ วุตฺตํ. ตถา ตพฺภาเวปิ อาปตฺติกรา ‘‘อาปตฺติสมุฏฺานา’’อิจฺเจว วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา. เอตฺตาวตา อาปตฺติ นาม จตฺตาโร อกุสลกฺขนฺธา สฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล ภูตาโรจนํ เปตฺวา สพฺพาปิ อวิเสสโต, วิเสสโต ปน สพฺพาปิ เอกนฺตากุสลา อกุสลา, อเนกนฺตากุสลา ปน คิรคฺคสมชฺชจิตฺตาคารสงฺฆานิอิตฺถาลงฺการคนฺธวณฺณกวาสิตปิฺากปฺปเภทา, ภิกฺขุนิอาทีนํ อุมฺมทฺทนปริมทฺทนปฺปเภทา จาติ ทสปฺปเภทา สกนาเมหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถุชานนสจิตฺตกกาเล เอว อกุสลา, ตทภาวโต อจิตฺตกกาเล วินา อนาปตฺตาธิกรเณน กมฺมฏฺานาทิสีเสน กุสลจิตฺเตน ตํ ตํ วตฺถุํ วีติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ เกวลํ รูปอพฺยากตเมว.

เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อปฺปกาเส าเน กฏิสุตฺตกสฺาย สงฺฆาณึ, มตฺติกาสฺาย คนฺธวณฺณกาทึ วา ธาเรนฺติยาปิ อาปตฺติ, ตสฺมา อจิตฺตกาเยวา’’ติ วณฺณยนฺติ. เต ‘‘สงฺฆาณิยา อสงฺฆาณิสฺาย ธาเรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาาภาวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. สุราปานาปตฺติ ปน อจิตฺตกาปิ เอกนฺตากุสลาว. เตเนว ‘‘มชฺเช อมชฺชสฺี ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๒๘) วุตฺตํ. ยสฺมา ปเนตฺถ อาพาธปจฺจยาปิ น สกฺกา วินา อกุสเลน สุราปานํ ปาตุํ, ตสฺมา ยถาวุตฺเตสุ อเนกนฺตากุสเลสุ วิย โลกวชฺเชสุ อิธ ‘‘สุราปาเนสุ อนาปตฺติ อาพาธปจฺจยา’’ติ น วุตฺตํ. สูปสํปากาทิ ปน อมชฺชเมว. ตตฺถ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ อุทกทนฺตโปเณ วิย. ภูตาโรจนาปตฺติ รูปาพฺยากตเมว, อจิตฺตกกาเล สหเสยฺยาทิ รูปวิปากาพฺยากตเมว, ตตฺถ สุปินนฺโต วิชฺชมานมฺปิ อกุสลํ อนงฺคตฺตา อพฺโพหาริกํ โหติ. กุสเล กถาว นตฺถิ อนาปตฺติ สภาวตฺตา กุสลสฺส. ตถา กิริยาติ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ยถาสมฺภวํ อกุสลํ วา สุทฺธรูปํ วา สวิปากํ วาติ ติธา ภิชฺชตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ.

ตตฺถ เปตฺวา สุราปานํ เอกจฺจฺจ ปณฺณตฺติวชฺชํ, เอกนฺตากุสลฺจ สจิตฺตกเมว, ภูตาโรจนํ อจิตฺตกเมว, เสสํ สห สุราปาเนน อเนกนฺตากุสลํ โลกวชฺชฺจ อเนกนฺตาพฺยากตํ ปณฺณตฺติวชฺชฺจ เยภุยฺเยน สจิตฺตกาจิตฺตกนฺติ สพฺพสิกฺขาปทํ ติปฺปเภทํ โหติ. ยํ ปเนตฺถ สจิตฺตกเมว, ตํ เมถุนาทิวตฺถุชานนจิตฺเตเนว สจิตฺตกํ, สพฺพํ เสขิยํ ปณฺณตฺติชานนจิตฺเตเนว สจิตฺตกํ ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ วจนโตติ สจิตฺตกํ ทุวิธํ โหติ. เอกนฺตาจิตฺตกํ ปณฺณตฺติชานนจิตฺตาภาเวน, น วตฺถุชานนจิตฺตาภาเวน. ตทภาวโต เอกนฺตากุสลํ สุราปานํ, เอกนฺตาพฺยากตํ สฺจริตฺตํ, วตฺถุชานนจิตฺตสฺส วา ปณฺณตฺติชานนจิตฺตสฺส วา อุภินฺนํ อภาเวน อจิตฺตกภาเวน อจิตฺตกํ โหติ. สุราปานํ ปน สจิตฺตกํ โหติ วตฺถุชานนจิตฺเตเนว. อริยปุคฺคลานํ อิตเรสํ อุภินฺนํ วา อฺตรสฺส ภาเวน เสสํ จิตฺตกาจิตฺตกํ. วิเสสโต จ วตฺถุชานนจิตฺตาภาเวน, อปกตฺุโน ปณฺณตฺติชานนจิตฺตาภาเวน วา อจิตฺตกภาเวน อจิตฺตกํ โหติ. ตตฺถ เอกนฺตาจิตฺตกฺจ สจิตฺตกฺจ ‘‘อจิตฺตก’’มิจฺเจว วุจฺจติ. อยํ ตาว ‘‘อาปตฺติ ชานิตพฺพา’’ติ เอตฺถ วินิจฺฉโย.

มูลวิสุทฺธิยา อนฺตราปตฺตีติ อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา มูลายปฏิกสฺสนํ กตฺวา ิเตน อาปนฺนาปตฺติ. อยํ อคฺฆวิสุทฺธิยา อนฺตราปตฺตีติ สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิตฺวา ตาสุ สพฺพจิรปฏิจฺฉนฺนวเสน อคฺฆสโมธานํ คเหตฺวา วสนฺเตน อาปนฺนาปตฺติ. ‘‘ปุนปิ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ สอุสฺสาเหเนว จิตฺเตน. ‘‘อยํ ภิกฺขุนิยา เอวา’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ปาราชิกเมวา’’ติ อิทฺจ ภูตวเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ เทสิเต ปน ยา กาจิ อาปตฺติ น วุฏฺาตีติ อปเร, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ธมฺมิกสฺส ปฏิสฺสวสฺส อสจฺจาปเน’’ติ วุตฺตตฺตา อธมฺมิกปฏิสฺสเว ทุกฺกฏํ น โหติ. ‘‘ปุพฺเพ สุทฺธจิตฺตสฺส ‘ตุมฺเห วิพฺภมถา’ติ วุตฺเต ‘สาธู’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา สเจ น วิพฺภมติ อนาปตฺติ, เอวํ สพฺพตฺถา’’ติ จ วุตฺตํ. ‘‘อาวิกโร ชานิตพฺโพ’’ติปิ ปาฬิ. กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลนา’’ติอาทีสุ ปฺจทสสุ ธมฺเมสุ. ภพฺพาปตฺติกา นาม อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภพฺพา.

ทุกวารวณฺณนา

๓๒๒. นิทหเน อาตเป. ‘‘เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺย (ปารา. ๔๗๒). ฉารตฺตปรมํ เตนา’’ติอาทินา (ปารา. ๖๕๓) วุตฺตาปตฺติโก คณปูรโก หุตฺวาปิ กมฺมํ โกเปติ นานาสํวาสกตฺตา. กมฺเมน วา สลากคฺคาเหน วาติ เอตฺถ อุทฺเทโส เจว กมฺมฺจ เอกนฺติ เอตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทโสติ วา กมฺมนฺติ วา อตฺถโต เอกเมว, เตสุ ยํ กิฺจิ กเต สงฺฆเภโท โหตีติ อตฺโถ. ปุพฺพภาคาติ สงฺฆเภทโต ปุพฺพภาคา. ‘‘ปมาณ’’นฺติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อฺตเรน เภโท โหติ, น อิตเรหีติ วุตฺตํ. วินเย สิทฺธา วินยสิทฺธา, โรมชนปเท ชาตํ โรมกํ, อนุฺาตโลณตฺตา ทุเกสุ วุตฺตาติ.

ติกวารวณฺณนา

๓๒๓. โว ตุมฺเหหิ น สมุทาจริตพฺพํ. วจีสมฺปยุตฺตํ กายกิริยํ กตฺวาติ กาเยน นิปจฺจการํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุปฆาเตติ วินาเสติ. โอมทฺทิตฺวาติ อภิภวิตฺวา. วทโตติ วทนฺตสฺส. ‘‘พาลสฺส นิสฺสโย ทาตพฺโพ’’ติ ทุเก อาคตํ, อิธ ปน ‘‘น ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, อาปตฺติพาหุลฺลํ สนฺธาย นาทาตพฺพํ, ‘‘อิมสฺมา วิหารา ปรํ มา นิกฺขมาหิ, วินยธรานํ วา สนฺติกํ อาคจฺฉ วินิจฺฉยํ ทาตุ’’นฺติ วุตฺเต ตสฺส วจนํ น คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ. ติกโภชนํ นาม สเจ ตโย หุตฺวา ภุฺชนฺติ, คณโภชเนน อนาปตฺติ, อิทํ สนฺธาย ติกํ. ‘‘ปสุตฺโต’’ติ พาหุลฺลโต วุตฺตํ. อถ วา นิปชฺชิตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อิทํ เปตฺวา คจฺฉามิ, ตาวกาลิกํ ภนฺเต เทถาติ วุตฺเต ‘นวกมฺมาทิอตฺถํ วินา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ลิขิตํ. วิกปฺเปตฺวา ปิตํ วสฺสิกสาฏิกํ ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส นิวาเสนฺโต ทุกฺกฏํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ. อปจฺจุทฺธริตฺวาติ ปจฺจุทฺธรณํ อกตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘วิกปฺเปตุ’’นฺติ วจนโต อวิกปฺปนปจฺจยา อาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, วิกปฺปนา ปน กตฺติกปุณฺณมทิวเส กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ าตพฺพํ. อยํ นโย อวิกปฺปนํ สนฺธาย, ปุริโม วิกปฺปิตปริโภคปจฺจยาปตฺตึ สนฺธาย. วตฺถปฏิจฺฉาทิ สพฺพกปฺปิยตายาติ วตฺถปฏิจฺฉาทิ สพฺพตฺถ กปฺปิยตฺตาติ อตฺโถ. เกจิ อิมมตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘วตฺถปฏิจฺฉาทิ สพฺพกปฺปิยตา ตาย ปฏิจฺฉนฺเนนา’’ติ ลิขนฺติ. ‘‘วตฺถเมว ปฏิจฺฉาทิ วตฺถปฏิจฺฉาที’’ติ วิคฺคหตฺตา ‘‘ตายา’’ติ น ยุชฺชติ. ‘‘เตนา’’ติ ภวิตพฺพตฺตาติ อิทํ สพฺพํ อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ลิขิตํ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

จตุกฺกวารวณฺณนา

๓๒๔. จตูหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชติ…เป… กมฺมวาจาย อาปชฺชตีติ เอตฺถ ยฺหิ อาปตฺตึ กมฺมวาจาย อาปชฺชติ, น ตตฺถ กายาทโยติ อาปนฺนํ, ตโต กมฺมวาจาย สทฺธึ อาปตฺติกรา ธมฺมา สตฺตาติ อาปชฺชติ, เอวํ สติ ‘‘ฉ อาปตฺติสมุฏฺานานี’’ติ วจนวิโรโธ, ตานิ เอว อาปตฺติกรา ธมฺมา นาม. อถ ตตฺถาปิ กายาทโย เอกโต วา นานาโต วา ลพฺภนฺติ, จตูหากาเรหีติ น ยุชฺชตีติ ‘‘ฉหากาเรหิ อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ เอวํ เอตานิ สุตฺตปทานิ วิโรธิตานิ โหนฺติ. กถํ อวิโรธิตานิ? สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภทภินฺนตฺตา. กายาทีนํ ยา กิริยา อาปตฺติ, นํ เอกจฺจํ กาเยน สวิฺตฺติเกน อาปชฺชติ, เอกจฺจํ สวิฺตฺติกาย วาจาย, เอกจฺจํ สวิฺตฺติกาหิ กายวาจาหิ อาปชฺชติ, ยา ปน อกิริยา อาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ กมฺมวาจาย อาปชฺชติ, ตฺจ โข อวสิฏฺาหิ อวิฺตฺติกาหิ กายวาจาหิเยว, น วินา ‘‘โน เจ กาเยน วาจาย ปฏินิสฺสชฺชติ, กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๔) วจนโต, อวิเสเสน วา เอกจฺจํ อาปตฺตึ กาเยน อาปชฺชติ, เอกจฺจํ วาจาย, เอกจฺจํ กายวาจาหิ. ยํ ปเนตฺถ กายวาจาหิ, ตํ เอกจฺจํ เกวลาหิ กายวาจาหิ อาปชฺชติ, เอกจฺจํ กมฺมวาจาย อาปชฺชตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพติ เอวํ อวิโรธิตานิ โหนฺติ.

ตตฺรายํ สมาสโต อตฺถวิภาวนา – กาเยน อาปชฺชตีติ กาเยน สวิฺตฺติเกน อกตฺตพฺพํ กตฺวา เอกจฺจํ อาปชฺชติ, อวิฺตฺติเกน กตฺตพฺพํ อกตฺวา อาปชฺชติ, ตทุภยมฺปิ กายกมฺมํ นาม. อกตมฺปิ หิ โลเก ‘‘กต’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺกฏํ มยา, ยํ มยา ปุฺํ น กต’’นฺติ เอวมาทีสุ, สาสเน จ ‘‘อิทํ เต, อาวุโส อานนฺท, ทุกฺกฏํ, ยํ ตฺวํ ภควนฺตํ น ปุจฺฉี’’ติ (จูฬว. ๔๔๓) เอวมาทีสุ, เอวมิธ วินยปริยาเยน กาเยน อกรณมฺปิ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. อยเมว นโย ‘‘วาจาย อาปชฺชตี’’ติอาทีสุ. ปุรตีติ ปุริโส, ปุร อคฺคคมเน. ปุรตีติ ปุรโต คจฺฉติ สพฺพกมฺเมสุ ปุพฺพงฺคโม โหติ. ปมุปฺปนฺนวเสนาติ ปมกปฺปิเยสุ หิ ปมํ ปุริสลิงฺคํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘ปุริม’’นฺติ สงฺขํ คตํ ปุริสลิงฺคํ ชายตีติ อตฺโถ. สตํ ตึส จาติ เอตฺถ อสาธารณาปิ ปาราชิกา โน อนฺโตคธาเยว ชาตา ปาราชิกาปนฺนานํ ภิกฺขุภาวาย อภพฺพตฺตา. ‘‘อสาธารณวจเนน ปน สามฺเน อุทฺธฏานี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สตฺเจว ตึสฺจ สิกฺขาปทานีติ ปาโ’’ติ จ วทนฺติ. ภิกฺขุสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ จตูสุ ปาราชิเกสูติ สาธารเณสุ เอว. อตฺถิ วตฺถุนานตฺตตา โน อาปตฺตินานตฺตตาติ ปมปฺโห อิธ ทุติโย นาม. อตฺถิ อาปตฺติสภาคตา โน วตฺถุสภาคตาติ เอเตน วิเสโส นตฺถิ. มนฺตาภาสาติ มติยา ภาสา. ‘‘อภิวาทนารหาติ ยถานิสินฺนาว สีสํ อุกฺขิปิตฺวา วนฺทนฺติ. นวมภิกฺขุนิโต ปฏฺาย อนุฏฺิตพฺพโต อาสนา น ปจฺจุฏฺเนฺติ. อวิเสเสนาติ อุปชฺฌายสฺส, อิตรสฺส วา วิปฺปกตโภชนสฺส, สมีปคโต โย โกจิ วุฑฺฒตโรติ อตฺโถ. วิปฺปกตโภชเนนาปิ หิ อุฏฺหิตฺวา อาสนํ ทาตพฺพํ. อิธ น กปฺปนฺตีติ วทนฺโตปีติ ปจฺจนฺติมชนปเทสุ ตฺวา ‘‘อิธ น กปฺปนฺตี’’ติ วทนฺโต วินยาติสารทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. กปฺปิยฺหิ ‘‘น กปฺปตี’’ติ วทนฺโต ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทติ นาม. ตถา อิธ กปฺปนฺตีติอาทีสุปิ ตฺวา ‘‘อิธ กปฺปนฺตี’’ติ วทนฺโต วินยาคตภิกฺขุ วินโย ปุจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ.

ปฺจกวารวณฺณนา

๓๒๕. อุเปติ ปุคฺคโล. ‘‘นิมนฺติโต สภตฺโต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา’’ติ (ปาจิ. ๒๙๙) วจนโต นิมนฺตนาภาวา ปิณฺฑปาติกสฺส อนามนฺตจาโร วฏฺฏติ. ‘‘คิลานสมโย’’ติอาทินา อาโภคํ กตฺวา โภชนํ อธิฏฺหิตฺวา โภชนํ นาม. ‘‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ อวิกปฺปนา. ปรมฺมุเข อคุณวจนํ อยโส. สมฺมุขา ครหา. สีลทิฏฺิพฺยสนานํ วินยปริยาปนฺนตฺตา เตหิ สทฺธึ อิตเร ปฺจกํ ปูเรตุํ วุตฺตา. ‘‘วินยธรปฺจเมน คเณนา’’ติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา ปฺจกํ ชาตํ. อฺตรสฺมึ วิหาเร เอโก เถโรติ อตฺโถ. ‘‘โยนกวิสยโตติ จีนฏฺานา’’ติ ลิขิตํ. อฏฺ กปฺเป อนุสฺสรีติ ปุพฺเพนิวาสาณํ นิพฺพตฺเตสีติ อตฺโถ. อนนฺตเร าเน ตฺวาติ อตฺโถ. ตฺติยา กมฺมปฺปตฺโต หุตฺวาติ ตฺติฏฺปิตกาเล กมฺมปฺปตฺโต โหติ. ปุน กมฺมวาจาย กมฺมสิทฺธิ. ตฺติเขตฺตนฺติ ตฺติยาว กาตพฺพฏฺานํ ตสฺสา เขตฺตํ, ตฺติทุติยาทิกมฺเม ปมฏฺปนํ ตสฺสา โอกาโส นาม. อารฺเก อิทฺจิทฺจานิสํสนฺติ เอวํ อิทมตฺถิตนฺติ อตฺโถ.

ฉกฺกวารวณฺณนา

๓๒๖. ‘‘ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพ’’นฺติ วิภงฺเค ปาตฺตา เอวํ วุตฺตํ. จุทฺทสปรมานิ นว ฉกฺกานิ โหนฺติ. กถํ? ปมํ เอกํ ฉกฺกํ, เสเสสุ อฏฺสุ เอเกเกน สทฺธึ เอเกกนฺติ เอวํ ตีณิ ฉกฺกานิ อนฺตรเปยฺยาเล วุตฺตานิ. กถํ? ‘‘จตุตฺเถน อาปตฺติสมุฏฺาเนน ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชตี’’ติอาทินา นเยน ปฺจเมน, ฉฏฺเน จ ตีณิ ฉกฺกานิ. โลภาทโย ฉ วิวาทมูลานิ, ตถา อนุวาทสฺส. ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย วสฺสิกสาฏิกาย. ติริยํ ฉ วิทตฺถิโย สุคตจีวรสฺส. วิปฺปกตจีวรํ อาทาย ปกฺกมเน นิฏฺานนฺติโก, สนฺนิฏฺานนาสน สวน สีมาติกฺกนฺติกสหุพฺภาราติ ฉ, สมาทาย วาเรปิ ฉาติ ฉกฺกทฺวยํ. สตฺตเก ปกฺกมนนฺติเกน สห สตฺต.

สตฺตกวารวณฺณนา

๓๒๗. ฉกฺเก วุตฺตานิเยว สตฺตกวเสน โยเชตพฺพานีติ ฉกฺเก วุตฺตจุทฺทสปรมานิ สตฺตกวเสน โยเชตพฺพานิ. สตฺตเม อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยนฺติ ‘‘ฉารตฺตปรมํ เตน ภิกฺขุนา เตน จีวเรน วิปฺปวสิตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ วิปฺปวเสยฺยา’’ติ เอวํ วุตฺตํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ. จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก สุคตจีวรภาณวารสฺส ปรโต ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส น โหติ อาปตฺติ ทฏฺพฺพา, ตเมนํ โจเทติ สงฺโฆ วา สมฺพหุลา วา เอกปุคฺคโล วา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตสตฺตกาติ.

อฏฺกวารวณฺณนา

๓๒๘. เตน สทฺธึ อุโปสถาทิกรณํ อานิสํโส, อกรณํ อาทีนโว, ตสฺมา เอเต อฏฺานิสํเส สมฺปสฺสมาเนนาติ อตฺโถ. ‘‘อยโส อกฺโกโส’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘‘มุสา ภณิสฺส’’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘‘มุสา ภณามี’’ติ, ภณิตสฺส โหติ ‘‘มุสา มยา ภณิต’’นฺติ, วินิธาย ทิฏฺึ ขนฺตึ รุจึ ภาวํ สฺนฺติ เอวํ อกปฺปิยกตํ โหติ อปฺปฏิคฺคหิตกตนฺติอาทโย อฏฺ อนติริตฺตา. สปฺปิอาทิ อฏฺเม อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ โหติ. อฏฺวาจิกา ภิกฺขุนีนํ อุปสมฺปทา อุภโตตฺติจตุตฺถตฺตา. วสฺสิกสาฏิกทานาทีนิ อฏฺ วรานิ.

นวกวารวณฺณนา

๓๒๙. นวหิ ภิกฺขูหิ ภิชฺชติ. มนุสฺสมํสวชฺเชหิ นว มํเสหิ วินิจฺฉโย. สุนฺทรํ น สุนฺทรนฺติ สงฺฆาฏิอาทีนิ นว จีวรานิ. ตาเนว อธิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย น วิกปฺเปตพฺพานิ, อธิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย อปจฺจุทฺธริตฺวา น วิกปฺเปตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. นว วิทตฺถิโย สุคตจีวรสฺส. ‘‘วคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ วคฺคสฺี โอวทตี’’ติอาทินา นเยน อธมฺมกมฺเม ทฺเว นวกานิ ปาจิตฺติยวเสน วุตฺตานิ.

ทสกวารวณฺณนา

๓๓๐. ‘‘โอรมตฺตกฺจ อธิกรณํ โหติ, น จ คติคต’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๒๐๔) ทส อธมฺมิกา สลากคฺคาหา. วิปรีตา ธมฺมิกา. สมถกฺขนฺธเก วุตฺเตหิ สมนฺนาคโต โหตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘สํกจฺจิกํ วา ปกฺขิปิตฺวา ทสา’’ติ วุตฺตํ กปฺปิยตฺตา เอเตสํ. มาตุรกฺขิตาทโย ทส อิตฺถิโย. ธนกฺกีตาทโย ทส ภริยา. ‘‘สิกฺขาสมฺมุตึ ทตฺวา ทสวสฺสาย ตสฺสา ทฺวาทสวสฺสกาเล สยมฺปิ ทฺวาทสวสฺสา ภวิสฺสตี’’ติ วุฏฺาปนสมฺมุติ สาทิตพฺพา. ‘‘วินยธรสฺเสว ‘อาปตฺตานาปตฺตึ น ชานาตี’ติ อารพฺภ ยาว ‘อุภยานิ โข ปนสฺส…เป… อนุพฺยฺชนโส’ติ ปฺจงฺคานิ วตฺวา ปุนปิ ‘อาปตฺตานาปตฺตึ น ชานาติ’จฺเจว อารพฺภ ยาว ‘อธิกรเณ จ น วินิจฺฉยกุสโล โหตี’ติ ปฺจ วุตฺตา, เต ตถา ตถา ปฺจ ปฺจ กตฺวา ทส โหนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ทสวสฺสาย ภิกฺขุนิยา นิสฺสโย ทาตพฺโพ’’ติ เอกจฺเจสุ โปตฺถเกสุ นตฺถิ, กิฺจาปิ นตฺถิ, ปาโ เอว ปน โหติ.

เอกาทสกวารวณฺณนา

๓๓๑. โวทายนฺติ น ปกาเสนฺติ. โรคเมว โรคาตงฺกํ. โรคนฺตรายํ วา.

เอกุตฺตริกนยวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุโปสถาทิปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวณฺณนา

๓๓๒. ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมี’’ติอาทิ ปวารณกถา นาม วินีตคาถาสุ วิย.

อตฺถวสปกรณวณฺณนา

๓๓๔. ทส อตฺถวเส ปฏิจฺจาติ เอตฺถ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส ปฺาปเน คุณวิเสสทีปนโต, อปฺาปเน อาทีนวทสฺสนโต จ สงฺฆสุฏฺุตา โหติ. ตตฺถ ยถาสมฺภวํ โลกวชฺชสฺส อปณฺณตฺติสมฺภวสฺส ปฺาปเน ปโยควิสุทฺธิ คุโณ. ปณฺณตฺติสมฺภวสฺส ปน เสขิยสฺส โลกวชฺชสฺส ปฺาปเน ปฏิปตฺติวิสุทฺธิ คุโณ, ปณฺณตฺติวชฺชสฺส อาสยวิสุทฺธิ คุโณ อปฺปิจฺฉาทิคุณาวหนโต, เตเนวาห ‘‘สุภรตาย สุโปสตาย อปฺปิจฺฉตาย อปฺปิจฺฉสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวา’’ติ. สมณาจารวิสุทฺธิ จสฺส คุโณติ เวทิตพฺพํ. อถ วา โลกวชฺชสฺส ปฺาปเน สงฺฆสุฏฺุตา โหติ ปากฏาทีนวโต, ปณฺณตฺติวชฺชสฺส ปฺาปเน สงฺฆผาสุตา โหติ ปากฏานิสํสตฺตา. ตถา ปเมน ทุมฺมงฺกูนํ นิคฺคโห, ทุติเยน เปสลานํ ผาสุวิหาโร, ปเมน สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาโต, ทุติเยน ทิฏฺธมฺมิกานํ, ตถา ปเมน อปฺปสนฺนานํ ปสาโท, ทุติเยน ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาโว, ตถา ปเมน สทฺธมฺมฏฺิติ, ทุติเยน วินยานุคฺคโห โหตีติ เวทิตพฺโพ. ปริวารนเยน วา ปเมน ปาปิจฺฉานํ ภิกฺขูนํ ปกฺขุปจฺเฉโท, ทุติเยน คิหีนํ อนุกมฺปา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ ตถาคเตน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ คิหีนํ อนุกมฺปาย ปาปิจฺฉานํ ปกฺขุปจฺเฉทายา’’ติ (ปริ. ๔๙๘). ตถา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ เวรานํ วชฺชานํ อกุสลานํ วเสนปิ โยชนา กาตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ทฺเว อตฺถวเส…เป… ปฺตฺตํ ทิฏฺธมฺมิกานํ เวรานํ สมฺปรายิกานํ เวรานํ ปฏิฆาตายา’’ติอาทิ (ปริ. ๔๙๘). อปิเจตฺถ สพฺพมฺปิ อกตวิฺตฺติปฏิสํยุตฺตํ, คิหีนํ ปีฬาปฏิสํยุตฺตํ, เตสํ ปสาทโภคกฺขยรกฺขาปฏิสํยุตฺตฺจ คิหีนํ อนุกมฺปาย ปฺตฺตํ นาม, กุลทูสกคณโภชนานิ ปาปิจฺฉานํ ปกฺขุปจฺเฉทาย ปฺตฺตํ. สพฺพํ โลกวชฺชํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเวราทิปฏิฆาตาย, มาตุคาเมน สํวิธานํ ทิฏฺธมฺมิกเวราทิสํวราย ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อปิเจตฺถ อาทิโต ปฏฺาย ทสอตฺถวสปกรณเมว นิสฺสาย วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

วตฺถุวีติกฺกเมน ยํ, เอกนฺตากุสลํ ภเว;

ตํ สงฺฆสุฏฺุภาวาย, ปฺตฺตํ โลกวชฺชโต.

ปาราชิกาทึ,

ปฺตฺติชานเนเนว, ยตฺถาปตฺติ น อฺถา;

ตํ ธมฺมฏฺิติยา วาปิ, ปสาทุปฺปาทพุทฺธิยา.

ธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺตํ อิตรฺจ เสขิยํ, อิทํ ปณฺณตฺติสมฺภวํ โลกวชฺชํ นาม. วตฺถุโน, ปฺตฺติยา วา วีติกฺกมเจตนายาภาเวปิ ปฏิกฺขิตฺตสฺส กรเณ, กตฺตพฺพสฺส อกรเณ วา สติ ยตฺถ อาปตฺติ ปโหติ, ตํ สพฺพํ เปตฺวา สุราปานํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อุกฺโกฏนเก ปาจิตฺติยํ, ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปชฺเชยฺย, ปาจิตฺติยํ (ปาจิ. ๔๗๕), โย ปน ภิกฺขุ สงฺเฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ฉนฺทํ อทตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกเมยฺย, ปาจิตฺติยํ (ปาจิ. ๔๘๐), โย ปน ภิกฺขุ สมคฺเคน สงฺเฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปชฺเชยฺย…เป… ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๔๘๕) เอวมาทิ สงฺฆผาสุตาย ปฺตฺตํ. ‘‘อฺวาทเก วิเหสเก ปาจิตฺติยํ (ปาจิ. ๑๐๑), ปาราชิกาทีหิ อนุทฺธํสเน สงฺฆาทิเสสาทิ จ ทุมฺมงฺกูนํ นิคฺคหาย, อนุปขชฺชนิกฺกฑฺฒนอุปสฺสูติสิกฺขาปทาทิ เปสลานํ ผาสุวิหาราย, สพฺพํ โลกวชฺชํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตาย, สพฺพํ ปณฺณตฺติวชฺชํ ทิฏฺธมฺมิกานเมว สํวราย. สพฺพํ คิหิปฏิสํยุตฺตํ อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย ปสนฺนานํ วา ภิยฺโยภาวาย จ. วิเสเสน อริฏฺสมณุทฺเทสสิกฺขาปทํ, สามฺเน ปจฺจเยสุ มริยาทปฏิสํยุตฺตฺจ สทฺธมฺมฏฺิติยา, ‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) อาทิสุตฺตเมตฺถ สาธกํ. ‘‘สิกฺขาปทวิวณฺณเก (ปาจิ. ๔๓๙) โมหนเก ปาจิตฺติย’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๔๔๔) วินยานุคฺคหาย ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๙๐) อิทํ กิมตฺถนฺติ เจ? อปฺปสนฺนานํ ปสาทาย, ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาวาย จ. กถํ?

‘‘ภูตคาโม สชีโวติ, อวิปลฺลตฺตทิฏฺิโน;

ตสฺส โกปนสฺาย, ปสาโท พุทฺธสาวเก.

‘‘นิชฺชีวสฺิตํเปตํ, อโกเปนฺโต กถํ มุนิ;

ชีวํ โกเปยฺย นิทฺโทโส, มจฺฉมํสานุชานเน.

เอวมฺปิ –

‘‘ตสฺส โกปนสฺาย, ปสาโท พุทฺธสาวเก;

ยโต ติตฺถกราวิเม, วิรตา ภูตคามโต;

โลกสฺส จิตฺตรกฺขตฺถํ, ตโตปิ วิรโต มุนี’’ติ. –

ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาโว โหติ.

วิวิตฺตเสนาสนโภคตณฺหาวเสนนิชฺชีวมิตารกฺขํ;

พุทฺโธภินินฺนฺจ วิวชฺชยนฺโต;

สิกฺขาปทํ ตตฺถ จ ปฺเปสิ.

นิชฺชีวสฺสาปิ มํสสฺส, ขาทนกํ ยตึ ปติ;

นินฺทมานํ ชนํ ทิสฺวา, ภูตคามํ ปริจฺจชิ.

ติโกฏิปริสุทฺธตฺตา, มจฺฉมํสานุชานเน;

ปฏิจฺจ มํสานุชานนํ, กมฺเม ทิฏฺิปฺปสงฺคภยา.

อปริกฺขกสฺส โลกสฺส, ปรานุทฺทยตาย จ;

ภูตคามปาตพฺยตาย, ปาณาติปาตปฺปสงฺคภยา.

ตตฺถ ปริยายวจนํ อนุชานิ ภควา, อุทฺทิสฺส กตํ ปฏิกฺขิปิ ปรสฺส วา ปาปปฺปสงฺคภเยน. อิธ ปน ภูตคามปาตพฺยตาย ปาปาภาวาปนตฺถํ อตฺตุทฺเทสิกํ วิหารํ, กุฏิฺจ อนุชานีติ เวทิตพฺพํ. ปกิริยนฺติ เอตฺถ เต เต ปโยชนวิเสสสงฺขาตา อตฺถวสาติ อตฺถวสปกรณนฺติ.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมคาถาสงฺคณิกวณฺณนา

สตฺตนคเรสุ ปฺตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

๓๓๕. วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺเถ วา นิปาโตติ อตฺโถ. อฑฺฒุฑฺฒสตานีติ ตีณิ สตานิ, ปฺาสานิ จ. วิคฺคหนฺติ มนุสฺสวิคฺคหํ. อติเรกํ วาติ ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ. กาฬกนฺติ ‘‘สุทฺธกาฬกาน’’นฺติ (ปารา. ๕๕๒-๕๕๔) วุตฺตกาฬกํ. ภูตนฺติ ภูตาโรจนํ. ปรมฺปรภตฺตนฺติ ปรมฺปรโภชนํ. ภิกฺขุนีสุ จ อกฺโกโสติ ยา ปน ภิกฺขุนี ภิกฺขุํ อกฺโกเสยฺย วา ปริภาเสยฺย วา (ปาจิ. ๑๐๒๙). อนฺตรวาสกนฺติ อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรปฏิคฺคหณํ. รูปิยนฺติ รูปิยสพฺโพหารํ. สุตฺตนฺติ สามํ สุตฺตํ วิฺาเปตฺวา ตนฺตวาเยหิ. อุชฺฌาปนเกติ อุชฺฌาปนเก ขียนเก. ปาจิตปิณฺฑนฺติ ภิกฺขุนีปอปาจิตปิณฺฑปาตํ. จาริตฺตนฺติ นิมนฺติโต สภตฺโต สมาโน สนฺตํ. จีวรํ ทตฺวาติ สมคฺเคน สงฺเฆน จีวรํ ทตฺวา. โวสาสนฺตีติ ภิกฺขู ปเนว กุเลสุ นิมนฺติตา ภุฺชนฺติ (ปาจิ. ๕๕๘), ตตฺถ เจสา. คิรคฺคจริยาติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๔) จ, ‘‘อนฺโตวสฺสํ จาริกํ จเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๙๗๐) จ วุตฺตทฺวยํ. ฉนฺททาเนนาติ ปาริวาสิกฉนฺททาเนน สิกฺขมานํ วุฏฺาเปยฺย (ปาจิ. ๑๑๖๗). ปาราชิกานิ จตฺตาริ, ภิกฺขุนีนํ สฺาจิกกุฏิฺจ โกสิยมิสฺสสนฺถตฺจ เสยฺยา จ อนุปสมฺปนฺเนน สห ปถวีขณนํ. คจฺฉ เทวเตติ ภูตคามปาตพฺยตา สปฺปาณกอุทกสิฺจนนฺติ อตฺโถ. มหาวิหาโรติ มหลฺลกวิหาโร. อฺนฺติ อฺวาทกํ. ทฺวารนฺติ ยาวทฺวารโกสา. ‘‘อนาทริยปาจิตฺตีติ จ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน’’ติ ปาโ. ปโยปานนฺติ สุรุสุรุการกํ. เอฬกโลมานิ ปตฺโต จาติ เอฬกโลมโธวาปนฺจ อูนปฺจพนฺธนปตฺโต จ. โอวาโท เจว เภสชฺชนฺติ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตฺวา โอวาโท ตทุตฺตริเภสชฺชวิฺาปนฺจ. สูจิ อรฺโกติ ‘‘อฏฺิมยํ วา ทนฺตมยํ วา วิสาณมยํ วา สูจิฆร’’นฺติ (ปาจิ. ๕๑๗) จ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ อารฺกานิ เสนาสนานิ สาสงฺก…เป… ปฏิเทเสตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๕๗๐) จ. โอวาโทติ ยา ปน ภิกฺขุนี โอวาทาย วา สํวาสาย วา น คจฺเฉยฺย (ปาจิ. ๑๐๕๕). ปาราชิกานิ จตฺตารีติอาทิ ทฺวีสุ นคเรสุ ปฺตฺตสมฺปิณฺฑนํ.

จตุวิปตฺติวณฺณนา

๓๓๖. เอกตึสา เย ครุกาติ อุภโต อฏฺ ปาราชิกา, ภิกฺขูนํ เตรส, ภิกฺขุนีนํ ทส จ สงฺฆาทิเสสา. สาธารณาสาธารณวเสน อฏฺ อนวเสสา นาม ปาราชิกานิ. ตเทวาติ สีลวิปตฺตึเยว. วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปาราชิก’’นฺติอาทินา อปุจฺฉิตเมว วิสฺสชฺชิตํ. ‘‘ตตฺถ โย จายํ, อกฺโกสติ หสาธิปฺปาโย’’ติ ปาโ. ทุฏฺุลฺลวิภาวนวเสนาคตวิปตฺตึ เปตฺวา ปุจฺฉาปฏิปาฏิยา ยาวตติยกปฺหํ วิสฺสชฺชิตุมารภิ. อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา ภิกฺขุนี อฏฺ ยาวตติยกสงฺฆาทิเสสา อิธ ปุจฺฉิตตฺตา อนนฺตรปฺหา นาม ชาตา.

เฉทนกาทิวณฺณนา

๓๓๗. ปมาณาติกฺกนฺตมฺจนิสีทนกณฺฑุปฏิจฺฉาทิวสฺสิกสาฏิกาสุคตจีวรปฺปมาณํ ภิกฺขุนีนํ อุทกสาฏิกาติ ฉ เฉทนกานิ. จีวรวิปฺปวาสสมฺมุติอาทโย จตสฺโส สมฺมุติโย. ‘‘อยํ ตตฺถ สามีจี’’ติ เอวํ อาคตา สตฺต สามีจิโย.

อสาธารณาทิวณฺณนา

๓๓๘. ปุพฺเพ วุตฺตจุทฺทสปรมาเนว อนฺตรปฺเห นิฏฺเปตฺวา ปุริมปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต. โธวนฺจ ปฏิคฺคโหติ คาถา อฏฺกถาจริยานํ. ทฺเว โลมานิ เอฬกโลมติโยชนปรมานิ.

ทฺเววีสติ ขุทฺทกาติ –

‘‘สกโล ภิกฺขุนิวคฺโค, ปรมฺปรฺจ โภชนํ;

อนติริตฺตํ อภิหฏํ, ปณีตฺจ อเจลกํ;

ชานํ ทุฏฺุลฺลฉาทนํ.

‘‘อูนํ มาตุคาเมน สทฺธึ, ยา จ อนิกฺขนฺตราชเก;

สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา, วิกาเล คามปฺปเวสนํ.

‘‘นิสีทเน จ ยา สิกฺขา, วสฺสิกาย จ สาฏิกา;

ทฺวาวีสติ อิมา สิกฺขา, ขุทฺทเกสุ ปกาสิตา’’ติ. –

ปาโ. ‘‘กุเลสุ จาริตฺตาปตฺตี’’ติ ปาโ น คเหตพฺโพ สาธารณตฺตา ตสฺส สิกฺขาปทสฺส. ฉจตฺตารีสา จิเมติ ฉจตฺตารีส อิเม. ‘‘ปาราชิกานิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ เอวํ วุตฺตสิกฺขาปเท เอว วิภชิตฺวา วุตฺตตฺตา วิภตฺติโย นาม. สาธารณนฺติ อฏฺนฺนมฺปิ สาธารณํ. ปาราชิกภูตา วิภตฺติโย ปาราชิกวิภตฺติโย. สาธารเณ สตฺตวชฺโช สงฺฆาทิเสโส. อฺตรสฺมึ คณฺิปเท ‘‘อถ วา ‘ทฺเว อุโปสถา ทฺเว ปวารณา จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺเจว อุทฺเทสา จตุโร ภวนฺติ, นฺถา’ติ ปาฬึ อุทฺธรนฺติ. ตตฺถ ‘จตฺตาริ กมฺมานี’ติ วิเสสาภาวา อุทฺธริตโปตฺถกเมว สุนฺทรํ, ปุพฺเพปิ วิภตฺติมตฺตทสฺสนวเสเนว เจตํ วุตฺตํ. ‘น สมเถหิ วูปสมนวเสนา’ติ วตฺวา จตฺตาริ กมฺมวิภชเน ‘สมเถหิ วูปสมฺมตี’ติ น วิเสสิตํ อุโปสถปฺปวารณานํเยว วิภาคตฺตา. กสฺมา? เอตฺถาปิ ‘อุโปสถปฺปวารณานํเยว วิเสเสตฺวา นยํ เทถา’ติ วุตฺตตฺตา, อธมฺเมน วคฺคาทิกมฺเมน อาปตฺติโยปิ วูปสมฺมนฺตีติ อาปชฺชนโตติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, วิจาเรตพฺพํ. ทฺวีหิ จตูหิ ตีหิ กิจฺจํ เอเกนาติ ทฺวีหิ วิวาทาธิกรณํ, จตูหิ อนุวาทาธิกรณํ, ตีหิ อาปตฺตาธิกรณํ, เอเกน กิจฺจาธิกรณํ สมฺมตีติ อตฺโถ.

ปาราชิกาทิอาปตฺติวณฺณนา

๓๓๙. นิพฺพจนมตฺตนฺติ เววจนมตฺตํ. เสเสติ อาทิโต เสสา มชฺฌนฺตา. ปทนฺติ สิกฺขาปทํ. สทฺธาจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตนฺติ อตฺโถ, ‘‘สนฺตาจิตฺต’’นฺติ วา ปาโ. อนาฬิยนฺติ ทลิทฺทํ. กิฺจาปิ อิทํ นิพฺพจนํ ‘‘ครุกํ ลหุกฺจา’’ติอาทิปฺเห นตฺถิ, ‘‘หนฺท วากฺยํ สุโณม เต’’ติ อิมินา ปน วจเนน สงฺคหิตสฺสตฺถสฺส ทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อากาโส ปกฺขินํ คตี’’ติ จ ปาโ อตฺถิ, โส ชาติวเสน ยุชฺชติ. ปกฺขีนนฺติ อุชุกเมว.

ปมคาถาสงฺคณิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

อธิกรณเภทวณฺณนา

อุกฺโกฏนเภทาทิวณฺณนา

๓๔๐. อธิกรณอุกฺโกเฏน สมถานํ อุกฺโกฏํ ทสฺเสตุนฺติ อธิกรณานิ สตฺตหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ, ตานิ อุกฺโกเฏนฺโต สตฺต สมเถ อุกฺโกเฏติ นามาติ อธิปฺปาโย. ปสวตีติ สมฺภวติ. ‘‘อนุวาทาธิกรเณ ลพฺภนฺตี’ติอาทีนิ ‘ธมฺโม อธมฺโม’ติอาทีนํ สมานตฺตา เตสุ วิเสสโต ลพฺภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อนิหตนฺติ สุตฺตาทินา. อวินิจฺฉิตนฺติ ‘‘อาปตฺติอนาปตฺตี’’ติอาทินา. ‘‘ตตฺถ ชาตกํ อธิกรณํ อุกฺโกเฏติ…เป… ติณวตฺถารกํ อุกฺโกเฏตี’’ติ ทเสว วุตฺตา. ‘‘สมฺมุขาวินยปฏิฺาตกรณเยภุยฺยสิกา อวุตฺตตฺตา อุกฺโกเฏตุํ น สกฺกา, กมฺมวาจาปิ เตสํ นตฺถิ. ตสฺมา เต อุกฺโกเฏตุํ น สกฺกาติ วทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉเยเนวาติ วินยลกฺขณํ วินา เกวลํ ธมฺมเทสนามตฺตวเสเนวาติ อตฺโถ. ขนฺธกโต วา ปริวารโต วา อานีตสุตฺเตน. นิชฺฌาเปนฺติ ทสฺเสนฺติ. ปุพฺเพ ธมฺมวินเยน วินิจฺฉิตํ อธิกรณํ อุปชฺฌายาทีนํ อตฺถาย ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติอาทีนิ ทีเปตฺวาติ อตฺโถ. วิสมานิ กายกมฺมาทีนิ นิสฺสิตตฺตา วิสมนิสฺสิโต. เอวํ เสเสสุ.

อธิกรณนิทานาทิวณฺณนา

๓๔๒-๓. กึสมฺภารนฺติ กึปริกฺขารํ, เอตฺถ กินฺติ ลิงฺคสามฺมพฺยยํ. ปุพฺเพ อุปฺปนฺนวิวาทํ นิสฺสาย ปจฺฉา อุปฺปชฺชนกวิวาโท วิวาทนิทานํ นาม. อาปตฺตาธิกรณปจฺจยา จตสฺโส อาปตฺติโย อาปชฺชตีติ ภิกฺขุนี ชานํ ปาราชิกํ ธมฺมํ ปฏิจฺฉาเทติ ปาราชิกํ, เวมติกา ปฏิจฺฉาเทติ ถุลฺลจฺจยํ, ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ ปฏิจฺฉาเทติ ปาจิตฺติยํ, อาจารวิปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทติ ทุกฺกฏํ. ปุพฺเพ กตอุกฺเขปนิยาทิกิจฺจํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกกิจฺจานํ. กีทิสานํ? สมนุภาสนาทีนํ วเสน. ตํ หีติ อธิกรณํ.

๓๔๔. อธิกรเณสุ เยน อธิกรเณน สมฺมนฺติ, ตํ ทสฺเสตุนฺติ ยทา อธิกรเณหิ สมฺมนฺติ, ตทา กิจฺจาธิกรเณเนว สมฺมนฺติ, น อฺเหีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เอกนฺตโต อธิกรเณเนว สมฺมนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ.

๓๔๘. อาปตฺตาธิกรเณ สงฺโฆ วิวทตีติ อาปตฺตานาปตฺตีติ เอวํ.

๓๕๓. สมุฏฺานาภาวโต สมฺมุขาวินเย กมฺมสฺส กิริยากรณมิจฺจาทินา อวิภชิตฺวาว สติวินยาทีนํ ฉนฺนํเยว ฉ สมุฏฺานานิ วิภตฺตานิ. ตํ กสฺมา? กมฺมสงฺคหาภาเวน, สติวินยาทีนํ วิย สงฺฆสมฺมุขตาทีนํ กิจฺจยตา นาม นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

อธิกรณเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยคาถาสงฺคณิกวณฺณนา

โจทนาทิปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวณฺณนา

๓๕๙. วิคฺคาหิกกถนฺติ อตฺโถ. นิสามยาติ สลฺลกฺเขหิ. ‘‘การย’’ อิติ ปาโ. ปุพฺพาปรํ น ชานาติ, ตสฺมา อโกวิโท โหตีติ เอเก. อยํ ปน ทุวิเธปิ กิจฺเจ เกนจิ อิริยาปเถน.

โจทนากณฺฑวณฺณนา

อนุวิชฺชกกิจฺจวณฺณนา

๓๖๐. อนุวิชฺชกปุจฺฉเน อาชีววิปตฺติ น ปุจฺฉิตา. ปฺจาปตฺติกฺขนฺธวเสน อาจารวิปตฺติ ปุจฺฉิตา. ‘‘อาชีววิปตฺติยาปิ ตเถว, สงฺคหคมนโต’’ติ วทนฺติ. ‘‘อชฺฌาปชฺชนฺโต’’ติ ปาโ.

๓๖๓. ตสฺมา น จ อามิสํ นิสฺสายาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.

จูฬสงฺคามวณฺณนา

อนุวิชฺชกสฺสปฏิปตฺติวณฺณนา

๓๖๕. านนิสชฺชวตฺถาทินิสฺสิตาติ ‘‘เอวํ าตพฺพํ เอวํ นิสีทิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิกา. สฺาชนนตฺถนฺติ ‘‘เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติ เอวํ สฺชานนตฺถํ. อนุวิธิยนฺเตนาติ จิตฺเต เปนฺเตนาติ อตฺโถ. ลชฺชา สา นุ โขติ กึ สา ลชฺชา อยํ ปริสาติ อธิปฺปาโย. อนุโยควตฺตํ กถาเปตฺวาติ ‘‘กิมนุโยควตฺตํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตเนว กถาเปตฺวา. อชานนปฺปสงฺคา นาม อฺาณํ.

๓๖๗. ‘‘ภเยน ภยา คจฺฉตี’’ติ ภเยน ภยเหตุ ภยา คจฺฉตีติ เหตุวเสน วุตฺตํ. ยถา ‘‘รตฺตตฺตา ปน ทุฏฺตฺตา จ ฉนฺทา โทสา จ คจฺฉตี’’ติ หิ วุตฺตํ, เอวํ.

มหาสงฺคามวณฺณนา

โวหรนฺเตนชานิตพฺพาทิวณฺณนา

๓๗๕. วณฺณาวณฺโณติ นีลาทิวณฺณวเสน จ อาโรคฺยตฺถาทิอวณฺณวเสน จ วุตฺตสุกฺกวิสฺสฏฺิ.

๔๐๒. ภูมิปุจฺฉาติ ภูมิ ปุถวี ชคตี จาติ สพฺพานิ ปถวิเววจนานิ.

กถินเภทวณฺณนา

กถินอตฺถตาทิวณฺณนา

๔๐๓-๔. กินฺติ กถํ. อนาทิยทานํ ตาวกาลิกวตฺถุ. ‘‘อนาคตวเสน อนนฺตรา หุตฺวา’’ติ อุทกาหรณาทิปโยคสฺส โธวนาทิปุพฺพกรณสฺส ปจฺฉา อุปฺปชฺชนโต, โธวนาทิกิริยฺจ สนฺธาย ปโยคกรณโต วุตฺตํ. ปุเรชาตปจฺจเย ปเนส ปโยโคติ อตฺโถ. เอกํ ธมฺมมฺปิ น ลภติ อตฺตโน ปุเรชาตสฺส นตฺถิตาย.

กถินาทิชานิตพฺพวิภาควณฺณนา

๔๑๒. รูปาทิธมฺเมสูติ วณฺณคนฺธาทิอฏฺเกสุ. ‘‘วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส’’ติ (ปารา. ๒๑๘) วุตฺตตฺตา ปจฺฉิเม มาเส ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ทิวเส อตฺถริตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ.

๔๑๕. ‘‘อาทิจฺจพนฺธุนาติ วุตฺตตฺตา เถรวจน’’นฺติ วทนฺติ.

ปลิโพธปฺหาพฺยากรณกถาวณฺณนา

๔๑๕-๖. สนฺนิฏฺานนฺติโก กถํ พหิสีมาย อุทฺธรียติ? ภิกฺขุ อกตจีวรํ สมาทาย ปกฺกมติ ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ, ตสฺส พหิสีมาคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’’นฺติ, เอวเมตสฺส พหิสีมาคตสฺส อุทฺธรียติ. กถํ อนฺโตสีมาย? อกตจีวรํ สมาทาย ปกฺกมติ ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ, ตโต ตตฺถ ผาสุวิหารํ อลภนฺโต ตเมว วิหารํ อาคจฺฉติ, ตสฺส จีวรปลิโพโธเยว ิโต, โส จ ‘‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’’นฺติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ฉิชฺชติ, ตสฺมา ‘‘อนฺโตสีมาย อุทฺธรียตี’’ติ วุตฺตํ. สนฺนิฏฺานนฺติกํ ทุวิธํ ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ อาวาสปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตโต ปุนปิ ตเมว วิหารํ อาคนฺตฺวา ‘‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺส’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กโรติ, พหิสีมาย ตฺวา ‘‘เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺสํ น ปจฺเจสฺส’’นฺติ จิตฺตุปฺปาเทน สนฺนิฏฺานนฺติกํ โหติ. คาถายมฺปิ ‘‘ทฺเว ปลิโพธา อปุพฺพํ อจริม’’นฺติ อิทํ อิมเมว สนฺธาย. ‘‘อาสาวจฺเฉทิโก กถํ อนฺโตสีมาย? อาสีสิเตน ‘ตุมฺเห วิหารเมว ปตฺเถถ, อหํ ปหิณิสฺสามี’ติ วุตฺโต ปุพฺเพ ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ อาวาสปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา คโต ปุน ตํ วิหารํ คนฺตฺวา เตน ‘นาหํ สกฺโกมิ ทาตุ’นฺติ ปหิโต โหตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘อตฺถาเร หิ สติ อุทฺธาโร นามา’’ติ อตฺถารํ วินา อุทฺธารํ น ลภนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ. ปุริมา ทฺเวติ ‘‘ทฺเว กถินุทฺธารา เอกุปฺปาทา เอกนิโรธา’’ติ วุตฺตาธิกาเร ปมํ วุตฺตา อนฺตรพฺภารสหุพฺภารา. น ปกฺกมนนฺติกาทโย ทฺเว. เอกโต นิรุชฺฌนฺตีติ อุทฺธารภาวํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.

กถินเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺตฺติวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปาลิปฺจกวณฺณนา

อนิสฺสิตวคฺควณฺณนา

๔๑๙. กายิกอุปฆาติกา นาม กาเยน วีติกฺกโม.

นปฺปฏิปฺปสฺสมฺภนวคฺควณฺณนา

๔๒๐. โอมทฺทการโกติ โอมทฺทิตฺวา อภิภวิตฺวา การโก.

โวหารวคฺควณฺณนา

๔๒๔. เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย วิวาทาธิกรณํ สมุฏฺาติ, เอวํ ยถาสงฺขฺยํ คจฺฉติ. โกโธปนาหาทิทฺวาทสมูลปโยคํ วิวาทาธิกรณํ, ตถา เสเสสุ. โอสารณาทีสุ นวสุ าเนสุ กมฺมตฺติยา กรณํ. ทฺวีสุ าเนสุ ตฺติทุติยตฺติจตุตฺถกมฺเมสุ. ยสฺมา มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อุภโตวิภงฺคา อสงฺคหิตา, ตสฺมา ยํ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.

ทิฏฺาวิกมฺมวคฺควณฺณนา

๔๒๕. ติณฺณนฺนํ อุปริ สห อาปตฺตึ เทเสตุํ น ลพฺภนฺติ. กมฺมนานาสํวาสกานํ ลทฺธิคฺคหิตโกว ลทฺธินานาสํวาสโก. ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ิตสฺสา’’ติ มหาสีมํ กิร สนฺธาย วุตฺตํ.

๔๓๓. ‘‘อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา’’ติ ปาโ.

มุสาวาทวคฺควณฺณนา

๔๔๔. ปริยาเยน ชานนฺตสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ชานนฺตสฺส ปริยาเยน วุตฺตมุสาวาโทติ อตฺโถ.

๔๔๖. อนุโยโค น ทาตพฺโพติ เตน วุตฺตํ อนาทิยิตฺวา ตุณฺหี ภวิตพฺพนฺติ อตฺโถ.

ภิกฺขุโนวาทวคฺควณฺณนา

๔๕๔. โวหารนิรุตฺติยํ สทฺทนิรุตฺติยํ. มคฺคปจฺจเวกฺขณาทโย เอกูนวีสติ.

อุพฺพาหิกวคฺควณฺณนา

๔๕๕. ปสาเรตา โมเหตา.

อธิกรณวูปสมวคฺควณฺณนา

๔๕๘. ‘‘ยถารตฺตนฺติ อนุปสมฺปนฺเน อเปกฺขตี’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘ยถาวุฑฺฒนฺติ อุปสมฺปนฺเน อเปกฺขตี’’ติ ลิขิตํ.

กถินตฺถารวคฺควณฺณนา

๔๖๗. ‘‘เอกาวตฺโต’’ติปิ ปนฺติ, ตสฺส กุทฺโธ โกธาภิภูโตติ กิรตฺโถ. เอกวตฺโถติปิ เกจิ, อุตฺตราสงฺคํ อปเนตฺวา ิโตติ กิรตฺโถ, ตํ สพฺพํ อฏฺกถายํ อุทฺธฏปาฬิยา วิรุชฺฌตีติ. เอกาวฏฺโฏติ หิ อุทฺธฏํ, ตสฺมา น คเหตพฺพํ. อนฺตรา วุตฺตการเณนาติ ‘‘กิจฺจยปสุตตฺตา วนฺทนํ อสมนฺนาหรนฺโต นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยา’’ติอาทิวุตฺตการเณน.

อุปาลิปฺจกวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาปตฺติสมุฏฺานวณฺณนา

๔๗๐. ปุพฺเพ วุตฺตเมวาติ สหเสยฺยาทิปณฺณตฺติวชฺชํ. อิตรนฺติ สจิตฺตกํ. เทเสนฺโต, โทมนสฺสิโก อฺเหิ ภึสาปนาทีนิ กตฺวา อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาติ อธิปฺปาโย.

ทุติยคาถาสงฺคณิกวณฺณนา

กายิกาทิอาปตฺติวณฺณนา

๔๗๔-๕. นิทานุทฺเทสํ วินา เสสุทฺเทสาภาวา ‘‘สพฺพปาติโมกฺขุทฺเทสานฺจ สงฺคโห โหตี’’ติ วุตฺตํ. วินเย ครุกา วินยครุกา. อิทํ ปน ทฺวีสุ คาถาสุ กิฺจาปิ อาคตํ, อฺเหิ ปน มิสฺเสตฺวา วุตฺตภาวา นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ. นวสุ าเนสุ กมฺมํ โหตีติ กมฺมตฺติ โหติ. วาจาติ วจีสมฺภวา. อทฺธานหีโน อูนวีสติวสฺโส. ‘‘อปิเจตฺถาติ กุรุนฺทิวาโท’’ติ วุตฺตํ. วนปฺปตินฺติ เอวํ อทินฺนาทาเน อาคตํ วนปฺปตึ. วิสฺสฏฺิฉฑฺฑเนติ สุกฺกวิสฺสฏฺิยํ. ทุกฺกฏา กตาติ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อามกธฺํ วิฺาเปตฺวา ภุฺชนฺติยา ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฏํ, อชฺโฌหาเร ปาจิตฺติยํ.

ปาจิตฺติยวณฺณนา

๔๗๖. มหาสงฺฆิกา สามเณเรปิ อาปตฺตึ เทสาเปนฺติ กิร, เตน วุตฺตํ ‘‘น เทสาเปตพฺพา’’ติ, ทณฺฑกมฺมํ ปน เตสํ กาตพฺพํ ตถารูเป โอฬาริกวีติกฺกเม.

อวนฺทนียปุคฺคลาทิวณฺณนา

๔๗๗. ทสสตํ อาปตฺติโยติ สหสฺสํ อาปตฺติโย. จมฺปายํ วินยวตฺถุสฺมินฺติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก. อธมฺเมน วคฺคนฺติอาทีนิ จตฺตาริ กมฺมานิเยว ภควตา วุตฺตานีติ อตฺโถ. น เกวลํ อาปตฺติเยว, อถ โข ฉ สมถา…เป… สมฺมุขาวินเยน สมฺมนฺติ, สมาโยคํ คจฺฉนฺติ สมฺมุขาวินเยน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. วินา สมเถหิ สมฺมติ, สมถภาวํ คจฺฉติ. ปฏิเสธตฺเถ สติ วินา สมเถหีติ สมเถหิ วินาติ อตฺโถ.

โสฬสกมฺมาทิวณฺณนา

๔๗๘. อสุตฺตกนฺติ สุตฺตวิรหิตํ, อุสุตฺตํ ตตฺร นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

ทุติยคาถาสงฺคณิกวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสทโมจนคาถาวณฺณนา

อวิปฺปวาสปฺหาวณฺณนา

๔๗๙. ตหินฺติ ตสฺมึ ปุคฺคเล. อกปฺปิยสมฺโภโค นาม เมถุนธมฺมาทิ. ‘‘วรเสนาสนรกฺขณตฺถาย วิสฺสชฺเชตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ครุภณฺฑวินิจฺฉเย วุตฺโต. เอกาทสาวนฺทิเย ปณฺฑกาทโย เอกาทส. อุเปติ สปริสํ. น ชีวติ นิมฺมิตรูปตฺตา. ‘‘อุพฺภกฺขเกน วทามี’’ติ อิมินา มุเข เมถุนธมฺมาภาวํ ทีเปติ. อโธนาภิวิวชฺชเนน วจฺจมคฺคปฺปสฺสาวมคฺเคสุ. คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารํ โอกฺกนฺตภิกฺขุนึ สนฺธายาติ ภิกฺขุนิยา คามาปริยาปนฺนปรตีเร นทิสมีปเมว สนฺธาย วุตฺตา. ตตฺถ ปรตีเร คามูปจาโร เอกเลฑฺฑุปาโต นทิปริยนฺเตน ปริจฺฉินฺโน, ตสฺมา ปรตีเร รตนมตฺตมฺปิ อรฺํ น อตฺถิ, ตฺจ ติณาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ทสฺสนูปจารวิรหิตํ กโรติ. ตตฺถ อตฺตโน คาเม อาปตฺติ นตฺถิ. ปรตีเร ปน เอกเลฑฺฑุปาตสงฺขาเต คามูปจาเรเยว ปทํ เปติ. อนฺตเร อภิธมฺมวเสน อรฺภูตํ สกคามํ อติกฺกมติ นาม, ตสฺมา คณมฺหา โอหียนา จ โหตีติ าตพฺพํ. เอตฺตาวตาปิ สนฺโตสมกตฺวา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา ปฺจสตา มหาปชาปติปฺปมุขา. มหาปชาปติปิ หิ อานนฺทตฺเถเรน ทินฺนโอวาทสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม.

ปาราชิกาทิปฺหาวณฺณนา

๔๘๐. ‘‘ทุสฺสกุฏึ สนฺธายา’’ติ สห ทุสฺเสน วีติกฺกมนสฺส สกฺกุเณยฺยตาย วุตฺตํ. ลิงฺคปริวตฺเต ปฏิคฺคหณสฺส วิชหนโต สามํ คเหตฺวา ภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ. กากอูหทนํ วาติ กาเกน อูหทนํ วา. ‘‘ตโย ปุริเสปิ อุปคนฺตฺวา’’ติ ปาเสโส.

ปาจิตฺติยาทิปฺหาวณฺณนา

๔๘๑. เมถุนธมฺมปจฺจยา นาม กายสํสคฺโค. ตํเหตุ เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพภาคภูตํ กายสํสคฺคํ วายามนฺติยาติ อฏฺวตฺถุปูรณํ สนฺธาย. ปริโภคปฺปจฺจยาติ ปริโภคการณา. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริโภคปฺปจฺจยา อาปชฺชติ, ตสฺมา โภชนปริโยสาเน โหตีติ อตฺโถ. โปราณโปตฺถเกสุ ‘‘ตสฺสา’’ติ ปาโ. ‘‘การณวจนํ สุนฺทรํ โภชนปริจฺเฉททสฺสนโต’’ติ วทนฺติ.

เสทโมจนคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจวคฺโค

กมฺมวคฺควณฺณนา

๔๘๓. ‘‘อุมฺมตฺตกสมฺมุตึ อุมฺมตฺตเก ยาจิตฺวา คเต อสมฺมุขาปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิสินฺเนปิ น กุปฺปติ นิยมาภาวา. อสมฺมุขา กเต โทสาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสมฺมุขากตํ สุกตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ทูเตน อุปสมฺปทา ปเนตฺถ สมฺมุขา กาตุํ น สกฺกา. กมฺมวาจานานตฺตสภาวา ปตฺตนิกฺกุชฺชนาทโย หตฺถปาสโต อปเนตฺวา กาตพฺพา, เตน วุตฺตํ ‘‘อสมฺมุขา กตํ สุกตํ โหตี’’ติ. ‘‘ปุจฺฉิตฺวา โจเทตฺวา สาเรตฺวา กาตพฺพํ อปุจฺฉิตฺวา อโจเทตฺวา อสาเรตฺวา กโรตี’’ติ อยํ วจนตฺโถ. เปตฺวา กตฺติกมาสนฺติ โส ปวารณามาโส, ทฺเว จ ปุณฺณมาสิโยติ ปมทุติยวสฺสูปคตานํ ปวารณา ปุณฺณมาสา ทฺเว.

๔๘๕. ปทํ วา ฉฑฺเฑตีติ อตฺโถ. ก-วคฺคาทีสุ ปฺจสุ. ครุกนฺติ ทีฆํ, สํโยคปรฺจ. ‘‘พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส นกฺขมตี’’ติ เอตฺถ ต-การก-การา สํโยคปรา. ทีเฆ วตฺตพฺเพ รสฺสนฺติ ‘‘โส ตุณฺหี อสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ โส ตุณฺหิ อสฺสาติ วจนํ.

๔๘๖. เสสฏฺกถาสุ วุตฺตวจนํ กุรุนฺทิยํ ปากฏํ กตฺวา ‘‘นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

๔๘๗-๘. ปริสุทฺธสีลา จตฺตาโร ภิกฺขูติ ปาราชิกํ อนาปนฺนา. น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอตีติ ตีสุ, ทฺวีสุ วา นิสินฺเนสุ เอกสฺส, ทฺวินฺนํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาหฏาปิ อนาหฏาว.

อปโลกนกมฺมกถาวณฺณนา

๔๙๕-๖. กายสมฺโภคสามคฺคิทานสหเสยฺยปฏิคฺคหณาทิ อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส านํ โหตีติ เอวมฺปิ อปโลกนกมฺมํ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. กมฺมฺเว ลกฺขณนฺติ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณนิสฺสารณภณฺฑุกมฺมาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา อุปลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณํ อุปนิสฺสโย วิย. เหตุปจฺจยาทิลกฺขณวิมุตฺโต หิ สพฺโพ ปจฺจยวิเสโส ตตฺถ สงฺคยฺหติ, เอวมฺปิ ‘‘กมฺมลกฺขณเมวา’’ติ วุตฺตํ. กมฺมลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรชิณฺณจีวรนฏฺจีวราน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตโต อติเรกํ เทนฺเตน อปโลเกตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ อปโลกนํ กมฺมลกฺขณเมว. เอวํ สพฺพตฺถ ลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. อิณปลิโพธมฺปีติ สเจ ตาทิสํ ภิกฺขุํ อิณายิกา ปลิพุชฺฌนฺติ. ตตฺรุปฺปาทโต ทาตุํ วฏฺฏติ. อนฺตรสนฺนิปาโตติ อุโปสถปฺปวารณาทิมหาสนฺนิปาเต เปตฺวา อนฺตรา มงฺคลุจฺจารณาทิ. อุปนิกฺเขปโตติ เจติยสฺส อาปทตฺถาย นิกฺขิตฺตโต. ‘‘อฺา กติกา กาตพฺพา’’ติ เย รุกฺเข อุทฺทิสฺส ปุพฺเพ กติกา กตา, เตหิ อิเมสํ อฺตฺตาติ วุตฺตํ. ‘‘สเจ ตตฺถ มูเล’’ติ ปุพฺเพ ‘‘อิโต ปฏฺาย ภาเชตฺวา ขาทนฺตู’’ติ วจเนน ปุคฺคลิกปริโภโค ปฏิกฺขิตฺโต โหติ. อนุวิจริตฺวาติ ปจฺฉโต ปจฺฉโต คนฺตฺวา. เตสํ สนฺติกา ปจฺจยํ ปจฺจาสีสนฺเตนาติ อตฺโถ. มูลภาคนฺติ ทสมภาคํ กตฺวา. ปุพฺพกาเล ทสมภาคํ กตฺวา อทํสุ, ตสฺมา ‘‘มูลภาโค’’ติ วุตฺตํ. อกตาวาสํ วา กตฺวาติ อุปฺปนฺนอาเยน. ชคฺคิตกาเลเยว น วาเรตพฺพาติ ชคฺคิตา หุตฺวา ปุปฺผผลภริตกาเลติ อตฺโถ. ชคฺคนกาเลติ ชคฺคิตุํ อารทฺธกาเล. ตฺติกมฺมฏฺานเภเท ปนาติ ตฺติกมฺมสฺส านเภเท.

อิทํ ปเนตฺถ ปกิณฺณกํ – อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สงฺโฆ เอว กโรติ, น คโณ, น ปุคฺคโล, ตํ อปโลกนกมฺมสฺส กมฺมลกฺขเณกเทสํ เปตฺวา อิตรํ จตุพฺพิธมฺปิ กมฺมํ เวทิตพฺพํ. อตฺถิ สงฺฆกมฺมํ สงฺโฆ จ กโรติ, คโณ จ กโรติ, ปุคฺคโล จ กโรติ, ตํ ปุพฺเพ ปิตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร ทฺเว ตโย ชนา วสนฺติ, เตหิ นิสีทิตฺวา กตมฺปิ สงฺเฆน กตสทิสเมว. ยสฺมึ ปน วิหาเร เอโก ภิกฺขุ โหติ, เตน ภิกฺขุนา’’ติอาทิ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖). อตฺถิ คณกมฺมํ สงฺโฆ จ กโรติ, คโณ จ กโรติ, ปุคฺคโล จ กโรติ, ตํ โย ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อฺเสํ สนฺติเก กรียติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ คณกมฺมํ คโณว กโรติ, น สงฺโฆ, น ปุคฺคโล, ตํ โย ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อฺมฺํ อาโรจนวเสน กรียติ, ตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ ปุคฺคลกมฺมํ ปุคฺคโลว กโรติ, น สงฺโฆ, น คโณ, ตํ อธิฏฺานุโปสถวเสน เวทิตพฺพํ. อตฺถิ คณกมฺมํ เอกจฺโจว คโณ กโรติ, เอกจฺโจ น กโรติ, ตตฺถ อตฺติกํ ทฺเวเยว กโรนฺติ, น ตโย. สตฺติกํ ตโยว กโรนฺติ, น ตโต อูนา วา อธิกา วาติ.

อปฺตฺเตปฺตฺตวคฺควณฺณนา

๕๐๐. กกุสนฺธโกณาคมนกสฺสปา เอว หิ สตฺต อาปตฺติกฺขนฺเธ ปฺเปสุํ. วิปสฺสีอาทโย ปน โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสึสุ, น สิกฺขาปทํ ปฺเปสุํ.

นิคมนกถาวณฺณนา

อุภโตวิภงฺคขนฺธกปริวาเรหิ วิภตฺตํ เทสนํ อตฺถิ ตสฺส วินยปิฏกสฺส, นาเมน สมนฺตปาสาทิกา นาม สํวณฺณนา ‘‘สมนฺตปาสาทิกา นามา’’ติ วุตฺตวจนสํวณฺณนา สมตฺตาติ อาห. ตตฺถ ปธานฆเร. อิทฺธา อตฺถวินิจฺฉยาทีหิ.

สมฺมา อุทิโต สมุทิโต, เต คุเณ อกิจฺเฉน อธิคโต อธิกปฺปมาณคุเณหิ วา สมุทิโต, เตน สมุทิเตน ‘‘คตานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสตี’’ติ วุตฺตาย สติยา อุปฺปาทิตา สทฺธาทโย ปรมวิสุทฺธา นาม สมนฺนารกฺขตฺตา. อิติ สติปิ สทฺธาทีหิ วุตฺตา โหติ. เอวํ สนฺเต เอตฺถ วุตฺเต จตุพฺพิเธ สีเล ปาติโมกฺขสํวรสีลํ สทฺธา มณฺเฑติ. สทฺธาสาธนฺหิ ตํ. อินฺทฺริยสํวราชีวปาริสุทฺธิปจฺจยปริโภคสีลานิ ปฏิมณฺเฑนฺติ สติวีริยปฺาโยติ ยถาโยคํ เวทิตพฺพํ. อปิจ สทฺธา จ พุทฺธิรหิตา อวิสุทฺธา โหติ พุทฺธิยา ปสาทเหตุตฺตา. พุทฺธิโย ปน ตสฺสานุภาเวน ปรมวิสุทฺธา นาม โหนฺติ. ปฺา สทฺธารหิตา เกราฏิกปกฺขํ ภชติ, สทฺธายุตฺตา เอว วิสุทฺธา โหติ. วีริยฺจ สมาธิรหิตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, น สมาธิยุตฺตนฺติ วีริยสฺส สุทฺธวจนโต สมาธิปิ วุตฺโต โหติ, เอวํ ปรมวิสุทฺธา สทฺธาทโยปิ ปาติโมกฺขํ ปฏิมณฺเฑนฺตีติ าตพฺพํ. กถํ? ปฏิปตฺติเทสเก สตฺถริ จ ปฏิปตฺติยฺจ ปฏิปตฺติผเล จ สทฺธาย วินา สีลสมาทานํ, สมาทินฺนวิโสธนฺจ กาตุํ น สกฺกาติ สทฺธา ปาติโมกฺขํ ปฏิมณฺเฑติ. ตตฺถ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๕๕; ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๑.๒๔๙) สตฺถริ จ ปูเชตุํ สกฺโกติ. ปฏิปตฺติยํ สีลวิปตฺติสมฺปตฺติมูลเก สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกผเล จ สทฺธาปวตฺติ วิตฺถารโต าตพฺพา, สีลวิปตฺติสมฺปตฺตินิมิตฺตํ อาทีนวมานิสํสฺจ อาทีนวปริจฺจาเค, อานิสํสสมฺปาทเน จ อุปายํ ทิสฺวา ตถา ปวตฺตมานา ปฺา ปาติโมกฺขสํวรํ ปฏิมณฺเฑติ. ‘‘อติสีต’’นฺติอาทินา อปฺปวตฺตนารหํ โกสชฺชํ ‘‘โย จ สีตฺจ อุณฺหฺจา’’ติ วุตฺตานุสาเรน ปชหิตฺวา อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อสํวรสํวรานํ อนุปฺปาทนปชหนอุปฺปาทนวฑฺฒนวเสน ปวตฺตมานวีริยํ ปาติโมกฺขํ ปฏิมณฺเฑติ, อิมินา นเยน อินฺทฺริยสํวราทีสุปิ โยเชตพฺพํ. จตุนฺนมฺปิ สงฺคหวตฺถูนํ อนุกูลสมุทาจาโร อิธ อาจาโรติ เวทิตพฺโพ. อชฺชว-วจเนน ลาภสกฺการเหตุ กายทุจฺจริตาทิกุฏิลกรมายาสาเยฺยปฏิปกฺขอชฺชวธมฺมสมาโยคทีปเนน อโลภชฺฌาสยตา ทีปิตา. มทฺทว-วจเนน กกฺขฬภาวกรปฏิฆาทิปฏิปกฺขภูตเมตฺตาทิมทฺทวธมฺมสมาโยคทีปเนน หิตชฺฌาสยาทีนิ ทีปิตานิ โหนฺติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘ขนฺติ จ โสรจฺจฺจ สาขลฺยฺจ ปฏิสนฺถาโร จา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๒๕-๑๒๖) วุตฺตธมฺเมหิ สมาโยโค ทีปิโต โหติ. อิธ วุตฺตา อชฺชวมทฺทวาทโย คุณา สีลสมฺปตฺติยา เหตู จ โหนฺติ สีลสมฺปตฺติผลฺจ ตํสมฺปาทนโต. สกสมโยติ จตุปริสา. เอเตน สภาคทุกฺขภาวาภาโว สูจิโต. อถ วา สกสมโยติ โสคตํ ปิฏกตฺตยํ สกสมโย เอว คหนํ ทุทฺทีปนตฺตา, สกสมยสฺส สนฺนิฏฺานํ สกสมยคหนํ –

‘‘สจฺจํ สตฺโต ปฏิสนฺธิ, ปจฺจยาการเมว จ;

ทุทฺทสา จตุโร ธมฺมา, เทเสตุฺจ สุทุกฺกรา’’ติ. (วิภ. อฏฺ. ๒๒๕) –

วุตฺตตฺตา ยถา สกสมยสฺส คหนปเทน โยชนา วุตฺตา, ตถา ปรสมยสฺสปิ. ปฺาเวยฺยตฺติเยนาติ อเนน ติขิเณน าเณน กตสิลานิสิตสตฺถสทิสสภาวปฺา วุตฺตา. ติปิฏกสงฺขาตาย ปริยตฺติยา ปเภโท ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภโท. ตสฺมึ ปเภเท. ตนฺติ จ ตนฺติอตฺโถ จ สาสนํ นาม. อิธ ‘‘ตนฺติ เอวา’’ติ วทนฺติ. ยสฺมึ อยํ สํวณฺณนา นิฏฺาปิตา, ตสฺมึ กาเล ปฏิเวธาณาภาวโต สุตมยํ สนฺธาย ‘‘อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวนา’’ติ วุตฺตํ. กรณสมฺปตฺติยา ชนิตตฺตา สุขวินิคฺคตํ. สุขวินิคฺคตตฺตา มธุโรทาตวจนลาวณฺณยุตฺเตนาปิ โยเชตพฺพํ, อีทิสํ วจนํ โสตสุขฺจ สนฺนิเวสสมฺปตฺติสุขฺจ โหติ. ‘‘เวยฺยากรเณนา’’ติ อวตฺวา ‘‘มหาเวยฺยากรเณนา’’ติ วุตฺตตฺตา สิกฺขานิรุตฺติฉนฺโทวิจิตฺยาทิปฏิมณฺฑิตปาณินิยนฺยาสาธารณธารณสภาโว สูจิโต ภวติ. ยุตฺตวาทินาติอาทีสุ ยุตฺตมุตฺตวาทินา านุปฺปตฺติยปฺาย สมนฺนาคเตนาติ อตฺโถ. โอชาเภเทปิ อายุสตฺติกรณตาทิสามตฺถโยคานํ มหากวินา รจิตคนฺถสฺส มหนฺตตฺตา วา ‘‘ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท’’ติอาทีหิ สาสเน, เหตุวิสเย, สทฺเท จาติ อิเมสุ ตีสุ าเนสุ ปาฏวภาวํ ทีเปนฺโต เวนยิกพุทฺธิสมฺปตฺติสพฺภาวมสฺส สูเจติ. เยสํ ปุคฺคลานํ ปภินฺนา ปฏิสมฺภิทาทิ, เต ปภินฺนปฏิสมฺภิทาทโย ธมฺมา. เตหิ ปริวาริโต อุกฺขิตฺตสนฺตติอุปจฺเฉทมกตฺวา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนวฑฺฒนวเสน วาริโต โส ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปริวาโร. ตสฺมึ ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปริวาเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมติ อตฺโถ. ฉฬภิฺจตุปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฏิมณฺฑิเต ปน ฉฬภิฺา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา เอว. จตูสุ ปฏิสมฺภิทาสุ อตฺถปฏิสมฺภิทาย เอกเทโสว. ตทุภยํ สยํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปริยาปนฺนํ กถํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ ปฏิมณฺเฑตีติ เจ? รุกฺขํ รุกฺขสฺส อวยวภูตปุปฺผาทโย วิย สยฺจ เยสํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ อวยวตฺตาติ. กามาวจรธมฺมปริยาปนฺนปฏิสมฺภิทาาณํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ อนวยวภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ ปฏิมณฺเฑติ, ปุริสสฺส อนวยวภูโต อลงฺกาโร วิย ปุริสํ. อถ วา กามาวจรปอสมฺภิทาปริวาโร ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุเณ ปฏิมณฺเฑติ. โลกุตฺตรปฏิสมฺภิทํ สนฺธาย ปุน ปฏิสมฺภิทาวจนฺจ. สาสเน อุปฺปชฺชิตฺวา สาสนสฺส อลงฺการภูเตน, ยสฺมึ วํเส อุปฺปนฺโน, ตสฺเสว วา อลงฺการภูเตน. สงฺเขปวิตฺถาเรสุ อิตรีตรกรณํ, อปฺปสนฺนปสนฺนานํ ปสาทุปฺปาทนาภิวุฑฺฒิกรณํ, วุตฺตานํ คมฺภีรานํ คมฺภีรุตฺตานภาวกรณนฺติ เอวํ ฉพฺพิธาจริยคุณโยคโต วิปุลพุทฺธิ นาม. เย ธมฺมจินฺตนํ อติธาวนฺตา เกจิ อุจฺเฉทาทินานปฺปการํ อนฺตํ วา คณฺหนฺติ, ‘‘สพฺพํ เยฺยํ ปฺตฺติ เอวา’’ติ วา ‘‘ปรมตฺโถ เอวา’’ติ วา คณฺหนฺติ, เตสํ พุทฺธิ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยตฺตา สมลา นาม โหติ, อิมสฺส ปน พุทฺธิ ธมฺมจินฺตาติธาวนรหิตตฺตา วิสุทฺธา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา’’ติ. ครูหิ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) วุตฺตคุเณหิ ยุตฺตครูหิ. คุเณหิ ถิรภาวํ คตตฺตา เถเรน.

สีเลน สีลสฺส วา วิสุทฺธิยา สีลวิสุทฺธิยา. อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมํ อภินิพฺพตฺตตฺตา โลกเชฏฺสฺส. โลกสฺส วา คมฺภีเร มหนฺเต สีลาทิกฺขนฺเธ เอสิ คเวสีติ มเหสีติ.

เอตฺตาวตา สมธิกสตฺตวีสติสหสฺสปริมาณาย สมนฺตปาสาทิกสฺิตาย วินยฏฺกถาย สพฺพปเทสุ วินิจฺฉยชาตํ สงฺขิปิตฺวา คณฺิฏฺานวิกาสนา กตา โหติ, ตถาปิ ยํ เอตฺถ ลิขิตํ, ตํ สุฏฺุ วิจาเรตฺวา ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ สลฺลกฺเขตฺวา เย อาจริยา พุทฺธสฺส ภควโต มหานุภาวํ, วินยปิฏกสฺส จ วิจิตฺรนยคมฺภีรตฺถตํ สลฺลกฺเขตฺวา โปราณานํ กถามคฺคํ อวินาเสตฺวา อตฺตโน มตึ ปหาย เกวลํ สทฺธมฺมฏฺิติยา, ปรานุคฺคหกามตาย จ วินยปิฏกํ ปกาเสนฺตา ิตา, เตสํ ปาทมูเล วนฺทิตฺวา ขนฺติโสรจฺจาทิคุณสมนฺนาคเตน หุตฺวา วตฺตสมฺปตฺติยา เตสํ จิตฺตํ อาราเธตฺวา ปเวณิยา อาคตํ วินิจฺฉยํ กถาเปตฺวา อุปธาเรตฺวา ยํ เตน สํสนฺทติ, ตํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉฑฺเฑตพฺพํ. อิตรถา ตุณฺหีภูเตน ภวิตพฺพํ. วินิจฺฉยสงฺกรกเรน ปน น ภวิตพฺพเมว. กสฺมา? สาสนสฺส นาสเหตุตฺตา. โหติ เจตฺถ –

‘‘อสมฺพุธํ พุทฺธมหานุภาวํ,

ธมฺมสฺส คมฺภีรนยตฺถตฺจ;

โย วณฺณเย ตํ วินยํ อวิฺู,

โส ทุทฺทโส สาสนนาสเหตุ.

ปาฬึ ตทตฺถฺจ อสมฺพุธฺหิ,

นาเสติ โย อฏฺกถานยฺจ;

อนิจฺฉยํ นิจฺฉยโต ปเรหิ,

คาเหติ เตเหว ปุรกฺขโต โส.

อนุกฺกเมเนว มหาชเนน,

ปุรกฺขโต ปณฺฑิตมานิภิกฺขุ;

อปณฺฑิตานํ วิมตึ อกตฺวา,

อาจริยลีฬํ ปุรโต กโรตี’’ติ.

สมนฺตปาสาทิกาย คณฺิปทาธิปฺปายปฺปกาสนา สมตฺตา.

วชิรพุทฺธิฏีกา นิฏฺิตา.