📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วินยปิฏเก

วินยาลงฺการ-ฏีกา (ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

มุตฺตหาราทินยคาถา

โย โลเก โลกโลโก วรตรปรโท ราชราชคฺคชฺโ;

อากาสาการกาโร ปรมรติรโต เทวเทวนฺตวชฺโช.

สํสาราสารสาโร สุนรนมนโต มารหารนฺตรฏฺโ;

โลกาลงฺการกาโร อติสติคติมา ธีรวีรตฺตรมฺโม.

สีหนิวตฺตนนยคาถา

สํสารจกฺกวิทฺธํสํ, สมฺพุทฺธํ ตํ สุมานสํ;

สํนมามิ สุคุเณสํ, สํเทสิตสุทุทฺทสํ.

อโนตตฺโตทกาวตฺตนยคาถา

เยน วิทฺธํสิตา ปาปา, เยน นิพฺพาปิตา ทรา;

เยน โลกา นิสฺสริสุํ, เยน จาหํ นมามิ ตํ.

จตุทีปจกฺกวตฺตนนยคาถา

สงฺฆํ สสงฺฆํ นมามิ, วนฺตนฺตวรธมฺมชํ;

มคฺคคฺคมนผลฏฺํ, สุสํสํ สุภมานสํ.

อพฺยเปตจตุปาทอาทิยมกคาถา

วินยํ วินยํ สารํ, สงฺคหํ สงฺคหํ กรํ;

จริยํ จริยํ วนฺเท, ปรมํ ปรมํ สุตํ.

พฺยเปตจตุปาทอาทิอนฺตยมกคาถา

ปกาเร พหุปกาเร, สาคเร คุณสาคเร;

ครโว มม ครโว, วนฺทามิ อภิวนฺทามิ.

วตฺถุตฺตเย คนฺถกาเร, ครูสุ สาทรํ มยา;

กเตน นมกฺกาเรน, หิตฺวา สพฺเพ อุปทฺทเว.

สิกฺขากาเมหิ ธีเรหิ, ชินสาสนการิภิ;

ภิกฺขูหิ วินยฺูหิ, สาทรํ อภิยาจิโต.

วณฺณยิสฺสามิ วินย-สงฺคหํ ปีติวฑฺฒนํ;

ภิกฺขูนํ เวนยิกานํ, ยถาสตฺติพลํ อหํ.

โปราเณหิ กตา ฏีกา, กิฺจาปิ อตฺถิ สา ปน;

อติสงฺเขปภาเวน, น สาเธติ ยถิจฺฉิตํ.

ตสฺมา หิ นานาสตฺเถหิ, สารมาทาย สาธุกํ;

นาติสงฺเขปวิตฺถารํ, กริสฺสํ อตฺถวณฺณนํ.

วินยาลงฺการํ นาม, เปสลานํ ปโมทนํ;

อิมํ ปกรณํ สพฺเพ, สมฺมา ธาเรนฺตุ สาธโวติ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

วิวิธวิเสสนยสมนฺนาคตํ กายวาจาวินยนกรณสมตฺถํ ลชฺชิเปสลภิกฺขูนํ สํสยวิโนทนการกํ โยคาวจรปุคฺคลานํ สีลวิสุทฺธิสมฺปาปกํ ชินสาสนวุฑฺฒิเหตุภูตํ ปกรณมิทมารภิตุกาโม อยมาจริยาสโภ ปมํ ตาว รตนตฺตยปณามปณามารหภาวอภิเธยฺยกรณเหตุ กรณปฺปการปกรณาภิธานนิมิตฺตปโยชนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ หิ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวาติ อิมินา รตนตฺตยปณาโม วุตฺโต ปณาเมตพฺพปณามอตฺถทสฺสนโต. สรณํ สพฺพปาณินนฺติ อิมินา ปณามารหภาโว ปณามเหตุทสฺสนโต. ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยนฺติ อภิเธยฺโย อิมสฺส ปกรณสฺส อตฺถภาวโต. วิปฺปกิณฺณมเนกตฺถาติ กรณเหตุ เตเนวการเณน ปกรณสฺส กตตฺตา. สมาหริตฺวา เอกตฺถ, ทสฺสยิสฺสมนากุลนฺติ กรณปฺปกาโร เตนากาเรน ปกรณสฺส กรณโต. ปกรณาภิธานํ ปน สมาหริตสทฺทสฺส สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ สมาหริตฺวา ทสฺสเนเนว อิมสฺส ปกรณสฺส วินยสงฺคหอิติ นามสฺส ลภนโต.

นิมิตฺตํ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรวเสน ทุวิธํ. ตตฺถ อชฺฌตฺติกํ นาม กรุณา, ตํ ทสฺสนกิริยาย สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ ตสฺมึ อสติ ทสฺสนกิริยาย อภาวโต. พาหิรํ นาม โสตุชนสมูโห, ตํ โยคาวจรภิกฺขูนนฺติ ตสฺส กรุณารมฺมณภาวโต. ปโยชนํ ปน ทุวิธํ ปณามปโยชนปกรณปโยชนวเสน. ตตฺถ ปณามปโยชนํ นาม อนฺตรายวิโสสนปสาทชนนาทิกํ, ตํ สรณํ สพฺพปาณินนฺติ อิมสฺส สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ เหตุมฺหิ สติ ผลสฺส อวินาภาวโต. วุตฺตฺหิ อภิธมฺมฏีกาจริเยน ‘‘คุณวิเสสวา หิ ปณามารโห โหติ, ปณามารเห จ กโต ปณาโม วุตฺตปฺปโยชนสิทฺธิกโรว โหตี’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑). ปกรณปโยชนมฺปิ ทุวิธํ มุขฺยานุสงฺคิกวเสน. เตสุ มุขฺยปโยชนํ นาม พฺยฺชนานุรูปํ อตฺถสฺส ปฏิวิชฺฌนํ ปกาสนฺจ อตฺถานุรูปํ พฺยฺชนสฺส อุทฺทิสนํ อุทฺเทสาปนฺจ, ตํ วินเย ปาฏวตฺถายาติ อิมินา วุตฺตํ. อนุสงฺคิกปโยชนํ นาม สีลาทิอนุปาทาปรินิพฺพานนฺโต อตฺโถ, ตํ สมาหริตฺวา เอกตฺถ ทสฺสยิสฺสนฺติ อิมสฺส สามตฺถิเยน ทสฺสิตํ เอกตฺถ สมาหริตฺวา ทสฺสเน สติ ตทุคฺคหปริปุจฺฉาทินา กตปโยคสฺส อนนฺตราเยน ตทตฺถสิชฺฌนโตติ.

กิมตฺถํ ปเนตฺถ รตนตฺตยปณามาทโย อาจริเยน กตา, นนุ อธิปฺเปตคนฺถารมฺโภว กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เอตฺถ รตนตฺตยปณามกรณํ ตพฺพิหตนฺตราโย หุตฺวา อนายาเสน คนฺถปริสมาปนตฺถํ. ปณามารหภาววจนํ อตฺตโน ยุตฺตปตฺตการิตาทสฺสนตฺถํ, ตํ วิฺูนํ โตสาปนตฺถํ, ตํ ปกรณสฺส อุคฺคหณตฺถํ, ตํ สพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทนตฺถํ. อภิเธยฺยกถนํ วิทิตาภิเธยฺยสฺส คนฺถสฺส วิฺูนํ อุคฺคหธารณาทิวเสน ปฏิปชฺชนตฺถํ. กรณเหตุกถนํ อการเณ กตสฺส วายามสฺส นิปฺผลภาวโต ตปฺปฏิกฺเขปนตฺถํ. กรณปฺปการกถนํ วิทิตปฺปการสฺส คนฺถสฺส โสตูนํ อุคฺคหณาทีสุ รุจิชนนตฺถํ. อภิธานทสฺสนํ โวหารสุขตฺถํ. นิมิตฺตกถนํ อาสนฺนการณทสฺสนตฺถํ. ปโยชนทสฺสนํ ทุวิธปโยชนกามีนํ โสตูนํ สมุสฺสาหชนนตฺถนฺติ.

รตนตฺตยปณามปโยชนํ ปน พหูหิ ปกาเรหิ วิตฺถารยนฺติ อาจริยา, ตํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. อิธ ปน คนฺถครุภาวโมจนตฺถํ อฏฺกถาจริเยหิ อธิปฺเปตปโยชนเมว กถยิมฺห. วุตฺตฺหิ อฏฺกถาจริเยน –

‘‘นิปจฺจการสฺเสตสฺส;

กตสฺส รตนตฺตเย;

อานุภาเวน โสเสตฺวา;

อนฺตราเย อเสสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา ๗);

อยเมตฺถ สมุทายตฺโถ, อยํ ปน อวยวตฺโถ – อหํ สพฺพปาณีนํ สรณํ สรณีภูตํ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสามิ, นมสฺสิตฺวา โยคาวจรภิกฺขูนํ วินเย ปาฏวตฺถาย อเนกตฺถวิปฺปกิณฺณํ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยํ เอกตฺถ สมาหริตฺวา อนากุลํ กตฺวา ทสฺสยิสฺสํ ทสฺสยิสฺสามีติ โยชนา.

ตตฺถ วสนฺติ เอตฺถาติ วตฺถุ. กึ ตํ? พุทฺธาทิรตนํ. ตฺหิ ยสฺมา สรณคตา สปฺปุริสา สรณคมนสมงฺคิโน หุตฺวา พุทฺธาทิรตนํ อารมฺมณํ กตฺวา ตสฺมึ อารมฺมเณ วสนฺติ อาวสนฺติ นิวสนฺติ, ตสฺมา ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติ. อารมฺมณฺหิ อาธาโร, อารมฺมณิกํ อาเธยฺโยติ. อิโต ปรานิปิ วตฺถุสทฺทสฺส วจนตฺถาทีนิ อาจริเยหิ วุตฺตานิ, ตานิปิ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. อิธ ปน คนฺถวิตฺถารปริหรณตฺถํ เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ. ติณฺณํ สมูโหติ ตยํ, ตโย อํสา อวยวา อสฺสาติ วา ตยํ. กึ ตํ? สมุทาโย. วตฺถูนํ ตยนฺติ วตฺถุตฺตยํ. กึ ตํ? พุทฺธาทิรตนตฺตยํ. นมสฺสามีติ นมสฺสิตฺวา, อนมินฺติ นมสฺสิตฺวา. พุทฺธาทิรตนฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตสฺส อุปฺปชฺชนกาเล ตฺวา-ปจฺจโย ปจฺจุปฺปนฺนกาลิโก โหติ, ตสฺมา ปโม วิคฺคโห กโต, ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยํ เอกตฺถ ทสฺสนกาเล อตีตกาลิโก, ตสฺมา ทุติโย วิคฺคโห. เตเนว จ การเณน อตฺถโยชนายปิ ปจฺจุปฺปนฺนกาลอตีตกาลวเสน โยชนา กตา.

สรติ หึสตีติ สรณํ. กึ ตํ? พุทฺธาทิรตนตฺตยํ. ตฺหิ สรณคตานํ สปฺปุริสานํ ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติวินิปาตํ สํกิเลสํ สรติ หึสติ วินาเสติ, ตสฺมา ‘‘สรณ’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ภควตา –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑),

‘‘เอวํ พุทฺธํ สรนฺตานํ;

ธมฺมํ สงฺฆฺจ ภิกฺขโว;

ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา;

โลมหํโส น เหสฺสตี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๙);

ยสฺมา ปน ‘‘สรณ’’นฺติ อิทํ ปทํ ‘‘นาถ’’นฺติ ปทสฺส เววจนภูตํ กิตสุทฺธนามปทํ โหติ, น กิตมตฺตปทํ, ตสฺมา ธาตฺวตฺโถ อนฺโตนีโต. ‘‘สร หึสาย’’นฺติ หิ วุตฺตํ หึสตฺถํ คเหตฺวา สพฺพปาณีนํ สรณํ หึสกํ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวา วิฺายมาเน อนิฏฺปฺปสงฺคโต สพฺพปาณีนํ สรณํ สรณีภูตํ นาถภูตํ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวาติ วิฺายมาเนเยว ยุชฺชติ, เตเนว จ การเณน อตฺถโยชนายมฺปิ ตถา โยชนา กตา. สพฺพ-สทฺโท นิรวเสสตฺถวาจกํ สพฺพนามปทํ. สห อเวน โย วตฺตตีติ สพฺโพติ กเต ปน สกล-สทฺโท วิย สมุทายวาจกํ สมาสนามปทํ โหติ. ปาโณ เอเตสํ อตฺถีติ ปาณิโน, ปาโณติ เจตฺถ ชีวิตินฺทฺริยํ อธิปฺเปตํ. สพฺเพ ปาณิโน สพฺพปาณิโน, เตสํ สพฺพปาณีนํ. เอตฺตาวตา วตฺถุตฺตยสฺส สพฺพโลกสรณภาวํ, ตโตเยว จ นมสฺสนารหภาวํ, นมสฺสนารเห จ กตายนมสฺสนกิริยาย ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิกรภาวํ, อตฺตโน กิริยาย จ เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.

เอวํ สเหตุกํ รตนตฺตยปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปกรณารมฺภสฺส สนิมิตฺตํ มุขฺยปโยชนํ ทสฺเสตุมาห ‘‘วินเย ปาฏวตฺถาย, โยคาวจรภิกฺขูน’’นฺติ. เอตฺถ จ วินเย ปาฏวตฺถายาติ มุขฺยปโยชนทสฺสนํ, ตํทสฺสเนน จ อนุสงฺคิกปโยชนมฺปิ วิภาวิตเมว โหติ การเณ สิทฺเธ การิยสฺส สิชฺฌนโต. โยคาวจรภิกฺขูนนฺติ พาหิรนิมิตฺตทสฺสนํ, ตสฺมึ ทสฺสิเต อชฺฌตฺติกนิมิตฺตมฺปิ ทีปิตเมว โหติ อารมฺมเณ าเต อารมฺมณิกสฺส าตพฺพโต. ตตฺถ วิวิธา นยา เอตฺถาติ วินโย, ทุวิธปาติโมกฺขทุวิธวิภงฺคปฺจวิธปาติโมกฺขุทฺเทสปฺจอาปตฺติกฺขนฺธสตฺตอาปตฺติกฺขนฺธาทโย วิวิธา อเนกปฺปการา นยา เอตฺถ สนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา วิเสสา นยา เอตฺถาติ วินโย, ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปโยชนา อนุปฺตฺตินยาทโย วิเสสา นยา เอตฺถ สนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา วิเนตีติ วินโย. กาโย วิเนติ กายวาจาโย, อิติ กายวาจานํ วินยนโต วินโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ –

‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา;

วินยนโต เจว กายวาจานํ;

วินยตฺถวิทูหิ อยํ;

วินโย ‘วินโย’ติ อกฺขาโต’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา);

โก โส? วินยปิฏกํ. ตสฺมึ วินเย. ปฏติ วิยตฺตภาวํ คจฺฉตีติ ปฏุ. โก โส? ปณฺฑิโต. ปฏุโน ภาโว ปาฏวํ. กึ ตํ? าณํ. อสติ การณานุรูปํ ภวตีติ อตฺโถ. โก โส? ปโยชนํ. ปาฏวเมว อตฺโถ ปาฏวตฺโถ, ตสฺส ปาฏวตฺถาย, วินยปิฏเก โกสลฺลาณปโยชนายาติ วุตฺตํ โหติ. ยุฺชนํ โยโค, กมฺมฏฺานมนสิกาโร. อวจรนฺตีติ อวจรา, โยเค อวจรา โยคาวจรา, กมฺมฏฺานิกา ภิกฺขู. สํสาเร ภยํ อิกฺขนฺตีติ ภิกฺขู, โยคาวจรา จ เต ภิกฺขู จาติ โยคาวจรภิกฺขู, เตสํ โยคาวจรภิกฺขูนํ. เอเตน วินเย ปฏุภาโว นาม ภิกฺขูนํเยว อตฺโถ โหติ, น คหฏฺตาปสปริพฺพาชกาทีนํ. ภิกฺขูสุ จ กมฺมฏฺาเน นิยุตฺตานํ ลชฺชิเปสลภิกฺขูนํเยว, น วิสฺสฏฺกมฺมฏฺานานํ อลชฺชิภิกฺขูนนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.

เอวํ ปกรณารมฺภสฺส สนิมิตฺตํ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สเหตุกํ อภิเธยฺยํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปฺปกิณฺณมเนกตฺถ, ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉย’’นฺติ อาห. ตตฺถ วิปฺปกิณฺณํ อเนกตฺถาติ อิมินา ปกรณารมฺภสฺส เหตุํ ทสฺเสติ เหตุมนฺตวิเสสนตฺตา, อิมสฺส อเนกตฺถวิปฺปกิณฺณตฺตาเยว อาจริยสฺส อารมฺโภ โหติ, น อวิปฺปกิณฺเณ สติ. วกฺขติ หิ ‘‘สมาหริตฺวา เอกตฺถ ทสฺสยิสฺส’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา). ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยนฺติ อิมินา ปกรณาภิเธยฺยํ. ตตฺถ กิรติ วิกฺขิปตีติ กิณฺโณ, ปกาเรน กิณฺโณ ปกิณฺโณ, วิวิเธน ปกิณฺโณ วิปฺปกิณฺโณ. โก โส? ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย, ตํ วิปฺปกิณฺณํ.

อเนกตฺถาติ เอตฺถ สงฺขฺยาวาจโก สพฺพนามิโก เอก-สทฺโท, น เอโก อเนเก. พหฺวตฺถวาจโก อเนกสทฺโท. เอกนฺตเอกวจนนฺโตปิ เอก-สทฺโท น-อิตินิปาเตน ยุตฺตตฺตา พหุวจนนฺโต ชาโตติ. ตตฺถ อเนกตฺถ พหูสูติ อตฺโถ, ปาราชิกกณฺฑฏฺกถาทีสุ อเนเกสุ ปกรเณสูติ วุตฺตํ โหติ. โปราณฏีกายํ ปน อเนกตฺถาติ อเนเกสุ สิกฺขาปทปเทเสสูติ อตฺโถ ทสฺสิโต, เอวฺจ สติ อุปริ ‘‘สมาหริตฺวา เอกตฺถา’’ติ วกฺขมานตฺตา ‘‘อเนกตฺถวิปฺปกิณฺณํ เอกตฺถ สมาหริตฺวา’’ติ อิเมสํ ปทานํ สหโยคีภูตตฺตา อเนเกสุ สิกฺขาปทปเทเสสุ วิปฺปกิณฺณํ เอกสฺมึ สิกฺขาปทปเทเส สมาหริตฺวาติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส จ อตฺโถ อยุตฺโต. กสฺมา? อเนเกสุ ปกรเณสุ วิปฺปกิณฺณํ เอกสฺมึ ปกรเณ สมาหริตฺวาติ อตฺโถ อมฺเหหิ วุตฺโต. อถ ปน ‘‘เอกตฺถา’’ติ อิมสฺส ‘‘เอกโต’’ติ อตฺถํ วิกปฺเปตฺวา อเนเกสุ สิกฺขาปทปเทเสสุ วิปฺปกิณฺณํ เอกโต สมาหริตฺวาติ อตฺถํ คณฺเหยฺย, โส อตฺโถ ยุตฺโต ภเวยฺย.

ปกฏฺานํ อาฬีติ ปาฬิ, อุตฺตมานํ วจนานํ อนุกฺกโมติ อตฺโถ. อถ วา อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภทํ อตฺถํ ปาเลติ รกฺขตีติ ปาฬิ, ลฬานมวิเสโส. กา สา? วินยตนฺติ. มุจฺจตีติ มุตฺโต, ปาฬิโต มุตฺโต ปาฬิมุตฺโต. ฉินฺทิยเต อเนนาติ ฉโย, นีหริตฺวา ฉโย นิจฺฉโย, วิเสเสน นิจฺฉโย วินิจฺฉโย, ขิลมทฺทนากาเรน ปวตฺโต สทฺทนโย อตฺถนโย จ. ปาฬิมุตฺโต จ โส วินิจฺฉโย จาติ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย, ตํ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยํ. อิทฺจ ‘‘อานครา ขทิรวน’’นฺติอาทีสุ วิย เยภุยฺยนยวเสน วุตฺตํ กตฺถจิ ปาฬิวินิจฺฉยสฺสปิ ทิสฺสนโต. โปราณฏีกายํ ปน ปาฬิวินิจฺฉโย จ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย จ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโยติ เอวํ เอกเทสสรูเปกเสสวเสน วา เอตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพนฺติ ทุติยนโยปิ วุตฺโต, เอวฺจ สติ ปาฬิวินิจฺฉยปาฬิมุตฺตวินิจฺฉเยหิ อฺสฺส วินิจฺฉยสฺส อภาวา กิเมเตน คนฺถครุกเรน ปาฬิมุตฺตคฺคหเณน. วิเสสนฺหิ สมฺภวพฺยภิจาเร จ สติ สาตฺถกํ สิยาติ ปมนโยว อาราธนีโย โหติ.

เอวํ สเหตุกํ อภิเธยฺยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กรณปฺปการํ ทสฺเสติ ‘‘สมาหริตฺวา’’ติอาทินา. ทุวิโธ เหตฺถ กรณปฺปกาโร เอกตฺถสมาหรณอนากุลกรณวเสน. โส ทุวิโธปิ เตน ปกาเรน ปกรณสฺส กตตฺตา ‘‘กรณปฺปกาโร’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ สมาหริสฺสามีติ สมาหริตฺวา, สํ-สทฺโท สงฺเขปตฺโถ, ตสฺมา สงฺขิปิย อาหริสฺสามีติ อตฺโถ. อนาคตกาลิกวเสน ปจฺจมาเนน ‘‘ทสฺสยิสฺส’’นฺติ ปเทน สมานกาลตฺตา อนาคตกาลิโก อิธ ตฺวา-ปจฺจโย วุตฺโต. เอกตฺถาติ เอกสฺมึ อิธ วินยสงฺคหปฺปกรเณ. เอกตฺถาติ วา เอกโต. ทสฺสยิสฺสนฺติ ทสฺสยิสฺสามิ, าปยิสฺสามีติ อตฺโถ. อากุลติ พฺยากุลตีติ อากุโล, น อากุโล อนากุโล, ปุพฺพาปรพฺยากิณฺณวิรหิโต ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย. อนากุลนฺติ ปน ภาวนปุํสกํ, ตสฺมา กรธาตุมเยน กตฺวาสทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺสนกิริยาย สมฺพนฺธิตพฺพํ.

เอวํ รตนตฺตยปณามาทิกํ ปุพฺพกรณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉเย ทสฺเสตุกาโม, เตสํ อนุกฺกมกรณตฺถํ มาติกํ เปนฺโต ‘‘ตตฺรายํ มาติกา’’ติอาทิมาห. มาติกาย หิ อสติ ทสฺสิตวินิจฺฉยา วิกิรนฺติ วิธํเสนฺติ ยถา ตํ สุตฺเตน อสงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ. สนฺติยา ปน มาติกาย ทสฺสิตวินิจฺฉยา น วิกิรนฺติ น วิธํเสนฺติ ยถา ตํ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ. ตํ ตํ อตฺถํ ชานิตุกาเมหิ มาติกานุสาเรน คนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตวินิจฺฉยํ ปตฺวา โส โส อตฺโถ ชานิตพฺโพ โหติ, ตสฺมา สุขคฺคหณตฺถํ มาติกา ปิตา. ตตฺถ ตตฺราติ ตสฺมึ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉเย. อยนฺติ อยํ มยา วกฺขมานา. มาตา วิยาติ มาติกา. ยถา หิ ปุตฺตา มาติโต ปภวนฺติ, เอวํ นิทฺเทสปทานิ อุทฺเทสโต ปภวนฺติ, ตสฺมา อุทฺเทโส มาติกา วิยาติ ‘‘มาติกา’’ติ วุจฺจติ.

ทิวาเสยฺยาติอาทีสุ ทิวาเสยฺยา ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา. ปริกฺขาโร ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา…เป… ปกิณฺณกํ ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาติ โยชนา. เตเนว วกฺขติ ‘‘ทิวาสยนวินิจฺฉยกถา สมตฺตา’’ติอาทิ. อิติ-สทฺโท อิทมตฺโถ วา นิทสฺสนตฺโถ วา ปริสมาปนตฺโถ วา. เตสุ อิทมตฺเถ กา สา? ทิวาเสยฺยา…เป… ปกิณฺณกํ อิติ อยนฺติ. นิทสฺสนตฺเถ กถํ สา? ทิวาเสยฺยา…เป… ปกิณฺณกํ อิติ ทฏฺพฺพาติ. ปริสมาปนตฺเถ สา กิตฺตเกน ปริสมตฺตา? ทิวาเสยฺยา…เป… ปกิณฺณกํ อิติ เอตฺตเกน ปริสมตฺตาติ อตฺโถ. อิเมสํ ปน ทิวาเสยฺยาทิปทานํ วากฺยวิคฺคหํ กตฺวา อตฺเถ อิธ วุจฺจมาเน อติปปฺโจ ภวิสฺสติ, โสตูนฺจ ทุสฺสลฺลกฺขณีโย, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส นิทฺเทสสฺส อาทิมฺหิเยว ยถานุรูปํ วกฺขาม.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา

. เอวํ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยกถานํ มาติกํ เปตฺวา อิทานิ ยถาปิตมาติกานุกฺกเมน นิทฺทิสนฺโต ‘‘ตตฺถ ทิวาเสยฺยาติ ทิวานิปชฺชน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ มาติกาปเทสุ สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ทิวาเสยฺยา’’ติ ปทสฺส ‘‘ทิวานิปชฺชน’’นฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา. ตตฺถ ทิวา-สทฺโท อหวาจโก อาการนฺโต นิปาโต. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ ‘‘อานุกูลฺเยตุ สทฺธฺจ, นตฺตํ โทโส ทิวา ตฺวเห’’ติ. สยนํ เสยฺยา, กรชกายคตรูปานํ อุทฺธํ อนุคฺคนฺตฺวา ทีฆวเสน วิตฺถารโต ปวตฺตนสงฺขาโต อิริยาปถวิเสโส. ทิวากาลสฺมึ เสยฺยา ทิวาเสยฺยา. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว สูริยตฺถงฺคมนา, เอตสฺมึ กาเล สยนอิริยาปถกรณนฺติ. เตนาห ‘‘ทิวานิปชฺชนนฺติ อตฺโถ’’ติ.

ตตฺราติ ตสฺมึ ทิวาสยเน อยํ วกฺขมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ (ปารา. ๗๗) อยํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทสฺส วินีตวตฺถูสุ อาคโต ภควตา อาหจฺจภาสิโต าปกปาโ. ตตฺถ ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตนาติ ทิวา นิปชฺชนฺเตน. ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุนฺติ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิปชฺชิตุํ. ‘‘ทิวา…เป… นิปชฺชิตพฺพนฺติ าปฺยํ. นนุ ปาฬิยํ ‘‘อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ น วุตฺตา, อถ กถเมตฺถ อาปตฺติ วิฺายตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทิวานิปชฺชเน. -สทฺโท วากฺยารมฺภโชตโก, กิฺจาปิ-สทฺโท นิปาตสมุทาโย, ยทิปีตฺยตฺโถ. ปาฬิยํ อยํ นาม อาปตฺตีติ กิฺจาปิ น วุตฺตา, ปน ตถาปิ อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) ทุกฺกฏํ ยสฺมา วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺถ อาปตฺติ วิฺายตีติ โยชนา. เอวํ สนฺเตปิ อสติ ภควโต วจเน กถํ อฏฺกถายํ วุตฺตํ สิยาติ อาห ‘‘วิวริตฺวา…เป… อนุฺาตตฺตา’’ติ. เอเตน ภควโต อนุชานนมฺปิ ตํ อกโรนฺตสฺส อาปตฺติการณํ โหตีติ ทสฺเสติ.

ตตฺถ ‘‘อุปฺปนฺเน วตฺถุมฺหีติ อิตฺถิยา กตอชฺฌาจารวตฺถุสฺมิ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ, สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๗๗) ปน ‘‘เมถุนวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺเน’’ติ วุตฺตํ, โปราณฏีกายมฺปิ ตเมว คเหตฺวา ‘‘อุปฺปนฺเน เมถุนวตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ เมถุนลกฺขณสฺส อภาวา. นนุ สิกฺขาปทปฺาปนํ นาม พุทฺธวิสโย, อถ กสฺมา อฏฺกถายํ ทุกฺกฏํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ภควโต’’ติอาทิ. น เกวลํ อุปาลิตฺเถราทีหิ เอว อฏฺกถา ปิตา, อถ โข ปาฬิโต จ อตฺถโต จ พุทฺเธน ภควตา วุตฺโต. น หิ ภควตา อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม อตฺถิ, สพฺเพสํเยว อตฺโถ กถิโต, ตสฺมา สมฺพุทฺเธเนว ติณฺณํ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนกฺกโมปิ ภาสิโตติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนาเยว อฏฺกถาติ.

กึ ปเนตฺถ เอตํ ทิวา ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส ทุกฺกฏาปตฺติอาปชฺชนํ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอว สิทฺธํ, อุทาหุ อฺเนปีติ อาห ‘‘อตฺถาปตฺตี’’ติอาทิ. เอตํ ทุกฺกฏาปตฺติอาปชฺชนํ น เกวลํ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอว สิทฺธํ, อถ โข ‘‘อตฺถาปตฺติ ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) อิมินา ปริวารปาเนปิ สิทฺธํ โหตีติ โยชนา. กตรสฺมึ ปน วตฺถุสฺมึ อิทํ สิกฺขาปทํ วุตฺตนฺติ? ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ เวสาลิยํ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ ทิวา วิหารคโต ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อโหสิ. ตสฺส องฺคมงฺคานิ วาตุปตฺถทฺธานิ อเหสุํ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อิตฺถิโย คนฺธฺจ มาลฺจ อาทาย วิหารํ อาคมึสุ วิหารเปกฺขิกาโย. อถ โข ตา อิตฺถิโย ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา องฺคชาเต อภินิสีทิตฺวา ยาวทตฺถํ กตฺวา ‘ปุริสุสโภ วตาย’นฺติ วตฺวา คนฺธฺจ มาลฺจ อาโรเปตฺวา ปกฺกมึสุ. ภิกฺขู กิลินฺนํ ปสฺสิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ปฺจหิ, ภิกฺขเว, อากาเรหิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ ราเคน, วจฺเจน, ปสฺสาเวน, วาเตน, อุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺเน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหากาเรหิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ตสฺส ภิกฺขุโน ราเคน องฺคชาตํ กมฺมนิยํ อสฺส, อรหํ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, อนาปตฺติ ภิกฺขเว ตสฺส ภิกฺขุโน. อนุชานามิ ภิกฺขเว ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

. อิทานิ ทฺวารวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กีทิส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปริวตฺตกทฺวารเมวาติ สํวรณวิวรณวเสน อิโต จิโต จ ปริวตฺตนโยคฺคทฺวารเมว. รุกฺขสูจิกณฺฏกทฺวารนฺติ รุกฺขสูจิทฺวารํ กณฺฏกทฺวารฺจ. ‘‘รุกฺขสูจิทฺวารกณฺฏกทฺวาร’’มิจฺเจว วา ปาโ. ยํ อุโภสุ ปสฺเสสุ รุกฺขตฺถมฺเภ นิขนิตฺวา ตตฺถ วิชฺฌิตฺวา มชฺเฌ ทฺเว ติสฺโส รุกฺขสูจิโย ปเวเสตฺวา กโรนฺติ, ตํ รุกฺขสูจิทฺวารํ นาม. ปเวสนนิกฺขมนกาเล อปเนตฺวา ถกนโยคฺคํ เอกาย, พหูหิ วา กณฺฏกสาขาหิ กตํ กณฺฏกทฺวารํ นาม. คามทฺวารสฺส ปิธานตฺถํ ปทเรน วา กณฺฏกสาขาทีหิ วา กตสฺส กวาฏสฺส อุทุกฺขลปาสกรหิตตาย เอเกน สํวริตุํ วิวริตุฺจ อสกฺกุเณยฺยสฺส เหฏฺา เอกํ จกฺกํ โยเชนฺติ, เยน ปริวตฺตมานกกวาฏํ สุขถกนกํ โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺกลกยุตฺตทฺวาร’’นฺติ. จกฺกเมว หิ ลาตพฺพตฺเถน สํวรณวิวรณตฺถาย คเหตพฺพตฺเถน จกฺกลกํ, เตน ยุตฺตกวาฏมฺปิ จกฺกลกํ นาม, เตน ยุตฺตทฺวารํ จกฺกลกยุตฺตทฺวารํ.

มหาทฺวาเรสุ ปน ทฺเว ตีณิ จกฺกลกานิ โยเชตีติ อาห ‘‘ผลเกสู’’ติอาทิ. กิฏิกาสูติ เวฬุเปสิกาทีหิ กณฺฏกสาขาทีหิ จ กตถกนเกสุ. สํสรณกิฏิกทฺวารนฺติ จกฺกลกยนฺเตน สํสรณกิฏิกายุตฺตมหาทฺวารํ. โคปฺเผตฺวาติ อาวุณิตฺวา, รชฺชูหิ คนฺเถตฺวา วา. เอกํ ทุสฺสสาณิทฺวารเมวาติ เอตฺถ กิลฺชสาณิทฺวารมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๗๖-๗๗) ปน ‘‘ทุสฺสทฺวารํ สาณิทฺวารฺจ ทุสฺสสาณิทฺวารํ. ทุสฺสสาณิ กิลฺชสาณีติอาทินา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ทุสฺสสาณิยเมว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ, เอกสทิสตฺตา เอกนฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

. เอวํ ทฺวารวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยตฺตเกน ทฺวารํ สํวุตํ โหติ, ตํ ปมาณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิตฺตเกน’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สูจีติ มชฺเฌ ฉิทฺทํ กตฺวา ปเวสิตา. ฆฏิกาติ อุปริ โยชิตา. อิทานิ ยตฺถ ทฺวารํ สํวริตฺวา นิปชฺชิตุํ น สกฺกา โหติ, ตตฺถ กาตพฺพวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ พหูนํ วฬฺชนฏฺานํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหูนํ อวฬฺชนฏฺาเนปิ เอกํ อาปุจฺฉิตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติเยว. อถ ภิกฺขู…เป… นิสินฺนา โหนฺตีติ อิทํ ตตฺถ ภิกฺขูนํ สนฺนิหิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เสสอิริยาปถสมงฺคิตานิวตฺตนตฺถํ, ตสฺมา นิปนฺเนปิ อาโภคํ กาตุํ วฏฺฏติ. นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺเต ปน อาโภคํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อสนฺตปกฺเข ิตตฺตา รโห นิสชฺชาย วิย ทฺวารสํวรณํ นาม มาตุคามานํ ปเวสนิวารณตฺถํ อนุฺาตนฺติ อาห ‘‘เกวลํ ภิกฺขุนึ วา’’ติอาทิ.

เอตฺถ จ ตํ ยุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถปิ โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพนฺติ อิทํ อฏฺกถาวจนโต อติเรกํ อาจริยสฺส วจนํ. อิโต ปุพฺพาปรวจนํ อฏฺกถาวจนเมว. ตตฺถ ตํ ยุตฺตนฺติ ‘‘กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน…เป… น วตฺตตี’’ติ ยํ วจนํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ, ตํ วจนํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ…เป… คเหตพฺพนฺติ ยถา เจตฺถ กุรุนฺทิยํ วุตฺตวจนํ ยุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถปิ วินิจฺฉเย โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ, ปุเร วุตฺโต เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปมาณนฺติ น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อิทํ วจนํ อฏฺาเน วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กถํ? ยํ ตาว วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตนฺติ. ตํ อิมสฺมึ อาปุจฺฉนอาโภคกรณวินิจฺฉเย อฺสฺส อยุตฺตสฺส อฏฺกถาวาทสฺส วา เถรวาทสฺส วา อภาวา วตฺตุํ น สกฺกา. น หิ ปุพฺพวากฺเย ‘‘ภิกฺขู เอวา’’ติ อวธารณํ กตํ, อถ โข อาสนฺนวเสน วา ปฏฺานวเสน วา ‘‘ภิกฺขู จีวรกมฺมํ’’อิจฺจาทิกํเยว วุตฺตํ. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ สพฺพตฺถปี’’ตฺยาทิ, ตมฺปิ อโนกาสํ. อิมสฺมึ วินิจฺฉเย อฺสฺส อฏฺกถาวาทสฺส วา อาจริยวาทสฺส วา อวจนโต ปุเร ปจฺฉาภาโว จ น ทิสฺสติ, อยํ ‘‘ปมาณ’’นฺติ คเหตพฺโพ, อยํ ‘‘น คเหตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพภาโว จ.

อุปริ ปน ‘‘โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตี’’ติ อิมสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน มหาปจฺจริวาโท จ กุรุนฺทิวาโท จ มหาอฏฺกถาวาโท จาติ ตโย อฏฺกถาวาทา อาคตา, เอโก มหาปทุมตฺเถรวาโท, ตสฺมา ตตฺเถว ยุตฺตายุตฺตภาโว จ ปมาณาปมาณภาโว จ คเหตพฺพาคเหตพฺพภาโว จ ทิสฺสติ, ตสฺมา ตสฺมึเยว าเน วตฺตพฺพํ สิยา, สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ปน อาจริยาสเภน อวตฺตพฺพฏฺาเน วุตฺตํ น สิยา, ตสฺมา อุปริ อฏฺกถาวาทสํสนฺทนาวสาเน มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตนฺติ อิมสฺส วจนสฺส ปจฺฉโต วุตฺตํ สิยา, ตํ ปจฺฉา เลขเกหิ ปริวตฺเตตฺวา ลิขิตํ ภเวยฺย, ปาราชิกกณฺฑฏฺกถายฺจ อิทํ วจนํ วุตฺตํ. ฏีกายฺจ อิมสฺมึ าเน น วุตฺตํ, อุปริเยว วุตฺตํ, ‘‘โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ อิมสฺส อฏฺกถาวาทสฺส ปจฺฉิมตฺตา โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘สพฺพตฺถ โย โย อฏฺกถาวาโท วา เถรวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสเยว ปมาณโต ทฏฺพฺโพ’’ติ, ตสฺมา อิทเมตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

. อิทานิ ทฺวารํ สํวรณสฺส อนฺตราเย สติ อสํวริตฺวาปิ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ทฺวารสฺส’’ตฺยาทิมาห. นิสฺเสณึ อาโรเปตฺวาติ อุปริมตลํ อาโรเปตฺวา วิสงฺขริตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา, ฉฑฺเฑตฺวา วา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. อิทํ เอกาพทฺธตาย วุตฺตํ. ทฺเวปิ ทฺวารานิ ชคฺคิตพฺพานีติ เอตฺถ สเจ เอกสฺมึ ทฺวาเร กวาฏํ วา นตฺถิ, เหฏฺา วุตฺตนเยน สํวริตุํ วา น สกฺกา, อิตรํ ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. ทฺวารปาลสฺสาติ ทฺวารโกฏฺเก มหาทฺวาเร, นิสฺเสณิมูเล วา ตฺวา ทฺวารชคฺคนกสฺส. ปจฺฉิมานํ ภาโรติ เอกาพทฺธวเสน อาคจฺฉนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. อสํวุตทฺวาเร อนฺโตคพฺเภ วาติ โยเชตพฺพํ. พหิ วาติ คพฺภโต พหิ. นิปชฺชนกาเลปิ…เป… วฏฺฏติเยวาติ เอตฺถ ทฺวารชคฺคนกสฺส ตทธีนตฺตา ตทา ตสฺส ตตฺถ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวํ อนุปธาเรตฺวาปิ อาโภคํ กาตุํ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ.

เยน เกนจิ ปริกฺขิตฺเตติ เอตฺถ ปริกฺเขปสฺส อุพฺเพธโต ปมาณํ สหเสยฺยปฺปโหนเก วุตฺตสทิสเมว. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑) ‘‘ยฺหิ เสนาสนํ อุปริ ปฺจหิ ฉทเนหิ อฺเน วา เกนจิ สพฺพเมว ปฏิจฺฉนฺนํ, อยํ สพฺพจฺฉนฺนา นาม เสยฺยา…เป… ยํ ปน เสนาสนํ ภูมิโต ปฏฺาย ยาว ฉทนํ อาหจฺจ ปากาเรน วา อฺเน วา เกนจิ อนฺตมโส วตฺเถนปิ ปริกฺขิตฺตํ, อยํ สพฺพปริจฺฉนฺนา นาม เสยฺยา. ฉทนํ อนาหจฺจ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพเธน ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตาปิ สพฺพปริจฺฉนฺนาเยวาติ กุรุนฺทฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพโธ วฑฺฒกิหตฺเถน คเหตพฺโพ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๑) วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) วุตฺตํ. มหาปริเวณนฺติ มหนฺตํ องฺคณํ. เตน พหุชนสฺจรณฏฺานํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘มหาโพธี’’ติอาทิ.

อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺาติ, อนาปตฺติ อนาปตฺติเขตฺตภูตาย รตฺติยา สุทฺธจิตฺเตน นิปนฺนตฺตา. ปพุชฺฌิตฺวา ปุน สุปติ, อาปตฺตีติ อรุเณ อุคฺคเต ปพุชฺฌิตฺวา อรุณุคฺคมนํ ตฺวา วา อตฺวา วา อนุฏฺหิตฺวา สยิตสนฺตาเนน สุปติ, อุฏฺหิตฺวา กตฺตพฺพสฺส ทฺวารสํวรณาทิโน อกตตฺตา อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ อนาปตฺติเขตฺเต กตนิปชฺชนกิริยาย อนงฺคตฺตา. อยฺหิ อาปตฺติ อีทิเส าเน อกิริยา, ทิวา ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชนกฺขเณ กิริยากิริยา จ อจิตฺตกา จาติ เวทิตพฺพา. ปุรารุณา ปพุชฺฌิตฺวาปิ ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตสฺสปิ ปุริมนเยน อาปตฺติเยว.

อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺหิสฺสามีติ…เป… อาปตฺติเยวาติ เอตฺถ กทา อสฺส อาปตฺตีติ? วุจฺจเต – น ตาว รตฺติยํ, ‘‘ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) วุตฺตตฺตา อนาทริยทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปน ทิวาสยนทุกฺกฏเมว น โหติ อนาทริยทุกฺกฏตฺตา เอว. ‘‘อรุณุคฺคมเน ปน อจิตฺตกํ อกิริยสมุฏฺานํ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ปาราชิก ๒.๗๗) ‘‘ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว อุฏฺหติ. ตสฺส อาปตฺตีติ อสุทฺธจิตฺเตเนว นิปนฺนตฺตา นิทฺทายนฺตสฺสปิ อรุเณ อุคฺคเต ทิวาปฏิสลฺลานมูลิกา อาปตฺติ. ‘เอวํ นิปชฺชนฺโต อนาทริยทุกฺกฏาปิ น มุจฺจตี’ติ วุตฺตตฺตา อสุทฺธจิตฺเตน นิปชฺชนฺโต อรุณุคฺคมนโต ปุเรตรํ อุฏฺหนฺโตปิ อนุฏฺหนฺโตปิ นิปชฺชนกาเลเยว อนาทริยทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ทิวาปฏิสลฺลานมูลิกํ ปน ทุกฺกฏํ อรุเณเยว อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ นิปชฺชนฺตสฺส ทฺเว ทุกฺกฏานิ อาปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพํ.

สเจ ทฺวารํ สํวริตฺวา อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺหิสฺสามีติ นิปชฺชติ, ทฺวาเร จ อฺเหิ อรุณุคฺคมนกาเล วิวเฏปิ ตสฺส อนาปตฺติเยว ทฺวารปิทหนสฺส รตฺติทิวาภาเคสุ วิเสสาภาวา. อาปตฺติอาปชฺชนสฺเสว กาลวิเสโส อิจฺฉิตพฺโพ, น ตปฺปริหารสฺสาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ทฺวารํ สํวริตฺวา รตฺตึ นิปชฺชตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) หิ วุตฺตํ. ทิวา สํวริตฺวา นิปนฺนสฺส เกนจิ วิวเฏปิ ทฺวาเร อนาปตฺติเยว, อตฺตนาปิ อนุฏฺหิตฺวาว สติ ปจฺจเย วิวเฏปิ อนาปตฺตีติ วทนฺติ, อิทมฺปิ วิมติวิโนทนิยเมว (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ.

ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว วุฏฺาติ, อาปตฺติเยวาติ มูลาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาทริยอาปตฺติ ปน ปุรารุณา อุฏฺิตสฺสปิ ตสฺส โหเตว ‘‘ทุกฺกฏา น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา. ทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ จ ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา มูลาปตฺติยา มุตฺโตปิ อนาทริยทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.

. นิทฺทาวเสน นิปชฺชตีติ นิทฺทาภิภูตตาย เอกปสฺเสน นิปชฺชติ. ‘‘นิทฺทาวเสน นิปชฺชตี’’ติ โวหารวเสน วุตฺตํ, ปาทานํ ปน ภูมิโต อโมจิตตฺตา อยํ นิปนฺโน นาม โหตีติ เตเนว อนาปตฺติ วุตฺตา. อปสฺสาย สุปนฺตสฺสาติ กฏิฏฺิโต อุทฺธํ ปิฏฺิกณฺฏเก อปฺปมตฺตกํ ปเทสํ ภูมึ อผุสาเปตฺวา สุปนฺตสฺส. กฏิฏฺึ ปน ภูมึ ผุสาเปนฺตสฺส สยนํ นาม น โหติ. ปิฏฺิปสารณลกฺขณา หิ เสยฺยา ทีฆา, วนฺทนาทีสุปิ ติริยํ ปิฏฺิกณฺฏกานํ ปสาริตตฺตา นิปชฺชนเมวาติ อาปตฺติ ปริหริตพฺพาว. วนฺทนาปิ หิ ปาทมูเล นิปชฺชตีติอาทีสุ นิปชฺชนเมว วุตฺตา. สหสา วุฏฺาตีติ ปกฺขลิตา ปติโต วิย สหสา วุฏฺาติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติ ปตนกฺขเณ อวิสยตฺตา, วิสเย ชาเต สหสา วุฏฺิตตฺตา จ. ยสฺส ปน วิสฺิตาย ปจฺฉาปิ อวิสโย เอว, ตสฺส อนาปตฺติเยว ปตนกฺขเณ วิย. ตตฺเถว สยติ, น วุฏฺาตีติ อิมินา วิสเยปิ อกรณํ ทสฺเสติ, เตเนว ตสฺส อาปตฺตีติ วุตฺตํ.

อิทานิ อฏฺกถาวาทสํสนฺทนํ กาตุํ ‘‘โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มหาปจฺจริยนฺติอาทีสุ ปจฺจรีติ อุฬุมฺปํ วุจฺจติ, ตสฺมึ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํ. กุรุนฺทิวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา กุรุนฺทีติ นามํ ชาตํ. มหาอฏฺกถา นาม สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา เตปิฏกสฺส พุทฺธวจนสฺส อฏฺกถา. ยา มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภตา, ตมฺพปณฺณิเยหิ เถเรหิ ปจฺฉา สีหฬภาสาย อภิสงฺขตา จ โหติ. เอกภงฺเคนาติ เอกปสฺสภฺชเนน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวา เอกปสฺเสน สรีรํ ภฺชิตฺวา นิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. มหาอฏฺกถายํ ปน มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เตน มหาอฏฺกถาย ลิขิตมหาปทุมตฺเถรวาเท ‘‘อย’’นฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มุจฺฉิตฺวา ปติตตฺตา อวิสยตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ เถเรน วุตฺตํ. อาจริยา ปน ยถา ยกฺขคหิตโก พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต จ ปรวโส โหติ, เอวํ อปรวสตฺตา มุจฺฉิตฺวา ปติโต กฺจิกาลํ ชานิตฺวา นิปชฺชตีติ อนาปตฺตึ น วทนฺติ, วิสฺิเต ปน สติ อนาปตฺติเยว.

ทฺเว ชนาติอาทิ มหาอฏฺกถายเมว วจนํ, ตเทว ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํ. ยกฺขคหิตคฺคหเณเนว เจตฺถ วิสฺิภูโตปิ สงฺคหิโต, เอกภงฺเคน นิปนฺโน ปน อนิปนฺนตฺตา อาปตฺติโต มุจฺจติเยวาติ คเหตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยฺจ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๗๗) ‘‘โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ อิมสฺส อฏฺกถาวาทสฺส ปจฺฉิมตฺตา โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ, ตถา จ วกฺขติ ‘‘สพฺพตฺถ โย โย อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ’’ติ. อิมสฺมึ าเน อิมสฺส อฏฺกถาปาสฺส อานีตตฺตา อิมสฺมึ วินยสงฺคหปฺปกรเณปิ อิมสฺมึเยว าเน โส ปาโ วตฺตพฺโพติ โน ขนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘รตฺตึ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺาติ, อนาปตฺตี’’ติอาทิวจนโต อรุณุคฺคมเน สํสยวิโนทนตฺถํ อรุณกถา วตฺตพฺพา. ตตฺริทํ วุจฺจติ –

‘‘โก เอส อรุโณ นาม;

เกน โส อรุโณ ภเว;

กีทิโส ตสฺส วณฺณา ตุ;

สณฺานํ กีทิสํ ภเว.

‘‘กิสฺมึ กาเล จ เทเส จ, อรุโณ สมุคจฺฉติ;

กึ ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอโส, อุทาหุ อนุมานโต’’ติ.

ตตฺถ โก เอส อรุโณ นามาติ เอตฺถ เอส อรุโณ นาม สูริยสฺส ปภาวิเสโส. วุตฺตฺเหตํ อภิธานปฺปทีปิกายํ –

‘‘สูรสฺโสทยโต ปุพฺพุฏฺิตรํสิ สิยารุโณ’’ติ;

ตฏฺฏีกายฺจ ‘‘สูรสฺส อุทยโต ปุพฺเพ อุฏฺิตรํสิ อรุโณ นาม สิยา’’ติ. วิมติวิโนทนีนามิกายํ วินยฏีกายฺจ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ‘‘อรุโณติ เจตฺถ สูริยุคฺคมนสฺส ปุเรจโร วฑฺฒนฆนรตฺโต ปภาวิเสโสติ ทฏฺพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สูริยปฺปภาเยว อรุโณ นาม, น อฺโติ ทฏฺพฺพํ. เกน โส อรุโณ ภเวติ เอตฺถ อรุโณ วณฺโณ อสฺสาติ อรุโณ, กิฺจิรตฺตวณฺณสมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อถ วา อรติ คจฺฉติ รตฺตวณฺณภาเวน ปวตฺตตีติ อรุโณ. วุตฺตฺเหตํ อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ ‘‘อรุณวณฺณตาย อรติ คจฺฉตีติ อรุโณ’’ติ. กีทิโส ตสฺส วณฺโณติ เอตฺถ อพฺยตฺตรตฺตวณฺโณ ตสฺส วณฺโณ ภเว. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ ‘‘อรุโณ กิฺจิรตฺโตถา’’ติ. ตฏฺฏีกายฺจ ‘‘กิฺจิรตฺโต อพฺยตฺตรตฺตวณฺโณ อรุโณ นาม ยถา มจฺฉสฺส อกฺขี’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ‘‘วฑฺฒนฆนรตฺโต ปภาวิเสโส’’ติ, ตสฺมา สูริยสฺส รตฺตปฺปภาเยว อรุโณ นาม, น เสตปฺปภาทโยติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนาย วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๘๓) ‘‘ปาฬิยํ ปน นนฺทิมุขิยาติ โอทาตทิสามุขตาย ตุฏฺมุขิยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถํ ยุชฺเชยฺยาติ, โน น ยุชฺเชยฺย. ตตฺถ หิ อรุณุคฺคตกาเล อรุโณภาเสน โอทาตทิสามุขภาโว วุตฺโต, น อรุโณภาสสฺส โอทาตภาโว. วุตฺตฺเหตํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๒๓) ‘‘นนฺทิมุขิยาติ อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุโณภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา ชาตาย วิภายมานายาติ อตฺโถ’’ติ.

ชาตกฏฺกถายฺจ –

‘‘ชิฆฺรตฺตึ อรุณสฺมิมุหเต;

ยา ทิสฺสติ อุตฺตมรูปวณฺณินี;

ตถูปมา มํ ปฏิภาสิ เทวเต;

อาจิกฺข เม ตํ กตมาสิ อจฺฉรา’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๔);

อิมสฺส คาถาย อตฺถวณฺณนายํ ‘‘ตตฺถ ชิฆฺรตฺตินฺติ ปจฺฉิมรตฺตึ, รตฺติปริโยสาเนติ อตฺโถ. อุหเตติ อรุเณ อุคฺคเต. ยาติ ยา ปุรตฺถิมา ทิสา รตฺตวณฺณตาย อุตฺตมรูปธรา หุตฺวา ทิสฺสตี’’ติ. เอวํ อรุณุคฺคตสมเย ปุรตฺถิมทิสาย รตฺตวณฺณตา วุตฺตา, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย อรุณสฺส อุฏฺิตตฺตา ปุรตฺถิมาย ทิสาย รตฺตภาโค สูริยาโลกสฺส ปตฺถฏตฺตา เสสทิสานํ โอทาตภาโว วิฺายติ.

สณฺานํ กีทิสํ ภเวติ เอตฺถ อรุณสฺส ปาเฏกฺกํ สณฺานํ นาม นตฺถิ รสฺมิมตฺตตฺตา. ยตฺตกํ ปเทสํ ผรติ, ตตฺตกํ ตสฺส สณฺานนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปุรตฺถิมทิสาสณฺานํ. วุตฺตฺหิ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) ‘‘ปุรตฺถิมทิสา รตฺตวณฺณตาย อุตฺตมรูปธรา หุตฺวา ทิสฺสตี’’ติ.

กิสฺมึ กาเล จ เทเส จ, อรุโณ สมุคจฺฉตีติ เอตฺถ เอส อรุโณ สูริยุคฺคมนสฺส ปุเร กาเล ปุรตฺถิมทิสายํ อุคฺคจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๒๓) ‘‘อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ, อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสายํ สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส’’ติ. อภิธานปฺปทีปิกายฺจ ‘‘สูรสฺโสทยโต ปุพฺพุฏฺิตรํสี’’ติ.

กึ ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอโส, อุทาหุ อนุมานโตติ เอตฺถ อยํ อรุโณ นาม ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอว, น อนุมานสิทฺโธ. กสฺมา วิฺายตีติ เจ? จกฺขุวิฺาณโคจรวณฺณายตนภาวโต. อกฺขสฺส ปตีติ ปจฺจกฺขํ, จกฺขุรูปานํ อภิมุขภาเวน อาปาถคตตฺตา จกฺขุวิฺาณํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๔, ๔๕, สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗), ตสฺมา อยํ อรุณวณฺโณ จกฺขุนา ทิสฺวา ชานิตพฺพโต ปจฺจกฺขสิทฺโธเยว โหติ, น เอวํ สติ เอวํ ภเวยฺยาติ อนุมาเนน ปุนปฺปุนํ จินฺตเนน สิทฺโธติ. อิมํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ สาธุกํ มนสิ กริตฺวา ปณฺฑิเตหิ รตฺโตภาโสเยว อรุโณติ ปจฺเจตพฺโพ สลฺลกฺเขตพฺโพติ.

กสฺมา ปน อิมสฺมึ าเน อรุณกถา วุตฺตาติ? อิมิสฺสา อรุณกถาย มหาวิสยภาวโต. กถํ? อุโปสถิกา อุปาสกา จ อุปาสิกาโย จ อรุณุคฺคมนํ ตถโต อชานนฺตา อนุคฺคเตเยว อรุเณ อุคฺคตสฺาย ขาทนียํ วา ขาทนฺติ, โภชนียํ วา ภุฺชนฺติ, มาลาคนฺธาทีนิ วา ธาเรนฺติ, ตโต เตสํ สีลํ ภิชฺชติ. สามเณรา ตเถว วิกาลโภชนํ ภุฺชิตฺวา สีลวินาสํ ปาปุณนฺติ. นิสฺสยปฏิปนฺนกา ภิกฺขู อาจริยุปชฺฌาเยหิ วินา พหิสีเม จรนฺตา นิสฺสยปฺปสฺสมฺภนํ ปาปุณนฺติ, อนฺโตวสฺเส ภิกฺขู อุปจารสีมโต พหิคจฺฉนฺตา วสฺสจฺเฉทํ, เตจีวริกา ภิกฺขู อพทฺธสีมายํ จีวเรน วิปฺปวสนฺตา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยํ, ตถา สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, สหเสยฺยปฺปโหนกฏฺาเน อนุปสมฺปนฺนมาตุคาเมหิ สห สยนฺตา ปาจิตฺติยํ, ตถา ยาวกาลิกํ ภุฺชนฺตา ภิกฺขู, ปาริวาสิกาทโย วตฺตํ นิกฺขิปนฺตา รตฺติจฺเฉทํ. เอวมาทิอเนกาทีนวสมฺภวโต ลชฺชิเปสลานํ ภิกฺขูนํ ตถโต อรุณุคฺคมนสฺส ชานนตฺถํ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.

เกจิ ปน ภิกฺขู อฑฺฒรตฺติสมเย ฆฏิสุฺตฺตา อฑฺฒรตฺติกาลํ อติกฺกมฺม อฺทิวโส โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ กาเล อรุณํ อุฏฺิตํ นาม โหตีติ มฺมานา อฑฺฒรตฺตึ อติกฺกมฺม ขาทนียโภชนียาทีนิ ภุฺชนฺติ, เต ปน พุทฺธสมยํ อชานนฺตา เวทสมยเมว มนสิ กโรนฺตา เอวํ กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ ตํกรณํ ปมาณํ น โหติ. พหโว ปน ภิกฺขู อรุณสฺส ปจฺจกฺขภาวํ อชานนฺตา อนุมานวเสน จินฺติตุฺจ อสกฺโกนฺตา อนุสฺสววเสเนว ปรวจนํ สทฺทหนฺตา อมฺหากํ อาจริยา อรุณุคฺคมนเวลายํ อุฏฺาย คจฺฉนฺตา สูริยุคฺคมนเวลายํ ทฺวิสหสฺสทณฺฑปฺปมาณํ านํ ปาปุณนฺติ, ติสหสฺสทณฺฑปฺปมาณํ านํ ปาปุณนฺตีติ จ วทนฺติ. อิมมฺหา วิหารา อสุกํ นาม วิหารํ อสุกํ นาม เจติยํ อสุกํ นาม คามํ ปาปุณนฺตีติอาทีนิ จ วทนฺตีติ เอวํ อนุสฺสววจนํ วทนฺติ, ตมฺปิ อปฺปมาณํ. กสฺมา? อทฺธานํ นาม พลวนฺตสฺส ชวสมฺปนฺนสฺส จ รสฺสํ โหติ, ทุพฺพลสฺส สนฺตสฺส จ ทีฆํ โหติ. วุตฺตฺหิ ภควตา –

‘‘ทีฆา ชาครโต รตฺติ, ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ;

ทีโฆ พาลาน สํสาโร, สทฺธมฺมํ อวิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๐);

ตสฺมา อทฺธานํ นาม สพฺเพสํ เอกสทิสํ น โหตีติ อรุณุคฺคมนสฺส ลกฺขณํ ภวิตุํ น สกฺกา, น จ เต อายสฺมนฺโต ปิฏกตฺตยโต กิฺจิ สาธกภูตํ วจนํ อาหรนฺติ, อสกฺขิกํ อฑฺฑํ กโรนฺติ วิย ยถาชฺฌาสยเมว วทนฺตีติ ปมาณํ น โหติ.

อฺเ ปน –

‘‘อตีตรตฺติยา ยาโม;

ปจฺฉิโมฑฺฒมมุสฺส วา;

ภาวินิยาทิปฺปหาโร;

ตทฑฺฒํ วาชฺชเตหฺย โหติ –

กจฺจายนสารปฺปกรณาคตํ คาถํ วตฺวา อตีตรตฺติยา ปจฺฉิโม ยาโม อชฺช ปริยาปนฺโน, ตสฺมา ปจฺฉิมยามสฺส อาทิโต ปฏฺาย อรุณํ อุคฺคจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. อยํ วาโท สการณสฺาปกตฺตา ปุริเมหิ พลวา โหติ, เอวํ สนฺเตปิ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? อยฺหิ คาถา พาหิรสทฺทสตฺเถ ชงฺคทาสปฺปกรเณ วุตฺตนเยน อชฺช ภวา อชฺชตนีติ วุตฺตอชฺชโวหารสฺส ปวตฺตนกาลํ ทสฺเสตุํ วุตฺตา, น ปิฏกตฺตเย วุตฺตสฺส อรุณุคฺคมนสฺส กาลํ ทสฺเสตุํ, ตสฺมา อฺสาธฺยสฺส อฺสาธเกน สาธิตตฺตา อยุตฺโตเยว.

อปเร ปน ‘‘ปหาโร ยามสฺิโต’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ วุตฺตตฺตา ปหารยามสทฺทานํ เอกตฺถตฺตา ตตฺเถว ‘‘ติยามา สํวรี ภเว’’ติ วุตฺตตฺตา รตฺติยา จ ติยามภาวโต ปาฬิยฺจ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ’’ติ อาคตตฺตา อิทานิ รตฺติยา จตูสุ ปหาเรสุ ตติยปฺปหารสฺส อวสาเน อรุโณ อุคฺคโต, ตสฺมา อวเสสเอกปฺปหารมตฺโต กาโล ทิวสภาคํ ภชตีติ วเทยฺยุํ, อยํ วาโท ตติยวาทโตปิ พลวตโร. กสฺมา? าปกาปฺยานํ อนุรูปภาวโต. ตถา หิ ‘‘ปหาโร ยามสฺิโต’’ติ อยํ าปโก ปหารยามานํ เอกตฺถภาวสฺส อนุรูโป, ‘‘ติยามา สํวรีภเว’’ติ อยํ รตฺติยา ติยามภาวสฺส, ‘‘ปาฬิยฺจา’’ติอาทิ ตติยปฺปหารสฺส อวสาเน อรุณุคฺคมนสฺส, ตถาปิ อยุตฺโตเยว โหติ. กสฺมา? ‘‘อวเสสเอกปฺปหารมตฺโต กาโล ทิวสภาคํ ภชตี’’ติ วจนสฺส วิรุทฺธตฺตา. มชฺฌิมเทเส หิ ทสฆฏิกาปมาณสฺส กาลสฺส เอกปฺปหารตฺตา สพฺพา รตฺติ ติยามาว โหติ, น จตุยามา, อิทานิ ปน ปจฺจนฺตวิสเยสุ สตฺตฏฺฆฏิกามตฺตสฺส กาลสฺส เอกปฺปหารกตตฺตา จตุปฺปหารา ภวติ, ตสฺมา มชฺฌิมเทสโวหารํ คเหตฺวา อภิธานปฺปทีปิกายฺจ ‘‘ติยามา สํวรี ภเว’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิยฺจ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ‘‘นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ’’ติ, ตสฺมา รตฺติปริโยสาเนเยว อรุโณ อุคฺคโตติ ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๐๑) ‘‘ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต, อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพนฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ.

สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ (ปาจิ. ๕๒-๕๔) ‘‘อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคมนวเสน อรุณุคฺคมนํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสนาติ. ชาตกฏฺกถายมฺปิ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) ‘‘รตฺติปริโยสาเนติ อตฺโถ’’ติ. น เกวลํ มชฺฌิมเทเสสุ รตฺติยาเยว ติปฺปหารภาโว โหติ, อถ โข ทิวสสฺสปิ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิธมฺมเทสนาปริโยสานฺจ เตสํ ภิกฺขูนํ สตฺตปฺปกรณอุคฺคหณฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหตี’’ติ, มูลฏีกายฺจ (ธ. ส. มูลฏี. นิทานกถาวณฺณนา) ‘‘เอกปฺปหาเรนาติ เอตฺถ ปหาโรติ ทิวสสฺส ตติยภาโค วุจฺจตี’’ติ, ตสฺมา เอโก รตฺติทิโว ฉปฺปหาโร โหตีติ วิฺายติ. เอวํ มชฺฌิมเทสโวหาเรน ติยามสงฺขาตสฺส ติปฺปหารสฺส อวสาเน สพฺพรตฺติปริโยสาเน อุฏฺิตํ อรุณํ ปจฺจนฺตเทสโวหาเรน ติปฺปหารสฺส อวสาเนติ คเหตฺวา เอกปฺปหาราวเสสกาเล อรุโณ อุคฺคโตติ วุตฺตตฺตา อยมฺปิ วาโท อยุตฺโตเยว โหตีติ ทฏฺพฺโพ.

พหโว ปน ปณฺฑิตา ‘‘ขุทฺทสิกฺขานิสฺสเย วุตฺตํ –

‘เสตรุณฺจ ปมํ, ทุติยํ นนฺทิยาวฏฺฏํ;

ตติยํ ตมฺพวณฺณฺจ, จตุตฺถํ คทฺรภํ มุข’นฺติ. –

อิมํ คาถํ นิสฺสาย เอกรตฺติยํ อรุโณ จตุกฺขตฺตุํ อุฏฺหติ, ตตฺถ ปมํ เสตวณฺณํ โหติ, ทุติยํ นนฺทิยาวฏฺฏปุปฺผวณฺณํ โหติ, ตติยํ ตมฺพวณฺณํ โหติ, จตุตฺถํ คทฺรภมุขวณฺณํ โหตี’’ติ วตฺวา รตฺโตภาสโต ปุเรตรํ อตีตรตฺติกาเลเยว วตฺตนิกฺขิปนาทิกมฺมํ กโรนฺติ. เตสํ ตํ กรณํ อนิสมฺมการิตํ อาปชฺชติ. อยฺหิ คาถา เนว ปาฬิยํ ทิสฺสติ, น อฏฺกถายํ, น ฏีกาสุ, เกวลํ นิสฺสเย เอว, นิสฺสเยสุ จ เอกสฺมึเยว ขุทฺทสิกฺขานิสฺสเย ทิสฺสติ, น อฺนิสฺสเยสุ, ตตฺถาปิ เนว ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ ทิสฺสติ, น เหตุผลาทิภาโว, น จ ลิงฺคนิยโมติ น นิสฺสยการาจริเยน ปิตา ภเวยฺย, อถ โข ปจฺฉา อฺเหิ เลขเกหิ วา อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ ลิขิตา ภเวยฺย, ตสฺมา อยํ คาถา กุโต อาภตา ปาฬิโต วา อฏฺกถาโต วา ฏีกาโต วา วินยโต วา สุตฺตนฺตโต วา อภิธมฺมโต วาติ ปภวํ อปริเยสิตฺวา นิสฺสเย ทิฏฺมตฺตเมว สารโต คเหตฺวา ปาฬิยฏฺกถาฏีกาสุ วุตฺตวจนํ อนิสาเมตฺวา กตตฺตา อนิสมฺมการิตํ อาปชฺชติ.

ตตฺรายํ ปาฬิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา สีตาสุ เหมนฺติกาสุ รตฺตีสุ อนฺตรฏฺกาสุ หิมปาตสมเย รตฺตึ อชฺโฌกาเส เอกจีวโร นิสีทิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, ทุติยํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต มชฺฌิเม ยาเม สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, ตติยํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, จตุตฺถํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสี’’ติ. อยํ มหาวคฺเค (มหาว. ๓๔๖) จีวรกฺขนฺธกาคตา วินยปาฬิ. ปาฬิยํ นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา, ปสนฺนทิสามุขายาติ อตฺโถ. อยํ ตํสํวณฺณนาย วิมติวิโนทนีปาโ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔๖).

‘‘เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. เอวํ วุตฺเต ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต มชฺฌิเม ยาเม อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต มชฺฌิโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. ทุติยมฺปิ ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺตํ อรุณํ, นนฺทิมุขี รตฺติ, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ ภนฺเต ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๓). อยํ จูฬวคฺเค ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกาคตา อปราปิ วินยปาฬิ.

นนฺทิมุขิยา รตฺติยาติ อรุณุฏฺิตกาเล ปีติมุขา วิย รตฺติ ขายติ. เตนาห ‘‘นนฺทิมุขิยา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๘๓) อยํ ตํสํวณฺณนาภูตสมนฺตปาสาทิกฏฺกถาปาโ. อภิกฺกนฺตาติ ปริกฺขีณา. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา. อยํ ตํสํวณฺณนาภูตสารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๓). ปาฬิยํ นนฺทิมุขิยาติ โอทาตทิสามุขิตาย ตุฏฺมุขิยา. อยํ ตํสํวณฺณนาย (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๘๓) วิมติวิโนทนีปาโ.

‘‘ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตายรตฺติยา นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ, นนฺทิมุขี รตฺติ, จิรนิสินฺนา อาคนฺตุกา ภิกฺขู, ปฏิสมฺโมทตุ, ภนฺเต, ภควา อาคนฺตุเก ภิกฺขู’’ติ. อยํ อุทานาคตา สุตฺตนฺตปาฬิ (อุทา. ๔๕). อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ. อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสายํ สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส. นนฺทิมุขิยา รตฺติยาติ อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุโณภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา ชาตาย, วิภายมานายาติ อตฺโถ. อยํ ตํสํวณฺณนาภูตา อุทานฏฺกถา (อุทา. อฏฺ. ๒๓).

อิติ เอตฺตกาสุ วินยสุตฺตนฺตาคตาสุ ปาฬิยฏฺกถาฏีกาสุ เอกสฺมิมฺปิาเน อรุโณ จตุกฺขตฺตุํ อุคฺคโตติ นตฺถิ, เอกวารเมว วุตฺโต. จตุพฺพิธวณฺณสมนฺนาคโตติปิ นตฺถิ, เอกวณฺโณ เอว วุตฺโต. ชาตกฏฺกถายมฺปิ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) รตฺตวณฺโณ เอว วุตฺโต, น เสตวณฺณาทิโก. นนฺทิมุขีติ จ สตฺเต นนฺทาปนทิสามุขี รตฺติ เอว วุตฺตา, น อรุณสฺส นนฺทิยาวฏฺฏปุปฺผสทิสวณฺณตา. เตนาห ‘‘สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา’’ติ. เอวํ อภิธานปฺปทีปิกาปกรณวจเนน วิรุทฺธตฺตา ปาฬิยฏฺกถาทีหิ อสํสนฺทนโต ทุพฺพลสาธกตฺตา จ อยมฺปิ วาโท อยุตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาณํ อนติกฺกนฺเตน ลชฺชิภิกฺขุนา ยทิ เกนจิ อปฺปฏิจฺฉนฺเน วิวโฏกาเส โหติ, มจฺฉกฺขิสมานอพฺยตฺตรตฺโตภาสสฺส ปฺายมานกาลโต ปฏฺาย วตฺตนิกฺขิปนาทิกมฺมํ กาตพฺพํ.

ยทิ ปน ปพฺพตาทินา ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ โหติ, ยตฺตเกน กาเลน วิวฏฏฺาเน รตฺโตภาโส ปฺายติ, สูริยมณฺฑลสฺส ทิสฺสนกาลโต เอกฆฏิกามตฺเตน วา ทฺวิฆฏิกามตฺเตน วา ตตฺตกํ กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมสฺมึ กาเล อรุโณ อุคฺคโต ภเวยฺยาติ ตกฺเกตฺวา กาตพฺพํ, สํสยํ อนิจฺฉนฺเตน ตโตปิ กฺจิกาลํ อธิวาเสตฺวา นิสฺสํสยกาเล กตฺตพฺพํ, อยํ ตตฺถ สามีจิ. อยํ ปน วาโท ยถาวุตฺตปฺปกรณวจเนหิ สุฏฺุ สํสนฺทติ ยถา คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ, ตสฺมา ปณฺฑิเตหิ ปุนปฺปุนํ ปุพฺพาปรํ อาโลเฬนฺเตน มนสิ กาตพฺโพ. เอวํ มนสิ กริตฺวา อรุณปฏิสํยุตฺเตสุ าเนสุ สํสโย ฉินฺทิตพฺโพ, สํสยํ ฉินฺทิตฺวา วิสารเทน หุตฺวา ตํ ตํ กมฺมํ กาตพฺพนฺติ.

วิสุทฺธตฺถาย สีลสฺส, ภิกฺขูนํ ปิยสีลินํ;

กตารุณกถา เอสา, น สารมฺภาทิการณา.

ตสฺมา สุฏฺูปธาเรตฺวา, ยุตฺตํ คณฺหนฺตุ สาธโว;

อยุตฺตฺเจ ฉฑฺฑยนฺตุ, มา โหนฺตุ ทุมฺมนาทโยติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ปโม ปริจฺเฉโท.

๒. ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา

. เอวํ ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปริกฺขารวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปริกฺขาโรติ สมณปริกฺขาโร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถาย อาทิมฺหิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ตตฺถ เตสุ มาติกาปเทสุ สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ปริกฺขาโร’’ติ ปทสฺส ‘‘สมณปริกฺขาโร’’ติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา, เอส นโย อิโต ปเรปิ. สมณปริกฺขาโร วุตฺโต, น คิหิปริกฺขาโรติ อธิปฺปาโย. ปริสมนฺตโต กริยเตติ ปริกฺขาโร, ฉตฺตาทิโก. ตตฺราติ สมณปริกฺขาเร. กปฺปตีติ กปฺปิโย, น กปฺปิโย อกปฺปิโย, กปฺปิโย จ อกปฺปิโย จ กปฺปิยากปฺปิโย, สมาหารทฺวนฺเทปิ ปุลฺลิงฺคมิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา. กปฺปิยากปฺปิโย จ โส ปริกฺขาโร เจติ ตถา, ตสฺส วินิจฺฉโย กปฺปิยากปฺปิยปริกฺขารวินิจฺฉโย.

เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตนฺติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. สพฺพมฺปิ หิ ฉตฺตํ ตถากริยมานํ น วฏฺฏติ. เตเนวาห วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๘๕) ‘‘สพฺพปริกฺขาเรสุ วณฺณมฏฺวิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ทีเปนฺเตน น วฏฺฏตีติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. น วณฺณมฏฺตฺถายาติ อิมินา ถิรกรณตฺถํ เอกวณฺณสุตฺเตน วินนฺธิยมานํ ยทิ วณฺณมฏฺํ โหติ, ตตฺถ น โทโสติ ทสฺเสติ. อารคฺเคนาติ นิขาทนมุเขน. ยทิ น วฏฺฏติ, ตาทิสํ ฉตฺตทณฺฑํ ลภิตฺวา กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ฆฏกํ วา’’ติอาทิ. สุตฺตเกน วา ทณฺโฑ เวเตพฺโพติ ยถา เลขา น ปฺายติ, ตถา เวเตพฺโพ. ทณฺฑพุนฺเทติ ทณฺฑมูเล, ฉตฺตทณฺฑสฺส เหฏฺิมโกฏิยนฺติ อตฺโถ. ฉตฺตมณฺฑลิกนฺติ ฉตฺตสฺส อนฺโต ขุทฺทกมณฺฑลํ, ฉตฺตปฺชเร มณฺฑลากาเรน พทฺธทณฺฑวลยํ วา. อุกฺกิริตฺวาติ นินฺนํ, อุนฺนตํ วา กตฺวา อุฏฺาเปตฺวา. สา วฏฺฏตีติ สา เลขา รชฺชุเกหิ พนฺธนฺตุ วา มา วา, พนฺธิตุํ ยุตฺตฏฺานตฺตา วฏฺฏติ. เตน วุตฺตํ อาจริยพุทฺธทตฺตมหาเถเรน –

‘‘ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิฺจิ, พหิ อนฺโต จ สพฺพโส;

ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน, สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏติ.

‘‘ฉินฺทิตุํ อฑฺฒจนฺทํ วา, ปณฺเณ มกรทนฺตกํ;

ฆฏกํ วาฬรูปํ วา, เลขา ทณฺเฑ น วฏฺฏติ.

‘‘สิพฺพิตุํ เอกวณฺเณน, ฉตฺตํ สุตฺเตน วฏฺฏติ;

ถิรตฺถํ ปฺจวณฺเณน, ปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ.

‘‘ฆฏกํ วาฬรูปํ วา, เลขา วา ปน เกวลา;

ฉินฺทิตฺวา วาปิ ฆํสิตฺวา, ธาเรตุํ ปน วฏฺฏติ.

‘‘อหิจฺฉตฺตกสณฺานํ, ทณฺฑพุนฺทมฺหิ วฏฺฏติ;

อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา, พนฺธนตฺถาย วฏฺฏตี’’ติ.

ตสฺส วณฺณนายมฺปิ ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิฺจีติ ตาลปณฺณาทิปณฺณจฺฉทนํ ยํ กิฺจิ ฉตฺตํ. พหีติ อุปริ. อนฺโตติ เหฏฺา. สิพฺพิตุนฺติ รูปํ ทสฺเสตฺวา สูจิกมฺมํ กาตุํ. ปณฺเณติ ฉทนปณฺเณ. อฑฺฒจนฺทนฺติ อฑฺฒจนฺทาการํ. มกรทนฺตกนฺติ มกรทนฺตาการํ, ยํ ‘‘คิริกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. มุขวฏฺฏิยา นาเมตฺวา พทฺธปณฺณโกฏิยา วา มตฺถกมณฺฑลโกฏิยา วา คิริกูฏาทึ กโรนฺติ, อิมินา ตํ ปฏิกฺขิตฺตํ. ทณฺเฑติ ฉตฺตทณฺเฑ. ฆฏกนฺติ ฆฏากาโร. วาฬรูปํ วาติ พฺยคฺฆาทิวาฬานํ รูปกํ วา. เลขาติ อุกฺกิริตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา จิตฺตกมฺมวเสน วา กตราชิ. ปฺจวณฺณานํ สุตฺตานํ อนฺตเร นีลาทิเอกวณฺเณน สุตฺเตน ถิรตฺถํ ฉตฺตํ อนฺโต จ พหิ จ สิพฺพิตุํ วา ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกสลากปฺชรํ ถิรตฺถํ วินนฺธิตุํ วา วฏฺฏตีติ โยชนา. ปฺจวณฺณานํ เอกวณฺเณน ถิรตฺถนฺติ อิมินา อเนกวณฺเณหิ สุตฺเตหิ วณฺณมฏฺตฺถาย สิพฺพิตุฺจ วินนฺธิตุฺจ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ปฺจวณฺเณนา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตสฺส เอกวณฺเณน ปฺจวณฺเณน วา สุตฺเตน ถิรตฺถํ สิพฺพิตุํ วินนฺธิตุํ วา วฏฺฏตีติ โยชนา กาตพฺพา โหติ.

เอตฺถ จ เหฏฺา วุตฺเตน ‘‘ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏตี’’ติ ปาเน จ ‘‘เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อนฺโต วา พหิ วา ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺเพตฺวา วณฺณมฏฺํ กโรนฺติ, ตํ น วฏฺฏติ, เอกวณฺเณ ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุตฺเตน อนฺโต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ, ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฏฺฏติ, ตฺจ โข ถิรกรณตฺถํ, น วณฺณมฏฺตฺถายา’’ติ อฏฺกถาปาเน จ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา โส น คเหตพฺโพ.

เลขา วา ปน เกวลาติ ยถาวุตฺตปฺปการา สกลา เลขา วา. ฉินฺทิตฺวาติ อุกฺกิริตฺวา กตํ ฉินฺทิตฺวา. ฆํสิตฺวาติ จิตฺตกมฺมาทิวเสน กตํ ฆํสิตฺวา. ทณฺฑพุนฺทมฺหีติ ฉตฺตทณฺฑสฺส ปฺชเร คาหณตฺถาย ผาลิตพุนฺทมฺหิ, มูเลติ อตฺโถ. อยเมตฺถ นิสฺสนฺเทเห วุตฺตนโย. ขุทฺทสิกฺขาคณฺิปเท ปน ‘‘ฉตฺตปิณฺฑิยา มูเล’’ติ วุตฺตํ. อหิจฺฉตฺตกสณฺานนฺติ ผุลฺลอหิจฺฉตฺตกาการํ. รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวาติ วลยํ วิย อุปฏฺาเปตฺวา. พนฺธนตฺถายาติ วาเตน ยถา น จลติ, เอวํ รชฺชูหิ ทณฺเฑ ปฺชรสฺส พนฺธนตฺถาย. อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา วฏฺฏตีติ โยชนา. ยถา วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ เปนฺติ, สา วฏฺฏตีติ. สเจปิ น พนฺธติ, พนฺธนารหฏฺานตฺตา วลยํ อุกฺกิริตฺวา วฏฺฏตีติ คณฺิปเท วตฺตนฺตีติ อาคตํ, ตสฺมา ปกฺขรเณสุ อาคตนเยเนว ฉตฺเต ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ.

. จีวเร ปน นานาสุตฺตเกหีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕; วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ. อิทฺจ ตถา กโรนฺตานํ วเสน วุตฺตํ, เอกวณฺณสุตฺตเกนปิ น วฏฺฏติเยว. ‘‘ปกติสูจิกมฺมเมว วฏฺฏตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ปฏฺฏมุเขติ ทฺวินฺนํ ปฏฺฏานํ สงฺฆฏิตฏฺานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปริยนฺเตติ จีวรปริยนฺเต. อนุวาตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เวณีติ วรกสีสากาเรน สิพฺพนํ. สงฺขลิกนฺติ ทฺวิคุณสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ, พิฬาลสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ วา. เวณึ วา สงฺขลิกํ วา กโรนฺตีติ กรณกิริยาย สมฺพนฺโธ. อคฺฆิยํ นาม เจติยสณฺานํ, ยํ ‘‘อคฺฆิยตฺถมฺโภ’’ติ วทนฺติ. คยา นาม มูเล ตนุกํ อคฺเค มหนฺตํ กตฺวา คทากาเรน สิพฺพนํ. มุคฺคโร นาม มูเล จ อคฺเค จ เอกสทิสํ กตฺวา มุคฺครากาเรน สิพฺพนํ. กกฺกฏกฺขีนิ อุกฺกิรนฺตีติ คณฺิกปฏฺฏปาสกปฏฺฏานํ อนฺเต ปาฬิพทฺธํ กตฺวา กกฺกฏกานํ อกฺขิสณฺานํ ปฏฺเปนฺติ, กโรนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกเณหิ นีหฏสุตฺตานํ โกฏิโย’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กถํ ปน ตา ปิฬกา ทุวิฺเยฺยรูปา กาตพฺพาติ? โกเณหิ นีหฏสุตฺตานํ อนฺเตสุ เอกวารํ คณฺิกกรเณน วา ปุน นิวตฺเตตฺวา สิพฺพเนน วา ทุวิฺเยฺยสภาวํ กตฺวา สุตฺตโกฏิโย รสฺสํ กตฺวา ฉินฺทิตพฺพา. ธมฺมสิริตฺเถเรน ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา, ทุวิฺเยฺยาว กปฺปเร’’ติ วุตฺตํ, ตถา อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ ‘‘สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิฺเยฺยาว ทีปิตา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เตสํ มเตน โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จ โกณสุตฺตปิฬกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกเณหิ พหิ นิคฺคตสุตฺตานํ ปิฬกากาเรน ปิตโกฏิโยติ เกจิ วทนฺติ, เต ปิฬเก ฉินฺทิตฺวา ทุวิฺเยฺยา กาตพฺพาติ เตสํ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จาติ ทฺเวเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกณโต โกณํ นีหฏสุตฺตา โกณสุตฺตา นาม. สมนฺตโต ปน ปริยนฺเตน คตา จตุรสฺสสุตฺตา ปิฬกา นาม. ตํ ทุวิธมฺปิ เกจิ จีวรโต วิสุํ ปฺานตฺถาย วิการยุตฺตํ กโรนฺติ, ตํ นิเสธาย ‘‘ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน สพฺพถา อจกฺขุโคจรภาเวน สิพฺพนตฺถาย ตถาสิพฺพนสฺส อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ยถา ปกติจีวรโต วิกาโร น ปฺายติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. รชนกมฺมโต ปุพฺเพ ปฺายมาโนปิ วิเสโส จีวเร รตฺเต เอกวณฺณโต น ปฺายตีติ อาห ‘‘จีวเร รตฺเต’’ติ.

. มณินาติ นีลมณิอาทิปาสาเณน, อํสพทฺธกกายพนฺธนาทิกํ อจีวรตฺตา สงฺขาทีหิ ฆํสิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กณฺณสุตฺตกนฺติ จีวรสฺส ทีฆโต ติริยฺจ สิพฺพิตานํ จตูสุ กณฺเณสุ โกเณสุ จ นิกฺขนฺตานํ สุตฺตสีสานเมตํ นามํ, ตํ ฉินฺทิตฺวาว ปารุปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพ’’นฺติ. ภควตา อนุฺาตํ เอกํ กณฺณสุตฺตมฺปิ อตฺถิ, ตํ ปน นาเมน สทิสมฺปิ อิโต อฺเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ลคฺคนตฺถายาติ จีวรรชฺชุยํ จีวรพนฺธนตฺถาย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ปน ‘‘ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพนฺติ รชนกาเล พนฺธิตพฺพํ, เสสกาเล โมเจตฺวา เปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วินยสงฺคหปฺปกรณสฺส โปราณฏีกายมฺปิ อิทเมว คเหตฺวา วุตฺตํ, ตํ ปน จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๔) ‘‘มชฺเฌน ลคฺเคนฺติ, อุภโต คลติ, ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺเณ พนฺธิตุนฺติ. กณฺโณ ชีรติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ เอวํ อนุฺาตจีวรรชฺชุยํ รชิตฺวา ปสาริตจีวรสฺส โอลมฺพกสุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

คณฺิเกติ จีวรปารุปนกาเล ปาสเก ลคฺคาปนตฺถํ กเต ทนฺตาทิมเย คณฺิเก. ปิฬกาติ พินฺทุํ พินฺทุํ กตฺวา อุฏฺาเปตพฺพปิฬกา. วุตฺตฺเหตํ วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ –

‘‘นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ, มณฺฑนตฺถาย จีวรํ;

สมํ สตปทาทีนํ, สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏติ.

‘‘ปตฺตสฺส ปริยนฺเต วา, ตถา ปตฺตมุเขปิ จ;

เวณึ สงฺขลิกํ วาปิ, กโรโต โหติ ทุกฺกฏํ.

‘‘ปฏฺฏมฺปิ คณฺิปาสานํ, อฏฺโกณาทิกํ วิธึ;

ตตฺถคฺฆิยคทารูปํ, มุคฺคราทึ กโรนฺติ จ.

‘‘ตตฺถ กกฺกฏกกฺขีนิ, อุฏฺาเปนฺติ น วฏฺฏติ;

สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิฺเยฺยาว ทีปิตา.

‘‘จตุโกณาว วฏฺฏนฺติ, คณฺิปาสกปฏฺฏกา;

กณฺณโกเณสุ สุตฺตานิ, รตฺเต ฉินฺเทยฺย จีวเร.

‘‘สูจิกมฺมวิการํ วา, อฺํ วา ปน กิฺจิปิ;

จีวเร ภิกฺขุนา กาตุํ, การาเปตุํ น วฏฺฏติ.

‘‘โย จ ปกฺขิปติ ภิกฺขุ จีวรํ,

กฺชิปิฏฺขลิอลฺลิกาทิสุ;

วณฺณมฏฺมภิปตฺถยํ ปรํ;

ตสฺส นตฺถิ ปน มุตฺติ ทุกฺกฏา.

‘‘สูจิหตฺถมลาทีนํ, กรเณ จีวรสฺส จ;

ตถา กิลิฏฺกาเล จ, โธวนตฺถํ ตุ วฏฺฏติ.

‘‘รชเน ปน คนฺธํ วา, เตลํ วา ลาขเมว วา;

กิฺจิ ปกฺขิปิตุํ ตตฺถ, ภิกฺขุโน น จ วฏฺฏติ.

‘‘สงฺเขน มณินา วาปิ, อฺเนปิ จ เกนจิ;

จีวรํ น จ ฆฏฺเฏยฺย, ฆํสิตพฺพํ น โทณิยา.

‘‘จีวรํ โทณิยํ กตฺวา, นาติฆฏฺเฏยฺย มุฏฺินา;

รตฺตํ ปหริตุํ กิฺจิ, หตฺเถเหว จ วฏฺฏติ.

‘‘คณฺิเก ปน เลขา วา, ปิฬกา วา น วฏฺฏติ;

กปฺปพินฺทุวิกาโร วา, ปาฬิกณฺณิกเภทโต’’ติ.

วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ สมํ สตปทาทีนนฺติ สตปทาทีหิ สทิสํ. ตุลฺยตฺเถ กรณวจนปฺปสงฺเค สามิวจนํ. ปฏฺฏสฺส ปริยนฺเต วาติ อนุวาตสฺส อุภยปริยนฺเต วา. ปฏฺฏมุเขปิ วาติ ทฺวินฺนํ อายามวิตฺถารปฏฺฏานํ สงฺฆฏิตฏฺาเน, กณฺเณปิ วา เอกสฺเสว วา ปฏฺฏสฺส อูนปูรณตฺถํ ฆฏิตฏฺาเนปิ วา. เวณีติ กุทฺรูสสีสากาเรน สิพฺพนํ. เกจิ ‘‘วรกสีสากาเรนา’’ติ วทนฺติ. สงฺขลิกนฺติ พิฬาลทามสทิสสิพฺพนํ. เกจิ ‘‘สตปทิสทิส’’นฺติ วทนฺติ.

ปฏฺฏมฺปีติ ปตฺตมฺปิ. อฏฺโกณาทิโก วิธิ ปกาโร เอตสฺสาติ อฏฺโกณาทิกวิธิ, ตํ. อฏฺโกณาทิกนฺติ วา คาถาพนฺธวเสน นิคฺคหิตาคโม. ‘‘อฏฺโกณาทิกํ วิธิ’’นฺติ เอตํ ‘‘ปฏฺฏ’’นฺติ เอตสฺส สมานาธิกรณวิเสสนํ, กิริยาวิเสสนํ วา. ‘‘กโรนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อถ วา ปฏฺฏนฺติ เอตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, ปฏฺเฏติ อตฺโถ. อิมสฺมึ ปกฺเข อฏฺโกณาทิกนฺติ อุปโยควจนํ. วิธินฺติ เอตสฺส วิเสสนํ. อิธ วกฺขมานจตุโกณสณฺานโต อฺํ อฏฺโกณาทิกํ นาม. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปฏฺฏทฺวเย. อคฺฆิยคทารูปนฺติ อคฺฆิยสณฺานฺเจว คทาสณฺานฺจ สิพฺพนํ. มุคฺครนฺติ ลคุฬสณฺานสิพฺพนํ. อาทิ-สทฺเทน เจติยาทิสณฺานานํ คหณํ.

ตตฺถาติ ปฏฺฏทฺวเย ตสฺมึ าเน. กกฺกฏกกฺขีนีติ กุฬีรกจฺฉิสทิสานิ สิพฺพนวิการานิ. อุฏฺาเปนฺตีติ กโรนฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ คณฺิกปาสกปฏฺฏเก. สุตฺตาติ โกณโต โกณํ สิพฺพิตสุตฺตา เจว จตุรสฺเส สิพฺพิตสุตฺตา จ. ปิฬกาติ เตสเมว สุตฺตานํ นิวตฺเตตฺวา สิพฺพิตโกฏิโย จ. ทุวิฺเยฺยาวาติ รชนกาเล ทุวิฺเยฺยรูปา อโนฬาริกา ทีปิตา วฏฺฏนฺตีติ. ยถาห ‘‘โกณสุตฺตปิฬกา จ จีวเร รตฺเต ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏนฺตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕).

คณฺิกปฏฺฏิกา ปาสปฏฺฏิกาติ โยชนา. กณฺณโกเณสุ สุตฺตานีติ จีวรกณฺเณ สุตฺตา เจว ปาสกปฏฺฏานํ โกเณสุ สุตฺตานิ จ อจฺฉินฺทติ. เอตฺถ จ จีวเร อายามโต วิตฺถารโต จ สิพฺพิตฺวา อนุวาตโต พหิ นิกฺขมิตสุตฺตํ จีวรํ รชิตฺวา สุกฺขาปนกาเล รชฺชุยา วา จีวรวํเส วา พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ อนุวาเต พนฺธสุตฺตานิ จ กณฺณสุตฺตานิ นาม. ยถาห ‘‘จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น จ วฏฺฏติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํ, ยํ ปน ‘อนุชานามิ ภิกฺขเว กณฺณสุตฺตก’นฺติ เอวํ อนุฺาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ รชนกาเล ลคฺคนตฺถายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕).

สูจิกมฺมวิการํ วาติ จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฏฺฏํ เปนฺติ, เอวรูปํ สูจิกมฺมวิการํ วา. อฺํ วา ปน กิฺจิปีติ อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ มาลากมฺมมิคปกฺขิปทาทิกํ สิพฺพนวิการํ. กาตุนฺติ สยํ กาตุํ. การาเปตุนฺติ อฺเน วา การาเปตุํ.

โย ภิกฺขุ ปรํ อุตฺตมํ วณฺณมฏฺมภิปตฺถยนฺโต กฺชิกปิฏฺขลิอลฺลิกาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปติ, ตสฺส ปน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏา โมกฺโข น วิชฺชตีติ โยชนา. กฺชิกนฺติ วายนตนฺตมกฺขนํ กฺชิกสทิสา สุลากฺชิกํ. ปิฏฺนฺติ ตณฺฑุลปิฏฺํ. ตณฺฑุลปิฏฺเหิ ปกฺกา ขลิ. อลฺลิกาติ นิยฺยาโส. อาทิ-สทฺเทน ลาขาทีนํ คหณํ. จีวรสฺส กรเณ กรณกาเล สมุฏฺิตานํ สูจิหตฺถมลาทีนํ กิลิฏฺกาเล โธวนตฺถฺจ กฺชิกปิฏฺขลิอลฺลิกาทีสุ ปกฺขิปติ, วฏฺฏตีติ โยชนา.

ตตฺถาติ เยน กสาเวน จีวรํ รชติ, ตสฺมึ รชเน จีวรสฺส สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ วา อุชฺชลภาวตฺถาย เตลํ วา วณฺณตฺถาย ลาขํ วา. กิฺจีติ เอวรูปํ ยํ กิฺจิ. มณินาติ ปาสาเณน. อฺเนปิ จ เกนจีติ เยน อุชฺชลํ โหติ, เอวรูเปน มุคฺคราทินา อฺเนปิ เกนจิ วตฺถุนา. โทณิยาติ รชนมฺพเณ น ฆํสิตพฺพํ หตฺเถน คาหาเปตฺวา น คเหตพฺพํ. รตฺตํ จีวรํ หตฺเถหิ กิฺจิ โถกํ ปหริตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา. ยตฺถ ปกฺกรชนํ ปกฺขิปนฺติ, สา รชนโทณี. ตตฺถ อํสพทฺธกกายพนฺธนาทึ ฆฏฺเฏตุํ วฏฺฏตีติ คณฺิปเท วุตฺตํ.

คณฺิเกติ เวฬุทนฺตวิสาณาทิมยคณฺิเก. เลขา วาติ วฏฺฏาทิเภทา เลขา วา. ปิฬกาติ สาสปพีชสทิสา ขุทฺทกพุพฺพุฬา. ปาฬิกณฺณิกเภทโตติ มณิกาวฬิรูปปุปฺผกณฺณิกรูปเภทโต. ‘‘กปฺปพินฺทุวิกาโร วา น วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตเถว จีวเร ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

. ปตฺเต วา ถาลเก วาติอาทีสุ ถาลเกติ ตมฺพาทิมเย ปุคฺคลิเก ติวิเธปิ กปฺปิยถาลเก. น วฏฺฏตีติ มณิวณฺณกรณปโยโค น วฏฺฏติ, เตลวณฺณปโยโค ปน วฏฺฏติ. เตลวณฺโณติ สมณสารุปฺปวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ, มณิวณฺณํ ปน ปตฺตํ อฺเน กตํ ลภิตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปตฺตมณฺฑเลติ ติปุสีสาทิมเย ปตฺตฏฺปนกมณฺฑเล. ‘‘น ภิกฺขเว วิจิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มกรทนฺตกํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘มกรทนฺตกํ ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ถาลกสฺส จ ปตฺตสฺส, พหิ อนฺโตปิ วา ปน;

อารคฺเคน กตา เลขา, น จ วฏฺฏติ กาจิปิ.

‘‘อาโรเปตฺวา ภมํ ปตฺตํ, มชฺชิตฺวา เจ ปจนฺติ จ;

‘มณิวณฺณํ กริสฺสาม’, อิติ กาตุํ น วฏฺฏติ.

‘‘ปตฺตมณฺฑลเก กิฺจิ;

ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏติ;

น โทโส โกจิ ตตฺถสฺส;

กาตุํ มกรทนฺตก’’นฺติ.

วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ อารคฺเคนาติ อารกณฺฏกคฺเคน, สูจิมุเขน วา. กาจิปิ เลขาติ วฏฺฏกโคมุตฺตาทิสณฺานา ยา กาจิปิ ราชิ. ภมํ อาโรเปตฺวาติ ภเม อลฺลียาเปตฺวา. ปตฺตมณฺฑลเกติ ปตฺเต ฉวิรกฺขณตฺถาย ติปุสีสาทีหิ กเต ปตฺตสฺส เหฏฺา อาธาราทีนํ อุปริ กาตพฺเพ ปตฺตมณฺฑลเก. ภิตฺติกมฺมนฺติ นานาการรูปกกมฺมวิจิตฺตํ. ยถาห ‘‘น, ภิกฺขเว, วิจิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปตฺตมณฺฑเล. อสฺสาติ ภิกฺขุสฺส. มกรทนฺตกนฺติ คิริกูฏนฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ ปตฺตถาลกาทีสุ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

ธมกรณ…เป… เลขา น วฏฺฏตีติ อารคฺเคน ทินฺนเลขา น วฏฺฏติ, ชาติหิงฺคุลิกาทิวณฺเณหิ กตเลขา ปน วฏฺฏติ. ฉตฺตมุขวฏฺฏิยนฺติ ธมกรณสฺส หตฺเถน คหณตฺถํ กตสฺส ฉตฺตาการสฺส มุขวฏฺฏิยํ. ‘‘ปริสฺสาวนพนฺธฏฺาเน’’ติ เกจิ. วินยวินิจฺฉเยปิ –

‘‘น ธมฺมกรณจฺฉตฺเต, เลขา กาจิปิ วฏฺฏติ;

กุจฺฉิยํ วา เปตฺวา ตํ, เลขํ ตุ มุขวฏฺฏิย’’นฺติ. –

วุตฺตํ. ตฏฺฏีกายํ ปน ‘‘มุขวฏฺฏิยา ยา เลขา ปริสฺสาวนพนฺธนตฺถาย อนุฺาตา, ตํ เลขํ เปตฺวา ธมกรณจฺฉตฺเต วา กุจฺฉิยํ วา กาจิ เลขา น วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ธมกรเณ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

๑๐. กายพนฺธเน ปน กกฺกฏกฺขีนีติ กกฺกฏกสฺส อกฺขิสทิสานิ. มกรมุขนฺติ มกรมุขสณฺานํ. เทฑฺฑุภสีสนฺติ อุทกสปฺปสีสสทิสสณฺานานิ. อจฺฉีนีติ กุฺชรจฺฉิสณฺานานิ. เอกเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ เอกรชฺชุกํ ทฺวิคุณติคุณํ กตฺวา พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ, เอกเมว ปน สตวารมฺปิ สรีรํ ปริกฺขิปิตฺวา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตํ มุรชสงฺขํ น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. มุรชฺหิ นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กโรนฺติ. อิทํ ปน มุรชํ มทฺทวีณสงฺขาตํ ปามงฺคสณฺานฺจ ทสาสุ วฏฺฏติ ‘‘กายพนฺธนสฺส ทสา ชีรนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตา.

วิเธติ ทสาปริโยสาเน ถิรภาวาย ทนฺตวิสาณสุตฺตาทีหิ กเต วิเธ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ปน ‘‘กายพนฺธนสฺส ปาสนฺเต ทสามูเล ตสฺส ถิรภาวตฺถํ กตฺตพฺเพ ทนฺตวิสาณาทิมเย วิเธ’’ติ วุตฺตํ. อฏฺมงฺคลานิ นาม สงฺโข, จกฺกํ, ปุณฺณกุมฺโภ, คยา, สิรีวจฺโฉ, องฺกุโส, ธชํ, โสวตฺถิกนฺติ. มจฺฉยุคฬฉตฺตนนฺทิยาวฏฺฏาทิวเสนปิ วทนฺติ. ปริจฺเฉทเลขามตฺตนฺติ ทนฺตาทีหิ กตสฺส วิธสฺส อุโภสุ โกฏีสุ กาตพฺพปริจฺเฉทราชิมตฺตํ. วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณปิ –

‘‘สุตฺตํ วา ทิคุณํ กตฺวา, โกฏฺเฏนฺติ จ ตหึ ตหึ;

กายพนฺธนโสภตฺถํ, ตํ น วฏฺฏติ ภิกฺขุโน.

‘‘ทสามุเข ทฬฺหตฺถาย, ทฺวีสุ อนฺเตสุ วฏฺฏติ;

มาลากมฺมลตากมฺม-จิตฺติกมฺปิ น วฏฺฏติ.

‘‘อกฺขีนิ ตตฺถ ทสฺเสตฺวา;

โกฏฺฏิเต ปน กา กถา.

กกฺกฏกฺขีนิ วา ตตฺถ;

อุฏฺาเปตุํ น วฏฺฏติ.

‘‘ฆฏํ เทฑฺฑุภสีสํ วา, มกรสฺส มุขมฺปิ วา;

วิการรูปํ ยํ กิฺจิ, น วฏฺฏติ ทสามุเข.

‘‘อุชุกํ มจฺฉกณฺฏํ วา, มฏฺํ วา ปน ปฏฺฏิกํ;

ขชฺชูริปตฺตกาการํ, กตฺวา วฏฺฏติ โกฏฺฏิตํ.

‘‘ปฏฺฏิกา สูกรนฺตนฺติ, ทุวิธํ กายพนฺธนํ;

รชฺชุกา ทุสฺสปฏฺฏาทิ, สพฺพํ ตสฺสานุโลมิกํ.

‘‘มุรชํ มทฺทวีณฺจ, เทฑฺฑุภฺจ กลาพุกํ;

รชฺชุโย จ น วฏฺฏนฺติ, ปุริมา ทฺเวทสา สิยุํ.

‘‘ทสา ปามงฺคสณฺานา, นิทฺทิฏฺา กายพนฺธเน;

เอกา ทฺวิติจตสฺโส วา, วฏฺฏนฺติ น ตโต ปรํ.

‘‘เอกรชฺชุมยํ วุตฺตํ, มุนินา กายพนฺธนํ;

ตฺจ ปามงฺคสณฺานํ, เอกมฺปิ จ น วฏฺฏติ.

‘‘รชฺชุเก เอกโต กตฺวา, พหู เอกาย รชฺชุยา;

นิรนฺตรฺหิ เวเตฺวา, กตํ วฏฺฏติ พนฺธิตุํ.

‘‘ทนฺตกฏฺวิสาณฏฺิ-โลหเวฬุนฬพฺภวา;

ชตุสงฺขมยา สุตฺต-ผลชา วิธกา มตา.

‘‘กายพนฺธนวิเธปิ, วิกาโร น จ วฏฺฏติ;

ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺเฉท-เลขามตฺตํ ตุ วฏฺฏตี’’ติ. –

วุตฺตํ.

วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ ตหึ ตหินฺติ ปฏฺฏิกาย ตตฺถ ตตฺถ. นฺติ ตถาโกฏฺฏิตทิคุณสุตฺตกายพนฺธนํ. อนฺเตสุ ทฬฺหตฺถาย ทสามุเข ทิคุณํ กตฺวา โกฏฺเฏนฺติ, วฏฺฏตีติ โยชนา. จิตฺตกมฺปีติ มาลากมฺมลตากมฺมจิตฺตยุตฺตมฺปิ กายพนฺธนํ. อกฺขีนีติ กุฺชรกฺขีนิ. ตตฺถาติ กายพนฺธเน น วฏฺฏตีติ กา กถา. อุฏฺาเปตุนฺติ อุกฺกิริตุํ.

ฆฏนฺติ ฆฏสณฺานํ. เทฑฺฑุภสีสํ วาติ อุทกสปฺปสีสํ มุขสณฺานํ วา. ยํ กิฺจิ วิการรูปํ ทสามุเข น วฏฺฏตีติ โยชนา. เอตฺถ จ อุภยปสฺเสสุ มจฺฉกณฺฏกยุตฺตํ มจฺฉสฺส ปิฏฺิกณฺฏกํ วิย ยสฺสา ปฏฺฏิกาย วายนํ โหติ, อิทํ กายพนฺธนํ มจฺฉกณฺฏกํ นาม. ยสฺส ขชฺชูริปตฺตสณฺานมิว วายนํ โหติ, ตํ ขชฺชูริปตฺตกาการํ นาม.

ปกติวิการา ปฏฺฏิกา สูกรนฺตํ นาม กุฺจิกาโกสสณฺานํ. ตสฺส ทุวิธสฺส กายพนฺธนสฺส. ตตฺถ รชฺชุกา สูกรนฺตานุโลมิกา, ทุสฺสปฏฺฏํ ปฏฺฏิกานุโลมิกํ. อาทิ-สทฺเทน มุทฺทิกกายพนฺธนํ คหิตํ, ตฺจ สูกรนฺตานุโลมิกํ. ยถาห ‘‘เอกรชฺชุกํ ปน มุทฺทิกกายพนฺธนฺจ สูกรนฺตํ อนุโลเมตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๗๘). ตตฺถ รชฺชุกา นาม เอกาวฏฺฏา, พหุรชฺชุกสฺส อกปฺปิยภาวํ วกฺขติ. มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตนฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ.

มุรชํ นาม มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตํ. เวเตฺวาติ นานาสุตฺเตหิ เวเตฺวา. สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ปน ‘‘พหุกา รชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย รชฺชุยา เวิต’’นฺติ วุตฺตํ. มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺานํ. เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสทิสํ. กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํ. รชฺชุโยติ อุภยโกฏิยํ เอกโต อพนฺธา พหุรชฺชุโย, ตถาพนฺธา กลาพุกํ นาม โหติ. น วฏฺฏนฺตีติ มุรชาทีนิ อิมานิ สพฺพานิ กายพนฺธนานิ น วฏฺฏนฺติ. ปุริมา ทฺเวติ มุรชํ มทฺทวีณนามฺจาติ ทฺเว. ‘‘ทสาสุ สิยุ’’นฺติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน วณฺณโลเปน ‘‘ทสา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘มุรชํ มทฺทวีณนฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนุฺาต’’นฺติ.

ปามงฺคสณฺานาติ ปามงฺคทามํ วิย จตุรสฺสสณฺานา. เอกรชฺชุมยนฺติ นานาวฏฺเฏ เอกโต วฏฺเฏตฺวา กตํ รชฺชุมยํ กายพนฺธนํ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘รชฺชุกา ทุสฺสปฏฺฏาที’’ติ เอตฺถ เอกวฏฺฏรชฺชุกา คหิตา. อิธ ปน นานาวฏฺเฏ เอกโต วฏฺเฏตฺวา กตา เอกาว รชฺชุ คหิตา. ตฺจาติ ตํ วา นยมฺปิ เอกรชฺชุกกายพนฺธนํ ปามงฺคสณฺาเนน คนฺถิตํ. เอกมฺปิ จ น วฏฺฏตีติ เกวลมฺปิ น วฏฺฏติ.

พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวาติ โยชนา. วฏฺฏติ พนฺธิตุนฺติ มุรชํ กลาพุกฺจ น โหติ, รชฺชุกกายพนฺธนเมว โหตีติ อธิปฺปาโย. อยํ ปน วินิจฺฉโย ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาคโต อิธ วุตฺโต. สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ‘‘พหุรชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย เวิตํ มุรชํ นามา’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา วิรุชฺฌนโต น คเหตพฺพํ.

ทนฺต-สทฺเทน หตฺถิทนฺตา วุตฺตา. ชตูติ ลาขา. สงฺขมยนฺติ สงฺขนาภิมยํ. วิธกา มตาติ เอตฺถ เวธิกาติปิ ปาโ, วิธปริยาโย. กายพนฺธนวิเธติ กายพนฺธนสฺส ทสาย ถิรภาวตฺถํ กฏฺทนฺตาทีหิ กเต วิเธ. วิกาโร อฏฺมงฺคลาทิโก. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน. ตุ-สทฺเทน ฆฏากาโรปิ วฏฺฏตีติ ทีเปตีติ อตฺโถ ปกาสิโต, ตสฺมา เตน นเยน กายพนฺธนวิจาโร กาตพฺโพติ.

๑๑. อฺชนิยํ ‘‘อุชุกเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรสฺสาทิสณฺานาปิ วงฺกคติกา น วฏฺฏติ. สิปาฏิกายาติ วาสิอาทิภณฺฑปกฺขิปเน. วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ ปน –

‘‘มาลากมฺมลตากมฺม-นานารูปวิจิตฺติตา;

น จ วฏฺฏติ ภิกฺขูนํ, อฺชนี ชนรฺชนี.

‘‘ตาทิสํ ปน ฆํสิตฺวา, เวเตฺวา สุตฺตเกน วา;

วฬฺชนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส, น โทโส โกจิ วิชฺชติ.

‘‘วฏฺฏา วา จตุรสฺสา วา, อฏฺํสา วาปิ อฺชนี;

วฏฺฏเตวาติ นิทฺทิฏฺา, วณฺณมฏฺา น วฏฺฏติ.

‘‘ตถาฺชนิสลากาปิ, อฺชนิถวิกาย จ;

นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ, จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏติ.

‘‘เอกวณฺเณน สุตฺเตน, สิปาฏึ เยน เกนจิ;

ยํ กิฺจิ ปน สิพฺเพตฺวา, วฬฺชนฺตสฺส วฏฺฏตี’’ติ. –

อาคตํ.

ตฏฺฏีกายมฺปิ มาลา…เป… จิตฺติตาติ มาลากมฺมลตากมฺเมหิ จ มิคปกฺขิรูปาทินานารูเปหิ จ วิจิตฺติตา. ชนรฺชนีติ พาลชนปโลภินี. อฏฺํสา วาปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺเทน โสฬสํสาทีนํ คหณํ. วณฺณมฏฺาติ มาลากมฺมาทิวณฺณมฏฺา. อฺชนีสลากาปิ ตถา วณฺณมฏฺา น วฏฺฏตีติ โยชนา. อฺชนีถวิกาย จ นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏตีติ ปาโ ยุชฺชติ, ‘‘ถวิกาปิ วา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น คเหตพฺโพ. ‘‘ปีตาทินา เยน เกนจิ เอกวณฺเณน สุตฺเตน ปิโลติกาทิมยํ กิฺจิปิ สิปาฏิกํ สิพฺเพตฺวา วฬฺชนฺตสฺส วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ อาคตํ.

๑๒. อารกณฺฏกาทีสุ อารกณฺฏเกติ โปตฺถกาทิอภิสงฺขรณตฺถํ กเต ทีฆมุขสตฺถเก. ภมการานํ ทารุอาทิลิขนสตฺถกนฺติ เกจิ. วฏฺฏมณิกนฺติ วฏฺฏํ กตฺวา อุฏฺาเปตพฺพพุพฺพุฬกํ. อฺนฺติ อิมินา ปิฬกาทึ สงฺคณฺหาติ. ปิปฺผลิเกติ ยํ กิฺจิ เฉทนเก ขุทฺทกสตฺเถ. มณิกนฺติ เอกวฏฺฏมณิ. ปิฬกนฺติ สาสปมตฺติกามุตฺตราชิสทิสา พหุวฏฺฏเลขา. อิมสฺมึ อธิกาเร อวุตฺตตฺตา เลขนิยํ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ ปน ‘‘กุฺจิกาย เสนาสนปริกฺขารตฺตา สุวณฺณรูปิยมยาปิ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ. ‘กุฺจิกาย วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏตี’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕) วจนโต อฺเ กปฺปิยโลหาทิมยาว กุฺจิกา กปฺปนฺติ ปริหรณียปริกฺขารตฺตา’’ติ วุตฺตํ. อารกณฺฏโก โปตฺถกาทิกรณสตฺถกชาติ, อามณฺฑสารโก อามลกผลมโยติ วทนฺติ.

วลิตกนฺติ นขจฺเฉทนกาเล ทฬฺหคฺคหณตฺถํ วลิยุตฺตเมว กโรนฺติ. ตสฺมา ตํ วฏฺฏตีติ อิมินา อฺมฺปิ วิการํ ทฬฺหีกมฺมาทิอตฺถาย กโรนฺติ, น วณฺณมฏฺตฺถาย, ตํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ, เตน จ กตฺตรทณฺฑโกฏิยํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏเนน สทฺทนิจฺฉรณตฺถาย กตวลยาทิกํ อวุตฺตมฺปิ ยโต อุปปนฺนํ โหติ. เอตฺถ จ ทฬฺหีกมฺมาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปริสฺสยวิโนทนาทึ สงฺคณฺหาติ, เตน กตฺตรยฏฺิโกฏิยํ กตวลยานํ อฺมฺสงฺฆฏฺฏเนน สทฺทนิจฺฉรณํ ทีฆชาติกาทิปริสฺสยวิโนทนตฺถํ โหติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ ทีเปติ. เตนาห อาจริยวโร –

‘‘มณิกํ ปิฬกํ วาปิ, ปิปฺผเล อารกณฺฏเก;

เปตุํ ปน ยํ กิฺจิ, น จ วฏฺฏติ ภิกฺขุโน.

‘‘ทณฺฑเกปิ ปริจฺเฉท-เลขามตฺตํ ตุ วฏฺฏติ;

วลิตฺวา จ นขจฺเฉทํ, กโรนฺตีติ หิ วฏฺฏตี’’ติ.

ตสฺส วณฺณนายมฺปิ มณิกนฺติ ถูลพุพฺพุฬํ. ปีฬกนฺติ สุขุมพุพฺพุฬํ. ปิปฺผเลติ วตฺถจฺเฉทนสตฺเถ. อารกณฺฏเกติ ปตฺตธารวลยานํ วิชฺฌนกณฺฏเก. เปตุนฺติ อุฏฺาเปตุํ. ยํ กิฺจีติ เสสวณฺณมฏฺมฺปิ จ. ทณฺฑเกติ ปิปฺผลิทณฺฑเก. ยถาห ‘‘ปิปฺผลิเกปิ มณิกํ วา ปิฬกํ วา ยํ กิฺจิ เปตุํ น วฏฺฏติ, ทณฺฑเก ปน ปริจฺเฉทเลขา วฏฺฏตี’’ติ. ปริจฺเฉทเลขามตฺตนฺติ อาณิพนฺธนฏฺานํ ปตฺวา ปริจฺฉินฺทนตฺถํ เอกาว เลขา วฏฺฏตีติ. วลิตฺวาติ อุภยโกฏิมุขํ กตฺวา มชฺเฌ วลิโย คาเหตฺวา นขจฺเฉทํ ยสฺมา กโรนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ โยชนาติ อาคตา.

อุตฺตรารณิยํ มณฺฑลนฺติ อุตฺตรารณิยา ปเวสนตฺถํ อาวาฏมณฺฑลํ โหติ. ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสิยํ อุชุกเมว พนฺธิตุนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถ จ อุชุกเมวาติ อิมินา วงฺกํ กตฺวา พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, เตเนว อฺชนิยมฺปิ ตถา ทสฺสิตํ. อุโภสุ ปสฺเสสุ เอกปสฺเส วาติ วจนเสโส, วาสิทณฺฑสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทณฺฑโกฏีนํ อจลนตฺถํ พนฺธิตุนฺติ อตฺโถ. กปฺปิยโลเหน จตุรสฺสํ วา อฏฺํสํ วา กาตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา.

๑๓. อามณฺฑสารเกติ อามลกผลานิ ปิสิตฺวา เตน กกฺเกน กตเตลภาชเน. ตตฺถ กิร ปกฺขิตฺตํ เตลํ สีตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ อาจริเยน –

‘‘อุตฺตรารณิยํ วาปิ, ธนุเก เปลฺลทณฺฑเก;

มาลากมฺมาทิ ยํ กิฺจิ, วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ.

‘‘สณฺฑาเส ทนฺตกฏฺานํ, ตถา เฉทนวาสิยา;

ทฺวีสุ ปสฺเสสุ โลเหน, พนฺธิตุํ ปน วฏฺฏติ.

‘‘ตถา กตฺตรทณฺเฑปิ, จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏติ;

วฏฺฏเลขาว วฏฺฏนฺติ, เอกา วา ทฺเวปิ เหฏฺโต.

‘‘วิสาเณ นาฬิยํ วาปิ, ตเถวามณฺฑสารเก;

เตลภาชนเก สพฺพํ, วณฺณมฏฺํ ตุ วฏฺฏตี’’ติ.

ฏีกายมฺปิ อรณิสหิเต ภนฺตกิจฺจกโร ทณฺโฑ อุตฺตรารณี นาม. วาปีติ ปิ-สทฺเทน อธรารณึ สงฺคณฺหาติ. อุทุกฺขลทณฺฑสฺเสตํ อธิวจนํ. อฺฉนกยนฺตธนุ ธนุกํ นาม. มุสลมตฺถกปีฬนทณฺฑโก เปลฺลทณฺฑโก นาม. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเส. ทนฺตกฏฺานํ เฉทนวาสิยา ตถา ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. ทฺวีสุ ปสฺเสสูติ วาสิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ. โลเหนาติ กปฺปิยโลเหน. พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ อุชุกเมว วา จตุรสฺสํ วา อฏฺํสํ วา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเสติ นิสฺสนฺเทเห วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปเนตฺถ สูจิสณฺฑาโส ทสฺสิโต. เหฏฺาติ เหฏฺา อโยปฏฺฏวลเย. ‘‘อุปริ อหิจฺฉตฺตกมกุฬมตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. วิสาเณติ เตลาสิฺจนกควยมหึสาทิสิงฺเค. นาฬิยํ วาปีติ เวฬุนาฬิกาทินาฬิยํ. อปิ-สทฺเทน อลาพุํ สงฺคณฺหาติ. อามณฺฑสารเกติ อามลกจุณฺณมยเตลฆเฏ. เตลภาชนเกติ วุตฺตปฺปกาเรเยว เตลภาชเน. สพฺพํ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ ปุมิตฺถิรูปรหิตํ มาลากมฺมาทิ สพฺพํ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ อาคตํ.

ภูมตฺถรเณติ กฏสาราทิมเย ปริกมฺมกตาย ภูมิยา อตฺถริตพฺพอตฺถรเณ. ปานียฆเฏติ อิมินา สพฺพภาชเน สงฺคณฺหาติ. สพฺพํ…เป… วฏฺฏตีติ ยถาวุตฺเตสุ มฺจาทีสุ อิตฺถิปุริสรูปมฺปิ วฏฺฏติ. เตลภาชเนสุเยว อิตฺถิปุริสรูปานํ ปฏิกฺขิปิตตฺตา เตลภาชเนน สห อคเณตฺวา วิสุํ มฺจาทีนํ คหิตตฺตา จาติ วทนฺติ. กิฺจาปิ วทนฺติ, เอเตสํ ปน มฺจาทีนํ หตฺเถน อามสิตพฺพภณฺฑตฺตา อิตฺถิรูปเมตฺถ น วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๘๕) ปน ‘‘ตาลวณฺฏพีชนิอาทีสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตานิ กุฺจิกา วิย ปริหรณียานิ, อถ โข อุจฺจาวจานิ น ธาเรตพฺพานีติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตานิ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว วิธูปนฺจ ตาลวณฺฏฺจา’’ติอาทินา วุตฺตานิ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตลภาชเนสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ, เสนาสนปริกฺขารตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ วุตฺตเมว –

‘‘ปานียสฺส อุฬุงฺเกปิ, โทณิยํ รชนสฺสปิ;

ฆเฏ ผลกปีเปิ, วลยาธารกาทิเก.

‘‘ตถา ปตฺตปิธาเน จ, ตาลวณฺเฏ จ พีชเน;

ปาทปุฺฉนิยํ วาปิ, สมฺมุฺชนิยเมว จ.

‘‘มฺเจ ภูมตฺถเร ปีเ, ภิสิพิมฺโพหเนสุ จ;

มาลากมฺมาทิกํ จิตฺตํ, สพฺพเมว จ วฏฺฏตี’’ติ.

๑๔. เอวํ สมณปริกฺขาเรสุ กปฺปิยากปฺปิยํ กเถตฺวา อิทานิ เสนาสเน กเถตุํ ‘‘เสนาสเน ปนา’’ตฺยาทิมาห. เอตฺถ ปน-สทฺโท วิเสสโชตโก. เตน สพฺพรตนมยมฺปิ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ, กิมงฺคํ ปน อฺวณฺณมฏฺกมฺมนฺติ อตฺถํ โชเตติ. ยทิ เอวํ กิสฺมิฺจิ ปฏิเสเธตพฺเพ สนฺเตปิ ตถา วตฺตพฺพํ สิยาติ อาห ‘‘เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถี’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน –

‘‘นานามณิมยตฺถมฺภ-กวาฏทฺวารภิตฺติกํ;

เสนาสนมนุฺาตํ, กา กถา วณฺณมฏฺเก.

‘‘โสวณฺณิยํ ทฺวารกวาฏพทฺธํ;

สุวณฺณนานามณิภิตฺติภูมึ;

น กิฺจิ เอกมฺปิ นิเสธนียํ;

เสนาสนํ วฏฺฏติ สพฺพเมวา’’ติ.

สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ ปมสงฺฆาทิเสสวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๑) ‘‘เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย, ตสฺมา ชาตรูปรชตมยา สพฺเพปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสา. ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน รตนมณฺฑเป กโรนฺติ ผลิกตฺถมฺเภ รตนทามปฏิมณฺฑิเต. ตตฺถ สพฺพุปกรณานิ ภิกฺขูนํ ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํ ปน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ‘‘สพฺพกปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘ตสฺมา’ติอาทิ. ‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว สุวณฺณมยํ เสนาสนํ เสนาสนปริกฺขารา จ วฏฺฏนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วณฺณิตํ.

เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายมฺปิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ‘สพฺพํ ปาสาทปริโภคนฺติ สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานิ กวาฏานิ มฺจปีานิ ตาลวณฺฏานิ สุวณฺณรชตมยปานียฆฏปานียสราวานิ ยํ กิฺจิ จิตฺตกมฺมกตํ, สพฺพํ วฏฺฏติ. ปาสาทสฺส ทาสิทาสํ เขตฺตํ วตฺถุํ โคมหึสํ เทมาติ วทนฺติ, ปาเฏกฺกํ คหณกิจฺจํ นตฺถิ, ปาสาเท ปฏิคฺคหิเต ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. โคนกาทีนิ สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา มฺจปีเสุ อตฺถริตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏนฺติ, ธมฺมาสเน ปน คิหิวิกตนีหาเรน ลพฺภนฺติ, ตตฺราปิ นิปชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํ ปน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๐) ‘‘สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานีติ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปุคฺคลิกํ ปน สุวณฺณาทิวิจิตฺรํ ภิกฺขุสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุเมว น วฏฺฏติ ‘น ตฺเววาหํ ภิกฺขเว เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพ’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตตฺตา, เตเนเวตฺถ อฏฺกถายํ ‘สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา’ติ น วุตฺตํ, โคนกาทิอกปฺปิยภณฺฑวิสเยว เอวํ วุตฺตํ, เอกภิกฺขุสฺสปิ เตสํ คหเณ โทสาภาวา’’ติ วณฺณิตํ.

ตสฺมึเยว ขนฺธเก อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) ‘‘สเจปิ ราชราชมหามตฺตาทโย เอกปฺปหาเรเนว มฺจสตํ วา มฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สพฺเพ กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฏิปาฏิยา สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุฺชถาติ ทาตพฺพา, ปุคฺคลิกวเสน น ทาตพฺพา’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํเยว วิมติวิโนทนิยํ ‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ อิมินา สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ อกปฺปิยมฺจํ ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเตปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วุตฺเต สงฺฆสฺเสว วฏฺฏติ, น ปุคฺคลสฺส เขตฺตาทิ วิยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วณฺณิตํ, ตสฺมา ภควโต อาณํ สมฺปฏิจฺฉนฺเตหิ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตหิ ภิกฺขูหิ สุฏฺุ มนสิกาตพฺพมิทํ านํ.

นนุ จ เสนาสเน วิรุทฺธเสนาสนํ นาม ปฏิเสเธตพฺพํ อตฺถิ, อถ กสฺมา ‘‘เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อฺตฺร วิรุทฺธเสนาสนา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – วิรุทฺธเสนาสนา วิรุทฺธเสนาสนํ อฺตฺร เปตฺวา อฺํ วณฺณมฏฺกมฺมาทิกมฺมํ สนฺธาย เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถีติ วุตฺตํ, น ตทภาโวติ. ยทิ เอวํ ตํ วิรุทฺธเสนาสนํ อาจริเยน วตฺตพฺพํ, กตมํ วิรุทฺธเสนาสนํ นามาติ ปุจฺฉายมาห ‘‘วิรุทฺธ…เป… วุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ อฺเสนฺติ สีมสฺสามิกานํ. ราชวลฺลเภหีติ ลชฺชิเปสลานํ อุโปสถาทิอนฺตรายกรา อลชฺชิโน ภินฺนลทฺธิกา จ ภิกฺขู อธิปฺเปตา เตหิ สห อุโปสถาทิกรณาโยคโต. เตน จ ‘‘สีมายา’’ติ วุตฺตํ. เตสํ ลชฺชิปริสาติ เตสํ สีมสฺสามิกานํ อนุพลํ ทาตุํ สมตฺถา ลชฺชิปริสา. ภิกฺขูหิ กตนฺติ ยํ อลชฺชีนํ เสนาสนเภทนาทิกํ ลชฺชิภิกฺขูหิ กตํ, ตํ สพฺพํ สุกตเมว อลชฺชินิคฺคหตฺถาย ปวตฺเตตพฺพโต.

เอตฺถ จ สิยา – ‘‘อฺเสํ สีมายา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, สีมา นาม พหุวิธา, กตรสีมํ สนฺธายาติ? พทฺธสีมํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘มา อมฺหากํ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายมกตฺถา’’ติ อฏฺกถายเมว วุตฺตตฺตา, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ.ฏี. ๒.๘๕) ‘‘อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายกรา อลชฺชิโน ราชกุลูปกา วุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา, อุโปสถาทิวินยกมฺมเขตฺตภูตาย เอว สีมาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา. ยทิ เอวํ คามสีมสตฺตพฺภนฺตรสีมอุทกุกฺเขปสีมาโยปิ ตํเขตฺตภูตา เอว, ตสฺมา ตาปิ สนฺธายาติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ตาสํ อพทฺธสีมตฺตา, น เต ตาสํ สามิกา, พทฺธสีมาเยว ภิกฺขูนํ กิริยาย สิทฺธตฺตา ตาสํเยว เต สามิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปน สีมสฺสามิเกหิ ภิกฺขูหี’’ติ. ยํ ปน วทนฺติ ‘‘อุปจารสีมาปิ ตํเขตฺตภูตา’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ตสฺสา ตทกฺเขตฺตภาวํ อุปริ สีมาวินิจฺฉยกถาทีสุ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๖ อาทโย) กถยิสฺสาม. อปิจ คามสีมาย อฺเสํ เสนาสนกรณสฺส ปฏิเสธิตุมยุตฺตตฺตา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สพฺพทา อติฏฺนโต พทฺธสีมาเยว อธิปฺเปตาติ วิฺายตีติ.

ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา, อนุปวชฺโชติ อิทํ สพฺพมตฺติกามยกุฏี วิย สพฺพถา อนุปโยคารหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน ปฺจวณฺณสุตฺเตหิ วินทฺธฉตฺตาทิกํ, ตตฺถ อกปฺปิยภาโคว ฉินฺทิตพฺโพ, น ตทวเสโส, ตสฺส กปฺปิยตฺตาติ ฉินฺทนฺโต อุปวชฺโชว โหติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ฆฏกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ปริกฺขารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ทุติโย ปริจฺเฉโท.

๓. เภสชฺชาทิกรณวินิจฺฉยกถา

๑๕. เอวํ ปริกฺขารวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ เภสชฺชกรณปริตฺตปฏิสนฺถารานํ วินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘เภสชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภิสกฺกสฺส อิทํ กมฺมํ เภสชฺชํ. กึ ตํ? ติกิจฺฉนํ. กริยเต กรณํ, เภสชฺชสฺส กรณํ เภสชฺชกรณํ, เวชฺชกมฺมกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปริสมนฺตโต ตายติ รกฺขตีติ ปริตฺตํ, อารกฺขาติ อตฺโถ. ปฏิสนฺถรณํ ปฏิสนฺถาโร, อตฺตนา สทฺธึ อฺเสํ สมฺพนฺธกรณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ โย วินิจฺฉโย มาติกายํ ‘‘เภสชฺชกรณมฺปิ จ ปริตฺตํ, ปฏิสนฺถาโร’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) มยา วุตฺโต, ตสฺมึ สมภินิวิฏฺเ เภสชฺชกรณวินิจฺฉเย. สหธมฺโม เอเตสนฺติ สหธมฺมิกา, เตสํ, เอกสฺส สตฺถุโน สาสเน สหสิกฺขมานธมฺมานนฺติ อตฺโถ. อถ วา สหธมฺเม นิยุตฺตา สหธมฺมิกา, เตสํ, สหธมฺมสงฺขาเต สิกฺขาปเท สิกฺขมานภาเวน นิยุตฺตานนฺติ อตฺโถ. วิวฏฺฏนิสฺสิตสีลาทิยุตฺตภาเวน สมตฺตา สมสีลสทฺธาปฺานํ. เอเตน ทุสฺสีลานํ ภินฺนลทฺธิกานฺจ อกาตุมฺปิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ.

าตกปวาริตฏฺานโต วาติ อตฺตโน วา เตสํ วา าตกปวาริตฏฺานโต. น กริยิตฺถาติ อกตา, อยุตฺตวเสน อกตปุพฺพา วิฺตฺติ อกตวิฺตฺติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘อกตวิฺตฺติยาติ น วิฺตฺติยา. สา หิ อนนุฺาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ, ‘วเทยฺยาถ ภนฺเต เยนตฺโถ’ติ เอวํ อกตฏฺาเน วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตีติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ‘‘คิลานสฺส อตฺถาย อปฺปวาริตฏฺานโต วิฺตฺติยา อนุฺาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ, ‘วท ภนฺเต ปจฺจเยนา’ติ เอวํ อกตปวารณฏฺาเน จ วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตี’’ติ.

๑๖. ปฏิยาทิยตีติ สมฺปาเทติ. อกาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ทุกฺกฏนฺติ วทนฺติ, อยุตฺตตาวเสน ปเนตฺถ อกรณปฺปฏิกฺเขโป วุตฺโต, น อาปตฺติวเสนาติ คเหตพฺพํ. สพฺพํ ปริกมฺมํ อนามสนฺเตนาติ มาตุคามสรีราทีนํ อนามาสตฺตา วุตฺตํ. ยาว าตกา น ปสฺสนฺตีติ ยาว ตสฺส าตกา น ปสฺสนฺติ. ‘‘ติตฺถิยภูตานํ มาตาปิตูนํ สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) วุตฺตํ.

๑๗. ปิตุ ภคินี ปิตุจฺฉา. มาตุ ภาตา มาตุโล. นปฺปโหนฺตีติ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ ฏีกาสุ วุตฺตํ. ‘‘เตสํเยว สนฺตกํ เภสชฺชํ คเหตฺวา เกวลํ โยเชตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน นปฺปโหนฺติ ยาจนฺติ จ, เทถ โน ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปฏิทสฺสามา’’ติ วุตฺตตฺตา ปน เตสํ เภสชฺชสฺส อปฺปโหนกตฺตา เภสชฺชเมว ยาจนฺตีติ อฏฺกถาธิปฺปาโย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺโพ. น ยาจนฺตีติ ลชฺชาย น ยาจนฺติ, คารเวน วา. ‘‘อาโภคํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อฺถา เทนฺตสฺส อาปตฺติเยว. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘) ปน ‘‘อาโภคํ กตฺวาติ อิทํ กตฺตพฺพกรณทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อาโภคํ ปน อกตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏตีติ ตีสุ คณฺิปเทสุ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. โปราณฏีกายมฺปิ ตเทว คเหตฺวา ลิขิตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ปน ตํ วจนํ ปฏิกฺขิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ เกจิ ปน ‘‘อาโภคํ อกตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ เภสชฺชกรณสฺส, ปาฬิยํ ‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอวํ อนฺตราปตฺติทสฺสนวเสน สามฺโต ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, อฏฺกถายํ อวุตฺตปฺปกาเรน กโรนฺตสฺส สุตฺเตเนว อาปตฺติสิทฺธาติ ทฏฺพฺพา. เตเนว อฏฺกถายมฺปิ ‘เตสฺเว สนฺตก’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ.

เอเต ทส าตเก เปตฺวาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโยปิ ตปฺปฏิพทฺธตฺตา าตกา เอวาติ เตปิ เอตฺเถว สงฺคหิตา. เตน อฺเสนฺติ อิมินา อฺาตกานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘เอเตสํ ปุตฺตปรมฺปรายา’’ติอาทิ. กุลปริวฏฺฏาติ กุลานํ ปฏิปาฏิ, กุลปรมฺปราติ วุตฺตํ โหติ. เภสชฺชํ กโรนฺตสฺสาติ ยถาวุตฺตวิธินา กโรนฺตสฺส, ‘‘ตาวกาลิกํ ทสฺสามี’’ติ อาโภคํ อกตฺวา เทนฺตสฺสปิ ปน อนฺตราปตฺติทุกฺกฏํ วินา มิจฺฉาชีวนํ วา กุลทูสนํ วา น โหติเยว. เตนาห ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตี’’ติ. าตกานฺหิ สนฺตกํ ยาจิตฺวาปิ คเหตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ตตฺถ กุลทูสนาทิ น สิยา. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ‘‘มยฺหํ ทสฺสนฺติ กริสฺสนฺตีติ ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺสปิ ยาจิตฺวา คเหตพฺพฏฺานตาย าตเกสุ เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วจนโต ยาว สตฺตโม กุลปริวฏฺโฏ, ตาว เภสชฺชํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ ‘‘จูฬมาตุยา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ จูฬมาตุยา สามิโกติอาทินา โยเชตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

อุปชฺฌายสฺส อาหรามาติ อิทํ อุปชฺฌาเยน มม าตกานํ เภสชฺชํ อาหรถาติ อาณตฺเตหิ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิมินา จ สามเณราทีนํ อปจฺจาสายปิ ปรชนสฺส เภสชฺชกรณํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. วุตฺตนเยเนว ปริเยสิตฺวาติ อิมินา ‘‘ภิกฺขาจารวตฺเตน วา’’ติอาทินา, ‘‘าติสามเณเรหิ วา’’ติอาทินา จ วุตฺตมตฺถํ อติทิสติ. อปจฺจาสีสนฺเตนาติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) อาคนฺตุกโจราทีนํ กโรนฺเตนปิ มนุสฺสา นาม อุปการกา โหนฺตีติ อตฺตโน เตหิ ลาภํ อปตฺถยนฺเตน, ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺส ปน เวชฺชกมฺมกุลทูสนาทินา โทโส โหตีติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ อุปกาเร กเต สาสนสฺส คุณํ ตฺวา ปสีทนฺติ, สงฺฆสฺส วา อุปการกา โหนฺตีติ กรเณ ปน โทโส นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘อปจฺจาสีสนฺเตน อาคนฺตุกาทีนํ ปฏิกฺขิตฺตปุคฺคลานมฺปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ กตฺตพฺพากตฺตพฺพฏฺานวิภาคสฺส นิรตฺถกตฺตปฺปสงฺคโต อปจฺจาสีสนฺเตน ‘‘สพฺเพสมฺปิ ทาตุํ กาตุฺจ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วตฺตพฺพโต. อปจฺจาสีสนฺจ มิจฺฉาชีวกุลทูสนาทิโทสนิเสธนตฺถเมว วุตฺตํ น เภสชฺชกรณสงฺขาตาย อิมิสฺสา อนฺตราปตฺติยา มุจฺจนตฺถํ อาคนฺตุกโจราทีนํ อนุฺาตานํ ทาเนเนว ตาย อาปตฺติยา มุจฺจนโตติ คเหตพฺพํ.

๑๘. เตเนว อปจฺจาสีสนฺเตนปิ อกาตพฺพฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธํ กุล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เภสชฺชํ อาจิกฺขถา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อฺมฺํ ปน กถา กาตพฺพา’’ติ อิทํ ปริยายตฺตา วฏฺฏติ. เอวํ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิทฺจิทฺจ คเหตฺวา กโรนฺตีติ อิมินา ปริยาเยน กเถนฺตสฺสปิ เนวตฺถิ โทโสติ อาจริยา. ปุจฺฉนฺตีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺโรคีนํ ปริยาเยนปิ วตฺวา วิจรณํ อยุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปุจฺฉิตสฺสปิ ปน ปจฺจาสีสนฺตสฺส ปริยายกถาปิ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สมุลฺลเปสีติ อปจฺจาสีสนฺโต เอว อฺมฺํ กถํ สมุฏฺาเปสิ. อาจริยภาโคติ วินยาจารํ อโกเปตฺวา เภสชฺชาจิกฺขเณน เวชฺชาจริยภาโค อยนฺติ อตฺโถติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ปน ‘‘วินยลกฺขณํ อชานนฺตสฺส อนาจริยสฺส ตทนุรูปโวหาราสมฺภวโต อีทิสสฺส ลาภสฺส อุปฺปตฺติ นาม นตฺถีติ ‘อาจริยภาโค นาม อย’นฺติ วุตฺตํ. วินเย ปกตฺุนา อาจริเยน ลภิตพฺพภาโค อยนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปุปฺผปูชนตฺถาย ทินฺเนปิ อกปฺปิยโวหาเรน วิธานสฺส อยุตฺตตฺตา ‘กปฺปิยวเสนา’ติ วุตฺตํ, ‘ปุปฺผํ อาหรถา’ติอาทินา กปฺปิยโวหารวเสนาติ อตฺโถ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ปน ‘‘ปุปฺผปูชนตฺถายปิ สมฺปฏิจฺฉิยมานํ รูปิยํ อตฺตโน สนฺตกตฺตภชเนน นิสฺสคฺคิยเมวาติ อาห ‘กปฺปิยวเสน คาหาเปตฺวา’ติ. ‘อมฺหากํ รูปิยํ น วฏฺฏติ, ปุปฺผปูชนตฺถํ ปุปฺผํ วฏฺฏตี’ติอาทินา ปฏิกฺขิปิตฺวา กปฺปิเยน กมฺเมน คาหาเปตฺวาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘กปฺปิยวเสนาติ อมฺหากํ ปุปฺผํ อาเนถาติอาทินา. ‘ปูชํ อกาสี’ติ วุตฺตตฺตา สยํ คเหตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อยเมตฺถ เภสชฺชกรณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๑๙. เอวํ เภสชฺชกรณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปริตฺตกรณวินิจฺฉยํ กเถตุมาห ‘‘ปริตฺเต ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยทิ ‘‘ปริตฺตํ กโรถา’’ติ วุตฺเต กโรนฺติ, เภสชฺชกรณํ วิย คิหิกมฺมํ วิย จ โหตีติ ‘‘น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วุตฺเต ปน ธมฺมชฺเฌสนตฺตา อนชฺฌิฏฺเนปิ ภณิตพฺโพ ธมฺโม, ปเคว อชฺฌิฏฺเนาติ ‘‘กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ ปริตฺตํ กโรนฺเตน กาตพฺพวิธึ ทสฺเสติ. จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ อิทํ วา ‘‘ปริตฺตาณํ เอตฺถ ปเวเสมี’’ติ จิตฺเตน เอวํ กเต ปริตฺตาณา เอตฺถ ปเวสิตา นาม โหตีติ วุตฺตํ. วิหารโต…เป… ทุกฺกฏนฺติ อิทํ อฺาตเก คหฏฺเ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ปาเทสุ อุทกํ อากิริตฺวาติ อิทํ ตสฺมึ เทเส จาริตฺตวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ปาฬิยา นิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ ปาเทสุ โรควูปสมนาทิอตฺถาย อุทกํ สิฺจิตฺวา ปริตฺตํ กาตุํ สุตฺตฺจ เปตฺวา ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวฺหิ กริยมาเน ยทิ ปาเท อปเนนฺติ, มนุสฺสา ตํ ‘‘อวมงฺคล’’นฺติ มฺนฺติ ‘‘โรโค น วูปสเมสฺสตี’’ติ. เตนาห ‘‘น ปาทา อปเนตพฺพา’’ติ.

มตสรีรทสฺสเน วิย เกวเล สุสานทสฺสเนปิ อิทํ ชาตานํ สตฺตานํ วยคมนฏฺานนฺติ มรณสฺา อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘สีวถิกทสฺสเน…เป… มรณสฺสตึ ปฏิลภิสฺสามาติ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เลสกปฺปํ อกตฺวา สมุปฺปนฺนสุทฺธจิตฺเตน ‘‘ปริวารตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุตฺเตปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) วุตฺตํ. เอเตน อสุภทสฺสนนฺติ วจนมตฺเตน เลสกปฺปํ กตฺวา เอวํ คเต มตสฺส าตกา ปสีทิสฺสนฺติ, ทานํ ทสฺสนฺติ, มยํ ลาภํ ลภิสฺสาม, อุปฏฺากํ ลภิสฺสามาติ อสุทฺธจิตฺเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. กมฺมฏฺานสีเสน ปน ‘‘มรณสฺสตึ ลภิสฺสามา’’ติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน ปกฺโกสิเตปิ อปกฺโกสิเตปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตาลปณฺณสฺส ปริตฺตเลขนฏฺานตฺตา ปริตฺตสุตฺตสฺส ปริตฺตกรณสฺาณตฺตา ตานิ ทิสฺวา อมนุสฺสา ปริตฺตสฺาย อปกฺกมนฺตีติ อาห ‘‘ตาลปณฺณํ ปน ปริตฺตสุตฺตํ วา หตฺเถ วา ปาเท วา พนฺธิตพฺพ’’นฺติ.

เอตฺถ จ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) วา ภณิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตโกเยว วินยฏฺกถาภโต ปาฬิมุตฺตปริตฺตกรณวินิจฺฉโย, น ปน ตโต ปรํ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิโก กถามคฺโค สมนฺตปาสาทิกายํ นตฺถิ, ตีสุ ฏีกาสุปิ ตํสํวณฺณนานโย นตฺถิ, ตถาปิ โส สุตฺตฏฺกถายํ อาคโตวาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ ปน อาฏานาฏิยสุตฺตสฺส ปริกมฺมํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิธาติ ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺตํ วา ภณิตพฺพ’’นฺติ วจเน. ปนาติ วิเสสตฺเถ นิปาโต. ทีฆนิกาเย ปาถิกวคฺเค อาคตสฺส อาฏานาฏิยปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ เอวํ เวทิตพฺพนฺติ โยชนา. ยทิ ปมเมว น วตฺตพฺพํ, อถ กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘เมตฺตสุตฺต’’นฺติอาทิ. เอวฺหิ ลทฺธาเสวนํ หุตฺวา อติโอชวนฺตํ โหติ.

ปิฏฺํ วา มํสํ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน มจฺฉขณฺฑปูวขชฺชกาทโย สงฺคณฺหาติ. โอตารํ ลภนฺตีติ อตฺตนา ปิยายิตขาทนียนิพทฺธวสนฏฺานลาภตาย อวตารณํ ลภนฺติ. หริตูปลิตฺตนฺติ อลฺลโคมยลิตฺตํ. อิทฺหิ โปราณกจาริตฺตํ ภูมิวิสุทฺธกรณํ. ปริสุทฺธํ…เป… นิสีทิตพฺพนฺติ อิมินา ปริตฺตการกสฺส ภิกฺขุโน เมตฺตากรุณาวเสน จิตฺตวิสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เอวฺหิ สติ อุปริ วกฺขมานอุภยโต รกฺขาสํวิธาเนน สเมติ. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๘๒) ปน ‘‘สรีรสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. น หิ ‘‘กายสุทฺธิมตฺเตน อมนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติ วุตฺตํ, เมตฺตาวเสเนว ปน วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา…เป… เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปริ. ๓๓๑; มิ. ป. ๔.๔.๖).

ปริตฺตการโก…เป… สมฺปริวาริเตนาติ อิทํ ปริตฺตกรโณ พาหิรโต อารกฺขาสํวิธานํ, ‘‘เมตฺต…เป… วตฺตพฺพ’’นฺติ อพฺภนฺตรโต อารกฺขาสํวิธานํ, เอวํ อุภยโต รกฺขาสํวิธานํ โหติ. เอวฺหิ อมนุสฺสา ปริตฺตการกสฺส อนฺตรายํ กาตุํ น วิสหนฺติ. มงฺคลกถา วตฺตพฺพาติ อมนุสฺสานํ โตสนตฺถาย ปณฺณาการํ กตฺวา มหามงฺคลกถา กเถตพฺพา. เอวํ อุปริ วกฺขมาเนน ‘‘ตุยฺหํ ปณฺณาการตฺถาย มหามงฺคลกถา วุตฺตา’’ติ วจเนน สเมติ. ฏีกายํ ปน ‘‘ปุพฺพุปจารวเสน วตฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพสนฺนิปาโตติ ตสฺมึ วิหาเร ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาโต โฆเสตพฺโพ ‘‘เจติยงฺคเณ สพฺเพหิ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ. อนาคนฺตุํนาม น ลภตีติ อมนุสฺโส พุทฺธาณาภเยน ราชาณาภเยน อนาคนฺตุํ น ลภติ จตุนฺนํ มหาราชูนํ อาณาฏฺานิยตฺตา. คหิตกาปเทเสน อมนุสฺโสว ปุจฺฉิโต โหตีติ ‘‘อมนุสฺสคหิตโก ‘ตฺวํ โก นาโม’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. มาลาคนฺธาทีสูติ มาลาคนฺธาทิปูชาสุ. อาสนปูชายาติ เจติเย พุทฺธาสนปูชาย. ปิณฺฑปาเตติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปิณฺฑปาตทาเน. เอวํ วตฺถุปฺปเทเสน เจตนา วุตฺตา, ตสฺมา ปตฺติทานํ สมฺภวติ.

เทวตานนฺติ ยกฺขเสนาปตีนํ. วุตฺตฺหิ อาฏานาฏิยสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๒๘๓, ๒๙๓) ‘‘อิเมสํ ยกฺขานํ มหายกฺขานํ เสนาปตีนํ มหาเสนาปตีนํ อุชฺฌาเปตพฺพ’’นฺติอาทิ. อาฏาติ ทพฺพิมุขสกุณา. เต อาฏา นทนฺติ เอตฺถาติ อาฏานาทํ, เทวนครํ, อาฏานาเท กตํ อาฏานาทิยํ, สุตฺตํ. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๘๒) ‘‘ปริตฺตํ ภณิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ ‘เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา’ติ จ ‘มงฺคลกถา วตฺตพฺพา’ติ จ ‘วิหารสฺส อุปวเน’ติ จ เอวมาทิ สพฺพํ คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตํ ปริกมฺมํ กาตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒) ‘‘เอตํ ตาว คิหีนํ ปริกมฺม’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน ภิกฺขู’’ติอาทินา วิเสสตฺถโชตเกน ปน-สทฺเทน สห วุจฺจมานํ ‘‘อิทํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺม’’นฺติ วจนํ นิรตฺถกํ วิย โหติ. อวิเสเส หิ สติ เภโท กาตพฺโพ น สิยา. ภิกฺขูนฺจ ยถาวุตฺตาว พาหิรารกฺขา ทุกฺกรา โหติ, ตสฺมา คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตปริกมฺเม อสมฺปชฺชมาเนปิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว กาตุํ วฏฺฏตีติ โน มติ.

อิทํ ปน อิธ อาคตํ อาฏานาฏิยสุตฺตปริกมฺมํ สุตฺวา ‘‘อิทํ สุตฺตํ อมนุสฺสานํ อมนาปํ, สชฺฌายนฺตสฺส ปริตฺตํ กโรนฺตสฺส อมนุสฺสา อนฺตรายํ กเรยฺยุ’’นฺติ มฺมานา โปราณา จตูหิ มหาราเชหิ อาโรจิตํ สพฺพฺุพุทฺเธน เทสิตํ มูลภูตํ ทีฆนิกาเย อาคตํ อาฏานาฏิยสุตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) ปหาย มูลสุตฺตโต คาถาฉกฺกเมว คเหตฺวา อวเสสํ สพฺพํ สุตฺตํ เปตฺวา อฺคาถาโย ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺต’’นฺติ เปสุํ, ตมฺปิ ปริตฺตํ อมูลภูตตฺตา เอเกนากาเรน ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตา เกจิ สํขิตฺเตน ธาเรนฺติ, เกจิ วิตฺถาเรน, เกจิ เอกจฺจา คาถาโย ปกฺขิปนฺติ, เกจิ นิกฺขิปนฺติ, เกจิ ภิกฺขู ตํมิสฺสกปริตฺตมฺปิ มงฺคลกรณกาลาทีสุ วตฺตุมวิสหนฺตา ตํ เปตฺวา อฺสุตฺตานิเยว ภณนฺติ, สพฺพเมตํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมา? จตฺตาโรปิ มหาราชาโน อิมํ อาฏานาฏิยํ รกฺขํ สํวิทหมานา พุทฺธสาสเน อมนุสฺสานํ ปสาทาย, จตสฺสนฺนํ ปริสานํ อวิเหนาย เอว สํวิทหึสุ, น อฺเน การเณน. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ตตฺถ สนฺติ อุฬารา ยกฺขานิวาสิโน, เย อิมสฺมึ ภควโต ปาวจเน อปฺปสนฺนา, เตสํ ปสาทาย อุคฺคณฺหาตุ ภนฺเต ภควา อาฏานาฏิยํ รกฺขํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ คุตฺติยา รกฺขาย อวิหึสาย ผาสุวิหารายา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๗๖).

สมฺมาสมฺพุทฺเธนปิ อิมสฺส สุตฺตสฺส นิคมเน ‘‘อุคฺคณฺหาถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, ปริยาปุณาถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, ธาเรถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, อตฺถสํหิตา ภิกฺขเว อาฏานาฏิยา รกฺขา ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ คุตฺติยา รกฺขาย อวิหึสาย ผาสุวิหารายา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๕) ภิกฺขูนํ ธารณํ อุยฺโยชิตํ อานิสํสฺจ ปกาสิตํ. อฏฺกถาจริเยหิ จ ‘‘พุทฺธภาสิเต เอกกฺขรมฺปิ เอกปทมฺปิ อปเนตพฺพํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา จตูหิ มหาราเชหิ สํวิทหิตํ สมฺมาสมฺพุทฺเธน อาหจฺจภาสิตํ ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปกติอาฏานาฏิยสุตฺตเมว ธาเรตุํ สชฺฌายิตุฺจ ยุตฺตํ, น ภควตา อภาสิตํ ติสฺโส สงฺคีติโย อนารุฬฺหํ มิสฺสกสุตฺตนฺติ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒) อาคตํ อิทํ อาฏานาฏิยปริตฺตปริกมฺมํ ปน ปกติสชฺฌายนวาจนาทึ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺตํ, อถ โข คหฏฺํ วา ปพฺพชิตํ วา อมนุสฺเสหิ คหิตกาเล โมจาปนตฺถาย โลกิเยหิ มนฺตํ วิย ภณนํ สนฺธาย วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อมนุสฺสคหิตโก ตฺวํ โก นาโมสีติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒).

อาฏานาฏิยา รกฺขา จ นาม น สกลสุตฺตํ, อถ โข ‘‘วิปสฺสิสฺส จ นมตฺถู’’ติ ปทํ อาทึ กตฺวา จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสน จตุกฺขตฺตุํ อาคตํ ‘‘ชินํ วนฺทาม โคตม’’นฺติ ปทํ ปริโยสานํ กตฺวา วุตฺตสุตฺเตกเทโสเยว. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อถ โข เวสฺสวโณ มหาราชา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อิมํ อาฏานาฏิยํ รกฺขํ อภาสี’’ติ อารภิตฺวา ยถาวุตฺตสุตฺเตกเทสสฺส อวสาเน ‘‘อยํ โข มาริสา อาฏานาฏิยา รกฺขา’’ติ นิยฺยาติตตฺตา. ตสฺมา ยถา นาม พฺยคฺฆาทโย อตฺตโน ภกฺขํ วิลุมฺปนฺตานํ พลวทุฏฺจิตฺตา ภวนฺติ, เอวํ อตฺตนา คหิตมนุสฺสํ โมจาเปนฺตานํ อมนุสฺสา ปทุฏฺจิตฺตา โหนฺติ. อิติ ตถา โมจาเปตุํ อารทฺธกาเล ภิกฺขูนํ ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ อิมํ อาฏานาฏิยปริตฺตปริกมฺมํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยํ ปริตฺตกรณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๒๐. อนามฏฺปิณฺฑปาโตติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) เอตฺถ อมสิยิตฺถาติ อามฏฺโ, น อามฏฺโ อนามฏฺโ. ปิณฺฑํ ปิณฺฑํ หุตฺวา ปตตีติ ปิณฺฑปาโต. อนามฏฺโ จ โส ปิณฺฑปาโต จาติ ตถา, อคฺคหิตอคฺโค, อปริภุตฺโต ปิณฺฑปาโตติ อตฺโถ. สเจปิ กหาปณคฺฆนโก โหตีติ อิมินา ทายเกหิ พหุพฺยฺชเนน สมฺปาเทตฺวา สกฺกจฺจํ ทินฺนภาวํ ทีเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นตฺถี’’ติ, เอวํ สกฺกจฺจํ สทฺธาย ทินฺนํ มหคฺฆโภชนมฺปิ มาตาปิตูนํ ทตฺวา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นาม น โหติ, ปเคว อปฺปคฺฆโภชเนติ อธิปฺปาโย. มาตาทิปฺจกํเยว วตฺวา เภสชฺชกรเณ วิย อปเรสมฺปิ ทสนฺนํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อวุตฺตตฺตา อฺเสํ าตกานมฺปิ เปเสตฺวา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ‘‘วิหารํ สมฺปตฺตสฺส ปน ยสฺส กสฺสจิ อาคนฺตุกสฺส วา’’อิจฺจาทิวกฺขมานตฺตา วิหารํ สมฺปตฺตานํ าตกานมฺปิ อาคนฺตุกสามฺเน ทาตุํ วฏฺฏตีติ จ. ถาลเกติ สงฺฆิเก กํสาทิมเย ถาลเก. ปตฺโตปิ เอตฺถ สงฺคยฺหติ. น วฏฺฏตีติ อิมินา ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ทามริกโจรสฺสาติ รชฺชํ ปตฺเถนฺตสฺส ปากฏโจรสฺส. อทียมาเนปิ ‘‘น เทนฺตี’’ติ กุชฺฌนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

อามิสสฺส ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส ปฏิสนฺถรณํ ปิทหนํ ปฏิสนฺถาโร. โส ปน ธมฺมามิสวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ อามิสปฏิสนฺถารํ สนฺธาย ‘‘กสฺส กาตพฺโพ, กสฺส น กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อาคนฺตุกสฺส วา…เป… กาตพฺโพเยวาติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘อาคนฺตุกํ ตาวา’’ติอาทิมาห. ขีณปริพฺพยนฺติ อิมินา อคติภาวํ กรุณาฏฺานตฺจ ทสฺเสติ. เตน จ ตพฺพิธุรานํ สมิทฺธานํ อาคนฺตุกตฺเตปิ ทาตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ‘‘อปจฺจาสีสนฺเตนา’’ติ วตฺวา ปจฺจาสีสนปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนนุฺาตานํ ปน อปจฺจาสีสนฺเตนปิ ทาตุํ น วฏฺฏติ สทฺธาเทยฺยวินิปาตตฺตา, ปจฺจาสาย ปน สติ กุลทูสนมฺปิ โหติ. อุพฺพาเสตฺวาติ สมนฺตโต ติโยชนํ วิลุมฺปนฺเต มนุสฺเส ปลาเปตฺวา. วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ อเนกปฺปการํ อิตฺถิปุริสาทิอุตฺตมรูปวิจิตฺตํ อตฺถรณํ. อยํ ปฏิสนฺถารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

เภสชฺชาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ตติโย ปริจฺเฉโท.

๔. วิฺตฺติวินิจฺฉยกถา

๒๑. เอวํ เภสชฺชาทิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ วิฺตฺติวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วิฺตฺตีติ ยาจนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิฺาปนา วิฺตฺติ, ‘‘อิมินา โน อตฺโถ’’ติ วิฺาปนา, ยาจนาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘วิฺตฺตีติ ยาจนา’’ติ. ตตฺร วิฺตฺติยํ อยํ มยา วกฺขมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. มูลจฺเฉชฺชายาติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๔๒) ปรสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา อตฺตโน เอว สนฺตกกรณวเสน. เอวํ ยาจโต อฺาตกวิฺตฺติทุกฺกฏฺเจว ทาสปฏิคฺคหทุกฺกฏฺจ โหติ ‘‘ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) โหตี’’ติ วจนํ นิสฺสาย อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. าตกปวาริตฏฺานโต ปน ทาสํ มูลจฺเฉชฺชาย ยาจนฺตสฺส สาทิยนวเสเนว ทุกฺกฏํ. สกกมฺมนฺติ ปาณวธกมฺมํ. อิทฺจ ปาณาติปาตโทสปริหาราย วุตฺตํ, น วิฺตฺติปริหาราย. อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, สุทฺธจิตฺเตน ปน หตฺถกมฺมํ ยาจนฺตสฺส อาปตฺติ นาม นตฺถิ. ยทิจฺฉกํ การาเปตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘หตฺถกมฺมํ ยาจามิ, เทถา’’ติอาทินา อยาจิตฺวาปิ วฏฺฏติ, สกิจฺจปสุตมฺปิ เอวํ การาเปนฺตสฺส วิฺตฺติ นตฺถิ เอว, สามีจิทสฺสนตฺถํ ปน วิภชิตฺวา วุตฺตํ.

สพฺพกปฺปิยภาวทีปนตฺถนฺติ สพฺพโส กปฺปิยภาวทสฺสนตฺถํ. มูลํ เทถาติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘มูลํ ทสฺสามา’’ติ ปมํ วุตฺตตฺตา วิฺตฺติ วา ‘‘มูล’’นฺติ วจนสฺส กปฺปิยากปฺปิยวตฺถุสามฺวจนตฺตา อกปฺปิยวจนํ วา นิฏฺิตภติกิจฺจานํ ทาปนโต อกปฺปิยวตฺถุสาทิยนํ วา น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. มูลจฺเฉชฺชาย วาติ อิทํ อิธ ถมฺภาทีนํ ทาสิทาสาทิภาวาภาวโต วุตฺตํ. อนชฺฌาวุตฺถกนฺติ อปริคฺคหิตํ, อสฺสามิกนฺติ อตฺโถ.

๒๒. น เกวลฺจ…เป… จีวราทีนิ การาเปตุกาเมนาติอาทีสุ จีวรํ การาเปตุกามสฺส อฺาตกอปฺปวาริตตนฺตวาเยหิ หตฺถกมฺมยาจนวเสน วายาปเน วิฺตฺติปจฺจยา ทุกฺกฏาภาเวปิ จีวรวายาปนสิกฺขาปเทน ยถารหํ ปาจิตฺติยทุกฺกฏานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพํ. อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพนฺติ กปฺปิยมุเขน ลทฺธมฺปิ ตตฺถ กมฺมกรณตฺถาย อิมสฺส กหาปณํ เทหีติ วตฺวา ‘‘ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ทาปเน กิฺจาปิ โทโส น ทิสฺสติ, ตถาปิ อสารุปฺปเมวาติ วทนฺติ. กตกมฺมตฺถายปิ กปฺปิยโวหาเรน ปริยายโต ภตึ ทาเปนฺตสฺส นตฺถิ โทโส, สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๓๔๒) ปน ‘‘อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพนฺติ กิฺจาปิ อกปฺปิยกหาปณาทึ อสาทิยนฺเตน กปฺปิยโวหารโต ทาตุํ วฏฺฏติ, ตถาปิ สารุปฺปํ น โหติ, มนุสฺสา จ เอตสฺส สนฺตกํ กิฺจิ อตฺถีติ วิเหเตพฺพํ มฺนฺตีติ อกปฺปิยกหาปณาทิทานํ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตเถว ปาเจตฺวาติ หตฺถกมฺมวเสเนว ปาเจตฺวา. ‘‘กึ ภนฺเต’’ติ เอตฺตเกปิ ปุจฺฉิเต ยทตฺถาย ปวิฏฺโ, ตํ กเถตุํ ลภติ ปุจฺฉิตปฺหตฺตา.

๒๓. วตฺตนฺติ จาริตฺตํ, อาปตฺติ ปน น โหตีติ อธิปฺปาโย. กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคเหตพฺพานีติ สาขาย มกฺขิกพีชเนน ปณฺณาทิเฉเท พีชคามโกปนสฺส เจว ตตฺถ ลคฺครชาทิอปฺปฏิคฺคหิตกสฺส จ ปริหารตฺถาย วุตฺตํ, ตทุภยาสงฺกาย อสติ ตถา อกรเณ โทโส นตฺถิ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๓๔๒) ปน ‘‘กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคเหตพฺพานีติ สาขาย ลคฺครชสฺมึ ปตฺเต ปติเตปิ สาขํ ฉินฺทิตฺวา ขาทิตุกามตายปิ สติ สุขปริโภคตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. นทิยาทีสุ อุทกสฺส อปริคฺคหิตตฺตา ‘‘อาหราติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เคหโต…เป… เนว วฏฺฏตีติ ปริคฺคหิตุทกตฺตา วิฺตฺติยา ทุกฺกฏํ โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘น อาหฏํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ วจนโต วิฺตฺติยา อาปนฺนํ ทุกฺกฏํ เทเสตฺวาปิ ตํ วตฺถุํ ปริภุฺชนฺตสฺส ปริโภเค ปริโภเค ทุกฺกฏเมว, ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น วฏฺฏติ.

‘‘อลชฺชีหิ ปน ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา หตฺถกมฺมํ น กาเรตพฺพ’’นฺติ สามฺโต วุตฺตตฺตา อตฺตโน อตฺถาย ยํ กิฺจิ หตฺถกมฺมํ กาเรตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ปน อลชฺชี นิวาริยมาโนปิ พีชนาทึ กโรติ, ตตฺถ โทโส นตฺถิ, เจติยกมฺมาทีนิ ปน เตหิ การาเปตุํ วฏฺฏตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๔๒) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๔๒) ปน ‘‘อลชฺชีหิ…เป… น กาเรตพฺพนฺติ อิทํ อุตฺตริภงฺคาธิการตฺตา อชฺโฌหรณียํ สนฺธาย วุตฺตํ, พาหิรปริโภเคสุ ปน อลชฺชีหิปิ หตฺถกมฺมํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อลชฺชีหิ สามเณเรหี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๕๙) อลชฺชิลกฺขณํ อุกฺกฏฺวเสน อุปสมฺปนฺเน ปฏิจฺจ อุปลกฺขณโต วุตฺตนฺติ ตํลกฺขณวิรหิตานํ สามเณราทีนํ ลิงฺคตฺเถนโคตฺรภุปริโยสานานํ ภิกฺขุปฏิฺานํ ทุสฺสีลานมฺปิ สาธารณวเสน อลชฺชิลกฺขณํ ยถาปิตปฏิปตฺติยา อติฏฺนเมวาติ คเหตพฺพํ.

๒๔. โคณํ ปน…เป… อาหราเปนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วิฺตฺติกฺขเณ วิฺตฺติปจฺจยา, ปฏิลาภกฺขเณ โคณานํ สาทิยนปจฺจยา จ ทุกฺกฏํ. โคณฺหิ อตฺตโน อตฺถาย อวิฺตฺติยา ลทฺธมฺปิ สาทิตุํ น วฏฺฏติ ‘‘หตฺถิควาสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วุตฺตตฺตา. เตเนวาห ‘‘าตกปวาริตฏฺานโตปิ มูลจฺเฉชฺชาย ยาจิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. เอตฺถ จ วิฺตฺติทุกฺกฏาภาเวปิ อกปฺปิยวตฺถุยาจเนปิ ปฏิคฺคหเณปิ ทุกฺกฏเมว. รกฺขิตฺวาติ โจราทิอุปทฺทวโต รกฺขิตฺวา. ชคฺคิตฺวาติ ติณอนฺนาทีหิ โปเสตฺวา. น สมฺปฏิจฺฉิตพฺพนฺติ อตฺตโน อตฺถาย โคสาทิยนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา วุตฺตํ.

๒๕. าตกปวาริตฏฺาเน ปน วฏฺฏตีติ สกฏสฺส สมฺปฏิจฺฉิตพฺพตฺตา มูลจฺเฉชฺชวเสน ยาจิตุํ วฏฺฏติ. ตาวกาลิกํ วฏฺฏตีติ อุภยตฺถาปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๔๒) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๔๒) ปน ‘‘สกฏํ เทถาติ…เป… น วฏฺฏตีติ มูลจฺเฉชฺชวเสน สกฏํ เทถาติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ตาวกาลิกํ วฏฺฏตีติ ตาวกาลิกํ กตฺวา สพฺพตฺถ ยาจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วาสิอาทีนิ ปุคฺคลิกานิปิ วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘เอส นโย วาสี’’ติอาทิ. วลฺลิอาทีสุ จ ปรปริคฺคหิเตสุ เอส นโยติ โยเชตพฺพํ. ครุภณฺฑปฺปโหนเกสุเยวาติ อิทํ วิฺตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, อทินฺนาทาเน ปน ติณสลากํ อุปาทาย ปรปริคฺคหิตํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหโต อวหาโร เอว, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. วลฺลิอาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปาฬิอาคตานํ เวฬุมุฺชปพฺพชติณมตฺติกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ จ ยสฺมึ ปเทเส หริตาลชาติหิงฺคุลิกาทิ อปฺปกมฺปิ มหคฺฆํ โหติ, ตตฺถ ตํ ตาลปกฺกปฺปมาณโต อูนมฺปิ ครุภณฺฑเมว, วิฺาเปตุฺจ น วฏฺฏติ.

๒๖. สาติ วิฺตฺติ. ปริกถาทีสุ ‘‘เสนาสนํ สมฺพาธ’’นฺติอาทินา ปริยาเยน กถนํ ปริกถา นาม. อุชุกเมว อกเถตฺวา ‘‘ภิกฺขูนํ กึ ปาสาโท น วฏฺฏตี’’ติอาทินา อธิปฺปาโย ยถา วิภูโต โหติ, เอวํ กถนํ โอภาโส นาม. เสนาสนาทิอตฺถํ ภูมิปริกมฺมาทิกรณวเสน ปจฺจยุปฺปาทาย นิมิตฺตกรณํ นิมิตฺตกมฺมํ นาม. ตีสุ ปจฺจเยสุ วิฺตฺติอาทโย ทสฺสิตา, คิลานปจฺจเย ปน กถนฺติ อาห ‘‘คิลานปจฺจเย ปนา’’ติอาทิ. ตถา อุปฺปนฺนํ ปน เภสชฺชํ โรเค วูปสนฺเต ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? ตตฺถ วินยธรา ‘‘ภควตา โรคสีเสน ปริโภคสฺส ทฺวารํ ทินฺนํ, ตสฺมา อโรคกาเลปิ ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ น โหตี’’ติ วทนฺติ, สุตฺตนฺติกา ปน ‘‘กิฺจาปิ อาปตฺติ น โหติ, อาชีวํ ปน โกเปติ, ตสฺมา สลฺเลขปฏิปตฺติยํ ิตสฺส น วฏฺฏติ, สลฺเลขํ โกเปตี’’ติ วทนฺตีติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

วิฺตฺติวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท.

๕. กุลสงฺคหวินิจฺฉยกถา

๒๗. เอวํ วิฺตฺติวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กุลสงฺคหวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กุลสงฺคโห’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺคณฺหนํ สงฺคโห, กุลานํ สงฺคโห กุลสงฺคโห, ปจฺจยทายกาทีนํ คิหีนํ อนุคฺคหกรณํ. อนุคฺคหตฺโถ เหตฺถ สงฺคห-สทฺโท ยถา ‘‘ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕).

๒๘. ตตฺถ โกฏฺฏนนฺติ สยํ ฉินฺทนํ. โกฏฺฏาปนนฺติ ‘‘อิมํ ฉินฺทา’’ติ อฺเสํ เฉทาปนํ. อาฬิยา พนฺธนนฺติ ยถา คจฺฉมูเล อุทกํ สนฺติฏฺติ, ตถา สมนฺตโต พนฺธนํ. อุทกสฺสาติ อกปฺปิยอุทกสฺส ‘‘กปฺปิยอุทกสิฺจน’’นฺติ วิสุํ วกฺขมานตฺตา, ตฺจ อารามาทิอตฺถํ โรปเน อกปฺปิยโวหาเรสุปิ กปฺปิยโวหาเรสุปิ กปฺปิยอุทกสิฺจนาทิ วฏฺฏตีติ วกฺขมานตฺตา อิธาปิ วิภาคํ กตฺวา กปฺปิยอุทกสิฺจนาทิ วิสุํ ทสฺสิตํ. เอตฺถ จ กตมํ อกปฺปิยอุทกํ, กตมํ ปน กปฺปิยอุทกนฺติ? สปฺปาณกํ อกปฺปิยอุทกํ, อปฺปาณกํ กปฺปิยอุทกนฺติ. กถํ วิฺายตีติ เจ, ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ติณํ วา มตฺติกํ วา สิฺเจยฺย วา สิฺจาเปยฺย วา ปาจิตฺติย’’นฺติ วจนโต. ยถา โกฏฺฏนขณนาทิกายิกกิริยาปิ อกปฺปิยโวหาเร สงฺคหิตา, เอวํ มาติกาอุชุกรณาทิกปฺปิยโวหาเรปีติ อาห ‘‘สุกฺขมาติกาย อุชุกรณ’’นฺติ. หตฺถปาทมุขโธวนนหอาโนทกสิฺจนนฺติ อิมินาปิ ปการนฺตเรน กปฺปิยอุทกสิฺจนเมว ทสฺเสติ. อกปฺปิยโวหาเร โกฏฺฏนขณนาทิวเสน สยํ กรณสฺสปิ กถํ สงฺคโหติ? อกปฺปิยนฺติ โวหริยตีติ อกปฺปิยโวหาโรติ อกปฺปิยภูตํ กรณการาปนาทิ สพฺพเมว สงฺคหิตํ, น ปน อกปฺปิยวจนมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กปฺปิยโวหาเรปิ เอเสว นโย. สุกฺขมาติกาย อุชุกรณนฺติ อิมินา ปุราณปณฺณาทีนํ หรณมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กุทาลาทีนิ ภูมิยํ เปตฺวา านโต หตฺเถน คเหตฺวา านเมว ปากฏตรนฺติ ‘‘โอภาโส’’ติ วุตฺตํ.

๒๙. มหาปจฺจริวาทํ ปติฏฺาเปตุกาโม ปจฺฉา วทติ. วนตฺถายาติ อิทํ เกจิ ‘‘วตตฺถายา’’ติ ปนฺติ, เตสํ วติอตฺถายาติ อตฺโถ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ ตเถว วุตฺตํ, ‘‘อารามโรปา วนโรปา, เย นรา เสตุการกา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔๗) วจนโต ปน ตํ วิจาเรตพฺพํ. อกปฺปิยโวหาเรปิ เอกจฺจํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวลฺจ เสส’’นฺติอาทิมาห. ยํ กิฺจิ มาติกนฺติ สุกฺขมาติกํ วา อสุกฺขมาติกํ วา. กปฺปิยอุทกํ สิฺจิตุนฺติ อิมินา ‘‘กปฺปิยอุทกํ สิฺจถา’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สยํ โรเปตุมฺปิ วฏฺฏตีติ อิมินา ‘‘โรเปหี’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติปิ สิทฺธํ.

๓๐. ปาจิตฺติยฺเจว ทุกฺกฏฺจาติ ปถวีขณนปจฺจยา ปาจิตฺติยํ, กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฏํ. อกปฺปิยโวหาเรนาติ ‘‘อิทํ ขณ, อิทํ โรเปหี’’ติ อกปฺปิยโวหาเรน. ทุกฺกฏเมวาติ กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฏํ. อุภยตฺราติ กปฺปิยากปฺปิยปถวิยํ.

สพฺพตฺถาติ กุลสงฺคหปริโภคอารามาทิอตฺถาย โรปิเต. ทุกฺกฏมฺปีติ น เกวลํ ปาจิตฺติยเมว. กปฺปิเยนาติ กปฺปิยอุทเกน. เตสํเยว ทฺวินฺนนฺติ กุลสงฺคหปริโภคานํ. ทุกฺกฏนฺติ กุลสงฺคหตฺถาย สยํ สิฺจเน, กปฺปิยโวหาเรน วา อกปฺปิยโวหาเรน วา สิฺจาปเน ทุกฺกฏํ, ปริโภคตฺถาย สยํ สิฺจเน, อกปฺปิยโวหาเรน สิฺจาปเน จ ทุกฺกฏํ. ปโยคพหุลตายาติ สยํ กรเณ, กายปโยคสฺส การาปเน วจีปโยคสฺส พหุตฺเตน. อาปตฺติพหุลตา เวทิตพฺพาติ เอตฺถ สยํ สิฺจเน ธาราปจฺเฉทคณนาย อาปตฺติคณนา เวทิตพฺพา. สิฺจาปเน ปน ปุนปฺปุนํ อาณาเปนฺตสฺส วาจาย วาจาย อาปตฺติ, สกึ อาณตฺตสฺส พหุสิฺจเน เอกาว.

โอจินเน ทุกฺกฏปาจิตฺติยานีติ กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฏํ, ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ. อฺตฺถาติ วตฺถุปูชาทิอตฺถาย โอจินเน. สกึ อาณตฺโตติ อกปฺปิยโวหาเรน อาณตฺโต. ปาจิตฺติยเมวาติ อกปฺปิยโวหาเรน อาณตฺตตฺตา ภูตคามสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๙๐-๙๑) ปาจิตฺติยํ. กปฺปิยวจเนน ปน วตฺถุปูชาทิอตฺถาย โอจินาเปนฺตสฺส อนาปตฺติเยว.

๓๑. คนฺถเนน นิพฺพตฺตํ ทามํ คนฺถิมํ. เอส นโย เสเสสุปิ. น วฏฺฏตีติ กุลสงฺคหตฺถาย, วตฺถุปูชาทิอตฺถาย วา วุตฺตนเยน กโรนฺตสฺส การาเปนฺตสฺส จ ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. วฏฺฏตีติ วตฺถุปูชาทิอตฺถาย วฏฺฏติ, กุลสงฺคหตฺถาย ปน กปฺปิยโวหาเรน การาเปนฺตสฺสปิ ทุกฺกฏเมว. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘ภิกฺขุสฺส วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. ธมฺมาสนวิตาเน พทฺธกณฺฏเกสุ ปุปฺผานิ วินิวิชฺฌิตฺวา เปนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อุปรูปริ วิชฺฌิตฺวา ฉตฺตสทิสํ กตฺวา อาวุณนโต ‘‘ฉตฺตาธิฉตฺตํ วิยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กทลิกฺขนฺธมฺหี’’ติอาทินา วุตฺตํ สพฺพเมว สนฺธาย ‘‘ตํ อติโอฬาริกเมวา’’ติ วุตฺตํ, สพฺพตฺถ กรเณ, อกปฺปิยโวหาเรน การาปเน จ ทุกฺกฏเมวาติ อตฺโถ. ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ กณฺฏกมฺปิ พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ อิมสฺส อุปลกฺขณตฺตา ปุปฺผทาโมลมฺพกาทิอตฺถาย รชฺชุพนฺธนาทิปิ น วฏฺฏตีติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ กณฺฏกนฺติ วิเสสิตตฺตา ตทตฺถํ กณฺฏกเมว พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ, ตฺจ อฏฺกถาปมาเณนา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ปุปฺผปฏิจฺฉกํ นาม ทนฺตาทีหิ กตํ ปุปฺผาธานํ. เอตมฺปิ นาคทนฺตกมฺปิ สฉิทฺทเมว คเหตพฺพํ. อโสกปิณฺฑิยาติ อโสกสาขานํ, ปุปฺผานํ วา สมูเห. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๓๑) ปน ‘‘อโสกปิณฺฑิยาติ อโสกปุปฺผมฺชริกายา’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมรชฺชุ นาม เจติยํ วา โพธึ วา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถํ อาวิชฺฌิตฺวา พนฺธรชฺชุ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๓๑) ปน ‘‘ธมฺมรชฺชุ นาม เจติยาทีนิ ปริกฺขิปิตฺวา เตสฺจ รชฺชุยา จ อนฺตรา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถาย พนฺธรชฺชุ. สิถิลวฏฺฏิตาย วา วฏฺฏิยา อพฺภนฺตเร ปุปฺผปฺปเวสนตฺถาย เอวํ พนฺธาติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

มตฺถกทามนฺติ ธมฺมาสนาทิมตฺถเก ปลมฺพกทามํ. เตสํเยวาติ อุปฺปลาทีนํ เอว. วาเกน วาติ ปุปฺผนาฬํ ผาเลตฺวา ปุปฺเผน เอกาพทฺธฏฺิตวาเกน ทณฺเฑน จ เอกาพทฺเธเนว. เอเตน ปุปฺผํ พีชคามสงฺคหํ น คจฺฉติ ปฺจสุ พีเชสุ อปวิฏฺตฺตา ปณฺณํ วิย, ตสฺมา กปฺปิยํ อการาเปตฺวาปิ วิโกปเน โทโส นตฺถิ. ยฺจ ฉินฺนสฺสปิ มกุฬสฺส วิกสนํ, ตมฺปิ อติตรุณสฺส อภาวา วุฑฺฒิลกฺขณํ น โหติ, ปริณตสฺส ปน มกุฬสฺส ปตฺตานํ สิเนเห ปริยาทานํ คเต วิสุํภาโว เอว วิกาโส, เตเนว ฉินฺนมกุฬวิกาโส อฉินฺนมกุฬวิกาสโต ปริหีโน, มิลาตนิยุตฺโต วา ทิสฺสติ. ยฺจ มิลาตสฺส อุทกสฺโเค อมิลานตาปชฺชนํ, ตมฺปิ ตมฺพุลปณฺณาทีสุ สมานํ วุฑฺฒิลกฺขณํ น โหติ. ปาฬิอฏฺกถาสุ จ น กตฺถจิ ปุปฺผานํ กปฺปิยกรณํ อาคตํ, ตสฺมา ปุปฺผํ สพฺพถา อพีชเมวาติ วิฺายติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

‘‘ปสิพฺพเก วิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ปุปฺผํ ปสิพฺพเก วา ปสิพฺพกสทิสํ พนฺเธ ยตฺถ กตฺถจิ จีวเร วา ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๓๑) ปน ‘‘ขนฺเธ ปิตกาสาวสฺสาติ ขนฺเธ ปิตสงฺฆาฏึ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ ตถาพนฺธิตุํ สกฺกา ภเวยฺย. อิมินา จ อฺมฺปิ ตาทิสํ กาสาวํ วา วตฺถํ วา วุตฺตนเยน พนฺธิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อํสภณฺฑิกปสิพฺพเก ปกฺขิตฺตสทิสตฺตา เวิมํ นาม น ชาตํ, ตสฺมา สิถิลพนฺธสฺส อนฺตรนฺตรา ปกฺขิปิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺา ทณฺฑกํ ปน พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ รชฺชุอาทีหิ พนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปุปฺผสฺเสว ปน อจฺฉินฺนทณฺฑเกหิ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ เอว.

ปุปฺผปเฏ จ ทฏฺพฺพนฺติ ปุปฺผปฏํ กโรนฺตสฺส ทีฆโต ปุปฺผทามสฺส หรณปจฺจาหรณวเสน ปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ติริยโต หรณํ ปน วายิมํ นาม โหติ, น ปุริมํ. ‘‘ปุริมฏฺานํ อติกฺกาเมตี’’ติ สามฺโต วุตฺตตฺตา ปุริมํ ปุปฺผโกฏึ ผุสาเปตฺวา วา อผุสาเปตฺวา วา ปริกฺขิปนวเสน อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติเยว. พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ ปุปฺผรหิตาย สุตฺตวากโกฏิยา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอกวารํ หริตฺวา ปริกฺขิปิตฺวาติ อิทํ ปุพฺเพ วุตฺตเจติยาทิปริกฺเขปํ ปุปฺผปฏกรณฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา เจติยํ วา โพธึ วา ปริกฺขิปนฺเตน เอกวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ปุริมฏฺานํ สมฺปตฺเต อฺสฺส ทาตพฺพํ, เตนปิ เอกวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ตเถว กาตพฺพํ. ปุปฺผปฏํ กโรนฺเตน จ หริตฺวา อฺสฺส ทาตพฺพํ, เตนปิ ตเถว กาตพฺพํ. สเจปิ ทฺเวเยว ภิกฺขู อุโภสุ ปสฺเสสุ ตฺวา ปริยาเยน หรนฺติ, วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ.

ปเรหิ ปูริตนฺติ ทีฆโต ปสาริตํ. วายิตุนฺติ ติริยโต หริตุํ, ตํ ปน เอกวารมฺปิ น ลภติ. ปุปฺผานิ เปนฺเตนาติ อคนฺถิตานิ ปากติกปุปฺผานิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวาปิ เปนฺเตน. ปุปฺผทามํ ปน ปูชนตฺถาย ภูมิยํ เปนฺเตน ผุสาเปตฺวา วา อผุสาเปตฺวา วา ทิคุณํ กตฺวา เปตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ.

๓๒. ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ เหฏฺาภาเค ฆฏิกาการยุตฺโต, ทารุฆฏิกากาโร วา โอลมฺพโก. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๓๑) ปน ‘‘ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ อนฺเต ฆฏิกาการยุตฺโต ยมกทามโอลมฺพโก’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๓๑) ปน ‘‘ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ ยมกทามโอลมฺพโกติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ, เอเกกํ ปน ทามํ นิกฺขนฺตสุตฺตโกฏิยาว พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ วฏฺฏติ, ปุปฺผทามทฺวยํ สงฺฆฏิตุกาเมนปิ นิกฺขนฺตสุตฺตโกฏิยาว สุตฺตโกฏึ สงฺฆฏิตุํ วฏฺฏติ. อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณปริกฺเขโปติ อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณสฺส ปุนปฺปุนํ หรณปจฺจาหรณวเสน ปูเรตฺวา ปริกฺขิปนํ, เตเนว ตํ ปุริเม ปวิฏฺํ, ตสฺมา เอตมฺปิ อฑฺฒจนฺทาการํ ปุนปฺปุนํ หรณปจฺจาหรณวเสน ปูเรตุํ น วฏฺฏติ. เอกวารํ ปน อฑฺฒจนฺทาการกรเณ มาลาคุณํ หริตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปุปฺผทามกรณนฺติ เอตฺถ สุตฺตโกฏิยํ คเหตฺวาปิ เอกโต กาตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สุตฺตมยํ เคณฺฑุกํ นาม, เคณฺฑุกขรปตฺตทามานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา เจลาทีหิ กตทามมฺปิ น วฏฺฏติ อกปฺปิยานุโลมตฺตาติ วทนฺติ. ปรสนฺตกํ เทติ, ทุกฺกฏเมวาติ วิสฺสาสคฺคาเหน ปรสนฺตกํ คเหตฺวา เทนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ถุลฺลจฺจยนฺติ เอตฺถ ภณฺฑเทยฺยมฺปิ โหติ.

๓๓. ตฺจ โข วตฺถุปูชนตฺถายาติ มาตาปิตูนมฺปิ ปุปฺผํ เทนฺเตน วตฺถุปูชนตฺถาเยว ทาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มณฺฑนตฺถาย ปน สิวลิงฺคาทิปูชนตฺถายา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา ‘‘อิมํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิสฺสนฺตี’’ติ มาตาปิตูนํ วฏฺฏติ, เสสาตกานํ ตาวกาลิกเมว ทาตุํ วฏฺฏติ. กสฺสจิปีติ าตกสฺส วา อฺาตกสฺส วา กสฺสจิปิ. าติสามเณเรเหวาติ เตสํ คิหิปริกมฺมโมจนตฺถํ วุตฺตํ. อิตเรติ อฺาตกา. เตหิปิ สามเณเรหิ อาจริยุปชฺฌายานํ วตฺตสีเสน หริตพฺพํ. สมฺปตฺตานํ สามเณรานํ อุปฑฺฒภาคํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ สงฺฆิกสฺส ลาภสฺส อุปจารสีมฏฺสามเณรานมฺปิ สนฺตกตฺตา เตสมฺปิ อุปฑฺฒภาโค ลพฺภเตวาติ กตฺวา วุตฺตํ. จูฬกนฺติ อุปฑฺฒภาคโตปิ อุปฑฺฒํ. จตุตฺถภาคสฺเสตํ อธิวจนํ. สามเณรา…เป… เปนฺตีติ อิทํ อรกฺขิตอโคปิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘วสฺสคฺเคน อภาชนียํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ มคฺเค วา เจติยงฺคเณ วา.

๓๔. สามเณเรหิ ทาเปตุํ น ลภนฺตีติ อิทํ สามเณเรหิ คิหิกมฺมํ การิตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ, น ปน ปุปฺผทานํ โหตีติ สามเณรานมฺปิ น วฏฺฏนโต. วุตฺตฺจ ‘‘สยเมวา’’ติอาทิ. น หิ ตํ ปุปฺผทานํ นาม สิยา. ยทิ หิ ตถา อาคตานํ เตสํ ทานํ ปุปฺผทานํ นาม ภเวยฺย, สามเณเรหิปิ ทาตุํ น ลพฺเภยฺย. สยเมวาติ สามเณรา สยเมว. ยาคุภตฺตาทีนิ อาทายาติ อิทํ ภิกฺขูนํ อตฺถาย ยาคุภตฺตาทิสมฺปาทนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. อวิเสเสน วุตฺตนฺติ อิมินา สพฺเพสมฺปิ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ.

๓๕. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘มาตาปิตูนํ ตาว หริตฺวาปิ หราเปตฺวาปิ ปกฺโกสิตฺวาปิ ปกฺโกสาเปตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ, เสสาตกานํ ปกฺโกสาเปตฺวาว. มาตาปิตูนฺจ หราเปนฺเตน าติสามเณเรเหว หราเปตพฺพํ. อิตเร ปน ยทิ สยเมว อิจฺฉนฺติ, วฏฺฏตี’’ติ อิมํ ปุปฺผทาเน วุตฺตนยํ ผลทาเนปิ อติทิสติ, ตสฺมา ผลมฺปิ มาตาปิตูนํ หรณหราปนาทินา ทาตุํ วฏฺฏติ, เสสาตีนํ ปกฺโกสาเปตฺวาว. อิทานิ ‘‘โย หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา…เป… อิสฺสรวตาย ททโต ถุลฺลจฺจย’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) อิมํ ปุปฺผทาเน วุตฺตนยํ ผลทาเน สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กุลสงฺคหตฺถาย ปนา’’ติอาทิมาห. ขีณปริพฺพยานนฺติ อาคนฺตุเก สนฺธาย วุตฺตํ. ผลปริจฺเฉเทนาติ ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ ผลปริจฺเฉเทน วา. รุกฺขปริจฺเฉเทน วาติ ‘‘อิเมหิ รุกฺเขหิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ รุกฺขปริจฺเฉเทน วา. ปริจฺฉินฺเนสุปิ ปน รุกฺเขสุ ‘‘อิธ ผลานิ สุนฺทรานิ, อิโต คณฺหถา’’ติ วทนฺเตน กุลสงฺคโห กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน น วตฺตพฺพ’’นฺติ. รุกฺขจฺฉลฺลีติ รุกฺขตฺตโจ, สา ‘‘ภาชนียภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตา. วุตฺตนเยนาติ ปุปฺผผลาทีสุ วุตฺตนเยน กุลสงฺคโห โหตีติ ทสฺเสติ.

๓๖. เตสํ เตสํ คิหีนํ คามนฺตรเทสนฺตราทีสุ สาสนปฏิสาสนหรณํ ชงฺฆเปสนิยํ. เตนาห ‘‘คิหีนํ ทูเตยฺยํ สาสนหรณกมฺม’’นฺติ. ทูตสฺส กมฺมํ ทูเตยฺยํ. ปมํ สาสนํ อคฺคเหตฺวาปิ…เป… ปเท ปเท ทุกฺกฏนฺติ อิทํ ‘‘ตสฺส สาสนํ อาโรเจสฺสามี’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน คมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺส ปน สาสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สยเมว การุฺเ ิโต คนฺตฺวา อตฺตโน ปติรูปํ สาสนํ อาโรเจติ, อนาปตฺติ. คิหีนฺจ กปฺปิยสาสนํ หริตุํ วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. อิเมหิ ปน อฏฺหิ กุลทูสกกมฺเมหีติ ปุปฺผทานํ ผลทานํ จุณฺณทานํ มตฺติกทานํ ทนฺตกฏฺทานํ เวฬุทานํ ปณฺณทานํ ชงฺฆเปสนิกนฺติ อิเมหิ ยถาวุตฺเตหิ. ปพฺพาชนียกมฺมกโตติ กุลทูสนปจฺจยา กตปพฺพาชนียกมฺโม.

๓๗. เสกฺขภูมิยํ วาติ อิมินา ฌานภูมิมฺปิ สงฺคณฺหาติ. ติณฺณํ วิเวกานนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกภูตานํ ติณฺณํ วิเวกานํ. ปิณฺฑาย จรณสฺส โภชนปริโยสานตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว โภชนปริโยสาน’’นฺติ. ภุตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺสปิ ปุน วุตฺตนเยเนว ปณิธาย จีวรสณฺาปนาทีนิ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กุลสงฺคหวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ปฺจโม ปริจฺเฉโท.

๖. มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถา

๓๘. เอวํ กุลสงฺคหวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ มจฺฉมํสวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘มจฺฉมํเสสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ถเล ปิตมตฺเต มรติ, เกวฏฺฏาทีหิ วา มาริยตีติ มจฺโฉ. มจฺฉสฺส อิทนฺติ มจฺฉํ, มสิยเต อามสิยเตติ มํสํ, มจฺฉฺจ มํสฺจ มจฺฉมํสานิ, เตสุ. มจฺฉมํเสสุ ปน วินิจฺฉโย เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. มจฺฉคฺคหเณนาติ เอตฺถ นิทฺธารณํ น กาตพฺพํ. ปน-สทฺโท ปกฺขนฺตรตฺโถ, ทิวาเสยฺยาทีสุ วินิจฺฉยโต อปโร มจฺฉมํเสสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. คยฺหเต อเนนาติ คหณํ. กึ ตํ? สทฺโท, มจฺฉอิติ คหณํ มจฺฉคฺคหณํ, เตน มจฺฉคฺคหเณน, มจฺฉสทฺเทนาติ อตฺโถ. มํเสสุ ปน…เป… อกปฺปิยานีติ เอตฺถ มนุสฺสมํสํ สมานชาติมํสโต ปฏิกฺขิตฺตํ. หตฺถิอสฺสานํ มํสานิ ราชงฺคโต, สุนขอหีนํ เชคุจฺฉภาวโต, เสสานํ วาฬมิคตฺตา ภิกฺขูนํ ปริพนฺธวิโมจนตฺถํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ติโกฏิปริสุทฺธนฺติ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตสงฺขาตาหิ ตีหิ โกฏีหิ ตีหิ อากาเรหิ ตีหิ การเณหิ ปริสุทฺธํ, วิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อทิฏฺอสุตานิ จกฺขุวิฺาณโสตวิฺาณานํ อนารมฺมณภาวโต ชานิตพฺพานิ. อปริสงฺกิตํ ปน กถํ ชานิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อปริสงฺกิตํ ปนา’’ติอาทิ, ตีณิ ปริสงฺกิตานิ ตฺวา เตสํ ปฏิปกฺขวเสน อปริสงฺกิตํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อิทานิ ตานิ ตีณิ ปริสงฺกิตานิ จ เอวํ ปริสงฺกิเต สติ ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพวิธิฺจ เตน วิธินา อปริสงฺกิเต สติ กตฺตพฺพภาวฺจ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทิสฺวา ปริสงฺกิตํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ นาม. สุตฺวา ปริสงฺกิตํ สุตปริสงฺกิตํ นาม. อทิสฺวา อสุตฺวา ตกฺเกน อนุมาเนน ปริสงฺกิตํ ตทุภยวินิมุตฺตปริสงฺกิตํ นาม. ตํ ติวิธมฺปิ ปริสงฺกิตสามฺเน เอกา โกฏิ โหติ, ตโต วิมุตฺตํ อปริสงฺกิตํ นาม. เอวํ อทิฏฺํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ มจฺฉมํสํ ติโกฏิปริสุทฺธํ โหติ.

ชาลํ มจฺฉพนฺธนํ. วาคุรา มิคพนฺธินี. กปฺปตีติ ยทิ เตสํ วจเนน สงฺกา นิวตฺตติ, วฏฺฏติ, น ตํ วจนํ เลสกปฺปํ กาตุํ วฏฺฏติ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ยตฺถ จ นิพฺเพมติโก โหติ, ตํ สพฺพํ กปฺปตี’’ติ. ปวตฺตมํสนฺติ อาปณาทีสุ ปวตฺตํ วิกฺกายิกํ วา มตมํสํ วา. มงฺคลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อาหุนปาหุนาทิเก สงฺคณฺหาติ. ภิกฺขูนํเยว อตฺถาย อกตนฺติ เอตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท, ภิกฺขูนํ อตฺถาย อกตเมวาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ, ตสฺมา ภิกฺขูนฺจ มงฺคลาทีนฺจาติ มิสฺเสตฺวา กตมฺปิ น วตฺตตีติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ยถาิตวเสน อวธารณํ คเหตฺวา วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยตฺถ จ นิพฺเพมติโก โหตีติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย กเตปิ สพฺเพน สพฺพํ ปริสงฺกิตาภาวมาห.

๓๙. ตเมวตฺถํ อาวิกาตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิตเรสํ วฏฺฏตีติ อชานนฺตานํ วฏฺฏติ, ชานโตเวตฺถ อาปตฺติ โหตีติ. เตเยวาติ เย อุทฺทิสฺส กตํ, เตเยว. อุทฺทิสฺส กตมํสปริโภคโต อกปฺปิยมํสปริโภเค วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมสฺมึ สจิตฺตกาปตฺติ, อิตรสฺมึ อจิตฺตกา. เตนาห ‘‘อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภุฺชนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวา’’ติ. ‘‘ปริโภคกาเล ปุจฺฉิตฺวา ปริภุฺชิสฺสามีติ วา คเหตฺวา ปุจฺฉิตฺวาว ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๓๙) วจนโต อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อนาปตฺติ สิทฺธา. อชานิตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺเสว หิ อาปตฺติ วุตฺตา. วตฺตนฺติ วทนฺตีติ อิมินา อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท.

๗. อนามาสวินิจฺฉยกถา

๔๐. เอวํ มจฺฉมํสวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อนามาสวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อนามาส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อามสิยเตติ อามาสํ, น อามาสํ อนามาสํ, อปรามสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปาริปนฺถิกาติ วิกุปฺปนิกา, อนฺตรายิกาติ วุตฺตํ โหติ. นทีโสเตน วุยฺหมานํ มาตรนฺติ เอตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺาสุ ปน อิตฺถีสุ การุฺาธิปฺปาเยน มาตริ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺตสฺส เนวตฺถิ โทโสติ วทนฺติ. ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตตฺตา อฺาสุ น วฏฺฏตีติ วทนฺตาปิ อตฺถิ. เอตฺถ คณฺหาหีติ น วตฺตพฺพาติ เคหสฺสิตเปเมน กายปฺปฏิพทฺเธน ผุสเน ทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. การุฺเน ปน วตฺถาทึ คเหตุํ อสกฺโกนฺตึ ‘‘คณฺหาหี’’ติ วทนฺตสฺสปิ อวสภาวปฺปตฺติโต อุทเก นิมุชฺชนฺตึ การุฺเน สหสา อนามาสนฺติ อจินฺเตตฺวา เกสาทีสุ คเหตฺวา โมกฺขาธิปฺปาเยน อากฑฺฒโตปิ อนาปตฺติเยว. น หิ มียมานํ มาตรํ อุเปกฺขิตุํ วฏฺฏติ. อฺาติกาย อิตฺถิยาปิ เอเสว นโย. อุกฺกฏฺาย มาตุยาปิ อามาโส น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส กาตพฺพํ ปน อฺาสมฺปิ อิตฺถีนํ กโรนฺตสฺสปิ อนาปตฺติเยว อนามาสตฺเต วิเสสาภาวา.

ติณณฺฑุปกนฺติ หิริเวราทิมูเลหิ เกสาลงฺการตฺถาย กตจุมฺพฏกํ. ตาลปณฺณมุทฺทิกนฺติ ตาลปณฺเณหิ กตํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. เตน ตาลปณฺณาทิมยํ กฏิสุตฺตกณฺณปิฬนฺธนาทิ สพฺพํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ปริวตฺเตตฺวาติ อตฺตโน นิวาสนปารุปนภาวโต อปเนตฺวา, จีวรตฺถาย ปริณาเมตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. จีวรตฺถาย ปาทมูเล เปตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ปจฺจตฺถรณวิตานาทิอตฺถมฺปิ วฏฺฏติเยว, ปูชาทิอตฺถํ ตาวกาลิกมฺปิ อามสิตุํ วฏฺฏติ. สีสปสาธนทนฺตสูจีติ อิทํ สีสาลงฺการตฺถาย ปฏปิโลติกาหิ กตสีสปสาธนกฺเจว ทนฺตสูจิอาทิ จาติ ทฺเว ตโย. สีสปสาธนํ สิปาฏิโกปกรณตฺถาย เจว ทนฺตสูจึ สูจิอุปกรณตฺถาย จ คเหตพฺพนฺติ ยถากฺกมํ อตฺถํ ทสฺเสติ. เกสกลาปํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ติริยํ ปเวสนตฺถาย กตา สูจิ เอว สีสปสาธนกทนฺตสูจีติ เอกเมว กตฺวา สิปาฏิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตพฺพสูจิเยว ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส อุปกรณนฺติ สิปาฏิกสูจิอุปกรณํ, เอวํ วา โยชนา กาตพฺพา.

โปตฺถกรูปนฺติ สุธาทีหิ กตํ ปาราชิกวตฺถุภูตานํ ติรจฺฉานคติตฺถีนํ สณฺาเนน กตมฺปิ อนามาสเมว. อิตฺถิรูปานิ ทสฺเสตฺวา กตํ วตฺถุภิตฺติอาทิฺจ อิตฺถิรูปํ อนามสิตฺวา วฬฺเชตุํ วฏฺฏติ. เอวรูเป หิ อนามาเส กายสํสคฺคราเค อสติ กายปฺปฏิพทฺเธน อามสโต โทโส นตฺถิ. ภินฺทิตฺวาติ เอตฺถ หตฺเถน อคฺคเหตฺวาว เกนจิ ทณฺฑาทินา ภินฺทิตพฺพํ. เอตฺถ จ อนามาสมฺปิ ทณฺฑปาสาณาทีหิ เภทนสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา, ปาฬิยมฺปิ อาปทาสุ โมกฺขาธิปฺปายสฺส อามสเนปิ อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา จ สปฺปินิอาทิวาฬมิคีหิ คหิตปาณกานํ โมจนตฺถาย ตํ ตํ สปฺปินิอาทิวตฺถุํ ทณฺฑาทีหิ ปฏิกฺขิปิตฺวา คเหตุํ, มาตุอาทึ อุทเก มียมานํ วตฺถาทีหิ คเหตุํ, อสกฺโกนฺตึ เกสาทีสุ คเหตฺวา การุฺเน อุกฺขิปิตุฺจ วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ คเหตพฺโพว. ‘‘อฏฺกถายํ ‘น ตฺเวว อามสิตพฺพา’ติ อิทํ ปน วจนํ อมียมานํ วตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) วุตฺตํ.

๔๑. มคฺคํ อธิฏฺายาติ ‘‘มคฺโค อย’’นฺติ มคฺคสฺํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ปฺเปตฺวา เทนฺตีติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ, เตหิ ปน ‘‘อาสนํ ปฺเปตฺวาว นิสีทถา’’ติ วุตฺเต สยเมว ปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ชาตกานีติ อจฺฉินฺทิตฺวา ภูตคามภาเวเนว ิตานิ. ‘‘กีฬนฺเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา สติ ปจฺจเย อามสนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิทฺจ คิหิสนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ภิกฺขุสนฺตกํ ปน ปริโภคารหํ สพฺพถา อามสิตุํ น วฏฺฏติ ทุรูปจิณฺณตฺตา. ตาลปนสาทีนีติ เจตฺถ อาทิ-สทฺเทน นาฬิเกรลพุชติปุสอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลเอฬาลุกผลานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ยถาวุตฺตผลานํเยว เจตฺถ กีฬาธิปฺปาเยน อามสนํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาสาณสกฺขราทีนิ กีฬาธิปฺปาเยนปิ อามสิตุํ วฏฺฏติ. อนุปสมฺปนฺนานํ ทสฺสามีติ อิทํ อปฏิคฺคเหตฺวา คหณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺตโนปิ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตฺวา คหเณ โทโส นตฺถิ อนามาสตฺตาภาวา.

๔๒. มุตฺตาติ (ม. นิ. ฏี. ๑.๒ ปถวีวารวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) หตฺถิกุมฺภชาติกา อฏฺวิธา มุตฺตา. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ, วราหทาํ, ภุชคสีสํ, วลาหกํ, เวฬุ, มจฺฉสิโร, สงฺโข, สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาหีนา. วราหทาา วราหทาาวณฺณาว. ภุชคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา วฏฺฏลา จ. วลาหกชา ภาสุรา ทุพฺพิภาคา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิธเมนฺติโย ติฏฺนฺติ, เทวูปโภคา เอว จ โหนฺติ. เวฬุชา กรกผลสมานวณฺณา น ภาสุรา, เต จ เวฬู อมนุสฺสโคจเรเยว ปเทเส ชายนฺติ. มจฺฉสิรชา ปาีนปิฏฺิสมานวณฺณา วฏฺฏลา ลฆโว จ เตชวนฺตา โหนฺติ ปภาวิหีนา จ, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมชฺเฌเยว ชายนฺติ. สงฺขชา สงฺขอุทรจฺฉวิวณฺณา โกลผลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาว. สิปฺปิชา ปภาวิเสสยุตฺตา โหนฺติ นานาสณฺานา. เอวํ ชาติโต อฏฺวิธาสุ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกา. ภุชคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกา. ยสฺมา พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กทาจิ กาจิ, ตสฺมา สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกา มุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

มณีติ เวฬุริยาทิโต อฺโ โชติรสาทิเภโท สพฺโพ มณิ. เวฬุริโยติ อลฺลเวฬุวณฺโณ มณิ, ‘‘มชฺชารกฺขิมณฺฑลวณฺโณ’’ติปิ วทนฺติ. สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ มุคฺควณฺณา อติสินิทฺธา กาฬสิลา. มณิโวหารํ อคตา รตฺตเสตาทิวณฺณา สุมฏฺาปิ สิลา อนามาสา เอวาติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) ปน ‘‘สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ กาฬสิลาปณฺฑุสิลาเสตสิลาทิเภทา สพฺพาปิ สิลา’’ติ วุตฺตํ. ปวาฬํ สมุทฺทโต ชาตนาติรตฺตมณิ. รชตนฺติ กหาปณมาสาทิเภทํ ชตุมาสาทึ อุปาทาย สพฺพํ วุตฺตาวเสสรูปิยํ คหิตํ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. โลหิตงฺโกติ รตฺตมณิ. มสารคลฺลนฺติ กพรวณฺโณ มณิ. ‘‘มรกต’’นฺติปิ วทนฺติ.

ภณฺฑมูลตฺถายาติ ปตฺตจีวราทิมูลตฺถาย. กุฏฺโรคสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ตาย วูปสเมตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ โรคสฺส อตฺถาย วฏฺฏติเยว. ‘‘เภสชฺชตฺถฺจ อวิทฺธาเยว มุตฺตา วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตา. เภสชฺชตฺถาย ปิสิตฺวา โยชิตานํ มุตฺตานํ รตนภาววิชหนโต คหณกฺขเณปิ รตนากาเรน อเปกฺขาภาวา ‘‘เภสชฺชตฺถาย ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยาว ปน ตา มุตฺตา รตนรูเปน ติฏฺนฺติ, ตาว อามสิตุํ น วฏฺฏนฺติ. เอวํ อฺมฺปิ รตนปาสาณํ ปิสิตฺวา เภสชฺเช โยชนตฺถาย คเหตุํ วฏฺฏติ เอว. ชาตรูปรชตํ ปน มิสฺเสตฺวา โยชนเภสชฺชตฺถายปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. คหฏฺเหิ โยเชตฺวา ทินฺนมฺปิ ยทิ เภสชฺเช สุวณฺณาทิรูเปน ติฏฺติ, วิโยเชตุฺจ สกฺกา, ตาทิสํ เภสชฺชมฺปิ น วฏฺฏติ. ตํ อพฺโพหาริกตฺตคตฺเจ วฏฺฏติ. ‘‘ชาติผลิกํ อุปาทายา’’ติ วุตฺตตฺตา สูริยกนฺตจนฺทกนฺตาทิกํ ชาติปาสาณํ มณิมฺหิ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อากรมุตฺโตติ อากรโต มุตฺตมตฺโต. ภณฺฑมูลตฺถํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตีติ อิมินาว อามสิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ปจิตฺวา กโตติ กาจกาเรหิ ปจิตฺวา กโต.

ธมนสงฺโข จ โธตวิทฺโธ จ รตนมิสฺโส จาติ โยเชตพฺพํ. วิทฺโธติอาทิภาเวน กตฉิทฺโท. รตนมิสฺโสติ กฺจนลตาทิวิจิตฺโต มุตฺตาทิรตนขจิโต จ. เอเตน ธมนสงฺขโต อฺโ รตนสมฺมิสฺโส อนามาโสติ ทสฺเสติ. สิลายมฺปิ เอเสว นโย. ปานียสงฺโขติ อิมินา ถาลกาทิอากาเรน กตสงฺขมยภาชนานิ ภิกฺขูนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธํ. เสสนฺติ รตนมิสฺสํ เปตฺวา อวเสสํ. มุคฺควณฺณํเยว รตนสมฺมิสฺสํ กโรนฺติ, น อฺนฺติ อาห ‘‘มุคฺควณฺณาวา’’ติ, มุคฺควณฺณา รตนสมฺมิสฺสาว น วฏฺฏตีติ วุตฺตํ โหติ. เสสาติ รตนสมฺมิสฺสํ เปตฺวา อวเสสา สิลา.

พีชโต ปฏฺายาติ ธาตุปาสาณโต ปฏฺาย. สุวณฺณเจติยนฺติ ธาตุกรณฺฑกํ. ปฏิกฺขิปีติ ‘‘ธาตุฏฺปนตฺถาย คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติ เปสิตตฺตา ปฏิกฺขิปิ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘ปฏิกฺขิปีติ สุวณฺณมยสฺส ธาตุกรณฺฑกสฺส พุทฺธาทิรูปสฺส จ อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิสฺสคฺคิยตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สุวณฺณพุพฺพุฬกนฺติ สุวณฺณตารกํ. ‘‘รูปิยฉฑฺฑกฏฺาเน’’ติ วุตฺตตฺตา รูปิยฉฑฺฑกสฺส ชาตรูปรชตํ อามสิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. เกฬาปยิตุนฺติ อามสิตฺวา อิโต จิโต จ สฺจาเรตุํ. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา, หตฺเถนปิ ปุฺฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฏฺฏติ, ‘‘มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา, หตฺเถนปิ ปุฺฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฏฺฏติ, มลมฺปิ มชฺชิตุํ วฏฺฏติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ เกฬายนสทิสตฺตา’’ติ วุตฺตํ. กถํ น สเมติ? มหาอฏฺกถายํ เจติยฆรโคปกา รูปิยฉฑฺฑกฏฺาเน ิตาติ เตสํเยว เกฬายนํ อนุฺาตํ, น อฺเสํ, ตสฺมา ‘‘โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา’’ติ วจนํ มหาอฏฺกถาย น สเมติ.

กุรุนฺทิยํ ปน ตมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ, สุวณฺณเจติเย กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺตกเมว อนุฺาตํ, ตสฺมา สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘หตฺเถนปิ ปุฺฉิตฺวา’’ติ จ ‘‘มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ เอวา’’ติ จ วจนํ กุรุนฺทฏฺกถาย น สเมติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตนฺติ. อารกูฏโลหนฺติ สุวณฺณวณฺโณ กิตฺติมโลหวิเสโส. ติวิธฺหิ กิตฺติมโลหํ – กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ อารกูฏโลหนฺติ. ตตฺถ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ นาม, สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ, รสตุตฺเถหิ รฺชิตํ ตมฺพํ อารกูฏโลหํ นาม. ‘‘ปกติรสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ อารกูฏ’’นฺติ จ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. ตํ ปน ‘‘ชาตรูปคติก’’นฺติ วุตฺตตฺตา อุคฺคณฺหโต นิสฺสคฺคิยมฺปิ โหตีติ เกจิ วทนฺติ, รูปิเยสุ ปน อคณิตตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น โหติ, อามสเน สมฺปฏิจฺฉเน จ ทุกฺกฏเมวาติ เวทิตพฺพํ. สพฺโพปิ กปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ‘‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน’’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว สุวณฺณาทิมยํ เสนาสนํ เสนาสนปริกฺขารา จ วฏฺฏนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ คเหตพฺพํ. ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏนฺตีติ เสนาสนปฏิพนฺธโต วุตฺตํ.

๔๓. สามิกานํ เปเสตพฺพนฺติ สามิกานํ สาสนํ เปเสตพฺพํ. ภินฺทิตฺวาติ ปมเมว อนามสิตฺวา ปาสาณาทินา กิฺจิมตฺตํ เภทํ กตฺวา ปจฺฉา กปฺปิยภณฺฑตฺถาย อธิฏฺหิตฺวา หตฺเถน คเหตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ กริสฺสามีติ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอตฺถาปิ ตฺจ วิโยเชตฺวา อามสิตพฺพํ. ผลกชาลิกาทีนีติ เอตฺถ สรปริตฺตาณาย หตฺเถน คเหตพฺพํ. กิฏิกาผลกํ อกฺขิรกฺขณตฺถาย อยโลหาทีหิ ชาลากาเรน กตฺวา สีสาทีสุ ปฏิมุฺจิตพฺพํ ชาลิกํ นาม. อาทิ-สทฺเทน กวจาทิกํ สงฺคณฺหาติ. อนามาสานีติ มจฺฉชาลาทิปรูปโรธํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สรปริตฺตาณํ ตสฺส อาวุธภณฺฑตฺตาภาวา. เตน วกฺขติ ‘‘ปรูปโรธนิวารณฺหี’’ติอาทิ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๔๓). อาสนสฺสาติ เจติยสฺสสมนฺตา กตปริภณฺฑสฺส. พนฺธิสฺสามีติ กากาทีนํ อทูสนตฺถาย พนฺธิสฺสามิ.

‘‘เภริสงฺฆาโฏติ สงฺฆฏิตจมฺมเภรี. วีณาสงฺฆาโฏติ สงฺฆฏิตจมฺมวีณา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. ‘‘จมฺมวินทฺธา วีณาเภริอาทีนี’’ติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตวจนโต วิเสสาภาวา ‘‘กุรุนฺทิยํ ปนา’’ติอาทินา ตโต วิเสสสฺส วตฺตุมารทฺธตฺตา จ เภริอาทีนํ วินทฺโธปกรณสมูโห เภริวีณาสงฺฆาโฏติ เวทิตพฺโพ ‘‘สงฺฆฏิตพฺโพติ สงฺฆาโฏ’’ติ กตฺวา. ตุจฺฉโปกฺขรนฺติ อวินทฺธจมฺมเภริวีณานํ โปกฺขรํ. อาโรปิตจมฺมนฺติ ปุพฺเพ อาโรปิตํ หุตฺวา ปจฺฉา ตโต อปเนตฺวา วิสุํ ปิตมุขจมฺมมตฺตํ, น เสโสปกรณสหิตํ, ตํ ปน สงฺฆาโตติ อยํ วิเสโส. โอนหิตุนฺติ เภริโปกฺขราทีนิ จมฺมํ อาโรเปตฺวา จมฺมวทฺธิอาทีหิ สพฺเพหิ อุปกรเณหิ วินนฺธิตุํ. โอนหาเปตุนฺติ ตเถว อฺเหิ วินนฺธาเปตุํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

อนามาสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

สตฺตโม ปริจฺเฉโท.

๘. อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยกถา

๔๔. เอวํ อนามาสวินิจฺฉยกถํ กเถตฺวา อิทานิ อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อธิฏฺานวิกปฺปเนสุ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อธิฏฺิยเต อธิฏฺานํ, คหณํ สลฺลกฺขณนฺติ อตฺโถ. วิกปฺปิยเต วิกปฺปนา, สงฺกปฺปนํ จินฺตนนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ นามํ วตฺวา อธิฏฺาตุํ. น วิกปฺเปตุนฺติ นามํ วตฺวา น วิกปฺเปตุํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ตสฺมา ติจีวรํ อธิฏฺหนฺเตน ‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’ติอาทินา นามํ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. วิกปฺเปนฺเตน ปน ‘อิมํ สงฺฆาฏิ’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส จีวรสฺส นามํ อคฺคเหตฺวาว ‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกปฺเปมี’ติ วิกปฺเปตพฺพํ. ติจีวรํ วา โหตุ อฺํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปติ, อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ปน ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ สงฺฆาฏิอาทินาเมน อธิฏฺาตุํ. น วิกปฺเปตุนฺติ อิมินา นาเมน น วิกปฺเปตุํ, เอเตน วิกปฺปิตติจีวโร เตจีวริโก น โหติ, ตสฺส ตสฺมึ อธิฏฺิตติจีวเร วิย อวิปฺปวาสาทินา กาตพฺพวิธิ น กาตพฺโพติ ทสฺเสติ, น ปน วิกปฺปเน โทโส’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๖๙) ปน ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ เอตฺถ ติจีวรํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพยุตฺตกํ, ยํ วา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ อนุชานามิ, ตสฺส อธิฏฺานกาลปริจฺเฉทาภาวโต สพฺพกาลํ อิจฺฉนฺตสฺส อธิฏฺาตุํเยว อนุชานามิ, ตํ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วิกปฺเปตุํ นานุชานามิ, สติ ปน ปจฺจเย ยทา ตทา วา ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตุํ วฏฺฏตีติ ‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’ติ วจนโต สิทฺธํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.

อิเมสุ ปน ตีสุ ฏีกาวาเทสุ ตติยวาโท ยุตฺตตโร วิย ทิสฺสติ. กสฺมา? ปาฬิยา อฏฺกถาย จ สํสนฺทนโต. กถํ? ปาฬิยฺหิ กตปริจฺเฉทาสุเยว ทฺวีสุ วสฺสิกสาฏิกกณฺฑุปฏิจฺฉาทีสุ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุนฺติ วุตฺตํ, ตโต อฺเสุ น วิกปฺเปตุํ อิจฺเจว, ตสฺมา เตสุ อสติ ปจฺจเย นิจฺจํ อธิฏฺาตพฺพเมว โหติ, น วิกปฺเปตพฺพนฺติ อยํ ปาฬิยา อธิปฺปาโย ทิสฺสติ, อิตราสุ ปน ทฺวีสุ อนุฺาตกาเลเยว อธิฏฺาตพฺพํ, ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ เอวํ ปาฬิยา สํสนฺทติ, อฏฺกถายํ ติจีวรํ ติจีวรสงฺเขเปน ปริหรโต อธิฏฺาตุเมว อนุชานามิ, น วิกปฺเปตุํ. วสฺสิกสาฏิกํ ปน จาตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตุเมว, น อธิฏฺาตุํ, เอวฺจ สติ โย ติจีวเร เอเกน จีวเรน วิปฺปวสิตุกาโม โหติ, ตสฺส จีวราธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหตีติ.

ปมวาเท ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ นามํ วตฺวา ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต, เอวํ สนฺเต ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ เอตฺถ ตโต ปรํ นามํ วตฺวา วิกปฺเปตุนฺติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส จ อตฺโถ วิกปฺปนาธิกาเรน วุตฺโต, ‘‘นามํ วตฺวา’’ติ จ วิเสสเน กตฺตพฺเพ สติ ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ จ ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ จ เภทวจนํ น สิยา, สพฺเพสุปิ จีวเรสุ นามํ อวตฺวาว วิกปฺเปตพฺพโต, ทุติยวาเท จ ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ อิมินา นาเมน น วิกปฺเปตุนฺติ วุตฺตํ, น อนุชานามีติ ปาเสโส. ปเม จ ‘‘ติจีวรํ วา โหตุ อฺํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปติ, อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ. ทุติเย จ ‘‘น ปน วิกปฺปเน โทโส’’ติ, ตฺจ อฺมฺวิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตํ.

ตโต ปรํ วิกปฺเปตุนฺติ จาตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริภุฺชิตุนฺติ ตีสุ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ยาว อาคามิสํวจฺฉเร วสฺสานํ จาตุมาสํ, ตาว เปตุํ อนุฺาต’’นฺติปิ วทนฺติ. ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ เอตฺตาวตา วสฺสิกสาฏิกํ กณฺฑุปฏิจฺฉาทิฺจ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปตุํ อนุฺาตนฺติ เอวมตฺโถ น คเหตพฺโพ. ตโต ปรํ วสฺสิกสาฏิกาทินามสฺเสว อภาวโต, กสฺมา ตโต ปรํ วิกปฺเปนฺเตนปิ นามํ คเหตฺวา น วิกปฺเปตพฺพํ. อุภินฺนมฺปิ ตโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริโภคสฺส อนุฺาตตฺตา ตถาวิกปฺปิตํ อฺนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตพฺพนฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ‘‘ตโต ปรนฺติ จาตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริภุฺชิตุํ อนุฺาตนฺติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘วิกปฺเปตฺวา ยาว อาคามิวสฺสานํ ตาว เปตุํ วฏฺฏตี’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘วิกปฺปเน น โทโส, ตถา วิกปฺปิตํ ปริกฺขาราทินาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตพฺพ’นฺติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๖๙) ปน ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํเยว, นาธิฏฺาตุํ. วตฺถฺหิ กตปริโยสิตํ อนฺโตจาตุมาเส วสฺสานทิวสํ อาทึ กตฺวา อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตุํ อนุชานามิ, จาตุมาสโต อุทฺธํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา เปตุกาเมน วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อิธาปิ ปจฺฉิมวาโท ปสตฺถตโรติ ทิสฺสติ, กสฺมา? สุวิฺเยฺยตฺตา, ปุริเมสุ ปน อาจริยานํ อธิปฺปาโยเยว ทุวิฺเยฺโย โหติ นานาวาทสฺเสว กถิตตฺตา. มุฏฺิปฺจกนฺติ มุฏฺิยา อุปลกฺขิตํ ปฺจกํ มุฏฺิปฺจกํ, จตุหตฺเถ มินิตฺวา ปฺจมํ หตฺถมุฏฺึ กตฺวา มินิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘มุฏฺิหตฺถานํ ปฺจกํ มุฏฺิปฺจกํ. ปฺจปิ หตฺถา มุฏฺี กตฺวาว มินิตพฺพา’’ติ วทนฺติ. มุฏฺิตฺติกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ทฺวิหตฺเถน อนฺตรวาสเกน ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘ปารุปเนนปี’’ติอาทิ. อติเรกนฺติ สุคตจีวรโต อติเรกํ. อูนกนฺติ มุฏฺิปฺจกาทิโต อูนกํ. เตน จ เตสุ ติจีวราธิฏฺานํ น รุหตีติ ทสฺเสติ.

อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามีติ อิมํ สงฺฆาฏิอธิฏฺานํ อุกฺขิปามิ, ปริจฺจชามีติ อตฺโถ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ปน ‘‘ปจฺจุทฺธรามีติ เปมิ, ปริจฺจชามีติ วา อตฺโถ’’อิจฺเจว วุตฺตํ. กายวิการํ กโรนฺเตนาติ หตฺเถน จีวรํ ปรามสนฺเตน, จาเลนฺเตน วา. วาจาย อธิฏฺาตพฺพาติ เอตฺถ กาเยนปิ จาเลตฺวา วาจมฺปิ ภินฺทิตฺวา กายวาจาหิ อธิฏฺานมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ, ‘‘กาเยน อผุสิตฺวา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา อหตฺถปาสหตฺถปาสวเสน ทุวิธํ อธิฏฺานํ. ตตฺถ ‘‘หตฺถปาโส นาม อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ วุจฺจติ. ‘ทฺวาทสหตฺถ’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ อิธ น สเมตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) วุตฺตํ. ‘‘อิทานิ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภเทน ทุวิธํ อธิฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หตฺถปาเสติอาทิ วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ปน ‘‘หตฺถปาเสติ จ อิทํ ทฺวาทสหตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ิตํ ‘อิม’นฺติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, ตโต ปรํ ‘เอต’นฺติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ เกจิ วทนฺติ, คณฺิปเทสุ ปเนตฺถ น กิฺจิ วุตฺตํ, ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ สพฺพตฺถ ‘หตฺถปาโส’ติ อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ วุจฺจติ, ตสฺมา อิธ วิเสสวิกปฺปนาย การณํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ ปาฬิยฏฺกถาสุปิ อฑฺฒเตยฺยหตฺถเมว หตฺถปาโส วุตฺโต, ฏีกาจริเยหิ จ ตเทว สมฺปฏิจฺฉิโต, ตสฺมา อฑฺฒเตยฺยหตฺถพฺภนฺตเร ิตํ จีวรํ ‘‘อิม’’นฺติ, ตโต พหิภูตํ ‘‘เอต’’นฺติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ.

‘‘สามนฺตวิหาเรติ อิทํ ปิตฏฺานสลฺลกฺขณโยคฺเค ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตโต ทูเร ิตมฺปิ ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขนฺเตน อธิฏฺาตพฺพเมว. ตตฺถาปิ จีวรสฺส ปิตภาวสลฺลกฺขณเมว ปมาณํ. น หิ สกฺกา นิจฺจสฺส านํ สลฺลกฺเขตุํ, เอกสฺมึ วิหาเร เปตฺวา ตโต อฺสฺมึ ปิตนฺติ อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘ตถาปิ อธิฏฺิเต น โทโส’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ, วีมํสิตพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ปน ‘‘สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺเตตุํ สกฺกา. สามนฺตวิหาเรติ อิทํ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพนฺติ วทนฺติ. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวาติ จ อิทํ ปิตฏฺานสลฺลกฺขณํ อนุจฺฉวิกนฺติ กตฺวา วุตฺตํ, จีวรสลฺลกฺขณเมเวตฺถ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๖๙) ‘‘สงฺฆาฏิ อุตฺตราสงฺโค อนฺตรวาสกนฺติ อธิฏฺิตานธิฏฺิตานํ สมานเมว นามํ. ‘อยํ สงฺฆาฏี’ติอาทีสุ อนธิฏฺิตา วุตฺตา. ‘ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’ติ เอตฺถ อธิฏฺิตา วุตฺตา. สามนฺตวิหาเรติ โคจรคามโต วิหาเรติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ทูรตเรปิ ลพฺภเตวาติ อาจริยา. อนุคณฺิปเทปิ ‘สามนฺตวิหาเรติ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ. สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ สกฺกา. รตฺติวิปฺปวาสํ รกฺขนฺเตน ตโต ทูเร ิตํ อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ กิร มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ. เกจิ ‘จีวรวํเส ปิตํ อฺโ ปริวตฺเตตฺวา นาคทนฺเต เปติ, ตํ อชานิตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺสปิ รุหติ จีวรสฺส สลฺลกฺขิตตฺตา’ติ วทนฺตี’’ติ, ตสฺมา อาจริยานํ มตเภทํ สํสนฺทิตฺวา คเหตพฺพํ.

อธิฏฺหิตฺวา ปิตวตฺเถหีติ ปริกฺขารโจฬนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปิตวตฺเถหิ. เตเนว ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปริกฺขารโจฬสฺส ปจฺจุทฺธารํ ทสฺเสติ, เอเตน จ เตจีวริกธุตงฺคํ ปริหรนฺเตน ปํสุกูลาทิวเสน ลทฺธํ วตฺถํ ทสาหพฺภนฺตเร กตฺวา รชิตฺวา ปารุปิตุมสกฺโกนฺเตน ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวาว ทสาหมติกฺกมาเปตพฺพํ, อิตรถา นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ ทสฺเสติ, เตเนว ‘‘รชิตกาลโต ปน ปฏฺาย นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ, ธุตงฺคโจโร นาม โหตี’’ติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๕) วุตฺตํ. ปุน อธิฏฺาตพฺพานีติ อิทฺจ สงฺฆาฏิอาทิติจีวรนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตุกามสฺส วเสน วุตฺตํ, อิตรสฺส ปน ปุริมาธิฏฺานเมว อลนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ อิมินา กปฺปพินฺทุปิ ทาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถีติ อิมินา กปฺปพินฺทุทานกิจฺจมฺปิ นตฺถีติ ทสฺเสติ, มหนฺตตรเมวาติอาทิ สพฺพาธิฏฺานสาธารณลกฺขณํ. ตตฺถ ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ อนธิฏฺิตจีวรสฺส เอกเทสภูตตฺตา อนธิฏฺิตฺเจ, อธิฏฺิตสฺส อปฺปภาเวน เอกเทสภูตํ อธิฏฺิตสงฺขเมว คจฺฉติ, ตถา อธิฏฺิตฺเจ, อนธิฏฺิตสฺส เอกเทสภูตํ อนธิฏฺิตสงฺขํ คจฺฉตีติ ลกฺขณํ. น เกวลฺเจตฺถ ทุติยปฏฺฏเมว, อถ โข ตติยปฏฺฏาทิกมฺปิ. ยถาห ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว…เป… อุตุทฺธฏานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ…เป… ปํสุกูเล ยาวทตฺถ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘).

มุฏฺิปฺจกาทิติจีวรปฺปมาณยุตฺตํ สนฺธาย ‘‘ติจีวรํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุนฺติ ปริกฺขารโจฬํ กตฺวา อธิฏฺาตุํ. อวเสสา ภิกฺขูติ วกฺขมานกาเล นิสินฺนา ภิกฺขู. ตสฺมา วฏฺฏตีติ ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ, น วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วุตฺตํ, เอวํ ปริกฺขารโจฬมฺปิ วุตฺตํ, น จสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท วุตฺโต, น จ สงฺขาปริจฺเฉโท, ตสฺมา ตีณิปิ จีวรานิ ปจฺจุทฺธริตฺวา อิมานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. นิธานมุขเมตนฺติ เอตํ ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานํ นิธานมุขํ ปนมุขํ, อติเรกจีวรฏฺปนการณนฺติ อตฺโถ. กถํ ายตีติ เจ, เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ ปริปุณฺณํ โหติ ติจีวรํ, อตฺโถ จ โหติ ปริสฺสาวเนหิปิ ถวิกาหิปิ. เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ อนุฺาตตฺตา ภิกฺขูนฺจ เอกเมว ปริสฺสาวนํ, ถวิกา วา วฏฺฏติ, น ทฺเว วา ตีณิ วาติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วิกปฺปนูปคปจฺฉิมปฺปมาณานิ, อติเรกปฺปมาณานิ วา ปริสฺสาวนาทีนิ ปริกฺขารานิ กปฺปนฺตีติ สิทฺธํ. ปมํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพํ, ปุน ปริหริตุํ อสกฺโกนฺเตน ปจฺจุทฺธริตฺวา ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตพฺพํ, น ตฺเวว อาทิโตว อิทํ วุตฺตํ. พทฺธสีมาย อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติสมฺภวโต จีวรวิปฺปวาเส เนวตฺถิ โทโสติ น ตตฺถ ทุปฺปริหาโรติ อาห ‘‘อพทฺธสีมาย ทุปฺปริหาร’’นฺติ.

๔๕. อติริตฺตปฺปมาณาย เฉทนกํ ปาจิตฺติยนฺติ อาห ‘‘อนติริตฺตปฺปมาณา’’ติ. ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ วสฺสิกมาสโต ปรํ อธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา, อิมินา จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ อุปริ อธิฏฺานํ ติฏฺตีติ วิฺายติ, อสโต ปจฺจุทฺธราโยคา, ยฺจ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนาปิ อธิฏฺานํ วิชหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สมนฺตปาสาทิกายํ นตฺถิ, ปริวารฏฺกถายฺจ ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, โน คิมฺเห’’ติ เอตฺถ น ตํ วุตฺตํ, กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส วิกปฺเปตฺวา ปิตํ วสฺสิกสาฏิกํ นิวาเสนฺโต เหมนฺเต อาปชฺชติ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา เหมนฺเต อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ‘‘จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. ตตฺถ มหาอฏฺกถายํ นิวาสนปจฺจยา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน อปจฺจุทฺธารปจฺจยา, ตสฺมา กุรุนฺทิยํ วุตฺตนเยนปิ วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานาติกฺกเมปิ อธิฏฺานํ น วิชหตีติ ปฺายติ. อธิฏฺานวิชหเนสุ จ วสฺสานมาสอาพาธานํ วิคเม วิชหนํ มาติกาฏฺกถายมฺปิ น อุทฺธฏํ, ตสฺมา สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) อาคตนเยน ยาว ปจฺจุทฺธารา อธิฏฺานํ ติฏฺตีติ คเหตพฺพํ.

นหานตฺถาย อนุฺาตตฺตา ‘‘วณฺณเภทมตฺตรตฺตาปิ เจสา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ทฺเว ปน น วฏฺฏนฺตีติ อิมินา สงฺฆาฏิอาทีสุปิ ทุติยอธิฏฺานํ น รุหติ, ตํ อติเรกจีวรํ โหตีติ ทสฺเสติ. มหาปจฺจริยํ จีวรวเสน ปริโภคกิจฺจสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตา เสนาสนปริโภคตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณ วิย. ยํ ปน ‘‘ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ เสนาสนตฺถาเยวาติ นิยมิตํ น โหติ นวสุ จีวเรสุ คหิตตฺตา, ตสฺมา อตฺตโน นาเมน อธิฏฺหิตฺวา นิทหิตฺวา ปริกฺขารโจฬํ วิย ยถา ตถา วินิยุชฺชิตเมวาติ คเหตพฺพํ, ปาวาโรโกชโวติ อิเมสมฺปิ ปจฺจตฺถรณาทินา โลเกปิ โวหรณโต เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรณโต วิสุํ คหณํ กตํ. สเจ อวสาเน อปราวสฺสิกสาฏิกา อุปฺปนฺนา โหติ, ปุริมวสฺสิกสาฏิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตฺวา อธิฏฺาตพฺพาติ วทนฺติ.

นิสีทนมฺหิ ปมาณยุตฺตนฺติ ‘‘ทีฆโต สุคตวิทตฺถิยา ทฺเว วิทตฺถิโย, วิตฺถารโต ทิยฑฺฒํ, ทสา วิทตฺถี’’ติอิมินา ปมาเณน ยุตฺตํ, ตํ ปน มชฺฌิมปุริสหตฺถสงฺขาเตน วฑฺฒกีหตฺเถน ทีฆโต ติหตฺถํ โหติ, วิตฺถารโต ฉฬงฺคุลาธิกทฺวิหตฺถํ, ทสา วิทตฺถาธิกหตฺถํ, อิทานิ มนุสฺสานํ ปกติหตฺเถน ทีฆโต วิทตฺถาธิกจตุหตฺถํ โหติ, วิตฺถารโต นวงฺคุลาธิกติหตฺถํ, ทสา ฉฬงฺคุลาธิกทฺวิหตฺถา, ตโต อูนํ วฏฺฏติ, น อธิกํ ‘‘ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๕๓๓) วุตฺตตฺตา. กณฺฑุปฏิจฺฉาทิยา ปมาณิกาติ ‘‘ทีฆโต จตสฺโส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ ทฺเว วิทตฺถิโย’’ติ (ปาจิ. ๕๓๘) วุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตปฺปมาณยุตฺตา, สา ปน วฑฺฒกีหตฺเถน ทีฆโต ฉหตฺถา โหติ, วิตฺถารโต ติหตฺถา, อิทานิ ปกติหตฺเถน ปน ทีฆโต นวหตฺถา โหติ, ติริยโต วิทตฺถาธิกจตุหตฺถาติ เวทิตพฺพา. วิกปฺปนูปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาณํ ปริกฺขารโจฬนฺติ เอตฺถ ปน วิกปฺปนูปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาณํ นาม สุคตงฺคุเลน ทีฆโต อฏฺงฺคุลํ โหติ, ติริยโต จตุรงฺคุลํ, วฑฺฒกีหตฺเถน ทีฆโต เอกหตฺถํ โหติ, ติริยโต วิทตฺถิปฺปมาณํ, อิทานิ ปกติหตฺเถน ปน ทีฆโต วิทตฺถาธิกหตฺถํ โหติ, ติริยโต ฉฬงฺคุลาธิกวิทตฺถิปฺปมาณํ. เตนาห ‘‘ตสฺส ปมาณ’’นฺติอาทิ.

เภสชฺชตฺถายาติอาทีสุ อตฺตโน สนฺตกภาวโต โมเจตฺวา ปิตํ สนฺธาย ‘‘อนธิฏฺิเตปิ นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อิทํ เภสชฺชตฺถาย, อิทํ มาตุยา’’ติ วิภชิตฺวา สกสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา เปนฺเตน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิมินา เภสชฺชํ เจตาเปสฺสามิ, อิทํ มาตุยา ทสฺสามี’’ติ เปนฺเตน ปน อธิฏฺาตพฺพเมวาติ วทนฺติ. เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณติ เอตฺถ อนิวาเสตฺวา อปารุปิตฺวา เกวลํ มฺจปีเสุเยว อตฺถริตฺวา ปริภุฺชิยมานํ ปจฺจตฺถรณํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อนธิฏฺาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, เหฏฺา ปน ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฏฺาตพฺพเมวาติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อตฺตโน สนฺตกํ อธิฏฺาตพฺพเมวาติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ตนฺเต ิตํเยว อธิฏฺาตพฺพนฺติ เอตฺถ ปจฺฉา วีตฏฺานํ อธิฏฺิตเมว โหติ, ปุน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. สเจ ปน ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา อนฺตรนฺตรา วีตํ โหติ, ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ วทนฺติ. เอเสว นโยติ วิกปฺปนูปคปฺปมาณมตฺเต วีเต ตนฺเต ิตํเยว อธิฏฺาตพฺพนฺติ อตฺโถ.

๔๖. ‘‘หีนายาวตฺตเนนาติ ‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย คิหิภาวูปคมเนนา’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ อฺสฺส ทาเน วิย จีวเร นิราลยภาเวเนว ปริจฺจตฺตตฺตา. เกจิ ปน ‘หีนายาวตฺตเนนาติ ภิกฺขุนิยา คิหิภาวูปคมเนเนวาติ เอตมตฺถํ คเหตฺวา ภิกฺขุ ปน วิพฺภมนฺโตปิ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ตาว ภิกฺขุเยวาติ อธิฏฺานํ น วิชหตี’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘ภิกฺขุนิยา หีนายาวตฺตเนนา’ติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา. ภิกฺขุนิยา หิ คิหิภาวูปคมเนน อธิฏฺานวิชหนํ วิสุํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ ตสฺสา วิพฺภมเนเนว อสฺสมณีภาวโต. สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนาติ ปน อิทํ สเจ ภิกฺขุลิงฺเค ิโตว สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ, ตสฺส กายลคฺคมฺปิ จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ปน ‘‘หีนายาวตฺตเนนาติ อิทํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปชฺชิตฺวา ภิกฺขุปฏิฺาย ิตสฺส เจว ติตฺถิยปกฺกนฺตสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ ภิกฺขุนิภาเว นิรเปกฺขตาย คิหิลิงฺคติตฺถิยลิงฺคคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ. สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย คิหิภาวูปคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, ตทาปิ ตสฺส อุปสมฺปนฺนตฺตา จีวรสฺส จ ตสฺส สนฺตกตฺตา วิชหนโต’’ติ วุตฺตํ, อิติ อิมานิ ทฺเว วจนานิ อฺมฺวิรุทฺธานิ หุตฺวา ทิสฺสนฺติ.

อฏฺกถายํ ปน ‘‘หีนายาวตฺตเนน สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) วิสุํ วุตฺตตฺตา หีนายาวตฺตนฺเต สติ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขนฺเตปิ จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺเต สติ หีนาย อนาวตฺตนฺเตปีติ อธิปฺปาโย ทิสฺสติ, ตสฺมา สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย เกวลํ คิหิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส กิฺจาปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ, จีวรสฺส จ ตสฺส สนฺตกตฺตา วิชหนํ, ตถาปิ ‘‘หีนายาวตฺตเนนา’’ติ วุตฺตตฺตา คิหิภาวูปคมเนเนว อธิฏฺานวิชหนํ สิยา ยถา ตํ ลิงฺคปริวตฺตเนน. คิหิภาวํ อนุปคนฺตฺวา จ เกวลํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ กโรนฺตสฺส กิฺจาปิ ภิกฺขุลิงฺคํ อตฺถิ, จีวรสฺส จ ตสฺส สนฺตกตฺตา วิชหนํ, ตถาปิ ‘‘สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนา’’ติ วุตฺตตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขาเนเนว อธิฏฺานวิชหนํ สิยา ยถา ตํ ปจฺจุทฺธรเณ, ตสฺมา ภิกฺขุ วา โหตุ ภิกฺขุนี วา, หีนายาวตฺติสฺสามีติ จิตฺเตน คิหิลิงฺคคฺคหเณน จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหติ. สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน ปน ภิกฺขุสฺเสว จีวรํ ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขานาภาวาติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนกติตฺถิยปกฺกนฺตกานํ ปน จีวรสฺส อธิฏฺานวิชหนํ อฏฺกถายํ อนาคตตฺตา เตสฺจ หีนายาวตฺตานโวหาราภาวา วิจาเรตพฺพํ.

กนิฏฺงฺคุลินขวเสนาติ เหฏฺิมปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. โอรโต ปรโตติ เอตฺถ จ ‘‘โอรโต ฉิทฺทํ อธิฏฺานํ ภินฺทติ, ปรโต น ภินฺทตี’’ติ วุตฺตํ. กถํ โอรปรภาโว เวทิตพฺโพติ? ยถา นทีปริจฺฉินฺเน ปเทเส มนุสฺสานํ วสนทิสาภาเค ตีรํ โอริมํ นาม โหติ, อิตรทิสาภาเค ตีรํ ปาริมํ นาม, ตถา ภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนฏฺานภูตํ จีวรสฺส มชฺฌฏฺานํ ยถาวุตฺตวิทตฺถิอาทิปฺปมาณสฺส ปเทสสฺส โอรํ นาม, จีวรปริยนฺตฏฺานํ ปรํ นาม, อิติ โลกโต วา ยถา จ โอรโต โภคํ ปรโต อนฺตํ กตฺวา จีวรํ เปตพฺพนฺติ วุตฺเต ภิกฺขุโน อภิมุขฏฺานํ โอรํ นาม, อิตรฏฺานํ ปรํ นาม, เอวํ ภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนฏฺานํ โอรํ นาม, อิตรํ ปรํ นาม. เอวํ สาสนโต วา โอรปรภาโว เวทิตพฺโพ. เตเนว โย ปน ทุพฺพลฏฺาเน ปมํ อคฺคฬํ ทตฺวา ปจฺฉา ทุพฺพลฏฺานํ ฉินฺทิตฺวา อปเนติ, อธิฏฺานํ น ภิชฺชติ. มณฺฑลปริวตฺตเนปิ เอเสว นโยติ สกลสฺมึ จีวเร อธิฏฺานภิชฺชนาภิชฺชนภาโว ทสฺสิโต. เตน วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ‘‘เอส นโยติ อิมินา ปมาณยุตฺเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ ฉิทฺเท อธิฏฺานํ วิชหตีติอาทิอตฺถํ สงฺคณฺหาตี’’ติ.

ขุทฺทกํ จีวรนฺติ มุฏฺิปฺจกาทิเภทปฺปมาณโต อนูนเมว ขุทฺทกจีวรํ. มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรตีติ เอตฺถ ติณฺณํ จีวรานํ จตูสุ ปสฺเสสุ ยสฺมึ ปเทเส ฉิทฺทํ อธิฏฺานํ น วิชหติ, ตสฺมึ ปเทเส สมนฺตโต ฉินฺทิตฺวา ขุทฺทกํ กโรนฺตสฺส อธิฏฺานํ น วิชหตีติ อธิปฺปาโย. วิมติวิโนทนิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ วา กโรตีติ เอตฺถ อติมหนฺตํ จีวรํ มุฏฺิปฺจกาทิปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺตํ กตฺวา สมนฺตโต ฉินฺทเนนปิ วิจฺฉินฺทนกาเล ฉิชฺชมานฏฺานํ ฉิทฺทสงฺขํ น คจฺฉติ, อธิฏฺานํ น วิชหติ เอวาติ สิชฺฌติ, ‘ฆเฏตฺวา ฉินฺทติ น ภิชฺชตี’ติ วจเนน จ สเมติ. ปริกฺขารโจฬํ ปน วิกปฺปนูปคปจฺฉิมปฺปมาณโต อูนํ กตฺวา ฉิทฺทํ อธิฏฺานํ วิชหติ อธิฏฺานสฺส อนิสฺสยตฺตา, ตานิ ปุน พทฺธานิ ฆฏิตานิ ปุน อธิฏฺาตพฺพเมวาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘วสฺสิกสาฏิกจีวเร ทฺวิธา ฉินฺเน ยทิปิ เอเกกํ ขณฺฑํ ปจฺฉิมปฺปมาณํ โหติ, เอกสฺมึเยว ขณฺเฑ อธิฏฺานํ ติฏฺติ, น อิตรสฺมึ, ทฺเว ปน น วฏฺฏนฺตี’ติ วุตฺตตฺตา นิสีทนกณฺฑุปฏิจฺฉาทีสุปิ เอเสว นโยติ วทนฺตี’’ติ.

๔๗. สมฺมุเข ปวตฺตา สมฺมุขาติ ปจฺจตฺตวจนํ, ตฺจ วิกปฺปนาวิเสสนํ, ตสฺมา ‘‘สมฺมุเข’’ติ ภุมฺมตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ กตฺวาปิ อตฺถํ วทนฺติ, อภิมุเขติ อตฺโถ. อถ วา สมฺมุเขน อตฺตโน วาจาย เอว วิกปฺปนา สมฺมุขาวิกปฺปนา. ปรมฺมุเขน วิกปฺปนา ปรมฺมุขาวิกปฺปนาติ กรณตฺเถนปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อยเมว ปาฬิยา สเมติ. สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวนฺติ อาสนฺนทูรภาวํ. เอตฺตาวตา นิเธตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺตเกเนว วิกปฺปนากิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา อติเรกจีวรํ น โหตีติ ทสาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ น ชเนตีติ อธิปฺปาโย. ปริภุฺชิตุํ…เป… น วฏฺฏตีติ สยํ อปจฺจุทฺธารณปริภุฺชเน ปาจิตฺติยํ, อธิฏฺหเน ปเรสํ วิสฺสชฺชเน จ ทุกฺกฏฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ปริโภคาทโยปิ วฏฺฏนฺตีติ ปริโภควิสฺสชฺชนอธิฏฺานานิ วฏฺฏนฺติ. อปิ-สทฺเทน นิเธตุมฺปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอเตน ปจฺจุทฺธาเรปิ กเต จีวรํ อธิฏฺาตุกาเมน วิกปฺปิตจีวรเมว โหติ, น อติเรกจีวรํ, ตํ ปน ติจีวราทินาเมน อธิฏฺาตุกาเมน อธิฏฺหิตพฺพํ, อิตเรน วิกปฺปิตจีวรเมว กตฺวา ปริภุฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

เกจิ ปน ‘‘ยํ วิกปฺปิตจีวรํ, ตํ ยาว ปริโภคกาลา อปจฺจุทฺธราเปตฺวา นิทเหตพฺพํ, ปริโภคกาเล ปน สมฺปตฺเต ปจฺจุทฺธราเปตฺวา อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ. ยทิ หิ ตโต ปุพฺเพปิ ปจฺจุทฺธราเปยฺย, ปจฺจุทฺธาเรเนว วิกปฺปนาย วิคตตฺตา อติเรกจีวรํ นาม โหติ, ทสาหาติกฺกเม ปตฺเตว นิสฺสคฺคิยํ, ตสฺมา ยํ อปริภุฺชิตฺวา เปตพฺพํ, ตเทว วิกปฺเปตพฺพํ. ปจฺจุทฺธาเร จ กเต อนฺโตทสาเหเยว อธิฏฺาตพฺพํ. ยฺจ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) ‘ตโต ปรํ ปริโภคาทิ วฏฺฏตี’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา วิรุชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตเมว. ปาฬิยฺหิ ‘‘อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’’ติ (ปารา. ๔๖๙) จ ‘‘สามํ จีวรํ วิกปฺเปตฺวา อปจฺจุทฺธารณํ ปริภุฺเชยฺย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๓๗๓) จ ‘‘อนาปตฺติ โส วา เทติ, ตสฺส วา วิสฺสาสนฺโต ปริภุฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๓๗๖) จ สามฺโต วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) ‘‘อิมํ จีวรํ วา วิกปฺปนํ วา ปจฺจุทฺธรามี’’ติอาทินา ปจฺจุทฺธารํ อทสฺเสตฺวา ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ปริภุฺช วา วิสฺสชฺเชหิ วา ยถาปจฺจยํ กโรหี’’ติ เอวํ อตฺตโน สนฺตกตฺตํ อโมเจตฺวาว ปริโภคาทิวเสน ปจฺจุทฺธารสฺส วุตฺตตฺตา, ‘‘ตโต ปภุติ ปริโภคาทโยปิ วฏฺฏนฺตี’’ติ อธิฏฺานํ วินาปิ วิสุํ ปริโภคสฺส นิธานสฺส จ วุตฺตตฺตา วิกปฺปนานนฺตรเมว ปจฺจุทฺธราเปตฺวา อนธิฏฺหิตฺวา เอว จ ติจีวรรหิตํ วิกปฺปนารหํ จีวรํ ปริภุฺชิตุฺจ นิทหิตุฺจ อิทํ ปาเฏกฺกํ วินยกมฺมนฺติ ขายติ. อปิจ พหูนํ ปตฺตานํ วิกปฺเปตุํ ปจฺจุทฺธเรตุฺจ วุตฺตตฺตา ปจฺจุทฺธาเร เตสํ อติเรกปตฺตตา ทสฺสิตาติ สิชฺฌติ เตสุ เอกสฺเสว อธิฏฺาตพฺพโต, ตสฺมา อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว คเหตพฺพํ.

มิตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต. สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺโต, น ทฬฺหมิตฺโต. ปฺตฺติโกวิโท น โหตีติ เอวํ วิกปฺปิเต อนนฺตรเมว เอวํ ปจฺจุทฺธริตพฺพนฺติ วินยกมฺมํ น ชานาติ. เตนาห ‘‘น ชานาติ ปจฺจุทฺธริตุ’’นฺติ. อิมินาปิ เจตํ เวทิตพฺพํ ‘‘วิกปฺปนาสมนนฺตรเมว ปจฺจุทฺธาโร กาตพฺโพ’’ติ. วิกปฺปิตวิกปฺปนา นาเมสา วฏฺฏตีติ อธิฏฺิตอธิฏฺานํ วิยาติ อธิปฺปาโย.

๔๘. เอวํ จีวเร อธิฏฺานวิกปฺปนานยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปตฺเต อธิฏฺานวิกปฺปนานยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปตฺเต ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปตติ ปิณฺฑปาโต เอตฺถาติ ปตฺโต, ชินสาสนภาโว ภิกฺขาภาชนวิเสโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ปตฺตํ ปกฺเข ทเล ปตฺโต, ภาชเน โส คเต ติสู’’ติ, ตสฺมึ ปตฺเต. ปนาติ ปกฺขนฺตรตฺเถ นิปาโต. นโยติ อธิฏฺานวิกปฺปนานโย. จีวเร วุตฺตอธิฏฺานวิกปฺปนานยโต อฺภูโต อยํ วกฺขมาโน ปตฺเต อธิฏฺานวิกปฺปนานโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. ปตฺตํ อธิฏฺหนฺเตน ปมาณยุตฺโตว อธิฏฺาตพฺโพ, น อปฺปมาณยุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. เตน ปมาณโต อูนาธิเก ปตฺเต อธิฏฺานํ น รุหติ, ตสฺมา ตาทิสํ ปตฺตํ ภาชนปริโภเคน ปริภุฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. วกฺขติ หิ ‘‘เอเต ภาชนปริโภเคน ปริภุฺชิตพฺพา, น อธิฏฺานูปคา น วิกปฺปนูปคา’’ติ.

ทฺเว มคธนาฬิโยติ เอตฺถ มคธนาฬิ นาม ยา มาคธิกาย ตุลาย อฑฺฒเตรสปลปริมิตํ อุทกํ คณฺหาติ. สีหฬทีเป ปกตินาฬิโต ขุทฺทกา โหติ, ทมิฬนาฬิโต ปน มหนฺตา. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๐๒) ‘‘มคธนาฬิ นาม อฑฺฒเตรสปลา โหตีติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ. สีหฬทีเป ปกตินาฬิ มหนฺตา, ทมิฬนาฬิ ขุทฺทกา, มคธนาฬิปมาณยุตฺตา, ตาย มคธนาฬิยา ทิยฑฺฒนาฬิ เอกา สีหฬนาฬิ โหตีติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ. อถ วา มคธนาฬิ นาม ยา ปฺจ กุฑุวานิ เอกฺจ มุฏฺึ เอกาย จ มุฏฺิยา ตติยภาคํ คณฺหาติ. วุตฺตฺเหตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๙๘-๖๐๒) ‘‘มคธนาฬิ นาม ฉปสตา นาฬีติ เกจิ. ‘อฏฺปสตา’ติ อปเร. ตตฺถ ปุริมานํ มเตน ติปสตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย เอกา มคธนาฬิ โหติ. ปจฺฉิมานํ จตุปสตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย เอกา มคธนาฬิ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ปกติยา จตุมุฏฺิกํ กุฑุวํ, จตุกุฑุวํ นาฬิกํ, ตาย นาฬิยา โสฬส นาฬิโย โทณํ, ตํ ปน มคธนาฬิยา ทฺวาทส นาฬิโย โหนฺตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา เตน นเยน มคธนาฬิ นาม ปฺจ กุฑุวานิ เอกฺจ มุฏฺึ เอกาย มุฏฺิยา ตติยภาคฺจ คณฺหาตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. ตตฺถ กุฑุโวติ ปสโต. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ –

‘‘กุฑุโว ปสโต เอโก;

ปตฺโถ เต จตุโร สิยุํ;

อาฬฺหโก จตุโร ปตฺถา;

โทณํ วา จตุราฬฺหก’’นฺติ.

อถ วา มคธนาฬิ นาม ยา จตุกุฑุวาย นาฬิยา จตสฺโส นาฬิโย คณฺหาติ. วุตฺตฺเหตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๐๒) ‘‘ทมิฬนาฬีติ ปุราณกนาฬึ สนฺธาย วุตฺตํ. สา จ จตุมุฏฺิเกหิ กุฑุเวหิ อฏฺกุฑุวา, ตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย มคธนาฬิ คณฺหาติ, ปุราณา ปน สีหฬนาฬิ ติสฺโส นาฬิโย คณฺหาตีติ วทนฺติ, เตสํ มเตน มคธนาฬิ อิทานิ วตฺตมานาย จตุกุฑุวาย ทมิฬนาฬิยา จตุนาฬิกา โหติ, ตโต มคธนาฬิโต อุปฑฺฒฺจ ปุราณทมิฬนาฬิสงฺขาตํ ปตฺถํ นาม โหติ, เอเตน จ โอมโก นาม ปตฺโต ปตฺโถทนํ คณฺหาตีติ ปาฬิวจนํ สเมติ. โลกิเยหิปิ –

‘โลกิยํ มคธฺเจติ, ปตฺถทฺวยมุทาหฏํ;

โลกิยํ โสฬสปลํ, มาคธํ ทิคุณํ มต’นฺติ. (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๐๒) –

เอวํ โลเก นาฬิยา มคธนาฬิ ทิคุณาติ ทสฺสิตา. เอวฺจ คยฺหมาเน โอมกปตฺตสฺส จ ยาปนมตฺโตทนคาหิกา จ สิทฺธา โหติ. น หิ สกฺกา อฏฺกุฑุวโต อูโนทนคาหินา ปตฺเตน อถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ยาเปตุํ. เตเนว วุตฺตํ เวรฺชกณฺฑฏฺกถายํ ‘ปตฺโถ นาม นาฬิมตฺตํ โหติ, เอกสฺส ปุริสสฺส อลํ ยาปนายา’ติ’’. วุตฺตมฺปิ เหตํ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๑๙๒) ‘‘ปตฺโถทโน นาลมยํ ทุวินฺน’’นฺติ, ‘‘เอกสฺส ทินฺนํ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ปโหตี’’ติ จ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนยานุสาเรน คเหตพฺพนฺติ. อาโลปสฺส อาโลปสฺส อนุรูปนฺติ โอทนสฺส จตุภาคมตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ มชฺฌิมนิกาเย พฺรหฺมายุสุตฺตสํวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๗) ‘‘พฺยฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนจตุตฺถภาโค’’ติ. โอทนคติกานีติ โอทนสฺส คติ คติ เยสํ ตานิ โอทนคติกานิ. คตีติ จ โอกาโส โอทนสฺส อนฺโตปวิสนสีลตฺตา โอทนสฺส โอกาโสเยว เตสํ โอกาโส โหติ, น อฺํ อตฺตโน โอกาสํ คเวสนฺตีติ อตฺโถ. ภาชนปริโภเคนาติ อุทกาหรณาทินา ภาชนปริโภเคน.

เอวํ ปมาณโต อธิฏฺานูปควิกปฺปนูปคปตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปากโต มูลโต จ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมาณยุตฺตานมฺปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อโยปตฺโต ปฺจหิ ปาเกหิ ปตฺโตติ กมฺมารปกฺกํเยว อนธิฏฺหิตฺวา สมณสารุปฺปนีลวณฺณกรณตฺถาย ปุนปฺปุนํ นานาสมฺภาเรหิ ปจิตพฺโพ, อโยปตฺตสฺส อติกกฺขฬตฺตา กมฺมารปาเกน สทฺธึ ปฺจวารปกฺโกเยว สมณสารุปฺปนีลวณฺโณ โหติ. มตฺติกาปตฺโต ทฺวีหิ ปาเกหิ ปกฺโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตสฺส ปน มุทุกตฺตา กุมฺภการกปาเกน สทฺธึ ทฺวิวารปกฺโกปิ สมณสารุปฺปนีลวณฺโณ โหติ. เอวํ กโตเยว หิ ปตฺโต อธิฏฺานูปโค วิกปฺปนูปโค จ โหติ, นากโต. เตน วกฺขติ ‘‘ปาเก จ มูเล จ สุนิฏฺิเตเยว อธิฏฺานูปโค โหติ. โย อธิฏฺานูปโค, สฺเวว วิกปฺปนูปโค’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๔๘). โส หตฺถํ อาคโตปิ อนาคโตปิ อธิฏฺาตพฺโพ วิกปฺเปตพฺโพติ เอเตน ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตุํ วิกปฺเปตุฺจ ลภติ, ปิตฏฺานสลฺลกฺขณเมว ปมาณนฺติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตุมาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท วิตฺถารโชตโก. ตตฺถ ปจิตฺวา เปสฺสามีติ กาฬวณฺณปากํ สนฺธาย วุตฺตํ.

อิทานิ ปตฺตาธิฏฺานํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตตฺถ ทฺเว ปตฺตสฺส อธิฏฺานา’’ติอาทิ. ตตฺถ สามนฺตวิหาเรติ อิทํ อุปลกฺขณวเสน วุตฺตํ, ตโต ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพเมว. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวาติ อิทมฺปิ อุปจารมตฺตํ, ปตฺตสลฺลกฺขณเมเวตฺถ ปมาณํ.

อิทานิ อธิฏฺานวิชหนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ อปฺปมตฺตสฺส’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ปตฺเต วา ฉิทฺทํ โหตีติ มุขวฏฺฏิโต เหฏฺา ทฺวงฺคุลมตฺโตกาสโต ปฏฺาย ยตฺถ กตฺถจิ ฉิทฺทํ โหติ.

สตฺตนฺนํ ธฺานนฺติ –

‘‘สาลิ วีหิ จ กุทฺรูโส;

โคธูโม วรโก ยโว;

กงฺคูติ สตฺต ธฺานิ;

นีวาราที ตุ ตพฺภิทา’’ติ. –

วุตฺตานํ สตฺตวิธานํ ธฺานํ.

๔๙. เอวํ ปตฺตาธิฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปตฺตวิกปฺปนํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิกปฺปเน ปนา’’ติอาทิมาห. ตํ จีวรวิกปฺปเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

๕๐. เอวํ วิกปฺปนานยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปตฺเต ภินฺเน กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอวํ อธิฏฺหิตฺวา’’อิจฺจาทิ. ตตฺถ อปตฺโตติ อิมินา อธิฏฺานวิชหนมฺปิ ทสฺเสติ. ปฺจพนฺธเนปิ ปตฺเต อปริปุณฺณปาเก ปตฺเต วิย อธิฏฺานํ น รุหติ. ‘‘ติปุปฏฺเฏน วา’’ติ วุตฺตตฺตา ตมฺพโลหาทิกปฺปิยโลเหหิ อโยปตฺตสฺส ฉิทฺทํ ฉาเทตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘‘โลหมณฺฑลเกนา’’ติ วุตฺตํ. สุทฺเธหิ…เป… น วฏฺฏตีติ อิทํ อุณฺหโภชเน ปกฺขิตฺเต วิลียมานตฺตา วุตฺตํ. ผาณิตํ ฌาเปตฺวา ปาสาณจุณฺเณน พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ ปาสาณจุณฺเณน สทฺธึ ผาณิตํ ปจิตฺวา ตถาปกฺเกน ปาสาณจุณฺเณน พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. อปริโภเคนาติ อยุตฺตปริโภเคน. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว อาธารก’’นฺติ วุตฺตตฺตา มฺจปีาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาธารกํ เปตฺวา ตตฺถ ปตฺตํ เปตุํ วฏฺฏติ อาธารกฏฺปโนกาสสฺส อนิยมิตตฺตาติ วทนฺติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

อฏฺโม ปริจฺเฉโท.

๙. จีวรวิปฺปวาสวินิจฺฉยกถา

๕๑. เอวํ อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยกถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวเรน วินาวาสวินิจฺฉยกรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘จีวเรนวินาวาโส’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ จียตีติ จีวรํ, จยํ สฺจยํ กรียตีติ อตฺโถ, อริยทฺธโช วตฺถวิเสโส. อิธ ปน ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาริตํ จีวรตฺตยเมว. วินาติ วชฺชนตฺเถ นิปาโต. วสนํ วาโส, วินา วาโส วินาวาโส, จีวเรน วินาวาโส จีวรวินาวาโส, ‘‘จีวรวิปฺปวาโส’’ติ วตฺตพฺเพ วตฺติจฺฉาวเสน, คาถาปาทปูรณตฺถาย วา อลุตฺตสมาสํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘ติจีวราธิฏฺาเนน…เป… วิปฺปวาโส’’ติ, ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามิ, อิมํ อุตฺตราสงฺคํ อธิฏฺามิ, อิมํ อนฺตรวาสกํ อธิฏฺามี’’ติ เอวํ นาเมน อธิฏฺิตานํ ติณฺณํ จีวรานํ เอเกเกน วิปฺปวาโสติ อตฺโถ, เอเกนปิ วินา วสิตุํ น วฏฺฏติ, วสนฺตสฺส ภิกฺขุโน สห อรุณุคฺคมนา จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ปาจิตฺติยฺจ อาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. วสิตพฺพนฺติ เอตฺถ วสนกิริยา จตุอิริยาปถสาธารณา, ตสฺมา กายลคฺคํ วา โหตุ อลคฺคํ วา, อฑฺฒเตยฺยรตนสฺส ปเทสสฺส อนฺโต กตฺวา ติฏฺนฺโตปิ จรนฺโตปิ นิสินฺโนปิ นิปนฺโนปิ หตฺถปาเส กตฺวา วสนฺโต นาม โหติ.

เอวํ สามฺโต อวิปฺปวาสลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ คามาทิปนฺนรโสกาสวเสน วิเสสโต ทสฺเสตุมาห ‘‘คามิ’’จฺจาทิ. ตตฺถ คามนิเวสนานิ ปากฏาเนว. อุโทสิโต นาม ยานาทีนํ ภณฺฑานํ สาลา. อฏฺโฏ นาม ปฏิราชาทิปฏิพาหนตฺถํ อิฏฺกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬ นาม เอกกูฏสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโท. ปาสาโท นาม ทีฆปาสาโท. หมฺมิยํ นาม มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท, มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทติ จ จนฺทิกงฺคณยุตฺโต ปาสาโทติ วุจฺจติ. สตฺโถ นาม ชงฺฆสตฺโถ วา สกฏสตฺโถ วา. เขตฺตํ นาม ปุพฺพณฺณาปรณฺณานํ วิรุหนฏฺานํ. ธฺกรณํ นาม ขลมณฺฑลํ. อาราโม นาม ปุปฺผาราโม ผลาราโม. วิหาราทโย ปากฏา เอว. ตตฺถ นิเวสนาทีนิ คามโต พหิ สนฺนิวิฏฺานิ คหิตานีติ เวทิตพฺพํ. อนฺโตคาเม ิตานฺหิ คามคฺคหเณน คหิตตฺตา คามปริหาโรเยวาติ. คามคฺคหเณน จ นิคมนครานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ.

ปริขาย วา ปริกฺขิตฺโตติ อิมินา สมนฺตา นทีตฬากาทิอุทเกน ปริกฺขิตฺโตปิ ปริกฺขิตฺโตเยวาติ ทสฺเสติ. ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวาติ ฆรสฺส อุปริ อากาเส อฑฺฒเตยฺยรตนปฺปมาณํ อติกฺกมิตฺวา. สภาเย วา วตฺถพฺพนฺติ อิมินา สภาสทฺทสฺส ปริยาโย สภายสทฺโท นปุํสกลิงฺโค อตฺถีติ ทสฺเสติ. สภาสทฺโท หิ อิตฺถิลิงฺโค, สภายสทฺโท นปุํสกลิงฺโคติ. ทฺวารมูเล วาติ นครสฺส ทฺวารมูเล วา. เตสนฺติ สภายนครทฺวารมูลานํ. ตสฺสา วีถิยา สภายทฺวารานํ คหเณเนว ตตฺถ สพฺพานิปิ เคหานิ, สา จ อนฺตรวีถิ คหิตาเยว โหติ. เอตฺถ จ ทฺวารวีถิฆเรสุ วสนฺเตน คามปฺปเวสนสหเสยฺยาทิโทสํ ปริหริตฺวา สุปฺปฏิจฺฉนฺนตาทิยุตฺเตเนว ภวิตพฺพํ. สภา ปน ยทิ สพฺเพสํ วสนตฺถาย ปปาสทิสา กตา, อนฺตราราเม วิย ยถาสุขํ วสิตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. อติหริตฺวา ฆเร นิกฺขิปตีติ วีถึ มุฺจิตฺวา ิเต อฺสฺมึ ฆเร นิกฺขิปติ. เตนาห ‘‘วีถิหตฺถปาโส น รกฺขตี’’ติ. ปุรโต วา ปจฺฉโต วา หตฺถปาเสติ ฆรสฺส หตฺถปาสํ สนฺธาย วทติ.

เอวํ คามวเสน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิเวสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ เอกกุลสฺส สนฺตกํ นิเวสนํ โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอวรโก นาม คพฺภสฺส อพฺภนฺตเร อฺโ คพฺโภติ วทนฺติ, คพฺภสฺส วา ปริยายวจนเมตํ. อิทานิ อุโทสิตาทิวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อุโทสิติ’’จฺจาทิมาห. ตตฺถ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘เอกกุลสฺส สนฺตโก อุโทสิโต โหติ ปริกฺขิตฺโต จา’’ติอาทินา นิเวสเน วุตฺตนเยน. เอว-สทฺโท วิเสสนิวตฺติ อตฺโถ. เตน วิเสโส นตฺถีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ เยสุ วิเสโส อตฺถิ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ เอกกุลสฺส นาวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปริยาทิยิตฺวาติ วินิวิชฺฌิตฺวา, อชฺโฌตฺถริตฺวา วา. วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘อนฺโตปวิฏฺเนา’’ติอาทินา. ตตฺถ อนฺโตปวิฏฺเนาติ คามสฺส, นทิยา วา อนฺโตปวิฏฺเน. ‘‘สตฺเถนา’’ติ ปาเสโส. นทีปริหาโร ลพฺภตีติ เอตฺถ ‘‘วิสุํ นทีปริหารสฺส อวุตฺตตฺตา คามาทีหิ อฺตฺถ วิย จีวรหตฺถปาโสเยว นทีปริหาโร’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อฺเ ปน ‘‘อิมินา อฏฺกถาวจเนน นทีปริหาโรปิ วิสุํ สิทฺโธติ นทีหตฺถปาโส น วิชหิตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ยถา ปน อชฺโฌกาเส สตฺตพฺภนฺตรวเสน อรฺปริหาโร ลพฺภติ, เอวํ นทิยํ อุทกุกฺเขปวเสน นทีปริหาโร ลพฺภตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ นทีปริหาโร วิสุํ อวุตฺโต สิยา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อรฺนทีสุ อพทฺธสีมาวเสน ลพฺภมานตฺตา. เอวฺจ สติ สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ ปริหาโร อวุตฺตสิทฺโธ โหติ นทิยา สมานลกฺขณตฺตา, นทีหตฺถปาโส น วิชหิตพฺโพติ ปน อตฺเถ สติ นทิยา อติวิตฺถารตฺตา พหุสาธารณตฺตา จ อนฺโตนทิยํ จีวรํ เปตฺวา นทีหตฺถปาเส ิเตน จีวรสฺส ปวตฺตึ ชานิตุํ น สกฺกา ภเวยฺย. เอส นโย สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ. อนฺโตอุทกุกฺเขเป วา ตสฺส หตฺถปาเส วา ิเตน ปน สกฺกาติ อยํ อมฺหากํ อตฺตโนมติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. วิหารสีมนฺติ อวิปฺปวาสสีมํ สนฺธายาห. เอตฺถ จ วิหารสฺส นานากุลสนฺตกภาเวปิ อวิปฺปวาสสีมาปริจฺเฉทพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ จีวรอวิปฺปวาสสมฺภวโต ปธานตฺตา ตตฺถ สตฺถปริหาโร น ลพฺภตีติ ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา วสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สตฺถสมีเปติ อิทํ ยถาวุตฺตอพฺภนฺตรปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ.

ยสฺมา ‘‘นานากุลสฺส ปริกฺขิตฺเต เขตฺเต จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา เขตฺตทฺวารมูเล วา ตสฺส หตฺถปาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวารมูลโต อฺตฺถ เขตฺเตปิ วสนฺเตน จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺถปาเส กตฺวาเยว วสิตพฺพํ.

วิหาโร นาม สปริกฺขิตฺโต วา อปริกฺขิตฺโต วา สกโล อาวาโสติ วทนฺติ. ยสฺมึ วิหาเรติ เอตฺถ ปน เอกเคหเมว วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๙๑-๔๙๔) ปน ‘‘วิหาโร นาม อุปจารสีมา. ยสฺมึ วิหาเรติ ตสฺส อนฺโตปริเวณาทึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอกกุลาทิสนฺตกตา เจตฺถ การาปกานํ วเสน เวทิตพฺพา.

ยํ มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรตีติ ยทา มหาวีถิยํ อุชุกเมว คจฺฉนฺตํ สูริยมณฺฑลํ มชฺฌนฺหิกํ ปาปุณาติ, ตทา ยํ โอกาสํ ฉายา ผรติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘ฉายาย ผุฏฺโกาสสฺสาติ อุชุกํ อวิกฺขิตฺตเลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ สนฺธาย วทตี’’ติ วุตฺตํ. อคมนปเถติ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยเก สมุทฺทมชฺเฌ เย ทีปกา, เตสูติ โยชนา. อิตรสฺมินฺติ ปุรตฺถิมทิสาย จีวเร.

๕๒. นทึ โอตรตีติ หตฺถปาสํ มุฺจิตฺวา โอตรติ. นาปชฺชตีติ ปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ นาปชฺชติ. เตนาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. อปริโภคารหตฺตาติ อิมินา นิสฺสคฺคิยจีวรํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส ทุกฺกฏํ อจิตฺตกนฺติ สิทฺธํ. เอกํ ปารุปิตฺวา เอกํ อํสกูเฏ เปตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อิทํ พหูนํ สฺจรณฏฺาเน เอวํ อกตฺวา คมนํ น สารุปฺปนฺติ กตฺวา วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺคตฺตา. พหิคาเม เปตฺวาปิ อปารุปิตพฺพตาย วุตฺตํ ‘‘วินยกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ. อถ วา วิหาเร สภาคํ ภิกฺขุํ น ปสฺสติ, เอวํ สติ อาสนสาลํ คนฺตฺวา วินยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ โยชนา. อาสนสาลํ คจฺฉนฺเตน กึ ตีหิ จีวเรหิ คนฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สนฺตรุตฺตเรนา’’ติ นฏฺจีวรสฺส สนฺตรุตฺตรสาทิยนโต. สงฺฆาฏิ ปน กึ กาตพฺพาติ อาห ‘‘สงฺฆาฏึ พหิคาเม เปตฺวา’’ติ. อุตฺตราสงฺเค จ พหิคาเม ปิตสงฺฆาฏิยฺจ ปมํ วินยกมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อุตฺตราสงฺคํ นิวาเสตฺวา อนฺตรวาสเก กาตพฺพํ. เอตฺถ จ พหิคาเม ปิตสฺสปิ วินยกมฺมวจนโต ปรมฺมุขาปิ ิตํ นิสฺสชฺชิตุํ, นิสฺสฏฺํ ทาตุฺจ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ.

ทหรานํ คมเน สอุสฺสาหตฺตา ‘‘นิสฺสโย ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ วุตฺตํ. มุหุตฺตํ…เป… ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ สอุสฺสาหตฺเต คมนสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา วุตฺตํ, เตสํ ปน ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา สอุสฺสาเหน คจฺฉนฺตานํ อรุเณ อนฺตรา อุฏฺิเตปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. เตเนว ‘‘คามํ ปวิสิตฺวา…เป… น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ วุตฺตํ. อฺมฺสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวาติอาทิมฺหิ สอุสฺสาหตฺตา คมนกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ น วุตฺตา. เธนุภเยนาติ ตรุณวจฺฉคาวีนํ อาธาวิตฺวา สิงฺเคน ปหรณภเยน. นิสฺสโย จ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ เอตฺถ เธนุภยาทีหิ ิตานํ ยาว ภยวูปสมา าตพฺพโต ‘‘อนฺโตอรุเณเยว คมิสฺสามี’’ติ นิยเมตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํ. ยตฺถ ปน เอวํ นิยเมตุํ สกฺกา, ตตฺถ อนฺตรา อรุเณ อุคฺคเตปิ นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ เภสชฺชตฺถาย คามํ ปวิฏฺทหรานํ วิย.

อนฺโตสีมายํ คามนฺติ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติโต ปจฺฉา ปติฏฺาปิตคามํ สนฺธาย วทติ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพโต. ปวิฏฺานนฺติ อาจริยนฺเตวาสิกานํ วิสุํ วิสุํ คตานํ อวิปฺปวาสสีมตฺตา เนว จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, สอุสฺสาหตาย น นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อนฺตรามคฺเคติ ธมฺมํ สุตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

จีวรวิปฺปวาสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

นวโม ปริจฺเฉโท.

๑๐. ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยกถา

๕๓. เอวํ จีวรวิปฺปวาสวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ภณฺฑสฺส ปฏิสามน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภฑิตพฺพํ ภาเชตพฺพนฺติ ภณฺฑํ, ภฑิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ วา ภณฺฑํ, ภณฺฑนฺติ ปริภณฺฑนฺติ สตฺตา เอเตนาติ วา ภณฺฑํ, มูลธนํ, ปริกฺขาโร วา. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ –

‘‘ภาชนาทิปริกฺขาเร, ภณฺฑํ มูลธเนปิ จา’’ติ.

ตสฺส ภณฺฑสฺส, ปฏิสามิยเต ปฏิสามนํ, รกฺขณํ โคปนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปเรสํ ภณฺฑสฺส โคปน’’นฺติ. มาตุ กณฺณปิฬนฺธนํ ตาลปณฺณมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถ. เตน ปเคว อฺาตกานํ สนฺตกนฺติ ทสฺเสติ. คิหิสนฺตกนฺติ อิมินา ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ สนฺตกํ ปฏิสาเมตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ภณฺฑาคาริกสีเสนาติ เอเตน วิสฺสาสคฺคาหาทินา คเหตฺวา ปฏิสาเมนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตน วกฺขติ ‘‘อตฺตโน อตฺถาย คเหตฺวา ปฏิสาเมตพฺพ’’นฺติ. ฉนฺเทนปิ ภเยนปีติ วฑฺฒกีอาทีสุ ฉนฺเทน, ราชวลฺลภาทีสุ ภเยน พลกฺกาเรน ปาเตตฺวา คเตสุ จ ปฏิสาเมตุํ วฏฺฏตีติ โยเชตพฺพํ.

สงฺโคปนตฺถาย อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตสฺส ภณฺฑสฺส คุตฺตฏฺาเน ปฏิสามนปโยคํ วินา ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติอาทินา อฺสฺมึ ปโยเค อกเต รชฺชสงฺโขภาทิกาเล ‘‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามิ, น มยฺหํ ทานิ ทสฺสตี’’ติ อุโภหิปิ สกสกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ธุรนิกฺเขเป กเตปิ อวหาโร นตฺถิ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปาราชิกเมว ปฏิสามนปโยคสฺส กตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ปฏิสามนกาเล หิสฺส เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, ‘‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามี’’ติ เถยฺยจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จ สามิโน ธุรนิกฺเขปจิตฺตปฺปวตฺติยา เหตุภูโต กายวจีปโยโค นตฺถิ, เยน โส อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. น หิ อกิริยสมุฏฺานา อยํ อาปตฺตีติ. ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาวาติ อวหารํ สนฺธาย อวุตฺตตฺตา ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติอาทินา มุสาวาทกรเณ ปาจิตฺติยเมว โหติ, น ทุกฺกฏํ เถยฺยจิตฺตาภาเวน สหปโยคสฺสปิ อภาวโตติ คเหตพฺพํ.

ยทิปิ มุเขน ทสฺสามีติ วทติ…เป… ปาราชิกนฺติ เอตฺถ กตรปโยเคน อาปตฺติ, น ตาว ปเมน ภณฺฑปฏิสามนปโยเคน ตทา เถยฺยจิตฺตภาวา, นาปิ ‘‘ทสฺสามี’’ติ กถนปโยเคน ตทา เถยฺยจิตฺเต วิชฺชมาเนปิ ปโยคสฺส กปฺปิยตฺตาติ? วุจฺจเต – สามินา ‘‘เทหี’’ติ พหุโส ยาจิยมาโนปิ อทตฺวา เยน ปโยเคน อตฺตโน อทาตุกามตํ สามิกสฺส าเปสิ, เยน จ โส อทาตุกาโม อยํ วิกฺขิปตีติ ตฺวา ธุรํ นิกฺขิปติ, เตเนว ปโยเคนสฺส อาปตฺติ. น เหตฺถ อุปนิกฺขิตฺตภณฺเฑ ปริยาเยน มุตฺติ อตฺถิ. อทาตุกามตาย หิ ‘‘กทา เต ทินฺนํ, กตฺถ เต ทินฺน’’นฺติอาทิปริยายวจเนนปิ สามิกสฺส ธุเรนิกฺขิปาปิเต อาปตฺติเยว. เตเนว อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘กึ ตุมฺเห ภณถ…เป… อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิก’’นฺติ. ปรสนฺตกสฺส ปเรหิ คณฺหาปเน เอว หิ ปริยายโต มุตฺติ, น สพฺพตฺถาติ คเหตพฺพํ. อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตตฺตาติ เอตฺถ อตฺตโน หตฺเถ สามินา ทินฺนตาย ภณฺฑาคาริกฏฺาเน ิตตฺตา จ านาจาวเนปิ นตฺถิ อวหาโร, เถยฺยจิตฺเตน ปน คหเณ ทุกฺกฏโต น มุจฺจตีติ เวทิตพฺพํ. เอเสว นโยติ อวหาโร นตฺถิ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหตีติ อธิปฺปาโย.

๕๔. ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีสิกฺขมานสามเณรสามเณรีนํ. เอเตน น เกวลํ คิหีนํ เอว, อถ โข ตาปสปริพฺพาชกาทีนมฺปิ สนฺตกํ ปฏิสาเมตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. นฏฺเปิ คีวา น โหติ, กสฺมา? อสมฺปฏิจฺฉาปิตตฺตาติ อตฺโถ. ทุติเย เอเสว นโยติ คีวา น โหติ, กสฺมา? อชานิตตฺตา. ตติเย จ เอเสว นโยติ คีวา น โหติ, กสฺมา? ปฏิกฺขิปิตตฺตา. เอตฺถ จ กาเยน วา วาจาย วา จิตฺเตน วา ปฏิกฺขิตฺโตปิ ปฏิกฺขิตฺโตเยว นาม โหติ.

ตสฺเสว คีวา โหติ, น เสสภิกฺขูนํ, กสฺมา? ตสฺเสว ภณฺฑาคาริกสฺส ภณฺฑาคาเร อิสฺสรภาวโต. ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติ อลสชาติกสฺเสว ปมาเทน หริตตฺตา. ทุติเย ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติ ตสฺส อนาโรจิตตฺตา. นฏฺเ ตสฺส คีวา เตน ปิตตฺตา. ตสฺเสว คีวา, น อฺเสํ เตน ภณฺฑาคาริเกน สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา ปิตตฺตา จ. นตฺถิ คีวา เตน ปฏิกฺขิปิตตฺตา. นฏฺํ สุนฏฺเมว ภณฺฑาคาริกสฺส อสมฺปฏิจฺฉาปนโต. นฏฺเ คีวา เตน ปิตตฺตา. สพฺพํ ตสฺส คีวา ตสฺส ภณฺฑาคาริกสฺส ปมาเทน หรณโต. ตตฺเถว อุปจาเร วิชฺชมาเนติ ภณฺฑาคาริกสฺส สมีเปเยว อุจฺจารปสฺสาวฏฺาเน วิชฺชมาเน.

๕๕. มยิ จ มเต สงฺฆสฺส จ เสนาสเน วินฏฺเติ เอตฺถ เกวลํ สงฺฆสฺส เสนาสนํ มา วินสฺสีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วิวริตุมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ. ‘‘ตํ มาเรสฺสามี’’ติ เอตฺตเก วุตฺเตปิ วิวริตุํ วฏฺฏติ ‘‘คิลานปกฺเข ิตตฺตา อวิสโย’’ติ วุตฺตตฺตา. มรณโต หิ ปรํ เคลฺํ อวิสยตฺตฺจ นตฺถิ. ‘‘ทฺวารํ ฉินฺทิตฺวา หริสฺสามา’’ติ เอตฺตเก วุตฺเตปิ วิวริตุํ วฏฺฏติเยว. สหาเยหิ ภวิตพฺพนฺติ เตหิปิ ภิกฺขาจาราทีหิ ปริเยสิตฺวา อตฺตโน สนฺตกมฺปิ กิฺจิ กิฺจิ ทาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ สามีจีติ ภณฺฑาคาเร วสนฺตานํ อิทํ วตฺตํ. โลลมหาเถโรติ มนฺโท โมมูโห อากิณฺณวิหารี สทา กีฬาปสุโต วา มหาเถโร.

๕๖. อิตเรหีติ ตสฺมึเยว คพฺเภ วสนฺเตหิ ภิกฺขูหิ. วิหารรกฺขณวาเร นิยุตฺโต วิหารวาริโก, วุฑฺฒปฏิปาฏิยา อตฺตโน วาเร วิหารรกฺขณโก. นิวาปนฺติ ภตฺตเวตนํ. โจรานํ ปฏิปถํ คเตสูติ โจรานํ อาคมนํ ตฺวา ‘‘ปมตรํเยว คนฺตฺวา สทฺทํ กริสฺสามา’’ติ โจรานํ อภิมุขํ คเตสุ. ‘‘โจเรหิ หฏภณฺฑํ อาหริสฺสามา’’ติ เตสํ อนุปถํ คเตสุปิ เอเสว นโย. นิพทฺธํ กตฺวาติ ‘‘อสุกกุเล ยาคุภตฺตํ วิหารวาริกานํเยวา’’ติ เอวํ นิยมนํ กตฺวา. ทฺเว ติสฺโส ยาคุสลากา จ จตฺตาริ ปฺจ สลากภตฺตานิ จ ลภมาโนวาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตโต อูนํ วา โหตุ อธิกํ วา, อตฺตโน จ เวยฺยาวจฺจกรสฺส จ ยาปนมตฺตํ ลภนเมว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ. นิสฺสิตเก ชคฺคาเปนฺตีติ อตฺตโน อตฺตโน นิสฺสิตเก ภิกฺขาจริยาย โปเสนฺตา นิสฺสิตเกหิ วิหารํ ชคฺคาเปนฺติ. อสหายสฺสาติ สหายรหิตสฺส. ‘‘อสหายสฺส อทุติยสฺสา’’ติ ปาโ ยุตฺโต. ปจฺฉิมํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. อสหายสฺส วา อตฺตทุติยสฺส วาติ อิมสฺมึ ปน ปาเ เอเกน อานีตํ ทฺวินฺนํ นปฺปโหตีติ อตฺตทุติยสฺสปิ วาโร นิวาริโตติ วทนฺติ, ตํ ‘‘ยสฺส สภาโค ภิกฺขุ ภตฺตํ อาเนตฺวา ทาตา นตฺถี’’ติ อิมินา น สเมติ, วีมํสิตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๑๒) ปน ‘‘อตฺตทุติยสฺสาติ อปฺปิจฺฉสฺส. อตฺตาสรีรเมว ทุติโย, น อฺโติ หิ อตฺตทุติโย, ตทุภยสฺสปิ อตฺถสฺส วิภาวนํ ‘ยสฺสา’ติอาทิ. เอเตน สพฺเพน เอเกกสฺส วาโร น ปาเปตพฺโพติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ.

ปากวตฺตตฺถายาติ นิจฺจํ ปจิตพฺพยาคุภตฺตสงฺขาตวตฺตตฺถาย. เปนฺตีติ ทายกา เปนฺติ. ตํ คเหตฺวาติ ตํ อารามิกาทีหิ ทียมานํ ภาคํ คเหตฺวา. อุปชีวนฺเตน าตพฺพนฺติ อพฺโภกาสิกรุกฺขมูลิเกนปิ ปากวตฺตํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺเตน อตฺตโน ปตฺตจีวรรกฺขณตฺถาย วิหารวาเร สมฺปตฺเต าตพฺพํ. น คาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ ยสฺส อพฺโภกาสิกสฺสปิ อตฺตโน อธิกปริกฺขาโร เจ ปิโต อตฺถิ, จีวราทิสงฺฆิกภาเคปิ อาลโย อตฺถิ, โสปิ คาหาเปตพฺโพ. ปริปุจฺฉนฺติ ปุจฺฉิตปฺหวิสฺสชฺชนํ, อฏฺกถํ วา. ทิคุณนฺติ อฺเหิ ลพฺภมานโต ทฺวิคุณํ. ปกฺขวาเรนาติ อฑฺฒมาสวาเรน.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๑. กยวิกฺกยสมาปตฺติวินิจฺฉยกถา

๕๗. เอวํ ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กยวิกฺกยวินิจฺฉยํ กเถนฺโต ‘‘กยวิกฺกยสมาปตฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กยนํ กโย, ปรภณฺฑสฺส คหณํ, วิกฺกยนํ วิกฺกโย, สกภณฺฑสฺส ทานํ, กโย จ วิกฺกโย จ กยวิกฺกยํ. สมาปชฺชนํ สมาปตฺติ, ตสฺส ทุวิธสฺส กิริยสฺส กรณํ. ตสฺสรูปํ ทสฺเสติ ‘‘อิมินา’’ติอาทินา.

เสสาตเกสุ สทฺธาเทยฺยวินิปาตสมฺภวโต ตทภาวฏฺานมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตรํ วา ปน ปิตรํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน วิฺตฺติสทฺธาเทยฺยวินิปาตนฺจ น โหติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ วทนฺโตติ ทสฺเสติ, กยวิกฺกยํ ปน อาปชฺชติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ วทนฺโตติ ทสฺเสติ. อิมินา จ อุปริ อฺาตกนฺตฺยาทินา จ เสสาตกํ ‘‘อิมํ เทหี’’ติ วทโต วิฺตฺติ น โหติ, ‘‘อิมํ คณฺหาหี’’ติ ปน ททโต สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ, ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’’ติ กยวิกฺกยํ อาปชฺชโต นิสฺสคฺคิยนฺติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ มิคปทวลฺชนนฺยาเยน. ตสฺมาอิจฺจาทิเกปิ ‘‘มาตาปิตูหิ สทฺธึ กยวิกฺกยํ, เสสาตเกหิ สทฺธึ ทฺเว อาปตฺติโย, อฺาตเกหิ สทฺธึ ติสฺโส อาปตฺติโย’’ติ วตฺตพฺเพ เตเนว นฺยาเยน าตุํ สกฺกาติ กตฺวา น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, อฺถา อพฺยาปิตโทโส สิยา.

‘‘อิทํ ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา อิทํ กโรถา’’ติ วุตฺเต ปุพฺพาปรสมฺพนฺธาย กิริยาย วุตฺตตฺตา ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ วุตฺตสทิสํ โหติ. อิทํ ภตฺตํ ภุฺช, อิทํ นาม กโรหี’’ติ วา, ‘‘อิทํ ภตฺตํ ภุตฺโตสิ, อิทํ นาม กโรหิ, อิทํ ภตฺตํ ภุฺชิสฺสสิ, อิทํ นาม กโรหี’’ติ ปน วุตฺเต อสมฺพนฺธาย กิริยาย วุตฺตตฺตา กยวิกฺกโย น โหติ. วิฆาสาทานํ ภตฺตทาเน จ อนเปกฺขตฺตา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ น โหติ, การาปเน หตฺถกมฺมมตฺตตฺตา วิฺตฺติ น โหติ, ตสฺมา วฏฺฏติ. ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา อสติปิ นิสฺสคฺคิยวตฺถุมฺหิ ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

อคฺฆํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏติ, เอตฺตาวตา กยวิกฺกโย น โหตีติ อตฺโถ. คณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ อวุตฺตตฺตา กยวิกฺกโย น โหติ, มูลสฺส อตฺถิตาย วิฺตฺติปิ น โหติ. ปตฺโต น คเหตพฺโพ ปรภณฺฑสฺส มหคฺฆตาย. เอวํ สติ กถํ กาตพฺโพติ อาห ‘‘มม วตฺถุ อปฺปคฺฆนฺติ อาจิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตพฺพตํ อาปชฺชติ เถยฺยาวหารสมฺภวโต, อูนมาสกํ เจ อคฺฆติ, ทุกฺกฏํ. มาสกโต ปฏฺาย ยาว อูนปฺจมาสกํ เจ อคฺฆติ, ถุลฺลจฺจยํ. ปฺจมาสกํ เจ อคฺฆติ, ปาราชิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. เทติ, วฏฺฏติ ปุฺตฺถาย ทินฺนตฺตา อธิกสฺส. กปฺปิยการกสฺส ปน…เป… วฏฺฏติ อุภโต กปฺปิยภณฺฑตฺตา. เอกโต อุภโต วา เจ อกปฺปิยภณฺฑํ โหติ, น วฏฺฏติ. ‘‘มา คณฺหาหี’’ติ วตฺตพฺโพ, กสฺมา? กปฺปิยการกสฺส อเฉกตฺตา.

อฺเน อปฺปฏิคฺคหิเตน อตฺโถ, กสฺมา? สตฺตาหกาลิกตฺตา เตลสฺส. ปฏิคฺคหิตเตลํ สตฺตาหปรมํ เอว เปตพฺพํ, ตสฺมา ตโต ปรํ ปิตุกามสฺส อปฺปฏิคฺคหิตเตเลน อตฺโถ โหติ. อปฺปฏิคฺคหิตํ ทูเสยฺย, อนิยมิตกาลํ อปฺปฏิคฺคหิตเตลํ นาฬิยํ อวสิฏฺปฏิคฺคหิตเตลํ อตฺตโน กาลํ วตฺตาเปยฺย.

๕๘. อิทํ ปตฺตจตุกฺกํ เวทิตพฺพนฺติ อกปฺปิยปตฺตจตุกฺกํ วุตฺตํ, ปฺจโม ปน กปฺปิโย. เตน วกฺขติ ‘‘อยํ ปตฺโต สพฺพกปฺปิโย พุทฺธานมฺปิ ปริโภคารโห’’ติ. อยํ ปตฺโต มหาอกปฺปิโย นาม, กสฺมา? รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวา อยพีชํ สมุฏฺาเปตฺวา เตน โลเหน ปตฺตสฺส การิตตฺตา, เอวํ พีชโต ปฏฺาย ทูสิตตฺตา. ยถา จ ตติยปาราชิกวิสเย ถาวรปโยเคสุ ปาสสูลาทีสุ มูลโต ปฏฺาย การิเตสุ กิสฺมิฺจิ ทณฺฑมตฺเต วา วากมตฺเต วา อวสิฏฺเ สติ น มุจฺจติ, สพฺพสฺมึ นฏฺเเยว มุจฺจติ, เอวมิธาปิ พีชโต ปฏฺาย กตตฺตา ตสฺมึ ปตฺเต กิสฺมิฺจิ ปตฺเต อวสิฏฺเปิ กปฺปิโย ภวิตุํ น สกฺกา. ตถา จ วกฺขติ ‘‘สเจปิ ตํ วินาเสตฺวา ถาลกํ กาเรติ, ตมฺปิ อกปฺปิย’’นฺตฺยาทิ. เอวํ สนฺเตปิ ทุติยปตฺเต วิย มูเล จ มูลสฺสามิกานํ, ปตฺเต จ ปตฺตสฺสามิกานํ ทินฺเน กปฺปิโย กาตุํ สกฺกา ภเวยฺย นุ โขติ อาสงฺกายมาห ‘‘น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กปฺปิโย กาตุ’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ทุติยปตฺตํ รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา คิหีหิ ปรินิฏฺาปิตเมว กิณาติ, น พีชโต ปฏฺาย ทูเสติ, ตสฺมา ทุติยปตฺโต กปฺปิโย กาตุํ สกฺกา, อิธ ปน พีชโต ปฏฺาย ทูสิตตฺตา เตน ภิกฺขุนา ตํ ปตฺตํ ปุน อยปาสาณพีชํ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ปฏิคฺคหิตรูปิยสฺส จ วฬฺชิตตฺตา ปุน สามิกานํ ทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กปฺปิโย กาตุนฺติ.

อิทานิ ตํ อสกฺกุเณยฺยตฺตํ อฺเน ปกาเรน วิตฺถาเรตุํ ‘‘สเจปี’’ติอาทิมาห. อิมินา กิฺจิปิ อยวตฺถุมฺหิ อวสิฏฺเ สติ อกปฺปิโยว โหตีติ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๑) ‘‘รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวาติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ, มุตฺตาทิทุกฺกฏวตฺถุมฺปิ อุคฺคณฺหิตฺวา การิตมฺปิ ปฺจนฺนํ น วฏฺฏติ เอว. สมุฏฺาเปตีติ สยํ คนฺตฺวา วา ‘อิมํ กหาปณาทึ กมฺมการานํ ทตฺวา พีชํ สมุฏฺาเปหี’ติ อฺํ อาณาเปตฺวา วา สมุฏฺาเปติ. มหาอกปฺปิโยติ อตฺตนาว พีชโต ปฏฺาย ทูสิตตฺตา อฺสฺส มูลสฺสามิกสฺส อภาวโต วุตฺตํ. โส หิ โจเรหิ อจฺฉินฺโนปิ ปุน ลทฺโธ ชานนฺตสฺส กสฺสจีปิ น วฏฺฏติ. ยทิ หิ วฏฺเฏยฺย, ตฬากาทีสุ วิย ‘อจฺฉินฺโน วฏฺฏตี’ติ อาจริยา วเทยฺยุํ. น สกฺกา เกนจิ อุปาเยนาติ สงฺฆสฺส วิสฺสชฺชเนน โจราทิอจฺฉินฺทเนนปิ กปฺปิโย กาตุํ น สกฺกา, อิทฺจ เตน รูเปน ิตํ ตมฺมูลเกน วตฺถมุตฺตาทิรูเปน ิตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุกฺกฏวตฺถุมฺปิ หิ ตมฺมูลกกปฺปิยวตฺถุ จ น สกฺกา เกนจิ เตน รูเปน กปฺปิยํ กาตุํ. ยทิ ปน โส ภิกฺขุ เตน กปฺปิยวตฺถุนา, ทุกฺกฏวตฺถุนา วา ปุน รูปิยํ เจตาเปยฺย, ตํ รูปิยํ นิสฺสชฺชาเปตฺวา อฺเสํ กปฺปิยํ กาตุมฺปิ สกฺกา ภเวยฺยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ ปปฺจิตํ, ยฺจ ตเมว คเหตฺวา โปราณฏีกายํ ปปฺจิตํ, ตํ วิตฺถาเรตฺวา วุจฺจมานํ อติวิตฺถาริตฺจ ภวิสฺสติ, โสตูนฺจ ทุพฺพิฺเยฺยํ, ตสฺมา เอตฺตกเมว วทิมฺห, อตฺถิเกหิ ปน เตสุ เตสุ ปกรเณสุ โอโลเกตฺวา คเหตพฺพนฺติ.

ทุติยปตฺเต ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น กปฺปตีติ รูปิยสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, กยวิกฺกยสฺส จ กตตฺตา. สกฺกา ปน กปฺปิโย กาตุนฺติ คิหีหิ ปรินิฏฺาปิตปตฺตสฺเสว กิณิตตฺตา, พีชโต ปฏฺาย อทูสิตตฺตา, มูลมูลสฺสามิกานฺจ ปตฺตปตฺตสฺสามิกานฺจ วิชฺชมานตฺตา. ยถา ปน สกฺกา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มูเล’’ติอาทิมาห.

ตติยปตฺเต สทิโสเยวาติ ‘‘ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น วฏฺฏติ, สกฺกา ปน กปฺปิโย กาตุ’’นฺติ อิมํ นยํ นิทฺทิสติ. นนุ ตติยปตฺโต กปฺปิยโวหาเรน คหิโต, อถ กสฺมา อกปฺปิโยติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กปฺปิยโวหาเรน คหิโตปิ ทุติยปตฺตสทิโสเยว, มูลสฺส สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา อกปฺปิโย’’ติ. ทุติยโจทนํ ปน สยเมว วทติ. เอตฺถ จ ‘‘ทุติยปตฺตสทิโสเยวา’’ติ วุตฺตตฺตา มูเล จ มูลสฺสามิกานํ, ปตฺเต จ ปตฺตสฺสามิกานํ ทินฺเน กปฺปิโย โหติ, กปฺปิยภณฺฑํ ทตฺวา คเหตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺโพ. มูลสฺส อนิสฺสฏฺตฺตาติ เยน อุคฺคหิตมูเลน ปตฺโต กีโต, ตสฺส มูลสฺส สงฺฆมชฺเฌ อนิสฺสฏฺตฺตา. เอเตน รูปิยเมว นิสฺสชฺชิตพฺพํ, น ตมฺมูลกํ อรูปิยนฺติ ทสฺเสติ. ยทิ หิ เตน สมฺปฏิจฺฉิตมูลํ สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสฏฺํ สิยา, เตน กปฺปิเยน กมฺเมน อารามิกาทีหิ คเหตฺวา ทินฺนปตฺโต รูปิยปฏิคฺคาหกํ เปตฺวา เสสานํ วฏฺเฏยฺย.

จตุตฺถปตฺเต ทุพฺพิจาริตตฺตาติ ‘‘อิเม กหาปเณ ทตฺวา อิทํ เทหี’’ติ คหิตตฺตา คิหิสนฺตกานํ กหาปณานํ ทุฏฺุวิจาริตตฺตา เอตสฺส วิจารณกสฺส ภิกฺขุโน เอว น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. มูลสฺส อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตาติ เอเตน มูลสฺส คิหิสนฺตกตฺตํ ทสฺเสติ, เตเนว ปตฺตสฺส รูปิยสํโวหาเรน อนุปฺปนฺนตฺจ ทสฺเสติ, เตน จ ตสฺส ปตฺตสฺส นิสฺสชฺชิยาภาวํ, ภิกฺขุสฺส จ ปาจิตฺติยาภาวํ ทีเปติ, เตน จ ทุพฺพิจาริตมตฺเตน ทุกฺกฏมตฺตภาวํ ปกาเสติ. นิสฺสชฺชีติ อิทฺจ ทานวเสน วุตฺตํ, น วินยกมฺมวเสน. เตเนว จ ‘‘สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ.

ปฺจมปตฺเต สพฺพกปฺปิโยติ อตฺตโน จ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานฺจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธานฺจ กปฺปิโย. เตนาห ‘‘พุทฺธานมฺปิ ปริโภคารโห’’ติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กยวิกฺกยสมาปตฺติวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เอกาทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๒. รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถา

๕๙. เอวํ กยวิกฺกยสมาปตฺติวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถนฺโต ‘‘รูปิยาทิปฏิคฺคโห’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สฺาณตฺถาย กตํ รูปํ เอตฺถ อตฺถีติ รูปิยํ, ยํ กิฺจิ โวหารูปคํ ธนํ. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๕๘๔) ‘‘อิธ ปน ยํ กิฺจิ โวหารคมนียํ กหาปณาทิ อธิปฺเปต’’นฺติ. ปมํ อาทียตีติอาทิ, กึ ตํ? รูปิยํ, รูปิยํ อาทิ เยสํ เตติ รูปิยาทโย, ทาสิทาสเขตฺตวตฺถุอาทโย, ปฏิคฺคหณํ ปฏิคฺคโห, สมฺปฏิจฺฉนนฺติ อตฺโถ. รูปิยาทีนํ ปฏิคฺคโห รูปิยาทิปฏิคฺคโห. ชาตสมเย อุปฺปนฺนํ รูปเมว รูปํ อสฺส ภวติ, น วิการมาปชฺชตีติ ชาตรูปํ, สุวณฺณํ. ธวลสภาวตาย สตฺเตหิ รฺชิยเตติ รชตํ, สชฺฌุ. ชาตรูเปน กโต มาสโก ชาตรูปมาสโก. รชเตน กโต มาสโก รชตมาสโกติ อิทํ จตุพฺพิธเมว นิสฺสคฺคิยวตฺถุ โหติ, น โลหมาสกาทโยติ อาห ‘‘ตมฺพโลหาทีหิ…เป… สงฺคหิโต’’ติ. ตมฺพโลหาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน กํสโลหวฏฺฏโลหติปุสีสาทีหิ กโตปิ โลหมาสโกเยวาติ ทสฺเสติ. กึ อิทเมว นิสฺสคฺคิยวตฺถุ โหติ, อุทาหุ มุตฺตาทโยปีติ อาห ‘‘มุตฺตา…เป… ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ. อิเมสํ ทฺวินฺนํ วตฺถูนํ โก วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ…เป… ทุกฺกฏเมวา’’ติ. ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ อตฺตโน อตฺถาย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เสสานํ อตฺถาย ทุกฺกฏํ, ทุกฺกฏวตฺถุ สพฺเพสํ อตฺถาย ทุกฺกฏเมวาติ โยชนา.

อิทานิ เตสุ วตฺถูสุ กปฺปิยากปฺปิยวินิจฺฉยํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ อาห ‘‘ตตฺรายํ วินิจฺฉโย’’ติ. ตตฺถ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา? ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อกปฺปิยโวหาเรน ทินฺนตฺตา. ทตฺวา ปกฺกมติ, วฏฺฏติ, กสฺมา? สงฺฆสฺส หตฺเถ อทตฺวา วฑฺฒกีอาทีนํ หตฺเถ ทินฺนตฺตา. เอวมฺปิ วฏฺฏติ คิหีนํ หตฺเถ ปิตตฺตา. ปฏิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ สงฺฆคณปุคฺคลานํ อนามสิตตฺตา. ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ‘‘ตุมฺเห คเหตฺวา เปถา’’ติ วุตฺตตฺตา. ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺตีติ ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหเณ ปาจิตฺติยํ, ปริโภเค ทุกฺกฏํ. สฺเวว สาปตฺติโกติ ทุกฺกฏาปตฺตึ สนฺธาย วทติ. วทติ, วฏฺฏติ ‘‘ตุมฺเห ปจฺจเย ปริภุฺชถา’’ติ กปฺปิยโวหาเรน วุตฺตตฺตา. จีวรตฺถาย ทินฺนํ จีวเรเยว อุปเนตพฺพํ, กสฺมา? ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา. เสนาสนปจฺจยสฺส อิตรปจฺจยตฺตยโต วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เสนาสนตฺถายา’’ติอาทิมาห. อิมินา อวิสฺสชฺชิยอเวภงฺคิยภาวํ ทสฺเสติ. เอวํ สนฺเตปิ อาปทาสุ กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห.

๖๐. เอวํ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทุกฺกฏวตฺถูสุ กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ โกจิ มยฺห’’นฺตฺยาทิมาห. เอตฺถ ปน ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺตีติ ทุกฺกฏเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตฬากสฺสปิ เขตฺตสงฺคหิตตฺตา ตสฺส ปฏิคฺคหเณปิ อาปตฺติ วุตฺตา. ‘‘จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุฺชถาติ เทตีติ เอตฺถ ‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ ตฬากํ ทมฺมี’ติ วา ‘จตุปจฺจยปริโภคตฺถํ ตฬากํ ทมฺมี’ติ วา วทติ, วฏฺฏติเยว. ‘อิโต ตฬากโต อุปฺปนฺเน ปจฺจเย ทมฺมี’ติ วุตฺเต ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ตเถว วตฺวา ‘‘อิทฺจ สงฺฆสฺส ทียมานฺเว สนฺธาย วุตฺตํ, ปุคฺคลสฺส ปน เอวมฺปิ ทินฺนํ ตฬากเขตฺตาทิ น วฏฺฏติ. สุทฺธจิตฺตสฺส ปน อุทกปริโภคตฺถํ กูปโปกฺขรณิอาทโย วฏฺฏนฺติ. ‘สงฺฆสฺส ตฬากํ อตฺถิ, ตํ กถ’นฺติ หิ อาทินา สพฺพตฺถ สงฺฆวเสเนว วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. หตฺเถ ภวิสฺสตีติ วเส ภวิสฺสติ.

กปฺปิยการกํ เปถาติ วุตฺเตติ สามีจิวเสน วุตฺตํ, อวุตฺเตปิ เปนฺตสฺส น โทโส อตฺถิ. เตนาห ‘‘อุทกํ วาเรตุํ ลพฺภตี’’ติ. ยสฺมา ปรสนฺตกํ ภิกฺขูนํ นาเสตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘น สสฺสกาเล’’ติ วุตฺตํ. สสฺสกาเลปิ ตาเสตฺวา มุฺจิตุํ วฏฺฏติ, อมุฺจโต ปน ภณฺฑเทยฺยํ. ชนปทสฺส สามิโกติ อิมินาว โย ตํ ชนปทํ วิจาเรติ, เตนปิ อจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ. ปุน เทตีติ อจฺฉินฺทิตฺวา ปุน เทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. อิมินา เยน เกนจิ อิสฺสเรน ‘‘ปริจฺจตฺตมิทํ ภิกฺขูหิ อสฺสามิก’’นฺติ สฺาย อตฺตโน คเหตฺวา ทินฺนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุทกวาหกนฺติ อุทกมาติกํ. กปฺปิยโวหาเรปิ วินิจฺฉยํ วกฺขามีติ ปาเสโส. อุทกวเสนาติ อุทกปริโภคตฺถํ. สุทฺธจิตฺตานนฺติ อุทกปริโภคตฺถเมว. อิทํ สหตฺเถน จ อกปฺปิยโวหาเรน จ กโรนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘สสฺสสมฺปาทนตฺถ’’นฺติ เอวํ อสุทฺธจิตฺตานมฺปิ ปน สยํ อกตฺวา กปฺปิยโวหาเรน อาณาเปตุํ วฏฺฏติ เอว. กปฺปิยการกํ เปตุํ น วฏฺฏตีติ อิทํ สหตฺถาทินา กตตฬากตฺตา อสฺสารุปฺปนฺติ วุตฺตํ. เปนฺตสฺส ปน ตํ ปจฺจยํ ปริภุฺชนฺตสฺส วา สงฺฆสฺส อาปตฺติ น ปฺายติ, อฏฺกถาปมาเณน วา เอตฺถ อาปตฺติ คเหตพฺพา. อลชฺชินา การาปิเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ลชฺชิภิกฺขุนา’’ติ, มตฺติกุทฺธรณาทีสุ การาปิเตสูติ อธิปฺปาโย.

๖๑. นวสสฺเสติ อกตปุพฺเพ เกทาเร. กหาปเณติ อิมินา ธฺุฏฺาปเน ตสฺเสว อกปฺปิยนฺติ ทสฺเสติ. อปริจฺฉินฺนภาเคติ ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค เอตฺตโก ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ เอวํ อปริจฺฉินฺนภาเค. ธฺุฏฺาปเน กสติ, ปโยเคปิ ทุกฺกฏเมว, น กหาปณุฏฺาปเน วิย. ‘‘กสถ วปถา’’ติ วจเนน สพฺเพสมฺปิ อกปฺปิยํ สิยาติ อาห ‘‘อวตฺวา’’ติ. เอตฺตโก นาม ภาโคติ เอตฺถ เอตฺตโก กหาปโณติ อิทมฺปิ สนฺธาย วทติ. ตถาวุตฺเตปิ หิ ตทา กหาปณานํ อวิชฺชมานตฺตา อายตึ อุปฺปชฺชมานํ อฺเสํ วฏฺฏติ เอว. เตนาห ‘‘ตสฺเสว ตํ อกปฺปิย’’นฺติ. ตสฺส ปน สพฺพปโยเคสุ ปริโภเค จ ทุกฺกฏํ. เกจิ ปน ธฺปริโภเค เอว อาปตฺติ, น ปุพฺพภาเคติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, เยน มินนรกฺขณาทินา ปโยเคน ปจฺฉา ธฺปริโภเค อาปตฺติ โหติ ตสฺส ปโยคสฺส กรเณ อนาปตฺติยา อยุตฺตตฺตา. ปริยายกถาย ปน สพฺพตฺถ อนาปตฺติ. เตเนว ‘‘เอตฺตเกหิ วีหีหิ อิทฺจิทฺจ อาหรถา’’ติ นิยมวจเน อกปฺปิยํ วุตฺตํ. กหาปณวิจารเณปิ เอเสว นโย. ‘‘วตฺถุ จ เอวรูปํ นาม สํวิชฺชติ, กปฺปิยการโก นตฺถีติ วตฺตพฺพ’’นฺติอาทิวจนฺเจตฺถ สาธกํ. รชฺชุยา วา ทณฺเฑน วาติ เอตฺถ ‘‘ปาเทหิปิ มินิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ขเล วา ตฺวา รกฺขตีติ เอตฺถ ปน เถเนตฺวา คณฺหนฺเต ทิสฺวา ‘‘มา คณฺหถา’’ติ นิวาเรนฺโต รกฺขติ นาม, สเจ ปน อวิจาเรตฺวา เกวลํ ตุณฺหีภูโตว รกฺขณตฺถาย โอโลเกนฺโต ติฏฺติ, วฏฺฏติ. ‘‘สเจปิ ตสฺมึ ตุณฺหีภูเต โจริกาย หรนฺติ, ‘มยํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจสฺสามา’ติ เอวํ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. นีหราเปติ ปฏิสาเมตีติ เอตฺถาปิ ‘‘สเจ ปริยาเยน วทติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อปุพฺพสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา อฺเสํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ตสฺเสเวตํ อกปฺปิย’’นฺติ.

สพฺเพสํ อกปฺปิยํ, กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ เอตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) เอวํ วิจารณา กตา – นนุ จ ทุพฺพิจาริตมตฺเตน ตสฺเสเวตํ อกปฺปิยํ, น สพฺเพสํ รูปิยสํโวหาเร จตุตฺถปตฺโต วิย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙) ‘‘โย ปน รูปิยํ อสมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘เถรสฺส ปตฺตํ กิณิตฺวา เทหี’ติ ปหิตกปฺปิยการเกน สทฺธึ กมฺมารกุลํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ทิสฺวา ‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ เทหี’ติ กหาปเณ ทาเปตฺวา คหิโต, อยํ ปตฺโต เอตสฺเสว ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ ทุพฺพิจาริตตฺตา, อฺเสํ ปน วฏฺฏติ มูลสฺส อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตา’’ติ, ตสฺมา ยํ เต อาหรนฺติ, สพฺเพสํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘กหาปเณ สาทิยิตฺวา วิจาริตํ สนฺธาย เอวํ วุตฺต’’นฺติ, สงฺฆิกตฺตา จ นิสฺสชฺชิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา สพฺเพสํ น กปฺปตีติ เตสํ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘อสาทิยิตฺวาปิ กหาปณานํ วิจาริตตฺตา รูปิยสํโวหาโร กโต โหติ, สงฺฆิกตฺตา จ นิสฺสชฺชิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา สพฺเพสํ น กปฺปตี’’ติ วทนฺติ. คณฺิปเทสุ ปน ตีสุปิ อิทํ วุตฺตํ ‘‘จตุตฺถปตฺโต คิหิสนฺตกานํเยว กหาปณานํ วิจาริตตฺตา อฺเสํ กปฺปติ, อิธ ปน สงฺฆิกานํ วิจาริตตฺตา สพฺเพสํ น กปฺปตี’’ติ. สพฺเพสมฺปิ วาโท เตน เตน ปริยาเยน ยุตฺโตเยวาติ.

๖๒. จตุสาลทฺวาเรติ โภชนสาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๖๓. ‘‘วนํ ทมฺมิ, อรฺํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน วฏฺฏตีติ เอตฺถ นิวาสฏฺานตฺตา ปุคฺคลสฺสปิ สุทฺธจิตฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. สีมํ เทมาติ วิหารสีมาทิสาธารณวจเนน วุตฺตตฺตา ‘‘วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ปริยาเยน กถิตตฺตาติ ‘‘คณฺหาหี’’ติ อวตฺวา ‘‘สีมา คตา’’ติ ปริยาเยน กถิตตฺตา. ปกติภูมิกรณตฺถํ ‘‘เหฏฺา คหิตํ ปํสุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ทาสํ ทมฺมีติ เอตฺถ ‘‘มนุสฺสํ ทมฺมีติ วุตฺเต วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เวยฺยาวจฺจกรนฺติอาทินา วุตฺเต ปุคฺคลสฺสปิ ทาสํ คเหตุํ วฏฺฏติ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว อารามิก’’นฺติ วิเสเสตฺวา อนุฺาตตฺตา. ตฺจ โข ปิลินฺทวจฺเฉน คหิตปริภุตฺตกฺกเมน, น คหฏฺานํ ทาสปริโภคกฺกเมน. เขตฺตาทโย ปน สพฺเพ สงฺฆสฺเสว วฏฺฏนฺติ ปาฬิยํ ปุคฺคลิกวเสน คเหตุํ อนนุฺาตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. กุกฺกุฏสูกเร…เป… วฏฺฏตีติ เอตฺถ กุกฺกุฏสูกเรสุ ทียมาเนสุ ‘‘อิเมหิ อมฺหากํ อตฺโถ นตฺถิ, สุขํ ชีวนฺตุ, อรฺเ วิสฺสชฺเชถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. วิหารสฺส เทมาติ สงฺฆิกวิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) สุตฺตนฺเตสุ อาคตปฏิกฺเขโป ภควตา อาปตฺติยาปิ เหตุภาเวน กโตติ ภควโต อธิปฺปายํ ชานนฺเตหิ สงฺคีติการกมหาเถเรหิ เขตฺตปฏิคฺคหณาทินิสฺสิโต อยํ สพฺโพปิ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.

๖๔. จีวรเจตาปนฺนนฺติ จีวรมูลํ. ปหิเณยฺยาติ เปเสยฺย. เจตาเปตฺวาติ ปริวตฺเตตฺวา. อจฺฉาเทหีติ โวหารวจนเมตํ, อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหีติ อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ. อาภตนฺติ อานีตํ.

อิมสฺมึ าเน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒๘-๕๓๑) เอวํ วิจารณา กตา – เอตฺถ จ ยํ วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อิมินา จีวรเจตาปนฺเนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหีติ อิทํ อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สเจ หิ ‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’ติ เปเสยฺย, อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภ ภิกฺขุนา กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺยา’’ติ, ตตฺถ อาคมนสฺส สุทฺธิยา วา อสุทฺธิยา วา วิเสสปฺปโยชนํ น ทิสฺสติ. สติปิ หิ อาคมนสฺส อสุทฺธภาเว ทูโต อตฺตโน กุสลตาย กปฺปิยโวหาเรน วทติ, กปฺปิยการโก น นิทฺทิสิตพฺโพติ อิทํ นตฺถิ, น จ ทูเตน กปฺปิยโวหารวเสน วุตฺเต ทายเกน ‘‘อิทํ กถํ เปสิต’’นฺติ อีทิสี วิจารณา อุปลพฺภติ, อวิจาเรตฺวา จ ตํ น สกฺกา ชานิตุํ. ยทิ ปน อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺย, จีวรานํ อตฺถาย ทูตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุมฺหิ เปสิเต สพฺพตฺถ ทายเกน กถํ เปสิตนฺติ ปุจฺฉิตฺวาว กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ ภเวยฺย, ตสฺมา อสติปิ อาคมนสุทฺธิยํ สเจ โส ทูโต อตฺตโน กุสลตาย กปฺปิยโวหารวเสน วทติ, ทูตสฺเสว วจนํ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อาคมนสุทฺธิเยเวตฺถ ปมาณํ, มูลสฺสามิเกน กปฺปิยโวหารวเสน เปสิตสฺส ทูตสฺส อกปฺปิยโวหารวเสน วทโตปิ กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ ภเวยฺย, ตสฺมา สพฺพตฺถ ทูตวจนเมว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ. อิมินา จีวรเจตาปนฺเนนาติอาทินา ปน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘กปฺปิยวเสน อาภตมฺปิ จีวรมูลํ อีทิเสน ทูตวจเนน อกปฺปิยํ โหติ, ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘เตน ภิกฺขุนา โส ทูโต เอวมสฺส วจนีโยติอาที’’ติ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน เอวํ วุตฺตํ – ยํ วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อิมินา จีวรเจตาปนฺเนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหีติ อิทํ อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สเจ หิ ‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’ติ เปเสยฺย, อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภ ภิกฺขุนา กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺยา’’ติ, ตํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทุกฺกฏวตฺถุภูตํ อกปฺปิยจีวรเจตาปนฺนํ ‘‘อสุกสฺส ภิกฺขุโน เทหี’’ติ เอวํ อาคมนสุทฺธิยา อสติ, สิกฺขาปเท อาคตนเยน ทูตวจเน จ อสุทฺเธ สพฺพถา ปฏิกฺเขโปเยว กาตุํ วฏฺฏติ, น ปน ‘‘จีวรฺจ โข มยํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วตฺตุํ, ตทนุสาเรน เวยฺยาวจฺจกรฺจ นิทฺทิสิตุํ อาคมนทูตวจนานํ อุภินฺนํ อสุทฺธตฺตา, ปาฬิยํ อาคตนเยน ปน อาคมนสุทฺธิยา สติ ทูตวจเน อสุทฺเธปิ สิกฺขาปเท อาคตนเยน สพฺพํ กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตน จ ยถา ทูตวจนาสุทฺธิยมฺปิ อาคมเน สุทฺเธ เวยฺยาวจฺจกรํ นิทฺทิสิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อาคมนาสุทฺธิยมฺปิ ทูตวจเน สุทฺเธ วฏฺฏติ เอวาติ อยมตฺโถ อตฺถโต สิทฺโธว โหติ. อุภยสุทฺธิยํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อุภยาสุทฺธิปกฺขเมว สนฺธาย มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๗-๕๓๙) ‘‘อาคมนสฺส สุทฺธิยา วา อสุทฺธิยา วา วิเสสปฺปโยชนํ น ทิสฺสตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ มาติกาฏฺกถาวจนสฺส อธิปฺปายํ อสลฺลกฺเขตฺวา วุตฺตํ ยถาวุตฺตนเยน อาคมนสุทฺธิอาทินา สปฺปโยชนตฺตา. โย ปเนตฺถ ‘‘มูลสฺสามิเกน กปฺปิยโวหารวเสน, เปสิตทูตสฺส อกปฺปิยโวหาเรน วทโตปิ กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ ภเวยฺยา’’ติ อนิฏฺปฺปสงฺโค วุตฺโต, โส อนิฏฺปฺปสงฺโค เอว น โหติ อภิมตตฺตา. ตถา หิ สิกฺขาปเท เอว ‘‘ปฏิคฺคณฺหตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ อกปฺปิยโวหาเรน วทโต ทูตสฺส กปฺปิเยน กมฺเมน เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตพฺโพ วุตฺโต อาคมนสฺส สุทฺธตฺตา, อาคมนสฺสปิ อสุทฺธิยํ ปน กปฺปิเยนปิ กมฺเมน เวยฺยาวจฺจกโร น นิทฺทิสิตพฺโพวาติ อตฺเถว อาคมนสฺส สุทฺธิอสุทฺธิยา ปโยชนํ. กถํ ปน ทูตวจเนน อาคมนสุทฺธิ วิฺายตีติ? นายํ ภาโร. ทูเตน หิ อกปฺปิยโวหาเรน วุตฺเต เอว อาคมนสุทฺธิ คเวสิตพฺพา, น อิตรตฺถ. ตตฺถ จ ตสฺส วจนกฺกเมน ปุจฺฉิตฺวา จ ยุตฺติอาทีหิ จ สกฺกา วิฺาตุํ. อิธาปิ หิ สิกฺขาปเท ‘‘จีวรเจตาปนฺนํ อาภต’’นฺติ ทูตวจเนเนว จีวรํ กิณิตฺวา ทาตุํ เปสิตภาโว วิฺายติ. ยทิ หิ สพฺพถา อาคมนสุทฺธิ น วิฺายติ, ปฏิกฺเขโป เอว กตฺตพฺโพติ.

สุวณฺณํ รชตํ กหาปโณ มาสโกติ อิมานิ หิ จตฺตาริ นิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ, มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สงฺโข สิลา ปวาฬํ โลหิตงฺโก มสารคลฺลํ สตฺต ธฺานิ ทาสิทาสํ เขตฺตํ วตฺถุ ปุปฺผารามผลารามาทโยติ อิมานิ ทุกฺกฏวตฺถูนิ จ อตฺตโน วา เจติยสงฺฆคณปุคฺคลานํ วา อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏนฺติ, ตสฺมา ตํ สาทิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘น โข มยํ อาวุโส จีวรเจตาปนฺนํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วุตฺตํ. จีวรฺจ โข มยํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติอาทิ ทูตวจนสฺส อกปฺปิยตฺเตปิ อาคมนสุทฺธิยา ปฏิปชฺชนวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. กาเลน กปฺปิยนฺติ ยุตฺตปตฺตกาเลน ยทา โน อตฺโถ โหติ, ตทา กปฺปิยํ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหามาติ อตฺโถ. เวยฺยาวจฺจกโรติ กิจฺจกโร, กปฺปิยการโกติ อตฺโถ. ‘‘เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตพฺโพ’’ติ อิทํ ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ กปฺปิยวจเนน วุตฺตตฺตา อนุฺาตํ. สเจ ปน ทูโต ‘‘โก อิมํ คณฺหาติ, กสฺส วา เทมี’’ติ วทติ, น นิทฺทิสิตพฺโพ. อารามิโก วา อุปาสโก วาติ อิทํ สารุปฺปตาย วุตฺตํ, เปตฺวา ปน ปฺจ สหธมฺมิเก โย โกจิ กปฺปิยการโก วฏฺฏติ. เอโส โข อาวุโส ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโรติ อิทํ ทูเตน ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ปุจฺฉิตตฺตา ปุจฺฉาสภาเคน ภิกฺขุสฺส กปฺปิยวจนทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอวเมว หิ ภิกฺขุนา วตฺตพฺพํ, น วตฺตพฺพํ ‘‘ตสฺส เทหี’’ติอาทิ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘น วตฺตพฺโพ ตสฺส เทหี’’ติอาทิมาห. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน ‘‘เอโส โข…เป… น วตฺตพฺโพ ตสฺส เทหีติอาทิ อกปฺปิยวตฺถุสาทิยนปริโมจนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

อาณตฺโต โส มยาติ ยถา ตุมฺหากํ จีวเรน อตฺเถ สติ จีวรํ ทสฺสติ, เอวํ วุตฺโตติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘สฺตฺโตติอาทิ เอวํ ทูเตน ปุน วุตฺเต เอว โจเทตุํ วฏฺฏติ, น อิตรถาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน ปาฬิยํ ‘‘สฺตฺโต โส มยา’’ติ อาคตตฺตา เอวํ วุตฺโต, ปุริมวากฺเย ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๖๔) ‘‘อาณตฺโต โส มยา’’ติ ปริยายวจเนน ปริวตฺติตฺวา ปิตตฺตา ตถา วุตฺโต, เตน จ กปฺปิยการกสฺส สฺาปิตภาเว ทูเตน ภิกฺขุสฺส ปุน อาโรจิเต เอว ภิกฺขุนา กปฺปิยการโก โจเทตพฺโพ โหติ, น อนาโรจิเตติ ทสฺเสติ.

อตฺโถ เม อาวุโส จีวเรนาติ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนเมตํ. อิทํ วา หิ วจนํ วตฺตพฺพํ, ตสฺส วา อตฺโถ ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตพฺโพ. เทหิ เม จีวรนฺติอาทีนิ ปน น วตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ. เอตานิ หิ วจนานิ, เอเตสํ วา อตฺโถ ยาย กายจิ ภาสาย น วตฺตพฺโพ. ‘‘เอวํ วทนฺโต จ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, โจทนา ปน โหติเยวา’’ติ มหาคณฺิปเท มชฺฌิมคณฺิปเท จ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน ‘‘น วตฺตพฺโพ ‘เทหิ เม จีวรํ…เป… เจตาเปหิ เม จีวร’นฺติ อิทํ ทูเตนาภตรูปิยํ ปฏิคฺคเหตุํ อตฺตนา นิทฺทิฏฺกปฺปิยการกตฺตาว ‘เทหิ เม จีวรํ…เป… เจตาเปหิ เม จีวร’นฺติ วทนฺโต รูปิยสฺส ปกตตฺตา เตน รูปิเยน ปริวตฺเตตฺวา ‘เทหิ เจตาเปหี’ติ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชนฺโต นาม โหตีติ ตํ โทสํ ทูรโต ปริวชฺเชตุํ วุตฺตํ รูปิยปฏิคฺคาหเกน สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสฏฺรูปิเย วิย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘น วตฺตพฺโพ อิมํ วา อิมํ วา อาหรา’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๕๘๔), ตสฺมา น อิทํ วิฺตฺติโทเส ปริวชฺเชตุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ‘อตฺโถ เม อาวุโส จีวเรนา’ติปิ อวตฺตพฺพตาปฺปสงฺคโต. เตเนว ทูตนิทฺทิฏฺเสุ รูปิยสํโวหารสงฺกาภาวโต อฺํ กปฺปิยการกํ เปตฺวาปิ อาหราเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ ‘‘ทูเตน ปิตรูปิเยน เจตาเปตฺวา จีวรํ อาหราเปหี’’ติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘จีวรํ อาหราเปหี’’ติ เอวํ อาหราเปตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพติ วุตฺตํ.

อิจฺเจตํ กุสลนฺติ เอวํ ยาวตติยํ โจเทนฺโต ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทตุํ สกฺโกติ อตฺตโน ปฏิลาภวเสน, อิจฺเจตํ กุสลํ สาธุ สุฏฺุ สุนฺทรํ. จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส าตพฺพนฺติ านลกฺขณนิทสฺสนเมตํ. ฉกฺขตฺตุปรมนฺติ จ ภาวนปุํสกวจนเมตํ. ฉกฺขตฺตุปรมนฺติ เอเตน จีวรํ อุทฺทิสฺส ตุณฺหีภูเตเนว าตพฺพํ, น อฺํ กิฺจิ กาตพฺพนฺติ อิทํ านลกฺขณํ. เตเนว ‘‘น อาสเนติอาที’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. สทฺทสตฺเถ ปน –

‘‘กิริยาวิเสสนํ สตฺเถ, วุตฺตํ ธาตุวิเสสนํ;

ภาวนปุํสกนฺตฺเยว, สาสเน สมุทีริต’’นฺติ. –

วจนโต กิริยาวิเสสนเมว สาสนโวหาเรน ภาวนปุํสกํ นาม ชาตํ;

‘‘มุทุํ ปจติอิจฺจตฺร, ปจนํ ภวตีติ จ;

สุขํ สยติอิจฺจตฺร, กโรติ สยนนฺติ จา’’ติ. –

วจนโต กิริยาวิเสสนปเทน ตุลฺยาธิกรณภูตํ กิริยาวิเสสฺยปทํ อกมฺมกมฺปิ สกมฺมกมฺปิ ภูธาตุกรธาตูหิ สมฺพนฺธิตพฺพํ โหตีติ อิมินา าเยน ฉกฺขตฺตุปรมํ านํ ภวิตพฺพํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ านํ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอเตน ฉกฺขตฺตุปรมํ เอวํ านํ ภวิตพฺพํ, น ตโต อธิกํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ เอว านํ กาตพฺพํ, น ตโต อุทฺธนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. น อาสเน นิสีทิตพฺพนฺติ ‘‘อิธ ภนฺเต นิสีทถา’’ติ วุตฺเตปิ น นิสีทิตพฺพํ. น อามิสํ ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ ‘‘ยาคุขชฺชกาทิเภทํ กิฺจิ อามิสํ คณฺหถ ภนฺเต’’ติ ยาจิยมาเนนปิ น คณฺหิตพฺพํ. น ธมฺโม ภาสิตพฺโพติ ‘‘มงฺคลํ วา อนุโมทนํ วา ภาสถา’’ติ ยาจิยมาเนนปิ กิฺจิ น ภาสิตพฺพํ, เกวลํ ‘‘กึการณา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิยมาเนน ‘‘ชานาหิ อาวุโส’’ติ วตฺตพฺโพ.

านํ ภฺชตีติ อาคตการณํ ภฺชติ โกเปติ. านนฺติ ิติยา จ การณสฺส จ นามํ, ตสฺมา อาสเน นิสีทเนน านํ กุปฺปติ, อาคตการณมฺปิ, อามิสปฏิคฺคหณาทีสุ ปน อาคตการณเมว ภฺชติ, น านํ. เตนาห ‘‘อาคตการณํ ภฺชตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อามิสปฏิคฺคหณาทินา านมฺปิ ภฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ, ฏีกายมฺปิ นานาวาเท ทสฺเสตฺวา านภฺชนํ วุตฺตํ, ตํ อฏฺกถาวจเนน อสํสนฺทนโต คนฺถครุภเยน น วทิมฺห. อิทานิ ยา ติสฺโส โจทนา, ฉ จ านานิ วุตฺตานิ, ตตฺถ วุทฺธิหานึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ จตุกฺขตฺตุํ โจเทตี’’ติอาทิมาห. ยสฺมา จ เอกโจทนาวุทฺธิยา ทฺวินฺนํ านานํ หานิ วุตฺตา, ตสฺมา โจทนา ทฺวิคุณํ านนฺติ ลกฺขณํ ทสฺสิตํ โหติ. อิติ อิมินา ลกฺขเณน ติกฺขตฺตุํ โจเทตฺวา ฉกฺขตฺตุํ าตพฺพํ, ทฺวิกฺขตฺตุํ โจเทตฺวา อฏฺกฺขตฺตุํ าตพฺพํ, สกึ โจเทตฺวา ทสกฺขตฺตุํ าตพฺพํ.

ตตฺร ตตฺร าเน ติฏฺตีติ อิทํ โจทกสฺส ิตฏฺานโต อปกฺกมฺม ตตฺร ตตฺร อุทฺทิสฺส านํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. โก ปน วาโท นานาทิวเสสูติ นานาทิวเสสุ เอวํ กโรนฺตสฺส โก ปน วาโท, วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ‘‘สามํ วา คนฺตพฺพํ, ทูโต วา ปาเหตพฺโพติ อิทํ สภาวโต โจเทตุํ อนิจฺฉนฺเตนปิ กาตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติ. น ตํ ตสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อตฺถํ อนุโภตีติ ตํ จีวรเจตาปนฺนํ อสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ กมฺมํ น นิปฺผาเทติ. ยุฺชนฺตายสฺมนฺโต สกนฺติ อายสฺมนฺโต อตฺตโน สนฺตกํ ธนํ ปาปุณนฺตุ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน ‘‘ยตสฺส จีวรเจตาปนฺนนฺติอาทิ เยน อตฺตนา เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิฏฺโ, จีวรฺจ อนิปฺผาทิตํ, ตสฺส กตฺตพฺพทสฺสนํ. เอวํ ภิกฺขุนา วตฺถุสามิกานํ วุตฺเต โจเทตฺวา เทนฺติ, วฏฺฏติ ‘สามิกา โจเทตฺวา เทนฺตี’ติ (ปารา. ๕๔๑) อนาปตฺติยํ วุตฺตตฺตา. เตเนว โส สยํ อโจเทตฺวา อุปาสกาทีหิ ปริยาเยน วตฺวา โจทาเปติ, เตสุ สตกฺขตฺตุมฺปิ โจเทตฺวา จีวรํ ทาเปนฺเตสุ ตสฺส อนาปตฺติ สิทฺธา โหติ สิกฺขาปทสฺส อนาณตฺติกตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

๖๕. เกนจิ อนิทฺทิฏฺโ อตฺตโน มุเขเนว พฺยาวฏภาวํ เวยฺยาวจฺจกรตฺตํ ปตฺโต มุขเววฏิโก, อวิจาเรตุกามตายาติ อิมินา วิชฺชมานมฺปิ ทาตุํ อนิจฺฉนฺตา อริยาปิ วฺจนาธิปฺปายํ วินา โวหารโต นตฺถีติ วทนฺตีติ ทสฺเสติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) ปน ‘‘อวิจาเรตุกามตายาติ อิมสฺมึ ปกฺเข ‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’ติ อิทํ ตาทิสํ กโรนฺโต กปฺปิยการโก นตฺถีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เภสชฺชกฺขนฺธเก เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุมฺหิ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตํ ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว’’ติอาทิวจนเมว เมณฺฑกสิกฺขาปทํ นาม. ตตฺถ หิ เมณฺฑเกน นาม เสฏฺินา ‘‘สนฺติ หิ ภนฺเต มคฺคา กนฺตารา อปฺโปทกา อปฺปภกฺขา น สุกรา อปาเถยฺเยน คนฺตุํ, สาธุ ภนฺเต ภควา ภิกฺขูนํ ปาเถยฺยํ อนุชานาตู’’ติ ยาจิเตน ภควตา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ปาเถยฺยํ ปริเยสิตุํ. ตณฺฑุโล ตณฺฑุลตฺถิเกน, มุคฺโค มุคฺคตฺถิเกน, มาโส มาสตฺถิเกน, โลณํ โลณตฺถิเกน, คุโฬ คุฬตฺถิเกน, เตลํ เตลตฺถิเกน, สปฺปิ สปฺปิตฺถิเกนา’’ติ วตฺวา อิทํ วุตฺตํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา, เต กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรฺํ อุปนิกฺขิปนฺติ ‘อิมินา ยํ อยฺยสฺส กปฺปิยํ, ตํ เทถา’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ตโต กปฺปิยํ, ตํ สาทิตุํ, น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’’ติ. ‘‘กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรฺํ นิกฺขิปนฺตี’’ติ เอตฺถาปิ ภิกฺขุสฺส อาโรจนํ อตฺถิเยว, อฺถา อนิทฺทิฏฺกปฺปิยการกปกฺขํ ภชตีติ น โจเทตพฺโพ สิยา, อิทํ ปน ทูเตน นิทฺทิฏฺกปฺปิยการเก สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺเ วา อนิทฺทิฏฺเ วา. เตเนวาห ‘‘เอตฺถ โจทนาย ปริมาณํ นตฺถี’’ติอาทิ. ยทิ มูลํ สนฺธาย โจเทติ, ตํ สาทิตเมว สิยาติ อาห ‘‘มูลํ อสาทิยนฺเตนา’’ติ.

อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตนา โจทนาฏฺานฺจ น กาตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถายาติ อิมินา จีวรตฺถาเยว น โหตีติ ทสฺเสติ. เอเสว นโยติ อิมินา วตฺถุสามินา นิทฺทิฏฺกปฺปิยการเกสุปิ ปิณฺฑปาตาทีนมฺปิ อตฺถาย ทินฺเน จ านโจทนาทิสพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

๖๖. อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน ปนาติอาทีสุ ‘‘อิทํ อยฺยสฺส โหตู’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา ‘‘อมุกสฺมึ นาม าเน มม หิรฺสุวณฺณํ อตฺถิ, ตํ ตุยฺหํ โหตู’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ิตสฺส เกวลํ วาจาย วา หตฺถมุทฺทาย วา ‘‘ตุยฺห’’นฺติ วตฺวา ปริจฺจตฺตสฺส กายวาจาหิ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา จิตฺเตน สาทิยนํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนํ นาม. สาทิยตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘คณฺหิตุกาโม โหตี’’ติ.

อิทํ คุตฺตฏฺานนฺติ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ปจฺจยปริโภคํเยว สนฺธาย อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘อิธ นิกฺขิปา’’ติ วุตฺเต ‘‘อุคฺคณฺหาเปยฺย วา’’ติ วุตฺตลกฺขเณน นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อาห ‘‘อิธ นิกฺขิปาหีติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘อิทํ คุตฺตฏฺาน’’นฺติ อาจิกฺขนฺโต านสฺส คุตฺตภาวเมว ทสฺเสติ, น วตฺถุํ ปรามสติ, ตสฺมา อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ ปน วทนฺโต นิกฺขิปิตพฺพํ วตฺถุํ นิกฺขิปาหีติ วตฺถุํ ปรามสติ นาม, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ. ปรโต อิทํ คณฺหาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตํ โหตีติ ยสฺมา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค กปฺปติ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ, ยสฺมา ปน ทุพฺพิจารณาย ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค น กปฺปติ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา อิทํ ธนํ ยสฺมา ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ, ยสฺมา ปน สพฺพโส อวิสฺสชฺชิตํ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ. อถ วา ตํ ธนํ ยสฺมา ปจฺฉา สุฏฺุวิจารณาย สติยา กปฺปิยํ ภวิสฺสติ, ทุพฺพิจารณาย สติยา อกปฺปิยํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตํ โหตีติ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘เอโก สตํ วา สหสฺสํ วาติอาทิ รูปิเย เหฏฺิมโกฏิยา ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ วุตฺต’’นฺติ จ ‘‘น ปน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพเมวาติ ทสฺเสตุํ, ‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ วุตฺเต อุคฺคณฺหาปนํ โหตีติ อาห ‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ จ ‘‘กปฺปิยฺจ…เป… โหตีติ ยสฺมา อสาทิตตฺตา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยา วฏฺฏนฺติ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ, ยสฺมา ปน ทุพฺพิจารณาย สติ ตโต อุปฺปนฺนํ น กปฺปติ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ.

๖๗. สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ ยสฺมา รูปิยํ นาม อกปฺปิยํ, ตสฺมา สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ น วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ปฏิคฺคหิตมตฺตเมว โหติ, น เตน กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตํ, ตสฺมา อุปาเยน ปริโภคทสฺสนตฺถํ ‘‘สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๕๘๔) วุตฺตํ. น เตน กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตนฺติ อิมินา เจตาปิตฺเจ, นตฺถิ ปริโภคูปาโย อุคฺคเหตฺวา อนิสฺสฏฺรูปิเยน เจตาปิตตฺตา. อีทิสฺหิ สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชนํ กตฺวาว ฉฑฺเฑตฺวา ปาจิตฺติยํ เทสาเปตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ ปฏิคฺคเหตฺวาปิ เจตาปิตํ กปฺปิยภณฺฑํ สงฺเฆ นิสฺสฏฺํ กปฺปิยการเกหิ นิสฺสฏฺรูปิเยน ปริวตฺเตตฺวา อานีตกปฺปิยภณฺฑสทิสํ โหติ, ตสฺมา วินาว อุปายํ ภาเชตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ปตฺตจตุกฺกาทิกถาย น สเมติ. ตตฺถ หิ รูปิเยน ปริวตฺติตปตฺตสฺส อปริโภโคว ทสฺสิโต, น นิสฺสชฺชนวิจาโรติ. กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ปพฺพชิตานํ สปฺปิ วา เตลํ วา วฏฺฏติ อุปาสกาติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ.

อารามิกานํ วา ปตฺตภาคนฺติ อิทํ คิหีนํ หตฺถคโตปิ โสเยว ภาโคติ กตฺวา วุตฺตํ. สเจ ปน เตน อฺํ ปริวตฺเตตฺวา อารามิกา เทนฺติ, ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ มชฺฌิมคณฺิปเท จูฬคณฺิปเท จ วุตฺตํ. ตโต หริตฺวาติ อฺเสํ ปตฺตภาคโต หริตฺวา. กสิณปริกมฺมนฺติ อาโลกกสิณปริกมฺมํ. มฺจปีาทีนิ วาติ เอตฺถ ตโต คหิตมฺจปีาทีนิ ปริวตฺเตตฺวา อฺํ เจ คหิตํ, วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ฉายาปีติ โภชนสาลาทีนํ ฉายาปิ. ปริจฺเฉทาติกฺกนฺตาติ เคหปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตา, ฉายาย คตคตฏฺานํ เคหํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. มคฺเคนปีติ เอตฺถ สเจ อฺโ มคฺโค นตฺถิ, มคฺคํ อธิฏฺหิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กีตายาติ เตน วตฺถุนา กีตาย. อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภุฺชตีติ สเจ อุปาสโก ‘‘อติพหุ เอตํ หิรฺํ, อิทํ ภนฺเต อชฺเชว น วินาเสตพฺพ’’นฺติ วตฺวา สยํ อุปนิกฺเขปํ เปติ, อฺเน วา ปาเปติ, เอวํ อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยํ ปริภุฺชนฺโต สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภุฺชติ, เตน วตฺถุนา คหิตตฺตา ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๓-๕๘๔) ปน ‘‘อุปนิกฺเขปํ เปตฺวาติ กปฺปิยการเกหิ วฑฺฒิยา ปโยชนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อกปฺปิยนฺติ เตน วตฺถุนา คหิตตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

สเจ โส ฉฑฺเฑตีติ ยตฺถ กตฺถจิ ขิปติ, อถาปิ น ฉฑฺเฑติ, สยํ คเหตฺวา คจฺฉติ, น วาเรตพฺโพ. โน เจ ฉฑฺเฑตีติ อถ เนว คเหตฺวา คจฺฉติ, น ฉฑฺเฑติ, ‘‘กึ มยฺหํ อิมินา พฺยาปาเรนา’’ติ เยนกามํ ปกฺกมติ, ตโต ยถาวุตฺตลกฺขโณ รูปิยฉฑฺฑโก สมนฺนิตพฺโพ. โย น ฉนฺทาคตินฺติอาทีสุ โลภวเสน ตํ วตฺถุํ อตฺตโน วา กโรนฺโต อตฺตานํ วา อุกฺกํเสนฺโต ฉนฺทาคตึ นาม คจฺฉติ. โทสวเสน ‘‘เนวายํ มาติกํ ชานาติ, น วินย’’นฺติ ปรํ อปสาเทนฺโต โทสาคตึ นาม คจฺฉติ. โมหวเสน ปมุฏฺโ ปมุฏฺสฺสติภาวํ อาปชฺชนฺโต โมหาคตึ นาม คจฺฉติ. รูปิยปฏิคฺคาหกสฺส ภเยน ฉฑฺเฑตุํ อวิสหนฺโต ภยาคตึ นาม คจฺฉติ. เอวํ อกโรนฺโต น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ นามาติ เวทิตพฺโพ.

๖๘. ปติโตกาสํ อสมนฺนารหนฺเตน ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ อิทํ นิรเปกฺขภาวทสฺสนปรนฺติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ปติตฏฺาเน าเตปิ ตสฺส คูถํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส วิย นิรเปกฺขภาโวเยเวตฺถ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. อสนฺตสมฺภาวนายาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานอุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เถยฺยปริโภโค นาม อนรหสฺส ปริโภโค. ภควตา หิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนุฺาตา, น ทุสฺสีลสฺส. ทายกานมฺปิ สีลวโต เอว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโต. อิติ สตฺถารา อนนุฺาตตฺตา ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค. อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค, ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ‘‘สีลวโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. จีวรํ ปริโภเค ปริโภเคติ กายโต โมเจตฺวา ปริโภเค ปริโภเค. ปุเรภตฺต…เป… ปจฺฉิมยาเมสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ตถา อสกฺโกนฺเตน ยถาวุตฺตกาลวิเสสวเสน เอกสฺมึ ทิวเส จตุกฺขตฺตุํ ติกฺขตฺตุํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึเยว วา ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.

สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตีติ เอตฺถ หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตํ, ตํ ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตาย…เป… หิริโกปินปฏิจฺฉาทนตฺถํ. หิยฺโย โย มยา ปิณฺฑปาโต ปริภุตฺโต, โส เนว ทวายาติอาทินา สเจ อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณํ น กเรยฺย, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตีติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตพฺพํ. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเส. เอวํ ปน อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตาทีสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อิธ วิสุํ น วุตฺตํ. สติปจฺจยตาติ สติยา ปจฺจยภาโว. ปฏิคฺคหณสฺส ปริโภคสฺส จ ปจฺจเวกฺขณสติยา ปจฺจยภาโว ยุชฺชติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปฏิคฺคเหตพฺพํ ปริภุฺชิตพฺพฺจาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สตึ กตฺวา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ ทฺวีสุปิ าเนสุ ปจฺจเวกฺขณา ยุตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ. อปเร ปนาหุ ‘‘สติปจฺจยตาติ สติ เภสชฺชปริโภคสฺส ปจฺจยภาเว, ปจฺจเยติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตปีติ ปจฺจเย สติปี’’ติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. ตถา หิ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌติ, น ปจฺจยสพฺภาวมตฺเตน.

นนุ จ ‘‘ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตํ, ตสฺมา ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส จ โก วิเสโสติ? วุจฺจเต – ปุริเมสุ ตาว ตีสุ ปจฺจเยสุ วิเสโส ปากโฏเยว, คิลานปจฺจเย ปน ยถา วตึ กตฺวา รุกฺขมูเล โคปิเต ตสฺส ผลานิปิ รกฺขิตาเนว โหนฺติ, เอวเมว ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีเล รกฺขิเต ตปฺปฏิพทฺธํ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ นิปฺผนฺนํ นาม โหติ. คิลานปจฺจยํ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส สีลํ ภิชฺชมานํ ปาติโมกฺขสํวรสีลเมว ภิชฺชติ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปน ปจฺฉาภตฺตปุริมยามาทีสุ ยาว อรุณุคฺคมนา อปฺปจฺจเวกฺขนฺตสฺเสว ภิชฺชติ. ปุเรภตฺตฺหิ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวาปิ คิลานปจฺจยํ ปริภุฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิทเมเตสํ นานากรณนฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘๕) อาคตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ปน ‘‘เถยฺยปริโภโคติ ปจฺจยสฺสามินา ภควตา อนนุฺาตตฺตา วุตฺตํ. อิณปริโภโคติ ภควตา อนุฺาตมฺปิ กตฺตพฺพํ อกตฺวา ปริภุฺชนโต วุตฺตํ. เตน จ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ วิปชฺชตีติ ทสฺเสติ. ปริโภเค ปริโภเคติ กายโต โมเจตฺวา โมเจตฺวา ปริโภเค. ปจฺฉิมยาเมสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ โยชนา. อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตีติ เอตฺถ ‘หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺต’นฺติอาทินาปิ อตีตปจฺจเวกฺขณา วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปริโภเค ปริโภเคติ อุทกปตนฏฺานโต อนฺโตปเวสเนสุ นิสีทนสยเนสุ จ. สติปจฺจยตา วฏฺฏตีติ ปจฺจเวกฺขณสติยา ปจฺจยตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคหเณ จ ปริโภเค จ ปจฺจเวกฺขณาสติ อวสฺสํ ลทฺธพฺพาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘สตึ กตฺวา’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘สติปจฺจยตา ปจฺจเย สติ เภสชฺชปริโภคสฺส การเณ สตี’ติ เอวมฺปิ อตฺถํ วทนฺติ, เตสมฺปิ ปจฺจเย สตีติ ปจฺจยสพฺภาวสลฺลกฺขเณ สตีติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ ปจฺจยสพฺภาวมตฺเตน สีลสฺส อสุชฺฌนโต. ปริโภเค อกโรนฺตสฺเสว อาปตฺตีติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส เภโท ทสฺสิโต, น ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ตสฺส อตีตปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌนโต. เอตสฺมึ ปน เสสปจฺจเยสุ จ อิณปริโภคาทิวจเนน ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺเสว เภโทติ เอวมิเมสํ นานากรณํ เวทิตพฺพ’’นฺติ อาคตํ.

เอเตสุ ทฺวีสุ ปกรเณสุ ‘‘อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ เอตฺถ หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตนฺติ…เป… วทนฺตีติ อาคตํ. อิมํ ปน นยํ นิสฺสาย อิทานิ เอกจฺเจ ปณฺฑิตา ‘‘อชฺชปาโต ปริภุตฺตํ สายํ ปจฺจเวกฺขนฺเตน อชฺช ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตนฺติอาทินา อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘หิยฺโย ปริภุตฺตเมว อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา, น อชฺช ปริภุตฺตํ, ตํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปจฺจเวกฺขณาเยวา’’ติ วทนฺติ. ตตฺถ มูลวจเน เอวํ วิจารณา กาตพฺพา. กถํ? อิทํ หิยฺโยตฺยาทิวจนํ สุตฺตํ วา สุตฺตานุโลมํ วา อาจริยวาโท วา อตฺตโนมติ วาติ. ตตฺถ น ตาว สุตฺตํ โหติ ‘‘สุตฺตํ นาม สกเล วินยปิฏเก ปาฬี’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส จ วจนสฺส น ปาฬิภูตตฺตา. น จ สุตฺตานุโลมํ ‘‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) วุตฺตตฺตา อิมสฺส จ มหาปเทสภาวาภาวโต. น จ อาจริยวาโท ‘‘อาจริยวาโท นาม ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปฺจหิ อรหนฺตสเตหิ ปิตา ปาฬิวินิมุตฺตา โอกฺกนฺตวินิจฺฉยปฺปวตฺตา อฏฺกถาตนฺตี’’ติ วจนโต อิมสฺส จ อฏฺกถาปาภาวาภาวโต. น จ อตฺตโนมติ ‘‘อตฺตโนมติ นาม สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาเท มุฺจิตฺวา อนุมาเนน อตฺตโน พุทฺธิยา นยคฺคาเหน อุปฏฺิตาการกถนํ, อปิจ สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสุ อาคโต สพฺโพปิ เถรวาโท อตฺตโนมติ นามา’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส จ อฏฺกถาสุ อาคตตฺเถรวาทภาวาภาวโต.

อิติ –

‘‘จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา มหิทฺธิกา;

นีหริตฺวา ปกาเสสุํ, ธมฺมสงฺคาหกา ปุรา’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) –

วุตฺเตสุ จตุพฺพิธวินเยสุ อนนฺโตคธตฺตา อิทํ วจนํ วิจาเรตพฺพํ. เตน วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘๕) ฏีกาจริเยน ‘‘ตํ วีมํสิตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘นยคฺคาเหน อุปฏฺิตาการกถน’’นฺติ อิมินา ลกฺขเณน เตสํ เตสํ อาจริยานํ อุปฏฺิตาการวเสน กถนํ อตฺตโนมติ สิยา, เอวมฺปิ วิจาเรตพฺพเมว. ‘‘อตฺตโนมติ อาจริยวาเท โอตาเรตพฺพา. สเจ ตตฺถ โอตรติ เจว สเมติ จ, คเหตพฺพา. สเจ เนว โอตรติ น สเมติ, น คเหตพฺพา. อยฺหิ อตฺตโนมติ นาม สพฺพทุพฺพลา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) วจนโต อิมสฺส จ วจนสฺส อฏฺกถาวจเน อโนตรณโต อปฺปวิสนโต. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ.

อปโร นโย – กึ อิทํ วจนํ ปาฬิวจนํ วา อฏฺกถาวจนํ วา ฏีกาวจนํ วา คนฺถนฺตรวจนํ วาติ. ตตฺถ น ตาว ปาฬิวจนํ, น อฏฺกถาวจนํ, น คนฺถนฺตรวจนํ, อถ โข ฏีกาวจนนฺติ. โหตุ ฏีกาวจนํ, สกวจนํ วา ปรวจนํ วา อธิปฺเปตวจนํ วา อนธิปฺเปตวจนํ วาติ. ตตฺถ น สกวจนํ โหติ, อถ โข ปรวจนํ. เตนาห ‘‘วทนฺตี’’ติ. น ฏีกาจริเยน อธิปฺเปตวจนํ โหติ, อถ โข อนธิปฺเปตวจนํ. เตนาห ‘‘ตํ วีมํสิตพฺพ’’นฺติ. เตหิ ปน อาจริเยหิ อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณาติ อิทํ อตีตปอโภควเสน ปจฺจเวกฺขณา อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณาติ ปริกปฺเปตฺวา อตีตวาจเกน สทฺเทน โยเชตฺวา กตํ ภเวยฺย. อตีเต ปริโภโค อตีตปริโภโค, อตีตปริโภคสฺส ปจฺจเวกฺขณา อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณาติ เอวํ ปน กเต อตีตปริโภคสฺส ปจฺจุปฺปนฺนสมีปตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนวาจเกน สทฺเทน กถนํ โหติ ยถา ตํ นครโต อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ปุริสํ ‘‘กุโต อาคจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘นครโต อาคจฺฉามี’’ติ ปจฺจุปฺปนฺนวาจกสทฺเทน กถนํ.

วินยสุตฺตนฺตวิสุทฺธิมคฺคาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑๘) จ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวตี’’ติ วตฺตมานวจเนเนว ปาโ โหติ, น อตีตวจเนน, อตีตปริโภโคติ จ อิมสฺมึเยว ทิวเส ปจฺฉาภตฺตาทิกาลํ อุปาทาย ปุเรภตฺตาทีสุ ปริโภโค อิจฺฉิตพฺโพ, น หิยฺโย ปริโภโค. กถํ วิฺายตีติ เจ? อฏฺกถาปมาเณน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๕) ‘‘ปิณฺฑปาโต อาโลเป อาโลเป, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยามปจฺฉิมยาเมสุ. สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ. เอเตน ปิณฺฑปาตํ อาโลเป อาโลเป ปจฺจเวกฺขนฺโต โภชนกิริยาย อปรินิฏฺิตตฺตา มุขฺยโต ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจเวกฺขณา โหติ, ปุเรภตฺตาทีสุ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ปจฺจเวกฺขนฺโต โภชนกิริยาย ปรินิฏฺิตตฺตา อตีตปจฺจเวกฺขณา โหตีติ ทสฺเสติ. สา ปน ปจฺจุปฺปนฺนสมีปตฺตา วตฺตมานวจเนน วิธียติ. ยทิ หิ หิยฺโย ปริภุตฺตานิ อตีตปจฺจเวกฺขเณน ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ สิยุํ, อตีตทุติยทิวสตติยทิวสาทิมาสสํวจฺฉราทิปริภุตฺตานิปิ ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ สิยุํ, เอวฺจ สติ ยถาวุตฺตอฏฺกถาวจนํ นิรตฺถกํ สิยา, ตสฺมา อฏฺกถาวจนเมว ปมาณํ กาตพฺพํ. ยถาห –

‘‘พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต;

โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;

โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา;

ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.

‘‘ตสฺมา หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ;

ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;

สพฺพมฺปิ สิกฺขาสุ สคารวานํ;

ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตาน’’นฺติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา);

ยสฺมา จ สพฺพาสวสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓) ภควตา เทสิตกาเล ภิกฺขุกตฺตุกตฺตา นามโยคตฺตา วตฺตมานปมปุริสวเสน ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวตี’’ติ เทสิตา, ตทนุกรเณน ภิกฺขูนํ ปจฺจเวกฺขณกาเล อตฺตกตฺตุกตฺตา อมฺหโยคตฺตา วตฺตมานอุตฺตมปุริสวเสน ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวามี’’ติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา โหติ, ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทีนิ ตทตฺถสมฺปทานปทานิ จ ‘‘ปฏิเสวติ, ปฏิเสวามี’’ติ วุตฺตปฏิเสวนกิริยายเมว สมฺพนฺธิตพฺพานิ โหนฺติ, ตานิ จ กิริยาปทานิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน วา ปจฺจุปฺปนฺนสมีปอตีตวเสน วา วตฺตมานวิภตฺติยุตฺตานิ โหนฺติ, ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนปริภุตฺตานํ วา อตีตปริภุตฺตานํ วา ปจฺจยานํ ปจฺจเวกฺขณกาเล ‘‘ปฏิเสวามี’’ติ วจนํ ภควโต วจนสฺส อนุคตตฺตา อุปปนฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

อนุวจเนปิ เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘อชฺช ปาโต ปริภุตฺตํ สายํ ปจฺจเวกฺขนฺเตน อชฺช ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตนฺติอาทินา อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา’’ติ เย วทนฺติ, เต เอวํ ปุจฺฉิตพฺพา – กึ ภวนฺโต ภควตา อตีตปริภุตฺเตสุ อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา เทสิตาติ? น เทสิตา. กถํ เทสิตาติ? ‘‘ปจฺจเวกฺขตี’’ติ ปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว เทสิตาติ. กึ โภนฺโต ภควโต กาเล อตีตปริภุตฺเตสุ ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ? อตฺถิ. อถ กสฺมา ภควตา ปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว ปจฺจเวกฺขณา เทสิตาติ? ปจฺจุปฺปนฺนสมีปวเสน วา สามฺวเสน วา เทสิตาติ. เอวํ สนฺเต ภควโต อนุกรเณน อิทานิปิ อตีตปริภุตฺตานํ ปจฺจยานํ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพาติ. เย ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘หิยฺโย ปริภุตฺตานเมว อตีตปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา, น อชฺช ปริภุตฺตานํ, เตสํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจเวกฺขณาเยวา’’ติ, เต เอวํ วตฺตพฺพา – กึ โภนฺโต ยถา ตุมฺเห วทนฺติ, เอวํ ปาฬิยํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อฏฺกถายํ อตฺถีติ? นตฺถิ. เอวํ สนฺเต สาฏฺกเถสุ เตปิฏเกสุ พุทฺธวจเนสุ อสํวิชฺชมานํ ตุมฺหากํ วจนํ กถํ ปจฺเจตพฺพนฺติ? อาจริยปรมฺปราวเสน. โหตุ ตุมฺหากํ อาจริยลทฺธิวเสน กถนํ, กาโล นาม ติวิโธ อตีโต อนาคโต ปจฺจุปฺปนฺโนติ. ตตฺถ ปรินิฏฺิตกิริยา อตีโต นาม, อภิมุขกิริยา อนาคโต นาม, อารทฺธอนิฏฺิตกิริยา ปจฺจุปฺปนฺโน นาม. เตนาหุ โปราณา –

‘‘อารทฺธานิฏฺิโต ภาโว, ปจฺจุปฺปนฺโน สุนิฏฺิโต;

อตีตานาคตุปฺปาท-มปฺปตฺตาภิมุขา กิริยา’’ติ.

ตตฺถ อชฺช วา โหตุ หิยฺโย วา ตโต ปุพฺเพ วา, ปริภุตฺตปจฺจโย สุปรินิฏฺิตภุฺชนกิริยตฺตา อตีโต นาม. ตตฺถ หิยฺโย วา ตโต ปุพฺเพ วา ปริภุตฺตปจฺจโย อติกฺกนฺตอรุณุคฺคมนตฺตา น ปจฺจเวกฺขณารโห, ปจฺจเวกฺขิโตปิ อปฺปจฺจเวกฺขิโตเยว โหติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ. อชฺเชว ปน จีวรฺจ เสนาสนฺจ ปริโภเค ปริโภเค, ปิณฺฑปาตํ อาโลเป อาโลเป, เภสชฺชํ ปฏิคฺคหเณ ปริโภเค จ ปจฺจเวกฺขโต อปรินิฏฺิตภุฺชนกิริยตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนปริภุตฺตปจฺจเวกฺขณา นาม โหติ. ปุเร ปริภุตฺตํ ตโต ปจฺฉา จตูสุ โกฏฺาเสสุ ปจฺจเวกฺขโต สุปรินิฏฺิตภุฺชนกิริยตฺตา อตีตปริภุตฺตปจฺจเวกฺขณา นาม โหติ. เอตฺตกํ ปจฺจเวกฺขณาย เขตฺตํ, น ตโต ปุพฺเพ ปจฺฉา วา. ยถาห อฏฺกถายํ ‘‘สีลวโต อปฺปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อิณปริโภโค นาม. ตสฺมา จีวรํ ปริโภเค ปริโภเค…เป… เภสชฺชสฺส ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ สติปจฺจยตา วฏฺฏตี’’ติ, ตสฺมา หิยฺโย ปริภุตฺตสฺส อิณปริโภคตฺตา ตํ อนามสิตฺวา อชฺช ปริภุตฺเตสุ อตีตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ภควโต วจนสฺส อนุกรเณน วตฺตมานวิภตฺติยุตฺเตน ‘‘ปฏิเสวามี’’ติ กิริยาปเทน ปจฺจเวกฺขณา สูปปนฺนา โหตีติ ทฏฺพฺพา. อีทิสปจฺจเวกฺขณเมว สนฺธาย วิมติวิโนทนิยาทีสุ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ‘‘ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส อตีตปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌนโต’’ติ วุตฺตํ.

เอวํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส สุทฺธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตเนว ปสงฺเคน สพฺพาปิ สุทฺธิโย ทสฺเสตุํ ‘‘จตุพฺพิธา หิ สุทฺธี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุชฺฌติ เอตายาติ สุทฺธิ, ยถาธมฺมํ เทสนาว สุทฺธิ เทสนาสุทฺธิ. วุฏฺานสฺสปิ เจตฺถ เทสนาย เอว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ฉินฺนมูลาปตฺตีนํ ปน อภิกฺขุตาปฏิฺาเยว เทสนา. อธิฏฺานวิสิฏฺโ สํวโรว สุทฺธิ สํวรสุทฺธิ. ธมฺเมน สเมน ปจฺจยานํ ปริเยฏฺิ เอว สุทฺธิ ปริเยฏฺิสุทฺธิ. จตูสุ ปจฺจเยสุ วุตฺตวิธินา ปจฺจเวกฺขณาว สุทฺธิ ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ. เอส ตาว สุทฺธีสุ สมาสนโย. สุทฺธิมนฺเตสุ สีเลสุ ปน เทสนา สุทฺธิ เอตสฺสาติ เทสนาสุทฺธิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. น ปุเนวํ กริสฺสามีติ เอตฺถ เอวนฺติ สํวรเภทํ สนฺธายาห. ปหายาติ วชฺเชตฺวา, อกตฺวาติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘สุชฺฌติ เทสนาทีหิ, โสธียตีติ วา สุทฺธิ, จตุพฺพิธสีลํ. เตนาห ‘เทสนาย สุชฺฌนโต’ติอาทิ. เอตฺถ เทสนาคฺคหเณน วุฏฺานมฺปิ ฉินฺนมูลานํ อภิกฺขุตาปฏิฺาปิ สงฺคหิตา. ฉินฺนมูลาปตฺตีนมฺปิ หิ ปาราชิกาปตฺติวุฏฺาเนน เหฏฺาปริรกฺขิตํ ภิกฺขุสีลํ วิสุทฺธํ นาม โหติ. เตน เตสํ มคฺคปฏิลาโภปิ สมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺถ เทสียติ อุจฺจารียตีติ เทสนา, ทิสี อุจฺจารเณติ ธาตุ, เทสียติ าปียติ เอตายาติ วา เทสนา, ทิส เปกฺขเนติ ธาตุ. อุภยถาปิ วิรติปธานกุสลจิตฺตสมุฏฺิโต เทสนาวจีเภทสทฺโท. สํวรณํ สํวโร, สํ-ปุพฺพ วร สํวรเณติ ธาตุ, สติปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. ปริเยสนา ปริเยฏฺิ, ปริ-ปุพฺพ อิส ปริเยสเนติ ธาตุ, วีริยปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. ปฏิ ปุนปฺปุนํ โอคาเหตฺวา อิกฺขนา ปจฺจเวกฺขณา, ปฏิ-ปุพฺพ อว-ปุพฺพ อิกฺข ทสฺสนงฺเกสูติ ธาตุ, ปฺาปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. เตสุ เทสนาย วจีเภทสทฺทภาวโต วจีเภทํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส จ ทุติยกํ อลภนฺตสฺส จ น สมฺปชฺชติ, เสสา ปน จิตฺตุปฺปาทมตฺตภาวโต วจีเภทํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺสปิ ทุติยกํ อลภนฺตสฺสปิ สมฺปชฺชนฺติ เอว, ตสฺมา คิลานาทิกาเลสุ ปจฺจเวกฺขณาปาํ ปิตุมสกฺโกนฺเตนปิ อตฺถํ มนสิ กตฺวา จิตฺเตเนว ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพาติ.

ทาตพฺพฏฺเน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา, อนนุฺาเตสุ สพฺเพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต อนุฺาเตสุเยว จ ปริโภคสพฺภาวภาวโต ภิกฺขูหิ ปริภุฺชิตพฺพปจฺจยา ภควโต สนฺตกา. ธมฺมทายาทสุตฺตฺเจตฺถ สาธกนฺติ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา, อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา, กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ ธมฺมทายาทสุตฺตฺจ (ม. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ เอตสฺมึ อตฺเถ สาธกํ. อวีตราคานํ ตณฺหาวสีกตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิ ปริโภคสพฺภาวโต. ตถา หิ เต ปฏิกูลมฺปิ อปฺปฏิกูลากาเรน อปฺปฏิกูลมฺปิ ปฏิกูลากาเรน ตทุภยมฺปิ วชฺเชตฺวา อชฺฌุเปกฺขณากาเรน ปจฺจเย ปริภุฺชนฺติ, ทายกานฺจ มโนรถํ ปริปูเรนฺติ. เตนาห ‘‘เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภุฺชนฺตี’’ติ. โย ปนายํ สีลวโต ปุถุชฺชนสฺส ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อานณฺยปริโภโค นาม โหติ. ยถา ปน อิณายิโก อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิตํ เทสํ คนฺตุํ น ลภติ, เอวํ อิณปริโภคยุตฺโต โลกโต นิสฺสริตุํ น ลภตีติ ตปฺปฏิปกฺขตฺตา สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อานณฺยปริโภโคติ วุจฺจติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต จตุปริโภควินิมุตฺโต วิสุํเยวายํ ปริโภโคติ เวทิตพฺโพ, โส อิธ วิสุํ น วุตฺโต, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตีติ. สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา เสกฺโขตฺเวว วุจฺจติ.

สพฺเพสนฺติ อริยานํ ปุถุชฺชนานฺจ. กถํ ปุถุชฺชนานํ อิเม ปริโภคา สมฺภวนฺตีติ? อุปจารวเสน. โย หิ ปุถุชฺชนสฺสปิ สลฺเลขปฏิปตฺติยํ ิตสฺส ปจฺจยเคธํ ปหาย ตตฺถ อนุปลิตฺเตน จิตฺเตน ปริโภโค, โส สามิปริโภโค วิย โหติ. สีลวโต ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ทายชฺชปริโภโค วิย โหติ ทายกานํ มโนรถสฺสาวิราธนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ. กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส ปริโภเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ตสฺส เสกฺขสงฺคหโต. เสกฺขสุตฺต ฺเหตสฺส (อ. นิ. ๓.๘๖) อตฺถสฺส สาธกํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ปน ‘‘ทาตพฺพฏฺเน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา. สตฺตนฺนํ เสกฺขานนฺติ เอตฺถ กลฺยาณปุถุชฺชนาปิ สงฺคหิตา เตสํ อานณฺยปริโภคสฺส ทายชฺชปริโภเค สงฺคหิตตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมทายาทสุตฺตนฺติ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทินา ปวตฺตํ สุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๒๙). ตตฺถ ‘‘มา เม อามิสทายาทาติ เอวํ เม-สทฺทํ อาเนตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวฺหิ ยถาวุตฺตตฺถสาธกํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เม มม อามิสทายาทา จตุปจฺจยภุฺชกาติ ภควโต สมฺพนฺธภูตสฺส สมฺพนฺธีภูตา ปจฺจยา วุตฺตา, ตสฺมา ทายเกหิ ทินฺนาปิ ปจฺจยา ภควตา อนุฺาตตฺตา ภควโต ปจฺจยาเยว โหนฺตีติ เอตสฺส อตฺถสฺส ธมฺมทายาทสุตฺตํ สาธกํ โหตีติ อตฺโถติ วุตฺตํ.

ลชฺชินา สทฺธึ ปริโภโค นาม ลชฺชิสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภโค. อลชฺชินา สทฺธินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺเสุเยว อาสงฺกา น กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อตฺตโน ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโย. เตปิ นิวาเรตพฺพาติ โย ปสฺสติ, เตน นิวาเรตพฺพาติ ปาโ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โยปิ อตฺตโน ภารภูเตน อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคํ กโรติ, โสปิ นิวาเรตพฺโพ’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตถาปิ อตฺถโต อุภยถาปิ ยุชฺชติ. อตฺตโน สทฺธิวิหาริกาทโยปิ อลชฺชิภาวโต นิวาเรตพฺพา. อลชฺชีหิ สทฺธิวิหาริกาทีหิ เอกสมฺโภคํ กโรนฺตา อฺเปิ นิวาเรตพฺพาว. สเจ น โอรมติ, อยมฺปิ อลชฺชีเยว โหตีติ เอตฺถ เอวํ นิวาริโต โส ปุคฺคโล อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคโต โอรมติ วิรมติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ โอรมติ, อยมฺปิ อลชฺชีเยว โหติ, เตน สทฺธึ ปริโภคํ กโรนฺโต โสปิ อลชฺชีเยว โหตีติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ เอโก อลชฺชี อลชฺชิสตมฺปิ กโรตี’’ติ. อธมฺมิโยติ อเนสนาทีหิ อุปฺปนฺโน. ธมฺมิโยติ ภิกฺขาจริยาทีหิ อุปฺปนฺโน. สงฺฆสฺเสว เทตีติ ภตฺตํ อคฺคเหตฺวา อตฺตนา ลทฺธสลากํเยว เทติ.

วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘ลชฺชินา สทฺธึ ปริโภโคติ ธมฺมามิสวเสน มิสฺสีภาโว. อลชฺชินา สทฺธินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺเสุ อาสงฺกา นาม น กาตพฺพา, ทิฏฺสุตาทิการเณ สติ เอว กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อตฺตโน ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโย. สเจ น โอรมตีติ อคติคมนวเสน ธมฺมามิสปริโภคโต น โอรมติ. อาปตฺติ นาม นตฺถีติ อิทํ อลชฺชีนํ ธมฺเมนุปฺปนฺนปจฺจยํ ธมฺมกมฺมฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. เตสมฺปิ หิ กุลทูสนาทิสมุปฺปนฺนํ ปจฺจยํ ปริภุฺชนฺตานํ วคฺคกมฺมาทีนิ กโรนฺตานฺจ อาปตฺติ เอว. ‘ธมฺมิยาธมฺมิยปริโภโค ปจฺจยวเสเนว เวทิตพฺโพ’ติ วุตฺตตฺตา เหฏฺา ลชฺชิปริโภคาลชฺชิปริโภคา ปจฺจยวเสน เอกกมฺมาทิวเสน จ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ทุฏฺโทสสิกฺขาปทฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) โจทกจุทิตกภาเว ิตา ทฺเว อลชฺชิโน ธมฺมปริโภคมฺปิ สนฺธาย ‘เอกสมฺโภคปริโภคา หุตฺวา ชีวถา’ติ วุตฺตา เตสํ อฺมฺํ ธมฺมามิสาปริโภเค วิโรธาภาวา. ลชฺชีนเมว หิ อลชฺชินา สห ตทุภยปริโภโค น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

สเจ ปน ลชฺชี อลชฺชึ ปคฺคณฺหาติ…เป… อนฺตรธาเปตีติ เอตฺถ เกวลํ ปคฺคณฺหิตุกามตาย เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ธมฺมสฺส ปน สาสนสฺส โสตูนฺจ อนุคฺคหตฺถาย วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ปุริมนเยน ‘‘โส อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส อาปตฺติเยวาติ วทนฺติ. อุทฺเทสคฺคหณาทินา ธมฺมสฺส ปริโภโค ธมฺมปริโภโค. ธมฺมานุคฺคเหน คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติยา อภาเวปิ เถโร ตสฺส อลชฺชิภาวํเยว สนฺธาย ‘‘ปาโป กิราย’’นฺติอาทิมาห. ตสฺส ปน สนฺติเกติ มหารกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ปน อิมสฺมึ าเน วิตฺถารโต วินิจฺฉิตํ. กถํ? ธมฺมปริโภโคติ ‘‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส’’ติอาทินา วุตฺตสํวาโส เจว นิสฺสยคฺคหณาทิโก สพฺโพ นิรามิสปริโภโค จ เวทิตพฺโพ. ‘‘น โส อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ลชฺชิโน อลชฺชิปคฺคเห อาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. อิตโรปีติ ลชฺชีปิ. ตสฺสาปิ อตฺตานํ ปคฺคณฺหนฺตสฺส อลชฺชิโน, อิมินา จ ลชฺชิโน วณฺณภณนาทิลาภํ ปฏิจฺจ อามิสครุกตาย วา เคหสฺสิตเปเมน วา ตํ อลชฺชึ ปคฺคณฺหนฺโต ลชฺชี สาสนํ อนฺตรธาเปติ นามาติ ทสฺเสติ. เอวํ คหฏฺาทีสุ อุปตฺถมฺภิโต อลชฺชี พลํ ลภิตฺวา เปสเล อภิภวิตฺวา น จิรสฺเสว สาสนํ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ กโรตีติ.

ธมฺมปริโภโคปิ ตตฺถ วฏฺฏตีติ อิมินา อามิสปริโภคโต ธมฺมปริโภโคว ครุโก, ตสฺมา อติวิย อลชฺชีวิเวเกน กาตพฺโพติ ทสฺเสติ. ‘‘ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา อลชฺชุสฺสนฺนตายสาสเน โอสกฺกนฺเต, ลชฺชีสุ จ อปฺปโหนฺเตสุ อลชฺชึ ปกตตฺตํ คณปูรกํ คเหตฺวา อุปสมฺปทาทิกรเณน เจว เกจิ อลชฺชิโน ธมฺมามิสปริโภเคน สงฺคเหตฺวา เสสาลชฺชิคณสฺส นิคฺคเหน จ สาสนํ ปคฺคณฺหิตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.

เกจิ ปน ‘‘โกฏิยํ ิโต คนฺโถติ วุตฺตตฺตา คนฺถปริยาปุณนเมว ธมฺมปริโภโค, น เอกกมฺมาทิ, ตสฺมา อลชฺชีหิ สทฺธึ อุโปสถาทิกํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, เอกกมฺมาทีสุ พหูสุ ธมฺมปริโภเคสุ อลชฺชินาปิ สทฺธึ กตฺตพฺพาวตฺถายตฺตํ ธมฺมปริโภคํ ทสฺเสตุํ อิธ นิทสฺสนวเสน คนฺถสฺเสว สมุทฺธฏตฺตา. น หิ เอกกมฺมาทิโก วิธิ ธมฺมปริโภโค น โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ อนามิสตฺตา ธมฺมามิเสสุ อปริยาปนฺนสฺส จ กสฺสจิ อภาวา. เตเนว อฏฺสาลินิยํ ธมฺมปฏิสนฺถารกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๕๑) ‘‘กมฺมฏฺานํ กเถตพฺพํ, ธมฺโม วาเจตพฺโพ…เป… อพฺภานวุฏฺานมานตฺตปริวาสา ทาตพฺพา, ปพฺพชฺชารโห ปพฺพาเชตพฺโพ, อุปสมฺปทารโห อุปสมฺปาเทตพฺโพ…เป… อยํ ธมฺมปฏิสนฺถาโร นามา’’ติ เอวํ สงฺฆกมฺมาทิปิ ธมฺมโกฏฺาเส ทสฺสิตํ. เตสุ ปน ธมฺมโกฏฺาเสสุ ยํ คณปูรกาทิวเสน อลชฺชิโน อเปกฺขิตฺวา อุโปสถาทิ วา เตสํ สนฺติกา ธมฺมุคฺคหณนิสฺสยคฺคหณาทิ วา กรียติ, ตํ ธมฺโม เจว ปริโภโค จาติ ธมฺมปริโภโคติ วุจฺจติ, เอตํ ตถารูปปจฺจยํ วินา กาตุํ น วฏฺฏติ, กโรนฺตสฺส อลชฺชิปริโภโค จ โหติ ทุกฺกฏฺจ. ยํ ปน อลชฺชิสตํ อนเปกฺขิตฺวา ตชฺชนียาทินิคฺคหกมฺมํ วา ปริวาสาทิอุปการกมฺมํ วา อุคฺคหปริปุจฺฉาทานาทิ วา กรียติ, ตํ ธมฺโม เอว, โน ปริโภโค, เอตํ อนุรูปานํ กาตุํ วฏฺฏติ, อามิสทาเน วิย อาปตฺติ นตฺถิ. นิสฺสยทานมฺปิ เตรสสมฺมุติทานาทิ จ วตฺตปฏิปตฺติสาทิยนาทิปริโภคสฺสปิ เหตุตฺตา น วฏฺฏติ.

โย ปน มหาอลชฺชี อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ กโรติ, ตสฺส สทฺธิวิหาริกาทีนํ อุปสมฺปทาทิ อุปการกมฺมมฺปิ อุคฺคหปริปุจฺฉาทานาทิ จ กาตุํ น วฏฺฏติ, อาปตฺติ เอว โหติ, นิคฺคหกมฺมเมว กาตพฺพํ. เตเนว อลชฺชิปคฺคโหปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ธมฺมามิสปริโภควิวชฺชเนนปิ หิ ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคโหว อธิปฺเปโต, โส จ เปสลานํ ผาสุวิหารสทฺธมฺมฏฺิติวินยานุคฺคหาทิอตฺถาย เอตทตฺถตฺตา สิกฺขาปทปฺตฺติยา, ตสฺมา ยํ ยํ ทุมฺมงฺกูนํ อุปตฺถมฺภาย, เปสลานํ อผาสุวิหาราย, สทฺธมฺมปริหานาทิอตฺถาย โหติ, ตํ สพฺพมฺปิ ปริโภโค วา โหตุ อปริโภโค วา กาตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ กโรนฺตา สาสนํ อนฺตรธาเปนฺติ, อาปตฺติฺจ อาปชฺชนฺติ, ธมฺมามิสปริโภเคสุ เจตฺถ อลชฺชีหิ เอกกมฺมาทิธมฺมปริโภโค เอว เปสลานํ อผาสุวิหาราย สทฺธมฺมปริหานาทิอตฺถาย โหติ, น ตถา อามิสปริโภโค. น หิ อลชฺชีนํ ปจฺจยปริโภคมตฺเตน เปสลานํ อผาสุวิหาราทิ โหติ, ยถาวุตฺตธมฺมปริโภเคน ปน โหติ. ตปฺปริวชฺชเนน จ ผาสุวิหาราทโย. ตถา หิ กตสิกฺขาปทวีติกฺกมา อลชฺชิปุคฺคลา อุโปสถาทีสุ ปวิฏฺา ‘‘ตุมฺเห กายทฺวาเร เจว วจีทฺวาเร จ วีติกฺกมํ กโรถา’’ติอาทินา ภิกฺขูหิ วตฺตพฺพา โหนฺติ. ยถา วินยฺจ อติฏฺนฺตา สงฺฆโต พหิกรณาทิวเสน สุฏฺุ นิคฺคเหตพฺพา, ตถา อกตฺวา เตหิ สห สํวสนฺตาปิ อลชฺชิโนว โหนฺติ ‘‘เอโกปิ อลชฺชี อลชฺชิสตมฺปิ กโรตี’’ติอาทิวจนโต (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๕). ยทิ หิ เต เอวํ อนิคฺคหิตา สิยุํ, สงฺเฆ กลหาทึ วฑฺเฒตฺวา อุโปสถาทิสามคฺคิกมฺมปฏิพาหนาทินา เปสลานํ อผาสุํ กตฺวา กเมน เต เทวทตฺตวชฺชิปุตฺตกาทโย วิย ปริสํ วฑฺเฒตฺวา อตฺตโน วิปฺปฏิปตฺตึ ธมฺมโต วินยโต ทีเปนฺตา สงฺฆเภทาทิมฺปิ กตฺวา น จิรสฺเสว สาสนํ อนฺตรธาเปยฺยุํ. เตสุ ปน สงฺฆโต พหิกรณาทิวเสน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย อุโปสโถ น ติฏฺติ, ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ น ปวตฺตนฺติ, สามคฺคี น โหติ…เป… ทุสฺสีเลสุ ปน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ, ตโต เปสลา ภิกฺขู ผาสุ วิหรนฺตี’’ติ, ตสฺมา เอกกมฺมาทิธมฺมปริโภโคว อามิสปริโภคโตปิ อติวิย อลชฺชีวิเวเกน กาตพฺโพ, อาปตฺติกโร จ สทฺธมฺมปริหานิเหตุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.

อปิจ ‘‘อุโปสโถ น ติฏฺติ, ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ น ปวตฺตนฺตี’’ติ เอวํ อลชฺชีหิ สทฺธึ สงฺฆกมฺมากรณสฺส อฏฺกถายํ ปกาสิตตฺตาปิ เจตํ สิชฺฌติ. ตถา ปริวตฺตลิงฺคสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนุปสฺสยํ คจฺฉนฺตสฺส ปฏิปตฺติกถายํ ‘‘อาราธิกา จ โหนฺติ สงฺคาหิกา ลชฺชินิโย, ตา โกเปตฺวา อฺตฺถ น คนฺตพฺพํ. คจฺฉติ เจ, คามนฺตรนทีปารรตฺติวิปฺปวาสคณมฺหา โอหียนาปตฺตีหิ น มุจฺจติ…เป… อลชฺชินิโย โหนฺติ, สงฺคหํ ปน กโรนฺติ, ตาปิ ปริจฺจชิตฺวา อฺตฺถ คนฺตุํ ลภตี’’ติ เอวํ อลชฺชินีสุ ทุติยิกาคหณาทีสุ สํวาสาปตฺติปริหาราย นทีปาราคมนาทิครุกาปตฺติฏฺานานํ อนุฺาตตฺตา ตโตปิ อลชฺชิสํวาสาปตฺติ เอว สทฺธมฺมปริหานิยา เหตุภูโต ครุกตราติ วิฺายติ. น หิ ลหุกาปตฺติฏฺานํ วา อนาปตฺติฏฺานํ วา ปริหริตุํ ครุกาปตฺติฏฺานวีติกฺกมํ อาจริยา อนุชานนฺติ. ตถา อสํวาสปทสฺส อฏฺกถายํ ‘‘สพฺเพหิปิ ลชฺชิปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขาตา นาม. เอตฺถ ยสฺมา สพฺเพปิ ลชฺชิโน เอเตสุ กมฺมาทีสุ สห วสนฺติ, น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสติ, ตสฺมา ตานิ สพฺพานิปิ คเหตฺวา เอโส สํวาโส นามา’’ติ เอวํ ลชฺชีเหว เอกกมฺมาทิสํวาโส วฏฺฏตีติ ปกาสิโต.

ยทิ เอวํ กสฺมา อสํวาสิเกสุ อลชฺชี น คหิโตติ? นายํ วิโรโธ, เย คณปูรเก กตฺวา กตํ กมฺมํ กุปฺปติ, เตสํ ปาราชิกาทิอปกตตฺตานฺเว อสํวาสิกตฺเตน คหิตตฺตา. อลชฺชิโน ปน ปกตตฺตภูตาปิ สนฺติ, เต เจ คณปูรกา หุตฺวา กมฺมํ สาเธนฺติ, เกวลํ กตฺวา อคติคมเนน กโรนฺตานํ อาปตฺติกรา โหนฺติ สภาคาปตฺติอาปนฺนา วิย อฺมฺํ. ยสฺมา อลชฺชิตฺจ ลชฺชิตฺจ ปุถุชฺชนานํ จิตฺตกฺขณปฏิพทฺธํ, น สพฺพกาลิกํ. สฺจิจฺจ หิ วีติกฺกมจิตฺเต อุปฺปนฺเน อลชฺชิโน ‘‘น ปุน อีทิสํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเตน ลชฺชิโน โหนฺติ.

เตสุ จ เย เปสเลหิ โอวทิยมานาปิ น โอรมนฺติ, ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, เต เอว อสํวสิตพฺพา, น อิตเร ลชฺชิธมฺเม โอกฺกนฺตตฺตา, ตสฺมาปิ อลชฺชิโน อสํวาสิเกสุ อคเณตฺวา ตปฺปริวชฺชนตฺถํ โสเธตฺวาว อุโปสถาทิกรณํ อนฺาตํ. ตถา หิ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถกรณสฺส อยุตฺตตา ปกาสิตา, ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺย…เป… ผาสุ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) เอวํ อลชฺชิมฺปิ ลชฺชิธมฺเม ปติฏฺาเปตฺวา อุโปสถกรณปฺปกาโร จ วุตฺโต, ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา…เป… ปริสุทฺเธตฺถายสฺมนฺโต’’ติ (ปารา. ๒๓๓) จ ปาริสุทฺธิอุโปสเถ ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, ภนฺเต, ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถา’’ติ (มหาว. ๑๖๘) จ เอวํ อุโปสถํ กโรนฺตานํ ปริสุทฺธตา จ ปกาสิตา, วจนมตฺเตน อโนรมนฺตานฺจ อุโปสถปวารณฏฺปนวิธิ จ วุตฺโต, สพฺพถา ลชฺชิธมฺมํ อโนกฺกมนฺเตหิ สํวาสสฺส อยุตฺตตาย นิสฺสยทานคฺคหณปฏิกฺเขโป, ตชฺชนียาทินิคฺคหกมฺมกรณอุกฺเขปนียกมฺมกรเณน สานุวตฺตกปริสสฺส อลชฺชิสฺส อสํวาสิกตฺตปาปนวิธิ จ วุตฺโต, ตสฺมา ยถาวุตฺเตหิ สุตฺตนฺตนเยหิ, อฏฺกถาวจเนหิ จ ปกตตฺเตหิปิ อปกตตฺเตหิปิ สพฺเพหิ อลชฺชีหิ เอกกมฺมาทิสํวาโส น วฏฺฏติ, กโรนฺตานํ อาปตฺติ เอว ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหตฺถาเยว สพฺพสิกฺขาปทานํ ปฺตฺตตฺตาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. เตเนว ทุติยสงฺคีติยํ ปกตตฺตาปิ อลชฺชิโน วชฺชิปุตฺตกา ยสตฺเถราทีหิ มหนฺเตน วายาเมน สงฺฆโต วิโยชิตา. น หิ เตสุ ปาราชิกาทิอสํวาสิกาปตฺติ อตฺถิ, เตหิ ทีปิตานํ ทสนฺนํ วตฺถูนํ ลหุกาปตฺติวิสยตฺตาติ วุตฺตํ.

ตสฺส สนฺติเกติ มหารกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๓. ทานลกฺขณาทิวินิจฺฉยกถา

๖๙. เอวํ รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ทานวิสฺสาสคฺคาหลาภปริณามนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ทานวิสฺสาสคฺคาเหหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทียเต ทานํ, จีวราทิวตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อโลภปฺปธาโน กามาวจรกุสลกิริยจิตฺตุปฺปาโท. สสนํ สาโส, สสุ หึสายนฺติ ธาตุ, หึสนนฺติ อตฺโถ, วิคโต สาโส เอตสฺมา คาหาติ วิสฺสาโส. คหณํ คาโห, วิสฺสาเสน คาโห วิสฺสาสคฺคาโห. วิเสสเน เจตฺถ กรณวจนํ, วิสฺสาสวเสน คาโห, น เถยฺยจิตฺตวเสนาติ อตฺโถ. ลจฺฉเตติ ลาโภ, จีวราทิวตฺถุ, ตสฺส ลาภสฺส. ปริณมิยเต ปริณามนํ, อฺเสํ อตฺถาย ปริณตสฺส อตฺตโน, อฺสฺส วา ปริณามนํ, ทาปนนฺติ อตฺโถ. ทานวิสฺสาสคฺคาเหหิ ลาภสฺส ปริณามนนฺติ เอตฺถ อุทฺเทเส สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ทาน’’นฺติ ปทสฺส อตฺถวินิจฺฉโย ตาว ปมํ เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. อตฺตโน สนฺตกสฺส จีวราทิปริกฺขารสฺส ทานนฺติ สมฺพนฺโธ. ยสฺส กสฺสจีติ สมฺปทานนิทฺเทโส, ยสฺส กสฺสจิ ปฏิคฺคาหกสฺสาติ อตฺโถ.

ยทิทํ ‘‘ทาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตตฺถ กึ ลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ตตฺริทํ ทานลกฺขณ’’นฺติ. ‘‘อิทํ ตุยฺหํ เทมี’’ติ วทตีติ อิทํ ติวงฺคสมฺปนฺนํ ทานลกฺขณํ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ อิทนฺติ เทยฺยธมฺมนิทสฺสนํ. ตุยฺหนฺติ ปฏิคฺคาหกนิทสฺสนํ. เทมีติ ทายกนิทสฺสนํ. ททามีติอาทีนิ ปน ปริยายวจนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘เทยฺยทายกปฏิคฺคาหกา วิย ทานสฺสา’’ติ, ‘‘ติณฺณํ สมฺมุขีภาวา กุสลํ โหตี’’ติ จ. ‘‘วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺสา’’ติ อิทํ ปน เอกเทสลกฺขณกถนเมว, กึ เอวํ ทียมานํ สมฺมุขาเยว ทินฺนํ โหติ, อุทาหุ ปรมฺมุขาปีติ อาห ‘‘สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหตี’’ติ. ตุยฺหํ คณฺหาหีติอาทีสุ อยมตฺโถ – ‘‘คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทมี’’ติ วุตฺตสทิสํ โหติ, ตสฺมา มุขฺยโต ทินฺนตฺตา สุทินฺนํ โหติ, ‘‘คณฺหามี’’ติ จ วุตฺเต มุขฺยโต คหณํ โหติ, ตสฺมา สุคฺคหิตํ โหติ. ‘‘ตุยฺหํ มยฺห’’นฺติ อิมานิ ปน ปฏิคฺคาหกปฏิพนฺธตากรเณ วจนานิ. ตว สนฺตกํ กโรหีติอาทีนิ ปน ปริยายโต ทานคฺคหณานิ, ตสฺมา ทุทินฺนํ ทุคฺคหิตฺจ โหติ. โลเก หิ อปริจฺจชิตุกามาปิ ปุน คณฺหิตุกามาปิ ‘‘ตว สนฺตกํ โหตู’’ติ นิยฺยาเตนฺติ ยถา ตํ กุสรฺโ มาตุ รชฺชนิยฺยาตนํ. เตนาห ‘‘เนว ทาตา ทาตุํ ชานาติ, น อิตโร คเหตุ’’นฺติ. สเจ ปนาติอาทีสุ ปน ทายเกน ปฺตฺติยํ อโกวิทตาย ปริยายวจเน วุตฺเตปิ ปฏิคฺคาหโก อตฺตโน ปฺตฺติยํ โกวิทตาย มุขฺยวจเนน คณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘สุคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตํ.

สเจ ปน เอโกติอาทีสุ ปน ทายโก มุขฺยวจเนน เทติ, ปฏิคฺคาหโกปิ มุขฺยวจเนน ปฏิกฺขิปติ, ตสฺมา ทายกสฺส ปุพฺเพ อธิฏฺิตมฺปิ จีวรํ ทานวเสน อธิฏฺานํ วิชหติ, ปริจฺจตฺตตฺตา อตฺตโน อสนฺตกตฺตา อติเรกจีวรมฺปิ น โหติ, ตสฺมา ทสาหาติกฺกเมปิ อาปตฺติ น โหติ. ปฏิคฺคาหกสฺสปิ น ปฏิกฺขิปิตตฺตา อตฺตโน สนฺตกํ น โหติ, ตสฺมา อติเรกจีวรํ น โหตีติ ทสาหาติกฺกเมปิ อาปตฺติ นตฺถิ. ยสฺส ปน รุจฺจตีติ เอตฺถ ปน อิมสฺส จีวรสฺส อสฺสามิกตฺตา ปํสุกูลฏฺาเน ิตตฺตา ยสฺส รุจฺจติ, เตน ปํสุกูลภาเวน คเหตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ, ปริภุฺชนฺเตน ปน ทายเกน ปุพฺพอธิฏฺิตมฺปิ ทานวเสน อธิฏฺานสฺส วิชหิตตฺตา ปุน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ อิตเรน ปุพฺเพ อนธิฏฺิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

อิตฺถนฺนามสฺส เทหีติอาทีสุ ปน อาณตฺยตฺเถ ปวตฺตาย ปฺจมีวิภตฺติยา วุตฺตตฺตา อาณตฺเตน ปฏิคฺคาหกสฺส ทินฺนกาเลเยว ปฏิคฺคาหกสฺส สนฺตกํ โหติ, น ตโต ปุพฺเพ, ปุพฺเพ ปน อาณาปกสฺเสว, ตสฺมา ‘‘โย ปหิณติ, ตสฺเสว สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมีติ ปน ปจฺจุปฺปนฺนตฺเถ ปวตฺตาย วตฺตมานวิภตฺติยา วุตฺตตฺตา ตโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสฺเสว สนฺตกํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส ปหียติ, ตสฺส สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ อิมินา อายสฺมตา เรวตตฺเถเรน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส จีวรเปสนวตฺถุสฺมึ ภควตา เทสิเตสุ อธิฏฺาเนสุ อิธ วุตฺตลกฺขเณน อสมฺโมหโต ชานิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

ตตฺถ ทฺวาธิฏฺิตํ, สฺวาธิฏฺิตนฺติ จ น ติจีวราธิฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข สามิเก ชีวนฺเต วิสฺสาสคฺคาหจีวรภาเวน จ สามิเก มเต มตกจีวรภาเวน จ คหณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตโต ปน ทสาเห อนติกฺกนฺเตเยว ติจีวราธิฏฺานํ วา ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานํ วา วิกปฺปนํ วา กาตพฺพํ. โย ปหิณตีติ ทายกํ สนฺธายาห, ยสฺส ปหียตีติ ปฏิคฺคาหกํ.

ปริจฺจชิตฺวา…เป… น ลภติ, อาหราเปนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพติ อตฺโถ. อตฺตนา…เป… นิสฺสคฺคิยนฺติ อิมินา ปรสนฺตกภูตตฺตํ ชานนฺโต เถยฺยปสยฺหวเสน อจฺฉินฺทนฺโต ปาราชิโก โหตีติ ทสฺเสติ. โปราณฏีกายํ ปน ‘‘สกสฺาย วินา คณฺหนฺโต ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. สกสฺาย วินาปิ ตาวกาลิกปํสุกูลสฺาทิวเสน คณฺหนฺโต อาปตฺติยา น กาเรตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปน ปสยฺหาการํ สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘อจฺฉินฺทโต นิสฺสคฺคิย’’นฺติ. สเจ ปน…เป… วฏฺฏตีติ ตุฏฺทานํ อาห, อถ ปนาติอาทินา กุปิตทานํ. อุภยถาปิ สยํ ทินฺนตฺตา วฏฺฏติ, คหเณ อาปตฺติ นตฺถีติ อตฺโถ.

มม สนฺติเก…เป… เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏตีติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส เอวํ ททนฺโต อปริจฺจชิตฺวา ทินฺนตฺตา ทานํ น โหตีติ น วฏฺฏติ, ตโต เอว ทุกฺกฏํ โหติ. อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏตีติ ปุพฺเพ ‘‘อกโรนฺตสฺส น เทมี’’ติ วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตอุปชฺฌายคฺคหณาทีนิ อกโรนฺเต อาจริยสฺเสว สนฺตกํ โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. กโรนฺเต ปน อนฺเตวาสิกสฺส สนฺตกํ ภเวยฺย สพฺพโส อปริจฺจชิตฺวา ทินฺนตฺตา. สกสฺาย วิชฺชมานตฺตา ‘‘อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ สิยา. ฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๓๕) ปน ‘‘เอวํ ทินฺนํ ภติสทิสตฺตา อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ภติสทิเส สติปิ กมฺเม กเต ภติ ลทฺธพฺพา โหติ, ตสฺมา อาโรเปตุํ น วฏฺเฏยฺย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๓๕) ปน ‘‘อาหราเปตุํ วฏฺฏตีติ กมฺเม อกเต ภติสทิสตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เตน กมฺเม กเต อาหราเปตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตีติ สามเณรสฺส ทานํ ทีเปติ, เตน จ สามเณรกาเล ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทโตปิ ปาจิตฺติยํ ทีเปติ. อยํ ตาว ทาเน วินิจฺฉโยติ อิมินา ทานวินิจฺฉยาทีนํ ติณฺณํ วินิจฺฉยานํ เอกปริจฺเฉทกตภาวํ ทีเปติ.

วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณวินิจฺฉยกถา

๗๐. อนุฏฺานเสยฺยา นาม ยาย เสยฺยาย สยิโต ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทํ น ปาปุณาติ, ตาว วุจฺจติ. ททมาเนน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ เก คหฏฺา เก ปพฺพชิตา เกน การเณน ตสฺส ธเน อิสฺสราติ? คหฏฺา ตาว คิลานุปฏฺากภูตา เตน การเณน คิลานุปฏฺากภาคภูเต ตสฺส ธเน อิสฺสรา, เยสฺจ วาณิชานํ หตฺถโต กปฺปิยการเกน ปตฺตาทิปริกฺขาโร คาหาปิโต, เตสํ ยํ ทาตพฺพมูลํ, เต จ ตสฺส ธเน อิสฺสรา, เยสฺจ มาตาปิตูนํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถานิ ปิตานิ, เตปิ ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา. เอวมาทินา เยน เยน การเณน ยํ ยํ ปริกฺขารธนํ เยหิ เยหิ คหฏฺเหิ ลภิตพฺพํ โหติ, เตน เตน การเณน เต เต คหฏฺา ตสฺส ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา.

ปพฺพชิตา ปน พาหิรกา ตเถว สติ การเณ อิสฺสรา. ปฺจสุ ปน สหธมฺมิเกสุ ภิกฺขู สามเณรา จ มตานํ ภิกฺขุสามเณรานํ ธนํ วินาปิ การเณน ทายาทภาเวน ลภนฺติ, น อิตรา. ภิกฺขุนีสิกฺขมานสามเณรีนมฺปิ ธนํ ตาเยว ลภนฺติ, น อิตเร. ตํ ปน มตกธนภาชนํ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉเย อาวิ ภวิสฺสติ, พหู ปน วินยธรตฺเถรา ‘‘เย ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา’’ติ ปาํ นิสฺสาย ‘‘มตภิกฺขุสฺส ธนํ คหฏฺภูตา าตกา ลภนฺตี’’ติ วินิจฺฉินนฺติ, ตมฺปิ วินิจฺฉยํ ตสฺส จ ยุตฺตายุตฺตภาวํ ตตฺเถว วกฺขาม.

อนตฺตมนสฺส สนฺตกนฺติ ‘‘ทุฏฺุ กตํ ตยา มยา อทินฺนํ มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา โทมนสฺสปฺปตฺตสฺส สนฺตกํ. โย ปน ปมํเยว ‘‘สุฏฺุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โยปิ อทาตุกาโม, จิตฺเตน ปน อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทตีติ เอตฺถ ตุ โปราณฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๓๑) ‘‘จิตฺเตน ปน อธิวาเสตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘น กิฺจิ วทตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ สติ ‘‘จิตฺเตนา’’ติ อิทํ อธิวาสนกิริยาย กรณํ โหติ. อทาตุกาโมติ เอตฺถาปิ ตเมว กรณํ สิยา, ตโต ‘‘จิตฺเตน อทาตุกาโม, จิตฺเตน อธิวาเสตี’’ติวจนํ โอจิตฺยสมฺโปสกํ น ภเวยฺย. ตํ เปตฺวา ‘‘อทาตุกาโม’’ติ เอตฺถ กาเยนาติ วา วาจายาติ วา อฺํ กรณมฺปิ น สมฺภวติ, ตทสมฺภเว สติ วิเสสตฺถวาจโก ปน-สทฺโทปิ นิรตฺถโก. น กิฺจิ วทตีติ เอตฺถ ตุ วทนกิริยาย กรณํ ‘‘วาจายา’’ติ ปทํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตถา จ สติ อฺํ อธิวาสนกิริยาย กรณํ, อฺํ วทนกิริยาย กรณํ, อฺา อธิวาสนกิริยา, อฺา วทนกิริยา, ตสฺมา ‘‘วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุ’’นฺติ วตฺตุํ น อรหติ, ตสฺมา โยปิ จิตฺเตน อทาตุกาโม โหติ, ปน ตถาปิ วาจาย อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทตีติ โยชนํ กตฺวา ปน ‘‘อธิวาเสตีติ วุตฺตเมวตฺถํ ปกาเสตุํ น กิฺจิ วทตีติ วุตฺต’’นฺติ วตฺตุมรหติ. เอตฺถ ตุ ปน-สทฺโท อรุจิลกฺขณสูจนตฺโถ. ‘‘จิตฺเตนา’’ติ อิทํ อทาตุกามกิริยาย กรณํ, ‘‘วาจายา’’ติ อธิวาสนกิริยาย อวทนกิริยาย จ กรณํ. อธิวาสนกิริยา จ อวทนกิริยาเยว. ‘‘อธิวาเสตี’’ติ วุตฺเต อวทนกิริยาย อปากฏภาวโต ตํ ปกาเสตุํ ‘‘น กิฺจิ วทตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ คยฺหมาเน ปุพฺพาปรวจนตฺโถ โอจิตฺยสมฺโปสโก สิยา, ตสฺมา เอตฺตกวิวเรหิ วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพติ.

ลาภปริณามนวินิจฺฉยกถา

๗๑. ลาภปริณามนวินิจฺฉเย ตุมฺหากํ สปฺปิอาทีนิ อาภตานีติ ตุมฺหากํ อตฺถาย อาภตานิ สปฺปิอาทีนิ. ปริณตภาวํ ชานิตฺวาปิ วุตฺตวิธินา วิฺาเปนฺเตน เตสํ สนฺตกเมว วิฺาปิตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘มยฺหมฺปิ เทถาติ วทติ, วฏฺฏตี’’ติ.

‘‘ปุปฺผมฺปิ อาโรเปตุํ น วฏฺฏตีติ อิทํ ปริณตํ สนฺธาย วุตฺตํ, สเจ ปน เอกสฺมึ เจติเย ปูชิตํ ปุปฺผํ คเหตฺวา อฺสฺมึ เจติเย ปูเชติ, วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๖๐) วุตฺตํ. อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๖๐) ปน นิยเมตฺวา ‘‘อฺสฺส เจติยสฺส อตฺถาย โรปิตมาลาวจฺฉโต’’ติ วุตฺตตฺตา น เกวลํ ปริณตภาโวเยว กถิโต, อถ โข นิยเมตฺวา โรปิตภาโวปิ. ปุปฺผมฺปีติ ปิ-สทฺเทน กุโต มาลาวจฺฉนฺติ ทสฺเสติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๖๐) ปน ‘‘โรปิตมาลาวจฺฉโตติ เกนจิ นิยเมตฺวา โรปิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อโนจิตํ มิลายมานํ โอจินิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ ปูเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ิตํ ทิสฺวาติ เสสกํ คเหตฺวา ิตํ ทิสฺวา. อิมสฺส สุนขสฺส มา เทหิ, เอตสฺส เทหีติ อิทํ ปริณเตเยว, ติรจฺฉานคตสฺส ปริจฺจชิตฺวา ทินฺเน ปน ตํ ปลาเปตฺวา อฺํ ภุฺชาเปตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘กตฺถ เทมาติอาทินา เอเกนากาเรน อนาปตฺติ ทสฺสิตา. เอวํ ปน อปุจฺฉิเตปิ ‘อปริณตํ อิท’นฺติ ชานนฺเตน อตฺตโน รุจิยา ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ทาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ เทถาติ เอตฺถาปิ ‘‘ตุมฺหากํ รุจิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ทาเปตุํ ลภติ.

ปริวาเร (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ปน นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมตีติ เอวํ วุตฺตานิ. นว ปฏิคฺคหา ปริโภคา จาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จ. ตีณิ ธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส นินฺนํ สงฺฆสฺเสว เทติ, เจติยสฺส นินฺนํ เจติยสฺเสว เทติ, ปุคฺคลสฺส นินฺนํ ปุคฺคลสฺเสว เทตีติ อิมานิ ตีณิ. ปฏิคฺคหปฏิโภคาปิ เตสํเยว ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จาติ อาคตํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ทานลกฺขณาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เตรสโม ปริจฺเฉโท.

๑๔. ปถวีขณนวินิจฺฉยกถา

๗๒. เอวํ ทานวิสฺสาสคฺคาหลาภปริณามนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปถวีวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปถวี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ปตฺถรตีติ ปถวี, ป-ปุพฺพ ถร สนฺถรเณติ ธาตุ, ร-การสฺส ว-กาโร, สสมฺภารปถวี. ตปฺปเภทมาห ‘‘ทฺเว ปถวี, ชาตา จ ปถวี อชาตา จ ปถวี’’ติ. ตาสํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ชาตา นาม ปถวี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สุทฺธปํสุกา…เป… เยภุยฺเยนมตฺติกาปถวี ชาตา นาม ปถวี โหติ. น เกวลํ สาเยว, อทฑฺฒา ปถวีปิ ‘‘ชาตา ปถวี’’ติ วุจฺจติ. น เกวลํ อิมา ทฺเวเยว, โยปิ ปํสุปุฺโช วา…เป… จาตุมาสํ โอวฏฺโ, โสปิ ‘‘ชาตา ปถวี’’ติ วุจฺจตีติ โยชนา. อิตรตฺรปิ เอเสว นโย.

ตตฺถ สุทฺธา ปํสุกาเยว เอตฺถ ปถวิยา อตฺถิ, น ปาสาณาทโยติ สุทฺธปํสุกา. ตถา สุทฺธมตฺติกา. อปฺปา ปาสาณา เอตฺถาติ อปฺปปาสาณา. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. เยภุยฺเยน ปํสุกา เอตฺถาติ เยภุยฺเยนปํสุกา, อลุตฺตสมาโสยํ, ตถา เยภุยฺเยนมตฺติกา. ตตฺถ มุฏฺิปฺปมาณโต อุปริ ปาสาณา. มุฏฺิปฺปมาณา สกฺขรา. กถลาติ กปาลขณฺฑาทิ. มรุมฺปาติ กฏสกฺขรา. วาลุกา วาลุกาเยว. เยภุยฺเยนปํสุกาติ เอตฺถ ตีสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาสา ปํสุ, เอโก ปาสาณาทีสุ อฺตรโกฏฺาโส. อทฑฺฒาปีติ อุทฺธนปตฺตปจนกุมฺภการาตปาทิวเสน ตถา ตถา อทฑฺฒา, สา ปน วิสุํ นตฺถิ, สุทฺธปํสุอาทีสุ อฺตราวาติ เวทิตพฺพา. เยภุยฺเยนสกฺขราติ พหุตรสกฺขรา. หตฺถิกุจฺฉิยํ กิร เอกํ ปจฺฉิปูรํ อาหราเปตฺวา โทณิยํ โธวิตฺวา ปถวิยา เยภุยฺเยนสกฺขรภาวํ ตฺวา สยํ ภิกฺขู โปกฺขรณึ ขณึสูติ. ยานิ ปน มชฺเฌ ‘‘อปฺปปํสุอปฺปมตฺติกา’’ติ ทฺเว ปทานิ, ตานิ เยภุยฺเยนปาสาณาทิปฺจกเมว ปวิสนฺติ. เตสฺเว หิ ทฺวินฺนํ ปเภทวจนเมตํ, ยทิทํ สุทฺธปาสาณาทิอาทิ.

เอตฺถ จ กิฺจาปิ เยภุยฺเยนปํสุํ อปฺปปํสุฺจ ปถวึ วตฺวา อุปฑฺฒปํสุกาปถวี น วุตฺตา, ตถาปิ ปณฺณตฺติวชฺชสิกฺขาปเทสุ สาวเสสปฺตฺติยาปิ สมฺภวโต อุปฑฺฒปํสุกายปิ ปถวิยา ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ อุปฑฺฒจฺฉนฺเน ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา อิธาปิ ทุกฺกฏํ ยุชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ปาจิตฺติยวตฺถุกฺจ อนาปตฺติวตฺถุกฺจ ทุวิธํ ปถวึ เปตฺวา อฺิสฺสา ทุกฺกฏวตฺถุกาย ตติยาย ปถวิยา อภาวโต. ทฺเวเยว หิ ปถวิโย วุตฺตา ‘‘ชาตา จ ปถวี อชาตา จ ปถวี’’ติ, ตสฺมา ทฺวีสุ อฺตราย ปถวิยา ภวิตพฺพํ. วินยวินิจฺฉเย จ สมฺปตฺเต ครุกลหุเกสุ ครุเกเยว าตพฺพตฺตา น สกฺกา เอตฺถ อนาปตฺติยา ภวิตุํ. สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ ปน อุปฑฺเฒ ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ ตตฺถ ตาทิสสฺส ทุกฺกฏวตฺถุโน สมฺภวโต. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๘๖) ‘‘อปฺปปํสุมตฺติกาย ปถวิยา อนาปตฺติวตฺถุภาเวน วุตฺตตฺตา อุปฑฺฒปํสุมตฺติกายปิ ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํ. น เหตํ ทุกฺกฏวตฺถูติ สกฺกา วตฺตุํ ชาตาชาตวินิมุตฺตาย ตติยาย ปถวิยา อภาวโต’’ติ วุตฺตํ.

ขณนฺตสฺส ขณาเปนฺตสฺส วาติ อนฺตมโส ปาทงฺคุฏฺเกนปิ สมฺมชฺชนิสลากายปิ สยํ วา ขณนฺตสฺส อฺเน วา ขณาเปนฺตสฺส. ‘‘โปกฺขรณึ ขณา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส’’ติ อนิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ‘‘อิมํ วลฺลึ ขณา’’ติ วุตฺเตปิ ปถวิขณนํ สนฺธาย ปวตฺตโวหารตฺตา อิมินาว สิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ, น ภูตคามสิกฺขาปเทน, อุภยมฺปิ สนฺธาย วุตฺเต ปน ทฺเวปิ ปาจิตฺติยานิ โหนฺติ.

๗๓. กุเฏหีติ ฆเฏหิ. ตนุกกทฺทโมติ อุทกมิสฺสกกทฺทโม, โส จ อุทกคติกตฺตา วฏฺฏติ. อุทกปปฺปฏโกติ อุทเก อนฺโตภูมิยํ ปวิฏฺเ ตสฺส อุปริภาคํ ฉาเทตฺวา ตนุกปํสุ วา มตฺติกา วา ปฏลํ หุตฺวา ปลวมานา อุฏฺาติ, ตสฺมึ อุทเก สุกฺเขปิ ตํ ปฏลํ วาเตน จลมานํ ติฏฺติ, ตํ อุทกปปฺปฏโก นาม. โอมกจาตุมาสนฺติ อูนจาตุมาสํ. โอวฏฺนฺติ เทเวน โอวฏฺํ. อกตปพฺภาเรติ อวลฺชนฏฺานทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตาทิเส หิ วมฺมิกสฺส สพฺภาโวติ. มูสิกุกฺกุรํ นาม มูสิกาหิ ขณิตฺวา พหิ กตปํสุราสิ.

เอเสว นโยติ โอมกจาตุมาสํ โอวฏฺโเยว วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอกทิวสมฺปิ น วฏฺฏตีติ โอวฏฺจาตุมาสโต เอกทิวสาติกฺกนฺโตปิ วิโกเปตุํ น วฏฺฏติ. เหฏฺภูมิสมฺพนฺเธปิ จ โคกณฺฏเก ภูมิโต ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา อุคฺคตตฺตา อจฺจุคฺคตํ มตฺถกโต ฉินฺทิตุํ คเหตุฺจ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สกฏฺาเน อติฏฺมานํ กตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา อาโลฬิตกทฺทมมฺปิ คเหตุํ วฏฺฏติ.

อจฺฉทนนฺติอาทินา วุตฺตตฺตา อุชุกํ อากาสโต ปติตวสฺโสทเกน โอวฏฺเมว ชาตปถวี โหติ, น ฉทนาทีสุ ปติตฺวา ตโต ปวตฺตอุทเกน ตินฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตโตติ ปุราณเสนาสนโต. อิฏฺกํ คณฺหามีติอาทิ สุทฺธจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อุทเกนาติ อุชุกํ อากาสโตเยว ปติตอุทเกน. สเจ ปน อฺตฺถ ปหริตฺวา ปติเตน อุทเกน เตมิตํ โหติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. มณฺฑปตฺถมฺภนฺติ สาขามณฺฑปตฺถมฺภํ.

๗๔. อุจฺจาเลตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. เตน อปเทเสนาติ เตน เลเสน. อวิสยตฺตา อนาปตฺตีติ เอตฺถ สเจปิ นิพฺพาเปตุํ สกฺกา โหติ, ปมํ สุทฺธจิตฺเตน ทินฺนตฺตา ทหตูติ สลฺลกฺเขตฺวาปิ ติฏฺติ, อนาปตฺติ. มหามตฺติกนฺติ ภิตฺติเลปนํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ปถวีขณนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

จุทฺทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๕. ภูตคามวินิจฺฉยกถา

๗๕. เอวํ ปถวิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ภูตคามวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ภูตคาโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภวนฺติ อหุวุฺจาติ ภูตา, ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ ชาตา วฑฺฒิตา จาติ อตฺโถ. คาโมติ ราสิ, ภูตานํ คาโมติ ภูตคาโม, ภูตา เอว วา คาโม ภูตคาโม, ปติฏฺิตหริตติณรุกฺขาทีนเมตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ‘‘ภวนฺตี’’ติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ชายนฺติ วฑฺฒนฺตี’’ติ, ‘‘อหุวุ’’นฺติ อิมสฺส ‘‘ชาตา วฑฺฒิตา’’ติ. เอวํ ภูต-สทฺโท ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวิสโย โหติ. เตนาห วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๙๐) ‘‘ภวนฺตีติ วฑฺฒนฺติ, อหุวุนฺติ พภุวู’’ติ. อิทานิ ตํ ภูตคามํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตคาโมติ ปฺจหิ พีเชหิ ชาตานํ รุกฺขลตาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติ อาห. ลตาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉาทโย เวทิตพฺพา.

อิทานิ ตานิ พีชานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริมานิ ปฺจ พีชานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มูลเมว พีชํ มูลพีชํ. เอวํ เสเสสุปิ. อถ วา มูลํ พีชํ เอตสฺสาติ มูลพีชํ, มูลพีชโต วา นิพฺพตฺตํ มูลพีชํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ ปเมน วิคฺคเหน พีชคาโม เอว ลพฺภติ, ทุติยตติเยหิ ภูตคาโม. อิทานิ เต ภูตคาเม สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ มูลพีชํ นามา’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ เตสุ ปฺจสุ มูลพีชาทีสุ หลิทฺทิ…เป… ภทฺทมุตฺตกํ มูลพีชํ นาม. น เกวลํ อิมานิเยว มูลพีชานิ, อถ โข อิโต อฺานิปิ ยานิ วา ปน ภูตคามชาตานิ อตฺถิ สนฺติ, มูเล ชายนฺติ, มูเล สฺชายนฺติ, เอตํ ภูตคามชาตํ มูลพีชํ นาม โหตีติ โยชนา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๑) ‘‘อิทานิ ตํ ภูตคามํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘ภูตคาโม นาม ปฺจ พีชชาตานี’ติอาทิมาหา’’ติ. ตตฺถ ภูตคาโม นามาติ ภูตคามํ อุทฺธริตฺวา ยสฺมึ สติ ภูตคาโม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ พีชชาตานีติ อาหา’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ, มูเล ชายนฺตี’’ติอาทีนิ น สเมนฺติ. น หิ มูลพีชาทีนิ มูลาทีสุ ชายนฺติ. มูลาทีสุ ชายมานานิ ปน ตานิ พีชชาตานิ, ตสฺมา เอวมตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา – ภูตคาโม นามาติ วิภชิตพฺพปทํ. ปฺจาติ ตสฺส วิภาคปริจฺเฉโท. พีชชาตานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ, ยโต พีเชหิ ชาตานิ พีชชาตานิ, รุกฺขาทีนํ เอตํ อธิวจนนฺติ จ. ยถา ‘‘สาลีนํ เจปิ โอทนํ ภุฺชตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๖) สาลิตณฺฑุลานํ โอทโน สาลิโอทโนติ วุจฺจติ, เอวํ พีชโต สมฺภูโต ภูตคาโม ‘‘พีช’’นฺติ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพติ จ.

ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหณสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท ตทตฺถสํสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีชสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีช’’นฺติ ‘‘รูปรูปํ, ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ จ ยถา. นิทฺเทเส ‘‘ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ, มูเล ชายนฺติ มูเล สฺชายนฺตี’’ติ เอตฺถ พีชโต นิพฺพตฺเตน พีชํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ, อาลุวกเสรุกมลนีลุปฺปลปุณฺฑรีกกุวลยกุนฺทปาฏลิมูลาทิเภเท มูเล คจฺฉวลฺลิรุกฺขาทีนิ ชายนฺติ สฺชายนฺติ, ตานิ, ยมฺหิ มูเล ชายนฺติ เจว สฺชายนฺติ จ, ตฺจ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๙๑) วุตฺตหลิทฺทาทิ จ, สพฺพมฺปิ เอตํ มูลพีชํ นาม, เอเตน การิโยปจาเรน การณํ ทสฺสิตนฺติ ทสฺเสติ. เอส นโย ขนฺธพีชาทีสุ. เยวาปนกขนฺธพีเชสุ ปเนตฺถ อมฺพาฏกอินฺทสาลนุหิปาลิภทฺทกกณิการาทีนิ ขนฺธพีชานิ. อมฺพิลาวลฺลิจตุรสฺสวลฺลิกณเวราทีนิ ผฬุพีชานิ. มกจิมลฺลิกาสุมนชยสุมนาทีนิ อคฺคพีชานิ. อมฺพชมฺพุปนสฏฺิอาทีนิ พีชพีชานีติ ทฏฺพฺพานิ. ภูตคาเม ภูตคามสฺี ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วาติ สตฺถกานิ คเหตฺวา สยํ วา ฉินฺทติ, อฺเน วา เฉทาเปติ. ภินฺทติ วา เภทาเปติ วาติ ปาสาณาทีนิ คเหตฺวา สยํ วา ภินฺทติ, อฺเน วา เภทาเปติ. ปจติ วา ปจาเปติ วาติ อคฺคึ อุปสํหริตฺวา สยํ วา ปจติ, อฺเน วา ปจาเปติ, ปาจิตฺติยํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อาปตฺติเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตคามฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตคามปริโมจิตนฺติ ภูตคามโต วิโยชิตํ.

๗๖. สฺจิจฺจ อุกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา สรีเร ลคฺคภาวํ ตฺวาปิ อุฏฺหติ, ‘‘ตํ อุทฺธริสฺสามี’’ติ สฺาย อภาวโต วฏฺฏติ. อนนฺตกคฺคหเณน สาสปมตฺติกา คหิตา. นามฺเหตํ ตสฺสา เสวาลชาติยา. มูลปณฺณานํ อภาเวน ‘‘อสมฺปุณฺณภูตคาโม นามา’’ติ วุตฺตํ. อภูตคามมูลตฺตาติ เอตฺถ ภูตคาโม มูลํ การณํ เอตสฺสาติ ภูตคามมูโล, ภูตคามสฺส วา มูลํ การณนฺติ ภูตคามมูลํ. พีชคาโม หิ นาม ภูตคามโต สมฺภวติ, ภูตคามสฺส จ การณํ โหติ. อยํ ปน ตาทิโส น โหตีติ ‘‘อภูตคามมูลตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

กิฺจาปิ หิ ตาลนาฬิเกราทีนํ ขาณุ อุทฺธํ อวฑฺฒนโต ภูตคามสฺส การณํ น โหติ, ตถาปิ ภูตคามสงฺขฺยูปคตนิพฺพตฺตปณฺณมูลพีชโต สมฺภูตตฺตา ภูตคามโต อุปฺปนฺโน นาม โหตีติ พีชคาเมน สงฺคหํ คจฺฉติ. โส พีชคาเมน สงฺคหิโตติ อวฑฺฒมาเนปิ ภูตคามมูลตฺตา วุตฺตํ.

‘‘องฺกุเร หริเต’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘นีลวณฺเณ ชาเต’’ติ, นีลปณฺณสฺส วณฺณสทิเส ปณฺเณ ชาเตติ อตฺโถ, ‘‘นีลวณฺเณ ชาเต’’ติ วา ปาโ คเหตพฺโพ. อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉตีติ อิทํ นาฬิเกรสฺส อาเวณิกํ กตฺวา วทติ. ‘‘ปานียฆฏาทีนํ พหิ เสวาโล อุทเก อฏฺิตตฺตา พีชคามานุโลมตฺตา จ ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ วทนฺติ. กณฺณกมฺปิ อพฺโพหาริกเมวาติ นีลวณฺณมฺปิ อพฺโพหาริกเมว.

๗๗. เสเลยฺยกํ นาม สิลาย สมฺภูตา เอกา คนฺธชาติ. ปุปฺผิตกาลโต ปฏฺายาติ วิกสิตกาลโต ปภุติ. อหิจฺฉตฺตกํ คณฺหนฺโตติ วิกสิตํ คณฺหนฺโต. มกุฬํ ปน รุกฺขตฺตจํ อโกเปนฺเตนปิ คเหตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘รุกฺขตฺตจํ วิโกเปตีติ วุตฺตตฺตา รุกฺเข ชาตํ ยํ กิฺจิ อหิจฺฉตฺตกํ รุกฺขตฺตจํ อวิโกเปตฺวา มตฺถกโต ฉินฺทิตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ‘‘อหิจฺฉตฺตกํ ยาว มกุฬํ โหติ, ตาว ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ วุตฺตตฺตา. รุกฺขโต มุจฺจิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ยทิปิ กิฺจิมตฺตํ รุกฺเข อลฺลีนา หุตฺวา ติฏฺติ, รุกฺขโต คยฺหมานา ปน รุกฺขจฺฉวึ น วิโกเปติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อลฺลรุกฺขโต น วฏฺฏตีติ เอตฺถาปิ รุกฺขตฺตจํ อวิโกเปตฺวา มตฺถกโต ตจฺเฉตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. หตฺถกุกฺกุจฺเจนาติ หตฺถจาปลฺเลน. ปานียํ น วาเสตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตโน อตฺถาย นามิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เกวลํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อตฺถาย นามิเต ปน ปจฺฉา ตโต ลภิตฺวา น วาเสตพฺพนฺติ นตฺถิ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๙๒) ปน ‘‘ปานียํ น วาเสตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตโน ปิวนปานียํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺเสํ ปน วฏฺฏติ อนุคฺคหิตตฺตา. เตนาห อตฺตนา ขาทิตุกาเมนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ วุตฺตตฺตา เยสํ สาขา น รุหติ, ตตฺถ กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ มูลํ อโนตาเรตฺวา ปณฺณมตฺตนิคฺคมนมตฺเตนาปิ วฑฺฒติ, ตตฺถ กปฺปิยมฺปิ อกโรนฺโต ฉินฺนนาฬิเกรเวฬุทณฺฑาทโย โกเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘จงฺกมิตฏฺานํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ จงฺกมนาธิปฺปาเยน วา มคฺคคมนาธิปฺปาเยน วา อกฺกมนฺตสฺส, ติณานํ อุปริ นิสีทนาธิปฺปาเยน นิสีทนฺตสฺส จ โทโส นตฺถิ.

๗๘. สมณกปฺเปหีติ สมณานํ กปฺปิยโวหาเรหิ. กิฺจาปิ พีชาทีนํ อคฺคินา ผุฏฺมตฺเตน, นขาทีหิ วิลิขนมตฺเตน จ อวิรุฬฺหิธมฺมตา น โหติ, ตถาปิ เอวํ กเตเยว สมณานํ กปฺปตีติ อคฺคิปริชิตาทโย สมณโวหารา นาม ชาตา, ตสฺมา เตหิ สมณโวหาเรหิ กรณภูเตหิ ผลํ ปริภุฺชิตุํ อนุชานามีติ อธิปฺปาโย. อพีชนิพฺพฏฺฏพีชานิปิ สมณานํ กปฺปนฺตีติ ปฺตฺตปณฺณตฺติภาวโต สมณโวหาราอิจฺเจว สงฺขํ คตานิ. อถ วา อคฺคิปริชิตาทีนํ ปฺจนฺนํ กปฺปิยภาวโตเยว ปฺจหิ สมณกปฺปิยภาวสงฺขาเตหิ การเณหิ ผลํ ปริภุฺชิตุํ อนุชานามีติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อคฺคิปริชิตนฺติอาทีสุ ‘‘ปริจิต’’นฺติปิ ปนฺติ. อพีชํ นาม ตรุณอมฺพผลาทิ. นิพฺพฏฺฏพีชํ นาม อมฺพปนสาทิ, ยํ พีชํ นิพฺพฏฺเฏตฺวา วิสุํ กตฺวา ปริภุฺชิตุํ สกฺกา โหติ. นิพฺพฏฺเฏตพฺพํ วิโยเชตพฺพํ พีชํ ยสฺมึ, ตํ ปนสาทิ นิพฺพฏฺฏพีชํ นาม. ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพนฺติ โย กปฺปิยํ กโรติ, เตน กตฺตพฺพปการสฺเสว วุตฺตตฺตา ภิกฺขุนา อวุตฺเตปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ น คเหตพฺพํ. ปุน ‘‘กปฺปิยํ กาเรตพฺพ’’นฺติ การาปนสฺส ปมเมว กถิตตฺตา ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ วุตฺเตเยว อนุปสมฺปนฺเนน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา อคฺคิปริชิตาทิ กาตพฺพนฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วจนํ ปน ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาว กาตพฺพ’’นฺติ วจนโต ปมํ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา ปจฺฉา อคฺคิอาทินา ผุสนาทิ กาตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปมํ อคฺคิมฺหิ นิกฺขิปิตฺวา, นขาทินา วา วิชฺฌิตฺวา ตํ อนุทฺธริตฺวาว กปฺปิยนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติปิ วทนฺติ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๙๒) ปน ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาวาติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺเตปิ วจนกฺขเณว อคฺคิสตฺถาทินา พีชคาเม วณํ กาตพฺพนฺติ วจนโต ปน ปุพฺเพ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตฺจ ทฺวิธา อกตฺวา เฉทนเภทนเมว ทสฺเสตพฺพํ. กโรนฺเตน จ ภิกฺขุนา ‘กปฺปิยํ กโรหี’ติ ยาย กายจิ ภาสาย วุตฺเตเยว กาตพฺพํ. พีชคามปริโมจนตฺถํ ปุน กปฺปิยํ กาเรตพฺพนฺติ การาปนสฺส ปมเมว อธิกตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

เอกสฺมึ พีเช วาติอาทีสุ ‘‘เอกํเยว กาเรมีติ อธิปฺปาเย สติปิ เอกาพทฺธตฺตา สพฺพํ กตเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ทารุํ วิชฺฌตีติ เอตฺถ ‘‘ชานิตฺวาปิ วิชฺฌติ วา วิชฺฌาเปติ วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ วทนฺติ. ภตฺตสิตฺเถ วิชฺฌตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ตํ วิชฺฌติ, น วฏฺฏตีติ รชฺชุอาทีนํ ภาชนคติกตฺตา’’ติ วทนฺติ. มรีจปกฺกาทีหิ จ มิสฺเสตฺวาติ เอตฺถ ภตฺตสิตฺถสมฺพนฺธวเสน เอกาพทฺธตา เวทิตพฺพา, น ผลานํเยว อฺมฺสมฺพนฺธวเสน. ‘‘กฏาเหปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา กฏาหโต นีหฏาย มิฺชาย วา พีเช วา ยตฺถ กตฺถจิ วิชฺฌิตุํ วฏฺฏติ เอว. ภินฺทาเปตฺวา กปฺปิยํ การาเปตพฺพนฺติ พีชโต มุตฺตสฺส กฏาหสฺส ภาชนคติกตฺตา วุตฺตํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ภูตคามวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ปนฺนรสโม ปริจฺเฉโท.

๑๖. สหเสยฺยวินิจฺฉยกถา

๗๙. เอวํ ภูตคามวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สหเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ทุวิธํ สหเสยฺยก’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺเว วิธา ปการา ยสฺส สหเสยฺยกสฺส ตํ ทุวิธํ, สห สยนํ, สห วา สยติ เอตฺถาติ สหเสยฺยา, สหเสยฺยา เอว สหเสยฺยกํ สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน. ตํ ปน อนุปสมฺปนฺเนนสหเสยฺยามาตุคาเมนสหเสยฺยาวเสน ทุวิธํ. เตนาห ‘‘ทุวิธํ สหเสยฺยก’’นฺติ. ทิรตฺตติรตฺตนฺติ เอตฺถ วจนสิลิฏฺตามตฺเตน ทิรตฺตคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ติรตฺตฺหิ สหวาเส ลพฺภมาเน ทิรตฺเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทิรตฺตคฺคหณํ วิสุํ น ปโยเชติ. เตเนวาห ‘‘อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตนฺติ ภควา สามเณรานํ สงฺคหกรณตฺถาย ติรตฺตปริหารํ อทาสี’’ติ. นิรนฺตรํ ติรตฺตคฺคหณตฺถํ วา ทิรตฺตคฺคหณํ กตํ. เกวลฺหิ ‘‘ติรตฺต’’นฺติ วุตฺเต อฺตฺถ วาเสน อนฺตริกมฺปิ ติรตฺตํ คณฺเหยฺย. ทิรตฺตวิสิฏฺํ ปน ติรตฺตํ วุจฺจมานํ เตน อนนฺตริกเมว ติรตฺตํ ทีเปติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) ‘‘ทิรตฺตคฺคหณํ วจนาลงฺการตฺถํ. นิรนฺตรํ ติสฺโสว รตฺติโย สยิตฺวา จตุตฺถทิวสาทีสุ สยนฺตสฺเสว อาปตฺติ, น เอกนฺตริกาทิวเสน สยนฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถมฺปีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สหเสยฺยํ เอกโต เสยฺยํ. เสยฺยนฺติ เจตฺถ กายปฺปสารณสงฺขาตํ สยนมฺปิ วุจฺจติ, ยสฺมึ เสนาสเน สยนฺติ, ตมฺปิ, ตสฺมา เสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ เอตฺถ เสนาสนสงฺขาตํ เสยฺยํ ปวิสิตฺวา กายปฺปสารณสงฺขาตํ เสยฺยํ กปฺเปยฺย สมฺปาเทยฺยาติ อตฺโถ. ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพเธนาติ เอตฺถ ทิยฑฺฒหตฺโถ วฑฺฒกิหตฺเถน คเหตพฺโพ. ปฺจหิ ฉทเนหีติ อิฏฺกาสิลาสุธาติณปณฺณสงฺขาเตหิ ปฺจหิ ฉทเนหิ. วาจุคฺคตวเสนาติ ปคุณวเสน.

เอกูปจาโรติ วฬฺชนทฺวารสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) ปน ‘‘เอกูปจาโร เอเกน มคฺเคน ปวิสิตฺวา อพฺโภกาสํ อโนกฺกมิตฺวา สพฺพตฺถ อนุปริคมนโยคฺโค, เอตํ พหุทฺวารมฺปิ เอกูปจาโรว. ยตฺถ ปน กุฏฺฏาทีหิ รุนฺธิตฺวา วิสุํ ทฺวารํ โยเชนฺติ, นานูปจาโร โหติ. สเจ ปน รุนฺธติ เอว, วิสุํ ทฺวารํ น โยเชนฺติ, เอตมฺปิ เอกูปจารเมว มตฺติกาทีหิ ปิหิตทฺวาโร วิย คพฺโภติ คเหตพฺพํ. อฺถา คพฺเภ ปวิสิตฺวา ปมุขาทีสุ นิปนฺนานุปสมฺปนฺเนหิ สหเสยฺยาปริมุตฺติยา คพฺภทฺวารํ มตฺติกาทีหิ ปิทหาเปตฺวา อุฏฺิเต อรุเณ วิวราเปนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตํ. จตุสาลํ เอกูปจารํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. เตสํ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส อาปตฺตีติ เอตฺถ เกจิ ‘‘อนุฏฺหเนน อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ วุตฺตา, ตสฺมึ ขเณ นิทฺทายนฺตสฺส กิริยาภาวา. อิทฺหิ สิกฺขาปทํ สิยา กิริยาย, สิยา อกิริยาย สมุฏฺาติ. กิริยาย สมุฏฺานตา จสฺส ตพฺพหุลวเสน วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ยถา เจตํ, เอวํ ทิวาสยนมฺปิ. อนุฏฺหเนน, หิ ทฺวาราสํวรเณน เจตํ อกิริยสมุฏฺานมฺปิ โหตี’’ติ วทนฺติ, อิทฺจ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

๘๐. อุปริมตเลน สทฺธึ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺสาติ อิทํ สมฺพทฺธภิตฺติเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อุปริมตเล สยิตสฺส สงฺกา เอว นตฺถีติ ‘‘เหฏฺาปาสาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. นานูปจาเรติ ยตฺถ พหิ นิสฺเสณึ กตฺวา อุปริมตลํ อาโรหนฺติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุปริมตเลปี’’ติ. อากาสงฺคเณ นิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติอภาวโต ‘‘ฉทนพฺภนฺตเร’’ติ วุตฺตํ. สภาสงฺเขเปนาติ สภากาเรน. อฑฺฒกุฏฺฏเก เสนาสเนติ เอตฺถ ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏกํ นาม ยตฺถ อุปฑฺฒํ มุฺจิตฺวา ตีสุ ปสฺเสสุ ภิตฺติโย พทฺธา โหนฺติ, ยตฺถ วา เอกสฺมึ ปสฺเส ภิตฺตึ อุฏฺาเปตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ อุปฑฺฒํ อุปฑฺฒํ กตฺวา ภิตฺติโย อุฏฺาเปนฺติ, ตาทิสํ เสนาสน’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, คณฺิปเท ปน ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏเกติ ฉทนํ อฑฺเฒน อสมฺปตฺตกุฏฺฏเก’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ โน น ยุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘สภาสงฺเขเปนาติ วุตฺตสฺเสว อฑฺฒกุฏฺฏเกติ อิมินา สณฺานํ ทสฺเสติ. ยตฺถ ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปสฺเสสุ ภิตฺติโย พทฺธา, ฉทนํ วา อสมฺปตฺตา อฑฺฒภิตฺติ, อิทํ อฑฺฒกุฏฺฏกํ นามา’’ติ วุตฺตํ. วาฬสงฺฆาโฏ นาม ปริกฺเขปสฺส อนฺโต ถมฺภาทีนํ อุปริ วาฬรูเปหิ กตสงฺฆาโฏ.

ปริกฺเขปสฺส พหิ คเตติ เอตฺถ ยตฺถ ยสฺมึ ปสฺเส ปริกฺเขโป นตฺถิ, ตตฺถาปิ ปริกฺเขปารหปเทสโต พหิ คเต อนาปตฺติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) ปน ‘‘ปริกฺเขปสฺส พหิ คเตติ เอตฺถ ยสฺมึ ปสฺเส ปริกฺเขโป นตฺถิ, ตตฺถ สเจ ภูมิโต วตฺถุ อุจฺจํ โหติ, อุภโต อุจฺจวตฺถุโต เหฏฺา ภูมิยํ นิพฺพโกสพฺภนฺตเรปิ อนาปตฺติ เอว ตตฺถ เสนาสนโวหาราภาวโต. อถ วตฺถุ นีจํ ภูมิสมเมว เสนาสนสฺส เหฏฺิมตเล ติฏฺติ, ตตฺถ ปริกฺเขปรหิตทิสาย นิพฺพโกสพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ อาปตฺติ โหติ, ปริจฺเฉทาภาวโต ปริกฺเขปสฺส พหิ เอว อนาปตฺตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเรติ เอตฺถ มชฺเฌ วิวฏงฺคณวนฺตาสุ มหาจตุสาลาสุ ยถา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวา ปมุเขเนว คนฺตฺวา สพฺพคพฺเภ ปวิสิตุํ น สกฺกา โหติ, เอวํ เอเกกคพฺภสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ กุฏฺฏํ นีหริตฺวา กตํ ปริจฺฉินฺนคพฺภูปจารํ นาม, อิทํ ปน ตาทิสํ น โหตีติ ‘‘อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเร’’ติ วุตฺตํ. สพฺพคพฺเภปิ ปวิสนฺตีติ คพฺภูปจารสฺส อปริจฺฉินฺนตฺตา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวาปิ ปมุเขเนว คนฺตฺวา ตํ ตํ คพฺภํ ปวิสนฺติ. อถ กุโต ตสฺส ปริกฺเขโปเยว สพฺพปริจฺฉินฺนตฺตาติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘คพฺภปริกฺเขโปเยว หิสฺส ปริกฺเขโป’’ติ, อิทฺจ สมนฺตา คพฺภภิตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํ. จตุสาลวเสน หิ สนฺนิวิฏฺเ เสนาสเน คพฺภปมุขํ วิสุํ อปริกฺขิตฺตมฺปิ สมนฺตา ิตํ คพฺภภิตฺตีนํ วเสน ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติ.

๘๑. เอกทิสาย อุชุกเมว ทีฆํ กตฺวา สนฺนิเวสิโต ปาสาโท เอกสาลสนฺนิเวโส. ทฺวีสุ ตีสุ จตูสุ วา ทิสาสุ สิงฺฆาฏกสณฺานาทิวเสน กตา ทฺวิสาลาทิสนฺนิเวสา เวทิตพฺพา. สาลปฺปเภททีปนเมว เจตฺถ ปุริมโต วิเสโสติ. อฏฺ ปาจิตฺติยานีติ อุปฑฺฒจฺฉนฺนํ อุปฑฺฒปริจฺฉนฺนํ เสนาสนํ ทุกฺกฏวตฺถุสฺส อาทึ กตฺวา ปาฬิยํ ทสฺสิตตฺตา ตโต อธิกํ สพฺพจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนาทิกมฺปิ สพฺพํ ปาฬิยํ อวุตฺตมฺปิ ปาจิตฺติยสฺเสว วตฺถุภาเวน ทสฺสิตํ สิกฺขาปทสฺส ปณฺณตฺติวชฺชตฺตา, ครุเก าตพฺพโต จาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺต ปาจิตฺติยานี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติยทฺวยํ สามฺโต เอกตฺเตน คเหตฺวา วุตฺตํ. ปาฬิยํ (ปาจิ. ๕๔) ‘‘ตติยาย รตฺติยา ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา ปุน สยตี’’ติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ, อนิกฺขมิตฺวา ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา อนฺโตฉทเน นิสินฺนสฺสาปิ ปุน ทิวเส สหเสยฺเยน อนาปตฺติ เอว. เอตฺถ จตุภาโค จูฬกํ, ทฺเวภาคา อุปฑฺฒํ, ตีสุ ภาเคสุ ทฺเว ภาคา เยภุยฺยนฺติ อิมินา ลกฺขเณน จูฬกจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนาทีนิ เวทิตพฺพานิ. อิทานิ ทุติยสิกฺขาปเทปิ ยถาวุตฺตนยํ อติทิสนฺโต ‘‘มาตุคาเมน…เป… อยเมว วินิจฺฉโย’’ติ อาห. ‘‘มติตฺถิยา ปาราชิกวตฺถุภูตายปิ อนุปาทินฺนปกฺเข ิตตฺตา สหเสยฺยาปตฺตึ น ชเนตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อตฺถงฺคเต สูริเย มาตุคาเม นิปนฺเน นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๗) วจนโต ทิวา ตสฺส สยนฺตสฺส สหเสยฺยาปตฺติ น โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

สหเสยฺยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

โสฬสโม ปริจฺเฉโท.

๑๗. มฺจปีาทิสงฺฆิกเสนาสเนสุปฏิปชฺชิตพฺพวินิจฺฉยกถา

๘๒. เอวํ สหเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยาสุ กตฺตพฺพวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วิหาเร สงฺฆิเก เสยฺย’’นฺตฺยาทิมาห. ตตฺถ สมคฺคํ กมฺมํ สมุปคจฺฉตีติ สงฺโฆ, อยเมว วจนตฺโถ สพฺพสงฺฆสาธารโณ. สงฺฆสฺส ทินฺโน สงฺฆิโก, วิหรติ เอตฺถาติ วิหาโร, ตสฺมึ. สยนฺติ เอตฺถาติ เสยฺยา, ตํ. อสนฺถรีติ สนฺถริตฺวาน. ปกฺกมนํ ปกฺกโม, คมนนฺติ อตฺโถ. ‘‘วิหาเร สงฺฆิเก เสยฺยํ, สนฺถริตฺวาน ปกฺกโม’’ติ อิมสฺส อุทฺเทสปาสฺส สงฺฆิเก วิหาเร…เป… ปกฺกมนนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา. ตตฺราติ ตสฺมึ ปกฺกมเน อยํ อีทิโส มยา วุจฺจมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. กตโม โส วินิจฺฉโยติ อาห ‘‘สงฺฆิเก…เป… ปาจิตฺติย’’นฺติ. อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร นาม เสนาสนโต ทฺเว เลฑฺฑุปาตา. ปาจิตฺติยนฺติ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, ทุติยาติกฺกเม ปาจิตฺติยํ. กถํ วิฺายติจฺจาห ‘‘โย ปน ภิกฺขุ…เป… วจนโต’’ติ.

ตตฺถ สงฺฆิโก วิหาโร ปากโฏ, เสยฺยา อปากฏา, สา กติวิธาอิจฺจาห ‘‘เสยฺยา นาม…เป… ทสวิธา’’ติ. ตตฺถาปิ กตมา ภิสิ, กตมา จิมิลิกาทโยติ อาห ‘‘ตตฺถ ภิสีติ…เป… เอส นโย ปณฺณสนฺถาเร’’ติ. ตตฺถ มฺเจ อตฺถริตพฺพาติ มฺจกภิสิ, เอวํ อิตรตฺร, วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตาติ ปฏขณฺฑาทีหิ สิพฺพิตฺวา กตา. ภูมิยํ อตฺถริตพฺพาติ จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพา. สีหธมฺมาทีนํ ปริหรเณ เอว ปฏิกฺเขโปติ อิมินา มฺจปีาทีสุ อตฺถริตฺวา ปุน สํหริตฺวา ปนาทิวเสน อตฺตโน อตฺถาย ปริหรณเมว น วฏฺฏติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน ปริโภโค ปน อตฺตโน ปริหรณํ น โหตีติ ทสฺเสติ. ขนฺธเก หิ ‘‘อนฺโตปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, พหิปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺตี’’ติ เอวํ อตฺตโน อตฺถาย มฺจาทีสุ ปฺเปตฺวา ปริหรณวตฺถุสฺมึ ‘‘น, ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) ปฏิกฺเขโป กโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๒) ปน ‘‘ยทิ เอวํ ‘ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ โจทนํ กตฺวา ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปาสาทปริโภค’นฺติ (จูฬว. ๓๒๐) วจนโต ปุคฺคลิเกปิ เสนาสเน เสนาสนปริโภควเสน นิยมิตํ สุวณฺณฆฏาทิกํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏมานมฺปิ เกวลํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ. เอวมิทํ ภูมตฺถรณวเสน ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏมานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ตํ ตํ วิหารํ หริตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.

ปาวาโร โกชโวติ ปจฺจตฺถรณตฺถาเยว ปิตา อุคฺคตโลมา อตฺถรณวิเสสา. เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อฏฺกถาสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) วุตฺตํ. ‘‘อิทํ อฏฺกถาสุ ตถาวุตฺตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อฺมฺปิ ตาทิสํ มฺจปีเสุ อตฺถริตพฺพํ อตฺถรณเมวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘ปจฺจตฺถรณํ นาม ปาวาโร โกชโว’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา คณฺิปเทสุ วุตฺตํ อิมินา น สเมติ, ‘‘วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๖) วุตฺตํ. วีมํสิเต ปน เอวมธิปฺปาโย ปฺายติ – มาติกาฏฺกถาปิ อฏฺกถาเยว, ตสฺมา มหาอฏฺกถาทีสุ วุตฺตนเยน ‘‘ปาวาโร โกชโว’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ, เอวํ นิยมเน สติปิ ยถา ‘‘ลทฺธาตปตฺโต ราชกุมาโร’’ติ อาตปตฺตสฺส ลทฺธภาเวเยว นิยเมตฺวา วุตฺเตปิ นิทสฺสนนยวเสน ราชกกุธภณฺฑสามฺเน สมานา วาลพีชนาทโยปิ วุตฺตาเยว โหนฺติ, เอวํ ‘‘ปาวาโร โกชโว’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺเตปิ นิทสฺสนนยวเสน เตหิ มฺจปีเสุ อตฺถริตพฺพภาวสามฺเน สมานา อฺเ อตฺถรณาปิ วุตฺตาเยว โหนฺติ, ตสฺมา คณฺิปเทสุ วุตฺตวจนํ อฏฺกถาวจนสฺส ปฏิโลมํ น โหติ, อนุโลมเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

อิมสฺมึ ปน าเน ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก’’ติ ปาํ นิสฺสาย เอกจฺเจ วินยธรา ‘‘สงฺฆิกวิหารสฺส วา ปุคฺคลิกวิหารสฺส วา วิหารทายโกเยว สามิโก, โสเยว อิสฺสโร, ตสฺส รุจิยา เอว วสิตุํ ลภติ, น สงฺฆคณปุคฺคลานํ รุจิยา’’ติ วินิจฺฉยํ กโรนฺติ, โส วีมํสิตพฺโพ, กถํ อยํ ปาโ กิมตฺถํ สาเธติ อิสฺสรตฺถํ วา อาปุจฺฉิตพฺพตฺถํ วาติ? เอวํ วีมํสิเต ‘‘ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิวจนโต อาปุจฺฉิตพฺพตฺถเมว สาเธติ, น อิสฺสรตฺถนฺติ วิฺายติ.

อถ สิยา ‘‘อาปุจฺฉิตพฺพตฺเถ สิทฺเธ อิสฺสรตฺโถ สิทฺโธเยว โหติ. อิสฺสรภาวโตเยว หิ โส อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. ตตฺเถวํ วตฺตพฺพํ – ‘‘อาปุจฺฉนฺเตน จ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมึ อสติ สามเณโร, ตสฺมึ อสติ อารามิโก’’ติอาทิวจนโต อายสฺมนฺตานํ มเตน ภิกฺขุปิ สามเณโรปิ อารามิโกปิ วิหารการโกปิ ตสฺส กุเล โย โกจิ ปุคฺคโลปิ อิสฺสโรติ อาปชฺเชยฺย, เอวํ วิฺายมาเนปิ ภิกฺขุมฺหิ วา สามเณเร วา อารามิเก วา สติ เตเยว อิสฺสรา, น วิหารการโก. เตสุ เอกสฺมิมฺปิ อสติเยว วิหารการโก อิสฺสโร สิยาติ. อิมสฺมึ ปน อธิกาเร สงฺฆิกํ เสนาสนํ รกฺขณตฺถาย อาปุจฺฉิตพฺพํเยว วทติ, น อิสฺสรภาวโต อาปุจฺฉิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) ‘‘อนาปุจฺฉํ วา คจฺเฉยฺยาติ เอตฺถ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิ.

อถาปิ เอวํ วเทยฺย ‘‘น สกลสฺส วากฺยปาสฺส อธิปฺปายตฺถํ สนฺธาย อมฺเหหิ วุตฺตํ, อถ โข ‘วิหารสฺสามิโก’ติ เอตสฺส ปทตฺถํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. กถํ? สํ เอตสฺส อตฺถีติ สามิโก, วิหารสฺส สามิโก วิหารสฺสามิโก. ‘โก วิหารสฺสามิโก นามา’ติ วุตฺเต ‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก นามา’ติ วตฺตพฺโพ, ตสฺมา วิหารการโก ทายโก วิหารสฺสามิโก นามาติ วิฺายติ, เอวํ วิฺายมาเน สติ สามิโก นาม สสฺส ธนสฺส อิสฺสโร, ตสฺส รุจิยา เอว อฺเ ลภนฺติ, ตสฺมา วิหารสฺสามิกภูตสฺส ทายกสฺส รุจิยา เอว ภิกฺขู วสิตุํ ลภนฺติ, น สงฺฆคณปุคฺคลานํ รุจิยาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เต เอวํ วตฺตพฺพา – มา อายสฺมนฺโต เอวํ อวจุตฺถ, ยถา นาม ‘‘ฆฏิกาโร พฺรหฺมา’’ติ วุตฺโต โส พฺรหฺมา อิทานิ ฆฏํ น กโรติ, ปุริมตฺตภาเว ปน กโรติ, ตสฺมา ‘‘ฆฏํ กโรตี’’ติ วจนตฺเถน ‘‘ฆฏิกาโร’’ติ นามํ ลภติ. อิติ ปุพฺเพ ลทฺธนามตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน พฺรหฺมภูโตปิ ‘‘ฆฏิกาโร’’อิจฺเจว วุจฺจติ, เอวํ โส วิหารการโก ภิกฺขูนํ ปริจฺจตฺตกาลโต ปฏฺาย วิหารสฺสามิโก น โหติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ปุพฺเพ ปน อปริจฺจตฺตกาเล วิหารสฺส การกตฺตา วิหารสฺสามิโก นาม โหติ, โส เอวํ ปุพฺเพ ลทฺธนามตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน ‘‘วิหารสฺสามิโก’’ติ วุจฺจติ, น, ปริจฺจตฺตสฺส วิหารสฺส อิสฺสรภาวโต. เตเนว สมฺมาสมฺพุทฺเธน ‘‘วิหารทายกานํ รุจิยา ภิกฺขู วสนฺตู’’ติ อวตฺวา เสนาสนปฺาปโก อนุฺาโตติ ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๙๕) ‘‘เตสํ เคหานีติ เอตฺถ ภิกฺขูนํ วาสตฺถาย กตมฺปิ ยาว น เทนฺติ, ตาว เตสํ สนฺตกํเยว ภวิสฺสตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ, เตน ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เตสํ สนฺตกานิ น โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อยํ ปน กถา ปาสฺส สมฺมุขีภูตตฺตา อิมสฺมึ าเน กถิตา. วิหารวินิจฺฉโย ปน จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉเย (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. โย โกจีติ าตโก วา อฺาตโก วา โย โกจิ. เยน มฺจํ ปีํ วา วินนฺติ, ตํ มฺจปีกวานํ.

๘๓. สิลุจฺจยเลณนฺติ สิลุจฺจเย เลณํ, ปพฺพตคุหาติ อตฺโถ. ‘‘เสนาสนํ อุปจิกาหิ ขายิต’’นฺติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วตฺถุอนุรูปวเสน อฏฺกถายํ อุปจิกาสงฺกาย อภาเวน อนาปตฺติ วุตฺตา. วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๖๐ อาทโย) คมิกวตฺตํ ปฺาเปนฺเตน ‘‘เสนาสนํ อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา เกวลํ อิติกตฺตพฺพตามตฺตทสฺสนตฺถํ ‘‘อาปุจฺฉนํ ปน วตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน วตฺตเภเท ทุกฺกฏนฺติ ทสฺสนตฺถํ, เตเนว อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘เสนาสนํ อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ยํ ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา กตเสนาสนํ ยตฺถ อุปจิกา นาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ คณฺิปเท ‘‘ตาทิเส เสนาสเน อนาปุจฺฉา คจฺฉนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ นตฺถิ, คมิกวตฺเต เสนาสนํ อนาปุจฺฉา คจฺฉนฺโต วตฺตเภโท โหติ, ตสฺมา ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ.

ปจฺฉิมสฺส อาโภเคน มุตฺติ นตฺถีติ ตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺตสฺส อฺสฺส อภาวโต วุตฺตํ. เอกํ วา เปเสตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ เอตฺถ คมนจิตฺตสฺส อุปฺปนฺนฏฺานโต อนาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉนฺเต ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยํ. มณฺฑเป วาติ สาขามณฺฑเป วา ปทรมณฺฑเป วา. รุกฺขมูเลติ ยสฺส กสฺสจิ รุกฺขสฺส เหฏฺา. ปลุชฺชตีติ วินสฺสติ.

๘๔. มชฺเฌ สํขิตฺตํ ปณวสณฺานํ กตฺวา พทฺธนฺติ เอรกปตฺตาทีหิ เวณึ กตฺวา ตาย เวณิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ วิตฺถตฏฺาเน พหุํ เวเตฺวา ตโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌฏฺานํ, ตาว อนฺโตอากฑฺฒนวเสน เวเตฺวา มชฺเฌ สํขิปิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ พนฺธิตฺวา กตํ. ยตฺถ กากา วา กุลลา วา น อูหทนฺตีติ ยตฺถ ธุวนิวาเสน กุลาวเก กตฺวา วสมานา เอเต กากกุลลา, อฺเ วา สกุณา ตํ เสนาสนํ น อูหทนฺติ, ตาทิเส รุกฺขมูเล นิกฺขิปิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.

๘๕. นววายิโมติ อธุนา สุตฺเตน วีตกจฺเฉน ปลิเวิตมฺโจ. โอนทฺโธติ กปฺปิยจมฺเมน โอนทฺโธ, โสว โอนทฺธโก สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน. เตน หิ วสฺเสน สีฆํ น นสฺสติ. อุกฺกฏฺอพฺโภกาสิโกติ อิทํ ตสฺส สุขปฏิปตฺติทสฺสนมตฺตํ, อุกฺกฏฺสฺสาปิ ปน จีวรกุฏิ วฏฺฏเตว. กายานุคติกตฺตาติ ภิกฺขุโน ตตฺเถว นิสินฺนภาวํ ทีเปติ, เตน จ วสฺสภเยน สยํ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส อาปตฺตึ ทสฺเสติ. อพฺโภกาสิกานํ อเตมนตฺถาย นิยเมตฺวา ทายเกหิ ทินฺนมฺปิ อตฺตานํ รกฺขนฺเตน รกฺขิตพฺพเมว. ‘‘ยสฺมา ปน ทายเกหิ ทานกาเลเยว สตสหสฺสคฺฆนกมฺปิ กมฺพลํ ‘ปาทปุฺฉนึ กตฺวา ปริภุฺชถา’ติ ทินฺนํ ตเถว ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อิทมฺปิ มฺจปีาทิเสนาสนํ ‘อชฺโฌกาเสปิ ยถาสุขํ ปริภุฺชถา’ติ ทายเกหิ ทินฺนํ เจ, สพฺพสฺมิมฺปิ กาเล อชฺโฌกาเส นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๐๘-๑๑๐) วุตฺตํ. เปเสตฺวา คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘โย ภิกฺขุ อิมํ านํ อาคนฺตฺวา วสติ, ตสฺส เทถา’’ติ วตฺวา เปเสตพฺพํ.

วลาหกานํ อนุฏฺิตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ อิมินา คิมฺหาเนปิ เมเฆ อุฏฺิเต อพฺโภกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตตฺร ตตฺราติ เจติยงฺคณาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อพฺโภกาเส นิยเมตฺวา นิกฺขิตฺตา. มชฺฌโต ปฏฺาย ปาทฏฺานาภิมุขาติ ยตฺถ สมนฺตโต สมฺมชฺชิตฺวา องฺคณมชฺเฌ สพฺพทา กจวรสฺส สงฺกฑฺฒเนน มชฺเฌ วาลิกา สฺจิตา โหติ, ตตฺถ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อุจฺจวตฺถุปาทฏฺานาภิมุขํ, ภิตฺติปาทฏฺานาภิมุขํ วา วาลิกา หริตพฺพาติ อตฺโถ. ‘‘ยตฺถ วา ปน โกเณสุ วาลิกา สฺจิตา, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย อปรทิสาภิมุขา หริตพฺพา’’ติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สมฺมฏฺฏฺานสฺส ปทวลฺเชน อวิโกปนตฺถาย สยํ อสมฺมฏฺฏฺาเน ตฺวา อตฺตโน ปาทาภิมุขํ วาลิกา หริตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺถ ‘‘มชฺฌโต ปฏฺายา’’ติ วจนสฺส ปโยชนํ น ทิสฺสติ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘ปาทฏฺานาภิมุขาติ นิสีทนฺตานํ ปาทฏฺานาภิมุขนฺติ เกจิ, สมฺมชฺชนฺตสฺส ปาทฏฺานาภิมุขนฺติ อปเร, พหิวาลิกาย อคมนนิมิตฺตํ ปาทฏฺานาภิมุขา หริตพฺพาติ วุตฺตนฺติ เอเก’’ติ วุตฺตํ. กจวรํ หตฺเถหิ คเหตฺวา พหิ ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ อิมินา ‘‘กจวรํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ วาลิกา น ฉฑฺเฑตพฺพาติ ทีเปติ.

๘๖. กปฺปํ ลภิตฺวาติ ‘‘คจฺฉา’’ติ วุตฺตวจเนน กปฺปํ ลภิตฺวา. เถรสฺส หิ อาณตฺติยา คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘นิสีทิตฺวา สยํ คจฺฉนฺโต’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว.

อฺตฺถ คจฺฉตีติ ตํ มคฺคํ อติกฺกมิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉติ. เลฑฺฑุปาตุปจารโต พหิ ิตตฺตา ‘‘ปาทุทฺธาเรน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปมปาทุทฺธาเร ทุกฺกฏํ, ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ. ปากติกํ อกตฺวาติ อปฏิสาเมตฺวา. อนฺตรสนฺนิปาเตติ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปาเต.

๘๗. อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ เอตฺถ อาคนฺตุเกสุ อาคนฺตฺวา กิฺจิ อวตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนสุปิ นิสีทิตฺวา ‘‘อาวาสิกาเยว อุทฺธริสฺสนฺตี’’ติ คเตสุปิ อาวาสิกานเมว ปลิโพโธ. มหาปจฺจริวาเท ปน ‘‘อิทํ อมฺหาก’’นฺติ วตฺวาปิ อวตฺวาปิ นิสินฺนานเมวาติ อธิปฺปาโย. มหาอฏฺกถาวาเท ‘‘อาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยเมว วุตฺตํ. มหาปจฺจริยํ ปน สนฺถราปเน ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ อนาณตฺติยา ปฺตฺตตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อุสฺสารโกติ สรภาณโก. โส หิ อุทฺธํอุทฺธํ ปาฬิปาํ สาเรติ ปวตฺเตตีติ ‘‘อุสฺสารโก’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อิทํ อุสฺสารกสฺส, อิทํ ธมฺมกถิกสฺสา’’ติ วิสุํ ปฺตฺตตฺตา อนาณตฺติยา ปฺตฺเตปิ ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตสฺมึ อาคนฺตฺวา นิสินฺเน ตสฺส ปลิโพโธ’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘อนาณตฺติยา ปฺตฺเตปิ ธมฺมกถิกสฺส อนุฏฺาปนียตฺตา ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส ปน ปจฺฉา อาคเตหิ วุฑฺฒตเรหิ อุฏฺาปนียตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺต’’นฺติ.

๘๘. ปาทปุฺฉนี นาม รชฺชุเกหิ วา ปิโลติกาย วา ปาทปุฺฉนตฺถํ กตา. ผลกปีํ นาม ผลกมยํ ปีํ. อถ วา ผลกฺเจว ทารุมยปีฺจ. ทารุมยปีนฺติ จ ผลกมยเมว ปีํ เวทิตพฺพํ. ปาทกลิกนฺติ อโธตปาทฏฺาปนกํ. อชฺโฌกาเส รชนํ ปจิตฺวา …เป… ปฏิสาเมตพฺพนฺติ เอตฺถ เถเว อสติ รชนกมฺเม นิฏฺิเต ปฏิสาเมตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหตีติ วุตฺตตฺตา อลชฺชึ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. โอตาเปนฺโต…เป… คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘กิฺจาปิ ‘เอตฺตกํ ทูรํ คนฺตพฺพ’นฺติ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตถาปิ เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมฺม นาติทูรํ คนฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

มฺจปีาทิสงฺฆิกเสนาสเนสุปฏิปชฺชิตพฺพ-

วินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท.

๑๘. กาลิกวินิจฺฉยกถา

๘๙. เอวํ สงฺฆิกเสนาสเนสุ กตฺตพฺพวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ จตุกาลิกวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กาลิกานิปิ จตฺตารี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กรณํ กาโร, กิริยา. กาโร เอว กาโล ร-การสฺส ล-กาโร ยถา ‘‘มหาสาโล’’ติ. กาโลติ เจตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนาทิกิริยา. วุตฺตฺหิ –

‘‘อารทฺธานิฏฺิโต ภาโว, ปจฺจุปฺปนฺโน สุนิฏฺิโต;

อตีตานาคตุปฺปาท-มปฺปตฺตาภิมุขา กิริยา’’ติ.

เอตฺถ ปน ตสฺส ตสฺส กิริยาสงฺขาตสฺส กาลสฺส ปเภทภูโต ปุเรภตฺตเอกอโหรตฺตสตฺตาหชีวิกปริยนฺตสงฺขาโต กาลวิเสโส อธิปฺเปโต. กาเล ตสฺมึ ตสฺมึ กาลวิเสเส ปริภุฺชิตพฺพานีติ กาลิกานิ. ปิ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน กปฺปิยา จตุภูมิโยติ สมุจฺเจติ. จตฺตารีติ สงฺขฺยานิทฺเทโส, เตน กาลิกานิ นาม จตฺตาริ เอว โหนฺติ, น ตีณิ น ปฺจาติ ทสฺเสติ, อิทํ มาติกาปทสฺส อตฺถวิวรณํ. ตตฺถ อุทฺเทเส ยํ มาติกายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ‘‘กาลิกานิปิ จตฺตารี’’ติ เอวํ วุตฺตํ, เอตฺถ เอตสฺมึ มาติกาปเท จตฺตาริ กาลิกานิ เวทิตพฺพานีติ โยชนา. กตมานิ ตานีติ อาห ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติอาทิ. ยาวกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ อิติ อิมานิ วตฺถูนิ จตฺตาริ กาลิกานิ นามาติ อตฺโถ.

อิทานิ เตสํ วตฺถุฺจ วิเสสนฺจ นามลาภเหตุฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ปุเรภตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เตสุ จตูสุ กาลิเกสุ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ ยาวกาลิกํ, อฏฺวิธปานํ ยามกาลิกํ, สปฺปิอาทิปฺจวิธเภสชฺชํ สตฺตาหกาลิกํ, สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกํ อิติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. ยํ กิฺจิ ขาทนียโภชนียนฺติ เอตฺถ อติพฺยาปิตํ ปริหริตุํ วิเสสนมาห ‘‘ปุเรภตฺต’’นฺตฺยาทิ. ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตพฺพเมว ยาวกาลิกํ, น อฺํ ขาทนียํ โภชนียนฺตฺยตฺโถ. ยาว…เป… ปริภุฺชิตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน ยาว กาโล อสฺสาติ ยาวกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. อฏฺวิธํ ปานนฺติ เอตฺถ อพฺยาปิตํ ปริหริตุมาห ‘‘สทฺธึ อนุโลมปาเนหี’’ติ. ยาว…เป… ตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน ยาโม กาโล อสฺสาติ ยามกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. สตฺตาหํ นิเธตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน สตฺตาโห กาโล อสฺสาติ สตฺตาหกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตนฺติ เอตฺถ อติพฺยาปิตํ ปริหริตุํ ‘‘เปตฺวา อุทก’’นฺตฺยาห. ยาว…เป… ปริภุฺชิตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เตน ยาวชีวํ กาโล อสฺสาติ ยาวชีวิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ.

เอตฺถาห – ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหเรยฺย อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๖๕) วจนโต นนุ อุทกํ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพํ, อถ กสฺมา ‘‘เปตฺวา อุทกํ อวเสสํ สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ปริสุทฺธอุทกํ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพํ, กทฺทมาทิสหิตํ ปน ปฏิคฺคเหตพฺพํ โหติ, ตสฺมา ปฏิคฺคหิเตสุ อนฺโตคธภาวโต ‘‘เปตฺวา อุทก’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวมปิ ‘‘สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ อิมินาว สิทฺธํ ปฏิคฺคเหตพฺพสฺส อุทกสฺสปิ คหณโตติ? สจฺจํ, ตถาปิ อุทกภาเวน สามฺโต ‘‘สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ เอตฺตเก วุตฺเต เอกจฺจสฺส อุทกสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพภาวโต อุทกมฺปิ ยาวชีวิกํ นามาติ าเยยฺย, น ปน อุทกํ ยาวชีวิกํ สุทฺธสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพาภาวโต, ตสฺมา อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกจฺจสฺส อุทกสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพภาเว สติปิ สุทฺธสฺส อปฺปฏิคฺคหิตพฺพตฺตา ตํ อุทกํ เปตฺวา สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกนฺติ วุจฺจตีติ.

๙๐. มูลกมูลาทีนิ อุปเทสโตเยว เวทิตพฺพานิ, ตานิ ปริยายโต วุจฺจมานานิปิ น สกฺกา วิฺาตุํ. ปริยายนฺตเรน หิ วุจฺจมาเน ตํ ตํ นามํ อชานนฺตานํ สมฺโมโหเยว สิยา, ตสฺมา ตตฺถ น กิฺจิ วกฺขาม. ขาทนีเย ขาทนียตฺถนฺติ ปูวาทิขาทนีเย วิชฺชมานํ ขาทนียกิจฺจํ ขาทนีเยหิ กาตพฺพํ ชิฆจฺฉาหรณสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํ เนว ผรนฺติ น นิปฺผาเทนฺติ. เอกสฺมึ เทเส อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ วา อสาเธนฺตํ วา อปรสฺมึ เทเส อุฏฺิตภูมิรสาทิเภเทน อาหารชิฆจฺฉาหรณกิจฺจํ อสาเธนฺตมฺปิ วา สมฺภเวยฺยาติ อาห ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘เอกสฺมึ ชนปเท อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ เสสชนปเทสุปิ วิกาเล น กปฺปติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ปกติอาหารวเสนาติ อฺเหิ ยาวกาลิเกหิ อโยชิตํ อตฺตโน ปกติยาว อาหารกิจฺจกรณวเสน. สมฺโมโหเยว โหตีติ อเนกตฺถานํ นามานํ อปฺปสิทฺธานฺจ สมฺภวโต สมฺโมโห เอว สิยา. เตเนเวตฺถ มยมฺปิ มูลกมูลาทีนํ ปริยายนฺตรทสฺสเน อาทรํ น กริมฺห อุปเทสโตว คเหตพฺพโต.

นฺติ วฏฺฏกนฺทํ.

มุฬาลนฺติ ถูลตรุณมูลเมว.

รุกฺขวลฺลิอาทีนนฺติ เหฏฺา วุตฺตเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา วุตฺตํ.

อนฺโตปถวีคโตติ สาลกลฺยาณิกฺขนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ.

สพฺพกปฺปิยานีติ มูลตจปตฺตาทีนํ วเสน สพฺพโส กปฺปิยานิ, เตสมฺปิ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ.

อจฺฉิวาทีนํ อปริปกฺกาเนว ผลานิ ยาวชีวิกานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริปกฺกานี’’ติ วุตฺตํ.

หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ มิฺชํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ กปาลานิ ยาวชีวิกานีติ อาจริยา. มิฺชมฺปิ ยาวชีวิกนฺติ เอเก. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๔๘-๒๔๙) ปน ‘‘หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ ‘มิฺชํ ยาวกาลิก’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถายํ อวุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

หิงฺคูติ หิงฺคุรุกฺขโต ปคฺฆริตนิยฺยาโส. หิงฺคุชตุอาทโยปิ หิงฺคุวิกติโย เอว. ตตฺถ หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. หิงฺคุสิปาฏิกํ นาม หิงฺคุปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. ‘‘อฺเน มิสฺเสตฺวา กโต’’ติปิ วทนฺติ. ตกนฺติ อคฺคโกฏิยา นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปตฺตีติ ปตฺตโต นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปณฺณีติ ปลาเส ภชฺชิตฺวา กตสิเลโส. ‘‘ทณฺฑโต นิกฺขนฺตสิเลโส’’ติปิ วทนฺติ.

๙๑. ยามกาลิเกสุ ปนาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ขาทนียโภชนียปเทหิ ยาวกาลิกเมว สงฺคหิตํ, น ยามกาลิกํ, ตถาปิ ‘‘อนาปตฺติ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภุฺชตี’’ติ อิธ เจว ‘‘ยามกาลิเกน ภิกฺขเว สตฺตาหกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติ อฺตฺถ (มหาว. ๓๐๕) จ วุตฺตตฺตา ‘‘ยามกาลิก’’นฺติวจนสามตฺถิยโต จ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ อฏฺกถาจริเยหิ ยามกาลิกํ สนฺนิธิการกํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เปตฺวา ธฺผลรสนฺติ เอตฺถ ‘‘ตณฺฑุลโธวโนทกมฺปิ ธฺผลรโสเยวา’’ติ วทนฺติ.

๙๒. สตฺตาหกาลิเก ปฺจ เภสชฺชานีติ เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา มา วา, เอวํลทฺธโวหารานิ ปฺจ. ‘‘โคสปฺปี’’ติอาทินา โลเก ปากฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิมินา อฺเสมฺปิ โรหิตมิคาทีนํ สปฺปึ คเหตฺวา ทสฺเสติ. เยสฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิมฺปิ เตสํ อตฺถิเยว, ตํ ปน สุลภํ วา ทุลฺลภํ วา อสมฺโมหตฺถํ วุตฺตํ. เอวํ นวนีตมฺปิ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ จ อิทํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ น กปฺปตีติ ทสฺสนตฺถํ. มนุสฺสขีราทีนิปิ หิ โน น กปฺปนฺติ.

๙๓. ยาว กาโล นาติกฺกมติ, ตาว ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ กาโลติ ภิกฺขูนํ โภชนกาโล อธิปฺเปโต, โส จ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ิตมชฺฌนฺหิโก. ิตมชฺฌนฺหิโกปิ หิ กาลสงฺคหํ คจฺฉติ, ตโต ปฏฺาย ปน ขาทิตุํ วา ภุฺชิตุํ วา น สกฺกา, สหสา ปิวิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กุกฺกุจฺจเกน ปน น กตฺตพฺพํ. กาลปริจฺเฉทชานนตฺถฺจ กาลตฺถมฺโภ โยเชตพฺโพ. กาลนฺตเร วา ภตฺตกิจฺจํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหเณติ คหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิคฺคหิตเมว หิ ตํ, สนฺนิหิตํ น กปฺปตีติ ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, เตเนว ‘‘อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ’’ติ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘อชฺโฌหริสฺสามีติ คณฺหนฺตสฺส คหเณ’’อิจฺเจว วุตฺตํ.

นฺติ ยํ ปตฺตํ. สนฺทิสฺสตีติ ยาคุยา อุปริ สนฺทิสฺสติ. เตลวณฺเณ ปตฺเต สติปิ นิสฺเนหภาเว องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส วณฺณวเสเนว เลขา ปฺายติ, ตสฺมา ตตฺถ อนาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สา อพฺโพหาริกา’’ติ วุตฺตํ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมว หิ ทุติยทิวเส น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน, อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเนน วา วิชหิตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจตฺตเมว โหตีติ ‘‘อปริจฺจตฺต’’นฺติ อิมินา อุภยถาปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปตฺโต ทุทฺโธโต โหตี’’ติอาทีสุ กสฺมา อาปตฺติ วุตฺตาติ? ‘‘ปฏิคฺคหณํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยํ วา อฺเน วา ตุจฺฉํ กตฺวา น สมฺมา โธวิตฺวา นิฏฺาปิเต ปตฺเต ลคฺคมฺปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว โหตีติ ตตฺถ อาปตฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘สามเณรานํ ปริจฺจชนฺตีติ อิมสฺมึ อธิกาเร ตฺวา ‘อปริจฺจตฺตเมวา’ติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺส ปริจฺจตฺตเมว วฏฺฏติ, อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตสฺมา นิราลยภาเวน ปฏิคฺคหเณ วิชหิเตปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติ. ยทคฺเคน หิ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ, ตทคฺเคน สนฺนิธิมฺปิ น กโรติ วิชหิตปฏิคฺคหณสฺส อปฺปฏิคฺคหิตสทิสตฺตา. ปฏิคฺคเหตฺวา นิทหิเตเยว จ สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วุตฺตา.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๕๒-๒๕๓) ปน ‘‘อปริจฺจตฺตเมวาติ นิรเปกฺขตาย อนุปสมฺปนฺนสฺส อทินฺนํ อปริจฺจตฺตฺจ ยาวกาลิกาทิวตฺถุเมว สนฺธาย วทติ, น ปน ตคฺคตปฏิคฺคหณํ. น หิ วตฺถุํ อปริจฺจชิตฺวา ตตฺถคตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจชิตุํ สกฺกา, น จ ตาทิสํ วจนํ อตฺถิ, ยทิ ภเวยฺย, ‘สเจ ปตฺโต ทุทฺโธโต โหติ…เป… ภุฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติย’นฺติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. น หิ โธวเนน อามิสํ อปเนตุํ วายมนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อเปกฺขา วตฺตติ. เยน ปุนทิวเส ภุฺชโต ปาจิตฺติยํ ชเนยฺย, ปตฺเต ปน วตฺตมานา อเปกฺขา ตคฺคติเก อามิเสปิ วตฺตติ เอว นามาติ อามิเส อนเปกฺขตา เอตฺถ น ลพฺภติ, ตโต อามิเส อวิชหิตปฏิคฺคหณํ ปุนทิวเส ปาจิตฺติยํ ชเนตีติ อิทํ วุตฺตํ. อถ มตํ ‘ยทคฺเคเนตฺถ อามิสานเปกฺขตา น ลพฺภติ, ตทคฺเคน ปฏิคฺคหณานเปกฺขตาปิ น ลพฺภตี’ติ. ตถา สติ ยตฺถ อามิสาเปกฺขา อตฺถิ, ตตฺถ ปฏิคฺคหณาเปกฺขาปิ น วิคจฺฉตีติ อาปนฺนํ, เอวฺจ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ วิสุํ น วตฺตพฺพํ สิยา, อฏฺกถายฺเจตมฺปิ ปฏิคฺคหณวิชหนํ การณตฺเตน อภิมตํ สิยา. อิทํ สุฏฺุตรํ กตฺวา วิสุํ วตฺตพฺพํ จีวราเปกฺขาย วตฺตมานายปิ ปจฺจุทฺธาเรน อธิฏฺานวิชหนํ วิย. เอตสฺมิฺจ อุปาเย สติ คณฺิกาหตปตฺเตสุ อวฏฺฏนตา นาม น สิยาติ วุตฺโตวายมตฺโถ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๕๒-๒๕๓) ‘ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตี’ติอาทิ, ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๕๕) ‘‘สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา สนฺนิหิเตสุ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิเกสุ ปุเรภตฺตมฺปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา ยามกาลิเกปิ อชฺโฌหาเร วิสุํ ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อาหารตฺถาย อชฺโฌหรโต ทุกฺกเฏน สทฺธึ ปาจิตฺติย’’นฺติ. ปกติอามิเสติ โอทนาทิกปฺปิยามิเส. ทฺเวติ ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ยามกาลิกํ ปุเรภตฺตํ สามิเสน มุเขน ภุฺชโต สนฺนิธิปจฺจยา เอกํ, ยาวกาลิกสํสฏฺตาย ยาวกาลิกตฺตภชเนน อนติริตฺตปจฺจยา เอกนฺติ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ. วิกปฺปทฺวเยติ สามิสนิรามิสปกฺขทฺวเย. ถุลฺลจฺจยํ ทุกฺกฏฺจ วฑฺฒตีติ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสสอกปฺปิยมํเส ทุกฺกฏํ วฑฺฒติ.

ปฏิคฺคหณปจฺจยา ตาว ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สนฺนิหิตตฺตา ปุเรภตฺตมฺปิ ทุกฺกฏเมว. สติ ปจฺจเย ปน สนฺนิหิตมฺปิ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ เภสชฺชตฺถาย คณฺหนฺตสฺส ปริภุฺชนฺตสฺส จ อนาปตฺติเยว.

๙๔. อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตนฺติ อปฏิคฺคหิตํ สยเมว คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๒) ‘‘อุคฺคหิตกนฺติ ปริโภคตฺถาย สยํ คหิต’’นฺติ วุตฺตํ. สยํ กโรตีติ ปจิตฺวา กโรติ. ปุเรภตฺตนฺติ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา. สยํกตนฺติ นวนีตํ ปจิตฺวา กตํ. นิรามิสเมวาติ ตทหุปุเรภตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๙๕. อชฺช สยํกตํ นิรามิสเมว ภุฺชนฺตสฺส กสฺมา สามํปาโก น โหตีติ อาห ‘‘นวนีตํ ตาเปนฺตสฺสา’’ติอาทิ. ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตเกหีติ ขีรทธีนิ สนฺธาย วุตฺตํ. อุคฺคหิตเกหิ กตํ อพฺภฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพนฺติ โยชนา. อุภเยสมฺปีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตขีรทธีหิ จ ปุเรภตฺตํ อุคฺคหิตเกหิ จ กตานํ. เอส นโยติ นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อตฺโถ. อกปฺปิยมํสสปฺปิมฺหีติ หตฺถิอาทีนํ สปฺปิมฺหิ. การณปติรูปกํ วตฺวาติ ‘‘สชาติกานํ สปฺปิภาวโต’’ติ การณปติรูปกํ วตฺวา. สปฺปินเยน เวทิตพฺพนฺติ นิรามิสเมว สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ นวนีเต. โธตํ วฏฺฏตีติ อโธตฺเจ, สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา โธตํ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ เถรานํ อธิปฺปาโย.

มหาสีวตฺเถรสฺส ปน วตฺถุโน วิโยชิตตฺตา ทธิคุฬิกาทีหิ ยุตฺตตามตฺเตน สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม น โหติ, ตสฺมา ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตเมว ปฏิคฺคเหตฺวา โธวิตฺวา, ปจิตฺวา วา นิรามิสเมว กตฺวา ภุฺชึสูติ อธิปฺปาโย, น ปน ทธิคุฬิกาทีหิ สห วิกาเล ภุฺชึสูติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา นวนีตํ ปริภุฺชนฺเตน…เป… สวตฺถุกปฏิคฺคหํ นาม น โหตี’’ติ. ตตฺถ อโธตํ ปฏิคฺคเหตฺวาปิ ตํ นวนีตํ ปริภุฺชนฺเตน ทธิอาทีนิ อปเนตฺวา ปริภุฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตเมว ขาทึสู’’ติ วจนสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตํ อโธตมฺปิ ทธิคุฬิกาทิสหิตํ วิกาเล ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทธิคุฬิกาทิอามิเสน สํสฏฺรสํ นวนีตํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ สกฺกา วตฺตุํ. นวนีตํ ปริภุฺชนฺเตนาติ อโธวิตฺวา ปฏิคฺคหิตนวนีตํ ปริภุฺชนฺเตน. ทธิ เอว ทธิคตํ ยถา ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑). ‘‘ขยํ คมิสฺสตี’’ติ วจนโต ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกสปฺปิอาทิปิ วิกาเล กปฺปตีติ เวทิตพฺพํ. ขยํ คมิสฺสตีติ นิรามิสํ โหติ, ตสฺมา วิกาเลปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตาติ นวนีเต ลคฺคมตฺเตน วิสุํ ทธิอาทิโวหารํ อลทฺเธน อปฺปมตฺเตน ทธิอาทินาติ อตฺโถ, เอเตน วิสุํ ปฏิคฺคหิตทธิอาทีหิ สห ปกฺกํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตสงฺขเมว คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. ตสฺมิมฺปีติ นิรามิสภูเตปิ. กุกฺกุจฺจกานํ ปน อยํ อธิปฺปาโย – ปฏิคฺคหเณ ตาว ทธิอาทีหิ อสมฺภินฺนรสตฺตา ภตฺเตน สหิตคุฬปิณฺฑาทิ วิย สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม โหติ. ตํ ปน ปจนฺเตน โธวิตฺวาว ปจิตพฺพํ. อิตรถา ปจนกฺขเณ ปจฺจมานทธิคุฬิกาทีหิ สมฺภินฺนรสตาย สามํปกฺกํ ชาตํ, เตสุ ขีเณสุปิ สามํปกฺกเมว โหติ, ตสฺมา นิรามิสเมว ปจิตพฺพนฺติ. เตเนว ‘‘อามิเสน สทฺธึ ปกฺกตฺตา’’ติ การณํ วุตฺตํ.

เอตฺถ จายํ วิจารณา – สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตาภาเว อามิเสน สห ภิกฺขุนา ปกฺกสฺส สยํปากโทโส วา ปริสงฺกียติ, ยาวกาลิกตา วา. ตตฺถ น ตาว สยํปากโทโส เอตฺถ สมฺภวติ สตฺตาหกาลิกตฺตา. ยฺหิ ตตฺถ ทธิอาทิ อามิสคตํ, ตํ ปริกฺขีณนฺติ. อถ ปฏิคฺคหิตทธิคุฬิกาทินา สห อตฺตนา ปกฺกตฺตา สวตฺถุกปกฺกํ วิย ภเวยฺยาติ ปริสงฺกียติ, ตทา ‘‘อามิเสน สห ปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ การณํ วตฺตพฺพํ, น ปน ‘‘ปกฺกตฺตา’’ติ, ตถา จ อุปฑฺฒตฺเถรานํ มตเมว องฺคีกตํ สิยา. ตตฺถ จ สามเณราทีหิ ปกฺกมฺปิ ยาวกาลิกเมว สิยา ปฏิคฺคหิตขีราทึ ปจิตฺวา อนุปสมฺปนฺเนหิ กตสปฺปิอาทิ วิย, น จ ตํ ยุตฺตํ ภิกฺขาจาเรน ลทฺธนวนีตาทีนํ ตกฺกาทิอามิสสํสฏฺสมฺภเวน อปริภุฺชิตพฺพตฺตาปฺปสงฺคโต. น หิ คหฏฺา โธวิตฺวา, โสเธตฺวา วา ปตฺเต อากิรนฺตีติ นิยโม อตฺถิ.

อฏฺกถายฺจ ‘‘ยถา ตตฺถ ปติตตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ…เป… ปุน ปจิตฺวา เทติ, ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา วจเนนเปตํ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา อิธ กุกฺกุจฺจกานํ กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติยา นิมิตฺตเมว น ทิสฺสติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘ลชฺชี สามเณโร ยถา ตตฺถ ตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา…เป… เทตี’’ติ วจนสฺสาปิ นิมิตฺตํ น ทิสฺสติ. ยทิ หิ เอตํ ยาวกาลิกสํสคฺคปริหาราย วุตฺตํ สิยา. อตฺตนาปิ ตถา กาตพฺพํ ภเวยฺย. คหฏฺเหิ ทินฺนสปฺปิอาทีสุ จ อามิสสํสคฺคสงฺกา น วิคจฺเฉยฺย. น หิ คหฏฺา เอวํ วิลียาเปตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา กณตณฺฑุลาทึ อปเนตฺวา ปุน ปจนฺติ. อปิจ เภสชฺเชหิ สทฺธึ ขีราทึ ปกฺขิปิตฺวา ยถา ขีราทิ ขยํ คจฺฉติ, เอวํ ปเรหิ ปกฺกเภสชฺชเตลาทิปิ ยาวกาลิกเมว สิยา, น จ ตมฺปิ ยุตฺตํ ทธิอาทิขยกรณตฺถํ ‘‘ปุน ปจิตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา มหาสีวตฺเถรวาเท กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา อโธตมฺปิ นวนีตํ ตทหุปิ ปุนทิวสาทีสุปิ ปจิตุํ, ตณฺฑุลาทิมิสฺสํ สปฺปิอาทึ อตฺตนาปิ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา ปุน ตกฺกาทิขยตฺถํ ปจิตุฺจ วฏฺฏติ.

ตตฺถ วิชฺชมานสฺสาปิ ปจฺจมานกฺขเณ สมฺภินฺนรสสฺส ยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺเตน สวตฺถุกปฏิคฺคหิตปุเรปฏิคฺคหิตกานมฺปิ อพฺโพหาริกโตติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ. เตเนว ‘‘เอตฺตาวตา หิ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม น โหตี’’ติ วุตฺตํ. วิสุํ ปฏิคฺคหิเตน ปน ขีราทินา อามิเสน นวนีตาทึ มิสฺเสตฺวา ภิกฺขุนา วา อฺเหิ วา ปกฺกเตลาทิเภสชฺชํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตสงฺขเมว คจฺฉติ ตตฺถ ปวิฏฺยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺตาภาวา. ยํ ปน ปุเรปฏิคฺคหิตเภสชฺเชหิ สทฺธึ อปฺปฏิคฺคหิตํ ขีราทึ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลาทิกํ อนุปสมฺปนฺเนเหว ปกฺกมฺปิ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตมฺปิ สนฺนิธิปิ น โหติ ตตฺถ ปกฺขิตฺตขีราทิมิสฺสาปิ ตสฺมึ ขเณ สมฺภินฺนรสตาย ปุเรปฏิคฺคหิตตฺตาปตฺติโต, สเจ ปน อปฺปฏิคฺคหิเตเหว, อฺเหิ วา ปกฺกเตลาทีสุปิ อามิสรโส ปฺายติ, ตํ ยาวกาลิกํว โหตีติ เวทิตพฺพํ. อยํ กถามคฺโค วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๒) อาคโต. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๒) ปน ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺติ กุกฺกุจฺจกาติ อิมินา อตฺตโนปิ ตตฺถ กุกฺกุจฺจสพฺภาวมฺปิ ทีเปติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘นิพฺพฏฺฏิตสปฺปิ วา นวนีตํ วา ปจิตุํ วฏฺฏตี’ติ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว อาคโต.

อุคฺคเหตฺวาติ สยเมว คเหตฺวา. ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวาติ ตานิ ขีรทธีนิ ปฏิคฺคเหตฺวา. คหิตนฺติ ตณฺฑุลาทิวิคมตฺถํ ปุน ปจิตฺวา คหิตนฺติ อตฺโถ. ปฏิคฺคเหตฺวา จ ปิตเภสชฺเชหีติ อติเรกสตฺตาหปฏิคฺคหิเตหิ ยาวชีวิกเภสชฺเชหิ, เอเตน เตหิ ยุตฺตมฺปิ สปฺปิอาทิ อติเรกสตฺตาหปฏิคฺคหิตํ น โหตีติ ทสฺเสติ. วทฺทลิสมเยติ วสฺสกาลสมเย, อนาตปกาเลติ อตฺโถ. วุตฺตนเยน ยถา ตณฺฑุลาทีนิ น ปจฺจนฺติ, ตถา ลชฺชีเยว สมฺปาเทตฺวา เทตีติ ลชฺชิสามเณรคฺคหณํ. อปิจ อลชฺชินา อชฺโฌหริตพฺพํ ยํ กิฺจิ อภิสงฺขราเปตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมาปิ เอวมาห.

๙๖. ติเล ปฏิคฺคเหตฺวา กตเตลนฺติ อตฺตนา ภชฺชาทีนิ อกตฺวา กตเตลํ. เตเนว ‘‘สามิสมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพฏฺฏีตตฺตาติ ยาวกาลิกโต วิเวจิตตฺตา, เอเตน เอลาอภาวโต ยาวกาลิกตฺตาภาวํ, ภิกฺขุโน สวตฺถุกปฏิคฺคหเณน ยาวกาลิกตฺตุปคมนฺจ ทสฺเสติ. อุภยมฺปีติ อตฺตนา อฺเหิ จ กตํ.

ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺติ, นิสฺสคฺคิยนฺติ สตฺตเม ทิวเส กตเตลํ สเจ ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺติ, นิสฺสคฺคิยํ.

อจฺฉวสนฺติ ทุกฺกฏวตฺถุโน วสาย อนุฺาตตฺตา ตํสทิสานํ ทุกฺกฏวตฺถูนํเยว อกปฺปิยมํสสตฺตานํ วสา อนุฺาตา, น ถุลฺลจฺจยวตฺถุ มนุสฺสานํ วสาติ อาห ‘‘เปตฺวา มนุสฺสวส’’นฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. ติณฺณํ ทุกฺกฏานนฺติ อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร ตีณิ ทุกฺกฏานิ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจาปิ ปริโภคตฺถาย วิกาเล ปฏิคฺคหณปจนปริสฺสาวนาทีสุ ปุพฺพปโยเคสุ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อาปตฺติ น วุตฺตา, ตถาปิ เอตฺถ อาปตฺติยา เอว ภวิตพฺพํ ปฏิกฺขิตฺตสฺส กรณโต อาหารตฺถาย วิกาเล ยามกาลิกาทีนํ ปฏิคฺคหเณ วิย. ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล อนุปสมฺปนฺเนนาปิ นิปกฺกํ สํสฏฺฺจ ปริภุฺชนฺตสฺส ทฺเวปิ ทุกฺกฏานิ โหนฺติเยวา’’ติ วทนฺติ.

ยสฺมา ขีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเภสชฺชเตเล กสฏํ อามิสคติกํ, เตน สห เตลํ ปฏิคฺคเหตุํ, ปจิตุํ วา ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปกฺกเตลกสเฏ วิย กุกฺกุจฺจายตี’’ติ. ‘‘สเจ วสาย สห ปกฺกตฺตา น วฏฺฏติ, อิทํ กสฺมา วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ภนฺเต…เป… วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ, เถโร อติกุกฺกุจฺจกตาย ‘‘เอตมฺปิ อาวุโส น วฏฺฏตี’’ติ อาห, โรคนิคฺคหตฺถาย เอว วสาย อนุฺาตตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา ปจฺฉา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

๙๗. ‘‘มธุกรีหิ มธุมกฺขิกาหีติ อิทํ ขุทฺทกภมรานํ ทฺวินฺนํ เอว วิเสสน’’นฺติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘ทณฺฑเกสุ มธุการิกา มธุกริมกฺขิกา นาม, ตาหิ สห ติสฺโส มธุมกฺขิกชาติโย’’ติ วทนฺติ. ภมรมกฺขิกาติ มหาปฏลการิกา. สิเลสสทิสนฺติ สุกฺขตาย วา ปกฺกตาย วา ฆนีภูตํ. อิตรนฺติ ตนุกมธุ. มธุปฏลนฺติ มธุรหิตํ เกวลํ มธุปฏลํ. ‘‘สเจ มธุสหิตํ ปฏลํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปนฺติ. ปฏลสฺส ภาชนฏฺานิยตฺตา มธุโน วเสน สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ‘‘มธุมกฺขิตํ ปน มธุคติกเมวา’’ติ อิมินา ตํ สเมติ.

๙๘. ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๖๐) อวิเสเสน วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย…เป… อวตฺถุกา อุจฺฉุวิกติ ‘ผาณิต’นฺติ เวทิตพฺพา’’ติ วจนโต อุจฺฉุรโสปิ นิกฺกสโฏ สตฺตาหกาลิโกติ เวทิตพฺพํ. เกนจิ ปน ‘‘มธุมฺหิ จตฺตาโร กาลิกา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, อุจฺฉุมฺหิ จา’’ติ วตฺวา ‘‘สมกฺขิกณฺฑํ เสลกํ มธุ ยาวกาลิกํ, อเนลกํ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ, อสมฺภินฺนํ สตฺตาหกาลิกํ, มธุสิตฺถํ ปริสุทฺธํ ยาวชีวิกํ, ตถา อุจฺฉุรโส สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก, อสมฺภินฺโน สตฺตาหกาลิโก, สุทฺธกสฏํ ยาวชีวิก’’นฺติ จ วตฺวา อุตฺตริปิ พหุธา ปปฺจิตํ. ตตฺถ ‘‘อุทกสมฺภินฺนํ มธุ วา อุจฺฉุรโส วา สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ ทิสฺสติ, ‘‘ยาวกาลิกํ สมานํ ครุตรมฺปิ มุทฺทิกาชาติรสํ อตฺตนา สํสฏฺํ ลหุกํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนนฺตํ อุทกํ ลหุตรํ สตฺตาหกาลิกํ อตฺตนา สํสฏฺํ ครุตรํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนตี’’ติ เอตฺถ การณํ โสเยว ปุจฺฉิตพฺโพ. สพฺพตฺถ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ อุทกสมฺภินฺเนน ครุตรสฺสาปิ ลหุภาโวปคมนํเยว ทสฺสิตํ. ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๒๘๔) หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ วทนฺเตน อคิลาเนน ปริภุฺชิตุํ อยุตฺโตปิ คุโฬ อุทกสมฺภินฺโน อคิลานสฺสปิ วฏฺฏตีติ อนุฺาโต.

ยมฺปิ จ ‘‘อุจฺฉุ เจ, ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ, ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ, สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ, ยาวชีวิโก’’ติ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก’’ติ อฺเน เกนจิ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถาวิธสฺส อฏฺกถาวจนสฺส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย อภาวโต น สารโต ปจฺเจตพฺพํ, ตโตเยว จ ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภินฺโนปิ อสมฺภินฺโนปิ สตฺตาหกาลิโกเยวา’’ติ เกจิ อาจริยา วทนฺติ. เภสชฺชกฺขนฺธเก จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’’นฺติ เอตฺถ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อวิเสเสน วุตฺตํ ‘‘อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก’’ติ. สยํกตํ นิรามิสเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ อปริสฺสาวิตํ ปฏิคฺคหิตมฺปิ กรณสมเย ปริสฺสาเวตฺวา, กสฏํ อปเนตฺวา จ อตฺตนา กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๓).

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๓) ปน อุจฺฉุรสํ อุปาทายาติ นิกฺกสฏรสสฺสาปิ สตฺตาหกาลิกตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ สามฺโต วุตฺตตฺตา. ยํ ปน สุตฺตนฺตฏฺกถายํ ‘‘อุจฺฉุ เจ, ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ, ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ, สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ, ยาวชีวิโก’’ติ วุตฺตํ, ตํ อมฺพผลรสาทิมิสฺสตาย ยามกาลิกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, อวินยวจนตฺตา ตํ อปฺปมาณนฺติ. เตเนว ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิรามิสเมว วฏฺฏติ ตตฺถ ปวิฏฺยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺตาติ อิทํ คุเฬ กเต ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กสฏํ ปาเกน สุกฺขตาย ยาวชีวิกตฺตํ ภชตีติ วุตฺตํ. ตสฺส ยาวกาลิกตฺเต หิ สามํปาเกน ปุเรภตฺเตปิ อนชฺโฌหรณียํ สิยาติ. ‘‘สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิทํ อุจฺฉุรเส จุณฺณวิจุณฺณํ หุตฺวา ิตกสฏํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตน จ ‘‘อปริสฺสาวิเตน อปฺปฏิคฺคหิเตน อนุปสมฺปนฺเนหิ กตํ สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ.

ฌามอุจฺฉุผาณิตนฺติ อคฺคิมฺหิ อุจฺฉุํ ตาเปตฺวา กตํ. โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตนฺติ ขุทฺทานุขุทฺทกํ ฉินฺทิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา นิปฺปีเฬตฺวา ปกฺกํ. ตํ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กสฏํ ปกฺกกาเล ยาวกาลิกตฺตํ วิชหตีติ อาห ‘‘ตํ ยุตฺต’’นฺติ. สีโตทเกน กตนฺติ มธุกปุปฺผานิ สีโตทเกน มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ปจิตฺวา กตํ. ‘‘อปริสฺสาเวตฺวา กต’’นฺติ เกจิ, ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติ. ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ มธุกผาณิตํ ยาวกาลิกนฺติ เอตฺถ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลํ กสฺมา วิกาเล วฏฺฏตีติ เจ? เตเล ปกฺขิตฺตํ ขีรํ เตลเมว โหติ, อฺํ ปน ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ ขีรภาวํ คณฺหาตีติ อิทเมตฺถ การณํ. ยทิ เอวํ ขณฺฑสกฺขรมฺปิ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กโรนฺติ, ตํ กสฺมา วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสกฺขรํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ขีรชลฺลิกนฺติ ขีรเผณํ.

๙๙. ‘‘มธุกปุปฺผํ ปนา’’ติอาทิ ยาวกาลิกรูเปน ิตสฺสาปิ อวฏฺฏนกํ เมรยพีชวตฺถุํ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. อาหารกิจฺจํ กโรนฺตานิ เอตานิ กสฺมา เอวํ ปริภุฺชิตพฺพานีติ โจทนาปริหาราย เภสชฺโชทิสฺสํ ทสฺเสนฺเตน ตปฺปสงฺเคน สพฺพานิปิ โอทิสฺสกานิ เอกโต ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตวิธฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓). วินยสงฺคหปฺปกรเณ ปน ตํ น วุตฺตํ, ‘‘ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺาย สติ ปจฺจเยติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหิตเภสชฺชานิ ทุติยทิวสโต ปฏฺาย ปุเรภตฺตมฺปิ สติ ปจฺจเยว ปริภุฺชิตพฺพานิ, น อาหารตฺถาย เภสชฺชตฺถาย ปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. ทฺวารวาตปานกวาเฏสูติ มหาทฺวารสฺส วาตปานานฺจ กวาฏผลเกสุ. กสาเว ปกฺขิตฺตานิ ตานิ อตฺตโน สภาวํ ปริจฺจชนฺตีติ ‘‘กสาเว…เป… มกฺเขตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ, ฆุณปาณกาทิปริหารตฺถํ มกฺเขตพฺพานีติ อตฺโถ. อธิฏฺเตีติ ‘‘อิทานิ มยฺหํ อชฺโฌหรณียํ น ภวิสฺสติ, พาหิรปริโภคตฺถาย ภวิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สปฺปิฺจ เตลฺจ วสฺจ มุทฺธนิ เตลํ วา อพฺภฺชนํ วา’’ติอาทิ, เอวํ ปริโภเค อนเปกฺขตาย ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ อฺเสุปิ กาลิเกสุ อนชฺโฌหริตุกามตาย สุทฺธจิตฺเตน พาหิรปริโภคตฺถาย นิยเมปิ ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ อิทมฺปิ วิสุํ เอกํ ปฏิคฺคหณวิชหนนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อฺเน ภิกฺขุนา วตฺตพฺโพติ เอตฺถ สุทฺธจิตฺเตน ทินฺนตฺตา สยมฺปิ อาหราเปตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติเยว. ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตีติ ยถา อฺสฺส สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหาติกฺกเมปิ นิสฺสคฺคิยํ น โหติ ปรสนฺตกภาวโต, เอวมิทมฺปิ อวิภตฺตตฺตา อุภยสาธารณมฺปิ วินิพฺโภคาภาวโต นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ ภิกฺขุนา ปฏิคฺคหิตตฺตา สตฺตาหาติกฺกเม ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ ปฏิคฺคหิตสปฺปิอาทีนํ ปริโภคสฺส สตฺตาเหเนว ปริจฺฉินฺนตฺตา. ‘‘ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๖๒๓) หิ วุตฺตํ.

‘‘อาวุโส อิมํ เตลํ สตฺตาหมตฺตํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน อนฺโตสตฺตาเหเยว ปรสฺส วิสฺสชฺชิตภาวํ ทสฺเสติ. กสฺส อาปตฺตีติ ‘‘ปมํ ตาว อุภินฺนํ สาธารณตฺตา อนาปตฺติ วุตฺตา, อิทานิ ปน เอเกน อิตรสฺส วิสฺสฏฺภาวโต อุภยสาธารณตา นตฺถีติ วิภตฺตสทิสํ หุตฺวา ิตํ, ตสฺมา เอตฺถ ปฏิคฺคหิตสฺส สตฺตาหาติกฺกเม เอกสฺส อาปตฺติยา ภวิตพฺพ’’นฺติ มฺมาโน ‘‘กึ ปฏิคฺคหณปจฺจยา ปฏิคฺคาหกสฺส อาปตฺติ, อุทาหุ ยสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺสา’’ติ ปุจฺฉติ. นิสฺสฏฺภาวโตเยว จ อิธ ‘‘อวิภตฺตภาวโต’’ติ การณํ อวตฺวา ‘‘เยน ปริคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, อิทฺจ วิสฺสฏฺาภาวโต อุภยสาธารณตํ ปหาย เอกสฺส สนฺตกํ โหนฺตมฺปิ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตโต อฺสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺมา ปรสนฺตกปฏิคฺคหเณ วิย ปฏิคฺคาหกสฺส ปฏิคฺคหณปจฺจยา นตฺถิ อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ‘‘เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วจนโต อวิสฺสชฺชิเต สติ อวิภตฺเตปิ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อวิสฺสชฺชิเต อวิภตฺตภาวโตเยว อนาปตฺติยา สิทฺธตฺตา. สเจ ปน อิตโร เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺเสว อนฺโตสตฺตาเห อตฺตโน ภาคมฺปิ วิสฺสชฺเชติ, สตฺตาหาติกฺกเม สิยา อาปตฺติ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺเสว สนฺตกภาวมาปนฺนตฺตา. ‘‘อิตรสฺส อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา ตสฺส สนฺตกภาเวปิ อฺเหิ ปฏิคฺคหิตสกสนฺตเก วิย เตน อปฺปฏิคฺคหิตภาวโต อนาปตฺตีติ ทีเปติ, อิมํ ปน อธิปฺปายํ อชานิตฺวา อิโต อฺถา คณฺิปทการาทีหิ ปปฺจิตํ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ, อิทํ สารตฺถทีปนีวจนํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๕).

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๕) ปน – สเจ ทฺวินฺนํ…เป… น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปาโ คฬิโต, เอวํ ปเนตฺถ ปาโ เวทิตพฺโพ – สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ. อฺถา ปน สทฺทปฺปโยโคปิ น สงฺคหํ คจฺฉติ, ‘‘คณฺิปเทปิ จ อยเมว ปาโ ทสฺสิโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๕) วุตฺตํ. ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตี’’ติ อวิภตฺตตฺตา วุตฺตํ. ‘‘ปริภุฺชิตุํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ อิทํ ‘‘สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๖๒๓) วจนโต วุตฺตํ. ‘‘เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ อิมินา อุปสมฺปนฺนสฺส ทานมฺปิ สนฺธาย ‘‘วิสฺสชฺเชตี’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทินฺนวตฺถุมฺหิ ปฏิคฺคหณสฺส อวิคตตฺเตปิ สกสนฺตกตา วิคตาว โหติ, เตน นิสฺสคฺคิยํ น โหติ. ‘‘อตฺตนาว ปฏิคฺคหิตตฺตํ สกสนฺตกตฺตฺจา’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณเหว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, น เอเกน. อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเน ปน ตทุภยมฺปิ วิชหติ, ปริโภโคเปตฺถ วฏฺฏติ, น สาเปกฺขทาเน ทานลกฺขณาภาวโต. ‘‘วิสฺสชฺชตี’’ติ เอตสฺมิฺจ ปาฬิปเท กสฺสจิ อทตฺวา อนเปกฺขตาย ฉฑฺฑนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนเปกฺขา ทตฺวา’’ติ อิทฺจ ปฏิคฺคหณวิชหนวิธิทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ. ปฏิคฺคหเณ หิ วิชหิเต ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ปริโภโค สยเมว วฏฺฏิสฺสติ, ตพฺพิชหนฺจ วตฺถุโน สกสนฺตกตาปริจฺจาเคน โหตีติ. เอเตน จ วตฺถุมฺหิ อชฺโฌหรณาเปกฺขาย สติ ปฏิคฺคหณวิสฺสชฺชนํ นาม วิสุํ น ลพฺภตีติ สิชฺฌติ. อิตรถา หิ ‘‘ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺโขว ปฏิคฺคหณํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ภุฺชตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ‘‘อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา เอกสฺส สนฺตกํ อฺเน ปฏิคฺคหิตมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอวนฺติ ‘‘ปุน คเหสฺสามี’’ติ อเปกฺขํ อกตฺวา สุทฺธจิตฺเตน ปริจตฺตตํ ปรามสติ. ปริภุฺชนฺตสฺส อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ นิสฺสคฺคิยมูลิกาหิ ปาจิตฺติยาทิอาปตฺตีหิ อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. ปริโภเค อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ เอตฺถ ปน นิสฺสฏฺปฏิลาภสฺส กายิกปริโภคาทีสุ ยา ทุกฺกฏาปตฺติ วุตฺตา, ตาย อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย.

๑๐๐. เอวํ จตุกาลิกปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ วิเสสลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยาปโหนเก เคเห วุตฺตํ สงฺฆิกํ วา ปุคฺคลิกํ วา ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา วา สนฺตกํ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกฺจ เอกรตฺตมฺปิ ปิตํ อนฺโตวุตฺถํ นาม โหติ, ตตฺถ ปกฺกฺจ อนฺโตปกฺกํ นาม โหติ. สตฺตาหกาลิกํ ปน ยาวชีวิกฺจ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคเหตฺวา เอกรตฺตํ วีตินามิตํ ปน ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปริคฺคหเณ ตาว ทุกฺกฏํ, อชฺโฌหรโต ปน เอกเมกสฺมึ อชฺโฌหาเร สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ โหตีติ อตฺโถ. อิทานิ อฺมฺปิ วิเสสลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาวกาลิกํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมฺภินฺนรสานีติ สํสฏฺรสานิ. ทีฆกาลานิ วตฺถูนิ รสฺสกาเลน สํสฏฺานิ รสฺสกาลเมว อนุวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ยาวกาลิกํ ปน…เป… ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนี’’ติ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมาติอาทีสุ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ตทหุปจฺฉาภตฺตํ, น รตฺติยํ, น ทุติยทิวสาทีสูติ อตฺโถ.

กสฺมาติ เจ? ตทหุปฏิคฺคหิเตน ยาวกาลิเกน สํสฏฺตฺตาติ. เอตฺถ จ ‘‘ยาวกาลิเกน สํสฏฺตฺตา’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ วิเสสนสฺส วุตฺตตฺตา ปุเรปฏิคฺคหิตยาวกาลิเกน สํสฏฺเ สติ ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ น วฏฺฏติ, อนชฺโฌหรณียํ โหตีติ วิฺายติ. ‘‘สมฺภินฺนรส’’นฺติ อิมินา สเจปิ สํสฏฺํ, อสมฺภินฺนรสํ เสสกาลิกตฺตยํ อตฺตโน อตฺตโน กาเล วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ยามกาลิเกนาติ เอตฺถ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ ตติยนฺตวิเสสนปทํ อชฺฌาหริตพฺพํ, ปุพฺพวากฺยโต วา อนุวตฺเตตพฺพํ. ตสฺส ผลํ วุตฺตนยเมว.

โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ ทิสฺสติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยตฺถ นตฺถิ, ตเมว สุนฺทรํ, กสฺมา? ทุติยนฺตฺหิ วิเสสนปทํ อิตรทฺวยํ วิเสเสติ. ตโต ตทหุปฏิคฺคหิตเมว สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ ยามกาลิเกน สํสฏฺเ สติ ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ, น ปุเรปฏิคฺคหิตานีติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส น ยุตฺโต. กสฺมา? สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกานํ อสนฺนิธิชนกตฺตา, ‘‘ทีฆกาลิกานิ รสฺสกาลิกํ อนุวตฺตนฺตี’’ติ อิมินา ลกฺขเณน วิรุทฺธตฺตา จ, ตสฺมา ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา โหตุ ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ ตทหุปฏิคฺคหิเตน ยามกาลิเกน สํสฏฺตฺตา ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏตีติ อตฺโถ ยุตฺโต, เอวฺจ อุปริ วกฺขมาเนน ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธึ สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วจเนน สมํ ภเวยฺย.

อปิจ ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุ ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏตี’’ติ ปุพฺพปาเน ภวิตพฺพํ, ตํ เลขเกหิ อฺเสุ ปาเสุ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ วิชฺชมานํ ทิสฺวา, อิธ ตทหุปทโต ปฏิคฺคหิตปทํ คฬิตนฺติ มฺมาเนหิ ปกฺขิปิตฺวา ลิขิตํ ภเวยฺย, ‘‘ตทหู’’ติ อิทํ ปน ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา’’ติ ปทํ วิเสเสติ, เตน ยาว ตทหุอรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ, น ทุติยาหาทิอรุณุคฺคมนาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. เตเนว อุปริปาเปิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ รสฺสกาลิกตฺถปเทน ตุลฺยาธิกรณํ วิเสสนปทํ ตเมว วิเสเสติ, น ทีฆกาลิกตฺถํ ยาวชีวิกปทํ, ตสฺมา ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํ.

ทฺวีหปฏิคฺคหิเตนาติอาทีสุปิ ‘‘ทฺวีหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ฉาหํ วฏฺฏติ, ตีหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ปฺจาหํ วฏฺฏติ, จตูหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ จตุราหํ วฏฺฏติ, ปฺจาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ตีหํ วฏฺฏติ, ฉาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ทฺวีหํ วฏฺฏติ, สตฺตาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ตทเหว วฏฺฏตี’’ติ เอวํ สตฺตาหกาลิกสฺเสว อตีตทิวสํ ปริหาเปตฺวา เสสทิวสวเสน โยเชตพฺพํ, น ยาวชีวิกสฺส. น หิ ยาวชีวิกสฺส หาเปตพฺโพ อตีตทิวโส นาม อตฺถิ สติ ปจฺจเย ยาวชีวํ ปริภุฺชิตพฺพโต. เตนาห ‘‘สตฺตาหกาลิกมฺปิ อตฺตนา สทฺธึ สํสฏฺํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวฺเว อุปเนตี’’ติ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ ลิขิตํ ปาํ นิสฺสาย อิมสฺมิมฺปิ ปาเ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิตนฺติ อิทเมว อิจฺฉิตพฺพ’นฺติ มฺมานา ‘‘ปุเรปฏิคฺคหิต’’นฺติ ปาํ ปฏิกฺขิปนฺติ. เกสุจิ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ วา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ สพฺพํ ยถาวุตฺตนยํ อมนสิกโรนฺตา วิพฺภนฺตจิตฺตา เอวํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

อิเมสุ จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ มชฺฌนฺหิกกาลาติกฺกเม, ยามกาลิกํ ปจฺฉิมยามาติกฺกเม, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺตีติ วุตฺตํ. กตรสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหตีติ ปุจฺฉายมาห ‘‘กาลยาม’’อิจฺจาทิ. ตสฺสตฺโถ – ยาวกาลิกํ กาลาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส ‘‘โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา วิกาเลโภชนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๔๘) อาปตฺติ โหติ. ยามกาลิกํ ยามาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา สนฺนิธิสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๕๓) อาปตฺติ โหติ. สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม ปริภุฺชนฺตสฺส ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานิ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ, สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพานิ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา เภสชฺชสิกฺขาปเทน (ปารา. ๖๒๒) อาปตฺติ โหตีติ.

อิมานิ จตฺตาริ กาลิกานิ เอกโต สํสฏฺานิ สมฺภินฺนรสานิ ปุริมปุริมกาลิกสฺส กาลวเสน ปริภุฺชิตพฺพานีติ วุตฺตํ. อสมฺภินฺนรสานิ เจ โหนฺติ, กถํ ปริภุฺชิตพฺพานีติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

จตุกาลิกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท.

๑๙. กปฺปิยภูมิวินิจฺฉยกถา

๑๐๑. เอวํ จตุกาลิกวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กปฺปิยกุฏิวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กปฺปิยา จตุภูมิโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กปฺปนฺตีติ กปฺปิยา, กปฺป สามตฺถิเยติ ธาตุ. ภวนฺติ เอตาสุ อนฺโตวุตฺถอนฺโตปกฺกานีติ ภูมิโย, จตสฺโส ภูมิโย จตุภูมิโย, จตสฺโส กปฺปิยกุฏิโยติ อตฺโถ. กตมา ตาติ อาห ‘‘อุสฺสาวนนฺติกา…เป… เวทิตพฺพา’’ติ. กถํ วิฺายติจฺจาห ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ. อิทํ เภสชฺชกฺขนฺธกปาฬึ (มหาว. ๒๙๕) สนฺธายาห. ตตฺถ อุทฺธํ สาวนา อุสฺสาวนา, อุสฺสาวนา อนฺโต ยสฺสา กปฺปิยภูมิยาติ อุสฺสาวนนฺติกา. คาโว นิสีทนฺติ เอตฺถาติ โคนิสาทิกา, โค-สทฺทูปปท นิ-ปุพฺพสท วิสรณคตฺยาวสาเนสูติ ธาตุ. คหปตีหิ ทินฺนาติ คหปติ, อุตฺตรปทโลปตติยาตปฺปุริโสยํ. กมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพาติ สมฺมุตีติ เอวมิมาสํ วิคฺคโห กาตพฺโพ. ตตฺถาติ กปฺปิยกุฏิวินิจฺฉเย. ตํ ปน อวตฺวาปีติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตนยํ อวตฺวาปิ. ปิ-สทฺเทน ตถาวจนมฺปิ อนุชานาติ. อฏฺกถาสุ วุตฺตนเยน วุตฺเตติ เสสอฏฺกถาสุ วุตฺตนเยน ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วา ‘‘กปฺปิยกุฏี’’ติ วา วุตฺเต. สาธารณลกฺขณนฺติ สพฺพอฏฺกถานํ สาธารณํ อุสฺสาวนนฺติกกุฏิกรณลกฺขณํ. จยนฺติ อธิฏฺานํ อุจฺจวตฺถุํ. ยโต ปฏฺายาติ ยโต อิฏฺกโต สิลโต มตฺติกาปิณฺฑโต วา ปฏฺาย. ปมิฏฺกาทีนํ เหฏฺา น วฏฺฏนฺตีติ ปมิฏฺกาทีนํ เหฏฺาภูมิยํ ปติฏฺาปิยมานา อิฏฺกาทโย ภูมิคติกตฺตา ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วตฺวา ปติฏฺาเปตุํ น วฏฺฏนฺติ. ยทิ เอวํ ภูมิยํ นิขณิตฺวา ปิยมานา ถมฺภา กสฺมา ตถา วตฺวา ปติฏฺาเปตุํ วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘ถมฺภา ปน…เป… วฏฺฏนฺตี’’ติ.

สงฺฆสนฺตกเมวาติ วาสตฺถาย กตํ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุสนฺตกนฺติ วาสตฺถาย เอว กตํ ภิกฺขุสฺส ปุคฺคลิกเสนาสนํ.

๑๐๒. มุขสนฺนิธีติ อิมินา อนฺโตวุตฺถทุกฺกฏเมว ทีเปติ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๙๕) ปน เอวํ วุตฺตํ – ตํ ปน อวตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน ตถาวจนมฺปิ อนุชานาติ. อฏฺกถาสูติ อนฺธกฏฺกถาวิรหิตาสุ เสสฏฺกถาสุ. สาธารณลกฺขณนฺติ อนฺธกฏฺกถาย สห สพฺพฏฺกถานํ สมานํ. จยนฺติ อธิฏฺานํ อุจฺจวตฺถุํ. ยโต ปฏฺายาติ ยโต อิฏฺกาทิโต ปฏฺาย จยํ อาทึ กตฺวา ภิตฺตึ อุฏฺาเปตุกามาติ อตฺโถ. ‘‘ถมฺภา ปน อุปริ อุคฺคจฺฉนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏนฺตี’’ติ เอเตน อิฏฺกปาสาณา เหฏฺา ปติฏฺาปิยมานาปิ ยทิ จยโต, ภูมิโต วา เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุคฺคตา ติฏฺนฺติ, วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธํ โหติ.

อาราโมติ อุปจารสีมาปริจฺฉินฺโน สกโล วิหาโร. เสนาสนานีติ วิหารสฺส อนฺโต ติณกุฏิอาทิกานิ สงฺฆสฺส นิวาสเคหานิ. วิหารโคนิสาทิกา นามาติ เสนาสนโคนิสาทิกา นาม. เสนาสนานิ หิ สยํ ปริกฺขิตฺตานิปิ อารามปริกฺเขปาภาเวน ‘‘โคนิสาทิกา’’ติ วุตฺตา. ‘‘อุปฑฺฒปริกฺขิตฺโตปี’’ติ อิมินา ตโต อูนปริกฺขิตฺโต เยภุยฺเยน อปริกฺขิตฺโต นาม, ตสฺมา อปริกฺขิตฺตสงฺขเมว คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถาติ อุปฑฺฒาทิปริกฺขิตฺเต. กปฺปิยกุฏิ ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ โคนิสาทิกาย อภาเวน เสสกปฺปิยกุฏีสุ ตีสุ ยา กาจิ กปฺปิยกุฏิ กาตพฺพาติ อตฺโถ.

เตสํ เคหานีติ เอตฺถ ภิกฺขูนํ วาสตฺถาย กตมฺปิ ยาว น เทนฺติ, ตาว เตสํ สนฺตกํเยว ภวิสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. วิหารํ เปตฺวาติ อุปสมฺปนฺนานํ วาสตฺถาย กตํ เคหํ เปตฺวาติ อตฺโถ. เคหนฺติ นิวาสเคหํ. ตทฺํ ปน อุโปสถาคาราทิ สพฺพํ อนิวาสเคหํ จตุกปฺปิยภูมิวิมุตฺตา ปฺจมี กปฺปิยภูมิ. สงฺฆสนฺตเกปิ หิ เอตาทิเส เคเห สุฏฺุ ปริกฺขิตฺตารามฏฺเปิ อพฺโภกาเส วิย อนฺโตวุตฺถาทิโทโส นตฺถิ. เยน เกนจิ ฉนฺเน ปริจฺฉนฺเน จ สหเสยฺยปฺปโหนเก ภิกฺขุสฺส, สงฺฆสฺส วา นิวาสเคเห อนฺโตวุตฺถาทิโทโส, น อฺตฺถ. เตนาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกํ วา ปุคฺคลิกํ วา’’ติ อิทํ กิฺจาปิ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ สามฺโต วุตฺตํ ภิกฺขูนํ ปน สงฺฆิกํ ปุคฺคลิกฺจ ภิกฺขุนีนํ, ตาสํ สงฺฆิกํ ปุคฺคลิกฺจ ภิกฺขูนํ คิหิสนฺตกฏฺาเน ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.

มุขสนฺนิธีติ อนฺโตสนฺนิหิตโทโส หิ มุขปฺปเวสนนิมิตฺตํ อาปตฺตึ กโรติ, นาฺถา, ตสฺมา ‘‘มุขสนฺนิธี’’ติ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๙๕) วุตฺโตติ.

ตตฺถ ตตฺถ ขณฺฑา โหนฺตีติ อุปฑฺฒโต อธิกํ ขณฺฑา โหนฺติ. สพฺพสฺมึ ฉทเน วินฏฺเติ ติณปณฺณาทิวสฺสปริตฺตายเก ฉทเน วินฏฺเ. โคปานสีนํ ปน อุปริ วลฺลีหิ พทฺธทณฺเฑสุ ิเตสุปิ ชหิตวตฺถุกา โหนฺติ เอว. ปกฺขปาสกมณฺฑลนฺติ เอกสฺมึ ปสฺเส ติณฺณํ โคปานสีนํ อุปริ ิตติณปณฺณาทิฉทนํ วุจฺจติ.

๑๐๓. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ตสฺสา’’ติอาทินา อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถมฺปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทินฺเน กปฺปิยํ โหติ, สาเปกฺขทานฺเจตฺถ วฏฺฏติ, ปฏิคฺคหณํ วิย น โหตีติ ทสฺเสติ. อนฺโตปกฺกสามํปกฺเกสุ ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, อนฺโตวุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ สามํปกฺกํ ปริภุฺชิตพฺพํ, โย ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต เอกํ ติราปตฺติกํ, ตีณิ ทุราปตฺติกานิ, ตีณิ เอกาปตฺติกานิ, เอกํ อนาปตฺติกนฺติ อฏฺ โหนฺติ. ตตฺถ อนฺโตวุตฺถนฺติ อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถํ. อนฺโตปกฺเกปิ เอเสว นโย. สามํปกฺกนฺติ ยํ กิฺจิ อามิสํ ภิกฺขุสฺส ปจิตุํ น วฏฺฏติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถายํ วุตฺตเมว.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กปฺปิยภูมิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๐. ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถา

๑๐๔. เอวํ กปฺปิยภูมิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ขาทนียาทิปฏิคฺคาโห’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขาทิยเตติ ขาทนียํ, เปตฺวา ปฺจ โภชนานิ สพฺพสฺส อชฺโฌหริตพฺพสฺเสตํ อธิวจนํ. อาทิสทฺเทน โภชนียํ สงฺคณฺหาติ. ปฏิคฺคหณํ สมฺปฏิจฺฉนํ ปฏิคฺคาโห, ขาทนียาทีนํ ปฏิคฺคาโห ขาทนียาทิปฏิคฺคาโห. เตนาห ‘‘อชฺโฌหริตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ ขาทนียสฺส วา โภชนียสฺส วา ปฏิคฺคหณ’’นฺติ. ปฺจสุ องฺเคสุ อุจฺจารณมตฺตนฺติ อุกฺขิปนมตฺตํ, อิมินา ปฏิคฺคหิตพฺพภารสฺส ปมาณํ ทสฺเสติ. เตเนว ตาทิเสน ปุริเสน อนุกฺขิปนียวตฺถุสฺมึ ปฏิคฺคหณํ น รุหตีติ ทีเปติ. ‘‘หตฺถปาโส’’ติ อิมินา อาสนฺนภาวํ. เตเนว จ ทูเร ตฺวา อภิหรนฺตสฺส ปฏิคฺคหณํ น รุหตีติ ทีเปติ. อภิหาโรติ ปริณามิตภาโว, เตน จ ตตฺรฏฺกาทีสุ น รุหตีติ ทีเปติ. ‘‘เทโว วา’’ติอาทินา ทายกโต ปโยคตฺตยํ ทสฺเสติ. ‘‘ตฺเจ’’ติอาทินา ปฏิคฺคาหกโต ปโยคทฺวยํ ทสฺเสติ.

อิทานิ เตสุ ปฺจสุ องฺเคสุ หตฺถปาสสฺส ทุราชานตาย ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตตฺถิ’’จฺจาทิ. ตตฺถ อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ หตฺถปาโส นามาติ โยชนา. ‘‘ตสฺส โอริมนฺเตนา’’ติ อิมินา อากาเส อุชุํ ตฺวา ปเรน อุกฺขิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อาสนฺนงฺคภูตปาทตลโต ปฏฺาย หตฺถปาโส ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, น สีสโต ปฏฺายาติ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘โอริมนฺเตนา’’ติ อิมสฺส เหฏฺิมนฺเตนาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.

เอตฺถ จ ปวารณสิกฺขาปทฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) ‘‘สเจ ปน ภิกฺขุ นิสินฺโน โหติ, อาสนฺนสฺส ปจฺฉิมนฺตโต ปฏฺายา’’ติอาทินา ปฏิคฺคาหกานํ อาสนฺนงฺคสฺส ปาริมนฺตโต ปฏฺาย ปริจฺเฉทสฺส ทสฺสิตตฺตา อิธาปิ อากาเส ิตสฺส ปฏิคฺคาหกสฺส อาสนฺนงฺคภูตปาทตลสฺส ปาริมนฺตภูตโต ปณฺหิปริยนฺตสฺส เหฏฺิมตลโต ปฏฺาย, ทายกสฺส ปน โอริมนฺตภูตโต ปาทงฺคุลสฺส เหฏฺิมปริยนฺตโต ปฏฺาย หตฺถปาโส ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ. อิมินาว นเยน ภูมิยํ นิปชฺชิตฺวา อุสฺสีสเก นิสินฺนสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อาสนฺนสีสงฺคสฺส ปาริมนฺตภูตโต คีวนฺตโต ปฏฺาเยว หตฺถปาโส มินิตพฺโพ, น ปาทตลโต ปฏฺาย. เอวํ นิปชฺชิตฺวา ทาเนปิ ยถานุรูปํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยํ อาสนฺนตรํ องฺค’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) หิ วุตฺตํ. อกลฺลโกติ คิลาโน สหตฺถา ปริภุฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต มุเขน ปฏิคฺคณฺหาติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๖๕) ปน ‘‘อกลฺลโกติ คิลาโน คเหตุํ วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, เอเตน อกลฺลโกติ คิลาโน วา อถ วา คเหตุํ อกลฺลโก อสมตฺโถติ อตฺโถ ทสฺสิโต. เตนาห ‘‘สเจปิ นตฺถุกรณิยํ ทียมานํ นาสาปุเฏน อกลฺลโก วา มุเขน ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ.

๑๐๕. เอกเทเสนาปีติ องฺคุลิยา ผุฏฺมตฺเตน.

ตฺเจ ปฏิคฺคณฺหาติ, สพฺพํ ปฏิคฺคหิตเมวาติ เวณุโกฏิยํ พนฺธิตฺวา ปิตตฺตา. สเจ ภูมิยํ ิตเมว ฆฏํ ทายเกน หตฺถปาเส ตฺวา ‘‘ฆฏํ ทสฺสามี’’ติ ทินฺนํ เวณุโกฏิยา คหณวเสน ปฏิคฺคณฺหาติ, อุภยโกฏิพทฺธํ สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. ภิกฺขุสฺส หตฺเถ อปีเฬตฺวา ปกติยา ปีฬิยมานํ อุจฺฉุรสํ สนฺธาย ‘‘คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อภิหาโร น ปฺายตี’’ติ วุตฺตํ, หตฺถปาเส ิตสฺส ปน ภิกฺขุสฺส อตฺถาย ปีฬิยมานํ อุจฺฉุโต ปคฺฆรนฺตํ รสํ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. โทณิกาย สยํ ปคฺฆรนฺตํ อุจฺฉุรสํ มชฺเฌ อาวริตฺวา วิสฺสชฺชิตมฺปิ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคหณสฺายาติ ‘‘มฺจาทินา ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุปฺปาทิตสฺาย, อิมินา ‘‘ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ วาจาย วตฺตพฺพกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺเสติ.

ยตฺถ กตฺถจิ อฏฺกถาสุ, ปเทเสสุ วา. อสํหาริเม ผลเกติ ถามมชฺฌิเมน อสํหาริเย. ‘‘ตินฺติณิกาทิปณฺเณสูติ วจนโต สาขาสุ ปฏิคฺคหณํ รุหตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๖๕) วุตฺตํ. โปราณฏีกายมฺปิ ตเถว วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. อฏฺกถายฺหิ ‘‘ภูมิยํ อตฺถเตสุ สุขุเมสุ ตินฺติณิกาทิปณฺเณสุ ปฏิคฺคหณํ น รุหตี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ตินฺติณิกาทิปณฺณานํ สุขุมตฺตา ตตฺถ ปิตอามิสสฺส อสณฺหนโต ภูมิยํ ปิตสทิสตฺตา ‘‘น รุหตี’’ติ วุตฺตํ, ตินฺติณิกาทิสาขาสุ ปิเตปิ เอวเมว สิยา, ตสฺมา ‘‘สาขาสุ ปฏิคฺคหณํ รุหตี’’ติ วจนํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. อฏฺกถายํ ‘‘น รุหตี’’ติ กิริยาปทสฺส ‘‘กสฺมา’’ติ เหตุปริเยสเน สติ น อฺํ ปริเยสิตพฺพํ, ‘‘สุขุเมสู’’ติ วุตฺตํ วิเสสนปทํเยว เหตุมนฺตวิเสสนํ ภวติ, ตสฺมา ตินฺติณิกปณฺณาทีสุ ปฏิคฺคหณํ น รุหติ, กสฺมา? เตสํ สุขุมตฺตา. อฺเสุ ปน ปทุมินีปณฺณาทีสุ รุหติ, กสฺมา? เตสํ โอฬาริกตฺตาติ เหตุผลสมฺพนฺโธ อิจฺฉิตพฺโพติ ทิสฺสติ, ตสฺมา ‘‘ตเทตํ วิจาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘น หิ ตานิ สนฺธาเรตุํ สมตฺถานีติ มหนฺเตสุ ปน ปทุมินีปณฺณาทีสุ รุหตี’’ติ.

๑๐๖. ปุฺฉิตฺวา ปฏิคฺคเหตฺวาติ ปุฺฉิเตปิ รชนจุณฺณาสงฺกาย สติ ปฏิคฺคหณตฺถาย วุตฺตํ, นาสติ. ตํ ปนาติ ปติตรชํ อปฺปฏิคฺคเหตฺวา อุปริ คหิตปิณฺฑปาตํ. อนาปตฺตีติ ทุรูปจิณฺณาทิโทโส นตฺถิ. ปุพฺพาโภคสฺส อนุรูปวเสน ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา…เป… วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ‘‘อฺสฺส ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ปรสนฺตกํ น โหติ, ตสฺมา ตสฺส อทตฺวาปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทสฺสามี’’ติอาทิปิ วินยทุกฺกฏสฺส ปริหาราย วุตฺตํ, ตถา อกตฺวา คหิเตปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชโต อนาปตฺติเยว. ภิกฺขุสฺส เทตีติ อฺสฺส ภิกฺขุสฺส เทติ. กฺชิกนฺติ ขีรรสาทึ ยํ กิฺจิ ทฺรวํ สนฺธาย วุตฺตํ. หตฺถโต โมเจตฺวา ปุน คณฺหาติ, อุคฺคหิตกํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถโต อโมเจนฺเตเนวา’’ติ. อาลุเฬนฺตานนฺติ อาโลเฬนฺตานํ, อยเมว วา ปาโ. อาหริตฺวา ภูมิยํ ปิตตฺตา อภิหาโร นตฺถีติ อาห ‘‘ปตฺโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ.

๑๐๗. ปมตรํ อุฬุงฺกโต เถวา ปตฺเต ปตนฺตีติ เอตฺถ ‘‘ยถา ปมตรํ ปติตเถเว โทโส นตฺถิ, ตถา อากิริตฺวา อปเนนฺตานํ ปจฺฉา ปติตเถเวปิ อภิหฏตฺตา เนวตฺถิ โทโส’’ติ วทนฺติ. จรุเกนาติ ขุทฺทกภาชเนน. ‘‘อภิหฏตฺตาติ ทียมานกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทตฺวา อปนยนกาเล ปน ฉาริกา วา พินฺทูนิ วา ปตนฺติ, ปุน ปฏิคฺคเหตพฺพํ อภิหารสฺส วิคตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตํ ยถา น ปตติ, ตถา อปเนสฺสามีติ ปฏิหรนฺเต ยุชฺชติ, ปกติสฺาย อปเนนฺเต อภิหาโร น ฉิชฺชติ, สุปติตํ. ปฏิคฺคหิตเมว หิ ตํ โหติ. มุขวฏฺฏิยาปิ คเหตุํ วฏฺฏตีติ อภิหริยมานสฺส ปตฺตสฺส มุขวฏฺฏิยา อุปริภาเค หตฺถํ ปสาเรตฺวา ผุสิตุํ วฏฺฏติ. ปาเทน เปลฺเลตฺวาติ ปาเทน ‘‘ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ สฺาย อกฺกมิตฺวา. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. วจนมตฺตเมวาติ ปฏิพทฺธํ ปฏิพทฺธปฏิพทฺธนฺติ สทฺทมตฺตเมว นานํ, กายปฏิพทฺธเมว โหติ, ตสฺมา เตสํ วจนํ น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอส นโยติ ‘‘ปฏิพทฺธปฏิพทฺธมฺปิ กายปฏิพทฺธเมวา’’ติ อยํ นโย. ตถา จ ตตฺถ กายปฏิพทฺเธ ตปฺปฏิพทฺเธ จ ถุลฺลจฺจยเมว วุตฺตํ.

เตน อาหราเปตุนฺติ ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คตํ, ตํ ‘‘อิธ นํ อาเนหี’’ติ อาณาเปตฺวา เตน อาหราเปตุํ อิตรสฺส วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา มูลฏฺสฺเสว ปริโภโค อนุฺาโต, ตสฺมา. ตํ ทิวสํ หตฺเถน คเหตฺวา ทุติยทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส อุคฺคหิตกปฏิคฺคหิตํ โหตีติ อาห ‘‘อนามสิตฺวา’’ติ. อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา ‘‘สนฺนิธิปจฺจยา อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา ปน ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ตโต ปรนฺติ ตทเหว สามํ อปฺปฏิคฺคหิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตทเหว ปฏิคฺคหิตํ ปน ปุนทิวสาทีสุ อปฺปฏิคฺคเหตฺวาปิ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.

๑๐๘. ขียนฺตีติ ขยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ จุณฺเณหิ ถุลฺลจฺจยอปฺปฏิคฺคหณาปตฺติโย น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. สตฺถเกนาติ ปฏิคฺคหิตสตฺถเกน. นวสมุฏฺิตนฺติ เอเตเนว อุจฺฉุอาทีสุ อภินวลคฺคตฺตา อพฺโพหาริกํ น โหตีติ ทสฺเสติ. เอเสว นโยติ สนฺนิธิโทสาทึ สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. กสฺมา ปเนตฺถ อุคฺคหิตปจฺจยา, สนฺนิธิปจฺจยา วา โทโส น สิยาติ อาห ‘‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’’ติ. อิมินา จ พาหิรปริโภคตฺถํ สามํ คเหตฺวา วา อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ วา ปริหริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ, ตสฺมา ปตฺตสมฺมกฺขนาทิอตฺถํ สามํ คเหตฺวา ปริหริตเตลาทึ สเจ ปริภุฺชิตุกาโม โหติ, ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ. อพฺภนฺตรปริโภคตฺถํ ปน สามํ คหิตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส อุคฺคหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหติ. อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมว อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คเหตฺวา ปริหรนฺตสฺส สิงฺคีโลณกปฺโป วิย สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ โหติ. เกจิ ปน ‘‘ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุจฺจารณมตฺตํ โหตีติอาทินา วุตฺตปฺจงฺคสมฺปตฺติยา ปฏิคฺคหณสฺส รุหณโต พาหิรปริโภคตฺถมฺปิ สเจ อนุปสมฺปนฺเนหิ ทินฺนํ คณฺหาติ, ปฏิคฺคหิตเมวา’’ติ วทนฺติ. เอวํ สติ อิธ พาหิรปริโภคตฺถํ อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คเหตฺวา ปริหรนฺตสฺส สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วตฺตพฺพา สิยา. ‘‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’’ติ จ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา พาหิรปริโภคตฺถํ คหิตํ ปฏิคฺคหิตํ นาม น โหตีติ เวทิตพฺพํ.

ยทิ เอวํ ปฺจสุ ปฏิคฺคหณงฺเคสุ ‘‘ปริโภคตฺถายา’’ติ วิเสสนํ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ. ปฏิคฺคหณฺหิ ปริโภคตฺถเมว โหตีติ ‘‘ปริโภคตฺถายา’’ติ วิสุํ อวตฺวา ‘‘ตฺเจ ภิกฺขุ กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘สติปิ ปฏิคฺคหเณ ‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’ติ อิธ อปริโภคตฺถาย ปริหรเณ อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. เตน จ ปฏิคฺคหณงฺเคสุ ปฺจสุ สมิทฺเธสุ อชฺโฌหริตุกามตาย คหิตเมว ปฏิคฺคหิตํ นาม โหติ อชฺโฌหริตพฺเพสุเยว ปฏิคฺคหณสฺส อนุฺาตตฺตาติ ทสฺเสติ. ตถา พาหิรปริโภคตฺถาย คเหตฺวา ปิตเตลาทึ อชฺโฌหริตุกามตาย สติ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุทุกฺขลมุสลาทีนิ ขียนฺตีติ เอตฺถ อุทุกฺขลมุสลานํ ขเยน ปิสิตโกฏฺฏิตเภสชฺเชสุ สเจ อาคนฺตุกวณฺโณ ปฺายติ, น วฏฺฏติ. สุทฺธํ อุทกํ โหตีติ รุกฺขสาขาทีหิ คฬิตฺวา ปตนอุทกํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๑๐๙. ปตฺโต วาสฺส ปฏิคฺคเหตพฺโพติ เอตฺถาปิ ปตฺตคตํ ฉุปิตฺวา เทนฺตสฺส หตฺเถ ลคฺเคน อามิเสน โทสาภาวตฺถํ ปตฺตปฏิคฺคหณนฺติ อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมว ปตฺตปฏิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ยํ สามเณรสฺส ปตฺเต ปตติ…เป… ปฏิคฺคหณํ น วิชหตีติ เอตฺถ ปุนปฺปุนํ คณฺหนฺตสฺส อตฺตโน ปตฺเต ปกฺขิตฺตเมว อตฺตโน สนฺตกนฺติ สนฺนิฏฺานกรณโต หตฺถคตํ ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ ปน คณฺหนฺตสฺส คหณสมเยเยว อตฺตโน สนฺตกนฺติ สนฺนิฏฺานสฺส กตตฺตา หตฺถคตํ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ. เกสฺจิ อตฺถาย ภตฺตํ ปกฺขิปตีติ เอตฺถ อนุปสมฺปนฺนสฺส อตฺถาย ปกฺขิปนฺเตปิ อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสตีติ สยเมว ปกฺขิปิตฺวา ปนโต ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ. อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ ปกฺขิตฺตํ ปน อนุปสมฺปนฺเนเนว ปิตํ นาม โหตีติ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ ปริจฺจตฺตภาวโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สามเณร…เป… ปริจฺจตฺตตฺตา’’ติ. เกสฺจีติอาทีสุ อนุปสมฺปนฺนานํ อตฺถาย กตฺถจิ ปิยมานมฺปิ หตฺถโต มุตฺตมตฺเต เอว ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ, อถ โข ภาชเน ปติตเมว ปฏิคฺคหณํ วิชหติ. ภาชนฺจ ภิกฺขุนา ปุนทิวสตฺถาย อเปกฺขิตเมวาติ ตคฺคตมฺปิ อามิสํ ทุทฺโธตปตฺตคตํ วิย ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ สงฺกาย ‘‘สามเณรสฺส หตฺเถ ปกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อีทิเสสุ หิ ยุตฺติ น คเวสิตพฺพา, วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

๑๑๐. ปตฺตคตา ยาคูติ อิมินา ปตฺตมุขวฏฺฏิยา ผุฏฺเปิ กุเฏ ยาคุ ปฏิคฺคหิตา, อุคฺคหิตา วา น โหติ ภิกฺขุโน อนิจฺฉาย ผุฏฺตฺตาติ ทสฺเสติ. อาโรเปตีติ หตฺถํ ผุสาเปติ. ปฏิคฺคหณูปคํ ภารํ นาม ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุกฺเขปารหํ. กิฺจาปิ อวิสฺสชฺเชตฺวาว อฺเน หตฺเถน ปิทหนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, ตถาปิ น ปิทหิตพฺพนฺติ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๖๕) ปน ‘‘น ปิทหิตพฺพนฺติ หตฺถโต มุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, หตฺถคตํ ปน อิตเรน หตฺเถน ปิทหโต, หตฺถโต มุตฺตมฺปิ วา อผุสิตฺวา อุปริ ปิธานํ ปาเตนฺตสฺส น โทโส’’ติ วุตฺตํ.

๑๑๑. ปฏิคฺคณฺหาตีติ ฉายตฺถาย อุปริ ธาริยมานา มหาสาขา เยน เกนจิ ฉิชฺเชยฺย, ตตฺถ ลคฺครชํ มุเข ปาเตยฺย วาติ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ.

มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ เอตฺถ ‘‘สเจปิ สาขาย ลคฺครชํ ปตฺเต ปตติ, สุเขน ปริภุฺชิตุํ สกฺกาติ สาขาย ปฏิคฺคหิตตฺตา อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมวิธ ปฏิคฺคหณนฺติ มูลปฏิคฺคหณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ วจนมตฺตํ คเหตฺวา พาหิรปริโภคตฺถํ คหิต’’นฺติ วทนฺติ. กุณฺฑเกติ มหาฆเฏ. ตสฺมิมฺปีติ จาฏิฆเฏปิ. อนุปสมฺปนฺนํ คาหาเปตฺวาติ ตเมว อชฺโฌหรณียํ ภณฺฑํ อนุปสมฺปนฺเนน คาหาเปตฺวา.

เถรสฺส ปตฺตํ ทุติยตฺเถรสฺสาติ ‘‘เถรสฺส ปตฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ เตน อตฺตโน ปริจฺจชาเปตฺวา ทุติยตฺเถรสฺส เทติ. ตุยฺหํ ยาคุํ มยฺหํ เทหีติ เอตฺถ เอวํ วตฺวา สามเณรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโนปิ ปตฺตํ ตสฺส เทติ. เอตฺถ ปนาติ ‘‘ปณฺฑิโต สามเณโร’’ติอาทิปตฺตปริวตฺตนกถายํ. การณํ อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ ยถา มาตุอาทีนํ เตลาทีนิ หรนฺโต ตถารูเป กิจฺเจ อนุปสมฺปนฺเนน อปริวตฺเตตฺวาว ปริภุฺชิตุํ ลภติ, เอวมิธ ปตฺตปริวตฺตนํ อกตฺวา ปริภุฺชิตุํ กสฺมา น ลภตีติ การณํ วีมํสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ ปน ‘‘สามเณเรหิ คหิตตณฺฑุเลสุ ปริกฺขีเณสุ อวสฺสํ อมฺหากํ สามเณรา สงฺคหํ กโรนฺตีติ จิตฺตุปฺปตฺติ สมฺภวติ, ตสฺมา ตํ ปริวตฺเตตฺวาว ปริภุฺชิตพฺพํ. มาตาปิตูนํ อตฺถาย ปน ฉายตฺถาย วา คหเณ ปริโภคาสา นตฺถิ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ การณํ วทนฺติ. เตเนว อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ วุตฺตํ –

‘‘มาตาปิตูนมตฺถาย, เตลาทึ หรโตปิ จ;

สาขํ ฉายาทิอตฺถาย, อิมสฺส น วิเสสตา.

‘‘ตสฺมา หิสฺส วิเสสสฺส, จินฺเตตพฺพํ ตุ การณํ;

ตสฺส สาลยภาวํ ตุ, วิเสสํ ตกฺกยามห’’นฺติ.

อิทเมเวตฺถ ยุตฺตตรํ อวสฺสํ ตถาวิธวิตกฺกุปฺปตฺติยา สมฺภวโต. น หิ สกฺกา เอตฺถ วิตกฺกํ โสเธตุนฺติ. มาตาทีนํ อตฺถาย หรเณ ปน นาวสฺสํ ตถาวิธวิตกฺกุปฺปตฺตีติ สกฺกา วิตกฺกํ โสเธตุํ. ยตฺถ หิ วิตกฺกํ โสเธตุํ สกฺกา, ตตฺถ เนวตฺถิ โทโส. เตเนว วกฺขติ ‘‘สเจ ปน สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุํ, ตโต ลทฺธํ ขาทิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๖๕) ปน ‘‘เอตฺถ ปนาติ ปตฺตปริวตฺตเน. การณนฺติ เอตฺถ ยถา สามเณรา อิโต อมฺหากมฺปิ เทนฺตีติ วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ, น ตถา อฺตฺถาติ การณํ วทนฺติ, ตฺจ ยุตฺตํ. ยสฺส ปน ตาทิโส วิตกฺโก นตฺถิ, เตน อปริวตฺเตตฺวาปิ ภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๑๒. นิจฺจาเลตุนฺติ จาเลตฺวา ปาสาณสกฺขราทิอปนยนํ กาตุํ. อุทฺธนํ อาโรเปตพฺพนฺติ อนคฺคิกํ อุทฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุทฺธเน ปจฺจมานสฺส อาลุฬเน อุปริ อปกฺกตณฺฑุลา เหฏฺา ปวิสิตฺวา ปจฺจนฺตีติ อาห ‘‘สามํปากฺเจว โหตี’’ติ.

๑๑๓. อาธารเก ปตฺโต ปิโตติ อปฺปฏิคฺคหิตามิโส ปตฺโต ปุน ปฏิคฺคหณตฺถาย ปิโต. จาเลตีติ วินา การณํ จาเลติ, สติปิ การเณ ภิกฺขูนํ ปริโภคารหํ จาเลตุํ น วฏฺฏติ. กิฺจาปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) ตาทิเส อาพาเธ อตฺตโน อตฺถาย อามกมํสปฏิคฺคหณํ อนุฺาตํ, ‘‘อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) จ สามฺโต ปฏิกฺขิตฺตํ, ตถาปิ อตฺตโน, อฺสฺส วา ภิกฺขุโน อตฺถาย อคฺคหิตตฺตา ‘‘สีหวิฆาสาทึ…เป… วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุนฺติ ‘‘มยฺหมฺปิ เทตี’’ติ วิตกฺกสฺส อนุปฺปนฺนภาวํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกติ, ‘‘สามเณรสฺส ทสฺสามี’’ติ สุทฺธจิตฺเตน มยา คหิตนฺติ วา สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกติ. สเจ ปน มูเลปิ ปฏิคฺคหิตํ โหตีติ เอตฺถ ‘‘คเหตฺวา คเต มยฺหมฺปิ ทเทยฺยุนฺติ สฺาย สเจ ปฏิคฺคหิตํ โหตี’’ติ วทนฺติ.

๑๑๔. โกฏฺาเส กโรตีติ ‘‘ภิกฺขู สามเณรา จ อตฺตโน อตฺตโน อภิรุจิตํ โกฏฺาสํ คณฺหนฺตู’’ติ สพฺเพสํ สมเก โกฏฺาเส กโรติ. คหิตาวเสสนฺติ สามเณเรหิ คหิตโกฏฺาสโต อวเสสํ. คณฺหิตฺวาติ ‘‘มยฺหํ อิทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา. อิธ คหิตาวเสสํ นาม เตน คณฺหิตฺวา ปุน ปิตํ.

ปฏิคฺคเหตฺวาติ ตทหุ ปฏิคฺคเหตฺวา. เตเนว ‘‘ยาวกาลิเกน ยาวชีวิกสํสคฺเค โทโส นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. สเจ ปน ปุริมทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปิตา โหติ, สามิเสน มุเขน ตสฺสา วฏฺฏิยา ธูมํ ปิวิตุํ น วฏฺฏติ. สมุทฺโททเกนาติ อปฺปฏิคฺคหิตสมุทฺโททเกน.

หิมกรกา นาม กทาจิ วสฺโสทเกน สห ปตนกา ปาสาณเลขา วิย ฆนีภูตา อุทกวิเสสา, เตสุ ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ. เตนาห ‘‘อุทกคติกา เอวา’’ติ. ยสฺมา กตกฏฺิ อุทกํ ปสาเทตฺวา วิสุํ ติฏฺติ, ตสฺมา ‘‘อพฺโพหาริก’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา อปฺปฏิคฺคหิตาปตฺตีหิ อพฺโพหาริกํ, วิกาลโภชนาปตฺตีหิปิ อพฺโพหาริกนฺติ ทสฺเสติ. ลคฺคตีติ สุกฺเข มุเข จ หตฺเถ จ มตฺติกาวณฺณํ ทสฺเสนฺตํ ลคฺคติ. พหลนฺติ หตฺถมุเขสุ อลคฺคนกมฺปิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ.

วาสมตฺตนฺติ เรณุขีราภาวํ ทสฺเสติ. ปานียํ คเหตฺวาติ อตฺตโนเยว อตฺถาย คเหตฺวา. สเจ ปน ปีตาวเสสกํ ตตฺเถว อากิริสฺสามีติ คณฺหาติ, ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ. อากิรติ, ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ ปุปฺผรสสฺส ปฺายนโต วุตฺตํ. วิกฺขมฺเภตฺวาติ วิยูหิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ.

๑๑๕. มหาภูเตสูติ ปาณสรีรสนฺนิสฺสิเตสุ ปถวีอาทิมหาภูเตสุ. สพฺพํ วฏฺฏตีติ อตฺตโน ปเรสฺจ สรีรสนฺนิสฺสิตํ สพฺพํ วฏฺฏติ, อกปฺปิยมํสานุโลมตาย ถุลฺลจฺจยาทึ น ชเนตีติ อธิปฺปาโย. ปตตีติ อตฺตโน สรีรโต ฉิชฺชิตฺวา ปตติ. ‘‘รุกฺขโต ฉินฺทิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา มตฺติกตฺถาย ปถวึ ขณิตุํ, อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ มูลปณฺณาทิวิสเภสชฺชํ ฉินฺทิตฺวา ฉาริกํ อกตฺวาปิ อปฺปฏิคฺคหิตมฺปิ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

วีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๑. ปวารณาวินิจฺฉยกถา

๑๑๖. เอวํ ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปฏิกฺเขปปวารณา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฏิกฺขิปนํ ปฏิกฺเขโป, อสมฺปฏิจฺฉนนฺติ อตฺโถ. ปวาริยเต ปวารณา, ปฏิเสธนนฺตฺยตฺโถ. ปฏิกฺเขปสงฺขาตา ปวารณา ปฏิกฺเขปปวารณา. อถ วา ปฏิกฺเขปวเสน ปวารณา ปฏิกฺเขปปวารณา. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ ภุฺชนฺตสฺส อฺสฺมึ โภชเน อภิหเฏ ปฏิกฺเขปสงฺขาตา ปวารณาติ สมฺพนฺโธ.

๑๑๗. ยํ อสฺนาตีติ ยํ ภุฺชติ. อมฺพิลปายาสาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน ขีรปายาสาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ อมฺพิลปายาสคฺคหเณน ตกฺกาทิอมฺพิลสํยุตฺตา ฆนยาคุ วุตฺตา. ขีรปายาสคฺคหเณน ขีรสํยุตฺตา ยาคุ สงฺคยฺหติ. ปวารณํ ชเนตีติ อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธนํ ปฏิกฺเขปํ สาเธติ. กโตปิ ปฏิกฺเขโป อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธโน น โหติ, อกตฏฺาเนเยว ติฏฺตีติ อาห ‘‘ปวารณํ น ชเนตี’’ติ.

‘‘ยาคุ-สทฺทสฺส ปวารณชนกยาคุยาปิ สาธารณตฺตา ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺเตปิ ปวารณา โหตีติ ปวารณํ ชเนติเยวาติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ตํ ปรโต ตตฺเถว ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตการเณน น สเมติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ – เหฏฺา อยาคุเก นิมนฺตเน อุทกกฺชิกขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณา โหติ. ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’’ติ เอตฺถ ปน วิสุํ ยาคุยา วิชฺชมานตฺตา ปวารณา น โหตีติ. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ยาคุยาว ตตฺถ อภาวโต ปวารณา โหตีติ เอวเมตฺถ การณํ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ปรโต ‘‘เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตายา’’ติ อฏฺกถาย วุตฺตการเณนปิ สํสนฺทติ, อฺถา คณฺิปเทสุเยว ปุพฺพาปรวิโรโธ อาปชฺชติ, อฏฺกถาย จ น สเมตีติ. สเจ…เป… ปฺายตีติ อิมินา วุตฺตปฺปมาณสฺส มจฺฉมํสขณฺฑสฺส นหารุโน วา สพฺภาวมตฺตํ ทสฺเสติ. ตาหีติ ปุถุกาหิ.

สาลิวีหิยเวหิ กตสตฺตูติ เยภุยฺยนเยน วุตฺตํ, สตฺต ธฺานิ ปน ภชฺชิตฺวา กโตปิ สตฺตุเยว. เตเนวาห ‘‘กงฺคุวรก…เป… สตฺตุสงฺคหเมว คจฺฉตี’’ติ. สตฺตุโมทโกติ สตฺตุโย ปิณฺเฑตฺวา กโต อปกฺโก สตฺตุคุโฬ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๓๘-๒๓๙) ปน ‘‘สตฺตุโมทโกติ สตฺตุํ เตเมตฺวา กโต อปกฺโก, สตฺตุํ ปน ปิสิตฺวา ปิฏฺํ กตฺวา เตเมตฺวา ปูวํ กตฺวา ปจนฺติ, ตํ น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํ.

ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรวเสน วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา ‘‘มุเข สาสปมตฺตมฺปิ…เป… น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรตี’’ติ วจนโต สเจ สงฺฆิกํ ลาภํ อตฺตโน อปาปุณนฺตํ ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, อลชฺชิสนฺตกํ ปฏิกฺขิปนฺโตปิ น ปวาเรติ. อวตฺถุตายาติ อนติริตฺตาปตฺติสาธิกาย ปวารณาย อวตฺถุภาวโต. เอเตน ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตภาวํ ทีเปติ. ยฺหิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ โหติ, ตสฺส ปฏิกฺเขโป อาปตฺติยา องฺคํ น โหตีติ ตํ ปวารณาย อวตฺถูติ วุจฺจติ.

๑๑๘. อาสนฺนตรํ องฺคนฺติ หตฺถปาสโต พหิ ตฺวา โอนมิตฺวา เทนฺตสฺส สีสํ อาสนฺนตรํ โหติ, ตสฺส โอริมนฺเตน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ.

อุปนาเมตีติ อิมินา กายาภิหารํ ทสฺเสติ. อปนาเมตฺวาติ อภิมุขํ หริตฺวา. อิทํ ภตฺตํ คณฺหาติ วทตีติ กิฺจิ อปนาเมตฺวา วทติ. เกวลํ วาจาภิหารสฺส อนธิปฺเปตตฺตา คณฺหถาติ คเหตุํ อารทฺธํ. หตฺถปาสโต พหิ ิตสฺส สติปิ ทาตุกามตาภิหาเร ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ทูรภาเวเนว ปวารณาย อภาวโต เถรสฺสปิ ทูรภาวมตฺตํ คเหตฺวา ปวารณาย อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เถรสฺส ทูรภาวโต’’ติอาทิมาห, น ปน เถรสฺส อภิหารสมฺภวโต. สเจปิ คเหตฺวา คโต หตฺถปาเส ิโต โหติ, กิฺจิ ปน อวตฺวา อาธารฏฺาเน ิตตฺตา อภิหาโร นาม น โหตีติ ‘‘ทูตสฺส จ อนภิหรณโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘คเหตฺวา อาคเตน ‘ภตฺตํ คณฺหถา’ติ วุตฺเต อภิหาโร นาม โหตีติ ‘สเจ ปน คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุ…เป… ปวารณา โหตี’ติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปตฺตํ กิฺจิปิ อุปนาเมตฺวา ‘อิมํ ภตฺตํ คณฺหถา’ติ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ วาจาภิหารสฺส อิธ อนธิปฺเปตตฺตา.

ปริเวสนายาติ ภตฺตคฺเค. อภิหฏาว โหตีติ ปริเวสเกเนว อภิหฏา โหติ. ตโต ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา โหตีติ เอตฺถ อคฺคณฺหนฺตมฺปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหติเยว. กสฺมา? ทาตุกามตาย อภิหฏตฺตา, ‘‘ตสฺมา สา อภิหฏาว โหตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ‘‘ทาตุกามาภิหาเร สติ เกวลํ ‘ทสฺสามี’ติ คหณเมว อภิหาโร น โหติ, ‘ทสฺสามี’ติ คณฺหนฺเตปิ อคณฺหนฺเตปิ ทาตุกามตาภิหาโรว อภิหาโร โหติ, ตสฺมา คหณสมเย วา อคฺคหณสมเย วา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตี’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตสฺส อสติ ทาตุกามตาภิหาเร คหณสมเยปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กฏจฺฉุนา อนุกฺขิตฺตมฺปิ ปุพฺเพ เอว อภิหฏตฺตา ปวารณา โหตีติ ‘‘อภิหฏาว โหตี’’ติ วุตฺตํ. อุทฺธฏมตฺเตติ ภาชนโต วิโยชิตมตฺเต. ทฺวินฺนํ สมภาเรปีติ ปริเวสกสฺส จ อฺสฺส จ ภตฺตปจฺฉิภารคฺคหเณ สมฺภูเตปีติ อตฺโถ.

๑๑๙. รสํ คณฺหถาติ เอตฺถ เกวลํ มํสรสสฺส อปวารณาชนกสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ. มจฺฉรสนฺติอาทีสุ มจฺโฉ จ รสฺจาติ อตฺถสมฺภวโต, วตฺถุโนปิ ตาทิสตฺตา ปวารณา โหติ. ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติปิ อวตฺวา ตุณฺหีภูเตน อภิหฏํ ปฏิกฺขิปโตปิ โหติ เอว.

กรมฺพโกติ มิสฺสกาธิวจนเมตํ. ยฺหิ พหูหิ มิสฺเสตฺวา กโรนฺติ, โส ‘‘กรมฺพโก’’ติ วุจฺจติ, โส สเจปิ มํเสน มิสฺเสตฺวา กโต โหติ, ‘‘กรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ อปวารณารหสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ. ‘‘มํสกรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘มํสมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ปวารณาว โหติ.

๑๒๐. ‘‘อุทฺทิสฺสกต’’นฺติ มฺมาโนติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุโน กปฺปิยตฺตา อกปฺปิยสฺาย ปฏิกฺเขปโตปิ อจิตฺตกตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปวารณา โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา อยาคุเก นิมนฺตเน อุทกกฺชิกขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณา โหติ, ‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’ติ เอตฺถ ปน วิสุํ ยาคุยา วิชฺชมานตฺตา ปวารณา น โหตี’’ติ วทนฺติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ‘‘เยนาปุจฺฉิโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วทติ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสนฺติ เอตฺถ เอเก ตาว วทนฺติ ‘‘ยสฺมา ยาคุมิสฺสกํ นาม ภตฺตเมว น โหติ, ขีราทิกมฺปิ โหติเยว, ตสฺมา กรมฺพเก วิย ปวารณาย น ภวิตพฺพํ, เอวฺจ สติ ‘ยาคุ พหุตรา วา โหติ สมสมา วา, น ปวาเรติ, ยาคุ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรตี’ติ เอตฺถ การณํ ทุทฺทส’’นฺติ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘ยาคุมิสฺสกํ นาม ภตฺตํ, ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย เอว ภวิตพฺพํ, เอวฺจ สติ ‘อิธ ปวารณา โหติ, น โหตี’ติ เอตฺถ การณํ ทุทฺทส’’นฺติ.

ยถา เจตฺถ การณํ ทุทฺทสํ, เอวํ ปรโต ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ เอตฺถาปิ การณํ ทุทฺทสเมวาติ เวทิตพฺพํ. น หิ ปวารณปฺปโหนกสฺส อปฺปพหุภาโว ปวารณาย ภาวาภาวนิมิตฺตํ, กิฺจรหิ ปวารณาชนกสฺส นาม คหณเมเวตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘อิทฺจ กรมฺพเกน น สมาเนตพฺพ’’นฺติอาทินา ยมฺปิ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ปุพฺเพ วุตฺเตน สํสนฺทิยมานํ น สเมติ. ยทิ หิ มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหํ สิยา, เอวํ สติ ยถา ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ภตฺตํ พหุตรํ วา สมํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติเยว, เอวํ ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเตปิ อปฺปตเรปิ ภตฺเต ปวารณาย ภวิตพฺพํ ‘‘มิสฺสก’’นฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหตฺตา. ตถา หิ ‘‘มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหโวหารตฺตา อิทํ ปน ภตฺตมิสฺสกเมวาติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อถ มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเก รุฬฺหํ น โหติ, มิสฺสกภตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตนฺติ. เอวมฺปิ ยถา อยาคุเก นิมนฺตเน ขีราทีหิ สมฺมทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปวารณา โหติ, เอวมิธาปิ มิสฺสกภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ภตฺตํ อปฺปํ วา โหตุ, พหุ วา, ปวารณา เอว สิยา, ตสฺมา มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเก รุฬฺหํ วา โหตุ, มิสฺสกํ สนฺธาย ภาสิตํ วา, อุภยถาปิ ปุพฺเพนาปรํ น สเมตีติ กิเมตฺถ การณจินฺตาย. อีทิเสสุ ปน าเนสุ อฏฺกถาปมาเณเนว คนฺตพฺพนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๓๘-๒๓๙) ปน ‘‘อุทฺทิสฺสกตนฺติ มฺมาโนติ เอตฺถ วตฺถุโน กปฺปิยตฺตา ‘ปวาริโตว โหตี’ติ วุตฺตํ. ตฺเจ อุทฺทิสฺสกตเมว โหติ, ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. อยเมตฺถาธิปฺปาโยติ ‘เยนาปุจฺฉิโต’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วทติ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสนฺติ ภตฺตสฺส พหุตรภาเว ปวารณาย สมฺภวการณํ ทุทฺทสํ, อฺถา กรมฺพเกปิ มจฺฉาทิพหุภาเว ปวารณา ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. ยถา เจตฺถ การณํ ทุทฺทสํ, เอวํ ปรโต ‘มิสฺสกํ คณฺหถา’ติ เอตฺถาปิ การณํ ทุทฺทสเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยฺจ ‘อิทํ ปน ภตฺตมิสฺสกเมวา’ติอาทิ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘อปฺปตรํ น ปวาเรตี’ติ วจเนน น สเมตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.

‘‘วิสุํ กตฺวา เทตีติ ภตฺตสฺส อุปริ ิตํ รสาทึ วิสุํ คเหตฺวา เทตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกหิจิ ปน ‘‘ยถา ภตฺตสิตฺถํ น ปตติ, ตถา คาฬฺหํ หตฺเถน ปีเฬตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ การณํ น ทิสฺสติ. ยถา หิ ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ยาคุมิสฺสกํ ภตฺตมฺปิ เทนฺตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ, เอวมิธาปิ พหุขีรรสาทีสุ ภตฺเตสุ ‘‘ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา ทินฺนานิ ขีราทีนิ วา เทตุ ขีราทิมิสฺสกํ ภตฺตํ วา, อุภยถาปิ ปวารณาย น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตี’’ติ เตนากาเรน เทนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ภตฺตมิสฺสกํ กตฺวา ทียมานํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตีติ ทสฺสนตฺถนฺติ คเหตพฺพํ. ยทิ ปน ภตฺตมิสฺสกํ กตฺวา ทียมาเน ปวารณา โหตีติ อธิปฺปาเยน อฏฺกถายํ ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ อฏฺกถาเยเวตฺถ ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ, น ปน การณนฺตรํ คเวสิตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๓๘-๒๓๙) ปน ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตีติ ‘รสํ คณฺหถา’ติอาทินา วาจาย วิสุํ กตฺวา เทตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ, น ปน กาเยน รสาทึ วิโยเชตฺวาติ ตถา อวิโยชิเตปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย อสมฺภวโต อปวารณาปโหนกสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ภตฺตมิสฺสกยาคุํ อาหริตฺวา ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺตฏฺานาทีสุ วิย, อฺถา เอตฺถ ยถา ปุพฺพาปรํ น วิรุชฺฌติ, ตถา อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.

นาวา วา เสตุ วาติอาทิมฺหิ นาวาทิอภิรุหนาทิกฺขเณ กิฺจิ ตฺวาปิ อภิรุหนาทิกาตพฺพตฺเตปิ คมนตปฺปรตาย านํ นาม น โหติ, ชนสมฺมทฺเทน ปน อโนกาสาทิภาเวน าตุํ น วฏฺฏติ. อจาเลตฺวาติ วุตฺตฏฺานโต อฺสฺมึ ปีปฺปเทเส วา อุทฺธํ วา อเปลฺเลตฺวา, ตสฺมึ เอว ปน าเน ปริวตฺเตตุํ ลภติ. เตนาห ‘‘เยน ปสฺเสนา’’ติอาทิ. สเจ อุกฺกุฏิกํ นิสินฺโน ปาเท อมุฺจิตฺวาปิ ภูมิยํ นิสีทติ, อิริยาปถํ วิโกเปนฺโต นาม โหตีติ อุกฺกุฏิกาสนํ อวิโกเปตฺวา สุเขน นิสีทิตุํ ‘‘ตสฺส ปน เหฏฺา…เป… นิสีทนกํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อาสนํ อจาเลตฺวาติ ปีเ ผุฏฺโกาสโต อานิสทมํสํ อโมเจตฺวา อนุฏฺหิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อทินฺนาทาเน วิย านาจาวนํ น คเหตพฺพ’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.

๑๒๑. อกปฺปิยกตนฺติ เอตฺถ อกปฺปิยกตสฺเสว อนติริตฺตภาวโต กปฺปิยํ อการาเปตฺวา ตสฺมึ ปตฺเต ปกฺขิตฺตํ มูลผลาทิเยว อติริตฺตํ น โหติ, อกปฺปิยโภชนํ วา กุลทูสนาทินา อุปฺปนฺนํ. เสสํ ปน ปตฺตปริยาปนฺนํ อติริตฺตเมว โหติ, ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, ตํ ปน มูลผลาทึ ปริภุฺชิตุกาเมน ตโต นีหริตฺวา กปฺปิยํ การาเปตฺวา อฺสฺมึ ภาชเน เปตฺวา อติริตฺตํ การาเปตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ.

๑๒๒. โส ปุน กาตุํ น ลภตีติ ตสฺมึเยว ภาชเน กริยมานํ ปมํ กเตน สทฺธึ กตํ โหตีติ ปุน โสเยว กาตุํ น ลภติ, อฺโ ลภติ. อฺสฺมึ ปน ภาชเน เตน วา อฺเน วา กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘เยน อกตํ, เตน กาตพฺพํ, ยฺจ อกตํ, ตํ กาตพฺพ’’นฺติ. เตนาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท น เกวลํ อฺเเนวาติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. เอวํ กตนฺติ อฺสฺมึ ภาชเน กตํ.

เปเสตฺวาติ อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ เปเสตฺวา. อิมสฺส วินยกมฺมภาวโต ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ ิตํ น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

สเจ ปน อามิสสํสฏฺานีติ เอตฺถ สเจ มุขคเตนาปิ อนติริตฺเตน อามิเสน สํสฏฺานิ โหนฺติ, ปาจิตฺติยเมวาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ปวาริเตน โภชนํ อติริตฺตํ การาเปตฺวา ภุฺชนฺเตนปิ ยถา อกเตน มิสฺสํ น โหติ, เอวํ มุขฺจ หตฺถฺจ สุทฺธํ กตฺวา ภุฺชิตพฺพํ. กิฺจาปิ อปวาริตสฺส ปุเรภตฺตํ ยามกาลิกาทีนิ อาหารตฺถาย ปริภุฺชโตปิ อนาปตฺติ, ปวาริตสฺส ปน ปวารณมูลกํ ทุกฺกฏํ โหติเยวาติ ‘‘ยามกาลิกํ…เป… อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๔๐) วุตฺตํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ปฏิกฺเขปปวารณาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เอกวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๒. ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยกถา

๑๒๓. เอวํ ปฏิกฺเขปปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปพฺพชฺชาติ เอตฺถ ปนา’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ปมํ วชิตพฺพาติ ปพฺพชฺชา, อุปสมฺปทาโต ปมํ อุปคจฺฉิตพฺพาติ อตฺโถ. ป-ปุพฺพ วช คติมฺหีติ ธาตุ. กุลปุตฺตนฺติ อาจารกุลปุตฺตํ สนฺธาย วทติ. เย ปุคฺคลา ปฏิกฺขิตฺตา, เต วชฺเชตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ปพฺพชฺชาโทสวิรหิโตติ ปพฺพชฺชาย อนฺตรายกเรหิ ปฺจาพาธาทิโทเสหิ วิรหิโต. นขปิฏฺิปฺปมาณนฺติ เอตฺถ กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา. ‘‘ตฺเจ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ วฑฺฒนปกฺเข ิตํ โหติ, น ปพฺพาเชตพฺโพติ อิมินา สามฺลกฺขณํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวสุ นขปิฏฺิปฺปมาณํ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ เจ, น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. เอวฺจ สติ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ เจ, สพฺพตฺถ วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตฺจ น สามฺโต อธิปฺเปตนฺติ ปเทสวิเสเสเยว นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘สเจ ปนา’ติอาทิมาห. สเจ หิ อวิเสเสน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ วฏฺเฏยฺย, ‘นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน’ติ ปเทสนิยมํ น กเรยฺย, ตสฺมา นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺานโต อฺตฺถ นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรํ ปน อวฑฺฒนกปกฺเข วา วฑฺฒนกปกฺเข วา ิตํ โหตุ, วฏฺฏติ นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรสฺส วฑฺฒนกปกฺเข อวฑฺฒนกปกฺเข วา ิตสฺส มุขาทีสุเยว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๘๘) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๘๘-๘๙) ปน ‘‘ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ โหติ, วฏฺฏตีติ วุตฺตตฺตา อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ตาทิสมฺปิ น วฏฺฏติ, ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนปิ จ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธเมว โหติ. ปากฏฏฺาเนปิ ปน นขปิฏฺิปฺปมาณโต อูนตรํ อวฑฺฒนกํ วฏฺฏตีติ เย คณฺเหยฺยุํ, เตสํ ตํ คหณํ ปฏิเสเธตุํ ‘มุเข ปนา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. โคธา…เป… น วฏฺฏตีติ อิมินา ตาทิโสปิ โรโค กุฏฺเเยว อนฺโตคโธติ ทสฺเสติ. คณฺเฑปิ อิมินา นเยน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปน มุขาทีสุ โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิสุํ น ทสฺสิโต. ‘‘อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกปกฺเข ิเตปิ น วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตถาปิ กุฏฺเ วุตฺตนเยน มุขาทีสุ โกลฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิฺายติ, ตสฺมา อวฑฺฒนกปกฺเข ิเตปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ น วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตเยวาติ อมฺหากํ ขนฺติ. ปกติวณฺเณ ชาเตติ โรคเหตุกสฺส วิการวณฺณสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ.

โกลฏฺิมตฺตโกติ พทรฏฺิปฺปมาโณ. ‘‘สฺชาตฉวึ กาเรตฺวา’’ติ ปาโ, วิชฺชมานฉวึ กาเรตฺวาติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๘๘-๘๙) ปน ‘‘สจฺฉวึ กาเรตฺวาติ วิชฺชมานฉวึ กาเรตฺวาติ อตฺโถ, สฺฉวินฺติ วา ปาโ, สฺชาตฉอนฺติ อตฺโถ. คณฺฑาทีสุ วูปสนฺเตสุปิ ตํ านํ วิวณฺณมฺปิ โหติ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณนฺติ รตฺตปทุมเสตปทุมปุปฺผทลวณฺณํ. กุฏฺเ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกํ วฏฺฏติ, อฺตฺถ น กิฺจิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนยํ ทสฺเสติ. โสสพฺยาธีติ ขยโรโค. ยกฺขุมฺมาโทติ กทาจิ อาคนฺตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา หตฺถมุขาทิกํ อวยวํ ภูมิยํ ฆํสนโก ยกฺโขว โรโค.

๑๒๔. มหามตฺโตติ มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคโต. ‘‘น ทานาหํ เทวสฺส ภโฏ’’ติ อาปุจฺฉตีติ รฺา เอว ทินฺนํ านนฺตรํ สนฺธาย วุตฺตํ. โย ปน ราชกมฺมิเกหิ อมจฺจาทีหิ ปิโต, อมจฺจาทีนํ เอว วา ภโฏ โหติ, เตน ตํ ตํ อมจฺจาทิมฺปิ อาปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตีติ.

๑๒๕. ‘‘ธชพนฺโธ’’ติ วุตฺตตฺตา อปากฏโจโร ปพฺพาเชตพฺโพติ วิฺายติ. เตน วกฺขติ ‘‘เย ปน อมฺพลพุชาทิโจรกา’’ติอาทิ. เอวํ ชานนฺตีติ ‘‘สีลวา ชาโต’’ติ ชานนฺติ.

๑๒๖. ภินฺทิตฺวาติ อนฺทุพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา. ฉินฺทิตฺวาติ สงฺขลิกพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา. มุฺจิตฺวาติ รชฺชุพนฺธนํ มุฺจิตฺวา. วิวริตฺวาติ คามพนฺธนาทีสุ คามทฺวาราทีนิ วิวริตฺวา. อปสฺสมานานํ วา ปลายตีติ ปุริสคุตฺติยํ ปุริสานํ โคปกานํ อปสฺสมานานํ ปลายติ.

๑๒๙. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘กสาหโต กตทณฺฑกมฺโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว.

๑๓๐. ปลาโตปีติ อิณสฺสามิกานํ อาคมนํ ตฺวา ภเยน ปลาโตปิ อิณายิโก. คีวา โหติ อิณายิกภาวํ ตฺวา อนาทเรน อิณมุตฺตเก ภิกฺขุภาเว ปเวสิตตฺตา.

อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกํ โถกํ. ทาตพฺพเมวาติ อิณายิเกน ธนํ สมฺปชฺชตุ วา, มา วา, ทาเน สอุสฺสาเหเนว ภวิตพฺพํ, อฺเหิ จ ภิกฺขูหิ ‘‘มา ธุรํ นิกฺขิปาหี’’ติ วตฺวา สหายเกหิ ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ธุรนิกฺเขเปน หิสฺส ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพตา สิยาติ.

๑๓๑. ทาสจาริตฺตํ อาโรเปตฺวา กีโตติ อิมินา ทาสภาวปริโมจนตฺถาย กีตํ นิวตฺเตติ. ตาทิโส หิ ธนกฺกีโตปิ อทาโส เอว. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เทสจาริตฺตนฺติ สาวนปณฺณาโรปนาทิกํ ตํ ตํ เทสจาริตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ จาริตฺตวเสนาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ชนปเท ทาสปณฺณชฺฌาปนาทินา อทาสกรณนิยาเมน. อภิเสกาทีสุ สพฺพพนฺธนานิ โมจาเปนฺติ, ตํ สนฺธาย ‘‘สพฺพสาธารเณนา’’ติ วุตฺตํ.

สเจ สยเมว ปณฺณํ อาโรเปนฺติ, น วฏฺฏตีติ ตา ภุชิสฺสิตฺถิโย ‘‘มยมฺปิ วณฺณทาสิโย โหมา’’ติ อตฺตโน รกฺขณตฺถาย สยเมว ราชูนํ ทาสิปณฺเณ อตฺตโน นามํ ลิขาเปนฺติ, ตาสํ ปุตฺตาปิ ราชทาสาว โหนฺติ, ตสฺมา เต ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ. เตหิ อทินฺนา น ปพฺพาเชตพฺพาติ ยตฺตกา เตสํ สามิโน, เตสุ เอเกน อทินฺเนปิ น ปพฺพาเชตพฺพา. ภุชิสฺเส กตฺวา ปน ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตีติ ยสฺส วิหารสฺส เต อารามิกา ทินฺนา, ตสฺมึ วิหาเร สงฺฆํ าเปตฺวา ผาติกมฺเมน ธนาทึ กตฺวา ภุชิสฺเส กตฺวา ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เทวทาสิปุตฺเต วฏฺฏตีติ ลิขิตํ. ‘อารามิกฺเจ ปพฺพาเชตุกาโม, อฺเมกํ ทตฺวา ปพฺพาเชตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ. มหาปจฺจริวาทสฺส อยมิธ อธิปฺปาโย, ‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส อารามิเก เทมา’ติ ทินฺนตฺตา น เต เตสํ ทาสา, ‘อารามิโก จ เนว ทาโส น ภุชิสฺโส’ติ วตฺตพฺพโต น ทาโสติ ลิขิตํ. ตกฺกาสิฺจนํ สีหฬทีเป จาริตฺตํ, เต จ ปพฺพาเชตพฺพา สงฺฆสฺสารามิกตฺตา. นิสฺสามิกํ ทาสํ อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๙๗) ปน ‘‘ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ ยถา อทาเส กโรนฺตา ตกฺเกน สีสํ โธวิตฺวา อทาสํ กโรนฺติ, เอวํ อารามิกวจเนน ทินฺนตฺตา อทาสาว เตติ อธิปฺปาโย. ‘ตกฺกาสิฺจนํ ปน สีหฬทีเป จาริตฺต’นฺติ วทนฺติ. เนว ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺตนฺติ กปฺปิยวจเนน ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส อารามิกทาสตฺตา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๙๗) ‘‘ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ เกสุจิ ชนปเทสุ อทาเส กโรนฺตา ตกฺกํ สีเส อาสิฺจนฺติ, เตน กิร เต อทาสา โหนฺติ, เอวมิทมฺปิ อารามิกวจเนน ทินฺนมฺปีติ อธิปฺปาโย. ตถา ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส อารามิกทาโส เอวาติ ‘เนว ปพฺพาเชตพฺโพ’ติ วุตฺตํ. ‘ตาวกาลิโก นาม’ติ วุตฺตตฺตา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วา ปจฺฉาปิ คเหตุกามตาย วา ทินฺนํ สพฺพํ ตาวกาลิกเมวาติ คเหตพฺพํ. นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกุลํ อฺาติกํ มรเณน ปริกฺขีณํ, น โกจิ ตสฺส ทายาโท, โส ปน สมานชาติเกหิ วา นิวาสคามวาสีหิ วา อิสฺสเรหิ วา ภุชิสฺโส กโตว ปพฺพาเชตพฺโพ. เทวทาสาปิ ทาสา เอว. เต หิ กตฺถจิ เทเส ราชทาสา โหนฺติ, กตฺถจิ วิหารทาสา วา, ตสฺมา ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๙๗) ปน ‘‘นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกา สปุตฺตทารา มตา โหนฺติ, น โกจิ ตสฺส ปริคฺคาหโก, โสปิ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ, ตํ ปน อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ วฏฺฏติ. เย วา ปน ตสฺมึ รฏฺเ สามิโน, เตหิปิ การาเปตุํ วฏฺฏติ, ‘เทวทาสิปุตฺตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘ทาสสฺส ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปลายนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘ทาสมฺปิ ปพฺพาเชตฺวา สามิเก ทิสฺวา ปฏิจฺฉาทนตฺถํ อปเนนฺโต ปทวาเรน อทินฺนาทานาปตฺติยา กาเรตพฺโพ, ทาสสฺส ปน ปลายโต อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๓๒. หตฺถจฺฉินฺนกาทิวตฺถูสุ กณฺณมูเลติ สกลสฺส กณฺณสฺส เฉทํ สนฺธายาห. กณฺณสกฺขลิกายาติ กณฺณจูฬิกาย. ยสฺส ปน กณฺณาวฏฺเฏติ เหฏฺา กุณฺฑลาทิปนฉิทฺทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ตฺหิ สงฺฆฏฺฏนกฺขมํ. อชปทเกติ อชปทนาสิกฏฺิโกฏิยํ. ตโต หิ อุทฺธํ น วิจฺฉินฺทิตุํ สกฺกา โหติ. สนฺเธตุนฺติ อวิรูปสณฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, วิรูปํ ปน ปริสทูสกํ อาปาเทติ.

ขุชฺชสรีโรติ วงฺกสรีโร. พฺรหฺมุโน วิย อุชุกํ คตฺตํ สรีรํ ยสฺส โส พฺรหฺมุชุคตฺโต, ภควา. อวเสโส สตฺโตติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตสตฺโต. เอเตน เปตฺวา มหาปุริสํ จกฺกวตฺติฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกาติ ทสฺเสติ. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา ขนฺเธ กฏิยํ ชาณูสูติ ตีสุ าเนสุ นมนฺติ, เต กฏิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, ทฺวีสุ าเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺติ, ทีฆสรีรา ปน เอเกน ปสฺเสน วงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนาเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, เอเก ปุรโต ปพฺภารา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติ. ปริวฏุโมติ สมนฺตโต วฏฺฏกาโย. เอเตน เอวรูปา เอว วามนกา น วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ.

๑๓๓. อฏฺิสิราจมฺมสรีโรติ อฏฺิสิราจมฺมมตฺตสรีโร. กูฏกูฏสีโสติ อเนเกสุ าเนสุ ปิณฺฑิตมํสตํ ทสฺเสตุํ อาเมฑิตํ กตํ. เตนาห ‘‘ตาลผลปิณฺฑิสทิเสนา’’ติ. ตาลผลานํ มฺชรี ปิณฺฑิ นาม. อนุปุพฺพตนุเกน สีเสนาติ เจติยถูปิกา วิย กเมน กิเสน สีเสน. มหาเวฬุปพฺพํ วิย อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา อวิสมถูเลน สีเสน สมนฺนาคโต นาฬิสีโส นาม. กปฺปสีโสติ คชมตฺถกํ วิย ทฺวิธา ภินฺนสีโส. ‘‘กณฺณิกเกโส วา’’ติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปาณเกหี’’ติอาทิ. มกฺกฏสฺเสว นลาเฏปิ เกสานํ อุฏฺิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘สีสโลเมหี’’ติอาทิ.

มกฺกฏภมุโกติ นลาฏโลเมหิ อวิภตฺตโลมภมุโก. อกฺขิจกฺเกหีติ อกฺขิมณฺฑเลหิ. เกกโรติ ติริยํ ปสฺสนโก. อุทกตารกาติ โอโลเกนฺตานํ อุทเก ปฏิพิมฺพิกจฺฉายา. อุทกพุพฺพุฬนฺติ เกจิ. อกฺขิตารกาติ อภิมุเข ิตานํ ฉายา. อกฺขิภณฺฑกาติปิ วทนฺติ. อติปิงฺคลกฺขิ มชฺชารกฺขิ. มธุปิงฺคลนฺติ มธุวณฺณปิงฺคลํ. นิปฺปขุมกฺขีติ เอตฺถ ปขุม-สทฺโท อกฺขิทลโลเมสุ นิรุฬฺโห, ตทภาวา นิปฺปขุมกฺขิ. อกฺขิปาเกนาติ อกฺขิทลปริยนฺเตสุ ปูติตาปชฺชนโรเคน.

จิปิฏนาสิโกติ อนุนฺนตนาสิโก. ปฏงฺคมณฺฑูโก นาม มหามุขมณฺฑูโก. ภินฺนมุโขติ อุปกฺกมุขปริโยสาโน, สพฺพทา วิวฏมุโข วา. วงฺกมุโขติ เอกปสฺเส อปกฺกมฺม ิตเหฏฺิมหนุกฏฺิโก. โอฏฺจฺฉินฺนโกติ อุโภสุ โอฏฺเสุ ยตฺถ กตฺถจิ ชาติยา วา ปจฺฉา วา สตฺถาทินา อปนีตมํเสน โอฏฺเน สมนฺนาคโต. เอฬมุโขติ นิจฺจปคฺฆริตลาลามุโข.

ภินฺนคโลติ อวนตคโล. ภินฺนอุโรติ อตินินฺนอุรมชฺโฌ. เอวํ ภินฺนปิฏฺีติ. สพฺพฺเจตนฺติ ‘‘กจฺฉุคตฺโต’’ติอาทึ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ จ วินิจฺฉโย กุฏฺาทีสุ วุตฺโต เอวาติ อาห ‘‘วินิจฺฉโย’’ติอาทิ.

วาตณฺฑิโกติ อณฺฑเกสุ วุทฺธิโรเคน สมนฺนาคโต, อณฺฑวาตโรเคน อุทฺธุตพีชณฺฑโกเสน สมนฺนาคโต วา. ยสฺส นิวาสเนน ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ อุณฺณตํ ปกาสติ, โสว น ปพฺพาเชตพฺโพ. วิกโฏติ ติริยํ คมนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา พหิ นิคจฺฉนฺติ. สงฺฆฏฺโฏติ คจฺฉโต ปริวตฺตนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา อนฺโต ปวิสนฺติ. มหาชงฺโฆติ ถูลชงฺโฆ. มหาปาโทติ มหนฺเตน ปาทตเลน ยุตฺโต. ปาทเวมชฺเฌติ ปิฏฺิปาทเวมชฺเฌ. เอเตน อคฺคปาโท จ ปณฺหิ จ สทิสาวาติ ทสฺเสติ.

๑๓๔. มชฺเฌ สํกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺปาทตาย การณํ ทสฺเสติ, อคฺเค สํกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺปาทตาย. กุณฺปาทสฺเสว จงฺกมนวิภาวนํ ‘‘ปิฏฺิปาทคฺเคน จงฺกมนฺโต’’ติ. ‘‘ปาทสฺส พาหิรนฺเตนา’’ติ จ ‘‘อพฺภนฺตรนฺเตนา’’ติ จ อิทํ ปาทตลสฺส อุโภหิ ปริยนฺเตหิ จงฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ.

มมฺมนนฺติ ขลิตวจนํ, โย เอกเมวกฺขรํ จตุปฺจกฺขตฺตุํ วทติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ, านกรณวิสุทฺธิยา อภาเวน อผุฏฺกฺขรวจนํ. วจนานุกรเณน หิ โส ‘‘มมฺมโน’’ติ วุตฺโต. โย จ กรณสมฺปนฺโนปิ เอกเมวกฺขรํ หิกฺการพหุโส วทติ, โสปิ อิเธว สงฺคยฺหติ. โย วา ปน ตํ นิคฺคเหตฺวาปิ อนาเมฑิตกฺขรเมว สิถิลํ สิลิฏฺวจนํ วตฺตุํ สมตฺโถ, โส ปพฺพาเชตพฺโพ. อาปตฺติโต น มุจฺจนฺตีติ ตฺวา กโรนฺตาว น มุจฺจนฺติ. ชีวิตนฺตรายาทิอาปทาสุ อรุจิยา กายสามคฺคึ เทนฺตสฺส อนาปตฺติ.

๑๓๕. อภพฺพปุคฺคลกถาสุ ‘‘โย กาฬปกฺเข อิตฺถี โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปุริโส, อยํ ปกฺขปณฺฑโก’’ติ เกจิ วทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมตี’’ติ อปณฺฑกปกฺเข ปริฬาหวูปสมสฺเสว วุตฺตตฺตา ปณฺฑกปกฺเข อุสฺสนฺนปริฬาหตา ปณฺฑกภาวาปตฺตีติ วิฺายตีติ วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. อิตฺถิภาโว ปุมฺภาโว วา นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ‘‘ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพชิโต สเจ กิเลสกฺขยํ ปาปุณาติ, น นาเสตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. ปณฺฑกสฺส หิ กิเลสกฺขยาสมฺภวโต, ขีณกิเลสสฺส จ ปณฺฑกภาวานาปตฺติโต. อเหตุกปฏิสนฺธิกถายฺหิ อวิเสเสน ปณฺฑกสฺส อเหตุกปฏิสนฺธิตา วุตฺตา, อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกานฺจ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาเยว ปณฺฑกภาโว, น ปวตฺติยํเยวาติ วทนฺติ. เตเนว อเหตุกปฏิสนฺธินิทฺเทเส ชจฺจนฺธพธิราทโย วิย ปณฺฑโก ชาติสทฺเทน วิเสเสตฺวา น นิทฺทิฏฺโ. จตุตฺถปาราชิกสํวณฺณนายฺจ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) อภพฺพปุคฺคเล ทสฺเสนฺเตน ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา ตโย วตฺถุวิปนฺนา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เตสํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโตติ อวิเสสโต วุตฺตนฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๙) อาคตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๙) ปน ปณฺฑกวตฺถุสฺมึ อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกา ตโยปิ ปุริสภาวลิงฺคาทิยุตฺตา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เต จ กิเลสปริยุฏฺานสฺส พลวตาย นปุํสกปณฺฑกสทิสตฺตา ‘‘ปณฺฑกา’’ติ วุตฺตา, เตสุ อาสิตฺตอุสูยปณฺฑกานํ ทฺวินฺนํ กิเลสปริยุฏฺานํ โยนิโสมนสิการาทีหิ วีติกฺกมโต นิวาเรตุมฺปิ สกฺกา, เตน เต ปพฺพาเชตพฺพาติ วุตฺตา. ปกฺขปณฺฑกสฺส ปน กาฬปกฺเข อุมฺมาโท วิย กิเลสปริฬาโห อวตฺถรนฺโต อาคจฺฉติ, วีติกฺกมํ ปตฺวา เอว จ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตสฺมึ ปกฺเข โส น ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺโต, ตเทตํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส ปเรส’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อาสิตฺตสฺสาติ มุเข อาสิตฺตสฺส อตฺตโนปิ อสุจิมุจฺจเนน ปริฬาโห วูปสมฺมติ. อุสูยาย อุปฺปนฺนายาติ อุสูยาย วเสน อตฺตโน เสเวตุกามตาราเค อุปฺปนฺเน อสุจิมุตฺติยา ปริฬาโห วูปสมฺมติ.

‘‘พีชานิ อปนีตานี’’ติ วุตฺตตฺตา พีเชสุ ิเตสุ นิมิตฺตมตฺเต อปนีเต ปณฺฑโก น โหติ. ภิกฺขุโนปิ อนาพาธปจฺจยา ตทปนยเน ถุลฺลจฺจยเมว, น ปณฺฑกตฺตํ. พีเชสุ ปน อปนีเตสุ องฺคชาตมฺปิ ราเคน กมฺมนิยํ น โหติ, ปุมภาโว วิคจฺฉติ, มสฺสุอาทิปุริสลิงฺคมฺปิ อุปสมฺปทาปิ วิคจฺฉติ, กิเลสปริฬาโหปิ ทุนฺนิวารวีติกฺกโม โหติ นปุํสกปณฺฑกสฺส วิย, ตสฺมา อีทิโส อุปสมฺปนฺโนปิ นาเสตพฺโพติ วทนฺติ. ยทิ เอวํ กสฺมา พีชุทฺธรเณ ปาราชิกํ น ปฺตฺตนฺติ? เอตฺถ ตาว เกจิ วทนฺติ ‘‘ปฺตฺตเมเวตํ ภควตา ‘ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ วุตฺตตฺตา’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา พีชุทฺธรณกฺขเณ ปณฺฑโก น โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ ขเณ ปาราชิกํ น ปฺตฺตํ. ยสฺมา ปน โส อุทฺธฏพีโช ภิกฺขุ อปเรน สมเยน วุตฺตนเยน ปณฺฑกตฺตํ อาปชฺชติ, อภาวโก โหติ, อุปสมฺปทาย อวตฺถุ, ตโต เอว จสฺส อุปสมฺปทา วิคจฺฉติ, ตสฺมา เอส ปณฺฑกตฺตุปคมนกาลโต ปฏฺาย ชาติยา นปุํสกปณฺฑเกน สทฺธึ โยเชตฺวา ‘อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ อภพฺโพติ วุตฺโต, น ตโต ปุพฺเพ. อยฺจ กิฺจาปิ สเหตุโก, ภาวกฺขเยน ปนสฺส อเหตุกสทิสตาย มคฺโคปิ น อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ อุปกฺกเมน ปณฺฑกภาวมาปนฺนํ สนฺธาย ‘อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ วุตฺตํ, อุปสมฺปนฺนสฺส ปน ปจฺฉา อุปกฺกเมน อุปสมฺปทาปิ น วิคจฺฉตี’’ติ, ตํ น ยุตฺตํ. ยทคฺเคน หิ ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ อุปกฺกเมน อภพฺโพ โหติ, ตทคฺเคน ปจฺฉาปิ โหตีติ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

อิตฺถตฺตาทิ ภาโว นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ปพฺพชฺชา น วาริตาติ เอตฺถ ปพฺพชฺชาคฺคหเณเนว อุปสมฺปทาปิ คหิตา. เตนาห ‘‘ยสฺส เจตฺถ ปพฺพชฺชา วาริตา’’ติอาทิ. ตสฺมึ เยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ ปน อปณฺฑกปกฺเขปิ ปพฺพชฺชามตฺตเมว ลภติ, อุปสมฺปทา ปน ตทาปิ น วฏฺฏติ, ปณฺฑกปกฺเข ปน อาคโต ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพติ เวทิตพฺพนฺติ วุตฺตํ.

๑๓๖. อุภโตพฺยฺชนมสฺส อตฺถีติ อุภโตพฺยฺชนโกติ อิมินา อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. พฺยฺชนนฺติ เจตฺถ ปุริสนิมิตฺตํ อิตฺถินิมิตฺตฺจ อธิปฺเปตํ. อถ อุภโตพฺยฺชนกสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, อุทาหุ ทฺเวติ? เอกเมว โหติ, น ทฺเว. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ, โน. ยสฺส วา ปน ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ, โน’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) เอกสฺมึ สนฺตาเน อินฺทฺริยภูตภาวทฺวยสฺส อุปฺปตฺติยา อภิธมฺเม ปฏิเสธิตตฺตา, ตฺจ โข อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสินฺทฺริยนฺติ. ยทิ เอวํ ทุติยพฺยฺชนสฺส อภาโว อาปชฺชติ อินฺทฺริยฺหิ พฺยฺชนสฺส การณํ วุตฺตํ, ตฺจ ตสฺส นตฺถีติ? วุจฺจเต – น ตสฺส อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ. กสฺมา? สทา อภาวโต. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถิพฺยฺชนํ ปฏิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติ, ตถา อิตรสฺส อิตรํ. ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยฺชนทฺวยํ ติฏฺเยฺย, น ปน ติฏฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘น ตสฺส ตํ พฺยฺชนการณํ, กมฺมสหายํ ปน ราคจิตฺตเมเวตฺถ การณ’’นฺติ. ยสฺมา จสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยมฺปิ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรมฺปิ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปรํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน น คณฺหาตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๖) อาคตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๖) ปน – อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโกติ อิตฺถินฺทฺริยยุตฺโต, อิตโร ปน ปุริสินฺทฺริยยุตฺโต. เอกสฺส หิ ภาวทฺวยํ สห น อุปฺปชฺชติ ยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. ทุติยพฺยฺชนํ ปน กมฺมสหาเยน อกุสลจิตฺเตเนว ภาวรหิตํ อุปฺปชฺชติ. ปกติตฺถิปุริสานมฺปิ กมฺมเมว พฺยฺชนลิงฺคานํ การณํ, น ภาโว ตสฺส เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยตฺตสฺส ปฏฺาเน อวุตฺตตฺตา. เกวลํ ภาวสหิตานํเยว พฺยฺชนลิงฺคานํ ปวตฺตทสฺสนตฺถํ อฏฺกถาสุ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒-๖๓๓) ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถิลิงฺคาทีนี’’ติอาทินา อินฺทฺริยสฺส พฺยฺชนการณตฺเตน วุตฺตํ. อิธ ปน อกุสลพเลน อินฺทฺริยํ วินาปิ พฺยฺชนํ อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. อุภินฺนมฺปิ เจ เตสํ อุภโตพฺยฺชนกานํ. ยทา อิตฺถิยา ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตรํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ยทา ปุริเส ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา อิตฺถิพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตรํ ปฏิจฺฉนฺนนฺติ อาคตํ.

๑๓๗. เถยฺยาย สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติอาทิ. น ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูปํ ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ. ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกติ อิมินา น เอกกมฺมาทิโกว อิธ สํวาโส นามาติ ทสฺเสติ.

๑๓๘. ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา. สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาย โส สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสตีติ อตฺโถ. โย หิ ราชภยาทึ วินา เกวลํ ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สทฺธึ สํวสิตุกามตาย ลิงฺคํ คณฺหาติ, โส อสุทฺธจิตฺตตาย ลิงฺคคฺคหเณเนว เถยฺยสํวาสโก นาม โหติ. อยํ ปน ตาทิเสน อสุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขู วฺเจตุกามตาย อภาวโต ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น โหติ. เตเนว ‘‘ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘คิหี มํ สมโณติ ชานนฺตู’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวา โทโส น ชาโต’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘วูปสนฺตภยตา อิธ สุทฺธจิตฺตตา’’ติ วทนฺติ, เอวฺจ สติ โส วูปสนฺตภโย ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อยมตฺโถ วิฺายติ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ วิฺายมาเน อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น จ อฏฺกถายํ อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ อเถยฺยสํวาสกตา ทสฺสิตา. สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภุฺชนฺโตติ จ อิมินา อวูปสนฺตภเยนปิ สํวาสํ อสาทิยนฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทีเปติ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา ‘สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภุฺชนฺโต’ติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ. ตสฺมา ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาเยเวตฺถ สุทฺธจิตฺตตาติ คเหตพฺพํ.

สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา วีถิจตุกฺกาทีสุ เปตฺวา ทาตพฺพภตฺตานิ. กายปริหาริยานีติ กาเยน ปริหริตพฺพานิ. อพฺภุคฺคจฺฉนฺตีติ อภิมุขํ คจฺฉนฺติ. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิโครกฺขาทิกมฺมากรเณน. ตเทว ปตฺตจีวรํ อาทาย วิหารํ คจฺฉตีติ จีวรานิ นิวาสนปารุปนวเสน อาทาย, ปตฺตฺจ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา วิหารํ คจฺฉติ.

นาปิ สยํ ชานาตีติ ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สมโณ นาม น โหตี’’ติ วา น ชานาติ. โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ อิมินา อุปสมฺปนฺนกาเล สุตฺวา สเจปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ.

สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อิทํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคตฺเถนโก โหติ, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโก โหตีติ วุตฺตํ. เอโก ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวาติ เอตฺถาปิ อิทเมว การณํ ทฏฺพฺพํ. ปรโต ‘‘สามเณโร สลิงฺเค ิโต’’ติอาทินา สามเณรสฺส วุตฺตวิธาเนสุปิ อเถยฺยสํวาสปกฺเข อยเมว นโย. ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘สาปิ คิหิภาวํ ปตฺถยมานา’’ติอาทินา วิภาเวติ.

สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ เอเตน คิหิสนฺตกํ ทสฺสิตํ. สามเณรปฏิปาฏิยา…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ เอตฺถ กิฺจาปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ปาราชิกํ ปน อาปชฺชติเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๐) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๐) ปน – เถยฺยาย ลิงฺคคฺคหณมตฺตมฺปิ อิธ สํวาโส เอวาติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนนฺติ ภิกฺขูนํ สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนนฺติ อตฺตนา มุสาวาเทน ทสฺสิตวสฺสกฺกเมน ภิกฺขูนํ วนฺทนํ สาทิยติ. ทหรสามเณโร ปน วุฑฺฒสามเณรานํ, ทหรภิกฺขู จ วุฑฺฒานํ วนฺทนํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ สํวาสตฺเถนกตฺเถ. ภิกฺขุวสฺสานีติ อิทํ สํวาสตฺเถนเก วุตฺตปาวเสน วุตฺตํ, สยเมว ปน ปพฺพชิตฺวา สามเณรวสฺสานิ คเณนฺโตปิ อุภยตฺเถนโก เอว. น เกวลฺจ ปุริโสว, อิตฺถีปิ ภิกฺขูนีสุ เอวํ ปฏิปชฺชติ, เถยฺยสํวาสิกาว. อาทิกมฺมิกาปิ เจตฺถ น มุจฺจนฺติ. อุปสมฺปนฺเนสุ เอว ปฺตฺตาปตฺตึ ปฏิจฺจ อาทิกมฺมิกา วุตฺตา, เตเนเวตฺถ อาทิกมฺมิโกปิ น มุตฺโต.

ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ยาว โส สุทฺธมานโสติ ‘‘อิมินา ลิงฺเคน ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สํวสิสฺสามี’’ติ อสุทฺธจิตฺตาภาเวน สุทฺธจิตฺโต. เตน หิ อสุทฺธจิตฺเตน ลิงฺเค คหิตมตฺเต ปจฺฉา ภิกฺขูหิ สห สํวสตุ วา มา วา, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. ปจฺฉา สํวสนฺโตปิ อภพฺโพ หุตฺวา สํวสติ, ตสฺมา อุภยตฺเถนโกปิ ลิงฺคตฺเถนเก เอว ปวิสตีติ เวทิตพฺพํ. โย ปน ราชาทิภเยน สุทฺธจิตฺโตว ลิงฺคํ คเหตฺวา วิจรนฺโต ปจฺฉา ‘‘ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตฺวา ชีวสฺสามี’’ติ อสุทฺธจิตฺตํ อุปฺปาเทติ, โส จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน เถยฺยสํวาสโก น โหติ สุทฺธจิตฺเตน คหิตลิงฺคตฺตา. สเจ ปน โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สามเณรวสฺสคณนาทึ กโรติ, ตทา สํวาสตฺเถนโก, อุภยตฺเถนโก วา โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ปน ปรโต ‘‘สห ธุรนิกฺเขเปน อยมฺปิ เถยฺยสํวาสโกวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ภิกฺขูหิ สงฺคมฺม สํวาสาธิวาสนวเสน ธุรนิกฺเขปํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาวา’’ติ, ตสฺส ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ โจราทิภยํ วินาปิ กีฬาธิปฺปาเยน ลิงฺคํ คเหตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ สนฺติเก ปพฺพชิตาลยํ ทสฺเสตฺวา วนฺทนาทึ อสาทิยนฺโตปิ ‘‘โสภติ นุ โข เม ปพฺพชิตลิงฺค’’นฺติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน คณฺหนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา ปฺตฺตานิ ภตฺตานิ. อิทฺจ ภิกฺขูนฺเว นิยมิตภตฺตคฺคหเณ สํวาโสปิ สมฺภเวยฺยาติ สพฺพสาธารณภตฺตํ วุตฺตํ. สํวาสํ ปน อสาทิยิตฺวา อภิกฺขุกวิหาราทีสุ วิหารภตฺตาทีนิ ภุฺชนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ เอว. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิอาทิกมฺมากรเณน. ปตฺตจีวรํ อาทายาติ ภิกฺขุลิงฺควเสน สรีเรน ธาเรตฺวา.

โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘เถยฺยสํวาสโก’’ติ ปน นามํ อชานนฺโตปิ ‘‘เอวํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ‘‘กโรนฺโต สมโณ นาม น โหตี’’ติ วา ‘‘ยทิ อาโรเจสฺสามิ, ฉฑฺฑยิสฺสนฺติ ม’’นฺติ วา ‘‘เยน เกนจิ ปพฺพชฺชา เม น รุหตี’’ติ ชานาติ, เถยฺยสํวาสโก โหติ. โย ปน ปมํ ‘‘ปพฺพชฺชา เอวํ เม คหิตา’’ติ สฺี เกวลํ อนฺตรา อตฺตโน เสตวตฺถนิวาสนาทิวิปฺปการํ ปกาเสตุํ ลชฺชนฺโต น กเถติ, โส เถยฺยสํวาสโก น โหติ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ เอตฺถ อวธารเณน อุปสมฺปนฺนกาเล เถยฺยสํวาสกลกฺขณํ ตฺวา วฺจนายปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ. โส หิ สุทฺธจิตฺเตน คหิตลิงฺคตฺตา ลิงฺคตฺเถนโก น โหติ, ลทฺธูปสมฺปทตฺตา ตทนุคุณสฺเสว สํวาสสฺส สาทิตตฺตา สํวาสตฺเถนโกปิ น โหติ. อนุปสมฺปนฺโน ปน ลิงฺคตฺเถนโก โหติ, สํวาสารหสฺส ลิงฺคสฺส คหิตตฺตา สํวาสสาทิยนมตฺเตน สํวาสตฺเถนโก โหติ.

สลิงฺเค ิโตติ สลิงฺคภาเว ิโต. เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา ลิงฺคตฺเถนโก น โหติ. ภิกฺขุปฏิฺาย อปริจฺจตฺตตฺตา สํวาสตฺเถนโก น โหติ. ยํ ปน มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) ‘‘ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโก’’ติ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ อิทเมว การณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตรถา สามเณรสฺสาปิ ภิกฺขุวสฺสคณนาทีสุ ลิงฺคานุรูปสํวาโส เอว สาทิโตติ สํวาสตฺเถนกตา น สิยา ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อุภินฺนมฺปิ สาธารณตฺตา. ยถา เจตฺถ ภิกฺขุ, เอวํ สามเณโรปิ ปาราชิกํ สมาปนฺโน สามเณรปฏิฺาย อปริจฺจตฺตตฺตา สํวาสตฺเถนโก น โหตีติ เวทิตพฺโพ. โสภตีติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวาติ กาสาวธารเณ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา คิหิภาวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา.

สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ วิลีวาทิมเยสุ ฆรทฺวาเรสุ ปิเตสุ ภตฺตภาชนวิเสเสสุ. เอเตน วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสฺสคณนาทีนํ อกรณํ ทสฺเสตีติ วุตฺตํ.

๑๓๙. ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถายํ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตีติ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคคฺคหเณเนว เตสํ ลทฺธิปิ คหิตาเยว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ลทฺธิยา คหิตายปิ อคฺคหิตายปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉนโต อฺํ ลทฺธิคฺคหณํ นาม อตฺถิ. ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว หิ โส คหิตลทฺธิโก โหติ. เตเนว ‘‘วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ…เป… ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ, ตาว ตํ ลทฺธิ รกฺขติ, สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. นคฺโคว อาชีวกานํ อุปสฺสยํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏนฺติ ‘‘อาชีวโก ภวิสฺส’’นฺติ อสุทฺธจิตฺเตน คมนปจฺจยา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. นคฺเคน หุตฺวา คมนปจฺจยาปิ ปทวาเร ทุกฺกฏา น มุจฺจติเยวาติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๐) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๐) ปน – ติตฺถิยปกฺกนฺตกาทิกถาสุ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเตติ วีมํสาทิอธิปฺปายํ วินา ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานวเสน ลิงฺเค กาเยน ธาริตมตฺเต. สยเมวาติ ติตฺถิยานํ สนฺติกํ อคนฺตฺวา สยเมว สงฺฆาราเมปิ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ. อาชีวโก ภวิสฺสนฺติ…เป… คจฺฉตีติ อาชีวกานํ สนฺติเก เตสํ ปพฺพชนวิธินา ‘‘อาชีวโก ภวิสฺสามี’’ติ คจฺฉติ. ตสฺส หิ ติตฺถิยภาวูปคมนํ ปติ สนฺนิฏฺาเน วิชฺชมาเนปิ ‘‘คนฺตฺวา ภวิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปิตตฺตา ปทวาเร ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ. ทุกฺกฏนฺติ ปาฬิยา อวุตฺเตปิ เมถุนาทีสุ วุตฺตปุพฺพปโยคทุกฺกฏานุโลมโต วุตฺตํ. เอเตน จ สนฺนิฏฺานวเสน ลิงฺเค สมฺปฏิจฺฉิเต ปาราชิกํ, ตโต ปุริมปโยเค ถุลฺลจฺจยฺจ วตฺตพฺพเมว. ถุลฺลจฺจยกฺขเณ นิวตฺตนฺโตปิ อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา มุจฺจติ เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สงฺฆเภเทปิ โลหิตุปฺปาเทปิ ภิกฺขูนํ ปุพฺพปโยคาทีสุ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยปาราชิกาหิ มุจฺจนสีมา จ เวทิตพฺพา. สาสนวิรุทฺธตาเยตฺถ อาทิกมฺมิกานมฺปิ อนาปตฺติ น วุตฺตา. ปพฺพชฺชายปิ อภพฺพตาทสฺสนตฺถํ ปเนเต อฺเ จ ปาราชิกกณฺเฑ วิสุํ สิกฺขาปเทน ปาราชิกาทึ อทสฺเสตฺวา อิธ อภพฺเพสุ เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.

ตํ ลทฺธีติ ติตฺถิยเวเส เสฏฺภาวคฺคหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. เตสฺหิ ติตฺถิยานํ สสฺสตาทิคฺคาหํ คณฺหนฺโตปิ ลิงฺเค อสมฺปฏิจฺฉิเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก น โหติ, ตํ ลทฺธึ อคฺคเหตฺวาปิ ‘‘เอเตสํ วตจริยา สุนฺทรา’’ติ ลิงฺคํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ เอว. ลทฺธิยา อภาเวนาติ ภิกฺขุภาเว สาลยตาย ติตฺถิยภาวูปคมนลทฺธิยา อภาเวน. เอเตน จ อาปทาสุ กุสจีราทึ ปารุปนฺตสฺสปิ นคฺคสฺส วิย อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโตติ เอตฺถ สงฺฆเภทโกปิ อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนาว กถิโต, มาตุฆาตกาทโย ปน อนุปสมฺปนฺเนนาติปิ ทฏฺพฺพนฺติ อาคตํ.

๑๔๐. ติรจฺฉานกถายํ ‘‘โย โกจิ อมนุสฺสชาติโย, สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ติรจฺฉานคโตติ เวทิตพฺโพ’’ติ เอเตน เอโส มนุสฺสชาติโย เอว ภควโต สาสเน ปพฺพชิตุํ วา อุปสมฺปชฺชิตุํ วา ลภติ, น ตโต อฺเติ ทีเปติ. เตนาห ภควา ‘‘ตุมฺเห โขตฺถ นาคา อวิรุฬฺหิธมฺมา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย’’ติ (มหาว. ๑๑๑).

๑๔๑. อานนฺตริยกถายํ ติรจฺฉานาทิอมนุสฺสชาติโต มนุสฺสชาติกานฺเว ปุตฺเตสุ เมตฺตาทโยปิ ติกฺขวิสทา โหนฺติ โลกุตฺตรคุณา วิยาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา ชนิกา มาตา’’ติ. ยถา มนุสฺสานฺเว กุสลปวตฺติ ติกฺขวิสทา, เอวํ อกุสลปวตฺติปีติ อาห ‘‘สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติอาทิ. อถ วา ยถา สมานชาติยสฺส วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติยสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา’’ติ. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตุปิตุสมฺา, ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชนิกา มาตา’’ติ วุตฺตํ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิพฺพตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติ. อานนฺตริเยนาติ เอตฺถ จุติอนนฺตรํ นิรเย ปฏิสนฺธิผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร ชนกตฺเตน นิยุตฺตํ อานนฺตริยํ, เตน. อถ วา จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตํ, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลํ, อนนฺตรปฺปโยชนํ วา อานนฺตริยํ, เตน อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน. ปิตุฆาตเกปิ ‘‘เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโก’’ติอาทินา สพฺพํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ.

ปริวตฺติตลิงฺคมฺปิ มาตรํ วา ปิตรํ วา ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติเยว. สติปิ หิ ลิงฺคปริวตฺเต โส เอว เอกกมฺมนิพฺพตฺโต ภวงฺคปฺปพนฺโธ ชีวิตปฺปพนฺโธ, น อฺโติ. โย ปน สยํ มนุสฺโส ติรจฺฉานภูตํ ปิตรํ วา มาตรํ วา, สยํ วา ติรจฺฉานภูโต มนุสฺสภูตํ, ติรจฺฉาโนเยว วา ติรจฺฉานภูตํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ น โหติ, ภาริยํ ปน โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ. เอฬกจตุกฺกํ สงฺคามจตุกฺกํ โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺโส มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ มรณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา, ปน มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุโน อภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสฺสเตว. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. ยถา จ มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตสุ เอตานิ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ, ปน ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยฺจ ปมาณํ. กตานนฺตริยกมฺโม จ ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาเหสฺสามี’’ติ สกลจกฺกวาฬํ มหาเจติยปฺปมาเณหิ กฺจนถูเปหิ ปูเรตฺวาปิ สกลจกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สงฺฆาฏิกณฺณํ อมุฺจนฺโต วิจริตฺวาปิ กายสฺส เภทา นิรยเมว อุปปชฺชติ, ปพฺพชฺชฺจ น ลภติ. ปิตุฆาตเก เวสิยา ปุตฺโตติ อุปลกฺขณมตฺตํ, กุลิตฺถิยา อติจารินิยา ปุตฺโตปิ อตฺตโน ปิตรํ อชานิตฺวา ฆานฺเตนฺโตปิ ปิตุฆาตโกว โหติ.

อรหนฺตฆาตกกมฺเม อวเสสนฺติ อนาคามิอาทิกํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ตติยปาราชิกวณฺณนาโต คเหตพฺโพ.

‘‘ทุฏฺจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตํ จิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ เอตฺถ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน จมฺมจฺเฉทํ กตฺวา โลหิตปคฺฆรณํ นาม นตฺถิ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ. เทวทตฺเตน ปวิทฺธสิลโต ภิชฺชิตฺวา คตา สกฺขลิกาปิ ตถาคตสฺส ปาทนฺตํ ปหริ, ผรสุนา ปหโฏ วิย ปาโท อนฺโตโลหิโตเยว อโหสิ. ชีวโก ปน ตถาคตสฺส รุจิยา สตฺถเกน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ตมฺหา านา ทุฏฺโลหิตํ นีหริตฺวา ผาสุมกาสิ, เตนสฺส ปุฺกมฺมเมว อโหสิ. เตนาห ‘‘ชีวโก วิยา’’ติอาทิ.

อถ เย ปรินิพฺพุเต ตถาคเต เจติยํ ภินฺทนฺติ, โพธึ ฉินฺทนฺติ, ธาตุมฺหิ อุปกฺกมนฺติ, เตสํ กึ โหตีติ? ภาริยํ กมฺมํ โหติ อานนฺตริยสทิสํ. สธาตุกํ ปน ถูปํ วา ปฏิมํ วา พาธมานํ โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. สเจปิ ตตฺถ นิลีนา สกุณา เจติเย วจฺจํ ปาเตนฺติ, ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว. ปริโภคเจติยโต หิ สรีรเจติยํ ครุตรํ. เจติยวตฺถุํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺเต โพธิมูเลปิ ฉินฺทิตฺวา หริตุํ วฏฺฏติ. ยา ปน โพธิสาขา โพธิฆรํ พาธติ, ตํ เคหรกฺขณตฺถํ ฉินฺทิตุํ น ลภติ. โพธิอตฺถาย หิ เคหํ, น เคหตฺถาย โพธิ. อาสนฆเรปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ ปน อาสนฆเร ธาตุ นิหิตา โหติ, ตสฺส รกฺขณตฺถาย ตํ สาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. โพธิชคฺคนตฺถํ โอโชหรณสาขํ วา ปูติฏฺานํ วา ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว, สตฺถุ รูปกายปฏิชคฺคเน วิย ปุฺมฺปิ โหติ.

สงฺฆเภเท จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. อยํ สงฺฆเภทโกติ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปุพฺเพ เอว ปาราชิกํ สมาปนฺโน วา วตฺถาทิโทเสน วิปนฺนุปสมฺปโท วา สงฺฆํ ภินฺทนฺโตปิ อานนฺตริยํ น ผุสติ, สงฺโฆ ปน ภินฺโนว โหติ, ปพฺพชฺชา จสฺส น วาริตาติ ทฏฺพฺพํ.

ภิกฺขุนีทูสเน อิจฺฉมานนฺติ โอทาตวตฺถวสนํ อิจฺฉมานํ. เตเนวาห ‘‘คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยวา’’ติ. เนว ปพฺพชฺชา อตฺถีติ โยชนา. โย จ ปฏิกฺขิตฺเต อภพฺเพ จ ปุคฺคเล ตฺวา ปพฺพาเชติ, อุปสมฺปาเทติ วา, ทุกฺกฏํ. อชานนฺตสฺส สพฺพตฺถ อนาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ.

๑๔๒. คพฺภมาเสหิ สทฺธึ วีสติ วสฺสานิ อสฺสาติ คพฺภวีโส. หายนวฑฺฒนนฺติ คพฺภมาเสสุ อธิเกสุ อุตฺตริ หายนํ, อูเนสุ วฑฺฒนนฺติ เวทิตพฺพํ. เอกูนวีสติวสฺสนฺติ ทฺวาทส มาเส มาตุกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาตกาลโต ปฏฺาย เอกูนวีสติวสฺสํ. ปาฏิปททิวเสติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนทิวเส. ‘‘ตึสรตฺติทิโว มาโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๘.๔๓; วิภ. ๑๐๒๓) วจนโต ‘‘จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺติ, ตติยสํวจฺฉเร เอกมาสสฺส อธิกตฺตา มาสปริจฺจชนวเสน วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ตติโย สํวจฺฉโร เตรสมาสิโก โหติ. สํวจฺฉรสฺส ปน ทฺวาทสมาสิกตฺตา อฏฺารสสุ วสฺเสสุ อธิกมาเส วิสุํ คเหตฺวา ‘‘ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตโตติ ฉมาสโต. นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ อธิกมาเสหิ สทฺธึ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา นิพฺเพมติกา หุตฺวา. ยํ ปน วุตฺตํ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ‘‘อฏฺารสนฺนํเยว วสฺสานํ อธิกมาเส คเหตฺวา คณิตตฺตา เสสวสฺสทฺวยสฺสปิ อธิกทิวสานิ โหนฺติ, ตานิ อธิกทิวสานิ สนฺธาย ‘นิกฺกงฺขา หุตฺวา’ติ วุตฺต’’นฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทฺวีสุ วสฺเสสุ อธิกทิวสานิ นาม วิสุํ อุปลพฺภนฺติ ตติเย วสฺเส วสฺสุกฺกฑฺฒนวเสน อธิกมาเส ปริจฺจตฺเตเยว อติเรกมาสสมฺภวโต, ตสฺมา ทฺวีสุ วสฺเสสุ อติเรกทิวสานิ วิสุํ น สมฺภวนฺติ.

‘‘เต ทฺเว มาเส คเหตฺวา วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, เอกูนวีสติวสฺสมฺหิ จ ปุน อปรสฺมึ วสฺเส ปกฺขิตฺเต วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘เอตฺถ ปน…เป… วุตฺต’’นฺติ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ ปน-สทฺโท หิสทฺทตฺโถ, เอตฺถ หีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺหิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. อิมินา จ อิมํ ทีเปติ – ยํ วุตฺตํ ‘‘เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ, ตตฺถ คพฺภมาเสปิ คเหตฺวา ทฺวีหิ มาเสหิ อปริปุณฺณวีสติวสฺสํ สนฺธาย ‘‘เอกูนวีสติวสฺส’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา อธิกมาเสสุ ทฺวีสุ คหิเตสุ เอว วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ นาม โหนฺตีติ. ตสฺมาติ ยสฺมา คพฺภมาสาปิ คณนูปคา โหนฺติ, ตสฺมา. เอกวีสติวสฺโส โหตีติ ชาตทิวสโต ปฏฺาย วีสติวสฺโส สมาโน คพฺภมาเสหิ สทฺธึ เอกวีสติวสฺโส โหติ. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย, กมฺมวาจาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๖) อาคตํ.

คพฺเภ สยิตกาเลน สทฺธึ วีสติมํ วสฺสํ ปริปุณฺณมสฺสาติ คพฺภวีโส. นิกฺขมนียปุณฺณมาสีติ สาวณมาสสฺส ปุณฺณมิยา อาสาฬฺหีปุณฺณมิยา อนนฺตรปุณฺณมี. ปาฏิปททิวเสติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย, ทฺวาทส มาเส มาตุกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาตํ อุปสมฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ตึสรตฺติทิโว มาโส, ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร’’ติ วจนโต ‘‘จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺติ, ‘‘เอกมาสํ อธิกมาโส’’ติ ฉฑฺเฑตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ตติโย ตติโย สํวจฺฉโร เตรสมาสิโก โหติ. เต ทฺเว มาเส คเหตฺวาติ นิกฺขมนียปุณฺณมาสโต ยาว ชาตทิวสภูตา มหาปวารณา, ตาว เย ทฺเว มาสา อนาคตา, เตสํ อตฺถาย อธิกมาสโต ลทฺเธ ทฺเว มาเส คเหตฺวา. เตนาห ‘‘โย ปวาเรตฺวา วีสติวสฺโส ภวิสฺสตี’’ติอาทิ. ‘‘นิกฺกงฺขา หุตฺวา’’ติ อิทํ อฏฺารสนฺนํ วสฺสานํ เอว อธิกมาเส คเหตฺวา ตโต วีสติยา วสฺเสสุปิ จาตุทฺทสีนํ อตฺถาย จตุนฺนํ มาสานํ ปริหาปเนน สพฺพถา ปริปุณฺณวีสติวสฺสตํ สนฺธาย วุตฺตํ.

ปวาเรตฺวา วีสติวสฺโส ภวิสฺสตีติ มหาปวารณาทิวเส อติกฺกนฺเต คพฺภวสฺเสน สห วีสติวสฺโส ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา คพฺภมาสาปิ คณนูปคา โหนฺติ, ตสฺมา. เอกวีสติวสฺโสติ ชาติยา วีสติวสฺสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย, อาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทติ. โสปีติ อุปสมฺปาเทนฺโตปิ อนุปสมฺปนฺโนติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๔๐๖) อาคตํ.

เอตฺถ สิยา – อฏฺกถาฏีกาสุ ‘‘อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อิทานิ ปน ‘‘เอกูนวีสติยา วสฺเสสุ สตฺต มาสา อธิกา’’ติ วทนฺติ, กถเมตฺถ วิฺาตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – อฏฺกถาฏีกาสุ สาสนโวหาเรน โลกิยคตึ อนุปคมฺม ตีสุ ตีสุ สํวจฺฉเรสุ มาสฉฑฺฑนํ คเหตฺวา ‘‘อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อิทานิ ปน เวทโวหาเรน จนฺทสูริยคติสงฺขาตํ ติถึ คเหตฺวา คเณนฺโต ‘‘เอกูนวีสติยา วสฺเสสุ สตฺต มาสา อธิกา’’ติ วทนฺตีติ, ตํ วสฺสูปนายิกกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.

๑๔๓. มาตา วา มตา โหตีติ สมฺพนฺโธ. โสเยวาติ ปพฺพชฺชาเปกฺโข เอว.

๑๔๔. ‘‘เอกสีมายฺจ อฺเปิ ภิกฺขู อตฺถีติ อิมินา เอกสีมายํ ภิกฺขุมฺหิ อสติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. ขณฺฑสีมาย วา ตฺวา นทีสมุทฺทาทีนิ วา คนฺตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ เอเตน สพฺเพ สีมฏฺกภิกฺขู อาปุจฺฉิตพฺพา, อนาปุจฺฉา ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ.

๑๔๕. อนามฏฺปิณฺฑปาตนฺติ อคฺคหิตอคฺคํ ปิณฺฑปาตํ. สามเณรภาคสมโก อามิสภาโคติ เอตฺถ กิฺจาปิ สามเณรานํ อามิสภาคสฺส สมกเมว ทียมานตฺตา วิสุํ สามเณรภาโค นาม นตฺถิ, เหฏฺา คจฺฉนฺตํ ปน ภตฺตํ กทาจิ มนฺทํ ภเวยฺย, ตสฺมา อุปริ อคฺคเหตฺวา สามเณรปาฬิยาว คเหตฺวา ทาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. นิยตปพฺพชฺชสฺเสว จายํ ภาโค ทียติ. เตเนว ‘‘อปกฺกํ ปตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อฺเ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๔๖. สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ เกสจฺเฉทนาทีนิ สยํ กโรนฺเตน ปพฺพาเชตพฺโพ. เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนํ สรณทานนฺติ หิ อิมานิ ตีณิ กโรนฺโต ‘‘ปพฺพาเชตี’’ติ วุจฺจติ, เตสุ เอกํ ทฺเว วาปิ กโรนฺโต ตถา โวหรียติเยว, ตสฺมา เอตํ ปพฺพาเชหีติ เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปชฺฌายํ อุทฺทิสฺส ปพฺพาเชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ วุตฺตํ. เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสจฺเฉทนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุโต อฺโ ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามเณโร ปนา’’ติอาทีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔) อาคตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔) ปน – สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา’’ติอาทิวจนโต เกสจฺเฉทนกาสายจฺฉาทนสรณทานานิ ปพฺพชนํ นาม, เตสุ ปจฺฉิมทฺวยํ ภิกฺขูหิ เอว กาตพฺพํ, กาเรตพฺพํ วา. ปพฺพาเชหีติ อิทํ ติวิธมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ. ภิกฺขูนฺหิ อนาโรเจตฺวา เอกสีมาย ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ อฺํ อาณาเปตุมฺปิ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสาทิจฺเฉทนเมว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา. ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนุปสมฺปนฺเนน ภิกฺขุอาณตฺติยา ทินฺนมฺปิ สรณํ น รุหตีติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร ฏี. มหาวคฺค ๓๔) – ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ วุตฺตํ, เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘ปพฺพาเชตฺวา’’ติ อิมสฺส อธิปฺปายปกาสนตฺถํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา เอหี’’ติ วุตฺตํ. อุปชฺฌาโย เจ เกสมสฺสุโอโรปนาทีนิ อกตฺวา ปพฺพชฺชตฺถํ สรณานิ เทติ, น รุหติ ปพฺพชฺชา. กมฺมวาจาย สาเวตฺวา อุปสมฺปาเทติ, รุหติ อุปสมฺปทา. อปตฺตจีวรานํ อุปสมฺปทาสิทฺธิทสฺสนโต, กมฺมวิปตฺติยา อภาวโต เจตํ ยุชฺชเตวาติ เอเก. โหติ เจตฺถ –

‘‘สลิงฺคสฺเสว ปพฺพชฺชา, วิลิงฺคสฺสาปิ เจตรา;

อเปตปุพฺพเวสสฺส, ตํทฺวยา อิติ จาปเร’’ติ.

ภิกฺขุนา หิ สหตฺเถน วา อาณตฺติยา วา ทินฺนเมว กาสาวํ วฏฺฏติ, อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ ปน สนฺเตสฺเวว กาสาเวสุ, นาสนฺเตสุ อสมฺภวโตติ เตสํ อธิปฺปาโยติ อาคโต.

ภพฺพรูโปติ ภพฺพสภาโว. ตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน วิภาเวติ ‘‘สเหตุโก’’ติ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต.

วณฺณสณฺานคนฺธาสโยกาสวเสน อสุจิเชคุจฺฉปฏิกูลภาวํ ปากฏํ กโรนฺเตนาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เกสา นาเมเต วณฺณโตปิ ปฏิกูลา, สณฺานโตปิ คนฺธโตปิ อาสยโตปิ โอกาสโตปิ ปฏิกูลา. มนุฺเปิ หิ ยาคุปตฺเต วา ภตฺตปตฺเต วา เกสวณฺณํ กิฺจิ ทิสฺวา ‘‘เกสมิสฺสกมิทํ, หรถ น’’นฺติ ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ เกสา วณฺณโต ปฏิกูลา. รตฺตึ ภุฺชนฺตาปิ เกสสณฺานํ อกฺกวากํ วา มกจิวากํ วา ฉุปิตฺวา ตเถว ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ สณฺานโตปิ ปฏิกูลา. เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขารวิรหิตานฺจ เกสานํ คนฺโธ ปรมเชคุจฺโฉ โหติ. ตโต เชคุจฺฉตโร อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตานํ. เกสา หิ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลาปิ สิยุํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยว. ยถา หิ ทหรสฺส กุมารกสฺส วจฺจํ วณฺณโต หลิทฺทิวณฺณํ, สณฺานโต หลิทฺทิปิณฺฑิสณฺานํ. สงฺกรฏฺาเน ฉฑฺฑิตฺจ อุทฺธุมาตกกาฬสุนขสรีรํ วณฺณโต ตาลปกฺกวณฺณํ, สณฺานโต วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมุทิงฺคสณฺานํ, ทาาปิสฺส สุมนมกุฬสทิสา, ตํ อุภยมฺปิ วณฺณสณฺานโต สิยา อปฺปฏิกูลํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลเมว, เอวํ เกสาปิ สิยุํ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลา, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยวาติ.

ยถา ปน อสุจิฏฺาเน คามนิสฺสนฺเทน ชาตานิ สูเปยฺยปณฺณานิ นาคริกมนุสฺสานํ เชคุจฺฉานิ โหนฺติ อปริโภคานิ, เอวํ เกสาปิ ปุพฺพโลหิตมุตฺตกรีสปิตฺตเสมฺหาทินิสฺสนฺเทน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ. เอวํ อาสยโตปิ ปฏิกูลา. อิเม จ เกสา นาม คูถราสิมฺหิ อุฏฺิตกณฺณกา วิย เอกตึสโกฏฺาสราสิมฺหิ ชาตา, เต สุสานสงฺการฏฺานาทีสุ ชาตสากํ วิย, ปริขาทีสุ ชาตกมลกุวลยาทิปุปฺผํ วิย จ อสุจิฏฺาเน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ เอวํ โอกาสโต ปฏิกูลาติอาทินา นเยน ตจปฺจกสฺส วณฺณาทิวเสน ปฏิกูลภาวํ ปกาเสนฺเตนาติ อตฺโถ.

นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ วา ปากฏํ กโรนฺเตนาติ อิเม เกสา นาม สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา, ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาเตสุ กุณฺติเณสุ น วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘‘มยิ กุณฺติณานิ ชาตานี’’ติ, นาปิ กุณฺติณานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’’ติ. เอวเมว น สีสกฏาหปลิเวนจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ เกสา ชาตา’’ติ, นาปิ เกสา ชานนฺติ ‘‘มยํ สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา’’ติ, อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมา. อิติ ‘‘เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สุฺโ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตู’’ติอาทินา นเยน นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ ปกาเสนฺเตน. ปุพฺเพติ ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก. มทฺทิตสงฺขาโรติ นามรูปววตฺถาเนน เจว ปจฺจยปริคฺคหวเสน จ าเณน ปริมทฺทิตสงฺขาโร. ภาวิตภาวโนติ กลาปสมฺมสนาทินา สพฺพโส กุสลภาวนาย ปูรเณน ภาวิตภาวโน. อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔) ปน – ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปนฺโน. นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวนฺติ ‘‘เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สุฺโ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตู’’ติอาทินยํ สงฺคณฺหาติ, สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑๑) อาคตนเยน คเหตพฺพํ. ปุพฺเพติ ปุพฺพพุทฺธุปฺปาเทสุ. มทฺทิตสงฺขาโรติ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตํ. ภาวิตภาวโนติ สมถวเสนปิ.

กาสายานิ ติกฺขตฺตุํ วา…เป… ปฏิคฺคาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘สพฺพทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อิมํ กาสาวํ คเหตฺวา’’ติ วา ‘‘ตํ กาสาวํ ทตฺวา’’ติ วา วตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต, อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ เอวํ ยาจนปุพฺพกํ จีวรํ ปฏิจฺฉาเปติ. อถาปีติอาทิ ติกฺขตฺตุํ ปฏิคฺคาหาปนโต ปรํ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนํ, อถาปีติ ตโต ปรมฺปีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘จีวรํ อปฺปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพาชนปฺปการเภททสฺสนตฺถํ ‘อถาปี’ติ วุตฺตํ. อถาปีติ อถ วาติ อตฺโถ’’ติ วทนฺติ. อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ อิมินา ปพฺพชฺชา น รุหตีติ ทสฺเสติ.

๑๔๗. ปาเท วนฺทาเปตฺวาติ ปาทาภิมุขํ นมาเปตฺวา. ทูเร วนฺทนฺโตปิ หิ ปาเท วนฺทตีติ วุจฺจตีติ. อุปชฺฌาเยน วาติ เอตฺถ ยสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาติ, อยํ อุปชฺฌาโย. ยํ อาภิสมาจาริเกสุ วินยนตฺถาย อาจริยํ กตฺวา นิยฺยาเตนฺติ, อยํ อาจริโย. สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว สพฺพํ สิกฺขาเปติ, อฺมฺปิ น นิยฺยาเตติ, อุปชฺฌาโยวสฺส อาจริโยปิ โหติ. ยถา อุปสมฺปทากาเล สยเมว กมฺมวาจํ วาเจนฺโต อุปชฺฌาโยว กมฺมวาจาจริโยปิ โหตีติ วุตฺตํ.

อนุฺาตอุปสมฺปทาติ ตฺติจตุตฺถกมฺเมน อนุฺาตอุปสมฺปทา. านกรณสมฺปทนฺติ เอตฺถ อุรอาทีนิ านานิ, สํวุตาทีนิ กรณานีติ เวทิตพฺพานิ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตราวิจฺเฉทํ อกตฺวา ทาตพฺพานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ วุตฺตํ. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ม-การนฺตํ กตฺวา ทานสมเย วิจฺเฉทํ กตฺวา.

๑๔๘. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิเภทํ กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพติ อิมินา ‘‘เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ. ตตฺถ จ กตฺตพฺพสฺส อกรเณ, อกตฺตพฺพสฺส จ กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔) วุตฺตํ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตราวิจฺเฉโท น กาตพฺโพติ อาห ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ. อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพติ อิมินา เสขิยวตฺตากฺขนฺธกวตฺเตสุ, อฺเสุ จ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทิโลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ จ สามเณเรหิ วตฺติตพฺพํ, ตตฺถ อวตฺตมาโน อลชฺชี ทณฺฑกมฺมารโห จ โหตีติ ทสฺเสตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔).

อุราทีนิ านานิ นาม, สํวุตาทีนิ กรณานิ นาม. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา เอกสมฺพนฺธํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา อฏฺตฺวา วตฺตพฺพํ, วิจฺฉินฺทิตฺวา ทานกาเลปิ ยถาวุตฺตฏฺาเน เอว วิจฺเฉโท, อฺตฺร น วฏฺฏตีติ ลิขิตํ, อนุนาสิกนฺเต ทียมาเน ขลิตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ ม-กาเรน มิสฺสีภูเต เขตฺเต โอติณฺณตฺตา วฏฺฏตีติ อุปติสฺสตฺเถโร. มิสฺสํ กตฺวา วตฺตุํ วฏฺฏติ, วจนกาเล ปน อนุนาสิกฏฺาเน วิจฺเฉทํ อกตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘เอวํ กมฺมวาจายมฺปี’’ติ วุตฺตํ. อุภโตสุทฺธิยาว วฏฺฏตีติ เอตฺถ มหาเถโร ปติตทนฺตาทิการณตาย อจตุรสฺสํ กตฺวา วทติ, พฺยตฺตสามเณโร สมีเป ิโต ปพฺพชฺชาเปกฺขํ พฺยตฺตํ วทาเปติ, มหาเถเรน อวุตฺตํ วทาเปตีติ น วฏฺฏติ. กมฺมวาจาย อิตโร ภิกฺขุ เจ วทติ, วฏฺฏตีติ. สงฺโฆ หิ กมฺมํ กโรติ, น ปุคฺคโลติ. น, นานาสีมปวตฺตกมฺมวาจาสามฺนเยน ปฏิกฺขิปิตพฺพตฺตา. อถ เถเรน จตุรสฺสํ วุตฺตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตํ สามเณโร สยํ วตฺวา วทาเปติ, อุภโตสุทฺธิ เอว โหติ เถเรน วุตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา. ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉนฺโต อสาธารเณ พุทฺธคุณํ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉนฺโต นิพฺพานํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉนฺโต เสกฺขธมฺมํ อเสกฺขธมฺมฺจ สรณํ คจฺฉตี’’ติ อคฺคหิตคฺคหณวเสน โยชนา กาตพฺพา. อฺถา สรณตฺตยสงฺกรโทโส. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิเภทํ. ‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพ’’ติ วจนโต เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ. ตตฺถ จาริตฺตสฺส อกรเณ, วาริตฺตสฺส กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตี’’ติ ทีเปตีติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๔) อาคโต.

อนุชานามิ ภิกฺขเว สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานีติอาทีสุ สิกฺขิตพฺพานิ ปทานิ สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาโกฏฺาสาติ อตฺโถ. สิกฺขาย วา ปทานิ สิกฺขาปทานิ, อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสิกฺขานํ อธิคมุปาโยติ อตฺโถ. อตฺถโต ปน กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา ปเนตฺถ ตคฺคหเณเนว คเหตพฺพา. ปาโณติ ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ, ตสฺส อติปาตนํ ปพนฺธวเสน ปวตฺติตุํ อทตฺวา สตฺถาทีหิ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปาตนํ ปาณาติปาโต, ปาณวโธติ อตฺโถ. โส ปน อตฺถโต ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา วธกเจตนาว, ตสฺมา ปาณาติปาตา เวรมณิ, เวรเหตุตาย เวรสงฺขาตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ นีหรตีติ วิรติ ‘‘เวรมณี’’ติ วุจฺจติ. วิรมติ เอตายาติ วา ‘‘วิรมตี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ สมาทานวิรติ วุตฺตา. เอส นโย เสเสสุปิ.

อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, เถยฺยเจตนา. อพฺรมฺหจริยนฺติ อเสฏฺจริยํ, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เมถุนเจตนา. มุสาติ อภูตวตฺถุ, ตสฺส วาโท อภูตํ ตฺวาว ภูตโต วิฺาปนเจตนา มุสาวาโท. ปิฏฺปูวาทินิพฺพตฺตา สุรา เจว ปุปฺผาสวาทิเภทํ เมรยฺจ สุราเมรยํ. ตเทว มทนียฏฺเน มชฺชฺเจว ปมาทการณฏฺเน ปมาทฏฺานฺจ, ตํ ยาย เจตนาย ปิวติ, ตสฺสา เอวํ อธิวจนํ.

อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา, อยํ อริยานํ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. ภุฺชิตพฺพฏฺเน โภชนนฺติ อิธ สพฺพํ ยาวกาลิกํ วุจฺจติ, ตสฺส อชฺโฌหรณํ อิธ อุตฺตรปทโลเปน โภชนนฺติ อธิปฺเปตํ. วิกาเล โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนํ, วิกาเล วายาวกาลิกสฺส โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนนฺติปิ อตฺโถ คเหตพฺโพ, ตํ อตฺถโต วิกาเล ยาวกาลิกอชฺโฌหรณเจตนาว.

สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนํ ‘‘วิสูกทสฺสนํ, นจฺจคีตาทิทสฺสนสวนานฺเจว วฏฺฏกยุทฺธชูตกีฬาทิสพฺพกีฬานฺจ นามํ. ทสฺสนนฺติ เจตฺถ ปฺจนฺนมฺปิ วิฺาณานํ ยถาสกํ วิสยสฺส อาโลจนสภาวตาย ทสฺสนสทฺเทน สงฺคเหตพฺพตฺตา สวนมฺปิ สงฺคหิตํ. นจฺจคีตวาทิตสทฺเทหิ เจตฺถ อตฺตโน นจฺจนคายนาทีนิปิ สงฺคหิตานีติ ทฏฺพฺพํ.

มาลาติ พทฺธมพทฺธํ วา ปุปฺผํ, อนฺตมโส สุตฺตาทิมยมฺปิ อลงฺการตฺถาย ปิฬนฺธิยมานํ มาลาตฺเวว วุจฺจติ. คนฺธนฺติ วาสจุณฺณาทิวิเลปนโต อฺํ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ ปิสิตฺวา คหิตํ ฉวิราคกรณฺเจว คนฺธชาตฺจ. ธารณํ นาม ปิฬนฺธนํ. มณฺฑนํ นาม อูนฏฺานปูรณํ. คนฺธวเสน, ฉวิราควเสน วา สาทิยนํ วิภูสนํ นาม, มาลาทีสุ วา ธารณาทีนิ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพานิ. เตสํ ธารณาทีนํ านํ การณํ วีติกฺกมเจตนา.

อุจฺจาติ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺโถ นิปาโต. อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อาสนฺทาทิ. มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถตํ สโลหิตวิตานฺจ. เอเตสุ หิ อาสนํ สยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนสทฺเทหิ คหิตานิ อุตฺตรปทโลเปน. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ รชตสทฺเทน ทารุมาสกาทิ สพฺพํ รูปิยํ สงฺคหิตํ. มุตฺตามณิอาทโยเปตฺถ ธฺกฺเขตฺตวตฺถาทโย จ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ปฏิคฺคหณ-สทฺเทน ปน ปฏิคฺคาหาปนสาทิยนานิปิ สงฺคหิตานิ.

๑๔๙. เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อิมินา วสฺสจฺเฉทํ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เต น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ปุริมิกาย ปุน สรณานิ คหิตานีติ สรณคหเณน สห ตทเหวสฺส วสฺสูปคมนมฺปิ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกนฺติ วสฺสาวาสิกลาภคฺคหณทสฺสนมตฺตเมเวตํ, ตโต ปุเรปิ วา ปจฺฉาปิ วา วสฺสาวาสิกฺจ จีวรมาเสสุ สงฺเฆ อุปฺปนฺนกาลจีวรฺจ ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา อวิปนฺนสีโล สามเณโร ลภติ เอว. สเจ ปจฺฉิมิกาย คหิตานีติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนฺจ ฉินฺนวสฺสตฺจ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ กาลจีวรลาโภ น ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. วสฺสาวาสิกลาโภ ปน ยทิ เสนาสนสฺสามิกา ทายกา เสนาสนคุตฺตตฺถาย ปจฺฉิมิกาย อุปคนฺตฺวา วตฺตํ กตฺวา อตฺตโน เสนาสเน วสนฺตสฺสปิ วสฺสาวาสิกํ ทาตพฺพนฺติ วทนฺติ, อนปโลเกตฺวาปิ ทาตพฺโพว. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๘) ‘‘ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ วสฺสาวาสิเก ทายกานํ อิมํ อธิปฺปายํ นิสฺสาย วุตฺตฺเจ, สุนฺทรํ, สงฺฆิกํ, กาลจีวรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตฺเจ, น ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.

น อชานิตฺวาติ ‘‘สุรา’’ติ อชานิตฺวา ปิวโต ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิสพฺพสีลเภทํ สรณเภทฺจ น อาปชฺชติ. อกุสลํ ปน สุราปานาเวรมณิสีลเภโท จ โหติ มาลาทิธารณาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิตรานีติ วิกาลโภชนาเวรมณิอาทีนิ. ตานิปิ หิ สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตสฺส ตํ ตํ ภิชฺชติ เอว, อิตรีตเรสํ ปน อภิชฺชเนน นาสนงฺคานิ น โหนฺติ. เตเนว ‘‘เอเตสุ ภินฺเนสู’’ติ เภทวจนํ วุตฺตํ.

อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ ภนฺเต อจฺจาคมา’’ติอาทินา สงฺฆมชฺเฌ เทสาเปตฺวา สรณสีลํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย ปาราชิกตฺตา เตสํ. เตนาห ‘‘ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ’’ติ. อยเมว หิ นาสนา อิธาธิปฺเปตาติ ลิงฺคนาสนาการเณหิ ปาณาติปาตาทีหิ อวณฺณภาสนาทีนํ สห ปติตตฺตา วุตฺตํ. นนุ จ กณฺฏกสามเณโรปิ มิจฺฉาทิฏฺิโก เอว, ตสฺส จ เหฏฺา ทณฺฑกมฺมนาสนาว วุตฺตา, อิธ ปน มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส ลิงฺคนาสนา วุจฺจติ, โก อิเมสํ เภโทติ โจทนํ มนสิ นิธายาห ‘‘สสฺสตุจฺเฉทานฺหิ อฺตรทิฏฺิโก’’ติ. เอตฺถ จายํ อธิปฺปาโย – โย หิ ‘‘อตฺตา อิสฺสโร’’ติ วา ‘‘นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา วา ‘‘อตฺตา อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตี’’ติอาทินา วา ติตฺถิยปริกปฺปิตํ ยํ กิฺจิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺึ ทฬฺหํ คเหตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ปาราชิกฏฺานํ โหติ, โส จ ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ. โย ปน อีทิสํ ทิฏฺึ อคฺคเหตฺวา สาสนิโกว หุตฺวา เกวลํ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คเหตฺวา ภิกฺขูหิ โอวทิยมาโนปิ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ทิฏฺิ ปาราชิกํ น โหติ, โส ปน กณฺฏกนาสนาย เอว นาเสตพฺโพติ วิมติวิโนทนิยํ. อิมสฺมึ าเน สารตฺถทีปนิยํ ทสสิกฺขาปทโต ปฏฺาย วิตฺถารโต วณฺณนา อาคตา, สา โปราณฏีกายํ สพฺพโส โปตฺถกํ อารุฬฺหา, ตสฺมา อิธ น วิตฺถารยิมฺห.

๑๕๐. ‘‘อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิทํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ คณฺิปทการานํ อธิปฺปาโย – วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนนฺติ อิมินา ตสฺส วสฺสคฺเคน ปตฺตํ สงฺฆิกเสนาสนํ วุตฺตํ. อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินาปิ ตสฺเสว ปุคฺคลิกเสนาสนํ วุตฺตนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยตฺถ วา วสตีติ อิมินา สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, ตสฺส นิพทฺธวสนกเสนาสนํ วุตฺตํ. ยตฺถ วา ปฏิกฺกมตีติ อิมินา ปน ยํ อาจริยุปชฺฌายสฺส วสนฏฺานํ อุปฏฺานาทินิมิตฺตํ นิพทฺธํ ปวิสติ, ตํ อาจริยุปชฺฌายานํ ปวิสนฏฺานํ วุตฺตํ, ตสฺมา ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภเยนปิ อตฺตโน ปริเวณฺจ วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนฺจ วุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินา อาจริยุปชฺฌายานํ นิวาสนฏฺานํ ทสฺสิตํ, วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนนฺติ อิมินา ปน ตสฺส วสนฏฺานํ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, อาวรณํ กาตพฺพเมวาติ. มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภุฺชิตพฺพํ. ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวา. ทณฺเฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทณฺโฑ, โสเยว กตฺตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิ. ทณฺฑกมฺมมสฺส กโรถาติ อสฺส ทณฺฑกมฺมํ โยเชถ อาณาเปถ. ทณฺฑกมฺมนฺติ วา นิคฺคหกมฺมํ, ตสฺมา นิคฺคหมสฺส กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ อีทิเสสุ าเนสุ.

เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อิมินา ฉินฺนวสฺโส โหตีติ ทีเปติ. สเจ อากิณฺณโทโสว โหติ, อายตึ สํวเร น ติฏฺติ, นิกฺกฑฺฒิตพฺโพติ เอตฺถ สเจ ยาวตติยํ วุจฺจมาโน น โอรมติ, สงฺฆํ อปโลเกตฺวา นาเสตพฺโพ, ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจมาโนปิ อปโลเกตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ วทนฺติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉติ. อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพติ ฉินฺนวสฺสตาย วุตฺตํ. อิตรานิ ปฺจ สิกฺขาปทานีติ วิกาลโภชนาทีนิ ปฺจ. อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ ภนฺเต อจฺจาคมา’’ติอาทินา นเยน เทสาเปตพฺโพติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๘) วุตฺตํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ทฺวาวีสติโม ปริจฺเฉโท.

อุปสมฺปทาวินิจฺฉยกถา

เอวํ ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา ตทนนฺตรํ อุปสมฺปทาวินิจฺฉโย กเถตพฺโพ, เอวํ สนฺเตปิ อฏฺกถายํ อุปสมฺปทาวินิจฺฉยกถา ปาฬิวณฺณนาวเสเนว อาคตา, โน ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวเสน, อิมสฺส ปน ปกรณสฺส ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยกถาภูตตฺตา ตมกเถตฺวา นิสฺสยวินิจฺฉโย เอว อาจริเยน กถิโต, มยํ ปน อุปสมฺปทาวินิจฺฉยสฺส อติสุขุมตฺตา อติคมฺภีรตฺตา สุทุลฺลภตฺตา สาสนานุคฺคหตฺถํ อาจริเยน อวุตฺตมฺปิ สมนฺตปาสาทิกโต นีหริตฺวา วิมติวิโนทนีอาทิปฺปกรเณสุ อาคตวินิจฺฉเยน อลงฺกริตฺวา ตํ วินิจฺฉยํ กถยิสฺสาม.

เตน โข ปน สมเยนาติ เยน สมเยน ภควตา ‘‘น ภิกฺขเว อนุปชฺฌายโก’’ติอาทิสิกฺขาปทํ อปฺตฺตํ โหติ, เตน สมเยน. อนุปชฺฌายกนฺติ อุปชฺฌํ อคาหาเปตฺวา สพฺเพน สพฺพํ อุปชฺฌายวิรหิตํ, เอวํ อุปสมฺปนฺนา เนว ธมฺมโต น อามิสโต สงฺคหํ ลภนฺติ, เต ปริหายนฺติเยว, น วฑฺฒนฺติ. น ภิกฺขเว อนุปชฺฌายโกติ อุปชฺฌํ อคาหาเปตฺวา นิรุปชฺฌายโก น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สิกฺขาปทปฺตฺติโต ปฏฺาย เอวํ อุปสมฺปาเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติ. เกจิ ‘‘กุปฺปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนา’’ติอาทีสุปิ อุภโตพฺยฺชนกุปชฺฌายปริโยสาเนสุ เอเสว นโย.

อปตฺตกา หตฺเถสุ ปิณฺฑาย จรนฺตีติ โย หตฺเถสุ ปิณฺโฑ ลพฺภติ, ตทตฺถาย จรนฺติ. เสยฺยถาปิ ติตฺถิยาติ ยถา อาชีวกนามกา ติตฺถิยา. สูปพฺยฺชเนหิ มิสฺเสตฺวา หตฺเถสุ ปิตปิณฺฑเมว หิ เต ภุฺชนฺติ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอวํ อุปสมฺปาเทนฺตสฺเสว อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติ, อจีวรกาทิวตฺถูสุปิ เอเสว นโย.

ยาจิตเกนาติ ‘‘ยาว อุปสมฺปทํ กโรม, ตาว เทถา’’ติ ยาจิตฺวา คหิเตน, ตาวกาลิเกนาติ อตฺโถ. อีทิเสน หิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา ปตฺตจีวเรน วา อุปสมฺปาเทนฺตสฺเสว อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติ, ตสฺมา ปริปุณฺณปตฺตจีวโรว อุปสมฺปาเทตพฺโพ. สเจ ตสฺส นตฺถิ, อาจริยุปชฺฌายา จสฺส ทาตุกามา โหนฺติ, อฺเ วา ภิกฺขู, นิรเปกฺเขหิ วิสฺสชฺเชตฺวา อธิฏฺานูปคํ ปตฺตจีวรํ ทาตพฺพํ.

โคตฺเตนปิ อนุสฺสาเวตุนฺติ ‘‘มหากสฺสปสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ โคตฺตํ วตฺวา อนุสฺสาเวตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ทฺเว เอกานุสฺสาวเนติ ทฺเว เอกโต อนุสฺสาวเน, เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสาติ เอวํ ทฺวีหิ วา อาจริเยหิ เอเกน วา เอกกฺขเณ กมฺมวาจํ อนุสฺสาเวนฺเตหิ อุปสมฺปาเทตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ทฺเว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ, ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยนาติ ทฺเว วา ตโย วา ชเน ปุริมนเยเนว เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุํ อนุชานามิ, ตฺจ โข อนุสฺสาวนกิริยํ เอเกน อุปชฺฌาเยน อนุชานามีติ อตฺโถ. ตสฺมา เอเกน อาจริเยน ทฺเว วา ตโย วา อนุสฺสาเวตพฺพา. ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อาจริเยหิ วิสุํ วิสุํ เอเกน เอกสฺสาติ เอวํ เอกปฺปหาเรเนว ทฺเว ติสฺโส วา กมฺมวาจา กาตพฺพา. สเจ ปน นานาจริยา นานุปชฺฌายา โหนฺติ, ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร ติสฺสตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, อฺมฺฺจ คณปูรกา โหนฺติ, วฏฺฏติ. สเจ นานุปชฺฌายา โหนฺติ, เอโก อาจริโย โหติ, ‘‘น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา น วฏฺฏติ. อิทํ สนฺธาย หิ เอส ปฏิกฺเขโป.

ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌา, ตํ อุปชฺฌํ ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ เอวํ วทาเปตฺวา คาหาเปตพฺโพ. วิตฺถายนฺตีติ วิตฺถทฺธคตฺตา โหนฺติ. ยํ ชาตนฺติ ยํ ตว สรีเร ชาตํ นิพฺพตฺตํ วิชฺชมานํ, ตํ สงฺฆมชฺเฌ ปุจฺฉนฺเต สนฺตํ อตฺถีติ วตฺตพฺพนฺติอาทิ. อุลฺลุมฺปตุ มนฺติ อุทฺธรตุ มํ.

ตาวเทวาติ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว. ฉายา เมตพฺพาติ เอกโปริสา วา ทฺวิโปริสา วาติ ฉายา เมตพฺพา. อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ‘‘วสฺสาโน เหมนฺโต คิมฺโห’’ติ อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพํ. เอตฺถ จ อุตุเยว อุตุปฺปมาณํ. สเจ วสฺสานาทโย อปริปุณฺณา โหนฺติ, ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ยสฺส โย อุตุ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเส สลฺลกฺเขตฺวา โส ทิวสภาโค อาจิกฺขิตพฺโพ. อถ วา ‘‘อยํ นาม อุตุ, โส จ โข ปริปุณฺโณ อปริปุณฺโณ วา’’ติ เอวํ อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพํ, ‘‘ปุพฺพณฺโห วา สายนฺโห วา’’ติ เอวํ ทิวสภาโค อาจิกฺขิตพฺโพ. สงฺคีตีติ อิทเมว สพฺพํ เอกโต กตฺวา ‘‘ตฺวํ กึ ลภสิ, กา เต ฉายา, กึ อุตุปฺปมาณํ, โก ทิวสภาโค’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิทํ นาม ลภามิ วสฺสํ วา เหมนฺตํ วา คิมฺหํ วา, อยํ เม ฉายา, อิทํ อุตุปฺปมาณํ, อยํ ทิวสภาโคติ วเทยฺยาสี’’ติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ.

โอหายาติ ฉฑฺเฑตฺวา. ทุติยํ ทาตุนฺติ อุปสมฺปทมาฬกโต ปริเวณํ คจฺฉนฺตสฺส ทุติยกํ ทาตุํ อนุชานามิ, จตฺตาริ จ อกรณียานิ อาจิกฺขิตุนฺติ อตฺโถ. ปณฺฑุปลาโสติ ปณฺฑุวณฺโณ ปตฺโต. พนฺธนา ปวุตฺโตติ วณฺฏโต ปติโต. อภพฺโพ หริตตฺถายาติ ปุน หริโต ภวิตุํ อภพฺโพ. ปุถุสิลาติ มหาสิลา. อยํ สมนฺตปาสาทิกโต นีหริตฺวา อาภโต อุปสมฺปทาวินิจฺฉโย.

อนุปชฺฌายาทิวตฺถูสุ สิกฺขาปทํ อปฺตฺตนฺติ ‘‘น อนุปชฺฌายโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๗) อิเธว ปฺาปิยมานํ สิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมํ ปน น กุปฺปตีติ อิทํ อุปชฺฌายาภาเวปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺขา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ มตสฺส วา วิพฺภนฺตสฺส วา ปุราณอุปชฺฌายสฺส, อฺสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ อวิชฺชมานสฺสปิ นาเมน สพฺพตฺถ อุปชฺฌายกิตฺตนสฺส กตตฺตา วุตฺตํ. ยทิ หิ อุปชฺฌายกิตฺตนํ น กเรยฺย, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตกมฺมวิปตฺติ เอว สิยา. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๑๑๗) ‘‘อนุปชฺฌายก’’นฺติ วุตฺตํ, อฏฺกถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๗) อสฺส ‘‘อุปชฺฌายํ อกิตฺเตตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปชฺฌายํ อคาหาเปตฺวา สพฺเพน สพฺพํ อุปชฺฌายวิรหิตํ’’ อิจฺเจว อตฺโถ วุตฺโต. ปาฬิยํ สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนาติ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข, อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอวํ กมฺมวาจาย สงฺฆเมว อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ คเณน อุปชฺฌาเยนาติ เอตฺถาปิ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม คณสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินา โยชนา เวทิตพฺพา. เอวํ วุตฺเตปิ กมฺมํ น กุปฺปติ เอว ทุกฺกฏสฺเสว วุตฺตตฺตา, อฺถา ‘‘โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ วเทยฺย. เตนาห ‘‘สงฺเฆนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปณฺฑกาทิอุปชฺฌาเยหิ กริยมาเนสุ กมฺเมสุ ปณฺฑกาทิเก วินาว ยทิ ปฺจวคฺคาทิคโณ ปูรติ, กมฺมํ น กุปฺปติ, อิตรถา กุปฺปตีติ เวทิตพฺพํ.

อปตฺตจีวรวตฺถูสุปิ ปตฺตจีวรานํ อภาเวปิ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจาย สาวิตตฺตา กมฺมโกปํ อวตฺวา ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ. อิตรถา สาวนาย หาปนโต กมฺมโกโป เอว สิยา. เกจิ ปน ‘‘ปมํ อนุฺาตกมฺมวาจายํ อุปสมฺปนฺนา วิย อิทานิปิ ‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’นฺติ อวตฺวา กมฺมวาจาย อุปสมฺปนฺนาปิ สูปสมฺปนฺนา เอวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. อนุฺาตกาลโต ปฏฺาย หิ อปรามสนํ สาวนาย หาปนวิปตฺติ เอว โหติ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ ปทสฺส หาปเน วิย. ตมฺปิ หิ ปจฺฉา อนุฺาตํ, ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทิวากฺเยน อยาเจตฺวา ตมฺปิ อุปสมฺปาเทนฺโต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วตฺวาว ยทิ กมฺมวาจํ กโรติ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ. โน เจ, วิปนฺนํ. สพฺพปจฺฉา หิ อนุฺาตกมฺมวาจโต กิฺจิปิ ปริหาเปตุํ น วฏฺฏติ, สาวนาย หาปนเมว โหติ, อฺเ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ, อยเมตฺถ วิมติวิโนทนิยา (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๗) อาภโต วินิจฺฉโย. สารตฺถทีปนีวินิจฺฉโย ปน อิเธว อนฺโตคธา โหติ อปฺปตรตฺตา อวิเสสตฺตา จ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๑๗) ปน ‘‘เกจิ กุปฺปตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ปฺจวคฺคกรณียฺเจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ, ภิกฺขุนิปฺจโม กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๙๐) นเยน วุตฺตตฺตา ปณฺฑกานํ คณปูรณภาเว เอว กมฺมํ กุปฺปติ, น สพฺพนฺติ กตฺวา สุวุตฺตํ, อิตรถา ‘‘ปณฺฑกุปชฺฌาเยน กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิกาย ปาฬิยา ภวิตพฺพํ สิยา. ยถา อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส อุปสมฺปาทนกาเล กมฺมวาจายํ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา อุปสมฺปทาย กตาย ตสฺมึ อสนฺเตปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อวตฺถุํ ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ, อสนฺตํ วา วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กตายปิ คณปูรกานมตฺถิตาย อุปสมฺปทา รุหเตว. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑกุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิวจนสฺส อภาวา อยมตฺโถ สิทฺโธว โหติ. น หิ พุทฺธา วตฺตพฺพยุตฺตํ น วทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ อูนวีสติวสฺสํ …เป… โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๐๓). ตถา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๗๑) วจนโต เถยฺยสํวาสกาทิอาจริเยหิ อนุสฺสาวนาย กตาย อุปสมฺปทา น รุหติ เตสํ อภิกฺขุตฺตาติ วจนมฺปิ น คเหตพฺพํ.

กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทินา (ปริ. ๔๘๒) นเยน กมฺมานํ สมฺปตฺติวิปตฺติยา กถิยมานาย ‘‘สตฺตหิ อากาเรหิ กมฺมานิ วิปชฺชนฺติ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา อุปชฺฌายโต วา อาจริยโต วา’’ติ อกถิตตฺตา น คเหตพฺพํ. ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน อาจริยุปชฺฌายานํ วา สงฺคโห กโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหิ อากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค เตสมนามฏฺตฺตา, อยมตฺโถ ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ อยมสฺส ยุตฺติคเวสนาติ วุตฺตํ.

ตตฺริทํ วิจาเรตพฺพํ – อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตา เต ภิกฺขู ยถาวุตฺตนเยน อภูตํ วตฺถุํ กิตฺตยึสุ, อุทาหุ มุสาวาทภยา ตาเนว ปทานิ น สาเวสุนฺติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว อุปชฺฌายาภาวโต น สาเวสุํ, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺโค โหติ, อถ สาเวสุํ, มุสาวาโท เนสํ ภวตีติ? วุจฺจเต – สาเวสุํเยว ยถาวุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺคภยา, ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จ. น, มุสาวาทสฺส อสมฺภวโต, มุสาวาเทนปิ กมฺมสมฺภวโต จ. น หิ สกฺกา มุสาวาเทน กมฺมวิปตฺติสมฺปตฺตึ กาตุนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนสฺส จ อุภยโทสวินิมุตฺโต อตฺโถ ปริเยสิตพฺโพ.

อยฺเจตฺถ ยุตฺติ – ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชุปสมฺปทุปชฺฌาเยสุ วิชฺชมาเนสุปิ อุปชฺฌายคฺคหณกฺกเมน อคฺคหิตตฺตา ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนุปชฺฌายก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ อุปชฺฌายสฺส วิชฺชมานสฺเสว สโต อคฺคหิตตฺตา ‘‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. กมฺมวาจาจริเยน ปน ‘‘คหิโต เตน อุปชฺฌาโย’’ติ สฺาย อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตพฺพํ. เกนจิ วา การเณน กายสามคฺคึ อเทนฺตสฺส อุปชฺฌายสฺส ฉนฺทํ คเหตฺวา กมฺมวาจํ สาเวติ, อุปชฺฌาโย วา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อุปชฺฌํ ทตฺวา ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเน ตสฺมึ ตาทิเส วตฺถุสฺมึ สมนุยุฺชิยมาโน วา อสมนุยุฺชิยมาโน วา อุปชฺฌายทานโต ปุพฺเพ เอว สามเณโร ปฏิชานาติ, สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก วา ปฏิชานาติ, ฉนฺทหารกาทโย วิย อุปชฺฌาโย วา อฺสีมาคโต โหติ. กมฺมวาจา รุหตีติ วตฺวา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’’นฺติ วุตฺตตฺตา. เกจิ ‘‘วินยธรปฺจเมน อุปชฺฌาเยน สนฺนิหิเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺตีติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. โส จ ปาโ อปฺปมาโณ มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ตสฺส วจนสฺสาภาวโต. อสนฺนิหิเตปิ อุปชฺฌาเย กมฺมวาจา รุหตีติ อาปชฺชตีติ เจ? น. กสฺมา? กมฺมสมฺปตฺติยํ ‘‘ปุคฺคลํ ปรามสตี’’ติ วุตฺตปาโว โน ปมาณํ. น หิ ตตฺถ อสนฺนิหิโต อุปชฺฌายสงฺขาโต ปุคฺคโล ปรามสนํ อรหติ, ตสฺมา ตตฺถ สงฺฆปรามสนํ วิย ปุคฺคลปรามสนํ เวทิตพฺพํ. สงฺเฆน คเณน อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ เตสํ อตฺถโต ปุคฺคลตฺตา, ปณฺฑกาทิอุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ อุปสมฺปาทนกาเล อวิทิตตฺตาติ โปราณา.

อปตฺตจีวรํ อุปสมฺปาเทนฺตีติ กมฺมวาจาจริโย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ สฺาย, เกวลํ อตฺถสมฺปตฺตึ อนเปกฺขิตฺวา สนฺตปทนีหาเรน วา ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจํ สาเวติ. ยถา เอตรหิ มตวิปฺปวุตฺตมาตาปิติโกปิ ‘‘อนุฺาโตสิ มาตาปิตูหี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วทติ, กึ พหุนา? อยํ ปเนตฺถ สาโร – ‘‘ตสฺมึ สมเย จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติ ลกฺขณสฺส น ตาว ปฺตฺตตฺตา อนุปชฺฌายกาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ. วชฺชนียปุคฺคลานํ อวุตฺตตฺตา ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ, เตรสนฺตรายปุจฺฉาย อทสฺสนตฺตา อปตฺตจีวรกํ อุปสมฺปาเทนฺติ, ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๖๙) เอวํ สพฺพปมํ อนุฺาตาย กมฺมวาจาย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อวจนเมตฺถ สาธกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ วจนํ อนุกฺกเมนานุฺาตนฺติ.

อิทํ ตาว สพฺพถา โหตุ, ‘‘มูคํ ปพฺพาเชนฺติ พธิรํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ อิทํ กถํ สมฺภวิตุมรหติ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทินา อนุฺาตตฺตาติ? วุจฺจเต – ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพติ, เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ…เป… ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ ‘‘เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ’’ติ อิมสฺส วจนสฺส มิจฺฉา อตฺถํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชสุํ. ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ ตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ อาณาเปตฺวา สยํ อุปชฺฌาเยน วตฺตพฺโพ ‘‘ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ, โส ปพฺพชฺชาเปกฺขา ตถา อาณตฺโต อุปชฺฌายวจนสฺส อนุ อนุ วทตุ วา มา วา, ตตฺถ ตตฺถ ภควา ‘‘กาเยน วิฺาเปติ, วาจาย วิฺาเปติ, กาเยน วาจาย วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. ทินฺโน โหติ ฉนฺโท, ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ, ทินฺนา โหติ ปวารณา’’ติ วทติ. ตทนุมาเนน วา กาเยน เตน ปพฺพชฺชาเปกฺเขน วิฺตฺตํ โหติ สรณคมนนฺติ วา โลเกปิ กาเยน วิฺาเปนฺโต เอวํ วทตีติ วุจฺจติ, ตํ ปริยายํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชนฺตีติ เวทิตพฺพํ. โปราณคณฺิปเท ‘‘มูคํ กถํ ปพฺพาเชนฺตีติ ปุจฺฉํ กตฺวา ตสฺส กายปสาทสมฺภวโต กาเยน ปหารํ ทตฺวา หตฺถมุทฺทาย วิฺาเปตฺวา ปพฺพาเชสุ’’นฺติ วุตฺตํ. กึ พหุนา?

อยํ ปเนตฺถ สาโร – ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชาธิกาเร วตฺตมาเน ปพฺพชฺชาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๙) นเยน อุปสมฺปทวเสเนว อภิลาโป กโต. เถยฺยสํวาสกปเท อสมฺภวโต กิฺจาปิ โส น กโต, ปพฺพชฺชาว ตตฺถ กตา, สพฺพตฺถ ปน อุปสมฺปทาภิลาเปน อธิปฺเปตา ตทนุภาวโต อุปสมฺปทาย, ปพฺพชฺชาย วาริตาย อุปสมฺปทา วาริตา โหตีติ กตฺวา, ตถา อิธ อุปสมฺปทาธิกาเร วตฺตมาเน อุปสมฺปทาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปสมฺปทเมว สนฺธาย ปพฺพชฺชาภิลาโป กโตติ เวทิตพฺโพ. กามํ โส น กตฺตพฺโพ, มูคปเท อสมฺภวโต ตสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย อุปสมฺปทาภิลาโปว กตฺตพฺโพ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ตสฺเสว มูคปทสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชาภิลาโปว กโต มิจฺฉาคหณนิวารณตฺถํ. กถํ? ‘‘มูโค, ภิกฺขเว, อปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) วจนโต หิ มูโค อุปสมฺปนฺโน โหตีติ สิทฺธํ, โส เกวลํ อุปสมฺปนฺโนว โหติ, น ปน ปพฺพชิโต ตสฺส ปพฺพชฺชาย อสมฺภวโตติ มิจฺฉาคาโห โหติ, ตํ ปริวชฺชาเปตฺวา โย อุปสมฺปนฺโน, โส ปพฺพชิโตว โหติ. ปพฺพชิโต ปน อตฺถิ โกจิ อุปสมฺปนฺโน, อตฺถิ โกจิ อนุปสมฺปนฺโนติ อิมํ สมฺมาคาหํ อุปฺปาเทติ ภควาติ เวทิตพฺพํ.

อปิจ เตสํ หตฺถจฺฉินฺนาทีนํ ปพฺพชิตานํ สุปพฺพชิตภาวทีปนตฺถํ, ปพฺพชฺชาภาวสงฺกานิวารณตฺถฺเจตฺถ ปพฺพชฺชาภิลาโป กโต. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๑๙) ปฏิกฺเขเปน, ‘‘ปพฺพชิตา สุปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตฏฺานาภาเวน จ เตสํ ปพฺพชฺชาภาวสงฺกา ภเวยฺย, ยถา ปสงฺกา ภเว, ตถา ปสงฺกํ เปยฺย. ขนฺธเก อุปสมฺปทํ สนฺธาย ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, อปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติอาทินา (มหาว. ๓๙๖) นเยน ภควา นิวาเรติ. เตเนว นเยน ปพฺพชิตา ปเนเต สพฺเพปิ สุปพฺพชิตา เอวาติ ทีเปติ. อฺถา สพฺเพเปเต อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตาติ อยมนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพชิโต นาเสตพฺโพ’’ติ วา ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ อปพฺพชิโต’’ติ (มหาว. ๑๑๙) วา ตนฺติยา ปิตาย จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘โสสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ ‘‘อิเม หตฺถจฺฉินฺนาทโย อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตา’’ติ วา ‘‘อุปสมฺปนฺนาปิ เจ ปพฺพชิตา, นาเสตพฺพา’’ติ วา อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย.

อิทํ ปเนตฺถ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘โส จ อปพฺพชิโต’’ติ วจนาภาวโต มูคสฺส ปพฺพชฺชาสิทฺธิปสงฺคโต ปพฺพชฺชาปิ เอกโตสุทฺธิยา โหตีติ อยมนิฏฺโกฏฺาโส กถํ นาปชฺชตีติ? ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทา อิธาธิปฺเปตาติ สมฺมาคาเหน นาปชฺชตีติ, อฺถา ยถาพฺยฺชนํ อตฺเถ คหิเต ยถาปฺตฺตทุกฺกฏาภาวสงฺขาโต อปโร อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, มูโค ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปพฺพชฺชาปริโยสาเน โหติ, น ตสฺสาวิปฺปกตาย. ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว หิ ปมํ อาปชฺชติ, ตสฺมา มูคสฺส ปพฺพชฺชาปริโยสานสฺเสว อภาวโต อิมสฺส ทุกฺกฏสฺส โอกาโส จ น สพฺพกาลํ สมฺภเวยฺย, อุปสมฺปทาวเสน ปน อตฺเถ คหิเต สมฺภวติ กมฺมนิพฺพตฺติโต. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ทุกฺกฏํ น ปฺตฺตํ. อปฺตฺตตฺตา ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว เจตฺถ สมฺภวติ, เนตรํ. เอตฺตาวตา สิทฺธเมตํ ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทาว ตตฺถ อธิปฺเปตา, น ปพฺพชฺชาติ. เอตฺถาห สามเณรปพฺพชฺชา น กายปโยคโต โหตีติ กถํ ปฺายตีติ? วุจฺจเต – กาเยน วิฺาเปตีติอาทิตฺติกา ทสฺสนโตติ อาคโต.

‘‘โคตฺเตนปิ อนุสฺสาเวตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๒) วจนโต เยน โวหาเรน โวหรติ, เตน วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา ‘‘โก นาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเนปิ โคตฺตเมว นามํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ตสฺมา จตุพฺพิเธสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน อนุสฺสาวนา กาตพฺพาติ วทนฺติ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, ตตฺถ เอกํ นามํ ตฺติยา, เอกํ อนุสฺสาวนาย กาตุํ น วฏฺฏติ, อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อภินฺนาหิ อนุสฺสาวนาหิ ภวิตพฺพนฺติ. กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปาฬิยํ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ ปจฺฉา วุตฺตํ, กมฺมวาจาปาฬิยํ ปน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ ปมํ ลิขนฺติ, ตํ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตนฺติ น ปจฺเจตพฺพํ. ปาฬิยฺหิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺสา’’ติ อตฺถมตฺตํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ อวุตฺโตปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ กมฺมวาจาปาฬิยํ ปโยโค ทสฺสิโต. ‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ อิจฺจายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติ จ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติ จ ปมํ ‘‘อายสฺมา’’ติ ปโยคสฺส ทสฺสนโตติ วทนฺติ. กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ เกวลํ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ สาเวติ, สาวนํ หาเปตีติ น วุจฺจติ นามสฺส อหาปิตตฺตาติ เอเก. สเจ กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสายสฺมโต’’ติ สาเวติ, ปาานุรูปตฺตา เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติปิ เอเก. พฺยฺชนเภทปฺปสงฺคโต อนุสฺสาวนานํ ตํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สเจ ปน สพฺพฏฺาเนปิ เอเกเนว ปกาเรน วทติ, วฏฺฏติ.

เอกานุสฺสาวเนติ เอตฺถ เอกโต อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนาติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ทฺเว เอกโต อนุสฺสาวเน’’ติ. ตตฺถ เอกโตติ เอกกฺขเณติ อตฺโถ, วิภตฺติอโลเปน จายํ นิทฺเทโส. ปุริมนเยเนว เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อาจริเยหิ เอเกน วา เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุํ. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาติ อิมินา อุปชฺฌายสทฺทสมานตฺโถ อุปชฺฌาสทฺโทปีติ อตฺถํ ทสฺเสตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๒๓).

โคตฺเตนาปีติ ‘‘อายสฺมโต ปิปฺปลิสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ นามํ อวตฺวา โคตฺตนาเมนปีติ อตฺโถ, เตน ‘‘โก นาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเน โคตฺตนาเมน ‘‘อายสฺมา กสฺสโป’’ติ วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. ตสฺมา อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ ตสฺส นามํ ปสิทฺธํ, ตสฺมึ วา ขเณ สุขคฺคหณตฺถํ นามํ ปฺาปิตํ, ตํ สพฺพํ คเหตฺวาปิ อนุสฺสาวนา กาตพฺพา. ยถา อุปชฺฌายสฺส, เอวํ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺสาปิ โคตฺตาทินาเมน ตงฺขณิกนาเมน จ อนุสฺสาวนํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมิมฺปิ ขเณ ‘‘อยํ ติสฺโส’’ติ วา ‘‘นาโค’’ติ วา นามํ กโรนฺเตหิ อนุสาสกสมฺมุติโต ปมเมว กาตพฺพํ. เอวํ อกตฺวาปิ อนฺตรายิกธมฺมานุสาสนปุจฺฉนกาเลสุ ‘‘กินฺนาโมสิ, อหํ ภนฺเต นาโค นาม, โก นาโม เต อุปชฺฌาโย, อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต ติสฺโส นามา’’ติอาทินา วิฺาเปนฺเตน อุภินฺนมฺปิ จิตฺเต ‘‘มเมตํ นาม’’นฺติ ยถา สฺํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ วิฺาเปตพฺพํ. สเจ ปน ตสฺมึ ขเณ ปกตินาเมน วตฺวา ปจฺฉา ‘‘ติสฺโส นามา’’ติ อปุพฺพนาเมน อนุสฺสาเวติ, น วฏฺฏติ.

ตตฺถ จ กิฺจาปิ อุปชฺฌายสฺเสว นามํ อคฺคเหตฺวา เยน เกนจิ นาเมน ‘‘ติสฺสสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินาปิ ปุคฺคเล ปรามฏฺเ กมฺมํ สุกตเมว โหติ อนุปชฺฌายกาทีนํ อุปสมฺปทากมฺมํ วิย อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ อภพฺพตฺเตปิ กมฺมวาจาย ปุคฺคเล ปรามฏฺเ กมฺมสฺส สิชฺฌนโต. อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปน ยถาสกํ นามํ วินา อฺเน นาเมน อนุสฺสาวิเต กมฺมํ กุปฺปติ, โส อนุปสมฺปนฺโนว โหติ. ตตฺถ ิโต อฺโ อนุปสมฺปนฺโน วิย คหิตนามสฺส วตฺถุปุคฺคลสฺส ตตฺถ อภาวา, เอตสฺส จ นามสฺส อนุสฺสาวนาย อวุตฺตตฺตา. ตสฺมา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปกตินามํ ปริวตฺเตตฺวา อปุพฺเพน นาคาทินาเมน อนุสฺสาวิตุกาเมน ปฏิกจฺเจว ‘‘ตฺวํ นาโค’’ติอาทินา วิฺาเปตฺวา อนุสาสนอนฺตรายิกธมฺมาปุจฺฉนกฺขเณสุปิ ตสฺส จ สงฺฆสฺส จ ยถา ปากฏํ โหติ, ตถา ปกาเสตฺวาว นาคาทินาเมน อนุสฺสาเวตพฺพํ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, เตสุ เอกํ คเหตุํ วฏฺฏติ.

ยํ ปน อุปสมฺปทาเปกฺขอุปชฺฌายานํ เอกตฺถ คหิตํ นามํ ตเทว ตฺติยา, สพฺพตฺถ อนุสฺสาวนาสุ จ คเหตพฺพํ. คหิตโต หิ อฺสฺมึ คหิเต พฺยฺชนํ ภินฺนํ นาม โหติ, กมฺมํ วิปชฺชติ. อตฺถโต หิ พฺยฺชนโต จ อภินฺนา เอว ตฺติ อนุสฺสาวนา จ วฏฺฏนฺติ. อุปชฺฌายนามสฺส ปน ปุรโต ‘‘อายสฺมโต ติสฺสสฺสา’’ติอาทินา อายสฺมนฺตปทํ สพฺพตฺถ โยเชตฺวาปิ อนุสฺสาเวติ. ตถา อโยชิเตปิ โทโส นตฺถิ.

ปาฬิยํ (มหาว. ๑๒๖) ปน กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปจฺฉโต ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติอาทินา นามสฺส ปุรโต ‘อายสฺมนฺตปท’โยคสฺส ทสฺสนโต ปุรโตว ปโยโค ยุตฺตตโร, ตฺจ เอกตฺถ โยเชตฺวา อฺตฺถ อโยชิเตปิ เอกตฺถ ปุรโต โยเชตฺวา อฺตฺถ ปจฺฉโต โยชเนปิ สาวนาย หาปนํ นาม น โหติ นามสฺส อหาปิตตฺตา. เตเนว ปาฬิยมฺปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ เอกตฺถ โยเชตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติอาทีสุ ‘‘อายสฺมโต’’ติ น โยชิตนฺติ วทนฺติ. ตฺจ กิฺจาปิ เอวํ, ตถาปิ สพฺพฏฺาเนปิ เอเกเนว ปกาเรน โยเชตฺวา เอว วา อโยเชตฺวา วา อนุสฺสาวนํ ปสตฺถตรนฺติ คเหตพฺพํ.

เอกโต สเหว เอกสฺมึ ขเณ อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนา, อุปสมฺปทาเปกฺขา, เอเต เอกานุสฺสาวเน กาตุํ. เตนาห ‘‘เอกโตอนุสาวเน’’ติ. อิทฺจ เอกํ ปทํ วิภตฺติอโลเปน ทฏฺพฺพํ. เอเกน วาติ ทฺวินฺนมฺปิ เอกสฺมึ ขเณ เอกาย เอว กมฺมวาจาย อนุสฺสาวเน เอเกน อาจริเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต จ อยํ ธมฺมรกฺขิโต จ อายสฺมโต สงฺฆรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินา นเยน เอเกน อาจริเยน ทฺวินฺนเมกสฺมึ ขเณ อนุสฺสาวนนโย ทฏฺพฺโพ, อิมินาว นเยน ติณฺณมฺปิ เอเกน อาจริเยน เอกกฺขเณ อนุสฺสาวนํ เวทิตพฺพํ.

ปุริมนเยเนว เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวินฺนํ ทฺวีหิ วา ติณฺณํ ตีหิ วา อาจริเยหิ, เอเกน วา อาจริเยน ตโยปิ เอกโตอนุสฺสาวเน กาตุนฺติ อตฺโถ. ‘‘ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ อิทํ เอเกน อาจริเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อุปชฺฌาเยหิ ทฺเว วา ตโย วา อุปสมฺปทาเปกฺเข เอกกฺขเณ เอกาย อนุสฺสาวนาย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ น วฏฺฏตีติ ปฏิกฺเขปปทํ, น ปน นานาจริเยหิ นานุปชฺฌาเยหิ ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘สเจ ปน นานาจริยา นานุปชฺฌายา…เป… วฏฺฏตี’’ติ. ยฺเจตฺถ ‘‘ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร ติสฺสตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริก’’นฺติ เอวํ อุปชฺฌาเยหิ อฺมฺํ สทฺธิวิหาริกานํ อนุสฺสาวนกรณํ วุตฺตํ, ตํ อุปลกฺขณมตฺตํ. ตสฺมา สเจ ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร นนฺทตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, อฺมฺฺจ คณปูรกา โหนฺติ, วฏฺฏติ เอว. สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ, อนุปชฺฌายกสฺสปิ เยน เกนจิ อนุสฺสาวิเต อุปสมฺปทา โหติ, กิมงฺคํ ปน สอุปชฺฌายกสฺส อุปชฺฌาเยเนว อนุสฺสาวเนติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว นวฏฺฏนปกฺขํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห.

อุปชฺฌาติ อุปชฺฌายสทฺทสมานตฺโถ อาการนฺโต อุปชฺฌาสทฺโทติ ทสฺเสติ. อุปชฺฌาย-สทฺโท เอว วา อุปชฺฌา, อุปโยคปจฺจตฺตวจเนสุ ย-การ โลปํ กตฺวา เอวํ วุตฺโต กรณวจนาทีสุ อุปชฺฌาสทฺทสฺส ปโยคาภาวาติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพนฺติ อตฺตนาว กตฺตุภูเตน กรณภูเตน อตฺตานเมว กมฺมภูตํ ปติ สมฺมนฺนนกิจฺจํ กาตพฺพํ, อตฺตานนฺติ วา ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตพฺโพติ อตฺโถ. น เกวลฺจ เอตฺเถว, อฺตฺราปิ เตรสสมฺมุติอาทีสุ อิมินาว ลกฺขเณน อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตพฺโพว. อปิจ สยํ กมฺมารหตฺตา อตฺตานํ มุฺจิตฺวา จตุวคฺคาทิโก คโณ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ.

สจฺจกาโลติ ‘‘นิคูหิสฺสามี’’ติ วฺจนํ ปหาย สจฺจสฺเสว เต อิจฺฉิตพฺพกาโล. ภูตกาโลติ วฺจนาย อภาเวปิ มนุสฺสตฺตาทิวตฺถุโน ภูตตาย อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพกาโล, อิตรถา กมฺมโกปาทิอนฺตราโย โหตีติ อธิปฺปาโย. มงฺกูติ อโธมุโข. อุทฺธรตูติ อนุปสมฺปนฺนภาวโต อุปสมฺปตฺติยํ ปติฏฺเปตูติ อตฺโถ.

สพฺพกมฺมวาจาสุ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ อุปสมฺปทกมฺมวาจาย เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – สุณาตูติ สวนาณตฺติยํ ปมปุริเสกวจนํ. ตฺจ กิฺจาปิ โย โส สงฺโฆ สวนกิริยายํ นิโยชียติ, ตสฺส สมฺมุขตฺตา ‘‘สุณาหี’’ติ มชฺฌิมปุริสวจเนน วตฺตพฺพํ, ตถาปิ ยสฺมา สงฺฆสทฺทสนฺนิธาเน ปมปุริสปฺปโยโคว สทฺทวิทูหิ สมาจิณฺโณ ภวนฺตภควนฺตอายสฺมาทิสทฺทสนฺนิธาเนสุ วิย ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม (ปารา. ๒๒), เอตสฺส สุคต กาโล, ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย (ปารา. ๒๑), ปกฺกมตายสฺมา (ปารา. ๔๓๖), สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘). ตสฺมา อิธ ปมปุริสปฺปโยโค กโต. อถ วา คารววเสเนตํ วุตฺตํ. ครุฏฺานิเยสุ หิ คารววเสน มชฺฌิมปุริสปโยคุปฺปตฺติยมฺปิ ปมปุริสปฺปโยคํ ปยุชฺชนฺติ ‘‘เทเสตุ สุคโต ธมฺม’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๒.๓๓๘; มหาว. ๘) วิยาติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ภนฺเต อาวุโสติ ปเท อเปกฺขิตฺวา อิธ ปมปุริสปฺปโยโค’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ‘‘อาจริโย เม, ภนฺเต, โหหิ (มหาว. ๗๗), อิงฺฆาวุโส อุปาลิ, อิมํ ปพฺพชิตํ อนุยุฺชาหี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕๑๗) ตปฺปโยเคปิ มชฺฌิมปุริสปฺปโยคสฺเสว ทสฺสนโต.

เมติ โย สาเวติ, ตสฺส อตฺตนิทฺเทเส สามิวจนํ. ภนฺเตติ อาลปนตฺเถ วุฑฺเฒสุ สคารววจนํ, ‘‘อาวุโส’’ติ ปทํ ปน นวเกสุ. ตทุภยมฺปิ นิปาโต ‘‘ตุมฺเห ภนฺเต ตุมฺเห อาวุโส’’ติ พหูสุปิ สมานรูปตฺตา. สงฺโฆติ อวิเสสโต จตุวคฺคาทิเก ปกตตฺตปุคฺคลสมูเห วตฺตติ. อิธ ปน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปฺจวคฺคโต ปฏฺาย, มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ทสวคฺคโต ปฏฺาย สงฺโฆติ คเหตพฺโพ. ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – ภนฺเต, สงฺโฆ มม วจนํ สุณาตูติ. อิทฺจ นวกตเรน วตฺตพฺพวจนํ. สเจ ปน อนุสฺสาวโก สพฺเพหิ ภิกฺขูหิ วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ. โสปิ เจ ‘‘ภนฺเต’’ติ วเทยฺย, นวกตโร วา ‘‘อาวุโส’’ติ, กมฺมโกโป นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘เอกตฺถ ‘อาวุโส’ติ วตฺวา อฺตฺถ ‘ภนฺเต’ติ วุตฺเตปิ นตฺถิ โทโส อุภเยนปิ อาลปนสฺส สิชฺฌนโต’’ติ วทนฺติ.

อิทานิ ยมตฺถํ าเปตุกาโม ‘‘สุณาตู’’ติ สงฺฆํ สวเน นิโยเชติ, ตํ าเปนฺโต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อยนฺติ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส หตฺถปาเส สนฺนิหิตภาวทสฺสนํ, เตน จ หตฺถปาเส ิตสฺเสว อุปสมฺปทา รุหตีติ สิชฺฌติ หตฺถปาสโต พหิ ิตสฺส ‘‘อย’’นฺติ น วตฺตพฺพโต. เตเนว อนุสาสกสมฺมุติยํ โส หตฺถปาสโต พหิ ิตตฺตา ‘‘อย’’นฺติ น วุตฺโต, ตสฺมา อุปสมฺปทาเปกฺโข อนุปสมฺปนฺโน หตฺถปาเส เปตพฺโพ. อยํ อิตฺถนฺนาโมติ อยํ-สทฺโท จ อวสฺสํ ปยุชฺชิตพฺโพ, โส จ อิมสฺมึ ปมนามปโยเค เอวาติ คเหตพฺพํ. ‘‘อิตฺถนฺนาโม’’ติ อิทํ อนิยมโต ตสฺส นามทสฺสนํ, อุภเยนปิ อยํ พุทฺธรกฺขิโตติอาทินามํ ทสฺเสติ. ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ ภินฺนาธิกรณวิสเย พหุพฺพีหิสมาโส, อุปสมฺปทํ เม สงฺโฆ อเปกฺขมาโนติ อตฺโถ. ตสฺส จ อุปชฺฌายตํ สมงฺคิภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ วุตฺตํ. เอเตน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส สทฺธิวิหาริกภูโต อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวมาทินา นเยน นามโยชนาย สห อตฺโถ ทสฺสิโต. เอตฺถ จ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ อวตฺวาปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอตฺถ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ น วุตฺตํ. ยฺเจตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

นนุ เจตฺถ อุปชฺฌาโยปิ อุปสมฺปทาเปกฺโข วิย หตฺถปาเส ิโต เอว อิจฺฉิตพฺโพ, อถ กสฺมา ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม อิมสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ อุปชฺฌายสฺส นามปรามสเนปิ อิทํ-สทฺทปฺปโยโค น กโตติ? นายํ วิโรโธ อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ กมฺมโกปาภาวโต. เกวลฺหิ กมฺมนิพฺพตฺติยา สนฺตปทวเสน อวิชฺชมานสฺสปิ อุปชฺฌายสฺส นามกิตฺตนํ อนุปชฺฌายสฺส อุปสมฺปทาทีสุปิ กรียติ, ตสฺมา อุปชฺฌายสฺส อสนฺนิหิตายปิ ตปฺปรามสนมตฺเตเนว กมฺมสิทฺธิโต ‘‘อิมสฺสา’’ติ นิทฺทิสิตุํ น วฏฺฏตีติ.

ปริสุทฺโธ อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหีติ อภพฺพตฺตาทิเกหิ อุปสมฺปทาย อวตฺถุกเรหิ เจว ปฺจาพาธหตฺถจฺฉินฺนาทีหิ อาปตฺติกเรหิ จ อนฺตรายิกสภาเวหิ ปริมุตฺโต. เอวํ วุตฺเต เอว อาปตฺติมตฺตกเรหิ ปฺจาพาธาทีหิ อปริมุตฺตสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาฺถา. ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรนฺติ ปริปุณฺณมสฺส อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปตฺตจีวรํ. เอวํ วุตฺเต เอว อปตฺตจีวรสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาฺถา. อุปสมฺปทํ ยาจตีติ ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๒๖) ยาจาปิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ เตน สงฺเฆ อยาจิเตปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วุตฺเต เอว กมฺมํ อวิปนฺนํ โหติ, นาฺถา. อุปชฺฌาเยนาติ อุปชฺฌาเยน กรณภูเตน, อิตฺถนฺนามํ อุปชฺฌายํ กตฺวา กมฺมภูตํ อุปสมฺปทํ ทาตุํ นิปฺผาเทตุํ กตฺตุภูตํ สงฺฆํ ยาจตีติ อตฺโถ. ยาจธาตุโน ปน ทฺวิกมฺมกตฺตา ‘‘สงฺฆํ อุปสมฺปท’’นฺติ ทฺเว กมฺมปทานิ วุตฺตานิ.

ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลนฺติ เอตฺถ ปตฺโต กาโล อิมสฺส กมฺมสฺสาติ ปตฺตกาลํ, อปโลกนาทิจตุพฺพิธํ สงฺฆคณกมฺมํ, ตเทว สกตฺเถ ย-ปจฺจเยน ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทากมฺมํ อธิปฺเปตํ, ตํ กาตุํ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ ชาตํ. ยทีติ อนุมติคหณวเสน กมฺมสฺส ปตฺตกลฺลตํ าเปติ, โย หิ โกจิ ตตฺถ อปตฺตกลฺลตํ มฺิสฺสติ, โส วกฺขติ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย อนุสฺสาวนาสุ ‘‘ยสฺสายสฺมโต ขมติ…เป… โส ภาเสยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) วุตฺตํ. ตเทตํ ปตฺตกลฺลํ วตฺถุสมฺปทา, อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา, สีมาสมฺปทา, ปริสาสมฺปทา, ปุพฺพกิจฺจนิฏฺานนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สงฺคหิตํ.

ตตฺถ วตฺถุสมฺปทา นาม ยถาวุตฺเตหิ เอกาทสอภพฺพปุคฺคเลหิ เจว อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺเนหิ จ อฺโ ปริปุณฺณวีสติวสฺโส อนุปสมฺปนฺนภูโต มนุสฺสปุริโส. เอตสฺมิฺหิ ปุคฺคเล สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ, กตฺจ กุปฺปเมว โหติ.

อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา นาม ยถาวุตฺตสฺเสว อุปสมฺปทาวตฺถุภูตสฺส ปุคฺคลสฺส เย อิเม ภควตา ปฏิกฺขิตฺตา ปฺจาพาธผุฏฺตาทโย มาตาปิตูหิ อนนุฺาตตาปอโยสานา เจว หตฺถจฺฉินฺนาทโย จ โทสธมฺมา การกสงฺฆสฺส อาปตฺตาทิอนฺตรายเหตุตาย ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตหิ อนฺตรายิเกหิ โทสธมฺเมหิ ปริมุตฺตตา, อิมิสฺสา จ สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ, กตํ ปน กมฺมํ สุกตเมว โหติ เปตฺวา อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ.

สีมาสมฺปทา ปน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘ อาทโย) วกฺขมานนเยน สพฺพโทสรหิตาย พทฺธาพทฺธวเสเนว ทุวิธาย สีมาย วเสน เวทิตพฺพา. ตาทิสาย หิ สีมาย สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ, กตฺจ กมฺมํ วิปชฺชติ.

ปริสาสมฺปทา ปน เย อิเม อุปสมฺปทากมฺมสฺส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน กมฺมปฺปตฺตา ทสหิ วา ปฺจหิ วา อนูนาปาราชิกํ อนาปนฺนา อนุกฺขิตฺตา จ สมานสํวาสกา ภิกฺขู, เตสํ เอกสีมาย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา านํ, ฉนฺทารหานฺจ ฉนฺทสฺส อานยนํ, สมฺมุขีภูตานฺจ อปฺปฏิโกสนํ, อุปสมฺปทาเปกฺขรหิตานํ อุโปสถกฺขนฺธเก ปฏิกฺขิตฺตานํ คหฏฺาทิอนุปสมฺปนฺนานฺเจว ปาราชิกุกฺขิตฺตกนานาสํวาสกภิกฺขุนีนฺจ วชฺชนียปุคฺคลานํ สงฺฆสฺส หตฺถปาเส อภาโว จาติ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตา. เอวรูปาย จ ปริสาสมฺปทาย สติ เอว อิทํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ตตฺถ ปุริมานํ ติณฺณํ องฺคานํ อฺตรสฺสปิ อภาเว กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, น ปจฺฉิมสฺส.

ปุพฺพกิจฺจนิฏฺานํ นาม ยานิมานิ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทินา ปาฬิยํ (มหาว. ๑๒๖) วุตฺตานิ ‘‘อุปชฺฌาคาหาปนํ, ปตฺตจีวราจิกฺขณํ, ตโต ตํ หตฺถปาสโต พหิ เปเสตฺวา อนุสาสกสมฺมุติกมฺมกรณํ, สมฺมเตน จ คนฺตฺวา อนุสาสนํ, เตน จ ปมตรํ อาคนฺตฺวา สงฺฆสฺส ตฺตึ าเปตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขํ ‘อาคจฺฉาหี’ติ หตฺถปาเส เอว อพฺภานํ, เตน ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุปสมฺปทายาจาปนํ, ตโต อนฺตรายิกธมฺมปุจฺฉกสมฺมุติกมฺมกรณํ, สมฺมเตน จ ปุจฺฉน’’นฺติ อิมานิ อฏฺ ปุพฺพกิจฺจานิ, เตสํ สพฺเพสํ ยาถาวโต กรเณน นิฏฺานํ. เอตสฺมิฺจ ปุพฺพกิจฺจนิฏฺาปเน สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. เอเตสุ ปน ปุพฺพกมฺเมสุ อกเตสุปิ กตํ กมฺมํ ยถาวุตฺเตสุ วตฺถุสมฺปตฺติอาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อกุปฺปเมว โหติ. ตเทวเมตฺถ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินาว นเยน เหฏฺา วุตฺเตสุ, วกฺขมาเนสุ จ สพฺเพสุ กมฺเมสุ ปตฺตกลฺลตา ยถารหํ โยเชตฺวา าตพฺพา.

อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยาติ อุปสมฺปทานิปฺผาทเนน ตํสมงฺคึ กเรยฺย กโรตูติ ปตฺถนายํ, วิธิมฺหิ วา อิทํ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ‘‘เทวทตฺตํ สุขาเปยฺยา’’ติ วุตฺเต สุขมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ สุขสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อตฺโถ โหติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปทมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ อุปสมฺปทาสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ปโยชกพฺยาปาเร เจตํ. ยถา สุขยนฺตํ กิฺจิ สุทฺธกตฺตารํ โกจิ เหตุกตฺตา สุขเหตุนิปฺผาทเนน สุขาเปยฺยาติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปชฺชนฺตํ สุทฺธกตฺตารํ ปุคฺคลํ เหตุกตฺตุภูโต สงฺโฆ อุปสมฺปทาเหตุนิปฺผาทเนน อุปสมฺปาเทยฺยาติ วุตฺโต. เอเตน จ สุขํ วิย สุขทายเกน สงฺเฆน ปุคฺคลสฺส ทียมานา ตถาปวตฺตปรมตฺถธมฺเม อุปาทาย อริยชนปฺตฺตา อุปสมฺปทา นาม สมฺมุติสจฺจตา อตฺถีติ สมตฺถิตํ โหติ. เอตฺถ จ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ (มหาว. ๑๒๗) วุตฺตตฺตา ปริวาสาทีสุ วิย ยาจนานุคุณํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทํ ทเทยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อิทํ อุปสมฺปทากมฺมํ ทาเน อสงฺคเหตฺวา กมฺมลกฺขเณ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา นเยน ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกวลฺหิ ตตฺถ วตฺตมานกาลอตีตกาลวเสน, อิธ ปน อนามฏฺกาลวเสนาติ เอตฺตกเมว วิเสโส.

เอสา ตฺตีติ ‘‘สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตาปนา เอสา. อิทฺจ อนุสฺสาวนานมฺปิ สพฺภาวสูจนตฺถํ วุจฺจติ. อวสฺสฺเจตํ วตฺตพฺพเมว. ตฺติกมฺเม เอว ตํ น วตฺตพฺพํ. ตตฺถ ปน ยฺย-กาเร วุตฺตมตฺเต เอว ตฺติกมฺมํ นิฏฺิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ขมตีติ รุจฺจติ. อุปสมฺปทาติ สงฺเฆน ทียมานา นิปฺผาทิยมานา อุปสมฺปทา, ยสฺส ขมติ, โส ตุณฺหสฺสาติ โยชนา. ตุณฺหีติ จ อกถนตฺเถ นิปาโต, อกถนโก อสฺส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ขมติ สงฺฆสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาติ ปกเตน สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตสฺมา ตุณฺหี’’ติ. ตตฺถ ‘‘อาสี’’ติ เสโส. ยสฺมา ‘‘ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโนปิ สงฺโฆ ตุณฺหี นิรโว อโหสิ, ตสฺมา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อตฺโถ. เอวนฺติ อิมินา ปกาเรน. ตุณฺหีภาเวเนเวตํ สงฺฆสฺส รุจฺจนภาวํ ธารยามิ, พุชฺฌามิ ชานามีติ อตฺโถ. อิติ-สทฺโท ปริสมาปนตฺเถ กโต, โส จ กมฺมวาจาย อนงฺคํ, ตสฺมา อนุสฺสาวเกน ‘‘ธารยามี’’ติ เอตฺถ มิ-การปริโยสานเมว วตฺวา นิฏฺเปตพฺพํ, อิติ-สทฺโท น ปยุชฺชิตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา นเยน สพฺพกมฺมวาจานมตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เอกโปริสา วาติอาทิ สตฺตานํ สรีรฉายํ ปาเทหิ มินิตฺวา ชานนปฺปการทสฺสนํ. ฉสตฺตปทปริมิตา หิ ฉายา ‘‘โปริสา’’ติ วุจฺจติ, อิทฺจ อุตุปฺปมาณาจิกฺขณาทิ จ อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ วีมํสิตฺวา วุฑฺฒนวภาวํ ตฺวา วนฺทนวนฺทาปนาทิกรณตฺถํ วุตฺตํ. เอติ อาคจฺฉติ, คจฺฉติ จาติ อุตุ, โสว ปมียเต อเนน สํวจฺฉรนฺติ ปมาณนฺติ อาห ‘‘อุตุเยว อุตุปฺปมาณ’’นฺติ. อปริปุณฺณาติ อุปสมฺปทาทิวเสน อปริปุณฺณา. ยทิ อุตุเวมชฺเฌ อุปสมฺปาทิโต, ตทา ตสฺมึ อุตุมฺหิ อวสิฏฺทิวสาจิกฺขณํ ทิวสภาคาจิกฺขณนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ยสฺส โย อุตุ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเส’’ติ. ตตฺถ ยสฺส ตงฺขณํ ลทฺธูปสมฺปทสฺส ปุคฺคลสฺส สมฺพนฺธี โย อุตุ ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเสติ โยชนา.

ฉายาทิกเมว สพฺพํ สงฺคเหตฺวา คายิตพฺพโต กเถตพฺพโต สงฺคีตีติ อาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอกโต กตฺวา อาจิกฺขิตพฺพํ. ตฺวํ กึ ลภสีติ ตฺวํ อุปสมฺปาทนกาเล กตรวสฺสํ, กตรอุตุฺจ ลภสิ, กตรสฺมึ เต อุปสมฺปทา ลทฺธาติ อตฺโถ. วสฺสนฺติ วสฺสานอุตุ, อิทฺจ สํวจฺฉราจิกฺขณํ วินา วุตฺตมฺปิ น วิฺายตีติ อิมินา อุตุอาจิกฺขเณเนว สาสนวสฺเสสุ วา กลิยุควสฺสาทีสุ วา สหสฺสิเม วา สติเม วา อสุกอุตุํ ลภามีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ฉายาติ อิทํ ปาฬิยํ อาคตปฏิปาฏึ สนฺธาย วุตฺตํ, วตฺตพฺพกมฺมโต ปน กลิยุควสฺสาทีสุ สพฺพเทสปสิทฺเธสุ อสุกวสฺเส อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกกณฺเห วา สุกฺเก วา ปกฺเข อสุเก ติถิวารวิเสสยุตฺเต ปุพฺพณฺหาทิทิวสภาเค เอตฺตเก ฉายาปมาเณ, นาฑิกาปมาเณ วา มยา อุปสมฺปทา ลทฺธาติ วเทยฺยาสีติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อิทํ สุฏฺุ อุคฺคเหตฺวา อาคนฺตุเกหิ วุฑฺฒปฏิปาฏึ ตฺวา ปฏิปชฺชาหีติ วตฺตพฺพํ. อิติ เอตฺตโก กถามคฺโค วิมติวิโนทนิยํ อาคโต. วชิรพุทฺธิฏีกานโย ปน เอกจฺโจ อิเธว สงฺคหํ คโต, เอกจฺโจ อสนฺนิฏฺานวินิจฺฉยตฺตา สํสยเหตุโก โหติ, ตสฺมา อิธ น คหิโตติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

อุปสมฺปทาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๒๓. นิสฺสยวินิจฺฉยกถา

๑๕๑. เอวํ อุปสมฺปทาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ นิสฺสยวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘นิสฺสโยติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิสฺสยนํ นิสฺสโย, เสวนํ ภชนนฺตฺยตฺโถ. นิปุพฺพสิ เสวายนฺติ ธาตุ ภาวสาธโน, น ‘‘นิสฺสาย นํ วสตีติ นิสฺสโย’’ติ อิธ วิย อวุตฺตกมฺมสาธโน. ตตฺถ หิ เสวิตพฺโพ ปุคฺคโล ลพฺภติ, อิธ ปน เสวนกิริยาติ. อิทานิ ตํ นิสฺสยํ ปุจฺฉาปุพฺพงฺคมาย วิสฺสชฺชนาย วิตฺถารโต เปตุํ ‘‘เกน ทาตพฺโพ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เกน ทาตพฺโพ, เกน น ทาตพฺโพติ นิสฺสยทายกํ กตฺตารํ ปุจฺฉติ, กสฺส ทาตพฺโพ, กสฺส น ทาตพฺโพติ นิสฺสยปฏิคฺคาหกํ สมฺปทานํ, กถํ คหิโต โหติ, กถํ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ การณํ, นิสฺสาย เกน วสิตพฺพํ, เกน น วสิตพฺพนฺติ นิสฺสยปฏิปนฺนกํ. ตโต ปุจฺฉานุกฺกเมน วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ตตฺถ’’ตฺยาทิมาห. น เกวลํ เอตฺเถว, อถ โข นิสฺสยมุจฺจนงฺเคปิ ‘‘พฺยตฺเตนา’’ติ อาคโต.

ตตฺถ เอตฺถ จ โก วิเสโสติ อาห ‘‘เอตฺถ จ ‘พฺยตฺโต’ติ อิมินา ปริสุปฏฺาปโก พหุสฺสุโต เวทิตพฺโพ’’ติ. อิทานิ ปริสุปฏฺาปกลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสุปฏฺาปเกน หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อภิวินเยติ สกเล วินยปิฏเก. วิเนตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ. ทฺเว วิภงฺคา ปคุณา วาจุคฺคตา กาตพฺพาติ อิทํ ปริปุจฺฉาวเสน อุคฺคณฺหนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ. เอกสฺส ปมุฏฺํ, อิตเรสํ ปคุณํ ภเวยฺยาติ อาห ‘‘ตีหิ ชเนหิ สทฺธึ ปริวตฺตนกฺขมา กาตพฺพา’’ติ. อภิธมฺเมติ นามรูปปริจฺเฉเท. เหฏฺิมา วา ตโย วคฺคาติ มหาวคฺคโต เหฏฺา สคาถาวคฺโค นิทานวคฺโค ขนฺธวคฺโคติ อิเม ตโย วคฺคา. ‘‘ธมฺมปทมฺปิ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตตฺตา ชาตกภาณเกน สาฏฺกถํ ชาตกํ อุคฺคเหตฺวาปิ ธมฺมปทํ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตพฺพเมว.

ปฺจหิ ภิกฺขเว องฺเคหิ สมนฺนาคเตนาติอาทีสุ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา สามเณโร น อุปฏฺาเปตพฺโพ. อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนาติ อเสกฺขสฺส สีลกฺขนฺโธปิ อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ นาม. อเสกฺขสฺส อยนฺติ หิ อเสกฺโข, สีลกฺขนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ. เอวฺจ กตฺวา วิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺสปิ วเสน อเปกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนา อยํ กถา. อเสกฺขสีลนฺติ จ น อคฺคผลสีลเมว อธิปฺเปตํ, อถ โข ยํ กิฺจิ อเสกฺขสนฺตาเน ปวตฺตสีลํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกสฺส สีลสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. สมาธิกฺขนฺธาทีสุปิ วิมุตฺติกฺขนฺธปริโยสาเนสุ อยเมว นโย, ตสฺมา ยถา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา โลกิยมิสฺสกา กถิตา, เอวํ วิมุตฺติกฺขนฺโธปีติ ตทงฺควิมุตฺติอาทโยปิ เวทิตพฺพา, น ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยเมว. เตเนว สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ (สํ.นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๕) วุตฺตํ ‘‘ปุริเมหิ จตูหิ ปเทหิ โลกิยโลกุตฺตรสีลสมาธิปฺาวิมุตฺติโย กถิตา, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ โหติ, ตํ โลกิยเมวา’’ติ.

อสฺสทฺโธติอาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอตสฺส นตฺถีติ อสฺสทฺโธ. นตฺถิ เอตสฺส หิรีติ อหิริโก, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานสฺเสตํ อธิวจนํ. น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายตีติ วุตฺตํ โหติ. กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต, หีนวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อารทฺธํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย, สมฺมปฺปธานยุตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. มุฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสตี, นฏฺสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺิตา สติ เอตสฺสาติ อุปฏฺิตสฺสตี, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปวตฺตสติสฺเสตํ อธิวจนํ.

อธิสีเล สีลวิปนฺโน จ อชฺฌาจาเร อาจารวิปนฺโน จ อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต อธิปฺเปโต. สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาติ, คาหยตีติ วา อนฺตคฺคาหิกา, มิจฺฉาทิฏฺิ. ปุริมานิ ทฺเว ปทานีติ ‘‘น ปฏิพโล โหติ อนฺเตวาสึ วา สทฺธิวิหารึ วา คิลานํ อุปฏฺาตุํ วา อุปฏฺาเปตุํ วา, อนภิรตํ วูปกาเสตุํ วา วูปกาสาเปตุํ วา’’ติ อิมานิ ทฺเว ปทานิ.

อภิ วิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโร อภิสมาจาโร, อภิสมาจาโรว อาภิสมาจาริโกติ จ สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ จ อาภิสมาจาริกสิกฺขา. อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกสิกฺขา, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนสิกฺขาเยตํ อธิวจนํ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตาติ อาทิพฺรหฺมจริยกา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาเยตํ อธิวจนํ. เตเนว ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ วา อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) วุตฺตํ, ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต เสกฺขา, ภควตา ปฺตฺตตฺตา ปณฺณตฺติ, สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา สิกฺขาปทปณฺณตฺติ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตาติ คเหตพฺพํ. เตเนว คณฺิปเทปิ วุตฺตํ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ ปาราชิกมาทึ กตฺวา สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปทปฺตฺติย’’นฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๘๔).

อุปชฺฌายาจริยกถายํ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา น ปพฺพาเชตพฺโพ. อเสกฺขสฺส อยนฺติ อเสกฺโข, โลกิยโลกุตฺตโร สีลกฺขนฺโธ. อนฺตคฺคาหิกายาติ สสฺสตุจฺเฉทโกฏฺาสคฺคาหิกาย. ปจฺฉิมานิ ทฺเวติ อปฺปสฺสุโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหตีติ อิมานิ ทฺเว องฺคานิ. ปจฺฉิมานิ ตีณีติ น ปฏิพโล อุปฺปนฺนํ กุกฺกุจฺจํ ธมฺมโต วิโนเทตุํ, อาปตฺตึ น ชานาติ, อาปตฺติวุฏฺานํ น ชานาตีติ อิมานิ ตีณิ. กุกฺกุจฺจสฺส หิ ปาฬิอฏฺกถานยสงฺขาตธมฺมโต วิโนเทตุํ อปฺปฏิพลตา นาม อพฺยตฺตตฺตา เอว โหตีติ สาปิ อาปตฺติองฺคเมว วุตฺตา.

อภิ วิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโร อภิสมาจาโร, วตฺตปฺปฏิปตฺติสีลํ, ตํ อารพฺภ ปฺตฺตา ขนฺธกสิกฺขาปทสงฺขาตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกา. สิกฺขาปทมฺปิ หิ ตทตฺถปริปูรณตฺถิเกหิ อุคฺคหณาทิวเสน สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ วุจฺจติ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตา การณภูตา อาทิพฺรหฺมจริยกา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาปทํ. เตเนเวตฺถ วิสุทฺธิมคฺเคปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ สิกฺขาปทํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต เสกฺขา, ภควตาว ปฺตฺตตฺตา ปฺตฺติ. สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา สิกฺขาปทปณฺณตฺติ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตาติ คเหตพฺพํ. นามรูปปริจฺเฉเทติ เอตฺถ กุสลตฺติกาทีหิ วุตฺตํ ชาติภูมิปุคฺคลสมฺปโยควตฺถารมฺมณกมฺมทฺวารลกฺขณรสาทิเภเทหิ เวทนากฺขนฺธาทิจตุพฺพิธํ สนิพฺพานํ นามํ, ภูโตปาทายเภทํ รูปฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนปฺา, ตปฺปกาสโก จ คนฺโถ นามรูปปริจฺเฉโท นาม. อิมินา อภิธมฺมตฺถกุสเลน ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สิกฺขาเปตุนฺติ อุคฺคณฺหาเปตุนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๘๔) วุตฺตํ.

๑๕๓. อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ เอตฺถ อายสฺมโตติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ. ยํ ปน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๗๖) ‘‘พฺยตฺโต…เป… วุตฺตลกฺขโณเยวา’’ติ, ตํ ปริสูปฏฺากพหุสฺสุตํ สนฺธาย วทติ. ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทธมฺมนฺเตวาสิเกหิ ปน…เป… ตาว วตฺตํ กาตพฺพนฺติ ปพฺพชฺชาจริยอุปสมฺปทาจริยธมฺมาจริยานํ เอเตหิ ยถาวุตฺตวตฺตํ กาตพฺพํ. ตตฺถ เยน สิกฺขาปทานิ ทินฺนานิ, อยํ ปพฺพชฺชาจริโย. เยน อุปสมฺปทกมฺมวาจา วุตฺตา, อยํ อุปสมฺปทาจริโย. โย อุทฺเทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา เทติ, อยํ ธมฺมาจริโยติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

๑๕๔. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ ทิสํ คโตติ ปุน อาคนฺตุกาโม, อนาคนฺตุกาโม วา หุตฺวา วาสตฺถาย กฺจิ ทิสํ คโต. ภิกฺขุสฺส สภาคตนฺติ เปสลภาวํ. โอโลเกตฺวาติ อุปปริกฺขิตฺวา. วิพฺภนฺเต…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘สเจ เกนจิ กรณีเยน ตทเหว คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘กติปาเหน คมิสฺสามี’ติ คมเน สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขตี’’ติ วทนฺติ. มา อิธ ปฏิกฺกมีติ มา อิธ ปวิสิ. ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺเถว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุปชฺฌาเยน ปริจฺจตฺตตฺตา อุปชฺฌายสโมธานปริหาโร นตฺถิ, ตสฺมา อุปชฺฌายสโมธานคตสฺสปิ อาจริยสฺส สนฺติเก คหิตนิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ.

อาจริยมฺหา นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธีสุ อาจริโย ปกฺกนฺโต วา โหตีติ เอตฺถ ‘‘ปกฺกนฺโตติ ทิสํ คโต’’ติอาทินา อุปชฺฌายสฺส ปกฺกมเน โย วินิจฺฉโย วุตฺโต, โส ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อิธาปิ สกฺกา วิฺาตุนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘โกจิ อาจริโย อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมตี’’ติอาทินา อฺโเยว นโย อารทฺโธ. อยฺจ นโย อุปชฺฌายปกฺกมเนปิ เวทิตพฺโพเยว. อีทิเสสุ หิ าเนสุ เอกตฺถวุตฺตลกฺขณํ อฺตฺถาปิ ทฏฺพฺพํ. สเจ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตติ, ปฏิปฺปสฺสทฺโธ โหตีติ เอตฺถ เอตฺตาวตา ทิสาปกฺกนฺโต นาม โหตีติ อนฺเตวาสิเก อนิกฺขิตฺตธุเรปิ นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ พหิอุปจารสีมายํ อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ เสนาสเน วสนฺติ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาปิ วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ‘‘สเจปิ อาจริโย มุฺจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมตี’’ติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส อาณตฺติยมฺปิ เวทิตพฺพนฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๘๓) วุตฺตํ.

๑๕๓. สาหูติ สาธุ สุนฺทรํ. ลหูติ อครุ, สุภรตาติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, เอวํ ปฏิปชฺชนํ นิตฺถรณุปาโยติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ สามีจิกมฺมมิทนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน, กายวจีปโยเคน สมฺปาเทหีติ อตฺโถ. กาเยนาติ เอตทตฺถวิฺาปกํ หตฺถมุทฺทาทึ ทสฺเสนฺโต กาเยน วิฺาเปติ. ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายาติ อุปชฺฌาเยน ‘‘สาหู’’ติอาทีสุ วุตฺเตสุ สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนวจนํ สนฺธาย ‘‘กาเยน วิฺาเปตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อายาจนทานมตฺเตนาติ สทฺธิวิหาริกสฺส ปมํ อายาจนมตฺเตน, ตโต อุปชฺฌายสฺส จ ‘‘สาหู’’ติอาทินา วจนมตฺเตนาติ อตฺโถ. อาจริยสฺส สนฺติเก นิสฺสยคฺคหเณ อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ.

๑๕๔. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ โย วา เอกสมฺโภคปริโภโค, ตสฺส สนฺติเก นิสฺสโย คเหตพฺโพติ อิมินา ลชฺชีสุ เอว นิสฺสยคฺคหณํ นิโยเชติ อลชฺชีสุ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. เอตฺถ จ ปริโภคสทฺเทน เอกกมฺมาทิโก สํวาโส คหิโต ปจฺจยปริโภคสฺส สมฺโภคสทฺเทน คหิตตฺตา. เอเตน จ สมฺโภคสํวาสานํ อลชฺชีหิ สทฺธึ น กตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. ปริหาโร นตฺถีติ อาปตฺติปริหาโร นตฺถิ. ตาทิโสติ ยตฺถ นิสฺสโย คหิตปุพฺโพ, โย จ เอกสมฺโภคปริโภโค, ตาทิโส. ตถา วุตฺตนฺติ ‘‘ลหุํ อาคมิสฺสตี’’ติ วุตฺตฺเจติ อตฺโถ. จตฺตาริ ปฺจ ทิวสานีติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. ยทิ เอกาหทฺวีเหน สภาคตา ปฺายติ, าตทิวเส คเหตพฺโพว. อถาปิ จตุปฺจาเหนปิ น ปฺายติ, ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ปฺายติ, ตตฺตกานิ อติกฺกาเมตพฺพานิ. สภาคตํ โอโลเกมีติ ปน เลโส น กาตพฺโพ. ทหรา สุณนฺตีติ เอตฺถ อสุตฺวาปิ ‘‘อาคมิสฺสติ, เกนจิ อนฺตราเยน จิรายนฺตี’’ติ สฺาย สติปิ ลพฺภเตว ปริหาโร. เตนาห ‘‘อิเธวาหํ วสิสฺสามีติ ปหิณติ, ปริหาโร นตฺถี’’ติ. เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถีติ คมเน นิรุสฺสาหํ สนฺธาย วุตฺตํ, สอุสฺสาหสฺส ปน เสนาสนปฏิสามนาทิวเสน กติปาเห คเตปิ น โทโส.

ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺร สภาคฏฺาเน เอว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตีติ อิมินา อุปชฺฌาเย สงฺคณฺหนฺเตเยว ตํสโมธาเน นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิ วุตฺตา, ตสฺมึ ปน โกเธน วา คณนิรเปกฺขตาย วา อสงฺคณฺหนฺเต อฺเสุ คหิโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ทสฺเสติ.

อาจริยมฺหา นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิยํ วุตฺโต ‘‘โกจิ อาจริโย’’ติอาทิโก นโย อุปชฺฌายปกฺกมนาทีสุปิ เนตฺวา ตตฺถ จ วุตฺโต อิธาปิ เนตฺวา ยถารหํ โยเชตพฺโพ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ อุปจารสีมโต พหิ อฺสฺมึ วิหาเร อนฺเตวาสิกาทีนํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสนฺติ. เตน พหิอุปจาเรปิ อนฺเตวาสิกาทีนํ วสนฏฺานโต ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺตเร อาสนฺเน ปเทเส วสติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ทสฺเสติ. อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภเตวาติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๘๓) วุตฺตํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

นิสฺสยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เตวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๔. สีมาวินิจฺฉยกถา

๑๕๖. เอวํ นิสฺสยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘สีมาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สีมาติ สินียเต สมคฺเคน สงฺเฆน กมฺมวาจาย พนฺธียเตติ สีมา. สิ พนฺธเนติ ธาตุ, ม-ปจฺจโย, กิยาทิคโณยํ. วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาเคน วินา น โหตีติ อาห ‘‘สีมา นาเมสา…เป… โหตี’’ติ. ตตฺถ พทฺธสีมํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เอกาทส’’ตฺยาทิมาห.

วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส เหฏฺิมนฺตโต ยตฺถ กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ, น ตโต โอรนฺติ อาห ‘‘อติขุทฺทกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ปุรตฺถิมาย ทิสายาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺสํ ปน ทิสายํ นิมิตฺเต อสติ ยตฺถ อตฺถิ, ตโต ปฏฺาย ปมํ ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสายา’’ติอาทินา สมนฺตา วิชฺชมานฏฺาเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสายา’’ติ ปมกิตฺติตํ ปฏิกิตฺเตตุํ วฏฺฏติ ตีหิ นิมิตฺเตหิ สิงฺฆาฏกสณฺานายปิ สีมาย สมฺมนฺนิตพฺพโต. ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตนาติ วินยธเรน สยํ เอกสฺมึเยว าเน ตฺวา เกวลํ นิมิตฺตกิตฺตนวจเนเนว สีมมณฺฑลํ สมนฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ พนฺธนฺเตนาติ อตฺโถ. ตํตํนิมิตฺตฏฺานํ อคนฺตฺวาปิ หิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ติโยชนปรมายปิ สีมาย สมนฺตโต ติกฺขตฺตุํ อนุปริคมนสฺส เอกทิวเสน ทุกฺกรตฺตา วินยธเรน สยํ อทิฏฺมฺปิ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ยถาววตฺถิตํ นิมิตฺตํ ‘‘ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา เกนจิ วุตฺตานุสาเรน สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา กิตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.

สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกรตนมตฺตา สุวิฺเยฺยตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉิมโกฏิยา หตฺถมตฺตา สีมนฺตริกา เปตพฺพา’’ติ. เอกงฺคุลิมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติเยว. ตตฺตเกนปิ หิ สีมา อสมฺภินฺนาว โหติ. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น, ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิตรุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏตฺตา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ, ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโตกริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สํภินฺทนฺติ นาม. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมวาจํ น ภินฺทนฺติ, กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๑๕๘. สุทฺธปํสุปพฺพโตติ น เกนจิ กโต สยํชาโตว วุตฺโต. ตถา เสสาปิ. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทิโก ปพฺพโตปิ. หตฺถิปฺปมาโณติ เอตฺถ ภูมิโต อุคฺคตปเทเสน หตฺถิปฺปมาณํ คเหตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ‘‘หตฺถิปฺปมาโณ นาม ปพฺพโต เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ’’ติ วุตฺตํ. จตูหิ วา ตีหิ วาติ สีมภูมิยํ จตูสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ ิเตหิ, เอกิสฺสา เอว ปน ทิสาย ิเตหิ ตโต พหูหิปิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, ทฺวีหิ ปน ทฺวีสุ ทิสาสุ ิเตหิปิ น วฏฺฏติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ตํ พหิทฺธา กตฺวาติ กิตฺติตนิมิตฺตสฺส อสีมตฺตา อนฺโตสีมาย กรณํ อยุตฺตนฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.

ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา สณฺานโต คเหตพฺพา, น ตุลคณนาวเสน, ภารโต ปลปริมาณฺจ มคธตุลาย คเหตพฺพํ, สา จ โลกิยตุลาย ทฺวิคุณาติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา ตุลตาย คเหตพฺพา, น ตุลคณนายา’’ติ วุตฺตํ. อติมหนฺโตปีติ ภูมิโต หตฺถิปฺปมาณํ อนุคนฺตฺวา เหฏฺาภูมิยํ โอติณฺณฆนโต อเนกโยชนปฺปมาโณปิ. สเจ หิ ตโต หตฺถิปฺปมาณํ กูฏํ อุคฺคจฺฉติ, ปพฺพตสงฺขเมว คจฺฉติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) – สเจ เอกาพทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพติ เอตฺถ จตูสุ ทิสาสุ จตุนฺนํ ปพฺพตกูฏานํ เหฏฺา ปิฏฺิปาสาณสทิเส ปาสาเณ ิตตฺตา เอกาพทฺธภาเว สติปิ ปถวิโต อุทฺธํ เตสํ สมฺพนฺเธ อสติ เหฏฺา ปถวีคตสมฺพนฺธมตฺเต อพฺโพหาริกํ กตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. ปถวิโต เหฏฺา ตสฺส มหนฺตภาเว คยฺหมาเน ปพฺพตเมว โหตีติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. จินิตฺวา กตปํสุปุฺเช ติณคุมฺพรุกฺขา เจ ชายนฺติ, ปพฺพโต โหตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร, เนวาติ อุปติสฺสตฺเถโรติ วุตฺตํ. ปาสาโณติ สุธามยปาสาโณปิ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ อิฏฺกาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. โสปีติ ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณปิ. จตุปฺจรุกฺขนิมิตฺตมตฺตมฺปีติ เอกจฺเจสุ นิมิตฺตสทฺโท นตฺถีติ วุตฺตํ.

อนฺโตสารานนฺติ ตสฺมึ ขเณ ตรุณตาย สาเร อวิชฺชมาเนปิ ปริณาเมน ภวิสฺสมานสาเรปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสานฺหิ สูจิทณฺฑกปฺปมาณปริณาหานํ จตุปฺจมตฺตานมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสาเรหิ รุกฺเขหิ สมฺมิสฺสานํ. เอเตน ตจสารรุกฺขมิสฺสกานมฺปิ วนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ สารรุกฺเข สนฺธาย วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘เอตฺถ ตโย เจ สารรุกฺขา โหนฺติ, ทฺเว อสารา, สารรุกฺขานํ พหุตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. สุสานมฺปิ อิธ วนเมวาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ สยํชาตตฺตาติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘จตูสุ ทฺเว อนฺโตสารา เจ, วฏฺฏติ, อนฺโตสารา อธิกา, สมา วา, วฏฺฏติ, ตสฺมา พหูสุปิ ทฺเว เจ อนฺโตสารา อตฺถิ, วฏฺฏตี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺตีติ รุกฺขฆฏาย อนฺตเร รุกฺเข อจฺฉินฺทิตฺวา วติอาทีหิ วิหารปริจฺเฉทํ กตฺวาว อนฺโตรุกฺขนฺตเรสุ เอว ปริเวณปณฺณสาลาทีนํ กรณวเสน ยถา อนฺโตวิหารมฺปิ วนเมว โหติ, เอวํ วิหารํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ยทิ หิ สพฺพํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา วิหารํ กเรยฺยุํ, วิหารสฺส อวนตฺตา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตวนํ เอกตฺถ กิตฺเตตพฺพํ สิยา, อิธ ปน อนฺโตปิ วนตฺตา ‘‘วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, ‘‘นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหตี’’ติอาทินา อนนฺตเร วุตฺตโทโส อาปชฺชติ. เอกเทสนฺติ วเนกเทสํ, รุกฺขวิรหิตฏฺาเน กตวิหารสฺส เอกปสฺเส ิตวนสฺส เอกเทสนฺติ อตฺโถ.

สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ วํสทณฺฑปฺปมาโณ. ‘‘เลขนิทณฺฑปฺปมาโณ’’ติ เกจิ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน อเวภงฺคิยวินิจฺฉเย ‘‘โย โกจิ อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตปิ เวฬุ…เป… ครุภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตนุตโร เวฬุทณฺโฑติ จ สูจิทณฺโฑติ จ คเหตพฺพํ. วํสนฬกสราวาทีสูติ เวฬุปพฺเพ วา นฬปพฺเพ วา กปลฺลกาทิมตฺติกภาชเนสุ วาติ อตฺโถ. ตงฺขณมฺปีติ ตรุณโปตเก อมิลายิตฺวา วิรุหนชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน ปริณตา สมูลํ อุทฺธริตฺวา โรปิตาปิ ฉินฺนสาขา วิย มิลายิตฺวา จิเรน นวมูลงฺกุรุปฺปตฺติยา ชีวนฺติ, มิยนฺติเยว วา, ตาทิเส กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ สีหฬทีเป เลขนิทณฺฑปฺปมาโณติ วทนฺติ, โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

มชฺเฌติ สีมาย มหาทิสานํ อนฺโต. โกณนฺติ สีมาย จตูสุ โกเณสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เตสํ จตุนฺนํ โกณานํ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อฺิสฺสา ทิสาย จาปรนฺติ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กิตฺติตมตฺเตน กถํ เอกาพทฺธตา วิคจฺฉตีติ วิฺายติ. ปรโต คตฏฺาเนปิ เอเต เอว เต จตฺตาโร มคฺคา. ‘‘จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺถ การณํ วิจินิตพฺพนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) วุตฺตํ. วิจินนฺโต ปน เอวํ การณํ ปฺายติ – ปุพฺพวากฺเยปิ ‘‘วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา’’ติ, ปรวากฺเยปิ ‘‘วิหารมชฺเฌน นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตมคฺโคปี’’ติ วิหารเมว สนฺธาย วุตฺโต, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘โกณํ นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตํ ปนา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอเต มคฺคา วิหารสฺส โกณเมว นิพฺพิชฺฌึสุ, น อฺมฺํ มิสฺสึสุ, ตสฺมา เอกาพทฺธภาวาภาวา จตุนฺนํ มคฺคานํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อปราย เอกนฺติ เอวํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘ปรภาเคติ เอตฺถ เอเตหิ พทฺธฏฺานโต คตตฺตา วฏฺฏติ, ตถา ทีฆมคฺเคปิ คหิตฏฺานโต คตฏฺานสฺส อฺตฺตาติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตมฺปิ เอกาพทฺธนิมิตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ.

อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยาติ อิทฺจ ปาฬิยํ ภิกฺขุนีนํ นทีปารคมเน นทีลกฺขณสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ, ภิกฺขูนํ อนฺตรวาสกเตมนมตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยว. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ‘‘ภิกฺขุนิยา เอว คหณฺเจตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ภิกฺขุนีวเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา เตเนว นเยน ทสฺสนตฺถํ กตํ. สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหตีติ อยํ วุตฺตลกฺขณา นที สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นิมิตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘อนฺตรวาสโก เตมิยตีติ วุตฺตตฺตา ตตฺตกปฺปมาณอุทเกเยว กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ. ‘เตมิยตี’ติ อิมินา เหฏฺิมโกฏิยา นทีลกฺขณํ วุตฺตํ, เอวรูปาย นทิยา ยสฺมึ าเน จตฺตาโร มาเส อปฺปํ วา พหุํ วา อุทกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ าเน อปฺโปทเกปิ ตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก’’ติ วุตฺตํ.

นทีจตุกฺเกปิ เอเสว นโยติ อิมินา เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ ปรโต คตฏฺาเนปิ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตเนว จ ‘‘อสมฺมิสฺสา นทิโย ปน จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ อสมฺมิสฺสคฺคหณํ กตํ. อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยวาติ อาวรณํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สนฺทติเยว. อปวตฺตมานาติ อสนฺทมานุทกา. อาวรณฺหิ ปตฺวา นทิยา ยตฺตเก ปเทเส อุทกํ อสนฺทมานํ สนฺติฏฺติ, ตตฺถ นทีนิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อุปริ สนฺทมานฏฺาเนเยว วฏฺฏติ. อสนฺทมานฏฺาเน ปน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ิตเมว หิ อุทกํ อุทกนิมิตฺเต วฏฺฏติ, น สนฺทมานํ. เตเนวาห ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตนฺติ วุตฺตตฺตา เสตุโต ปรโต ตตฺตกํ อุทกํ ยทิ ปวตฺตติ, นที เอวาติ วทนฺติ. ชาตสฺสราทีสุ ิโตทกํ ชาตสฺสราทิปเทเสน อนฺตริกมฺปิ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ นทีปารสีมาย นิมิตฺตํ วิย. สเจ โส ปเทโส กาลนฺตเรน คามเขตฺตภาวํ ปาปุณาติ, ตตฺถ อฺํ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) วุตฺตํ. มูเลติ อาทิกาเล. นทึ ภินฺทิตฺวาติ ยถา อุทกํ อนิจฺฉนฺเตหิ กสฺสเกหิ มโหเฆ นิวฏฺเฏตุํ น สกฺกา, เอวํ กูลํ ภินฺทิตฺวา. นทึ ภินฺทิตฺวาติ วา มาติกามุขทฺวาเรน นทีกูลํ ภินฺทิตฺวา.

อุกฺเขปิมนฺติ ทีฆรชฺชุนา กูเฏหิ อุสฺสิฺจนียํ. อุกฺเขปิมนฺติ วา กูปโต วิย อุกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํ. อุกฺเขปิมนฺติ วา อุทฺธริตฺวา คเหตพฺพกํ.

อสมฺมิสฺเสหีติ สพฺพทิสาสุ ิตปพฺพเตหิ เอว วา ปาสาณาทีสุ อฺตเรหิ วา นิมิตฺตนฺตราพฺยวหิเตหิ. สมฺมิสฺเสหีติ เอกตฺถ ปพฺพโต, อฺตฺถ ปาสาโณติ เอวํ ิเตหิ อฏฺหิ. นิมิตฺตานํ สเตนาปีติ อิมินา เอกิสฺสาเยว ทิสาย พหูนิปิ นิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปพฺพโต, ภนฺเต. ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปาสาโณ, ภนฺเต’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ติโกณา. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ วา ติโกณรจฺฉาสณฺานา. จตุรสฺสาติ สมจตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺานา ปน อายตจตุรสฺสา, เอกโกฏิยํ สงฺโกจิตา, ตทฺาย วิตฺถิณฺณา วา โหติ. มุทิงฺคสณฺานาติ วา มุทิงฺคเภรี วิย มชฺเฌ วิตฺถตา อุโภสุ โกฏีสุ สงฺโกจิตา โหติ.

๑๕๙. เอวํ พทฺธสีมาย นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปริสสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทนาติ สพฺพเหฏฺิเมน คณนปริจฺเฉเทน, อปฺปตโร เจ คโณ โหตีติ อธิปฺปาโย. อิมสฺส ปน สีมาสมฺมุติกมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา ‘‘จตูหิ ภิกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ. สนฺนิปติตาติ สมคฺคา หุตฺวา อฺมฺสฺส หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา สนฺนิปติตา. อิมินา ‘‘จตุวคฺคกรณีเย กมฺเม จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ ปมสมฺปตฺติลกฺขณํ ทสฺเสติ. ยาวติกา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเตติ ยสฺมึ ปเทเส สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมึ เอกสฺส คามโภชกสฺส อายุปฺปตฺติฏฺานภูเต คามกฺเขตฺเต ิตา ภิกฺขูติ สมฺพนฺโธ. พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวาติ เอเตน เอตา พทฺธสีมาทโย คามสีมโต สีมนฺตรภูตา, น ตาสุ ิตา คามสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ วคฺคํ กโรนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพติ ทสฺเสติ. เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวาติ วคฺคกมฺมปริหรณตฺถํ สนฺนิปติตุํ สมตฺเถ เต คามกฺเขตฺตฏฺเ สพฺเพ ภิกฺขู สงฺฆสฺส หตฺถปาเส กตฺวาติ อตฺโถ. ฉนฺทํ วา อาหริตฺวาติ สนฺนิปติตุํ อสมตฺถานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา. ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต ยทิปิ สหสฺสภิกฺขู โหนฺติ, เตสุ จตฺตาโรเยว กมฺมปฺปตฺตา, อวเสสา ฉนฺทารหา, ตสฺมา อนาคตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพติ อตฺโถ, อิมินา ‘‘ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโฏ โหตี’’ติ วุตฺตํ ทุติยสมฺปตฺติลกฺขณมาห. ‘‘สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺตี’’ติ วุตฺตํ ตติยสมฺปตฺติลกฺขณํ ปน อิเมสํ สามตฺถิเยน วุตฺตํ โหติ.

๑๖๐. เอวํ พทฺธสีมาย ปริสสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ อตฺโถ เหฏฺา อุปสมฺปทกมฺมวาจาวณฺณนายํ วุตฺโตว. เอวํ วุตฺตายาติ เอวํ อิมินา อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘-๑๓๙) ภควตา วุตฺตาย. ปริสุทฺธายาติ ตฺติโทสอนอุสฺสาวนโทเสหิ ปริสมนฺตโต สุทฺธาย. ตฺติทุติยกมฺมวาจายาติ เอกาย ตฺติยา เอกาย อนุสฺสาวนาย กริยมานตฺตา ตฺติ เอว ทุติยา อิมิสฺสา กมฺมวาจายาติ ตฺติทุติยกมฺมวาจา, ตาย. นิมิตฺตานํ อนฺโต สีมา โหติ, นิมิตฺตานิ สีมโต พหิ โหนฺติ นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา เหฏฺา ปถวีสนฺธารอุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมาย คตตฺตา.

๑๖๑. เอวํ สมานสํวาสกสีมาสมฺมุติยา กมฺมวาจาสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อธิฏฺิตเตจีวริกานํ ภิกฺขูนํ จีวเร สุขปริโภคตฺถํ ภควตา ปฺตฺตํ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติกมฺมวาจาสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ พทฺธาย จ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ ยถา อธิฏฺิตเตจีวริโก ภิกฺขุ อนฺโตสีมายํ ติจีวเรน วิปฺปวสนฺโตปิ อวิปฺปวาโสเยว โหติ, ทุติยกถินสิกฺขาปเทน (ปารา. ๔๗๑ อาทโย) อาปตฺติ น โหติ, เอวํ ตํ สมานสํวาสกสีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ อตฺโถ. เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจาติ ยทิ ติสฺสา สมานสํวาสกสีมาย อนฺโต คาโม อตฺถิ, ตํ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา ตโต วินิมุตฺตํ ตํ สมานสํวาสกสีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ อตฺโถ.

สีมสงฺขฺยํเยว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมสงฺขฺยํเยว คจฺฉติ. เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วาติ อภินวกตเคเหสุ สพฺพปมํ เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ อตฺถิ. อคตํ วาติ โปราณกคาเม อฺเสุ กุเลสุ เคหานิ ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุปิ เอกมฺปิ กุลํ อคตํ อตฺถีติ อตฺโถ.

๑๖๒. เอวํ สงฺเขเปน สีมาสมฺมุตึ ทสฺเสตฺวา ปุน วิตฺถาเรน ทสฺเสนฺโต ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป, อยํ ปน วิตฺถาโร’’ติอาทิมาห. สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ อายตึ พนฺธิตพฺพาย สีมาย เนสํ วิหารานํ ปริจฺเฉทโต พหิ สีมนฺตริกปฺปโหนกํ อุปจารํ เปตฺวา. พทฺธา สีมาเยสุ วิหาเรสุ, เต พทฺธสีมา. ปาฏิเยกฺกนฺติ ปจฺเจกํ. พทฺธสีมาสทิสานีติ ยถา พทฺธสีมาสุ ิตา อฺมฺํ ฉนฺทาทึ อนเปกฺขิตฺวา ปจฺเจกํ กมฺมํ กาตุํ ลภนฺติ, เอวํ คามสีมาสุ ิตาปีติ ทสฺเสติ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ เอกสฺส คามสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโตกตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ. อาคนฺตพฺพนฺติ จ สามีจิวเสน วุตฺตํ, นายํ นิยโม ‘‘อาคนฺตพฺพเมวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อพทฺธาย หิ สีมาย นานาคามกฺเขตฺตานํ นานาสีมสภาวตฺตา เตสํ อนาคมเนปิ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ตสฺมา อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. พทฺธาย ปน สีมาย เอกสีมภาวโต ปุน อฺสฺมึ กมฺเม กริยมาเน อนฺโตสีมคเตหิ อาคนฺตพฺพเมวาติ อาห ‘‘อวิปฺปวาสสีมา…เป… อาคนฺตพฺพ’’นฺติ. นิมิตฺตกิตฺตนกาเล อโสธิตายปิ สีมาย เนวตฺถิ โทโส นิมิตฺตกิตฺตนสฺส อปโลกนาทีสุ อฺตราภาวโต.

เภริสฺํ วาติ สมฺมนฺนนปริโยสานํ กโรมาติ วตฺวาติ ลิขิตํ. เตน ตาทิเส กาเล ตํ กปฺปตีติ สิทฺธํ โหติ. เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วาติ ปน เตสํ สทฺทํ สุตฺวา อิทานิ สงฺโฆ สีมํ พนฺธตีติ ตฺวา อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ตํ คามกฺเขตฺตํ อปฺปเวสนตฺถํ, อารามิกาทีนฺจ เตสํ นิวารณตฺถํ กมฺมวาจารทฺธกาเลเยว สฺา กรียติ, เอวํ สติ ตํ กรณํ สปฺปโยชนํ โหติ. เตเนว ‘‘เภริสงฺขสทฺทํ กตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘เภริสงฺขสฺํ กตฺวา’’ติ สฺาคฺคหณํ กตํ. ‘‘สฺํ กตฺวา’’ติ จ ปุพฺพกาลกิริยํ วตฺวา ‘‘กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา’’ติ อปรกาลกิริยํ วทติ, ปริโยสานกาเล ปน สพฺพตูริยาตาลิกสงฺฆุฏฺํ กตฺวา เทวมนุสฺสานํ อนุโมทนํ กาเรตพฺพํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

๑๖๓. ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชาคฺคหณํ. สุขกรณตฺถนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปาตนปริสฺสมํ ปหาย อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาตีติ วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ. อิทฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เหฏฺิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. อิทฺจ กมฺมารเหน สห อพฺภานการกานมฺปิ ปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพาติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตาย วฑฺฒิตฺวา อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส จ ตทภาวโต ยตฺถ กตฺถจิ อาเนตฺวา เปตุํ สุกรตาย จ วุตฺตํ. ตถา สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพาติ เอตฺถาปิ. จตุรงฺคุลปฺปมาณาปีติ ยถา ขณฺฑสีมปริจฺเฉทโต พหิ นิมิตฺตปาสาณํ จตุรงฺคุลมตฺตํ านํ สมนฺตา นิคจฺฉติ, อวเสสํ านํ อนฺโตขณฺฑสีมายํ โหติเยว, เอวํ เตสุ ปิเตสุ จตุรงฺคุลมตฺตา สีมนฺตริกา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

สีมนฺตริกปาสาณาติ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา. เต ปน กิตฺเตนฺเตน ทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. กถํ? ขณฺฑสีมโต หิ ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุเขน ตฺวา ปุริมกิตฺติตํ วุตฺตนเยน ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา. ตโตติ ปจฺฉา. อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรนฺตเรสุ อวเสสนิมิตฺตานิ. น สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมาย พทฺธภาวํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายมนฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. พทฺธาย หิ อวิปฺปวาสสีมาย ตํ สมูหนิตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กตายปิ กมฺมวาจาย อสมูหตาว โหติ สีมา. ปมฺหิ อวิปฺปวาสํ สมูหนิตฺวา ปจฺฉา สีมา สมูหนิตพฺพา. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ, อาจิณฺณกรเณเนว จ สมฺโมโห น โหตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา’’ติ. อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตีติ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ น โกเปนฺติ. เอวํ พทฺธาสุ ปน…เป… สีมนฺตริกา หิ คามกฺเขตฺตํ ภชตีติ น อาวาสวเสน สามคฺคิปริจฺเฉโท, กินฺตุ สีมาวเสเนวาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.

กุฏิเคเหติ ภูมิยํ กตติณกุฏิยํ. อุทุกฺขลนฺติ อุทุกฺขลาวาฏสทิสขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ราชิ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ. อิทฺจ ยถาวุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ อนาคตตฺเตน น วฏฺฏตีติ สิทฺธมฺปิ ‘‘อวินสฺสกสฺาณมิท’’นฺติ สฺาย โกจิ โมเหน นิมิตฺตํ กเรยฺยาติ ทูรโต วิปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ. นิมิตฺตุปคปาสาเณ เปตฺวาติ สฺจาริมนิมิตฺตสฺส กมฺปนตาย วุตฺตํ. เอวํ อุปริ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทีสุปิ สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ กถเน การณํ เวทิตพฺพํ. สีมาวิปตฺติ หิ อุปสมฺปทาทิสพฺพกมฺมวิปตฺติมูลนฺติ ตสฺส ทฺวารํ สพฺพถาปิ ปิทหนวเสน วตฺตพฺพํ. สพฺพํ วตฺวาว อิธ อาจริยา วินิจฺฉยํ กเถสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ภิตฺตินฺติ อิฏฺกทารุมตฺติกามยํ. สิลามยาย ปน ภิตฺติยา นิมิตฺตุปคํ เอกํ ปาสาณํ ตํตํทิสาย กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. อเนกสิลาหิ จินิตํ สกลํ ภิตฺตึ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอกวจเนน วตฺตพฺพโต. อนฺโตกุฏฺฏเมวาติ เอตฺถ อนฺโตกุฏฺเฏปิ นิมิตฺตานํ ิโตกาสโต อนฺโต เอว สีมาติ คเหตพฺพํ. ปมุเข นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวาติ คพฺภาภิมุเขปิ พหิปมุเข คพฺภวิตฺถารปฺปมาเณ าเน ปาสาเณ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. เอวฺหิ คพฺภปมุขานํ อนฺตเร ิตกุฏฺฏมฺปิ อุปาทาย อนฺโต จ พหิ จ จตุรสฺสสณฺานาว สีมา โหติ. พหีติ สกลสฺส กุฏิเลณสฺส สมนฺตโต พหิ.

อนฺโต จ พหิ จ สีมา โหตีติ มชฺเฌ ิตภิตฺติยา สห จตุรสฺสสีมา โหติ. อุปริปาสาเทเยว โหตี’’ติ อิมินา คพฺภสฺส จ ปมุขสฺส จ อนฺตรา ิตภิตฺติยา เอกตฺตา ตตฺถ จ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสาภาเวน เหฏฺา น โอตรติ, อุปริภิตฺติ ปน สีมฏฺาว โหตีติ ทสฺเสติ. เหฏฺา น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาสปฺปเทสํ น โอตรติ, อุปริ กเต ปาสาเทติ อตฺโถ. เหฏฺิมตเล กุฏฺโฏติ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ ิตกุฏฺโฏ. สเจ หิ ทฺวีสุ, ตีสุ เอว วา ทิสาสุ กุฏฺโฏ ติฏฺเยฺย, เหฏฺา น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ สเจ เหฏฺา อนฺโตภิตฺติยํ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โอตรมานา จ น อุปริสีมปฺปมาเณน โอตรติ, สมนฺตา ภิตฺติปฺปมาเณน โอตรติ. จตุนฺนํ ปน ภิตฺตีนํ พาหิรนฺตปริจฺเฉเทน เหฏฺาภูมิภาเค อุทกปริยนฺตํ กตฺวา โอตรติ, น ปน ภิตฺตีนํ พหิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ. ปาสาทภิตฺติโตติ อุปริมตเล ภิตฺติโต. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ สเจ เหฏฺา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ, โน เจ, น โอตรตีติ อธิปฺปาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ปน ‘‘อุปริสีมปฺปมาณสฺส อนฺโตคธานํ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ กุฏฺฏานํ ตุลารุกฺเขหิ เอกสมฺพนฺธตํ, ตทนฺโต ปจฺฉิมสีมปฺปมาณตาทิฺจ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. กิฺจาเปตฺถ นิยฺยูหกาทโย นิมิตฺตานํ ิโตกาสตาย พชฺฌมานกฺขเณ สีมา น โหนฺติ, พทฺธาย ปน สีมาย สีมฏฺาว โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา.

ปริยนฺตถมฺภานนฺติ นิมิตฺตคตปาสาณตฺถมฺเภ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปริมตเลน สมฺพทฺโธ โหตีติ อิทํ กุฏฺฏานํ อนฺตรา สีมฏฺานํ ถมฺภานํ อภาวโต วุตฺตํ. ยทิ หิ ภเวยฺยุํ, กุฏฺเฏ อุปริมตเลน อสมฺพนฺเธปิ สีมฏฺถมฺภานํ อุปริ ิโต ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ. สเจ ปน พหูนํ ถมฺภปนฺตีนํ อุปริ กตปาสาทสฺส เหฏฺาปถวิยํ สพฺพพาหิราย ถมฺภปนฺติยา อนฺโต นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวา สีมา พทฺธา โหติ, เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ‘‘ยํ ตาว สีมฏฺถมฺเภเหว ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, สพฺพํ ตํ สีมฏฺเมว, เอตฺถ วิวาโท นตฺถิ, ยํ ปน สีมฏฺถมฺภปนฺติยา, อสีมฏฺาย พาหิรถมฺภปนฺติยา จ สมธุรํ ธารยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, ตตฺถ อุปฑฺฒํ สีมา’’ติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘สกลมฺปิ คามสีมา’’ติ อปเร. ‘‘พทฺธสีมา เอวา’’ติ อฺเ. ตสฺมา กมฺมํ กโรนฺเตหิ ครูหิ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สพฺพํ ตํ อาสงฺกฏฺานํ โสเธตฺวาว กมฺมํ กาตพฺพํ, สนฺนิฏฺานการณํ วา คเวสิตฺวา ตทนุคุณํ กาตพฺพํ.

ตาลมูลกปพฺพเตติ ตาลกฺขนฺธมูลสทิเส เหฏฺา ถูโล หุตฺวา กเมน กิโส หุตฺวา อุคฺคโต หินฺตาลมูลสทิโส นาม โหติ. วิตานสณฺาโนติ อหิจฺฉตฺตกสณฺาโน. ปณวสณฺาโนติ มชฺเฌ ตนุโก, เหฏฺา จ อุปริ จ วิตฺถิณฺโณ. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา, ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ. สปฺปผณสทิโส ปพฺพโตติ สปฺปผโณ วิย ขุชฺโช, มูลฏฺานโต อฺตฺถ อวนตสีโส. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. สีมปฺปมาโณติ อนฺโต อากาเสน สทฺธึ ปจฺฉิมสีมปฺปมาโณ. โส จ ปาสาโณ สีมฏฺโติ อิมินา อีทิเสหิ สุสิรปาสาณเลณกุฏฺฏาทีหิ ปริจฺฉินฺเน ภูมิภาเค เอว สีมา ปติฏฺาติ, น อปริจฺฉินฺเน. เต ปน สีมฏฺตฺตา สีมา โหนฺติ, น สรูเปน สีมฏฺมฺจาทิ วิยาติ ทสฺเสติ. สเจ ปน โส สุสิรปาสาโณ ภูมึ อนาหจฺจ อากาสคโต โอลมฺพติ, สีมา น โอตรติ. สุสิรปาสาโณ ปน สยํ สีมาปฏิพทฺธตฺตา สีมา โหติ, กถํ ปน ปจฺฉิมปฺปมาณรหิเตหิ เอเตหิ สุสิรปาสาณาทีหิ สีมา น โอตรตีติ อิทํ สทฺธาตพฺพนฺติ? อฏฺกถาปมาณโต.

อปิเจตฺถ สุสิรปาสาณภิตฺติอนุสาเรน มูสิกาทีนํ วิย สีมาย เหฏฺิมตเล โอตรณกิจฺจํ นตฺถิ, เหฏฺา ปน ปจฺฉิมสีมปฺปมาเณ อากาเส ทฺวงฺคุลมตฺตพหเลหิ ปาสาณภิตฺติอาทีหิปิ อุปริมตลํ อาหจฺจ ิเตหิ สพฺพโส, เยภุยฺเยน วา ปริจฺฉินฺเน สติ อุปริ พชฺฌมานา สีมา เตหิ ปาสาณาทีหิ อนฺตริตาย ตปฺปริจฺฉินฺนาย เหฏฺาภูมิยาปิ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกกฺขเณ ปติฏฺาติ, นทีปารสีมา วิย นทีอนฺตริเตสุ อุโภสุ ตีเรสุ เลณาทีสุ อปนีเตสุปิ เหฏฺา โอติณฺณสีมา ยาว สาสนนฺตรธานา น วิคจฺฉติ, ปมํ ปน อุปริ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา เลณาทิกเตสุปิ เหฏฺาภูมิยํ สีมา โอตรติ เอว, เกจิ ตํ น อิจฺฉนฺติ, เอวํ อุภยตฺถ ปติฏฺิตา จ สา สีมา เอกาว โหติ โคตฺตาทิชาติ วิย พฺยตฺติเภเทสูติ คเหตพฺพํ. สพฺพา เอว หิ พทฺธสีมา อพทฺธสีมา จ อตฺตโน อตฺตโน ปกตินิสฺสยเก คามารฺาทิเก เขตฺเต ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพตฺถ สากลฺเยน เอกสฺมึ ขเณ พฺยาปินี ปรมตฺถโต อวิชฺชมานมฺปิ เต เต นิสฺสยภูเต ปรมตฺถธมฺเม, ตํ ตํ กิริยาวิเสสมฺปิ วา อุปาทาย โลกิเยหิ สาสนิเกหิ จ ยถารหํ เอกตฺเตน ปฺตฺตตฺตา สนิสฺสเยกรูปา เอว. ตถา หิ เอโก คาโม อรฺํ นที ชาตสฺสโร สมุทฺโทติ เอวํ โลเก, ‘‘สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน, อคามเก เจ, ภิกฺขเว, อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติอาทินา สาสเน จ เอกโวหาโร ทิสฺสติ, น ปรมตฺถโต. เอกสฺส อเนกธมฺเมสุ พฺยาปนมตฺถิ กสิเณกเทสาทิวิกปฺปาสมานตาย เอกตฺตหานิโตติ อยํ โน มติ.

อสฺส เหฏฺาติ สปฺปผณปพฺพตสฺส เหฏฺา อากาสปพฺภาเร. เลณสฺสาติ เลณํ เจ กตํ, ตสฺส เลณสฺสาติ อตฺโถ. ตเมว ปุน เลณํ ปฺจหิ ปกาเรหิ วิกปฺเปตฺวา โอตรณาโนตรณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘สเจ ปน เหฏฺา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เหฏฺา’’ติ อิมสฺส ‘‘เลณํ โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เหฏฺา เลณฺจ เอกสฺมึ ปเทเสติ อาห ‘‘อนฺโต’’ติ, ปพฺพตสฺส อนฺโต, ปพฺพตมูเลติ อตฺโถ. ตเมว อนฺโตสทฺทํ สีมาปริจฺเฉเทน วิเสเสตุํ ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส ปารโต’’ติ วุตฺตํ. ปพฺพตปาทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ‘‘โอรโต’’ติ วตฺตพฺเพปิ สีมานิสฺสยํ ปพฺพตคฺคํ สนฺธาย ‘‘ปารโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘พหิ เลณ’’นฺติ เอตฺถ พหิสทฺทํ วิเสเสนฺโต ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส โอรโต’’ติ อาห. พหิสีมา น โอตรตีติ เอตฺถ พหีติ ปพฺพตปาเท เลณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เลณสฺส จ พหิภูเต อุปริสีมาปริจฺเฉทสฺส เหฏฺาภาเค สีมา น โอตรตีติ อตฺโถ. อนฺโต สีมาติ เลณสฺส จ ปพฺพตปาทสฺส จ อนฺโต อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน น โอตรตีติ อตฺโถ. ‘‘พหิ สีมา น โอตรติ, อนฺโต สีมา น โอตรตี’’ติ เจตฺถ อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน เลณาภาเวน สีมาย สพฺพถา อโนตรณเมว ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. ตตฺถ หิ อโนตรนฺตี อุปริ เอว โหตีติ อยํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) อาคโต วินิจฺฉโย.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘อนฺโตเลณํ โหตีติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ โหตี’’ติ เอตฺตกเมว อาคโต. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) น ‘‘อนฺโตเลณนฺติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ. ทฺวารํ ปน สนฺธาย ‘ปารโต โอรโต’ติ วุตฺตํ, สพฺพถาปิ สีมโต พหิเลเณน โอตรตีติ อธิปฺปาโย’’ติ อาคโต. อยํ ปน อนฺโตเลณพหิเลณวินิจฺฉโย คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธติ อาจริยา วทนฺติ, ตถาปิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) อาคตํ นยํ นิสฺสาย สุฏฺุ วินิจฺฉิตพฺโพ วิฺูหีติ. พหิ ปติตํ อสีมาติอาทินา อุปริปาสาทาทีสุ อถิรนิสฺสเยสุ ิตา สีมาปิ เตสํ วินาเสน วินสฺสตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

โปกฺขรณึ ขณนฺติ, สีมาเยวาติ เอตฺถ สเจ เหฏฺา อุมงฺคนที สีมปฺปมาณโต อนูนา ปมเมว ปวตฺตา โหติ, สีมา จ ปจฺฉา พทฺธา นทิโต อุปริ เอว โหติ, นทึ อาหจฺจ โปกฺขรณิยา จ ขตาย สีมา วินสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺาปถวีตเลติ อนนฺตรา ภูมิวิวเร.

สีมมาฬเกติ ขณฺฑสีมงฺคเณ. วฏรุกฺโขติ อิทํ ปาโรโหปตฺถมฺเภน อติทูรมฺปิ คนฺตุํ สมตฺถสาขาสมงฺคิตาย วุตฺตํ. สพฺพรุกฺขลตาทีนมฺปิ สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ เอว. เตเนว นาวารชฺชุเสตุสมฺพนฺโธปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ตโตติ ตโต สาขโต. มหาสีมาย ปถวีตลนฺติ เอตฺถ อาสนฺนตรมฺปิ คามสีมํ อคฺคเหตฺวา พทฺธสีมาย เอว คหิตตฺตา คามสีมพทฺธสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทโส นตฺถิ อฺมฺํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน ปวตฺติโตติ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ ตาสมฺปิ สมฺพนฺธโทโส ภเวยฺย, กถํ คามสีมาย พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา ภเวยฺย? ยสฺสา หิ สีมาย ยาย สีมาย สทฺธึ สมฺพนฺเธ โทโส ภเวยฺย, สา ตตฺถ พนฺธิตุเมว น วฏฺฏติ พทฺธสีมอุทกุกฺเขปสีมาสุ พทฺธสีมา วิย, อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีสุ อุทกุกฺเขปสีมา วิย จ, เตเนว ‘‘สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วาตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติอาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีหิ เอว สมฺพนฺธโทโส ทสฺสิโต, น นทีสีมาย, เอวมิธาปีติ ทฏฺพฺพํ. อยฺจตฺโถ อุปริ ปากโฏ ภวิสฺสติ. อาหจฺจาติ ผุสิตฺวา.

มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ มหาสีมคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนฉนฺทาหรณาทิวเสน สกลํ มหาสีมํ โสเธตฺวา. เอเตน สพฺพวิปตฺติโย โมเจตฺวา ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานมฺปิ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ ปจฺฉา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน อุปฺปชฺชนโต อีทิโส ปาฬิมุตฺตโก สมฺพนฺธโทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ, โส จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติอาทินา พทฺธสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๘) อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ อนฺตรา สีมนฺตริกํ เปตฺวา พนฺธิตุํ อนุชานเนน สมฺเภทชฺโฌตฺถรเณ วิย ตาสํ อฺมฺํ ผุสิตฺวา ติฏฺนวเสน พนฺธนมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา พทฺธานมฺปิ ตาสํ ปจฺฉา อฺมฺํ เอกรุกฺขาทีหิ ผุสิตฺวา านมฺปิ น วฏฺฏตีติ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ สงฺคีติการเกหิ นิทฺธาริโต พนฺธนกาเล ปฏิกฺขิตฺตสฺส สมฺพนฺธโทสสฺส อนุโลเมน อกปฺปิยานุโลมตฺตา. อยํ ปน สมฺพนฺธโทโส ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานํ ปจฺฉา สฺชาตตฺตา พชฺฌมานกฺขเณ วิย อสีมตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ อปนีตมตฺเต ตา สีมา ปากติกา โหนฺติ. ยถา จายํ ปจฺฉา น วฏฺฏติ, เอวํ พชฺฌมานกฺขเณปิ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตา พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.

เกจิ ปน มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ ‘‘มหาสีมคตา ภิกฺขู ยถา ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา กายกายปฏิพทฺเธหิ น ผุสนฺติ, เอวํ โสธนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น สกลสีมาโสธน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต. ตถา หิ ‘‘มหาสีมาย ปถวีตลํ วา ตตฺถชาตกรุกฺขาทีนิ วา อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ เอวํ สาขาปาโรหานํ มหาสีมํ ผุสิตฺวา านเมว สมฺพนฺธโทเส การณตฺเตน วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ ิตภิกฺขูหิ สาขาทีนํ ผุสนํ. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ สาขาทึ ผุสิตฺวา านเมว การณํ สิยา, ‘‘ตสฺส สาขํ วา ตโต นิคฺคตปาโรหํ วา มหาสีมาย ปวิฏฺํ ตตฺรฏฺโ โกจิ ภิกฺขุ ผุสิตฺวา ติฏฺตี’’ติ ภิกฺขุผุสนเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยฺหิ ตตฺถ มหาสีมาโสธเน การณํ, ตเทว ตสฺมึ วากฺเย ปธานโต ทสฺเสตพฺพํ. น หิ อาหจฺจฏฺิตเมว สาขาทึ ผุสิตฺวา ิโต ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ อากาสฏฺสาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุสฺสปิ โสเธตพฺพโต, กึ นิรตฺถเกน อาหจฺจฏฺานวจเนน, อากาสฏฺสาขาสุ จ ภิกฺขุผุสนเมว การณตฺเตน วุตฺตํ, โสธนฺจ ตสฺเสว ภิกฺขุสฺส หตฺถปาสานยนาทิวเสน โสธนํ วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา’’ติ สกลสีมาสาธารณวจเนน โสธนํ วุตฺตํ, อปิ จ สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุมตฺตโสธเน อภิมเต ‘‘มหาสีมาย ปถวีตล’’นฺติ วิเสสสีโมปาทานํ นิรตฺถกํ สิยา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส อากาเสปิ ตฺวา สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺส โสเธตพฺพโต.

ฉินฺทิตฺวา พหิฏฺกา กาตพฺพาติ ตตฺถ ปติฏฺิตภาววิโยชนวจนโต จ วิสภาคสีมานํ ผุสเนเนว สกลสีมาโสธนเหตุโก อฏฺกถาสิทฺโธยํ เอโก สมฺพนฺธโทโส อตฺเถวาติ คเหตพฺโพ. เตเนว อุทกุกฺเขปสีมากถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติ จ ‘‘นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พทฺธนาวาย วา น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จ เอวํ วิสภาคาสุ คามสีมาสุ สาขาทีนํ ผุสนเมว สงฺกรโทสการณตฺเตน วุตฺตํ, น ภิกฺขุผุสนํ. ตถา หิ ‘‘อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ นทิยํ นาวาพนฺธนํ อนุฺาตํ อุทกุกฺเขปนิสฺสยตฺเตน นทีสีมาย สภาคตฺตา. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ ผุสนเมว ปฏิจฺจ สพฺพตฺถ สมฺพนฺธโทโส วุตฺโต สิยา, นทิยมฺปิ พนฺธนํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย. ตตฺถาปิ หิ ภิกฺขุผุสนํ กมฺมโกปการณํ โหติ, ตสฺมา สภาคสีมาสุ ปวิสิตฺวา ภูมิอาทึ ผุสิตฺวา, อผุสิตฺวา วา สาขาทิมฺหิ ิเต ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ. วิสภาคสีมาสุ ปน สาขาทิมฺหิ ผุสิตฺวา ิเต ตํ สาขาทึ อผุสนฺตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู โสเธตพฺพา, อผุสิตฺวา ิเต ปน ตํ สาขาทึ ผุสนฺตาว ภิกฺขู โสเธตพฺพาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.

ยํ ปเนตฺถ เกจิ ‘‘พทฺธสีมานํ ทฺวินฺนํ อฺมฺํ วิย พทฺธสีมคามสีมานมฺปิ ตทฺาสมฺปิ สพฺพาสํ สมานสํวาสกสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตทุภยมฺปิ เอกสีมํ วิย โสเธตฺวา เอกตฺเถว กมฺมํ กาตพฺพํ, อฺถา กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, นตฺเถตฺถ สภาควิสภาคเภโท’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ สภาคสีมานํ อฺมฺํ สมฺพนฺธโทสาภาวสฺส วิสภาคสีมานเมว ตพฺภาวสฺส สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิวินยนเยหิ สิทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) คามสีมายเมว พทฺธสีมํ สมฺมนฺนิตุํ อนุฺาตตฺตา ตาสํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน สภาคตา, สมฺเภทชฺโฌตฺถรณโทสาภาโว จ สุตฺตโตว สิทฺโธ. พนฺธนกาเล ปน อนุฺาตสฺส สมฺพนฺธสฺส อนุโลมโต ปจฺฉา สฺชาตรุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ ตาสํ วฏฺฏติ เอว. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… กปฺปิยํ อนุโลเมติ, อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา เอวํ ตาว คามพทฺธสีมานํ อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต สิทฺโธ, อิมินา เอว นเยน อรฺสีมสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทีอาทิสีมอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.

พทฺธสีมาย ปน อฺาย พทฺธสีมาย นทีอาทิสีมาสุ จ พนฺธิตุํ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต เจว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทีอาทีสุ เอว กาตุํ นิยมนสุตฺตสามตฺถิเยน พทฺธสีมคามสีมาสุ กรณปฏิกฺเขปสิทฺโธ จ ตาสํ อฺมฺสภาคตา อุปฺปตฺติกฺขเณ ปจฺฉา จ รุกฺขาทีหิ สมฺเภทาทิโทสสมฺภโว จ วุตฺตนเยน สุตฺตสุตฺตานุโลมโตว สิชฺฌนฺติ. เตเนว อฏฺกถายํ วิสภาคสีมานเมว วฏรุกฺขาทิวจเนหิ สมฺพนฺธโทสํ ทสฺเสตฺวา สภาคานํ พทฺธสีมคามสีมาทีนํ สมฺพนฺธโทโส น ทสฺสิโต. น เกวลฺจ น ทสฺสิโต, อถ โข ตาสํ สภาคสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ โทสาภาโวปิ ปาฬิอฏฺกถาสุ าปิโต เอว. ตถา หิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๓๘) ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วฑฺฒนกนิมิตฺตานิ อนุฺาตานิ, เตน เนสํ รุกฺขาทินิมิตฺตานํ วฑฺฒเน พทฺธสีมคามสีมานํ สงฺกรโทสาภาโว าปิโตว โหติ, ทฺวินฺนํ ปน พทฺธสีมานํ อีทิโส สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกรุกฺโขปิ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหติ, โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมสงฺกรํ กโรติ, ตสฺมา น กาตพฺโพ’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐) วจนโตปิ จายํ าปิโต. ติโยชนปรมาย หิ สีมาย สมนฺตา ปริยนฺเตสุ รุกฺขลตาคุมฺพาทีหิ พทฺธคามสีมานํ นิยเมน อฺมฺํ สมฺพนฺธสฺส สมฺภวโต ‘‘อีทิสํ สมฺพนฺธํ วินาเสตฺวาว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ อฏฺกถายมฺปิ น วุตฺตํ.

ยทิ เจตฺถ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน กมฺมวิปตฺติ ภเวยฺย, อวสฺสเมว วตฺตพฺพํ สิยา. วิปตฺติปริหารตฺถฺหิ อาจริยา นิราสงฺกฏฺาเนสุปิ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทินา สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ อโวจุํ, อิธ ปน ‘‘วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติอาทินา รุกฺขลตาทีหิ นิรนฺตเร วนมชฺเฌปิ สีมาพนฺธนมโวจุํ. ตถา ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทาทีสุ เหฏฺา ถมฺภาทีหิ เอกาพทฺเธสุ อุปริมตลาทีสุ สีมาพนฺธนํ พหุธา วุตฺตํ, ตสฺมา พทฺธสีมคามสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ เตหิ มุขโตว วิหิโต, อปิจ คามสีมานมฺปิ ปาเฏกฺกํ พทฺธสีมาสทิสตาย เอกาย คามสีมาย กมฺมํ กโรนฺเตหิ ทพฺพติณมตฺเตนปิ สมฺพนฺธา คามนฺตรปรมฺปรา อรฺนทีสมุทฺทา จ โสเธตพฺพาติ สกลํ ทีปํ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อโสเธตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาลโต ปภุติ กตานํ อุปสมฺปทาทิกมฺมานํ สีมาสมฺมุตีนฺจ วิปชฺชนโต สพฺเพสมฺปิ ภิกฺขูนํ อนุปสมฺปนฺนสงฺกาปสงฺโค จ ทุนฺนิวาโร โหติ, น เจตํ ยุตฺตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยน วิสภาคสีมานเมว รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโส, น พทฺธสีมคามสีมาทีนํ สภาคสีมานนฺติ คเหตพฺพํ.

มหาสีมาโสธนสฺส ทุกฺกรตาย ขณฺฑสีมายเมว เยภุยฺเยน สงฺฆกมฺมกรณนฺติ อาห ‘‘สีมมาฬเก’’ติอาทิ. มหาสงฺฆสนฺนิปาเตสุ ปน ขณฺฑสีมาย อปฺปโหนกตาย มหาสีมาย กมฺเม กริยมาเนปิ อยํ นโย คเหตพฺโพว. อุกฺขิปาเปตฺวาติ อิมินา กายปฏิพทฺเธน สีมํ ผุสนฺโตปิ สีมฏฺโว โหตีติ ทสฺเสติ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมโต มหาสีมํ ปวิฏฺสาขานเยปิ. สีมฏฺรุกฺขสาขาย นิสินฺโน สีมฏฺโว โหตีติ อาห ‘หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพ’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘รุกฺขสาขาทีหิ อฺมฺสมฺพนฺธาสุ เอตาสุ ขณฺฑสีมาย ตโย ภิกฺขู, มหาสีมาย ทฺเวติ เอวํ ทฺวีสุ สีมาสุ สีมนฺตริกํ อผุสิตฺวา, หตฺถปาสฺจ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขูหิ อุปสมฺปทาทิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นานาสีมายํ ิตจตุตฺโถ กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๘๙). เตเนเวตฺถาปิ มหาสีมํ โสเธตฺวา มาฬกสีมายเมว กมฺมกรณํ วิหิตํ. อฺถา ภินฺนสีมฏฺตาย ตตฺรฏฺสฺส คณปูรกตฺตาภาวา กมฺมโกโปว โหตีติ.

ยทิ เอวํ กถํ ฉนฺทปาริสุทฺธิอาหรณวเสน มหาสีมาโสธนนฺติ? ตมฺปิ วินยฺู น อิจฺฉนฺติ, หตฺถปาสานยนพหิสีมกรณวเสน ปเนตฺถ โสธนํ อิจฺฉนฺติ, ทินฺนสฺสปิ ฉนฺทสฺส อนาคมเนน มหาสีมฏฺโ กมฺมํ โกเปตีติ. ยทิ จสฺส ฉนฺทาทิ นาคจฺฉติ, กถํ โส กมฺมํ โกเปสฺสตีติ? ทฺวินฺนํ วิสภาคสีมานํ สมฺพนฺธโทสโต, โส จ สมฺพนฺธโทโส อฏฺกถาวจนปฺปมาณโต. น หิ วินเย สพฺพตฺถ ยุตฺติ สกฺกา าตุํ พุทฺธโคจรตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สเจ ทฺเวปิ สีมาโย ปูเรตฺวา นิรนฺตรํ ิเตสุ ภิกฺขูสุ กมฺมํ กโรนฺเตสุ เอกาย เอว สีมาย คโณ จ อุปสมฺปทาเปกฺโข จ อนุสฺสาวโก จ เอกโต ติฏฺติ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ. สเจ ปน กมฺมารโห วา อนุสฺสาวโก วา สีมนฺตรฏฺโ โหติ, กมฺมํ วิปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตฺจ พทฺธสีมคามสีมาทิสภาคสีมาสุ เอว ยุชฺชติ. ยาสุ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธสุปิ โทโส นตฺถิ, ยาสุ ปน อตฺถิ, น ตาสุ, วิสภาคสีมาสุ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ เอกตฺถ ิโต อิตรฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ เอว อฏฺกถาย สามฺโต โสธนสฺส วุตฺตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ขณฺฑสีมาย อนฺโต ิตตฺตา รุกฺขสฺส ตตฺถ ิโต หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพติ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา? อนฺโต ิตตฺตา. รุกฺขสฺส หิ เหฏฺา ปถวีคตํ มูลํ ขณฺฑสีมาเยว โหติ. อพฺโพหาริกํ วาติ อปเร. ‘มชฺเฌ ปน ฉินฺเน มหาสีมาย ิตํ มูลํ มหาสีมเมว ภชติ, ขณฺฑสีมาย ิตํ ขณฺฑสีมเมว ภชติ ตทายตฺตปถวีอาทีหิ อนุคฺคหิตตฺตา’ติ จ วุตฺตํ. ‘สีมาย ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ปจฺฉา สีมายํ กตเคเห วิยา’ติ วตฺวา ‘พนฺธนกาเล ิเต รุกฺเข นิสีทิตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ อุปริสีมาย อคมนโต’ติ การณํ วทนฺติ. เอวํ สติ พนฺธนกาเล ปุน อาโรหณํ นาม นตฺถิ, พนฺธิตกาเล เอว อาโรหตีติ อาปชฺชติ ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺโข ปน ตปฺปฏิพทฺธตฺตา สีมาสงฺขเมว คโต. เอวํ ปุพฺเพ อุฏฺิตรุกฺโขปีติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วจนโต ติณาทิปิ สงฺคหิตํ, มหาเถราปิ ติณํ โสเธตฺวาว กโรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

น โอตรตีติ ปณวสณฺานปพฺพตาทีสุ เหฏฺา ปมาณรหิตํ านํ น โอตรติ. กิฺจาปิ ปเนตฺถ พชฺฌมานกฺขเณ อุทฺธมฺปิ ปมาณรหิตปพฺพตาทิ นาโรหติ, ตถาปิ ตํ ปจฺฉา สีมฏฺตาย สีมา โหติ. เหฏฺา ปณวสณฺานาทิ ปน อุปริ พทฺธายปิ สีมาย สีมสงฺขํ น คจฺฉติ, ตสฺเสว วเสน ‘‘น โอตรตี’’ติ วุตฺตํ, อิตรถา โอโรหณาโรหณานํ สาธารณวเสน ‘‘น โอตรตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพโต. ชาตํ ยํ กิฺจีติ นิฏฺิตสีมาย อุปริ ชาตํ วิชฺชมานํ ปุพฺเพ ิตํ ปจฺฉา สฺชาตํ ปวิฏฺฺจ ยํ กิฺจิ สวิฺาณกาวิฺาณกํ สพฺพมฺปีติ อตฺโถ. อนฺโตสีมาย หิ หตฺถิกฺขนฺธาทิสวิฺาณเกสุ นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ สีมฏฺโว โหติ. พทฺธาย สีมายาติ อิทฺจ ปกรณวเสน อุปลกฺขณโต วุตฺตํ. อพทฺธสีมาสุปิ สพฺพาสุ ิตํ ตํ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. เอกสมฺพนฺเธน คตนฺติ รุกฺขลตาทิตตฺรชาตเมวสนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสฺหิ ‘‘อิโต คต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ.

ยํ ปน ‘‘อิโต คต’’นฺติ วา ‘‘ตโต อาคต’’นฺติ วา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อุโภสุ พทฺธสีมคามสีมาสุ อุทกุกฺเขปนทีอาทีสุ จ ติริยํ ปติตรชฺชุทณฺฑาทิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอตฺถ ปน ‘‘พทฺธสีมาย ปติฏฺิตภาโค พทฺธสีมา, คามสีมาย ปติฏฺิตภาโค คามสีมา ตทุภยสีมฏฺปพฺพตาทิ วิย, พทฺธสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห, คามสีมาย คามสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห จ พทฺธสีมาย ปติฏฺิเตปิ เอเสว นโย. มูเล ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย หิ ‘อิโต คตํ, ตโต อาคต’นฺติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยโต โส ภาโค ยถาปวิฏฺสีมฏฺสงฺขเมว คจฺฉติ. เตสํ รุกฺขปาโรหานํ อนฺตรา ปน อากาสฏฺสาขา ภูมิยํ สีมาปริจฺเฉทปฺปมาเณน ตทุภยสีมา โหตี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ยสฺมา ปนสฺสา สาขาย ปาโรโห ปวิฏฺสีมาย ปถวิยํ มูเลหิ ปติฏฺหิตฺวาปิ ยาว สาขํ วินา าตุํ น สกฺโกติ, ตาว มูลสีมฏฺตํ น วิชหติ. ยทา ปน สณฺาตุํ สกฺโกติ, ตทาปิ ปาโรหมตฺตเมว ปวิฏฺสีมตํ สมุเปติ, ตสฺมา สพฺโพปิ อากาสฏฺสาขาภาโค ปุริมสีมฏฺตํ น วิชหติ ตโต อาคตภาคสฺส อวิชหิตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. อุทกุกฺเขปนทีอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ จ วิสภาคสีมาย เอว ปวิฏฺเ สกลสีมาโสธนํ, สภาคาย ปวิฏฺเ ผุสิตฺวา ิตมตฺตภิกฺขุโสธนฺจ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว.

๑๖๔. เอตฺถ จ นทีปารสีมากถาย ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. นทิยา อุโภสุ ตีเรสุ ปติฏฺหมานา สีมา นทีอชฺโฌตฺถรา นาม โหตีติ อาห ‘‘นทึ อชฺโฌตฺถรมาน’’นฺติ. อนฺโตนทิยฺหิ สีมา น โอตรติ. นทีลกฺขเณ ปน อสติ โอตรติ. สา จ ตทา นทีปารสีมา น โหตีติ อาห ‘‘นทิยา ลกฺขณํ นทีนิมิตฺเต วุตฺตนยเมวา’’ติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ปน ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. น นาวายาติ อิมินา นาวํ วินาปิ สีมา พทฺธา สุพทฺธา เอว โหติ, อาปตฺติปริหารตฺถา นาวาติ ทสฺเสติ.

รุกฺขสงฺฆาฏมโยติ อเนกรุกฺเข เอกโต ฆเฏตฺวา กตเสตุ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิตภิกฺขู หตฺถปาเส กตฺวาติ อิทํ อุภินฺนํ ตีรานํ เอกคามเขตฺตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปพฺพตสณฺานาติ เอกโต อุคฺคตทีปสิขรตฺตา สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ.

๑๖๕. สีมาสมูหนกถายํ โสติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ. ทฺเวปีติ ทฺเว สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาโย. อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺเถว เยภุยฺเยน อวิปฺปวาสาติ. อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปีติ อิทํ มหาสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานตฺตํ, ตสฺสา พาหิรปริจฺเฉทฺจ อชานนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. เอวํ อชานนฺเตหิปิ อนฺโตสีมาย ตฺวา กมฺมวาจาย กตาย สา สีมา สมูหตาว โหตีติ อาห ‘‘สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. นิราสงฺกฏฺาเนติ ขณฺฑสีมารหิตฏฺาเน. อิทฺจ มหาสีมาย วิชฺชมานายปิ กมฺมกรณสุขตฺถํ ขณฺฑสีมา อิจฺฉิตาติ ตํ เจติยงฺคณาทิพหุสนฺนิปาตฏฺาเน น พนฺธตีติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ สา พทฺธา สุพทฺธา เอว มหาสีมา วิย. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ อิทํ ขณฺฑสีมาย อสมูหตตฺตา, ตสฺสา อวิชฺชมานตฺตสฺส อชานนโต จ มหาสีมาพนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมา ปน นิราสงฺกฏฺาเน พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺเตว. สีมาสมฺเภทํ กตฺวาติ ขณฺฑสีมาย วิชฺชมานปกฺเข สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณสมฺเภทํ กตฺวา อวิชฺชมานปกฺเขปิ สมฺเภทสงฺกาย อนิวตฺตเนน สมฺเภทสงฺกํ กตฺวา. อวิหารํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆกมฺมานารหํ กเรยฺยุํ. ปุพฺเพ หิ เจติยงฺคณาทินิราสงฺกฏฺาเน กมฺมํ กาตุํ สกฺกา, อิทานิ ตมฺปิ วินาสิตนฺติ อธิปฺปาโย. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา. อุโภปิ น ชานนฺตีติ อุภินฺนํ ปเทสนิยมํ วา ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ วา อฺตราย วา วิชฺชมานตํ วา อวิชฺชมานตํ วา น ชานนฺติ, สพฺพตฺถ สงฺกา เอว โหติ. เนว สมูหนิตุํ, น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อิทํ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สมูหนิตุํ สกฺโกนฺตาปิ มหาสีมํ ปฏิพนฺธิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. น จ สกฺกา…เป… กมฺมวาจา กาตุนฺติ อิทํ สีมาพนฺธนกมฺมวาจํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พนฺธิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพาติ อตฺโถ.

เกจิ ปน ‘‘อีทิเสสุปิ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ, ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย, มหาสีมาย วา ิตวิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย. น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ. สีมาย ปน อนฺโตานํ ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจากรณฺเจตฺถ องฺคํ. อฏฺกถายํ ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตุฺเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตุฺจ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) อาคโต วินิจฺฉโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๔) ปน ‘‘อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวาติ เจติยงฺคณาทีนํ ขณฺฑสีมาย อโนกาสตฺตา วุตฺตํ. ขณฺฑสีมฺหิ พนฺธนฺตา ตาทิสํ านํ ปหาย อฺสฺมึ วิวิตฺเต โอกาเส พนฺธนฺติ. อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมํเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ขณฺฑสีมํ. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ ขณฺฑสีมายํ อฺาตตฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.

๑๖๖. เอวํ พทฺธสีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อพทฺธสีมาวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อพทฺธสีมา ปนา’’ติ อาห. สา กติวิธาติ อาห ‘‘คามสีมา สตฺตพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา’’ติ. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมายา’’ติอาทินา คามสีมา เอว พทฺธสีมาย เขตฺตํ อรฺนทีอาทโย วิย สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปาทีนํ, สา จ คามสีมา พทฺธสีมาย รหิตฏฺาเน สยเมว สมานสํวาสา โหตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ยา ตสฺส คามสฺส คามสีมา’’ติ เอตฺถ คามปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ เขตฺตวตฺถุอรฺปพฺพตาทิกํ สพฺพํ คามกฺเขตฺตํ สนฺธาย ‘‘คามสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น อนฺตรฆรเมว, ตสฺมา ตสฺส สกลสฺส คามกฺเขตฺตสฺส สมฺพนฺธนียา คามสีมาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. โย หิ โส อนฺตรฆรเขตฺตาทีสุ อเนเกสุ ภูมิภาเคสุ ‘‘คาโม’’ติ เอกตฺเตน โลกชเนหิ ปฺตฺโต คามโวหาโร, โสว อิธ ‘‘คามสีมา’’ติปิ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. คาโม เอว หิ คามสีมา. อิมินาว นเยน อุปริ อรฺํ นที สมุทฺโท ชาตสฺสโรติ, เอวํ เตสุ เตสุ ภูมิปฺปเทเสสุ เอกตฺเตน โลกชนปฺตฺตานเมว อรฺาทีนํ อรฺสีมาทิภาโว เวทิตพฺโพ, โลเก ปน คามสีมาทิโวหาโร คามาทีนํ มริยาทายเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ, น คามกฺเขตฺตาทีสุ สพฺพตฺถ. สาสเน ปน เต คามาทโย อิตรนิวตฺติอตฺเถน สยเมว อตฺตโน มริยาทาติ กตฺวา คาโม เอว คามสีมา, อรฺเมว อรฺสีมา, สมุทฺโท เอว สมุทฺทสีมาติ สีมาโวหาเรน วุตฺตาติ เวทิตพฺโพ. ปาฬิยํ นิคมสฺส วาติ อิทํ คามสีมปฺปเภทํ อุปลกฺขณวเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นครมฺปิ คหิตเมวา’’ติ.

พลึ ลภนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. ‘‘อยํ คาโม เอตฺตโก กรีสภาโค’’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทีโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ. สเจ ปน ตตฺถ ราชา กฺจิ ปเทสํ คามนฺตเรน โยเชติ, โส ปวิฏฺคามสีมตํ เอว ภชติ. นทีชาตสฺสเร วินาเสตฺวา ตฬากาทิภาวํ วา ปูเรตฺวา เขตฺตาทิภาวํ วา ปาปิเตสุปิ เอเสว นโย.

เย ปน คามา ราชโจราทิภยปีฬิเตหิ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตา จิรมฺปิ นิมฺมนุสฺสา ติฏฺนฺติ, สมนฺตา ปน คามา สนฺติ, เตปิ ปาเฏกฺกํ คามสีมาว. เตสุ หิ ราชาโน สมนฺตคามวาสีหิ กสาเปตฺวา วา เยหิ เกหิจิ กสิตฏฺานํ ลิขิตฺวา วา พลึ คณฺหนฺติ, อฺเน วา คาเมน เอกีภาวํ อุปเนนฺติ, เย ปน คามา ราชูหิปิ ปริจฺจตฺตา คามเขตฺตานนฺตริกา มหาอรฺเน เอกีภูตา, เต อคามการฺสีมตํ ปาปุณนฺติ, ปุริมา คามสีมา วินสฺสติ, ราชาโน ปน เอกสฺมึ อรฺาทิปเทเส มหนฺตํ คามํ กตฺวา อเนกสหสฺสานิ กุลานิ วาสาเปตฺวา ตตฺถ วาสีนํ โภคคามาติ สมนฺตา ภูตคาเม ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺติ, ปุราณนามํ ปน ปริจฺเฉทฺจ น วินาเสนฺติ, เตปิ ปจฺเจกํ คามสีมา เอว, เอตฺตาวตา ปุริมคามสีมตํ น วิชหนฺติ. สา จ อิตรา จาติอาทิ ‘‘สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ ปาฬิปทสฺส (มหาว. ๑๔๓) อธิปฺปายวิวรณํ. ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺเตตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา, อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา ยถา พทฺธสีมาย สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อธิปฺปาโย. สามฺโต ‘‘พทฺธสีมาสทิสา’’ติ วุตฺเต ติจีวราวิปฺปวาสสีมํ พทฺธสีมํ เอว มฺนฺตีติ ตํสทิสตานิวตฺตนมุเขน อุปริสตฺตพฺภนฺตรสีมาย ตํสทิสตาปิ อตฺถีติ ทสฺสนนยสฺส อิเธว ปสงฺคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเติ ยตฺถ ‘‘อสุกคามสฺส อิทํ เขตฺต’’นฺติ คามโวหาโร นตฺถิ, ยตฺถ จ เนว กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิเส อรฺเ. มจฺฉพนฺธานํ อคมนปถา นิมฺมนุสฺสาวาสา สมุทฺทนฺตรทีปกาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหนฺติ. ยํ ยฺหิ อคามกฺเขตฺตภูตํ นทีสมุทฺทชาตสฺสรวิรหิตปเทสํ, ตํ สพฺพํ อรฺสีมาติ เวทิตพฺพํ. สา จ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา สยเมว สมานสํวาสา พทฺธสีมาสทิสา, นทีอาทิสีมาสุ วิย สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ ตาว อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตโน สภาเวเนว พทฺธสีมาสทิสา’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา สีมตา สิทฺธา. อรฺสฺส ปน สีมตา กถนฺติ? สตฺตพฺภนฺตรสีมานุชานนสุตฺตาทิสามตฺถิยโต. ยถา หิ คามสีมาย วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ พหู พทฺธสีมาโย อนุฺาตา, ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตรา อฺมฺํ อสมฺเภทตฺถํ สีมนฺตริกา อนุฺาตา, เอวมิธ อรฺเปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมา. ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตราปิ สีมนฺตริกาย ปาฬิอฏฺกถาสุ วิธานสามตฺถิยโต อรฺสฺสปิ สภาเวเนว นทีอาทีนํ วิย สีมภาโว ตตฺถ วคฺคกมฺมปริหารตฺถเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย อนุฺาตตฺตาว สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สีมายเมว หิ ิตา สีมฏฺานํ วคฺคกมฺมํ กโรนฺติ, น อสีมายํ อากาเส ิตา วิย อากาสฏฺานํ. เอวเมว หิ สามตฺถิยํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) ปฏิกฺขิตฺตพทฺธสีมานมฺปิ นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ อตฺตโน สภาเวเนว สีมภาโว อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.

อถสฺส ิโตกาสโตติ ตสฺส ภิกฺขุสฺส ิโตกาสโต. สเจปิ หิ ภิกฺขุสหสฺสํ ติฏฺติ, ตสฺส ิโตกาสสฺส พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย อุปฺปนฺนาย ตาย สห สยเมว อุปฺปนฺนา สตฺตพฺภนฺตรสีมา สมานสํวาสกาติ อธิปฺปาโย. ยตฺถ ปน ขุทฺทเก อรฺเ มหนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณตาย วคฺคกมฺมสงฺกาภาเวน สตฺตพฺภนฺตรสีมาเปกฺขา นตฺถิ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา น อุปฺปชฺชติ. เกวลารฺสีมายเมว, ตตฺถ สงฺเฆน กมฺมํ กาตพฺพํ. นทีอาทีสุปิ เอเสว นโย. วกฺขติ หิ ‘‘สเจ นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารา สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมาย กมฺมํ นตฺถี’’ติอาทิ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๖๗), อิมินา เอว จ วจเนน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย สติ เอว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ.

เกจิ ปน ‘‘สมนฺตา อพฺภนฺตรํ มินิตฺวา ปริจฺเฉทกรเณเนว สีมา สฺชายติ, น สยเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อพฺภนฺตรปริจฺเฉทกรณปฺปกาเรน สีมา อุปฺปชฺเชยฺย, อพทฺธสีมาว น สิยา ภิกฺขูนํ กิริยาปการสิทฺธิโต. อปิจ วฑฺฒกิหตฺถานํ ปกติหตฺถานฺจ โลเก อเนกวิธตฺตา, วินเย ‘‘อีทิสํ หตฺถปมาณ’’นฺติ อวุตฺตตฺตา จ ‘‘เยน เกนจิ มินิเต ภควตา อนุฺาเตน นุ โข หตฺเถน มินิตํ, น นุ โข’’ติ สีมาย วิปตฺติสงฺกา ภเวยฺย, มินนฺเตหิ จ อนุมตฺตมฺปิ อูนมธิกมกตฺวา มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วิปตฺติ เอว สิยา, ปริสวเสน จายํ วฑฺฒมานา เตสํ มินเนน วฑฺฒติ, หายติ วา. สงฺเฆ จ กมฺมํ กตฺวา คเต อยํ ภิกฺขูนํ ปโยเคน สมุปฺปนฺนา สีมา เตสํ ปโยเคน วิคจฺฉติ น วิคจฺฉติ จ, กถํ พทฺธสีมา วิย ยาว สาสนนฺตรธานา น ติฏฺเยฺย, ิติยา จ ปุราณวิหาเรสุ วิย สกเลปิ วิสุํ อรฺเ กตสีมา สมฺเภทสงฺกา น ภเวยฺย, ตสฺมา สีมาเปกฺขาย เอว สมุปฺปชฺชติ, ตพฺพิคเมน วิคจฺฉตีติ คเหตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุทกุกฺเขปสีมายมฺปิ นทีอาทีสุปิ.

ตตฺถาปิ หิ มชฺฌิมปุริโส น ปฺายติ, ตถา สพฺพถาเมน ขิปนํ, อุภยตฺถปิ จ ยสฺสํ ทิสายํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา โอกาโส นปฺปโหติ, ตตฺถ กถํ มินนํ, ขิปนํ วา ภเวยฺย, คามกฺเขตฺตาทีสุ ปวิสนโต อเขตฺเต สีมา ปวิฏฺา กินฺนาม สีมา น วิปชฺเชยฺย. อเปกฺขาย สีมุปฺปตฺติยํ ปน ยโต ปโหติ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปริปุณฺณา ชายนฺติ. ยโต ปน นปฺปโหติ, ตตฺถ อตฺตโน เขตฺตปฺปมาเณเนว ชายนฺติ, น พหิ. ยํ ปเนตฺถ อพฺภนฺตรมินนปฺปมาณสฺส วาลุกาทิขิปนกมฺมสฺส จ ทสฺสนํ, ตํ สยํชาตสีมานํ ิตฏฺานสฺส ปริจฺเฉทนตฺถํ กตํ คามูปจารฆรูปจารชานนตฺถํ เลฑฺฑุสุปฺปาทิขิปนวิธานทสฺสนํ วิย. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สีมํ วา สมฺมนฺนติ, อุทกุกฺเขปํ วา ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ กเตปิ ตสฺส ปริจฺเฉทสฺส ยาถาวโต าตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺเตน ปุถุลโต ตฺวา อนฺโต ติฏฺนฺเตหิ นิราสงฺกฏฺาเน าตพฺพํ, อฺํ พหิ กโรนฺเตหิ อติทูเร นิราสงฺกฏฺาเน เปเสตพฺพํ.

อปเร ปน ‘‘สีมาเปกฺขาย กิจฺจํ นตฺถิ, มคฺคคมนนหานาทิอตฺเถหิ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ อรฺเ วา นทีอาทีสุ วา ปวิฏฺเ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปภา วิย ปทีปสฺส สมุปฺปชฺชติ. คามกฺเขตฺตาทีสุ ตสฺมึ โอติณฺณมตฺเต วิคจฺฉติ. เตเนเวตฺถ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ กมฺมํ กโรนฺตานํ สีมาทฺวยสฺส อนฺตรา สีมนฺตริกํ อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อุทกุกฺเขปฺจ เปตุํ อนุฺาตํ. สีมาปริยนฺเต หิ เกนจิ กมฺเมน เปสิตสฺส ภิกฺขุโน สมนฺตา สฺชาตา สีมา อิตเรสํ สีมาย ผุสิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กเรยฺย, โส มา โหตูติ วา, อิตรถา หตฺถจตุรงฺคุลมตฺตายเปตฺถ สีมนฺตริกาย อนุชานิตพฺพโต. อปิจ สีมนฺตริกาย ิตสฺส อุภยตฺถ กมฺมโกปวจนโตปิ เจตํ สิชฺฌติ ตมฺปิ ปริกฺขิปิตฺวา สยเมว สฺชาตาย สีมาย อุภินฺนมฺปิ สีมานํ, เอกาย เอว วา สงฺกรโต. อิตรถา ตสฺส กมฺมโกปวจนํ น ยุชฺเชยฺย. วุตฺตฺหิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’ติ. กิฺจ อคามการฺเ ิตสฺส กมฺมกรณิจฺฉาวิรหิตสฺสปิ ภิกฺขุโน สตฺตพฺภนฺตรปริจฺฉินฺเน อพฺโภกาเส จีวรวิปฺปวาโส ภควตา อนุฺาโต, โส จ ปริจฺเฉโท สีมา, เอวํ อเปกฺขํ วินา สมุปฺปนฺนา. เตเนเวตฺถ ‘อยํ สีมา จีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ, ตสฺมา กมฺมกรณิจฺฉํ วินาปิ วุตฺตนเยน สมุปฺปตฺติ คเหตพฺพา’’ติ วทนฺติ. ตํ น ยุตฺตํ ปทีปปภา วิย สพฺพปุคฺคลานมฺปิ ปจฺเจกํ สีมาสมฺภเวน สงฺเฆ, คเณ วา กมฺมํ กโรนฺเต ตตฺถ ิตานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตา ปจฺเจกํ สมุปฺปนฺนานํ อเนกสีมานํ อฺมฺํ สงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. ปริสวเสน จสฺสา วฑฺฒิ หานิ จ สมฺภวติ, ปจฺฉา อาคตานํ อภินวสีมนฺตรุปฺปตฺติ เอว, คตานํ สมนฺตา ิตสีมาวินาโส จ ภเวยฺย.

ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ปน ‘‘สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา’’ติอาทินา เอกา เอว สตฺตพฺภนฺตรา อุทกุกฺเขปา จ อนุฺาตา, น เจสา สีมา สภาเวน, การณสามตฺถิเยน วา ปภา วิย ปทีปสฺส อุปฺปชฺชติ, กินฺตุ ภควโต อนุชานเนเนว. ภควา จ อิมา อนุชานนฺโต ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหาเรน กมฺมกรณสุขตฺถเมว อนุฺาสีติ กถํ นหานาทิกิจฺเจน ปวิฏฺานมฺปิ สมนฺตา ตาสํ สีมานํ สมุปฺปตฺติ ปโยชนาภาวา, ปโยชเน จ เอกํ เอว ปโยชนนฺติ กถํ ปจฺเจกํ ภิกฺขุคณนาย อเนกสีมาสมุปฺปตฺติ. ‘‘เอกสีมาย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) หิ วุตฺตํ. ยํ ปน ทฺวินฺนํ สีมานํ อนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกาปนวจนํ, ตตฺถ ิตานํ กมฺมโกปวจนฺจ, ตมฺปิ อิมาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทสฺส ทุพฺโพธตาย สีมาย สมฺเภทสงฺกํ กมฺมโกปสงฺกฺจ ทูรโต ปริหริตุํ วุตฺตํ.

โย จ จีวรวิปฺปวาสตฺถํ ภควตา อพฺโภกาเส ทสฺสิโต สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉโท, โส สีมา เอว น โหติ, เขตฺตตฬากาทิปริจฺเฉโท วิย อยเมตฺถ เอโก ปริจฺเฉโทว. ตตฺถ จ พหูสุ ภิกฺขูสุ เอกโต ิเตสุ เตสํ วิสุํ วิสุํ อตฺตโน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทพฺภนฺตเร เอว จีวรํ เปตพฺพํ, น ปริสปริยนฺตโต. ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย หิ อพฺภนฺตเร คยฺหมาเน สตฺตพฺภนฺตรปริโยสาเน ปิตจีวรํ มชฺเฌ ิตสฺส สตฺตพฺภนฺตรโต พหิ โหตีติ ตํ อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ สิยา. สีมา ปน ปริสปริยนฺตโตว คเหตพฺพา. จีวรวิปฺปวาสปริหาโรเปตฺถ อชฺโฌกาสปริจฺเฉทสฺส วิชฺชมานตฺตา วุตฺโต, น ปน ยาว สีมาปริจฺเฉทํ ลพฺภมานตฺตา มหาสีมาย อวิปฺปวาสสีมาโวหาโร วิย. มหาสีมายมฺปิ หิ คามคามูปจาเรสุ จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, อิธาปิ มชฺเฌ ิตสฺส สีมาปริยนฺเต นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตสีมาเปกฺขาวเสเนว ตาสํ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อุปฺปตฺติ, ตพฺพิคเมน วินาโส จ คเหตพฺโพติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺโ วา ปกาโร อิโต ยุตฺตตโร คเวสิตพฺโพ.

อิธ ปน ‘‘อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ เอวํ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗), ‘‘วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) รุกฺขาทินิรนฺตเรปิ อรฺเ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย วิหิตตฺตา อตฺตโน นิสฺสยภูตาย อรฺสีมาย สห เอติสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ โทสาภาโว, ปเคว อคามเก รุกฺเขติ นิสฺสิเตปิ ปเทเส จีวรวิปฺปวาสสฺส รุกฺขปริหารํ วินาว อชฺโฌกาสปริหาโร จ อนุมโตติ สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ.

อุปจารตฺถายาติ สีมนฺตริกตฺถาย. สตฺตพฺภนฺตรโต อธิกํ วฏฺฏติ, อูนกํ ปน น วฏฺฏติ เอว สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานตฺตา. ตสฺมา สงฺฆํ วินา เอเกนปิ ภิกฺขุนา พหิ ติฏฺนฺเตน อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร เอว าตพฺพํ. อิตรถา กมฺมโกปสงฺกรโต. อุทกุกฺเขเปปิ เอเสว นโย. เตเนว วกฺขติ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (วิ. สงฺค.อฏฺ. ๑๖๗). อิทฺเจตฺถ สีมนฺตริกาวิธานํ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สีมนฺตริกานุชานนสุตฺตานุโลมโต สิทฺธนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ หิ ภควตา นิทานวเสน เอกคามนิสฺสิตานํ เอกสภาคานฺจ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว อฺมฺํ สมฺเภทอชฺโฌตฺถรณโทสปริหาราย สีมนฺตริกา อนุฺาตา, ตถาปิ ตทนุโลมโต เอกํ อรฺสีมํ นทีอาทิสีมฺจ นิสฺสิตานํ เอกสภาคานํ ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรสีมานมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมานมฺปิ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ, สีมนฺตริกํ วินา อพฺยวธาเนน านฺจ ภควตา อนภิมตเมวาติ ตฺวา อฏฺกถาจริยา อิธาปิ สีมนฺตริกาวิธานมกํสุ. วิสภาคสีมานมฺปิ หิ เอกสีมานิสฺสิตตฺตํ เอกสภาคตฺตฺจาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคเม สติ เอว สีมนฺตริกํ วินา านํ สมฺเภทาย โหติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ. สีมนฺตริกวิธานสามตฺถิเยเนว เจตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ พทฺธสีมา วิย อฺมฺํ น วฏฺฏตีติ อยมฺปิ นยโต ทสฺสิโตวาติ คเหตพฺพํ.

๑๖๗. สภาเวเนวาติ อิมินา คามสีมา วิย อพทฺธสีมาติ ทสฺเสติ. สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ทสฺเสติ. เยน เกนจีติ อนฺตมโส สูกราทินา สตฺเตน. มโหเฆน ปน อุณฺณตฏฺานโต นินฺนฏฺาเน ปตนฺเตน ขโต ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ลกฺขณยุตฺโต ‘‘ชาตสฺสโร’’ตฺเวว วุจฺจติ. เอตฺถปิ ขุทฺทเก อุทกุกฺเขปกิจฺจํ นตฺถิ. สมุทฺเท ปน สพฺพตฺถ อุทกุกฺเขปสีมายเมว กมฺมํ กาตพฺพํ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา. ปุน ตตฺถาติ โลกโวหารสิทฺธีสุ เอว ตาสุ นทีอาทีสุ ตีสุ อพทฺธสีมาสุ ปุน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สาสนโวหารสิทฺธาย อพทฺธสีมาย ปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ‘‘ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสา’’ติอาทีสุ อุทกํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปียติ เอตฺถาติ อุทกุกฺเขโป, อุทกสฺส ปตโนกาโส, ตสฺมา อุทกุกฺเขปา, อยฺเหตฺถ ปทสมฺพนฺธวเสน อตฺโถ – ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย สมนฺตา ยาว มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุทกุกฺเขโป อุทกสฺส ปตนฏฺานํ, ตาว ยํ ตํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ, อยํ ตตฺถ นทีอาทีสุ อปรา สมานสํวาสา อุทกุกฺเขปสีมาติ.

ตสฺส อนฺโตติ ตสฺส อุทกุกฺเขปปริจฺฉินฺนสฺส านสฺส อนฺโต. น เกวลฺจ ตสฺเสว อนฺโต, ตโต พหิปิ, ‘‘เอกสฺส อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต าตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานโต กมฺมโกปสงฺกา โหตีติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ‘‘ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา ปริจฺเฉทโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตี’’ติ วตฺวา มาติกาฏฺกถาวจนมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อุปลพฺภตี’’ติอาทิ พหุ ปปฺจิตํ, ตํ น สุนฺทรํ อิธ อฏฺกถาวจเนน มาติกาฏฺกถาวจนสฺส นยโต สํสนฺทนโต สงฺฆฏนโต. ตถา หิ ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปปอจฺเฉทานมนฺตรา วิทตฺถิจตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ สีมนฺตริกํ อเปตฺวา ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกาย เปตพฺโพ, ‘‘ตโต อธิกํ วฏฺฏติ เอว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ อิเธว วุตฺเตน อิมินา อฏฺกถาวจเนน สีมนฺตริโกปจาเร อุทกุกฺเขปโต อูนเก ปิเต สีมาย สีมาสมฺเภทโต กมฺมโกโปปิ วุตฺโต เอว. ยทคฺเคน จ เอวํ วุตฺโต, ตทคฺเคน จ ตตฺถ เอกภิกฺขุโน ปเวเสปิ สติ ตสฺส สีมฏฺภาวโต กมฺมโกโป วุตฺโต เอว โหติ. อฏฺกถายํ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ กถนฺเจตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานนฺเตนปิ สีมาสมฺเภทสงฺกาปริหารตฺถํ วุตฺตํ. สตฺตพฺภนฺตรสีมานมนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกวิธานวจนโตปิ เอตาสํ ทุพฺพิชานปริจฺเฉทตา, ตตฺถ จ ิตานํ กมฺมโกปสงฺกา สิชฺฌติ. กมฺมโกปสงฺกฏฺานมฺปิ อาจริยา ทูรโต ปริหารตฺถํ ‘‘กมฺมโกปฏฺาน’’นฺติ วตฺวาว เปสุนฺติ คเหตพฺพํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ปน – อปริจฺฉินฺนายาติ พทฺธสีมาวเสน อกตปริจฺเฉทาย. เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา ปริจฺเฉทโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตีติ ทีเปติ. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ. ตตฺถ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตีติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อุปลพฺภติ, ยทิ เจตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมกรณาธิกาเร วุตฺตตฺตา อุทกุกฺเขปโต พหิ อฺํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกมิตฺวา อุโปสถาทิกรณตฺถํ ิโต สงฺโฆ สีมาสมฺเภทสมฺภวโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา, เอวมฺปิ ยุชฺเชยฺย. เตเนว มาติกาฏฺกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ (กงฺขา. ฏี. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทนฺติ ทุติยํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกนฺโตปิ โกเปติ. กสฺมา? อตฺตโน อุทกุกฺเขปสีมาย ปเรสํ อุทกุกฺเขปสีมาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา สีมาสมฺเภโท โหติ, ตสฺมา โกเปตี’’ติ. ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ อิมินาว อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ สพฺพาสุปิ อฏฺกถาสุ สีมาสมฺเภทสฺส อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘อตฺตโน จ อฺเสฺจ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส อนฺตรา อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺเ ปเนตฺถ อฺถาปิ ปปฺเจนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.

สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทตีติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา นิสีทติ. อุทกุกฺเขปสีมาย กมฺมํ นตฺถีติ ยสฺมา สพฺโพปิ นทีปเทโส ภิกฺขูหิ อชฺโฌตฺถโฏ, ตสฺมา สมนฺตโต นทิยา อภาวา อุทกุกฺเขปปฺปโยชนํ นตฺถิ. อุทกุกฺเขปปฺปมาณา สีมนฺตริกา สุวิฺเยฺยตรา โหติ, สีมาสมฺเภทสงฺกา จ น สิยาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ยตฺตเกน ปน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกํ เปตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนวาหุ โปราณา ‘‘ยตฺตเกน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกมฺปิ เปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ อิทมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมาย ปริสวเสน วฑฺฒนโต สีมาสมฺเภทสงฺกา สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถเมว วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๔๗) – ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปาติ ปน เอติสฺสา นทิยา จตุวคฺคาทีนํ สงฺฆานํ วิสุํ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมกรณกาเล สีมาปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ ติจีวเรน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสปริจฺเฉททสฺสนตฺถมฺปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉททสฺสนํ วิยาติ อาจริยา, ตสฺมา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทาภาเวปิ อนฺโตนทิยํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ นาวาคโต เจ, นาวายํ วุตฺตนเยน, สตฺถคโต เจ, สตฺเถ วุตฺตนเยน. โส เจ อติเรกจาตุมาสนิวุตฺโถ เจ, คาเม วุตฺตนเยน ติจีวราวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ อยํ วิเสโส – สเจ สตฺโถ อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต โหติ, อุทกุกฺเขปสีมา ปมาณนฺติ เอเก. สตฺโถว ปมาณนฺติ อาจริยา. สเจ ปเนตฺถ พหู ภิกฺขูติอาทิมฺหิ เกจิ อธิฏฺานุโปสถํ, เกจิ คณุโปสถํ, เกจิ สงฺฆุโปสถนฺติ วตฺตุกามตาย ‘‘พหู สงฺฆา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ เอตฺถ สีมาสมฺเภทสมฺภวโตติ อุปติสฺสตฺเถโร. เปนฺเต หิ อูนกํ น เปตพฺพํ, ‘‘อฏฺเปตุมฺปิ วฏฺฏติ เอวา’’ติ วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.

นฺติ สีมํ. สีฆเมว อติกฺกมตีติ อิมินา ตํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺโต เอว ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอตทตฺถเมว หิ วาลิกาทีหิ สีมาปริจฺฉินฺทนํ, อิตรถา พหิ ปริวตฺตา นุ โข, โน วาติ กมฺมโกปสงฺกา ภเวยฺยาติ. อฺิสฺสา อนุสฺสาวนาติ เกวลาย นทีสีมาย อนุสฺสาวนา. อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วาติ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส พหิ ิเต รุกฺเข วา. พหินทีตีรเมว หิ วิสภาคสีมตฺตา อพนฺธิตพฺพฏฺานํ, น อนฺโตนที นิสฺสยตฺเตน สภาคตฺตา. เตเนว ‘‘พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา’’ติอาทินา ตีรเมว อพนฺธิตพฺพฏฺานตฺเตน ทสฺสิตํ, น ปน นที. ชาตรุกฺเขปิ ิเตหีติ อิทํ อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ พหิอุทกุกฺเขเป ภิกฺขูนํ าตุํ วฏฺฏติ.

รุกฺขสฺสาติ ตสฺเสว อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺสฺส รุกฺขสฺส. สีมํ วา โสเธตฺวาติ ยถาวุตฺตํ วิหาเร พทฺธสีมํ คามสีมฺจ ตตฺถ ิตภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิสีมกรณวเสเนว โสเธตฺวา. ยถา จ อุทกุกฺเขปสีมายํ กมฺมํ กโรนฺเตหิ, เอวํ พทฺธสีมายํ วา คามสีมายํ วา กมฺมํ กโรนฺเตหิปิ อุทกุกฺเขปสีมฏฺเ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ. เอเตเนว สตฺตพฺภนฺตรอรฺสีมาหิปิ สทฺธึ อุทกุกฺเขปสีมาย, อิมาย จ สทฺธึ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโสปิ นยโต ทสฺสิโตว โหติ. อิมินาว นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย พทฺธสีมคามสีมาหิปิ สทฺธึ, เอตาสฺจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สทฺธึ สมฺพนฺธโทโส าตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปเนตํ สพฺพํ วุตฺตนยโตว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อฺมฺาสนฺนานเมเวตฺถ ทสฺสิตํ.

ตตฺริทํ สุตฺตานุโลมโต นยคฺคหณมุขํ – ยถา หิ พทฺธสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา วิปตฺติสีมา โหตีติ ตาสํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ, เอวํ นทีอาทีสุ สมฺมตาปิ พทฺธสีมา วิปตฺติสีมาว โหตีติ ตาหิปิ สทฺธึ ตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ. อิมินา นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย คามนทีอาทีหิ สทฺธึ, อุทกุกฺเขปสีมาย จ อรฺาทีหิ สทฺธึ รุกฺขาทิสมฺพนฺธสฺสนวฏฺฏนกภาโว าตพฺโพ, เอวเมตา ภควตา อนุฺาตา พทฺธสีมสตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา อฺมฺฺเจว อตฺตโน นิสฺสยวิรหิตาหิ อิตรีตราสํ นิสฺสยสีมาหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ สมฺเภทโทสมาปชฺชตีติ สุตฺตานุโลมนโย าตพฺโพว.

อตฺตโน อตฺตโน ปน นิสฺสยภูตคามาทีหิ สทฺธึ พทฺธสีมาทีนํ ติสฺสนฺนํ อุปฺปตฺติกาเล ภควตา อนุฺาตสฺส สมฺเภทชฺโฌตฺถรณสฺส อนุโลมนโต รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ อนุฺาโตว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ อุทกุกฺเขปพทฺธสีมาทีนํ อนฺตรา กสฺมา สีมนฺตริกา น วิหิตาติ? นิสฺสยเภทสภาวเภเทหิ สยเมว ภินฺนตฺตา. เอกนิสฺสยเอกสภาวานเมว หิ สีมนฺตริกาย วินาสํ กโรตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เอเตเนว นทีนิมิตฺตํ กตฺวา พทฺธาย สีมาย สงฺเฆ กมฺมํ กโรนฺเต นทิยมฺปิ ยาว คามกฺเขตฺตํ อาหจฺจ ิตาย อุทกุกฺเขปสีมาย อฺเสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ยา ปเนตา โลกโวหารสิทฺธา คามารฺนทีสมุทฺทชาตสฺสรสีมา ปฺจ, ตา อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทสํ นาปชฺชติ ตถา โลกโวหาราภาวโต. น หิ คามาทโย คามนฺตราทีหิ นทีอาทีหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺธมตฺเตน สมฺภินฺนาติ โลเก โวหรนฺติ. โลกโวหารสิทฺธานฺจ โลกโวหารโตว สมฺเภโท วา อสมฺเภโท วา คเหตพฺโพ, น อฺถา. เตเนว อฏฺกถายํ ตาสํ อฺมฺํ กตฺถจิปิ สมฺเภทนโย น ทสฺสิโต, สาสนโวหารสิทฺโธ เอว ทสฺสิโตติ.

เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ตาว ‘‘เหฏฺา ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมา คตา โหตี’’ติอาทินา อโธภาคปริจฺเฉโท อฏฺกถายํ สพฺพถา ทสฺสิโต, คามสีมาทีนํ ปน น ทสฺสิโต. กถมยํ ชานิตพฺโพติ? เกจิ ตาเวตฺถ ‘‘คามสีมาทโยปิ พทฺธสีมา วิย ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ.

เกจิ ปน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นทีสมุทฺทชาตสฺสรสีมา, ตาว ตนฺนิสฺสิตอุทกุกฺเขปสีมา จ ปถวิยา อุปริตเล เหฏฺา จ อุทเกน อชฺโฌตฺถรณปฺปเทเส เอว ติฏฺนฺติ, น ตโต เหฏฺา อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณาภาวา. สเจ ปน อุทโกฆาทินา โยชนปฺปมาณมฺปิ นินฺนฏฺานํ โหติ, นทีสีมาทโยว โหนฺติ, น ตโต เหฏฺา. ตสฺมา นทีอาทีนํ เหฏฺา พหิตีรมุเขน อุมงฺเคน, อิทฺธิยา วา ปวิฏฺโ ภิกฺขุ นทิยํ ิตานํ กมฺมํ น โกเปติ, โส ปน อาสนฺนคาเม ภิกฺขูนํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน โส อุภินฺนํ ตีรคามานํ มชฺเฌ นิสินฺโน โหติ, อุภยคามฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน ตีรํ คามกฺเขตฺตํ น โหติ, อคามการฺเมว. ตตฺถ ปน ตีรทฺวเยปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา เกวลาย ขุทฺทการฺสีมายเมว กมฺมํ โกเปติ. สเจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย กโรนฺติ, ตทา ยทิ เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉโท เอตสฺส นิสินฺโนกาสสฺส ปรโต เอกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ิโต น กมฺมโกโป. โน เจ, กมฺมโกโป. คามสีมายํ ปน อนฺโตอุมงฺเค วา พิเล วา ขณิตฺวา วา ยตฺถ ปวิสิตุํ สกฺกา, ยตฺถ วา สุวณฺณมณิอาทึ ขณิตฺวา คณฺหนฺติ, คเหตุํ สกฺกาติ วา สมฺภาวนา โหติ, ตตฺตกํ เหฏฺาปิ คามสีมา, ตตฺถ อิทฺธิยา อนฺโต นิสินฺโนปิ กมฺมํ โกเปติ. ยตฺถ ปน ปกติมนุสฺสานํ ปเวสสมฺภาวนาปิ นตฺถิ, ตํ สพฺพํ ยาว ปถวีสนฺธารกอุทกา อรฺสีมาว, น คามสีมา. อรฺสีมายมฺปิ เอเสว นโย. ตตฺถปิ หิ ยตฺตเก ปเทเส ปเวสสมฺภาวนา, ตตฺตกเมว อุปริตเล อรฺสีมา ปวตฺตติ. ตโต ปน เหฏฺา น อรฺสีมา ตตฺถ อุปริตเลน สห เอการฺโวหาราภาวโต. น หิ ตตฺถ ปวิฏฺํ อรฺํ ปวิฏฺโติ โวหรนฺติ, ตสฺมา ตตฺรฏฺโ อุปริ อรฺฏฺานํ กมฺมํ น โกเปติ อุมงฺคนทิยํ ิโต วิย อุปรินทิยํ ิตานํ. เอกสฺมิฺหิ จกฺกวาเฬ คามนทีสมุทฺทชาตสฺสเร มุฺจิตฺวา ตทวเสสํ อมนุสฺสาวาสํ เทวพฺรหฺมโลกํ อุปาทาย สพฺพํ อรฺเมว. ‘คามา วา อรฺา วา’ติ วุตฺตตฺตา หิ นทีสมุทฺทชาตสฺสราทิปิ อรฺเมว. อิธ ปน นทีอาทีนํ วิสุํ สีมาภาเวน คหิตตฺตา ตทวเสสเมว อรฺํ คเหตพฺพํ. ตตฺถ จ ยตฺตเก ปเทเส เอกํ อรฺนฺติ โวหรนฺติ, อยเมกา อรฺสีมา. อินฺทปุรฺหิ สพฺพํ เอการฺสีมา, ตถา อสุรยกฺขปุราทิ. อากาสฏฺเทวพฺรหฺมวิมานานิ ปน สมนฺตา อากาสปริจฺฉินฺนานิ ปจฺเจกํ อรฺสีมา สมุทฺทมชฺเฌ ปพฺพตทีปกา วิย. ตตฺถ สพฺพตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, อรฺสีมายเมว วา กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺมา อิธาปิ อุปริอรฺตเลน สทฺธึ เหฏฺาปถวิยา เอการฺโวหาราภาวา วิสุํ อรฺสีมาติ คเหตพฺพํ. เตเนเวตฺถ คามนทีอาทิสีมากถาย อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘อิทฺธิมา ภิกฺขุ เหฏฺาปถวิตเล ิโต กมฺมํ โกเปตี’ติ พทฺธสีมายํ ทสฺสิตนโย น ทสฺสิโต’’ติ วทนฺติ.

อิทฺเจตาสํ คามสีมาทีนํ เหฏฺาปมาณทสฺสนํ สุตฺตาทิวิโรธาภาวา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ คหเณ จ คามสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา อุปริคามสีมํ, เหฏฺา อุทกปริยนฺตํ อรฺสีมฺจ อวตฺถรตีติ ตสฺสา อรฺสีมาปิ เขตฺตนฺติ สิชฺฌติ. ภควตา จ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) นทีสมุทฺทชาตสฺสรา พทฺธสีมาย อเขตฺตภาเวน วุตฺตา, น ปน อรฺํ, ตสฺมา อรฺมฺปิ พทฺธสีมาย เขตฺตเมวาติ คเหตพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ตตฺถ สา น พชฺฌตีติ? ปโยชนาภาวา. สีมาเปกฺขานนฺตรเมว หิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สมฺภวโต, ตสฺสา จ อุปริ สมฺมตาย พทฺธสีมาย สมฺเภทชฺโฌตฺถรณานุโลมโต วิปตฺติสีมา เอว สิยา. คามกฺเขตฺเต ปน ตฺวา อคามการฺเกเทสมฺปิ อนฺโตกริตฺวา สมฺมตา กิฺจาปิ สุสมฺมตา อคามการฺเ ภควตา วิหิตาย สตฺตพฺภนฺตรสีมายปิ อนิวตฺตนโต, ตตฺถ ปน กมฺมํ กาตุํ ปวิฏฺานมฺปิ ตโต พหิ เกวลารฺเ กโรนฺตานมฺปิ อนฺตรา ตีณิ สตฺตพฺภนฺตรานิ เปตพฺพานิ. อฺถา วิปตฺติ เอว สิยาติ สพฺพถา นิรตฺถกเมว อคามเก อรฺเ พทฺธสีมากรณนฺติ เวทิตพฺพํ.

อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขายาติ นทิยา ปถวีตลํ อาหจฺจ ิตาย สาขายปิ, ปเคว อนาหจฺจ ิตาย. ปาโรเหปิ เอเสว นโย. เอเตน สภาคนทีสีมํ ผุสิตฺวา ิเตน วิสภาคสีมาสมฺพนฺธสาขาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอเตเนว มหาสีมํ คามสีมฺจ ผุสิตฺวา ิเตน สาขาทินา มาฬกสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ าปิโตติ ทฏฺพฺโพ. อนฺโตนทิยํเยวาติ เสตุปาทานํ ตีรฏฺิตตฺตํ นิวตฺเตติ. เตน อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทโต พหินทิยํ ปติฏฺิตตฺเตปิ สมฺเภทาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘พหิตีเร ปติฏฺิตา’’ติอาทิ. ยทิ หิ อุทกุกฺเขปโต พหิ อนฺโตนทิยมฺปิ ปติฏฺิตตฺเต สมฺเภโท ภเวยฺย, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย กมฺมโกปสฺส สมานตฺตา, น จ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺตโน นิสฺสยสีมาย สมฺเภทโทโส นตฺเถวาติ คเหตพฺพํ.

อาวรเณน วาติ ทารุอาทีนิ ขณิตฺวา อุทกนิวารเณน. โกฏฺฏกพนฺธเนน วาติ มตฺติกาทีหิ ปูเรตฺวา กตเสตุพนฺธเนน วา, อุภเยนาปิ อาวรณเมว ทสฺเสติ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิโตทกนฺติ อติริตฺโตทกํ. นทึ โอตริตฺวา สนฺทนฏฺานโตติ อิมินา ตฬากนทีนํ อนฺตรา ปวตฺตนฏฺาเน น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุปฺปติตฺวาติ ตีราทิภินฺทนวเสน วิปุลา หุตฺวา. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ.

อคมนปเถติ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺเย. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ โลกโวหารสิทฺธํ อคามการฺสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถาติ ปกติยา มจฺฉพนฺธานํ คมนปเถสุ ทีปเกสุ.

ตํ านนฺติ เตสํ อาวาฏาทีนํ กตฏฺานเมว, น อกตนฺติ อตฺโถ. โลณีติ สมุทฺโททกสฺส อุปฺปตฺติเวคนินฺโน มาติกากาเรน ปวตฺตนโก.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ปน – คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. สีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ สีมาโสธนํ นาม คามสีมาทีสุ ิตานํ หตฺถปาสานยนาทิ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิโตทกนฺติ ตฬากรกฺขณตฺถํ เอกมนฺเตน ฉฑฺฑิตมุทกํ. เทเว อวสฺสนฺเตติ ทุพฺพุฏฺิกาเล วสฺสาเนปิ เทเว อวสฺสนฺเต. อุปฺปติตฺวาติ อุตฺตริตฺวา. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล จตฺตาโร มาเส อพฺโพจฺฉินฺนา ปวตฺตติ. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ สนฺธาย วทติ.

อคมนปเถติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺโกติ, ตาทิเส ปเทเส. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ สนฺธาย วทติ. เตสนฺติ มจฺฉพนฺธานํ. คมนปริยนฺตสฺส โอรโตติ คมนปริยนฺตสฺส โอริมภาเค ทีปกํ ปพฺพตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมุทฺทปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ.

สมฺภินฺทนฺตีติ ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อตฺตโน สีมาย กโรนฺตา สมฺภินฺทนฺติ, จตุนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโตกโรนฺตา อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สํสฏฺวิฏปาติ อฺมฺํ สิพฺพิตฺวา ิตมหาสาขมูลา, เอเตน อฺมฺสฺส อติอาสนฺนตํ ทีเปติ. สาขาย สาขํ ผุสนฺตาปิ หิ ทูรฏฺาปิ สิยุํ, ตโต เอกํสโต สมฺเภทลกฺขณํ น ทสฺสิตํ สิยาติ ตํ ทสฺเสตุํ วิฏปคฺคหณํ กตํ. เอวฺหิ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนกฏฺานํ อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารํ กโรนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตโต ปรนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. พทฺธา โหตีติ โปราณกวิหารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํ อมฺพนฺติ อปเรน สมเยน ปุราณวิหารปริกฺเขปาทีนํ วินฏฺตฺตา อชานนฺตานํ ตํ ปุราณวิหารสีมาย นิมิตฺตภูตํ อมฺพํ. อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารสีมฏฺํ ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา อมฺพชมฺพูนํ อนฺตเร ยํ านํ, ตํ อตฺตโน สีมาย ปเวเสตฺวา พทฺธาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตสฺส คามฏฺสฺส อมฺพรุกฺขสฺส อนฺโตสีมฏฺาย ชมฺพุยา สห สํสฏฺวิฏปตฺเตปิ สีมาย พนฺธนกาเล วิปตฺติ วา ปจฺฉา คามสีมาย สห สมฺเภโท วา กมฺมวิปตฺติ วา นาโหสีติ มุขโตว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ปเทสนฺติ สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกํ ปเทสํ. สีมนฺตริกํ เปตฺวาติอาทินา สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ กตฺวา พทฺธสีมาปิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวา อพฺยวธาเนน พทฺธสีมาปิ อสีมา เอวาติ ทสฺเสติ, ตสฺมา เอกทฺวงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติ เอว. สา ปน ทุพฺโพธาติ อฏฺกถาสุ จตุรงฺคุลาทิกา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ทฺวินฺนํ สีมานนฺติ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ. นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา พนฺธนกาเล ตาว สมฺเภทโทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย. น เกวลฺจ นิมิตฺตกโต เอว สงฺกรํ กโรติ, อถ โข สีมนฺตริกาย ิโต อฺโปิ รุกฺโข กโรติ เอว, ตสฺมา อปฺปมตฺติกาย สีมนฺตริกาย วฑฺฒนกรุกฺขาทโย น วฏฺฏนฺติ เอว. เอตฺถ จ อุปริ ทิสฺสมานขนฺธสาขาทิปเวเสสุ เอว สงฺกรโทสสฺส สพฺพตฺถ ทสฺสิตตฺตา อทิสฺสมานานํ มูลานํ ปเวเสปิ ภูมิคติกตฺตา โทโส นตฺถีติ สิชฺฌติ. สเจ ปน มูลานิปิ ทิสฺสมานานิ เนว ปวิสนฺติ, สงฺกโรว, ปพฺพตปาสาณา ปน ทิสฺสมานาปิ ภูมิคติกาเยว. ยทิ ปน พนฺธนกาเล เอว เอโก ถูลรุกฺโข อุภยมฺปิ สีมํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ปจฺฉา พทฺธา อสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

สีมสงฺกรนฺติ สีมสมฺเภทํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘) วุตฺตํ ‘‘สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วุตฺต’’นฺติ, ตํ น ยุตฺตํ คามสีมายปิ สห สงฺกรํ กโรตีติ วตฺตพฺพโต. ตตฺถาปิ หิ นิมิตฺเต วฑฺฒิเต คามสีมพทฺธสีมานํ คตฏฺานํ ทุพฺพิฺเยฺยเมว โหติ. ตตฺถ ปน อวตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว สงฺกรสฺส วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตสมฺพนฺธโทโสว สงฺกรสทฺเทน วุตฺโตติ คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๘) ปน นิทานวเสน ‘‘เยสํ, ภิกฺขเว, สีมา ปจฺฉา สมฺมตา, เตสํ ตํ กมฺมํ อธมฺมิก’’นฺติอาทินา ปจฺฉา สมฺมตาย อสีมตฺเต วุตฺเตปิ ทฺวีสุ คามสีมาสุ ตฺวา ทฺวีหิ สงฺเฆหิ สมฺเภทํ วา อชฺโฌตฺถรณํ วา กตฺวา สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา วา รุกฺขปาโรหาทิสมฺพนฺธํ อวิโยเชตฺวา วา เอกสฺมึ ขเณ กมฺมวาจานิฏฺาปนวเสน เอกโต สมฺมตานํ ทฺวินฺนมฺปิ สีมานํ อสีมตา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘) ‘‘สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น จ ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิเตน รุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

สีมาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

จตุวีสติโม ปริจฺเฉโท.

สีมาพนฺธนวินิจฺฉยกถา

เอวํ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา ปาฬิยํ สีมกถาย อุโปสถกฺขนฺธกปริยาปนฺนตฺตา อุโปสถกฺขนฺธกานนฺตรฺจ ปวารณกฺขนฺธกสฺส อาคตตฺตา ตทนุกฺกเมน สีมาวินิจฺฉยโต อุโปสถปวารณวินิจฺฉยํ กเถตุมารทฺเธปิ สาสนวุทฺธิกรณตฺถํ อุปสมฺปทาทิวินยกมฺมกรณฏฺานภูตํ สีมํ พนฺธิตุกามานํ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภิกฺขูนํ ปฺาสติวีริยชนนตฺถํ สีมาพนฺธนกถา อมฺเหหิ อารภียเต. ตตฺถ อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมกรณฏฺานภูตา สีมา นาม พทฺธอพทฺธวเสน ทุวิธา โหติ. ตตฺถาปิ พทฺธสีมา ขณฺฑสีมา, สมานสํวาสกสีมา, อวิปฺปวาสสีมาติ ติพฺพิธา โหติ, ตถา อพทฺธสีมาปิ คามสีมา, อุทกุกฺเขปสีมา, สตฺตพฺภนฺตรสีมาติ. วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย –

‘‘ขณฺฑสมานสํวาสา-วิปฺปวาสาติ เภทโต;

อิติ พทฺธา ติธา วุตฺตา, อพทฺธาปิ ติธา มตา.

‘‘คามโต อุทกุกฺเขปา, สตฺตพฺภนฺตรโตปิ จ;

ตตฺถ คามปริจฺเฉโท, คามสีมาติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ พทฺธสีมํ พนฺธิตุกาเมน อติขุทฺทิกา, อติมหตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ วุตฺตา อิมา เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา นิมิตฺตสมฺปตฺติ, ปริสสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาสมฺปตฺตีติ วุตฺตาย ติวิธสมฺปตฺติยา ยุตฺตํ กตฺวา ปมํ กิตฺติตนิมิตฺเตน สพฺพปจฺฉิมกิตฺติตนิมิตฺตํ สมฺพนฺธํ กตฺวา พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาจริเยน กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตตฺถ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมา นามา’’ติ. เอเตน เอเตสุ เอกาทสสุ วิปตฺตีสุ เอกายปิ ยุตฺตาย, ติวิธสมฺปตฺตีสุ เอกายปิ อยุตฺตาย, นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ อสมฺพนฺธํ กตฺวา สมฺมตาย จ สติ สีมา น โหตีติ ทสฺเสติ.

เอวํ สีมํ พนฺธิตุกาเมน ภิกฺขุนา สพฺพลกฺขณปริปูรตฺถํ มหนฺโต อุสฺสาโห กรณีโย โหติ, ตสฺมา สีมาพนฺธนกาเล ตีสุ สมฺปตฺตีสุ ปริสสมฺปตฺติสิทฺธิยา ปมํ ตาว คามสีมา อุปปริกฺขิตพฺพา. เอตฺถาห ‘‘นนุ พทฺธสีมา วา พนฺธิตพฺพา, อถ กสฺมา คามสีมา อุปปริกฺขิตพฺพา’’ติ? คามสีมายํ ตฺวา พทฺธสีมาย พนฺธิตพฺพโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมาย อฏฺปิตาย ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ยา ตสฺส วา คามสฺส คามสีมา, นิคมสฺส วา นิคมสีมา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๗). อิธ ปาฬิยํ สรูเปน อนาคตมฺปิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘คามคฺคหเณน เจตฺถ นครมฺปิ คหิตเมว โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา นครสีมาปิ คหิตา โหติ, ตสฺมา ยสฺมึ อพทฺธสีมวิหาเร ภิกฺขู ยํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส คามสฺส ปริจฺเฉโท คามสีมา นาม. ยํ นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส นิคมสฺส ปริจฺเฉโท นิคมสีมา นาม. ยํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส นครสฺส ปริจฺเฉโท นครสีมา นาม. ตา สพฺพาปิ คามสีมาติ วุจฺจนฺติ. เตสํ ภิกฺขูนํ สมานสํวาสา เอกูโปสถพทฺธสีมา วิย เอกโต อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรณารหา โหนฺติ, อีทิเสเยว จ ปเทเส สีมํ พนฺธิตุมรหติ, น อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมานรเห ปเทเสติ วุตฺตํ โหติ.

ตตฺถ ‘‘ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส ตสฺส คามสฺส คามโภชกา พลึ ลภนฺติ, โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ มหนฺโต วา, คามสีมาตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ อฏฺกถายํ วจนโต คามาทิโภชกานํ พลิลภนฏฺานํ คามสีมา โหติ, อิทฺจ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. พลึ อลภนฺโตปิ ราชปณฺเณ อาโรปิตปเทเส ตสฺส คามสฺส คามสีมาเยว. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) ‘‘พลึ ลภนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. ‘อยํ คาโม เอตฺตโก กรีสภาโค’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทีโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺโพ’’ติ. อยํ ปกติคามสีมา นาม. ‘‘ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต เอกํ ปเทสํ, ‘อยํ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วจนโต ราชา ‘‘ปกติคามกฺเขตฺเตเยว ปกติคามโต วิสุํ ปกติคาเมน อสมฺมิสฺโส คาโม โหตู’’ติ ยํ ปเทสํ เทติ, โส ปเทโส วิสุํคามสีมา นาม. อิติ ปกติคามสีมา จ ราชูนํ อิจฺฉาวเสน ปวตฺตา วิสุํคามสีมา จ พทฺธสีมา วิย สพฺพกมฺมารหา, ตสฺมา อภินวพทฺธสีมํ พนฺธิตุกาเมหิ ปกติคามสีมํ วา วิสุํคามสีมํ วา โสเธตฺวา กตฺตพฺพํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามนครนิคมสีมา พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺตี’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) ‘‘ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา จ อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา, ยถา พทฺธสีมายํ สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา, สา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.

เกจิ ปน อาจริยา ‘‘มยํ สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมา เอตฺตโก ภูมิปริจฺเฉโท วิสุํ เขตฺตํ โหตู’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน โอกาเส กเต ‘‘อิทํ านํ วิสุํคามกฺเขตฺตํ โหตี’’ติ มนสิ กตฺวา ตตฺรฏฺเเยว ภิกฺขู จ หตฺถปาสานยนาทินา โสเธตฺวา สีมาสมูหนสีมาพนฺธนาทีนิ กโรนฺติ, ตํ กรณํ ‘‘อยํ วิสุํคาโม โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ อฏฺกถาวจเนน, ‘‘สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา จา’’ติ อาคเตน วิมติวิโนทนีฏีกาวจเนน จ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ. กถํ? อฏฺกถาวจเน ตาว ‘‘อยํ วิสุํคาโม โหตู’’ติ อิมินา น เกวลํ ปุริมคาโมเยว คาโม โหตุ, อถ โข อิทานิ ปริจฺฉินฺนปเทโสปิ วิสุํเยว คาโม โหตูติ เอกํเยว คามกฺเขตฺตํ ทฺเว คาเม กโรตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ อิมินา คามโภชกสฺส ทินฺนภาวํ ปกาเสติ, อิธ ปน เนว ทฺเว คาเม กโรติ, น จ คามโภชกสฺส เทติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา ยาวกาลิกวเสเนว โอกาสํ กโรติ, เอวํ อฏฺกถาวจเนนปิ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ. วิมติวิโนทนีฏีกาวจเนนปิ ‘‘ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา’’ติ อิมินา อคามภูตํ เขตฺตํ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา คาโม โหตีติ ทสฺเสติ. ‘‘อภินวา จา’’ติ อิมินา ปุราณคามสีมา จ อภินวคามสีมา จาติ ปุริมคาเมน อมิสฺสํ วิสุํคามลกฺขณํ ทสฺเสติ. อิธ ปน ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา เขตฺตสฺส วิสุํคามภูตภาโว จ อภินวภาเวน วิสุํคามลกฺขณฺจ น ทิสฺสติ, เอวํ ฏีกาวจเนนปิ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ.

วินยวินิจฺฉยฏีกายฺจ ‘‘คามปริจฺเฉโทติ สพฺพทิสาสุ สมฺมา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’ติ เอวํ กเรน นิยมิโต คามปฺปเทโส’’ติ เอวํ อายวเสเนว ปริจฺฉินฺทนํ วุตฺตํ, น อนุมติกรณมตฺเตน, ตสฺมา วิสุํคามลกฺขณํ อปฺปตฺตตาย ปกติคาเมน สงฺกโร โหติ, น ตตฺถ อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมํ กาตุมรหติ, อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรณารหปเทเสเยว สีมาสมูหนนสีมาพนฺธนกมฺมมฺปิ กรณารหํ โหติ ตฺติทุติยกมฺมตฺตา เตสํ กมฺมานํ, ตสฺมา เตสํ อาจริยานํ ตํ กรณํ อฺเ อาจริยา น อิจฺฉนฺติ. อฺเ ปน อาจริยา ‘‘ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปเทสํ ‘วิสุํคาโม โหตู’ติ ราชา กสฺสจิ เทติ, คามโภชโก จ ตโต พลึ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตทา วิสุํคาโม โหติ, น ตโต ปุพฺเพ’’ติ วทนฺติ. เตสํ ตํ วจนํ ‘‘เอวํ กเรน นิยมิโต ปเทโส’’ติ วินิจฺฉยฏีกาวจนฺจ ‘‘คามาทีนํ กรคฺคาหปริจฺฉินฺโน สมนฺตโต ปเทโส คามสีมา’’ติ สีมาลงฺการคณฺิวจนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา, เตสุ ปน ‘‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’’ติ เอวํ กรปริจฺฉินฺทนํ วุตฺตํ, น คามโภชกสฺส พลิคฺคหณํ. อฏฺกถายฺจ ‘‘ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ ทานเมว วทติ, น ‘‘คามโภชโก จ พลึ คณฺหาตี’’ติ ปฏิคฺคหณํ, ตสฺมา ตมฺปิ วจนํ อฺเ ปณฺฑิตา น สมฺปฏิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ปถวิสฺสโร ราชา ‘‘อิมสฺมึ คามกฺเขตฺเต เอตฺตกกรีสมตฺโต ปเทโส ปุริมคามโต วิสุํคาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทติ, เอตฺตาวตา โส ปเทโส พลึ ปฏิคฺคหิโต วา โหตุ อปฺปฏิคฺคหิโต วา, วิสุํคาโม นาม โหตีติ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ ปกติคามลกฺขณฺจ วิสุํคามลกฺขณฺจ ตถโต ตฺวา พทฺธสีมํ พนฺธิตุกาโม ยทิ ปกติคามสีมา นาติวิตฺถารา โหติ สุขรกฺขิตา, ตเมว ปกติคามสีมํ สุฏฺุ รกฺขาเปตฺวา สุฏฺุ โสเธตฺวา สีมาสมูหนนสีมาสมฺมุติกมฺมานิ กาตพฺพานิ. ยทิ ปน ปกติคามสีมา อติวิตฺถารา โหติ, นิคมสีมา, นครสีมา วา โหนฺติ, พหูนํ ภิกฺขูนํ นิสินฺนฏฺานสฺจรณฏฺานตฺตา โสเธตุํ วา รกฺขิตุํ วา น สกฺโกนฺติ, เอวฺจ สติ ปถวิสฺสรราชูหิ ปริจฺฉินฺนาย วิสุํคามสีมาย สุฏฺุ โสเธตฺวา สุรกฺขิตํ กตฺวา สีมาสมูหนนสีมาสมฺมุติกมฺมํ กาตพฺพํ. กถํ ปน สุฏฺุ โสธนฺจ สุฏฺุ รกฺขณฺจ กาตพฺพํ? สีมํ พนฺธิตุกาเมน หิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย สเจ เอกสฺมึ คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาย ปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมถา’’ติ เปเสตพฺพํ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาเตตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหราเปตพฺโพ. เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสุ ฉนฺทารหานํ ฉนฺเท อาหเฏ เตสุ เตสุ มคฺเคสุ จ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถฺจ พหิสีมกรณตฺถฺจ อารามิเก เจว สมณุทฺเทเส จ เปตฺวา เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วา กตฺวา สีมา สมูหนิตพฺพาติ.

นนุ จ อิทํ โสธนํ รกฺขณฺจ สีมาสมฺมุติกาเลเยว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา อิธ สีมาสมูหนเน วุตฺตนฺติ? อิมสฺสปิ สีมาสมูหนนกมฺมสฺส ตฺติทุติยกมฺมตฺตา ปริสสมฺปตฺติชนนตฺถํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ สนฺเตปิ อิทํ สีมาสมูหนนกมฺมํ นาม ยทิ โปราณา พทฺธสีมา อตฺถิ, ตทฏฺกสงฺเฆ หตฺถปาสคเต อฺเสุ ภิกฺขูสุ คามสีมํ ปวิฏฺเสุปิ กมฺมเภโท นตฺถิ. ยทิ โปราณา พทฺธสีมา นตฺถิ, เอวมฺปิ สติ เกวลํ คามสีมาภูตตฺตา สีมาสมูหนนกมฺเม อสมฺปชฺชนฺเตปิ โทโส นตฺถิ, อถ กสฺมา โสธนา วุตฺตาติ? สจฺจํ, ตถาปิ สมูหนิตพฺพา โปราณสีมาปริจฺเฉทสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา. สเจ หิ มหติยา โปราณพทฺธสีมาย เอกสฺมึ ปเทเส สีมํ สมูหนิสฺสามาติ สงฺเฆ สนฺนิปติเต ตสฺสาเยว สีมาย อฺสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุมฺหิ ปวิฏฺเ อชานนฺตสฺสปิ กมฺมํ วิปชฺชติ, ตสฺมา มหุสฺสาเหน โสเธตพฺพาวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ คามสีมโสธนํ ‘‘ปริสสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา ยาวติกา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู, เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา สมฺมตา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา ปริสสมฺปตฺติการณํ โหตีติ วิฺายติ. ตโต ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ วิปตฺติโทเสหิ มุจฺจนตฺถํ สีมสมูหนนกมฺมํ กาตพฺพํ.

สีมาย อสมูหตาย สติ กถํ วิปตฺติทฺวยํ อาปชฺเชยฺยาติ, ตถา โสธิตายปิ คามสีมาย. ยทิ โปราณพทฺธสีมา วิชฺชมานา ภเวยฺย, ตสฺสา วิชฺชมานภาวํ อชานนฺตา นวํ พทฺธสีมํ พนฺเธยฺยุํ. โปราณสีมาย หิ นิมิตฺตํ อนฺโต กตฺวา ตสฺส สมีเป โปราณสีมาย อนฺโต ิตํ อฺํ นิมิตฺตํ กตฺวา นวํ พทฺธสีมํ พนฺเธยฺยุํ, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ โปราณกสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อมฺโพ เจว ชมฺพู จาติ ทฺเว รุกฺขา อฺมฺํ สํสฏฺวิฏปา โหนฺติ, เตสุ อมฺพสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค ชมฺพู. วิหารสีมา จ ชมฺพุํ อนฺโต กตฺวา อมฺพํ กิตฺเตตฺวา พทฺธา โหติ, อถ ปจฺฉา ตสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมทิสายํ วิหาเร กเต สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู อมฺพํ อนฺโต กตฺวา ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา พนฺธนฺติ, สีมาย สีมา สมฺภินฺนา นาม โหตี’’ติ. โปราณสีมาย จ เอกเทสํ วา สกลโปราณสีมํ วา อนฺโต กริตฺวา นวํ สีมํ พนฺเธยฺยุํ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา ตสฺสา ปเทสํ วา อนฺโต กตฺวา อตฺตโน สีมํ สมฺมนฺนนฺติ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถริตา นาม โหตี’’ติ.

ยสฺมึ ปเทเส จตฺตาโร ภิกฺขู นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อฺเสํ โปราณพทฺธสีมปฺปเทสํ อตฺตโน สีมาย อนฺโต กโรนฺโต สีมาย สีมํ สมฺภินฺทติ นาม. จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ ปโหนกฏฺานโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อฺเสํ โปราณพทฺธสีมาปเทสํ อตฺตโน สีมาย อนฺโต กโรนฺโต สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรติ นาม. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยา ลีนตฺถปกาสนิยํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตสฺสา ปเทสนฺติ ตสฺสา เอกเทสํ, ยตฺถ ตฺวา จตูหิ ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ เอกเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตุ อชฺโฌตฺถรนฺติ นามาติ คเหตพฺพ’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๘) ‘‘ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺตกโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อตฺตโน สีมาย กโรนฺตา สมฺภินฺทนฺติ, จตุนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโต กโรนฺตา อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

เอวํ โหตุ, ตสฺมึ คามสีมปริจฺเฉเท โปราณกสีมาย วิชฺชมานาย วิปตฺติทฺวยโมจนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมํ สาตฺถกํ, อวิชฺชมานาย กถํ สาตฺถกํ ภเวยฺยาติ สงฺกานิวตฺตนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมํ อกตฺวา อภินวสีมาย พชฺฌมานาย สงฺกา อุปฺปชฺเชยฺย, ภควโต ธรมานกาลโต ปฏฺาย ยาวชฺชตนา คณนปถํ วีติกฺกนฺตา ภิกฺขู อุปสมฺปทาทิกมฺมกรณตฺถํ ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส สีมํ พนฺธนฺติ. สา สีมา เอตฺถ อตฺถิ, เอตฺถ นตฺถีติ น สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา ‘‘อมฺหากํ สีมาพนฺธนฏฺาเน โปราณกสีมา ภเวยฺย นุ โข’’ติ สงฺกา ภเวยฺย, เอวํ สติ สา อภินวสีมา จ อาสงฺกนียา โหตีติ สีมายํ กตํ อุปสมฺปทาทิกมฺมมฺปิ อาสงฺกนียํ โหติ, ตสฺมา สงฺกานิวตฺตนตฺถํ อภินวสีมํ พนฺธิตุกาเมหิ ยติปุงฺคเวหิ อวสฺสํ สีมาสมูหนนกมฺมํ กาตพฺพํ โหติ. สมูหนนฺเตหิ ปน ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมูหนนฺเตน ปมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาโส สมูหนฺตพฺโพ, ปจฺฉา สีมา สมูหนฺตพฺพา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต ปมํ อวิปฺปวาสสีมา สมูหนิตพฺพา, ตโต สมานสํวาสกสีมา สมูหนิตพฺพา. ตสฺมึ สมูหนนกาเล จ ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพา, ตถา อวิปฺปวาสสีมาย ตฺวา ขณฺฑสีมาปิ. ขณฺฑสีมาย ปน ิเตน ขณฺฑสีมาว สมูหนิตพฺพา, ตถา อิตราย ิเตน อิตรา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต ขณฺฑสีมายํ ตฺวาว ขณฺฑสีมา สมูหนิตพฺพา, มหาสีมายเมว ตฺวา มหาสีมา สมูหนิตพฺพา, อฺิสฺสา สีมาย ตฺวา อฺา สีมา น สมูหนิตพฺพา. อฏฺกถายํ อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ วทติ ตตฺเถว เยภุยฺเยน จีวเรน วิปฺปวสนโต.

‘‘ตตฺถ สเจ ขณฺฑสีมฺจ อวิปฺปวาสสีมฺจ ชานนฺติ, สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺติ. ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺติ. ขณฺฑสีมํ ปน อชานนฺตา อวิปฺปวาสํเยว ชานนฺตา เจติยงฺคณโพธิยงฺคณอุโปสถาคาราทีสุ นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวา อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตว. สเจ พนฺเธยฺยุํ, สีมาสมฺเภทํ กตฺวา วิหารํ อวิหารํ กเรยฺยุํ, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพา. เย ปน อุโภปิ น ชานนฺติ, เตเนว สมูหนิตุํ น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ. อยฺหิ สีมา นาม กมฺมวาจาย วา อสีมา โหติ สาสนนฺตรธาเนน วา, น จ สกฺกา สีมํ อชานนฺเตหิ กมฺมวาจา กาตุํ, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพา, สาธุกํ ปน ตฺวาเยว สมูหนิตพฺพา จ พนฺธิตพฺพา จา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต ‘‘อิทานิ สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ ปริจฺฉินฺนาย คามสีมาย อนฺโต ขณฺฑสีมมหาสีมานํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทฺจ น ชานนฺติ, เอวํ อชานนฺตา ภิกฺขู ตา โปราณสีมาโย สมูหนิตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ, โปราณสีมํ สมูหนิตุํ อสกฺโกนฺตา จ กถํ อภินวสีมํ พนฺธิตุํ สกฺกุณิสฺสนฺตีติ ปรมฺปเรหิ อาจริเยหิ สมฺมา วินิจฺฉิตํ อนุโลมนยํ นิสฺสาย มหนฺตํ อุสฺสาหํ กริตฺวา องฺคํ อปริหาเปตฺวา สมฺมา วิหิตนเยน โปราณสีมํ สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ.

กถํ? ตสฺมึ สีมาสมูหนนกาเล ยทิ ปกติคามสีมายํ อารทฺธํ, ตํ ปกติคามปริจฺเฉทํ, ยทิ วิสุํคามสีมายํ อารทฺธํ, ตํ วิสุํคามปริจฺเฉทํ อฺเสํ ภิกฺขูนํ อปฺปวิสนตฺถาย สมนฺตโต สุสํวิหิตารกฺขํ การาเปตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตุํ สมตฺเถน พฺยตฺติพลสมฺปนฺเนน วินยธเรน สห สมานสํวาสเก ลชฺชิเปสเล อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา จตฺตาโร ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺเต ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วา ตโต อธิกปฺปมาเณ ภิกฺขู คเหตฺวา อิทานิ พนฺธิตพฺพาย สีมาย นิมิตฺตานํ วิหารปริกฺเขปสฺส จ อนฺโต จ สพฺพตฺถ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาตมตฺเต ปเทเส สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ติฏฺนฺตา, นิสีทนฺตา วา หุตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ, ตโต สมานสํวาสกสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ สาเวตฺวา สีมาย สมุคฺฆาเต กเต โปราณสีมาสุ วิชฺชมานาสุปิ ปจฺฉิมนฺเตน เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทนารหตฺตา สีมาย มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน ติฏฺนฺตา ภิกฺขู อวสฺสํ ตาสุ สีมาสุ ติฏฺนฺตา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา สีมฏฺา หุตฺวา สีมาสมูหนนกมฺมวาจํ วตฺวา ตา สีมา สมูหเนยฺยุํ. ตโต โปราณพทฺธสีมานํ สมูหตตฺตา คามสีมาเยว อวสิฏฺา ภเวยฺยาติ. วุตฺตฺเหตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘เกจิ ปน อีทิเสสุ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ, ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย มหาสีมาย จ วิชฺชมานตฺเต สติปิ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺยา’’ติ.

‘‘สาธุกํ ปน ตฺวาเยว สมูหนิตพฺพา เจว พนฺธิตพฺพา จา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต สีมํ ชานนฺตาเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, กถํ อชานนฺตาติ. อิมสฺมึ สีมาสมูหนนาธิกาเร สีมํ วา สีมาปริจฺเฉทํ วา ชานนภาโว องฺคํ น โหติ, อนฺโตสีมายํ ิตภาโว, ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กมฺมวาจากรณนฺติ อิทเมว ทฺวยํ องฺคํ โหติ, ตสฺมา อิมินา องฺคทฺวเยน สมฺปนฺเน สติ อิมํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุํ สกฺโกนฺตีติ. อิมินา องฺคทฺวเยน สมฺปนฺเน สติ สีมํ อชานนฺตานํ สมูหนิตุํ สมตฺถภาโว กถํ วิฺาตพฺโพติ? อฏฺกถายํ ‘‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทํ อชานนฏฺาเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ, สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจากรณฺจ องฺคํ. อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ตโต โปราณพทฺธสีมานํ สมูหตตฺตา คามสีมาเยว อวสิฏฺา ภเวยฺยาติ ตสฺมึ อวสิฏฺาย ตโต ปรํ กึ กาตพฺพนฺติ. คามสีมาย อวสิฏฺาย สติ ตํ คามสีมํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน โสธนํ รกฺขณฺจ กตฺวา ติสฺสํ คามสีมายํ ขณฺฑสีมํ มหาสีมฺจ ยถารุจิ พนฺธิตุํ ลภติ, สีมํ อพนฺธิตฺวาว เกวลาย คามสีมาย อุปสมฺปทาทิสงฺฆกมฺมฺจ กาตุมฺปิ ลภติ.

วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) – ‘‘คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตุฺเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตุฺจ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ. ตสฺมา ยทิ สฏฺิหตฺถายามํ จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ ขณฺฑสีมเมว กตฺตุกามา โหนฺติ, เอตฺตเก ปเทเส มฺจฏฺานํ คณฺหนฺโต ปมาณยุตฺตโก มฺโจติ สพฺพปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺโต มฺโจ. โส หิ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิโก, อฏฺวิทตฺถิโก วา โหติ. ตโต ขุทฺทโก มฺโจ สีสุปธานํ เปตฺวา ปาทํ ปสาเรตฺวา นิปชฺชิตุํ นปฺปโหตีติ สพฺพปจฺฉิมมฺจสฺส อายามปฺปมาณสฺส สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา ตโต อธิกายาโมปิ โหติเยว. มฺจสฺส วิตฺถาโร ปน อายามสฺส อุปฑฺโฒ โหติ, ตสฺมา มฺจปฺปมาณฏฺานํ อายามโต ปฺจหตฺถํ, วิตฺถารโต ปฺจวิทตฺถิกนฺติ คเหตฺวา เตน ปมาเณน คณฺหนฺโต สฏฺิหตฺถายามํ สีมฏฺานํ จตุวีสติมฺจกํ โหติ, จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ อฏฺมฺจกํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺโต ทกฺขิณุตฺตรายาโม มฺโจ โหติ, สฏฺิหตฺถายามํ สีมฏฺานํ ทฺวาทสมฺจกํ โหติ, จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ โสฬสมฺจกํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺโต ปาจีนปจฺฉิมายาโม มฺโจ โหติ. ทุวิเธปิ อายามํ วิตฺถาเรน คุณิตํ กโรนฺโต สกลํ อนฺโตสีมฏฺานํ ทฺวานหุตฺตรสตมฺจกํ โหติ, พหิสีมฏฺานมฺปิ สมนฺตโต เอกมฺจกํ วา ทฺวิติมฺจกํ วา คเหตพฺพํ. เตน สห คณนํ วฑฺเฒตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน ‘‘สมนฺตา เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปน มหาสีมาพนฺธนกาเล วิหารปริกฺเขปสฺส พหิอุปจารํ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา. ขณฺฑสีมายปิ ทูรโต สมูหนเน โทโส นตฺถิ, ทุกฺกรตฺตา ปน การกานํ ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กลฺยาณิยํ นาม สีมายํ ปน อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปฺจหตฺถปฺปมาณํ านํ เอกโกฏฺาสํ กตฺวา สมูหนติ. ตมฺปิ ปจฺฉิมมฺจปฺปมาณโต อธิกเมวาติ กตฺวา กตํ. อิทานิ อมฺเหติ วุตฺตฏฺานํ ปน ปกรณนเยน สํสนฺทนตฺตา ยุตฺตตรนฺติ ทฏฺพฺพํ.

สมูหนนากาโร ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – อิทานิ พนฺธิตพฺพาย สีมาย นิมิตฺตานํ อนฺโต จ พหิ จ ยถาวุตฺตนเยน สมูหนิตพฺพสีมฏฺานํ อาทาสตลํ วิย สมํ สุทฺธํ วิมลํ กตฺวา ยถาวุตฺตมฺจปฺปมาณํ มฺจปฺปมาณํ านํ อฏฺปทกเลขํ วิย รชฺชุนา วา ทณฺเฑน วา เลขํ การาเปตฺวา เลขานุสาเรน ตมฺพมตฺติกจุณฺเณน วา เสตมตฺติกจุณฺเณน วา วณฺณวิเสสํ การาเปตฺวา ปนฺติ ปนฺติ โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ การาเปตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อารกฺขํ โสธนฺจ การาเปตฺวา ‘‘อิทานิ สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ จตฺตาโร วา ตทุตฺตริ วา สมานสํวาสกภิกฺขู คเหตฺวา ปมปนฺติยํ ปมโกฏฺาเส มฺจฏฺาเน ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ, ตโต สมานสํวาสกสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ สาเวตฺวา ตสฺมึ โกฏฺาเสเยว อฺมฺสฺส ิตฏฺานํ ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ติกฺขตฺตุํ วา สตฺตกฺขตฺตุํ วา สมูหนิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ปมปนฺติยํเยว ทุติยโกฏฺาเส ตฺวา ตเถว กตฺวา ตโต ปมปนฺติยํเยว อนุโลมนเยน ยาว อนฺติมโกฏฺาสา เอเกกสฺมึ โกฏฺาเส ตเถว กตฺวา ปมปนฺติยา ปริกฺขีณาย ทุติยปนฺติยา อนฺติมโกฏฺาเส ตฺวา ตเถว กตฺวา ตโต ปฏฺาย ทุติยปนฺติยํเยว ปฏิโลมนเยน ยาว อาทิโกฏฺาสา ตเถว กตฺวา เอวํ ตติยปนฺติอาทีสุปิ เอกทา อนุโลมโต เอกทา ปฏิโลมโต คนฺตฺวา สพฺพาสุ ปนฺตีสุ สพฺพสฺมึ โกฏฺาเส ปริกฺขีเณ อิทํ สีมาสมูหนนกมฺมํ นิฏฺิตํ นาม โหติ. ‘‘จตฺตาโร ตทุตฺตริ วา’’ติ อิทํ ปน อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา ลชฺชีเปสลภิกฺขูนฺจ ทุลฺลภตฺตา ‘‘ฉปฺจมตฺเต’’ติ วุตฺตํ.

กลฺยาณีสีมายํ ปน สีหฬทีปโต อภินวสิกฺขํ คเหตฺวา นิวตฺตนฺเตหิ ครหวิวาทมตฺตมฺปิ อลภนฺเตหิ ธมฺมเจติยรฺา วิจินิตฺวา คหิเตหิ จุทฺทสหิ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ปาสาณเลขายํ อาคตํ. รตนปูรนคเร ปน สิรีสุธมฺมราชาธิปตินามกสฺส จูฬอคฺคราชิโน กาเล มหาสีหฬปฺปตฺโตติ วิสฺสุโต สิรีสทฺธมฺมกิตฺตินามโก มหาเถรวโร อตฺตโน วสนฏฺานสฺส อวิทูเร ปพฺพตมตฺถเก สีมํ พนฺธนฺโต อตฺตโน นิสฺสิตเก อคฺคเหตฺวา อตฺตนา อภิรุจิเต ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเต อฺเ มหาเถเร คเหตฺวา อตฺตจตุตฺโถว หุตฺวา กมฺมํ กโรตีติ วทนฺติ. ตํ อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา เตสฺจ เถรานํ ปกตตฺตภาเว นิราสงฺกตฺตา กตํ ภเวยฺย, เอวํ สนฺเตปิ ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา จตุวคฺคกรณียกมฺมสฺส อติเรกจตุวคฺเคน กรเณ โทสาภาวโต อติเรกภิกฺขูหิ กตภาโว ปสตฺถตโร โหติ. เตเนว จ การเณน วิมติวิโนทนีนามิกายํ วินยฏีกายํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กลฺยาณีสีมายฺจ จุทฺทสหิ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ นิฏฺิเตปิ ปน สีมาสมูหนนกมฺเม นานาวาทานํ นานาจริยานํ นานานิกายานํ นานาเทสวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาราธนตฺถํ ครหวิวาทโมจนตฺถฺจ ปุนปฺปุนํ เตหิปิ ภิกฺขูหิ ตเถว การาเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒-๔๘๓; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๑) ‘‘ปุนปฺปุนํ ปน กาตพฺพํ. ตฺหิ กุปฺปสฺส กมฺมสฺส กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺติ, อกุปฺปสฺส ถิรกมฺมภาวาย โหตี’’ติ. เตเนว จ การเณน หํสาวตีนคเร อเนกปณฺฑรหตฺถิสามิมหาธมฺมราชา สหปุฺกมฺมภูตโต มหาเจติยโต จตูสุ ทิสาสุ สีมาสมูหนนกาเล รามฺเทสวาสีหิ มหาเถเรหิ จ มรมฺมเทสวาสีหิ มหาเถเรหิ จ วิสุํ วิสุํ การาเปสีติ ทฏฺพฺพํ.

ยทิ ปน มหาสีมํ พนฺธิตุกาโม โหติ, ตทา อุสภมตฺตํ วา ทฺวิอุสภมตฺตํ วา ตทุตฺตริ วา ปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอตฺตเก าเน วิหารํ กริสฺสามา’’ติ ปริกฺเขปํ การาเปตฺวา ตสฺส วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ สพฺพตฺถ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาตฏฺาเน มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส เหฏฺา วุตฺตนเยน ปนฺติโกฏฺาเส กตฺวา กมฺมปฺปตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมา ตโต สมานสํวาสกสีมา จ สมูหนิตพฺพา. เอวํ สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย มหาสีมาย จ วิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย, ตสฺสํ คามสีมายํ ขณฺฑสีมามหาสีมาวเสน ทุวิธา สีมา ยถารุจิ พนฺธิตพฺพา. พนฺธนาการํ ปน อุปริ วกฺขาม.

กสฺมา ปน นิมิตฺตานํ พหิปิ สีมาสมูหนนํ กตํ, นนุ นิมิตฺตานํ อนฺโตเยว อภินวสีมา อิจฺฉิตพฺพาติ ตตฺเถว สมฺเภทชฺโฌตฺถรณวิโมจนตฺถํ โปราณกสีมาย สมูหนนํ กาตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ทุวิฺเยฺยตฺตา ปน เอวํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทุวิฺเยฺโย หิ โปราณกสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานภาโว, ตสฺมา ยทิ นิมิตฺตานํ อนฺโตเยว สีมาสมูหนนํ กเรยฺย, ตโต พหิ โปราณกสีมา ติฏฺเยฺย, ตโต อปฺปมตฺตกํ านํ อนฺโต ปวิเสยฺย, ตํ านํ กมฺมวาจาปาเกน สห สีมาสมูหนนการกสงฺฆสฺส ปติฏฺหนปฺปโหนกํ น ภเวยฺย, เอวํ สนฺเต สา โปราณกสีมา อสมูหตาว ภเวยฺย. ตํ สมูหตสฺาย สีมาสมฺมนฺนนกาเล อนฺโตนิมิตฺตฏฺานํ สมฺมนฺเนยฺยุํ, ตํ อสมูหตโปราณสีมาโกฏิปวิฏฺตฺตา สีมาย สีมํ สมฺเภทโทโส, ยทิ ปน ตํ านํ จตุนฺนํ นิสินฺนปฺปโหนกํ ภเวยฺย, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณโทโส, ยทิปิ อนฺโต น ปวิสติ, นิรนฺตรํ ผุฏฺมตฺตํ โหติ, เอวมฺปิ สีมาสงฺกรโทโสติ อิมสฺมา โทสตฺตยา วิโมจนตฺถํ นิมิตฺตานํ พหิปิ สีมาสมูหนนํ กตํ. เตเนว วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เกจิ ปน อาจริยา สมนฺตา นิมิตฺตานํ อนฺโต รชฺชุปสารณํ กตฺวา อนฺโต ตฺวา รชฺชุยา เหฏฺา ปาเท ปเวเสตฺวา รชฺชุโต พหิ กิฺจิมตฺตํ านํ อติกฺกมิตฺวา สีมาสมูหนนํ กโรนฺติ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. ปาทคฺคฏฺปนมตฺเตน โปราณสีมาสมุคฺฆาโต น โหติ, อถ โข กมฺมวาจาปาเกน สห กมฺมปตฺตสงฺฆสฺส ปติฏฺาเนน กมฺมวาจาย ปาเนน จ สมุคฺฆาโต โหติ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิปฺปกรเณ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจาย กรณฺเจตฺถ องฺค’’นฺติ, ตสฺมา เอกเทเสน อนฺโตปวิฏฺาย จ เอกสมฺพนฺเธน ิตาย โปราณกพทฺธสีมาย สมุคฺฆาเต อกเต วุตฺตนเยน โทสตฺตยโต น มุจฺเจยฺย, ตสฺมา นิมิตฺตโต พหิปิ ตฺวา สมูหนนกรณภาโวว ปาสํสตโร โหติ. อฺเ ปน อาจริยา กมฺมการกภิกฺขูนํ ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สมูหนนฺติ, ตํ ครุกรณวเสน กตนฺติ คยฺหมาเน โทโส นตฺถิ. เอกจฺเจ ปน เถรา ‘‘การกสงฺฆสฺส อกฺกนฺตฏฺาเนเยว สีมา สมูหตา, น อนกฺกนฺตฏฺาเนติ สฺาย ปมตรํ สาลํ กริตฺวา ปจฺฉา สีมาย สมูหตาย ถมฺภฏฺาเน อกฺกมิตุํ น ลภติ, ตสฺมา อสมูหตา สีมา’’ติ วทนฺติ.

ปุพฺเพปิ สิรีเขตฺตนคเร มหาสตฺตธมฺมราชสฺส กาเล เตน รฺา กตสฺส นนฺทนวิหารสฺส ปุรโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา สีมาย ปติฏฺาปิตาย ปมํ เชตวนสาลํ กตฺวา ปจฺฉา สีมํ สมูหนึสุ, ตทา ตสฺมึ นคเร มหารุกฺขมูลิโก นาม เอโก คณปาโมกฺขตฺเถโร ‘‘สเจ ถมฺภํ วิชฺฌิตฺวา ปาเท เปตุํ สกฺขิสฺสามิ, เอวํ สนฺเต อหํ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา นาคจฺฉติ. สพฺเพ เถรา ‘‘น ถมฺภมตฺเตน โปราณสีมา ติฏฺติ, ถมฺภสฺส สมนฺตโต ตฺวา กมฺมวาจาย กตาย สีมา สมูหตา โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา สมูหนึสุ เจว พนฺธึสุ จ. หํสาวตีนคเร ธมฺมเจติยรฺโ กลฺยาณิยสีมาพนฺธนกาเลปิ ปมํ สาลํ กริตฺวาว ปจฺฉา สมูหนึสุ, น จ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาทีสุ ‘‘ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สีมา สมูหนิตพฺพา’’ติ ปาโ อตฺถิ, ‘‘มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน’’ติ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน อตฺถิ. โปราณสีมาย อนฺโต ตฺวา เอกสฺมึ าเน สีมาสมูหนนกมฺมวาจาย กตาย สกลาปิ สีมา สมูหตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สมูหนิตพฺพ’’นฺติ วจนํ ปณฺฑิตา น สมฺปฏิจฺฉนฺติ. อีทิสํ ปน วจนํ ครุกรณวเสน วุตฺตนฺติ คยฺหมาเน กิฺจาปิ โทโส นตฺถิ, ตถาปิ สิสฺสานุสิสฺสานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนการณํ โหติ. เต หิ ‘‘อมฺหากํ อาจริยา เอวํ กเถนฺติ, เอวํ กโรนฺตี’’ติ ทฬฺหีกมฺมวเสน คเหตฺวา ตถา อกเต สีมา สมูหตา น โหตีติ มฺนฺติ, ตสฺมา ปกรณาคตนยวเสเนว กรณํ วรํ ปสตฺถํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

อปรมฺปิ อิมสฺมึ สีมาสมูหนนาธิกาเร ธมฺมคารเวหิ วินยธเรหิ จินฺเตตพฺพํ คมฺภีรํ ทุทฺทสํ านํ อตฺถิ, ตํ กตมนฺติ เจ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐) วจนโต นานาคามกฺเขตฺตานิ อวตฺถริตฺวา สมฺมตา ติโยชนิกาทิกาโย มหาสีมาโย ภควตา อนุฺาตา อตฺถิ, อถ เอกํ คามกฺเขตฺตํ โสเธตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา สีมาย สมูหตาย ยทิ ตโต อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ ภิกฺขู สนฺติ, น คามสีมา พทฺธสีมํ ปริจฺฉินฺทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู ตสฺมึ กมฺเม วคฺคํ กเรยฺยุํ, เอวํ สติ สีมา สมูหตา น ภเวยฺย, ตาย อสมูหตาย สติ อภินวสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา น ภเวยฺย, อิติ อิทํ านํ ทุชฺชานํ ทุทฺทสํ, ตสฺมา ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ภควโต อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตหิ วินยวิทูหิ สุฏฺุ จินฺเตตพฺพนฺติ.

อิมสฺมึ อธิกาเร จินฺเตนฺโต คเวสนฺโต วิจินนฺโต อิทํ การณํ ทิสฺสติ – ติโยชนิกาทิมหาสีมาโย อิทฺธิมนฺตานํ ภิกฺขูนํ ธรมานกาเล สนฺนิปติตุํ วา วิโสเธตุํ วา สกฺกุเณยฺยภาวโต ตมารพฺภ ภควตา อนุชานิตา ภเวยฺยุํ. สพฺพสฺมึ กาเล สพฺพสฺมึ ปเทเส สพฺเพ ภิกฺขู ตาทิสํ มหาสีมํ โสเธตุํ วา สนฺนิปติตุํ วา น สกฺกา, น จ ภควา อสกฺกุเณยฺยํ อลพฺภเนยฺยํ การณํ วเทยฺย. ภควโต ธรมานกาเล ราชคหนคเร อฏฺารส มหาวิหารา เอกสีมาว ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถเรน สมฺมตาติ. สีหฬทีเป มหาวิหารสีมา อนุราธปุรํ อนฺโตกตฺวา ปวตฺตา มหามหินฺทตฺเถเรน สมฺมตาติ จ ปกรเณสุ ทิสฺสติ, น ตถา อิมสฺมึ นาม เทเส ทฺวิโยชนิกา วา ติโยชนิกา วา สีมา อสุเกน ภิกฺขุนา สมฺมตาติ ทิสฺสติ. อิมสฺมิฺจ มรมฺมเทเส ตาทิสานํ สีมานํ นตฺถิภาโว อุปปริกฺขิตฺวา ชานิตพฺโพ. ตถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสวสฺสกาลโต อุปฺปนฺนา พทฺธสีมา ปาสาณถมฺภนิมิตฺเตน สห ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส ทิสฺสนฺติ. อริมทฺทนปุเร จ อนุรุทฺธมหาราเชน สมฺมนฺนาปิตา ทฺวาสฏฺยาธิกสตหตฺถายามา สตฺตจตฺตาลีสาธิกสตหตฺถวิตฺถารา มหาสีมา นิมิตฺเตน สห ทิสฺสติ. รตนปูรนคเร จ นรปติเชยฺยสูรมหาราชกาเล อฏฺสตฺตตาธิกจตุสตกลิยุเค สมฺมนฺนิตา สีมา ปาสาณเลขาย สทฺธึ ทิสฺสติ. ยทิ ติโยชนปรมาทิมหาสีมาโย อตฺถิ, โปราณาจริยา นวํ นวํ พทฺธสีมํ น พนฺเธยฺยุํ, อถ จ ปน พนฺธนฺติ, ตาสุ จ นวสีมาสุ อุปสมฺปทาทิสงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, ตโต เอว จ คณนปถมติกฺกนฺตา ภิกฺขู ปรมฺปรโต วฑฺเฒนฺตา ยาวชฺชตนา สาสนํ ปติฏฺเปนฺติ. อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ ปเทเส ติโยชนา สีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ.

อถ วา ‘‘วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต’’ติ วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ วิหารูปจารภูเต พหิ เลฑฺฑุปาเต จ าเนเยว สีมาสมูหนนสฺส วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) วุตฺตตฺตาปิ ตาทิสา มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ. ยทิ อตฺถิ, สีมาสมูหนนํ ปกรณาจริยา น กเถยฺยุํ. กเถนฺตาปิ สมนฺตา ติโยชนํ านํ โสเธตฺวา สีมาสมูหนนํ กเรยฺยุํ, ตถา ปน อกเถตฺวา วิหารวิหารูปจาเรสุเยว สีมาสมูหนนสฺส กถิตตฺตา ติโยชนิกาทโย มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ.

อถ วา ‘‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุฺเจว พนฺธิตุฺจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโตปิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ติโยชนิกาทิกาโย มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ. กถํ? ยทิ ตาทิสา สีมาโย อตฺถิ, สกลมฺปิ ตํ สีมํ อโสเธตฺวา สีมาสมูหนนํ อฏฺกถาจริยา น กเถยฺยุํ, อถ จ ปน ขณฺฑสีมํ ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สีมํ สมูหนิตุํ พนฺธิตุฺจ สมตฺถภาวํ กเถนฺติ, สา กถา ขนฺธสีมาย สีมนฺตริกนฺตริตมตฺตา หุตฺวา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต อวิปฺปวาสสีมา ภเวยฺย, ตสฺมา ตสฺมึ าเน ตฺวา สมูหนิตุํ สมตฺถภาเวน อฏฺกถาจริเยหิ กถียติ, น นานาคามกฺเขตฺตานิ อวตฺถริตฺวา สมฺมตาย ติโยชนิกาทิเภทาย สีมาย อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ อฺเสุ ภิกฺขูสุ สนฺเตสุปิ สมูหนิตุํ สมตฺถภาเวน, เตน ายติ ‘‘น สพฺเพสุ าเนสุ ติโยชนิกาทิเภทาโย มหาสีมาโย น สนฺตี’’ติ. อีทิสานิ การณานิ ภควโต อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ วินยตฺถวิทูหิ วินยธเรหิ ปุนปฺปุนํ จินฺเตตพฺพานิ อุปปริกฺขิตพฺพานิ, อิโต อฺานิปิ การณานิ คเวสิตพฺพานีติ.

อิโต ปรมฺปิ ‘‘สเจ อฺานิปิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกาตุกามา, เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต สีมํ น พนฺธนฺติ, อถ โข อฺานิปิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกริตฺวาปิ พนฺธนฺติ, ตสฺมา อิทานิ สมฺมนฺนิตพฺพาย สีมาย นิสฺสยภูตํ ปกติคามกฺเขตฺตํ วา วิสุํคามกฺเขตฺตํ วา โสธิตนฺติ มนสิ น กาตพฺพํ. กงฺขจฺเฉทนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมวาจาภณนสมเย เตน คามกฺเขตฺเตน สมฺพนฺเธสุ อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ วสนฺเต ภิกฺขูปิ ยาจิตฺวา ตโต คามกฺเขตฺตโต พหิ ทูเร วาสาเปตพฺพา. เอวฺหิ กโรนฺเต อฺานิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกริตฺวา โปราณสีมาย วิชฺชมานายปิ เต วคฺคํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. ตโต สีมาสมูหนนกมฺมวาจา สมฺปชฺชติ, ตสฺมา เอวรูโป สุขุโม นิปุโณ อตฺโถ วินยธเรหิ จินฺเตตพฺโพ. เอวํ สีมาสมูหนนวิธาเนน สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ วิปตฺติโทเสหิ มุตฺตา โหติ.

ตโต ‘‘อติขุทฺทิกา อติมหนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุจฺจนตฺถํ สีมาย ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กถํ? สีมา นาม เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนฺเต สติ อติขุทฺทิกา นาม โหติ, สมฺมตาปิ สีมา น โหติ. ติโยชนโต ปรํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ อนฺโต กโรนฺเต สติ อติมหตี นาม โหติ, สมฺมตาปิ สีมา น โหติ, ตสฺมา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทนปฺปโหนกโต ปฏฺาย ติโยชนํ อนติกฺกมิตฺวา ยตฺถ ยํ ปมาณํ สงฺโฆ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตํ ปมาณํ กตฺวา สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ตตฺถ อติขุทฺทิกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ. อติมหนฺตี นาม อนฺตมโส เกสคฺคมตฺเตนปิ ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา สมฺมตา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ. เอวํ สีมาย ปมาณคฺคหเณน ‘‘อติขุทฺทิกา อติมหนฺตี’’ติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ โทเสหิ มุตฺตา โหติ.

ตโต ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา ฉายานิมิตฺตา อนิมิตฺตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุจฺจนตฺถํ นิมิตฺตกิตฺตนํ กาตพฺพํ, ตตฺถ อสมฺพนฺธกิตฺตเนน นิมิตฺตา สีมา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม. กถํ? สีมาย จตูสุ ทิสาสุ ปิตนิมิตฺเตสุ ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสาสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ, เอวํ กเต อขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. ยทิ ปน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสาสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา เปติ, ปุน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ น กิตฺเตติ, เอวํ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. อปราปิ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม ยา อนิมิตฺตุปคปาสาณํ วา พหิสารรุกฺขํ วา ขาณุกํ วา ปํสุปุฺชํ วา อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. ปพฺพตจฺฉายาทีสุ ยํ กิฺจิ ฉายํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา ฉายานิมิตฺตา นาม. สพฺพโส นิมิตฺตํ อกิตฺเตตฺวา สมฺมตา อนิมิตฺตา นาม. อิเมหิ ตีหิ โทเสหิ วิมุจฺจนตฺถาย นิมิตฺตกิตฺตนํ กาตพฺพํ.

กถํ? กมฺมวาจาย โปราณสีมาสมูหนนํ กตฺวา ปริสุทฺธาย เกวลาย คามสีมาย สงฺเฆน ยถาชฺฌาสยํ คหิตปฺปมาณสฺส สีมมณฺฑลสฺส จตูสุ วา ทิสาสุ อฏฺสุ วา ทิสาสุ นิมิตฺตุปเค เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาเณ, อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน หตฺถิปฺปมาณโต อูนปฺปมาเณ ปาสาเณ เปตฺวา นิมิตฺตานํ อนฺโต ิเตน กมฺมวาจาปาเกน วินยธเรน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพํ. อฺเน ‘‘ปาสาโณ, ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. ปุน วินยธเรน ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ วตฺวา กิตฺเตตพฺพํ. อิมินา นเยน สีมมณฺฑลํ ปทกฺขิณํ กโรนฺเตน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ กิตฺเตตฺวา นิฏฺเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา นาม อฆฏิตนิมิตฺตา วุจฺจตี’’ติอาทิ. เอวํ นิมิตฺตกิตฺตเนน ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา ฉายานิมิตฺตา อนิมิตฺตา’’ติ วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุตฺตา โหติ.

ตโต ปรํ ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺตวิปตฺติโทสโต วิมุจฺจนตฺถํ สีมาสมฺมุติกมฺมวาจาปากาเล สงฺฆสฺส ิตฏฺานํ ชานิตพฺพํ. กถํ? ยทิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สงฺโฆ นิมิตฺตานํ พหิ ตฺวา กมฺมวาจาย สีมํ สมฺมนฺนติ, พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม โหติ, สีมา น โหติ, ตสฺมา นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สงฺเฆน นิมิตฺตานํ อนฺโต ตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตา’’ติ. เอวํ สีมาสมฺมนฺนนฏฺานนิยเมน ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺตวิปตฺติโทสโต มุตฺตา โหติ.

ตโต ปรํ ‘‘นทิยํ สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ จ วิมุจฺจนตฺถํ เอวํ มนสิ กาตพฺพํ – ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา, สพฺโพ สมุทฺโท อสีโม, สพฺโพ ชาตสฺสโร อสีโม’’ติ (มหาว. ๑๔๗) ภควตา วจนโต นทีสมุทฺทชาตสฺสเรสุ สมฺมตา สีมา น โหติ, โปราณสีมวิคตาย สุทฺธาย คามสีมาย สมฺมตา เอว สีมา โหติ, ตสฺมา คามสีมายเมว พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, น นทีอาทีสูติ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘นทิยา สมุทฺเท ชาตสฺสเร สมฺมตา นาม เอเตสุ นทีอาทีสุ สมฺมตา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา ‘‘อยํ สีมา อติขุทฺทิกา, อติมหนฺตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยํ สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ เอกาทสหิ โทเสหิ วิมุตฺตา หุตฺวา ‘‘อพฺภา มหิกา ธูโม รโช ราหู’’ติ วุตฺเตหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ มุตฺตํ จนฺทมณฺฑลํ วิย, สูริยมณฺฑลํ วิย จ สุปริสุทฺธา โหติ.

ติวิธสมฺปตฺติ นาม นิมิตฺตสมฺปตฺติปริสสมฺปตฺติกมฺมวาจาสมฺปตฺติโย. ตาสุ ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺตํ มคฺคนิมิตฺตํ วมฺมิกนิมิตฺตํ นทีนิมิตฺตํ อุทกนิมิตฺต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) วุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ ตสฺสํ ตสฺสํ ทิสายํ ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึนิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺตนฺติอาทินา นเยน กิตฺเตตฺวา สมฺมตา’’ติ. เตสุ จ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ยถาชฺฌาสยฏฺาเนสุ ทุลฺลภภาวโต วฑฺฒิตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส ปน ตถา สงฺกรกรณาภาวโต ยถิจฺฉิตฏฺานํ อาหริตฺวา เปตุํ สุกรภาวโต จ สีมํ พนฺธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สีมมณฺฑลสฺส สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา. เตน วุตฺตํ มหาวคฺคฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธนฺเตหิ สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพาติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตายา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา นิมิตฺตสมฺปตฺติสงฺขาตํ ปมงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.

ตโต สีมาสมฺมุติกรณตฺถํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา ยาวตา ตสฺมึ คาเม พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู สนฺติ, สพฺเพ เต หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา ยา สีมา สมฺมตา, สา ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา’’ติอาทิ. อถ ตํ สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู สามนฺตวิหาเรสุ วสนฺเต ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา เย พทฺธสีมวิหารา, เตสํ สีมาย สีมนฺตริกํ เปตฺวา, เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย ยทิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมึ เย ภิกฺขู พทฺธสีมวิหารา, เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘อชฺช มยํ สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมถา’’ติ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เต สพฺเพ เอกชฺฌํ สนฺนิปาตาเปตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ.

ยทิ อฺํ คามกฺเขตฺตมฺปิ อนฺโตกตฺตุกามา, ตตฺถ นิวาสิโน ภิกฺขู สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคนฺตุมฺปิ อนาคนฺตุมฺปิ วฏฺฏนฺติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู’’ติอาทิ. เอวํ ภิกฺขูสุ สนฺนิปติเตสุ ฉนฺทารหานํ ฉนฺเท อาหเฏ เตสุ เตสุ มคฺเคสุ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถฺจ พหิสีมกรณตฺถฺจ อารามิกสามเณเร เปตฺวา เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วา การาเปตฺวา นิมิตฺตกิตฺตนานนฺตรํ วุตฺตาย ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ’’ติอาทิกาย (มหาว. ๑๓๙) กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสู’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา ปริสสมฺปตฺติสงฺขาตํ ทุติยงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.

ตโต ปรํ กมฺมวาจาปาสมเย ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนนฺเตน ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, ปจฺฉา ติจีวเรน อวิปฺปวาโส สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, ปจฺฉา อวิปฺปวาสสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, สมานสํวาสกกมฺมวาจาปริโยสาเนเยว นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา นิมิตฺตานํ อนฺโตปมาเณเนว สมานสํวาสกสีมา จตุนหุตาธิกทฺวิลกฺขโยชนปุถุลํ มหาปถวึ วินิวิชฺฌิตฺวา ปถวีสนฺธารกอุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา คตา. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘กมฺมวาจาปริโยสาเนเยว…เป… คตา โหตี’’ติ. อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปริโยสาเน อวิปฺปวาสสีมา ยทิ อนฺโตสีมาย คาโม อตฺถิ, คามฺจ คามูปจารฺจ มุฺจิตฺวา สมานสํวาสกสีมาย คตปริจฺเฉเทเนว คตา. อิติ ติจีวเรน อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น อวตฺถรติ, สมานสํวาสกสีมาว อวตฺถรติ, สมานสํวาสกสีมา อตฺตโน ธมฺมตาย คจฺฉติ. อวิปฺปวาสสีมา ปน ยตฺถ สมานสํวาสกสีมา, ตตฺเถว คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อิติ ภิกฺขูนํ อวิปฺปวาสสีมา…เป… คจฺฉตี’’ติ. ตสฺมา –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺเนยฺย สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺนติ สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมาย สมฺมุติ สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สมานสํวาสา เอกูโปสถา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๓๙).

เอสา สมานสํวาสกกมฺมวาจา,

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกูโปสถา. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ตํ สีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺย เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกูโปสถา. สงฺโฆ ตํ สีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺนติ เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอติสฺสา สีมาย ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน ติจีวเรน อวิปฺปวาสา เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๔๔).

เอสา อวิปฺปวาสกมฺมวาจา ตฺติโทสอนุสฺสาวนาโทเส อนุฏฺเปตฺวา สุฏฺุ ภณิตพฺพา. เอตฺตาวตา กมฺมวาจาสมฺปตฺติสงฺขาตํ ตติยงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.

เอวมยํ สีมา อนฺโต มณิวิมานํ พหิ รชตปริกฺขิตฺตํ วิมานสามิกเทวปุตฺโตติ อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ จนฺทมณฺฑลํ วิย, อนฺโต กนกวิมานํ พหิ ผลิกปริกฺขิตฺตํ วิมานสามิกเทวปุตฺโตติ อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ สูริยมณฺฑลํ วิย จ นิมิตฺตสมฺปตฺติปริสสมฺปตฺติกมฺมวาจาสมฺปตฺติสงฺขาเตหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนา หุตฺวา อติวิย โสภติ วิโรจติ, ชินสาสนสฺส จิรฏฺิติการณภูตา หุตฺวา ติฏฺตีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ อุโปสถกฺขนฺธกปาฬิยํ ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนนฺเตน ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติอาทิ.

‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ เอตฺถ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปุรตฺถิมทิสโต ปฏฺาย ปทกฺขิณํ กตฺวา สพฺพนิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา อุตฺตรานุทิสํ ปตฺวา ตตฺเถว อฏฺเปตฺวา ปุพฺเพ กิตฺติตํ ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ ปุน กิตฺเตตฺวา สมฺมตาติ อตฺโถ. เอวํ สมฺมตา อยํ สีมา เอกาทสหิ วิปตฺตีหิ มุตฺตา, ตีหิ สมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคตา หุตฺวา สพฺพาการสมฺปนฺนา ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ อปริมาณํ ภิกฺขูนํ อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมกรณฏฺานภูตา พทฺธสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพา.

ยทิ ปน สขณฺฑสีมํ มหาสีมํ พนฺธิตุกามา, ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สุฏฺุ โสเธตฺวา สมูหนิตโปราณสีมาย เกวลาย ปกติคามสีมาย วา วิสุํคามสีมาย วา พนฺธิตพฺพา, ตาสุ จ ทฺวีสุ สีมาสุปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ สีมา ปมํ พนฺธิตพฺพา, ตํ ปน พนฺธนฺเตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฏฺาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมชฺเฌ พหูนํ สโมสรณฏฺาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส พนฺธิตพฺพา. อกตวิหาเร พนฺธนฺเตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ ปติฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปติฏฺิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนนฺเตหี’’ติอาทิ.

กิตฺตกปฺปมาณา ปน ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพาติ? เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สเจ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ, วฏฺฏติ, ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. ๑๓๘) ‘‘สา เหฏฺิมปริจฺเฉเทนา’’ติอาทิ. เอกวีสติ ภิกฺขูติ จ นิสินฺเน สนฺธาย วุตฺตํ, อิทฺจ อพฺภานกรณกาเล กมฺมารหภิกฺขุนา สทฺธึ วีสติคณสฺส สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘เอกวีสติ ภิกฺขู’’ติอาทิ. ตํ ขณฺฑสีมํ พนฺธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สีมมาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา. อนฺโตขณฺฑสีมายเมว ตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา. ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา, ตสฺสาเยว สีมาย ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธนฺเตหี’’ติอาทิ. เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิ สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพา. สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฏิยา เอกรตนปฺปมาณา วฏฺฏติ, วิทตฺถิปฺปมาณาปิ จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ วฏฺฏติ. สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, ทฺเวปิ ติสฺโสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา’’ติอาทิ.

เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมาย ตฺวา สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา, ตโต อวเสสนิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหนฺเตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺส ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา’’ติอาทิ.

‘‘สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. กถํ กิตฺเตตพฺพาติ? ทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. ตถา หิ ขณฺฑสีมโต ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ปุริมํ กิตฺติตํ วุตฺตนเยเนว ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา, ตโต ปจฺฉา อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรพนฺธเนสุ นิมิตฺตานิ. เอวํ สีมนฺตริกปาสาณา มหาสีมาย อนฺโต นิมิตฺตานิ โหนฺติ ทฺวินฺนํ สีมานํ สงฺกรโทสาปคมนตฺถํ สีมนฺตริกปาสาณานํ เปตพฺพตฺตา. เอวํ สมนฺตา อนุปริยายนฺเตน สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา. ตถาหิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘สีมนฺตริกปาสาณาติ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา, เต ปน กิตฺเตนฺเตน ปทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา’’ติอาทิ.

กึ อิมินา อนุกฺกเมเนว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, อุทาหุ อฺเนปิ อนุกฺกเมน สมฺมนฺนิตพฺพาติ? สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตนฺติ, เอวํ ตีสุ าเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานี’’ติอาทิ. เอวํ ขณฺฑสีมมหาสีมพนฺธเนน ภิกฺขูนํ โก คุโณติ เจ? เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ิตา ภิกฺขู มหาสีมายํ กมฺมํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ กมฺมํ น โกเปนฺติ, มหาสีมาย วา ิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ, สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺติ. คามกฺเขตฺเต ตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ปน สีมนฺตริกาย ิตา โกเปนฺติ. สีมนฺตริกา หิ คามกฺเขตฺตํ ภชติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสู’’ติอาทิ, เอวํ พทฺธสีมวิหาเรสุ วสนฺตา ภิกฺขู ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิเตหิ ติจีวเรหิ วินา ยถารุจิ วสิตุํ ลภนฺติ. สเจ ปน คาโม อตฺถิ, คามคามูปจาเรสุ น ลภตีติ ทฏฺพฺพํ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

สีมาพนฺธนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๒๕. อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถา

๑๖๘. เอวํ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อุโปสถปวารณาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ อุโปสถสทฺโท ตาว –

‘‘อุทฺเทเส ปาติโมกฺขสฺส, ปณฺณตฺติยมุโปสโถ;

อุปวาเส จ อฏฺงฺเค, อุโปสถทิเน สิยา’’ติ. –

วจนโต ปาติโมกฺขุทฺเทเส ปณฺณตฺติยํ อุปวาเส อฏฺงฺคสีเล อุโปสถทิเน จ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๘๕) ปาติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต, ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปณฺณตฺติยํ, ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา เผคฺคุ, สุทฺธสฺส อุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส, ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) อฏฺงฺคสีเล. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุโปสเถ สภิกฺขุกาอาวาสา อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๘) อุโปสถทิเน วตฺตติ. ‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฏฺานุโปสโถ’’ติอาทีสุ ปาริสุทฺธิอธิฏฺาเนสุปิ วตฺตติ. เต ปน ปาติโมกฺขุทฺเทเส อนฺโตคธาติ กตฺวา วิสุํ น วุตฺตา. อิธ ปน ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุโปสถทิเน จ วตฺตติ. ตตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุปวสนํ อุโปสโถ, สีเลน อุเปตา หุตฺวา วสนนฺตฺยตฺโถ. อุโปสถทิเน อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, เอตสฺมึ ทิวเส สีเลน อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีตฺยตฺโถ.

ปวารณา-สทฺโท ปน ‘‘ปวารณา ปฏิกฺเขเป, กถิตาชฺเฌสนาย จา’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ วจนโต ปฏิกฺเขเป อชฺเฌสเน จ วตฺตติ. ตตฺถ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภุตฺตาวี ปวาริโต อนติริตฺตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๒๓๘) ปฏิกฺเขเป, ‘‘สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๑๐) อชฺเฌสเน, ‘‘อชฺชปวารณา จาตุทฺทสี’’ติอาทีสุ (มหาว. อฏฺ. ๒๑๒) ปวารณาทิวเส. โส ปน อชฺเฌสนทิวโสเยวาติ วิสุํ น วุตฺโต. อิธ ปน อชฺเฌสเน วตฺตติ, ตสฺมา ปวารียเต ปวารณา, ปกาเรน อิจฺฉียเตตฺยตฺโถ. ป-ปุพฺพ วรธาตุ จุราทิคณิกายํ.

เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปาฬิยํ อุโปสถกฺขนฺธกานนฺตรํ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธโก, ตทนนฺตรํ ปวารณกฺขนฺธโก สงฺคีโต, ตถาปิ อุโปสถปวารณกมฺมานํ เยภุยฺเยน สมานตฺตา ยมกมิว ภูตตฺตา มิสฺเสตฺวา กเถนฺโต สุวิฺเยฺโย โหติ สลฺลหุกคนฺโถ จาติ มนฺตฺวา ขนฺธกทฺวยสงฺคหิตํ อตฺถํ เอเกเนว ปริจฺเฉเทน ทสฺเสติ อาจริโย. ตตฺถ จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคีอุโปสโถติ ทิวสวเสน ตโย อุโปสถา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. จตุทฺทสิยํ นิยุตฺโต จาตุทฺทสิโก, เอวํ ปนฺนรสิโก. สามคฺคีอุโปสโถ นาม สงฺฆสามคฺคิกทิวเส กาตพฺพอุโปสโถ. เหมนฺตคิมฺหวสฺสานํ ติณฺณํ อุตูนนฺติ เอตฺถ เหมนฺตอุตุ นาม อปรกตฺติกกาฬปกฺขสฺส ปาฏิปทโต ปฏฺาย ผคฺคุนปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. คิมฺหอุตุ นาม ผคฺคุนสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อาสาฬฺหิปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. วสฺสานอุตุ นาม อาสาฬฺหสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อปรกตฺติกปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกาติ เหมนฺตสฺส อุตุโน ตติเย จ สตฺตเม จ ปกฺเข ทฺเว จาตุทฺทสิกา, มิคสิรมาสสฺส กาฬปกฺเข, มาฆมาสสฺส กาฬปกฺเข จาติ อตฺโถ. เอวํ คิมฺหสฺส อุตุโน ตติเย จิตฺตมาสสฺส กาฬปกฺเข สตฺตเม เชฏฺมาสสฺส กาฬปกฺเข จ, วสฺสานสฺส อุตุโน ตติเย สาวณสฺส กาฬปกฺเข จ สตฺตเม อสฺสยุชมาสสฺส กาฬปกฺเข จาติ อตฺโถ. เสสา ปนฺนรสิกาติ เสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกา.

โหติ เจตฺถ –

‘‘กตฺติกสฺส จ กาฬมฺหา;

ยาว ผคฺคุนปุณฺณมา;

เหมนฺตกาโลติ วิฺเยฺโย;

อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.

‘‘ผคฺคุนสฺส จ กาฬมฺหา;

ยาว อาสาฬฺหิปุณฺณมา;

คิมฺหกาโลติ วิฺเยฺโย;

อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.

‘‘อาสาฬฺหสฺส จ กาฬมฺหา;

ยาว กตฺติกปุณฺณมา;

วสฺสกาโลติ วิฺเยฺโย;

อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.

‘‘อุตูนํ ปน ติณฺณนฺนํ, ปกฺเข ตติยสตฺตเม;

จตุทฺทโสติ ปาติโมกฺขํ, อุทฺทิสนฺติ นยฺุโน’’ติ. (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา);

เอวํ เอกสํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถาติ เอวํ อิมินา วุตฺตนเยน เหมนฺตาทีนํ ติณฺณํ อุตูนํ เอเกกสฺมึ อุตุมฺหิ ปจฺเจกํ อฏฺอฏฺอุโปสถตฺตา อุตุตฺตยสโมธานภูเต เอกสฺมึ สํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถา โหนฺตีติ อตฺโถ. อิทํ ตาว ปกติจาริตฺตนฺติ อิทํ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ฉจาตุทฺทสิกอฏฺารสปนฺนรสิกอุโปสถกรณํ ตาว ปมํ ปกติยา สภาเวน จาริตฺตํ กาตพฺพํ กมฺมํ โหติ, น พหุตราวาสิกาทินา การเณน กาตพฺพนฺติ อตฺโถ.

ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๖) วจนโต ‘‘โย ปน อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๗๘) จ ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ตตฺถ สกินฺติ เอกวารํ. อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ วจนํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) วจนฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ ปมสุตฺตสฺส เอเกกสฺส อุตุโน ตติยสตฺตมปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา อวเสสสฺส ปนฺนรเส วา สกึ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ. ปกติจาริตฺตวเสนปิ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อาคนฺตุเกหี’’ติอาทีนิ สุตฺตานิ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพํ. ตถารูปปจฺจเย สตีติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ อนุรูเป อาวาสิกา พหุตรา โหนฺตีติ เอวมาทิเก ปจฺจเย สติ. อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเสติ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺขจาตุทฺทสโต อฺสฺมึ จาตุทฺทเส.

ตตฺรายํ ปาฬิ (มหาว. ๑๗๘) –

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จาตุทฺทโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพํ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปนฺนรโส โหติ, อาคนฺตุกานํ จาตุทฺทโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพํ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปาฏิปโท โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาคนฺตุเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาคนฺตุเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปนฺนรโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปาฏิปโท. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาวาสิเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ.

ตตฺรายํ อฏฺกถา (มหาว. อฏฺ. ๑๗๘) –

อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จาตุทฺทโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโสติ เอตฺถ เยสํ ปนฺนรโส, เต ติโรรฏฺโต วา อาคตา, อตีตํ วา อุโปสถํ จาตุทฺทสิกํ อกํสูติ เวทิตพฺพา. อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. นากามา ทาตพฺพาติ น อนิจฺฉาย ทาตพฺพาติ.

‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมฺหิ อยํ ปวารณกฺขนฺธกาคตา ปาฬิ (มหาว. ๒๔๐) – อิธ ปน, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา สนฺทิฏฺา สมฺภตฺตา ภิกฺขู อฺตรสฺมึ อาวาเส วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ, เตสํ สามนฺตา อฺเ ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ ‘‘มยํ เตสํ ภิกฺขูนํ วสฺสํวุตฺถานํ ปวารณาย ปวารณํ เปสฺสามา’’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามาติ.

ตตฺรายํ อฏฺกถา (มหาว. อฏฺ. ๒๔๐) – ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุนฺติ เอตฺถ จตุตฺถปฺจมา ทฺเว, ตติโย ปน ปกติยาปิ จาตุทฺทสิโกเยวาติ, ตสฺมา ตติยจตุตฺถา วา ตติยจตุตฺถปฺจมา วา ทฺเว ตโย จาตุทฺทสิกา กาตพฺพา. อถ จตุตฺเถ กเต สุณนฺติ, ปฺจโม จาตุทฺทสิโก กาตพฺโพ, เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. เอวํ กโรนฺตา ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตีติ.

ตตฺถ อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๔๐) – จตุตฺเถ กเต สุณนฺตีติ จตุตฺเถ ปนฺนรสิกุโปสเถ กเต อมฺหากํ ปวารณํ เปสฺสนฺตีติ สุณนฺติ. เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติเยน สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ.

ตตฺรายํ วิมติวิโนทนีปาโ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๐) – ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติยปกฺเข จาตุทฺทสิยา สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตีติ อิมินา ยถาสกํ อุโปสถกรณทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ จาตุทฺทสีปนฺนรสีโวหาโร, น จนฺทคติสิทฺธิยา ติถิยา วเสนาติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ เอวํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหิ. เตเนว ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๒๔๐) ‘‘ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘ทฺวาทสิยํ, เตรสิยํ วา อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพโต. ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติอาทิวจนมฺปิ (มหาว. ๑๓๖) อุปวุตฺตกฺกเมเนว วุตฺตํ, น ติถิกฺกเมนาติ คเหตพฺพนฺติ.

น เกวลํ อุโปสถทิวสาเยว ตโย โหนฺติ, อถ โข ปวารณาทิวสาปีติ อาห ‘‘ปุริมวสฺสํวุตฺถานํ ปนา’’ติอาทิ. มาอิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา. ปุพฺพกตฺติกาย ปุณฺณมา ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, อสฺสยุชปุณฺณมา. สา หิ ปจฺฉิมกตฺติกํ นิวตฺเตตุํ เอวํ วุตฺตา. เตสํเยวาติ ปุริมวสฺสํวุตฺถานํเยว. ภณฺฑนการเกหีติ กลหการเกหิ. ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺตีติ อุกฺกฑฺฒนฺติ, ภณฺฑนการเก อนุวาทวเสน อสฺสยุชปุณฺณมาทึ ปริจฺจชนฺตา ปวารณํ กาฬปกฺขํ ชุณฺหปกฺขนฺติ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ, ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ, ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) จ เอวํ ตฺติยา ปวารณํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส, ทิวโส. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ. ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา วาติ โกมุทิจาตุมาสินิปุณฺณมทิวโส วา. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ. ตสฺมึ ปน อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อวสฺสํ ปวาเรตพฺพํ. น หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรตุํ ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตมฺปิ ชุณฺหํ อนุวเสยฺยุํ. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อกามา ปวาเรตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๔๐). เตเนวาห ‘‘ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอว วา’’ติ. ยทิ หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรยฺย, ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปวารณาย ปวาเรตพฺพํ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๒๓๓). วิสุทฺธิปวารณาโยคโต ปวารณาทิวสา. ปิ-สทฺเทน น เกวลํ ปวารณาทิวสาว, อถ โข ตทฺเ อุโปสถทิวสาปิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทมฺปีติ ปวารณตฺตยมฺปิ. ตถารูปปจฺจเยติ พหุตราวาสิกาทิปจฺจเย. ทฺวินฺนํ กตฺติกปุณฺณมานนฺติ ปุพฺพกตฺติกปจฺฉิมกตฺติกสงฺขาตานํ ทฺวินฺนํ อสฺสยุชโกมุทิปุณฺณมานํ.

อิทานิ โย โส สามคฺคิอุโปสถทิวโส วุตฺโต, ตฺจ ตปฺปสงฺเคน สามคฺคิปวารณาทิวสฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมินฺติ อุกฺขิตฺตเก ภิกฺขุสฺมึ โอสาริเต, ตํ คเหตฺวา สีมํ คนฺตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา กมฺมวาจาย กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปเวสิเตติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วตฺถุสฺสาติ ตสฺส อธิกรณสฺส. ตทา เปตฺวา จุทฺทสปนฺนรเส อฺโ โย โกจิ ทิวโส อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ สมฺพนฺโธ. กสฺมาติ อาห ‘‘ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’นฺติ วจนโต’’ติ. ตตฺถ ตาวเทวาติ ตํ ทิวสเมว. วจนโตติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๗๕) วุตฺตตฺตา. ยตฺร ปน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคิอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ, กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ.

กตฺติกมาสพฺภนฺตเรติ เอตฺถ กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตึสรตฺติทิวา, ตสฺส อพฺภนฺตเร. ตโต ปุเร วา ปน ปจฺฉา วา วฏฺฏติ. อยเมวาติ โย โกจิ ทิวโสเยว. อิธาปิ โกสมฺพกกฺขนฺธเก สามคฺคิยา สทิสาว สามคฺคี เวทิตพฺพา. เย ปน กิสฺมิฺจิเทว อปฺปมตฺตเก ปวารณํ เปตฺวา สมคฺคา โหนฺติ, เตหิ ปวารณายเมว ปวารณา กาตพฺพา, ตาวเทว น กาตพฺพา, กโรนฺเตหิ อปวารณาย ปวารณา กตา นาม โหติ, ‘‘น กาตพฺพาเยวา’’ติ นิยเมน ยทิ กโรติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อุโปสถกรเณ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).

๑๖๙. สงฺเฆ อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ สนฺนิปติเตน จตุวคฺคาทิสงฺเฆน กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ ปาติโมกฺขุทฺเทโสเยว. คเณ อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ สนฺนิปติเตหิ ทฺวีหิ, ตีหิ วา ภิกฺขูหิ กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถเยว. ปุคฺคเล อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ นิสินฺเนน เอเกน ภิกฺขุนา กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ อธิฏฺานุโปสโถเยว. เตนาห ‘‘การกวเสน อปเรปิ ตโย อุโปสถา’’ติ. กตฺตพฺพาการวเสน วุตฺเตสุ ตีสุ อุโปสเถสุ สุตฺตุทฺเทโส นาม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. โส ทุวิโธ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส จ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทโส จ. ตตฺร โอวาโทว ปาติโมกฺขํ, ตสฺส อุทฺเทโส สรูเปน กถนํ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อาณาปนํ ปฺาปนํ อาณา. เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.

ตตฺถ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส นาม –

‘‘ขนฺติ ปรมํ ตโป ติติกฺขา;

นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;

น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;

น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.

‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.

‘‘อนุปวาโท อนุปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;

มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;

อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) –

อิมา ติสฺโส คาถา.

ตตฺถ ขนฺติ ปรมํ ตโปติ อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ, ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺตีติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ปรมนฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ. จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ น สมโณ โหตีติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ปรํ วิเหยนฺโตติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ปรนฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โสปิ ปรํ วิเหยนฺโต น สมโณ โหติ. กึการณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.

ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ, ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ, อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.

ตติยคาถาย อนุปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนุปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตากรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปาติโมกฺขํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมสีลํ. ปาติ วา อคติวิเสเสหิ โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ, โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ เสนาสนฺจ. เอตฺถ จ ทฺวีหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตตฺตา. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ อธิจิตฺตํ, ตโตปิ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ อนุโยโค จาติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ, อนุปฆาตนํ, ปาติโมกฺขสํวโร, ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา, อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน ติสฺโส คาถาโย สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา, ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม, ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. อิทเมว จ อิมสฺมึ อตฺเถ ปาติโมกฺขนฺติ อธิปฺเปตํ.

อนุปคโต นาม ตตฺเถว อุปสมฺปนฺโน, อสติยา ปุริมิกาย อนุปคโต วา. จาตุมาสินิยนฺติ จตุมาสิยํ. สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี, สา เอว ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสํ จาตุมาสินิยํ, ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมาสิยนฺติ อตฺโถ. กายสามคฺคินฺติ กาเยน สมคฺคภาวํ, หตฺถปาสูปคมนนฺติ วุตฺตํ โหติ.

อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปวารณาวเสน ตฺติ เปตพฺพา. สเจ ปน ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ. อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สเจ ปุริมิกายปิ เอโก, ปจฺฉิมิกายปิ เอโก, เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริเมหิ วสฺสูปคเตหิ ปจฺฉา วสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. กตฺติกจาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมวสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ, เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณาย ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพนฺติ.

เปตฺวา ปน ปวารณาทิวสํ อฺสฺมึ กาเลติ อฺสฺมึ อุโปสถทิวเส. อุทฺทิฏฺมตฺเต ปาติโมกฺเขติ ‘‘ปริโยสิตมตฺเต อุทฺทิสฺสมาเน’’ติ อปริโยสิเต อาคเต สติ อวเสสสฺส ปาติโมกฺขสฺส โสตพฺพตฺตา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อวุฏฺิตายาติอาทีนิปิ ปาติโมกฺขสฺส นิฏฺิตกาลเมว ปริสาย วิเสเสตฺวา วทติ. สมสมา วาติ ปุริเมหิ สมปริมาณา. โถกตรา วาติ ปุริเมหิ โถกตรปริมาณา. เอเตน พหุตเรสุ อาคเตสุ ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, น ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.

เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกสฺมึ อํเส สาธุกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ อตฺโถ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๕) ปน ‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺาปเนน เอวํ วุตฺตํ. เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา. สเจ ปน ตตฺถ ปาริวาสิโกปิ อตฺถิ, สงฺฆนวกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตตฺเถว นิสินฺเนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. ปาติโมกฺเข ปน อุทฺทิสิยมาเน ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬึ วิหาย หตฺถปาสํ อมุฺจนฺเตน นิสีทิตพฺพํ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.

สพฺพํ ปุพฺพกรณียนฺติ สมฺมชฺชนาทินววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ. อิมินา พหูนํ วสนฏฺาเนเยว อุโปสถทิวเส ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ น โหติ, อถ โข เอกสฺส วสนฏฺาเนปิ กาตพฺพํเยวาติ ทสฺเสติ. ยถา จ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวเมตฺถาปิ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิปิ ‘‘อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ.

ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. นานาสํวาสเกหีติ ลทฺธินานาสํวาสเกหิ. อนาวาโส นาม นวกมฺมสาลาทิโก โย โกจิ ปเทโส. อฺตฺร สงฺเฆนาติ สงฺฆปฺปโหนเกหิ ภิกฺขูหิ วินา. อฺตฺร อนฺตรายาติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทสวิธมนฺตรายํ วินา. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถ วา อนฺตราเย วา สติ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ อาวาสาทโย น คนฺตพฺพา, เอวํ สเจ วิหาเร อุโปสถํ กโรนฺติ, อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ภิกฺขุ โหติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏติ, วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คโต อธิฏฺาตุมฺปิ ลภติ. อารฺเกนปิ ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อตฺตโน วิหารเมว อาคนฺตพฺพํ. สเจ อฺํ วิหารํ โอกฺกมติ, ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว อาคนฺตพฺพํ, อกตฺวา อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ, ยํ ชฺา ‘‘อชฺเชว ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกมี’’ติ เอวรูโป ปน อาวาโส คนฺตพฺโพ. ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺเตนปิ หิ อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโย กโต ภวิสฺสตีติ.

๑๗๐. พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตนาติ นทิยา วา สีมาย วา ยตฺถ กตฺถจิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ, ‘‘กโต มยา อุโปสโถ’’ติ อจฺฉิตุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. กิจฺจปสุโต วาติ คิลานุปฏฺานาทิกิจฺจปสุโต วา. สงฺโฆ นปฺปโหตีติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อนฺตรา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ปฏิปาฏิยา าตุํ นปฺปโหติ.

‘‘อธมฺเมน วคฺค’’นฺติ เอตฺถ เอกสีมาย จตูสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุ ปาติโมกฺขุทฺเทโสว อนุฺาโต, ตีสุ ทฺวีสุ จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถว, อิธ ปน ตถา อกตตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิ สงฺเฆ เอว อาคจฺฉติ, น คเณ น ปุคฺคเล, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ ปน ทฺเว สงฺฆา เอกสีมายํ อฺมฺํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ขเณ วิสุํ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, เอตฺถ กถนฺติ? เกจิ ปน ‘‘ตํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ วคฺคกมฺมตฺตา. วคฺคกมฺมํ กโรนฺตานฺหิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อฺตฺถ น คจฺฉติ ตถา วจนาภาวา, วิสุํ วิสุํ กมฺมกรณตฺถเมว สีมาย อนุฺาตตฺตา จาติ คเหตพฺพํ. วิหารสีมาย ปน สงฺเฆ วิชฺชมาเนปิ เกนจิ ปจฺจเยน ขณฺฑสีมาย ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺเตสุ กมฺมํ ธมฺเมน สมคฺคเมว ภินฺนสีมฏฺตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ภควโต อาณํ กโรนฺเตน ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท ตตฺเถว ปกฺกมติ, อฺสฺส ทาตพฺโพ ฉนฺโท’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๖๕) ปุน อตฺตโน ฉนฺททานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ‘‘ฉนฺทํ เม หรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท สงฺฆปฺปตฺโต สฺจิจฺจ นาโรเจติ, อาหโฏ โหติ ฉนฺโท, ฉนฺทหารกสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ทุกฺกฏโต ตํ โมเจตุํ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ วุตฺตํ. กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพติ มนสาว อจินฺเตตฺวา กายปฺปโยคํ กโรนฺเตน เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วา, วาจํ ปน นิจฺฉาเรตุํ สกฺโกนฺเตน ตเถว วาจาย วา, อุภยถาปิ สกฺโกนฺเตน กายวาจาหิ วา วิฺาเปตพฺโพ, ชานาเปตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘อยมตฺโถ’’ติวจนโต ปน ยาย กายจิปิ ภาสาย วิฺาเปตุํ วฏฺฏติ.

ปาริสุทฺธิทาเนปิ ฉนฺททาเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย, ตํ ปน เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ วตฺตุมรหติ. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทตีติ เอตฺถ ฉนฺโท จ ปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ, ตํ เทตีติ สรูเปกเสเสน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิตราติ อฺเสํ ฉนฺทปาริสุทฺธิ. พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ พิฬาลสงฺขลิกา นาม พิฬาลพนฺธนํ. ตตฺถ หิ สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํเยว ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉติ, ตสฺมา สา พิฬาลสงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกาคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๑๗๓. ปวารณาทาเนปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ, อิธ ปน ‘‘มมตฺถาย ปวาเรหี’’ติ. ตตฺถ ฉนฺทหารเก สงฺฆสฺส หตฺถํ อุปคตมตฺเตเยว อาคตา โหติ. อิธ ปน เอวํ ทินฺนาย ปวารณาย ปวารณาหารเกน สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปวาเรตพฺพํ ‘‘ติสฺโส, ภนฺเต, ภิกฺขุ…เป… ปฏิกริสฺสามี’’ติ. วิมติวิโนทนิยํ ‘‘เอวเมตํ ธารยามิ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหีติ เอตฺถ ‘เอวเมตํ ธารยามี’ติ วตฺวา อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. มาติกาฏฺกถายฺหิ เอวเมว วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน.

๑๗๔. นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต ปาติโมกฺขํ นิทฺทิฏฺํ นาม น โหตีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติอาทิ.

๑๗๕. ตีหิปิ วิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย วา ภณาเปตุกามตาย วา สุตฺตสฺส โอตารณํ โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. เกวลํ ปาสฺเสว สเรน ภณนํ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ สยเมว ปาํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน. นววิธนฺติ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ ตโย, สุตฺตุทฺเทสปาริสุทฺธิอธิฏฺานวเสน ตโย, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสามคฺคิวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธนฺติ อธมฺเมนวคฺคาทิ จตุพฺพิธํ. ทุวิธนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขวเสน ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ. กติมีติ กติสทฺทาเปกฺขํ อิตฺถิลิงฺคํ ทฏฺพฺพํ.

อุตุวสฺเสเยวาติ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว. วิฺาเปตีติ เอตฺถ มนสา จินฺเตตฺวา กายวิการกรณเมว วิฺาปนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อฺสฺส ทาตพฺพา ปาริสุทฺธีติ ปาริสุทฺธิทายเกน ปุน อฺสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ทาตพฺพา. ‘‘ภูตํ เอว สามเณรภาวํ อาโรเจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อูนวีสติวสฺสกาเล อุปสมฺปนฺนสฺส, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสิกฺขาปจฺจกฺขาตกาทีนํ วา ยาว ภิกฺขุปฏิฺา วฏฺฏติ, ตาว เตหิ อาหฏาปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. ยทา ปน เต อตฺตโน สามเณราทิภาวํ ปฏิชานนฺติ, ตโต ปฏฺาย นาคจฺฉตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๑๖๔) หิ ‘‘ทินฺนาย ปาริสุทฺธิยา สงฺฆปฺปตฺโต วิพฺภมติ…เป… ปณฺฑโก ปฏิชานาติ, ติรจฺฉานคโต ปฏิชานาติ, อุภโตพฺยฺชนโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนํ ภิกฺขุปฏิฺาย วตฺตมานกาเลสุ ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิยาว อาคมนํ สิทฺธเมว. เตนาห ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ. อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานํ ปน ปกตตฺตา อนฺตรามคฺเค อุมฺมตฺตกาทิภาเว ปฏิฺาเตปิ เตสํ สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตเนว ฉนฺทาทิ อาคจฺฉตีติ ทสฺเสติ.

ภิกฺขูนํ หตฺถปาสนฺติ อิมินา คณปุคฺคเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อนาคมนํ ทสฺเสติ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต’’ติ หิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตํ. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณํ สงฺฆสนฺนิปาเต กาตพฺพํ ปุพฺพกิจฺจนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ ‘‘โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถ อสฺจิจฺจ อสฺสติยา อนาปตฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริปิ, ยตฺถ ปน อจิตฺตกาปตฺติ อตฺถิ, ตตฺถ วกฺขาม. ปฺตฺตํ โหตีติ อิมินา น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพติ วิสุํ ปฏิกฺเขปาภาเวปิ ยถาวุตฺตสุตฺตสามตฺถิยโต ปฺตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. อิมินา เอว นเยน ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติอาทิสุตฺตนยโตว (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๖) อลชฺชีหิ สทฺธึ อุโปสถกรณมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตเมว อลชฺชีนิคฺคหตฺถตฺตา สพฺพสิกฺขาปทานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนนาติ อิมินา สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพาติ ทีปิตํ โหติ.

๑๗๖. อุโภปิ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สภาคาปตฺติภาวํ อชานิตฺวา เกวลํ อาปตฺตินาเมเนว เทเสนฺตสฺส ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส จ อจิตฺตกเมว ทุกฺกฏํ โหตีติ วทนฺติ. ยถา สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺโนติ ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตโยปิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว คณตฺตึ เปตฺวา ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกน ปน สาปตฺติเกน ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปฏิกาตุเมว วฏฺฏติ, อสมฺปาปุณนฺเตน ‘‘ภิกฺขู ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปฏิกริตฺวา จ ปุน อุโปสโถ กาตพฺโพ. เกนจิ กรณีเยน คนฺตฺวาติ สีมาปริจฺเฉทโต พหิภูตํ คามํ วา อรฺํ วา คนฺตฺวาติ อตฺโถ. เอเตเนว อุโปสถตฺติยา ปนกาเล สมคฺคา เอว เต ตฺตึ เปสุนฺติ สิทฺธํ. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๑๗๒) ‘‘อุทฺทิฏฺํ สุอุทฺทิฏฺ’’นฺติ สพฺพปนฺนรสเกสุปิ วุตฺตํ.

สเจ ปน วุฑฺฒตโร โหตีติ ปวารณทายโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร โหติ. เอวฺหิ เตน ตสฺสตฺถาย ปวาริตํ โหตีติ เอตฺถ เอวํ เตน อปฺปวาริเตปิ ตสฺส สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตน สงฺฆสฺส ปวารณากมฺมํ สมคฺคกมฺมเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณทายเกน ภิกฺขุนา. พหูปิ สมานวสฺสิกา เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ลทฺธุปสมฺปทตาย สมานุปสมฺปทวสฺสา สพฺเพ เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ อตฺโถ.

เอตฺถ ปน ปณฺฑิเตหิ จินฺเตตพฺพํ วิจาเรตพฺพํ การณํ อตฺถิ, กึ ปน ตนฺติ? อิทานิ ปาติโมกฺขุทฺเทสกาเล –

‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;

อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจติ.

‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;

อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจติ.

‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;

สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;

วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ;

ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘) –

อิมา คาถาโย ธมฺมชฺเฌสเกน ปาํเยว ภณาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถํ กเถติ. ตโต ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ‘‘เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมา’’ติ อิมํ วากฺยํ ปาเมว อชฺเฌสเกน ภณาเปตฺวา อตฺถํ อวตฺวาว ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย. ‘‘ปวารณาย เอตานี’’ติ จ ‘‘ปวารณํ กาตุ’’นฺติ จ อิมานิ ปทานิเยว วิสิฏฺานิ.

กึ อิมานิ ธมฺมชฺเฌสกสฺส วจนานิ, อุทาหุ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺสาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ธมฺมชฺเฌสกสฺส วจนานิ, เอวํ สติ คาถาตฺตยํ วตฺวา ตาสํ อตฺถมฺปิ โส เอว กเถตฺวา เอตานิ ปุพฺพกรณานิ จ เอตานิ ปุพฺพกิจฺจานิ จ สงฺเฆน กตานิ, อิทฺจ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สมานีตํ, ตสฺมา ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ปาติโมกฺข’’นฺติ เตเนว วตฺตพฺพํ สิยา. อถ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส วจนานิ, เอวฺจ สติ ‘‘สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ ธมฺมชฺเฌสเกน ยาวตติยํ อชฺโฌสาเปตฺวา ‘‘สมฺมชฺชนี…เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ เอตานิ ปุพฺพกรณานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิ …เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ เอตานิ ปุพฺพกิจฺจานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อุโปสโถ…เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ อิทํ ปตฺตกลฺลํ สมานีต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ปตฺตกลฺเล สมานีเต สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ มยํ กโรมา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ สิยา, เอวํ สติ อชฺเฌสกอชฺเฌสิตพฺพานํ วจนํ อสงฺกรโต ชานิตพฺพํ ภเวยฺยาติ.

เอตฺถ จ คาถาตฺตยสฺส อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตภาโว อฏฺกถายเมว อาคโต. ปจฺฉิมวากฺยํ ปน เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ, น ฏีกาทีสุ ทิสฺสติ. ขุทฺทสิกฺขาปกรเณปิ –

‘‘ปุพฺพกิจฺเจ จ กรเณ;

ปตฺตกลฺเล สมานิเต;

สุตฺตํ อุทฺทิสติ สงฺโฆ;

ปฺจธา โส วิภาวิโต’’ติ จ.

‘‘ปุพฺพกิจฺเจ จ กรเณ;

ปตฺตกลฺเล สมานิเต;

ตฺตึ วตฺวาน สงฺเฆน;

กตฺตพฺเพวํ ปวารณา’’ติ จ. –

วุตฺตํ, น วุตฺตํ ตถา. มูลสิกฺขาปกรเณเยว ตถา วุตฺตํ, ตสฺมา อาจริยานํ อตฺตโนมติ ภเวยฺย.

ตตฺถ ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา’’ติ อิมินา ปุริมคาถาทฺวยสฺส อตฺถเมว กเถตฺวา ตติยคาถาย อตฺโถ น กถิโต. ‘‘เทสิตาปตฺติกสฺสา’’ติ อิมินา จ อาปตฺติยา เทสิตภาโวเยว กถิโต, น สพฺพํ ปตฺตกลฺลํ. อาปตฺติยา เทสิตภาเว จ สภาคาปตฺติยา เทสิตภาโวเยว ปตฺตกลฺลสฺมึ อนฺโตคโธ, น อิตโร. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘เอตาสุ หิ สภาคาปตฺตีสุ อวิชฺชมานาสุ, วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยวา’’ติ. ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมา’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต อวเสสานิ ตีณิ ปตฺตกลฺลงฺคานิ. เสยฺยถิทํ – อุโปสโถ, ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘). เตสุ อสนฺเตสุปิ อุโปสโถ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ, น ปน กาตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) จ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๖๘) จ, ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๔) จ, ตสฺมา อุโปสถทิวเสสุ สงฺเฆ สนฺนิปติเต สเจ ปุพฺเพว สมฺมโต ธมฺมชฺเฌสโก อตฺถิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, เอกํ พฺยตฺตํ ปฏิพลํ ภิกฺขุํ สงฺเฆน สมฺมนฺนาเปตฺวา เตน ธมฺมชฺเฌสเกน ปาติโมกฺขุทฺเทสกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ เถโร ปาติโมกฺขํ. ทุติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อุทฺทิสตุ เถโร ปาติโมกฺขนฺติ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา ตโต ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –

‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;

อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –

อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ จตฺตาริ ปุพฺพกรณานิ, กึ ตานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –

‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;

อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –

อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ ปฺจ ปุพฺพกิจฺจานิ, กึ ตานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –

‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;

สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;

วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ;

ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –

อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ จตฺตาริ ปตฺตกลฺลงฺคานิ, กึ ตานิ สมานีตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ปตฺตกลฺลงฺเค สมานีเต สงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ภิกฺขุสงฺเฆน สมฺปฏิจฺฉิเต ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสตีติ อยมมฺหากํ ขนฺติ.

เอตฺถ จ ‘‘ธมฺมชฺเฌสเกน…เป… เอวมสฺส วจนีโย’’ติ วุตฺตํ, โส ธมฺมชฺเฌสเกน วจนียภาโว กถํ เวทิตพฺโพติ? ‘‘น, ภิกฺขเว, สงฺฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโตติ. ‘‘สงฺเฆน สมฺมนฺนาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ‘‘อชฺเฌสนา เจตฺถ สงฺเฆน สมฺมตธมฺมชฺเฌสกายตฺตา วา สงฺฆตฺเถรายตฺตา วา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ‘‘สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ อยํ อชฺเฌสนากาโร กุโต ลพฺภตีติ? ปาฬิโต. ปาฬิยฺหิ (มหาว. ๑๕๕) ‘‘เต เถรํ อชฺเฌสนฺติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ อาคโต.

สเจ ปน ธมฺมชฺเฌสโก วุฑฺฒตโร, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก นวโก, ‘‘สงฺโฆ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ อายสฺมา ปาติโมกฺข’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ตํ กุโต ลพฺภติ? ปาฬิโตเยว. ปาฬิยฺหิ (มหาว. ๑๕๕) ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ยาว สงฺฆนวกํ อชฺเฌสนฺติ อุทฺทิสตุ อายสฺมา ปาติโมกฺข’’นฺติ อาคโต. ตโต ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน สมฺมชฺชนี…เป… ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘อาม, ภนฺเต’ติ วุตฺเต’’ติ อิทํ กุโต ลพฺภตีติ? ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ. นิทานปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อาคตํ, อฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจนฺติ สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยาติ…เป… เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิตํ, กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉตี’’ติ อาคตนฺติ.

นนุ เจตํ อนฺโตนิทาเนเยว อาคตํ, อถ กสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปุพฺพภาเค วตฺตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ตถาปิ ตทนุโลมโต ชานิตพฺพโต วตฺตพฺพํ. อฏฺกถายฺหิ อิมา คาถาโย สมฺมชฺชนาทีนํ ปุพฺพกรณาทิภาวาปกภาเวเนว วุตฺตา, น ปาติโมกฺขารมฺภกาเล ภณิตพฺพภาเวน. อถ จ ปน อิทานิ ภณนฺติ, เอวํ สนฺเต กิมตฺถํ ภณนฺตีติ จินฺตายํ อนฺโตนิทาเน ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ วุตฺตปุจฺฉานุโลเมน ปุพฺพกรณาทีนํ นิฏฺภาวปุจฺฉนตฺถํ ภณนฺตีติ ชานิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอวํ วุตฺตํ จตุพฺพิธํ ปุพฺพกรณํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๗๗), ตสฺมา ปาฬิอฏฺกถานุโลมโต อิมินา อนุกฺกเมน กเต สติ ธมฺมชฺเฌสโก ปฺายติ, ตสฺส อชฺเฌสนากาโร ปฺายติ, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ปฺายติ, ตสฺส ปุพฺพกรณาทีนํ นิฏฺภาวปุจฺฉนํ ปฺายติ, ธมฺมชฺเฌสกสฺส วิสฺสชฺชนํ ปฺายติ, ตานิ นิฏฺาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ ปฏิฺา ปฺายติ, เอวํ อิเมสํ คาถาวากฺยานํ วจเน ปโยชนํ ปฺายตีติ กตฺวา ปณฺฑิเตหิ วินยฺูหิ จิรปฏิจฺฉนฺโน อยํ กถามคฺโค ปฏิปชฺชิตพฺโพติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.

ปาฬิยฏฺกถาทีนฺหิ, อนุรูปํ อิมํ นยํ;

ปุนปฺปุนํ จินฺตยนฺตุ, ปณฺฑิตา วินยฺุโน.

ปุนปฺปุนํ จินฺตยิตฺวา, ยุตฺตํ เจ ธารยนฺตุ ตํ;

โน เจ ยุตฺตํ ฉฑฺฑยนฺตุ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกาติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ปฺจวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๖. วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยกถา

๑๗๙. เอวํ อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วสฺสูปนายิกาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ วสนํ วสฺสํ. กึ ตํ? วสนกิริยา ภาวตฺเถ ณฺย-ปจฺจยวเสน. อุปนยนํ อุปนโย. โก โส? อุปคมนกิริยา, วสฺสสฺส อุปนโย วสฺสูปนโย, โส เอติสฺสา ปฺตฺติยา อตฺถิ, ตสฺมึ วา วิชฺชตีติ วสฺสูปนายิกา. กา สา? วสฺสูปนายิกปฺตฺติ. อถ วา อุปนยติ เอตายาติ อุปนายิกา มชฺเฌ ทีฆวเสน. วสฺสสฺส อุปนายิกา วสฺสูปนายิกา, สา เอว ปุเร ภวา ปุริมา ภวตฺเถ อิม-ปจฺจยวเสน, สา เอว ปุริมิกา สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน, ตสฺมึ ปเร อิตฺถิลิงฺเค อ-การสฺส อิ-การาเทโส. ปจฺฉา ภวา ปจฺฉิมา, สาว ปจฺฉิมิกา.

อสฺสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา น อุเปติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, โย อุปคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๔) วจีเภทํ กตฺวา วสฺสูปคมนํ สนฺธาย ปฏิกฺเขโป, น อาลยกรณวเสน อุปคมนํ สนฺธายาติ วทนฺติ. ปาฬิยํ ปน อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อฏฺกถายฺจ ทุติยปาราชิกสํวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔) ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตน หิ นาลกปฏิปทํ ปฏิปนฺเนนปิ ปฺจนฺนํ ฉทนานํ อฺตเรน ฉนฺเนเยว สทฺวารพนฺเธ เสนาสเน อุปคนฺตพฺพํ, ตสฺมา วสฺสกาเล สเจ เสนาสนํ ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลภติ, หตฺถกมฺมํ ปริเยสิตฺวาปิ กาตพฺพํ. หตฺถกมฺมํ อลภนฺเตน สามมฺปิ กาตพฺพํ, น ตฺเวว อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตตฺตา อเสนาสนิกสฺส นาวาทึ วินา อฺตฺถ อาลยมตฺเตน อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ อมฺหากํ ขนฺติ. นาวาสตฺถวเชสุเยว หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๐๓) สติ, อสติ วา เสนาสเน วสฺสูปคมนสฺส วิสุํ อนุฺาตตฺตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) อยํ ปฏิกฺเขโป. ตตฺถ น ลภตีติ อสติ เสนาสเน อาลยวเสนปิ นาวาทีสุ อุปคมนํ วุตฺตํ. จตูสุ หิ เสนาสเนสุ วิหารเสนาสนํ อิธาธิปฺเปตํ, น อิตรตฺตยํ.

ฏงฺกิตมฺจาทิเภทา กุฏีติ เอตฺถ ฏงฺกิตมฺโจ นาม ทีเฆ มฺจปาเท มชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ปเวเสตฺวา กโต มฺโจ, ตสฺส อิทํ อุปริ, อิทํ เหฏฺาติ นตฺถิ. ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ สุสาเน เทวฏฺาเน จ เปนฺติ, จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตํ เคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ.

‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพนฺติ สตฺถสฺส อวิหารตฺตา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ กุฏิกาทีนํ อภาเวน ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺเตเนว วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. วิปฺปกิรตีติ วิสุํ วิสุํ คจฺฉติ. ตีสุ าเนสุ นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ อาปตฺติ, เตหิ วิยุชฺชิตฺวา คมเน ปน อาปตฺติเยว, ปวาเรตุฺจ น ลภติ.

ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวาติ สกวาฏพทฺธเมว โยเชตฺวา. ปุริมิกาย…เป… น ปกฺกมิตพฺพาติ อิมินา อาสาฬฺหีปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปุริมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสฺสานอุตุโน จตูสุ มาเสสุ สพฺพปจฺฉิมมาสํ เปตฺวา ปุริมํ เตมาสํ วสิตพฺพํ. สาวณปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปจฺฉิมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา สพฺพปมมาสํ เปตฺวา ปจฺฉิมํ เตมาสํ วสิตพฺพํ. เอวํ อวสิตฺวา ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคเตน ภิกฺขุนา มหาปวารณาย อนฺโต อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ปจฺฉิมิกาย อุปคเตน จาตุมาสินิปวารณาย อนฺโต อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา อนฺตรา จาริกํ ปกฺกเมยฺย, อุปจารสีมาติกฺกเมเยว ตสฺส ภิกฺขุโน ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ ทสฺเสติ. อิมมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘น ภิกฺขเว…เป… วจนโต’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา สติ กรณีเย ปกฺกมนฺตสฺส สพฺพถาปิ อาปตฺติเยว สิยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปนา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺเสว อนาปตฺติ สิยา, น ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺสาติ อาห ‘‘โก ปน วาโท’’ติอาทิ.

๑๘๐. อิทานิ สตฺตาหกรณียลกฺขณํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน ปหิเต คนฺตุํ, น ตฺเวว อปฺปหิเต, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา อุปาสกสฺส อุปาสิกายา’’ติ (มหาว. ๑๘๗) เอกํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตุํ, ปเคว ปหิเต, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา มาตุยา จ ปิตุสฺส จา’’ติ (มหาว. ๑๙๘) เอกํ, ‘‘สเจ ปน ภิกฺขุโน ภาตา วา อฺโ วา าตโก คิลาโน โหตี’’ติ เอกํ, ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนฺโต ภิกฺขุภตฺติโก’’ติ เอกํ, ‘‘สเจ ภิกฺขุสฺส…เป… อนภิรติ วา กุกฺกุจฺจํ วา ทิฏฺิคตํ วา อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ เอกํ, ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน โหติ ปริวาสารโห’’ติ เอกํ, ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ มานตฺตารหายา’’ติ เอกํ, ‘‘สามเณโร อุปสมฺปชฺชิตุกาโม…เป… สิกฺขมานา วา…เป… สามเณรี วา’’ติ เอกํ, ‘‘ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา วา สงฺโฆ กมฺมํ กตฺตุกาโม ตชฺชนียํ วา’’ติ เอกํ, ‘‘สเจปิ กตํเยว โหติ กมฺม’’นฺติ เอกํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆกรณีเยน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๙๙) เอกนฺติ เอกาทส านานิ โหนฺติ. ตตฺถ ปมตติยจตุตฺถวเสน ตีสุ าเนสุ ปหิเต เอว คนฺตพฺพํ, โน อปฺปหิเต. เสเสสุ อฏฺสุ อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพํ, ปเคว ปหิเต. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๙๙) ‘‘คนฺตพฺพนฺติ สงฺฆกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพ’’นฺติ. เอตฺถ จ อนุปาสเกหิปิ สาสนภาวํ าตุกาเมหิ ปหิเต เตสํ ปสาทวฑฺฒิสมฺปตฺเตหิปิ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. ภิกฺขุภตฺติโกติ ภิกฺขุนิสฺสิตโก. โส ปน ยสฺมา ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนฺโต’’ติ.

๑๘๑. อปิเจตฺถาติ อปิจ เอตฺถาติ เฉโท, เอตฺถ เอตสฺมึ สตฺตาหกรณียวินิจฺฉเย อปิจ อปโร อยํ อีทิโส ปาฬิมุตฺตกนโย วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกปาฬิโต มุตฺโต นโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๙๙) ปน ‘‘ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโย’’ติ ทิสฺสติ. ตถา หิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๙๙) ‘‘รตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโยติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนสงฺขาตสฺส รตฺติจฺเฉทสฺส วินิจฺฉโย’’ติ. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๙๙) ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนํ รตฺติจฺเฉโท’’ติ. อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนิมนฺติตตฺตา สตฺตาหกิจฺจํ อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ วสฺสจฺเฉโท เจว ทุกฺกฏฺจ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตฺหิ รตฺติจฺเฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคมิสฺสามีติ คจฺฉโต วสฺสจฺเฉทํ วทนฺติ. คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตเนว สตฺตาหกรณียนิมิตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมินา นิมิตฺเตน คนฺตฺวา ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ. ปุริมกฺขเณ อาโภคํ กตฺวา คมนกฺขเณ วิสริตฺวา คเตปิ โทโส นตฺถิ, ‘‘สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตตฺตา สพฺพถา อาโภคํ อกตฺวา คตสฺส วสฺสจฺเฉโทติ วทนฺติ. โย ปน สตฺตาหกรณียนิมิตฺตาภาเวปิ ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคมิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคจฺฉติ, ตสฺส อาปตฺติเยว, วสฺสจฺเฉโท นตฺถิ สตฺตาหสฺส สนฺนิวตฺตตฺตาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

ภณฺฑกนฺติ จีวรภณฺฑํ. ปหิณนฺตีติ จีวรโธวนาทิกมฺเมน ปหิณนฺติ. สมฺปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺเชว อาคมิสฺสามี’’ติ สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามคฺเค สเจ อรุณุคฺคมนํ โหติ, วสฺสจฺเฉโทปิ น โหติ, รตฺติจฺเฉททุกฺกฏฺจ นตฺถีติ วทนฺติ, ตทเหว อาคมเน สอุสฺสาหตฺตา วสฺสจฺเฉโท วา อาปตฺติ วา น โหตีติ อธิปฺปาโย. อาจริยํ ปสฺสิสฺสามีติ ปน คนฺตุํ ลภตีติ ‘‘อคิลานมฺปิ อาจริยํ, อุปชฺฌายํ วา ปสฺสิสฺสามี’’ติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ ลภติ, นิสฺสยาจริยํ ธมฺมาจริยฺจ, ปเคว อุปสมฺปทาจริยอุปชฺฌาเย. สเจ นํ อาจริโย ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ เอวํ สตฺตาหกรณีเยน อาคตานํ อนฺโตสตฺตาเหเยว ปุน อาคจฺฉนฺตํ สเจ อาจริโย, อุปชฺฌาโย วา ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. วสฺสจฺเฉโท ปน โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ สตฺตาหสฺส พหิทฺธา วีตินามิตตฺตา.

สเจ ทูรํ คโต สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพติ อิมินา วสฺสจฺเฉทการเณ สติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. เอตฺถ ฉ ทิวสานิ พหิทฺธา วีตินาเมตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุรารุณา เอว อนฺโตอุปจารสีมายํ ปวิสิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สตฺตาหํ อธิฏฺาย คนฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘สตฺตเม ทิวเส อาคนฺตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว ทิวสภาเคปิ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ อรุณุฏฺาปนเมว หิ สนฺธาย ปาฬิยํ (มหาว. ๑๙๙) ‘‘สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คจฺฉนฺโต จ อนฺโต อปฺปวิสิตฺวา พหิทฺธาว สตฺตาหํ วีตินาเมนฺโต จ สมุจฺฉินฺนวสฺโส เอว ภวิสฺสติ อรุณสฺส พหิ เอว อุฏฺาปิตตฺตา. อิตรถา ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา. ‘‘สตฺตาหวาเรน อนฺโตวิหาเร ปวิสิตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพโต อฺเสุ จ าเนสุ อรุณุฏฺาปนเมว วุจฺจติ. วกฺขติ หิ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. อฏฺ. ๓๖๔) ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺโต อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตี’’ติ.

อถาปิ ยํ เต วเทยฺยุํ ‘‘สตฺตเม ทิวเส ยทา กทาจิ ปวิฏฺเน ตํทิวสนิสฺสิโต อตีตารุโณ อุฏฺาปิโต นาม โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ สทฺทคติยาปิ น สเมติ. น หิ อุฏฺิเต อรุเณ ปจฺฉา ปวิฏฺโ ตสฺส ปโยชโก อุฏฺาปโก ภวิตุมรหติ. ยทิ ภเวยฺย, ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปน อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺสา’’ปีติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๗) เอตฺถ ‘‘อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. เตนปิ ตํทิวสนิสฺสิตสฺส อรุณสฺส อุฏฺาปิตตฺตา อารฺกสฺสปิ ภิกฺขุโน สายนฺหสมเย องฺคยุตฺตํ อรฺํ คนฺตฺวา ตทา เอว นิวตฺตนฺตสฺส อรุโณ อุฏฺาปิโต ธุตงฺคฺจ วิโสธิตํ สิยา, น เจตํ ยุตฺตํ อรุณุคฺคมนกาเล เอว อรุณุฏฺาปนสฺส วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘กาลสฺเสว ปน นิกฺขมิตฺวา องฺคยุตฺเต าเน อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. สเจ อรุณุฏฺานเวลายํ เตสํ อาพาโธ วฑฺฒติ, เตสํ เอว กิจฺจํ กาตพฺพํ, น ธุตงฺควิสุทฺธิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑). ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต. ‘‘อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) หิ วุตฺตํ. สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ‘‘ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ (ปาจิ. ๕๔) วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคามิอรุณวเสเนว อรุณุฏฺานํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสน, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อรุณุฏฺาปนํ เวทิตพฺพํ อฺถา วสฺสจฺเฉทตฺตา.

ยํ ปน วสฺสํ อุปคตสฺส ตทเหว อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา สกรณียสฺส ปกฺกมนวจนํ, ตํ วสฺสํ อุปคตกาลโต ปฏฺาย ยทา กทาจิ นิมิตฺเต สติ คมนสฺส อนุฺาตตฺตา ยุตฺตํ, น ปน สตฺตาหวาเรน คตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหวคมนํ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. ยถา วา ‘‘สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺยา’’ติอาทินา (มหาว. ๒๐๗) ปจฺฉิมสตฺตาเห อนาคมเน อนุฺาเตปิ อฺสตฺตาเหสุ ตํ น วฏฺฏติ. เอวํ ปมสตฺตาเห อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คมเน อนุฺาเตปิ ตโต ปเรสุ สตฺตาเหสุ อาคตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คมนํ น วฏฺฏติ เอวาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.

สเจ ปวาริตกาเล วสฺสาวาสิกํ เทนฺตีติอาทินา วสฺสาวาสิกจีวรมฺปิ กถินจีวรํ วิย วสฺสํวุตฺถวิหารปฏิพทฺธนฺติ วิฺายติ. ‘‘ยทิ สตฺตาหวาเรน อรุณํ อุฏฺาปยึสุ, คเหตพฺพ’’นฺติ ปน วุตฺตตฺตา สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคตา ลภนฺติ. กถินานิสํสจีวรํ ปน สงฺฆํ อนาปุจฺฉา เต น ลภนฺติ. วกฺขติ หิ ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คตาปิ ภาชนียภณฺฑํ ลภนฺตูติ วา เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๘๒). อิธ อาหฏนฺติ วิหารโต พหิ อาคตฏฺาเน อานีตํ.

วาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ, คณฺหนฺติปิ ปริปาเตนฺติปีติ เอตฺถ คณฺหนฺตีติ คเหตฺวา ขาทนฺติ. ปริปาเตนฺตีติ ปลาเปนฺติ, อนุพนฺธนฺตีติ อตฺโถ. อิเมสุ ‘‘คาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺตี’’ติอาทีสุ สงฺฆเภทปริยนฺเตสุ วตฺถูสุ เกวลํ อนาปตฺติ โหติ, ปวาเรตุํ ปน น ลภตีติ ทฏฺพฺพํ. สเจ ปนาติอาทีสุ ยสฺมา นานาสีมายํ ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ‘‘ทุติเย วสิสฺสามี’’ติ อุปจารโต นิกฺขนฺตมตฺเต ปโม เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตสฺมา ปาฬิยํ (มหาว. ๒๐๗) ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายตี’’ติ ปมํ เสนาสนคฺคาหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติยเสนาสนคฺคาเห ปน ปุริมิกา ปฺายเตว, ตตฺเถว เตมาสํ วสนฺโต ปุริมวสฺสํวุตฺโถ เอว โหติ. ตโต วา ปน ทุติยทิวสาทีสุ ‘‘ปมเสนาสเน วสิสฺสามี’’ติ อุปจาราติกฺกเม ปุริมิกาปิ น ปฺายตีติ ทฏฺพฺพํ.

ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาทนปจฺจยา โหนฺตมฺปิ ทุกฺกฏํ สติเยว ปฏิสฺสเว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺส ตสฺส ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาเท ทุกฺกฏ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘ตฺจ โข…เป… วิสํวาทนปจฺจยา’’ติ. ปาฬิยํ (มหาว. ๒๐๗) ‘‘โส สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณาทิวเสปิ สตฺตาหกรณียํ วินา คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ าเน ‘‘นวมิโต ปฏฺาย คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ กจฺจิ อุโปสถทิวสโต อุปนิธาย นวมี อิจฺฉิตพฺพา, อุทาหุ โลกิยติถิวเสนาติ อาสงฺกนฺติ. ตตฺเรวํ วินิจฺฉิตพฺพํ – ปุริมภทฺทปทมาสกาฬปกฺขอุโปสถทิวสํ อุปนิธาย อิจฺฉิตพฺพา, น โลกิยติถิวเสน. ภทฺทปทมาสสฺส หิ กาฬปกฺขอุโปสถทิวสํ มริยาทํ กตฺวา ตทนนฺตรปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย คณิยมาเน สติ โย ทิวโส นวโม โหติ, ตโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. ติถิเปกฺขาย ปน อิตฺถิลิงฺคโวหาโร, ตโต นวมิโต ปฏฺาย อนาคตสตฺตาเห ปวารณา โหติ.

สตฺตาหํ อนาคตาย อสฺสาติ สตฺตาหานาคตา. กา สา? ปวารณา. อสฺสยุชมาสสฺส สุกฺกปกฺขนวมิยํ สตฺตาหกรณียํ อธิฏฺาย คจฺฉนฺโต ภิกฺขุ อนฺโตวสฺสสฺส สตฺตาหมตฺตาวสิฏฺตฺตา สตฺตมอรุเณ อุคฺคตมตฺเต วุตฺถวสฺโส โหติ, ทสมิยํ ฉาหมตฺตํ, เอกาทสมิยํ ปฺจาหมตฺตํ, ทฺวาทสิยํ จตุราหมตฺตํ, เตรสิยํ ตีหมตฺตํ, จุทฺทสิยํ ทฺวีหมตฺตํ, ปนฺนรสิยํ เอกาหมตฺตํ อวสิฏฺํ โหติ, ตสฺมา ปวารณาทิวสสฺส ปริโยสานภูตอรุณสฺมึ อุคฺคเต วุตฺถวสฺโส โหติ, ตสฺมา เตสํ ภิกฺขูนํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ ภควา ธมฺมสฺสามี ‘‘โส สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺย, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) อาห. สตฺตาหานาคตาย โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมายํ. สา หิ กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที, จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ ปริโยสานตฺตา จาตุมาสินีติ วุจฺจติ. ตทา หิ กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ, ตสฺมา กุมุทา เอตฺถ ปุปฺผนฺตีติ โกมุทีติ วุจฺจติ, กุมุทวตีติ วุตฺตํ โหติ.

๑๘๒. อนฺโตวสฺสวตฺตกถายํ นิพทฺธวตฺตํ เปตฺวาติ สชฺฌายมนสิการาทีสุ นิรนฺตรกรณีเยสุ กตฺตพฺพํ กติกวตฺตํ กตฺวา. กสาวปริภณฺฑนฺติ กสาเวหิ ภูมิปริกมฺมํ. วตฺตนฺติ กติกวตฺตํ.

เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพนฺติ นานาเวรชฺชกา หิ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, ตตฺถ เกจิ ทุพฺพลา อปฺปถามา เอวรูปํ วตฺตํ อนุปาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา อิธ อาคตฺจ จตุตฺถปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๒๗) อาคตํ อาวาสํ วา มณฺฑปํ วา สีมํ วา ยํ กิฺจิ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘โย อิมมฺหา อาวาสา ปมํ ปกฺกมิสฺสติ, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติ กตาย กติกาย โย ‘‘มํ ‘อรหา’ติ ชานนฺตู’’ติ ตมฺหา านา ปมํ ปกฺกมติ, ปาราชิโก โหติ. โย ปน อาจริยุปชฺฌายานํ วา กิจฺเจน มาตาปิตูนํ วา เกนจิเทว กรณีเยน ภิกฺขาจารวตฺตํ วา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อตฺถาย อฺเน วา ตาทิเสน กรณีเยน ตํ านํ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, อนาปตฺติ. สเจปิสฺส เอวํ คตสฺส ปจฺฉา อิจฺฉาจาโร อุปฺปชฺชติ ‘‘น ทานาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, เอวํ มํ อรหาติ สมฺภาเวสฺสนฺตี’’ติ, อนาปตฺติเยว.

โยปิ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ ปตฺวา สชฺฌายมนสิการาทิวเสน อฺวิหิโต วา หุตฺวา โจราทีหิ วา อนุพทฺโธ เมฆํ วา อุฏฺิตํ ทิสฺวา อโนวสฺสกํ ปวิสิตุกาโม ตํ านํ อติกฺกมติ, อนาปตฺติ, ยาเนน วา อิทฺธิยา วา คจฺฉนฺโตปิ ปาราชิกํ นาปชฺชติ, ปทคมเนเนว อาปชฺชติ. ตมฺปิ เยหิ สห กติกา กตา, เตหิ สทฺธึ อปุพฺพํ อจริมํ คจฺฉนฺโต นาปชฺชติ. เอวํ คจฺฉนฺตา หิ สพฺเพปิ อฺมฺํ รกฺขนฺติ. สเจปิ มณฺฑปรุกฺขมูลาทีสุ กิฺจิ านํ ปริจฺฉินฺทนฺติ ‘‘โย เอตฺถ นิสีทติ วา จงฺกมติ วา, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสาม’’, ปุปฺผานิ วา เปตฺวา, ‘‘โย อิมานิ คเหตฺวา ปูชํ กริสฺสติ, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติอาทินา นเยน กติกา กตา โหติ, ตตฺราปิ อิจฺฉาจารวเสน ตถา กโรนฺตสฺส ปาราชิกเมว. สเจปิ อุปาสเกน อนฺตรามคฺเค วิหาโร วา กโต โหติ, จีวราทีนิ วา ปิตานิ โหนฺติ ‘‘เย อรหนฺโต, เต อิมสฺมึ วิหาเร วสนฺตุ, จีวราทีนิ วา คณฺหนฺตู’’ติ, ตตฺราปิ อิจฺฉาจารวเสน วสนฺตสฺส วา ตานิ วา คณฺหนฺตสฺส ปาราชิกเมว, เอตํ ปน อธมฺมิกกติกวตฺตํ, ตสฺมา น กาตพฺพํ, อฺํ วา เอวรูปํ ‘‘อิมสฺมึ เตมาสพฺภนฺตเร สพฺเพว อารฺกา โหนฺตุ ปิณฺฑปาติกธุตงฺคาทิอวเสสธุตงฺคธรา วา, อถ วา สพฺเพว ขีณาสวา โหนฺตู’’ติ เอวมาทิ. นานาเวรชฺชกา หิ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ. ตตฺถ เกจิ ทุพฺพลา อปฺปถามา เอวรูปํ วตฺตํ อนุปาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เอวรูปมฺปิ วตฺตํ น กาตพฺพํ. ‘‘อิมํ เตมาสํ สพฺเพเหว น อุทฺทิสิตพฺพํ, น ปริปุจฺฉิตพฺพํ, น ปพฺพาเชตพฺพํ, มูคพฺพตํ คณฺหิตพฺพํ, พหิสีมฏฺสฺสปิ สงฺฆลาโภ ทาตพฺโพ’’ติ เอวมาทิกมฺปิ น กตฺตพฺพเมว.

ติวิธมฺปีติ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ. โสเธตฺวา ปพฺพาเชถาติ ภพฺเพ อาจารกุลปุตฺเต อุปปริกฺขิตฺวา ปพฺพาเชถ. ภสฺเส มตฺตํ ชานิตฺวาติ วจเน ปมาณํ ตฺวา. ทสกถาวตฺถุ นาม อปฺปิจฺฉากถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถาติ.

วิคฺคหสํวตฺตนิกํ วจนํ วิคฺคาหิกํ. จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตาติ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา อสุภํ มรณานุสฺสตีติ อิมํ จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตา. ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ เอตฺถ อิทํ ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ – โย เทวสิกํ สงฺฆมชฺเฌ โอสรติ, เตน สามเณราทีหิ อาหริตฺวา ภิกฺขูนํ ยถาสุขํ ภุฺชนตฺถาย ทนฺตกฏฺมาฬเก นิกฺขิตฺเตสุ ทนฺตกฏฺเสุ ทิวเส ทิวเส เอกเมว ทนฺตกฏฺํ คเหตพฺพํ. โย ปน เทวสิกํ น โอสรติ, ปธานฆเร วสิตฺวา ธมฺมสฺสวเน วา อุโปสถคฺเค วา ทิสฺสติ, เตน ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา จตฺตาริ ปฺจ ทนฺตกฏฺานิ อตฺตโน วสนฏฺาเน เปตฺวา ขาทิตพฺพานิ. เตสุ ขีเณสุ สเจ ปุนปิ ทนฺตกฏฺมาฬเก พหูนิ โหนฺติเยว, ปุนปิ อาหริตฺวา ขาทิตพฺพานิ. ยทิ ปน ปมาณํ อสลฺลกฺเขตฺวา อาหรติ, เตสุ อขีเณสุเยว มาฬเก ขียติ, ตโต เกจิ เถรา ‘‘เยหิ คหิตานิ, เต ปฏิหรนฺตู’’ติ วเทยฺยุํ, เกจิ ‘‘ขาทนฺตุ, ปุน สามเณรา อาหริสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา วิวาทปริหารตฺถํ ปมาณํ สลฺลกฺเขตพฺพํ, คหเณ ปน โทโส นตฺถิ. มคฺคํ คจฺฉนฺเตนปิ เอกํ วา ทฺเว วา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ภิกฺขาจารวตฺตํ ปิณฺฑปาติกวตฺเต อาวิภวิสฺสติ.

อนฺโตคาเม…เป… น กเถตพฺพาติ เอตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ จีวเร จ ปิณฺฑปาเต จ วิฺตฺติปิ น วฏฺฏติ นิมิตฺโตภาสปริกถาปิ. เสนาสเน วิฺตฺติเมว น วฏฺฏติ, เสสานิ ตีณิ วฏฺฏนฺติ. คิลานปจฺจเย สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ อาชีวํ โสเธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สุฏฺุ รกฺขิตพฺพาติ. อิมินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ทสฺสิตํ. รกฺขิตินฺทฺริเยหิ ภวิตพฺพนฺติ อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ขนฺธกวตฺตฺจ เสขิยวตฺตฺจ ปูเรตพฺพนฺติ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปน ตีหิปิ สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ. อิติ จตุปาริสุทฺธิสีลปฏิสํยุตฺตา เอวรูปา นิยฺยานิกกถา พหุกาปิ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย.

อิมสฺมึ วสฺสูปนายิกวิสเย เตสุ เตสุ นคเรสุ ตสฺมึ ตสฺมึ ราชกาเล อปริยนฺตา วิวาทกถา โหติ. กถํ? วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๘๖) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร วสฺสํ อุกฺกฑฺฒิตุกาโม ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ ‘ยทิ ปนายฺยา อาคเม ชุณฺเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’’นฺติ วจนํ นิสฺสาย ภควตา อธิมาสํ ปฺตฺตนฺติ มฺมานา เวทสมเยน สํสนฺทิตฺวา คยฺหมานา อเนกวิหิตํ วิวาทํ กโรนฺติ. เวทสมเย กิร ทฺเว อธิมาสานิ ยาจาธิมาสฺจ ปตฺตาธิมาสฺจ. ตตฺถ กลิยุคคณเน เอกูนวีสติคณเนน ภาชิเต ทฺเวปฺจฏฺทสเตรสโสฬสฏฺารสวเสน สตฺตธา เสโส โหติ, เตสํ วเสน จมฺมาธิมาส ปฺจาธิมาส ปสฺวาธิมาส ทสาธิมาส เตรสาธิมาส โสฬสาธิมาส อฏฺารสาธิมาสาติ โวหรนฺติ. อฏฺารสาธิมาสํ ปน อวสานาธิมาสนฺติปิ โวหรนฺติ. เตสุ ปสุโสฬสานิ อปตฺเตเยว อธิมาสปตนกลิยุเค สํวจฺฉรมาสาทิวิสมภเยน ยาจิตฺวา มาสสฺส อากฑฺฒิตพฺพโต ยาจาธิมาสนฺติ โวหรนฺติ, เสสานิ ปน ปฺจมตฺเตเยว อธิมาสปตนกลิยุเค มาสสฺส อากฑฺฒิตพฺพโต ปตฺตาธิมาสนฺติ. ตตฺเรตํ ยาจาธิมาสลกฺขณํ – ตถโต อชานนฺตา ปาฬิยา สํสนฺทิตฺวา พิมฺพิสารรฺา ภควโต ยาจิตาธิมาสตฺตา ยาจาธิมาสํ นาม ภวติ, ตสฺมา ทฺวีสุ เอว ยาจาธิมาเสสุ ทิวเสน สห มาโส อากฑฺฒิตพฺโพ, น อิตเรสูติ วทนฺติ, อฺเ ปน ปฺจสุ ปตฺตาธิมาเสสุ เอว สห ทิวเสน มาโส อากฑฺฒิตพฺโพ, น ยาจาธิมาเสสูติ.

อปเร ปน – ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา ปุริมิกา ปจฺฉิมิกาติ, อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’’ติ ตสฺมึเยว วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๘๔) อาคตาย ปาฬิยา อตฺถํ อโยนิโส คเหตฺวา ติถินกฺขตฺตโยเค เอว วสฺสูปคมนํ ภควตา อนุฺาตํ, ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตรภูโต ปาฏิปททิวโส ปุณฺณาติถิยา จ ยุตฺโต โหตุ, ปุพฺพาสาฬฺหอุตฺตราสาฬฺหสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ นกฺขตฺเตสุ เอเกเกน ยุตฺโต จ, เอวํภูโต กาโล ยทิ วินา ทิวเสน มาสกฑฺฒเน สมฺปชฺชติ, ตถา จ สติ มาสมตฺตากฑฺฒนเมว กาตพฺพํ, ยทิ น สมฺปชฺชติ, สห ทิวเสน มาสากฑฺฒนํ, อยํ ปิฏเกน จ เวเทน จ อนุโลโม วินิจฺฉโยติ วทนฺติ.

ตตฺราปฺเยเก วทนฺติ – ‘‘มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา’’ติอาทินา วินยตฺถมฺชูสาทีสุ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) อาคมนโต ปุณฺณาติถิโยโคปิ ปุณฺณมิยา เอว อิจฺฉิตพฺโพ, น ปาฏิปเท, ตถา นกฺขตฺตโยโคปิ อาสาฬฺหิสุกฺกปกฺขสฺส ปนฺนรเส อุโปสเถ ‘‘อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต, เอวํ ธาตุ ปติฏฺิตา’’ติ มหาวํเส วจนโตติ. ตตฺถ ปุริมา วทนฺติ – เอวํ สนฺเต อุโปสถทิวเสเยว จนฺทคฺคาโห จ สูริยคฺคาโห จ ภเวยฺย, อิทานิ ปน กาฬปกฺขปาฏิปทาทีสุเยว จนฺทคฺคาโห, สุกฺกปกฺขปาฏิปทาทีสุเยว สูริยคฺคาโห ปฺายติ, ตสฺมา ปาฏิปเทเยว ติถินกฺขตฺตโยโค อิจฺฉิตพฺโพติ. ปจฺฉิมาปิ วทนฺติ – ตุมฺหาทิสานํ วาทีนํ วจเนน ปุพฺเพ อากฑฺฒิตพฺพทิวสานํ อนากฑฺฒิตตฺตา ทิวสปุฺชภาเวน เอวํ โหติ, สจฺจโต ปน อุโปสถทิวเสเยว จนฺทคฺคาโห สูริยคฺคาโห จ อิจฺฉิตพฺโพติ. โหตุ, ยถา อิจฺฉถ, ตถา วทถ, เอวํ ภูตปุพฺโพ สาฏฺกเถ เตปิฏเก พุทฺธวจเน อตฺถีติ? อตฺถิ. คนฺธารชาตเก (ชา. อฏฺ. ๓.๗.๗๕ คนฺธารชาตกวณฺณนา) หิ อุโปสถทิวเส จนฺทคฺคาโห ทฺวิกฺขตฺตุํ อาคโต. ตฺหิ ชาตกํ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตปริยาปนฺนํ, ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, นวสุ สาสนงฺเคสุ ชาตกปริยาปนฺนนฺติ. เอวํ วุตฺเต ปุริมกา ปฏิวจนํ ทาตุํ น สกฺกุเณยฺยุนฺติ.

อเถกจฺเจ ‘‘ปิฏกตฺตเย อธิกมาสาเยว สนฺติ, น อธิกทิวสา สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๔) ‘ยํ ปน วุตฺตํ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อฏฺารสนฺนํเยว วสฺสานํ อธิกมาเส คเหตฺวา คณิตตฺตา เสสวสฺสทฺวยสฺสปิ อธิกานิ ทิวสานิ โหนฺเตว, ตานิ อธิกทิวสานิ สนฺธาย นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ วุตฺตนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทฺวีสุ วสฺเสสุ อธิกทิวสา นาม วิสุํ อุปลพฺภนฺติ ตติเย วสฺเส วสฺสุกฺกฑฺฒนวเสน อธิกมาเส ปริจฺจตฺเตเยว อธิกมาสสมฺภวโต, ตสฺมา ทฺวีสุ วสฺเสสุ อติเรกทิวสา นาม วิสุํ น สมฺภวนฺตี’ติ วจนโต’’ติ วทนฺติ. อถฺเ วทนฺติ – ปิฏกตฺตเย อธิกทิวสาติ อาคตา อตฺถิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๐๔) ‘‘อวเสสานํ ทฺวินฺนํ วสฺสานํ อธิกทิวสานิ โหนฺเตว, ตสฺมา นิกฺกงฺขา หุตฺวา อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนโตติ. อิโต ปรมฺปิ วิวิเธน อากาเรน กเถนฺติ. สุทฺธเวทิกาปิ เอวํ วทนฺติ, วินยธรา ภิกฺขู วินยสมยวเสน วทนฺติ. อมฺหากํ ปน เวทสมเย หตฺถคตคณนวเสเนว ชานิตพฺพนฺติ อลมติปปฺเจน. อตฺถิเกหิ ติวสฺสาธิกสหสฺสกลิยุเค ธมฺมราเชน ปุจฺฉิตตฺตา กตํ อธิมาสปกรณํ โอโลเกตฺวา ชานิตพฺพํ.

อิธ ปน อธิปฺเปตวินิจฺฉยเมว กถยาม. ปมทุติยวาเทสุ น พิมฺพิสารราชา ภควนฺตํ อธิมาสปฺาปนํ ยาจติ, น จ ภควา ปฺเปติ, น ‘‘ตสฺมึ วสฺเส อิทํ นาม อธิมาสํ โหตี’’ติ วา ‘‘มาสมตฺตํ วา สหทิวสํ วา อากฑฺฒิตพฺพ’’นฺติ วา ปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาสุ จ อตฺถิ, ราชา ปน อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย เวทสมเย วสฺสุกฺกฑฺฒนสมฺภวโต ภิกฺขูนํ ปมอาสาฬฺหมาเส วสฺสํ อนุปคนฺตฺวา ทุติยอาสาฬฺหมาเส อุปคมนตฺถํ ‘‘ยทิ ปนายฺยา อาคเม ชุณฺเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ ทูตํ ปาเหสิ. ยทิ ปน อุปคจฺเฉยฺยุํ, สาธุ วตาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ภิกฺขู ปน รฺโ ปหิตสาสนํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ปน วสฺสุกฺกฑฺฒเน ภิกฺขูนํ คุณปริหานิยา อภาวโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) อโวจ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๕) ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ เอตฺถ วสฺสุกฺกฑฺฒนภิกฺขูนํ กาจิ ปริหานิ นาม นตฺถีติอนุวตฺติตุํ อนุฺาต’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๘๕) วุตฺตํ ‘‘ปริหานีติ คุณปริหานี’’ติ, ตสฺมา ยาจาธิมาโส วา โหตุ ปตฺตาธิมาโส วา, ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล อนุวตฺตเนน ภิกฺขูนํ สีลาทิคุณมฺปิ ปริหานิ นตฺถิ, ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล อนุวตฺติตพฺพํ.

กถํ ปน อนุวตฺติตพฺพํ, กถํ น อนุวตฺติตพฺพํ? ยทิ อนุวตฺตนฺเต ปุพฺเพ อุปวุตฺถทิวสโต อิทานิ อุปวสิตพฺพอุโปสถทิวโส จาตุทฺทโส วา ปนฺนรโส วา โหติ, ตถา สติ อนุวตฺติตพฺพํ. ยทิ ปน เตรสโม วา โสฬสโม วา โหติ, น อนุวตฺติตพฺพํ. อนุวตฺตนฺโต หิ อนุโปสเถ อุโปสถกโต โหติ, ตโต ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) วุตฺตทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ตสฺมา สีลคุณปริหานิสมฺภวโต น อนุวตฺติตพฺพํ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๐) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา, ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหี’’ติ.

ตติยจตุตฺถวาเทปิ ‘‘กติ วสฺสูปนายิกา’’ติ สํสยนฺตานํ สํสยวิโนทนตฺถํ ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา ปุริมิกา ปจฺฉิมิกา’’ติ (มหาว. ๑๘๔) ภควา อโวจ. ตโต ตาสํ ทฺวินฺนํ วสฺสูปนายิกานํ อุปคมนกาลํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, สาวณปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพาติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๔) ‘‘ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส, อาสาฬฺหิปุณฺณมิโต วา อปราย ปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเสเยว วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตฺวา สพฺพํ เจติยวนฺทนาทิสามีจิกมฺมํ นิฏฺาเปตฺวา ‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’ติ สกึ วา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วา วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๘๔) ‘‘อปรชฺชูติ อาสาฬฺหิโต อปรํ ทินํ, ปาฏิปทนฺติ อตฺโถ’’ติ, วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๘๔) ‘‘อปรสฺมึ ทิวเสติ ทุติเย ปาฏิปททิวเส’’ติ เอวํ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ ปาฏิปททิวเสเยว วสฺสูปคมนํ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อมุกติถิโยเค’’ติ วา ‘‘อมุกนกฺขตฺตโยเค’’ติ วา, ตสฺมา ปาฏิปททิวเส ปาโต อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย สกลทิวสํ สกลรตฺติ ยาว ทุติยอรุณุคฺคมนา ยถารุจิเต กาเล วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตโต เอว วสฺสูปนายิกกาเล ปุณฺณาติถิยา โยโค, อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน โยโค โหตูติ วทนฺตานํ วจนํ วินยวิรุทฺธํ โหติ, ตํ วจนํ คเหตฺวา ปุณฺณาติถิโยคํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยคฺจ อาคเมตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตฺวาปิ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ปฺเปติ นามาติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ จ ปุณฺณาติถิโยเค เอว วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, น เอกาย ติถิยา ยุตฺเตติ วา อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเคเยว, น สาวณนกฺขตฺตโยเคติ วา อนาคตเมว ฉายํ คเหตฺวา ตถาคเตน ปฺตฺตํ วิย โปตฺถเกสุ ลิขิตฺวา เกหิจิ ปิตตฺตา สกลํ วินยปิฏกํ อปสฺสนฺตา เวทสามยิกา ตํ วจนํ สทฺทหิตฺวา วสฺสูปคมนกาเล ปุณฺณาติถิอุตฺตราสาฬฺหโยคเมว คเวสนฺตา มาสทิวเสน สห อากฑฺฒิตพฺพกาเลปิ มาสมตฺตเมว อากฑฺฒนฺติ, มาสมตฺตเมว อากฑฺฒิตพฺพกาเลปิ สห ทิวเสน อากฑฺฒนฺติ, ตสฺมา เอวํวาทิโน ภิกฺขู ‘‘อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชนฺติ, ตสฺมา ภควติ คารวสหิตา ลชฺชิโน ปณฺฑิตา เอวํ น คณฺหนฺตีติ. ติถินกฺขตฺตโยโค ปน อุโปสถทิวเสเยว พหุธา ปิฏกตฺตเย อาคโต, โปราณเวทคนฺเถสุ จ ปสํสิโต, กทาจิ ปน โวหารกาโล ติถิยา นกฺขตฺเตน จ วิสโม โหติ, ตสฺมา ตํ สเมตุํ อธิมาสปตนกาเล มาสมฺปิ ทิวสมฺปิ อากฑฺฒนฺติ, ตสฺมา อฺสฺมึ กาเล วิสเมปิ อากฑฺฒนกาเล สมาเปตพฺพํ. เอวํ สติ มาสอุตุสํวจฺฉรานํ สมภาโว โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

ปฺจมฉฏฺวาเทสุ อธิมาโสติ อฏฺารสวสฺสโต อธิกมาสํ คเหตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘อธิโก มาโส อธิมาโส’’ติ กมฺมธารยสมาสตฺตา ปุลฺลิงฺคํ กตฺวา วุตฺโต. ปุพฺเพ ปน มาสปุฺชโต อธิกฆฏิโย คเหตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘มาสโต อธิกํ อธิมาส’’นฺติ อพฺยยีภาวสมาสตฺตา นปุํสกลิงฺคํ กตฺวา วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘โปราณกตฺเถรา เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺติ, ตํ กสฺมาติ? วุจฺจเต – เอกสฺมึ วสฺเส ฉ จาตุทฺทสิกอุโปสถทิวสา โหนฺติ, อิติ วีสติยา วสฺเสสุ จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺติ, ราชาโน ตติเย ตติเย วสฺเส วสฺสํ อุปกฑฺฒนฺติ, อิติ อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺติ, ตโต อุโปสถวเสน ปริหีเน จตฺตาโร มาเส อปเนตฺวา ทฺเว มาสา อวเสสา โหนฺติ, เต ทฺเว มาเส คเหตฺวา วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ นิกฺกงฺขา หุตฺวา นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปเท อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจเน (ปาจิ. อฏฺ. ๔๐๔) ‘‘นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ อธิกมาเสหิ สทฺธึ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา นิพฺเพมติกา หุตฺวา’’ติ อตฺโถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๔) วุตฺโต.

ตตฺร นนุ จ ‘‘ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อฏฺารสนฺนํ…เป… วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘ยํ ปน วุตฺตํ…เป… ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ กิฺจาปิ วุตฺตํ, ตถาปิ ตํ คณฺิปเทสุ วุตฺตวจนํ น คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ, กสฺมา น คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. หิ ยสฺมา น อุปลพฺภนฺติ, ตสฺมา น คเหตพฺพนฺติ โยชนา. กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ตติเย’’ติอาทิ. ปริจฺจตฺเตเยว สมฺภวโต, อปริจฺจตฺเต อสมฺภวโต น อุปลพฺภนฺตีติ พฺยติเรกวเสน เหตุผลโยชนา. ตสฺมาติอาทิ ลทฺธคุณํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ ปน คณฺิปเทสุ วุตฺตเมว คเหตฺวา วทติ. เอตานิ วจนานิ สามเณรานํ วีสติวสฺสปริปุณฺณภาวสาธกานิเยว โหนฺติ, น อธิมาสปตนวาเรสุ สทิวสมาสากฑฺฒนภาวสาธกานิ, ตสฺมา อิมานิ อาหริตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตุํ น สกฺโกนฺติ. ภิกฺขู ปน พหูนํ สนฺนิปาเต กิฺจิ ปาํ อาหริตฺวา กเถตุํ สมตฺโถ โสภตีติ กตฺวา อีทิสํ ปาํ อาหรนฺติ. สุตสนฺนิจยปณฺฑิตา ปน อิจฺฉิตตฺถสฺส อสาธกตฺตา เอวรูปํ น อาหรนฺติ. สุทฺธเวทิกานมฺปิ วจเน วินยธรา วินยเมว ชานนฺติ, น พาหิรสมยํ. อยํ ปน กถา พาหิรสมเย ปวตฺตา, ตสฺมา วินยธรานํ อวิสโยติ มฺนฺตา วทนฺติ.

วินยธรา ปน เอกจฺเจ วินยเมว ชานนฺติ, เอกจฺเจ สกลํ ปิฏกตฺตยํ ชานนฺติ, เอกจฺเจ สพาหิรสมยํ ปิฏกตฺตยํ ชานนฺติ, ตสฺมา กเถตุํ สมตฺถภาโวเยว ปมาณํ. เวทิกานมฺปิ วจนํ เวทปฺปกรณาคตเมว ปมาณํ. น ยํ กิฺจิ หตฺถคตคณนมตฺตํ, ตสฺมา ยทา ปถวิสฺสโร ราชา สทิวสํ มาสํ อากฑฺฒิตุกาโม ‘‘เชฏฺมาสกาฬปกฺขอุโปสถํ ปนฺนรสิยํ กโรนฺตู’’ติ ยาจิสฺสติ, ตทา ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติ วจนโต ปนฺนรสิยํ อุโปสถกรเณ โทโส นตฺถิ, ยทา สุทฺธมาสเมว อากฑฺฒิตุกาโม ‘‘จาตุทฺทสิยํ กโรนฺตู’’ติ ยาจิสฺสติ, เอวํ สติ ปกติยาปิ เชฏฺมาสกาฬปกฺขุโปสโถ จาตุทฺทโสเยวาติ กตฺวา โทโส นตฺถิ, อุภยถาปิ อุโปสโถ สุกโตเยว โหติ, ตสฺมา อนุวตฺติตพฺโพ. ตโต ปรํ ปมาสาฬฺหมาสสฺส ชุณฺหปกฺเขปิ กาฬปกฺเขปิ ทุติยาสาฬฺหมาสสฺส ชุณฺหปกฺเขปิ ปนฺนรสีอุโปสถํ กตฺวา ปาฏิปททิวเส ติถิโยคํ วา นกฺขตฺตโยคํ วา อโนโลเกตฺวา ปาโต อรุณุคฺคมนานนฺตรโต ปฏฺาย ยาว ปุน อรุณุคฺคมนา สกลทิวสรตฺติยํ ยถาชฺฌาสยํ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺโต สูปคโตว โหติ, นตฺถิ โกจิ โทโสติ ทฏฺพฺโพ. ภวตฺเววํ, ปาโตว วสฺสํ อุปคจฺฉนฺโต อตฺถีติ? อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘สเจ ปาโตว คาหิเต เสนาสเน อฺโ วิตกฺกจาริโก ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา เสนาสนํ ยาจติ, ‘คหิตํ, ภนฺเต, เสนาสนํ, วสฺสูปคโต สงฺโฆ, รมณีโย วิหาโร, รุกฺขมูลาทีสุ ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ วสถา’ติ วตฺตพฺโพ’’ติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ฉพฺพีสติโม ปริจฺเฉโท.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วินยาลงฺการ-ฏีกา (ทุติโย ภาโค)

๒๗. อุปชฺฌายาทิวตฺตวินิจฺฉยกถา

อุปชฺฌายวตฺตกถาวณนา

๑๘๓. เอวํ วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อุปชฺฌายวตฺตาทิวตฺตกถํ กเถตุํ ‘‘วตฺตนฺติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วตฺเตตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วตฺตํ, สทฺธิวิหาริกาทีหิ อุปชฺฌายาทีสุ ปวตฺเตตพฺพํ อาภิสมาจาริกสีลํ. ตํ กติวิธนฺติ อาห ‘‘วตฺตํ นาเมตํ…เป… พหุวิธ’’นฺติ. วจฺจกุฏิวตฺตนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ. เตน สทฺธิวิหาริกวตฺตอนฺเตวาสิกวตฺตอนุโมทนวตฺตานิ สงฺคยฺหนฺติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ตตฺถ อฏฺกถาสุ ‘‘จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานี’’ติ. วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖) จ ปาฬิยํ อาคตเมว, ตตฺถ ปน อาคนฺตุกวตฺตโต ปฏฺาย อาคตํ, อิธ อุปชฺฌายวตฺตโต. อิโต อฺานิปิ ปฺจสตฺตติ เสขิยวตฺตานิ ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ จ วตฺตเมว. เตสุ ปน เสขิยวตฺตานิ มหาวิภงฺเค อาคตานิ, มหาวตฺตานิ กมฺมกฺขนฺธกปาริวาสิกกฺขนฺธเกสุ (จูฬว. ๗๕ อาทโย), ตสฺมา อิธ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิเยว ทสฺสิตานิ. เตสุ อุปชฺฌายวตฺตํ ปมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ อุปชฺฌายวตฺตํ ตาว เอวํ เวทิตพฺพ’’นฺตฺยาทิมาห.

ตตฺถ โก อุปชฺฌาโย, เกนฏฺเน อุปชฺฌาโย, กถํ คหิโต อุปชฺฌาโย, เกน วตฺติตพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก อุปชฺฌาโยติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๗๖) พฺยตฺติพลสมฺปนฺโน อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ทสวสฺโส วา อติเรกทสวสฺโส วา ภิกฺขุ อุปชฺฌาโย. เกนฏฺเน อุปชฺฌาโยติ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, สทฺธิวิหาริกานํ ขุทฺทกํ วชฺชํ วา มหนฺตํ วชฺชํ วา ภุโส จินฺเตตีติ อตฺโถ. กถํ คหิโต โหติ อุปชฺฌาโยติ สทฺธิวิหาริเกน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเต สเจ อุปชฺฌาโย ‘‘สาหู’’ติ วา ‘‘ลหู’’ติ วา ‘‘โอปายิก’’นฺติ วา ‘‘ปติรูป’’นฺติ วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทหี’’ติ วา อิเมสุ ปฺจสุ ปเทสุ ยสฺส กสฺสจิ ปทสฺส วเสน กาเยน วา วาจาย วา กายวาจาหิ วา ‘‘คหิโต ตยา อุปชฺฌาโย’’ติ อุปชฺฌายคฺคหณํ วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. ตตฺถ สาหูติ สาธุ. ลหูติ อครุ, สุภรตาติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, เอวํ ปฏิปชฺชนํ นิตฺถรณุปาโยติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ สามีจิกมฺมมิทนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน กายวจีปโยเคน สมฺปาเทหีติ อตฺโถ.

เกน วตฺติตพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตนฺติ คหิตอุปชฺฌาเยน สทฺธิวิหาริเกน วตฺติตพฺพํ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ อิทํ อาคตเมว, ตตฺถ กาลสฺเสว อุฏฺาย อุปาหนา โอมุฺจิตฺวาติ สจสฺส ปจฺจูสกาเล จงฺกมนตฺถาย วา โธตปาทปริหรณตฺถาย วา ปฏิมุกฺกา อุปาหนา ปาทคตา โหนฺติ, ตา กาลสฺเสว อุฏฺาย อปเนตฺวา. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ ทาตพฺพนฺติ อุตุมฺปิ สรีรสภาเว จ เอกากาเร ตาทิสเมว ทาตพฺพํ.

สคุณํ กตฺวาติ อุตฺตราสงฺคํ สงฺฆาฏิฺจาติ ทฺเว จีวรานิ เอกโต กตฺวา ตา ทฺเวปิ สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา. สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตตฺตา สงฺฆาฏีติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา’’ติ. ปทวีติหาเรหีติ เอตฺถ ปทํ วีติหรติ เอตฺถาติ ปทวีติหาโร, ปทวีติหารฏฺานํ. ทุตวิลมฺพิตํ อกตฺวา สมคมเนน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. ปทานํ วา วีติหรณํ อภิมุขํ หริตฺวา นิกฺเขโป ปทวีติหาโรติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถา โอปาเตตพฺพาติ อนฺตรฆเร วา อฺตฺร วา ภณมานสฺส อนิฏฺิเต ตสฺส วจเน อฺา กถา น สมุฏฺาเปตพฺพา. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ น-การโต ปฏฺาย. เตน นาติทูเรติอาทีสุ น-การปฏิสิทฺเธสุ อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ อาปทาอุมฺมตฺตขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏตาทีหิ วินา ปณฺณตฺตึ อชานิตฺวาปิ วทนฺตสฺส คิลานสฺส จ ทุกฺกฏเมว. อาปทาสุ หิ อนฺตรนฺตรา กถา วตฺตุํ วฏฺฏติ, เอวมฺเสุ น-การปฏิสิทฺเธสุ อีทิเสสุ, อิตเรสุ ปน คิลาโนปิ น มุจฺจติ. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺติ เวทิตพฺพาติ ‘‘อีทิเสสุ คิลาโนปิ น มุจฺจตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺมฺปิ หิ ยถาวุตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส อคิลานสฺส วตฺตเภเท สพฺพตฺถ ทุกฺกฏเมว, เตเนว วกฺขติ ‘‘อคิลาเนน หิ สทฺธิวิหาริเกน สฏฺิวสฺเสนปิ สพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ กาตพฺพํ, อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ. น-การปฏิสํยุตฺเตสุ ปน ปเทสุ คิลานสฺสปิ ปฏิกฺขิตฺตกิริยํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวา’’ติ. อาปตฺติสามนฺตา ภณมาโนติ ปทโสธมฺม(ปาจิ. ๔๔ อาทโย)-ทุฏฺุลฺลาทิวเสน (ปารา. ๒๘๓) อาปตฺติยา อาสนฺนวาจํ ภณมาโน. อาปตฺติยา อาสนฺนวาจนฺติ จ อาปตฺติชนกเมว วจนํ สนฺธาย วทติ. ยาย หิ วาจาย อาปตฺตึ อาปชฺชติ, สา วาจา อาปตฺติยา อาสนฺนาติ วุจฺจติ.

จีวเรน ปตฺตํ เวเตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อุตฺตราสงฺคสฺส เอเกน กณฺเณน เวเตฺวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เหฏฺาปีํ วา ปรามสิตฺวาติ อิทํ ปุพฺเพ ตตฺถ ปิตปตฺตาทินา อสงฺฆฏฺฏนตฺถาย วุตฺตํ. จกฺขุนา โอโลเกตฺวาปิ อฺเสํ อภาวํ ตฺวาปิ เปตุํ วฏฺฏติ เอว. จตุรงฺคุลํ กณฺณํ อุสฺสาเรตฺวาติ กณฺณํ จตุรงฺคุลปฺปมาณํ อติเรกํ กตฺวา เอวํ จีวรํ สงฺฆริตพฺพํ. โอโภเค กายพนฺธนํ กาตพฺพนฺติ กายพนฺธนํ สงฺฆริตฺวา จีวรโภเค ปกฺขิปิตฺวา เปตพฺพํ. สเจ ปิณฺฑปาโต โหตีติ เอตฺถ โย คาเมเยว วา อนฺตรฆเร วา ปฏิกฺกมเน วา ภุฺชิตฺวา อาคจฺฉติ, ปิณฺฑํ วา น ลภติ, ตสฺส ปิณฺฑปาโต น โหติ, คาเม อภุตฺตสฺส ปน ลทฺธภิกฺขสฺส วา โหติ, ตสฺมา ‘‘สเจ ปิณฺฑปาโต โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คาเมติ คามปริยาปนฺเน ตาทิเส กิสฺมิฺจิ ปเทเส. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. ปฏิกฺกมเนติ อาสนสาลายํ. สเจปิ ตสฺส น โหติ, ภุฺชิตุกาโม จ โหติ, อุทกํ ทตฺวา อตฺตนา ลทฺธโตปิ ปิณฺฑปาโต อุปเนตพฺโพ. ติกฺขตฺตุํ ปานีเยน ปุจฺฉิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ, อาทิมฺหิ มชฺเฌ อนฺเตติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. อุปกฏฺโติ อาสนฺโน. โธตวาลิกายาติ อุทเกน คตฏฺาเน นิรชาย ปริสุทฺธวาลิกาย.

นิทฺธูเมติ ชนฺตาฆเร ชลมานอคฺคิธูมรหิเต. ชนฺตาฆรฺหิ นาม หิมปาตพหุเกสุ เทเสสุ ตปฺปจฺจยโรคปีฬาทินิวารณตฺถํ สรีรเสทตาปนฏฺานํ. ตตฺถ กิร อนฺธการปฏิจฺฉนฺนตาย พหูปิ เอกโต ปวิสิตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อคฺคิตาปปริหาราย มตฺติกาย มุขํ ลิมฺปิตฺวา สรีรํ ยาวทตฺถํ เสเทตฺวา จุณฺณาทีหิ อุพฺพฏฺเฏตฺวา นหายนฺติ. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๖๖) ‘‘จุณฺณํ สนฺเนตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สเจ อุสฺสหตีติ สเจ ปโหติ. วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เกนจิ เคลฺเน อนภิภูโต โหตี’’ติ. อปฏิฆํสนฺเตนาติ ภูมิยํ อปฏิฆํสนฺเตน. กวาฏปีนฺติ กวาฏปีฺจ ปิฏฺสงฺฆาตฺจ อจฺฉุปนฺเตน. สนฺตานกนฺติ ยํ กิฺจิ กีฏกุลาวกมกฺกฏกสุตฺตาทิ. อุลฺโลกา ปมํ โอหาเรตพฺพนฺติ อุลฺโลกโต ปมํ อุลฺโลกํ อาทึ กตฺวา อวหริตพฺพนฺติ อตฺโถ. อุลฺโลกนฺติ จ อุทฺธํ โอโลกนฏฺานํ, อุปริภาคนฺติ อตฺโถ. อาโลกสนฺธิกณฺณภาคาติ อาโลกสนฺธิภาคา จ กณฺณภาคา จ, อพฺภนฺตรพาหิรวาตปานกวาฏกานิ จ คพฺภสฺส จ จตฺตาโร โกณา สมฺมชฺชิตพฺพาติ อตฺโถ.

อฺตฺถ เนตพฺโพติ ยตฺถ วิหารโต สาสเน อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ตโต อฺตฺถ กลฺยาณมิตฺตาทิสมฺปตฺติยุตฺตฏฺาเน เนตพฺโพ. น จ อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตพฺพนฺติ รชิตจีวรโต ยาว อปฺปมตฺตกมฺปิ รชนํ คฬติ, น ตาว ปกฺกมิตพฺพํ. น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา เอกจฺจสฺส ปตฺโต ทาตพฺโพติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส วิสภาคปุคฺคลานํ วเสน กถิตํ. เอตฺถ จ วิสภาคปุคฺคลานนฺติ ลชฺชิโน วา อลชฺชิโน วา อุปชฺฌายสฺส อวฑฺฒิกาเม สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน อุปชฺฌาโย อลชฺชี โอวาทมฺปิ น คณฺหาติ, ลชฺชิโน จ เอตสฺส วิสภาคา โหนฺติ, ตตฺถ อุปชฺฌายํ วิหาย ลชฺชีเหว สทฺธึ อามิสาทิปริโภโค กาตพฺโพ. อุปชฺฌายาทิภาโว เหตฺถ นปฺปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริเวณํ คนฺตฺวาติ อุปชฺฌายสฺส ปริเวณํ คนฺตฺวา. สุสานนฺติ อิทํ อุปลกฺขณํ. อุปจารสีมโต พหิ คนฺตุกาเมน อนาปุจฺฉา คนฺตุํ น วฏฺฏติ. วุฏฺานมสฺส อาคเมตพฺพนฺติ เคลฺโต วุฏฺานํ อสฺส อาคเมตพฺพํ.

อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา

๑๘๔. อาจริยวตฺตกถายํ โก อาจริโย, เกนฏฺเน อาจริโย, กติวิโธ อาจริโย, กถํ คหิโต อาจริโย, เกน วตฺติตพฺพํ อาจริยวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก อาจริโยติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสวสฺสํ นิสฺสาย วตฺถุํ ทสวสฺเสน นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๗๗) พฺยตฺติพลสมฺปนฺโน ทสวสฺโส วา อติเรกทสวสฺโส วา ภิกฺขุ อาจริโย. เกนฏฺเน อาจริโยติ อนฺเตวาสิเกน อาภุโส จริตพฺโพติ อาจริโย, อุปฏฺาตพฺโพติ อตฺโถ. กติวิโธ อาจริโยติ นิสฺสยาจริยปพฺพชฺชาจริยอุปสมฺปทาจริยธมฺมาจริยวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ นิสฺสยํ คเหตฺวา ตํ นิสฺสาย วตฺถพฺโพ นิสฺสยาจริโย. ปพฺพชิตกาเล สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปโก ปพฺพชฺชาจริโย. อุปสมฺปทกาเล กมฺมวาจานุสฺสาวโก อุปสมฺปทาจริโย. พุทฺธวจนสิกฺขาปโก ธมฺมาจริโย นาม. กถํ คหิโต โหติ อาจริโยติ อนฺเตวาสิเกน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม, ภนฺเต, โหหิ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเต อาจริโย ‘‘สาหู’’ติ วา ‘‘ลหู’’ติ วา ‘‘โอปายิก’’นฺติ วา ‘‘ปติรูป’’นฺติ วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทหี’’ติ วา กาเยน วิฺาเปติ, วาจาย วิฺาเปติ, กายวาจาหิ วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อาจริโย.

เกน วตฺติตพฺพํ อาจริยวตฺตนฺติ อนฺเตวาสิเกน วตฺติตพฺพํ อาจริยวตฺตํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฺจ วสฺสานิ นิสฺสาย วตฺถพฺพํ, อพฺยตฺเตน ยาวชีวํ. เอตฺถ สจายํ ภิกฺขุ วุฑฺฒตรํ อาจริยํ น ลภติ, อุปสมฺปทาย สฏฺิวสฺโส วา สตฺตติวสฺโส วา โหติ, นวกตรสฺสปิ พฺยตฺตสฺส สนฺติเก อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม, อาวุโส, โหหิ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพ. คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉนฺเตนปิ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉามิ อาจริยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอส นโย สพฺพอาปุจฺฉเนสุ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ เอตฺถ อุปชฺฌายวตฺตโต อฺํ นตฺถีติ อาห ‘‘อิทเมว จ…เป… อาจริยวตฺตนฺติ วุจฺจตี’’ติ. นนุ อุปชฺฌาจริยา ภินฺนปทตฺถา, อถ กสฺมา อิทเมว ‘‘อาจริยวตฺต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อาจริยสฺส กตฺตพฺพตฺตา’’ติ. ยถา เอโกปิ ภิกฺขุ มาตุภาตาภูตตฺตา ‘‘มาตุโล’’ติ จ ธมฺเม สิกฺขาปกตฺตา ‘‘อาจริโย’’ติ จ วุจฺจติ, เอวํ เอกเมว วตฺตํ อุปชฺฌายสฺส กตฺตพฺพตฺตา ‘‘อุปชฺฌายวตฺต’’นฺติ จ อาจริยสฺส กตฺตพฺพตฺตา ‘‘อาจริยวตฺต’’นฺติ จ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สนฺเตปิ นาเม ภินฺเน อตฺโถ ภินฺโน สิยาติ อาห ‘‘นามมตฺตเมว เหตฺถ นาน’’นฺติ. ยถา ‘‘อินฺโท สกฺโก’’ติอาทีสุ นามมตฺตเมว ภินฺนํ, น อตฺโถ, เอวเมตฺถาปีติ ทฏฺพฺโพติ.

อิทานิ ตสฺมึ วตฺเต สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกานํ วเสน ลพฺภมานํ กฺจิ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยาว จีวรรชน’’นฺตฺยาทิมาห. ตโต อุปชฺฌายาจริยานํ วเสน วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปชฺฌาเย’’ตฺยาทิมาห. เตสุ วตฺตํ สาทิยนฺเตสุ อาปตฺติ, อสาทิยนฺเตสุ อนาปตฺติ, เตสุ อชานนฺเตสุ, เอกสฺส ภารกรเณปิ อนาปตฺตีติ อยเมตฺถ ปิณฺฑตฺโถ. อิทานิ อนฺเตวาสิกวิเสสวเสน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ.

อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สทฺธิวิหาริกวตฺตกถาวณฺณนา

สทฺธิวิหาริกวตฺเต โก สทฺธิวิหาริโก, เกนฏฺเน สทฺธิวิหาริโก, เกน วตฺติตพฺพํ สทฺธิวิหาริกวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก สทฺธิวิหาริโกติ อุปสมฺปนฺโน วา โหตุ สามเณโร วา, โย อุปชฺฌํ คณฺหาติ, โส สทฺธิวิหาริโก นาม. เกนฏฺเน สทฺธิวิหาริโกติ อุปชฺฌาเยน สทฺธึ วิหาโร เอตสฺส อตฺถีติ สทฺธิวิหาริโกติ อตฺเถน. เกน วตฺติตพฺพํ สทฺธิวิหาริกวตฺตนฺติ อุปชฺฌาเยน วตฺติตพฺพํ. เตน วุตฺตํ วตฺตกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๗๘) ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, อุปชฺฌายานํ สทฺธิวิหาริเกสุ วตฺตํ ปฺเปสฺสามิ, ยถา อุปชฺฌาเยหิ สทฺธิวิหาริเกสุ วตฺติตพฺพ’’นฺติ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ อิทานิ ปกรณาคตํ. อิมสฺมึ ปน ปกรเณ สงฺเขปรุจิตฺตา, อาจริยสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกวตฺตานฺจ สมานตฺตา ทฺเวปิ เอกโต วุตฺตา, ตถาปิ วตฺตกฺขนฺธเก วิสุํ วิสุํ อาคตตฺตา วิสุํ วิสุํเยว กถยาม.

สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพติ อุทฺเทสาทีหิสฺส สงฺคโห จ อนุคฺคโห จ กาตพฺโพ. ตตฺถ อุทฺเทโสติ ปาฬิวจนํ. ปริปุจฺฉาติ ปาฬิยา อตฺถวณฺณนา. โอวาโทติ อโนติณฺเณ วตฺถุสฺมึ ‘‘อิทํ กโรหิ, อิทํ มา กริตฺถา’’ติ วจนํ. อนุสาสนีติ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ. อปิจ โอติณฺเณ วา อโนติณฺเณ วา ปมํ วจนํ โอวาโท, ปุนปฺปุนํ วจนํ อนุสาสนีติ ทฏฺพฺพํ. สเจ อุปชฺฌายสฺส ปตฺโต โหตีติ สเจ อติเรกปตฺโต โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปริกฺขาโรติ อฺโปิ สมณปริกฺขาโร. อิธ อุสฺสุกฺกํ นาม ธมฺมิเยน นเยน อุปฺปชฺชมานอุปายปริเยสนํ. อิโต ปรํ ทนฺตกฏฺทานํ อาทึ กตฺวา อาจมนกุมฺภิยา อุทกสิฺจนปริโยสานํ วตฺตํ คิลานสฺเสว สทฺธิวิหาริกสฺส กาตพฺพํ. อนภิรติวูปกาสนาทิ ปน อคิลานสฺสปิ กตฺตพฺพเมว. จีวรํ รชนฺเตนาติ ‘‘เอวํ รเชยฺยาสี’’ติ อุปชฺฌายโต อุปายํ สุตฺวา รชนฺเตน. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพติอาทีสุ อนาทริยํ ปฏิจฺจ ธมฺมามิเสหิ อสงฺคณฺหนฺตานํ อาจริยุปชฺฌายานํ ทุกฺกฏํ วตฺตเภทตฺตา. เตเนว ปริวาเรปิ (ปริ. ๓๒๒) ‘‘น เทนฺโต อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

สทฺธิวิหาริกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนฺเตวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา

อนฺเตวาสิกวตฺเต โก อนฺเตวาสิโก, เกนฏฺเน อนฺเตวาสิโก, กติวิธา อนฺเตวาสิกา, เกน วตฺติตพฺพํ อนฺเตวาสิกวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก อนฺเตวาสิโกติ อุปสมฺปนฺโน วา โหตุ สามเณโร วา, โย อาจริยสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คณฺหาติ, โย วา อาจริยสฺส โอวาทํ คเหตฺวา ปพฺพชติ, โย วา เตนานุสฺสาวิโต หุตฺวา อุปสมฺปชฺชติ, โย วา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุณาติ, โส สพฺโพ อนฺเตวาสิโกติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปโม นิสฺสยนฺเตวาสิโก นาม, ทุติโย ปพฺพชฺชนฺเตวาสิโก นาม, ตติโย อุปสมฺปทนฺเตวาสิโก นาม, จตุตฺโถ ธมฺมนฺเตวาสิโก นาม. อฺตฺถ ปน สิปฺปนฺเตวาสิโกปิ อาคโต, โส อิธ นาธิปฺเปโต. เกนฏฺเน อนฺเตวาสิโกติ อนฺเต วสตีติ อนฺเตวาสิโก อลุตฺตสมาสวเสน. กติวิธา อนฺเตวาสิกาติ ยถาวุตฺตนเยน จตุพฺพิธา อนฺเตวาสิกา.

เกน วตฺติตพฺพํ อนฺเตวาสิกวตฺตนฺติ จตุพฺพิเธหิ อาจริเยหิ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺติตพฺพํ. ยถาห วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๘๒) ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, อาจริยานํ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ปฺเปสฺสามิ, ยถา อาจริเยหิ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺติตพฺพ’’นฺติ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ ยํ ภควตา วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตํ, อิธ จ สงฺเขเปน ทสฺสิตํ, ตํ วตฺตนฺติ. อิธ ปน อตฺโถ สทฺธิวิหาริกวตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – เอเตสุ ปพฺพชฺชนฺเตวาสิโก จ อุปสมฺปทนฺเตวาสิโก จ อาจริยสฺส ยาวชีวํ ภาโร, นิสฺสยนฺเตวาสิโก จ ธมฺมนฺเตวาสิโก จ ยาว สมีเป วสนฺติ, ตาวเทว, ตสฺมา อาจริเยหิปิ เตสุ สมฺมา วตฺติตพฺพํ. อาจริยนฺเตวาสิเกสุ หิ โย โย น สมฺมา วตฺตติ, ตสฺส ตสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา.

อนฺเตวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา

๑๘๕. อาคนฺตุกวตฺเต อาคจฺฉตีติ อาคนฺตุโก, เตน วตฺติตพฺพนฺติ อาคนฺตุกวตฺตํ. ‘‘อิทานิ อารามํ ปวิสิสฺสามี’’ติ อิมินา อุปจารสีมาสมีปํ ทสฺเสติ, ตสฺมา อุปจารสีมาสมีปํ ปตฺวา อุปาหนาโอมุฺจนาทิ สพฺพํ กาตพฺพํ. คเหตฺวาติ อุปาหนทณฺฑเกน คเหตฺวา. อุปาหนปุฺฉนโจฬกํ ปุจฺฉิตฺวา อุปาหนา ปุฺฉิตพฺพาติ ‘‘กตรสฺมึ าเน อุปาหนปุฺฉนโจฬก’’นฺติ อาวาสิเก ภิกฺขู ปุจฺฉิตฺวา. ปตฺถริตพฺพนฺติ สุกฺขาปนตฺถาย อาตเป ปตฺถริตพฺพํ. สเจ นวโก โหติ, อภิวาทาเปตพฺโพติ ตสฺส วสฺเส ปุจฺฉิเต ยทิ ทหโร โหติ, สยเมว วนฺทิสฺสติ, ตทา อิมินา วนฺทาปิโต โหติ. นิลฺโลเกตพฺโพติ โอโลเกตพฺโพ. พหิ ิเตนาติ พหิ นิกฺขมนฺตสฺส อหิโน วา อมนุสฺสสฺส วา มคฺคํ ตฺวา ิเตน นิลฺโลเกตพฺโพ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา

๑๘๖. อาวาสิกวตฺเต อาวสตีติ อาวาสิโก, เตน วตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิกวตฺตํ. ตตฺถ อาวาสิเกน ภิกฺขุนา อาคนฺตุกํ ภิกฺขุํ วุฑฺฒตรํ ทิสฺวา อาสนํ ปฺเปตพฺพนฺติอาทิ ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๕๙) อาคตฺจ อฏฺกถายํ อาคตฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๓๕๙) คเหตพฺพํ, คเหตฺวา วุตฺตตฺตา ปากฏเมว, อุปาหนปุฺฉนํ ปน อตฺตโน รุจิวเสน กาตพฺพํ. เตเนว เหตฺถ ‘‘สเจ อุสฺสหตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปาหนา อปุฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ. เสนาสนํ ปฺเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘กตฺถ มยฺหํ เสนาสนํ ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิเตน เสนาสนํ ปฺเปตพฺพํ, ‘‘เอตํ เสนาสนํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปปฺโผเฏตฺวา ปตฺถริตุํ ปน วฏฺฏติเยว. เอเตน มฺจปีาทึ ปปฺโผเฏตฺวา ปตฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา ทานมฺปิ เสนาสนปฺาปนเมวาติ ทสฺเสติ. มหาอาวาเสปิ อตฺตโน สนฺติกํ สมฺปตฺตสฺส อาคนฺตุกสฺส วตฺตํ อกาตุํ น ลพฺภติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

อาวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

คมิกวตฺตกถาวณฺณนา

๑๘๗. คมิกวตฺเต คนฺตุํ ภพฺโพติ คมิโก, เตน วตฺติตพฺพนฺติ คมิกวตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – ทารุภณฺฑนฺติ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๒๒) วุตฺตํ มฺจปีาทิ. มตฺติกาภณฺฑมฺปิ รชนภาชนาทิ สพฺพํ ตตฺถ วุตฺตปฺปเภทเมว. ตํ สพฺพํ อคฺคิสาลายํ วา อฺตรสฺมึ วา คุตฺตฏฺาเน ปฏิสาเมตฺวา คนฺตพฺพํ, อโนวสฺสเก ปพฺภาเรปิ เปตุํ วฏฺฏติ. เสนาสนํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยํ ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา กตเสนาสนํ, ยตฺถ อุปจิกา นาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ. จตูสุ ปาสาเณสูติอาทิ อุปจิกานํ อุปฺปตฺติฏฺาเน ปณฺณสาลาทิเสนาสเน กตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อปฺเปว นาม องฺคานิปิ เสเสยฺยุนฺติ อยํ อชฺโฌกาเส ปิตมฺหิ อานิสํโส. โอวสฺสกเคเห ปน ติเณสุ จ มตฺติกาปิณฺเฑสุ จ อุปริ ปตนฺเตสุ มฺจปีานํ องฺคานิปิ วินสฺสนฺติ.

คมิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภตฺตคฺควตฺตกถาวณฺณนา

๑๘๘. วตฺตกฺขนฺธเก อิมสฺมึ าเน อนุโมทนวตฺตํ อาคตํ, ตโต ภตฺตคฺควตฺตํ. สารตฺถทีปนิยฺจ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๗๓-๓๗๔) ‘‘อิมสฺมึ วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖) อาคตานิ อาคนฺตุกาวาสิกคมิยานุโมทนภตฺตคฺคปิณฺฑจาริการฺิกเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฏิอุปชฺฌายาจริยสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ นามา’’ติ อนุกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ คมิกวตฺตโต ภตฺตคฺควตฺตํ อาคตํ, อนุโมทนวตฺตํ ปน วิสุํ อวตฺวา ภตฺตคฺควตฺเตเยว อนฺโตคธํ กตฺวา ปจฺฉา วุตฺตํ ภตฺตคฺคํ คนฺตฺวา ภตฺเต ภุตฺเตเยว อนุโมทนากรณโต, ปาฬิยฺจ อฺเสุ วตฺเตสุ วิย ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อนุโมทนวตฺตํ ปฺาเปสฺสามี’’ติ วิสุํ วตฺตภาเวน อนาคตตฺตา ภตฺตคฺควตฺเตเยว อนฺโตคธนฺติ อาจริยสฺส อธิปฺปาโย สิยา. อิมสฺส จ วินยาลงฺการปกรณสฺส ตสฺสา วณฺณนาภูตตฺตา สํวณฺเณตพฺพกฺกเมเนว สํวณฺณนํ กถยิสฺสาม.

ภุฺชิตพฺพนฺติ ภตฺตํ. อชติ คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ อคฺคํ. ‘‘อาทิโกฏฺาสโกฏีสุ, ปุรโตคฺคํ วเร ตีสู’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ อาคเตปิ ‘‘ราชคฺคนฺติ ราชารหํ, สลากคฺคนฺติ สลากคฺคหณฏฺาน’’นฺติอาทีสุ อฺตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต ภตฺตสฺส อคฺคํ ภตฺตคฺคํ, ภตฺตปริวิสนฏฺานํ, ภตฺตคฺเค วตฺติตพฺพํ วตฺตํ ภตฺตคฺควตฺตนฺติ วิคฺคโห. ตตฺถ อาราเม กาโล อาโรจิโต โหตีติ ‘‘กาโล ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ อาโรจิโต โหติ. ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตนาติ ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ นาภิมณฺฑลฺจ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน. ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวาติ สมนฺตโต มณฺฑลํ นิวาเสตฺวา. อุทฺธํ นาภิมณฺฑลํ, อโธ ชาณุมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน ชาณุมณฺฑลสฺส เหฏฺา ชงฺฆฏฺิโต ปฏฺาย อฏฺงฺคุลมตฺตํ นิวาสนํ โอตาเรตฺวา นิวาเสตพฺพํ, ตโต ปรํ โอตาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วุตฺตํ, ยถานิสินฺนสฺส ชาณุมณฺฑลโต เหฏฺา จตุรงฺคุลมตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวาติ ตสฺส นิวาสนสฺส อุปริ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อกายพนฺธเนน คาโม ปวิสิตพฺโพ, โย ปวิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตา. สคุณํ กตฺวาติ อิทํ อุปชฺฌายวตฺเต วุตฺตเมว. ‘‘คณฺิกํ ปฏิมุฺจิตฺวาติ ปาสเก คณฺิกํ ปเวเสตฺวา อนฺโตคาโม วา โหตุ วิหาโร วา, มนุสฺสานํ ปริวิสนฏฺานํ คจฺฉนฺเตน จีวรํ ปารุปิตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา คมนเมว วฏฺฏตี’’ติ มหาอฏฺกถาสุ วุตฺตํ. เอตฺถ จ มนุสฺสานํ ปริวิสนฏฺานนฺติ ยตฺถ อนฺโตวิหาเรปิ มนุสฺสา สปุตฺตทารา อาวสิตฺวา ภิกฺขู เนตฺวา โภเชนฺติ.

สุปฺปฏิจฺฉนฺเนนาติ น สสีสํ ปารุเตน, อถ โข คณฺิกํ ปฏิมุฺจิตฺวา อนุวาตนฺเตน คีวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อุโภ กณฺเณ สมํ กตฺวา ปฏิสํหริตฺวา ยาว มณิพนฺธา ปฏิจฺฉาเทนฺเตน. สุสํวุเตนาติ หตฺถํ วา ปาทํ วา อกีฬาเปนฺเตน, สุวินีเตนาติ อตฺโถ. โอกฺขิตฺตจกฺขุนาติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุนา. โย อนาทริยํ ปฏิจฺจ ตหํ ตหํ โอโลเกนฺโต ภิยฺโย ตํ ตํ ทิสาภาคํ ปาสาทํ กูฏาคารํ วีถึ โอโลเกนฺโต คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. เอกสฺมึ ปน าเน ตฺวา หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ วฏฺฏติ. อปฺปสทฺเทนาติ เอตฺถ กิตฺตาวตา อปฺปสทฺโท โหติ? ทฺวาทสหตฺเถ เคเห อาทิมฺหิ สงฺฆตฺเถโร มชฺเฌ ทุติยตฺเถโร อนฺเต ตติยตฺเถโรติ เอวํ นิสินฺเนสุ สงฺฆตฺเถโร ทุติเยน สทฺธึ มนฺเตติ, ทุติยตฺเถโร ตสฺส สทฺทฺเจว สุณาติ, กถฺจ ววตฺถเปติ, ตติยตฺเถโร ปน สทฺทเมว สุณาติ, กถํ น ววตฺถเปติ, เอตฺตาวตา อปฺปสทฺโท โหติ. สเจ ปน ตติยตฺเถโร กถํ ววตฺถเปติ, มหาสทฺโท นาม โหติ.

อุกฺขิตฺตกายาติ น อุกฺเขเปน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, เอกโต วา อุภโต วา อุกฺขิตฺตจีวโร หุตฺวาติ อตฺโถ. อนฺโตอินฺทขีลโต ปฏฺาย น เอวํ คนฺตพฺพํ. นิสินฺนกาเล ปน ธมกรณํ นีหรนฺเตนปิ จีวรํ อนุกฺขิปิตฺวาว นีหริตพฺพํ. น อุชฺชคฺฆิกายาติ น มหาหสิตํ หสนฺโต, วุตฺตนเยเนเวตฺถ กรณวจนํ. น กายปฺปจาลกนฺติ กายํ อจาเลตฺวา กายํ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลํ กตฺวา อุชุเกน กาเยน สเมน อิริยาปเถน. น พาหุปฺปจาลกนฺติ พาหุํ อจาเลตฺวา พาหุํ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลํ กตฺวา. น สีสปฺปจาลกนฺติ สีสํ อจาเลตฺวา สีสํ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลํ อุชุํ เปตฺวา. น ขมฺภกโตติ ขมฺภกโต นาม กฏิยํ หตฺถํ เปตฺวา กตขมฺโภ. น อุกฺกุฏิกายาติ เอตฺถ อุกฺกุฏิกา วุจฺจติ ปณฺหิโย อุกฺขิปิตฺวา อคฺคปาเทหิ วา อคฺคปาเท อุกฺขิปิตฺวา ปณฺเหหิเยว วา ภูมึ ผุสนฺตสฺส คมนํ. กรณวจนํ ปเนตฺถ วุตฺตลกฺขณเมว. น โอคุณฺิเตนาติ สสีสํ ปารุเตน. น ปลฺลตฺถิกายาติ น ทุสฺสปลฺลตฺถิกาย. เอตฺถ อาโยคปลฺลตฺถิกาปิ ทุสฺสปลฺลตฺถิกา เอว. น เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺชาติ เถเร ภิกฺขู อติอลฺลียิตฺวา น นิสีทิตพฺพํ. น สงฺฆาฏึ โอตฺถริตฺวาติ น สงฺฆาฏึ อตฺถริตฺวา นิสีทิตพฺพํ.

สกฺกจฺจนฺติ สตึ อุปฏฺาเปตฺวา. ปตฺตสฺีติ ปตฺเต สฺํ กตฺวา. สมสูปโก นาม ยตฺถ ภตฺตสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาโณ สูโป โหติ. สมติตฺถิกนฺติ สมปุณฺณํ สมภริตํ. ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ ถูปีกโต นาม ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ อติกฺกมิตฺวา กโต, ปตฺเต ปกฺขิตฺโต ภริโต ปูริโตติ อตฺโถ. เอวํ กตํ อคฺคเหตฺวา อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขาสมปฺปมาโณ คเหตพฺโพ. ‘‘ยํ กฺจิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ผลาผลํ วา อามิสชาติกํ สมติตฺถิกเมว คเหตพฺพํ, ตฺจ โข อธิฏฺานุปเคน ปตฺเตน, อิตเรน ปน ถูปีกตมฺปิ วฏฺฏติ. ยามกาลิกสตฺตาหกาลิกยาวชีวิกานิ ปน อธิฏฺานุปคปตฺเต ถูปีกตานิปิ วฏฺฏนฺติ. ยํ ปน ทฺวีสุ ปตฺเตสุ ภตฺตํ คเหตฺวา เอกสฺมึ ปูเรตฺวา วิหารํ เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. ยํ ปตฺเต ปกฺขิปิยมานํ ปูวอุจฺฉุขณฺฑผลาผลาทิ เหฏฺา โอโรหติ, ตํ ถูปีกตํ นาม น โหติ. ปูววฏํสกํ เปตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, ถูปีกตเมว โหติ. ปุปฺผวฏํสกตกฺโกลกฏุกผลาทิวฏํสเก ปน เปตฺวา ทินฺนํ ถูปีกตํ น โหติ. ภตฺตสฺส อุปริ ถาลกํ วา ปตฺตํ วา เปตฺวา ปูเรตฺวา คณฺหาติ, ถูปีกตํ นาม น โหติ. กุรุนฺทิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ถาลเก วา ปตฺเต วา ปกฺขิปิตฺวา ตํ ปตฺตมตฺถเก เปตฺวา เทนฺติ, ปาเฏกฺกภาชนํ วฏฺฏติ. อิธ อนาปตฺติยํ คิลาโน น อาคโต, ตสฺมา คิลานสฺสปิ ถูปีกตํ น วฏฺฏติ, สพฺพตฺถ ปน ปฏิคฺคเหตุเมว น วฏฺฏติ, ปฏิคฺคหิตํ ปน ภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ.

‘‘สกฺกจฺจ’’นฺติ จ ‘‘ปตฺตสฺี’’ติ จ อุภยํ วุตฺตนยเมว. สปทานนฺติ ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา อนุปฏิปาฏิยา. สมสูปเก วตฺตพฺพํ วุตฺตเมว. ถูปกโตติ มตฺถกโต, เวมชฺฌโตติ อตฺโถ. น สูปํ วา พฺยฺชนํ วาติอาทิ ปากฏเมว. วิฺตฺติยํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ. อุชฺฌานสฺีสิกฺขาปเทปิ คิลาโน น มุฺจติ. นาติมหนฺโต กพโฬติ มยูรณฺฑํ อติมหนฺตํ, กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทกํ, เตสํ เวมชฺฌปฺปมาโณ. ปริมณฺฑลํ อาโลโปติ นาติทีโฆ อาโลโป. อนาหเฏติ อนาหริเต, มุขทฺวารํ อสมฺปาปิเตติ อตฺโถ. สพฺโพ หตฺโถติ เอตฺถ หตฺถสทฺโท ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘หตฺถมุทฺโท’’ติอาทีสุ วิย สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเว ปวตฺตนโต. เอกงฺคุลิมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ. น สกพเฬนาติ เอตฺถ ธมฺมํ กเถนฺโต หรีตกํ วา ลฏฺิมธุกํ วา มุเข ปกฺขิปิตฺวา กเถติ, ยตฺตเกน วจนํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตตฺตเก มุขมฺหิ สนฺเต กเถตุํ วฏฺฏติ.

ปิณฺฑุกฺเขปกนฺติ ปิณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา. กพฬาวจฺเฉทกนฺติ กพฬํ อวฉินฺทิตฺวา อวฉินฺทิตฺวา. อวคณฺฑการกนฺติ มกฺกโฏ วิย คณฺเฑ กตฺวา กตฺวา. หตฺถนิทฺธุนกนฺติ หตฺถํ นิทฺธุนิตฺวา นิทฺธุนิตฺวา. สิตฺถาวการกนฺติ สิตฺถานิ อวกิริตฺวา อวกิริตฺวา. ชิวฺหานิจฺฉารกนฺติ ชิวฺหํ นิจฺฉาเรตฺวา นิจฺฉาเรตฺวา. จปุจปุการกนฺติ ‘‘จปุจปู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา กตฺวา. สุรุสุรุการกนฺติ ‘‘สุรุสุรู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา กตฺวา. หตฺถนิลฺเลหกนฺติ หตฺถํ นิลฺเลหิตฺวา นิลฺเลหิตฺวา. ภุฺชนฺเตน หิ องฺคุลิมตฺตมฺปิ นิลฺเลหิตุํ น วฏฺฏติ, ฆนยาคุผาณิตปายาสาทิเก ปน องฺคุลีหิ คเหตฺวา องฺคุลิโย มุเข ปเวเสตฺวา ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ปตฺตนิลฺเลหกโอฏฺนิลฺเลหเกสุปิ เอเสว นโย, ตสฺมา องฺคุลิยาปิ ปตฺโต น นิลฺเลหิตพฺโพ, เอกโอฏฺโปิ ชิวฺหาย น นิลฺเลหิตพฺโพ, โอฏฺมํเสหิ เอว ปน คเหตฺวา อนฺโต ปเวเสตุํ วฏฺฏติ.

น สามิเสน หตฺเถน ปานียถาลโกติ เอตํ ปฏิกูลวเสน ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา สงฺฆิกมฺปิ ปุคฺคลิกมฺปิ คิหิสนฺตกมฺปิ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ สงฺขมฺปิ สราวมฺปิ อามิสมกฺขิตํ น คเหตพฺพเมว, คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. สเจ ปน หตฺถสฺส เอกเทโส อามิสมกฺขิโต น โหติ, เตน ปเทเสน คเหตุํ วฏฺฏติ. น สสิตฺถกํ ปตฺตโธวนํ อนฺตรฆเร ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา วาติ สิตฺถานิ เอกโต อุทฺธริตฺวา เอกสฺมึ าเน ราสึ กตฺวา อุทกํ ฉฑฺเฑติ. ภินฺทิตฺวา วา อุทกคติกานิ กตฺวา ฉฑฺเฑติ, ปฏิคฺคเหน สมฺปฏิจฺฉนฺโต นํ ปฏิคฺคเห ฉฑฺเฑติ, พหิ นีหริตฺวา วา ฉฑฺเฑติ, เอวํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส อนาปตฺติ. น ตาว เถเรน อุทกนฺติ อิทํ หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรา ปิปาสิเตน, ปน คเล วิลคฺคามิเสน วา ปานียํ ปิวิตฺวา น โธวิตพฺพาติ.

ภตฺตคฺควตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุโมทนวตฺตกถาวณฺณนา

อนุโมทนวตฺเต อนุ ปุนปฺปุนํ โมทิยเต ปโมทิยเตติ อนุโมทนา. กา สา? ธมฺมกถา. อนุโมทนาย กตฺตพฺพํ วตฺตํ อนุโมทนวตฺตํ. ปฺจเม นิสินฺเนติ อนุโมทนตฺถาย นิสินฺเน. อุปนิสินฺนกถา นาม พหูสุ สนฺนิปติเตสุ ปริกถากถนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อนุโมทนวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาวณฺณนา

๑๘๙. ปิณฺฑจาริกวตฺเต ปิณฺฑิตพฺโพ สงฺฆริตพฺโพติ ปิณฺโฑ, ปิณฺฑปาโต. ปิณฺฑาย จรณํ สีลมสฺสาติ ปิณฺฑจารี, โส เอว ปิณฺฑจาริโก สกตฺเถ กปจฺจยวเสน. ปิณฺฑจาริเกน วตฺติตพฺพํ วตฺตํ ปิณฺฑจาริกวตฺตํ. ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – นิเวสนํ นาม อิตฺถิกุมาริกาทีนํ วสนฏฺานํ. ยสฺมา ปวิสนนิกฺขมนทฺวารํ อสลฺลกฺเขตฺวา สหสา ปวิสนฺโต วิสภาคารมฺมณํ วา ปสฺเสยฺย, ปริสฺสโย วา ภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘นิเวสนํ…เป… ปวิสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อติทูเร ติฏฺนฺโต อปสฺสนฺโต วา ภเวยฺย, ‘‘อฺสฺส เคเห ติฏฺตี’’ติ วา มฺเยฺย. อจฺจาสนฺเน ติฏฺนฺโต อปสฺสิตพฺพํ วา ปสฺเสยฺย, อสุณิตพฺพํ วา สุเณยฺย, เตน มนุสฺสานํ อคารโว วา อปฺปสาโท วา ภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน าตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อติจิรํ ติฏฺนฺโต อทาตุกามานํ มโนปโทโส ภเวยฺย, อฺตฺถ ภิกฺขา จ ปริกฺขเยยฺย, อติลหุกํ นิวตฺตนฺโต ทาตุกามานํ ปุฺหานิ จ ภเวยฺย, ภิกฺขุโน จ ภิกฺขาย อสมฺปชฺชนํ, ตสฺมา ‘‘นาติจิรํ าตพฺพํ, นาติลหุกํ นิวตฺติตพฺพํ, ิเตน สลฺลกฺเขตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สลฺลกฺขณาการํ ทสฺเสติ ‘‘สเจ กมฺมํ วา นิกฺขิปตี’’ติอาทินา. ตตฺถ กมฺมํ วา นิกฺขิปตีติ กปฺปาสํ วา สุปฺปํ วา มุสลํ วา ยฺจ คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺติ, ิตา วา นิสินฺนา วา โหนฺติ, ตํ นิกฺขิปติ. ปรามสตีติ คณฺหาติ. เปติ วาติ ‘‘ติฏฺถ ภนฺเต’’ติ วทนฺตี เปติ นาม. อวกฺการปาตีติ อติเรกปิณฺฑปาตํ อปเนตฺวา ปนตฺถาย เอกา สมุคฺคปาติ. เอตฺถ จ สมุคฺคปาติ นาม สมุคฺคปุฏสทิสา ปาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อารฺิกวตฺตกถาวณฺณนา

๑๙๐. อารฺิกวตฺเต น รมนฺติ ชนา เอตฺถาติ อรฺํ. วุตฺตฺหิ –

‘‘รมณียานิ อรฺานิ, ยตฺถ น รมตี ชโน;

วีตราคา รมิสฺสนฺติ, น เต กามคเวสิโน’’ติ. (ธ. ป. ๙๙);

อรฺเ วสตีติ อารฺิโก, เตน วตฺติตพฺพํ วตฺตํ อารฺิกวตฺตํ. ตตฺรายํ วิเสสปทานมตฺโถ – กาลสฺเสว อุฏฺายาติ อรฺเสนาสนสฺส คามโต ทูรตฺตา วุตฺตํ, เตเนว การเณน ‘‘ปตฺตํ คเหตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา คจฺฉนฺโต ปริสฺสโม โหตี’’ติ วุตฺตํ. ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา จีวรํ ขนฺเธ กริตฺวา อรฺมคฺโค น ทุสฺโสธโน โหติ, ตสฺมา กณฺฏกสรีสปาทิปริสฺสยวิโมจนตฺถํ อุปาหนา อาโรหิตฺวา. อรฺํ นาม ยสฺมา โจราทีนํ วิจรฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา วสนฏฺานโต นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อิโต ปรานิ ภตฺตคฺควตฺตปิณฺฑจาริกวตฺเตสุ วุตฺตสทิสาเนว. คามโต นิกฺขมิตฺวา สเจ พหิคาเม อุทกํ นตฺถิ, อนฺโตคาเมเยว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา, อถ พหิคาเม อตฺถิ, ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา จีวรํ สงฺฆริตฺวา อํเส กริตฺวา อุปาหนา อาโรหิตฺวา คนฺตพฺพํ.

ภาชนํ อลภนฺเตนาติอาทิ อรฺเสนาสนสฺส ทุลฺลภทพฺพสมฺภารตฺตา วุตฺตํ, อคฺคิ อุปฏฺาเปตพฺโพติอาทิ วาฬมิคสรีสปาทิพาหิรปริสฺสยกาเล จ วาตปิตฺตาทิอชฺฌตฺตปอสฺสยกาเล จ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. พหูนํ ปน วสนฏฺาเน ตาทิสานิ สุลภานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘คณวาสิโน ปน เตน วินาปิ วฏฺฏตี’’ติ. กตฺตรทณฺโฑ นาม ปริสฺสยวิโนทโน โหติ, ตสฺมา อรฺเ วิหรนฺเตน อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺโพติ วุตฺตํ ‘‘กตฺตรทณฺโฑ อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ. นกฺขตฺตาเนว นกฺขตฺตปทานิ. โจราทีสุ อาคนฺตฺวา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, เกน นกฺขตฺเตน จนฺโท ยุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิเตสุ ‘‘น ชานามา’’ติ วุตฺเต กุชฺฌนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นกฺขตฺตปทานิ อุคฺคเหตพฺพานิ สกลานิ วา เอกเทสานิ วา’’ติ, ตถา ทิสามูฬฺเหสุ ‘‘กตมายํ, ภนฺเต, ทิสา’’ติ ปุจฺฉิเตสุ, ตสฺมา ‘‘ทิสากุสเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ.

อารฺิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสนาสนวตฺตกถาวณฺณนา

๑๙๑. เสนาสนวตฺเต สยนฺติ เอตฺถาติ เสนํ, สยนนฺติ อตฺโถ. อาวสนฺติ เอตฺถาติ อาสนํ. เสนฺจ อาสนฺจ เสนาสนํ. เสนาสเนสุ กตฺตพฺพํ วตฺตํ เสนาสนวตฺตํ. อิธ ปน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อุปชฺฌายวตฺตกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๘๓ ) วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน อุปชฺฌาเยน วุตฺถวิหาโร วุตฺโต, อิธ ปน อตฺตนา วุตฺถวิหาโรติ อยเมว วิเสโส. น วุฑฺฒํ อนาปุจฺฉาติ เอตฺถ ตสฺส โอวรเก ตทุปจาเร จ อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ วทนฺติ. โภชนสาลาทีสุปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ โภชนสาลาทีสุปิ อุทฺเทสทานาทิ อาปุจฺฉิตฺวาว กาตพฺพนฺติ อตฺโถ.

เสนาสนวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ชนฺตาฆรวตฺตกถาวณฺณนา

๑๙๒. ชนฺตาฆรวตฺเต ชายตีติ ชํ, กึ ตํ? สรีรํ. ชํ ตายติ รกฺขตีติ ชนฺตา, กา สา? ติกิจฺฉา. คยฺหเตติ ฆรํ, กึ ตํ? นิเวสนํ, ชนฺตาย สรีรติกิจฺฉาย กตํ ฆรํ ชนฺตาฆรํ, ชนฺตาฆเร กตฺตพฺพํ วตฺตํ ชนฺตาฆรวตฺตํ. ตตฺถ ปริภณฺฑนฺติ พหิชคติ. เสสํ อุปชฺฌายวตฺเต วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.

ชนฺตาฆรวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

วจฺจกุฏิวตฺตกถาวณฺณนา

๑๙๓. วจฺจกุฏิวตฺเต วจฺจยเต อูหทยเตติ วจฺจํ, กรีสํ. กุฏียติ ฉินฺทียติ อาตโป เอตายาติ กุฏิ, วจฺจตฺถาย กตา กุฏิ วจฺจกุฏิ, วจฺจกุฏิยา วตฺติตพฺพํ วตฺตํ วจฺจกุฏิวตฺตํ, อิธ จ วตฺตกฺขนฺธเก อาจมนวตฺตํ ปมํ อาคตํ, ปจฺฉา วจฺจกุฏิวตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ปกรเณ ปมํ วจฺจํ กตฺวา ปจฺฉา อาจมตีติ อธิปฺปาเยน วจฺจกุฏิวตฺตํ ปมํ อาคตํ, ตสฺมา ตทนุกฺกเมน กถยิสฺสาม. ทนฺตกฏฺํ ขาทนฺเตนาติ อยํ วจฺจกุฏิยาปิ สพฺพตฺเถว ปฏิกฺเขโป. นิพทฺธคมนตฺถายาติ อตฺตนา นิพทฺธคมนตฺถาย. ปุคฺคลิกฏฺานํ วาติ อตฺตโน วิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

วจฺจกุฏิวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

อุปชฺฌายวตฺตาทิวตฺตวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

สตฺตวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๘. จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถา

จีวรภาชนกถาวณฺณนา

๑๙๔. เอวํ อุปชฺฌายาทิวตฺตสงฺขาตานิ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ กเถตฺวา อิทานิ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชนํ กเถนฺโต ‘‘จตุปจฺจยภาชน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จตูติ สงฺขฺยาสพฺพนามปทํ. ปฏิจฺจ เอติ สีตปฏิฆาตาทิกํ ผลํ เอตสฺมาติ ปจฺจโย, จีวราทิ, ปจฺจโย จ ปจฺจโย จ ปจฺจยา, จตฺตาโร ปจฺจยา จตุปจฺจยํ, ภาชียเต วิภาชียเต ภาชนํ. จตุปจฺจยสฺส ภาชนํ จตุปจฺจยภาชนํ. เตนาห ‘‘จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชน’’นฺติ. ตตฺถ ตสฺมึ จตุปจฺจยภาชเน สมภินิวิฏฺเ จีวรภาชเน ตาว ปมํ จีวรปฏิคฺคาหโก…เป… เวทิตพฺโพ. กสฺมา? สงฺฆิกจีวรสฺส ทุกฺกรภาชนตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อาคตาคตํ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ปฏิคฺคหณมตฺตเมวสฺส ภาโรติ จีวรปฏิคฺคาหโก. จีวรปฏิคฺคาหเกน ปฏิคฺคหิตํ จีวรํ นิทหติ, นิทหนมตฺตเมวสฺส ภาโรติ จีวรนิทหโก. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก. จีวราทิกสฺส ภณฺฑสฺส ปนฏฺานภูตํ อคารํ ภณฺฑาคารํ. จีวรํ ภาเชติ ภาคํ กโรตีติ จีวรภาชโก. จีวรสฺส ภาชนํ วิภาคกรณํ จีวรภาชนํ, วิภชนกิริยา.

ตตฺถ ‘‘จีวรปฏิคฺคาหโก เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺโต, โส กุโต ลพฺภเตติ อาห ‘‘ปฺจหงฺเคหิ…เป… สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ. กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ. ฉนฺทนํ ฉนฺโท, อิจฺฉนํ ปิหนนฺติ อตฺโถ. คมนํ กรณํ คติ, กิริยา. คาเรยฺหา คติ อคติ, ฉนฺเทน อคติ ฉนฺทาคติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. กถํ ฉนฺทาคตึ คจฺฉตีติ อาห ‘‘ตตฺถ ปจฺฉา อาคตานมฺปี’’ติอาทิ. เอวมิตเรสุปิ. ปฺจมงฺคํ ปน สติสมฺปชฺยุตฺตาภาวํ ทสฺเสติ. สุกฺกปกฺเขปิ อิโต ปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.

อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วาติ อิทํ อิมสฺส สมฺมุติกมฺมสฺส ลหุกกมฺมตฺตา วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ‘‘อวเสสา เตรส สมฺมุติโย เสนาสนคฺคาหมตกจีวรทานาทิสมฺมุติโย จาติ เอตานิ ลหุกกมฺมานิ อปโลเกตฺวาปิ กาตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ. อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนฺโตวิหาเรติ พทฺธสีมวิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ อพทฺธสีมวิหาเร อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ทุพฺพิโสธนตฺตา. ธุรวิหารฏฺาเนติ วิหารทฺวารสฺส สมฺมุขฏฺาเน.

๑๙๗. ภณฺฑาคารสมฺมุติยํ วิหารมชฺเฌเยวาติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตมหาสีมา วิหารสฺส มชฺเฌเยว สมฺมนฺนิตพฺพา. อิมสฺมึ ปน าเน อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมายํ นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, วิหารมชฺเฌเยว ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติอาทินา นเยน ‘‘กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพ’’นฺติ วจนํ นิสฺสาย ตฺติทุติยกมฺมํ อุปจารสีมายํ กาตุํ วฏฺฏตีติ คเหตฺวา กถินทานกมฺมมฺปิ อพทฺธสีมาภูเต วิหาเร อุปจารสีมายํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ ตฺติกมฺมมฺปิ ตเถว คเหตฺวา อพทฺธสีมวิหาเร อุปจารสีมามตฺเตเยว อุโปสถปวารณํ กโรนฺติ, ตทยุตฺตํ, การณํ ปเนตฺถ กถินวินิจฺฉยกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๖) อาวิ ภวิสฺสติ.

๑๙๘. ตุลาภูโตติ ตุลาสทิโส. อิทนฺติ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสทานํ. อิมํ กิร ปาํ อมนสิกโรนฺตา อิทานิ กาลจีวรมฺปิ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ เทนฺติ. ผาติกมฺมนฺติ ปโหนกกมฺมํ, ยตฺตเกน วินยาคเตน สมฺมุฺชนีพนฺธนาทิหตฺถกมฺเมน วิหารสฺส อูนตา น โหติ, ตตฺตกํ กตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพสนฺติ ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ คณฺหนฺตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ สามเณรานฺจ. ภณฺฑาคารจีวเรปีติ อกาลจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตีติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. เอตนฺติ อุกฺกุฏฺิยา กตาย สมภาคทานํ. วิรชฺฌิตฺวา กโรนฺตีติ กตฺตพฺพกาเลสุ อกตฺวา ยถารุจิตกฺขเณ กโรนฺติ. สมปฏิวีโส ทาตพฺโพติ กริสฺสามาติ ยาจนฺตานํ ปฏิฺามตฺเตนปิ สมโก โกฏฺาโส ทาตพฺโพ.

อติเรกภาเคนาติ ทส ภิกฺขู โหนฺติ, สาฏกาปิ ทเสว, เตสุ เอโก ทฺวาทส อคฺฆติ, เสสา ทสคฺฆนกา. สพฺเพสุ ทสคฺฆนกวเสน กุเส ปาติเต ยสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสคฺฆนโก กุโส ปาติโต, โส ‘‘เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตี’’ติ เตน อติเรกภาเคน คนฺตุกาโม โหติ. เอตฺถ จ เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตีติ ทฺวาทสคฺฆนเกน มม จีวรํ ปริปุณฺณํ โหติ, น ตโต อูเนนาติ สพฺพํ คเหตุกาโมติ อตฺโถ. ภิกฺขู ‘‘อติเรกํ อาวุโส สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ วทนฺติ, ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘สงฺฆิเก จ คณสนฺตเก จ อปฺปกํ นาม นตฺถิ, สพฺพตฺถ สํยโม กาตพฺโพ, คณฺหนฺเตนปิ กุกฺกุจฺจายิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุกฺเขเป ทินฺเน’’ติ อาห. ตตฺถ อนุกฺเขโป นาม ยํ กิฺจิ อนุกฺขิปิตพฺพํ อนุปฺปทาตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ, ยตฺตกํ ตสฺส ปฏิวีเส อธิกํ, ตตฺตเก อคฺฆนเก ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ กปฺปิยภณฺเฑ ทินฺเนติ อตฺโถติ อิมมตฺถํ สงฺเขเปน ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ทส ภิกฺขู โหนฺติ’’ตฺยาทิ วุตฺตํ.

วิกลเก โตเสตฺวาติ เอตฺถ จีวรวิกลกํ ปุคฺคลวิกลกนฺติ ทฺเว วิกลกา. ตตฺถ จีวรวิกลกํ นาม สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานิ ปตฺตานิ, เสสานิปิ อตฺถิ, เอเกกํ ปน น ปาปุณาติ, ฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพานิ. ฉินฺทนฺเตหิ จ อฑฺฒมณฺฑลาทีนํ วา อุปาหนถวิกาทีนํ วา ปโหนกานิ ขณฺฑานิ กตฺวา ทาตพฺพานิ, เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตุรงฺคุลวิตฺถารมฺปิ อนุวาตปฺปโหนกายามํ ขณฺฑํ กตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. อปริโภคํ ปน น กาตพฺพนฺติ เอวเมตฺถ จีวรสฺส อปฺปโหนกภาโว จีวรวิกลกํ. ฉินฺทิตฺวา ทินฺเน ปเนตํ โตสิตํ โหติ. อถ กุสปาโต กาตพฺโพ, สเจปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน โกฏฺาเส เอกํ วา ทฺเว วา วตฺถานิ นปฺปโหนฺติ, ตตฺถ อฺํ สามณกํ ปริกฺขารํ เปตฺวา โย เตน ตุสฺสติ, ตสฺส ตํ ภาคํ ทตฺวา ปจฺฉา กุสปาโต กาตพฺโพ. อิทมฺปิ จีวรวิกลกนฺติ อนฺธฏฺกถายํ วุตฺตํ.

ปุคฺคลวิกลกํ นาม ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ กโรนฺตานํ เอโก วคฺโค น ปูรติ, อฏฺ วา นว วา โหนฺติ, เตสํ อฏฺ วา นว วา โกฏฺาสา ‘‘ตุมฺเห อิเม คเหตฺวา วิสุํ ภาเชถา’’ติ ทาตพฺพา. เอวมยํ ปุคฺคลานํ อปฺปโหนกภาโว ปุคฺคลวิกลกํ นาม. วิสุํ ทินฺเน ปน ตํ โตสิตํ โหติ, เอวํ โตเสตฺวา กุสปาโต กาตพฺโพติ. อถ วา วิกลเก โตเสตฺวาติ โย จีวรวิภาโค อูนโก, ตํ อฺเน ปริกฺขาเรน สมํ กตฺวา กุสปาโต กาตพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สเจ สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานี’’ติอาทินา.

๑๙๙. อิโต ปรํ เตสุ เตสุ วตฺถูสุ อาคตวเสน อฏฺกถายํ วุตฺเตสุ วินิจฺฉเยสุ สนฺเตสุปิ เตสํ วินิจฺฉยานํ อฏฺมาติกาวินิจฺฉยโต อวิมุตฺตตฺตา อฏฺมาติกาวินิจฺฉเยสฺเวว ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ อฏฺิมา, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ยา ตา อฏฺ มาติกา ภควตา วุตฺตา, ตาสํ อฏฺนฺนํ มาติกานํ วเสน วินิจฺฉโย อิทานิ เวทิตพฺโพติ โยชนา. ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนาติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ธุวสนฺนิปาตฏฺานาทิโต ปมเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโต อุปจารสีมาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ทุติยเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโตปิ อุปจารสีมาเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ ปริยนฺตคตเมว คเหตพฺพํ. ‘‘เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติอาทินา อิเม ลาภคฺคหณาทโย อุปจารสีมาวเสเนว โหติ, น อวิปฺปวาสสีมาวเสนาติ ทสฺเสติ, เตน จ อิมานิ ลาภคฺคหณาทีนิเยว อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพานิ, น อปโลกนกมฺมาทีนิ จตฺตาริ กมฺมานิ, ตานิ ปน อวิปฺปวาสสีมาทีสุเยว กตฺตพฺพานีติ ปกาเสติ. ตถา หิ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) ‘‘ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปเวสนเสนาสนปุจฺฉนาทิ ปริวาสมานตฺตาโรจนวสฺสจฺเฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิ วิธานนฺติ อิทํ สพฺพํ อิมิสฺสาเยว อุปจารสีมาย วเสน เวทิตพฺพ’’นฺติ.

ลาภตฺถาย ปิตา สีมา ลาภสีมา. โลเก คามสีมาทโย วิย ลาภสีมา นาม วิสุํ ปสิทฺธา นตฺถิ, เกนายํ อนุฺาตาติ อาห ‘‘เนว สมฺมาสมฺพุทฺเธนา’’ติอาทิ. เอเตน นายํ สาสนโวหารสิทฺธา, โลกโวหารสิทฺธา เอวาติ ทสฺเสติ. ชนปทปริจฺเฉโทติ อิทํ โลกปสิทฺธสีมาสทฺทตฺถวเสน วุตฺตํ, ปริจฺเฉทพฺภนฺตรมฺปิ สพฺพํ ชนปทสีมาติ คเหตพฺพํ. ชนปโท เอว ชนปทสีมา, เอวํ รฏฺสีมาทีสุปิ. เตนาห ‘‘อาณาปวตฺติฏฺาน’’นฺติอาทิ. ปถวีเวมชฺฌคตสฺสาติ ยาว อุทกปริยนฺตา ขณฺฑสีมตฺตา วุตฺตํ. อุปจารสีมาทีสุ ปน อพทฺธสีมาสุ เหฏฺาปถวิยํ สพฺพตฺถ ิตานํ น ปาปุณาติ, กูปาทิปเวสารหฏฺาเน ิตานฺเว ปาปุณาตีติ เหฏฺา สีมกถายํ วุตฺตนเยเนว ตํตํสีมฏฺภาโว เวทิตพฺโพ. จกฺกวาฬสีมาย ทินฺนํ ปถวีสนฺธารกอุทกฏฺาเนปิ ิตานํ ปาปุณาติ สพฺพตฺถ จกฺกวาฬโวหารตฺตาติ. สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาสุ ทินฺนสฺส อิทํ นานตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตตฺตา. ‘‘สมานสํวาสกสีมายทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานมฺปิ ปาปุณาตีติ.

๒๐๐-๑. พุทฺธาธิวุตฺโถติ พุทฺเธน ภควตา อธิวุตฺโถ. เอกสฺมินฺติ เอกสฺมึ วิหาเร. ปากวตฺตนฺติ นิพทฺธทานํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. เตหิ วตฺตพฺพนฺติ เยสํ สมฺมุเข เอส เทติ, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺตพฺพํ.

๒๐๒. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเหติ ยาว สงฺฆนวกํ เอกวารํ สพฺเพสํ ภาคํ ทตฺวา จีวเร อปริกฺขีเณ ปุน สพฺเพสํ ทาตุํ ทุติยภาเค เถรสฺส ทินฺเนติ อตฺโถ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตุยฺเหว ภิกฺขุ ตานิ จีวรานี’’ติ (มหาว. ๓๖๓) ภควตา วุตฺตนเยน. ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวตฺวา, ‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทมา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๙) ปน ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวุตฺตตฺตาติ การณํ วทนฺติ. ยทิ เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ วฏฺเฏยฺย, ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทม, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วจนโต เภโท น ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพเมตฺถ การณนฺติ. ปารุปิตุํ วฏฺฏตีติ ปํสุกูลิกานํ วฏฺฏติ. สามิเกหิ วิจาริตเมวาติ อุปาหนตฺถวิกาทีนมตฺถาย วิจาริตเมว.

๒๐๓. อุปฑฺฒํ ทาตพฺพนฺติ ยํ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนํ, ตโต อุปฑฺฒํ ภิกฺขูนํ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺพํ. สเจปิ เอโก ภิกฺขุ โหติ, เอกา วา ภิกฺขุนี, อนฺตมโส อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ อุปฑฺฒเมว ทาตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน น มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา ภิกฺขุนิปกฺเข สงฺฆสฺส ปจฺเจกํ อปรามฏฺตฺตา ภิกฺขุนีนํ คณนาย ภาโค ทาตพฺโพติ ทายกสฺส อธิปฺปาโยติ สิชฺฌติ, ตถา ทานฺจ ภิกฺขูปิ คเณตฺวา ทินฺเน เอว ยุชฺชติ. อิตรถา หิ ‘‘กิตฺตกํ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพํ, กิตฺตกํ ภิกฺขุนีน’’นฺติ น วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตวจนสทิสเมวาติ อาห ‘‘ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโล…เป… ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเต ปน ปุคฺคโล วิสุํ น ลภตีติ อิทํ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ, น เหตฺถ วิเสสการณํ อุปลพฺภติ. ตถา หิ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต สามฺวิเสสวจเนหิ สงฺคหิตตฺตา ยถา ปุคฺคโล วิสุํ ลภติ, เอวมิธาปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ สามฺวิเสสวจนสพฺภาวโต ภวิตพฺพเมว วิสุํ ปุคฺคลปฏิวีเสนาติ วิฺายติ, ตสฺมา อฏฺกถาวจนเมเวตฺถ ปมาณํ. ปาปุณนฏฺานโต เอกเมว ลภตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺานโต เอกเมว โกฏฺาสํ ลภติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ, ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณเนว ปุคฺคลสฺสปิ คหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๙) ปน ภิกฺขุสงฺฆสทฺเทน ภิกฺขูนฺเว คหิตตฺตา, ปุคฺคลสฺส ปน ‘‘ตุยฺหฺจา’’ติ วิสุํ คหิตตฺตา จ ตตฺถสฺส อคฺคหิตตฺตา ทฏฺพฺพา, ‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺตฏฺานสทิสตฺตาติ อธิปฺปาโย. ปุคฺคลปฺปธาโน เหตฺถ สงฺฆ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ ปาํ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ตสฺส วิสุํ ลาภคฺคหเณ การณวจนตฺตา. ตถา หิ ‘‘วิสุํ สงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ วิสุํ ปุคฺคลสฺสปิ ภาคคฺคหเณ การณํ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ, เอวํ อุปริ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติอาทีสุปิ วิสุํ สงฺฆาทิสทฺเทหิ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ คหณํ สิยา, สงฺฆโตปิ วิสุมฺปีติ ภาคทฺวยํ ลเภยฺย อุภยตฺถ คหิตตฺตาติ วุตฺตํ. ปูเชตพฺพนฺติอาทิ คิหิกมฺมํ น โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส หราติ อิทํ ปิณฺฑปาตหรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺเตปิ หริตพฺพนฺติ อีทิสํ คิหิเวยฺยาวจฺจํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.

๒๐๔. อนฺโตเหมนฺเตติ อิมินา อนตฺถเต กถิเน วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส ทินฺนํ ปุริมวสฺสํวุตฺถานฺเว ปาปุณาติ, ตโต ปรํ เหมนฺเต ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปิ วุตฺถวสฺสตฺตา ปาปุณาติ, เหมนฺตโต ปน ปรํ ปิฏฺิสมเย ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ อนนฺตเร วสฺเส วา ตโต ปเรสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เย ปน สพฺพถา อวุตฺถวสฺสา, เตสํ น ปาปุณาตีติ ทสฺเสติ. ลกฺขณฺู วทนฺตีติ วินยลกฺขณฺุโน อาจริยา วทนฺติ. ลกฺขณฺู วทนฺตีติ อิทํ สนฺนิฏฺานวจนํ, อฏฺกถาสุ อนาคตตฺตา ปน เอวํ วุตฺตํ. พหิอุปจารสีมายํ…เป… สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺข. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สเจ ปน พหิอุปจารสีมายํ ิโต ‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ สมฺปตฺตานํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนนุรูเป ปเทเส ตฺวา วุตฺตตฺตา วสฺสํวุตฺถานฺจ อวุตฺถานฺจ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อวุตฺถวสฺสานํ ปาปุณาติ. สพฺเพสมฺปีติ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสมฺปีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา. สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสมฺปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอวํ วทตีติ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมีติ วทติ. อตีตวสฺสนฺติ อนนฺตราตีตวสฺสํ.

๒๐๕. อิทานิ ‘‘อาทิสฺส เทตี’’ติ ปทํ วิภชนฺโต ‘‘อาทิสฺส เทตีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยาคุยา วา…เป… เภสชฺเช วา อาทิสิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺโต ทายโก อาทิสฺส เทติ นามาติ โยชนา. เสสํ ปากฏเมว.

๒๐๖. อิทานิ ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ ปทํ วิภชนฺโต อาห ‘‘ปุคฺคลสฺส เทติ เอตฺถา’’ติอาทิ. สงฺฆโต จ คณโต จ วินิมุตฺตสฺส อตฺตโน กุลูปกาทิปุคฺคลสฺส เทนฺโต ทายโก ปุคฺคลสฺส เทติ นาม. ตํ ปน ปุคฺคลิกทานํ ปรมฺมุขา วา โหติ สมฺมุขา วา. ตตฺถ ปรมฺมุขา เทนฺโต ‘‘อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ นามํ อุทฺธริตฺวา เทติ, สมฺมุขา เทนฺโต จ ภิกฺขุโน ปาทมูเล จีวรํ เปตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา เทติ, ตทุภยถาปิ เทนฺโต ปุคฺคลสฺส เทติ นามาติ อตฺโถ. น เกวลํ เอกสฺเสว เทนฺโต ปุคฺคลสฺส เทติ นาม, อถ โข อนฺเตวาสิกาทีหิ สทฺธึ เทนฺโตปิ ปุคฺคลสฺส เทติ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโตติ ตสฺส สนฺติเก อุทฺเทสํ อคฺคหิตปุพฺพสฺสปิ อุทฺเทสํ คณฺหิสฺสามีติ อาคตกาลโต ปฏฺาย อนฺเตวาสิกภาวูปคมนโต วุตฺตํ. คเหตฺวา คจฺฉนฺโตติ ปรินิฏฺิตอุทฺเทโส หุตฺวา คจฺฉนฺโต. วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานนฺติ อิทํ ‘‘อุทฺเทสนฺเตวาสิกาน’’นฺติ อิมสฺเสว วิเสสนํ. เตน อุทฺเทสกาเล อาคนฺตฺวา อุทฺเทสํ คเหตฺวา คนฺตฺวา อฺตฺถ นิวสนฺเต อนิพทฺธจาริเก นิวตฺเตติ.

เอวํ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๗๙) อาคตอฏฺมาติกาวเสน จีวรวิภชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึเยว จีวรกฺขนฺธเก มชฺเฌ อาคเตสุ วตฺถูสุ อาคตนยํ นิวตฺเตตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ โกจิ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย ตสฺเสว ตานิ จีวรานีติ วิสฺสชฺชนา, เสสานิ าปกาทิวเสน วุตฺตานิ. ปฺจ มาเสติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโตติ วสฺสาวาสิกตฺถาย เวยฺยาวจฺจกเรหิ วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโต. ตตฺรุปฺปาทโตติ นาฬิเกรารามาทิตตฺรุปฺปาทโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อิทํ อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมาติ วา วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วา วตฺวา ทินฺนํ ตํ อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺเน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธาติ อภิลาปมตฺตเมเวตํ, อิธ-สทฺทํ วินา ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ โส เอว นโย. อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตีติ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺนตฺตา อนตฺถตกถินสฺสปิ วุตฺถวสฺสสฺส ปฺจ มาเส ปาปุณาติ, ตโต ปรํ ปน อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกํ ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘กึ อตีตวสฺเส อิทํ วสฺสาวาสิกํ, อุทาหุ อนาคตวสฺเส’’ติ. ตตฺถ ตโต ปรนฺติ ปฺจมาสโต ปรํ, คิมฺหานสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.

ิติกา ปน น ติฏฺตีติ เอตฺถ อฏฺิตาย ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ เอโก ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวีหิปิ คเหตพฺพํ. ิตาย ปน ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ นวกตโร อาคจฺฉติ, ิติกา เหฏฺา คจฺฉติ. สเจ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ิติกา อุทฺธํ อาโรหติ. อถ อฺโ นตฺถิ, ปุน อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพํ. ทุคฺคหิตานีติ อคฺคหิตานิ, สงฺฆิกาเนว โหนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ปาติเต กุเส’’ติ เอกโกฏฺาเส กุสทณฺฑเก ปาติตมตฺเต สเจปิ ภิกฺขุสหสฺสํ โหติ, คหิตเมว นาม จีวรํ. ‘‘นากามา ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๓), ตตฺถ คหิตเมว นามาติ ‘‘อิมสฺส อิทํ ปตฺต’’นฺติ กิฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา อตฺถโต เตสํ ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย.

สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตีติ อิทํ นานาสีมวิหาเรสุ กตฺตพฺพนเยน เอกสฺมิมฺปิ วิหาเร ทฺวีสุ เสนาสเนสุ นิวุตฺถภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อรุณุฏฺาปเนเนว ตตฺถ วุตฺโถ โหติ, น ปน วสฺสจฺเฉทปริหาราย. อนฺโตอุปจารสีมาย หิ ยตฺถ กตฺถจิ อรุณํ อุฏฺาเปนฺโต อตฺตนา คหิตเสนาสนํ อปฺปวิฏฺโปิ วุตฺถวสฺโส เอว โหติ. คหิตเสนาสเน ปน นิวุตฺโถ นาม น โหติ, ตตฺถ อรุณุฏฺาปเน สติ โหติ. เตนาห ‘‘ปุริมสฺมึ พหุตรํ นิวสติ นามา’’ติ. เอเตน จ อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรนปิ อรุณุฏฺาปเน สติ เอว อปฺปตรํ นิวสติ นาม โหติ, นาสตีติ ทีปิตํ โหติ. อิทนฺติ เอกาธิปฺปายทานํ. นานาลาเภหีติอาทีสุ นานา วิสุํ วิสุํ ลาโภ เอเตสูติ นานาลาภา, ทฺเว วิหารา, เตหิ นานาลาเภหิ. นานา วิสุํ วิสุํ ปาการาทีหิ ปริจฺฉินฺโน อุปจาโร เอเตสนฺติ นานูปจารา, เตหิ นานูปจาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ เอกสีมายํ ทฺวีหิ วิหาเรหีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๖๔) วุตฺตํ. นานาลาเภหีติ วิสุํ วิสุํ นิพทฺธวสฺสาวาสิกลาเภหิ. นานูปจาเรหีติ นานาปริกฺเขปนานาทฺวาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ ทฺวินฺนํ วิหารานํ เอเกน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตตฺตา เอกาย อุปจารสีมาย อนฺโตคเตหิ ทฺวีหิ วิหาเรหีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๖๔). เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ปมํ คหิโต ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตตฺถาติ ยตฺถ เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตตฺถ.

๒๐๗. ภิกฺขุสฺส กาลกเตติ เอตฺถ กาลกต-สทฺโท ภาวสาธโนติ อาห ‘‘กาลกิริยายา’’ติ. ปาฬิยํ คิลานุปฏฺากานํ จีวรทาเน สามเณรานํ ติจีวราธิฏฺานาภาวา ‘‘จีวรฺจ ปตฺตฺจา’’ติอาทิ สพฺพตฺถ วุตฺตํ.

๒๐๘. สเจปิ สหสฺสํ อคฺฆติ, คิลานุปฏฺากานฺเว ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อฺนฺติ ติจีวรปตฺตโต อฺํ. อปฺปคฺฆนฺติ อติชิณฺณาทิภาเวน นิหีนํ. ตโตติ อวเสสปริกฺขารโต. สพฺพนฺติ ปตฺตํ จีวรฺจ. ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆสฺเสวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺเสว. ภิกฺขุโน กาลกตฏฺานํ สนฺธาย ‘‘อิธา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ตตฺถา’’ติ วุตฺตตฺตา วิจฺฉาวจนตฺตา จ ปริกฺขารสฺส ปิตฏฺานํ วุตฺตนฺติ วิฺายติ. ปาฬิยํ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกนฺติ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺเสว สนฺตกํ หุตฺวา กสฺสจิ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกฺจ ภวิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ‘‘สนฺเต ปติรูเป คาหเก’’ติ วุตฺตตฺตา คาหเก อสติ อทตฺวา ภาชิเตปิ สุภาชิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ เอตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๖) ตาว ‘‘ยตฺถ ปน ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ ภิกฺขู ยสฺมึ รฏฺเ ทกฺขิโณทกปฏิคฺคหณมตฺเตนปิ เทยฺยธมฺมสฺส สามิโน โหนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๖) ปน ‘‘ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ เอตฺตกานิ จีวรานิ ทสฺสามีติ ปมํ อุทกํ ปาเตตฺวา ปจฺฉา เทนฺติ, ตํ เยหิ คหิตํ, เต ภาคิโนว โหนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป. ตมฺพปณฺณิทีปฺหิ อุปาทาเยส เอวํ วุตฺโต.

‘‘มตกจีวรํ อธิฏฺาตี’’ติ เอตฺถ มคฺคํ คจฺฉนฺโต ตสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา อวิหารฏฺาเน เจ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อภาวํ ตฺวา ‘‘อิทํ จีวรํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร กาลกโต โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร. อปิจ คิลานุปฏฺากา พหุปการา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) อิมินา ปาเน ภควา สพฺพฺู ภิกฺขูนํ อามิสทายชฺชํ วิจาเรสิ.

ตตฺถ ติจีวรปตฺตอวเสสลหุภณฺฑครุภณฺฑวเสน อามิสทายชฺชํ ติวิธํ โหติ. เตสุ ติจีวรปตฺตํ คิลานุปฏฺากสฺส ภาโค โหติ, อวเสสลหุภณฺฑํ สมฺมุขีภูตสงฺฆสฺส, ปฺจวีสติวิธ ครุภณฺฑํ จาตุทฺทิสสงฺฆสฺส. อิมินา อิโต ติวิธภณฺฑโต อฺํ ภิกฺขุภณฺฑํ นาม นตฺถิ, อิเมหิ ติวิเธหิ ปุคฺคเลหิ อฺโ ทายาโท นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ปน วินยธรา ‘‘ภิกฺขูนํ อกปฺปิยภณฺฑํ คิหิภูตา าตกา ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ กสฺมาติ เจ? ‘‘เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตตฺตาติ. สจฺจํ อาคโต, โส ปน ปาโ วิสฺสาสคฺคาหวิสเย อาคโต, น ทายชฺชคหณฏฺาเน. ‘‘คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา’’อิจฺเจว อาคโต, น ‘‘าตกา อฺาตกา วา’’ติ, ตสฺมา าตกา วา โหนฺตุ อฺาตกา วา, เย ตํ คิลานํ อุปฏฺหนฺติ, เต คิลานุปฏฺากภาคภูตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺปพฺพชิตา, อนฺตมโส มาตุคามาปิ. เต สนฺธาย ‘‘เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน เย คิลานํ นุปฏฺหนฺติ, เต สนฺธาย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘คิลานุปฏฺาโก นาม คิหี วา โหตุ ปพฺพชิโต วา, อนฺตมโส มาตุคาโมปิ, สพฺเพ ภาคํ ลภนฺตี’’ติ.

อถ วา โย ภิกฺขุ อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ าตกสฺส วา อฺาตกสฺส วา คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา อทาสิ, โกจิ จ าตโก วา อฺาตโก วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ตาทิเส สนฺธาย ‘‘เย ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน อตาทิเส าตเก. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘สเจ ปน โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหติ, ตสฺส รุจิยา เอว คิลานุปฏฺากา ลภนฺตี’’ติ. เอวํ โหตุ, กปฺปิยภณฺเฑ ปน กถนฺติ? ตมฺปิ ‘‘คิหิาตกานํ ทาตพฺพ’’นฺติ ปาฬิยํ วา อฏฺกถายํ วา ฏีกาสุ วา นตฺถิ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตํ.

จีวรภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา

๒๐๙. อิทานิ ปิณฺฑปาตภาชนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปิณฺฑปาตภาชเน ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เสนาสนกฺขนฺธเก เสนาสนภาชเนเยว ปมํ อาคเตปิ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉยตฺตา ปจฺจยานุกฺกเมน ปิณฺฑปาตภาชนํ ปมํ ทสฺเสติ. ปิณฺฑปาตภาชเน ปน สงฺฆภตฺตาทีสุ อยํ วินิจฺฉโยติ สมฺพนฺโธ. กถํ เอตานิ สงฺฆภตฺตาทีนิ ภควตา อนุฺาตานีติ อาห ‘‘อนุชานามิ…เป… อนุฺาเตสู’’ติ. สงฺฆสฺส อตฺถาย อาภตํ ภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ ยถา ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาภตํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺต’’นฺติ. สงฺฆโต อุทฺทิสฺส อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. นิมนฺเตตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ นิมนฺตนภตฺตํ. สลากํ ปาเตตฺวา คาเหตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ. ปกฺเข ปกฺขทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขภตฺตํ. อุโปสเถ อุโปสถทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถภตฺตํ. ปาฏิปเท อุโปสถทิวสโต ทุติยทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปาฏิปทภตฺตนฺติ วิคฺคโห. ิติกา นาม นตฺถีติ สงฺฆตฺเถรโต ปฏฺาย วสฺสคฺเคน คาหณํ ิติกา นาม.

อตฺตโน วิหารทฺวาเรติ วิหารสฺส ทฺวารโกฏฺกสมีปํ สนฺธาย วุตฺตํ. โภชนสาลายาติ ภตฺตุทฺเทสฏฺานภูตาย โภชนสาลายํ. วสฺสคฺเคนาติ วสฺสโกฏฺาเสน. ทินฺนํ ปนาติ วตฺวา ยถา โส ทายโก วทติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺฆโต ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. อนฺโตอุปจารคตานนฺติ เอตฺถ คามทฺวารวีถิจตุกฺเกสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรํ อุปจาโร นาม.

อนฺตรฆรสฺส อุปจาเร ปน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฆรูปจาโร เจตฺถา’’ติอาทิมาห. เอกวฬฺชนฺติ เอเกน ทฺวาเรน วฬฺชิตพฺพํ. นานานิเวสเนสูติ นานากุลสฺส นานูปจาเรสุ นิเวสเนสุ. ลชฺชี เปสโล อคติคมนํ วชฺเชตฺวา เมธาวี จ อุปปริกฺขิตฺวา อุทฺทิสตีติ อาห ‘‘เปสโล ลชฺชี เมธาวี อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ. นิสินฺนสฺสปิ นิทฺทายนฺตสฺสปีติ อนาทเร สามิวจนํ, วุฑฺฒตเร นิทฺทายนฺเต นวกสฺส คาหิตํ สุคฺคาหิตนฺติ อตฺโถ. ติจีวรปริวารํ วาติ เอตฺถ ‘‘อุทกมตฺตลาภี วิย อฺโปิ อุทฺเทสภตฺตํ อลภิตฺวา วตฺถาทิอเนกปฺปการกํ ลภติ เจ, ตสฺเสว ต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อตฺตโน รุจิวเสน ยํ กิฺจิ วตฺวา อาหริตุํ วิสฺสชฺชิตตฺตา วิสฺสฏฺทูโต นาม. ยํ อิจฺฉตีติ ‘‘อุทฺเทสภตฺตํ เทถา’’ติอาทีนิ วทนฺโต ยํ อิจฺฉติ. ปุจฺฉาสภาเคนาติ ปุจฺฉาสทิเสน.

‘‘เอกา กูฏฏฺิติกา นาม โหตี’’ติ วตฺวา ตเมว ิติกํ วิภาเวนฺโต ‘‘รฺโ วา หี’’ติอาทิมาห. อฺเหิ อุทฺเทสภตฺตาทีหิ อมิสฺเสตฺวา วิสุํเยว ิติกาย คเหตพฺพตฺตา ‘‘เอกจาริกภตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เถยฺยาย หรนฺตีติ ปตฺตหารกา หรนฺติ. คีวา โหตีติ อาณาปกสฺส คีวา โหติ. สพฺพํ ปตฺตสฺสามิกสฺส โหตีติ จีวราทิกมฺปิ สพฺพํ ปตฺตสฺสามิกสฺเสว โหติ, ‘‘มยา ภตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น จีวราทิ’’นฺติ วตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตา คจฺฉนฺตีติ มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เตน ภิกฺขุนา วุตฺตา คจฺฉนฺติ. อกตภาโค นามาติ อาคนฺตุกภาโค นาม, อทินฺนปุพฺพภาโคติ อตฺโถ. สพฺโพ สงฺโฆ ปริภูฺชตูติ วุตฺเตติ เอตฺถ ‘‘ปมเมว ‘สพฺพสงฺฆิกภตฺตํ เทถา’ติ วตฺวา ปจฺฉา ‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภุฺชตู’ติ อวุตฺเตปิ ภาเชตฺวา ปริภุฺชิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กึ อาหรียตีติ อวตฺวาติ ‘‘กตรภตฺตํ ตยา อาหรียตี’’ติ ทายกํ อปุจฺฉิตฺวา. ปกติิติกายาติ อุทฺเทสภตฺติติกาย.

ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา

๒๑๐. ‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติอาทีนิ อวตฺวา ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ สงฺฆิกํ นิมนฺตนํ นาม. ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ภิกฺขาปริยาเยน วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ปฏิปาฏิยาติ ลทฺธปฏิปาฏิยา. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ปทํ อวตฺวา. เตเนวาห ‘‘ภตฺตนฺติ อวทนฺเตนา’’ติ. อาโลปสงฺเขเปนาติ เอเกกปิณฺฑวเสน. อยฺจ นโย นิมนฺตเนเยว, น อุทฺเทสภตฺเต. ตสฺส หิ เอกสฺส ปโหนกปฺปมาณํเยว ภาเชตพฺพํ, ตสฺมา อุทฺเทสภตฺเต อาโลปฏฺิติกา นาม นตฺถิ.

อารุฬฺหาเยว มาติกํ. สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขูติ เอตฺถ เย มาติกํ อารุฬฺหา, เต อฏฺ ภิกฺขูติ โยเชตพฺพํ. อุทฺเทสภตฺตนิมนฺตนภตฺตาทิสงฺฆิกภตฺตมาติกาสุ นิมนฺตนภตฺตมาติกาย ิติกาวเสน อารุฬฺเห ภตฺตุทฺเทสเกน วา สยํ วา สงฺฆโต อุทฺทิสาเปตฺวา คเหตฺวา คนฺตพฺพํ, น อตฺตนา รุจิเต คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. มาติกํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘สงฺฆโต คณฺหามี’’ติอาทินา วุตฺตมาติกาเภทํ ทายกสฺส วิฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘เอกวารนฺติ ยาว ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ ภิกฺขู, สพฺเพ ลภนฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – เอกวารนฺติ น เอกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยตฺตกา ปน ภิกฺขู ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ, เต สพฺเพ. เอกสฺมึ ทิวเส คหิตภิกฺขู อฺทา อคฺคเหตฺวา ยาว เอกวารํ สพฺเพ ภิกฺขู โภชิตา โหนฺตีติ ชานาติ เจ, เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ปฏิพทฺธกาลโต ปฏฺายาติ ตตฺเถว วาสสฺส นิพทฺธกาลโต ปฏฺาย.

นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สลากภตฺตกถาวณฺณนา

๒๑๑. อุปนิพนฺธิตฺวาติ ลิขิตฺวา. คามวเสนปีติ เยภุยฺเยน สมลาภคามวเสนปิ. พหูนิ สลากภตฺตานีติ ตึสํ วา จตฺตารีสํ วา ภตฺตานิ. สเจ โหนฺตีติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. สลฺลกฺเขตฺวาติ ตานิ ภตฺตานิ ปมาณวเสน สลฺลกฺเขตฺวา. นิคฺคเหน ทตฺวาติ ทูรํ คนฺตุํ อนิจฺฉนฺตสฺส นิคฺคเหน สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา. ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวาติ เอตฺถ วิหารํ อนาคนฺตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา ปจฺฉา วิหาเร อตฺตโน ปาเปตฺวา ภุฺชิตุมฺปิ วฏฺฏติ. เอกเคหวเสนาติ วีถิยมฺปิ เอกปสฺเส ฆรปาฬิยา วเสน. อุทฺทิสิตฺวาปีติ ‘‘อสุกกุเล สลากภตฺตานิ ตุยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา.

๒๑๒. วารคาเมติ อติทูรตฺตา วาเรน คนฺตพฺพคาเม. สฏฺิโต วา ปณฺณาสโต วาติ ทณฺฑกมฺมตฺถาย อุทกฆฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิหารวาโรติ สพฺพภิกฺขูสุ ภิกฺขาย คเตสุ วิหารรกฺขณวาโร. เนสนฺติ วิหารวาริกานํ. ผาติกมฺมเมวาติ วิหารรกฺขณกิจฺจสฺส ปโหนกปฏิปาทนเมว. ทูรตฺตา นิคฺคเหตฺวาปิ วาเรน คเหตพฺโพ คาโม วารคาโม. วิหารวาเร นิยุตฺตา วิหารวาริกา, วาเรน วิหารรกฺขณกา. อฺถตฺตนฺติ ปสาทฺถตฺตํ. ผาติกมฺมเมว ภวนฺตีติ วิหารรกฺขณตฺถาย สงฺเฆน ทาตพฺพา อติเรกลาภา โหนฺติ. เอกสฺเสว ปาปุณนฺตีติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺเสว ปาปิตานีติ อตฺโถ. สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเลติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺส ปาปิตานิ ทฺเว ตีณิ เอกจาริกภตฺตานิ เตเนว นิยาเมน อตฺตโน ปาปุณนฏฺาเน สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเล.

ยสฺส กสฺสจิ สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน เจ ภิกฺขู พหิสีมคตา โหนฺติ, สมฺมุขีภูตสฺส ยสฺส กสฺสจิ ปาเปตพฺพํ สภาคตฺตา เอเกน ลทฺธํ สพฺเพสํ โหติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อตฺตโน ปาเปตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. รสสลากนฺติ อุจฺฉุรสสลากํ. สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพาติ อิทํ อสารุปฺปวเสน วุตฺตํ, น ธุตงฺคเภทวเสน. ‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากา…เป… วฏฺฏติเยวา’’ติ หิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๕) – สงฺฆโต นิรามิสสลากาปิ วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ สาธารณํ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตตฺตา, ‘‘เอวํ คาหิเต สาทิตพฺพํ, เอวํ น สาทิตพฺพ’’นฺติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา จ ‘‘เภสชฺชาทิสลากาโย เจตฺถ กิฺจาปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ อธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ. ยทิ หิ เภสชฺชาทิสลากา สลากวเสน คาหิตา น สาทิตพฺพา สิยา, ‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากา วฏฺฏติเยวา’’ติ น วเทยฺย, ‘‘อติเรกลาโภ สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺต’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๒๘) จ ‘‘อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามี’’ติ สลากวเสน คาเหตพฺพํ ภตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ, น เภสชฺชํ. สงฺฆภตฺตาทีนิ หิ จุทฺทส ภตฺตานิเยว เตน น สาทิตพฺพานีติ วุตฺตานิ. ขนฺธกภาณกานํ วา มเตน อิธ เอวํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. อคฺคโต ทาตพฺพา ภิกฺขา อคฺคภิกฺขา. อคฺคภิกฺขามตฺตนฺติ เอกกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ. ลทฺธา วา อลทฺธา วา สฺเวปิ คณฺเหยฺยาสีติ ลทฺเธปิ อปฺปมตฺตตาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ยาวทตฺถํ ลภติ…เป… อลภิตฺวา สฺเว คณฺเหยฺยาสีติ วตฺตพฺโพ’’ติ. อคฺคภิกฺขมตฺตนฺติ หิ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท พหุภาวํ นิวตฺเตติ.

สลากภตฺตํ นาม วิหาเรเยว อุทฺทิสียติ วิหารเมว สนฺธาย ทียมานตฺตาติ อาห ‘‘วิหาเร อปาปิตํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺร อาสนสาลายาติ ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย. วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ตถา วตฺวา ตสฺมึ ทิวเส ทินฺนภตฺตํ วิหารเมว อาเนตฺวา ิติกาย คาเหตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ทิสาภาเค. ตํ คเหตฺวาติ ตํ วารคามสลากํ อตฺตนา คเหตฺวา. เตนาติ โย อตฺตโน ปตฺตวารคาเม สลากํ ทิสาคมิกสฺส อทาสิ, เตน. อนติกฺกมนฺเตเยว ตสฺมึ ตสฺส สลากา คาเหตพฺพาติ ยสฺมา อุปจารสีมฏฺสฺเสว สลากา ปาปุณาติ, ตสฺมา ตสฺมึ ทิสํคมิเก อุปจารสีมํ อนติกฺกนฺเตเยว ตสฺส ทิสํคมิกสฺส ปตฺตสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา คาเหตพฺพา.

เทวสิกํ ปาเปตพฺพาติ อุปจารสีมายํ ิตสฺส ยสฺส กสฺสจิ วสฺสคฺเคน ปาเปตพฺพา. เอวํ เอเตสุ อนาคเตสุ อาสนฺนวิหาเร ภิกฺขูนํ ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, อิตรถา สงฺฆิกํ โหติ. อนาคตทิวเสติ เอตฺถ กถํ เตสํ ภิกฺขูนํ อาคตานาคตภาโว วิฺายตีติ เจ? ยสฺมา ตโต ตโต อาคตา ภิกฺขู ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย สนฺนิปตนฺติ, ตสฺมา เตสํ อาคตานาคตภาโว สกฺกา วิฺาตุํ. อมฺหากํ โคจรคาเมติ สลากภตฺตทายกานํ คาเม. ภุฺชิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ‘‘มหาเถโร เอกโกว วิหาเร โอหีโน อวสฺสํ สพฺพสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา ิโต’’ติ มฺมานา อาคจฺฉนฺติ.

สลากภตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา

๒๑๓. อภิลกฺขิเตสุ จตูสุ ปกฺขทิวเสสุ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกํ. อภิลกฺขิเตสูติ เอตฺถ อภีติ อุปสารมตฺตํ, ลกฺขณิเยสุอิจฺเจวตฺโถ, อุโปสถสมาทานธมฺมสฺสวนปูชาสกฺการาทิกรณตฺถํ ลกฺขิตพฺเพสุ สลฺลกฺเขตพฺเพสุ อุปลกฺเขตพฺเพสูติ วุตฺตํ โหติ. สฺเว ปกฺโขติ อชฺชปกฺขิกํ น คาเหตพฺพนฺติ อฏฺมิยา ภุฺชิตพฺพํ, สตฺตมิยา ภุฺชนตฺถาย น คาเหตพฺพํ, ทายเกหิ นิยมิตทิวเสเนว คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. สฺเว ลูขนฺติ อชฺช อาวาหมงฺคลาทิกรณโต อติปณีตํ โภชนํ กรียติ, สฺเว ตถา น ภวิสฺสติ, อชฺเชว ภิกฺขู โภเชสฺสามาติ อธิปฺปาโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๕) ปน อฺถา วุตฺตํ. ปกฺขิกภตฺตโต อุโปสถิกภตฺตสฺส เภทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา’’ติอาทิ. อุโปสเถ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถิกํ.

ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาคนฺตุกภตฺตาทิกถาวณฺณนา

๒๑๔. นิพนฺธาปิตนฺติ ‘‘อสุกวิหาเร อาคนฺตุกา ภุฺชนฺตู’’ติ นิยมิตํ. คมิโก อาคนฺตุกภตฺตมฺปีติ คามนฺตรโต อาคนฺตฺวา อวูปสนฺเตน คมิกจิตฺเตน วสิตฺวา ปุน อฺตฺถ คจฺฉนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อาวาสิกสฺส ปน คนฺตุกามสฺส คมิกภตฺตเมว ลพฺภติ. ‘‘เลสํ โอฑฺเฑตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา เลสาภาเวน ยาว คมนปริพนฺโธ วิคจฺฉติ, ตาว ภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ าปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ธุรภตฺตาทิกถาวณฺณนา

๒๑๕. ตณฺฑุลาทีนิ เปเสนฺติ…เป… วฏฺฏตีติ อภิหฏภิกฺขตฺตา วฏฺฏติ.

๒๑๖. ตถา ปฏิคฺคหิตตฺตาติ ภิกฺขานาเมน ปฏิคฺคหิตตฺตา. ปตฺตํ ปูเรตฺวา ถเกตฺวา ทินฺนนฺติ ‘‘คุฬกภตฺตํ เทมา’’ติ ทินฺนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

คิลานปจฺจยภาชนกถาวณฺณนา

๒๑๗. อิโต ปรํ ปจฺจยานุกฺกเมน เสนาสนภาชนกถาย วตฺตพฺพายปิ ตสฺสา มหาวิสยตฺตา, คิลานปจฺจยภาชนียกถาย ปน อปฺปวิสยตฺตา, ปิณฺฑปาตภาชนียกถาย อนุโลมตฺตา จ ตทนนฺตรํ ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘คิลานปจฺจยภาชนียํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ราชราชมหามตฺตาติ อุปลกฺขณมตฺตเมเวตํ. พฺราหฺมณมหาสาลคหปติมหาสาลาทโยปิ เอวํ กโรนฺติเยว. ฆณฺฏึ ปหริตฺวาติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา จ ปากฏตฺตา จ สุวิฺเยฺยเมว. อุปจารสีมํ…เป… ภาเชตพฺพนฺติ อิทํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา วุตฺตํ. กุมฺภํ ปน อาวชฺเชตฺวาติ กุมฺภํ ทิสามุขํ กตฺวา. สเจ ถินํ สปฺปิ โหตีติ กกฺขฬํ สปฺปิ โหติ. โถกํ โถกมฺปิ ปาเปตุํ วฏฺฏตีติ เอวํ กเต ิติกาปิ ติฏฺติ. สิงฺคิเวรมริจาทิเภสชฺชมฺปิ อวเสสปตฺตถาลกาทิสมณปริกฺขาโรปีติ อิมินา น เกวลํ เภสชฺชเมว คิลานปจฺจโย โหติ, อถ โข อวเสสปริกฺขาโรปิ คิลานปจฺจเย อนฺโตคโธเยวาติ ทสฺเสติ.

คิลานปจฺจยภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา

๒๑๘. เสนาสนภาชนกถายํ เสนาสนคฺคาเห วินิจฺฉโยติ เสนาสนภาชนเมวาห. ตตฺถ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห จ วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห จาติ กาลวเสน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ อุตุกาเลติ เหมนฺตคิมฺหานอุตุกาเล. วสฺสาวาเสติ วสฺสานกาเล. ภิกฺขุํ อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ ทายเกหิ ‘‘อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนสงฺฆิกเสนาสนตฺตา. เอเกกํ ปริเวณนฺติ เอเกกสฺส ภิกฺขุสฺส เอเกกํ ปริเวณํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ลทฺธปริเวเณ. ทีฆสาลาติ จงฺกมนสาลา. มณฺฑลมาโฬติ อุปฏฺานสาลา. อนุทหตีติ ปีเฬติ. อทาตุํ น ลภตีติ อิมินา สฺจิจฺจ อเทนฺตสฺส ปฏิพาหเน ปวิสนโต ทุกฺกฏนฺติ ทีเปติ. ชมฺพุทีเป ปนาติ อริยเทเส ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. เต กิร ตถา ปฺาเปนฺติ.

๒๑๙. โคจรคาโม ฆฏฺเฏตพฺโพติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘น ตตฺถ มนุสฺสา วตฺตพฺพา’’ติอาทินา. วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวาติ ‘‘อิมินา นีหาเรน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิวาเรตฺวา ปจฺจเย ทสฺสนฺตี’’ติ เอวรูปํ วิตกฺกํ อนุปฺปาเทตฺวา. เตสุ เจ เอโกติ เตสุ มนุสฺเสสุ เอโก ปณฺฑิตปุริโส. ภณฺฑปฏิจฺฉาทนนฺติ ปฏิจฺฉาทนภณฺฑํ, สรีรปฏิจฺฉาทนํ จีวรนฺติ อตฺโถ. สุทฺธจิตฺตตฺตาว อนวชฺชนฺติ อิทํ ปุจฺฉิตกฺขเณ การณาจิกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ อสุทฺธจิตฺตสฺสปิ ปุจฺฉิตปฺหวิสฺสชฺชเน โทสาภาวา. เอวํ ปน คเต มํ ปุจฺฉิสฺสนฺตีติ สฺาย อคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปฏิชคฺคิตพฺพานีติ ขณฺฑผุลฺลาภิสงฺขรณสมฺมชฺชนาทีหิ ปฏิชคฺคิตพฺพานิ. มุณฺฑเวทิกายาติ เจติยสฺส หมฺมิยเวทิกาย ฆฏาการสฺส อุปริ จตุรสฺสเวทิกาย. กตฺถ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย ยโต ปกติยา ลพฺภติ, ตตฺถ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ วิสฺสชฺชนา. กสฺมา ปุจฺฉิตพฺพนฺติอาทิ ยโต ปกติยา ลพฺภติ, ตตฺถาปิ ปุจฺฉนสฺส การณสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปฏิกฺกมฺมาติ วิหารโต อปสกฺกิตฺวา. ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โยชนทฺวิโยชนนฺตเร โหตี’’ติ อาห. อุปนิกฺเขปนฺติ เขตฺตํ วา นาฬิเกราทิอารามํ วา กหาปณาทีนิ วา อารามิกานํ นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิโต อุปฺปนฺนา วฑฺฒิ วสฺสาวาสิกตฺถาย โหตู’’ติ ทินฺนํ. วตฺตํ กตฺวาติ ตสฺมึ เสนาสเน กตฺตพฺพวตฺตํ กตฺวา. อิติ สทฺธาเทยฺเยติ เอวํ เหฏฺา วุตฺตนเยน สทฺธาย ทาตพฺเพ วสฺสาวาสิกลาภวิสเยติ อตฺโถ.

วตฺถุ ปนาติ ตตฺรุปฺปาเท อุปฺปนฺนรูปิยํ, ตฺจ ‘‘ตโต จตุปจฺจยํ ปริภุฺชถา’’ติ ทินฺนเขตฺตาทิโต อุปฺปนฺนตฺตา กปฺปิยการกานํ หตฺเถ ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภุฺชถา’’ติ ทายเกหิ ทินฺนวตฺถุสทิสํ โหตีติ อาห ‘‘กปฺปิยการกานฺหี’’ติอาทิ. สงฺฆสุฏฺุตายาติ สงฺฆสฺส หิตาย. ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพนฺติ ปรโต วกฺขมานนเยน ภิกฺขู จีวเรน กิลมนฺติ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตีติอาทินา ปุคฺคลปรามาสวเสเนว กาตพฺพํ, ‘‘สงฺโฆ จีวเรน กิลมตี’’ติอาทินา ปน สงฺฆปรามาสวเสน น กาตพฺพํ. กปฺปิยภณฺฑวเสนาติ สามฺโต วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จีวรตณฺฑุลาทิวเสเนว จา’’ติ วุตฺตํ. -กาโร เจตฺถ ปนสทฺทตฺเถ วตฺตติ, น สมุจฺจยตฺเถติ ทฏฺพฺพํ. ปุคฺคลวเสเนว กปฺปิยภณฺฑวเสน จ อปโลกนปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ปน เอวํ กตฺตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

จีวรปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สทฺธาเทยฺยตตฺรุปฺปาทวเสน ตสฺมึ วสฺสาวาเส ลพฺภมานจีวรสงฺขาตํ ปจฺจยํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. เสนาสนสฺสาติ เสนาสนคฺคาหาปณสฺส. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ, เสนาสนคฺคาหาปกสฺส อตฺตนาว อตฺตโน คหณํ อสารุปฺปํ, ตสฺมา อุโภ อฺมฺํ คาเหสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปกสฺส อาณตฺติยา อฺเน คหิโตปิ คาโห รุหติเยวาติ เวทิตพฺพํ. อฏฺปิ โสฬสปิ ชเน สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ วิสุํ วิสุํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, อุทาหุ เอกโตติ? เอกโตปิ วฏฺฏติ. เอกกมฺมวาจาย สพฺเพปิ เอกโต สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. นิคฺคหกมฺมเมว หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส น กโรติ. สมฺมุติทานํ ปน พหูนมฺปิ เอกโต กาตุํ วฏฺฏติ. เตเนว สตฺตสติกกฺขนฺธเก อุพฺพาหิกสมฺมุติยํ อฏฺปิ ชนา เอกโต สมฺมตาติ. อาสนฆรนฺติ ปฏิมาฆรํ. มคฺโคติ อุปจารสีมพฺภนฺตรคเต คามาภิมุขมคฺเค กตสาลา วุจฺจติ, เอวํ โปกฺขรณิรุกฺขมูลาทีสุปิ. รุกฺขมูลาทโย ฉนฺนา กวาฏพทฺธาว เสนาสนํ. อิโต ปรานิ สุวิฺเยฺยานิ.

๒๒๐. มหาลาภปริเวณกถายํ ลภนฺตีติ ตตฺร วาสิโน ภิกฺขู ลภนฺติ. วิชเฏตฺวาติ เอเกกสฺส ปโหนกปฺปมาเณน วิโยเชตฺวา. อาวาเสสูติ เสนาสเนสุ. ปกฺขิปิตฺวาติ เอตฺถ ปกฺขิปนํ นาม เตสุ วสนฺตานํ อิโต อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกทานํ. ปวิสิตพฺพนฺติ อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ มหาลาเภ ปริเวเณ วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวาว ลาโภ คเหตพฺโพติ อธิปฺปาโย.

๒๒๑. ปจฺจยํ วิสฺสชฺเชตีติ จีวรปจฺจยํ นาธิวาเสติ. อยมฺปีติ เตน วิสฺสชฺชิตปจฺจโยปิ. ปาทมูเล เปตฺวา สาฏกํ เทนฺตีติ ปจฺจยทายกา เทนฺติ. เอเตน คหฏฺเหิ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนมฺปิ ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อถ วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วทนฺตีติ เอตฺถ ‘‘ปํสุกูลิกานํ น วฏฺฏตี’’ติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. วสฺสํ วุตฺถภิกฺขูนนฺติ ปํสุกูลิกโต อฺเสํ ภิกฺขูนํ. อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข วา มณฺฑเป วา วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวา คณฺหถา’’ติ เอวํ อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพํ.

ปาฏิปทอรุณโตติอาทิ วสฺสูปนายิกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรามุตฺตกํ ปน ปาฏิปทํ อติกฺกมิตฺวาปิ คาเหตุํ วฏฺฏติ. ‘‘กตฺถ นุ โข วสิสฺสามิ, กตฺถ วสนฺตสฺส ผาสุ ภวิสฺสติ, กตฺถ วา ปจฺจเย ลภิสฺสามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺเนน วิตกฺเกน จรตีติ วิตกฺกจาริโก. อิทานิ ยํ ทายกา ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานํ วสฺสาวาสิกํ เทติ, ตตฺถ ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อาคนฺตุโก เจ ภิกฺขูติ จีวเร คาหิเต ปจฺฉา อาคโต อาคนฺตุโก ภิกฺขุ. ปตฺตฏฺาเนติ วสฺสคฺเคน อาคนฺตุกภิกฺขุโน ปตฺตฏฺาเน. ปมวสฺสูปคตาติ อาคนฺตุกสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย วสฺสูปคตา. ลทฺธํ ลทฺธนฺติ ปุนปฺปุนํ ทายกานํ สนฺติกา อาคตาคตสาฏกํ.

สาทิยนฺตาปิ หิ เตเนว วสฺสาวาสิกสฺส สามิโนติ ฉินฺนวสฺสตฺตา วุตฺตํ. ปมเมว กติกาย กตตฺตา ‘‘เนว อทาตุํ ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ทาตพฺพํ วาเรนฺตานํ คีวา โหตีติ อธิปฺปาโย. เตสเมว ทาตพฺพนฺติ วสฺสูปคเตสุ อลทฺธวสฺสาวาสิกานํ เอกจฺจานเมว ทาตพฺพํ. ภตินิวิฏฺนฺติ ภตึ กตฺวา วิย นิวิฏฺํ ปริยิฏฺํ. ภตินิวิฏฺนฺติ วา ปานียุปฏฺานาทิภตึ กตฺวา ลทฺธํ. สงฺฆิกํ ปนาติอาทิ เกสฺจิ วาททสฺสนํ. ตตฺถ สงฺฆิกํ ปน อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ตตฺรุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ‘‘ฉินฺนวสฺสาวาสิกฺจ อิทานิ อุปฺปชฺชนกวสฺสาวาสิกฺจ อิเมสํ ทาตุํ รุจฺจตี’’ติ อนนฺตเร วุตฺตนเยน อปโลกนํ กตฺวา คาหิตํ สงฺเฆน ทินฺนตฺตา วิพฺภนฺโตปิ ลภเตว, ปเคว ฉินฺนวสฺโส. ปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน เตมาสํ วสิตฺวา คเหตุํ อตฺตนา ทายเกหิ จ อนุมตตฺตา ภตินิวิฏฺมฺปิ ฉินฺนวสฺโสปิ วิพฺภนฺโตปิ น ลภตีติ เกจิ อาจริยา วทนฺติ. อิทฺจ ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํ, เตเนว วสฺสูปนายิกทิวเส เอวํ ทายเกหิ ทินฺนํ วสฺสาวาสิกํ คหิตภิกฺขุโน วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วาโสว เหฏฺา วิหิโต, น ปานียุปฏฺานาทิภติกรณมตฺตํ. ยทิ หิ ตํ ภตินิวิฏฺเมว สิยา, ภติกรณเมว วิธาตพฺพํ, ตสฺมา วสฺสคฺเคน คาหิตํ ฉินฺนวสฺสาทโย น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํ.

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺโถ ภิกฺขุ วิพฺภมติ, สงฺฆสฺเสว ต’’นฺติ (มหาว. ๓๗๔-๓๗๕) วจนโต ‘‘วตฏฺาเน…เป… สงฺฆิกํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. สงฺฆิกํ โหตีติ เอเตน วุตฺถวสฺสานมฺปิ วสฺสาวาสิกภาโค สงฺฆิกโต อโมจิโต เตสํ วิพฺภเมน สงฺฆิโก โหตีติ ทสฺเสติ. มนุสฺเสติ ทายกมนุสฺเส. ลภตีติ ‘‘มม ปตฺตภาวํ เอตสฺส เทถา’’ติ ทายเก สมฺปฏิจฺฉาเปนฺเตเนว สงฺฆิกโต วิโยชิตํ โหตีติ วุตฺตํ. วรภาคํ สามเณรสฺสาติ ตสฺส ปมคาหตฺตา, เถเรน ปุพฺเพ ปมภาคสฺส คหิตตฺตา, อิทานิ คยฺหมานสฺส ทุติยภาคตฺตา จ วุตฺตํ.

๒๒๒. อิทานิ อนฺตรามุตฺตเสนาสนคฺคาหํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยมปโรปี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ อปโรปีติ ปุพฺเพ วุตฺตเสนาสนคฺคาหทฺวยโต อฺโปีติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘อยํ เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ วุตฺโต, อถ กสฺมา ‘‘อยมปโรปี’’ตฺยาทิ วุตฺโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ทิวสวเสน หี’’ติอาทิ. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยาติ ปมวสฺสูปนายิกทิวสภูตํ อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ สนฺธาย วุตฺตํ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยาติ ทุติยวสฺสูปนายิกทิวสภูตสาวณปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ. อปรชฺชุคตาย ปวารณาติ อสฺสยุชปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ.

๒๒๓. อุตุกาเล ปฏิพาหิตุํ น ลภตีติ เหมนฺตคิมฺเหสุ อฺเ สมฺปตฺตภิกฺขู ปฏิพาหิตุํ น ลภติ. นวกมฺมนฺติ นวกมฺมสมฺมุติ. อกตนฺติ อปริสงฺขตํ. วิปฺปกตนฺติ อนิฏฺิตํ. เอกํ มฺจฏฺานํ ทตฺวาติ เอกํ มฺจฏฺานํ ปุคฺคลิกํ ทตฺวา. ติภาคนฺติ ตติยภาคํ. เอวํ วิสฺสชฺชนมฺปิ ถาวเรน ถาวรํ ปริวตฺตนฏฺาเนเยว ปวิสติ, น อิตรถา สพฺพเสนาสนวิสฺสชฺชนโต. สเจ สทฺธิวิหาริกาทีนํ ทาตุกาโม โหตีติ สเจ โส สงฺฆสฺส ภณฺฑปนฏฺานํ วา อฺเสํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ วา ทาตุํ น อิจฺฉติ, อตฺตโน สทฺธิวิหาริกาทีนฺเว ทาตุกาโม โหติ, ตาทิสสฺส ‘‘ตุยฺหํ ปุคฺคลิกเมว กตฺวา ชคฺคาหี’’ติ น สพฺพํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ตตฺถสฺส กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กมฺม’’นฺติอาทิ. เอวฺหีติอาทิมฺหิ จยานุรูปํ ตติยภาเค วา อุปฑฺฒภาเค วา คหิเต ตํ ภาคํ ทาตุํ ลภตีติ อตฺโถ. เยนาติ เตสุ ทฺวีสุ ตีสุ ภิกฺขูสุ เยน. โส สามีติ ตสฺสา ภูมิยา วิหารกรเณ โสว สามี, ตํ ปฏิพาหิตฺวา อิตเรน น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

๒๒๔. อกตฏฺาเนติ เสนาสนโต พหิ จยาทีนํ อกตฏฺาเน. จยํ วา ปมุขํ วาติ สงฺฆิกเสนาสนํ นิสฺสาย ตโต พหิ พนฺธิตฺวา เอกํ เสนาสนํ วา. พหิกุฏฺเฏติ กุฏฺฏโต พหิ, อตฺตโน กตฏฺาเนติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุปจฺจยสาธารณกถาวณฺณนา

๒๒๕. จตุปจฺจยสาธารณกถายํ สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชเกนาติ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย วา อปโลกนกมฺเมน วา สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสมฺมุติลทฺเธน. อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑนฺติ ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถีติ เอตฺถ อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑนฺติ กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ, เอวํ กุกฺกุจฺจํ กตฺวา ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, อปุจฺฉิตฺวาว ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กสฺมาติ เจ? เอตฺตกสฺส สงฺฆิกภณฺฑสฺส วิสฺสชฺชนตฺถาเยว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา กตสมฺมุติกมฺมตฺตา. คุฬปิณฺเฑ…เป… ทาตพฺโพติ เอตฺถ คุฬปิณฺฑํ ตาลปกฺกปฺปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺสปีติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. อฺเน การเณน พหิสีมคตสฺสปิ เอเสว นโย. โอทนปฏิวีโสติ สงฺฆภตฺตาทิสงฺฆิกโอทนปฏิวีโส. อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺเสว คาเหตุํ วฏฺฏติ, น พหิอุปจารสีมํ ปตฺตสฺสาติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิตานํ คาเหถาติ วทนฺติ, น คาเหตพฺพ’’นฺติ. อนฺโตคามฏฺานมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ, อนฺโตคามฏฺานมฺปิ พหิคามฏฺานมฺปิ คาเหตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. สมฺภาวนตฺโถ วา, เตน อนฺโตคามฏฺานมฺปิ คาเหตุํ วฏฺฏติ, ปเคว พหิคามฏฺานนฺติ.

จตุปจฺจยสาธารณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

อฏฺวีสติโม ปริจฺเฉโท.

วิหารวินิจฺฉยกถาวณฺณนา

อิทานิ จตุปจฺจยนฺโตคธตฺตา วิหารสฺส จตุปจฺจยภาชนกถานนฺตรํ วิหารวินิจฺฉยกถา อารภียเต. ตตฺริทํ วุจฺจติ –

‘‘โก วิหาโร เกนฏฺเน;

วิหาโร โส กติวิโธ;

เกน โส กสฺส ทาตพฺโพ;

กถํ โก ตสฺส อิสฺสโร.

‘‘เกน โส คาหิโต กสฺส;

อนุฏฺาปนิยา กติ;

กติหงฺเคหิ ยุตฺตสฺส;

ธุววาสาย ทียเต’’ติ.

ตตฺถ โก วิหาโรติ จตูสุ ปจฺจเยสุ เสนาสนสงฺขาโต จตูสุ เสนาสเนสุ วิหารเสนาสนสงฺขาโต ภิกฺขูนํ นิวาสภูโต ปติสฺสยวิเสโส. เกนฏฺเน วิหาโรติ วิหรนฺติ เอตฺถาติ วิหาโร, อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยสงฺขาเตหิ จตูหิ วิหาเรหิ อริยา เอตฺถ วิหรนฺตีตฺยตฺโถ. โส กติวิโธติ สงฺฆิกวิหารคณสนฺตกวิหารปุคฺคลิกวิหารวเสน ติพฺพิโธ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยุฺชโต อภิโยโค น รุหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สกฺโกติ. กสฺมา? สพฺเพสํ ธุรนิกฺเขปาภาวโต. น เหตฺถ สพฺเพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺตีติ. ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส, เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยุฺชิตฺวา คณฺหนฺโต สกฺโกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุํ, ตสฺมา ตตฺถ อาราเม วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ’’ติ. อิมินา ทายกสนฺตโก วิหาโร นาม นตฺถีติ ทีเปติ.

เกน โส ทาตพฺโพติ ขตฺติเยน วา พฺราหฺมเณน วา เยน เกนจิ โส วิหาโร ทาตพฺโพ. กสฺส ทาตพฺโพติ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทาตพฺโพ. กถํ ทาตพฺโพติ ยทิ สงฺฆสฺส เทติ, ‘‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ, ยทิ คณสฺส, ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมนฺตานํ ทมฺมี’’ติ, ยทิ ปุคฺคลสฺส, ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ ทาตพฺโพ. โก ตสฺส อิสฺสโรติ ยทิ สงฺฆสฺส เทติ, สงฺโฆ ตสฺส วิหารสฺส อิสฺสโร. ยทิ คณสฺส เทติ, คโณ ตสฺส อิสฺสโร. ยทิ ปุคฺคลสฺส เทติ, ปุคฺคโล ตสฺส อิสฺสโรติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทีฆภาณกาทิกสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตก’’นฺติ.

เกน โส คาหิโตติ เสนาสนคฺคาหาปเกน โส วิหาโร คาหิโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, เอวฺจ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ, ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนคฺคาหาปกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เสนาสนคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (จูฬว. ๓๑๗).

กสฺส โส คาหิโตติ ภิกฺขูนํ โส วิหาโร คาหิโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). อนุฏฺาปนิยา กตีติ จตฺตาโร อนุฏฺาปนียา วุฑฺฒตโร คิลาโน ภณฺฑาคาริโก สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโนติ. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วุฑฺโฒ หิ อตฺตโน วุฑฺฒตาย อนุฏฺาปนีโย, คิลาโน คิลานตาย, สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สงฺเฆน ทินฺโน, โสปิ อนุฏฺาปนีโย’’ติ.

กติหงฺเคหิ ยุตฺตสฺส ธุววาสาย ทียเตติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ทฺวีหิ องฺเคหิ ยุตฺตสฺส ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทียเต. กตเมหิ ทฺวีหิ? พหูปการตาย คุณวิสิฏฺตาย เจติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตนฺติ ภณฺฑาคาริกตาทิพหุอุปการภาวํ, น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘คุณวิสิฏฺตฺจา’ติ. เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงขา. อภิ. ฏี. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต. โอมกปริจฺเฉเทน เอเกน องฺเคน ยุตฺตสฺสปิ. กตเมน เอเกน องฺเคน? พหูปการตาย วา คุณวิสิฏฺตาย วา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ, ธมฺมกถิกาทีนํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) วจนโต.

เสนาสนคฺคาโห ปน ทุวิโธ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จาติ กาลวเสน. อถ วา ตโย เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโกติ. เตสํ วิเสโส เหฏฺา วุตฺโตว. ‘‘อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห อนฺตรามุตฺตโก จ ตงฺขณปฏิสลฺลาโน จาติ ทุพฺพิโธ. วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ ทุพฺพิโธติ จตฺตาโร เสนาสนคฺคาหา’’ติ อาจริยา วทนฺติ, ตํ วจนํ ปาฬิยมฺปิ อฏฺกถายมฺปิ น อาคตํ. ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๑๘) ปน ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก’’อิจฺเจว อาคโต, อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา, อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย’’ติ อาคโต.

อิทานิ ปน เอกจฺเจ อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล สพฺเพ วิหารา สงฺฆิกาว, ปุคฺคลิกวิหาโร นาม นตฺถิ. กสฺมา? วิหารทายกานํ วิหารทานกาเล กุลูปกา ‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมา’ติ วจีเภทํ การาเปนฺติ, ตสฺมา นววิหาราปิ สงฺฆิกา เอว. เอกจฺเจสุ วิหาเรสุ เอวํ อวตฺวา เทนฺเตสุปิ ‘ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก โหติ, มเต สงฺฆิโกเยวา’ติ วุตฺตตฺตา โปราณกวิหาราปิ สงฺฆิกาว โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตตฺเรวํ วิจาเรตพฺโพ – วจีเภทํ การาเปตฺวา ทินฺนวิหาเรสุปิ ทายกา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กโรนฺตา นาม อปฺปกา, ‘‘อิมํ นาม ภิกฺขุํ อิมํ นาม เถรํ วสาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุตฺตทารมิตฺตามจฺจาทีหิ สมฺมนฺเตตฺวา ปติฏฺาเปนฺติ, ปติฏฺานกาเล อวทนฺตาปิ ทานกาเล เยภุยฺเยน วทนฺติ. อถ ปน กุลูปกา ทานกาเล สิกฺขาเปตฺวา วทาเปนฺติ, เอวํ วทนฺตาปิ ทายกา อปฺปกา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เทนฺติ, พหุตรา อตฺตโน กุลูปกเมว อุทฺทิสฺส เทนฺติ. เอวํ สนฺเต กุลูปกานํ วจนํ นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ สงฺฆสฺส ปริณาเมตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐; ปาจิ. ๔๙๒) วุตฺตํ เอกํ อธมฺมิกทานํ อาปชฺชติ. ‘‘ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก, มเต สงฺฆิโก’’ติ อยํ ปาโ มูลปุคฺคลิกวิสเย น อาคโต, มูลสงฺฆิกวิหารํ ชคฺคาเปตุํ ปุคฺคลิกการาปนฏฺาเน อาคโต, ตสฺมา นววิหาราปิ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺนา สนฺติเยว. โปราณกวิหาราปิ มูเล ปุคฺคลิกวเสน ทินฺนา สทฺธิวิหาริกาทีนํ ปุคฺคลิกวเสเนว ทียมานาปิ ตสฺมึ ชีวนฺเตเยว วิสฺสาสวเสน คยฺหมานาปิ ปุคฺคลิกา โหนฺติเยว, ตสฺมา สพฺพโส ปุคฺคลิกวิหารสฺส อภาววาโท วิจาเรตพฺโพว.

อฺเ ปน อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล สงฺฆิกวิหารา นาม น สนฺติ, สพฺเพ ปุคฺคลิกาว. กสฺมา? นววิหาราปิ ปติฏฺาปนกาเล ทานกาเล จ กุลูปกภิกฺขุํเยว อุทฺทิสฺส กตตฺตา ปุคฺคลิกาว, โปราณกวิหาราปิ สิสฺสานุสิสฺเสหิ วา อฺเหิ วา ปุคฺคเลหิ เอว ปริคฺคหิตตฺตา, น กทาจิ สงฺเฆน ปริคฺคหิตตฺตา ปุคฺคลิกาว โหนฺติ, น สงฺฆิกา’’ติ วทนฺติ. ตตฺราปฺเยวํ วิจาเรตพฺพํ – นววิหาเรปิ ปติฏฺานกาเลปิ ทานกาเลปิ เอกจฺเจ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กโรนฺติ, เอกจฺเจ ปุคฺคลํ. ปุพฺเพว ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส กเตปิ อตฺถกามานํ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ปุคฺคลิกทานโต สงฺฆิกทานเมว มหปฺผลตรนฺติ สทฺทหิตฺวา สงฺฆิเก กโรนฺตาปิ ทายกา สนฺติ, ปุคฺคลิกวเสน ปฏิคฺคหิเต โปราณกวิหาเรปิ เกจิ ภิกฺขู มรณกาเล สงฺฆสฺส นิยฺยาเตนฺติ. เกจิ กสฺสจิ อทตฺวา มรนฺติ, ตทา โส วิหาโร สงฺฆิโก โหติ. สวตฺถุกมหาวิหาเร ปน กโรนฺตา ราชราชมหามตฺตาทโย ‘‘ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ สาสนํ ยาว ติฏฺติ, ตาว มม วิหาเร วสิตฺวา สงฺโฆ จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุฺชตู’’ติ ปณิธาย จิรกาลํ สงฺฆสฺส ปจฺจยุปฺปาทกรํ คามเขตฺตาทิกํ ‘‘อมฺหากํ วิหารสฺส เทมา’’ติ เทนฺติ, วิหารสฺสาติ จ วิหาเร วสนกสงฺฆสฺส อุทฺทิสฺส เทนฺติ, น กุลูปกภูตสฺส เอกปุคฺคลสฺส เอว, ตสฺมา เยภุยฺเยน สงฺฆิกา ทิสฺสนฺติ, ปาสาเณสุ อกฺขรํ ลิขิตฺวาปิ เปนฺติ, ตสฺมา สพฺพโส สงฺฆิกวิหาราภาววาโทปิ วิจาเรตพฺโพว.

อปเร ปน อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล วิหารทายกสนฺตกาว, ตสฺมา ทายกาเยว วิจาเรตุํ อิสฺสรา, น สงฺโฆ, น ปุคฺคโล. วิหารทายเก อสนฺเตปิ ตสฺส ปุตฺตธีตุนตฺตปนตฺตาทโย ยาว กุลปรมฺปรา ตสฺส วิหารสฺส อิสฺสราว โหนฺติ. กสฺมาติ เจ? ‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) อาคตตฺตา จ ‘ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) จ วจนโต วิหารสฺสามิภูโต ทายโก วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน วา วิจาเรตุํ อิสฺสโร. ‘ปจฺฉินฺเน กุลวํเส โย ตสฺส ชนปทสฺส สามิโก, โส อจฺฉินฺทิตฺวา ปุน เทติ จิตฺตลปพฺพเต ภิกฺขุนา นีหฏํ อุทกวาหกํ อฬนาคราชมเหสี วิย, เอวมฺปิ วฏฺฏตี’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วจนโต วิหารทายกสฺส กุลวํเส ปจฺฉินฺเนปิ ตสฺส ชนปทสฺส อิสฺสโร ราชา วา ราชมหามตฺโต วา โย โกจิ อิสฺสโร วา วิหารํ วิจาเรตุํ ยถาชฺฌาสยํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อฺเ ปณฺฑิตา นานุชานนฺติ.

กถํ? ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก’’ติ วจนํ ปุพฺพโวหารวเสน วุตฺตํ, น อิทานิ อิสฺสรวเสน ยถา เชตวนํ, ปตฺตสฺสามิโกตฺยาทิ. ยถา หิ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วนํ อุยฺยานํ เชตวนนฺติ วิคฺคเห กเต ยทิปิ อนาถปิณฺฑิเกน กิณิตฺวา วิหารปติฏฺาปนกาลโต ปฏฺาย ราชกุมาโร ตสฺส อุยฺยานสฺส อิสฺสโร น โหติ, ตถาปิ อนาถปิณฺฑิเกน กิณิตกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน สพฺพทาปิ เชตวนนฺตฺเวว โวหรียติ. ยถา จ ปตฺตสฺส สามิโก ปตฺตสฺสามิโกติ วิคฺคเห กเต ยทิปิ ทายเกหิ กิณิตฺวา ภิกฺขุสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย กมฺมาโร ปตฺตสฺส อิสฺสโร น โหติ, ตถาปิ ทายเกน กิณิตกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน ปตฺตสฺสามิโกตฺเวว โวหรียติ, เอวํ ยทิปิ ภิกฺขุสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ทายโก วิหารสฺส อิสฺสโร น โหติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ตถาปิ ทานกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน วิหารสฺสามิโกตฺเวว โวหรียติ, น มุขฺยโต อิสฺสรภาวโตติ วิฺายติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทินฺนกาลโต ปฏฺาย สงฺฆาทโย ปฏิคฺคาหกา เอว วิจาเรตุํ อิสฺสรา, น ทายโก.

กถํ วิฺายตีติ เจ? สนฺเตสุปิ อนาถปิณฺฑิกาทีสุ วิหารทายเกสุ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๗) สงฺเฆน สมฺมตํ เสนาสนคฺคาหาปกํ อนุชานิตฺวา, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว…เป… เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๘) เสนาสนคฺคาหาปกสฺเสว วิจาเรตุํ อิสฺสรภาวสฺส วจนโต จ ‘‘ทฺเว ภิกฺขู สงฺฆิกํ ภูมึ คเหตฺวา โสเธตฺวา สงฺฆิกํ เสนาสนํ กโรนฺติ, เยน สา ภูมิ ปมํ คหิตา, โส สามี’’ติ จ ‘‘อุโภปิ ปุคฺคลิกํ กโรนฺติ, โสเยว สามี’’ติ จ ‘‘โย ปน สงฺฆิกํ วลฺลิมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา อาหริเมน อุปกรเณน สงฺฆิกาย ภูมิยา ปุคฺคลิกวิหารํ กาเรติ, อุปฑฺฒํ สงฺฆิกํ อุปฑฺฒํ ปุคฺคลิก’’นฺติ จ สงฺฆปุคฺคลานํเยว สามิภาวสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จ วิฺายติ.

‘‘ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนมฺปิ เตสํ วิหารสฺส อิสฺสรภาวทีปกํ น โหติ, อถ โข คมิโก ภิกฺขุ ทิสํ คนฺตุกาโม วิหาเร อาปุจฺฉิตพฺพภิกฺขุสามเณรอารามิเกสุ อสนฺเตสุ เต อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพภาวเมว ทีเปติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘อิมํ ปน ทสวิธมฺปิ เสยฺยํ สงฺฆิเก วิหาเร สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ปกฺกมนฺเตน อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ, อาปุจฺฉนฺเตน จ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ…เป… ตสฺมึ อสติ อารามิโก, ตสฺมิมฺปิ อสติ เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. เอวํ อารามิกสฺสปิ อาปุจฺฉิตพฺพโต โอโลกนตฺถาย วตฺตสีเสเนว อาปุจฺฉิตพฺโพ, น เตสํ สงฺฆิกเสนาสนสฺส อิสฺสรภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.

‘‘ปจฺฉินฺเน กุลวํเส’’ตฺยาทิวจนฺจ อกปฺปิยวเสน กตานํ อกปฺปิยโวหาเรน ปฏิคฺคหิตานํ เขตฺตวตฺถุตฬากาทีนํ อกปฺปิยตฺตา ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตานํ กปฺปิยกรณตฺถาย ราชาทีหิ คเหตฺวา ปุน เตสํเยว ภิกฺขูนํ ทานเมว ทีเปติ, น เตสํ ราชาทีนํ เตหิ ภิกฺขูหิ อฺเสํ สงฺฆคณปุคฺคลเจติยานํ ทานํ. ยทิ ทเทยฺยุํ, อธมฺมิกทานอธมฺมิกปอคฺคหอธมฺมิกปริโภคา สิยุํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกานิ ทานานิ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมตี’’ติ. อฏฺกถายฺจ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ…เป… เอวํ วุตฺตานิ. นว ปฏิคฺคหปริโภคาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ยทิ ราชาทโย อิสฺสราติ คเหตฺวา อฺสฺส เทยฺยุํ, ตมฺปิ ทานํ อธมฺมิกทานํ โหติ, ตํ ทานํ ปฏิคฺคหา จ อธมฺมิกปฏิคฺคหา โหนฺติ, ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตา จ อธมฺมิกปริโภคา โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตนฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) ‘สงฺฆสฺสา’ติ อยํ สทฺโท ‘ทาน’นฺติ เอตฺถ สามิสมฺพนฺโธ น โหติ, อถ โข สมฺปทานเมว, ‘ทายกสฺสา’ติ ปน สามิสมฺพนฺโธ อชฺฌาหริตพฺโพ, ตสฺมา สามิภูโต ทายโกว อิสฺสโร, น สมฺปทานภูโต สงฺโฆ’’ติ. เต เอวํ วตฺตพฺพา – ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺสา’’ติ อิทํ ทานสมเย ปวตฺตวเสน วุตฺตํ, น ทินฺนสมเย ปวตฺตวเสน. ทานกาเล หิ ทายโก อตฺตโน วตฺถุภูตํ วิหารํ สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตฺวา เทติ, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย ทายโก สามี โหติ, สงฺโฆ สมฺปทานํ, ทินฺนกาเล ปน สงฺโฆว สามี โหติ วิหารสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, น ทายโก ปริจฺจตฺตตฺตา, ตสฺมา สงฺโฆ วิจาเรตุํ อิสฺสโร. เตนาห ภควา ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓). อิทํ ปน สทฺทลกฺขณครุกา สทฺทหิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ทานกาเลเยว ทายกสนฺตกภาโว ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสนฺตกภาโว สพฺเพสํ ปากโฏ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ ทายกสนฺตกภาวสาธกํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ โหตุ, ตถาปิ ‘‘สเจ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา สามิโก วา ตสฺส ปุตฺตธีตโร วา อฺโ วา โกจิ วํเส อุปฺปนฺโน ปุน กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วุตฺตตฺตา วิหารสฺสามิกภูตทายกสฺส วา ตสฺส ปุตฺตธีตาทีนํ วํเส อุปฺปนฺนานํ วา ทาตุํ อิสฺสรภาโว สิทฺโธเยวาติ. น สิทฺโธ. กสฺมาติ เจ? นนุ วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา’’ติ, ตสฺมา อกปฺปิยตฺตา ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตเมว กปฺปิยกรณตฺถาย ทายกาทีหิ ปุน กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏติ. ยถา อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา ภิกฺขูหิ อปริภุตฺตเมว ขาทนียโภชนียํ ภิกฺขุสนฺตกํเยว อาปตฺติโมจนตฺถํ ทายกาทโย ปฏิคฺคหาเปติ, น ปริภุตฺตํ, ยถา จ พีชคามปริยาปนฺนํเยว ภิกฺขุสนฺตกํ พีชคามภูตคามภาวโต ปริโมจนตฺถํ กปฺปิยการกาทโย กปฺปิยํ กโรนฺติ, น อปริยาปนฺนํ, เอวํ อกปฺปิยํ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตํเยว ตฬากาทิกํ กปฺปิยกรณตฺถํ ทายกาทโย ปุน เทนฺติ, น อปริจฺจตฺตํ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ กปฺปิยกรณตฺตํเยว สาเธติ, น อิสฺสรตฺตนฺติ วิฺายติ.

ตถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘ชาติภูมิยํ ชาติภูมิกา อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ธมฺมิกตฺเถรํ สตฺตหิ ชาติภูมิกวิหาเรหิ ปพฺพาชยึสูติ วจนโต ทายโก วิหารสฺส อิสฺสโรติ วิฺายติ. อิสฺสรตฺตาเยว หิ เต เถรํ ปพฺพาเชตุํ สกฺกา, โน อนิสฺสรา’’ติ, น โข ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ชาติภูมิกา อุปาสกา’’อิจฺเจว หิ วุตฺตํ, น ‘‘วิหารทายกา’’ติ, ตสฺมา ตสฺมึ เทเส วสนฺตา พหโว อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ธมฺมิกตฺเถรํ อยุตฺตจาริตฺตา สกลสตฺตวิหารโต ปพฺพาชยึสุ, น อตฺตโน วิหารทายกภาเวน อิสฺสรตฺตา, ตสฺมา อิทมฺปิ อุทาหรณํ น อิสฺสรภาวทีปกํ, อถ โข อปราธานุรูปกรณภาวทีปกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ยทา ทายโก วิหารํ ปติฏฺาเปตฺวา เทติ, ตสฺส มุฺจเจตนํ ปตฺวา ทินฺนกาลโต ปฏฺาย โส วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน วา ชนปทสฺสามิกราชาทโย วา อิสฺสรา ภวิตุํ วา วิจาเรตุํ วา น ลภนฺติ, ปฏิคฺคาหกภูโต สงฺโฆ วา คโณ วา ปุคฺคโล วา โสเยว อิสฺสโร ภวิตุํ วา วิจาเรตุํ วา ลภตีติ ทฏฺพฺพํ.

ตตฺถ ทายกาทีนํ อิสฺสโร ภวิตุํ อลภนภาโว กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ปถวาทิวตฺถุปริจฺจาเคน จ ปุน คหณสฺส อยุตฺตตฺตา’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วจนโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ทียมานํ ปตติ, ตํ สามํ คเหตฺวา ปริภุฺชิตุํ, ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓) ภควตา วุตฺตตฺตา จ ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหีติ วจเนน ปเนตฺถ ปรสนฺตกาภาโว ทีปิโต’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จ วิฺายติ. สงฺฆาทีนํ อิสฺสโร ภวิตุํ ลภนภาโว กถํ าตพฺโพติ เจ? สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต, ‘‘ปุคฺคลิเก ปุคฺคลิกสฺี อฺสฺส ปุคฺคลิเก อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, อตฺตโน ปุคฺคลิเก อนาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยปาฬิยํ (ปาจิ. ๑๑๗, ๑๒๗) อาคมนโต จ ‘‘อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) สมนฺตปาสาทิกายํ วจนโต จ ‘‘อภิโยเคปิ เจตฺถ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยุฺชโต อภิโยโค น รุหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สกฺโกติ. กสฺมา? สพฺเพสํ ธุรนิกฺเขปาภาวโต. น เหตฺถ สพฺเพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺตีติ. ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยุฺชิตฺวา คณฺหนฺโต สกฺโกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุ’’นฺติ ทุติยปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) วจนโต จ วิฺายติ.

กถํ ทายกาทีนํ วิจาเรตุํ อลภนภาโว วิฺายตีติ เจ? สนฺเตสุปิ เวฬุวนวิหาราทิทายเกสุ เตสํ วิจารณํ อนนุชานิตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ ภิกฺขุสฺเสว เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติอนุชานโต จ ภณฺฑนการเกสุ โกสมฺพกภิกฺขูสุ สาวตฺถึ อาคเตสุ อนาถปิณฺฑิเกน จ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย จ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ (มหาว. ๔๖๘) เอวํ เชตวนวิหารทายกปุพฺพารามวิหารทายกภูเตสุ อาโรจิเตสุปิ เตสํ เสนาสนวิจารณํ อวตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ‘‘กถํ นุ โข, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ เสนาสเน ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อาโรจิเต ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน, ภนฺเต, วิวิตฺตํ น โหติ, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพํ, น ตฺเววาหํ, สาริปุตฺต, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๔๗๓) เถรสฺเสว เสนาสนสฺส วิจารณสฺส อนุฺาตตฺตา จ วิฺายติ.

กถํ ปน สงฺฆาทีนํ เสนาสนํ วิจาเรตุํ ลภนภาโว วิฺายตีติ? ‘‘เอวฺจ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ – ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เสนาสนคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติ (จูฬว. ๓๑๗).

เอวํ สงฺเฆน เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนาเปตฺวา ปุน เตน สงฺฆสมฺมเตน เสนาสนคฺคาหาปเกน เสนาสนคฺคาหกวิธานํ อนุชานิตุํ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ วจนโต สงฺฆิกเสนาสนสฺส สงฺเฆน วิจาเรตุํ ลภนภาโว วิฺายติ.

‘‘ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา ทินฺนวิหาราทึ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺเต ธุรนิกฺเขปสมฺภวา ปาราชิก’’นฺติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) อาคมนโต จ ‘‘อตฺตโน ปุคฺคลิเก อนาปตฺตี’’ติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๑๑๗) อาคมนโต จ ‘‘ยสฺมึ ปน วิสฺสาโส รุหติ, ตสฺส สนฺตกํ อตฺตโน ปุคฺคลิกมิว โหตีติ มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๒) วจนโต จ คณสฺส ทินฺโน คณสนฺตกวิหาโร คเณเนว วิจารียเต, โน ทายกาทีหิ. ปุคฺคลสฺส ทินฺโน ปุคฺคลิกวิหาโรปิ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเลเนว วิจารียเต, โน ทายกาทีหีติ วิฺายติ. เอวํ วินยปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาสุ จ วิหารสฺส สงฺฆิกคณสนฺตกปุคฺคลิกวเสน ติวิธสฺเสว วจนโต จ เตสํเยว สงฺฆคณปุคฺคลานํ วิหารวิจารณสฺส อนุฺาตตฺตา จ ทายกสนฺตกสฺส วิหารสฺส วิสุํ อวุตฺตตฺตา จ ทายกานํ วิหารวิจารณสฺส อนนุฺาตตฺตา จ สงฺฆาทโย เอว วิหารสฺส อิสฺสรา โหนฺติ, เตเยว จ วิจาเรตุํ ลภนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ โหตุ, เตสุ ปฏิคฺคาหกภูเตสุ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ โส วิหาโร กสฺส สนฺตโก โหติ, เกน จ วิจาเรตพฺโพติ? วุจฺจเต – สงฺฆิกวิหาเร ตาว ‘‘อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนตฺตา ปฏิคฺคาหเกสุ กาลกเตสุปิ ตทฺโ จาตุทฺทิสสงฺโฆ จ อนาคตสงฺโฆ จ อิสฺสโร, ตสฺส สนฺตโก, เตน วิจาเรตพฺโพ. คณสนฺตเก ปน ตสฺมึ คเณ ยาว เอโกปิ อตฺถิ, ตาว คณสนฺตโกว, เตน อวสิฏฺเน ภิกฺขุนา วิจาเรตพฺโพ. สพฺเพสุ กาลกเตสุ ยทิ สกลคโณ วา ตํคณปริยาปนฺนอวสิฏฺปุคฺคโล วา ชีวมานกาเลเยว ยสฺส กสฺสจิ ทินฺโน, เยน จ วิสฺสาสคฺคาหวเสน คหิโต, โส อิสฺสโร. สเจปิ สกลคโณ ชีวมานกาเลเยว อฺคณสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เทติ, เต อฺคณสงฺฆปุคฺคลา อิสฺสรา โหนฺติ. ปุคฺคลิกวิหาเร ปน โส วิหารสฺสามิโก อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เทติ, เต อิสฺสรา โหนฺติ. โย วา ปน ตสฺส ชีวมานสฺเสว วิสฺสาสคฺคาหวเสน คณฺหาติ, โสว อิสฺสโร โหตีติ ทฏฺพฺโพ.

กถํ วิฺายตีติ เจ? สงฺฆิเก วิหารสฺส ครุภณฺฑตฺตา อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิกํ โหติ, น กสฺสจิ ทาตพฺพํ. คณสนฺตกปุคฺคลิเกสุ ปน เตสํ สามิกตฺตา ทานวิสฺสาสคฺคาหา รุหนฺติ, ‘‘ตสฺมา โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ. ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหตี’’ติ จ ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี, พหูนมฺปิ สนฺตเก เอเสว นโย’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.

เอวํ ปน วิสฺสชฺเชตฺวา อทินฺนํ ‘‘มมจฺจเยน อสุกสฺส โหตู’’ติ ทานํ อจฺจยทานตฺตา น รุหติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๔๑๙) ‘‘สเจ หิ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรนฺโต ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร อุปชฺฌายสฺส โหตุ, อาจริยสฺส โหตุ, สทฺธิวิหาริกสฺส โหตุ, อนฺเตวาสิกสฺส โหตุ, มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’ติ วทติ, เตสํ น โหติ, สงฺฆสฺเสว โหติ. น หิ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหตี’’ติ. เอตฺถ จ เอกจฺเจ ปน วินยธรา ‘‘คิหีนนฺติ ปทํ สมฺปทานนฺติ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺตกํ อจฺจยทานวเสน คิหีนํ ททนฺเต รุหติ, ปฺจนฺนํ ปน สหธมฺมิกานํ เทนฺโต น รุหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต มาตาปิตูนํ ททนฺโตปิ รุเหยฺย เตสํ คิหิภูตตฺตา. ‘‘อถ จ ปน ‘มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’ติ วทติ, เตสํ น โหตี’’ติ วจนโต น รุหตีติ วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘คิหีนํ ปนา’’ติ อิทํ น สมฺปทานวจนํ, อถ โข สามิวจนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เตน คิหีนํ ปน สนฺตกํ อจฺจยทานํ รุหตีติ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.

กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘สเจ หิ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรนฺโต มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร’’ติ อารภิตฺวา ‘‘น หิ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหตี’’ติ วุตฺตตฺตา สามฺยตฺเถ ฉฏฺีพหุวจนํ สมตฺถิตํ ภวติ. ยทิ เอวํ ‘‘คิหีน’’นฺติ ปทสฺส อสมฺปทานตฺเต สติ กตมํ สมฺปทานํ โหตีติ? ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ ปทํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๔๑๙) ‘‘มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’’ติ. อยมตฺโถ อชฺชุกวตฺถุนา (ปารา. ๑๕๘) ทีเปตพฺโพ. เอวํ ชีวมานกาเลเยว ทตฺวา มเตสุ วินิจฺฉโย อมฺเหหิ าโต, กสฺสจิ อทตฺวา มเตสุ วินิจฺฉโย กถํ าตพฺโพติ? ตตฺถาปิ สงฺฆิเก ตาว เหฏฺา วุตฺตนเยน สงฺโฆว อิสฺสโร, คณสนฺตเก ปน เอกจฺเจสุ อวเสสา อิสฺสรา, สพฺเพสุ มเตสุ สงฺโฆว อิสฺสโร. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. ปุคฺคลิเก ปน วิหารสฺส ครุภณฺฑตฺตา อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิกํ สงฺฆิกเมว โหติ.

กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตตฺตา วิฺายติ. เอวมฺปิ ‘‘ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ’’อิจฺเจว ภควตา วุตฺตํ, น ‘‘วิหาร’’นฺติ, ตสฺมา กถํ วิหารสฺส ครุภณฺฑภาโวติ วิฺายตีติ? ‘‘วิหาโร วิหารวตฺถุ, อิทํ ทุติยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ ปาฬิยํ,

‘‘ทฺวิสงฺคหานิ ทฺเว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;

จตุตฺถํ นวโกฏฺาสํ, ปฺจมํ อฏฺเภทนํ.

‘‘อิติ ปฺจหิ ราสีหิ, ปฺจนิมฺมลโลจโน;

ปฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยี’’ติ. (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) –

อฏฺกถายฺจ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.

อิติ ทายโก วิหารํ กตฺวา กุลูปกภิกฺขุสฺส เทติ, ตสฺส มุฺจเจตนุปฺปตฺติโต ปุพฺพกาเล ทายโก วิหารสฺสามิโก โหติ, ทาตุํ วา วิจาเรตุํ วา อิสฺสโร, มุฺจเจตนุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกภิกฺขุ สามิโก โหติ, ปริภุฺชิตุํ วา อฺเสํ ทาตุํ วา อิสฺสโร. โส ปุคฺคโล อตฺตโน ชีวมานกฺขเณเยว สทฺธิวิหาริกาทีนํ นิสฺสชฺชิตฺวา เทติ, ตทา เต สทฺธิวิหาริกาทโย สามิกา โหนฺติ, ปริภุฺชิตุํ วา อฺสฺส วา ทาตุํ อิสฺสรา. ยทิ ปน กสฺสจิ อทตฺวาว กาลํ กโรติ, ตทา สงฺโฆว ตสฺส วิหารสฺส สามิโก โหติ, น ทายโก วา ปุคฺคโล วา, สงฺฆานุมติยา เอว ปุคฺคโล ปริภุฺชิตุํ ลภติ, น อตฺตโน อิสฺสรวตายาติ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ มูลโตเยว สงฺฆสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆิกภูตวิหาโร วา มูเล คณปุคฺคลานํ ทินฺนตฺตา คณสนฺตกปุคฺคลิกภูโตปิ เตสํ คณปุคฺคลานํ อฺสฺส นิสฺสชฺชนวเสน อทตฺวา กาลกตตฺตา ปจฺฉา สงฺฆิกภาวํ ปตฺตวิหาโร วา สงฺเฆน วิจาเรตพฺโพ โหติ. สงฺเฆนปิ ภควโต อนุมติยา เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา คาหาเปตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๑๗) ‘‘อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘เกน นุ โข เสนาสนํ คาเหตพฺพ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’นฺติ’’อาทิ.

อิมสฺมึ าเน ‘‘เสนาสนคฺคาโห นาม วสฺสกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห, อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห, ธุววาสวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ติวิโธ โหติ. เตสุ วสฺสกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห ปุริมวสฺสวเสน เสนาสนคฺคาโห, ปจฺฉิมวสฺสวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ. อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโหปิ อนฺตรามุตฺตกวเสน เสนาสนคฺคาโห, ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ’’ติ อาจริยา วทนฺติ, เอตํ ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ อสเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. ปาฬิยฺหิ (จูฬว. ๓๑๘) ‘‘อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กติ นุ โข เสนาสนคฺคาโห’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมโก คาเหตพฺโพ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมโก คาเหตพฺโพ, อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย เสนาสนคฺคาหา’’ติ เอวํ อาคโต, อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา. อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย…เป… อยํ ตาว อนฺโตวสฺเส วสฺสูปนายิกาทิวเสน ปาฬิยํ อาคตเสนาสนคฺคาหกถา, อยํ ปน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ เอวํ อาคโต, ตสฺมา สงฺเฆน สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺพา.

เสนาสนคฺคาโห นาม อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห, วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ. ตตฺถ อุตุกาโล นาม เหมนฺตอุตุคิมฺหอุตุวเสน อฏฺ มาสา, ตสฺมึ กาเล ภิกฺขู อนิยตาวาสา โหนฺติ, ตสฺมา เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทา ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ. อยํ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห นาม. วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห ปน ‘‘ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก’’ติ ปาฬิยํ อาคตนเยน ติวิโธ โหติ. อนฺตรามุตฺตโกปิ หิ อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย คาหิตตฺตา วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาหเมว ปวิสติ, น อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ’’ติ. ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ จ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ วิสุํ อาคโต, อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโหเยว ตทงฺคเสนาสนคฺคาโหติปิ ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติปิ วทนฺติ, ตสฺมา อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโหปิ ‘‘อนฺตรามุตฺตกวเสน เสนาสนคฺคาโห ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุพฺพิโธ’’ติ น วตฺตพฺโพ.

อถาปิ วทนฺติ ‘‘ยถาวุตฺเตสุ ปฺจสุ เสนาสนคฺคาเหสุ จตฺตาโร เสนาสนคฺคาหา ปฺจงฺคสมนฺนาคเตน เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติลทฺเธน ภิกฺขุนา อนฺโตอุปจารสีมฏฺเน หุตฺวา อนฺโตสีมฏฺานํ ภิกฺขูนํ ยถาวินยํ วิจาเรตพฺพา โหนฺติ, เต ปน วิจารณา ยาวชฺชกาลา ถาวรา หุตฺวา น ติฏฺนฺติ, ธุววาสวเสน วิจารณเมว ยาวชฺชกาลา ถาวรํ หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. กสฺมา? เสนาสนคฺคาหาปกเภเท ‘‘ธุววาสวเสน เสนาสนคฺคาโห’’ติ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ นตฺถิ. ธุววาสวเสน วิจารณฺจ สมฺมุติลทฺเธน เสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺพํ น โหติ, อถ โข สมคฺเคน สงฺเฆน อปโลกนกมฺมวเสน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุสฺส อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทานเมว, ตสฺมา สมคฺโค สงฺโฆ พหูปการตาคุณวิสิฏฺตาสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ อปโลกนกมฺมวเสน สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺส ผาสุกํ อาวาสํ ธุววาสวเสน อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทติ, ตํ ยาวชฺชกาลา ถาวรํ หุตฺวา ติฏฺตีติ วตฺตพฺพํ.

สมคฺโค สงฺโฆว ธุววาสวเสน เทติ, น เสนาสนคฺคาหาปโกติ อยมตฺโถ กถํ าตพฺโพติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกอาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทตี’’ติ จ ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ จ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) จ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ จ อฏฺกถาสุ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) วจนโต สาธุกํ นิสฺสํสเยน าตพฺโพติ.

กถํ ปน อปโลกนกมฺเมน ทาตพฺพภาโว วิฺายตีติ? ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปิ สงฺฆกิจฺจํ กโรนฺตานํ กปฺปิยการกาทีนํ ภตฺตเวตนมฺปิ อปโลกนกมฺเมน ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) กมฺมวคฺเค อาคตตฺตา วิฺายติ. กถํ ปน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโนเยว ทาตพฺพภาโว วิฺายตีติ? ‘‘พหูปการตนฺติ ภณฺฑาคาริกตาทิพหุอุปการภาวํ. น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘คุณวิสิฏฺตฺจา’ติอาทิ. เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว, คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อฏฺ. ฏี. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตตฺตา วิฺายติ.

กสฺมา ปน เสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺโพ เสนาสนคฺคาโห ยาวชฺชกาลา น ติฏฺตีติ? ปฺจงฺคสมนฺนาคตสฺส เสนาสนคฺคาหาปกสฺส ภิกฺขุโน ทุลฺลภตฺตา, นานาเทสวาสีนํ นานาจริยกุลสมฺภวานํ ภิกฺขูนํ เอกสมฺโภคปริโภคสฺส ทุกฺกรตฺตา จ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ น ติฏฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, คหิตาคหิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๑๗). อฏฺกถายมฺปิ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๒) ‘‘เอวรูเปน หิ สภาคปุคฺคเลน เอกวิหาเร วา เอกปริเวเณ วา วสนฺเตน อตฺโถ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา ปน ธุววาสตฺถาย ทานวิจาโร ยาวชฺชกาลา ติฏฺตีติ? ปฺจงฺคสมนฺนาคตาภาเวปิ สีมฏฺกสฺส สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา กตฺตพฺพตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒).

อุตุกาเล สงฺฆิกเสนาสเน วสนฺเตน อาคโต ภิกฺขุ น ปฏิพาเหตพฺโพ อฺตฺร อนุฏฺาปนียา. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ เตมาสํ ปฏิพาหิตุํ, อุตุกาลํ ปน น ปฏิพาหิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). ‘‘อฺตฺร อนุฏฺาปนียา’’ติ วุตฺตํ, กตเม อนุฏฺาปนียาติ? จตฺตาโร อนุฏฺาปนียา วุฑฺฒตโร, ภณฺฑาคาริโก, คิลาโน, สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโน จ. ตตฺถ วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ตสฺมึ วิหาเร อนฺโตสีมฏฺกภิกฺขูสุ อตฺตนา วุฑฺฒตรสฺส อฺสฺส อภาวา ยถาวุฑฺฒํ เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. ภณฺฑาคาริโก สงฺเฆน สมฺมนฺนิตฺวา ภณฺฑาคารสฺส ทินฺนตาย สงฺฆสฺส ภณฺฑํ รกฺขนฺโต โคเปนฺโต วสติ, ตสฺมา โส ภณฺฑาคาริโก เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. คิลาโน เคลฺาภิภูโต อตฺตโน ลทฺธเสนาสเน วสนฺโต เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโน สมคฺเคน สงฺเฆน ทินฺนเสนาสนตฺตา เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘จตฺตาโร หิ น วุฏฺาเปตพฺพา วุฑฺฒตโร, ภณฺฑาคาริโก, คิลาโน, สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโนติ. ตตฺถ วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ, ภณฺฑาคาริโก สงฺเฆน สมฺมนฺนิตฺวา ภณฺฑาคารสฺส ทินฺนตาย, คิลาโน อตฺตโน คิลานตาย, สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทติ, ตสฺมา โส อุปการกตาย จ สงฺฆโต ลทฺธตาย จ น วุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ. เปตฺวา อิเม จตฺตาโร อวเสสา วุฏฺาปนียาว โหนฺติ.

อปรสฺมึ ภิกฺขุมฺหิ อาคเต วุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘อุตุกาเล ตาว เกจิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ปุเรภตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, เกจิ ปจฺฉาภตฺตํ ปมยามํ วา มชฺฌิมยามํ วา ปจฺฉิมยามํ วา, เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทาว ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถี’’ติ. เอตรหิ ปน สทฺธา ปสนฺนา มนุสฺสา วิหารํ กตฺวา อปฺเปกจฺเจ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ‘‘สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ตฺวา จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อารพฺภ ‘‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วตฺวา เทนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อตฺตนา ปสนฺนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ วิหารํ กตฺวาปิ ทานกาเล เตน อุยฺโยชิตา หุตฺวา จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อารพฺภ วุตฺตนเยน เทนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กรณกาเลปิ ทานกาเลปิ อตฺตโน กุลูปกภิกฺขุเมว อารพฺภ ปริจฺจชนฺติ, ตถาปิ ทกฺขิโณทกปาตนกาเล เตน สิกฺขาปิตา ยถาวุตฺตปาํ วจีเภทํ กโรนฺติ, จิตฺเตน ปน กุลูปกสฺเสว เทนฺติ, น สพฺพสงฺฆสาธารณตฺถํ อิจฺฉนฺติ.

อิเมสุ ตีสุ ทาเนสุ ปมํ ปุพฺพกาเลปิ ทานกาเลปิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา สพฺพสงฺฆิกํ โหติ. ทุติยํ ปุพฺพกาเล ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตมานมฺปิ ทานกาเล สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว. ตติยํ ปน ปุพฺพกาเลปิ ทานกาเลปิ กุลูปกปุคฺคลเมว อุทฺทิสฺส ปวตฺตติ, น สงฺฆํ, เกวลํ ภิกฺขุนา วุตฺตานุสาเรเนว วจีเภทํ กโรนฺติ. เอวํ สนฺเต ‘‘กึ อยํ วิหาโร จิตฺตวเสน ปุคฺคลิโก โหติ, วจีเภทวเสน สงฺฆิโก’’ติ จินฺตายํ เอกจฺเจ เอวํ วเทยฺยุํ –

‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;

มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;

ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินีติ. (ธ. ป. ๒) –

วจนโต จิตฺตวเสน ปุคฺคลิโก โหตี’’ติ. อฺเ ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) วจนโต วจีเภทวเสน สงฺฆิโก โหตี’’ติ.

ตตฺรายํ วิจารณา – อิทํ ทานํ ปุพฺเพ ปุคฺคลสฺส ปริณตํ ปจฺฉา สงฺฆสฺส ปริณามิตํ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆิโก’’ติ วุตฺเต นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ สงฺฆสฺส ปริณาเมตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐) วุตฺตํ อฏฺมํ อธมฺมิกทานํ โหติ, ตสฺส ทานสฺส ปฏิคฺคหาปิ ปริโภคาปิ อธมฺมิกปฏิคฺคหา อธมฺมิกปริโภคา โหนฺติ. ‘‘ปุคฺคลิโก’’ติ วุตฺเต ตีสุ ธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลสฺเสว เทตี’’ติ วุตฺตํ ตติยธมฺมิกทานํ โหติ, ตสฺส ปฏิคฺคหาปิ ปริโภคาปิ ธมฺมิกปฏิคฺคหา ธมฺมิกปริโภคา โหนฺติ, ตสฺมา ปุคฺคลิกปกฺขํ ภชติ. อปฺเปกจฺเจ สุตฺตนฺติกาทิคเณ ปสีทิตฺวา วิหารํ กาเรตฺวา คณสฺส เทนฺติ ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมนฺตานํ ทมฺมี’’ติ. อปฺเปกจฺเจ ปุคฺคเล ปสีทิตฺวา วิหารํ กตฺวา ปุคฺคลสฺส เทนฺติ ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ. เอเต ปน คณสนฺตกปุคฺคลิกา วิหารา ทานกาลโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสนฺตกาว โหนฺติ, น ทายกสนฺตกา. เตสุ คณสนฺตโก ตาว เอกจฺเจสุ มเตสุ อวเสสานํ สนฺตโก, เตสุ ธรมาเนสุเยว กสฺสจิ เทนฺติ, ตสฺส สนฺตโก. กสฺสจิ อทตฺวา สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิโก โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี, พหูนํ สนฺตเกปิ เอเสว นโย. สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํว โหตี’’ติ.

ปุคฺคลิกวิหาโรปิ ยทิ โส ปฏิคฺคาหกปุคฺคโล อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สทฺธิวิหาริกาทีนํ เทติ, โกจิ วา ตสฺส วิสฺสาเสน ตํ วิหารํ อคฺคเหสิ, ตสฺส สนฺตโก โหติ. กสฺสจิ อทตฺวา กาลกเต สงฺฆิโก โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ. ยสฺส ทินฺโน, เยน จ คหิโต, ตสฺเสว โหตี’’ติ. ปาฬิยฺจ (มหาว. ๓๖๙) ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ, ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ, ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) วุตฺตํ, ตสฺมา อิมินา นเยน วินิจฺฉโย กาตพฺโพ.

สงฺฆิเก ปน ปาฬิยํ อาคตานํ ‘‘ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก จา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วุตฺตานํ ติณฺณํ เสนาสนคฺคาหานฺจ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) อาคตานํ ‘‘อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ เสนาสนคฺคาหานฺจ เอตรหิ อสมฺปชฺชนโต อนุฏฺาปนียปาฬิยํ อาคตสฺส อตฺตโน สภาเวน อนุฏฺาปนียสฺส ธุววาสตฺถาย สงฺเฆน ทินฺนตาย อนุฏฺาปนียสฺส วเสเนว วินิจฺฉโย โหติ. วุฑฺฒตรคิลานา หิ อตฺตโน สภาเวน อนุฏฺาปนียา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ, คิลาโน อตฺตโน คิลานตายา’’ติ. ภณฺฑาคาริกธมฺมกถิกาทโย ธุววาสตฺถาย สงฺเฆน ทินฺนตาย อนุฏฺาปนียา โหนฺติ. วุตฺตฺหิ ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา…เป… ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สงฺเฆน ทินฺโน, โสปิ อนุฏฺาปนีโย’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา). โส เอวํ เวทิตพฺโพ – เอตรหิ สงฺฆิกวิหาเรสุ สงฺฆตฺเถเรสุ ยถากมฺมงฺคเตสุ ตสฺมึ วิหาเร โย ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร, โสปิ ‘‘อยํ วิหาโร มยา วสิตพฺโพ’’ติ วทติ. โย ตตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, โสปิ ตเถว วทติ. เยน โส วิหาโร การิโต, โสปิ ‘‘มยา ปสีทิตปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ’’ติ วทติ. สงฺโฆปิ ‘‘มยเมว อิสฺสรา, ตสฺมา อมฺเหหิ อิจฺฉิตปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ’’ติ วทติ. เอวํทฺวิธา วา ติธา วา จตุธา วา ภินฺเนสุ มหนฺตํ อธิกรณํ โหติ.

เตสุ วุฑฺฒตโร ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส อาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิปาฺจ (มหาว. ๔๗๓; จูฬว. ๓๑๖), ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๙ อาทโย; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) คเหตฺวา ‘‘อหเมว เอตฺถ วุฑฺฒตโร, มยา วุฑฺฒตโร อฺโ นตฺถิ, ตสฺมา อหเมว อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุมนุจฺฉวิโก’’ติ สฺี โหติ. พฺยตฺโตปิ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ ปริวารฏฺกถาวจนฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖), ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุํ, นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติอาทิปาฬิวจนฺจ (มหาว. ๗๖, ๘๒) คเหตฺวา ‘‘อหเมว เอตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, น มยา อฺโ พฺยตฺตตโร อตฺถิ, ตสฺมา อหเมว อิมสฺส วิหารสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ สฺี. วิหารการโกปิ ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโกติ วินยปาโ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) อตฺถิ, มยา จ พหุํ ธนํ จชิตฺวา อยํ วิหาโร การิโต, ตสฺมา มยา ปสนฺนปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ, น อฺโ’’ติ สฺี. สงฺโฆปิ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต’’ติอาทิปาฬิวจนฺจ (ปาจิ. ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๖, ๑๓๑), อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) คเหตฺวา ‘‘อยํ วิหาโร สงฺฆิโก สงฺฆสนฺตโก, ตสฺมา อมฺเหหิ อภิรุจิตปุคฺคโลว อาโรเปตพฺโพ, น อฺโ’’ติ สฺี.

ตตฺถ วุฑฺฒตรสฺส วจเนปิ ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิวจนํ (จูฬว. ๓๑๖) เตสุ เตสุ อาสนสาลาทีสุ อคฺคาสนสฺส วุฑฺฒตรารหตฺตา ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ วุฑฺฒตเร อาคเต วุฏฺาย อาสนํ ทาตพฺพํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ, น ธุววาสํ สนฺธาย. ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย’’ตฺยาทิวจนฺจ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ยถาวุฑฺฒํ เสนาสเน ทียมาเน วุฑฺฒตเร อาคเต นวกตโร วุฏฺาเปตพฺโพ, วุฏฺาเปตฺวา วุฑฺฒตรสฺส เสนาสนํ ทาตพฺพํ, วุฑฺฒตโร ปน นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘อตฺตโน วุฑฺฒตรตายา’’ติ อุตุกาเล ยถาวุฑฺฒํ เสนาสนทานํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ธุววาสตฺถาย ทานํ สนฺธาย, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น สีฆํ อนุชานิตพฺพํ.

พฺยตฺตวจเนปิ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส’’ตฺยาทิวจนฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๔๕-๔๙๖) น พหุสฺสุตมตฺเตน สงฺฆิกวิหารสฺส อิสฺสรภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข ตสฺส ภิกฺขุสฺส พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา สงฺเฆน ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทินฺเน โส ภิกฺขุ เกนจิ ตมฺหา วิหารา อนุฏฺาปนีโย โหติ, อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิวจนฺจ (มหาว. ๘๒) นิสฺสยาจริยานํ ลกฺขณํ ปกาเสตุํ ภควตา วุตฺตํ, น สงฺฆิกวิหารสฺส อิสฺสรตฺตํ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น สีฆํ อนุชานิตพฺพํ.

ทายกวจนํ ปน นานุชานิตพฺพํ ปฏิพาหิตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘เยน วิหาโร การิโต’’ตฺยาทิปาสฺส อมุขฺยโวหารตฺตา. ยถา หิ ปุถุชฺชนกาเล รูปาทีสุ สฺชนสฺส ภูตปุพฺพตฺตา ภูตปุพฺพคติยา อรหาปิ ‘‘สตฺโต’’ติ, เอวํ ทานกาลโต ปุพฺเพ ตสฺส วิหารสฺส สามิภูตปุพฺพตฺตา ทายโก ‘‘วิหารสามิโก’’ติ วุจฺจติ, น อิสฺสรตฺตา. น หิ สกเล วินยปิฏเก อฏฺกถาฏีกาสุ จ ‘‘วิสฺสชฺเชตฺวา ทินฺนสฺส วิหารสฺส ทายโก อิสฺสโร’’ติ วา ‘‘ทายเกน วิจาเรตพฺโพ’’ติ วา ‘‘ทายกสนฺตกวิหาโร’’ติ วา ปาโ อตฺถิ, ‘‘สงฺฆิโก, คณสนฺตโก, ปุคฺคลิโก’’อิจฺเจว อตฺถิ, ตสฺมา ตสฺส วจนํ นานุชานิตพฺพํ.

สงฺฆสฺส วจเนปิ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร’’ตฺยาทิวจนํ (ปาจิ. ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๖, ๑๓๑) สงฺฆสนฺตกภาวํ สงฺเฆน วิจาเรตพฺพภาวํ ทีเปติ, สงฺโฆ ปน วิจาเรนฺโต ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา เตน ยถาวุฑฺฒํ วิจาเรตพฺโพ วา โหติ, สมคฺเคน สงฺเฆน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อปโลกนกมฺเมน ธุววาสตฺถาย ทาตพฺโพ วา. เตสุ ปฺจงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ทุลฺลภตฺตา เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติยา อภาเว สติ ทุวงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ปริเยสิตพฺโพ. เอวํ ปน อปริเยสิตฺวา ภณฺฑาคาริกตาทิพหอูปการตายุตฺตสฺส พหุสฺสุตตาทิคุณวิสิฏฺตาวิรหสฺส ภิกฺขุโน อามิสครุกตาทิวเสน สงฺเฆน วิหาโร ทาตพฺโพ น โหติ, ตสฺมา สงฺฆวจนมฺปิ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น ตาว อนุชานิตพฺพํ.

อถ ตีณิปิ วจนานิ สํสนฺเทตพฺพานิ. ตตฺถ สงฺฆสฺส อิสฺสรตฺตา สงฺโฆ ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘โก ปุคฺคโล ตุมฺเหหิ อภิรุจิโต’’ติ, ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอโส’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา อภิรุจิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอโส ปุคฺคโล อมฺเห จีวราทิปจฺจเยหิ อนุคฺคเหตา, อมฺหากํ าติสาโลหิโต, อุปชฺฌาโย, อาจริโย, สทฺธิวิหาริโก, อนฺเตวาสิโก, สมานุปชฺฌายโก, สมานาจริยโก, ปิยสหาโย, ลาภี, ยสสฺสี, ตสฺมา อมฺเหหิ อภิรุจิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺตาวตา ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทาตพฺโพ’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. อถ ‘‘เอโส ปุคฺคโล สพฺเพหิ อมฺเหหิ วุฑฺฒตโร อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ อรหติ, ธุววาสตฺถาย วิหาโร ปน ตสฺส ทาตพฺโพติ อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺโต’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. อถ ‘‘ธมฺมกถิโก, วินยธโร, คณวาจกอาจริโย’’ติ วุตฺเต ‘‘เอโส ธุววาสตฺถาย ทินฺนวิหารสฺส อนุจฺฉวิโก, เอตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกอาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ วจนโต วิฺายติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๙; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา).

อิธ ปน สาธกปาเ ‘‘ภณฺฑาคาริกสฺส วา’’ติ วิชฺชมาเน กสฺมา สาธฺยวจเน ภณฺฑาคาริโก น วุตฺโตติ? เอตรหิ ภณฺฑาคารสฺส อภาวา. ยทิ เกสุจิ วิหาเรสุ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺย, โส ภณฺฑาคารวิหาเร นิสินฺโน สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรรกฺขณาทิกํ อุปการํ กเรยฺย, ตสฺส พหูปการตํ สลฺลกฺเขนฺโต สงฺโฆ ภณฺฑาคาริกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ เอตรหิปิ ธุววาสตฺถาย ทเทยฺย, โส ตสฺส วิสุํ ธุววาสวิหาโรติ. เอตฺถ สาธกปาเ ‘‘ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา’’ติอาทิสทฺเทน พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโมติ วุตฺตคุณวนฺเต สงฺคณฺหาติ. อถาปิ ‘‘เอโส ปุคฺคโล พหุสฺสุโต อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ ภิกฺขูนํ พหูปกาโร สงฺฆภารนิตฺถารโก’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอโสปิ ผาสุกาวาสสฺส อรโห, อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหาโร เอตสฺสปิ ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) วจนโต วิฺายติ.

อถาปิ ‘‘อยํ ปุคฺคโล ธมฺมกถิโก วินยธโร คณวาจกาจริโย สงฺฆสฺส พหูปกาโร วิสิฏฺคุณยุตฺโต’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอตสฺสปิ ปุคฺคลสฺส ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวาว ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ.

อถาปิ ‘‘เอโส ปุคฺคโล พหุสฺสุโต สงฺฆภารนิตฺถารโก’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอตสฺสปิ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) วุตฺตตฺตา วิฺายติ. ตโต ‘‘เอวํ ทุวงฺคสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อนฺโตสีมฏฺโ วา พหิสีมฏฺโ วา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนฺโตสีมฏฺโ’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. ‘‘พหิสีมฏฺโ’’ติ วุตฺเต ‘‘น ทาตพฺโพ’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? ‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วจนโตติ.

อถ ‘‘ทุวงฺคสมนฺนาคเต อนฺโตสีมฏฺเ อสติ เอกงฺคสมนฺนาคโต อนฺโตสีมฏฺโ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ เอตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ ธมฺมกถิกาทีนํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) เอเกกงฺควเสน อาคตตฺตา วิฺายติ. ‘‘อนฺโตสีมฏฺโ เอกงฺคสมนฺนาคโตปิ นตฺถิ, พหิสีมฏฺโว อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาคนฺตฺวา อนฺโตสีเม ิตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺโพ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺานํ อนฺเตวาสิกาทีสุ คณฺหนฺเตสุ ทาตพฺพเมวา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโต วิฺายติ.

สเจ ปน เอกงฺคยุตฺตภาเวน วา ทุวงฺคยุตฺตภาเวน วา สมานา ทฺเว ตโย ภิกฺขู อนฺโตสีมายํ วิชฺชมานา ภเวยฺยุํ, กสฺส ทาตพฺโพติ? วฑฺฒตรสฺสาติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สงฺฆิกํ ยถาวุฑฺฒํ ปฏิพาหิตพฺพํ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) วจนโตติ. สเจ ปน อนฺโตสีมายํ เอกงฺคยุตฺโต วา ทุวงฺคยุตฺโต วา ภิกฺขุ นตฺถิ, สพฺเพว อาวาสิกา พาลา อพฺยตฺตา, เอวํ สติ กสฺส ทาตพฺโพติ? โย ตํ วิหารํ อาคจฺฉติ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ, โส เจ ลชฺชี โหติ เปสโล พหุสฺสุโต สิกฺขากาโม, โส เตหิ อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ อฺตฺถ อคมนตฺถํ สงฺคหํ กตฺวา โส อาวาโส ทาตพฺโพ.

อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ เจ? ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหรนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. ตตฺถ อฺโ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ โส ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุปลาเปตพฺโพ อุปฏฺาเปตพฺโพ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน. โน เจ สงฺคณฺเหยฺยุํ อนุคฺคณฺเหยฺยุํ อุปลาเปยฺยุํ อุปฏฺาเปยฺยุํ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๓) สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปฺตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๓) ‘‘สงฺคเหตพฺโพติ ‘สาธุ, ภนฺเต, อาคตตฺถ, อิธ ภิกฺขา สุลภา สูปพฺยฺชนํ อตฺถิ, วสถ อนุกฺกณฺมานา’ติ เอวํ ปิยวจเนน สงฺคเหตพฺโพ, ปุนปฺปุนํ ตถากรณวเสน อนุคฺคเหตพฺโพ, ‘อาม วสิสฺสามี’ติ ปฏิวจนทาปเนน อุปลาเปตพฺโพ. อถ วา จตูหิ ปจฺจเยหิ สงฺคเหตพฺโพ เจว อนุคฺคเหตพฺโพ จ, ปิยวจเนน อุปลาเปตพฺโพ, กณฺณสุขํ อาลปิตพฺโพติ อตฺโถ, จุณฺณาทีหิ อุปฏฺาเปตพฺโพ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สเจ สกโลปิ สงฺโฆ น กโรติ, สพฺเพสํ ทุกฺกฏํ. อิธ เนว เถรา, น ทหรา มุจฺจนฺติ, สพฺเพหิ วาเรน อุปฏฺาตพฺโพ, อตฺตโน วาเร อนุปฏฺหนฺตสฺส อาปตฺติ. เตน ปน มหาเถรานํ ปริเวณสมฺมชฺชนทนฺตกฏฺทานาทีนิ น สาทิตพฺพานิ. เอวมฺปิ สติ มหาเถเรหิ สายํปาตํ อุปฏฺานํ อาคนฺตพฺพํ. เตน ปน เตสํ อาคมนํ ตฺวา ปมตรํ มหาเถรานํ อุปฏฺานํ คนฺตพฺพํ. สจสฺส สทฺธึจรา ภิกฺขู อุปฏฺากา อตฺถิ, ‘มยฺหํ อุปฏฺากา อตฺถิ, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรถา’ติ วตฺตพฺพํ. อถาปิสฺส สทฺธึ จรา นตฺถิ, ตสฺมึเยว ปน วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา วตฺตสมฺปนฺนา วทนฺติ ‘มยฺหํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสาม, อวเสสา ผาสุ วิหรนฺตู’ติ, สพฺเพสํ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. เอวํ ตาทิสํ พหิสีมโต อนฺโตสีมมาคตํ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตํ ภิกฺขุํ อนฺโตสีมาย ธุวนิวาสตฺถาย ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาตพฺโพติ วิฺายติ.

นนุ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) ภควตา วุตฺตํ, อถ กสฺมา นิสฺสีมโต อาคตสฺส ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทาตพฺโพติ? วุจฺจเต – ‘‘นิสฺสีเม ิตสฺสา’’ติ อิทํ อนาทเร สามิวจนํ, ตสฺมา นิสฺสีเม ิตํเยว เสนาสนํ น คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, น นิสฺสีเม ิตสฺส ตสฺส ภิกฺขุสฺส อนฺโตสีมํ ปวิฏฺสฺสปิ เสนาสนํ น คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ, ตสฺมา ปุพฺเพ พหิสีมายํ ิเตปิ อิทานิ อนฺโตสีมํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย จตุปจฺจยภาโค ลพฺภติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุํ จีวรํ อุปฺปนฺนนฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ทาตพฺพ’’นฺติ. อนฺโตสีมฏฺเสุ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ ยตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถิ, โส อาวาโส คนฺตพฺโพ โหติ. อนฺโตวสฺเสปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วินา วสฺสํ วสิตุํ น ลภติ. ยตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา วสฺสํ วสิตพฺพํ, ตสฺมา พหิสีมโต อาคโตปิ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส ตทหุโปสเถ สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหรนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว ยตฺถ ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา, โส อาวาโส คนฺตพฺโพ. โน เจ คจฺเฉยฺยุํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส สมฺพหุลา ภิกฺขู วสฺสํ วสนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เอโก ภิกฺขุ สตฺตาหกาลิกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, น, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ อาวาเส วสฺสํ วสิตพฺพํ, วเสยฺยุํ เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ’’ (มหาว. ๑๖๓).

เอวํ พหิสีมโต อาคตสฺสปิ สงฺฆสฺส อุปการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส วิสิฏฺคุณยุตฺตสฺส ทาตพฺพภาโว วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘อมฺหากํ คโณ น โหติ, อมฺหากํ วํโส ปเวณี น โหติ, อมฺหากํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺโต น โหตี’’ติอาทีนิ วตฺวา น ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. คณาทิภาโว หิ อปฺปมาณํ, ยถาวุตฺตพหูปการตาทิภาโวเยว ปมาณํ. สามคฺคิกรณโต ปฏฺาย หิ สมานคโณ โหติ. ตถา หิ อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ลทฺธินานาสํวาสกานมฺปิ ลทฺธิวิสฺสชฺชเนน ติวิธอุกฺเขปนียกมฺมกตานํ กมฺมนานาสํวาสกานมฺปิ โอสารณํ กตฺวา สามคฺคิกรเณน สํวาโส ภควตา อนุฺาโต. อลชฺชึ ปน พหุสฺสุตมฺปิ สงฺคหํ กาตุํ น วฏฺฏติ. โส หิ อลชฺชีปริสํ วฑฺฒาเปติ, ลชฺชีปริสํ หาเปติ. ภณฺฑนการกํ ปน วิหารโตปิ นิกฺกฑฺฒิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘ภณฺฑนการกกลหการกเมว สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ ลภติ. โส หิ ปกฺขํ ลภิตฺวา สงฺฆมฺปิ ภินฺเทยฺย. อลชฺชีอาทโย ปน อตฺตโน วสนฏฺานโตเยว นิกฺกฑฺฒิตพฺพา, สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๘) วุตฺตํ.

วุฑฺฒาปจายนาทิสามคฺคิรสรหิตํ วิสภาคปุคฺคลมฺปิ สงฺคหํ กาตุํ น ลภติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอวรูเปน หิ วิสภาคปุคฺคเลน เอกวิหาเร วา เอกปริเวเณ วา วสนฺเตน อตฺโถ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพตฺเถวสฺส นิวาโส วาริโต’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๒), ตสฺมา อาวาสิโก วา โหตุ อาคนฺตุโก วา, สคโณ วา โหตุ อฺคโณ วา, พหุสฺสุตสีลวนฺตภูโต ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ภควตา –

‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ, สปฺปฺํ พุทฺธสาวกํ;

เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นนฺทิตุมรหติ;

เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. (อ. นิ. ๔.๖) –

อยํ อนฺโตสีมฏฺเน สงฺเฆน พหูปการตาคุณวิสิฏฺตาสงฺขาเตหิ คุเณหิ ยุตฺตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาเน วินิจฺฉโย.

ยทา ปน สงฺฆตฺเถโร ชราทุพฺพลตาย วา โรคปีฬิตตาย วา วิเวกชฺฌาสยตาย วา คณํ อปริหริตุกาโม อฺสฺส ทาตุกาโม, อตฺตโน อจฺจเยน วา กลหวิวาทาภาวมิจฺฉนฺโต สทฺธิวิหาริกาทีนํ นิยฺยาเตตุกาโม โหติ, ตทา น อตฺตโน อิสฺสรวตาย ทาตพฺพํ, อยํ วิหาโร สงฺฆิโก, ตสฺมา สงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตํ การณํ อาจิกฺขิตฺวา พหูปการตาคุณวิสิฏฺตายุตฺตปุคฺคโล วิจินาเปตพฺโพ. ตโต สงฺโฆ จตฺตาริ อคติคมนานิ อนุปคนฺตฺวา ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตํ ปุคฺคลํ วิจินิตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ อิมสฺส วิหารสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ อาโรเจติ. มหาเถรสฺสปิ ตเมว รุจฺจติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ รุจฺจติ, อตฺตโน ภารภูตํ วุตฺตปฺปการองฺควิยุตฺตํ ปุคฺคลํ ทาตุกาโม โหติ. เอวํ สนฺเต สงฺโฆ ฉนฺทาทิอคตึ น คจฺฉติ, ปุคฺคโลว คจฺฉติ, ตสฺมา สงฺฆสฺเสว อนุมติยา วิหาโร ทาตพฺโพ.

สเจ ปน สงฺโฆ ยํ กฺจิ อามิสํ ลภิตฺวา ยถาวุตฺตคุณวิยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ทาตุกาโม โหติ, ปุคฺคโล ปน ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ วุตฺตปฺปการองฺคยุตฺตภูตสฺเสว ภิกฺขุสฺส ทาตุกาโม, ตทา ปุคฺคโลปิ สงฺฆปริยาปนฺโนเยวาติ กตฺวา ธมฺมกมฺมการกสฺส ปุคฺคลสฺเสว อนุมติยา วิหาโร ทาตพฺโพ, น สงฺฆานุมติยา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) ‘‘สเจ สงฺโฆ กิฺจิ ลภิตฺวา อามิสครุกตาย น นิวาเรติ, เอโก ภิกฺขุ นิวาเรติ, โสว ภิกฺขุ อิสฺสโร. สงฺฆิเกสุ หิ กมฺเมสุ โย ธมฺมกมฺมํ กโรติ, โสว อิสฺสโร’’ติ. วุตฺตฺหิ –

‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา;

โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;

นิหียติ ตสฺส ยโส;

กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.

‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา;

โย ธมฺมํ นาติวตฺตติ;

อาปูรติ ตสฺส ยโส;

สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๔.๑๗-๑๘; ปาริ. ๓๘๒, ๓๘๖);

ยทา ปน เถโรปิ กิฺจิ อวตฺวา ยถากมฺมงฺคโต, สงฺโฆปิ น กสฺสจิ วิจาเรติ, เอวํ สงฺฆิกวิหาเร อภิกฺขุเก สุฺเ วตฺตมาเน ตสฺมึ เทเส เยน เกนจิ สาสนสฺส วุทฺธิมิจฺฉนฺเตน อาจริเยน อนฺโตสีมฏฺกา ภิกฺขู เอวํ สมุสฺสาเหตพฺพา ‘‘มา ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ อกตฺถ, อนฺโตสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ พหูปการตาทิยุตฺตํ ปุคฺคลํ วิจินถ, วิจินิตฺวา ลภนฺตา ตสฺส ปุคฺคลสฺส สมคฺเคน สงฺเฆน ธุววาสตฺถาย วิหารํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทถ, โน เจ อนฺโตสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ อลตฺถ, อถ พหิสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ วิจินถ. พหิสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ วิจินิตฺวา ยถาวุตฺตองฺคยุตฺตปุคฺคเล ลพฺภมาเน ตํ ปุคฺคลํ อนฺโตสีมํ ปเวเสตฺวา อนฺโตสีมฏฺกสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทถ. เอวํ กโรนฺตา หิ ตุมฺเห อายสฺมนฺโต อปฺปิจฺฉกถา-สนฺโตสกถา-สลฺเลขกถา-ปวิวิตฺตกถาวีริยารมฺภกถา-สีลกถา-สมาธิกถา-ปฺากถา-วิมุตฺติกถา-วิมุตฺติาณทสฺสนกถาสงฺขาตทสกถาวตฺถุสมฺปนฺนํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย อสฺสุตปุพฺพํ ธมฺมํ สุณิสฺสถ, สุตปุพฺพํ ธมฺมํ ปริโยทาปิสฺสถ, กงฺขํ วิโนทิสฺสถ, ทิฏฺึ อุชุํ กริสฺสถ, จิตฺตํ ปสาเทสฺสถ. ยสฺส ลชฺชิโน เปสลสฺส พหุสฺสุตสฺส สิกฺขากามสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขํ อนุสิกฺขมานา สทฺธาย วฑฺฒิสฺสนฺติ, สีเลน วฑฺฒิสฺสนฺติ, สุเตน วฑฺฒิสฺสนฺติ, จาเคน วฑฺฒิสฺสนฺติ, ปฺาย วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) ‘‘กตโม อุปนิสฺสยโคจโร ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ. ยสฺส วา อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ, จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร’’ติ. เอวํ สมุสฺสาเหตฺวา ธมฺมกถํ กตฺวา อนฺโตสีมฏฺกสงฺเฆเนว ธุววาสวิหาโร ทาเปตพฺโพติ.

เอวํ ชินสาสนสฺส, วฑฺฒิกาโม สุเปสโล;

อกาสิ ปฺวา ภิกฺขุ, สุฏฺุ อาวาสนิจฺฉยนฺติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

วิหารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.

๒๙. กถินตฺถารวินิจฺฉยกถา

๒๒๖. เอวํ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กถินวินิจฺฉยํ กเถตุมาห ‘‘กถินนฺติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กถินนฺติ กตมํ กถินํ? สมูหปฺตฺติ. น หิ ปรมตฺถโต กถินํ นาม เอโก ธมฺโม อตฺถิ, ปุริมวสฺสํวุตฺถา ภิกฺขู, อนูนปฺจวคฺคสงฺโฆ, จีวรมาโส, ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนจีวรนฺติอาทีสุ เยสุ นามรูเปสุ สมุปฺปชฺชมาเนสุ เตสํ นามรูปธมฺมานํ สมูหสมวายสงฺขาตํ สมูหปฺตฺติมตฺตเมว กถินํ. อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘เตสฺเว ธมฺมานํ สงฺคโห สมวาโย นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนํ อภิลาโป, ยทิทํ กถิน’’นฺติ ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๔๑๒) อาคตตฺตา จ, ‘‘เตสฺเว ธมฺมานนฺติ เยสุ รูปาทิธมฺเมสุ สติ กถินํ นาม โหติ, เตสํ สโมธานํ มิสฺสีภาโว. นามํ นามกมฺมนฺติอาทินา ปน ‘กถิน’นฺติ อิทํ พหูสุ ธมฺเมสุ นามมตฺตํ, น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๑๒) อาคตตฺตา จ, ‘‘เยสุ รูปาทิธมฺเมสูติ ปุริมวสฺสํวุตฺถา ภิกฺขู, ปฺจหิ อนูโน สงฺโฆ, จีวรมาโส, ธมฺเมน สเมน สมุปฺปนฺนํ จีวรนฺติ เอวมาทีสุ เยสุ รูปารูปธมฺเมสุ. สตีติ สนฺเตสุ. มิสฺสีภาโวติ สํสคฺคตา สมูหปฺตฺติมตฺตํ. เตนาห น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๑๒) อาคตตฺตา จ ชานิตพฺโพติ.

เกนฏฺเน กถินนฺติ? ถิรฏฺเน. กสฺมา ถิรนฺติ? อนามนฺตจารอสมาทานจารคณโภชนยาวทตฺถจีวรโยจตตฺถจีวรุปฺปาทสงฺขาเต ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย. วุตฺตฺหิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖) ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ, ตถา วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖) วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖). อถ วา เกนฏฺเน กถินนฺติ? สงฺคณฺหนฏฺเน. กถํ สงฺคณฺหาตีติ? ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหาติ สงฺขิปิตฺวา คณฺหาติ. วุตฺตฺหิ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหนฏฺเน กถิน’’นฺติ.

กถิน-สทฺโท กาย ธาตุยา เกน ปจฺจเยน สิชฺฌตีติ? ฏีกาจริยา ธาตุปจฺจเย อจินฺเตตฺวา อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกวเสเนว วณฺเณนฺติ, ตสฺมา อยํ สทฺโท รุฬฺหีสุทฺธนามภูโต อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกสทฺโทติ วุจฺจติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ตีสุปิ วินยฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ถิรนฺติ อตฺโถ’’ อิจฺเจว วณฺณิตตฺตา. ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตายาติ ปน ถิรตา จสฺส เหตุปทเมว. อถ วา กถิน-สทฺโท กถธาตุยา อินปจฺจเยน สิชฺฌติ. กถํ? กถ สงฺคหเณติมสฺส ลทฺธธาตุสฺาทิสฺส ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหาตีติ อตฺเถ ‘‘อิน สพฺพตฺถา’’ติ โยควิภาเคน วา ‘‘สุปโต จา’’ติ เอตฺถ จ-สทฺเทน วา อินปจฺจยํ กตฺวา ปรกฺขรํ เนตฺวา กถินสทฺทโต สฺยุปฺปตฺตาทิมฺหิ กเต รูปํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺคณฺหนฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ กงฺขาวิตรณีฏีกาปาํ นิสฺสาย วิฺายติ. อถ วา ก กิจฺฉชีวเนติ ธาตุโต อินปจฺจยํ กตฺวา สิชฺฌติ. อยมตฺโถ ‘‘ก กิจฺฉชีวเน, มุทฺธชทุติยนฺโต ธาตุ, อิโน’’ติ อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.

พหู ปน ปณฺฑิตา อิมํ ปาํเยว คเหตฺวา ‘‘กถิน-สทฺโท มุทฺธชทุติยนฺโตเยว โหติ, น ทนฺตโช’’ติ วทนฺติ เจว ลิขนฺติ จ, น ปเนวํ เอกนฺตโต วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ กกฺขฬปริยายํ คุณสทฺทภูตํ กินสทฺทํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สาสนโวหารโต นามสทฺทภูตํ. เตเนวาห ‘‘ปฺจกํ กกฺขเฬ’’ติ. อเนเกสุ ปน ปาฬิอฏฺกถาทิโปตฺถเกสุ ชินสาสนโวหารโต นามสทฺทภูโต กถิน-สทฺโท ทนฺตโชเยว เยภุยฺเยน ปฺายติ, เตเนว จ การเณน อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายมฺปิ วณฺณวิปริยาเย กถินนฺติปิ วุตฺตํ. อถ วา กตฺถ สิลาฆายนฺติ ธาตุโต อินปจฺจยํ กตฺวา สสํโยคตฺถการํ นิสํโยคํ กตฺวา สิชฺฌติ. อยมตฺโถ สิลาฆาทิสุตฺตสฺส วุตฺติยํ ‘‘สิลาฆ กตฺถเน’’ติ วจนโต, สทฺทนีติยฺจ ‘‘กตฺถนํ ปสํสน’’นฺติ วณฺณิตตฺตา จ วิฺายติ. อิทฺจ วจนํ ‘‘อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถ’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) สเมติ. อาจริยา ปน ‘‘กธาตุ อินปจฺจโย’’ติ วิกปฺเปตฺวา ‘‘ก สมตฺถเน’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ วจนํ อนเปกฺขิตฺวา ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตายา’’ติ เหตุเมว อตฺถภาเวน คเหตฺวา วุตฺตํ สิยา, ตํ ปน ถิรภาวสฺส เหตุเยว.

กถํ วิคฺคโห กาตพฺโพติ? อยํ กถิน-สทฺโท จตูสุ ปเทสุ นามปทํ, ปฺจสุ นาเมสุ สุทฺธนามํ, จตูสุ สุทฺธนาเมสุ รุฬฺหีสุทฺธนามํ, ทฺวีสุ ปาฏิปทิกสทฺเทสุ อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกสทฺโท, ตสฺมา วิคฺคโห น กาตพฺโพ. วุตฺตฺหิ –

‘‘รุฬฺหีขฺยาตํ นิปาตฺจุ-ปสคฺคาลปนํ ตถา;

สพฺพนามิกเมเตสุ, น กโต วิคฺคโห ฉสู’’ติ.

อยมตฺโถ ‘‘กถินนฺติ…เป… ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ. อถ วา ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา กถติ สงฺคณฺหาตีติ กถินํ, อยํ วจนตฺโถ ยถาวุตฺตวินยตฺถมฺชูสาปาวเสน (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วิฺายติ. อถ วา กติ กิจฺเฉน ชีวตีติ กถิโน, รุกฺโข, ตสฺส เอโสติ กถิโน, ถิรภาโว, โส เอตสฺส อตฺถีติ กถินํ, ปฺตฺติชาตํ -การสฺส ถ-การํ กตฺวา กถินนฺติ วุตฺตํ. อยํ นโย ‘‘ก กิจฺฉชีวเน’’ติ ธาตฺวตฺถสํวณฺณนาย จ ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ฏีกาวจเนน (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) จ สเมตีติ ทฏฺพฺโพ. อถ วา กถียเต สิลาฆเต ปสํสียเต พุทฺธาทีหีติ กถินํ, อยํ นโย ‘‘กตฺถ สิลาฆาย’’นฺติ ธาตฺวตฺถสํวณฺณนาย จ ‘‘อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อฏฺกถาวจเนน จ สเมตีติ ทฏฺพฺโพ.

เอตฺถ ปน สงฺเขปรุจิตฺตา อาจริยสฺส สทฺทลกฺขณํ อวิจาเรตฺวา อตฺถเมว ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘กถินํ อตฺถริตุํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา ลภนฺตีติ ปฺจ ชนา สาเธนฺติ. กถินทุสฺสสฺส หิ ทายกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร โหนฺติ, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๘๘) วุตฺตตฺตา น ปฺจวคฺคกรณียนฺติ คเหตพฺพํ. ปมปฺปวารณาย ปวาริตาติ อิทํ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วสฺสํวุตฺถภาวสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ อนฺตราเยน อปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต. เตเนว ‘‘อปฺปวาริตา วา’’ติ อวตฺวา ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ ลภนฺตีติ นานาสีมาย อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา อิมสฺมึ วิหาเร กถินตฺถารํ น ลภนฺตีติ อตฺโถ. สพฺเพติ ฉินฺนวสฺสาทโย, อนุปคตาปิ ตตฺเถว สงฺคหิตา. อานิสํสนฺติ กถินานิสํสจีวรํ. เอกํ อตฺถตจีวรํเยว หิ กถินจีวรํ นาม โหติ, อวเสสานิ จีวรานิ วา สาฏกา วา กถินานิสํสาเยว นาม. วกฺขติ หิ ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานี’’ติ. (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๖) อิตเรสนฺติ ปุริมิกาย อุปคตานํ.

โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภตีติ อิมินา สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุฺาตํ โหติ. โส หิ ปุริมิกาย วสฺสูปคตตฺตา อานิสํสํ ลภติ, ปจฺฉิมิกาย ปน อุปสมฺปชฺชิตตฺตา คณปูรโก โหตีติ. สเจ ปุริมิกาย อุปคตา กถินตฺถารกุสลา น โหนฺตีติอาทินา ‘‘อฏฺธมฺมโกวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหตี’’ติ วินยวินิจฺฉเย (วิ. วิ. ๒๗๐๔) อาคตตฺตา สยํ เจ อฏฺธมฺมกุสโล, สยเมว อตฺถริตพฺพํ. โน เจ, อฺเ อฏฺธมฺมกุสเล ปริเยสิตฺวา เนตพฺพา, เอวํ อกตฺวา กถินํ อตฺถริตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. กถินํ อตฺถราเปตฺวาติ สการิตวจเนน เตหิ พาหิรโต อาคตตฺเถเรหิ สยํ กถินํ น อตฺถริตพฺพํ, สพฺพปุพฺพกิจฺจาทิกํ สํวิทหิตฺวา เต ปุริมิกาย วสฺสูปคตา อนฺโตสีมฏฺภิกฺขูเยว อตฺถราเปตพฺพาติ ทสฺเสติ, อฺถา อฺโ กถินํ อตฺถรติ, อฺโ อานิสํสํ ลภตีติ อาปชฺชติ, น ปเนวํ ยุชฺชติ. วกฺขติ หิ ‘‘อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหตี’’ติ. ทานฺจ ภุฺชิตฺวาติ ขาทนียโภชนียภูตํ อนฺนปานาทิทานํ ภุฺชิตฺวา. น หิ เต วตฺถุทานํ ลภนฺติ.

กถินจีวรํ เทมาติ ทาตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘สงฺฆสฺส กถินจีวรํ เทมา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติ (มหาว. ๓๐๗) กมฺมวาจาย สเมติ. อถ จ ปน ปุพฺเพ กตปริจยตฺตา ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติ อวุตฺเตปิ สมฺปทานํ ปากฏนฺติ กตฺวา อวุตฺตํ สิยาติ. เอตฺเถเก อาจริยา วทนฺติ ‘‘สงฺฆสฺสาติ อวุตฺเตปิ กาเล ทินฺนํ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ, ตตฺเรวํ วตฺตพฺพํ ‘‘น กาเล ทินฺนํ สพฺพํ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ยฺจ กาเลปิ สงฺฆสฺส วา อิทํ อกาลจีวรนฺติ, ปุคฺคลสฺส วา อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมีติอาทินา นเยน ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. อกาลจิวรสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตตฺตา ปุคฺคลิกมฺปิ โหตีติ วิฺายติ, ตสฺมา ปรมฺมุขาปิ นามํ วตฺวา สมฺมุขาปิ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนํ ปุคฺคลิกเมว โหติ, น สงฺฆิกํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติ. เอวํ ปุคฺคลิเก สติ ตํ จีวรํ สงฺฆสฺส ภาเชตพฺพํ โหติ วา น โหติ วาติ? โส ปุคฺคโล อตฺตโน สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกภูตสฺส สงฺฆสฺส วา อฺสฺส สหธมฺมิกสงฺฆสฺส วา ภาเชตุกาโม ภาเชยฺย, อภาเชตุกาโม ‘‘ภาเชตู’’ติ น เกนจิ วจนีโย. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘น หิ ปุคฺคลสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ เกนจิ ภาชนียํ โหตี’’ติ ฏีกาสุ อาคมนโต วิฺายติ. อเถเก อาจริยา เอวํ วทนฺติ ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆติ (ปริ. ๔๐๘) วุตฺตตฺตา ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆายตฺตํ สงฺฆิกํ โหติ. ยถา กึ ‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเตปิ ตํ ทานํ สงฺฆิกํ โหติ, ยถา จ ‘กถินจีวรํ ทมฺมี’ติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ.

ตตฺเรวํ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วจนํ (ปริ. ๔๐๘) กถินสฺส มูลํ กถินสฺส การณํ ทสฺเสติ. ยถา หิ มูเล วิชฺชมาเน รุกฺโข ติฏฺติ, อวิชฺชมาเน น ติฏฺติ, ตสฺมา มูลํ รุกฺขสฺส การณํ โหติ, ปติฏฺํ โหติ, เอวํ สงฺเฆ วิชฺชมาเน กถินํ โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺโฆ กถินสฺส มูลํ กถินสฺส การณํ นาม โหติ. กถํ สงฺเฆ วิชฺชมาเน กถินํ โหติ? สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคภูเตน สงฺเฆน อตฺถารารหสฺส ภิกฺขุโน ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินจีวเร ทินฺเนเยว เตน จีวเรน อตฺถตํ กถินํ นาม โหติ, โน อทินฺเน, ตสฺมา จตุวคฺคสงฺเฆ อลพฺภมาเน สหสฺสกฺขตฺตุํ ‘‘กถินํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ กถินํ นาม น โหติ, ตสฺมา อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺเน วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺถ กถินจีวเร อุปฺปนฺเน อฺโต ปริเยสิตฺวา จตุวคฺคสงฺโฆ เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ภิกฺขูนํ ปูรเณ สติ กถินํ อตฺถริตุํ ลภติ, นาสติ, เอวํ สงฺเฆ วิชฺชมาเนเยว กถินํ นาม โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺฆสฺส กถินสฺส มูลภูตตํ การณภูตตํ สนฺธาย ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํเยว โหติ, โน ปุคฺคลิกนฺติ อธิปฺปาโย เอตสฺมึ ปาเ น ลพฺภติ. ยถา กึ ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ (จูฬว. ๒๑๙) เอตฺถ อปโลกนกมฺมตฺติกมฺมตฺติทุติยกมฺมตฺติจตุตฺถกมฺมสงฺขาตํ กิจฺจาธิกรณํ จตุวคฺคาทิเก สงฺเฆ วิชฺชมาเนเยว โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺฆสฺส กิจฺจาธิกรณสฺส มูลภูตตํ การณภูตตํ สนฺธาย ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

ยทิปิ วุตฺตํ ‘‘ยถา ‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’ติอาทีสุ ตํ ทานํ สงฺฆายตฺตเมว โหติ, ตถา ‘กถิน ทมฺมี’ติ วุตฺเต ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆายตฺตเมว สงฺฆิกเมว โหตี’’ติ, ตถาปิ เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’’ติอาทีสุ สีมา จ เสนาสนฺจ ทานปฏิคฺคาหกา น โหนฺติ, ตสฺมา สีมฏฺสฺส จ เสนาสนฏฺสฺส จ สงฺฆสฺส อายตฺตํ โหติ, ปุคฺคโล ปน ทานปฏิคฺคาหโกว, ตสฺมา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทมฺมี’’ติ ปรมฺมุขา วา ตสฺส ภิกฺขุโน ปาทมูเล เปตฺวา สมฺมุขา วา ทินฺนํ กถํ สงฺฆายตฺตํ สงฺฆสนฺตกํ ภเวยฺย, เอวํ สงฺฆสฺส อปริณตํ ปุคฺคลิกจีวรํ สงฺฆสฺส ปริณาเมยฺย, นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ เอกํ ภเวยฺย, ตสฺส จีวรสฺส ปฏิคฺคโหปิ นวสุ อธมฺมิกปฏิคฺคเหสุ เอโก ภเวยฺย, ตสฺส จีวรสฺส ปริโภโคปิ นวสุ อธมฺมิกปริโภเคสุ เอโก ภเวยฺย. กถํ วิฺายตีติ เจ? นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมติ, ‘‘นว อธมฺมิกา ปริโภคา’’ติ อาคตํ ปริวารปาฬิฺจ (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว ปฏิคฺคหปริโภคาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จา’’ติ อาคตํ อฏฺกถฺจ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) โอโลเกตฺวา วิฺายตีติ.

อถาปิ เอวํ วทนฺติ – ทายโก สงฺฆตฺเถรสฺส วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตสฺส วา ภตฺตุทฺเทสกสฺส วา ปหิณติ ‘‘อมฺหากํ ภตฺตคฺคหณตฺถาย อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ, สเจปิ าติอุปฏฺาเกหิ เปสิตํ โหติ, อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺติ. อารุฬฺหาเยว มาติกํ, สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขู อุทฺทิสาเปตฺวา อตฺตนวเมหิ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆสฺส หิ เอเต ภิกฺขู นิสฺสาย ลาโภ อุปฺปชฺชตีติ. คนฺถธุตงฺคาทีหิ ปน อนภิฺาโต อาวาสิกภิกฺขุ ปุจฺฉิตุํ ลภติ, ตสฺมา เตน ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ มาติกํ อาโรเปตฺวา ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕), อีทิเสสุ าเนสุ ‘‘สงฺฆสฺส ลาโภ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อุปนิธาย ‘‘สงฺฆสฺส ลาโภ ปุคฺคลํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ปุคฺคลสฺส ปตฺตลาโภ สงฺฆํ อามสิตฺวา เทนฺโต สงฺฆายตฺโต โหตี’’ติ วิฺายตีติ.

อิมสฺมิมฺปิ วจเน เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ตสฺมึ ตุ นิมนฺตเน น ปุคฺคลํเยว นิมนฺเตติ, อถ โข สสงฺฆํ ปุคฺคลํ นิมนฺเตติ. ตตฺถ ตุ ‘‘สงฺฆ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ อนภิฺาโต ปุคฺคโล ปุจฺฉิตุํ ลภติ. สงฺฆตฺเถรสฺส ปน สงฺฆํ ปริหริตฺวา วสิตตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆํ เปตฺวา อฺเสํ คหณการณํ นตฺถิ, คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตปุคฺคโลปิ สงฺฆสฺส ปุฺนิสฺสิตตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆโตเยว คณฺหาติ, ภตฺตุทฺเทสกสฺสปิ เทวสิกํ สงฺฆสฺเสว ภตฺตวิจารณตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆํ เปตฺวา อฺเสํ คหณการณํ นตฺถิ. เอวํ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ สห สงฺเฆน นิมนฺติตตฺตา ‘‘อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘ตฺวํ อาคจฺฉาหี’’ติ ปุคฺคลสฺเสว นิมนฺตเน สติปิ สงฺฆํ คเหตฺวา อาคนฺตพฺพโตติ. เอวํ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ สสงฺฆสฺเสว ปุคฺคลสฺส นิมนฺติตตฺตา สงฺโฆ คเหตพฺโพ โหติ, น ‘‘ตุมฺเห อาคจฺฉถา’’ติ ปุคฺคลสฺเสว นิมนฺติตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ปุคฺคลสฺส ลาโภ สงฺฆายตฺโต’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, อฏฺกถาทีสุ ปกรเณสุปิ ‘‘ปุคฺคลํ นิสฺสาย สงฺฆสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ’’ อิจฺเจว วุตฺโต, น ‘‘ปุคฺคลสฺส ลาโภ สงฺฆายตฺโต’’ติ. จีวรลาภเขตฺตภูตาสุ อฏฺสุ มาติกาสุ จ ‘‘สงฺฆสฺส เทตี’’ติ จ วิสุํ, ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ จ วิสุํ อาคตํ. ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อิมํ ภนฺเต ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตีติ.

อิทานิ ปน จีวรํ ทาตุกามา อุปาสกา วา อุปาสิกาโย วา สยํ อนาคนฺตฺวา ปุตฺตทาสาทโย อาณาเปนฺตาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส เทถา’’ติ วตฺวา ปุคฺคลสฺเสว ทาเปนฺติ, สามํ คนฺตฺวา ททนฺตาปิ ปาทมูเล เปตฺวา วา หตฺเถ เปตฺวา วา หตฺเถน ผุสาเปตฺวา วา ททนฺติ ‘‘อิมํ, ภนฺเต, จีวรํ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส เอตฺตกํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา กตํ, เอวฺจ เอวฺจ หตฺถกมฺมํ กตฺวา สมฺปาทิตํ, ตสฺมา ตุมฺเห นิวาสถ ปารุปถ ปริภุฺชถา’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปริโภคกรณเมว อิจฺฉนฺติ, น สงฺฆสฺส ทานํ. เกจิ อตุฏฺกถมฺปิ กเถนฺติ. เอวํ ปุคฺคลเมว อุทฺทิสฺส ทินฺนจีวรสฺส สงฺเฆน อายตฺตการณํ นตฺถิ. ‘‘สเจ ปน ‘อิทํ ตุมฺหากฺจ ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิกานฺจ ทมฺมี’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อนฺเตวาสิกานฺจ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) อาคมนโต เอวํ วตฺวา เทนฺเต ปน อาจริยนฺเตวาสิกานํ ปาปุณาติ, อนนฺเตวาสิกสฺส ปน น ปาปุณาติ. ‘‘อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโต คเหตฺวา คจฺฉนฺโต จ อตฺถิ, ตสฺสปิ ปาปุณาตี’’ติ อาคมนโต พหิสีมฏฺสฺส ธมฺมนฺเตวาสิกสฺสปิ ปาปุณาติ. ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมีติ วุตฺเต อุทฺเทสนฺเตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) อาคมนโต เอวํ วตฺวา เทนฺเต ธมฺมนฺเตวาสิกานํ วตฺตปฏิปตฺติการกานฺจ อนฺเตวาสิกานํ ปาปุณาติ. เอวํ ทายกานํ วจนานุรูปเมว ทานสฺส ปวตฺตนโต ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) อฏฺกถาจริยา วทนฺติ.

เอวํ อิทานิ ทายกา เยภุยฺเยน ปุคฺคลสฺเสว เทนฺติ, สเตสุ สหสฺเสสุ เอโกเยว ปณฺฑิโต พหุสฺสุโต ทายโก สงฺฆสฺส ทเทยฺย, ปุคฺคลิกจีวรฺจ สงฺฆิกภวนตฺถาย อกริยมานํ น ตฺติยา กมฺมวาจาย จ อรหํ โหติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ตฺติกมฺมวาจาวิโรธโต. กถํ วิโรโธติ เจ? ตฺติยา กมฺมวาจาย จ ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติ กถินจีวรสฺส สงฺฆิกภาโว วุตฺโต, อิทานิ ปน ตํ จีวรํ ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิก’’นฺติ วจนตฺถานุรูปโต ปุคฺคลิกํ โหติ, เอวมฺปิ วิโรโธ. ‘‘สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ เอตฺถ จ สงฺโฆติ ธาตุยา กตฺตา โหติ, ภิกฺขุโนติ สมฺปทานํ, อิธ ปน สงฺฆสฺส ตสฺมึ กถินจีวเร อนิสฺสรภาวโต สงฺโฆ กตฺตา น โหติ, ภิกฺขุ ปฏิคฺคาหลกฺขณาภาวโต สมฺปทานํ น โหติ, เอวมฺปิ วิโรโธ. ทายเกน ปน สงฺฆสฺส ปริจฺจตฺตตฺตา สงฺฆิกภูตํ กถินจีวรํ ยสฺมึ กาเล สงฺโฆ กถินํ อตฺถริตุํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน เทติ, ตสฺมึ กาเล ตฺติทุติยกมฺมวาจํ อิทานิ มนุสฺสา ‘‘ตฺตี’’ติ โวหรนฺติ, ตฺจ จีวรํ ‘‘ตฺติลทฺธจีวร’’นฺติ, ตํ จีวรทายกฺจ ‘‘ตฺติลทฺธทายโก’’ติ, ตสฺมา สงฺฆิกจีวรเมว ตฺติลทฺธํ โหติ, โน ปุคฺคลิกจีวรํ. ตฺติลทฺธกาลโต ปน ปฏฺาย ตํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ. กสฺมา? อตฺถารกปุคฺคลสฺส จีวรภาวโตติ.

อถาปิ วทนฺติ ‘‘ทินฺนนฺติ ปาฺจ ‘สาเธนฺตี’ติ ปาฺจ ‘อานิสํสํ ลภนฺตี’ติ ปาฺจ อุปนิธาย อยมตฺโถ วิฺายตี’’ติ, ตตฺถายมาจริยานมธิปฺปาโย – ‘‘ทินฺนํ อิทํ สงฺเฆนา’’ติ เอตฺถ ทา-ธาตุยา สงฺเฆนาติ กตฺตา, อิทนฺติ กมฺมํ, อิมสฺส กถินจีวรสฺส สงฺฆิกตฺตา สงฺเฆน ทินฺนํ โหติ, เตน วิฺายติ ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตีติ. ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺตีติ เอตฺถ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา สาเธนฺตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจ ชนาติ สงฺโฆ วุตฺโต, อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘กถินนฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. อานิสํสํ ลภนฺตีติ เอตฺถ จ สงฺฆิกตฺตา สพฺเพ สีมฏฺกภิกฺขู อานิสํสํ ลภนฺติ, อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘กถินนฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ.

ตตฺราปฺเยวํ วิจารณา กาตพฺพา – ปุพฺเพทายกา จตฺตาโรปิ ปจฺจเย เยภุยฺเยน สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส จตุปจฺจยภาชนกถา อติวิตฺถารา โหติ. อปฺปกโต ปน ปุคฺคลสฺส เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ทินฺนํ กถินจีวรํ สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สาเธนฺตีติ จ กถินทุสฺสสฺส ทายกา จตฺตาโร, ปฏิคฺคาหโก เอโกติ ปฺจ ชนา กถินทานกมฺมํ สาเธนฺตีติ วุตฺตํ. อานิสํสํ ลภนฺตีติ อิทฺจ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทนานฺจ ภิกฺขูนํ อานิสํสลาภเมว วุตฺตํ, น เอเตหิ ปาเหิ ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตีติ อตฺโถ วิฺาตพฺโพ โหตีติ ทฏฺพฺโพ. สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนจีวรํ สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ทินฺนภาโว กถํ วิฺายตีติ? ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ วุตฺตํ ปาฬิปาฺจ (มหาว. ๓๐๗) ‘‘สงฺโฆ อชฺช กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา ปุนทิวเส เทติ, อยํ นิจยสนฺนิธี’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาปาฺจ ทิสฺวา วิฺายตีติ. สงฺฆสนฺตกภูตํ จีวรเมว ทานกิริยาย กมฺมํ, สงฺโฆ กตฺตา, ปุคฺคโล สมฺปทานํ ภวิตุํ อรหภาโว จ ยถาวุตฺตปาฬิปาเมว อุปนิธาย วิฺายตีติ.

เอวํ สนฺเต ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิกจีวรํ สงฺฆิกํ กาตุํ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? สเจ โส ปฏิคฺคาหกปุคฺคโล ทายกานํ เอวํ วทติ ‘‘อุปาสก ทานํ นาม ปุคฺคลสฺส ทินฺนโต สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผลตรํ โหติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส เทหิ, สงฺฆสฺส ทตฺวา ปุน สงฺเฆน อตฺถารารหสฺส ภิกฺขุโน กมฺมวาจาย ทตฺวา เตน ปุคฺคเลน ยถาวินยํ อตฺถเตเยว กถินํ นาม โหติ, น ปุคฺคลสฺส ทตฺวา ปุคฺคเลน สามํเยว อตฺถเต, ตสฺมา สงฺฆสฺส เทหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สงฺฆสฺส ทาปิเตปิ ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติ กถินตฺถารารหํ. ยทิ ปน ทายโก อปฺปสฺสุตตาย ‘‘นาหํ, ภนฺเต, กิฺจิ ชานามิ, อิมํ จีวรํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ วกฺขติ, เอวํ สติ ปุคฺคลิกวเสเนว สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตน ปุคฺคเลน ตํ จีวรํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ สงฺฆิกํ โหติ.

ยทิ เอวํ สมเณเนว สมณสฺส ทินฺนํ จีวรํ กถํ กถินตฺถารารหํ ภเวยฺยาติ? โน น ภเวยฺย. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘กถินํ เกน ทินฺนํ วฏฺฏติ? เยน เกนจิ เทเวน วา มนุสฺเสน วา ปฺจนฺนํ วา สหธมฺมิกานํ อฺตเรน ทินฺนํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ กสฺมา ปรมฺปรภูเตหิ อาจริเยหิ ตฺติลทฺธจีวรโต อวเสสานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ภาเชตฺวา เอว ปริภุฺชิตานีติ? วุจฺจเต – เอกจฺเจ ภิกฺขู อาจริยปรมฺปราคตอนอุสาเรเนว ปฏิปชฺชนฺติ, เกจิ พหูนํ กิริยํ ทิสฺวา ทิฏฺานุคติวเสน ปฏิปชฺชนฺติ, พหุสฺสุตาปิ เกจิ เถรา อรุจฺจนฺตาปิ ปเวณิเภทภเยน ปฏิปชฺชนฺติ, อปเร รุจิวเสน อตฺถฺจ อธิปฺปายฺจ ปริณาเมตฺวา คณฺหนฺติ, ปกรณเมวานุคตภิกฺขู ปน ยถาปกรณาคตเมว อตฺถํ คเหตฺวา สงฺฆิกฺจ ปุคฺคลิกฺจ อมิสฺสํ กตฺวา, กาลจีวรฺจ อกาลจีวรฺจ อมิสฺสํ กตฺวา คณฺหนฺติ. ภิกฺขุนิวิภงฺเค (ปาจิ. ๗๓๘) ‘‘ถูลนนฺทา ภิกฺขุนี อกาลจีวรํ ‘กาลจีวร’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ภาชาเปสฺสติ, อถ ภควา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยาปตฺตึ ปฺเปสี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตน ภิกฺขุนา อเนก-ปาฬิอฏฺกถาทโย ปกรเณ โอโลเกตฺวา สํสนฺทิตฺวา ปกรณเมวานุคนฺตพฺพํ, น อฺเสํ กิริยํ สทฺทหิตพฺพํ, น จ อนุคนฺตพฺพํ. ภควโต หิ ธรมานกาเล วา ตโต ปจฺฉา วา ปุพฺเพ ทายกา เยภุยฺเยน จตฺตาโร ปจฺจเย สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆิกเสนาสนสฺส สงฺฆิกจีวรสฺส จ พาหุลฺลโต ปุพฺพาจริยา สงฺฆสฺส ภาเชตฺวา เอว ปริภุฺชึสุ.

อิทานิ ปน ทายกา เยภุยฺเยน จตฺตาโร ปจฺจเย ปุคฺคลสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา เสนาสนมฺปิ อภินวภูตํ ปุคฺคลิกเมว พหุลํ โหติ, จีวรมฺปิ ปุคฺคลิกเมว พหุลํ. ทลิทฺทาปิ สุตฺตกนฺตนกาลโต ปฏฺาย ‘‘อิมํ จีวรํ กถินกาเล อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จ ตเถว วตฺวา จ สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ, มหทฺธนา จ สาฏกสฺส กีณิตกาลโต ปฏฺาย ตเถว จินฺเตตฺวา กเถตฺวา กโรนฺติ, ทานกาเล จ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ ปุตฺตทาสาทโย วา เปเสนฺติ, สามํ วา คนฺตฺวา จีวรํ ตสฺส ภิกฺขุสฺส ปาทมูเล วา หตฺเถ วา เปตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทนฺติ, สเตสุ วา สหสฺเสสุ วา เอโก ปณฺฑิตปุริโส ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนทานโต สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ตฺวา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทติ, ตสฺส สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา โหติ. สเจ ปน ทายโก ปุคฺคลสฺส ทาตุกาโม โหติ, ปุคฺคโล ปน ตสฺส มหปฺผลภาวมิจฺฉนฺโต ทกฺขิณา-วิภงฺคสุตฺตาทิธมฺมเทสนาย (ม. นิ. ๓.๓๗๖ อาทโย) ปุคฺคลิกทานโต สงฺฆิกทานสฺส มหปฺผลภาวํ ชานาเปตฺวา ‘‘อิมํ ตว จีวรํ สงฺฆสฺส เทหี’’ติ อุยฺโยเชติ, ทายโกปิ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทติ, เอวมฺปิ สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา โหติ.

ยทิ ปน ภิกฺขุนา อุยฺโยชิโตปิ ทุปฺปฺโ ทายโก ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ปุคฺคลสฺเสว เทติ, ตสฺส สา ทกฺขิณา ปุคฺคลคตา โหติ. อถ ปน โส ปุคฺคโล สยํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน สงฺฆสฺส ปริจฺจชติ, เอวมฺปิ ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติ, ตํ สงฺฆิกวเสน ภาเชตพฺพํ. ยทิ ปน ทายโกปิ ปุคฺคลสฺเสว เทติ, ปุคฺคโลปิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา น ปริจฺจชติ, เอวํ สนฺเต ตํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ, น กถินกาลมตฺเตน วา กถินวจนมตฺเตน วา สงฺฆิกํ โหติ. อิทานิ ปน อิมินา นเยน ปุคฺคลิกจีวรํเยว พหุลํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อาจริยปรมฺปรา ปเวณึ อภินฺทิตุกามา สงฺฆิกํ วิย กตฺวา ภาเชตฺวา ปริภุฺชึสุ. ยทิ มุขฺยโต สงฺฆิกํ สิยา, สงฺเฆน ทินฺนโต ปรํ เอกสูจิมตฺตมฺปิ ปุคฺคโล อธิกํ คณฺหิตุํ น ลเภยฺย.

เอกจฺเจ เถรา สงฺฆิกนฺติ ปน วทนฺติ, ภาชนกาเล ปน อิสฺสรวตาย ยถารุจิ วิจาเรนฺติ, เอกจฺเจ ภิกฺขู มุขฺยสงฺฆิกนฺติ มฺมานา อภาเชตุกามมฺปิ ปุคฺคลํ อภิภวิตฺวา ภาชาเปนฺติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส มาตา ปิตา าตกา อุปาสกาทโย ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส เทม, อมฺหากํ าตกภิกฺขุสฺส เทม, อมฺหากํ กุลูปกสฺส เทมา’’ติ, อฺเปิ สทฺธา ปสนฺนา ทายกา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปุคฺคลสฺส เทมา’’ติ วิจาเรตฺวา ปรมฺมุขาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา สมฺมุขาปิ ปาทมูเล วา หตฺเถ วา เปตฺวา เทนฺติ, เอวรูปํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ, สงฺฆํ อามสิตฺวา อวุตฺตตฺตา สงฺฆายตฺตํ น โหติ, ‘‘กถินํ ทสฺสามี’’ติ วา ‘‘กถินํ ทาตุํ คโต’’ติ วา ‘‘กถินจีวร’’นฺติ วา ปุพฺพาปรกาเลสุ วจนํ ปน มุขฺยกถินภูตสฺส สงฺฆิกจีวรสฺส กาเล ทินฺนตฺตา ตทุปจารโต โวหารมตฺตํ โหติ. ยถา กึ? ‘‘อุโปสถิก’’นฺติ วุตฺตํ ภตฺตํ จุทฺทสสุ สงฺฆิกภตฺเตสุ อนฺโตคธํ มุขฺยสงฺฆิกํ โหติ, สมาทินฺนอุโปสถา ทายกา สายํ ภุฺชิตพฺพภตฺตภาคํ สงฺฆสฺส เทนฺติ, ตํ สงฺโฆ สลากภตฺตํ วิย ิติกํ กตฺวา ภุฺชติ, อิติ สงฺฆสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆิกํ โหติ. อิทานิ ปน ทายกา อตฺตโน อตฺตโน กุลูปกสฺส วา าติภิกฺขุสฺส วา อุโปสถทิวเสสุ ภตฺตํ เทนฺติ, ตํ สงฺฆสฺส อทินฺนตฺตา สงฺฆิกํ น โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อุโปสถทิวเส ทินฺนตฺตา มุขฺยวเสน ปวตฺตอุโปสถภตฺตํ วิย ตทุปจาเรน ‘‘อุโปสถภตฺต’’นฺติ โวหรียติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ อิมสฺมึ กาเล เยภุยฺเยน ปุคฺคลสฺเสว ทินฺนตฺตา ปุคฺคลิกภูตํ จีวรํ ตฺติกมฺมวาจารหํ น โหติ, สงฺฆิกเมว ตฺติกมฺมวาจารหํ โหติ, ตเทว จ ปฺจานิสํสการณํ โหติ, ตสฺมา ปณฺฑิเตน ปุคฺคเลน ‘‘อุปาสกา สงฺเฆ เทถ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติอาทินา นิโยเชตฺวา ทาเปตพฺพํ, สยํ วา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตพฺพํ. เอวํ ปริจฺจชิตตฺตา สงฺฆิกภูตํ จีวรํ ตฺติกมฺมวาจารหฺจ โหติ ปฺจานิสํสนิปฺผาทกฺจ. เอวํ นิโยชนฺจ ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๖) ภควตา วุตฺตวจนํ อนุคตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

ปริกมฺมํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตฺจ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ปุจฺฉิตตฺตา โทโส นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ, อปุจฺฉิเต ปน เอวํ กเถตุํ น วฏฺฏติ. ขลิมกฺขิตสาฏโกติ อหตวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุฏฺุ โธวิตฺวาติอาทินา สปุพฺพกรณํ อตฺถารํ ทสฺเสติ. โธวนสิพฺพนรชนกปฺปกรเณน หิ วิจารณเฉทนพนฺธนานิปิ ทสฺสิตานิเยว โหนฺติ, อตฺถารทสฺสเนน ปจฺจุทฺธารอธิฏฺานานิปิ ทสฺเสติ. สูจิอาทีนิ จีวรกมฺมุปกรณานิ สชฺเชตฺวา พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อิทํ ปน สิพฺพนสฺส อุปกรณนิทสฺสนํ. ตทเหวาติ อิทํ ปน กรณสนฺนิธิโมจนตฺถํ วุตฺตํ. ทายกสฺส หตฺถโต สาฏกํ ลทฺธทิวเสเยว สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพํ, เอวํ อเทนฺเต นิจยสนฺนิธิ โหติ. อตฺถารเกนปิ สงฺฆโต ลทฺธทิวเสเยว กถินํ อตฺถริตพฺพํ, เอวํ อกโรนฺเต กรณสนฺนิธิ โหติ.

อฺานิ จ พหูนิ อานิสํสวตฺถานิ เทตีติ อิมินา อตฺถริตพฺพสาฏโกเยว กถินสาฏโก นาม, ตโต อฺเ สาฏกา พหโวปิ กถินานิสํสาเยว นามาติ ทสฺเสติ. เอเตน จ ‘‘กถินานิสํโส’’ติ วตฺถานิเยว วุตฺตานิ น อคฺโฆติ ทีเปติ. ยทิ อคฺโฆ วุตฺโต สิยา, เอวํ สติ ‘‘พหฺวานิสํสานิ กถินวตฺถานิ เทตี’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวํ ปน อวตฺวา ‘‘พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทตี’’ติ วุตฺตํ, เตน ายติ ‘‘น อคฺโฆ วุตฺโต’’ติ, ตสฺมา พหฺวานิสํสภาโว อคฺฆวเสน น คเหตพฺโพ, อถ โข วตฺถวเสเนว คเหตพฺโพติ. อิตโรติ อฺโ ทายโก. ตถา ตถา โอวทิตฺวา สฺาเปตพฺโพติ ‘‘อุปาสก ทานํ นาม สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, อตฺถาโร ปน ภิกฺขูนํ อุปการตฺถาย ภควตา อนุฺาโต, ตสฺมา ตฺติลทฺธมฺปิ อลทฺธมฺปิ มหปฺผลเมวา’’ติ วา ‘‘อุปาสก อยมฺปิ ทายโก สงฺฆสฺเสว เทติ, ตฺวมฺปิ สงฺฆสฺเสว เทสิ, ภควตา จ –

‘โย สีลวา สีลวนฺเตสุ ททาติ ทานํ;

ธมฺเมน ลทฺธํ สุปสนฺนจิตฺโต;

อภิสทฺทหํ กมฺมผลํ อุฬารํ;

ตํ เว ทานํ วิปุลผลนฺติ พฺรูมี’ติ. (ม. นิ. ๓.๓๘๒) –

วุตฺตํ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มหปฺผลเมวา’’ติ วา อิติอาทีนิ วตฺวา สฺาเปตพฺโพ.

ยสฺส สงฺโฆ กถินจีวรํ เทติ, เตน ภิกฺขุนา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ โยชนา. โย ชิณฺณจีวโร โหติ ภิกฺขุ, ตสฺส ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺมึ าเน อิทานิ ภิกฺขู –

‘‘ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปายํ, ตฺติ จ อนุสาวนํ;

กปฺปพินฺทุ ปจฺจุทฺธาโร, อธิฏฺานตฺถรานิ จ;

นิโยชนานุโมทา จ, อิจฺจยํ กถิเน วิธี’’ติ. –

อิมํ คาถํ อาหริตฺวา กถินทานกมฺมวาจาย ปมํ กถินจีวรสฺส ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปายปุจฺฉนฺจ กโรนฺติ, ตทยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ…เป… ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาตี’’ติ ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๐๙),

‘‘อฏฺธมฺมวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหติ;

ปุพฺพปจฺจุทฺธาราธิฏฺา-นตฺถาโร มาติกาติ จ;

ปลิโพโธ จ อุทฺธาโร, อานิสํสา ปนฏฺิเม’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๔, ๒๗๐๖) –

วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ อาคเตสุ อฏฺสุ องฺเคสุ อนาคตตฺตา จ ‘‘ปุพฺพกรณํ สตฺตหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิตํ โธวเนน วิจารเณน เฉทเนน พนฺธเนน สิพฺพเนน รชเนน กปฺปกรเณนา’’ติ ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๐๘),

‘‘โธวนฺจ วิจาโร จ, เฉทนํ พนฺธนมฺปิ จ;

สิพฺพนํ รชนํ กปฺปํ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๗) –

วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ วุตฺเตสุ สตฺตสุ ปุพฺพกรเณสุ อนาคตตฺตา จ.

เกวลฺจ ปกรเณสุ อนาคตเมว, อถ โข ยุตฺติปิ น ทิสฺสติ. กถํ? ปฏิคฺคหณํ นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหาเรยฺย อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๖๕) ยาวกาลิกาทีสุ อชฺโฌหริตพฺเพสุ จตูสุ กาลิกวตฺถูสุ ภควตา วุตฺตํ, น จีวเร, ตํ ปน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนมฺปิ ปรมฺมุขา ทินฺนมฺปิ ลพฺภเตว. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมีติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ ตุมฺหาก’นฺติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติ, ตสฺมา ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ทายเกน จีวเร ทินฺเน สงฺฆสฺส จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉนมตฺตเมว ปมาณํ โหติ.

สปฺปายปุจฺฉนฺจ เอวํ กโรนฺติ – เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘โภนฺโต สงฺฆา สงฺฆสฺส กถิเน สมฺปตฺเต กสฺส ปุคฺคลสฺส สปฺปายารหํ โหตี’’ติ ปุจฺฉิเต เอโก ภิกฺขุ นามํ วตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส สปฺปายารหํ โหตี’’ติ วทติ, สปฺปายอิติ จ นิวาสนปารุปนตฺถํ คเหตฺวา วทนฺติ. เอตสฺมึ วจเน สทฺทโต จ อตฺถโต จ อธิปฺปายโต จ ยุตฺติ คเวสิตพฺพา โหติ. กถํ? สทฺทโต วคฺคเภเท สติเยว พหุวจนํ กตฺตพฺพํ, น อเภเท, เอวํ สทฺทโต. สปฺปายอิติวจนฺจ อนุรูปตฺเถเยว วตฺตพฺพํ, น นิวาสนปารุปนตฺเถ, เอวํ อตฺถโต. อิทฺจ จีวรํ สงฺโฆ กถินํ อตฺถริตุํ ปุคฺคลสฺส เทติ, น นิวาสนปารุปนตฺถํ. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ (มหาว. ๓๐๗) ‘‘สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ, ตสฺมา ยุตฺติ คเวสิตพฺพา โหติ. ‘‘ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปาย’’นฺติอาทิคาถาปิ กตฺถจิ ปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาทีสุ จ น ทิสฺสติ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

สเจ พหู ชิณฺณจีวรา, วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพนฺติ อิทํ กถินจีวรสฺส สงฺฆิกตฺตา ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สงฺฆิกํ ยถาวุฑฺฒํ ปฏิพาหิตพฺพํ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิมินา ปาฬินเยน (จูฬว. ๓๑๑) วุตฺตํ. เอเตเนว นเยน สพฺเพสุ พลวจีวเรสุ สนฺเตสุปิ วุฑฺฒสฺเสว ทาตพฺพนฺติ สิทฺธํ. วุฑฺเฒสุ…เป… ทาตพฺพนฺติ กรณสนฺนิธิโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สเจ วุฑฺโฒ’’ตฺยาทิ. นวกตเรนปิ หิ กรณสนฺนิธึ โมเจตฺวา กถิเน อตฺถเต อนุโมทนํ กโรนฺตสฺส สงฺฆสฺส ปฺจานิสํสลาโภ โหตีติ. อปิจาติอาทินา สงฺเฆน กตฺตพฺพวตฺตํ ทสฺเสติ. วจนกฺกโม ปน เอวํ กาตพฺโพ – กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา สงฺเฆ สีมาย สนฺนิปติเต เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘ภนฺเต, สงฺฆสฺส อิทํ กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ กถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ วุตฺเต อฺเน ‘‘โย ชิณฺณจีวโร, ตสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ, ตโต ปุริเมน ‘‘พหู ชิณฺณจีวรา’’ติ วา ‘‘นตฺถิ อิธ ชิณฺณจีวรา’’ติ วา วุตฺเต อปเรน ‘‘เตน หิ วุฑฺฒสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โก เอตฺถ วุฑฺโฒ’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โส ภิกฺขุ ตทเหว จีวรํ กตฺวา อตฺถริตุํ สกฺโกตี’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘โส สกฺโกตี’’ติ วา ‘‘สงฺโฆ มหาเถรสฺส สงฺคหํ กริสฺสตี’’ติ วา วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โส มหาเถโร อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘อาม สมนฺนาคโต’’ติ วตฺตพฺพํ, ตโต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าตพฺโพ.

เอตฺถ จ ‘‘ภนฺเต, สงฺฆสฺสา’’ติอาทิวจนํ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ อิมาย ตฺติปาฬิยา สเมติ. ‘‘โย ชิณฺณจีวโร, ตสฺสา’’ติอาทิ ‘‘สงฺเฆน กสฺสา’’ติอาทิ ‘‘สงฺเฆน กสฺส ทาตพฺพํ, โย ชิณฺณจีวโร โหตี’’ติอาทินา อฏฺกถาวจเนน (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) สเมติ. ‘‘โส มหาเถโร อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต’’ติอาทิ ‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติอาทิกาย ปริวารปาฬิยา (ปริ. ๔๐๙) สเมตีติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺส ปน ทียติ, ตสฺส ตฺติทุติยกมฺมวาจาย ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมินา อิมสฺส กถินทานกมฺมสฺส ครุกตฺตา น อปโลกนมตฺเตน ทาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสติ. ครุกลหุกานํ เภโท กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.

เอวํ ทินฺเน ปน กถิเน ปจฺจุทฺธริตพฺพา อธิฏฺาตพฺพา วาจา ภินฺทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สเจ ตํ กถินทุสฺสํ นิฏฺิตปริกมฺมเมว โหตีติ อิมินา กถินทุสฺสํ นาม น เกวลํ ปกติสาฏกเมว โหติ, อถ โข ปรินิฏฺิตสตฺตวิธปุพฺพกิจฺจจีวรมฺปิ โหตีติ ทสฺเสติ, ตสฺมา นิฏฺิตจีวรสฺมึ ทินฺเน สตฺตวิธปุพฺพกิจฺจกรเณน อตฺโถ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจุทฺธรณาทีนิเยว กาตพฺพานิ. สเจ ปน กิฺจิ อปรินิฏฺิตํ โหติ, อนฺตมโส กปฺปพินฺทุมตฺตมฺปิ, ตํ นิฏฺาเปตฺวาเยว ปจฺจุทฺธรณาทีนิ กาตพฺพานิ. คณฺิกปฏฺฏปาสกปฏฺฏานิ ปน สิพฺพนนฺโตคธานิ, ตานิปิ นิฏฺาเปตฺวาเยว กาตพฺพานิ. อนิฏฺาเปนฺโต อนิฏฺิตสิพฺพนกิจฺจเมว โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๒-๔๖๓) ‘‘ตตฺถ กตนฺติ สูจิกมฺมปริโยสาเนน กตํ, สูจิกมฺมปริโยสานํ นาม ยํ กิฺจิ สูจิยา กตฺตพฺพํ. ปาสกปฏฺฏคณฺิกปฏฺฏปริโยสานํ กตฺวา สูจิยา ปฏิสามน’’นฺติ. อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถนฺติ ‘‘อตฺถตกถินานํ โว ภิกฺขเว ปฺจ กปฺปิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปสตฺถํ.

กตปริโยสิตํ ปน กถินํ คเหตฺวาติ –

‘‘โธวนฺจ วิจาโร จ, เฉทนํ พนฺธนมฺปิ จ;

สิพฺพนํ รชนํ กปฺปํ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๗) –

วุตฺตานิ สตฺตวิธปุพฺพกรณานิ กตฺวา ปริโยสาปิตํ กถินจีวรํ คเหตฺวา. อตฺถารเกน ภิกฺขุนา ปจฺจุทฺธริตพฺพา อธิฏฺาตพฺพา วาจา ภินฺทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม ภิกฺขุ ปุพฺเพ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ โปราณิกํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วตฺวา ปจฺจุทฺธริตพฺพา, ตโต อนธิฏฺิตํ นวํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพา, ตโต อตฺถรณกาเล ตเมว อธิฏฺิตสงฺฆาฏึ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ อตฺโถ. เอส นโย อิตเรสุ. เอเตน กถินตฺถารณํ นาม วจีเภทกรณเมว โหติ, น กิฺจิ กายวิการกรณนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ตถา หิ วุตฺตํ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ, ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ.

ตตฺถ ปจฺจุทฺธาโร ติวิโธ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สงฺฆาฏิยา ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ อุตฺตราสงฺคสฺส ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘อิมํ อนฺตรวาสกํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ อนฺตรวาสกสฺส ปจฺจุทฺธาโรติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘ปจฺจุทฺธาโร ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ. อธิฏฺานํ ติวิธํ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ สงฺฆาฏิยา อธิฏฺานํ, ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ อธิฏฺามี’’ติ อุตฺตราสงฺคสฺส อธิฏฺานํ, ‘‘อิมํ อนฺตรวาสกํ อธิฏฺามี’’ติ อนฺตรวาสกสฺส อธิฏฺานนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อธิฏฺานํ ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิตํ สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ.

อถ วา อธิฏฺานํ ทุวิธํ กาเยน อธิฏฺานํ, วาจาย อธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ โปราณิกํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปจฺจุทฺธริตฺวา นวํ สงฺฆาฏึ หตฺเถน คเหตฺวา ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ จิตฺเตน อาโภคํ กตฺวา กายวิการกรเณน กาเยน วา อธิฏฺาตพฺพํ, วจีเภทํ กตฺวา วาจาย วา อธิฏฺาตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตตฺถ ยสฺมา ทฺเว จีวรสฺส อธิฏฺานานิ กาเยน วา อธิฏฺเติ, วาจาย วา อธิฏฺเตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา…เป… อธิฏฺาตพฺพา’’ติ. อถ วา อธิฏฺานํ ทุวิธํ สมฺมุขาธิฏฺานปรมฺมุขาธิฏฺานวเสน. ตตฺถ ยทิ จีวรํ หตฺถปาเส ิตํ โหติ, ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, อถ อนฺโตคพฺเภ วา สามนฺตวิหาเร วา โหติ, ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอตํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตตฺร ทุวิธํ อธิฏฺานํ สเจ หตฺถปาเส โหตี’’ติอาทิ, วินยตฺถมฺชูสายฺจ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทุวิธนฺติ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภเทน ทุวิธ’’นฺติ.

อตฺถาโร กติวิโธ? อตฺถาโร เอกวิโธ. วจีเภทกรเณเนว หิ อตฺถาโร สมฺปชฺชติ, น กายวิการกรเณน. อยมตฺโถ ยถาวุตฺต-ปริวารปาฬิยา จ ‘‘อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ, ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วินยตฺถมฺชูสาวจเนน จ วิฺายติ. อถ วา อตฺถาโร ติวิโธ วตฺถุปฺปเภเทน. ตตฺถ ยทิ สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณิกา สงฺฆาฏิ ปจฺจุทฺธริตพฺพา, นวา สงฺฆาฏิ อธิฏฺาตพฺพา, ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. อถ อุตฺตราสงฺเคน กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณโก อุตฺตราสงฺโค ปจฺจุทฺธริตพฺโพ, นโว อุตฺตราสงฺโค อธิฏฺาตพฺโพ, ‘‘อิมินา อุตฺตราสงฺเคน กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. อถ อนฺตรวาสเกน กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณโก อนฺตรวาสโก ปจฺจุทฺธริตพฺโพ, นโว อนฺตรวาสโก อธิฏฺาตพฺโพ, ‘‘อิมินา อนฺตรวาสเกน กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๑๓) ‘‘สเจ สงฺฆาฏิยา’’ติอาทิ.

เอตฺถ สิยา – กึ ปน ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วิเสสํ กตฺวาว ปจฺจุทฺธริตพฺพา, อุทาหุ ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สามฺโตปิ ปจฺจุทฺธริตพฺพาติ? ปริกฺขารโจฬาธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ จีวรํ ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สามฺโต ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, น ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วิเสสโต ปจฺจุทฺธริตพฺพํ. กสฺมา? ปุพฺเพ อลทฺธนามตฺตา. ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ ปน จีวรํ วิเสสโตเยว ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, น สามฺโต. กสฺมา? ปฏิลทฺธวิเสสนามตฺตา. อิธ ปน กถินาธิกาเร ปุพฺเพว ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตตฺตา วิเสสโตเยว ปจฺจุทฺธริตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) กถินาธิกาเร ‘‘ปจฺจุทฺธาโร ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ. กึ ปน นิจฺจเตจีวริโกเยว กถินํ อตฺถริตุํ ลภติ, อุทาหุ อวตฺถาเตจีวริโกปีติ? เตจีวริโก ทุวิโธ ธุตงฺคเตจีวริกวินยเตจีวริกวเสน. ตตฺถ ธุตงฺคเตจีวริโก ‘‘อติเรกจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, เตจีวริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ธารณโต สพฺพกาลเมว ธาเรติ. วินยเตจีวริโก ปน ยทา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาเรตุกาโม โหติ, ตทา ตถา อธิฏฺหิตฺวา ธาเรติ. ยทา ปน ปริกฺขารโจฬาธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาเรตุกาโม โหติ, ตทา ตถา อธิฏฺหิตฺวา ธาเรติ, ตสฺมา ติจีวราธิฏฺานสฺส ทุปฺปริหารตฺตา สพฺพทา ธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต หุตฺวา ปริกฺขารโจฬวเสน ธาเรนฺโตปิ ตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อาสนฺเน กาเล ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหนฺโตปิ กถินํ อตฺถริตุํ ลภติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.

กจฺจิ นุ โภ กถินทานกมฺมวาจาภณนสีมายเมว กถินํ อตฺถริตพฺพํ, อุทาหุ อฺสีมายาติ? ยทิ กถินทานกมฺมวาจาภณนพทฺธสีมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมาย อนฺโต ิตา, เอวํ สติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อตฺถรณํ กาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) อาคตตฺตา วิฺายตีติ. ยทิ เอวํ ‘‘ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล’’อิจฺเจว ฏีกายํ วุตฺตตฺตา ‘‘ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อตฺถริตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํ, น ‘‘กถินทานกมฺมวาจาภณนพทฺธสีมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมาย อนฺโต ิตา’’ติ วิเสสํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ? น น วตฺตพฺพํ. กมฺมวาจาภณนสีมา หิ พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา ปน อุปจารสีมาภูตา, อุปจารสีมา จ นาม พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ คจฺฉติ, ตสฺมา สา สีมา พทฺธสีมา จ โหติ อุปจารสีมา จาติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล กถินทานกมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตตฺเถว อตฺถรณํ กาตพฺพํ, น ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตตฺเถว อตฺถรณํ กตฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมฺปิ ‘‘อุปจารสีมาย’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมายา’’ติ, ตมฺปิ วตฺตพฺพเมว. เตสํ ภิกฺขูนํ วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย เอว อุปจารสีมาย กถินตฺถารํ กาตุํ ลภติ, น อฺอุปจารสีมาย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ.

ยถิจฺฉสิ, ตถา ภวตุ, อปิ ตุ ขลุ ‘‘กมฺมวาจาภณนสีมา พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา อุปจารสีมาภูตา’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตถาภูตภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? วุจฺจเต – กถินตฺถารสีมายํ ตาว อุปจารสีมาภูตภาโว ‘‘สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอกสีมายาติ เอกอุปจารสีมายาติ อตฺโถ ยุชฺชตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) อาคตตฺตา วิฺายติ. กมฺมวาจาภณนสีมาย พทฺธสีมาภูตภาโว ปน ‘‘เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา. สีมา จ นาเมสา พทฺธสีมา อพทฺธสีมาติ ทุวิธา โหตี’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา จ ‘‘สีมา จ นาเมสา กตมา, ยตฺถ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา กมฺมปฺปตฺตา นาม โหนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย สีมํ ทสฺเสนฺโต วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ‘สีมา จ นาเมสา’ติอาทิมาหา’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา จ วิฺายติ.

ตตฺถ กติวิธา พทฺธสีมา, กติวิธา อพทฺธสีมาติ? ติวิธา พทฺธสีมา ขณฺฑสีมาสมานสํวาสสีมาอวิปฺปวาสสีมาวเสน. ติวิธา อพทฺธสีมา คามสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสตฺตพฺภนฺตรสีมาวเสนาติ ทฏฺพฺพา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘เอวํ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมาติ เวทิตพฺพา. ขณฺฑสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมาติ ตสฺสาเยว เภโท. อพทฺธสีมา ปน คามสีมา สตฺตพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา วิฺายติ. เอวํ ตีสุ พทฺธสีมาสุ, ตีสุ อพทฺธสีมาสูติ ฉสุเยว สีมาสุ กมฺมปฺปตฺตสงฺฆสฺส จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมสฺส กตฺตพฺพภาววจนโต สุทฺธาย อุปจารสีมาย กมฺมวาจาย อภณิตพฺพภาโว วิฺายติ. อนฺโตอุปจารสีมาย พทฺธสีมาย สติ ตํ พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ อุปจารสีมาย คมนโต สา พทฺธสีมา กมฺมวาจาภณนารหา จ โหติ กถินตฺถารารหา จาติ เวทิตพฺพํ.

นนุ จ ปนฺนรสวิธา สีมา อฏฺกถาสุ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙; กงฺขา. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตา, อถ กสฺมา ฉเฬว วุตฺตาติ? สจฺจํ, ตาสุ ปน ปนฺนรสสุ สีมาสุ อุปจารสีมา สงฺฆลาภวิภชนาทิฏฺานเมว โหติ, ลาภสีมา ตตฺรุปฺปาทคหณฏฺานเมว โหตีติ อิมา ทฺเว สีมาโย สงฺฆกมฺมกรณฏฺานํ น โหนฺติ, นิคมสีมา นครสีมา ชนปทสีมา รฏฺสีมา รชฺชสีมา ทีปสีมา จกฺกวาฬสีมาติ อิมา ปน สีมาโย คามสีมาย สมานคติกา คามสีมายเมว อนฺโตคธาติ น วิสุํ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ อุปจารสีมาย พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวา คตภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตตฺตา ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺานานํ อนฺโต พทฺธสีมาย วิชฺชมานาย ตํ อวตฺถริตฺวา อุปจารสีมา คตา. ตถา หิ ‘‘อิมิสฺสา อุปจารสีมาย ‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมสีมนฺตริกาสุ ิตานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘อุปจารสีมาย อนฺโต ิตา พทฺธสีมา อุปจารสีมาปิ นาม โหตี’’ติ. โหตุ, เอวํ สติ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย สติ ตตฺเถว กถินทานกมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ตตฺเถว กถินํ อตฺถริตพฺพํ ภเวยฺย, อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย กถํ กริสฺสนฺตีติ? อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย พหิอุปจารสีมายํ วิชฺชมานพทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปลภนฏฺานํ วา คนฺตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมายํ ตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.

นนุ จ โภ เอวํ สนฺเต อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถาโร โหติ, เอวํ สนฺเต ‘‘ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺเตน วชิรพุทฺธิฏีกาวจเนน (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) วิรุชฺฌตีติ? นนุ อโวจุมฺห ‘‘กมฺมวาจาภณนสีมา พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา อุปจารสีมาภูตา’’ติ. ตสฺมา วชิรพุทฺธิฏีกาวจเนน น วิรุชฺฌติ. ตตฺถ ปุพฺเพ เยภุยฺเยน พทฺธสีมวิหารตฺตา สมคฺคํ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา อุปจารสีมพทฺธสีมภูเต ตสฺมึเยว วิหาเร อตฺถรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. พทฺธสีมวิหาเร อโหนฺเตปิ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย วิชฺชมานาย ตตฺเถว สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ตตฺเถว อตฺถริตพฺพภาโว อมฺเหหิปิ วุตฺโตเยว. ยทิ ปน น เจว พทฺธสีมวิหาโร โหติ, น จ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมา อตฺถิ, เอวรูเป วิหาเร กมฺมวาจํ วาจาเปตุํ น ลภติ, อฺํ พทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปํ วา คนฺตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา อตฺตโน วิหารํ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมาย ตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพํ. เอวเมว ปรมฺปรภูตา พหโว อาจริยวรา กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

อปเร ปน อาจริยา ‘‘พทฺธสีมวิรหาย สุทฺธอุปจารสีมาย สติ ตสฺสํเยว อุปจารสีมายํ ตฺติกมฺมวาจาปิ วาเจตพฺพา, กถินํ อตฺถริตพฺพํ, น อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถรณํ กาตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อยํ ปน เนสมธิปฺปาโย – ‘‘กถินตฺถตสีมายนฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) กถินตฺถารฏฺานภูตาย สีมาย อุปจารสีมาภาโว วุตฺโต, ตสฺสํเยว ฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) ปุพฺเพ นิทฺทิฏฺปาเ ‘‘ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ กมฺมวาจาภณนสีมายเมว อตฺถริตพฺพภาโว จ วุตฺโต, ตสฺมา อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถรณํ น กาตพฺพํ, ตสฺสํเยว อุปจารสีมายํ กมฺมวาจํ สาเวตฺวา ตสฺมึเยว อตฺถาโร กาตพฺโพ, อุปจารสีมโต พหิ ิตํ พทฺธสีมํ คนฺตฺวา อตฺถรณกิจฺจํ นตฺถีติ.

ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – อิทํ ภาสนฺตเรสุ ‘‘ตฺตี’’ติ กถิตํ กถินทานกมฺมํ จตูสุ สงฺฆกมฺเมสุ ตฺติทุติยกมฺมํ โหติ, ตฺติทุติยกมฺมสฺส นวสุ าเนสุ กถินทานํ, ครุกลหุเกสุ ครุกํ, ยทิ ‘‘อุปจารสีมายํ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ กาตพฺพานี’’ติ ปกรเณสุ อาคตํ อภวิสฺสา, เอวํ สนฺเต เตสํ อาจริยานํ วจนานุรูปโต อุปจารสีมายํ กถินทานตฺติกมฺมวาจํ วาเจตพฺพํ อภวิสฺสา, น ปน ปกรเณสุ ‘‘อุปจารสีมายํ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ กาตพฺพานี’’ติ อาคตํ, อถ โข ‘‘สงฺฆลาภวิภชนํ, อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา อารามปฺปวิสนํ, คมิกสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนอาปุจฺฉนํ, นิสฺสยปอปฺปสฺสมฺภนํ, ปาริวาสิกมานตฺตจาริกภิกฺขูนํ อรุณุฏฺาปนํ, ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปวิสนอาปุจฺฉนํ อิจฺเจวมาทีนิ เอว อุปจารสีมาย กตฺตพฺพานี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา กถินทานตฺติทุติยกมฺมวาจา เกวลายํ อุปจารสีมายํ น วาเจตพฺพาติ สิทฺธา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ตฺวา อารามปฺปวิสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สพฺพมฺเปตํ อุปจารสีมาย ปริจฺเฉทวเสเนว กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อุปจารสีมายเมว ภาเชตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิอฏฺกถาปาโต (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วิฺายตีติ.

อเถวํ วเทยฺยุํ – ‘‘อุปจารสีมา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย านํ น โหตี’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, อถ จ ปน กตปุพฺพํ อตฺถิ. ตถา หิ จีวรปฏิคฺคาหกสมฺมุติจีวรนิทหกสมฺมุติจีวรภาชกสมฺมุตีนํ ‘‘สุณาตุ เม…เป… ธารยามีติ อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ อุปจารสีมายํ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย นิปฺผาเทตพฺพภาโว อฏฺกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๔) อาคโต. ภณฺฑาคารสฺส ปน ‘‘อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, วิหารมชฺเฌเยว ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’ติอาทินา นเยน กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๗) อุปจารสีมายเมว ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพภาโว อาคโตติ.

เต เอวํ วตฺตพฺพา – สเจปิ อฏฺกถายํ อาคตํ ‘‘อนฺโตวิหาเร’’ติ ปาโ ‘‘วิหารมชฺเฌ’’ติ ปาโ จ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺโตติ มฺมานา ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ อวจุตฺถ, เต ปน ปาา อุปจารสีมํ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺตา, อถ โข อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตํ มหาสีมํ สนฺธาย วุตฺตา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ขณฺฑสีมาย วกฺขมานตฺตา. ขณฺฑสีมาย หิ มหาสีมา เอว ปฏิโยคี โหติ. อุปจารสีมาติ อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ เจ? ‘‘อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนนฺเตหิ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปมํ ขณฺฑสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา…เป… เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ิตา ภิกฺขู มหาสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ, มหาสีมาย วา ิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ. สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตี’’ติ วุตฺตอฏฺกถาปาวเสน (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ชานิตพฺโพติ. อถ วา เตหิ อายสฺมนฺเตหิ อาภตภณฺฑาคารสมฺมุติปาวเสนปิ อยมตฺโถ วิฺายติ. กถํ? จีวรปฏิคฺคาหกาทิปุคฺคลสมฺมุติโย ปน อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, ภณฺฑาคารสงฺขาตวิหารสมฺมุติ ปน วิหารมชฺเฌเยวาติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตตฺถ วิเสสการณํ ปริเยสิตพฺพํ.

ตตฺเรวํ วิเสสการณํ ปฺายติ – ‘‘อฺิสฺสา สีมาย วตฺถุ อฺิสฺสา กมฺมวาจา’’ติ วตฺตพฺพโทสปริหารตฺถํ วุตฺตํ. ปุคฺคลสมฺมุติโย หิ ปุคฺคลสฺส วตฺถุตฺตา ยทิ มหาสีมภูเต อนฺโตวิหาเร กตฺตุกามา โหนฺติ, สพฺพสงฺฆมชฺเฌ ตํ วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ หตฺถปาเส กตฺวา กเรยฺยุํ. ยทิ ขณฺฑสีมาย กตฺตุกามา, ตํ วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ ขณฺฑสีมํ อาเนตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตกมฺมปฺปตฺตสงฺฆสฺส หตฺถปาเส กตฺวา กเรยฺยุํ. อุภยถาปิ ยถาวุตฺตโทโส นตฺถิ, ภณฺฑาคารสมฺมุติ ปน ภณฺฑาคารสฺส วิหารตฺตา ขณฺฑสีมํ อาเนตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ยทิ ตํ สมฺมุตึ ขณฺฑสีมายํ ตฺวา กเรยฺยุํ, วตฺถุ มหาสีมายํ โหติ, กมฺมวาจา ขณฺฑสีมายนฺติ ยถาวุตฺตโทโส โหติ, ตสฺมิฺจ โทเส สติ วตฺถุวิปนฺนตฺตา กมฺมํ วิปชฺชติ, ตสฺมา มหาสีมภูตวิหารมชฺเฌเยว สา สมฺมุติ กาตพฺพาติ อฏฺกถาจริยานํ มติ, น อุปจารสีมาย ตฺติทุติยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ.

อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วิหารสทฺเทน อวิปฺปวาสสีมภูตา มหาสีมาว วุตฺตา, น อุปจารสีมา’’ติ อิทํ วจนํ กถํ ปจฺเจตพฺพนฺติ? อิมินาเยว อฏฺกถาวจเนน. ยทิ หิ อุปจารสีมา วุตฺตา ภเวยฺย, อุปจารสีมา นาม พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ ปวตฺตา อาวาเสสุ วา ภิกฺขูสุ วา วฑฺฒนฺเตสุ อนิยมวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา ขณฺฑสีมํ อวตฺถริตฺวา ปวตฺตนโต วิหาเรน สห ขณฺฑสีมา เอกสีมาเยว โหติ, เอวํ สติ วิหาเร ิตํ ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมาย ตฺวา สมฺมนฺนิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, น ปน สกฺกา ‘‘ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ปฏิสิทฺธตฺตา. เตน ายติ ‘‘อิมสฺมึ าเน วิหารสทฺเทน อวิปฺปวาสสีมภูตา มหาสีมา วุตฺตา, น อุปจารสีมา’’ติ. อุปจารสีมาย อนิยมวเสน วฑฺฒนภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา โหติ. อปิจ ภิกฺขูนํ ธุวสนฺนิปาตฏฺานโต วา ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต อุปจารสีมา เวทิตพฺพา, สา ปน อาวาเสสุ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒติ, ปริหายนฺเตสุ ปริหายติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒตี’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สพฺเพสํ ลาโภ ปาปุณาตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโตติ.

ยทิ เอวํ อุปจารสีมาย กถินตฺถตภาโว กสฺมา วุตฺโตติ? กถินตฺถรณํ นาม น สงฺฆกมฺมํ, ปุคฺคลกมฺมเมว โหติ, ตสฺมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมาย กาตพฺพา โหติ. ตฺติกมฺมวาจา ปน สงฺฆกมฺมภูตา, ตสฺมา อุปจารสีมาย กาตุํ น วฏฺฏติ, สุวิโสธิตปริสาย พทฺธาพทฺธสีมายเมว วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ โภ ‘‘กถินํ อตฺถริตุํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘กถินตฺถรณํ นาม น สงฺฆกมฺมํ, ปุคฺคลกมฺมเมว โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ ปริวาเร (ปริ. ๔๑๔) วุตฺตตฺตา จ อปโลกนกมฺมาทีนํ จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ าเนสุ อปวิฏฺตฺตา จ. อฏฺกถายํ ปน กถินตฺถารสฺส อุปจารภูตํ กถินทานกมฺมวาจาภณนกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ กาเล กถินทายกา จตฺตาโร, ปฏิคฺคาหโก เอโกติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ โหนฺติ, ตโต เหฏฺา น ลภตีติ. ตฺติกมฺมวาจาย สงฺฆกมฺมภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ ตฺติทุติยกมฺมสฺส นวสุ าเนสุ กถินทาน’’นฺติ อาคตตฺตา, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา วุตฺตตฺตา จาติ.

อปเร ปน อาจริยา ‘‘ภาสนฺตเรสุ ตฺตีติ วุตฺตา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยาย ปวิสติ, อตฺถารกิริยา จ อุปจารสีมายํ กาตพฺพา, ตสฺมา กถินทานกมฺมวาจาปิ อุปจารสีมายํ กาตพฺพาเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ อยมธิปฺปาโย – มหาวคฺคปาฬิยํ (มหาว. ๓๐๖) ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อารภิตฺวา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ กถินทานตฺติกมฺมวาจาโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา ปาโ อาคโต, ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๑๒) ‘‘กถินตฺถาโร ชานิตพฺโพ’’ติ อุทฺเทสสฺส นิทฺเทเส ‘‘สเจ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อตฺถารเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อนุโมทเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉํ นีหริตฺวา ‘‘สงฺเฆน ตฺติทุติเยน กมฺเมน กถินตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพํ…เป… อนุโมทามา’’ติ ตฺติโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา ปาโ อาคโต, ตสฺมา ตฺติโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา สพฺโพ วิธิ กถินตฺถารกิริยายํ ปวิสติ, ตโต กถินตฺถารกิริยาย อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพาย สติ ตฺติสงฺขาตกถินทานกมฺมวาจาปิ อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพาเยวาติ.

ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – อตฺถารกิริยาย วิสุํ อนาคตาย สติ ‘‘สพฺโพ วิธิ อตฺถารกิริยายํ ปวิสตี’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, อถ จ ปน มหาวคฺคปาฬิยฺจ ปริวารปาฬิยฺจ อตฺถารกิริยา วิสุํ อาคตาเยว, ตสฺมา ตฺติสงฺขาตา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสติ, เกวลํ อตฺถารกิริยาย อุปจารภูตตฺตา ปน ตโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน วุตฺตํ. ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ สีมาสมฺมุตึ อนุชานิตฺวา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ สีมาสมฺมุติวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ นิมิตฺตกิตฺตเนน สห สีมาสมฺมุติกมฺมวาจา เทสิตา, ตตฺถ นิมิตฺตกิตฺตนํ สีมาสมฺมุติกมฺมํ น โหติ, กมฺมวาจาเยว สีมาสมฺมุติกมฺมํ โหติ, ตถาปิ สีมาสมฺมุติกมฺมวาจาย อุปจารภาวโต สห นิมิตฺตกิตฺตเนน สีมาสมฺมุติกมฺมวาจา เทสิตา. ยถา จ อุปสมฺปทากมฺมวิธึ เทเสนฺโต ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ อุปชฺฌายคาหาปนาทินา สห อุปสมฺปทากมฺมํ เทสิตํ, ตตฺถ อุปชฺฌายคาหาปนาทิ อุปสมฺปทากมฺมํ น โหติ, ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาเยว อุปสมฺปทากมฺมํ โหติ, ตถาปิ อุปสมฺปทากมฺมสฺส สมีเป ภูตตฺตา อุปชฺฌายคาหาปนาทินา สห ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจา เทสิตา, เอวเมตฺถ กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยา น โหติ, ตถาปิ อตฺถารกิริยาย อุปจารภูตตฺตา กถินทานตฺติทุติยกมฺมวาจาย สห กถินตฺถารกิริยา เทสิตา, ตสฺมา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสตีติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา ตฺติทุติยกมฺมวาจา จ อตฺถาโร จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา อตุลฺยกิริยา อตุลฺยกตฺตาโร อตุลฺยกมฺมา อตุลฺยกาลา จ โหนฺติ, เตน วิฺายติ ‘‘ภาสนฺตเรสุ ตฺตีติ วุตฺตา ตฺติทุติยกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสตี’’ติ. ตตฺถ กถํ อตุลฺยกิริยา โหนฺติ? กมฺมวาจา ทานกิริยา โหติ, อตฺถาโร ปนฺนรสธมฺมานํ การณภูตา อตฺถารกิริยา, เอวํ อตุลฺยกิริยา. กถํ อตุลฺยกตฺตาโรติ? กมฺมวาจาย กตฺตา สงฺโฆ โหติ, อตฺถารสฺส กตฺตา ปุคฺคโล, เอวํ อตุลฺยกตฺตาโร โหนฺติ. กถํ อตุลฺยกมฺมา โหนฺติ? กมฺมวาจาย กมฺมํ กถินทุสฺสํ โหติ, อตฺถารสฺส กมฺมํ กถินสงฺขาตา สมูหปฺตฺติ, เอวํ อตุลฺยกมฺมา โหนฺติ. กถํ อตุลฺยกาลา โหนฺติ? กถินทานกมฺมวาจา ปุพฺพกรณปจฺจุทฺธารอธิฏฺานานํ ปุพฺเพ โหติ, อตฺถาโร เตสํ ปจฺฉา, เอวํ อตุลฺยกาลา โหนฺตีติ. อถ วา อตฺถาโร ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทินา วจีเภทสงฺขาเตน เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต, น ตฺติอนุสฺสาวนาทินา อเนเกหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ. อิมินาปิ การเณน ชานิตพฺพํ ‘‘น ตฺติ อตฺถาเร ปวิฏฺา’’ติ.

อฺเ ปน อาจริยา เอวํ วทนฺติ – ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อาคตตฺตา ‘‘เหฏฺิมนฺตโต ปฺจ ภิกฺขู กถินตฺถารํ ลภนฺติ, ตโต อปฺปกตรา น ลภนฺตี’’ติ วิฺายติ. ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ กงฺขาวิตรณีฏีกายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตตฺตา ตสฺมึ วากฺเย ‘‘วฏฺฏตี’’ติ กิริยาย กตฺตา ‘‘โส กถินตฺถาโร’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา อตฺถาโรติ อิมินา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วุตฺตอตฺถรณกิริยา น อธิปฺเปตา, จตูหิ ภิกฺขูหิ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ตฺติยา ทานํ อธิปฺเปตนฺติ วิฺายติ. ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ…เป… อุทฺธํ สตสหสฺสนฺติ อิทํ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆสฺส กถินทุสฺสทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วินยวินิจฺฉยฏีกายํ วุตฺตํ. ตสฺมิมฺปิ ปาเ ตฺติยา ทินฺนํเยว สนฺธาย ‘‘ปฺจ ชนา อตฺถารํ ลภนฺตี’’ติ อิทํ วจนํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ, ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิ ปุคฺคลสฺส อตฺถรณํ สนฺธาย น วุตฺตนฺติ ฏีกาจริยสฺส อธิปฺปาโย. เอวํ กงฺขาวิตรณีฏีกา-วินยวินิจฺฉยฏีกาการเกหิ อาจริเยหิ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นามา’’ติ วินิจฺฉิตตฺตา อุปจารสีมายํ กถินทานตฺติกมฺมวาจากรณํ ยุตฺตนฺติ วิฺายตีติ วทนฺติ.

ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามา’’ติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุํ. วเทยฺยุํ เจ, อฏฺกถาย วิรุทฺโธ สิยา. กถํ วิรุทฺโธติ เจ? ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺติ, อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อาคตตฺตา ‘‘เต ฉินฺนวสฺสาทโย กถินตฺถารํ น ลภนฺตี’’ติ วิฺายติ. ยทิ ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นาม สิยา, เอวํ สติ เต ภิกฺขู ตฺติทุติยกมฺเมปิ คณปูรกภาเวน อปฺปวิฏฺา สิยุํ. อถ จ ปน ‘‘ปุริมิกาย อุปคตานํ ปน สพฺเพ คณปูรกา โหนฺตี’’ติ อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตตฺตา เต ตฺติทุติยกมฺเม ปวิฏฺาว โหนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถาจริโย ปฺจานิสํสเหตุภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกํ วจีเภทํเยว ‘‘อตฺถาโร’’ติ วทติ, น ตฺติทุติยกมฺมํ, ตสฺมา เต ฉินฺนวสฺสาทโย ปฺจานิสํสเหตุภูตํ กถินตฺถารํ น ลภนฺติ, ตฺติทุติยกมฺเม ปน จตุวคฺคสงฺฆปูรกภาวํ ลภนฺตีติ วิฺายติ. ปุนปิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สเจ ปุริมิกาย อุปคตา จตฺตาโร วา โหนฺติ ตโย วา ทฺเว วา เอโก วา, อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ. เอวํ อลพฺภมานกถินตฺถาเรเยว ฉินฺนวสฺสาทโย คณปูรเก กตฺวา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินทุสฺสํ ทาเปตฺวา ปุริมิกาย อุปคเตหิ กถินสฺส อตฺถริตพฺพภาวโต ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามาติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุ’’นฺติ อวจิมฺหาติ.

นนุ จ โภ อิมสฺมิมฺปิ อฏฺกถาวจเน ‘‘อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ วจเนน จตุวคฺคสงฺเฆน กตฺตพฺพํ ตฺติทุติยกมฺมํเยว ‘‘อตฺถาโร’’ติ วุตฺตนฺติ? น, ปุพฺพาปรวิโรธโต. ปุพฺเพ หิ ฉินฺนวสฺสาทีนํ กถินํ อตฺถริตุํ อลพฺภมานภาโว วุตฺโต, อิธ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร’’ติ วุตฺเต เตสมฺปิ ลพฺภมานภาโว วุตฺโต ภเวยฺย, น อฏฺกถาจริยา ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ กเถยฺยุํ, ตสฺมา ‘‘กตฺวา’’ติ ปทํ ‘‘อตฺถริตพฺพ’’นฺติ ปเทน สมฺพชฺฌนฺเตน สมานกาลวิเสสนํ อกตฺวา ปุพฺพกาลวิเสสนเมว กตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, เอวํ สติ ปุพฺพวจเนนาปรวจนํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ วิย สํสนฺทติ, ปจฺฉาปิ จ ‘‘กมฺมวาจํ สาเวตฺวา กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานฺจ ภุฺชิตฺวา คมิสฺสนฺตี’’ติ วิสุํ กมฺมวาจาสาวนํ วิสุํ กถินตฺถรณํ ปุพฺพาปรานุกฺกมโต วุตฺตํ, ตสฺมา ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นาม น โหติ, เกวลํ อตฺถารสฺส การณเมว อุปจารเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ ปริวารวจเนน (ปริ. ๔๑๔) อยมตฺโถ ชานิตพฺโพติ.

ยทิ เอวํ กงฺขาวิตรณีฏีกา-วินยวินิจฺฉยฏีกาสุ อาคตปาานํ อธิปฺปาโย กถํ ภาสิตพฺโพ ภเวยฺย. นนุ กงฺขาวิตรณีฏีกายํ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ อิมิสฺสา กิริยาย กตฺตา ‘‘โส กถินตฺถาโร’’ติ วุตฺโต, วินยวินิจฺฉยฏีกายฺจ ‘‘กถินทุสฺสทานกมฺม’’นฺติ ปทํ ‘‘สนฺธายา’’ติ กิริยาย กมฺมํ, กถินตฺถาโร…เป… อิทํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ กิริยาย กมฺมํ โหติ. เอวํ ฏีกาสุ นีตตฺถโต อาคตปาเสุ สนฺเตสุ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามาติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุ’’นฺติ น วตฺตพฺพนฺติ? เยนากาเรน อฏฺกถาวจเนน ฏีกาวจนฺจ ปุพฺพาปรอฏฺกถาวจนฺจ อวิรุทฺธํ ภเวยฺย, เตนากาเรน ฏีกาปาานํ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ. กถํ? กงฺขาวิตรณีอฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อาคโต, ตสฺมึ อฏฺกถาวจเน โจทเกน โจเทตพฺพสฺส อตฺถิตาย ตํ ปริหริตุํ ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต, กถํ โจเทตพฺพํ อตฺถีติ? โภ อฏฺกถาจริย ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต, เอวํ สติ ปฺจนฺนํ กถินตฺถารกานํ เอว โส กถินตฺถาโร วฏฺฏติ, น เอกทฺวิติจตุปุคฺคลานนฺติ อตฺโถ อาปชฺชติ, เอวํ สติ ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ อาคตปาฬิยา วิรุชฺฌนโต อาคมวิโรโธ อาปชฺชติ, ตํ โจทนํ ปริหรนฺโต ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต. ตตฺถายมธิปฺปาโย – โภ โจทกาจริย อฏฺกถาจริเยน กถินตฺถารกาเล ปฺจนฺนํ อตฺถารกานํ ภิกฺขูนํ วเสน ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ น วุตฺโต, อถ โข สงฺเฆน อตฺถารกสฺส กถินทุสฺสทานกาเล ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ทายกปฏิคฺคาหกปุคฺคลานํ อตฺถิตาย โส ปจฺฉา กตฺตพฺโพ อตฺถาโร วฏฺฏติ, การณสมฺปตฺติยา ผลสมฺปตฺติ โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ อฏฺกถาวจเน อาคมวิโรโธ นาปชฺชตีติ.

วินยวินิจฺฉยฏีกายมฺปิ ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจเน ปเรหิ ปุจฺฉิตพฺพสฺส อตฺถิตาย ตํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อิทํ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆสฺส กถินทุสฺสทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต. กถํ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ เจ? โภ อฏฺกถาจริย ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ วจนํ กึ ปฺจานิสํสสฺส การณภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิอตฺถารกิริยํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุทาหุ อตฺถารสฺส การณภูตํ กถินทุสฺสทานกมฺมนฺติ. กถํ วิสฺสชฺชนาติ? โภ ภทฺรมุข ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ ปฺจานิสํสสฺส การณภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกํ อตฺถารกิริยํ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยน น วุตฺตํ, อถ โข อตฺถารสฺส การณภูตํ กถินทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ทินฺนทุสฺเสน เอว กถินตฺถาโร สมฺภวติ, น ิติกาย ลทฺธจีวเรน วา ปุคฺคลิกจีวเรน วา สมฺภวติ, ตฺจ กถินทุสฺสทานกมฺมํ จตฺตาโร กถินทุสฺสทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุเยว สมฺปชฺชติ, น ตโต อูเนสูติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ วฏฺฏติ, การณสิทฺธิยา ผลสิทฺธิ โหติ, เตเนว จ การเณน ‘‘กถินทุสฺสทานกมฺมํ วุตฺต’’นฺติ มุขฺยวเสน อวตฺวา ‘‘สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อุปจารวเสนาห. เอวํ วุตฺเตเยว อฏฺกถาวจนสฺส ปุพฺพาปรวิโรโธ นตฺถิ, อฏฺกถาวจเนน จ ฏีกาวจนํ วิรุทฺธํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ, ‘‘อปโลกนาทิสงฺฆกมฺมกรณตฺถํ พทฺธสีมา ภควตา อนุฺาตา’’ติ อิมินา วินยลกฺขเณน จ สเมติ.

‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกา ปน อตฺถารกิริยา อปโลกนาทีสุ จตูสุ สงฺฆกมฺเมสุ อปฺปวิฏฺา, อธิฏฺานาทโย วิย ปฺจานิสํสลาภการณภูตา ปุคฺคลกิริยาว โหตีติ วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อนฺโตอุปจารสีมาย กาตพฺพา, ตสฺมา อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย พหิอุปจารสีมายํ พทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรลภมานฏฺานํ วา คนฺตฺวา ตฺติทุติยกมฺเมน กถินทุสฺสํ ทาเปตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา อนฺโตอุปจารสีมายเมว กถินตฺถรณํ ปุพฺพาจริเยหิ กตํ, ตํ สุกตเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ อคฺคเหตฺวา สุทฺธอุปจารสีมายเมว ตฺติทุติยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ คยฺหมาเน สติ เตสํ อายสฺมนฺตานํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชมานา สิสฺสานุสิสฺสา ธุววาสตฺถาย วิหารทานาทิอปโลกนกมฺมํ วา อุโปสถปวารณาทิตฺติกมฺมํ วา สีมาสมฺมนฺนนาทิตฺติทุติยกมฺมํ วา อุปสมฺปทาทิตฺติจตุตฺถกมฺมํ วา อุปจารสีมายเมว กเรยฺยุํ, เอวํ กโรนฺตา ภควโต สาสเน มหนฺตํ ชฏํ มหนฺตํ คุมฺพํ มหนฺตํ วิสมํ กเรยฺยุํ, ตสฺมา ตมกรณตฺถํ ยุตฺติโต จ อาคมโต จ อเนกานิ การณานิ อาหริตฺวา กถยิมฺหาติ.

สาสเน คารวํ กตฺวา, สทฺธมฺมสฺสานุโลมโต;

มยา กตํ วินิจฺฉยํ, สมฺมา จินฺเตนฺตุ สาธโว.

ปุนปฺปุนํ วิจินฺเตตฺวา, ยุตฺตํ เจ โหติ คณฺหนฺตุ;

โน เจ ยุตฺตํ มา คณฺหนฺตุ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกาติ.

อิโต ปรานิปิ การณสาธกานิ อาหรนฺติ อาจริยา, เตสํ ปฏิวจเนน อติวิตฺถาโร ภวิสฺสติ, อุปจารสีมาย จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ กตฏฺานภาโว ปุพฺเพ วุตฺโตว, ตสฺมา ตํ วจนํ มนสิ กตฺวา สํสยํ อกตฺวา ธาเรตพฺโพติ.

‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ กึ เอตฺตเกน วจีเภเทน กถินํ อตฺถตํ โหติ, อุทาหุ อฺโ โกจิ กายวิกาโร กาตพฺโพ? น กาตพฺโพ. เอตฺตเกเนว หิ วจีเภเทน อตฺถตํ โหติ, กถินํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ.

เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อนุโมทาปนอนุโมทเน ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน กถินตฺถารเกนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน ภิกฺขุนา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทินา วจีเภเทน กถินํ อตฺถตํ, เตน ‘‘กถินสฺส อตฺถารา ปนฺนรส ธมฺมา ชายนฺตี’’ติ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๓) อาคตตฺตา กถินตฺถาเรน สเหว ปฺจ อานิสํสา อาคตา, อถ กสฺมา สงฺฆํ อนุโมทาเปตีติ? กิฺจาปิ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ปฺจ อานิสํสา อาคตา, สงฺฆสฺส ปน อนาคตา, ตสฺมา สงฺฆสฺส จ อาคมนตฺถํ สงฺฆํ อนุโมทาเปติ, สงฺโฆ จ อนุโมทนํ กโรติ, เอวํ กเต อุภินฺนมฺปิ อานิสํสา อาคตา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๓) ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ. เอตฺถ จ กถินตฺถารกภิกฺขุโต วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ตสฺมึ สงฺเฆ อตฺถิ, อิธ วุตฺตนเยน อตฺถารเกน ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ, อนุโมทเกน ‘‘อาวุโส’’ติ. ยทิ ปน กถินตฺถารโก ภิกฺขุ สพฺเพสํ วุฑฺฒตโร โหติ, เตน ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํ, อิตเรหิ ‘‘ภนฺเต’’ติ, เอวํ เสสนยทฺวเยปิ. เอวํ สพฺเพสํ อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ. อิเมสุ ปน สงฺฆปุคฺคเลสุ เย ตสฺมึ วิหาเร ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมปวารณาย ปวาริตา, เตเยว อนุโมทิตุํ ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา วา น ลภนฺติ, อนนุโมทนฺตาปิ อานิสํสํ น ลภนฺติ.

เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวรวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สเจ กถินจีวเรน สทฺธึ อาภตํ อานิสํสนฺติ อิมินา เอกํ อตฺถตจีวรเมว กถินจีวรํ นาม, ตโต อฺํ เตน สทฺธึ อาภตํ สพฺพํ จีวรํ กถินานิสํสจีวรํ นามาติ ทสฺเสติ. วกฺขติ หิ ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานี’’ติอาทิ. เตน ายติ ‘‘วตฺถเมว อิธ อานิสํโส นาม, น อคฺโฆ, กถินสาฏเกน สทฺธึ อาภตานํ อฺสาฏกานํ พหุลวเสน อตฺถริตพฺพํ, น กถินสาฏกสฺส มหคฺฆวเสนา’’ติ. ภิกฺขุสงฺโฆ อนิสฺสโร, อตฺถตกถิโน ภิกฺขุเยว อิสฺสโร. กสฺมา? ทายเกหิ วิจาริตตฺตา. ภิกฺขุสงฺโฆ อิสฺสโร, กสฺมา? ทายเกหิ อวิจาริตตฺตา, มูลกถินสฺส จ สงฺเฆ ทินฺนตฺตา. อวเสสกถินานิสํเสติ ตสฺส ทินฺนวตฺเถหิ อวเสสกถินานิสํสวตฺเถ. พลววตฺถานีติ อตฺถริตพฺพกถินสาฏกํเยว อหตํ วา อหตกปฺปํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, อานิสํสจีวรํ ปน ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปุราณํ วา อภินวํ วา ทุพฺพลํ วา พลวํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา เตสุ ทุพฺพลวตฺเถ ิติกาย ทินฺเน ลทฺธภิกฺขุสฺส อุปการกํ น โหติ, ตสฺมา อุปการณโยคฺคานิ พลววตฺถานิ ทาตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานีติ ยตฺตกา ภิกฺขู วสฺสาวาสิกจีวรํ ลภึสุ, เต เปตฺวา เตสํ เหฏฺโต ปฏฺาย ยถากฺกมํ ทาตพฺพานิ. เถราสนโต ปฏฺายาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ติสฺสํ กถินตฺถตสีมายํ สนฺติ, เตสุ เชฏฺกภิกฺขุโต ปฏฺาย ทาตพฺพานิ. อาสนคฺคหณํ ปน ยถาวุฑฺฒํ นิสินฺเน สนฺธาย กตํ. เอเตน วสฺสาวาสิกกถินานิสํสานํ สมานคติกตํ ทีเปติ. ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพนฺติ กถินสาฏเกน สทฺธึ อาภเตสุ มฺจปีาทิกํ ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพํ, สงฺฆิกวเสเนว ปริภุฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ครุภณฺฑวินิจฺฉโย อนนฺตรกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.

อิมสฺมึ ปน าเน วตฺตพฺพํ อตฺถิ. กถํ? อิทานิ ภิกฺขู กถินานิสํสจีวรํ กุสปาตํ กตฺวา วิภชนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสตีติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานิ, ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานี’’ติ วจนโตติ. เอวํ สนฺเต กตฺถ กุสปาโต กาตพฺโพติ? ภณฺฑาคาเร ปิตจีวเรติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อุสฺสนฺนํ โหตีติ พหุ ราสิกตํ โหติ, ภณฺฑาคารํ น คณฺหาติ. สมฺมุขีภูเตนาติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตน. ภาเชตุนฺติ กาลํ โฆสาเปตฺวา ปฏิปาฏิยา ภาเชตุํ…เป… เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ภาเชตพฺพนฺติ อมฺหากํ ขนฺติ.

เอกจฺเจ ปน ภิกฺขู เอเกกสฺส เอเกกสฺมึ จีวเร อปฺปโหนฺเต จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา อกปฺปิยวตฺถุํ คเหตฺวา ภาเชนฺติ, ตํ อติโอฬาริกเมว. อฺเปิ เอกจฺจานํ จีวรานํ มหคฺฆตาย เอกจฺจานํ อปฺปคฺฆตาย สมคฺฆํ กาตุํ น สกฺกาติ ตเถว กโรนฺติ, ตมฺปิ โอฬาริกเมว. ตตฺถ หิ อกปฺปิยวตฺถุนา ปริวตฺตเนปิ ตสฺส วิจารเณปิ ภาคคฺคหเณปิ อาปตฺติเยว โหติ. เอเก ‘‘กถินํ นาม ทุพฺพิจารณีย’’นฺติ วตฺวา อตฺถรณํ น กโรนฺติ, ปุคฺคลิกวเสเนว ยถาชฺฌาสยํ วิจาเรนฺติ, ตํ ปน ยทิ ทายเกหิ ปุคฺคลสฺเสว ทินฺนํ, ปุคฺคเลน จ สงฺฆสฺส อปริจฺจชิตํ, เอวํ สติ อตฺตโน สนฺตกตฺตา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ยทิ ปน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ทินฺนํ, ปุคฺคลสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปริจฺจชิตํ, เอวํ สนฺเต สงฺฆคณานํ สนฺตกตฺตา อยุตฺตํ ภเวยฺย. อปเร ปน กถินวเสน ปฏิคฺคหิเต วิจาเรตุํ ทุกฺกรนฺติ มฺมานา ‘‘น มยํ กถินวเสน ปฏิคฺคณฺหาม, วสฺสาวาสิกภาเวเนว ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วตฺวา ยถารุจิ วิจาเรนฺติ, ตมฺปิ อยุตฺตํ. วสฺสาวาสิกมฺปิ หิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ สงฺฆิกํ โหติเยว, ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิกํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สเจ ปน เตสํ เสนาสเน ปํสุกูลิโก วสติ, อาคตฺจ ตํ ทิสฺวา ‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วทนฺติ, เตน สงฺฆสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ ตานิ กุลานิ สงฺฆสฺส ทาตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘ตุมฺหากํเยว เทมา’ติ วทนฺติ, สภาโค ภิกฺขุ ‘วตฺตํ กตฺวา คณฺหาหี’ติ วตฺตพฺโพ, ปํสุกูลิกสฺส ปเนตํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๑๙) วุตฺตตฺตา.

วสฺสาวาสิกํ ทุวิธํ สทฺธาเทยฺยตตฺรุปฺปาทวเสน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘อิติ สทฺธาเทยฺเย ทายกมนุสฺสา ปุจฺฉิตพฺพา, ตตฺรุปฺปาเท ปน กปฺปิยการกา ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ. สทฺธาเทยฺยวสฺสาวาสิกมฺปิ สวิหาราวิหารวเสน ทุวิธํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘มหาปทุมตฺเถโร ปนาห น เอวํ กาตพฺพํ. มนุสฺสา หิ อตฺตโน อาวาสปฏิชคฺคนตฺถาย ปจฺจยํ เทนฺติ, ตสฺมา อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ, ‘‘เยสํ ปน เสนาสนํ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจยเมว เทนฺติ, เตสํ ปจฺจยํ อวสฺสาวาสิเก เสนาสเน คาเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ. ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ นาม กปฺปิยการกานํ หตฺเถ กปฺปิยวตฺถุปอภุฺชนตฺถาย ทินฺนวตฺถุโต นิพฺพตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘กปฺปิยการกานฺหิ หตฺเถ ‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภุฺชถา’ติ ทินฺนวตฺถุโต ยํ ยํ กปฺปิยํ, ตํ สพฺพํ ปริภุฺชิตุํ อนุฺาต’’นฺติ. เอวํ วสฺสาวาสิกจีวรมฺปิ ปุพฺเพ เยภุยฺเยน สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา ‘‘กถินจีวรํ เทมา’’ติ วุตฺเต กถินจีวรภาเวน ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุตฺเต วสฺสาวาสิกจีวรภาเวเนว ปฏิคฺคเหตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) วจนโต.

กิฺจิ อวตฺวา หตฺเถ วา ปาทมูเล วา เปตฺวา คเต กึ กาตพฺพนฺติ? ตตฺถ สเจ ‘‘อิทํ วตฺถุ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปรปุคฺคลสฺส วา อตฺถาย ปริณต’’นฺติ ชาเนยฺย, เตสํ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตพฺพํ. อถ ‘‘มมตฺถาย ปริณต’’นฺติ ชาเนยฺย, อตฺตโน อตฺถาย ปฏิคฺคเหตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกทานานี’’ติอาทิ. อถ น กิฺจิ ชาเนยฺย, อตฺตโน หตฺเถ วา ปาทมูเล วา กิฺจิ อวตฺวา ปิตํ ตสฺเสว ปุคฺคลิกํ โหติ. น หิ เจติยาทีนํ อตฺถาย ปริณตํ กิฺจิ อวตฺวา ภิกฺขุสฺส หตฺเถ วา ปาทมูเล วา เปตีติ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติอาทิ.

‘‘อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ภาเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, กถํ ภาเชตพฺพนฺติ? ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตตฺตา เย ภิกฺขู อิมสฺมึ วสฺเส วสฺสาวาสิกํ น ลภึสุ, เตสํ เหฏฺโต ปฏฺาย เอเกกํ จีวรํ วา สาฏกํ วา ทาตพฺพํ. อถ จีวรานํ วา สาฏกานํ วา อวสิฏฺเสุ สนฺเตสุ ปุน เถราสนโต ปฏฺาย ทุติยภาโค ทาตพฺโพ. ตโต จีวเรสุ วา สาฏเกสุ วา ขีเณสุ เย ลภนฺติ, เตสุ ปจฺฉิมสฺส วสฺสาทีนิ สลฺลกฺเขตพฺพานิ. น เกวลํ ตสฺมึ กถินตฺถตทิวเส ทินฺนทุสฺสานิ เอว กถินานิสํสานิ นาม โหนฺติ, อถ โข ยาว กถินสฺส อุพฺภารา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนจีวรานิปิ สงฺฆิเกน ตตฺรุปฺปาเทน อารามิเกหิ อาภตจีวรานิปิ กถินานิสํสานิเยว โหนฺติ. ตสฺมา ตาทิเสสุ จีวเรสุ อุปฺปชฺชมาเนสุ ยถาวุตฺตสลฺลกฺขิตวสฺสสฺส ภิกฺขุโน เหฏฺโต ปฏฺาย ปุนปฺปุนํ คาเหตพฺพํ. ‘‘ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วจนโต ตสฺมึ วสฺเส วสฺสาวาสิกจีวรานํ อนุปฺปชฺชนโต วา อุปฺปชฺชมาเนสุปิ ิติกาย อคาหาปนโต วา วสฺสาวาสิกิติกาย อภาเว สติ ลทฺธพฺพกถินานิสํเส ตสฺสํ อุปจารสีมายํ สพฺเพ ภิกฺขู ปฏิปาฏิยา นิสีทาเปตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ิติกํ กตฺวา เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เอเกกํ จีวรํ วา สาฏกํ วา ทาตพฺพํ. สงฺฆนวกสฺส ทานกาเลปิ มหาเถรา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ิติกํ เปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ิติกาย ทาตพฺพํ. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห ปจฺฉา อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน ทาตพฺโพ. อยํ ิติกาวิจาโร จตุปจฺจยภาชนกถาโต (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๐๒) คเหตพฺโพติ.

นนุ จ โภ เอกจฺจานิ กถินานิสํสจีวรานิ มหคฺฆานิ, เอกจฺจานิ อปฺปคฺฆานิ โหนฺติ, กถํ เอเกกสฺส เอเกกสฺมึ ทินฺเน อคฺฆสมตฺตํ ภเวยฺยาติ? วุจฺจเต – ภณฺฑาคารจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๓) ‘‘เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส ภณฺฑาคาเร จีวรํ อุสฺสนฺนํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ…เป… อถ โข จีวรภาชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กถํ นุ โข จีวรํ ภาเชตพฺพ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ อุจฺจินิตฺวา ตุลยิตฺวา วณฺณาวณฺณํ กตฺวา ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวา จีวรปฏิวีสํ เปตุ’’นฺติ. อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘อุจฺจินิตฺวาติ ‘อิทํ ถูลํ, อิทํ สณฺหํ, อิทํ ฆนํ, อิทํ ตนุกํ, อิทํ ปริภุตฺตํ, อิทํ อปริภุตฺตํ, อิทํ ทีฆโต เอตฺตกํ, ปุถุลโต เอตฺตก’นฺติ เอวํ วตฺถานิ วิจินิตฺวา. ตุลยิตฺวาติ ‘อิทํ เอตฺตกํ อคฺฆติ, อิทํ เอตฺตก’นฺติ เอวํ อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา. วณฺณาวณฺณํ กตฺวาติ สเจ สพฺเพสํ เอเกกเมว ทสทสอคฺฆนกํ ปาปุณาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ปาปุณาติ, ยํ นว วา อฏฺ วา อคฺฆติ, ตํ อฺเน เอกอคฺฆนเกน จ ทฺวิอคฺฆนเกน จ สทฺธึ พนฺธิตฺวา เอเตน อุปาเยน สเม ปฏิวีเส เปตฺวาติ อตฺโถ. ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวาติ สเจ เอเกกสฺส ทียมาเน ทิวโส น ปโหติ, ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา ทส ทส จีวรปฏิวีเส เอกวคฺคํ พนฺธิตฺวา เอกํ ภณฺฑิกํ กตฺวา เอวํ จีวรปฏิวีสํ เปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘ภณฺฑาคารจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ, กุสปาโต จ กาตพฺโพ’’ติ.

อิมสฺมึ ปน กถินานิสํสจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ น อิจฺฉิตพฺพํ, กุสปาโต จ น กาตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ กถินกฺขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน สเจ กถินจีวเรน สทฺธึ อาภตํ อานิสํสํ ทายกา ‘เยน อมฺหากํ กถินํ คหิตํ, ตสฺเสว เทมา’ติ เทนฺติ, ภิกฺขุสงฺโฆ อนิสฺสโร. อถ อวิจาเรตฺวาว ทตฺวา คจฺฉนฺติ, ภิกฺขุสงฺโฆ อิสฺสโร, ตสฺมา สเจ กถินตฺถารกสฺส เสสจีวรานิปิ ทุพฺพลานิ โหนฺติ, สงฺเฆน อปโลเกตฺวา เตสมฺปิ อตฺถาย วตฺถานิ ทาตพฺพานิ, กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฏฺฏติ. อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานิ. ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานิ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา’’ติ วา ‘‘กุสปาโต กาตพฺโพ’’ติ วา. เตน ายติ ‘‘กถินานิสํสจีวรานิ วสฺสาวาสิกิติกาย วา วุฑฺฒตรโต วา ปฏฺาเยว ทาตพฺพานิ, เนว อคฺฆสมตฺตํ กาตพฺพํ, น กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ.

อิทานิ ปน วสฺสาวาสิกภาเวน อทินฺนตฺตา วสฺสาวาสิกิติกาย อกตตฺตา จ กถินตฺถตจีวรโต จ กถินตฺถารกสฺส อวเสสจีวรตฺถาย ทินฺนวตฺถโต จ อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วุฑฺฒตรโต ปฏฺาย เอกสฺส ภิกฺขุสฺส เอกํ วตฺถํ ทาตพฺพํ, เตสุ ปน วรํ วรํ วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปน สเจ กาลํ โฆเสตฺวา สนฺนิปติเต สงฺเฆ โกจิ ทสหตฺถํ วตฺถํ อาหริตฺวา วสฺสาวาสิกํ เทติ, อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขุสงฺฆตฺเถโร โหติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. นวโก เจ โหติ, สมฺมเตน ภิกฺขุนา สงฺฆตฺเถโร วตฺตพฺโพ ‘สเจ, ภนฺเต, อิจฺฉถ, ปมภาคํ มุฺจิตฺวา อิทํ วตฺถํ คณฺหถา’ติ. อมุฺจนฺตสฺส น ทาตพฺพํ. สเจ ปน ปุพฺเพ คาหิตํ มุฺจิตฺวา คณฺหาติ, ทาตพฺพํ. เอเตเนว อุปาเยน ทุติยตฺเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา ปตฺตฏฺาเน อาคนฺตุกสฺส ทาตพฺพํ. สเจ ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุํ, ลทฺธํ ลทฺธํ เอเตเนว อุปาเยน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ยาว อาคนฺตุกสฺส สมกํ โหติ, ตาว ทาตพฺพํ. เตน ปน สมเก ลทฺเธ อวสิฏฺโ อนุภาโค เถราสเน ทาตพฺโพ’’ติ เสนาสนกฺขนฺธกฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) วจนโต ตํสํวณฺณนาภูตายํ วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๑๘) ‘‘อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขูติ จีวเร คาหิเต ปจฺฉา อาคโต อาคนฺตุโก ภิกฺขุ. ปตฺตฏฺาเนติ วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺาเน. ปมวสฺสูปคตาติ อาคนฺตุกสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย วสฺสูปคตา. ลทฺธํ ลทฺธนฺติ ทายกานํ สนฺติกา อาคตาคตสาฏก’’นฺติ วจนโต, วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๑๘) ‘‘ปมภาคํ มุฺจิตฺวาติ อิทํ เจ ปมคาหิตวตฺถุโต มหคฺฆํ โหตีติ ลิขิต’’นฺติ วจนโต จ วิฺายติ. เอวํ อฏฺกถายํ ฏีกาสุ จ วสฺสาวาสิกทาเน ปจฺฉา อาภตํ มหคฺฆวตฺถํ มหาเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา เตหิ อนิจฺฉิตํเยว วสฺสคฺเคน ปตฺตสฺส ปจฺฉา อาคตสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพภาวสฺส วุตฺตตฺตา วรํ วรํ วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพนฺติ วิฺายติ.

‘‘สเจ ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุ’’นฺติ วตฺถคณนาย เอว วุตฺตตฺตา, อคฺฆคณนาย อวุตฺตตฺตา จ กถินานิสํสวตฺถสฺส จ วสฺสาวาสิกคติกภาวสฺส วจนโต กถินานิสํสวตฺถานิ วตฺถคณนาวเสเนว ภาเชตพฺพานิ, น อคฺฆสมภาเวนาติ จ ทฏฺพฺพานิ, เตเนว จ การเณน ‘‘โย พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทติ, ตสฺส สนฺตเกเนว อตฺถริตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตํ. พหูนิ หิ กถินานิสํสวตฺถานิ วิภชนกาเล สงฺฆสฺส อุปการกานิ โหนฺตีติ.

ปาฬิอฏฺกถาทีหิ, เนตฺวา วุตฺตํ วินิจฺฉยํ;

กถิเน จีวเร มยฺหํ, จินฺตยนฺตุ วิจกฺขณา.

จินฺตยิตฺวา ปุนปฺปุนํ, ยุตฺตํ เจ ธารยนฺตุ ตํ;

อยุตฺตฺเจ อิโต อฺํ, ปริเยสนฺตุ การณนฺติ.

‘‘โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท, โส เนสํ ภวิสฺสตี’’ติ จีวรสฺเสว อตฺถตกถินานํ ภิกฺขูนํ สนฺตกภาวสฺส ภควตา วุตฺตตฺตา จีวรโต อฺานิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนานิ ปิณฺฑปาตาทีนิ วตฺถูนิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺสฺส อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส สนฺตกํ โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานฺจ ภุฺชิตฺวา คมิสฺสนฺติ, อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหตี’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๓) ปาํ อุปนิสฺสาย กถินานิสํสจีวรมฺปิ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํเยว เทนฺติ, น ปเนวํ กาตพฺพํ. ภณฺฑาคาเร ปิตฺหิ อกาลจีวรเมว สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ กตฺวา ทาตพฺพํ. วสฺสาวาสิกกถินานิสํสาทิกาลจีวรํ ปน สมกเมว ทาตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ จีวรกฺขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสนฺติ เอตฺถ เย สามเณรา อตฺติสฺสรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส กตฺตพฺพกมฺมํ น กโรนฺติ, อุทฺเทสปริปุจฺฉาสุ ยุตฺตา อาจริยุปชฺฌายานํเยว วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺติ, อฺเสํ น กโรนฺติ, เอเตสํเยว อุปฑฺฒภาโค ทาตพฺโพ. เย ปน ปุเรภตฺตฺจ ปจฺฉาภตฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ, เตสํ สมโก ทาตพฺโพ. อิทฺจ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺเนน ภณฺฑาคาเร ปิเตน อกาลจีวเรเนว กถิตํ, กาลจีวรํ ปน สมกเมว ทาตพฺพ’’นฺติ.

กจฺจิ นุ โข สามเณรา วสฺสํ อุปคตา, เยน อานิสํสํ ลเภยฺยุนฺติ? อาม อุปคตาติ. กถํ วิฺายตีติ? ‘‘อถ จตฺตาโร ภิกฺขู อุปคตา, เอโก ปริปุณฺณวสฺโส สามเณโร, โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วจนโต วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปนฺโน ปมปวารณาย ปวาเรตุมฺปิ ลภติ, วสฺสิโก จ โหติ, อานิสํสฺจ ลภตีติ สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุฺาตํ โหติ. สามเณรา กถินานิสํสํ ลภนฺตีติ วทนฺตี’’ติ วจนโตติ.

ตตฺรุปฺปาเทสุ กถินานิสํเสสุ ยทิ อารามิกา ตณฺฑุลาทีหิ วตฺถานิ เจตาเปนฺติ, วตฺเถหิปิ ตณฺฑุลาทีนิ เจตาเปนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? วิภชนกาเล วิชฺชมานวตฺถุวเสน กาตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺถูสุ เจตาปิเตสุ อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติ. วตฺเถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สพฺเพสํ ตานิ ปาปุณนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เอกสีมายํ พหู วิหารา โหนฺตี’’ติ เอตฺถ กตรสีมา อธิปฺเปตาติ? อุปจารสีมา. อุปจารสีมายํเยว หิ สงฺฆลาภวิภชนาทิกํ สิชฺฌติ. วุตฺตฺเหตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘กถินตฺถตสีมายนฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุปจารสีมฏฺสฺส มตกจีวราทิภาคิยตาย พทฺธสีมาย ตตฺรุปฺปาทาภาวโต วิฺเยฺยเมตํ ‘อุปจารสีมาว อธิปฺเปตา’ติ’’.

เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา สงฺเฆ รุจิตาย มาติกาปลิโพธอุพฺภาเร อทสฺเสตฺวาว อนฺเต อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถตกถินานํ โว ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อฏฺวิธา มาติกา ปกฺกมนนฺติกา, นิฏฺานนฺติกา, สนฺนิฏฺานนฺติกา, นาสนนฺติกา, สวนนฺติกา, อาสาวจฺเฉทิกา, สีมาติกฺกนฺติกา, สหุพฺภาราติ. ตตฺถ อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ กตปริโยสิตํ จีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ น ปจฺเจสฺสามี’’ติ ปกฺกมติ, ตสฺส ภิกฺขุโน อุปจารสีมาติกฺกเมเนว กถินุพฺภาโร ภวติ, ปฺจานิสํสานิ อลภเนยฺโย โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร ปกฺกมนเมวสฺส อนฺตภูตตฺตา ปกฺกมนนฺติโก นาม โหติ.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อนิฏฺิตเมว อตฺตโน ภาคภูตํ จีวรํ อาทาย อฺํ วิหารํ คโต, ตสฺส พหิอุปจารสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิมสฺมึเยว วิหาเร อิมํ จีวรํ กาเรสฺสามิ, น ปุราณวิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, โส พหิสีมายเมว ตํ จีวรํ กาเรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ตสฺมึ จีวเร นิฏฺิเต กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร จีวรนิฏฺานเมวสฺส อนฺโตติ นิฏฺานนฺติโก นาม.

ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน อกตจีวรมาทาย ปกฺกมติ, ตสฺส พหิอุปจารสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิมํ จีวรํ เนว กาเรสฺสามิ, โปราณวิหารฺจ น ปจฺเจสฺสามี’’ติ, ตสฺส ภิกฺขุโน เตน สนฺนิฏฺาเนน กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร สนฺนิฏฺานเมวสฺส อนฺโตติ สนฺนิฏฺานนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตเมว จีวรํ อาทาย ปกฺกมติ, พหิสีมคตสฺส ตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กาเรสฺสามิ, น จ โปราณวิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, ตสฺส จีวรํ กุรุมานํ โจราทีหิ นสฺสติ, อคฺยาทีหิ วินสฺสติ, กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร นาสนเมวสฺส อนฺโตติ นาสนนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตจีวรมาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, ตสฺส พหิสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กาเรสฺสามี’’ติ, โส กตจีวโร สุณาติ ‘‘วิหาเร กิร สงฺเฆน กถินํ อุพฺภต’’นฺติ, เตน สวนมตฺเตนสฺส กถินํ อุพฺภตํ โหติ. อยํ กถินพฺภาโร สวนเมวสฺส อนฺโตติ สวนนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อฺตฺถ ปจฺจาสาจีวรการณา ปกฺกมติ, ตสฺส พหิสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิธ พหิสีมายเมว จีวรปจฺจาสํ ปยิรุปาสามิ, น วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, โส ตตฺเถว ตํ จีวรปจฺจาสํ ปยิรุปาสติ, โส ตํ จีวรปจฺจาสํ อลภมาโน จีวราสา ปจฺฉิชฺชติ, เตเนว ตสฺส ภิกฺขุโน กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร อาสาวจฺเฉทสหิตตฺตา อาสาวจฺเฉทิโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตจีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, โส พหิสีมคโต ตํ จีวรํ กาเรติ, โส กตจีวโร ‘‘วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต พหิอุปจารสีมายเมว กถินุพฺภารกาลํ วีตินาเมติ, ตสฺส กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร จีวรกาลสฺส อนฺติมทิวสสงฺขาตาย สีมาย อติกฺกนฺตตฺตา สีมาติกฺกนฺติโก นาม.

อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ จีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, โส กตจีวโร ‘‘วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปจฺจาคนฺตฺวา วิหาเร กถินุพฺภารํ ปปฺโปติ, ตสฺส ภิกฺขุโน วิหาเร ภิกฺขูหิ สห กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร วิหาเร ภิกฺขูหิ สห กตตฺตา สหุพฺภาโร นาม. อยํ อฏฺวิโธ กถินุพฺภาโร อฏฺ มาติกา นาม. วุตฺตฺเหตํ กถินกฺขนฺธกปาฬิยํ (มหาว. ๓๑๐) ‘‘อฏฺิมา, ภิกฺขเว, มาติกา กถินสฺส อุพฺภาราย ปกฺกมนนฺติกา นิฏฺานนฺติกา สนฺนิฏฺานนฺติกา นาสนนฺติกา สวนนฺติกา อาสาวจฺเฉทิกา สีมาติกฺกนฺติกา สหุพฺภาราติ. ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน กตจีวรมาทาย ปกฺกมติ ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปกฺกมนนฺติโก กถินุพฺภาโร’’ติอาทิ, วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ –

‘‘ปกฺกมนฺจ นิฏฺานํ, สนฺนิฏฺานฺจ นาสนํ;

สวนมาสา จ สีมา จ, สหุพฺภาโรติ อฏฺิมา’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๙);

ปลิโพโธ ทุวิโธ อาวาสปลิโพโธ, จีวรปลิโพโธติ. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร กถินํ อตฺถตํ โหติ, ตสฺมึ วสิสฺสามี’’ติ อฺตฺถ คจฺฉนฺโตปิ ‘‘ปุน ตํ วิหารํ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ สาเปกฺโข โหติ. อยํ อาวาสปลิโพโธ นาม. ตสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ อกตํ วา โหติ อปริโยสิตํ วา, ‘‘อฺโต จีวรํ ลจฺฉามี’’ติ อาสา วา อนุปจฺฉินฺนา โหติ. อยํ จีวรปลิโพโธ นาม. วุตฺตฺเหตํ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๒๕) ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ทฺเว กถินสฺส ปลิโพธา? อาวาสปลิโพโธ จ จีวรปลิโพโธ จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, อาวาสปลิโพโธ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วสติ วา ตสฺมึ อาวาเส, สาเปกฺโข วา ปกฺกมติ ‘ปจฺเจสฺส’นฺติ, เอวํ โข, ภิกฺขเว, อาวาสปลิโพโธ โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, จีวรปลิโพโธ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน จีวรํ อกตํ วา โหติ วิปฺปกตํ วา, จีวราสา วา อนุปจฺฉินฺนา, เอวํ โข, ภิกฺขเว, จีวรปลิโพโธ โหตี’’ติ.

อุพฺภาโร ทุวิโธ อฏฺมาติกาอุพฺภารอนฺตรุพฺภารวเสน. ตตฺถ พหิอุปจารสีมคตานํ ภิกฺขูนํ วเสน วุตฺตา สตฺต กถินุพฺภารา จ พหิอุปจารสีมํ คนฺตฺวา นิวตฺเตตฺวา กถินตฺถตวิหาเร อนฺตรุพฺภารํ ปตฺวา ภิกฺขูหิ สห อนฺตรุพฺภารสฺส กตตฺตา สหุพฺภารสงฺขาโต เอโก กถินุพฺภาโร จาติ อิเม อฏฺ กถินุพฺภารา อฏฺมาติกาย ปวิฏฺตฺตา อฏฺมาติกาอุพฺภาโร นาม. พหิสีมํ อคนฺตฺวา ตสฺมึเยว วิหาเร นิสีทิตฺวา กถินุพฺภารํ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินุพฺภาโร อฏฺมาติกาย อปฺปวิฏฺโ หุตฺวา กาลปริจฺเฉทํ อปฺปตฺวา อนฺตราเยว กตตฺตา อนฺตรุพฺภาโร นาม.

อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา ตฺติทุติยกมฺมวาจาเยว กตา, เอวํ สนฺเต โก เตสํ วิเสโสติ? อนฺตรุพฺภาโร พหิสีมํ อคนฺตฺวา อนฺโตสีมายเมว ิเตหิ ภิกฺขูหิ กโต. สหุพฺภาโร พหิสีมํ คเตน ภิกฺขุนา ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ อนฺตรุพฺภารํ ปตฺวา เตหิ อนฺโตสีมฏฺเหิ ภิกฺขูหิ สห กโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. ปกฺกมนนฺติกาทโย สตฺต กถินุพฺภารา น กมฺมวาจาย กตา, เกวลํ ทฺวินฺนํ ปลิโพธานํ อุปจฺเฉเทน ปฺจหิ อานิสํเสหิ วิคตตฺตา กถินุพฺภารา นาม โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย –

‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ วา, อนฺตรุพฺภารโตปิ วา;

อุพฺภาราปิ ทุเว วุตฺตา, กถินสฺส มเหสินา’’ติ.

ตฏฺฏีกายมฺปิ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานนฺติ พหิสีมคตานํ วเสน วุตฺตา. ปกฺกมนนฺติกาทโย สตฺต มาติกา พหิสีมํ คนฺตฺวา อนฺตรุพฺภารํ สมฺปตฺตสฺส วเสน วุตฺตา, สหุพฺภาโร อิมาสํ อฏฺนฺนํ มาติกานํ วเสน จ. อนฺตรุพฺภารโตปิ วาติ พหิสีมํ อคนฺตฺวา ตตฺเถว วสิตฺวา กถินุพฺภารกมฺเมน อุพฺภตกถินานํ วเสน ลพฺภนโต อนฺตรุพฺภาโรติ มเหสินา กถินสฺส อุพฺภารา ทุเว วุตฺตาติ โยชนา. พหิสีมํ คนฺตฺวา อาคตสฺส วเสน สอุพฺภาโร, พหิสีมํ อคตานํ วเสน อนฺตรุพฺภาโรติ เอโกเยว อุพฺภาโร ทฺวิธา วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ.

กสฺมา ปน อนฺตรุพฺภารวเสน กมฺมวาจาย กถินํ อุพฺภตนฺติ? มหาทานํ ทาตุกาเมหิ อุปาสเกหิ อาคตสฺส สงฺฆสฺส อกาลจีวรํ ทาตุกาเมหิ ยาจิตตฺตา. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนีวิภงฺคปาฬิยํ (ปาจิ. ๙๒๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตเรน อุปาสเกน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหาโร การาปิโต โหติ, โส ตสฺส วิหารสฺส มเห อุภโตสงฺฆสฺส อกาลจีวรํ ทาตุกาโม โหติ. เตน โข ปน สมเยน อุภโตสงฺฆสฺส กถินํ อตฺถตํ โหติ. อถ โข โส อุปาสโก สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา กถินุทฺธารํ ยาจี’’ติอาทิ. กถํ ปน กมฺมวาจา กาตพฺพาติ? ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ กถินํ อุทฺธเรยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ กถินํ อุทฺธรติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ กถินสฺส อุทฺธาโร, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. อุพฺภตํ สงฺเฆน กถินํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอวํ กาตพฺพาติ. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ อุทฺธริตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อุทฺธริตพฺพํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ – สุณาตุ เม…เป… ธารยามี’’ติ.

เอเตน จ กถินุพฺภาเรน ปุพฺเพ กตํ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจํ อุพฺภตนฺติ วทนฺติ, น ปน กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมํ อุพฺภตํ, อถ โข อตฺถารกมฺมเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมํ อุพฺภตํ ภเวยฺย, ตาย กมฺมวาจาย กถินทุสฺสทานสฺส สิชฺฌนโต อิมาย กถินุพฺภารกมฺมวาจาย ตํ ปุพฺเพ ทินฺนทุสฺสํ ปุน อาหราเปตพฺพํ สิยา, น ปฺจานิสํสวิคมนํ. ยสฺมา ปน อิมาย กถินุพฺภารกมฺมวาจาย ปฺจานิสํสวิคมนเมว โหติ, น ปุพฺเพ ทินฺนกถินทุสฺสสฺส ปุน อาหราปนํ. เตน วิฺายติ ‘‘ปฺจานิสํสลาภการณํ อตฺถรณกมฺมเมว อิมาย กถินพฺภารกมฺมวาจาย อุทฺธรียติ, น กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจาติ, ตสฺมา กถินุพฺภารกมฺมวาจากรณโต ปจฺฉา สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ จีวรํ อกาลจีวรํ โหติ, สงฺโฆ ปฺจานิสํเส น ลภติ, จีวรํ สพฺพสงฺฆิกํ หุตฺวา อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส ภาชนียํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. อยมตฺโถ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจาย จ กถินุพฺภารกมฺมวาจาย จ อตฺถฺจ อธิปฺปายฺจ สุฏฺุ วินิจฺฉินิตฺวา ปุพฺพาปรํ สํสนฺทิตฺวา ปจฺเจตพฺโพติ.

เอตฺถ สิยา – กถินุพฺภารํ ยาจนฺตานํ สพฺเพสํ กถินุพฺภาโร ทาตพฺโพ, อุทาหุ เอกจฺจานนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สพฺเพสํ ทาตพฺโพ, กถินุพฺภารกมฺเมน ปฺจานิสํสวิคมนโต สงฺฆสฺส ลาภนฺตราโย ภเวยฺย, อถ เอกจฺจานํ มุโขโลกนํ วิย สิยาติ? ยทิ กถินตฺถารมูลกลาภโต กถินุพฺภารมูลกลาโภ มหนฺโต ภเวยฺย, เตสํ ยาจนฺตานํ กถินุพฺภาโร ทาตพฺโพ. ยทิ อปฺปโก, น ทาตพฺโพ. ยทิ สโม, กุลปฺปสาทตฺถาย ทาตพฺโพติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๒๗) ‘‘กีทิโส กถินุทฺธาโร ทาตพฺโพ, กีทิโส น ทาตพฺโพติ? ยสฺส อตฺถารมูลโก อานิสํโส มหา, อุพฺภารมูลโก อปฺโป, เอวรูโป น ทาตพฺโพ. ยสฺส ปน อตฺถารมูลโก อานิสํโส อปฺโป, อุพฺภารมูลโก มหา, เอวรูโป ทาตพฺโพ. สมานิสํโสปิ สทฺธาปริปาลนตฺถํ ทาตพฺโพวา’’ติ. อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘ปฺจานิสํสานํ การณภูตํ อตฺถารกมฺมเมว อุทฺธรียติ, น กถินทุสฺสทานภูตํ ตฺติทุติยกมฺม’’นฺติ.

อานิสํสกถายํ ปฺจาติ อิทานิ วุจฺจมานา อนามนฺตจาราทโย ปฺจ กิริยา. กปฺปิสฺสนฺตีติ กปฺปา ภวิสฺสนฺติ, อนาปตฺติการณา ภวิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อนามนฺตจาโรติ อนามนฺเตตฺวา จรณํ. โย หิ ทายเกหิ ภตฺเตน นิมนฺติโต หุตฺวา สภตฺโต สมาโน วิหาเร สนฺตํ ภิกฺขุํ อนามนฺเตตฺวา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส ภิกฺขุโน จาริตฺตสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยาปตฺติ โหติ, สา อาปตฺติ อตฺถตกถินสฺส น โหตีติ อตฺโถ. ตตฺถ จาริตฺตสิกฺขาปทํ นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ นิมนฺติโต สภตฺโต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺเชยฺย อฺตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํ. ตตฺถายํ สมโย จีวรทานสมโย จีวรการสมโย, อยํ ตตฺถ สมโย’’ติ อเจลกวคฺเค ปฺจมสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๙๙-๓๐๐). จีวรวิปฺปวาโสติ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตเรน วา สพฺเพน วา วินา หตฺถปาเส อกตฺวา อรุณุฏฺาปนํ, เอวํ กโรโตปิ ทุติยกถินสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ จ ทุติยกถินสิกฺขาปทํ นาม ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปน ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺย อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาคตํ นิสฺสคฺคิเยสุ ทุติยสิกฺขาปทํ (ปารา. ๔๗๒).

คณโภชนนฺติ เอเตน คณโภชนสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ คณโภชนํ นาม ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ เทถา’’ติ ภิกฺขูนํ วิฺตฺติยา วา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ทายกานํ นิมนฺตเนน วา อกปฺปิยโวหาเรน จตฺตาโร วา อติเรกา วา ภิกฺขู เอกโต ปฏิคฺคณฺหิตฺวา เอกโต ภุฺชนํ. คณโภชนสิกฺขาปทํ นาม ‘‘คณโภชเน อฺตฺร สมยา ปาจิตฺติยํ. ตตฺถายํ สมโย คิลานสมโย จีวรทานสมโย จีวรการสมโย อทฺธานคมนสมโย นาวาภิรุหนสมโย มหาสมโย สมณภตฺตสมโย, อยํ ตตฺถ สมโย’’ติ อาคตํ โภชนวคฺเค ทุติยสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๑๕). อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏตีติ ปมกถินสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ปมกถินสิกฺขาปทํ นาม ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปน ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาคตํ นิสฺสคฺคิเยสุ ปมสิกฺขาปทํ (ปารา. ๔๗๒). กถินตฺถตสีมายาติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. มตกจีวรนฺติ มตสฺส จีวรํ. ตตฺรุปฺปาเทนาติ สงฺฆสนฺตเกน อารามุยฺยานเขตฺตวตฺถุอาทินา. ยํ สงฺฆิกํ จีวรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสตีติ อิมินา จีวรเมว กถินตฺถารกานํ ภิกฺขูนํ สนฺตกํ โหติ, ตโต อฺํ ปิณฺฑปาตเภสชฺชาทิกํ อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส สนฺตกํ โหตีติ ทสฺเสติ.

เอวํ อฏฺงฺคสมฺปนฺโน, ลชฺชี ภิกฺขุ สุเปสโล;

กเรยฺย กถินตฺถารํ, อุพฺภารฺจาปิ สาธุกนฺติ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กถินตฺถารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เอกูนตึสติโม ปริจฺเฉโท.

๓๐. ครุภณฺฑวินิจฺฉยกถา

๒๒๗. เอวํ กถินวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ครุภณฺฑาทิวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ครุภณฺฑานีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ครูติ –

‘‘ปุเม อาจริยาทิมฺหิ, ครุ มาตาปิตูสุปิ;

ครุ ตีสุ มหนฺเต จ, ทุชฺชราลหุเกสุ จา’’ติ. –

วุตฺเตสุ อเนกตฺเถสุ อลหุกวาจโก. ภณฺฑ-สทฺโท ‘‘ภาชนาทิปริกฺขาเร, ภณฺฑํ มูลธเนปิ จา’’ติ เอตฺถ ภาชนาทิปริกฺขารตฺโถ โหติ. วจนตฺโถ ปน ครนฺติ อุคฺคจฺฉนฺติ อุคฺคตา ปากฏา โหนฺตีติ ครูนิ, ภฑิตพฺพานิ อิจฺฉิตพฺพานีติ ภณฺฑานิ, ครูนิ จ ตานิ ภณฺฑานิ จาติ ครุภณฺฑานิ, อารามาทีนิ วตฺถูนิ. อิติ อาทินา นเยน เสนาสนกฺขนฺธเก ภควตา ทสฺสิตานิ อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ ครุภณฺฑานิ นามาติ โยเชตพฺพํ.

มฺเจสุ มสารโกติ มฺจปาเท วิชฺฌิตฺวา ตตฺถ อฏนิโย ปเวเสตฺวา กโต. พุนฺทิกาพทฺโธติ อฏนีหิ มฺจปาเท ฑํสาเปตฺวา ปลฺลงฺกสงฺเขเปน กโต. กุฬีรปาทโกติ อสฺสเมณฺฑกาทีนํ ปาทสทิเสหิ ปาเทหิ กโต. โย วา ปน โกจิ วงฺกปาทโก, อยํ วุจฺจติ ‘‘กุฬีรปาทโก’’ติ. อาหจฺจปาทโกติ อยํ ปน ‘‘อาหจฺจปาทโก นาม มฺโจ องฺเค วิชฺฌิตฺวา กโต โหตี’’ติ เอวํ ปรโต ปาฬิยํเยว (ปาจิ. ๑๓๑) วุตฺโต, ตสฺมา อฏนิโย วิชฺฌิตฺวา ตตฺถ ปาทสิขํ ปเวเสตฺวา อุปริ อาณึ ทตฺวา กตมฺโจ อาหจฺจปาทโกติ เวทิตพฺโพ. ปีเปิ เอเสว นโย.

อุณฺณภิสิอาทีนํ ปฺจนฺนํ อฺตราติ อุณฺณภิสิ โจฬภิสิ วากภิสิ ติณภิสิ ปณฺณภิสีติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ภิสีนํ อฺตรา. ปฺจ ภิสิโยติ ปฺจหิ อุณฺณาทีหิ ปูริตภิสิโย. ตูลคณนาย หิ เอตาสํ คณนา. ตตฺถ อุณฺณคฺคหเณน น เกวลํ เอฬกโลมเมว คหิตํ, เปตฺวา ปน มนุสฺสโลมํ ยํ กิฺจิ กปฺปิยากปฺปิยมํสชาตีนํ ปกฺขิจตุปฺปทานํ โลมํ, สพฺพํ อิธ อุณฺณคฺคหเณเนว คหิตํ, ตสฺมา ฉนฺนํ จีวรานํ, ฉนฺนํ อนุโลมจีวรานฺจ อฺตเรน ภิสิจฺฉวึ กตฺวา ตํ สพฺพํ ปกฺขิปิตฺวา ภิสึ กาตุํ วฏฺฏติ. เอฬกโลมานิ ปน อปกฺขิปิตฺวา กมฺพลเมว จตุคฺคุณํ วา ปฺจคุณํ วา ปกฺขิปิตฺวา กตาปิ อุณฺณภิสิสงฺขเมว คจฺฉติ. โจฬภิสิอาทีสุ ยํ กิฺจิ นวโจฬํ วา ปุราณโจฬํ วา สํหริตฺวา วา อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา วา กตา โจฬภิสิ, ยํ กิฺจิ วากํ ปกฺขิปิตฺวา กตา วากภิสิ, ยํ กิฺจิ ติณํ ปกฺขิปิตฺวา กตา ติณภิสิ, อฺตฺร สุทฺธตมาลปตฺตํ ยํ กิฺจิ ปณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา กตา ปณฺณภิสีติ เวทิตพฺพา. ตมาลปตฺตํ ปน อฺเน มิสฺสเมว วฏฺฏติ, สุทฺธํ น วฏฺฏติ. ภิสิยา ปมาณนิยโม นตฺถิ, มฺจภิสิ ปีภิสิ ภูมตฺถรณภิสิ จงฺกมนภิสิ ปาทปุฺฉนภิสีติ เอตาสํ อนุรูปโต สลฺลกฺเขตฺวา อตฺตโน รุจิวเสน ปมาณํ กาตพฺพํ. ยํ ปเนตํ อุณฺณาทิปฺจวิธตูลมฺปิ ภิสิยํ วฏฺฏติ, ตํ มสูรเกปิ วฏฺฏตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ. ตตฺถ มสูรเกติ จมฺมมยภิสิยํ. เอเตน มสูรกํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ.

พิมฺโพหเน ตีณิ ตูลานิ รุกฺขตูลํ ลตาตูลํ โปฏกีตูลนฺติ. ตตฺถ รุกฺขตูลนฺติ สิมฺพลิรุกฺขาทีนํ เยสํ เกสฺจิ รุกฺขานํ ตูลํ. ลตาตูลนฺติ ขีรวลฺลิอาทีนํ ยาสํ กาสฺจิ ลตานํ ตูลํ. โปฏกีตูลนฺติ โปฏกีติณาทีนํ เยสํ เกสฺจิ ติณชาติกานํ อนฺตมโส อุจฺฉุนฬาทีนมฺปิ ตูลํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๗) ปน ‘‘โปฏกีตูลนฺติ เอรกติณตูล’’นฺติ วุตฺตํ, เอเตหิ ตีหิ สพฺพภูตคามา สงฺคหิตา โหนฺติ. รุกฺขวลฺลิติณชาติโย หิ มุฺจิตฺวา อฺโ ภูตคาโม นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ ภูตคามสฺส ตูลํ พิมฺโพหเน วฏฺฏติ, ภิสึ ปน ปาปุณิตฺวา สพฺพมฺเปตํ ‘‘อกปฺปิยตูล’’นฺติ วุจฺจติ น เกวลฺจ พิมฺโพหเน เอตํ ตูลเมว, หํสโมราทีนํ สพฺพสกุณานํ, สีหาทีนํ สพฺพจตุปฺปทานฺจ โลมมฺปิ วฏฺฏติ. ปิยงฺคุปุปฺผพกุฬปุปฺผาทิ ปน ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ น วฏฺฏติ. ตมาลปตฺตํ สุทฺธเมว น วฏฺฏติ, มิสฺสกํ ปน วฏฺฏติ, ภิสีนํ อนุฺาตํ ปฺจวิธํ อุณฺณาทิตูลมฺปิ วฏฺฏติ. อทฺธกายิกานิ ปน พิมฺโพหนานิ น วฏฺฏนฺติ. อทฺธกายิกานีติ อุปฑฺฒกายปฺปมาณานิ, เยสุ กฏิโต ปฏฺาย ยาว สีสํ อุปทหนฺติ เปนฺติ. สีสปฺปมาณํ ปน วฏฺฏติ, สีสปฺปมาณํ นาม ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ มินิยมานํ วิทตฺถิ เจว จตุรงฺคุลฺจ โหติ, มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหติ, ทีฆโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ วา ทฺวิรตนํ วาติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, อยํ สีสปฺปมาณสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท, อิโต อุทฺธํ น วฏฺฏติ, เหฏฺา ปน วฏฺฏตีติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณาน’’นฺติ ปาํ อุปนิธาย พิมฺโพหนสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ เปตพฺพโจฬกํ ติโกณเมว กโรนฺติ เอกจฺเจ. ‘‘อิทฺจ านํ คณฺิฏฺาน’’นฺติ วทนฺติ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๗) ปน ‘‘สีสปฺปมาณํ นาม ยตฺถ คีวาย สห สกลํ สีสํ เปตุํ สกฺกา, ตสฺส จ มุฏฺิรตนํ วิตฺถารปฺปมาณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘วิตฺถารโต’ติอาทิมาห. อิทฺจ พิมฺโพหนสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ เปตพฺพโจฬปฺปมาณทสฺสนํ, ตสฺส วเสน พิมฺโพหนสฺส วิตฺถารปฺปมาณํ ปริจฺฉิชฺชติ, ตํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา กตฺวา สิพฺพิตํ ยถา โกฏิโต โกฏิ วิตฺถารโต ปุถุลฏฺานํ มุฏฺิรตนปฺปมาณํ โหติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพํ, อิโต อธิกํ น วฏฺฏติ. ตํ ปน อนฺเตสุ ปิตโจฬํ โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ทิคุณํ กตํ ติกณฺณํ โหติ, เตสุ ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ โหติ, มชฺฌฏฺานํ โกฏิโต โกฏึ อาหจฺจ มุฏฺิรตนํ โหติ, อิทมสฺส อุกฺกฏฺปฺปมาณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา พิมฺโพหนสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ เปตพฺพโจฬกํ ปกติยาเยว ติกณฺณํ น โหติ, อถ โข โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ทิคุณกตกาเลเยว โหติ, ตสฺมา ตํ โจฬกํ วฏฺฏํ วา โหตุ จตุรสฺสํ วา, ทิคุณํ กตฺวา มินิยมานํ ติกณฺณเมว โหติ, ทฺวินฺนฺจ กณฺณานํ อนฺตรํ จตุรงฺคุลาธิกวิทตฺถิมตฺตํ โหติ, ตสฺส จ โจฬกสฺส มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหติ, ตสฺเสว โจฬกสฺส ปมาเณน พิมฺโพหนสฺส มชฺฌฏฺานมฺปิ มุฏฺิรตนํ โหตีติ วิฺายตีติ.

‘‘กมฺพลเมว…เป… อุณฺณภิสิสงฺขเมว คจฺฉตีติ สามฺโต วุตฺตตฺตา โคนกาทิอกปฺปิยมฺปิ อุณฺณมยตฺถรณํ ภิสิยํ ปกฺขิปิตฺวา สยิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. มสูรเกติ จมฺมมยภิสิยํ, จมฺมมยํ ปน พิมฺโพหนํ ตูลปุณฺณมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ จ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๗) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๗) ปน ‘‘สีสปฺปมาณนฺติ ยตฺถ คลวาฏกโต ปฏฺาย สพฺพสีสํ อุปทหนฺติ, ตํ สีสปฺปมาณํ โหติ, ตฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ติริยํ มุฏฺิรตนํ โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘ยตฺถ วิตฺถารโต ตีสุ กณฺเณสู’ติอาทิมาห. มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหตีติ พิมฺโพหนสฺส มชฺฌฏฺานํ ติริยโต มุฏฺิรตนปฺปมาณํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. อรฺชโรติ พหุอุทกคณฺหนกา มหาจาฏิ. ชลํ คณฺหิตุํ อลนฺติ อรฺชโร, วฏฺฏจาฏิ วิย หุตฺวา โถกํ ทีฆมุโข มชฺเฌ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา กโตติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายนฺติ อชฺฌาหารสมฺพนฺโธ.

ทฺวิสงฺคหานิ ทฺเว โหนฺตีติ ทฺเว ปมทุติยอวิสฺสชฺชิยานิ ‘‘อาราโม อารามวตฺถู’’ติ จ ‘‘วิหาโร วิหารวตฺถู’’ติ จ วุตฺตทฺเวทฺเววตฺถุสงฺคหานิ โหนฺติ. ตติยํ อวิสฺสชฺชิยํ ‘‘มฺโจ ปีํ ภิสิ พิมฺโพหน’’นฺติ วุตฺตจตุวตฺถุสงฺคหํ โหติ. จตุตฺถํ อวิสฺสชฺชิยํ ‘‘โลหกุมฺภี โลหภาณกํ โลหวารโก โลหกฏาหํ วาสิ ผรสุ กุารี กุทาโล นิขาทน’’นฺติ วุตฺตนวโกฏฺาสวนฺตํ โหติ. ปฺจมํ อวิสฺสชฺชิยํ ‘‘วลฺลิ เวฬุ มุฺชํ ปพฺพชํ ติณํ มตฺติกา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตอฏฺเภทนํ อฏฺปเภทวนฺตํ โหตีติ โยชนา. ปฺจนิมฺมลโลจโนติ มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุธมฺมจกฺขุพุทฺธจกฺขุสมนฺตจกฺขูนํ วเสน นิมฺมลปฺจโลจโน.

เสนาสนกฺขนฺธเก อวิสฺสชฺชิยํ กีฏาคิริวตฺถุสฺมึ อเวภงฺคิยนฺติ เอตฺถ ‘‘เสนาสนกฺขนฺธเก คามกาวาสวตฺถุสฺมึ อวิสฺสชฺชิยํ กีฏาคิริวตฺถุสฺมึ อเวภงฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. กสฺมา? ทฺวินฺนมฺปิ วตฺถูนํ เสนาสนกฺขนฺธเก อาคตตฺตา. เสนาสนกฺขนฺธเกติ อยํ สามฺาธาโร. คามกาวาสวตฺถุสฺมึ กีฏาคิริวตฺถุสฺมินฺติ วิเสสาธาโร. อยมตฺโถ ปาฬึ โอโลเกตฺวา ปจฺเจตพฺโพ. เตเนว หิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) ‘‘เสนาสนกฺขนฺธเก’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, อิธาติ อิมินา คามกาวาสวตฺถุํ ทสฺเสติ, กีฏาคิริวตฺถุ ปน สรูปโต ทสฺสิตเมว. สามฺาธาโร ปน ตํสํวณฺณนาภาวโต อวุตฺโตปิ สิชฺฌตีติ น วุตฺโตติ วิฺายติ.

๒๒๘. ถาวเรน จ ถาวรํ, ครุภณฺเฑน จ ครุภณฺฑนฺติ เอตฺถ ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ ปุริมทฺวยํ ถาวรํ, ปจฺฉิมตฺตยํ ครุภณฺฑนฺติ เวทิตพฺพํ. สมกเมว เทตีติ เอตฺถ อูนกํ เทนฺตมฺปิ วิหารวตฺถุสามนฺตํ คเหตฺวา ทูรตรํ ทุกฺขโคปํ วิสฺสชฺเชตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. วกฺขติ หิ ‘‘ภิกฺขูนฺเจ มหคฺฆตรํ…เป… สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ชานาเปตฺวาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ชานาเปตฺวา, อปโลเกตฺวาติ อตฺโถ. นนุ ตุมฺหากํ พหุตรํ รุกฺขาติ วตฺตพฺพนฺติ อิทํ สามิเกสุ อตฺตโน ภณฺฑสฺส มหคฺฆตํ อชานิตฺวา เทนฺเตสุ ตํ ตฺวา เถยฺยจิตฺเตน คณฺหโต อวหาโร โหตีติ วุตฺตํ. วิหาเรน วิหาโร ปริวตฺเตตพฺโพติ สวตฺถุเกน อฺเสํ ภูมิยํ กตปาสาทาทินา, อวตฺถุเกน วา สวตฺถุกํ ปริวตฺเตตพฺพํ, อวตฺถุกํ ปน อวตฺถุเกเนว ปริวตฺเตตพฺพํ เกวลํ ปาสาทสฺส ภูมิโต อถาวรตฺตา. เอวํ ถาวเรสุปิ ถาวรวิภาคํ ตฺวาว ปริวตฺเตตพฺพํ.

‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ อิมินา สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ อกปฺปิยมฺจํ ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเตปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วุตฺเต สงฺฆสฺส วฏฺฏติ, น ปุคฺคลสฺส เขตฺตาทิ วิยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬฺวคฺค ๓.๓๒๑) ปน ‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ ‘สงฺฆสฺส เทมา’ติ ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วทนฺติ, สุวณฺณรชตมยาทิอกปฺปิยมฺเจปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. น เกวลํ…เป… ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏนฺตีติ อิมินา อถาวเรน ถาวรมฺปิ อถาวรมฺปิ ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ถาวเรน อถาวรเมว หิ ปริวตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อกปฺปิยํ วา มหคฺฆํ กปฺปิยํ วาติ เอตฺถ อกปฺปิยํ นาม สุวณฺณมยมฺจาทิ อกปฺปิยภิสิพิมฺโพหนานิ จ. มหคฺฆํ กปฺปิยํ นาม ทนฺตมยมฺจาทิ, ปาวาราทิกปฺปิยอตฺถรณาทีนิ จา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘อกปฺปิยํ วาติ อาสนฺทิอาทิ, ปมาณาติกฺกนฺตํ พิมฺโพหนาทิ จ. มหคฺฆํ กปฺปิยํ วาติ สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ กปฺปิยโวหาเรน ทินฺน’’นฺติ วุตฺตํ.

๒๒๙. ‘‘กาฬโลห …เป… ภาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏกํสโลหมยมฺปิ ภาชนํ ปุคฺคลิกมฺปิ สมฺปฏิจฺฉิตุมฺปิ ปริหริตุมฺปิ วฏฺฏติ ปุคฺคลานํ ปริหริตพฺพสฺเสว ภาเชตพฺพตฺตาติ วทนฺติ, ตํ อุปริ ‘‘กํสโลหวฏฺฏโลหภาชนวิกติ สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฏา วา วฏฺฏตี’’ติอาทิเกน มหาปจฺจริวจเนน วิรุชฺฌติ. อิมสฺส หิ ‘‘วฏฺฏโลหกํสโลหานํ เยน เกนจิ กโต สีหฬทีเป ปาทคฺคณฺหนโก ภาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตสฺส มหาอฏฺกถาวจนสฺส ปฏิกฺเขปาย ตํ มหาปจฺจริวจนํ ปจฺฉา ทสฺสิตํ, ตสฺมา วฏฺฏโลหกํสโลหมยํ ยํ กิฺจิ ปาทคฺคณฺหนกวารกมฺปิ อุปาทาย อภาชนียเมว, คิหีหิ ทียมานมฺปิ ปุคฺคลสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุมฺปิ น วฏฺฏติ. ปาริหาริยํ น วฏฺฏตีติ ปตฺตาทิปริกฺขารํ วิย สยเมว ปฏิสาเมตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ. คิหิสนฺตกํ วิย อารามิกาทโย เจ สยเมว โคเปตฺวา วินิโยคกาเล อาเนตฺวา ปฏิเทนฺติ, ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, ‘‘ปฏิสาเมตฺวา ภิกฺขูนํ เทถา’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ.

ปณฺณสูจิ นาม เลขนีติ วทนฺติ. อตฺตนา ลทฺธานิปีติอาทินา ปฏิคฺคหเณ โทโส นตฺถิ, ปริหริตฺวา ปริโภโคว อาปตฺติกโรติ ทสฺเสติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริ ภาชนียวาสิอาทีสุ อตฺตโน สนฺตเกสุปิ.

อนามาสมฺปีติ สุวณฺณาทิมยมฺปิ, สพฺพํ ตํ อามสิตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ.

อุปกฺขเรติ อุปกรเณ. สิขรํ นาม เยน ปริพฺภมนฺตา ฉินฺทนฺติ. ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺิอาทิการโก. ‘‘ปฏิมานํ สุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติ.

‘‘อฑฺฒพาหูติ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘อฑฺฒพาหุ นาม วิทตฺถิจตุรงฺคุลนฺติปิ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๑) ‘‘อฑฺฒพาหูติ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏนฺติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ปน ‘‘อฑฺฒพาหุปฺปมาณา นาม อฑฺฒพาหุมตฺตา, อฑฺฒพฺยามมตฺตาติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. โยตฺตานีติ จมฺมรชฺชุกา. ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตา.

‘‘อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ ทีฆโส อฏฺงฺคุลมตฺโต ปริณาหโต ปณฺณสูจิทณฺฑมตฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี.. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) วิมติวิโนทนิยํ ปน (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ‘‘อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ สรทณฺฑาทิสูจิอาการตนุทณฺฑกมตฺโตปี’’ติ วุตฺตํ. อฏฺงฺคุลปฺปมาโณติ ทีฆโต อฏฺงฺคุลปฺปมาโณ. ริตฺตโปตฺถโกปีติ อลิขิตโปตฺถโกปิ, อิทฺจ ปณฺณปฺปสงฺเคน วุตฺตํ.

อาสนฺทิโกติ จตุรสฺสปีํ วุจฺจติ ‘‘อุจฺจกมฺปิ อาสนฺทิก’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) วจนโต. เอกโตภาเคน ทีฆปีเมว หิ อฏฺงฺคุลปาทกํ วฏฺฏติ, จตุรสฺสาสนฺทิโก ปน ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺโพ. สตฺตงฺโค นาม ตีสุ ทิสาสุ อปสฺสยํ กตฺวา กตมฺโจ, อยมฺปิ ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺฏติ. ภทฺทปีนฺติ เวตฺตมยํ ปีํ วุจฺจติ. ปีิกาติ ปิโลติกพนฺธํ ปีเมว. เอฬกปาทปีํ นาม ทารุปฏิกาย อุปริปาเท เปตฺวา โภชนผลกํ วิย กตปีํ วุจฺจติ. อามณฺฑกวณฺฏกปีํ นาม อามลกากาเรน โยชิตพหอุปาทปีํ. อิมานิ ตาว ปาฬิยํ อาคตปีานิ. ทารุมยํ ปน สพฺพมฺปิ ปีํ วฏฺฏติ.

‘‘ฆฏฺฏนผลกํ นาม ยตฺถ เปตฺวา รชิตจีวรํ หตฺเถน ฆฏฺเฏนฺติ. ฆฏฺฏนมุคฺคโร นาม อนุวาตาทิฆฏฺฏนตฺถํ กโตติ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ‘‘ฆฏฺฏนผลกํ ฆฏฺฏนมุคฺคโรติ อิทํ รชิตจีวรํ เอกสฺมึ มฏฺเ ทณฺฑมุคฺคเร เวเตฺวา เอกสฺส มฏฺผลกสฺส อุปริ เปตฺวา อุปริ อปเรน มฏฺผลเกน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอโก อุปริ อกฺกมิตฺวา ติฏฺติ, ทฺเว ชนา อุปริผลกํ ทฺวีสุ โกฏีสุ คเหตฺวา อปราปรํ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนํ กโรนฺติ, เอตํ สนฺธาย วุตฺตํ. หตฺเถ ปาเปตฺวา หตฺเถน ปหรณํ ปน นิฏฺิตรชนสฺส จีวรสฺส อลฺลกาเล กาตพฺพํ, อิทํ ปน ผลกมุคฺคเรหิ ฆฏฺฏนํ สุกฺขกาเล ถทฺธภาววิโมจนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อมฺพณนฺติ ผลเกหิ โปกฺขรณีสทิสกตปานียภาชนํ. รชนโทณีติ ยตฺถ ปกฺกรชนํ อากิริตฺวา เปนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘อมฺพณนฺติ เอกโทณิกนาวาผลเกหิ โปกฺขรณีสทิสํ กตํ. ปานียภาชนนฺติปิ วทนฺติ. รชนโทณีติ เอกทารุนาว กตํ รชนภาชนํ. อุทกโทณีติ เอกทารุนาว กตํ อุทกภาชน’’นฺติ วุตฺตํ.

‘‘ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺจตฺถรณคติกนฺติ อิมินา มฺจปีเปิ อตฺถริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ปาวาราทิปจฺจตฺถรณมฺปิ ครุภณฺฑนฺติ เอเก. โนติ อปเร, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๑) ปน ‘‘ทณฺฑมุคฺคโร นาม ‘เยน รชิตจีวรํ โปเถนฺติ, ตมฺปิ ครุภณฺฑเมวา’ติ วุตฺตตฺตา, ‘ปจฺจตฺถรณคติก’นฺติ วุตฺตตฺตา จ อปิ-สทฺเทน ปาวาราทิปจฺจตฺถรณํ สพฺพํ ครุภณฺฑเมวาติ วทนฺติ. เอเตเนว สุตฺเตน อฺถา อตฺถํ วตฺวา ปาวาราทิปจฺจตฺถรณํ น ครุภณฺฑํ, ภาชนียเมว, เสนาสนตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรณเมว ครุภณฺฑนฺติ วทนฺติ. อุปปริกฺขิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ปน ‘‘ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ ภูมตฺถรณสงฺเขเปน สยิตุมฺปิ วฏฺฏติเยว. ปจฺจตฺถรณคติกนฺติ อิมินา มฺจาทีสุ อตฺถริตพฺพํ มหาจมฺมํ เอฬกจมฺมํ นามาติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. ฉตฺตมุฏฺิปณฺณนฺติ ตาลปณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปตฺตกฏาหนฺติ ปตฺตปจนกฏาหํ. คณฺิกาติ จีวรคณฺิกา. วิโธติ กายพนฺธนวิโธ.

อิทานิ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตนโย วุจฺจเต – อาราโม นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วา. อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปิโตกาโส. เตสุ วา อาราเมสุ วินฏฺเสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโค. วิหาโร นาม ยํ กิฺจิ ปาสาทาทิเสนาสนํ. วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฏฺาโนกาโส. มฺโจ นาม มสารโก พุนฺทิกาพทฺโธ กุฬีรปาทโก อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ ปุพฺเพ วุตฺตานํ จตุนฺนํ มฺจานํ อฺตโร. ปีํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีานํ อฺตรํ. ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปฺจนฺนํ ภิสีนํ อฺตรํ. พิมฺโพหนํ นาม รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลานํ อฺตเรน ปุณฺณํ. โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ กตกุมฺภี. โลหภาณกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน ภาณกนฺติ อรฺชโร วุจฺจติ. วารโกติ ฆโฏ. กฏาหํ กฏาหเมว. วาสิอาทีสุ วลฺลิอาทีสุ จ ทุวิฺเยฺยํ นาม นตฺถิ…เป….

ตตฺถ ถาวเรน ถาวรนฺติ วิหารวิหารวตฺถุนา อารามอารามวตฺถุํ วิหารวิหารวตฺถุํ. อิตเรนาติ อถาวเรน, ปจฺฉิมราสิตฺตเยนาติ วุตฺตํ โหติ. อกปฺปิเยนาติ สุวณฺณมยมฺจาทินา เจว อกปฺปิยภิสิพิมฺโพหเนหิ จ. มหคฺฆกปฺปิเยนาติ ทนฺตมยมฺจาทินา เจว ปาวาราทินา จ. อิตรนฺติ อถาวรํ. กปฺปิยปริวตฺตเนน ปริวตฺเตตุนฺติ ยถา อกปฺปิยํ น โหติ, เอวํ ปริวตฺเตตุํ…เป… เอวํ ตาว ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํ. อิตเรน อิตรปริวตฺตเน ปน มฺจปีํ มหนฺตํ วา โหตุ, ขุทฺทกํ วา, อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหติ…เป… สตคฺฆนเกน วา สหสฺสคฺฆนเกน วา มฺเจน อฺํ มฺจสตมฺปิ ลภติ, ปริวตฺเตตฺวา คเหตพฺพํ. น เกวลํ มฺเจน มฺโจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีภิสิพิมฺโพหนานิปิ ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏนฺติ. เอส นโย ปีภิสิพิมฺโพหเนสุปิ.

กาฬโลหตมฺพโลหกํสโลหวฏฺฏโลหานนฺติ เอตฺถ กํสโลหํ วฏฺฏโลหฺจ กิตฺติมโลหํ. ตีณิ หิ กิตฺติมโลหานิ กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ หารกูฏนฺติ. ตตฺถ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ. สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ. รสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ หารกูฏํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กํสโลหํ วฏฺฏโลหฺจ กิตฺติมโลห’’นฺติ. ตโต อติเรกนฺติ ตโต อติเรกคณฺหนโก. สารโกติ มชฺเฌ มกุฬํ ทสฺเสตฺวา มุขวฏฺฏิวิตฺถตํ กตฺวา ปิฏฺิโต นาเมตฺวา กาตพฺพํ เอกํ ภาชนํ. สราวนฺติปิ วทนฺติ. อาทิ-สทฺเทน กฺจนกาทีนํ คิหิอุปกรณานํ คหณํ. ตานิ หิ ขุทฺทกานิปิ ครุภณฺฑาเนว คิหิอุปกรณตฺตา. ปิ-สทฺเทน ปเคว มหนฺตานีติ ทสฺเสติ, อิมานิ ปน ภาชนียานิ ภิกฺขุปกรณตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยถา จ เอตานิ, เอวํ กุณฺฑิกาปิ ภาชนียา. วกฺขติ หิ ‘‘ยถา จ มตฺติกาภณฺเฑ, เอวํ โลหภณฺเฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฏฺาสเมว ภชตี’’ติ. สงฺฆิกปริโภเคนาติ อาคนฺตุกานํ วุฑฺฒตรานํ ทตฺวา ปริโภเคน. คิหิวิกฏาติ คิหีหิ วิกตา ปฺตฺตา, อตฺตโน วา สนฺตกกรเณน วิรูปํ กตา. ปุคฺคลิกปริโภเคน น วฏฺฏตีติ อาคนฺตุกานํ อทตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ วิย คเหตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ. ปิปฺผลิโกติ กตฺตริ. อารกณฺฏกํ สูจิเวธกํ. ตาฬํ ยนฺตํ. กตฺตรยฏฺิเวธโก กตฺตรยฏฺิวลยํ. ยถา ตถา ฆนกตํ โลหนฺติ โลหวฏฺฏิ โลหคุโฬ โลหปิณฺฑิ โลหจกฺกลิกนฺติ เอวํ ฆนกตํ โลหํ. ขีรปาสาณมยานีติ มุทุกขีรวณฺณปาสาณมยานิ.

คิหิวิกฏานิปิ น วฏฺฏนฺติ อนามาสตฺตา. ปิ-สทฺเทน ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วาติ ทสฺเสติ. เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย, ตสฺมา ชาตรูปาทิมยา สพฺพาปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสา. เตนาห ‘‘เสนาสนปริโภเค ปนา’’ติอาทิ.

เสสาติ ตโต มหตฺตรี วาสิ. ยา ปนาติ ยา กุารี ปน. กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมตฺโตปิ ครุภณฺฑเมว. นิขาทนํ จตุรสฺสมุขํ วา โหตุ โทณิมุขํ วา วงฺกํ วา อุชุกํ วา, อนฺตมโส สมฺมุฺชนีทณฺฑเวธนมฺปิ, ทณฺฑพนฺธฺเจ, ครุภณฺฑเมว. เตนาห ‘‘กุทาโล ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ วา อครุภณฺฑํ นาม นตฺถี’’ติ. สิปาฏิกา นาม ขุรโกโส, สิขรํ ปน ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สิขรมฺปิ นิขาทเนเนว สงฺคหิต’’นฺติ. สเจ ปน วาสิ อทณฺฑกํ ผลมตฺตํ, ภาชนียํ. อุปกฺขเรติ วาสิอาทิภณฺเฑ.

ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺิกาทิการโก. ‘‘ปฏิมานํ สุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติ. ติปุจฺเฉทนกสตฺถํ สุวณฺณจฺเฉทนกสตฺถํ กตปริกมฺมจมฺมจฺฉินฺทนกขุทฺทกสตฺถนฺติ อิมานิ เจตฺถ ตีณิ ปิปฺผลิกํ อนุโลมนฺตีติ อาห ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิ. อิตรานีติ มหากตฺตริอาทีนิ.

อฑฺฒพาหุปฺปมาณาติ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏปฺปมาณา, วิทตฺถิจตุรงฺคุลปฺปมาณาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตา, อารกฺขสํวิธาเนน รกฺขิตตฺตา รกฺขิตา จ สา มฺชูสาทีสุ ปกฺขิตฺตํ วิย ยถา ตํ น นสฺสติ, เอวํ โคปนโต โคปิตา จาติ รกฺขิตโคปิตา. ตตฺถชาตกาปิ ปน อรกฺขิตา ครุภณฺฑเมว น โหติ. สงฺฆกมฺเม จ เจติยกมฺเม จ กเตติ อิมินา สงฺฆสนฺตเกน เจติยสนฺตกํ รกฺขิตุํ ปริวตฺติตุฺจ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. สุตฺตํ ปนาติ วฏฺฏิตฺเจว อวฏฺฏิตฺจ สุตฺตํ.

อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ อนฺตมโส ทีฆโส อฏฺงฺคุลมตฺโต ปริณาหโต สีหฬ-ปณฺณสูจิทณฺฑมตฺโต. เอตฺถาติ เวฬุภณฺเฑ. ทฑฺฒํ เคหํ เยสํ เตติ ทฑฺฒเคหา. น วาเรตพฺพาติ ‘‘มา คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ น นิเสเธตพฺพา. เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส เปตพฺพา.

อวเสสฺจ ฉทนติณนฺติ มุฺชปพฺพเชหิ อวเสสํ ยํ กิฺจิ ฉทนติณํ. อฏฺงฺคุลปฺปมาโณปีติ วิตฺถารโต อฏฺงฺคุลปฺปมาโณ. ลิขิตโปตฺถโก ปน ครุภณฺฑํ น โหติ. กปฺปิยจมฺมานีติ มิคาทีนํ จมฺมานิ. สพฺพํ จกฺกยุตฺตยานนฺติ รถสกฏาทิกํ สพฺพํ จกฺกยุตฺตยานํ. วิสงฺขตจกฺกํ ปน ยานํ ภาชนียํ. อนุฺาตวาสิ นาม ยา สิปาฏิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ สกฺกาติ วุตฺตา. มุฏฺิปณฺณํ ตาลปตฺตํ. ตฺหิ มุฏฺินา คเหตฺวา ปริหรนฺตีติ ‘‘มุฏฺิปณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘มุฏฺิปณฺณนฺติ ฉตฺตจฺฉทปณฺณเมวา’’ติ เกจิ. อรณีสหิตนฺติ อรณียุคฬํ, อุตฺตรารณี อธรารณีติ อรณีทฺวยนฺติ อตฺโถ. ผาติกมฺมํ กตฺวาติ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกวาลิกายปิ ถาวรํ วฑฺฒิกมฺมํ กตฺวา. กุณฺฑิกาติ อยกุณฺฑิกา เจว ตมฺพโลหกุณฺฑิกา จ. ภาชนียโกฏฺาสเมว ภชตีติ ภาชนียปกฺขเมว เสวติ, น ตุ ครุภณฺฑนฺติ อตฺโถ. กฺจนโก ปน ครุภณฺฑเมวาติ อธิปฺปาโย.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ครุภณฺฑวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ตึสติโม ปริจฺเฉโท.

๓๑. โจทนาทิวินิจฺฉยกถา

๒๓๐. เอวํ ครุภณฺฑวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ โจทนาทิวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘โจทนาทิวินิจฺฉโยติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โจทียเต โจทนา, โทสาโรปนนฺติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺเทน สารณาทโย สงฺคณฺหาติ. วุตฺตฺเหตํ กมฺมกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔, ๕) ‘‘โจเทตฺวา กตํ โหติ, สาเรตฺวา กตํ โหติ, อาปตฺตึ โรเปตฺวา กตํ โหตี’’ติ. ‘‘โจเทตุํ ปน โก ลภติ, โก น ลภตี’’ติ อิทํ อนุทฺธํสนาธิปฺปายํ วินาปิ โจทนาลกฺขณํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สีลสมฺปนฺโนติ อิทํ ทุสฺสีลสฺส วจนํ อปฺปมาณนฺติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ ปน ภิกฺขุํ โจเทตุํ อนิสฺสรตฺตา ‘ภิกฺขุนิเมวา’ติ วุตฺตํ. สติปิ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ อนิสฺสรภาเว ตาหิ กตโจทนาปิ โจทนารหตฺตา โจทนาเยวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปฺจปิ สหธมฺมิกา ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ภิกฺขุสฺส สุตฺวา โจเทตีติอาทินา โจทโก เยสํ สุตฺวา โจเทติ, เตสมฺปิ วจนํ ปมาณเมวาติ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา เตสํ โจทนาปิ รุหเตวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เถโร สุตฺตํ นิทสฺเสสี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๘๖) ปน ‘‘อมูลกโจทนาปสงฺเคน สมูลกโจทนาลกฺขณาทึ ทสฺเสตุํ ‘โจเทตุํ ปน โก ลภติ, โก น ลภตี’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘ภิกฺขุสฺส สุตฺวา โจเทตี’ติอาทิสุตฺตํ ยสฺมา เย โจทกสฺส อฺเสํ วิปตฺตึ ปกาเสนฺติ, เตปิ ตสฺมึ ขเณ โจทกภาเว ตฺวาว ปกาเสนฺติ, เตสฺจ วจนํ คเหตฺวา อิตโรปิ ยสฺมา โจเทตุฺจ อสมฺปฏิจฺฉนฺตํ เตหิ ติตฺถิยสาวกปริโยสาเนหิ ปมโจทเกหิ สมฺปฏิจฺฉาเปตุฺจ ลภติ, ตสฺมา อิธ สาธกภาเวน อุทฺธฏนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

ครุกานํ ทฺวินฺนนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสานํ. อวเสสานนฺติ ถุลฺลจฺจยาทีนํ ปฺจนฺนํ อาปตฺตีนํ. มิจฺฉาทิฏฺิ นาม ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา ทสวตฺถุกา ทิฏฺิ. ‘‘อนฺตวา โลโก อนนฺตวา โลโก’’ติอาทิกา อนฺตํ คณฺหาปกทิฏฺิ อนฺตคฺคาหิกา นาม. อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนนฺติ อาชีวเหตุปิ อาปชฺชิตพฺพานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ปาราชิกํ, สฺจริตฺเต สงฺฆาทิเสโส, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส อรหา’’ติ ปริยาเยน ถุลฺลจฺจยํ, ภิกฺขุสฺส ปณีตโภชนวิฺตฺติยา ปาจิตฺติยํ, ภิกฺขุนิยา ปณีตโภชนวิฺตฺติยา ปาฏิเทสนียํ, สูโปทนวิฺตฺติยา ทุกฺกฏนฺติ อิเมสํ ปริวาเร (ปริ. ๒๘๗) วุตฺตานํ ฉนฺนํ. น เหตา อาปตฺติโย อาชีวเหตุ เอว ปฺตฺตา สฺจริตฺตาทีนํ อฺถาปิ อาปชฺชิตพฺพโต. อาชีวเหตุปิ เอตาสํ อาปชฺชนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ, อาชีวเหตุปิ ปฺตฺตานนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิวิปตฺติอาชีววิปตฺตีหิ โจเทนฺโตปิ ตมฺมูลิกาย อาปตฺติยา เอว โจเทติ.

‘‘กสฺมา มํ น วนฺทสี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติ อวนฺทนการณสฺส วุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน น วนฺทิตพฺโพติ วทนฺติ. โจเทตุกามตาย เอว อวนฺทิตฺวา อตฺตนา วตฺตพฺพสฺส วุตฺตมตฺถํ เปตฺวา อวนฺทิยภาเว ตํ การณํ น โหตีติ จูฬคณฺิปเท มชฺฌิมคณฺิปเท จ วุตฺตํ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺส อวนฺทิเยสุ อวุตฺตตฺตา เตน สทฺธึ สยนฺตสฺส สหเสยฺยาปตฺติยา อภาวโต, ตสฺส จ ปฏิคฺคหณสฺส รุหนโต ตเทว ยุตฺตตรนฺติ วิฺายติ. กิฺจาปิ ยาว โส ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานาติ, ตาว วนฺทิตพฺโพ, ยทา ปน ‘‘อสฺสมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานาติ, ตทา น วนฺทิตพฺโพติ อยเมตฺถ วิเสโส เวทิตพฺโพ. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส หิ ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานนฺตสฺเสว ภิกฺขุภาโว, น ตโต ปรํ. ภิกฺขุภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต หิ อนุปสมฺปนฺนปกฺขํ ภชติ. ยสฺมา อามิสํ เทนฺโต อตฺตโน อิจฺฉิตฏฺาเนเยว เทติ, ตสฺมา ปฏิปาฏิยา นิสินฺนานํ ยาคุภตฺตาทีนิ เทนฺเตน เอกสฺส โจเทตุกามตาย อทินฺเนปิ โจทนา นาม น โหตีติ อาห ‘‘น ตาว ตา โจทนา โหตี’’ติ.

๒๓๑. โจเทตพฺโพติ จุทิโต, จุทิโต เอว จุทิตโก, อปราธวนฺโต ปุคฺคโล. โจเทตีติ โจทโก, อปราธปกาสโก. จุทิตโก จ โจทโก จ จุทิตกโจทกา. อุพฺพาหิกายาติ อุพฺพหนฺติ วิโยเชนฺติ เอตาย อลชฺชีนํ ตชฺชนึ วา กลหํ วาติ อุพฺพาหิกา, สงฺฆสมฺมุติ, ตาย. วินิจฺฉินนํ นาม ตาย สมฺมตภิกฺขูหิ วินิจฺฉินนเมว. อลชฺชุสฺสนฺนาย หิ ปริสาย สมถกฺขนฺธเก อาคเตหิ ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคตา ทฺเว ตโย ภิกฺขู ตตฺเถว วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ สมถกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๓๑-๒๓๒) –

‘‘เตหิ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอวรูปํ อธิกรณํ อุพฺพาหิกาย วูปสเมตุํ. ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตพฺโพ, สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา, อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส, วินเย โข ปน เฉโก โหติ อสํหีโร, ปฏิพโล โหติ อุโภ อตฺถปจฺจตฺถิเก อสฺสาเสตุํ สฺาเปตุํ นิชฺฌาเปตุํ เปกฺเขตุํ ปสฺสิตุํ ปสาเทตุํ, อธิกรณสมุปฺปาทวูปสมกุสโล โหติ, อธิกรณํ ชานาติ, อธิกรณสมุทยํ ชานาติ, อธิกรณนิโรธํ ชานาติ, อธิกรณนิโรธคามินิปฏิปทํ ชานาติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตุํ.

‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามฺจ อิตฺถนฺนามฺจ ภิกฺขุํ สมฺมนฺเนยฺย อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. สงฺโฆ อิตฺถนฺนามฺจ อิตฺถนฺนามฺจ ภิกฺขุํ สมฺมนฺนติ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส จ อิตฺถนฺนามสฺส จ ภิกฺขุโน สมฺมุติ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จ ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.

เตหิ จ สมฺมเตหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา ตสฺสา เอว วา ปริสาย ‘‘อฺเหิ น กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ สาเวตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตพฺพํ. ตุมฺหากนฺติ จุทิตกโจทเก สนฺธาย วุตฺตํ.

‘‘กิมฺหีติ กิสฺมึ วตฺถุสฺมึ. กิมฺหิ นมฺปิ น ชานาสีติ กิมฺหิ นนฺติ วจนมฺปิ น ชานาสิ. นาสฺส อนุโยโค ทาตพฺโพติ นาสฺส ปุจฺฉา ปฏิปุจฺฉา ทาตพฺพา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๘๖) ปน – กิมฺหีติ กิสฺมึ วตฺถุสฺมึ, กตรวิปตฺติยนฺติ อตฺโถ. กิมฺหิ นํ นามาติ อิทํ ‘‘กตราย วิปตฺติยา เอตํ โจเทสี’’ติ ยาย กายจิ วิฺายมานาย ภาสาย วุตฺเตปิ โจทกสฺส วินเย อปกตฺุตาย ‘‘สีลาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีสุ กตรายาติ มํ ปุจฺฉตี’’ติ วิฺาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ปุจฺฉา, น ปน ‘‘กิมฺหี’’ติอาทิปทตฺถมตฺตํ อชานนฺตสฺส. น หิ อนุวิชฺชโก โจทกํ พาลํ อปริจิตภาสาย ‘‘กิมฺหิ น’’นฺติ ปุจฺฉติ. กิมฺหิ นมฺปิ น ชานาสีติ อิทมฺปิ วจนมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ. ‘‘กตรวิปตฺติยา’’ติ วุตฺเต ‘‘อสุกาย วิปตฺติยา’’ติ วตฺตุมฺปิ ‘‘น ชานาสี’’ติ วจนสฺส อธิปฺปายเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘นาสฺส อนุโยโค ทาตพฺโพ’’ติ.

‘‘ตสฺส นโย ทาตพฺโพ’’ติ ตสฺสาติ พาลสฺส ลชฺชิสฺส. ‘‘ตสฺส นโย ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา จ ‘‘กิมฺหิ นํ โจเทสีติ สีลวิปตฺติยา’’ติอาทิ อธิปฺปายปฺปกาสนเมว นยทานํ วุตฺตํ, น ปน กิมฺหิ-นํ-ปทานํปริยายมตฺตทสฺสนํ. น หิ พาโล ‘‘กตรวิปตฺติยํ นํ โจเทสี’’ติ อิมสฺส วจนสฺส อตฺเถ าเตปิ วิปตฺติปฺปเภทํ, อตฺตนา โจทิยมานํ วิปตฺติสรูปฺจ ชานิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เตเนว อชานเนน อลชฺชี อปสาเทตพฺโพ. กิมฺหิ นนฺติ อิทมฺปิ อุปลกฺขณมตฺตํ. อฺเน วา เยน เกนจิ อากาเรน อวิฺุตํ ปกาเสตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพว. ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติอาทิวจนโต ‘‘อลชฺชีนิคฺคหตฺถาย…เป… ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอหิตีติ เอติ, หิ-กาโร เอตฺถ อาคโม ทฏฺพฺโพ, อาคมิสฺสตีติ อตฺโถ. ทิฏฺสนฺตาเนนาติ ทิฏฺนิยาเมน. อลชฺชิสฺส ปฏิฺาย เอว กาตพฺพนฺติ วจนปฏิวจนกฺกเมเนว โทเส อาวิภูเตปิ อลชฺชิสฺส ‘‘อสุทฺโธ อห’’นฺติ โทสสมฺปฏิจฺฉนปฏิฺาย เอว อาปตฺติยา กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘อลชฺชิสฺส เอตํ นตฺถีติ สุทฺธปฏิฺาย เอว อนาปตฺติยา กาตพฺพนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ สงฺคหิโต’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อนุวิชฺชกสฺเสว นิรตฺถกตฺตาปตฺติโต, โจทเกเนว อลชฺชิปฏิฺาย าตพฺพโต. โทโสปคมปฏิฺา เอว หิ อิธ ปฏิฺาติ อธิปฺเปตา, เตเนว วกฺขติ ‘‘เอตมฺปิ นตฺถิ, เอตมฺปิ นตฺถีติ ปฏิฺํ น เทตี’’ติอาทิ.

ตทตฺถทีปนตฺถนฺติ อลชฺชิสฺส โทเส อาวิภูเตปิ ตสฺส โทโสปคมปฏิฺาย เอว กาตพฺพตาทีปนตฺถํ. วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา. สฺํ ทตฺวาติ เตสํ กถาปจฺเฉทตฺถํ อภิมุขกรณตฺถฺจ สทฺทํ กตฺวา. วินิจฺฉินิตุํ อนนุจฺฉวิโกติ อสุทฺโธติ สฺาย โจทกปกฺเข ปวิฏฺตฺตา อนุวิชฺชกภาวโต พหิภูตตฺตา อนุวิชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺเทเห เอว หิ สติ อนุวิชฺชิตุํ สกฺกา, อสุทฺธลทฺธิยา ปน สติ จุทิตเกน วุตฺตํ สพฺพํ อสจฺจโตปิ ปฏิภาติ, กถํ ตตฺถ อนุวิชฺชนา สิยาติ.

ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตีติ อิมินา วินิจฺฉยมฺปิ อทตฺวา สงฺฆโต วิโยชนํ นาม ลิงฺคนาสนา วิย อยมฺปิ เอโก นาสนปฺปกาโรติ ทสฺเสติ. เอกสมฺโภคปริโภคาติ อิทํ อตฺตโน สนฺติกา เตสํ วิโมจนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เตสํ อฺมฺสมฺโภเค โยชนตฺถํ.

วิรทฺธํ โหตีติ สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. อาทิโต ปฏฺาย อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิทํ ‘‘ปกฺขานํ อนุรกฺขณตฺถาย ปฏิฺํ น เทตี’’ติ อิมสฺส อลชฺชีลกฺขณสมฺภวสฺส กรณวจนํ. ปฏิจฺฉาทิตกาลโต ปฏฺาย อลชฺชี นาม เอว, ปุริโม ลชฺชิภาโว น รกฺขตีติ อตฺโถ. ปฏิฺํ น เทตีติ ‘‘สเจ มยา กตโทสํ วกฺขามิ, มยฺหํ อนุวตฺตกา ภิชฺชิสฺสนฺตี’’ติ ปฏิฺํ น เทติ. าเน น ติฏฺตีติ ลชฺชิฏฺาเน น ติฏฺติ, กายวาจาสุ วีติกฺกโม โหติ เอวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘วินิจฺฉโย น ทาตพฺโพ’’ติ, ปุพฺเพ ปกฺขิกานํ ปฏิฺาย วูปสมิตสฺสปิ อธิกรณสฺส ทุวูปสนฺตตาย อยมฺปิ ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย.

๒๓๒. อทินฺนาทานวตฺถุํ วินิจฺฉินนฺเตน ปฺจวีสติ อวหารา สาธุกํ สลฺลกฺเขตพฺพาติ เอตฺถ ปฺจวีสติ อวหารา นาม ปฺจ ปฺจกานิ, ตตฺถ ปฺจ ปฺจกานิ นาม นานาภณฺฑปฺจกํ เอกภณฺฑปฺจกํ สาหตฺถิกปฺจกํ ปุพฺพปโยคปฺจกํ เถยฺยาวหารปฺจกนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) ‘‘เต ปน อวหารา ปฺจ ปฺจกานิ สโมธาเนตฺวา สาธุกํ สลฺลกฺเขตพฺพา’’ติอาทิ. ตตฺถ นานาภณฺฑปฺจกเอกภณฺฑปฺจกานิ ปทภาชเน (ปารา. ๙๒) วุตฺตานํ ‘‘อาทิเยยฺย, หเรยฺย, อวหเรยฺย, อิริยาปถํ วิโกเปยฺย, านา จาเวยฺยา’’ติ อิเมสํ ปทานํ วเสน ลพฺภนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ โปราเณหิ –

‘‘อาทิยนฺโต หรนฺโตว;

หรนฺโต อิริยาปถํ;

วิโกเปนฺโต ตถา านา;

จาเวนฺโตปิ ปราชิโก’’ติ.

ตตฺถ นานาภณฺฑปฺจกํ สวิฺาณกอวิฺาณกวเสน ทฏฺพฺพํ, อิตรํ สวิฺาณกวเสเนว. กถํ? อาทิเยยฺยาติ อารามํ อภิยุฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. สามิโก ‘‘น มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. หเรยฺยาติ อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโต สีเส ภารํ เถยฺยจิตฺโต อามสติ, ทุกฺกฏํ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํ. ขนฺธํ โอโรเปติ, ปาราชิกํ. อวหเรยฺยาติ อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑํ ‘‘เทหิ เม ภณฺฑ’’นฺติ วุจฺจมาโน ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติ ภณติ, ทุกฺกฏํ. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ, ถุลฺลจฺจยํ. สามิโก ‘‘น มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, ปาราชิกํ. อิริยาปถํ วิโกเปยฺยาติ ‘‘สหภณฺฑหารกํ เนสฺสามี’’ติ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, ถุลฺลจฺจยํ. ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํ. านา จาเวยฺยาติ ถลฏฺํ ภณฺฑํ เถยฺยจิตฺโต อามสติ, ทุกฺกฏํ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํ. านา จาเวติ, ปาราชิกํ. เอวํ ตาว นานาภณฺฑปฺจกํ เวทิตพฺพํ. สสฺสามิกสฺส ปน ทาสสฺส วา ติรจฺฉานคตสฺส วา ยถาวุตฺเตน อภิโยคาทินา นเยน อาทิยนหรณ อวหรณ อิริยาปถวิโกปน านาจาวนวเสน เอกภณฺฑปฺจกํ เวทิตพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ตตฺถ นาเนกภณฺฑานํ, ปฺจกานํ วสา ปน;

อาทิยนาทิปฺจกา, ทุวิธาติ อุทีริตา’’ติ.

กตมํ สาหตฺถิกปฺจกํ? สาหตฺถิโก อาณตฺติโก นิสฺสคฺคิโย อตฺถสาธโก ธุรนิกฺเขโปติ. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘สาหตฺถาณตฺติโก เจว, นิสฺสคฺคิโยตฺถสาธโก;

ธุรนิกฺเขปโก จาติ, อิทํ สาหตฺถปฺจก’’นฺติ.

ตตฺถ สาหตฺถิโก นาม ปรสฺส ภณฺฑํ สหตฺถา อวหรติ. อาณตฺติโก นาม ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อฺํ อาณาเปติ. นิสฺสคฺคิโย นาม สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสานํ อนฺโต ตฺวา พหิ ปาตนํ. อตฺถสาธโก นาม ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ อวหรา’’ติ อาณาเปติ. ตตฺถ สเจ ปโร อนนฺตรายิโก หุตฺวา ตํ อวหรติ, อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกํ. ปรสฺส วา ปน เตลกุมฺภิยา ปาทคฺฆนกํ เตลํ อวสฺสํ ปิวนกานิ อุปาหนาทีนิ ปกฺขิปติ, หตฺถโต มุตฺตมตฺเตเยว ปาราชิกํ. ธุรนิกฺเขโป ปน อารามาภิโยคอุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน เวทิตพฺโพ. ตาวกาลิกภณฺฑเทยฺยานิ อเทนฺตสฺสปิ เอเสว นโยติ อิทํ สาหตฺถิกปฺจกํ.

กตมํ ปุพฺพปโยคปฺจกํ? ปุพฺพปโยโค สหปโยโค สํวิทาวหาโร สงฺเกตกมฺมํ นิมิตฺตกมฺมนฺติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ปุพฺพสหปโยโค จ, สํวิทาหรณํ ตถา;

สงฺเกตกมฺมํ นิมิตฺตํ, อิทํ สาหตฺถปฺจก’’นฺติ.

ตตฺถ อาณตฺติวเสน ปุพฺพปโยโค เวทิตพฺโพ. านาจาวนวเสน, ขิลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสน จ สหปโยโค เวทิตพฺโพ. สํวิทาวหาโร นาม ‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามา’’ติ สํวิทหิตฺวา สมฺมนฺตยิตฺวา อวหรณํ. เอวํ สํวิทหิตฺวา คเตสุ หิ เอเกนปิ ตสฺมึ ภณฺเฑ านา จาวิเต สพฺเพสํ อวหาโร โหติ. สงฺเกตกมฺมํ นาม สฺชานนกมฺมํ. สเจ หิ ปุเรภตฺตาทีสุ ยํ กิฺจิ กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อสุกสฺมึ กาเล อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ วุตฺโต สงฺเกตโต อปจฺฉา อปุเร ตํ อวหรติ, สงฺเกตการกสฺส สงฺเกตกรณกฺขเณเยว อวหาโร. นิมิตฺตกมฺมํ นาม สฺุปฺปาทนตฺถํ อกฺขินิขณนาทินิมิตฺตกรณํ. สเจ หิ เอวํ กตนิมิตฺตโต อปจฺฉา อปุเร ‘‘ยํ อวหรา’’ติ วุตฺโต, ตํ อวหรติ, นิมิตฺตการกสฺส นิมิตฺตกฺขเณเยว อวหาโรติ อิทํ ปุพฺพปโยคปฺจกํ.

กตมํ เถยฺยาวหารปฺจกํ? เถยฺยาวหาโร ปสยฺหาวหาโร ปริกปฺปาวหาโร ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร กุสาวหาโรติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เถยฺยา ปสยฺหา ปริกปฺปา, ปฏิจฺฉนฺนา กุสา ตถา;

อวหารา อิเม ปฺจ, เถยฺยาวหารปฺจก’’นฺติ.

ตตฺถ โย สนฺธิจฺเฉทาทีนิ กตฺวา อทิสฺสมาโน อวหรติ, กูฏตุลากูฏมานกูฏกหาปณาทีหิ วา วฺเจตฺวา คณฺหาติ, ตสฺเสวํ คณฺหโต อวหาโร เถยฺยาวหาโรติ เวทิตพฺโพ. โย ปน ปสยฺห พลกฺกาเรน ปเรสํ สนฺตกํ คณฺหาติ คามฆาตกาทโย วิย, อตฺตโน ปตฺตพลิโต วา วุตฺตนเยเนว อธิกํ คณฺหาติ ราชภฏาทโย วิย, ตสฺเสวํ คณฺหโต อวหาโร ปสยฺหาวหาโรติ เวทิตพฺโพ. ปริกปฺเปตฺวา คหณํ ปน ปริกปฺปาวหาโร นาม.

โส ภณฺโฑกาสสฺส วเสน ทุวิโธ. ตตฺรายํ ภณฺฑปริกปฺโป – สาฏกตฺถิโก อนฺโตคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามิ. สเจ สุตฺตํ, น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปตฺวา อนฺธกาเร ปสิพฺพกํ คณฺหาติ. ตตฺร เจ สาฏโก โหติ, อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํ. สุตฺตฺเจ โหติ, รกฺขติ. พหิ นีหริตฺวา มุฺจิตฺวา ‘‘สุตฺต’’นฺติ ตฺวา ปุน อาหริตฺวา เปติ, รกฺขติเยว. ‘‘สุตฺต’’นฺติ ตฺวาปิ ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ คจฺฉติ, ปทวาเรน กาเรตพฺโพ. ภูมิยํ เปตฺวา คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํ. ‘‘โจโร โจโร’’ติ อนุพนฺโธ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายติ, รกฺขติ. สามิกา ทิสฺวา คณฺหนฺติ, รกฺขติเยว. อฺโ เจ คณฺหาติ, ภณฺฑเทยฺยํ. สามิเกสุ นิวตฺตนฺเตสุ สยํ ทิสฺวา ปํสุกูลสฺาย ‘‘ปเคเวตํ มยา คหิตํ, มม ทานิ สนฺตก’’นฺติ คณฺหนฺตสฺสปิ ภณฺฑเทยฺยเมว. ตตฺถ ยฺวายํ ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺโต ปริกปฺโป, อยํ ภณฺฑปริกปฺโป นาม. โอกาสปริกปฺโป ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – เอกจฺโจ ปน ปรปริเวณาทีนิ ปวิฏฺโ กิฺจิ โลภเนยฺยภณฺฑํ ทิสฺวา คพฺภทฺวารปมุขเหฏฺา ปาสาททฺวารโกฏฺกรุกฺขมูลาทิวเสน ปริจฺเฉทํ กตฺวา ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฏฺุกามตาย คเหตฺวา วิจรนฺโต วิย ทสฺสามิ. โน เจ ปสฺสิสฺสนฺติ, หริสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปติ, ตสฺส ตํ อาทาย ปริกปฺปิตปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตมตฺเต อวหาโร โหติ. อิติ ยฺวายํ วุตฺตนเยเนว ปวตฺโต ปริกปฺโป, อยํ โอกาสปริกปฺโป นาม. เอวมิเมสํ ทฺวินฺนํ ปริกปฺปานํ วเสน ปริกปฺเปตฺวา คณฺหโต อวหาโร ปริกปฺปาวหาโรติ เวทิตพฺโพ.

ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปน อวหรณํ ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร. โส เอวํ เวทิตพฺโพ – โย ภิกฺขุ อุยฺยานาทีสุ ปเรสํ โอมุฺจิตฺวา ปิตํ องฺคุลิมุทฺทิกาทึ ทิสฺวา ‘‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส เอตฺตาวตา อุทฺธาโร นตฺถีติ น ตาว อวหาโร โหติ. ยทา ปน สามิกา วิจินนฺตา อปสฺสิตฺวา ‘‘สฺเว ชานิสฺสามา’’ติ สาลยาว คตา โหนฺติ, อถสฺส ตํ อุทฺธรโต อุทฺธาเร อวหาโร. ‘‘ปฏิจฺฉนฺนกาเลเยว เอตํ มม สนฺตก’’นฺติ สกสฺาย วา ‘‘คตาทานิ เต, ฉฑฺฑิตภณฺฑํ อิท’’นฺติ ปํสุกูลสฺาย วา คณฺหนฺตสฺส ปน ภณฺฑเทยฺยํ. เตสุ ทุติยตติยทิวเส อาคนฺตฺวา วิจินิตฺวา อทิสฺวา ธุรนิกฺเขปํ กตฺวา คเตสุปิ คหิตํ ภณฺฑเทยฺยเมว. ปจฺฉา ตฺวา โจทิยมานสฺส อททโต สามิกานํ ธุรนิกฺเขเป อวหาโร โหติ. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺส ปโยเคน เตหิ น ทิฏฺํ. โย ปน ตถารูปํ ภณฺฑํ ยถาาเน ิตํเยว อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา เถยฺยจิตฺโต ปาเทน อกฺกมิตฺวา กทฺทเม วา วาลิกาย วา ปเวเสติ, ตสฺส ปเวสิตมตฺเตเยว อวหาโร.

กุสํ สงฺกาเมตฺวา ปน อวหรณํ กุสาวหาโร นาม. โสปิ เอวํ เวทิตพฺโพ – โย ภิกฺขุ วิลีวมยํ วา ตาลปณฺณมยํ วา กตสฺาณํ ยํ กิฺจิ กุสํ ปาเตตฺวา จีวเร ภาชิยมาเน อตฺตโน โกฏฺาสสฺส สมีเป ิตํ สมคฺฆตรํ วา มหคฺฆตรํ วา สมสมํ วา อคฺเฆน ปรสฺส โกฏฺาสํ หริตุกาโม อตฺตโน โกฏฺาเส ปติตํ กุสํ ปรสฺส โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธรติ, รกฺขติ ตาว. ปรสฺส โกฏฺาเส ปาติเต รกฺขเตว. ยทา ปน ตสฺมึ ปติเต ปรสฺส โกฏฺาสโต ปรสฺส กุสํ อุทฺธรติ, อุทฺธฏมตฺเต อวหาโร. สเจ ปมตรํ ปรสฺส โกฏฺาสโต กุสํ อุทฺธรติ, อตฺตโน โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธาเร รกฺขติ, ปาตเนปิ รกฺขติ. อตฺตโน โกฏฺาสโต ปน อตฺตโน กุสํ อุทฺธรโต อุทฺธาเรเยว รกฺขติ, ตํ อุทฺธริตฺวา ปรโกฏฺาเส ปาเตนฺตสฺส หตฺถโต มุตฺตมตฺเต อวหาโร โหติ, อยํ กุสาวหาโร. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกโต (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) คเหตพฺโพ.

ตุลยิตฺวาติ อุปปริกฺขิตฺวา.

สามีจีติ วตฺตํ, อาปตฺติ ปน นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

มหาชนสมฺมทฺโทติ มหาชนสงฺโขโภ. ภฏฺเ ชนกาเยติ อปคเต ชนกาเย. ‘‘อิทฺจ กาสาวํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา เอตสฺเสว ภิกฺขุโน เทหี’’ติ กึ การณา เอวมาห? จีวรสฺสามิเกน ธุรนิกฺเขโป กโต, ตสฺมา ตสฺส อทินฺนํ คเหตุํ น วฏฺฏติ. อวหารโกปิ วิปฺปฏิสารสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย จีวรสฺสามิกํ ปริเยสนฺโต วิจรติ ‘‘ทสฺสามี’’ติ, จีวรสฺสามิเกน จ ‘‘มเมต’’นฺติ วุตฺเต เอเตนปิ อวหารเกน อาลโย ปริจฺจตฺโต, ตสฺมา เอวมาห. ยทิ เอวํ จีวรสฺสามิโกเยว ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ คณฺหาหี’’ติ กสฺมา น วุตฺโตติ? อุภินฺนํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ. กถํ? อวหารกสฺส ‘‘มยา สหตฺเถน น ทินฺนํ, ภณฺฑเทยฺยเมต’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺเชยฺย, อิตรสฺส ‘‘มยา ปมํ ธุรนิกฺเขปํ กตฺวา ปจฺฉา อทินฺนํ คหิต’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺเชยฺยาติ.

สมคฺฆนฺติ อปฺปคฺฆํ.

ทารุอตฺถํ ผรตีติ ทารูหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ สาเธติ. มยิ สนฺเตติอาทิ สพฺพํ รฺา ปสาเทน วุตฺตํ, เถเรน ปน ‘‘อนนุจฺฉวิกํ กต’’นฺติ น มฺิตพฺพํ.

เอกทิวสํ ทนฺตกฏฺจฺเฉทนาทินา ยา อยํ อคฺฆหานิ วุตฺตา, สา ภณฺฑสฺสามินา กิณิตฺวา คหิตเมว สนฺธาย วุตฺตา. สพฺพํ ปเนตํ อฏฺกถาจริยปฺปมาเณน คเหตพฺพํ. ปาสาณฺจ สกฺขรฺจ ปาสาณสกฺขรํ.

‘‘ธาเรยฺย อตฺถํ วิจกฺขโณ’’ติ อิมสฺเสว วิวรณํ ‘‘อาปตฺตึ วา อนาปตฺตึ วา’’ติอาทิ. ‘‘สิกฺขาปทํ สมํ เตนา’’ติ อิโต ปุพฺเพ เอกา คาถา –

‘‘ทุติยํ อทุติเยน, ยํ ชิเนน ปกาสิตํ;

ปราชิตกิเลเสน, ปาราชิกปทํ อิธา’’ติ.

ตาย สทฺธึ ฆเฏตฺวา อทุติเยน ปราชิตกิเลเสน ชิเนน ทุติยํ ยํ อิทํ ปาราชิกปทํ ปกาสิตํ, อิธ เตน สมํ อเนกนยโวกิณฺณํ คมฺภีรตฺถวินิจฺฉยํ อฺํ กิฺจิ สิกฺขาปทํ น วิชฺชตีติ โยชนา. ตตฺถ ปราชิตกิเลเสนาติ สนฺตาเน ปุน อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเน จตูหิ มคฺคาเณหิ สห วาสนาย สมุจฺฉินฺนสพฺพกิเลเสน. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๕๙) ปน ‘‘ปราชิตกิเลเสนาติ วิชิตกิเลเสน, นิกิเลเสนาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน.

เตนาติ เตน ทุติยปาราชิกสิกฺขาปเทน. อตฺโถ นาม ปาฬิอตฺโถ. วินิจฺฉโย นาม ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย. อตฺโถ จ วินิจฺฉโย จ อตฺถวินิจฺฉยา, เต คมฺภีรา ยสฺมินฺติ คมฺภีรตฺถวินิจฺฉยํ . วตฺถุมฺหิ โอติณฺเณติ โจทนาวเสน วา อตฺตนาว อตฺตโน วีติกฺกมาโรจนวเสน วา สงฺฆมชฺเฌ อทินฺนาทานวตฺถุสฺมึ โอติณฺเณ. เอตฺถาติ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ. วินิจฺฉโยติ อาปตฺตานาปตฺตินิยมนํ. อวตฺวาวาติ ‘‘ตฺวํ ปาราชิกํ อาปนฺโน’’ติ อวตฺวาว. กปฺปิเยปิ จ วตฺถุสฺมินฺติ อตฺตนา คเหตุํ กปฺปิเย มาตุปิตุอาทิสนฺตเกปิ วตฺถุสฺมึ. ลหุวตฺติโนติ เถยฺยจิตฺตุปฺปาเทน ลหุปริวตฺติโน. อาสีวิสนฺติ สีฆเมว สกลสรีเร ผรณสมตฺถวิสํ.

๒๓๓. ปกติมนุสฺเสหิ อุตฺตริตรานํ พุทฺธาทิอุตฺตมปุริสานํ อธิคมธมฺโมติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, ตสฺส ปเรสํ อาโรจนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนํ. ตํ วินิจฺฉินนฺเตน ฉ านานิ โสเธตพฺพานีติ โยชนา. ตตฺถ กึ เต อธิคตนฺติ อธิคมปุจฺฉา. กินฺติ เต อธิคตนฺติ อุปายปุจฺฉา. กทา เต อธิคตนฺติ กาลปุจฺฉา. กตฺถ เต อธิคตนฺติ โอกาสปุจฺฉา. กตเม เต กิเลสา ปหีนาติ ปหีนกิเลสปุจฺฉา. กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภีติ ปฏิลทฺธธมฺมปุจฺฉา. อิทานิ ตเมว ฉฏฺานวิโสธนํ วิตฺถาเรตุมาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน พฺยากรณวจนมตฺเตน น สกฺกาโร กาตพฺโพ. พฺยากรณฺหิ เอกสฺส อยาถาวโตปิ โหตีติ. อิเมสุ ฉสุ าเนสุ โสธนตฺถํ เอวํ วตฺตพฺโพติ ยถา นาม ชาตรูปปติรูปกมฺปิ ชาตรูปํ วิย ขายตีติ ชาตรูปํ นิฆํสนตาปนเฉทเนหิ โสเธตพฺพํ, เอวเมว อิทาเนว วุตฺเตสุ ฉสุ าเนสุ ปกฺขิปิตฺวา โสธนตฺถํ วตฺตพฺโพ. วิโมกฺขาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน สมาปตฺติาณทสฺสนมคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทึ สงฺคณฺหาติ. ปากโฏ โหติ อธิคตวิเสสสฺส สติสมฺโมสาภาวโต. เสสปุจฺฉาสุปิ ‘‘ปากโฏ โหตี’’ติ ปเท เอเสว นโย.

สพฺเพสฺหิ อตฺตนา อธิคตมคฺเคน ปหีนา กิเลสา ปากฏา โหนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. กสฺสจิ หิ อตฺตนา อธิคตมคฺควชฺฌกิเลเสสุ สนฺเทโห อุปฺปชฺชติเยว มหานามสฺส สกฺกสฺส วิย. โส หิ สกทาคามี สมาโนปิ ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – โก สุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน, เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗๕) ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. อยํ กิร ราชา สกทาคามิมคฺเคน โลภโทสโมหา นิรวเสสา ปหียนฺตีติ สฺี อโหสีติ.

ยาย ปฏิปทาย ยสฺส อริยมคฺโค อาคจฺฉติ, สา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติ อาคมนปฏิปทา. โสเธตพฺพาติ สุทฺธา, อุทาหุ น สุทฺธาติ วิจารณวเสน โสเธตพฺพา. ‘‘น สุชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ ปมาทปฏิปตฺติสมฺภวโต. อปเนตพฺโพติ อตฺตโน ปฏิฺาย อปเนตพฺโพ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๙๗-๑๙๘). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๙๗) ปน ‘‘น สุชฺฌตีติ ปุจฺฉิยมาโน ปฏิปตฺติกฺกมํ อุลฺลงฺฆิตฺวา กเถสิ. อปเนตพฺโพติ ตยา วุตฺตกฺกเมนายํ ธมฺโม น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ อธิคตมานโต อปเนตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สุชฺฌตี’’ติ วตฺวา สุชฺฌนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทีฆรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฺายตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ยที’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ยทิ โส ภิกฺขุ ตาย ปฏิปทาย ปฺายตีติ สมฺพนฺโธ. จตูสุ ปจฺจเยสุ อลคฺคตฺตา ‘‘อากาเส ปาณิสเมน เจตสา’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตสทิสํ พฺยากรณํ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ วุตฺตสทิสนฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน พฺยากรณํ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺเตน สทิสํ, สมนฺติ อตฺโถ. ขีณาสวสฺส ปฏิปตฺติสทิสา ปฏิปตฺติ โหตีติ ทีฆรตฺตํ สุวิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตา, อิทฺจ อรหตฺตํ ปฏิชานนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ขีณาสวสฺส นามา’’ติอาทิ. ขีณาสวสฺส นาม…เป… น โหตีติ ปหีนวิปลฺลาสตฺตา, ชีวิตนิกนฺติยา จ อภาวโต น โหติ, ปุถุชฺชนสฺส ปน อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชีวิตนิกนฺติสพฺภาวโต จ อปฺปมตฺตเกนปิ โหติ, เอวํ สุวิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส วตฺตนเสกฺขธมฺมปฏิชานนํ อิมินา ภยุปฺปาทเนน, อมฺพิลาทิทสฺสเน เขฬุปฺปาทาทินา จ น สกฺกา วีมํสิตุํ, ตสฺมา ตสฺส วจเนเนว ตํ สทฺธาตพฺพํ.

อยํ ภิกฺขุ สมฺปนฺนเวยฺยากรโณติ อิทํ น เกวลํ อภายนกเมว สนฺธาย วุตฺตํ เอกจฺจสฺส สูรชาติกสฺส ปุถุชฺชนสฺสปิ อภายนโต, รชฺชนียารมฺมณานํ พทรสาฬวาทิอมฺพิลมทฺทนาทีนํ อุปโยชเนปิ เขฬุปฺปาทาทิตณฺหุปฺปตฺติรหิตํ สพฺพถา สุวิโสธิตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๒๓๔. ‘‘นีหริตฺวาติ สาสนโต นีหริตฺวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘นีหริตฺวาติ ปาฬิโต อุทฺธริตฺวา’’ติ. ตถา หิ ‘‘ปฺจหุปาลิ, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นานุยุฺชิตพฺพํ. กตเมหิ ปฺจหิ? สุตฺตํ น ชานาติ, สุตฺตานุโลมํ น ชานาตี’’ติอาทิปาฬิโต (ปริ. ๔๔๒) สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ นีหรึสุ, ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห ปริปุจฺฉาติ ภณตี’’ติ เอวมาทิโต อาจริยวาทํ, ‘‘อายสฺมา อุปาลิ เอวมาห ‘อนาปตฺติ อาวุโส สุปินนฺเตนา’’ติ (ปารา. ๗๘) เอวมาทิโต อตฺตโนมตึ นีหรึสุ. สา จ เถรสฺส อตฺตโนมติ สุตฺเตน สงฺคหิตตฺตา สุตฺตํ ชาตํ, เอวมฺาปิ สุตฺตาทีหิ สงฺคหิตาว คเหตพฺพา, เนตราติ เวทิตพฺพํ. อถ วา นีหริตฺวาติ วิภชิตฺวา, สาฏฺกถํ สกลํ วินยปิฏกํ สุตฺตาทีสุ จตูสุ ปเทเสสุ ปกฺขิปิตฺวา จตุธา วิภชิตฺวา วินยํ ปกาเสสุํ ตพฺพินิมุตฺตสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโย. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ‘‘นีหริตฺวาติ เอตฺถ สาสนโต นีหริตฺวาติ อตฺโถ…เป… ตาย หิ อตฺตโนมติยา เถโร เอตทคฺคฏฺปนํ ลภติ. อปิจ วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘อนุปสมฺปนฺเนน ปฺตฺเตน วา อปฺตฺเตน วา วุจฺจมาโน…เป… อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ. ตตฺถ หิ ปฺตฺตํ นาม สุตฺตํ, เสสตฺตยํ อปฺตฺตํ นาม. เตนายํ ‘จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา’ติ คาถา สุวุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

วุตฺตนฺติ มิลินฺทปฺเห นาคเสนตฺเถเรน วุตฺตํ. ปชฺชเต อเนน อตฺโถติ ปทํ, ภควตา กณฺาทิวณฺณุปฺปตฺติฏฺานํ อาหจฺจ วิเสเสตฺวา ภาสิตํ ปทํ อาหจฺจปทํ, ภควโตเยว วจนํ. เตนาห ‘‘อาหจฺจปทนฺติ สุตฺตํ อธิปฺเปต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘กณฺาทิวณฺณุปฺปตฺติฏฺานกรณาทีหิ นีหริตฺวา อตฺตโน วจีวิฺตฺติยาว ภาสิตํ วจนํ อาหจฺจปท’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ปน ‘‘อฏฺ วณฺณฏฺานานิ อาหจฺจ วุตฺเตน ปทนิกาเยนาติ อตฺโถ, อุทาหเฏน กณฺโกฺกนฺเตน ปทสมูเหนาติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ เอวํ อวิเสเสตฺวา ‘‘ยํ ภิกฺขเว มยา ‘อิทํ น กปฺปตี’ติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ, ตฺเจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตสามฺลกฺขณํ อิธ รโสติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘รโสติ สุตฺตานุโลม’’นฺติ. รโสติ สาโร ‘‘ปตฺตรโส’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๖๒๘-๖๓๐) วิย, ปฏิกฺขิตฺตานุฺาตสุตฺตสาโรติ อตฺโถ. รโสติ วา ลกฺขณํ ปฏิวตฺถุกํ อนุทฺธริตฺวา ลกฺขณานุโลเมน วุตฺตตฺตา. รเสนาติ ตสฺส อาหจฺจภาสิตสฺส รเสน, ตโต อุทฺธเฏน วินิจฺฉเยนาติ อตฺโถ. สุตฺตฉายา วิย หิ สุตฺตานุโลมนฺติ. ธมฺมสงฺคาหกปภุติอาจริยปรมฺปรโต อานีตา อฏฺกถาตนฺติ อิธ ‘‘อาจริยวํโส’’ติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘อาจริยวํโสติ อาจริยวาโท’’ติ, อาจริยวาโท ‘‘อาจริยวํโส’’ติ วุตฺโต ปาฬิยํ วุตฺตานํ อาจริยานํ ปรมฺปราย อาภโตว ปมาณนฺติ ทสฺสนตฺถํ. อธิปฺปาโยติ การโณปปตฺติสิทฺโธ อุหาโปหนยปวตฺโต ปจฺจกฺขาทิปมาณปติรูปโก. อธิปฺปาโยติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโนมตี’’ติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ.

วินยปิฏเก ปาฬีติ อิธ อธิการวเสน วุตฺตํ, เสสปิฏเกสุปิ สุตฺตาทิจตุนยา ยถานุรูปํ ลพฺภนฺเตว.

‘‘มหาปเทสาติ มหาโอกาสา. มหนฺตานิ วินยสฺส ปติฏฺาปนฏฺานานิ, เยสุ ปติฏฺาปิโต วินโย วินิจฺฉินียติ อสนฺเทหโต, มหนฺตานิ วา การณานิ มหาปเทสา, มหนฺตานิ วินยวินิจฺฉยการณานีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถโต ปน ‘ยํ ภิกฺขเว’ติอาทินา วุตฺตาสาธิปฺปายา ปาฬิเยว มหาปเทสาติ วทนฺติ. เตเนวาห ‘เย ภควตา เอวํ วุตฺตา’ติอาทิ. อิเม จ มหาปเทสา ขนฺธเก อาคตา, ตสฺมา เตสํ วินิจฺฉยกถา ตตฺเถว อาวิ ภวิสฺสตีติ อิธ น วุจฺจตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘มหาปเทสาติ มหาโอกาสา มหาวิสยา, เต อตฺถโต ‘ยํ ภิกฺขเวติอาทิปาฬิวเสน อกปฺปิยานุโลมโต กปฺปิยานุโลมโต จ ปุคฺคเลหิ นยโต ตถา ตถา คยฺหมานา อตฺถนยา เอว. เต หิ ภควตา สรูปโต อวุตฺเตสุปิ ปฏิกฺขิตฺตานุโลเมสุ อนุฺาตานุโลเมสุ จ เสเสสุ กิจฺเจสุ นิวตฺติปวตฺติเหตุตาย มหาโคจราติ ‘มหาปเทสา’ติ วุตฺตา, น ปน ‘ยํ ภิกฺขเว มยา อิทํ น กปฺปตี’ติอาทินา วุตฺตา สาธิปฺปายา ปาฬิเยว ตสฺสา สุตฺเต ปวิฏฺตฺตา. ‘สุตฺตานุโลมมฺปิ สุตฺเต โอตาเรตพฺพํ…เป… สุตฺตเมว พลวตร’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) หิ วุตฺตํ. น เหสา สาธิปฺปายา ปาฬิ สุตฺเต โอตาเรตพฺพา, น คเหตพฺพา วา โหติ. เยนายํ สุตฺตานุโลมํ สิยา, ตสฺมา อิมํ ปาฬิอธิปฺปายํ นิสฺสาย ปุคฺคเลหิ คหิตา ยถาวุตฺตอตฺถาว สุตฺตานุโลมํ, ตํปกาสกตฺตา ปน อยํ ปาฬิปิ สุตฺตานุโลมนฺติ คเหตพฺพํ. เตนาห ‘เย ภควตา เอวํ วุตฺตา’ติอาทิ. ‘ยํ ภิกฺขเว’ติอาทิปาฬินเยน หิ ปุคฺคเลหิ คหิตพฺพา เย อกปฺปิยานุโลมาทโย อตฺถา วุตฺตา, เต มหาปเทสาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ‘‘ปริวารฏฺกถายํ อิธ จ กิฺจาปิ ‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’ติ วุตฺตํ, อถ โข มหาปเทสนยสิทฺธํ ปฏิกฺขิตฺตาปฏิกฺขิตฺตํ อนุฺาตานนุฺาตํ กปฺปิยากปฺปิยนฺติ อตฺถโต วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา ‘านํ โอกาโส ปเทโสติ การณเววจนานิ ‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส’ติอาทิ สาสนโต, ‘นิคฺคหฏฺาน’นฺติ จ ‘อสนฺทิฏฺิฏฺาน’นฺติ จ ‘อสนฺทิฏฺิ จ ปน ปเทโส’ติ จ โลกโต, ตสฺมา มหาปเทสาติ มหาการณานีติ อตฺโถ. การณํ นาม าปโก เหตุ อิธาธิปฺเปตํ, มหนฺตภาโว ปน เตสํ มหาวิสยตฺตา มหาภูตานํ วิย. เต ทุวิธา วินยมหาปเทสา สุตฺตนฺติกมหาปเทสา จาติ. ตตฺถ วินยมหาปเทสา วินเย โยคํ คจฺฉนฺติ, อิตเร อุภยตฺถาปิ, เตเนว ปริวาเร (ปริ. ๔๔๒) อนุโยควตฺเต ‘ธมฺมํ น ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ น ชานาตี’ติ’’ วุตฺตํ. ตตฺถ ธมฺมนฺติ เปตฺวา วินยปิฏกํ อวเสสํ ปิฏกทฺวยํ, ธมฺมานุโลมนฺติ สุตฺตนฺติเก จตฺตาโร มหาปเทเสติอาทิ.

ยทิ สาปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนาว อฏฺกถา, สา ปน ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปมํ ตีณิ ปิฏกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถวณฺณนานุรูเปเนว วาจนามคฺคํ อาโรปิตตฺตา ‘‘อาจริยวาโท’’ติ วุจฺจติ ‘‘อาจริยา วทนฺติ สํวณฺเณนฺติ ปาฬึ เอเตนา’’ติ กตฺวา. เตนาห ‘‘อาจริยวาโท นาม…เป… อฏฺกถาตนฺตี’’ติ. ติสฺโส หิ สงฺคีติโย อารุฬฺโหเยว พุทฺธวจนสฺส อตฺถสํวณฺณนาภูโต กถามคฺโค มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภโต, ปจฺฉา ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ สีหฬภาสาย ปิโต นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรณตฺถํ. ภควโต ปกิณฺณกเทสนาภูตา จ สุตฺตานุโลมภูตา จ อฏฺกถา ยสฺมา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปาฬิวณฺณนากฺกเมน สงฺคเหตฺวา วุตฺตา, ตสฺมา อาจริยวาโทติ วุตฺตา. เอเตน จ อฏฺกถา สุตฺตสุตฺตานุโลเมสุ อตฺถโต สงฺคยฺหตีติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ เอสา, เอวํ อตฺตโนมติปิ ปมาณภูตา. น หิ ภควโต วจนํ วจนานุโลมฺจ อนิสฺสาย อคฺคสาวกาทโยปิ อตฺตโน าณพเลน สุตฺตาภิธมฺมวินเยสุ กิฺจิ สมฺมุติปรมตฺถภูตํ อตฺถํ วตฺตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ วจนํ สุตฺเต สุตฺตานุโลเม จ สงฺคยฺหติ. วิสุํ ปน อฏฺกถาทีนํ สงฺคหิตตฺตา ตทวเสสํ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต คเหตฺวา จตุธา วินโย นิทฺทิฏฺโ.

กิฺจาปิ อตฺตโนมติ สุตฺตาทีหิ สํสนฺทิตฺวาว ปริกปฺปียติ, ตถาปิ สา น สุตฺตาทีสุ วิเสสโต นิทฺทิฏฺาติ อาห ‘‘สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาเท มุฺจิตฺวา’’ติ. อนุพุทฺธิยาติ สุตฺตาทีนิเยว อนุคตพุทฺธิยา. นยคฺคาเหนาติ สุตฺตาทิโต ลพฺภมานนยคฺคหเณน. อตฺตโนมตึ สามฺโต ปมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสู’’ติ วจนโต ปิฏกตฺตยสฺสปิ สาธารณา เอสา กถาติ เวทิตพฺพา. เถรวาโทติ มหาสุมตฺเถราทีนํ คาโห. อิทานิ ตตฺถ ปฏิปชฺชิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺเถนาติ อตฺตนา นยโต คหิเตน อตฺเถน. ปาฬินฺติ อตฺตโน คาหสฺส นิสฺสยภูตํ สาฏฺกถํ ปาฬึ. ปาฬิยาติ ตปฺปฏิกฺเขปตฺถํ ปเรนาภตาย สาฏฺกถาย ปาฬิยา, อตฺตนา คหิตํ อตฺถํ นิสฺสาย, ปาฬิฺจ สํสนฺทิตฺวาติ อตฺโถ. อาจริยวาเทติ อตฺตนา ปเรน จ สมุทฺธฏอฏฺกถาย. โอตาเรตพฺพาติ าเณน อนุปฺปเวเสตพฺพา. โอตรติ เจว สเมติ จาติ อตฺตนา อุทฺธเฏหิ สํสนฺทนวเสน โอตรติ, ปเรน อุทฺธเฏน สเมติ. สพฺพทุพฺพลาติ อสพฺพฺุปุคฺคลสฺส โทสวาสนาย ยาถาวโต อตฺถสมฺปฏิปตฺติอภาวโต วุตฺตํ.

ปมาทปาวเสน อาจริยวาทสฺส สุตฺตานุโลเมน อสํสนฺทนาปิ สิยาติ อาห ‘‘อิตโร น คเหตพฺโพ’’ติ. สเมนฺตเมว คเหตพฺพนฺติ เย สุตฺเตน สํสนฺทนฺติ, เอวรูปาว อตฺถา มหาปเทสโต อุทฺธริตพฺพาติ ทสฺเสติ ตถา ตถา อุทฺธฏอตฺถานํเยว สุตฺตานุโลมตฺตา. เตนาห ‘‘สุตฺตานุโลมโต หิ สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ. อถ วา สุตฺตานุโลมสฺส สุตฺเตกเทสตฺเตปิ สุตฺเต วิย ‘‘อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อาหจฺจภาสิตํ กิฺจิ นตฺถีติ อาห ‘‘สุตฺตา…เป… พลวตร’’นฺติ. อปฺปฏิวตฺติยนฺติ อปฺปฏิพาหิยํ. การกสงฺฆสทิสนฺติ ปมาณตฺตา สงฺคีติการกสงฺฆสทิสํ. ‘‘พุทฺธานํ ิตกาลสทิส’’นฺติ อิมินา พุทฺธานํเยว กถิตธมฺมภาวํ ทสฺเสติ, ธรมานพุทฺธสทิสนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺเต หิ ปฏิพาหิเต พุทฺโธว ปฏิพาหิโต โหติ. ‘‘สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถตีติ สกวาที อตฺตโน สุตฺตํ คเหตฺวา โวหรติ. ปรวาที สุตฺตานุโลมนฺติ อฺนิกายวาที อตฺตโน นิกาเย สุตฺตานุโลมํ คเหตฺวา กเถตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถตีติอาทีสุ โย ยถาภูตมตฺถํ คเหตฺวา กถนสีโล, โส สกวาที. สุตฺตนฺติ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ ปาฬิวจนํ. ปรวาทีติ มหาวิหารวาสี วา โหตุ อฺนิกายวาสี วา, โย วิปรีตโต อตฺถํ คเหตฺวา กถนสีโล, โสว อิธ ‘ปรวาที’ติ วุตฺโต. สุตฺตานุโลมนฺติ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ วา อนารุฬฺหํ วา ยํ กิฺจิ วิปลฺลาสโต วา วฺจนาย วา ‘สงฺคีติตฺตยาคตมิท’นฺติ ทสฺสิยมานํ สุตฺตานุโลมํ. เกจิ ‘อฺนิกาเย สุตฺตานุโลม’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ สกวาทีปรวาทีนํ อุภินฺนมฺปิ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหสุตฺตาทีนเมว คเหตพฺพโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปาฬิอาคตํ ปฺายติ, คเหตพฺพ’นฺติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕). น หิ สกวาที อฺนิกายสุตฺตาทึ ปมาณโต คณฺหาติ. เยน เตสุ สุตฺตาทีสุ ทสฺสิเตสุ ตตฺถ าตพฺพํ ภเวยฺย, วกฺขติ จ ‘ปโร ตสฺส อกปฺปิยภาวสาธกํ สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสติ…เป… สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อกปฺปิเยเยว าตพฺพ’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕), ตสฺมา ปรวาทินาปิ สงฺคีติตฺตเย อนารุฬฺหมฺปิ อนารุฬฺหมิจฺเจว ทสฺสียติ, เกวลํ ตสฺส ตสฺส สุตฺตาทิโน สงฺคีติตฺตเย อนาคตสฺส กูฏตา, อาคตสฺส จ พฺยฺชนจฺฉายาย อฺถา อธิปฺปายโยชนา จ วิเสสา, ตตฺถ จ ยํ กูฏํ, ตํ อปนียติ. ยํ อฺถา โยชิตํ, ตํ ตสฺส วิปรีตตาทสฺสนตฺถํ ตทฺเน สุตฺตาทินา สํสนฺทนา กรียติ. โย ปน ปรวาทินา คหิโต อธิปฺปาโย สุตฺตนฺตาทินา สํสนฺทติ, โส สกวาทินาปิ อตฺตโน คาหํ วิสฺสชฺเชตฺวา คเหตพฺโพติ อุภินฺนมฺปิ สงฺคีติตฺตยาคตเมว สุตฺตํ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนว กถาวตฺถุปกรเณ ‘สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานิ ปรวาเท ปฺจา’ติ, สุตฺตสหสฺสมฺปิ อธิปฺปายคฺคหณนานตฺเตน สงฺคีติตฺตยาคตเมว คหิตํ, น นิกายนฺตเร’’ติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ปน ‘‘ปรวาทีติ อมฺหากํ สมยวิชานนโก อฺนิกายิโกติ วุตฺตํ. ปรวาที สุตฺตานุโลมนฺติ กถํ? ‘อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา’ติ สุตฺตํ สกวาทิสฺส, ตทนุโลมโต นาฬิเกรผลสฺส อุทกมฺปิ อุทกเมว โหตีติ ปรวาที จ.

‘นาฬิเกรสฺส ยํ โตยํ, ปุราณํ ปิตฺตวฑฺฒนํ;

ตเมว ตรุณํ โตยํ, ปิตฺตฆํ พลวฑฺฒน’นฺติ. –

เอวํ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ธฺผลสฺส คติกตฺตา, อาหารตฺถสฺส จ ผรณโต ‘ยาวกาลิกเมว ต’นฺติ วทนฺโต ปฏิกฺขิปตี’’ติ. เขปํ วา ครหํ วา อกตฺวาติ ‘‘กึ อิมินา’’ติ เขปํ ปฏิกฺเขปํ ฉฑฺฑนํ วา ‘‘กิเมส พาโล วทติ, กิเมส พาโล ชานาตี’’ติ ครหํ นินฺทํ วา อกตฺวา. สุตฺตานุโลมนฺติ อตฺตนา อวุตฺตํ อฺนิกาเย สุตฺตานุโลมํ. ‘‘สุตฺเต โอตาเรตพฺพนฺติ สกวาทินา สุตฺเต โอตาเรตพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘สุตฺเต โอตาเรตพฺพนฺติ ยสฺส สุตฺตสฺส อนุโลมนโต อิทํ สุตฺตานุโลมํ อกาสิ, ตสฺมึ, ตทนุรูเป วา อฺตรสฺมึ สุตฺเต อตฺตนา คหิตํ สุตฺตานุโลมํ อตฺถโต สํสนฺทนวเสน โอตาเรตพฺพํ. ‘อิมินา จ อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ สุตฺเต สํสนฺทตี’ติ สํสนฺเทตฺวา ทสฺเสตพฺพนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. สุตฺตสฺมึเยว าตพฺพนฺติ อตฺตโน สุตฺเตเยว าตพฺพํ. อยนฺติ สกวาที. ปโรติ ปรวาที. อาจริยวาโท สุตฺเต โอตาเรตพฺโพติ ยสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนาวเสน อยํ อาจริยวาโท ปวตฺโต, ตสฺมึ, ตาทิเส จ อฺสฺมึ สุตฺเต ปุพฺพาปรอตฺถสํสนฺทนวเสน โอตาเรตพฺพํ. คารยฺหาจริยวาโทติ ปมาทลิขิโต, ภินฺนลทฺธิเกหิ จ ปิโต, เอส นโย สพฺพตฺถ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ปน – ปโร อาจริยวาทนฺติ ‘‘สุงฺกํ ปริหรตีติ เอตฺถ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา กิฺจาปิ ปริหรติ, อวหาโร เอวา’’ติ อฏฺกถาวจนโต ‘‘ตถา กโรนฺโต ปาราชิกมาปชฺชตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ สุตฺตํ ตตฺเถว อาคตมหาอฏฺกถาวจเนน สทฺธึ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ. ตถา กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ. ปโร อตฺตโนมตินฺติ เอตฺถ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปรสนฺตกํ อวหราติ ปุเรภตฺตเมว หริสฺสามีติ วายมนฺตสฺส ปจฺฉาภตฺตํ โหติ, ปุเรภตฺตปโยโคว โส, ตสฺมา มูลฏฺโ น มุจฺจตีติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา มูลฏฺสฺส ปาราชิกเมวา’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘ตํ สงฺเกตํ ปุเร วา ปจฺฉา วา ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺตี’’ติ สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปติ.

ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อนิยตเหตุธมฺโม สมฺมตฺตนิยตเหตุธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ สุตฺตํ ปฏฺาเน ลิขิตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อริยมคฺคสฺส น นิพฺพานเมวารมฺมณ’’นฺติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที อารมฺมณตฺติกาทิสุตฺตานุโลเมน โอตรตีติ ปฏิกฺขิปติ. สุตฺตานุโลเม โอตรนฺตํเยว หิ สุตฺตํ นาม, เนตรํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาฬิอาคตํ ปฺายตี’’ติ เอตฺตเกนปิ สิทฺเธ ‘‘ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปาฬิอาคตํ ปฺายตี’’ติอาทิ. ตาทิสฺหิ ปมาทเลขนฺติ อาจริโย. ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) วจนโต ทินฺนโภชเน ภุฺชิตฺวา ปริสฺสยานิ ปริวชฺชิตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา วิหรนฺโต นิจฺโจ โหตีติ. เอวรูปสฺส อตฺถสฺส อารุฬฺหมฺปิ สุตฺตํ น คเหตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘โน เจ ตถา ปฺายตี’’ติ สิทฺเธปิ ‘‘โน เจ ตถา ปฺายติ, น โอตรติ น สเมตีติ. พาหิรกสุตฺตํ วา’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน สุตฺตมฺปิ อตฺเถน อสเมนฺตํ น คเหตพฺพํ. ปโร อาจริยวาทนฺติอาทีสุ ทฺวีสุ นเยสุ ปมาทเลขวเสน ตตฺถ ตตฺถ อาคตฏฺกถาวจนํ เถรวาเทหิ สทฺธึ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.

อถายํ อาจริยวาทํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตนฺติ ปรวาทินา ‘‘มูลพีชํ นาม หลิทฺทิ สิงฺคิเวรํ วจา…เป… พีเช พีชสฺี ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วา ภินฺทติ วา…เป… อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๙๑) ตุมฺหากํ ปาตฺตา ‘‘หลิทฺทิคณฺึ ฉินฺทนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺเต สกวาที ‘‘ยานิ วา ปนฺานิ อตฺถิ มูเล ชายนฺติ, มูเล สฺชายนฺตี’’ติอาทึ ทสฺเสตฺวา ตสฺส อฏฺกถาสงฺขาเตน อาจริยวาเทน ปฏิกฺขิปติ. น หิ คณฺิมฺหิ คณฺิ ชายตีติ. ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ปรวาทินา ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห’’ติ วจนสฺสานุโลมโต ‘‘อมฺหากํ โปราณภิกฺขู เอกปาสาเท คพฺภํ ถเกตฺวา อนุปสมฺปนฺเนน สยิตุํ วฏฺฏตีติ ตถา กตฺวา อาคตา, ตสฺมา อมฺหากํ วฏฺฏตีติ ตุมฺเหสุ เอว เอกจฺเจสุ วทนฺเตสุ ‘‘ตุมฺหากํ น กิฺจิ วตฺตุํ สกฺกา’’ติ วุตฺเต สกวาที ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ อุคฺคหิตกานํเยว อาจริยานํ อุคฺคโห ปมาณ’’นฺติอาทิอฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ. ปโร อตฺตโนมตินฺติ ‘‘ทฺวารํ วิวริตฺวา อนาปุจฺฉา สยิเตสุ เก มุจฺจนฺตี’’ติ เอตฺถ ปน ทฺเวปิ ชนา มุจฺจนฺติ – โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา อฺเ สพฺเพปิ ยถา ตถา วา นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ.

อถ ปนายํ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘ทิวา กิลนฺตรูโป มฺเจ นิสินฺโน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวาว นิทฺทาวเสน นิปชฺชติ, ตสฺส อนาปตฺตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา เอกภงฺเคน นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ.

อถายํ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ‘‘โทมนสฺสมฺปาหํ เทวานมินฺท ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปีติอาทิวจเนหิ (ที. นิ. ๒.๓๖๐) สํสนฺทนโต สทารโปเส โทโส ตุมฺหากํ นตฺถิ, เตน วุตฺตํ ‘ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕) ปรวาทินา วุตฺเต ‘‘กิฺจาปิ สกวาที พหุสฺสุโต น โหติ, อถ โข ราคสหิเตเนว อกุสเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺขิปติ. เสเสสุปิ อิมินา นเยน อฺถาปิ อนุรูปโต โยเชตพฺพํ, อิทํ สพฺพํ อุปติสฺสตฺเถราทโย อาหุ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘เอตฺถ ปโรติ วุตฺโต อฺนิกายิโก, โส ปน อตฺตโน สุตฺตาทีนิเยว อาหรติ, ตานิ สกวาที อตฺตโน สุตฺตาทิมฺหิ โอตาเรตฺวา สเจ สเมติ, คณฺหาติ. โน เจ, ปฏิกฺขิปตี’’ติ วทตีติ อาคตํ.

นนุ จ ‘‘สุตฺตานุโลมโต สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ กสฺมา วุตฺตนฺติ? นายํ วิโรโธ, ‘‘สุตฺตานุโลมโต สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ อิทฺหิ สกมเตเยว สุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ สกมติปริยาปนฺนเมว สุตฺตาทึ สนฺธาย ‘‘อตฺตโนมติ สพฺพทุพฺพลา, อตฺตโนมติโต อาจริยวาโท พลวตโร, อาจริยวาทโต สุตฺตานุโลมํ พลวตรํ, สุตฺตานุโลมโต สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ จ วุตฺตํ. อิธ ปน ปรวาทินา อานีตํ อฺนิกาเย สุตฺตํ สนฺธาย ‘‘สุตฺตานุโลเม สุตฺตํ โอตาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา ปรวาทินา อานีตํ สุตฺตาทิ อตฺตโน สุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมตีสุ โอตาเรตฺวา สเมนฺตํเยว คเหตพฺพํ, อิตรํ น คเหตพฺพนฺติ อยํ นโย อิธ วุจฺจตีติ น โกจิ ปุพฺพาปรวิโรโธติ อยํ สารตฺถทีปนิยาคโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) นโย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘ยํ กิฺจิ กูฏสุตฺตํ พาหิรกสุตฺตาทิวจนํ น คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ สุตฺตํ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺพนฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

พาหิรกสุตฺตนฺติ ติสฺโส สงฺคีติโย อนารุฬฺหคุฬฺหเวสฺสนฺตราทีนิ จ มหาสงฺฆิกนิกายวาสีนํ สุตฺตานิ. เวทลฺลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน คุฬฺหอุมฺมคฺคาทิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. อิตรํ คารยฺหสุตฺตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘อตฺตโนมติยเมว าตพฺพ’’นฺติ อิมินา อฺนิกายโต อานีตสุตฺตโตปิ สกนิกาเย อตฺตโนมติเยว พลวตราติ ทสฺเสติ. ‘‘สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถติ, ปรวาที สุตฺตเมวา’’ติ เอวมาทินา สมานชาติกานํ วเสน วาโร น วุตฺโต. สุตฺตสฺส สุตฺเตเยว โอตารณํ ภินฺนํ วิย หุตฺวา น ปฺายติ, วุตฺตนเยเนว จ สกฺกา โยเชตุนฺติ.

อิทานิ สกวาทีปรวาทีนํ กปฺปิยากปฺปิยาทิภาวํ สนฺธาย วิวาเท อุปฺปนฺเน ตตฺถ ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิยนฺติ คเหตฺวา กเถตี’’ติอาทิ. อถ วา เอวํ สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิมุเขน สามฺโต วิวาทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิเสสโต วิวาทวตฺถุํ ตพฺพินิจฺฉยมุเขน สุตฺตาทิฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จ โอตาเรตพฺพนฺติ สกวาทินา อตฺตโนเยว สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จ โอตาเรตพฺพํ. ปโร การณํ น วินฺทตีติ ปรวาที การณํ น ลภติ. สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสตีติ ปรวาที อตฺตโน สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ อาหริตฺวา ทสฺเสติ, ‘‘สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อกปฺปิเยเยว าตพฺพ’’นฺติ อิมินา อตฺตโน นิกาเย สุตฺตาทีนิ อลภนฺเตน สกวาทินา ปรวาทีวจเนเยว าตพฺพนฺติ วทติ. สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จาติ เอตฺถ -กาโร วิกปฺปนตฺโถ, เตน อาจริยวาทาทีนมฺปิ สงฺคโห. เตนาห ‘‘การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ การณนฺติ สุตฺตาทินยํ นิสฺสาย อตฺตโนมติยา อุทฺธฏํ เหตุํ. วินิจฺฉยนฺติ อฏฺกถาวินิจฺฉยํ.

ทฺวินฺนมฺปิ การณจฺฉายา ทิสฺสตีติ สกวาทีปรวาทีนํ อุภินฺนมฺปิ กปฺปิยากปฺปิยภาวสาธกํ การณปติรูปกจฺฉายา ทิสฺสติ. ตตฺถ การณจฺฉายาติ สุตฺตาทีสุ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ คาหสฺส, ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คาหสฺส จ นิมิตฺตภูเตน กิจฺเฉน ปฏิปาทนียํ อวิภูตการณํ การณจฺฉายา, การณปติรูปกนฺติ อตฺโถ. ยทิ ทฺวินฺนมฺปิ การณจฺฉายา ทิสฺสติ, กสฺมา อกปฺปิเยเยว าตพฺพนฺติ อาห ‘‘วินยฺหิ ปตฺวา’’ติอาทิ. ‘‘วินยํ ปตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กปฺปิยากปฺปิยวิจารณํ อาคมฺมา’’ติ. รุนฺธิตพฺพนฺติอาทีสุ ทุพฺพิฺเยฺยวินิจฺฉเย กปฺปิยากปฺปิยภาเว สติ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ คหณํ รุนฺธิตพฺพํ, ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คหณํ คาฬฺหํ กาตพฺพํ, อปราปรปฺปวตฺตํ กปฺปิยคฺคหณํ โสตํ ปจฺฉินฺทิตพฺพํ, ครุกภาวสงฺขเต อกปฺปิเยเยว าตพฺพนฺติ อตฺโถ. อถ วา รุนฺธิตพฺพนฺติ กปฺปิยสฺาย วีติกฺกมการณํ รุนฺธิตพฺพํ, ตํนิวารณจิตฺตํ ทฬฺหตรํ กาตพฺพํ. โสตํ ปจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ ตตฺถ วีติกฺกมปฺปวตฺติ ปจฺฉินฺทิตพฺพา. ครุกภาเวติ อกปฺปิยภาเวติ อตฺโถ.

พหูหิ สุตฺตวินิจฺฉยการเณหีติ พหูหิ สุตฺเตหิ เจว ตโต อานีตวินิจฺฉยการเณหิ จ. อถ วา สุตฺเตน อฏฺกถาวินิจฺฉเยน จ ลทฺธการเณหิ. อตฺตโน คหณํ น วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ สกวาทินา อตฺตโน ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คหณํ น วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ อตฺโถ.

อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ นิคเมนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ โยติ สกวาทีปรวาทีสุ โย โกจิ. เกจิ ปน ‘‘สกวาทีสุเยว โย โกจิ อิธาธิปฺเปโต’’ติ วทนฺติ, เอวํ สนฺเต ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิยนฺติ คเหตฺวา กเถตี’’ติอาทีสุ สพฺพตฺถ อุโภปิ สกวาทิโนเยว สิยุํ เหฏฺา วุตฺตสฺเสว นิคมนวเสน ‘‘เอว’’นฺติอาทินา วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพํ. อติเรกการณํ ลภตีติ เอตฺถ สุตฺตาทีสุ ปุริมํ ปุริมํ อติเรกการณํ นาม, โย วา สุตฺตาทีสุ จตูสุ พหุตรํ การณํ ลภติ, โส อติเรกการณํ ลภติ นาม.

สุฏฺุ ปวตฺติ เอตสฺสาติ, สุฏฺุ ปวตฺตติ สีเลนาติ วา สุปฺปวตฺติ. เตนาห ‘‘สุปฺปวตฺตีติ สุฏฺุ ปวตฺต’’นฺติ. วาจาย อุคฺคตํ วาจุคฺคตํ, วจสา สุคฺคหิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา วาจุคฺคตนฺติ วาจาย อุคฺคตํ, ตตฺถ นิรนฺตรํ ิตนฺติ อตฺโถ. สุตฺตโตติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปาฬิโต’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘สุตฺตํ นาม สกลํ วินยปิฏก’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปุน สุตฺตโตติ ตทตฺถปฏิปาทกํ สุตฺตาภิธมฺมปาฬิวจนํ อธิปฺเปตํ. อนุพฺยฺชนโสติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปริปุจฺฉโต จ อฏฺกถาโต จา’’ติ. ปาฬึ อนุคนฺตฺวา อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ปกาสนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ หิ ปริปุจฺฉา อฏฺกถา จ วุจฺจติ. เอตฺถ จ อฏฺกถาย วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ปริปุจฺฉา’’ติ เถรวาโท วุตฺโต. อถ วา ปริปุจฺฉาติ อาจริยสฺส สนฺติกา ปาฬิยา อตฺถสวนํ. อฏฺกถาติ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย. ตทุภยมฺปิ ปาฬึ อนุคนฺตฺวา อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ วุตฺตํ.

วินเยติ วินยาจาเร. เตเนว วกฺขติ ‘‘วินยํ อชหนฺโต อโวกฺกมนฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ ปติฏฺานํ นาม สฺจิจฺจ อาปตฺติยา อนาปชฺชนาทินา โหตีติ อาห ‘‘ลชฺชิภาเวน ปติฏฺิโต’’ติ, เตน ลชฺชี โหตีติ วุตฺตํ โหติ. วินยธรสฺส ลกฺขเณ วตฺตพฺเพ กึ อิมินา ลชฺชิภาเวนาติ อาห ‘‘อลชฺชี หี’’ติอาทิ. ตตฺถ พหุสฺสุโตปีติ อิมินา ปมลกฺขณสมนฺนาคมํ ทสฺเสติ. ลาภครุกตายาติ อิมินา วินเย ิตตาย อภาเว ปมลกฺขณโยคา กิจฺจกโร น โหติ, อถ โข อกิจฺจกโร อนตฺถกโร เอวาติ ทสฺเสติ. สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาเค ปวตฺตกลหสฺเสตํ อธิวจนํ สงฺฆราชีติ. กุกฺกุจฺจโกติ อณุมตฺเตสุปิ วชฺเชสุ ภยทสฺสนวเสน กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทนฺโต. ตนฺตึ อวิสํวาเทตฺวาติ ปาฬึ อฺถา อกตฺวา. อโวกฺกมนฺโตติ อนติกฺกมนฺโต.

วิตฺถุนตีติ อตฺถํ อทิสฺวา นิตฺถุนติ, วิตฺถมฺภติ วา. วิปฺผนฺทตีติ กมฺปติ. สนฺติฏฺิตุํ น สกฺโกตีติ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘ยํ ยํ ปเรน วุจฺจติ, ตํ ตํ อนุชานาตี’’ติ. สกวาทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปรวาทํ คณฺหาตีติ ‘‘อุจฺฉุมฺหิ กสฏํ ยาวชีวิกํ, รโส สตฺตาหกาลิโก, ตทุภยวินิมุตฺโต จ อุจฺฉุ นาม วิสุํ นตฺถิ, ตสฺมา อุจฺฉุปิ วิกาเล วฏฺฏตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต ตมฺปิ คณฺหาติ. เอเกกโลมนฺติ ปลิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยมฺหีติ ยสฺมึ ปุคฺคเล. ปริกฺขยํ ปริยาทานนฺติ อตฺถโต เอกํ.

อาจริยปรมฺปราติ อาจริยานํ วินิจฺฉยปรมฺปรา. เตเนว วกฺขติ ‘‘อตฺตโนมตึ ปหาย…เป… ยถา อาจริโย จ อาจริยาจริโย จ ปาฬิฺจ ปริปุจฺฉฺจ วทนฺติ, ตถา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. น หิ อาจริยานํ นามมตฺตโต ปรมฺปรชานเน ปโยชนํ อตฺถิ. ปุพฺพาปรานุสนฺธิโตติ ปุพฺพวจนสฺส อปรวจเนน สห อตฺถสมฺพนฺธชานนโต. อตฺถโตติ สทฺทตฺถปิณฺฑตฺถอธิปฺเปตตฺถาทิโต. การณโตติ ตทตฺถุปปตฺติโต. อาจริยปรมฺปรนฺติ อิมสฺเสว เววจนํ ‘‘เถรวาทงฺค’’นฺติ, เถรปฏิปาฏินฺติ อตฺโถ. ทฺเว ตโย ปริวฏฺฏาติ ทฺเว ตโย ปรมฺปรา.

อิเมหิ จ ปน ตีหิ ลกฺขเณหีติ เอตฺถ ปเมน ลกฺขเณน วินยสฺส สุฏฺุ อุคฺคหิตภาโว วุตฺโต, ทุติเยน ตตฺถ ลชฺชิภาเวน เจว อจลตาย จ สุปฺปติฏฺิตตา, ตติเยน ปาฬิอฏฺกถาสุ สรูเปน อนาคตานมฺปิ ตทนุโลมโต อาจริเยหิ ทินฺนนยโต วินิจฺฉินิตุํ สมตฺถตา. โอติณฺเณ วตฺถุสฺมินฺติ โจทนาวเสน วีติกฺกมวตฺถุสฺมึ สงฺฆมชฺเฌ โอติณฺเณ. โจทเกน จ จุทิตเกน จ วุตฺเต วตฺตพฺเพติ เอวํ โอติณฺณวตฺถุํ นิสฺสาย โจทเกน ‘‘ทิฏฺํ สุต’’นฺติอาทินา, จุทิตเกน ‘‘อตฺถี’’ติอาทินา จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตสฺมึ วตฺตพฺเพ วุตฺเตติ อตฺโถ. วตฺถุ โอโลเกตพฺพนฺติ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุ โอโลเกตพฺพํ. ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา…เป… โย อาคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิทํ นิสฺสคฺคิเย อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส (ปารา. ๕๑๗) วตฺถุสฺมึ ปฺตฺตํ.

ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตาปตฺตีนํ มาติกาย อนาคตตฺตา ‘‘ปฺจนฺนํ อาปตฺตีนํ อฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. ติกทุกฺกฏนฺติ ‘‘อนุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺี อุชฺฌายติ ขียติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๐๖) อาคตํ ติกทุกฺกฏํ. อฺตรํ วา อาปตฺตินฺติ ‘‘กาเล วิกาลสฺี, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, กาเล เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิกํ (ปาจิ. ๒๕๐) ทุกทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ.

อนฺตราปตฺตินฺติ เอตฺถ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาคตวตฺถุวีติกฺกมํ วินา อฺสฺมึ วตฺถุวีติกฺกเม นิทานโต ปภุติ วินีตวตฺถุปริโยสานา อนฺตรนฺตรา วุตฺตา อาปตฺติ. อิธ ปน ‘‘วตฺถุํ โอโลเกตี’’ติ วิสุํ คหิตตฺตา ตทวเสสา อนฺตราปตฺตีติ คหิตา. ปฏิลาตํ อุกฺขิปตีติ อิทมฺปิ วิสิพฺพนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๓๕๐) อาคตํ, ตตฺถ ฑยฺหมานํ อลาตํ อคฺคิกปาลาทิโต พหิ ปติตํ อวิชฺฌาตเมว ปฏิอุกฺขิปติ, ปุน ยถาาเน เปตีติ อตฺโถ. วิชฺฌาตํ ปน ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว.

อนาปตฺตินฺติ เอตฺถ อนฺตรนฺตรา วุตฺตา อนาปตฺติปิ อตฺถิ, ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, อิทฺธิมสฺส อิทฺธิวิสเย’’ติอาทิ วิย สาปิ สงฺคยฺหติ. สิกฺขาปทนฺตเรสูติ วินีตวตฺถุํ อนฺโตกตฺวา เอเกกสฺมึ สิกฺขาปทนฺตเร.

ปาราชิกาปตฺตีติ น วตฺตพฺพนฺติ อิทํ อาปนฺนปุคฺคเลน ลชฺชิธมฺเม ตฺวา ยถาภูตํ อาวิกรเณปิ ทุพฺพินิจฺฉยํ อทินฺนาทานาทึ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน เมถุนาทีสุ วิชานนํ, ตํ วตฺตพฺพเมว. เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมวีติกฺกโม หี’’ติอาทิ. โย ปน อลชฺชิตาย ปฏิฺํ อทตฺวา วิกฺเขปํ กโรติ, ตสฺส อาปตฺติ น สกฺกา โอฬาริกาปิ วินิจฺฉินิตุํ. ยาว โส ยถาภูตํ นาวิกโรติ, สงฺฆสฺส จ อาปตฺติสนฺเทโห น วิคจฺฉติ, ตาว นาสิตโกว ภวิสฺสติ. สุขุมาติ อตฺตโนปิ ทุวิฺเยฺยสภาวสฺส ลหุปริวตฺติโน จิตฺตสฺส สีฆปริวตฺติตาย วุตฺตํ. สุขุมาติ วา จิตฺตปริวตฺติยา สุขุมตาย สุขุมา. เตนาห ‘‘จิตฺตลหุกา’’ติ, จิตฺตํ วิย ลหุกาติ อตฺโถ. อถ วา จิตฺตํ ลหุ สีฆปริวตฺติ เอเตสนฺติ จิตฺตลหุกา. เตติ เต วีติกฺกเม. ตํวตฺถุกนฺติ เต อทินฺนาทานมนอุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา วตฺถุ อธิฏฺานํ การณเมตสฺสาติ ตํวตฺถุกํ.

ยํ อาจริโย ภณติ, ตํ กโรหีติอาทิ สพฺพํ ลชฺชีเปสลํ กุกฺกุจฺจกเมว สนฺธาย วุตฺตํ. โย ยาถาวโต ปกาเสตฺวา สุทฺธิเมว คเวสติ, เตนปิ. ปาราชิโกสีติ น วตฺตพฺโพติ อนาปตฺติโกฏิยาปิ สงฺกิยมานตฺตา วุตฺตํ. เตเนว ‘‘ปาราชิกจฺฉายา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สีลานิ โสเธตฺวาติ ยํวตฺถุกํ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ, ตํ อมนสิกริตฺวา อวเสสสีลานิ โสเธตฺวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘สีลานิ โสเธตฺวาติ ยสฺมึ วีติกฺกเม ปาราชิกาสงฺกา วตฺตติ, ตตฺถ ปาราชิกาภาวปกฺขํ คเหตฺวา เทสนาวุฏฺานคามินีนํ อาปตฺตีนํ โสธนวเสน สีลานิ โสเธตฺวา’’ติ. ปากฏภาวโต สุขวลฺชตาย จ ‘‘ทฺวตฺตึสาการํ ตาว มนสิ กโรหี’’ติ วุตฺตํ, อุปลกฺขณวเสน วา. อฺสฺมึ กมฺมฏฺาเน กตปริจเยน ตเมว มนสิ กาตพฺพํ. ยํ กิฺจิ วา อภิรุจิตํ มนสิ กาตุํ วฏฺฏเตว. กมฺมฏฺานํ ฆฏยตีติ อนฺตรนฺตรา ขณฺฑํ อทสฺเสตฺวา จิตฺเตน สทฺธึ อารมฺมณภาเวน จิรกาลํ ฆฏยติ. สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานิโก เจ, ตสฺส สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ.

สเจ กตปาราชิกวีติกฺกโม ภเวยฺย, ตสฺส สติปิ อสริตุกามตาย วิปฺปฏิสารวตฺถุวเสน ปุนปฺปุนํ ตํ อุปฏฺหตีติ จิตฺเตกคฺคตํ น วินฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตี’’ติอาทิ. กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตีติ จิตฺตกฺโขภาทิพหุลสฺส สุทฺธสีลสฺสปิ จิตฺตํ น สมาธิยติ, ตํ อิธ ปาราชิกมูลนฺติ น คเหตพฺพํ. กตปาปมูลเกน วิปฺปฏิสาเรเนเวตฺถ จิตฺตสฺส อสมาธิยนํ สนฺธาย ‘‘กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘วิปฺปฏิสารคฺคินา’’ติอาทิ. อตฺตนาติ จิตฺเตน กรณภูเตน ปุคฺคโล กตฺตา ชานาติ, ปจฺจตฺเต วา กรณวจนํ, อตฺตา สยํ ชานาตีติ อตฺโถ. อฺา จ เทวตา ชานนฺตีติ อารกฺขเทวตาหิ อฺา ปรจิตฺตวิทุนิโย เทวตา ชานนฺติ.

อิมสฺมึ าเน ปณฺฑิเตหิ วิจาเรตพฺพํ การณํ อตฺถิ. กถํ? อิทานิ เอกจฺเจ วินยธรา ปมปาราชิกวิสเย วตฺถุมฺหิ โอติณฺเณ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา โจทิยมาเน จุทิตกํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิตฺวา ปฏิฺาย อทียมานาย ตํ ภิกฺขุํ สุสาเน เอกกเมว สยาเปนฺติ, เอวํ สยาปิยมาโน โส ภิกฺขุ สเจ ภยสนฺตาสวิรหิโต สพฺพรตฺตึ ตสฺมึ สุสาเน สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺโกติ, ตํ ‘‘ปริสุทฺโธ เอโส’’ติ วินิจฺฉินนฺติ. สเจ ปน ภยสนฺตาสปฺปตฺโต สพฺพรตฺตึ สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา น สกฺโกติ, ตํ ‘‘อสุทฺโธ’’ติ วินิจฺฉินนฺติ, ตํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมาติ เจ? อฏฺกถาย วิรุทฺโธติ, อฏฺกถายํ ทุติยตติยปาราชิกวิสเย เอว ตถารูโป วิจาโร วุตฺโต, น ปมจตอุตฺถปาราชิกวิสเย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เมถุนธมฺมวีติกฺกโม หิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวีติกฺกโม จ โอฬาริโก, อทินฺนาทานมนุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา ปน สุขุมา จิตฺตลหุกา, เต สุขุเมเนว อาปชฺชติ, สุขุเมน รกฺขติ, ตสฺมา วิเสเสน ตํวตฺถุกํ กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิยมาโน’’ติ. ฏีกายฺจ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ ‘‘ตํวตฺถุกนฺติ เต อทินฺนาทานมนุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา วตฺถุ อธิฏฺานํ การณเมตสฺสาติ ตํวตฺถุก’’นฺติ, อิทมฺปิ เอกํ การณํ.

ตตฺถาปิ อฺเ ปณฺฑิเตปิ วินิจฺฉินาเปตฺวา เตสมฺปิ ปาราชิกจฺฉายาทิสฺสเนเยว ตถา วินิจฺฉโย กาตพฺโพ, น สุทฺธภาวทิสฺสเน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘อาปตฺตีติ อวตฺวา ‘สจสฺส อาจริโย ธรติ…เป… อถ ทหรสฺสปิ ปาราชิกจฺฉายาว อุปฏฺาติ, เตนปิ ‘ปาราชิโกสี’ติ น วตฺตพฺโพ. ทุลฺลโภ หิ พุทฺธุปฺปาโท, ตโต ทุลฺลภตรา ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ, เอวํ ปน วตฺตพฺพ’’นฺติ, อิทเมกํ. นิสีทาปิยมาโนปิ วิวิตฺโตกาเสเยว นิสีทาเปตพฺโพ, น สุสาเน. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา’’ติอาทิ, อิทเมกํ. วิวิตฺโตกาเส นิสีทาปิยมาโนปิ ทิวาเยว นิสีทาเปตพฺโพ, น รตฺตึ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทิวสํ อติกฺกนฺตมฺปิ น ชานาติ, โส ทิวสาติกฺกเม อุปฏฺานํ อาคโต เอวํ วตฺตพฺโพ’’ติ, อิทเมกํ.

อีทิสํ วิธานํ สยํ อาโรจิเต เอว วิธาตพฺพํ, น ปเรหิ โจทิยมาเน. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ กตวีติกฺกเมน ภิกฺขุนา สยเมว อาคนฺตฺวา อาโรจิเต ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ. อถ กสฺมา อิทานิ เอวํ กโรนฺตีติ? คิหีนํ อสกฺขิกอฏฺฏกรเณ อุทเก นิมุชฺชาปนํ วิย มฺมานา เอวํ กโรนฺติ. ตมฺปิ มายากุสลา มนุสฺสา วิวิเธหิ อุปาเยหิ วิตถํ กโรนฺติ, ตสฺมา สจฺจมฺปิ โหติ, อสจฺจมฺปิ โหติ. เตเนว จ การเณน มโหสธปณฺฑิตาทโย โพธิสตฺตา อสกฺขิกมฺปิ อฏฺฏํ อุทกนิมุชฺชาปนาทินา น วินิจฺฉินนฺติ, อุภินฺนํ วจนํ ปริสํ คาหาเปตฺวา เตสํ วจนฺจ กิริยฺจ ปริคฺคเหตฺวา สจฺจฺจ วิตถฺจ ตฺวาว วินิจฺฉินนฺติ. สาสเน ปน ภิกฺขู สูรชาติกาปิ สนฺติ, ภีรุกชาติกาปิ สนฺติ. สุสานฺจ นาม ปกติมนุสฺสานมฺปิ ภยสนฺตาสกรํ โหติ, รตฺติกาเล ปน อติวิย ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, เอวํภูเต สุสาเน รตฺติยํ เอโก อสหาโย หุตฺวา นิปชฺชาปิยมาโน ภีรุกชาติโก ภิกฺขุ ปริสุทฺธสีโลปิ สมาโน กึ น ภาเยยฺย, กถํ สพฺพรตฺตึ สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺกุเณยฺย, ตถารูปํ ภิกฺขุํ ‘‘อปริสุทฺโธ’’ติ วทนฺโต กถํ กิจฺจกโร ภวิสฺสติ.

อลชฺชี ปน สูรชาติโก อตฺตโน วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทตุกาโม ภายนฺโตปิ อภายนฺโต วิย หุตฺวา ‘‘สเจ วิการํ ทสฺเสสฺสามิ, อนตฺถํ เม กริสฺสนฺตี’’ติ อนตฺถภเยน อธิวาเสตฺวา สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺกุเณยฺย, เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘ปริสุทฺโธ’’ติ วทนฺโต กถํ สุวินิจฺฉิโต ภวิสฺสตีติ. อิทมฺปิ เอกํ การณํ.

อถาปิ วเทยฺยุํ – ยถา อุทเก นิมุชฺชาปิตมนุสฺสานํ อสจฺจวาทีนํ เทวตานุภาเวน กุมฺภีลาทโย อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตา วิย อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา อสจฺจวาทิโน สีฆํ ปฺลวนฺติ, สจฺจวาทีนํ ปน น อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา เต สุเขน นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, เอวํ เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ อปริสุทฺธสีลานํ เทวตานุภาเวน สีหพฺยคฺฆาทโย อาคตา วิย ปฺายนฺติ, ตสฺมา เต สพฺพรตฺตึ สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา น สกฺโกนฺติ. ปริสุทฺธสีลานํ ปน ตถา น ปฺายนฺติ, ตสฺมา เต สพฺพรตฺตึ เทวตาหิ รกฺขิตา หุตฺวา ภยสนฺตาสรหิตา สุสาเน สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺโกนฺติ, เอวํ เทวตา สกฺขึ กตฺวา วินิจฺฉิตตฺตา สุวินิจฺฉิตเมว โหตีติ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. กสฺมา? อฏฺกถาฏีกาทีสุ ตถา อวุตฺตตฺตา. อฏฺกถายฺหิ ‘‘วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา ‘ทฺวตฺตึสาการํ ตาว มนสิกโรหี’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ ตสฺส อโรคํ สีลํ กมฺมฏฺานํ ฆฏยติ, สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, อุปจารปฺปนาปฺปตฺตํ วิย จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ทิวสํ อติกฺกนฺตมฺปิ น ชานาติ…เป… ยสฺส ปน สีลํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส กมฺมฏฺานํ น ฆฏยติ, ปโตทาภิตุนฺนํ วิย จิตฺตํ กมฺปติ, วิปฺปฏิสารคฺคินา ฑยฺหติ, ตตฺตปาสาเณ นิสินฺโน วิย ตงฺขณฺเว วุฏฺาตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.

ฏีกายมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) ‘‘กมฺมฏฺานํ ฆฏยตีติ อนฺตรนฺตรา ขณฺฑํ อทสฺเสตฺวา จิตฺเตน สทฺธึ อารมฺมณภาเวน จิรกาลํ ฆฏยติ. สงฺขารา ปากฏา อุปฏฺหนฺตีติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานิโก เจ, ตสฺส สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. สเจ กตปาราชิกวีติกฺกโม ภเวยฺย, ตสฺส สติปิ อสริตุกามตาย วิปฺปฏิสารวตฺถุวเสน ปุนปฺปุนํ ตํ อุปฏฺหตีติ จิตฺเตกคฺคตํ น วินฺทตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ‘‘กมฺมฏฺานํ ฆฏยตีติ วิปฺปฏิสารมูลเกน วิกฺเขเปน อนฺตรนฺตรา ขณฺฑํ อทสฺเสตฺวา ปพนฺธวเสน จิตฺเตน สงฺฆฏยติ. สงฺขาราติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานวเสน วุตฺตํ. สาปตฺติกสฺส หิ ปคุณมฺปิ กมฺมฏฺานํ น สุฏฺุ อุปฏฺาติ. ปเคว ปาราชิกสฺส. ตสฺส หิ วิปฺปฏิสารนินฺนตาย จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ. เอกสฺส ปน วิตกฺกวิกฺเขปาทิพหุลสฺส สุทฺธสีลสฺสปิ จิตฺตํ น สมาธิยติ, ตํ อิธ ปาราชิกมูลนฺติ น คเหตพฺพํ. กตปาปมูลเกน วิปฺปฏิสาเรเนเวตฺถ จิตฺตสฺส อสมาธิยนํ สนฺธาย ‘กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตี’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘เทวตานุภาเวนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ยทิ พุทฺธสาสเน สคารโว สิกฺขากาโม ภิกฺขุ ทุติยตติยปาราชิกวิสเย อตฺตโน กฺจิ วีติกฺกมํ ทิสฺวา ‘‘ปาราชิกํ อาปนฺโน นุ โข อหํ, น นุ โข’’ติ สํสยปกฺขนฺโท วินยธรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วีติกฺกมํ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตฺวา ปุจฺเฉยฺย, ตโต วินยธเรน อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ‘‘สพฺพํ ปุพฺพวิธานํ กตฺวา วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา ทฺวตฺตึสากาเร ตาว มนสิกโรหี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺโพ, น วตฺตพฺโพ ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปหี’’ติอาทิ. อาคตกาเลปิ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา อฏฺกถายํ อาคตนเยเนวสฺส สุทฺธาสุทฺธภาโว วตฺตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเต อิทานิ ปมปาราชิกวิสเย โจเทนฺตานํ กถํ วินิจฺฉโย กาตพฺโพติ? โจทเกน วตฺถุสฺมึ อาโรจิเต จุทิตโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘สนฺตเมตํ, โน’’ติ เอวํ วตฺถุํ อุปปริกฺขิตฺวา ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา สาเรตฺวา ตฺติสมฺปทาย อนุสฺสาวนสมฺปทาย ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ. เอวมฺปิ อลชฺชี นาม ‘‘เอตมฺปิ นตฺถิ, เอตมฺปิ นตฺถี’’ติ วเทยฺย, ปฏิฺํ น ทเทยฺย, อถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอวมฺปิ อลชฺชิสฺส ปฏิฺาย เอว อาปตฺติยา กาเรตพฺพํ ยถา ตํ ติปิฏกจูฬาภยตฺเถเรนาติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) ‘‘เอวํ ลชฺชินา โจทิยมาโน อลชฺชี พหูสุปิ วตฺถูสุ อุปฺปนฺเนสุ ปฏิฺํ น เทติ, โส ‘เนว สุทฺโธ’ติ วตฺตพฺโพ, น ‘อสุทฺโธ’ติ, ชีวมตโก นาม อามกปูติโก นาม เจส. สเจ ปนสฺส อฺมฺปิ ตาทิสํ วตฺถุ อุปฺปชฺชติ, น วินิจฺฉิตพฺพํ, ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตี’’ติอาทิ.

๒๓๕. เอวํ วินยธรลกฺขณฺจ ฉฏฺานโอโลกนฺจ วิทิตฺวา อิทานิ…เป… วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘ยา สา…เป… ชานนตฺถ’’นฺติ. ยา สา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา โจทนา อตฺถิ, ตสฺสาเยว สมฺปตฺติวิปตฺติชานนตฺถํ อาทิมชฺฌปอโยสานาทีนํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ, น อวุตฺตโจทนาปเภทชานนตฺถนฺติ อตฺโถ. เสยฺยถิทนฺติ ปุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, โส วินิจฺฉโย กตโมติ อตฺโถ.

โจทนาย กติ มูลานิ, กติ วตฺถูนิ, กติ ภูมิโยติ เอตฺถ ‘‘กติหากาเรหี’’ติปิ วตฺตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๖๒) โจทนากณฺเฑ ‘‘โจทนาย กติ มูลานิ, กติ วตฺถูนิ, กติ ภูมิโย, กติหากาเรหิ โจเทตี’’ติ. เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโรติ เอตสฺสปิ ปรโต ‘‘โจทนาย อิมา ปฺจ ภูมิโย. กตเมหิ ทฺวีหากาเรหิ โจเทติ, กาเยน วา โจเทติ, วาจาย วา โจเทติ, อิเมหิ ทฺวีหากาเรหิ โจเทตี’’ติ วตฺตพฺพํ. กสฺมา? โจทนากณฺเฑ (ปริ. ๓๖๒) ตถา วิชฺชมานโตติ. ปนฺนรสสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาตพฺพนฺติ ปริสุทฺธกายสมาจารตา, ปริสุทฺธวจีสมาจารตา, เมตฺตจิตฺเต ปจฺจุปฏฺิตตา, พหุสฺสุตตา, อุภยปาติโมกฺขสฺวาคตตา, กาเลน วจนตา, ภูเตน วจนตา, สณฺเหน วจนตา, อตฺถสฺหิเตน วจนตา, เมตฺตจิตฺโต หุตฺวา วจนตา, การุฺตา, หิเตสิตา, อนุกมฺปตา, อาปตฺติวุฏฺานตา, วินยปุเรกฺขารตาติ. วุตฺตฺเหตํ อุปาลิปฺจเก (ปริ. ๔๓๖) ‘‘โจทเกนุปาลิ ภิกฺขุนา ปรํ โจเทตุกาเมน เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ปริสุทฺธกายสมาจาโร นุ โขมฺหิ…เป… ปริสุทฺธวจีสมาจาโร นุ โขมฺหิ…เป… เมตฺตํ นุ โข เม จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ สพฺรหฺมจารีสุ…เป… พหุสฺสุโต นุ โขมฺหิ สุตธโร สุตสนฺนิจโย…เป… อุภยานิ โข เม ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ…เป… กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลน, ภูเตน วกฺขามิ, โน อภูเตน, สณฺเหน วกฺขามิ, โน ผรุเสน, อตฺถสฺหิเตน วกฺขามิ, โน อนตฺถสฺหิเตน, เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโร…เป… การุฺตา, หิเตสิตา, อนุกมฺปตา, อาปตฺติวุฏฺานตา, วินยปุเรกฺขารตา’’ติ.

ตตฺถ การุฺตาติ การุณิกภาโว. อิมินา กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ ทสฺสิโต. หิเตสิตาติ หิตคเวสนตา. อนุกมฺปตาติ เตน หิเตน สํโยชนตา. อาปตฺติวุฏฺานตาติ อาปตฺติโต วุฏฺาเปตฺวา สุทฺธนฺเต ปติฏฺาปนตา. วตฺถุํ โจเทตฺวา สาเรตฺวา ปฏิฺํ อาโรเปตฺวา ยถาปฏิฺาย กมฺมกรณํ วินยปุเรกฺขารตา นาม. อมูลกมฺปิ สมูลกมฺปิ ‘‘มูล’’นฺติ คเหตฺวา วทนฺตีติ อาห ‘‘ทฺเว มูลานี’’ติ. กาเลน วกฺขามีติอาทีสุ เอโก เอกํ โอกาสํ กาเรตฺวา โจเทนฺโต กาเลน วทติ นาม. สงฺฆมชฺเฌ คณมชฺเฌ สลากคฺคยาคุอคฺควิตกฺกมาฬกภิกฺขาจารมคฺคอาสนสาลาทีสุ, อุปฏฺาเกหิ ปริวาริตกฺขเณ วา โจเทนฺโต อกาเลน วทติ นาม. ตจฺเฉน วตฺถุนา โจเทนฺโต ภูเตน วทติ นาม. ตุจฺเฉน โจเทนฺโต อภูเตน วทติ นาม. ‘‘อมฺโภ มหลฺลก ปริสาวจร ปํสุกูลิก ธมฺมกถิก ปติรูปํ ตว อิท’’นฺติ วทนฺโต ผรุเสน วทติ นาม. ‘‘ภนฺเต, มหลฺลกา ปริสาวจรา ปํสุกูลิกา ธมฺมกถิกา ปติรูปํ ตุมฺหากํ อิท’’นฺติ วทนฺโต สณฺเหน วทติ นาม. การณนิสฺสิตํ กตฺวา วทนฺโต อตฺถสฺหิเตน วทติ นาม. เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโรติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา วกฺขามิ, น ทุฏฺจิตฺโต หุตฺวา. สจฺเจ จ อกุปฺเป จาติ วจีสจฺเจ จ อกุปฺปตาย จ. จุทิตเกน หิ สจฺจฺจ วตฺตพฺพํ, โกโป จ น กาตพฺโพ, อตฺตนา จ น กุจฺฉิตพฺพํ, ปโร จ น ฆฏฺเฏตพฺโพติ อตฺโถ.

อิมสฺมึ าเน ‘‘สงฺเฆน โอติณฺณาโนติณฺณํ ชานิตพฺพํ – อนุวิชฺชเกน เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โจทนากณฺเฑ (ปริ. ๓๖๓) ‘‘โจทเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? จุทิตเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? อนุวิชฺชเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? โจทเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? โจทเกน ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย ปโร โจเทตพฺโพ. กาเลน วกฺขามิ โน อกาเลน, ภูเตน วกฺขามิ โน อภูเตน, สณฺเหน วกฺขามิ โน ผรุเสน, อตฺถสฺหิเตน วกฺขามิ โน อนตฺถสฺหิเตน, เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ โน โทสนฺตโรติ. โจทเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. จุทิตเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? จุทิตเกน ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาตพฺพํ สจฺเจ จ อกุปฺเป จ. จุทิตเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? สงฺเฆน โอติณฺณาโนติณฺณํ ชานิตพฺพํ. สงฺเฆน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อนุวิชฺชเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? อนุวิชฺชเกน เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ. อนุวิชฺชเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ.

อฏฺกถายมฺปิ (ปริ. อฏฺ. ๓๖๒-๓๖๓) ‘‘โจทนาย โก อาทีติอาทิปุจฺฉานํ วิสฺสชฺชเน สจฺเจ อกุปฺเป จาติ เอตฺถ สจฺเจ ปติฏฺาตพฺพํ อกุปฺเป จ, ยํ กตํ วา อกตํ วา, ตเทว วตฺตพฺพํ, น โจทเก วา อนุวิชฺชเก วา สงฺเฆ วา โกโป อุปฺปาเทตพฺโพ. โอติณฺณาโนติณฺณํ ชานิตพฺพนฺติ โอติณฺณฺจ อโนติณฺณฺจ วจนํ ชานิตพฺพํ. ตตฺรายํ ชานนวิธิ – เอตฺตกา โจทกสฺส ปุพฺพกถา, เอตฺตกา ปจฺฉิมกถา, เอตฺตกา จุทิตกสฺส ปุพฺพกถา, เอตฺตกา ปจฺฉิมกถาติ ชานิตพฺพา. โจทกสฺส ปมาณํ คณฺหิตพฺพํ, จุทิตกสฺส ปมาณํ คณฺหิตพฺพํ, อนุวิชฺชกสฺส ปมาณํ คณฺหิตพฺพํ. อนุวิชฺชโก อปฺปมตฺตกมฺปิ อหาเปนฺโต ‘อาวุโส, สมนฺนาหริตฺวา อุชุํ กตฺวา อาหรา’ติ วตฺตพฺโพ, สงฺเฆน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมตีติ เอตฺถ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนนฺติ ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา จ. เอเตน หิ ธมฺเมน จ วินเยน จ สตฺถุสาสเนน จ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตสฺมา อนุวิชฺชเกน ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา อาปตฺตึ สาเรตฺวา ตฺติสมฺปทาย เจว อนุสฺสาวนสมฺปทาย จ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ, อนุวิชฺชเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อาคตํ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมตฺตกํ ทฺวยนฺติ.

เอวํ เอกเทเสน โจทนากณฺฑนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอกเทเสเนว มหาสงฺคามนยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุวิชฺชเกน โจทโก ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมํ ภิกฺขุํ โจเทสิ, กิมฺหิ นํ โจเทสีติ โจทนาสามฺโต วุตฺตํ, ปาฬิยํ (มหาว. ๒๓๗) ปน ปวารณฏฺปนวเสน โจทนํ สนฺธาย ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ เปสี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

เอวํ เอกเทเสน มหาสงฺคามนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอกเทเสเนว จูฬสงฺคามนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนาติ สงฺคาโม วุจฺจติ อธิกรณวินิจฺฉยตฺถาย สงฺฆสนฺนิปาโต. ตตฺร หิ อตฺตปจฺจตฺถิกา เจว สาสนปจฺจตฺถิกา จ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺตา สโมสรนฺติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิย. โย ภิกฺขุ เตสํ ปจฺจตฺถิกานํ ลทฺธึ มทฺทิตฺวา สกวาททีปนตฺถาย ตตฺถ อวจรติ, อชฺโฌคาเหตฺวา วินิจฺฉยํ ปวตฺเตติ, โส สงฺคามาวจโร นาม ยสตฺเถโร วิย, เตน สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมนฺเตน นีจจิตฺเตน สงฺโฆ อุปสงฺกมิตพฺโพ. นีจจิตฺเตนาติ มานทฺธชํ นิปาเตตฺวา นิหตมานจิตฺเตน. รโชหรณสเมนาติ ปาทปุฺฉนสเมน, ยถา รโชหรณสฺส สํกิลิฏฺเ วา อสํกิลิฏฺเ วา ปาเท ปุฺฉิยมาเน เนว ราโค น โทโส, เอวํ อิฏฺานิฏฺเสุ อรชฺชนฺเตน อทุสฺสนฺเตนาติ อตฺโถ. ยถาปติรูเป อาสเนติ ยถาปติรูปํ อาสนํ ตฺวา อตฺตโน ปาปุณนฏฺาเน เถรานํ ภิกฺขูนํ ปิฏฺึ อทสฺเสตฺวา นิสีทิตพฺพํ.

อนานากถิเกนาติ นานาวิธํ ตํ ตํ อนตฺถกถํ อกเถนฺเตน. อติรจฺฉานกถิเกนาติ ทิฏฺสุตมุตมฺปิ ราชกถาทิกํ ติรจฺฉานกถํ อกเถนฺเตน. สามํ วา ธมฺโม ภาสิตพฺโพติ สงฺฆสนฺนิปาตฏฺาเน กปฺปิยากปฺปิยสนฺนิสฺสิตา วา รูปารูปปริจฺเฉทสมถจารวิปสฺสนาจารฏฺานนิสชฺชวตฺตาทินิสฺสิตา วา กถา ธมฺโม นาม. เอวรูโป ธมฺโม สยํ วา ภาสิตพฺโพ, ปโร วา อชฺเฌสิตพฺโพ. โย ภิกฺขุ ตถารูปึ กถํ กเถตุํ ปโหติ, โส วตฺตพฺโพ ‘‘อาวุโส, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปฺเห อุปฺปนฺเน ตฺวํ กเถยฺยาสี’’ติ. อริโย วา ตุณฺหีภาโว นาติมฺิตพฺโพติ อริยา ตุณฺหี นิสีทนฺตา น พาลปุถุชฺชนา วิย นิสีทนฺติ, อฺตรํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว นิสีทนฺติ. อิติ กมฺมฏฺานมนสิการวเสน ตุณฺหีภาโว อริโย ตุณฺหีภาโว นาม, โส นาติมฺิตพฺโพ, ‘‘กึ กมฺมฏฺานานุโยเคนา’’ติ นาวชานิตพฺโพ, อตฺตโน ปติรูปํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว นิสีทิตพฺพนฺติ อตฺโถ.

น อุปชฺฌาโย ปุจฺฉิตพฺโพติ ‘‘โก นาม ตุยฺหํ อุปชฺฌาโย’’ติ น ปุจฺฉิตพฺโพ. เอส นโย สพฺพตฺถ. น ชาตีติ ‘‘ขตฺติยชาติโย ตฺวํ พฺราหฺมณชาติโย’’ติ เอวํ ชาติ น ปุจฺฉิตพฺพา. น อาคโมติ ‘‘ทีฆภาณโก ตฺวํ มชฺฌิมภาณโก’’ติ เอวํ อาคโม น ปุจฺฉิตพฺโพ. กุลปเทโสปิ ขตฺติยกุลาทิวเสเนว เวทิตพฺโพ. อตฺรสฺส เปมํ วา โทโส วาติ ตตฺร ปุคฺคเล เอเตสํ การณานํ อฺตรวเสน เปมํ วา ภเวยฺย โทโส วา.

โน ปริสกปฺปิเกนาติ ปริสกปฺปเกน ปริสานุวิธายเกน น ภวิตพฺพํ, ยํ ปริสาย รุจฺจติ, ตเทว เจเตตฺวา กปฺเปตฺวา น กเถตพฺพนฺติ อตฺโถ. น หตฺถมุทฺทา ทสฺเสตพฺพาติ กเถตพฺเพ จ อกเถตพฺเพ จ สฺาชนนตฺถํ หตฺถวิกาโร น กาตพฺโพ.

อตฺถํ อนุวิธิยนฺเตนาติ วินิจฺฉยปฏิเวธเมว สลฺลกฺเขนฺเตน, ‘‘อิทํ สุตฺตํ อุปลพฺภติ, อิมสฺมึ วินิจฺฉเย อิทํ วกฺขามี’’ติ เอวํ ปริตุลยนฺเตน นิสีทิตพฺพนฺติ อตฺโถ. น จ อาสนา วุฏฺาตพฺพนฺติ น อาสนา วุฏฺาย สนฺนิปาตมณฺฑเล วิจริตพฺพํ. วินยธเร หิ อุฏฺิเต สพฺพา ปริสา วุฏฺหนฺติ, ตสฺมา น วุฏฺาตพฺพํ. น วีติหาตพฺพนฺติ น วินิจฺฉโย หาเปตพฺโพ. น กุมฺมคฺโค เสวิตพฺโพติ น อาปตฺติ ทีเปตพฺพา. อสาหสิเกน ภวิตพฺพนฺติ น สหสา การินา ภวิตพฺพํ, น สหสา ทุรุตฺตวจนํ กเถตพฺพนฺติ อตฺโถ. วจนกฺขเมนาติ ทุรุตฺตวาจํ ขมนสีเลน. หิตปริสกฺกินาติ หิเตสินา หิตคเวสินา กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ อุปฏฺาเปตพฺโพติ อยํ ปททฺวเยปิ อธิปฺปาโย. อนสุรุตฺเตนาติ น อสุรุตฺเตน, อสุรุตฺตํ วุจฺจติ วิคฺคาหิกกถาสงฺขาตํ อสุนฺทรวจนํ, ตํ น กเถตพฺพนฺติ อตฺโถ. อตฺตา ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘วินิจฺฉินิตุํ วูปสเมตุํ สกฺขิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ เอวํ อตฺตา ปริคฺคเหตพฺโพ, อตฺตโน ปมาณํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปโร ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘ลชฺชิยา นุ โข อยํ ปริสา สกฺกา สฺาเปตุํ, อุทาหุ โน’’ติ เอวํ ปโร ปริคฺคเหตพฺโพ. โจทโก ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘ธมฺมโจทโก นุ โข, โน’’ติ เอวํ ปริคฺคเหตพฺโพ. จุทิตโก ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘ธมฺมจุทิตโก นุ โข, โน’’ติ เอวํ ปริคฺคเหตพฺโพ. อธมฺมโจทโก ปริคฺคเหตพฺโพติ ตสฺส ปมาณํ ชานิตพฺพํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

วุตฺตํ อหาเปนฺเตนาติ โจทกจุทิตเกหิ วุตฺตวจนํ อหาเปนฺเตน. อวุตฺตํ อปกาเสนฺเตนาติ อโนสฏํ วตฺถุํ อปกาเสนฺเตน. มนฺโท หาเสตพฺโพติ มนฺโท โมมูฬฺโห ปคฺคณฺหิตพฺโพ, ‘‘นนุ ตฺวํ กุลปุตฺโต’’ติ อุตฺเตเชตฺวา อนุโยควตฺตํ กถาเปตฺวา ตสฺส อนุโยโค คณฺหิตพฺโพ. ภีรุ อสฺสาเสตพฺโพติ ยสฺส สงฺฆมชฺฌํ วา คณมชฺฌํ วา อโนสฏปุพฺพตฺตา สารชฺชํ อุปฺปชฺชติ, ตาทิโส ‘‘มา ภายิ, วิสฺสตฺโถ กถยาหิ, มยํ เต อุปตฺถมฺภา ภวิสฺสามา’’ติ วตฺวาปิ อนุโยควตฺตํ กถาเปตพฺโพ. จณฺโฑ นิเสเธตพฺโพติ อปสาเรตพฺโพ ตชฺเชตพฺโพ. อสุจิ วิภาเวตพฺโพติ อลชฺชึ ปกาเสตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตพฺโพ. อุชุมทฺทเวนาติ โย ภิกฺขุ อุชุ สีลวา กายวงฺกาทิรหิโต, โส มทฺทเวเนว อุปจริตพฺโพ. ธมฺเมสุ จ ปุคฺคเลสุ จาติ เอตฺถ โย ธมฺมครุโก โหติ, น ปุคฺคลครุโก, อยเมว ธมฺเมสุ จ ปุคฺคเลสุ จ มชฺฌตฺโตติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

โจทนาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เอกตึสติโม ปริจฺเฉโท.

๓๒. ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถา

ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถา

๒๓๖. เอวํ โจทนาทิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ครุกาปตฺติวุฏฺาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ครุ อลหุกํ ปฏิกรณํ เอติสฺสา อาปตฺติยาติ ครุกา, อาปชฺชิตพฺพาติ อาปตฺติ, ครุกา จ สา อาปตฺติ จาติ ครุกาปตฺติ, วุฏฺหเต วุฏฺานํ, ครุกาปตฺติยา วุฏฺานํ ครุกาปตฺติ วุฏฺานํ. กึ ตํ? สงฺฆาทิเสสาปตฺติโต ปริสุทฺธภาโว. เตนาห ‘‘ปริวาสมานตฺตาทีหิ วินยกมฺเมหิ ครุกาปตฺติโต วุฏฺาน’’นฺติ. กิฺจาปิ จตุพฺพิโธ ปริวาโส, อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส ปน อิธ นาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ติวิโธ ปริวาโส’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕) ‘‘ตตฺถ จตุพฺพิโธ ปริวาโส – อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโส สโมธานปริวาโสติ. เตสุ ‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺโปิ อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตพฺโพ’ติ เอวํ มหาขนฺธเก (มหาว. ๘๖) วุตฺโต ติตฺถิยปริวาโส อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส นาม. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. อยํ ปน อิธ อนธิปฺเปโต’’ติ. อิโต ปรํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺโยติ ตสฺมา ทุพฺพิฺเยฺยฏฺาเนเยว วณฺณยิสฺสาม.

๒๓๗. เอวํ โย โย อาปนฺโน โหติ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา กมฺมวาจา กาตพฺพาติ เอเตน ปาฬิยํ สพฺพสาธารณวเสน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน’’ติ จ อาคเตปิ กมฺมวาจาภณนกาเล ตถา อภณิตฺวา ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘อิมสฺส พุทฺธรกฺขิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ จ เอวํ สกสกนามํ อุทฺธริตฺวาว กมฺมวาจา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ.

มาฬกสีมายเมว วตฺตํ สมาทาตพฺพํ, น ตโต พหิ. กสฺมา? ‘‘อฺตฺถ กมฺมวาจา อฺตฺถ สมาทาน’’นฺติ วตฺตพฺพโทสปฺปสงฺคโต. อสมาทินฺนวตฺตสฺส อาโรจนาสมฺภวโต, มาฬกสีมาย สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ เอกสฺสปิ อนาโรจเน สติ รตฺติจฺเฉทสมฺภวโต จ. ปริวาสํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามีติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกเกน วา อุโภหิ ปเทหิ วา สมาทาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘เอกปเทนปิ เจตฺถ นิกฺขิตฺโต โหติ ปริวาโส, ทฺวีหิ ปน สุนิกฺขิตฺโตเยว, สมาทาเนปิ เอเสว นโย’’ติ วกฺขมานตฺตา. สมาทิยิตฺวา ตตฺเถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ, น ตตฺถ อนาโรเจตฺวา อฺตฺถ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? วุฏฺิตาย ปริสาย ปุน สนฺนิปาเตตุํ ทุกฺกรตฺตา, เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน อนาโรเจตฺวา อรุณุฏฺาปเน สติ รตฺติจฺเฉทกรตฺตา.

อาโรเจนฺเตน เอวํ อาโรเจตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อหํ ภนฺเต…เป… สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา ยาจเน วิย ‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปี’’ติ อวุตฺตตฺตา อจฺจายิกกรเณ สติ เอกวารํ อาโรจิเตปิ อุปปนฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เวทิยามหํ ภนฺเต, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตูติ เอตฺถ ‘‘เวทิยามีติ จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโย’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘สุขํ เวเทมิ เวทน’’นฺติอาทีสุ วิย ปิ-สทฺโท อนุภวนตฺโถ โหติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เวทิยามีติ ชาเนมิ, จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโยติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน ‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู’’ติอาทีสุ วิย าณตฺโถ อนุภวนตฺโถ จ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ปน ‘‘เวทิยามหนฺติ ชานาเปมหํ, อาโรเจมีติ อตฺโถ, อนุภวามีติปิสฺส อตฺถํ วทนฺติ. ปุริมํ ปน ปสํสนฺติ อาโรจนวจนตฺตา’’ติ. เอตฺถ ตุ –

‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ขาทนฺติ พฺราหฺมณ;

ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. –

อาทีสุ วิย อาโรจนตฺโถติ ทฏฺพฺโพ.

อาโรเจตฺวา…เป… นิกฺขิปิตพฺพนฺติ ทุกฺกฏปริโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ตทเหว ปุน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตุกามสฺส รตฺติจฺเฉทปริหารตฺถมฺปี’’ติ วทนฺติ. ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. ยสฺส อาโรจิตํ, ตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เกวลํ นิกฺขิปิตพฺพเมว. ‘‘สภาคา ภิกฺขู วสนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิ เอว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ สวนูปจาราติกฺกมนตฺถํ, คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ. โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเรอรุเณ เอว คจฺฉตีติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุ ภิกฺขูสุ พหิวิหารํ คเตสุปิ อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจนตฺถตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยฺจา’’ติอาทิ. อนิกฺขิตฺตวตฺเตน อนฺโตอุปจารคตานํ สพฺเพสมฺปิ อาโรเจตพฺพา. ‘‘อยํ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปริหาโร’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺสาติ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ. เถรสฺสาติ มหาปทุมตฺเถรสฺส.

๒๓๘. กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถายาติ อิเมสุ ปฏิจฺฉนฺนทิวสปฺปมาเณน ปริวสิตทิวเสสุ ‘‘สิยุํ นุ โข ติวิธรตฺติจฺเฉทการณยุตฺตานิ กานิจิ ทิวสานิ, เอวํ สติ อปริปุณฺณปริวาสทิวสตฺตา น มานตฺตารโห ภเวยฺย, อสติ จ มานตฺตารหภาเว มานตฺตํ ทินฺนมฺปิ อทินฺนํเยว ภเวยฺย, เอวฺจ สติ อาปนฺนาปตฺติโต วุฏฺานํ น ภเวยฺยา’’ติ อิมสฺส วินยกุกฺกุจฺจสฺส วิโนทนตฺถาย. เอเกน วา ทฺวีหิ วา ตีหิ วา ทิวเสหิ อธิกตรานิ ทิวสานิ ปริวสิตฺวา นนุ จายํ ปริวุตฺถปริวาโส, ตสฺมาเนน มานตฺตเมว ยาจิตพฺพํ, อถ กสฺมา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพนฺติ อาหาติ โจทนํ มนสิ กโรนฺเตน วุตฺตํ ‘‘อยฺหิ วตฺเต สมาทินฺเน’’ติอาทิ. หิ ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหติ, น อสมาทินฺเน, อิติ ตสฺมา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. นนุ จ กมฺมวาจายํ ‘‘โส ปริวุตฺถปริวาโส สงฺฆํ มานตฺตํ ยาจติ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘สมาทินฺนวตฺโต’’ติ, อถ กสฺมา ‘‘วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘นิกฺขิตฺตวตฺเตน ปริวุตฺถตฺตา’’ติ. ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ นิกฺขิตฺตวตฺเตน หุตฺวา ปริวุตฺโถ โหติ, โน อนิกฺขิตฺตวตฺเตน, ตสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺเตน หุตฺวา ปริวุตฺถตฺตา อยํ ภิกฺขุ วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหติ, โน อสมาทินฺเนติ โยชนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน ปุน สมาทานกิจฺจํ นตฺถิ. โส หิ ปฏิจฺฉนฺนทิวสาติกฺกเมเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ตสฺส มานตฺตํ ทาตพฺพเมวา’’ติ.

จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อูเนคเณจรณโทสา วิมุจฺจนตฺถํ. ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโตติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพนฺติ จ วุตฺตํ. ‘นิกฺขิปนฺเตน อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ ปโยชนํ อตฺถี’ติ จ วุตฺตํ, น ปน ตํ ปโยชนํ ทสฺสิต’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) วุตฺตํ, วตฺตเภททุกฺกฏา มุจฺจนปโยชนํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

๒๓๙. อพฺภานํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ กตมฺปิ อกตเมว โหตีติ อตฺโถ. ‘‘เตนาปิ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อพฺภานํ ยาจิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อพฺภานยาจนตฺถํ มานตฺตสฺส สมาทิยนกาเลปิ อาโรเจตพฺพเมว. ปุพฺเพ มานตฺตจาริตกาเล อาโรจิตเมวาติ อนาโรเจตฺวา อพฺภานํ น ยาจิตพฺพนฺติ วิฺายติ. เอวํ มานตฺตยาจนกาเลปิ ปริวาสํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

๒๔๐. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ จิณฺณมานตฺตสฺส จ อพฺภานารหสฺส จ นินฺนานากรณตฺตา วุตฺตํ. อฺถา ‘‘อพฺภานารโห อพฺเภตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. อุกฺเขปนียกมฺมกโตปิ อตฺตโน ลทฺธิคฺคหณวเสน สภาคภิกฺขุมฺหิ สติ ตสฺส อนาโรจาเปตุํ น ลภติ.

‘‘อนนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติ ปาโ. อเวริภาเวน สภาโค อเวริสภาโค. ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ปสงฺคโต อิเธว ปกาสิตํ. ลหุเกสุ ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. ตตฺถ ตฺติยา อาวิ กตฺวา อุโปสถํ กาตุํ อนุฺาตตฺตา ลหุกสภาคํ อาวิ กาตุํ วฏฺฏตีติ. สภาคสงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรจนํ น วฏฺฏตีติ กิร. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตีติ (มหาว. ๑๗๑) วุตฺตตฺตา ลหุกสฺเสวายํ สมนุฺาตา. น หิ สกฺกา สุทฺธสฺส เอกสฺส สนฺติเก สงฺฆาทิเสสสฺส ปฏิกรณํ กาตุ’’นฺติ ลิขิตํ. ลหุเกสุปิ สภาคํ อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตีติ. ตสฺมา เอว หิ ตฺติยา อาวิกรณํ อนุฺาตํ, อิตรถา ตํ นิรตฺถกํ สิยา. อฺมฺาโรจนสฺส วฏฺฏติ, ตโต น วฏฺฏตีติ ทีปนตฺถเมว ตฺติยา อาวิกรณมนุฺาตํ, เตเนว อิธ ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อยมตฺโถ ‘‘เอตฺตาวตา เต ทฺเว นิราปตฺติกา โหนฺติ, เตสํ สนฺติเก เสเสหิ สภาคาปตฺติโย เทเสตพฺพา’’ติ วจเนน กงฺขาวิตรณิยมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ปกาสิโตว. สงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตสฺสา ตฺติยา อยมตฺโถ – ยทา สุทฺธํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อฺมฺาโรจนวเสน ปฏิกริสฺสติ, เอวํ ปฏิกเต ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, โย สุเณยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖) วุตฺตาปตฺติโต โมกฺโข โหติ, ตสฺมา ‘‘ครุกํ วา โหตุ ลหุกํ วา, ตฺติยา อาวิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อุโภสุ นเยสุ ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. ‘‘นามฺเจว อาปตฺติ จาติ เตน เตน วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติ อาปตฺติ. นามนฺติ ตสฺสา อาปตฺติยา นาม’’นฺติ ลิขิตํ. อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เอตฺถ อาโรจนํ วตฺตเภททุกฺกฏปริหรณปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ.

‘‘สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสฺี ฉาเทติ, อจฺฉนฺนา โหติ. อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย วา อนนฺตรายิกสฺาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติปิ ปาโ. อเวรีติ หิตกาโม. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุฏฺิเต อรุเณ. สุทฺธสฺส สนฺติเกติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส สนฺติเก. วตฺถุนฺติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมํ. สุกฺกวิสฺสฏฺีติ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺี’’ติ อิทํ อสุจิโมจนลกฺขณสฺส วีติกฺกมสฺส ปกาสนโต วตฺถุ เจว โหติ, สชาติยสาธารณวิชาติยวินิวตฺตสภาวาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอว ปกาสนโต โคตฺตฺจ โหตีติ อตฺโถ. คํ ตายตีติ หิ โคตฺตํ. สงฺฆาทิเสโสติ นามฺเจว อาปตฺติ จาติ สงฺฆาทิเสโสติ เตน เตน วีติกฺกเมน อาปนฺนสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามปกาสนโต นามฺเจว โหติ, อาปตฺติสภาวโต อาปตฺติ จ.

สุทฺธสฺสาติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส, ตโต วุฏฺิตสฺส วา. อฺสฺมินฺติ สุทฺธนฺตปริวาสวเสน อาปตฺติวุฏฺานโต อฺสฺมึ อาปตฺติวุฏฺาเน. ปฏิจฺฉาทิยิตฺถาติ ปฏิจฺฉนฺนา. กา สา? อาปตฺติ. ทิวสาทีหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วสนํ ปริวาโส. โก โส? วินยกมฺมกรณํ. ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส.

ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถา นิฏฺิตา.

สุทฺธนฺตปริวาสกถา

๒๔๒. สุชฺฌนํ สุทฺโธ, โก โส? อาปตฺติวิคโม. อมติ โอสานภาวํ คจฺฉตีติ อนฺโต, สุทฺโธ อนฺโต ยสฺส ปริวาสสฺสาติ สุทฺธนฺโต, สุทฺธนฺโต จ โส ปริวาโส จาติ สุทฺธนฺตปริวาโส, สุทฺธกาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา อสุทฺธกาลปฺปมาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตปริวาโส.

สุทฺธนฺตปริวาสกถา นิฏฺิตา.

โอธานสโมธานปริวาสกถา

๒๔๓. สโมธียเต สโมธานํ, นานากาลิกา นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย อคฺฆาทิวเสน สโมธานํ เอกีกรณํ, สโมธาเนตฺวา กโต ปริวาโส สโมธานปริวาโสติ วิคฺคโห. กมฺมวาจายํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อนฺตรา สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนํ อปฺปฏิจฺฉนฺนานํ มูลายปฏิกสฺสนา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอตฺถ คตฺยตฺถธาตุยา กมฺมนิ จ นยนตฺถธาตุยา กมฺมนิ จ ตทตฺถสมฺปทาเน จ วิภตฺติปริณาเม จาติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อายาเทสสฺส วุตฺตตฺตา, ปฏิปุพฺพกสธาตุยา จ นยนตฺถตฺตา ‘‘มูลายา’’ติ อิทํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต’’ติ เอตฺถ กมฺมํ, ตสฺมา ‘‘ปฏิกสฺสิโต…เป… มูลาย’’ อิติ เอตฺตกเมว ภวิตพฺพํ, น ‘‘มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ เอวํ มฺมานา สทฺทวิทุโน ‘‘ปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ อธิกนฺติ วา วเทยฺยุํ มกฺเขยฺยุํ วา, น ปเนตํ วตฺตพฺพํ. นวปาเสุเยว อยํ ปาโ สทฺทลกฺขณยุตฺโต วา อยุตฺโต วาติ จินฺเตตพฺโพ, น ปน ปาฬิยฏฺกถาทิโต อาคเตสุ โปราณปาเสุ. เตสุ ปน กถํ โยชิยมาโน อยํ ปาโ สทฺทยุตฺติยา จ อตฺถยุตฺติยา จ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ โยชนากาโรเยว จินฺเตตพฺโพ. อยฺจ ปาโ โปราณปาฬิปาโว, ตสฺมา ‘‘มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา ‘‘มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโต’’ติ โยเชตพฺพํ.

กถํ ปเนตสฺส โปราณปาภาโว ชานิตพฺโพติ? ปกรเณ อาคตตฺตา. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘ปาฬิยํ ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อุทายิ ภิกฺขุ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลายปฏิกสฺสนาติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโตติ โยเชตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘มูลาย ปฏิกสฺสนา มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อลุตฺตสมาสวเสน อุตฺตรปเทน สมาสํ กตฺวา สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อนฺตรา สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนํ อปฺปฏิจฺฉนฺนานํ เหตุ ปฏิกสฺสิโต. สา มูลายปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสาติ โยเชตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ตตฺเถว (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘อถ วา มูลายปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อุตฺตรปเทน สห ปจฺจตฺตวเสเนว โยเชตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ.

ตํ เทนฺเตน ปมํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปจฺฉาปริวาโส ทาตพฺโพติ เอตฺถ ตํ โอธานสโมธานปริวาสํ เทนฺเตน ปมํ ตํ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺส อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพติ อตฺโถ. ยถา กึ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘อุทายึ ภิกฺขุํ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวาติ เอตฺถ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา เหตุภูตาย อุทายึ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺสา อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาสํ เทตูติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ. มหาสุมตฺเถรวาเท อาวิการาเปตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพติ ตสฺส อเตกิจฺฉภาวํ เตเนว สงฺฆสฺส ปากฏํ กาเรตฺวา ลชฺชีคณโต วิโยชนวเสน วิสฺสชฺเชตพฺโพติ อตฺโถ.

โอธานสโมธานปริวาสกถา นิฏฺิตา.

อคฺฆสโมธานปริวาสกถา

๒๔๔. อคฺเฆน อคฺฆวเสน อรหวเสน สโมธานํ อคฺฆสโมธานํ, อาปนฺนาสุ สมฺพหุลาสุ อาปตฺตีสุ ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธาย ตาสํ รตฺติปริจฺเฉทวเสน อวเสสานํ อูนตรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํ ปริวาโส ทียติ, อยํ วุจฺจติ อคฺฆสโมธาโน . สตํ อาปตฺติโยติ กายสํสคฺคาทิวเสน เอกทิวเส อาปนฺนา สตํ อาปตฺติโย. ทสสตนฺติ สหสฺสอาปตฺติโย. รตฺติสตํ ฉาทยิตฺวานาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๑๐๒) วุตฺตํ.

อคฺฆสโมธานปริวาสกถา นิฏฺิตา.

๒๔๖. ลิงฺคปริวตฺตนกกถายํ ยทิ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุ ภเวยฺย, กึ เตน ปุน อุปชฺฌา คเหตพฺพา, ปุน อุปสมฺปทา กาตพฺพา, กึ ภิกฺขูปสมฺปทาโต ปฏฺาย วสฺสคณนา กาตพฺพา, อุทาหุ อิโต ปฏฺายาติ ปุจฺฉาย สติ ตํ ปริหริตุมาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต สา ภิกฺขุนี ภิกฺขูนํ มชฺเฌเยว วสิตพฺพํ ภเวยฺยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อปฺปติรูป’’นฺติอาทิ. เอวํ สนฺเต ภิกฺขุภูตกาเล อาปชฺชิตาปตฺติโย กถํ กาตพฺพาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยา เทสนาคามินิโย วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ สาธารณาติ สฺจริตฺตาทโย. อสาธารณาติ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทโย. โหตุ ภควโต อนุฺาตวเสน ลิงฺเค ปริวตฺเต อสาธารณาปตฺตีหิ วุฏฺิตภาโว, ปุน ปกติลิงฺเค อุปฺปนฺเน ปุน อาปตฺติ สิยาติ อาสงฺกํ ปริหริตุํ ‘‘ปุน ปกติลิงฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ ปมปาราชิกวณฺณนาย ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๙; วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๙) วุตฺตนเยเนว ทฏฺพฺโพ, อิธ ปน ครุกาปตฺติวุฏฺานกถาภูตตฺตา สาเยว กถา วุจฺจเต.

๒๔๗. ตตฺถ ภิกฺขุนีหิ สาธารณาย ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยาติ สฺจริตฺตาทิอาปตฺติยา, เหตฺวตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. ปริวสนฺตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ. ปกฺขมานตฺตเมว ทาตพฺพํ, น ปุน ปริวาโส ทาตพฺโพ ภิกฺขุนิภาเว อปริวาสารหตฺตาติ อธิปฺปาโย. มานตฺตํ จรนฺตสฺสาติ อนาทเรเยว สามิวจนํ, ฉารตฺตมานตฺเต อาจิณฺเณเยว ปริวตฺตติ, ปุน ปกฺขมานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ. เตน วกฺขติ ‘‘สเจ จิณฺณมานตฺตสฺสา’’ติอาทิ. อกุสลวิปาเก ปริกฺขีเณติ ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตฺถินฺทฺริยปติฏฺานํ ปน กุสลวิปากเมว. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘อุภยมฺปิ อกุสเลน อนฺตรธายติ, กุสเลน ปฏิลพฺภตี’’ติ. ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ, น ปริวาโส ทาตพฺโพ, น วา ปกฺขมานตฺตํ ทาตพฺพํ.

‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ วตฺวา ตํ วิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. ปริวาสทานํ นตฺถิ, ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุนิกาเล ปฏิจฺฉนฺนตฺตา. ภิกฺขุกาเล ฉนฺนาเยว หิ อาปตฺติ ปริวาสารหา โหติ, โน ภิกฺขุนิกาเลติ อยเมตาสํ วิเสโส. ปกฺขมานตฺตํ จรนฺติยาติ อนาทเร สามิวจนํ, ปกฺขมานตฺเต อาจิณฺเณเยวาติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘จิณฺณมานตฺตายา’’ติอาทิ. ฉารตฺตํ มานตฺตํ จรนฺตสฺสาติอาทิ วุตฺตนยเมว.

ปริวาสวินิจฺฉยกถา

อิทานิ สงฺฆาทิเสสาปตฺติ ยสฺมา สาวเสสครุกาปตฺติ โหติ สเตกิจฺฉา, ตสฺมา ยถา นาม โรคาตุโร ปุคฺคโล กิฺจิ อตฺตโน หิตสุขการณํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตเมนํ การุณิโก ติกิจฺฉโก กรุณาสฺโจทิโต ติกิจฺฉํ กตฺวา เคลฺโต วุฏฺาเปตฺวา หิตสุขํ ชเนติ, เอวํ สงฺฆาทิเสสาปตฺติสมงฺคี ปุคฺคโล อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกภาวโต สคฺคโมกฺขมคฺคํ โสเธตุํ น สกฺโกติ, ตเมนํ มหาการุณิโก ภควา มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส อเนเกหิ นเยหิ อาปตฺติโต วุฏฺานํ กตฺวา สคฺคโมกฺขสุเข ปติฏฺเปติ, ภควโต อธิปฺปายฺุโน อฏฺกถาจริยาปิ อเนเกหิ การเณหิ ภควโต วจนสฺส อตฺถํ ปกาเสตฺวา วิสุทฺธกามานํ นยํ เทนฺติ, ตถา ฏีกาจริยาทโยปิ. เอวํ ทินฺเน ปน นเย โยนิโส มนสิ กาตุํ สกฺโกนฺตา ปณฺฑิตา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, อสกฺโกนฺตา อฺถา อตฺถํ คเหตฺวา น ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ ทิฏฺานุคตึ อนุคจฺฉนฺตา สิสฺสาทโยปิ ตเถว กโรนฺติ, ตสฺมา ภควโต วจนฺจ ปุพฺเพนาปรํ สํสนฺทิตฺวา อฏฺกถาฏีกาทิวจนฺจ สมฺมา ตุลยิตฺวา ตถโต ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺเตหิ ครุกาปตฺติโต วุฏฺหนตฺถํ โยโค กรณีโย.

ตสฺมา ยทา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ วินยธรสฺส สนฺติกํ ‘‘ครุกาปตฺติวุฏฺานํ กริสฺสามา’’ติ, ตทา วินยธเรน ‘‘ตฺวํ กตราปตฺตึ อาปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ. ‘‘สงฺฆาทิเสสํ อาปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรสงฺฆาทิเสส’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ นามา’’ติ วุตฺเต สุกฺกวิสฺสฏฺิยํ โมเจตุกามเจตนา, อุปกฺกโม, มุจฺจนนฺติ ตีณิ องฺคานิ. กายสํสคฺเค มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, กายสํสคฺคราโค, เตน ราเคน วายาโม, หตฺถคฺคาหาทิสมาปชฺชนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. ทุฏฺุลฺลวาจายํ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราโค, เตน ราเคน โอภาสนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. อตฺตกาเม มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, อตฺตกามปาริจริยาย ราโค, เตน ราเคน วณฺณภณนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. สฺจริตฺเต เยสุ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา, นาลํวจนียตา, ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ ปฺจ องฺคานิ. กุฏิกาเร อุลฺลิตฺตาทีนํ อฺตรตา, เหฏฺิมปมาณสมฺภโว, อเทสิตวตฺถุกตา, ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตุทฺเทสิกตา, วาสาคารตา, เลปฆฏนาติ สตฺต ปมาณยุตฺตาทีสุ ฉธา องฺคานิ. วิหารกาเร ตานิเยว ฉ องฺคานิ. ทุฏฺโทเส ยํ โจเทติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺโนติ สงฺขฺยุปคมนํ, ตสฺมึ สุทฺธสฺิตา, เยน ปาราชิเกน โจเทติ, ตสฺส ทิฏฺาทิวเสน อมูลกตา, จาวนาธิปฺปาเยน สมฺมุขาโจทนา, ตสฺส ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. อฺภาคิเย อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺส กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทิยนตา, ปุริมานิ ปฺจาติ ฉ องฺคานิ. สงฺฆเภเท เภทาย ปรกฺกมนํ, ธมฺมกมฺเมน สมนุภาสนํ, กมฺมวาจาปริโยสานํ, อปฺปฏินิสฺสชฺชนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. เภทานุวตฺตเก องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อนุวตฺตนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. ทุพฺพเจ องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อวจนียกรณตาติ จตฺตาริ องฺคานิ. กุลทูสเก องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ ฉนฺทาทีหิ ปาปนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. อิติ อิมานิ องฺคานิ โสเธตฺวา สเจ องฺคปาริปูรี โหติ, ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วตฺตพฺโพ. โน เจ, ‘‘นายํ สงฺฆาทิเสโส, ถุลฺลจฺจยาทีสุ อฺตราปตฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘นายํ วุฏฺานคามินี, เทสนาคามินี อยํ อาปตฺติ, ตสฺมา ปติรูปสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติเก เทเสหี’’ติ วตฺวา เทสาเปตพฺโพ.

อถ ปน อนาปตฺติจฺฉายา ปฺายติ, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชตพฺพา. สเจ ปน สงฺฆาทิเสสจฺฉายา ปฺายติ, ‘‘ตฺวํ อิมํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ฉาเทสิ, น ฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ฉาเทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ตฺวํ น ปริวาสารโห, มานตฺตารโหว โหตี’’ติ วตฺตพฺโพ. ‘‘ฉาเทมี’’ติ ปน วุตฺเต ‘‘ทสสุ อากาเรสุ อฺตรการเณน ฉาเทสิ, อุทาหุ อฺการเณนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทสสุ อฺตรการเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวมฺปิ มานตฺตารโห โหติ, น ปริวาสารโห’’ติ วตฺตพฺโพ. อถ ‘‘อฺการเณนา’’ติ วทติ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ตฺวํ อาปตฺติอาปนฺนภาวํ ชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ อชานนฺโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘อาปตฺติอาปนฺนภาวํ สรนฺโต ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ วิสริตฺวา ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิสริตฺวา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘อาปตฺติอาปนฺนภาเว เวมติโก หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ นิพฺเพมติโก หุตฺวา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เวมติโก หุตฺวา’’ติ วุตฺเต จ ‘‘น ตฺวํ ปริวาสารโห, มานตฺตารโหว โหตี’’ติ วตฺตพฺโพ.

อถ ‘‘ชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘สรนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘นิพฺเพมติโก หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘ตฺวํ ปริวาสารโห’’ติ วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๔๔) ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ, อาวุโส, อาปตฺติ ชานปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ อชานปฺปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’’ติ จ, ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ อาปตฺติ สรมานปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ อาปตฺติ อสรมานปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’’ติ จ, ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ, อาวุโส, อาปตฺติ นิพฺเพมติกปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ เวมติกปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุมานตฺตารโห’’’ติ จ.

เอวํ ปริวาสารหภาวํ ปกาเสตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ ปริวาสารโห, ตีสุ ปริวาเสสุ กตรปริวาสารโห’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ ตฺวํ กติ อาปตฺติโย ฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ อาปตฺติ’’นฺติ วา ‘‘ทฺเว ตีณิ ตตุตฺตริ วา อาปตฺติโย ฉาเทมี’’ติ วา วุตฺเต ‘‘กตีหํ ตฺวํ อาปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกาหเมวาหํ ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วา ‘‘ทฺวีหํ ตีหํ ตตุตฺตริ วา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วา วุตฺเต ‘‘ยาวตีหํ ปฏิจฺฉาเทสิ, ตาวตีหํ ตฺวํ ปฏิวสิสฺสสี’’ติ วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ยาวตีหํ ชานํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพ’’นฺติ. ตโต ‘‘อยํ ภิกฺขุ อาปตฺติปริยนฺตํ ชานาติ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนปริวาสารโห’’ติ (ปารา. ๔๔๒) ตฺวา ตทนุรูปา กมฺมวาจา กาตพฺพา.

เอตฺถ จ อาปตฺติปริยนฺตปุจฺฉนํ กมฺมวาจากรณตฺถเมว โหติ, รตฺติปริยนฺตปุจฺฉนํ ปน ตทตฺถฺเจว สุทฺธนฺตปริวาสสฺส อนนุรูปภาวทสฺสนตฺถฺจ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จุฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘โส ทุวิโธ จูฬสุทฺธนฺโต มหาสุทฺธนฺโตติ, ทุวิโธปิ เจส รตฺติปริจฺเฉทํ สกลํ วา เอกจฺจํ วา อชานนฺตสฺส จ อสรนฺตสฺส จ ตตฺถ เวมติกสฺส จ ทาตพฺโพ. อาปตฺติปริยนฺตํ ปน ‘อหํ เอตฺตกา อาปตฺติโย อาปนฺโน’ติ ชานาตุ วา, มา วา, อการณเมต’’นฺติ. ตโต ตสฺส ภิกฺขุโน นิสีทนฏฺานํ ชานิตพฺพํ. ทุวิธฺหิ นิสีทนฏฺานํ อนิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ, นิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานนฺติ.

ตตฺถ อปฺปภิกฺขุเก วิหาเร สภาคภิกฺขูนํ วสนฏฺาเน อุปจารสีมาปริจฺฉินฺโน อนฺโตวิหาโร อนิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. อุปจารสีมํ อติกฺกมฺม มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุมฺพวติปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ นิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วิหาเรเยว รตฺติปริคฺคโห กาตพฺโพ. อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธึ มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคา โอกฺกมฺม ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตฺวา อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ. ‘‘มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนวา’’ติ จ ‘‘สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว รตฺติโย คเณตพฺพา. อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๘) อิทํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตํ.

ตตฺถ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหตีติ อิทํ พหุภิกฺขุเก วิหาเร อฺเ ภิกฺขู คจฺฉนฺติ, อฺเ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทการณานิ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา วุตฺตํ. วกฺขติ หิ ‘‘อถ น สกฺกา โสเธตุ’’นฺติ. สภาคา ภิกฺขู วสนฺตีติ อิทํ วิสภาคานํ เวรีภิกฺขูนํ สนฺติเก วตฺตํ อาโรเจนฺโต ปกาเสตุกาโม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๖) ‘‘ตสฺมา อเวริสภาคสฺส สนฺติเก อาโรเจตพฺพา. โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสปิ สนฺติเก นาโรเจตพฺพา’’ติ, ตสฺมา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิเยว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. วิหาเรเยวาติ อนฺโตอุปจารสีมายเมว. วกฺขติ หิ ‘‘อถ น สกฺกา…เป… อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา’’ติ. รตฺติปริคฺคโห กาตพฺโพติ รตฺติคณนา กาตพฺพา. วุตฺตฺหิ มานตฺตวณฺณนายํ ‘‘รตฺติโย คเณตพฺพา’’ติ. อถ น สกฺกา โสเธตุนฺติ พหุภิกฺขุกตฺตา วา วิหารสฺส วิสภาคานํ วสนฏฺานตฺตา วา รตฺติจฺเฉทวตฺตาเภทการณานิปิ โสเธตุํ น สกฺกา. วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวาติ ปริวาสวตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา. ปจฺจูสสมเยติ ปจฺฉิมยามกาเล อรุโณทยโต ปุเรตรเมว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ. เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธินฺติ วิปฺปวาสรตฺติจฺเฉทวิมุจฺจนตฺถํ วินา ปกตตฺเตน สภิกฺขุกอาวาสอภิกฺขุกอนาวาสคมนสงฺขาตวตฺตเภทวิมุจฺจนตฺถฺจ วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สภิกฺขุกา อาวาสา อภิกฺขุโก อนาวาโส คนฺตพฺโพ อฺตฺร ปกตตฺเตน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติ (จูฬว. ๗๖).

มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ วุตฺตนเยน. ยทิ เอวํ วิสมมิทํ นยทสฺสนํ, ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺาเน เอว หิ อุปจารสีมา โหติ, กสฺมา ตตฺถ อุปจารสีมโต ทฺเวเลฑฺฑุปาตาติกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน อุปจารสีมาติกฺกโม เอวาติ? สจฺจํ, ตถาปิ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนสพฺภาวโต สุวิทูราติกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน อุปจารสีมโต อติกฺกมมตฺโตปิ อติกฺกโมเยวาติ กตฺวา วุตฺโต. พุทฺธมตฺุโน หิ อฏฺกถาจริยา. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโตติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ จ วุตฺต’’นฺติ.

มานตฺตวณฺณนายํ จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อิทํ ปน อูเนคเณจรณรตฺติจฺเฉทวิมุจฺจนตฺถํ วุตฺตํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติอาทิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ สวนูปจารทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนวาห ฏีกาจริโย ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, ‘มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ สวนูปจารวิชหนตฺถํ, คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตํ ทุวิธํ านํ ปริวสนฺตมานตฺตจาริกภิกฺขูหิ นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. เตสุ จ ยทิ อนฺโตวิหาเรเยว นิสีทิตฺวา ปริวสติ, อุปจารสีมคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ โหติ. อถ พหิอุปจารสีมายํ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ. อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพเมว. วุตฺตฺหิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ ‘‘วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ. อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ วุตฺต’’นฺติ. อิทฺจ วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อนฺโตวิหาเรเยว รตฺติปริคฺคหสฺส จ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา วตฺตสมาทานสฺส จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. อุปจาโร ปน อนฺโตสีมาย ิตานํ สกลอุปจารสีมา โหติ, พหิอุปจารสีมาย ิตานํ ทฺวาทสหตฺถมตฺตํ. เตเนว หิ อุทฺเทสภตฺตาทิสงฺฆลาโภ ยทิ อนฺโตสีมาย อุปฺปชฺชติ, สีมฏฺกสงฺฆสฺส โหติ. ยทิ พหิสีมายํ, ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ปตฺตภิกฺขูนํ, ตสฺมา อุปจารวเสนปิ เอส อตฺโถ วิฺายติ. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพนฺติ จ วุตฺต’’นฺติ.

เอวํ อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ หุตฺวา ปริวสนฺตานํ อนฺโตวิหาเรเยว วสนสฺส, นิกฺขิตฺตวตฺตานํ หุตฺวา ปริวสนฺตานํ วิหารโต พหิ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสนสฺส จ อฏฺกถาทีสุ ปกรเณสุ อาคตตฺตา ตถาคตนโย ปกรณาคตนโย โหติ. อิทานิ ปน อาจริยา อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส จ รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส ปริหริตุํ อติทุกฺกรตฺตา, นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส จ เทวสิกํ ปจฺจูสสมเย พหิสีมคมนสฺส ทุกฺขตฺตา, วาฬสรีสปาทิปริสยสฺส จ อาสงฺกิตพฺพภาวโต รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทปริหรณวเสน ลกฺขณปาริปูริเมว มนสิ กโรนฺตา นิกฺขิตฺตวตฺตาปิ สมานา อนฺโตวิหาเรเยว ปริวาสวสนฺจ มานตฺตจรณฺจ กโรนฺติ.

เอกจฺเจ อาจริยา พหิอุปจารสีมายํ ปติรูปฏฺาเน ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนํ วสนสาลํ การาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขูนํ นิปชฺชนมฺจํ สพฺพโต ฉนฺนปริจฺฉินฺนํ สทฺวารพนฺธนํ สุคุตฺตํ การาเปตฺวา ตํ ปเทสํ วติยา ปริกฺขิปาเปตฺวา สายนฺหสมเย ตตฺถ คนฺตฺวา อุปฏฺากสามเณราทโย นิวตฺตาเปตฺวา ปุริมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา สมนฺตโต สทฺทฉิชฺชนกาเล ปกตตฺตภิกฺขู สาลายํ นิปชฺชาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขู วตฺตํ สมาทาเปตฺวา อาโรจาเปตฺวา อตฺตโน อตฺตโน มฺจเกสุ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมยามกาเล อุฏฺาเปตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺติ. เอส นโย ปกรเณสุ อนาคตตฺตา อาจริยานํ มเตน กตตฺตา อาจริยนโย นาม. เอส นโยปิ ยถารุตโต ปกรเณสุ อนาคโตปิ ปกรณานุโลมวเสน รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส ปริหริตฺวา ลชฺชิเปสเลหิ พหุสฺสุเตหิ สิกฺขากาเมหิ วินเย ปกตฺูหิ วิจาริโต สมาโน สุนฺทโร ปสตฺโถว โหติ, ตสฺมา ‘‘อนุโลมนโย’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ.

นนุ จ อนิกฺขิตฺตวตฺตานํเยว อนฺโตวิหาเร วสนํ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺตาปิ สมานา วสนฺตีติ? สจฺจํ, ตตฺถ ปน อปฺปภิกฺขุกตฺตา สภาคภิกฺขูนํ วสนฏฺานตฺตา จ รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส จ ปริหริตุํ สกฺกุเณยฺยภาวโต สกลรตฺตินฺทิวมฺปิ วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วสนํ วุตฺตํ, อิธ ปน ตถา อสกฺกุเณยฺยภาวโต ทิวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา รตฺติยํ สมาทิยนฺโต อาคนฺตุกานํ อนาคมนกาลภาวโต, สทฺทฉิชฺชนกาลภาวโต จ รตฺติจฺเฉทาทิโทเส ปริหริตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา ตทนุโลโมเยว โหตีติ มนฺตฺวา อาจริยา เอวํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ โหตุ, พหิอุปจารสีมาย วสนฺตานํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทนเมว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, น ปกตตฺตสาลากรณมฺจกรณาทีนิ, อถ กสฺมา เอตานิ กโรนฺตีติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปกตตฺตสาลากรณํ ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ วิปฺปวาสรตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส, วิปฺปวาโส, อนาโรจนา’’ติ วุตฺตปาํ (จูฬว. ๘๓) อนุโลเมติ. มฺจกรณํ สหวาสรตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตปาฺจ (จูฬว. ๘๑) ยถาวุตฺตปาฺจ อนุโลเมติ. อาทิ-สทฺเทน สายนฺหสมเย คมนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เตสุ อฏฺกถายํ ปจฺจูสสมเย คมเน เอว วุตฺเตปิ สายนฺหสมเย คมนํ รตฺติคมนสฺส พหุปริสฺสยตฺตา ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ, ตํ ‘‘อนฺตรายโต ปริมุจฺจนตฺถาย คนฺตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาปาํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) อนุโลเมติ. อุปฏฺากสามเณราทีนํ นิวตฺตาปนํ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยสงฺกานิวตฺตนตฺถํ, ตํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ มาติกาปาํ (ปาจิ. ๔๙) อนุโลเมติ. ปุริมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา สมนฺตโต สทฺทฉิชฺชนกาเล ปกตตฺตภิกฺขู สาลายํ นิปชฺชาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขูนํ วตฺตสมาทาปนํ อฺภิกฺขูนํ สทฺทสวนวิวชฺชนตฺถํ, ตํ อนาโรจนรตฺติจฺเฉทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ยถาวุตฺตรตฺติจฺเฉทปาํ อนุโลเมติ.

นนุ จ อฏฺกถายํ อนฺโตอรุเณเยว วตฺตสมาทาปนํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘ปุริมยามมชฺฌิมยาเมสู’’ติ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส, หิยฺโยอรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย หิ ยาว อชฺชอรุณุคฺคมนา เอโก รตฺตินฺทิโว อชฺชอรุณสฺส อนฺโต นาม, อชฺชอรุณโต ปฏฺาย ปจฺฉากาโล อรุณสฺส พหิ นาม, ตสฺมา ปุริมมชฺฌิมยาเมสุ กตวตฺตสมาทานมฺปิ อรุโณทยโต ปุเร กตตฺตา อนฺโตอรุเณ กตํเยว โหติ. วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา นิปชฺชเน จ สติ นิทฺทาวเสน อรุณุคฺคมนกาลํ อชานิตฺวา วตฺตสมาทานํ อติกฺกนฺตํ ภเวยฺย, ตสฺมา ปุเรตรเมว สมาทานํ กตฺวา นิปชฺชนํ ายาคตํ โหติ, ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตอฏฺกถาปาฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อนุโลเมติ.

เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเตปิ กสฺมา ‘‘อาโรจาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, นนุ มาฬกสีมายํ สมาทินฺนกาเลเยว วตฺตมาโรจิตนฺติ? สจฺจํ อาโรจิตํ, อยํ ปน ภิกฺขุ ทิวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺโน, อิทานิ สมาทินฺโน, ตสฺมา มาฬกสีมาย อาโรจิตมฺปิ ปุน อาโรเจตพฺพํ โหติ. อิทมฺปิ ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ ปาํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อนุโลเมติ. อถ ‘‘อตฺตโน อตฺตโน มฺจเกสุ นิปชฺชาเปตฺวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อฺมฺสฺส มฺเจสุ นิปชฺชมานาปิ ปกตตฺตสาลโต นิพฺโพทกปตนฏฺานโต พหิ นิปชฺชมานา สหวาสรตฺติจฺเฉทโทสโต มุตฺตาเยวาติ? น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาริวาสิโก ปกตตฺตภิกฺขูเหว เอกจฺฉนฺเน นิปนฺโน สหวาสรตฺติจฺเฉทปฺปตฺโต โหติ, อถ โข อฺมฺมฺปิ โหติเยว. วุตฺตฺเจตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) ‘‘สเจ หิ ทฺเว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อฺมฺสฺส อชฺฌาจารํ ตฺวา อคารวา วา วิปฺปฏิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฏฺตรํ วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ. ‘‘ปจฺฉิมยามกาเล อุฏฺาเปตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺตี’’ติ เอตฺถ อรุเณ อนุฏฺิเตเยว วตฺตนิกฺขิปเน กริยมาเน รตฺติจฺเฉโท โหติ, สา รตฺติ คณนูปคา น โหติ, ตสฺมา ปมปริจฺเฉเท วุตฺตํ อรุณกถาวินิจฺฉยํ โอโลเกตฺวา อรุณุคฺคมนภาโว สุฏฺุ ชานิตพฺโพ.

‘‘อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมา อาโรจาเปติ, นนุ สมาทินฺนกาเลเยว อาโรจิตนฺติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปาริวาสิกวตฺตสมาทานกาเล อาโรจิเตสุ ภิกฺขูสุ เอกจฺเจ นิกฺขิปนกาเล คจฺฉนฺติ, อฺเ อาคจฺฉนฺติ, เอวํ ปริสสงฺกมนมฺปิ สิยา, ตถา จ สติ อภินวาคตานํ สพฺภาวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อสติ ปน อภินวาคตภิกฺขุมฺหิ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ. เอวํ สนฺเตปิ อาโรจเน โทสาภาวโต ปุน อาโรจนํ ายาคตํ โหติ, มานตฺตจรณกาเล ปน สมาทาเน อาโรจิเตปิ นิกฺขิปเน อวสฺสํ อาโรเจตพฺพเมว. กสฺมา? ทิวสนฺตรภาวโต. ‘‘เทวสิกํ อาโรเจตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๐) หิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ สายํ สมาทานกาเล อาโรเจสฺสติ, ตสฺมา นิกฺขิปเน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ เจ? น, สายํ สมาทานกาเล เอเต ภิกฺขู อาคจฺฉิสฺสนฺติปิ, น อาคจฺฉิสฺสนฺติปิ, อนาคตานํ กถํ อาโรเจตุํ ลภิสฺสติ, อนาโรจเน จ สติ รตฺติจฺเฉโท สิยา, ตสฺมา ตสฺมึ ทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต วตฺตนิกฺขิปนโต ปุเรเยว อาโรเจตพฺพนฺติ โน มติ, สุฏฺุตรํ อุปธาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ ปกรณาคตนเยน วา ปกรณานุโลมอาจริยนเยน วา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาณํ ปติฏฺาเปนฺเตน วินยโกวิเทน พหุสฺสุเตน ลชฺชีเปสลภูเตน วินยธเรน วิสุทฺธิกามานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ สีลวิสุทฺธตฺถาย สุฏฺุ วิจาเรตฺวา ปริวาสวตฺตามานตฺตจรณวตฺตานิ อาจิกฺขิตพฺพานีติ.

อิมสฺมึ าเน ลชฺชีภิกฺขูนํ ปริวาสาทิกถาย กุสลตฺถํ นานาวาทนโย วุจฺจเต – เกจิ ภิกฺขู ‘‘ปกตตฺตสาลํ กุรุมาเนน ตสฺสา สาลาย มชฺเฌ ถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา ตโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตํ ปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปฺตฺเต ปาริวาสิกานํ มฺเจ นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส คีวา ตสฺส ปเทสสฺส อุปริ โหติ, ตถา ปฺาเปตพฺโพ. เอวํ กเต สุกตํ โหตี’’ติ วทนฺติ กโรนฺติ จ. เอกจฺเจ ‘‘มฺเจ นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส กฏิ ตสฺส ปเทสสฺส อุปริ โหติ, ยถา ปฺาเปตพฺโพ, เอวํ กเต สุกตํ โหตี’’ติ วทนฺติ กโรนฺติ จ, ตํ วจนํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถาฏีกาทีสุ วิชฺชติ, เกวลํ เตสํ ปริกปฺปเมว. อยํ ปน เนสํ อธิปฺปาโย สิยา – ‘‘ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มุฺจิตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตวจนฺจ ‘‘อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติ เอว, วตฺตเภโท ปน นตฺถี’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตฏีกาวจนฺจ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ‘‘อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ, ‘อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตวชิรพุทฺธิฏีกาวจนฺจ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกาวจนฺจ ปสฺสิตฺวา อโยนิโส อตฺถํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถเมว ปมาณํ, ตโต อูนมฺปิ อธิกมฺปิ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน มชฺเฌ ถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถมตฺเต ปเทเส นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส คีวา วา กฏิ วา โหตุ, เอวํ สนฺเต ทฺวาทสหตฺถปฺปเทเส ปาริวาสิกภิกฺขุ โหติ, ตโต สหวาสโต วา วิปฺปวาสโต วา รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสา น โหนฺตีติ.

ตตฺเรวํ ยุตฺตายุตฺตวิจารณา กาตพฺพา. ยถาวุตฺตปาเสุ ปมปาสฺส อยมธิปฺปาโย – ปกตตฺตภิกฺขุมฺหิ ฉมาย นิสินฺเน ยทิ ปาริวาสิกภิกฺขุ อาสเน นิสีทิตุกาโม, ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ มุฺจิตฺวาว นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, น ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรติ. เอเตน ทฺวีสุปิ ฉมาย นิสินฺเนสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรปิ วฏฺฏติ, ทฺวาทสหตฺถปฺปเทสโต พหิ นิสีทนฺโต อาสเนปิ นิสีทิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น ฉมาย นิสินฺเนติ ปกตตฺเต ภูมิยํ นิสินฺเน อิตเรน อนฺตมโส ติณสนฺถเรปิ อุจฺจตเร วาลิกตเลปิ วา น นิสีทิตพฺพํ, ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มุฺจิตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑). อิติ ปกตตฺเต ฉมาย นิสินฺเน ปาริวาสิเกน นิสีทิตพฺพฏฺานทีปโก อยํ ปาโ, น มฺจปฺาปนฏฺานสยนฏฺานทีปโก, ตํ ปุพฺพาปรปริปุณฺณํ สกลํ ปาํ อโนโลเกตฺวา เอกเทสมตฺตเมว ปสฺสิตฺวา ปริกปฺปวเสน อโยนิโส อธิปฺปายํ คณฺหนฺติ.

ทุติยปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – พหิ อุปจารสีมาย ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา นิสินฺเน ภิกฺขุสฺมึ ตสฺส นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ตสฺส อชานนฺตสฺเสว อฺโ ภิกฺขุ คจฺฉติ, ตสฺส ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉโท โหติ, วตฺตเภโท ปน นตฺถิ. กสฺมา รตฺติจฺเฉโท โหติ? อุปจารํ โอกฺกมิตตฺตา. กสฺมา น วตฺตเภโท? อชานนฺตตฺตาติ. เอเตน พหิอุปจารสีมาย อุปจาโร ทฺวาทสหตฺถปฺปมาโณ โหติ อาโรจนกฺเขตฺตภูโตติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตพฺพํ, อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สเจ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ อาคจฺฉติ, สเจ เอส ตํ ปสฺสติ, สทฺทํ วาสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภโท จ. อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติ เอว, วตฺตเภโท ปน นตฺถี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗). อิติ อยมฺปิ ปาโ อาโรจนกฺเขตฺตทีปโก โหติ, น มฺจปฺาปนาทิทีปโกติ ทฏฺพฺพํ.

ตติยปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – กึ พหิอุปจารสีมาย วตฺตสมาทานฏฺานํ อาคตภิกฺขูนํ ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํเยว อาโรเจตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย สติ อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพนฺติ วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ. เอเตน อทิฏฺอสฺสุตานํ ปน อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํเยว อาโรเจตพฺพํ, น พหิทฺวาทสหตฺถคตานํ, ทิฏฺสุตานํ ปน อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานมฺปิ พหิทฺวาทสหตฺถคตานมฺปิ อากาสาทิคตานมฺปิ อาโรเจตพฺพเมวาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณ’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗). อิติ อยมฺปิ ปาโ อาโรเจตพฺพลกฺขณทีปโก โหติ, น มฺจปฺาปนาทิทีปโกติ. จตุตฺถปาสฺส อธิปฺปาโยปิ ตติยปาสฺส อธิปฺปายสทิโสว.

ปฺจมปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ เอตฺถ เอตสฺมึ อฏฺกถาวจเน นิกฺขิตฺตวตฺตานํ ภิกฺขูนํ อตฺตโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน วิปฺปวาสอนาโรจนอูเนคเณจรณานิ สงฺคณฺหาติ. อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา วสิ, ตสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺตานํ พหิอุปจารสีมาย สมาทินฺนตฺตา อตฺตโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อนฺโตวิหาเร สมาทินฺนตฺตา อุปจารสีมาย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสวิปฺปวาสอนาโรจนอูเนคเณจรณสงฺขาตานิ วตฺตจฺเฉทการณานิ เวทิตพฺพานีติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ. อิติ อยฺจ ปาโ ปกตตฺตภิกฺขูสุ คเตสุปิ วตฺตํ อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา วสิตตฺตา โทสาภาวเมว ทีเปติ, น มฺจปฺาปนาทีนิ. อิติ อิเมสํ ปาานํ อโยนิโส อธิปฺปายํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถเมว ปมาณ’’นฺติ มฺมานา วิจารึสุ, เตสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชมานา สิสฺสานุสิสฺสาทโยปิ ตเถว กโรนฺติ, ตเทตํ อปฺปมาณํ.

กถํ? ยํ ตตฺถ ปกตตฺตสาลาย มชฺเฌ ถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา ทฺวาทสหตฺถํ มินึสุ, ตทปฺปมาณํ. น หิ ถมฺเภน วา สาลาย วา สหวาโส วา วิปฺปวาโส วา วุตฺโต, อถ โข ปกตตฺตภิกฺขุนาว. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๘๓) ‘‘ตตฺถ สหวาโสติ ยฺวายํ ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเนติอาทินา นเยน วุตฺโต เอกโต วาโส. วิปฺปวาโสติ เอกกสฺเสว วาโส’’ติ. ยฺหิ ตโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตฏฺาเน ภิกฺขุสฺส คีวาฏฺปนํ วา กฏิฏฺปนํ วา วทนฺติ, ตทปิ อปฺปมาณํ. พหิอุปจารสีมาย หิ ปริวสนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส สกลสรีรํ ปกตตฺตภิกฺขูนํ อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร เปตพฺพํ โหติ, น เอกเทสมตฺตํ.

เตสํ ปน อยมธิปฺปาโย สิยา – ทฺวาทสหตฺถปฺปเทสโต สกลสรีรสฺส อนฺโตกรเณ สติ สหวาโส ภเวยฺย, พหิกรเณ สติ วิปฺปวาโส, เตน อุปฑฺฒํ อนฺโต อุปฑฺฒํ พหิ โหตูติ, ตํ มิจฺฉาาณวเสน โหติ. น หิ สหวาสโทโส ทฺวาทสหตฺเถน กถิโต, อถ โข เอกจฺฉนฺเน สยเนน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ปาริวาสิกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๘๑) ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ. อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) วุตฺตํ ‘‘เอกจฺฉนฺเน อาวาเส’’ติอาทีสุ อาวาโส นาม วสนตฺถาย กตเสนาสนํ. อนาวาโส นาม เจติยฆรํ โพธิฆรํ สมฺมุฺชนิอฏฺฏโก ทารุอฏฺฏโก ปานียมาโฬ วจฺจกุฏิ ทฺวารโกฏฺโกติ เอวมาทิ. ตติยปเทน ตทุภยมฺปิ คหิตํ, ‘เอเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกจฺฉนฺเน ฉทนโต อุทกปตนฏฺานปริจฺฉินฺเน โอกาเส อุกฺขิตฺตโก วสิตุํ น ลภติ, ปาริวาสิโก ปน อนฺโตอาวาเสเยว น ลภตี’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘อวิเสเสน อุทกปาเตน วาริต’นฺติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิยํ ‘เอเตสุ เอตฺตเกสุ ปฺจวณฺณฉทนพทฺธฏฺาเนสุ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตตฺเตน สทฺธึ อุทกปาเตน วาริต’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน น วฏฺฏติ. สเจ ปเนตฺถ ตทหุปสมฺปนฺเนปิ ปกตตฺเต ปมํ ปวิสิตฺวา นิปนฺเน สฏฺิวสฺโสปิ ปาริวาสิโก ปจฺฉา ปวิสิตฺวา ชานนฺโต นิปชฺชติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ, อชานนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. สเจ ปน ตสฺมึ ปมํ นิปนฺเน ปจฺฉา ปกตตฺโต ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ, ปาริวาสิโก จ ชานาติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. โน เจ ชานาติ, รตฺติจฺเฉโทว, น วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ, ตสฺมา สาลายปิ วิหาเรปิ ฉทนโต อุทกปตนฏฺานโต มุตฺตมตฺเตเยว สหวาสโทโส น วิชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ.

เอกจฺเจ ปน มชฺฌิมตฺถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถายาเมน ทณฺฑเกน จกฺกํ ภมิตฺวา สมนฺตโต พาหิเร เลขํ กโรนฺติ, เอวํ กเต สา พาหิรเลขา อาวฏฺฏโต ทฺวาสตฺตติหตฺถมตฺตา โหติ, ตโต ตํ ปเทสํ ทฺวาทสหตฺเถน ทณฺฑเกน มินิตฺวา ภาชิยมานํ ฉภาคเมว โหติ, ตโต เตสํ ฉภาคานํ สีมาย เอเกกสฺมึ มฺเจ ปฺปิยมาเน ฉเฬว มฺจฏฺานานิ โหนฺติ, ตสฺมา เอกสฺมึ วฏฺฏมณฺฑเล ฉ ภิกฺขูเยว อปุพฺพํ อจริมํ วสิตุํ ลภนฺติ, น ตโต อุทฺธนฺติ วทนฺติ. กสฺมา ปน เอวํ กโรนฺตีติ? ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ‘‘สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถมตฺตเมว ปมาณ’’นฺติ คหิตตฺตา. เอวํ กิร เนสมธิปฺปาโย – ปาริวาสิโก ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร สยมาโน สหวาโส สิยา, พาหิเร สยมาโน วิปฺปวาโส, ตถา อฺมฺสฺสปีติ. เอวํ กโรนฺตานํ ปน เนสํ สกอธิปฺปาโยปิ น สิชฺฌติ, กุโต ภควโต อธิปฺปาโย.

กถํ? ปาริวาสิโก ภิกฺขุ ปกตตฺตภิกฺขูนฺจ อฺมฺสฺส จ ทฺวาทสหตฺถมตฺเต ปเทเส โหตูติ เนสมธิปฺปาโย. อถ ปน มชฺฌิมตฺถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา มินิยมานา สมนฺตโต พาหิรเลขา ถมฺภโตเยว ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ปกตตฺตภิกฺขูหิ. เต หิ ถมฺภโต พหิ เอกรตนทฺวิติรตนาทิฏฺาเน ิตา, พาหิรโตปิ เลขาเยว ถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ตสฺสูปริ นิปนฺนภิกฺขุ. โส หิ ทฺวิรตนมตฺเตนปิ ติรตนมตฺเตนปิ เลขาย อนฺโตปิ โหติ พหิปิ. อฺมฺสฺสปิ ฉภาคสีมาเยว อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ตสฺสูปริ ปฺตฺตมฺโจ วา ตตฺถ นิปนฺนภิกฺขุ วา. มฺโจ หิ เอกรตนมตฺเตน วา ทฺวิรตนมตฺเตน วา สีมํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ภิกฺขูปิ สยมานา น สีมาย อุปริเยว สยนฺติ, วิทตฺถิมตฺเตน วา รตนมตฺเตน วา สีมํ อติกฺกมิตฺวา วา อปฺปตฺวา วา สยนฺติ, ตสฺมา เต ปาริวาสิกา ภิกฺขู ปกตตฺตภิกฺขูนมฺปิ อฺมฺสฺสปิ ทฺวาทสหตฺถมตฺตฏฺายิโน น โหนฺติ, ตโต อูนาว โหนฺติ, ตสฺมา สกอธิปฺปาโยปิ น สิชฺฌติ.

ภควโต ปน อธิปฺปาโย – ยทิ อปฺปภิกฺขุกาทิองฺคสมฺปนฺนตฺตา วิหารสฺส วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว ปริวสติ, เอวํ สติ ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วสิตพฺพํ. ยทิ ตาทิสอาวาเส วา อนาวาเส วา ฉทนโต อุทกปตนฏฺานสฺส อนฺโต สเยยฺย, สหวาโส นาม, รตฺติจฺเฉโท โหตีติ อยมตฺโถ ยถาวุตฺต-ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ ปกาเสตพฺโพ. น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส ทฺวีหิ วตฺถพฺพํ. ยทิ วเสยฺย, วุฑฺฒสฺส รตฺติจฺเฉโทเยว, นวกสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ โหติ. สมวสฺสา เจ, อชานนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทเยว, ชานนฺตสฺส อุภยมฺปีติ อยมตฺโถ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิเกน วุฑฺฒตเรน สทฺธึ น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๒) จ ‘‘วุฑฺฒตเรนาติ เอตฺถ…เป… สเจ หิ ทฺเว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อฺมฺสฺส อชฺฌาจารํ ตฺวา อคารวา วา วิปฺปฏิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฏฺตรํ วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) จ อิเมหิ ปาฬิอฏฺกถาปาเหิ ปกาเสตพฺโพ. วิปฺปวาเสปิ ปาริวาสิเกน อภิกฺขุเก อาวาเส น วตฺถพฺพํ, ปกตตฺเตน วินา อภิกฺขุโก อาวาโส น คนฺตพฺโพ, พหิสีมายํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถปฺปมาณสฺส อุปจารสฺส อนฺโต นิสีทิตพฺพนฺติ ภควโต อธิปฺปาโย.

อยมตฺโถ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สภิกฺขุกา อาวาสา อภิกฺขุโก อาวาโส คนฺตพฺโพ อฺตฺร ปกตตฺเตน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติอาทิ (จูฬว. ๗๖) จ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ…เป… อนาโรจนา’’ติ จ ‘‘จตฺตาโร โข, อุปาลิ, มานตฺตจาริกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส, วิปฺปวาโส, อนาโรจนา, อูเนคเณจรณ’’นฺติ (จูฬว. ๙๒) จ ‘‘วิปฺปวาโสติ เอกกสฺเสว วาโส’’ติ จ ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ จ ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ อาคเตหิ ปาฬิยฏฺกถา-วชิรพุทฺธิฏีกาปาเหิ ปกาเสตพฺโพ, ตสฺมา วิหาเร ปริวสนฺตสฺส อุปจารสีมาย อพฺภนฺตเร ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺตสฺส นตฺถิ วิปฺปวาโส, พหิอุปจารสีมายํ ปริวสนฺตสฺส ภิกฺขูนํ นิสินฺนปริยนฺตโต ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร วสนฺตสฺส จ นตฺถิ วิปฺปวาโสติ, ตฺจ ปริวาสกาเล ‘‘เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิ’’นฺติ วจนโต เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน, มานตฺตจรณกาเล ‘‘จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธิ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วจนโต จ จตุนฺนํ ปฺจนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสภูเต ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรปิ วสิตุํ ลภติ, นตฺถิ วิปฺปวาโสติ ทฏฺพฺพํ.

วตฺตํ สมาทิยิตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ อาโรจิตกาลโต ปน ปฏฺาย เกนจิ กรณีเยน เตสุ ภิกฺขูสุ คเตสุปิ ยถาวุตฺตอฏฺกถาปานเยน วิปฺปวาโส น โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ‘‘โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเรอรุเณ เอว คจฺฉตีติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุปิ ภิกฺขูสุ พหิวิหารํ คเตสุ อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจิตตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘อยฺจา’ติอาที’’ติ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘พหิสีมาย วตฺตสมาทานฏฺาเน วติปริกฺเขโปปิ ปกตตฺตภิกฺขูเหว กาตพฺโพ, น กมฺมารหภิกฺขูหิ. ยถา โลเก พนฺธนาคาราทิ ทณฺฑการเกหิ เอว กตฺตพฺพํ, น ทณฺฑารเหหิ, เอวมิธาปี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อฏฺกถาทีสุ น ทิสฺสติ. น หิ วติปริกฺเขโป ทณฺฑกมฺมตฺถาย การิโต, อถ โข ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถเมว. ตถา หิ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ‘‘คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. ตถา วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ‘‘คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. อิโต ปรํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ปริวาสทานฺจ มานตฺตทานฺจ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน สํสยิตพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ สํสยวิโนทนตฺถาย กเถตพฺพํ กถยาม.

เอกจฺเจ ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ – ปาริวาสิโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโรปิ สมาโน วตฺเต สมาทินฺเน นวกฏฺาเน ิโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ ปน นิสีทาเปตฺวา ปริวิสนฺติ, ตตฺถ สามเณรานํ เชฏฺเกน, ภิกฺขูนํ สงฺฆนวเกน หุตฺวา นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕) ตสฺมา อาโรจิตกาลาทีสุ ‘‘อหํ ภนฺเต’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘อหํ อาวุโส’’ติ. ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – ปาริวาสิกาทโย ภิกฺขู เสยฺยาปริยนฺตอาสนปริยนฺตภาคิตาย นวกฏฺาเน ิตา, น เอกนฺเตน นวกภูตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปฺจ ยถาวุฑฺฒํ อุโปสถํ ปวารณํ วสฺสิกสาฏิกํ โอโณชนํ ภตฺต’’นฺติ (จูฬว. ๗๕). อฏฺกถายฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) ‘‘ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา อาสนา วุฏฺาตพฺพํ, ปกตตฺโต ภิกฺขุ อาสเนน นิมนฺเตตพฺโพ’’ติ เอติสฺสา ปาฬิยา สํวณฺณนาย ‘‘วุฏฺาตพฺพํ, นิมนฺเตตพฺโพติ ตทหุปสมฺปนฺนมฺปิ ทิสฺวา วุฏฺาตพฺพเมว, วุฏฺาย จ ‘อหํ อิมินา สุขนิสินฺโน วุฏฺาปิโต’ติ ปรมฺมุเขน น คนฺตพฺพํ, ‘อิทํ อาจริย อาสนํ, เอตฺถ นิสีทถา’ติ เอวํ นิมนฺเตตพฺโพเยวา’’ติ เอตฺเถว ‘‘อาจริยา’’ติ อาลปนวิเสโส วุตฺโต, น อฺตฺถ. ยทิ วุฑฺฒตเรนปิ ‘‘ภนฺเต’’อิจฺเจว วตฺตพฺโพ สิยา, อิธาปิ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อาสน’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น ปน วุตฺตํ, ตสฺมา น เตสํ ตํ วจนํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อิมสฺมึ ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๗) ‘‘อาโรเจนฺเตน สเจ นวกตโร โหติ, ‘อาวุโส’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วุฑฺฒตโร, ‘ภนฺเต’ติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, อิทฺจ ‘‘เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตตฺตา ตํ ปฏิคฺคาหกภูตํ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

พหโว ปน ภิกฺขู ปาริวาสิกํ ภิกฺขุํ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทาเปตฺวา วตฺตํ ยาจาเปตฺวา กมฺมวาจาปริโยสาเน สมาทาเปตฺวา อาโรจนมกาเรตฺวา สงฺฆมชฺฌโต นิกฺขมาเปตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนน อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺติ, เอวํ กโรนฺตานฺจ เนสํ อยมธิปฺปาโย – อยํ ภิกฺขุ วตฺเต อสมาทินฺเน วุฑฺฒฏฺานิโยปิ โหติ, ตสฺมา ยาจนกาเล จ กมฺมวาจาสวนกาเล จ วตฺตสมาทานกาเล จ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห โหติ, วตฺเต ปน สมาทินฺเน นวกฏฺานิโย, ตสฺมา น สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห, อาสนปริยนฺตภาคิตาย ปริสปริยนฺเตเยว นิสีทนารโหติ, ตเทตํ เอวํ วิจาเรตพฺพํ – อยํ ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทมาโน อาสนํ คเหตฺวา ยถาวุฑฺฒํ นิสินฺโน น โหติ, อถ โข กมฺมารหภาเวน อาสนํ อคฺคเหตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อุกฺกุฏิกเมว นิสินฺโน โหติ, กมฺมารโห จ นาม สงฺฆมชฺเฌเยว เปตพฺโพ โหติ, โน พหิ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห น โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ตสฺมึ กาเล, นิกฺขมาปิเต จ วตฺตาโรจนวตฺตนิกฺขิปนานํ อนิฏฺิตตฺตา อฺมฺํ อาหจฺจ สุฏฺุ นิสินฺนํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา, จีวรกณฺณปาทปิฏฺิอาทีหิ พาธิตตฺตา อคารวกิริยา วิย ทิสฺสติ, อาโรจนกิริยฺจ วตฺตนิกฺขิปนฺจ สงฺฆมชฺเฌเยว กตฺตพฺพํ ปริยนฺเต นิสีทิตฺวา กโรนฺโต อฏฺกถาวิโรโธ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตตฺเถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ…เป… อาโรเจตฺวา สเจ นิกฺขิปิตุกาโม, วุตฺตนเยเนว สงฺฆมชฺเฌ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ. กสฺมา? สมาทานฏฺาเนเยว อาโรจาเปตฺวา ตตฺเถว นิกฺขิปาเปตฺวา นิฏฺิตสพฺพกิจฺจเมว นิกฺขมาเปตฺวา อตฺตโน อาสเน นิสีทาเปนฺโต ายาคโตติ อมฺหากํ ขนฺติ.

ตถา สายํ วตฺตาโรจนกาเล พหูสุ ปาริวาสิเกสุ วุฑฺฒตรํ ปมํ สมาทาเปตฺวา อาโรจาเปตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพปจฺฉา นวกตรํ สมาทาเปนฺติ อาโรจาเปนฺติ, ปาโต นิกฺขิปนกาเล ปน นวกตรํ ปมํ อาโรจาเปตฺวา นิกฺขิปาเปนฺติ, ตโต อนุกฺกเมน วุฑฺฒตรํ สพฺพปจฺฉา อาโรจาเปตฺวา นิกฺขิปาเปนฺติ. เตสํ อยมธิปฺปาโย สิยา – ยทา ทส ภิกฺขู ปกตตฺตา ทส ภิกฺขู ปาริวาสิกา โหนฺติ, ตทา วุฑฺฒตเรน ปมํ สมาทิยิตฺวา อาโรจิเต ตสฺส อาโรจนํ อวเสสา เอกูนวีสติ ภิกฺขู สุณนฺติ, ทุติยสฺส อฏฺารส, ตติยสฺส สตฺตรสาติ อนุกฺกเมน หายิตฺวา สพฺพนวกสฺส อาโรจนํ ทส ปกตตฺตา สุณนฺติ เสสานํ อปกตตฺตภาวโต. ตโต นิกฺขิปนกาเล สพฺพนวโก ปุพฺเพ อตฺตนา อาโรจิตานํ ทสนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปติ, ตโต ปฏิโลเมน ทุติโย เอกาทสนฺนํ, ตติโย ทฺวาทสนฺนนฺติ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา สพฺพเชฏฺโก อตฺตนา ปุพฺเพ อาโรจิตานํ เอกูนวีสติภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปติ, เอวํ ยถานุกฺกเมน นิกฺขิปนํ โหติ. สพฺพเชฏฺเก ปน ปมํ นิกฺขิตฺเต สติ ปุพฺเพ อตฺตนา อาโรจิตานํ นวนฺนํ ภิกฺขูนํ ตทา อปกตตฺตภาวโต อาโรจิตานํ สนฺติเก นิกฺขิปนํ น โหติ, ตถา เสสานํ. เตสํ ปน เอกจฺจานํ อูนํ โหติ, เอกจฺจานํ อธิกํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน สพฺพนวกโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน นิกฺขิปิตพฺพนฺติ.

เอวํวาทีนํ ปน เตสมายสฺมนฺตานํ วาเท ปกตตฺตาเยว ภิกฺขู อาโรเจตพฺพา โหนฺติ, โน อปกตตฺตา. ปุพฺเพ อาโรจิตานํเยว สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ โหติ, โน อนาโรจิตานํ. เอวํ ปน ปกตตฺตาเยว ภิกฺขู อาโรเจตพฺพา น โหนฺติ, อถ โข อปกตตฺตาปิ ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ปุพฺเพ อาโรจิตานมฺปิ อนาโรจิตานมฺปิ สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพเมว ‘‘สเจ โส ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกนฺโต โหติ, ยํ อฺํ สพฺพปมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตถา อกโรนฺเตปิ สพฺเพสํ อาโรจิตตฺตา นตฺถิ โทโส. อปฺเปกจฺเจ ภิกฺขู ‘‘ปกตตฺตสฺเสวายํ อาโรจนา’’ติ มฺมานา สายํ วุฑฺฒปฏิปาฏิยา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อตฺตโน สยนํ ปวิสิตฺวา ทฺวารชคฺคนสยนโสธนาทีนิ กโรนฺตา อฺเสํ อาโรจิตํ น สุณนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ปาโต สยํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตฺวา อฺเสํ อาโรจนํ วา นิกฺขิปนํ วา อนาคเมตฺวา ภิกฺขาจาราทีนํ อตฺถาย คจฺฉนฺติ, เอวํ กโรนฺตานํ เตสํ อาโรจนํ เอกจฺจานํ อสุตภาวสมฺภวโต สาสงฺโก โหติ ปาริวาสิกานํ อฺมฺาโรจนสฺส ปกรเณสุ อาคตตฺตา. น เกวลํ สารตฺถทีปนิยํเยว, อถ โข วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๗๖) ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ อวิเสเสน ‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

ตถา อปฺเปกจฺเจ ปกตตฺตา ภิกฺขู ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ สายํ วตฺตสมาทานตฺถํ ปกตตฺตสาลโต นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สยนสมีปํ คเตสุ อตฺตโน สยนปฺาปนปอกฺขารปนอฺมฺอาลาปสลฺลาปกรณาทิวเสน อาโฬเลนฺตา ปาริวาสิกานํ วตฺตาโรจนํ น สุณนฺติ, น มนสิ กโรนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ปาโต วตฺตนิกฺขิปนกาเล ปาริวาสิกภิกฺขูสุ วตฺตาโรจนวตฺตนิกฺขิปนานิ กโรนฺเตสุปิ นิทฺทาปสุตา หุตฺวา น สุณนฺติ. เอวํ กโรนฺตานมฺปิ เตสํ เอกจฺจานํ อสฺสุตสมฺภวโต วตฺตาโรจนํ สาสงฺกํ โหตีติ. โหตุ สาสงฺกํ, สุณนฺตานํ อสฺสุตสมฺภเวปิ อาโรจกานํ สมฺมาอาโรจเนน วตฺตสฺส ปริปุณฺณตฺตา โก โทโสติ เจ? อาโรจกานํ สมฺมา อาโรจิตตฺตา วตฺเต ปริปุณฺเณปิ วตฺตเภททุกฺกฏโตว วิมุตฺโต สิยา, น รตฺติจฺเฉทโต. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) ‘‘สเจ วายมนฺโตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ วา น สกฺโกติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏ’’นฺติ.

อถฺเ ภิกฺขู วตฺตํ สมาทิยิตฺวา รตฺตึ นิปนฺนา นิทฺทาภาเวน มนุสฺสสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, เภริอาทิสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, สกฏนาวาทิยานสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, เต เตน สทฺเทน อาสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อย’’นฺติ, เต เตน การเณน รตฺติจฺเฉทํ มฺนฺติ. กสฺมา? ‘‘อยฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวา อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. คตกาเล ชานนฺเตนปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมว. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) วุตฺตตฺตาติ. เต เอวํ สฺาเปตพฺพา – มายสฺมนฺโต เอวํ มฺิตฺถ, นายํ ปาโ พหิสีมฏฺวเสน วุตฺโต, อถ โข อุปจารสีมฏฺวเสน วุตฺโต. วุตฺตฺหิ ตตฺเถว ‘‘เยปิ อนฺโตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ. ตตฺถปิ อาคนฺตุกภาวสฺส ชานิตตฺตา รตฺติจฺเฉโท โหติ, ตสฺมา ทูเรสทฺทสวนมตฺเตน รตฺติจฺเฉโท นตฺถิ, ‘‘อยํ ภิกฺขูนํ สทฺโท, อยํ ภิกฺขูหิ วาทิตเภริฆณฺฏาทิสทฺโท, อยํ ภิกฺขูหิ ปาชิตสกฏนาวาทิสทฺโท’’ติ นิสินฺนฏฺานโต ชานนฺโตเยว รตฺติจฺเฉทกโร โหติ. เตนาห ‘‘อายสฺมา กรวีกติสฺสตฺเถโร ‘สมโณ อย’นฺติ ววตฺถานเมว ปมาณ’’นฺติ.

ทิวา ทูเร คจฺฉนฺตํ ชนกายํ ทิสฺวาปิ ‘‘อิเม ภิกฺขู นุ โข’’ติ ปริกปฺเปนฺตา รตฺติจฺเฉทํ มฺนฺติ, ตมฺปิ อการณํ. กสฺมา? ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานสฺส อภาวา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘นทีอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ิตมฺปิ อากาเส คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตถลอรฺาทีสุ ทูเร ิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘ภิกฺขู’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา มหาสทฺทํ กตฺวา วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพ’’นฺติ. อิติ ภิกฺขุํ ทิสฺวาปิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานเมว ปมาณํ. อภิกฺขุํ ปน ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถาเน สนฺเตปิ วา อสนฺเตปิ วา กึ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, พหโว ปน ภิกฺขู อิทํ รูปทสฺสนํ สทฺทสวนฺจ อาสงฺกนฺตา ‘‘ปภาเต สติ ตํ ทฺวยํ ภเวยฺย, ตสฺมา มนุสฺสานํ คมนกาลสทฺทกรณกาลโต ปุพฺเพเยว วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ มฺมานา อนุคฺคเตเยว อรุเณ วตฺตํ นิกฺขิปนฺติ, ตทยุตฺตํ รตฺติจฺเฉทตฺตาติ.

อถ ปน วินยธเรน ‘‘กิตฺตกา เต อาปตฺติโย, ฉาเทสิ, กีวตีหํ ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุฏฺโ สมาโน ‘‘อหํ, ภนฺเต, อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานามิ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานามิ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรามิ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรามิ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สุทฺธนฺตปริวาสารโห’’ติ ตฺวา ตสฺสปิ ทุวิธตฺตา จูฬสุทฺธนฺตมหาสุทฺธนฺตวเสน ‘‘เตสุ อยํ ภิกฺขุ อิมสฺส อรโห’’ติ าปนตฺถํ อุปสมฺปทโต ปฏฺาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิโลมกฺกเมน วา ‘‘กิตฺตกํ กาลํ ตฺวํ อาโรจนอาวิกรณาทิวเสน สุทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ อหํ สุทฺโธมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ เอกจฺจํ รตฺติปริยนฺตํ ชานาติ, ตสฺมา จูฬสุทฺธนฺตารโห’’ติ ตฺวา ตสฺส สุทฺธกาลํ อปเนตฺวา อสุทฺธกาลวเสน ปริยนฺตํ กตฺวา จูฬสุทฺธนฺตปริวาโส ทาตพฺโพ. อยํ อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, อโธปิ โอโรหติ. โย ปน อนุโลมวเสน วา ปฏิโลมวเสน วา ปุจฺฉิยมาโน ‘‘สกลมฺปิ รตฺติปริยนฺตํ อหํ น ชานามิ นสฺสรามิ, เวมติโก โหมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สกลมฺปิ รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, ตสฺมา มหาสุทฺธนฺตารโห’’ติ ตฺวา ตสฺส อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ยาว วตฺตสมาทานา เอตฺตกํ กาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา มหาสุทฺธนฺตปริวาโส ทาตพฺโพ. อุทฺธํอาโรหนอโธโอโรหนภาโว ปเนสํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺโตเยว. อิโต ปรมฺปิ วิธานํ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว ทฏฺพฺพํ.

อิทานิ ปน พหโว ภิกฺขู ‘‘อยํ จูฬสุทฺธนฺตารโห, อยํ มหาสุทฺธนฺตารโห’’ติ อวิจินนฺตา อนฺโตกมฺมวาจายํ ‘‘อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ อวิเสสวจนเมว มนสิ กโรนฺตา ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย ทินฺนํ สุทฺธนฺตปริวาสํ คเหตฺวา ปฺจาหมตฺตํ วา ทสาหมตฺตํ วา ปริวสิตฺวา อปริยนฺตรตฺติปฏิจฺฉาทิตาหิ อปริยนฺตาหิ อาปตฺตีหิ โมกฺโข โหตี’’ติ มฺนฺตา ปฺจาหมตฺตํ วา ทสาหมตฺตํ วา ปริวสิตฺวา มานตฺตํ ยาจนฺติ, เอวํ กโรนฺตา เต ภิกฺขู สหสฺสกฺขตฺตุํ ปริวสนฺตาปิ อาปตฺติโต น มุจฺเจยฺยุํ. กสฺมาติ เจ? ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ วิรุชฺฌนโต. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ (ปารา. ๔๔๒) ‘‘ยาวตีหํ ชานํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพํ. ปริวุตฺถปริวาเสน ภิกฺขุนา อุตฺตริ ฉารตฺตํ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ ยตฺถ สิยา วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ, ตตฺถ โส ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพ’’ติ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนทิวสมตฺตํ อปริวสิตฺวา มานตฺตารโห นาม น โหติ, อมานตฺตารหสฺส มานตฺตทานํ น รุหติ, อจิณฺณมานตฺโต อพฺภานารโห น โหติ, อนพฺภานารหสฺส อพฺภานํ น รุหติ, อนพฺภิโต ภิกฺขุ อาปตฺติมุตฺโต ปกตตฺโต น โหตีติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย.

อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ปน จูฬสุทฺธนฺเต ‘‘ตํ คเหตฺวา ปริวสนฺเตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธึ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา อวเสสํ มาสํ วา ทฺวิมาสํ วา ปริวสิตพฺพ’’นฺติ, มหาสุทฺธนฺเต ‘‘ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนรตฺติปฺปมาณํ ปริวสนฺโตเยว มานตฺตารโห โหติ, น ปฺจาหทสาหรตฺติปฺปมาณมตฺตํ ปริวสนฺโตติ อยํ อฏฺกถาจริยานํ อธิปฺปาโย. เตเนว จ การเณน เทสนาอาโรจนาทีหิ สพฺพกาลํ อาปตฺตึ โสเธตฺวา วสนฺตานํ ลชฺชีเปสลานํ สิกฺขากามานํ ภิกฺขูนํ สุทฺธนฺตปริวาสํ ทาตุํ อยุตฺตรูโป, เทสนาอาโรจนาทีหิ อาปตฺตึ อโสเธตฺวา ปมาทวเสน จิรกาลํ วสนฺตานํ ชนปทวาสิกาทีนํ ทาตุํ ยุตฺตรูโปติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาปิ อวเสสวินิจฺฉโย อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

อถ ปน วินยธเรน ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, กตรอาปตฺตึ อาปนฺโน, กติ รตฺติโย เต ฉาทิตา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สงฺฆาทิเสสํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปกฺขมตฺตํ ปฏิจฺฉาทิตา, เตนาหํ สงฺฆํ ปกฺขปริวาสํ ยาจิตฺวา สงฺเฆน ทินฺเน ปกฺขปริวาเส ปริวสิตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺโตว หุตฺวา อนฺตรา สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฺจาหมตฺตํ ฉาทิตา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สโมธานปริวาสารโห, ตีสุ จ สโมธานปริวาเสสุ โอธานสโมธานารโห’’ติ ตฺวา ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ ตฺวํ มูลายปฏิกสฺสนารโห’’ติ วตฺวา ตํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปริวุตฺถทิวเส อทิวเส กตฺวา อนฺตรา ปฏิจฺฉนฺเน ปฺจ ทิวเส มูลาปตฺติยา ปฏิจฺฉนฺเนสุ ทิวเสสุ สโมธาเนตฺวา โอธานสโมธาโน ทาตพฺโพ. อิโต ปรานิ โอธานสโมธาเน วตฺตพฺพวจนานิ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.

อถ ปน วินยธเรน ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ, สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ อคฺฆสโมธานารโห’’ติ ตฺวา ตาสํ อาปตฺตีนํ ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพ. ตตฺเรวํ วทนฺติ – ‘‘ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺโต, เอวํ สนฺเต ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทีสุ กถนฺติ? เตสุปิ ‘‘ยา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ยา อาปตฺติโย มาสปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วตฺตพฺโพติ. ยทิ เอวํ ปาฬิวิโรโธ อาปชฺชติ. ปาฬิยฺหิ ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนปริโยสานา เอว อาปตฺติ ทสฺสิตา, น ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทโยติ? สจฺจํ, ปาฬิยํ ตถาทสฺสนํ ปน นยทสฺสนมตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘ปฺจทส ทิวสานิ ปฏิจฺฉนฺนาย ‘ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺน’นฺติ วตฺวา โยชนา กาตพฺพา…เป… เอวํ ยาว สฏฺิสํวจฺฉรํ, อติเรกสฏฺิสํวจฺฉรปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ วา ตโต วา ภิยฺโยปิ วตฺวา โยชนา กาตพฺพา’’ติ. มหาปทุมตฺเถเรนปิ วุตฺตํ ‘‘อยํ สมุจฺจยกฺขนฺธโก นาม พุทฺธานํ ิตกาลสทิโส, อาปตฺติ นาม ปฏิจฺฉนฺนา วา โหตุ อปฺปฏิจฺฉนฺนา วา สมกอูนตรอติเรกปฺปฏิจฺฉนฺนา วา, วินยธรสฺส กมฺมวาจํ โยเชตุํ สมตฺถภาโวเยเวตฺถ ปมาณ’’นฺติ, ตสฺมา ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาทีนํ กมฺมวาจากรเณ กุกฺกุจฺจํ น กาตพฺพนฺติ.

โหตุ, เอวมฺปิ ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปริยนฺตํ กตฺวา กตาย กมฺมวาจาย ตโต อุทฺธํ อาปตฺติ นตฺถีติ กถํ ชาเนยฺยาติ? อิทานิ สิกฺขากามา ภิกฺขู เทวสิกมฺปิ เทสนาโรจนาวิกรณานิ กโรนฺติ เอกาหิกทฺวีหิกาทิวเสนปิ, กิจฺจปสุตา หุตฺวา ตถา อสกฺโกนฺตาปิ อุโปสถทิวสํ นาติกฺกมนฺติ, คิลานาทิวเสน ตทติกฺกนฺตาปิ อติกฺกนฺตภาวํ ชานนฺติ, ตสฺมา ตทติกฺกนฺตภาเว สติ อติเรกปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทิวเสน วฑฺเฒตฺวา กมฺมวาจํ กเรยฺย, ตทติกฺกนฺตภาเว ปน อสติ ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนปริยนฺตา โหติ, ตสฺมา ปกฺขปริยนฺตกมฺมวาจากรณํ ายาคตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ โหตุ, ตถาปิ ยเทตํ ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ อิมินาเยว อนุกฺกเมน มยา ปฏิจฺฉาทิตา อาปตฺติโย โหนฺตีติ กถํ ชาเนยฺย, อชานเน จ สติ ‘‘ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ อชานปฺปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหตี’’ติ อิทํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. ตตฺถ หิ อาปตฺติยา อาปนฺนภาวํ อชานนฺโต หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺมา ‘‘อาปตฺติ จ โหติ อาปตฺติสฺี จา’’ติ วุตฺตอาปตฺติสฺิตาภาวา อปฺปฏิจฺฉนฺนเมว โหติ, ตสฺมา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสทานํ อธมฺมิกํ โหติ. อิธ ปน ‘‘เอตฺตกา รตฺติโย มยา ฉาทิตา’’ติ ฉนฺนกาลเมว น ชานาติ, ตทชานภาเว สติปิ ปริวาสทานํ รุหติ. เตเนว จ การเณน สุทฺธนฺตปริวาเส (จูฬว. ๑๕๖-๑๕๗) ‘‘อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ รตฺติปริยนฺตสฺส อชานนอสรณเวมติกภาเว สติปิ ปริวาสทานํ วุตฺตํ, ตสฺมา ฉาทิตกาลํ ตถโต อชานนฺโตปิ ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอตฺถ อปฺปวิฏฺสฺส อภาวา สมฺปชฺชติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.

อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺเต เตสุ ทิวเสสุ อาปตฺติโย อตฺถิ ปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ อปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ เอกาปิ, อตฺถิ สมฺพหุลาปิ, สพฺพา ตา อาปตฺติโย เอเตเนว ปเทน สงฺคหิตา สิยุนฺติ? สงฺคหิตา เอว. น เหตฺถ สํสโย กาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘อฺสฺมึ ปน อาปตฺติวุฏฺาเน อิทํ ลกฺขณํ – โย อปฺปฏิจฺฉนฺนํ อาปตฺตึ ‘ปฏิจฺฉนฺนา’ติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส อาปตฺติ วุฏฺาติ. โย ปฏิจฺฉนฺนํ ‘อปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส น วุฏฺาติ. อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนํ ‘จิรปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ กโรนฺตสฺสปิ วุฏฺาติ, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนํ ‘อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ กโรนฺตสฺส น วุฏฺาติ. เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘สมฺพหุลา’ติ กโรนฺตสฺสปิ วุฏฺาติ เอกํ วินา สมฺพหุลานํ อภาวโต. สมฺพหุลา ปน อาปชฺชิตฺวา ‘เอกํ อาปชฺชิ’นฺติ กโรนฺตสฺส น วุฏฺาตี’’ติ, ตสฺมา เอเตหิ ปเทหิ สพฺพาสํ ปฏิจฺฉนฺนาปตฺตีนํ สงฺคหิตตฺตา ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ.

อถ ปน วินยธเรน ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ เอกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฏฺุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สฺจริตฺตํ, เอกํ กุฏิการํ, เอกํ วิหารการํ, เอกํ ทุฏฺโทสํ, เอกํ อฺภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ มิสฺสกสโมธานปริวาสารโห’’ติ ตฺวา อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อาคตนเยน ปริวาโส ทาตพฺโพ. เอตฺถาห – อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานานํ โก วิเสโส, กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – อคฺฆสโมธานปริวาโส อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา อาปตฺติโย จิรปฺปฏิจฺฉนฺนายํ อาปตฺติยํ สโมธาเนตฺวา ตสฺสา จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา อคฺฆวเสน ทียติ, มิสฺสกสโมธานปริวาโส นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย สโมธาเนตฺวา ตาสํ มิสฺสกวเสน ทียติ, อยเมเตสํ วิเสโส. อถ วา อคฺฆสโมธาโน สภาควตฺถูนํ อาปตฺตีนํ สโมธานวเสน โหติ, อิตโร วิสภาควตฺถูนนฺติ อาจริยา. เตเนวาห อาจริยวชิรพุทฺธิตฺเถโร (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๑๐๒) ‘‘อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ.

อถ สิยา ‘‘เอวํ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย จ นานาวตฺถุกาโย อาปตฺติโย อาปชฺชนฺตสฺส โก ปริวาโส ทาตพฺโพ อคฺฆสโมธาโน วา มิสฺสกสโมธาโน วา, อถ ตทุภยา วา’’ติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ อคฺฆสโมธานํ ทเทยฺย, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ สภาควตฺถุกาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิโต ภเวยฺย, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ โน วิสภาควตฺถุกาหิ. ยทิ จ มิสฺสกสโมธานํ ทเทยฺย, สมานกาลปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ วิสภาควตฺถูหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิโต ภเวยฺย, โน อสมานกอาลปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ สภาควตฺถุกาหิ จ, อถ ตทุภยมฺปิ ทเทยฺย, ‘‘เอกสฺมึ กมฺเม ทฺเว ปริวาสา ทาตพฺพา’’ติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อิทฺหิ สพฺพมฺปิ ปริวาสาทิกํ วินยกมฺมํ วตฺถุวเสน วา โคตฺตวเสน วา นามวเสน วา อาปตฺติวเสน วา กาตุํ วฏฺฏติเยว.

ตตฺถ สุกฺกวิสฺสฏฺีติ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจ. สงฺฆาทิเสโสติ นามฺเจว อาปตฺติ จ. ตตฺถ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺึ กายสํสคฺค’’นฺติอาทิวจเนนาปิ ‘‘นานาวตฺถุกาโย’’ติ วจเนนปิ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจ คหิตํ โหติ, ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วจเนนปิ ‘‘อาปตฺติโย’’ติ วจเนนปิ นามฺเจว อาปตฺติ จ คหิตา โหติ, ตสฺมา อคฺฆสโมธานวเสน ปริวาเส ทินฺเน ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติอาทิวจเนเนว วตฺถุสฺส จ โคตฺตสฺส จ นามสฺส จ อาปตฺติยา จ คหิตตฺตา จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ สภาควตฺถุกาหิ จ วิสภาควตฺถุกาหิ จ สพฺพาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺาตีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘เอตฺถ จ ‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’ติปิ ‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’นฺติปิ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺฏติเยวาติ อยํ มิสฺสกสโมธาโน’’ติ, อิมสฺมิฺจ วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๕) ตเถว วตฺวา ‘‘ตสฺมา น อิธ วิสุํ กมฺมวาจํ โยเชตฺวา ทสฺสยิสฺสาม, ปุพฺเพ สพฺพาปตฺติสาธารณํ กตฺวา โยเชตฺวา ทสฺสิตาย เอว กมฺมวาจาย นานาวตฺถุกาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานสมฺภวโต สาเยเวตฺถ กมฺมวาจา อล’’นฺติ.

ยทิ เอวํ อาจริยวชิรพุทฺธิตฺเถเรน ทฺวินฺนํ วิเสโส น วตฺตพฺโพ, อถ กสฺมา วุตฺโตติ? ตีสุ สโมธานปริวาเสสุ โอธานสโมธาโน มูลายปฏิกสฺสนาย โอธูนิตกาเลเยว ทาตพฺโพ, อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานปริวาสา ปน วิสุํเยว ทาตพฺพา. ‘‘เอวํ ทินฺเน เอเตสํ โก วิเสโส’’ติ จินฺตายํ วิเสสสมฺภวมตฺตทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ปริวาสาทิกมฺมสฺส ลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุวเสน วา’’ติอาทิมาห, ตสฺมา ลกฺขณวเสเนว สภาควตฺถุกาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภวติ. เตเนว จ การเณน สารตฺถทีปนินามิกายํ วินยฏีกายฺจ วิมติวิโนทนินามิกายํ วินยฏีกายฺจ น โกจิ วิเสโส วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

ยทิ เอวํ มิสฺสกสโมธานกมฺมวาจายปิ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภเวยฺย. ตตฺถปิ หิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’’ติปิ ‘‘เอกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ…เป… เอกา กุลทูสกา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. เอวํ สติ ‘‘สมฺพหุลา’’ติปิ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย’’ติปิ วตฺถุโคตฺตนามาปตฺตีหิ กิตฺตนสมฺภวโต จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภเวยฺยาติ? น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. วตฺถาทิกิตฺตนฺหิ สพฺพาปตฺตีนํ คณฺหนตฺถํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺเตปิ ปฏิจฺฉนฺนกาลสฺส อกถิตตฺตา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ ปริวสิตพฺพ’’นฺติ น ปฺายติ, ตสฺมึ อปฺายมาเน เตน ปมาเณน ปริวาโส น โหติ, ตสฺมึ อสติ อาปตฺติโต วุฏฺานํ น สมฺภวติ, ตสฺมา มิสฺสกสโมธานกมฺมวาจาย จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ น สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ.

ปริวาสวินิจฺฉยกถา นิฏฺิตา.

มานตฺตวินิจฺฉยกถา

มานตฺตกถายมฺปิ มานตฺตํ นาม อปฺปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ ปกฺขมานตฺตํ สโมธานมานตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ตํ ทิวสเมว อาโรเจติ, เอกรตฺติมตฺตมฺปิ น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส ปริวาสํ อทตฺวาว ทินฺนํ มานตฺตํ อปฺปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นาม. โย อาปชฺชิตฺวา ทสหิ อากาเรหิ วินา ตํ ทิวสํ นาโรเจติ, เอกรตฺตาทิวเสน ปฏิจฺฉาเทติ, ตตฺถ ยถาปฏิจฺฉนฺนทิวสํ ปริวาสํ ทตฺวา ปริวุตฺถปริวาสสฺส ทินฺนํ มานตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นาม. อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉนฺนาย วา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย วา ภิกฺขุนิยา ปกฺขมตฺตเมว ทินฺนํ มานตฺตํ ปกฺขมานตฺตํ นาม. ภิกฺขุ ปน ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวสิตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตกาเลเยว ปุน อาปชฺชิตฺวา น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปริวุตฺถทิวเส อทิวเส กตฺวา อปฺปฏิจฺฉาทิตตฺตา สโมธานปริวาสํ อทตฺวา ทินฺนํ มานตฺตํ สโมธานมานตฺตํ นาม. มานตฺตารหกาเลปิ มานตฺตจรณกาเลปิ อพฺภานารหกาเลปิ เอเสว นโย. เตสุ ตีณิ มานตฺตานิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยน สุวิฺเยฺยตฺตา น วุตฺตานิ. ปกฺขมานตฺตํ ปจฺฉา อาคมิสฺสติ.

ยานิ ปน ปริวาสมานตฺตานิ อนวฏฺิตตฺตา ปุถุชฺชนสฺส คิหิอาทิวเสน ปริวตฺตเน สติ ปุน ทาตพฺพาทาตพฺพภาเว สงฺกิตพฺพานิ, ตานิ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ อเนเกหิ ปกาเรหิ วิตฺถารโต วุตฺตานิ. เตสุ ภิกฺขูนํ สํสยวิโนทนตฺถาย เอกเทสํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ โกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิพฺภมตีติ วิรูโป หุตฺวา ภมติ, หีนายาวตฺตติ คิหี โหตีติ อตฺโถ. สามเณโร โหตีติ อุปสมฺปนฺนภาวํ ชหิตฺวา สามเณรภาวํ อุปคจฺฉติ. ตตฺถ ปาราชิกปฺปตฺตภาเวน วา ‘‘คิหีติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน วา คิหี โหติ. เตสุ ปเมน ปุน อุปสมฺปทาย อภพฺพตฺตา ปุน ปริวาโส น รุหติเยว, ทุติเยน ปน ปุน อุปสมฺปทาย ภพฺพตฺตา ‘‘โส เจ ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อิตโร ปน ปาราชิกปฺปตฺตภาเวน สามเณโร น โหติ. กสฺมา? สรณคมนาทีนํ วินสฺสนโต. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๘) ‘‘อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมอาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เตน ลภนฺตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ, คิหี ปน หุตฺวา ปุน สามเณรภาวมตฺตํ ลทฺธพฺพํ โหติ. ‘‘สามเณโรติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา ปน สิกฺขาปจฺจกฺขาเน กเต สิยา สามเณรภาโว, ตโตปิ ปุน อุปสมฺปชฺชิตุกามตาย สติ สิยา อุปสมฺปนฺนภาโว. ‘‘คิหีติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา สิกฺขาปจฺจกฺขานํ กตฺวา คิหิภาวํ อุปคเตปิ ปุน สามเณรปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สามเณโร โหติ. ตโต ปุน อุปสมฺปชฺชิตุํ ลทฺธพฺพตฺตา ‘‘ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺโต. เตสํ ภิกฺขุภาเว ปริวาเส อนิฏฺิเตปิ คิหิสามเณรภาวํ ปตฺตตฺตา ปริวาโส น รุหติ อุปสมฺปนฺนานเมว ปริวาสสฺส ภควตา ปฺตฺตตฺตาติ อตฺโถ.

เอวํ สนฺเต ปุน อุปสมฺปชฺชนฺตสฺส กึ ปริวาโส ปุน ทาตพฺโพติ อาห ‘‘โส เจ ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – โส วิพฺภนฺตโก โส วา สามเณโร ปุน อุปสมฺปนฺนภาวํ อุปคจฺฉติ, ปุริมํ ปุพฺเพ ภิกฺขุภูตกาเล ทินฺนํ ปริวาสทานํ เอว อิทานิ ปริวาสทานํ โหติ. โย ปริวาโส ปุพฺเพ ภิกฺขุภูตกาเล ทินฺโน, โส ปริวาโส สุทินฺโน, ทุทินฺโน น โหติ. โย ยตฺตโก กาโล ปริวุตฺโถ, โส ตตฺตโก กาโล สุปริวุตฺโถเยว โหติ, น ทุปริวุตฺโถ, ตสฺมา อวเสโส กาโล ปริวสิตพฺโพติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุพฺเพ ภิกฺขุกาเล ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ทสทิวสมตฺตํ ปริวสิตฺวา อนิฏฺิเตเยว ปริวาเส วิพฺภมิตฺวา สามเณโร วา หุตฺวา ปุน อุปสมฺปนฺเนน อวเสสปฺจทิวเส ปริวสิตฺวา ปริวาโส นิฏฺาเปตพฺโพติ. มานตฺตารหาทีสุปิ เอเสว นโย. อุมฺมตฺตกาทีสุปิ ตสฺมึ กาเล อชานนฺตตฺตา ‘‘ปริวาโส น รุหตี’’ติ วุตฺตํ. ติณฺณมฺปิ อุกฺขิตฺตกานํ กมฺมนานาสํวาสกตฺตา เตหิ สหสํวาโสเยว นตฺถีติ อุกฺขิตฺตกานํ ปริวาโส น รุหตีติ วุตฺตํ.

สเจ ปุน โอสารียตีติ อุกฺเขปนียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมานสํวาสกภาวํ ปเวสียติ. ‘‘สเจ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวตี’’ติอาทีสุ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ สุวิฺเยฺโย โหติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ปกฺขมานตฺตํ ปจฺฉา อาคมิสฺสตี’’ติ, ตตฺเรวํ ชานิตพฺพํ – ปกฺขมานตฺตนฺติ ภิกฺขุนิยา ทาตพฺพมานตฺตํ. ตํ ปน ปฏิจฺฉนฺนายปิ อปฺปฏิจฺฉนฺนายปิ อาปตฺติยา อฑฺฒมาสมตฺตเมว ทาตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๑๔๙; จูฬว. ๔๐๓; อ. นิ. ๘.๕๑). ตํ ปน ภิกฺขุนีหิ อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วา วิหารสีมํ โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหิ ขณฺฑสีมาย วา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคคณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ เอกา อาปตฺติ โหติ, เอกิสฺสา วเสน, สเจ ทฺเว วา ติสฺโส วา สมฺพหุลา วา เอกวตฺถุกา วา นานาวตฺถุกา วา, ตาสํ ตาสํ วเสน วตฺถุโคตฺตนามอาปตฺตีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อาทาย โยชนา กาตพฺพา.

ตตฺริทํ เอกาปตฺติวเสน มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ตาย อาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขุนีนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘อหํ, อยฺเย, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ คามนฺตรํ, สาหํ, อยฺย,เอ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจามี’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา พฺยตฺตาย ภิกฺขุนิยา ปฏิพลาย สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘‘สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ คามนฺตรํ, สา สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ทเทยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ…เป… ทุติยมฺปิ. ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ. สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ…เป… ภาเสยฺย. ทินฺนํ สงฺเฆน อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.

กมฺมวาจาปริโยสาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุมานตฺตกถายํ วุตฺตนเยเนว สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺตํ วสิตุกามาย ตเถว สงฺฆสฺส มชฺเฌ วา ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ เอกภิกฺขุนิยา วา ทุติยิกาย วา สนฺติเก วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตพฺพํ. อฺิสฺสา ปน อาคนฺตุกาย สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, นิกฺขิตฺตกาลโต ปฏฺาย ปกตตฺตฏฺาเน ติฏฺติ.

ปุน สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปนฺติยา ปน ภิกฺขุนีนํเยว สนฺติเก วสิตุํ น ลพฺภติ. ‘‘อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อสฺสา อาจริยุปชฺฌายาหิ วิหารํ คนฺตฺวา สงฺคาหกปกฺเข ิโต เอโก มหาเถโร วา ธมฺมกถิโก วา ภิกฺขุ วตฺตพฺโพ ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา วินยกมฺมํ กตฺตพฺพมตฺถิ, ตตฺร โน อยฺยา จตฺตาโร ภิกฺขู เปเสถา’’ติ. สงฺคหํ อกาตุํ น ลพฺภติ, ‘‘เปเสสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพํ. จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขุนีหิ มานตฺตจารินึ ภิกฺขุนึ คเหตฺวา อนฺโตอรุเณเยว นิกฺขิปิตฺวา คามูปจารโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม คุมฺพวติอาทีหิ ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ, วิหารูปจารโตปิ ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อติกฺกมิตพฺพา. จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขูหิปิ ตตฺถ คนฺตพฺพํ, คนฺตฺวา ปน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ น เอกฏฺาเน นิสีทิตพฺพํ, ปฏิกฺกมิตฺวา อวิทูเร าเน นิสีทิตพฺพํ. กุรุนฺทิมหาปจฺจรีสุ ปน ‘‘ภิกฺขุนีหิ พฺยตฺตํ เอกํ วา ทฺเว วา อุปาสิกาโย ภิกฺขูหิปิ เอกํ วา ทฺเว วา อุปาสเก อตฺตรกฺขณตฺถาย คเหตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิยํเยว จ ‘‘ภิกฺขุนุปสฺสยสฺส จ วิหารสฺส จ อุปจารํ มุฺจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘คามสฺสา’’ติ น วุตฺตํ.

เอวํ นิสินฺเนสุ ปน ภิกฺขุนีสุ จ ภิกฺขูสุ จ ตาย ภิกฺขุนิยา ‘‘มานตฺตํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามี’’ติ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ตาว เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺเย, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ คามนฺตรํ, สาหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจึ, ตสฺสา เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ อทาสิ, สาหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทิยามหํ อยฺเย, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ.

ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺยา, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ…เป… เวทิยามหํ อยฺยา, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ. อิธาปิ ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติ. อาโรเจตฺวา จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺเสว สนฺติเก นิสีทิตพฺพํ, อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. สเจ สาสงฺกา โหติ, ภิกฺขุนิโย ตตฺเถว านํ ปจฺจาสีสนฺติ, าตพฺพํ. สเจ อฺโ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ านํ เอติ, ปสฺสนฺติยา อาโรเจตพฺพํ. โน เจ อาโรเจติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. สเจ อชานนฺติยา เอว อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. สเจ ภิกฺขุนิโย อุปชฺฌายาทีนํ วตฺตกรณตฺถํ ปเคว คนฺตุกามา โหนฺติ, รตฺติวิปฺปวาสคณโอหียนคามนฺตราปตฺติรกฺขณตฺถํ เอกํ ภิกฺขุนึ เปตฺวา คนฺตพฺพํ, ตาย อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺสา สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ. เอเตนุปาเยน อขณฺฑา ปฺจทส รตฺติโย มานตฺตํ จริตพฺพํ.

อนิกฺขิตฺตวตฺตาย ปน ปาริวาสิกกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว สมฺมา วตฺติตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ยตฺตกา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา ตํ คามํ ภิกฺขู วา ภิกฺขุนิโย วา อาคจฺฉนฺติ, สพฺเพสํ อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺติยา รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. สเจปิ รตฺตึ โกจิ ภิกฺขุ ตํ คามูปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติเยว, อชานนปจฺจยา ปน วตฺตเภทโต มุจฺจติ. กุรุนฺทีอาทีสุ ปน ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตภิกฺขูนํ วุตฺตนเยเนว กเถตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปาริวาสิกวตฺตาทีนํ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตา ยุตฺตตรํ ทิสฺสติ. อุโปสเถ อาโรเจตพฺพํ, ปวารณาย อาโรเจตพฺพํ, จตุนฺนํ ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ เทวสิกํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ ภิกฺขูนํ ตสฺมึ คาเม ภิกฺขาจาโร สมฺปชฺชติ, ตตฺเถว คนฺตพฺพํ. โน เจ สมฺปชฺชติ, อฺตฺร จริตฺวาปิ ตตฺร อาคนฺตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพํ, พหิคาเม วา สงฺเกตฏฺานํ กาตพฺพํ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน อมฺเห ปสฺสิสฺสตี’’ติ. ตาย สงฺเกตฏฺานํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ, สงฺเกตฏฺาเน อทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. วิหาเร สพฺพภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ สพฺเพสํ สกฺกา น โหติ อาโรเจตุํ, พหิ อุปจารสีมาย ตฺวา ภิกฺขุนิโย เปเสตพฺพา, ตาหิ อานีตานํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ วิหาโร ทูโร โหติ สาสงฺโก, อุปาสเก จ อุปาสิกาโย จ คเหตฺวา คนฺตพฺพํ. สเจ ปน อยํ เอกา วสติ, รตฺติวิปฺปวาสํ อาปชฺชติ, ตสฺมาสฺสา เอกา ปกตตฺตา ภิกฺขุนี สมฺมนฺนิตฺวา ทาตพฺพา เอกจฺฉนฺเน วสนตฺถาย.

เอวํ อขณฺฑํ มานตฺตํ จริตฺวา วีสติคเณ ภิกฺขุนิสงฺเฆ วุตฺตนเยเนว อพฺภานํ กาตพฺพํ. ‘‘สเจ มานตฺตํ จรมานา อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชติ, มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ตสฺสา อาปตฺติยา มานตฺตํ ทาตพฺพ’’นฺติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, อิทํ ปกฺขมานตฺตํ นาม. อิทํ ปน ปกฺขมานตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ปาฬิมุตฺตวินยวินิจฺฉยภาเวน อาคตมฺปิ อิมสฺมึ วินยสงฺคหปฺปกรเณ อาจริเยน อนุทฺธฏํ. อยํ ปนาจริยสฺส อธิปฺปาโย สิยา – อิทํ ปกฺขมานตฺตํ ภิกฺขุนิโยเยว สนฺธาย ภควตา วิสุํ ปฺตฺตํ, ภิกฺขูหิ อสาธารณํ, อิมสฺมิฺจ กาเล ภิกฺขุนิสงฺโฆ นตฺถิ, ตสฺมา คนฺถสฺส ลหุภาวตฺถํ อิทมฺปิ อฺมฺปิ อีทิสํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพนฺติ. อมฺเหหิ ปน ภิกฺขุนิสงฺเฆ อวิชฺชมาเนปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ ภิกฺขุนีหิ สมาทาตพฺพวตฺตํ ชานิสฺสติ. ‘ทุพฺพลชาติกา หิ ภีรุกชาติกา ภิกฺขุนิโย ภควโต อาณํ ปติฏฺาเปนฺติโย เอวรูปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ วตฺตํ สมาทยึสุ, กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ มนสิ กโรนฺตา ภควโต อาณํ ปติฏฺาเปนฺตา ปริวาสาทิวตฺตํ สมาทิยิสฺสนฺตี’’ติ มนฺตฺวา อาจริเยน อนุทฺธฏมฺปิ อิมสฺมึ วินยาลงฺการปฺปกรเณ อุทฺธฏํ, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺเธ สฺชาตสทฺธาเปมคารวาทิยุตฺเตหิ สตฺถุสาสนกเรหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา สิกฺขิตพฺพํ. อิโต ปรานิ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.

มานตฺตวินิจฺฉยกถา นิฏฺิตา.

๒๔๘. ปาริวาสิกวตฺตกถายํ นวกตรํ ปาริวาสิกนฺติ อตฺตนา นวกตรํ ปาริวาสิกํ. ปาริวาสิกสฺส หิ อตฺตนา นวกตรํ ปาริวาสิกํ เปตฺวา อฺเ มูลายปฏิกสฺสนารห มานตฺตารห มานตฺตจาริก อพฺภานารหาปิ ปกตตฺตฏฺาเนเยว ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปี’’ติ. อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปีติ อาทิ-สทฺเทน มานตฺตารหมานตฺตจาริกอพฺภานารเห สงฺคณฺหาติ. เต หิ ปาริวาสิกานํ, ปาริวาสิกา จ เตสํ ปกตตฺตฏฺาเน เอว ติฏฺนฺติ. อโธตปาทฏฺปนกนฺติ ยตฺถ ตฺวา ปาเท โธวนฺติ, ตาทิสํ ทารุผลกขณฺฑาทึ. ปาทฆํสนนฺติ สกฺขรกถลาทึ. ปาเท ฆํสนฺติ เอเตนาติ ปาทฆํสนํ, สกฺขรกถลาทิ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปาทฆํสนิโย สกฺขรํ กถลํ สมุทฺทเผณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๙). สทฺธิวิหาริกานมฺปิ สาทิยนฺตสฺสาติ สทฺธิวิหาริกานมฺปิ อภิวาทนาทึ สาทิยนฺตสฺส. วตฺตํ กโรนฺตีติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา สทฺธิวิหาริกาทีหิปิ อภิวาทนาทึ กาตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติ วุตฺเต อนาปุจฺฉาปิ คามํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ.

โย โย วุฑฺโฒติ ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ โย โย วุฑฺโฒ. นวกตรสฺส สาทิตุนฺติ ปาริวาสิกนวกตรสฺส อภิวาทนาทึ สาทิตุํ. ‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสเถ กริยมาเน’’ติ อิทํ ปวารณทิวเสสุ สงฺเฆ ปวาเรนฺเต อนุปคตฉินฺนวสฺสาทีหิ กริยมานํ ปาริสุทฺธิอุโปสถมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺเถวาติ สงฺฆนวกฏฺาเนเยว. อตฺตโน ปาฬิยา ปวาเรตพฺพนฺติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตปาฬิยา ปวาเรตพฺพํ, น ปน สพฺเพสุ ปวาริเตสูติ อตฺโถ.

โอโณชนํ นาม วิสฺสชฺชนํ, ตํ ปน ปาริวาสิเกน ปาปิตสฺส อตฺตนา สมฺปฏิจฺฉิตสฺเสว ปุนทิวสาทิอตฺถาย วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ. อสมฺปฏิจฺฉิตฺวา เจ วิสฺสชฺเชติ, น ลภตีติ วุตฺตํ. ยทิ ปน น คณฺหาติ น วิสฺสชฺเชตีติ ยทิ ปุริมทิวเส อตฺตโน น คณฺหาติ, คเหตฺวา จ น วิสฺสชฺเชติ.

จตุสฺสาลภตฺตนฺติ โภชนสาลาย ปฏิปาฏิยา ทียมานํ ภตฺตํ. หตฺถปาเส ิเตนาติ ทายกสฺส หตฺถปาเส ิเตน, ปฏิคฺคหณรุหนฏฺาเนติ อธิปฺปาโย. มหาเปฬภตฺเตปีติ มหนฺเตสุ ภตฺตปจฺฉิอาทิภาชเนสุ เปตฺวา ทียมานภตฺเตสุปิ. อิโต ปรมฺปิ ปาริวาสิกวตฺตํ ปาฬิยํ (จูฬว. ๗๕) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปน อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว อตฺโถ สุวิฺเยฺโย โหติ, ตสฺมา ทุพฺพิฺเยฺยฏฺาเนเยว กถยิสฺสาม.

‘‘น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ เอตฺถ ทุพฺพิธํ สามเณรํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺโ’’ติอาทิมาห. ‘‘น ภิกฺขุนิโย โอวทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ ลทฺธสมฺมุติเกน อาณตฺโตปิ ครุธมฺเมหิ อฺเหิ วา โอวทิตุํ น ลภตีติ อาห ‘‘ปฏิพลสฺส วา ภิกฺขุสฺส ภาโร กาตพฺโพ’’ติ. อาคตา ภิกฺขุนิโย วตฺตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สวจนียนฺติ สโทสํ. เชฏฺกฏฺานํ น กาตพฺพนฺติ ปธานฏฺานํ น กาตพฺพํ. กึ ตนฺติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกนา’’ติอาทิ.

รเชหิ หตา อุปหตา ภูมิ เอติสฺสาติ รโชหตภูมิ, รโชกิณฺณภูมีติ อตฺโถ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกลาภํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกปสฺเส ตฺวาติ ปาฬึ วิหาย ภิกฺขูนํ ปจฺฉโต ตฺวา. เสนาสนํ น ลภตีติ เสยฺยปริยนฺตภาคิตาย วสฺสคฺเคน คณฺหิตุํ น ลภติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ‘‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ. ยถา พหิ ทิสฺวา อาโรจิตสฺส ภิกฺขุโน วิหารํ อาคเตน ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เอวํ อฺวิหารํ คเตนปิ ตตฺถ ปุพฺเพ อาโรจิตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ วทนฺติ. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ อวิเสเสน.

โอพทฺธนฺติ ปลิพุทฺธํ. สหวาโสติ วุตฺตปฺปกาเร ฉนฺเน ภิกฺขุนา สทฺธึ สยนเมว อธิปฺเปตํ, น เสสอิริยาปถกปฺปนํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

ปาปิฏฺตราติ ปาราชิกาปตฺตีติ อุกฺกํสวเสน วุตฺตํ. สฺจริตฺตาทิปณฺณตฺติวชฺชโต ปน สุกฺกวิสฺสฏฺาทิกา โลกวชฺชาว. ตตฺถปิ สงฺฆเภทาทิกา ปาปิฏฺตรา เอว. กมฺมนฺติ ปาริวาสิกกมฺมวาจาติ เอเตน ‘‘กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา’’ติ กมฺมวาจาสทฺทสฺส อตฺโถปิ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. สวจนียนฺติ เอตฺถ -สทฺโท ‘‘สนฺติ’’อตฺถํ วทติ, อตฺตโน วจเนน อตฺตโน ปวตฺตนกมฺมนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, ‘‘มา ปกฺกมาหี’’ติ วา ‘‘เอหิ วินยธรานํ สมฺมุขีภาว’’นฺติ วา เอวํ อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนกกมฺมํ น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ เกนจิ สวจนีเย กเต อนาทเรน อติกฺกมิตุํ น วฏฺฏติ, พุทฺธสฺส สงฺฆสฺส อาณา อติกฺกนฺตา นาม โหติ. รโชหตภูมีติ ปณฺณสาลาวิเสสนํ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ. เสนาสนํ น ลภตีติ วสฺสคฺเคน น ลภติ. อปณฺณกปฏิปทาติ อวิรทฺธปฏิปทา. สเจ วายมนฺโตปีติ เอตฺถ อวิสยภาวํ ตฺวา อวายมนฺโตปิ สงฺคยฺหติ. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกุกฺขิตฺตกานํ สามฺเน. ปฺจวณฺณฉทนพนฺธนฏฺาเนสูติ ปฺจปฺปการฉทเนหิ ฉนฺนฏฺาเนสุ. โอพทฺธนฺติ อุฏฺานาทิพฺยาปารปฏิพทฺธํ, ปีฬิตนฺติ อตฺโถ. มฺเจ วา ปีเ วาติ เอตฺถ วาสทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ตฏฺฏิกาจมฺมขณฺฑาทีสุ ทีฆาสเนสุปิ นิสีทิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. น วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ วุฑฺฒตรสฺส ชานนฺตสฺสปิ วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. วตฺตํ นิกฺขิปาเปตฺวาติ อิทมฺปิ ปริวาสาทิเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น เสสกมฺมานิ.

‘‘เสนาสนํ น ลภติ เสยฺยปริยนฺตภาคิตาย. อุทฺเทสาทีนิ ทาตุมฺปิ น ลภตีติ วทนฺติ. ‘ตทหุปสมฺปนฺเนปิ ปกตตฺเต’ติ วจนโต อนุปสมฺปนฺเนหิ วสิตุํ วฏฺฏติ. สมวสฺสาติ เอเตน อปจฺฉา อปุริมํ นิปชฺชเน ทฺวินฺนมฺปิ วตฺตเภทาปตฺติภาวํ ทีเปติ. อตฺตโน อตฺตโน นวกตรนฺติ ปาริวาสิกาทินวกตรํ. ปมํ สงฺฆมชฺเฌ ปริวาสํ คเหตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺเตน ปุน เอกสฺสปิ สนฺติเก สมาทิยิตุํ นิกฺขิปิตุฺจ วฏฺฏติ, มานตฺเต ปน นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ. อูเนคเณจรณโทสตฺตา น คเหตุนฺติ เอเก. ปมํ อาทินฺนวตฺตํ เอกสฺส สนฺติเก ยถา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ, ตถา สมาทิยิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ โปราณคณฺิปเท’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๗๖) วุตฺตนฺติ.

อิทํ เอตฺถ ยํ วตฺตํ ‘‘จตุนวุติปาริวาสิกวตฺต’’นฺติ ปาริวาสิกกฺขนฺธกปาฬิยํ (จูฬว. ๗๕) อาคตํ, สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ เอตฺตกาย ปาฬิยา (จูฬว. อฏฺ. ๗๕-๘๔) วณฺณนํ วตฺวา ‘‘ปาริวาสิกวตฺตกถา นิฏฺิตา’’ติ อาห. อิมสฺมึ วินยสงฺคหปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๘) ปน ‘‘น ฉมายํ จงฺกมนฺเต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ อิมสฺสานนฺตรํ ‘‘ปาริวาสิกจตุตฺโถ เจ, ภิกฺขเว’’ติอาทีนิ อคฺคเหตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพ’’นฺติอาทีนิ ปมํ ปฺตฺตปทานิ คเหตฺวา เตสํ ปทานํ สํวณฺณนํ กตฺวา ‘‘อิทํ ปาริวาสิกวตฺต’’นฺติ อฺถา อนุกฺกโม วุตฺโต, โส ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ น สเมติ. อาจริยสฺส ปน อยมธิปฺปาโย สิยา – ‘‘ปาริวาสิกจตุตฺโถ เจ, ภิกฺขเว’’ติอาทีนิ ปาริวาสิกภิกฺขูนํ สมาทิยิตพฺพานิ น โหนฺติ, อถ โข กมฺมการกานํ ภิกฺขูนํ กตฺตพฺพากตฺตพฺพกมฺมทสฺสนเมตํ, ตสฺมา ปาริวาสิกวตฺเต น ปเวเสตพฺพํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพ’’นฺติอาทีนิ ปน ปาริวาสิกภิกฺขูนํ สมฺมาวตฺติตพฺพวตฺตานิเยว โหนฺติ, ตสฺมา อิมานิเยว ปาริวาสิกวตฺเต ปเวเสตพฺพานีติ. อมฺเหหิ ปน ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ อาคตานุกฺกเมน ปมํ ปฺตฺตวตฺตานํ อตฺถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา ปฺตฺตปทานํ อตฺโถ ปจฺฉา วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

ทฺวตฺตึสติโม ปริจฺเฉโท.

๓๓. กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถา

๒๔๙. เอวํ ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถํ กเถตฺวา อิทานิ กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถํ กเถตุํ ‘‘กมฺมากมฺมนฺติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมคฺเคน สงฺเฆน กรียเต ตนฺติ กมฺมํ, อปโลกนาทิจตุพฺพิธวินยกมฺมํ. อิตรสฺมิมฺปิ เอเสว นโย. อ-กาโร วุทฺธิอตฺโถ, น วุทฺธิปฺปตฺตํ กมฺมํ อกมฺมํ. กมฺมฺจ อกมฺมฺจ กมฺมากมฺมํ วชฺชาวชฺชํ วิย, ผลาผลํ วิย จ. ตตฺถ จ กมฺมนฺติ อปโลกนกมฺมตฺติกมฺมทฺวยํ. อกมฺมนฺติ ตฺติทุติยกมฺมตฺติจตอุตฺถกมฺมทฺวยํ. อถ วา กมฺมนฺติ จตูสุปิ เอเตสุ ลหุกกมฺมํ. อกมฺมนฺติ ครุกกมฺมํ. กมฺมากมฺมนฺติ เอตฺถ ปน วินิจฺฉโย เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. ตตฺถ ปนาติ ปกฺขนฺตรตฺเถ นิปาโต, ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถาปกฺขโต อฺโ กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถาปกฺโข เวทิตพฺโพติ วา มยา วุจฺจเตติ วา อตฺโถ.

จตฺตาริ กมฺมานีติ เอตฺถ จตฺตารีติ ปริจฺเฉทนิทสฺสนํ. เตน วินยกมฺมานิ นาม จตฺตาริ เอว โหนฺติ, น อิโต อูนาธิกานีติ ทสฺเสติ. กมฺมานีติ ปริจฺฉินฺนกมฺมนิทสฺสนํ. อปโลกนกมฺมนฺติอาทีนิ ปริจฺฉินฺนกมฺมานํ อุทฺเทสกถนํ. ตตฺถ อปโลกียเต อายาจียเต อปโลกนํ, อปปุพฺพโลกธาตุ อายาจนตฺเถ, ยุปจฺจโย ภาวตฺถวาจโก. อปโลกนวเสน กตฺตพฺพํ กมฺมํ อปโลกนกมฺมํ, สีมฏฺกสงฺฆํ อปโลเกตฺวา สงฺฆานุมติยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ. าปนา ตฺติ, สงฺฆสฺส ชานาปนาติ อตฺโถ. ตฺติยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ ตฺติกมฺมํ, อนุสฺสาวนํ อกตฺวา สุทฺธตฺติยาเยว กตฺตพฺพกมฺมํ. ทฺวินฺนํ ปูรณี ทุติยา, ตฺติ ทุติยา เอตสฺส กมฺมสฺสาติ ตฺติทุติยํ, ตฺติทุติยฺจ ตํ กมฺมฺจาติ ตฺติทุติยกมฺมํ, เอกาย ตฺติยา เอกาย อนุสฺสาวนาย กตฺตพฺพกมฺมํ. จตุนฺนํ ปูรณี จตุตฺถี, ตฺติ จตุตฺถี เอตสฺส กมฺมสฺสาติ ตฺติจตุตฺถํ, ตฺติจตุตฺถฺจ ตํ กมฺมฺจาติ ตฺติจตุตฺถกมฺมํ, เอกาย ตฺติยา ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ กตฺตพฺพกมฺมํ. เตน วกฺขติ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา’’ติอาทิ.

เอวํ จตฺตาริ กมฺมานิ อุทฺทิสิตฺวา ปริวาเร (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) กมฺมวคฺเค อาคตนเยเนว เตสํ จตุนฺนํ กมฺมานํ วิปตฺติการณานิ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ กติหากาเรหิ วิปชฺชนฺติ? ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วตฺถุโตติ วินยกมฺมสฺส การณภูตวตฺถุโต. ตฺติโต อนุสฺสาวนโตติ ทฺเวปิ กมฺมวาจายเมว. สีมโตติ กมฺมกรณฏฺานภูตพทฺธสีมโต. ปริสโตติ กมฺมปฺปตฺตฉนฺทารหภูตการกสงฺฆโต. ตานิเยว หิ ปฺจ สพฺเพสํ วินยกมฺมานํ วิปตฺติการณานิ โหนฺติ.

ตโต ตํ กมฺมวิปตฺติการณภูตํ วตฺถุํ ปาฬินเยน วิตฺถาเรตุํ ‘‘สมฺมุขากรณียํ กมฺมํ อสมฺมุขา กโรติ, วตฺถุวิปนฺนํ อธมฺมกมฺม’’นฺตฺยาทิมาห. ตตฺถ สมฺมุขากรณียํ ปฏิปุจฺฉากรณียํ ปฏิฺายกรณียนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ อตถากรเณน, สติวินโย อมูฬฺหวินโย ตสฺสปาปิยสิกา ตชฺชนียกมฺมํ นิยสกมฺมํ ปพฺพาชนียกมฺมํ ปฏิสารณียกมฺมํ อุกฺเขปนียกมฺมํ ปริวาโส มูลายปฏิกสฺสนา มานตฺตํ อพฺภานํ อุปสมฺปทนฺติ อิเมสํ เตรสกมฺมานํ อฺกมฺมารหสฺส อฺกมฺมกรเณน, อุโปสโถ ปวารณาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อทิวเส กรเณน, ปณฺฑโก เถยฺยสํวาสโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ติรจฺฉานคโต มาตุฆาตโก ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก โลหิตุปฺปาทโก สงฺฆเภทโก ภิกฺขุนิทูสโก อุภโตพฺยฺชนโก อูนวีสติวสฺโส อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนปุพฺโพติ อิเมสํ เตรสนฺนํ ปุคฺคลานํ อุปสมฺปทากมฺมกรเณน อิติ อิมานิ เอกตึส กมฺมานิ วตฺถุวิปนฺนํ อธมฺมกมฺมํ โหติ. ตฺติโต ปฺจ, อนุสฺสาวนโต ปฺจาติ อิมานิ ทส การณานิ อนฺโตกมฺมวาจายเมว ลภนฺติ, สีมโต เอกาทส การณานิ สีมาสมฺมุติวเสน ลภนฺติ, ปริสโต ทฺวาทส การณานิ จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺควีสติวคฺคสงฺขาเตสุ จตูสุ สงฺเฆสุ เอเกกสฺมึ กมฺมปตฺตฉนฺทารหสมฺมุขีภูตสงฺขาตานํ ติณฺณํ ติณฺณํ สงฺฆานํ วเสน ลภนฺตีติ.

เอวํ กมฺมวิปตฺติการณานิ ทสฺเสตฺวา ปุน จตุวคฺคสงฺฆาทีสุ สนฺนิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ วิเสสนามํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุวคฺคกรเณ กมฺเม’’ติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๒๕๐. ตโต ปรํ จตุนฺนํ กมฺมานํ านํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปโลกนกมฺมํ กติ านานิ คจฺฉตี’’ติอาทิมาห. ตมฺปิ สุวิฺเยฺยเมว.

๒๕๑. ตโต ตานิเยว กมฺมานิ เตสุ าเนสุ ปวตฺตานิ วิตฺถารโต ปกาเสตุกาโม ‘‘อยํ ตาว ปาฬินโย. อยํ ปเนตฺถ อาทิโต ปฏฺาย วินิจฺฉยกถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺสํ วินิจฺฉยกถายํ จตูสุ กมฺเมสุ กตมํ อปโลกนกมฺมํ นามาติ ปุจฺฉายํ ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปโลกนกมฺมํ นามา’’ติอาทิ. ตตฺถ สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวาติ อวิปฺปวาสสงฺขาตมหาสีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา. น หิ ขณฺฑสีมาย สนฺนิปติเต สงฺเฆ โสเธตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตาย มหาสีมาย ปน วิตฺถารตฺตา พหูนํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานตฺตา สมคฺคภาวตฺถํ โสเธตพฺพํ โหติ. ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวาติ ติสฺสํ สีมายํ จตุวคฺคาทิคณํ ปูเรตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ภิกฺขูหิ อฺเสํ หตฺถปาสํ อนาคตานํ ปกตตฺตภิกฺขูนํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา. วุตฺตฺหิ ‘‘จตุวคฺคกรเณ กมฺเม จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา กมฺมปฺปตฺตา, อวเสสา ปกตตฺตา ฉนฺทารหา’’ติ (ปริ. ๔๙๗). สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยาติ ฉนฺทสฺส อาหริตตฺตา หตฺถปาสํ อาคตาปิ อนาคตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู สมคฺคาเยว โหนฺติ, ตสฺมา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา. ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา กมฺมวาจํ อภณิตฺวา ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺส. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพกมฺมํ อปโลกนกมฺมํ นามาติ โยชนา. วุตฺตนเยเนวาติ อปโลกนกมฺเม วุตฺตนเยเนว. อิมินา ‘‘สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา’’ติ อิทํ ทฺวยํ อติทิสติ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย.

ตตฺถ เตสุ จตูสุ กมฺเมสุ กึ อฺกมฺมํ อิตรกมฺมวเสน กาตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺร’’อิจฺจาทิ. เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเต อวิเสเสน สพฺพมฺปิ กมฺมํ อฺวเสน กตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโก, ตฺติทุติยกมฺเม ปน วิเสโส อตฺถีติ อตฺโถ. อิโต ปรานิ สุวิฺเยฺยาเนว. ปฏิกฺขิตฺตเมว อฏฺกถายนฺติ อชฺฌาหารสมฺพนฺโธ. ยทิ เอวํ อกฺขรปริหีนาทีสุ สนฺเตสุ กมฺมโกโป สิยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อกฺขรปริหีนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีสุ สุ-การ ณา-การ ตุ-การาทีนํ ภสฺสนํ. ปทปริหีนนฺติ สุณาตูติอาทีนํ วิภตฺยนฺตปทานํ ภสฺสนํ. ทุรุตฺตปทํ ปน อุปริ วกฺขติ.

อิทานิ ปุนปฺปุนวจเน ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ อกุปฺปกมฺเม ทฬฺหิกมฺมํ โหติ, กุปฺปกมฺเม กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ อาห. ตตฺถ อิทนฺติ อิทํ ปุนปฺปุนํ วุตฺตกมฺมํ. อกุปฺปกมฺเมติ อกุปฺเป านารเห ปุเรกตกมฺเม. ทฬฺหิกมฺมํ โหตีติ ถิรตรกมฺมํ โหติ เอกาย รชฺชุยา พนฺธิตพฺพภาเร ทุติยตติยาทิรชฺชูหิ พนฺธนํ วิย. กุปฺปกมฺเมติ อกฺขรปริหีนาทิวเสน กุปฺเป อฏฺานารเห ปุเรกตกมฺเม. กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺตีติ ปุนปฺปุนํ วุตฺเต สติ เตสํ อกฺขรปริหีนาทีนํ โสธิตตฺตา ปริสุทฺธกมฺมํ หุตฺวา ติฏฺติ. อกุปฺปกมฺเม กุปฺปกมฺเมติ วา ภาเวนภาวลกฺขณตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ปุเรตรํ กตกมฺมสฺมึ อกุปฺปกมฺเม สติ ปจฺฉา อิทํ ปุนปฺปุนํ วุตฺตกมฺมํ ทฬฺหิกมฺมํ โหติ, ปุเรกตกมฺมสฺมึ กุปฺปกมฺเม สติ อิทํ ปุนปฺปุนํ วุตฺตกมฺมํ อกุปฺปํ านารหํ ปริสุทฺธกมฺมํ หุตฺวา ติฏฺตีติ. อิมํ ปาํ นิสฺสาย อาจริยวรา เอกปุคฺคลมฺปิ อเนกกฺขตฺตุํ อุปสมฺปทกมฺมํ กโรนฺติ. กสฺมา ปน เต ภิกฺขู ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตานํ อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก สิกฺขํ คณฺหนฺตีติ? น เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกา ลทฺธสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อฺํ คณฺหนฺติ, อถ โข ตาย เอว สทฺธึ ทิคุณติคุณํ กโรนฺติ. เอวํ สนฺเตปิ ปุริมสิกฺขาย อสทฺทหนฺตาเยว กเรยฺยุํ, โน สทฺทหนฺตาติ? โน อสทฺทหนฺตา, สทฺทหนฺตาปิ เต ภิกฺขู ปุนปฺปุนกรเณ ยุตฺติโตปิ อาคมโตปิ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา อานิสํสเมว ปสฺสนฺตา กโรนฺตีติ.

กถํ ยุตฺติโต อานิสํสํ ปสฺสนฺติ? ยถา หิ โลเก อภิสิตฺตมฺปิ ราชานํ ปุนปฺปุนาภิสิฺจเน อาทีนวํ น ปสฺสนฺติ, อถ โข อภิเสกานุภาเวน ราชิทฺธิปฺปตฺตตาทีหิ การเณหิ อานิสํสเมว ปสฺสนฺติ, ยถา จ สาสเน เจติยํ วา ปฏิมํ วา นิฏฺิตสพฺพกิจฺจํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทีหิ ภควโต วจเนหิ อภิเสกมงฺคลํ กโรนฺตาปิ ปุนปฺปุนกรเณ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา อติเรกตรํ มหิทฺธิกตามหานุภาวตาทิอานิสํสเมว ปสฺสนฺตา ปุนปฺปุนํ กโรนฺติเยว, เอวเมว กตอุปสมฺปทกมฺมํ ภิกฺขุํ ปุนเทว กมฺมวาจาภณเน อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปุพฺเพ กตกมฺมสฺมึ วตฺถุอาทีสุ ปฺจสุ องฺเคสุ เอกสฺมิมฺปิ องฺเค อปริปุณฺเณ สติ กมฺมโกปสมฺภวโต อิทานิ กตกมฺเมน ปริปุณฺณองฺเค สติ กมฺมสมฺปตฺติสมฺภวฺจ ปุพฺเพว กมฺมสมฺปตฺติสมฺภเวปิ ทฬฺหิกมฺมถิรตรสมฺภวฺจ อานิสํสํ ปสฺสนฺตา กโรนฺติ. กถํ อาคมโต อานิสํสํ ปสฺสนฺติ? ยถาวุตฺตปริวารฏฺกถาปาวินยสงฺคหปาเสุ ทุรุตฺตปทสฺส โสธนตฺถํ ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพภาวสฺส อุปลกฺขณนเยน วจนโต. เสสตฺติโทสอนุสฺสาวนโทสานฺจ วตฺถุวิปตฺติสีมวิปตฺติปริสวิปตฺติโทสานฺจ โสธนํ ทสฺสิตํ โหติ. เตเนว จ การเณน อยมฺปิ ปจฺฉิมปาโ อาจริเยน วุตฺโต. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตว. อิติ ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส โกปสมฺภเวปิ อิทานิ กตกมฺเมน สมฺปชฺชนสงฺขาตํ อานิสํสํ อาคมโต ปสฺสนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.

เกจิ ปน อาจริยา อิมํ ‘‘ปุนปฺปุนํ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปาํ ตสฺมึเยว ปมกมฺมกรณกาเล ทุรุตฺตโสธนตฺถํ วตฺตพฺพตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น จิรกาเล’’ติ วทนฺติ, ตเทตํ วจนํ เนว อฏฺกถายํ อาคตํ, น ฏีกาทีสุ วินิจฺฉิตํ, เตสํ มติมตฺตเมว, ตสฺมา น คเหตพฺพํ. อปิจ ตสฺมึ ขเณ ปุนปฺปุนํ วจนโตปิ อปรภาเค วจนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. ตสฺมิฺหิ กาเล ปุนปฺปุนํ ภณเน ตฺติโทสอนุสฺสาวนโทสานิ ปจฺฉิมภณเน สุฏฺุ ภณนฺโต โสเธตุํ สกฺกุเณยฺย, น วตฺถุวิปตฺติสีมวิปตฺติปริสวิปตฺติโทสานิ. ตสฺมิฺหิ ขเณ ตเมว วตฺถุ, สา เอว สีมา, สา เอว ปริสา, ตสฺมา ตานิ ปุนปฺปุนวจเนน โสเธตุมสกฺกุเณยฺยานิ โหนฺติ. อปรภาเค กโรนฺโต ปน ปุพฺเพ อปริปุณฺณวีสติวสฺสภาเวน วตฺถุวิปตฺติภูเตปิ อิทานิ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา วตฺถุสมฺปตฺติ โหติ, ปุพฺเพ สีมสงฺกราทิภาเวน สีมวิปตฺติสมฺภเวปิ อิทานิ ตทภาวตฺถาย สุฏฺุ โสธิตตฺตา สีมสมฺปตฺติ โหติ, ปุพฺเพ วคฺคกมฺมาทิวเสน ปริสวิปตฺติสมฺภเวปิ อิทานิ ตทภาวตฺถาย สุฏฺุ โสธิตตฺตา ปริสสมฺปตฺติ โหติ, เอวํ ปฺจ วิปตฺติโย โสเธตฺวา ปฺจ สมฺปตฺติโย สมฺปาเทตฺวา กาตุํ สกฺกุเณยฺยโต ปมกาเล ปุนปฺปุนํ ภณนโตปิ อปรภาเค ภณนํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยทิ เอวํ อุปสมฺปทสิกฺขาย ทหโร ภเวยฺยาติ? น ภเวยฺย. กสฺมา? โปราณสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขิตฺวา ตาย เอว ปติฏฺิตตฺตาติ. เอวํ สนฺเตปิ ปุเรกตกมฺมสฺส สมฺปชฺชนภาเวน ติฏฺนฺเต สติ ตาย ิตตฺตา อทหโร สิยา. ปุริมกมฺมสฺส อสมฺปชฺชนภาเวน อิทานิ กตกมฺเมเยว อุปสมฺปทภาเวน ติฏฺนฺเต สติ กสฺมา ทหโร น ภเวยฺยาติ? เอวํ สนฺเต ทหโร ภเวยฺย. เอวํ ทหโร สมาโน ปุริมสิกฺขาย วสฺสํ คเณตฺวา ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนฺโต มหาสาวชฺโช ภเวยฺยาติ? เอวํ ปุริมสิกฺขาย อฏฺิตภาวํ ปจฺฉิมสิกฺขาย เอว ลทฺธุปสมฺปทภาวํ ตถโต ชานนฺโต เอวํ กโรนฺโต สาวชฺโช โหติ, เอวํ ปน อชานนฺโต ‘‘ปุริมสิกฺขายเมว ิโต’’ติ มฺิตฺวา เอวํ กโรนฺโต อนวชฺโชติ เวทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อูนวีสติวสฺสํ ปริปุณฺณสฺีติ เอตฺถ กิฺจาปิ อุปสมฺปาเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ปุคฺคโล ปน อนุปสมฺปนฺโนว โหติ. สเจ ปน โส ทสวสฺสจฺจเยน อฺํ อุปสมฺปาเทติ, ตํ เจ มุฺจิตฺวา คโณ ปูรติ, สูปสมฺปนฺโน. โสปิ จ ยาว น ชานาติ, ตาวสฺส เนว สคฺคนฺตราโย, น โมกฺขนฺตราโย. ตฺวา ปน ปุน อุปสมฺปชฺชิตพฺพ’’นฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๐๖) อาคตตฺตา วิฺายติ. เอวํ วตฺถุวิปนฺนตฺตา กมฺมโกปโต อนุปสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อุปชฺฌาโย ภวิตุํ ยุตฺตกาเล ปุน อุปสมฺปชฺชเนน อุปสมฺปนฺนภูตภาวสฺส อฏฺกถายํ อาคตตฺตา อิมินา นเยน สีมวิปนฺนปอสวิปนฺนตฺติวิปนฺนอนุสฺสาวนวิปนฺนภูตตฺตา กมฺมโกปโต ปุพฺเพ อนุปสมฺปนฺนภูตํ ปุคฺคลมฺปิ อปรภาเค วุฑฺฒิปฺปตฺติกาเลปิ ปฺจ วิปตฺติโทสานิ โสเธตฺวา ปุน อุปสมฺปทกมฺมวาจากรเณน อุปสมฺปาเทตุํ วฏฺฏติ. โสปิ ปุคฺคโล ปุพฺพกมฺมกาเล อนุปสมฺปนฺโน หุตฺวาปิ อปรกมฺมกาเล อุปสมฺปนฺโน โหตีติ ทฏฺพฺโพ.

เอกจฺเจ ปน ภิกฺขู โปราณสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขเมว คณฺหึสุ, เต ปน ภิกฺขู นวสิกฺขาวเสน ทหราว ภวนฺติ, เอวํ กรณฺจ อติวิย คุณวิสิฏฺํ อตฺตโน นวกตรํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปุคฺคเล ปยิรุปาสิตุกาโม ตํ ปุคฺคลํ อตฺตนา วุฑฺฒตรํ กาตุกาโม อตฺตานํ ทหรํ กาตุกาโม หุตฺวา ธมฺมคารเวน กโรนฺโต ยุตฺโต ภเวยฺย. อถ ปน สิกฺขาสมฺปนฺนํ กตฺตุกาโม เอวํ กเรยฺย, สิกฺขา นาม ปฺจงฺคสมนฺนาคเต สติ สมฺปชฺชติ, สีลวิสุทฺธิเยว การณํ โหติ, ตสฺมา ยทิ ปุริมสิกฺขา อฏฺิตา ภเวยฺย, ปจฺจกฺขานกิจฺจํ นตฺถิ, สยเมว ปติตา โหติ. ปุริมสิกฺขาย ิตาย สติ วิพฺภมิตุกาโมเยว ปจฺจกฺขานํ กเรยฺย, น ภิกฺขุภวิตุกาโม, โส ปน จตุปาริสุทฺธิสีลเมว ปริสุทฺธํ กเรยฺย, ตสฺมา โปราณสิกฺขาย ปจฺจกฺขานํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ตโต โปราณสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหณโต ปุนปฺปุนํ กรณํเยว ยุตฺตตรํ ทิสฺสติ. กสฺมา? โปราณสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหเณ ปุริมกมฺมํ อสมฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉิมกมฺมสมฺปชฺชเน สติ กิฺจาปิ ปุริมสิกฺขา นตฺถิ, ยา ปจฺจกฺขาตพฺพา, ตถาปิ นวสิกฺขาย สมฺปชฺชิตตฺตา โทโส นตฺถิ, ทหรภาวํ ปตฺโตปิ ยุตฺตรูโปเยว.

ยทิ ปุริมกมฺมมฺปิ ปจฺฉิมกมฺมมฺปิ สมฺปชฺชติเยว, เอวํ สติ ปุริมสิกฺขาย ปจฺจกฺขานํ นิรตฺถกํ. ปจฺฉิมสิกฺขาย ิโตปิ ทหรภาวํ ปตฺตตฺตา อยุตฺตรูโป. ยทิ ปน ปุริมกมฺมเมว สมฺปชฺชติ, น ปจฺฉิมกมฺมํ, เอวํ สติ ปุพฺเพ ิตโปราณสิกฺขาปิ ปจฺจกฺขาเนน ปติตา. ปจฺฉิมสิกฺขาปิ ปจฺฉิมกมฺมสฺส ปฺจนฺนํ วิปตฺตีนํ อฺตเรน โยคโต น สมฺปชฺชติ, ตสฺมา ปุริมสิกฺขาย จ ปติตตฺตา ปจฺฉิมสิกฺขาย จ อลทฺธตฺตา อุภโต ภฏฺตฺตา อยุตฺโตว โหติ. โปราณสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหเณ ปน สติ ปุริมกมฺมํ สมฺปนฺนํ หุตฺวา ปจฺฉิมกมฺมํ อสมฺปนฺนํ โหนฺตมฺปิ ปุริมสิกฺขาย ปติฏฺิโตเยว, ปุริมํ อสมฺปนฺนํ หุตฺวา ปจฺฉิมํ สมฺปนฺนมฺปิ ปจฺฉิมสิกฺขาย ิโต เอว. ปุริมปจฺฉิมกมฺมทฺวยมฺปิ ปฺจหงฺเคหิ สมฺปนฺนมฺปิ ทฬฺหิกมฺมถิรตรภูตาย ปุริมสิกฺขาย ิโตเยว โส ภิกฺขุ โหติ, ตสฺมา ปุริมสิกฺขํ ปจฺจกฺขาย นวสิกฺขาคหณโต ปุริมสิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ปุนปฺปุนํ นวสิกฺขาคหณํ ยุตฺตตรํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

อิมํ ปน ปุนปฺปุนํ กโรนฺตานํ อาจริยานํ วาทํ อมนสิกโรนฺตา อฺเ อาจริยา อเนกปฺปการํ อนิจฺฉิตกถํ กเถนฺติ. กถํ? เอกจฺเจ เถรา เอวํ วทนฺติ ‘‘กึ อิเม ภิกฺขู เอวํ กโรนฺตา ปาราชิกปฺปตฺตํ ภิกฺขุํ ปุน สิกฺขาย ปติฏฺาเปสฺสามาติ มฺนฺตี’’ติ. เต เถรา ปุนปฺปุนํ กมฺมวาจํ ภณนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อิมินา การเณน เอวํ กโรนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาหํสุ. เอกจฺเจ ปน เถรา ‘‘กสฺมา อิเม ภิกฺขู ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, ยถา นาม อสนิ เอกวารเมว ปตนฺตี สตฺเต ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, เอวเมว ภควโต อาณาภูตา กมฺมวาจา เอกวารํ ภณมานา กมฺมํ สิชฺฌาเปติ, น อเนกวาร’’นฺติ, เตปิ ‘‘กมฺมสิชฺฌนตฺถาย ปุนปฺปุนํ ภณนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาหํสุ. พหโว ปน ภิกฺขู ปุนปฺปุนํ กโรนฺเต ทิสฺวา เอวํ วทนฺติ ‘‘อิเม ภิกฺขู อาจริยุปชฺฌาเยหิ ทินฺนสิกฺขํ อสทฺทหนฺตา เอวํ กโรนฺติ, อาจริยุปชฺฌายคุณาปราธกา เอเต สมณา’’ติ. เต ‘‘ปุพฺพสิกฺขํ อสทฺทหิตฺวา ปุนปฺปุนํ กโรนฺตี’’ติ มฺนฺตา เอวมาหํสุ.

อปเร ปน เถรา ‘‘ปมํ อุปสมฺปทกมฺมวาจาภณนกาเลเยว ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพํ, น อปรภาเค’’ติ, ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อฺเ เอวมาหํสุ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมวาจายเมว ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพนฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, น ตฺติจตุตฺถกมฺเม, อถ จ ปนิเม ภิกฺขู ตฺติจตุตฺถกมฺมภูตาย อุปสมฺปทกมฺมวาจาย ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, เอตํ อฏฺกถาย น สเมตี’’ติ, ตํ นีตตฺถเมว คเหตฺวา วทึสุ. เนยฺยตฺถโต ปน อิมินา นเยน จตูสุปิ กมฺเมสุ ปุนปฺปุนํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. กมฺมสงฺกรเมว หิ ตฺติทุติยกมฺเม วิเสสโต วทติ, ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพภาโว ปน สพฺเพสูติ ทฏฺพฺโพ. เตเนว หิ ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาย อุปสมฺปนฺนฏฺาเนเยว ปุพฺเพ อนุปสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส ปจฺฉา อุปสมฺปชฺชิตพฺพภาโว อฏฺกถายํ วุตฺโตติ.

ปฏิปุจฺฉากรณียาทีสุปีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ปฏึฺาย กรณียาทโย สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ปฏิปุจฺฉาย กรณียํ อปฺปฏิปุจฺฉา กโรตีติ ปุจฺฉิตฺวา โจเทตฺวา สาเรตฺวา กาตพฺพํ อปุจฺฉิตฺวา อโจเทตฺวา อสาเรตฺวา กโรติ. ปฏิฺาย กรณียํ อปฺปฏิฺาย กโรตีติ ปฏิฺํ อาโรเปตฺวา ยถาทินฺนาย ปฏิฺาย กาตพฺพํ อปฏิฺาย ปฏิฺํ อกโรนฺตสฺส วิลปนฺตสฺส พลกฺกาเรน กโรติ. สติวินยารหสฺสาติ ทพฺพมลฺลปุตฺตตฺเถรสทิสสฺส ขีณาสวสฺส. อมูฬฺหวินยารหสฺสาติ คคฺคภิกฺขุสทิสสฺส อุมฺมตฺตกสฺส. ตสฺสปาปิยสิกกมฺมารหสฺสาติ อุปวาฬภิกฺขุสทิสสฺส อุสฺสนฺนปาปสฺส. ตชฺชนียกมฺมารหสฺสาติ ปณฺฑกโลหิตกภิกฺขุสทิสสฺส ภณฺฑนการกสฺส. นิยสกมฺมารหสฺสาติ เสยฺยสกภิกฺขุสทิสสฺส อภิณฺหาปตฺติกสฺส. ปพฺพาชนียกมฺมารหสฺสาติ อสฺสชิปุนพฺพสุกภิกฺขุสทิสสฺส กุลทูสกสฺส. ปฏิสารณียกมฺมารหสฺสาติ สุธมฺมภิกฺขุสอสสฺส อุปาสเก ชาติอาทีหิ ทูเสนฺตสฺส. อุกฺเขปนียกมฺมารหสฺสาติ ฉนฺนภิกฺขุสทิสสฺส อาปตฺตึ อปสฺสนฺตสฺส อาปตฺตึ อเทเสนฺตสฺส อริฏฺภิกฺขุสทิสสฺส มิจฺฉาทิฏฺึ อวิสฺสชฺเชนฺตสฺส. ปริวาสารหสฺสาติ ปฏิจฺฉนฺนสงฺฆาทิเสสาปตฺติกสฺส. มูลายปฏิกสฺสนารหสฺสาติ อนฺตราปตฺตึ อาปนฺนสฺส. มานตฺตารหนฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนสงฺฆาทิเสสาปตฺติกํ. อพฺภานารหนฺติ จิณฺณมานตฺตํ ภิกฺขุํ. อุปสมฺปาเทตีติ อุปสมฺปทกมฺมํ กโรติ.

อนุโปสเถ อุโปสถํ กโรตีติ อนุโปสถทิวเส อุโปสถํ กโรติ. อุโปสถทิวโส นาม เปตฺวา กตฺติกมาสํ อวเสเสสุ เอกาทสสุ มาเสสุ ภินฺนสฺส สงฺฆสฺส สามคฺคิทิวโส จ ยถาวุตฺตา จาตุทฺทสปนฺนรสา จ, เอตํ ติปฺปการมฺปิ อุโปสถทิวสํ เปตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส อุโปสถํ กโรนฺโต อนุโปสเถ อุโปสถํ กโรติ นาม. ยตฺร หิ ปตฺตจีวราทิอตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคีอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ, กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ.

อปฺปวารณาย ปวาเรตีติ อปฺปวารณทิวเส ปวาเรติ. ปวารณทิวโส นาม เอกสฺมึ กตฺติกมาเส ภินฺนสฺส สงฺฆสฺส สามคฺคิทิวโส จ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จ ทฺเว จ ปุณฺณมาสิโย, เอตํ จตุพฺพิธํ ปวารณทิวสํ เปตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส ปวาเรนฺโต อปฺปวารณาย ปวาเรติ นาม. อิธาปิ อปฺปมตฺตกสฺส วิวาทสฺส วูปสเม สามคฺคีปวารณํ กาตุํ น ลภนฺติ. กโรนฺเตหิ อปฺปวารณาย ปวารณา กตา โหตีติ อยํ อฏฺกถาปาโ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๓).

‘‘อุมฺมตฺตกสฺส ภิกฺขุโน อุมฺมตฺตกสมฺมุติ อุมฺมตฺตเกน ยาจิตฺวา กเต อสมฺมุขาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ นิสินฺเนปิ น กุปฺปติ นิยมาภาวโต. อสมฺมุขา กเต ปน โทสาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘อสมฺมุขา กตํ สุกตํ โหตี’ติ วุตฺตํ. ทูเตน อุปสมฺปทา ปน สมฺมุขา กาตุํ น สกฺกา กมฺมวาจานานตฺตสมฺภวโต. ปตฺตนิกฺกุชฺชนาทโย หตฺถปาสโต อปนีตมตฺเตปิ กาตุํ วฏฺฏนฺติ. สงฺฆสมฺมุขตาติอาทีสุ ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโต โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺติ, อยํ สงฺฆสมฺมุขตา. เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, อยํ ธมฺมสมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. ตตฺถ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนํ นาม ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา จ. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส สมฺมุขาภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา. กตฺติกมาสสฺส ปวารณมาสตฺตา ‘เปตฺวา กตฺติกมาส’นฺติ วุตฺตํ. ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จาติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา สนฺธาย วุตฺตํ. ทฺเว ปุณฺณมาสิโยติ ปมปจฺฉิมวสฺสูปคตานํ วเสน วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๘๓) อาคตํ.

‘‘ปิตอุโปสถปวารณานํ กตฺติกมาเส สามคฺคิยา กตาย สามคฺคีปวารณํ มุฺจิตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘เปตฺวา กตฺติกมาส’นฺติ. สเจ ปน เตสํ นานาสีมาสุ มหาปวารณาย วิสุํ ปวาริตานํ กตฺติกมาสพฺภนฺตเร สามคฺคี โหติ, สามคฺคีอุโปสโถ เอว เตหิ กาตพฺโพ, น ปวารณา เอกสฺมึ วสฺเส กตปวารณานํ ปุน ปวารณาย อวิหิตตฺตา. สามคฺคีทิวโส โหตีติ อนุโปสถทิวเส สามคฺคีกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน จาตุทฺทสิยํ ปนฺนรสิยํ วา สงฺโฆ สามคฺคึ กโรติ, ตทา สามคฺคีอุโปสถทิวโส น โหติ, จาตุทฺทสีปนฺนรสีอุโปสโถว โหติ. อุปริ ปวารณายปิ เอเสว นโย. ปจฺจุกฺกฑฺฒิตฺวา ปิตทิวโส จาติ ภณฺฑนการเกหิ อุปทฺทุตา วา เกนจิเทว กรณีเยน ปวารณสงฺคหํ วา กตฺวา ปิโต กาฬปกฺขจาตุทฺทสีทิวโส จ. ทฺเว จ ปุณฺณมาสิโยติ ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา จาติ ทฺเว ปุณฺณมาสิโย. เอตํ จตุพฺพิธนฺติ ปุณฺณมาสิทฺวเยน สทฺธึ สามคฺคีปวารณํ จาตุทฺทสีปวารณฺจ สมฺปิณฺเฑตฺวา, อิทฺจ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ. ตถารูปปจฺจเย ปน สติ อุภินฺนํ ปุณฺณมาสีนํ ปุริมา ทฺเว จาตุทฺทสิโย, กาฬปกฺขจาตุทฺทสิยา อนนฺตรา ปนฺนรสีปีติ อิเมปิ ตโย ทิวสา ปวารณาทิวสา เอวาติ อิมํ สตฺตวิธมฺปิ ปวารณาทิวสํ เปตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส ปวาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๘๓) อาคตํ.

เอวํ วตฺถุวิปตฺติวินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตฺติวิปตฺติวินิจฺฉยํ อนุสฺสาวนวิปตฺติวินิจฺฉยฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตฺติโต วิปตฺติยํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺจมตฺติวิปตฺติยํ ‘‘ปจฺฉา วา ตฺตึ เปตี’’ติ เอตสฺส สํวณฺณนายํ อนุสฺสาวนกมฺมํ กตฺวาติ ปมํ อนุสฺสาวนํ สาเวตฺวา ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ อนุสฺสาวนานนฺตรเมว สกลํ ตฺตึ วตฺวา, ปริโยสาเน ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ วตฺวาติ อธิปฺปาโย.

๒๕๒. จตุตฺถอนุสฺสาวนวิปตฺติสํวณฺณนายํ ‘‘ยฺวายนฺติ พฺยฺชนปฺปเภโท อธิปฺเปโต. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอตฺถ ทสธา ทสวิเธน พฺยฺชนานํ ปเภโทติ โยเชตพฺพํ. เกนายํ ปเภโทติ อาห ‘พฺยฺชนพุทฺธิยา’ติ. ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนสงฺขาตานํ อกฺขรานํ ชนิกา พุทฺธิ พฺยฺชนพุทฺธิ, ตาย พฺยฺชนพุทฺธิยา, อกฺขรสมุฏฺาปกจิตฺตเภเทเนวาติ อตฺโถ. ยํ วา สํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ, อิทมฺปิ ครุกนฺติ โยชนา’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๘๕) ปน ‘‘านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ สิถิลํ, ตานิเยว ธนิตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํ, เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสปฺปกาเรน ปเภโท. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนานิ จ. สํโยโค ปโร เอตสฺมาติ สํโยคปโร. น สํโยคปโร อสํโยคปโร ‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตเถรสฺส ยสฺส น ขมตี’ติ เอตฺถ ต-การ น-การสหิตาโร อสํโยคปโร. กรณานีติ กณฺาทีนิ’’ อิติ เอตฺตกํ วุตฺตํ.

ปุน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๘๕) ‘‘ตตฺถ อายสฺมโตติอาทีสุ สรานนฺตริตานิ ส-การ ม-การาทิพฺยฺชนานิ ‘สํโยโค’ติ วุจฺจนฺติ. โย สํโยโค ปโร ยสฺส อ-การาทิโน, โส สํโยคปโร นาม. รสฺสนฺติ อ-การาทิพฺยฺชนรหิตํ ปทํ. อสํโยคปรนฺติ ‘ยสฺส น ขมตี’ติอาทีสุ ส-การ น-การาทิพฺยฺชนสหิตํ ปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ต-การสฺส ถ-การํ อกตฺวา ‘สุณาตุ เม’ติอาทึ อวตฺวา วคฺคนฺตเร สิถิลเมว กตฺวา ‘สุณาฏุ เม’ติอาทึ วทนฺโตปิ ทุรุตฺตํ กโรติเยว เปตฺวา อนุรูปํ อาเทสํ. ยฺหิ ‘สจฺจิกตฺถปรมตฺเถนา’ติ วตฺตพฺเพ ‘สจฺจิกฏฺปรมฏฺเนา’ติ จ ‘อตฺถกถา’ติ จ วตฺตพฺเพ ‘อฏฺกถา’ติ จ ตตฺถ ตตฺถ วุจฺจติ, ตาทิสํ ปาฬิอฏฺกถาทีสุ ทิฏฺปโยคํ ตทนุรูปฺจ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ตโต อฺํ น วฏฺฏติ. เตนาห ‘อนุกฺกมาคตํ ปเวณึ อวินาเสนฺเตนา’ติอาทิ. ‘ทีเฆ วตฺตพฺเพ รสฺส’นฺติอาทีสุ ‘ภิกฺขูน’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘ภิกฺขุน’นฺติ วา ‘พหูสู’ติ วตฺตพฺเพ ‘พหุสู’ติ วา ‘นกฺขมตี’ติ วตฺตพฺเพ ‘น ขมตี’ติ วา ‘อุปสมฺปทาเปกฺโข’ติ วตฺตพฺเพ ‘อุปสมฺปทาเปโข’ติ วา เอวํ อนุรูปฏฺาเนสุ เอว ทีฆรสฺสาทิรสฺสทีฆาทิวเสน ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏติ, น ปน ‘นาโค’ติ วตฺตพฺเพ ‘นโค’ติ วา ‘สงฺโฆ’ติ วตฺตพฺเพ ‘สโฆ’ติ วา ‘ติสฺโส’ติ วตฺตพฺเพ ‘ติโส’ติ วา ‘ยาจตี’ติ วตฺตพฺเพ ‘ยาจนฺตี’ติ วา เอวํ อนนุรูปฏฺาเนสุ วตฺตุํ. สมฺพนฺธํ ปน ววตฺถานฺจ สพฺพถาปิ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพ’’นฺติ อาคตํ. เสสานิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุฏฺุ สลฺลกฺเขตพฺพานิ.

๒๕๓. สีมวิปตฺติวินิจฺฉโย ปน เหฏฺา สีมกถายํ สพฺเพน กถิโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺโพ.

ปริสวิปตฺติกถาย จตุวคฺคกรเณติ จตุวคฺเคน สงฺเฆน กตฺตพฺเพ. อนิสฺสาริตาติ อุโปสถฏฺปนาทินา วา ลทฺธินานาสํวาสกภาเวน วา น พหิกตา. อฏฺกถายฺหิ ‘‘อปกตตฺตสฺสาติ อุกฺขิตฺตกสฺส วา ยสฺส วา อุโปสถปวารณา ปิตา โหนฺตี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๒๕) วุตฺตตฺตา ปิตอุโปสถปวารโณ ภิกฺขุ อปกตตฺโต เอวาติ คเหตพฺพํ. ปริสุทฺธสีลาติ ปาราชิกํ อนาปนฺนา อธิปฺเปตา. ปริวาสาทิกมฺเมสุ ปน ครุกฏฺาปิ อปกตตฺตา เอวาติ คเหตพฺพํ. อวเสสา…เป… ฉนฺทารหาว โหนฺตีติ หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิเต สนฺธาย วุตฺตํ, อวิชหิตฺวา ิตา ปน ฉนฺทารหา น โหนฺติ, เตปิ จตุวคฺคาทิโต อธิกา หตฺถปาสํ วิชหิตฺวาว ฉนฺทารหา โหนฺติ, ตสฺมา สงฺฆโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิเตเนว ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา ทาตพฺพา.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๘๘) ปน ‘‘อนุกฺขิตฺตา ปาราชิกํ อนาปนฺนา จ ปกตตฺตาติ อาห ‘ปกตตฺตา อนุกฺขิตฺตา’ติอาทิ. ตตฺถ อนิสฺสาริตาติ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. ปริสุทฺธสีลาติ ปาราชิกํ อนาปนฺนา. น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอตีติ ตีสุ ทฺวีสุ วา นิสินฺเนสุ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาหฏาปิ อนาหฏาว โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติ อาคโต. เอวํ ปาฬิยฺจ อฏฺกถาย จ จตุนฺนมฺปิ กมฺมานํ สมฺปตฺติ จ วิปตฺติ จ อาคตา, ฏีกาจริเยหิ จ วินิจฺฉิตา, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว จตฺตาริ กมฺมานิ กตฺตพฺพานิ, น อวุตฺตนเยน. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๑. คนฺถารมฺภกถา; ๒.๔๓๑) –

‘‘พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต;

โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;

โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา;

ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.

‘‘ตสฺมา หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ;

ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;

สพฺพมฺปิ สิกฺขาสุ สคารวานํ;

ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตาน’’นฺติ.

อิมสฺมิฺหิ กมฺมวคฺเค อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณฏฺานํ เอกาทสวิปตฺติสีมวิมุตฺตํ พทฺธสีมภูตํเยว วุตฺตํ, ‘‘เอกาทสหิ อากาเรหิ สีมโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วจนโต น อพทฺธอุปจารสีมภูตํ. น หิ ตตฺถ เอกาทสวิปตฺติ อตฺถิ. อฏฺกถายมฺปิ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ อปโลกนกมฺมสฺสาปิ พทฺธสีมายเมว กตฺตพฺพภาโว วุตฺโต, น อุปจารสีมายํ. น หิ ตตฺถ สีมฏฺกสงฺฆโสธนฺจ ฉนฺทารหานฺจ อตฺถิ, อนฺโตสีมํ ปวิฏฺปวิฏฺานํ สงฺฆลาโภ ทาตพฺโพเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘ตฺติกมฺมภูตํ อุโปสถปวารณากมฺมํ อพทฺธสีมวิหาเรปิ กตฺตพฺพ’’นฺติ คณฺหนฺตานํ อาจริยานํ วาโทปิ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมภูตํ กถินทานกมฺมํ อุปจารสีมายเมว กตฺตพฺพ’’นฺติ คณฺหนฺตานํ อาจริยานํ วาโทปิ ปาฬิวิโรโธ อฏฺกถาวิโรโธ จ โหตีติ เวทิตพฺโพ. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อุโปสถปวารณกถาวณฺณนายฺจ กถินกถาวณฺณนายฺจ วุตฺตํ, อตฺถิเกหิ ตตฺถ สุฏฺุ โอโลเกตฺวา สํสโย วิโนเทตพฺโพ.

อิทานิ สพฺเพ ภิกฺขู เลขกาเรหิ ปริจยวเสน สพฺพคนฺถานํ อาทิมฺหิ ลิขิตํ มหานมกฺการปาํ สรณคมนสฺส, กมฺมวาจาย จ อารมฺภกาเล มหตา อุสฺสาเหน ภณนฺติ, โส ปน ปาโ เนว สรณคมนปริยาปนฺโน, น กมฺมวาจาปริยาปนฺโน, นาปิ กมฺมวาจาย ปุพฺพกรณปริยาปนฺโน, ตสฺมึ อภณิเตปิ น สรณคมนสฺส วา กมฺมวาจาย วา หานิ อตฺถิ, น ภณิเต วฑฺฒิ, ตสฺมา ปกรณาจริยา สรณคมนารมฺเภปิ กมฺมวาจารมฺเภปิ ตสฺส มหานมกฺการปาสฺส วณฺณนํ น วทนฺติ, วทนฺโต ปน ‘‘ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส’’ อิติ ปทานํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺคสมนฺตปาสาทิกาสารตฺถทีปนีอาทิปฺปกรเณสุ ‘‘ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ อิติปทานํ อตฺโถ วิย วิตฺถาเรน วตฺตพฺโพ สิยา, เอวํ สนฺเตปิ ภควโต ยถาภูตคุณทีปนวเสน ปวตฺตตฺตา สพฺเพปิ อาจริยา สพฺเพสุ คนฺถารมฺเภสุ ติกฺขตฺตุํ มงฺคลตฺถํ ภณนฺติ. ภณนฺเตหิ จ ปน น-การ โม-การาทีนํ านกรณาทิสมฺปทํ อหาเปนฺเตน สิถิลธนิตทีฆรสฺสาทิวิเสสํ มนสิ กโรนฺเตน สมณสารุปฺเปน ปริมณฺฑเลน ปทพฺยฺชเนน ภณิตพฺโพ โหติ, น อติอายตเกน คีตสทฺทสทิเสน สทฺเทน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อายตเกน คีตสฺสเรน ธมฺโม คายิตพฺโพ, โย คาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๔๙).

‘‘เอกมตฺโต ภเว รสฺโส, ทฺวิมตฺโต ทีฆมุจฺจเต;

ติมตฺโต ตุ ปฺลุโต เยฺโย, พฺยฺชนฺจฑฺฒมตฺติก’’นฺติ. –

สทฺทปฺปกรณาจริเยหิ วุตฺตํ สทฺทลกฺขณํ นิสฺสาย น-การาทีสุ รสฺสภูเต อสเร เอกมตฺตํ, น-พฺยฺชเน อฑฺฒมตฺตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทิยฑฺฒมตฺตกาลํ ปมาณํ กตฺวา อุจฺจารียเต. โม-การาทีสุ ทีฆภูเต โอ-การาทิสเร ทฺวิมตฺตํ, ม-การาทิพฺยฺชเน อฑฺฒมตฺตํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อฑฺฒเตยฺยมตฺตากาลํ ปมาณํ กตฺวา อุจฺจารียเต, น ตโต อุทฺธนฺติ. นนุ ‘‘ปฺลุโต ติมตฺโต เยฺโย’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, สา ปน ทูรโต อวฺหายนาทีสุเยว ลพฺภติ, นาฺตฺถ. วุตฺตฺหิ การิกายํ –

‘‘ทูรโต อวฺหาเน คีเต, ตเถว โรทเนปิ จ;

ปฺลุตา ติมตฺติกา วุตฺตา, สพฺเพเต เนตฺถ คยฺหเร’’ติ. –

กิตฺตเกน ปน กาเลน เอกมตฺตา วิฺเยฺยาติ? อกฺขินิมิสอุมฺมิสมตฺตกาเลนาติ อาจริยา. เอเก ปน อาจริยา ‘‘องฺคุลิโผฏนกาลปฺปมาเณนา’’ติ วทนฺติ. วุตฺตฺหิ อาจริยธมฺมเสนาปติตฺเถเรน –

‘‘ปมาณํ เอกมตฺตสฺส, นิมิสุมฺมิสโตพฺรวุํ;

องฺคุลิโผฏกาลสฺส, ปมาเณนาปิ อพฺรวุ’’นฺติ.

เอวํ สทฺทสตฺถาจริเยหิ วจนโต สุทฺธรสฺสสรฏฺาเน เอกมตฺตาปมาณํ, สพฺยฺชนรสฺสสรฏฺาเน ทิยฑฺฒมตฺตาปมาณํ, สุทฺธทีฆสรฏฺาเน ทฺวิมตฺตาปมาณํ, สพฺยฺชนทีฆสรฏฺาเน อฑฺฒเตยฺยมตฺตาปมาณํ กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา อุจฺจารียเต.

อิทานิ ปน ภิกฺขู มหานมกฺการภณเน พลวอุสฺสาหํ กตฺวา ภณนฺตา รสฺสฏฺาเนสุ ทฺวิติมตฺตากาลํ ทีฆฏฺาเนสุ จตุปฺจมตฺตากาลํ สรํ ปเปตฺวา ภณนฺติ, ตทยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. อปเร ปมวาเร ภณิตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ ปริโยสานปทํ ปตฺวาปิ ตตฺถ อฏฺเปตฺวา ปุน ‘‘นโม ตสฺสา’’ติ ภณิตฺวา ส-กาเร เปตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา ทุติยวาเร ‘‘ภควโต’’ติ อิทํ อาทึ กตฺวา ยาว ปริโยสานํ ภณิตฺวา เปนฺติ. ตติยวาเร ปน อาทิโต ปฏฺาย ปริโยสาเน เปนฺติ. เอวํ ภณนฺตฺจ พหู ปสํสนฺติ, เอวํ ปน กาตพฺพนฺติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ วิชฺชติ. ยถา ตฺติจตุตฺถกมฺเม กริยมาเน ตีณิ อนุสฺสาวนานิ สทฺทโต จ อตฺถโต จ อภินฺนานิ อฺมฺํ สงฺกรวิรหิตานิ กตฺวา ภณิตพฺพานิ, เอวํ มหานมกฺการปาเ ติกฺขตฺตุํ ภฺมาเน ตโย วารา สทฺทโต จ อตฺถโต จ อภินฺเน กตฺวา สงฺกรวิรหิเต กตฺวา อาทิโต อารภิตฺวา ปริโยสาเน เปตพฺพา โหนฺตีติ.

ตตฺรายเมเกเอวํ วทนฺติ – ยถา นาม ชเวน คจฺฉนฺตสฺส าตพฺพฏฺานํ ปตฺวาปิ สหสา าตุํ น สกฺโกติ, เอกปาทมตฺตํ คนฺตฺวา ติฏฺติ, เอวํ อาทิโต ภณนฺตสฺส พลวอุสฺสาหตฺตา ปริโยสาเน ปตฺเตปิ เปตุํ น สกฺโกติ, ‘‘นโม ตสฺสา’’ติ ทฺวิปทมตฺตํ ภณิตฺวา สกฺโกตีติ. เอวํ สนฺเต ทุติยตติยวาเรสุ กสฺมา สกฺโกตีติ? ตทา ปน ทุติยวาเร โถกํ วิสฺสมิตตฺตา ลทฺธสฺสาโส หุตฺวา สกฺโกตีติ. เอวํ เต อายสฺมนฺโต สยเมว อตฺตานํ วิฆาตํ ปาเปนฺติ. น หิ ‘‘มหานมกฺการํ ภณนฺเตน ปมวาเร พลวอุสฺสาเหน ภณิตพฺโพ’’ติ ภควตา ปฺตฺโต, ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ วา ปิโต อตฺถิ. เอวํ สนฺเต ยถา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺเตน ยตฺตกา ภิกฺขู ปาติโมกฺขํ สุณนฺติ, เตสํ สวนปฺปมาเณน ยาว ปริโยสานา อุทฺทิสิตุํ อตฺตโน สรปฺปมาณํ คเหตฺวา ปาติโมกฺโข อุทฺทิสิตพฺโพ, เอวํ กมฺมวาจํ ภณนฺเตนปิ สีมมณฺฑเล นิสินฺนภิกฺขูนํ สวนปฺปมาเณน ยาว ปริโยสานา อตฺตโน สรปฺปมาณํ คเหตฺวา ภณิตพฺพาติ.

อปเร ปน อาจริยา โม-การาทีสุ โอ-การนฺตปเทสุ อฺเสํ ปทานํ อติเรเกน สเรน ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อนุกรณสทฺทํ อนุพนฺธาปยมานา ภณนฺติ, เตสํ อาจริยานํ ตาทิสํ ภณนํ สุตฺวา ปริจยปฺปตฺตา อฺเ ภิกฺขู วา คหฏฺา วา อฺเสํ อาจริยานํ กมฺมวาจํ น ครุํ กโรนฺติ, ตาย กมฺมวาจาย อุปสมฺปทา อลภิตพฺพา วิย มฺนฺติ, ตาทิสํ ปน ภณนํ เตสํ อาจริยานํ สิสฺสานุสิสฺสา เอว ตถา ภณนฺติ, น อฺเ อาจริยา. เต ปน โปราณาจริยานํ สรสมฺปนฺนานํ อนุกรณสทฺทรหิตมฺปิ สหิตํ วิย ขายมานํ สุณนฺตานํ อติมโนรถํ สทฺทํ สุตฺวา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺตา เอวํ กโรนฺติ มฺเ. น หิ วินเย วา สทฺทสตฺเถสุ วา ตถา ภณิตพฺพนฺติ อตฺถิ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตนฺติ.

พหู ปน ภิกฺขู ‘‘สิถิลํ ธนิตฺจ ทีฆรสฺส’’นฺติอาทินา วินเย กถิตวินิจฺฉยฺจ ‘‘เอตฺถ ปฺจสุ วคฺเคสู’’ติอาทินา สทฺทสตฺเถสุ กตวินิจฺฉยฺจ อชานนฺตา ปิฏกตฺตยโกวิทานํ วินยธรพหุสฺสุตตฺเถรานํ สนฺติกา อลทฺโธปเทสา หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อุปสมฺปทํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ วจนเมว คเหตฺวา เหยฺโยปาเทยฺยํ อชานนฺตา ปุพฺเพ ปรเทสโต อาคตานํ ปุฺวนฺตานํ สรสมฺปนฺนานํ มหาเถรานํ อโนสเรน ภณมานานํ สรํ สุตฺวา เตสํ เถรวรานํ มตึ อปุจฺฉิตฺวาว ยถาทิฏฺํ ยถาสุตํ ลิขิตฺวา เปนฺตา อนุกฺกเมน ปณฺฑิเตหิ หสิตพฺพํ อยุตฺตํ กถํ ทีเปนฺตา ‘‘อิมสฺมึ าเน พฺยคฺฆิยา สทฺทสทิสํ สทฺทํ กโรนฺติ, อิมสฺมึ าเน สกุณิยา สทฺทสทิสํ สทฺทํ กโรนฺติ, อิมสฺมึ าเน ตมฺพุลกสฏปาตํ กโรนฺติ, อิมสฺมึ าเน ทกฺขิณโต นมนฺตา ภณนฺติ, อิมสฺมึ าเน วามโต นมนฺตา ภณนฺติ, อิมสฺมึ าเน วิลาสํ กุรุมานา ภณนฺตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ตเทว สทฺทหนฺตา รุกฺขมูลอุมงฺคเลณาทีสุ นิสีทิตฺวา ตเมว วจนํ อนุสิกฺขนฺตา ตทนุรูปํ กมฺมวาจํ ภณนฺตา ‘‘อหํ กมฺมวาจากุสโล’’ติ วตฺวา พาลชเน สฺาเปตฺวา เตสํ เตสํ อุปสมฺปทาเปกฺขานํ กมฺมวาจํ ภณนฺติ, อิเม ภิกฺขู ภควโต อาณํ อติกฺกาเมนฺติ, สาสนํ โอสกฺกาเปนฺตีติ ทฏฺพฺพา.

อถาปเรปิ ภิกฺขู คามกาวาสาทีสุ วสนฺตา ปณฺฑิตานํ สนฺติเก อปยิรุปาสมานา วตฺถุสมฺปตฺติมฺปิ วตฺถุวิปตฺติมฺปิ ตฺติอนุสฺสาวนสีมปริสสมฺปตฺติมฺปิ วิปตฺติมฺปิ ตถโต อชานนฺตา พหโว สิสฺเส เปตฺวา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ กโรนฺตา ปริสํ วฑฺฒาเปนฺติ, เตปิ ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปนฺติ, ตสฺมา ภควโต อาณํ กโรนฺเตหิ ลชฺชีเปสเลหิ พหุสฺสุเตหิ สิกฺขากาเมหิ สปฺปุริสภิกฺขูหิ เอวรูปานํ ภิกฺขูนํ สหายเกหิ อุปตฺถมฺภเกหิ เอกสมฺโภคสํวาสกเรหิ น ภวิตพฺพํ. อิทานิ ภิกฺขู –

‘‘จ-การนฺตํ ส-การนฺตํ, ต-การนฺตสมํ วเท;

-การนฺตํ ล-การนฺตํ, น-การนฺตสมํ วเท’’ติ. –

อิมํ สิโลกํ อุปนิสฺสาย สรณคมเนปิ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ ปาํ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ ปนฺติ. กมฺมวาจายมฺปิ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทิปาํ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทินา ปนฺติ. เอตฺถ ยุตฺติโตปิ อาคมโตปิ การณํ จินฺเตตพฺพํ.

ตตฺรายํ ยุตฺติจินฺตา – ‘‘จ-การนฺตํ ส-การนฺตํ, ต-การนฺตสมํ วเท’’ติ เอตฺถ จ-กาโร ตาลุโช, ต-กาโร ทนฺตโช, เอวเมเต อกฺขรา านโตปิ อสมานา. จ-กาโร ชิวฺหามชฺฌกรโณ, ต-กาโร ชิวฺหคฺคกรโณ, เอวํ กรณโตปิ อสมานา. จ-กาโร ทุติยวคฺคปริยาปนฺโน, ต-กาโร จตุตฺถวคฺคปริยาปนฺโน, เอวํ วคฺคโตปิ อสมานา. สํโยคกฺขรวเสน น ปุพฺพกฺขรา สุตึ ลภนฺตา สรวิเสสํ ปาปุณนฺติ, เตเนว จ-กาเรน สทฺทสตฺถการาจริยา ‘‘สํโยเค ปเร รสฺสตฺต’’นฺติ จ ‘‘สํโยคปุพฺพา เอ-กาโร-การา รสฺสาอิว วตฺตพฺพา’’ติ จ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต กถํ อสมานฏฺานิเกน อสมานกรเณน อสมานวคฺเคน สํโยคกฺขเรน ลทฺธสุติกา อกฺขรา ตโต อฺเน อสมานฏฺานิเกน อสมานกรเณน อสมานวคฺเคน สํโยคกฺขเรน ลทฺธสมานสุติกา ภเวยฺยุํ. น เกวลฺจ เอเต อกฺขรา อสมานฏฺานิกา อสมานกรณา อสมานวคฺคาว โหนฺติ, อถ โข อนาสนฺนฏฺานิกา อนาสนฺนกรณา อนาสนฺนวคฺคา จ โหนฺติ. ยถา จ วีณํ วาเทนฺตานํ ทูเร ตนฺติสฺสเรน ตโต ทูเร ตนฺติสฺสโร อสมาโน โหติ, เอวํ ทูรฏฺานิเกน อกฺขเรน ทูรกรเณน ตโต ทูรฏฺานิโก ทูรกรโณ สมานสุติโก กถํ ภเวยฺย, วคฺคกฺขรานฺจ อฺมฺํ อสงฺกรวเสน อสมานสุติวเสน ปวตฺตนโต ‘‘วคฺคนฺตํ วา วคฺเค’’ติ สุตฺเต นิคฺคหิตสฺส วคฺคนฺตกรเณ สติ อฺวคฺคสฺมึ ปเร อฺวคฺคนฺตํ น ปาปุณาติ, ‘‘วคฺเค โฆสาโฆสานํ ตติยปมา’’ติ สุตฺเตน จ อสทิสทฺเวภาวกรเณ อฺวคฺเค อฺวคฺคทฺเวภาโว น โหติ.

ยทิ จ จ-การนฺตกฺขโร ต-การนฺตกฺขเรน สมานสุติโก สิยา, เอวํ สติ กึ จ-การนฺตกฺขรเลขเนน สพฺพตฺถ ต-การนฺตเมว ลิเขยฺย, ตถา ปน อลิขิตฺวา ปโยคานุรูปํ ปมกฺขรสฺส สทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘กจฺโจ กจฺจายโน’’ติ, อสทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘วจฺโฉ วจฺฉายโน’’ติ ตติยกฺขรสฺส สทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘มชฺชํ สมฺมชฺช’’นฺติ, อสทิสทฺเวภาวฏฺาเน ‘‘อุปชฺฌา อุปชฺฌาโย’’ติ สมานฏฺานสมานกรณสมานวคฺคกฺขรานเมว ทฺเวภาโว ลิขียติ, โน อิตเรสํ, ตสฺมา ปโยคานุรูปํ จ-การนฺต ช-การนฺตฏฺาเนสุ สกวคฺคสุติวเสเนว วตฺตพฺพํ, น อฺวคฺคสุติวเสน. ส-การนฺเต ปน ส-การสฺส ต-กาเรน สมานฏฺานิกตฺตา สมานกรณตฺตา จ วคฺคอวคฺควเสน ภินฺเนปิ อวคฺคกฺขรานํ วคฺคกฺขเรหิ สาธารณตฺตา จ อวคฺคกฺขรานํ วคฺคกฺขรานํ วิย วิสุํ สุติยา อภาวโต จ ส-การนฺตสฺส ต-การนฺตภณนํ ยุตฺตํ สิยา. ส-กาโรปิ หิ ทนฺตโช, ต-กาโรปิ, ส-กาโรปิ ชิวฺหคฺคกรโณ, ต-กาโรปิ, ตสฺมา สมานฏฺานิกานํ สมานกรณานํ อกฺขรานํ สมานสุติภาโว ยุตฺโต. -การนฺต ล-การนฺตานํ น-การนฺตภณเนปิ อิมินา นเยน -การนฺต น-การนฺตานํ อสมานสุติภาโว ล-การนฺต น-การนฺตานํ สมานสุติภาโว ทฏฺพฺโพติ. อยเมตฺถ ยุตฺติจินฺตา.

อาคมจินฺตา ปน เอวํ กาตพฺพา –

‘‘จ-การนฺตํ ส-การนฺตํ, ต-การนฺตสมํ วเท;

-การนฺตํ ล-การนฺตํ, น-การนฺตสมํ วเท’’ติ. –

อยํ สิโลโก กุโต ปภโว, กตฺถ อาคโต, เกน การิโตติ? ตตฺถ กุโต ปภโวติ ภควนฺตสฺมา วา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ วา อฏฺกถาจริเยหิ วา ปภโว. กตฺถ อาคโตติ วินเย วา สุตฺตนฺเต วา อภิธมฺเม วา ปาฬิยํ วา อฏฺกถาย วา ฏีกาทีสุ วา อาคโต. เกน การิโตติ เนตฺตินิรุตฺติเปฏโกปเทสกจฺจายนปฺปกรณการเกน อายสฺมตา มหากจฺจายนตฺเถเรน วา มุขมตฺตทีปนิการเกน วชิรพุทฺธาจริเยน วา ปทรูปสิทฺธิการเกน พุทฺธปิยาจริเยน วา สทฺทนีติปฺปกรณการเกน อคฺควํสาจริเยน วา ตทฺสตฺถการเกหิ มหาเถเรหิ วา การิโตติ เอวํ อาคมจินฺตายํ สติ อยํ สิโลโก ภควนฺตสฺมา ปภโว ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ วา อฏฺกถาจริเยหิ วาติ น ปฺายติ. ‘‘วินเย วา สุตฺตนฺเต วา อภิธมฺเม วา ปาฬิยํ วา อฏฺกถาย วา ฏีกาสุ วา อาคโต’’ติ หิ น สกฺกา วตฺตุํ. กจฺจายนาจริยาทีหิ สทฺทสตฺถการเกหิ อาจริเยหิ กโตติปิ น ทิสฺสติ. เอวํ สนฺเต อปฺปาฏิหีรกตํ อิทํ วจนํ อาปชฺชติ.

เอวํ ปน มยํ จินฺตยิมฺหา – รามฺเทเส กิร สกภาสายํ จ-การนฺต -การนฺตา น สนฺติ, เตเนว รามฺเทสิยา ภิกฺขู ‘‘สจฺจ’’อิติ อิมํ ปาํ วทนฺตา ‘‘สตฺจ’’อิติ วทนฺติ, ‘‘ปฺจงฺค’’อิติ ปาํ วทนฺตา ‘‘ปนฺจงฺค’’อิติ วทนฺติ, ตสฺมา อตฺตโน วิสเย อวิชฺชมานํ จ-การนฺต -การนฺตํ ยถาปาํ วตฺตุมสกฺโกนฺเตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สกภาสานุรูปโต อยํ สิโลโก การิโต ภวิสฺสตีติ. เอวํ สนฺเตปิ มรมฺมภาสาย จ-การนฺต -การนฺตปทานํ สุติวิเสสวเสน วิสุํ ปฺายนโต มรมฺมเทสิยา ภิกฺขู ตํ สิโลกํ อนุวตฺติตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วา ‘‘ปมํ อุปตฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติ วา ‘‘เหตุปตฺจโย อารมฺมณปตฺจโย’’ติ วา วตฺตุํ น อรหนฺติ. รามฺเทสิยาปิ สกภาสาย วิสุํ อวิชฺชมานมฺปิ จ-การนฺต -การนฺตปทํ สกภาสากถนกาเลเยว ภาสานุรูปํ ต-การนฺต น-การนฺตภาเวน กเถตพฺพํ, มาคธภาสากถนกาเล ปน มาคธภาสาย จ-การนฺต -การนฺตปทานํ วิสุํ ปโยคทสฺสนโต มาคธภาสานุรูปํ จ-การนฺต -การนฺตปทานํ วิสุํ สุติวเสน ยถาปาเมว กเถตพฺพานีติ โน มติ. อยเมตฺถ อาคมจินฺตา.

ชินสาสนมารพฺภ, กถายํ กถิตา มยา;

ยุตฺตายุตฺตํ จินฺตยนฺตุ, ปณฺฑิตา ชินสาวกา.

ยุตฺตายุตฺตํ จินฺตยิตฺวา, ยุตฺตฺเจ ธารยนฺตุ ตํ;

อยุตฺตฺเจ ปชหนฺตุ, มานโทสวิวชฺชิตาติ.

๒๕๔. เอวํ จตุนฺนํ กมฺมานํ สมฺปตฺติวิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสํ กมฺมานํ านปฺปเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปโลกนกมฺมํ กตมานิ ปฺจ านานิ คจฺฉตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วินิจฺฉโย อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อนุตฺตานปทตฺถเมว ทสฺสยิสฺสาม. ‘‘เอตรหิ สเจปิ สามเณโร’’ติอาทีสุ พุทฺธาทีนํ อวณฺณภาสนมฺปิ อกปฺปิยาทึ กปฺปิยาทิภาเวน ทีปนมฺปิ ทิฏฺิวิปตฺติยํเยว ปวิสติ, เตเนว วกฺขติ ‘‘ตํ ลทฺธึ วิสฺสชฺชาเปตพฺโพ’’ติ. ภิกฺขูนมฺปิ เอเสว นโย. มิจฺฉาทิฏฺิโกติ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คณฺหนฺโต, โส เอว ‘‘อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺโต. เกจิ ปน ‘‘สสฺสตุจฺเฉทานํ อฺตรทิฏฺิยา สมนฺนาคโต’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. สสฺสตุจฺเฉทคาหสฺส สามเณรานํ ลิงฺคนาสนาย การณตฺเตน เหฏฺา อฏฺกถายเมว วุตฺตตฺตา อิธ จ ทณฺฑกมฺมนาสนาย เอว อธิปฺเปตตฺตา. กายสมฺโภคสามคฺคีติ สหเสยฺยปฏิคฺคหณาทิ. โสรโตติ สุเภ รโต, สุฏฺุ โอรโตติ วา โสรโต. นิวาตวุตฺตีติ นีจวุตฺติ.

ตสฺสาปิ ทาตพฺโพติ วิชฺชมานํ มุขราทิภาวํ นิสฺสาย อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวาปิ ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวาปิ อาปตฺตึ อนาโรเปตฺวาปิ เทสิตายปิ อาปตฺติยา ขุํสนาทิโต อโนรมนฺตสฺส ทาตพฺโพว. โอรมนฺตสฺส ปน ขมาเปนฺตสฺส น ทาตพฺโพ. พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานนฺติ ขรทณฺฑสฺส อุกฺกฏฺทณฺฑสฺส ทานํ. ตชฺชนียาทิกมฺเม หิ กเต โอวาทานุสาสนิปฺปทานปฏิกฺเขโป นตฺถิ, ทินฺนพฺรหฺมทณฺเฑ ปน ตสฺมึ สทฺธึ ตชฺชนียกมฺมาทิกเตหิ ปฏิกฺขิตฺตมฺปิ กาตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เนว วตฺตพฺโพ’’ติอาทินา อาลาปสลฺลาปมตฺตสฺสปิ น-กาเรน ปฏิกฺขิตตฺตา. ตฺหิ ทิสฺวา ภิกฺขู คีวํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น กโรนฺติ, เอวํ วิวชฺเชตพฺพํ นิมฺมทนกรณตฺถเมว ตสฺส ทณฺฑสฺส อนุฺาตตฺตา. เตเนว ฉนฺนตฺเถโรปิ อุกฺเขปนียาทิกมฺมกโตปิ อภายิตฺวา พฺรหฺมทณฺเฑ ทินฺเน ‘‘สงฺเฆนาหํ สพฺพถา วิวชฺชิโต’’ติ มุจฺฉิโต ปปติ. โย ปน พฺรหฺมทณฺฑกเตน สทฺธึ ตฺวา สํสฏฺโ อวิวชฺเชตฺวา วิหรติ, ตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ คเหตพฺพํ. อฺถา พฺรหฺมทณฺฑวิธานสฺส นิรตฺถกตาปสงฺคโต. เตนาติ พฺรหฺมทณฺฑกเตน. ยถา ตชฺชนียาทิกมฺมกเตหิ, เอวเมว ตโต อธิกมฺปิ สงฺฆํ อาราเธนฺเตน สมฺมา วตฺติตพฺพํ, ตฺจ ‘‘โสรโต นิวาตวุตฺตี’’ติอาทินา สรูปโต ทสฺสิตเมว. เตนาห ‘‘สมฺมา วตฺติตฺวา ขมาเปนฺตสฺส พฺรหฺมทณฺโฑ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺโพ’’ติ. ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย, าเณน อุปปริกฺขิตฺวา.

ยํ ตํ ภควตา อวนฺทิยกมฺมํ อนุฺาตนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ตสฺส ภิกฺขุโน ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติ สามฺโต อนุฺาตปฺปการํ ทสฺเสตฺวา ปุน วิเสสโต อนุฺาตปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข’’ติอาทิ ปาฬิอุทฺธฏาติ เวทิตพฺพํ. อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส านํ โหตีติ อปโลกนกมฺมสามฺสฺส ปวตฺติฏฺานํ โหติ. วิเสสพฺยติเรเกน อวิชฺชมานมฺปิ ตทฺตฺถ อปฺปวตฺตึ ทสฺเสตุํ วิเสสนิสฺสิตํ วิย โวหรียติ. ‘‘กมฺมฺเว ลกฺขณ’’นฺติ อิมินา โอสารณาทิวเสน คหิตาวเสสานํ สพฺเพสํ อปโลกนกมฺมสามฺลกฺขณวเสน คหิตตฺตา ‘‘กมฺมฺเว ลกฺขณมสฺสาติ กมฺมลกฺขณ’’นฺติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ, อิทฺจ วุตฺตาวเสสานํ กมฺมานํ นิฏฺานฏฺานํ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนาทีนิ วิย วุตฺตาวเสสขนฺธายตนานนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตโกปิ กมฺมลกฺขณวินิจฺฉโย’’ติอาทิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริ ตฺติกมฺมาทีสุปิ กมฺมลกฺขณํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๙๕-๔๙๖) ปน ‘‘กมฺมเมว ลกฺขณนฺติ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณนิสฺสารณภณฺฑุกมฺมาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา อุปลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณนฺติ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปริวาร ๔๙๕-๔๙๖) ปน ‘‘อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส านํ โหตีติ เอวมฺปิ อปโลกนกมฺมํ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. กมฺมฺเว ลกฺขณนฺติ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณนิสฺสารณภณฺฑุกมฺมาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา อุปลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณํ อุปนิสฺสโย วิย. เหตุปจฺจยาทิลกฺขณวิมุตฺโต หิ สพฺโพ ปจฺจยวิเสโส ตตฺถ สงฺคยฺหตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส กรณนฺติ อวนฺทิยกมฺมสฺส กรณวิธานํ. น วนฺทิตพฺโพติ, อิมินา วนฺทนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. สงฺเฆน กตํ กติกํ ตฺวา มทฺทนํ วิย หิ สงฺฆสมฺมุตึ อนาทเรน อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ เอว โหติ.

๒๕๕. ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ ปเนตํ ลพฺภติเยวาติ อวนฺทิยกมฺมสฺส อุปลกฺขณมตฺเตน คหิตตฺตา ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ กมฺมลกฺขณํ ลพฺภติ เอว. สลากทานฏฺานํ สลากคฺคํ นาม, ยาคุภตฺตานํ ภาชนฏฺานานิ ยาคคฺคภตฺตคฺคานิ นาม. เอเตสุปิ หิ าเนสุ สพฺโพ สงฺโฆ อุโปสเถ วิย สนฺนิปติโต, กมฺมฺจ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ‘‘มยเมตํ น ชานิมฺหา’’ติ ปจฺฉา ขียนฺตาปิ น โหนฺติ, ขณฺฑสีมาย ปน กเต ขียนฺติ. สงฺฆิกปจฺจยฺหิ อจฺฉินฺนจีวราทีนํ ทาตุํ อปโลเกนฺเตหิ อุปจารสีมฏฺานํ สพฺเพสํ อนุมตึ คเหตฺวาว กาตพฺพํ. โย ปน วิสภาคปุคฺคโล ธมฺมิกํ อปโลกนํ ปฏิพาหติ, ตํ อุปาเยน พหิอุปจารสีมคตํ วา กตฺวา ขณฺฑสีมํ วา ปวิสิตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. ยํ สนฺธาย ‘‘อปโลกนกมฺมํ กโรตี’’ติ สามฺโต ทสฺเสติ, ตํ อปโลกนกมฺมํ สรูปโต ทสฺเสตุํ อาห ‘‘อจฺฉินฺนจีวรํ’’อิจฺจาทิ. ยทิ อปโลเกตฺวาว จีวรํ ทาตพฺพํ, กึ ปน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสมฺมุติยาติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชเกน ปนา’’ติอาทิ. นาฬิ วา อุปฑฺฒนาฬิ วาติ ทิวเส ทิวเส อปโลเกตฺวา ทาตพฺพสฺส ปมาณทสฺสนํ. เตน ยาปนมตฺตเมว อปโลเกตพฺพํ, น อธิกนฺติ ทสฺเสติ. เอกทิวสํเยว วาติอาทิ ทสวีสติทิวสานํ เอกสฺมึ ทิวเสเยว ทาตพฺพปริจฺเฉททสฺสนํ. เตน ‘‘ยาวชีว’’นฺติ วา ‘‘ยาวโรคา วุฏฺหตี’’ติ วา เอวํ อปโลเกตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อิณปลิโพธนฺติ อิณวตฺถุํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. ตฺจ อิณายิเกหิ ปลิพุทฺธสฺส ลชฺชีเปสลสฺส สาสนุปการกสฺส ปมาณยุตฺตเมว กปฺปิยภณฺฑํ นิยเมตฺวา ภิกฺขูหิ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ, น ปน สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา มหาอิณํ. ตาทิสฺหิ ภิกฺขาจริยวตฺเตน สพฺเพหิ ภิกฺขูหิ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ปริเยสิตฺวา ทาตพฺพํ.

‘‘ฉตฺตํ วา เวทิกํ วาติ เอตฺถ เวทิกาติ เจติยสฺส อุปริ จตุรสฺสจโย วุจฺจติ. ฉตฺตนฺติ ตโต อุทฺธํ วลยานิ ทสฺเสตฺวา กโต อคฺคจโย วุจฺจตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๙๕-๔๙๖) วุตฺตํ. เจติยสฺส อุปนิกฺเขปโตติ เจติยสฺส ปฏิชคฺคนตฺถาย วฑฺฒิยา ปโยเชตฺวา กปฺปิยการเกหิ ปิตวตฺถุโต. สงฺฆิเกนปีติ น เกวลฺจ ตตฺรุปฺปาทโต ปจฺจยทายเกหิ จตุปจฺจยตฺถาย สงฺฆสฺส ทินฺนวตฺถุนาปีติ อตฺโถ. สงฺฆภตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ มหาทานํ ททนฺเตหิปิ กริยมานํ สงฺฆภตฺตํ วิย กาเรตุํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยถาสุขํ ปริภุฺชิตุํ รุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน อตฺตโน ปริโภคปโหนกํ อปฺปํ วา พหุํ วา คเหตพฺพํ, อธิกํ ปน คเหตุํ น ลภติ.

อุโปสถทิวเสติ นิทสฺสนมตฺตํ, ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ทิวเสปิ กตํ สุกตเมว โหติ. กโรนฺเตน ‘‘ยํ อิมสฺมึ วิหาเร อนฺโตสีมาย สงฺฆสนฺตกํ…เป… ยถาสุขํ ปริภุฺชิตุํ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ เอวํ กติกา กาตพฺพา. ตถา ทฺวีหิ ตีหิปิ ‘‘อายสฺมนฺตานํ รุจฺจตี’’ติ วจนเมว เหตฺถ วิเสโส. เตสมฺปีติ รุกฺขานํ. สา เอว กติกาติ วิสุํ กติกา น กาตพฺพาติ อตฺโถ.

เตสนฺติ รุกฺขานํ, สงฺโฆ สามีติ สมฺพนฺโธ. ปุริมวิหาเรติ ปุริเม ยถาสุขํ ปริโภคตฺถาย กตกติเก วิหาเร. ปริเวณานิ กตฺวา ชคฺคนฺตีติ ยตฺถ อรกฺขิยมาเน ผลาผลานิ รุกฺขา จ วินสฺสนฺติ, ตาทิสํ านํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตตฺถ สงฺฆสฺส กติกา น ปวตฺตตีติ อธิปฺปาโย. เยหิ ปน รุกฺขพีชานิ โรเปตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ปฏิชคฺคิตา, เตปิ ทสมภาคํ ทตฺวา โรปเกเหว ปริภุฺชิตพฺพานิ. เตหีติ ชคฺคิเตหิ.

ตตฺถาติ ตสฺมึ วิหาเร. มูเลติอาทิกาเล, ปุพฺเพติ อตฺโถ. ทีฆา กติกาติ อปริจฺฉินฺนกาลา ยถาสุขํ ปริโภคตฺถาย กติกา. นิกฺกุกฺกุจฺเจนาติ ‘‘อภาชิตมิท’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อกตฺวาติ อตฺโถ. ขียนมตฺตเมว ตนฺติ เตน ขียเนน พหุํ ขาทนฺตานํ โทโส นตฺถิ อตฺตโน ปริโภคปฺปมาณสฺเสว คหิตตฺตา, ขียนฺเตปิ อตฺตโน ปโหนกํ คเหตฺวา ขาทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

คณฺหถาติ น วตฺตพฺพาติ ตถา วุตฺเต เตเนว ภิกฺขุนา ทินฺนํ วิย มฺเยฺยุํ. ตํ นิสฺสาย มิจฺฉาชีวสมฺภโว โหตีติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อนุวิจริตฺวา’’ติอาทิ. อุปฑฺฒภาโคติ เอกสฺส ภิกฺขุโน ปฏิวีสโต อุปฑฺฒภาโค, เทนฺเตน จ ‘‘เอตฺตกํ ทาตุํ สงฺโฆ อนุฺาสี’’ติ เอวํ อตฺตานํ ปริโมเจตฺวา ยถา เต สงฺเฆ เอว ปสีทนฺติ, เอวํ วตฺวา ทาตพฺพํ. อปจฺจาสีสนฺเตนาติ คิลานคมิกิสฺสราทีนํ อนุฺาตปุคฺคลานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเตน อปจฺจาสีสนฺเตเนว ทาตพฺพํ. อนนุฺาตปุคฺคลานํ ปน อปจฺจาสีสนฺเตนปิ ทาตุํ น วฏฺฏตีติ. สงฺฆิกเมว ยถากติกาย ทาเปตพฺพํ. อตฺตโน สนฺตกมฺปิ ปจฺจยทายกาทโย สยเมว วิสฺสาเสน คณฺหนฺติ, น วาเรตพฺพา, ‘‘ลทฺธกปฺปิย’’นฺติ ตุณฺหี ภวิตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺตเมวาติ ‘‘กุทฺโธ หิ โส รุกฺเขปิ ฉินฺเทยฺยา’’ติอาทินา ตุณฺหีภาเว การณํ ปุพฺเพ วุตฺตเมว, เตหิ กตอนตฺถาภาเวปิ การุฺเน ตุณฺหี ภวิตุํ วฏฺฏติ, ‘‘คณฺหถา’’ติอาทิ ปน วตฺตุํ น วฏฺฏติ.

ครุภณฺฑตฺตา…เป… น ทาตพฺพนฺติ ชีวรุกฺขานํ อารามฏฺานิยตฺตา ทารูนฺจ เคหสมฺภารานุปคตตฺตา ‘‘สพฺพํ ตฺวเมว คณฺหาติ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อกตาวาสํ วา กตฺวาติ ปุพฺเพ อวิชฺชมานํ เสนาสนํ กตฺวา. ชคฺคิตกาเลติ ผลวาเร สมฺปตฺเต. ชคฺคนกาเลติ ชคฺคิตุํ อารทฺธกาเล.

๒๕๖. ตฺติกมฺมฏฺานเภเทติ ตฺติกมฺมสฺส านเภเท.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

เตตฺตึสติโม ปริจฺเฉโท.

๓๔. ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถา

เอวํ กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถํ กเถตฺวา อิทานิ ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถํ กเถตุํ ‘‘อิทานิ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปกาเรน กิณฺณาติ ปกิณฺณา, ทิวาเสยฺยาติ กถา วิย วิสุํ วิสุํ อปฺปวตฺติตฺวา เอกสฺมึเยว ปริจฺเฉเท กรณวเสน ปวตฺตา คณโภชนกถาทโย. ปกิณฺณกา สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน.

ตตฺรายํ ปกิณฺณกมาติกา –

คณโภชนกถา จ, ปรมฺปรา จ โภชนา;

อนาปุจฺฉา ปํสุกูลํ, ตโต อจฺฉินฺนจีวรํ.

ปฏิภานจิตฺตํ วิปฺป-กตโภชนเมว จ;

อุทฺทิสนฺตุทฺทิสาเปนฺตา, ติวสฺสนฺตริกา ตถา.

ทีฆาสนํ คิลานุป-ฏฺานํ มรณวณฺณกํ;

อตฺตปาตนมปฺปจฺจ-เวกฺขิตฺวา นิสินฺนํ ตถา.

ทวาย สิลาวิชฺฌนํ, ทายาฬิมฺปนกํ ตถา;

มิจฺฉาทิฏฺิกุลาภตํ, โคปกทานเมว จ.

ธมฺมิกายาจนา เจว, อุจฺจาราทีน ฉฑฺฑนํ;

นฺหาเน รุกฺขฆํสนานิ, วลิกาทีน ธารณํ.

ทีฆเกสา อาทาสาทิ, นจฺจาทฺยงฺคจฺเฉทาทิ จ;

ปตฺโต สพฺพปํสุกูลํ, ปริสฺสวน นคฺคิยํ.

คนฺธปุปฺผํ อาสิตฺตกํ, มโฬริเกกภาชนํ;

เจลปติ ปาทฆํสี, พีชนี ฉตฺตเมว จ.

นขาโลมา กายพนฺธา, นิวาสนปารุปนา;

กาช ทนฺตกฏฺฺเจว, รุกฺขาโรหนกมฺปิ จ.

ฉนฺทาโรปา โลกายตา, ขิปิตํ ลสุณํ ตถา;

น อกฺกมิตพฺพาทีนิ, อวนฺทิยา จ วนฺทิยา.

วนฺทนาการกถา จ, อาสนฺทาทิกถาปิ จ;

อุจฺจาสนมหาสนํ, ปาสาทปริโภคกํ.

อุปาหนํ ยานฺเจว, จีวรํ ฉินฺนจีวรํ;

อกปฺปิยจีวรฺจ, จีวรสฺส วิจารณา.

ทณฺฑกถินกฺเจว, คหปติจีวรํ ตถา;

ฉจีวรํ รชนาทิ, อติเรกฺจ จีวรํ.

อฏฺวรํ นิสีทนํ, อธมฺมกมฺมเมว จ;

โอกาโส สทฺธาเทยฺโย จ, สนฺตรุตฺตรโกปิ จ.

จีวรนิกฺเขโป เจว, สตฺถวตฺถิกมฺมํ ตถา;

นหาปิโต ทสภาโค, ปาเถยฺยํ ปเทโสปิ จ.

สํสฏฺํ ปฺจเภสชฺชํ, ทุติยํ วสา มูลกํ;

ปิฏฺํ กสาว ปณฺณฺจ, ผลฺจ ชตุ โลณกํ.

จุณฺณํ อมนุสฺสาพาธํ, อฺชนํ นตฺถุเมว จ;

ธูมเนตฺตํ เตลปากํ, เสทํ โลหิตโมจนํ.

ปาทพฺภฺชํ คณฺฑาพาโธ, วิสฺจ ฆรทินฺนโก;

ทุฏฺคหณิโก ปณฺฑุ-โรโค ฉวิโทโสปิ จ.

อภิสนฺนโทสกาโย, โลณสุวีรโก ตถา;

อนฺโตวุตฺถาทิกถา จ, อุคฺคหิตปฏิคฺคโห.

ตโต นิหตกถา จ, ปุเรภตฺตปฏิคฺคโห;

วนฏฺํ โปกฺขรฏฺฺจ, ตถา อกตกปฺปตํ.

ยาคุกถา คุฬกถา, มหาปเทสเมว จ;

อานิสํสกถา เจติ, ปกิณฺณกมฺหิ อาคตา.

คณโภชนกถา

. ตตฺถ คณิตพฺโพ สงฺขฺยาตพฺโพติ คโณ, โย โกจิ สมูโห, อิธ ปน จตุวคฺคาทิคโณ อธิปฺเปโต. ภุฺชเต โภชนํ, พฺยวหรณภาวสงฺขาตา โภชนกิริยา, คณสฺส โภชนํ คณโภชนํ, ตสฺมึ. คณโภชเน ปาจิตฺติยํ โหตีติ เอตฺถ ชนกเหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ. อฺตฺร สมยาติ คิลานาทิสตฺตวิธํ สมยํ เปตฺวา. อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วิฺตฺตึ กตฺวา ภุฺชนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วิฺตฺติโต คณโภชนํ วตฺถุวเสเนว ปากฏนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ…เป… นิมนฺติตา ภุฺชนฺตี’’ติ นิมนฺตนวเสเนวสฺส ปทภาชเน คณโภชนํ วุตฺตํ. กิฺจิ ปน สิกฺขาปทํ วตฺถุอนุรูปมฺปิ สิยาติ ‘‘ปทภาชเน วุตฺตนเยเนว คณโภชนํ โหตี’’ติ เกสฺจิ อาสงฺกา ภเวยฺยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘คณโภชนํ ทฺวีหิ อากาเรหิ ปสวตี’’ติ วุตฺตํ. เอกโต คณฺหนฺตีติ เอตฺถ อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถํ อมุฺจิตฺวา ิตา เอกโต คณฺหนฺติ นามาติ คเหตพฺพํ. ‘‘อมฺหากํ จตุนฺนมฺปิ ภตฺตํ เทหี’ติ วา วิฺาเปยฺยุ’’นฺติ วจนโต, เหฏฺา ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตํ เทหิ, ตฺวํ ทฺวินฺนนฺติ เอวํ วิฺาเปตฺวา’’ติ วจนโต จ อตฺตโน อตฺถาย อฺเน วิฺตฺตมฺปิ สาทิยนฺตสฺส คณโภชนํ โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วิฺตฺติโต ปสวตีติ เอตฺถ วิฺตฺติยา สติ คณนฺตสฺส เอกโต หุตฺวา คหเณ อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ, วิสุํ คหเณ ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺตีหิ อาปตฺติ เวทิตพฺพา.

ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวาติ เอตฺถ ‘‘โภชนํ คณฺหถาติ วุตฺเตปิ คณโภชนํ โหติเยวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา อทฺธานคมนวตฺถุสฺมึ, นาวาภิรุหนวตฺถุสฺมิฺจ ‘อิเธว, ภนฺเต, ภุฺชถา’ติ วุตฺเต ยสฺมา กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหึสุ, ตสฺมา ‘ภุฺชถา’ติ วุตฺเตปิ คณโภชนํ โหติเยวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวา นิมนฺเตตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปน ‘‘โอทนํ ภุฺชถา’’ติ วา ‘‘ภตฺตํ ภุฺชถา’’ติ วา โภชนนามํ คเหตฺวาว วุตฺเต คณโภชนํ โหติ, น อฺถา. ‘‘อิเธว, ภนฺเต, ภุฺชถา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘โอทน’’นฺติ วา ‘‘ภตฺต’’นฺติ วา วตฺวาว เต เอวํ นิมนฺเตสุนฺติ คเหตพฺพํ. คณวเสน วา นิมนฺติตตฺตา เต ภิกฺขู อปกตฺุตาย กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปฏิคฺคณฺหึสูติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๑๗-๒๑๘) ปน ‘‘เยน เกนจิ เววจเนนาติ วุตฺตตฺตา ‘โภชนํ คณฺหถา’ติอาทิสามฺนาเมนปิ คณโภชนํ โหติ. ยํ ปน ปาฬิยํ อทฺธานคมนาทิวตฺถูสุ ‘อิเธว ภุฺชถา’ติ วุตฺตวจนสฺส กุกฺกุจฺจายนํ, ตมฺปิ โอทนาทินามํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา เอว กตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

กุรุนฺทีวจเน วิจาเรตีติ ปฺจขณฺฑาทิวเสน สํวิทหติ. ฆฏฺเฏตีติ อนุวาตํ ฉินฺทิตฺวา หตฺเถน, ทณฺฑเกน วา ฆฏฺเฏติ. สุตฺตํ กโรตีติ สุตฺตํ วฏฺเฏติ. วเลตีติ ทณฺฑเก วา หตฺเถ วา อาวฏฺเฏติ. ‘‘อภินวสฺเสว จีวรสฺส กรณํ อิธ จีวรกมฺมํ นาม, ปุราณจีวเร สูจิกมฺมํ จีวรกมฺมํ นาม น โหตี’’ติ วทนฺติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๑๗-๒๑๘) ปน ‘‘อาคนฺตุกปฏฺฏนฺติ อจฺฉินฺทิตฺวา อนฺวาธึ อาโรเปตฺวา กรณจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. เปตีติ เอกํ อนฺตํ จีวเร พนฺธนวเสน เปติ. ปจฺจาคตํ สิพฺพตีติ ตสฺเสว ทุติยอนฺตํ ปริวตฺติตฺวา อาหตํ สิพฺพติ. อาคนฺตุกปฏฺฏํ พนฺธตีติ จีวเรน ลคฺคํ กโรนฺโต ปุนปฺปุนํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเตน พนฺธติ. ฆฏฺเฏตีติ ปมาเณน คเหตฺวา ทณฺฑาทีหิ ฆฏฺเฏติ. สุตฺตํ กโรตีติ สุตฺตํ ติคุณาทิภาเวน วฏฺเฏติ. วเลตีติ อเนกคุณสุตฺตํ หตฺเถน วา จกฺกทณฺเฑน วา วฏฺเฏติ เอกตฺตํ กโรติ. ปริวตฺตนํ กโรตีติ ปริวตฺตนทณฺฑยนฺตกํ กโรติ. ยสฺมึ สุตฺตคุฬํ ปเวเสตฺวา เวฬุนาฬิกาทีสุ เปตฺวา ปริพฺภมาเปตฺวา สุตฺตโกฏิโต ปฏฺาย อากฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๐๙-๒๑๘) น ‘‘อาคนฺตุกปฏฺฏํ โมฆสุตฺเตน สิพฺพิตฺวา เปนฺติ. ตตฺถ อนุวาเต ยถา เอกตลํ โหติ, ตถา หตฺเถหิ ฆฏฺเฏติ. วเลตีติ อาวฏฺเฏติ. ปริวตฺตนนฺติ สุตฺตํ คณฺหนฺตานํ สุขคฺคหณตฺถํ สุตฺตปริวตฺตนํ กโรติ, ปฏฺฏํ สิพฺพนฺตานํ สุขสิพฺพนตฺถํ ปฏฺฏปริวตฺตนฺจ, นวจีวรการโก อิธาธิปฺเปโต, น อิตโร’’ติ วุตฺตํ.

อนิมนฺติตจตุตฺถนฺติ อนิมนฺติโต จตุตฺโถ ยสฺส ภิกฺขุจตุกฺกสฺส, ตํ อนิมนฺติตจตุตฺถํ. เอวํ เสเสสุปิ. เตนาห ‘‘ปฺจนฺนํ จตุกฺกาน’’นฺติ, ‘‘จตุตฺเถ อาคเต น ยาเปนฺตีติ วจนโต สเจ อฺโ โกจิ อาคจฺฉนฺโต นตฺถิ, จตฺตาโรเยว จ ตตฺถ นิสินฺนา ยาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. คณโภชนาปตฺติชนกนิมนฺตนภาวโต ‘‘อกปฺปิยนิมนฺตน’’นฺติ วุตฺตํ. สมฺปเวเสตฺวาติ นิสีทาเปตฺวา. คโณ ภิชฺชตีติ คโณ อาปตฺตึ น อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๒๐) ปน ‘‘สมฺปเวเสตฺวาติ เตหิ โยเชตฺวา. คโณ ภิชฺชตีติ นิมนฺติตสงฺโฆ น โหตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.

‘‘ยตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู…เป… ภุฺชนฺตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา สํสนฺทนโต ‘‘อิตเรสํ ปน คณปูรโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. อวิเสเสนาติ ‘‘คิลาโน วา จีวรการโก วา’’ติ อวิเสเสตฺวา สพฺพสาธารณวจเนน. ตสฺมาติ อวิเสสิตตฺตา.

อธิวาเสตฺวา คเตสูติ เอตฺถ อกปฺปิยนิมนฺตนาธิวาสนกฺขเณ ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฏมฺปิ นตฺถิ, วิฺตฺติโต ปสวเน ปน วิฺตฺติกฺขเณ อิตรสิกฺขาปเทหิ ทุกฺกฏํ โหตีติ คเหตพฺพํ. ภุตฺวา คเตสูติ เอตฺถ อาคเตสุปิ โภชนกิจฺเจ นิฏฺิเต คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. ตานิ จ เตหิ เอกโต น คหิตานีติ เยหิ โภชเนหิ วิสงฺเกโต นตฺถิ, ตานิ โภชนานิ เตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต น คหิตานิ เอเกน ปจฺฉา คหิตตฺตา. มหาเถเรติ ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. นิมนฺตนํ สาทิยถาติ นิมนฺตนภตฺตํ ปฏิคฺคณฺหถ. ยานีติ กุมฺมาสาทีนิ เตหิ ภิกฺขูหิ เอเกน ปจฺฉา คหิตตฺตา เอกโต น คหิตานิ. ภตฺตุทฺเทสเกน ปณฺฑิเตน ภวิตพฺพํ…เป… โมเจตพฺพาติ เอเตน ภตฺตุทฺเทสเกน อกปฺปิยนิมนฺตเน สาทิเต สพฺเพสมฺปิ สาทิตํ โหติ, เอกโต คณฺหนฺตานํ คณโภชนาปตฺติ จ โหตีติ ทสฺเสติ. ทูตสฺส ทฺวาเร อาคนฺตฺวา ปุน ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วจนภเยน ‘‘คามทฺวาเร อฏฺตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวาติ อนฺตรวีถิอาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ ิตานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา. ภิกฺขูนํ อตฺถาย ฆรทฺวาเร เปตฺวา ทียมาเนปิ เอเสว นโย. นิวตฺตถาติ วุตฺเต ปน นิวตฺติตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘นิวตฺตถา’’ติ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ.

ปรมฺปรโภชนกถา

. ปรมฺปรโภชนกถายํ ปน ปรสฺส ปรสฺส โภชนํ ปรมฺปรโภชนํ. กึ ตํ? ปมํ นิมนฺติตภตฺตํ เปตฺวา อฺสฺส โภชนกิริยา. ปรมฺปรโภชนํ คณโภชนํ วิย วิฺตฺติโต จ นิมนฺตนโต จ น ปสวตีติ อาห ‘‘ปรมฺปรโภชนํ ปนา’’ติอาทิ. ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโก. วิกปฺปนาวเสเนว ตํ ภตฺตํ อสนฺตํ นาม โหตีติ อนุปฺตฺติวเสน วิกปฺปนํ อฏฺเปตฺวา ยถาปฺตฺตสิกฺขาปทเมว ปิตํ. ปริวาเร (ปริ. ๘๖) ปน วิกปฺปนายํ อนุชานนมฺปิ อนุปฺตฺติสทิสนฺติ กตฺวา ‘‘จตสฺโส อนุปฺตฺติโย’’ติ วุตฺตํ, มหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตนยํ ปจฺฉา วทนฺโต ปาฬิยา สํสนฺทนโต ปรมฺมุขาวิกปฺปนเมว ปติฏฺาเปติ. เกจิ ปน ‘‘ตทา อตฺตโน สนฺติเก เปตฺวา ภควนฺตํ อฺสฺส อภาวโต เถโร สมฺมุขาวิกปฺปนํ นากาสิ, ภควตา จ วิสุํ สมฺมุขาวิกปฺปนา น วุตฺตา, ตถาปิ สมฺมุขาวิกปฺปนาปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘โย ภิกฺขุ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อฺตรสฺส ‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ สมฺมุขา วา ‘อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ วา ‘วิกปฺเปมี’ติ วา เอวํ ปรมฺมุขา วา ปมนิมนฺตนํ อวิกปฺเปตฺวา ปจฺฉา นิมนฺติตกุเล ลทฺธภิกฺขโต เอกสิตฺถมฺปิ อชฺโฌหรติ, ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ.

ปฺจหิ โภชเนหิ นิมนฺติตสฺส เยน เยน ปมํ นิมนฺติโต, ตสฺส ตสฺส โภชนโต อุปฺปฏิปาฏิยา อวิกปฺเปตฺวา วา ปรสฺส ปรสฺส โภชนํ ปรมฺปรโภชนนฺติ อาห ‘‘สเจ ปน มูลนิมนฺตนํ เหฏฺา โหติ, ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อุปริ, ตํ อุปริโต ปฏฺาย ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺตี’’ติ. หตฺถํ อนฺโต ปเวเสตฺวา สพฺพเหฏฺิมํ คณฺหนฺตสฺส มชฺเฌ ิตมฺปิ อนฺโตหตฺถคตํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถํ ปน…เป… ยถา ยถา วา ภุฺชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ. ขีรสฺส รสสฺส จ ภตฺเตน อมิสฺสํ หุตฺวา อุปริ ิตตฺตา ‘‘ขีรํ วา รสํ วา ปิวโต อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

‘‘มหาอุปาสโกติ เคหสฺสามิโก. มหาอฏฺกถายํ ‘อาปตฺตี’ติ วจเนน กุรุนฺทิยํ ‘วฏฺฏตี’ติ วจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. ทฺวินฺนมฺปิ อธิปฺปาโย มหาปจฺจริยํ วิภาวิโต’’ติ มหาคณฺิปเท วุตฺตํ.

สพฺเพ นิมนฺเตนฺตีติ อกปฺปิยนิมนฺตนวเสน นิมนฺเตนฺติ. ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต, ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภุฺชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตตฺตา สติปิ ภิกฺขาจริยาย ปมํ ลทฺธภาเว ‘‘ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ภตฺตํ ภุฺชติ, อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๒๙) ปน ‘‘ขีรํ วา รสํ วาติ ปฺจโภชนามิสฺสํ ภตฺตโต อุปริ ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อโภชนตฺตา อุปฺปฏิปาฏิยา ปิวโตปิ อนาปตฺติ. เตนาห ‘ภุฺชนฺเตนา’ติอาที’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๒๙) ปน ‘‘เอตฺถ ‘มหาอุปาสโก ภิกฺขู นิมนฺเตติ…เป… ปจฺฉา ลทฺธํ ภตฺตํ ภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ. ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภุฺชติ, อาปตฺตี’ติ อฏฺกถายํ วจนโต, ‘กาลสฺเสว ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิมฺหา’ติ ปาฬิโต, ขนฺธเก ‘น จ, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺตเน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภุฺชิตพฺพา, โย ภุฺเชยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’ติ วจนโต จ นิมนฺเตตฺวา วา ปเวเทตุ อนิมนฺเตตฺวา วา, ปมคหิตนิมนฺติตสฺส ภิกฺขุโน ปมนิมนฺตนโภชนโต อฺํ ยํ กิฺจิ ปรสนฺตกํ โภชนํ ปรมฺปรโภชนาปตฺตึ กโรติ. อตฺตโน สนฺตกํ, สงฺฆคณโต ลทฺธํ วา อคหฏฺสนฺตกํ วฏฺฏติ, นิมนฺตนโต ปมํ นิพทฺธตฺตา ปน นิจฺจภตฺตาทิปรสนฺตกมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.

อนาปุจฺฉากถา

. อนาปุจฺฉากถายํ ‘‘ปกติวจเนนาติ เอตฺถ ยํ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ิเตน โสตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ตํ ปกติวจนํ นาม. อาปุจฺฉิตพฺโพติ ‘อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ฆรํ คจฺฉามี’ติ วา ‘จาริตฺตกํ อาปชฺชามี’ติ วา อีทิเสน วจเนน อาปุจฺฉิตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺตนสาทิยนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา, ภตฺติยฆรโต อฺฆรปฺปเวสนํ, มชฺฌนฺหิกานติกฺกโม, สมยสฺส วา อาปทานํ วา อภาโวติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๙๘) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปจิตฺติย ๒.๒๙๘) ปน ‘‘ปริเยสิตฺวา อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ วุตฺตตฺตา โย อปริเยสิตพฺโพ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทิสฺสติ, โส สเจปิ ปกติวจนสฺส สวนูปจารํ อติกฺกมฺม ิโต, อุปสงฺกมิตฺวา อาปุจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘อปิจ…เป… ยํ ปสฺสติ, โส อาปุจฺฉิตพฺโพ’ติอาทิ. อนาปตฺติวาเร เจตฺถ อนฺตรารามาทีนฺเว วุตฺตตฺตา วิหารโต คามวีถึ อนุฺาตการณํ วินา อติกฺกมนฺตสฺสาปิ อาปตฺติ โหติ, น ปน ฆรูปจารํ อติกฺกมนฺตสฺเสว. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘อฺสฺส ฆรูปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส…เป… ปมปาทํ อุมฺมารํ อติกฺกาเมตี’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ คาเม ปวิฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตถาปิ อฺสฺส ฆรูปจารํ อโนกฺกมิตฺวา วีถิมชฺเฌเนว คนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตฆรทฺวาราภิมุเข ตฺวา มนุสฺเส โอโลเกตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ ปาจิตฺติยเมว. ตตฺถ เกจิ ‘วีถิยํ อติกฺกมนฺตสฺส ฆรูปจารคณนาย อาปตฺติโย’ติ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘ยานิ กุลานิ อุทฺทิสฺส คโต, เตสํ คณนายา’ติ. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺตนสาทิยนํ, สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, ภตฺติยฆรโต อฺฆรูปสงฺกมนํ, มชฺฌนฺหิกานติกฺกโม, สมยาปทานํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานี’’ติ. วิกาลคามปฺปเวสเนปิ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ อิมินา ทุติยเลฑฺฑุปาโต อิธ อุปจาโรติ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉนา, อนุฺาตการณาภาโว, วิกาเล คามปฺปเวสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ.

ปํสุกูลกถา

. ปํสุกูลกถายํ อภินฺเน สรีเรติ อพฺภุณฺเห อลฺลสรีเร. ‘‘อพฺภุณฺเห’’ติ อิมินาปิ วุตฺตเมว ปริยายเภทมนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘อลฺลสรีเร’’ติ วุตฺตํ.

วิสภาคสรีเรติ อิตฺถิสรีเร. วิสภาคสรีรตฺตา อจฺจาสนฺเนน น ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีเส วา’’ติอาทิ. วฏฺฏตีติ วิสภาคสรีเรปิ อตฺตนาว วุตฺตวิธึ กาตุํ สาฏกฺจ คเหตุํ วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘กิฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิตฺถิรูปํ ปน อามสนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ยถากมฺมํ คโตติ ตโต เปตตฺตภาวโต มตภาวํ ทสฺเสติ. อพฺภุณฺเหติ อาสนฺนมรณตาย สรีรสฺส อุณฺหสมงฺคิตํ ทสฺเสติ, เตเนวาห ‘อลฺลสรีเร’ติ. กุณปสภาวํ อุปคตมฺปิ ภินฺนเมว อลฺลภาวโต ภินฺนตฺตา. วิสภาคสรีเรติ อิตฺถิสรีเร. ‘สีเส วา’ติอาทิ อธกฺขเก อุพฺภชาณุมณฺฑเล ปเทเส จิตฺตวิการปฺปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, ยตฺถ กตฺถจิ อนามสนฺเตน กตํ สุกตเมว. มตสรีรมฺปิ หิ เยน เกนจิ อากาเรน สฺจิจฺจ ผุสนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏเมวาติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตเมว. น หิ อปาราชิกวตฺถุเกปิ จิตฺตาทิอิตฺถิรูเป ภวนฺตํ ทุกฺกฏํ ปาราชิกวตฺถุภูเต มติตฺถิสรีเร นิวตฺตตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๓๕) วุตฺต.

อิมสฺมึ าเน อาจริเยน อวุตฺตาปิ ปํสุกูลกถา ปํสุกูลสามฺเน เวทิตพฺพา. สา หิ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๐) เอวํ อาคตา ‘‘เตน โข ปน สมเยน เย เต ภิกฺขู คหปติจีวรํ สาทิยนฺติ, เต กุกฺกุจฺจายนฺตา ปํสุกูลํ น สาทิยนฺติ ‘เอกํเยว ภควตา จีวรํ อนุฺาตํ, น ทฺเว’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ สาทิยนฺเตน ปํสุกูลมฺปิ สาทิยิตุํ, ตทุภเยนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึ วณฺเณมี’’ติ. ตตฺถ ‘‘เอกํเยว ภควตา จีวรํ อนุฺาตํ, น ทฺเวติ เต ‘กิร อิตรีตเรน จีวเรนา’ติ เอตสฺส ‘คหปติเกน วา ปํสุกูเลน วา’ติ เอวํ อตฺถํ สลฺลกฺขึสุ. ตตฺถ ปน อิตรีตเรนปีติ อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจีติ อตฺโถ’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺมา ธุตงฺคํ อสมาทิยิตฺวา วินยปํสุกูลมตฺตสาทิยเกน ภิกฺขุนา คหปติจีวรมฺปิ สาทิตพฺพํ โหติ, ปํสุกูลธุตงฺคธรสฺส ปน คหปติจีวรํ น วฏฺฏติ ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ สมาทานโตติ ทฏฺพฺพํ.

เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เอกจฺเจ ภิกฺขู นาคเมสุํ. เย เต ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เต ปํสุกูลานิ ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู นาคเมสุํ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห นาคมิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาคเมนฺตานํ นากามา ภาคํ ทาตุนฺติ. ตตฺถ นาคเมสุนฺติ ยาว เต สุสานโต อาคจฺฉนฺติ, ตาว เต น อจฺฉึสุ, ปกฺกมึสุเยว. นากามา ภาคํ ทาตุนฺติ น อนิจฺฉาย ทาตุํ. ยทิ ปน อิจฺฉนฺติ, ทาตพฺโพ.

เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เอกจฺเจ ภิกฺขู อาคเมสุํ. เย เต ภิกฺขู สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เต ปํสุกูลานิ ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู อาคเมสุํ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุสา,เอ ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห น โอกฺกมิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาคเมนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เอกจฺเจ ภิกฺขู ปมํ สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เอกจฺเจ ภิกฺขู ปจฺฉา โอกฺกมึสุ. เย เต ภิกฺขู ปมํ สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย, เต ปํสุกูลานิ ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู ปจฺฉา โอกฺกมึสุ, เต น ลภึสุ. เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห ปจฺฉา โอกฺกมิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปจฺฉา โอกฺกนฺตานํ นากามา ภาคํ ทาตุนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เต สทิสา สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย. เอกจฺเจ ภิกฺขู ปํสุกูลานิ ลภึสุ, เอกจฺเจ ภิกฺขู น ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู น ลภึสุ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห น ลภิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สทิสานํ โอกฺกนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุนฺติ.

ตตฺถ อาคเมสุนฺติ อุปจาเร อจฺฉึสุ. เตนาห ภควา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาคเมนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุ’’นฺติ. อุปจาเรติ สุสานสฺส อาสนฺนปฺปเทเส. ยทิ ปน มนุสฺสา ‘‘อิธาคตา เอว คณฺหนฺตู’’ติ เทนฺติ, สฺาณํ วา กตฺวา คจฺฉนฺติ ‘‘สมฺปตฺตา คณฺหนฺตู’’ติ. สมฺปตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ปาปุณาติ. สเจ ฉฑฺเฑตฺวา คตา, เยน คหิตํ, โส เอว สามี. สทิสา สุสานํ โอกฺกมึสูติ สพฺเพ สมํ โอกฺกมึสุ, เอกทิสาย วา โอกฺกมึสูติปิ อตฺโถ.

เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเทสุ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เต กติกํ กตฺวา สุสานํ โอกฺกมึสุ ปํสุกูลาย. เอกจฺเจ ภิกฺขู ปํสุกูลานิ ลภึสุ, เอกจฺเจ ภิกฺขู น ลภึสุ. เย เต ภิกฺขู น ลภึสุ, เต เอวมาหํสุ ‘‘อมฺหากมฺปิ, อาวุโส, ภาคํ เทถา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘น มยํ, อาวุโส, ตุมฺหากํ ภาคํ ทสฺสาม, กิสฺส ตุมฺเห น ลภิตฺถา’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กติกํ กตฺวา โอกฺกนฺตานํ อกามา ภาคํ ทาตุนฺติ. ตตฺถ เต กติกํ กตฺวาติ ‘‘ลทฺธํ ปํสุกูลํ สพฺเพ ภาเชตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ พหิเมว กติกํ กตฺวา. ฉฑฺเฑตฺวา คตาติ กิฺจิ อวตฺวาเยว ฉฑฺเฑตฺวา คตา. เอเตน ‘‘ภิกฺขู คณฺหนฺตู’’ติ ฉฑฺฑิเต เอว อกามา ภาคทานํ วิหิตํ, เกวลํ ฉฑฺฑิเต ปน กติกาย อสติ เอกโต พหูสุ ปวิฏฺเสุ เยน คหิตํ, เตน อกามา ภาโค น ทาตพฺโพติ ทสฺเสติ. สมานา ทิสา ปุรตฺถิมาทิเภทา เอเตสนฺติ สทิสาติ อาห ‘‘เอกทิสาย วา โอกฺกมึสู’’ติ.

อจฺฉินฺนจีวรกถา

. อจฺฉินฺนจีวรกถายํ อนุปุพฺพกถาติ อนุปุพฺเพน วินิจฺฉยกถา. เสสปริกฺขารานํ สทฺธิวิหาริเกหิ คหิตตฺตา นิวาสนปารุปนเมว อวสิฏฺนฺติ อาห ‘‘นิวาสนปารุปนมตฺตํเยว หริตฺวา’’ติ. สทฺธิวิหาริกานํ ตาว อาคมนสฺส วา อนาคมนสฺส วา อชานนตาย วุตฺตํ ‘‘เถเรหิ เนว ตาว…เป… ภุฺชิตพฺพ’’นฺติ. ปเรสมฺปิ อตฺถาย ลภนฺตีติ อตฺตโน จีวรํ ททมานา สยํ สาขาภงฺเคน ปฏิจฺฉาเทนฺตีติ เตสํ อตฺถายปิ ภฺชิตุํ ลภนฺติ. ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วจนโต อีทิเสสุ ภูตคามปาตพฺยตาปิ อนุฺาตาเยว โหตีติ อาห ‘‘เนว ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ โหตี’’ติ. น เตสํ ธารเณ ทุกฺกฏนฺติ เตสํ ติตฺถิยธชานํ ธารเณปิ ทุกฺกฏํ นตฺถิ.

ยานิ จ เนสํ วตฺถานิ เทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เถรานํ สยเมว ทินฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรฏฺาเน ิตตฺตา’’ติ. ยทิ ลทฺธึ คณฺหาติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก นาม โหติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลทฺธึ อคฺคเหตฺวา’’ติ. ‘‘โน เจ โหติ, สงฺฆสฺส วิหารจีวรํ วา…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิมินา อนฺตรามคฺเค ปวิฏฺวิหารโต นิกฺขมิตฺวา อฺตฺถ อตฺตโน อภิรุจิตฏฺานํ คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, อิมินา จ ‘‘ยํ อาวาสํ ปมํ อุปคจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ อนฺตรามคฺเค ิตวิหารมฺปิ สเจ นคฺโค หุตฺวา คจฺฉติ, ทุกฺกฏเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยทิ เอวํ ตตฺถ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? อโนกาสตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อจฺฉินฺนจีวรสฺส วา…เป… จีวรํ วิฺาเปตุ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺเธน สงฺฆิกมฺปิ จีวรํ นิวาเสตุํ ปารุปิตุฺจ อนุชานนฺโต ‘‘ยํ อาวาสํ ปมํ…เป… คเหตฺวา ปารุปิตุ’’นฺติ อาห, ตสฺมา ตตฺถ อโนกาสตฺตา ทุกฺกฏํ น วุตฺตํ.

วิหารจีวรนฺติ เสนาสนจีวรํ. จิมิลิกาหีติ ปฏปิโลติกาหิ. ตสฺส อุปรีติ ภูมตฺถรณสฺส อุปริ. วิเทสคเตนาติ อฺํ จีวรํ อลภิตฺวา วิเทสคเตน. เอกสฺมึ…เป… เปตพฺพนฺติ เอตฺถ เสเสน คเหตฺวา อาคตตฺตา เปนฺเตน จ สงฺฆิกปริโภควเสเนว ปิตตฺตา อฺสฺมึ เสนาสเน นิยมิตมฺปิ อฺตฺถ เปตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปริโภเคเนวาติ อฺํ จีวรํ อลภิตฺวา ปริภุฺชเนน.

ปริโภคชิณฺณนฺติ ยถา เตน จีวเรน สรีรํ ปฏิจฺฉาเทตุํ น สกฺกา, เอวํ ชิณฺณํ. กปฺปิยโวหาเรนาติ กยวิกฺกยาปตฺติโต โมจนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘วิฺาเปนฺตสฺสา’’ติ อิมสฺเสว อตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เจตาเปนฺตสฺส ปริวตฺตาเปนฺตสฺสา’’ติ. อตฺตโน ธเนน หิ วิฺาปนํ นาม ปริวตฺตนเมวาติ อธิปฺปาโย. สงฺฆวเสน ปวาริตานํ วิฺาปเน วตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ. สงฺฆวเสน หิ ปวาริเต สพฺเพสํ สาธารณตฺตา อธิกํ วิฺาเปตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ยํ ปวาเรตีติ ยํ ยํ จีวราทึ ทสฺสามีติ ปวาเรติ. วิฺาปนกิจฺจํ นตฺถีติ วินา วิฺตฺติยา ทียมานตฺตา วิฺาเปตฺวา กึ กริสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อฺสฺสตฺถายาติ เอตฺถปิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อิทํ อนุวตฺตติเยวาติ อาห ‘‘อตฺตโน าตกปวาริเต’’ติอาทิ. วิกปฺปนุปคจีวรตา, สมยาภาโว, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๑๕) ปน ปาฬิยํ ธมฺมนิมนฺตนาติ สมเณสุ วตฺตพฺพาจารธมฺมมตฺตวเสน นิมนฺตนา, ทาตุกามตาย กตนิมนฺตนา น โหตีติ อตฺโถ. เตเนว ‘‘วิฺาเปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อฺาตกอปฺปวาริตโต หิ วิฺตฺติ นาม โหติ.

‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ อิมินา ภูตคามวิโกปนํ อนุฺาตนฺติ อาห ‘‘เนวภูตคามปาตพฺยตายา’’ติอาทิ. ปมํ สุทฺธจิตฺเตน ลิงฺคํ คเหตฺวา ปจฺฉา ลทฺธึ คณฺหนฺโตปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก เอวาติ อาห ‘‘นิวาเสตฺวาปิ ลทฺธิ น คเหตพฺพา’’ติ.

ยํ อาวาสํ ปมํ อุปคจฺฉตีติ เอตฺถปิ วิหารจีวราทิอตฺถาย ปวิสนฺเตนปิ ติณาทีหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวาว คนฺตพฺพํ, ‘‘น ตฺเวว นคฺเคน อาคนฺตพฺพ’’นฺติ สามฺโต ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา. จิมิลิกาหีติ ปฏปิโลติกาหิ. ปริโภเคเนวาติ อฺํ จีวรํ อลภิตฺวา ปริภุฺชเนน. ปริโภคชิณฺณนฺติ ยถา ตํ จีวรํ ปริภุฺชิยมานํ โอภคฺควิภคฺคตาย อสารุปฺปํ โหติ, เอวํ ชิณฺณํ.

อฺสฺสตฺถายาติ เอตฺถปิ ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อิทํ อนุวตฺตเตวาติ อาห ‘‘อตฺตโน าตกปวาริเต’’ติอาทิ. อิธ ปน อฺสฺส อจฺฉินฺนนฏฺจีวรสฺส อตฺถาย อฺาตกอปฺปวาริเต วิฺาเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ, อิตรถา ‘‘าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อิมินา วิเสโส น ภเวยฺย, เตเนว อนนฺตรสิกฺขาปเท วกฺขติ ‘‘อฏฺกถาสุ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) ปน าตกปวาริตฏฺาเน…เป… ปมาณเมว วฏฺฏตีติ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา น สเมตี’’ติ จ ‘‘ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘อฺสฺสตฺถายา’ติ น วุตฺต’’นฺติ จ. วิกปฺปนุปคจีวรตา, สมยาภาโว, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.

‘‘ตฺเจ อฺาตโก คหปติ วา คหปตานี วา พหูหิ จีวเรหิ อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺย, สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมสฺมึ ตทุตฺตริสิกฺขาปเท (ปารา. ๕๒๓) อภิหฏฺุนฺติ เอตฺถ อภีติ อุปสคฺโค, หริตุนฺติ อตฺโถ, คณฺหิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปวาเรยฺยาติ อิจฺฉาเปยฺย, อิจฺฉํ รุจึ อุปฺปาเทยฺย วเทยฺย นิมนฺเตยฺยาติ อตฺโถ. อภิหฏฺุํ ปวาเรนฺเตน ปน ยถา วตฺตพฺพํ. ตํ อาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาวตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตาวตฺตกํ คณฺหาหี’’ติ เอวมสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํ. อถ วา ยถา ‘‘เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต’’ติ เอตฺถ ทิสฺวาติ อตฺโถ, เอวมิธปิ อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยาติ อภิหริตฺวา ปวาเรยฺยาติ อตฺโถ. ตตฺถ กายาภิหาโร วาจาภิหาโรติ ทุวิโธ อภิหาโร. กาเยน วา หิ วตฺถาทีนิ อภิหริตฺวา ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตตฺตกํ คณฺหาหี’’ติ วทนฺโต ปวาเรยฺย, วาจาย วา ‘‘อมฺหากํ ทุสฺสโกฏฺาคารํ ปริปุณฺณํ, ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตตฺตกํ คณฺหาหี’’ติ วทนฺโต ปวาเรยฺย, ตทุภยมฺปิ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺตํ.

สนฺตรุตฺตรปรมนฺติ สอนฺตรํ อุตฺตรํ ปรมํ อสฺส จีวรสฺสาติ สนฺตรุตฺตรปรมํ, นิวาสเนน สทฺธึ ปารุปนํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท อสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ตโต จีวรํ สาทิตพฺพนฺติ ตโต อภิหฏจีวรโต เอตฺตกํ จีวรํ คเหตพฺพํ, น อิโต ปรนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน เตจีวริเกเนว ภิกฺขุนา เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อฺเน อฺถาปิ, ตสฺมา ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ตีณิ นฏฺานิ โหนฺตี’’ติอาทินา นเยนสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํ.

ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ยสฺส ตีณิ นฏฺานิ, เตน ทฺเว สาทิตพฺพานิ, เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อฺํ สภาคฏฺานโต ปริเยสิสฺสติ. ยสฺส ทฺเว นฏฺานิ, เตน เอกํ สาทิตพฺพํ. สเจ ปกติยาว สนฺตรุตฺตเรน จรติ, ทฺเว สาทิตพฺพานิ, เอวํ เอกํ สาทิยนฺเตเนว สโม ภวิสฺสติ. ยสฺส ตีสุ เอกํ นฏฺํ, น สาทิตพฺพํ. ยสฺส ปน ทฺวีสุ เอกํ นฏฺํ, เอกํ สาทิตพฺพํ. ยสฺส เอกํเยว โหติ, ตฺจ นฏฺํ, ทฺเว สาทิตพฺพานิ. ภิกฺขุนิยา ปน ปฺจสุปิ นฏฺเสุ ทฺเว สาทิตพฺพานิ, จตูสุ นฏฺเสุ เอกํ สาทิตพฺพํ, ตีสุ นฏฺเสุ กิฺจิ น สาทิตพฺพํ, โก ปน วาโท ทฺวีสุ วา เอกสฺมึ วา. เยน เกนจิ หิ สนฺตรุตฺตรปรมตาย าตพฺพํ, ตโต อุตฺตริ น ลพฺภตีติ อิทเมตฺถ ลกฺขณํ.

เสสกํ อาหริสฺสามีติ ทฺเว จีวรานิ กตฺวา เสสํ ปุน อาหริสฺสามีติ อตฺโถ. น อจฺฉินฺนการณาติ พาหุสจฺจาทิคุณวเสน เทนฺติ. าตกานนฺติอาทีสุ าตกานํ เทนฺตานํ สาทิยนฺตสฺส, ปวาริตานํ เทนฺตานํ สาทิยนฺตสฺส, อตฺตโน ธเนน สาทิยนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อตฺโถ. อฏฺกถาสุ ปน ‘‘าตกปวาริตฏฺาเน ปกติยา พหุมฺปิ วฏฺฏติ, อจฺฉินฺนการณา ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา น สเมติ. ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. สมุฏฺานาทีสุ อิทมฺปิ ฉสมุฏฺานํ, กิริยํ, โนสฺาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติ.

สตฺตเม ปาฬิยํ ปคฺคาหิกสาลนฺติ ทุสฺสวาณิชกานํ อาปณํ, ‘‘ปคฺคาหิตสาล’’นฺติปิ ปนฺติ. อภีติ อุปสคฺโคติ ตสฺส วิเสสตฺถาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘หริตุนฺติ อตฺโถ’’ติ. วรสทฺทสฺส อิจฺฉายํ วตฺตมานตฺตา อาห ‘‘อิจฺฉาเปยฺยา’’ติ. ทฏฺุ เขมโตติ เอตฺถ คาถาพนฺธวเสน อนุนาสิกโลโป ทฏฺพฺโพ. สอนฺตรนฺติ อนฺตรวาสกสหิตํ. อุตฺตรนฺติ อุตฺตราสงฺคํ. อสฺส จีวรสฺสาติ สาทิตพฺพจีวรสฺส. อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรนาติ อจฺฉินฺนานิ สพฺพานิ ตีณิ จีวรานิ อสฺสาติ อจฺฉินฺนสพฺพจีวโร, เตนาติ อตฺโถ. ยสฺส หิ อจฺฉินฺทนสมเย ตีณิ จีวรานิ สนฺนิหิตานิ โหนฺติ, ตานิ สพฺพานิ อจฺฉินฺนานีติ โส ‘‘อจฺฉินฺนสพฺพจีวโร’’ติ วุจฺจติ. เตเนว ‘‘อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน เตจีวริเกนา’’ติ วุตฺตํ. เตจีวริเกนาติ หิ อจฺฉินฺทนสมเย ติจีวรสฺส สนฺนิหิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน วินเย เตจีวริกาภาวํ, ธุตงฺคเตจีวริกภาวํ วา สนฺธาย. เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตวิธินา ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อฺเนาติ อจฺฉินฺนอสพฺพจีวเรน. ยสฺส ตีสุ จีวเรสุ เอกํ วา ทฺเว วา จีวรานิ อจฺฉินฺนานิ โหนฺติ, เตนาติ อตฺโถ. อฺถาปีติ ‘‘สนฺตรุตฺตรปรม’’นฺติ วุตฺตวิธานโต อฺถาปิ. ยสฺส หิ ตีสุ ทฺเว จีวรานิ อจฺฉินฺนานิ โหนฺติ, เอกํ สาทิตพฺพํ, เอกสฺมึ อจฺฉินฺเน น สาทิตพฺพนฺติ น ตสฺส สนฺตรุตฺตรปรมสาทิยนํ สมฺภวติ. อยเมว จ อตฺโถ ปทภาชเนน วิภาวิโต. เตนาห ‘‘ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุ’’นฺติ.

เกจิ ปน ‘‘เตจีวริเกนาติ วุตฺตตฺตา ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวา ปริภุฺชโต ตสฺมึ นฏฺเ พหูนิปิ คเหตุํ ลภตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปทภาชนสฺส หิ อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺเตน ยสฺมา ปน ‘‘อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน…เป… ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ปทภาชเน จ น ตาทิโส อตฺโถ อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพเมว. ยมฺปิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘ยสฺส อธิฏฺิตติจีวรสฺส ตีณิ นฏฺานี’’ติ, ตตฺถปิ อธิฏฺิตคฺคหณํ สรูปกถนมตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, น ปน ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตจีวรสฺเสวาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ ตถา อตฺถสฺสาสมฺภวโต. น หิ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตจีวรสฺเสว อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ สกฺกา วิฺาตุํ. ปุริมสิกฺขาปเทน หิ อจฺฉินฺนจีวรสฺส อฺาตกวิฺตฺติยา อนุฺาตตฺตา ปมาณํ อชานิตฺวา วิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปมาณโต สาทิยนํ อนุชานนฺเตน ภควตา อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมา ปริกฺขารโจฬิกสฺส พหุมฺปิ สาทิตุํ วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ เนว ปาฬิยา สเมติ, น จ ภควโต อธิปฺปายํ อนุโลเมติ.

ยสฺส ตีณิ นฏฺานิ, เตน ทฺเว สาทิตพฺพานีติ เอตฺถ ยสฺส ติจีวรโต อธิกมฺปิ จีวรํ อฺตฺถ ิตํ อตฺถิ, ตทา ตสฺส จีวรสฺส อลพฺภนียภาวโต เตนปิ สาทิตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ปกติยาว สนฺตรุตฺตเรน จรตีติ สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา อวิปฺปวาสสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วา จรติ. ‘‘ทฺเว นฏฺานี’’ติ อธิการตฺตา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว สาทิตพฺพานี’’ติ. เอกํ สาทิยนฺเตเนว สโม ภวิสฺสตีติ ติณฺณํ จีวรานํ ทฺวีสุ นฏฺเสุ เอกํ สาทิยนฺเตน สโม ภวิสฺสติ อุภินฺนมฺปิ สนฺตรุตฺตรปรมตาย อวฏฺานโต. ยสฺส เอกํเยว โหตีติ อฺเน เกนจิ การเณน วินฏฺเสสจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ.

‘‘เสสกํ ตุมฺเหว โหตูติ เทนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาณยุตฺตํ คณฺหิสฺสาม, เสสกํ อาหริสฺสามา’’ติ วตฺวา คเหตฺวา คมนสมเยปิ ‘‘เสสกมฺปิ ตุมฺหากํเยว โหตู’’ติ วทนฺติ, ลทฺธกปฺปิยเมว. ปวาริตานนฺติ อจฺฉินฺนกาลโต ปุพฺเพเยว ปวาริตานํ. ปาฬิยา น สเมตีติ สนฺตรุตฺตรปรมโต อุตฺตริ สาทิยเน อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา น สเมติ. สนฺตรุตฺตรปรมํ สาทิยนฺตสฺส หิ อาปตฺติปฺปสงฺโคเยว นตฺถิ, สติ จ สิกฺขาปเทน อาปตฺติปฺปสงฺเค อนาปตฺติ ยุตฺตา ทสฺเสตุนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘ปมาณเมว วฏฺฏตีติ อิทํ สลฺเลขทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.

ยสฺมา ปนิทํ…เป… น วุตฺตนฺติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ วุจฺจมาเน อฺเสํ อตฺถาย ปมาณํ อติกฺกมิตฺวาปิ คณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ อาปชฺชติ, ตฺจ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วตฺถุนา สํสนฺทิยมานํ น สเมติ. น หิ ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺมึเยว อนาปตฺติวจนํ ยุตฺตนฺติ. คณฺิปเทสุ ปน ตีสุปิ ‘‘อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อตฺตโน สาทิยนปฏิพทฺธตาวเสน ปวตฺตตฺตา ‘อฺสฺสตฺถายา’ติ วตฺตุํ โอกาโสเยว นตฺถิ, ตสฺมา น วุตฺต’’นฺติ กถิตํ. อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ อวุตฺตตฺตา อฺเสํ อตฺถาย าตกปวาริเตสุ อธิกํ วิฺาเปนฺตสฺส อาปตฺตีติ เจ? น, ตตฺถ ปุริมสิกฺขาปเทเนว อนาปตฺติสิทฺธิโต. ตตุตฺตริตา, อจฺฉินฺนาทิการณตา, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๒๒-๕๒๔) ปน ‘‘ปาฬิยํ ปคฺคาหิกสาลนฺติ ทุสฺสาปณํ. ตฺหิ วาณิชเกหิ ทุสฺสานิ ปคฺคเหตฺวา ทสฺสนฏฺานตาย ‘ปคฺคาหิกสาลา’ติ วุจฺจติ. อสฺส จีวรสฺสาติ สาทิตพฺพจีวรสฺส. เตจีวริเกนาติ อิมินา อจฺฉินฺนติจีวรโต อฺสฺส วิหาราทีสุ นิหิตสฺส จีวรสฺส อภาวํ ทสฺเสติ. ยทิ ภเวยฺย, วิฺาเปตุํ น วฏฺเฏยฺย, ตาวกาลิกํ นิวาเสตฺวา อตฺตโน จีวรํ คเหตพฺพํ. ตาวกาลิกมฺปิ อลภนฺตสฺส ภูตคามวิโกปนํ กตฺวา ติณปณฺเณหิ ฉทนํ วิย วิฺาปนมฺปิ วฏฺฏติ เอว. อฺเนาติ อจฺฉินฺนอสพฺพจีวเรน. ‘ทฺเว นฏฺานี’ติ อธิการโต วุตฺตํ ‘ทฺเว สาทิตพฺพานี’ติ. ปาฬิยา น สเมตีติ ‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’นฺติ (ปารา. ๕๒๖) อิมาย ปาฬิยา น สเมติ ตตุตฺตริ วิฺาปนอาปตฺติปฺปสงฺเค เอว วุตฺตตฺตา. อฺสฺสตฺถายาติ น วุตฺตนฺติ อิทํ อฺสฺสตฺถาย ตตุตฺตริ วิฺาปเน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ โหตีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ตฺจ ปาจิตฺติยํ เยสํ อตฺถาย วิฺาเปติ, เตสํ วา สิยา วิฺาปกสฺเสว วา, น ตาว เตสํ, เตหิ อวิฺาปิตตฺตา, นาปิ วิฺาปกสฺส, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส อวิฺตฺตตฺตา. ตสฺมา อฺสฺสตฺถาย วิฺาเปนฺตสฺสปิ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ น ทิสฺสติ. ปาฬิยํ ปน อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อตฺตโน สาทิยนปฏิพทฺธตาวเสน ปวตฺตตฺตา ‘อฺสฺสตฺถายา’ติ อนาปตฺติวาเร น วุตฺตนฺติ วทนฺติ, ตฺจ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ตตุตฺตริจีวรตา, อจฺฉินฺนาทิการณตา, อฺาตกวิฺตฺติ, ตาย จ ปฏิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานี’’ติ.

อิทํ ตตุตฺตริสิกฺขาปทวินิจฺฉยํ อาจริเยน อวุตฺตมฺปิ อจฺฉินฺนจีวราธิกาเรเยว ปวตฺตตฺตา อมฺเหหิ คหิตํ, อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส สมเยสุ อจฺฉินฺนจีวรกาเล อฺาตกานํ วิฺาเปตพฺพภาโว ภควตา วุตฺโต, เตหิ ทินฺนจีวรสฺส มตฺตโส คหิตภาโว ตตุตฺตริสิกฺขาปเทน วุตฺโต. ตสฺมา อจฺฉินฺนจีวรอธิกาโรเยว โหตีติ.

จีวรอจฺฉินฺทนวินิจฺฉยกถา

อิโต ปรํ อจฺฉินฺทนสามฺเน จีวรอจฺฉินฺทนวินิจฺฉยํ วกฺขาม – ตตฺถ ยมฺปิ ตฺยาหนฺติ ยมฺปิ เต อหํ. โส กิร ‘‘มม ปตฺตจีวรอุปาหนปจฺจตฺถรณานิ วหนฺโต มยา สทฺธึ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ อทาสิ. เตเนวมาห ‘‘มยา สทฺธึ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ. อจฺฉินฺทีติ พลกฺกาเรน อคฺคเหสิ, สกสฺาย คหิตตฺตา ปนสฺส ปาราชิกํ นตฺถิ, กิลเมตฺวา คหิตตฺตา อาปตฺติ ปฺตฺตา.

สยํ อจฺฉินฺทติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ เอกํ จีวรํ เอกาพทฺธานิ จ พหูนิ อจฺฉินฺทโต เอกา อาปตฺติ, เอกโต อพทฺธานิ วิสุํ วิสุํ ิตานิ พหูนิ อจฺฉินฺทโต, ‘‘สงฺฆาฏึ อาหร, อุตฺตราสงฺคํ อาหรา’’ติ เอวํ อาหราปยโต จ วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย. ‘‘มยา ทินฺนานิ สพฺพานิ อาหรา’’ติ วทโตปิ เอกวจเนเนว สมฺพหุลา อาปตฺติโย.

อฺํ อาณาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ ‘‘จีวรํ คณฺหา’’ติ อาณาเปติ, เอกํ ทุกฺกฏํ. อาณตฺโต พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติยํ. ‘‘สงฺฆาฏึ คณฺห, อุตฺตราสงฺคํ คณฺหา’’ติ วทโต วาจาย วาจาย ทุกฺกฏํ. ‘‘มยา ทินฺนานิ สพฺพานิ คณฺหา’’ติ วทโต เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโย.

อฺํ ปริกฺขารนฺติ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ จีวรํ เปตฺวา ยํ กิฺจิ อนฺตมโส สูจิมฺปิ. เวเตฺวา ปิตสูจีสุปิ วตฺถุคณนาย ทุกฺกฏานิ. สิถิลเวิตาสุ เอวํ. คาฬฺหํ กตฺวา พทฺธาสุ ปน เอกเมว ทุกฺกฏนฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. สูจิฆเร ปกฺขิตฺตาสุปิ เอเสว นโย. ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา สิถิลพทฺธคาฬฺหพทฺเธสุ ติกฏุกาทีสุ เภสชฺเชสุปิ เอเสว นโย.

โส วา เทตีติ ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํเยว อิทํ สารุปฺป’’นฺติ เอวํ วา เทติ. อถ วา ปน ‘‘อาวุโส, มยํ ตุยฺหํ ‘วตฺตปฏิปตฺตึ กริสฺสติ, อมฺหากํ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสติ, ธมฺมํ ปริยาปุณิสฺสตี’ติ จีวรํ อทมฺหา, โสทานิ ตฺวํ น วตฺตํ กโรสิ, น อุปชฺฌํ คณฺหาสิ, น ธมฺมํ ปริยาปุณาสี’’ติ เอวมาทีหิ วุตฺโต ‘‘ภนฺเต, จีวรตฺถาย มฺเ ภณถ, อิทํ โว จีวร’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ โส วา เทติ. ทิสาปกฺกนฺตํ วา ปน ทหรํ ‘‘นิวตฺเตถ น’’นฺติ ภณติ, โส น นิวตฺตติ. ‘‘จีวรํ คเหตฺวา รุนฺธถา’’ติ เอวํ เจ นิวตฺตติ, สาธุ. สเจ ‘‘ปตฺตจีวรตฺถาย มฺเ ตุมฺเห ภณถ, คณฺหถ น’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ โสเยว เทติ. วิพฺภนฺตํ วา ทิสฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ ‘วตฺตํ กริสฺสตี’ติ ปตฺตจีวรํ อทมฺหา, โสทานิ ตฺวํ วิพฺภมิตฺวา จรสี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘คณฺหถ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวร’’นฺติ เทติ, เอวมฺปิ โส วา เทติ. ‘‘มม สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหนฺตสฺเสว เต เทมิ, อฺตฺถ คณฺหนฺตสฺส น เทมิ. วตฺตํ กโรนฺตสฺเสว เทมิ, อกโรนฺตสฺส น เทมิ. ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตสฺเสว เทมิ, อปริยาปุณนฺตสฺส น เทมิ. อวิพฺภมนฺตสฺเสว เทมิ, วิพฺภมนฺตสฺส น เทมี’’ติ เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏติ, ททโต ทุกฺกฏํ, อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏติ. จชิตฺวา ทินฺนํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อยํ สมนฺตปาสาทิกโต อุทฺธฏวินิจฺฉโย.

ยมฺปิ ตฺยาหนฺติ เอตฺถ นฺติ การณวจนํ, ตสฺมา เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – ‘‘มยา สทฺธึ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติ ยํ การณํ นิสฺสาย อหํ เต, อาวุโส, จีวรํ อทาสึ, ตํ น กโรสี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน อจฺฉินฺทีติ. นฺติ วา จีวรํ ปรามสติ. ตตฺถ ‘‘มยา สทฺธึ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติ ยมฺปิ เต อหํ จีวรํ อทาสึ, ตํ จีวรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน อจฺฉินฺทีติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.

อาณตฺโต พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติยนฺติ ‘‘จีวรํ คณฺหา’’ติ อาณตฺติยา เอกจีวรวิสยตฺตา เอกเมว ปาจิตฺติยํ. วาจาย วาจาย ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ อจฺฉินฺเนสุ วตฺถุคณนาย ปาจิตฺติยานิ. เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโยติ อิทํ อจฺฉินฺเนสุ วตฺถุคณนาย อาปชฺชิตพฺพํ ปาจิตฺติยาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, อาณตฺติยา อาปชฺชิตพฺพํ ปน ทุกฺกฏํ เอกเมว.

เอวนฺติ อิมินา ‘‘วตฺถุคณนาย ทุกฺกฏานี’’ติ อิทํ ปรามสติ. เอเสว นโยติ สิถิลํ คาฬฺหฺจ ปกฺขิตฺตาสุ อาปตฺติยา พหุตฺตํ เอกตฺตฺจ อติทิสติ.

อาวุโส มยนฺติอาทีสุ คณฺหิตุกามตาย เอวํ วุตฺเตปิ เตเนว ทินฺนตฺตา อนาปตฺติ. อมฺหากํ สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตีติ อิทํ สามเณรสฺสปิ ทานํ ทีเปติ, ตสฺมา กิฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ อนุปสมฺปนฺนกาเล ทตฺวาปิ อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวาติ เวทิตพฺพํ. อจฺฉินฺทนสมเย อุปสมฺปนฺนภาโวเยว เหตฺถ ปมาณํ. เทตีติ ตุฏฺโ วา กุปิโต วา เทติ. รุทฺธถาติ นิวาเรถ. เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ เอวํ ทินฺนํ น ตาว ‘‘ตสฺส สนฺตก’’นฺติ อนธิฏฺหิตฺวาว ปริภุฺชิตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏตีติ เอวํ ทินฺนํ ภติสทิสตฺตา อาหราเปตุํ วฏฺฏติ. จชิตฺวา ทินฺนนฺติ วุตฺตนเยน อทตฺวา อนเปกฺเขน หุตฺวา ตสฺเสว ทินฺนํ. ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพติ สกสฺาย วินา คณฺหนฺโต ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรตา, สามํ ทินฺนตา, สกสฺิตา, อุปสมฺปนฺนตา, โกธวเสน อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ. อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๓๕).

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๓๑) ปน ‘‘ยมฺปิ…เป… อจฺฉินฺทีติ เอตฺถ ยํ เต อหํ จีวรํ อทาสึ, ตํ ‘มยา สทฺธึ ปกฺกมิสฺสตี’ติ สฺาย อทาสึ, น อฺถาติ กุปิโต อจฺฉินฺทีติ เอวํ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. เอกํ ทุกฺกฏนฺติ ยทิ อาณตฺโต อวสฺสํ อจฺฉินฺทติ, อาณตฺติกฺขเณ เอว ปาจิตฺติยํ. ยทิ น อจฺฉินฺทติ, ตทา เอว ทุกฺกฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกวาจาย สมฺพหุลาปตฺติโยติ ยทิ อาณตฺโต อนนฺตราเยน อจฺฉินฺทติ, อาณตฺติกฺขเณเยว วตฺถุคณนาย ปาจิตฺติยาปตฺติโย ปโยคกรณกฺขเณเยว อาปตฺติยา อาปชฺชิตพฺพโต, จีวรํ ปน อจฺฉินฺเนเยว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ยทิ โส น อจฺฉินฺทติ, อาณตฺติกฺขเณ เอกเมว ทุกฺกฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมฺตฺถปิ อีทิเสสุ นโย าตพฺโพ. อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตีติ สามเณรสฺส ทานํ ทีเปติ, เตน จ สามเณรกาเล ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทโตปิ ปาจิตฺติยํ ทีเปติ. ‘‘ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา’’ติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ. อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏตีติ กมฺเม อกเต ภติสทิสตฺตา วุตฺตํ. วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรตา, สามํ ทินฺนตา, สกสฺิตา, อุปสมฺปนฺนตา, โกธวเสน อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ปฺจ องฺคานี’’ติ วุตฺตํ.

ปฏิภานจิตฺตกถา

. ปฏิภานจิตฺตกถายํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺยนฺติ สารตฺถทีปนิยํ น กิฺจิ วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๙) ปน ‘‘กโรหีติ วตฺตุํ น วฏฺฏตีติ อาณตฺติยา เอว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ทฺวารปาลํ ‘กึ น กโรสี’ติอาทินา ปริยาเยน วตฺตุํ วฏฺฏติ. ชาตกปกรณนฺติ ชาตกปฏิสํยุตฺตํ อิตฺถิปุริสาทิ ยํ กิฺจิ รูปํ อธิปฺเปตํ. ‘ปเรหิ การาเปตุ’นฺติ วุตฺตตฺตา พุทฺธรูปมฺปิ สยํ กาตุํ น ลภตี’’ติ วุตฺตํ.

วิปฺปกตโภชนกถา

. วิปฺปกตโภชนกถายมฺปิ สารตฺถทีปนี วิมติวิโนทนี วชิรพุทฺธิฏีกาสุ น กิฺจิ วุตฺตํ. ปมํ กตํ ปกตํ, วิ อนิฏฺิตํ ปกตํ วิปฺปกตํ, วิปฺปกตํ โภชนํ เยน โส วิปฺปกตโภชโน, ปมํ ภุฺชิตฺวา อนิฏฺิตโภชนกิจฺโจ ภิกฺขุ. วุตฺเตน ภิกฺขุนา ปวิสิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ริตฺตหตฺถมฺปิ อุฏฺาเปตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ การณมาห ‘‘วิปฺปกตโภชโนเยว หิ โส โหตี’’ติ, ยาคุขชฺชกาทีสุปิ ปีเตสุ ขาทิเตสุปิ ภตฺตสฺส อภุตฺตตฺตา อนิฏฺิตโภชนกิจฺโจ โหติ. ปวาริโต โหติ, เตน วตฺตพฺโพติ ปวาริเตน อาสนา วุฏฺิเตน ภุฺชิตุํ อลภมานตฺตา อตฺตโน สนฺติเก อุทเก อสนฺเต วตฺตพฺโพติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อุทฺทิสนฺตอุทฺทิสาปนกถา

. อุทฺทิสนฺตอุทฺทิสาปนกถายํ อุทฺทิสนฺเตนาติ อุทฺเทสํ เทนฺเตน, ปาฬึ วาเจนฺเตนาติ อตฺโถ. อุทฺทิสาเปนฺเตนาติ อุทฺเทสํ คณฺหนฺเตน, ปาฬึ วาจาเปนฺเตนาติ อตฺโถ. อุจฺจตเรปีติ ปิ-สทฺเทน สมานาสนํ สมฺปิณฺเฑติ. นีจตเรปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

ติวสฺสนฺตริกกถา

. ติวสฺสนฺตริกกถายํ ตีณิ วสฺสานิ ติวสฺสํ, ตีณิ วา วสฺสานิ ติวสฺสานิ, ติวสฺสานํ อนฺตรํ ติวสฺสนฺตรํ, ติวสฺสนฺตเร ิโตติ ติวสฺสนฺตโร, เตน ติวสฺสนฺตเรน, อนฺตร-สทฺโท มชฺฌตฺถวาจโก, ณ-ปจฺจโย ิตตฺเถ. เตนาห วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๐) ‘‘ติวสฺสนฺตเรนาติ ติณฺณํ วสฺสานํ อนฺโต ิเตนา’’ติ. อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ปน สรูปเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ติวสฺสนฺตโร นามา’’ติอาทิมาห. อิเม สพฺเพติ สพฺเพ ติวิธา อิเม สมานาสนิกา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ทีฆาสนกถา

๑๐. ทีฆาสนกถายํ สํหาริมํ วาติ สํหริตุํ ยุตฺตํ กฏสารกาทิ. อสํหาริมํ วาติ สํหริตุํ อสกฺกุเณยฺยํ ปาสาณาทิ อาสนํ. เตนาห สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๐) ‘‘ทีฆาสนํ นาม มฺจปีวินิมุตฺตํ ยํ กิฺจิ ติณฺณนฺนํ เอกโต สุขํ นิสีทิตุํ ปโหตี’’ติ. กสฺมา ปน ‘‘ติณฺณนฺนํ ปโหตี’’ติ วุตฺตํ, นนุ ทฺวินฺนํ ปโหนกาสนมฺปิ ทีฆเมวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อนุชานามิ…เป… เอตฺตกํ ปจฺฉิมํ ทีฆาสนนฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ. ทฺวินฺนํ ปโหนเก หิ อทีฆาสเน สมานาสนิเกเหว สห นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, ติณฺณนฺนํ ปโหนกโต ปฏฺาย คหิเต ทีฆาสเน ปน อสมานาสนิเกหิปิ สห นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. ยทิ เอวํ ปณฺฑกาทีหิปิ สห นิสีทิตุํ วฏฺเฏยฺยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา ปณฺฑก’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.

คิลานุปฏฺานกถา

๑๑. คิลานุปฏฺานกถายํ ปลิปนฺโนติ นิมุคฺโค, มกฺขิโตติ อตฺโถ. อุจฺจาเรตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. สมานาจริยโกติ เอตฺถ ‘‘สเจปิ เอกสฺส อาจริยสฺส เอโก อนฺเตวาสิโก โหติ, เอโก สทฺธิวิหาริโก, เอเตปิ อฺมฺํ สมานาจริยกา เอวา’’ติ วทนฺติ. เภสชฺชํ โยเชตุํ อสมตฺโถ โหตีติ เวชฺเชน ‘‘อิทฺจิทฺจ เภสชฺชํ คเหตฺวา อิมินา โยเชตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ตถา กาตุํ อสมตฺโถติ อตฺโถ. นีหาตุนฺติ นีหริตุํ, ฉฑฺเฑตุนฺติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๖๕-๓๖๖) ปน ‘‘ภูมิยํ ปริภณฺฑํ อกาสีติ คิลาเนน นิปนฺนภูมิยํ กิลิฏฺฏฺานํ โธวิตฺวา หริตูปลิตฺตํ กาเรสีติ อตฺโถ. เภสชฺชํ โยเชตุํ อสมตฺโถติ ปเรหิ วุตฺตวิธิมฺปิ กาตุํ อสมตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.

มรณวณฺณกถา

๑๒. มรณวณฺณกถายํ มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา. มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตาติ ‘‘เอวํ อธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตี’’ติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา. น หิ เต อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺติ. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน, มรณาธิปฺปายสฺส สนฺนิฏฺาปกเจตนากฺขเณ กรุณาย อภาวโต การุฺเน ปาเส พทฺธสูกรโมจนํ วิย น โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยถายุนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ยถานุสนฺธินาติ ปริยายนฺตเรน วุตฺตํ, ยถานุสนฺธินา ยถายุปริจฺเฉเทนาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยถานุสนฺธินาติ ยถานุปฺปพนฺเธน, ยาว ตสฺมึ ภเว สนฺตานสฺส อนุปฺปพนฺโธ อวิจฺฉินฺนปวตฺติ โหติ, ตาว ตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๐) ‘‘โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน มรณาธิปฺปายสฺส สนฺนิฏฺาปกเจตนากฺขเณ กรุณาย อภาวโต, การุฺเน ปาเส พทฺธสูกรโมจนํ วิย น โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘ยถายุนา’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ยถานุสนฺธินาติ ปริยายนฺตเรน วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๐) ปน ‘‘มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา. ‘‘เอวํอธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตี’’ติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา อาปนฺนา ปาราชิกํ. น หิ เต อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺตีติ วุจฺจนฺติ. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาเค โวหารวเสน, สนฺนิฏฺาเน ปเนตํ นตฺถิ, ปาเส พทฺธสูกรโมจเน วิย น โหติ. ยถานุสนฺธินาติ อนฺตรา อมริตฺวาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.

อตฺตปาตนกถา

๑๓. อตฺตปาตนกถายํ วิภตฺติพฺยตฺตเยนาติ วิภตฺติวิปริณาเมน. วิเสสาธิคโมติ สมาธิ วิปสฺสนา จ. อติวิย ปากฏตฺตา ‘‘หตฺถปฺปตฺโต วิย ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อุปจฺฉินฺทตีติ วิเสสาธิคมสฺส วิกฺเขโป มา โหตูติ อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ. วิเสสาธิคมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฏิลาภํ. พฺยากริตฺวาติ อาโรเจตฺวา. อุปจฺฉินฺทติ, น วฏฺฏตีติ ยสฺมา สภาคานํ ลชฺชีภิกฺขูนํเยว อริยา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ ตาทิเส การเณ สติ อาโรเจนฺติ, เต จ ภิกฺขู อปฺปติรูปาย อเนสนาย ปจฺจยํ น ปริเยสนฺติ, ตสฺมา เตหิ ปริเยสิตปจฺจเย กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตฺวา อาหารํ อุปจฺฉินฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. สภาคานฺหิ พฺยากตตฺตา อุปจฺฉินฺทิตุํ น ลภติ. เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺติ. เตเนว ‘‘สภาคานฺหิ ลชฺชีภิกฺขูนํ กเถตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ‘อุปจฺฉินฺทติ, น วฏฺฏตี’ติ อิมสฺส การณํ ทสฺเสนฺเตน วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อถ วา วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวาติ อิทํ วิเสสสฺส อธิคตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อธิคมนฺตรายํ อาสงฺกนฺเตเนว จ อาหารุปจฺเฉโท กาตพฺโพติ อนุฺาตตฺตา อธิคเตน น กาตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ, น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กึ ปน อริยา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ อฺเสํ อาโรเจนฺตีติ อิมิสฺสา โจทนาย ‘‘สภาคานฺหิ ลชฺชีภิกฺขูนํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, อยเมตฺถ ยุตฺตตโรติ อมฺหากํ ขนฺติ, คณฺิปเทปิ อยมตฺโถ ทสฺสิโตเยวาติ.

วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๒-๑๘๓) ‘‘วิภตฺติพฺยตฺตเยนาติ วิภตฺติวิปริณาเมน. วิเสสาธิคโมติ สมาธิ วิปสฺสนา จ. วิเสสาธิคมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฏิลาภํ. พฺยากริตฺวาติ อาโรเจตฺวา, อิทฺจ วิเสสสฺส อธิคตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อธิคตวิเสสา หิ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถํ ลชฺชีภิกฺขูนํ อวสฺสํ อธิคมํ พฺยากโรนฺติ, อธิคตวิเสเสน ปน อพฺยากริตฺวาปิ อาหารํ อุปจฺฉินฺทิตุํ น วฏฺฏติ, อธิคมนฺตรายวิโนทนตฺถเมว อาหารุปจฺเฉทสฺส อนุฺาตตฺตา ตทธิคเม โส น กาตพฺโพว. กึ ปนาธิคมํ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ อาห สภาคานฺหีติอาที’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๑-๑๘๓) ‘‘หตฺถปฺปตฺโต วิย ทิสฺสติ, ‘ตสฺส วิกฺเขโป มา โหตู’ติ อุปจฺฉินฺทติ, วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา ตปฺปภวํ สกฺการํ ลชฺชายนฺโต อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ สภาคานํ พฺยากตตฺตา. เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวานิสินฺนกถา

๑๔. อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสินฺนกถายํ อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ อนุปปริกฺขิตฺวา. อุทฺธํ วา อโธ วา สงฺกมนฺตีติ ปจฺฉา อาคตานํ โอกาสทานตฺถํ นิสินฺนปาฬิยา อุทฺธํ วา อโธ วา คจฺฉนฺติ. ปฏิเวกฺขณกิจฺจํ นตฺถีติ ปจฺฉา อาคเตหิ อุปปริกฺขณกิจฺจํ นตฺถิ. เหฏฺา กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน สาฏกํ วลึ คณฺหาตีติ อาห ‘‘ยสฺมึ วลิ น ปฺายตี’’ติ. ปฏิเวกฺขณฺเจตํ คิหีนํ สนฺตเกเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๐) ‘‘เหฏฺา กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน สาฏกํ วลึ คณฺหาตีติ อาห ‘ยสฺมึ วลิ น ปฺายตี’ติ. ปฏิเวกฺขณฺเจตํ คิหีนํ สนฺตเก เอวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๐) ‘‘อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ อวิจาเรตฺวา. เหฏฺิมภาเค หิ กิสฺมิฺจิ วิชฺชมาเน วลิ ปฺายตี’’ติ เอตฺตกเมว.

ทวายสิลาวิชฺฌนกถา

๑๕. ทวายสิลาวิชฺฌนกถายํ ทวาสทฺโท หสาธิปฺปายวาจโก. ปฏิปุพฺพวิธ-ธาตุ ปวฏฺฏนตฺโถติ อาห ‘‘หสาธิปฺปาเยน ปาสาโณ น ปวฏฺเฏตพฺโพ’’ติ. สิลาสทฺทสฺส ปาสาณวาจกตฺตา โส เอว น ปฏิวิชฺฌิตพฺโพติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ สพฺเพสมฺปิ อตฺถาย น วฏฺเฏยฺยาติ อาห ‘‘เจติยาทีนํ อตฺถายา’’ติอาทิ. โธวนทณฺฑกนฺติ ภณฺฑโธวนทณฺฑํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๒-๑๘๓) ปน ‘‘ภณฺฑกํ วา โธวนฺตาติ จีวรํ วา โธวนฺตา. โธวนทณฺฑกนฺติ จีวรโธวนทณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ.

ทายาลิมฺปนกถา

๑๖. ทายาลิมฺปนกถายํ อลฺล…เป… ปาจิตฺติยนฺติ สุกฺขฏฺาเนปิ อคฺคึ ปาเตตฺวา อิมินา อธิปฺปาเยน อาลิมฺเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว. ทุกฺกฏนฺติ สุกฺขฏฺาเน วา สุกฺขํ ‘‘อสุกฺข’’นฺติ อววตฺถเปตฺวา วา อคฺคึ ปาเตนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. กีฬาธิปฺปาเยปิ เอเสว นโย, กีฬาธิปฺปาโย จ ปฏปฏายมานสทฺทสฺสาทวเสเนว เวทิตพฺโพ. ปฏิปกฺขภูโต อคฺคิ ปฏคฺคิ. ปริตฺตกรณนฺติ อารกฺขกรณํ. สยํ วา อุฏฺิตนฺติ วาเตริตานํ เวฬุอาทีนํ อฺมฺสงฺฆฏฺฏเนน สมุฏฺิตํ. นิรุปาทาโนติ อินฺธนรหิโต. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๙๐) ปน ‘‘ขิฑฺฑาธิปฺปาเยนปิ ทุกฺกฏนฺติ สุกฺขติณาทีสุ อคฺคิกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อลฺเลสุ ปน กีฬาธิปฺปาเยนปิ กโรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว. ปฏิปกฺขภูโต, ปฏิมุขํ คจฺฉนฺโต วา อคฺคิ ปฏคฺคิ, ตสฺส อลฺลติณาทีสุปิ ทานํ อนุฺาตํ. ตํ เทนฺเตน ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทาวคฺคึ ทิสฺวา วิหารสฺส สมนฺตโต เอกกฺขเณ อกตฺวา เอกเทสโต ปฏฺาย วิหารสฺส สมนฺตโต สณิกํ ฌาเปตฺวา ยถา มหนฺโตปิ อคฺคิ วิหารํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ วิหารสฺส สมนฺตา อพฺโภกาสํ กตฺวา ปฏคฺคิ ทาตพฺโพ. โส ฑาวคฺคิโน ปฏิปถํ คนฺตฺวา เอกโต หุตฺวา เตน สห นิพฺพาติ. ปริตฺตกรณนฺติ สมนฺตา รุกฺขติณาทิจฺเฉทนปริขาขณนาทิอารกฺขกรณํ. เตนาห ‘ติณกุฏิกานํ สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’นฺติอาที’’ติ, วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๙๐) ปน ‘‘ปริตฺตนฺติ รกฺขณํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.

มิจฺฉาทิฏฺิกุลาภตกถา

๑๗. มิจฺฉาทิฏฺิกุลาภตกถายํ นตฺถิ สทฺธา เอเตสูติ อสฺสทฺธา, มจฺฉริโน, เตสุ อสฺสทฺเธสุ. มิจฺฉาทิฏฺิยา ยุตฺตานิ กุลานิ มิจฺฉาทิฏฺิกุลานิ, มชฺเฌโลปตติยาตปฺปุริสสมาโส, ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา ยุตฺตกุลานิ, เตสุ. มิจฺฉาทิฏฺิกุเลสุ ลภิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อสกฺกจฺจการีนํ เตสํ สกฺกจฺจกรเณน, อปฺปณีตทายีนํ เตสํ ปณีตทาเนน ภวิตพฺพเมตฺถ การเณนาติ การณํ อุปปริกฺขิตฺวาว ภุฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘อนุปปริกฺขิตฺวา เนว อตฺตนา ภุฺชิตพฺพํ, น ปเรสํ ทาตพฺพ’’นฺติ. เยน การเณน ภวิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิสมิสฺสมฺปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น เกวลํ ปิณฺฑปาตเมวาติ อาห ‘‘ยมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อปิหิตวตฺถุสฺมิมฺปิ หี’’ติอาทิ. ตโต อฺมฺปิ ทสฺเสติ คนฺธหลิทฺทาทิมกฺขิโตติอาทินา. ตตฺถปิ การณํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สรีเร โรคฏฺานานี’’ติอาทิ.

โคปกทานกถา

๑๘. โคปกทานกถายํ ปเรสํ สนฺตกํ โคเปติ รกฺขตีติ โคปโก, ตสฺส ทานํ โคปกทานํ, อุยฺยานปาลกาทีหิ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพทานํ. ตตฺถ ปณฺณํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘เอตฺตเกเหว รุกฺเขหิ เอตฺตกเมว คเหตพฺพ’’นฺติ ปณฺณํ อาโรเปตฺวา, ลิขิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. นิมิตฺตสฺํ กตฺวาติ สงฺเกตํ กตฺวา. ทารกาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโย ทารกา. อฺเปิ เย เกจิ โคปกา โหนฺติ, เต สพฺเพปิ วุตฺตา. สพฺพตฺถปิ คิหีนํ โคปกทาเน ยตฺตกํ โคปกา เทนฺติ, ตตฺตกํ คเหตพฺพํ. สงฺฆิเก ปน ยถาปริจฺเฉทเมว คเหตพฺพนฺติ ทีปิตตฺตา ‘‘อตฺถโต เอก’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๕๖) ‘‘ปณฺณํ อาโรเปตฺวาติ ‘เอตฺตเก รุกฺเข รกฺขิตฺวา ตโต เอตฺตกํ คเหตพฺพ’นฺติ ปณฺณํ อาโรเปตฺวา. นิมิตฺตสฺํ กตฺวาติ สงฺเกตํ กตฺวา. ทารกาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโย เย เกจิ โคเปนฺติ, เต สพฺเพปิ อิธ ‘ทารกา’ติ วุตฺตา’’ติ, วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๕๖) ปน ‘‘อารามรกฺขกาติ วิสฺสตฺถวเสน คเหตพฺพํ. อธิปฺปายํ ตฺวาติ เอตฺถ ยสฺส ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ภิกฺขุํ, ภาคํ วา สามิกา น รกฺขนฺติ น ทณฺเฑนฺติ, ตสฺส ทานํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ อิธ สนฺนิฏฺานํ, ตมฺปิ ‘น วฏฺฏติ สงฺฆิเก’ติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

ยตฺถาติ ยสฺมึ อาวาเส. อฺเสํ อภาวนฺติ อฺเสํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ อภาวํ. ตตฺถาติ ตาทิเส อาวาเส. ภาเชตฺวา ขาทนฺตีติ อาคนฺตุกานมฺปิ สมฺปตฺตานํ ภาเชตฺวา ขาทนฺตีติ อธิปฺปาโย. จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺตีติ อมฺพผลาทีนิ วิกฺกิณิตฺวา จีวราทีสุ จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺติ. จีวรตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนาติ ‘‘อิเมสํ รุกฺขานํ ผลานิ วิกฺกิณิตฺวา จีวเรสุเยว อุปเนตพฺพานิ, น ภาเชตฺวา ขาทิตพฺพานี’’ติ เอวํ นิยเมตฺวา ทินฺนา. เตสุปิ อาคนฺตุกา อนิสฺสราติ ปจฺจยปริโภคตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนตฺตา ภาเชตฺวา ขาทิตุํ อนิสฺสรา. น เตสุ…เป… าตพฺพนฺติ เอตฺถ อาคนฺตุเกหิ เหฏฺา วุตฺตนเยน ภาเชตฺวา ขาทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตสํ กติกาย าตพฺพนฺติ ‘‘ภาเชตฺวา น ขาทิตพฺพ’’นฺติ วา ‘‘เอตฺตเกสุ รุกฺเขสุ ผลานิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานํ ทิวสานํ อพฺภนฺตเร คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘น กิฺจิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา เอวํ กตาย อาวาสิกานํ กติกาย อาคนฺตุเกหิ าตพฺพํ. มหาอฏฺกถายํ ‘‘อนิสฺสรา’’ติ วจเนน ทีปิโตเยว อตฺโถ มหาปจฺจริยํ ‘‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’’นฺติอาทินา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิโต. ปริโภควเสเนวาติ เอตฺถ เอว-สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, ปริโภควเสน ตเมว ภาเชตฺวาติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถ เอตสฺมึ วิหาเร, รฏฺเวา.

เสนาสนปจฺจยนฺติ เสนาสนฺจ ตทตฺถาย นิยเมตฺวา ปิตฺจ. ลามกโกฏิยาติ ลามกํ อาทึ กตฺวา, ลามกเสนาสนโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. เสนาสเนปิ ติณาทีนิ ลามกโกฏิยาว วิสฺสชฺเชตพฺพานิ, เสนาสนปริกฺขาราปิ ลามกโกฏิยาว วิสฺสชฺเชตพฺพา. มูลวตฺถุจฺเฉทํ ปน กตฺวา น อุปเนตพฺพนฺติ อิมินา กึ วุตฺตํ โหติ? ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ตาว อิทํ วุตฺตํ ‘‘สพฺพานิ เสนาสนานิ น วิสฺสชฺเชตพฺพานีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ลามกโกฏิยา วิสฺสชฺชนฺเตหิปิ เสนาสนภูมิโย น วิสฺสชฺเชตพฺพาติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหตีติ โน ขนฺติ. วีมํสิตฺวา ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ.

ธมฺมสนฺตเกน พุทฺธปูชํ กาตุํ, พุทฺธสนฺตเกน วา ธมฺมปูชํ กาตุํ วฏฺฏติ น วฏฺฏตีติ? ‘‘ตถาคตสฺส โข เอตํ, วาเสฏฺ, อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ จ ‘‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) จ วจนโต วฏฺฏตีติ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘เอวํ สนฺเต ‘โย, ภิกฺขเว, มํ อุปฏฺเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺเหยฺยา’ติ (มหาว. ๓๖๕) วจนโต พุทฺธสนฺตเกน คิลานสฺสปิ เภสชฺชํ กาตุํ ยุตฺตนฺติ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ. น หิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, มํ อุปฏฺเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺเหยฺยา’’ติ (มหาว. ๓๖๕) อิมินา อตฺตโน จ คิลานสฺส จ เอกสทิสตา, ตทุปฏฺานสฺส วา สมผลตา วุตฺตา. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ‘‘โย มํ โอวาทานุสาสนีกรเณน อุปฏฺเหยฺย, โส คิลานํ อุปฏฺเหยฺย, มม โอวาทการเกน คิลาโน อุปฏฺาตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๕). ภควโต จ คิลานสฺส จ อุปฏฺานํ เอกสทิสนฺติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ น คเหตพฺโพ, ตสฺมา ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วจนโต ‘‘อหฺจ โข ปนิทานิ เอกโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ พุทฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖) วุตฺตตฺตา จ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ ปสํสนฺเตน จ ‘‘โย พหุสฺสุโต, น โส ตุมฺหากํ สาวโก นาม, พุทฺโธ นาม เอส จุนฺทา’’ติ วุตฺตตฺตา ธมฺมครุกตฺตา จ ตถาคตสฺส ปุพฺพนโย เอว ปสตฺถตโรติ อมฺหากํ ขนฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ ‘‘ยตฺถาติ ยสฺมึ อาวาเส. อฺเสนฺติ อฺเสํ อาคนฺตุกานํ. เตสุปิ อาคนฺตุกา อนิสฺสราติ เสนาสเน นิรนฺตรํ วสนฺตานํ จีวรตฺถาย ทายเกหิ, ภิกฺขูหิ วา นิยเมตฺวา ทินฺนตฺตา ภาเชตฺวา ขาทิตุํ อนิสฺสรา. อาคนฺตุเกหิปิ อิจฺฉนฺเตหิ ตสฺมึ วิหาเร วสฺสานาทีสุ ปวิสิตฺวา จีวรตฺถาย คเหตพฺพํ. เตสํ กติกาย าตพฺพนฺติ สพฺพานิ ผลาผลานิ อภาเชตฺวา ‘เอตฺตเกสุ รุกฺเขสุ ผลานิ ภาเชตฺวา ปริภุฺชิสฺสาม, อฺเสุ ผลาผเลหิ เสนาสนานิ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ วา ‘ปิณฺฑปาตาทิปจฺจยํ สมฺปาเทสฺสามา’ติ วา ‘กิฺจิปิ อภาเชตฺวา จตุปจฺจยตฺถาเยว อุปเนมา’ติ วา เอวํ สมฺมา อุปเนนฺตานํ อาวาสิกานํ กติกาย อาคนฺตุเกหิ าตพฺพํ. มหาอฏฺกถายํ ‘อนิสฺสรา’ติ วจเนน ทีปิโต เอว อตฺโถ, มหาปจฺจริยํ ‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’นฺติอาทินา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิโต. ปริโภควเสเนวาติ เอตฺถ เอว-สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, ปริโภควเสน ตเมว ภาเชตฺวาติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วิหาเร, รฏฺเ วา. เสนาสนปจฺจยนฺติ เสนาสนฺจ ตทตฺถาย นิยเมตฺวา ปิตฺจ. ‘เอกํ วา ทฺเว วา วรเสนาสนานิ เปตฺวา’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปุน พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘มูลวตฺถุจฺเฉทํ ปน กตฺวา น อุปเนตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ, เสนาสนสงฺขาตวตฺถุโน มูลจฺเฉทํ กตฺวา สพฺพานิ เสนาสนานิ น วิสฺสชฺเชตพฺพานีติ อตฺโถ. เกจิ ปเนตฺถ ‘เอกํ วา ทฺเว วา วรเสนาสนานิ เปตฺวา ลามกโต ปฏฺาย วิสฺสชฺชนฺเตหิปิ เสนาสนภูมิโย น วิสฺสชฺเชตพฺพาติ อยมตฺโถ วุตฺโต’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ ยุตฺตเมว อิมสฺสปิ อตฺถสฺส อวสฺสํ วตฺตพฺพโต, อิตรถา เกจิ สห วตฺถุนาปิ วิสฺสชฺเชตพฺพํ มฺเยฺยุ’’นฺติ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๕๓) ‘‘เอตฺถ เอตสฺมึ วิหาเร ปรจกฺกาทิภยํ อาคตํ. มูลวตฺถุจฺเฉทนฺติ ‘สพฺพเสนาสนานํ เอเต อิสฺสรา’ติ วจนโต อิตเร อนิสฺสราติ ทีปิตํ โหติ. อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรติ ยตฺถ โส อิจฺฉติ, ตตฺถ อตฺตาตเหตุํ ลภตีติ กิร อตฺโถ, อปิ จ ‘ทหโร’ติ วทนฺติ. สวตฺถุกนฺติ สห ภูมิยาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.

ธมฺมิการกฺขยาจนกถา

๑๙. ธมฺมิการกฺขยาจนกถายํ ‘‘คีวาเยวาติ อาณตฺติยา อภาวโต. เตสํ อนตฺถกามตายาติ ‘โจโร’ติ วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เกจิ ทณฺฑิสฺสนฺติ, ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺตีติ เอวํ สฺาย. เอเตน เกวลํ ภเยน วา ปริกฺขารคฺคหณตฺถํ วา สหสา ‘โจโร’ติ วุตฺเต ทณฺฑิเตปิ น โทโสติ ทสฺเสติ. ราชปุริสานฺหิ ‘โจโร อย’นฺติ อุทฺทิสฺสกถเน เอว คีวา. ภิกฺขูนํ, ปน อารามิกาทีนํ วา สมฺมุขา ‘อสุโก โจโร เอวมกาสี’ติ เกนจิ วุตฺตวจนํ นิสฺสาย อารามิกาทีสุ ราชปุริสานํ วตฺวา ทณฺฑาเปนฺเตสุปิ ภิกฺขุสฺส น คีวา ราชปุริสานํ อวุตฺตตฺตา, เยสฺจ วุตฺตํ, เตหิ สยํ โจรสฺส อทณฺฑิตตฺตาติ คเหตพฺพํ. ‘ตฺวํ เอตสฺส สนฺตกํ อจฺฉินฺทา’ติ อาณตฺโตปิ หิ สเจ อฺเน อจฺฉินฺทาเปติ, อาณาปกสฺส อนาปตฺติ วิสงฺเกตตฺตา. อตฺตโน วจนกรนฺติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ. วจนํ อกโรนฺตานํ ราชปุริสานมฺปิ ‘อิมินา คหิตปริกฺขารํ อาหราเปหิ, มา จสฺส ทณฺฑํ กโรหี’ติ อุทฺทิสฺส วทนฺตสฺสปิ ทณฺเฑ คหิเตปิ น คีวา เอว ทณฺฑคฺคหณสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ‘อสุกภณฺฑํ อวหรา’ติ อาณาเปตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ปุน ปฏิกฺขิปเน (ปารา. ๑๒๑) วิย. ทาสาทีนํ สมฺปฏิจฺฉเน วิย ตทตฺถาย อฑฺฑกรเณ ภิกฺขูนมฺปิ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘กปฺปิยอฑฺโฑ นาม, น วฏฺฏตี’ติ. เกนจิ ปน ภิกฺขุนา เขตฺตาทิอตฺถาย โวหาริกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อฑฺเฑ กเตปิ ตํ เขตฺตาทิสมฺปฏิจฺฉเน วิย สพฺเพสํ อกปฺปิยํ น โหติ ปุพฺเพ เอว สงฺฆสนฺตกตฺตา. ภิกฺขุสฺเสว ปน ปโยควเสน อาปตฺติโย โหนฺติ. ทาสาทีนมฺปิ ปน อตฺถาย รกฺขํ ยาจิตุํ โวหาริเกน ปุฏฺเน สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ กปฺปิยกฺกมํ วตฺตุํ อารามิกาทีหิ จ อฑฺฑํ การาเปตุํ วฏฺฏติ เอว. วิหารวตฺถาทิกปฺปิยอฑฺฑํ ปน ภิกฺขุนา สยมฺปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๖๗๙) อาคโต.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๖๘๑) ‘‘คีวาติ เกวลํ คีวา เอว โหติ, น ปาราชิกํ. การาเปตฺวา ทาตพฺพาติ เอตฺถ สเจ อาวุธภณฺฑํ โหติ, ตสฺส ธารา น การาเปตพฺพา, อฺเน ปน อากาเรน สฺาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

อุจฺจาราทิฉฑฺฑนกถา

๒๐. อุจฺจาราทิฉฑฺฑนกถายํ อฏฺเม อุจฺจาราทิฉฑฺฑเน ‘‘อุจฺจาราทิภาโว, อนปโลกนํ, วฬฺชนฏฺานํ, ติโรกุฏฺฏปาการตา, ฉฑฺฑนํ วา ฉฑฺฑาปนํ วาติ อิมานิ ปเนตฺถ ปฺจ องฺคานิ, นวเม หริตูปริ ฉฑฺฑเน สพฺเพสนฺติ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ. อิธ เขตฺตปาลกา อารามาทิโคปกา จ สามิกา เอวา’’ติ เอตฺตกเมว สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๘๓๐) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๘๓๐) ปน ‘‘อฏฺเม วฬฺชิยมานติโรกุฏฺฏาทิตา, อนปโลเกตฺวา อุจฺจาราทีนํ ฉฑฺฑนาทีติ ทฺเว องฺคานิ. นวเม ‘มตฺถกจฺฉินฺนนาฬิเกรมฺปี’ติ วุตฺตตฺตา หริตูปริ ฉฑฺฑนเมว ปฏิกฺขิตฺตํ. เตนาห ‘อนิกฺขิตฺตพีเชสู’ติอาทิ. ยตฺถ จ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ หริเต วจฺจาทึ กาตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว. สพฺเพสนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีน’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๘๓๒) ปน ‘‘สามิเก อปโลเกตฺวาว ฉฑฺเฑตีติ กตฺถจิ โปตฺถเก นตฺถิ, กตฺถจิ อตฺถิ, อตฺถิภาโวว เสยฺโย กิริยากิริยตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อิธ เขตฺตปาลกา อารามาทิโคปกา จ สามิกา เอว. ‘สงฺฆสฺส เขตฺเต อาราเม จ ตตฺถ กจวรํ น ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ กติกา เจ นตฺถิ, ภิกฺขุสฺส ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา, น ภิกฺขุนีนํ. ตาสมฺปิ ภิกฺขุนิสงฺฆสนฺตเก วุตฺตนเยน วฏฺฏติ, น ตตฺถ ภิกฺขุสฺส. เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสเนว กาตพฺพนฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

ภิกฺขุวิภงฺเค ปน เสขิยวณฺณนายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๕๑) ‘‘อสฺจิจฺจาติ ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ คจฺฉนฺตสฺส สหสา อุจฺจาโร วา ปสฺสาโว วา นิกฺขมติ, อสฺจิจฺจกโต นาม, อนาปตฺติ. น หริเตติ เอตฺถ ยมฺปิ ชีวรุกฺขสฺส มูลํ ปถวิยํ ทิสฺสมานํ คจฺฉติ, สาขา วา ภูมิลคฺคา คจฺฉติ, สพฺพํ หริตสงฺขาตเมว, ขนฺเธ นิสีทิตฺวา อปฺปหริตฏฺาเน ปาเตตุํ วฏฺฏติ. อปฺปหริตฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺเสว สหสา นิกฺขมติ, คิลานฏฺาเน ิโต โหติ, วฏฺฏติ. อปฺปหริเต กโตติ อปฺปหริตํ อลภนฺเตน ติณณฺฑุปกํ วา ปลาลณฺฑุปกํ วา เปตฺวา กโตปิ ปจฺฉา หริตํ โอตฺถรติ, วฏฺฏติเยว. ‘เขเฬน เจตฺถ สิงฺฆาณิกาปิ สงฺคหิตา’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. น อุทเกติ เอตํ ปริโภคอุทกเมว สนฺธาย วุตฺตํ. วจฺจกุฏิสมอุทฺทาทิอุทเกสุ ปน อปริโภเคสุ อนาปตฺติ. เทเว วสฺสนฺเต สมนฺตโต อุทโกโฆ โหติ, อนุทกฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺเสว นิกฺขมติ, วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ เอตาทิเส กาเล อนุทกฏฺานํ อลภนฺเตน กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสํ วณฺณนายํ วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๖๕๒) ‘‘เขเฬน เจตฺถ สิงฺฆาณิกาปิ สงฺคหิตาติ เอตฺถ อุทกคณฺฑุสกํ กตฺวา อุจฺฉุกจวราทิฺจ มุเขเนว หริตุํ อุทเกสุ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

อิมสฺมึ าเน ปณฺฑิเตหิ วิจาเรตพฺพํ อตฺถิ – ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทเกสุ ปน อปริโภเคสุ อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, เอวํ สนฺเต นทีชาตสฺสราทีสุ อาปตฺติ วา อนาปตฺติ วาติ. ตตฺถ สมุทฺทาทีติ อาทิ-สทฺเทน นทีชาตสฺสราปิ สงฺคหิตาว, ตสฺมา อนาปตฺตีติ เจ? น เจวํ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ สมุทฺทาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน นทีชาตสฺสราปิ สงฺคหิตา, เอวํ สติ ฏีกาจริยา วเทยฺยุํ, น ปน วทนฺติ, อฏฺกถายฺจ ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทเกสู’’ติ เอตฺตกเมว วเทยฺย, ตถา ปน อวตฺวา ‘‘อปริโภเคสู’’ติ เหตุมนฺตวิเสสนปทมฺปิ คหิตํ. เตน ายติ ‘‘อาทิสทฺเทน อปริโภคานิ จนฺทนิกาทิอุทกานิ เอว คหิตานิ, น ปริโภคานิ นทีชาตสฺสราทิอุทกานี’’ติ. เตน จ วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทกานิ อปริโภคตฺตา อนาปตฺติกรานิ โหนฺติ, นทีชาตสฺสราทิอุทกานิ ปน ปริโภคตฺตา อาปตฺติกรานีติ. กถํ ปน ‘‘อปริโภเคสู’’ติ อิมสฺส ปทสฺส เหตุมนฺตปทภาโว ชานิตพฺโพติ? ยุตฺติโต อาคมโต จ. กถํ ยุตฺติโต? ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทกานิ ปริโภคานิปิ สนฺติ, อปริโภคานิปี’’ติ อพฺยภิจาริยภาวโต. พฺยภิจาเร หิ สมฺภเว เอว สติ วิเสสนํ สาตฺถกํ สิยา. กถํ อาคมโต? วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย (วิ. วิ. ๑๙๕๔) ‘‘เตสํ อปริโภคตฺตา’’ติ. ตสฺมา อาทิ-สทฺเทน อปริโภคานิเยว อุทกานิ คหิตานิ, น ปริโภคานิ. วุตฺตฺเหตํ วินยวินิจฺฉยฏีกายํ ‘‘วจฺจกุฏิสมุทฺทาทิอุทเกสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สพฺพํ อปริโภคชลํ สงฺคยฺหติ, เตเนว เตสํ อปริโภคตฺตเมว การณมาหา’’ติ, ตสฺมา มนุสฺสานํ ปริโภเคสุ นทีชาตสฺสรตฬากโปกฺขรณิยาทิอุทเกสุ อุจฺจารปสฺสาวาทิกรณํ น วฏฺฏตีติ ชานิตพฺพเมตํ. ‘‘เทเว วสฺสนฺเต สมนฺตโต อุทโกโฆ โหติ, อนุทกฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺเสว นิกฺขมติ, วฏฺฏติ. มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ เอตาทิเส กาเล อนุทกฏฺานํ อลภนฺเตน กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตตฺตา มหนฺเตสุ นทีชาตสฺสราทีสุ นาวาทีหิ คตกาเล ตาทิเส การเณ สติ ‘‘ตีรํ อุปเนหี’’ติ วตฺวา ‘‘อุปเนตุํ อสกฺกุเณยฺยฏฺาเน อุทเกปิ กาตุํ วฏฺฏติ, อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถานุโลมโต วิฺายติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ.

นหาเนรุกฺขาทิฆํสนกถา

๒๑. นหาเน รุกฺขาทิฆํสนนฺติ เอตฺถ อฏฺปทากาเรนาติ อฏฺปทผลกากาเรน, ชูตผลกสทิสนฺติ วุตฺตํ โหติ. มลฺลกมูลกสณฺาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺาเนน. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๓) ปน ‘‘อฏฺปทากาเรนาติ ชูตผลเก อฏฺคพฺภราชิอากาเรน. มลฺลกมูลสณฺาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺาเนน. อิทฺจ วฏฺฏาธารกํ สนฺธาย วุตฺตํ. กณฺฏเก อุฏฺาเปตฺวา กตวฏฺฏกปาลสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุถุปาณิกนฺติ มุฏฺึ อกตฺวา วิกสิตหตฺถตเลหิ ปิฏฺิปริกมฺมํ วุจฺจติ. เอตเมว สนฺธาย หตฺถปริกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๔๔) ปน ‘‘ปุถุปาณินา กตฺตพฺพํ กมฺมํ ปุถุปาณิกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ.

เอวํ ปาฬิอนุสาเรเนว นหาเน กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นหานติตฺเถ นหายนฺตานํ ภิกฺขูนํ นหานวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปเนตฺถ นหานวตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปสฺสนฺตานํ อปฺปสาทาวหนโต, คิหิปุริสานํ กมฺมํ วิยาติ ครหิตพฺพภาวโต จ วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา…เป… น โอตริตพฺพ’’นฺติ. อฺเสุ สมฺมุขีภูเตสุ อนุทกสาฏเกน นหายิตุํ ทุกฺกรตฺตา ‘‘สพฺพทิสา ปน โอโลเกตฺวา วิวิตฺตภาวํ ตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ ขาณุคุมฺพลตาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนาปิ หุตฺวา ติฏฺเยฺยุนฺติ อาห ‘‘ขาณุ…เป… อุกฺกาสิตฺวา’’ติ. อุทฺธํมุเขน จีวราปนยนํ หรายิตพฺพํ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘อวกุชฺช…เป… อปเนตฺวา’’ติ. ตโต กายพนฺธนฏฺปนวตฺตมาห ‘‘กายพนฺธน’’นฺตฺยาทินา. ตโต อุทกสาฏิกาย สติ ตํ นิวาเสตฺวา โอตริตพฺพํ สิยา, ตาย อสติยา กึ กาตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุพฺเพ ‘‘ิตเกเนว น โอตริตพฺพ’’นฺติ อหิริกาการสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา อิธ หิริมนฺตาการํ ทสฺเสติ อุทกนฺเต อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา นิวาสนํ โมเจตฺวาติ. อุณฺณฏฺาเน, สมฏฺาเน วา ปสาริเต สติ วา เตน อฺตฺถ คจฺเฉยฺยาติ อาห ‘‘สเจ นินฺนฏฺาน’’นฺติอาทิ.

โอตรนฺเตน กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉํ สนฺธาย ‘‘โอตรนฺเตน สณิก’’นฺตฺยาทิ. ตตฺถ ปุพฺเพ ‘‘เวเคน น โอตริตพฺพ’’นฺติ ปฏิสิทฺธานุรูปมาห ‘‘สณิก’’นฺติ. อติคมฺภีรํ คจฺฉนฺโต อุทโกฆตรงฺควาตาทีหิ ปหรนฺโต จลิตกาโย สิยา, อติอุตฺตาเน นิสีทนฺโต อปฺปฏิจฺฉนฺนกาโย สิยาติ วุตฺตํ ‘‘นาภิปฺปมาณมตฺตํ โอตริตฺวา’’ติ. อตฺตโน หตฺถวิการาทีหิ วีจึ อุฏฺาเปนฺโต, สทฺทฺจ กโรนฺโต อุทฺธฏจปลภาโว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘วีจึ อนุฏฺเปนฺเตน สทฺทํ อกโรนฺเตน นิวตฺติตฺวา’’ติ. นิวตฺติตฺวา กึ กาตพฺพนฺติ อาห อาคตทิสาภิมุเขน นิมุชฺชิตพฺพ’’นฺติ, อภิมุเขน หุตฺวาติ ปาเสโส. อิทานิ ตปฺผลํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺตฺยาทิมาห. ตโต อุมฺมุชฺชนฺเตน กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉายมาห ‘‘อุมฺมุชฺชนฺเตนปี’’ติอาทิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. จีวรํ ปารุปิตฺวาว าตพฺพํ, กสฺมาติ เจ? น ตาว กายโต อุทกํ โอตรติ, ตสฺมา โถกํ กาลํ อุตฺตราสงฺคํ จีวรํ อุโภหิ หตฺเถหิ อนฺเต คเหตฺวา ปุรโต กตฺวา าตพฺพํ. ตโต กายสฺส สุกฺขภาวํ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ยถารุจิ คนฺตพฺพนฺติ.

วลิกาทิกถา

๒๒. วลิกาทิกถายํ ‘‘มุตฺโตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุณฺฑลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปลมฺพกสุตฺตนฺติ ยฺโปจิตากาเรน โอลมฺพกสุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๔๕). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๕) ปน ‘‘มุตฺโตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุณฺฑลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปลมฺพกสุตฺตนฺติ พฺราหฺมณานํ ยฺโปจิตสุตฺตาทิอาการํ วุจฺจติ. วลยนฺติ หตฺถปาทวลย’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๔๕) ปน ‘‘กณฺณโต นิกฺขนฺตมุตฺโตลมฺพกาทีนํ กุณฺฑลาทีนนฺติ ลิขิตํ. ‘กายูร’นฺติ ปาฬิปาโ. ‘เกยูราทีนี’ติ อาจริเยนุทฺธฏ’’นฺติ วุตฺตํ.

ทีฆเกสกถา

๒๓. ทีฆเกสกถายํ สารตฺถทีปนิยํ น กิฺจิ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๖) ปน ‘‘ทฺวงฺคุเลติ อุปโยคพหุวจนํ, ทฺวงฺคุลปฺปมาณํ อติกฺกาเมตุํ น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ทุมาสสฺส วา ทฺวงฺคุลสฺส วา อติกฺกนฺตภาวํ อชานนฺตสฺสปิ เกสมสฺสุคณนาย อจิตฺตกาปตฺติโย โหนฺตีติ วทนฺติ. โกจฺเฉนาติ อุสีรหีราทีนิ พนฺธิตฺวา สมกํ ฉินฺทิตฺวา คหิตโกจฺเฉน. จิกฺกเลนาติ สิเลสยุตฺตเตเลน. อุณฺหาภิตตฺตรชสิรานมฺปีติ อุณฺหาภิตตฺตานํ รโชกิณฺณสิรานํ. อทฺทหตฺเถนาติ อลฺลหตฺเถนา’’ติ วุตฺตํ.

อุปริ ปน ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๗๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู มสฺสุํ กปฺปาเปนฺติ. มสฺสุํ วฑฺฒาเปนฺติ. โคโลมิกํ การาเปนฺติ. จตุรสฺสกํ การาเปนฺติ. ปริมุขํ การาเปนฺติ. อฑฺฒทุกํ การาเปนฺติ. ทาิกํ เปนฺติ. สมฺพาเธ โลมํ สํหราเปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ ‘เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, มสฺสุ กปฺปาเปตพฺพํ. น มสฺสุ วฑฺฒาเปตพฺพํ. น โคโลมิกํ การาเปตพฺพํ. น จตุรสฺสกํ การาเปตพฺพํ. น ปริมุขํ การาเปตพฺพํ. น อฑฺฒทุกํ การาเปตพฺพํ. น ทาิกา เปตพฺพา. น สมฺพาเธ โลมํ สํหราเปตพฺพํ, โย สํหราเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาคตํ. อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๒๗๕) ‘‘มสฺสุํ กปฺปาเปนฺตีติ กตฺตริยา มสฺสุํ เฉทาเปนฺติ. มสฺสุํ วฑฺฒาเปนฺตีติ มสฺสุํ ทีฆํ กาเรนฺติ. โคโลมิกนฺติ หนุกมฺหิ ทีฆํ กตฺวา ปิตํ เอฬกมสฺสุ วุจฺจติ. จตุรสฺสกนฺติ จตุโกณํ. ปริมุขนฺติ อุทเร โลมสํหรณํ. อฑฺฒทุกนฺติ อุทเร โลมราชิฏฺปนํ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ มสฺสุกปฺปาปนาทีสุ สพฺพตฺถ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

ปุน ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๗๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู สกฺขริกายปิ มธุสิตฺถเกนปิ นาสิกาโลมํ คาหาเปนฺติ, นาสิกา ทุกฺขา โหนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สณฺฑาสนฺติ. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ปลิตํ คาหาเปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ ‘เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, ปลิตํ คาหาเปตพฺพํ, โย คาหาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อาคตํ. ‘‘สกฺขราทีหิ นาสิกาโลมคฺคาหาปเน อาปตฺติ นตฺถิ, อนุรกฺขณตฺถํ ปน สณฺฑาโส อนุฺาโต’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปลิตํ คาหาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ภมุกาย วา นลาเฏ วา ทาิกาย วา อุคฺคนฺตฺวา พีภจฺฉํ ิตํ, ตาทิสํ โลมํ ปลิตํ วา อปลิตํ วา คาหาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ วุตฺตํ.

อาทาสาทิกถา

๒๔. อาทาสาทิกถายํ อาทาโส นาม มณฺฑนปกติกานํ มนุสฺสานํ อตฺตโน มุขจฺฉายาทสฺสนตฺถํ กํสโลหาทีหิ กโต ภณฺฑวิเสโส. อุทกปตฺโต นาม อุทกฏฺปนโก ปาติสราวาทิโก ภาชนวิเสโส. กํสปตฺตาทีนีติ อาทาสภาเวน อกตานิ ปริสุทฺธภาเวน อาโลกกรานิ วตฺถูนิ. อาทิ-สทฺเทน สุวณฺณรชตชาติผลิกาทโย สงฺคณฺหาติ, กฺชิยาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ทฺรวชาติกานิ เตลมธุขีราทีนิ. อาพาธปจฺจยาติ อตฺตโน มุเข อุปฺปนฺนวณปจฺจยา. เตนาห ‘‘สฺฉวิ นุ โข เม วโณ’’ติอาทิ. อายุํ สงฺขโรตีติ อายุสงฺขาโร. โก โส? อตฺตภาโว, ตํ อายุสงฺขารํ, ตํ โอโลเกนฺโต เกนากาเรน โอโลเกยฺยาติ ปุจฺฉายมาห ‘‘ชิณฺโณ นุ โขมฺหิ โนติ เอว’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – มม อตฺตภาโว ชิณฺโณ นุ โข วา, โน ชิณฺโณ นุ โข วาติ เอวํ อิมินา มนสิกาเรน กมฺมฏฺานสีเสน โอโลเกตุํ วฏฺฏติ. ‘‘โสภติ นุ โข เม อตฺตภาโว, โน วา’’ติ เอวํ ปวตฺเตน อตฺตสิเนหวเสน โอโลเกตุํ น วฏฺฏตีติ.

น มุขํ อาลิมฺปิตพฺพนฺติ วิปฺปสนฺนฉวิวณฺณกเรหิ มุขเลปเนหิ น ลิมฺปิตพฺพํ. น อุมฺมทฺทิตพฺพนฺติ นานาอุมฺมทฺทเนหิ น อุมฺมทฺทิตพฺพํ. น จุณฺเณตพฺพนฺติ มุขจุณฺณเกน น มกฺเขตพฺพํ. น มโนสิลิกาย มุขํ ลฺเชตพฺพนฺติ มโนสิลาย ติลกาทิลฺชนานิ น กาตพฺพานิ. น เกวลํ มโนสิลายเมว, หริตาลาทีหิปิ ตานิ น วฏฺฏนฺติเยว. องฺคราคาทโย ปากฏาเยว.

นจฺจาทิกถา

๒๕. นจฺจาทิกถายํ ‘‘สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตคีตํ. จตุรสฺเสน วตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน อุจฺจารณวตฺเตน. ตรงฺควตฺตาทีนํ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปฺปโยคานี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๔๘-๒๔๙) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๔๘-๒๔๙) ‘‘สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสฺุตฺตํ คีตํ. จตุรสฺเสน วตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน อุจฺจารณวตฺเตน. ตรงฺควตฺตาทีนํ สพฺเพสํ สามฺลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘สพฺเพสํ…เป… ลกฺขณ’นฺติ วุตฺตํ. ยตฺตกาหิ มตฺตาหิ อกฺขรํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตโตปิ อธิกมตฺตายุตฺตํ กตฺวา กถนํ วิการกถนํ นาม, ตถา อกตฺวา กถนเมว ลกฺขณนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๔๘-๒๔๙) ปน ‘‘สาธุคีตํ นาม ปรินิพฺพุตฏฺาเน คีตนฺติ ลิขิตํ. ทนฺตคีตํ คายิตุกามานํ วากฺกรณียํ. ทนฺตคีตสฺส วิภาวนตฺถํ ‘ยํ คายิสฺสามา’ติอาทิมาห. จตุรสฺสวตฺตํ นาม จตุปาทคาถาวตฺตํ. ‘ตรงฺควตฺตาทีนิ อุจฺจารณวิธานานิ นฏฺปฺปโยคานี’ติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.

องฺคจฺเฉทาทิกถา

๒๖. องฺคจฺเฉทาทิกถายํ ‘‘อตฺตโน องฺคชาตํ ฉินฺทนฺตสฺเสว ถุลฺลจฺจยํ, ตโต อฺํ ฉินฺทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อาพาธปจฺจยา ฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๕๑) ปน ‘‘องฺคชาตนฺติ พีชวิรหิตํ ปุริสนิมิตฺตํ. พีเช หิ ฉินฺเน โอปกฺกมิกปณฺฑโก นาม อภพฺโพ โหตีติ วทนฺติ. เอเก ปน ‘พีชสฺสปิ เฉทนกฺขเณ ทุกฺกฏาปตฺติ เอว, กเมน ปุริสินฺทฺริยาทิเก อนฺตรหิเต ปณฺฑโก นาม อภพฺโพ โหติ, ตทา ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ’ติ วทนฺติ. ตาทิสํ วา ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ มุฏฺิปฺปหาราทีหิ อตฺตโน ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

ปตฺตกถา

๒๘. ปตฺตกถายํ ‘‘ภูมิอาธารเกติ วลยาธารเก. ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา กตอาธารเก, พหูหิ ทณฺฑเกหิ กตอาธารเก วาติ อตฺโถ. ตีหิ ทณฺเฑหิ กโต ปน น วฏฺฏติ. ภูมิยํ ปน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอกเมว เปตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘ทฺเว เปนฺเตน อุปริ ปิตปตฺตํ เอเกน ปสฺเสน ภูมิยํ ผุสาเปตฺวา เปตุํ วฏฺฏตี’ติ วทนฺติ. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ. ปริวตฺเตตฺวา ตตฺเถว ปติฏฺาตีติ เอตฺถ ‘ปริวตฺเตตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิยา ปติฏฺาตี’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ปริภณฺฑนฺเตติ เอตฺถ ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิกุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ. ตนุกมิฑฺฒิกายาติ ขุทฺทกมิฑฺฒิกาย. มิฑฺฒนฺเตปิ อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ. ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาธารก’นฺติ หิ วจนโต มิฑฺฒาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาธารกํ เปตฺวา ตตฺถ ปตฺตํ เปตุํ วฏฺฏติ อาธารเก ปโนกาสสฺส อนิยมิตตฺตาติ วทนฺติ. ‘ปตฺตมาโฬ นาม วฏฺเฏตฺวา ปตฺตานํ อคมนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา กโต’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ฆฏิกนฺติ อุปริ โยชิตํ อคฺคฬํ. ตาวกาลิกํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตีติ สกิเทว คเหตฺวา เตน อามิสํ ปริภุฺชิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. ฆฏิกฏาเหติ ภาชนกปาเล. ปาฬิยํ อภุํ เมติ เอตฺถ ภวตีติ ภู, วฑฺฒิ. น ภูติ อภู, อวฑฺฒิ. ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘อภุ’นฺติ อาห, วินาโส มยฺหนฺติ อตฺโถ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ฉวสีสมยํ ปตฺตํ. ปกติวิการสมฺพนฺเธ เจตํ สามิวจนํ. อเภเทปิ วา ตทุปจารวเสเนวายํ โวหาโร ‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’นฺติอาทีสุ วิย. จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ วามหตฺเถเนว ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตฺวา. อุจฺฉิฏฺหตฺเถนาติ สามิเสน หตฺเถน. เอตฺตาวตาติ เอกคณฺฑุสํ คหณมตฺเตน. ลุฺจิตฺวาติ ตโต มํสํ อุทฺธริตฺวา. เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา, มา วา, อาปตฺติเยวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๕๓-๒๕๕) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๕๒) ปน ‘‘คิหิวิกฏานีติ คิหิสนฺตกานิ. ปาฬิยํ น อจฺฉุปิยนฺตีติ น ผุสฺสิตานิ โหนฺติ. รูปกากิณฺณานิ อิตฺถิรูปาทิอากิณฺณานิ. ภูมิอาธารเกติ ทนฺตาทีหิ กเต วลยาธารเก. เอตสฺส วลยาธารกสฺส อนุจฺฉวิตาย ปิตา ปตฺตา น ปริวตฺตนฺตีติ ‘ตโย ปตฺเต เปตุํ วฏฺฏตี’ติ วุตฺตํ. อนุจฺจตฺหิ สนฺธาย อยํ ‘ภูมิอาธารโก’ติ วุตฺโต. ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา กตอาธารเก จ พหูหิ ทณฺฑเกหิ กตอาธารเก จ, เอเต จ อุจฺจตรา โหนฺติ ปตฺเตหิ สห ปตนสภาวา, เตน ‘สุสชฺชิเตสู’ติ วุตฺตํ. ภมโกฏิสทิเสนาติ ยตฺถ ธมกรณาทึ ปเวเสตฺวา ลิขนฺติ, ตสฺส ภมกสฺส โกฏิยา สทิโส. ตาทิสสฺส ทารุอาธารกสฺส อวิตฺถิณฺณตาย ปิโตปิ ปตฺโต ปตตีติ ‘อโนกาโส’ติ วุตฺโต. อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ, อุจฺจวตฺถุกานนฺติ อตฺโถ. พาหิรปสฺเสติ ปาสาทาทีนํ พหิกุฏฺเฏ. ตนุกมิฑฺฒิกายาติ เวทิกาย. สพฺพตฺถ ปน หตฺถปฺปมาณโต อพฺภนฺตเร เปตุํ วฏฺฏติ, อาธารเก ปน ตโต พหิปิ วฏฺฏติ. อฺเน ปน ภณฺฑเกนาติ อฺเน ภารภณฺเฑน ภณฺฑเกน. ‘พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุ’นฺติ จ วุตฺตตฺตา ปตฺตตฺถวิกาย อํสพทฺธโก ยถา ลคฺคิตฏฺานโต น ปริคฬติ, ตถา สพฺพถาปิ พนฺธิตฺวา เปตุํ วฏฺฏติ. พนฺธิตฺวาปิ อุปริ เปตุํ น วฏฺฏตีติ ‘อุปริ นิสีทนฺตา โอตฺถริตฺวา ภินฺทนฺตี’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เปตุํ วฏฺฏตีติ นิสีทนสงฺกาภาวโต วุตฺตํ. พนฺธิตฺวา วาติ พนฺธิตฺวา ปิตฉตฺเต วา. โย โกจีติ ภตฺตปูโรปิ ตุจฺฉปตฺโตปิ. ปริหริตุนฺติ ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑาย จรณตฺถาย เปตุํ. ปตฺตํ อลภนฺเตน ปน เอกทิวสํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ. ปณฺณปุฏาทีสุปิ เอเสว นโย. ฉวสีสสฺส ปตฺโตติ ฉวสีสมโย ปตฺโต, ปกติวิการสมฺพนฺเธ เจตํ สามิวจนํ. จพฺเพตฺวาติ นิฏฺุภิตฺวา. ‘ปฏิคฺคหํ กตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา อุจฺฉิฏฺหตฺเถน อุทกํ คเหตฺวา ปตฺตํ ปริปฺโผสิตฺวา โธวนฆํสนวเสน หตฺถํ โธวิตุํ วฏฺฏติ. เอตฺตเกน หิ ปตฺตํ ปฏิคฺคหํ กตฺวา หตฺโถ โธวิโต นาม น โหติ. เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ ปตฺตํ อผุสิตฺวา ตตฺถ อุทกเมว อุจฺฉิฏฺหตฺเถน อุกฺขิปิตฺวา คณฺฑุสํ กตฺวา, วามหตฺเถเนว วา ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตุมฺปิ วฏฺฏติ. พหิ อุทเกน วิกฺขาเลตฺวาติ ทฺวีสุ องฺคุลีสุ อามิสมตฺตํ วิกฺขาเลตฺวา พหิ คเหตุมฺปิ วฏฺฏติ. ปฏิขาทิตุกาโมติ เอตฺถ สยํ น ขาทิตุกาโมปิ อฺเสํ ขาทนารหํ เปตุํ ลภติ. ตตฺเถว กตฺวาติ ปตฺเตเยว ยถาปิตฏฺานโต อนุทฺธริตฺวา. ลุฺจิตฺวาติ ตโต มํสเมว นิรวเสสํ อุปฺปฏฺเฏตฺวา’’ติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๕๔) ปน ‘‘อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ. ปริวตฺเตตฺวา ตตฺเถวาติ เอตฺถ ‘ปริวตฺเตตฺวา ตติยวาเร ตตฺเถว มิฑฺฒิกาย ปติฏฺาตี’ติ ลิขิตํ. ปริภณฺฑํ นาม เคหสฺส พหิกุฏฺฏปาทสฺส ถิรภาวตฺถํ กตา ตนุกมิฑฺฒิกา วุจฺจติ, เอตฺถ ‘ปริวตฺเตตฺวา ปตฺโต ภิชฺชตีติ อธิกรณเภทาสงฺการอภาเว าเน เปตุํ วฏฺฏตี’ติ ลิขิตํ. ปตฺตมาโฬ วตฺเตตฺวา ปตฺตานํ อปตนตฺถํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา อิฏฺกาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา มาฬกจฺฉนฺเนน กโต. ‘ปตฺตมณฺฑลิกา ปตฺตปจฺฉิกา กาลปณฺณาทีหิ กตา’ติ จ ลิขิตํ. มิฑฺฒนฺเต อาธารเก เปตุํ วฏฺฏติ ปตฺตสนฺธารณตฺถํ วุตฺตตฺตา. มฺเจ อาธารเกปิ น วฏฺฏติ นิสีทนปจฺจยา วาริตตฺตา. อาสนฺนภูมิกตฺตา โอลมฺเพตุํ วฏฺฏติ. ‘อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวาติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๔) วจนโต อคฺคหตฺเถ ลคฺเคตฺวา องฺเก เปตุํ น วฏฺฏตี’ติ เกจิ วทนฺติ, น สุนฺทรํ. น เกวลํ ยสฺส ปตฺโตติอาทิ ยทิ หตฺเถน คหิตปตฺเต เภทสฺา, ปเคว อฺเน สรีราวยเวนาติ กตฺวา วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ปจุรโวหารวเสน วุตฺตํ. ฆฏิกปาลมยํ ฆฏิกฏาหํ. ฉวสีสสฺส ปตฺตนฺติ ‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีรํ, ขีรสฺส ธารา’ติอาทิโวหารวเสน วุตฺตํ, มฺเจ นิสีทิตุํ อาคโตติ อตฺโถ. ปิสาจิลฺลิกาติ ปิสาจทารกาติปิ วทนฺติ. ทินฺนกเมว ปฏิคฺคหิตเมว. จพฺเพตฺวาติ ขาทิตฺวา. อฏฺีนิ จ กณฺฏกานิ จ อฏฺิกณฺฏกานิ. เอเตสุ สพฺเพสุ ปณฺณตฺตึ ชานาตุ วา, มา วา, อาปตฺติเยวาติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.

สพฺพปํสุกูลาทิกถา

๒๙. สพฺพปํสุกูลาทิกถายํ ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาเวน อุลติ ปวตฺตตีติ ปํสุกูลํ, สพฺพํ ตํ เอตสฺสาติ สพฺพปํสุกูลิโก, ปตฺตจีวราทิกํ สพฺพํ สมณปริกฺขารํ ปํสุกูลํเยว กตฺวา ธารณสีโลติ อตฺโถ. สมณปริกฺขาเรสุ กตมํ ปํสุกูลํ กตฺวา ธาเรตุํ วฏฺฏตีติ ปุจฺฉํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ ปน จีวรฺจ มฺจปีฺจ ปํสุกูลํ วฏฺฏตี’’ติ. ตตฺถ จ จีวรํ วินยวเสน จ ธุตงฺคสมาทานวเสน จ วฏฺฏติ, มฺจปีํ วินยวเสเนว. กตมํ ปํสุกูลํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อชฺโฌหรณียํ ปน ทินฺนเมว คเหตพฺพ’’นฺติ, น อทินฺนํ, ตสฺมา ปํสุกูลํ น วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ ‘‘อชฺโฌหรณีย’’นฺติ วจเนน ปิณฺฑปาตคิลานปจฺจยเภสชฺชปอกฺขารวเสน อุโภปิ ปจฺจเย ทสฺเสติ.

ปริสฺสาวนกถา

๓๐. ปริสฺสาวนกถายํ อทฺธานมคฺโค นาม สพฺพนฺติมปริจฺเฉเทน อฑฺฒโยชนปฺปมาโณ, ตตฺตกํ มคฺคํ ปริสฺสาวนํ อคฺคเหตฺวา คจฺฉนฺโตปิ อฺเน อปริสฺสาวนเกน ภิกฺขุนา ยาจิยมาโน หุตฺวา อเทนฺโตปิ น วฏฺฏติ, อาปตฺติเยว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริสฺสาวน’’นฺติ อนุชานิตฺวา ‘‘โจฬกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กฏจฺฉุปริสฺสาวน’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๘) วุตฺตตฺตา ปกติปริสฺสาวนโต กฏจฺฉุปริสฺสาวนํ ขุทฺทกนฺติ วิฺายติ. ปกติปริสฺสาวนสฺส วิธานํ อฏฺกถายํ น วุตฺตํ, กฏจฺฉุปริสฺสาวนสฺส ปน วิธานํ ‘‘กฏจฺฉุปริสฺสาวนํ นาม ตีสุ ทณฺฑเกสุ วินนฺธิตฺวา กต’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๘) วุตฺตํ. กฏจฺฉุปริสฺสาวนํ วตฺวา ปุน ‘‘โจฬกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธมกรณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๘) วุตฺตตฺตา กฏจฺฉุปริสฺสาวนโตปิ ธมกรโณ ขุทฺทกตโรติ วิฺายติ. ธมกรณสฺส วิธานํ เหฏฺา ปริกฺขารกถายํ วุตฺตเมว. ‘‘ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺติ, ปริสฺสาวนํ น สมฺมติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทณฺฑปริสฺสาวน’’นฺติ (จูฬว ๒๕๙) วุตฺตตฺตา ปกติปริสฺสาวนโตปิ ทณฺฑปริสฺสาวนํ มหนฺตตรนฺติ วิฺายติ. ‘‘ทณฺฑปริสฺสาวนํ น สมฺมติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอตฺถรก’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๙) วจนโต ทณฺฑปริสฺสาวนโตปิ โอตฺถรกํ มหนฺตตรนฺติ วิฺายติ. เตสํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปริสฺสาวนานํ วิธานํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๙) อาคตเมว.

นคฺคกถา

๓๑. นคฺคกถายํ น นคฺเคน นคฺโค อภิวาเทตพฺโพติ นคฺเคน นวกตเรน ภิกฺขุนา นคฺโค วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ น อภิวาเทตพฺโพ น วนฺทิตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘น, ภิกฺขเว, นคฺเคน นคฺโค อภิวาเทตพฺโพ, โย อภิวาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๖๑) ภควตา วจนโต น อภิวาเทตพฺโพติ โยชนา. เอตฺถ ปน วทิ อภิวาทนถุตีสูติ ธาตุสฺส จุราทิคณตฺตา เณ-ปจฺจโย โหติ, น เหตฺวตฺถตฺตา.

‘‘อกมฺมเกหิ ธาตูหิ, ภาเว กิจฺจา ภวนฺติ เต;

สกมฺมเกหิ กมฺมตฺเถ, อรหสกฺกตฺถทีปกา’’ติ. –

วจนโต กมฺมตฺเถ ตพฺพ-ปจฺจโยติ ทฏฺพฺโพ. น นคฺเคน อภิวาเทตพฺพนฺติ เอตฺถ ตุ นคฺเคน ภิกฺขุนา น อภิวาเทตพฺพนฺติ เอตฺตกเมว โยชนา. นนุ จ โภ –

‘‘กิจฺจา ธาตุหฺยกมฺเมหิ, ภาเวเยว นปุํสเก;

ตทนฺตา ปายโต กมฺเม, สกมฺเมหิ ติลิงฺคิกา’’ติ. –

วจนโต, อิมิสฺสา จ ธาตุยา สกมฺมตฺตา กมฺมํ อชฺฌาหริตพฺพํ, กมฺมานุรูปฺจ ลิงฺคํ เปตพฺพํ, อถ กสฺมา เอตฺตกเมว โยชนา กตาติ? กมฺมวจนิจฺฉาภาวโต. วุตฺตฺหิ –

‘‘กมฺมสฺสาวจนิจฺฉายํ, สกมฺมาขฺยาตปจฺจยา;

ภาเวปิ ตํ ยถา เคเห, เทวทตฺเตน ปจฺจเต’’ติ.

ยถา อาขฺยาตปจฺจยสงฺขาตา วิภตฺติโย สกมฺมกธาตุโต ภวนฺตาปิ กมฺมวจนิจฺฉาย อสติ กมฺมํ อวตฺวา ภาวตฺถเมว วทนฺติ, เอวํ กิจฺจปจฺจยาปิ สกมฺมกธาตุโต ภวนฺตาปิ กมฺมวจนิจฺฉายาภาวโต กมฺมํ อวตฺวา ภาวตฺถเมว วทนฺติ, ตสฺมา กมฺมฺจ อนชฺฌาหริตํ, กมฺมานุรูปฺจ ลิงฺคํ น ปิตํ, ภาวตฺถานุรูปเมว ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ หิ ‘‘อยํ นาม ปุคฺคโล อภิวาเทตพฺโพ’’ติ อจินฺเตตฺวา สามฺโต กตฺตารเมว คเหตฺวา ปิโตติ เวทิตพฺโพ.

น นคฺเคน นคฺโค อภิวาทาเปตพฺโพติ เอตฺถ ปน นคฺเคน วุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา นคฺโค นวกตโร ภิกฺขุ น อภิวาทาเปตพฺโพ, น วนฺทาเปตพฺโพติ โยชนา. เอตฺถ หิ สการิตสฺส กิจฺจปจฺจยสฺส ทิฏฺตฺตา, ธาตุยา จ สกมฺมกตฺตา นวกตโร ภิกฺขุ ธาตุกตฺตา โหติ, วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ธาตุกมฺมํ, ปุน การิตสมฺพนฺเธ วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ การิตกตฺตา โหติ, นวกตโร ภิกฺขุ การิตกมฺมํ. วุตฺตฺหิ –

‘‘เหตุกฺริยาย สมฺพนฺธี-ภาวา กมฺมนฺติ มนฺยเต;

เหตุกฺริยาปธานตฺตา, อฺถานุปปตฺติโต’’ติ.

น นคฺเคน อภิวาทาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ตุ นคฺเคน วุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา น อภิวาทาเปตพฺพํ, น วนฺทาเปตพฺพนฺติ โยชนา, เอตฺถาปิ กมฺมวจนิจฺฉายาภาวโต วุตฺตนเยน ภาเวเยว กิจฺจปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺโพ. นนุ วนฺทาปเก สติ วนฺทาเปตพฺโพ ลพฺภติเยว, อถ ‘‘กสฺมา กมฺมวจนิจฺฉายาภาวโต’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘วตฺติจฺฉานุปุพฺพิกา สทฺทปฏิปตฺตี’’ติ วจนโต วตฺติจฺฉาภาวโต น วุตฺตนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปุพฺพาจริเยหิ –

‘‘วตฺติจฺฉา น ภเว สนฺต-มปฺยสนฺตมฺปิ สา ภเว;

ตํ ยถานุทรา กฺา, สมุทฺโท กุณฺฑิกาติ จา’’ติ.

อิตเรสุปิ สุวิฺเยฺยเมว. ปฏิจฺฉาเทนฺติ องฺคมงฺคานิ เอตาหีติ ปฏิจฺฉาทิโย.

คนฺธปุปฺผกถา

๓๒. คนฺธปุปฺผกถายํ ‘‘คนฺธคนฺธํ ปน คเหตฺวา กวาเฏ ปฺจงฺคุลึ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วจนโต คนฺเธ ทินฺเน ปฏิคฺคหิตุํ วฏฺฏติ, โน ลิมฺปิตุนฺติ สิทฺธํ. อิทานิ ปน มนุสฺสา ภิกฺขู โภเชตฺวา หตฺถโธวนาวสาเน หตฺถวาสตฺถาย คนฺธวิเลปนํ เทนฺติ, ตํ ภิกฺขู ปฏิคฺคเหตฺวา เอกจฺเจ หตฺถเมว ลิมฺเปนฺติ, เอกจฺเจ กายมฺปิ มุขมฺปิ อาลิมฺเปนฺติ, ‘‘สุคนฺโธ วตา’’ติอาทีนิ วตฺวา หฏฺปหฏฺาการํ กโรนฺติ, ตํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? ‘‘กวาเฏ ปฺจงฺคุลิกํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิหาเร กวาฏธูปนมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา กายธูปนสฺส อวุตฺตตฺตา, ‘‘มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา เวรมณี’’ติ วจนสฺสานุโลมโต จ น วฏฺฏตีติ ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘ปุปฺผํ คเหตฺวา วิหาเร เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ วจนโต ปุปฺเผ ทินฺเน คเหตุํ วฏฺฏติ, น ปิฬนฺธนาทีนิ กาตุนฺติ สิทฺธํ. อิทานิ ปน ภิกฺขูสุ คนฺธปุปฺเผสุ ลทฺเธสุ ‘‘สุรภิคนฺธํ วติทํ ปุปฺผ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปหฏฺาการํ กตฺวา สิงฺฆนฺติ, ตํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? ตมฺปิ วิหาเรเยว เอกมนฺตํ ปนสฺส วุตฺตตฺตา สิงฺฆิตพฺพาทิภาวสฺส อวุตฺตตฺตา, มาลาคนฺธาทิปาสฺส อนุโลมโต จ น วฏฺฏตีติ ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ วจนสฺส ปน สามตฺถิยโต เจติยปฏิมาปูชนาทีนิ จ กาตุํ วฏฺฏตีติ วิฺายติ.

อาสิตฺตกูปธานกถา

๓๓. อาสิตฺตกูปธานกถายํ มนุสฺสานํ ภรณสีลตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺพโลเหน วา รชเตน วา’’ติ วุตฺตํ, วิกปฺปนตฺเถน ปน วา-สทฺเทน หิรฺเน วา สุวณฺเณน วาติอาทึ สงฺคณฺหาติ. ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปนาติ ภควตา ปน อาสิตฺตกูปธานสฺส สามฺวเสน ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. น เกวลํ รตนเปฬา เอว น วฏฺฏติ, อถ โข ทารุมยาปีติ. เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตํ น วิลีวมยตาลปณฺณมยเวตฺตมยาทิกํ สมฺปิณฺเฑติ.

มโฬริกกถา

๓๔. มโฬริกกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มโฬริก’’นฺติ คิลาโน ภิกฺขุ ภุฺชมาโน น สกฺโกติ หตฺเถน ปตฺตํ สนฺธาเรตุํ, ตสฺมา อนุฺาตํ. ปุพฺเพ ปตฺตสงฺโคปนตฺถํ อาธารโก อนุฺาโต, อิทานิ ภุฺชนตฺถํ. ทณฺฑาธารโก วุจฺจตีติ ทณฺฑาธารโก ปธานโต มโฬริโกติ วุจฺจติ. ยฏฺิ…เป… ปีาทีนิปิ อาธารกสามฺเน เอตฺเถว ปวิฏฺานีติ สมฺพนฺโธ. อาธารกํ นาม ฉิทฺทํ วิทฺธมฺปิ อตฺถิ, อวิทฺธมฺปิ อตฺถิ, เตสุ กตมํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อาธารสงฺเขปคมนโต หิ…เป… วฏฺฏติเยวา’’ติ.

เอกภาชนาทิกถา

๓๕. เอกภาชนาทิกถายํ เอกโตภุฺชนํ นาม เอกภาชนสฺมึ เอกกฺขเณเยว สหภุฺชนํ, น นานาภาชเน. เอกภาชนสฺมิมฺปิ น นานากฺขเณติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺมึ อปคเต ตสฺส อปคตตฺตา อิตรสฺส เสสกํ ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. อิมินา เอกกฺขเณ อภุฺชนภาวํ ทสฺเสติ. อิตรสฺสปีติอาทีสุ อิตรสฺสปีติ อิตรีตรกถนํ, เสสภุฺชกอิตรโต อิตรสฺสาติ อตฺโถ. เตน ปมํ คเหตฺวา คตภิกฺขุเมวาห. ตสฺมึ ขีเณ ตสฺส ขณตฺตา ปมํ คหิตวตฺถุสฺส ขีณตฺตา ปุน คเหตุํ วฏฺฏติ. อิมินา สหอภุฺชนภาวํ ทสฺเสติ.

น เอกมฺเจ นิปชฺชิตพฺพํ สติปิ นานาอตฺถรเณ ‘‘น เอกมฺเจ ตุวฏฺฏิตพฺพํ, โย ตุวฏฺเฏยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๖๔) วจนโต. น เอกตฺถรเณ นิปชฺชิตพฺพํ สติปิ นานามฺเจ ‘‘น เอกตฺถรณา ตุวฏฺฏิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๔) วจนโต, ปเคว อุภินฺนํ เอกตฺเตติ อตฺโถ. ยทิ เอวํ นานามฺจนานาอตฺถรเณสุ อสนฺเตสุ กถํ อนาปตฺติ สิยาติ จินฺตายมาห ‘‘ววตฺถานํ ปนา’’ติอาทิ. เอกตฺถรณปาวุรเณหีติ เอตฺถ ปน อยํ เอกตฺถรณปาวุรณสทฺโท น จตฺถสมาโส โหติ, อถ โข พาหิรตฺถสมาโสติ อาห ‘‘เอกํ อตฺถรณฺเจว ปาวุรณฺจ เอเตสนฺติ เอกตฺถรณปาวุรณา’’ติ, ติปทตุลฺยาธิกรณพาหิรตฺถสมาโสยํ. เกสเมตมธิวจนนฺตฺยาห ‘‘เอกํ อนฺตํ อตฺถริตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชนฺตานเมตํ อธิวจน’’นฺติ, เอวํ นิปชฺชนฺตานํ ภิกฺขูนํ เอตํ เอกตฺถรณปาวุรณปทํ อธิวจนํ โหตีติ อธิปฺปาโย. เกสํ ปน อนฺตนฺติ อาห ‘‘สํหาริมาน’’นฺติอาทิ.

เจลปฏิกกถา

๓๖. เจลปฏิกกถายํ เจลปฏิกนฺติ เจลสนฺถรํ. กึ ปน ภควโต สิกฺขาปทปฺาปเน การณนฺติ? ‘‘โพธิราชกุมาโร กิร ‘สเจ อหํ ปุตฺตํ ลจฺฉามิ, อกฺกมิสฺสติ เม ภควา เจลปฏิก’นฺติ อิมินา อชฺฌาสเยน สนฺถริ, อภพฺโพ เจส ปุตฺตลาภาย, ตสฺมา ภควา น อกฺกมิ. ยทิ อกฺกเมยฺย, ปจฺฉา ปุตฺตํ อลภนฺโต ‘นายํ สพฺพฺู’ติ ทิฏฺึ คณฺเหยฺย, อิทํ ตาว ภควโต อนกฺกมเน การณํ. ยสฺมา ปน ภิกฺขูปิ เย อชานนฺตา อกฺกเมยฺยุํ, เต คิหีนํ ปริภูตา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา ภิกฺขู ปริภวโต โมเจตุํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ, อิทํ สิกฺขาปทปฺาปเน การณ’’นฺติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๖๘) วุตฺตํ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๖๘) ปน ‘‘ภควา ตุณฺหี อโหสีติ ‘กิสฺส นุ โข อตฺถาย ราชกุมาเรน อยํ มหาสกฺกาโร กโต’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุตฺตปตฺถนาย กตภาวํ อฺาสิ. โส หิ ราชปุตฺโต อปุตฺตโก, สุตฺจาเนน อโหสิ ‘พุทฺธานํ กิร อธิการํ กตฺวา มนสา อิจฺฉิตํ ลภนฺตี’ติ, โส ‘สจาหํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ. โน เจ ลภิสฺสามิ, น อกฺกมิสฺสตี’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สนฺถราเปสิ. อถ ภควา ‘นิพฺพตฺติสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปุตฺโต’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘น นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ อทฺทส. ปุพฺเพ กิร โส เอกสฺมึ ทีเป วสมาโน ภริยาย สมานจฺฉนฺโท อเนกสกุณโปตเก ขาทิ. ‘สจสฺส มาตุคาโม ปุฺวา ภเวยฺย, ปุตฺตํ ลเภยฺย, อุโภหิ ปน สมานจฺฉนฺเทหิ หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตํ, เตนสฺส ปุตฺโต น นิพฺพตฺติสฺสตีติ อฺาสิ. ทุสฺเส ปน อกฺกนฺเต ‘พุทฺธานํ อธิการํ กตฺวา ปตฺถิตํ ลภนฺตีติ โลเก อนุสฺสโว, มยา จ มหาอธิกาโร กโต, น จ ปุตฺตํ ลภามิ, ตุจฺฉํ อิทํ วจน’นฺติ มิจฺฉาคาหํ คณฺเหยฺย. ติตฺถิยาปิ ‘นตฺถิ สมณานํ อกตฺตพฺพํ นาม, เจลปฏิกมฺปิ มทฺทนฺตา อาหิณฺฑนฺตี’ติ อุชฺฌาเยยฺยุํ, เอตรหิ จ อกฺกมนฺเตสุ พหู ภิกฺขู ปรจิตฺตวิทุโน, เต ภพฺพตฺตํ ชานิตฺวา อกฺกมิสฺสนฺติ. อภพฺพตํ ชานิตฺวา น อกฺกมิสฺสนฺติ. อนาคเต ปน อุปนิสฺสโย มนฺโท ภวิสฺสติ, อนาคตํ น ชานิสฺสนฺติ. เตสุ อกฺกมนฺเตสุ สเจ ปตฺถิตํ สมิชฺฌิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อิชฺฌิสฺสติ, ‘ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อธิการํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ลภนฺติ, อิทานิ น ลภนฺติ, เตเยว มฺเ ภิกฺขู ปฏิปตฺติปูรกา อเหสุํ, อิเม ปน ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ น สกฺโกนฺตี’ติ มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน ภวิสฺสนฺตีติ อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ภควา อกฺกมิตุํ อนิจฺฉนฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตีติ อิทํ ปน เถโร วุตฺเตสุ การเณสุ ตติยการณํ สนฺธายาหา’’ติ วุตฺตํ.

ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๖๘) ‘‘ยาจิยมาเนน เจลปฏิกํ อกฺกมิตุ’’นฺติ วจนโต ยาจิยมาเนน เอว อกฺกมิตพฺพํ, โน อยาจิยมาเนนาติ สิทฺธํ, ตตฺถปิ ‘‘มงฺคลตฺถายา’’ติ (จูฬว. ๒๖๘) วจนโต มงฺคลตฺถาย ยาจิยมาเนน อกฺกมิตพฺพํ, น สิริโสภคฺคาทิอตฺถาย ยาจิยมาเนนาติ จ, ตตฺถปิ ‘‘คิหีน’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๘) วจนโต คิหีนํ เอว เจลสนฺถรํ อกฺกมิตพฺพํ, น ปพฺพชิตานนฺติ จ. อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๖๘) ‘‘ยา กาจิ อิตฺถี อปคตคพฺภา วา โหตุ, ครุคพฺภา วา’’ติ อนิยมวาจเกน วา-สทฺเทน วจนโต น เกวลํ อิมา ทฺเวเยว คเหตพฺพา, อถ โข ‘‘ปติฏฺิตคพฺภา วา วิชาติปุตฺตา วา’’ติอาทินา ยา กาจิ มงฺคลิกาโย อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ คเหตพฺพา. ‘‘เอวรูเปสุ าเนสู’’ติ วุตฺตตฺตา น เกวลํ ยถาวุตฺตฏฺาเนสุเยว, อถ โข ตํสทิเสสุ เยสุ เกสุจิ มงฺคลฏฺาเนสุ เยสํ เกสฺจิ คิหีนํ มงฺคลตฺถาย ยาจิยมานานํ เจลสนฺถรํ อกฺกมิตุํ วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๖๘) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โธตปาทกํ อกฺกมิตุ’’นฺติ สามฺวเสน วจนโต, อฏฺกถายฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๒๖๘) ‘‘ตํ อกฺกมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา โธตปาทกํ อยาจิยมาเนนปิ ภิกฺขุนา อกฺกมิตพฺพนฺติ สิทฺธํ, ‘‘โธเตหิ ปาเทหิ อกฺกมนตฺถายา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา อโธเตหิ อกฺกมิตุํ น วฏฺฏตีติ จ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

ปาทฆํสนียกถา

๓๗. ปาทฆํสนียกถายํ ปมํ ตาว อกปฺปิยปาทฆํสนึ ทสฺเสตุํ ‘‘กตกํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. กตกํ นาม กีทิสนฺติ ปุจฺฉาย สติ วุตฺตํ ‘‘กตกํ นาม ปทุมกณฺณิกาการ’’นฺติอาทิ. กสฺมา ปฏิกฺขิตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘พาหุลิกานุโยคตฺตา’’ติ. ตโต กปฺปิยปาทฆํสนิโย ทสฺเสตุมาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปาทฆํสนิโย’’ติอาทิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

พีชนีกถา

๓๘. พีชนีกถายํ ปมํ ตาว อกปฺปิยพีชนึ ทสฺเสตุํ ‘‘จมรีวาเลหิ กตพีชนี น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ตโต กปฺปิยฉพีชนิโย ทสฺเสตุํ ‘‘มกสพีชนีอาทิ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ตตฺถ กปฺปิยฉพีชนิโย นาม มกสพีชนี, วากมยพีชนี, อุสีรมยพีชนี, โมรปิฺฉมยพีชนี, วิธูปนํ, ตาลวณฺฏฺจาติ. ตาสํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิธูปนนฺติ พีชนี วุจฺจตี’’ติอาทิมาห. อุสีรมยํ โมรปิฺฉมยฺจ สุวิฺเยฺยตฺตา น วุตฺตํ. ‘‘พีชนินฺติ จตุรสฺสพีชนึ. ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺตาทีหิ กตํ มณฺฑลิกพีชนิ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๖๙) วุตฺตํ.

ฉตฺตกถา

๓๙. ฉตฺตกถายํ ฉตฺตํ นาม ตีณิ ฉตฺตานิ เสตจฺฉตฺตํ, กิลฺชจฺฉตฺตํ, ปณฺณจฺฉตฺตนฺติ. ตตฺถ เสตจฺฉตฺตนฺติ วตฺถปลิคุณฺิตํ ปณฺฑรจฺฉตฺตํ. กิลฺชจฺฉตฺตนฺติ วิลีวจฺฉตฺตํ. ปณฺณจฺฉตฺตนฺติ ตาลปณฺณาทีหิ เยหิ เกหิจิ กตํ. มณฺฑลพทฺธํ สลากพทฺธนฺติ อิทํ ปน ติณฺณมฺปิ ฉตฺตานํ ปฺชรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตานิ หิ มณฺฑลพทฺธานิ เจว โหนฺติ สลากพทฺธานิ จ. ยมฺปิ ตตฺถชาตกทณฺเฑน กตํ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ โหติ, ตมฺปิ ฉตฺตเมว. ‘‘วิลีวจฺฉตฺตนฺติ เวณุวิลีเวหิ กตํ ฉตฺตํ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ ตาลปณฺณํ สห ทณฺฑเกน ฉินฺทิตฺวา ตเมว ฉตฺตทณฺฑํ กโรนฺติ โคปาลกาทโย วิย, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๓๔) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๖๓๔) ปน ‘‘วิลีวจฺฉตฺตนฺติ เวณุเปสิกาหิ กตํ. มณฺฑลพทฺธานีติ ทีฆสลากาสุ ติริยํ วลยากาเรน สลากํ เปตฺวา สุตฺเตหิ พทฺธานิ ทีฆฺจ ติริยฺจ อุชุกเมว สลากาโย เปตฺวา ทฬฺหพทฺธานิ เจว ติริยํ เปตฺวา ทีฆทณฺฑเกเหว สงฺโกจารหํ กตฺวา สุตฺเตเหว ติริยํ พทฺธานิ. ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตนฺติ สห ทณฺฑเกน ฉินฺนตาลปณฺณาทีหิ กต’’นฺติ วุตฺตํ. อิธ ปน ฉตฺตธารกปุคฺคลวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา อคิลานสฺส ภิกฺขุโน ฉตฺตํ ธาเรตุํ น วฏฺฏติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

นขกถา

๔๐. นขกถายํ ทีฆนขธารณปจฺจยา อุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ‘‘น, ภิกฺขเว, ทีฆา นขา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๔) วจนโต ธาเรนฺตสฺส อาปตฺติ. ‘‘นเขนปิ นขํ ฉินฺทนฺติ, มุเขนปิ นขํ ฉินฺทนฺติ, กุฏฺเฏปิ ฆํสนฺติ, องฺคุลิโย ทุกฺขา โหนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นขจฺเฉทน’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๔) วจนโต นขจฺเฉทนสตฺถกํ ธาเรตุํ วฏฺฏติ. เหฏฺา จ ‘‘นขจฺเฉทนํ วลิตกํเยว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕) วุตฺตํ. ‘‘วลิตกนฺติ นขจฺเฉทนกาเล ทฬฺหคฺคหณตฺถํ วลีหิ ยุตฺตเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) วุตฺตํ. มํสปฺปมาเณนาติ องฺคุลคฺคมํสปฺปมาเณน. วีสติมฏฺนฺติ วีสติปิ หตฺถปาทนเข ลิขิตมฏฺเ กโรนฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

โลมกถา

โลมกถายํ ‘‘สมฺพาเธโลมํ สํหราเปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’’ติ วตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺเน ‘‘น, ภิกฺขเว…เป… ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๕) วจนโต สํหราเปนฺตสฺส อาปตฺติ. อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สมฺพาเธ วโณ โหติ, เภสชฺชํ น ติฏฺตีติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาพาธปจฺจยา สมฺพาเธ โลมํ สํหราเปตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๕) วจนโต อาพาธปจฺจยา เภสชฺชปติฏฺาปนตฺถาย สมฺพาเธ โลมํ หราเปนฺตสฺส อนาปตฺติ. ‘‘เสยฺยถาปิ ปิสาจิลฺลิกา’’ติ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนปจฺจยา ‘‘น, ภิกฺขเว, ทีฆํ นาสิกาโลมํ ธาเรตพฺพํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๕) วจนโต ธารณปจฺจยา อาปตฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สณฺฑาส’’นฺติ อนุรกฺขณตฺถาย สณฺฑาโส อนุฺาโต, ตสฺมา นาสิกาโลมํ สณฺฑาเสน หราเปตุํ วฏฺฏติ. ปลิตนฺติ ปณฺฑรเกสํ. คาเหตุํ น วฏฺฏติ ‘‘มา เม ชราภาโว โหตู’’ติ มนสิ กตตฺตา. พีภจฺฉํ หุตฺวาติ วิรูปํ หุตฺวา. ปลิตํ วา อปลิตํ วาติ ปณฺฑรํ วา อปณฺฑรํ วา. คาหาเปตุํ วฏฺฏติ อปฺปสาทาวหตฺตาติ.

กายพนฺธนกถา

๔๑. กายพนฺธนกถายํ อกายพนฺธเนนาติ อพนฺธิตกายพนฺธเนน. ภิกฺขุนาติ เสโส. อถ วา อกายพนฺธเนนาติ อพนฺธิตกายพนฺธโน หุตฺวาติ อิตฺถมฺภูตตฺเถ กรณวจนํ ยถา ‘‘ภินฺเนน สีเสน ปคฺฆรนฺเตน โลหิเตน ปฏิวิสเก อุชฺฌาเปสี’’ติ. เตนาห ‘‘อพนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺเตน ยตฺถ สรติ, ตตฺถ พนฺธิตพฺพ’’นฺติ. กายพนฺธนํ นาม ฉ กายพนฺธนานิ กลาพุกํ, เทฑฺฑุภกํ, มุรชํ, มทฺทวีณํ, ปฏฺฏิกํ, สูกรนฺตกนฺติ. ตตฺถ กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํ. เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสีสสทิสํ. มุรชํ นาม มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตํ. มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺานํ. อีทิสฺหิ เอกมฺปิ น วฏฺฏติ, ปเคว พหูนิ. ตสฺมา ปฏิกฺขิตฺตานิ อกปฺปิยกายพนฺธนานิ นาม จตฺตาริ โหนฺติ, ปฏฺฏิกํ, สูกรนฺตกนฺติ อิมานิ ทฺเว กายพนฺธนานิ ภควตา อนุฺาตานิ กปฺปิยกายพนฺธนานิ นาม, ตสฺส ปกติวีตา วา มจฺฉกณฺฏกวายิมา วา ปฏฺฏิกา วฏฺฏติ, เสสา กุฺชรจฺฉิกาทิเภทา น วฏฺฏติ. สูกรนฺตกํ นาม กุฺจิกโกสกสณฺานํ โหติ, เอกรชฺชุกํ, ปน มุทฺทิกกายพนฺธนฺจ สูกรนฺตกํ อนุโลเมติ. อิเมหิ ปน ทฺวีหิ สทฺธึ อฏฺ กายพนฺธนานิ โหนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนุฺาตนฺติ ปามงฺคทสา เจตฺถ จตุนฺนํ อุปริ น วฏฺฏติ. โสภกํ นาม เวเตฺวา มุขวฏฺฏิสิพฺพนํ. คุณกํ นาม มุทิงฺคสณฺาเนน สิพฺพนํ. เอวํ สิพฺพิตา หิ อนฺโต ถิรา โหนฺตีติ วุจฺจติ. ปวนนฺโตติ ปาสนฺโต วุจฺจติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๗๗-๒๗๘) ปน ‘‘มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตํ. ปามงฺคทสา จตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺาเนนาติ สงฺฆาฏิยา มุทิงฺคสิพฺพนากาเรน วรกสีสากาเรน. ปวนนฺโตติ ปาสนฺโต, ‘ทสามูล’นฺติ จ ลิขิตํ. อกายพนฺธเนน สฺจิจฺจ วา อสฺจิจฺจ วา คามปฺปเวสเน อาปตฺติ. สริตฏฺานโต พนฺธิตฺวา ปวิสิตพฺพํ, นิวตฺติตพฺพํ วาติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.

นิวาสนปารุปนกถา

๔๒. นิวาสนปารุปนกถายํ หตฺถิโสณฺฑาทิวเสน คิหินิวตฺถํ น นิวาเสตพฺพนฺติ เอตฺถ หตฺถิโสณฺฑกํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๘๐; กงฺขา. อฏฺ. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา) นาม นาภิมูลโต หตฺถิโสณฺฑสณฺานํ โอลมฺพกํ กตฺวา นิวตฺถํ โจฬิกอิตฺถีนํ นิวาสนํ วิย. มจฺฉวาฬกํ นาม เอกโต ทสนฺตํ เอกโต ปาสนฺตํ โอลมฺพิตฺวา นิวตฺถํ. จตุกณฺณกํ นาม อุปริโต ทฺเว, เหฏฺโต ทฺเวติ เอวํ จตฺตาโร กณฺเณ ทสฺเสตฺวา นิวตฺถํ. ตาลวณฺฏกํ นาม ตาลวณฺฏากาเรน สาฏกํ โอลมฺพิตฺวา นิวาสนํ. สตวลิกํ นาม ทีฆสาฏกํ อเนกกฺขตฺตุํ โอภุชิตฺวา โอวฏฺฏิกํ กโรนฺเตน นิวตฺถํ, วามทกฺขิณปสฺเสสุ วา นิรนฺตรํ วลิโย ทสฺเสตฺวา นิวตฺถํ. สเจ ปน ชาณุโต ปฏฺาย เอกํ วา ทฺเว วา วลิโย ปฺายนฺติ, วฏฺฏติ. สํเวลฺลิยํ นิวาเสนฺตีติ มลฺลกมฺมการาทโย วิย กจฺฉํ พนฺธิตฺวา นิวาเสนฺติ, เอวํ นิวาเสตุํ คิลานสฺสปิ มคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสปิ น วฏฺฏติ. เสตปฏปารุตาทิวเสน น คิหิปารุตํ ปารุปิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ เสตปฏปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฏกปารุตํ โสณฺฑปารุตํ อนฺเตปุริกปารุตํ มหาเชฏฺกปารุตํ กุฏิปเวสกปารุตํ พฺราหฺมณปารุตํ ปาฬิการกปารุตนฺติ เอวมาทิ ปริมณฺฑลลกฺขณโต อฺถา ปารุตํ สพฺพเมตํ คิหิปารุตํ นาม, ตสฺมา ยถา เสตปฏา อฑฺฒปาลกนิคณฺา ปารุปนฺติ, ยถา จ เอกจฺเจ ปริพฺพาชกา อุรํ วิวริตฺวา ทฺวีสุ อํสกูเฏสุ ปาวุรณํ เปนฺติ, ยถา จ เอกสาฏกา มนุสฺสา นิวตฺถสาฏกสฺส เอเกน อนฺเตน ปิฏฺึ ปารุปิตฺวา อุโภ กณฺเณ อุโภสุ อํสกูเฏสุ เปนฺติ, ยถา จ สุราโสณฺฑาทโย สาฏเกน คีวํ ปริกฺขิปิตฺวา อุโภ อนฺเต อุเร วา โอลมฺเพนฺติ, ปิฏฺิยํ วา ขิเปนฺติ, ยถา จ อนฺเตปุริกาโย อกฺขิตารกมตฺตํ ทสฺเสตฺวา โอคุณฺิกํ ปารุปนฺติ, ยถา จ มหาเชฏฺา ทีฆสาฏกํ นิวาเสตฺวา ตสฺเสว เอเกน อนฺเตน สกลสรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ กสฺสกา เขตฺตกุฏึ ปวิสนฺตา สาฏกํ ปลิเวเตฺวา อุปกจฺฉเก ปกฺขิปิตฺวา ตสฺเสว เอเกน อนฺเตน สรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ พฺราหฺมณา อุภินฺนํ อุปกจฺฉกานํ อนฺตเร สาฏกํ ปเวเสตฺวา อํสกูเฏสุ ปารุปนฺติ, ยถา จ ปาฬิการโก ภิกฺขุ เอกํสปารุปเนน ปารุตํ วามพาหุํ วิวริตฺวา จีวรํ อํสกูเฏ อาโรเปติ. เอวํ อปารุปิตฺวา สพฺเพปิ เอเต อฺเ จ เอวรูเป ปารุปนโทเส วชฺเชตฺวา นิพฺพิการํ ปริมณฺฑลํ ปารุปิตพฺพํ. ตถา อปารุปิตฺวา อาราเม วา อนฺตรฆเร วา อนาทเรน ยํ กิฺจิ วิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ.

กาชกถา

๔๓. กาชกถายํ มุณฺฑเวีติ ยถา รฺโ กุหิฺจิ คจฺฉนฺโต ปริกฺขารภณฺฑคฺคหณมนุสฺสาติ อธิปฺปาโย. อุภโตกาชนฺติ เอกสฺมึเยว กาเช ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ภาเคสุ ลคฺเคตฺวา วหิตพฺพภารํ. เอกโตกาชนฺติ เอกโต ปจฺฉโตเยว ลคฺเคตฺวา วหิตพฺพภารํ. อนฺตรากาชนฺติ มชฺเฌ ลคฺเคตฺวา ทฺวีหิ วหิตพฺพภารํ. สีสภาราทโย สีสาทีหิ วหิตพฺพภาราทโย เอว. โอลมฺพกนฺติ หตฺเถน โอลมฺพิตฺวา วหิตพฺพภารํ. เอเตสุ อุภโตกาชเมว น วฏฺฏติ, เสสา วฏฺฏนฺติ.

ทนฺตกฏฺกถา

๔๔. ทนฺตกฏฺกถายํ ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเน ปฺจ โทเส, ขาทเน ปฺจานิสํเส จ ทสฺเสตฺวา ภควตา ภิกฺขูนํ ทนฺตกฏฺํ อนุฺาตํ. ตตฺถ ปฺจ โทสา นาม อจกฺขุสฺสํ, มุขํ ทุคฺคนฺธํ, รสหรณิโย น วิสุชฺฌนฺติ, ปิตฺตํ เสมฺหํ ภตฺตํ ปริโยนนฺธติ, ภตฺตมสฺส นจฺฉาเทตีติ. ตตฺถ อจกฺขุสฺสนฺติ จกฺขูนํ หิตํ น โหติ, ปริหานึ ชเนติ. นจฺฉาเทตีติ น รุจฺจติ. ปฺจานิสํสา วุตฺตปฏิปกฺขโต เวทิตพฺพา. ตโต ทีฆทนฺตกฏฺขาทเน จ อติมทาหกทนฺตกฏฺขาทเน จ ทุกฺกฏํ ปฺเปตฺวา อฏฺงฺคุลปรมํ จตุรงฺคุลปจฺฉิมํ ทนฺตกฏฺํ อนุฺาตํ. ตตฺถ อฏฺงฺคุลํ ปรมํ เอตสฺส ทนฺตกฏฺสฺสาติ อฏฺงฺคุลปรมํ. จตุรงฺคุลํ ปจฺฉิมํ ปมาณํ เอตสฺส ทนฺตกฏฺสฺสาติ จตุรงฺคุลปจฺฉิมํ. อติมทาหกนฺติ อติขุทฺทกํ. อฏฺงฺคุลํ มหาทนฺตกฏฺํ นาม, จตุรงฺคุลํ ขุทฺทกทนฺตกฏฺํ นาม, ปฺจฉสตฺตงฺคุลํ มชฺฌิมทนฺตกฏฺํ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกฏฺเนา’’ติ. ‘‘อฏฺงฺคุลปรมนฺติ มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุเลน อฏฺงฺคุลปรม’’นฺติ อฏฺกถาย (จูฬว. อฏฺ. ๒๘๒) มาห.

เอตฺถ จ ปมาณงฺคุเลนาติ อิทํ ปกติองฺคุเลนาติ คเหตฺวา มนุสฺสานํ ปกติองฺคุเลน อฏฺงฺคุลโต อธิกปฺปมาณํ ทนฺตกฏฺํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ตตฺตกเมว จ กตฺวา ขาทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุเลน’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘ปกติองฺคุเลนา’’ติ. ตสฺมา ยํ วฑฺฒกิหตฺถโต องฺคุลํ ปมาณํ กตฺวา มนุสฺสา เคหาทีนิ มินนฺติ, เตน มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุลภูเตน วฑฺฒกิองฺคุเลน อฏฺงฺคุลปรมนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. วุตฺตฺหิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๘๐-๒๘๒) ‘‘ปมาณงฺคุเลนาติ วฑฺฒกิองฺคุลํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๘๒) ‘‘ปมาณงฺคุเลนาติ วฑฺฒกิองฺคุเลน, เกจิ ปน ‘ปกติองฺคุเลนา’ติ วทนฺติ, ตํ จตุรงฺคุลปจฺฉิมวจเนน สเมติ. น หิ ปกติองฺคุเลน จตุรงฺคุลปฺปมาณํ ทนฺตกฏฺํ กณฺเ อวิลคฺคํ ขาทิตุํ สกฺกา’’ติ.

รุกฺขโรหนกถา

๔๕. รุกฺขาโรหนกถายํ ปุริโส ปมาโณ ยสฺส รุกฺขสฺสาติ โปริโส, อุทฺธํ อุกฺขิปิตหตฺเถน สทฺธึ มนุสฺสกายปฺปมาโณ ปฺจหตฺถมตฺตอุจฺโจ รุกฺขปเทโส, ตํ โปริสํ รุกฺขํ, อวยเว สมุทายโวหาโร ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ’’ติ, อาภุโส ปทนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อาปทา, ปริสฺสยา. ยาว อตฺโถ อตฺถิ เอตสฺมึ รุกฺเขติ ยาวทตฺโถ, รุกฺโข, อตฺถ-สทฺโท ปโยชนวาจโก. ยาว ตสฺมึ รุกฺเข ภิกฺขุสฺส อตฺโถ ปโยชนํ อตฺถิ, ตาว อภิรุหิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ฉนฺทาโรปนกถา

๔๖. ฉนฺทาโรปนกถายํ ฉนฺทโสติ สกฺกฏภาสาย. น อาโรเปตพฺพนฺติ วาจนามคฺคํ น อาโรเปตพฺพํ. สกาย นิรุตฺติยาติ มาคธภาสาย. ตตฺถ สนฺเตหิ กตาติ สกฺกฏา, อฏฺกวามกาทีหิ สมิตปาเปหิ อิสีหิ กตาติ อตฺโถ. อถ วา สกฺกริตพฺพา ปูชิตพฺพาติ สกฺกฏา มนุสฺสานํ หิตสุขาวหนโต, ตทตฺถิเกหิ มนุสฺเสหิ ปูชิตพฺพาติ อตฺโถ. ภาสียเตติ ภาสา, สกฺกฏา จ สา ภาสา จาติ สกฺกฏภาสา. เวทตฺตยคตา นิรุตฺติ, สสฺส เอสาติ สกา, ภควโต วจนนฺตฺยตฺโถ. มคเธ ชาตา มาคธิกา, อาทิกปฺปกาเล มคธรฏฺเ ชาตาติ อตฺโถ. อุจฺจเตติ อุตฺติ, นีหริตฺวา อุตฺติ นิรุตฺติ, ปิฏกตฺตยโต นีหริตฺวา กถียเตตฺยตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

‘‘สา มาคธี มูลภาสา;

นรา ยายาทิกปฺปิกา;

พฺรหฺมาโน จาสฺสุตาลาปา;

สมฺพุทฺธา จาปิ ภาสเร’’ติ.

เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

โลกายตกถา

๔๗. โลกายตกถายํ โลกิยนฺติ ปติฏฺหนฺติ ปุฺาปุฺานิ ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, สตฺตโลโก. อาภุโส ยตนฺติ วีริยํ กโรนฺติ เอตฺถาติ อายตํ, โลกสฺส อายตํ โลกายตํ, สตฺตานํ ภุโส วีริยกรณฏฺานนฺตฺยตฺโถ. กึ ตํ? ติตฺถิยสตฺถํ. สพฺพํ อุจฺฉิฏฺํ, กสฺมา? สกุณาทีหิ ปริภุตฺตปุพฺพตฺตา. สพฺพํ อนุจฺฉิฏฺํ อิมสฺส อวเสสโภชนสฺส เกนจิ อปริภุตฺตปุพฺพตฺตา. เสโต กาโก อฏฺิสฺส เสตตฺตา, กาโฬ พโก ปาทสฺส กาฬตฺตาติ. นตฺถิ อตฺโถ เอตฺถาติ นิรตฺถกํ, นิรตฺถกเมว การณํ นิรตฺถกการณํ. เตน ปฏิสํยุตฺตํ นิรตฺถกการณปฏิสํยุตฺตํ. ตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, ปฏฺฏนํ. ติตฺถํ วิยาติ ติตฺถํ, ลทฺธิ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิยา, วิปรีตทสฺสนา. สาสนฺติ อตฺตโน สาวเก เอตฺถาติ สตฺถํ, ติตฺถิยานํ สตฺถํ ติตฺถิยสตฺถํ. น ติรจฺฉานวิชฺชา ปริยาปุณิตพฺพาติ เอตฺถ ติรจฺฉานวิชฺชา นาม ยา กาจิ พาหิรกา อนตฺถสฺหิตา. น ปริยาปุณิตพฺพาติ อตฺตนา น ปริยาปุณิตพฺพา. น วาเจตพฺพาติ ปเรสํ น วาเจตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ขิปิตกถา

๔๘. ขิปิตกถายํ ขิปียิตฺถาติ ขิปิโต. ขิปิ อพฺยตฺตสทฺเทติ ธาตุ. ภาเวนภาวลกฺขณตฺตา ตสฺมึ ขิปิเตติ วิภตฺยนฺตํ. ‘‘ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ปุคฺคเล’’ติ ลกฺขณวนฺตกตฺตา อชฺฌาหริตพฺโพ. ชีวาติ ชีว ปาณธารเณติ ธาตุ, วิภตฺติโลโป. ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ปุคฺคเล ขิปิเต ภิกฺขุนา ‘‘ชีวา’’ติ วจนํ น วตฺตพฺพํ, ภิกฺขุสฺมึ ขิปิเต คิหินา ‘‘ชีวถ ภนฺเต’’ติ วุจฺจมาเน สติ ‘‘จิรํ ชีวา’’ติ ภิกฺขุนา วตฺตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา. ‘‘วุจฺจมาเน’’ติ เอตฺถ ปน ลกฺขณสฺส กมฺมวาจกตฺตา เตน สมานาธิกรณํ กมฺมภูตํ ‘‘ภิกฺขุสฺมิ’’นฺติ ลกฺขณวนฺตกมฺมํ อชฺฌาหริตพฺพํ ยถา กึ ‘‘โคสุ ทุยฺหมานาสุ ปุริโส อาคโต’’ติ. อปเร ปน อาจริยา อีทิเสสุ าเนสุ ‘‘สนฺเตสู’’ติ ปทํ อชฺฌาหริตฺวา อิทเมว ลกฺขณปทํ, ‘‘โคสุ ทุยฺหมานาสู’’ติ ปททฺวยํ ปน ‘‘สนฺเตสู’’ติ เอตฺถ ปกติวิกติวเสน กตฺตา เอวาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

ลสุณกถา

๔๙. ลสุณกถายํ ‘‘ลสุณํ นาม มาคธก’’นฺติ (ปาจิ. ๗๙๕) ปาฬิยํ อาคตํ. อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๗๙๕) ปน ‘‘มาคธกนฺติ มคเธสุ ชาตํ. มคธรฏฺเ ชาตลสุณเมว หิ อิธ ลสุณนฺติ อธิปฺเปตํ, ตมฺปิ ภณฺฑิกลสุณเมว, น เอกทฺวิติมิฺชกํ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘ชาติเทสํ อวตฺวา ‘มาคธกํ นาม ภณฺฑิกลสุณ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ ทฺเว ตโย ภณฺฑิเก เอกโตเยว สงฺขริตฺวา อชฺโฌหรติ, เอกํ ปาจิตฺติยํ. ภินฺทิตฺวา เอเกกํ มิฺชํ ขาทนฺติยา ปน ปโยคคณนาย ปาจิตฺติยานิ, อิทํ ภิกฺขุนีนํ วเสน ปาจิตฺติยํ, ภิกฺขุสฺส ปน ทุกฺกฏํ.

ปลณฺฑุกาทีนํ วณฺเณน วา มิฺชาย วา นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. วณฺเณน ตาว ปลณฺฑุโก นาม ปณฺฑุวณฺโณ โหติ. ภฺชนโก โลหิตวณฺโณ, หริตโก หริตวณฺโณ, มิฺชาย ปน ปลณฺฑุกสฺส เอกา มิฺชา โหติ, ภฺชนกสฺส ทฺเว, หริตกสฺส ติสฺโส, จาปลสุโณ อมิฺชโก. องฺกุรมตฺตเมว หิ ตสฺส โหติ. มหาปจฺจริยาทีสุ ปน ‘‘ปลณฺฑุกสฺส ตีณิ มิฺชานิ, ภฺชนกสฺส ทฺเว, หริตกสฺส เอก’’นฺติ วุตฺตํ. เอเต ปลณฺฑุกาทโย สภาเวเนว วฏฺฏนฺติ, สูปสมฺปากาทีสุ ปน มาคธกมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺหิ ปจฺจมาเนสุ มุคฺคสูปาทีสุ วา มจฺฉมํสวิกติยา วา เตลาทีสุ วา พทรสาฬวาทีสุ วา อมฺพิลปากาทีสุ วา อุตฺตริภงฺเค วา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส ยาคุปตฺเตปิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ‘‘สภาเวเนวาติ สูปสมฺปากาทึ วินาว. พทรสาฬวํ นาม พทรผลานิ สุกฺขาเปตฺวา จุณฺเณตฺวา กตฺตพฺพา ขาทนียวิกตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๗๙๓-๗๙๗) วุตฺตํ.

นอกฺกมิตพฺพาทิกถา

๕๐. นอกฺกมิตพฺพาทิกถายํ ‘‘ปริภณฺฑกตภูมิ นาม สณฺหมตฺติกาหิ กตา กาฬวณฺณาทิภูมิ. เสนาสนํ มฺจปีาทิกาเยว. ตเถว วฬฺเชตุํ วฏฺฏตีติ อฺเหิ อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ ปริภุตฺตนีหาเรน ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ‘เนวาสิกา ปกติยา อนตฺถตาย ภูมิยา เปนฺติ เจ, เตสมฺปิ อนาปตฺติเยวา’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘ทฺวารมฺปี’ติอาทินา วุตฺตทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพา. โลเมสูติ โลเมสุ ผุสนฺเตสู’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๔) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๔) ‘‘ปริภณฺฑกตภูมิ วาติ กาฬวณฺณาทิกตสณฺหภูมิ วา. เสนาสนํ วาติ มฺจปีาทิ วา. ตเถว วฬฺเชตุํ วฏฺฏตีติ อิมินา เนวาสิเกหิ โธตปาทาทีหิ วฬฺชนฏฺาเน สฺจิจฺจ อโธตปาทาทีหิ วฬฺชนฺตสฺเสว อาปตฺติ ปฺตฺตาติ ทสฺเสติ, ‘ทฺวารมฺปี’ติอาทินา สามฺโต วุตฺตตฺตา ทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพา. อชานิตฺวา อปสฺสยนฺตสฺสปิ อิธ โลมคณนาย อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๓-๓๒๔) ‘‘เนวาสิกา ปกติยา อนตฺถตาย ภูมิยา เปนฺติ เจ, เตสมฺปิ อนาปตฺติเยวาติ ลิขิตํ, ทฺวารวาตปานาทโย อปริกมฺมกตาปิ น อปสฺสยิตพฺพาติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.

อวนฺทิยวนฺทิยกถา

๕๑. อวนฺทิยวนฺทิยกถายํ อิธ ปกรณาจริเยน เสนาสนกฺขนฺธกปาฬิวเสน ทส อวนฺทิยา, ตโย วนฺทิยา จ วุตฺตา, อฏฺกถาฏีกาสุ จ น กิฺจิ วุตฺตา, ตสฺมา อิธ อาคตนเยเนว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๔๖๗ อาทโย) ปน อุปาลิปฺจเก ปฺจปฺจกวเสน ปฺจวีสติ อวนฺทิยา, ปฺจ วนฺทิยา จ วุตฺตา. กถํ? ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, อวนฺทิยาติ? ปฺจิเม, อุปาลิ, อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ อวนฺทิโย, รจฺฉคโต อวนฺทิโย, โอตมสิโก อวนฺทิโย, อสมนฺนาหรนฺโต อวนฺทิโย, สุตฺโต อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ยาคุปาเน อวนฺทิโย, ภตฺตคฺเค อวนฺทิโย, เอกาวตฺโต อวนฺทิโย, อฺวิหิโต อวนฺทิโย, นคฺโค อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ขาทนฺโต อวนฺทิโย, ภุฺชนฺโต อวนฺทิโย, อุจฺจารํ กโรนฺโต อวนฺทิโย, ปสฺสาวํ กโรนฺโต อวนฺทิโย, อุกฺขิตฺตโก อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ปุเรอุปสมฺปนฺเนน ปจฺฉาอุปสมฺปนฺโน อวนฺทิโย, อนุปสมฺปนฺโน อวนฺทิโย, นานาสํวาสโก วุฑฺฒตโร อธมฺมวาที อวนฺทิโย, มาตุคาโม อวนฺทิโย, ปณฺฑโก อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. อปเรปิ, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ปาริวาสิโก อวนฺทิโย, มูลายปฏิกสฺสนารโห อวนฺทิโย, มานตฺตารโห อวนฺทิโย, มานตฺตจาริโก อวนฺทิโย, อพฺภานารโห อวนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ อวนฺทิยา’’ติ.

‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, วนฺทิยาติ? ปฺจิเม, อุปาลิ, วนฺทิยา. กตเม ปฺจ? ปจฺฉาอุปสมฺปนฺเนน ปุเรอุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย, นานาสํวาสโก วุฑฺฒตโร ธมฺมวาที วนฺทิโย, อาจริโย วนฺทิโย, อุปชฺฌาโย วนฺทิโย, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วนฺทิโย. อิเม โข, อุปาลิ, ปฺจ วนฺทิยา’’ติ.

อฏฺกถายฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๖๗) ‘‘โอตมสิโตติ อนฺธการคโต. ตฺหิ วนฺทนฺตสฺส มฺจปาทาทีสุปิ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺย. อสมนฺนาหรนฺโตติ กิจฺจปฺปสุตตฺตา วนฺทนํ อสมนฺนาหรนฺโต. สุตฺโตติ นิทฺทํ โอกฺกนฺโต. เอกาวตฺโตติ เอกโต อาวตฺโต สปตฺตปกฺเข ิโต เวรี วิสภาคปุคฺคโล วุจฺจติ, อยํ อวนฺทิโย. อยฺหิ วนฺทิยมาโน ปาเทนปิ ปหเรยฺย. อฺวิหิโตติ อฺํ จินฺตยมาโน. ขาทนฺโตติ ปิฏฺขชฺชกาทีนิ ขาทนฺโต. อุจฺจารฺจ ปสฺสาวฺจ กโรนฺโต อโนกาสคตตฺตา อวนฺทิโย. อุกฺขิตฺตโกติ ติวิเธนปิ อุกฺเขปนียกมฺเมน อุกฺขิตฺตโก อวนฺทิโย, ตชฺชนียาทิกมฺมกตา ปน จตฺตาโร วนฺทิตพฺพา, อุโปสถปวารณาปิ เตหิ สทฺธึ ลพฺภนฺติ. อาทิโต ปฏฺาย จ วุตฺเตสุ อวนฺทิเยสุ นคฺคฺจ อุกฺขิตฺตกฺจ วนฺทนฺตสฺเสว โหติ อาปตฺติ, อิตเรสํ ปน อสารุปฺปฏฺเน จ อนฺตรา วุตฺตการเณน จ วนฺทนา ปฏิกฺขิตฺตา. อิโต ปรํ ปจฺฉาอุปสมฺปนฺนาทโย ทสปิ อาปตฺติวตฺถุภาเวเนว อวนฺทิยา. เต วนฺทนฺตสฺส หิ นิยเมเนว อาปตฺติ. อิติ อิเมสุ ปฺจสุ ปฺจเกสุ เตรส ชเน วนฺทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ทฺวาทสนฺนํ วนฺทนาย อาปตฺติ. อาจริโย วนฺทิโยติ ปพฺพชฺชาจริโย อุปสมฺปทาจริโย นิสฺสยาจริโย อุทฺเทสาจริโย โอวาทาจริโยติ อยํ ปฺจวิโธปิ อาจริโย วนฺทิโย’’ติ อาคโต.

‘‘อนฺตรา วุตฺตการเณนาติ ตฺหิ วนฺทนฺตสฺส มฺจปาทาทีสุ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยาติอาทินา วุตฺตการเณนา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๔๖๗) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏิ. ปริวาร ๒.๔๖๗) ปน ‘‘มฺจปาทาทีสุปิ นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยาติ อนฺธกาเร จมฺมขณฺฑํ ปฺเปตฺวา วนฺทิตุํ โอนมนฺตสฺส นลาฏํ วา อกฺขิ วา มฺจาทีสุ ปฏิหฺติ. เอเตน วนฺทโตปิ อาปตฺติอภาวํ วตฺวา วนฺทนาย สพฺพถา ปฏิกฺเขปาภาวฺจ ทีเปติ. เอวํ สพฺพตฺถ สุตฺตนฺตเรหิ อปฺปฏิกฺขิตฺเตสุ. นคฺคาทีสุ ปน วนฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ. เอกโต อาวตฺโตติ เอกสฺมึ โทสาคติปกฺเข ปริวตฺโต, ปวิฏฺโติ อตฺโถ. เตนาห ‘สปตฺตปกฺเข ิโต’ติ. วนฺทิยมาโนติ โอนมิตฺวา วนฺทิยมาโน. วนฺทิตพฺเพสุ อุทฺเทสาจริโย นิสฺสยาจริโย จ ยสฺมา นวกาปิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘เต วุฑฺฒา เอว วนฺทิยา’ติ วนฺทิตพฺพา’’ติ อาคตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปริวาร ๔๖๗) ‘‘เอกาวตฺโตติปิ ปนฺติ, ตสฺส กุทฺโธ โกธาภิภูโตติ กิร อตฺโถ. เอกวตฺโถติปิ เกจิ, อุตฺตราสงฺคํ อปเนตฺวา ิโตติ กิร อตฺโถ. ตํ สพฺพํ อฏฺกถายํ อุทฺธฏปาฬิยา วิรุชฺฌติ. เอกาวตฺโตติ หิ อุทฺธฏํ, ตสฺมา น คเหตพฺพํ. อนฺตรา วุตฺตการเณนาติ กิจฺจปฺปสุตตฺตา อสมนฺนาหรนฺโต ‘นลาฏํ ปฏิหฺเยฺยา’ติอาทิวุตฺตการเณนา’’ติ อาคตํ.

ทุติยคาถาสงฺคณิกฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๗๗) ‘‘ทส ปุคฺคลา นาภิวาเทตพฺพาติ เสนาสนกฺขนฺธเก วุตฺตา ทส ชนา. อฺชลิสามีเจน จาติ สามีจิกมฺเมน สทฺธึ อฺชลิ จ เตสํ น กาตพฺโพ. เนว ปานียปุจฺฉนตาลวณฺฏคฺคหณาทิ ขนฺธกวตฺตํ เตสํ ทสฺเสตพฺพํ, น อฺชลิ ปคฺคณฺหิตพฺโพติ อตฺโถ. ทสนฺนํ ทุกฺกฏนฺติ เตสํเยว ทสนฺนํ เอวํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา อฺชลิกมฺมมตฺตมฺปิ เนสํ น กตฺตพฺพนฺติ.

‘‘นวกตเรน, ภนฺเต, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน กติ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพาติ? นวกตเรนุปาลิ, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา. กตเม ปฺจ? นวกตเรนุปาลิ, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตน เปมฺจ คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา. นวกตเรนุปาลิ, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน อิเม ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ (ปริ. ๔๖๙) อิมสฺมึ าเน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อายสฺมโต อุปาลิสฺส วนฺทนานโยว อาจิกฺขิโต.

ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวาติ เอตฺถ ปฺจสรูปฺจ กถิตํ. กถํ? วุฑฺฒตรสฺส ปาเท วนฺทนฺเตน อุโภ อํเส วิวริตฺวา วนฺทิตพฺพา, น จ อุโภ อํเส ปารุปิตฺวา วนฺทิตพฺพา, อถ โข เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วนฺทิตพฺพาติ. เอเตน สงฺฆาฏิ ปน เอกํสํ กตาปิ อกตาปิ นตฺถิ โทโสติ ปกาสิโต โหติ. ‘‘ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ กรปุฏสงฺขาตํ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาว วนฺทิตพฺพา, น หตฺถตลปกาสนมตฺเตน วา น หตฺถมุฏฺิปกาสนาทินา วา วนฺทิตพฺพา’’ติ จ ‘‘น เอเกน หตฺเถน จีวรกณฺณฉุปนาทิมตฺเตน วนฺทิตพฺพา, อถ โข อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตน วนฺทิตพฺพา’’ติ จ ‘‘เอวํ วนฺทนฺเตหิ น ทุฏฺจิตฺตฺจ อนาทรฺจ อุปฏฺาเปตฺวา วนฺทิตพฺพา, อถ โข เปมฺจ คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ จ เอวํ วนฺทนานโย อาจิกฺขิโต โหติ.

กถํ ปฺจปติฏฺิตสรูปํ กถิตํ? อิธ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกํ, อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ เอกํ, อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตนาติ เอกํ, เปมฺจ อุปฏฺาเปตฺวาติ เอกํ, คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวาติ เอกํ, เอวํ ปฺจปติฏฺิตสรูปํ กถิตํ โหติ. เตนาห ‘‘ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ. เอวํ สกลโลกสฺส หิตสุขการเกน ธมฺมสฺสามินา กายปณามมโนปณามวเสน มหโต หิตสุขสฺส ปวตฺตนตฺถํ อายสฺมโต อุปาลิตฺเถรสฺส อาจิกฺขิเตน วนฺทนานเยน วนฺทิตุํ วฏฺฏติ.

อิทานิ ปน อาจริยา อภินวอาคตานํ ทหรานฺจ สามเณรานฺจ วนฺทนานยํ สิกฺขนฺตา น อิมํ อาหจฺจภาสิตํ ปาฬึ คเหตฺวา สิกฺขนฺติ, อถ โข ปเวณีอาคตนยํเยว คเหตฺวา สิกฺขนฺติ. กถํ? ยทิ ตฺวา วนฺทถ, ทฺเว ปาทตลานิ สมํ ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา ทฺเว หตฺถตลานิ สมํ ผุสาเปตฺวา นลาเฏ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตพฺพาภิมุขํ โอนมิตฺวา วนฺทถาติ, อยํ นโย ‘‘เอวํ มหาสตฺโต สุวณฺณกทลิ วิย พาราณสินคราภิมุขํ โอนมิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา’’ติ อิมํ ชาตกฏฺกถาวจนฺจ ‘‘ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา’’ติอาทิอฏฺกถาวจนฺจ อนุโลเมติ. อิธ ปน ทฺเว ปาทตลานิ, ทฺเว หตฺถตลานิ, นลาฏฺจาติ ปฺจสุ ปติฏฺิตานีติ สรูปํ วทนฺติ. ยทิ นิสีทิตฺวา วนฺทถ, ปมํ ทฺเว ปาทตลานิ ภูมิยํ สมํ ปติฏฺาเปตฺวา ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ สมํ อุสฺสาเปตฺวา ทฺเว กปฺปรานิ ทฺวินฺนํ ชาณูนํ อุปริ สมํ เปตฺวา ทฺเว หตฺถตลานิ สมํ ผุสิตานิ กตฺวา อฺชลิสงฺขาตํ กรปุฏํ สิรสงฺขาเต นลาเฏ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทถ. ตโต โอนมิตฺวา ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ จ ทฺเว กปฺปรานิ จ ภูมิยํ สมํ ปติฏฺาเปตฺวา ทฺเว หตฺถตลานิ ปสาเรตฺวา สมํ ภูมิยํ เปตฺวา สีสํ อุภินฺนํ หตฺถปิฏฺีนํ อุปริ กตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทถาติ. เอตฺถ ตุ ทฺเว ปาทตลานิ เอกํ กตฺวา, ตถา ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ เอกํ, ทฺเว กปฺปรานิ เอกํ, ทฺเว หตฺถตลานิ เอกํ, สีสํ เอกํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิตสรูปํ กเถนฺติ. เอส นโย ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ น ทิฏฺโ.

สมีปํ คนฺตฺวา ปาทานํ วนฺทนกาเล ปน เอกจฺเจ ปมํ อตฺตโน สีสํ หตฺเถน ปรามสิตฺวา เตน หตฺถทฺวเยน เถรานํ ชาณุมณฺฑลํ จีวรสฺส อุปริเยว สมฺพาหนฺติ. เอกจฺเจ ปมํ เถรานํ ชาณุมณฺฑลํ สจีวรํเยว ปรามสิตฺวา เตเนว หตฺถทฺวเยน อตฺตโน สีสํ ปรามสนฺติ. เอกจฺเจ ฉุปนมตฺตเมว กโรนฺติ. เอสปิ นโย น กิสฺมิฺจิ ทิฏฺโ. รามฺเทสิยา ปน ภิกฺขู เอวํ สมีปํ คนฺตฺวา วนฺทนกาเล เถรานํ ปาทคฺคํ อปสฺสนฺตาปิ ปริเยสิตฺวา จีวรโต นีหริตฺวา ปาทคฺคเมว ปุนปฺปุนํ หตฺเถน สมฺพาหิตฺวา สีเสน ปวฏฺเฏตฺวา จุมฺพิตฺวา เลหิตฺวา จิรปฺปวาสาคตปิยมนาปอุปชฺฌายํ วา อาจริยํ วา ปสฺสนฺตา วิย กตฺวา วนฺทนฺติ. ตํ กิริยํ ปริวารปาฬิยํ ‘‘อุโภหิ ปาณิตเลหิ ปาทานิ ปริสมฺพาหนฺเตน เปมฺจ คารวฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’’ติ อาคตปาฬิยา สํสนฺทติ วิย ทิสฺสติ. เตปิ น สพฺเพ ปาฬึ ปสฺสนฺติ, ปเวณีวเสเนว กโรนฺติ, ตสฺมา สพฺเพสํ หิตตฺถํ ปาฬินโย อมฺเหหิ อุทฺธโฏ. ปเวณีอาคตนยโต หิ ปาฬินโย พลวตโร, ตสฺมา ภควโต อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ สปฺปุริเสหิ ปาฬินโย สมาเสวิตพฺโพติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

อาสนฺทาทิกถา

๕๕. อาสนฺทาทิกถายํ จตุรสฺสปีนฺติ สมจตุรสฺสํ. อฏฺงฺคุลปาทํ วฏฺฏตีติ อฏฺงฺคุลปาทกเมว วฏฺฏติ. ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺฏตีติ สมจตุรสฺสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อายตจตุรสฺสา ปน สตฺตงฺคปฺจงฺคาปิ อุจฺจปาทา น วฏฺฏนฺติ. เวตฺเตเหว จตุรสฺสาทิอากาเรน กตํ ภทฺทปีนฺติ อาห ‘‘เวตฺตมยปี’’นฺติ. ทารุปฏฺฏิกาย อุปรีติ อฏนิอากาเรน ิตทารุปฏลสฺส เหฏฺา. อุทฺธํ ปาทํ กตฺวา ปเวสนกาลฺหิ สนฺธาย ‘‘อุปรี’’ติ วุตฺตํ. เอฬกสฺส ปจฺฉิมปาททฺวยํ วิย วงฺกากาเรน ิตตฺตา ปเนตํ ‘‘เอฬกปาทปี’’นฺติ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๗) วุตฺตํ.

อุจฺจาสยนมหาสยนกถา

๕๖. อุจฺจาสยนมหาสยนกถายํ ‘‘วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ, ‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโก’ติ สารสมาเส วุตฺตํ. ทีฆโลมโก มหาโกชโวติ จตุรงฺคุลาธิกโลโม กาฬโกชโว. ‘จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานี’ติ วจนโต จตุรงฺคุลโต เหฏฺา วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วิจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโก อุณฺณามยตฺถรโณติ อุณฺณามยโลหิตตฺถรโณ. ปกติตูลิกาติ รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลสงฺขาตานํ ติณฺณํ ตูลานํ อฺตรปุณฺณา ตูลิกา. ‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ วุตฺตํ. สารสมาเส ปน ‘อุทฺทโลมีติ เอกโตอุคฺคตปุปฺผํ. เอกนฺตโลมีติ อุภโตอุคฺคตปุปฺผ’นฺติ วุตฺตํ. ‘โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฏมย’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปเนตฺถ ‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘เปตฺวา ตูลิก’นฺติ เอเตน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’ติ อิมินา ปน ยานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ตานิ ภูมตฺถรณวเสน ยถานุรูปํ มฺจาทีสุ จ อุปเนตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพตฺตา อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สุตฺตนฺติกเทสนาย ปน คหฏฺานมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘เปตฺวา ตูลิกํ…เป… วฏฺฏตี’ติ วุตฺตนฺติ อปเร.

อชินจมฺเมหีติ อชินมิคจมฺเมหิ. ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘อชินปฺปเวณี’ติ. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ, ตฺจ โลหิตวิตานํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘อุปริพทฺเธน รตฺตวิตาเนนา’ติ, ‘รตฺตวิตาเนสุ จ กาสาวํ วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏตี’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาอุปธานนฺติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อุปธานํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘อโลหิตกานิ ทฺเวปิ วฏฺฏนฺติเยว, ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อฺเสํ ทาตพฺพานิ. ทาตุมสกฺโกนฺโต มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา อุปริปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ ลภตี’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ, เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) ปน ‘อคิลานสฺส สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจาติ ทฺวยเมว วฏฺฏติ. คิลานสฺส พิมฺโพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ จ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏตี’ติ วุตฺตตฺตา คิลาโนเยว มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. อภินิสฺสาย นิสีทิตุนฺติ อปสฺสาย นิสีทิตุ’’นฺติ เอตฺตโก วินิจฺฉโย สารตฺถทีปนิยํ อาคโต.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๕๔) – ปน วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. จตุรงฺคุลาธิกานีติ อุทฺทโลมีเอกนฺตโลมีหิ วิเสสทสฺสนํ. จตุรงฺคุลโต หิ อูนานิ กิร อุทฺทโลมีอาทีสุ ปวิสนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ นานาวณฺเณหิ อุณฺณามยสุตฺเตหิ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วายิตฺวา กตจิตฺตตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโกติ พหลราโค. ปกติตูลิกาติ ตูลปุณฺณา ภิสิ. วิกติกาติ สีหรูปาทิวเสน วานจิตฺราว คยฺหติ. ‘‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เอกนฺตโลมีติ เอกนฺตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ วุตฺตํ. โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกสิยสุตฺตานํ อนฺตรา สุวณฺณมยสุตฺตานิ ปเวเสตฺวา วีตํ, สุวณฺณสุตฺตํ กิร กฏฺฏิสฺสํ กสฏนฺติ จ วุจฺจติ. เตเนว ‘‘โกเสยฺยกสฏมย’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตนฺติ วทนฺติ. รตนปริสิพฺพิตนฺติ สุวณฺณลิตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ.

อชินมิคจมฺมานํ อติสุขุมตฺตา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติ. รตฺตวิตาเนนาติ สพฺพรตฺเตน วิตาเนน. ยํ ปน นานาวณฺณํ วานจิตฺตํ วา เลปจิตฺตํ วา, ตํ วฏฺฏติ. อุภโตโลหิตกูปธาเนปิ เอเสว นโย. จิตฺรํ วาติ อิทํ ปน สพฺพถา กปฺปิยตฺตา วุตฺตํ, น ปน อุภโตอุปธาเนสุ อกปฺปิยตฺตา. น หิ โลหิตกสทฺโท จิตฺเต วฏฺฏติ. ปฏลิคฺคหเณเนว จิตฺตกสฺสปิ อตฺถรณสฺส สงฺคเหตพฺพปฺปสงฺคโต. กาสาวํ ปน โลหิตงฺคโวหารํ น คจฺฉติ, ตสฺมา วิตาเนปิ อุภโตอุปธาเนปิ วฏฺฏติ. สเจ ปมาณยุตฺตนฺติอาทิ อฺสฺส ปมาณาติกฺกนฺตสฺส พิมฺโพหนสฺส ปฏิกฺขิตฺตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน อุจฺจาสยนมหาสยนภาวทสฺสนตฺถํ ตถา อวุตฺตตฺตา, ตํ ปน อุปธานํ อุโปสถิกานํ คหฏฺานํ วฏฺฏติ. อุจฺจาสยนมหาสยนเมว หิ ตทา เตสํ น วฏฺฏติ. ทีฆนิกายฏฺกถาทีสุ กิฺจาปิ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ, วินยฏฺกถา เอว ปน กปฺปิยากปฺปิยภาเว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ. อภินิสฺสายาติ อปสฺสายาติ วุตฺตํ.

ปาสาทปริโภคกถา

ปาสาทปริโภคกถายํ สารตฺถทีปนิยํ วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ น กิฺจิ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๐) ปน ‘‘สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานีติ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปุคฺคลิกํ ปน สุวณฺณาทิวิจิตฺรํ ภิกฺขุสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุเมว น วฏฺฏติ ‘น เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพ’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตตฺตา. เตเนเวตฺถ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ‘สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา’ติ วุตฺตํ. โคนกาทิอกปฺปิยภณฺฑวิสเย เอว วุตฺตํ เอกภิกฺขุสฺสปิ เตสํ คหเณ โทสาภาวา’’ติ วุตฺตํ.

อุปาหนกถา

อุปาหนกถายํ ‘‘อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อภินวาริฏฺผลวณฺณา, อุทเกน ตินฺตกากปตฺตวณฺณาติปิ วทนฺติ. อุณฺณาหิ กตปาทุกาติ อุณฺณาโลมมยกมฺพเลหิ, อุณฺณาโลเมหิ เอว วา กตปาทุกา. กาฬสีโหติ กาฬมุขวานรชาติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต จ อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๔๖) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๖) ปน ‘‘อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อลฺลาริฏฺผลวณฺณา, ตินฺตกากปกฺขวณฺณาติปิ วทนฺติ. รชนนฺติ อุปริลิตฺตนีลาทิวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘โจฬเกน ปุฺฉิตฺวา’ติ. ตฺหิ ตถา ปุฺฉิเต วิคจฺฉติ. ยํ ปน จมฺมสฺส ทุคฺคนฺธาปนยนตฺถํ กาฬรตฺตาทิรชเนหิ รฺชิตตฺตา กาฬรตฺตาทิวณฺณํ โหติ, ตํ โจฬาทีหิ อปเนตุํ น สกฺกา จมฺมคติกเมว, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. ขลฺลกนฺติ สพฺพปณฺหิปิธานจมฺมํ อปริคฬนตฺถํ ปณฺหิยา อุปริภาเค อปิธาย อาโรปนพนฺธนมตฺตํ วฏฺฏติ. วิจิตฺราติ สณฺานโต วิจิตฺรปฏฺฏา อธิปฺเปตา, น วณฺณโต สพฺพโส อปเนตพฺเพสุ ขลฺลกาทีสุ ปวิฏฺตฺตา. พิฬาลสทิสมุขตฺตา มหาอุลูกา ปกฺขิพิฬาลาติ วุจฺจนฺติ, เตสํ จมฺมํ นาม ปกฺขโลมเมว. อุณฺณาหิ กตปาทุกาติ เอตฺถ อุณฺณามยกมฺพเลหิ กตปาทุกา สงฺคยฺหนฺติ. กาฬสีโหติ กาฬมุขวานรชาติ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ นิสีทนตฺถรณํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน ปริโภโค วฏฺฏเตวา’’ติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๕๙) ปน ‘‘มิคมาตุโกติ ตสฺส นามํ, วาตมิโคติ จ ตสฺส นามํ. ‘กาฬสีโห กาฬมุโข กปี’ติ ลิขิตํ. จมฺมํ น วฏฺฏตีติ เยน ปริยาเยน จมฺมํ วฏฺฏิสฺสติ, โส ปรโต อาวิภวิสฺสติ. ‘อตฺตโน ปุคฺคลิกวเสน ปจฺจาหาโร ปฏิกฺขิตฺโต’ติ วุตฺตํ. ‘น, ภิกฺขเว, กิฺจิ จมฺมํ ธาเรตพฺพ’นฺติ เอตฺตาวตา สิทฺเธ ‘น, ภิกฺขเว, โคจมฺม’นฺติ อิทํ ปรโต ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จมฺมานิ อตฺถรณานี’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอตฺถ อนุมติปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

ยานกถา

ยานกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ หตฺถวฏฺฏก’’นฺติ (มหาว. ๒๕๓) เอตฺถ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, หตฺถวฏฺฏกนฺติ เอวํ ปจฺเจกํ วากฺยปริสมาปนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปุริสยุตฺตํ อิตฺถิสารถิ วา…เป… ปุริสา วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ. ‘‘ปีกสิวิกนฺติ ปีกยานํ. ปาฏงฺกินฺติ อนฺโทลิกาเยตํ อธิวจน’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๕๓) วุตฺตํ, ‘‘ปีกสิวิกนฺติ ผลกาทินา กตํ ปีกยานํ. ปฏโปตลิกํ อนฺโทลิกา. สพฺพมฺปิ ยานํ อุปาหเนนปิ คนฺตุํ อสมตฺถสฺส คิลานสฺส อนุฺาต’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๕๓).

จีวรกถา

๕๗. จีวรกถายํ ‘‘อหตกปฺปานนฺติ เอกวารโธตานํ. อุตุทฺธฏานนฺติ อุตุโต ทีฆกาลโต อุทฺธฏานํ หตวตฺถกานํ, ปิโลติกานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปาปณิเกติ อนฺตราปณโต ปติตปิโลติกจีวเร. อุสฺสาโห กรณีโยติ ปริเยสนา กาตพฺพา. ปริจฺเฉโท ปเนตฺถ นตฺถิ, ปฏฺฏสตมฺปิ วฏฺฏติ. สพฺพมิทํ สาทิยนฺตสฺส ภิกฺขุโน วเสน วุตฺตํ. อคฺคฬํ ตุนฺนนฺติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑํ อคฺคฬํ, สุตฺเตน สํสิพฺพิตํ ตุนฺนํ, วฏฺเฏตฺวา กรณํ โอวฏฺฏิกํ. กณฺฑุปกํ วุจฺจติ มุทฺทิกา. ทฬีกมฺมนฺติ อนุทฺธริตฺวาว อุปสฺสยํ กตฺวา อลฺลียาปนกํ วตฺถขณฺฑ’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔๘) ปน ‘‘อจฺฉุเปยฺยนฺติ ปติฏฺเปยฺยํ. หตวตฺถกานนฺติ กาลาตีตวตฺถานํ. อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑนฺติ ทุพฺพลฏฺานํ อปเนตฺวา อลฺลียาปนวตฺถขณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ. ทิคุณํ สงฺฆาฏินฺติ ทุปฏฺฏํ สงฺฆาฏึ. เอกจฺจิยนฺติ เอกปฏฺฏํ อคฺคปฏฺฏํ. อคฺคฬํ อชฺฌาเปสฺสนฺติ ชิณฺณฏฺาเน ปิโลติกขณฺฑํ ลคฺคาเปยฺยํ.

ฉินฺนจีวรกถา

ฉินฺนจีวรกถายํ ตีสุ ปน จีวเรสุ ทฺเว วา เอกํ วา ฉินฺทิตฺวา กาตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๕) วจนโต ปฺจขณฺฑสตฺตขณฺฑาทิวเสน ฉินฺทิตฺวาว กาตพฺพํ, น อจฺฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ. สเจ นปฺปโหติ, อาคนฺตุกปฏฺฏํ ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ ยทิ ฉินฺทิตฺวา กเต ติณฺณมฺปิ จีวรานํ อตฺถาย สาฏโก นปฺปโหติ, ทฺเว จีวรานิ ฉินฺนกานิ กาตพฺพานิ, เอกํ จีวรํ อจฺฉินฺนกํ กตฺตพฺพํ. ทฺวีสุ จีวเรสุ ฉินฺทิตฺวา กเตสุ สาฏโก นปฺปโหติ, ทฺเว จีวรานิ อจฺฉินฺนกานิ, เอกํ จีวรํ ฉินฺนกํ กาตพฺพํ. เอกสฺมิมฺปิ จีวเร ฉินฺทิตฺวา กเต สาฏโก นปฺปโหติ, เอวํ สติ อจฺฉินฺทิตฺวา อาคนฺตุกปฏฺฏํ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ เอวํ อปฺปโหนฺเต สติ อาคนฺตุกปฏฺฏมฺปิ อาโรเปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.

อกปฺปิยจีวรกถา

อกปฺปิยจีวรกถายํ ‘‘นคฺคิยํ กุสจีรํ ผลกจีรํ เกสกมฺพลํ วาฬกมฺพลํ อุลูกปกฺขิกํ อชินกฺขิป’’นฺติ อิมานิ ติตฺถิยสมาทานตฺตา ถุลฺลจฺจยวตฺถูนีติ ภควตา ปฏิกฺขิตฺตานิ. ตตฺถ นคฺคิยนฺติ นคฺคภาโว อเจลกภาโว. กุสจีรนฺติ กุเสน คนฺเถตฺวา กตจีวรํ. วากจีรนฺติ ตาปสานํ วกฺกลํ. ผลกจีรนฺติ ผลกสณฺานานิ ผลกานิ สิพฺพิตฺวา กตจีวรํ. เกสกมฺพลนฺติ เกเสหิ ตนฺเต วายิตฺวา กตกมฺพลํ. วาลกมฺพลนฺติ จามรีวาเลหิ วายิตฺวา กตกมฺพลํ. อุลูกปกฺขิกนฺติ อุลูกสกุณสฺส ปกฺเขหิ กตนิวาสนํ. อชินกฺขิปนฺติ สโลมํ สขุรํ อชินมิคจมฺมํ. ตานิ ติตฺถิยทฺธชภูตานิ อจีวรภาเวน ปากฏานีติ อาจริเยน อิธ น วุตฺตานิ. โปตฺถโก ปน อปากโฏติ ตํ วตฺวา สพฺพนีลกาทีนิ ทุกฺกฏวตฺถุกานิ วุตฺตานิ. ‘‘ติปฏฺฏจีวรสฺส วา มชฺเฌ ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตตฺตา ติปฏฺฏจีวรํ ธาเรตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ติปฏฺฏาทีนฺจ พหุปฏฺฏจีวรานํ อนฺตเร อีทิสานิ อสารุปฺปวณฺณานิ ปฏปิโลติกานิ กาตพฺพานีติ ทสฺเสติ. กฺจุกํ นาม สีสโต ปฏิมุฺจิตฺวา กายารุฬฺหวตฺถํ. เตนาห ‘‘ผาเลตฺวา รชิตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เวนนฺติ สีสเวนํ. ติรีฏนฺติ มกุฏํ. ตสฺส วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ติรีฏกํ ปนา’’ติอาทิมาห.

จีวรวิจารณกถา

จีวรวิจารณกถายํ ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, อานนฺโท, มหาปฺโ, ภิกฺขเว, อานนฺโท. ยตฺร หิ นาม มยา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานิสฺสติ, กุสิมฺปิ นาม กริสฺสติ, อฑฺฒกุสิมฺปิ นาม กริสฺสติ, มณฺฑลมฺปิ นาม กริสฺสติ, อฑฺฒมณฺฑลมฺปิ นาม กริสฺสติ, วิวฏฺฏมฺปิ นาม กริสฺสติ, อนุวิวฏฺฏมฺปิ นาม กริสฺสติ, คีเวยฺยกมฺปิ นาม กริสฺสติ, ชงฺเฆยฺยกมฺปิ นาม กริสฺสติ, พาหนฺตมฺปิ นาม กริสฺสติ, ฉินฺนกํ ภวิสฺสติ, สตฺถลูขํ สมณสารุปฺปํ ปจฺจตฺถิกานฺจ อนภิจฺฉิต’’นฺติ (มหาว. ๓๔๕) วจนโต ‘‘ปสฺสสิ ตฺวํ, อานนฺท, มคธเขตฺตํ อจฺฉิพทฺธํ ปาฬิพทฺธํ มริยาทพทฺธํ สิงฺฆาฏกพทฺธ’’นฺติ ภควโต สํขิตฺเตน วุตฺตวจนํ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ จีวรํ สํวิทหิ. ตถา อิทานิปิ เอวรูปํ จีวรํ สํวิทหิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘อจฺฉิพทฺธนฺติ จตุรสฺสเกทารพทฺธํ. ปาฬิพทฺธนฺติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ ทีฆมริยาทพทฺธํ. มริยาทพทฺธนฺติ อนฺตรนฺตรา รสฺสมริยาทพทฺธํ. สิงฺฆาฏกพทฺธนฺติ มริยาทาย มริยาทํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตฏฺาเน สิงฺฆาฏกพทฺธํ, จตุกฺกสณฺานนฺติ อตฺโถ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. กุสิมฺปิ นามาติอาทีสุ กุสีติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ อนุวาตาทีนํ ทีฆปฏฺฏานเมตํ อธิวจนํ. อฑฺฒกุสีติ อนฺตรนฺตรารสฺสปฏฺฏานํ นามํ. มณฺฑลนฺติ ปฺจขณฺฑิกสฺส จีวรสฺส เอเกกสฺมึ ขณฺเฑ มหามณฺฑลํ. อฑฺฒมณฺฑลนฺติ ขุทฺทกมณฺฑลํ. วิวฏฺฏนฺติ มณฺฑลฺจ อฑฺฒมณฺฑลฺจ เอกโต กตฺวา สิพฺพิตํ มชฺฌิมขณฺฑํ. อนุวิวฏฺฏนฺติ ตสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว ขณฺฑานิ. คีเวยฺยกนฺติ คีวาเวนฏฺาเน ทฬฺหีกรณตฺถํ อฺสุตฺตสํสิพฺพิตํ อาคนฺตุกปฏฺฏํ. ชงฺเฆยฺยกนฺติ ชงฺฆปาปุณนฏฺาเน ตเถว สํสิพฺพิตํ ปฏฺฏํ. คีวาฏฺาเน จ ชงฺฆฏฺาเน จ ปฏฺฏานเมตํ นามนฺติ. พาหนฺตนฺติ อนุวิวฏฺฏานํ พหิ เอเกกํ ขณฺฑํ. อิติ ปฺจขณฺฑิกจีวเรเนตํ วิจาริตนฺติ. อถ วา อนุวิวฏฺฏนฺติ วิวฏฺฏสฺส เอกปสฺสโต ทฺวินฺนํ เอกปสฺสโต ทฺวินฺนนฺติ จตุนฺนมฺปิ ขณฺฑานเมตํ นามํ. พาหนฺตนฺติ สุปฺปมาณํ จีวรํ ปารุปนฺเตน สํหริตฺวา พาหาย อุปริ ปิตา อุโภ อนฺตา พหิมุขา ติฏฺนฺติ, เตสํ เอตํ นามํ. อยเมว หิ นโย มหาอฏฺกถายํ วุตฺโต’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๕) อาคโต.

จีวรสิพฺพนกถา

ทณฺฑกถิเนนจีวรสิพฺพนกถายํ – เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ ขีลํ นิกฺขนิตฺวา สมฺพนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺเพนฺติ, จีวรํ วิกณฺณํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ กถินรชฺชุํ, ตตฺถ ตตฺถ โอพนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺเพตุนฺติ. วิสเม กถินํ ปตฺถรนฺติ, กถินํ ปริภิชฺชติ…เป… น, ภิกฺขเว, วิสเม กถินํ ปตฺถริตพฺพํ, โย ปตฺถเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.

ฉมาย กถินํ ปตฺถรนฺติ, กถินํ ปํสุกิตํ โหติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติณสนฺถารกนฺติ. กถินสฺส อนฺโต ชีรติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุวาตํ ปริภณฺฑํ อาโรเปตุนฺติ. กถินํ นปฺปโหติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทณฺฑกถินํ พิทลกํ สลากํ วินนฺธนรชฺชุํ วินนฺธนสุตฺตกํ วินนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺเพตุนฺติ. สุตฺตนฺตริกาโย วิสมา โหนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กฬิมฺภกนฺติ. สุตฺตา วงฺกา โหนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โมฆสุตฺตกนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อโธเตหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมนฺติ, กถินํ ทุสฺสติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อโธเตหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมิตพฺพํ, โย อกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อลฺเลหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมนฺติ, กถินํ ทุสฺสติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อลฺเลหิ ปาเทหิ กถินํ อกฺกมิตพฺพํ, โย อกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู สอุปาหนา กถินํ อกฺกมนฺติ, กถินํ ทุสฺสติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, สอุปาหเนน กถินํ อกฺกมิตพฺพํ. โย อกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู จีวรํ สิพฺพนฺตา องฺคุลิยา ปฏิคฺคณฺหนฺติ, องฺคุลิโย ทุกฺขา โหนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อุจฺจาวเจ ปฏิคฺคเห ธาเรนฺติ สุวณฺณมยํ รูปิยมยํ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขียนฺติ วิปาเจนฺติ ‘‘เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา ปฏิคฺคหา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมยนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน สูจิโยปิ สตฺถกาปิ ปฏิคฺคหาปิ นสฺสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาเวสนวิตฺถกนฺติ. อาเวสนวิตฺถเก สมากุลา โหนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหถวิกนฺติ. อํสพทฺธโก น โหติ…เป… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อํสพทฺธกํ พนฺธนสุตฺตกนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อพฺโภกาเส จีวรํ สิพฺพนฺตา สีเตนปิ อุณฺเหนปิ กิลมนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินสาลํ กถินมณฺฑปนฺติ. กถินสาลา นีจวตฺถุกา โหติ, อุทเกน โอตฺถรียติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺจวตฺถุกํ กาตุนฺติ. จโย ปริปตติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จินิตุํ ตโย จเย อิฏฺกจยํ, สิลาจยํ, ทารุจยนฺติ. อาโรหนฺตา วิหฺนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตโย โสปาเน อิฏฺกโสปานํ, สิลาโสปานํ, ทารุโสปานนฺติ. อาโรหนฺตา ปริปตนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาลมฺพนพาหนฺติ. กถินสาลาย ติณจุณฺณํ ปริปตติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอคุมฺเผตฺวา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุํ เสตวณฺณํ กาฬวณฺณํ เครุกปริกมฺมํ มาลากมฺมํ ลตากมฺมํ มกรทนฺตกํ ปฺจปฏิกํ จีวรรชฺชุนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู จีวรํ สิพฺเพตฺวา ตเถว กถินํ อุชฺฌิตฺวา ปกฺกมนฺติ, อุนฺทูเรหิปิ อุปจิกาหิปิ ขชฺชติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ สงฺฆริตุนฺติ. กถินํ ปริภิชฺชติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โคฆํสิกาย กถินํ สงฺฆริตุนฺติ. กถินํ วินิเวิยติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พนฺธนรชฺชุนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู กุฏฺเฏปิ ถมฺเภปิ กถินํ อุสฺสาเปตฺวา ปกฺกมนฺติ, ปริปติตฺวา กถินํ ภิชฺชติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิตฺติขีเล วา นาคทนฺเต วา ลคฺเคตุนฺติ. อยํ ขุทฺทกวตฺถุขนฺธเก อาคโต ปาฬิปาโ.

‘‘กถินนฺติ นิสฺเสณิมฺปิ, ตตฺถ อตฺถริตพฺพกฏสารกกิลฺชานํ อฺตรมฺปิ. กถินรชฺชุนฺติ ยาย ทุปฏฺฏจีวรํ สิพฺพนฺตา กถิเน จีวรํ วิพนฺธนฺติ. กถินํ นปฺปโหตีติ ทีฆสฺส ภิกฺขุโน ปมาเณน กตํ กถินํ อิตฺตรสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ ปตฺถริยมานํ นปฺปโหติ, อนฺโตเยว โหติ, ทณฺฑเก น ปาปุณาตีติ อตฺโถ. ทณฺฑกถินนฺติ ตสฺส มชฺเฌ อิตฺตรสฺส ภิกฺขุโน ปมาเณน อฺํ นิสฺเสณึ พนฺธิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. พิทลกนฺติ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน กฏสารกสฺส ปริยนฺเต ปฏิสํหริตฺวา ทุคุณกรณํ. สลากนฺติ ทุปฏฺฏจีวรสฺส อนฺตเร ปเวสนสลากํ. วินนฺธนรชฺชุนฺติ มหานิสฺเสณิยา สทฺธึ ขุทฺทกนิสฺเสณึ วินนฺธิตุํ รชฺชุํ. วินนฺธนสุตฺตกนฺติ ขุทฺทกนิสฺเสณิยา จีวรํ วินนฺธิตุํ สุตฺตกํ. วินนฺธิตฺวา จีวรํ สิพฺพิตุนฺติ เตน สุตฺตเกน ตตฺถ จีวรํ วินนฺธิตฺวา สิพฺเพตุํ. วิสมา โหนฺตีติ กาจิ ขุทฺทกา โหนฺติ, กาจิ มหนฺตา. กฬิมฺภกนฺติ ปมาณสฺากรณํ ยํ กิฺจิ ตาลปณฺณาทึ. โมฆสุตฺตกนฺติ วฑฺฒกีนํ ทารูสุ กาฬสุตฺเตน วิย หลิทฺทิสุตฺเตน สฺากรณํ. องฺคุลิยา ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ สูจิมุขํ องฺคุลิยา ปฏิจฺฉนฺติ. ปฏิคฺคหนฺติ องฺคุลิโกสกํ. อาเวสนวิตฺถกํ นาม ยํ กิฺจิ ปาติจงฺโกฏกาทิ. อุจฺจวตฺถุกนฺติ ปํสุํ อากิริตฺวา อุจฺจวตฺถุกํ กาตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. โอคุมฺเผตฺวา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุนฺติ ฉทนํ โอธุนิตฺวา ฆนทณฺฑกํ กตฺวา อนฺโต เจว พหิ จ มตฺติกาย ลิมฺปิตุนฺติ อตฺโถ. โคฆํสิกายาติ เวฬุํ วา รุกฺขทณฺฑกํ วา อนฺโต กตฺวา เตน สทฺธึ สํหริตุนฺติ อตฺโถ. พนฺธนรชฺชุนฺติ ตถา สํหริตสฺส พนฺธนรชฺชุ’’นฺติ อยํ อฏฺกถาปาโ (จูฬว. อฏฺ. ๒๕๖).

‘‘อนุวาตํ ปริภณฺฑนฺติ กิลฺชาทีสุ กโรตีติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. พิทลกนฺติ ทุคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทุคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินํ อตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทุคุณํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหนฺติ องฺคุลิกฺจุกํ. ปาติ นาม ปฏิคฺคหสณฺาเนน กโต ภาชนวิเสโส. น สมฺมตีติ นปฺปโหติ. นีจวตฺถุกํ จินิตุนฺติ พหิกุฏฺฏสฺส สมนฺตโต นีจวตฺถุกํ กตฺวา จินิตุ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๖๐-๒๖๒).

‘‘นิสฺเสณิมฺปีติ จตูหิ ทณฺเฑหิ จีวรปฺปมาเณน อายตจตุรสฺสํ กตฺวา พทฺธปฏลมฺปิ. เอตฺถ หิ จีวรโกฏิโย สมกํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ยถาสุขํ สิพฺพนฺติ. ตตฺถ อตฺถริตพฺพนฺติ ตสฺสา นิสฺเสณิยา อุปริ จีวรสฺส อุปตฺถมฺภนตฺถาย อตฺถริตพฺพํ. กถินสงฺขาตาย นิสฺเสณิยา จีวรสฺส พนฺธนกรชฺชุ กถินรชฺชูติ มชฺฌิมปทโลปี สมาโสติ อาห ‘‘ยายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา ทฺวินฺนํ ปฏลานํ เอกสฺมึ อธิเก ชาเต ตตฺถ วลิโย โหนฺติ, ตสฺมา ทุปฏฺฏจีวรสฺส ปฏลทฺวยมฺปิ สมกํ กตฺวา พนฺธนกรชฺชุ กถินรชฺชูติ เวทิตพฺพํ. ปาฬิยํ (จูฬว. ๒๕๖) กถินสฺส อนฺโต ชีรตีติ กถิเน พทฺธสฺส จีวรสฺส ปริยนฺโต ชีรตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วุตฺตํ.

‘‘พิทลกํ นาม ทิคุณกรณสงฺขาตสฺส กิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํ. กสฺส ทิคุณกรณํ? เยน กิลฺชาทินา มหนฺตํ กถินํ อตฺถตํ, ตสฺส. ตฺหิ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน ปริยนฺเต สํหริตฺวา ทิคุณํ กาตพฺพํ, อฺถา ขุทฺทกจีวรสฺส อนุวาตปริภณฺฑาทิวิธานกรเณ หตฺถสฺส โอกาโส น โหติ. สลากาย สติ ทฺวินฺนํ จีวรานํ อฺตรํ ตฺวา สิพฺพิตาสิพฺพิตํ สุขํ ปฺายติ. ทณฺฑกถิเน กเต น พหูหิ สหาเยหิ ปโยชนํ. ‘อสํกุฏิตฺวา จีวรํ สมํ โหติ, โกณาปิ สมา โหนฺตี’ติ ลิขิตํ, ‘หลิทฺทิสุตฺเตน สฺากรณ’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘หลิทฺทิสุตฺเตน จีวรํ สิพฺเพตุมฺปิ วฏฺฏตี’ติ สิทฺธํ. ตตฺถ หิ เกจิ อกปฺปิยสฺิโน. ปฏิคฺคโห นาม องฺคุลิโกโส. ปาตีติ ปฏิคฺคหสณฺานํ. ปฏิคฺคหถวิกนฺติ องฺคุลิโกสถวิก’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๒๕๖) อาคตํ.

คหปติจีวราทิกถา

คหปติจีวราทิกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ, โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ, โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ, อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึ วณฺเณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗) วจนโต อสมาทินฺนธุตงฺโค โย ภิกฺขุ ปํสุกูลํ ธาเรตุํ อิจฺฉติ, เตน ปํสุกูลิเกน ภวิตพฺพํ. โย ปน คิหีหิ ทินฺนํ คหปติจีวรํ สาทิยิตุํ อิจฺฉติ, เตน คหปติจีวรสาทิยเกน ภวิตพฺพํ. สมาทินฺนธุตงฺโค ปน ภิกฺขุ ‘‘คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อธิฏฺหนโต คหปติจีวรํ สาทิยิตุํ น วฏฺฏติ. คหปติจีวรนฺติ คหปตีหิ ทินฺนํ จีวรํ. อิตรีตเรนปีติ อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจีติ อตฺโถ.

‘‘อิตรีตเรนาติ อิตเรน อิตเรน. อิตร-สทฺโท ปน อนิยมวจโน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํกิฺจิ-สทฺเทหิ สมานตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ อปฺปคฺเฆนปิ มหคฺเฆนปิ เยน เกนจี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๓๗), ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาวารํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกเสยฺยปาวารํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกชว’’นฺติ (มหาว. ๓๓๗) วจนโต ปาวาราทีนิปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปาวาโรติ สโลมโก กปฺปาสาทิเภโท. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกชวนฺติ เอตฺถ ปกติโกชวเมว วฏฺฏติ, มหาปิฏฺิยโกชวํ น วฏฺฏติ. โกชวนฺติ อุณฺณามโย ปาวารสทิโส. ‘‘มหาปิฏฺิ โกชวนฺติ หตฺถิปิฏฺีสุ อตฺถริตพฺพตาย ‘มหาปิฏฺิย’นฺติ ลทฺธสมฺํ จตุรงฺคุลปุปฺผํ โกชว’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๓๗) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๓๗) ‘‘มหาปิฏฺิยโกชวนฺติ หตฺถิปิฏฺิยํ อตฺถริตพฺพตาย ‘มหาปิฏฺิย’นฺติ ลทฺธสมฺํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๓๗) ปน ‘‘มหาปิฏฺิยโกชวํ นาม อติเรกจตุรงฺคุลปุปฺผํ กิรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กมฺพล’’นฺติ (มหาว. ๓๓๘) วจนโต อฑฺฒกาสิยาทีนิ มหคฺฆานิปิ กมฺพลานิ วฏฺฏนฺติ. อฑฺฒกาสิยนฺติ เอตฺถ กาสีติ สหสฺสํ วุจฺจติ, ตํอคฺฆนโก กาสิโย. อยํ ปน ปฺจ สตานิ อคฺฆติ, ตสฺมา อฑฺฒกาสิโยติ วุตฺโต.

ฉจีวรกถา

ฉจีวรกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉ จีวรานิ โขมํ กปฺปาสิกํ โกเสยฺยํ กมฺพลํ สาณํ ภงฺค’’นฺติ (มหาว. ๓๓๙) วจนโต โขมาทีนิ ฉ จีวรานิ ทุกูลาทีนิ ฉ อนุโลมจีวรานิ จ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ ‘‘โขมนฺติ โขมสุตฺเตหิ วายิตํ โขมปฏฺฏจีวรํ. กปฺปาสิกนฺติ กปฺปาสโต นิพฺพตฺตสุตฺเตหิ วายิตํ. โกเสยฺยนฺติ โกสการกปาณเกหิ นิพฺพตฺตสุตฺเตหิ วายิตํ. กมฺพลนฺติ อุณฺณามยจีวรํ. สาณนฺติ สาณสุตฺเตหิ กตจีวรํ. ภงฺคนฺติ โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ, เอกจฺจานิ วา มิสฺเสตฺวา กตจีวรํ. ภงฺคมฺปิ วากมยเมวาติ เกจิ. ทุกูลํ ปฏฺฏุณฺณํ โสมารปฏํ จีนปฏํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ อิมานิ ปน ฉ จีวรานิ เอเตสํเยว อนุโลมานีติ วิสุํ น วุตฺตานิ. ทุกูลฺหิ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตา. ปฏฺฏุณฺณเทเส สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. ‘ปฏฺฏุณฺณโกเสยฺยวิเสโส’ติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํ. โสมารเทเส จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปุฺิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํ เอว อนุโลมํ. เทวตาหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ. กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๒-๔๖๓) วุตฺตํ.

วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ปน ‘‘โขมนฺติ โขมสุตฺเตหิ วายิตํ โขมปฏจีวรํ, ตํ วากมยนฺติ วทนฺติ. กปฺปาสสุตฺเตหิ วายิตํ กปฺปาสิกํ. เอวํ เสสานิปิ. กมฺพลนฺติ เอฬกาทีนํ โลมมยสุตฺเตน วายิตํ ปฏํ. ภงฺคนฺติ โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ, เอกจฺจานิ วา มิสฺเสตฺวา วายิตํ จีวรํ, ภงฺคมฺปิ วากมยเมวาติ เกจิ. ทุกูลํ ปฏฺฏุณฺณํ โสมารปฏํ จีนปฏํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ อิมานิ ฉ จีวรานิ เอเตสฺเว อนุโลมานีติ วิสุํ น วุตฺตานิ. ทุกูลฺหิ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตา. ‘ปฏฺฏุณฺณํ โกเสยฺยวิเสโส’ติ อภิธานโกเส วุตฺตํ. โสมารเทเส จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิชนฺติ เอหิภิกฺขูนํ ปุฺิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, กปฺปรุกฺเขหิ นิพฺพตฺตํ, เทวทินฺนฺจ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํ สพฺเพสํ อนุโลมานี’’ติ วุตฺตํ.

รชนาทิกถา

รชนาทิกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉ รชนานิ มูลรชนํ ขนฺธรชนํ ตจรชนํ ปตฺตรชนํ ปุปฺผรชนํ ผลรชน’’นฺติ วจนโต อิเมสุ ฉสุ รชเนสุ เอกเกน จีวรํ รชิตพฺพํ, น ฉกเณน วา ปณฺฑุมตฺติกาย วา รชิตพฺพํ. ตาย รชิตจีวรํ ทุพฺพณฺณํ โหติ. ฉรชนานํ สรูปํ เหฏฺา ปริกฺขารกถายํ วุตฺตเมว. ตตฺถ ฉกเณนาติ โคมเยน. ปณฺฑุมตฺติกายาติ ตมฺพมตฺติกาย. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนํ ปจิตุํ จุลฺลํ รชนกุมฺภิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต สีตุทกาย จีวรํ น รชิตพฺพํ. ตาย หิ รชิตจีวรํ ทุคฺคนฺธํ โหติ. ตตฺถ สีตุทกาติ อปกฺกรชนํ วุจฺจติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุตฺตราฬุมฺปํ พนฺธิตุ’’นฺติ วจนโต อุตฺตราฬุมฺปํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อุตฺตราฬุมฺปนฺติ วฏฺฏาธารกํ, รชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวา ตํ อาธารกํ ปริกฺขิปิตฺวา รชนํ ปกฺขิปิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. เอวฺหิ กเต รชนํ น อุตฺตรติ. ตตฺถ ‘‘รชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวาติ อนฺโตรชนกุมฺภิยา มชฺเฌ เปตฺวา. เอวํ วฏฺฏาธารเก อนฺโตรชนกุมฺภิยา ปกฺขิตฺเต มชฺเฌ อุทกํ ติฏฺติ, วฏฺฏาธารกโต พหิ สมนฺตา อนฺโตกุมฺภิยํ รชนจฺฉลฺลิ. ปกฺขิปิตุนฺติ รชนจฺฉลฺลึ ปกฺขิปิตุ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔๔) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔๔) ปน ‘‘เอวฺหิ กเตติ วฏฺฏาธารสฺส อนฺโต รชโนทกํ, พหิ ฉลฺลิกฺจ กตฺวา วิโยชเน กเต. น อุตฺตรตีติ เกวลํ อุทกโต เผณุฏฺานาภาวา น อุตฺตรตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๔๔) ปน ‘‘โคมเย อาปตฺติ นตฺถิ, วิรูปตฺตา วาริตํ. กุงฺกุมปุปฺผํ น วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทเก วา นขปิฏฺิกาย วา เถวกํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ตถา กตฺวา รชนสฺส ปกฺกาปกฺกภาโว ชานิตพฺโพ. ตตฺถ อุทเก วา นขปิฏฺิกาย วาติ สเจ ปริปกฺกํ โหติ, อุทกปาติยา ทินฺโน เถโว สหสา น วิสรติ, นขปิฏฺิยมฺปิ อวิสรนฺโต ติฏฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนุฬุงฺกํ ทณฺฑกถาลก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต รชนสฺส โอโลกนกาเล กุมฺภิยา รกฺขณตฺถํ อุฬุงฺกทณฺฑกถาลิกานิ อิจฺฉิตพฺพานิ. ตตฺถ รชนุฬุงฺกนฺติ รชนอุฬุงฺกํ. ทณฺฑกถาลกนฺติ ทณฺฑเมว ทณฺฑกํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนโกลมฺพํ รชนฆฏ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ตานิปิ อิจฺฉิตพฺพานิ. ตตฺถ รชนโกลมฺพนฺติ รชนกุณฺฑํ. ตตฺถ รชนกุณฺฑนฺติ ปกฺกรชนฏฺปนกํ มหาฆฏํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รชนโทณิก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ปาติยมฺปิ ปตฺเต จีวเร มทฺทนฺเต จีวรสฺส ปริภิชฺชนโต จีวรรกฺขณตฺถํ รชนโทณิกา อิจฺฉิตพฺพา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติณสนฺถรก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ฉมาย จีวเร ปตฺถริยมาเน จีวรสฺส ปํสุกิตตฺตา ตโต รกฺขณตฺถํ ติณสนฺถรํ กาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จีวรวํสํ จีวรรชฺชุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ติณสนฺถารเก อุปจิกาทีหิ ขชฺชมาเน จีวรวํเส วา จีวรรชฺชุยา วา จีวรํ ปตฺถริตพฺพํ มชฺเฌน จีวเร ลคฺคิเต รชนสฺส อุภโต คฬิตตฺตา.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺเณ พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต กณฺเณ พนฺธิตพฺพํ จีวรสฺส กณฺเณ พนฺธิยมาเน กณฺณสฺส ชิณฺณตฺตา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต กณฺณสุตฺตเกน พนฺธิตพฺพํ เอวํ พนฺธนฺเต รชนสฺส เอกโต คฬิตตฺตา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺปริวตฺตกํ สมฺปริวตฺตกํ รเชตุํ, น จ อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ตถา รชิตพฺพํ. ยาว รชนพินฺทุ คฬิตํ น ฉิชฺชติ, ตาว น อฺตฺร คนฺตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทเก โอสาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ปตฺถินฺนํ จีวรํ อุทเก โอสาเรตพฺพํ. ตตฺถ ปตฺถินฺนนฺติ อติรชิตตฺตา ถทฺธํ. อุทเก โอสาเรตุนฺติ อุทเก ปกฺขิปิตฺวา เปตุํ. รชเน ปน นิกฺขนฺเต ตํ อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา จีวรํ มทฺทิตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาณินา อาโกเฏตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต ผรุสํ จีวรํ ปาณินา อาโกเฏตพฺพํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อจฺฉินฺนกานิ จีวรานิ ธาเรตพฺพานิ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๔๔) วจนโต อจฺฉินฺนกานิ จีวรานิ ทนฺตกาสาวานิ น ธาเรตพฺพานิ. ตตฺถ ทนฺตกาสาวานีติ เอกํ วา ทฺเว วา วาเร รชิตฺวา ทนฺตวณฺณานิ ธาเรนฺติ.

อติเรกจีวรกถา

อติเรกจีวรกถายํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, โย ธาเรยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๓๔๗) วจนโต นิฏฺิตจีวรสฺมึ อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหโต ปรํ อติเรกจีวรํ ธาเรนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) วจนโต อุพฺภเตปิ กถิเน ทสาหพฺภนฺตเร ธาเรนฺตสฺส อตฺถตกถินานํ อนุพฺภเตปิ กถิเน ปฺจมาสพฺภนฺตเร ตโต ปรมฺปิ ทสาหพฺภนฺตเร อนตฺถตกถินานมฺปิ ทสาหพฺภนฺตเร อติเรกจีวรํ อนาปตฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อติเรกจีวรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๗) วจนโต ทสาหโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา อติเรกจีวรํ ธาเรตุํ วฏฺฏติ. กิตฺตกํ ปน จีวรํ วิกปฺเปตพฺพนฺติ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อายาเมน อฏฺงฺคุลํ สุคตงฺคุเลน จตุรงฺคุลวิตฺถตํ ปจฺฉิมํ จีวรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน สุคตงฺคุเลน อฏฺงฺคุลายามํ จตุรงฺคุลวิตฺถารํ จีวรํ วิกปฺเปตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ สุคตงฺคุลํ นาม มชฺฌิมปุริสงฺคุลสงฺขาเตน วฑฺฒกีองฺคุเลน ติวงฺคุลํ โหติ, มนุสฺสานํ ปกติองฺคุเลน อฑฺฒปฺจกงฺคุลํ, ตสฺมา ทีฆโต วฑฺฒกีหตฺเถน เอกหตฺถํ ปกติหตฺเถน ทิยฑฺฒหตฺถํ วิตฺถารโต วฑฺฒกีหตฺเถน วิทตฺถิปฺปมาณํ ปกติหตฺเถน ฉฬงฺคุลาธิกวิทตฺถิปฺปมาณํ ปจฺฉิมํ จีวรํ วิกปฺเปตุํ วฏฺฏติ, ตโต อูนปฺปมาณํ น วฏฺฏติ, อธิกปฺปมาณํ ปน วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.

อฏฺวรกถา

อฏฺวรกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสิกสาฏิกํ อาคนฺตุกภตฺตํ คมิกภตฺตํ คิลานภตฺตํ คิลานุปฏฺากภตฺตํ คิลานเภสชฺชํ ธุวยาคุํ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อุทกสาฏิก’’นฺติ วจนโต อิมานิ อฏฺ ทานานิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ นิกฺขิตฺตจีวรา หุตฺวา กายํ โอวสฺสนฺตานํ ภิกฺขูนํ นคฺคิยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ ปฏิกูลํ โหติ, ตสฺมา วสฺสิกสาฏิกา อนุฺาตา. อาคนฺตุโก ภิกฺขุ น วีถิกุสโล โหติ, น โคจรกุสโล, กิลนฺโต ปิณฺฑาย จรติ, ตสฺมา อาคนฺตุกภตฺตํ อนุฺาตํ, คมิโก ภิกฺขุ อตฺตโน ภตฺตํ ปริเยสมาโน สตฺถา วา วิหายิสฺสติ, ยตฺถ วา วาสํ คนฺตุกาโม ภวิสฺสติ, ตตฺถ วิกาเลน อุปคจฺฉิสฺสติ, กิลนฺโต อทฺธานํ คมิสฺสติ, ตสฺมา คมิกภตฺตํ. คิลานสฺส ภิกฺขุโน สปฺปายานิ โภชนานิ อลภนฺตสฺส อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสติ, ตสฺมา คิลานภตฺตํ. คิลานุปฏฺาโก ภิกฺขุ อตฺตโน ภตฺตํ ปริเยสมาโน คิลานสฺส อุสฺสูเร ภตฺตํ นีหริสฺสติ, ตสฺมา คิลานุปฏฺากภตฺตํ. คิลานสฺส ภิกฺขุโน สปฺปายานิ เภสชฺชานิ อลภนฺตสฺส อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสติ, ตสฺมา คิลานเภสชฺชํ. ยสฺมา ภควตา อนฺธกวินฺเท ทสานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน ยาคุ อนุฺาตา, ตสฺมา ธุวยาคุ. ยสฺมา มาตุคามสฺส นคฺคิยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ ปฏิกูลํ โหติ, ตสฺมา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อุทกสาฏิกา อนุฺาตา.

นิสีทนาทิกถา

นิสีทนาทิกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กายคุตฺติยา จีวรคุตฺติยา เสนาสนคุตฺติยา นิสีทน’’นฺติ (มหาว. ๓๕๓) วจนโต กายาทีนํ อสุจิมุจฺจนาทิโต โคปนตฺถาย นิสีทนํ ธาเรตุํ วฏฺฏติ. ตสฺส วิธานํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาวมหนฺตํ ปจฺจตฺถรณํ อากงฺขติ, ตาวมหนฺตํ ปจฺจตฺถรณํ กาตุ’’นฺติ วจนโต อติขุทฺทเกน นิสีทเนน เสนาสนสฺส อโคปนตฺตา มหนฺตมฺปิ ปจฺจตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยสฺส กณฺฑุ วา ปีฬกา วา อสฺสาโว วา ถุลฺลกจฺฉุ วา อาพาโธ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ’’นฺติ วจนโต อีทิเสสุ อาพาเธสุ สนฺเตสุ จีวราทิคุตฺตตฺถาย กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปมาณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุขปุฺฉนโจฬ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๕) วจนโต มุขโสธนตฺถาย มุขปุฺฉนโจฬํ วฏฺฏติ. ตมฺปิ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ วจนโต ติจีวเร ปริปุณฺเณ ปริสฺสาวนถวิกาทีหิ อตฺเถ สติ ปริกฺขารโจฬํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ, นิสีทนํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, ปจฺจตฺถรณํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทึ ยาว อาพาธา อธิฏฺาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ, มุขปุฺฉนโจฬํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ, ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต วุตฺตนเยน อธิฏฺานฺจ วิกปฺปนา จ กาตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา วุตฺโตว.

อธมฺมกมฺมกถา

๕๘. อธมฺมกมฺมกถายํ น, ภิกฺขเว…เป… ทุกฺกฏสฺสาติ อิทํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สงฺฆมชฺเฌ อธมฺมกมฺมํ กโรนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺมํ กาตพฺพํ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) อิมํ อุโปสถกฺขนฺธเก อาคตปาํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนุชานามิ…เป… ปฏิกฺโกสิตุนฺติ ตเถว อาคตํ ‘‘ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน ปฏิกฺโกสิตุ’’นฺติ อิมํ. ตตฺถ กโรนฺติเยวาติ ปฺตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ มทฺทิตฺวา อธมฺมกมฺมํ กโรนฺติเยวาติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ…เป… ปฏิกฺโกสิตุ’’นฺติ เอวํ อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน สติ ‘‘เปสเลหิ ภิกฺขูหิ ตํ อธมฺมกมฺมํ อกตํ, กมฺมํ ทุกฺกฏํ กมฺมํ ปุน กาตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปฏิกฺโกสิตพฺพํ, น ตุณฺหีภาเวน ขมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อิติ วจนโตติ อิทํ ปน ปุพฺพปาํ คเหตฺวา อิติ วจนโต. อธมฺมกมฺมํ น กาตพฺพนฺติ อปรปาํ คเหตฺวา อิติ วจนโต กยิรมานฺจ อธมฺมกมฺมํ ภิกฺขูหิ นิวาเรตพฺพนฺติ ทฺวิธา โยชนา กาตพฺพา.

นิวาเรนฺเตหิ จาติอาทิ ปน ‘‘เตน โข ปน สมเยน เปสลา ภิกฺขู ฉพฺพคฺคิเยหิ ภิกฺขูหิ อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน ปฏิกฺโกสนฺติ, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ลภนฺติ อาฆาตํ, ลภนฺติ อปฺปจฺจยํ, วเธน ตชฺเชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิมฺปิ อาวิกาตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๔) ปาฺจ ‘‘เตสํเยว สนฺติเก ทิฏฺึ อาวิกโรนฺติ, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ลภนฺติ อาฆาตํ, ลภนฺติ อปฺปจฺจยํ, วเธน ตชฺเชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตูหิ ปฺจหิ ปฏิกฺโกสิตุํ, ทฺวีหิ ตีหิ ทิฏฺึ อาวิกาตุํ, เอเกน อธิฏฺาตุํ น เมตํ ขมตี’’ติ อิเม ปาเ สนฺธาย วุตฺตํ. วจนโตติ อิทํ ปน ปาฬิยํ ตีณิ สมฺปทานานิ คเหตฺวา ตีหิ กิริยาปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺพํ. สพฺพฺเจตํ อนุปทฺทวตฺถาย วุตฺตํ, น อาปตฺติสพฺภาวโตติ โยชนา. กถํ อนุปทฺทวสมฺภโวติ? นิคฺคหกมฺมํ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต, อฺสฺส อุปทฺทวสฺส จ นิวารณโต. เตน วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๕๔) ‘‘เตสํ อนุปทฺทวตฺถายาติ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ น กโรติ, อฺโปิ อุปทฺทโว พหูนํ โหติ, ตสฺมา วุตฺต’’นฺติ.

โอกาสกตกถา

๕๙. โอกาสกตกถายํ น, ภิกฺขเว, อโนกาสกโตติอาทิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อโนกาสกตํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – น, ภิกฺขเว, อโนกาสกโต ภิกฺขุ อาปตฺติยา โจเทตพฺโพ, โย โจเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอกาสํ การาเปตฺวา อาปตฺติยา โจเทตุํ, กโรตุ อายสฺมา โอกาสํ, อหํ ตํ วตฺตุกาโม’’ติ (มหาว. ๑๕๓) อิทํ ปาํ สนฺธาย วุตฺตํ. อธิปฺปาเยสุ จาวนาธิปฺปาโยติ, สาสนโต จาเวตุกาโม. อกฺโกสาธิปฺปาโยติ ปรํ อกฺโกสิตุกาโม ปริภาสิตุกาโม. กมฺมาธิปฺปาโยติ ตชฺชนียาทิกมฺมํ กตฺตุกาโม. วุฏฺานาธิปฺปาโยติ อาปตฺติโต วุฏฺาเปตุกาโม. อุโปสถปฺปวารณฏฺปนาธิปฺปาโยติ อุโปสถํ, ปวารณํ วา เปตุกาโม. อนุวิชฺชนาธิปฺปาโยติ อุปปริกฺขิตุกาโม. ธมฺมกถาธิปฺปาโยติ ธมฺมํ เทเสตุกาโม. อิติ ปรํ โจเทนฺตานํ ภิกฺขูนํ อธิปฺปายเภโท อเนกวิโธ โหตีติ อตฺโถ. ปุริเมสุ จตูสุ อธิปฺปาเยสูติ จาวนาธิปฺปายอกฺโกสาธิปฺปายกมฺมาธิปฺปายวุฏฺานาธิปฺปาเยสุ โอกาสํ อการาเปนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. การาเปตฺวาปิ สมฺมุขา โจเทนฺตสฺส ยถานุรูปํ สงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยทุกฺกฏานิ, อสมฺมุขา ปน ทุกฺกฏเมวาติ อยเมตฺถ ปิณฺฑตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

‘‘ปนกฺเขตฺตํ ปน ชานิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทิมาห. อนุวิชฺชกสฺส อนุวิชฺชนาธิปฺปาเยน วทนฺตสฺส โอกาสกมฺมํ นตฺถีติ โยชนา. ธมฺมกถิกสฺส อโนทิสฺส กมฺมํ กเถนฺตสฺส โอกาสกมฺมํ นตฺถิ. สเจ ปน โอทิสฺส กเถติ, อาปตฺติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพนฺติ โยเชตพฺพํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

สทฺธาเทยฺยวินิปาตนกถา

๖๐. สทฺธาเทยฺยวินิปาตนกถายํ ‘‘มาตาปิตโรติ โข, ภิกฺขเว, วทมาเน กึ วเทยฺยาม. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ ทาตุํ, น จ, ภิกฺขเว, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตตพฺพํ, โย วินิปาเตยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๖๑) วจนโต ทายเกหิ สทฺธาย ภิกฺขุสฺส ทินฺนํ วินิปาเตตฺวา คิหีนํ ทาตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สทฺธาเทยฺยนฺติ เอตฺถ เสสาตีนํ เทนฺโต วินิปาเตติเยว. มาตาปิตโร ปน สเจ รชฺเช ิตาปิ ปตฺถยนฺติ, ทาตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๑) วุตฺตตฺตา ภาตุภคินีอาทีนํ าตกานมฺปิ ทาตุํ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อาจริยธมฺมสิริตฺเถเรน ขุทฺทสิกฺขายํ –

‘‘น ลพฺภํ วินิปาเตตุํ, สทฺธาเทยฺยฺจ จีวรํ;

ลพฺภํ ปิตูนํ เสสานํ, าตีนมฺปิ น ลพฺภตี’’ติ.

กยวิกฺกยสมาปตฺติสิกฺขาปทวณฺณนายมฺปิ ‘‘มาตรํ ปน ปิตรํ วา ‘อิมํ เทหี’ติ วทโต วิฺตฺติ น โหติ, ‘อิมํ คณฺหาหี’ติ วทโต สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ น โหติ. อฺาตกํ ‘อิมํ เทหี’ติ วทโต วิฺตฺติ โหติ, ‘อิมํ คณฺหาหี’ติ วทโต สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ โหติ. ‘อิมินา อิมํ เทหี’ติ กยวิกฺกยํ อาปชฺชโต นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๙๕) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เสสาตเกสุ สทฺธาเทยฺยวินิปาตสมฺภวโต ตทภาวฏฺานมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘มาตรํ ปน ปิตรํ วา’ติ วุตฺต’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๓-๕๙๕) วุตฺตํ.

สนฺตรุตฺตรกถา

๖๑. สนฺตรุตฺตรกถายํ อนฺตร-สทฺโท มชฺฌวาจโก. วสติ สีเลนาติ วาสโก, ‘‘อนฺตเร วาสโก อนฺตรวาสโก’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติอาทีสุ วิย อุตฺตรปทโลปีสมาสวเสน ‘‘อนฺตโร’’ติ วุตฺโต. อุตฺตรสทฺโท อุปริวาจโก, อาภุโส สชฺชตีติ อาสงฺโค, ‘‘อุตฺตเร อาสงฺโค อุตฺตราสงฺโค’’ติ วตฺตพฺเพ วุตฺตนเยน ‘‘อุตฺตโร’’ติ วุตฺโต, อนฺตโร จ อุตฺตโร จ อนฺตรุตฺตรา, สห อนฺตรุตฺตเรหิ โย วตฺตตีติ สนฺตรุตฺตโร, สหปุพฺพปทภินฺนาธิกรณทฺวิปทพหุพฺพีหิสมาโส. อถ วา สห อนฺตเรน จ อุตฺตเรน จ โย วตฺตตีติ สนฺตรุตฺตโร, ติปทพหุพฺพีหิสมาโส. สงฺฆาฏึ เปตฺวา อนฺตรวาสกอุตฺตราสงฺคมตฺตธโร หุตฺวา คาโม น ปวิสิตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘ปริพฺพาชกมทกฺขิ ติทณฺฑเกนา’’ติอาทีสุ วิย อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ, ตสฺมา อนฺตรวาสกํ ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สงฺฆาฏิฺจ อุตฺตราสงฺคฺจ ทิคุณํ กตฺวา ปารุปิตฺวา คาโม ปวิสิตพฺโพ.

จีวรนิกฺเขปกถา

๖๒. จีวรนิกฺเขปกถายํ สํหรียเตติ สงฺฆาฏิ, ตสฺสา สงฺฆาฏิยา, ภาวโยเค กมฺมตฺเถ ฉฏฺี. นิกฺเขปายาติ ปนาย, สงฺฆาฏึ อคฺคเหตฺวา วิหาเร เปตฺวา คมนาย ปฺจ การณานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. คิลาโน วา โหตีติ คเหตฺวา คนฺตุํ อสมตฺโถ คิลาโน วา โหติ. วสฺสิกสงฺเกตํ วา โหตีติ ‘‘วสฺสิกกาโล อย’’นฺติ สงฺเกตํ วา กตํ โหติ. นทีปารคตํ วา โหตีติ นทิยา ปารํ คนฺตฺวา ภุฺชิตพฺพํ โหติ. อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา โหตีติ อคฺคฬํ ทตฺวาปิ ทาตพฺโพ สุคุตฺตวิหาโร วา โหติ. อตฺถตกถินํ วา โหตีติ ตสฺมึ วิหาเร กถินํ อตฺถตํ วา โหติ อตฺถตกถินานํ อสมาทานจารสมฺภวโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. อารฺิกสฺส ปน วิหาโร น สุคุตฺโต โหตีติ อปฺปภิกฺขุกตฺตา โจราทีนํ คมนฏฺานโต จ. ภณฺฑุกฺขลิกายาติ จีวราทิฏฺปนภณฺฑุกฺขลิกาย. เสสํ สุวิฺเยฺยํ.

สตฺถกมฺมวตฺถิกมฺมกถา

๖๓. สตฺถกมฺมวตฺถิกมฺมกถายํ สตฺถกมฺมํ วา วตฺถิกมฺมํ วาติ เอตฺถ เยน เกนจิ สตฺถาทินา ฉินฺทนาทิ สตฺถกมฺมํ นาม โหติ. เยน เกนจิ จมฺมาทินา วตฺถิปีฬนํ วตฺถิกมฺมํ นาม. ‘‘สมฺพาเธ ทหนกมฺมํ ปฏิกฺเขปาภาวา วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๗๙). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๗๙) ปน ‘‘วตฺถิปีฬนนฺติ ยถา วตฺถิคตเตลาทิ อนฺโตสรีเร อาโรหนฺติ, เอวํ หตฺเถน วตฺถิมทฺทน’’นฺติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๗๙) ปน ‘‘สมฺพาเธติ วจฺจมคฺเค, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา จ ปสฺสาวมคฺเคปิ อนุโลมโต ทหนํ ปฏิกฺเขปาภาวา วฏฺฏติ. สตฺถวตฺถิกมฺมานุโลมโต น วฏฺฏตีติ เจ? น, ปฏิกฺขิตฺตปฏิกฺเขปา, ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺส ตปฺปรมตาทีปนโต. กึ วุตฺตํ โหติ? ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตมฺปิ สตฺถกมฺมํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ปจฺฉา ‘น, ภิกฺขเว…เป… ถุลฺลจฺจยสฺสา’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมสฺส ปริกฺเขโป กโต. เตน สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ นาม สตฺถวตฺถิกมฺมโต อุทฺธํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. กิฺจ ภิยฺโย – ปุพฺเพ สมฺพาเธเยว สตฺถกมฺมํ ปฏิกฺขิตฺตํ, ปจฺฉา สมฺพาธสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา ตสฺเสว ปฏิกฺเขโป, เนตรสฺสาติ สิทฺธํ. เอตฺถ ‘สตฺถํ นาม สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๗) วิย เยน ฉินฺทติ, ตํ สพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘กณฺฏเกน วา’ติอาทิ. ขารุทานํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ปสาเข ปมุเข อนุฺาตนฺติ เวทิตพฺพํ, เอเก ปน ‘สตฺถกมฺมํ วา’ติ ปาํ วิกปฺเปตฺวา วตฺถิกมฺมํ กโรนฺติ. วตฺถีติ กึ? อคฺฆิกา วุจฺจติ, ตาย ฉินฺทนํ วตฺถิกมฺมํ นามาติ จ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, เต ‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’ติ อิมสฺส ปทภาชนียํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อณฺฑวุทฺธีติ วาตณฺฑกา, อาทานวตฺตีติ อนาหวตฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

นหาปิตปุพฺพกถา

๖๔. นหาปิตปุพฺพกถายํ นหาปิโต ปุพฺเพติ นหาปิตปุพฺโพ, ปุพฺเพ นหาปิโต หุตฺวา อิทานิ ภิกฺขุภูโตติ อตฺโถ. เตน นหาปิตปุพฺเพน ภิกฺขุนา. ขุรภณฺฑนฺติ ขุราทินหาปิตภณฺฑํ, ‘‘ลทฺธาตปตฺโต ราชกุมาโร’’ติอาทีสุ วิย อุปลกฺขณนโยยํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปพฺพชิเตน อกปฺปิยํ สมาทเปตพฺพํ, โย สมาทเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น จ, ภิกฺขเว, นหาปิตปุพฺเพน ขุรภณฺฑํ ปริหริตพฺพํ, โย ปริหเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๐๓) จ ทฺวิธา ปฺตฺติ, ตสฺมา นหาปิตปุพฺเพน วา อนหาปิตปุพฺเพน วา ปพฺพชิเตน นาม อกปฺปิยสมาทปนํ น กาตพฺพํ. นหาปิตปุพฺเพน ปน ภิกฺขุนา ขุเรน อภิลกฺขิตํ ขุรภณฺฑํ, ขุรภณฺฑขุรโกสนิสิตปาสาณขุรถวิกาทโย น ปริหริตพฺพา เอว. เสสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๐) ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, ปพฺพชิเตน อกปฺปิเย สมาทเปตพฺพนฺติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ น เกวลํ ทสสุ เอว สิกฺขาปเทสุ, อถ โข ยํ ภิกฺขุสฺส น กปฺปติ, ตสฺมิมฺปีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.

ทสภาคกถา

๖๕. ทสภาคกถายํ สงฺฆิกานีติ สงฺฆสนฺตกานิ พีชานิ. ปุคฺคลิกายาติ ปุคฺคลสฺส สนฺตกาย ภูมิยา. ภาคํ ทตฺวาติ มูลภาคสงฺขาตํ ทสมภาคํ ภูมิสามิกานํ ทตฺวา. ปริภุฺชิตพฺพานีติ เตสํ พีชานํ ผลานิ โรปเกหิ ปริภุฺชิตพฺพานีติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. อิทํ กิร ชมฺพุทีเป โปราณกจาริตฺตนฺติ อาทิกปฺปกาเล ปมกปฺปิกา มนุสฺสา โพธิสตฺตํ มหาสมฺมตํ นาม ราชานํ กตฺวา สพฺเพปิ อตฺตโน อตฺตโน ตณฺฑุลผลสาลิเขตฺตโต ปวตฺตตณฺฑุลผลานิ ทส โกฏฺาเส กตฺวา เอกํ โกฏฺาสํ ภูมิสามิกภูตสฺส มหาสมฺมตราชิโน ทตฺวา ปริภุฺชึสุ. ตโต ปฏฺาย ชมฺพุทีปิกานํ มนุสฺสานํ จาริตตฺตา วุตฺตํ. เตเนว สารตฺถทีปนีนามิกายมฺปิ วินยฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๔) ‘‘ทสภาคํ ทตฺวาติ ทสมภาคํ ทตฺวา. เตเนวาห ‘ทส โกฏฺาเส กตฺวา เอโก โกฏฺาโส ภูมิสามิกานํ ทาตพฺโพ’ติ’’ วุตฺตํ.

ปาเถยฺยกถา

๖๖. ปาเถยฺยกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ ภทฺทิยนคเร อมิตปริโภคภูเตน เมณฺฑกเสฏฺินา อภิยาจิโต หุตฺวา อนุฺาตํ, อิธ ปน ปมํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ โครเส ขีรํ ทธึ ตกฺกํ นวนีตํ สปฺปิ’’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) ปฺจ โครสา อนุฺาตา. ตโต ปรํ เสฏฺิโน อภิยาจนานุรูปํ วตฺวา อนุชานิตุํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มคฺคา กนฺตารา’’ติอาทิมาห. เสสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตถา อลภนฺเตน อฺาตกอปฺปวาริตฏฺานโต ยาจิตฺวาปิ คเหตพฺพนฺติ เอเตน เอวรูเปสุ กาเลสุ วิฺตฺติปจฺจยา โทโส นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกทิวเสน คมนีเย มคฺเค เอกภตฺตตฺถาย ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปน ตโต อุปริ ยาจนํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสิตํ. ‘‘ทีเฆ อทฺธาเน’’ติอาทินา สเจ มาสคมนีเย มคฺเค สตฺตาหคมนีโย เอว กนฺตาโร โหติ, ตตฺถ สตฺตาหยาปนียมตฺตเมว ปาเถยฺยํ ปริเยสิตพฺพํ, ตโต ปรํ ปิณฺฑจาริกาทิวเสน สุภิกฺขสุลภปิณฺฑมคฺคตฺตา น ปริเยสิตพฺพนฺติ.

มหาปเทสกถา

๖๗. มหาปเทสกถายํ มหาปเทสา นาม อปฺปฏิกฺขิตฺตา ทฺเว, อนนุฺาตา ทฺเวติ จตฺตาโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. เตสุ อปฺปฏิกฺขิตฺเตปิ อกปฺปิยานุโลมกปฺปิยานุโลมวเสน ทฺเว, ตถา อนนุฺาเตปีติ.

ตตฺถ ‘‘ปริมทฺทนฺตาติ อุปปริกฺขนฺตา. ปฏฺฏณฺณุเทเส สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. ‘ปฏฺฏุณฺณํ โกเสยฺยวิเสโส’ติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํ. จีนเทเส โสมารเทเส จ สฺชาตวตฺถานิ จีนโสมารปฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิมยํ เอหิภิกฺขูนํ ปุฺิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสํเยว อนุโลมํ. เทวตาหิ ทินฺนจีวรํ เทวทตฺติยํ, ตํ กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต. ทฺเว ปฏานิ เทสนาเมน วุตฺตานีติ เตสํ สรูปทสฺสนมตฺตเมตํ, นาฺนิวตฺตนปทํ ปฏฺฏุณฺณปฏฺฏสฺสปิ เทสนาเมเนว วุตฺตตฺตา. ตุมฺพาติ ตีณิ ภาชนานิ. ผลกตุมฺโพ ลาพุอาทิ. อุทกตุมฺโพ อุทกุกฺขิปนกุฏโก. กิลฺชจฺฉตฺตนฺติ เวฬุวิลีเวหิ วายิตฺวา กตฉตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๕) วุตฺตํ.

‘‘ยาวกาลิกปกฺกานนฺติ ปกฺเก สนฺธาย วุตฺตํ. อามานิ ปน อนุปสมฺปนฺเนหิ สีตุทเก มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ทินฺนปานํ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ กปฺปติ เอว. อยฺจ อตฺโถ มหาอฏฺกถายํ สรูปโต อวุตฺโตติ อาห ‘กุรุนฺทิยํ ปนา’ติอาทิ. อุจฺฉุรโส นิกสโฏติ อิทํ ปาตพฺพตาสามฺเน ยามกาลิกกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปน สตฺตาหกาลิกเมวาติ คเหตพฺพํ. อิเม จตฺตาโร รสาติ ผลปตฺตปุปฺผอุจฺฉุรสา จตฺตาโร’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๐) วุตฺตํ. ‘‘ทฺเว ปฏา เทสนาเมเนวาติ จีนปฏโสมารปฏานิ. ตีณีติ ปฏฺฏุณฺเณน สห ตีณิ. อิทฺธิมยํ เอหิภิกฺขูนํ นิพฺพตฺตํ. เทวทตฺติยํ อนุรุทฺธตฺเถเรน ลทฺธ’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๕).

สํสฏฺกถา

สํสฏฺกถายํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปตีติอาทิ สพฺพํ สมฺภินฺนรสํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ หิ ฉลฺลิมฺปิ อปเนตฺวา สกเลเนว นาฬิเกรผเลน สทฺธึ ปานกํ ปฏิคฺคหิตํ โหติ, นาฬิเกรํ อปเนตฺวา ตํ วิกาเลปิ กปฺปติ. อุปริ สปฺปิปิณฺฑํ เปตฺวา สีตลปายาสํ เทนฺติ, ยํ ปายาเสน อสํสฏฺํ สปฺปิ, ตํ อปเนตฺวา สตฺตาหํ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. พทฺธมธุผาณิตาทีสุปิ เอเสว นโย. ตกฺโกลชาติผลาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, ตานิ อุทฺธริตฺวา โธวิตฺวา ยาวชีวํ ปริภุฺชิตพฺพานิ, ยาคุยํ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนสิงฺคิเวราทีสุปิ, เตลาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนลฏฺิมธุกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ยํ ยํ อสมฺภินฺนรสํ โหติ, ตํ ตํ เอกโต ปฏิคฺคหิตมฺปิ ยถา สุทฺธํ โหติ, ตถา โธวิตฺวา วา ตจฺเฉตฺวา วา ตสฺส ตสฺส กาลสฺส วเสน ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ.

สเจ ปน สมฺภินฺนรสํ โหติ สํสฏฺํ, น วฏฺฏติ. ยาวกาลิกฺหิ อตฺตนา สทฺธึ สมฺภินฺนรสานิ ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ. ยามกาลิกํ ทฺเวปิ สตฺตาหกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ. สตฺตาหกาลิกํ อตฺตนา สทฺธึ สํสฏฺํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวฺเว อุปเนติ, ตสฺมา เตน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธึ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปติ, ทฺวีหปฏิคฺคหิเตน ฉาหํ…เป… สตฺตาหปฏิคฺคหิเตน ตทเหว กปฺปตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมาเยว หิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํ.

กาลยามสตฺตาหาติกฺกเมสุ เจตฺถ วิกาลโภชนสนฺนิธิเภสชฺชสิกฺขาปทานํ วเสน อาปตฺติโย เวทิตพฺพา. อิเมสุ จ ปน จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกนฺติ อิทเมว ทฺวยํ อนฺโตวุตฺถกฺเจว สนฺนิธิการกฺจ โหติ, สตฺตาหกาลิกฺจ ยาวชีวิกฺจ อกปฺปิยกุฏิยํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฏฺฏติ, สนฺนิธิมฺปิ น ชเนตีติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

ปฺจเภสชฺชกถา

ปฺจเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๑) วจนโต สารทิเกน อาพาเธน ผุฏฺานํ ภิกฺขูนํ ยาคุปิ ปีตา อุคฺคจฺฉติ, ภตฺตมฺปิ ภุตฺตํ อุคฺคจฺฉติ, เต เตน กิสา โหนฺติ ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา. เตสํ ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺส เภสชฺชสมฺมตฺจ, โลกสฺส อาหารตฺถฺจ ผเรยฺย, น จ โอฬาริโก อาหาโร ปฺาเยยฺย. ตตฺริมานิ ปฺจ เภสชฺชานิ. เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ‘‘สารทิเกน อาพาเธนาติ สรทกาเล อุปฺปนฺเนน ปิตฺตาพาเธน. ตสฺมิฺหิ กาเล วสฺโสทเกนปิ เตเมนฺติ, กทฺทมมฺปิ มทฺทนฺติ, อนฺตรนฺตรา อาพาโธปิ ขโร โหติ, เตน เตสํ ปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหติ. อาหารตฺถฺจ ผเรยฺยาติ อาหารตฺถํ สาเธยฺยา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๐) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๐) ‘‘ปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหตีติ พหิสรีเร พฺยาเปตฺวา ิตํ อพทฺธปิตฺตํ โกฏฺพฺภนฺตรคตํ โหติ, เตน ปิตฺตํ กุปิตํ โหตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๐) ‘‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสาติ ปรโต ‘ตทุภเยน ภิยฺโยโสมตฺตาย กิสา โหนฺตี’ติอาทินา วิโรธทสฺสนโต นิทานานเปกฺขํ ยถาลาภวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถานิทานํ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? ตทฺาเปกฺขาธิปฺปายโต. สพฺพพุทฺธกาเลปิ หิ สปฺปิอาทีนํ สตฺตาหกาลิกภาวาเปกฺโขติ. ตถา วจเนน ภควโต อธิปฺปาโย. เตเนว ‘อาหารตฺถฺจ ผเรยฺย, น จ โอฬาริโก อาหาโร ปฺาเยยฺยา’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุนฺติ เอตฺถ จ กาลปริจฺเฉโท น กโต, กุโตเยว ปน ลพฺภา ตทฺาเปกฺขาธิปฺปาโย ภควตา มูลเภสชฺชาทีนิ ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวนฺติ กาลปริจฺเฉโท. ยํ ปน ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชิตุ’นฺติ (มหาว. ๒๖๐) วจนํ, ตํ ‘สนฺนิธึ กตฺวา อปราปรสฺมึ ทิวเส กาเล เอว ปริภุฺชิตุํ อนุชานามี’ติ อธิปฺปายโต วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺถา อติสยตฺตา ภควโต ‘ยํ เภสชฺชฺเจว อสฺสา’ติอาทิวิตกฺกุปฺปาโท น สมฺภวติ. ปณีตโภชนานุมติยา ปสิทฺธตฺตา อาพาธานุรูปสปฺปายาเปกฺขาย วุตฺตานีติ เจ? ตฺจ น, ‘ภิยฺโยโสมตฺตายา’ติ กิสาทิภาวาปตฺติทสฺสนโต. ยถา อุจฺฉุรสํ อุปาทาย ผาณิตนฺติ วุตฺตํ, ตถา นวนีตํ อุปาทาย สปฺปีติ วตฺตพฺพโต นวนีตํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วิเสสทสฺสนาธิปฺปายโต. ยถา ผาณิตคฺคหเณน สิทฺเธปิ ปรโต อุจฺฉุรโส วิสุํ อนุฺาโต อุจฺฉุสามฺโต คุโฬทกฏฺาเน ปนาธิปฺปายโต, ตถา นวนีเต วิเสสวิธิทสฺสนาธิปฺปายโต นวนีตํ วิสุํ อนุฺาตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสสวิธิ ปนสฺส เภสชฺชสิกฺขาปทฏฺกถาวเสน (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๑๙-๖๒๑) เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘ปจิตฺวา สปฺปึ กตฺวา ปริภุฺชิตุกาเมน อโธตมฺปิ ปจิตุํ วฏฺฏตี’ติ. ตตฺถ สปฺปิ ปกฺกาว โหติ, นาปกฺกา, ตถา ผาณิตมฺปิ. นวนีตํ อปกฺกเมวา’’ติอาทิ.

ทุติยเภสชฺชกถา

ทุติยเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ ปฏิคฺคเหตฺวา กาเลปิ วิกาเลปิ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๑) วจนโต ‘‘ตานิ ปฺจ เภสชฺชานิ กาเล ปฏิคฺคเหตฺวา กาเล ปริภุฺชนฺตานํ เตสํ ภิกฺขูนํ ยานิปิ ตานิ ปากติกานิ ลูขานิ โภชนานิ, ตานิ นจฺฉาเทนฺติ, ปเคว เสเนสิตานิ. เต เตน เจว สารทิเกน อาพาเธน ผุฏฺา อิมินา จ ภตฺตาจฺฉาทเกน ตทุภเยน ภิยฺโยโสมตฺตาย กิสา โหนฺตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ กาเลปิ วิกาเลปีติ อนุฺาตตฺตา วิกาเลปิ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ‘‘นจฺฉาเทนฺตีติ น ชีรนฺติ, น วาตโรคํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตุํ สกฺโกนฺติ. เสเนสิตานีติ สินิทฺธานิ. ภตฺตาจฺฉาทเกนาติ ภตฺตํ อโรจิเกนา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๑) วุตฺตํ, ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๑; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๑-๒๖๒) ปน ‘‘นจฺฉาเทนฺตีติ รุจึ น อุปฺปาเทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, มหาวิภงฺเค (ปารา. ๖๒๒) ปน ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานิ เภสชฺชานิ. เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุฺชิตพฺพานิ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ วจนโต อิเมสํ ปฺจเภสชฺชานํ สตฺตาหกาลิกภาโว เวทิตพฺโพ, อิธ ปน อฏฺุปฺปตฺติวเสน วุตฺโตติ.

วสาเภสชฺชกถา

วสาเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวสํ กาเล ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฏฺํ เตลปริโภเคน ปริภุฺชิตุํ. วิกาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฏฺํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๒). ตตฺถ ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิตนฺติอาทีสุ มชฺฌนฺหิเก อวีติวตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา จาติ อตฺโถ. เตลปริโภเคน ปริภุฺชิตุนฺติ สตฺตาหกาลิกเตลปริโภเคน ปริภุฺชิตุ’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๒) วุตฺตํ, ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๒; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๑-๒๖๒) ปน ‘‘สุสุกาติ สมุทฺเท ภวา เอกา มจฺฉชาติ, กุมฺภิลาติปิ วทนฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภคํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา จตุกาลิกกถายํ วุตฺโตเยว.

มูลเภสชฺชกถา

มูลเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มูลานิ เภสชฺชานิ, หลิทฺทึ สิงฺคิเวรํ วจํ วจตฺตํ อติวิสํ กฏุกโรหิณึ อุสีรํ ภทฺทมุตฺตกํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ. อสติ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ. ตตฺถ วจตฺตนฺติ เสตวจํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ปิฏฺเภสชฺชกถา

ปิฏฺเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นิสทํ นิสทโปตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ปิสิเตหิ จุณฺณกเตหิ มูลเภสชฺเชหิ อตฺเถ สติ นิสทฺจ นิสทโปตกฺจ ปริหริตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ นิสทํ นิสทโปตกนฺติ ปิสนสิลา จ ปิสนโปโต จ. นิสทนฺติ ปิสนฺติ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺติ มูลเภสชฺชาทโย เอตฺถาติ นิสทํ, ปิสนสิลา. นิสทนฺติ ปิสนฺติ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺติ มูลเภสชฺชาทโย เอเตนาติ นิสทํ, โปเสตพฺโพติ โปโต, ทารโก. ขุทฺทกปฺปมาณตาย โปโต วิยาติ โปโต, นิสทฺจ ตํ โปโต จาติ นิสทโปโต, ตํ นิสทโปตกํ. นิปุพฺพสท จุณฺณกรเณติ ธาตุ.

กสาวเภสชฺชกถา

กสาวเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กสาวานิ เภสชฺชานิ นิมฺพกสาวํ กุฏชกสาวํ ปโฏลกสาวํ ผคฺควกสาวํ นตฺตมาลกสาวํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ กสาวานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ตานิปิ กสาวเภสชฺชานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ผคฺควนฺติ ลตาชาติ. นตฺตมาลนฺติ กรฺชํ. ‘‘กสาเวหีติ ตจาทีนิ อุทเก ตาเปตฺวา คหิตอูสเรหี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๓) วุตฺตํ.

ปณฺณเภสชฺชกถา

ปณฺณเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปณฺณานิ เภสชฺชานิ นิมฺพปณฺณํ กุฏชปณฺณํ ปโฏลปณฺณํ นตฺตมาลปณฺณํ ผคฺควปณฺณํ สุลสิปณฺณํ กปฺปาสปณฺณํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ ปณฺณานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ขาทนียโภชนียตฺถํ อผรนฺตานิ ตานิปิ ปณฺณานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. อจฺฉวสนฺติอาทีสุ นิสฺสคฺคิยวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มูลเภสชฺชาทิวินิจฺฉโยปิ ขุทฺทกวณฺณนายํ วุตฺโตเยว, ตสฺมา อิธ ยํ ยํ ปุพฺเพ อวุตฺตํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม.

ผลเภสชฺชกถา

ผลเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ผลานิ เภสชฺชานิ พิฬงฺคํ ปิปฺปลึ มริจํ หรีตกํ วิภีตกํ อามลกํ โคฏฺผลํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ ผลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ขาทนียโภชนียตฺถํ อผรนฺตานิ ตานิ ผลานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุมฺปิ วฏฺฏติ.

ชตุเภสชฺชกถา

ชตุเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ชตูนิ เภสชฺชานิ หิงฺคุํ หิงฺคุชตุํ หิงฺคุสิปาฏิกํ ตกํ ตกปตฺตึ ตกปณฺณึ สชฺชุลสํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ ชตูนิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ตานิ ชตูนิ เภสชฺชานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ หิงฺคุหิงฺคุชตุหิงฺคุสิปาฏิกา หิงฺคุชาติโยเยว. ตกตกปตฺติตกปณฺณโย ลาขาชาติโย.

วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๓) ปน ‘‘หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปลฺลวปวาฬปากนิปฺผนฺนา. หิงฺคุสิปาฏิกา นาม ตสฺส มูลสาขปากนิปฺผนฺนา. ตกํ นาม ตสฺส รุกฺขสฺส ตจปาโกทกํ. ตกปตฺตีติ ตสฺส ปตฺตปาโกทกํ. ตกปณฺณีติ ตสฺส ผลปาโกทกํ. อถ วา ‘ตกํ นาม ลาขา. ตกปตฺตีติ กิตฺติมโลหสาขา. ตกปณฺณีติ ปกฺกลาขา’ติ ลิขิตํ. สติ ปจฺจเยติ เอตฺถ สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทฺวิธา เวทิตพฺพา. วิกาลโภชนสิกฺขาปทสฺส หิ อนาปตฺติวาเร ยามกาลิกาทีนํ ติณฺณมฺปิ อวิเสเสน สติปจฺจยตา วุตฺตา. อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ อคิลานสฺส คุโฬทกํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺน’นฺติ (มหาว. ๒๗๓) วุตฺตํ, ตสฺมา สิทฺธํ ‘สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทุวิธา’ติ, อฺถา อสติ ปจฺจเย คุโฬทกาทิ อาปชฺชติ, ตโต จ ปาฬิวิโรโธ. อาหารตฺถนฺติ อาหารปโยชนํ, อาหารกิจฺจยาปนนฺติ อตฺโถติ จ. เตลปริโภเคนาติ สตฺตาหกาลิกปริโภเคน. ปิฏฺเหีติ ปิสิตเตเลหิ. โกฏฺผลนฺติ โกฏฺรุกฺขสฺส ผลํ, มทนผลํ วาติ จ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ.

โลณเภสชฺชกถา

โลณเภสชฺชกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลณานิ เภสชฺชานิ สามุทฺทิกํ กาฬโลณํ สินฺธวํ อุพฺภิทํ พิลํ, ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ โลณานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ, อสติ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วจนโต ตานิ โลณานิ ปฏิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ สามุทฺทนฺติ สมุทฺทตีเร วาลุกํ วิย สนฺติฏฺติ. กาฬโลณนฺติ ปกติโลณํ. สินฺธวนฺติ เสตวณฺณํ ปพฺพเต อุฏฺหติ. อุพฺภิทนฺติ ภูมิโต องฺกุรํ วิย อุฏฺหติ. พิลนฺติ ทพฺพสมฺภาเรหิ สทฺธึ ปจิตํ, ตํ รตฺตวณฺณํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๓) ปน ‘‘อุพฺภิทํ นาม อูสรปํสุมย’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๓) ปน ‘‘อุพฺภิทนฺติ อูสรปํสุมยํ โลณํ. พิลนฺติ โลณวิเสโส’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ ตเถว วุตฺตํ.

จุณฺณกถา

จุณฺณกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยสฺส กณฺฑุ วา ปีฬกา วา อสฺสาโว วา ถุลฺลกจฺฉุ วา อาพาโธ กาโย วา ทุคฺคนฺโธ จุณฺณานิ เภสชฺชานิ, อคิลานสฺส ฉกณํ มตฺติกํ รชนนิปฺปกฺกํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทุกฺขลํ มุสล’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔). ‘‘กาโย วา ทุคฺคนฺโธติ กสฺสจิ อสฺสาทีนํ วิย กายคนฺโธ โหติ, ตสฺสปิ สิรีสโกสุมฺพาทิจุณฺณานิ วา คนฺธจุณฺณานิ วา สพฺพานิ วฏฺฏนฺติ. ฉกณนฺติ โคมยํ. รชนนิปฺปกฺกนฺติ รชนกสฏํ, ปากติกจุณฺณมฺปิ โกฏฺเฏตฺวา อุทเกน เตเมตฺวา นฺหายิตุํ วฏฺฏติ, เอตมฺปิ รชนนิปฺปกฺกสงฺขเมว คจฺฉตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๔) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๔) ปน ‘‘ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ. เตน เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) ‘‘ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณนฺติ อปกฺกกสาวจุณฺณํ, คนฺธจุณฺณํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๔) ‘‘ฉกณนฺติ โคมยํ. ปากติกจุณฺณํ นาม อปกฺกกสาวจุณฺณํ. เตน เปตฺวา คนฺธจุณฺณํ สพฺพํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จุณฺณจาลินิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วจนโต คิลานานํ ภิกฺขูนํ จุณฺเณหิ เภสชฺเชหิ จาลิเตหิ อตฺเถ สติ จุณฺณจาลินี วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทุสฺสจาลินิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วจนโต สณฺเหหิ จุณฺเณหิ อตฺเถ สติ ทุสฺสจาลินี วฏฺฏติ. ‘‘จุณฺณจาลินินฺติ อุทุกฺขเล โกฏฺฏิตจุณฺณปริสฺสาวนิ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๔) ‘‘จาลิเตหีติ ปริสฺสาวิเตหี’’ติ วุตฺตํ.

อมนุสฺสิกาพาธกถา

อมนุสฺสิกาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกมํสโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วจนโต ยสฺส ภิกฺขุโน อามกมํสํ ขาทิตสฺส อามกโลหิตํ ปิวิตสฺส โส อมนุสฺสาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตสฺส อนาปตฺติ. ตตฺถ อามกมํสฺจ ขาทิ, อามกโลหิตฺจ ปิวีติ น ตํ ภิกฺขุ ขาทิ, น ปิวิ, อมนุสฺโส ขาทิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปกฺกนฺโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺส โส อมนุสฺสิกาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภี’’ติ.

อฺชนกถา

อฺชนกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนํ กาฬฺชนํ รสฺชนํ โสตฺชนํ เครุกํ กปลฺล’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต ภิกฺขูนํ จกฺขุโรเค สติ อฺชนาทีนิ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ ‘‘อฺชนนฺติ สพฺพสงฺคาหิกวจนเมตํ. กาฬฺชนนฺติ เอกา อฺชนชาติ. รสฺชนนฺติ นานาสมฺภาเรหิ กตํ. โสตฺชนนฺติ นทีโสตาทีสุ อุปฺปชฺชนกอฺชนํ. เครุโก นาม สุวณฺณเครุโก. กปลฺลนฺติ ทีปสิขโต คหิตมสี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๔) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๕) ‘‘สุวณฺณเครุโกติ สุวณฺณตุตฺถาที’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) ตเถว วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จนฺทนํ ตครํ กาฬานุสาริยํ ตาลีสํ ภทฺทมุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนูปปิสเนหิ อตฺเถ สติ อิมานิ จนฺทนาทีนิ วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ ‘‘จนฺทนนฺติ โลหิตจนฺทนาทิกํ ยํ กิฺจิ จนฺทนํ. ตคราทีนิ ปากฏานิ. อฺานิปิ นีลุปฺปลาทีนิ วฏฺฏนฺติเยว. อฺชนูปปิสเนหีติ อฺชเนหิ สทฺธึ เอกโต ปิสิตพฺเพหิ. น หิ กิฺจิ อฺชนูปปิสนํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๔) ฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๕) ปน ‘‘อฺชนูปปิสนนฺติ อฺชนตฺถาย อุปปิสิตพฺพํ ยํ กิฺจิ จุณฺณชาตี’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๔-๒๖๕) ปน ‘‘ปาฬิยํ อฺชนูปปิสนนฺติ อฺชเน อุปเนตุํ ปิสิตพฺพเภสชฺช’’นฺติ วุตฺตํ.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนปนฏฺานํ วฏฺฏติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา อฺชนี ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ ทนฺตมยํ วิสาณมยํ นฬมยํ เวฬุมยํ กฏฺมยํ ชตุมยํ โลหมยํ สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต เอตานิ กปฺปิยานิ. ตตฺถ อฏฺิมยนฺติ มนุสฺสฏฺึ เปตฺวา อวเสสอฏฺิมยํ. ทนฺตมยนฺติ หตฺถิทนฺตาทิสพฺพทนฺตมยํ. วิสาณมเยปิ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิ. นฬมยาทโย เอกนฺตกปฺปิยาเยว.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อปิธาน’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนีอปิธานมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สุตฺตเกน พนฺธิตฺวา อฺชนิยา พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อปิธานํ สุตฺตเกน พนฺธิตฺวา อฺชนิยา พนฺธิตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สุตฺตเกน สิพฺเพตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อปตนตฺถาย อฺชนีสุตฺตเกน สิพฺเพตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนิสลาก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนิสลากมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา อฺชนิสลากา ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต เอตาเยว อฺชนิสลากา วฏฺฏนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สลากฏฺานิย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนิสลากฏฺานิยมฺปิ วฏฺฏติ. ตตฺถ สลากฏฺานิยนฺติ ยตฺถ สลากํ โอทหนฺติ, ตํ สุสิรทณฺฑกํ วา ถวิกํ วา อนุชานามีติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฺชนิตฺถวิก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต ถวิกมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อํสพทฺธกํ พนฺธนสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๕) วจนโต อฺชนิตฺถวิกาย อํเส ลคฺคนตฺถาย อํสพทฺธกมฺปิ พนฺธนสุตฺตกมฺปิ วฏฺฏติ.

นตฺถุกถา

นตฺถุกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุทฺธนิ เตลก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต สีสาภิตาปสฺส ภิกฺขุโน มุทฺธนิ เตลํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นตฺถุกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต นกฺขมนีเย สติ นตฺถุกมฺมํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นตฺถุกรณิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต นตฺถุยา อคฬนตฺถํ นตฺถุกรณี วฏฺฏติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจา นตฺถุกรณี ธาเรตพฺพา, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต เอตาเยว นตฺถุกรณิโย วฏฺฏนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยมกนตฺถุกรณิ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต นตฺถุ วิสมํ อาสิฺจยนฺติ เจ, ยมกนตฺถุกรณึ ธาเรตพฺพํ. ตตฺถ ยมกนตฺถุกรณินฺติ สมโส ตาหิ ทฺวีหิ ปนาฬิกาหิ เอกํ นตฺถุกรณึ.

ธูมเนตฺตกถา

ธูมเนตฺตกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธูมํ ปาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ยมกนตฺถุกรณิยา นกฺขมนีเย สติ ธูมํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธูมเนตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ตเมว วฏฺฏึ อาลิมฺเพตฺวา ปิวนปจฺจยา กณฺเ ทหนฺเตน ธูมเนตฺตธูโม ปิวิตพฺโพ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจานิ ธูมเนตฺตานิ ธาเรตพฺพานิ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺิมยํ…เป… สงฺขนาภิมย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต เอตานิ เอว ธูมเนตฺตานิ ธาเรตพฺพานิ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อปิธาน’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ปาณกาทิอปฺปวิสนตฺถํ ธูมเนตฺตตฺถวิกมฺปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยมกตฺถวิก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต เอกโต ฆํสิยมาเน สติ ยมกตฺถวิกํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อํสพทฺธกํ พนฺธนสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๖) วจนโต ธูมเนตฺตตฺถวิกสฺส อํสพทฺธพนฺธนสุตฺตํ วฏฺฏติ.

เตลปากกถา

เตลปากกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตลปาก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต วาตาพาเธ สติ เตลปาโก วฏฺฏติ. ตตฺถ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตลปากนฺติ ยํ กิฺจิ เภสชฺชปกฺขิตฺตํ สพฺพํ อนุฺาตเมว โหติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อติปกฺขิตฺตมชฺชํ เตลํ ปาตพฺพํ, โย ปิเวยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ เตลปาเก มชฺชสฺส น วณฺโณ น คนฺโธ น รโส ปฺายติ, เอวรูปํ มชฺชปกฺขิตฺตํ เตลํ ปาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยสฺมึ เตลปาเก ปกฺขิตฺตสฺส มชฺชสฺส วณฺโณ วา คนฺโธ วา รโส วา น ปฺายติ, ตาทิสํ เตลํ ปิวิตพฺพํ. ตตฺถ อติปกฺขิตฺตมชฺชานีติ อติวิย ขิตฺตมชฺชานิ, พหุํ มชฺชํ ปกฺขิปิตฺวา โยชิตานีติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อพฺภฺชนํ อธิฏฺาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต อติปกฺขิตฺตมชฺชตฺตา อปิวิตพฺเพ เตเล สติ อพฺภฺชนํ อธิฏฺาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีณิ ตุมฺพานิ โลหตุมฺพํ กฏฺตุมฺพํ ผลตุมฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต เตลปกฺกภาชนานิ อิมานิ ตีณิ ตุมฺพานิ วฏฺฏนฺติ.

เสทกมฺมกถา

เสทกมฺมกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เสทกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต องฺควาเต สติ เสทกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ องฺควาโตติ หตฺถปาเท วาโต. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺภารเสท’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต เสทกมฺเมน นกฺขมนีเย สติ สมฺภารเสทํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ สมฺภารเสทนฺติ นานาวิธปณฺณสมฺภารเสทํ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มหาเสท’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต สมฺภารเสทนกฺขมนีเย สติ มหาเสทํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ มหาเสทนฺติ มหนฺตํ เสทํ, โปริสปฺปมาณํ อาวาฏํ องฺคารานํ ปูเรตฺวา ปํสุวาลิกาทีหิ ปิทหิตฺวา ตตฺถ นานาวิธานิ วาตหรณปณฺณานิ สนฺถริตฺวา เตลมกฺขิเตน คตฺเตน ตตฺถ นิปชฺชิตฺวา สมฺปริวตฺตนฺเตน สรีรํ เสเทตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภงฺโคทก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต มหาเสเทน นกฺขมนีเย สติ ภงฺโคทกํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ภงฺโคทกนฺติ นานาปณฺณภงฺคกุถิตํ อุทกํ, เตหิ ปณฺเณหิ จ อุทเกน จ สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา เสเทตพฺโพ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุทกโกฏฺก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ภงฺโคทเกน นกฺขมนีเย สติ อุทกโกฏฺกํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อุทกโกฏฺกนฺติ อุทกโกฏฺเ จาฏึ วา โทณึ วา อุณฺโหทกสฺส ปูเรตฺวา ตตฺถ ปวิสิตฺวา เสทกมฺมกรณํ อนุชานามีติ อตฺโถ.

โลหิตโมจนกถา

โลหิตโมจนกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลหิตํ โมเจตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ปพฺพวาเต สติ โลหิตํ โมเจตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปพฺพวาโต โหตีติ ปพฺเพ ปพฺเพ วาโต วิชฺฌติ. โลหิตํ โมเจตุนฺติ สตฺถเกน โลหิตํ โมเจตุํ. นกฺขมนีโย โหติ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลหิตํ โมเจตฺวา วิสาเณน คาเหตุนฺติ (มหาว. ๒๖๗).

ปาทพฺภฺชนกถา

ปาทพฺภฺชนกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาทพฺภฺชน’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ปาเทสุ ผลิเตสุ ปาทพฺภฺชนํ ปจิตพฺพํ. นกฺขมนีโย โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปชฺชํ อภิสงฺขริตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ปาทพฺภฺชนเตเลน นกฺขมนีเย สติ ปชฺชํ อภิสงฺขริตพฺพํ. ตตฺถ ปชฺชํ อภิสงฺขริตุนฺติ เยน ผลิตปาทา ปากติกา โหนฺติ, ตํ นาฬิเกราทีสุ นานาเภสชฺชานิ ปกฺขิปิตฺวา ปชฺชํ อภิสงฺขริตุํ, ปาทานํ สปฺปายเภสชฺชํ ปจิตุนฺติ อตฺโถ.

คณฺฑาพาธกถา

คณฺฑาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺถกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต คณฺฑาพาเธ สติ สตฺถกมฺมํ กาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กสาโวทก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต กสาโวทเกน อตฺเถ สติ กสาโวทกํ ทาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติลกกฺก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ติลกกฺเกน อตฺเถ สติ ติลกกฺกํ ทาตพฺพํ. ติลกกฺเกน อตฺโถติ ปิฏฺเหิ ติเลหิ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว กพฬิก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต กพฬิกาย อตฺเถ สติ กพฬิกา ทาตพฺพา. ตตฺถ กพฬิกนฺติ วณมุเข สตฺตุปิณฺฑํ ปกฺขิปิตุํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วณพนฺธนโจฬ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต วณพนฺธนโจเฬน อตฺเถ สติ วณพนฺธนโจฬํ ทาตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สาสปกุฏฺเฏน โผสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต สเจ วโณ กุณฺฑวตี, สาสปกุฏฺเฏน โผสิตพฺพํ. ตตฺถ สาสปกุฏฺเฏนาติ สาสปปิฏฺเน.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ธูมํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ วโณ กิลิชฺชิตฺถ, ธูมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โลณสกฺขริกาย ฉินฺทิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ วฑฺฒมํสํ วุฏฺาติ, ฉินฺทิตพฺพํ. ตตฺถ วฑฺฒมํสนฺติ อธิกมํสํ อาณี วิย อุฏฺหติ. โลณสกฺขริกาย ฉินฺทิตุนฺติ ขาเรน ฉินฺทิตุํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วณเตล’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ วโณ น รุหติ, วณรุหนเตลํ ปจิตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิกาสิกํ สพฺพํ วณปฏิกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๒๖๗) วจนโต ยทิ เตลํ คฬติ, วิกาสิกํ ทาตพฺพํ, สพฺพํ วณปฏิกมฺมํ กาตพฺพํ. ตตฺถ วิกาสิกนฺติ เตลรุนฺธนปิโลติกํ. สพฺพํ วณปฏิกมฺมนฺติ ยํ กิฺจิ วณปฏิกมฺมํ นาม อตฺถิ, สพฺพํ อนุชานามีติ อตฺโถ. มหาวิกฏกถา ปุพฺเพ วุตฺตาว.

สามํ คเหตฺวาติ อิทํ น เกวลํ สปฺปทฏฺสฺเสว, อฺสฺมิมฺปิ ทฏฺวิเส สติ สามํ คเหตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ, อฺเสุ ปน การเณสุ ปฏิคฺคหิตเมว วฏฺฏติ.

วิสปีตกถา

วิสปีตกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คูถํ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๘) วจนโต ปีตวิสํ ภิกฺขุํ คูถํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ กโรนฺโต ปฏิคฺคณฺหาติ, สฺเวว ปฏิคฺคโห กโต, น ปุน ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๒๖๘) วจนโต ตเทว วฏฺฏติ. อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๖๘) ปน น ปุน ปฏิคฺคเหตพฺโพติ สเจ ภูมิปฺปตฺโต, ปฏิคฺคหาเปตพฺโพ, อปฺปตฺตํ ปน คเหตุํ วฏฺฏติ.

ฆรทินฺนกาพาธกถา

ฆรทินฺนกาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีตาโลฬึ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ฆรทินฺนกาพาธสฺส ภิกฺขุโน สีตาโลฬึ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ฆรทินฺนกาพาโธติ วสีกรณปาณกสมุฏฺิตโรโค. ฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๙) ปน ‘‘ฆรทินฺนกาพาโธ นาม วสีกรณตฺถาย ฆรณิยา ทินฺนเภสชฺชสมุฏฺิโต อาพาโธ. เตนาห ‘วสีกรณปาณกสมุฏฺิตโรโค’ติ. ฆร-สทฺโท เจตฺถ อเภเทน ฆรณิยา วตฺตมาโน อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ‘‘ฆรทินฺนกาพาโธ นาม ฆรณิยา ทินฺนวสีกรณเภสชฺชสมุฏฺิโต อาพาโธ’’ติ วุตฺตํ. สีตาโลฬินฺติ นงฺคเลน กสนฺตสฺส ผาเล ลคฺคมตฺติกํ อุทเกน อาโลเฬตฺวา ปาเยตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.

ทุฏฺคหณิกกถา

ทุฏฺคหณิกกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อามิสขารํ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ทุฏฺคหณิกสฺส ภิกฺขุโน อามิสขารํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ทุฏฺคหณิโกติ วิปนฺนคหณิโก, กิจฺเฉน อุจฺจาโร นิกฺขมตีติ อตฺโถ. อามิสขารนฺติ สุกฺโขทนํ ฌาเปตฺวา ตาย ฉาริกาย ปคฺฆริตํ ขาโรทกํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ปน ‘‘ตาย ฉาริกาย ปคฺฆริตํ ขาโรทกนฺติ ปริสฺสาวเน ตํ ฉาริกํ ปกฺขิปิตฺวา อุทเก อภิสิฺจิเต ตโต ฉาริกโต เหฏฺา ปคฺฆริตํ ขาโรทก’’นฺติ วุตฺตํ.

ปณฺฑุโรคาพาธกถา

ปณฺฑุโรคาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุตฺตหรีตกํ ปาเยตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ปณฺฑุโรคาพาธสฺส ภิกฺขุโน มุตฺตหรีตกํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ หรีตกํ.

ฉวิโทสาพาธกถา

ฉวิโทสาพาธกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คนฺธาเลปํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ฉวิโทสาพาธสฺส ภิกฺขุโน คนฺธาเลปํ กาตุํ วฏฺฏติ.

อภิสนฺนกายกถา

อภิสนฺนกายกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิเรจนํ ปาตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต อภิสนฺนกายสฺส ภิกฺขุโน วิเรจนํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อภิสนฺนกาโยติ อุสฺสนฺนโทสกาโย. อจฺฉกฺชิยา อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อจฺฉกฺชิย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต อจฺฉกฺชิยํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อจฺฉกฺชิยนฺติ ตณฺฑุโลทกมณฺโฑ. อกฏยูเสน อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อกฏยูส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต อกฏยูสํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อกฏยูสนฺติ อสินิทฺโธ มุคฺคปจิตปานีโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๙) ปน วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ‘‘อกฏยูเสนาติ อนภิสงฺขเตน มุคฺคยูเสนา’’ติ วุตฺตํ. กฏากเฏน อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กฏากฏ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต กฏากฏํ ปาเยตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ กฏากฏนฺติ โสว โธตสินิทฺโธ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖๙) วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๖๗-๒๖๙) ‘‘กฏากเฏนาติ มุคฺเค ปจิตฺวา อจาเลตฺวาว ปริสฺสาวิเตน มุคฺคยูเสนา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิจฺฉาทนีเยน อตฺโถ โหติ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉาทนีย’’นฺติ (มหาว. ๒๖๙) วจนโต ปฏิจฺฉาทนียํ ปาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ปฏิจฺฉาทนีเยนาติ มํสรเสน.

โลณโสวีรกกถา

โลณโสวีรกกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺนํ ปานปริโภเคน ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๓) วจนโต คิลาเนน ภิกฺขุนา โลณโสวีรกํ ปาตพฺพํ, อคิลาเนน อุทกสมฺภินฺนํ กตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ, ตฺจ ‘‘ปานปริโภเคนา’’ติ วจนโต วิกาเลปิ วฏฺฏติ.

ตตฺถ โลณโสวีรกํ นาม สพฺพรสาภิสงฺขตํ เอกํ เภสชฺชํ, ตํ กิร กโรนฺโต หรีตกามลกวิภีตกกสาเว สพฺพธฺานิ สพฺพอปรณฺณานิ สตฺตนฺนมฺปิ ธฺานํ โอทนํ กทลิผลาทีนิ สพฺพผลานิ เวตฺตเกตกขชฺชูริกฬีราทโย สพฺพกฬีเร มจฺฉมํสขณฺฑานิ อเนกานิ จ มธุผาณิตสินฺธวโลณติกฏุกาทีนิ เภสชฺชานิ ปกฺขิปิตฺวา กุมฺภิมุขํ ลิมฺปิตฺวา เอกํ ทฺเว ตีณิ สํวจฺฉรานิ เปนฺติ, ตํ ปริปจฺจิตฺวา ชมฺพุรสวณฺณํ โหติ, วาตกาสกุฏฺปณฺฑุภคณฺฑลาทีนํ สินิทฺธโภชนภุตฺตานฺจ อุตฺตรปานํ ภตฺตชีรณกเภสชฺชํ ตาทิสํ นตฺถิ, ตํ ปเนตํ ภิกฺขูนํ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ วฏฺฏติ, คิลานานํ ปากติกเมว. อคิลานานํ ปน อุทกสมฺภินฺนํ ปานปริโภเคนาติ.

สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๙๑-๑๙๒) ปน ‘‘ปานปริโภเคนาติ วุตฺตตฺตา โลณโสวีรกํ ยามกาลิก’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๙๒) ปน ‘‘ปานปริโภเคน วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ ปน วุตฺตตฺตา โลณโสวีรกํ ยามกาลิกนฺติ เกจิ วทนฺติ, เกจิ ปน ‘คิลานานํ ปากติกเมว, อคิลานานํ ปน อุทกสมฺภินฺน’นฺติ วุตฺตตฺตา คุฬํ วิย สตฺตาหกาลิก’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๒๖๓) ปน ‘‘อวิเสเสน สติปจฺจยตา วุตฺตา. อิมสฺมึ ขนฺธเก ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทกํ, คิลานสฺส โลณโสวีรกํ, อคิลานสฺส อุทกสมฺภินฺน’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) วุตฺตํ, ตสฺมา สิทฺธํ ‘สติปจฺจยตา คิลานาคิลานวเสน ทุวิธา’ติ’’ วุตฺตํ.

อนฺโตวุตฺถาทิกถา

อนฺโตวุตฺถาทิกถายํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควโต อุทรวาตาพาโธ โหติ, อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ‘ปุพฺเพปิ ภควโต อุทรวาตาพาโธ เตกฏุลยาคุยา ผาสุ โหตี’ติ สามํ ติลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ มุคฺคมฺปิ วิฺาเปตฺวา อนฺโต วาเสตฺวา อนฺโต สามํ ปจิตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ ‘ปิวตุ ภควา เตกฏุลยาคุ’นฺติ. ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติ, อตฺถสฺหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสฺหิตํ, อนตฺถสฺหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. ทฺวีหิ อากาเรหิ พุทฺธา ภควนฺโต ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉนฺติ ‘ธมฺมํ วา เทเสสฺสาม, สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามา’ติ.

อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ ‘กุตายํ, อานนฺท, ยาคู’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. วิครหิ พุทฺโธ ภควา อนนุจฺฉวิกํ, อานนฺท, อนนุโลมิกํ อปฺปติรูปํ อสฺสมณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํ, กถฺหิ นาม ตฺวํ, อานนฺท, เอวรูปาย พาหุลฺลาย เจเตสฺสสิ, ยทปิ, อานนฺท, อนฺโต วุตฺถํ, ตทปิ อกปฺปิยํ. ยทปิ อนฺโต ปกฺกํ, ตทปิ อกปฺปิยํ. ยทปิ สามํ ปกฺกํ, ตทปิ อกปฺปิยํ. เนตํ, อานนฺท, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป… วิครหิตฺวา ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – น, ภิกฺขเว, อนฺโต วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ ปริภุฺชิตพฺพํ, โย ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิ ปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภุฺเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต สหเสยฺยปฺปโหนเก าเน วุตฺถตา, ตตฺถ ปกฺกตา, อุปสมฺปนฺเนน สามํ ปกฺกตาติ อิเมสํ ติณฺณํ องฺคานํ สมฺภเว สติ ติสฺโส อาปตฺติโย, ทฺวินฺนํ สมฺภเว ทฺเว อาปตฺติโย, เอกสฺส องฺคสฺส สมฺภเว เอกา อาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ.

อนฺโต วุตฺถนฺติ อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถํ. สามํ ปกฺกนฺติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ อามิสํ ภิกฺขุโน ปจิตุํ น วฏฺฏติ. สเจปิสฺส อุณฺหยาคุยา สุลสิปณฺณานิ วา สิงฺคิเวรํ วา โลณํ วา ปกฺขิปนฺติ, ตมฺปิ จาเลตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘ยาคุํ นิพฺพาเปมี’’ติ ปน จาเลตุํ วฏฺฏติ. อุตฺตณฺฑุภตฺตํ ลภิตฺวาปิ ปิทหิตุํ น วฏฺฏติ. สเจ ปน มนุสฺสา ปิทหิตฺวาว เทนฺติ, วฏฺฏติ. ‘‘ภตฺตํ วา มา นิพฺพายตู’’ติ ปิทหิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุน ปากํ ปจิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ปุพฺเพ อนุปสมฺปนฺเนหิ ปกฺกํ ปุน ปจิตุํ วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๗๔) ‘‘ขีรตกฺกาทีสุ ปน สกึ กุถิเตสุ อคฺคึ ทาตุํ วฏฺฏติ ปุนปากสฺส อนุฺาตตฺตา’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺโต วาเสตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย ตณฺฑุลาทีนิ อนฺโต วาเสตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺโต ปจิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย อนฺโต ปจิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามํ ปจิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย สามมฺปิ ปจิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺโต วุตฺถํ อนฺโต ปกฺกํ สามํ ปกฺก’’นฺติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต ทุพฺภิกฺขสมเย ตีณิปิ วฏฺฏนฺติ.

อุคฺคหิตปฏิคฺคหิตกถา

อุคฺคหิตปฏิคฺคหิตกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยตฺถ ผลขาทนียํ ปสฺสติ, กปฺปิยการโก จ น โหติ, สามํ คเหตฺวา หริตฺวา กปฺปิยการเก ปสฺสิตฺวา ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา ปฏิคฺคหาเปตฺวา ปริภุฺชิตุํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุคฺคหิตํ ปฏิคฺคหิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๕) วจนโต ตถา กตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ น โหตีติ.

ตโตนีหฏกถา

ตโต นีหฏกถายํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ปริภุฺชถ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตโต นีหฏํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๖) วจนโต ยสฺมึ ทาเน นิมนฺติตา หุตฺวา ภิกฺขู ภุฺชนฺติ, ตโต ทานโต นีหฏํ โภชนํ ปวาริเตน ภิกฺขุนา ภุฺชิตพฺพํ, น ปวาริตสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๗๖) ‘‘ตโต นีหฏนฺติ ยตฺถ นิมนฺติตา ภุฺชนฺติ, ตโต นีหฏ’’นฺติ.

ปุเรภตฺตปฏิคฺคหิตกถา

ปุเรภตฺตปฏิคฺคหิตกถายํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ปริภุฺชถ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๗) วจนโต ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตํ ปวาริเตน ภิกฺขุนา อติริตฺตํ อกตฺวา ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, ปวาริตสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหติ.

วนฏฺโปกฺขรฏฺกถา

วนฏฺโปกฺขรฏฺกถายํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กายฑาหาพาโธ โหติ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ ‘ปุพฺเพ เต, อาวุโส สาริปุตฺต, กายฑาหาพาโธ เกน ผาสุ โหตี’ติ. ภิเสหิ จ เม, อาวุโส, มุฬาลิกาหิ จาติ…เป… อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภิเส จ มุฬาลิกาโย จ ปริภุตฺตสฺส กายฑาหาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ…เป… ปฏิคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ปริภุฺชถ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วนฏฺํ โปกฺขรฏฺํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๘) วจนโต วนฏฺํ โปกฺขรฏฺํ ปวาริเตน ภิกฺขุนา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, ปวาริตสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหติ. ตตฺถ วนฏฺํ โปกฺขรฏฺนฺติ วเน เจว ปทุมินิคจฺเฉ จ ชาตํ.

อกตกปฺปกถา

อกตกปฺปกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อพีชํ นิพฺพฏฺฏพีชํ อกตกปฺปํ ผลํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๗๘) วจนโต อพีชฺจ นิพฺพฏฺฏพีชฺจ ผลํ อคฺคิสตฺถนเขหิ สมณกปฺปํ อกตฺวาปิ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ อพีชนฺติ ตรุณผลํ, ยสฺส พีชํ องฺกุรํ น ชเนติ. นิพฺพฏฺฏพีชนฺติ พีชํ นิพฺพฏฺเฏตฺวา อปเนตฺวา ปริภุฺชิตพฺพกํ อมฺพปนสาทิ, ตานิ ผลานิ กปฺปิยการเก อสติ กปฺปํ อกตฺวาปิ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ.

ยาคุกถา

ยาคุกถายํ ‘‘ทสยิเม, พฺราหฺมณ, อานิสํสา ยาคุยา. กตเม ทส, ยาคุํ เทนฺโต อายุํ เทติ, วณฺณํ เทติ, สุขํ เทติ, พลํ เทติ, ปฏิภานํ เทติ, ยาคุปีตา ขุทํ ปฏิหนติ, ปิปาสํ วิเนติ, วาตํ อนุโลเมติ, วตฺถึ โสเธติ, อามาวเสสํ ปาเจติ. อิเม โข, พฺราหฺมณ, ทสานิสํสา ยาคุยาติ.

‘โย สฺตานํ ปรทตฺตโภชินํ;

กาเลน สกฺกจฺจ ททาติ ยาคุํ;

ทสสฺส านานิ อนุปฺปเวจฺฉติ;

อายุฺจ วณฺณฺจ สุขํ พลฺจ.

‘ปฏิภานมสฺส อุปชายเต ตโต;

ขุทฺทํ ปิปาสฺจ พฺยปเนติ วาตํ;

โสเธติ วตฺถึ ปริณาเมติ ภตฺตํ;

เภสชฺชเมตํ สุคเตน วณฺณิตํ.

‘ตสฺมา หิ ยาคุํ อลเมว ทาตุํ;

นิจฺจํ มนุสฺเสน สุขตฺถิเกน;

ทิพฺพานิ วา ปตฺถยตา สุขานิ;

มานุสฺสโสภคฺยตมิจฺฉตา วา’ติ.

อถ โข ภควา ตํ พฺราหฺมณํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาคุฺจ มธุโคฬกฺจา’’ติ (มหาว. ๒๘๒) วจนโต ยาคุฺจ มธุโคฬกฺจ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. อนุโมทนาคาถาย ‘‘ปตฺถยตํ อิจฺฉต’’นฺติ ปทานํ ‘‘อลเมว ทาตุ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สเจ ปน ‘‘ปตฺถยตา อิจฺฉตา’’ติ ปาโ อตฺถิ, โสเยว คเหตพฺโพ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อฺตฺร นิมนฺติเตน อฺสฺส โภชฺชยาคุ ปริภุฺชิตพฺพา, โย ปริภุฺเชยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๒๘๓) วจนโต ตถา ภุฺชนฺตสฺส ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหติ. โภชฺชยาคูติ ยา ปวารณํ ชเนติ. ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพติ ปรมฺปรโภชเนน กาเรตพฺโพ.

คุฬกถา

คุฬกถายํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) วจนโต คิลาโน ภิกฺขุ คุฬปิณฺฑํ วิกาเลปิ ขาทิตุํ วฏฺฏติ. อคิลาโน ปน อุทกสมฺภินฺนํ กตฺวา คุโฬทกปริโภเคน ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘คิลานสฺส คุฬนฺติ ตถารูเปน พฺยาธินา คิลานสฺส ปจฺฉาภตฺตํ คุฬํ อนุชานามีติ อตฺโถ’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๒๘๔) วุตฺตํ. ‘‘ตถารูเปน พฺยาธินา’’ติ วุตฺตตฺตา ยถารูเปน พฺยาธินา คิลานสฺส คุโฬ ปริภุฺชิตพฺโพ โหติ, ตถารูเปน เอว พฺยาธินา คิลานสฺสาติ วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

เอตฺตกาสุ กถาสุ ยา ยา สํวณฺเณตพฺพปฺปกรเณ น ทิสฺสติ, สา สา อมฺเหหิ เปสลานํ ภิกฺขูนํ โกสลฺลตฺถํ ปาฬิโต จ อฏฺกถาโต จ คเหตฺวา ฏีกาจริยานํ วจเนหิ อลงฺกริตฺวา ปิตา, ตสฺมา นิกฺกงฺขา หุตฺวา ปณฺฑิตา อุปธาเรนฺตุ.

จตุมหาปเทสกถา

๖๗. ยํ ภิกฺขเวติอาทิ มหาปเทสกถา นาม. ตตฺถ มหนฺเต อตฺเถ อุปทิสฺสติ เอเตหีติ มหาปเทสา, มหนฺตา วา อตฺถา ปทิสฺสนฺติ ปฺายนฺติ เอตฺถาติ มหาปเทสา, มหนฺตานํ วา อตฺถานํ ปเทโส ปวตฺติเทโสติ มหาปเทสา. เก เต? อิเมเยว จตฺตาโร ปาา, อตฺถา วา. เตน วุตฺตํ ‘‘อิเม จตฺตาโร มหาปเทเส’’ติอาทิ. ตตฺถ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถราติ มหากสฺสปาทโย. สุตฺตํ คเหตฺวาติ ‘‘เปตฺวา ธฺผลรส’’นฺติอาทิกํ สุตฺตํ คเหตฺวา อุปธาเรนฺโต. สตฺต ธฺานีติ –

‘‘สาลิ วีหิ จ กุทฺรูโส, โคธุโม วรโก ยโว;

กงฺคูติ สตฺต ธฺานิ, นีวาราที ตุ ตพฺภิทา’’ติ –.

วุตฺตานิ สตฺต ธฺานิ. สพฺพํ อปรณฺณนฺติ มุคฺคมาสาทโย. อฏฺ ปานานีติ อมฺพปานํ ชมฺพุปานํ โจจปานํ โมจปานํ สาลุกปานํ มุทฺทิกปานํ มธุกปานํ ผารุสกปานฺจ.

อิมินา นเยนาติ สุตฺตานุโลมนเยน. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ. ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ อนเปกฺขิตฺวาติ ปาฬิยํ นีตตฺถโต อาคตเมว อคฺคเหตฺวา. อฺานิปีติ ตโต อฺานิปิ. เอเตน มหาปเทสา นาม น เกวลํ ยถาวุตฺตา เอว, อถ โข อเนกานิ นานปฺปการานิ วินยธรสฺส าณานุภาวปฺปกาสิตานีติ ทสฺเสติ.

อานิสํสกถา

๖๘. อานิสํสกถายํ วินยํ ธาเรตีติ วินยธโร, สิกฺขนวาจนมนสิการวินิจฺฉยนตทนุโลมกรณาทินา วินยปริยตฺติกุสโล ภิกฺขุ. วินยปริยตฺติมูลํ เอเตสนฺติ วินยปริยตฺติมูลกา. เก เต? ปฺจานิสํสา. วินยปริยตฺติเยว มูลํ การณํ กตฺวา ลภิตพฺพอานิสํสา, น อฺปริยตฺตึ วา ปฏิปตฺติอาทโย วา มูลํ กตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา ปริยาปุณนํ ปริยตฺติ, วินยสฺส ปริยตฺติ วินยปริยตฺติ, สา มูลํ เอเตสนฺติ วินยปริยตฺติมูลกา, วินยปริยาปุณนเหตุภวา อานิสํสาติ อตฺโถ. ‘‘กตเม’’ติอาทินา เตสํ ปฺจานิสํสาทีนํ สรูปํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺตโน’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชตฺวา ตํ วจนํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห.

เอวํ ปฺจานิสํสานํ สรูปํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตเยว วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถมสฺสา’’ติอาทินา ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิเธกจฺโจ’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ อตฺตโน สีลกฺขนฺธสุคุตฺตภาโว นาม อาปตฺติอนาปชฺชนภาเวเนว โหติ, โน อฺถาติ อาปตฺติอาปชฺชนการณํ ทสฺเสตฺวา ตทภาเวน อนาปชฺชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ฉหากาเรหิ อาปชฺชตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ –

‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชติ;

อาปตฺตึ ปริคูหติ;

อคติคมนฺจ คจฺฉติ;

เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชิปุคฺคโล’’ติ. (ปริ. ๓๕๙) –

วุตฺเตน อลชฺชีลกฺขเณน น ลชฺชติ น หิรียตีติ อลชฺชี, ตสฺส ภาโว อลชฺชิตา. นตฺถิ าณํ เอตสฺสาติ อฺาณํ, ตสฺส ภาโว อฺาณตา. กุกตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํ, เตน ปกโต กุกฺกุจฺจปกโต, ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจปกตตา. กปฺปตีติ กปฺปิยํ, น กปฺปิยํ อกปฺปิยํ, ตสฺมึ อกปฺปิเย, กปฺปิยํ อิติ สฺา ยสฺส โส กปฺปิยสฺี, ตสฺส ภาโว กปฺปิยสฺิตา. อิตรํ ตปฺปฏิปกฺขโต กาตพฺพํ, อิเมสุ ปฺจสุ ปเทสุ ยการโลโป, ตสฺมา ‘‘อลชฺชิตาย อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพานิ. เหตฺวตฺเถ เจตํ นิสฺสกฺกวจนํ. สรตีติ สติ, สมุสฺสนํ สมฺโมโส. สติยา สมฺโมโส สติสมฺโมโส, ตสฺมา สติสมฺโมสา. เหตฺวตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. อิทานิ ตานิ การณานิ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺตฺยาทิมาห. ตํ นยานุโยเคน วิฺเยฺยเมว.

อริฏฺโ อิติ ภิกฺขุ อริฏฺภิกฺขุ, กณฺฏโก อิติ สามเณโร กณฺฏกสามเณโร, เวสาลิยา ชาตา เวสาลิกา, วชฺชีนํ ปุตฺตา วชฺชิปุตฺตา, เวสาลิกา จ เต วชฺชิปุตฺตา จาติ เวสาลิกวชฺชิปุตฺตา, อริฏฺภิกฺขุ จ กณฺฏกสามเณโร จ เวสาลิกวชฺชิปุตฺตา จ อริฏฺภิกฺขุกณฺฏกสามเณรเวสาลิกวชฺชิปุตฺตกา. ปรูปหาโร จ อฺาณฺจ กงฺขาวิตรณฺจ ปรูปหารอฺาณกงฺขาวิตรณา. เก เต? วาทา. เต อาทิ เยสํ เตติ ปรูปหารอฺาณกงฺขาวิตรณาทโย. วทนฺติ เอเตหีติ วาทา, ปรูปหารอฺาณกงฺขาวิตรณาทโย วาทา เอเตสนฺติ ปรู…เป… วาทา. เก เต? มิจฺฉาวาทิโน. อริฏฺ…เป… ปุตฺตา จ ปรูปหาร…เป… วาทา จ มหาสงฺฆิกาทโย จ สาสนปจฺจตฺถิกา นามาติ สมุจฺจยทฺวนฺทวเสน โยชนา กาตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อานิสํสกถา นิฏฺิตา.

อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร

ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม

จตุตฺตึสติโม ปริจฺเฉโท.

นิคมนกถาวณฺณนา

นิคมคาถาสุ ปมคาถายํ สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน สาสนุชฺโชตการินา ปรกฺกมพาหุนา นรินฺเทน อชฺเฌสิโต โส อหํ วินยสงฺคหํ อกาสินฺติ โยชนา.

ทุติยตติยคาถายํ เตเนว ปรกฺกมพาหุนรินฺเทเนว การิเต รมฺเม รมณีเย ปาสาทสตมณฺฑิเต ปาสาทานํ สเตน ปฏิมณฺฑิเต นานาทุมคณากิณฺเณ ภาวนาภิรตาลเย ภาวนาย อภิรตานํ ภิกฺขูนํ อาลยภูเต สีตลูทกสมฺปนฺเน เชตวเน เชตวนนามเก วิหาเร วสํ วสนฺโต หุตฺวา, อถ วา วสํ วสนฺโต โสหํ โส อหํ โยคีนํ หิตํ หิตภูตํ สารํ สารวนฺตํ อิมํ อีทิสํ วินยสงฺคหํ อกาสินฺติ โยชนา.

เสสคาถาสุ อิมินา คนฺถกรเณน ยํ ปุฺํ มยฺหํ สิทฺธํ, อฺํ อิโต คนฺถกรณโต อฺภูตํ ยํ ปุฺํ มยา ปสุตํ โหติ, เอเตน ปุฺกมฺเมน ทุติเย อตฺตสมฺภเว ตาวตึเส ปโมเทนฺโต สีลาจารคุเณ รโต ปฺจกาเมสุ อลคฺโค เทวปุตฺโต หุตฺวา ปมํ ปมภูตํ ผลํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวาน อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ โลกคฺคปุคฺคลํ นาถํ นาถภูตํ สพฺพสตฺตหิเต รตํ เมตฺเตยฺยํ เมตฺเตยฺยนามกํ มุนิปุงฺควํ มุนิเสฏฺํ ทิสฺวาน ตสฺส ธีรสฺส สทฺธมฺมเทสนํ สุตฺวา อคฺคํ ผลํ อรหตฺตผลํ อธิคนฺตฺวา ลภิตฺวา ชินสาสนํ โสเภยฺยํ โสภาเปยฺยนฺติ อยํ ปากฏโยชนา.

เอติสฺสาย ปน โยชนาย สติ อาจริยวรสฺส วจนํ น สมฺปฏิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา. กถํ? เอตฺถ หิ อิโต ทุติยภเว ตาวตึสภวเน เทวปุตฺโต หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อนฺติมภเว เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อรหตฺตผลํ ลเภยฺยนฺติ อาจริยสฺส ปตฺถนา, สา อยุตฺตรูปา โหติ. โสตาปนฺนสฺส หิ สตฺตภวโต อุทฺธํ ปฏิสนฺธิ นตฺถิ, ตาวตึสานฺจ เทวานํ ภวสเตนปิ ภวสหสฺเสนปิ ภวสตสหสฺเสนปิ เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต อุปฺปชฺชนกาโล อปฺปตฺตพฺโพ โหติ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘อนฺตรา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต กาเล มนุสฺโส ภเวยฺยา’’ติ, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ พฺรหฺมโลกคตานํ อริยานํ ปุน กามภวูปปตฺติ อตฺถิ. วุตฺตฺหิ อภิธมฺเม ยมกปฺปกรเณ (ยม. ๒.อนุสยยมก. ๓๑๒) ‘‘รูปธาตุยา จุตสฺส กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺส สตฺเตว อนุสยา อนุเสนฺตี’’ติ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘พฺรหฺมโลเกเยว ตฺวา อคฺคผลํ ลเภยฺยา’’ติ, ตถา จ อาจริยสฺส วจเน น ทิสฺสติ, ‘‘โสเภยฺยํ ชินสาสน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ภิกฺขุภูตตฺตเมว ทิสฺสติ. น หิ ภิกฺขุภูโต สาสนํ โสภาเปตุํ สกฺโกติ. อภิธมฺมตฺถวิภาวนิยฺจ –

‘‘โชตยนฺตํ ตทา ตสฺส, สาสนํ สุทฺธมานสํ;

ปสฺเสยฺยํ สกฺกเรยฺยฺจ, ครุํ เม สาริสมฺภว’’นฺติ. –

ภิกฺขุภูตเมว วุตฺตํ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘อนฺตรา ทีฆายุโก ภุมฺมเทโว หุตฺวา ตทา มนุสฺโส ภเวยฺยา’’ติ, เอวมฺปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาวกภูโต อริยปุคฺคโล ปุน อฺสฺส พุทฺธสฺส สาวโก น ภเวยฺยาติ, อาจริโย ปน สพฺพปริยตฺติธโร อเนกคนฺถการโก อเนเกสํ คนฺถการกานํ เถรานํ อาจริยปาจริยภูโต, เตน น เกวลํ อิเธว อิมา คาถาโย ปิตา, อถ โข สารตฺถทีปนีนามิกาย วินยฏีกาย อวสาเน จ ปิตา, ตสฺมา ภวิตพฺพเมตฺถ การเณนาติ วีมํสิตพฺพเมตํ.

อถ วา อิมินา…เป… เทวปุตฺโต หุตฺวา ปมํ ตาว ผลํ ยถาวุตฺตํ ตาวตึเส ปโมทนสีลาจารคุเณ รตํ ปฺจกาเมสุ อลคฺคภาวสงฺขาตํ อานิสํสํ ปตฺวาน อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ…เป… โสเภยฺยนฺติ โยชนา. อถ วา อิมินา…เป… ปฺจกาเมสุ อลคฺโค หุตฺวา อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ…เป… สทฺธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปมํ ผลํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตโต ปรํ อคฺคผลํ อรหตฺตผลํ อธิคนฺตฺวา ชินสาสนํ โสเภยฺยนฺติ โยชนา. ยถา อมฺหากํ ภควโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตธมฺมเทสนํ สุตฺวา อฺาตโกณฺฑฺตฺเถโร โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปจฺฉา อรหตฺตผลํ อธิคนฺตฺวา ชินสาสนํ โสเภสิ, เอวนฺติ อตฺโถ. อิโต อฺานิปิ นยานิ ยถา เถรสฺส วจนานุกูลานิ, ตานิ ปณฺฑิเตหิ จินฺเตตพฺพานิ.

นิคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนกถา

.

ชมฺพุทีปตเล รมฺเม, มรมฺมวิสเย สุเต;

ตมฺพทีปรฏฺเ ิตํ, ปุรํ รตนนามกํ.

.

ชินสาสนปชฺโชตํ, อเนกรตนากรํ;

สาธุชฺชนานมาวาสํ, โสณฺณปาสาทลงฺกตํ.

.

ตสฺมึ รตนปุรมฺหิ, ราชาเนกรฏฺิสฺสโร;

สิรีสุธมฺมราชาติ, มหาอธิปตีติ จ.

.

เอวํนาโม มหาเตโช, รชฺชํ กาเรสิ ธมฺมโต;

การาเปสิ ราชา มณิ-จูฬํ มหนฺตเจติยํ.

.

ตสฺส กาเล พฺรหารฺเ, ติริโย นาม ปพฺพโต;

ปุพฺพการฺวาสีนํ, นิวาโส ภาวนารโห.

.

อฏฺารสหิ โทเสหิ, มุตฺโต ปฺจงฺคุปาคโต;

อรฺลกฺขณํ ปตฺโต, พทฺธสีมายลงฺกโต.

.

ตสฺมึ ปพฺพเต วสนฺโต, มหาเถโร สุปากโฏ;

ติเปฏกาลงฺกาโรติ, ทฺวิกฺขตฺตุํ ลทฺธลฺฉโน.

.

เตภาตุกนรินฺทานํ, ครุภูโต สุเปสโล;

กุสโล ปริยตฺติมฺหิ, ปฏิปตฺติมฺหิ การโก.

.

โสหํ ลชฺชีเปสเลหิ, ภิกฺขูหิ อภิยาจิโต;

สาสนสฺโสปการาย, อกาสึ สีลวฑฺฒนํ.

๑๐.

วินยาลงฺการํ นาม, ลชฺชีนํ อุปการกํ;

สุฏฺุ วินยสงฺคห-วณฺณนํ สาธุเสวิตํ.

๑๑.

รูปฉิทฺทนาสกณฺเณ, สมฺปตฺเต ชินสาสเน;

ฉิทฺทสุฺสุฺรูเป, กลิยุคมฺหิ อาคเต.

๑๒.

นิฏฺาปิตา อยํ ฏีกา, มยา สาสนการณา;

ทฺวีสุ โสณฺณวิหาเรสุ, ทฺวิกฺขตฺตุํ ลทฺธเกตุนา.

๑๓.

อิมินา ปุฺกมฺเมน, อฺเน กุสเลน จ;

อิโต จุตาหํ ทุติเย, อตฺตภาวมฺหิ อาคเต.

๑๔.

หิมวนฺตปเทสมฺหิ, ปพฺพเต คนฺธมาทเน;

อาสนฺเน มณิคุหาย, มฺชูสกทุมสฺส จ.

๑๕.

ตสฺมึ เหสฺสํ ภุมฺมเทโว, อติทีฆายุโก วโร;

ปฺาวีริยสมฺปนฺโน, พุทฺธสาสนมามโก.

๑๖.

ยาว ติฏฺติ สาสนํ, ตาว เจติยวนฺทนํ;

โพธิปูชํ สงฺฆปูชํ, กเรยฺยํ ตุฏฺมานโส.

๑๗.

ภิกฺขูนํ ปฏิปนฺนานํ, เวยฺยาวจฺจํ กเรยฺยหํ;

ปริยตฺตาภิยุตฺตานํ, กงฺขาวิโนทเยยฺยหํ.

๑๘.

สาสนํ ปคฺคณฺหนฺตานํ, ราชูนํ สหาโย อสฺสํ;

สาสนํ นิคฺคณฺหนฺตานํ, วาเรตุํ สมตฺโถ อสฺสํ.

๑๙.

สาสนนฺตรธาเน ตุ, มฺชูสํ รุกฺขมุตฺตมํ;

นนฺทมูลฺจ ปพฺภารํ, นิจฺจํ ปูชํ กเรยฺยหํ.

๒๐.

ยทา ตุ ปจฺเจกพุทฺธา, อุปฺปชฺชนฺติ มหายสา;

ตทา เตสํ นิจฺจกปฺปํ, อุปฏฺานํ กเรยฺยหํ.

๒๑.

เตเนว อตฺตภาเวน, ยาว พุทฺธุปฺปาทา อหํ;

ติฏฺนฺโต พุทฺธุปฺปาทมฺหิ, มนุสฺเสสุ ภวามหํ.

๒๒.

เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต, ปพฺพชิตฺวาน สาสเน;

โตสยิตฺวาน ชินํ ตํ, ลเภ พฺยากรณุตฺตมํ.

๒๓.

พฺยากรณํ ลภิตฺวาน, ปูเรตฺวา สพฺพปารมี;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเกติ.

วินยาลงฺการฏีกา สมตฺตา.