📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยปิฏเก
วิมติวิโนทนี-ฏีกา (ทุติโย ภาโค)
๕. ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. มุสาวาทวคฺโค
๑. มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
๑. มุสาวาทวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมสิกฺขาปเท ขุทฺทกานนฺติ เอตฺถ ‘‘ขุทฺทก-สทฺโท พหุ-สทฺทปริยาโย’’ติ วทนฺติ. ตตฺถาติ เตสุ วคฺเคสุ, ขุทฺทเกสุ วา. ‘‘ชานิตพฺพโต’’ติ เหตุโน วิปกฺเขปิ นิพฺพาเน วตฺตนโต อเนกนฺติกตฺเต ปเรหิ วุตฺเต ‘‘น มยา อยํ เหตุ วุตฺโต’’ติ ¶ ตํ การณํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ปุน ‘‘ชาติธมฺมโตติ มยา วุตฺต’’นฺติอาทีนิ วทติ. ‘‘สมฺปชาน’’นฺติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ชานนฺโต’’ติ.
๒. สมฺปชานมุสาวาเทติ อตฺตนา วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส วิตถภาวํ ปุพฺเพปิ ชานิตฺวา, วจนกฺขเณ จ ชานนฺตสฺส มุสาวาทภณเน. เตนาห ‘‘ชานิตฺวา’’ติอาทิ. มุสาวาเทติ จ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ, ตสฺมา มุสาภณนนิมิตฺตํ ปาจิตฺติยนฺติ เอวเมตฺถ, อิโต ปเรสุปิ อีทิเสสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓. วทนฺติ ¶ เอตายาติ วาจาติ อาห ‘‘มิจฺฉา’’ติอาทิ. ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติอาทีสุ วิย ‘‘จกฺขุนา ทิฏฺ’’นฺติ ปากฏวเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โอฬาริเกนา’’ติ.
๑๑. คโต ภวิสฺสตีติ เอตฺถาปิ สนฺนิฏฺานโต วุตฺตตฺตา มุสาวาโท ชาโต. อาปตฺตินฺติ ปาจิตฺติยาปตฺตึ, น ทุพฺภาสิตํ. ชาติอาทีหิ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ปรํ ทวา วทนฺตสฺส หิ ตํ โหติ. จาเรสุนฺติ อุปเนสุํ. วตฺถุวิปรีตตา, วิสํวาทนปุเรกฺขารตา, ยมตฺถํ วตฺถุกาโม, ตสฺส ปุคฺคลสฺส วิฺาปนปโยโค จาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ. วตฺถุวิปรีตตาย หิ อสติ วิสํวาทนปุเรกฺขารตาย วิฺาปิเตปิ มุสาวาโท น โหติ, ทุกฺกฏมตฺตเมว โหติ. ตสฺมา สาปิ องฺคเมวาติ คเหตพฺพํ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนตฺถํ มุสา ภณนฺตสฺส ปาราชิกํ, ปริยาเยน ถุลฺลจฺจยํ, อมูลเกน ปาราชิเกน อนุทฺธํสนตฺถํ สงฺฆาทิเสโส, สงฺฆาทิเสเสนานุทฺธํสนโอมสวาทาทีสุ ปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปนฺเนสุ ทุกฺกฏํ, อุกฺกฏฺหีนชาติอาทีหิ ทวา อกฺโกสนฺตสฺส ทุพฺภาสิตํ, เกวลํ มุสา ภณนฺตสฺส อิธ ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ.
มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๓. ทุติเย ปุพฺเพ ปติฏฺิตารปฺปเทสํ ปุน อเร ปตฺเตติ ปมํ ภูมิยํ ปติฏฺิตเนมิปฺปเทเส ปริวตฺเตตฺวา ปุน ภูมิยํ ปติฏฺิเตติ อตฺโถ.
๑๕. ปุพฺเพติ อฏฺุปฺปตฺติยํ. ปุปฺผฉฑฺฑกา นาม คพฺภมลาทิหารกา. ตจฺฉกกมฺมนฺติ ปาสาณโกฏฺฏนาทิวฑฺฒกีกมฺมํ ¶ . หตฺถมุทฺทาคณนาติ องฺคุลิสงฺโกจเนเนว คณนา. อจฺฉิทฺทกคณนา นาม เอกฏฺานทสฏฺานาทีสุ สาริโย เปตฺวา อนุกฺกเมน คณนา. อาทิ-สทฺเทน สงฺกลนปฏอุปฺปาทนโวกฺลนภาคหาราทิวเสน ปวตฺตา ปิณฺฑคณนา คหิตา. ยสฺส สา ปคุณา, โส รุกฺขมฺปิ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกานิ เอตฺถ ปณฺณานี’’ติ ¶ ชานาติ. ยภ-เมถุเนติ วจนโต อาห ‘‘ย-การ-ภ-กาเร’’ติอาทิ.
๑๖. น ปุริเมนาติ มุสาวาทสิกฺขาปเทน. โสปิ อาปตฺติยาติ อุปสคฺคาทิวิสิฏฺเหิปิ วทนฺโต ปาจิตฺติยาปตฺติยาว กาเรตพฺโพ.
๒๖. ทุพฺภาสิตนฺติ สามฺโต วุตฺตตฺตา ปาฬิยํ อนาคเตหิปิ ปรมฺมุขา วทนฺตสฺสปิ ทุพฺภาสิตเมวาติ อาจริยา วทนฺติ ตโต ลามกาปตฺติยา อภาวา, อนาปตฺติยาเปตฺถ ภวิตุํ อยุตฺตตฺตา. สพฺพสตฺตาติ เอตฺถ วจนตฺถวิทูหิ ติรจฺฉานาทโยปิ คหิตา.
๓๕. อนุสาสนีปุเรกฺขารตาย วา ปาปครหิตาย วา วทนฺตานํ จิตฺตสฺส ลหุปริวตฺติภาวโต อนฺตรนฺตรา โกเป อุปฺปนฺเนปิ อนาปตฺติ. กายวิการมตฺเตนปิ โอมสนสมฺภวโต ‘‘ติสมุฏฺานํ, กายกมฺม’’นฺติ จ วุตฺตํ. ปริวาเร ปน ‘‘จตุตฺเถน อาปตฺติสมุฏฺาเนน…เป… ทุพฺภาสิตํ อาปชฺเชยฺยาติ. น หีติ วตฺตพฺพ’’นฺติอาทินา (ปริ. ๒๗๖) อิตรานิ สมุฏฺานานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปฺจมสฺเสว วุตฺตตฺตา อาห ‘‘ทุพฺภาสิตาปตฺติ ปเนตฺถ วาจาจิตฺตโต สมุฏฺาตี’’ติ. ทวกมฺยตาย หิ กายวาจาจิตฺเตหิ โอมสนฺตสฺสปิ วาจาจิตฺตเมว อาปตฺติยา องฺคํ โหติ, น ปน กาโย วิชฺชมาโนปิ ธมฺมเทสนาปตฺติ วิย เกวลํ กายวิกาเรเนว. โอมสนฺตสฺส ปน กิฺจาปิ อิธ ทุพฺภาสิตาปตฺติยา อนาปตฺติ, อถ โข กายกีฬาปฏิกฺเขปสิกฺขาปเทน ทุกฺกฏเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อุปสมฺปนฺนํ ชาติอาทีหิ อนฺาปเทเสน อกฺโกสนํ, ตสฺส ชานนํ, อตฺถปุเรกฺขารตาทีนํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เปสฺุสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๖. ตติเย ภณฺฑนํ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา. ปิสตีติ ปิสุณา, วาจา, สมคฺเค ภินฺเน ¶ กโรตีติ อตฺโถ. ตาย วาจาย สมนฺนาคโต ปิสุโณ, ตสฺส กมฺมํ เปสฺุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิธาปิ ¶ ชาติอาทีหิ ทสหิ วตฺถูหิ เปสฺุํ อุปสํหรนฺตสฺเสว ปาจิตฺติยํ, อิตเรหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ทุกฺกฏํ. อนกฺโกสวตฺถูหิ ปน อุปสํหรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ วทนฺติ. ชาติอาทีหิ อนฺาปเทเสน อกฺโกสนฺตสฺส ภิกฺขุโน สุตฺวา ภิกฺขุสฺส อุปสํหรณํ, ปิยกมฺยตาเภทาธิปฺปาเยสุ อฺตรตา, ตสฺส วิชานนาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
เปสฺุสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕. จตุตฺเถ ปุริมพฺยฺชเนน สทิสนฺติ ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ เอตฺถ อนิจฺจ-สทฺเทน สทิสํ ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ เอตฺถ อนิจฺจ-สทฺทํ วทติ. อกฺขรสมูโหติ อวิภตฺติโก วุตฺโต. ปทนฺติ วิภตฺติอนฺตํ วุตฺตํ.
เอกํ ปทนฺติ คาถาปทเมว สนฺธาย วทติ. ปทคณนายาติ คาถาปทคณนาย. อปาปุณิตฺวาติ สทฺธึ อกเถตฺวา. เอเตน คาถาย ปจฺฉิมปาเท วุจฺจมาเน สามเณโร ปมปาทาทึ วทติ, อาปตฺติเยว, ตสฺมึ นิสฺสทฺเท เอว อิตเรน วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
อฏฺกถานิสฺสิโตติ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ โปราณฏฺกถํ สนฺธาย วทติ. อิทานิปิ ‘‘ยถาปิ ทีปิโก นาม, นิลียิตฺวา คณฺหเต มิเค’’ติ (มิ. ป. ๖.๑.๕; วิสุทฺธิ. ๑.๒๑๗; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๗; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๖๓) เอวมาทิกํ อฏฺกถาวจนํ อตฺเถว, พุทฺธโฆสาจริยาทีหิ โปราณฏฺกถานเยน วุตฺตมฺปิ อิธ สงฺคเหตพฺพนฺติ วทนฺติ. ปาฬินิสฺสิโตติ อุทานวคฺคสงฺคหาทิโก. วิวฏฺฏูปนิสฺสิตนฺติ นิพฺพานนิสฺสิตํ. เถรสฺสาติ นาคเสนตฺเถรสฺส. มคฺคกถาทีนิ ปกรณานิ.
๔๖. ปาฬิยํ อกฺขรายาติอาทิ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, อกฺขเรนาติอาทินา อตฺโถ คเหตพฺโพ.
๔๘. อุปจารํ ¶ มฺุจิตฺวาติ ปริสาย ทฺวาทสหตฺถํ มฺุจิตฺวา เอกโต ิตสฺส วา นิสินฺนสฺส วา อนุปสมฺปนฺนสฺส อกเถตฺวา อฺเ อุทฺทิสฺส ภณนฺตสฺสาปิ ¶ อนาปตฺติ. สเจ ปน ทูเร นิสินฺนมฺปิ อุทฺทิสฺส ภณติ, อาปตฺติ เอว. โอปาเตตีติ สทฺธึ กเถติ. อนุปสมฺปนฺนตา, วุตฺตลกฺขณธมฺมํ ปทโส วาจนตา, เอกโต ภณนฺจาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐-๕๑. ปฺจเม ตตฺริทํ นิทสฺสนนฺติ เสโส. ทิรตฺตติรตฺตนฺติ เอตฺถ ทิรตฺตคฺคหณํ วจนาลงฺการตฺถํ, นิรนฺตรํ ติสฺโสว รตฺติโย วสิตฺวา จตุตฺถทิวสาทีสุ สยนฺตสฺเสว อาปตฺติ, น เอกนฺตริกาทิวเสน สยนฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถมฺปีติ ทฏฺพฺพํ. ทิรตฺตวิสิฏฺฺหิ ติรตฺตํ วุจฺจมานํ, เตน อนนฺตริกเมว ติรตฺตํ ทีเปตีติ. ปฺจหิ ฉทเนหีติ อิฏฺกสิลาสุธาติณปณฺเณหิ. วาจุคฺคตวเสนาติ ปคุณวเสน. ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพโธ วฑฺฒกีหตฺเถน คเหตพฺโพ. เอกูปจาโร เอเกน มคฺเคน ปวิสิตฺวา อพฺโภกาสํ อนุกฺกมิตฺวา สพฺพตฺถ อนุปริคมนโยคฺโค, เอตํ พหุทฺวารมฺปิ เอกูปจาโรว. ตตฺถ ปน กุฏฺฏาทีหิ รุนฺธิตฺวา วิสุํ ทฺวารํ โยเชนฺติ, นานูปจาโร โหติ. สเจ ปน รุนฺธติ เอว, วิสุํ ทฺวารํ น โยเชนฺติ, ‘‘เอตมฺปิ เอกูปจารเมว มตฺติกาทีหิ ปิหิตทฺวาโร วิย คพฺโภ’’ติ คเหตพฺพํ. อฺถา คพฺเภ ปวิสิตฺวา ปมุขาทีสุ นิปนฺนานุปสมฺปนฺเนหิ สหเสยฺยาปริมุตฺติยา คพฺภทฺวารํ มตฺติกาทีหิ ปิทหาเปตฺวา อุฏฺิเต อรุเณ วิวราเปนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ ภเวยฺยาติ.
เตสํ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส อาปตฺตีติ เอตฺถ เกจิ ‘‘อนุฏฺหเนน อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ วุตฺตา ตสฺมึ ขเณ สยนฺตสฺส กิริยาภาวา. อิทฺหิ สิกฺขาปทํ สิยา กิริยาย สมุฏฺาติ, สิยา อกิริยาย สมุฏฺาติ. กิริยาสมุฏฺานตา จสฺส ตพฺพหุลวเสน วุตฺตาติ วทติ. ยถา เจตํ, เอวํ ทิวาสยนมฺปิ. อนุฏฺหเนน, หิ ทฺวาราสํวรเณน เจตํ อกิริยสมอุฏฺานมฺปิ โหตี’’ติ วทนฺติ. อิทฺจ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
‘‘อุปริมตเลน ¶ สทฺธึ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺสา’’ติ อิทํ สมฺพทฺธภิตฺติเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อุปริมตเล สยิตสฺส สงฺกา เอว นตฺถีติ ‘‘เหฏฺาปาสาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. นานูปจาเรติ พหิ นิสฺเสณิยา อาโรหณีเย.
สภาสงฺเขเปนาติ ¶ สภากาเรน. ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏเก’’ติ อิมินา สณฺานํ ทสฺเสติ. ยตฺถ ตีสุ ทฺวีสุ วา ปสฺเสสุ ภิตฺติโย พทฺธา, ฉทนํ วา อสมฺปตฺตา อฑฺฒภิตฺติ, อิทํ อฑฺฒกุฏฺฏกํ นาม. วาฬสงฺฆาโฏ นาม ปริกฺเขปสฺส อนฺโต ถมฺภาทีนํ อุปริ วาฬรูเปหิ กตสงฺฆาโฏ. ปริกฺเขปสฺส พหิคเตติ เอตฺถ ยสฺมึ ปสฺเส ปริกฺเขโป นตฺถิ, ตตฺถ สเจ ภูมิโต วตฺถุ อุจฺจํ โหติ, อุภโต อุจฺจวตฺถุโต เหฏฺา ภูมิยํ นิพฺพโกสพฺภนฺตเรปิ อนาปตฺติ เอว ตตฺถ เสนาสนโวหาราภาวโต. อถ วตฺถุ นีจํ ภูมิสมเมว เสนาสนสฺส เหฏฺิมตเล ติฏฺติ, ตตฺถ ปริกฺเขปรหิตทิสาย นิพฺพโกสพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ อาปตฺติ โหติ, ปริจฺเฉทาภาวโต ปริกฺเขปสฺส พหิ เอว อนาปตฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ปริมณฺฑลํ วาติอาทิ มชฺเฌ อุทกปตนตฺถาย อากาสงฺคณวนฺตํ เสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเรติ เอเกกคพฺภสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ ปมุเขน คมนํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพธโต อนูนํ กุฏฺฏํ กตฺวา อากาสงฺคเณน ปเวสํ กโรนฺติ, เอวํ อกโตติ อตฺโถ. คพฺภปริกฺเขโปติ จตุรสฺสปาสาทาทีสุ สมนฺตา ิตคพฺภภิตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํ.
ปาเฏกฺกสนฺนิเวสาติ เอเกกทิสาย คพฺภปาฬิโย อิตรทิสาสุ คพฺภปาฬีนํ อภาเวน, ภาเวปิ วา อฺมฺภิตฺติจฺฉทเนหิ อสมฺพนฺธตาย ปาเฏกฺกสนฺนิเวสา นาม วุจฺจติ. ตํ…เป… สนฺธาย วุตฺตนฺติ ตตฺถ ปาจิตฺติเยน อนาปตฺตีติ วุตฺตํ, น ทุกฺกเฏน. ตาทิสาย หิ คพฺภปาฬิยา ปมุขํ ตีสุ ทิสาสุ ภิตฺตีนํ อภาเวน เอกทิสาย คพฺภภิตฺติมตฺเตน สพฺพจฺฉนฺนํ จูฬปริจฺฉนฺนํ นาม โหติ. ตสฺมา ทุกฺกฏเมว. ยทิ ปน ตสฺส ปมุขสฺส อิตรทิสาสุปิ เอกิสฺสํ, สพฺพาสุ วา ภิตฺตึ กโรนฺติ, ตทา สพฺพจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนาทิภาวโต ปาจิตฺติยเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธายาติ เอตฺถ อุจฺจวตฺถุํ อกตฺวา ภูมิยํ กตเคหสฺส ปมุขํ สนฺธาย อปริกฺขิตฺเต ปาจิตฺติเยน อนาปตฺตีติ อิทํ กถิตํ ¶ . อุจฺจวตฺถุกํ เจ ปมุขํ โหติ, เตน วตฺถุนา ปริกฺขิตฺตสงฺขฺยเมว ปมุขํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถาติ อนฺธกฏฺกถายํ. ชคติยา ปมาณํ วตฺวาติ ปกติภูมิยา นิปนฺโน ยถา ชคติยา อุปริ สยิตํ น ปสฺสติ, เอวํ อุจฺจาติอุจฺจวตฺถุสฺส อุพฺเพธปฺปมาณํ วตฺวา. เอกทิสาย อุชุกเมว ทีฆํ กตฺวา สนฺนิเวสิโต ปาสาโท เอกสาลสนฺนิเวโส. ทฺวีสุ, ตีสุ วา จตูสุปิ วา ทิสาสุ สิงฺฆาฏกสณฺานาทิวเสน กตา ทฺวิสาลาทิสนฺนิเวสา เวทิตพฺพา. สาลปฺปเภททีปนเมว เจตฺถ ปุริมโต วิเสโสติ. ปริกฺเขโป วิทฺธสฺโตติ ปมุขสฺส ปริกฺเขปํ สนฺธาย วทติ.
๕๓. อุปฑฺฒจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนํ เสนาสนํ ทุกฺกฏสฺส อาทึ วตฺวา ปาฬิยํ ทสฺสิตตฺตา ตโต ¶ อธิกํ สพฺพจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนาทิกมฺปิ สพฺพํ ปาฬิยํ อวุตฺตมฺปิ ปาจิตฺติยสฺเสว วตฺถุภาเวน ทสฺสิตํ สิกฺขาปทสฺส ปณฺณตฺติวชฺชตฺตา, ครุเก าตพฺพโต จาติ เวทิตพฺพํ. สตฺต ปาจิตฺติยานีติ ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติยทฺวยํ สามฺโต เอกตฺเตน คเหตฺวา วุตฺตํ.
๕๔. ปาฬิยํ ‘‘ตติยาย รตฺติยา ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา ปุน วสตี’’ติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ, อนิกฺขมิตฺวา ปน ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา อนฺโตฉทเน นิสินฺนสฺสาปิ ปุนทิวเส สหเสยฺเยน อนาปตฺติ เอว. เสนมฺพมณฺฑปวณฺณํ โหตีติ สีหฬทีเป กิร อุจฺจวตฺถุโก สพฺพจฺฉนฺโน สพฺพอปริจฺฉนฺโน เอวํนามโก สนฺนิปาตมณฺฑโป อตฺถิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เอตฺถ จตุตฺถภาโค จูฬกํ, ทฺเว ภาคา อุปฑฺฒํ, ตีสุ ภาเคสุ ทฺเว ภาคา เยภุยฺยนฺติ อิมินา นเยน จูฬกจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนตาทีนิ เวทิตพฺพานิ. ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ อนุปสมฺปนฺเนน สห นิปชฺชนํ, จตุตฺถทิวเส สูริยตฺถงฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
สหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๕. ฉฏฺเ มาตุคาเมน สทฺธึ จตุตฺถทิวเส สยนฺตสฺสาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน เอกาว อาปตฺติ. เกจิ ปน ปุริมสิกฺขาปเทนาปีติ ทฺเว อาปตฺติโย วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อนุปสมฺปนฺเนนา’’ติ อนิตฺถิลิงฺเคน วุตฺตตฺตา นปุํสเกน ¶ ปน จตุตฺถทิวเส สยนฺตสฺส สทุกฺกฏปาจิตฺติยํ วตฺตุํ ยุตฺตํ. กิฺจาเปตฺถ ปาฬิยํ ปณฺฑกวเสเนว ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, ตทนุโลมิกา ปน ปุริสอุภโตพฺยฺชนเกน สห สยนฺตสฺส อิมินา ทุกฺกฏํ, ปุริเมน จตุตฺถทิวเส สทุกฺกฏปาจิตฺติยํ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก อิตฺถิคติโกวาติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ. มติตฺถิยา อนาปตฺตีติ วทนฺติ. ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ มาตุคาเมน สทฺธึ นิปชฺชนํ, สูริยตฺถงฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๐. สตฺตเม น ยกฺเขนาติอาทีนํ ‘‘อฺตฺร วิฺุนา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อฺตฺร วิฺุนา ¶ ปุริสวิคฺคเหน, น ยกฺขาทินาปีติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพติ อธิปฺปาโย. ตาทิเสนปิ หิ สห ิตาย เทเสตุํ น วฏฺฏติ. ตํตํเทสภาสาย อตฺถํ ยถารุจิ วฏฺฏติ เอว.
อิริยาปถาปริวตฺตนํ, ปุริสํ วา ทฺวาทสหตฺถูปจาเร อปกฺโกสาปนํ เอตฺถ อกิริยา. วุตฺตลกฺขณสฺส ธมฺมสฺส ฉนฺนํ วาจานํ อุปริ เทสนา, วุตฺตลกฺขโณ มาตุคาโม, อิริยาปถปอวตฺตนาภาโว, วิฺูปุริสาภาโว, อปฺหวิสฺสชฺชนาติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๗. อฏฺเม อนฺตราติ ปรินิพฺพานกาลโต ปุพฺเพปิ. อติกฑฺฒิยมาเนนาติ ‘‘วทถ, ภนฺเต, กึ ตุมฺเหหิ อธิคต’’นฺติ เอวํ นิปฺปีฬิยมาเนน อติพทฺธิยมาเนน. ตถารูเป ปจฺจเย สติ วตฺตพฺพเมว. สุตปริยตฺติสีลคุณนฺติ เอตฺถ อตฺถกุสลตา สุตคุโณ, ปาฬิปากุสลตา ปริยตฺติคุโณติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘จิตฺตกฺเขปสฺส วา อภาวา’’ติ อิมินา ขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏตาปิ อริยานํ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
ปุพฺเพ ¶ อวุตฺเตหีติ จตุตฺถปาราชิเก อวุตฺเตหิ. อิทฺจ สิกฺขาปทํ ปณฺณตฺติอชอานนวเสน เอกนฺตโต อจิตฺตกสมุฏฺานเมว โหติ อริยานํ ปณฺณตฺติวีติกฺกมาภาวา. ฌานลาภีนฺจ สตฺถุ อาณาวีติกฺกมปฏิฆจิตฺตสฺส ฌานปริหานโต ภูตาโรจนํ น สมฺภวติ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส ภูตตา, อนุปสมฺปนฺนสฺส อาโรจนํ, ตงฺขณวิชานนา, อนฺาปเทโสติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๘. นวเม ตตฺถ ภเวยฺยาติ ตตฺถ กสฺสจิ มติ เอวํ ภเวยฺย. อฏฺกถาวจนเมว อุปปตฺติโต ทฬฺหํ กตฺวา ปติฏฺเปนฺโต ‘‘อิมินาปิ เจต’’นฺติอาทิมาห.
๘๒. อาทิโต ปฺจ สิกฺขาปทานีติ ปาณาติปาตาทีนิ ปฺจ. เสสานีติ วิกาลโภชนาทีนิ ¶ . สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทิ อชฺฌาจาโรว. อนฺติมวตฺถุํ อนชฺฌาปนฺนสฺส ภิกฺขุโน สวตฺถุโก สงฺฆาทิเสโส, อนุปสมฺปนฺนสฺส อาโรจนํ, ภิกฺขุสมฺมุติยา อภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา
๘๖. ทสเม อปฺปปํสุมตฺติกาย ปถวิยา อนาปตฺติวตฺถุภาเวน วุตฺตตฺตา อุปฑฺฒปํสุมตฺติกายปิ ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํ. น เหตํ ทุกฺกฏวตฺถูติ สกฺกา วตฺตุํ ชาตาชาตวินิมุตฺตาย ตติยปถวิยา อภาวโต.
วฏฺฏตีติ อิมสฺมึ าเน โปกฺขรณึ ขณาติ โอกาสสฺส อนิยมิตตฺตา วฏฺฏติ. อิมํ วลฺลึ ขณาติ ปถวีขณนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา อิมินาว สิกฺขาปเทน อาปตฺติ, น ภูตคามสิกฺขาปเทน. อุภยมฺปิ ¶ สนฺธาย วุตฺเต ปน ทฺเวปิ ปาจิตฺติยา โหนฺติ. อุทกปปฺปฏโกติ อุทเก อนฺโตภูมิยํ ปวิฏฺเ ตสฺส อุปริภาคํ ฉาเทตฺวา ตนุกปํสุ วา มตฺติกา วา ปฏลํ หุตฺวา ปตมานา ติฏฺติ, ตสฺมึ อุทเก สุกฺเขปิ ตํ ปฏลํ วาเตน จลมานา ติฏฺติ, ตํ อุทกปปฺปฏโก นาม.
อกตปพฺภาเรติ อวฬฺชนฏฺานทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตาทิเส เอว หิ วมฺมิกสฺส สมฺภโวติ. มูสิกุกฺกรํ นาม มูสิกาหิ ขนิตฺวา พหิ กตปํสุราสิ. อจฺฉทนนฺติอาทิวุตฺตตฺตา อุชุกํ อากาสโต ปติตวสฺโสทเกน โอวฏฺเมว ชาตปถวี โหติ, น ฉทนาทีสุ ปติตฺวา ตโต ปวตฺตอุทเกน ตินฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. มณฺฑปตฺถมฺภนฺติ สาขามณฺฑปตฺถมฺภํ. อุจฺจาเลตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. ตโตติ ปุราณเสนาสนโต.
๘๘. มหามตฺติกนฺติ ภิตฺติเลปนํ. ชาตปถวิตา, ตถาสฺิตา, ขณนขณาปนานํ อฺตรนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต มุสาวาทวคฺโค ปโม.
๒. ภูตคามวคฺโค
๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา
๘๙. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม นิคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺโตติ สาขฏฺกวิมาเน สาขาย ฉิชฺชมานาย ฉิชฺชนฺเต ตตฺถ อเฉทนตฺถาย เทวตาย อุปนีตํ ปุตฺตํ ทิสฺวาปิ กุารินิกฺเขปเวคํ นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโตติ อตฺโถ. รุกฺขธมฺเมติ รุกฺขสฺส ปวตฺติยํ. รุกฺขานํ วิย เฉทนาทีสุ อกุปฺปนฺหิ รุกฺขธมฺโม นาม.
อุปฺปติตนฺติ อุปฺปนฺนํ. ภนฺตนฺติ ธาวนฺตํ. วารเยติ นิคฺคณฺเหยฺย. อิตโรติ อุปฺปนฺนํ โกธํ อนิคฺคณฺหนฺโต ราชอุปราชาทีนํ รสฺมิมตฺตคฺคาหกชโน วิย น อุตฺตมสารถีติ อตฺโถ. วิสฏํ สปฺปวิสนฺติ สรีเร ทาาวณานุสาเรน วิตฺถิณฺณํ พฺยาเปตฺวา ิตํ กณฺหสปฺปวิสํ วิย. ชหาติ โอรปารนฺติ ปฺโจรมฺภาคิยสฺโชนานิ ตติยมคฺเคน ชหาติ. ‘‘โอรปาร’’นฺติ หิ โอริมตีรํ วุจฺจติ ¶ . อถ วา โสติ ตติยมคฺเคน โกธํ วิเนตฺวา ิโต ภิกฺขุ อรหตฺตมคฺเคน โอรปารํ ชหาตีติ อตฺโถ. ตตฺถ โอรํ นาม สกตฺตภาโว, อชฺฌตฺติกานิ วา อายตนานิ. ปารํ นาม ปรอตฺตภาโว, พาหิรานิ วา อายตนานิ. ตทุภเย ปน ฉนฺทราคํ ชหนฺโต ‘‘ชหาติ โอริมปาร’’นฺติ วุจฺจติ.
๙๐. ภวนฺตีติ วฑฺฒนฺติ. อหุวุนฺตีติ พภูวุ. เตนาห ‘‘ชาตา วฑฺฒิตา’’ติ. ภูตานํ คาโมติ มหาภูตานํ หริตติณาทิภาเวน สมคฺคานํ สมูโห. ตพฺพินิมุตฺตสฺส คามสฺส อภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภูตา เอว วา คาโม’’ติ วุตฺตํ. ปาตพฺย-สทฺทสฺส ปา ปาเนติ ธาตฺวตฺถํ สนฺธายาห ‘‘ปริภฺุชิตพฺพตา’’ติ. สา จ ปาตพฺยตา เฉทนาทิ เอว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺสา…เป… ภูตคามสฺส ชาตา เฉทนาทิปจฺจยา’’ติ.
๙๑. ชาต-สทฺโท เอตฺถ วิชาตปริยาโยติ ‘‘ปุตฺตํ วิชาตา อิตฺถี’’ติอาทีสุ วิย ปสูตวจโนติ อาห ‘‘ปสูตานี’’ติ, นิพฺพตฺตปณฺณมูลานีติ อตฺโถ.
ตานิ ¶ ทสฺเสนฺโตติ ตานิ พีชานิ ทสฺเสนฺโต. การิยทสฺสนมุเขเนว การณฺจ คหิตนฺติ อาห ‘‘พีชโต นิพฺพตฺเตน พีชํ ทสฺสิต’’นฺติ.
๙๒. ‘‘พีชโต สมฺภูโต ภูตคาโม พีช’’นฺติ อิมินา อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ปทุมคจฺฉโต นิพฺพตฺตํ ปุปฺผํ ปทุม’’นฺติอาทีสุ วิยายํ โวหาโรติ ทสฺเสติ. ยํ พีชํ ภูตคาโม นาม โหตีติ นิพฺพตฺตปณฺณมูลํ สนฺธาย วทติ. ยถารุตนฺติ ยถาปาํ.
‘‘สฺจิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา สรีเร ลคฺคภาวํ ตฺวาปิ อุฏฺหติ, ‘‘ตํ อุทฺธริสฺสามี’’ติสฺาย อภาวโต วฏฺฏติ. อนนฺตก-คฺคหเณน สาสปมตฺติกา คหิตา, นามฺเหตํ ตสฺสา เสวาลชาติยา. มูลปณฺณานํ อภาเวน ‘‘อสมฺปุณฺณภูตคาโม นามา’’ติ วุตฺตํ. โส พีชคาเมน สงฺคหิโตติ. อวฑฺฒมาเนปิ ภูตคามมูลกตฺตา วุตฺตํ ‘‘อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ. นาฬิเกรสฺส อาเวณิกํ กตฺวา วทติ.
เสเลยฺยกํ ¶ นาม สิลาย สมฺภูตา เอกา คนฺธชาติ. ปุปฺผิตกาลโต ปฏฺายาติ วิกสิตกาลโต ปภุติ. ฉตฺตกํ คณฺหนฺโตติ วิกสิตํ คณฺหนฺโต. มกุฬํ ปน รุกฺขตฺตจํ อโกเปนฺเตนปิ คเหตุํ น วฏฺฏติ, ผุลฺลํ วฏฺฏติ. หตฺถกุกฺกุจฺเจนาติ หตฺถจาปลฺเลน.
‘‘ปานียํ น วาเสตพฺพ’’นฺติ อิทํ อตฺตโน ปิวนปานียํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺเสํ ปน วฏฺฏติ อนุคฺคหิตตฺตา. เตนาห ‘‘อตฺตนา ขาทิตุกาเมนา’’ติ. เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ มูลํ อโนตาเรตฺวา ปณฺณมตฺตนิคฺคมนมตฺเตนปิ วฑฺฒติ. ตตฺถ กปฺปิยมฺปิ อกโรนฺโต ฉินฺนนาฬิเกรเวฬุทณฺฑาทโย โกเปตุํ วฏฺฏติ.
‘‘จงฺกมิตฏฺานํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ จงฺกมนาธิปฺปาเยน วา มคฺคคมนาธิปฺปาเยน วา อกฺกมนฺตสฺส, ติณานํ อุปริ นิสีทนาธิปฺปาเยน นิสีทนฺตสฺส จ โทโส นตฺถิ.
สมณกปฺเปหีติ สมณานํ กปฺปิยโวหาเรหิ, อพีชนิพฺพฏฺฏพีชานิปิ กปฺปิยภาวโต ‘‘สมณกปฺปานี’’ติ วุตฺตานิ. อพีชํ นาม ตรุณอมฺพผลาทีนิ. นิพฺพฏฺเฏตพฺพํ วิโยเชตพฺพํ พีชํ ยสฺมึ, ตํ ปนสาทิ นิพฺพฏฺฏพีชํ นาม. กปฺปิยนฺติ วตฺวาวาติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺเตปิ วจนกฺขเณว อคฺคิสตฺถาทินา พีชคาเม วณํ กาตพฺพนฺติ วจนโต ปน ปุพฺเพ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตฺจ ทฺวิธา อกตฺวา เฉทนเภทนเมว ทสฺเสตพฺพํ. กโรนฺเตน จ ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ ¶ ยาย กายจิ ภาสาย วุตฺเตเยว กาตพฺพํ. พีชคามปริโมจนตฺถํ ปุน กปฺปิยํ กาเรตพฺพนฺติ การาปนสฺส ปมเมว อธิกตตฺตา. ‘‘กฏาเหปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา กฏาหโต นีหตาย มิฺชาย วา พีเช วา ยตฺถ กตฺถจิ วิชฺฌิตุํ วฏฺฏติ เอว. ภูตคาโม, ภูตคามสฺิตา, วิโกปนํ วา วิโกปาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา
๙๔. ทุติเย อฺํ วจนนฺติ ยํ โทสวิภาวนตฺถํ ปเรหิ วุตฺตวจนํ ตํ ตสฺส อนนุจฺฉวิเกน อฺเน วจเนน ปฏิจรติ.
๙๘. ยเทตํ ¶ อฺเนฺํ ปฏิจรณวเสน ปวตฺตวจนํ, ตเทว ปุจฺฉิตมตฺถํ เปตฺวา อฺํ วทติ ปกาเสตีติ อฺวาทกนฺติ อาห ‘‘อฺเนฺํ ปฏิจรณสฺเสตํ นาม’’นฺติ. ตุณฺหีภูตสฺเสตํ นามนฺติ ตุณฺหีภาวสฺเสตํ นามํ, อยเมว วา ปาโ. อฺวาทกํ อาโรเปตุนฺติ อฺวาเท อาโรเปตุํ. วิเหสกนฺติ วิเหสกตฺตํ.
๙๙. ปาฬิยํ น อุคฺฆาเฏตุกาโมติ ปฏิจฺฉาเทตุกาโม.
๑๐๐. อนาโรปิเต อฺวาทเกติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปาฬิยํ อาคตอฺเนฺปฏิจรณวเสน ยุชฺชติ, อฏฺกถายํ อาคตนเยน ปน มุสาวาเทน อฺเนฺํ ปฏิจรนฺตสฺส ปาจิตฺติเยน สทฺธึ ทุกฺกฏํ, อาโรปิเต อิมินาว ปาจิตฺติยํ. เกจิ ปน ‘‘มุสาวาทปาจิตฺติเยน สทฺธึ ปาจิตฺติยทฺวย’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. อาทิกมฺมิกสฺสปิ มุสาวาเท อิมินาว อนาปตฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมกมฺเมน อาโรปิตตา, อาปตฺติยา วา วตฺถุนา วา อนุยฺุชิยมานตา, ฉาเทตุกามตาย อฺเนฺํ ปฏิจรณํ, ตุณฺหีภาโว จาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๐๓. ตติเย ¶ จินฺตายนตฺถสฺส เฌ-ธาตุสฺส อเนกตฺถตาย โอโลกนตฺถสมฺภวโต วุตฺตํ ‘‘โอโลกาเปนฺตี’’ติ. ฉนฺทายาติ ลิงฺควิปลฺลาโสติ อาห ‘‘ฉนฺเทนา’’ติ.
๑๐๕. ภิกฺขุํ ลามกโต จินฺตาปนตฺถํ อฺเสํ ตํ อวณฺณกถนํ อุชฺฌาปนํ นาม. อฺเสํ ปน อวตฺวา อฺมฺํ สมุลฺลปนวเสน ภิกฺขุโน โทสปฺปกาสนํ ขิยฺยนํ นามาติ อยเมเตสํ เภโท.
๑๐๖. อฺํ อนุปสมฺปนฺนํ อุชฺฌาเปตีติ อฺเน อนุปสมฺปนฺเนน อุชฺฌาเปติ. ตสฺส วา ตํ สนฺติเกติ ตสฺส อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก ตํ สงฺเฆน สมฺมตํ อุปสมฺปนฺนํ ขิยฺยติ. อิธาปิ มุสาวาเทน อุชฺฌาปนาทีนํ สมฺภวโต ทุกฺกฏฏฺานานิ จ อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติ จ อิมินา เอว สิกฺขาปเทน วุตฺตาติ ¶ เวทิตพฺพํ สพฺพตฺถ มุสาวาทปาจิตฺติยสฺส อนิวตฺติโต. ธมฺมกมฺเมน สมฺมตตา, อุปสมฺปนฺนตา, อคติคมนาภาโว, ตสฺส อวณฺณกามตา, ยสฺส สนฺติเก วทติ. ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา, อุชฺฌาปนํ วา ขิยฺยนํ วาติ อิมาเนตฺถ ฉ องฺคานิ.
อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๑๐. จตุตฺเถ อปฺาเตติ อปฺปสิทฺเธ. อิมํ ปน อฏฺ มาเส มณฺฑปาทีสุ ปนสงฺขาตํ อตฺถวิเสสํ คเหตฺวา ภควตา ปมเมว สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺมาเส’’ติอาทิวจเนน อนุปฺตฺติสทิเสน ปกาเสตฺวา วิสุํ อนุปฺตฺติ น วุตฺตา. ปริวาเร ปเนตํ อนุชานนวจนํ อนุปฺตฺติฏฺานนฺติ ‘‘เอกา อนุปฺตฺตี’’ติ (ปริ. ๖๕-๖๗) วุตฺตํ.
นววายิโมติ อธุนา สุตฺเตน วีตกจฺเฉน ปลิเวิตมฺโจ. โอนทฺโธติ กปฺปิยจมฺเมน โอนทฺโธ. เต หิ วสฺเสน สีฆํ น นสฺสนฺติ. ‘‘อุกฺกฏฺอพฺโภกาสิโก’’ติ อิทํ ตสฺส สุขปฏิปตฺติทสฺสนมตฺตํ, อุกฺกฏฺสฺสาปิ ปน จีวรกุฏิ วฏฺฏเตว. กายานุคติกตฺตาติ ภิกฺขุโน ตตฺเถว นิสีทนภาวํ ทีเปติ, เตน จ วสฺสภเยน สยํ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส อาปตฺตีติ ทสฺเสติ ¶ . อพฺโภกาสิกานํ เตมนตฺถาย นิยเมตฺวา ทายเกหิ ทินฺนมฺปิ อตฺตานํ รกฺขนฺเตน รกฺขิตพฺพเมว.
‘‘วลาหกานํ อนุฏฺิตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ อิมินา คิมฺหาเนปิ เมเฆ อุฏฺิเต อพฺโภกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตตฺร ตตฺราติ เจติยงฺคณาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อพฺโภกาเส นิยเมตฺวา นิกฺขิตฺตา. มชฺฌโต ปฏฺาย ปาทฏฺานาภิมุขาติ ยตฺถ สมนฺตโต สมฺมชฺชิตฺวา องฺคณมชฺเฌ สพฺพทา กจวรสฺส สงฺกฑฺฒเนน มชฺเฌ วาลิกา สฺจิตา โหติ. ตตฺถ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อุจฺจวตฺถุปาทฏฺานาภิมุขํ วา วาลิกา หริตพฺพา. ยตฺถ วา ปน โกเณสุ วาลิกา สฺจิตา, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย อปรทิสาภิมุขา หริตพฺพาติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สมฺมฏฺฏฺานสฺส ¶ ปทวฬฺเชน อวิโกปนตฺถาย สยํ อสมฺมฏฺฏฺาเน ตฺวา อตฺตโน ปาทาภิมุขํ วาลิกา หริตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตตฺถ ‘‘มชฺฌโต ปฏฺายา’’ติ วจนสฺส ปโยชนํ น ทิสฺสติ.
๑๑๑. วงฺกปาทตามตฺเตน กุฬีรปาทกสฺส เสเสหิ วิเสโส, น อฏนีสุ ปาทปฺปเวสนวิเสเสนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โย วา ปน โกจี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสาติ อุปสมฺปนฺนสฺเสว.
นิสีทิตฺวา…เป… ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ เมฆุฏฺานาภาวํ ตฺวา ‘‘ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามี’’ติ อาโภเคน คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ, เตน ปุนาคนฺตพฺพเมว. กปฺปํ ลภิตฺวาติ ‘‘คจฺฉ, มา อิธ ติฏฺา’’ติ วุตฺตวจนํ ลภิตฺวา.
อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ อาคนฺตุเกสุ กิฺจิ อวตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘อาวาสิกา เอว อุทฺธริสฺสนฺตี’’ติ คเตสุปิ อาวาสิกานเมว ปลิโพโธ. มหาปจฺจริวาเท ปน ‘‘อิทํ อมฺหาก’’นฺติ อวตฺวาปิ นิสินฺนานเมวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา’’ติ วุตฺตตฺตา อนาณตฺติยา ปฺาปิตตฺตาปิ ทุกฺกเฏ การณํ วุตฺตํ. อุสฺสารโกติ สรภาณโก. โส หิ อุทฺธํ อุทฺธํ ปาฬิปาํ สาเรติ ปวตฺเตตีติ อุสฺสารโกติ วุจฺจติ.
๑๑๒. วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตาติ ปฏขณฺฑาทีหิ สิพฺพิตฺวา กตา. ภูมิยํ อตฺถริตพฺพาติ จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพา. ‘‘สีหจมฺมาทีนํ ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป’’ติ อิมินา มฺจปีาทีสุ อตฺถริตฺวา ปุน สํหริตฺวา ปนาทิวเสน ¶ อตฺตโน อตฺถาย ปริหรณเมว น วฏฺฏติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน ปริโภโค ปน อตฺตโน ปริหรณํ น โหตีติ ทสฺเสติ. ขนฺธเก หิ ‘‘อนฺโตปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, พหิปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺตี’’ติ เอวํ อตฺตโน อตฺตโน อตฺถาย มฺจาทีสุ ปฺเปตฺวา ปริหรณวตฺถุสฺมึ –
‘‘น, ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ. โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) –
ปฏิกฺเขโป ¶ กโต. ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ. ทารุมยปีนฺติ ผลกมยปีเมว. ปาทกถลิกนฺติ อโธตปาทํ ยสฺมึ ฆํสนฺตา โธวนฺติ, ตํ ทารุผลกาทิ.
๑๑๓. ‘‘อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามีติ คจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา อฺเนปิ การเณน อโนตาเปนฺตสฺสปิ อาคมเน สาเปกฺขสฺส อนาปตฺติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘มฺจาทีนํ สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ เทเส สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, นิรเปกฺขตา, เลฑฺฑุปาตาติกฺกโม’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) เอวเมตฺถ นิรเปกฺขตาย สทฺธึ ฉ องฺคานิ วุตฺตานิ.
ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๑๖. ปฺจเม ปาวาโร โกชโวติ ปจฺจตฺถรณตฺถาเยว ปิตา อุคฺคตโลมา อตฺถรณวิเสสา. เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. เสนาสนโตติ สพฺพปจฺฉิมเสนาสนโต.
๑๑๗. กุรุนฺทฏฺกถายํ วุตฺตเมวตฺถํ สวิเสสํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจาปิ วุตฺโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. วตฺตพฺพํ นตฺถีติ รุกฺขมูลสฺส ปากฏตฺตา วุตฺตํ. ปลุชฺชตีติ วินสฺสติ.
๑๑๘. เยน มฺจํ วา ปีํ วา วีนนฺติ, ตํ มฺจปีกวานํ. สิลุจฺจยเลณนฺติ ปพฺพตคุหา. ‘‘อาปุจฺฉนํ ปน วตฺต’’นฺติ อิมินา อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ. วุตฺตลกฺขณเสยฺยา, ตสฺสา ¶ สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ วิหาเร สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, อนเปกฺขสฺส ทิสาปกฺกมนํ, อุปจารสีมาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ สตฺต องฺคานิ.
ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๑๙. ฉฏฺเ ¶ อนุปวิสิตฺวาติ สมีปํ ปวิสิตฺวา.
๑๒๒. อุปจารํ เปตฺวาติ ทิยฑฺฒหตฺถูปจารํ เปตฺวา. สงฺฆิกวิหารตา, อนุฏฺาปนียภาวชานนํ, สมฺพาเธตุกามตา, อุปจาเร นิสีทนํ วา นิปชฺชนํ วาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒๖. สตฺตเม โกฏฺกานีติ ทฺวารโกฏฺกานิ.
๑๒๘. ‘‘สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิทํ อนนุรูปโต วุตฺตํ. ปาปครหิตาย หิ อกุปิตจิตฺเตน นิกฺกฑฺฒาเปนฺตสฺส อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ นตฺถิ ‘‘กุปิโต อนตฺตมโน’’ติ วุตฺตตฺตา. อฺาเปกฺขา อาปตฺติ น ทิสฺสติ. ปาฬิยํ ‘‘อลชฺชึ นิกฺกฑฺฒตี’’ติอาทีสุ จิตฺตสฺส ลหุปริวตฺติตาย อนฺตรนฺตรา โกเป อุปฺปนฺเนปิ อนาปตฺติ อลชฺชิตาทิปจฺจเยเนว นิกฺกฑฺฒนสฺส อารทฺธตฺตา. สงฺฆิกวิหาโร, อุปสมฺปนฺนสฺส ภณฺฑนการกภาวาทิวินิมุตฺตตา, โกเปน นิกฺกฑฺฒนํ วา นิกฺกฑฺฒาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒๙. อฏฺมํ ¶ อุตฺตานเมว. สงฺฆิโก วิหาโร, อสีสฆฏฺฏเวหาสกุฏิ, เหฏฺาปริโภคตา, อปฏาณิทินฺเน อาหจฺจปาทเก นิสีทนํ วา นิปชฺชนํ วาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๓๕. นวเม ¶ ‘‘มหลฺลโก นาม วิหาโร สสฺสามิโก’’ติ วุตฺตตฺตา สฺาจิกาย กุฏิยา อนาปตฺตีติ วทนฺติ. ยสฺสาติ วิหารสฺส. สา อปริปูรูปจาราปิ โหตีติ วิวริยมานํ กวาฏํ ยํ ภิตฺตึ อาหนติ, สา สามนฺตา กวาฏวิตฺถารปฺปมาณา อุปจารรหิตาปิ โหตีติ อตฺโถ. อาโลกํ วาตปานํ สนฺเธติ ฆฏยตีติ อาโลกสนฺธีติ กวาฏํ วุจฺจติ. ทฺวารวาตปานูปจารโต อฺตฺถ ปุนปฺปุนํ ลิมฺปนาทึ กโรนฺตสฺส ปิณฺฑคณนาย ปาจิตฺติยํ.
เกจิ ปน ‘‘ปาฬิยํ ปาจิตฺติยสฺส อวุตฺตตฺตา ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. อธิฏฺาตพฺพนฺติ สํวิธาตพฺพํ. หริเต ิโต อธิฏฺาติ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ หริตยุตฺเต เขตฺเต ตฺวา ฉาเทนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ตาทิเส เขตฺเต วิหารํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปาฬิยา น สเมติ.
๑๓๖. อุชุกเมว ฉาทนนฺติ ฉาทนมุขวฏฺฏิโต ปฏฺาย ยาว ปิฏฺิวํสกูฏาคารกณฺณิกาทิ, ตาว อิฏฺกาทีหิ อุชุกํ ฉาทนํ. อิมินา ปน เยน สพฺพสฺมึ วิหาเร เอกวารํ ฉาทิเต ตํ ฉาทนํ เอกมคฺคนฺติ คเหตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ทฺเว มคฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริยาเยน ฉาทนมฺปิ อิมินาว นเยน โยเชตพฺพนฺติ วทนฺติ, ตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ ฉาทาเปสี’’ติ อิมาย ปาฬิยา จ ‘‘สพฺพมฺปิ เจตํ ฉทนํ ฉทนูปริ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมินา อฏฺกถาวจเนน จ สเมติ.
ปาฬิยํ ‘‘มคฺเคน ฉาเทนฺตสฺส ปริยาเยน ฉาเทนฺตสฺสา’’ติ อิทฺจ อิฏฺกาทีหิ, ติณปณฺเณหิ จ ฉาทนปฺปการเภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปนฺติยา ฉาทิตสฺส ฉทนสฺส อุปริ ฉทนมุขวฏฺฏิโต ปฏฺาย อุทฺธํ อุชุกเมว เอกวารํ ฉาทนํ เอกมคฺคนฺติ คเหตฺวา ‘ทฺเว มคฺเค’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ, น ปน สกลวิหารฉาทนํ. เอส นโย ปริยาเยน ฉาทเนปี’’ติ วทนฺติ, ตํ ปาฬิอฏฺกถาหิ น สเมติ.
ตติยาย มคฺคนฺติ เอตฺถ ตติยายาติ อุปโยคตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ตติยํ มคฺคนฺติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ. ติณปณฺเณหิ ลพฺภตีติ ติณปณฺเณหิ ฉาเทตฺวา อุปริ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เกวลํ ¶ ติณกุฏิยา หิ อนาปตฺติ วุตฺตา. ติณฺณํ มคฺคานนฺติ มคฺควเสน ฉาทิตานํ ติณฺณํ ฉทนานํ. ติณฺณํ ปริยายานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. มหลฺลกวิหารตา, อตฺตโน วาสาคารตา, อุตฺตริ อธิฏฺานนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๔๐. ทสเม มาติกายํ สปฺปาณกอุทกํ ติเณน วา มตฺติกาย วา สิฺเจยฺย, ฉฑฺเฑยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา อุทกํ คเหตฺวา พหิ สิฺเจยฺย, ตสฺมิฺจ อุทเก ติณํ วา มตฺติกํ วา อาหริตฺวา ปกฺขิเปยฺยาติ อชฺฌาหริตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘สกฏภารมตฺตฺเจปี’’ติอาทิ. อิทนฺติ ติณมตฺติกปกฺขิปนวิธานํ. วุตฺตนฺติ มาติกายํ ‘‘ติณํ วา มตฺติกํ วา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, อฏฺกถาสุ วา วุตฺตํ.
อิทฺจ สิกฺขาปทํ พาหิรปริโภคํ สนฺธาย วตฺถุวเสน วุตฺตํ อพฺภนฺตรปริโภคสฺส วิสุํ วกฺขมานตฺตา. ตทุภยมฺปิ ‘‘สปฺปาณก’’นฺติ กตฺวา วธกจิตฺตํ วินาว สิฺจเน ปฺตฺตตฺตา ‘‘ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. วธกจิตฺเต ปน สติ สิกฺขาปทนฺตเรเนว ปาจิตฺติยํ, น อิมินาติ ทฏฺพฺพํ. อุทกสฺส สปฺปาณกตา, ‘‘สิฺจเนน ปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ชานนํ, ตาทิสเมว จ อุทกํ วินา วธกเจตนาย เกนจิเทว กรณีเยน ติณาทีนํ สิฺจนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต เสนาสนวคฺโค ทุติโย.
‘‘ภูตคามวคฺโค’’ติปิ เอตสฺเสว นามํ.
๓. โอวาทวคฺโค
๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๔๔. ตติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ติรจฺฉานภูตนฺติ ติโรกรณภูตํ, พาหิรภูตนฺติ อตฺโถ. สมิทฺโธติ ปริปุณฺโณ. สหิตตฺโถ อตฺถยุตฺโต. อตฺถคมฺภีรตาทินา คมฺภีโร.
๑๔๕-๑๔๗. ปรโตติ อุตฺตริ. กโรนฺโตวาติ ปริพาหิเร กโรนฺโต. วิภงฺเคติ ฌานวิภงฺเค. จรณนฺติ นิพฺพานคมนาย ปาทํ.
ยทสฺสาติ ยํ อสฺส. ธาเรตีติ อวินสฺสมานํ ธาเรติ. ปริกถนตฺถนฺติ ปกิณฺณกกถาวเสน ปริจฺฉินฺนธมฺมกถนตฺถํ. ติสฺโส อนุโมทนาติ สงฺฆภตฺตาทีสุ ทานานิสํสปฺปฏิสํยุตฺตา นิธิกุณฺฑสุตฺตาทิ (ขุ. ปา. ๘.๑ อาทโย) -อนุโมทนา, เคหปฺปเวสมงฺคลาทีสุ มงฺคลสุตฺตาทิ (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย; สุ. นิ. มงฺคลสุตฺต) -อนุโมทนา, มตกภตฺตาทิอมงฺคเลสุ ติโรกุฏฺฏาทิ (ขุ. ปา. ๗.๑ อาทโย; เป. ว. ๑๔ อาทโย) -อนุโมทนาติ อิมา ติสฺโส อนุโมทนา. กมฺมากมฺมวินิจฺฉโยติ ปริวาราวสาเน กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) วุตฺตวินิจฺฉโย. สมาธิวเสนาติ สมถปุพฺพกวเสน. วิปสฺสนาวเสน วาติ ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิกาย สุกฺขวิปสฺสนาย วเสน. อตฺตโน สีลรกฺขณตฺถํ อปรานเปกฺขตาย เยน กามํ คนฺตุํ จตสฺโส ทิสา อรหติ, อสฺส วา สนฺติ, ตาสุ วา สาธูติ จาตุทฺทิโส.
อภิวินเยติ ปาติโมกฺขสํวรสงฺขาเต สํวรวินเย, ตปฺปกาสเก วา วินยปิฏเก. วิเนตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ ปกาเสตุํ. ปคุณา วาจุคฺคตาติ ปาโต จ อตฺถโต จ ปคุณา มุเข สนฺนิธาปนวเสน วาจุคฺคตา กาตพฺพา. อตฺถมตฺตวเสนเปตฺถ โยชนํ กโรนฺติ. อภิธมฺเมติ ลกฺขณรสาทิวเสน ปริจฺฉินฺเน นามรูปธมฺเม. ปุพฺเพ กิร มหาเถรา ปริยตฺติอนนฺตรธานาย เอเกกสฺส คณสฺส ทีฆนิกายาทิเอเกกธมฺมโกฏฺาสํ นิยฺยาเตนฺตา ‘‘ตุมฺเห เอตํ ปาฬิโต จ อฏฺกถาโต จ ปริหรถ, สกฺโกนฺตา อุตฺตริปิ อุคฺคณฺหถา’’ติ เอวํ สกลธมฺมํ คนฺถวเสน นิยฺยาเตนฺติ, ตตฺถ เต จ ภิกฺขู คนฺถนาเมน ทีฆภาณกา มชฺฌิมภาณกาติ โวหรียนฺติ, เต จ ¶ อตฺตโน ภารภูตํ โกฏฺาสํ ปริจฺจชิตฺวา อฺํ ¶ อุคฺคเหตุํ น ลภนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘สเจ มชฺฌิมภาณโก โหตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ เหฏฺิมา วา ตโย วคฺคาติ มหาวคฺคโต เหฏฺิมา สคาถกวคฺโค (สํ. นิ. ๑.๑ อาทโย), นิทานวคฺโค (สํ. นิ. ๒.๑ อาทโย), ขนฺธวคฺโคติ (สํ. นิ. ๓.๑ อาทิโย) อิเม ตโย วคฺคา. ติกนิปาตโต ปฏฺาย เหฏฺาติ เอกกนิปาตทุกนิปาเต สนฺธาย วุตฺตํ. ธมฺมปทมฺปิ สห วตฺถุนา ชาตกภาณเกน อตฺตโน ชาตเกน สทฺธึ อุคฺคเหตพฺพํ. ตโต โอรํ น วฏฺฏตีติ มหาปจฺจริวาทสฺส อธิปฺปาโย. ตโต ตโตติ ทีฆนิกายาทิโต. อุจฺจินิตฺวา อุคฺคหิตํ สทฺธมฺมสฺส ิติยา, ภิกฺขุโนปิ ปุพฺพาปรานุสนฺธิอาทิกุสลตาย จ น โหตีติ ‘‘ตํ น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ. อภิธมฺเม กิฺจิ อุคฺคเหตพฺพนฺติ น วุตฺตนฺติ เอตฺถ ยสฺมา วินเย กุสลตฺติกาทิวิภาโค, สุตฺตนฺเตสุ สมถวิปสฺสนามคฺโค จ อภิธมฺมปาํ วินา น วิฺายติ, อนฺธกาเร ปวิฏฺกาโล วิย โหติ, ตสฺมา สุตฺตวินยานํ คหณวเสน อภิธมฺมคฺคหณํ วุตฺตเมวาติ วิสุํ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถา ‘‘โภชนํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘พฺยฺชนํ ขาทิตพฺพ’’นฺติ อวุตฺตมฺปิ วุตฺตเมว โหติ ตทวินาภาวโต, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนายาติ ปริมณฺฑลานิ ปริปุณฺณานิ ปเทสุ สิถิลธนิตาทิพฺยฺชนานิ ยสฺสํ, ตาย. ปุรสฺส เอสาติ โปรี, นครวาสีนํ กถาติ อตฺโถ. อเนลคฬายาติ เอตฺถ เอลาติ เขฬํ ตคฺคฬนวิรหิตาย. กลฺยาณวากฺกรโณติ เอตฺถ วาจา เอว วากฺกรณํ, อุทาหรณโฆโส. กลฺยาณํ มธุรํ วากฺกรณมสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณ. อุปสมฺปนฺนาย เมถุเนเนว อภพฺโพ โหติ, น สิกฺขมานาสามเณรีสูติ อาห ‘‘ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺคํ วา’’ติอาทิ.
๑๔๘. ครุเกหีติ ครุกภณฺเฑหิ. เอกโตอุปสมฺปนฺนายาติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม ปริวตฺตลิงฺคา วา ปฺจสตสากิยานิโย วา. เอตา ปน เอกโตอุปสมฺปนฺนา โอวทนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว.
๑๔๙. น นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามาติ นิมนฺติตา หุตฺวา โภชนปริโยสาเน คนฺตุกามา น โหนฺติ, ตตฺเถว วสิตุกามา โหนฺตีติ ¶ อตฺโถ. ยโตติ ภิกฺขุนุปสฺสยโต. ยาจิตฺวาติ ‘‘ตุมฺเหหิ อานีตโอวาเทเนว มยมฺปิ วสิสฺสามา’’ติ ยาจิตฺวา. ตตฺถาติ ตสฺมึ ภิกฺขุนุปสฺสเย. อภิกฺขุกาวาเส วสฺสํ วสนฺติยา ปาจิตฺติยํ, อปคจฺฉนฺติยา ทุกฺกฏํ.
อิมาสุ ¶ กตราปตฺติ ปริหริตพฺพาติ โจทนํ ปริหรนฺโต อาห ‘‘สา รกฺขิตพฺพา’’ติ. สา วสฺสานุคมนมูลิกา อาปตฺติ รกฺขิตพฺพา, อิตราย อนาปตฺติการณํ อตฺถีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อาปทาสุ หี’’ติอาทิ.
โอวาทตฺถายาติ โอวาเท ยาจนตฺถาย. ทฺเว ติสฺโสติ ทฺวีหิ ตีหิ, กรณตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทชนเกน กายกมฺมาทินา. สมฺปาเทตูติ ติวิธํ สิกฺขํ สมฺปาเทตุ. อสมฺมตตา, ภิกฺขุนิยา ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, โอวาทวเสน อฏฺครุธมฺมทานนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๕๓. ทุติเย โกกนทนฺติ ปทุมวิเสสํ, ตํ กิร พหุปตฺตํ วณฺณสมฺปนฺนํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา โกกนทสงฺขาตํ ปทุมํ, เอวํ ผุลฺลมุขปทุมํ อวีตคุณคนฺธํ นิมฺมเล อนฺตลิกฺเข อาทิจฺจํ วิย จ อตฺตโน เตชสา ตปนฺตํ ตโต เอว วิโรจมานํ องฺเคหิ นิจฺฉรณกชุติยา องฺคีรสํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสาติ. รโชหรณนฺติ สรีเร รชํ ปฺุฉตีติ รโชหรณนฺติ ปฺุฉนโจฬสฺส นามํ. โอภาสวิสฺสชฺชนปุพฺพกา ภาสิตคาถา โอภาสคาถา นาม. วิสุทฺธิมคฺคาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๖) ปน ‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจตี’’ติอาทิ โอภาสคาถา วุตฺตา, น ปเนสา ‘‘อธิเจตโส’’ติ คาถา. อยฺจ จูฬปนฺถกตฺเถรสฺส อุทานคาถาติ อุทานปาฬิยํ นตฺถิ, เอกุทานิยตฺเถรสฺส (เถรคา. ๑.๖๗ เอกุทานิยตฺเถรคาถาวณฺณนา) นายํ อุทานคาถาติ ตตฺถ วุตฺตํ. อิธ ปน ปาฬิยา เอว วุตฺตตฺตา เถรสฺสาปิ อุทานคาถาติ คเหตพฺพํ. อิธ จ อครุธมฺเมนาปิ โอวทโต ¶ ปาจิตฺติยเมว. อตฺถงฺคตสูริยตา, ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, โอวทนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๖๒. ตติยํ ¶ อุตฺตานเมว. อุปสฺสยูปคมนํ, ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, สมยาภาโว, ครุธมฺเมหิ โอวทนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๖๔. จตุตฺเถ อามิสนิรเปกฺขมฺปิ อามิสเหตุ โอวทตีติสฺาย ภณนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ สจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อุปสมฺปนฺนตา, ธมฺเมน ลทฺธสมฺมุติตา, อนามิสนฺตรตา, อวณฺณกามตาย เอวํ ภณนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๖๙. ปฺจมํ จีวรทานสิกฺขาปทํ อุตฺตานเมว.
๖. จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๗๖. ฉฏฺเ กถินวตฺตนฺติ กถินมาเส จีวรํ กโรนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ สหายภาวูปคมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. วฺเจตฺวาติ ‘‘ตว าติกายา’’ติ อวตฺวา ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา’’ติ สุตฺวา เต อฺาติกสฺิโน อเหสุนฺติ อาห ‘‘อกปฺปิเย นิโยชิตตฺตา’’ติ. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา สนฺตกตา, นิวาสนปารุปนูปคตา, วุตฺตนเยน สิพฺพนํ วา สิพฺพาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๘๓. สตฺตเม ¶ ปาฬิยํ คจฺฉาม ภคินิ คจฺฉามายฺยาติ ภิกฺขุปุพฺพกํ สํวิธานํ, อิตรํ ภิกฺขุนิปุพฺพกํ ¶ . เอกทฺธานมคฺคนฺติ เอกโต อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ. หิยฺโยติ สุเว. ปเรติ ตติเย ทิวเส.
ทฺวิธา วุตฺตปฺปกาโรติ ปาทคมเน ปกฺขคมเนติ ทฺวิธา วุตฺตปฺปกาโร. อุปจาโร น ลพฺภตีติ โย ปริกฺขิตฺตาทิคามสฺส เอกเลฑฺฑุปาตาทิอุปจาโร วุตฺโต, โส อิธ น ลพฺภติ อาสนฺนตฺตา. เอเตน จ อนฺตรฆเรเยเวตฺถ คาโมติ อธิปฺเปโต, น สกลํ คามเขตฺตํ. ตตฺถาปิ ยตฺถ อุปจาโร ลพฺภติ, ตตฺถ อุปจาโรกฺกมเน เอว อาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘รตนมตฺตนฺตโร’’ติอาทิ. อุปจาโรกฺกมนฺเจตฺถ อุปจารพฺภนฺตเร ปวิสนเมว โหติ. ตตฺถ อปฺปวิสิตฺวาปิ อุปจารโต พหิ อทฺธโยชนพฺภนฺตรคเตน มคฺเคน คจฺฉนฺโตปิ มคฺคสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ อทฺธโยชนพฺภนฺตรคตํ คามูปจารํ สพฺพํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติจฺเจว วุจฺจติ. อทฺธโยชนโต พหิ คเตน มคฺเคน คจฺฉนฺโต น คามูปจารคณนาย กาเรตพฺโพ, อทฺธโยชนคณนาเยว กาเรตพฺโพ. เอวฺจ สติ อนนฺตรสิกฺขาปเท นาวาเยว คามตีรปสฺเสน คจฺฉนฺตสฺส คามูปจารคณนาย อาปตฺติ สมตฺถิตา โหติ. น หิ สกฺกา นาวาย คามูปจารพฺภนฺตเร ปวิสิตุํ. ติณฺณํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ สิงฺฆาฏกํ. เอตฺถนฺตเร สํวิทหิเตติ เอตฺถ น เกวลํ ยถาวุตฺตรถิกาทีสุ เอว สํวิทหเน ทุกฺกฏํ, อนฺตรามคฺเคปีติ อธิปฺปาโย.
อทฺธโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺสาติ อสติ คาเม อทฺธโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส. ยสฺมิฺหิ คามเขตฺตภูเตปิ อรฺเ อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คาโม น โหติ, ตมฺปิ อิธ อคามกํ อรฺนฺติ อธิปฺเปตํ, น วิฺฌาฏวาทโย.
๑๘๕. รฏฺเภเทติ รฏฺวิโลเป. จกฺกสมารุฬฺหาติ อิริยาปถจกฺกํ, สกฏจกฺกํ วา สมารุฬฺหา. ทฺวินฺนมฺปิ สํวิทหิตฺวา มคฺคปฺปฏิปตฺติ, อวิสงฺเกตํ, สมยาภาโว, อนาปทา, คามนฺตโรกฺกมนํ วา อทฺธโยชนาติกฺกโม วาติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ. เอกโตอุปสมฺปนฺนาทีหิ สทฺธึ สํวิธาย คจฺฉนฺตสฺส ปน มาตุคามสิกฺขาปเทน อาปตฺติ.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๘๙. อฏฺเม ¶ เอกํ ตีรํ…เป… นิรนฺตรนฺติ นทิโต อทฺธโยชนพฺภนฺตเร ปเทเส นิวิฏฺคาเมหิ ¶ นิรนฺตรตา วุตฺตา. เอกํ อคามกํ อรฺนฺติ ตถา นิวิฏฺคามาภาเวน วุตฺตํ. อคามกตีรปสฺเสนาติอาทิ ปน อติเรกอทฺธโยชนวิตฺถตํ นทึ สนฺธาย วุตฺตํ. ตโต อูนวิตฺถาราย หิ นทิยา มชฺเฌนาปิ คมเน ตีรทฺวยสฺสาปิ อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คตตฺตา คามนฺตรคณนาย, อทฺธโยชนคณนาย จ อาปตฺติโย ปริจฺฉินฺทิตพฺพา. เตเนว ‘‘โยชนวิตฺถตา…เป… อทฺธโยชนคณนาย ปาจิตฺติยานี’’ติ วุตฺตํ. เตเนว หิ โยชนโต อูนาย นทิยา อทฺธโยชนพฺภนฺตรคตตีรวเสเนว อาปตฺติคณนํ วุตฺตเมว โหติ. ‘‘สพฺพอฏฺกถาสู’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. ตตฺถ กิฺจาปิ สมุทฺทตฬากาทีสุ ปาจิตฺติยํ น วุตฺตํ, ตถาปิ กีฬาปุเรกฺขารสฺส ตตฺถ ทุกฺกฏเมวาติ คเหตพฺพํ, ปมํ กีฬาปุเรกฺขารสฺสาปิ ปจฺฉา นาวาย นิทฺทุปคตสฺส, โยนิโส วา มนสิ กโรนฺตสฺส คามนฺตโรกฺกมนาทีสุปิ อาปตฺติสมฺภวโต ปณฺณตฺติวชฺชตา, ติจิตฺตตา จสฺส สิกฺขาปทสฺส วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๙๗. นวเม ปาฬิยํ ‘‘สิกฺขมานา…เป… ปฺจ โภชนานิ เปตฺวา สพฺพตฺถ อนาปตฺตี’’ติ อิทํ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ กตวิฺตฺติปริกถาทีหิ อุปฺปนฺนํ ปริภฺุชนฺตสฺส ทุกฺกฏเมว. ภิกฺขุนิยา ปริปาจิตตา, ตถา ชานนํ, คิหิสมารมฺภาภาโว, โภชนตา, ตสฺส อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๙๘. ทสเม ¶ อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปเทนาติ มาตุคาเมน รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ ปน อเจลกวคฺเค ปฺจมมฺปิ อุปนนฺทํ อารพฺภ ปฺตฺเตสุ จตุตฺถตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต โอวาทวคฺโค ตติโย.
๔. โภชนวคฺโค
๑. อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๐๖. จตุตฺถวคฺคสฺส ¶ ปเม อิเมสํเยวาติ อิเมสํ ปาสณฺฑานํเยว. เอตฺตกานนฺติ อิมสฺมึ ปาสณฺเฑ เอตฺตกานํ.
๒๐๘. ‘‘คจฺฉนฺโต วา อาคจฺฉนฺโต วา’’ติ อิทํ อทฺธโยชนวเสน คเหตพฺพํ. อฺเ อุทฺทิสฺส ปฺตฺตฺจ ภิกฺขูสุ อปฺปสนฺเนหิ ติตฺถิเยหิ สามฺโตปิ ปฺตฺตมฺปิ ภิกฺขูนํ น วฏฺฏติ เอว. อาวสถปิณฺฑตา, อคิลานตา, อนุวสิตฺวา โภชนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๐๙. ทุติเย อภิมาเรติ อภิภวิตฺวา ภควนฺตํ มารณตฺถาย ปโยชิเต ธนุธเร. นนุ ‘‘ราชานมฺปิ มาราเปสี’’ติ วจนโต อิทํ สิกฺขาปทํ อชาตสตฺตุโน กาเล ปฺตฺตนฺติ สิทฺธํ, เอวฺจ สติ ปาฬิยํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฺโ มาคธสฺส…เป… าติสาโลหิโต อาชีวเกสุ ปพฺพชิโต โหติ…เป… พิมฺพิสารํ เอตทโวจา’’ติอาทิ วิรุชฺฌตีติ? น วิรุชฺฌติ. โส กิร อาชีวโก พิมฺพิสารกาลโต ปภุติ อนฺตรนฺตรา ภิกฺขู นิมนฺเตตฺวา ทานํ เทนฺโต อชาตสตฺตุกาเลปิ สิกฺขาปเท ปฺตฺเตปิ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ, ภิกฺขู จ กุกฺกุจฺจายนฺตา นิวาเรสุํ. ตสฺมา อาทิโต ปฏฺาย ตํ วตฺถุ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๑๕. อฺมฺํ ¶ วิสทิสํ รชฺชํ วิรชฺชํ, วิรชฺชโต อาคตา เวรชฺชกา. เต จ ยสฺมา ชาติโคตฺตาทิโต นานาวิธา, ตสฺมา นานาเวรชฺชเกติปิ อตฺโถ.
๒๑๗-๘. อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุวเสเนว วิฺตฺติโต คณโภชนตฺถตา สิทฺธาติ ตํ อวตฺวา ปทภาชเน อสิทฺธเมว นิมนฺตนโต คณโภชนํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติอาทิ. ¶ ‘‘เยน เกนจิ เววจเนนา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘โภชนํ คณฺหถา’’ติอาทิสามฺนาเมนาปิ คณโภชนํ โหติ. ยํ ปน ปาฬิยํ อทฺธานคมนาทิวตฺถูสุ ‘‘อิเธว ภฺุชถา’’ติ วุตฺตวจนสฺส กุกฺกุจฺจายนํ, ตมฺปิ โอทนาทินามํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา เอว กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอกโต คณฺหนฺตีติ อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถํ อมฺุจิตฺวา เอกโต ตฺวา คณฺหนฺติ.
‘‘อมฺหากํ จตุนฺนมฺปิ ภตฺตํ เทหี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาฬิ (วณฺณนา) ยํ ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตํ เทหี’’ติอาทิโน วุตฺตตฺตา จ โภชนนาเมน วิฺตฺตเมว คณโภชนํ โหติ, ตฺจ อฺเน วิฺตฺตมฺปิ เอกโต คณฺหนฺตานํ สพฺเพสมฺปิ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. วิสุํ คหิตํ ปน วิฺตฺตํ ภฺุชโต ปณีตโภชนาทิสิกฺขาปเทหิ อาปตฺติ เอว.
อาคนฺตุกปฏฺฏนฺติ อจฺฉินฺทิตฺวา อนฺวาธึ อาโรเปตฺวา กรณจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. เปตีติ เอกํ อนฺตํ จีวเร พนฺธนวเสน เปติ. ปจฺจาคตํ สิพฺพตีติ ตสฺเสว ทุติยอนฺตํ ปริวตฺติตฺวา อาหตํ สิพฺพติ. อาคนฺตุกปฏฺฏํ พนฺธตีติ จีวเรน ลคฺคํ กโรนฺโต ปุนปฺปุนํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเตน พนฺธติ. ฆฏฺเฏตีติ ปมาเณน คเหตฺวา ทณฺฑาทีหิ ฆฏฺเฏติ. สุตฺตํ กโรตีติ คุณาทิภาเวน วฏฺเฏติ. วเลตีติ อเนกคุณสุตฺตํ หตฺเถน วา จกฺกทณฺเฑน วา วฏฺเฏติ เอกตฺตํ กโรติ. ปริวตฺตนํ กโรตีติ ปริวตฺตนทณฺฑยนฺตกํ กโรติ, ยสฺมึ สุตฺตคุฬํ ปเวเสตฺวา เวฬุนาฬิกาทีสุ เปตฺวา ปริพฺภมาเปตฺวา สุตฺตโกฏิโต ปฏฺาย อากฑฺฒนฺติ.
๒๒๐. อนิมนฺติตจตุตฺถนฺติ อนิมนฺติโต จตุตฺโถ ยสฺส ภิกฺขุจตุกฺกสฺส, ตํ อนิมนฺติตจตุตฺถํ. เอวํ เสเสสุปิ. เตนาห ‘‘ปฺจนฺนํ จตุกฺกาน’’นฺติ. สมฺปเวเสตฺวาติ เตหิ โยเชตฺวา. คโณ ภิชฺชตีติ นิมนฺติตสงฺโฆ น โหตีติ อตฺโถ.
อธิวาเสตฺวา ¶ คเตสูติ เอตฺถ อกปฺปิยนิมนฺตนาธิวาสนกฺขเณ ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฏมฺปิ นตฺถิ, วิฺตฺติโต ปสวเน ปน วิฺตฺติกฺขเณ อิตรสิกฺขาปเทหิ ทุกฺกฏํ โหตีติ คเหตพฺพํ. นิมนฺตนํ สาทิยถาติ นิมนฺตนภตฺตํ ปฏิคฺคณฺหถ. ตานิ จาติ กุมฺมาสาทีนิ จ เตหิ ภิกฺขูหิ เอเกน ปจฺฉา คหิตตฺตา เอกโต น คหิตานิ.
‘‘ภตฺตุทฺเทสเกน ปณฺฑิเตน ภวิตพฺพํ…เป… โมเจตพฺพา’’ติ เอเตน ภตฺตุทฺเทสเกน อกปฺปิยนิมนฺตเน สาทิเต สพฺเพสมฺปิ สาทิตํ โหติ. เอกโต คณฺหนฺตานํ คณโภชนาปตฺติ จ โหตีติ ¶ ทสฺเสติ. ทูตสฺส ทฺวาเร อาคนฺตฺวา ปุน ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วจนภเยน ‘‘คามทฺวาเร อฏฺตฺวา’’ติ วุตฺตํ. คณโภชนตา, สมยาภาโว, อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๒๑. ตติเย ปาฬิยํ ภตฺตปฏิปาฏิ อฏฺิตาติ กุลปฏิปาฏิยา ทาตพฺพา ภตฺตปฏิปาฏิ อฏฺิตา น ิตา, อพฺโพจฺฉินฺนา นิรนฺตรปฺปวตฺตาติ อตฺโถ. พทรผลานิ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกยาคุอาทิกํ ‘‘พทรสาฬว’’นฺติ วุจฺจติ.
ปาฬิยํ ปรมฺปรโภชเนติ เยน ปมํ นิมนฺติโต, ตสฺส โภชนโต ปรสฺส โภชนสฺส ภฺุชเน. วิกปฺปนาว อิธ อนุปฺตฺติวเสน มาติกายํ อนาโรปิตาปิ ปริวาเร ‘‘จตสฺโส อนุปฺตฺติโย’’ติ (ปริ. ๘๖) อนุปฺตฺติยํ คณิตา. ตตฺถ กิฺจาปิ อฏฺกถายํ มหาปจฺจริวาทสฺส ปจฺฉา กถเนน ปรมฺมุขาวิกปฺปนา ปติฏฺปิตา, ตถาปิ สมฺมุขาวิกปฺปนาปิ คเหตพฺพาว. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ ‘‘โย ภิกฺขุ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อฺตรสฺส ‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ สมฺมุขา’’ติอาทิ (กงฺขา. อฏฺ. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ.
๒๒๙. ขีรํ วา รสํ วาติ ปฺจโภชนามิสํ ภตฺตโต อุปริ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อโภชนตฺตา อุปฺปฏิปาฏิยา ปิวโตปิ อนาปตฺติ. เตนาห ‘‘ภฺุชนฺเตนา’’ติอาทิ.
วิกปฺปนาย ¶ อกรณโต อกิริยาวเสน อิทํ วาจายปิ สมุฏฺิตนฺติ อาห ‘‘วจีกมฺม’’นฺติ. ปรมฺปรโภชนตา, สมยาภาโว, อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๓๑. จตุตฺเถ ปาฬิยํ ปฏิยาโลกนฺติ ปจฺฉิมทิสํ, ปจฺฉาทิสนฺติ อตฺโถ. อปาเถยฺยาทิอตฺถาย ¶ ปฏิยาทิตนฺติสฺาย คณฺหนฺตสฺสาปิ อาปตฺติ เอว อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อตฺตโน อตฺถาย ‘‘อิมสฺส หตฺเถ เทหี’’ติ วจเนนาปิ อาปชฺชนโต ‘‘วจีกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. วุตฺตลกฺขณปูวมนฺถตา, อเสสกตา, อปฺปฏิปฺปสฺสทฺธคมนตา, อฺาตกาทิตา, อติเรกปฏิคฺคหณนฺติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๓๗. ปฺจเม ‘‘ติ-การํ อวตฺวา’’ติ อิมินา กาตพฺพสทฺทสามตฺถิยา ลทฺธํ อิติ-ปทํ กตกาเล น วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อิธ ปน อชานนฺเตหิ อิติ-สทฺเท ปยุตฺเตปิ อติริตฺตํ กตเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
๒๓๘-๙. ‘‘ปวาริโต’’ติ อิทฺจ กตฺตุอตฺเถ นิปฺผนฺนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กตปวารโณ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภุตฺตาวี-ปทสฺส นิรตฺถกภาวเมว สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตาหีติ ปุถุกาหิ. สตฺตุโมทโกติ สตฺตุํ เตเมตฺวา กโต อปกฺโก. สตฺตุํ ปน ปิสิตฺวา ปิฏฺํ กตฺวา เตเมตฺวา ปูวํ กตฺวา ปจนฺติ, ตํ น ปวาเรติ. ‘‘ปฏิกฺขิปิตพฺพฏฺาเน ิตเมว ปฏิกฺขิปติ นามา’’ติ วุตฺตตฺตา ยํ ยํ อลชฺชิสนฺตกํ วา อตฺตโน อปาปุณกสงฺฆิกาทึ วา ปฏิกฺเขปโต ปวารณา น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
อาสนฺนตรํ องฺคนฺติ หตฺถปาสโต พหิ ตฺวา โอนมิตฺวา เทนฺตสฺส สีสํ อาสนฺนตรํ โหติ, ตสฺส โอริมนฺเตน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ.
อปนาเมตฺวาติ ¶ อภิมุขํ หริตฺวา. ‘‘อิมํ ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วทตีติ กิฺจิ อนาเมตฺวา วทติ. เกวลํ วาจาภิหารสฺส อนธิปฺเปตตฺตา คณฺหถาติ คเหตุํ อารทฺธํ กฏจฺฉุนา อนุกฺขิตฺตมฺปิ ปุพฺเพปิ เอวํ อภิหฏตฺตา ปวารณา โหตีติ ‘‘อภิหฏาว โหตี’’ติ วุตฺตํ. อุทฺธฏมตฺเตติ ภาชนโต วิโยชิตมตฺเต. ทฺวินฺนํ สมภาเรปีติ ปริเวสกสฺส จ อฺสฺส จ ภตฺตปจฺฉิภาชนวหเน สมเกปีติ อตฺโถ.
รสํ คณฺหถาติ เอตฺถ เกวลํ มํสรสสฺส อปวารณาชนกสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิปโต ¶ ปวารณา น โหติ. มจฺฉรสนฺติอาทีสุ มจฺโฉ จ รสฺจาติ อตฺถสฺส สมฺภวโต วตฺถุโนปิ ตาทิสตฺตา ปวารณา โหติ, ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติปิ อวตฺวา ตุณฺหีภาเวน อภิหฏํ ปฏิกฺขิปโตปิ โหติ เอว. กรมฺพโกติ มิสฺสกาธิวจนเมตํ. ยฺหิ พหูหิ มิสฺเสตฺวา กโรนฺติ, โส ‘‘กรมฺพโก’’ติ วุจฺจติ.
‘‘อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ มฺมาโนติ เอตฺถ วตฺถุโน กปฺปิยตฺตา ‘‘ปวาริโตว โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตฺเจ อุทฺทิสฺส กตเมว โหติ, ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ‘‘เยนาปุจฺฉิโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วทติ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสนฺติ ภตฺตสฺส พหุตรภาเวน ปวารณาสมฺภวการณํ ทุทฺทสํ, อฺถา กรมฺพเกปิ มจฺฉาทิพหุภาเว ปวารณา ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. ยถา เจตฺถ การณํ ทุทฺทสํ, เอวํ ปรโต ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ เอตฺถาปิ การณํ ทุทฺทสเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยฺจ ‘‘อิทํ ปน ภตฺตมิสฺสกเมวา’’ติอาทิ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘‘อปฺปตรํ น ปวาเรตี’’ติ วจเนน น สเมติ. วิสุํ กตฺวา เทตีติ ‘‘รสํ คณฺหถา’’ติอาทินา วาจาย วิสุํ กตฺวา เทตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. น ปน กาเยน รสาทึ วิโยเชตฺวาติ. ตถา อวิโยชิเตปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย อสมฺภวโต อปฺปวารณาปโหณกสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ภตฺตมิสฺสกยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตฏฺานาทีสุ วิย, อฺถา วา เอตฺถ ยถา ปุพฺพาปรํ น วิรุชฺฌติ, ตถา อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ.
นาวา วา เสตุ วาติอาทิมฺหิ นาวาทิอภิรุหนาทิกฺขเณ กิฺจิ ตฺวาปิ อภิรุหนาทิกาตพฺพตฺเตปิ คมนตปฺปรตาย านํ นาม น โหติ, ชนสมฺมทฺเทน ปน อโนกาสาทิภาเวน กาตุํ น วฏฺฏติ. อจาเลตฺวาติ วุตฺตฏฺานโต ¶ อฺสฺมิมฺปิ ปเทเส วา อุทฺธํ วา อเปเสตฺวา ตสฺมึ เอว ปน าเน ปริวตฺเตตุํ ลภติ. เตนาห ‘‘เยน ปสฺเสนา’’ติอาทิ.
อกปฺปิยโภชนํ วาติ กุลทูสนาทินา อุปฺปนฺนํ, ตํ ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ อิมินา เตน มิสฺสํ โอทนาทิ อติริตฺตํ โหติ เอวาติ ทสฺเสติ. ตสฺมา ยํ ตตฺถ อกปฺปกตํ กนฺทผลาทิ, ตํ อปเนตฺวา เสสํ ภฺุชิตพฺพเมว.
โส ปุน กาตุํ น ลภตีติ ตสฺมิฺเว ภาชเน กริยมานํ ปมกเตน สทฺธึ กตํ โหตีติ ปุน โส เอว กาตุํ น ลภติ, อฺโ ลภติ. อฺเน หิ กตโต อฺโ ปุน กาตุํ ¶ ลภติ. อฺสฺมึ ปน ภาชเน เตน วา อฺเน วา กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘เยน อกตํ, เตน กาตพฺพํ, ยฺจ อกตํ, ตํ กาตพฺพ’’นฺติ. เอวํ กตนฺติ อฺสฺมึ ภาชเน กตํ. สเจ ปน อามิสสํสฏฺานีติ เอตฺถ มุขาทีสุ ลคฺคมฺปิ อามิสํ โสเธตฺวาว อติริตฺตํ ภฺุชิตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๔๑. วาจาย อาณาเปตฺวา อติริตฺตํ อการาปนโต อกิริยสมุฏฺานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปวาริตภาโว, อามิสสฺส อนติริตฺตตา, กาเล อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๔๓. ฉฏฺเ ‘‘ภุตฺตสฺมิ’’นฺติ มาติกายํ วุตฺตตฺตา โภชนปริโยสาเน ปาจิตฺติยํ. ปวาริตตา, ตถาสฺิตา, อาสาทนาเปกฺขตา, อนติริตฺเตน อภิหฏปวารณา, โภชนปอโยสานนฺติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๔๗. สตฺตเม นฏานํ นาฏกาติ นฏนาฏกา, สีตาหรณาทีนิ.
๒๔๘-๙. ขาทนีเย ขาทนียตฺถนฺติ ปูวาทิขาทนีเย วิชฺชมานขาทนียกิจฺจํ ขาทนีเยหิ กาตพฺพํ ชิฆจฺฉาหรณสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํ เนว ผรนฺติ ¶ น นิปฺผาเทนฺติ. เอกสฺมึ เทเส อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ วา อฺสฺมึ เทเส อุฏฺิตภูมิรสาทิเภเทน อาหารกิจฺจํ อสาเธนฺตมฺปิ วา สมฺภเวยฺยาติ อาห ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘เอกสฺมึ ชนปเท อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ เสสชนปเทสุปิ วิกาเล น กปฺปติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺต’’นฺติปิ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติยกณฺฑ ๓.๒๔๘-๒๔๙) วทนฺติ. ปกติอาหารวเสนาติ อฺเหิ ยาวกาลิเกหิ อโยชิตํ อตฺตโน ปกติยาว อาหารกิจฺจกรณวเสน. สมฺโมโหเยว โหตีติ ¶ อเนกตฺถานํ นามานํ, อปฺปสิทฺธานฺจ สมฺภวโต สมฺโมโห เอว สิยา. เตเนเวตฺถ มยมฺปิ มูลกมูลาทีนํ ปริยายนฺตรทสฺสเนน อทสฺสนํ กริมฺห อุปเทสโตว คเหตพฺพโต.
ยนฺติ วฏฺฏกนฺทํ. มุฬาลนฺติ ถูลตรุณมูลเมว, รุกฺขวลฺลิอาทีนํ มตฺถโกติ เหฏฺา วุตฺตเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา วุตฺตํ. อจฺฉิวาทีนํ อปริปกฺกาเนว ผลานิ ยาวชีวิกานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริปกฺกานี’’ติ วุตฺตํ. หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ มิฺชํ ยาวกาลิกนฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถายํ อวุตฺตตฺตา.
หิงฺคุรุกฺขโต ปคฺฆริตนิยฺยาโส หิงฺคุ นาม. หิงฺคุชตุอาทโย จ หิงฺคุวิกติโยว. ตตฺถ หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. หิงฺคุสิปาฏิกา นาม หิงฺคุปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. อฺเน มิสฺเสตฺวา กโตติปิ วทนฺติ. ตกนฺติ อคฺคโกฏิยา นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปตฺตินฺติ ปตฺตโต นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปณฺณินฺติ ปลาเส ภชฺชิตฺวา กตสิเลโส. ทณฺฑโต นิกฺขนฺตสิเลโสติปิ วทนฺติ. วิกาลตา, ยาวกาลิกตา, อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๕๒-๓. อฏฺเม ตาทิสนฺติ อสูปพฺยฺชนํ. ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา…เป… ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ขาทนียโภชนียปเทหิ ยาวกาลิกเมว สงฺคหิตํ, น ยามกาลิกํ. ตถาปิ ‘‘อนาปตฺติ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภฺุชตี’’ติ อิธ เจว –
‘‘ยามกาลิเกน ¶ , ภิกฺขเว, สตฺตาหกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) –
อฺตฺถ จ วุตฺตตฺตา, ‘‘ยามกาลิก’’นฺติ วจนสามตฺถิยโต จ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ อฏฺกถาจริเยหิ ยามกาลิกํ สนฺนิธิการกกตํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยนฺติ ปตฺตํ, ฆํสนกิริยาเปกฺขาย เจตํ อุปโยควจนํ. องฺคุลิเลขา ปฺายตีติ สิเนหาภาเวปิ ปตฺตสฺส สุจฺฉวิตาย ปฺายติ. ยนฺติ ยาวกาลิกํ, ยามกาลิกฺจ. อปริจฺจตฺตเมวาติ นิรเปกฺขตาย ¶ อนุปสมฺปนฺนสฺส อทินฺนํ, อปริจฺจตฺตฺจ ยาวกาลิกาทิวตฺถุเมว สนฺธาย วทติ, น ปน ตคฺคตปฏิคฺคหณํ. น หิ วตฺถุํ อปริจฺจชิตฺวา ตตฺถคตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจชิตุํ สกฺกา, น จ ตาทิสํ วจนมตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, ‘‘สเจ ปตฺโต ทุทฺโธโต โหติ…เป… ภฺุชนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. น หิ โธวเนน อามิสํ อปเนตุํ วายมนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อเปกฺขา วตฺตติ. เยน ปุนทิวเส ภฺุชโต ปาจิตฺติยํ ชเนยฺย, ปตฺเต ปน วตฺตมานา อเปกฺขา ตคฺคติเก อามิเสปิ วตฺตติ เอวนามาติ อามิเส อนเปกฺขตา เอตฺถ น ลพฺภติ, ตโต อามิเส อวิชหิตปฏิคฺคหณํ ปุนทิวเส ปาจิตฺติยํ ชเนตีติ อิทํ วุตฺตํ. อถ มตํ ‘‘ยทคฺเคเนตฺถ อามิสานเปกฺขตา น ลพฺภติ. ตทคฺเคน ปฏิคฺคหณานเปกฺขาปิ น ลพฺภตี’’ติ. ตถา สติ ยตฺถ อามิสาเปกฺขา อตฺถิ, ตตฺถ ปฏิคฺคหณาเปกฺขาปิ น วิคจฺฉตีติ อาปนฺนํ, เอวฺจ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ วิสุํ น วตฺตพฺพํ สิยา. อฏฺกถายฺเจตมฺปิ ปฏิคฺคหณวิชหนการณตฺเตน อภิมตํ สิยา, อิทํ สุฏฺุตรํ กตฺวา วิสุํ วตฺตพฺพํ จีวราเปกฺขาย วตฺตมานายปิ ปจฺจุทฺธาเรน อธิฏฺานวิชหนํ วิย. เอตสฺมิฺจ อุปาเย สติ คณฺิกาหตปตฺเตสุ อวฏฺฏนตา นาม น สิยาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ ‘‘ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขนิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตี’’ติอาทิ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติยกณฺฑ ๓.๒๕๒-๒๕๓), ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ.
ปกติอามิเสติ โอทนาทิกปฺปิยยาวกาลิเก. ทฺเวติ ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ยามกาลิกํ ปุเรภตฺตํ สามิเสน มุเขน ภฺุชโต สนฺนิธิปจฺจยา เอกํ, ยามกาลิกสํสฏฺตาย ยาวกาลิกตฺตภชเนน อนติริตฺตปจฺจยา ¶ เอกนฺติ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ. วิกปฺปทฺวเยติ สามิสนิรามิสปกฺขทฺวเย. ถุลฺลจฺจยฺจ ทุกฺกฏฺจาติ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสเสสุ ทุกฺกฏํ. ยาวกาลิกยามกาลิกตา, สนฺนิธิภาโว, ตสฺส อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๕๙. นวเม ปณีตสํสฏฺานิ โภชนานิ ปณีตโภชนานีติ ปาฬิยํ ปน โภชนานิ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา ปากฏานีติ อทสฺสิตานิ, ตาทิเสหิ ปณีเตหิ มิสฺสตฺตา ปณีตโภชนานิ นาม โหนฺติ. เตสํ ปเภททสฺสนตฺถํ ‘‘เสยฺยถิทํ สปฺปิ นวนีต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สปฺปิภตฺตนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ¶ สปฺปินา สํสฏฺํ ภตฺตํ, สปฺปิ จ ภตฺตฺจาติปิ อตฺโถ วิฺายติ, อฏฺกถายํ ปน ‘‘สาลิภตฺตํ วิย สปฺปิภตฺตํ นาม นตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา น สกฺกา อฺํ วตฺถุํ. อฏฺกถาจริยา เอว หิ อีทิเสสุ าเนสุ ปมาณํ.
มูลนฺติ กปฺปิยภณฺฑํ วุตฺตํ. ตสฺมา อนาปตฺตีติ เอตฺถ วิสงฺเกเตน ปาจิตฺติยาภาเวปิ สูโปทนทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ วทนฺติ. ‘‘กปฺปิยสปฺปินา, อกปฺปิยสปฺปินา’’ติ จ อิทํ กปฺปิยากปฺปิยมํสสตฺตานํ วเสน วุตฺตํ.
๒๖๑. มหานามสิกฺขาปทํ นาม อุปริ จาตุมาสปจฺจยปวารณาสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๓๐๓ อาทโย). อคิลาโน หิ อปฺปวาริตฏฺาเน วิฺาเปนฺโตปิ กาลปริจฺเฉทํ, เภสชฺชปริจฺเฉทํ วา กตฺวา สงฺฆวเสน ปวาริตฏฺานโต ตทุตฺตริ วิฺาเปนฺเตน, ปริจฺเฉทพฺภนฺตเรปิ น เภสชฺชกรณีเยน โรเคน เภสชฺชํ วิฺาเปนฺเตน จ สโม โหตีติ ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ปณีตโภชนตา, อคิลานตา, อกตวิฺตฺติยา ปฏิลาโภ, อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๖๓. ทสเม ¶ ฆนพทฺโธติ ฆนมํเสน สมฺพทฺโธ, กถินสํหตสรีโรติ อตฺโถ.
๒๖๔. มุขทฺวารนฺติ มุขโต เหฏฺา ทฺวารํ มุขทฺวารํ, คลนาฬิกนฺติ อตฺโถ. เอวฺจ นาสิกาย ปวิฏฺมฺปิ มุขทฺวารํ ปวิฏฺเมว โหติ, มุเข ปกฺขิตฺตมตฺตฺจ อปฺปวิฏฺํ. อาหารนฺติ อชฺโฌหริตพฺพํ กาลิกํ อธิปฺเปตํ, น อุทกํ. ตฺหิ เภสชฺชสงฺคหิตมฺปิ อกาลิกเมว ปฏิคฺคหิตสฺเสว กาลิกตฺตา. อุทเก หิ ปฏิคฺคหณํ น รุหติ. เตเนว ภิกฺขุนา ตาปิเตน อุทเกน จิรปฏิคฺคหิเตน จ อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺเถน จ สห อามิสํ ภฺุชนฺตสฺสาปิ สามปากาทิโทโส น โหติ. วกฺขติ หิ ‘‘ภิกฺขุ ยาคุอตฺถาย…เป… อุทกํ ตาเปติ, วฏฺฏตี’’ติอาทิ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๖๕). ภิกฺขู ปน เอตํ อธิปฺปายํ ตทา น ชานึสุ. เตนาห ‘‘สมฺมา อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา’’ติอาทิ.
๒๖๕. รถเรณุมฺปีติ ¶ รเถ คจฺฉนฺเต อุฏฺหนเรณุสทิสเรณุํ. เตน ตโต สุขุมํ อากาเส ปริพฺภมนกํ ทิสฺสมานมฺปิ อพฺโพหาริกนฺติ ทสฺเสติ. อกลฺลโกติ คิลาโน.
‘‘คเหตุํ วา…เป… ตสฺส โอริมนฺเตนา’’ติ อิมินา อากาเส อุชุํ ตฺวา ปเรน อุกฺขิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อาสนฺนงฺคภูตปาทตลโต ปฏฺาย หตฺถปาโส ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, น ปน สีสนฺตโต ปฏฺายาติ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘โอริมนฺเตนา’’ติ อิมสฺส เหฏฺิมนฺเตนาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปวารณาสิกฺขาปทฏฺกถายํ ‘‘สเจ ภิกฺขุ นิสินฺโน โหติ, อาสนสฺส ปจฺฉิมนฺตโต ปฏฺายา’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) ปฏิคฺคาหกานํ อาสนฺนงฺคสฺส ปาริมนฺตโต ปฏฺาย ปริจฺเฉทสฺส ทสฺสิตตฺตา อิธาปิ อากาเส ิตสฺส ปฏิคฺคาหกสฺส อาสนฺนงฺคภูตปาทงฺคุลสฺส ปาริมนฺตภูตโต ปณฺหิปริยนฺตสฺส เหฏฺิมตลโต ปฏฺาย, ทายกสฺส ปน โอริมนฺตภูตโต ปาทงฺคุลสฺส เหฏฺิมตลโต ปฏฺาย หตฺถปาโส ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ. อิมินาว นเยน ภูมิยํ นิปชฺชิตฺวา อุสฺสีเส นิสินฺนสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺสปิ อาสนฺนสีสงฺคสฺส ปาริมนฺตภูตโต คีวนฺตโต ปฏฺาเยว ¶ หตฺถปาโส มินิตพฺโพ, น ปาทตลโต ปฏฺาย. เอวํ นิปชฺชิตฺวา ทาเนปิ ยถานุรูปํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยํ อาสนฺนตรํ องฺค’’นฺติ หิ วุตฺตํ.
ปฏิคฺคหณสฺายาติ ‘‘มฺจาทินา ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุปฺปาทิตสฺาย. อิมินา ‘‘ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ วาจาย วตฺตพฺพกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. กตฺถจิ อฏฺกถาสุ, ปเทเสสุ วา. อสํหาริเม ผลเกติ ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน อสํหาริเย. ปฺุฉิตฺวา ปฏิคฺคเหตฺวาติ ปฺุฉิเตปิ รชนจุณฺณสงฺกาย สติ ปฏิคฺคหณตฺถาย วุตฺตํ, นาสติ. ตํ ปนาติ ปติตรชํ อปฺปฏิคฺคเหตฺวา อุปริ คหิตปิณฺฑปาตํ. อนาปตฺตีติ ทุรุปจิณฺณาทิโทโส นตฺถิ. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทสฺสามี’’ติอาทิปิ วินยทุกฺกฏปริหาราย วุตฺตํ. ตถา อกตฺวา คหิเตปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชโต อนาปตฺติ เอว. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา’’ติ อิทมฺปิ ปุริมาโภคานุคุณตาย วุตฺตํ.
จรุเกนาติ ขุทฺทกภาชเนน. อภิหฏตฺตาติ ทิยฺยมานกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทตฺวา อปนยนกาเล ปน ฉาริกา วา พินฺทูนิ วา ปตนฺติ, ปุน ปฏิคฺคเหตพฺพํ อภิหารสฺส วิคตตฺตาติ วทนฺติ. ตํ ยถา น ปตติ, ตถา อปเนสฺสามีติ ปริหรนฺเต ยุชฺชติ. ปกติสฺาย อปเนนฺเต อภิหาโร น ฉิชฺชติ, ตํ ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. มุขวฏฺฏิยาปิ คเหตุํ ¶ วฏฺฏตีติ อภิหริยมานสฺส ปตฺตสฺส มุขวฏฺฏิยา อุปริภาเค หตฺถํ ปสาเรตฺวา ผุสิตุํ วฏฺฏติ.
ปาเทน เปลฺเลตฺวาติ ‘‘ปาเทน ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติสฺาย อกฺกมิตฺวา. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. วจนมตฺตเมวาติ ปฏิพทฺธปฺปฏิพทฺธนฺติ สทฺทมตฺตเมว นานํ, กายปฏิพทฺธเมว โหติ. ตสฺมา เตสํ วจนํ น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
เตน อาหราเปตุนฺติ ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คตํ, ตํ อิธ อาเนหีติ อาณาเปตฺวา เตน อาหราเปตุํ อิตรสฺส วฏฺฏตีติ อตฺโถ. น ตโต ปรนฺติ ตทเหว สามํ อปฺปฏิคฺคหิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตทเหว ปฏิคฺคหิตํ ปน ปุนทิวสาทีสุ อปฺปฏิคฺคเหตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ.
ขิยฺยนฺตีติ ขยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ จุณฺเณหิ ถุลฺลจฺจยอปฺปฏิคฺคหณาปตฺติโย น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘นวสมุฏฺิต’’นฺติ เอเตเนว อุจฺฉุอาทีสุ ¶ อภินวลคฺคตฺตา อพฺโพหาริกํ น โหตีติ ทสฺเสติ. เอเสว นโยติ สนฺนิธิโทสาทึ สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. เตน จ ปฏิคฺคหณงฺเคสุ ปฺจสุปิ สมิทฺเธสุ อชฺโฌหริตุกามตาย คหิตเมว ปฏิคฺคหิตํ นาม โหติ อชฺโฌหริตพฺเพสุ เอว ปฏิคฺคหณสฺส อนฺุาตตฺตาติ ทสฺเสติ. ตถา พาหิรปริโภคตฺถาย คเหตฺวา ปิตเตลาทึ อชฺโฌหริตุกามตาย สติ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
เกสฺจีติอาทีสุ อนุปสมฺปนฺนานํ อตฺถาย กตฺถจิ ปิยมานมฺปิ หตฺถโต มุตฺตมตฺเต เอว ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ, อถ โข ภาชเน ปติตเมว ปฏิคฺคหณํ วิชหติ. ภาชนฺจ ภิกฺขุนา ปุนทิวสตฺถาย อเปกฺขิตเมวาติ ตคฺคตมฺปิ อามิสํ ทุทฺโธตปตฺตคตํ วิย ปฏิคฺคหณํ น วิชหตีติ อาสงฺกาย ‘‘สามเณรสฺส หตฺเถ ปกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อีทิเสสุ หิ ยุตฺติ น คเวสิตพฺพา, วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ‘‘ปตฺตคตา ยาคู’’ติ อิมินา ปตฺตมุขวฏฺฏิยา ผุฏฺเปิ กูเฏ ยาคุ ปฏิคฺคหิตา, อุคฺคหิตา วา น โหติ ภิกฺขุโน อนิจฺฉาย ผุฏฺตฺตาติ ทสฺเสติ. อาโรเปตีติ หตฺถํ ผุสาเปติ. ปฏิคฺคหณูปคํ ภารํ นาม มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุกฺเขปารหํ. น ปิทหิตพฺพนฺติ หตฺถโต มุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, หตฺถคตํ ปน อิตเรน หตฺเถน ปิทหโต, หตฺถโต มุตฺตมฺปิ วา อผุสิตฺวา อุปริปิธานํ ปาเตนฺตสฺส น โทโส.
ปฏิคฺคณฺหาตีติ ¶ ฉายตฺถาย อุปริ ธารยมานา มหาสาขา เยน เกนจิ ฉิชฺเชยฺย, ตตฺถ ลคฺครชํ มุเข ปาเตยฺย จาติ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ. กุณฺฑเกติ มหาฆเฏ. ตสฺมิมฺปีติ จาฏิฆเฏปิ. คาหาเปตฺวาติ อปฺปฏิคฺคหิตํ กาลิกํ คาหาเปตฺวา.
ทุติยตฺเถรสฺสาติ ‘‘เถรสฺส ปตฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ เตน อตฺตโน ปริจฺจชาเปตฺวา ทุติยตฺเถรสฺส เทติ. เอตฺถ ปนาติ ปตฺตปริวตฺตเน. การณนฺติ เอตฺถ ยถา ‘‘สามเณรา อิโต อมฺหากมฺปิ เทนฺตี’’ติ วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ, น ตถาติ การณํ วทนฺติ, ตฺจ ยุตฺตํ. ยสฺส ปน ตาทิโส วิตกฺโก นตฺถิ, เตน อปริวตฺเตตฺวาปิ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
นิจฺจาเลตุนฺติ ¶ จาเลตฺวา ปาสาณสกฺขราทิอปนยํ กาตุํ. อุทฺธนํ อาโรเปตพฺพนฺติ อนคฺคิกํ อุทฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุทฺธเน ปจฺจมานสฺส อาลุฬเน อุปริ อปกฺกตณฺฑุลา เหฏฺา ปวิสิตฺวา ปจฺจตีติ อาห ‘‘สามํปากฺเจว โหตี’’ติ.
อาธารเก ปตฺโต ปิโตติ อปฺปฏิคฺคหิตามิโส ปตฺโต ปุน ปฏิคฺคหณตฺถาย ปิโต. เอกคฺคหเณเนวาติ สามเณรานํ คหิตสฺส ปุน อจฺฉฑฺฑนวเสน คหเณน. ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ ธูมวฏฺฏิยา ตทหุปฏิคฺคหิตตฺตา วุตฺตํ. ภตฺตุคฺคาโรติอาทิ อพฺโพหาริกปฺปสงฺเคน วิกาลโภชนวินิจฺฉยทสฺสนํ. สมุทฺโททเกนาติ อปฺปฏิคฺคหิเตน. หิมกรกา นาม กทาจิ วสฺโสทเกน สห ปตนกา ปาสาณเลขา วิย ฆนีภูตอุทกวิเสสา, เตสุ ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ. เตนาห ‘‘อุทกคติกา เอวา’’ติ. ปุเรภตฺตเมว วฏฺฏตีติ อปฺปฏิคฺคหิตาปตฺตีหิ อพฺโพหาริกมฺปิ วิกาลโภชนาปตฺตีหิ สพฺโพหาริกนฺติ ทสฺเสติ.
ลคฺคตีติ มุเข จ หตฺเถ จ มตฺติกาวณฺณํ ทสฺเสติ. พหลนฺติ หตฺถมุเขสุ อลคฺคนกมฺปิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ. วาสมตฺตนฺติ เรณุขีราภาวํ ทสฺเสติ. อากิรติ ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ ปุปฺผรสสฺส ปฺายนโต วุตฺตํ.
มหาภูเตสูติ ปาณสรีรสนฺนิสฺสิเตสุ ปถวีอาทิมหาภูเตสุ. สพฺพํ วฏฺฏตีติ อตฺตโน, ปเรสฺจ สรีรนิสฺสิตํ สพฺพํ วฏฺฏติ. อกปฺปิยมํสานุโลมตาย ถุลฺลจฺจยาทึ น ชเนตีติ อธิปฺปาโย. ปตตีติ อตฺตโน สรีรโต วิจฺฉินฺทิตฺวา ปตติ. ‘‘รุกฺขโต ฉินฺทิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา มตฺติกตฺถาย ปถวึ ขณิตุํ, อฺมฺปิ ยํกิฺจิ มูลปณฺณาทิวิสเภสชฺชํ ฉินฺทิตฺวา ฉาริกํ ¶ อกตฺวาปิ อปฺปฏิคฺคหิตมฺปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. อปฺปฏิคฺคหิตตา, อนนฺุาตตา, ธูมาทิอพฺโพหาริกตาภาโว, อชฺโฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต โภชนวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อเจลกวคฺโค
๑. อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๗๓. ปฺจมวคฺคสฺส ¶ ปเม มยฺหํ นามาติ ภิกฺขุนา ภูมิยํ เปตฺวา ทินฺนมฺปิ สนฺธาย วทติ. อฺติตฺถิยตา, อนนฺุาตตา, อชฺโฌหรณียตา, อชฺโฌหรณตฺถาย สหตฺถา อนิกฺขิตฺตภาชเน ทานนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๗๔. ทุติเย อนาจารํ อาจริตุกามตา, ตทตฺถเมว อุปสมฺปนฺนสฺส อุยฺโยชนา, ตสฺส อุปจาราติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๘๑. ตติเย ปาฬิยํ ขุทฺทเก ฆเรติ เอตฺถ ขุทฺทกํ ฆรํ นาม ปฺจหตฺถโต อูนกวิตฺถารํ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ จ ปิฏฺสงฺฆาฏโต หตฺถปาเส อวิชหิเตปิ ปิฏฺิวํสาติกฺกโม โหตีติ อาห ‘‘ปิฏฺิวํสํ อติกฺกมิตฺวา’’ติ. ยถา ตถา วา กตสฺสาติ ปิฏฺิวํสํ อาโรเปตฺวา วา อนาโรเปตฺวา วา กตสฺส.
๒๘๓. ปาฬิยํ ¶ วีตราคาติ อปริยุฏฺิตราคานํ, อนาคามีนฺจ สงฺคโห. สจิตฺตกนฺติ อนุปวิสิตฺวา นิสีทนจิตฺเตน สจิตฺตกํ. ปริยุฏฺิตราคชายมฺปติกานํ สนฺนิหิตตา, สยนิฆรตา, ทุติยสฺส ภิกฺขุโน อภาโว, อนุปขชฺช นิสีทนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.
สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๘๔-๒๘๙. จตุตฺถปฺจมานิ วุตฺตตฺถานิ.
๖. จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
๒๙๘. ฉฏฺเ ¶ ‘‘ปริเยสิตฺวา อาโรจนกิจฺจํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา โย อปริเยสิตพฺโพ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทิสฺสติ, โส สเจปิ ปกติวจนสฺส สวนูปจารํ อติกฺกมฺม ิโต อุปคนฺตฺวา อาปุจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อปิ จ…เป… ยํ ปสฺสติ, โส อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิ.
๓๐๒. อนาปตฺติวาเร เจตฺถ อนฺตรารามาทีนฺเว วุตฺตตฺตา วิหารโต คามวีถึ อนฺุาตการณํ วินา อติกฺกมนฺตสฺสาปิ อาปตฺติ โหติ, น ปน ฆรูปจารํ อติกฺกมนฺตสฺเสว.
ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อฺสฺส ฆรูปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส…เป… ปมํ ปาทํ อุมฺมารํ อติกฺกาเมตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ คาเม ปวิฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตถาปิ อฺสฺส ฆรูปจารํ อโนกฺกมิตฺวา วีถิมชฺเฌเนว คนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตฆรทฺวาราภิมุเข ตฺวา มนุสฺเส โอโลเกตฺวา คจฺฉนฺตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมว. ตตฺถ เกจิ ‘‘วีถิยํ อติกฺกมนฺตสฺส ฆรูปจารคณนาย อาปตฺติโย’’ติ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘ยานิ กุลานิ อุทฺทิสฺส คโต, เตสํ คณนายา’’ติ. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺตนสาทิยนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, ภตฺติยฆรโต อฺฆรูปสงฺกมนํ, มชฺฌนฺหิกานติกฺกโม, สมยาปทานํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ.
จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๐๓. สตฺตเม ¶ มหานาโมติ สุกฺโกทนสฺส ปุตฺโต อนุรุทฺธตฺเถรสฺส, สตฺถุ จ เชฏฺภาตา. อานนฺทตฺเถโร อมิโตทนสฺส ปุตฺโต, นนฺทตฺเถโร ปน สุทฺโธทนสฺเสว.
๓๐๕. ปาฬิยํ กาลํ อาหริสฺสถาติ อชฺชตนํ กาลํ วีตินาเมสฺสถ, สฺเว เภสชฺชํ หริสฺสถาติ วา อตฺโถ. ‘‘อตฺถิ ปวารณา เภสชฺชปริยนฺตา จ รตฺติปริยนฺตา จา’’ติ ตติยโกฏฺาเส นิยมิตเมว เภสชฺชํ นิยมิตกาลนฺตเรเยว คเหตพฺพํ, น ตโต พหิ. อิตรถา ¶ วิสุํ ปโยชนํ นตฺถีติ ทฏฺพฺพํ. สปริยนฺตา สงฺฆปวารณา, ตทุตฺตริ เภสชฺชวิฺตฺติ, อคิลานตาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.
มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๑๕. อฏฺเม เอกเมกนฺติ เอตฺถ ทุวงฺคินีปิ ติวงฺคินีปิ เสนา สงฺคยฺหติ. อุยฺยุตฺตจตุรงฺคเสนาทสฺสนาย ตถารูปปจฺจยาทึ วินา คมนํ, อนนฺุาโตกาเส ทสฺสนนฺติ อิมาเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๑๙. นวเม เสนาย จตุตฺโถ สูริยตฺถงฺคโม, อคิลานตาติ อิมาเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๒๒. ทสเม ปาฬิยํ กติ เต ลกฺขานิ ลทฺธานีติ กิตฺตกา ตยา ลทฺธาติ อตฺโถ. อุยฺโยธิกาทิทสฺสนาย ¶ ตถารูปปจฺจยํ วินา คมนํ, อนนฺุาโตกาเส ทสฺสนนฺติ อิมาเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต อเจลกวคฺโค ปฺจโม.
๖. สุราปานวคฺโค
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๒๘. ฉฏฺวคฺคสฺส ¶ ปเม ปาฬิยํ กิณฺณปกฺขิตฺตาติ ปิฏฺปูวาทึ อปกฺขิปิตฺวา กิณฺณสงฺขาตํ ธฺงฺกุราทิสุราพีชํ ปกฺขิปิตฺวา กตา. สมฺภารสํยุตฺตาติ สาสปาทิอเนกสมฺภาเรหิ สฺุตฺตา.
มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผาทิรโส จิรปริวาสิโต ปุปฺผาสโว นาม. ตถา ปนสาทิ ผลาสโว. มุทฺทิกรโส มธฺวาสโว. อุจฺฉุรโส คุฬาสโว. ติผลติกฏุกาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปริวาสิโต สมฺภารสํยุตฺโต. พีชโต ปฏฺายาติ ยถาวุตฺตานํ ปิฏฺาทีนํ มชฺชตฺถาย ภาชเน ปกฺขิตฺตกาลโต ปฏฺาย.
๓๒๙. โลณโสวีรกํ สุตฺตฺจ อเนเกหิ ทพฺพสมฺภาเรหิ อภิสงฺขโต เภสชฺชวิเสโส. อุยฺยุตฺตสิกฺขาปทานํ อจิตฺตกโลกวชฺเชสุ โลกวชฺชตา ปุพฺเพ วุตฺตนยาวาติ ตตฺถ กิฺจิปิ อวตฺวา อิธ เตหิ อสาธารณวตฺถุวิเสสสิทฺธาย อจิตฺตกปกฺเขปิ อกุสลจิตฺตตาย ตํ โลกวชฺชตาทิวิเสสํ ทสฺเสตุเมว ‘‘วตฺถุอชานนตาย เจตฺถา’’ติอาทินา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปมปาราชิกวณฺณนายํ วิตฺถารโต สารตฺถทีปนิยํ วิรทฺธฏฺานวิโสธนวเสน วุตฺตนฺติ ตตฺเถว คเหตพฺพํ. มชฺชภาโว, ตสฺส ปานฺจาติ อิมาเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๓๐. ทุติเย ¶ หสาธิปฺปายตา, อุปสมฺปนฺนสฺส กาเยน กายามสนนฺติ อิมาเนตฺถ ทฺเว องฺคานิ.
องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๓๘. ตติเย ¶ ปาฬิยํ หสธมฺเม หสธมฺมสฺีติอาทีสุ อุปฺลวาทิมตฺตํ กึ หสธมฺโม โหตีติ คหณวเสน สติ กรณีเย กริยมานํ หสธมฺมํ หสธมฺโมติ คหณวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุสฺสาเรนฺโตติ อุทเก ิตํ นาวํ ตีเร อาโรเปนฺโต.
ปตนุปฺปตนวาเรสูติ อุทกสฺส อุปริตเล มณฺฑูกคติยา ปตนุปฺปตนวเสน คมนตฺถํ ขิตฺตาย เอกิสฺสา กถลาย วเสน วุตฺตํ. อุทกสฺส อุปริโคปฺผกตา, หสาธิปฺปาเยน กีฬนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๔๔. จตุตฺเถ สุตฺตานุโลมนฺติ มหาปเทสา. อฏฺกถาติปิ วทนฺติ. อุปสมฺปนฺนสฺส ปฺตฺเตน วจนํ, อนาทริยกรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๔๕. ปฺจเม อุปสมฺปนฺนตา, ตสฺส ทสฺสนสวนวิสเย ภึสาเปตุกามตาย วายมนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๕๔. ฉฏฺเ ¶ อลาตํ ปติตนฺติ อคฺคิกปาลโต พหิ ปติตํ. วิชฺฌาตนฺติ วิชฺฌาตํ อลาตํ กปาลคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ชาเลนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, ตถา เกวลํ อินฺธนํ ปาเตนฺตสฺสปิ วิชฺฌาตํ กปาลคฺคึ มุขวาตาทินา อุชฺชาเลนฺตสฺสปิ. คิลานตาทิการณาภาโว, วิสิพฺเพตุกามตา, สมาทหนนฺติ ตีณิ องฺคานิ.
โชติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๕๗. สตฺตเม ¶ ปาฬิยํ นคเร ถกิเตติ เอตฺถ รฺา จิรํ นหายิตุกาเมน ‘‘อหํ พหิ อุยฺยาเน กตารกฺโข วสิสฺสามิ, นครํ ถเกตฺวา โคเปถา’’ติ อนฺุาตา, เต ถกึสูติ ทฏฺพฺพํ. อสมฺภินฺเนนาติ อนฏฺเน, ตํ ทิวสํ ปุน อคฺคหิตาลงฺกาเรน ปพุทฺธมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย. มชฺฌิมเทเส อูนกทฺธมาสนหานํ, สมยาทีนํ อภาโวติ ทฺเว องฺคานิ.
นหานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๖๘. อฏฺเม ปฏิลทฺธนวจีวเรนาติ เอตฺถ ปุพฺเพ อกตกปฺปํ กติปาหํ นิวาสนตฺถาย ตาวกาลิกวเสน ลทฺธมฺปิ สงฺคยฺหตีติ วทนฺติ.
๓๖๙. ‘‘นวํ นาม อกตกปฺป’’นฺติ สามฺโต วุตฺตตฺตา อฺเน ภิกฺขุนา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา ปริภุตฺตํ จีวรํ, เตน วา, ตโต ลภิตฺวา อฺเน วา เกนจิ ทินฺนมฺปิ กตกปฺปเมว นวํ นาม น โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นิวาเสตุํ วา ปารุปิตุํ วา’’ติ วุตฺตตฺตา อํสพทฺธกาสาวมฺปิ ปารุปิตพฺพโต กปฺปํ กาตพฺพนฺติ วทนฺติ. จมฺมการนีลํ นาม จมฺมํ นีลวณฺณํ กาตุํ โยชิยมานํ นีลํ. ปกตินีลเมวาติ เกจิ. ยถาวุตฺตจีวรสฺส อกตกปฺปตา, อนฏฺจีวราทิตา, นิวาสนาทิตาติ ตีณิ องฺคานิ.
ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๗๔. นวเม ¶ เยนาติ เยน สทฺธึ, ยสฺส สนฺติเกติ อตฺโถ. สามํ วิกปฺปิตสฺส อปจฺจุทฺธาโร, วิกปฺปนุปคจีวรตา, อวิสฺสาเสน ปริโภโคติ ตีณิ องฺคานิ.
วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จีวรอปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๗๘. ทสเม ¶ ปาฬิยํ อนฺตมโส หสาเปกฺโขปีติ อปิ-สทฺเทน อเถยฺยจิตฺตํ โกเธน ทุกฺขาเปตุกามํ, อวณฺณํ ปกาเสตุกามฺจ สงฺคยฺหติ. เตเนว ‘‘ติเวทน’’นฺติ วุตฺตํ. อุปสมฺปนฺนสฺส ปตฺตาทีนํ อปนิธานํ, วิเหเสตุกามตาทีติ ทฺเว องฺคานิ.
จีวรอปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต สุราปานวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. สปฺปาณกวคฺโค
๑. สฺจิจฺจปาณสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๘๒. สตฺตมสฺส ปเม อุสุํ สรํ อสติ ขิปตีติ อิสฺสาโส. น เหตฺถ กิฺจิ ชีวิตํ นาม วิสุํ ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ปาเณติ สตฺเต. อปฺปมตฺเตน วตฺตํ กาตพฺพนฺติ ยถา ปาณกานํ วิเหสาปิ น โหติ, เอวํ สลฺลกฺเขตฺวา โอตาปนสมฺมชฺชนาทิวตฺตํ กาตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สฺจิจฺจปาณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๘๗. ทุติเย ¶ อุทกสณฺานกปฺปเทเสติ กทฺทมปาสาณาทิภูมิยํ. ตตฺถาติ อาสิตฺเต กปฺปิยอุทเก. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๙๒. ตติเย ‘‘ตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คนฺตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ยสฺส อธิกรณํ สงฺฆกมฺเมน นิหตํ, ตสฺส สมฺมุเข เอว อุกฺโกเฏนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. ปรมฺมุเข ปน ทุกฺกฏเมว.
๓๙๕. ‘‘ธมฺมกมฺเม ¶ อธมฺมกมฺมสฺี อุกฺโกเฏติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา อนาทริยตาทิ วิย อุกฺโกฏนํ สยํ อกุสลํ น โหติ, ธมฺมกมฺมสฺาย, ปน วิมติยา จ อุกฺโกฏเนเนว อกุสลํ โหติ. ยถาธมฺมํ นิหตตา, ชานนา, อุกฺโกฏนาติ ตีณิ องฺคานิ.
อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา
๓๙๙. จตุตฺเถ อาปตฺตึ อาปชฺชติเยวาติ ธุรนิกฺเขปปกฺเข วุตฺตํ. วตฺถุปุคฺคโลติ อาปนฺนปุคฺคโล. ฉาเทตุกามตาย หิ สติ เอว อวสฺสํ อฺสฺส อาโรจนํ วุตฺตํ, วตฺถุปุคฺคลสฺส จ อาโรจนา นาม น โหตีติ ปฏิจฺฉาทนเมวาติ อธิปฺปาโย. โกฏิ ฉินฺนา โหตีติ ฉาเทสฺสามีติ ธุรนิกฺเขเป สติปิ ปุคฺคลปรมฺปราย คจฺฉนฺตี อาปตฺติโกฏิ ฉิชฺชติ.
๔๐๐. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส สุกฺกวิสฺสฏฺิ จ กายสํสคฺโค จาติ อยํ ทุฏฺุลฺลอชฺฌาจาโร นามา’’ติ อิทํ ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทฏฺกถายํ ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส…เป… อาทิโต ปฺจ สิกฺขาปทานิ ทุฏฺุลฺโล นาม อชฺฌาจาโร, เสสานิ อทุฏฺุลฺโล. สุกฺกวิสฺสฏฺิกายสํสคฺคทุฏฺุลฺลอตฺตกามา ปนสฺส อชฺฌาจาโร นามา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๒) อิมินา วจเนน วิรุชฺฌตีติ วีมํสิตพฺพํ. ปุคฺคลเปเมน ฉาทยโต เจตฺถ ‘‘อฺเ ครหิสฺสนฺตี’’ติ ภยวเสน ฉาทนกฺขเณ ¶ ปฏิโฆว อุปฺปชฺชตีติ ‘‘ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺลาปตฺติชานนํ, ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย ธุรนิกฺเขโปติ ทฺเว องฺคานิ.
ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๐๒. ปฺจเม รูปสิปฺปนฺติ เหรฺิกสิปฺปํ. คพฺเภ สยิตกาเลน สทฺธึ วีสติมํ วสฺสํ ปริปุณฺณมสฺสาติ คพฺภวีโส.
๔๐๔. นิกฺขมนียปุณฺณมาสีติ ¶ สาวณมาสสฺส ปุณฺณมิยา อาสาฬฺหีปุณฺณมิยา อนนฺตรปุณฺณมี. ปาฏิปททิวเสติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย. ทฺวาทส มาเส มาตุ กุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาตํ อุปสมฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ตึส รตฺตินฺทิโว มาโส, ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๘.๔๓; วิภ. ๑๐๒๓) วจนโต ‘‘จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺติ, ‘‘เอกมาสํ อธิกมาโส’’ติ ฉฑฺเฑตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺมา ตติโย ตติโย สํวจฺฉโร เตรสมาสิโก โหติ. เต ทฺเว มาเส คเหตฺวาติ นิกฺขมนียปุณฺณมาสโต ยาว ชาตทิวสภูตา มหาปวารณา. ตาว เย ทฺเว มาสา อนาคตา, เตสํ อตฺถาย อธิกมาสโต ลทฺเธ ทฺเว มาเส คเหตฺวา. เตนาห ‘‘โย ปวาเรตฺวา วีสติวสฺโส ภวิสฺสตี’’ติอาทิ. ‘‘นิกฺกงฺขา หุตฺวา’’ติ อิทํ อฏฺารสนฺนํ วสฺสานํ เอกอธิกมาเส คเหตฺวา ตโต วีสติยา วสฺเสสุปิ จาตุทฺทสีอตฺถาย จตุนฺนํ มาสานํ ปริหาปเนน สพฺพทา ปริปุณฺณวีสติวสฺสตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปวาเรตฺวา วีสติวสฺโส ภวิสฺสตีติ มหาปวารณาทิวเส อติกฺกนฺเต คพฺภวสฺเสน สห วีสติวสฺโส ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา คพฺภมาสาปิ คณนูปคา โหนฺติ, ตสฺมา. เอกวีสติวสฺโสติ ชาติยา วีสติวสฺสํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๔๐๖. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย, อาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทติ. โสปีติ อุปสมฺปาเทนฺโตปิ อนุปสมฺปนฺโน. อูนวีสติวสฺสตา, ตํ ตฺวา อุปชฺฌาเยน หุตฺวา อุปสมฺปาทนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๐๙. ฉฏฺเ ¶ เถยฺยสตฺถภาโว, ตฺวา สํวิธานํ, อวิสงฺเกเตน คมนนฺติ ตีณิ องฺคานิ.
เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๑๗. อฏฺเม ¶ อนฺตรายนฺติ อนฺตรา เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ. อานนฺตริยธมฺมาติ อนนฺตเร ภเว ผลนิพฺพตฺตเน นิยุตฺตา เจตนาทิธมฺมาติ อตฺโถ. ‘‘น สคฺคสฺสา’’ติ อิทํ ภิกฺขุนิทูสนกมฺมสฺส อานนฺตริยตฺตาภาวโต วุตฺตํ. อริยสาวิกาสุ, ปน กลฺยาณปุถุชฺชนภูตาย จ พลกฺกาเรน ทูเสนฺตสฺส อานนฺตริยสอสเมว. โมกฺขนฺตรายิกตา ปน โลลายปิ ปกตตฺตภิกฺขุนิยา ทูสกสฺส ตสฺมึ อตฺตภาเว มคฺคุปฺปตฺติยา อภาวโต วุตฺตา.
ตสฺมึ อตฺตภาเว อนิวตฺตนกา อเหตุกอกิริยนตฺถิกทิฏฺิโยว นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา. ปณฺฑกาทีนํ คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ. สพฺพาปิ ทุเหตุกาเหตุกปฏิสนฺธิโย วิปากนฺตรายิกาว ทุเหตุกานมฺปิ มคฺคานุปฺปตฺติโต.
อยนฺติ อริฏฺโ. รเสน รสนฺติ อนวชฺเชน ปจฺจยปริภฺุชนรเสน ปฺจกามคุณปอโภครสํ สมาเนตฺวา. อุปเนนฺโต วิยาติ ฆเฏนฺโต วิย, โส เอว วา ปาโ.
อฏฺิกงฺกลูปมาติ เอตฺถ อฏฺิ เอว นิมฺมํสตาย กงฺกลนฺติ จ วุจฺจติ. ปลิภฺชนฏฺเนาติ อวสฺสํ ปตนฏฺเน. อธิกุฏฺฏนฏฺเนาติ อติ วิย กุฏฺฏนฏฺเน. ปาฬิยํ ‘‘ตถาหํ ภควตา…เป… นาลํ อนฺตรายายา’’ติ อิทํ วตฺถุอนุรูปโต วุตฺตํ. เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา อฺเนปิ อากาเรน ยํ กิฺจิ ภควตา วุตฺตํ วิปรีตโต คเหตฺวา ปเรหิ วุตฺเตปิ อมฺุจิตฺวา โวหรนฺตสฺสาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ตทนุคุณํ สมนุภาสนกมฺมวาจํ โยเชตฺวา อาปตฺติยา อาโรเปตุํ, อาปตฺติยา อทสฺสนาทีสุ ตีสุ ยํ กิฺจิ อภิรุจิตํ นิมิตฺตํ กตฺวา อุกฺเขปนียกมฺมํ ¶ กาตฺุจ ลพฺภติ. สมนุภาสนํ อกตฺวาปิ ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจา’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺตมตฺเต ลทฺธิยา อปฺปฏินิสฺสชฺชนปจฺจยาย ทุกฺกฏาปตฺติยาปิ อุกฺเขปนียกมฺมํ กาตุมฺปิ วฏฺฏเตวาติ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมกมฺมตา, สมนุภาสนาย อปฺปฏินิสฺสชฺชนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๒๔. นวเม ¶ ‘‘อุกฺขิตฺโต อโนสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา อริฏฺสฺส อุกฺเขปนียกมฺมํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๔๒๕. ปาฬิยํ ‘‘เอกจฺฉนฺเน’’ติ สามฺโต วุตฺตตฺตา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน นิปชฺชเน ปณฺณตฺตึ อชานนฺตสฺส อรหโตปิ อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานมฺปิ ปาจิตฺติยเมว. อกตานุธมฺมตา, ตฺวา สมฺโภคาทิกรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๒๘. ทสเม ปิเรติ สมฺโพธนตฺเถ นิปาตปทํ. เสสํ อนนฺตรสิกฺขาปททฺวเย วุตฺตนยเมว.
กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต สปฺปาณกวคฺโค สตฺตโม.
๘. สหธมฺมิกวคฺโค
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๓๔. อฏฺมวคฺคสฺส ¶ ปเม อุปสมฺปนฺนสฺส ปฺตฺเตน วจนํ, อสิกฺขิตุกามสฺส เลเสน เอวํ วจนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๓๘. ทุติเย อลชฺชิตาติ อลชฺชิตาย. เอวํ เสเสสุปิ. สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติอาทิ ภิกฺขุภิกฺขุนีนฺเว วุตฺตํ อลชฺชิลกฺขณํ, สามเณราทีนํ, ปน คหฏฺานฺจ สาธารณวเสน ยถาสกํ สิกฺขาปทวีติกฺกมนปฏิคูหนาทิโต เวทิตพฺพํ. ลชฺชิลกฺขเณปิ เอเสว นโย. กิฺจาปิ ¶ กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเนปิ มทฺทิตฺวา กโรนฺโต, กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตาย กโรนฺโตปิ ตงฺขณิกาย อลชฺชิตาย เอวํ กโรนฺติ. ตถาปิ กุกฺกุจฺจาทิเภเท วิสุํ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
วชฺชิปุตฺตกา ทสวตฺถุทีปกา. ปรูปหารอฺาณกงฺขาปรวิตารณาทิวาทาติ เอตฺถ อรหตฺตํ ปฏิชานนฺตานํ กุหกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ ทิสฺวา ‘‘มารกายิกา เทวตา อสุจึ อุปสํหรนฺตี’’ติคาหิโน ปรูปหารวาทา นาม. อรหโต สพฺเพสํ อิตฺถิปุริสาทีนํ นามาทิอชานเน อฺาณํ, ตตฺถ สนฺนิฏฺานภาเวน กงฺขา, ปรโต สุตฺวา นามาทิชานเนน ปรวิตารโณ อตฺถีติวาทิโน อฺาณวาทา, กงฺขาวาทา, ปรวิตารณวาทา จ เตสํ, มหาสงฺฆิกาทีนฺจ วิภาโค กถาวตฺถุปฺปกรเณ วุตฺโต.
จตฺตาโร มคฺคา จ ผลานิ จาติ เอตฺถ จ-กาเรน อภิฺาปฏิสมฺภิทาปิ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เกจีติ ปริยตฺติธรา ธมฺมกถิกา. ปุน เกจีติ ปฏิปตฺติธรา ปํสุกูลิกตฺเถรา. อิตเร ปนาติอาทีสุ อยํ อธิปฺปาโย – ธมฺมกถิกตฺเถรา ปน ปํสุกูลิกตฺเถเรหิ อาภตํ สุตฺตํ สุตฺวา –
‘‘ยาว ¶ ติฏฺนฺติ สุตฺตนฺตา, วินโย ยาว ทิปฺปติ;
ตาว ทกฺขนฺติ อาโลกํ, สูริเย อพฺภุฏฺิเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเตสุ อสนฺเตสุ, ปมุฏฺเ วินยมฺหิ จ;
ตโม ภวิสฺสติ โลเก, สูริเย อตฺถงฺคเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเต รกฺขิเต สนฺเต, ปฏิปตฺติ โหติ รกฺขิตา;
ปฏิปตฺติยํ ิโต ธีโร, โยคกฺเขมา น ธํสตี’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) –
อิทํ สุตฺตํ อาหริตฺวา อตฺตโนว วาทํ ปติฏฺเปนฺตา ปาราชิกานาปชฺชนวเสน ิตา ปฏิปตฺติสงฺคหิตา ปริยตฺติเยว มูลนฺติ อาหํสูติ. เตนาห ‘‘สเจ ปฺจ ภิกฺขู จตฺตาริ ปาราชิกานิ รกฺขณกา…เป… สาสนํ วุฑฺฒึ วิรุฬฺหึ คมยิสฺสนฺตี’’ติ. เอเตน จ ปริกฺขีเณ กาเล ลชฺชิคณํ อลภนฺเตน วินยธเรน อลชฺชิโนปิ ปกตตฺเต สงฺคเหตฺวา เตหิ สห ธมฺมามิสสมฺโภคํ สํวาสํ กโรนฺเตน พหู กุลปุตฺเต อุปสมฺปาเทตฺวา สาสนํ ¶ ปคฺคเหตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ สิชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ. ครหิตุกามตา, อุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทวิวณฺณนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๔๔. ตติเย ปาฬิยํ โก ปน วาโท ภิยฺโยติ เตหิ อฺเหิ ภิกฺขูหิ ทิฏฺทฺวตฺติวารโต ภิยฺโย ปน วิตฺถาเรน อุทฺทิสิยมาเน ปาติโมกฺเข นิสินฺนปุพฺพตา อตฺถิ เจ, ตตฺถ กิเมว วตฺตพฺพํ, อาปตฺติโมกฺโข นตฺถิ เอวาติ อธิปฺปาโย. ตฺจ ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพติ ตนฺติ การณตฺเถ อุปโยควจนํ, ตายาติ อตฺโถ. ยถา ธมฺโม จ วินโย จ ิโต, ตถา ตาย อาปตฺติยา กาเรตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. โมหาโรปนํ, ติกฺขตฺตุํ สุตภาโว, โมเหตุกามสฺส โมหนนฺติ ตีณิ องฺคานิ.
โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๑. จตุตฺเถ ¶ ปาฬิยํ กายปฏิพทฺเธน วาติ เอตฺถ ปาสาณาทินิสฺสคฺคิยปหาโรปิ สงฺคหิโต.
๔๕๒. รตฺตจิตฺโตติ กายสํสคฺคราเคน วุตฺตํ. เมถุนราเคน ปน ปหารโต ปุริสาทีสุ ทุกฺกฏเมว. โมกฺขาธิปฺปาเยน ทณฺฑโกฏิยา สปฺปาทึ ฆฏฺเฏตฺวา มณฺฑูกาทึ โมเจนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ เอว. กุปิตตา, อุปสมฺปนฺนสฺส น โมกฺขาธิปฺปาเยน ปหาโรติ ทฺเว องฺคานิ.
ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๗. ปฺจเม ¶ น ปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ กิมิทํ ทุกฺกฏํ, ปหารปจฺจยา, อุทาหุ อุคฺคิรณปจฺจยาติ? อุคฺคิรณปจฺจยาว, น ปหารปจฺจยา. น หิ ปหริตุกามตาย อสติ ตปฺปจฺจยา กาจิ อาปตฺติ ยุตฺตา, อุคฺคิรณสฺส ปน อตฺตโน สภาเวน อสณฺิตตฺตา ตปฺปจฺจยา ปาจิตฺติยํ น ชาตํ, อสุทฺธจิตฺเตน กตปโยคตฺตา จ เอตฺถ อนาปตฺติ น ยุตฺตาติ ทุกฺกฏํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ.
๔๕๘. ปุพฺเพติ อนนฺตรสิกฺขาปเท. เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.
ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๕๙. ฉฏฺเ ‘‘อตฺตปริตฺตาณํ กโรนฺตา’’ติ อิทํ น จ เวรมูลิกา อนุทฺธํสนาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อนุทฺธํสนกฺขเณ ปน โกปจิตฺตเมว อุปฺปชฺชติ. เตเนว ‘‘ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กุกฺกุจฺจุปฺปาทนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๖๔. สตฺตเม ¶ อุปสมฺปนฺนสฺส อผาสุกามตา, กุกฺกุจฺจุปฺปาทนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
กุกฺกุจฺจุปฺปาทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๗๑. อฏฺเม สุยฺยตีติ สุติ, วจนํ. ตสฺสา สมีปํ อุปสฺสุติ. สุยฺยติ เอตฺถาติ สุตีติ เอวฺหิ อตฺเถ คยฺหมาเน สวนฏฺานสมีเป อฺสฺมึ อสฺสวนฏฺาเน ติฏฺตีติ อาปชฺชติ. อฏฺกถายฺจ อุปสฺสุติ-สทฺทสฺเสว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยตฺถ ตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ, น สุติ-สทฺทมตฺตสฺส.
๔๗๓. เอกปริจฺเฉทานีติ ¶ กทาจิ อกิริยโต, กทาจิ กิริยโต สมุฏฺานสามฺเน วุตฺตํ. อุปสมฺปนฺเนน โจทนาธิปฺปาโย, สวนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ขิยฺยนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๗๔. นวเม ธมฺมกมฺมตา, ชานนํ, ฉนฺทํ ทตฺวา ขิยฺยนนฺติ ตีณิ องฺคานิ.
ขิยฺยนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๘๑. ทสเม วินิจฺฉยกถาย ธมฺมิกตา, ตํ ตฺวา กมฺมโต ปฏฺาย เอกสีมฏฺสฺส สมานสํวาสิกสฺส หตฺถปาสวิชหนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๘๔. เอกาทสเม ¶ อุปสมฺปนฺนสฺส ธมฺเมน ลทฺธสมฺมุติตา, สงฺเฆน สทฺธึ จีวรํ ทตฺวา ขิยฺยิตุกามตาย ขิยฺยนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต สหธมฺมิกวคฺโค อฏฺโม.
๙. ราชวคฺโค
๑. อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา
๔๙๙. นวมวคฺคสฺส ¶ ปเม ปาฬิยํ สํสุทฺธคหณิโกติ เอตฺถ คหณีติ คพฺภาสยสฺิโต มาตุ กุจฺฉิปฺปเทโส, ปุริสนฺตรสุกฺกาสมฺผุฏฺตาย สํสุทฺธคหณิโก. อภิสิตฺตขตฺติยตา, อุภินฺนมฺปิ สยนิฆรโต อนิกฺขนฺตตา, อปฺปฏิสํวิทิตสฺส อินฺทขีลาติกฺกโมติ ตีณิ องฺคานิ.
อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐๖. ทุติเย อาวสถสฺสาติ เอตฺถ อนฺโตอาราเม วา โหตุ อฺตฺถ วา, ยตฺถ กตฺถจิ อตฺตโน วสนฏฺานํ อาวสโถ นาม. ฉนฺเทนปิ ภเยนปีติ วฑฺฒกิอาทีสุ ฉนฺเทน, ราชวลฺลเภสุ ภเยน. อากิณฺณมนุสฺเสปิ ชาเต…เป… อาสงฺกนฺตีติ ตสฺมึ นิมฺมนุสฺสฏฺาเน ปจฺฉา อากิณฺณมนุสฺเส ชาเตปิ วิสริตฺวา คมนกาเล อฺสฺส อทิฏฺตฺตา ตเมว ภิกฺขุํ อาสงฺกนฺติ. ปติรูปํ นาม กปฺปิยภณฺเฑ สยํ ปํสุกูลํ คเหตฺวา อกปฺปิยภณฺเฑ ปติรูปานํ อุปาสกาทีนํ ¶ ทสฺเสตฺวา เจติยาทิปฺุเ นิโยชนํ วา ทาเปตฺวา นิรเปกฺขคมนํ วา. สมาทเปตฺวาติ ยาจิตฺวา. ปรสนฺตกตา, วิสฺสาสคฺคาหปํสุกูลสฺานํ อภาโว, อนนฺุาตการณา อุคฺคหณาทิ จาติ ตีณิ องฺคานิ.
รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๐๘. ตติเย ปาฬิยํ ภยกถนฺติ ราชโจราทิภยํ วา โรคามนุสฺสทุพฺภิกฺขกนฺตาราทิภยํ วา อารพฺภ ปวตฺตํ. วิสิขากถนฺติ สุนิวิฏฺาทิวีถิกถํ. กุมฺภฏฺานกถนฺติ อุทกติตฺถกถํ, กุมฺภทาสีกถํ วา. ปุพฺพเปตกถนฺติ อตีตาติกถํ. นานตฺตกถนฺติ วุตฺตาหิ, วกฺขมานาหิ จ วิมุตฺตํ นานาสภาวํ ¶ นิรตฺถกกถํ. โลกกฺขายิกนฺติ ‘‘อยํ โลโก เกน นิมฺมิโต’’ติอาทินา โลกสภาวกฺขานวเสน ปวตฺตนกถา. เอวํ สมุทฺทกฺขายิกา เวทิตพฺพา. อิติ ภโว อิติ อภโวติ ยํ วา ตํ วา นิรตฺถกการณํ วตฺวา ปวตฺติตกถา อิติภวาภวกถา. เอตฺถ จ ภโว สสฺสตํ, วุฑฺฒิ, กามสุขฺจาติ ติวิโธ, อภโว ตพฺพิปรีตวเสน. อิติ อิมาย ฉพฺพิธาย อิติภวาภวกถาย สทฺธึ ทฺวตฺตึสติรจฺฉานกถา นาม โหนฺติ. อถ วา ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตาปิ อรฺปพฺพตนทีทีปกถา อิติ-สทฺเทน สงฺคเหตฺวา ทฺวตฺตึสติรจฺฉานกถาติ วุจฺจนฺติ. อิติ วาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺเถ. วา-สทฺโท วิกปฺปตฺเถ. ตสฺมา เอวํ ปการํ อิโต อฺํ วา ตาทิสํ นิรตฺถกกถํ กเถตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
๕๑๒. อุสฺสาหํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา วิหารํ คจฺฉนฺตาติ เอตฺถ คามูปจารโต พหิ นิกฺขนฺเต อนฺตรารามาทีนมุปจารํ ปวิฏฺเ สนฺธาย วุตฺตํ. คามูปจารพฺภนฺตเร ปน ปฏิปสฺสทฺธุสฺสาหานมฺปิ ปุน ตเมว วา อฺํ วา คามํ ปวิสิตุกามตาย สติ อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ. ‘‘กุลฆเร วา…เป… คนฺตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปุเรภตฺตํ ปวิฏฺานํ วิกาเล สฺชาเต วิกาเล คามปฺปเวสสฺส อาปุจฺฉิตพฺพตาย วุตฺตํ. อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยนาติ ทุติยเลฑฺฑุปาตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๕๑๕. อนฺตรารามนฺติอาทีสูติ เอตฺถ อุสฺสวทิวสาทีสุ มนุสฺเสหิ คาเม ปทกฺขิณํ กาเรนฺตํ ชินพิมฺพาทึ ปูเชตุกาเมหิ วา โรควูปสมาทิยตฺถํ มนุสฺเสหิ ยาจิเตหิ วา ภิกฺขูหิ สุปฺปฏิจฺฉนฺนาทิวิธึ อกตฺวาปิ วีถิมชฺเฌเนว คามํ ปทกฺขิณํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ น ¶ คเหตพฺพํ อนาปตฺติวาเร อวุตฺตตฺตา, ‘‘มคฺคา อโนกฺกมิตฺวา…เป… ปาจิตฺติย’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา) ปฏิกฺขิตฺตตฺตา จ. เวสาลึ อนุปริยายิตฺวา ปริตฺตํ กโรนฺเตนาปิ อานนฺทตฺเถเรน สุปฺปฏิจฺฉนฺนตาทึ อโกเปนฺเตเนว, อปฺตฺเต วา สิกฺขาปเท กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘อนฺตรารามาทิคามนฺตเร ิเตหิ ครุฏฺานียานํ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนาทิวเสน คามวีถึ โอตริตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อนฺตรฆรํ ปวิสนฺตํ ปติ กาตุํ น วฏฺฏติ เอว. อนฺตรารามาทิกปฺปิยภูมึ ปน อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตํ ปติ กาตุํ วฏฺฏตีติ ขายติ, วีมํสิตพฺพํ. สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา ¶ , อนนฺุาตการณา วิกาเล คามปฺปเวโสติ ทฺเว องฺคานิ.
วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๐. จตุตฺเถ ปาฬิยํ วาสิชเฏติ วาสิทณฺฑเก. อฏฺิมยาทิสูจิฆรตา, กรณการาปนาทิวเสน อตฺตโน ปฏิลาโภติ ทฺเว องฺคานิ.
สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๑. ปฺจเม ปาฬิยํ อาสยโต, ภิกฺขเว, โมฆปุริโส เวทิตพฺโพติ หีนชฺฌาสยวเสน อยํ ตุจฺฉปุริโสติ าตพฺโพ, หีนาย ปจฺจเย โลลตาย ปุคฺคลสฺส ตุจฺฉตา าตพฺพาติ อธิปฺปาโย. อิมสฺมึ สิกฺขาปเท, อิโต ปเรสุ จ ปฺจสุ อตฺตนา การาปิตสฺส ปฏิลาเภ เอว ปาจิตฺติยํ. ปริโภเค ปนสฺส, อฺเสฺจ ทุกฺกฏเมว. ปมาณาติกฺกนฺตมฺจปีตา, อตฺตโน กรณการาปนวเสน ปฏิลาโภติ ทฺเว องฺคานิ.
มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๒๖. ฉฏฺเ ¶ โปฏกิตูลนฺติ ติณคจฺฉชาติกานํ ตูลํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๓๑-๕๓๖. สตฺตเม ¶ นิสีทนสฺส ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตโน กรณาทินา ปฏิลาโภติ ทฺเว องฺคานิ.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๓๗-๕๔๗. อิมินา นเยน อฏฺมนวมทสเมสุปิ องฺคานิ เวทิตพฺพานิ. เสสํ สพฺพตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
นิฏฺิโต ราชวคฺโค นวโม.
ขุทฺทกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๖. ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
๑. ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
๕๕๓. ปาฏิเทสนีเยสุ ¶ ¶ ปเม ปฏิเทเสตพฺพาการทสฺสนนฺติ เอวํ อาปตฺตึ นวกสฺส สนฺติเก เทเสตพฺพาการทสฺสนํ. อิมินา ลกฺขเณน สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนมฺปิ วุฑฺฒสฺส สนฺติเก จ เทเสตพฺพากาโร สกฺกา วิฺาตุนฺติ. ตตฺรายํ นโย – ‘‘คารยฺเห, อาวุโส, ธมฺเม อาปชฺชึ อสปฺปาเย ปาฏิเทสนีเย’’ติ เอวํ สมฺพหุลาสุ. วุฑฺฒสฺส ปน สนฺติเก ‘‘คารยฺหํ, ภนฺเต, ธมฺมํ…เป… คารยฺเห, ภนฺเต, ธมฺเม’’ติ โยชนา เวทิตพฺพา. ตตฺถ อสปฺปายนฺติ สคฺคโมกฺขนฺตรายกรนฺติ อตฺโถ. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆเร ิตาย หตฺถโต สหตฺถา ยาวกาลิกคฺคหณํ, อชฺโฌหรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๕๘. ทุติเย ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนาย อนนฺุาตากาเรน โวสาสนา, อนิวาเรตฺวา โภชนชฺโฌหาโรติ ทฺเว องฺคานิ.
๕๖๓. ตติเย เสกฺขสมฺมตตา, ฆรูปจาเร อนิมนฺติตตา, คิลานสฺส อนิจฺจภตฺตาทึ คเหตฺวา ภฺุชนนฺติ ตีณิ องฺคานิ.
๕๗๐. จตุตฺเถ สาสงฺการฺเสนาสนตา, อนนฺุาตํ ยาวกาลิกํ อปฺปฏิสํวิทิตํ อชฺฌาราเม ปฏิคฺคเหตฺวา อคิลานสฺส อชฺโฌหรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ. เสสํ อุตฺตานเมว.
ปาฏิเทสนียวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๗. เสขิยกณฺฑํ
๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา
๕๗๖. เสขิเยสุ ¶ ¶ ยสฺมา วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) วุตฺตวตฺตานิปิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เสขิยาเนว, ตสฺมา ปาราชิกาทีสุ วิเยตฺถ ปาฬิยํ ปริจฺเฉโท น กโต. จาริตฺตนยทสฺสนตฺถฺจ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอลมฺเพนฺโต นิวาเสยฺย, ทุกฺกฏ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘สิกฺขา กรณียา’’ติ สพฺพตฺถ ปาฬิ อาโรปิตา. ปทภาชเน ปน ‘‘อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อนาทริยกรเณ ทุกฺกฏํ เวทิตพฺพํ.
อฏฺงฺคุลมตฺตนฺติ มตฺต-สทฺเทน ตโต กิฺจิ อธิกํ, อูนมฺปิ สงฺคณฺหาติ. เตเนว นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ วุตฺตํ. น หิ นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลปฺปมาณํ, ิตสฺส อฏฺงฺคุลเมวาติ สกฺกา นิยเมตุํ อูนาธิกตฺตสมฺภวโต. ตสฺมา ยถา สารุปฺปํ โหติ เอวํ อฏฺงฺคุลานุสาเรน นิวาสนฺเว อธิปฺเปตนฺติ คเหตพฺพํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สุกฺขชงฺโฆ วา’’ติอาทิ. กุรุนฺทิยํ ‘‘อชานนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อาทรํ กตฺวา อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาปิ นิรนฺตรํ นิวาสนปารุปนวตฺตํ สิกฺขิตพฺพํ, อสิกฺขิโต อนาทริยเมว. ปริมณฺฑลคฺคหเณน อุกฺขิปิตฺวา นิวาสนมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘อุกฺขิปิตฺวา วา โอตาเรตฺวา วา’’ติ.
สจิตฺตกนฺติ วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกํ. สารตฺถทีปนิยํ ปน อุปติสฺสตฺเถรวาทนเยน โลกวชฺชตฺตํ คเหตฺวา ‘‘วตฺถุวิชานนจิตฺเตน, ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน จ สจิตฺตก’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. เสขิยกณฺฑ ๓.๕๗๖) วุตฺตํ. ตตฺถ จ วตฺถุวิชานนํ วิสุํ น วตฺตพฺพํ. ปณฺณตฺติวิชานเนน ตสฺสาปิ อนฺโตคธภาวโต อิทํ วตฺถุํ เอวํ วีติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺตีติ วิชานนฺโต หิ ปณฺณตฺตึ วิชานาตีติ วุจฺจติ. อุปติสฺสตฺเถรวาเท เจตฺถ ปณฺณตฺตึ อชานิตฺวา อปริมณฺฑลนิวาสนาทิวตฺถุเมว ¶ ชานนฺตสฺส ปณฺณตฺติวีติกฺกมานาทริยาภาวา สพฺพเสขิเยสุ อนาปตฺติ เอว อภิมตา, ตฺจ น ยุตฺตํ โกสมฺพกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑ อาทโย) วจฺจกุฏิยํ อุทกาวเสสํ เปนฺตสฺส ปณฺณตฺติวิชานนาภาเวปิ อาปตฺติยา วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ ¶ …เป… โส อปเรน สมเยน ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติอาทิ (มหาว. ๔๕๑). อฏฺกถายฺจสฺส ‘‘ตฺวํ เอตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสีติ, อาม น ชานามีติ. โหตุ อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตีติ, สเจ โหติ, เทเสสฺสามีติ. สเจ ปน เต, อาวุโส, อสฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตีติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๔๕๑) วุตฺตํ, ตถา ‘‘อธมฺมวาทีติ อุกฺขิตฺตานุวตฺตเกสุ อฺตโร’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๔๕๗-๔๕๘) จ วุตฺตํ. ขนฺธกวตฺตานฺหิ เสขิยตฺตา ตตฺถ วุตฺโต นโย อิเมสํ, อิธ วุตฺโต จ เตสํ สาธารโณว โหตีติ. เตเนว ‘‘อสฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ เอวํ อิธ วุตฺโต อาปตฺตินโย ตตฺถาปิ ทสฺสิโต. ตสฺมา ผุสฺสเทวตฺเถรวาเท เอว ตฺวา วตฺถุวิชานนจิตฺเตเนว สพฺพเสขิยานิ สจิตฺตกานิ, น ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน. ภิยฺโยกมฺยตายสูปพฺยฺชนปฏิจฺฉาทนอุชฺฌานสฺีติ ทฺเว สิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ อกุสลจิตฺตานิ, เสสานิ ปณฺณตฺติวชฺชานิ, ติจิตฺตานิ, ติเวทนานิ จาติ คหณเมว ยุตฺตตรํ ทิสฺสติ. เตเนเวตฺถ ‘‘อสฺจิจฺจาติ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา โอลมฺเพตฺวา นิวาเสสฺสามีติ เอวํ อสฺจิจฺจา’’ติอาทินา วตฺถุอชานนวเสเนว อนาปตฺติวณฺณนา กตา, น ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺตวเสน.
อปิจ ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) อิมินา ลกฺขณวจเนนาปิ เจตํ สิชฺฌติ. วตฺถุวิชานนจิตฺตวเสเนว เหตฺถ ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วุตฺตํ. อิตรถา ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺตวเสน สพฺพสิกฺขาปทานมฺปิ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตสฺส อกุสลตฺตนิยเมน โลกวชฺชตฺตปฺปสงฺคโต ปณฺณตฺติวชฺชเมว น สิยา, อิทฺจ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา อิมินา วจเนน นิวตฺเตตพฺพสฺส สิกฺขาปทสฺส อภาวา. น จ เสขิเยสุ วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ ปาณาติปาตาทีสุ วิย อกุสลเมวาติ นิยโม อตฺถิ, เยเนตฺถ โลกวชฺชตา ปสชฺเชยฺย, ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ เจตํ ปาฬิวจนํ วตฺถุํ ชานิตฺวา ตีหิ จิตฺเตหิ วีติกฺกมเมว อนาทริยํ กตฺวา วุตฺตํ, น ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวา อกุสลจิตฺเตเนว วีติกฺกมนฺติ คเหตพฺพํ. อฺถา ขนฺธกปาฬิยา, อฏฺกถายฺจ ปุพฺพาปรฺจ วิรุชฺฌนโตติ อมฺหากํ ขนฺติ. ยถา วา น วิรุชฺฌติ, ตถา เอตฺถ อธิปฺปาโย คเวสิตพฺโพ. อนาทริยํ, อนาปตฺติการณาภาโว ¶ , อปริมณฺฑลนิวาสนนฺติ ¶ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ. เกวลํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตปฏิปกฺขกรณวเสน ตติยงฺคโยชนเมว วิเสโส.
๕๗๗. ทุติยาทีสุ คิหิปารุตนฺติ เสตปฏปารุตาทิ. วิหาเรปีติ สงฺฆสนฺนิปาตพุทฺธุปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๕๗๘. คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวาติอาทิ ปฏิจฺฉาทนวิธิทสฺสนํ. คีวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวาติอาทินา วุตฺตตฺตา สฺจิจฺจ คีวํ, มณิพนฺธนฺจ อปฺปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส อาปตฺติ. เอตฺถาปิ ปริมณฺฑลสิกฺขาปทสฺส สาธารณตฺตา ชาณุมณฺฑลโต เหฏฺา จตุรงฺคุลมตฺตํ โอตาเรตฺวา อโนลมฺเพตฺวา ปริมณฺฑลเมว ปารุปิตพฺพํ.
๕๗๙. วิวริตฺวา นิสีทโตติ วิหาเร วิย เอกํสปารุปนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘วาสตฺถาย อุปคตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา วาสาธิปฺปายํ วินา ธมฺมเทสนปริตฺตภณนาทิอตฺถาย สุจิรมฺปิ นิสีทนฺเตน สพฺพํ อนฺตรฆรวตฺตํ ปูเรนฺเตเนว นิสีทิตพฺพํ. นิสีทนปฏิสํยุตฺเตสุ เอว จ สิกฺขาปเทสุ ‘‘วาสูปคตสฺสา’’ติ อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา วาสตฺถาย อนฺตรฆรํ อุปคจฺฉนฺเตนาปิ สุปฺปฏิจฺฉนฺนตาทิสพฺพํ อโกเปนฺเตเนว คนฺตพฺพํ. ‘‘วาสูปคตสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ, น ปน อุปคจฺฉมานสฺสาติ. เกจิ ปน ‘‘เอเกกสฺมึ ปมํ คนฺตฺวา วาสปริคฺคเห กเต ตโต อฺเหิ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘เคหสฺสามิเกหิ ‘ยาว ตุมฺเห นิวสิสฺสถ, ตาว ตุมฺหากํ อิมํ เคหํ เทมี’ติ ทินฺเน อฺเหิ อวาสาธิปฺปาเยหิ อนฺตราราเม วิย ยถาสุขํ คนฺตุํ, นิสีทิตฺุจ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ สพฺพํ น คเหตพฺพํ ตถาวจนาภาวา, ทานลกฺขณาภาวา, ตาวตฺตเกน วิหารสงฺขฺยานุปคมนโต จ. ‘‘ยาว นิสีทิสฺสถ, ตาว ตุมฺหากํ อิมํ เคหํ เทมี’’ติ เทนฺโตปิ หิ ตาวกาลิกเมว เทติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส.
๕๘๒. จตุหตฺถปฺปมาณนฺติ วฑฺฒกีหตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ.
๕๘๔. อุกฺขิตฺตจีวโร ¶ หุตฺวาติ กฏิโต อุทฺธํ กายพนฺธนาทิทสฺสนวเสเนวุกฺขิปนํ สนฺธาย วุตฺตํ ปิณฺฑาย จรโต ปตฺตคฺคหณาทิมตฺตสฺส อนฺุาตตฺตา. เตเนว ‘‘นิสินฺนกาเล ปน ธมกรณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. นิสินฺนกาเล หิ ขนฺเธ ลคฺคปตฺตตฺถวิกาทิโต ธมกรณํ นีหรนฺตสฺส กฏิโต อุทฺธมฺปิ ทิสฺสติ, ตถา อทสฺเสตฺวา นีหริตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อาสเน นิสีทนฺตสฺสาปิ ¶ จ ปารุปิตจีวรํ กิฺจิ อุกฺขิปิตฺวา สงฺฆาฏึ ชงฺฆปิณฺเฑหิ อนุกฺขิปิตฺวาว นิสีทิตพฺพํ. อิมสฺมิฺเว ปน สิกฺขาปเท ‘‘วาสูปคตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา นิสีทนปฏิสํยุตฺเตสุ ฉฏฺอฏฺเมสุ อวุตฺตตฺตา วาสูปคเตนาปิ สุสํวุเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุนาว นิสีทิตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ เตสํ วิเสสํ อวตฺวา อิเธว ‘‘วาสูปคตสฺส ปน อนาปตฺตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. อุกฺขิตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตา.
ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา
๕๘๖. ทุติยวคฺคาทิอุชฺชคฺฆิกอปฺปสทฺเทสุ นิสีทนปฏิสํยุตฺเตสุปิ วาสูปคตสฺส อนาปตฺติ น วุตฺตา, กายปฺปจาลกาทีสุ เอว ปน วุตฺตา. ปาฬิโปตฺถเกสุ ปเนตํ เกสุจิ เปยฺยาเลน พฺยาโมหิตตฺตา น สุฏฺุ วิฺายติ. ยตฺถ จ อนฺตรฆเร ธมฺมํ วา เทเสนฺตสฺส, ปาติโมกฺขํ วา อุทฺทิสนฺตสฺส มหาสทฺเทน ยาวปริสสาวเนปิ อนาปตฺติ เอวาติ ทฏฺพฺพํ ตถา อานนฺทตฺเถรมหินฺทตฺเถราทีหิ อาจริตตฺตา.
อุชฺชคฺฆิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ขมฺภกตวคฺควณฺณนา
๖๐๓. ปตฺเต คหณสฺา อสฺส อตฺถีติ ปตฺตสฺีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปตฺเต สฺํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
๖๐๔. โอโลณีติ เอกา พฺยฺชนวิกติ. กฺชิกตกฺกาทิรโสติ เกจิ. มํสรสาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อวเสสา สพฺพาปิ พฺยฺชนวิกติ สงฺคหิตา.
๖๐๕. สมภริตนฺติ ¶ รจิตํ. เหฏฺา โอโรหตีติ สมนฺตา โอกาสสมฺภวโต หตฺเถน สมํ กริยมานํ เหฏฺา ภสฺสติ. ปตฺตมตฺถเก ปิตานิ ปูวานิ เอว วฏํสกากาเรน ปิตตฺตา ‘‘ปูววฏํสก’’นฺติ วุตฺตานิ. เกจิ ปน ‘‘ปตฺตํ คเหตฺวา ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ รจิตฺวา ทิยฺยมานเมว คณฺหโต อาปตฺติ, หตฺถคเต เอว ปน ปตฺเต ทิยฺยมาเน ถูปีกตมฺปิ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพเมว ‘‘สมติตฺติก’’นฺติ ภาวนปุํสกวเสน สามฺโต วุตฺตตฺตา.
ขมฺภกตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา
๖๐๘. จตุตฺถวคฺคาทีสุ สปทานนฺติ เอตฺถ ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโต อปทานํ, สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนวิรหิตํ อนุปฏิปาฏิยาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา’’ติอาทิ.
๖๑๑. วิฺตฺติยนฺติ สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทํ สนฺธาย วทติ. ‘‘วตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ อิมินา ปาฬิยาว สพฺพํ วิฺายตีติ ทสฺเสติ. ตตฺถ ปาฬิยํ อสฺจิจฺจาติอาทีสุ วตฺถุมตฺตํ ตฺวา ภฺุชเนน อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตสฺเสว ปุน ปณฺณตฺตึ ตฺวา มุขคตํ ฉฑฺเฑตุกามสฺส ยํ อรุจิยา ปวิฏฺํ, ตํ อสฺจิจฺจ ปวิฏฺํ นาม, ตตฺถ อนาปตฺติ. ตเทว ปุน อฺวิหิตตาย วา อวิฺตฺตมิทนฺติสฺาย วา ภฺุชเน ‘‘อสติยา’’ติ วุจฺจติ.
๖๑๓. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ อิทมสฺส สิกฺขาปทสฺส อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา สยํ ภฺุชเน เอว ปฺตฺตตฺตา อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฺจสหธมฺมิกานํ ปน อตฺถาย อฺาตกอปฺปวาริตฏฺาเน วิฺาเปนฺโต วิฺตฺติกฺขเณ อฏฺกถาสุ สุตฺตานุโลมโต วุตฺตอกตวิฺตฺติทุกฺกฏโต น มุจฺจติ. สฺจิจฺจ ภฺุชนกฺขเณ สยฺจ อฺเ จ มิจฺฉาชีวโต น มุจฺจนฺตีติ คเหตพฺพํ.
๖๑๕. ‘‘กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทก’’นฺติ อิทํ อสารุปฺปวเสน วุตฺตํ, อติมหนฺเต เอว อาปตฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ภฺุชนฺเตน ปน โจราทิภยํ ปฏิจฺจ มหนฺตมฺปิ อปริมณฺฑลมฺปิ ¶ กตฺวา สีฆํ ภฺุชนวเสเนตฺถ อาปทา. เอวมฺเสุปิ ยถานุรูปํ ทฏฺพฺพํ.
สกฺกจฺจวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กพฬวคฺควณฺณนา
๖๑๗. อนาหเฏ ¶ กพเฬ มุขทฺวารวิวรเณ ปน ปโยชนาภาวา ‘‘อาปทาสู’’ติ น วุตฺตํ. เอวมฺเสุปิ อีทิเสสุ.
๖๑๘. สพฺพํ หตฺถนฺติ หตฺเถกเทสา องฺคุลิโย วุตฺตา ‘‘หตฺถมุทฺทา’’ติอาทีสุ วิย, ตสฺมา เอกงฺคุลิมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ.
กพฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สุรุสุรุวคฺควณฺณนา
๖๒๗. ปาฬิยํ สีตีกโตติ สีตปีฬิโต. สิลกพุทฺโธติ ปริหาสวจนเมตํ. สิลกฺหิ กิฺจิ ทิสฺวา ‘‘พุทฺโธ อย’’นฺติ โวหรนฺติ.
๖๒๘. ‘‘องฺคุลิโย มุเข ปเวเสตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา สพฺพํ หตฺถํ อนฺโตมุเข ปกฺขิปนสิกฺขาปทสฺสปิ ปวิฏฺงฺคุลินิลฺเลหเนน อิมสฺสปิ สิกฺขาปทสฺส อนาปตฺตึ ทสฺเสติ. เอเสว นโยติ ฆนยาคุอาทีสุ ปตฺตํ หตฺเถน, โอฏฺฺจ ชิวฺหาย นิลฺเลหิตุํ วฏฺฏตีติ อติทิสติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ฆนยาคุอาทิวิรหิตํ นิลฺเลหิตุํ น วฏฺฏติ.
๖๓๔. วิลีวจฺฉตฺตนฺติ เวณุเปสิกาหิ กตํ. มณฺฑลพทฺธานีติ ทีฆสลากาสุ ติริยํ วลยากาเรน สลากํ เปตฺวา สุตฺเตหิ พทฺธานิ ทีฆฺจ ติริยฺจ อุชุกเมว สลากาโย เปตฺวา ทฬฺหพทฺธานิ เจว ติริยํ เปตฺวา ทีฆทณฺฑเกเหว สงฺโกจารหํ กตฺวา สุตฺเตเหว ติริยํ พทฺธานิ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ สห ทณฺฑเกน ฉินฺนตาลปณฺณาทีหิ กตํ. ฉตฺตปาทุกายาติ ยสฺมึ ฉตฺตทณฺฑโกฏึ ปเวเสตฺวา ฉตฺตํ อุชุกํ เปตฺวา เหฏฺา ฉายาย นิสีทนฺติ, ติฏฺนฺติ วา, ตาทิเส ฉตฺตาธาเร.
๖๓๗. จาโปติ ¶ มชฺเฌ วงฺกกาชทณฺฑสทิสา ธนุวิกติ. โกทณฺโฑติ วิทฺธทณฺฑา ธนุวิกติ.
สุรุสุรุวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา
๖๔๗. สตฺตมวคฺเค ¶ รุกฺขโต ปติโตติ เอกํ โอลมฺพนสาขํ คเหตฺวา ปติโต. ปาฬิยาติ อตฺตโน อาจารปฺปกาสกคนฺถสฺส. ธีรตฺถูติ ธี อตฺถุ, นินฺทา โหตูติ อตฺโถ. วินิปาตนเหตุนาติ วินิปาตนสฺส เหตุภาเวน. ตฺวนฺติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ตํ อิจฺเจว วา ปาโ. อสฺมาติ ปาสาโณ.
๖๔๙. น กเถตพฺพนฺติ เถเรน อตฺตโน กงฺขาฏฺานสฺส ปุจฺฉิตตฺตา วุตฺตํ. ทหรสฺส อตฺถโกสลฺลํ าตุํ ปุจฺฉิเตน อุจฺจาสเน นิสินฺนสฺส อาจริยสฺส อนุโยคทานนเยน วตฺตุํ วฏฺฏติ.
๖๕๒. เขเฬน เจตฺถ สิงฺฆาณิกาปิ สงฺคหิตาติ เอตฺถ อุทกคณฺฑุสกํ กตฺวา อุจฺฉุกจวราทิฺจ มุเขเนว หริตุํ อุทเกสุ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
ปาทุกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เสขิยวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๖๕๕. อธิกรณสมเถสุ จ อิธ วตฺตพฺพํ นตฺถิ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย วิมติวิโนทนิยํ
ภิกฺขุวิภงฺควณฺณนานโย นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนา
๑. ปาราชิกกณฺฑํ
๑. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๕๖. ภิกฺขุนีวิภงฺเค ¶ ¶ มิคารมาตุยาติ มิคารมาตุ, วิสาขายาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ ‘‘เอหิ ภิกฺขุนีติ ภิกฺขุนี, ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนาติ ภิกฺขุนี’’ติ อิทํ ภิกฺขุวิภงฺคปาฬิยา สมทสฺสนตฺถํ อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน ลทฺธูปสมฺปทํ มหาปชาปติโคตมิฺเจว ตาย สห นิกฺขนฺตา ภควโต อาณาย ภิกฺขูนฺเว สนฺติเก เอกโตอุปสมฺปนฺนา ปฺจสตสากิยานิโย จ สนฺธาย วุตฺตํ. ตา หิ ภควตา อานนฺทตฺเถรสฺส ยาจนาย ปพฺพชฺชํ อนุชานนฺเตน ‘‘เอถ ภิกฺขุนิโย, มม สาสเน ตุมฺเหปิ ปวิสถา’’ติ วุตฺตา วิย ชาตา. สากิยานิโย เอว สรณสีลานิ ทตฺวา กมฺมวาจาย อุปสมฺปาทิตตฺตา ‘‘ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺนา’’ติ วุตฺตา. น หิ เอตาหิ อฺา เอหิภิกฺขุนิภาวาทินา อุปสมฺปนฺนา นาม สนฺติ. ยํ ปน เถรีคาถาสุ ภทฺทาย กุณฺฑลเกสิยา –
‘‘นิหจฺจ ¶ ชาณุํ วนฺทิตฺวา, สมฺมุขา อฺชลึ อกํ;
‘เอหิ ภทฺเท’ติ มํ อโวจ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติ. (เถรีคา. ๑๐๙) –
วุตฺตํ. ยฺจ อปทาเนปิ –
‘‘อายาจิโต ตทา อาห, ‘เอหิ ภทฺเท’ติ นายโก;
ตทาหํ อุปสมฺปนฺนา, ปริตฺตํ โตยมทฺทส’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๓.๔๔) –
วุตฺตํ. ตมฺปิ ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อุปสมฺปทฺจ คณฺหาหี’’ติ ภควโต อาณา อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อโหสีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ เถรีคาถาฏฺกถายํ ‘‘เอหิ ภทฺเท, ภิกฺขุนุปสฺสยํ ¶ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชฺช อุปสมฺปชฺชสฺสูติ มํ อวจ อาณาเปสิ, สา สตฺถุ อาณา มยฺหํ อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อาสิ อโหสี’’ติ (เถรีคา. อฏฺ. ๑๑๑).
๖๕๗. สาธารณปาราชิเกหีติ เมถุนาทีหิ จตูหิ. ตานิ, ปน อฺานิ จ สาธารณสิกฺขาปทานิ ยสฺมา ภิกฺขุวิภงฺเค วุตฺตนิทานวตฺถาทีสุ เอว สาธารณวเสน ปฺตฺตานิ, ปจฺฉา ปน ตานิ ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ภควตา ตาสํ สิกฺขาปจฺจกฺขานาภาเวน ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติอาทินา ตทนุรูปวเสน ปริวตฺเตตฺวา อสาธารณสิกฺขาปเทหิ สทฺธึ สํสนฺเทตฺวา ภิกฺขุนิปาติโมกฺขุทฺเทสวเสน เอกโต สงฺคหิตานิ. ยสฺมา จ เนสํ ภิกฺขุวิภงฺเค (ปารา. ๔๔ อาทโย) วุตฺตนเยเนว สพฺโพปิ วินิจฺฉโย สกฺกา าตุํ, ตสฺมา ตานิ วชฺเชตฺวา อสาธารณานํ เอว อิธ วิภงฺโค วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ.
๖๕๙. ภิกฺขูนํ ‘‘กายสํสคฺคํ สาทิเยยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘สมาปชฺเชยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภิกฺขุ อาปตฺติยา น กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ตพฺพหุลนเยนาติ กิริยาสมุฏฺานสฺเสว พหุลภาวโต, เอเตน อกิริยาสมุฏฺานาปิ อยํ อาปตฺติ โหตีติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ ทสฺเสติ, มยํ ปเนตฺถ เอวํ ตกฺกยาม ‘‘กายสํสคฺคกฺขเณ สาทิยนฺติยา กิริยาย อภาเวปิ ตโต ปุพฺเพ ปวตฺติตานํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺานคมนอิงฺคิตาการทสฺสนาทิกิริยานํ วเสเนว กิริยาสมอุฏฺานเมว, ปเรหิ มคฺเค กริยมานุปกฺกเมน นิจฺจลสฺส สาทิยโต สุกฺกวิสฺสฏฺิ วิย ปุพฺพปโยคาภาเวปิ ¶ วา ตสฺมิฺเว ขเณ ปรูปกฺกเมน ชนิยมานาย อตฺตโน กายจลนาทิสงฺขาตาย กิริยาย, สา หิ สาทิยมาเนน ตสฺสา จิตฺเตนาปิ สมุฏฺิตา กิริยา นาม โหติ อวายมิตฺวา ปรูปกฺกเมน เมถุนสาทิยเน วิย, ภิกฺขูนํ ปน ปรูปกฺกมชนิตํ กิริยํ อพฺโพหาริกํ กตฺวา อตฺตนา กริยมานปโยควเสเนว ‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’ติ เอวํ วิเสเสตฺวาว สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา สาทิยมาเนปิ น โทโส. อิตรถา หิ ตพฺพหุลนเยเนตฺถ กิริยตฺเต คยฺหมาเน อฺเสมฺปิ กิริยากิริยสิกฺขาปทานํ กิริยตฺตคฺคหณปฺปสงฺโค สิยา’’ติ. ตสฺมา ¶ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. สาติ กิริยาสมุฏฺานตา. ตเถวาติ กายสํสคฺคราคี เอว.
อุพฺภชาณุมณฺฑลิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วชฺชปฏิจฺฉาทิกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๖๖. ทุติเย ปุริเมนาติอาทิ สุนฺทรีนนฺทาย วชฺชปฏิจฺฉาทเน ปฺตฺตตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อฏฺนฺน’’นฺติ วุตฺตตฺตา วชฺชปฏิจฺฉาทนสฺสาปิ ปฏิจฺฉาทเน ปาราชิกเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ธุรํ นิกฺขิตฺตมตฺเต’’ติ วุตฺตตฺตา ปณฺณตฺตึ อชานนฺติยาปิ ‘‘อิทํ วชฺชํ น ปกาเสสฺสามี’’ติ ฉนฺเทน ธุรํ นิกฺเขปกฺขเณ ปาราชิกนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตํ ปน ปฏิจฺฉาทนํ ยสฺมา ‘‘เปสลา ตฺวา ครหิสฺสนฺตี’’ติ ภเยเนว โหติ, ภยฺจ โกธจิตฺตสมฺปยุตฺตํ, ตสฺมา อิทํ ‘‘ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาราชิกกณฺฑ ๓.๖๖๖) ‘‘กิฺจาปิ วชฺชปฏิจฺฉาทนํ เปมวเสน โหติ, ตถาปิ สิกฺขาปทวีติกฺกมจิตฺตํ โทมนสฺสิตเมว โหตี’’ติ เอวํ ปณฺณตฺติวีติกฺกมจิตฺเตเนว ฉาทนํ โทมนสฺสตฺเต การณํ วุตฺตํ, ตํ อการณํ ปณฺณตฺติวิชานนํ วินาปิ อาปชฺชิตพฺพโตว.
วชฺชปฏิจฺฉาทิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อฏฺวตฺถุกสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๗๕. จตุตฺเถ ¶ โลกสฺสาทสงฺขาตํ มิตฺเตหิ อฺมฺํ กาตพฺพํ สนฺถวํ. วุตฺตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน ทสฺเสตุํ ‘‘กายสํสคฺคราเคนา’’ติ วุตฺตํ.
ติสฺสิตฺถิโย เมถุนํ ตํ น เสเวติ ยา ติสฺโส อิตฺถิโย, ตาสุ วุตฺตํ ตํ เมถุนํ น เสเวยฺย. อนริยปณฺฑเกติ ตโย อนริเย, ตโย ปณฺฑเก จ อุปสงฺกมิตฺวา เมถุนํ น เสเวติ อตฺโถ. อนริยาติ ¶ เจตฺถ อุภโตพฺยฺชนกา อธิปฺเปตา. พฺยฺชนสฺมินฺติ อตฺตโน วจฺจมุขมคฺเคปิ. เฉโท เอว เฉชฺชํ, ปาราชิกํ.
วณฺณาวณฺโณติ ทฺวีหิ สุกฺกวิสฺสฏฺิ วุตฺตา. คมนุปฺปาทนนฺติ สฺจริตฺตํ. ‘‘เมถุนธมฺมสฺส ปุพฺพภาคตฺตา ปจฺจโย โหตี’’ติ อิมินา การิโยปจาเรน กายสํสคฺโค เมถุนธมฺโมติ วุตฺโตติ ทสฺเสติ. สพฺพปเทสูติ สงฺฆาฏิกณฺณคฺคหณาทิปเทสุ. กายสํสคฺคราโค, สอุสฺสาหตา, อฏฺมวตฺถุสฺส ปูรณนฺติ ตีเณตฺถ องฺคานิ.
อฏฺวตฺถุกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๒. สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. ปมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๗๙. สงฺฆาทิเสสกณฺเฑ ¶ ¶ ‘‘ทุติยสฺส อาโรเจตี’’ติ เอตฺถาปิ ทฺวีสุปิ อฑฺฑการเกสุ ยสฺส กสฺสจิ ทุติยสฺส กถํ โย โกจิ อาโรเจตีติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพติ อาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ.
คติคตนฺติ จิรกาลปฺปวตฺตํ. อาปตฺตีติ อาปชฺชนํ. ‘‘นิสฺสารณีย’’นฺติ อิทํ กตฺตุอตฺเถ สิทฺธนฺติ อาห ‘‘นิสฺสาเรตี’’ติ. อาปนฺนํ ภิกฺขุนึ สงฺฆโต วิโยเชติ, วิโยชนเหตุ โหตีติ อตฺโถ.
คีวาเยวาติ อาณตฺติยา อภาวโต. เตสํ อนตฺถกามตายาติ ‘‘โจโร’’ติ วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เกจิ ทณฺฑิสฺสนฺติ ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺตีติ เอวํ สฺาย. เอเตน เกวลํ ภเยน วา ปริกฺขารคฺคหณตฺถํ วา สหสา ‘‘โจโร’’ติ วุตฺเต ทณฺฑิเตปิ น โทโสติ ทสฺเสติ. ราชปุริสานฺหิ ‘‘โจโร อย’’นฺติ อุทฺทิสฺส กถเน เอว คีวา, ภิกฺขูนํ, ปน อารามิกาทีนํ วา สมฺมุขา ‘‘อสุโก โจโร เอวมกาสี’’ติ เกนจิ วุตฺตวจนํ นิสฺสาย อารามิกาทีสุ ราชปุริสานํ วตฺวา ทณฺฑาเปนฺเตสุปิ ภิกฺขุสฺส น คีวา ราชปุริสานํ อวุตฺตตฺตา. เยสฺจ วุตฺตํ, เตหิ สยํ โจรสฺส อทณฺฑิตตฺตาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ตฺวํ เอตสฺส สนฺตกํ อจฺฉินฺทา’’ติ อาณตฺโตปิ หิ สเจ อฺเน อจฺฉินฺทาเปติ, อาณาปกสฺส อนาปตฺติ วิสงฺเกตตฺตา. ‘‘อตฺตโน วจนกร’’นฺติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ. วจนํ อกโรนฺตานํ ราชปุริสานมฺปิ ‘‘อิมินา คหิตปริกฺขารํ อาหราเปหิ, มา จสฺส ทณฺฑํ กโรหี’’ติ อุทฺทิสฺส วทนฺตสฺสาปิ ทณฺเฑ คหิเตปิ น คีวา เอว ทณฺฑคฺคหณสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, ‘‘อสุกภณฺฑํ อวหรา’’ติ อาณาเปตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ปุน ปฏิกฺขิปเน (ปารา. ๑๒๑) วิย.
ทาสาทีนํ ¶ สมฺปฏิจฺฉเน วิย ตทตฺถาย อฑฺฑกรเณ ภิกฺขูนมฺปิ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘อกปฺปิยอฑฺโฑ นาม น วฏฺฏตี’’ติ. เกนจิ ปน ภิกฺขุนา เขตฺตาทิอตฺถาย โวหาริกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อฑฺเฑ กเตปิ ตํ เขตฺตาทิสมฺปฏิจฺฉเน วิย สพฺเพสํ อกปฺปิยํ น โหติ ปุพฺเพ เอว สงฺฆสฺส สนฺตกตฺตา ¶ , ภิกฺขุสฺเสว ปน ปโยควเสน อาปตฺติโย โหนฺติ. ทาสาทีนมฺปิ ปน อตฺถาย รกฺขํ ยาจิตุํ โวหาริเกน ปุฏฺเน สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ กปฺปิยกฺกมํ วตฺตุํ, อารามิกาทีหิ จ อฑฺฑํ การาเปตฺุจ วฏฺฏติ เอว. วิหารวตฺถาทิกปฺปิยอฑฺฑํ ปน ภิกฺขุโน สยมฺปิ กาตุํ วฏฺฏติ.
ภิกฺขุนีนํ วุตฺโตติ รกฺขํ ยาจนฺตีนํ ภิกฺขุนีนํ วุตฺโต อุทฺทิสฺสอนุทฺทิสฺสวเสน รกฺขายาจนวินิจฺฉโย, น สพฺโพ สิกฺขาปทวินิจฺฉโย อสาธารณตฺตา สิกฺขาปทสฺส. เตนาห ‘‘ภิกฺขุโนปี’’ติอาทิ. อนากฑฺฒิตาย อฑฺฑกรณํ, อฑฺฑปริโยสานนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ปมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๘๓. ปาฬิยํ ทุติเย มลฺลคณภฏิปุตฺตคณาทิกนฺติอาทีสุ มลฺลราชูนํ คโณ มลฺลคโณ. ภฏิปุตฺตา นาม เกจิ คณราชาโน, เตสํ คโณ. เกจิ ปน ‘‘นารายนภตฺติโก ปฺุการคโณ มลฺลคโณ. ตถา กุมารภตฺติโก จ คโณ ภฏิปุตฺตคโณ’’ติปิ (สารตฺถ. ฏี. สํฆาทิเสสกณฺฑ ๓.๖๘๓) วทนฺติ. ธมฺมคโณติ สาสเน, โลเก วา อเนกปฺปการปฺุการโก คโณ. คนฺธวิกติการโก คโณ คนฺธิกเสณี. เปสการาทิคโณ ทุสฺสิกเสณี. กปฺปคติกนฺติ กปฺปิยภาวคตํ, ปพฺพชิตปุพฺพนฺติ อตฺโถ.
๖๘๕. ปาฬิยํ วุฏฺาเปตีติ อุปสมฺปาเทติ. อกปฺปคตมฺปิ ปพฺพาเชนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ วทนฺติ. ขีณาสวายปิ อาปชฺชิตพฺพโต ‘‘ติจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. โจริตา, ตํ ตฺวา อนนฺุาตการณา วุฏฺาปนนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ทุติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๙๒. ตติเย ¶ ¶ ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยาติ คามนฺตรสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา. ‘‘คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ หิ วุตฺตํ. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปเท วิย ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา คามํ ปวิสนฺติยา ฆรูปจาเร ิตสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาตสฺส อุปจารสฺส อติกฺกโม นาม ปมเลฑฺฑุปาตฏฺานสงฺขาตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานสฺส อติกฺกโม เอวาติ อาห ‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมตี’’ติ.
มชฺเฌติ คามมชฺเฌ. ปจฺฉาติ อปรกาเล. ‘‘จตุคามสาธารณตฺตา’’ติ อิมินา วิหารโต จตูสุ คาเมสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปวิสิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ การณมาห.
ปรตีรเมว อกฺกมนฺติยาติ นทึ อโนตริตฺวา โอริมตีรโต ลงฺฆิตฺวา วา อากาสาทินา วา ปรตีรเมว อติกฺกาเมนฺติยา. โอริมตีรเมว อาคจฺฉติ, อาปตฺตีติ ปารคมนาย โอติณฺณตฺตา วุตฺตํ.
ตาทิเส อรฺเติ อินฺทขีลโต พหิภาวลกฺขเณ อรฺเ. ‘‘เตเนวา’’ติอาทินา ทสฺสนูปจาเร วิรหิเต สวนูปจารสฺส วิชฺชมานตฺเตปิ อาปตฺติ โหตีติ ทสฺเสติ. อฺํ มคฺคํ คณฺหาตีติ มคฺคมูฬฺหตฺตา คณฺหาติ, น ทุติยิกํ โอหิยิตุํ. ตสฺมา อนาปตฺติ. อนนฺตราเยน เอกภาโว, อนาปทาย คามนฺตรคมนาทีสุ เอกนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ตติยสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๖๙๔. จตุตฺเถ การกคณสฺสาติ อิมสฺส กมฺมํ กาตพฺพนฺติ เยหิ สนฺนิฏฺานํ กตํ, เต สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมวาจกฺขเณ สหิเตติ เกจิ. เนตฺถารวตฺเตติ นิตฺถรณเหตุมฺหิ วตฺเต.
๖๙๘. ปาฬิยํ ¶ อสนฺเต การกสงฺเฆติ เอตฺถ วิชฺชมานํ สุทูรมฺปิ คนฺตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพํ ¶ . อนฺตราเย ปน สติ สมฺมา วตฺตนฺตํ โอสาเรตุํ วฏฺฏตีติ. ธมฺมกมฺเมน อุกฺขิตฺตตา, อนนฺุาตการณา โอสารณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
จตุตฺถสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๐๑. ปฺจเม ตนฺติ มหาอฏฺกถายํ อวจนํ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติอาทิ ปาฬิยา สเมติ. อุภโต อวสฺสุตภาโว, อุทกทนฺตโปนโต อฺํ สหตฺถา คเหตฺวา อชฺโฌหรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
ปฺจมสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉฏฺสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๐๕. ฉฏฺเ ปฏิคฺคโห เตน น วิชฺชตีติ เตเนว ‘‘น เทตี’’ติ วุตฺตการเณน อุยฺโยชิตาย หตฺถโต อิตราย ปฏิคฺคโหปิ นตฺถิ. ปริโภคปจฺจยาติ อุยฺโยชิตาย โภชนปริโยสานปจฺจยาติ อตฺโถ. มนุสฺสปุริสสฺส อวสฺสุตตา, ตํ ตฺวา อนนฺุาตการณา อุยฺโยชนา, เตน อิตริสฺสา คเหตฺวา โภชนปริโยสานนฺติ ตีณิ องฺคานิ.
ฉฏฺสงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗๐๙-๗๒๗. สตฺตมโต ยาวทสมปริโยสานานิ อุตฺตานาเนว.
สงฺฆาทิเสสวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๓. นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
๒. ทุติยนิสฺสคฺคิยาทิปาจิตฺติยสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๓๓. นิสฺสคฺคิเยสุปิ ¶ ¶ ปมํ อุตฺตานเมว.
๗๔๐. ทุติเย อยฺยาย ทมฺมีติ เอวํ ปฏิลทฺธนฺติ นิสฺสฏฺปฏิลทฺธํ, นิสฺสฏฺํ ปฏิลภิตฺวาปิ ยํ อุทฺทิสฺส ทายเกหิ ทินฺนํ, ตตฺเถว ทาตพฺพํ. เตนาห ‘‘ยถาทาเนเยว อุปเนตพฺพ’’นฺติ. อกาลจีวรตา, ตํ ตฺวา กาลจีวรนฺติ เลเสน ภาชาปนํ, ปฏิลาโภติ ตีณิ องฺคานิ.
๗๔๓. ตติเย เมตนฺติ มเมเวตํ จีวรํ. อุปสมฺปนฺนตา, ปริวตฺติตวิกปฺปนุปคจีวรสฺส สกสฺาย อจฺฉินฺทนาทีติ ทฺเว องฺคานิ.
๗๔๘-๗๕๒. จตุตฺเถ อาหฏสปฺปึ ทตฺวาติ อตฺตโน ทตฺวา. ยมกํ ปจิตพฺพนฺติ สปฺปิฺจ เตลฺจ เอกโต ปจิตพฺพํ. เลเสน คเหตุกามตา, อฺสฺส วิฺตฺติ, ปฏิลาโภติ ตีณิ องฺคานิ.
๗๕๓. ปฺจเม สาติ ถุลฺลนนฺทา. อยนฺติ สิกฺขมานา. เจตาเปตฺวาติ ชานาเปตฺวาติ อิธ วุตฺตํ, มาติกาฏฺกถายํ ปน ‘‘อตฺตโน กปฺปิยภณฺเฑน ‘อิทํ นาม อาหรา’ติ อฺํ ปริวตฺตาเปตฺวา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. อฺเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ.
๗๕๘. ฉฏฺเ ปาวาริกสฺสาติ ทุสฺสวาณิชกสฺส.
๗๖๔. สตฺตเม ¶ สฺาจิตเกนาติ สยํ ยาจิตเกนปีติ อตฺโถ.
๗๖๙-๗๘๙. อฏฺมโต ยาวทฺวาทสมา อุตฺตานเมว.
นิสฺสคฺคิยวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๔. ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. ลสุณวคฺโค
๑. ปมลสุณาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
๗๙๗. ปาจิตฺติเยสุ ¶ ¶ ลสุณวคฺคสฺส ปเม พทรสาฬวํ นาม พทรผลานิ สุกฺขาเปตฺวา เตหิ กตฺตพฺพพฺยฺชนวิกติ. อามกมาคธลสุณฺเจว, อชฺโฌหรณฺจาติ ทฺเว องฺคานิ.
๗๙๙-๘๑๒. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.
๘๑๕. ฉฏฺเ ปาฬิยํ อาสุมฺภิตฺวาติ ปาเตตฺวา.
๘๑๗. ทธิมตฺถูติ ทธิมฺหิ ปสนฺโนทกํ. รสขีราทีนนฺติ มํสรสขีราทีนํ. ภฺุชนฺตสฺส ภิกฺขุโน หตฺถปาเส านํ, ปานียสฺส วา วิธูปนสฺส วา คหณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
๘๒๒. สตฺตเม อวิฺตฺติยา ลทฺธนฺติ อตฺตโน วิฺตฺตึ วินา ลทฺธํ. ปุพฺพาปรวิรุทฺธนฺติ สยํ กรเณ ปาจิตฺติยนฺติ อิทํ การาปเน ทุกฺกฏวจเนน วิรุชฺฌนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ, ‘‘อวิฺตฺติยา ลทฺธ’’นฺติอาทิวจเนน วา วิรุชฺฌนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺาย วิฺตฺติปิ หิ อิมิสฺสา อวิฺตฺติยา ลทฺธเมวาติ. อามกธฺวิฺาปนาทิ, ตํ ภชฺชนาทินา อชฺโฌหรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
๘๒๔. อฏฺเม นิพฺพิฏฺโติ ลทฺโธ. เกณีติ รฺโ ทาตพฺโพ อาโย, อายุปฺปตฺติฏฺานนฺติ อตฺโถ ¶ . เตนาห ‘‘เอกํ านนฺตร’’นฺติอาทิ. านนฺตรนฺติ จ คามชนปทาณายตฺตํ. วฬฺชิยมานติโรกุฏฺฏาทิตา, อนปโลเกตฺวา อุจฺจาราทีนํ ฉฑฺฑนาทีติ ทฺเว องฺคานิ.
๘๓๐. นวเม ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนนาฬิเกรมฺปี’’ติ วุตฺตตฺตา หริตูปริ ฉฑฺฑนเมว ปฏิกฺขิตฺตํ. เตนาห ‘‘อนิกฺขิตฺตพีเชสู’’ติอาทิ. ยตฺถ จ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ หริเต วจฺจาทึ กาตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว. สพฺเพสนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ.
๘๓๖-๗. ทสเม ¶ เตสํเยวาติ เยสํ นิจฺจํ ปสฺสติ. อาราเม ตฺวาติ ิตนิสนฺนฏฺาเน เอว ตฺวา สมนฺตโต คีวํ ปริวตฺเตตฺวาปิ ปสฺสติ, อนาปตฺติ. ิตฏฺานโต คนฺตฺวา ปสฺสิตุํ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ปน ‘‘ทสฺสนาย คจฺเฉยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ สามฺโต คมนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, อนาปตฺติยมฺปิ คมนาย อวุตฺตตฺตา จ น คเหตพฺพํ. นจฺจาทิตา, อนนฺุาตการณา คมนํ, ทสฺสนาทิ จาติ ตีณิ องฺคานิ.
นิฏฺิโต ลสุณวคฺโค ปโม.
๒. อนฺธการวคฺโค
๑. ปมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
๘๔๑. ทุติยวคฺคสฺส ปเม ทาเน วาติ ทานนิมิตฺตํ. รตฺตนฺธกาเร ปุริสสฺส หตฺถปาเส านาทิ, รโหเปกฺขา, สหายาภาโวติ ตีณิ องฺคานิ.
๘๔๒-๘๕๐. ทุติยาทีนิ อุตฺตานานิ.
๘๕๔. ปฺจเม ปลฺลงฺกสฺส อโนกาเสติ อูรุพทฺธาสนสฺส อปฺปโหนเก. ปุเรภตฺตํ อนฺตรฆเร ปลฺลงฺกปฺปโหนกาสเน นิสชฺชา, อนนฺุาตการณา อนาปุจฺฉา วุตฺตปริจฺเฉทาติกฺกโมติ ทฺเว องฺคานิ.
๘๖๐-๘๗๙. ฉฏฺาทีนิ ¶ อุตฺตานานิ.
นิฏฺิโต อนฺธการวคฺโค ทุติโย.
๓. นคฺควคฺโค
๑. ปมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
๘๘๓-๘๘๗. ตติยวคฺคสฺส ปมทุติยานิ อุตฺตานานิ.
๘๙๓. ตติเย วิสิพฺเพตฺวาติ วิชเฏตฺวา. ธุรํ นิกฺขิตฺตมตฺเตติ วิสิพฺพนทิวสโต ปฺจ ทิวเส อติกฺกาเมตฺวา ธุรํ นิกฺขิตฺตมตฺเต. อนฺโตปฺจาเห ปน ธุรนิกฺเขเปปิ อนาปตฺติ เอว ‘‘อฺตฺร จตูหปฺจาหา’’ติ วุตฺตตฺตา ¶ . อุปสมฺปนฺนาย จีวรํ สิพฺพนตฺถาย วิสิพฺเพตฺวา ปฺจหาติกฺกโม, อนนฺุาตการณา ธุรนิกฺเขโปติ ทฺเว องฺคานิ.
๙๐๐. จตุตฺเถ ปฺจนฺนํ จีวรานํ อปริวตฺตนํ, อนนฺุาตการณา ปฺจาหาติกฺกโมติ ทฺเว องฺคานิ.
๙๐๙. ฉฏฺเ วิกปฺปนุปคสฺส สงฺเฆ ปริณตตา, วินา อานิสํสทสฺสเนน อนฺตรายกรณนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
๙๑๖. อฏฺเม กุมฺภถูณํ นาม กุมฺภสทฺโท, เตน กีฬนฺตีติ กุมฺภถูณิกา. เตนาห ‘‘ฆฏเกน กีฬนกา’’ติ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปน ‘‘จตุรสฺสอมฺพณกตาฬ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ รุกฺขสาราทิมยํ อนฺโตฉิทฺทํ จตูสุ ปสฺเสสุ จมฺโมนทฺธํ วาทิตภณฺฑํ, ยํ ‘‘พิมฺพิสก’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ วาเทนฺตาปิ กุมฺภถูณิกา. เตนาห ‘‘พิมฺพิสกวาทิตกาติปิ วทนฺตี’’ติ.
๙๑๘. ปาฬิยํ ¶ กปฺปกตนฺติ กปฺปกตํ นิวาสนปารุปนูปคํ. สมณจีวรตา, อนนฺุาตานํ ทานนฺติ ทฺเว องฺคานิ.
๙๒๑-๙๓๑. นวมทสมานิ อุตฺตานาเนว.
นิฏฺิโต นคฺควคฺโค ตติโย.
๔. ตุวฏฺฏวคฺโค
๑๐. ทสมสิกฺขาปทวณฺณนา
๙๗๖. ตุวฏฺฏวคฺคสฺส ทสเม จาริกาย อปกฺกมนํ ปณฺณตฺติวชฺชเมว. ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกตํ สนฺธาย ปเนตฺถ ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
นิฏฺิโต ตุวฏฺฏวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. จิตฺตาคารวคฺโค
๑. ปมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
๙๗๘. จิตฺตาคารวคฺคสฺส ¶ ปเม ปาเฏกฺกา อาปตฺติโยติ คีวาย ปริวตฺตนปฺปโยคคณนาย.
๑๐๑๕. นวเม หตฺถิอาทีสุ สิปฺป-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ, ตถา อาถพฺพณาทีสุ มนฺต-สทฺโท. ตตฺถ อาถพฺพณมนฺโต นาม อาถพฺพณเวทวิหิโต ปรูปฆาตกโร มนฺโต. ขีลนมนฺโต นาม เวริมารณตฺถาย สารทารุมยํ ขีลํ มนฺเตตฺวา ปถวิยํ อาโกฏนมนฺโต. อคทปฺปโยโค วิสปฺปโยชนํ. นาคมณฺฑลนฺติ สปฺปานํ ปเวสนิวารณตฺถํ มณฺฑลพนฺธมนฺโต. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
นิฏฺิโต จิตฺตาคารวคฺโค ปฺจโม.
๑๐๒๕-๑๑๑๖. อารามวคฺเค ¶ , คพฺภินิวคฺเค จ สพฺพํ อุตฺตานเมว.
๘. กุมาริภูตวคฺโค
๑. ปมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๑๑๙. อฏฺมวคฺคสฺส ปเม สพฺพปมา ทฺเว มหาสิกฺขมานาติ คพฺภินิวคฺเค (ปาจิ. ๑๐๖๗ อาทโย) สพฺพปมํ วุตฺตา ทฺเว. สิกฺขมานา อิจฺเจว วตฺตพฺพาติ สมฺมุติกมฺมาทีสุ อฺถา วุตฺเต กมฺมํ กุปฺปตีติ อธิปฺปาโย.
๑๑๖๗. เอกาทสเม ปาริวาสิเยน ฉนฺททาเนนาติ ปริวุตฺเถน นวิกปฺปวุตฺเถน วิคเตน ฉนฺททาเนนาติ อตฺโถ, ฉนฺทวิสฺสชฺชนมตฺเตน วา.
๑๑๖๘. ‘‘วุฏฺิตายา’’ติ เอเตน ‘‘อิทานิ กมฺมํ น กริสฺสามา’’ติ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา กาเยน อวุฏฺหิตฺวา นิสินฺนายปิ ปริสาย กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวา อวุฏฺิตายา’’ติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาปตฺติ อวุฏฺิตาย ปริสายา’’ติ สามฺโต วุตฺตตฺตา ¶ , อุโปสถกฺขนฺธเก จ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิกปาริสุทฺธิทาเนน อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร อวุฏฺิตาย ปริสายา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) วุตฺตตฺตา, ตทฏฺกถายมฺปิ ‘‘ปาริวาสิยปาริสุทฺธิทานํ นาม ปริสาย วุฏฺิตกาลโต ปฏฺาย น วฏฺฏติ, อวุฏฺิตาย ปน วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๓) วุตฺตตฺตา จ ‘‘กมฺมํ น กริสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนายปิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. เสสํ อุตฺตานเมว.
นิฏฺิโต กุมาริภูตวคฺโค อฏฺโม.
ขุทฺทกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๕. ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
ปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
๑๒๒๘. ปาฏิเทสนียาทีสุ ¶ ¶ ปาฬิวินิมุตฺตเกสูติ ปาฬิยํ อนาคเตสุ สปฺปิอาทีสุ.
สตฺตาธิกรณวฺหยาติ สตฺตาธิกรณสมถนามกา. ตํ อตฺถวินิจฺฉยํ ตาทิสํเยว ยสฺมา วิทู วทนฺตีติ อตฺโถ. ยถา นิฏฺิตาติ สมฺพนฺโธ. สพฺพาสวปหนฺติ สพฺพาสววิฆาตกํ อรหตฺตมคฺคํ. ปสฺสนฺตุ นิพฺพุตินฺติ มคฺคาเณน นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺตุ, ปปฺโปนฺตูติ วา ปาโ. ตตฺถ นิพฺพุตินฺติ ขนฺธปรินิพฺพานํ คเหตพฺพํ.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย วิมติวิโนทนิยํ
ภิกฺขุนีวิภงฺควณฺณนานโย นิฏฺิโต.
อุภโตวิภงฺคฏฺกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มหาวคฺควณฺณนา
๑. มหาขนฺธโก
โพธิกถาวณฺณนา
มหาวคฺเค ¶ ¶ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขวิภงฺคานํ. ยํ ขนฺธกํ สงฺคายึสูติ สมฺพนฺโธ. ขนฺธานํ สมูโห, ขนฺธานํ วา ปกาสนโต ขนฺธโก. ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชาทิจาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทปฺตฺติสมูโห อธิปฺเปโต. ปทภาชนีเย เยสํ ปทานํ อตฺถา เยหิ อฏฺกถานเยหิ ปกาสิตาติ โยชนา. อถ วา เย อตฺถาติ โยเชตพฺพํ. หิ-สทฺโท เจตฺถ ปทปูรเณ ทฏฺพฺโพ.
๑. วิเสสการณนฺติ ‘‘เยน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนเหตุภูโต ¶ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน สมเยนา’’ติอาทินา วุตฺตการณํ วิย วิเสสการณํ ภุมฺมวจนนิวตฺตนกการณนฺติ อตฺโถ. เอตสฺสาติ อภิสมฺโพธิโต ปฏฺาย สตฺถุ จริยาวิภาวนสฺส วินยปฺตฺติยํ กึ ปโยชนํ? ยทิ วิเสสการณํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. นิทานทสฺสนํ ปโยชนนฺติ โยชนา. นิทานนฺติเจตฺถ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุภูตํ วตฺถุปุคฺคลาทิการณํ อธิปฺเปตํ, น ปฺตฺติฏฺานเมว. เตนาห ‘‘ยา หี’’ติอาทิ.
อุรุเวลายนฺติ เอตฺถ อุรุ-สทฺโท มหนฺตวาจี. เวลา-สทฺโท ตีรปริยาโย. อุนฺนตตฺตาทินา เวลา วิย เวลา. อุรุ มหนฺตี เวลา อุรุเวลา, ตสฺสํ. เตนาห ‘‘มหาเวลาย’’นฺติอาทิ. มริยาทาติ สีลาทิคุณสีมา. ปตฺตปุเฏนาติ ตาลาทีนํ ปณฺณปุเฏน.
‘‘ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อนุนาสิกโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปมํ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. ปมนฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. ตสฺมา อภิสมฺพุทฺโธ ¶ หุตฺวา สพฺพปมํ โพธิรุกฺขมูเล วิหรตีติ โยชนา ทฏฺพฺพา.
ปาฬิยํ อถ โขติ เอตฺถ อถาติ เอตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ. สตฺตาหนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค เอตํ อุปโยควจนํ. อถ โขติ อธิการนฺตรทสฺสเน นิปาโต. เตน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนํ ปหาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาเร อธิกตภาวํ ทสฺเสติ. ปฏิจฺจาติ ปฏิมุขํ คนฺตฺวา, อฺมฺํ อเปกฺขิตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน การณพหุตา ทสฺสิตา. สหิเตติ การิยพหุตา. อนุโลมนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. สฺเววาติ โส เอว ปจฺจยากาโร. ปุริมนเยน วา วุตฺโตติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต ปจฺจยากาโร. ปวตฺติยาติ สํสารปฺปวตฺติยา.
ปาฬิยํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทีสุ ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา. โลกิยกุสลากุสลเจตนา สงฺขารา. โลกิยวิปากเมว วิฺาณํ. โลกิยเวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ นามํ, ภูตุปาทายเภทํ รูปํ. ปสาทวิฺาณเภทํ สฬายตนํ. วิปากภูโต สพฺโพ ผสฺโส, เวทนา จ. ราโค ตณฺหา. พลวราโค, ติวิธา จ ทิฏฺิ อุปาทานํ. ภโว ปน ทุวิโธ กมฺมภโว, อุปปตฺติภโว จ. ตตฺถ กมฺมภโว สาสวกุสลากุสลเจตนาว, อุปปตฺติภโว อุปาทินฺนกกฺขนฺธา. เตสํ อุปปตฺติ ชาติ. ปาโก ชรา. เภโท มรณํ. เต เอว นิสฺสาย โสจนํ โสโก. กนฺทนํ ปริเทโว. ทุกฺขํ กายิกํ. โทมนสฺสํ เจตสิกํ. อติวิย โสโก อุปายาโส.
ปจฺเจกฺจ ¶ สมฺภวติ-สทฺโท โยเชตพฺโพ. เตนาห ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิ. ‘‘ทุกฺขราสิสฺสา’’ติ อิมินา น สตฺตสฺส. นาปิ สุภสุขาทีนนฺติ ทสฺเสติ.
หเวติ พฺยตฺตนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. ‘‘อนุโลมปจฺจยาการปฏิเวธสาธกา โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติ อิทํ ปมวาเร กิฺจาปิ ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทินา ปฏิโลมปจฺจยากาโรปิ อาคโต, ตถาปิ ‘‘ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติ อนุโลมปจฺจยาการปฏิเวธสฺเสว การณตฺเตน วุตฺตนฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ทุติยวาเรปิ ‘‘ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติ คาถาย วุตฺตตฺตา ‘‘ปจฺจยานํ ขยสงฺขาต’’นฺติอาทิ ¶ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โน กลฺโล ปฺโหติ อยุตฺโต น พฺยากาตพฺโพ, อวิชฺชมานํ อตฺตานํ สิทฺธํ กตฺวา ‘‘โก ผุสตี’’ติ ตสฺส กิริยาย ปุฏฺตฺตา ‘‘โก วฺฌาปุตฺโต ผุสตี’’ติอาทิ วิยาติ อธิปฺปาโย. โสฬส กงฺขาติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, นนุ โข อโหสึ, กึ นุ โข อโหสึ, กถํ นุ โข อโหสึ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, นนุ โข ภวิสฺสามิ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) เอวํ อาคตา อตีเต ปฺจ, อนาคเต ปฺจ, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉาติ โสฬสวิธา กงฺขา.
ตตฺถ กึ นุ โขติ มนุสฺสเทวาทีสุ, ขตฺติยาทีสุ วา อฺตรํ นิสฺสาย กงฺขติ. กถํ นุ โขติ ปน สณฺานาการาทีสุ อิสฺสราทิชนกํ, การณํ วา นิสฺสาย. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ จ มนุสฺสาทีสุ ปมํ กึ หุตฺวา ปจฺฉา กึ อโหสินฺติ กงฺขติ. อหํ นุ โขสฺมีติอาทิ อิทานิ อตฺตโน วิชฺชมานาวิชฺชมานตํ, สรูปปการาทิกฺจ กงฺขติ. วปยนฺตีติ วิอปยนฺติ พฺยปคจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘อปคจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺตี’’ติ.
๓. ตสฺส วเสนาติ ตสฺส ปจฺจยาการปชานนสฺส, ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส จ วเสน. เอเกกเมว โกฏฺาสนฺติ อนุโลมปฏิโลมโต เอเกกเมว โกฏฺาสํ. ปาฏิปทรตฺติยา เอวํ มนสากาสีติ รตฺติยา ตีสุปิ ยาเมสุ เอวํ อิธ ขนฺธกปาฬิยา อาคตนเยน อนุโลมปฏิโลมํเยว มนสากาสิ.
อชปาลกถาวณฺณนา
๔. ตสฺส ¶ สตฺตาหสฺส อจฺจเยนาติ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส อปคมเนน. ตมฺหา สมาธิมฺหาติ อรหตฺตผลสมาปตฺติสมาธิมฺหา. อนฺตรนฺตรา เอว หิ ปจฺจยาการมนสิกาโร. อวเสสกาลํ ปน สพฺพํ ภควา ผลสมาปตฺติยาปิ วีตินาเมสิ. ตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺหา สมาธิมฺหา’’ติ วุตฺตํ. รตนจงฺกเมติ ¶ ภควโต จิรํ ิตสฺส จงฺกมนาธิปฺปายํ ตฺวา เทวตาหิ มาปิเต รตนจงฺกเม. รตนฆรนฺติ ภควโต นิสีทนาธิปฺปายํ ตฺวา เทวตาหิ มาปิตํ รตนมยํ เคหํ.
ตตฺราปีติ น เกวลํ รตนฆเรเยว. ตตฺราปิ อชปาลนิคฺโรธมูเลปิ อภิธมฺมํ วิจินนฺโต เอว อนฺตรนฺตรา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตติ อตฺโถ. ตตฺถาปิ หิ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานํ สมฺมสโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปีติสมุฏฺิตา ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย รตนฆเร วิย นิจฺฉรึสุ เอว. ‘‘หุํหุ’’นฺติ กโรนฺโตติ ‘‘สพฺเพ หีนชาติกา มํ มา อุปคจฺฉนฺตู’’ติ มานวเสน, สมีปํ อุปคเตสุ โกธวเสน จ ‘‘อเปถา’’ติ อธิปฺปายนิจฺฉาริตํ หุํหุํการํ กโรนฺโต.
พฺรหฺมฺนฺติ พฺราหฺมณตฺตํ. อนฺตนฺติ นิพฺพานํ. เทวานํ วา อนฺตนฺติ มคฺคาณานํ วา อนฺตภูตํ อรหตฺตผลํ.
มุจลินฺทกถาวณฺณนา
๕. มุจลินฺทมูเลติ เอตฺถ จ มุจลินฺโท วุจฺจติ นีปรุกฺโข, โย ‘‘นิจุโล’’ติปิ วุจฺจติ. อุปฺปนฺนเมโฆติ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา อุปฺปนฺโน มหาเมโฆ. วทฺทลิกาติ วุฏฺิยา เอว อิตฺถิลิงฺควเสน นามํ. ยา จ สตฺตาหํ ปวตฺตตฺตา สตฺตาหวทฺทลิกาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สตฺตาหํ อวิจฺฉินฺนวุฏฺิกา อโหสี’’ติ. สีตวาเตน ทูสิตํ ทินเมติสฺสา วทฺทลิกายาติ สีตวาตทุทฺทินีติ อาห ‘‘อุทกผุสิตสมฺมิสฺเสนา’’ติอาทิ. อุพฺพิทฺธตา นาม ทูรภาเวน อุปฏฺานนฺติ อาห ‘‘เมฆวิคเมน ทูรีภูต’’นฺติ. อินฺทนีลมณิ วิย ทิพฺพติ โชเตตีติ เทโว, อากาโส.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ วิเวกสฺส สุขภาวํ วิทิตฺวา. สพฺพโส อสนฺตุฏฺิสมุจฺเฉทกตฺตา มคฺคาณานํ ‘‘จตุมคฺคาณสนฺโตเสนา’’ติ วุตฺตํ. อกุปฺปนภาโวติ อกุชฺฌนสภาโว.
ราชายตนกถาวณฺณนา
๖. ปจฺจคฺเฆติ ¶ อภินเว. อยเมว อตฺโถ ปสตฺโถ, น ปุริโม. น หิ พุทฺธา มหคฺฆํ ปตฺตํ ปริภฺุชนฺติ.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
๗. อาลียนฺติ ¶ เสวียนฺตีติ อาลยา. ปฺจ กามคุณาติ อาห ‘‘สตฺตา…เป… วุจฺจนฺตี’’ติ. สุฏฺุ มุทิตาติ อติวิย ปมุทิตา. านํ สนฺธายาติ าน-สทฺทํ อเปกฺขิตฺวา. อิเมสนฺติ สงฺขาราทีนํ ผลานํ. ปาฬิยํ สพฺพสงฺขารสมโถติอาทีนิ นิพฺพานเววจนานิ. อปิสฺสูติ สมฺปิณฺฑนตฺเถ นิปาโต. น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฏิภํสูติ อตฺโถ.
กิจฺเฉน เม อธิคตนฺติ ปารมิปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทุกฺขาปฏิปทํ. พุทฺธานฺหิ จตฺตาโร มคฺคา สุขาปฏิปทาว โหนฺติ. ห-อิติ พฺยตฺตํ, เอกํสนฺติ ทฺวีสุ อตฺเถสุ นิปาโต, พฺยตฺตํ, เอกํเสน วา อลนฺติ วิโยเชนฺติ. หลนฺติ วา เอโก นิปาโต.
๘. ปาฬิยํ สหมฺปติสฺสาติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปมชฺฌานภูมิยํ พฺรหฺมปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต, เตน นํ ‘‘สหมฺปตี’’ติ สฺชานึสุ. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย, อสฺสวเนนาติ อตฺโถ. สวนเมว หิ สวนตา ยถา เทวตาติ.
ธมฺโม อสุทฺโธติ มิจฺฉาทิฏฺิธมฺโม. สมเลหีติ ปูรณกสฺสปาทีหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ. อปาปุราติ เทสนาหตฺเถน วิวร. ทฺวารนฺติ อริยมคฺคํ สนฺธาย วทติ.
เสเลติ ฆนสิลามเย. ตถูปมนฺติ เอตฺถ ตถา-สทฺโท ตํ-สทฺทตฺเถ ทฏฺพฺโพ. เตน โส เสลปพฺพโต อุปมา ยสฺส. ตํ ตถูปมนฺติ อตฺโถ. เตน วา ปพฺพตาทินา ปกาเรน อุปมา อสฺสาติปิ อตฺโถ. ธมฺมมยนฺติ โลกุตฺตรธมฺมภูตํ. อุฏฺาหีติ ธมฺมเทสนตฺถาย จาริกจรณตฺถํ อิมมฺหา อาสนา กาเยน, อปฺโปสฺสุกฺกภาวโต วา จิตฺเตน อุฏฺเหิ, อยเมว วา ปาโ. เตเนว ‘‘วิจร, เทสสฺสู’’ติ ทุวิเธปิ กายจิตฺตปโยเค นิโยเชสิ. วีราติอาทิ จตฺตาริ ถุติวเสน สมฺโพธนานิ.
๙. พุทฺธจกฺขุนาติ ¶ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน, อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ. สฺวาการาติ สทฺธินฺทฺริยาทโยว อาการา ¶ สุนฺทรา เยสํ, เต สฺวาการา, สุวิฺาปยา, ปรโลกฺจ วชฺชฺจ ภยโต ทสฺสนสีลา จาติ ทฏฺพฺพํ. อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินีติ คจฺฉลตาปิ โปกฺขรณีปิ วุจฺจติ. อิธ ปน โปกฺขรณี. เอวมิตเรสุปิ. อุทกานุคฺคตานีติ อุทกโต อนุคฺคตานิ. อนฺโต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ. อจฺจุคฺคมฺมาติ อุทกํ อติกฺกมนวเสน อุคฺคนฺตฺวา.
อปารุตาติ วิวฏา. เตสนฺติ สอุปนิสฺสยานํ สตฺตานํ. ทฺวาราติ อริยมคฺคทฺวารานิ. อิทฺจ อตฺตโน สยมฺภุาเณน สอุปนิสฺสยานํ เตสํ มคฺคุปฺปตฺติทิฏฺตํ สนฺธาย วทติ. วิหึสสฺีติอาทีสุ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ‘‘อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ ธมฺมํ อชานนฺเตสุ มนุเชสุ เทสนาย วิหึสา กายวาจากิลมโถ โหตี’’ติ เอวํ วิหึสสฺี หุตฺวา น ภาสึ ภาสิตุํ น อิจฺฉึ. อิทานิ ปน เหตุสมฺปนฺนา อตฺตโน สทฺธาภาชนํ วิวรนฺตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติ.
ปฺจวคฺคิยกถาวณฺณนา
๑๐. อาฬาโรติ นามํ. กาลาโมติ โคตฺตํ. ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทีติ กึ อิทาเนว อุทปาทิ, นนุ โพธิมูเล เตกาลิกา, กาลวินิมุตฺตา จ สพฺเพ ธมฺมา สพฺพาการโต ทิฏฺาติ? สจฺจํ ทิฏฺา, ตถาปิ นามาทิวเสน อวิกปฺปิตา เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา สพฺพฺุตฺาณสฺส. น หิ เอเกน จิตฺเตน สพฺพธมฺมานํ นามชาติอาทิกํ ปจฺเจกํ อนนฺตํ วิภาคํ วิกปฺเปตุํ สกฺกา วิกปฺปานํ วิรุทฺธานํ สหานุปฺปตฺติโต, สพฺพวิกปฺปารหธมฺมทสฺสนเมว ปนาเนน สกฺกา กาตุํ. ยถา ทิฏฺเสุ ปน ยถิจฺฉิตาการํ อารพฺภ วิกปฺโป อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺเ จิตฺตปเฏ วิย. อิธาปิ อาฬารํ นิสฺสาย อาวชฺชนานนฺตรเมว สพฺพาการาณํ อุทปาทิ. น เกวลฺจ ตํ, อถ โข ปฺจวคฺคิยา เอว ปมํ ธมฺมํ ชานิสฺสนฺติ, ตปฺปมุขา จ เทวตา, อาฬาโร กาลํ กตฺวา อากิฺจฺายตเน, อุทโก จ เนวสฺานาสฺายตเน นิพฺพตฺโตติ เอวมาทิกํ สพฺพมฺปิ นิสฺสาย าณํ อุปฺปชฺชติ เอว. ตํ ปน ขณสมฺปตฺติยา ทุลฺลภภาวํ ทสฺเสตุํ กเมน โอโลเกตฺวา เทวตาย วุตฺเต าณํ วิย กตฺวา ¶ วุตฺตํ. สทฺทคติยา หิ พนฺธตฺตา เอเกน าเณน าตมฺปิ วุจฺจมานํ กเมน าตํ วิย ปฏิภาติ, เทวตาปิ จ ภควตา าตเมวตฺถํ อาโรเจสิ. เตเนว ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาที’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมฺตฺถาปิ อีทิเสสุ ‘‘โลกํ โวโลเกนฺโต อสุกํ อทฺทส, ตตฺถ ¶ มยิ คเต กึ ภวิสฺสตี’’ติ เอวมาทินา สตฺถุ หิเตสิตาสนฺทสฺสนวสปฺปวตฺเตสุ. สพฺพตฺถ วจนคติยํ กมวุตฺติเต ปฺายมาเนปิ เอเกเนว าเณน สกลาวโพโธ เวทิตพฺโพ. พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยาติ อุปการสฺสาปิ วิชฺชมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ธมฺมเทสนาย การณตฺเตน อนุปการานมฺปิ เทสนโต.
๑๑. อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธินฺติ คยาย, โพธิสฺส จ อนฺตเร ติคาวุเต าเน.
สพฺพาภิภูติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ิโต. อนูปลิตฺโตติ กิเลสเลเปน อลิตฺโต. ตโต เอว สพฺพฺชโห. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหกฺขเย นิพฺพาเน อารมฺมณกรณวสเอน วิมุตฺโต. เอวํ สยํ สพฺพธมฺเม อตฺตนาว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ กํ อฺํ ‘‘อยํ เม อาจริโย’’ติ อุทฺทิเสยฺยํ.
กาสินํ ปุรนฺติ พาราณสึ. อาหฺฉนฺติ อาหนิสฺสามิ. อมตาธิคมาย อุคฺโฆสนโต อมตทุนฺทุภินฺติ สตฺถุ ธมฺมเทสนา วุตฺตา, ‘‘อมตเภรึ ปหริสฺสามี’’ติ คจฺฉามีติ อตฺโถ.
อรหสิ อนนฺตชิโนติ อนนฺตชิโนปิ ภวิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ. อนนฺตาณตาย อนนฺโต ชิโน จ, อนนฺเตน วา าเณน, อนนฺตํ วา โทสํ ชิตวา, อุปฺปาทวยนฺตรหิตตาย วา อนนฺตํ นิพฺพานํ อชินิ กิเลสารโย มทฺทิตฺวา คณฺหีติปิ อนนฺตชิโน.
หุเปยฺยาปีติ เอวมฺปิ ภเวยฺย, เอวํวิเธ รูปกายรตเน อีทิเสน าเณน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอวํ นาม กถนฺหิสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส อปรกาเล ทุกฺขปฺปตฺตสฺส ภควนฺตํ อุปคมฺม ปพฺพชิตฺวา มคฺคผลปฏิเวธาย ปจฺจโย ชาโต. ตถาเหส ภควา เตน สมาคมตฺถํ ปทสาว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
๑๒. พาหุลฺลิโกติ ¶ ปจฺจยพาหุลฺลิโก. ปธานวิพฺภนฺโตติ ปธานโต ทุกฺกรจรณโต ปริหีโน. นตฺถิ เอตฺถ อคาริยํ, อคารสฺส หิตํ กสิโครกฺขาทิกมฺมนฺติ อนคาริยา, ปพฺพชฺชา, ตํ อนคาริยํ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ อตฺโถ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึ ปจฺจกฺเข อตฺตภาเว. สยนฺติ อปรปฺปจฺจยา ¶ . อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตโนว าเณน ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปสมฺปชฺชาติ ปาปุณิตฺวา.
อิริยายาติ ทุกฺกรอิริยาย. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติอาทีสุ มนุสฺสธมฺมโต โลกิยาณโต อุปริ อริยํ กาตุํ อลํ สมตฺโถ อลมริโย. าณทสฺสนวิเสโสติ สพฺพฺุตฺาณสฺส ปุพฺพภาคํ อธิปฺเปตํ. โนติ นุ. ภาสิตเมตนฺติ เอวรูปเมตํ วากฺยเภทนฺติ อตฺโถ. เต จ ‘‘ยทิ เอส ปธานกาเล ‘อหํ อรหา’ติ วเทยฺย, มยฺจ สทฺทหาม, น จาเนน ตทา วุตฺตํ. อิทานิ ปน วิชฺชมานเมว คุณํ วทตี’’ติ เอกปเทน สตึ ลภิตฺวา ‘‘พุทฺโธ ชาโต’’ติ อุปฺปนฺนคารวา อาวุโสวาทํ ปหาย ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. อฺา จิตฺตนฺติ อฺาย อรหตฺตปฺปตฺติยา จิตฺตํ.
๑๓. อนฺตาติ โกฏฺาสา ทฺเว ภาคา. กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามสุขสฺส อนุภโว. กิเลสกามา เอว วา อามิสสุเขน อลฺลียนโต กามสุขลฺลิกาติ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. คมฺโมติ คามวาสีนํ สนฺตโก. อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถสฺส กณฺฏกเสยฺยาทิทุกฺขสฺส อนุโยโค. อุโภ อนฺเตติ ยถาวุตฺเต โลโภ วา สสฺสโต วา เอโก อนฺโต, โทโส วา อุจฺเฉโท วา เอโกติ เวทิตพฺโพ.
จกฺขุกรณีติอาทีสุ อตฺตนา สมฺปยุตฺตาณจกฺขุํ กโรตีติ จกฺขุกรณี. ทุติยํ ตสฺเสว เววจนํ. อุปสโมติ กิเลสุปสโม. อภิฺา, สมฺโพโธ จ จตุสจฺจปฏิเวโธว. นิพฺพานํ อสงฺขตธาตุ. เอเตสมฺปิ อตฺถาย สํวตฺตตีติ ปฏิปทํ โถเมติ. สมฺมาทิฏฺีติ าณํ. สมฺมาสงฺกปฺโปติ วิตกฺโก. เสสํ ธมฺมโต สุวิฺเยฺยเมว.
๑๔. เอวํ ¶ จตฺตาโรปิ มคฺเค เอกโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตหิ มคฺเคหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ชาติปิ ทุกฺขาติอาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ ภเว นิพฺพตฺตมานานํ สตฺตานํ สพฺพปมํ รูปารูปธมฺมปฺปวตฺติ อิธ ชาติ นาม, สา จ ตตฺถ ตตฺถ ภเวสุ อุปลพฺภมานานํ ทุกฺขาทีนํ วตฺถุภาวโต ทุกฺขา, เอวํ ชราทีสุ ทุกฺขวตฺถุกตาย ทุกฺขตา เวทิตพฺพา. ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ปน ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขวเสน ทุกฺขา เอว. โปโนภวิกาติ ปุนพฺภวกรณํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน, ปุนพฺภโว สีลเมติสฺสาติ โปโนภวิกา. นนฺทิราคสหคตาติ เอตฺถ รูปาทีสุ นนฺทติ ปิยายตีติ นนฺที, สา เอว ราโคติ นนฺทิราโคติ ภาวปฺปธาโนยํ นิทฺเทโส, นนฺทิราคตฺตนฺติ ¶ อตฺโถ. เตน สหคตานิ นนฺทิราคสหคตา. ตตฺร ตตฺราติ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว. รูปาทีสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ กามสฺสาทนวเสน ปวตฺตา กามตณฺหา นาม. สสฺสตทิฏฺิยา สห ปวตฺตา ภวตณฺหา. อุจฺเฉททิฏฺิยา สห ปวตฺตา วิภวตณฺหา. อเสสวิราคนิโรโธติอาทินา นิพฺพานเมว วุจฺจติ. ตตฺถ วิรชฺชนํ วิคมนํ วิราโค. นิรุชฺฌนํ นิโรโธ. อุภเยนาปิ สุฏฺุ วิคโมว วุจฺจติ. อเสสายปิ ตณฺหาย วิราโค, นิโรโธ จ เยน โหติ, โส อเสสวิราคนิโรโธ, นิพฺพานเมว. ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม ตณฺหํ, วฏฺฏฺจ จชนฺติ ปฏินิสฺสชฺชนฺติ วิมุจฺจนฺติ น อลฺลียนฺติ, ตสฺมา จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโยติ วุจฺจติ.
๑๕. จกฺขุนฺติอาทีนิ าณเววจนาเนว.
๑๖. ยาวกีวฺจาติ ยตฺตกํ กาลํ. ติปริวฏฺฏนฺติ สจฺจาณ, กิจฺจาณ, กตาณสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปริวฏฺฏานํ วเสน ติปริวฏฺฏํ าณทสฺสนํ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อิทํ ทุกฺขสมุทย’’นฺติ เอวํ จตูสุ สจฺเจสุ ยถาภูตาณํ สจฺจาณํ นาม. เตสุ เอว ‘‘ปริฺเยฺยํ ปหาตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ ภาเวตพฺพ’’นฺติ เอวํ กตฺตพฺพกิจฺจชานนาณํ กิจฺจาณํ นาม. ‘‘ปริฺาตํ ปหีนํ สจฺฉิกตํ ภาวิต’’นฺติ ตสฺส กิจฺจสฺส กตภาวชานนาณํ กตาณํ นาม. ทฺวาทสาการนฺติ เตสเมว เอเกกสฺมึ สจฺเจ ติณฺณํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน ทฺวาทสาการํ.
อภิสมฺพุทฺโธติ ปจฺจฺาสินฺติ อภิสมฺพุทฺโธ อรหตฺตํ ปตฺโตติ เอวํ น ปฏิชานึ. ยโต จ โขติ ยโต โพธิมูเล นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย ¶ . อถาหนฺติ ตโต ปรํ อหํ. าณฺจ ปน เมติ ปจฺจเวกฺขณาณํ สนฺธาย วทติ. อกุปฺปา เมติอาทิ ตสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํ. ตตฺถ อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลํ ตสฺส มคฺคสงฺขาตการณโต จ อารมฺมณโต จ อกุปฺปตา เวทิตพฺพา.
อิมสฺมึ ปน เวยฺยากรณสฺมินฺติ นิคฺคาถสุตฺเต. ภฺมาเนติ ภณิยมาเน. ธมฺมจกฺขุนฺติ อิธ จตุสจฺจธมฺเมสุ จกฺขุกิจฺจกรณโต โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ยํ กิฺจีติอาทิ นิพฺพานารมฺมณตฺเตปิ กิจฺจวเสน อสมฺโมหโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
๑๗. ธมฺมจกฺกนฺติ ปฏิเวธาณธมฺมฺเจว เทสนาาณธมฺมฺจ ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ ¶ . โอภาโสติ สพฺพฺุตฺาณานุภาเวน ปวตฺโต จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา ิโต โอภาโส.
๑๘. ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เอส นโย เสเสสุปิ. อตฺตโน ปจฺจกฺขโต อธิคตตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ น ปวตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโย. เอหิ ภิกฺขูติ เอตฺตเก วุตฺตมตฺเต ปพฺพชฺชา, อุปสมฺปทา จ สิชฺฌติ, เตเนว ตตฺถ อิติ-สทฺเทน ปริจฺเฉโท ทสฺสิโตติ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายาติ วจนปริโยสาเน เอว อุปสมฺปทา สิชฺฌติ, อฏฺกถายํ ปน ‘เอหิ ภิกฺขูติ ภควโต วจเนนา’ติ อิทํ เอหิภิกฺขุสทฺโทปลกฺขิตวจนํ เอหิภิกฺขุวจนนฺติอาทิปทวเสน วุตฺตํ มุสาวาทวคฺโคติอาทีสุ วิยา’’ติ วทนฺติ, ตเทตํ ปมปาราชิกฏฺกถายํ ‘‘ภควา หิ…เป… เอหิ ภิกฺขุ, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ ภิกฺขูปทภาชนียวณฺณนา) อิมินา วจเนน สเมติ. ยตฺตกฺหิ ภควตา นิยเมน วุจฺจติ, ตตฺตกํ สพฺพมฺปิ องฺคเมว. เสกฺขปุถุชฺชนานฺหิ เอตํ ปริปุณฺณํ วุจฺจติ, อเสกฺขานํ ปน ‘‘จร พฺรหฺมจริย’’นฺติ ปริโยสานนฺติ ทฏฺพฺพํ สิกฺขตฺตยสมิทฺธิโต. โลกิยสมฺปทาหิ อุปริภูตา เสฏฺภูตา สมฺปทาติ อุปสมฺปทา.
๑๙-๒๑. นีหารภตฺโตติ ภิกฺขูหิ คามโต นีหริตฺวา ทินฺนภตฺโต. กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุ. เอตํ มมาติอาทิ ยถากฺกมํ ตณฺหามานทิฏฺิคาหานํ ทสฺสนํ.
๒๒-๒๓. ตสฺมา ¶ ติหาติ เอตฺถ ติหาติ นิปาตมตฺตํ, ตสฺมาติ อตฺโถ. นิพฺพินฺทตีติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาวเสน อุกฺกณฺติ. วิรชฺชตีติ จตุนฺนํ มคฺคานํ วเสน น รชฺชติ. วิมุจฺจตีติ ผลวเสน วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมินฺติอาทิ ปจฺจเวกฺขณาณทสฺสนํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. กรณียํ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปจฺเจกํ กตฺตพฺพํ ปริฺาทิวเสน โสฬสวิธํ กิจฺจํ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวาย โสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา อปรํ ปุน มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานโต อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ น ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.
ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๑๕. อาฬมฺพรนฺติ ปณวํ. วิเกสิกนฺติ วิปฺปกิณฺณเกสํ. วิกฺเขฬิกนฺติ วิสฺสนฺทมานลาลํ ¶ . สุสานํ มฺเติ สุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพนฺโธ. อุทานํ อุทาเนสีติ สํเวควสปฺปวตฺตํ วจนํ นิจฺฉาเรสิ. อุปสฺสฏฺนฺติ ทุกฺเขน สมฺมิสฺสํ, ทุกฺโขติณฺณํ สพฺพสตฺตกายชาตนฺติ อตฺโถ.
๒๖. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาห. อนุปุพฺพึ กถนฺติ อนุปฏิปาฏิกถํ. อาทีนวนฺติ โทสํ. โอการนฺติ นิหีนตา นิหีนชนเสวิตตฺตา. สํกิเลสนฺติ เตหิ สตฺตานํ สํกิเลสนํ, สํกิเลสวิสยนฺติ วา อตฺโถ. กลฺลจิตฺตนฺติ อโรคจิตฺตํ. สามํ อตฺตนาว อุกฺกํโส อุกฺขิปนํ เอติสฺสนฺติ สามุกฺกํสิกา, สจฺจเทสนา. ตสฺสา สรูปทสฺสนํ ‘‘ทุกฺข’’นฺติอาทิ.
๒๗. อสฺสทูเตติ อสฺสอารุฬฺเห ทูเต. อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อิทฺธิกิริยํ. อภิสงฺขเรสิ อกาสิ.
๒๘. ยถาทิฏฺนฺติ ปมมคฺเคน ทิฏฺํ จตุสฺสจฺจภูมึ เสสมคฺคตฺตเยน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, ปสฺสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. มาตุ โน ชีวิตนฺติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ, มาตุ ชีวิตนฺติ อตฺโถ. ยสสฺส ขีณาสวตฺตา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จร พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอตฺตเกเนว ภควา อุปสมฺปทํ อทาสิ. ขีณาสวานฺหิ เอตฺตเกเนว อุปสมฺปทา อนฺุาตา ปุพฺเพว ทุกฺขสฺส ปริกฺขีณตฺตา. จร พฺรหฺมจริยนฺติ สาสนพฺรหฺมจริยสงฺขาตํ สิกฺขาปทปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น มคฺคพฺรหฺมจริยํ.
๓๐. เสฏฺานุเสฏฺีนนฺติ ¶ เสฏฺิโน จ อนุเสฏฺิโน จ ปเวณีวเสน อาคตา เยสํ กุลานํ สนฺติ, เตสํ เสฏฺานุเสฏฺีนํ กุลานํ. โอรโกติ ลามโก.
๓๒-๓๓. มา เอเกน ทฺเวติ เอเกน มคฺเคน ทฺเว ภิกฺขู มา อคมิตฺถ. วิสุทฺเธ สตฺเต, คุเณ วา มาเรตีติ มาโร. ปาเป นิยุตฺโต ปาปิมา.
สพฺพปาเสหีติ สพฺพกิเลสปาเสหิ. เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย ทิพฺพกามคุณนิสฺสิตา, มานุสกกามคุณนิสฺสิตา จ กิเลสปาสา นาม อตฺถิ, สพฺเพหิ เตหิ. ‘‘ตฺวํ พุทฺโธ’’ติ เทวมนุสฺเสหิ กริยมานสกฺการสมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธาย วทติ.
อนฺตลิกฺเข ¶ จรนฺเต ปฺจาภิฺเปิ พนฺธตีติ อนฺตลิกฺขจโร, ราคปาโส. มาโร ปน ปาสมฺปิ อนฺตลิกฺขจรํ มฺติ. มานโสติ มโนสมฺปยุตฺโต.
ชานาติ มนฺติ โส กิร ‘‘มหานุภาโว อฺโ เทวปุตฺโต นิวาเรตีติ ภีโต นิวตฺติสฺสติ นุ โข’’ติสฺาย วตฺวา ‘‘นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ วุตฺเต ‘‘ชานาติ ม’’นฺติ ทุมฺมโน ปลายิ.
๓๔. ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ ยสฺมา เอหิภิกฺขุภาวาย อุปนิสฺสยรหิตานมฺปิ ปพฺพชิตุกามตา อุปฺปชฺชิสฺสติ, พุทฺธา จ เต น ปพฺพาเชนฺติ, ตสฺมา เตสมฺปิ ปพฺพชฺชาวิธึ ทสฺเสนฺโต เอวํ ปริวิตกฺเกสีติ ทฏฺพฺพํ. อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ปน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพชนฺติ. เย ปฏิกฺขิตฺตปุคฺคลาติ สมฺพนฺโธ. สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา’’ติอาทิวจนโต เกสจฺเฉทนกาสายจฺฉาทนสรณทานานิ ปพฺพชฺชา นาม, เตสุ ปจฺฉิมทฺวยํ ภิกฺขูหิ เอว กาตพฺพํ, กาเรตพฺพํ วา. ‘‘ปพฺพาเชหี’’ติ อิทํ ติวิธมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ. ภิกฺขูนฺหิ อนาโรเจตฺวา เอกสีมาย ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ อฺํ อาณาเปตุมฺปิ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสาทิจฺเฉทนเมว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา. ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ, อนุปสมฺปนฺเนน ภิกฺขุอาณตฺติยา ทินฺนมฺปิ สรณํ น รุหติ.
ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปนฺโน. นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวนฺติ ‘‘เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สฺุโ ¶ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตู’’ติอาทินยํ สงฺคณฺหาติ, สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑๑) อาคตนเยน คเหตพฺพํ. ปุพฺเพติ ปุพฺพพุทฺธุปฺปาเทสุ. มทฺทิตสงฺขาโรติ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตํ. ภาวิตภาวโนติ สมถวเสนาปิ.
กาสายานิ ติกฺขตฺตุํ วา…เป… ปฏิคฺคาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘สพฺพทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อิมํ กาสาวํ คเหตฺวา’’ติ วา ‘‘ตํ กาสาวํ ทตฺวา’’ติ วา วตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต, อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ เอวํ ยาจนปุพฺพกํ จีวรํ ปฏิจฺฉาเปติ. อถาปีติอาทิ ติกฺขตฺตุํ ปฏิคฺคาหาปนโต ปรํ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนํ. อถาปีติ ตโต ปรมฺปีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘จีวรํ อปฺปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพชนปฺปการเภททสฺสนตฺถํ ‘‘อถาปี’’ติ วุตฺตํ, อถาปีติ จ อถ วาติ อตฺโถ’’ติ วทนฺติ. ‘‘อทินฺนํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมินา ปพฺพชฺชา น รุหตีติ ทสฺเสติ.
ปาเท ¶ วนฺทาเปตฺวาติ ปาทาภิมุขํ นมาเปตฺวา. ทูเร วนฺทนฺโตปิ หิ ปาเท วนฺทตีติ วุจฺจติ. อุปชฺฌาเยน วาติ เอตฺถ ยสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาติ, อยํ อุปชฺฌาโย. อาภิสมาจาริเกสุ วินยนตฺถํ ยํ อาจริยํ กตฺวา นิยฺยาเตนฺติ, อยํ อาจริโย. สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว สพฺพํ สิกฺขาเปติ, อฺสฺมึ น นิยฺยาเตติ, อุปชฺฌาโยวสฺส อาจริโยปิ โหติ, ยถา อุปสมฺปทากาเล สยเมว กมฺมวาจํ วาเจนฺโต อุปชฺฌาโยว กมฺมวาจาจริโยปิ โหติ.
อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา วิจฺเฉโท น กาตพฺโพติ อาห ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ.
‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพ’’ติ อิมินา เสขิยวตฺตขนฺธกวตฺเตสุ, อฺเสุ
จ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทิโลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ สามเณเรหิ วตฺติตพฺพํ, ตตฺถ อวตฺตมาโน อลชฺชี, ทณฺฑกมฺมารโห จ โหตีติ ทสฺเสติ.
ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยมารกถาวณฺณนา
๓๕. ปาฬิยํ ¶ อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ อนุปาปุณาถาติ ‘‘ขีณาสวา มยํ, กึ อมฺหากํ ปธาเนนา’’ติ วาสนาโทเสน โวสานํ อนาปชฺชิตฺวา ปนฺเตสุ เสนาสเนสุ ผลสมาปตฺติยาว วีตินามนตฺถํ, ตํ ทิสฺวา อฺเสมฺปิ ทิฏฺานุคติสมาปชฺชนตฺถฺจ โอวทตีติ เวทิตพฺพํ.
ทุติยมารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภทฺทวคฺคิยกถาวณฺณนา
๓๖. อิทํ เนสํ ปุพฺพกมฺมนฺติ เตสํ ตึสชนานํ เอกโต อภิสมยสฺส ปุพฺพกมฺมํ. อฺมฺปิ เตสํ ปจฺเจกํ ปุพฺพพุทฺธุปฺปาเทสุ สทฺธมฺมสฺสวนสรณคมนทานสีลสมาธิวิปสฺสนาสมาโยควเสน พหุํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อตฺเถวาติ คเหตพฺพํ. อิตรถา หิ ตทเหว ปฏิเวโธ, เอหิภิกฺขุภาวาทิวิเสโส จ น สมฺปชฺเชยฺย.
ภทฺทวคฺคิยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา
๓๗-๓๘. ปาฬิยํ ¶ อครูติ ภาริยํ น สิยาติ อตฺโถ. อุภินฺนํ สโชติภูตานนฺติ อุโภสุ สโชติภูเตสุ. ปตฺเต ปกฺขิปีติ ตํ นาคํ นิหตเตชํ ธมฺมเทสนาย สนฺตปฺเปตฺวา สรณสีลานิ ทตฺวา สกลรตฺตึ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตฺวา ิตํ ชฏิลานํ ทสฺสนตฺถํ ปตฺเต ปกฺขิปิ, น อหิตุณฺฑิโก วิย พลกฺกาเรนาติ เวทิตพฺพํ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม.
๓๙. อชฺชณฺโหติ อชฺช เอกทิวสํ. อคฺคิสาลมฺหีติ อคฺยาคาเร. สุมนานํ พุทฺธานํ มนสา สทิโส มโน อสฺสาติ สุมนมนโส. อธิจิตฺโตติ มหากรุณาทีหิ อธิจิตฺโต. อุทิจฺฉเรติ อุลฺโลเกสุํ, ปริวาเรสุนฺติ อตฺโถ. อเนกวณฺณา อจฺจิโยติ ฉพฺพณฺณรํสิโย วุตฺตา. อหํ เต ธุวภตฺเตน ปฏิมานนํ กริสฺสามีติ เสโส.
๔๐. อภิกฺกนฺตาย ¶ รตฺติยาติ ปริกฺขีณาย รตฺติยา, มชฺฌรตฺติสมเยติ อตฺโถ. อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปจฺฉวิวณฺณา. เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺทสฺส อนวเสสตฺโถ, กปฺป-สทฺทสฺส สมนฺตภาโว, ตสฺมา อนวเสสํ สมนฺตโต วนสณฺฑนฺติ อตฺโถ. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ. ยตฺร หิ นามาติ ยํ นาม.
๔๓. องฺคมคธาติ องฺคมคธรฏฺวาสิโน. อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ อภิฺิทฺธิเยว ปฏิปกฺขานํ ติตฺถิยานํ, เวเนยฺยสตฺตคตโทสานฺจ หรณโต อปนยนโต ปาฏิหาริยํ, ตํ ตํ วา สตฺตหิตํ ปฏิจฺจ หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, ตเทว ปาฏิหาริยํ. อิทฺธิ เอว ปาฏิหาริยํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ.
๔๔. ปํสุกูลํ อุปฺปนฺนํ โหตีติ ปุณฺณาย ทาสิยา สรีรํ ปริกฺขิปิตฺวา ฉฑฺฑิตํ สาณมยํ กิมิกุลากุลํ ปริเยสนวเสน อุปฺปนฺนํ โหติ, ยํ ภควา ภูมึ กมฺเปนฺโต ปารุปิตฺวา ปจฺฉา มหากสฺสปตฺเถรสฺส อทาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. กตฺถ นุ โขติอาทิปริวิตกฺโก ชฏิลานํ วิวิธปาฏิหาริยทสฺสนตฺถํ กโต. ปาณินา ขณนฺโต วิย อิทฺธิยา มตฺติกํ อปเนตฺวา ทินฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปาณินา โปกฺขรณึ ขณิตฺวา’’ติ.
๔๖. ผาลิยนฺตุ, กสฺสป, กฏฺานีติ อุรุเวลกสฺสเปน นิเวทิเต เอวมโวจาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ เสเสสุปิ.
๔๙. อนฺตรฏฺกาสุ ¶ หิมปาตสมเยติ เอตฺถ มาฆมาสสฺส อวสาเน จตสฺโส, ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตสฺโสติ เอวํ อุภินฺนํ มาสานํ อนฺตเร อฏฺรตฺติโย อนฺตรฏฺกา นาม. ตาสุ อนฺตรฏฺกาสุ รตฺตีสุ หิมปาตกาเล. อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ สหสา ตทุภยกรณวเสน วุตฺตํ.
๕๐. อุทกวาหโกติ อุทโกโฆ. เรณุหตายาติ รโชกิณฺณาย, อตินฺตายาติ อตฺโถ. นาวายาติ กุลฺเลน. อิทํ นุ ตฺวํ มหาสมณาติ อิธ นุ ตฺวํ. ธ-การสฺส ท-การํ, อนุสารฺจ กตฺวา ‘‘อิทํ นู’’ติ วุตฺตํ ‘‘เอกมิทาห’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๖๕, ๒๖๕) วิย. ‘‘อิมสฺมึ ปเทเส ตฺวํ นุ โข ิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. อยมหมสฺมีติ อยมหํ อิธ ิโตสฺมีติ อตฺโถ.
๕๑. จิรปฏิกาติ ¶ จิรกาลโต ปฏฺาย. เกสมิสฺสํ สพฺพํ ปริกฺขารํ อุทเก ปวาเหตฺวาติปิ โยเชตพฺพํ. อรณิกมณฺฑลุอาทิกา ตาปสปริกฺขารา ขารี นาม, ตํหรณกกาชํ ขาริกาชํ นาม. อคฺคิหุตมิสฺสนฺติ อคฺคิปูโชปกรณสหิตํ.
๕๒-๓. อุปสคฺโคติ อุปทฺทโว. ‘‘อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานี’’ติ อิทํ นาคทมนาทีนิ ปนฺนรส ปาฏิหาริยานิ วชฺเชตฺวา วุตฺตํ อปฺปกมธิกํ คณนูปคํ น โหตีติ.
๕๔. คยายนฺติ คยานามิกาย นทิยา อทูรภวตฺตา คาโม อิตฺถิลิงฺควเสน คยา นาม ชาโต, ตสฺสํ. คยาสีเสติ เอวํนามเก ปิฏฺิปาสาเณ.
‘‘ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา…เป… สุขํ วา’’ติอาทินา จกฺขุวิฺาณวีถิจิตฺเตสุ โสมนสฺสโทมนสฺสอุเปกฺขาเวทนามุเขน เสสารูปกฺขนฺธานมฺปิ อาทิตฺตตํ ทสฺเสติ. เอส นโย เสเสสุปิ. มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ มโนทฺวารสฺส อธิปฺเปตตฺตา. มโนวิฺาณนฺติ มโนทฺวารวีถิปอยาปนฺนเมว คหิตํ.
อุรุเวลปาฏิหาริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา
๕๕. ยฺา ¶ อภิวทนฺตีติ ยาคเหตุ อิชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. อุปธีสูติ เอตฺถ ทุกฺขสุขาทีนํ อธิฏฺานฏฺเน จตฺตาโร อุปธี กามขนฺธกิเลสอภิสงฺขารูปธีนํ วเสน. เตสุ ขนฺธูปธิ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขนฺธูปธีสุ มลนฺติ ตฺวา’’ติ. ยฺาติ ยฺเหตุ. ยิฏฺเติ มหายาเค. หุเตติ ทิวเส ทิวเส กตฺตพฺเพ อคฺคิปริจรเณ. กึ วกฺขามีติ กถํ วกฺขามิ.
๕๗-๘. อาสีสนาติ มโนรถา. สิงฺคีสุวณฺณนิกฺเขนาติ สิงฺคีสุวณฺณสฺส ราสินา. สุวณฺเณสุ หิ ยุตฺติกตํ หีนํ. ตโต รสวิทฺธํ เสฏฺํ, ตโต อากรุปฺปนฺนํ เสฏฺํ, ตโต ยํกิฺจิ ทิพฺพสุวณฺณํ เสฏฺํ ¶ , ตตฺราปิ จามีกรํ, ตโต สาตกุมฺภํ, ตโต ชมฺพุนทํ, ตโตปิ สิงฺคีสุวณฺณํ เสฏฺํ. ตสฺส นิกฺขํ นาม ปฺจสุวณฺณปริมาณํ. อฏฺสุวณฺณาทิเภทํ อเนกวิธมฺปิ วทนฺติ. ทสสุ อริยวาเสสูติ –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการกฺโข จตุราปสฺเสโน ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ สมวยสฏฺเสโน อนาวิลสงฺกปฺโป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโ’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๑๙) –
เอวมาคเตสุ ทสสุ อริยวาเสสุ. ตตฺถ ปฺจงฺควิปฺปหีโนติ ปฺจนีวรเณหิ วิปฺปยุตฺตตา วุตฺตา. ฉฬงฺคสมนฺนาคโตติ อิฏฺาทีสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ โสมนสฺสิตาทิปฏิปกฺขา ฉฬงฺคุเปกฺขา วุตฺตา. เอการกฺโขติ อุปฏฺิตสติตา. สงฺขายเสวนา อธิวาสนา ปริวชฺชนา วิโนทนาสงฺขาตานิ จตฺตาริ อปสฺเสนา นิสฺสยา เอตสฺสาติ จตุราปสฺเสโน, เอเตน จ เต นิสฺสยา ทสฺสิตา. ปณุนฺนานิ อปนีตานิ ทิฏฺิคติเกหิ ปจฺเจกํ คหิตานิ ทิฏฺิสจฺจานิ ยสฺส, โส ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ, เตน โลกิยาเณน ทิฏฺิปฺปหานํ วุตฺตํ. กาเมสนา ภเวสนาพฺรหฺมจริเยสนาสงฺขาตา เอสนา สมฺมเทว อวยา อนูนา สฏฺา นิสฏฺา อเนนาติ สมวยสฏฺเสโน. เอเตน ติณฺณํ เอสนานํ อภาโว วุตฺโต. ‘‘อนาวิลสงฺกปฺโป’’ติ อิมินา กามวิตกฺกาทีหิ อนาวิลจิตฺตตา. ‘‘ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร’’ติ อิมินา จตุตฺถชฺฌานสมาโยเคน วิคตทรถตา วุตฺตา. ‘‘สุวิมุตฺตจิตฺโต’’ติ อิมินา มคฺโค. ‘‘สุวิมุตฺตปฺโ’’ติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณมุเขน ผลาณํ วุตฺตํ. เอเต หิ อริยา วสนฺติ เอตฺถาติ อริยวาสาติ วุจฺจนฺติ ¶ . เต ปน วาสา วุตฺถา วสิตา สมฺปาทิตา เยน, โส วุตฺถวาโส, ภควา. ทสพโลติ ทสหิ กายพเลหิ, าณพเลหิ จ อุเปโต. ยานิ เหตานิ –
‘‘กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๒๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฏฺ. ๗๖๐; อุทา. อฏฺ. ๗๕; พุ. ว. อฏฺ. ๑.๓๙; จูฬนิ. อฏฺ. ๘๑; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๔) –
เอวํ ¶ วุตฺตานิ ทสหตฺถิกุลานิ ปุริมปุริมโต ทสพลคุโณเปตานิ, เตสุ สพฺพเชฏฺานํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ พลานิ ภควโต กายสฺส ทสพลานิ นาม. ตฺจ กาฬาวกสงฺขาตานํ ปกติหตฺถีนํ โกฏิสหสฺสสฺส, มชฺฌิมปุริสานํ ปน ทสนฺนํ โกฏิสหสฺสานฺจ พลํ โหติ, ตํ ‘‘นารายนสงฺฆาตพล’’นฺติปิ วุจฺจติ.
ยานิ ปเนตานิ ปาฬิยํ ‘‘อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๑; วิภ. ๗๖๐; ปฏิ. ม. ๒.๔๔) วุตฺตานิ านาานาณพลํ, กมฺมวิปากาณพลํ, สพฺพตฺถคามินิปฏิปทาาณพลํ, อเนกธาตุนานาธาตุโลกาณพลํ, สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตาาณพลํ, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณพลํ, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสโวทานวุฏฺานาณพลํ, ปุพฺเพนิวาสาณพลํ, ทิพฺพจกฺขุาณพลํ, อาสวกฺขยาณพลนฺติ ทสพลาณานิ, อิมานิ ภควโต ทสพลานิ นาม. ทสหิ อเสกฺเขหิ องฺเคหีติ อรหตฺตผลสมฺปยุตฺเตหิ ปาฬิยํ ‘‘อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺิ…เป… อเสกฺโข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐) เอวํ วุตฺเตหิ ทสหิ อเสกฺขธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. เอตฺถ จ ทสฺสนฏฺเน วุตฺตา สมฺมาทิฏฺิ เอว ชานนฏฺเน สมฺมาาณนฺติปิ วุตฺตา, วุตฺตาวเสสา ปน ผลจิตฺตสมฺปยุตฺตา สพฺเพ ผสฺสาทิธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา
๖๐. สารีพฺราหฺมณิยา ¶ ปุตฺโต สาริปุตฺโต. โมคฺคลีพฺราหฺมณิยา ปุตฺโต โมคฺคลฺลาโน. ฉนฺนปริพฺพาชกสฺสาติ เสตวตฺเถน หิริโกปีนํ ฉาเทตฺวา วิจรณกปริพฺพาชกสฺส, เตน ‘‘นายํ นคฺคปริพฺพาชโก’’ติ ทสฺเสติ. ‘‘อุปฺาต’’นฺติ อิมสฺส วิวรณํ าโต เจวาติ. ‘‘มคฺค’’นฺติ อิมสฺส วิวรณํ อุปคโต จ มคฺโคติ. เตน จ อุปฺาตนฺติ เอตฺถ าต-สทฺโท าณปริยาโย. มคฺคนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน มคฺโคว วุตฺโต. อุปสทฺโท จ อุปคมนตฺโถ มคฺคสทฺเทนปิ สมฺพนฺธิตพฺโพติ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ¶ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนํ นาม อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ อุปคตาณฺเจว โหติ, เตหิ อุปคโต ปฏิปนฺโน มคฺโค จ, ตสฺมา ยํนูนาหํ อนุพนฺเธยฺยนฺติ. อุปฺาตํ นิพฺพานนฺติ อุปปตฺติยา อนุมาเนน าตํ นิพฺพานํ. ‘‘มคฺค’’นฺติ อิมสฺส วิวรณํ มคฺคนฺโตติ, อนุมาเนน าตํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนตฺถาย คเวสนฺโตติ อตฺโถ.
นิโรโธ จ นิโรธูปาโย จ เอกเสเสน นิโรโธติ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ปฏิปาเทนฺโตติ นิคเมนฺโต.
อิโต อุตฺตรีติ อิโต มยา ลทฺธโสตาปตฺติโต อุตฺตริ อิตรมคฺคตฺตยํ ยทิปิ นตฺถิ, ตถาปิ เอโส เอว มยา คเวสิโต นิพฺพานธมฺโมติ อตฺโถ.
๖๒-๓. ตทารมฺมณายาติ นิพฺพานารมฺมณาย โสตาปตฺติผลวิมุตฺติยา. เตสํ อายสฺมนฺตานนฺติ สปริสานํ เตสํ ทฺวินฺนํ ปริสานํ ตสฺมึเยว ขเณ ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, อคฺคสาวกา ปน อตฺตโน าณกิจฺจสฺส มหนฺตตาย กติปาหจฺจเยน. เตนาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิ. อุสูยนกิริยาย กมฺมภาวํ สนฺธาย ‘‘อุปโยคตฺเถวา’’ติ วุตฺตํ.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา
๖๔. วชฺชาวชฺชนฺติ ขุทฺทกํ, มหนฺตฺจ วชฺชํ. อุตฺติฏฺปตฺตนฺติ เอตฺถ อุตฺติฏฺํ นาม ปิณฺฑาย จรณํ วุจฺจติ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๖๘) วิย. อุตฺติฏฺตฺถาย ¶ คหิตํ ปตฺตํ อุตฺติฏฺปตฺตํ, เตนาห ‘‘ปิณฺฑาย จรณกปตฺต’’นฺติ. ตสฺส อุปนาเม โก โทโสติ อาห ‘‘ตสฺมึ หี’’ติอาทิ. ตสฺมาติ ยสฺมา มนุสฺสา เอตสฺมึเยว เอเต ภฺุชนฺตีติ อุตฺติฏฺปตฺเต อุจฺฉิฏฺสฺิโน, ตสฺมา อุตฺติฏฺปตฺตนฺติ วุตฺตํ อุตฺติฏฺ-สทฺเทเนว มนุสฺสานํ สฺาย อุจฺฉิฏฺตาปิ คมฺมตีติ. เกจิ ปน ‘‘อุจฺฉิฏฺสทฺเทน สมานตฺโถ อุตฺติฏฺสทฺโท’’ติ วทนฺติ. ‘‘อุตฺติฏฺา’’ติ ตฺวาปจฺจยนฺโตปิ โหตีติ อาห ‘‘อุฏฺหิตฺวา’’ติ. อุปชฺฌายํ คเหตุนฺติ อุปชฺฌายตฺตํ ¶ มนสา คเหตุํ, ยาจนวจเนน ตสฺส อนุมตึ คเหตุนฺติ วา อตฺโถ.
๖๕. ปติสฺสยนํ ปติสฺโส, ครุํ นิสฺสาย วตฺตนภาโว, ยํกิฺจิ คารวนฺติ อตฺโถ. สห ปติสฺเสน สปฺปติสฺโส, ปรํ เชฏฺํ กตฺวา ตสฺโสวาเท วตฺตนตาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เชฏฺกภาวฺจ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ. สาหูติ สาธุ สุนฺทรํ. ลหูติ อครุ, สุภรตาติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, เอวํ ปฏิปชฺชนํ นิตฺถรณูปาโยติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ สามีจิกมฺมมิทนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน กายวจีปโยเคน สมฺปาเทหีติ อตฺโถ. กาเยนาติ เอตทตฺถวิฺาปกํ หตฺถมุทฺทาทึ ทสฺเสนฺโต กาเยน วิฺาเปติ. สาธูติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายาติ อุปชฺฌาเยน ‘‘สาหู’’ติอาทีสุ วุตฺเตสุ สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนํ วจนํ สนฺธาย ‘‘กาเยน วิฺาเปตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อายาจนทานมตฺเตนาติ สทฺธิวิหาริกสฺส ปมํ อายาจนมตฺเตน, ตโต อุปชฺฌายสฺส จ ‘‘สาหู’’ติอาทินา วจนมตฺเตนาติ อตฺโถ.
๖๖. อสฺสาติ สทฺธิวิหาริกสฺส. ทฺเว จีวรานีติ อุตฺตราสงฺคํ, สงฺฆาฏิฺจ สนฺธาย วทติ. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ น-การโต ปฏฺาย, เตน ‘‘นาติทูเร’’ติอาทีสุ น-การปฏิสิทฺเธสุ อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ อาปทาอุมฺมตฺตขิตฺตจิตฺตเวทนฏฺฏตาทีหิ วินา ปณฺณตฺตึ อชานิตฺวาปิ วทนฺตสฺส คิลานสฺสปิ ทุกฺกฏเมว. อาปทาสุ หิ อนฺตรนฺตรา กถา วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอวมฺเสุปิ น-การปฏิสิทฺเธสุ อีทิเสสุ, อิตเรสุ ปน คิลาโนปิ น มุจฺจติ. ปาฬิยํ ‘‘เหฏฺาปีํ วา ปรามสิตฺวา’’ติ อิทํ ปุพฺเพ ตตฺถ ปิตปตฺตาทินา อสงฺฆฏฺฏนตฺถาย วุตฺตํ, จกฺขุนา โอโลเกตฺวาปิ อฺเสํ อภาวํ ตฺวาปิ เปตุํ วฏฺฏติ เอว. อาปตฺติยา อาสนฺนนฺติ อาปตฺติกรณเมว.
คาเมติ อนฺโตคาเม ตาทิเส มณฺฑปาทิมฺหิ. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. ปฏิกฺกมเนติ อาสนสาลายํ. โธตวาลิกายาติ อุทเกน คตฏฺาเน นิรชาย ปริสุทฺธวาลิกาย. นิทฺธูเมติ ชนฺตาฆเร ชลิยมานอคฺคิธูมรหิเต. ชนฺตาฆรฺหิ นาม หิมปาตพหุเลสุ เทเสสุ ตปฺปจฺจยโรคปีฬาทินิวารณตฺถํ ¶ ¶ สรีรเสทาปนฏฺานํ. ตตฺถ กิร อนฺธการปฏิจฺฉนฺนตาย พหูปิ เอกโต ปวิสิตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อคฺคิตาปปริหาราย มตฺติกาย มุขํ ลิมฺปิตฺวา สรีรํ ยาวทตฺถํ เสเทตฺวา จุณฺณาทีหิ อุพฺพฏฺเฏตฺวา นหายนฺติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘จุณฺณํ สนฺเนตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุลฺโลกนฺติ อุทฺธํ โอโลกนฏฺานํ. อุปริภาคนฺติ อตฺโถ.
อฺตฺถ เนตพฺโพติ ยตฺถ วิหรโต สาสเน อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ตโต อฺตฺถ กลฺยาณมิตฺตาทิสมฺปตฺติยุตฺตฏฺาเน เนตพฺโพ. วิสภาคปุคฺคลานนฺติ ลชฺชิโน วา อลชฺชิโน วา อุปชฺฌายสฺส อวฑฺฒิกาเม สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน อุปชฺฌาโย อลชฺชี โอวาทมฺปิ น คณฺหาติ, ลชฺชิโน จ เอตสฺส วิสภาคา โหนฺติ, ตตฺถ อุปชฺฌายํ วิหาย ลชฺชีเหว สทฺธึ อามิสาทิปริโภโค กาตพฺโพ. อุปชฺฌายาทิภาโว เหตฺถ น ปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริเวณํ คนฺตฺวาติ อุปชฺฌายสฺส ปริเวณํ คนฺตฺวา. ‘‘น สุสาน’’นฺติ อิทํ อุปลกฺขณํ, อุปจารสีมโต พหิ คนฺตุกาเมน อนาปุจฺฉา คนฺตุํ น วฏฺฏติ.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สทฺธิวิหาริกวตฺตกถาวณฺณนา
๖๗. สทฺธิวิหาริกวตฺตกถายํ สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพติอาทีสุ อนาทริยํ ปฏิจฺจ ธมฺมามิเสหิ อสงฺคณฺหนฺตานํ อาจริยุปชฺฌายานํ ทุกฺกฏํ วตฺตเภทตฺตา. เตเนว ปริวาเรปิ ‘‘นเทนฺโต อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๒๒) วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สทฺธิวิหาริกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา
๖๘. นสมฺมาวตฺตนาทิกถายํ วตฺตํ น ปูเรยฺยาติ ‘‘วตฺตกรณกาโล’’ติ วตฺถุวิชานนวเสน ตฺวา มานโกสชฺชาทิวเสน วา อุปชฺฌายาทีสุ ¶ อนาทเรน วา ‘‘อกาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อชานนตาย วา น กเรยฺย, ทุกฺกฏเมว. อสฺจิจฺจ อสติยาติอาทีหิ จ อกโรนฺตสฺส ปน อนาปตฺติ. สพฺพานิ หิ วตฺตานิ เสขิยาเนว, ตสฺมา เสขิเยสุ วุตฺตนเยเนเวตฺถ สพฺโพปิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. เคหสฺสิตเปมนฺติ เมตฺตาเปมํ.
สาทิยนํ ¶ วา อสาทิยนํ วา น ชานาตีติ ‘‘มยิ สาทิยนฺเต อกโรนฺตานํ อาปตฺติ โหติ, ปฏิกฺขิปิตฺวา อสาทิยนฺเต อาปตฺติ น โหตี’’ติ เอวํ น ชานาตีติ อตฺโถ. ‘‘เตสุ เอโก วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ…เป… เตสํ อนาปตฺตี’’ติ วจนโต สเจ โกจิ ‘‘ตุมฺหากํ สทฺธิวิหาริเก, อนฺเตวาสิเก วา คิลาเน อุปฏฺหิสฺสามิ, โอวาทานุสาสนิอาทิกํ สพฺพํ กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ วทติ, เต วา สทฺธิวิหาริกาทโย ‘‘อปฺโปสฺสุกฺกา โหถา’’ติ วทนฺติ, วตฺตํ วา น สาทิยนฺติ, อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ อนาปตฺติ.
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา
๖๙. ราธพฺราหฺมณวตฺถุสฺมึ ปาฬิยํ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโตติ สกลสรีเร สฺชาตปณฺฑุวณฺโณ. ปณฺฑุวณฺณสฺส สกลสรีเร พฺยาปิตภาวทสฺสนตฺถฺหิ วิจฺฉาวจนํ กตํ. อธิการนฺติ อุปการํ. กตเวทิโนติ อตฺตโน กตํ อุปการํ ปฏิกิริยาย าปกา. อุปสมฺปทากมฺมวาจาย ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปริโยสาเน วกฺขาม. ปริมณฺฑเลหีติ ปริปุณฺเณหิ.
๗๑-๗๓. ปณฺณตฺติวีติกฺกมนฺติ สิกฺขาปทวีติกฺกมํ. ปาฬิยํ ปิณฺฑิยาโลปโภชนนฺติ ชงฺฆปิณฺฑิมํสพเลน จริตฺวา อาโลปาโลปวเสน ปริยิฏฺโภชนํ. อติเรกลาโภติ ภิกฺขาหารโต อธิกลาโภ. สงฺฆภตฺตาทีนํ วิภาโค เสนาสนกฺขนฺธเก อาวิ ภวิสฺสติ. วิหาโรติ ติณกุฏิกาทิสหิโต ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล สงฺฆาราโม. อฑฺฒโยโคติ เอกสาโล ทีฆปาสาโท. หตฺถิปิฏฺิครุฬสณฺาโน ทีฆปาสาโทติปิ วทนฺติ. ปาสาโทติ จตุรสฺโส อุจฺโจ ¶ อเนกภูมกปาสาโท. หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทโน จนฺทิกงฺคณยุตฺโต นาติอุจฺโจ ปาสาโท. คุหาติ ปพฺพตคุหา. ปูติมุตฺตนฺติ โคมุตฺตํ.
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา
๗๖. สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโนติ ‘‘เอวํ นิวาเสตพฺพ’’นฺติอาทินา สิกฺขาปเทน โอวทิยมาโน. วาทํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘โอลมฺพิตฺวา นิวาสนาทีสุ โก โทโส? ยทิ โทโส ภเวยฺย ¶ , ปริมณฺฑลนิวาสนาทีสุปิ โทโส สิยา’’ติอาทินา นิคฺคหํ อาโรเปตฺวา. ตํเยว ติตฺถายตนนฺติ ทิฏฺิสงฺขาตติตฺถเมว อายตนํ ทุกฺขุปฺปตฺติฏฺานนฺติ ติตฺถายตนํ. อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปณามนาขมาปนากถาวณฺณนา
๘๐. ยํ ปุพฺเพ ลกฺขณํ วุตฺตํ, เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ น เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺธโยชนา ทฏฺพฺพา. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘น เตเนว ลกฺขเณนา’’ติ เอตฺถ น-การํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘เตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ ปมาทลิขิตํ. ตถา หิ เตเนว ลกฺขเณน อาปตฺติภาเว คยฺหมาเน นิสฺสยมุตฺตกสฺสาปิ อมุตฺตกสฺสาปิ อาปตฺติ เอวาติ วุตฺตลกฺขเณน อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. ตถา จ ‘‘นิสฺสยนฺเตวาสิเกน หิ ยาว อาจริยํ นิสฺสาย วสติ, ตาว สพฺพํ อาจริยวตฺตํ กาตพฺพ’’นฺติ อิมินา อนนฺตรวจเนน วิโรโธ สิยา. วิสุทฺธิมคฺเคปิ จ –
‘‘นิสฺสยาจริย, อุทฺเทสาจริย, นิสฺสยนฺเตวาสิก, อุทฺเทสนฺเตวาสิก, สมานาจริยกา ปน ยาว นิสฺสยอุทฺเทสา อนุปจฺฉินฺนา. ตาว ปฏิชคฺคิตพฺพา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) –
วุตฺตํ ¶ . ตสฺมา วุตฺตนเยน อิธ ปริคฬิตํ น-การํ อาเนตฺวา เตเนว สทฺธิวิหาริกสฺส วุตฺเตเนว ลกฺขเณน นิสฺสยนฺเตวาสิกสฺส อาปตฺติ น เวทิตพฺพาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ.
ปณามนาขมาปนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา
๘๓. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ ‘‘โย วา เอกสมฺโภคปริโภโค, ตสฺส สนฺติเก นิสฺสโย คเหตพฺโพ’’ติ อิมินา ลชฺชีสุ เอว นิสฺสยคฺคหณํ นิโยเชติ อลชฺชีสุ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. เอตฺถ จ ปริโภคสทฺเทน เอกกมฺมาทิโก สํวาโส คหิโต ปจฺจยปริโภคสฺส สมฺโภค-สทฺเทน คหิตตฺตา, เอเตน ¶ จ สมฺโภคสํวาสานํ อลชฺชีหิ สทฺธึ น กตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. ปริหาโร นตฺถีติ อาปตฺติปริหาโร นตฺถิ. ตาทิโสติ ยตฺถ นิสฺสโย คหิตปุพฺโพ, โย จ เอกสมฺโภคปริโภโค, ตาทิโส. ตถา วุตฺตนฺติ ‘‘ลหุํ อาคมิสฺสามี’’ติ วุตฺตฺเจติ อตฺโถ. ‘‘จตฺตาริ ปฺจ ทิวสานี’’ติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. ยทิ เอกาหทฺวีเหน สภาคตา ปฺายติ, าตทิวเสน คเหตพฺโพว. อถาปิ จตุปฺจาเหนาปิ น ปฺายติ, ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ปฺายติ, ตตฺตกานิ อติกฺกเมตพฺพานิ. สภาคตํ โอโลเกมีติ ปน เลโส น กาตพฺโพ.
ทหรา สุณนฺตีติ เอตฺถ อสุตฺวาปิ อาคมิสฺสติ, เกนจิ อนฺตราเยน จิรายตีติ สฺาย สติ ลพฺภเตว ปริหาโร. เตนาห ‘‘อิเธวาหํ วสิสฺสามีติ ปหิณติ, ปริหาโร นตฺถี’’ติ.
เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถีติ คมเน นิรุสฺสาหํ สนฺธาย วุตฺตํ. สอุสฺสาหสฺส ปน เสนาสนปฏิสามนาทิวเสน กติปาเห คเตปิ น โทโส.
ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺร สภาคฏฺาเน เอว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ‘‘ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา อุปชฺฌาเย สงฺคณฺหนฺเตเยว ตํสโมธาเน นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิ วุตฺตา, ตสฺมึ ปน โกเธน ¶ วา คณนิรเปกฺขตาย วา อสงฺคณฺหนฺเต อฺเสุ คหิโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ทสฺเสติ.
อาจริยมฺหา นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิยํ วุตฺโต ‘‘โกจิ อาจริโย’’ติอาทิโก นโย อุปชฺฌายปกฺกมนาทีสุปิ เนตฺวา ตตฺถ จ วุตฺโต อิธาปิ เนตฺวา ยถารหํ โยเชตพฺโพ.
ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ อุปจารสีมโต พหิ อฺสฺมึ วิหาเร อนฺเตวาสิกานํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม วสนฺติ. เตน พหิอุปจาเรปิ อนฺเตวาสิกาทีนํ วสนฏฺานโต ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺตเร อาสนฺนปเทเส วสติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ทสฺเสติ. อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภเตว.
นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา
๘๔. อุปชฺฌาจริยลกฺขณกถายํ ¶ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา น ปพฺพาเชตพฺโพ. อเสกฺขสฺส อยนฺติ อเสกฺโข, โลกิยโลกุตฺตโร สีลกฺขนฺโธ.
อนฺตคฺคาหิกายาติ สสฺสตุจฺเฉทโกฏฺาสคฺคาหิกาย. ปจฺฉิมานิ ทฺเวติ อปฺปสฺสุโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหตีติ อิมานิ ทฺเว องฺคานิ. ปจฺฉิมานิ ตีณีติ น ปฏิพโล อุปฺปนฺนํ กุกฺกุจฺจํ ธมฺมโต วิโนเทตุํ, อาปตฺตึ น ชานาติ, อาปตฺติยา วุฏฺานํ น ชานาตีติ อิมานิ ตีณิ. กุกฺกุจฺจสฺส หิ ปาฬิอฏฺกถานยสงฺขาตธมฺมโต วิโนเทตุํ อปฏิพลตา นาม อพฺยตฺตตา เอว โหตีติ สาปิ อาปตฺติองฺคเมว วุตฺตา.
อภิวิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโร อาภิสมาจาโร, วตฺตปฏิวตฺตสีลํ. ตํ อารพฺภ ปฺตฺตา ขนฺธกสิกฺขาปทสงฺขาตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกา. สิกฺขาปทมฺปิ หิ ตํ ตตฺถ ปฏิปูรณตฺถิเกหิ อุคฺคหณาทิวเสน สิกฺขิตพฺพโต ‘‘สิกฺขา’’ติ วุจฺจติ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตา การณภูตาติ อาทิพฺรหฺมจริยกา สิกฺขา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาปทํ. เตเนว ¶ วิสุทฺธิมคฺเคปิ ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาปทํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปอยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) วุตฺตํ. ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติย’’นฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต เสกฺขา, ภควตา ปฺตฺตตฺตา ปณฺณตฺติ. สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา สิกฺขาปทปณฺณตฺติ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตาติ คเหตพฺพา. นามรูปปริจฺเฉเทติ เอตฺถ กุสลตฺติกาทีหิ วุตฺตํ ชาติภูมิปุคฺคลสมฺปโยควตฺถารมฺมณกมฺมทฺวารลกฺขณรสาทิเภเทหิ เวทนากฺขนฺธาทิจตุพฺพิธํ สนิพฺพานํ นามํ, ภูตุปาทายเภทํ รูปฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนปฺา, ตปฺปกาสโก จ คนฺโถ นามรูปปริจฺเฉโท นาม. อิมินา อภิธมฺมตฺถกุสเลน ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สิกฺขาเปตุนฺติ อุคฺคณฺหาเปตุํ.
อุปสมฺปาเทตพฺพปฺจกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา
๘๖. ติตฺถิยปริวาสกถายํ อาชีวกสฺส วาติอาทีสุ อกิริยวาที อาชีวโก นาม, กิริยวาทิโน ปน นิคณฺาปิ อฺเปิ นคฺคติตฺถิกา อเจลกปเท สงฺคหิตา. สพฺพถา นคฺคสฺเสว ¶ ติตฺถิยปริวาโส วิหิโต. โส จ เตเนว นคฺคเวเสน ภิกฺขูนํ สนฺติกํ อาคตสฺส, น ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคตสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ โสปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โสปีติ อาชีวโก.
อามิสกิฺจิกฺขสมฺปทานํ นาม อปฺปมตฺตกสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อนุปฺปทานํ. รูปูปชีวิกาติ อตฺตโน รูปเมว นิสฺสาย ชีวนฺติโย. เวสิยา โคจโร พหุลํ ปวตฺติฏฺานํ อสฺสาติ เวสิยาโคจโร. เอส นโย สพฺพตฺถ. โยพฺพนฺนาตีตาติ อนิวิทฺธา เอว มหลฺลิกภาวํ ปตฺตา ถุลฺลกุมารี เอวาติ วุตฺตํ. อาทายสฺสาติ อาทานสฺส คหณสฺส.
อฺติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา
๘๘-๙. ปฺจาพาธาทิวตฺถูสุ ¶ ปาฬิยํ โสมฺหิ อโรโค, วิพฺภมิสฺสามีติ โส อหํ อโรโค, วิพฺภมิสฺสามีติ อตฺโถ. นขปิฏฺิปฺปมาณนฺติ กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน าเน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ โหติ, วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ตาทิสมฺปิ น วฏฺฏติ, ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนปิ จ วฑฺฒนกปกฺเข ิโตปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธเมว โหติ. ปากฏฏฺาเนปิ ปน นขปิฏฺิปฺปมาณโต อูนตรํ อวฑฺฒนกํ วฏฺฏตีติ เย คณฺเหยฺยุํ, เตสํ ตํ คหณํ ปฏิเสเธตุํ ‘‘มุเข ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โกลฏฺิมตฺตโกปีติ พทรฏฺิปฺปมาโณปิ. อวฑฺฒนกปกฺเข ิโตปิ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘สจฺฉวึ กาเรตฺวา’’ติ, วิชฺชมานจฺฉวึ กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘สฺฉวิ’’นฺติ วา ปาโ, สฺชาตจฺฉวินฺติ อตฺโถ. คณฺฑาทีสุ วูปสนฺเตสุปิ คณฺฑานํ วิวณฺณมฺปิ โหติ, ตํ วฏฺฏติ.
ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณนฺติ รตฺตปทุมเสตปทุมปุปฺผทลวณฺณํ. กุฏฺเ วุตฺตนเยเนวาติ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกํ วฏฺฏติ, อฺตฺถ น กิฺจิปิ วฏฺฏตีติ วุตฺตนยํ ทสฺเสติ. โสสพฺยาธีติ ขยโรโค. ยกฺขุมฺมาโรติ กทาจิ กทาจิ อาคนฺตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา หตฺถมุขาทิกํ อวยวํ ภูมิยํ ฆํสนโก ยกฺโขว โรโค.
ปฺจาพาธวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราชภฏวตฺถุกถาวณฺณนา
๙๐. น ¶ ทานาหํ เทวสฺส ภโฏติ อาปุจฺฉตีติ รฺา เอว ทินฺนฏฺานนฺตรํ สนฺธาย วุตฺตํ. โย ปน ราชกมฺมิเกหิ อมจฺจาทีหิ ปิโต, อมจฺจาทีนํ เอว วา ภโฏ โหติ, เตน ตํ ตํ อมจฺจาทิมฺปิ อาปุจฺฉิตุํ วฏฺฏติ.
ราชภฏวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โจรวตฺถุกถาวณฺณนา
๙๑. ตสฺมาติ ¶ ภควา สยํ ยสฺมา ธมฺมสฺสามี, ตสฺมา องฺคุลิมาลํ เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชสิ, ภิกฺขูนํ ปน สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺโต เอวมาหาติ อธิปฺปาโย. เอวํ ชานนฺตีติ สีลวา ชาโตติ ชานนฺติ.
๙๒. อุปรมนฺติ วิรมนฺติ. ภินฺทิตฺวาติ อนฺทุพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา. ฉินฺทิตฺวาติ สงฺขลิกํ ฉินฺทิตฺวา. มฺุจิตฺวาติ รชฺชุพนฺธนํ มฺุจิตฺวา. วิวริตฺวาติ คามพนฺธนาทีสุ คามทฺวาราทีนํ วิวริตฺวา. อปสฺสมานานนฺติ ปุริสคุตฺติยํ โคปกานํ อปสฺสนฺตานํ.
๙๕. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘กสาหโต กตทณฺฑกมฺโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว.
โจรวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิณายิกวตฺถุกถาวณฺณนา
๙๖. ปลาโตปีติ อิณสามิกานํ อาคมนํ ตฺวา ภเยน ปลาโต. คีวา โหตีติ อิณายิกภาวํ ตฺวา อนาทเรน อิณมุตฺตเก ภิกฺขุภาเว ปเวสิตตฺตา. อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกโถกํ. ทาตพฺพเมวาติ อิณายิเกน ธนํ สมฺปฏิจฺฉตุ วา มา วา, ทาเน สอุสฺสาเหเนว ภวิตพฺพํ. อฺเหิ จ ภิกฺขูหิ ‘‘มา ธุรํ นิกฺขิปาหี’’ติ วตฺวา สหายเกหิ ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ธุรนิกฺเขเปน หิสฺส ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพตา สิยาติ.
อิณายิกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทาสวตฺถุกถาวณฺณนา
๙๗. ‘‘ทาสจาริตฺตํ ¶ อาโรเปตฺวา กีโต’’ติ อิมินา ทาสภาวปริโมจนตฺถาย กีตกํ นิวตฺเตติ. ตาทิโส หิ ธนกฺกีโตปิ อทาโส เอว. ตตฺถ ตตฺถ จาริตฺตวเสนาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ชนปเท ทาสปณฺณชฺฌาปนาทินา ¶ อทาสกรณนิยาเมน. อภิเสกาทีสุ สพฺพพนฺธนานิ โมจาเปนฺติ, ตํ สนฺธาย ‘‘สพฺพสาธารเณนา’’ติ วุตฺตํ.
สยเมว ปณฺณํ อาโรเปนฺติ, น วฏฺฏตีติ ตา ภุชิสฺสิตฺถิโย ‘‘มยมฺปิ วณฺณทาสิโย โหมา’’ติ อตฺตโน รกฺขณตฺถาย สยเมว ราชูนํ ทาสิปณฺเณ อตฺตโน นามํ ลิขาเปนฺติ, ตาสํ ปุตฺตาปิ ราชทาสาว โหนฺติ, ตสฺมา เต ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ. เตหิ อทินฺนา น ปพฺพาเชตพฺพาติ ยตฺตกา เตสํ สามิโน, เตสุ เอเกน อทินฺเนปิ น ปพฺพาเชตพฺพา.
ภุชิสฺเส ปน กตฺวา ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตีติ ยสฺส วิหารสฺส เต อารามิกา ทินฺนา, ตสฺมึ วิหาเร สงฺฆํ าเปตฺวา ผาติกมฺเมน ธนานิ ทตฺวา ภุชิสฺเส กตฺวา ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ เกสุจิ ชนปเทสุ อทาเส กโรนฺตา ตกฺกํ สีเส อาสิฺจนฺติ, เตน กิร เต อทาสา โหนฺติ, เอวมิทมฺปิ อารามิกวจเนน ทานมฺปีติ อธิปฺปาโย. ตถา ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส อารามิกทาโส เอวาติ ‘‘เนว ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตาวกาลิโก นามา’’ติ วุตฺตตฺตา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วา ปจฺฉาปิ คเหตุกามตาย วา ทินฺนํ สพฺพํ ตาวกาลิกเมวาติ คเหตพฺพํ. นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกุลํ อฺาติกํ มรเณน ปริกฺขีณํ, น โกจิ ตสฺส ทายาโท, โส ปน สมานชาติเกหิ วา นิวาสคามวาสีหิ วา อิสฺสเรหิ วา ภุชิสฺโส กโตว ปพฺพาเชตพฺโพ. เทวทาสาปิ ทาสา เอว. เต หิ กตฺถจิ เทเส ราชทาสา โหนฺติ, กตฺถจิ วิหารทาสา, ตสฺมา ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ. ทาสมฺปิ ปพฺพาเชตฺวา สามิเก ทิสฺวา ปฏิจฺฉาทนตฺถํ อปเนนฺโต ปทวาเรน อทินฺนาทานาปตฺติยา กาเรตพฺโพ, ทาสสฺส ปน ปลายโต อนาปตฺติ.
ทาสวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กมฺมารภณฺฑุวตฺถาทิกถาวณฺณนา
๙๘. ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉานาทิกถายํ กมฺมารภณฺฑูติ ทหรตาย อโมฬิพนฺโธ มุณฺฑิกสีโส กมฺมารทารโก ¶ เอว วุตฺโต. ตุลาธารมุณฺฑโกติ เอตฺถ ตุลาธาราติ ตมฺพสุวณฺณาทีนํ ตุลํ หตฺเถน ธาเรตีติ ¶ กมฺมารา ‘‘ตุลาธารา’’ติ วุตฺตา, เตสุ เอโก มุณฺฑิกสีโส ทหโรติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปฺจสิโข ตรุณทารโก’’ติ. เอกาว สิขา ปฺจ เวณิโย กตฺวา พนฺธเนน ปฺจสิขาติ วุจฺจติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ ปฺจสิโข, ตสฺส สิขํ ฉินฺทนฺตา กฺจิ ภิกฺขุํ อชานาเปตฺวาว ปพฺพาเชสุํ. เตน ภณฺฑุกมฺมาปโลกนํ อนฺุาตํ. สีมาปริยาปนฺเนติ พทฺธสีมาย สติ ตทนฺโตคเธ, อสติ อุปจารสีมนฺโตคเธติ อตฺโถ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆํ อปโลเกตุํ ภณฺฑุกมฺมายา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น ปน อนปโลเกนฺตสฺส อาปตฺติ วุตฺตา, ตถาปิ อฏฺกถายํ ‘‘สพฺเพ อาปุจฺฉิตา อมฺเหหีติสฺิโน…เป… ปพฺพาเชนฺตสฺสปิ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา สฺจิจฺจ อนาปุจฺฉา เกเส โอหาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เกโสโรปนมฺปิ สมณปพฺพชนโวหารํ ลภตีติ อาห ‘‘อิมสฺส สมณกรณ’’นฺติอาทิ. เอกสิขามตฺตธโรติ เอตฺถ เอเกน เกเสน สิขา เอกสิขาติ วทนฺติ, อปฺปเกสาว สิขา เอวํ วุตฺตาติ คเหตพฺพา. เอกเกสมฺปิ ปน อนาปุจฺฉา ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏติเยว.
๑๐๐. วามหตฺเถนาติ ทกฺขิณหตฺเถน ภฺุชนโต วุตฺตํ.
๑๐๓-๔. นิสฺสยมุจฺจนกสฺส วตฺเตสุ ปฺจกฉกฺเกสุ ปน ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ…เป… อนุพฺยฺชนโส’’ติ เอตฺถ สพฺโพปิ จายํ ปเภโท มาติกาฏฺกถายํ าตายํ าโต โหติ. ‘‘อาปตฺตึ ชานาติ, อนาปตฺตึ ชานาตี’’ติ อิทฺจ อตฺตนา าตฏฺาเนสุ อาปตฺตาทึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ น คเหตพฺพํ.
กมฺมารภณฺฑุวตฺถาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๕. โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขเร ปทุมคจฺเฉ วิย อเตมิตุกามานํ สรีรโต ปวฏฺฏนกวสฺสํ. ตสฺมึ กิร วสฺสนฺเต เตมิตุกามาว เตเมนฺติ, น อิตเร. ‘‘ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คโต นาม นตฺถีติ อตฺตโน สนฺตเก รชฺเช สพฺพมฺปิ สาปเตยฺยํ สยเมว ปริภฺุชิสฺสตีติ คารเวน ¶ สุทฺโธทนมหาราชาปิ น นิมนฺเตสิ, คนฺตฺวา ปน เคเห สกลรตฺตึ มหาทานฺเจว พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อาสนปฺตฺติฏฺานาลงฺการฺจ สํวิทหนฺโตว วีตินาเมสิ.
น ¶ โกจิ…เป… ปตฺตํ วา อคฺคเหสีติ ภควา อตฺตโน ปิตุ นิเวสนเมว คมิสฺสตีติสฺาย นคฺคเหสิ. กุลนคเรติ าติกุลนฺตเก นคเร. ปิณฺฑจาริยวตฺตนฺติ อตฺตโน าติคาเมสุปิ สปทานจาริกวตฺตํ. ภิกฺขาย จาโร จรณํ เอตสฺสาติ ภิกฺขาจาโร, ขตฺติโย.
อุตฺติฏฺเติ อุตฺติฏฺิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร อุทฺทิสฺส ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเชยฺยาติ นิมนฺตนาทิวเสน ลพฺภมานปณีตโภชนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปิณฺฑาย จรณวเสน ตตฺถ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเรยฺย. สุขํ เสตีติ จตูหิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ.
ทุติยคาถายํ น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรณวเสน ตํ ยถาวุตฺตํ ธมฺมํ ทุจฺจริตํ น จ จเร. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมํ ปน คาถํ สุตฺวาติ นิเวสเน นิสินฺเนน ภควตา าติสมาคเม อตฺตโน ปิณฺฑาย จรณํ นิสฺสาย ปวตฺตาย คาถาย วุตฺตํ อิมํ ทุติยคาถํ สุตฺวา.
ธมฺมปาลชาตกนฺติอาทีสุ ปน ตโต ปรกาเลสุปิ รฺโ ปวตฺติ ปรินิพฺพานํ ปาเปตฺวา ยถาปสงฺควเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตา. เตนาห ‘‘โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตฺวา’’ติอาทิ. สิริคพฺภํ คนฺตฺวาติ เอตฺถ ยทิ หิ ภควา ตทเหว คนฺตฺวา น ปสฺเสยฺย, สา หทเยน ผลิเตน มเรยฺยาติ อคมาสีติ ทฏฺพฺพํ.
ตํ ทิวสเมวาติ ตสฺมึ ราหุลมาตุทสฺสนทิวเสเยว. ธมฺมปทฏฺกถายํ ปน ‘‘สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๒ นนฺทตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ. เกสวิสฺสชฺชนนฺติ ราชโมฬิพนฺธนตฺถํ กุมารกาเล พนฺธิตสิขาเวณิโมจนํ, ตํ กิร กโรนฺตา มงฺคลํ กโรนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘เกสวิสฺสชฺชนนฺติ กุลมริยาทวเสน เกโสโรปน’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๕) วุตฺตํ. ปฏฺฏพนฺโธติ ‘‘อสุกราชา’’ติ นฬาเฏ สุวณฺณปฏฺฏพนฺธนํ. อภินวปาสาทปฺปเวสมงฺคลํ ฆรมงฺคลํ. ฉตฺตุสฺสาปเน มงฺคลํ ฉตฺตมงฺคลํ. ชนปทกลฺยาณีติ ¶ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี ปเรหิ อสาธารเณหิ ปฺจกลฺยาณาทีหิ สหิตตฺตา สา เอวํ วุตฺตา. ตุวฏนฺติ สีฆํ. อนิจฺฉมานนฺติ มนสา อโรเจนฺตํ, วาจาย ปน ภควตา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติ วุตฺเต คารเวน ปฏิกฺขิปิตุํ อวิสหนฺโต ‘‘อามา’’ติ อโวจ. ภควา จ เอเตน เลเสน ปพฺพาเชสิ.
พฺรหฺมรูปวณฺณนฺติ ¶ พฺรหฺมรูปสมานรูปํ. ตฺยสฺสาติ เต อสฺส. นิวตฺเตตุํ น วิสหีติ ‘‘มา นํ นิวตฺตยิตฺถา’’ติ ภควตา วุตฺตตฺตา นาสกฺขิ. สตฺตวิธํ อริยธนนฺติ –
‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธน’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕, ๖) –
เอวํ วุตฺตํ สตฺตวิธํ อริยธนํ. อธิมตฺตํ ราหุเลติ ราหุเล ปพฺพชิเต นนฺทปพฺพชฺชาย อุปฺปนฺนทุกฺขโตปิ อธิกตรํ ทุกฺขํ อโหสีติ อตฺโถ. อิโต ปจฺฉาติ อิโต วุตฺตโสกุปฺปตฺติโต อปรทิวเสสุ อนาคามีนํ าติสิเนหปฏิฆจิตฺตุปฺปาทาภาวา. ปาฬิยํ ปุตฺตเปมนฺติอาทิ รฺา ปุตฺตสิเนหสฺส ติพฺพภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ปุตฺตสิเนโห หิ อตฺตนา สหชาตปีติเวคสมุฏฺิตานํ รูปธมฺมานํ สกลสรีรํ โขเภตฺวา ปวตฺตนวเสน ‘‘ฉวึ…เป… อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ วุตฺโต. อตฺตโน ปิยตราติ ภควนฺตํ สนฺธาย วทติ. ปุตฺเตติ ราหุลํ. สทฺทหนฺเตนาติ ตสฺส วจเนน อเวมติเกนาติ อตฺโถ. วิมติยา สติ อาปตฺติ เอว.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๖. สามเณรสิกฺขาปทาทีสุ ปาฬิยํ สิกฺขาปทานีติ สิกฺขาโกฏฺาสา. อธิสีลสิกฺขานํ วา อธิคมูปายา. ปาโณติ ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺส อติปาตนํ ปพนฺธวเสน ปวตฺติตุํ อทตฺวา สตฺถาทีหิ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปาตนํ ปาณาติปาโต. ปาณวโธติ อตฺโถ. โส ¶ ปน อตฺถโต ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา วธกเจตนาว. ตสฺมา ปาณาติปาตา เวรมณิ, เวรเหตุตาย เวรสงฺขาตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ นีหรตีติ วิรติ ‘‘เวรมณี’’ติ วุจฺจติ, วิรมติ เอตายาติ วา ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ สมาทานวิรติ วุตฺตา. เอส นโย เสเสสุปิ.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, เถยฺยเจตนาว. อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฏฺจริยํ, มคฺเคน มคฺคปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เมถุนเจตนา. มุสาติ อภูตวตฺถุ, ตสฺส วาโท อภูตตํ ตฺวาว ภูตโต ¶ วิฺาปนเจตนา มุสาวาโท. ปิฏฺปูวาทินิพฺพตฺตสุรา เจว ปุปฺผาสวาทิเภทํ เมรยฺจ สุราเมรยํ. ตเทว มทนียฏฺเน มชฺชฺเจว ปมาทการณฏฺเน ปมาทฏฺานฺจ, ตํ ยาย เจตนาย ปิวติ, ตสฺส เอตํ อธิวจนํ.
อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา อยํ อริยานํ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. ภฺุชิตพฺพฏฺเน โภชนนฺติ อิธ สพฺพํ ยาวกาลิกํ วุจฺจติ, ตสฺส อชฺโฌหรณํ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘โภชน’’นฺติ อธิปฺเปตํ. วิกาเล โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนํ, วิกาเล วา ยาวกาลิกสฺส โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนนฺติปิ อตฺโถ คเหตพฺโพ, อตฺถโต วิกาเล ยาวกาลิกอชฺโฌหรณเจตนาว.
สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนํ วิสูกทสฺสนํ, นจฺจคีตาทิทสฺสนสวนานฺเจว วฏฺฏกยุทฺธชูตกีฬาทิสพฺพกีฬานฺจ นามํ. ทสฺสนนฺติ เจตฺถ ปฺจนฺนมฺปิ วิฺาณานํ ยถาสกํ วิสยสฺส อาโลจนสภาวตาย ทสฺสน-สทฺเทน สงฺคเหตพฺพตฺตา สวนมฺปิ สงฺคหิตํ. นจฺจคีตวาทิต-สทฺเทหิ เจตฺถ อตฺตโน นจฺจนคายนาทีนิปิ สงฺคหิตานีติ ทฏฺพฺพํ.
มาลาติ พทฺธมพทฺธํ วา อนฺตมโส สุตฺตาทิมยมฺปิ อลงฺการตฺถาย ปิฬนฺธิยมานํ ‘‘มาลา’’ตฺเวว วุจฺจติ. คนฺธนฺติ วาสจุณฺณาทิวิเลปนโต อฺํ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ ปิสิตฺวา คหิตํ ฉวิราคกรณฺเจว คนฺธชาตฺจ. ธารณํ นาม ปิฬนฺธนํ. มณฺฑนํ นาม อูนฏฺานปูรณํ. คนฺธวเสน, ฉวิราควเสน จ สาทิยนํ วิภูสนํ นาม. มาลาทีสุ วา ธารณาทีนิ ยถากฺกมํ ¶ โยเชตพฺพานิ. เตสํ ธารณาทีนํ านํ การณํ วีติกฺกมเจตนา.
อุจฺจาติ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺโถ นิปาโต, อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อาสนฺทาทิ. มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถตํ, สโลหิตวิตานฺจ. เอเตสุ หิ อาสนํ, สยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยน-สทฺเทหิ คหิตานิ อุตฺตรปทโลเปน. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ รชต-สทฺเทน ทารุมาสกาทิ สพฺพํ รูปิยํ สงฺคหิตํ, มุตฺตามณิอาทโยเปตฺถ ธฺเขตฺตวตฺถาทโย จ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ปฏิคฺคหณ-สทฺเทน ปฏิคฺคาหาปนสาทิยนานิ สงฺคหิตานิ. นาสนวตฺถูติ ปาราชิกฏฺานตาย ลิงฺคนาสนาย การณํ.
๑๐๗. ปาฬิยํ สพฺพํ สงฺฆารามํ อาวรณํ กโรนฺตีติ สพฺพสงฺฆาราเม ปเวสนิวารณํ กโรนฺติ. สงฺฆาราโม อาวรณํ กาตพฺโพติ สงฺฆาราโม อาวรโณ กาตพฺโพ, สงฺฆาราเม วา อาวรณํ ¶ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตเนว ‘‘ตตฺถ อาวรณํ กาตุ’’นฺติ ภุมฺมวเสน วุตฺตํ. อาหารํ อาวรณนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ‘‘ยตฺถ วา วสตี’’ติ อิมินา สามเณรสฺส วสฺสคฺเคน ลทฺธํ วา สกสนฺตกเมว วา นิพทฺธวสนกเสนาสนํ วุตฺตํ. ยตฺถ วา ปฏิกฺกมตีติ อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฏฺานํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อตฺตโน’’ติอาทิ. อตฺตโนติ หิ สยํ, อาจริยสฺส, อุปชฺฌายสฺส วาติ อตฺโถ. ทณฺเฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทณฺโฑ, โส เอว กตฺตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิ. อุทกํ วา ปเวเสตุนฺติ โปกฺขรณีอาทิอุทเก ปเวเสตุํ.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา
๑๐๘. สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกานมฺปีติ อุปสมฺปนฺเน สนฺธาย วุตฺตํ. เตสุปิ หิ อาจริยุปชฺฌาเยสุ ยถา โอรมนฺติ, ตถา เตสํ นิคฺคหํ อกโรนฺเตสุ อฺเหิ อาวรณาทินิคฺคหกมฺมํ กาตพฺพเมว. สงฺคณฺหนฺตีติ ‘‘ปรปริสโต ภินฺทิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ ทานาทิจตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ (ที. นิ. ๓.๒๑๐; อ. นิ. ๔.๓๒, ๒๕๖) อุปลาฬนวเสน ¶ สงฺคณฺหนฺติ. โส ภิชฺชตุ วา มา วา, สงฺคณฺหนฺตสฺส ปโยเค อาปตฺติ เอว. ภินฺทิตฺวา คณฺหิตุํ น วฏฺฏตีติ ภินฺทิตุมฺปิ น วฏฺฏติ, คณฺหิตุมฺปิ น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. อาทีนวํ ปน วตฺตุํ วฏฺฏตีติ สาสนคารเวน วา ปรานุทฺทยตาย วา วตฺตุํ วฏฺฏติ, น ปริสโลลตาย.
‘‘เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ อิมินา วสฺสจฺเฉทํ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสาปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เต น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ปุริมิกาย ปุน สรณานิ คหิตานีติ สรณคฺคหเณน สห ตทเหวสฺส วสฺสูปคมนมฺปิ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกนฺติ วสฺสาวาสิกลาภคฺคหณทสฺสนมตฺตเมเวตํ, ตโต ปุเรปิ, ปจฺฉาปิ วา วสฺสาวาสิกฺจ จีวรมาเสสุ สงฺเฆ อุปฺปนฺนํ กาลจีวรฺจ ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา อวิปนฺนสีโล สามเณโร ลภติ เอว. สเจ ปจฺฉิมิกาย คหิตานีติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนฺจ ฉินฺนวสฺสตฺจ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ กาลจีวเร ภาโค น ปาปุณาติ. ตสฺมา ‘‘อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.
วสฺสาวาสิกลาโภ ¶ ปน ยทิ เสนาสนสามิกา ทายกา เสนาสนคุตฺตตฺถาย ปจฺฉิมิกาย อุปคนฺตฺวา วตฺตํ กตฺวา อตฺตโน เสนาสเน วสนฺตสฺสปิ วสฺสาวาสิกํ ทาตพฺพนฺติ วทนฺติ, อนปโลเกตฺวาปิ ทาตพฺโพว. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ ‘‘ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๘) วุตฺตํ, ตมฺปิ วสฺสาวาสิเก ทายกานํ อิมํ อธิปฺปายํ นิสฺสาย วุตฺตฺเจ, สุนฺทรํ. สงฺฆิกํ, กาลจีวรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตฺเจ, น ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
น อชานิตฺวาติ ‘‘สุรา’’ติ อชานิตฺวา ปิวโต ปาณาติปาตเวรมณิอาทิสพฺพสีลเภทํ, สรณเภทฺจ น อาปชฺชติ, อกุสลํ ปน สุราปานเวรมณิสีลเภโท จ โหติ มาลาทิธารณาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิตรานีติ วิกาลโภชนเวรมณิอาทีนิ. ตานิปิ หิ สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตสฺส ตํ ตํ ภิชฺชติ เอว, อิตรีตเรสํ ปน อภิชฺชมาเนน นาสนงฺคานิ น โหนฺติ. เตเนว ‘‘เตสุ ภินฺเนสู’’ติ เภทวจนํ วุตฺตํ.
อจฺจยํ ¶ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติอาทินา สงฺฆมชฺเฌ เทสาเปตฺวา สรณสีลํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย ปาราชิกตฺตา เตสํ. เตนาห ‘‘ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ’’ติ. อยเมว หิ นาสนา อิธ อธิปฺเปตาติ ลิงฺคนาสนาการเณหิ ปาณาติปาตาทีหิ อวณฺณภาสนาทีนํ สห ปติตตฺตา วุตฺตํ.
นนุ จ กณฺฏกสามเณโรปิ มิจฺฉาทิฏฺิโก เอว, ตสฺส จ เหฏฺา ทณฺฑกมฺมนาสนาว วุตฺตา. อิธ ปน มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส ลิงฺคนาสนา วุจฺจติ, โก อิเมสํ เภโทติ โจทนํ มนสิ นิธายาห ‘‘สสฺสตุจฺเฉทานฺหิ อฺตรทิฏฺิโก’’ติ. เอตฺถ จายมธิปฺปาโย – โย หิ ‘‘อตฺตา อิสฺสโร วา นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา วา ‘‘อตฺตา อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตี’’ติอาทินา วา ติตฺถิยปริกปฺปิตํ ยํ กิฺจิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺึ ทฬฺหํ คเหตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ปาราชิกฏฺานํ โหติ. โส จ ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ. โย ปน อีทิสํ ทิฏฺึ อคฺคเหตฺวา สาสนิโกว หุตฺวา เกวลํ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คเหตฺวา ภิกฺขูหิ โอวทิยมาโนปิ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ทิฏฺิ ปาราชิกํ น โหติ, โส ปน กณฺฏกนาสนาย เอว นาเสตพฺโพติ.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๐๙. ปณฺฑกวตฺถุสฺมึ ¶ อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกา ตโยปิ ปุริสภาวลิงฺคาทิยุตฺตา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เต จ กิเลสปริยุฏฺานสฺส พลวตาย นปุํสกปณฺฑกสทิสตฺตา ‘‘ปณฺฑกา’’ติ วุตฺตา. เตสุ อาสิตฺตอุสูยปณฺฑกานํ ทฺวินฺนํ กิเลสปริยุฏฺานํ โยนิโสมนสิการาทีหิ วีติกฺกมโต นิวาเรตุมฺปิ สกฺกา, เตน เต ปพฺพาเชตพฺพา วุตฺตา. ปกฺขปณฺฑกสฺส ปน กาฬปกฺเขสุ อุมฺมาโท วิย กิเลสปริฬาโห อวตฺถรนฺโต อาคจฺฉติ, วีติกฺกมํ ปตฺวา เอว จ นิวตฺตติ. ตสฺมา โส ตสฺมึ ปกฺเข น ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺโต. ตเทตํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส ปเรส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาสิตฺตสฺสาติ มุเข อาสิตฺตสฺส อตฺตโนปิ อสุจิมุจฺจเนน ¶ ปริฬาโห วูปสมฺมติ. อุสูยาย อุปฺปนฺนายาติ อุสูยาย วเสน อตฺตโน เสเวตุกามตาราเค อุปฺปนฺเน อสุจิมุตฺติยา ปริฬาโห วูปสมฺมติ.
‘‘พีชานิ อปนีตานี’’ติ วุตฺตตฺตา พีเชสุ ิเตสุ นิมิตฺตมตฺเต อปนีเต ปณฺฑโก น โหติ. ภิกฺขุโนปิ อนาพาธปจฺจยา ตทปนยเน ถุลฺลจฺจยเมว, น ปน ปณฺฑกตฺตํ, พีเชสุ ปน อปนีเตสุ องฺคชาตมฺปิ ราเคน กมฺมนิยํ น โหติ, ปุมภาโว วิคจฺฉติ, มสฺสุอาทิปุริสลิงฺคมฺปิ อุปสมฺปทาปิ วิคจฺฉติ, กิเลสปริฬาโหปิ ทุนฺนิวารวีติกฺกโม โหติ นปุํสกปณฺฑกสฺส วิย. ตสฺมา อีทิโส อุปสมฺปนฺโนปิ นาเสตพฺโพติ วทนฺติ. ยทิ เอวํ กสฺมา พีชุทฺธรเณ ปาราชิกํ น ปฺตฺตนฺติ? เอตฺถ ตาว เกจิ วทนฺติ ‘‘ปฺตฺตเมเวตํ ภควตา ‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ วุตฺตตฺตา’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา พีชุทฺธรณกฺขเณ ปณฺฑโก น โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ ขเณ ปาราชิกํ น ปฺตฺตํ. ยสฺมา ปน โส อุทฺธฏพีโช ภิกฺขุ อปเรน สมเยน วุตฺตนเยน ปณฺฑกตฺตํ อาปชฺชติ, อภาวโก โหติ, อุปสมฺปทาย อวตฺถุ, ตโต เอว จสฺส อุปสมฺปทา วิคจฺฉติ, ตสฺมา เอส ปณฺฑกตฺตุปคมนกาลโต ปฏฺาย ชาติยา นปุํสกปณฺฑเกน สทฺธึ โยเชตฺวา ‘อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ อภพฺโพติ วุตฺโต, น ตโต ปุพฺเพ. อยฺจ กิฺจาปิ สเหตุโก, ภาวกฺขเยน ปนสฺส อเหตุกสทิสตาย มคฺโคปิ น อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ อุปกฺกเมน ปณฺฑกภาวมาปนฺนํ สนฺธาย ‘อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ วุตฺตํ, อุปสมฺปนฺนสฺส ปน ปจฺฉา อุปกฺกเมน อุปสมฺปทาปิ น วิคจฺฉตี’’ติ, ตํ น ยุตฺตํ. ยทคฺเคน หิ ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ อุปกฺกเมน อภพฺโพ โหติ, ตทคฺเคน ปจฺฉาปิ โหตีติ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อิตฺถตฺตาทิ ¶ ภาโว นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ปพฺพชฺชา น วาริตาติ เอตฺถ ปพฺพชฺชาคหเณเนว อุปสมฺปทาปิ คหิตา. เตนาห ‘‘ยสฺส เจตฺถ ปพฺพชฺชา วาริตา’’ติอาทิ. ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ ปน อปณฺฑกปกฺเขปิ ปพฺพชฺชามตฺตเมว ลภติ, อุปสมฺปทา ปน ตทาปิ น วฏฺฏติ, ปณฺฑกปกฺเข ปน อาคเต ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพติ เวทิตพฺพํ.
ปณฺฑกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๐. เถยฺยสํวาสกวตฺถุมฺหิ ¶ โกลฺาติ กุเล ชาตา, ตตฺถ วา วิทิตา าตา ปสิทฺธา, ตํ วา ชานนฺติ โกลฺาติ าตกานํ นามํ. เถยฺยาย ลิงฺคคฺคหณมตฺตมฺปิ อิธ สํวาโส เอวาติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติ. น ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนนฺติ ภิกฺขูนํ, สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ.
ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนนฺติ อตฺตนา มุสาวาเทน ทสฺสิตวสฺสกฺกเมน ภิกฺขูนํ วนฺทนํ สาทิยติ, ทหรสามเณโร ปน วุฑฺฒสามเณรานํ, ทหรภิกฺขุ จ วุฑฺฒานํ วนฺทนํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ สํวาสตฺเถนกตฺเถ.
‘‘ภิกฺขุวสฺสานี’’ติ อิทํ สํวาสตฺเถนเก วุตฺตปาวเสน วุตฺตํ, สยเมว ปน ปพฺพชิตฺวา สามเณรวสฺสานิ คเณนฺโตปิ อุภยตฺเถนโก เอว. น เกวลฺจ ปุริโสว, อิตฺถีปิ ภิกฺขุนีสุ เอวํ ปฏิปชฺชติ, เถยฺยสํวาสิกาว. อาทิกมฺมิกาปิ เจตฺถ น มุจฺจนฺติ, อุปสมฺปนฺเนสุ เอว ปฺตฺตาปตฺตึ ปฏิจฺจ อาทิกมฺมิกา วุตฺตา, เตเนเวตฺถ อาทิกมฺมิโกปิ น มุตฺโต.
ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ยาว โส สุทฺธมานโสติ ‘‘อิมินา ลิงฺเคน ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สํวสิสฺสามี’’ติ อสุทฺธจิตฺตาภาเวน สุทฺธจิตฺโต. เตน หิ อสุทฺธจิตฺเตน ลิงฺเค คหิตมตฺเต ปจฺฉา ภิกฺขูหิ สห สํวสตุ วา มา วา, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. ปจฺฉา สํวสนฺโตปิ อภพฺโพ หุตฺวา สํวสติ. ตสฺมา อุภยตฺเถนโกปิ ลิงฺคตฺเถนเก เอว ปวิสตีติ เวทิตพฺพํ. โย ปน ราชาทิภเยน สุทฺธจิตฺโตว ลิงฺคํ คเหตฺวา วิจรนฺโต ปจฺฉา ‘‘ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ อสุทฺธจิตฺตํ อุปฺปาเทติ, โส จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน เถยฺยสํวาสโกปิ น โหติ สุทฺธจิตฺเตน คหิตลิงฺคตฺตา. สเจ ปน โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา สามเณรวสฺสคณนาทึ กโรติ, ตทา สํวาสตฺเถนโก, อุภยตฺเถนโก วา โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ปน ปรโต สห ธุรนิกฺเขเปน ‘‘อยมฺปิ เถยฺยสํวาสโก, วา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ภิกฺขูหิ สงฺคมฺม สํวาสาธิวาสนวเสน ธุรนิกฺเขปํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํวาสํ นาธิวาเสติ ยาวา’’ติ. ตสฺส ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ โจราทิภยํ ¶ วินาปิ กีฬาธิปฺปาเยน ลิงฺคํ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชิตาลยํ ทสฺเสตฺวา วนฺทนาทึ อสาทิยนฺโตปิ ‘‘โสภติ นุ โข เม ปพฺพชิตลิงฺค’’นฺติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน คณฺหนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา ปฺตฺตภตฺตานิ, อิทฺจ ภิกฺขูนฺเว นิยมิตภตฺตคหเณ สํวาโสปิ สมฺภเวยฺยาติ สพฺพสาธารณภตฺตํ วุตฺตํ. สํวาสํ ปน อสาทิยิตฺวา อภิกฺขุกวิหาราทีสุ วิหารภตฺตาทีนิ ภฺุชนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ เอว. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิอาทิกมฺมกรเณน. ปตฺตจีวรํ อาทายาติ ภิกฺขุลิงฺคเวเสน สรีเรน ธาเรตฺวา.
‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ‘‘เถยฺยสํวาสโก’’ติ ปน นามํ อชานนฺโตปิ ‘‘เอวํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กโรนฺโต สมโณ นาม น โหตี’’ติ วา ‘‘ยทิ อาโรเจสฺสามิ, ฉฑฺเฑสฺสนฺติ ม’’นฺติ วา ‘‘เยน เกนจิ ปพฺพชฺชา เม น รุหตี’’ติ ชานาติ, เถยฺยสํวาสโก โหติ. โย ปน ปมํ ‘‘ปพฺพชฺชา เอวํ เม คหิตา’’ติสฺี เกวลํ อนฺตรา อตฺตโน เสตวตฺถนิวาสนาทิวิปฺปการํ ปกาเสตุํ ลชฺชนฺโต น กเถติ, โส เถยฺยสํวาสโก น โหติ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ เอตฺถ อวธารเณน อุปสมฺปนฺนกาเล เถยฺยสํวาสกลกฺขณํ ตฺวา วฺจนายปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ. โส ปริสุทฺธจิตฺเตน คหิตลิงฺคตฺตา ลิงฺคตฺเถนโก น โหติ, ลทฺธูปสมฺปทตฺตา ตทนุคุณสฺเสว สํวาสสฺส สาทิตตฺตา สํวาสตฺเถนโกปิ น โหติ. อนุปสมฺปนฺโน ปน ลิงฺคตฺเถนโก โหติ, สํวาสารหสฺส ลิงฺคสฺส คหิตตฺตา สํวาสสาทิยนมตฺเตน สํวาสตฺเถนโก โหติ.
สลิงฺเค ิโตติ สลิงฺคภาเว ิโต. เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา ลิงฺคตฺเถนโก น โหติ, ภิกฺขุปฏิฺาย อปริจฺจตฺตตฺตา สํวาสตฺเถนโก น โหตีติ. ยํ ปน มาติกาฏฺกถายํ ‘‘ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา น สํวาสตฺเถนโก’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ อิทเมว การณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตรถา ¶ ¶ สามเณรสฺสปิ ภิกฺขุวสฺสคณนาทีสุ ลิงฺคานุรูปสํวาโส เอว สาทิโตติ สํวาสตฺเถนกตา น สิยา ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อุภินฺนมฺปิ สาธารณตฺตา. ยถา เจตฺถ ภิกฺขุ, เอวํ สามเณโรปิ ปาราชิกํ สมาปนฺโน สามเณรปฏิฺาย อปริจฺจตฺตตฺตา สํวาสตฺเถนโก น โหตีติ เวทิตพฺโพ. โสภตีติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวาติ กาสาวธารเณ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา คิหิภาวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา.
โย โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ วิลีวาทิมเยสุ ฆรทฺวาเรสุ ปิตภตฺตภาชนวิเสเสสุ, เอเตน วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสฺสคณนาทีนํ อกรณํ ทสฺเสติ.
เถยฺยสํวาสกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา
ติตฺถิยปกฺกนฺตกาทิกถาสุ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเตติ วีมํสาทิอธิปฺปายํ วินา ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานวเสน ลิงฺเค กาเยน ธาริตมตฺเต. สยเมวาติ ติตฺถิยานํ สนฺติกํ อคนฺตฺวา สยเมว สงฺฆาราเมปิ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ. อาชีวโก ภวิสฺสามิ…เป… คจฺฉตีติ อาชีวกานํ สนฺติเก เตสํ ปพฺพชนวิธินา ‘‘อาชีวโก ภวิสฺสามี’’ติ คจฺฉติ. ตสฺส หิ ติตฺถิยภาวูปคมนํ ปติ สนฺนิฏฺาเน วิชฺชมาเนปิ ‘‘คนฺตฺวา ภวิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปิตตฺตา ปทวาเร ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ. ทุกฺกฏนฺติ ปาฬิยา อวุตฺเตปิ เมถุนาทีสุ วุตฺตปุพฺพปโยคทุกฺกฏานุโลมโต วุตฺตํ. เอเตน จ สนฺนิฏฺานวเสน ลิงฺเค สมฺปฏิจฺฉิเต ปาราชิกํ, ตโต ปุริมปโยเค ถุลฺลจฺจยฺจ วตฺตพฺพเมว, ถุลฺลจฺจยกฺขเณ นิวตฺตนฺโตปิ อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา มุจฺจติ เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สงฺฆเภเทปิ โลหิตุปฺปาเทปิ ภิกฺขูนํ ปุพฺพปโยคาทีสุ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยปาราชิกาหิ มุจฺจนสีมา จ เวทิตพฺพา. สาสนวิรุทฺธตาเยตฺถ อาทิกมฺมิกานมฺปิ อนาปตฺติ น วุตฺตา. ปพฺพชฺชายปิ อภพฺพตาทสฺสนตฺถํ ปเนเต, อฺเ จ ปาราชิกกณฺเฑ วิสุํ สิกฺขาปเทน ปาราชิกาทึ อทสฺเสตฺวา อิธ อภพฺเพสุ เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
ตํ ¶ ลทฺธินฺติ ติตฺถิยเวเส เสฏฺภาวคฺคหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. เตสฺหิ ติตฺถิยานํ สสฺสตาทิคฺคาหํ คณฺหนฺโตปิ ลิงฺเค อสมฺปฏิจฺฉิเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก น โหติ, ตํ ลทฺธึ อคฺคเหตฺวาปิ ‘‘เอเตสํ วตจริยา สุนฺทรา’’ติ ลิงฺคํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ เอว ¶ . ลทฺธิยา อภาเวนาติ ภิกฺขุภาเว สาลยตาย ติตฺถิยภาวูปคมนลทฺธิยา อภาเวน, เอเตน จ อาปทาสุ กุสจีราทึ ปารุปนฺตสฺสาปิ นคฺคสฺส วิย อนาปตฺตึ ทสฺเสติ.
อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโตติ เอตฺถ สงฺฆเภทโกปิ อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนาว กถิโต, มาตุฆาตกาทโย ปน อนุปสมฺปนฺเนนาปีติ ทฏฺพฺพํ.
ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติรจฺฉานวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๑. อุทกสฺจาริกํ มณฺฑูกภกฺขํ นาคสรีรนฺติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิสฺสรภเยนาติ นาคสฺส สรีรํ ทิสฺวา ภิกฺขุโน วิรวนภเยน. กปิมิทฺธาทีสุ นาคสรีรํ นุปฺปชฺชตีติ ตทุปฺปตฺติสีมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิสฺสฏฺโ’’ติอาทิ.
ติรจฺฉานวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มาตุฆาตกาทิกถาวณฺณนา
๑๑๒. อปวาหนนฺติ โสธนํ. ติรจฺฉานาทิอมนุสฺสชาติโต มนุสฺสชาติกานฺเว ปุตฺเตสุ เมตฺตาทโยปิ ติกฺขวิสทา โหนฺติ โลกุตฺตรคุณา วิยาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา ชนิกา มาตา’’ติ. ยถา มนุสฺสานฺเว กุสลปฺปวตฺติ ติกฺขวิสทา, เอวํ อกุสลปฺปวตฺติปีติ อาห ‘‘สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติอาทิ. อานนฺตริเยนาติ เอตฺถ จุติอนนฺตรํ นิรเย ปฏิสนฺธิผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร ชนกตฺเตน นิยุตฺตํ อานนฺตริยํ, เตน. เวสิยา ปุตฺโตติ อุปลกฺขณมตฺตํ, กุลิตฺถิยา อติจารินิยา ปุตฺโตปิ อตฺตโน ปิตรํ อชานิตฺวา ฆาเตนฺโต ปิตุฆาตโกว โหติ.
๑๑๔. อวเสสนฺติ ¶ อนาคามิอาทิกํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิเก วุตฺตเมว.
๑๑๕. อยํ สงฺฆเภทโกติ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปุพฺเพ เอว ปาราชิกํ สมาปนฺโน ¶ วา วตฺถาทิโทเสน วิปนฺโนปสมฺปโท วา สงฺฆํ ภินฺทนฺโตปิ อนนฺตริยํ น ผุสติ, สงฺโฆ ปน ภินฺโนว โหติ, ปพฺพชฺชา จสฺส น วาริตาติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ทุฏฺจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ ตถาคตสฺส เวรีหิ อเภชฺชกายตาย เกนจิ พลกฺกาเรน จมฺมาทิเฉทํ กตฺวา พหิ โลหิตํ ปคฺฆราเปตุํ น สกฺกา, อาวุธาทิปหาเรน ปน โลหิตํ านโต จลิตฺวา กุปฺปมานํ เอกตฺถ สฺจิตํ โหติ, เอตฺตเกน ปน ปหารทายโก โลหิตุปฺปาทโก นาม โหติ เทวทตฺโต วิย. เจติยํ ปน โพธึ วา ปฏิมาทึ วา ภินฺทโต อานนฺตริยํ น โหติ, อานนฺตริยสทิสํ มหาสาวชฺชํ โหติ. โพธิรุกฺขสฺส ปน โอโชหรณสาขา เจว สธาตุกํ เจติยํ พาธยมานา จ ฉินฺทิตพฺพา, ปฺุเมเวตฺถ โหติ.
มาตุฆาตกาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๖. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโกติ อิตฺถินฺทฺริยยุตฺโต, อิตโร ปน ปุริสินฺทฺริยยุตฺโต. เอกสฺส หิ ภาวทฺวยํ สห นุปฺปชฺชติ ยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. ทุติยพฺยฺชนํ ปน กมฺมสหาเยน อกุสลจิตฺเตเนว ภาววิรหิตํ อุปฺปชฺชติ. ปกติตฺถิปุริสานมฺปิ กมฺมเมว พฺยฺชนลิงฺคานํ การณํ, น ภาโว ตสฺส เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยตฺตสฺส ปฏฺาเน อวุตฺตตฺตา. เกวลํ ภาวสหิตานํเยว พฺยฺชนลิงฺคานํ ปวตฺติทสฺสนตฺถํ อฏฺกถาสุ ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถิลิงฺคาทีนี’’ติอาทินา (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒) อินฺทฺริยํ พฺยฺชนกอารณตฺเตน วุตฺตํ, อิธ ปน อกุสลพเลน อินฺทฺริยํ วินาปิ พฺยฺชนํ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ. อุภินฺนมฺปิ เจสํ อุภโตพฺยฺชนกานํ ยทา อิตฺถิยา ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตรํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ยทา ปุริเส ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา อิตฺถิพฺยฺชนํ ¶ ปากฏํ โหติ, อิตรํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ตตฺถ วิจารณกฺกโมติ ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอว อิตฺถิปุริสลิงฺคานมฺปิ ปาตุภาวปฺปกาสเก กุรุนฺทิวจเน อยุตฺตตาปกาสนตฺถํ อตฺถวิจารณกฺกโม. อฏฺสาลินิยฺหิ ‘‘อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ปน อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ปวตฺเต สมุฏฺิตานี’’ติอาทิ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒) วุตฺตํ. เนวสฺส ปพฺพชฺชา อตฺถีติ โยชนา. โย จ ปฏิกฺขิตฺเต อภพฺเพ, ภพฺเพ จ ปุคฺคเล ตฺวา ปพฺพาเชติ, อุปสมฺปาเทติ วา, ทุกฺกฏํ. อชานนฺตสฺส สพฺพตฺถ อนาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ.
อุภโตพฺยฺชนกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๗. อนุปชฺฌายาทิวตฺถูสุ ¶ สิกฺขาปทํ อปฺตฺตนฺติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุปชฺฌายโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ อิเธว ปฺาปิยมานสิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ อิทํ อุปชฺฌายาภาเวปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข, อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ มตสฺส วา วิพฺภมนฺตสฺส วา ปุราณอุปชฺฌายสฺส, อฺสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ อวิชฺชมานสฺสาปิ นาเมน สพฺพตฺถ อุปชฺฌายกิตฺตนสฺส กตตฺตา วุตฺตํ. ยทิ หิ อุปชฺฌายกิตฺตนํ น กเรยฺย, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตกมฺมวิปตฺติ เอว สิยา. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อนุปชฺฌายก’’นฺติ วุตฺตํ. อฏฺกถายมฺปิสฺส ‘‘อุปชฺฌายํ อกิตฺเตตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปชฺฌายํ อคาหาเปตฺวา สพฺเพน สพฺพํ อุปชฺฌายวิรหิตํ’’อิจฺเจว อตฺโถติ วุตฺโต. ปาฬิยํ สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนาติ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข, อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอวํ กมฺมวาจาย สงฺฆเมว อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ คเณน อุปชฺฌาเยนาติ เอตฺถาปิ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม คณสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินา โยชนา เวทิตพฺพา, เอวํ วุตฺเตปิ กมฺมํ น กุปฺปติ เอว ทุกฺกฏสฺเสว วุตฺตตฺตา. อฺถา ‘‘โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ วเทยฺย. เตนาห ‘‘สงฺเฆนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปณฺฑกาทีหิ อุปชฺฌาเยหิ กริยมาเนสุ กมฺเมสุ ปณฺฑกาทิเก วินาว ยทิ ปฺจวคฺคาทิคโณ ปูรติ, กมฺมํ น กุปฺปติ, อิตรถา กุปฺปตีติ เวทิตพฺพํ.
อนุปชฺฌายกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๘. อปตฺตจีวรวตฺถูสุปิ ¶ ปตฺตจีวรานํ อภาเวปิ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจาย สาวิตตฺตา กมฺมโกปํ อวตฺวา ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ. อิตรถา สาวนาย หาปนโต กมฺมโกโป เอว สิยา. เกจิ ปน ‘‘ปมํ อนฺุาตกมฺมวาจาย อุปสมฺปนฺนา วิย อิทานิปิ ‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’นฺติ อวตฺวา กมฺมวาจาย อุปสมฺปนฺนาปิ สูปสมฺปนฺนาเอวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. อนฺุาตกาลโต ปฏฺาย หิ อปรามสนํ สาวนาย หาปนวิปตฺติ เอว โหติ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ ปทสฺส หาปเน วิย. ตมฺปิ หิ ปจฺฉา อนฺุาตํ, ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทิวากฺเยน อยาเจตฺวา ตมฺปิ อุปสมฺปาเทนฺโต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วตฺวาว ยทิ กมฺมวาจํ กโรติ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ ¶ , โน เจ วิปนฺนํ. สพฺพปจฺฉา หิ อนฺุาตกมฺมวาจโต กิฺจิปิ ปริหาเปตุํ น วฏฺฏติ, สาวนาย หาปนเมว โหติ. อฺเ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.
อนามฏฺปิณฺฑปาตนฺติ ภิกฺขูหิ ลทฺธภิกฺขโต อคฺคหิตคฺคํ ปิณฺฑปาตํ. สามเณรภาคสมโกติ เอตฺถ กิฺจาปิ สามเณรานมฺปิ อามิสภาคสฺส สมกเมว ทิยฺยมานตฺตา วิสุํ สามเณรภาโค นาม นตฺถิ, ปตฺตจีวรปริกมฺมมตฺตปฏิพทฺธปพฺพชฺชตาย ปน สามเณรสทิสา เอเต ปณฺฑุปลาสาติ ทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิยตาสนฺนปพฺพชฺชสฺเสว จายํ ภาโค ทียติ. เตเนว ‘‘ยาว ปตฺโต ปจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อามิสภาโคติ วิหาเร ทินฺนํ สงฺฆภตฺตํ, ตตฺรุปฺปาทฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทายกานํ เคเหสุ เตหิ ทิยฺยมานํ. เตเนว สลากภตฺตาทิ ปฏิกฺขิตฺตํ, ทายกา วิปฺปฏิสาริโน โหนฺตีติ. เภสชฺชนฺติอาทินา ปน คิหีนํ เภสชฺชกรณาทิโทโส เอตฺถ น โหตีติ ทสฺเสติ.
อปตฺตกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๑๙. หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถูสุ ¶ กณฺณมูเลติ สกลสฺส กณฺณสฺส เฉทํ สนฺธาย วุตฺตํ. กณฺณสกฺขลิกายาติ กณฺณจูฬิกาย. ยสฺส ปน กณฺณาวิทฺเธติ เหฏฺา กุณฺฑลาทิปนจฺฉิทฺทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ สงฺฆฏนกฺขมํ. อชปทเกติ อชปทนาสิกฏฺิโกฏิยํ. ตโต หิ อุทฺธํ น วิจฺฉินฺทติ. สกฺกา โหติ สนฺเธตุนฺติ อวิรูปสณฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, วิรูปํ ปน ปริสทูสกตํ อาปาเทติ.
ขุชฺชสรีโรติ วงฺกสรีโร. พฺรหฺมุโน วิย อุชุกํ คตฺตํ สรีรํ ยสฺส, โส พฺรหฺมุชฺชุคตฺโต, ภควา.
ปริวฏุโมติ สมนฺตโต วฏฺฏกาโย, เอเตน เอวรูปา เอว วามนกา น วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ.
กูฏกูฏสีโสติ อเนเกสุ าเนสุ ปิณฺฑิกมํสตํ ทสฺเสตุํ อาเมฑิตํ กตํ. เตนาห ‘‘ตาลผลปิณฺฑิสทิเสนา’’ติ, ตาลผลานํ มฺชรี ปิณฺฑิ นาม. อนุปุพฺพตนุเกน สีเสนาติ เจติยถูปิกา ¶ วิย กเมน กิเสน สีเสน, ถูลเวฬุปพฺพํ วิย อาทิโต ปฏฺาย ยาวปริโยสานํ สมถูเลน อุจฺเจน สีเสน สมนฺนาคโต นาฬิสีโส นาม. กปฺปสีโสติ คชมตฺถกํ วิย ทฺวิธา ภินฺนสีโส. ‘‘กณฺณิกเกโส วา’’ติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปาณเกหี’’ติอาทิ. มกฺกฏสฺเสว นฬาเฏปิ เกสานํ อุฏฺิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘สีสโลเมหี’’ติอาทิ.
มกฺกฏภมุโกติ นฬาฏโลเมหิ อวิภตฺตโลมภมุโก. อกฺขิจกฺกเลหีติ กณฺหมณฺฑเลหิ. เกกโรติ ติริยํ ปสฺสนโก. อุทกตารกาติ โอโลเกนฺตานํ อุทเก ปฏิพิมฺพิกจฺฉายา, อุทกปุพฺพุฬนฺติ เกจิ. อกฺขิตารกาติ อภิมุเข ิตานํ ฉายา, อกฺขิคณฺฑกาติปิ วทนฺติ. อติปิงฺคลกฺขีติ มชฺชารกฺขิ. มธุปิงฺคลนฺติ มธุวณฺณปิงฺคลํ. นิปฺปขุมกฺขีติ เอตฺถ ปขุม-สทฺโท อกฺขิทลโลเมสุ นิรูฬฺโห, ตทภาวา นิปฺปขุมกฺขิ. อกฺขิปาเกนาติ อกฺขิทล ปริยนฺเตสุ ปูติภาวาปชฺชนโรเคน.
จิปิฏนาสิโกติ ¶ อนุนฺนตนาสิโก. ปฏงฺคมณฺฑูโก นาม มหามุขมณฺฑูโก. ภินฺนมุโขติ อุปกฺกมุขปริโยสาโน, สพฺพทา วิวฏมุโข วา. วงฺกมุโขติ เอกปสฺเส อปกฺกมฺม ิตเหฏฺิมหนุกฏฺิโก. โอฏฺจฺฉินฺนโกติ อุโภสุ โอฏฺเสุ ยตฺถ กตฺถจิ ชาติยา วา ปจฺฉา วา สตฺถาทินา อปนีตมํเสน โอฏฺเน สมนฺนาคโต. เอฬมุโขติ นิจฺจปคฺฆริตลาลามุโข.
ภินฺนคโลติ อวนตคโต. ภินฺนอุโรติ อตินินฺนอุรมชฺโฌ. เอวํ ภินฺนปิฏฺิปิ. สพฺพฺเจตนฺติ ‘‘กจฺฉุคตฺโต’’ติอาทึ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ จ วินิจฺฉโย กุฏฺาทีสุ วุตฺโต เอวาติ อาห ‘‘วินิจฺฉโย’’ติอาทิ.
วาตณฺฑิโกติ อณฺฑวาตโรเคน อุทฺธุตพีชณฺฑโกเสน สมนฺนาคโต, ยสฺส นิวาสเนน ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ อุนฺนตํ ปกาสติ, โสว น ปพฺพาเชตพฺโพ. วิกโฏติ ติริยํคมนปาโท, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา พหิ นิคจฺฉนฺติ. ปณฺโหติ ปจฺฉโต ปริวตฺตนกปาโท, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา อนฺโต ปวิสนฺติ. มหาชงฺโฆติ ถูลชงฺโฆ. มหาปาโทติ มหนฺเตน ปาทตเลน ยุตฺโต. ปาทเวมชฺเฌติ ปิฏฺิปาทเวมชฺเฌ, เอเตน อคฺคปาโท จ ปณฺหิ จ สทิโสติ ทสฺเสติ.
มชฺเฌ สงฺกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺฑปาทตาย การณวิภาวนํ. อคฺเค สงฺกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺฑปาทตาย สกุณปาทสฺเสว คมนวิภาวนํ. ปิฏฺิปาทคฺเคน จงฺกมนฺโตติ ‘‘ปาทสฺส พาหิรนฺเตนาติ ¶ จ อพฺภนฺตรนฺเตนา’’ติ จ อิทํ ปาทตลสฺส อุโภหิ ปริยนฺเตหิ จงฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
มมฺมนนฺติ านกรณวิสุทฺธิยา อภาเวน อยุตฺตกฺขรวจนํ. วจนานุกรเณน หิ โส มมฺมโน วุตฺโต. โย จ กรณสมฺปนฺโนปิ เอกเมวกฺขรํ หิกฺการพหุโส วทติ, โสปิ อิเธว สงฺคยฺหติ. โย วา ปน หิกฺกํ นิคฺคเหตฺวาปิ อนาเมฑิตกฺขรเมว สิลิฏฺวจนํ วตฺตุํ สมตฺโถ, โส ปพฺพาเชตพฺโพ.
อาปตฺติโต น มุจฺจตีติ ตฺวา กโรนฺโตว น มุจฺจติ. ชีวิตนฺตรายาทิอาปทาสุ อรุจิยา กายสามคฺคึ เทนฺตสฺส อนาปตฺติ. อปฺปตฺโต โอสารณนฺติ โอสารณาย อนรโหติ อตฺโถ.
หตฺถจฺฉินฺนาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อลชฺชินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๐. นิสฺสยปฏิสํยุตฺตวตฺถูสุ ¶ ภิกฺขูหิ สมาโน ภาโค ทิฏฺิสีลาทิคุณโกฏฺาโส อสฺสาติ ภิกฺขุสภาโค, ตสฺส ภาโว ภิกฺขุสภาคตา.
อลชฺชินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คมิกาทินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๑. นิสฺสยกรณีโยติ เอตฺถ นิสฺสยคฺคหณํ นิสฺสโย, โส กรณีโย ยสฺสาติ วิเสสนสฺส ปรนิปาโต ทฏฺพฺโพ. วิสฺสเมนฺโต วา…เป… อนาปตฺตีติ คมนสอุสฺสาหตาย ตถา วสนฺโตปิ อทฺธิโก เอว, ตตฺถ นิสฺสยทายเก อสติ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. เอเตน จ ปริสฺสมาทิอภาเว เสนาสนาทิสมฺปทํ ปฏิจฺจ วสโต อาปตฺตีติ ทสฺเสติ. ตฺจ อคมนปจฺจยา ทิวเส ทิวเส อาปชฺชตีติ วทนฺติ. จีวรรชนาทิกิจฺจตฺถาย ครูหิ เปสิตสฺสาปิ กิจฺจปริโยสานเมว วสิตพฺพํ, น ตโต ปรํ. ครูหิปิ ตาวกาลิกกิจฺจตฺถเมว เปสลทหรา เปสิตพฺพา, น นิจฺจกาลกิจฺจตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นาวาย คจฺฉนฺตสฺส…เป… อนาปตฺตี’’ติ ¶ วุตฺตตฺตา เอวรูปํ อวิเธยฺยตํ วินา นิสฺสยทายกรหิตฏฺาเน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
ตสฺส นิสฺสายาติ ตํ นิสฺสาย. อาสาฬฺหีมาเส…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ปน สเจปิ ‘‘อสุโก เถโร เอตฺถ อาคมิสฺสติ อาคมิสฺสตี’’ติ อาคเมนฺตสฺเสว วสฺสูปนายิกทิวโส โหติ. โหตุ, วสิตฏฺาเน วสฺสํ อนุปคมฺม ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ทูเรปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปจฺฉิมิกาย อุปคนฺตพฺพํ.
๑๒๒. โคตฺเตนปีติ ‘‘อายสฺมโต ปิปฺปลิสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ นามํ อวตฺวา โคตฺตนาเมนปีติ อตฺโถ, เตน ‘‘โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเน โคตฺตนาเมน ‘‘อายสฺมา กสฺสโป’’ติ วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. ตสฺมา อฺมฺปิ กิฺจิ ตสฺส นามํ ปสิทฺธํ, ตสฺมึ วา ขเณ สุขคฺคหณตฺถํ นามํ ปฺาปิตํ, ตํ สพฺพํ คเหตฺวาปิ อนุสฺสาวนา กาตพฺพา. ยถา ¶ อุปชฺฌายสฺส, เอวํ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺสปิ โคตฺตาทินาเมน, ตงฺขณิกนาเมน จ อนุสฺสาวนํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมิมฺปิ ขเณ ‘‘อยํ ติสฺโส’’ติ วา ‘‘นาโค’’ติ วา นามํ กโรนฺเตหิ อนุสาสกสมฺมุติโต ปมเมว กาตพฺพํ, เอวํ กตฺวาปิ อนฺตรายิกธมฺมานุสาสนปุจฺฉนกาเลสุ ‘‘กินฺนาโมสิ, อหํ ภนฺเต นาโค นาม, โกนาโม เต อุปชฺฌาโย, อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต ติสฺโส นามา’’ติอาทินา วิฺาเปนฺเตน อุภินฺนมฺปิ จิตฺเต ‘‘มเมทํ นาม’’นฺติ ยถา สฺา อุปฺปชฺชติ, เอวํ วิฺาเปตพฺพํ. สเจ ปน ตสฺมึ ขเณ ปกตินาเมน วตฺวา ปจฺฉา ติสฺส-นามาทิอปุพฺพนาเมน อนุสฺสาเวติ, น วฏฺฏติ.
ตตฺถ จ กิฺจาปิ อุปชฺฌายสฺเสว นามํ อคฺคเหตฺวา เยน เกนจิ นาเมน ‘‘ติสฺสสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินาปิ ปุคฺคเล ปรามฏฺเ กมฺมํ สุกตเมว โหติ อนุปชฺฌายกาทีนํ อุปสมฺปทากมฺมํ วิย อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ อภพฺพตฺเตปิ กมฺมวาจาย ปุคฺคเล ปรามฏฺเ กมฺมสฺส สิชฺฌนโต. อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปน ยถาสกํ นามํ วินา อฺเน นาเมน อนุสฺสาวิเต กมฺมํ กุปฺปติ, โส อนุปสมฺปนฺโนว โหติ. ตตฺถ ิโต อฺโ อนุปสมฺปนฺโน วิย คหิตนามสฺส วตฺถุปุคฺคลสฺส ตตฺถ อภาวา, เอตสฺส จ นามสฺส อนุสฺสาวนาย อวุตฺตตฺตา. ตสฺมา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปกตินามํ ปริวตฺเตตฺวา อนุปุพฺเพน นาคาทินาเมน อนุสฺสาเวตุกาเมน ปฏิกจฺเจว ‘‘ตฺวํ นาโค’’ติอาทินา วิฺาเปตฺวา อนุสาสนอนฺตรายิกธมฺมปุจฺฉนกฺขเณสุปิ ตสฺส จ สงฺฆสฺส จ ยถา ปากฏํ โหติ, ตถา ปกาเสตฺวาว นาคาทินาเมน อนุสฺสาเวตพฺพํ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, เตสุ เอกํ คเหตุํ วฏฺฏติ.
ยํ ¶ ปน อุปสมฺปทาเปกฺขอุปชฺฌายานํ เอกตฺถ คหิตํ นามํ, ตเทว ตฺติยา, สพฺพตฺถ อนุสฺสาวนาสุ จ คเหตพฺพํ. คหิตโต หิ อฺสฺมึ คหิเต พฺยฺชนํ ภินฺนํ นาม โหติ, กมฺมํ วิปชฺชติ. อตฺถโต, หิ พฺยฺชนโต จ อภินฺนา เอว ตฺติ, อนุสฺสาวนา จ วฏฺฏนฺติ, อุปชฺฌายนามสฺส ปน ปุรโต ‘‘อายสฺมโต ติสฺสสฺสา’’ติอาทินา อายสฺมนฺต-ปทํ สพฺพตฺถ โยเชตฺวาปิ อนุสฺสาเวติ, ตถา อโยชิเตปิ โทโส นตฺถิ.
ปาฬิยํ ปน กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปจฺฉโต ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติอาทินา ¶ นามสฺส ปุรโต อายสฺมนฺต-ปทโยคสฺส ทสฺสนโต ปุรโตว ปโยโค ยุตฺตตโร. ตฺจ เอกตฺถ โยเชตฺวา อฺตฺถ อโยชิเตปิ เอกตฺถ ปุรโต โยเชตฺวา อฺตฺถ ปจฺฉโต โยชเนปิ สาวนาย หาปนํ นาม น โหติ นามสฺส อหาปิตตฺตา. เตเนว ปาฬิยมฺปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ เอกตฺถ โยเชตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติอาทีสุ ‘‘อายสฺมโต’’ติ น โยชิตนฺติ วทนฺติ. ตฺจ กิฺจาปิ เอวํ, ตถาปิ สพฺพฏฺาเนปิ เอเกเนว ปกาเรน โยเชตฺวา เอว วา อโยเชตฺวา วา อนุสฺสาวนํ ปสตฺถตรนฺติ คเหตพฺพํ.
คมิกาทินิสฺสยวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺเวอุปสมฺปทาเปกฺขาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๑๒๓. เอกโต สเหว เอกสฺมึ ขเณ อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนา, อุปสมฺปทาเปกฺขา, เอเต เอกานุสฺสาวเน กาตุํ. เตนาห ‘‘เอกานุสฺสาวเน กาตุ’’นฺติ, อิทฺจ เอกํ ปทํ วิภตฺติอโลเปน ทฏฺพฺพํ. เอเกน วาติ ทฺวินฺนมฺปิ เอกสฺมึ ขเณ เอกาย เอว กมฺมวาจาย อนุสฺสาวเน เอเกนาจริเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต จ อยํ ธมฺมรกฺขิโต จ อายสฺมโต สงฺฆรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินา นเยน เอเกน อาจริเยน ทฺวินฺนํ เอกสฺมึ ขเณ อนุสฺสาวนนโย ทฏฺพฺโพ. อิมินาว นเยน ติณฺณมฺปิ เอเกน อาจริเยน เอกกฺขเณ อนุสฺสาวนํ ทฏฺพฺพํ.
ปุริมนเยเนว เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวินฺนํ ทฺวีหิ วา, ติณฺณํ ตีหิ วา อาจริเยหิ, เอกเกน วา อาจริเยน ตโยปิ เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุนฺติ อตฺโถ, ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน. ‘‘น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ อิทํ เอเกน อาจริเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อุปชฺฌาเยหิ ¶ ทฺเว วา ตโย วา อุปสมฺปทาเปกฺเข เอกกฺขเณ เอกาย อนุสฺสาวนาย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ น วฏฺฏตีติ ปฏิกฺเขปปทํ. น ปน นานาจริเยหิ นานุปชฺฌาเยหิ ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘สเจ ปน นานาจริยา นานุปชฺฌายา…เป… วฏฺฏตี’’ติ. ยฺเจตฺถ ¶ ‘‘ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร ติสฺสตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริก’’นฺติ เอวํ อุปชฺฌาเยหิ อฺมฺํ สทฺธิวิหาริกานํ อนุสฺสาวนกรณํ วุตฺตํ, ตํ อุปลกฺขณมตฺตํ. ตสฺมา สเจ ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร นนฺทตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, อฺมฺฺจ คณปูรกา โหนฺติ, วฏฺฏติ เอว. สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวตีติ เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ. อนุปชฺฌายกสฺสปิ เยน เกนจิ อนุสฺสาวิเต อุปสมฺปทา โหติ, กิมงฺคํ ปน สอุปชฺฌายกสฺส อุปชฺฌาเยเนว อนุสฺสาวเนติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว นวฏฺฏนปกฺขํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห.
ทฺเวอุปสมฺปทาเปกฺขาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา
๑๒๖. อุปชฺฌาติ อุปชฺฌาย-สทฺทสมานตฺโถ อาการนฺโต อุปชฺฌาสทฺโทติ ทสฺเสติ. อุปชฺฌาย-สทฺโท เอว วา อุปชฺฌา อุปโยคปจฺจตฺตวจเนสุ ย-การโลปํ กตฺวา เอวํ วุตฺโต กรณวจนาทีสุ อุปชฺฌา-สทฺทสฺส ปโยคาภาวาติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพนฺติ อตฺตนาว กตฺตุภูเตน กรณภูเตน อตฺตานเมว กมฺมภูตํ ปติ สมฺมนนกิจฺจํ กาตพฺพํ. อตฺตานนฺติ วา ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตพฺโพติ อตฺโถ. น เกวลฺจ เอตฺเถว, อฺตฺราปิ เตรสสมฺมุติอาทีสุ อิมินาว ลกฺขเณน อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตพฺโพว. อปิจ สยํ กมฺมารหตฺตา อตฺตานํ มฺุจิตฺวา จตุวคฺคาทิโก คโณ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ.
สจฺจกาโลติ ‘‘นิคูหิสฺสามี’’ติ วฺจนํ ปหาย สจฺจสฺเสว เต อิจฺฉิตพฺพกาโล. ภูตกาโลติ วฺจนาย อภาเวปิ มนุสฺสตฺตาทิวตฺถุโน ภูตตาย อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพกาโล, อิตรถา กมฺมโกปาทิอนฺตราโย โหตีติ อธิปฺปาโย. มงฺกูติ อโธมุโข. อุทฺธรตูติ อนุปสมฺปนฺนภาวโต อุปสมฺปตฺติยํ ปติฏฺเปตูติ อตฺโถ.
สพฺพกมฺมวาจาสุ ¶ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ อุปสมฺปทากมฺมวาจาย เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – สุณาตูติ สวนาณตฺติยํ ปมปุริเสกวจนํ. ตฺจ ¶ กิฺจาปิ โย สงฺโฆ สวนกิริยาย นิโยชียติ, ตสฺส สมฺมุขตฺตา ‘‘สุณาหี’’ติ มชฺฌิมปุริเสกวจเนน วตฺตพฺพํ, ตถาปิ ยสฺมา สงฺฆ-สทฺทสนฺนิธาเน ปมปุริสปโยโคว สทฺทวิธูหิ สมาจิณฺโณ ภควนฺตอายสฺมนฺตาทิสทฺทสนฺนิธาเนสุ วิย ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม (ปารา. ๒๒). เอตสฺส สุคต กาโล, ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย (ปารา. ๒๑). ปกฺกมตายสฺมา (ปารา. ๔๓๖). สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ วิย. ตสฺมา อิธ ปมปุริสปโยโค กโต. อถ วา คารววเสเนเวตํ วุตฺตํ. ครุฏฺานีเยสุ หิ คารววเสน มชฺฌิมปุริสปโยคุปฺปตฺติยมฺปิ ปมปุริสปโยคํ ปยุชฺชนฺติ ‘‘เทเสตุ สุคโต ธมฺม’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๒.๓๓๘; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) วิยาติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ภนฺเต, อาวุโสติ สทฺเท อเปกฺขิตฺวา อิธ ปมปุริสปโยโค’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ, (มหาว. ๗๗) อิงฺฆาวุโส อุปาลิ, อิมํ ปพฺพชิตํ อนุยฺุชาหี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕๑๗) ตปฺปโยเคปิ มชฺฌิมปุริสปโยคสฺเสว ทสฺสนโต.
เมติ โย สาเวติ, ตสฺส อตฺตนิทฺเทเส สามิวจนํ. ภนฺเตติ อาลปนตฺเถ วุฑฺเฒสุ สคารววจนํ. ‘‘อาวุโส’’ติ ปทํ ปน นวเกสุ. ตทุภยมฺปิ นิปาโต ‘‘ตุมฺเห ภนฺเต, ตุมฺเห อาวุโส’’ติ พหูสุปิ สมานรูปตฺตา. สงฺโฆติ อวิเสสโต จตุวคฺคาทิเก ปกตตฺตปุคฺคลสมูเห วตฺตติ. อิธ ปน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปฺจวคฺคโต ปฏฺาย, มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ทสวคฺคโต ปฏฺาย สงฺโฆติ คเหตพฺโพ. ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – ภนฺเต, สงฺโฆ มม วจนํ สุณาตูติ. อิทฺจ นวกตเรน วตฺตพฺพวจนํ. สเจ ปน อนุสฺสาวโก สพฺเพหิ ภิกฺขูหิ วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ. โสปิ เจ ‘‘ภนฺเต’’ติ วเทยฺย, นวกตโร วา ‘‘อาวุโส’’ติ, กมฺมโกโป นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘เอกตฺถ ‘อาวุโส’ติ วตฺวา อฺตฺถ ‘ภนฺเต’ติ วุตฺเตปิ นตฺถิ โทโส อุภเยนาปิ อาลปนสฺส สิชฺฌนโต’’ติ วทนฺติ.
อิทานิ ยมตฺถํ าเปตุกาโม ‘‘สุณาตู’’ติ สงฺฆํ สวเน นิโยเชติ, ตํ าเปนฺโต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อยนฺติ ¶ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส หตฺถปาเส สนฺนิหิตภาวทสฺสนํ. เตน จ หตฺถปาเส ิตสฺเสว อุปสมฺปทา รุหตีติ สิชฺฌติ หตฺถปาสโต พหิ ิตสฺส ‘‘อย’’นฺติ น วตฺตพฺพโต. เตเนว อนุสาสกสมฺมุติยํ โส หตฺถปาสโต พหิ ิตตฺตา ‘‘อย’’นฺติ น วุตฺโต. ตสฺมา อุปสมฺปทาเปกฺโข อนุปสมฺปนฺโน หตฺถปาเส เปตพฺโพ. อยํ อิตฺถนฺนาโมติ อยํ-สทฺโท จ อวสฺสํ ปยุชฺชิตพฺโพ. โส จ อิมสฺมึ ปมนามปโยเค เอวาติ คเหตพฺพํ ¶ . ‘‘อิตฺถนฺนาโม’’ติ อิทํ อนิยมโต ตสฺส นามทสฺสนํ. อุภเยนปิ อยํ พุทฺธรกฺขิโตติอาทินามํ ทสฺเสติ. ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ ภินฺนาธิกรณวิสเย พหุพฺพีหิสมอาโส, อุปสมฺปทํ เม สงฺโฆ อเปกฺขมาโนติ อตฺโถ. ตสฺส จ อุปชฺฌายตํ สมงฺคิภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘อิตฺถนฺนมสฺส อายสฺมโต’’ติ วุตฺตํ. เอเตน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส สทฺธิวิหาริกภูโต อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวมาทินา นเยน นามโยชนาย สห อตฺโถ ทสฺสิโตติ. เอตฺถ จ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ อวตฺวาปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอตฺถ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ น วุตฺตํ. ยฺเจตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
นนุ เจตฺถ อุปชฺฌาโยปิ อุปสมฺปทาเปกฺโข วิย หตฺถปาเส ิโต เอว อิจฺฉิตพฺโพ, อถ กสฺมา ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม อิมสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ อุปชฺฌายปรามสเนปิ อิม-สทฺทสฺส ปโยโค น กโตติ? นายํ วิโรโธ อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ กมฺมโกปาภาวโต. เกวลฺหิ กมฺมนิปฺผตฺติยา สนฺตปทวเสน อวิชฺชมานสฺสปิ อุปชฺฌายสฺส นามกิตฺตนํ อนุปชฺฌายสฺส อุปสมฺปทาทีสุปิ กรียติ. ตสฺมา อุปชฺฌายสฺส อสนฺนิหิตตายปิ ตปฺปรามสนมตฺเตเนว กมฺมสิทฺธิโต ‘‘อิมสฺสา’’ติ นิทฺทิสิตุํ น วฏฺฏติ.
ปริสุทฺโธ อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหีติ อภพฺพตาทิเกหิ อุปสมฺปทาย อวตฺถุกเรหิ เจว ปฺจาพาธหตฺถจฺฉินฺนาทีหิ จ อาปตฺติมตฺตกเรหิ อนฺตรายิเกหิ สภาเวหิ ปริมุตฺโต. เอวํ วุตฺโต เอว จ อาปตฺติมตฺตกเรหิ ปฺจาพาธาทีหิ อปริมุตฺตสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาฺถา. ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรนฺติ ปริปุณฺณมสฺส อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปตฺตจีวรํ. เอวํ วุตฺเต เอว อปตฺตจีวรสฺสาปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาฺถา. อุปสมฺปทํ ยาจตีติ ¶ ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๗๑, ๑๒๖) ยาจิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ เตน สงฺเฆ อยาจิเตปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วุตฺเต เอว กมฺมํ อวิปนฺนํ โหติ, นาฺถา. อุปชฺฌาเยนาติ อุปชฺฌาเยน กรณภูเตน อิตฺถนฺนามํ อุปชฺฌายํ กตฺวา กมฺมภูตํ อุปสมฺปทํ ทาตุํ นิปฺผาเทตุํ กตฺตุภูตํ สงฺฆํ ยาจตีติ อตฺโถ. ยาจธาตุโน ปน ทฺวิกมฺมกตฺตา ‘‘สงฺฆํ, อุปสมฺปท’’นฺติ ทฺเว กมฺมปทานิ วุตฺตานิ.
ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลนฺติ เอตฺถ ปตฺโต กาโล อิมสฺสาติ ปตฺตกาลํ, อปโลกนาทิจตุพฺพิธสงฺฆกมฺมํ, ตเทว สกตฺเถ ย-ปจฺจเยน ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทากมฺมํ อธิปฺเปตํ, ตํ กาตุํ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ ชาตํ. ยทีติ อนุมติคหณวเสน กมฺมสฺส ¶ ปตฺตกลฺลตํ าเปติ. โย หิ โกจิ ตตฺถ อปตฺตกลฺลตํ มฺิสฺสติ, โส วกฺขติ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย อนุสฺสาวนาสุ ‘‘ยสฺสายสฺมโต ขมติ…เป… โส ภาเสยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) วุตฺตํ. ตํ ปเนตํ ปตฺตกลฺลํ วตฺถุสมฺปทา, อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา, สีมาสมฺปทา, ปริสสมฺปทา, ปุพฺพกิจฺจนิฏฺาปนนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สงฺคหิตํ.
ตตฺถ วตฺถุสมฺปทา นาม ยถาวุตฺเตหิ เอกาทสหิ อภพฺพปุคฺคเลหิ เจว อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺเนหิ จ อฺโ ปริปุณฺณวีสติวสฺโส อนุปสมฺปนฺนภูโต มนุสฺสปุริโส, เอตสฺมึ ปุคฺคเล สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. กตฺจ กุปฺปเมว โหติ.
อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา นาม ยถาวุตฺตสฺเสว อุปสมฺปทาวตฺถุภูตสฺส ปุคฺคลสฺส เย อิเม ภควตา ปฏิกฺขิตฺตา ปฺจาพาธผุฏฺตาทโย มาตาปิตูหิ อนนฺุาตตาปริโยสานา เจว หตฺถจฺฉินฺนตาทโย จ โทสธมฺมา การกสงฺฆสฺส อาปตฺตาทิอนฺตรายเหตุตาย ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุจฺจนฺติ เตหิ อนฺตรายิเกหิ โทสธมฺเมหิ ปริมุตฺตตฺตา, อิมิสฺสา จ สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. กตํ ปน กมฺมํ สุกตเมว โหติ เปตฺวา อูนวีสติวสฺสปุคฺคลํ.
สีมาสมฺปทา ¶ ปน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๔๗-๑๔๘) วกฺขมานนเยน สพฺพโทสวิรหิตาย พทฺธาพทฺธวเสน ทุวิธาย สีมาย วเสเนว เวทิตพฺพา. ตาทิสาย หิ สีมาย สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. กตฺจ กมฺมํ วิปชฺชติ.
ปริสสมฺปทา ปน เย อิเม อุปสมฺปทากมฺมสฺส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน กมฺมปฺปตฺตา ทสหิ วา ปฺจหิ วา อนูนา ปาราชิกํ อนาปนฺนา, อนุกฺขิตฺตา จ สมานสํวาสกา ภิกฺขู, เตสํ เอกสีมายํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา านํ, ฉนฺทารหานฺจ ฉนฺทสฺส อานยนํ, สมฺมุขีภูตานฺจ อปฺปฏิกฺโกสนํ, อุปสมฺปทาเปกฺขรหิตานํ อุโปสถกฺขนฺธเก ปฏิกฺขิตฺตานํ คหฏฺาทิอนอุปสมฺปนฺนานฺเจว ปาราชิกุกฺขิตฺตกนานาสํวาสกภิกฺขุนีนฺจ วชฺชนียปุคฺคลานํ สงฺฆสฺส หตฺถปาเส อภาโว จาติ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตา. เอวรูปาย จ ปริสสมฺปทาย สติ เอว อิทํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ตตฺถ ปุริมานํ ติณฺณํ องฺคานํ อฺตรสฺสปิ อภาเว กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, น ปจฺฉิมสฺส.
ปุพฺพกิจฺจนิฏฺาปนํ ¶ นาม ยานิมานิ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทินา ปาฬิยํ วุตฺตานิ ‘‘อุปชฺฌํ คาหาปนํ, ปตฺตจีวราจิกฺขนํ, ตโต ตํ หตฺถปาสโต พหิ เปตฺวา อนุสาสกสมฺมุติกมฺมกรณํ, สมฺมเตน จ คนฺตฺวา อนุสาสนํ, เตน จ ปมตรํ อาคนฺตฺวา สงฺฆสฺส าเปตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขํ ‘อาคจฺฉาหี’ติ หตฺถปาเส เอว อพฺภานํ, เตน จ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุปสมฺปทายาจาปนํ, ตโต อนฺตรายิกธมฺมปุจฺฉกสมฺมุติกรณํ, สมฺมเตน จ ปุจฺฉน’’นฺติ อิมานิ อฏฺ ปุพฺพกิจฺจานิ, เตสํ สพฺเพสํ ยาถาวโต กรเณน นิฏฺาปนํ. เอตสฺมิฺจ ปุพฺพกมฺมนิฏฺาปเน สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. เอเตสุ ปน ปุพฺพกมฺเมสุ อกเตสุปิ กตํ กมฺมํ ยถาวุตฺตวตฺถุสมฺปตฺติอาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อกุปฺปเมว โหติ. ตเทวเมตฺถ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินาว นเยน เหฏฺา วุตฺเตสุ, วกฺขมาเนสุ จ สพฺเพสุ กมฺเมสุ ปตฺตกลฺลตา ยถารหํ โยเชตฺวา าตพฺพา.
อิตฺถนฺนามํ ¶ อุปสมฺปาเทยฺยาติ อุปสมฺปทานิปฺผาทเนน ตํสมงฺคึ กเรยฺย กโรตูติ ปตฺถนายํ, วิธิมฺหิ วา อิทํ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ‘‘เทวทตฺตํ สุขาเปยฺยา’’ติ วุตฺเต สุขมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ สุขสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อตฺโถ โหติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปทมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ อุปสมฺปทาสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ปโยชกพฺยาปาเร เจตํ ยถา สุขยนฺตํ กฺจิ สุทฺธกตฺตารํ โกจิ เหตุกตฺตา สุขเหตุนิปฺผาทเนน สุขาเปยฺยาติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปชฺชนฺตํ สุทฺธกตฺตารํ ปุคฺคลํ เหตุกตฺตุภูโต สงฺโฆ อุปสมฺปทาเหตุนิปฺผาทเนน อุปสมฺปาเทยฺยาติ วุตฺโต. เอเตน จ สุขํ วิย สุขทายเกน สงฺเฆน ปุคฺคลสฺส ทิยฺยมานา ตถาปวตฺตปรมตฺถธมฺเม อุปาทาย อริยชนปฺตฺตา อุปสมฺปทา นาม สมฺมุติสจฺจตา อตฺถีติ สมตฺถิตํ โหติ. เอตฺถ จ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปริวาสาทีสุ วิย ยาจนานุคุณํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทํ ทเทยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อิทํ อุปสมฺปทากมฺมํ ทาเน อสงฺคเหตฺวา กมฺมลกฺขเณ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา นเยน ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกวลฺหิ ตตฺถ วตฺตมานกาลอตีตกาลวเสน, อิธ ปน อนามฏฺกาลวเสนาติ เอตฺตกเมว วิเสโส.
เอสา ตฺตีติ ‘‘สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตาปนา เอสา. อิทฺจ อนุสฺสาวนานมฺปิ สพฺภาวสูจนตฺถํ วุจฺจติ. อวสฺสฺเจตํ วตฺตพฺพเมว, ตฺติกมฺเม เอว ตํ น วตฺตพฺพํ. ตตฺถ ปน ยฺย-กาเร วุตฺตมตฺเต เอว ตฺติกมฺมํ นิฏฺิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ขมตีติ รุจฺจติ. อุปสมฺปทาติ สงฺเฆน ทิยฺยมานา นิปฺผาทิยมานา อุปสมฺปทา ยสฺส ขมติ. โส ตุณฺหสฺสาติ โยชนา. ตุณฺหีติ ¶ จ อกถนตฺเถ นิปาโต, อกถนโก อสฺส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ขมติ สงฺฆสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาติ ปกเตน สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตสฺมา ตุณฺหี’’ติ. ตตฺถ ‘‘อาสี’’ติ เสโส. ยสฺมา ‘‘ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโนปิ สงฺโฆ ตุณฺหี นิรโว อโหสิ, ตสฺมา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อตฺโถ. เอวนฺติ อิมินา ปกาเรน. ตุณฺหีภาเวเนเวตํ สงฺฆสฺส รุจฺจนภาวํ ธารยามิ พุชฺฌามิ ปชานามีติ อตฺโถ. อิติ-สทฺโท ปริสมาปนตฺเถ กโต, โส จ กมฺมวาจาย อนงฺคํ. ตสฺมา อนุสฺสาวเกน ‘‘ธารยามี’’ติ เอตฺถ มิ-การปริโยสานเมว ¶ วตฺวา นิฏฺาเปตพฺพํ, อิติ-สทฺโท น ปยุชฺชิตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ กมฺมวาจานมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตฺตาโรนิสฺสยาทิกถาวณฺณนา
๑๒๘. เอกโปริสา วาติอาทิ สตฺตานํ สรีรจฺฉายํ ปาเทหิ มินิตฺวา ชานนปฺปการทสฺสนํ. ฉสตฺตปทปรมตา หิ ฉายา ‘‘โปริสา’’ติ วุจฺจติ. อิทฺจ อุตุปฺปมาณาจิกฺขนาทิ จ อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ วีมํสิตฺวา วุฑฺฒนวภาวํ ตฺวา วนฺทนวนฺทาปนาทิกรณตฺถํ วุตฺตํ. เอติ อาคจฺฉติ, คจฺฉติ จาติ อุตุ, โสว ปมิยเต อเนน สํวจฺฉรนฺติ ปมาณนฺติ อาห ‘‘อุตุเยว อุตุปฺปมาณ’’นฺติ. อปริปุณฺณาติ อุปสมฺปทาทิวเสน อปริปุณฺณา. ยทิ อุตุเวมชฺเฌ อุปสมฺปาทิโต, ตทา ตสฺมึ อุตุมฺหิ อวสิฏฺทิวสาจิกฺขนํ ‘‘ทิวสภาคาจิกฺขน’’นฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ยสฺส โย อุตุ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเส’’ติ. ตตฺถ ยสฺส ตํ ขณํ ลทฺธูปสมฺปทสฺส ปุคฺคลสฺส สมฺพนฺธี โย อุตุ ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเสติ โยชนา.
ฉายาทิกเมว สพฺพํ สงฺคเหตฺวา คายิตพฺพโต กเถตพฺพโต สงฺคีตีติ อาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอกโต กตฺวา อาจิกฺขิตพฺพํ. ตฺวํ กึ ลภสีติ ตฺวํ อุปสมฺปาทนกาเล กตรวสฺสํ, กตรอุตฺุจ ลภสิ, กตรสฺมึ เต อุปสมฺปทา ลทฺธาติ อตฺโถ. วสฺสนฺติ วสฺสานอุตุ. อิทฺจ สํวจฺฉราจิกฺขนํ วินา วุตฺตมฺปิ น ายตีติ อิมินา อุตุอาจิกฺขเนเนว สาสนวสฺเสสุ วา กลิยุควสฺสาทีสุ วา สหสฺสิเม วา สติเม วา อสุกํ อุตุํ ลภามีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ฉายา’’ติ อิทํ ปาฬิยํ อาคตปฏิปาฏึ สนฺธาย วุตฺตํ. วตฺตพฺพกมโต ปน กลิยุควสฺสาทีสุ สพฺพเทสปสิทฺเธสุ อสุกวสฺเส อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส ¶ อสุเก กณฺเห วา สุกฺเก วา ปกฺเข อสุกติถิวารวิเสสยุตฺเต นกฺขตฺเต ปุพฺพณฺหาทิทิวสภาเค เอตฺตเก ฉายาปมาเณ, นาฑิกาปมาเณ วา มยา อุปสมฺปทา ลทฺธาติ วเทยฺยาสีติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘อิทํ สุฏฺุ อุคฺคเหตฺวา อาคนฺตุเกหิ ¶ วุฑฺฒปฏิปาฏึ ตฺวา ปฏิปชฺชาหี’’ติ วตฺตพฺพํ. ปาฬิยํ กิสฺส ตฺวนฺติ กึ ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ อกาสีติ อตฺโถ.
๑๓๐. อุปสมฺปทํ ยาจีติ ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ยาจีติ อตฺโถ. ปสฺสิสฺสามีติ เอตฺถ วทตีติ เสโส, เอวํ อุปริปิ. ‘‘โอสาเรตพฺโพ’’ติ อิมินา ปุริโม อุกฺขิตฺตภาโว วิพฺภมิตฺวา ปุน ลทฺธูปสมฺปทมฺปิ น มฺุจติ. เตน จ สมฺภฺุชนาทีสุปิ ภิกฺขูนํ ปาจิตฺติยเมวาติ ทสฺเสติ. อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเสติ เอตฺถ สหเสยฺยาปิ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จายมธิปฺปาโย – ยสฺมา อยํ โอสาริตตฺตา ปกตตฺโต, ตสฺมา อุกฺขิตฺตสมฺโภคาทิปจฺจเยน ปาจิตฺติเยเนตฺถ อนาปตฺตีติ. โย ปน อาปตฺติฏฺาเน อนาปตฺติทิฏฺิตาย อาปตฺตึ น ปสฺสติ, เตเนว ปฏิกมฺมมฺปิ น กโรติ, โส ยสฺมา เอตฺตาวตา อลชฺชี นาม น โหติ. ปณฺณตฺตึ ตฺวา วีติกฺกมํ กโรนฺโต เอว หิ อลชฺชี นาม โหติ. ‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติอาทิ (ปริ. ๓๕๙) หิ วุตฺตํ. ตสฺมา เอตฺถ อลชฺชิสมฺโภคาทิปจฺจยา ทุกฺกฏาปตฺตินิยโม นตฺถิ. เตน สาเปตฺถ อาปตฺติ น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. โย ปเนตฺถ อิมํ อธิปฺปายํ อสลฺลกฺเขนฺเตน เกนจิ ‘‘อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส’’ติ อิมินา ปาจิตฺติเยน อนาปตฺติ วุตฺตา, อลชฺชิสมฺโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ ปน อาปชฺชติ เอวาติ อาปตฺตินิยโม วุตฺโต, โส อลชฺชิตฺเต สติ เอว วุตฺโต, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ.
๑๓๑. วินยมฺหีติอาทิคาถาสุ นิคฺคหานนฺติ นิคฺคหกรเณสุ. ปาปิจฺเฉติ ปาปปุคฺคลานํ นิคฺคหกรเณสุ, ลชฺชีนํ ปคฺคเหสุ จ เปสลานํ สุขาวเห มหนฺเต วินยมฺหิ ยถา อตฺถการี อตฺถานุคุณํ กโรนฺโตว ยสฺมา โยนิโส ปฏิปชฺชติ นาม โหติ, ตสฺมา อุทฺทานํ ปวกฺขามีติ สมฺพนฺธโยชนา ทฏฺพฺพา. เสสํ สพฺพตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
จตฺตาโรนิสฺสยาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย วิมติวิโนทนิยํ
มหาขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๒. อุโปสถกฺขนฺธโก
สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา
๑๓๒. อุโปสถกฺขนฺธเก ¶ ¶ ตรนฺติ โอตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, ลทฺธิ. อิโตติ สาสนลทฺธิโต.
๑๓๕. อาปชฺชิตฺวา วา วุฏฺิโตติ เอตฺถ เทสนาโรจนานมฺปิ สงฺคโห. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘วุฏฺิตา วา เทสิตา วา อาโรจิตา วา อาปตฺติ…เป… อสนฺตี นาม โหตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ.
มนุเชนาติ อาสนฺเนน สห. ปเรติ ทูรฏฺเปิ ปรปุคฺคเล สนฺธาย คิรํ โน จ ภเณยฺยาติ โยชนา.
‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วุตฺตตฺตา ครุกาปตฺติปิ อาวิกรณมตฺเตน วุฏฺาตีติ เกจิ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปริวาสาทิวิธานสุตฺเตหิ วิรุชฺฌนโต. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถาภูตฺหิ อตฺตานมาวิกโรนฺตํ เปสลา ภิกฺขู ‘‘อกามา ปริวตฺถพฺพ’’นฺติอาทิวจนํ นิสฺสาย อนิจฺฉมานมฺปิ นํ อุปาเยน ปริวาสาทีนิ ทตฺวา อวสฺสํ สุทฺธนฺเต ปติฏฺาเปสฺสนฺติ, ตโต ตสฺส อวิปฺปฏิสาราทีนํ วเสน ผาสุ โหติ. ปมํ ปาติโมกฺขุทฺเทสนฺติ นิทานุทฺเทสํ ทสฺเสติ. ปุพฺเพ อวิชฺชมานํ ปฺาเปสีติ. น เกวลฺจ เอตํ, ปุพฺเพ ปฺตฺตมฺปิ ปน ปาราชิกาทิสิกฺขาปทํ สพฺพํ ภควา ‘‘ตตฺริเม จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา อุทฺเทสํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทินา ปาราชิกุทฺเทสาทิวเสน วินยมาติกํ กตฺวา นิทานุทฺเทเสน สห สยเมว สงฺคเหตฺวา ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ ปฺาเปสีติ ทฏฺพฺพํ. ตเทตํ สพฺพมฺปิ สนฺธาย ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๓) วุตฺตํ.
๑๓๖. เอตํ ๓๔ เวทิตพฺพนฺติ ยสฺมึ ตสฺมึ จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วาติ เอวํ อตฺถชาตํ.
สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา
๑๓๘. ‘‘ปุรตฺถิมาย ¶ ทิสายา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ตสฺสํ ปน ทิสายํ นิมิตฺเต อสติ ยตฺถ อตฺถิ, ตโต ปฏฺาย ปมํ ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสายา’’ติอาทินา สมนฺตา วิชฺชมานฏฺาเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสายา’’ติ ปมกิตฺติตํ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ, ตีหิ นิมิตฺเตหิ สิงฺฆาฏกสณฺานายปิ สีมาย สมฺมนฺนิตพฺพโต. ติกฺขตฺตุํ สีมามณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตนาติ วินยธเรน สยํ เอกสฺมึเยว าเน ตฺวา เกวลํ นิมิตฺตกิตฺตนวจเนเนว สีมามณฺฑลํ สมนฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ พนฺธนฺเตนาติ อตฺโถ. ตํ ตํ นิมิตฺตฏฺานํ อคนฺตฺวาปิ หิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ติโยชนปรมาย สีมาย สมนฺตโต ติกฺขตฺตุํ อนุปริคมนสฺส เอกทิวเสน ทุกฺกรตฺตา วินยธเรน สยํ อทิฏฺมฺปิ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ยถาววตฺถิตํ นิมิตฺตํ ‘‘ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา เกนจิ วุตฺตานุสาเรน สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา กิตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.
สุทฺธปํสุปพฺพโตติ น เกนจิ กโต สยํชาโตว วุตฺโต. ตถา เสสาปิ. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทิโกปิ ปพฺพโต. หตฺถิปฺปมาณโตติ เอตฺถ ภูมิโต อุคฺคตปฺปเทเสน หตฺถิปฺปมาณํ คเหตพฺพํ. จตูหิ วา ตีหิ วาติ สีมาภูมิยํ จตูสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ ิเตหิ. เอกิสฺสา เอว ปน ทิสาย ิเตหิ ตโต พหูหิปิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ. ทฺวีหิ ปน ทฺวีสุ ทิสาสุ ิเตหิปิ น วฏฺฏติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ตํ พหิทฺธา กตฺวาติ กิตฺติตนิมิตฺตสฺส อสีมตฺตา อนฺโตสีมาย กรณํ อยุตฺตนฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.
ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา สณฺานโต คเหตพฺพา, น ตุลคณนาวเสน, ภารโต ปลปริมาณฺจ มคธตุลาย คเหตพฺพํ. สา จ โลกิยตุลาย ทฺวิคุณาติ วทนฺติ. อติมหนฺโตปีติ ภูมิโต หตฺถิปฺปมาณํ อนุคฺคนฺตฺวา เหฏฺาภูมิยํ โอติณฺณฆนโต อเนกโยชนปฺปมาโณปิ. สเจ หิ ตโต หตฺถิปฺปมาณํ กูฏํ อุคฺคจฺฉติ, ปพฺพตสงฺขฺยเมว คจฺฉติ.
อนฺโตสารานนฺติ ¶ ตสฺมึ ขเณ ตรุณตาย สาเร อวิชฺชมาเนปิ ปริณาเมน ภวิสฺสมานสาเรปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสานฺหิ สูจิทณฺฑกปฺปมาณปริณาหานํ จตุปฺจมตฺตมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสาเรหิ ¶ รุกฺเขหิ สมฺมิสฺสานํ. เอเตน จ สารรุกฺขมิสฺสมฺปิ วนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ สารรุกฺเข สนฺธาย วุตฺตํ. วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺตีติ รุกฺขฆฏาย อนฺตเร รุกฺเข อจฺฉินฺทิตฺวา วติอาทีหิ วิหารปริจฺเฉทํ กตฺวาว อนฺโตรุกฺขนฺตเรสุ เอว ปริเวณปณฺณสาลาทีนํ กรณวเสน ยถา อนฺโตวิหารมฺปิ วนเมว โหติ, เอวํ วิหารํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ยทิ หิ สพฺพํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา วิหารํ กเรยฺยุํ, วิหารสฺส อวนตฺตา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ วนํ เอกตฺถ กิตฺเตตพฺพํ สิยา. อิธ ปน อนฺโตปิ วนตฺตา ‘‘วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, ‘‘นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหตี’’ติอาทินา อนนฺตเร วุตฺตโทสํ อาปชฺชติ. เอกเทสนฺติ วเนกเทสํ, รุกฺขวิรหิตฏฺาเน กตวิหารสฺส เอกปสฺเส ิตวนสฺส เอกเทสนฺติ อตฺโถ.
สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ วํสทณฺฑปฺปมาโณ. เลขนิทณฺฑปฺปมาโณติ เกจิ. มาติกาฏฺกถายํ ปน อเวภงฺคิยวินิจฺฉเย ‘‘โย โกจิ อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑกมตฺโตปิ เวฬุ…เป… ครุภณฺฑ’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตตฺตา ตนุตโร เวฬุทณฺโฑติ จ สูจิทณฺโฑติ จ คเหตพฺพํ. วํสนฬกสราวาทีสูติ เวฬุปพฺเพ วา นฬปพฺเพ วา กปลฺลกาทิมตฺติกภาชเนสุ วาติ อตฺโถ. ตงฺขณมฺปีติ ตรุณโปตเก อมิลายิตฺวา วิรุหนชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน ปริณตา สมูลํ อุทฺธริตฺวา โรปิตาปิ ฉินฺนสาขา วิย มิลายิตฺวา จิเรน นวมูลงฺกุรุปฺปตฺติยา ชีวนฺติ, มียนฺติเยว วา, ตาทิเส กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ.
มชฺเฌติ สีมาย มหาทิสานํ อนฺโต. โกณนฺติ สีมาย จตูสุ โกเณสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เตสํ จตุนฺนํ โกณานํ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อฺิสฺสา ทิสาย จาปรนฺติ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กิตฺติตมตฺเตน กถํ เอกาพทฺธตา วิคจฺฉตีติ วิฺายตีติ. ปรโต คตฏฺาเนปิ เอเต เอว เต จตฺตาโร มคฺคา. ‘‘จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ตสฺมา เอตฺถ การณํ วิจินิตพฺพํ.
‘‘อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา’’ติ อิทฺจ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๖๙๒) ภิกฺขุนีนํ นทีปารคมเน นทิลกฺขณสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขูนํ อนฺตรวาสกเตมนมตฺตมฺปิ วฏฺฏติ เอว ¶ . ‘‘นทิจตุกฺเกปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ ปรโต คตฏฺาเนปิ กิตฺเตตุํ ¶ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตเนว จ ‘‘อสฺสมฺมิสฺสนทิโย จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ อสมฺมิสฺส-คฺคหณํ กตํ. มูเลติ อาทิกาเล. นทึ ภินฺทิตฺวาติ ยถา อุทกํ อนิจฺฉนฺเตหิ กสฺสเกหิ มโหเฆ นิวตฺเตตุํ น สกฺกา, เอวํ นทิกูลํ ภินฺทิตฺวา.
อุกฺเขปิมนฺติ ทีฆรชฺชุนา กุเฏน อุสฺสิฺจนียํ.
อสมฺมิสฺเสหีติ สพฺพทิสาสุ ิตปพฺพเตหิ เอว, ปาสาณาทีสุ อฺตเรหิ วา นิมิตฺตนฺตราพฺยวหิเตหิ. สมฺมิสฺเสหีติ เอกตฺถ ปพฺพโต, อฺตฺถ ปาสาโณติ เอวํ ิเตหิ อฏฺหิปิ. ‘‘นิมิตฺตานํ สเตนาปี’’ติ อิมินา เอกิสฺสาย เอว ทิสาย พหุนิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปพฺพโต ภนฺเต. ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ติโกณา. จตุรสฺสาติ สมจตุรสฺสา, มุทิงฺคสณฺานา ปน อายตจตุรสฺสา. เอกโกฏิยํ สงฺโกจิตา, ตทฺาย วิตฺถิณฺณา วา โหตีติ. สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ อายตึ พนฺธิตพฺพาย สีมาย เนสํ วิหารานํ ปริจฺเฉทโต พหิ สีมนฺตริกปฺปโหนกํ อุปจารํ เปตฺวา. พทฺธา สีมา เยสุ วิหาเรสุ, เต พทฺธสีมา. ปาเฏกฺกนฺติ ปจฺเจกํ. พทฺธสีมาสทิสานีติ ยถา พทฺธสีมาสุ ิตา อฺมฺํ ฉนฺทาทึ อนเปกฺขิตฺวา ปจฺเจกํ กมฺมํ กาตุํ ลภนฺติ, เอวํ คามสีมาสุ ิตาปีติ ทสฺเสติ. อาคนฺตพฺพนฺติ สามีจิมตฺตวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อาคมนมฺปี’’ติอาทิ.
ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทีนนฺติ เอตฺถ ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชาคหณํ. เอกวีสติ ภิกฺขูติ นิสินฺเน สนฺธาย วุตฺตํ. อิทฺจ กมฺมารเหน สห อพฺภานการกานมฺปิ ปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพา’’ติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตาย วฑฺฒิตฺวา อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส จ ตทภาวโต ยตฺถ กตฺถจิ อาเนตฺวา เปตุํ สุกรตาย จ วุตฺตํ. ตถา สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพาติ เอตฺถาปิ. จตุรงฺคุลปฺปมาณาปีติ ยถา ขนฺธสีมาปริจฺเฉทโต พหิ นิมิตฺตปาสาณานํ จตุรงฺคุลมตฺตฏฺานํ สมนฺตา นิคจฺฉติ, อวเสสํ านํ อนฺโตขนฺธสีมาย โหติเยว, เอวํ เตสุปิ ปิเตสุ จตุรงฺคุลมตฺตา สีมนฺตริกา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมนฺตริกปาสาณาติ ¶ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา. เต ปน กิตฺเตนฺเตน ปทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. กถํ? ขณฺฑสีมโต หิ ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน ¶ กิตฺเตตฺวา ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ปุริมกิตฺติตํ วุตฺตนเยน ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา. ตโตติ ปจฺฉา. อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรนฺตเรสุ อวเสสนิมิตฺตานิ. อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตีติ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ น โกเปนฺติ.
กุฏิเคเหติ ภูมิยํ กตติณกุฏิยํ. อุทุกฺขลนฺติ อุทุกฺขลาวาฏสทิสขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ตํ ราชึ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ. อิทฺจ ยถาวุตฺเตสุ นิมิตฺเตสุ อนาคตตฺเตน น วฏฺฏตีติ สิทฺธมฺปิ อวินสฺสกสฺาย โกจิ โมเหน นิมิตฺตํ กเรยฺยาติ ทูรโตปิ วิปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ. เอวํ อุปริ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทีสุปิ สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ กถเน การณํ เวทิตพฺพํ. สีมาวิปตฺติ หิ อุปสมฺปทาทิสพฺพกมฺมวิปตฺติมูลนฺติ ตสฺสา สพฺพํ ทฺวารํ สพฺพถา ปิทหนวเสน วตฺตพฺพํ. สพฺพํ วตฺวาว อิธ อาจริยา วินิจฺฉยํ เปสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ภิตฺตินฺติ อิฏฺกทารุมตฺติกามยํ. สิลามยาย ปน ภิตฺติยา นิมิตฺตุปคํ เอกํ ปาสาณํ ตํตํทิสาย กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. อเนกสิลาหิ จินิตํ สกลภิตฺตึ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอกวจเนน วตฺตพฺพโต. อนฺโตกุฏฺฏเมวาติ เอตฺถ อนฺโตกุฏฺเฏปิ นิมิตฺตานํ ิโตกาสโต อนฺโต เอว สีมาติ คเหตพฺพํ. ปมุเข นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวาติ คพฺภาภิมุเขปิ พหิปมุเข คพฺภวิตฺถารปฺปมาเณ าเน ปาสาเณ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. เอวฺหิ คพฺภปมุขานํ อนฺตเร ิตกุฏฺฏมฺปิ อุปาทาย อนฺโต จ พหิ จ จตุรสฺสสณฺานาว สีมา โหติ. พหีติ สกลสฺส กุฏิเคหสฺส สมนฺตโต พหิ.
อนฺโต ¶ จ พหิ จ สีมา โหตีติ มชฺเฌ ิตภิตฺติยา สห จตุรสฺสสีมา โหติ.
‘‘อุปริปาสาเทเยว โหตี’’ติ อิมินา คพฺภสฺส จ ปมุขสฺส จ อนฺตรา ิตภิตฺติยา เอกตฺตา ตตฺถ จ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสาภาเวน เหฏฺา น โอตรติ, อุปริภิตฺติ ปน สีมฏฺาว โหตีติ ทสฺเสติ. เหฏฺิมตเล กุฏฺโฏติ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ ิตกุฏฺโฏ. สเจ หิ ¶ ทฺวีสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ เอว กุฏฺโฏ ติฏฺเยฺย, เหฏฺา น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ จตุนฺนมฺปิ ภิตฺตีนํ อนฺโต ภิตฺตีหิ สห เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ ปโหนกตฺตา วุตฺตํ. โอตรมานา จ อุปริสีมปฺปมาเณน โอตรติ, จตุนฺนํ ปน ภิตฺตีนํ พาหิรนฺตรปริจฺเฉเท เหฏฺาภูมิภาเค อุทกปริยนฺตํ กตฺวา โอตรติ. น ปน ภิตฺตีนํ พหิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ. ปาสาทภิตฺติโตติ อุปริตเล ภิตฺติโต. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อุปริสีมปฺปมาณสฺส อนฺโตคธานํ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ กุฏฺฏานํ ตุลารุกฺเขหิ เอกสมฺพนฺธตํ ตทนฺโต ปจฺฉิมสีมปฺปมาณตาทิฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจาเปตฺถ นิยฺยูหกาทโย นิมิตฺตานํ ิโตกาสตาย พชฺฌมานกฺขเณ สีมา น โหนฺติ, พทฺธาย ปน สีมาย สีมฏฺาว โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา. ปริยนฺตถมฺภานนฺติ นิมิตฺตคตปาสาณตฺถมฺเภ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อุปริมตเลน สมฺพทฺโธ โหตี’’ติ อิทํ กุฏฺฏานํ อนฺตรา สีมฏฺานํ ถมฺภานํ อภาวโต วุตฺตํ. ยทิ หิ ภเวยฺยุํ, กุฏฺเฏ อุปริมตเลน อสมฺพนฺเธปิ สีมฏฺตฺถมฺภานํ อุปริ ิโต ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ.
สเจ ปน พหูนํ ถมฺภปนฺตีนํ อุปริ กตปาสาทสฺส เหฏฺา ปถวิยํ สพฺพพาหิราย ถมฺภปนฺติยา อนฺโต นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวา สีมา พทฺธา โหติ, เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ยํ ตาว สีมฏฺตฺถมฺเภเหว ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, สพฺพํ ตํ สีมฏฺเมว, เอตฺถ วิวาโท นตฺถิ. ยํ ปน สีมฏฺตฺถมฺภปนฺติยา, อสีมฏฺาย พาหิรตฺถมฺภปนฺติยา จ สมธุรํ ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, ตตฺถ อุปฑฺฒํ สีมาติ เกจิ วทนฺติ. สกลมฺปิ คามสีมาติ อปเร. พทฺธสีมา เอวาติ อฺเ. ตสฺมา กมฺมํ กโรนฺเตหิ ครุเก นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สพฺพํ ตํ อาสงฺกฏฺานํ โสเธตฺวาว กมฺมํ กาตพฺพํ, สนฺนิฏฺานการณํ วา คเวสิตฺวา ตทนุคุณํ กาตพฺพํ.
ตาลมูลกปพฺพเตติ ¶ ตาลกฺขนฺธมูลสทิเส เหฏฺา ถูโล หุตฺวา กเมน กิโส หุตฺวา อุคฺคโต หิ ตาลสทิโส นาม โหติ. วิตานสณฺาโนติ อหิจฺฉตฺตกสณฺาโน. ปณวสณฺาโนติ มชฺเฌ ตนุโก เหฏฺา จ อุปริ จ วิตฺถิณฺโณ. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา, ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ.
สปฺปผณสทิโส ปพฺพโตติ สปฺปผโณ วิย ขุชฺโช, มูลฏฺานโต อฺตฺถ อวนตสีโสติ อตฺโถ. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. สีมปฺปมาโณติ อนฺโตอากาเสน สทฺธึ ปจฺฉิมสีมปฺปมาโณ. ‘‘โส จ ปาสาโณ สีมฏฺโ’’ติ อิมินา อีทิเสหิ สุสิรปาสาณเลณกุฏฺฏาทีหิ ปริจฺฉินฺเน ภูมิภาเค เอว สีมา ปติฏฺาติ, น อปริจฺฉินฺเน. เต ปน สีมฏฺตฺตา สีมา โหนฺติ, น สรูเปน สีมฏฺมฺจาทิ วิยาติ ทสฺเสติ. สเจ ปน โส สุสิรปาสาโณ ¶ ภูมึ อนาหจฺจ อากาสคโตว โอลมฺพติ, สีมา น โอตรติ. สุสิรปาสาณา ปน สยํ สีมาปฏิพทฺธตฺตา สีมา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺฉิมปฺปมาณรหิเตหิ เอเตหิ สุสิรปาสาณาทีหิ สีมา น โอตรตีติ อิทํ สทฺธาตพฺพนฺติ? อฏฺกถาปมาณโต.
อปิเจตฺถ สุสิรปาสาณภิตฺติอนุสาเรน มูสิกาทีนํ วิย สีมาย เหฏฺิมตเล โอตรณกิจฺจํ นตฺถิ. เหฏฺา ปน ปจฺฉิมสีมปฺปมาเณ อากาเส ทฺวงฺคุลมตฺตพหเลหิ ปาสาณภิตฺติอาทีหิปิ อุปริมตลํ อาหจฺจ ิเตหิ สพฺพโส, เยภุยฺเยน วา ปริจฺฉินฺเน สติ อุปริ พชฺฌมานา สีมา เตหิ ปาสาณาทีหิ อนฺตริตาย ตปฺปริจฺฉินฺนาย เหฏฺาภูมิยาปิ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกกฺขเณ ปติฏฺาติ นทิปารสีมา วิย นทิอนฺตริเตสุ อุโภสุ ตีเรสุ, เลณาทีสุ อปนีเตสุปิ เหฏฺา โอติณฺณา สีมา ยาว สาสนนฺตรธานา น วิคจฺฉติ. ปมํ ปน อุปริ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา เลณาทีสุ กเตสุปิ เหฏฺาภูมิยํ สีมา โอตรติ เอว. เกจิ ตํ น อิจฺฉนฺติ. เอวํ อุภยตฺถ ปติฏฺิตา จ สา สีมา เอกาว โหติ โคตฺตาทิชาติ วิย พฺยตฺติเภเทสูติ คเหตพฺพํ. สพฺพา เอว หิ พทฺธสีมา, อพทฺธสีมา จ อตฺตโน อตฺตโน ปกตินิสฺสยภูเต คามารฺนทิอาทิเก เขตฺเต ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพตฺถ สากลฺเยน เอกสฺมึ ขเณ พฺยาปินี ปรมตฺถโต อวิชฺชมานาปิ เต เต นิสฺสยภูเต ปรมตฺถธมฺเม, ตํ ตํ กิริยาวิเสสมฺปิ วา อุปาทาย โลกิเยหิ, สาสนิเกหิ ¶ จ ยถารหํ เอกตฺเตน ปฺตฺตตาย นิสฺสเยกรูปา เอว. ตถา หิ เอโก คาโม อรฺํ นที ชาตสฺสโร สมุทฺโทติ เอวํ โลเก,
‘‘สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน (มหาว. ๑๔๓). อคามเก เจ, ภิกฺขเว, อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา. สมนฺตา อุทกุกฺเขปา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๗) –
อาทินา สาสเน จ เอกโวหาโร ทิสฺสติ. น หิ ปรมตฺถโต เอกสฺส อเนกธมฺเมสุ พฺยาปนมตฺถิ. กสิเณกเทสาทิวิกปฺปาสมานตาย เอกตฺตหานิโตติ อยํ โน มติ.
อสฺส เหฏฺาติ สปฺปผณปพฺพตสฺส เหฏฺา อากาสปพฺภาเร. เลณสฺสาติ เลณฺเจ กตํ, ตสฺส เลณสฺสาติ อตฺโถ. ตเมว ปุน เลณํ ปฺจหิ ปกาเรหิ วิกปฺเปตฺวา โอตรณาโนตรณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘สเจ ปน เหฏฺา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เหฏฺา’’ติ อิมสฺส ‘‘เลณํ โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เหฏฺา เลณฺจ เอกสฺมึ ปเทเสติ อาห ‘‘อนฺโต’’ติ, ปพฺพตสฺส อนฺโต, ปพฺพตมูเลติ อตฺโถ. ตเมว อนฺโต-สทฺทํ สีมาปริจฺเฉเทน วิเสเสตุํ ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส ปารโต’’ติ วุตฺตํ ¶ . ปพฺพตปาทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ‘‘โอรโต’’ติ วตฺตพฺเพปิ สีมานิสฺสยํ ปพฺพตคฺคํ สนฺธาย ‘‘ปารโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘พหิเลณ’’นฺติ เอตฺถ พหิ-สทฺทํ วิเสเสนฺโต ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส โอรโต’’ติ อาห. พหิ สีมา น โอตรตีติ เอตฺถ พหีติ ปพฺพตปาเท เลณํ สนฺธาย วุตฺตํ, เลณสฺส พหิภูเต อุปริสีมาปริจฺเฉทสฺส เหฏฺาภาเค สีมา น โอตรตีติ อตฺโถ. อนฺโต สีมาติ เลณสฺส จ ปพฺพตปาทสฺส จ อนฺโต อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน น โอตรตีติ อตฺโถ. ‘‘พหิ สีมา น โอตรติ, อนฺโต สีมา น โอตรตี’’ติ เจตฺถ อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน เลณาภาเวน สีมาย สพฺพถา อโนตรณเมว ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. ตตฺถาปิ อโนตรนฺตี อุปริ เอว โหตีติ. ‘‘พหิ ปติตํ อสีมา’’ติอาทินา อุปริปาสาทาทีสุ อถิรนิสฺสเยสุ ิตา สีมาปิ เตสํ วินาเสน วินสฺสตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
โปกฺขรณึ ¶ ขณนฺติ, สีมาเยวาติ เอตฺถ สเจ เหฏฺา อุมงฺคนทิสีมปฺปมาณโต อนูนา ปมเมว จ ปวตฺตา โหติ. สีมา จ ปจฺฉา พทฺธา นทิโต อุปริ เอว โหติ, นทึ อาหจฺจ โปกฺขรณิยา จ ขตาย สีมา วินสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺาปถวิตเลติ อนฺตรา ภูมิวิวเร.
สีมามาฬเกติ ขณฺฑสีมงฺคเณ. ‘‘วฏรุกฺโข’’ติ อิทํ ปาโรโหปตฺถมฺเภน อติทูรมฺปิ คนฺตุํ สมตฺถสาขาสมงฺคิตาย วุตฺตํ. สพฺพรุกฺขลตาทีนมฺปิ สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ เอว. เตเนว นาวารชฺชุเสตุสมฺพนฺโธปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ตโตติ สาขโต. มหาสีมาย ปถวิตลนฺติ เอตฺถ อาสนฺนตรมฺปิ คามสีมํ อคฺคเหตฺวา พทฺธสีมาย เอว คหิตตฺตา คามสีมาพทฺธสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทโส นตฺถิ, อฺมฺํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน ปวตฺติโตติ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ ตาสมฺปิ สมฺพนฺธโทโส ภเวยฺย, กถํ คามสีมาย พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา สิยา? ยสฺสา หิ สีมาย สทฺธึ สมฺพนฺเธ โทโส ภเวยฺย, สา ตตฺถ พนฺธิตุเมว น วฏฺฏติ, พทฺธสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสุ พทฺธสีมา วิย, อตฺตโน นิสฺสยภูตคามสีมาทีสุ อุทกุกฺเขปสีมา วิย จ. เตเนว ‘‘สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วา ตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทิตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) อุทกุกฺเขปสีมาย อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีหิ เอว สมฺพนฺธโทโส ทสฺสิโต, น นทิสีมายํ. เอวมิธาปีติ ทฏฺพฺพํ. อยฺจตฺโถ อุปริ ปากโฏ ภวิสฺสติ. อาหจฺจาติ ผุสิตฺวา.
มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ มหาสีมาคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิกรณาทิวเสน ¶ สกลํ มหาสีมํ โสเธตฺวา. เอเตน สพฺพวิปตฺติโย โมเจตฺวา ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานมฺปิ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ ปจฺฉา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน อุปฺปชฺชนโก อีทิโส ปาฬิมุตฺตโก สมฺเภทโทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ. โส จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติอาทินา พทฺธสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ อุภินฺนํ (มหาว. ๑๔๘) พทฺธสีมานมนฺตรา สีมนฺตริกํ เปตฺวาว พนฺธิตุํ อนุชานนฺเตน สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ วิย ตาสํ อฺมฺํ ผุสิตฺวา ติฏฺนวเสน พนฺธนมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา พทฺธานมฺปิ ตาสํ ปจฺฉา อฺมฺํ เอกรุกฺขาทีหิ ¶ ผุสิตฺวา านมฺปิ น วฏฺฏตีติ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ สงฺคีติการเกหิ นิทฺธาริโต. พนฺธนกาเล ปฏิกฺขิตฺตสฺส สมฺพนฺธโทสสฺส อนุโลเมน อกปฺปิยานุโลมตฺตา.
อยํ ปน สมฺพนฺธโทโส – ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานํ ปจฺฉา สฺชาตตฺตา พชฺฌมานกฺขเณ วิย อสีมตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ อปนีตมตฺเต ตา สีมา ปากติกา โหนฺติ. ยถา จายํ ปจฺฉา น วฏฺฏติ, เอวํ พชฺฌมานกฺขเณปิ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตา พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน ‘‘มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ มหาสีมาคตา ภิกฺขู ยถา ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา กายปฏิพทฺเธหิ น ผุสนฺติ, เอวํ โสธนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น สกลสีมาโสธน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต. ตถา หิ ‘‘มหาสีมาย ปถวิตลํ วา ตตฺถชาตรุกฺขาทีนิ วา อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ เอวํ สาขาปาโรหานํ มหาสีมํ ผุสิตฺวา านเมว สมฺพนฺธโทเส การณตฺเตน วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ ิตภิกฺขูหิ สาขาทีนํ ผุสนํ. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ สาขาทิ ผุสิตฺวา านเมว การณํ สิยา, ตสฺส สาขํ วา ตโต นิคฺคตปาโรหํ วา มหาสีมาย ปวิฏฺํ ตตฺรฏฺโ โกจิ ภิกฺขุ ผุสิตฺวา ติฏฺตีติ ภิกฺขุผุสนเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยฺหิ ตตฺถ มหาสีมาโสธเน การณํ, ตเทว ตสฺมึ วากฺเย ปธานโต ทสฺเสตพฺพํ. น หิ อาหจฺจ ิตเมว สาขาทึ ผุสิตฺวา ิโต ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ อากาสฏฺสาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺสาปิ โสเธตพฺพโต, กึ นิรตฺถเกน อาหจฺจฏฺานวจเนน. อากาสฏฺสาขาสุ จ ภิกฺขุโน ผุสนเมว การณตฺเตน วุตฺตํ, โสธนฺจ ตสฺเสว ภิกฺขุสฺส หตฺถปาสานยนาทิวเสน โสธนํ วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา’’ติ สกลสีมาสาธารณวจเนน โสธนํ วุตฺตํ.
อปิจ สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุมตฺตโสธเน อภิมเต ‘‘มหาสีมาย ปถวิตล’’นฺติ วิเสสสีโมปาทานํ ¶ นิรตฺถกํ สิยา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส อากาเสปิ ตฺวา สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺส วิโสเธตพฺพโต. ฉินฺทิตฺวา ¶ พหิฏฺกา กาตพฺพาติ ตตฺถ ปติฏฺิตภาววิโยชนวจนโต จ วิสภาคสีมานํ ผุสเนเนว สกลสีมาโสธนเหตุโก อฏฺกถาสิทฺโธยํ เอโก สมฺพนฺธโทโส อตฺเถวาติ คเหตพฺโพ. เตเนว อุทกุกฺเขปสีมากถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติ จ ‘‘นทิตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พทฺธนาวาย น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จ เอวํ วิสภาคาสุ คามสีมาสุ สาขาทีนํ ผุสนเมว สงฺกรโทสการณตฺเตน วุตฺตํ, น ภิกฺขุผุสนํ. ตถา หิ ‘‘อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ นทิยํ นาวาพนฺธนํ อนฺุาตํ อุทกุกฺเขปนิสฺสยตฺเตน นทิสีมาย สภาคตฺตา. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ ผุสนเมว ปฏิจฺจ สพฺพตฺถ สมฺพนฺธโทโส วุตฺโต สิยา, นทิยมฺปิ พนฺธนํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย. ตตฺถาปิ หิ ภิกฺขุผุสนํ กมฺมโกปการณํ โหติ, ตสฺมา สภาคสีมาสุ ปวิสิตฺวา ภูมิอาทึ ผุสิตฺวา วา อผุสิตฺวา วา สาขาทิมฺหิ ิเต ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ. วิสภาคสีมาสุ ปน สาขาทิมฺหิ ผุสิตฺวา ิเต ตํ สาขาทึ อผุสนฺตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู โสเธตพฺพา. อผุสิตฺวา ิเต ปน ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ยํ ปเนตฺถ เกจิ ‘‘พทฺธสีมานํ ทฺวินฺนํ อฺมฺํ วิย พทฺธสีมาคามสีมานมฺปิ ตทฺาสมฺปิ สพฺพาสํ สมานสํวาสกสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตทุภยมฺปิ เอกสีมํ วิย โสเธตฺวา เอกตฺเถว กมฺมํ กาตพฺพํ, อฺตฺถ กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, นตฺเถตฺถ สภาควิสภาคเภโท’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, สภาคสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทโทสาภาวสฺส วิสภาคสีมานเมว ตพฺภาวสฺส สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิวินยนเยหิ สิทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ คามสีมายเมว พทฺธสีมํ สมฺมนฺนิตุํ อนฺุาตํ. ตาสํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน สภาคตา, สมฺเภทชฺโฌตฺถรณาทิโทสาภาโว จ สุตฺตโตว สิทฺโธ. พนฺธนกาเล ปน อนฺุาตสฺส สมฺพนฺธสฺส อนุโลมโต ปจฺฉา สฺชาตรุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ ตาสํ วฏฺฏติ เอว. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… กปฺปิยํ อนุโลเมติ อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ. ตํ โว กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา. เอวํ ตาว พทฺธสีมาคามสีมานํ อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ ¶ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต สิทฺโธ. อิมินา เอว นเยน อรฺสีมาสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ, นทิอาทิอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
พทฺธสีมาย ¶ ปน อฺาย พทฺธสีมาย, นทิอาทิสีมาสุ จ พนฺธิตุํ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต เจว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทิอาทีสุ เอว กาตุํ นิยมนสุตฺตสามตฺถิเยน พทฺธสีมาคามสีมาทีสุ กรณปฏิกฺเขปสิทฺธิโต จ ตาสํ อฺมฺํ วิสภาคตา, อุปฺปตฺติกฺขเณ, ปจฺฉา จ รุกฺขาทีหิ สมฺเภทาทิโทสสมฺภโว จ วุตฺตนเยน สุตฺตสุตฺตานุโลมโต จ สิชฺฌนฺติ. เตเนว อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๘) วิสภาคสีมานเมว วฏรุกฺขาทิวจเนหิ สมฺพนฺธโทสํ ทสฺเสตฺวา สภาคานํ พทฺธสีมาคามสีมาทีนํ สมฺพนฺธโทโส น ทสฺสิโต, น เกวลฺจ น ทสฺสิโต, อถ โข ตาสํ สภาคสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ โทสาภาโว ปาฬิอฏฺกถาสุ าปิโต เอว. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วฑฺฒนกนิมิตฺตานิ อนฺุาตานิ. เตน เนสํ รุกฺขาทีนํ นิมิตฺตานํ วฑฺฒเนปิ พทฺธสีมาคามสีมานํ สงฺกรโทสาภาโว าปิโตว โหติ. ทฺวินฺนํ ปน พทฺธสีมานํ อีทิโส สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกรุกฺโขปิ จ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหติ, โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมาสงฺกรํ กโรติ, ตสฺมา น กาตพฺโพ’’ติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ วจนโตปิ จายํ าปิโต. ติโยชนปรมาย หิ สีมาย สมนฺตา ปริยนฺเตสุ รุกฺขลตาคุมฺพาทีหิ พทฺธสีมาคามสีมานํ นิยเมน อฺมฺํ สมฺพนฺธสฺส สมฺภวโต ‘‘อีทิสํ สมฺพนฺธนํ วินาเสตฺวาว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ อฏฺกถายมฺปิ น วุตฺตํ.
ยทิ เจตฺถ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน กมฺมวิปตฺติ ภเวยฺย, อวสฺสเมว วตฺตพฺพํ สิยา. วิปตฺติปริหารตฺถฺหิ อาจริยา นิราสงฺกฏฺาเนสุปิ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทินา สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ อโวจุํ. อิธ ปน ‘‘วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติอาทิรุกฺขลตาทีหิ นิรนฺตเร วนมชฺเฌปิ สีมาพนฺธนเมว อโวจุํ. ตถา ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทาทีสุ เหฏฺา ถมฺภาทีหิ เอกาพทฺเธสุ อุปริมตลาทีสุ สีมาพนฺธนํ พหุธา วุตฺตํ. ตสฺมา พทฺธสีมาคามสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ เตหิ มุขโตว วิหิโต. อปิจ คามสีมานมฺปิ ปาเฏกฺกํ พทฺธสีมาสทิสตาย เอกิสฺสา คามสีมาย กมฺมํ ¶ กโรนฺเตหิ ทพฺพติณมตฺเตนาปิ สมฺพนฺธา คามนฺตรปรมฺปรา อรฺนทิสมุทฺทา จ โสเธตพฺพาติ สกลทีปํ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อโสเธตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาลโต ปภุติ กตานํ อุปสมฺปทาทิกมฺมานํ, สีมาสมฺมุตีนฺจ วิปชฺชนโต สพฺเพสมฺปิ ภิกฺขูนํ อนุปสมฺปนฺนสงฺกาปสงฺโค จ ทุนฺนิวาโร โหติ. น เจตํ ยุตฺตํ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว วิสภาคสีมานเมว รุกฺขาทีหิ สมฺพนฺธโทโส, น พทฺธสีมาคามสีมาทีนํ สภาคสีมานนฺติ คเหตพฺพํ.
มหาสีมาโสธนสฺส ทุกฺกรตาย ขณฺฑสีมายเมว เยภุยฺเยน สงฺฆกมฺมกรณนฺติ อาห ‘‘สีมามาฬเก’’ติอาทิ ¶ . มหาสงฺฆสนฺนิปาเต ปน ขณฺฑสีมาย อปฺปโหนกตาย มหาสีมาย กมฺเม กริยมาเนปิ อยํ นโย คเหตพฺโพว.
‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา’’ติ อิมินา กายปฏิพทฺเธนปิ สีมํ ผุสนฺโต สีมฏฺโว โหตีติ ทสฺเสติ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมโต มหาสีมํ ปวิฏฺสาขานเยปิ. สีมฏฺรุกฺขสาขาย นิสินฺโน สีมฏฺโว โหตีติ อาห ‘‘หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพ’’ติ. เอตฺถ จ รุกฺขสาขาทีหิ อฺมฺํ สมฺพนฺธาสุ เอตาสุ ขนฺธสีมายํ ตโย ภิกฺขู, มหาสีมายํ ทฺเวติ เอวํ ทฺวีสุ สีมาสุ สีมนฺตริกํ อผุสิตฺวา, หตฺถปาสฺจ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขูหิ อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ วทนฺติ. ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นานาสีมาย ิตจตุตฺโถ กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ, น จ กรณีย’’นฺติอาทิ (มหาว. ๓๘๙) วจนโต. เตเนเวตฺถาปิ มหาสีมํ โสเธตฺวา มาฬกสีมายเมว กมฺมกรณํ วิหิตํ. อฺถา ภินฺนสีมฏฺตาย ตตฺรฏฺสฺส คณปูรกตฺตาภาวา กมฺมโกโปว โหตีติ.
ยทิ เอวํ กถํ ฉนฺทปาริสุทฺธิอาหรณวเสน มหาสีมาโสธนนฺติ? ตมฺปิ วินยฺู น อิจฺฉนฺติ, หตฺถปาสานยนพหิสีมากรณวเสเนว ปเนตฺถ โสธนํ อิจฺฉนฺติ, ทินฺนสฺสาปิ ฉนฺทสฺส อนาคมเนน มหาสีมฏฺโ กมฺมํ โกเปตีติ. ยทิ จสฺส ฉนฺทาทิ นาคจฺฉติ, กถํ โส กมฺมํ โกเปสฺสตีติ? ทฺวินฺนํ วิสภาคสีมานํ สมฺพนฺธโทสโต. โส จ สมฺพนฺธโทโส อฏฺกถาวจนปฺปมาณโต. น หิ วินเย สพฺพตฺถ ยุตฺติ สกฺกา าตุํ พุทฺธโคจรตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สเจ ทฺเวปิ สีมาโย ปูเรตฺวา นิรนฺตรํ ¶ ิเตสุ ภิกฺขูสุ กมฺมํ กโรนฺเตสุ เอกิสฺสา เอว สีมาย คโณ จ อุปสมฺปทาเปกฺโข จ อนุสฺสาวโก จ เอกโต ติฏฺติ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ. สเจ ปน กมฺมารโห วา อนุสฺสาวโก วา สีมนฺตรฏฺโ โหติ, กมฺมํ วิปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตฺจ พทฺธสีมาคามสีมาทิสภาคสีมาสุ เอว ยุชฺชติ, ยาสุ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธสุปิ โทโส นตฺถิ. ยาสุ ปน อตฺถิ, น ตาสุ วิสภาคสีมาสุ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ เอกตฺถ ิโต อิตรฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ เอว อฏฺกถายํ สามฺโต โสธนสฺส วุตฺตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
น โอตรตีติ ปณวสณฺานปพฺพตาทีสุ เหฏฺา ปมาณรหิตฏฺานํ น โอตรติ. กิฺจาปิ ปเนตฺถ พชฺฌมานกฺขเณ อุทฺธมฺปิ ปมาณรหิตํ ปพฺพตาทีนิ นาโรหติ, ตถาปิ ตํ ปจฺฉา สีมฏฺตาย สีมา โหติ. เหฏฺา ปณวสณฺานาทิ ปน อุปริ พทฺธายปิ สีมาย สีมาสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺส วเสน น โอตรตีติ วุตฺตํ, อิตรถา โอโรหณาโรหณานํ สาธารณวเสน ‘‘น โอตรตี’’ติอาทินา ¶ วตฺตพฺพโต. ยํ กิฺจีติ นิฏฺิตสีมาย อุปริ ชาตํ วิชฺชมานํ ปุพฺเพ ิตํ, ปจฺฉา สฺชาตํ, ปวิฏฺฺจ ยํกิฺจิ สวิฺาณกาวิฺาณกํ สพฺพมฺปีติ อตฺโถ. อนฺโตสีมาย หิ หตฺถิกฺขนฺธาทิสวิฺาณเกสุ นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ สีมฏฺโว โหติ. ‘‘พทฺธสีมายา’’ติ อิทฺจ ปกรณวเสน อุปลกฺขณโต วุตฺตํ. อพทฺธสีมาสุปิ สพฺพาสุ ิตํ ตํ สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติ.
เอกสมฺพทฺเธน คตนฺติ รุกฺขลตาทิตตฺรชาตเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสมฺปิ ‘‘อิโต คต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ยํ ปน ‘‘อิโต คต’’นฺติ วา ‘‘ตโต อาคต’’นฺติ วา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อุโภสุ พทฺธสีมาคามสีมาสุ, อุทกุกฺเขปนทิอาทีสุ จ ติริยํ ปติตรชฺชุทณฺฑาทิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ปติฏฺิตภาโค พทฺธสีมา, อพทฺธคามสีมาย ปติฏฺิตภาโค คามสีมา ตทุภยสีมฏฺปพฺพตาทิ วิย. พทฺธสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห, คามสีมาย คามสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห จ พทฺธสีมาย ปติฏฺิเตปิ เอเสว นโย. มูลปติฏฺิตกาลโต หิ ปฏฺาย ‘‘อิโต คตํ, ตโต อาคต’’นฺติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยโต โส ภาโค ยถาปวิฏฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, เตสํ รุกฺขปาโรหานํ อนฺตรา ปน อากาสฏฺสาขา ภูมิยํ สีมาปริจฺเฉทปฺปมาเณน ¶ ตทุภยสีมา โหตีติ เกจิ วทนฺติ. ยสฺมา ปนสฺส สาขาย ปาโรโห ปวิฏฺสีมาย ปถวิยํ มูเลหิ ปติฏฺหิตฺวาปิ ยาว สาขํ วินา าตุํ น สกฺโกติ, ตาว มูลสีมฏฺตํ น วิชหติ. ยทา ปน วินา าตุํ สกฺโกติ, ตทาปิ ปาโรหมตฺตเมว ปวิฏฺสีมฏฺตํ สมุเปติ. ตสฺมา สพฺโพปิ อากาสฏฺสาขาภาโค ปุริมสีมฏฺตํ น วิชหติ, ตโต อาคตภาคสฺส อวิชหิตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. อุทกุกฺเขปนทิอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ จ วิสภาคสีมาย เอวํ ปวิฏฺเ สกลสีมาโสธนํ, สภาคาย ปวิฏฺเ ผุสิตฺวา ิตมตฺตภิกฺขุโสธนฺจ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว.
๑๔๐. ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ, นทิยา อุโภสุ ตีเรสุ ปติฏฺมานา สีมา นทิอชฺโฌตฺถรา นาม โหตีติ อาห ‘‘นทึอชฺโฌตฺถรมาน’’นฺติ. อนฺโตนทิยฺหิ สีมา น โอตรติ. นทิลกฺขเณ ปน อสติ โอตรติ, สา จ ตทา นทิปารสีมา น โหตีติ อาห ‘‘นทิยา ลกฺขณํ นทินิมิตฺเต วุตฺตนยเมวา’’ติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ปน ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘น นาวายา’’ติ อิมินา นาวํ วินาปิ สีมา พทฺธา สุพทฺธา เอว โหติ, อาปตฺติปริหารตฺถา นาวาติ ทสฺเสติ.
รุกฺขสงฺฆาฏมโยติ ¶ อเนกรุกฺเข เอกโต ฆเฏตฺวา กตเสตุ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา’’ติ อิทํ อุภินฺนํ ตีรานํ เอกคามเขตฺตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปพฺพตสณฺานาติ เอกโต อุคฺคตทีปสิขรตฺตา วุตฺตํ.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา
๑๔๑. สมูหนิตฺวาติ วินาเสตฺวา, อุทฺธริตฺวาติ อตฺโถ. อิทฺจ อาปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ.
๑๔๒. ยานิ กานิจีติ อิธ นิมิตฺตานํ สีมาย ปาฬิยํ สรูปโต อวุตฺตตฺตา วุตฺตํ.
อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา
๑๔๓. อฏฺารสาติ ¶ อนฺธกวินฺทวิหารมฺปิ อุปาทาย วุจฺจติ. เนสํ สีมาติ เตสุ มหาวิหาเรสุ. ‘‘มน’’นฺติ อิมสฺส วิวรณํ อีสกนฺติ, อีสกํ วุฬฺโหติ อตฺโถ. อิมเมวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปตฺตวุฬฺหภาโว อโหสี’’ติ วุตฺตํ. อมนสิกโรนฺโตติ อิทฺธิยา อนติกฺกมสฺส การณํ วุตฺตํ.
๑๔๔. โสติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ. ทฺเวปีติ ทฺเว สมานสํวาสอวิปฺปวาสาโย. อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺเถว เยภุยฺเยน อวิปฺปวาสาติ.
‘‘อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปี’’ติ อิทํ มหาสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานตฺตํ, ตสฺสา พาหิรปริจฺเฉทฺจ อชานนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. เอวํ อชานนฺเตหิปิ อนฺโตสีมาย ตฺวา กมฺมวาจาย กตาย สา สีมา สมูหตาว โหตีติ อาห ‘‘สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. นิราสงฺกฏฺาเนติ ขณฺฑสีมารหิตฏฺาเน. อิทฺจ มหาสีมาย วิชฺชมานายปิ กมฺมกรณสุขตฺถํ ขณฺฑสีมา อิจฺฉิตาติ ตํ เจติยงฺคณาทิพหุสนฺนิปาตฏฺาเน น พนฺธตีติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ ¶ สา พทฺธา สุพทฺธา เอว มหาสีมา วิย. ‘‘ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวา’’ติ อิทํ ขณฺฑสีมาย อสมูหตตฺตา, ตสฺสา อวิชฺชมานตฺตสฺส อชานนโต จ มหาสีมาพนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมํ ปน นิราสงฺกฏฺาเน พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺเตว. สีมาสมฺเภทํ กตฺวาติ ขณฺฑสีมาย วิชฺชมานปกฺเข สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณสมฺเภทํ กตฺวา อวิชฺชมานปกฺเขปิ สมฺเภทสงฺกาย อนิวตฺตเนน สมฺเภทสงฺกํ กตฺวา. อวิหารํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆกมฺมานารหํ กเรยฺยุํ. ปุพฺเพ หิ เจติยงฺคณาทินิราสงฺกฏฺาเน กมฺมํ กาตุํ สกฺกา, อิทานิ ตมฺปิ วินาสิตนฺติ อธิปฺปาโย. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา. อุโภปิ น ชานนฺตีติ อุภินฺนํ ปเทสนิยมํ วา ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ วา อฺตราย วา วิชฺชมานตํ วา อวิชฺชมานตํ วา น ชานนฺติ, สพฺพตฺถ สงฺกา เอว โหติ. ‘‘เนว สมูหนิตุํ, น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ อิทํ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สมูหนิตุํ สกฺโกนฺโตปิ มหาสีมํ ปฏิพนฺธิตุํ น สกฺโกนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘น จ สกฺกา…เป… กมฺมวาจํ กาตุ’’นฺติ อิทํ สีมาพนฺธนกมฺมวาจํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พนฺธิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพาติ อตฺโถ.
เกจิ ¶ ปน ‘‘อีทิเสสุ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ, ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย, มหาสีมายปิ วา วิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย. น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ. สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘‘สมูหนิสฺสามา’’ติ กมฺมวาจาย กรณฺเจตฺถ องฺคํ. อฏฺกถายํ ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนสฺส วุตฺตตฺตา. คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตฺุเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตฺุจ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คามสีมาทิกถาวณฺณนา
๑๔๗. ปาฬิยํ ¶ ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมายา’’ติอาทินา คามสีมา เอว พทฺธสีมาย เขตฺตํ, อรฺนทิอาทโย วิย สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปาทีนํ. สา จ คามสีมา พทฺธสีมาวิรหิตฏฺาเน สยเมว สมานสํวาสา โหตีติ ทสฺเสติ. ยา ตสฺส วา คามสฺส คามสีมาติ เอตฺถ คามสีมาปริจฺเฉทสฺส อนฺโต จ พหิ จ เขตฺตวตฺถุอรฺปพฺพตาทิกํ สพฺพํ คามเขตฺตํ สนฺธาย ‘‘คามสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น อนฺตรฆรเมว. ตสฺมา ตสฺส สกลสฺส คามเขตฺตสฺส สมฺพนฺธนียา คามสีมาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. โย หิ โส อนฺตรฆรเขตฺตาทีสุ อเนเกสุ ภูมิภาเคสุ ‘‘คาโม’’ติ เอกตฺเตน โลกชเนหิ ปฺตฺโต คามโวหาโร, โสว อิธ ‘‘คามสีมา’’ติปิ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย, คาโม เอว หิ คามสีมา. อิมินาว นเยน อุปริ อรฺํ นที สมุทฺโท ชาตสฺสโรติ เอวํ เตสุ ภูมิปฺปเทเสสุ เอกตฺเตน โลกชนปฺตฺตานเมว อรฺาทีนํ อรฺสีมาทิภาโว เวทิตพฺโพ. โลเก ปน คามสีมาทิโวหาโร คามาทีนํ ¶ มริยาทายเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ, น คามเขตฺตาทีสุ สพฺพตฺถ. สาสเน ปน เต คามาทโย อิตรนิวตฺติอตฺเถน สยเมว อตฺตโน มริยาทาติ กตฺวา คาโม เอว คามสีมา, อรฺเมว อรฺสีมา…เป… สมุทฺโท เอว สมุทฺทสีมาติ สีมาโวหาเรน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
‘‘นิคมสฺส วา’’ติ อิทํ คามสีมปฺปเภทํ สพฺพํ อุปลกฺขณวเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นครมฺปิ คหิตเมวา’’ติ. ‘‘พลึ ลภนฺตี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ, ‘‘อยํ คาโม เอตฺตโก กรีสภาโค’’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทิโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ. สเจ ปน ตตฺถ ราชา กฺจิ ปเทสํ คามนฺตเรน โยเชติ, โส ปวิฏฺคามสีมตํ เอว ภชติ, นทิชาตสฺสเรสุ วินาเสตฺวา ตฬากาทิภาวํ วา ปูเรตฺวา เขตฺตาทิภาวํ วา ปาปิเตสุปิ เอเสว นโย.
เย ปน คามา ราชโจราทิภยปีฬิเตหิ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตา จิรมฺปิ นิมฺมนุสฺสา ติฏฺนฺติ, สมนฺตา ปน คามา สนฺติ, เตปิ ปาเฏกฺกํ คามสีมาว. เตสุ หิ ราชาโน สมนฺตคามวาสีหิ กสาเปตฺวา วา เยหิ เกหิจิ กสิตฏฺานํ ลิขิตฺวา วา พลึ คณฺหนฺติ, อฺเน วา คาเมน เอกีภาวํ วา อุปเนนฺติ. เย ปน คามา ราชูหิปิ ปริจฺจตฺตา คามเขตฺตานนฺตริกา มหารฺเน เอกีภูตา, เต อคามการฺสีมตํ ปาปุณนฺติ, ปุริมา คามสีมา ¶ วินสฺสติ. ราชาโน ปน เอกสฺมึ อรฺาทิปฺปเทเส มหนฺตํ คามํ กตฺวา อเนกสหสฺสานิ กุลานิ วาสาเปตฺวา ตตฺถ วาสีนํ โภคคามาติ สมนฺตา ภูตคาเม ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺติ. ปุราณนามํ, ปน ปริจฺเฉทฺจ น วินาเสนฺติ, เตปิ ปจฺเจกํ คามสีมา เอว. เอตฺตาวตา ปุริมคามสีมตฺตํ น วิชหนฺติ. สา จ อิตรา จาติอาทิ ‘‘สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ ปาฬิปทสฺส อธิปฺปายวิวรณํ. ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา, อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา, ยถา พทฺธสีมาย สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา, สา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ¶ อธิปฺปาโย. สามฺโต ‘‘พทฺธสีมาสทิสา’’ติ วุตฺเต ติจีวราวิปฺปวาสสีมํ พทฺธสีมํ เอว มฺนฺตีติ ตํสทิสตานิวตฺตนมุเขน อุปริ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ตํสทิสตาปิ อตฺถีติ ทสฺสนนยสฺส อิเธว ปสงฺคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเติ ยตฺถ ‘‘อสุกคามสฺส อิทํ เขตฺต’’นฺติ คามโวหาโร นตฺถิ, ยตฺถ จ น กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิเส อรฺเ. มจฺฉพนฺธานํ อคมนปถา นิมฺมนุสฺสาวาสา สมุทฺทนฺตรทีปกาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหนฺติ. ยํ ยฺหิ อคามเขตฺตภูตํ นทิสมุทฺทชาตสฺสรวิรหิตํ ปเทสํ, ตํ สพฺพํ อรฺสีมาติ เวทิตพฺพํ. สา จ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินาว สยเมว สมานสํวาสา พทฺธสีมาสทิสา. นทิอาทิสีมาสุ วิย สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. นทิสมุทฺทชาตสฺสรานํ ตาว อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตโน สภาเวเนว พทฺธสีมาสทิสา’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา สีมตา สิทฺธา. อรฺสฺส ปน สีมตา กถนฺติ? สตฺตพฺภนฺตรสีมานุชานนสุตฺตาทิสามตฺถิยโต. ยถา หิ คามสีมาย วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ พหู พทฺธสีมาโย อนฺุาตา, ตาสฺจ ทฺวินฺนมนฺตรา อฺมฺํ อสมฺเภทตฺถํ สีมนฺตริกา อนฺุาตา, เอวมิธารฺเปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมา. ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตรา สีมนฺตริกาย ปาฬิอฏฺกถาสุปิ วิธานสามตฺถิยโต อรฺสฺสปิ สภาเวเนว นทิอาทีนํ วิย สีมาภาโว ตตฺถ วคฺคกมฺมปริหารตฺถเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย อนฺุาตตฺตาว สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สีมายเมว หิ ิตา สีมฏฺานํ วคฺคกมฺมํ กโรนฺติ, น อสีมายํ อากาเส ิตา วิย อากาสฏฺานํ. เอวเมว หิ สามตฺถิยํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา ปฏิกฺขิตฺตพทฺธสีมานมฺปิ นทิสมุทฺทชาตสฺสรานํ อตฺตโน สภาเวเนว สีมาภาโว อฏฺกถายํ วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.
อถสฺส ิโตกาสโตติ อสฺส ภิกฺขุสฺส ิโตกาสโต. สเจปิ หิ ภิกฺขุสหสฺสํ ติฏฺติ, ตสฺส ิโตกาสสฺส พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย อุปฺปนฺนาย ¶ ตาย สห สยเมว สฺชาตา สตฺตพฺภนฺตรสีมา สมานสํวาสาติ อธิปฺปาโย. ยตฺถ ปน ขุทฺทเก อรฺเ มหนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณตาย วคฺคกมฺมสงฺกาภาเวน สตฺตพฺภนฺตรสีมาเปกฺขา นตฺถิ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา น อุปฺปชฺชติ, เกวลารฺสีมายเมว, ตตฺถ สงฺเฆน กมฺมํ กาตพฺพํ. นทิอาทีสุปิ เอเสว นโย. วกฺขติ หิ ‘‘สเจ นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ¶ ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารา สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถี’’ติอาทิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗). อิมินา เอว จ วจเนน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย สติ เอว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน ‘‘สมนฺตา อพฺภนฺตรํ มินิตฺวา ปริจฺเฉทกรเณเนว สีมา สฺชายติ, น สยเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อพฺภนฺตรปริจฺเฉทกรณปฺปกาเรน สีมา อุปฺปชฺเชยฺย, อพทฺธสีมา จ น สิยา ภิกฺขูนํ กิริยาปการสิทฺธิโต. อปิจ วฑฺฒกีหตฺถานํ, ปกติหตฺถานฺจ โลเก อเนกวิธตฺตา, วินเย อีทิสํ หตฺถปฺปมาณนฺติ อวุตฺตตฺตา จ เยน เกนจิ มินิเต จ ภควตา อนฺุาเตน นุ โข หตฺเถน มินิตํ, น นุ โขติ สีมาย วิปตฺติสงฺกา ภเวยฺย. มินนฺเตหิ จ อณุมตฺตมฺปิ อูนมธิกํ อกตฺวา มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วิปตฺติ เอว สิยา. ปริสวเสน จายํ วฑฺฒมานา เตสํ มินเนน วฑฺฒติ วา หายติ วา. สงฺเฆ จ กมฺมํ กตฺวา คเต อยํ ภิกฺขูนํ ปโยเคน สมุปฺปนฺนสีมา เตสํ ปโยเคน วิคจฺฉติ น วิคจฺฉติ จ. กถํ พทฺธสีมา วิย ยาว สาสนนฺตรธานา น ติฏฺเยฺย, ิติยา จ ปุราณวิหาเรสุ วิย สกเลปิ อรฺเ กถํ สีมาสมฺเภทสงฺกา น ภเวยฺย. ตสฺมา สีมาเปกฺขาย เอว สมุปฺปชฺชติ, ตพฺพิคเมน วิคจฺฉตีติ คเหตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุทกุกฺเขปสีมายมฺปิ นทิอาทีสุปิ.
ตตฺถาปิ หิ มชฺฌิมปุริโส น ายติ. ตถา สพฺพถาเมน ขิปนํ อุภยตฺถาปิ จ ยสฺสํ ทิสายํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา โอกาโส น ปโหติ, ตตฺถ กถํ มินนํ, ขิปนํ วา ภเวยฺย? คามเขตฺตาทีสุ ปวิสนโต อเขตฺเต สีมา ปวิฏฺา นามาติ สีมา วิปชฺเชยฺย. อเปกฺขาย สีมุปฺปตฺติยํ ปน ยโต ปโหติ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปริปุณฺณา ชายนฺติ. ยโต ปน น ปโหติ, ตตฺถ อตฺตโน เขตฺตปฺปมาเณเนว ชายนฺติ, น พหิ. ยํ ปเนตฺถ อพฺภนฺตรมินนปมาณสฺส, วาลุกาทิขิปนกมฺมสฺส จ ทสฺสนํ, ตํ สฺชาตสีมานํ ิตฏฺานสฺส ปริจฺเฉทนตฺถํ กตํ คามูปจารฆรูปจารชานนตฺถํ เลฑฺฑุสุปฺปาทิขิปนวิธานทสฺสนํ วิย. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘สีมํ วา สมฺมนฺนติ อุทกุกฺเขปํ วา ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํ (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา). เอวํ กเตปิ ตสฺส ¶ ปริจฺเฉทสฺส ยาถาวโต าตุํ ¶ อสกฺกุเณยฺยตฺเตน ปุถุลโต ตฺวา อนฺโต ติฏฺนฺเตหิ นิราสงฺกฏฺาเน าตพฺพํ, อฺํ พหิ กโรนฺเตหิ อติทูเร นิราสงฺกฏฺาเน เปเสตพฺพํ.
อปเร ปน ‘‘สีมาเปกฺขาย กิจฺจํ นตฺถิ, มคฺคคมนนหานาทิอตฺเถหิ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ อรฺเ วา นทิอาทีสุ วา ปวิฏฺเ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปภา วิย ปทีปสฺส สมุปฺปชฺชติ, คามเขตฺตาทีสุ ตสฺมึ โอติณฺณมตฺเต วิคจฺฉติ. เตเนว เจตฺถ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ กมฺมํ กโรนฺตานํ สีมาทฺวยสฺส อนฺตรา สีมนฺตริกา อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อุทกุกฺเขปฺจ เปตุํ อนฺุาตํ, สีมาปริยนฺเต หิ เกนจิ กมฺเมน เปสิตสฺส ภิกฺขุโน สมนฺตา สฺชาตสีมา อิตเรสํ สีมาย ผุสิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กเรยฺย, โส มา โหตูติ, อิตรถา หตฺถจตุรงฺคุลมตฺตายเปตฺถ สีมนฺตริกาย อนุชานิตพฺพโต. อปิจ สีมนฺตริกาย ิตสฺสาปิ อุภยตฺถ กมฺมโกปวจนโตปิ เจตํ สิชฺฌติ. ตมฺปิ ปริกฺขิปิตฺวา สยเมว สฺชาตาย สีมาย อุภินฺนมฺปิ สีมานํ, เอกาย เอว วา สงฺกรโต. อิตรถา ตสฺส กมฺมโกปวจนํ น ยุชฺเชยฺย. วุตฺตฺหิ มาติกาฏฺกถายํ ‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา). กิฺจ อคามการฺเ ิตสฺส กมฺมกรณิจฺฉาวิรหิตสฺสาปิ ภิกฺขุโน สตฺตพฺภนฺตรปริจฺฉินฺเน อชฺโฌกาเส จีวรวิปฺปวาโส ภควตา อนฺุาโต, โส จ ปริจฺเฉโท สีมา. เอวํ อเปกฺขํ วินา สมุปฺปนฺนา. เตเนเวตฺถ ‘อยํ สีมา ติจีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ. ตสฺมา กมฺมกรณิจฺฉํ วินาปิ วุตฺตนเยน สมุปฺปตฺติ คเหตพฺพา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ปทีปสฺส ปภา วิย สพฺพปุคฺคลานมฺปิ ปจฺเจกํ สีมาสมฺภเวน สงฺเฆ, คเณ วา กมฺมํ กโรนฺเต ตตฺรฏฺานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตา ปจฺเจกํ สมุปฺปนฺนานํ อเนกสีมานํ อฺมฺํ สงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. ปริสวเสน จสฺสา วฑฺฒิ, หานิ จ สมฺภวติ. ปจฺฉา อาคตานํ อภินวสีมนฺตรุปฺปตฺติ เอว, คตานํ สมนฺตา ิตสีมาปิ วินาโส จ ภเวยฺย.
ปาฬิยํ ปน ‘‘สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) เอกา เอว สตฺตพฺภนฺตรา, อุทกุกฺเขปา จ อนฺุาตา, น เจสา สีมา สภาเวน, การณสามตฺถิเยน วา ปภา วิย ปทีปสฺส อุปฺปชฺชติ. กินฺตุ ¶ ภควโต อนุชานเนเนว, ภควา จ อิมาโย อนุชานนฺโต ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหาเรน กมฺมกรณสุขตฺถเมว อนฺุาสีติ กถํ นหานาทิกิจฺเจน ปวิฏฺานมฺปิ สมนฺตา ตาสํ สีมานํ สมุปฺปตฺติ ปโยชนาภาวา? ปโยชเน จ เอกํ เอว ปโยชนนฺติ กถํ ปจฺเจกํ ภิกฺขุคณนาย อเนกสีมาสมุปฺปตฺติ ¶ ? ‘‘เอกสีมายํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ. ยํ ปน ทฺวินฺนํ สีมานํ อนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกฏฺปนวจนํ, ตตฺถ ิตานํ กมฺมโกปวจนฺจ, ตมฺปิ อิมาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทสฺส ทุพฺโพธตาย สีมาย สมฺเภทสงฺกํ, กมฺมโกปสงฺกฺจ ทูรโต ปริหริตุํ วุตฺตํ.
โย จ จีวราวิปฺปวาสตฺถํ ภควตา อพฺโภกาเส ทสฺสิโต สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉโท, โส สีมา เอว น โหติ, เขตฺตตฬากาทิปริจฺเฉโท วิย อยเมตฺถ เอโก ปริจฺเฉโทว. ตตฺถ จ พหูสุ ภิกฺขูสุ เอกโต ิเตสุ เตสํ วิสุํ วิสุํ อตฺตโน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทพฺภนฺตเร เอว จีวรํ เปตพฺพํ. น ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย. ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย หิ อพฺภนฺตเร คยฺหมาเน อพฺภนฺตรปริโยสาเน ปิตจีวรํ มชฺเฌ ิตสฺส อพฺภนฺตรโต พหิ โหตีติ ตํ อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ สิยา. สีมา ปน ปริสปริยนฺตโตว คเหตพฺพา. จีวรวิปฺปวาสปริหาโรเปตฺถ อพฺโภกาสปริจฺเฉทสฺส วิชฺชมานตฺตา วุตฺโต, น ปน ยาว สีมาปริจฺเฉทํ ลพฺภมานตฺตา มหาสีมาย อวิปฺปวาสสีมาโวหาโร วิย. มหาสีมายมฺปิ หิ คามคามูปจาเรสุ จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ. อิธาปิ มชฺเฌ ิตสฺส สีมาปริยนฺเต นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตสีมาเปกฺขวเสเนเวตาสํ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อุปฺปตฺติ, ตพฺพิคเมน วินาโส จ คเหตพฺพาติ อมฺหากํ ขนฺติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺโ วา ปกาโร อิโต ยุตฺตตโร คเวสิตพฺโพ.
อิธ ปน ‘‘อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ เอวํ ปาฬิยํ วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตราติ อฏฺกถายฺจ รุกฺขาทินิรนฺตเรปิ อรฺเ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย วิหิตตฺตา อตฺตโน นิสฺสยภูตาย อรฺสีมาย สห เอตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ โทสาภาโว ปเคว อคามเก รุกฺเขติ นิสฺสิเตปิ ปเทเส จีวรวิปฺปวาสสฺส รุกฺขปริหารํ วินาว อพฺโภกาสปริหาโรว อนุมโตติ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
อุปจารตฺถายาติ ¶ สีมนฺตริกตฺถาย สตฺตพฺภนฺตรโต อธิกํ วฏฺฏติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏติ เอว สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานตฺตา. ตสฺมา สงฺฆํ วินา เอเกนาปิ ภิกฺขุนา พหิ ติฏฺนฺเตน อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา อติทูเร เอว าตพฺพํ, อิตรถา กมฺมโกปสงฺกโต. อุทกุกฺเขเปปิ เอเสว นโย. เตเนว วกฺขติ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗). อิทฺเจตฺถ สีมนฺตริกวิธานํ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สีมนฺตริกานุชานนสุตฺตานุโลมโต สิทฺธนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ หิ ภควตา นิทานวเสน เอกคามสีมานิสฺสิตานํ ¶ , เอกสภาคานฺจ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณโทสปริหาราย สีมนฺตริกา อนฺุาตา, ตถาปิ ตทนุโลมโต เอกอรฺสีมานทิอาทิสีมฺจ นิสฺสิตานํ เอกสภาคานํ ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรสีมานมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมานมฺปิ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ, สีมนฺตริกํ วินา อพฺยวธาเนน านฺจ ภควตา อนภิมตเมวาติ ตฺวา อฏฺกถาจริยา อิธาปิ สีมนฺตริกวิธานมกํสุ. วิสภาคสีมานมฺปิ หิ เอกสีมานิสฺสิตตฺตํ, เอกสภาคตฺตฺจาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคเต สติ เอกํ สีมนฺตริกํ วินา านํ สมฺเภทาย โหติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ. สีมนฺตริกวิธานสามตฺถิเยเนว เจตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ พทฺธสีมานํ วิย อฺมฺํ น วฏฺฏตีติ อยมฺปิ นยโต ทสฺสิโต เอวาติ คเหตพฺพํ.
‘‘สภาเวเนวา’’ติ อิมินา คามสีมา วิย อพทฺธสีมาติ ทสฺเสติ. สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ทสฺเสติ. เยน เกนจีติ อนฺตมโส สูกราทินา สตฺเตน. มโหเฆน ปน อุนฺนตฏฺานโต นินฺนฏฺาเน ปตนฺเตน ขโต ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ลกฺขณยุตฺโต ชาตสฺสโรว. เอตฺถาปิ ขุทฺทเก อุทกุกฺเขปกิจฺจํ นตฺถิ, สมุทฺเท ปน สพฺพถา อุทกุกฺเขปสีมายเมว กมฺมํ กาตพฺพํ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา.
ปุน ตตฺถาติ โลกโวหารสิทฺธาสุ เอตาสุ นทิอาทีสุ ตีสุ อพทฺธสีมาสุ ปุน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สาสนโวหารสิทฺธาย อพทฺธสีมาย ปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสาติอาทีสุ อุทกํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปียติ เอตฺถาติ อุทกุกฺเขโป, อุทกสฺส ปตโนกาโส, ตสฺมา อุทกุกฺเขปา. อยฺเหตฺถ ปทสมฺพนฺธวเสน อตฺโถ – ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย สมนฺตา ยาว มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ¶ อุทกุกฺเขโป อุทกปตนฏฺานํ, ตาว ยํ ตํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ, อยํ ตตฺถ นทิอาทีสุ อปรา สมานสํวาสา อุทกุกฺเขปสีมาติ.
ตสฺส อนฺโตติ ตสฺส อุทกุกฺเขปปริจฺฉินฺนสฺส านสฺส อนฺโต. น เกวลฺจ ตสฺเสว อนฺโต, ตโต พหิปิ, เอกสฺส อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต าตุํ น วฏฺฏตีติ วจนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานโต กมฺมโกปสงฺกา โหตีติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ ‘‘ตสฺส อนฺโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ ¶ โกเปตีติ อิมินา พหิปริจฺเฉทโต ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) วตฺวา มาติกาฏฺกถาวจนมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อุปลพฺภตี’’ติอาทิ พหุ ปปฺจิตํ, ตํ น สุนฺทรํ อิธ อฏฺกถาวจเนน มาติกาฏฺกถาวจนสฺส นยโต สํสนฺทนโต สงฺฆฏนโต. ตถา หิ ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทานมนฺตรา วิทตฺถิจตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกาย เปตพฺโพ, ตโต อธิกํ วฏฺฏติ เอว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ อิเธว วุตฺเตน อิมินา อฏฺกถาวจเนน สีมนฺตริโกปจาเรน อุทกุกฺเขปโต อูนเก ปิเต สีมาย สีมาสมฺเภทโต กมฺมโกโปปิ วุตฺโต เอว. ยทคฺเคน จ เอวํ วุตฺโต, ตทคฺเคน ตตฺถ เอกภิกฺขุโน ปเวเสปิ สติ ตสฺส สีมฏฺภาวโต กมฺมโกโป วุตฺโต เอว โหติ. อฏฺกถายํ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ กถนฺเจตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานนฺเตนปิ สีมาสมฺเภทสงฺกอาปริหารตฺถํ วุตฺตํ. สตฺตพฺภนฺตรสีมานมนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกวิธานวจนโตปิ เอตาสํ ทุพฺพิชานปริจฺเฉทตา, ตตฺถ จ ิตานํ กมฺมโกปสงฺกา สิชฺฌติ. กมฺมโกปสงฺกฏฺานมฺปิ อาจริยา ทูรโต ปริหารตฺถํ กมฺมโกปฏฺานนฺติ วตฺวาว เปสุนฺติ คเหตพฺพํ.
ตนฺติ สีมํ. ‘‘สีฆเมว อติกฺกาเมตี’’ติ อิมินา ตํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺโต เอว ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอตทตฺถเมว หิ วาลุกาทีหิ สีมาปริจฺฉินฺทนํ, อิตรถา พหิ ปริวตฺตา นุ โข, โน วาติ กมฺมโกปสงฺกา ภเวยฺยาติ. อฺิสฺสา อนุสฺสาวนาติ เกวลาย นทิสีมาย อนุสฺสาวนา ¶ . อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วาติ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส พหิ ิเต รุกฺเขปิ วา. พหินทิตีรเมว หิ วิสภาคสีมตฺตา อพนฺธิตพฺพฏฺานํ, น อนฺโตนที นิสฺสยตฺเตน สภาคตฺตา. เตเนว ‘‘พหินทิตีเร วิหารสีมาย วา’’ติอาทินา ตีรเมว อพนฺธิตพฺพฏฺานตฺเตน ทสฺสิตํ, น ปน นที. ‘‘รุกฺเขปิ ิเตหี’’ติ อิทํ อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ พหิอุทกุกฺเขเป ภิกฺขูนํ าตุํ วฏฺฏติ.
รุกฺขสฺสาติ ตสฺเสว อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺสฺส รุกฺขสฺส. สีมํ วา โสเธตฺวาติ ยถาวุตฺตํ วิหาเร พทฺธสีมํ, คามสีมฺจ ตตฺถ ิตภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิสีมากรณวเสเนว โสเธตฺวา. ยถา จ อุทกุกฺเขปสีมายํ กมฺมํ กโรนฺเตหิ, เอวํ พทฺธสีมายํ, คามสีมายํ วา กมฺมํ กโรนฺเตหิปิ อุทกุกฺเขปสีมฏฺเ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ. เอเตเนว สตฺตพฺภนฺตรอรฺสีมาหิปิ อุทกุกฺเขปสีมาย, อิมาย จ สทฺธึ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโสปิ นยโต ทสฺสิโตว โหติ. อิมินาว นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย พทฺธสีมาคามสีมาหิปิ สทฺธึ, เอตาสฺจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ¶ สทฺธึ สมฺพนฺธโทโส าตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปเนตํ สพฺพํ วุตฺตนยโต สกฺกา าตุนฺติ อฺมฺสมาสนฺนานเมเวตฺถ ทสฺสิตํ.
ตตฺริทํ สุตฺตานุโลมโต นยคฺคหณมุขํ – ยถา หิ พทฺธสีมายํ สมฺมตา วิปตฺติสีมา โหตีติ ตาสํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ, เอวํ นทิอาทีสุ สมฺมตาปิ พทฺธสีมา วิปตฺติสีมาว โหตีติ ตาหิปิ สทฺธึ ตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ. อิมินา นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย คามนทิอาทีหิ สทฺธึ, อุทกุกฺเขปสีมาย จ อรฺาทีหิ สทฺธึ รุกฺขาทิสมฺพนฺธสฺส น วฏฺฏนกภาโว าตพฺโพ, เอวเมตา ภควตา อนฺุาตา พทฺธสีมา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา อฺมฺฺเจว อตฺตโน นิสฺสยวิรหิตาหิ อิตรีตราสํ นิสฺสยสีมาหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ สมฺเภทโทสมาปชฺชตีติ สุตฺตานุโลมนโย าตพฺโพว.
อตฺตโน อตฺตโน ปน นิสฺสยภูตคามาทีหิ สทฺธึ พทฺธสีมาทีนํ ติสฺสนฺนํ อุปฺปตฺติกาเล ภควตา อนฺุาตสฺส สมฺเภทชฺโฌตฺถรณสฺส อนุโลมโต รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ อนฺุาโตว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ อุทกุกฺเขปพทฺธสีมาทีนํ อนฺตรา กสฺมา สีมนฺตริกา น วิหิตาติ? นิสฺสยเภทสภาวเภเทหิ ¶ สยเมว ภินฺนตฺตา. เอกนิสฺสยเอกสภาวานเมว หิ สีมนฺตริกาย วินาสํ กโรตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เอเตเนว นทินิมิตฺตํ กตฺวา พทฺธาย สีมาย สงฺเฆ กมฺมํ กโรนฺเต นทิยมฺปิ ยาว คามเขตฺตํ อาหจฺจ ิตาย อุทกุกฺเขปสีมาย อฺเสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ยา ปเนตา โลกโวหารสิทฺธา คามารฺนทิสมุทฺทชาตสฺสรสีมา ปฺจ, ตา อฺมฺรุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทสํ นาปชฺชติ, ตถา โลกโวหาราภาวโต. น หิ คามาทโย คามนฺตราทีหิ, นทิอาทีหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺธมตฺเตน สมฺภินฺนาติ โลเก โวหรนฺติ. โลกโวหารสิทฺธานฺจ โลกโวหารโตว สมฺเภโท วา อสมฺเภโท วา คเหตพฺโพ, นาฺโต. เตเนว อฏฺกถายํ ตาสํ อฺมฺํ กตฺถจิปิ สมฺเภทนโย น ทสฺสิโต, สาสนโวหารสิทฺโธเยว ทสฺสิโตติ.
เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ตาว ‘‘เหฏฺา ปถวีสนฺธารกํ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา สีมาคตา โหตี’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) อโธภาคปริจฺเฉโท อฏฺกถายํ สพฺพถา ทสฺสิโต. คามสีมาทีนํ ปน น ทสฺสิโต. กถมยํ ชานิตพฺโพติ? เกจิ ตาเวตฺถ ‘‘คามสีมาทโยปิ พทฺธสีมา วิย ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ.
เกจิ ¶ ปน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นทิสมุทฺทชาตสฺสรสีมา, ตาว ตนฺนิสฺสิตอุทกุกฺเขปสีมา จ ปถวิยา อุปริตเล, เหฏฺา จ อุทกชฺโฌตฺถรณปฺปเทเส เอว ติฏฺนฺติ, น ตโต เหฏฺา อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณาภาวา. สเจ ปน อุทโกฆาทินา โยชนปฺปมาณมฺปิ นินฺนฏฺานํ โหติ, นทิสีมาทโยว โหนฺติ, น ตโต เหฏฺา. ตสฺมา นทิอาทีนํ เหฏฺา พหิตีรมุเขน อุมงฺเคน, อิทฺธิยา วา ปวิฏฺโ ภิกฺขุ นทิยํ ิตานํ กมฺมํ น โกเปติ. โส ปน อาสนฺนคาเม ภิกฺขูนํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน โส อุภินฺนํ ตีรคามานํ มชฺเฌ นิสินฺโน โหติ, อุภยคามฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน ตีรํ คามเขตฺตํ น โหติ, อคามการฺเมว. ตตฺถ ปน ตีรทฺวเยปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา เกวลาย ขุทฺทการฺสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ กโรนฺติ, ตทา ยทิ เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉโท เอตสฺส นิสินฺโนกาสสฺส ปรโต เอกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ิโต น กมฺมโกโป ¶ . โน เจ, กมฺมโกโป. คามสีมายํ ปน อนฺโตอุมงฺเค วา พิเล วา ยตฺถ ปวิสิตุํ สกฺกา, ยตฺถ วา สุวณฺณมณิอาทึ ขณิตฺวา คณฺหนฺติ, คเหตุํ สกฺกาติ วา สมฺภาวนา โหติ, ตตฺตกํ เหฏฺาปิ คามสีมา, ตตฺถ อิทฺธิยา อนฺโต นิสินฺโนปิ กมฺมํ โกเปติ. ยตฺถ ปน ปกติมนุสฺสานํ ปเวสสมฺภาวนาปิ นตฺถิ, ตํ สพฺพํ ยาว ปถวิสนฺธารกอุทกา อรฺสีมาว, น คามสีมา. อรฺสีมายมฺปิ เอเสว นโย. ตตฺถปิ หิ ยตฺตเก ปเทเส ปเวสสมฺภาวนา, ตตฺตกเมว อุปริตเล อรฺสีมา ปวตฺตติ. ตโต ปน เหฏฺา น อรฺสีมา, ตตฺถ อุปริตเลน สห เอการฺโวหาราภาวโต. น หิ ตตฺถ ปวิฏฺํ อรฺํ ปวิฏฺโ ติ โวหรนฺติ. ตสฺมา ตตฺรฏฺโ อุปริ อรฺฏฺานํ กมฺมํ น โกเปติ อุมงฺคนทิยํ ิโต วิย อุปรินทิยํ ิตานํ. เอกสฺมิฺหิ จกฺกวาเฬ คามนทิสมุทฺทชาตสฺสเร มฺุจิตฺวา ตทวเสสํ อมนุสฺสาวาสํ เทวพฺรหฺมโลกํ อุปาทาย สพฺพํ อรฺเมว. ‘คามา วา อรฺา วา’ติ วุตฺตตฺตา หิ นทิสมุทฺทชาตสฺสราทิปิ อรฺเมว. อิธ ปน นทิอาทีนํ วิสุํ สีมาภาเวน คหิตตฺตา ตทวเสสเมว อรฺํ คเหตพฺพํ. ตตฺถ จ ยตฺตเก ปเทเส เอกํ ‘อรฺ’นฺติ โวหรนฺติ, อยเมการฺสีมา. อินฺทปุรฺหิ สพฺพํ เอการฺสีมา. ตถา อสุรยกฺขปุราทิ. อากาสฏฺเทวพฺรหฺมวิมานานิ ปน สมนฺตา อากาสปริจฺฉินฺนานิ ปจฺเจกํ อรฺสีมา สมุทฺทมชฺเฌ ปพฺพตทีปกา วิย. ตตฺถ สพฺพตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, อรฺสีมายเมว วาติ กมฺมํ กาตพฺพํ. ตสฺมา อิธาปิ อุปริอรฺตเลน สทฺธึ เหฏฺาปถวิยา อรฺโวหาราภาวา วิสุํ อรฺสีมาติ คเหตพฺพํ. เตเนเวตฺถ คามนทิอาทิสีมากถาย อฏฺกถายํ ‘อิทฺธิมา ภิกฺขุ เหฏฺาปถวิตเล ิโต กมฺมํ โกเปตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) พทฺธสีมายํ ทสฺสิตนโย น ทสฺสิโต’’ติ วทนฺติ.
อิทฺเจตาสํ ¶ คามสีมาทีนํ เหฏฺาปมาณทสฺสนํ สุตฺตาทิวิโรธาภาวา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ คหเณ จ คามสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา อุปริ คามสีมํ, เหฏฺา อุทกปริยนฺตํ อรฺสีมฺจ อวตฺถรตีติ ตสฺสา อรฺสีมาปิ เขตฺตนฺติ สิชฺฌติ. ภควตา จ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) นทิสมุทฺทชาตสฺสรา พทฺธสีมาย อเขตฺตภาเวน วุตฺตา, น ปน อรฺํ. ตสฺมา อรฺมฺปิ ¶ พทฺธสีมาย เขตฺตเมวาติ คเหตพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ตตฺถ สา น พชฺฌตีติ? ปโยชนาภาวา. สีมาเปกฺขานนฺตรเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สมฺภวโต. ตสฺสา จ อุปริ สมฺมตาย พทฺธสีมาย สมฺเภทชฺโฌตฺถรณานุโลมโต วิปตฺติสีมา เอว สิยา. คามเขตฺเต ปน ตฺวา อคามการฺเกเทสมฺปิ อนฺโตกริตฺวา สมฺมตา กิฺจาปิ สุสมฺมตา, อคามการฺเ ภควตา วิหิตาย สตฺตพฺภนฺตรสีมายปิ อนิวตฺติโต. ตตฺถ ปน กมฺมํ กาตุํ ปวิฏฺานมฺปิ ตโต พหิ เกวลารฺเ กโรนฺตานมฺปิ อนฺตรา ตีณิ สตฺตพฺภนฺตรานิ เปตพฺพานิ, อฺถา วิปตฺติ เอว สิยาติ สพฺพถา นิรตฺถกเมว อคามการฺเ พทฺธสีมากรณนฺติ เวทิตพฺพํ.
อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขายาติ นทิยา ปถวิตลํ อาหจฺจ ิตาย สาขายปิ, ปเคว อนาหจฺจ ิตาย. ปาโรเหปิ เอเสว นโย. เอเตน สภาคํ นทิสีมํ ผุสิตฺวา ิเตนปิ วิสภาคสีมาสมฺพนฺธสาขาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอเตเนว มหาสีมํ, คามสีมฺจ ผุสิตฺวา ิเตน สาขาทินา มาฬกสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ าปิโตติ ทฏฺพฺโพ.
อนฺโตนทิยํเยวาติ เสตุปาทานํ ตีรฏฺตํ นิวตฺเตติ. เตน อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทโต พหิ นทิยํ ปติฏฺิตตฺเตปิ สมฺเภทาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘พหิตีเร ปติฏฺิตา’’ติอาทิ. ยทิ หิ อุทกุกฺเขปโต พหิ อนฺโตนทิยมฺปิ ปติฏฺิตตฺเต สมฺเภโท ภเวยฺย, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย กมฺมโกปสฺส สมานตฺตา, น จ ปฏิกฺขิตฺตํ. ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺตโน นิสฺสยสีมาย สมฺเภทโทโส นตฺเถวาติ คเหตพฺพํ.
อาวรเณน วาติ ทารุอาทึ นิขณิตฺวา อุทกนิวารเณน. โกฏฺฏกพนฺธเนน วาติ มตฺติกาทีหิ ปูเรตฺวา กตเสตุพนฺเธน. อุภเยนาปิ อาวรณเมว ทสฺเสติ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิตโมทกนฺติ อติริตฺโตทกํ. ‘‘นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต’’ติ อิมินา ตฬากนทีนํ อนฺตรา ¶ ปวตฺตนฏฺาเน น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุปฺปติตฺวาติ ตีราทิภินฺทนวเสน วิปุลา หุตฺวา. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ.
อคมนปเถติ ¶ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺเย. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ โลกโวหารสิทฺธํ อคามการฺสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถาติ ปกติยา มจฺฉพนฺธานํ คมนปเถสุ ทีปเกสุ.
ตํ านนฺติ อาวาฏาทีนํ กตฏฺานเมว, น อกตนฺติ อตฺโถ. โลณีติ สมุทฺโททกสฺส อุปฺปตฺติเวคนินฺโน มาติกากาเรน ปวตฺตนโก.
๑๔๘. สมฺภินฺทนฺตีติ ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺตกโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อนฺโตสีมาย กโรนฺโต สมฺภินฺทติ. จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโต กโรนฺโต อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สํสฏฺวิฏปาติ อฺมฺํ สิพฺพิตฺวา ิตมหาสาขมูลา, เอเตน อฺมฺสฺส อจฺจาสนฺนตํ ทีเปติ. สาขาย สาขํ ผุสนฺตา หิ ทูรฏฺาปิ สิยฺยุํ, ตโต เอกํสโต สมฺเภทลกฺขณํ ทสฺสิตํ น สิยาติ ตํ ทสฺเสตุํ วิฏปคฺคหณํ กตํ. เอวฺหิ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนกฏฺานํ อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารํ กโรนฺโต สีมาย สีมํ สมฺภินฺทติ นาม, น ตโต ปรนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. พทฺธา โหตีติ โปราณกวิหารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. อมฺพนฺติ อปเรน สมเยน ปุราณวิหารปริกฺเขปาทีนํ วินฏฺตฺตา อชานนฺตานํ ตํ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตํ อมฺพํ. อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารสีมฏฺํ ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา อมฺพชมฺพูนํ อนฺตเร ยํ านํ, ตํ อตฺตโน สีมาย ปเวเสตฺวา พนฺธนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตสฺส คามฏฺสฺส อมฺพรุกฺขสฺส อนฺโตสีมฏฺาย ชมฺพุยา สห สํสฏฺวิฏปตฺเตปิ สีมาย พนฺธนกาเล วิปตฺติ วา ปจฺฉา คามสีมาย สห สมฺเภโท วา กมฺมวิปตฺติ วา น โหตีติ มุขโตว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปเทสนฺติ สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกปฺปเทสํ. ‘‘สีมนฺตริกํ เปตฺวา’’ติอาทินา สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ อกตฺวา พทฺธสีมาหิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวา อพฺยวธาเนน พทฺธาปิ สีมา อสีมา เอวาติ ทสฺเสติ. ตสฺมา เอกทฺวงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติ เอว. สา ปน ทุพฺโพธาติ อฏฺกถาสุ จตุรงฺคุลาทิกา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ทฺวินฺนํ สีมานนฺติ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ. นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา พนฺธนกาเล ตาว สมฺเภทโทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย ¶ . น เกวลฺจ นิมิตฺตกตฺตา เอว สงฺกรํ กโรติ ¶ , อถ โข สีมนฺตริกาย ิโต อฺโปิ รุกฺโข กโรติ เอว. ตสฺมา อปฺปมตฺติกาย สีมนฺตริกาย วฑฺฒนกา รุกฺขาทโย น วฏฺฏนฺติ เอว. เอตฺถ จ อุปริ ทิสฺสมานขนฺธสาขาทิปเวเส เอว สงฺกรโทสสฺส สพฺพตฺถ ทสฺสิตตฺตา อทิสฺสมานานํ มูลานํ ปเวเสปิ ภูมิคติกตฺตา โทโส นตฺถีติ สิชฺฌติ. สเจ ปน มูลานิปิ ทิสฺสมานาเนว ปวิสนฺติ, สงฺกโรว. ปพฺพตปาสาณา ปน ทิสฺสมานาปิ ภูมิคติกา เอว. ยทิ ปน พนฺธนกาเล เอว เอโก ถูลรุกฺโข อุภยมฺปิ สีมํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ปจฺฉา พทฺธา อสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมาสงฺกรนฺติ สีมาสมฺเภทํ. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ ‘‘สีมาสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺต’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘), ตํ น ยุตฺตํ คามสีมายปิ สห สงฺกรํ กโรตีติ วตฺตพฺพโต. ตตฺถาปิ หิ นิมิตฺเต วฑฺฒิเต คามสีมาพทฺธสีมานํ คตฏฺานํ ทุพฺพิฺเยฺยเมว โหติ, ตตฺถ ปน อวตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว สงฺกรสฺส วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตสมฺพทฺธโทโสว สงฺกร-สทฺเทน วุตฺโตติ คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ ปน นิทานวเสน ‘‘เยสํ, ภิกฺขเว, สีมา ปจฺฉา สมฺมตา, เตสํ ตํ กมฺมํ อธมฺมิก’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๔๘) ปจฺฉา สมฺมตาย อสีมตฺเต วุตฺเตปิ ทฺวีสุ คามสีมาสุ ตฺวา ทฺวีหิ สงฺเฆหิ สมฺเภทํ วา อชฺโฌตฺถรณํ วา กตฺวา สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา วา รุกฺขปาโรหาทิสมฺพนฺธํ อวิโยเชตฺวา วา เอกสฺมึ ขเณ กมฺมวาจานิฏฺาปนวเสน เอกโต สมฺมตานํ ทฺวินฺนํ สีมานมฺปิ อสีมตา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ.
คามสีมาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา
๑๔๙. อธมฺเมน วคฺคนฺติ เอตฺถ เอกสีมาย จตูสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุ ปาติโมกฺขุทฺเทโสว อนฺุาโต, ตีสุ, ทฺวีสุ จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถว. อิธ ปน ตถา อกตตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิ สงฺเฆ เอว อาคจฺฉติ, น คเณ, น ปุคฺคเล, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตนฺติ.
สเจ ¶ ปน ทฺเว สงฺฆา เอกสีมาย อฺมฺํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ขเณ วิสุํ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, เอตฺถ กถนฺติ? เกจิ ปเนตํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ วคฺคกมฺมตฺตา ¶ . กมฺมํ กโรนฺตานฺหิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อฺตฺถ น คจฺฉติ ตถา วจนาภาวา, วิสุํ วิสุํ กมฺมกรณตฺถเมว สีมาย อนฺุาตตฺตา จาติ คเหตพฺพํ. วิหารสีมายํ ปน สงฺเฆ วิชฺชมาเนปิ เกนจิ ปจฺจเยน ขนฺธสีมายํ ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺเตสุ กมฺมํ ธมฺเมน สมคฺคเมว ภินฺนสีมฏฺตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา
๑๕๐. เอวเมตํ ธารยามีติ. สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหีติ เอตฺถ ‘‘เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) เอวเมว วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน.
สวรภยนฺติ วนจรกภยํ. เตนาห ‘‘อฏวิมนุสฺสภย’’นฺติ. นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต ปาติโมกฺขํ นิทฺทิฏฺํ นาม น โหตีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติอาทิ. ตีหิปิ วิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย วา ภณาเปตุกามตาย วา สุตฺตสฺส โอสารณํ โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. เกวลํ ปาสฺเสว สเรน ภณนํ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ สยเมว ปาํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน.
ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิกถาวณฺณนา
๑๕๕. นววิธนฺติ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ ตโย, สุตฺตุทฺเทสปาริสุทฺธิอธิฏฺานวเสน ตโย, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสามคฺคีวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธนฺติ ¶ อธมฺเมนวคฺคาทิ จตุพฺพิธํ. ทุวิธนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนิปาติโมกฺขวเสน ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ.
อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานนกถาทิวณฺณนา
๑๕๖. กติมีติ ¶ ติถิ-สทฺทาเปกฺขํ อิตฺถิลิงฺคํ ทฏฺพฺพํ.
๑๖๓. อุตุวสฺเสเยวาติ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว.
๑๖๔. วิฺาเปตีติ เอตฺถ มนสา จินฺเตตฺวา กายวิการกรณเมว วิฺาปนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อฺสฺส ทาตพฺพา ปาริสุทฺธีติ ปาริสุทฺธิทายเกน ปุน อฺสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ทาตพฺพา. ‘‘ภูตํเยว วา สามเณรภาวํ อาโรเจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อูนวีสติวสฺสกาเล อุปสมฺปนฺนสฺส, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสิกฺขาปจฺจกฺขาตาทีนํ วา ยาว ภิกฺขุปฏิฺา วตฺตติ, ตาว เตหิ อาหฏาปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. ยทา ปน เต อตฺตโน สามเณราทิภาวํ ปฏิชานนฺติ, ตโต ปฏฺาเยว นาคจฺฉตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘ทินฺนาย ปาริสุทฺธิยา สงฺฆปฺปตฺโต วิพฺภมติ…เป… ปณฺฑโก ปฏิชานาติ. ติรจฺฉานคโต ปฏิชานาติ. อุภโตพฺยฺชนโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนมฺปิ ภิกฺขุปฏิฺาย วตฺตมานกาเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อาคมนํ สิทฺธเมว. เตนาห ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ. อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานํ ปน ปกตตฺตา อนฺตรามคฺเค อุมฺมตฺตกาทิภาเว ปฏิฺาเตปิ เตสํ สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตเนว ฉนฺทาทิ อาคจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ภิกฺขูนํ หตฺถปาส’’นฺติ อิมินา คณปุคฺคเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อนาคมนํ ทสฺเสติ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต’’ติ หิ ปาฬิยํ วุตฺตํ. พิฬาลสงฺขลิกปาริสุทฺธีติ พิฬาลคีวาย พนฺธนสงฺขลิกสทิสา ปาริสุทฺธิ นาม, ยถา สงฺขลิกา พิฬาเล อาคจฺฉนฺเต เอว อาคจฺฉติ, น อนาคจฺฉนฺเต ตปฺปฏิพทฺธตฺตา, เอวมยํ ปาริสุทฺธิปีติ อตฺโถ. อถ วา ยถา สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํ ¶ ปาปุณาติ, น ตติยวลยํ, เอวมยมฺปีติ อธิปฺปาโย. อุปลกฺขณมตฺตฺเจตฺถ พิฬาล-คฺคหณํ ทฏฺพฺพํ.
ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานนกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉนฺททานกถาทิวณฺณนา
๑๖๕. ปาฬิยํ ¶ ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๖๗. ‘‘ตสฺส สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถี’’ติ อิทํ ปาฬิยํ เอกทา สรนฺตสฺเสว สมฺมุติทานสฺส วุตฺตตฺตา เอกทา อสรนฺตสฺส สมฺมุติอภาเวปิ ตสฺส อนาคมนํ วคฺคกมฺมาย น โหตีติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘โสปิ หตฺถปาเสว อาเนตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
๑๖๘. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณํ. สงฺฆสนฺนิปาเต กาตพฺพํ ปุพฺพกิจฺจนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ อสฺจิจฺจ อสติยา อนาปตฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริปิ. ยตฺถ ปน อจิตฺตกาปตฺติ อตฺถิ, ตตฺถ วกฺขาม.
๑๖๙. ‘‘ปฺตฺตํ โหตี’’ติ อิมินา ‘‘น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ วิสุํ ปฏิกฺเขปาภาเวปิ ยถาวุตฺตสุตฺตสามตฺถิยโต ปฺตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. อิมินา เอว นเยน –
‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖; อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕) –
อาทิสุตฺตนยโต จ อลชฺชีหิปิ สทฺธึ อุโปสถกรณมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตเมว อลชฺชินิคฺคหตฺถตฺตา สพฺพสิกฺขาปทานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนนา’’ติ อิมินา สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพาติ ทีปิตํ โหติ. อุโภปิ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สภาคาปตฺติภาวํ อชานิตฺวา เกวลํ อาปตฺตินาเมเนว เทเสนฺตสฺส ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส อจิตฺตกเมว ทุกฺกฏํ โหตีติ วทนฺติ ¶ . ยถา สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺโน ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตโยปิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว คณตฺตึ เปตฺวา ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกน ปน สาปตฺติเกน ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปฏิกาตุเมว วฏฺฏติ, อสมฺปาปุณนฺเตน ‘‘ภิกฺขุํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปฏิกริตฺวา จ ปุน อุโปสโถ กตฺตพฺโพ.
ฉนฺททานกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา
๑๗๒. เกนจิ ๖๓ กรณีเยน คนฺตฺวาติ สีมาปริจฺเฉทโต พหิภูตํ คามํ วา อรฺํ วา คนฺตฺวาติ อตฺโถ. เอเตเนว อุโปสถตฺติยา ปนกาเล สมคฺคา เอว เต ตฺตึ เปสุนฺติ สิทฺธํ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อุทฺทิฏฺํ สุอุทฺทิฏฺ’’นฺติ สพฺพปนฺนรสเกสุปิ วุตฺตํ. วคฺคา สมคฺคสฺิโนติอาทิ ปน ตฺติยา นิฏฺิตาย ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติอาทีนํ (มหาว. ๑๓๔) วจนกฺขเณ พหิคตานํ ภิกฺขูนํ สีมาย ปวิฏฺตฺตา ภิกฺขู ตสฺมึ ขเณ วคฺคา โหนฺตีติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เตสํ สีมํ โอกฺกนฺตตฺตา วคฺคา’’ติอาทิ, เอเตน ปาราชิกุทฺเทสาทิกฺขเณปิ วคฺคสฺีนํ อุทฺทิสนฺตานํ อาปตฺติ เอว, ตฺติยา ปน ปุพฺเพ นิฏฺิตตฺตา กมฺมโกโป นตฺถีติ ทสฺสิตเมว โหติ. เอวํ อุปริปิ สพฺพวาเรสุ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปาฬิยํ ‘‘สพฺพาย วุฏฺิตาย…เป… เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิ อาโรเจตพฺพา’’ติ (มหาว. ๑๗๔) วุตฺตตฺตา พหิสีมาคตาย ปริสาย เตสุ ยสฺส กสฺสจิ สนฺติเก อนธิฏฺิเตหิ ปาริสุทฺธึ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ.
อนาปตฺติปนฺนรสกาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ลิงฺคาทิทสฺสนกถาทิวณฺณนา
๑๗๙. อฺาตกํ ¶ นาม อทิฏฺปุพฺพนฺติ อาห ‘‘อฺเสํ สนฺตก’’นฺติ. อฺเสนฺติ อตฺตนา อทิฏฺปุพฺพานํ. นานาสํวาสกภาวนฺติ ลทฺธินานาสํวาสกภาวํ.
๑๘๐. ปาฬิยํ อภิวิตรนฺติ สมานสํวาสกาภาวํ นิจฺฉินนฺติ.
๑๘๑. อุโปสถการกาติ สงฺฆุโปสถการกา. เตเนว ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วุตฺตํ. สงฺฆุโปสถฏฺานโต หิ คจฺฉนฺเตน อตฺตจตุตฺเถเนว คนฺตพฺพํ, ติณฺณํ ภิกฺขูนํ นิสินฺนฏฺานโต ปน คจฺฉนฺเตน เอเกน ภิกฺขุนาปิ สห คนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. ปาฬิยํ ‘‘อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, สงฺฆุโปสถฏฺานโต คณปุคฺคเลหิ สภิกฺขุโกปิ อาวาโส น คนฺตพฺโพ ‘‘อฺตฺร สงฺเฆนา’’ติ วุตฺตตฺตาติ วทนฺติ. อุโปสถํ กโรนฺตีติ สงฺฆุโปสถํ วา คณุโปสถํ วา. ‘‘ตสฺส สนฺติก’’นฺติ อิทํ คณุโปสถฏฺานโต คจฺฉนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺถา ‘‘สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถน ¶ วา’’ติ วจเนน วิรุชฺฌนโต. อารฺเกนาติ เอกจารินา. อุโปสถนฺตราโยติ อตฺตโน อุโปสถนฺตราโย.
๑๘๓. ปาฬิยํ ภิกฺขุนิยา นิสินฺนปริสายาติอาทีสุ ภิกฺขุนิยาติอาทิ กรณตฺเถ สามิวจนํ.
ลิงฺคาทิทสฺสนกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๓. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธโก
วสฺสูปนายิกอนุชานนกถาทิวณฺณนา
๑๘๔. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก ¶ ¶ อปรสฺมึ ทิวเสติ ทุติเย ปาฏิปททิวเส.
๑๘๕. อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาปเนน วาติ สาเปกฺขสฺส อกรณีเยน คนฺตฺวา อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาปเนน วา. ปริหานีติ คุณปริหานิ.
๑๘๗. ปาฬิยํ สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพติ สกลํ สตฺตาหํ พหิ เอว อวีตินาเมตฺวา สตฺตาหปริโยสานภูตํ อรุณุฏฺานกาลํ ปุน วิหาเรว สมฺพนฺธวเสน สตฺตาหํ วิหาเร สนฺนิวตฺตํ กาตพฺพํ. สตฺตาหปริโยสานกาโล หิ อิธ สตฺตาห-สทฺเทน วุตฺโต, ตทเปกฺขาย จ ‘‘สนฺนิวตฺโต’’ติ ปุลฺลิงฺเคน วุตฺตํ. ตีณิ ปริหีนานีติ ภิกฺขุนีนํ วจฺจกุฏิอาทีนํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปริหีนานิ.
๑๘๙. น ปลุชฺชตีติ อฺเสํ อปฺปคุณตฺตา, มม จ มรเณน น วินสฺสติ.
วสฺสูปนายิกอนุชานนกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปหิเตเยวอนุชานนกถาวณฺณนา
๑๙๙. ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนกปุริโสติ อนฺคติโกติ ทสฺเสติ. คนฺตพฺพนฺติ สงฺฆกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพํ. เอตฺถ จ อนุปาสเกหิปิ สาสนภาวํ าตุกาเมหิ ปหิเต เตสํ ปสาทวฑฺฒึ สมฺปสฺสนฺเตหิปิ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ.
รตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโยติ ¶ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนสงฺขาตสฺส รตฺติจฺเฉทสฺส วินิจฺฉโย. คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตเนว สตฺตาหกรณียนิมิตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมินา นิมิตฺเตน คนฺตฺวา ‘‘อนฺโตสตฺตาเห อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ. ปุริมกฺขเณ อาโภคํ กตฺวา คมนกฺขเณ วิสฺสริตฺวา คเตปิ โทโส ¶ นตฺถิ ‘‘สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตตฺตา. สพฺพถา ปน อาโภคํ อกตฺวา คตสฺส วสฺสจฺเฉโทติ วทนฺติ. โย ปน สตฺตาหกรณียนิมิตฺตาภาเวปิ ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคมิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคจฺฉติ, ตสฺส อาปตฺติเยว, วสฺสจฺเฉโท นตฺถิ สตฺตาหสฺส สนฺนิวตฺตตฺตาติ วทนฺติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ภณฺฑกนฺติ จีวรภณฺฑํ. สมฺปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, วฏฺฏตีติ ตทเหว อาคมเน สอุสฺสาหตฺตา วสฺสจฺเฉโท วา อาปตฺติ วา น โหตีติ อธิปฺปาโย. อาจริยนฺติ อคิลานมฺปิ นิสฺสยาจริยฺจ ธมฺมาจริยฺจ, ปเคว อุปสมฺปทาจริยอุปชฺฌาเยสุ. วทติ, วฏฺฏตีติ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺติอภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, วสฺสจฺเฉโท ปน โหติ เอว.
ปหิเตเยวอนุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนฺตราเยอนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถาวณฺณนา
๒๐๐. ปาฬิยํ คณฺหึสูติ คเหตฺวา ขาทึสุ. ปริปาตึสูติ ปลาเปสุํ, อนุพนฺธึสูติ อตฺโถ.
๒๐๑. สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพติ เอตฺถ ฉทิวสานิ พหิทฺธา วีตินาเมตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุรารุณา เอว อนฺโตอุปจารสีมาย ปวิสิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สตฺตาหํ อธิฏฺาย คนฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘สตฺตเม ทิวเส อาคนฺตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว ทิวสภาเคปิ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ อรุณุฏฺาปนเมว หิ สนฺธาย ปาฬิยมฺปิ ‘‘สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คจฺฉนฺโต อนฺโต อปฺปวิสิตฺวา พหิทฺธาว สตฺตาหํ วีตินาเมนฺเตน สมุจฺฉินฺนวสฺโส เอว ภวิสฺสติ อรุณสฺส พหิ เอว อุฏฺาปิตตฺตา. อิตรถา ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา ‘‘สตฺตาหวาเรน อนฺโตวิหาเร ปวิสิตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวาปิ คนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพโต. อฺเสุ จ าเนสุ อรุณุฏฺาปนเมว ¶ วุจฺจติ. วกฺขติ หิ จีวรกฺขนฺธเก ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺโต อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๔).
อถาปิ ¶ ยํ เต วเทยฺยุํ ‘‘สตฺตเม ทิวเส ยทา กทาจิ ปวิฏฺเน ตํทิวสนิสฺสิโต อตีตอรุโณ อุฏฺาปิโต นาม โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ สทฺทคติยาปิ น สเมติ. น หิ อุฏฺิเต อรุเณ ปจฺฉา ปวิฏฺโ ตสฺส ปโยชโก อุฏฺาปโก ภวิตุมรหติ. ยทิ ภเวยฺย, วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปนสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกนฺตสฺสาปีติ เอตฺถ ‘‘อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย, เตนปิ ตํทิวสสนฺนิสฺสิตสฺส อรุณสฺส อุฏฺาปิตตฺตา. อารฺกสฺสาปิ หิ ภิกฺขุโน สายนฺหสมเย องฺคยุตฺตํ อรฺฏฺานํ คนฺตฺวา ตทา เอว นิวตฺตนฺตสฺส อรุโณ อุฏฺาปิโต ธุตงฺคฺจ วิโสธิตํ สิยา, น เจตํ ยุตฺตํ อรุณุคฺคมนกาเล เอว อรุณุฏฺาปนสฺส วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘กาลสฺเสว ปน นิกฺขมิตฺวา องฺคยุตฺเต าเน อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. สเจ อรุณุฏฺานเวลายํ เตสํ อาพาโธ วฑฺฒติ, เตสํ เอว กิจฺจํ กาตพฺพํ, น ธุตงฺควิสุทฺธิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑). ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต. ‘‘อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๙๗) หิ วุตฺตํ. สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ‘‘ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคามิอรุณวเสเนว อรุณุฏฺาปนํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสน. ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อรุณุฏฺาปนํ เวทิตพฺพํ อฺถา วสฺสจฺเฉทตฺตา.
ยํ ปน วสฺสํ อุปคตสฺส ตทเหว อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา สกรณียสฺส ปกฺกมนวจนํ, ตํ วสฺสํ อุปคตกาลโต ปฏฺาย ยทา กทาจิ นิมิตฺเต สติ คมนสฺส อนฺุาตตฺตา ยุตฺตํ, น ปน สตฺตาหวาเรน คตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว คมนํ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา เอว. ยถา วา ‘‘สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ, น วา อาคจฺเฉยฺยา’’ติอาทินา (มหาว. ๒๐๗) ปจฺฉิมสตฺตาเห อนาคมเน อนฺุาเตปิ อฺสตฺตาเหสุ น วฏฺฏติ. เอวํ ปมสตฺตาเห อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คมเน อนฺุาเตปิ ตโต ปเรสุ สตฺตาเหสุ อาคตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ¶ คมนํ น วฏฺฏตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. อิธ อาหฏนฺติ วิหารโต พหิ อาคตฏฺาเน อานีตํ.
อนฺตราเยอนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วชาทีสุ วสฺสูปคมนกถาวณฺณนา
๒๐๓. อุปคนฺตุํ ๖๘ น วฏฺฏตีติ กุฏิกาทีนํ อภาเวน ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอวํ วจีเภทํ กตฺวา อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ.
๒๐๔. ปาฬิยํ ปิสาจิลฺลิกาติ ปิสาจทารกา. ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวาติ สกวาฏทฺวารํ กตฺวา. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวาติ สุสิรฏฺานสฺส อุปริภาคํ ฉินฺทิตฺวา. ขาณุมตฺถเกติ สุสิรขาณุมตฺถเก. ฏงฺกิตมฺโจ นาม ทีเฆ มฺจปาเท วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ปเวเสตฺวา กโต, โส เหฏฺุปริยวเสน ปฺตฺโตปิ ปุริมสทิโสว โหติ, ตํ สุสาเน, เทวตาาเน จ เปนฺติ. จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณผลเก อตฺถริตฺวา กตเคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ.
วชาทีสุวสฺสูปคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธมฺมิกกติกาทิกถาวณฺณนา
๒๐๕. มหาวิภงฺเคติ จตุตฺถปาราชิกวณฺณนายํ. ปรโต เสนาสนกฺขนฺธเกปิ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ อาวิ ภวิสฺสติ เอว.
๒๐๗. ยสฺมา นานาสีมายํ ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ‘‘ทุติเย วสิสฺสามี’’ติ อุปจารโต นิกฺขนฺตมตฺเต ปโม เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตสฺมา ปาฬิยํ ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายตี’’ติ ปมํ เสนาสนคฺคาหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติเย เสนาสนคฺคาเห ปน ปุริมิกา ปฺายเตว, ตตฺเถว เตมาสํ วสนฺโต ปุริมวสฺสํวุตฺโถ ¶ เอว โหติ, ตโต วา ปน ทุติยทิวสาทีสุ ‘‘ปมเสนาสเน วสิสฺสามี’’ติ อุปจาราติกฺกเม ปุริมิกาปิ น ปฺายตีติ ทฏฺพฺพํ.
๒๐๘. ปาฬิยํ ‘‘โส สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณาทิวเสปิ สตฺตาหกรณียํ วินา คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ ¶ ปจฺฉิม-กตฺติกปุณฺณมาย. สา หิ ตสฺมึ กาเล กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที, จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ ปริโยสานตฺตา จาตุมาสินีติ จ วุจฺจติ.
อธมฺมิกกติกาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๔. ปวารณากฺขนฺธโก
อผาสุวิหารกถาทิวณฺณนา
๒๐๙. ปวารณากฺขนฺธเก ¶ ¶ ปาฬิยํ ปิณฺฑาย ปฏิกฺกเมยฺยาติ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปฏิกฺกเมยฺย. อวกฺการปาตินฺติ อติเรกปิณฺฑปาตปนกํ เอกํ ภาชนํ. อวิสยฺหนฺติ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ. วิลงฺฆนํ อุกฺขิปนํ วิลงฺโฆ, โส เอว วิลงฺฆโก, หตฺเถหิ วิลงฺฆโก หตฺถวิลงฺฆโกติ อาห ‘‘หตฺถุกฺเขปเกนา’’ติ. อถ วา วิลงฺฆเกน อุกฺเขปเกน หตฺเถนาติปิ อตฺโถ, อฺมฺํ สํสิพฺพิตหตฺเถหีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๑๓. สเจ ปน วุฑฺฒตโร โหตีติ ปวารณาทายโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร โหติ. เอวฺหิ เตน ตสฺสตฺถาย ปวาริตํ โหตีติ เอตฺถ เอวํ เตน อปฺปวาริโตปิ ตสฺส สงฺฆปฺปตฺติมตฺเตน สงฺฆปวารณากมฺมํ สมคฺคกมฺมเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณาทายเกน ภิกฺขุนา.
๒๓๔. พหูปิ สมานวสฺสา เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ลทฺธูปสมฺปทตาย สมานุปสมฺปนฺนวสฺสา สพฺเพ เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ อตฺโถ.
๒๓๗. ปาฬิยํ มิจฺฉาทิฏฺีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔, ๙๕, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐; ธ. ส. ๑๒๒๑) นยปฺปวตฺตา. อนฺตคฺคาหิกาติ สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตสฺส อนฺตสฺส คาหิกา. ยํ โข ตฺวนฺติอาทีสุ ยํ ปวารณํ เปสิ, ตํ ทิฏฺเน เปสีติ ตํ-สทฺทํ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ.
๒๓๙. วตฺถุํ ปกาเสนฺโตติ ปุคฺคเล ปริสงฺกุปฺปตฺติยา นิมิตฺตภูตํ วตฺถุมตฺตํเยว สนฺธาย วุตฺตํ ¶ . ยํ ปน วตฺถุํ สนฺธาย ‘‘ปุคฺคโล ปฺายติ, น วตฺถู’’ติ อาห, น ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ยทิ ปน ตสฺส ภิกฺขุโน วสนฏฺาเน โปกฺขรณิโต มจฺฉคฺคหณาทิ ทิสฺเสยฺย, ตทา ‘‘วตฺถุ จ ปุคฺคโล จ ปฺายตี’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย. เตนาห ‘‘ปุริมนเยเนว โจเรหี’’ติอาทิ. ภิกฺขุโน สรีเร มาลาคนฺธฺจ อริฏฺคนฺธฺจ ทิสฺวา เอวํ ‘‘วตฺถุ จ ปุคฺคโล จ ปฺายตี’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อผาสุวิหารกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภณฺฑนการกวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๔๐. ทฺเว ¶ จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติยปกฺเข จาตุทฺทสิยา สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. ‘‘ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตี’’ติ อิมินา ยถาสกํ อุโปสถกรณทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ จาตุทฺทสีปนฺนรสีโวหาโร, น จนฺทคติสิทฺธิยา ติถิยา วเสนาติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ เอวํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา, ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหิ. เตเนว ปาฬิยมฺปิ ‘‘ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ทฺวาทสิยํ, เตรสิยํ วา อุโปสโถ กาตพฺโพติ วตฺตพฺพโต. ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส, ปนฺนรเส วา’’ติอาทิวจนมฺปิ อุปวุตฺถกฺกเมเนว วุตฺตํ, น ติถิกฺกเมนาติ คเหตพฺพํ.
ภณฺฑนการกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปวารณาสงฺคหกถาวณฺณนา
๒๔๑. ‘‘ปวาเรตฺวา ปน อนฺตราปิ จาริกํ ปกฺกมิตุํ ลภนฺตี’’ติ อิมินา ปวารณาสงฺคเห กเต อนฺตรา ปกฺกมิตุกามา สงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปวารณาสงฺคหกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปวารณากฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๕. จมฺมกฺขนฺธโก
โสณโกฬิวิสกถาทิวณฺณนา
๒๔๒. จมฺมกฺขนฺธเก ¶ ¶ อุณฺณปาวารณนฺติ อุภโต โลมานิ อุฏฺาเปตฺวา กตํ อุณฺณมยํ ปาวารณํ, อุภโต กปฺปาสปิจุํ อุฏฺาเปตฺวา วีตปาวาโรปิ อตฺถิ, ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุณฺณปาวารณ’’นฺติ วุตฺตํ.
อฑฺฒจนฺทปาสาเณติ โสปานมูเล อุปฑฺฒํ อนฺโต ปเวเสตฺวา ปิเต อฑฺฒปาสาเณ. ปาฬิยํ วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารปจฺจนฺเต ฉายาย, วิหารสฺส วฑฺฒมานจฺฉายายนฺติปิ วทนฺติ.
๒๔๓. โภคาติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. อจฺจายตาติ อติอายตา ขรมุจฺฉนา. สรวตีติ มธุรสรสํยุตฺตา. อติสิถิลา มนฺทมุจฺฉนา. วีริยสมถนฺติ วีริยสมฺปยุตฺตสมถํ. ตตฺถ จ นิมิตฺตํ คณฺหาหีติ ตสฺมิฺจ สมภาเว สติ ยํ อาทาเส มุขนิมิตฺตํ วิย นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สมถนิมิตฺตํ, วิปสฺสนานิมิตฺตํ, มคฺคนิมิตฺตํ, ผลนิมิตฺตฺจ คณฺหาหิ นิพฺพตฺเตหีติ, เอวมสฺส อรหตฺตปริโยสานํ กมฺมฏฺานํ กถิตํ.
๒๔๔. ฉานานีติ ฉ การณานิ. อธิมุตฺโตติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติอาทิ สพฺพํ อรหตฺตวเสน วุตฺตํ. อรหตฺตฺหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺขนฺตตฺตา เนกฺขมฺมํ, เตเหว จ ปวิวิตฺตตฺตา ปวิเวโก, พฺยาปชฺชาภาวโต อพฺยาปชฺชํ, อุปาทานสฺส ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา อุปาทานกฺขโย, ตณฺหกฺขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ตณฺหกฺขโย, สมฺโมหาภาวโต อสมฺโมโหติ จ วุจฺจติ.
เกวลํ สทฺธามตฺตกนฺติ เกวลํ ปฏิเวธปฺาย อสมฺมิสฺสํ สทฺธามตฺตกํ. ปฏิจยนฺติ ปุนปฺปุนํ ¶ กรเณน วฑฺฒึ. วีตราคตฺตาติ มคฺคปฏิเวเธน ราคสฺส วิคตตฺตา เอว เนกฺขมฺมสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สจฺฉิกตฺวา ิโต โหติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ปวิเวกาธิมุตฺโตติ ‘‘ปวิเวเก อธิมุตฺโต อห’’นฺติ เอวํ อรหตฺตํ พฺยากโรตีติ อตฺโถ.
สีลพฺพตปรามาสนฺติ สีลฺจ วตฺจ ปรามสิตฺวา คหิตคฺคหณมตฺตํ. สารโต ปจฺจาคจฺฉนฺโตติ สารภาเวน ชานนฺโต. อพฺยาปชฺชาธิมุตฺโตติ อพฺยาปชฺชํ อรหตฺตํ พฺยากโรติ.
อมิสฺสีกตนฺติ ¶ อมิสฺสกตํ. กิเลสา หิ อารมฺมเณน สทฺธึ จิตฺตํ มิสฺสํ กโรนฺติ, เตสํ อภาวา อมิสฺสีกตํ. ภุสา วาตวุฏฺีติ พลววาตกฺขนฺโธ.
อุปาทานกฺขยสฺส จาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. ทิสฺวา อายตนุปฺปาทนฺติ จกฺขาทิอายตนานํ อุปฺปาทฺจ วยฺจ ทิสฺวา. จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ อิมาย วิปสฺสนาปฏิปตฺติยา ผลสมาปตฺติวเสน จิตฺตํ วิมุจฺจติ.
โสณโกฬิวิสกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิคุณาทิอุปาหนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา
๒๔๕. สกฏวาเหติ ทฺวีหิ สกเฏหิ ปริจฺฉินฺเน วาเห. ‘‘วาเห’’ติ พหุวจนสฺส หิรฺวิเสสนตฺเตปิ สามฺาเปกฺขาย ‘‘หิรฺ’’นฺติ เอกวจนํ กตํ.
๒๔๖. อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อลฺลาริฏฺผลวณฺณา, ตินฺตกากปกฺขวณฺณาติปิ วทนฺติ. รชนนฺติ อุปลิตฺตํ นีลาทิวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โจฬเกน ปฺุฉิตฺวา’’ติ. ตฺหิ ตถา ปฺุฉิเต วิคจฺฉติ. ยํ ปน จมฺมสฺส ทุคฺคนฺธาปนยนตฺถํ กาฬรตฺตาทิรชเนหิ รฺชิตตฺตา กาฬรตฺตาทิวณฺณํ โหติ, ตํ โจฬาทีหิ อปเนตุํ น สกฺกา จมฺมคติกเมว, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
ขลฺลกนฺติ สพฺพปณฺหิปิธานจมฺมํ, อปริคฬนตฺถํ ปณฺหิอุปริภาเค อปิธาย อาโรปนพนฺธนมตฺตํ วฏฺฏติ. วิจิตฺราติ สณฺานโต วิจิตฺรปฏา อธิปฺเปตา, น วณฺณโต สพฺพโส อปเนตพฺเพสุ ¶ ขลฺลกาทีสุ ปวิฏฺตฺตา. พิฬาลสทิสมุขตฺตา มหาอุลูกา ‘‘ปกฺขิพิฬาลา’’ติ วุจฺจติ, เตสํ จมฺมํ นาม ปกฺขโลมเมว.
ทิคุณาทิอุปาหนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อชฺฌาราเมอุปาหนปฏิกฺเขปกถาทิวณฺณนา
๒๕๑. อุณฺณาหิ ¶ กตปาทุกาติ เอตฺถ อุณฺณามยกมฺพเลหิ กตา ปาทุกา สงฺคยฺหนฺติ.
๒๕๓. คงฺคามหกีฬิกายาติ คงฺคามเห กีฬิกาย. ตตฺถ หิ อิตฺถิปุริสา ยาเนหิ อุทกกีฬํ คจฺฉนฺติ. ปีกสิวิกนฺติ ผลกาทินา กตํ ปีกยานํ. ปฏโปตลิกํ อนฺโทลิกา. สพฺพมฺปิ ยานํ อุปาหเนนปิ คนฺตุํ อสมตฺถสฺส คิลานสฺส อนฺุาตํ.
๒๕๔. วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. จตุรงฺคุลาธิกานีติ อุทฺทโลมีเอกนฺตโลมีหิ วิเสสทสฺสนํ. จตุรงฺคุลโต หิ อูนานิ กิร อุทฺทโลมีอาทีสุ ปวิสนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ นานาวณฺเณหิ อุณฺณามยสุตฺเตหิ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วายิตฺวา กตจิตฺตตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโกติ พหลราโค. ปกติตูลิกาติ ตูลปุณฺณา ภิสิ. วิกติกาติ สีหรูปาทิวเสน วานจิตฺราว คยฺหติ. อุทฺทโลมีติ ‘‘อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ วุตฺตํ. โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกสิยสุตฺตานํ อนฺตรา สุวณฺณมยสุตฺตานิ ปเวเสตฺวา วีตํ. สุวณฺณสุตฺตํ กิร ‘‘กฏฺฏิสฺสํ, กสฏ’’นฺติ จ วุจฺจติ. เตเนว ‘‘โกเสยฺยกสฏมย’’นฺติ อาจริย-ธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตนฺติ วทนฺติ. รตนปริสิพฺพิตนฺติ สุวณฺณลิตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ.
อชินมิคจมฺมานํ อติสุขุมตฺตา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติ. รตฺตวิตาเนนาติ สพฺพรตฺเตน วิตาเนน. ยํ ปน นานาวณฺณํ วานจิตฺตํ วา เลปจิตฺตํ วา, ตํ วฏฺฏติ. อุภโตโลหิตกูปธาเนปิ เอเสว นโย. ‘‘จิตฺรํ วา’’ติ อิทํ ปน สพฺพถา กปฺปิยตฺตา วุตฺตํ, น ปน อุภโตอุปธาเนสุ อกปฺปิยตฺตา. น หิ โลหิตก-สทฺโท จิตฺเต วตฺตติ, ปฏลิคฺคหเณเนว จิตฺตกสฺสปิ อตฺถรณสฺส สงฺคเหตพฺพปฺปสงฺคโต, กาสาวํ ปน โลหิตกโวหารํ น คจฺฉติ. ตสฺมา วิตาเนปิ อุภโตอุปธาเนปิ วฏฺฏติ. สเจ ปมาณยุตฺตนฺติอาทิ อฺปฺปมาณาติกฺกนฺตสฺส พิพฺโพหนสฺส ปฏิกฺขิตฺตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ¶ อุจฺจาสยนมหาสยนภาวทสฺสนตฺถํ ตถา อวุตฺตตฺตา. ตํ ปน อุปธานํ อุโปสถิกานํ ¶ คหฏฺานํ วฏฺฏติ. อุจฺจาสยนมหาสยนเมว หิ ตทา เตสํ น วฏฺฏติ. ทีฆนิกายฏฺกถาทีสุ กิฺจาปิ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, วินยฏฺกถาเยว กปฺปิยากปฺปิยภาเว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ.
อชฺฌาราเมอุปาหนปฏิกฺเขปกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
คิหิวิกตานฺุาตาทิกถาวณฺณนา
๒๕๖. อภินิสฺสายาติ อปสฺสาย. วิสุกายิกวิปฺผนฺทิตานนฺติ ปฏิปกฺขภูตานํ ทิฏฺิจิตฺตวิปฺผนฺทิตานนฺติ อตฺโถ.
๒๕๗. ยตินฺทฺริยนฺติ มนินฺทฺริยวเสน สฺตินฺทฺริยํ.
๒๕๘. ปาฬิยํ อฏฺกวคฺคิกานีติ สุตฺตนิปาเต (สุ. นิ. ๗๗๒ อาทโย) อฏฺกวคฺคภูตานิ โสฬส สุตฺตานิ. เอวํ จิรํ อกาสีติ เอวํ จิรกาลํ ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา อคารมชฺเฌ เกน การเณน วาสมกาสีติ อตฺโถ. โส กิร มชฺฌิมวเย ปพฺพชิโต, เตน ภควา เอวมาห. เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ กาเมสุ ทิฏฺาทีนวา จิรายิตฺวาปิ ฆราวาเสน ปกฺขนฺทนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา.
อาทีนวํ โลเกติ สงฺขารโลเก อนิจฺจตาทิอาทีนวํ. นิรุปธินฺติ นิพฺพานํ. ‘‘อริโย น รมตี ปาเป’’ติ อิมสฺส เหตุมาห ‘‘ปาเป น รมตี สุจี’’ติ. ตตฺถ สุจีติ วิสุทฺธปุคฺคโล.
๒๕๙. กาฬสีโหติ กาฬมุขวานรชาติ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ นิสีทนตฺถรณํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน เสนาสนปริโภโค วฏฺฏเตว.
คิหิวิกตานฺุาตาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๖. เภสชฺชกฺขนฺธโก
ปฺจเภสชฺชาทิกถาวณฺณนา
๒๖๐. เภสชฺชกฺขนฺธเก ¶ ¶ ปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหตีติ พหิสรีเร พฺยาเปตฺวา ิตํ อพทฺธปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหติ, เตน ปิตฺตํ กุปิตํ โหตีติ อธิปฺปาโย.
๒๖๑-๒. ปาฬิยํ นจฺฉาเทนฺตีติ รุจึ น อุปฺปาเทนฺติ. สุสุกาติ สมุทฺเท เอกา มจฺฉชาติ, กุมฺภิลาติปิ วทนฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ.
๒๖๓. ปิฏฺเหีติ ปิสิเตหิ. กสาเวหีติ ตจาทีนิ อุทเก ตาเปตฺวา คหิตอูสเรหิ. อุพฺภิทนฺติ อูสรปํสุมยํ. โลณพิลนฺติ โลณวิเสโส.
๒๖๔-๕. ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณนฺติ อปกฺกกสาวจุณฺณํ, คนฺธจุณฺณํ ปน น วฏฺฏติ. ปาฬิยํ จุณฺณจาลินินฺติ อุทุกฺขเล โกฏฺฏิตจุณฺณปริสฺสาวนึ. สุวณฺณเครุโกติ สุวณฺณตุตฺถาทิ. ปาฬิยํ อฺชนูปปิสนนฺติ อฺชเน อุปเนตุํ ปิสิตพฺพเภสชฺชํ.
๒๖๗-๙. กพฬิกาติ อุปนาหเภสชฺชํ. ฆรทินฺนกาพาโธ นาม ฆรณิยา ทินฺนวสีกรณเภสชฺชสมุฏฺิตอาพาโธ. ตาย ฉาริกาย ปคฺฆริตํ ขาโรทกนฺติ ปริสฺสาวเน ตจฺฉาริกํ ปกฺขิปิตฺวา อุทเก อภิสิฺจิเต ตโต ฉาริกโต เหฏฺา ปคฺฆริตํ ขาโรทกํ. ปาฬิยํ อกฏยูเสนาติ อนภิสงฺขเตน มุคฺคยูเสน. กฏากเฏนาติ มุคฺเค ปจิตฺวา อจาเลตฺวา ปริสฺสาวิเตน มุคฺคยูเสนาติ วทนฺติ.
ปฺจเภสชฺชาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คุฬาทิอนุชานนกถาวณฺณนา
๒๗๒-๔. คุฬกรณนฺติ ¶ ¶ อุจฺฉุสาลํ. อวิสฺสตฺถาติ สาสงฺกา.
๒๗๖. อปฺปมตฺตเกปิ วาเรนฺตีติ อปฺปมตฺตเก ทินฺเน ทายกานํ ปีฬาติ ปฏิกฺขิปนฺติ. ปฏิสงฺขาปีติ เอตฺตเกนปิ ยาเปตุํ สกฺกา, ‘‘อวเสสํ อฺเสํ โหตู’’ติ สลฺลกฺเขตฺวาปิ ปฏิกฺขิปนฺติ.
๒๗๙. วตฺถิปีฬนนฺติ ยถา วตฺถิคตเตลาทิ อนฺโตสรีเร อาโรหนฺติ, เอวํ หตฺเถน วตฺถิมทฺทนํ. สมฺพาเธ สตฺถกมฺมวตฺถิกมฺมานเมว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ทหนกมฺมํ วฏฺฏติ เอว.
คุฬาทิอนุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยาคุมธุโคฬกาทิกถาวณฺณนา
๒๘๒-๓. ปาฬิยํ ทสสฺส านานีติ อสฺส ปฏิคฺคาหกสฺส ทส านานิ การณานิ ธมฺเมนาติ อตฺโถ. อนุปฺปเวจฺฉตีติ เทติ. วาตฺจ พฺยปเนตีติ สมฺพนฺโธ, วาตฺจ อนุโลเมตีติ อตฺโถ. สคฺคา เต อารทฺธาติ ตยา เทวโลกา อาราธิตา.
ยาคุมธุโคฬกาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏลิคามวตฺถุกถาวณฺณนา
๒๘๖. ปาฏลิคาเม นครํ มาเปนฺตีติ ปาฏลิคามสฺส สมีเป ตสฺเสว คามเขตฺตภูเต มหนฺเต อรฺปฺปเทเส ปาฏลิปุตฺตํ นาม นครํ มาเปนฺติ. ยาวตา อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยมนุสฺสานํ โอสรณฏฺานํ. ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ ภณฺฑวิกฺกีณนฏฺานํ, วสนฏฺานํ วา, อิทํ เตสํ สพฺเพสํ อคฺคนครํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ปุฏเภทนนฺติ สกฏาทีหิ นานาเทสโต อาหฏานํ ภณฺฑปุฏานํ วิกฺกีณนตฺถาย โมจนฏฺานํ. สรนฺติ ตฬากาทีสุปิ วตฺตติ ¶ , ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ¶ ‘‘สรนฺติ อิธ นที อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ สรติ สนฺทตีติ กตฺวา. วินา เอว กุลฺเลน ติณฺณาติ อิทํ อปฺปมตฺตกอุทกมฺปิ อผุสิตฺวา วินา กุลฺเลน ปารปฺปตฺตา.
ปาฏลิคามวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โกฏิคาเมสจฺจกถาวณฺณนา
๒๘๗. ปาฬิยํ สนฺธาวิตนฺติ ภวโต ภวํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน สนฺธาวนํ กตํ. สํสริตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. มมฺเจว ตุมฺหากฺจาติ มยา จ ตุมฺเหหิ จ, สามิวเสเนว วา มม จ ตุมฺหากฺจ สนฺธาวนํ อโหสีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. สํสริตนฺติ สํสริ. ภวตณฺหา เอว ภวโต ภวํ เนตีติ ภวเนตฺตีติ วุตฺตา.
๒๘๙. ‘‘นีลา โหนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘นีลวณฺณา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นีลวณฺณาติ นีลวิเลปนา. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปฏิวฏฺเฏสีติ ปหริ. อมฺพกายาติ อมฺพาย. อุปจารวจนฺเหตํ, มาตุคาเมนาติ อตฺโถ. อุปสํหรถาติ อุปเนถ, ‘‘อีทิสา ตาวตึสา’’ติ ปริกปฺเปถาติ อตฺโถ. อิทฺจ ภิกฺขูนํ สํเวคชนนตฺถํ วุตฺตํ, น นิมิตฺตคฺคาหตฺถํ. ลิจฺฉวิราชาโน หิ สพฺเพ น จิรสฺเสว อชาตสตฺตุนา วินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ.
โกฏิคาเมสจฺจกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สีหเสนาปติวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา
๒๙๐. สนฺธาคาเรติ ราชกิจฺจสฺส สนฺธารณตฺถาย นิจฺฉิทฺทํ กตฺวา วิจารณตฺถาย กตมหาสภาย. คมิกาภิสงฺขาโรติ คมเน วายาโม. ธมฺมสฺส จ อนุธมฺมนฺติ ตุมฺเหหิ วุตฺตสฺส การณสฺส อนุการณํ, ตุมฺเหหิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส อนุรูปเมวาติ อธิปฺปาโย. สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา ¶ อิโต ปรํ ตสฺส อนุวาโท วา. โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ คารยฺหํ านํ น อาคจฺฉตีติ กึ ตว วาเท คารยฺหการณํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๙๓. อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิทิตาการํ. รตนตฺตยสฺส สรณคมนาทิกิริยํ กโรติ. สหสา ¶ กตฺวา มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสีติ อตฺโถ. ปฏากํ ปริหเรยฺยุนฺติ ธชปฏากํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อีทิโส อมฺหากํ สรณํ คโต สาวโก ชาโต’’ติ นคเร โฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติ.
๒๙๔. นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ มํสขาทนนิมิตฺเตน อุปฺปนฺนปาณาติปาตกมฺมสฺส.
สีหเสนาปติวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กปฺปิยภูมิอนุชานนกถาวณฺณนา
๒๙๕. อนุปฺปเค เอวาติ ปาโตว. โอรวสทฺทนฺติ มหาสทฺทํ. ตํ ปน อวตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน ตถาวจนมฺปิ อนุชานาติ. อฏฺกถาสูติ อนฺธกฏฺกถาวิรหิตาสุ เสสฏฺกถาสุ. สาธารณลกฺขณนฺติ อนฺธกฏฺกถาย สห สพฺพฏฺกถานํ สมานํ.
จยนฺติ อธิฏฺานอุจฺจวตฺถุํ. ยโต ปฏฺายาติ ยโต อิฏฺกาทิโต ปฏฺาย, ยํ อาทึ กตฺวา ภิตฺตึ อุฏฺาเปตุกามาติ อตฺโถ. ‘‘ถมฺภา ปน อุปริ อุคฺคจฺฉนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏนฺตี’’ติ เอเตน อิฏฺกปาสาณา เหฏฺา ปติฏฺาปิตาปิ ยทิ จยโต, ภูมิโต วา เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุคฺคตา ติฏฺนฺติ, วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธํ โหติ.
อาราโมติ อุปจารสีมาปริจฺฉินฺโน สกโล วิหาโร. เสนาสนานีติ วิหารสฺส อนฺโต ติณกุฏิอาทิกานิ สงฺฆสฺส นิวาสเคหานิ. วิหารโคนิสาทิกา นามาติ เสนาสนโคนิสาทิกา. เสนาสนานิ หิ สยํ ปริกฺขิตฺตานิปิ อารามปริกฺเขปาภาเวน ‘‘โคนิสาทิกานี’’ติ วุตฺตานิ. ‘‘อุปฑฺฒปริกฺขิตฺโตปี’’ติ อิมินา ตโต อูนปริกฺขิตฺโต เยภุยฺเยน อปริกฺขิตฺโต นาม, ตสฺมา อปริกฺขิตฺตสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถาติ อุปฑฺฒาทิปริกฺขิตฺเต. กปฺปิยกุฏึ ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ โคนิสาทิยา ¶ อภาเวน เสสกปฺปิยกุฏีสุ ตีสุ ยา กาจิ กปฺปิยกุฏิ กาตพฺพาติ อตฺโถ.
เตสํ เคหานีติ เอตฺถ ภิกฺขูนํ วาสตฺถาย กตมฺปิ ยาว น เทนฺติ, ตาว เตสํ สนฺตกํเยว ภวิสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. วิหารํ เปตฺวาติ อุปสมฺปนฺนานํ วาสตฺถาย กตเคหํ เปตฺวาติ อตฺโถ. เคหนฺติ นิวาสเคหํ, ตทฺํ ปน อุโปสถาคาราทิ สพฺพํ อนิวาสเคหํ จตุกปฺปิยภูมิวิมุตฺตา ปฺจมี กปฺปิยภูมิ. สงฺฆสนฺตเกปิ หิ เอตาทิเส เคเห สุฏฺุ ปริกฺขิตฺตารามตฺเตปิ ¶ อพฺโภกาเส วิย อนฺโตวุตฺถาทิโทโส นตฺถิ. เยน เกนจิ ฉนฺเน, ปริจฺฉนฺเน จ สหเสยฺยปฺปโหนเก ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิวาสเคเห อนฺโตวุตฺถาทิโทโส, น อฺตฺถ. เตนาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกํ วา ปุคฺคลิกํ วา’’ติ อิทํ กิฺจาปิ ภิกฺขุนีนํ สามฺโต วุตฺตํ, ภิกฺขูนํ ปน สงฺฆิกํ ปุคฺคลิกฺจ ภิกฺขุนีนํ, ตาสํ สงฺฆิกํ ปุคฺคลิกฺจ ภิกฺขูนํ คิหิสนฺตกฏฺาเน ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.
มุขสนฺนิธีติ อนฺโตสนฺนิหิตโทโส หิ มุขปฺปเวสนนิมิตฺตํ อาปตฺตึ กโรติ, นาฺถา. ตสฺมา ‘‘มุขสนฺนิธี’’ติ วุตฺโต.
ตตฺถ ตตฺถ ขณฺฑา โหนฺตีติ อุปฑฺฒโต อธิกํ ขณฺฑา โหนฺติ. สพฺพสฺมึ ฉทเน วินฏฺเติ ติณปณฺณาทิวสฺสปริตฺตายเก ฉทเน วินฏฺเ. โคปานสีนํ ปน อุปริ วลฺลีหิ พทฺธทณฺเฑสุ ิเตสุปิ ชหิตวตฺถุกา โหนฺติ เอว. ปกฺขปาสกมณฺฑลนฺติ เอกสฺมึ ปสฺเส ติณฺณํ โคปานสีนํ อุปริ ิตติณปณฺณาทิจฺฉทนํ วุจฺจติ.
อนุปสมฺปนฺนสฺส ทาตพฺโพ อสฺสาติอาทินา อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถมฺปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทินฺเน กปฺปิยํ โหติ, สาเปกฺขทานฺเจตฺถ วฏฺฏติ, ปฏิคฺคหณํ วิย น โหตีติ ทสฺเสติ.
๒๙๙. ปาฬิยํ กนฺตาเร สมฺภาเวสีติ อปฺปภกฺขกนฺตาเร สมฺปาปุณิ.
กปฺปิยภูมิอนุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เกณิยชฏิลวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๐๐. ชฏิโลติ ¶ อาหริมชฏาธโร ตาปสเวสธารโก ยฺยุตฺโต โลกปูชิโต พฺราหฺมโณ. ปวตฺตาโร ปาวจนวเสน วตฺตาโร. เยสํ สนฺตกมิทํ, เยหิ วา อิทํ คีตนฺติ อตฺโถ. คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตนฺติ อฺมฺสฺส ปริยายวจนํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ตทนุคายนฺตีติ ตํ เตหิ ปุพฺเพ คีตํ อนุคายนฺติ. เอวํ เสเสสุ จ.
ยาวกาลิกปกฺกานนฺติ ปกฺเก สนฺธาย วุตฺตํ, อามานิ ปน อนุปสมฺปนฺเนหิ สีตุทเก มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ทินฺนปานํ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ กปฺปติ เอว. อยฺจ อตฺโถ มหาอฏฺกถายํ สรูปโต ¶ อวุตฺโตติ อาห ‘‘กุรุนฺทิยํ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อุจฺฉุรโส นิกสโฏ’’ติ อิทํ ปาตพฺพสามฺเน ยามกาลิกกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปน สตฺตาหกาลิกเมวาติ คเหตพฺพํ. อิเม จตฺตาโร รสาติ ผลปตฺตปุปฺผอุจฺฉุรสา จตฺตาโร.
ปาฬิยํ อคฺคิหุตฺตมุขาติ อคฺคิชุหนปุพฺพกา. ฉนฺทโสติ เวทสฺส. สาวิตฺตี มุขํ ปมํ สชฺฌายิตพฺพาติ อตฺโถ. ตปตนฺติ วิโชตนฺตานํ.
เกณิยชฏิลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โรชมลฺลาทิวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๐๑. พหุกโต พุทฺเธ วาติ พุทฺเธ กตพหุมาโนติ อตฺโถ. โส โข อหํ, ภนฺเต อานนฺท, าตีนํ ทณฺฑภยตชฺชิโต อโหสินฺติ เสโส. เอวฺหิ สติ ‘‘เอวาห’’นฺติ ปุน อหํ-คหณํ ยุชฺชติ. วิวรีติ ‘‘วิวรตู’’ติ จินฺตามตฺเตน วิวริ, น อุฏฺาย หตฺเถน.
๓๐๓. อฺตโรติ สุภทฺโท วุฑฺฒปพฺพชิโต. ทฺเว ทารกาติ สามเณรภูมิยํ ิตา ทฺเว ปุตฺตา. นาฬิยาวาปเกนาติ นาฬิยา เจว ถวิกาย จ. สํหรถ อิเมหิ ภาชเนหิ ตณฺฑุลาทีนิ สงฺกฑฺฒถาติ อตฺโถ. ภุสาคาเรติ ปลาลมเย อคาเร, ปลาลปฺุชํ อพฺภนฺตรโต ปลาลํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อคารํ กตํ โหติ, ตตฺถาติ อตฺโถ.
โรชมลฺลาทิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุมหาปเทสกถาวณฺณนา
๓๐๕. ปริมทฺทนฺตาติ ¶ อุปปริกฺขนฺตา. ทฺเว ปฏา เทสนาเมเนว วุตฺตาติ เตสํ สรูปทสฺสนปทเมตํ. นาฺนิวตฺตนปทํ ปตฺตุณฺณปฏสฺสาปิ เทสนาเมน วุตฺตตฺตา.
ตุมฺพาติ ภาชนานิ. ผลตุมฺโพ นาม ลาพุอาทิ. อุทกตุมฺโพ อุทกฆโฏ. กิลฺชจฺฉตฺตนฺติ เวฬุวิลีเวหิ วายิตฺวา กตฉตฺตํ. สมฺภินฺนรสนฺติ มิสฺสีภูตรสํ.
จตุมหาปเทสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๗. กถินกฺขนฺธโก
กถินานุชานนกถาวณฺณนา
๓๐๖. กถินกฺขนฺธเก ¶ ¶ สีสวเสนาติ ปธานวเสน. กถินนฺติ ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ. โส เนสํ ภวิสฺสตีติ ยุชฺชตีติ ‘‘โส ตุมฺหาก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เนส’’นฺติ วจนํ ยุชฺชติ. เย อตฺถตกถินาติ น เกวลํ ตุมฺหากเมว, เย อฺเปิ อตฺถตกถินา, เตสํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อถ วา โวติ ตทา สมฺมุขีภูเตหิ สทฺธึ อสมฺมุขีภูเต จ อนาคเต จ ภิกฺขู สพฺเพ เอกโต สมฺปิณฺเฑตฺวา วุตฺตํ, ตุมฺหากนฺติ อตฺโถ. โส เนสนฺติ เอตฺถ โส เตสนฺติ โยเชตพฺพํ. เตนาห ‘‘อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, อิมานิ ปฺจ กปฺปิสฺสนฺตี’’ติ. มตกจีวรนฺติ มตสฺส จีวรํ. ‘‘วุตฺถวสฺสวเสนา’’ติ อิทํ ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปิ สาธารณนฺติ อาห ‘‘ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมปวารณาย ปวาริตา ลภนฺตี’’ติ. อุปคตา วา น ลภนฺตีติ ปจฺฉิมิกาย วุตฺถวสฺเสปิ สนฺธาย วุตฺตํ.
ขลิมกฺขิตสาฏโกติ อหตวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อกาตุํ น ลพฺภตี’’ติ อิมินา อนาทริเย สติ ทุกฺกฏนฺติ ทีเปติ.
‘‘อปโลเกตฺวา’’ติ อิทํ อฺเสํ วสฺสํวุตฺถภิกฺขูนํ อทตฺวา ทาตุกาเมหิ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนํ. ยทิ เอวํ กมฺมวาจาย เอว ทานํ อวุตฺตนฺติ อาห ‘‘กมฺมวาจา ปนา’’ติอาทิ. กถินจีวรํ วิย กมฺมวาจาย ทาตุํ น วฏฺฏตีติ อปโลเกตฺวาว ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
๓๐๘. มหาภูมิกนฺติ มหาวิสยํ, จตุวีสติอาการวนฺตตาย มหาวิตฺถาริกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปฺจกนฺติ ปฺจขณฺฑํ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. ปมจิมิลิกาติ กถินวตฺถโต อฺา ¶ อตฺตโน ปกติจิมิลิกา. กุจฺฉิจิมิลิกํ กตฺวา สิพฺพิตมตฺเตนาติ ถิรชิณฺณานํ จิมิลิกานํ เอกโต กตฺวา สิพฺพนสฺเสตํ อธิวจนนฺติ วทนฺติ. มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยฺจ วุตฺตวจนนฺติ ทสฺสนํ, พฺยฺชนโต เอว เภโท, น อตฺถโตติ ทสฺสนตฺถํ กตนฺติปิ วทนฺติ. ปิฏฺิอนุวาตาโรปนมตฺเตนาติ ทีฆโต อนุวาตสฺส อาโรปนมตฺเตน. กุจฺฉิอนุวาตาโรปนมตฺเตนาติ ปุถุลโต อนุวาตสฺส อาโรปนมตฺเตน. รตฺตินิสฺสคฺคิเยนาติ รตฺติอติกฺกนฺเตน.
๓๐๙. หตวตฺถกสาฏเกนาติ ¶ อติชิณฺณสาฏโก. น หิ เตนาติอาทีสุ เตน ปริวาราคตปาเน อิธ อาเนตฺวา อวุจฺจมาเนน กถินตฺถารกสฺส ชานิตพฺเพสุ น กิฺจิ ปริหายติ, ตสฺส สพฺพสฺส อิเธว วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย.
๓๑๐. มาตา วิยาติ มาติกา, อิวตฺเถ ก-ปจฺจโย ทฏฺพฺโพ. เตน สิทฺธมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มาติกาติ มาตโร’’ติอาทิ. อสฺสาติ เอติสฺสา มาติกาย. ปกฺกมนนฺติโก กถินุพฺภาโร เอว หิ สยํ อตฺตโน อุปฺปชฺชตีติ เอวมเภทูปจาเรน ‘‘มาติกา’’ติ วุตฺโต อุพฺภารสฺเสว ปกฺกมนนฺเต สมุปฺปตฺติโต, ตพฺพินิมุตฺตาย จ มาติกาย อภาวา, ตปฺปกาสิกาปิ เจตฺถ ปาฬิ ‘‘มาติกา’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. สาปิ หิ ปกฺกมนนฺติกุพฺภารปฺปกาสเนน ‘‘ปกฺกมนนฺติกา’’ติ วุตฺตา. เอเสว นโย เสสุพฺภาเรสุปิ. ปกฺกมนนฺติ เจตฺถ อุปจารสีมาติกฺกมนํ ทฏฺพฺพํ.
กถินานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาทายสตฺตกกถาวณฺณนา
๓๑๑. ‘‘น ปุน อาคมิสฺส’’นฺติ อิทํ อาวาสปลิโพธุปจฺเฉทการณทสฺสนํ. ปฺจสุ หิ จีวรมาเสสุ ยทา กทาจิ น ปจฺเจสฺสนฺติ จิตฺเตน อุปจารสีมาติกฺกเมน อาวาสปลิโพโธ ฉิชฺชติ. ปจฺเจสฺสนฺติ พหิอุปจารคตสฺส ปน ยตฺถ กตฺถจิ น ปจฺเจสฺสนฺติ จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต ฉิชฺชติ. ปมํ จีวรปลิโพโธ ฉิชฺชตีติ น ปจฺเจสฺสนฺติ ปกฺกมนโต ปุเรตรเมว จีวรสฺส นิฏฺิตตฺตา วุตฺตํ. ‘‘กตจีวรมาทายา’’ติ หิ วุตฺตํ. อตฺถตกถินสฺส หิ ภิกฺขุโน ยาว ‘‘สงฺฆโต วา ทายกกุลาทิโต วา จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ จีวราสา วา ลทฺธวตฺถานํ สหายสมฺปทาทิโยคํ ลภิตฺวา สงฺฆาฏิอาทิภาเวน ‘‘ฉินฺทิตฺวา กริสฺสามี’’ติ กรณิจฺฉา วา ปวตฺตติ, ตาว จีวรปลิโพโธ อนุปจฺฉินฺโน เอว. ยทา ปน ยถาปตฺถิตฏฺานโต จีวราทีนํ สพฺพถา ¶ อลาเภน วา จีวราสา เจว ลทฺธานํ กตฺวา นิฏฺาเนน วา นฏฺวินฏฺาทิภาเวน วา จีวเร นิรเปกฺขตาย วา กรณิจฺฉา จ วิคจฺฉติ, ตทา จีวรปลิโพโธ อุปจฺฉินฺโน โหติ.
โส ¶ จ อิธ ‘‘กตจีวรํ อาทายา’’ติ วจเนน ปกาสิโต. เอวํ อุปริ สพฺพตฺถ ปาฬิวจนกฺกมํ นิสฺสาย เนสํ ปมํ, ปจฺฉา จ อุปจฺฉิชฺชนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สพฺพถาปิ จ อิเมสํ อุภินฺนํ ปลิโพธานํ อุปจฺเฉเทเนว กถินุพฺภาโร, น เอกสฺส. เตสฺจ ปุพฺพาปริเยน, เอกกฺขเณ จ อุปจฺฉิชฺชนํ ทสฺเสตุํ อิมา อฏฺ มาติกา ปิตาติ เวทิตพฺพา. อนฺโตสีมายนฺติ จีวรนิฏฺานกฺขเณเยว ฉินฺนตฺตา วุตฺตํ. เนวิมํ จีวรํ กาเรสฺสนฺติ จีวเร อเปกฺขาย วิคตตฺตา กรณปลิโพธสฺสาปิ อุปจฺฉินฺนตํ ทสฺเสติ. โย ปน อปฺปิจฺฉตาย วา อนตฺถิกตาย วา สพฺพถา จีวรํ น สมฺปฏิจฺฉติ, ตสฺส พหิสีมาคตสฺส สพฺพถาปิ จีวรปลิโพธาภาเวน น ปจฺเจสฺสนฺติ สนฺนิฏฺานมตฺเตน สนฺนิฏฺานนฺติโก กถินุพฺภาโร เวทิตพฺโพ. โส ปนาติ ปลิโพธุปจฺเฉโท. อยํ ปนาติ อาสาวจฺเฉทโก กถินุพฺภาโร วิสุํ วิตฺถาเรตฺวา วุตฺโต, อิธ น วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ.
อนาสาย ลภตีติ ‘‘ยสฺมึ กุเล จีวรํ ลภิสฺสามา’’ติ อาสา อนุปฺปนฺนปุพฺพา, ตตฺถ จีวราสาย อนุปฺปนฺนฏฺาเน ยตฺถ กตฺถจิ ลภตีติ อตฺโถ. อาสาย น ลภตีติ อาสีสิตฏฺาเน น ลภตีติ อตฺโถ. อิธ น วุตฺโตติ อิธ สวนนฺติกานนฺตเร น วุตฺโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ สีมาติกฺกนฺติเก. สีมาติกฺกนฺติโก นาม จีวรมาสานํ ปริยนฺตทิวสสงฺขาตาย สีมาย อติกฺกมนโต สฺชาโต. เกจิ ‘‘พหิสีมาย กาลาติกฺกโม สีมาติกฺกโม’’ติ มฺนฺติ, เตสํ อนฺโตอุปจาเร จีวรกาลาติกฺกเมปิ กถินุพฺภาโร อสมฺมโต นาม สิยาติ น เจตํ ยุตฺตํ. ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ กาลาติกฺกโม สีมาติกฺกโมติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ปาฬิยํ ‘‘กตจีวโร’’ติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ, อกตจีวรสฺสปิ กาลาติกฺกเมน สีมาติกฺกนฺติโก โหติ, ทฺเว จ ปลิโพธา เอกโต ฉิชฺชนฺติ. เอวํ อฺตฺถาปิ ยถาสมฺภวํ ตํตํ วิเสสนาภาเวปิ กถินุพฺภารตา, ปลิโพธุปจฺเฉทปฺปกาโร จ เวทิตพฺโพ. ‘‘สหุพฺภาเร ทฺเวปิ ปลิโพธา อปุพฺพํ อจริมํ ฉิชฺชนฺตี’’ติ อิทํ อกตจีวรสฺส ปจฺเจสฺสนฺติ อธิฏฺานสมฺภวปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตสุ อฺตราภาเวปิ สหุพฺภาโรว โหติ.
๓๑๒-๓๒๕. สมาทายวาโร อาทายวารสทิโสว. อุปสคฺคเมเวตฺถ วิเสโส. เตนาห ‘‘ปุน สมาทายวาเรปิ…เป… เตเยว ทสฺสิตา’’ติ ¶ . วิปฺปกตจีวเร ปกฺกมนนฺติกสฺส อภาวโต ‘‘ยถาสมฺภว’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนว วิปฺปกตจีวรวาเร ฉเฬว อุพฺภารา วุตฺตา, จีวเร หตฺถคเต ¶ จ อาสาวจฺเฉทิกสฺส อสมฺภวา, โส เอเตสุ วาเรสุ ยตฺถ กตฺถจิ น วุตฺโต, วิสฺุเว วุตฺโต. วิปฺปกตวาเร เจตฺถ อาทายวารสมาทายวารวเสน ทฺเว ฉกฺกวารา วุตฺตา.
ตโต ปรํ นิฏฺานสนฺนิฏฺานนาสนนฺติกานํ วเสน ตีณิ ติกานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ ตติยตฺติเก อนธิฏฺิเตนาติ ‘‘ปจฺเจสฺสํ, น ปจฺเจสฺส’’นฺติ เอวํ อนธิฏฺิเตน, น เอวํ มนสิกตฺวาติ อตฺโถ. ตติยตฺติกโต ปน ปรํ เอกํ ฉกฺกํ ทสฺสิตํ. เอวํ ตีณิ ติกานิ, เอกํ ฉกฺกฺจาติ ปมํ ปนฺนรสกํ วุตฺตํ, อิมินา นเยน ทุติยปนฺนรสกาทีนิ เวทิตพฺพานิ.
ปาฬิยํ อาสาทฺวาทสเก พหิสีมาคตสฺส กถินุทฺธาเรสุ เตสมฺปิ จีวราสาทิวเสน จีวรปลิโพโธ ยาว จีวรนิฏฺานา ติฏฺตีติ อาห ‘‘โส พหิสีมาคโต สุณาติ ‘อุพฺภตํ กิร ตสฺมึ อาวาเส กถินนฺติ…เป… สวนนฺติโก กถินุทฺธาโร’’’ติ. เอตฺถ จ สวนกฺขเณ อาวาสปลิโพโธ ปมํ ฉิชฺชติ, นิฏฺิเต จีวรปลิโพโธติ เวทิตพฺโพ.
ทิสํคมิกนวเก ทิสํคมิโก ปกฺกมตีติ น ปจฺเจสฺสนฺติ ปกฺกมติ, อิมินา อาวาสปลิโพธาภาโว ทสฺสิโต โหติ. เตเนว วสฺสํวุตฺถาวาเส ปุน คนฺตฺวา จีวรนิฏฺาปิตมตฺเต นิฏฺานนฺติโก กถินุทฺธาโร วุตฺโต. ‘‘จีวรปฏิวิสํ อปวิลายมาโน’’ติ อิมินา จีวรปลิโพธสมงฺคิกตฺตมสฺส ทสฺเสติ, อปวิลายมาโนติ อากงฺขมาโน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อาทายสตฺตกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กถินกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๘. จีวรกฺขนฺธโก
ชีวกวตฺถุกถาทิวณฺณนา
๓๒๙. จีวรกฺขนฺธเก ¶ ¶ กมฺมวิปากนฺติ กมฺมปจฺจยอุตุจิตฺตาหารสมุฏฺิตํ อปฺปฏิพาหิยโรคํ สนฺธาย วุตฺตํ กมฺมชสฺส โรคสฺส อภาวา.
๓๓๐. ปาฬิยํ สํยมสฺสาติ สงฺคหณสฺส. อวิสชฺชนสฺสาติ อตฺโถ ‘‘โย สํยโม โส วินาโส’’ติอาทีสุ (เป. ว. ๒๓๗) วิย. เอตสฺส สํยมสฺส ผลํ อุปชานามาติ โยชนา. ตเมว ผลํ ทสฺเสนฺตี อาห ‘‘วรเมตํ…เป… อาสิตฺต’’นฺติ. เกจิ ปน ‘‘สํยมสฺสาติ อานิสํสสฺส, อุปโยคตฺเถ เจตํ สามิวจน’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๒๙-๓๓๐) อตฺถํ วทนฺติ.
๓๓๖. อุสฺสนฺนโทโสติ สฺชาตปิตฺตาทิโทโส. สพฺพตฺถาติ สกลสรีเร.
๓๓๗. มหาปิฏฺิยโกชวนฺติ หตฺถิปิฏฺิยํ อตฺถริตพฺพตาย ‘‘มหาปิฏฺิย’’นฺติ ลทฺธสมฺํ อุณฺณามยตฺถรณํ.
๓๓๘-๙. อุปฑฺฒกาสินํ ขมมานนฺติ อฑฺฒกาสิอคฺฆนกํ. ปาฬิยํ กึ นุ โขติ กตมํ นุ โข.
๓๔๐-๓๔๒. อุปจาเรติ สุสานสฺส อาสนฺเน ปเทเส. ฉฑฺเฑตฺวา คตาติ กิฺจิ อวตฺวา เอว ฉฑฺเฑตฺวา คตา, เอเตน ‘‘ภิกฺขู คณฺหนฺตู’’ติ ฉฑฺฑิเต เอว อกามา ภาคทานํ วิหิตํ, เกวลํ ฉฑฺฑิเต ปน กติกาย อสติ เอกโต พหูสุ ปวิฏฺเสุ เยน คหิตํ, เตน อกามภาโค น ¶ ทาตพฺโพติ ทสฺเสติ. สมานา ทิสา ปุรตฺถิมาทิเภทา เอเตสนฺติ สทิสาติ อาห ‘‘เอกทิสาย วา โอกฺกมึสู’’ติ. ธุรวิหารฏฺาเนติ วิหารสฺส สมฺมุขฏฺาเน.
ชีวกวตฺถุกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภณฺฑาคารสมฺมุติอาทิกถาวณฺณนา
๓๔๓. วิหารมชฺเฌติ ¶ สพฺเพสํ ชานนตฺถาย วุตฺตํ. วณฺณาวณฺณํ กตฺวาติ ปฏิวีสปฺปโหนกตาชานนตฺถํ หลิทฺทิยาทีหิ ขุทฺทกมหนฺตวณฺเณหิ ยุตฺเต สเม โกฏฺาเส กตฺวา. เตนาห ‘‘สเม ปฏิวีเส เปตฺวา’’ติ. อิทนฺติ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสทานํ. ผาติกมฺมนฺติ ปโหนกกมฺมํ. ยตฺตเกน วินยาคเตน สมฺมฺุชนีพนฺธนาทิหตฺถกมฺเมน วิหารสฺส อูนกตา น โหติ, ตตฺตกํ กตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพสนฺติ ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ คณฺหนฺตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ, สามเณรานฺจ. ภณฺฑาคาริกจีวเรปีติ อกาลจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตนฺติ อุกฺกุฏฺิยา กตาย สมภาคทานํ. วิรชฺฌิตฺวา กโรนฺตีติ กตฺตพฺพกาเลสุ อกตฺวา ยถารุจิตกฺขเณ กโรนฺติ.
เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตีติ ทฺวาทสคฺฆนเกเนว มม จีวรํ ปริปุณฺณํ โหติ, น ตโต อูเนนาติ สพฺพํ คเหตุกาโมติ อตฺโถ.
ภณฺฑาคารสมฺมุติอาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรรชนกถาทิวณฺณนา
๓๔๔. เอวฺหิ กเตติ วฏฺฏาธารสฺส อนฺโต รชโนทกํ, พหิ ฉลฺลิกฺจ กตฺวา วิโยชเน กเต. น อุตฺตรตีติ เกวลํ อุทกโต เผณุฏฺานาภาวา น อุตฺตรติ. รชนกุณฺฑนฺติ ปกฺกรชนฏฺปนกํ มหาฆฏํ.
๓๔๕. อนุวาตาทีนํ ทีฆปตฺตานนฺติ อายามโต, วิตฺถารโต จ อนุวาตํ. อาทิ-สทฺเทน ทฺวินฺนํ ขนฺธานํ อนฺตรา มาติกากาเรน ปิตปตฺตฺจ ‘‘ทีฆปตฺต’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. อาคนฺตุกปตฺตนฺติ ทิคุณจีวรสฺส อุปริ อฺํ ปฏฺฏํ อปฺเปนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํ กิร อิทานิ น กโรนฺติ.
๓๔๖. ปาฬิยํ ¶ นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา, ปสนฺนทิสามุขายาติ อตฺโถ.
๓๔๘. อจฺฉุเปยฺยนฺติ ปติฏฺเปยฺยํ. หตวตฺถกานนฺติ ปุราณวตฺถานํ. อนุทฺธริตฺวาวาติ อคฺคเฬ วิย ทุพฺพลฏฺานํ อนปเนตฺวาว.
๓๔๙-๓๕๑. วิสาขวตฺถุมฺหิ ¶ กลฺลกายาติ อกิลนฺตกายา. คตีติ าณคติ อธิคโม. อภิสมฺปราโยติ ‘‘สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๔๘) วุตฺโต าณาภิสมฺปราโย, มคฺคาณยุตฺเตหิ คนฺตพฺพคติวิเสโสติ อตฺโถ. ตํ ภควา พฺยากริสฺสติ. ‘‘ททาติ ทาน’’นฺติ อิทํ อนฺนปานวิรหิตานํ เสสปจฺจยานํ ทานวเสน วุตฺตํ. โสวคฺคิกนฺติ สคฺคสํวตฺตนิกํ.
๓๕๙. อฏฺปทกจฺฉนฺเนนาติ อฏฺปทกสงฺขาตชูตผลกเลขาสณฺาเนน.
๓๖๒. ปาฬิยํ นทีปารํ คนฺตุนฺติ ภิกฺขุโน นทีปารคมนํ โหตีติ อตฺโถ. อคฺคฬคุตฺติเยว ปมาณนฺติ อิเมหิ จตูหิ นิกฺเขปการเณหิ เปนฺเตนปิ อคฺคฬคุตฺติวิหาเร เอว เปตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. นิสฺสีมาคตนฺติ วสฺสานสงฺขาตํ กาลสีมํ อติกฺกนฺตํ, ตํ วสฺสิกสาฏิกจีวรํ น โหตีติ อตฺโถ.
จีวรรชนกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา
๓๖๓. ปฺจ มาเสติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโตติ วสฺสาวาสิกสฺสตฺถาย ทายเกหิ วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโต. ‘‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ อิทํ อภิลาปมตฺตํ. อิธ-สทฺทํ ปน วินา ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ โส เอว นโย. อนตฺถตกถินสฺสาปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตีติ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺนตฺตา อนตฺถตกถินสฺสาปิ วุตฺถวสฺสสฺส ปฺจ มาเส ปาปุณาติ. วกฺขติ หิ ‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วุตฺเต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ อนตฺถตํ วา, อตีตวสฺสํวุตฺถานเมว ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙). ตโต ปรนฺติ ปฺจมาสโต ปรํ, คิมฺหานสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ ¶ อตฺโถ. ‘‘กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ อิทํ ‘‘อุทาหุ อนาคตวสฺเส’’ติ ¶ อิมสฺสานนฺตรํ ทฏฺพฺพํ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘อนตฺถตกถินสฺสาปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตี’’ติ อิมสฺสานนฺตรํ ‘‘กสฺมา ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ อิทํ ลิขนฺติ, ตํ ปมาทลิขิตํ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘อนตฺถตกถินสฺสาปี’’ติ วตฺตพฺพโต. วุตฺถวสฺเส หิ สนฺธาย ‘‘อนตฺถตกถินสฺสาปี’’ติ วุตฺตํ, น จ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนํ วุตฺถวสฺสสฺเสว ปาปุณาตีติ สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสมฺปิ ปาปุณนโต. เตเนว วกฺขติ ‘‘สเจ ปน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย เอวํ วทติ, ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. กสฺมา? ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๗๙).
ทุคฺคหิตานีติ อคฺคหิตานิ. สงฺฆิกาเนวาติ อตฺโถ. อิโตวาติ เถรานํ ทาตพฺพโตว, อิทาเนวาติ วา อตฺโถ.
สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปนนฺทสกฺยปุตฺตวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๖๔. ‘‘สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตี’’ติ อิทํ นานาสีมาวิหาเรสุ กตฺตพฺพนเยน เอกสฺมิมฺปิ วิหาเร ทฺวีสุ เสนาสเนสุ นิวุตฺถภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อรุณุฏฺาปเนเนว ตตฺถ วุตฺโถ โหติ, น ปน วสฺสจฺเฉทปริหาราย. อนฺโตอุปจารสีมายปิ ยตฺถ กตฺถจิ อรุณํ อุฏฺาเปนฺโต อตฺตนา คหิตเสนาสนํ อปฺปวิฏฺโปิ วุตฺถวสฺโส เอว โหติ, คหิตเสนาสเน ปน นิวุตฺโถ นาม น โหติ, ตตฺถ จ อรุณุฏฺาปเน ปน สติ โหติ. เตนาห ‘‘ปุริมสฺมึ พหุตรํ นิวสติ นามา’’ติ, เอเตน จ อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรนาปิ อรุณุฏฺาปเน สติ เอว อปฺปกตรํ นิวสติ นาม โหติ, นาสตีติ ทีปิตํ โหติ. นานาลาเภหีติ วิสุํ วิสุํ นิพทฺธวสฺสาวาสิกลาเภหิ. นานูปจาเรหีติ นานาปริกฺเขปนานาทฺวาเรหิ. เอกสีมาวิหาเรหีติ ทฺวินฺนํ วิหารานํ เอเกน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตตฺตา เอกาย อุปจารสีมาย อนฺโตคเตหิ ทฺวีหิ วิหาเรหิ. เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ปมํ คหิโต ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตตฺถาติ ยตฺถ เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสทฺโธ, ตตฺถ.
อุปนนฺทสกฺยปุตฺตวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คิลานวตฺถุกถาวณฺณนา
๓๖๕-๖. ภูมิยํ ¶ ¶ ปริภณฺฑํ อกาสีติ คิลาเนน นิปนฺนภูมิยํ กิลิฏฺฏฺานํ โธวิตฺวา หริตูปลิตฺตํ กาเรสีติ อตฺโถ. เภสชฺชํ โยเชตุํ อสมตฺโถติ ปเรหิ วุตฺตวิธิมฺปิ กาตุํ อสมตฺโถ. ปาฬิยํ คิลานุปฏฺากานํ จีวรทาเน สามเณรานํ ติจีวราธิฏฺานาภาวา ‘‘จีวรฺจ ปตฺตฺจา’’ติอาทิ สพฺพตฺถ วุตฺตํ. สเจปิ สหสฺสํ อคฺฆติ, คิลานุปฏฺากานฺเว ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
คิลานวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มตสนฺตกกถาทิวณฺณนา
๓๖๙. อฺนฺติ จีวรปตฺตโต อฺํ. อปฺปคฺฆนฺติ อติชิณฺณาทิภาเวน นิหีนํ. ตโตติ อวเสสปริกฺขารโต. สพฺพนฺติ ปตฺตํ, ติจีวรฺจ.
ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆสฺเสวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺเสว. ปาฬิยํ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกนฺติ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺเสว สนฺตกํ หุตฺวา กสฺสจิ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกํ ภวิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
๓๗๑-๒. อกฺกนาฬมยนฺติ อกฺกทณฺฑมยํ. อกฺกทุสฺสานีติ อกฺกวาเกน กตทุสฺสานิ, โปตฺถกคติกานิ ทุกฺกฏวตฺถุกานีติ อตฺโถ. ทุปฏฺฏจีวรสฺส วา มชฺเฌติ ยํ นิฏฺิเต ติปฏฺฏจีวรํ โหติ, ตสฺส มชฺเฌ ปฏลํ กตฺวา ทาตพฺพานีติ อตฺโถ.
๓๗๔. ‘‘สนฺเต ปติรูเป คาหเก’’ติ วุตฺตตฺตา คาหเก อสติ อทตฺวา ภาชิเตปิ สุภาชิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
๓๗๖. ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ ‘‘เอตฺตกานิ จีวรานิ ทสฺสามี’’ติ ปมํ อุทกํ ปาเตตฺวา ปจฺฉา เทนฺติ. ตํ เยหิ คหิตํ, เต ภาคิโนว โหนฺตีติ ¶ อธิปฺปาโย. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป. ตมฺพปณฺณิทีปฺหิ อุปาทาเยส เอวํ วุตฺโต.
มตสนฺตกกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺจีวรมาติกากถาวณฺณนา
๓๗๙. ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน ¶ วุตฺตนฺติ ‘‘สีมาย ทาน’’นฺติอาทินา วตฺตพฺเพ ‘‘สีมาย เทตี’’ติอาทิ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน วุตฺตํ. ‘‘อปิจา’’ติอาทินา ปมเลฑฺฑุปาตภูตปริกฺเขปารหฏฺานโต พหิ ทุติยเลฑฺฑุปาโตปิ อุปจารสีมา เอวาติ ทสฺเสติ. ธุวสนฺนิปาตฏฺานาทิกมฺปิ ปริยนฺเต ิตเมว คเหตพฺพํ. โลเก คามสีมาทโย วิย ลาภสีมา นาม วิสุํ ปสิทฺธา นาม นตฺถิ, เกนายํ อนฺุาตาติ อาห ‘‘เนว สมฺมาสมฺพุทฺเธนา’’ติอาทิ. เอเตน นายํ สาสนโวหารสิทฺธา, โลกโวหารสิทฺธา เอวาติ ทสฺเสติ. ‘‘ชนปทปริจฺเฉโท’’ติ อิทํ โลกปสิทฺธสีมาสทฺทตฺถวเสน วุตฺตํ. ปริจฺเฉทพฺภนฺตรํ ปน สพฺพํ ชนปทสีมาติ คเหตพฺพํ, ชนปโท เอว ชนปทสีมา. เอวํ รฏฺสีมาทีสุปิ. เตนาห ‘‘อาณาปวตฺติฏฺาน’’นฺติอาทิ.
ปถวีเวมชฺเฌ คตสฺสาติ ยาว อุทกปริยนฺตา ขณฺฑสีมตฺตา วุตฺตํ, อุปจารสีมาทีสุ ปน อพทฺธสีมาสุ เหฏฺาปถวิยํ สพฺพตฺถ ิตานํ น ปาปุณาติ, กูปาทิปเวสารหฏฺาเน ิตานฺเว ปาปุณาตีติ เหฏฺา สีมากถายํ วุตฺตนเยน ตํตํสีมฏฺภาโว เวทิตพฺโพ. จกฺกวาฬสีมาย ปน ทินฺนํ ปถวีสนฺธารกอุทกฏฺาเนปิ ิตานํ ปาปุณาติ สพฺพตฺถ จกฺกวาฬโวหารตฺตา.
พุทฺธาธิวุตฺโถติ พุทฺเธน ภควตา นิวุตฺโถ. ปากวฏฺฏนฺติ นิพทฺธทานํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. เตหีติ เยสํ สมฺมุเข เอส เทติ, เตหิ ภิกฺขูหิ. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเหติ ยาว สงฺฆนวกา เอกวารํ สพฺเพสํ ภาคํ ทตฺวา จีวเร อปริกฺขีเณ ปุน สพฺเพสํ ทาตุํ ทุติยภาเค เถรสฺส ทินฺเนติ อตฺโถ. ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวุตฺตตฺตาติ การณํ วทนฺติ. ยทิ เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ ¶ วฏฺเฏยฺย, ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทม, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโต เภโท น ทิสฺสติ. วีมํสิตพฺพเมตฺถ การณํ.
ปารุปิตุํ วฏฺฏตีติ ปํสุกูลิกานํ วฏฺฏติ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ทมฺมีติ วุตฺเต ปน น มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา ภิกฺขุนิปกฺเข สงฺฆสฺส ปจฺเจกํ อปรามฏฺตฺตา ภิกฺขุนีนํ คณนาย ภาโค ทาตพฺโพติ ทายกสฺส อธิปฺปาโยติ สิชฺฌติ, ตถา ทานฺจ ภิกฺขูปิ คเณตฺวา ทินฺเน เอว ยุชฺชติ. อิตรถา หิ กิตฺตกํ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพํ, กิตฺตกํ ภิกฺขุนีนนฺติ น วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตวจนสทิสเมวาติ อาห ‘‘ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโล ¶ …เป… ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน อคฺคหิตตฺตา’’ติ. ภิกฺขุสงฺฆ-สทฺเทน ภิกฺขูนฺเว คหิตตฺตา, ปุคฺคลสฺส ปน ‘‘ตุยฺหฺจา’’ติ วิสุํ คหิตตฺตา จ ตตฺถสฺส อคฺคหิตตา ทฏฺพฺพา, ‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺตฏฺานสทิสตฺตาติ อธิปฺปาโย. ปุคฺคลปฺปธาโน เหตฺถ สงฺฆ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) ปาํ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ตสฺส วิสุํ ลาภคฺคหเณ การณวจนตฺตา. ตถา หิ วิสุํ สงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตาติ วิสุํ ปุคฺคลสฺสปิ ภาคคฺคหเณ การณํ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ, เอวํ อุปริ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติอาทีสุปิ สงฺฆาทิ-สทฺเทหิ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ คหณํ สิยา, สงฺฆโตปิ, วิสุมฺปีติ ภาคทฺวยํ ลเภยฺย อุภยตฺถ คหิตตฺตา.
ปูเชตพฺพนฺติอาทิ คิหิกมฺมํ น โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ อิทํ ปิณฺฑปาตหรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อนฺโตเหมนฺเต’’ติ อิมินา อนตฺถเต กถิเน วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส ทินฺนํ ปุริมวสฺสํวุตฺถานฺเว ปาปุณาติ, ตโต ปรํ เหมนฺเต ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปิ วุตฺถวสฺสตฺตา ปาปุณาติ. เหมนฺตโต ปน ปรํ ปิฏฺิสมเย ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ วตฺวา ทินฺนํ อนนฺตเร วสฺเส วา ตโต ปเรสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ตสฺมึ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เย ปน สพฺพถา อวุตฺถวสฺสา, เตสํ น ปาปุณาตีติ ทสฺเสติ. สพฺเพสมฺปีติ หิ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสมฺปีติ อตฺโถ ¶ ทฏฺพฺโพ. ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อตีตวสฺสนฺติ อนนฺตราตีตวสฺสํ.
อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโตติ อุทฺเทเส อคฺคหิเตปิ อนฺเตวาสิโกวาติ วุตฺตํ. คเหตฺวา คจฺฉนฺโตติ ปรินิฏฺิตอุทฺเทโส หุตฺวา คจฺฉนฺโต. ‘‘วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตาน’’นฺติ อิทํ ‘‘อุทฺเทสนฺเตวาสิกาน’’นฺติ อิมสฺเสว วิเสสนํ, เตน อุทฺเทสกาเล อาคนฺตฺวา อุทฺเทสํ คเหตฺวา คนฺตฺวา อฺตฺถ นิวสนฺเต อนิพทฺธจาริเก นิวตฺเตติ.
อฏฺจีวรมาติกากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๙. จมฺเปยฺยกฺขนฺธโก
กสฺสปโคตฺตภิกฺขุวตฺถุกถาทิวณฺณนา
๓๘๐. จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ¶ ¶ ตนฺติพทฺโธติ ตนฺติ วุจฺจติ พฺยาปาโร, ตตฺถ พทฺโธ, อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโนติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ตสฺมึ อาวาเส’’ติอาทิ.
๓๘๗-๘. หาปนํ วา อฺถา กรณํ วา นตฺถีติ ตฺติกมฺมสฺส ตฺติยา เอกตฺตา หาปนํ น สมฺภวติ, ตสฺสา เอกตฺตา เอว ปจฺฉา ตฺติปนวเสน, ทฺวิกฺขตฺตุํ ปนวเสน จ อฺถา กรณํ นตฺถิ. ปรโตติ ปริวาเร. ตนฺติ ปพฺพาชนียกมฺมํ, ตสฺสาติ อตฺโถ.
กสฺสปโคตฺตภิกฺขุวตฺถุกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺเวนิสฺสรณาทิกถาวณฺณนา
๓๙๕. เอสาติ ‘‘พาโล’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺปุคฺคโล, อปฺปตฺโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ อาเวณิเกน ลกฺขเณนาติ ปพฺพาชนียกมฺมสฺส นิมิตฺตภาเวน ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา อสาธารณภูเตน กุลทูสกภาเวน. ยทิ เหส ตํ กมฺมํ อปฺปตฺโต, กถํ ปน สุนิสฺสาริโตติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนสฺส อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ กเรยฺยาติ วุตฺตํ, ตสฺมา สุนิสฺสาริโต’’ติ. ตตฺถ วุตฺตนฺติ กมฺมกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๗) วุตฺตํ.
เอตฺถ ปน กุลทูสกกมฺมํ กตฺวา ปพฺพาชนียกมฺมกตสฺส เตรสกกณฺฑกฏฺกถายํ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร วสนฺเตน ยสฺมึ คาเม กุลทูสกกมฺมํ กตํ โหติ, ตสฺมึ วิหาเร วา ตสฺมึ คาเม วา น วสิตพฺพ’’นฺติอาทินา (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๓๓) ยา สมฺมาวตฺตนา วุตฺตา, สา อิตเรนาปิ ¶ ปูเรตพฺพา. ยํ ปน ปฏิปฺปสฺสทฺธกมฺมสฺส กุลทูสกสฺส ตตฺเถว อฏฺกถายํ ‘‘เยสุ กุเลสุ กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ตโต ปจฺจยา น คเหตพฺพา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ น ปูเรตพฺพํ กุลสงฺคหสฺส อกตตฺตา. เอวํ เสสกมฺเมสุปิ. ยทิ เอวํ ‘‘ตชฺชนียกมฺมารหสฺส ¶ นิยสกมฺมํ กโรติ…เป… เอวํ โข, อุปาลิ, อธมฺมกมฺมํ โหตี’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๔๐๒) วิรุชฺฌตีติ? น วิรุชฺฌติ สงฺฆสนฺนิฏฺานวเสน ตชฺชนียาทิกมฺมารหตฺตสฺส สิชฺฌนโต. ยสฺส หิ สงฺโฆ ‘‘ตชฺชนียกมฺมํ กโรมา’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา กมฺมวาจํ สาเวนฺโต ปพฺพาชนียกมฺมวาจํ สาเวติ, ตสฺส กมฺมํ อธมฺมกมฺมํ โหติ. สเจ ปน ‘‘ตสฺเสว ปพฺพาชนียกมฺมเมว กโรมา’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตเทว กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ ธมฺมกมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวมิธ ‘‘นิสฺสารณ’’นฺติ อธิปฺเปตสฺส ปพฺพาชนียกมฺมสฺส วเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทฺเสํ ตชฺชนียาทีนํ วเสน นิสฺสารเณ อธิปฺเปเต ‘‘อปฺปตฺโต นิสฺสารณ’’นฺติ อิมสฺส ปฏิปกฺขวเสน สมฺปตฺโต นิสฺสารณํ, ‘‘ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรติ. สุนิสฺสาริโต’’ติ อตฺถสมฺภวํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรตีติ สเจ สงฺโฆ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตชฺชนียาทิกมฺมวิสเย, เอเกนาปิ องฺเคน นิสฺสารณา อนฺุาตาติ โยชนา. ปาฬิยํ อปฺปตฺโต นิสฺสารณนฺติ เอตฺถ อาปนฺโน อาเวณิกวเสน ตชฺชนียาทิสงฺขาตํ นิสฺสารณํ ปตฺโตติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
ทฺเวนิสฺสรณาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธโก
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา
๔๕๑. โกสมฺพกกฺขนฺธเก ¶ ¶ สเจ โหติ, เทเสสฺสามีติ วินยธรสฺส วจเนน อาปตฺติทิฏฺึ ปฏิลภิตฺวา เอวมาห. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติ วุตฺตํ. นตฺถิ อาปตฺตีติ อุทกสฺส ปนภาวํ อชานิตฺวา วา ปิตํ ฉฑฺเฑตฺวา วิสฺสริตฺวา วา คมเน อสฺจิจฺจ อสติยา อนาปตฺติปกฺโขปิ สมฺภวตีติ วินยธโร ตตฺถ อนาปตฺติทิฏฺึ ปฏิลภิตฺวา เอวมาห. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อฺเ ภิกฺขู ตสฺส อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ปริสายปิสฺส อนาปตฺติทิฏฺิยา อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘อฺเ’’ติ พหุวจนํ กตํ. อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสีติ สุตฺตนฺติกตฺเถรสฺส วินเย อปกตฺุตาย วินยธรสฺส วจนมตฺเตน โส เอวมโหสิ, สา ปนสฺส อาปตฺติ เอว อุทกาวเสสสฺส ปนภาวํ ตฺวา ปิตตฺตา. วตฺถุมตฺตชานเน เอว หิ เสขิยา สจิตฺตกา, น ปณฺณตฺติวิชานเน. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหตี’’ติ สพฺพตฺถ อาปตฺติ อิจฺเจว วุตฺตํ. ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชมาโน’’ติ อิทํ วินยธรตฺเถโร ‘‘ตยา อิทํ อุทกํ ปิต’’นฺติ อตฺตนา ปุฏฺเน สุตฺตนฺติกตฺเถเรน ‘‘อามาวุโส’’ติ วุตฺตวจนํ สริตฺวา ปณฺณตฺติอโกวิทตาย สฺจิจฺเจว อกาสีติ อาปตฺติทิฏฺิ หุตฺวาว อโวจ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
๔๕๓. ‘‘น ตาว ภินฺโน’’ติ อิทํ อุกฺขิปนตทนุวตฺตนมตฺเตน สงฺโฆ ภินฺโน นาม น โหติ, ตํ นิสฺสาย ปน อุภยปกฺขิกานํ ปกฺขํ ปริเยสิตฺวา อฺมฺํ โกธวเสน กายวจีกลหวฑฺฒเนเนว โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โส จ โข กลหวเสนา’’ติ. สมฺภมอตฺถวเสนาติ ตุริตตฺถวเสน.
๔๕๔. อการเณติอาทิ ¶ อนุกฺขิปิตฺวาว อุปาเยน สฺาเปตฺวา หิเตสิตาย อาปตฺติโต โมเจตุํ ยุตฺตฏฺาเน โกธจิตฺตวเสน วิเหนตฺถาย กตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน กมฺมงฺคสฺส อภาวํ สนฺธาย. เตเนว ¶ ปาฬิยํ ‘‘อาปตฺติ เอสา, ภิกฺขเว, เนสา อนาปตฺติ…เป… อุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๕๕. ‘‘อธมฺมวาทีนํ ปกฺเข นิสินฺโน’’ติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ, ธมฺมวาทีนํ ปกฺเข นิสีทิตฺวา อธมฺมวาทีนํ ลทฺธึ คณฺหนฺโตปิ ธมฺมวาทีนํ นานาสํวาสโก โหติ เอว. กมฺมํ โกเปตีติ ตํ วินา คณสฺส อปูรณปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ วา ตตฺถ วาติ ธมฺมวาทีนํ ปกฺเข วา อธมฺมวาทีนํ ปกฺเข วาติ อตฺโถ. อิเม ธมฺมวาทิโนติ คณฺหาตีติ ตํตํปกฺขคเต ภิกฺขู ยาถาวโต วา อยาถาวโต วา ‘‘อิเม ธมฺมวาทิโน’’ติ คณฺหาติ, อยํ ตํตํปกฺขคตานํ อตฺตานํ สมานสํวาสกํ กโรติ.
๔๕๖. อุปทํเสนฺตีติ ปวตฺเตนฺติ. ปาฬิยํ เอตฺตาวตาติ ‘‘เอตฺตกปเทสํ มฺุจิตฺวา นิสินฺนา มยํ โกธจิตฺเต อุปฺปนฺเนปิ อฺมฺํ อนนุโลมิกํ กายกมฺมาทึ ปวตฺเตตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ สลฺเลกฺเขตฺวา ทูเร นิสีทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อุปจารํ มฺุจิตฺวา’’ติ.
๔๕๗. ปาฬิยํ ภณฺฑนชาตาติอาทีสุ กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นาม. หตฺถปรามาสาทิ กลโห นาม. วิรุทฺธวาโท วิวาโท นาม.
๔๕๘. ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโรติ เอตฺถ โกโส นาม สุวณฺณมณิอาทิภณฺฑาคารสารคพฺโภ. โกฏฺํ วุจฺจติ ธฺสฺส อาวสนฏฺานํ, โกฏฺภูตํ อคารํ โกฏฺาคารํ, ธฺสงฺคหฏฺานํ. อพฺภุยฺยาสีติ ยุทฺธาย อภิมุโข นิกฺขมีติ อตฺโถ. เอกสงฺฆาตมฺปีติ เอกยุทฺธมฺปิ. โธวนนฺติ โธวนุทกํ.
๔๖๓. ปริยาทินฺนรูปาติ โกธจิตฺเตน ปริคฺคหิตสภาวา.
๔๖๔. ตํ น ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. เย อุปนยฺหนฺตีติ ยถาวุตฺตํ โกธาการํ จิตฺเต พนฺธนฺติ. ปากฏปริสฺสเยติ สีหาทิเก. ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเยติ ราคาทิเก. ปาฬิยํ นตฺถิ พาเล ๙๗ สหายตาติ พาลํ นิสฺสาย สีลาทิคุณสงฺขาตา สหายตา นตฺถิ, น สกฺกา ลทฺธุนฺติ อตฺโถ.
๔๖๖. อตฺตกามรูปาติ ¶ อตฺตโน หิตกามยมานสภาวา. อนุรุทฺธาติ เอกเสสนเยน ติณฺณมฺปิ กุลปุตฺตานํ อาลปนํ, เตเนว พหุวจนนิทฺเทโส กโต. ขมนียํ สรีรํ ยาปนียํ ชีวิตํ ‘‘กจฺจิ โว สรีรฺจ ธาเรตุํ, ชีวิตฺจ ยาเปตุํ สกฺกา’’ติ ปุจฺฉติ. ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต, เอกํเสน มยํ ภนฺเตติ อตฺโถ. ยถา กถนฺติ เอตฺถ ยถาติ นิปาตมตฺตํ, ยถากถนฺติ วา เอโก นิปาโต การณปุจฺฉนตฺโถ, เกน ปกาเรนาติ อตฺโถ. เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ เอกสฺส จิตฺตวเสน อิตเรสมฺปิ ปวตฺตนโต สพฺเพสํ โน เอกํ วิย จิตฺตนฺติ อตฺโถ. กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธาติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ, ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุมฺเหติ อตฺโถ. อมฺหากนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, อมฺเหสุ ตีสุ โย ปมํ ปฏิกฺกมตีติ อตฺโถ.
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา
๔๖๗. เยน ปาลิเลยฺยกนฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, ยตฺถ ปาลิเลยฺยโก คาโม, ตตฺถ อวสรีติ อตฺโถ. ทหรโปตเกหีติ ภิงฺกจฺฉาเปหิ. ‘‘โอคาหิ’’นฺติปิ ปาโ, นหานโปกฺขรณินฺติ อตฺโถ.
อุทานคาถายํ ปน – รถอีสสทิสทนฺตสฺส นาคสฺส หตฺถิโน เอตํ วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส วิเวกนินฺนจิตฺเตน สเมติ. กสฺมา? ยํ ยสฺมา เอโกว รมติ วเน, ตสฺมา เอวํ โยชนา ทฏฺพฺพา.
ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา
๔๖๘. ยถา ธมฺโม ตถา ติฏฺาหีติ ยถา ธมฺโม จ วินโย จ ิโต, ตถา ติฏฺ, ธมฺมวาทีปกฺเข ติฏฺาติ อตฺโถ.
๔๗๓. ‘‘โย ¶ ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทํ สามคฺคีเภทสฺส อการเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน เภทการกา วิรุทฺธา อลชฺชิโน ¶ , เตสํ ปฏิพาหิตุํ วฏฺฏติ เตสํ สนฺตกสฺสปิ เสนาสนสฺส วินาสนวจนโต. ‘‘วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปน ยถาวุฑฺฒํ วรเสนาสนํ อทตฺวา วุฑฺฒานมฺปิ อสฺตานํ สฺเตหิ วิวิตฺตํ กตฺวา ทาตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๔๗๕. กมฺมวาจาย โอสาเรตฺวาติ เอตฺถ อุกฺขิตฺตสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติยาปนฺนภาวํ ปฏิชานิตฺวา สมฺมาวตฺตเนน อุกฺเขปกานํ สมุปฺปนฺนโอสารณจฺฉนฺทสฺส ปเคว าตตฺตา ปฏิปฺปสฺสมฺภนกมฺมวาจาย อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา สยเมว นํ โอสาเรสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๔๗๖. อตฺถโต อปคตาติ สามคฺคีอตฺถวิรหิตา, ตุจฺฉพฺยฺชนาติ อตฺโถ.
๔๗๗. อปฺปฏิจฺฉนฺนาจาโรติ อปฺปฏิจฺฉาเทตพฺพสุนฺทราจาโร. อนปคตนฺติ การณโต อนเปตํ. อาทาตพฺพโต คเหตพฺพโต อาทายนฺติ อาจริยวาโท วุตฺโตติ อาห ‘‘อาทายํ อตฺตโน อาจริยวาท’’นฺติ.
อฏฺหิ ทูตงฺเคหีติ ‘‘โสตา จ โหติ สาเวตา จ อุคฺคเหตา จ ธาเรตา จ วิฺาตา จ วิฺาเปตา จ กุสโล จ สหิตาสหิตสฺส โน จ กลหการโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๖) เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ทูตงฺเคหิ. เสสเมตฺถ, เหฏฺา จ สพฺพตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
อฏฺารสวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โกสมฺพกกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย วิมติวิโนทนิยํ
มหาวคฺควณฺณนานโย นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
จูฬวคฺควณฺณนา
๑. กมฺมกฺขนฺธโก
ตชฺชนียกมฺมกถาวณฺณนา
๑. จูฬวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม กมฺมกฺขนฺธเก ตาว ‘‘พลวาพลว’’นฺติ อิทํ เอกปทํ. ‘‘พลวพลว’’นฺติ วตฺตพฺเพ อาการํ กตฺวา ‘‘พลวาพลว’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺจ ‘‘ทุกฺขทุกฺข’’นฺติอาทีสุ วิย อติสยตฺเถ วตฺตตีติ อาห ‘‘สุฏฺุ พลวํ ปฏิวทถา’’ติ, อติ วิย พลวํ กตฺวา ปฏิวจนํ เทถาติ อตฺโถ.
๒. ปาฬิยํ อาปตฺติ อาโรเปตพฺพาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘มา โข ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอโส อเชสี’’ติอาทิเก ภณฺฑนาทิชนเก วจเน ปฺตฺตา กาจิ อาปตฺติ นาม นตฺถิ มุสาเปสฺุาทีสุ เอตสฺส อปฺปวิฏฺตฺตา, ตถาปิ ภิกฺขูหิ วิสุํ, สงฺฆมชฺเฌ จ ‘‘มา, อาวุโส, ภิกฺขู ¶ อฺมฺํ ปโยเชตฺวา ภณฺฑนาทึ อกาสิ, เนทํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ อตฺถาย วตฺตตี’’ติ เอวํ อปฺตฺเตน วุจฺจมานสฺส ภิกฺขุโน อนาทริเยน อโนรมนปจฺจยา วา อฺวาทวิเหสาทิกรณปจฺจยา วา ยา อาปตฺติ โหติ, สา อาปตฺติ อาโรเปตพฺพา ทิฏฺิวิปนฺนสฺส วิยาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ยสฺส ปน อิทํ วจนํ วินาว กายวาจาหิ อาปนฺนา ลหุกาปตฺติ อตฺถิ, ตสฺสปิ อาโรเปตพฺพาว. ยํ ปน กมฺมวาจาย ‘‘อตฺตนา ภณฺฑนการกา’’ติ อตฺตนา-สทฺทคฺคหณํ, ‘‘เยปิ จฺเ ภิกฺขู ภณฺฑนการกา…เป… เต อุปสงฺกมิตฺวา’’ติอาทิวจนฺจ, ตํ วตฺถุวเสน คหิตํ. โย ปน สยเมว ภณฺฑนการโก โหติ, อฺเ ปน ภณฺฑนการเก อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มา โข ตุมฺเห’’ติอาทิวจนํ น วทติ, ตสฺสาเปตํ กมฺมํ กาตพฺพเมว. กโรนฺเตหิ จ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ¶ ภิกฺขุ ภณฺฑนการโก…เป… สงฺเฆ อธิกรณการโก. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺล’’นฺติอาทินาว กมฺมวาจา กาตพฺพา. โย จ อฺเปิ ภิกฺขู กลหาย สมาทเปติ, ตสฺสาปิ เอวเมว กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺฏติ อฺเสํ สมาทาปนสฺสปิ ภณฺฑนการกตฺเต เอว ปวิสนโต. อฺเสํ สมาทาปนาการมฺปิ วตฺวาว, กมฺมวาจํ กาตุกาเมนปิ จ เตหิ วุตฺตวจนตฺถเมว คเหตฺวา ตทนุคุณํ โยเชตฺวาว กาตพฺพํ, น อิธาคตวเสเนว สพฺเพสมฺปิ อิธาคตวเสเนว วจนาสมฺภวา. ภูเตน วตฺถุนา กตเมว หิ อวิปนฺนํ โหติ, นาฺนฺติ คเหตพฺพํ. เอส นโย นิยสฺสกมฺมาทีสุปิ.
ตชฺชนียกมฺมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาทิวณฺณนา
๔. อปฺปฏิฺาย กตนฺติ วตฺถุํ วา อาปตฺตึ วา อสมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา กตํ. โย ปน สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํ เอว วตฺถุวีติกฺกมํ กตฺวา ปจฺฉา กมฺมกรณภเยน ‘‘น กโรมี’’ติ มุสา วทติ, ตสฺส ภิกฺขูนํ สมฺมุเข วีติกฺกมกรณเมว ปฏิฺา. ตถโต ชานนตฺถเมว ปฏิฺาย กรณํ อนฺุาตํ. ยตฺถ ปน สนฺเทโห โหติ, ตตฺถ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวาว กตฺตพฺพนฺติ คเหตพฺพํ.
‘‘ปาราชิกาปตฺติยา วา’’ติ อิทํ ลิงฺคนาสนนิมิตฺตตาย ปาราชิกสฺส กมฺเมน อติกิจฺฉนียโต วุตฺตํ. ‘‘สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วา’’ติ อิทํ ปน ปริวาสาทินิสฺสารณกมฺมสฺส อาเวณิกสฺส ¶ วิชฺชมานตฺตา วุตฺตํ. ยํ ปน ปรโต ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน โหติ…เป… ตชฺชนียกมฺมํ กเรยฺยา’’ติ (จูฬว. ๖) วุตฺตํ, ตํ ‘‘อายตึ สํวเร ตฺวา วุฏฺานํ กโรหี’’ติ โอวทิยมานสฺส อนาทริยาทิปจฺจยลหุกาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. สีลวิปตฺติมูลกฺหิ ลหุกาปตฺตึ อาปนฺโน อิธ อเภทูปจาเรน ‘‘อธิสีเล สีลวิปนฺโน’’ติ วุตฺโต ‘‘อติทิฏฺิยา ทิฏฺิวิปนฺโน’’ติ เอตฺถ วิย.
ยถา จ ทิฏฺึ คเหตฺวา โวหรนฺตสฺส ‘‘อิโต ทิฏฺิโต โอรมาหี’’ติ อวตฺวา กตกมฺมํ เกวลาย ทิฏฺิวิปตฺติยา กตตฺตา อนาปตฺติยา กตํ นาม อธมฺมกมฺมํ โหติ, เอวํ สีลวิปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ลชฺชิธมฺเม ¶ โอกฺกนฺเต ยถาธมฺมํ วุฏฺาย สํวเร าตุกามสฺส กตํ ตชฺชนียาทิกมฺมํ เกวลาย สีลวิปตฺติยา กตตฺตา อเทสนาคามินิยา กตํ นาม อธมฺมกมฺมํ โหติ. เตเนว นิยสฺสกมฺเมปิ ‘‘อปิสฺสุ ภิกฺขู ปกตา ปริวาสํ เทนฺตา’’ติอาทินา สํวเร อฏฺานเมว กมฺมนิมิตฺตภาเวน วุตฺตํ. อทนฺตํ ทมนตฺถเมว หิ ตชฺชนียาทิกมฺมานิ อนฺุาตานีติ. เกจิ ปน ‘‘อเทสนาคามินิยาติ อิทํ ปาราชิกาปตฺตึเยว สนฺธาย วุตฺตํ, น สงฺฆาทิเสส’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๔) วทนฺติ, ตํ สุกฺกปกฺเข ‘‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ อิมินา วจเนน วิรุชฺฌติ. สงฺฆาทิเสสสฺสาปิ จ ปริยายโต เทสนาคามินิโวหาเร คยฺหมาเน ‘‘อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ วุตฺตวารโต อิมสฺส วารสฺส วิเสโส น สิยา, อฏฺกถายมฺเปตฺถ วิเสสภาโว น ทสฺสิโต. ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ.
๖. สพฺพานิปีติ ตชฺชนียนิยสฺสปพฺพาชนียกมฺมานิ ตีณิปิ. อฺกมฺมสฺส วตฺถุนาติ ตชฺชนียโต อฺสฺส กมฺมสฺส วตฺถุนา อฺกมฺมกรณํ นาม โกจิ โทโสปิ น โหตีติ อธิปฺปาโย. การณมาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทินา.
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิยสฺสกมฺมกถาทิวณฺณนา
๑๑. นิยสฺสกมฺเม ปาฬิยํ อปิสฺสูติ อปิจาติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาตสมุทาโย. นิสฺสาย ¶ เต วตฺถพฺพนฺติ เอตฺถ เกจิ กลฺยาณมิตฺตายตฺตวุตฺติตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ, อฺเ ปน นิสฺสยคฺคหณเมวาติ, อุภเยนปิสฺส เสริวิหาโร น วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒๑. ปพฺพาชนียกมฺเม ‘‘ปพฺพาชนียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตู’’ติ อิทํ ปกฺกมนาทึ อกตฺวา สมฺมาวตฺตนฺตานํ วเสน วุตฺตํ.
๓๓. ปฏิสารณียกมฺเม ¶ เนว ภิกฺขุวจนํ, น คิหิวจนนฺติ เอตฺถ ปริยายโตปิ ภิกฺขู ปรขุํสนํ น วทนฺติ, คหฏฺา ปน สรูเปเนว อกฺโกสิตุํ สมตฺถาปิ อุปการีสุ อการณํ เอวรูปํ น วทนฺติ, ตฺวํ คิหิคุณโตปิ ปริหีโนติ อธิปฺปาโย.
๓๙. ‘‘องฺคสมนฺนาคโม ปุริเมหิ อสทิโส’’ติ อิมินา ตชฺชนียาทีนํ วุตฺตการณมตฺเตน อิทํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. อิธ วุตฺเตน ปน คิหีนํ อลาภาย ปริสกฺกนาทินา องฺเคน ตานิปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. เอตฺถ จ ‘‘สทฺธํ ปสนฺนํ ทายกํ การกํ สงฺฆุปฏฺากํ หีเนน ขุํเสตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตาทิเสสุ คิหีสุ ขุํสนาทีหิ คิหิปฏิสํยุตฺเตหิ เอว องฺเคหิ กมฺมารหตา, น อารามิกเจฏกาทีสุ ขุํสนาทีหิ. ตตฺถาปิ ทายกาทีสุ ขมาปิเตสุ กมฺมารหตา นตฺถิ, อาปตฺติ จ ยตฺถ กตฺถจิ เทเสตุํ วฏฺฏติ. โย เจ ติกฺขตฺตุํ ขมาปิยมาโนปิ น ขมติ, อกตกมฺเมนปิ ทสฺสนูปจาเร อาปตฺติ เทเสตพฺพา. โส เจ กาลกโต โหติ, เทสนฺตรํ วา คโต, คตทิสา น ายติ, อนฺตรามคฺเค วา ชีวิตนฺตราโย โหติ, กตกมฺเมนปิ อกตกมฺเมนปิ สงฺฆมชฺเฌ ยถาภูตํ วิฺาเปตฺวา ขมาเปตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพาติ วทนฺติ. ธมฺมิกปฏิสฺสวสฺส อสจฺจาปเน ปน เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มยา อสมเวกฺขิตฺวา ปฏิสฺสวํ กตฺวา โส น สจฺจาปิโต, ตํ เม ขมถา’’ติอาทินา ขมาปเน วจนกฺกโม าเปตพฺโพ.
๔๑. ปาฬิยํ มงฺกุภูโต นาสกฺขิ จิตฺตํ คหปตึ ขมาเปตุนฺติ ตึสโยชนมคฺคํ ปุน คนฺตฺวาปิ มานถทฺธตาย ยถาภูตํ โทสํ อาวิกตฺวา อขมาปเนน ‘‘นาหํ ขมามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺโต มงฺกุภูโต ขมาเปตุํ น สกฺขิ, โส ปุนเทว สาวตฺถึ ปจฺจาคนฺตฺวาปิ มานนิคฺคหตฺถาเยว ปุนปิ สตฺถารา เปสิโต ปุริมนเยเนว ขมาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ปุนาคจฺฉิ. อถสฺส ภควา ‘‘อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺยา’’ติอาทินาว (ธ. ป. ๗๓) ธมฺมํ เทเสตฺวา มานนิมฺมถนํ กตฺวา อนุทูตทานํ อนฺุาสีติ ทฏฺพฺพํ.
๔๒. ‘‘โน ¶ เจ ขมติ…เป… อาปตฺตึ เทสาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ปเคว คหฏฺโ ขมติ เจ, ทสฺสนูปจาเร อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นตฺถีติ คเหตพฺพํ.
๔๖. อุกฺเขปนียกมฺเมสุ ¶ ตีสุ อริฏฺวตฺถุสฺมึ อาปตฺตึ อาโรเปตฺวาติ วิสุํ สงฺฆมชฺเฌว ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสชฺชนปจฺจยา ทุกฺกฏํ, สมนุภาสนปริโยสาเน ปาจิตฺติยํ วา อาปตฺตึ อาโรเปตฺวา. เอตฺถาปิ กมฺมวาจาย ‘‘ตถาหํ ภควตา’’ติอาทิ วตฺถุวเสน วุตฺตํ. เยน เยน ปกาเรน ทิฏฺิคติกา โวหรึสุ, เตน เตน ปกาเรน โยเชตฺวา กมฺมวาจา กาตพฺพา. คหณาการํ ปน วินาปิ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ปาปิกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ, โส ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชติ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺล’’นฺติ เอวํ สามฺโตปิ กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺฏติ.
๖๕. ‘‘ยํ ทิฏฺึ นิสฺสาย ภณฺฑนาทีนิ กโรตี’’ติ อิมินา ทิฏฺึ นิสฺสาย อุปฺปนฺนานิ เอว ภณฺฑนาทีนิ อิธ อธิปฺเปตานิ, น เกวลานีติ ทสฺเสติ. โย ปน ‘‘ภณฺฑนาทีนํ กรเณ โทโส นตฺถี’’ติ ทิฏฺิโก หุตฺวา ภณฺฑนาทึ กโรติ, สาปิสฺส ทิฏฺิ เอว โหติ, ตสฺสปิ อปฺปฏินิสฺสคฺเค กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ.
นิยสฺสกมฺมกถาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๒. ปาริวาสิกกฺขนฺธโก
ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา
๗๕. ปาริวาสิกกฺขนฺธเก ¶ ¶ อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปีติ อาทิ-สทฺเทน มานตฺตารหมานตฺตจาริกอพฺภานารเห สงฺคณฺหาติ. เต หิ ปาริวาสิกานํ, ปาริวาสิกา จ เตสํ ปกตตฺตฏฺาเน เอว ติฏฺนฺติ. อโธตปาทฏฺปนกนฺติ ยตฺถ ตฺวา ปาเท โธวนฺติ, ตาทิสํ ทารุผลกขณฺฑาทึ. ปาทฆํสนนฺติ สกฺขรกถลาทึ. ‘‘วตฺตํ กโรนฺตี’’ติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา สทฺธิวิหาริกาทีหิปิ อภิวาทนาทึ กาตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสเถ กริยมาเน’’ติ อิทํ ปวารณาทิวเสสุ สงฺเฆ ปวาเรนฺเต อนุปคตฉินฺนวสฺสาทีหิ กริยมานปาริสุทฺธิอุโปสถมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺตโน ปาฬิยาติ นวกานํ ปุรโต.
‘‘ปาริวาสิกสฺเสวา’’ติ อิทํ อพฺภานารหปริโยสาเน สพฺเพ ครุกฏฺเ สนฺธาย วุตฺตํ. เตสมฺปิ ปจฺเจกํ โอโณชนสฺส อนฺุาตตฺตา ตทวเสสา ปกตตฺตา เอว ตํ น ลภนฺติ.
จตุสฺสาลภตฺตนฺติ โภชนสาลาย ปฏิปาฏิยา ทิยฺยมานภตฺตํ. หตฺถปาเส ิเตนาติ ทายกสฺส หตฺถปาเส ปฏิคฺคหณรุหนฏฺาเนติ อธิปฺปาโย. มหาเปฬภตฺเตปีติ มหนฺเตสุ ภตฺตปจฺฉิอาทิภาชเนสุ เปตฺวา ทิยฺยมานภตฺเตสุปิ.
๗๖. ปาปิฏฺตราติ ปาราชิกาปตฺตีติ อุกฺกํสวเสน วุตฺตํ. สฺจริตฺตาทิปณฺณตฺติวชฺชโต ปน สุกฺกวิสฺสฏฺาทิกา โลกวชฺชาว, ตตฺถาปิ สงฺฆเภทาทิกา ปาปิฏฺตรา เอว.
‘‘กมฺมนฺติ ¶ ปาริวาสิกกมฺมวาจา’’ติ เอเตน กมฺมภูตา วาจาติ กมฺมวาจา-สทฺทสฺส อตฺโถปิ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. สวจนียนฺติ เอตฺถ ‘‘สโทส’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค. ๓.๗๖) อตฺถํ วทติ. อตฺตโน วจเน ปวตฺตนกมฺมนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, ‘‘มา ปกฺกมาหี’’ติ วา ‘‘เอหิ วินยธรานํ สมฺมุขีภาว’’นฺติ วา ¶ เอวํ อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนกกมฺมํ น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ เกนจิ สวจนีเย กเต อนาทเรน อติกฺกมิตุํ น วฏฺฏติ, พุทฺธสฺส สงฺฆสฺส อาณา อติกฺกนฺตา นาม โหติ.
รโชหตภูมีติ ปณฺณสาลาวิเสสนํ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ. เสนาสนํ น ลภตีติ วสฺสคฺเคน น ลภติ.
อปณฺณกปฏิปทาติ อวิรทฺธปฏิปทา. สเจ วายมนฺโตปีติ เอตฺถ อวิสยภาวํ ตฺวา อวายมนฺโตปิ สงฺคยฺหติ.
๘๑. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกุกฺขิตฺตกานํ สามฺเน. ปฺจวณฺณจฺฉทนพทฺธฏฺาเนสูติ ปฺจปฺปการจฺฉทเนหิ ฉนฺนฏฺาเนสุ.
โอพทฺธนฺติ อุฏฺานาทิพฺยาปารปฏิพทฺธํ. ปีฬิตนฺติ อตฺโถ. มฺเจ วา ปีเ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน ตฏฺฏิกาจมฺมขณฺฑาทีสุ ทีฆาสเนสุปิ นิสีทิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ.
น วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ วุฑฺฒตรสฺส ชานนฺตสฺสาปิ วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘วตฺตํ นิกฺขิปาเปตฺวา’’ติ อิทํ ปาริวาสาทิเมว สนฺธาย วุตฺตํ.
ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาริวาสิกกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๓. สมุจฺจยกฺขนฺธโก
สุกฺกวิสฺสฏฺิกถาวณฺณนา
๙๗. สมุจฺจยกฺขนฺธเก ¶ ¶ เวทยามหนฺติ ชานาเปมิ อหํ, อาโรเจมีติอตฺโถ. อนุภวามีติปิสฺส อตฺถํ วทนฺติ. ปุริมํ ปน ปสํสนฺติ อาโรปนวจนตฺตา. อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ ทุกฺกฏปริโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ตทเหว ปุน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตุกามสฺส รตฺติจฺเฉทปริหารตฺถมฺปี’’ติ วทนฺติ.
‘‘สภาคา ภิกฺขู วสนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิ เอว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘มหามคฺคโต โอกฺกมฺมา’’ติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ อุปจาราติกฺกมนตฺถํ วุตฺตํ. คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ.
‘‘โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเร อรุเณ เอว คจฺฉตี’’ติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุปิ ภิกฺขูสุ วิหารคเตสุ อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจิตตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยฺจา’’ ติอาทิ. อพฺภานํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ กตมฺปิ อกตเมว โหตีติ อตฺโถ.
สุกฺกวิสฺสฏฺิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถาวณฺณนา
๑๐๒. สุทฺธสฺสาติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส, ตโต วุฏฺิตสฺส วา. อฺสฺมินฺติ สุทฺธนฺตปริวาสวเสน ¶ อาปตฺติวุฏฺานโต อฺสฺมึ อาปตฺติวุฏฺาเน. ปาฬิยํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อุทายิ ภิกฺขุ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโตติ โยเชตพฺพํ. อถ วา ‘‘มูลาย ปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสา’’ติ อุตฺตรปเทน สห ปจฺจตฺตวเสเนว โยเชตุมฺปิ วฏฺฏติ.
‘‘อุทายึ ¶ ภิกฺขุํ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา’’ติ เอตฺถ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา เหตุภูตาย อุทายึ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺสา อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาสํ เทตูติ โยชนา. อาวิการาเปตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพติ ตสฺส อเตกิจฺฉภาวํ เตเนว สงฺฆสฺส ปากฏํ กาเรตฺวา ลชฺชิคณโต วิโยชนวเสน วิสฺสชฺเชตพฺโพ.
สตํ อาปตฺติโยติ กายสํสคฺคาทิวเสน เอกทิวเส อาปนฺนา สตํ อาปตฺติโย. ทสสตนฺติ สหสฺสา อาปตฺติโย. รตฺติสตํ ฉาทยิตฺวานาติ โยเชตพฺโพ. สพฺพปริวาสกมฺมวาจาวสาเนติ เหฏฺา ทสฺสิตานํ ทฺวินฺนํ สุทฺธนฺตปริวาสานํ, ติณฺณํ สโมธานปริวาสานฺจาติ อิเมสํ สพฺเพสํ ปริวาสานํ กมฺมวาจาปริโยสาเน. ปุริมนเยเนวาติ ปฏิจฺฉนฺนปริวาเส วุตฺตนเยน.
วิหารูปจารโตปีติ พหิคาเม ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโตปิ. ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อติกฺกมิตพฺพา’’ติ อิทํ ภิกฺขูนํ สวนูปจาราติกฺกมนํ วุตฺตํ. คามสฺสาติ น วุตฺตนฺติ คามสฺส อุปจารํ มฺุจิตุํ วฏฺฏตีติ น วุตฺตํ. เตน คามูปจาเร ิตาปิ ตตฺถ ทสฺสนสวนูปจาเร อติกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ ตสฺสา รตฺติจฺเฉทํ น กโรนฺตีติ ทีเปติ.
อนิกฺขิตฺตวตฺตภิกฺขูนํ วุตฺตนเยเนวาติ อุปจารสีมาย ปวิฏฺานํ วเสน รตฺติจฺเฉทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมึ คาเมติ ภิกฺขุนีนํ นิวาสนคาเม. อตฺตานํ ทสฺเสตฺวาติ ยถา อาโรเจตุํ สกฺกา, ตถา ทสฺเสตฺวา. ‘‘สมฺมนฺนิตฺวา ทาตพฺพา’’ติ อิมินา สมฺมตาย สหวาเสปิ รตฺติจฺเฉโท น โหตีติ ทสฺเสติ.
มูลายปฏิกสฺสิตสฺสาติ มูลายปฏิกสฺสิตสฺส ปุน ปริวุตฺถปริวาสสฺสาติ อตฺโถ. ติสฺสนฺนนฺติ มูลาปตฺติยา สห ทฺวินฺนํ อนฺตราปตฺตีนฺจ.
๑๐๘. สเจ ¶ ปฏิจฺฉนฺนาติ นิกฺขิตฺตวตฺเตนาปนฺนาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปฺจาหปฺปฏิจฺฉนฺนวาเร อนฺตราปตฺติกถายํ ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ฉารตฺตํ มานตฺตํ ทาตพฺพ’’นฺติ อิทํ มูลายปฏิกสฺสนากมฺมวาจานนฺตรเมว ทาตุํ วุตฺตํ น โหติ. มูลายปฏิกสฺสิตสฺส ปน ปฺจทิวสานิ ปริวสิตฺวา ยาจิตสฺส ¶ มานตฺตจรณกาเล อาปนฺนาย ตติยาย อนฺตราปตฺติยา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย มานตฺตทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวฺจ ทินฺนมานตฺตสฺส เอเกน ฉารตฺเตน ปุพฺเพ ทินฺนมานตฺตาหิ ตีหิ อาปตฺตีหิ สห จตสฺสนฺนมฺปิ อาปตฺตีนํ มานตฺตํ จิณฺณเมว โหติ. อิมินา ปน นเยน อพฺภานารหกาเล อาปนฺนาย อนฺตราปตฺติยา, ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนวาเร อนฺตราปตฺตีสุ จ ปฏิปชฺชนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาทิวเสน ปฺจา’’ติ อิทํ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาทีนํ จตุนฺนํ ปจฺเจกปริวาสทานมานตฺตทานอพฺภานานิ เอเกกํ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘อนฺตราปตฺติวเสน จตสฺโส’’ติ อิทมฺปิ มานตฺตทานอพฺภานานิ ตสฺมึ ตสฺมึ มูลายปฏิกสฺสเน เอกตฺตํ อาโรเปตฺวา วุตฺตํ.
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สโมธานปริวาสกถาวณฺณนา
๑๒๕. ‘‘ยสฺมา ปฏิจฺฉนฺนา อนฺตราปตฺตี’’ติ อิทํ สโมธานปริวาสทานสฺส การณวจนํ, น ปน จิณฺณปริวุตฺถทิวสานํ มกฺขิตภาวสฺส, อปฺปฏิจฺฉนฺนาย อนฺตราปตฺติยา มูลายปฏิกสฺสเน กเตปิ เตสํ มกฺขิตภาวสมฺภวโต. ตสฺมา ‘‘มานตฺตจิณฺณทิวสาปิ ปริวุตฺถทิวสาปิ สพฺเพ มกฺขิตาว โหนฺตี’’ติ อิมสฺสานนฺตรํ ‘‘สโมธานปริวาโส จสฺส ทาตพฺโพ’’ติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา. เตนาห ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ.
สโมธานปริวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถาวณฺณนา
๑๓๔. ‘‘เอกาปตฺติมูลกฺจา’’ติ อิมินา ‘‘เอกา อาปตฺติ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนา, เอกา อาปตฺติ ทฺวีหปฺปฏิจฺฉนฺนา’’ติอาทินยํ ทสฺเสติ. อปฺปฏิจฺฉนฺนภาวํ ทสฺเสตุนฺติ อชานนาทินา ปฏิจฺฉนฺนายปิ อาปตฺติยา มานตฺตารหตาวจเนน อปฺปฏิจฺฉนฺนภาวํ ทสฺเสตุํ. ‘‘เอกสฺส, อาวุโส, มาสสฺส ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’ติ ¶ (จูฬว. ๑๕๓) หิ วุตฺตํ. เอตฺถ เอกสฺส อชานนปฏิจฺฉนฺนมาสสฺส ¶ ปริวาสารโห น โหติ, เกวลํ อาปตฺติยา อปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา มานตฺตารโห โหตีติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ มกฺขธมฺโมติ มทฺทิตุกามตา. สงฺฆาทิเสสานํ ปริวาสทานาทิสพฺพวินิจฺฉยสฺส สมุจฺจยตฺตา ปเนส สมุจฺจยกฺขนฺธโกติ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมุจฺจยกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฏฺิโต.
๔. สมถกฺขนฺธโก
สติวินยกถาทิวณฺณนา
๑๙๕. สมถกฺขนฺธเก ¶ ¶ ขีณาสวสฺส วิปุลสตึ นิสฺสาย ทาตพฺโพ วินโย โจทนาทิอสารุปฺปานํ วินยนุปาโย สติวินโย.
๑๙๖. จิตฺตวิปริยาสกโตติ กตจิตฺตวิปริยาโส. คคฺคํ ภิกฺขุํ…เป… โจเทนฺตีติ เอตฺถ ปน อุมฺมตฺตกสฺส อิทํ อุมฺมตฺตกํ, อชฺฌาจิณฺณํ. ตเทว จิตฺตวิปริยาเสน กตนฺติ จิตฺตวิปริยาสกตํ. เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิณฺเณน อนาจาเรน อาปนฺนาย อาปตฺติยา คคฺคํ ภิกฺขุํ โจเทนฺตีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปมํ มูฬฺโห หุตฺวา ปจฺฉา อมูฬฺหภาวํ อุปคตสฺส ทาตพฺโพ วินโย อมูฬฺหวินโย.
๒๐๒. ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยภาวสมฺปาทิกา กิริยา เยภุยฺยสิกาติ อิมสฺมึ อตฺเถ ส-การาคมสหิโต อิก-ปจฺจยนฺโตยํ สทฺโทติ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺสา กิริยายาติ คูฬฺหกวิวฏฺฏกาทินา สลากคฺคาหาปกกิริยาย. เยภุยฺยภาวํ นิสฺสิตสมถกิริยา เยภุยฺยสิกาติ เอวํ เยภุยฺยสิกาสทฺทสฺส อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺหิ อยํ อธิกรณสมโถ นาม โหติ. ยถาวุตฺตสลากคฺคาเหน หิ ธมฺมวาทีน