📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยปิฏเก
วินยาลงฺการ-ฏีกา (ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
มุตฺตหาราทินยคาถา
โย ¶ ¶ โลเก โลกโลโก วรตรปรโท ราชราชคฺคชฺโ;
อากาสาการกาโร ปรมรติรโต เทวเทวนฺตวชฺโช.
สํสาราสารสาโร สุนรนมนโต มารหารนฺตรฏฺโ;
โลกาลงฺการกาโร อติสติคติมา ธีรวีรตฺตรมฺโม.
สีหนิวตฺตนนยคาถา
สํสารจกฺกวิทฺธํสํ, ¶ สมฺพุทฺธํ ตํ สุมานสํ;
สํนมามิ สุคุเณสํ, สํเทสิตสุทุทฺทสํ.
อโนตตฺโตทกาวตฺตนยคาถา
เยน ¶ วิทฺธํสิตา ปาปา, เยน นิพฺพาปิตา ทรา;
เยน โลกา นิสฺสริสุํ, เยน จาหํ นมามิ ตํ.
จตุทีปจกฺกวตฺตนนยคาถา
สงฺฆํ สสงฺฆํ นมามิ, วนฺตนฺตวรธมฺมชํ;
มคฺคคฺคมนผลฏฺํ, สุสํสํ สุภมานสํ.
อพฺยเปตจตุปาทอาทิยมกคาถา
วินยํ วินยํ สารํ, สงฺคหํ สงฺคหํ กรํ;
จริยํ จริยํ วนฺเท, ปรมํ ปรมํ สุตํ.
พฺยเปตจตุปาทอาทิอนฺตยมกคาถา
ปกาเร พหุปกาเร, สาคเร คุณสาคเร;
ครโว มม ครโว, วนฺทามิ อภิวนฺทามิ.
วตฺถุตฺตเย คนฺถกาเร, ครูสุ สาทรํ มยา;
กเตน นมกฺกาเรน, หิตฺวา สพฺเพ อุปทฺทเว.
สิกฺขากาเมหิ ¶ ธีเรหิ, ชินสาสนการิภิ;
ภิกฺขูหิ วินยฺูหิ, สาทรํ อภิยาจิโต.
วณฺณยิสฺสามิ วินย-สงฺคหํ ปีติวฑฺฒนํ;
ภิกฺขูนํ เวนยิกานํ, ยถาสตฺติพลํ อหํ.
โปราเณหิ กตา ฏีกา, กิฺจาปิ อตฺถิ สา ปน;
อติสงฺเขปภาเวน, น สาเธติ ยถิจฺฉิตํ.
ตสฺมา หิ นานาสตฺเถหิ, สารมาทาย สาธุกํ;
นาติสงฺเขปวิตฺถารํ, กริสฺสํ อตฺถวณฺณนํ.
วินยาลงฺการํ นาม, เปสลานํ ปโมทนํ;
อิมํ ปกรณํ สพฺเพ, สมฺมา ธาเรนฺตุ สาธโวติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
วิวิธวิเสสนยสมนฺนาคตํ ¶ กายวาจาวินยนกรณสมตฺถํ ลชฺชิเปสลภิกฺขูนํ สํสยวิโนทนการกํ โยคาวจรปุคฺคลานํ สีลวิสุทฺธิสมฺปาปกํ ชินสาสนวุฑฺฒิเหตุภูตํ ปกรณมิทมารภิตุกาโม อยมาจริยาสโภ ปมํ ตาว รตนตฺตยปณามปณามารหภาวอภิเธยฺยกรณเหตุ กรณปฺปการปกรณาภิธานนิมิตฺตปโยชนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ หิ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวาติ อิมินา รตนตฺตยปณาโม วุตฺโต ปณาเมตพฺพปณามอตฺถทสฺสนโต. สรณํ สพฺพปาณินนฺติ อิมินา ปณามารหภาโว ปณามเหตุทสฺสนโต. ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยนฺติ อภิเธยฺโย อิมสฺส ปกรณสฺส อตฺถภาวโต. วิปฺปกิณฺณมเนกตฺถาติ กรณเหตุ เตเนวการเณน ปกรณสฺส กตตฺตา. สมาหริตฺวา เอกตฺถ, ทสฺสยิสฺสมนากุลนฺติ กรณปฺปกาโร เตนากาเรน ปกรณสฺส กรณโต. ปกรณาภิธานํ ปน สมาหริตสทฺทสฺส สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ สมาหริตฺวา ทสฺสเนเนว อิมสฺส ปกรณสฺส วินยสงฺคหอิติ นามสฺส ลภนโต.
นิมิตฺตํ ¶ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรวเสน ทุวิธํ. ตตฺถ อชฺฌตฺติกํ นาม กรุณา, ตํ ทสฺสนกิริยาย สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ ตสฺมึ อสติ ทสฺสนกิริยาย อภาวโต. พาหิรํ นาม โสตุชนสมูโห, ตํ โยคาวจรภิกฺขูนนฺติ ตสฺส กรุณารมฺมณภาวโต. ปโยชนํ ปน ทุวิธํ ปณามปโยชนปกรณปโยชนวเสน. ตตฺถ ปณามปโยชนํ นาม อนฺตรายวิโสสนปสาทชนนาทิกํ, ตํ สรณํ สพฺพปาณินนฺติ อิมสฺส สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ เหตุมฺหิ สติ ผลสฺส อวินาภาวโต. วุตฺตฺหิ อภิธมฺมฏีกาจริเยน ‘‘คุณวิเสสวา หิ ปณามารโห ¶ โหติ, ปณามารเห จ กโต ปณาโม วุตฺตปฺปโยชนสิทฺธิกโรว โหตี’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑). ปกรณปโยชนมฺปิ ทุวิธํ มุขฺยานุสงฺคิกวเสน. เตสุ มุขฺยปโยชนํ นาม พฺยฺชนานุรูปํ อตฺถสฺส ปฏิวิชฺฌนํ ปกาสนฺจ อตฺถานุรูปํ พฺยฺชนสฺส อุทฺทิสนํ อุทฺเทสาปนฺจ, ตํ วินเย ปาฏวตฺถายาติ อิมินา วุตฺตํ. อนุสงฺคิกปโยชนํ นาม สีลาทิอนุปาทาปรินิพฺพานนฺโต อตฺโถ, ตํ สมาหริตฺวา เอกตฺถ ทสฺสยิสฺสนฺติ อิมสฺส สามตฺถิเยน ทสฺสิตํ เอกตฺถ สมาหริตฺวา ทสฺสเน สติ ตทุคฺคหปริปุจฺฉาทินา กตปโยคสฺส อนนฺตราเยน ตทตฺถสิชฺฌนโตติ.
กิมตฺถํ ปเนตฺถ รตนตฺตยปณามาทโย อาจริเยน กตา, นนุ อธิปฺเปตคนฺถารมฺโภว กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เอตฺถ รตนตฺตยปณามกรณํ ตพฺพิหตนฺตราโย หุตฺวา อนายาเสน คนฺถปริสมาปนตฺถํ. ปณามารหภาววจนํ อตฺตโน ยุตฺตปตฺตการิตาทสฺสนตฺถํ, ตํ วิฺูนํ โตสาปนตฺถํ, ตํ ปกรณสฺส อุคฺคหณตฺถํ, ตํ สพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทนตฺถํ. อภิเธยฺยกถนํ วิทิตาภิเธยฺยสฺส คนฺถสฺส วิฺูนํ อุคฺคหธารณาทิวเสน ปฏิปชฺชนตฺถํ. กรณเหตุกถนํ อการเณ กตสฺส วายามสฺส นิปฺผลภาวโต ตปฺปฏิกฺเขปนตฺถํ. กรณปฺปการกถนํ วิทิตปฺปการสฺส คนฺถสฺส โสตูนํ อุคฺคหณาทีสุ รุจิชนนตฺถํ. อภิธานทสฺสนํ โวหารสุขตฺถํ. นิมิตฺตกถนํ อาสนฺนการณทสฺสนตฺถํ. ปโยชนทสฺสนํ ทุวิธปโยชนกามีนํ โสตูนํ สมุสฺสาหชนนตฺถนฺติ.
รตนตฺตยปณามปโยชนํ ปน พหูหิ ปกาเรหิ วิตฺถารยนฺติ อาจริยา, ตํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. อิธ ปน คนฺถครุภาวโมจนตฺถํ อฏฺกถาจริเยหิ อธิปฺเปตปโยชนเมว กถยิมฺห. วุตฺตฺหิ อฏฺกถาจริเยน –
กตสฺส รตนตฺตเย;
อานุภาเวน โสเสตฺวา;
อนฺตราเย อเสสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา ๗);
อยเมตฺถ สมุทายตฺโถ, อยํ ปน อวยวตฺโถ – อหํ สพฺพปาณีนํ สรณํ สรณีภูตํ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสามิ, นมสฺสิตฺวา โยคาวจรภิกฺขูนํ วินเย ปาฏวตฺถาย อเนกตฺถวิปฺปกิณฺณํ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยํ เอกตฺถ สมาหริตฺวา อนากุลํ กตฺวา ทสฺสยิสฺสํ ทสฺสยิสฺสามีติ โยชนา.
ตตฺถ วสนฺติ เอตฺถาติ วตฺถุ. กึ ตํ? พุทฺธาทิรตนํ. ตฺหิ ยสฺมา สรณคตา สปฺปุริสา สรณคมนสมงฺคิโน หุตฺวา พุทฺธาทิรตนํ อารมฺมณํ กตฺวา ตสฺมึ อารมฺมเณ วสนฺติ อาวสนฺติ นิวสนฺติ, ตสฺมา ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติ. อารมฺมณฺหิ อาธาโร, อารมฺมณิกํ อาเธยฺโยติ. อิโต ปรานิปิ วตฺถุสทฺทสฺส วจนตฺถาทีนิ อาจริเยหิ วุตฺตานิ, ตานิปิ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. อิธ ปน คนฺถวิตฺถารปริหรณตฺถํ เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ. ติณฺณํ สมูโหติ ตยํ, ตโย อํสา อวยวา อสฺสาติ วา ตยํ. กึ ตํ? สมุทาโย. วตฺถูนํ ตยนฺติ วตฺถุตฺตยํ. กึ ตํ? พุทฺธาทิรตนตฺตยํ. นมสฺสามีติ นมสฺสิตฺวา, อนมินฺติ นมสฺสิตฺวา. พุทฺธาทิรตนฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตสฺส อุปฺปชฺชนกาเล ตฺวา-ปจฺจโย ปจฺจุปฺปนฺนกาลิโก โหติ, ตสฺมา ปโม วิคฺคโห กโต, ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยํ เอกตฺถ ทสฺสนกาเล อตีตกาลิโก, ตสฺมา ทุติโย วิคฺคโห. เตเนว จ การเณน อตฺถโยชนายปิ ปจฺจุปฺปนฺนกาลอตีตกาลวเสน โยชนา กตา.
สรติ หึสตีติ สรณํ. กึ ตํ? พุทฺธาทิรตนตฺตยํ. ตฺหิ สรณคตานํ สปฺปุริสานํ ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติวินิปาตํ ¶ สํกิเลสํ สรติ หึสติ วินาเสติ, ตสฺมา ‘‘สรณ’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ภควตา –
‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑),
‘‘เอวํ ¶ พุทฺธํ สรนฺตานํ;
ธมฺมํ สงฺฆฺจ ภิกฺขโว;
ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา;
โลมหํโส น เหสฺสตี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๙);
ยสฺมา ปน ‘‘สรณ’’นฺติ อิทํ ปทํ ‘‘นาถ’’นฺติ ปทสฺส เววจนภูตํ กิตสุทฺธนามปทํ โหติ, น กิตมตฺตปทํ, ตสฺมา ธาตฺวตฺโถ อนฺโตนีโต. ‘‘สร หึสาย’’นฺติ หิ วุตฺตํ หึสตฺถํ คเหตฺวา สพฺพปาณีนํ สรณํ หึสกํ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวา วิฺายมาเน อนิฏฺปฺปสงฺคโต สพฺพปาณีนํ สรณํ สรณีภูตํ นาถภูตํ วตฺถุตฺตยํ นมสฺสิตฺวาติ วิฺายมาเนเยว ยุชฺชติ, เตเนว จ การเณน อตฺถโยชนายมฺปิ ตถา โยชนา กตา. สพฺพ-สทฺโท นิรวเสสตฺถวาจกํ สพฺพนามปทํ. สห อเวน โย วตฺตตีติ สพฺโพติ กเต ปน สกล-สทฺโท วิย สมุทายวาจกํ สมาสนามปทํ โหติ. ปาโณ เอเตสํ อตฺถีติ ปาณิโน, ปาโณติ เจตฺถ ชีวิตินฺทฺริยํ อธิปฺเปตํ. สพฺเพ ปาณิโน สพฺพปาณิโน, เตสํ สพฺพปาณีนํ. เอตฺตาวตา วตฺถุตฺตยสฺส สพฺพโลกสรณภาวํ, ตโตเยว จ นมสฺสนารหภาวํ, นมสฺสนารเห จ กตายนมสฺสนกิริยาย ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิกรภาวํ, อตฺตโน กิริยาย จ เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.
เอวํ สเหตุกํ รตนตฺตยปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปกรณารมฺภสฺส สนิมิตฺตํ มุขฺยปโยชนํ ทสฺเสตุมาห ‘‘วินเย ¶ ปาฏวตฺถาย, โยคาวจรภิกฺขูน’’นฺติ. เอตฺถ จ วินเย ปาฏวตฺถายาติ มุขฺยปโยชนทสฺสนํ, ตํทสฺสเนน จ อนุสงฺคิกปโยชนมฺปิ วิภาวิตเมว โหติ การเณ สิทฺเธ การิยสฺส สิชฺฌนโต. โยคาวจรภิกฺขูนนฺติ พาหิรนิมิตฺตทสฺสนํ, ตสฺมึ ทสฺสิเต อชฺฌตฺติกนิมิตฺตมฺปิ ทีปิตเมว โหติ อารมฺมเณ าเต อารมฺมณิกสฺส าตพฺพโต. ตตฺถ วิวิธา นยา เอตฺถาติ วินโย, ทุวิธปาติโมกฺขทุวิธวิภงฺคปฺจวิธปาติโมกฺขุทฺเทสปฺจอาปตฺติกฺขนฺธสตฺตอาปตฺติกฺขนฺธาทโย วิวิธา อเนกปฺปการา นยา เอตฺถ สนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา วิเสสา นยา เอตฺถาติ วินโย, ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปโยชนา อนุปฺตฺตินยาทโย วิเสสา นยา เอตฺถ สนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา วิเนตีติ วินโย. กาโย วิเนติ กายวาจาโย, อิติ กายวาจานํ วินยนโต วินโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ –
‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา ¶ ;
วินยนโต เจว กายวาจานํ;
วินยตฺถวิทูหิ อยํ;
วินโย ‘วินโย’ติ อกฺขาโต’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา);
โก โส? วินยปิฏกํ. ตสฺมึ วินเย. ปฏติ วิยตฺตภาวํ คจฺฉตีติ ปฏุ. โก โส? ปณฺฑิโต. ปฏุโน ภาโว ปาฏวํ. กึ ตํ? าณํ. อสติ การณานุรูปํ ภวตีติ อตฺโถ. โก โส? ปโยชนํ. ปาฏวเมว อตฺโถ ปาฏวตฺโถ, ตสฺส ปาฏวตฺถาย, วินยปิฏเก โกสลฺลาณปโยชนายาติ วุตฺตํ โหติ. ยฺุชนํ โยโค, กมฺมฏฺานมนสิกาโร. อวจรนฺตีติ อวจรา, โยเค อวจรา โยคาวจรา, กมฺมฏฺานิกา ภิกฺขู. สํสาเร ภยํ อิกฺขนฺตีติ ภิกฺขู, โยคาวจรา จ เต ภิกฺขู จาติ โยคาวจรภิกฺขู, เตสํ โยคาวจรภิกฺขูนํ. เอเตน ¶ วินเย ปฏุภาโว นาม ภิกฺขูนํเยว อตฺโถ โหติ, น คหฏฺตาปสปริพฺพาชกาทีนํ. ภิกฺขูสุ จ กมฺมฏฺาเน นิยุตฺตานํ ลชฺชิเปสลภิกฺขูนํเยว, น วิสฺสฏฺกมฺมฏฺานานํ อลชฺชิภิกฺขูนนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
เอวํ ปกรณารมฺภสฺส สนิมิตฺตํ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สเหตุกํ อภิเธยฺยํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปฺปกิณฺณมเนกตฺถ, ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉย’’นฺติ อาห. ตตฺถ วิปฺปกิณฺณํ อเนกตฺถาติ อิมินา ปกรณารมฺภสฺส เหตุํ ทสฺเสติ เหตุมนฺตวิเสสนตฺตา, อิมสฺส อเนกตฺถวิปฺปกิณฺณตฺตาเยว อาจริยสฺส อารมฺโภ โหติ, น อวิปฺปกิณฺเณ สติ. วกฺขติ หิ ‘‘สมาหริตฺวา เอกตฺถ ทสฺสยิสฺส’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา). ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยนฺติ อิมินา ปกรณาภิเธยฺยํ. ตตฺถ กิรติ วิกฺขิปตีติ กิณฺโณ, ปกาเรน กิณฺโณ ปกิณฺโณ, วิวิเธน ปกิณฺโณ วิปฺปกิณฺโณ. โก โส? ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย, ตํ วิปฺปกิณฺณํ.
อเนกตฺถาติ เอตฺถ สงฺขฺยาวาจโก สพฺพนามิโก เอก-สทฺโท, น เอโก อเนเก. พหฺวตฺถวาจโก อเนกสทฺโท. เอกนฺตเอกวจนนฺโตปิ เอก-สทฺโท น-อิตินิปาเตน ยุตฺตตฺตา พหุวจนนฺโต ชาโตติ. ตตฺถ อเนกตฺถ พหูสูติ อตฺโถ, ปาราชิกกณฺฑฏฺกถาทีสุ อเนเกสุ ปกรเณสูติ ¶ วุตฺตํ โหติ. โปราณฏีกายํ ปน อเนกตฺถาติ อเนเกสุ สิกฺขาปทปเทเสสูติ อตฺโถ ทสฺสิโต, เอวฺจ สติ อุปริ ‘‘สมาหริตฺวา เอกตฺถา’’ติ วกฺขมานตฺตา ‘‘อเนกตฺถวิปฺปกิณฺณํ เอกตฺถ สมาหริตฺวา’’ติ อิเมสํ ปทานํ สหโยคีภูตตฺตา อเนเกสุ สิกฺขาปทปเทเสสุ วิปฺปกิณฺณํ เอกสฺมึ สิกฺขาปทปเทเส สมาหริตฺวาติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส จ อตฺโถ อยุตฺโต. กสฺมา? อเนเกสุ ปกรเณสุ วิปฺปกิณฺณํ เอกสฺมึ ปกรเณ สมาหริตฺวาติ ¶ อตฺโถ อมฺเหหิ วุตฺโต. อถ ปน ‘‘เอกตฺถา’’ติ อิมสฺส ‘‘เอกโต’’ติ อตฺถํ วิกปฺเปตฺวา อเนเกสุ สิกฺขาปทปเทเสสุ วิปฺปกิณฺณํ เอกโต สมาหริตฺวาติ อตฺถํ คณฺเหยฺย, โส อตฺโถ ยุตฺโต ภเวยฺย.
ปกฏฺานํ อาฬีติ ปาฬิ, อุตฺตมานํ วจนานํ อนุกฺกโมติ อตฺโถ. อถ วา อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภทํ อตฺถํ ปาเลติ รกฺขตีติ ปาฬิ, ลฬานมวิเสโส. กา สา? วินยตนฺติ. มุจฺจตีติ มุตฺโต, ปาฬิโต มุตฺโต ปาฬิมุตฺโต. ฉินฺทิยเต อเนนาติ ฉโย, นีหริตฺวา ฉโย นิจฺฉโย, วิเสเสน นิจฺฉโย วินิจฺฉโย, ขิลมทฺทนากาเรน ปวตฺโต สทฺทนโย อตฺถนโย จ. ปาฬิมุตฺโต จ โส วินิจฺฉโย จาติ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย, ตํ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยํ. อิทฺจ ‘‘อานครา ขทิรวน’’นฺติอาทีสุ วิย เยภุยฺยนยวเสน วุตฺตํ กตฺถจิ ปาฬิวินิจฺฉยสฺสปิ ทิสฺสนโต. โปราณฏีกายํ ปน ปาฬิวินิจฺฉโย จ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย จ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโยติ เอวํ เอกเทสสรูเปกเสสวเสน วา เอตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพนฺติ ทุติยนโยปิ วุตฺโต, เอวฺจ สติ ปาฬิวินิจฺฉยปาฬิมุตฺตวินิจฺฉเยหิ อฺสฺส วินิจฺฉยสฺส อภาวา กิเมเตน คนฺถครุกเรน ปาฬิมุตฺตคฺคหเณน. วิเสสนฺหิ สมฺภวพฺยภิจาเร จ สติ สาตฺถกํ สิยาติ ปมนโยว อาราธนีโย โหติ.
เอวํ สเหตุกํ อภิเธยฺยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กรณปฺปการํ ทสฺเสติ ‘‘สมาหริตฺวา’’ติอาทินา. ทุวิโธ เหตฺถ กรณปฺปกาโร เอกตฺถสมาหรณอนากุลกรณวเสน. โส ทุวิโธปิ เตน ปกาเรน ปกรณสฺส กตตฺตา ‘‘กรณปฺปกาโร’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ สมาหริสฺสามีติ สมาหริตฺวา, สํ-สทฺโท สงฺเขปตฺโถ, ตสฺมา สงฺขิปิย อาหริสฺสามีติ อตฺโถ. อนาคตกาลิกวเสน ปจฺจมาเนน ‘‘ทสฺสยิสฺส’’นฺติ ¶ ปเทน สมานกาลตฺตา อนาคตกาลิโก อิธ ตฺวา-ปจฺจโย วุตฺโต. เอกตฺถาติ เอกสฺมึ อิธ วินยสงฺคหปฺปกรเณ. เอกตฺถาติ วา เอกโต. ทสฺสยิสฺสนฺติ ทสฺสยิสฺสามิ, าปยิสฺสามีติ อตฺโถ. อากุลติ พฺยากุลตีติ อากุโล, น อากุโล ¶ อนากุโล, ปุพฺพาปรพฺยากิณฺณวิรหิโต ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย. อนากุลนฺติ ปน ภาวนปุํสกํ, ตสฺมา กรธาตุมเยน กตฺวาสทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺสนกิริยาย สมฺพนฺธิตพฺพํ.
เอวํ รตนตฺตยปณามาทิกํ ปุพฺพกรณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉเย ทสฺเสตุกาโม, เตสํ อนุกฺกมกรณตฺถํ มาติกํ เปนฺโต ‘‘ตตฺรายํ มาติกา’’ติอาทิมาห. มาติกาย หิ อสติ ทสฺสิตวินิจฺฉยา วิกิรนฺติ วิธํเสนฺติ ยถา ตํ สุตฺเตน อสงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ. สนฺติยา ปน มาติกาย ทสฺสิตวินิจฺฉยา น วิกิรนฺติ น วิธํเสนฺติ ยถา ตํ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ. ตํ ตํ อตฺถํ ชานิตุกาเมหิ มาติกานุสาเรน คนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตวินิจฺฉยํ ปตฺวา โส โส อตฺโถ ชานิตพฺโพ โหติ, ตสฺมา สุขคฺคหณตฺถํ มาติกา ปิตา. ตตฺถ ตตฺราติ ตสฺมึ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉเย. อยนฺติ อยํ มยา วกฺขมานา. มาตา วิยาติ มาติกา. ยถา หิ ปุตฺตา มาติโต ปภวนฺติ, เอวํ นิทฺเทสปทานิ อุทฺเทสโต ปภวนฺติ, ตสฺมา อุทฺเทโส มาติกา วิยาติ ‘‘มาติกา’’ติ วุจฺจติ.
ทิวาเสยฺยาติอาทีสุ ทิวาเสยฺยา ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา. ปริกฺขาโร ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา…เป… ปกิณฺณกํ ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาติ โยชนา. เตเนว วกฺขติ ‘‘ทิวาสยนวินิจฺฉยกถา สมตฺตา’’ติอาทิ. อิติ-สทฺโท อิทมตฺโถ วา นิทสฺสนตฺโถ วา ปริสมาปนตฺโถ วา. เตสุ อิทมตฺเถ กา สา? ทิวาเสยฺยา…เป… ปกิณฺณกํ อิติ อยนฺติ. นิทสฺสนตฺเถ ¶ กถํ สา? ทิวาเสยฺยา…เป… ปกิณฺณกํ อิติ ทฏฺพฺพาติ. ปริสมาปนตฺเถ สา กิตฺตเกน ปริสมตฺตา? ทิวาเสยฺยา…เป… ปกิณฺณกํ อิติ เอตฺตเกน ปริสมตฺตาติ อตฺโถ. อิเมสํ ปน ทิวาเสยฺยาทิปทานํ วากฺยวิคฺคหํ กตฺวา อตฺเถ อิธ วุจฺจมาเน อติปปฺโจ ภวิสฺสติ, โสตูนฺจ ทุสฺสลฺลกฺขณีโย, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส นิทฺเทสสฺส อาทิมฺหิเยว ยถานุรูปํ วกฺขาม.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถา
๑. เอวํ ¶ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉยกถานํ มาติกํ เปตฺวา อิทานิ ยถาปิตมาติกานุกฺกเมน นิทฺทิสนฺโต ‘‘ตตฺถ ทิวาเสยฺยาติ ทิวานิปชฺชน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ มาติกาปเทสุ สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ทิวาเสยฺยา’’ติ ปทสฺส ‘‘ทิวานิปชฺชน’’นฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา. ตตฺถ ทิวา-สทฺโท อหวาจโก อาการนฺโต นิปาโต. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ ‘‘อานุกูลฺเยตุ สทฺธฺจ, นตฺตํ โทโส ทิวา ตฺวเห’’ติ. สยนํ เสยฺยา, กรชกายคตรูปานํ อุทฺธํ อนุคฺคนฺตฺวา ทีฆวเสน วิตฺถารโต ปวตฺตนสงฺขาโต อิริยาปถวิเสโส. ทิวากาลสฺมึ เสยฺยา ทิวาเสยฺยา. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว สูริยตฺถงฺคมนา, เอตสฺมึ กาเล สยนอิริยาปถกรณนฺติ. เตนาห ‘‘ทิวานิปชฺชนนฺติ อตฺโถ’’ติ.
ตตฺราติ ตสฺมึ ทิวาสยเน อยํ วกฺขมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ (ปารา. ๗๗) อยํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทสฺส วินีตวตฺถูสุ อาคโต ภควตา ¶ อาหจฺจภาสิโต าปกปาโ. ตตฺถ ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตนาติ ทิวา นิปชฺชนฺเตน. ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุนฺติ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิปชฺชิตุํ. ‘‘ทิวา…เป… นิปชฺชิตพฺพนฺติ าปฺยํ. นนุ ปาฬิยํ ‘‘อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ น วุตฺตา, อถ กถเมตฺถ อาปตฺติ วิฺายตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทิวานิปชฺชเน. จ-สทฺโท วากฺยารมฺภโชตโก, กิฺจาปิ-สทฺโท นิปาตสมุทาโย, ยทิปีตฺยตฺโถ. ปาฬิยํ อยํ นาม อาปตฺตีติ กิฺจาปิ น วุตฺตา, ปน ตถาปิ อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) ทุกฺกฏํ ยสฺมา วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺถ อาปตฺติ วิฺายตีติ โยชนา. เอวํ สนฺเตปิ อสติ ภควโต วจเน กถํ อฏฺกถายํ วุตฺตํ สิยาติ อาห ‘‘วิวริตฺวา…เป… อนฺุาตตฺตา’’ติ. เอเตน ภควโต อนุชานนมฺปิ ตํ อกโรนฺตสฺส อาปตฺติการณํ โหตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถ ‘‘อุปฺปนฺเน วตฺถุมฺหีติ อิตฺถิยา กตอชฺฌาจารวตฺถุสฺมิ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ, สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๗๗) ปน ‘‘เมถุนวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺเน’’ติ วุตฺตํ, โปราณฏีกายมฺปิ ตเมว คเหตฺวา ‘‘อุปฺปนฺเน เมถุนวตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ เมถุนลกฺขณสฺส อภาวา. นนุ สิกฺขาปทปฺาปนํ นาม พุทฺธวิสโย, อถ กสฺมา ¶ อฏฺกถายํ ทุกฺกฏํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ภควโต’’ติอาทิ. น เกวลํ อุปาลิตฺเถราทีหิ เอว อฏฺกถา ปิตา, อถ โข ปาฬิโต จ อตฺถโต จ พุทฺเธน ภควตา วุตฺโต. น หิ ภควตา อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม อตฺถิ, สพฺเพสํเยว อตฺโถ กถิโต, ตสฺมา สมฺพุทฺเธเนว ติณฺณํ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนกฺกโมปิ ภาสิโตติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนาเยว อฏฺกถาติ.
กึ ¶ ปเนตฺถ เอตํ ทิวา ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชนฺตสฺส ทุกฺกฏาปตฺติอาปชฺชนํ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอว สิทฺธํ, อุทาหุ อฺเนปีติ อาห ‘‘อตฺถาปตฺตี’’ติอาทิ. เอตํ ทุกฺกฏาปตฺติอาปชฺชนํ น เกวลํ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอว สิทฺธํ, อถ โข ‘‘อตฺถาปตฺติ ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) อิมินา ปริวารปาเนปิ สิทฺธํ โหตีติ โยชนา. กตรสฺมึ ปน วตฺถุสฺมึ อิทํ สิกฺขาปทํ วุตฺตนฺติ? ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ เวสาลิยํ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ ทิวา วิหารคโต ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อโหสิ. ตสฺส องฺคมงฺคานิ วาตุปตฺถทฺธานิ อเหสุํ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อิตฺถิโย คนฺธฺจ มาลฺจ อาทาย วิหารํ อาคมึสุ วิหารเปกฺขิกาโย. อถ โข ตา อิตฺถิโย ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา องฺคชาเต อภินิสีทิตฺวา ยาวทตฺถํ กตฺวา ‘ปุริสุสโภ วตาย’นฺติ วตฺวา คนฺธฺจ มาลฺจ อาโรเปตฺวา ปกฺกมึสุ. ภิกฺขู กิลินฺนํ ปสฺสิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ปฺจหิ, ภิกฺขเว, อากาเรหิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ ราเคน, วจฺเจน, ปสฺสาเวน, วาเตน, อุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺเน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหากาเรหิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ตสฺส ภิกฺขุโน ราเคน องฺคชาตํ กมฺมนิยํ อสฺส, อรหํ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, อนาปตฺติ ภิกฺขเว ตสฺส ภิกฺขุโน. อนุชานามิ ภิกฺขเว ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒. อิทานิ ทฺวารวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กีทิส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปริวตฺตกทฺวารเมวาติ สํวรณวิวรณวเสน อิโต จิโต จ ปริวตฺตนโยคฺคทฺวารเมว. รุกฺขสูจิกณฺฏกทฺวารนฺติ รุกฺขสูจิทฺวารํ กณฺฏกทฺวารฺจ. ‘‘รุกฺขสูจิทฺวารกณฺฏกทฺวาร’’มิจฺเจว วา ¶ ปาโ. ยํ อุโภสุ ปสฺเสสุ รุกฺขตฺถมฺเภ นิขนิตฺวา ตตฺถ วิชฺฌิตฺวา มชฺเฌ ทฺเว ติสฺโส รุกฺขสูจิโย ปเวเสตฺวา กโรนฺติ, ตํ รุกฺขสูจิทฺวารํ นาม. ปเวสนนิกฺขมนกาเล อปเนตฺวา ถกนโยคฺคํ เอกาย, พหูหิ ¶ วา กณฺฏกสาขาหิ กตํ กณฺฏกทฺวารํ นาม. คามทฺวารสฺส ปิธานตฺถํ ปทเรน วา กณฺฏกสาขาทีหิ วา กตสฺส กวาฏสฺส อุทุกฺขลปาสกรหิตตาย เอเกน สํวริตุํ วิวริตฺุจ อสกฺกุเณยฺยสฺส เหฏฺา เอกํ จกฺกํ โยเชนฺติ, เยน ปริวตฺตมานกกวาฏํ สุขถกนกํ โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺกลกยุตฺตทฺวาร’’นฺติ. จกฺกเมว หิ ลาตพฺพตฺเถน สํวรณวิวรณตฺถาย คเหตพฺพตฺเถน จกฺกลกํ, เตน ยุตฺตกวาฏมฺปิ จกฺกลกํ นาม, เตน ยุตฺตทฺวารํ จกฺกลกยุตฺตทฺวารํ.
มหาทฺวาเรสุ ปน ทฺเว ตีณิ จกฺกลกานิ โยเชตีติ อาห ‘‘ผลเกสู’’ติอาทิ. กิฏิกาสูติ เวฬุเปสิกาทีหิ กณฺฏกสาขาทีหิ จ กตถกนเกสุ. สํสรณกิฏิกทฺวารนฺติ จกฺกลกยนฺเตน สํสรณกิฏิกายุตฺตมหาทฺวารํ. โคปฺเผตฺวาติ อาวุณิตฺวา, รชฺชูหิ คนฺเถตฺวา วา. เอกํ ทุสฺสสาณิทฺวารเมวาติ เอตฺถ กิลฺชสาณิทฺวารมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๗๖-๗๗) ปน ‘‘ทุสฺสทฺวารํ สาณิทฺวารฺจ ทุสฺสสาณิทฺวารํ. ทุสฺสสาณิ กิลฺชสาณีติอาทินา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ทุสฺสสาณิยเมว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ, เอกสทิสตฺตา เอกนฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
๓. เอวํ ทฺวารวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยตฺตเกน ทฺวารํ สํวุตํ โหติ, ตํ ปมาณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิตฺตเกน’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สูจีติ มชฺเฌ ฉิทฺทํ กตฺวา ปเวสิตา. ฆฏิกาติ อุปริ โยชิตา. อิทานิ ยตฺถ ทฺวารํ สํวริตฺวา นิปชฺชิตุํ ¶ น สกฺกา โหติ, ตตฺถ กาตพฺพวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ พหูนํ วฬฺชนฏฺานํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหูนํ อวฬฺชนฏฺาเนปิ เอกํ อาปุจฺฉิตฺวา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติเยว. อถ ภิกฺขู…เป… นิสินฺนา โหนฺตีติ อิทํ ตตฺถ ภิกฺขูนํ สนฺนิหิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เสสอิริยาปถสมงฺคิตานิวตฺตนตฺถํ, ตสฺมา นิปนฺเนปิ อาโภคํ กาตุํ วฏฺฏติ. นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺเต ปน อาโภคํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อสนฺตปกฺเข ิตตฺตา รโห นิสชฺชาย วิย ทฺวารสํวรณํ นาม มาตุคามานํ ปเวสนิวารณตฺถํ อนฺุาตนฺติ อาห ‘‘เกวลํ ภิกฺขุนึ วา’’ติอาทิ.
เอตฺถ จ ตํ ยุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถปิ โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพนฺติ อิทํ อฏฺกถาวจนโต อติเรกํ อาจริยสฺส วจนํ. อิโต ปุพฺพาปรวจนํ อฏฺกถาวจนเมว. ตตฺถ ตํ ยุตฺตนฺติ ‘‘กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน…เป… น วตฺตตี’’ติ ¶ ยํ วจนํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ, ตํ วจนํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ…เป… คเหตพฺพนฺติ ยถา เจตฺถ กุรุนฺทิยํ วุตฺตวจนํ ยุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถปิ วินิจฺฉเย โย โย เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ, ปุเร วุตฺโต เถรวาโท วา อฏฺกถาวาโท วา ปมาณนฺติ น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อิทํ วจนํ อฏฺาเน วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กถํ? ยํ ตาว วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตนฺติ. ตํ อิมสฺมึ อาปุจฺฉนอาโภคกรณวินิจฺฉเย อฺสฺส อยุตฺตสฺส อฏฺกถาวาทสฺส วา เถรวาทสฺส วา อภาวา วตฺตุํ น สกฺกา. น หิ ปุพฺพวากฺเย ‘‘ภิกฺขู เอวา’’ติ อวธารณํ กตํ, อถ โข อาสนฺนวเสน วา ปฏฺานวเสน วา ‘‘ภิกฺขู จีวรกมฺมํ’’อิจฺจาทิกํเยว วุตฺตํ. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ สพฺพตฺถปี’’ตฺยาทิ, ตมฺปิ อโนกาสํ. อิมสฺมึ วินิจฺฉเย ¶ อฺสฺส อฏฺกถาวาทสฺส วา อาจริยวาทสฺส วา อวจนโต ปุเร ปจฺฉาภาโว จ น ทิสฺสติ, อยํ ‘‘ปมาณ’’นฺติ คเหตพฺโพ, อยํ ‘‘น คเหตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพภาโว จ.
อุปริ ปน ‘‘โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตี’’ติ อิมสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน มหาปจฺจริวาโท จ กุรุนฺทิวาโท จ มหาอฏฺกถาวาโท จาติ ตโย อฏฺกถาวาทา อาคตา, เอโก มหาปทุมตฺเถรวาโท, ตสฺมา ตตฺเถว ยุตฺตายุตฺตภาโว จ ปมาณาปมาณภาโว จ คเหตพฺพาคเหตพฺพภาโว จ ทิสฺสติ, ตสฺมา ตสฺมึเยว าเน วตฺตพฺพํ สิยา, สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ปน อาจริยาสเภน อวตฺตพฺพฏฺาเน วุตฺตํ น สิยา, ตสฺมา อุปริ อฏฺกถาวาทสํสนฺทนาวสาเน มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตนฺติ อิมสฺส วจนสฺส ปจฺฉโต วุตฺตํ สิยา, ตํ ปจฺฉา เลขเกหิ ปริวตฺเตตฺวา ลิขิตํ ภเวยฺย, ปาราชิกกณฺฑฏฺกถายฺจ อิทํ วจนํ วุตฺตํ. ฏีกายฺจ อิมสฺมึ าเน น วุตฺตํ, อุปริเยว วุตฺตํ, ‘‘โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ อิมสฺส อฏฺกถาวาทสฺส ปจฺฉิมตฺตา โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘สพฺพตฺถ โย โย อฏฺกถาวาโท วา เถรวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสเยว ปมาณโต ทฏฺพฺโพ’’ติ, ตสฺมา อิทเมตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
๔. อิทานิ ทฺวารํ สํวรณสฺส อนฺตราเย สติ อสํวริตฺวาปิ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ทฺวารสฺส’’ตฺยาทิมาห. นิสฺเสณึ อาโรเปตฺวาติ อุปริมตลํ อาโรเปตฺวา วิสงฺขริตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา, ฉฑฺเฑตฺวา วา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. อิทํ เอกาพทฺธตาย วุตฺตํ. ทฺเวปิ ทฺวารานิ ชคฺคิตพฺพานีติ เอตฺถ สเจ เอกสฺมึ ทฺวาเร กวาฏํ วา นตฺถิ, เหฏฺา วุตฺตนเยน สํวริตุํ วา น สกฺกา ¶ , อิตรํ ทฺวารํ อสํวริตฺวา ¶ นิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ. ทฺวารปาลสฺสาติ ทฺวารโกฏฺเก มหาทฺวาเร, นิสฺเสณิมูเล วา ตฺวา ทฺวารชคฺคนกสฺส. ปจฺฉิมานํ ภาโรติ เอกาพทฺธวเสน อาคจฺฉนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. อสํวุตทฺวาเร อนฺโตคพฺเภ วาติ โยเชตพฺพํ. พหิ วาติ คพฺภโต พหิ. นิปชฺชนกาเลปิ…เป… วฏฺฏติเยวาติ เอตฺถ ทฺวารชคฺคนกสฺส ตทธีนตฺตา ตทา ตสฺส ตตฺถ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวํ อนุปธาเรตฺวาปิ อาโภคํ กาตุํ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ.
เยน เกนจิ ปริกฺขิตฺเตติ เอตฺถ ปริกฺเขปสฺส อุพฺเพธโต ปมาณํ สหเสยฺยปฺปโหนเก วุตฺตสทิสเมว. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑) ‘‘ยฺหิ เสนาสนํ อุปริ ปฺจหิ ฉทเนหิ อฺเน วา เกนจิ สพฺพเมว ปฏิจฺฉนฺนํ, อยํ สพฺพจฺฉนฺนา นาม เสยฺยา…เป… ยํ ปน เสนาสนํ ภูมิโต ปฏฺาย ยาว ฉทนํ อาหจฺจ ปากาเรน วา อฺเน วา เกนจิ อนฺตมโส วตฺเถนปิ ปริกฺขิตฺตํ, อยํ สพฺพปริจฺฉนฺนา นาม เสยฺยา. ฉทนํ อนาหจฺจ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพเธน ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตาปิ สพฺพปริจฺฉนฺนาเยวาติ กุรุนฺทฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพโธ วฑฺฒกิหตฺเถน คเหตพฺโพ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๑) วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) วุตฺตํ. มหาปริเวณนฺติ มหนฺตํ องฺคณํ. เตน พหุชนสฺจรณฏฺานํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘มหาโพธี’’ติอาทิ.
อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺาติ, อนาปตฺติ อนาปตฺติเขตฺตภูตาย รตฺติยา สุทฺธจิตฺเตน นิปนฺนตฺตา. ปพุชฺฌิตฺวา ปุน สุปติ, อาปตฺตีติ อรุเณ อุคฺคเต ปพุชฺฌิตฺวา อรุณุคฺคมนํ ตฺวา วา อตฺวา วา อนุฏฺหิตฺวา สยิตสนฺตาเนน สุปติ, อุฏฺหิตฺวา ¶ กตฺตพฺพสฺส ทฺวารสํวรณาทิโน อกตตฺตา อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ อนาปตฺติเขตฺเต กตนิปชฺชนกิริยาย อนงฺคตฺตา. อยฺหิ อาปตฺติ อีทิเส าเน อกิริยา, ทิวา ทฺวารํ อสํวริตฺวา นิปชฺชนกฺขเณ กิริยากิริยา จ อจิตฺตกา จาติ เวทิตพฺพา. ปุรารุณา ปพุชฺฌิตฺวาปิ ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตสฺสปิ ปุริมนเยน อาปตฺติเยว.
อรุเณ อุคฺคเต วุฏฺหิสฺสามีติ…เป… อาปตฺติเยวาติ เอตฺถ กทา อสฺส อาปตฺตีติ? วุจฺจเต – น ตาว รตฺติยํ, ‘‘ทิวา อาปชฺชติ, โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) วุตฺตตฺตา อนาทริยทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปน ทิวาสยนทุกฺกฏเมว น โหติ อนาทริยทุกฺกฏตฺตา ¶ เอว. ‘‘อรุณุคฺคมเน ปน อจิตฺตกํ อกิริยสมุฏฺานํ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ปาราชิก ๒.๗๗) ‘‘ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว อุฏฺหติ. ตสฺส อาปตฺตีติ อสุทฺธจิตฺเตเนว นิปนฺนตฺตา นิทฺทายนฺตสฺสปิ อรุเณ อุคฺคเต ทิวาปฏิสลฺลานมูลิกา อาปตฺติ. ‘เอวํ นิปชฺชนฺโต อนาทริยทุกฺกฏาปิ น มุจฺจตี’ติ วุตฺตตฺตา อสุทฺธจิตฺเตน นิปชฺชนฺโต อรุณุคฺคมนโต ปุเรตรํ อุฏฺหนฺโตปิ อนุฏฺหนฺโตปิ นิปชฺชนกาเลเยว อนาทริยทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ทิวาปฏิสลฺลานมูลิกํ ปน ทุกฺกฏํ อรุเณเยว อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ นิปชฺชนฺตสฺส ทฺเว ทุกฺกฏานิ อาปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
สเจ ทฺวารํ สํวริตฺวา อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺหิสฺสามีติ นิปชฺชติ, ทฺวาเร จ อฺเหิ อรุณุคฺคมนกาเล วิวเฏปิ ตสฺส อนาปตฺติเยว ทฺวารปิทหนสฺส รตฺติทิวาภาเคสุ วิเสสาภาวา. อาปตฺติอาปชฺชนสฺเสว กาลวิเสโส อิจฺฉิตพฺโพ, น ตปฺปริหารสฺสาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ทฺวารํ สํวริตฺวา รตฺตึ ¶ นิปชฺชตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๗) หิ วุตฺตํ. ทิวา สํวริตฺวา นิปนฺนสฺส เกนจิ วิวเฏปิ ทฺวาเร อนาปตฺติเยว, อตฺตนาปิ อนุฏฺหิตฺวาว สติ ปจฺจเย วิวเฏปิ อนาปตฺตีติ วทนฺติ, อิทมฺปิ วิมติวิโนทนิยเมว (วิ. วิ. ฏี. ๑.๗๗) วุตฺตํ.
ยถาปริจฺเฉทเมว วุฏฺาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว วุฏฺาติ, อาปตฺติเยวาติ มูลาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาทริยอาปตฺติ ปน ปุรารุณา อุฏฺิตสฺสปิ ตสฺส โหเตว ‘‘ทุกฺกฏา น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา. ทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ จ ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา มูลาปตฺติยา มุตฺโตปิ อนาทริยทุกฺกฏา น มุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
๕. นิทฺทาวเสน นิปชฺชตีติ นิทฺทาภิภูตตาย เอกปสฺเสน นิปชฺชติ. ‘‘นิทฺทาวเสน นิปชฺชตี’’ติ โวหารวเสน วุตฺตํ, ปาทานํ ปน ภูมิโต อโมจิตตฺตา อยํ นิปนฺโน นาม โหตีติ เตเนว อนาปตฺติ วุตฺตา. อปสฺสาย สุปนฺตสฺสาติ กฏิฏฺิโต อุทฺธํ ปิฏฺิกณฺฏเก อปฺปมตฺตกํ ปเทสํ ภูมึ อผุสาเปตฺวา สุปนฺตสฺส. กฏิฏฺึ ปน ภูมึ ผุสาเปนฺตสฺส สยนํ นาม น โหติ. ปิฏฺิปสารณลกฺขณา หิ เสยฺยา ทีฆา, วนฺทนาทีสุปิ ติริยํ ปิฏฺิกณฺฏกานํ ¶ ปสาริตตฺตา นิปชฺชนเมวาติ อาปตฺติ ปริหริตพฺพาว. วนฺทนาปิ หิ ปาทมูเล นิปชฺชตีติอาทีสุ นิปชฺชนเมว วุตฺตา. สหสา วุฏฺาตีติ ปกฺขลิตา ปติโต วิย สหสา วุฏฺาติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติ ปตนกฺขเณ อวิสยตฺตา, วิสเย ชาเต สหสา วุฏฺิตตฺตา จ. ยสฺส ปน วิสฺิตาย ปจฺฉาปิ อวิสโย เอว, ตสฺส อนาปตฺติเยว ปตนกฺขเณ วิย. ตตฺเถว สยติ, น วุฏฺาตีติ อิมินา วิสเยปิ อกรณํ ทสฺเสติ, เตเนว ตสฺส อาปตฺตีติ วุตฺตํ.
อิทานิ ¶ อฏฺกถาวาทสํสนฺทนํ กาตุํ ‘‘โก มุจฺจติ, โก น มุจฺจตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มหาปจฺจริยนฺติอาทีสุ ปจฺจรีติ อุฬุมฺปํ วุจฺจติ, ตสฺมึ นิสีทิตฺวา กตตฺตา ตเมว นามํ ชาตํ. กุรุนฺทิวลฺลิวิหาโร นาม อตฺถิ, ตตฺถ กตตฺตา กุรุนฺทีติ นามํ ชาตํ. มหาอฏฺกถา นาม สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา เตปิฏกสฺส พุทฺธวจนสฺส อฏฺกถา. ยา มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภตา, ตมฺพปณฺณิเยหิ เถเรหิ ปจฺฉา สีหฬภาสาย อภิสงฺขตา จ โหติ. เอกภงฺเคนาติ เอกปสฺสภฺชเนน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวา เอกปสฺเสน สรีรํ ภฺชิตฺวา นิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. มหาอฏฺกถายํ ปน มหาปทุมตฺเถเรน วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เตน มหาอฏฺกถาย ลิขิตมหาปทุมตฺเถรวาเท ‘‘อย’’นฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มุจฺฉิตฺวา ปติตตฺตา อวิสยตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ เถเรน วุตฺตํ. อาจริยา ปน ยถา ยกฺขคหิตโก พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต จ ปรวโส โหติ, เอวํ อปรวสตฺตา มุจฺฉิตฺวา ปติโต กฺจิกาลํ ชานิตฺวา นิปชฺชตีติ อนาปตฺตึ น วทนฺติ, วิสฺิเต ปน สติ อนาปตฺติเยว.
ทฺเว ชนาติอาทิ มหาอฏฺกถายเมว วจนํ, ตเทว ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํ. ยกฺขคหิตคฺคหเณเนว เจตฺถ วิสฺิภูโตปิ สงฺคหิโต, เอกภงฺเคน นิปนฺโน ปน อนิปนฺนตฺตา อาปตฺติโต มุจฺจติเยวาติ คเหตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยฺจ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๗๗) ‘‘โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโต’’ติ อิมสฺส อฏฺกถาวาทสฺส ปจฺฉิมตฺตา โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ, ตถา จ วกฺขติ ‘‘สพฺพตฺถ โย โย อฏฺกถาวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ, โส โสเยว ปมาณโต คเหตพฺโพ’’ติ. อิมสฺมึ าเน อิมสฺส อฏฺกถาปาสฺส อานีตตฺตา อิมสฺมึ วินยสงฺคหปฺปกรเณปิ ¶ อิมสฺมึเยว าเน โส ปาโ วตฺตพฺโพติ โน ขนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘รตฺตึ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อรุเณ อุคฺคเต อุฏฺาติ, อนาปตฺตี’’ติอาทิวจนโต อรุณุคฺคมเน สํสยวิโนทนตฺถํ อรุณกถา วตฺตพฺพา. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
‘‘โก ¶ เอส อรุโณ นาม;
เกน โส อรุโณ ภเว;
กีทิโส ตสฺส วณฺณา ตุ;
สณฺานํ กีทิสํ ภเว.
‘‘กิสฺมึ กาเล จ เทเส จ, อรุโณ สมุคจฺฉติ;
กึ ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอโส, อุทาหุ อนุมานโต’’ติ.
ตตฺถ โก เอส อรุโณ นามาติ เอตฺถ เอส อรุโณ นาม สูริยสฺส ปภาวิเสโส. วุตฺตฺเหตํ อภิธานปฺปทีปิกายํ –
‘‘สูรสฺโสทยโต ปุพฺพุฏฺิตรํสิ สิยารุโณ’’ติ;
ตฏฺฏีกายฺจ ‘‘สูรสฺส อุทยโต ปุพฺเพ อุฏฺิตรํสิ อรุโณ นาม สิยา’’ติ. วิมติวิโนทนีนามิกายํ วินยฏีกายฺจ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ‘‘อรุโณติ เจตฺถ สูริยุคฺคมนสฺส ปุเรจโร วฑฺฒนฆนรตฺโต ปภาวิเสโสติ ทฏฺพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สูริยปฺปภาเยว อรุโณ นาม, น อฺโติ ทฏฺพฺพํ. เกน โส อรุโณ ภเวติ เอตฺถ อรุโณ วณฺโณ อสฺสาติ อรุโณ, กิฺจิรตฺตวณฺณสมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อถ วา อรติ คจฺฉติ รตฺตวณฺณภาเวน ปวตฺตตีติ อรุโณ. วุตฺตฺเหตํ อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ ‘‘อรุณวณฺณตาย อรติ คจฺฉตีติ อรุโณ’’ติ. กีทิโส ตสฺส วณฺโณติ เอตฺถ อพฺยตฺตรตฺตวณฺโณ ตสฺส วณฺโณ ภเว. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ ‘‘อรุโณ กิฺจิรตฺโตถา’’ติ. ตฏฺฏีกายฺจ ¶ ‘‘กิฺจิรตฺโต อพฺยตฺตรตฺตวณฺโณ อรุโณ นาม ยถา มจฺฉสฺส อกฺขี’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๓) ‘‘วฑฺฒนฆนรตฺโต ปภาวิเสโส’’ติ, ตสฺมา สูริยสฺส รตฺตปฺปภาเยว อรุโณ นาม, น เสตปฺปภาทโยติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกวณฺณนาย วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๘๓) ‘‘ปาฬิยํ ปน นนฺทิมุขิยาติ โอทาตทิสามุขตาย ตุฏฺมุขิยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถํ ยุชฺเชยฺยาติ, โน น ยุชฺเชยฺย. ตตฺถ หิ อรุณุคฺคตกาเล อรุโณภาเสน โอทาตทิสามุขภาโว วุตฺโต, น อรุโณภาสสฺส โอทาตภาโว. วุตฺตฺเหตํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๒๓) ‘‘นนฺทิมุขิยาติ อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา ¶ เอว อรุโณภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา ชาตาย วิภายมานายาติ อตฺโถ’’ติ.
ชาตกฏฺกถายฺจ –
‘‘ชิฆฺรตฺตึ อรุณสฺมิมุหเต;
ยา ทิสฺสติ อุตฺตมรูปวณฺณินี;
ตถูปมา มํ ปฏิภาสิ เทวเต;
อาจิกฺข เม ตํ กตมาสิ อจฺฉรา’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๔);
อิมสฺส คาถาย อตฺถวณฺณนายํ ‘‘ตตฺถ ชิฆฺรตฺตินฺติ ปจฺฉิมรตฺตึ, รตฺติปริโยสาเนติ อตฺโถ. อุหเตติ อรุเณ อุคฺคเต. ยาติ ยา ปุรตฺถิมา ทิสา รตฺตวณฺณตาย อุตฺตมรูปธรา หุตฺวา ทิสฺสตี’’ติ. เอวํ อรุณุคฺคตสมเย ปุรตฺถิมทิสาย รตฺตวณฺณตา วุตฺตา, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย อรุณสฺส อุฏฺิตตฺตา ปุรตฺถิมาย ทิสาย รตฺตภาโค สูริยาโลกสฺส ปตฺถฏตฺตา เสสทิสานํ โอทาตภาโว วิฺายติ.
สณฺานํ ¶ กีทิสํ ภเวติ เอตฺถ อรุณสฺส ปาเฏกฺกํ สณฺานํ นาม นตฺถิ รสฺมิมตฺตตฺตา. ยตฺตกํ ปเทสํ ผรติ, ตตฺตกํ ตสฺส สณฺานนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปุรตฺถิมทิสาสณฺานํ. วุตฺตฺหิ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) ‘‘ปุรตฺถิมทิสา รตฺตวณฺณตาย อุตฺตมรูปธรา หุตฺวา ทิสฺสตี’’ติ.
กิสฺมึ กาเล จ เทเส จ, อรุโณ สมุคจฺฉตีติ เอตฺถ เอส อรุโณ สูริยุคฺคมนสฺส ปุเร กาเล ปุรตฺถิมทิสายํ อุคฺคจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๒๓) ‘‘อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ, อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสายํ สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส’’ติ. อภิธานปฺปทีปิกายฺจ ‘‘สูรสฺโสทยโต ปุพฺพุฏฺิตรํสี’’ติ.
กึ ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอโส, อุทาหุ อนุมานโตติ เอตฺถ อยํ อรุโณ นาม ปจฺจกฺขสิทฺโธ เอว ¶ , น อนุมานสิทฺโธ. กสฺมา วิฺายตีติ เจ? จกฺขุวิฺาณโคจรวณฺณายตนภาวโต. อกฺขสฺส ปตีติ ปจฺจกฺขํ, จกฺขุรูปานํ อภิมุขภาเวน อาปาถคตตฺตา จกฺขุวิฺาณํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๔, ๔๕, สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗), ตสฺมา อยํ อรุณวณฺโณ จกฺขุนา ทิสฺวา ชานิตพฺพโต ปจฺจกฺขสิทฺโธเยว โหติ, น เอวํ สติ เอวํ ภเวยฺยาติ อนุมาเนน ปุนปฺปุนํ จินฺตเนน สิทฺโธติ. อิมํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ สาธุกํ มนสิ กริตฺวา ปณฺฑิเตหิ รตฺโตภาโสเยว อรุโณติ ปจฺเจตพฺโพ สลฺลกฺเขตพฺโพติ.
กสฺมา ปน อิมสฺมึ าเน อรุณกถา วุตฺตาติ? อิมิสฺสา อรุณกถาย มหาวิสยภาวโต. กถํ? อุโปสถิกา อุปาสกา จ อุปาสิกาโย จ อรุณุคฺคมนํ ตถโต ¶ อชานนฺตา อนุคฺคเตเยว อรุเณ อุคฺคตสฺาย ขาทนียํ วา ขาทนฺติ, โภชนียํ วา ภฺุชนฺติ, มาลาคนฺธาทีนิ วา ธาเรนฺติ, ตโต เตสํ สีลํ ภิชฺชติ. สามเณรา ตเถว วิกาลโภชนํ ภฺุชิตฺวา สีลวินาสํ ปาปุณนฺติ. นิสฺสยปฏิปนฺนกา ภิกฺขู อาจริยุปชฺฌาเยหิ วินา พหิสีเม จรนฺตา นิสฺสยปฺปสฺสมฺภนํ ปาปุณนฺติ, อนฺโตวสฺเส ภิกฺขู อุปจารสีมโต พหิคจฺฉนฺตา วสฺสจฺเฉทํ, เตจีวริกา ภิกฺขู อพทฺธสีมายํ จีวเรน วิปฺปวสนฺตา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยํ, ตถา สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, สหเสยฺยปฺปโหนกฏฺาเน อนุปสมฺปนฺนมาตุคาเมหิ สห สยนฺตา ปาจิตฺติยํ, ตถา ยาวกาลิกํ ภฺุชนฺตา ภิกฺขู, ปาริวาสิกาทโย วตฺตํ นิกฺขิปนฺตา รตฺติจฺเฉทํ. เอวมาทิอเนกาทีนวสมฺภวโต ลชฺชิเปสลานํ ภิกฺขูนํ ตถโต อรุณุคฺคมนสฺส ชานนตฺถํ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
เกจิ ปน ภิกฺขู อฑฺฒรตฺติสมเย ฆฏิสฺุตฺตา อฑฺฒรตฺติกาลํ อติกฺกมฺม อฺทิวโส โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ กาเล อรุณํ อุฏฺิตํ นาม โหตีติ มฺมานา อฑฺฒรตฺตึ อติกฺกมฺม ขาทนียโภชนียาทีนิ ภฺุชนฺติ, เต ปน พุทฺธสมยํ อชานนฺตา เวทสมยเมว มนสิ กโรนฺตา เอวํ กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ ตํกรณํ ปมาณํ น โหติ. พหโว ปน ภิกฺขู อรุณสฺส ปจฺจกฺขภาวํ อชานนฺตา อนุมานวเสน จินฺติตฺุจ อสกฺโกนฺตา อนุสฺสววเสเนว ปรวจนํ สทฺทหนฺตา อมฺหากํ อาจริยา อรุณุคฺคมนเวลายํ อุฏฺาย คจฺฉนฺตา สูริยุคฺคมนเวลายํ ทฺวิสหสฺสทณฺฑปฺปมาณํ านํ ปาปุณนฺติ, ติสหสฺสทณฺฑปฺปมาณํ านํ ปาปุณนฺตีติ ¶ จ วทนฺติ. อิมมฺหา วิหารา อสุกํ นาม วิหารํ อสุกํ นาม เจติยํ อสุกํ นาม คามํ ปาปุณนฺตีติอาทีนิ จ วทนฺตีติ เอวํ อนุสฺสววจนํ วทนฺติ, ตมฺปิ อปฺปมาณํ. กสฺมา? อทฺธานํ นาม พลวนฺตสฺส ชวสมฺปนฺนสฺส จ รสฺสํ โหติ, ทุพฺพลสฺส สนฺตสฺส จ ทีฆํ โหติ. วุตฺตฺหิ ภควตา –
‘‘ทีฆา ¶ ชาครโต รตฺติ, ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ;
ทีโฆ พาลาน สํสาโร, สทฺธมฺมํ อวิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๐);
ตสฺมา อทฺธานํ นาม สพฺเพสํ เอกสทิสํ น โหตีติ อรุณุคฺคมนสฺส ลกฺขณํ ภวิตุํ น สกฺกา, น จ เต อายสฺมนฺโต ปิฏกตฺตยโต กิฺจิ สาธกภูตํ วจนํ อาหรนฺติ, อสกฺขิกํ อฑฺฑํ กโรนฺติ วิย ยถาชฺฌาสยเมว วทนฺตีติ ปมาณํ น โหติ.
อฺเ ปน –
‘‘อตีตรตฺติยา ยาโม;
ปจฺฉิโมฑฺฒมมุสฺส วา;
ภาวินิยาทิปฺปหาโร;
ตทฑฺฒํ วาชฺชเตหฺย โหติ –
กจฺจายนสารปฺปกรณาคตํ คาถํ วตฺวา อตีตรตฺติยา ปจฺฉิโม ยาโม อชฺช ปริยาปนฺโน, ตสฺมา ปจฺฉิมยามสฺส อาทิโต ปฏฺาย อรุณํ อุคฺคจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. อยํ วาโท สการณสฺาปกตฺตา ปุริเมหิ พลวา โหติ, เอวํ สนฺเตปิ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? อยฺหิ คาถา พาหิรสทฺทสตฺเถ ชงฺคทาสปฺปกรเณ วุตฺตนเยน อชฺช ภวา อชฺชตนีติ วุตฺตอชฺชโวหารสฺส ปวตฺตนกาลํ ทสฺเสตุํ วุตฺตา, น ปิฏกตฺตเย วุตฺตสฺส อรุณุคฺคมนสฺส กาลํ ทสฺเสตุํ, ตสฺมา อฺสาธฺยสฺส อฺสาธเกน สาธิตตฺตา อยุตฺโตเยว.
อปเร ปน ‘‘ปหาโร ยามสฺิโต’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ วุตฺตตฺตา ปหารยามสทฺทานํ เอกตฺถตฺตา ตตฺเถว ‘‘ติยามา สํวรี ภเว’’ติ วุตฺตตฺตา รตฺติยา จ ติยามภาวโต ปาฬิยฺจ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ‘‘อภิกฺกนฺตา ¶ , ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ’’ติ อาคตตฺตา อิทานิ ¶ รตฺติยา จตูสุ ปหาเรสุ ตติยปฺปหารสฺส อวสาเน อรุโณ อุคฺคโต, ตสฺมา อวเสสเอกปฺปหารมตฺโต กาโล ทิวสภาคํ ภชตีติ วเทยฺยุํ, อยํ วาโท ตติยวาทโตปิ พลวตโร. กสฺมา? าปกาปฺยานํ อนุรูปภาวโต. ตถา หิ ‘‘ปหาโร ยามสฺิโต’’ติ อยํ าปโก ปหารยามานํ เอกตฺถภาวสฺส อนุรูโป, ‘‘ติยามา สํวรีภเว’’ติ อยํ รตฺติยา ติยามภาวสฺส, ‘‘ปาฬิยฺจา’’ติอาทิ ตติยปฺปหารสฺส อวสาเน อรุณุคฺคมนสฺส, ตถาปิ อยุตฺโตเยว โหติ. กสฺมา? ‘‘อวเสสเอกปฺปหารมตฺโต กาโล ทิวสภาคํ ภชตี’’ติ วจนสฺส วิรุทฺธตฺตา. มชฺฌิมเทเส หิ ทสฆฏิกาปมาณสฺส กาลสฺส เอกปฺปหารตฺตา สพฺพา รตฺติ ติยามาว โหติ, น จตุยามา, อิทานิ ปน ปจฺจนฺตวิสเยสุ สตฺตฏฺฆฏิกามตฺตสฺส กาลสฺส เอกปฺปหารกตตฺตา จตุปฺปหารา ภวติ, ตสฺมา มชฺฌิมเทสโวหารํ คเหตฺวา อภิธานปฺปทีปิกายฺจ ‘‘ติยามา สํวรี ภเว’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิยฺจ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ‘‘นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ’’ติ, ตสฺมา รตฺติปริโยสาเนเยว อรุโณ อุคฺคโตติ ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๐๑) ‘‘ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต, อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพนฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ.
สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ (ปาจิ. ๕๒-๕๔) ‘‘อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคมนวเสน อรุณุคฺคมนํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสนาติ. ชาตกฏฺกถายมฺปิ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) ‘‘รตฺติปริโยสาเนติ อตฺโถ’’ติ. น เกวลํ มชฺฌิมเทเสสุ รตฺติยาเยว ติปฺปหารภาโว โหติ ¶ , อถ โข ทิวสสฺสปิ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิธมฺมเทสนาปริโยสานฺจ เตสํ ภิกฺขูนํ สตฺตปฺปกรณอุคฺคหณฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหตี’’ติ, มูลฏีกายฺจ (ธ. ส. มูลฏี. นิทานกถาวณฺณนา) ‘‘เอกปฺปหาเรนาติ เอตฺถ ปหาโรติ ทิวสสฺส ตติยภาโค วุจฺจตี’’ติ, ตสฺมา เอโก รตฺติทิโว ฉปฺปหาโร โหตีติ วิฺายติ. เอวํ มชฺฌิมเทสโวหาเรน ติยามสงฺขาตสฺส ติปฺปหารสฺส อวสาเน สพฺพรตฺติปริโยสาเน อุฏฺิตํ อรุณํ ปจฺจนฺตเทสโวหาเรน ติปฺปหารสฺส อวสาเนติ คเหตฺวา เอกปฺปหาราวเสสกาเล อรุโณ อุคฺคโตติ วุตฺตตฺตา อยมฺปิ วาโท อยุตฺโตเยว โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
พหโว ¶ ปน ปณฺฑิตา ‘‘ขุทฺทสิกฺขานิสฺสเย วุตฺตํ –
‘เสตรุณฺจ ปมํ, ทุติยํ นนฺทิยาวฏฺฏํ;
ตติยํ ตมฺพวณฺณฺจ, จตุตฺถํ คทฺรภํ มุข’นฺติ. –
อิมํ คาถํ นิสฺสาย เอกรตฺติยํ อรุโณ จตุกฺขตฺตุํ อุฏฺหติ, ตตฺถ ปมํ เสตวณฺณํ โหติ, ทุติยํ นนฺทิยาวฏฺฏปุปฺผวณฺณํ โหติ, ตติยํ ตมฺพวณฺณํ โหติ, จตุตฺถํ คทฺรภมุขวณฺณํ โหตี’’ติ วตฺวา รตฺโตภาสโต ปุเรตรํ อตีตรตฺติกาเลเยว วตฺตนิกฺขิปนาทิกมฺมํ กโรนฺติ. เตสํ ตํ กรณํ อนิสมฺมการิตํ อาปชฺชติ. อยฺหิ คาถา เนว ปาฬิยํ ทิสฺสติ, น อฏฺกถายํ, น ฏีกาสุ, เกวลํ นิสฺสเย เอว, นิสฺสเยสุ จ เอกสฺมึเยว ขุทฺทสิกฺขานิสฺสเย ทิสฺสติ, น อฺนิสฺสเยสุ, ตตฺถาปิ เนว ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ ทิสฺสติ, น เหตุผลาทิภาโว, น จ ลิงฺคนิยโมติ น นิสฺสยการาจริเยน ปิตา ภเวยฺย, อถ โข ปจฺฉา อฺเหิ เลขเกหิ วา อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ ลิขิตา ภเวยฺย, ตสฺมา อยํ คาถา กุโต อาภตา ปาฬิโต วา อฏฺกถาโต ¶ วา ฏีกาโต วา วินยโต วา สุตฺตนฺตโต วา อภิธมฺมโต วาติ ปภวํ อปริเยสิตฺวา นิสฺสเย ทิฏฺมตฺตเมว สารโต คเหตฺวา ปาฬิยฏฺกถาฏีกาสุ วุตฺตวจนํ อนิสาเมตฺวา กตตฺตา อนิสมฺมการิตํ อาปชฺชติ.
ตตฺรายํ ปาฬิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา สีตาสุ เหมนฺติกาสุ รตฺตีสุ อนฺตรฏฺกาสุ หิมปาตสมเย รตฺตึ อชฺโฌกาเส เอกจีวโร นิสีทิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, ทุติยํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต มชฺฌิเม ยาเม สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, ตติยํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสิ. นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา สีตํ ภควนฺตํ อโหสิ, จตุตฺถํ ภควา จีวรํ ปารุปิ, น ภควนฺตํ สีตํ อโหสี’’ติ. อยํ มหาวคฺเค (มหาว. ๓๔๖) จีวรกฺขนฺธกาคตา วินยปาฬิ. ปาฬิยํ นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา, ปสนฺนทิสามุขายาติ อตฺโถ. อยํ ตํสํวณฺณนาย วิมติวิโนทนีปาโ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔๖).
‘‘เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท ¶ . เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. เอวํ วุตฺเต ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต มชฺฌิเม ยาเม อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต มชฺฌิโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. ทุติยมฺปิ ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺตํ อรุณํ, นนฺทิมุขี รตฺติ, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ ภนฺเต ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๓). อยํ จูฬวคฺเค ปาติโมกฺขฏฺปนกฺขนฺธกาคตา อปราปิ วินยปาฬิ.
นนฺทิมุขิยา รตฺติยาติ อรุณุฏฺิตกาเล ปีติมุขา วิย รตฺติ ขายติ. เตนาห ‘‘นนฺทิมุขิยา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๘๓) อยํ ตํสํวณฺณนาภูตสมนฺตปาสาทิกฏฺกถาปาโ. อภิกฺกนฺตาติ ปริกฺขีณา. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺิมุขิยา. อยํ ตํสํวณฺณนาภูตสารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๓). ปาฬิยํ นนฺทิมุขิยาติ โอทาตทิสามุขิตาย ตุฏฺมุขิยา. อยํ ตํสํวณฺณนาย (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๘๓) วิมติวิโนทนีปาโ.
‘‘ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท อภิกฺกนฺตายรตฺติยา นิกฺขนฺเต ปจฺฉิเม ยาเม อุทฺธสฺเต อรุเณ นนฺทิมุขิยา รตฺติยา อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปจฺฉิโม ยาโม, อุทฺธสฺโต อรุโณ, นนฺทิมุขี รตฺติ, จิรนิสินฺนา อาคนฺตุกา ภิกฺขู, ปฏิสมฺโมทตุ, ภนฺเต, ภควา ¶ อาคนฺตุเก ภิกฺขู’’ติ. อยํ อุทานาคตา สุตฺตนฺตปาฬิ (อุทา. ๔๕). อุทฺธสฺเต ¶ อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ. อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสายํ สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส. นนฺทิมุขิยา รตฺติยาติ อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุโณภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา ชาตาย, วิภายมานายาติ อตฺโถ. อยํ ตํสํวณฺณนาภูตา อุทานฏฺกถา (อุทา. อฏฺ. ๒๓).
อิติ เอตฺตกาสุ วินยสุตฺตนฺตาคตาสุ ปาฬิยฏฺกถาฏีกาสุ เอกสฺมิมฺปิาเน อรุโณ จตุกฺขตฺตุํ อุคฺคโตติ นตฺถิ, เอกวารเมว วุตฺโต. จตุพฺพิธวณฺณสมนฺนาคโตติปิ นตฺถิ, เอกวณฺโณ เอว วุตฺโต. ชาตกฏฺกถายมฺปิ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๒๕๕) รตฺตวณฺโณ เอว วุตฺโต, น เสตวณฺณาทิโก. นนฺทิมุขีติ จ สตฺเต นนฺทาปนทิสามุขี รตฺติ เอว วุตฺตา, น อรุณสฺส นนฺทิยาวฏฺฏปุปฺผสทิสวณฺณตา. เตนาห ‘‘สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา รตฺติยา’’ติ. เอวํ อภิธานปฺปทีปิกาปกรณวจเนน วิรุทฺธตฺตา ปาฬิยฏฺกถาทีหิ อสํสนฺทนโต ทุพฺพลสาธกตฺตา จ อยมฺปิ วาโท อยุตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาณํ อนติกฺกนฺเตน ลชฺชิภิกฺขุนา ยทิ เกนจิ อปฺปฏิจฺฉนฺเน วิวโฏกาเส โหติ, มจฺฉกฺขิสมานอพฺยตฺตรตฺโตภาสสฺส ปฺายมานกาลโต ปฏฺาย วตฺตนิกฺขิปนาทิกมฺมํ กาตพฺพํ.
ยทิ ปน ปพฺพตาทินา ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ โหติ, ยตฺตเกน กาเลน วิวฏฏฺาเน รตฺโตภาโส ปฺายติ, สูริยมณฺฑลสฺส ทิสฺสนกาลโต เอกฆฏิกามตฺเตน วา ทฺวิฆฏิกามตฺเตน วา ตตฺตกํ กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมสฺมึ กาเล อรุโณ อุคฺคโต ภเวยฺยาติ ตกฺเกตฺวา กาตพฺพํ, สํสยํ อนิจฺฉนฺเตน ตโตปิ กฺจิกาลํ อธิวาเสตฺวา นิสฺสํสยกาเล กตฺตพฺพํ, อยํ ตตฺถ ¶ สามีจิ. อยํ ปน วาโท ยถาวุตฺตปฺปกรณวจเนหิ สุฏฺุ สํสนฺทติ ยถา คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ, ตสฺมา ปณฺฑิเตหิ ปุนปฺปุนํ ปุพฺพาปรํ อาโลเฬนฺเตน มนสิ กาตพฺโพ. เอวํ มนสิ กริตฺวา อรุณปฏิสํยุตฺเตสุ าเนสุ สํสโย ฉินฺทิตพฺโพ, สํสยํ ฉินฺทิตฺวา วิสารเทน หุตฺวา ตํ ตํ กมฺมํ กาตพฺพนฺติ.
วิสุทฺธตฺถาย สีลสฺส, ภิกฺขูนํ ปิยสีลินํ;
กตารุณกถา เอสา, น สารมฺภาทิการณา.
ตสฺมา ¶ สุฏฺูปธาเรตฺวา, ยุตฺตํ คณฺหนฺตุ สาธโว;
อยุตฺตฺเจ ฉฑฺฑยนฺตุ, มา โหนฺตุ ทุมฺมนาทโยติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ปโม ปริจฺเฉโท.
๒. ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา
๖. เอวํ ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปริกฺขารวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปริกฺขาโรติ สมณปริกฺขาโร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทิวาเสยฺยวินิจฺฉยกถาย อาทิมฺหิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ตตฺถ เตสุ มาติกาปเทสุ สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ปริกฺขาโร’’ติ ปทสฺส ‘‘สมณปริกฺขาโร’’ติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา, เอส นโย อิโต ปเรปิ. สมณปริกฺขาโร วุตฺโต, น คิหิปริกฺขาโรติ อธิปฺปาโย. ปริสมนฺตโต กริยเตติ ปริกฺขาโร, ฉตฺตาทิโก. ตตฺราติ สมณปริกฺขาเร. กปฺปตีติ กปฺปิโย, น กปฺปิโย อกปฺปิโย, กปฺปิโย จ อกปฺปิโย จ กปฺปิยากปฺปิโย, สมาหารทฺวนฺเทปิ ปุลฺลิงฺคมิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา. กปฺปิยากปฺปิโย ¶ จ โส ปริกฺขาโร เจติ ตถา, ตสฺส วินิจฺฉโย กปฺปิยากปฺปิยปริกฺขารวินิจฺฉโย.
เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตนฺติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. สพฺพมฺปิ หิ ฉตฺตํ ตถากริยมานํ น วฏฺฏติ. เตเนวาห วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๘๕) ‘‘สพฺพปริกฺขาเรสุ วณฺณมฏฺวิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ ทีเปนฺเตน น วฏฺฏตีติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. น วณฺณมฏฺตฺถายาติ อิมินา ถิรกรณตฺถํ เอกวณฺณสุตฺเตน วินนฺธิยมานํ ยทิ วณฺณมฏฺํ โหติ, ตตฺถ น โทโสติ ทสฺเสติ. อารคฺเคนาติ นิขาทนมุเขน. ยทิ น วฏฺฏติ, ตาทิสํ ฉตฺตทณฺฑํ ลภิตฺวา กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ฆฏกํ วา’’ติอาทิ. สุตฺตเกน วา ทณฺโฑ เวเตพฺโพติ ยถา เลขา น ปฺายติ, ตถา เวเตพฺโพ. ทณฺฑพุนฺเทติ ทณฺฑมูเล, ฉตฺตทณฺฑสฺส เหฏฺิมโกฏิยนฺติ อตฺโถ. ฉตฺตมณฺฑลิกนฺติ ฉตฺตสฺส อนฺโต ขุทฺทกมณฺฑลํ, ฉตฺตปฺชเร มณฺฑลากาเรน พทฺธทณฺฑวลยํ ¶ วา. อุกฺกิริตฺวาติ นินฺนํ, อุนฺนตํ วา กตฺวา อุฏฺาเปตฺวา. สา วฏฺฏตีติ สา เลขา รชฺชุเกหิ พนฺธนฺตุ วา มา วา, พนฺธิตุํ ยุตฺตฏฺานตฺตา วฏฺฏติ. เตน วุตฺตํ อาจริยพุทฺธทตฺตมหาเถเรน –
‘‘ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิฺจิ, พหิ อนฺโต จ สพฺพโส;
ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน, สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏติ.
‘‘ฉินฺทิตุํ อฑฺฒจนฺทํ วา, ปณฺเณ มกรทนฺตกํ;
ฆฏกํ วาฬรูปํ วา, เลขา ทณฺเฑ น วฏฺฏติ.
‘‘สิพฺพิตุํ เอกวณฺเณน, ฉตฺตํ สุตฺเตน วฏฺฏติ;
ถิรตฺถํ ปฺจวณฺเณน, ปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ.
‘‘ฆฏกํ วาฬรูปํ วา, เลขา วา ปน เกวลา;
ฉินฺทิตฺวา วาปิ ฆํสิตฺวา, ธาเรตุํ ปน วฏฺฏติ.
‘‘อหิจฺฉตฺตกสณฺานํ ¶ , ทณฺฑพุนฺทมฺหิ วฏฺฏติ;
อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา, พนฺธนตฺถาย วฏฺฏตี’’ติ.
ตสฺส วณฺณนายมฺปิ ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิฺจีติ ตาลปณฺณาทิปณฺณจฺฉทนํ ยํ กิฺจิ ฉตฺตํ. พหีติ อุปริ. อนฺโตติ เหฏฺา. สิพฺพิตุนฺติ รูปํ ทสฺเสตฺวา สูจิกมฺมํ กาตุํ. ปณฺเณติ ฉทนปณฺเณ. อฑฺฒจนฺทนฺติ อฑฺฒจนฺทาการํ. มกรทนฺตกนฺติ มกรทนฺตาการํ, ยํ ‘‘คิริกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. ฉินฺทิตุํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. มุขวฏฺฏิยา นาเมตฺวา พทฺธปณฺณโกฏิยา วา มตฺถกมณฺฑลโกฏิยา วา คิริกูฏาทึ กโรนฺติ, อิมินา ตํ ปฏิกฺขิตฺตํ. ทณฺเฑติ ฉตฺตทณฺเฑ. ฆฏกนฺติ ฆฏากาโร. วาฬรูปํ วาติ พฺยคฺฆาทิวาฬานํ รูปกํ วา. เลขาติ อุกฺกิริตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา จิตฺตกมฺมวเสน วา กตราชิ. ปฺจวณฺณานํ สุตฺตานํ อนฺตเร นีลาทิเอกวณฺเณน สุตฺเตน ถิรตฺถํ ฉตฺตํ อนฺโต จ พหิ จ สิพฺพิตุํ วา ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกสลากปฺชรํ ถิรตฺถํ วินนฺธิตุํ วา วฏฺฏตีติ โยชนา. ปฺจวณฺณานํ เอกวณฺเณน ถิรตฺถนฺติ อิมินา อเนกวณฺเณหิ สุตฺเตหิ ¶ วณฺณมฏฺตฺถาย สิพฺพิตฺุจ วินนฺธิตฺุจ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ปฺจวณฺเณนา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตสฺส เอกวณฺเณน ปฺจวณฺเณน วา สุตฺเตน ถิรตฺถํ สิพฺพิตุํ วินนฺธิตุํ วา วฏฺฏตีติ โยชนา กาตพฺพา โหติ.
เอตฺถ จ เหฏฺา วุตฺเตน ‘‘ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏตี’’ติ ปาเน จ ‘‘เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อนฺโต วา พหิ วา ปฺจวณฺเณน สุตฺเตน สิพฺเพตฺวา วณฺณมฏฺํ กโรนฺติ, ตํ น วฏฺฏติ, เอกวณฺเณ ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุตฺเตน อนฺโต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ, ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฏฺฏติ, ตฺจ โข ถิรกรณตฺถํ, น วณฺณมฏฺตฺถายา’’ติ อฏฺกถาปาเน จ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา โส น คเหตพฺโพ.
เลขา ¶ วา ปน เกวลาติ ยถาวุตฺตปฺปการา สกลา เลขา วา. ฉินฺทิตฺวาติ อุกฺกิริตฺวา กตํ ฉินฺทิตฺวา. ฆํสิตฺวาติ จิตฺตกมฺมาทิวเสน กตํ ฆํสิตฺวา. ทณฺฑพุนฺทมฺหีติ ฉตฺตทณฺฑสฺส ปฺชเร คาหณตฺถาย ผาลิตพุนฺทมฺหิ, มูเลติ อตฺโถ. อยเมตฺถ นิสฺสนฺเทเห วุตฺตนโย. ขุทฺทสิกฺขาคณฺิปเท ปน ‘‘ฉตฺตปิณฺฑิยา มูเล’’ติ วุตฺตํ. อหิจฺฉตฺตกสณฺานนฺติ ผุลฺลอหิจฺฉตฺตกาการํ. รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวาติ วลยํ วิย อุปฏฺาเปตฺวา. พนฺธนตฺถายาติ วาเตน ยถา น จลติ, เอวํ รชฺชูหิ ทณฺเฑ ปฺชรสฺส พนฺธนตฺถาย. อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา วฏฺฏตีติ โยชนา. ยถา วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทณฺเฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมึ พนฺธนฏฺาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ เปนฺติ, สา วฏฺฏตีติ. สเจปิ น พนฺธติ, พนฺธนารหฏฺานตฺตา วลยํ อุกฺกิริตฺวา วฏฺฏตีติ คณฺิปเท วตฺตนฺตีติ อาคตํ, ตสฺมา ปกฺขรเณสุ อาคตนเยเนว ฉตฺเต ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ.
๗. จีวเร ปน นานาสุตฺตเกหีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕; วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ. อิทฺจ ตถา กโรนฺตานํ วเสน วุตฺตํ, เอกวณฺณสุตฺตเกนปิ น วฏฺฏติเยว. ‘‘ปกติสูจิกมฺมเมว วฏฺฏตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ปฏฺฏมุเขติ ทฺวินฺนํ ปฏฺฏานํ สงฺฆฏิตฏฺานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปริยนฺเตติ จีวรปริยนฺเต. อนุวาตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เวณีติ วรกสีสากาเรน สิพฺพนํ. สงฺขลิกนฺติ ทฺวิคุณสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ, พิฬาลสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ วา. เวณึ วา สงฺขลิกํ วา กโรนฺตีติ กรณกิริยาย สมฺพนฺโธ. อคฺฆิยํ นาม เจติยสณฺานํ ¶ , ยํ ‘‘อคฺฆิยตฺถมฺโภ’’ติ วทนฺติ. คยา นาม มูเล ตนุกํ อคฺเค มหนฺตํ กตฺวา คทากาเรน สิพฺพนํ. มุคฺคโร นาม มูเล จ อคฺเค จ เอกสทิสํ กตฺวา มุคฺครากาเรน สิพฺพนํ. กกฺกฏกฺขีนิ อุกฺกิรนฺตีติ ¶ คณฺิกปฏฺฏปาสกปฏฺฏานํ อนฺเต ปาฬิพทฺธํ กตฺวา กกฺกฏกานํ อกฺขิสณฺานํ ปฏฺเปนฺติ, กโรนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกเณหิ นีหฏสุตฺตานํ โกฏิโย’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กถํ ปน ตา ปิฬกา ทุวิฺเยฺยรูปา กาตพฺพาติ? โกเณหิ นีหฏสุตฺตานํ อนฺเตสุ เอกวารํ คณฺิกกรเณน วา ปุน นิวตฺเตตฺวา สิพฺพเนน วา ทุวิฺเยฺยสภาวํ กตฺวา สุตฺตโกฏิโย รสฺสํ กตฺวา ฉินฺทิตพฺพา. ธมฺมสิริตฺเถเรน ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา, ทุวิฺเยฺยาว กปฺปเร’’ติ วุตฺตํ, ตถา อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ ‘‘สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิฺเยฺยาว ทีปิตา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เตสํ มเตน โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จ โกณสุตฺตปิฬกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกเณหิ พหิ นิคฺคตสุตฺตานํ ปิฬกากาเรน ปิตโกฏิโยติ เกจิ วทนฺติ, เต ปิฬเก ฉินฺทิตฺวา ทุวิฺเยฺยา กาตพฺพาติ เตสํ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จาติ ทฺเวเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน คณฺิกปาสกปฏฺฏานํ โกณโต โกณํ นีหฏสุตฺตา โกณสุตฺตา นาม. สมนฺตโต ปน ปริยนฺเตน คตา จตุรสฺสสุตฺตา ปิฬกา นาม. ตํ ทุวิธมฺปิ เกจิ จีวรโต วิสุํ ปฺานตฺถาย วิการยุตฺตํ กโรนฺติ, ตํ นิเสธาย ‘‘ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน สพฺพถา อจกฺขุโคจรภาเวน สิพฺพนตฺถาย ตถาสิพฺพนสฺส อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ยถา ปกติจีวรโต วิกาโร น ปฺายติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. รชนกมฺมโต ปุพฺเพ ปฺายมาโนปิ วิเสโส จีวเร รตฺเต เอกวณฺณโต น ปฺายตีติ อาห ‘‘จีวเร รตฺเต’’ติ.
๘. มณินาติ ¶ นีลมณิอาทิปาสาเณน, อํสพทฺธกกายพนฺธนาทิกํ อจีวรตฺตา สงฺขาทีหิ ฆํสิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กณฺณสุตฺตกนฺติ จีวรสฺส ทีฆโต ติริยฺจ สิพฺพิตานํ จตูสุ กณฺเณสุ โกเณสุ จ นิกฺขนฺตานํ สุตฺตสีสานเมตํ นามํ, ตํ ฉินฺทิตฺวาว ปารุปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพ’’นฺติ. ภควตา อนฺุาตํ เอกํ กณฺณสุตฺตมฺปิ อตฺถิ, ตํ ปน นาเมน สทิสมฺปิ อิโต อฺเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ลคฺคนตฺถายาติ จีวรรชฺชุยํ ¶ จีวรพนฺธนตฺถาย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ปน ‘‘ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพนฺติ รชนกาเล พนฺธิตพฺพํ, เสสกาเล โมเจตฺวา เปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วินยสงฺคหปฺปกรณสฺส โปราณฏีกายมฺปิ อิทเมว คเหตฺวา วุตฺตํ, ตํ ปน จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๔) ‘‘มชฺเฌน ลคฺเคนฺติ, อุภโต คลติ, ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺเณ พนฺธิตุนฺติ. กณฺโณ ชีรติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ เอวํ อนฺุาตจีวรรชฺชุยํ รชิตฺวา ปสาริตจีวรสฺส โอลมฺพกสุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
คณฺิเกติ จีวรปารุปนกาเล ปาสเก ลคฺคาปนตฺถํ กเต ทนฺตาทิมเย คณฺิเก. ปิฬกาติ พินฺทุํ พินฺทุํ กตฺวา อุฏฺาเปตพฺพปิฬกา. วุตฺตฺเหตํ วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ –
‘‘นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ, มณฺฑนตฺถาย จีวรํ;
สมํ สตปทาทีนํ, สิพฺพิตุํ น จ วฏฺฏติ.
‘‘ปตฺตสฺส ปริยนฺเต วา, ตถา ปตฺตมุเขปิ จ;
เวณึ สงฺขลิกํ วาปิ, กโรโต โหติ ทุกฺกฏํ.
‘‘ปฏฺฏมฺปิ ¶ คณฺิปาสานํ, อฏฺโกณาทิกํ วิธึ;
ตตฺถคฺฆิยคทารูปํ, มุคฺคราทึ กโรนฺติ จ.
‘‘ตตฺถ กกฺกฏกกฺขีนิ, อุฏฺาเปนฺติ น วฏฺฏติ;
สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิฺเยฺยาว ทีปิตา.
‘‘จตุโกณาว วฏฺฏนฺติ, คณฺิปาสกปฏฺฏกา;
กณฺณโกเณสุ สุตฺตานิ, รตฺเต ฉินฺเทยฺย จีวเร.
‘‘สูจิกมฺมวิการํ ¶ วา, อฺํ วา ปน กิฺจิปิ;
จีวเร ภิกฺขุนา กาตุํ, การาเปตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘โย จ ปกฺขิปติ ภิกฺขุ จีวรํ,
กฺชิปิฏฺขลิอลฺลิกาทิสุ;
วณฺณมฏฺมภิปตฺถยํ ปรํ;
ตสฺส นตฺถิ ปน มุตฺติ ทุกฺกฏา.
‘‘สูจิหตฺถมลาทีนํ, กรเณ จีวรสฺส จ;
ตถา กิลิฏฺกาเล จ, โธวนตฺถํ ตุ วฏฺฏติ.
‘‘รชเน ปน คนฺธํ วา, เตลํ วา ลาขเมว วา;
กิฺจิ ปกฺขิปิตุํ ตตฺถ, ภิกฺขุโน น จ วฏฺฏติ.
‘‘สงฺเขน มณินา วาปิ, อฺเนปิ จ เกนจิ;
จีวรํ น จ ฆฏฺเฏยฺย, ฆํสิตพฺพํ น โทณิยา.
‘‘จีวรํ โทณิยํ กตฺวา, นาติฆฏฺเฏยฺย มุฏฺินา;
รตฺตํ ปหริตุํ กิฺจิ, หตฺเถเหว จ วฏฺฏติ.
‘‘คณฺิเก ปน เลขา วา, ปิฬกา วา น วฏฺฏติ;
กปฺปพินฺทุวิกาโร วา, ปาฬิกณฺณิกเภทโต’’ติ.
วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ สมํ สตปทาทีนนฺติ สตปทาทีหิ สทิสํ. ตุลฺยตฺเถ กรณวจนปฺปสงฺเค สามิวจนํ. ปฏฺฏสฺส ปริยนฺเต วาติ อนุวาตสฺส อุภยปริยนฺเต วา. ปฏฺฏมุเขปิ วาติ ทฺวินฺนํ อายามวิตฺถารปฏฺฏานํ สงฺฆฏิตฏฺาเน, กณฺเณปิ วา เอกสฺเสว วา ปฏฺฏสฺส อูนปูรณตฺถํ ฆฏิตฏฺาเนปิ วา ¶ . เวณีติ กุทฺรูสสีสากาเรน สิพฺพนํ. เกจิ ‘‘วรกสีสากาเรนา’’ติ ¶ วทนฺติ. สงฺขลิกนฺติ พิฬาลทามสทิสสิพฺพนํ. เกจิ ‘‘สตปทิสทิส’’นฺติ วทนฺติ.
ปฏฺฏมฺปีติ ปตฺตมฺปิ. อฏฺโกณาทิโก วิธิ ปกาโร เอตสฺสาติ อฏฺโกณาทิกวิธิ, ตํ. อฏฺโกณาทิกนฺติ วา คาถาพนฺธวเสน นิคฺคหิตาคโม. ‘‘อฏฺโกณาทิกํ วิธิ’’นฺติ เอตํ ‘‘ปฏฺฏ’’นฺติ เอตสฺส สมานาธิกรณวิเสสนํ, กิริยาวิเสสนํ วา. ‘‘กโรนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อถ วา ปฏฺฏนฺติ เอตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, ปฏฺเฏติ อตฺโถ. อิมสฺมึ ปกฺเข อฏฺโกณาทิกนฺติ อุปโยควจนํ. วิธินฺติ เอตสฺส วิเสสนํ. อิธ วกฺขมานจตุโกณสณฺานโต อฺํ อฏฺโกณาทิกํ นาม. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปฏฺฏทฺวเย. อคฺฆิยคทารูปนฺติ อคฺฆิยสณฺานฺเจว คทาสณฺานฺจ สิพฺพนํ. มุคฺครนฺติ ลคุฬสณฺานสิพฺพนํ. อาทิ-สทฺเทน เจติยาทิสณฺานานํ คหณํ.
ตตฺถาติ ปฏฺฏทฺวเย ตสฺมึ าเน. กกฺกฏกกฺขีนีติ กุฬีรกจฺฉิสทิสานิ สิพฺพนวิการานิ. อุฏฺาเปนฺตีติ กโรนฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ คณฺิกปาสกปฏฺฏเก. สุตฺตาติ โกณโต โกณํ สิพฺพิตสุตฺตา เจว จตุรสฺเส สิพฺพิตสุตฺตา จ. ปิฬกาติ เตสเมว สุตฺตานํ นิวตฺเตตฺวา สิพฺพิตโกฏิโย จ. ทุวิฺเยฺยาวาติ รชนกาเล ทุวิฺเยฺยรูปา อโนฬาริกา ทีปิตา วฏฺฏนฺตีติ. ยถาห ‘‘โกณสุตฺตปิฬกา จ จีวเร รตฺเต ทุวิฺเยฺยรูปา วฏฺฏนฺตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕).
คณฺิกปฏฺฏิกา ปาสปฏฺฏิกาติ โยชนา. กณฺณโกเณสุ สุตฺตานีติ จีวรกณฺเณ สุตฺตา เจว ปาสกปฏฺฏานํ โกเณสุ สุตฺตานิ จ อจฺฉินฺทติ. เอตฺถ จ จีวเร อายามโต วิตฺถารโต จ สิพฺพิตฺวา อนุวาตโต พหิ นิกฺขมิตสุตฺตํ จีวรํ รชิตฺวา สุกฺขาปนกาเล รชฺชุยา วา จีวรวํเส วา ¶ พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ อนุวาเต พนฺธสุตฺตานิ จ กณฺณสุตฺตานิ นาม. ยถาห ‘‘จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น จ วฏฺฏติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํ, ยํ ปน ‘อนุชานามิ ภิกฺขเว กณฺณสุตฺตก’นฺติ เอวํ อนฺุาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ รชนกาเล ลคฺคนตฺถายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕).
สูจิกมฺมวิการํ วาติ จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฏฺฏํ ¶ เปนฺติ, เอวรูปํ สูจิกมฺมวิการํ วา. อฺํ วา ปน กิฺจิปีติ อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ มาลากมฺมมิคปกฺขิปทาทิกํ สิพฺพนวิการํ. กาตุนฺติ สยํ กาตุํ. การาเปตุนฺติ อฺเน วา การาเปตุํ.
โย ภิกฺขุ ปรํ อุตฺตมํ วณฺณมฏฺมภิปตฺถยนฺโต กฺชิกปิฏฺขลิอลฺลิกาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปติ, ตสฺส ปน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏา โมกฺโข น วิชฺชตีติ โยชนา. กฺชิกนฺติ วายนตนฺตมกฺขนํ กฺชิกสทิสา สุลากฺชิกํ. ปิฏฺนฺติ ตณฺฑุลปิฏฺํ. ตณฺฑุลปิฏฺเหิ ปกฺกา ขลิ. อลฺลิกาติ นิยฺยาโส. อาทิ-สทฺเทน ลาขาทีนํ คหณํ. จีวรสฺส กรเณ กรณกาเล สมุฏฺิตานํ สูจิหตฺถมลาทีนํ กิลิฏฺกาเล โธวนตฺถฺจ กฺชิกปิฏฺขลิอลฺลิกาทีสุ ปกฺขิปติ, วฏฺฏตีติ โยชนา.
ตตฺถาติ เยน กสาเวน จีวรํ รชติ, ตสฺมึ รชเน จีวรสฺส สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ วา อุชฺชลภาวตฺถาย เตลํ วา วณฺณตฺถาย ลาขํ วา. กิฺจีติ เอวรูปํ ยํ กิฺจิ. มณินาติ ปาสาเณน. อฺเนปิ จ เกนจีติ เยน อุชฺชลํ โหติ, เอวรูเปน มุคฺคราทินา อฺเนปิ เกนจิ วตฺถุนา. โทณิยาติ รชนมฺพเณ น ฆํสิตพฺพํ หตฺเถน คาหาเปตฺวา น คเหตพฺพํ. รตฺตํ จีวรํ หตฺเถหิ กิฺจิ โถกํ ปหริตุํ วฏฺฏตีติ ¶ โยชนา. ยตฺถ ปกฺกรชนํ ปกฺขิปนฺติ, สา รชนโทณี. ตตฺถ อํสพทฺธกกายพนฺธนาทึ ฆฏฺเฏตุํ วฏฺฏตีติ คณฺิปเท วุตฺตํ.
คณฺิเกติ เวฬุทนฺตวิสาณาทิมยคณฺิเก. เลขา วาติ วฏฺฏาทิเภทา เลขา วา. ปิฬกาติ สาสปพีชสทิสา ขุทฺทกพุพฺพุฬา. ปาฬิกณฺณิกเภทโตติ มณิกาวฬิรูปปุปฺผกณฺณิกรูปเภทโต. ‘‘กปฺปพินฺทุวิกาโร วา น วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตเถว จีวเร ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
๙. ปตฺเต วา ถาลเก วาติอาทีสุ ถาลเกติ ตมฺพาทิมเย ปุคฺคลิเก ติวิเธปิ กปฺปิยถาลเก. น วฏฺฏตีติ มณิวณฺณกรณปโยโค น วฏฺฏติ, เตลวณฺณปโยโค ปน วฏฺฏติ. เตลวณฺโณติ สมณสารุปฺปวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ, มณิวณฺณํ ปน ปตฺตํ อฺเน กตํ ลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปตฺตมณฺฑเลติ ติปุสีสาทิมเย ปตฺตฏฺปนกมณฺฑเล. ‘‘น ภิกฺขเว วิจิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ¶ ‘‘ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มกรทนฺตกํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘มกรทนฺตกํ ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ถาลกสฺส จ ปตฺตสฺส, พหิ อนฺโตปิ วา ปน;
อารคฺเคน กตา เลขา, น จ วฏฺฏติ กาจิปิ.
‘‘อาโรเปตฺวา ภมํ ปตฺตํ, มชฺชิตฺวา เจ ปจนฺติ จ;
‘มณิวณฺณํ กริสฺสาม’, อิติ กาตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘ปตฺตมณฺฑลเก กิฺจิ;
ภิตฺติกมฺมํ น วฏฺฏติ;
น โทโส โกจิ ตตฺถสฺส;
กาตุํ มกรทนฺตก’’นฺติ.
วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ ¶ อารคฺเคนาติ อารกณฺฏกคฺเคน, สูจิมุเขน วา. กาจิปิ เลขาติ วฏฺฏกโคมุตฺตาทิสณฺานา ยา กาจิปิ ราชิ. ภมํ อาโรเปตฺวาติ ภเม อลฺลียาเปตฺวา. ปตฺตมณฺฑลเกติ ปตฺเต ฉวิรกฺขณตฺถาย ติปุสีสาทีหิ กเต ปตฺตสฺส เหฏฺา อาธาราทีนํ อุปริ กาตพฺเพ ปตฺตมณฺฑลเก. ภิตฺติกมฺมนฺติ นานาการรูปกกมฺมวิจิตฺตํ. ยถาห ‘‘น, ภิกฺขเว, วิจิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปตฺตมณฺฑเล. อสฺสาติ ภิกฺขุสฺส. มกรทนฺตกนฺติ คิริกูฏนฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ ปตฺตถาลกาทีสุ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
ธมกรณ…เป… เลขา น วฏฺฏตีติ อารคฺเคน ทินฺนเลขา น วฏฺฏติ, ชาติหิงฺคุลิกาทิวณฺเณหิ กตเลขา ปน วฏฺฏติ. ฉตฺตมุขวฏฺฏิยนฺติ ธมกรณสฺส หตฺเถน คหณตฺถํ กตสฺส ฉตฺตาการสฺส มุขวฏฺฏิยํ. ‘‘ปริสฺสาวนพนฺธฏฺาเน’’ติ เกจิ. วินยวินิจฺฉเยปิ –
‘‘น ¶ ธมฺมกรณจฺฉตฺเต, เลขา กาจิปิ วฏฺฏติ;
กุจฺฉิยํ วา เปตฺวา ตํ, เลขํ ตุ มุขวฏฺฏิย’’นฺติ. –
วุตฺตํ. ตฏฺฏีกายํ ปน ‘‘มุขวฏฺฏิยา ยา เลขา ปริสฺสาวนพนฺธนตฺถาย อนฺุาตา, ตํ เลขํ เปตฺวา ธมกรณจฺฉตฺเต วา กุจฺฉิยํ วา กาจิ เลขา น วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ธมกรเณ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
๑๐. กายพนฺธเน ปน กกฺกฏกฺขีนีติ กกฺกฏกสฺส อกฺขิสทิสานิ. มกรมุขนฺติ มกรมุขสณฺานํ. เทฑฺฑุภสีสนฺติ อุทกสปฺปสีสสทิสสณฺานานิ. อจฺฉีนีติ กฺุชรจฺฉิสณฺานานิ. เอกเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ เอกรชฺชุกํ ทฺวิคุณติคุณํ กตฺวา พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ, เอกเมว ปน สตวารมฺปิ สรีรํ ปริกฺขิปิตฺวา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน ¶ นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตํ มุรชสงฺขํ น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. มุรชฺหิ นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กโรนฺติ. อิทํ ปน มุรชํ มทฺทวีณสงฺขาตํ ปามงฺคสณฺานฺจ ทสาสุ วฏฺฏติ ‘‘กายพนฺธนสฺส ทสา ชีรนฺติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตา.
วิเธติ ทสาปริโยสาเน ถิรภาวาย ทนฺตวิสาณสุตฺตาทีหิ กเต วิเธ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ปน ‘‘กายพนฺธนสฺส ปาสนฺเต ทสามูเล ตสฺส ถิรภาวตฺถํ กตฺตพฺเพ ทนฺตวิสาณาทิมเย วิเธ’’ติ วุตฺตํ. อฏฺมงฺคลานิ นาม สงฺโข, จกฺกํ, ปุณฺณกุมฺโภ, คยา, สิรีวจฺโฉ, องฺกุโส, ธชํ, โสวตฺถิกนฺติ. มจฺฉยุคฬฉตฺตนนฺทิยาวฏฺฏาทิวเสนปิ วทนฺติ. ปริจฺเฉทเลขามตฺตนฺติ ทนฺตาทีหิ กตสฺส วิธสฺส อุโภสุ โกฏีสุ กาตพฺพปริจฺเฉทราชิมตฺตํ. วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณปิ –
‘‘สุตฺตํ วา ทิคุณํ กตฺวา, โกฏฺเฏนฺติ จ ตหึ ตหึ;
กายพนฺธนโสภตฺถํ, ตํ น วฏฺฏติ ภิกฺขุโน.
‘‘ทสามุเข ทฬฺหตฺถาย, ทฺวีสุ อนฺเตสุ วฏฺฏติ;
มาลากมฺมลตากมฺม-จิตฺติกมฺปิ น วฏฺฏติ.
‘‘อกฺขีนิ ¶ ตตฺถ ทสฺเสตฺวา;
โกฏฺฏิเต ปน กา กถา.
กกฺกฏกฺขีนิ วา ตตฺถ;
อุฏฺาเปตุํ น วฏฺฏติ.
‘‘ฆฏํ เทฑฺฑุภสีสํ วา, มกรสฺส มุขมฺปิ วา;
วิการรูปํ ยํ กิฺจิ, น วฏฺฏติ ทสามุเข.
‘‘อุชุกํ ¶ มจฺฉกณฺฏํ วา, มฏฺํ วา ปน ปฏฺฏิกํ;
ขชฺชูริปตฺตกาการํ, กตฺวา วฏฺฏติ โกฏฺฏิตํ.
‘‘ปฏฺฏิกา สูกรนฺตนฺติ, ทุวิธํ กายพนฺธนํ;
รชฺชุกา ทุสฺสปฏฺฏาทิ, สพฺพํ ตสฺสานุโลมิกํ.
‘‘มุรชํ มทฺทวีณฺจ, เทฑฺฑุภฺจ กลาพุกํ;
รชฺชุโย จ น วฏฺฏนฺติ, ปุริมา ทฺเวทสา สิยุํ.
‘‘ทสา ปามงฺคสณฺานา, นิทฺทิฏฺา กายพนฺธเน;
เอกา ทฺวิติจตสฺโส วา, วฏฺฏนฺติ น ตโต ปรํ.
‘‘เอกรชฺชุมยํ วุตฺตํ, มุนินา กายพนฺธนํ;
ตฺจ ปามงฺคสณฺานํ, เอกมฺปิ จ น วฏฺฏติ.
‘‘รชฺชุเก เอกโต กตฺวา, พหู เอกาย รชฺชุยา;
นิรนฺตรฺหิ เวเตฺวา, กตํ วฏฺฏติ พนฺธิตุํ.
‘‘ทนฺตกฏฺวิสาณฏฺิ-โลหเวฬุนฬพฺภวา;
ชตุสงฺขมยา สุตฺต-ผลชา วิธกา มตา.
‘‘กายพนฺธนวิเธปิ ¶ , วิกาโร น จ วฏฺฏติ;
ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺเฉท-เลขามตฺตํ ตุ วฏฺฏตี’’ติ. –
วุตฺตํ.
วินยสารตฺถสนฺทีปนิยมฺปิ ตหึ ตหินฺติ ปฏฺฏิกาย ตตฺถ ตตฺถ. ตนฺติ ตถาโกฏฺฏิตทิคุณสุตฺตกายพนฺธนํ. อนฺเตสุ ทฬฺหตฺถาย ทสามุเข ทิคุณํ กตฺวา โกฏฺเฏนฺติ, วฏฺฏตีติ โยชนา. จิตฺตกมฺปีติ มาลากมฺมลตากมฺมจิตฺตยุตฺตมฺปิ กายพนฺธนํ. อกฺขีนีติ กฺุชรกฺขีนิ. ตตฺถาติ กายพนฺธเน น วฏฺฏตีติ กา กถา. อุฏฺาเปตุนฺติ อุกฺกิริตุํ.
ฆฏนฺติ ฆฏสณฺานํ. เทฑฺฑุภสีสํ วาติ อุทกสปฺปสีสํ มุขสณฺานํ วา. ยํ กิฺจิ วิการรูปํ ทสามุเข น วฏฺฏตีติ โยชนา. เอตฺถ จ อุภยปสฺเสสุ มจฺฉกณฺฏกยุตฺตํ มจฺฉสฺส ปิฏฺิกณฺฏกํ วิย ยสฺสา ปฏฺฏิกาย วายนํ โหติ, อิทํ กายพนฺธนํ ¶ มจฺฉกณฺฏกํ นาม. ยสฺส ขชฺชูริปตฺตสณฺานมิว วายนํ โหติ, ตํ ขชฺชูริปตฺตกาการํ นาม.
ปกติวิการา ปฏฺฏิกา สูกรนฺตํ นาม กฺุจิกาโกสสณฺานํ. ตสฺส ทุวิธสฺส กายพนฺธนสฺส. ตตฺถ รชฺชุกา สูกรนฺตานุโลมิกา, ทุสฺสปฏฺฏํ ปฏฺฏิกานุโลมิกํ. อาทิ-สทฺเทน มุทฺทิกกายพนฺธนํ คหิตํ, ตฺจ สูกรนฺตานุโลมิกํ. ยถาห ‘‘เอกรชฺชุกํ ปน มุทฺทิกกายพนฺธนฺจ สูกรนฺตํ อนุโลเมตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๗๘). ตตฺถ รชฺชุกา นาม เอกาวฏฺฏา, พหุรชฺชุกสฺส อกปฺปิยภาวํ วกฺขติ. มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตนฺติ คณฺิปเท วุตฺตํ.
มุรชํ นาม มุรชวฏฺฏิสณฺานํ เวเตฺวา กตํ. เวเตฺวาติ นานาสุตฺเตหิ เวเตฺวา. สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ปน ‘‘พหุกา รชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย รชฺชุยา เวิต’’นฺติ วุตฺตํ. มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺานํ. เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสทิสํ. กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํ. รชฺชุโยติ อุภยโกฏิยํ เอกโต อพนฺธา พหุรชฺชุโย, ตถาพนฺธา กลาพุกํ นาม โหติ. น วฏฺฏนฺตีติ มุรชาทีนิ อิมานิ สพฺพานิ กายพนฺธนานิ น วฏฺฏนฺติ. ปุริมา ทฺเวติ มุรชํ ¶ มทฺทวีณนามฺจาติ ทฺเว. ‘‘ทสาสุ สิยุ’’นฺติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน วณฺณโลเปน ‘‘ทสา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘มุรชํ มทฺทวีณนฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนฺุาต’’นฺติ.
ปามงฺคสณฺานาติ ปามงฺคทามํ วิย จตุรสฺสสณฺานา. เอกรชฺชุมยนฺติ นานาวฏฺเฏ เอกโต วฏฺเฏตฺวา กตํ รชฺชุมยํ กายพนฺธนํ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘รชฺชุกา ทุสฺสปฏฺฏาที’’ติ เอตฺถ เอกวฏฺฏรชฺชุกา คหิตา. อิธ ปน นานาวฏฺเฏ เอกโต วฏฺเฏตฺวา กตา เอกาว รชฺชุ คหิตา. ตฺจาติ ตํ วา นยมฺปิ เอกรชฺชุกกายพนฺธนํ ปามงฺคสณฺาเนน คนฺถิตํ. เอกมฺปิ จ น วฏฺฏตีติ เกวลมฺปิ น วฏฺฏติ.
พหู ¶ รชฺชุเก เอกโต กตฺวาติ โยชนา. วฏฺฏติ พนฺธิตุนฺติ มุรชํ กลาพุกฺจ น โหติ, รชฺชุกกายพนฺธนเมว โหตีติ อธิปฺปาโย. อยํ ปน วินิจฺฉโย ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาคโต อิธ วุตฺโต. สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ‘‘พหุรชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย เวิตํ มุรชํ นามา’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา วิรุชฺฌนโต น คเหตพฺพํ.
ทนฺต-สทฺเทน หตฺถิทนฺตา วุตฺตา. ชตูติ ลาขา. สงฺขมยนฺติ สงฺขนาภิมยํ. วิธกา มตาติ เอตฺถ เวธิกาติปิ ปาโ, วิธปริยาโย. กายพนฺธนวิเธติ กายพนฺธนสฺส ทสาย ถิรภาวตฺถํ กฏฺทนฺตาทีหิ กเต วิเธ. วิกาโร อฏฺมงฺคลาทิโก. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน. ตุ-สทฺเทน ฆฏากาโรปิ วฏฺฏตีติ ทีเปตีติ อตฺโถ ปกาสิโต, ตสฺมา เตน นเยน กายพนฺธนวิจาโร กาตพฺโพติ.
๑๑. อฺชนิยํ ‘‘อุชุกเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรสฺสาทิสณฺานาปิ วงฺกคติกา น วฏฺฏติ. สิปาฏิกายาติ วาสิอาทิภณฺฑปกฺขิปเน. วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ ปน –
‘‘มาลากมฺมลตากมฺม-นานารูปวิจิตฺติตา;
น จ วฏฺฏติ ภิกฺขูนํ, อฺชนี ชนรฺชนี.
‘‘ตาทิสํ ¶ ปน ฆํสิตฺวา, เวเตฺวา สุตฺตเกน วา;
วฬฺชนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส, น โทโส โกจิ วิชฺชติ.
‘‘วฏฺฏา วา จตุรสฺสา วา, อฏฺํสา วาปิ อฺชนี;
วฏฺฏเตวาติ นิทฺทิฏฺา, วณฺณมฏฺา น วฏฺฏติ.
‘‘ตถาฺชนิสลากาปิ, อฺชนิถวิกาย จ;
นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ, จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏติ.
‘‘เอกวณฺเณน ¶ สุตฺเตน, สิปาฏึ เยน เกนจิ;
ยํ กิฺจิ ปน สิพฺเพตฺวา, วฬฺชนฺตสฺส วฏฺฏตี’’ติ. –
อาคตํ.
ตฏฺฏีกายมฺปิ มาลา…เป… จิตฺติตาติ มาลากมฺมลตากมฺเมหิ จ มิคปกฺขิรูปาทินานารูเปหิ จ วิจิตฺติตา. ชนรฺชนีติ พาลชนปโลภินี. อฏฺํสา วาปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺเทน โสฬสํสาทีนํ คหณํ. วณฺณมฏฺาติ มาลากมฺมาทิวณฺณมฏฺา. อฺชนีสลากาปิ ตถา วณฺณมฏฺา น วฏฺฏตีติ โยชนา. อฺชนีถวิกาย จ นานาวณฺเณหิ สุตฺเตหิ จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏตีติ ปาโ ยุชฺชติ, ‘‘ถวิกาปิ วา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น คเหตพฺโพ. ‘‘ปีตาทินา เยน เกนจิ เอกวณฺเณน สุตฺเตน ปิโลติกาทิมยํ กิฺจิปิ สิปาฏิกํ สิพฺเพตฺวา วฬฺชนฺตสฺส วฏฺฏตีติ โยชนา’’ติ อาคตํ.
๑๒. อารกณฺฏกาทีสุ อารกณฺฏเกติ โปตฺถกาทิอภิสงฺขรณตฺถํ กเต ทีฆมุขสตฺถเก. ภมการานํ ทารุอาทิลิขนสตฺถกนฺติ เกจิ. วฏฺฏมณิกนฺติ วฏฺฏํ กตฺวา อุฏฺาเปตพฺพพุพฺพุฬกํ. อฺนฺติ อิมินา ปิฬกาทึ สงฺคณฺหาติ. ปิปฺผลิเกติ ยํ กิฺจิ เฉทนเก ขุทฺทกสตฺเถ. มณิกนฺติ เอกวฏฺฏมณิ. ปิฬกนฺติ สาสปมตฺติกามุตฺตราชิสทิสา พหุวฏฺฏเลขา. อิมสฺมึ อธิกาเร อวุตฺตตฺตา เลขนิยํ ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ ปน ‘‘กฺุจิกาย เสนาสนปริกฺขารตฺตา สุวณฺณรูปิยมยาปิ วฏฺฏตีติ ฉายา ทิสฺสติ. ‘กฺุจิกาย ¶ วณฺณมฏฺกมฺมํ น วฏฺฏตี’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๕) วจนโต อฺเ กปฺปิยโลหาทิมยาว กฺุจิกา กปฺปนฺติ ปริหรณียปริกฺขารตฺตา’’ติ วุตฺตํ. อารกณฺฏโก โปตฺถกาทิกรณสตฺถกชาติ, อามณฺฑสารโก อามลกผลมโยติ วทนฺติ.
วลิตกนฺติ ¶ นขจฺเฉทนกาเล ทฬฺหคฺคหณตฺถํ วลิยุตฺตเมว กโรนฺติ. ตสฺมา ตํ วฏฺฏตีติ อิมินา อฺมฺปิ วิการํ ทฬฺหีกมฺมาทิอตฺถาย กโรนฺติ, น วณฺณมฏฺตฺถาย, ตํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ, เตน จ กตฺตรทณฺฑโกฏิยํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏเนน สทฺทนิจฺฉรณตฺถาย กตวลยาทิกํ อวุตฺตมฺปิ ยโต อุปปนฺนํ โหติ. เอตฺถ จ ทฬฺหีกมฺมาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปริสฺสยวิโนทนาทึ สงฺคณฺหาติ, เตน กตฺตรยฏฺิโกฏิยํ กตวลยานํ อฺมฺสงฺฆฏฺฏเนน สทฺทนิจฺฉรณํ ทีฆชาติกาทิปริสฺสยวิโนทนตฺถํ โหติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ ทีเปติ. เตนาห อาจริยวโร –
‘‘มณิกํ ปิฬกํ วาปิ, ปิปฺผเล อารกณฺฏเก;
เปตุํ ปน ยํ กิฺจิ, น จ วฏฺฏติ ภิกฺขุโน.
‘‘ทณฺฑเกปิ ปริจฺเฉท-เลขามตฺตํ ตุ วฏฺฏติ;
วลิตฺวา จ นขจฺเฉทํ, กโรนฺตีติ หิ วฏฺฏตี’’ติ.
ตสฺส วณฺณนายมฺปิ มณิกนฺติ ถูลพุพฺพุฬํ. ปีฬกนฺติ สุขุมพุพฺพุฬํ. ปิปฺผเลติ วตฺถจฺเฉทนสตฺเถ. อารกณฺฏเกติ ปตฺตธารวลยานํ วิชฺฌนกณฺฏเก. เปตุนฺติ อุฏฺาเปตุํ. ยํ กิฺจีติ เสสวณฺณมฏฺมฺปิ จ. ทณฺฑเกติ ปิปฺผลิทณฺฑเก. ยถาห ‘‘ปิปฺผลิเกปิ มณิกํ วา ปิฬกํ วา ยํ กิฺจิ เปตุํ น วฏฺฏติ, ทณฺฑเก ปน ปริจฺเฉทเลขา วฏฺฏตี’’ติ. ปริจฺเฉทเลขามตฺตนฺติ อาณิพนฺธนฏฺานํ ปตฺวา ปริจฺฉินฺทนตฺถํ เอกาว เลขา วฏฺฏตีติ. วลิตฺวาติ อุภยโกฏิมุขํ กตฺวา มชฺเฌ วลิโย คาเหตฺวา นขจฺเฉทํ ยสฺมา กโรนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏตีติ โยชนาติ อาคตา.
อุตฺตรารณิยํ มณฺฑลนฺติ อุตฺตรารณิยา ปเวสนตฺถํ อาวาฏมณฺฑลํ โหติ. ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสิยํ อุชุกเมว พนฺธิตุนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถ จ อุชุกเมวาติ อิมินา วงฺกํ กตฺวา พนฺธิตุํ น ¶ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, เตเนว อฺชนิยมฺปิ ตถา ทสฺสิตํ. อุโภสุ ปสฺเสสุ เอกปสฺเส ¶ วาติ วจนเสโส, วาสิทณฺฑสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทณฺฑโกฏีนํ อจลนตฺถํ พนฺธิตุนฺติ อตฺโถ. กปฺปิยโลเหน จตุรสฺสํ วา อฏฺํสํ วา กาตุํ วฏฺฏตีติ โยชนา.
๑๓. อามณฺฑสารเกติ อามลกผลานิ ปิสิตฺวา เตน กกฺเกน กตเตลภาชเน. ตตฺถ กิร ปกฺขิตฺตํ เตลํ สีตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ อาจริเยน –
‘‘อุตฺตรารณิยํ วาปิ, ธนุเก เปลฺลทณฺฑเก;
มาลากมฺมาทิ ยํ กิฺจิ, วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏติ.
‘‘สณฺฑาเส ทนฺตกฏฺานํ, ตถา เฉทนวาสิยา;
ทฺวีสุ ปสฺเสสุ โลเหน, พนฺธิตุํ ปน วฏฺฏติ.
‘‘ตถา กตฺตรทณฺเฑปิ, จิตฺตกมฺมํ น วฏฺฏติ;
วฏฺฏเลขาว วฏฺฏนฺติ, เอกา วา ทฺเวปิ เหฏฺโต.
‘‘วิสาเณ นาฬิยํ วาปิ, ตเถวามณฺฑสารเก;
เตลภาชนเก สพฺพํ, วณฺณมฏฺํ ตุ วฏฺฏตี’’ติ.
ฏีกายมฺปิ อรณิสหิเต ภนฺตกิจฺจกโร ทณฺโฑ อุตฺตรารณี นาม. วาปีติ ปิ-สทฺเทน อธรารณึ สงฺคณฺหาติ. อุทุกฺขลทณฺฑสฺเสตํ อธิวจนํ. อฺฉนกยนฺตธนุ ธนุกํ นาม. มุสลมตฺถกปีฬนทณฺฑโก เปลฺลทณฺฑโก นาม. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเส. ทนฺตกฏฺานํ เฉทนวาสิยา ตถา ยํ กิฺจิ วณฺณมฏฺํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. ทฺวีสุ ปสฺเสสูติ วาสิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ. โลเหนาติ กปฺปิยโลเหน. พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ อุชุกเมว วา จตุรสฺสํ วา อฏฺํสํ วา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเสติ นิสฺสนฺเทเห วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปเนตฺถ สูจิสณฺฑาโส ทสฺสิโต ¶ . เหฏฺาติ เหฏฺา อโยปฏฺฏวลเย. ‘‘อุปริ อหิจฺฉตฺตกมกุฬมตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. วิสาเณติ เตลาสิฺจนกควยมหึสาทิสิงฺเค. นาฬิยํ วาปีติ เวฬุนาฬิกาทินาฬิยํ. อปิ-สทฺเทน อลาพุํ สงฺคณฺหาติ. อามณฺฑสารเกติ อามลกจุณฺณมยเตลฆเฏ ¶ . เตลภาชนเกติ วุตฺตปฺปกาเรเยว เตลภาชเน. สพฺพํ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ ปุมิตฺถิรูปรหิตํ มาลากมฺมาทิ สพฺพํ วณฺณมฏฺํ วฏฺฏตีติ อาคตํ.
ภูมตฺถรเณติ กฏสาราทิมเย ปริกมฺมกตาย ภูมิยา อตฺถริตพฺพอตฺถรเณ. ปานียฆเฏติ อิมินา สพฺพภาชเน สงฺคณฺหาติ. สพฺพํ…เป… วฏฺฏตีติ ยถาวุตฺเตสุ มฺจาทีสุ อิตฺถิปุริสรูปมฺปิ วฏฺฏติ. เตลภาชเนสุเยว อิตฺถิปุริสรูปานํ ปฏิกฺขิปิตตฺตา เตลภาชเนน สห อคเณตฺวา วิสุํ มฺจาทีนํ คหิตตฺตา จาติ วทนฺติ. กิฺจาปิ วทนฺติ, เอเตสํ ปน มฺจาทีนํ หตฺเถน อามสิตพฺพภณฺฑตฺตา อิตฺถิรูปเมตฺถ น วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๘๕) ปน ‘‘ตาลวณฺฏพีชนิอาทีสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตานิ กฺุจิกา วิย ปริหรณียานิ, อถ โข อุจฺจาวจานิ น ธาเรตพฺพานีติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตานิ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว วิธูปนฺจ ตาลวณฺฏฺจา’’ติอาทินา วุตฺตานิ. คณฺิปเท ปน ‘‘เตลภาชเนสุ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ, เสนาสนปริกฺขารตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ วุตฺตเมว –
‘‘ปานียสฺส อุฬุงฺเกปิ, โทณิยํ รชนสฺสปิ;
ฆเฏ ผลกปีเปิ, วลยาธารกาทิเก.
‘‘ตถา ปตฺตปิธาเน จ, ตาลวณฺเฏ จ พีชเน;
ปาทปฺุฉนิยํ วาปิ, สมฺมฺุชนิยเมว จ.
‘‘มฺเจ ¶ ภูมตฺถเร ปีเ, ภิสิพิมฺโพหเนสุ จ;
มาลากมฺมาทิกํ จิตฺตํ, สพฺพเมว จ วฏฺฏตี’’ติ.
๑๔. เอวํ สมณปริกฺขาเรสุ กปฺปิยากปฺปิยํ กเถตฺวา อิทานิ เสนาสเน กเถตุํ ‘‘เสนาสเน ปนา’’ตฺยาทิมาห. เอตฺถ ปน-สทฺโท วิเสสโชตโก. เตน สพฺพรตนมยมฺปิ วณฺณมฏฺกมฺมํ วฏฺฏติ, กิมงฺคํ ปน อฺวณฺณมฏฺกมฺมนฺติ อตฺถํ โชเตติ. ยทิ เอวํ กิสฺมิฺจิ ปฏิเสเธตพฺเพ สนฺเตปิ ตถา วตฺตพฺพํ สิยาติ อาห ‘‘เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถี’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน –
‘‘นานามณิมยตฺถมฺภ-กวาฏทฺวารภิตฺติกํ ¶ ;
เสนาสนมนฺุาตํ, กา กถา วณฺณมฏฺเก.
‘‘โสวณฺณิยํ ทฺวารกวาฏพทฺธํ;
สุวณฺณนานามณิภิตฺติภูมึ;
น กิฺจิ เอกมฺปิ นิเสธนียํ;
เสนาสนํ วฏฺฏติ สพฺพเมวา’’ติ.
สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ ปมสงฺฆาทิเสสวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๑) ‘‘เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย, ตสฺมา ชาตรูปรชตมยา สพฺเพปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสา. ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน รตนมณฺฑเป กโรนฺติ ผลิกตฺถมฺเภ รตนทามปฏิมณฺฑิเต. ตตฺถ สพฺพุปกรณานิ ภิกฺขูนํ ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํ ปน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ‘‘สพฺพกปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘ตสฺมา’ติอาทิ. ‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว ¶ สุวณฺณมยํ เสนาสนํ เสนาสนปริกฺขารา จ วฏฺฏนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วณฺณิตํ.
เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายมฺปิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๐) ‘สพฺพํ ปาสาทปริโภคนฺติ สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานิ กวาฏานิ มฺจปีานิ ตาลวณฺฏานิ สุวณฺณรชตมยปานียฆฏปานียสราวานิ ยํ กิฺจิ จิตฺตกมฺมกตํ, สพฺพํ วฏฺฏติ. ปาสาทสฺส ทาสิทาสํ เขตฺตํ วตฺถุํ โคมหึสํ เทมาติ วทนฺติ, ปาเฏกฺกํ คหณกิจฺจํ นตฺถิ, ปาสาเท ปฏิคฺคหิเต ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. โคนกาทีนิ สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา มฺจปีเสุ อตฺถริตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺติ, ธมฺมาสเน ปน คิหิวิกตนีหาเรน ลพฺภนฺติ, ตตฺราปิ นิปชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํ ปน วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๐) ‘‘สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานีติ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปุคฺคลิกํ ปน สุวณฺณาทิวิจิตฺรํ ภิกฺขุสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุเมว น วฏฺฏติ ‘น ตฺเววาหํ ภิกฺขเว เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพ’นฺติ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตตฺตา, เตเนเวตฺถ อฏฺกถายํ ¶ ‘สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา’ติ น วุตฺตํ, โคนกาทิอกปฺปิยภณฺฑวิสเยว เอวํ วุตฺตํ, เอกภิกฺขุสฺสปิ เตสํ คหเณ โทสาภาวา’’ติ วณฺณิตํ.
ตสฺมึเยว ขนฺธเก อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) ‘‘สเจปิ ราชราชมหามตฺตาทโย เอกปฺปหาเรเนว มฺจสตํ วา มฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สพฺเพ กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฏิปาฏิยา สงฺฆิกปริโภเคน ปริภฺุชถาติ ทาตพฺพา, ปุคฺคลิกวเสน น ทาตพฺพา’’ติ อาคตํ. ตสฺสา วณฺณนายํเยว วิมติวิโนทนิยํ ‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ อิมินา สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ อกปฺปิยมฺจํ ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเตปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วุตฺเต สงฺฆสฺเสว ¶ วฏฺฏติ, น ปุคฺคลสฺส เขตฺตาทิ วิยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วณฺณิตํ, ตสฺมา ภควโต อาณํ สมฺปฏิจฺฉนฺเตหิ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตหิ ภิกฺขูหิ สุฏฺุ มนสิกาตพฺพมิทํ านํ.
นนุ จ เสนาสเน วิรุทฺธเสนาสนํ นาม ปฏิเสเธตพฺพํ อตฺถิ, อถ กสฺมา ‘‘เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อฺตฺร วิรุทฺธเสนาสนา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – วิรุทฺธเสนาสนา วิรุทฺธเสนาสนํ อฺตฺร เปตฺวา อฺํ วณฺณมฏฺกมฺมาทิกมฺมํ สนฺธาย เสนาสเน กิฺจิ ปฏิเสเธตพฺพํ นตฺถีติ วุตฺตํ, น ตทภาโวติ. ยทิ เอวํ ตํ วิรุทฺธเสนาสนํ อาจริเยน วตฺตพฺพํ, กตมํ วิรุทฺธเสนาสนํ นามาติ ปุจฺฉายมาห ‘‘วิรุทฺธ…เป… วุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ อฺเสนฺติ สีมสฺสามิกานํ. ราชวลฺลเภหีติ ลชฺชิเปสลานํ อุโปสถาทิอนฺตรายกรา อลชฺชิโน ภินฺนลทฺธิกา จ ภิกฺขู อธิปฺเปตา เตหิ สห อุโปสถาทิกรณาโยคโต. เตน จ ‘‘สีมายา’’ติ วุตฺตํ. เตสํ ลชฺชิปริสาติ เตสํ สีมสฺสามิกานํ อนุพลํ ทาตุํ สมตฺถา ลชฺชิปริสา. ภิกฺขูหิ กตนฺติ ยํ อลชฺชีนํ เสนาสนเภทนาทิกํ ลชฺชิภิกฺขูหิ กตํ, ตํ สพฺพํ สุกตเมว อลชฺชินิคฺคหตฺถาย ปวตฺเตตพฺพโต.
เอตฺถ จ สิยา – ‘‘อฺเสํ สีมายา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, สีมา นาม พหุวิธา, กตรสีมํ สนฺธายาติ? พทฺธสีมํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘มา อมฺหากํ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายมกตฺถา’’ติ อฏฺกถายเมว วุตฺตตฺตา, สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ.ฏี. ๒.๘๕) ‘‘อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายกรา อลชฺชิโน ราชกุลูปกา วุจฺจนฺตี’’ติ ¶ วุตฺตตฺตา, อุโปสถาทิวินยกมฺมเขตฺตภูตาย เอว สีมาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา ¶ . ยทิ เอวํ คามสีมสตฺตพฺภนฺตรสีมอุทกุกฺเขปสีมาโยปิ ตํเขตฺตภูตา เอว, ตสฺมา ตาปิ สนฺธายาติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ตาสํ อพทฺธสีมตฺตา, น เต ตาสํ สามิกา, พทฺธสีมาเยว ภิกฺขูนํ กิริยาย สิทฺธตฺตา ตาสํเยว เต สามิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปน สีมสฺสามิเกหิ ภิกฺขูหี’’ติ. ยํ ปน วทนฺติ ‘‘อุปจารสีมาปิ ตํเขตฺตภูตา’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ, ตสฺสา ตทกฺเขตฺตภาวํ อุปริ สีมาวินิจฺฉยกถาทีสุ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๖ อาทโย) กถยิสฺสาม. อปิจ คามสีมาย อฺเสํ เสนาสนกรณสฺส ปฏิเสธิตุมยุตฺตตฺตา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สพฺพทา อติฏฺนโต พทฺธสีมาเยว อธิปฺเปตาติ วิฺายตีติ.
ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา, อนุปวชฺโชติ อิทํ สพฺพมตฺติกามยกุฏี วิย สพฺพถา อนุปโยคารหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน ปฺจวณฺณสุตฺเตหิ วินทฺธฉตฺตาทิกํ, ตตฺถ อกปฺปิยภาโคว ฉินฺทิตพฺโพ, น ตทวเสโส, ตสฺส กปฺปิยตฺตาติ ฉินฺทนฺโต อุปวชฺโชว โหติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ฆฏกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปริกฺขารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ทุติโย ปริจฺเฉโท.
๓. เภสชฺชาทิกรณวินิจฺฉยกถา
๑๕. เอวํ ปริกฺขารวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ เภสชฺชกรณปริตฺตปฏิสนฺถารานํ วินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘เภสชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภิสกฺกสฺส อิทํ กมฺมํ เภสชฺชํ. กึ ตํ? ติกิจฺฉนํ ¶ . กริยเต กรณํ, เภสชฺชสฺส กรณํ เภสชฺชกรณํ, เวชฺชกมฺมกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปริสมนฺตโต ตายติ รกฺขตีติ ปริตฺตํ, อารกฺขาติ อตฺโถ. ปฏิสนฺถรณํ ปฏิสนฺถาโร, อตฺตนา สทฺธึ อฺเสํ สมฺพนฺธกรณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ โย วินิจฺฉโย มาติกายํ ‘‘เภสชฺชกรณมฺปิ จ ปริตฺตํ, ปฏิสนฺถาโร’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) มยา วุตฺโต ¶ , ตสฺมึ สมภินิวิฏฺเ เภสชฺชกรณวินิจฺฉเย. สหธมฺโม เอเตสนฺติ สหธมฺมิกา, เตสํ, เอกสฺส สตฺถุโน สาสเน สหสิกฺขมานธมฺมานนฺติ อตฺโถ. อถ วา สหธมฺเม นิยุตฺตา สหธมฺมิกา, เตสํ, สหธมฺมสงฺขาเต สิกฺขาปเท สิกฺขมานภาเวน นิยุตฺตานนฺติ อตฺโถ. วิวฏฺฏนิสฺสิตสีลาทิยุตฺตภาเวน สมตฺตา สมสีลสทฺธาปฺานํ. เอเตน ทุสฺสีลานํ ภินฺนลทฺธิกานฺจ อกาตุมฺปิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ.
าตกปวาริตฏฺานโต วาติ อตฺตโน วา เตสํ วา าตกปวาริตฏฺานโต. น กริยิตฺถาติ อกตา, อยุตฺตวเสน อกตปุพฺพา วิฺตฺติ อกตวิฺตฺติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘อกตวิฺตฺติยาติ น วิฺตฺติยา. สา หิ อนนฺุาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ, ‘วเทยฺยาถ ภนฺเต เยนตฺโถ’ติ เอวํ อกตฏฺาเน วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตีติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ‘‘คิลานสฺส อตฺถาย อปฺปวาริตฏฺานโต วิฺตฺติยา อนฺุาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิฺตฺติ, ‘วท ภนฺเต ปจฺจเยนา’ติ เอวํ อกตปวารณฏฺาเน จ วิฺตฺติ อกตวิฺตฺตี’’ติ.
๑๖. ปฏิยาทิยตีติ สมฺปาเทติ. อกาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ทุกฺกฏนฺติ วทนฺติ, อยุตฺตตาวเสน ปเนตฺถ อกรณปฺปฏิกฺเขโป วุตฺโต, น อาปตฺติวเสนาติ คเหตพฺพํ. สพฺพํ ¶ ปริกมฺมํ อนามสนฺเตนาติ มาตุคามสรีราทีนํ อนามาสตฺตา วุตฺตํ. ยาว าตกา น ปสฺสนฺตีติ ยาว ตสฺส าตกา น ปสฺสนฺติ. ‘‘ติตฺถิยภูตานํ มาตาปิตูนํ สหตฺถา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) วุตฺตํ.
๑๗. ปิตุ ภคินี ปิตุจฺฉา. มาตุ ภาตา มาตุโล. นปฺปโหนฺตีติ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ ฏีกาสุ วุตฺตํ. ‘‘เตสํเยว สนฺตกํ เภสชฺชํ คเหตฺวา เกวลํ โยเชตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน นปฺปโหนฺติ ยาจนฺติ จ, เทถ โน ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปฏิทสฺสามา’’ติ วุตฺตตฺตา ปน เตสํ เภสชฺชสฺส อปฺปโหนกตฺตา เภสชฺชเมว ยาจนฺตีติ อฏฺกถาธิปฺปาโย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺโพ. น ยาจนฺตีติ ลชฺชาย น ยาจนฺติ, คารเวน วา. ‘‘อาโภคํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อฺถา เทนฺตสฺส อาปตฺติเยว. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘) ปน ‘‘อาโภคํ กตฺวาติ อิทํ กตฺตพฺพกรณทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อาโภคํ ปน อกตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏตีติ ¶ ตีสุ คณฺิปเทสุ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. โปราณฏีกายมฺปิ ตเทว คเหตฺวา ลิขิตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ปน ตํ วจนํ ปฏิกฺขิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ เกจิ ปน ‘‘อาโภคํ อกตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ เภสชฺชกรณสฺส, ปาฬิยํ ‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ เอวํ อนฺตราปตฺติทสฺสนวเสน สามฺโต ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, อฏฺกถายํ อวุตฺตปฺปกาเรน กโรนฺตสฺส สุตฺเตเนว อาปตฺติสิทฺธาติ ทฏฺพฺพา. เตเนว อฏฺกถายมฺปิ ‘เตสฺเว สนฺตก’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ.
เอเต ทส าตเก เปตฺวาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโยปิ ตปฺปฏิพทฺธตฺตา าตกา เอวาติ เตปิ เอตฺเถว สงฺคหิตา. เตน อฺเสนฺติ อิมินา อฺาตกานํ คหณํ เวทิตพฺพํ ¶ . เตเนวาห ‘‘เอเตสํ ปุตฺตปรมฺปรายา’’ติอาทิ. กุลปริวฏฺฏาติ กุลานํ ปฏิปาฏิ, กุลปรมฺปราติ วุตฺตํ โหติ. เภสชฺชํ กโรนฺตสฺสาติ ยถาวุตฺตวิธินา กโรนฺตสฺส, ‘‘ตาวกาลิกํ ทสฺสามี’’ติ อาโภคํ อกตฺวา เทนฺตสฺสปิ ปน อนฺตราปตฺติทุกฺกฏํ วินา มิจฺฉาชีวนํ วา กุลทูสนํ วา น โหติเยว. เตนาห ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตี’’ติ. าตกานฺหิ สนฺตกํ ยาจิตฺวาปิ คเหตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ตตฺถ กุลทูสนาทิ น สิยา. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ‘‘มยฺหํ ทสฺสนฺติ กริสฺสนฺตีติ ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺสปิ ยาจิตฺวา คเหตพฺพฏฺานตาย าตเกสุ เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วจนโต ยาว สตฺตโม กุลปริวฏฺโฏ, ตาว เภสชฺชํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ ‘‘จูฬมาตุยา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ จูฬมาตุยา สามิโกติอาทินา โยเชตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
อุปชฺฌายสฺส อาหรามาติ อิทํ อุปชฺฌาเยน มม าตกานํ เภสชฺชํ อาหรถาติ อาณตฺเตหิ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิมินา จ สามเณราทีนํ อปจฺจาสายปิ ปรชนสฺส เภสชฺชกรณํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. วุตฺตนเยเนว ปริเยสิตฺวาติ อิมินา ‘‘ภิกฺขาจารวตฺเตน วา’’ติอาทินา, ‘‘าติสามเณเรหิ วา’’ติอาทินา จ วุตฺตมตฺถํ อติทิสติ. อปจฺจาสีสนฺเตนาติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) อาคนฺตุกโจราทีนํ กโรนฺเตนปิ มนุสฺสา นาม อุปการกา โหนฺตีติ อตฺตโน เตหิ ลาภํ อปตฺถยนฺเตน, ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺส ¶ ปน เวชฺชกมฺมกุลทูสนาทินา ¶ โทโส โหตีติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ อุปกาเร กเต สาสนสฺส คุณํ ตฺวา ปสีทนฺติ, สงฺฆสฺส วา อุปการกา โหนฺตีติ กรเณ ปน โทโส นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘อปจฺจาสีสนฺเตน อาคนฺตุกาทีนํ ปฏิกฺขิตฺตปุคฺคลานมฺปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ กตฺตพฺพากตฺตพฺพฏฺานวิภาคสฺส นิรตฺถกตฺตปฺปสงฺคโต อปจฺจาสีสนฺเตน ‘‘สพฺเพสมฺปิ ทาตุํ กาตฺุจ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วตฺตพฺพโต. อปจฺจาสีสนฺจ มิจฺฉาชีวกุลทูสนาทิโทสนิเสธนตฺถเมว วุตฺตํ น เภสชฺชกรณสงฺขาตาย อิมิสฺสา อนฺตราปตฺติยา มุจฺจนตฺถํ อาคนฺตุกโจราทีนํ อนฺุาตานํ ทาเนเนว ตาย อาปตฺติยา มุจฺจนโตติ คเหตพฺพํ.
๑๘. เตเนว อปจฺจาสีสนฺเตนปิ อกาตพฺพฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธํ กุล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เภสชฺชํ อาจิกฺขถา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อฺมฺํ ปน กถา กาตพฺพา’’ติ อิทํ ปริยายตฺตา วฏฺฏติ. เอวํ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิทฺจิทฺจ คเหตฺวา กโรนฺตีติ อิมินา ปริยาเยน กเถนฺตสฺสปิ เนวตฺถิ โทโสติ อาจริยา. ปุจฺฉนฺตีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺโรคีนํ ปริยาเยนปิ วตฺวา วิจรณํ อยุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปุจฺฉิตสฺสปิ ปน ปจฺจาสีสนฺตสฺส ปริยายกถาปิ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สมุลฺลเปสีติ อปจฺจาสีสนฺโต เอว อฺมฺํ กถํ สมุฏฺาเปสิ. อาจริยภาโคติ วินยาจารํ อโกเปตฺวา เภสชฺชาจิกฺขเณน เวชฺชาจริยภาโค อยนฺติ อตฺโถติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) วุตฺตํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) ปน ‘‘วินยลกฺขณํ อชานนฺตสฺส อนาจริยสฺส ตทนุรูปโวหาราสมฺภวโต อีทิสสฺส ลาภสฺส อุปฺปตฺติ นาม นตฺถีติ ‘อาจริยภาโค นาม อย’นฺติ วุตฺตํ. วินเย ¶ ปกตฺุนา อาจริเยน ลภิตพฺพภาโค อยนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปุปฺผปูชนตฺถาย ทินฺเนปิ อกปฺปิยโวหาเรน วิธานสฺส อยุตฺตตฺตา ‘กปฺปิยวเสนา’ติ วุตฺตํ, ‘ปุปฺผํ อาหรถา’ติอาทินา กปฺปิยโวหารวเสนาติ อตฺโถ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๘๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ปน ‘‘ปุปฺผปูชนตฺถายปิ สมฺปฏิจฺฉิยมานํ รูปิยํ อตฺตโน สนฺตกตฺตภชเนน นิสฺสคฺคิยเมวาติ อาห ‘กปฺปิยวเสน คาหาเปตฺวา’ติ. ‘อมฺหากํ รูปิยํ น วฏฺฏติ, ปุปฺผปูชนตฺถํ ปุปฺผํ วฏฺฏตี’ติอาทินา ปฏิกฺขิปิตฺวา กปฺปิเยน กมฺเมน คาหาเปตฺวาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๘๖) ปน ‘‘กปฺปิยวเสนาติ อมฺหากํ ปุปฺผํ ¶ อาเนถาติอาทินา. ‘ปูชํ อกาสี’ติ วุตฺตตฺตา สยํ คเหตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อยเมตฺถ เภสชฺชกรณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.
๑๙. เอวํ เภสชฺชกรณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปริตฺตกรณวินิจฺฉยํ กเถตุมาห ‘‘ปริตฺเต ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยทิ ‘‘ปริตฺตํ กโรถา’’ติ วุตฺเต กโรนฺติ, เภสชฺชกรณํ วิย คิหิกมฺมํ วิย จ โหตีติ ‘‘น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วุตฺเต ปน ธมฺมชฺเฌสนตฺตา อนชฺฌิฏฺเนปิ ภณิตพฺโพ ธมฺโม, ปเคว อชฺฌิฏฺเนาติ ‘‘กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ ปริตฺตํ กโรนฺเตน กาตพฺพวิธึ ทสฺเสติ. จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ อิทํ วา ‘‘ปริตฺตาณํ เอตฺถ ปเวเสมี’’ติ จิตฺเตน เอวํ กเต ปริตฺตาณา เอตฺถ ปเวสิตา นาม โหตีติ วุตฺตํ. วิหารโต…เป… ทุกฺกฏนฺติ อิทํ อฺาตเก คหฏฺเ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ปาเทสุ อุทกํ อากิริตฺวาติ อิทํ ตสฺมึ เทเส จาริตฺตวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ปาฬิยา นิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ ปาเทสุ โรควูปสมนาทิอตฺถาย อุทกํ สิฺจิตฺวา ปริตฺตํ กาตุํ สุตฺตฺจ เปตฺวา ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวฺหิ กริยมาเน ยทิ ปาเท ¶ อปเนนฺติ, มนุสฺสา ตํ ‘‘อวมงฺคล’’นฺติ มฺนฺติ ‘‘โรโค น วูปสเมสฺสตี’’ติ. เตนาห ‘‘น ปาทา อปเนตพฺพา’’ติ.
มตสรีรทสฺสเน วิย เกวเล สุสานทสฺสเนปิ อิทํ ชาตานํ สตฺตานํ วยคมนฏฺานนฺติ มรณสฺา อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘สีวถิกทสฺสเน…เป… มรณสฺสตึ ปฏิลภิสฺสามาติ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เลสกปฺปํ อกตฺวา สมุปฺปนฺนสุทฺธจิตฺเตน ‘‘ปริวารตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุตฺเตปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) วุตฺตํ. เอเตน อสุภทสฺสนนฺติ วจนมตฺเตน เลสกปฺปํ กตฺวา เอวํ คเต มตสฺส าตกา ปสีทิสฺสนฺติ, ทานํ ทสฺสนฺติ, มยํ ลาภํ ลภิสฺสาม, อุปฏฺากํ ลภิสฺสามาติ อสุทฺธจิตฺเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. กมฺมฏฺานสีเสน ปน ‘‘มรณสฺสตึ ลภิสฺสามา’’ติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน ปกฺโกสิเตปิ อปกฺโกสิเตปิ คนฺตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตาลปณฺณสฺส ปริตฺตเลขนฏฺานตฺตา ปริตฺตสุตฺตสฺส ปริตฺตกรณสฺาณตฺตา ตานิ ทิสฺวา อมนุสฺสา ปริตฺตสฺาย อปกฺกมนฺตีติ อาห ‘‘ตาลปณฺณํ ปน ปริตฺตสุตฺตํ วา หตฺเถ วา ปาเท วา พนฺธิตพฺพ’’นฺติ.
เอตฺถ จ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) วา ¶ ภณิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตโกเยว วินยฏฺกถาภโต ปาฬิมุตฺตปริตฺตกรณวินิจฺฉโย, น ปน ตโต ปรํ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิโก กถามคฺโค สมนฺตปาสาทิกายํ นตฺถิ, ตีสุ ฏีกาสุปิ ตํสํวณฺณนานโย นตฺถิ, ตถาปิ โส สุตฺตฏฺกถายํ อาคโตวาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ ปน อาฏานาฏิยสุตฺตสฺส ปริกมฺมํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิธาติ ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺตํ วา ภณิตพฺพ’’นฺติ วจเน. ปนาติ วิเสสตฺเถ นิปาโต. ทีฆนิกาเย ปาถิกวคฺเค อาคตสฺส อาฏานาฏิยปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ เอวํ เวทิตพฺพนฺติ โยชนา. ยทิ ปมเมว น วตฺตพฺพํ, อถ กึ กาตพฺพนฺติ ¶ อาห ‘‘เมตฺตสุตฺต’’นฺติอาทิ. เอวฺหิ ลทฺธาเสวนํ หุตฺวา อติโอชวนฺตํ โหติ.
ปิฏฺํ วา มํสํ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน มจฺฉขณฺฑปูวขชฺชกาทโย สงฺคณฺหาติ. โอตารํ ลภนฺตีติ อตฺตนา ปิยายิตขาทนียนิพทฺธวสนฏฺานลาภตาย อวตารณํ ลภนฺติ. หริตูปลิตฺตนฺติ อลฺลโคมยลิตฺตํ. อิทฺหิ โปราณกจาริตฺตํ ภูมิวิสุทฺธกรณํ. ปริสุทฺธํ…เป… นิสีทิตพฺพนฺติ อิมินา ปริตฺตการกสฺส ภิกฺขุโน เมตฺตากรุณาวเสน จิตฺตวิสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เอวฺหิ สติ อุปริ วกฺขมานอุภยโต รกฺขาสํวิธาเนน สเมติ. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๘๒) ปน ‘‘สรีรสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. น หิ ‘‘กายสุทฺธิมตฺเตน อมนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติ วุตฺตํ, เมตฺตาวเสเนว ปน วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา…เป… เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปริ. ๓๓๑; มิ. ป. ๔.๔.๖).
ปริตฺตการโก…เป… สมฺปริวาริเตนาติ อิทํ ปริตฺตกรโณ พาหิรโต อารกฺขาสํวิธานํ, ‘‘เมตฺต…เป… วตฺตพฺพ’’นฺติ อพฺภนฺตรโต อารกฺขาสํวิธานํ, เอวํ อุภยโต รกฺขาสํวิธานํ โหติ. เอวฺหิ อมนุสฺสา ปริตฺตการกสฺส อนฺตรายํ กาตุํ น วิสหนฺติ. มงฺคลกถา วตฺตพฺพาติ อมนุสฺสานํ โตสนตฺถาย ปณฺณาการํ กตฺวา มหามงฺคลกถา กเถตพฺพา. เอวํ อุปริ วกฺขมาเนน ‘‘ตุยฺหํ ปณฺณาการตฺถาย มหามงฺคลกถา วุตฺตา’’ติ วจเนน สเมติ. ฏีกายํ ปน ‘‘ปุพฺพุปจารวเสน วตฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพสนฺนิปาโตติ ตสฺมึ วิหาเร ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ ¶ สนฺนิปาโต โฆเสตพฺโพ ‘‘เจติยงฺคเณ สพฺเพหิ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ. อนาคนฺตุํนาม ¶ น ลภตีติ อมนุสฺโส พุทฺธาณาภเยน ราชาณาภเยน อนาคนฺตุํ น ลภติ จตุนฺนํ มหาราชูนํ อาณาฏฺานิยตฺตา. คหิตกาปเทเสน อมนุสฺโสว ปุจฺฉิโต โหตีติ ‘‘อมนุสฺสคหิตโก ‘ตฺวํ โก นาโม’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. มาลาคนฺธาทีสูติ มาลาคนฺธาทิปูชาสุ. อาสนปูชายาติ เจติเย พุทฺธาสนปูชาย. ปิณฺฑปาเตติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปิณฺฑปาตทาเน. เอวํ วตฺถุปฺปเทเสน เจตนา วุตฺตา, ตสฺมา ปตฺติทานํ สมฺภวติ.
เทวตานนฺติ ยกฺขเสนาปตีนํ. วุตฺตฺหิ อาฏานาฏิยสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๒๘๓, ๒๙๓) ‘‘อิเมสํ ยกฺขานํ มหายกฺขานํ เสนาปตีนํ มหาเสนาปตีนํ อุชฺฌาเปตพฺพ’’นฺติอาทิ. อาฏาติ ทพฺพิมุขสกุณา. เต อาฏา นทนฺติ เอตฺถาติ อาฏานาทํ, เทวนครํ, อาฏานาเท กตํ อาฏานาทิยํ, สุตฺตํ. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๘๒) ‘‘ปริตฺตํ ภณิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ ‘เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา’ติ จ ‘มงฺคลกถา วตฺตพฺพา’ติ จ ‘วิหารสฺส อุปวเน’ติ จ เอวมาทิ สพฺพํ คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตํ ปริกมฺมํ กาตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒) ‘‘เอตํ ตาว คิหีนํ ปริกมฺม’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน ภิกฺขู’’ติอาทินา วิเสสตฺถโชตเกน ปน-สทฺเทน สห วุจฺจมานํ ‘‘อิทํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺม’’นฺติ วจนํ นิรตฺถกํ วิย โหติ. อวิเสเส หิ สติ เภโท กาตพฺโพ น สิยา. ภิกฺขูนฺจ ยถาวุตฺตาว พาหิรารกฺขา ทุกฺกรา โหติ, ตสฺมา คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตปริกมฺเม อสมฺปชฺชมาเนปิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว กาตุํ วฏฺฏตีติ โน มติ.
อิทํ ปน อิธ อาคตํ อาฏานาฏิยสุตฺตปริกมฺมํ สุตฺวา ‘‘อิทํ สุตฺตํ อมนุสฺสานํ อมนาปํ, สชฺฌายนฺตสฺส ปริตฺตํ กโรนฺตสฺส ¶ อมนุสฺสา อนฺตรายํ กเรยฺยุ’’นฺติ มฺมานา โปราณา จตูหิ มหาราเชหิ อาโรจิตํ สพฺพฺุพุทฺเธน เทสิตํ มูลภูตํ ทีฆนิกาเย อาคตํ อาฏานาฏิยสุตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) ปหาย มูลสุตฺตโต คาถาฉกฺกเมว คเหตฺวา อวเสสํ สพฺพํ สุตฺตํ เปตฺวา อฺคาถาโย ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อาฏานาฏิยปริตฺต’’นฺติ เปสุํ, ตมฺปิ ปริตฺตํ อมูลภูตตฺตา เอเกนากาเรน ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตา เกจิ สํขิตฺเตน ธาเรนฺติ, เกจิ วิตฺถาเรน, เกจิ เอกจฺจา คาถาโย ปกฺขิปนฺติ, เกจิ นิกฺขิปนฺติ, เกจิ ภิกฺขู ตํมิสฺสกปริตฺตมฺปิ มงฺคลกรณกาลาทีสุ วตฺตุมวิสหนฺตา ตํ เปตฺวา อฺสุตฺตานิเยว ภณนฺติ, สพฺพเมตํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมา? จตฺตาโรปิ มหาราชาโน อิมํ อาฏานาฏิยํ รกฺขํ สํวิทหมานา พุทฺธสาสเน อมนุสฺสานํ ปสาทาย, จตสฺสนฺนํ ปริสานํ อวิเหนาย เอว สํวิทหึสุ ¶ , น อฺเน การเณน. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ตตฺถ สนฺติ อุฬารา ยกฺขานิวาสิโน, เย อิมสฺมึ ภควโต ปาวจเน อปฺปสนฺนา, เตสํ ปสาทาย อุคฺคณฺหาตุ ภนฺเต ภควา อาฏานาฏิยํ รกฺขํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ คุตฺติยา รกฺขาย อวิหึสาย ผาสุวิหารายา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๗๖).
สมฺมาสมฺพุทฺเธนปิ อิมสฺส สุตฺตสฺส นิคมเน ‘‘อุคฺคณฺหาถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, ปริยาปุณาถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, ธาเรถ ภิกฺขเว อาฏานาฏิยํ รกฺขํ, อตฺถสํหิตา ภิกฺขเว อาฏานาฏิยา รกฺขา ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ คุตฺติยา รกฺขาย อวิหึสาย ผาสุวิหารายา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๕) ภิกฺขูนํ ธารณํ อุยฺโยชิตํ อานิสํสฺจ ปกาสิตํ. อฏฺกถาจริเยหิ จ ‘‘พุทฺธภาสิเต เอกกฺขรมฺปิ เอกปทมฺปิ อปเนตพฺพํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ ¶ , ตสฺมา จตูหิ มหาราเชหิ สํวิทหิตํ สมฺมาสมฺพุทฺเธน อาหจฺจภาสิตํ ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปกติอาฏานาฏิยสุตฺตเมว ธาเรตุํ สชฺฌายิตฺุจ ยุตฺตํ, น ภควตา อภาสิตํ ติสฺโส สงฺคีติโย อนารุฬฺหํ มิสฺสกสุตฺตนฺติ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒) อาคตํ อิทํ อาฏานาฏิยปริตฺตปริกมฺมํ ปน ปกติสชฺฌายนวาจนาทึ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺตํ, อถ โข คหฏฺํ วา ปพฺพชิตํ วา อมนุสฺเสหิ คหิตกาเล โมจาปนตฺถาย โลกิเยหิ มนฺตํ วิย ภณนํ สนฺธาย วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘อมนุสฺสคหิตโก ตฺวํ โก นาโมสีติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๒).
อาฏานาฏิยา รกฺขา จ นาม น สกลสุตฺตํ, อถ โข ‘‘วิปสฺสิสฺส จ นมตฺถู’’ติ ปทํ อาทึ กตฺวา จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสน จตุกฺขตฺตุํ อาคตํ ‘‘ชินํ วนฺทาม โคตม’’นฺติ ปทํ ปริโยสานํ กตฺวา วุตฺตสุตฺเตกเทโสเยว. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อถ โข เวสฺสวโณ มหาราชา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อิมํ อาฏานาฏิยํ รกฺขํ อภาสี’’ติ อารภิตฺวา ยถาวุตฺตสุตฺเตกเทสสฺส อวสาเน ‘‘อยํ โข มาริสา อาฏานาฏิยา รกฺขา’’ติ นิยฺยาติตตฺตา. ตสฺมา ยถา นาม พฺยคฺฆาทโย อตฺตโน ภกฺขํ วิลุมฺปนฺตานํ พลวทุฏฺจิตฺตา ภวนฺติ, เอวํ อตฺตนา คหิตมนุสฺสํ โมจาเปนฺตานํ อมนุสฺสา ปทุฏฺจิตฺตา โหนฺติ. อิติ ตถา โมจาเปตุํ อารทฺธกาเล ภิกฺขูนํ ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ อิมํ อาฏานาฏิยปริตฺตปริกมฺมํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยํ ปริตฺตกรณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.
๒๐. อนามฏฺปิณฺฑปาโตติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๘๕) ¶ เอตฺถ อมสิยิตฺถาติ อามฏฺโ, น อามฏฺโ อนามฏฺโ. ปิณฺฑํ ปิณฺฑํ หุตฺวา ปตตีติ ¶ ปิณฺฑปาโต. อนามฏฺโ จ โส ปิณฺฑปาโต จาติ ตถา, อคฺคหิตอคฺโค, อปริภุตฺโต ปิณฺฑปาโตติ อตฺโถ. สเจปิ กหาปณคฺฆนโก โหตีติ อิมินา ทายเกหิ พหุพฺยฺชเนน สมฺปาเทตฺวา สกฺกจฺจํ ทินฺนภาวํ ทีเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นตฺถี’’ติ, เอวํ สกฺกจฺจํ สทฺธาย ทินฺนํ มหคฺฆโภชนมฺปิ มาตาปิตูนํ ทตฺวา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ นาม น โหติ, ปเคว อปฺปคฺฆโภชเนติ อธิปฺปาโย. มาตาทิปฺจกํเยว วตฺวา เภสชฺชกรเณ วิย อปเรสมฺปิ ทสนฺนํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อวุตฺตตฺตา อฺเสํ าตกานมฺปิ เปเสตฺวา ทาตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ‘‘วิหารํ สมฺปตฺตสฺส ปน ยสฺส กสฺสจิ อาคนฺตุกสฺส วา’’อิจฺจาทิวกฺขมานตฺตา วิหารํ สมฺปตฺตานํ าตกานมฺปิ อาคนฺตุกสามฺเน ทาตุํ วฏฺฏตีติ จ. ถาลเกติ สงฺฆิเก กํสาทิมเย ถาลเก. ปตฺโตปิ เอตฺถ สงฺคยฺหติ. น วฏฺฏตีติ อิมินา ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ทามริกโจรสฺสาติ รชฺชํ ปตฺเถนฺตสฺส ปากฏโจรสฺส. อทียมาเนปิ ‘‘น เทนฺตี’’ติ กุชฺฌนฺตีติ สมฺพนฺโธ.
อามิสสฺส ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส ปฏิสนฺถรณํ ปิทหนํ ปฏิสนฺถาโร. โส ปน ธมฺมามิสวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ อามิสปฏิสนฺถารํ สนฺธาย ‘‘กสฺส กาตพฺโพ, กสฺส น กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อาคนฺตุกสฺส วา…เป… กาตพฺโพเยวาติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘อาคนฺตุกํ ตาวา’’ติอาทิมาห. ขีณปริพฺพยนฺติ อิมินา อคติภาวํ กรุณาฏฺานตฺจ ทสฺเสติ. เตน จ ตพฺพิธุรานํ สมิทฺธานํ อาคนฺตุกตฺเตปิ ทาตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ‘‘อปจฺจาสีสนฺเตนา’’ติ วตฺวา ปจฺจาสีสนปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนนฺุาตานํ ปน อปจฺจาสีสนฺเตนปิ ทาตุํ น วฏฺฏติ สทฺธาเทยฺยวินิปาตตฺตา, ปจฺจาสาย ¶ ปน สติ กุลทูสนมฺปิ โหติ. อุพฺพาเสตฺวาติ สมนฺตโต ติโยชนํ วิลุมฺปนฺเต มนุสฺเส ปลาเปตฺวา. วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ อเนกปฺปการํ อิตฺถิปุริสาทิอุตฺตมรูปวิจิตฺตํ อตฺถรณํ. อยํ ปฏิสนฺถารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
เภสชฺชาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ตติโย ปริจฺเฉโท.
๔. วิฺตฺติวินิจฺฉยกถา
๒๑. เอวํ ¶ เภสชฺชาทิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ วิฺตฺติวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วิฺตฺตีติ ยาจนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิฺาปนา วิฺตฺติ, ‘‘อิมินา โน อตฺโถ’’ติ วิฺาปนา, ยาจนาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘วิฺตฺตีติ ยาจนา’’ติ. ตตฺร วิฺตฺติยํ อยํ มยา วกฺขมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. มูลจฺเฉชฺชายาติ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๔๒) ปรสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา อตฺตโน เอว สนฺตกกรณวเสน. เอวํ ยาจโต อฺาตกวิฺตฺติทุกฺกฏฺเจว ทาสปฏิคฺคหทุกฺกฏฺจ โหติ ‘‘ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) โหตี’’ติ วจนํ นิสฺสาย อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. าตกปวาริตฏฺานโต ปน ทาสํ มูลจฺเฉชฺชาย ยาจนฺตสฺส สาทิยนวเสเนว ทุกฺกฏํ. สกกมฺมนฺติ ปาณวธกมฺมํ. อิทฺจ ปาณาติปาตโทสปริหาราย วุตฺตํ, น วิฺตฺติปริหาราย. อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, สุทฺธจิตฺเตน ปน หตฺถกมฺมํ ยาจนฺตสฺส อาปตฺติ นาม นตฺถิ. ยทิจฺฉกํ การาเปตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘หตฺถกมฺมํ ยาจามิ, เทถา’’ติอาทินา อยาจิตฺวาปิ ¶ วฏฺฏติ, สกิจฺจปสุตมฺปิ เอวํ การาเปนฺตสฺส วิฺตฺติ นตฺถิ เอว, สามีจิทสฺสนตฺถํ ปน วิภชิตฺวา วุตฺตํ.
สพฺพกปฺปิยภาวทีปนตฺถนฺติ สพฺพโส กปฺปิยภาวทสฺสนตฺถํ. มูลํ เทถาติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘มูลํ ทสฺสามา’’ติ ปมํ วุตฺตตฺตา วิฺตฺติ วา ‘‘มูล’’นฺติ วจนสฺส กปฺปิยากปฺปิยวตฺถุสามฺวจนตฺตา อกปฺปิยวจนํ วา นิฏฺิตภติกิจฺจานํ ทาปนโต อกปฺปิยวตฺถุสาทิยนํ วา น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. มูลจฺเฉชฺชาย วาติ อิทํ อิธ ถมฺภาทีนํ ทาสิทาสาทิภาวาภาวโต วุตฺตํ. อนชฺฌาวุตฺถกนฺติ อปริคฺคหิตํ, อสฺสามิกนฺติ อตฺโถ.
๒๒. น เกวลฺจ…เป… จีวราทีนิ การาเปตุกาเมนาติอาทีสุ จีวรํ การาเปตุกามสฺส อฺาตกอปฺปวาริตตนฺตวาเยหิ หตฺถกมฺมยาจนวเสน วายาปเน วิฺตฺติปจฺจยา ทุกฺกฏาภาเวปิ จีวรวายาปนสิกฺขาปเทน ยถารหํ ปาจิตฺติยทุกฺกฏานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพํ. อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพนฺติ กปฺปิยมุเขน ลทฺธมฺปิ ตตฺถ กมฺมกรณตฺถาย อิมสฺส กหาปณํ เทหีติ วตฺวา ‘‘ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ทาปเน กิฺจาปิ โทโส น ทิสฺสติ, ตถาปิ อสารุปฺปเมวาติ วทนฺติ. กตกมฺมตฺถายปิ กปฺปิยโวหาเรน ¶ ปริยายโต ภตึ ทาเปนฺตสฺส นตฺถิ โทโส, สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๓๔๒) ปน ‘‘อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพนฺติ กิฺจาปิ อกปฺปิยกหาปณาทึ อสาทิยนฺเตน กปฺปิยโวหารโต ทาตุํ วฏฺฏติ, ตถาปิ สารุปฺปํ น โหติ, มนุสฺสา จ เอตสฺส สนฺตกํ กิฺจิ อตฺถีติ วิเหเตพฺพํ มฺนฺตีติ อกปฺปิยกหาปณาทิทานํ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตเถว ปาเจตฺวาติ หตฺถกมฺมวเสเนว ปาเจตฺวา. ‘‘กึ ภนฺเต’’ติ เอตฺตเกปิ ปุจฺฉิเต ยทตฺถาย ปวิฏฺโ, ตํ กเถตุํ ลภติ ปุจฺฉิตปฺหตฺตา.
๒๓. วตฺตนฺติ ¶ จาริตฺตํ, อาปตฺติ ปน น โหตีติ อธิปฺปาโย. กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคเหตพฺพานีติ สาขาย มกฺขิกพีชเนน ปณฺณาทิเฉเท พีชคามโกปนสฺส เจว ตตฺถ ลคฺครชาทิอปฺปฏิคฺคหิตกสฺส จ ปริหารตฺถาย วุตฺตํ, ตทุภยาสงฺกาย อสติ ตถา อกรเณ โทโส นตฺถิ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๓๔๒) ปน ‘‘กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคเหตพฺพานีติ สาขาย ลคฺครชสฺมึ ปตฺเต ปติเตปิ สาขํ ฉินฺทิตฺวา ขาทิตุกามตายปิ สติ สุขปริโภคตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. นทิยาทีสุ อุทกสฺส อปริคฺคหิตตฺตา ‘‘อาหราติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เคหโต…เป… เนว วฏฺฏตีติ ปริคฺคหิตุทกตฺตา วิฺตฺติยา ทุกฺกฏํ โหตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘น อาหฏํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ วจนโต วิฺตฺติยา อาปนฺนํ ทุกฺกฏํ เทเสตฺวาปิ ตํ วตฺถุํ ปริภฺุชนฺตสฺส ปริโภเค ปริโภเค ทุกฺกฏเมว, ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น วฏฺฏติ.
‘‘อลชฺชีหิ ปน ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา หตฺถกมฺมํ น กาเรตพฺพ’’นฺติ สามฺโต วุตฺตตฺตา อตฺตโน อตฺถาย ยํ กิฺจิ หตฺถกมฺมํ กาเรตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ปน อลชฺชี นิวาริยมาโนปิ พีชนาทึ กโรติ, ตตฺถ โทโส นตฺถิ, เจติยกมฺมาทีนิ ปน เตหิ การาเปตุํ วฏฺฏตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๔๒) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๔๒) ปน ‘‘อลชฺชีหิ…เป… น กาเรตพฺพนฺติ อิทํ อุตฺตริภงฺคาธิการตฺตา อชฺโฌหรณียํ สนฺธาย วุตฺตํ, พาหิรปริโภเคสุ ปน อลชฺชีหิปิ หตฺถกมฺมํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อลชฺชีหิ สามเณเรหี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ (ปริ. ๓๕๙) อลชฺชิลกฺขณํ อุกฺกฏฺวเสน อุปสมฺปนฺเน ปฏิจฺจ อุปลกฺขณโต วุตฺตนฺติ ตํลกฺขณวิรหิตานํ สามเณราทีนํ ลิงฺคตฺเถนโคตฺรภุปริโยสานานํ ¶ ภิกฺขุปฏิฺานํ ทุสฺสีลานมฺปิ สาธารณวเสน อลชฺชิลกฺขณํ ยถาปิตปฏิปตฺติยา อติฏฺนเมวาติ คเหตพฺพํ.
๒๔. โคณํ ¶ ปน…เป… อาหราเปนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วิฺตฺติกฺขเณ วิฺตฺติปจฺจยา, ปฏิลาภกฺขเณ โคณานํ สาทิยนปจฺจยา จ ทุกฺกฏํ. โคณฺหิ อตฺตโน อตฺถาย อวิฺตฺติยา ลทฺธมฺปิ สาทิตุํ น วฏฺฏติ ‘‘หตฺถิควาสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วุตฺตตฺตา. เตเนวาห ‘‘าตกปวาริตฏฺานโตปิ มูลจฺเฉชฺชาย ยาจิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. เอตฺถ จ วิฺตฺติทุกฺกฏาภาเวปิ อกปฺปิยวตฺถุยาจเนปิ ปฏิคฺคหเณปิ ทุกฺกฏเมว. รกฺขิตฺวาติ โจราทิอุปทฺทวโต รกฺขิตฺวา. ชคฺคิตฺวาติ ติณอนฺนาทีหิ โปเสตฺวา. น สมฺปฏิจฺฉิตพฺพนฺติ อตฺตโน อตฺถาย โคสาทิยนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา วุตฺตํ.
๒๕. าตกปวาริตฏฺาเน ปน วฏฺฏตีติ สกฏสฺส สมฺปฏิจฺฉิตพฺพตฺตา มูลจฺเฉชฺชวเสน ยาจิตุํ วฏฺฏติ. ตาวกาลิกํ วฏฺฏตีติ อุภยตฺถาปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๔๒) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๔๒) ปน ‘‘สกฏํ เทถาติ…เป… น วฏฺฏตีติ มูลจฺเฉชฺชวเสน สกฏํ เทถาติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ตาวกาลิกํ วฏฺฏตีติ ตาวกาลิกํ กตฺวา สพฺพตฺถ ยาจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วาสิอาทีนิ ปุคฺคลิกานิปิ วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘เอส นโย วาสี’’ติอาทิ. วลฺลิอาทีสุ จ ปรปริคฺคหิเตสุ เอส นโยติ โยเชตพฺพํ. ครุภณฺฑปฺปโหนเกสุเยวาติ อิทํ วิฺตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, อทินฺนาทาเน ปน ติณสลากํ อุปาทาย ปรปริคฺคหิตํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหโต อวหาโร เอว, ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. วลฺลิอาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปาฬิอาคตานํ เวฬุมฺุชปพฺพชติณมตฺติกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ จ ยสฺมึ ปเทเส ¶ หริตาลชาติหิงฺคุลิกาทิ อปฺปกมฺปิ มหคฺฆํ โหติ, ตตฺถ ตํ ตาลปกฺกปฺปมาณโต อูนมฺปิ ครุภณฺฑเมว, วิฺาเปตฺุจ น วฏฺฏติ.
๒๖. สาติ วิฺตฺติ. ปริกถาทีสุ ‘‘เสนาสนํ สมฺพาธ’’นฺติอาทินา ปริยาเยน กถนํ ปริกถา นาม. อุชุกเมว อกเถตฺวา ‘‘ภิกฺขูนํ กึ ปาสาโท น วฏฺฏตี’’ติอาทินา อธิปฺปาโย ยถา วิภูโต โหติ, เอวํ กถนํ โอภาโส นาม. เสนาสนาทิอตฺถํ ภูมิปริกมฺมาทิกรณวเสน ปจฺจยุปฺปาทาย นิมิตฺตกรณํ นิมิตฺตกมฺมํ นาม. ตีสุ ปจฺจเยสุ วิฺตฺติอาทโย ทสฺสิตา, คิลานปจฺจเย ปน กถนฺติ อาห ‘‘คิลานปจฺจเย ปนา’’ติอาทิ. ตถา อุปฺปนฺนํ ปน เภสชฺชํ โรเค วูปสนฺเต ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? ตตฺถ วินยธรา ‘‘ภควตา โรคสีเสน ปริโภคสฺส ทฺวารํ ทินฺนํ, ตสฺมา อโรคกาเลปิ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ น ¶ โหตี’’ติ วทนฺติ, สุตฺตนฺติกา ปน ‘‘กิฺจาปิ อาปตฺติ น โหติ, อาชีวํ ปน โกเปติ, ตสฺมา สลฺเลขปฏิปตฺติยํ ิตสฺส น วฏฺฏติ, สลฺเลขํ โกเปตี’’ติ วทนฺตีติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
วิฺตฺติวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท.
๕. กุลสงฺคหวินิจฺฉยกถา
๒๗. เอวํ วิฺตฺติวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กุลสงฺคหวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กุลสงฺคโห’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺคณฺหนํ สงฺคโห, กุลานํ สงฺคโห กุลสงฺคโห, ปจฺจยทายกาทีนํ ¶ คิหีนํ อนุคฺคหกรณํ. อนุคฺคหตฺโถ เหตฺถ สงฺคห-สทฺโท ยถา ‘‘ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕).
๒๘. ตตฺถ โกฏฺฏนนฺติ สยํ ฉินฺทนํ. โกฏฺฏาปนนฺติ ‘‘อิมํ ฉินฺทา’’ติ อฺเสํ เฉทาปนํ. อาฬิยา พนฺธนนฺติ ยถา คจฺฉมูเล อุทกํ สนฺติฏฺติ, ตถา สมนฺตโต พนฺธนํ. อุทกสฺสาติ อกปฺปิยอุทกสฺส ‘‘กปฺปิยอุทกสิฺจน’’นฺติ วิสุํ วกฺขมานตฺตา, ตฺจ อารามาทิอตฺถํ โรปเน อกปฺปิยโวหาเรสุปิ กปฺปิยโวหาเรสุปิ กปฺปิยอุทกสิฺจนาทิ วฏฺฏตีติ วกฺขมานตฺตา อิธาปิ วิภาคํ กตฺวา กปฺปิยอุทกสิฺจนาทิ วิสุํ ทสฺสิตํ. เอตฺถ จ กตมํ อกปฺปิยอุทกํ, กตมํ ปน กปฺปิยอุทกนฺติ? สปฺปาณกํ อกปฺปิยอุทกํ, อปฺปาณกํ กปฺปิยอุทกนฺติ. กถํ วิฺายตีติ เจ, ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ติณํ วา มตฺติกํ วา สิฺเจยฺย วา สิฺจาเปยฺย วา ปาจิตฺติย’’นฺติ วจนโต. ยถา โกฏฺฏนขณนาทิกายิกกิริยาปิ อกปฺปิยโวหาเร สงฺคหิตา, เอวํ มาติกาอุชุกรณาทิกปฺปิยโวหาเรปีติ อาห ‘‘สุกฺขมาติกาย อุชุกรณ’’นฺติ. หตฺถปาทมุขโธวนนหอาโนทกสิฺจนนฺติ อิมินาปิ ปการนฺตเรน กปฺปิยอุทกสิฺจนเมว ทสฺเสติ. อกปฺปิยโวหาเร โกฏฺฏนขณนาทิวเสน สยํ กรณสฺสปิ กถํ สงฺคโหติ? อกปฺปิยนฺติ โวหริยตีติ อกปฺปิยโวหาโรติ ¶ อกปฺปิยภูตํ กรณการาปนาทิ สพฺพเมว สงฺคหิตํ, น ปน อกปฺปิยวจนมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กปฺปิยโวหาเรปิ เอเสว นโย. สุกฺขมาติกาย อุชุกรณนฺติ อิมินา ปุราณปณฺณาทีนํ หรณมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กุทาลาทีนิ ภูมิยํ เปตฺวา านโต หตฺเถน คเหตฺวา านเมว ปากฏตรนฺติ ‘‘โอภาโส’’ติ วุตฺตํ.
๒๙. มหาปจฺจริวาทํ ปติฏฺาเปตุกาโม ปจฺฉา วทติ. วนตฺถายาติ อิทํ เกจิ ‘‘วตตฺถายา’’ติ ปนฺติ, เตสํ วติอตฺถายาติ ¶ อตฺโถ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ ตเถว วุตฺตํ, ‘‘อารามโรปา วนโรปา, เย นรา เสตุการกา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔๗) วจนโต ปน ตํ วิจาเรตพฺพํ. อกปฺปิยโวหาเรปิ เอกจฺจํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวลฺจ เสส’’นฺติอาทิมาห. ยํ กิฺจิ มาติกนฺติ สุกฺขมาติกํ วา อสุกฺขมาติกํ วา. กปฺปิยอุทกํ สิฺจิตุนฺติ อิมินา ‘‘กปฺปิยอุทกํ สิฺจถา’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สยํ โรเปตุมฺปิ วฏฺฏตีติ อิมินา ‘‘โรเปหี’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติปิ สิทฺธํ.
๓๐. ปาจิตฺติยฺเจว ทุกฺกฏฺจาติ ปถวีขณนปจฺจยา ปาจิตฺติยํ, กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฏํ. อกปฺปิยโวหาเรนาติ ‘‘อิทํ ขณ, อิทํ โรเปหี’’ติ อกปฺปิยโวหาเรน. ทุกฺกฏเมวาติ กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฏํ. อุภยตฺราติ กปฺปิยากปฺปิยปถวิยํ.
สพฺพตฺถาติ กุลสงฺคหปริโภคอารามาทิอตฺถาย โรปิเต. ทุกฺกฏมฺปีติ น เกวลํ ปาจิตฺติยเมว. กปฺปิเยนาติ กปฺปิยอุทเกน. เตสํเยว ทฺวินฺนนฺติ กุลสงฺคหปริโภคานํ. ทุกฺกฏนฺติ กุลสงฺคหตฺถาย สยํ สิฺจเน, กปฺปิยโวหาเรน วา อกปฺปิยโวหาเรน วา สิฺจาปเน ทุกฺกฏํ, ปริโภคตฺถาย สยํ สิฺจเน, อกปฺปิยโวหาเรน สิฺจาปเน จ ทุกฺกฏํ. ปโยคพหุลตายาติ สยํ กรเณ, กายปโยคสฺส การาปเน วจีปโยคสฺส พหุตฺเตน. อาปตฺติพหุลตา เวทิตพฺพาติ เอตฺถ สยํ สิฺจเน ธาราปจฺเฉทคณนาย อาปตฺติคณนา เวทิตพฺพา. สิฺจาปเน ปน ปุนปฺปุนํ อาณาเปนฺตสฺส วาจาย วาจาย อาปตฺติ, สกึ อาณตฺตสฺส พหุสิฺจเน เอกาว.
โอจินเน ทุกฺกฏปาจิตฺติยานีติ กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฏํ, ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ. อฺตฺถาติ วตฺถุปูชาทิอตฺถาย ¶ โอจินเน. สกึ อาณตฺโตติ อกปฺปิยโวหาเรน อาณตฺโต ¶ . ปาจิตฺติยเมวาติ อกปฺปิยโวหาเรน อาณตฺตตฺตา ภูตคามสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๙๐-๙๑) ปาจิตฺติยํ. กปฺปิยวจเนน ปน วตฺถุปูชาทิอตฺถาย โอจินาเปนฺตสฺส อนาปตฺติเยว.
๓๑. คนฺถเนน นิพฺพตฺตํ ทามํ คนฺถิมํ. เอส นโย เสเสสุปิ. น วฏฺฏตีติ กุลสงฺคหตฺถาย, วตฺถุปูชาทิอตฺถาย วา วุตฺตนเยน กโรนฺตสฺส การาเปนฺตสฺส จ ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. วฏฺฏตีติ วตฺถุปูชาทิอตฺถาย วฏฺฏติ, กุลสงฺคหตฺถาย ปน กปฺปิยโวหาเรน การาเปนฺตสฺสปิ ทุกฺกฏเมว. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘ภิกฺขุสฺส วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. ธมฺมาสนวิตาเน พทฺธกณฺฏเกสุ ปุปฺผานิ วินิวิชฺฌิตฺวา เปนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อุปรูปริ วิชฺฌิตฺวา ฉตฺตสทิสํ กตฺวา อาวุณนโต ‘‘ฉตฺตาธิฉตฺตํ วิยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กทลิกฺขนฺธมฺหี’’ติอาทินา วุตฺตํ สพฺพเมว สนฺธาย ‘‘ตํ อติโอฬาริกเมวา’’ติ วุตฺตํ, สพฺพตฺถ กรเณ, อกปฺปิยโวหาเรน การาปเน จ ทุกฺกฏเมวาติ อตฺโถ. ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ กณฺฏกมฺปิ พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ อิมสฺส อุปลกฺขณตฺตา ปุปฺผทาโมลมฺพกาทิอตฺถาย รชฺชุพนฺธนาทิปิ น วฏฺฏตีติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ กณฺฏกนฺติ วิเสสิตตฺตา ตทตฺถํ กณฺฏกเมว พนฺธิตุํ น วฏฺฏติ, ตฺจ อฏฺกถาปมาเณนา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ปุปฺผปฏิจฺฉกํ นาม ทนฺตาทีหิ กตํ ปุปฺผาธานํ. เอตมฺปิ นาคทนฺตกมฺปิ สฉิทฺทเมว คเหตพฺพํ. อโสกปิณฺฑิยาติ อโสกสาขานํ, ปุปฺผานํ วา สมูเห. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๓๑) ปน ‘‘อโสกปิณฺฑิยาติ อโสกปุปฺผมฺชริกายา’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมรชฺชุ นาม เจติยํ วา โพธึ วา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถํ อาวิชฺฌิตฺวา พนฺธรชฺชุ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๓๑) ปน ‘‘ธมฺมรชฺชุ นาม เจติยาทีนิ ¶ ปริกฺขิปิตฺวา เตสฺจ รชฺชุยา จ อนฺตรา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถาย พนฺธรชฺชุ. สิถิลวฏฺฏิตาย วา วฏฺฏิยา อพฺภนฺตเร ปุปฺผปฺปเวสนตฺถาย เอวํ พนฺธาติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
มตฺถกทามนฺติ ธมฺมาสนาทิมตฺถเก ปลมฺพกทามํ. เตสํเยวาติ อุปฺปลาทีนํ เอว. วาเกน วาติ ปุปฺผนาฬํ ผาเลตฺวา ปุปฺเผน เอกาพทฺธฏฺิตวาเกน ทณฺเฑน จ เอกาพทฺเธเนว. เอเตน ปุปฺผํ พีชคามสงฺคหํ น คจฺฉติ ปฺจสุ พีเชสุ อปวิฏฺตฺตา ปณฺณํ วิย, ตสฺมา กปฺปิยํ อการาเปตฺวาปิ วิโกปเน โทโส นตฺถิ. ยฺจ ฉินฺนสฺสปิ มกุฬสฺส วิกสนํ, ตมฺปิ อติตรุณสฺส อภาวา วุฑฺฒิลกฺขณํ น โหติ, ปริณตสฺส ปน มกุฬสฺส ปตฺตานํ สิเนเห ปริยาทานํ คเต วิสุํภาโว เอว วิกาโส, เตเนว ฉินฺนมกุฬวิกาโส อฉินฺนมกุฬวิกาสโต ปริหีโน, มิลาตนิยุตฺโต ¶ วา ทิสฺสติ. ยฺจ มิลาตสฺส อุทกสฺโเค อมิลานตาปชฺชนํ, ตมฺปิ ตมฺพุลปณฺณาทีสุ สมานํ วุฑฺฒิลกฺขณํ น โหติ. ปาฬิอฏฺกถาสุ จ น กตฺถจิ ปุปฺผานํ กปฺปิยกรณํ อาคตํ, ตสฺมา ปุปฺผํ สพฺพถา อพีชเมวาติ วิฺายติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
‘‘ปสิพฺพเก วิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ปุปฺผํ ปสิพฺพเก วา ปสิพฺพกสทิสํ พนฺเธ ยตฺถ กตฺถจิ จีวเร วา ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๓๑) ปน ‘‘ขนฺเธ ปิตกาสาวสฺสาติ ขนฺเธ ปิตสงฺฆาฏึ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ ตถาพนฺธิตุํ สกฺกา ภเวยฺย. อิมินา จ อฺมฺปิ ตาทิสํ กาสาวํ วา วตฺถํ วา วุตฺตนเยน พนฺธิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อํสภณฺฑิกปสิพฺพเก ปกฺขิตฺตสทิสตฺตา เวิมํ นาม น ชาตํ, ตสฺมา สิถิลพนฺธสฺส อนฺตรนฺตรา ปกฺขิปิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺา ทณฺฑกํ ปน พนฺธิตุํ น ¶ วฏฺฏตีติ รชฺชุอาทีหิ พนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปุปฺผสฺเสว ปน อจฺฉินฺนทณฺฑเกหิ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ เอว.
ปุปฺผปเฏ จ ทฏฺพฺพนฺติ ปุปฺผปฏํ กโรนฺตสฺส ทีฆโต ปุปฺผทามสฺส หรณปจฺจาหรณวเสน ปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ติริยโต หรณํ ปน วายิมํ นาม โหติ, น ปุริมํ. ‘‘ปุริมฏฺานํ อติกฺกาเมตี’’ติ สามฺโต วุตฺตตฺตา ปุริมํ ปุปฺผโกฏึ ผุสาเปตฺวา วา อผุสาเปตฺวา วา ปริกฺขิปนวเสน อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติเยว. พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ ปุปฺผรหิตาย สุตฺตวากโกฏิยา พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอกวารํ หริตฺวา ปริกฺขิปิตฺวาติ อิทํ ปุพฺเพ วุตฺตเจติยาทิปริกฺเขปํ ปุปฺผปฏกรณฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา เจติยํ วา โพธึ วา ปริกฺขิปนฺเตน เอกวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ปุริมฏฺานํ สมฺปตฺเต อฺสฺส ทาตพฺพํ, เตนปิ เอกวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ตเถว กาตพฺพํ. ปุปฺผปฏํ กโรนฺเตน จ หริตฺวา อฺสฺส ทาตพฺพํ, เตนปิ ตเถว กาตพฺพํ. สเจปิ ทฺเวเยว ภิกฺขู อุโภสุ ปสฺเสสุ ตฺวา ปริยาเยน หรนฺติ, วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ.
ปเรหิ ปูริตนฺติ ทีฆโต ปสาริตํ. วายิตุนฺติ ติริยโต หริตุํ, ตํ ปน เอกวารมฺปิ น ลภติ. ปุปฺผานิ เปนฺเตนาติ อคนฺถิตานิ ปากติกปุปฺผานิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวาปิ เปนฺเตน. ปุปฺผทามํ ปน ปูชนตฺถาย ภูมิยํ เปนฺเตน ผุสาเปตฺวา วา อผุสาเปตฺวา วา ทิคุณํ กตฺวา เปตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ.
๓๒. ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ ¶ เหฏฺาภาเค ฆฏิกาการยุตฺโต, ทารุฆฏิกากาโร วา โอลมฺพโก. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๓๑) ปน ‘‘ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ อนฺเต ฆฏิกาการยุตฺโต ยมกทามโอลมฺพโก’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ ¶ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๓๑) ปน ‘‘ฆฏิกทามโอลมฺพโกติ ยมกทามโอลมฺพโกติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ, เอเกกํ ปน ทามํ นิกฺขนฺตสุตฺตโกฏิยาว พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ วฏฺฏติ, ปุปฺผทามทฺวยํ สงฺฆฏิตุกาเมนปิ นิกฺขนฺตสุตฺตโกฏิยาว สุตฺตโกฏึ สงฺฆฏิตุํ วฏฺฏติ. อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณปริกฺเขโปติ อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณสฺส ปุนปฺปุนํ หรณปจฺจาหรณวเสน ปูเรตฺวา ปริกฺขิปนํ, เตเนว ตํ ปุริเม ปวิฏฺํ, ตสฺมา เอตมฺปิ อฑฺฒจนฺทาการํ ปุนปฺปุนํ หรณปจฺจาหรณวเสน ปูเรตุํ น วฏฺฏติ. เอกวารํ ปน อฑฺฒจนฺทาการกรเณ มาลาคุณํ หริตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปุปฺผทามกรณนฺติ เอตฺถ สุตฺตโกฏิยํ คเหตฺวาปิ เอกโต กาตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สุตฺตมยํ เคณฺฑุกํ นาม, เคณฺฑุกขรปตฺตทามานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา เจลาทีหิ กตทามมฺปิ น วฏฺฏติ อกปฺปิยานุโลมตฺตาติ วทนฺติ. ปรสนฺตกํ เทติ, ทุกฺกฏเมวาติ วิสฺสาสคฺคาเหน ปรสนฺตกํ คเหตฺวา เทนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ถุลฺลจฺจยนฺติ เอตฺถ ภณฺฑเทยฺยมฺปิ โหติ.
๓๓. ตฺจ โข วตฺถุปูชนตฺถายาติ มาตาปิตูนมฺปิ ปุปฺผํ เทนฺเตน วตฺถุปูชนตฺถาเยว ทาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มณฺฑนตฺถาย ปน สิวลิงฺคาทิปูชนตฺถายา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา ‘‘อิมํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิสฺสนฺตี’’ติ มาตาปิตูนํ วฏฺฏติ, เสสาตกานํ ตาวกาลิกเมว ทาตุํ วฏฺฏติ. กสฺสจิปีติ าตกสฺส วา อฺาตกสฺส วา กสฺสจิปิ. าติสามเณเรเหวาติ เตสํ คิหิปริกมฺมโมจนตฺถํ วุตฺตํ. อิตเรติ อฺาตกา. เตหิปิ สามเณเรหิ อาจริยุปชฺฌายานํ วตฺตสีเสน หริตพฺพํ. สมฺปตฺตานํ สามเณรานํ อุปฑฺฒภาคํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ สงฺฆิกสฺส ลาภสฺส อุปจารสีมฏฺสามเณรานมฺปิ สนฺตกตฺตา เตสมฺปิ อุปฑฺฒภาโค ลพฺภเตวาติ กตฺวา วุตฺตํ. จูฬกนฺติ อุปฑฺฒภาคโตปิ อุปฑฺฒํ. จตุตฺถภาคสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ. สามเณรา…เป… เปนฺตีติ อิทํ อรกฺขิตอโคปิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘วสฺสคฺเคน อภาชนียํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ มคฺเค วา เจติยงฺคเณ วา.
๓๔. สามเณเรหิ ทาเปตุํ น ลภนฺตีติ อิทํ สามเณเรหิ คิหิกมฺมํ การิตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ, น ปน ปุปฺผทานํ โหตีติ สามเณรานมฺปิ น วฏฺฏนโต. วุตฺตฺจ ‘‘สยเมวา’’ติอาทิ. น หิ ตํ ปุปฺผทานํ นาม สิยา. ยทิ หิ ตถา อาคตานํ เตสํ ทานํ ปุปฺผทานํ นาม ภเวยฺย ¶ , สามเณเรหิปิ ทาตุํ น ลพฺเภยฺย. สยเมวาติ สามเณรา สยเมว. ยาคุภตฺตาทีนิ อาทายาติ อิทํ ภิกฺขูนํ อตฺถาย ยาคุภตฺตาทิสมฺปาทนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. อวิเสเสน วุตฺตนฺติ อิมินา สพฺเพสมฺปิ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ.
๓๕. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘มาตาปิตูนํ ตาว หริตฺวาปิ หราเปตฺวาปิ ปกฺโกสิตฺวาปิ ปกฺโกสาเปตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ, เสสาตกานํ ปกฺโกสาเปตฺวาว. มาตาปิตูนฺจ หราเปนฺเตน าติสามเณเรเหว หราเปตพฺพํ. อิตเร ปน ยทิ สยเมว อิจฺฉนฺติ, วฏฺฏตี’’ติ อิมํ ปุปฺผทาเน วุตฺตนยํ ผลทาเนปิ อติทิสติ, ตสฺมา ผลมฺปิ มาตาปิตูนํ หรณหราปนาทินา ทาตุํ วฏฺฏติ, เสสาตีนํ ปกฺโกสาเปตฺวาว. อิทานิ ‘‘โย หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา…เป… อิสฺสรวตาย ททโต ถุลฺลจฺจย’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) อิมํ ปุปฺผทาเน วุตฺตนยํ ผลทาเน สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กุลสงฺคหตฺถาย ปนา’’ติอาทิมาห. ขีณปริพฺพยานนฺติ อาคนฺตุเก สนฺธาย วุตฺตํ. ผลปริจฺเฉเทนาติ ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ ผลปริจฺเฉเทน วา. รุกฺขปริจฺเฉเทน วาติ ‘‘อิเมหิ รุกฺเขหิ ¶ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ รุกฺขปริจฺเฉเทน วา. ปริจฺฉินฺเนสุปิ ปน รุกฺเขสุ ‘‘อิธ ผลานิ สุนฺทรานิ, อิโต คณฺหถา’’ติ วทนฺเตน กุลสงฺคโห กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน น วตฺตพฺพ’’นฺติ. รุกฺขจฺฉลฺลีติ รุกฺขตฺตโจ, สา ‘‘ภาชนียภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตา. วุตฺตนเยนาติ ปุปฺผผลาทีสุ วุตฺตนเยน กุลสงฺคโห โหตีติ ทสฺเสติ.
๓๖. เตสํ เตสํ คิหีนํ คามนฺตรเทสนฺตราทีสุ สาสนปฏิสาสนหรณํ ชงฺฆเปสนิยํ. เตนาห ‘‘คิหีนํ ทูเตยฺยํ สาสนหรณกมฺม’’นฺติ. ทูตสฺส กมฺมํ ทูเตยฺยํ. ปมํ สาสนํ อคฺคเหตฺวาปิ…เป… ปเท ปเท ทุกฺกฏนฺติ อิทํ ‘‘ตสฺส สาสนํ อาโรเจสฺสามี’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน คมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺส ปน สาสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สยเมว การฺุเ ิโต คนฺตฺวา อตฺตโน ปติรูปํ สาสนํ อาโรเจติ, อนาปตฺติ. คิหีนฺจ กปฺปิยสาสนํ หริตุํ วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. อิเมหิ ปน อฏฺหิ กุลทูสกกมฺเมหีติ ปุปฺผทานํ ผลทานํ จุณฺณทานํ มตฺติกทานํ ทนฺตกฏฺทานํ เวฬุทานํ ปณฺณทานํ ชงฺฆเปสนิกนฺติ อิเมหิ ยถาวุตฺเตหิ. ปพฺพาชนียกมฺมกโตติ กุลทูสนปจฺจยา กตปพฺพาชนียกมฺโม.
๓๗. เสกฺขภูมิยํ วาติ อิมินา ฌานภูมิมฺปิ สงฺคณฺหาติ. ติณฺณํ วิเวกานนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกภูตานํ ¶ ติณฺณํ วิเวกานํ. ปิณฺฑาย จรณสฺส โภชนปริโยสานตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว โภชนปริโยสาน’’นฺติ. ภุตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺสปิ ปุน วุตฺตนเยเนว ปณิธาย จีวรสณฺาปนาทีนิ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
กุลสงฺคหวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ปฺจโม ปริจฺเฉโท.
๖. มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถา
๓๘. เอวํ ¶ กุลสงฺคหวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ มจฺฉมํสวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘มจฺฉมํเสสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ถเล ปิตมตฺเต มรติ, เกวฏฺฏาทีหิ วา มาริยตีติ มจฺโฉ. มจฺฉสฺส อิทนฺติ มจฺฉํ, มสิยเต อามสิยเตติ มํสํ, มจฺฉฺจ มํสฺจ มจฺฉมํสานิ, เตสุ. มจฺฉมํเสสุ ปน วินิจฺฉโย เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. มจฺฉคฺคหเณนาติ เอตฺถ นิทฺธารณํ น กาตพฺพํ. ปน-สทฺโท ปกฺขนฺตรตฺโถ, ทิวาเสยฺยาทีสุ วินิจฺฉยโต อปโร มจฺฉมํเสสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. คยฺหเต อเนนาติ คหณํ. กึ ตํ? สทฺโท, มจฺฉอิติ คหณํ มจฺฉคฺคหณํ, เตน มจฺฉคฺคหเณน, มจฺฉสทฺเทนาติ อตฺโถ. มํเสสุ ปน…เป… อกปฺปิยานีติ เอตฺถ มนุสฺสมํสํ สมานชาติมํสโต ปฏิกฺขิตฺตํ. หตฺถิอสฺสานํ มํสานิ ราชงฺคโต, สุนขอหีนํ เชคุจฺฉภาวโต, เสสานํ วาฬมิคตฺตา ภิกฺขูนํ ปริพนฺธวิโมจนตฺถํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ติโกฏิปริสุทฺธนฺติ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตสงฺขาตาหิ ตีหิ โกฏีหิ ตีหิ อากาเรหิ ตีหิ การเณหิ ปริสุทฺธํ, วิมุตฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อทิฏฺอสุตานิ จกฺขุวิฺาณโสตวิฺาณานํ อนารมฺมณภาวโต ชานิตพฺพานิ. อปริสงฺกิตํ ปน กถํ ชานิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อปริสงฺกิตํ ปนา’’ติอาทิ, ตีณิ ปริสงฺกิตานิ ตฺวา เตสํ ปฏิปกฺขวเสน อปริสงฺกิตํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อิทานิ ตานิ ตีณิ ปริสงฺกิตานิ จ เอวํ ปริสงฺกิเต สติ ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพวิธิฺจ เตน วิธินา อปริสงฺกิเต สติ กตฺตพฺพภาวฺจ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ทิสฺวา ปริสงฺกิตํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ นาม. สุตฺวา ปริสงฺกิตํ สุตปริสงฺกิตํ นาม. อทิสฺวา อสุตฺวา ตกฺเกน อนุมาเนน ปริสงฺกิตํ ตทุภยวินิมุตฺตปริสงฺกิตํ นาม. ตํ ติวิธมฺปิ ปริสงฺกิตสามฺเน เอกา โกฏิ ¶ โหติ, ตโต วิมุตฺตํ อปริสงฺกิตํ นาม. เอวํ อทิฏฺํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ มจฺฉมํสํ ติโกฏิปริสุทฺธํ โหติ.
ชาลํ มจฺฉพนฺธนํ. วาคุรา มิคพนฺธินี. กปฺปตีติ ยทิ เตสํ วจเนน สงฺกา นิวตฺตติ, วฏฺฏติ, น ตํ วจนํ เลสกปฺปํ กาตุํ วฏฺฏติ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ยตฺถ จ นิพฺเพมติโก โหติ, ตํ สพฺพํ กปฺปตี’’ติ. ปวตฺตมํสนฺติ อาปณาทีสุ ปวตฺตํ วิกฺกายิกํ วา มตมํสํ วา. มงฺคลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อาหุนปาหุนาทิเก สงฺคณฺหาติ. ภิกฺขูนํเยว อตฺถาย อกตนฺติ เอตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท, ภิกฺขูนํ อตฺถาย อกตเมวาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ, ตสฺมา ภิกฺขูนฺจ มงฺคลาทีนฺจาติ มิสฺเสตฺวา กตมฺปิ น วตฺตตีติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ยถาิตวเสน อวธารณํ คเหตฺวา วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยตฺถ จ นิพฺเพมติโก โหตีติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย กเตปิ สพฺเพน สพฺพํ ปริสงฺกิตาภาวมาห.
๓๙. ตเมวตฺถํ อาวิกาตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิตเรสํ วฏฺฏตีติ อชานนฺตานํ วฏฺฏติ, ชานโตเวตฺถ อาปตฺติ โหตีติ. เตเยวาติ เย อุทฺทิสฺส กตํ, เตเยว. อุทฺทิสฺส กตมํสปริโภคโต อกปฺปิยมํสปริโภเค วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมสฺมึ สจิตฺตกาปตฺติ, อิตรสฺมึ อจิตฺตกา. เตนาห ‘‘อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภฺุชนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวา’’ติ. ‘‘ปริโภคกาเล ปุจฺฉิตฺวา ปริภฺุชิสฺสามีติ วา คเหตฺวา ปุจฺฉิตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๓๙) วจนโต อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อนาปตฺติ สิทฺธา. อชานิตฺวา ¶ ปริภฺุชนฺตสฺเสว หิ อาปตฺติ วุตฺตา. วตฺตนฺติ วทนฺตีติ อิมินา อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท.
๗. อนามาสวินิจฺฉยกถา
๔๐. เอวํ ¶ มจฺฉมํสวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อนามาสวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อนามาส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อามสิยเตติ อามาสํ, น อามาสํ อนามาสํ, อปรามสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปาริปนฺถิกาติ วิกุปฺปนิกา, อนฺตรายิกาติ วุตฺตํ โหติ. นทีโสเตน วุยฺหมานํ มาตรนฺติ เอตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺาสุ ปน อิตฺถีสุ การฺุาธิปฺปาเยน มาตริ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺตสฺส เนวตฺถิ โทโสติ วทนฺติ. ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตตฺตา อฺาสุ น วฏฺฏตีติ วทนฺตาปิ อตฺถิ. เอตฺถ คณฺหาหีติ น วตฺตพฺพาติ เคหสฺสิตเปเมน กายปฺปฏิพทฺเธน ผุสเน ทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. การฺุเน ปน วตฺถาทึ คเหตุํ อสกฺโกนฺตึ ‘‘คณฺหาหี’’ติ วทนฺตสฺสปิ อวสภาวปฺปตฺติโต อุทเก นิมุชฺชนฺตึ การฺุเน สหสา อนามาสนฺติ อจินฺเตตฺวา เกสาทีสุ คเหตฺวา โมกฺขาธิปฺปาเยน อากฑฺฒโตปิ อนาปตฺติเยว. น หิ มียมานํ มาตรํ อุเปกฺขิตุํ วฏฺฏติ. อฺาติกาย อิตฺถิยาปิ เอเสว นโย. อุกฺกฏฺาย มาตุยาปิ อามาโส น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส กาตพฺพํ ปน อฺาสมฺปิ อิตฺถีนํ กโรนฺตสฺสปิ อนาปตฺติเยว อนามาสตฺเต วิเสสาภาวา.
ติณณฺฑุปกนฺติ ¶ หิริเวราทิมูเลหิ เกสาลงฺการตฺถาย กตจุมฺพฏกํ. ตาลปณฺณมุทฺทิกนฺติ ตาลปณฺเณหิ กตํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. เตน ตาลปณฺณาทิมยํ กฏิสุตฺตกณฺณปิฬนฺธนาทิ สพฺพํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ปริวตฺเตตฺวาติ อตฺตโน นิวาสนปารุปนภาวโต อปเนตฺวา, จีวรตฺถาย ปริณาเมตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. จีวรตฺถาย ปาทมูเล เปตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ปจฺจตฺถรณวิตานาทิอตฺถมฺปิ วฏฺฏติเยว, ปูชาทิอตฺถํ ตาวกาลิกมฺปิ อามสิตุํ วฏฺฏติ. สีสปสาธนทนฺตสูจีติ อิทํ สีสาลงฺการตฺถาย ปฏปิโลติกาหิ กตสีสปสาธนกฺเจว ทนฺตสูจิอาทิ จาติ ทฺเว ตโย. สีสปสาธนํ สิปาฏิโกปกรณตฺถาย เจว ทนฺตสูจึ สูจิอุปกรณตฺถาย จ คเหตพฺพนฺติ ยถากฺกมํ อตฺถํ ทสฺเสติ. เกสกลาปํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ติริยํ ปเวสนตฺถาย กตา สูจิ เอว สีสปสาธนกทนฺตสูจีติ เอกเมว กตฺวา สิปาฏิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตพฺพสูจิเยว ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส อุปกรณนฺติ สิปาฏิกสูจิอุปกรณํ, เอวํ วา โยชนา กาตพฺพา.
โปตฺถกรูปนฺติ สุธาทีหิ กตํ ปาราชิกวตฺถุภูตานํ ติรจฺฉานคติตฺถีนํ สณฺาเนน กตมฺปิ อนามาสเมว ¶ . อิตฺถิรูปานิ ทสฺเสตฺวา กตํ วตฺถุภิตฺติอาทิฺจ อิตฺถิรูปํ อนามสิตฺวา วฬฺเชตุํ วฏฺฏติ. เอวรูเป หิ อนามาเส กายสํสคฺคราเค อสติ กายปฺปฏิพทฺเธน อามสโต โทโส นตฺถิ. ภินฺทิตฺวาติ เอตฺถ หตฺเถน อคฺคเหตฺวาว เกนจิ ทณฺฑาทินา ภินฺทิตพฺพํ. เอตฺถ จ อนามาสมฺปิ ทณฺฑปาสาณาทีหิ เภทนสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา, ปาฬิยมฺปิ อาปทาสุ โมกฺขาธิปฺปายสฺส อามสเนปิ อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา จ สปฺปินิอาทิวาฬมิคีหิ คหิตปาณกานํ โมจนตฺถาย ตํ ตํ สปฺปินิอาทิวตฺถุํ ทณฺฑาทีหิ ปฏิกฺขิปิตฺวา คเหตุํ, มาตุอาทึ อุทเก มียมานํ วตฺถาทีหิ คเหตุํ, อสกฺโกนฺตึ ¶ เกสาทีสุ คเหตฺวา การฺุเน อุกฺขิปิตฺุจ วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ คเหตพฺโพว. ‘‘อฏฺกถายํ ‘น ตฺเวว อามสิตพฺพา’ติ อิทํ ปน วจนํ อมียมานํ วตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) วุตฺตํ.
๔๑. มคฺคํ อธิฏฺายาติ ‘‘มคฺโค อย’’นฺติ มคฺคสฺํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ปฺเปตฺวา เทนฺตีติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ, เตหิ ปน ‘‘อาสนํ ปฺเปตฺวาว นิสีทถา’’ติ วุตฺเต สยเมว ปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ. ตตฺถ ชาตกานีติ อจฺฉินฺทิตฺวา ภูตคามภาเวเนว ิตานิ. ‘‘กีฬนฺเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา สติ ปจฺจเย อามสนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิทฺจ คิหิสนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ภิกฺขุสนฺตกํ ปน ปริโภคารหํ สพฺพถา อามสิตุํ น วฏฺฏติ ทุรูปจิณฺณตฺตา. ตาลปนสาทีนีติ เจตฺถ อาทิ-สทฺเทน นาฬิเกรลพุชติปุสอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลเอฬาลุกผลานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ยถาวุตฺตผลานํเยว เจตฺถ กีฬาธิปฺปาเยน อามสนํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาสาณสกฺขราทีนิ กีฬาธิปฺปาเยนปิ อามสิตุํ วฏฺฏติ. อนุปสมฺปนฺนานํ ทสฺสามีติ อิทํ อปฏิคฺคเหตฺวา คหณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺตโนปิ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตฺวา คหเณ โทโส นตฺถิ อนามาสตฺตาภาวา.
๔๒. มุตฺตาติ (ม. นิ. ฏี. ๑.๒ ปถวีวารวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) หตฺถิกุมฺภชาติกา อฏฺวิธา มุตฺตา. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ, วราหทาํ, ภุชคสีสํ, วลาหกํ, เวฬุ, มจฺฉสิโร, สงฺโข, สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาหีนา. วราหทาา วราหทาาวณฺณาว. ภุชคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา วฏฺฏลา จ. วลาหกชา ภาสุรา ทุพฺพิภาคา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิธเมนฺติโย ติฏฺนฺติ, เทวูปโภคา เอว จ โหนฺติ. เวฬุชา กรกผลสมานวณฺณา น ภาสุรา, เต ¶ จ เวฬู อมนุสฺสโคจเรเยว ปเทเส ชายนฺติ ¶ . มจฺฉสิรชา ปาีนปิฏฺิสมานวณฺณา วฏฺฏลา ลฆโว จ เตชวนฺตา โหนฺติ ปภาวิหีนา จ, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมชฺเฌเยว ชายนฺติ. สงฺขชา สงฺขอุทรจฺฉวิวณฺณา โกลผลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาว. สิปฺปิชา ปภาวิเสสยุตฺตา โหนฺติ นานาสณฺานา. เอวํ ชาติโต อฏฺวิธาสุ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกา. ภุชคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกา. ยสฺมา พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กทาจิ กาจิ, ตสฺมา สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกา มุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
มณีติ เวฬุริยาทิโต อฺโ โชติรสาทิเภโท สพฺโพ มณิ. เวฬุริโยติ อลฺลเวฬุวณฺโณ มณิ, ‘‘มชฺชารกฺขิมณฺฑลวณฺโณ’’ติปิ วทนฺติ. สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ มุคฺควณฺณา อติสินิทฺธา กาฬสิลา. มณิโวหารํ อคตา รตฺตเสตาทิวณฺณา สุมฏฺาปิ สิลา อนามาสา เอวาติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) ปน ‘‘สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ กาฬสิลาปณฺฑุสิลาเสตสิลาทิเภทา สพฺพาปิ สิลา’’ติ วุตฺตํ. ปวาฬํ สมุทฺทโต ชาตนาติรตฺตมณิ. รชตนฺติ กหาปณมาสาทิเภทํ ชตุมาสาทึ อุปาทาย สพฺพํ วุตฺตาวเสสรูปิยํ คหิตํ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. โลหิตงฺโกติ รตฺตมณิ. มสารคลฺลนฺติ กพรวณฺโณ มณิ. ‘‘มรกต’’นฺติปิ วทนฺติ.
ภณฺฑมูลตฺถายาติ ปตฺตจีวราทิมูลตฺถาย. กุฏฺโรคสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ตาย วูปสเมตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ โรคสฺส อตฺถาย วฏฺฏติเยว. ‘‘เภสชฺชตฺถฺจ อวิทฺธาเยว มุตฺตา วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตา. เภสชฺชตฺถาย ปิสิตฺวา โยชิตานํ มุตฺตานํ รตนภาววิชหนโต คหณกฺขเณปิ ¶ รตนากาเรน อเปกฺขาภาวา ‘‘เภสชฺชตฺถาย ปน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยาว ปน ตา มุตฺตา รตนรูเปน ติฏฺนฺติ, ตาว อามสิตุํ น วฏฺฏนฺติ. เอวํ อฺมฺปิ รตนปาสาณํ ปิสิตฺวา เภสชฺเช โยชนตฺถาย คเหตุํ วฏฺฏติ เอว. ชาตรูปรชตํ ปน มิสฺเสตฺวา โยชนเภสชฺชตฺถายปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. คหฏฺเหิ โยเชตฺวา ทินฺนมฺปิ ยทิ เภสชฺเช สุวณฺณาทิรูเปน ติฏฺติ, วิโยเชตฺุจ สกฺกา, ตาทิสํ เภสชฺชมฺปิ น วฏฺฏติ. ตํ อพฺโพหาริกตฺตคตฺเจ วฏฺฏติ. ‘‘ชาติผลิกํ อุปาทายา’’ติ วุตฺตตฺตา สูริยกนฺตจนฺทกนฺตาทิกํ ชาติปาสาณํ มณิมฺหิ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อากรมุตฺโตติ อากรโต มุตฺตมตฺโต. ภณฺฑมูลตฺถํ ¶ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตีติ อิมินาว อามสิตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ปจิตฺวา กโตติ กาจกาเรหิ ปจิตฺวา กโต.
ธมนสงฺโข จ โธตวิทฺโธ จ รตนมิสฺโส จาติ โยเชตพฺพํ. วิทฺโธติอาทิภาเวน กตฉิทฺโท. รตนมิสฺโสติ กฺจนลตาทิวิจิตฺโต มุตฺตาทิรตนขจิโต จ. เอเตน ธมนสงฺขโต อฺโ รตนสมฺมิสฺโส อนามาโสติ ทสฺเสติ. สิลายมฺปิ เอเสว นโย. ปานียสงฺโขติ อิมินา ถาลกาทิอากาเรน กตสงฺขมยภาชนานิ ภิกฺขูนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธํ. เสสนฺติ รตนมิสฺสํ เปตฺวา อวเสสํ. มุคฺควณฺณํเยว รตนสมฺมิสฺสํ กโรนฺติ, น อฺนฺติ อาห ‘‘มุคฺควณฺณาวา’’ติ, มุคฺควณฺณา รตนสมฺมิสฺสาว น วฏฺฏตีติ วุตฺตํ โหติ. เสสาติ รตนสมฺมิสฺสํ เปตฺวา อวเสสา สิลา.
พีชโต ปฏฺายาติ ธาตุปาสาณโต ปฏฺาย. สุวณฺณเจติยนฺติ ธาตุกรณฺฑกํ. ปฏิกฺขิปีติ ‘‘ธาตุฏฺปนตฺถาย คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติ เปสิตตฺตา ¶ ปฏิกฺขิปิ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘ปฏิกฺขิปีติ สุวณฺณมยสฺส ธาตุกรณฺฑกสฺส พุทฺธาทิรูปสฺส จ อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิสฺสคฺคิยตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สุวณฺณพุพฺพุฬกนฺติ สุวณฺณตารกํ. ‘‘รูปิยฉฑฺฑกฏฺาเน’’ติ วุตฺตตฺตา รูปิยฉฑฺฑกสฺส ชาตรูปรชตํ อามสิตฺวา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. เกฬาปยิตุนฺติ อามสิตฺวา อิโต จิโต จ สฺจาเรตุํ. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา, หตฺเถนปิ ปฺุฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฏฺฏติ, ‘‘มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา, หตฺเถนปิ ปฺุฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฏฺฏติ, มลมฺปิ มชฺชิตุํ วฏฺฏติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ เกฬายนสทิสตฺตา’’ติ วุตฺตํ. กถํ น สเมติ? มหาอฏฺกถายํ เจติยฆรโคปกา รูปิยฉฑฺฑกฏฺาเน ิตาติ เตสํเยว เกฬายนํ อนฺุาตํ, น อฺเสํ, ตสฺมา ‘‘โคปกา วา โหนฺตุ อฺเ วา’’ติ วจนํ มหาอฏฺกถาย น สเมติ.
กุรุนฺทิยํ ปน ตมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ, สุวณฺณเจติเย กจวรเมว หริตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺตกเมว อนฺุาตํ, ตสฺมา สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘หตฺเถนปิ ปฺุฉิตฺวา’’ติ จ ‘‘มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ ¶ เอวา’’ติ จ วจนํ กุรุนฺทฏฺกถาย น สเมติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตนฺติ. อารกูฏโลหนฺติ สุวณฺณวณฺโณ กิตฺติมโลหวิเสโส. ติวิธฺหิ กิตฺติมโลหํ – กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ อารกูฏโลหนฺติ. ตตฺถ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ นาม, สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ, รสตุตฺเถหิ รฺชิตํ ตมฺพํ อารกูฏโลหํ นาม. ‘‘ปกติรสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ ¶ อารกูฏ’’นฺติ จ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. ตํ ปน ‘‘ชาตรูปคติก’’นฺติ วุตฺตตฺตา อุคฺคณฺหโต นิสฺสคฺคิยมฺปิ โหตีติ เกจิ วทนฺติ, รูปิเยสุ ปน อคณิตตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น โหติ, อามสเน สมฺปฏิจฺฉเน จ ทุกฺกฏเมวาติ เวทิตพฺพํ. สพฺโพปิ กปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ‘‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฏฺาเน’’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว สุวณฺณาทิมยํ เสนาสนํ เสนาสนปริกฺขารา จ วฏฺฏนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ คเหตพฺพํ. ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏนฺตีติ เสนาสนปฏิพนฺธโต วุตฺตํ.
๔๓. สามิกานํ เปเสตพฺพนฺติ สามิกานํ สาสนํ เปเสตพฺพํ. ภินฺทิตฺวาติ ปมเมว อนามสิตฺวา ปาสาณาทินา กิฺจิมตฺตํ เภทํ กตฺวา ปจฺฉา กปฺปิยภณฺฑตฺถาย อธิฏฺหิตฺวา หตฺเถน คเหตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ กริสฺสามีติ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอตฺถาปิ ตฺจ วิโยเชตฺวา อามสิตพฺพํ. ผลกชาลิกาทีนีติ เอตฺถ สรปริตฺตาณาย หตฺเถน คเหตพฺพํ. กิฏิกาผลกํ อกฺขิรกฺขณตฺถาย อยโลหาทีหิ ชาลากาเรน กตฺวา สีสาทีสุ ปฏิมฺุจิตพฺพํ ชาลิกํ นาม. อาทิ-สทฺเทน กวจาทิกํ สงฺคณฺหาติ. อนามาสานีติ มจฺฉชาลาทิปรูปโรธํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สรปริตฺตาณํ ตสฺส อาวุธภณฺฑตฺตาภาวา. เตน วกฺขติ ‘‘ปรูปโรธนิวารณฺหี’’ติอาทิ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๔๓). อาสนสฺสาติ เจติยสฺสสมนฺตา กตปริภณฺฑสฺส. พนฺธิสฺสามีติ กากาทีนํ อทูสนตฺถาย พนฺธิสฺสามิ.
‘‘เภริสงฺฆาโฏติ สงฺฆฏิตจมฺมเภรี. วีณาสงฺฆาโฏติ สงฺฆฏิตจมฺมวีณา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํ. ‘‘จมฺมวินทฺธา วีณาเภริอาทีนี’’ติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตวจนโต วิเสสาภาวา ¶ ‘‘กุรุนฺทิยํ ปนา’’ติอาทินา ตโต วิเสสสฺส วตฺตุมารทฺธตฺตา จ เภริอาทีนํ วินทฺโธปกรณสมูโห เภริวีณาสงฺฆาโฏติ เวทิตพฺโพ ‘‘สงฺฆฏิตพฺโพติ สงฺฆาโฏ’’ติ กตฺวา. ตุจฺฉโปกฺขรนฺติ อวินทฺธจมฺมเภริวีณานํ โปกฺขรํ. อาโรปิตจมฺมนฺติ ปุพฺเพ อาโรปิตํ หุตฺวา ปจฺฉา ตโต อปเนตฺวา วิสุํ ปิตมุขจมฺมมตฺตํ, น เสโสปกรณสหิตํ, ตํ ปน สงฺฆาโตติ ¶ อยํ วิเสโส. โอนหิตุนฺติ เภริโปกฺขราทีนิ จมฺมํ อาโรเปตฺวา จมฺมวทฺธิอาทีหิ สพฺเพหิ อุปกรเณหิ วินนฺธิตุํ. โอนหาเปตุนฺติ ตเถว อฺเหิ วินนฺธาเปตุํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อนามาสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
สตฺตโม ปริจฺเฉโท.
๘. อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยกถา
๔๔. เอวํ อนามาสวินิจฺฉยกถํ กเถตฺวา อิทานิ อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อธิฏฺานวิกปฺปเนสุ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อธิฏฺิยเต อธิฏฺานํ, คหณํ สลฺลกฺขณนฺติ อตฺโถ. วิกปฺปิยเต วิกปฺปนา, สงฺกปฺปนํ จินฺตนนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ นามํ วตฺวา อธิฏฺาตุํ. น วิกปฺเปตุนฺติ นามํ วตฺวา น วิกปฺเปตุํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ตสฺมา ติจีวรํ อธิฏฺหนฺเตน ‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’ติอาทินา นามํ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. วิกปฺเปนฺเตน ปน ‘อิมํ สงฺฆาฏิ’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส จีวรสฺส นามํ อคฺคเหตฺวาว ‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกปฺเปมี’ติ วิกปฺเปตพฺพํ. ติจีวรํ วา โหตุ อฺํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปติ ¶ , อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ปน ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ สงฺฆาฏิอาทินาเมน อธิฏฺาตุํ. น วิกปฺเปตุนฺติ อิมินา นาเมน น วิกปฺเปตุํ, เอเตน วิกปฺปิตติจีวโร เตจีวริโก น โหติ, ตสฺส ตสฺมึ อธิฏฺิตติจีวเร วิย อวิปฺปวาสาทินา กาตพฺพวิธิ น กาตพฺโพติ ทสฺเสติ, น ปน วิกปฺปเน โทโส’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๖๙) ปน ‘‘ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ เอตฺถ ติจีวรํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพยุตฺตกํ, ยํ วา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุํ อนุชานามิ, ตสฺส อธิฏฺานกาลปริจฺเฉทาภาวโต สพฺพกาลํ อิจฺฉนฺตสฺส อธิฏฺาตุํเยว ¶ อนุชานามิ, ตํ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วิกปฺเปตุํ นานุชานามิ, สติ ปน ปจฺจเย ยทา ตทา วา ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตุํ วฏฺฏตีติ ‘อนาปตฺติ อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’ติ วจนโต สิทฺธํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.
อิเมสุ ปน ตีสุ ฏีกาวาเทสุ ตติยวาโท ยุตฺตตโร วิย ทิสฺสติ. กสฺมา? ปาฬิยา อฏฺกถาย จ สํสนฺทนโต. กถํ? ปาฬิยฺหิ กตปริจฺเฉทาสุเยว ทฺวีสุ วสฺสิกสาฏิกกณฺฑุปฏิจฺฉาทีสุ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุนฺติ วุตฺตํ, ตโต อฺเสุ น วิกปฺเปตุํ อิจฺเจว, ตสฺมา เตสุ อสติ ปจฺจเย นิจฺจํ อธิฏฺาตพฺพเมว โหติ, น วิกปฺเปตพฺพนฺติ อยํ ปาฬิยา อธิปฺปาโย ทิสฺสติ, อิตราสุ ปน ทฺวีสุ อนฺุาตกาเลเยว อธิฏฺาตพฺพํ, ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ เอวํ ปาฬิยา สํสนฺทติ, อฏฺกถายํ ติจีวรํ ติจีวรสงฺเขเปน ปริหรโต อธิฏฺาตุเมว อนุชานามิ, น วิกปฺเปตุํ. วสฺสิกสาฏิกํ ปน จาตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตุเมว, น อธิฏฺาตุํ, เอวฺจ ¶ สติ โย ติจีวเร เอเกน จีวเรน วิปฺปวสิตุกาโม โหติ, ตสฺส จีวราธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหตีติ.
ปมวาเท ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ นามํ วตฺวา ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต, เอวํ สนฺเต ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ เอตฺถ ตโต ปรํ นามํ วตฺวา วิกปฺเปตุนฺติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส จ อตฺโถ วิกปฺปนาธิกาเรน วุตฺโต, ‘‘นามํ วตฺวา’’ติ จ วิเสสเน กตฺตพฺเพ สติ ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ จ ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ จ เภทวจนํ น สิยา, สพฺเพสุปิ จีวเรสุ นามํ อวตฺวาว วิกปฺเปตพฺพโต, ทุติยวาเท จ ‘‘น วิกปฺเปตุ’’นฺติ อิมินา นาเมน น วิกปฺเปตุนฺติ วุตฺตํ, น อนุชานามีติ ปาเสโส. ปเม จ ‘‘ติจีวรํ วา โหตุ อฺํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปติ, อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ. ทุติเย จ ‘‘น ปน วิกปฺปเน โทโส’’ติ, ตฺจ อฺมฺวิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตํ.
ตโต ปรํ วิกปฺเปตุนฺติ จาตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริภฺุชิตุนฺติ ตีสุ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ยาว อาคามิสํวจฺฉเร วสฺสานํ จาตุมาสํ, ตาว เปตุํ อนฺุาต’’นฺติปิ วทนฺติ. ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ เอตฺตาวตา วสฺสิกสาฏิกํ ¶ กณฺฑุปฏิจฺฉาทิฺจ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปตุํ อนฺุาตนฺติ เอวมตฺโถ น คเหตพฺโพ. ตโต ปรํ วสฺสิกสาฏิกาทินามสฺเสว อภาวโต, กสฺมา ตโต ปรํ วิกปฺเปนฺเตนปิ นามํ คเหตฺวา น วิกปฺเปตพฺพํ. อุภินฺนมฺปิ ตโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริโภคสฺส อนฺุาตตฺตา ตถาวิกปฺปิตํ อฺนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพนฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ‘‘ตโต ปรนฺติ จาตุมาสโต ¶ ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริภฺุชิตุํ อนฺุาตนฺติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘วิกปฺเปตฺวา ยาว อาคามิวสฺสานํ ตาว เปตุํ วฏฺฏตี’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘วิกปฺปเน น โทโส, ตถา วิกปฺปิตํ ปริกฺขาราทินาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพ’นฺติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๖๙) ปน ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํเยว, นาธิฏฺาตุํ. วตฺถฺหิ กตปริโยสิตํ อนฺโตจาตุมาเส วสฺสานทิวสํ อาทึ กตฺวา อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตุํ อนุชานามิ, จาตุมาสโต อุทฺธํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา เปตุกาเมน วิกปฺเปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อิธาปิ ปจฺฉิมวาโท ปสตฺถตโรติ ทิสฺสติ, กสฺมา? สุวิฺเยฺยตฺตา, ปุริเมสุ ปน อาจริยานํ อธิปฺปาโยเยว ทุวิฺเยฺโย โหติ นานาวาทสฺเสว กถิตตฺตา. มุฏฺิปฺจกนฺติ มุฏฺิยา อุปลกฺขิตํ ปฺจกํ มุฏฺิปฺจกํ, จตุหตฺเถ มินิตฺวา ปฺจมํ หตฺถมุฏฺึ กตฺวา มินิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘มุฏฺิหตฺถานํ ปฺจกํ มุฏฺิปฺจกํ. ปฺจปิ หตฺถา มุฏฺี กตฺวาว มินิตพฺพา’’ติ วทนฺติ. มุฏฺิตฺติกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ทฺวิหตฺเถน อนฺตรวาสเกน ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘ปารุปเนนปี’’ติอาทิ. อติเรกนฺติ สุคตจีวรโต อติเรกํ. อูนกนฺติ มุฏฺิปฺจกาทิโต อูนกํ. เตน จ เตสุ ติจีวราธิฏฺานํ น รุหตีติ ทสฺเสติ.
อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามีติ อิมํ สงฺฆาฏิอธิฏฺานํ อุกฺขิปามิ, ปริจฺจชามีติ อตฺโถ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ปน ‘‘ปจฺจุทฺธรามีติ เปมิ, ปริจฺจชามีติ วา อตฺโถ’’อิจฺเจว วุตฺตํ. กายวิการํ กโรนฺเตนาติ หตฺเถน จีวรํ ปรามสนฺเตน, จาเลนฺเตน วา. วาจาย อธิฏฺาตพฺพาติ เอตฺถ กาเยนปิ จาเลตฺวา ¶ วาจมฺปิ ภินฺทิตฺวา กายวาจาหิ อธิฏฺานมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ, ‘‘กาเยน อผุสิตฺวา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา อหตฺถปาสหตฺถปาสวเสน ทุวิธํ อธิฏฺานํ. ตตฺถ ‘‘หตฺถปาโส นาม อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ วุจฺจติ. ‘ทฺวาทสหตฺถ’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ อิธ ¶ น สเมตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) วุตฺตํ. ‘‘อิทานิ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภเทน ทุวิธํ อธิฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หตฺถปาเสติอาทิ วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ปน ‘‘หตฺถปาเสติ จ อิทํ ทฺวาทสหตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ิตํ ‘อิม’นฺติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, ตโต ปรํ ‘เอต’นฺติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ เกจิ วทนฺติ, คณฺิปเทสุ ปเนตฺถ น กิฺจิ วุตฺตํ, ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ สพฺพตฺถ ‘หตฺถปาโส’ติ อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ วุจฺจติ, ตสฺมา อิธ วิเสสวิกปฺปนาย การณํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ ปาฬิยฏฺกถาสุปิ อฑฺฒเตยฺยหตฺถเมว หตฺถปาโส วุตฺโต, ฏีกาจริเยหิ จ ตเทว สมฺปฏิจฺฉิโต, ตสฺมา อฑฺฒเตยฺยหตฺถพฺภนฺตเร ิตํ จีวรํ ‘‘อิม’’นฺติ, ตโต พหิภูตํ ‘‘เอต’’นฺติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ.
‘‘สามนฺตวิหาเรติ อิทํ ปิตฏฺานสลฺลกฺขณโยคฺเค ิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตโต ทูเร ิตมฺปิ ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขนฺเตน อธิฏฺาตพฺพเมว. ตตฺถาปิ จีวรสฺส ปิตภาวสลฺลกฺขณเมว ปมาณํ. น หิ สกฺกา นิจฺจสฺส านํ สลฺลกฺเขตุํ, เอกสฺมึ วิหาเร เปตฺวา ตโต อฺสฺมึ ปิตนฺติ อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘ตถาปิ อธิฏฺิเต น โทโส’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ, วีมํสิตพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ปน ‘‘สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺเตตุํ สกฺกา. สามนฺตวิหาเรติ อิทํ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพนฺติ วทนฺติ. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวาติ จ อิทํ ปิตฏฺานสลฺลกฺขณํ ¶ อนุจฺฉวิกนฺติ กตฺวา วุตฺตํ, จีวรสลฺลกฺขณเมเวตฺถ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๖๙) ‘‘สงฺฆาฏิ อุตฺตราสงฺโค อนฺตรวาสกนฺติ อธิฏฺิตานธิฏฺิตานํ สมานเมว นามํ. ‘อยํ สงฺฆาฏี’ติอาทีสุ อนธิฏฺิตา วุตฺตา. ‘ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’ติ เอตฺถ อธิฏฺิตา วุตฺตา. สามนฺตวิหาเรติ โคจรคามโต วิหาเรติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ทูรตเรปิ ลพฺภเตวาติ อาจริยา. อนุคณฺิปเทปิ ‘สามนฺตวิหาเรติ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ. สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ สกฺกา. รตฺติวิปฺปวาสํ รกฺขนฺเตน ตโต ทูเร ิตํ อธิฏฺาตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ กิร มหาอฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ. เกจิ ‘จีวรวํเส ปิตํ อฺโ ปริวตฺเตตฺวา นาคทนฺเต เปติ, ตํ อชานิตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺสปิ รุหติ จีวรสฺส สลฺลกฺขิตตฺตา’ติ วทนฺตี’’ติ, ตสฺมา อาจริยานํ มตเภทํ สํสนฺทิตฺวา คเหตพฺพํ.
อธิฏฺหิตฺวา ¶ ปิตวตฺเถหีติ ปริกฺขารโจฬนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปิตวตฺเถหิ. เตเนว ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปริกฺขารโจฬสฺส ปจฺจุทฺธารํ ทสฺเสติ, เอเตน จ เตจีวริกธุตงฺคํ ปริหรนฺเตน ปํสุกูลาทิวเสน ลทฺธํ วตฺถํ ทสาหพฺภนฺตเร กตฺวา รชิตฺวา ปารุปิตุมสกฺโกนฺเตน ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวาว ทสาหมติกฺกมาเปตพฺพํ, อิตรถา นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ ทสฺเสติ, เตเนว ‘‘รชิตกาลโต ปน ปฏฺาย นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ, ธุตงฺคโจโร นาม โหตี’’ติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๕) วุตฺตํ. ปุน อธิฏฺาตพฺพานีติ อิทฺจ สงฺฆาฏิอาทิติจีวรนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตุกามสฺส วเสน วุตฺตํ, อิตรสฺส ปน ปุริมาธิฏฺานเมว อลนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ อิมินา กปฺปพินฺทุปิ ทาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อธิฏฺานกิจฺจํ ¶ นตฺถีติ อิมินา กปฺปพินฺทุทานกิจฺจมฺปิ นตฺถีติ ทสฺเสติ, มหนฺตตรเมวาติอาทิ สพฺพาธิฏฺานสาธารณลกฺขณํ. ตตฺถ ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ อนธิฏฺิตจีวรสฺส เอกเทสภูตตฺตา อนธิฏฺิตฺเจ, อธิฏฺิตสฺส อปฺปภาเวน เอกเทสภูตํ อธิฏฺิตสงฺขเมว คจฺฉติ, ตถา อธิฏฺิตฺเจ, อนธิฏฺิตสฺส เอกเทสภูตํ อนธิฏฺิตสงฺขํ คจฺฉตีติ ลกฺขณํ. น เกวลฺเจตฺถ ทุติยปฏฺฏเมว, อถ โข ตติยปฏฺฏาทิกมฺปิ. ยถาห ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว…เป… อุตุทฺธฏานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ…เป… ปํสุกูเล ยาวทตฺถ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘).
มุฏฺิปฺจกาทิติจีวรปฺปมาณยุตฺตํ สนฺธาย ‘‘ติจีวรํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุนฺติ ปริกฺขารโจฬํ กตฺวา อธิฏฺาตุํ. อวเสสา ภิกฺขูติ วกฺขมานกาเล นิสินฺนา ภิกฺขู. ตสฺมา วฏฺฏตีติ ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ, น วิกปฺเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วุตฺตํ, เอวํ ปริกฺขารโจฬมฺปิ วุตฺตํ, น จสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท วุตฺโต, น จ สงฺขาปริจฺเฉโท, ตสฺมา ตีณิปิ จีวรานิ ปจฺจุทฺธริตฺวา อิมานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. นิธานมุขเมตนฺติ เอตํ ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานํ นิธานมุขํ ปนมุขํ, อติเรกจีวรฏฺปนการณนฺติ อตฺโถ. กถํ ายตีติ เจ, เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ ปริปุณฺณํ โหติ ติจีวรํ, อตฺโถ จ โหติ ปริสฺสาวเนหิปิ ถวิกาหิปิ. เอตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ อนฺุาตตฺตา ภิกฺขูนฺจ เอกเมว ปริสฺสาวนํ, ถวิกา วา วฏฺฏติ, น ทฺเว วา ตีณิ วาติ ปฏิกฺเขปาภาวโต วิกปฺปนูปคปจฺฉิมปฺปมาณานิ, อติเรกปฺปมาณานิ วา ปริสฺสาวนาทีนิ ปริกฺขารานิ กปฺปนฺตีติ สิทฺธํ. ปมํ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺาตพฺพํ, ปุน ¶ ปริหริตุํ อสกฺโกนฺเตน ปจฺจุทฺธริตฺวา ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตพฺพํ ¶ , น ตฺเวว อาทิโตว อิทํ วุตฺตํ. พทฺธสีมาย อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติสมฺภวโต จีวรวิปฺปวาเส เนวตฺถิ โทโสติ น ตตฺถ ทุปฺปริหาโรติ อาห ‘‘อพทฺธสีมาย ทุปฺปริหาร’’นฺติ.
๔๕. อติริตฺตปฺปมาณาย เฉทนกํ ปาจิตฺติยนฺติ อาห ‘‘อนติริตฺตปฺปมาณา’’ติ. ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ วสฺสิกมาสโต ปรํ อธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพา, อิมินา จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ อุปริ อธิฏฺานํ ติฏฺตีติ วิฺายติ, อสโต ปจฺจุทฺธราโยคา, ยฺจ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนาปิ อธิฏฺานํ วิชหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สมนฺตปาสาทิกายํ นตฺถิ, ปริวารฏฺกถายฺจ ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมนฺเต อาปชฺชติ, โน คิมฺเห’’ติ เอตฺถ น ตํ วุตฺตํ, กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฏิปททิวเส วิกปฺเปตฺวา ปิตํ วสฺสิกสาฏิกํ นิวาเสนฺโต เหมนฺเต อาปชฺชติ. กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา เหมนฺเต อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํ. ‘‘จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. ตตฺถ มหาอฏฺกถายํ นิวาสนปจฺจยา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ, กุรุนฺทฏฺกถายํ ปน อปจฺจุทฺธารปจฺจยา, ตสฺมา กุรุนฺทิยํ วุตฺตนเยนปิ วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานาติกฺกเมปิ อธิฏฺานํ น วิชหตีติ ปฺายติ. อธิฏฺานวิชหเนสุ จ วสฺสานมาสอาพาธานํ วิคเม วิชหนํ มาติกาฏฺกถายมฺปิ น อุทฺธฏํ, ตสฺมา สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) อาคตนเยน ยาว ปจฺจุทฺธารา อธิฏฺานํ ติฏฺตีติ คเหตพฺพํ.
นหานตฺถาย อนฺุาตตฺตา ‘‘วณฺณเภทมตฺตรตฺตาปิ เจสา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ทฺเว ปน น วฏฺฏนฺตีติ อิมินา สงฺฆาฏิอาทีสุปิ ทุติยอธิฏฺานํ น รุหติ, ตํ อติเรกจีวรํ โหตีติ ¶ ทสฺเสติ. มหาปจฺจริยํ จีวรวเสน ปริโภคกิจฺจสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตา เสนาสนปริโภคตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณ วิย. ยํ ปน ‘‘ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ เสนาสนตฺถาเยวาติ นิยมิตํ น โหติ นวสุ จีวเรสุ คหิตตฺตา, ตสฺมา อตฺตโน นาเมน อธิฏฺหิตฺวา นิทหิตฺวา ปริกฺขารโจฬํ วิย ยถา ตถา วินิยุชฺชิตเมวาติ คเหตพฺพํ, ปาวาโรโกชโวติ อิเมสมฺปิ ปจฺจตฺถรณาทินา โลเกปิ โวหรณโต เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรณโต ¶ วิสุํ คหณํ กตํ. สเจ อวสาเน อปราวสฺสิกสาฏิกา อุปฺปนฺนา โหติ, ปุริมวสฺสิกสาฏิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตฺวา อธิฏฺาตพฺพาติ วทนฺติ.
นิสีทนมฺหิ ปมาณยุตฺตนฺติ ‘‘ทีฆโต สุคตวิทตฺถิยา ทฺเว วิทตฺถิโย, วิตฺถารโต ทิยฑฺฒํ, ทสา วิทตฺถี’’ติอิมินา ปมาเณน ยุตฺตํ, ตํ ปน มชฺฌิมปุริสหตฺถสงฺขาเตน วฑฺฒกีหตฺเถน ทีฆโต ติหตฺถํ โหติ, วิตฺถารโต ฉฬงฺคุลาธิกทฺวิหตฺถํ, ทสา วิทตฺถาธิกหตฺถํ, อิทานิ มนุสฺสานํ ปกติหตฺเถน ทีฆโต วิทตฺถาธิกจตุหตฺถํ โหติ, วิตฺถารโต นวงฺคุลาธิกติหตฺถํ, ทสา ฉฬงฺคุลาธิกทฺวิหตฺถา, ตโต อูนํ วฏฺฏติ, น อธิกํ ‘‘ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๕๓๓) วุตฺตตฺตา. กณฺฑุปฏิจฺฉาทิยา ปมาณิกาติ ‘‘ทีฆโต จตสฺโส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ ทฺเว วิทตฺถิโย’’ติ (ปาจิ. ๕๓๘) วุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตปฺปมาณยุตฺตา, สา ปน วฑฺฒกีหตฺเถน ทีฆโต ฉหตฺถา โหติ, วิตฺถารโต ติหตฺถา, อิทานิ ปกติหตฺเถน ปน ทีฆโต นวหตฺถา โหติ, ติริยโต วิทตฺถาธิกจตุหตฺถาติ เวทิตพฺพา. วิกปฺปนูปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาณํ ปริกฺขารโจฬนฺติ เอตฺถ ปน วิกปฺปนูปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาณํ ¶ นาม สุคตงฺคุเลน ทีฆโต อฏฺงฺคุลํ โหติ, ติริยโต จตุรงฺคุลํ, วฑฺฒกีหตฺเถน ทีฆโต เอกหตฺถํ โหติ, ติริยโต วิทตฺถิปฺปมาณํ, อิทานิ ปกติหตฺเถน ปน ทีฆโต วิทตฺถาธิกหตฺถํ โหติ, ติริยโต ฉฬงฺคุลาธิกวิทตฺถิปฺปมาณํ. เตนาห ‘‘ตสฺส ปมาณ’’นฺติอาทิ.
เภสชฺชตฺถายาติอาทีสุ อตฺตโน สนฺตกภาวโต โมเจตฺวา ปิตํ สนฺธาย ‘‘อนธิฏฺิเตปิ นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อิทํ เภสชฺชตฺถาย, อิทํ มาตุยา’’ติ วิภชิตฺวา สกสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา เปนฺเตน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิมินา เภสชฺชํ เจตาเปสฺสามิ, อิทํ มาตุยา ทสฺสามี’’ติ เปนฺเตน ปน อธิฏฺาตพฺพเมวาติ วทนฺติ. เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณติ เอตฺถ อนิวาเสตฺวา อปารุปิตฺวา เกวลํ มฺจปีเสุเยว อตฺถริตฺวา ปริภฺุชิยมานํ ปจฺจตฺถรณํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อนธิฏฺาตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, เหฏฺา ปน ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฏฺาตพฺพเมวาติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อตฺตโน สนฺตกํ อธิฏฺาตพฺพเมวาติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ตนฺเต ิตํเยว อธิฏฺาตพฺพนฺติ เอตฺถ ปจฺฉา วีตฏฺานํ อธิฏฺิตเมว โหติ, ปุน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. สเจ ปน ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา อนฺตรนฺตรา วีตํ โหติ, ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ วทนฺติ. เอเสว นโยติ วิกปฺปนูปคปฺปมาณมตฺเต วีเต ตนฺเต ิตํเยว อธิฏฺาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
๔๖. ‘‘หีนายาวตฺตเนนาติ ¶ ‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย คิหิภาวูปคมเนนา’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ อฺสฺส ทาเน วิย จีวเร นิราลยภาเวเนว ปริจฺจตฺตตฺตา. เกจิ ปน ‘หีนายาวตฺตเนนาติ ภิกฺขุนิยา คิหิภาวูปคมเนเนวาติ เอตมตฺถํ คเหตฺวา ภิกฺขุ ปน วิพฺภมนฺโตปิ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ตาว ภิกฺขุเยวาติ อธิฏฺานํ น วิชหตี’ติ ¶ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘ภิกฺขุนิยา หีนายาวตฺตเนนา’ติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา. ภิกฺขุนิยา หิ คิหิภาวูปคมเนน อธิฏฺานวิชหนํ วิสุํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ ตสฺสา วิพฺภมเนเนว อสฺสมณีภาวโต. สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนาติ ปน อิทํ สเจ ภิกฺขุลิงฺเค ิโตว สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ, ตสฺส กายลคฺคมฺปิ จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ปน ‘‘หีนายาวตฺตเนนาติ อิทํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปชฺชิตฺวา ภิกฺขุปฏิฺาย ิตสฺส เจว ติตฺถิยปกฺกนฺตสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ ภิกฺขุนิภาเว นิรเปกฺขตาย คิหิลิงฺคติตฺถิยลิงฺคคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ. สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย คิหิภาวูปคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, ตทาปิ ตสฺส อุปสมฺปนฺนตฺตา จีวรสฺส จ ตสฺส สนฺตกตฺตา วิชหนโต’’ติ วุตฺตํ, อิติ อิมานิ ทฺเว วจนานิ อฺมฺวิรุทฺธานิ หุตฺวา ทิสฺสนฺติ.
อฏฺกถายํ ปน ‘‘หีนายาวตฺตเนน สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) วิสุํ วุตฺตตฺตา หีนายาวตฺตนฺเต สติ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขนฺเตปิ จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺเต สติ หีนาย อนาวตฺตนฺเตปีติ อธิปฺปาโย ทิสฺสติ, ตสฺมา สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย เกวลํ คิหิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส กิฺจาปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ, จีวรสฺส จ ตสฺส สนฺตกตฺตา วิชหนํ, ตถาปิ ‘‘หีนายาวตฺตเนนา’’ติ วุตฺตตฺตา คิหิภาวูปคมเนเนว อธิฏฺานวิชหนํ สิยา ยถา ตํ ลิงฺคปริวตฺตเนน. คิหิภาวํ อนุปคนฺตฺวา จ เกวลํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ กโรนฺตสฺส กิฺจาปิ ภิกฺขุลิงฺคํ อตฺถิ, จีวรสฺส จ ตสฺส สนฺตกตฺตา วิชหนํ, ตถาปิ ‘‘สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนา’’ติ วุตฺตตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขาเนเนว อธิฏฺานวิชหนํ สิยา ยถา ตํ ปจฺจุทฺธรเณ, ตสฺมา ภิกฺขุ วา โหตุ ภิกฺขุนี วา, หีนายาวตฺติสฺสามีติ ¶ จิตฺเตน คิหิลิงฺคคฺคหเณน จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหติ. สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน ปน ภิกฺขุสฺเสว จีวรํ ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขานาภาวาติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนกติตฺถิยปกฺกนฺตกานํ ปน จีวรสฺส อธิฏฺานวิชหนํ อฏฺกถายํ อนาคตตฺตา เตสฺจ หีนายาวตฺตานโวหาราภาวา วิจาเรตพฺพํ.
กนิฏฺงฺคุลินขวเสนาติ ¶ เหฏฺิมปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. โอรโต ปรโตติ เอตฺถ จ ‘‘โอรโต ฉิทฺทํ อธิฏฺานํ ภินฺทติ, ปรโต น ภินฺทตี’’ติ วุตฺตํ. กถํ โอรปรภาโว เวทิตพฺโพติ? ยถา นทีปริจฺฉินฺเน ปเทเส มนุสฺสานํ วสนทิสาภาเค ตีรํ โอริมํ นาม โหติ, อิตรทิสาภาเค ตีรํ ปาริมํ นาม, ตถา ภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนฏฺานภูตํ จีวรสฺส มชฺฌฏฺานํ ยถาวุตฺตวิทตฺถิอาทิปฺปมาณสฺส ปเทสสฺส โอรํ นาม, จีวรปริยนฺตฏฺานํ ปรํ นาม, อิติ โลกโต วา ยถา จ โอรโต โภคํ ปรโต อนฺตํ กตฺวา จีวรํ เปตพฺพนฺติ วุตฺเต ภิกฺขุโน อภิมุขฏฺานํ โอรํ นาม, อิตรฏฺานํ ปรํ นาม, เอวํ ภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนฏฺานํ โอรํ นาม, อิตรํ ปรํ นาม. เอวํ สาสนโต วา โอรปรภาโว เวทิตพฺโพ. เตเนว โย ปน ทุพฺพลฏฺาเน ปมํ อคฺคฬํ ทตฺวา ปจฺฉา ทุพฺพลฏฺานํ ฉินฺทิตฺวา อปเนติ, อธิฏฺานํ น ภิชฺชติ. มณฺฑลปริวตฺตเนปิ เอเสว นโยติ สกลสฺมึ จีวเร อธิฏฺานภิชฺชนาภิชฺชนภาโว ทสฺสิโต. เตน วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๖๙) ‘‘เอส นโยติ อิมินา ปมาณยุตฺเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ ฉิทฺเท อธิฏฺานํ วิชหตีติอาทิอตฺถํ สงฺคณฺหาตี’’ติ.
ขุทฺทกํ จีวรนฺติ มุฏฺิปฺจกาทิเภทปฺปมาณโต อนูนเมว ขุทฺทกจีวรํ. มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรตีติ เอตฺถ ติณฺณํ จีวรานํ จตูสุ ปสฺเสสุ ยสฺมึ ปเทเส ฉิทฺทํ อธิฏฺานํ น วิชหติ, ตสฺมึ ¶ ปเทเส สมนฺตโต ฉินฺทิตฺวา ขุทฺทกํ กโรนฺตสฺส อธิฏฺานํ น วิชหตีติ อธิปฺปาโย. วิมติวิโนทนิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ วา กโรตีติ เอตฺถ อติมหนฺตํ จีวรํ มุฏฺิปฺจกาทิปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺตํ กตฺวา สมนฺตโต ฉินฺทเนนปิ วิจฺฉินฺทนกาเล ฉิชฺชมานฏฺานํ ฉิทฺทสงฺขํ น คจฺฉติ, อธิฏฺานํ น วิชหติ เอวาติ สิชฺฌติ, ‘ฆเฏตฺวา ฉินฺทติ น ภิชฺชตี’ติ วจเนน จ สเมติ. ปริกฺขารโจฬํ ปน วิกปฺปนูปคปจฺฉิมปฺปมาณโต อูนํ กตฺวา ฉิทฺทํ อธิฏฺานํ วิชหติ อธิฏฺานสฺส อนิสฺสยตฺตา, ตานิ ปุน พทฺธานิ ฆฏิตานิ ปุน อธิฏฺาตพฺพเมวาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘วสฺสิกสาฏิกจีวเร ทฺวิธา ฉินฺเน ยทิปิ เอเกกํ ขณฺฑํ ปจฺฉิมปฺปมาณํ โหติ, เอกสฺมึเยว ขณฺเฑ อธิฏฺานํ ติฏฺติ, น อิตรสฺมึ, ทฺเว ปน น วฏฺฏนฺตี’ติ วุตฺตตฺตา นิสีทนกณฺฑุปฏิจฺฉาทีสุปิ เอเสว นโยติ วทนฺตี’’ติ.
๔๗. สมฺมุเข ปวตฺตา สมฺมุขาติ ปจฺจตฺตวจนํ, ตฺจ วิกปฺปนาวิเสสนํ, ตสฺมา ‘‘สมฺมุเข’’ติ ภุมฺมตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ กตฺวาปิ อตฺถํ วทนฺติ, อภิมุเขติ อตฺโถ. อถ วา สมฺมุเขน อตฺตโน วาจาย เอว วิกปฺปนา สมฺมุขาวิกปฺปนา. ปรมฺมุเขน วิกปฺปนา ปรมฺมุขาวิกปฺปนาติ ¶ กรณตฺเถนปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อยเมว ปาฬิยา สเมติ. สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวนฺติ อาสนฺนทูรภาวํ. เอตฺตาวตา นิเธตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺตเกเนว วิกปฺปนากิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา อติเรกจีวรํ น โหตีติ ทสาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ น ชเนตีติ อธิปฺปาโย. ปริภฺุชิตุํ…เป… น วฏฺฏตีติ สยํ อปจฺจุทฺธารณปริภฺุชเน ปาจิตฺติยํ, อธิฏฺหเน ปเรสํ วิสฺสชฺชเน จ ทุกฺกฏฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ปริโภคาทโยปิ วฏฺฏนฺตีติ ปริโภควิสฺสชฺชนอธิฏฺานานิ วฏฺฏนฺติ. อปิ-สทฺเทน นิเธตุมฺปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอเตน ปจฺจุทฺธาเรปิ กเต จีวรํ อธิฏฺาตุกาเมน ¶ วิกปฺปิตจีวรเมว โหติ, น อติเรกจีวรํ, ตํ ปน ติจีวราทินาเมน อธิฏฺาตุกาเมน อธิฏฺหิตพฺพํ, อิตเรน วิกปฺปิตจีวรเมว กตฺวา ปริภฺุชิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
เกจิ ปน ‘‘ยํ วิกปฺปิตจีวรํ, ตํ ยาว ปริโภคกาลา อปจฺจุทฺธราเปตฺวา นิทเหตพฺพํ, ปริโภคกาเล ปน สมฺปตฺเต ปจฺจุทฺธราเปตฺวา อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ. ยทิ หิ ตโต ปุพฺเพปิ ปจฺจุทฺธราเปยฺย, ปจฺจุทฺธาเรเนว วิกปฺปนาย วิคตตฺตา อติเรกจีวรํ นาม โหติ, ทสาหาติกฺกเม ปตฺเตว นิสฺสคฺคิยํ, ตสฺมา ยํ อปริภฺุชิตฺวา เปตพฺพํ, ตเทว วิกปฺเปตพฺพํ. ปจฺจุทฺธาเร จ กเต อนฺโตทสาเหเยว อธิฏฺาตพฺพํ. ยฺจ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) ‘ตโต ปรํ ปริโภคาทิ วฏฺฏตี’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา วิรุชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตเมว. ปาฬิยฺหิ ‘‘อนฺโตทสาหํ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’’ติ (ปารา. ๔๖๙) จ ‘‘สามํ จีวรํ วิกปฺเปตฺวา อปจฺจุทฺธารณํ ปริภฺุเชยฺย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๓๗๓) จ ‘‘อนาปตฺติ โส วา เทติ, ตสฺส วา วิสฺสาสนฺโต ปริภฺุชตี’’ติ (ปาจิ. ๓๗๖) จ สามฺโต วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) ‘‘อิมํ จีวรํ วา วิกปฺปนํ วา ปจฺจุทฺธรามี’’ติอาทินา ปจฺจุทฺธารํ อทสฺเสตฺวา ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ปริภฺุช วา วิสฺสชฺเชหิ วา ยถาปจฺจยํ กโรหี’’ติ เอวํ อตฺตโน สนฺตกตฺตํ อโมเจตฺวาว ปริโภคาทิวเสน ปจฺจุทฺธารสฺส วุตฺตตฺตา, ‘‘ตโต ปภุติ ปริโภคาทโยปิ วฏฺฏนฺตี’’ติ อธิฏฺานํ วินาปิ วิสุํ ปริโภคสฺส นิธานสฺส จ วุตฺตตฺตา วิกปฺปนานนฺตรเมว ปจฺจุทฺธราเปตฺวา อนธิฏฺหิตฺวา เอว จ ติจีวรรหิตํ วิกปฺปนารหํ จีวรํ ปริภฺุชิตฺุจ นิทหิตฺุจ อิทํ ปาเฏกฺกํ วินยกมฺมนฺติ ขายติ. อปิจ พหูนํ ปตฺตานํ วิกปฺเปตุํ ปจฺจุทฺธเรตฺุจ วุตฺตตฺตา ปจฺจุทฺธาเร เตสํ ¶ อติเรกปตฺตตา ทสฺสิตาติ สิชฺฌติ เตสุ เอกสฺเสว อธิฏฺาตพฺพโต, ตสฺมา อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว คเหตพฺพํ.
มิตฺโตติ ¶ ทฬฺหมิตฺโต. สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺโต, น ทฬฺหมิตฺโต. ปฺตฺติโกวิโท น โหตีติ เอวํ วิกปฺปิเต อนนฺตรเมว เอวํ ปจฺจุทฺธริตพฺพนฺติ วินยกมฺมํ น ชานาติ. เตนาห ‘‘น ชานาติ ปจฺจุทฺธริตุ’’นฺติ. อิมินาปิ เจตํ เวทิตพฺพํ ‘‘วิกปฺปนาสมนนฺตรเมว ปจฺจุทฺธาโร กาตพฺโพ’’ติ. วิกปฺปิตวิกปฺปนา นาเมสา วฏฺฏตีติ อธิฏฺิตอธิฏฺานํ วิยาติ อธิปฺปาโย.
๔๘. เอวํ จีวเร อธิฏฺานวิกปฺปนานยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปตฺเต อธิฏฺานวิกปฺปนานยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปตฺเต ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปตติ ปิณฺฑปาโต เอตฺถาติ ปตฺโต, ชินสาสนภาโว ภิกฺขาภาชนวิเสโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ปตฺตํ ปกฺเข ทเล ปตฺโต, ภาชเน โส คเต ติสู’’ติ, ตสฺมึ ปตฺเต. ปนาติ ปกฺขนฺตรตฺเถ นิปาโต. นโยติ อธิฏฺานวิกปฺปนานโย. จีวเร วุตฺตอธิฏฺานวิกปฺปนานยโต อฺภูโต อยํ วกฺขมาโน ปตฺเต อธิฏฺานวิกปฺปนานโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. ปตฺตํ อธิฏฺหนฺเตน ปมาณยุตฺโตว อธิฏฺาตพฺโพ, น อปฺปมาณยุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. เตน ปมาณโต อูนาธิเก ปตฺเต อธิฏฺานํ น รุหติ, ตสฺมา ตาทิสํ ปตฺตํ ภาชนปริโภเคน ปริภฺุชิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. วกฺขติ หิ ‘‘เอเต ภาชนปริโภเคน ปริภฺุชิตพฺพา, น อธิฏฺานูปคา น วิกปฺปนูปคา’’ติ.
ทฺเว มคธนาฬิโยติ เอตฺถ มคธนาฬิ นาม ยา มาคธิกาย ตุลาย อฑฺฒเตรสปลปริมิตํ อุทกํ คณฺหาติ. สีหฬทีเป ปกตินาฬิโต ขุทฺทกา โหติ, ทมิฬนาฬิโต ปน ¶ มหนฺตา. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๐๒) ‘‘มคธนาฬิ นาม อฑฺฒเตรสปลา โหตีติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ. สีหฬทีเป ปกตินาฬิ มหนฺตา, ทมิฬนาฬิ ขุทฺทกา, มคธนาฬิปมาณยุตฺตา, ตาย มคธนาฬิยา ทิยฑฺฒนาฬิ เอกา สีหฬนาฬิ โหตีติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ. อถ วา มคธนาฬิ นาม ยา ปฺจ กุฑุวานิ เอกฺจ มุฏฺึ เอกาย จ มุฏฺิยา ตติยภาคํ คณฺหาติ. วุตฺตฺเหตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๙๘-๖๐๒) ‘‘มคธนาฬิ นาม ฉปสตา นาฬีติ เกจิ. ‘อฏฺปสตา’ติ อปเร. ตตฺถ ปุริมานํ มเตน ติปสตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย เอกา มคธนาฬิ โหติ. ปจฺฉิมานํ จตุปสตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย เอกา มคธนาฬิ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ปกติยา จตุมุฏฺิกํ กุฑุวํ, จตุกุฑุวํ นาฬิกํ, ตาย นาฬิยา โสฬส นาฬิโย โทณํ, ตํ ปน มคธนาฬิยา ทฺวาทส นาฬิโย โหนฺตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา เตน นเยน มคธนาฬิ นาม ปฺจ กุฑุวานิ ¶ เอกฺจ มุฏฺึ เอกาย มุฏฺิยา ตติยภาคฺจ คณฺหาตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. ตตฺถ กุฑุโวติ ปสโต. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ –
‘‘กุฑุโว ปสโต เอโก;
ปตฺโถ เต จตุโร สิยุํ;
อาฬฺหโก จตุโร ปตฺถา;
โทณํ วา จตุราฬฺหก’’นฺติ.
อถ วา มคธนาฬิ นาม ยา จตุกุฑุวาย นาฬิยา จตสฺโส นาฬิโย คณฺหาติ. วุตฺตฺเหตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๐๒) ‘‘ทมิฬนาฬีติ ปุราณกนาฬึ สนฺธาย วุตฺตํ. สา จ จตุมุฏฺิเกหิ กุฑุเวหิ อฏฺกุฑุวา, ตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย มคธนาฬิ คณฺหาติ, ปุราณา ปน สีหฬนาฬิ ติสฺโส นาฬิโย คณฺหาตีติ วทนฺติ, เตสํ มเตน มคธนาฬิ ¶ อิทานิ วตฺตมานาย จตุกุฑุวาย ทมิฬนาฬิยา จตุนาฬิกา โหติ, ตโต มคธนาฬิโต อุปฑฺฒฺจ ปุราณทมิฬนาฬิสงฺขาตํ ปตฺถํ นาม โหติ, เอเตน จ โอมโก นาม ปตฺโต ปตฺโถทนํ คณฺหาตีติ ปาฬิวจนํ สเมติ. โลกิเยหิปิ –
‘โลกิยํ มคธฺเจติ, ปตฺถทฺวยมุทาหฏํ;
โลกิยํ โสฬสปลํ, มาคธํ ทิคุณํ มต’นฺติ. (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๐๒) –
เอวํ โลเก นาฬิยา มคธนาฬิ ทิคุณาติ ทสฺสิตา. เอวฺจ คยฺหมาเน โอมกปตฺตสฺส จ ยาปนมตฺโตทนคาหิกา จ สิทฺธา โหติ. น หิ สกฺกา อฏฺกุฑุวโต อูโนทนคาหินา ปตฺเตน อถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ยาเปตุํ. เตเนว วุตฺตํ เวรฺชกณฺฑฏฺกถายํ ‘ปตฺโถ นาม นาฬิมตฺตํ โหติ, เอกสฺส ปุริสสฺส อลํ ยาปนายา’ติ’’. วุตฺตมฺปิ เหตํ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๕.๒๑.๑๙๒) ‘‘ปตฺโถทโน นาลมยํ ทุวินฺน’’นฺติ, ‘‘เอกสฺส ทินฺนํ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ปโหตี’’ติ จ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนยานุสาเรน คเหตพฺพนฺติ. อาโลปสฺส อาโลปสฺส อนุรูปนฺติ โอทนสฺส จตุภาคมตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ มชฺฌิมนิกาเย พฺรหฺมายุสุตฺตสํวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๗) ‘‘พฺยฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนจตุตฺถภาโค’’ติ. โอทนคติกานีติ โอทนสฺส คติ ¶ คติ เยสํ ตานิ โอทนคติกานิ. คตีติ จ โอกาโส โอทนสฺส อนฺโตปวิสนสีลตฺตา โอทนสฺส โอกาโสเยว เตสํ โอกาโส โหติ, น อฺํ อตฺตโน โอกาสํ คเวสนฺตีติ อตฺโถ. ภาชนปริโภเคนาติ อุทกาหรณาทินา ภาชนปริโภเคน.
เอวํ ปมาณโต อธิฏฺานูปควิกปฺปนูปคปตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปากโต มูลโต จ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมาณยุตฺตานมฺปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อโยปตฺโต ปฺจหิ ปาเกหิ ปตฺโตติ ¶ กมฺมารปกฺกํเยว อนธิฏฺหิตฺวา สมณสารุปฺปนีลวณฺณกรณตฺถาย ปุนปฺปุนํ นานาสมฺภาเรหิ ปจิตพฺโพ, อโยปตฺตสฺส อติกกฺขฬตฺตา กมฺมารปาเกน สทฺธึ ปฺจวารปกฺโกเยว สมณสารุปฺปนีลวณฺโณ โหติ. มตฺติกาปตฺโต ทฺวีหิ ปาเกหิ ปกฺโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตสฺส ปน มุทุกตฺตา กุมฺภการกปาเกน สทฺธึ ทฺวิวารปกฺโกปิ สมณสารุปฺปนีลวณฺโณ โหติ. เอวํ กโตเยว หิ ปตฺโต อธิฏฺานูปโค วิกปฺปนูปโค จ โหติ, นากโต. เตน วกฺขติ ‘‘ปาเก จ มูเล จ สุนิฏฺิเตเยว อธิฏฺานูปโค โหติ. โย อธิฏฺานูปโค, สฺเวว วิกปฺปนูปโค’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๔๘). โส หตฺถํ อาคโตปิ อนาคโตปิ อธิฏฺาตพฺโพ วิกปฺเปตพฺโพติ เอเตน ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตุํ วิกปฺเปตฺุจ ลภติ, ปิตฏฺานสลฺลกฺขณเมว ปมาณนฺติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตุมาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท วิตฺถารโชตโก. ตตฺถ ปจิตฺวา เปสฺสามีติ กาฬวณฺณปากํ สนฺธาย วุตฺตํ.
อิทานิ ปตฺตาธิฏฺานํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตตฺถ ทฺเว ปตฺตสฺส อธิฏฺานา’’ติอาทิ. ตตฺถ สามนฺตวิหาเรติ อิทํ อุปลกฺขณวเสน วุตฺตํ, ตโต ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพเมว. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวาติ อิทมฺปิ อุปจารมตฺตํ, ปตฺตสลฺลกฺขณเมเวตฺถ ปมาณํ.
อิทานิ อธิฏฺานวิชหนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ อปฺปมตฺตสฺส’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ปตฺเต วา ฉิทฺทํ โหตีติ มุขวฏฺฏิโต เหฏฺา ทฺวงฺคุลมตฺโตกาสโต ปฏฺาย ยตฺถ กตฺถจิ ฉิทฺทํ โหติ.
สตฺตนฺนํ ¶ ธฺานนฺติ –
‘‘สาลิ วีหิ จ กุทฺรูโส;
โคธูโม วรโก ยโว;
กงฺคูติ ¶ สตฺต ธฺานิ;
นีวาราที ตุ ตพฺภิทา’’ติ. –
วุตฺตานํ สตฺตวิธานํ ธฺานํ.
๔๙. เอวํ ปตฺตาธิฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปตฺตวิกปฺปนํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิกปฺปเน ปนา’’ติอาทิมาห. ตํ จีวรวิกปฺปเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๕๐. เอวํ วิกปฺปนานยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปตฺเต ภินฺเน กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอวํ อธิฏฺหิตฺวา’’อิจฺจาทิ. ตตฺถ อปตฺโตติ อิมินา อธิฏฺานวิชหนมฺปิ ทสฺเสติ. ปฺจพนฺธเนปิ ปตฺเต อปริปุณฺณปาเก ปตฺเต วิย อธิฏฺานํ น รุหติ. ‘‘ติปุปฏฺเฏน วา’’ติ วุตฺตตฺตา ตมฺพโลหาทิกปฺปิยโลเหหิ อโยปตฺตสฺส ฉิทฺทํ ฉาเทตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘‘โลหมณฺฑลเกนา’’ติ วุตฺตํ. สุทฺเธหิ…เป… น วฏฺฏตีติ อิทํ อุณฺหโภชเน ปกฺขิตฺเต วิลียมานตฺตา วุตฺตํ. ผาณิตํ ฌาเปตฺวา ปาสาณจุณฺเณน พนฺธิตุํ วฏฺฏตีติ ปาสาณจุณฺเณน สทฺธึ ผาณิตํ ปจิตฺวา ตถาปกฺเกน ปาสาณจุณฺเณน พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. อปริโภเคนาติ อยุตฺตปริโภเคน. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว อาธารก’’นฺติ วุตฺตตฺตา มฺจปีาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาธารกํ เปตฺวา ตตฺถ ปตฺตํ เปตุํ วฏฺฏติ อาธารกฏฺปโนกาสสฺส อนิยมิตตฺตาติ วทนฺติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
อฏฺโม ปริจฺเฉโท.
๙. จีวรวิปฺปวาสวินิจฺฉยกถา
๕๑. เอวํ ¶ อธิฏฺานวิกปฺปนวินิจฺฉยกถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวเรน วินาวาสวินิจฺฉยกรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘จีวเรนวินาวาโส’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ จียตีติ จีวรํ, จยํ สฺจยํ ¶ กรียตีติ อตฺโถ, อริยทฺธโช วตฺถวิเสโส. อิธ ปน ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาริตํ จีวรตฺตยเมว. วินาติ วชฺชนตฺเถ นิปาโต. วสนํ วาโส, วินา วาโส วินาวาโส, จีวเรน วินาวาโส จีวรวินาวาโส, ‘‘จีวรวิปฺปวาโส’’ติ วตฺตพฺเพ วตฺติจฺฉาวเสน, คาถาปาทปูรณตฺถาย วา อลุตฺตสมาสํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘ติจีวราธิฏฺาเนน…เป… วิปฺปวาโส’’ติ, ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามิ, อิมํ อุตฺตราสงฺคํ อธิฏฺามิ, อิมํ อนฺตรวาสกํ อธิฏฺามี’’ติ เอวํ นาเมน อธิฏฺิตานํ ติณฺณํ จีวรานํ เอเกเกน วิปฺปวาโสติ อตฺโถ, เอเกนปิ วินา วสิตุํ น วฏฺฏติ, วสนฺตสฺส ภิกฺขุโน สห อรุณุคฺคมนา จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ปาจิตฺติยฺจ อาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. วสิตพฺพนฺติ เอตฺถ วสนกิริยา จตุอิริยาปถสาธารณา, ตสฺมา กายลคฺคํ วา โหตุ อลคฺคํ วา, อฑฺฒเตยฺยรตนสฺส ปเทสสฺส อนฺโต กตฺวา ติฏฺนฺโตปิ จรนฺโตปิ นิสินฺโนปิ นิปนฺโนปิ หตฺถปาเส กตฺวา วสนฺโต นาม โหติ.
เอวํ สามฺโต อวิปฺปวาสลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ คามาทิปนฺนรโสกาสวเสน วิเสสโต ทสฺเสตุมาห ‘‘คามิ’’จฺจาทิ. ตตฺถ คามนิเวสนานิ ปากฏาเนว. อุโทสิโต นาม ยานาทีนํ ภณฺฑานํ สาลา. อฏฺโฏ นาม ปฏิราชาทิปฏิพาหนตฺถํ อิฏฺกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬ นาม เอกกูฏสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโท. ปาสาโท นาม ทีฆปาสาโท. หมฺมิยํ นาม มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท, มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทติ ¶ จ จนฺทิกงฺคณยุตฺโต ปาสาโทติ วุจฺจติ. สตฺโถ นาม ชงฺฆสตฺโถ วา สกฏสตฺโถ วา. เขตฺตํ นาม ปุพฺพณฺณาปรณฺณานํ วิรุหนฏฺานํ. ธฺกรณํ นาม ขลมณฺฑลํ. อาราโม นาม ปุปฺผาราโม ผลาราโม. วิหาราทโย ปากฏา เอว. ตตฺถ นิเวสนาทีนิ คามโต พหิ สนฺนิวิฏฺานิ คหิตานีติ เวทิตพฺพํ. อนฺโตคาเม ิตานฺหิ คามคฺคหเณน คหิตตฺตา คามปริหาโรเยวาติ. คามคฺคหเณน จ นิคมนครานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ.
ปริขาย วา ปริกฺขิตฺโตติ อิมินา สมนฺตา นทีตฬากาทิอุทเกน ปริกฺขิตฺโตปิ ปริกฺขิตฺโตเยวาติ ทสฺเสติ. ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวาติ ฆรสฺส อุปริ อากาเส อฑฺฒเตยฺยรตนปฺปมาณํ อติกฺกมิตฺวา. สภาเย วา วตฺถพฺพนฺติ อิมินา สภาสทฺทสฺส ปริยาโย สภายสทฺโท นปุํสกลิงฺโค อตฺถีติ ทสฺเสติ. สภาสทฺโท หิ อิตฺถิลิงฺโค, สภายสทฺโท นปุํสกลิงฺโคติ. ทฺวารมูเล วาติ นครสฺส ทฺวารมูเล วา. เตสนฺติ สภายนครทฺวารมูลานํ. ตสฺสา วีถิยา ¶ สภายทฺวารานํ คหเณเนว ตตฺถ สพฺพานิปิ เคหานิ, สา จ อนฺตรวีถิ คหิตาเยว โหติ. เอตฺถ จ ทฺวารวีถิฆเรสุ วสนฺเตน คามปฺปเวสนสหเสยฺยาทิโทสํ ปริหริตฺวา สุปฺปฏิจฺฉนฺนตาทิยุตฺเตเนว ภวิตพฺพํ. สภา ปน ยทิ สพฺเพสํ วสนตฺถาย ปปาสทิสา กตา, อนฺตราราเม วิย ยถาสุขํ วสิตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. อติหริตฺวา ฆเร นิกฺขิปตีติ วีถึ มฺุจิตฺวา ิเต อฺสฺมึ ฆเร นิกฺขิปติ. เตนาห ‘‘วีถิหตฺถปาโส น รกฺขตี’’ติ. ปุรโต วา ปจฺฉโต วา หตฺถปาเสติ ฆรสฺส หตฺถปาสํ สนฺธาย วทติ.
เอวํ คามวเสน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิเวสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ เอกกุลสฺส สนฺตกํ นิเวสนํ โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอวรโก นาม คพฺภสฺส ¶ อพฺภนฺตเร อฺโ คพฺโภติ วทนฺติ, คพฺภสฺส วา ปริยายวจนเมตํ. อิทานิ อุโทสิตาทิวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อุโทสิติ’’จฺจาทิมาห. ตตฺถ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘เอกกุลสฺส สนฺตโก อุโทสิโต โหติ ปริกฺขิตฺโต จา’’ติอาทินา นิเวสเน วุตฺตนเยน. เอว-สทฺโท วิเสสนิวตฺติ อตฺโถ. เตน วิเสโส นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อิทานิ เยสุ วิเสโส อตฺถิ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ เอกกุลสฺส นาวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปริยาทิยิตฺวาติ วินิวิชฺฌิตฺวา, อชฺโฌตฺถริตฺวา วา. วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘อนฺโตปวิฏฺเนา’’ติอาทินา. ตตฺถ อนฺโตปวิฏฺเนาติ คามสฺส, นทิยา วา อนฺโตปวิฏฺเน. ‘‘สตฺเถนา’’ติ ปาเสโส. นทีปริหาโร ลพฺภตีติ เอตฺถ ‘‘วิสุํ นทีปริหารสฺส อวุตฺตตฺตา คามาทีหิ อฺตฺถ วิย จีวรหตฺถปาโสเยว นทีปริหาโร’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อฺเ ปน ‘‘อิมินา อฏฺกถาวจเนน นทีปริหาโรปิ วิสุํ สิทฺโธติ นทีหตฺถปาโส น วิชหิตพฺโพ’’ติ วทนฺติ. ยถา ปน อชฺโฌกาเส สตฺตพฺภนฺตรวเสน อรฺปริหาโร ลพฺภติ, เอวํ นทิยํ อุทกุกฺเขปวเสน นทีปริหาโร ลพฺภตีติ กตฺวา อฏฺกถายํ นทีปริหาโร วิสุํ อวุตฺโต สิยา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อรฺนทีสุ อพทฺธสีมาวเสน ลพฺภมานตฺตา. เอวฺจ สติ สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ ปริหาโร อวุตฺตสิทฺโธ โหติ นทิยา สมานลกฺขณตฺตา, นทีหตฺถปาโส น วิชหิตพฺโพติ ปน อตฺเถ สติ นทิยา อติวิตฺถารตฺตา พหุสาธารณตฺตา จ อนฺโตนทิยํ จีวรํ เปตฺวา นทีหตฺถปาเส ิเตน จีวรสฺส ปวตฺตึ ชานิตุํ น สกฺกา ภเวยฺย. เอส นโย สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ. อนฺโตอุทกุกฺเขเป วา ตสฺส หตฺถปาเส วา ิเตน ปน สกฺกาติ อยํ อมฺหากํ อตฺตโนมติ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. วิหารสีมนฺติ อวิปฺปวาสสีมํ ¶ สนฺธายาห. เอตฺถ จ ¶ วิหารสฺส นานากุลสนฺตกภาเวปิ อวิปฺปวาสสีมาปริจฺเฉทพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ จีวรอวิปฺปวาสสมฺภวโต ปธานตฺตา ตตฺถ สตฺถปริหาโร น ลพฺภตีติ ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา วสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สตฺถสมีเปติ อิทํ ยถาวุตฺตอพฺภนฺตรปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ.
ยสฺมา ‘‘นานากุลสฺส ปริกฺขิตฺเต เขตฺเต จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา เขตฺตทฺวารมูเล วา ตสฺส หตฺถปาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวารมูลโต อฺตฺถ เขตฺเตปิ วสนฺเตน จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺถปาเส กตฺวาเยว วสิตพฺพํ.
วิหาโร นาม สปริกฺขิตฺโต วา อปริกฺขิตฺโต วา สกโล อาวาโสติ วทนฺติ. ยสฺมึ วิหาเรติ เอตฺถ ปน เอกเคหเมว วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๙๑-๔๙๔) ปน ‘‘วิหาโร นาม อุปจารสีมา. ยสฺมึ วิหาเรติ ตสฺส อนฺโตปริเวณาทึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอกกุลาทิสนฺตกตา เจตฺถ การาปกานํ วเสน เวทิตพฺพา.
ยํ มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรตีติ ยทา มหาวีถิยํ อุชุกเมว คจฺฉนฺตํ สูริยมณฺฑลํ มชฺฌนฺหิกํ ปาปุณาติ, ตทา ยํ โอกาสํ ฉายา ผรติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘ฉายาย ผุฏฺโกาสสฺสาติ อุชุกํ อวิกฺขิตฺตเลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ สนฺธาย วทตี’’ติ วุตฺตํ. อคมนปเถติ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยเก สมุทฺทมชฺเฌ เย ทีปกา, เตสูติ โยชนา. อิตรสฺมินฺติ ปุรตฺถิมทิสาย จีวเร.
๕๒. นทึ โอตรตีติ หตฺถปาสํ มฺุจิตฺวา โอตรติ. นาปชฺชตีติ ปริโภคปจฺจยา ทุกฺกฏํ นาปชฺชติ. เตนาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. อปริโภคารหตฺตาติ อิมินา นิสฺสคฺคิยจีวรํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส ทุกฺกฏํ อจิตฺตกนฺติ สิทฺธํ. เอกํ ¶ ปารุปิตฺวา เอกํ อํสกูเฏ เปตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อิทํ พหูนํ สฺจรณฏฺาเน เอวํ อกตฺวา คมนํ น สารุปฺปนฺติ กตฺวา วุตฺตํ, น อาปตฺติองฺคตฺตา. พหิคาเม เปตฺวาปิ อปารุปิตพฺพตาย วุตฺตํ ‘‘วินยกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ. อถ วา วิหาเร สภาคํ ภิกฺขุํ น ปสฺสติ, เอวํ สติ อาสนสาลํ คนฺตฺวา วินยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ โยชนา. อาสนสาลํ คจฺฉนฺเตน กึ ตีหิ จีวเรหิ คนฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สนฺตรุตฺตเรนา’’ติ นฏฺจีวรสฺส สนฺตรุตฺตรสาทิยนโต. สงฺฆาฏิ ปน กึ กาตพฺพาติ อาห ‘‘สงฺฆาฏึ ¶ พหิคาเม เปตฺวา’’ติ. อุตฺตราสงฺเค จ พหิคาเม ปิตสงฺฆาฏิยฺจ ปมํ วินยกมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อุตฺตราสงฺคํ นิวาเสตฺวา อนฺตรวาสเก กาตพฺพํ. เอตฺถ จ พหิคาเม ปิตสฺสปิ วินยกมฺมวจนโต ปรมฺมุขาปิ ิตํ นิสฺสชฺชิตุํ, นิสฺสฏฺํ ทาตฺุจ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ.
ทหรานํ คมเน สอุสฺสาหตฺตา ‘‘นิสฺสโย ปน น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ วุตฺตํ. มุหุตฺตํ…เป… ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ สอุสฺสาหตฺเต คมนสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา วุตฺตํ, เตสํ ปน ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา สอุสฺสาเหน คจฺฉนฺตานํ อรุเณ อนฺตรา อุฏฺิเตปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. เตเนว ‘‘คามํ ปวิสิตฺวา…เป… น ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ วุตฺตํ. อฺมฺสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวาติอาทิมฺหิ สอุสฺสาหตฺตา คมนกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ น วุตฺตา. เธนุภเยนาติ ตรุณวจฺฉคาวีนํ อาธาวิตฺวา สิงฺเคน ปหรณภเยน. นิสฺสโย จ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ เอตฺถ เธนุภยาทีหิ ิตานํ ยาว ภยวูปสมา าตพฺพโต ‘‘อนฺโตอรุเณเยว คมิสฺสามี’’ติ นิยเมตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํ. ยตฺถ ปน เอวํ นิยเมตุํ สกฺกา, ตตฺถ อนฺตรา อรุเณ อุคฺคเตปิ นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ เภสชฺชตฺถาย คามํ ปวิฏฺทหรานํ วิย.
อนฺโตสีมายํ ¶ คามนฺติ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติโต ปจฺฉา ปติฏฺาปิตคามํ สนฺธาย วทติ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพโต. ปวิฏฺานนฺติ อาจริยนฺเตวาสิกานํ วิสุํ วิสุํ คตานํ อวิปฺปวาสสีมตฺตา เนว จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, สอุสฺสาหตาย น นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อนฺตรามคฺเคติ ธมฺมํ สุตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
จีวรวิปฺปวาสวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
นวโม ปริจฺเฉโท.
๑๐. ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยกถา
๕๓. เอวํ จีวรวิปฺปวาสวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ภณฺฑสฺส ¶ ปฏิสามน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภฑิตพฺพํ ภาเชตพฺพนฺติ ภณฺฑํ, ภฑิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ วา ภณฺฑํ, ภณฺฑนฺติ ปริภณฺฑนฺติ สตฺตา เอเตนาติ วา ภณฺฑํ, มูลธนํ, ปริกฺขาโร วา. วุตฺตฺหิ อภิธานปฺปทีปิกายํ –
‘‘ภาชนาทิปริกฺขาเร, ภณฺฑํ มูลธเนปิ จา’’ติ.
ตสฺส ภณฺฑสฺส, ปฏิสามิยเต ปฏิสามนํ, รกฺขณํ โคปนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปเรสํ ภณฺฑสฺส โคปน’’นฺติ. มาตุ กณฺณปิฬนฺธนํ ตาลปณฺณมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถ. เตน ปเคว อฺาตกานํ สนฺตกนฺติ ทสฺเสติ. คิหิสนฺตกนฺติ อิมินา ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ สนฺตกํ ปฏิสาเมตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ภณฺฑาคาริกสีเสนาติ เอเตน วิสฺสาสคฺคาหาทินา คเหตฺวา ปฏิสาเมนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตน วกฺขติ ‘‘อตฺตโน อตฺถาย คเหตฺวา ปฏิสาเมตพฺพ’’นฺติ. ฉนฺเทนปิ ภเยนปีติ วฑฺฒกีอาทีสุ ฉนฺเทน ¶ , ราชวลฺลภาทีสุ ภเยน พลกฺกาเรน ปาเตตฺวา คเตสุ จ ปฏิสาเมตุํ วฏฺฏตีติ โยเชตพฺพํ.
สงฺโคปนตฺถาย อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตสฺส ภณฺฑสฺส คุตฺตฏฺาเน ปฏิสามนปโยคํ วินา ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติอาทินา อฺสฺมึ ปโยเค อกเต รชฺชสงฺโขภาทิกาเล ‘‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามิ, น มยฺหํ ทานิ ทสฺสตี’’ติ อุโภหิปิ สกสกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ธุรนิกฺเขเป กเตปิ อวหาโร นตฺถิ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปาราชิกเมว ปฏิสามนปโยคสฺส กตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ปฏิสามนกาเล หิสฺส เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, ‘‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามี’’ติ เถยฺยจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จ สามิโน ธุรนิกฺเขปจิตฺตปฺปวตฺติยา เหตุภูโต กายวจีปโยโค นตฺถิ, เยน โส อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. น หิ อกิริยสมุฏฺานา อยํ อาปตฺตีติ. ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาวาติ อวหารํ สนฺธาย อวุตฺตตฺตา ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติอาทินา มุสาวาทกรเณ ปาจิตฺติยเมว โหติ, น ทุกฺกฏํ เถยฺยจิตฺตาภาเวน สหปโยคสฺสปิ อภาวโตติ คเหตพฺพํ.
ยทิปิ มุเขน ทสฺสามีติ วทติ…เป… ปาราชิกนฺติ เอตฺถ กตรปโยเคน อาปตฺติ, น ตาว ปเมน ภณฺฑปฏิสามนปโยเคน ตทา เถยฺยจิตฺตภาวา, นาปิ ‘‘ทสฺสามี’’ติ กถนปโยเคน ตทา เถยฺยจิตฺเต วิชฺชมาเนปิ ปโยคสฺส กปฺปิยตฺตาติ? วุจฺจเต – สามินา ‘‘เทหี’’ติ พหุโส ยาจิยมาโนปิ ¶ อทตฺวา เยน ปโยเคน อตฺตโน อทาตุกามตํ สามิกสฺส าเปสิ, เยน จ โส อทาตุกาโม อยํ วิกฺขิปตีติ ตฺวา ธุรํ นิกฺขิปติ, เตเนว ปโยเคนสฺส อาปตฺติ. น เหตฺถ อุปนิกฺขิตฺตภณฺเฑ ปริยาเยน มุตฺติ อตฺถิ. อทาตุกามตาย หิ ‘‘กทา เต ทินฺนํ, กตฺถ เต ¶ ทินฺน’’นฺติอาทิปริยายวจเนนปิ สามิกสฺส ธุเรนิกฺขิปาปิเต อาปตฺติเยว. เตเนว อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘กึ ตุมฺเห ภณถ…เป… อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิก’’นฺติ. ปรสนฺตกสฺส ปเรหิ คณฺหาปเน เอว หิ ปริยายโต มุตฺติ, น สพฺพตฺถาติ คเหตพฺพํ. อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตตฺตาติ เอตฺถ อตฺตโน หตฺเถ สามินา ทินฺนตาย ภณฺฑาคาริกฏฺาเน ิตตฺตา จ านาจาวเนปิ นตฺถิ อวหาโร, เถยฺยจิตฺเตน ปน คหเณ ทุกฺกฏโต น มุจฺจตีติ เวทิตพฺพํ. เอเสว นโยติ อวหาโร นตฺถิ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหตีติ อธิปฺปาโย.
๕๔. ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีสิกฺขมานสามเณรสามเณรีนํ. เอเตน น เกวลํ คิหีนํ เอว, อถ โข ตาปสปริพฺพาชกาทีนมฺปิ สนฺตกํ ปฏิสาเมตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. นฏฺเปิ คีวา น โหติ, กสฺมา? อสมฺปฏิจฺฉาปิตตฺตาติ อตฺโถ. ทุติเย เอเสว นโยติ คีวา น โหติ, กสฺมา? อชานิตตฺตา. ตติเย จ เอเสว นโยติ คีวา น โหติ, กสฺมา? ปฏิกฺขิปิตตฺตา. เอตฺถ จ กาเยน วา วาจาย วา จิตฺเตน วา ปฏิกฺขิตฺโตปิ ปฏิกฺขิตฺโตเยว นาม โหติ.
ตสฺเสว คีวา โหติ, น เสสภิกฺขูนํ, กสฺมา? ตสฺเสว ภณฺฑาคาริกสฺส ภณฺฑาคาเร อิสฺสรภาวโต. ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติ อลสชาติกสฺเสว ปมาเทน หริตตฺตา. ทุติเย ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติ ตสฺส อนาโรจิตตฺตา. นฏฺเ ตสฺส คีวา เตน ปิตตฺตา. ตสฺเสว คีวา, น อฺเสํ เตน ภณฺฑาคาริเกน สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา ปิตตฺตา จ. นตฺถิ คีวา เตน ปฏิกฺขิปิตตฺตา. นฏฺํ สุนฏฺเมว ภณฺฑาคาริกสฺส อสมฺปฏิจฺฉาปนโต. นฏฺเ คีวา เตน ปิตตฺตา. สพฺพํ ตสฺส คีวา ตสฺส ภณฺฑาคาริกสฺส ปมาเทน หรณโต. ตตฺเถว อุปจาเร วิชฺชมาเนติ ภณฺฑาคาริกสฺส สมีเปเยว อุจฺจารปสฺสาวฏฺาเน วิชฺชมาเน.
๕๕. มยิ ¶ จ มเต สงฺฆสฺส จ เสนาสเน วินฏฺเติ เอตฺถ เกวลํ สงฺฆสฺส เสนาสนํ มา วินสฺสีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วิวริตุมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ. ‘‘ตํ มาเรสฺสามี’’ติ เอตฺตเก วุตฺเตปิ วิวริตุํ วฏฺฏติ ‘‘คิลานปกฺเข ิตตฺตา อวิสโย’’ติ วุตฺตตฺตา. มรณโต หิ ปรํ ¶ เคลฺํ อวิสยตฺตฺจ นตฺถิ. ‘‘ทฺวารํ ฉินฺทิตฺวา หริสฺสามา’’ติ เอตฺตเก วุตฺเตปิ วิวริตุํ วฏฺฏติเยว. สหาเยหิ ภวิตพฺพนฺติ เตหิปิ ภิกฺขาจาราทีหิ ปริเยสิตฺวา อตฺตโน สนฺตกมฺปิ กิฺจิ กิฺจิ ทาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ สามีจีติ ภณฺฑาคาเร วสนฺตานํ อิทํ วตฺตํ. โลลมหาเถโรติ มนฺโท โมมูโห อากิณฺณวิหารี สทา กีฬาปสุโต วา มหาเถโร.
๕๖. อิตเรหีติ ตสฺมึเยว คพฺเภ วสนฺเตหิ ภิกฺขูหิ. วิหารรกฺขณวาเร นิยุตฺโต วิหารวาริโก, วุฑฺฒปฏิปาฏิยา อตฺตโน วาเร วิหารรกฺขณโก. นิวาปนฺติ ภตฺตเวตนํ. โจรานํ ปฏิปถํ คเตสูติ โจรานํ อาคมนํ ตฺวา ‘‘ปมตรํเยว คนฺตฺวา สทฺทํ กริสฺสามา’’ติ โจรานํ อภิมุขํ คเตสุ. ‘‘โจเรหิ หฏภณฺฑํ อาหริสฺสามา’’ติ เตสํ อนุปถํ คเตสุปิ เอเสว นโย. นิพทฺธํ กตฺวาติ ‘‘อสุกกุเล ยาคุภตฺตํ วิหารวาริกานํเยวา’’ติ เอวํ นิยมนํ กตฺวา. ทฺเว ติสฺโส ยาคุสลากา จ จตฺตาริ ปฺจ สลากภตฺตานิ จ ลภมาโนวาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตโต อูนํ วา โหตุ อธิกํ วา, อตฺตโน จ เวยฺยาวจฺจกรสฺส จ ยาปนมตฺตํ ลภนเมว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ. นิสฺสิตเก ชคฺคาเปนฺตีติ อตฺตโน อตฺตโน นิสฺสิตเก ภิกฺขาจริยาย โปเสนฺตา นิสฺสิตเกหิ วิหารํ ชคฺคาเปนฺติ. อสหายสฺสาติ สหายรหิตสฺส. ‘‘อสหายสฺส อทุติยสฺสา’’ติ ปาโ ยุตฺโต. ปจฺฉิมํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. อสหายสฺส วา อตฺตทุติยสฺส วาติ ¶ อิมสฺมึ ปน ปาเ เอเกน อานีตํ ทฺวินฺนํ นปฺปโหตีติ อตฺตทุติยสฺสปิ วาโร นิวาริโตติ วทนฺติ, ตํ ‘‘ยสฺส สภาโค ภิกฺขุ ภตฺตํ อาเนตฺวา ทาตา นตฺถี’’ติ อิมินา น สเมติ, วีมํสิตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๑๒) ปน ‘‘อตฺตทุติยสฺสาติ อปฺปิจฺฉสฺส. อตฺตาสรีรเมว ทุติโย, น อฺโติ หิ อตฺตทุติโย, ตทุภยสฺสปิ อตฺถสฺส วิภาวนํ ‘ยสฺสา’ติอาทิ. เอเตน สพฺเพน เอเกกสฺส วาโร น ปาเปตพฺโพติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ.
ปากวตฺตตฺถายาติ นิจฺจํ ปจิตพฺพยาคุภตฺตสงฺขาตวตฺตตฺถาย. เปนฺตีติ ทายกา เปนฺติ. ตํ คเหตฺวาติ ตํ อารามิกาทีหิ ทียมานํ ภาคํ คเหตฺวา. อุปชีวนฺเตน าตพฺพนฺติ อพฺโภกาสิกรุกฺขมูลิเกนปิ ปากวตฺตํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺเตน อตฺตโน ปตฺตจีวรรกฺขณตฺถาย วิหารวาเร สมฺปตฺเต าตพฺพํ. น คาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ ยสฺส อพฺโภกาสิกสฺสปิ อตฺตโน อธิกปริกฺขาโร เจ ปิโต อตฺถิ, จีวราทิสงฺฆิกภาเคปิ อาลโย อตฺถิ, โสปิ คาหาเปตพฺโพ ¶ . ปริปุจฺฉนฺติ ปุจฺฉิตปฺหวิสฺสชฺชนํ, อฏฺกถํ วา. ทิคุณนฺติ อฺเหิ ลพฺภมานโต ทฺวิคุณํ. ปกฺขวาเรนาติ อฑฺฒมาสวาเรน.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ทสโม ปริจฺเฉโท.
๑๑. กยวิกฺกยสมาปตฺติวินิจฺฉยกถา
๕๗. เอวํ ภณฺฑปฏิสามนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กยวิกฺกยวินิจฺฉยํ กเถนฺโต ‘‘กยวิกฺกยสมาปตฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กยนํ กโย, ปรภณฺฑสฺส คหณํ, วิกฺกยนํ ¶ วิกฺกโย, สกภณฺฑสฺส ทานํ, กโย จ วิกฺกโย จ กยวิกฺกยํ. สมาปชฺชนํ สมาปตฺติ, ตสฺส ทุวิธสฺส กิริยสฺส กรณํ. ตสฺสรูปํ ทสฺเสติ ‘‘อิมินา’’ติอาทินา.
เสสาตเกสุ สทฺธาเทยฺยวินิปาตสมฺภวโต ตทภาวฏฺานมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตรํ วา ปน ปิตรํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน วิฺตฺติสทฺธาเทยฺยวินิปาตนฺจ น โหติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ วทนฺโตติ ทสฺเสติ, กยวิกฺกยํ ปน อาปชฺชติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ วทนฺโตติ ทสฺเสติ. อิมินา จ อุปริ อฺาตกนฺตฺยาทินา จ เสสาตกํ ‘‘อิมํ เทหี’’ติ วทโต วิฺตฺติ น โหติ, ‘‘อิมํ คณฺหาหี’’ติ ปน ททโต สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ, ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’’ติ กยวิกฺกยํ อาปชฺชโต นิสฺสคฺคิยนฺติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ มิคปทวลฺชนนฺยาเยน. ตสฺมาอิจฺจาทิเกปิ ‘‘มาตาปิตูหิ สทฺธึ กยวิกฺกยํ, เสสาตเกหิ สทฺธึ ทฺเว อาปตฺติโย, อฺาตเกหิ สทฺธึ ติสฺโส อาปตฺติโย’’ติ วตฺตพฺเพ เตเนว นฺยาเยน าตุํ สกฺกาติ กตฺวา น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, อฺถา อพฺยาปิตโทโส สิยา.
‘‘อิทํ ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา อิทํ กโรถา’’ติ วุตฺเต ปุพฺพาปรสมฺพนฺธาย กิริยาย วุตฺตตฺตา ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ วุตฺตสทิสํ โหติ. อิทํ ภตฺตํ ภฺุช, อิทํ นาม กโรหี’’ติ วา, ‘‘อิทํ ¶ ภตฺตํ ภุตฺโตสิ, อิทํ นาม กโรหิ, อิทํ ภตฺตํ ภฺุชิสฺสสิ, อิทํ นาม กโรหี’’ติ ปน วุตฺเต อสมฺพนฺธาย กิริยาย วุตฺตตฺตา กยวิกฺกโย น โหติ. วิฆาสาทานํ ภตฺตทาเน จ อนเปกฺขตฺตา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ น โหติ, การาปเน หตฺถกมฺมมตฺตตฺตา วิฺตฺติ น โหติ, ตสฺมา วฏฺฏติ. ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา อสติปิ นิสฺสคฺคิยวตฺถุมฺหิ ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
อคฺฆํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏติ, เอตฺตาวตา กยวิกฺกโย น โหตีติ อตฺโถ. คณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ อวุตฺตตฺตา ¶ กยวิกฺกโย น โหติ, มูลสฺส อตฺถิตาย วิฺตฺติปิ น โหติ. ปตฺโต น คเหตพฺโพ ปรภณฺฑสฺส มหคฺฆตาย. เอวํ สติ กถํ กาตพฺโพติ อาห ‘‘มม วตฺถุ อปฺปคฺฆนฺติ อาจิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตพฺพตํ อาปชฺชติ เถยฺยาวหารสมฺภวโต, อูนมาสกํ เจ อคฺฆติ, ทุกฺกฏํ. มาสกโต ปฏฺาย ยาว อูนปฺจมาสกํ เจ อคฺฆติ, ถุลฺลจฺจยํ. ปฺจมาสกํ เจ อคฺฆติ, ปาราชิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. เทติ, วฏฺฏติ ปฺุตฺถาย ทินฺนตฺตา อธิกสฺส. กปฺปิยการกสฺส ปน…เป… วฏฺฏติ อุภโต กปฺปิยภณฺฑตฺตา. เอกโต อุภโต วา เจ อกปฺปิยภณฺฑํ โหติ, น วฏฺฏติ. ‘‘มา คณฺหาหี’’ติ วตฺตพฺโพ, กสฺมา? กปฺปิยการกสฺส อเฉกตฺตา.
อฺเน อปฺปฏิคฺคหิเตน อตฺโถ, กสฺมา? สตฺตาหกาลิกตฺตา เตลสฺส. ปฏิคฺคหิตเตลํ สตฺตาหปรมํ เอว เปตพฺพํ, ตสฺมา ตโต ปรํ ปิตุกามสฺส อปฺปฏิคฺคหิตเตเลน อตฺโถ โหติ. อปฺปฏิคฺคหิตํ ทูเสยฺย, อนิยมิตกาลํ อปฺปฏิคฺคหิตเตลํ นาฬิยํ อวสิฏฺปฏิคฺคหิตเตลํ อตฺตโน กาลํ วตฺตาเปยฺย.
๕๘. อิทํ ปตฺตจตุกฺกํ เวทิตพฺพนฺติ อกปฺปิยปตฺตจตุกฺกํ วุตฺตํ, ปฺจโม ปน กปฺปิโย. เตน วกฺขติ ‘‘อยํ ปตฺโต สพฺพกปฺปิโย พุทฺธานมฺปิ ปริโภคารโห’’ติ. อยํ ปตฺโต มหาอกปฺปิโย นาม, กสฺมา? รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวา อยพีชํ สมุฏฺาเปตฺวา เตน โลเหน ปตฺตสฺส การิตตฺตา, เอวํ พีชโต ปฏฺาย ทูสิตตฺตา. ยถา จ ตติยปาราชิกวิสเย ถาวรปโยเคสุ ปาสสูลาทีสุ มูลโต ปฏฺาย การิเตสุ กิสฺมิฺจิ ทณฺฑมตฺเต วา วากมตฺเต วา อวสิฏฺเ สติ น มุจฺจติ, สพฺพสฺมึ นฏฺเเยว มุจฺจติ, เอวมิธาปิ พีชโต ¶ ปฏฺาย กตตฺตา ตสฺมึ ปตฺเต กิสฺมิฺจิ ปตฺเต อวสิฏฺเปิ กปฺปิโย ภวิตุํ น สกฺกา. ตถา จ วกฺขติ ‘‘สเจปิ ตํ วินาเสตฺวา ¶ ถาลกํ กาเรติ, ตมฺปิ อกปฺปิย’’นฺตฺยาทิ. เอวํ สนฺเตปิ ทุติยปตฺเต วิย มูเล จ มูลสฺสามิกานํ, ปตฺเต จ ปตฺตสฺสามิกานํ ทินฺเน กปฺปิโย กาตุํ สกฺกา ภเวยฺย นุ โขติ อาสงฺกายมาห ‘‘น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กปฺปิโย กาตุ’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ทุติยปตฺตํ รูปิยํ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา คิหีหิ ปรินิฏฺาปิตเมว กิณาติ, น พีชโต ปฏฺาย ทูเสติ, ตสฺมา ทุติยปตฺโต กปฺปิโย กาตุํ สกฺกา, อิธ ปน พีชโต ปฏฺาย ทูสิตตฺตา เตน ภิกฺขุนา ตํ ปตฺตํ ปุน อยปาสาณพีชํ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ปฏิคฺคหิตรูปิยสฺส จ วฬฺชิตตฺตา ปุน สามิกานํ ทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กปฺปิโย กาตุนฺติ.
อิทานิ ตํ อสกฺกุเณยฺยตฺตํ อฺเน ปกาเรน วิตฺถาเรตุํ ‘‘สเจปี’’ติอาทิมาห. อิมินา กิฺจิปิ อยวตฺถุมฺหิ อวสิฏฺเ สติ อกปฺปิโยว โหตีติ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๑) ‘‘รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวาติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ, มุตฺตาทิทุกฺกฏวตฺถุมฺปิ อุคฺคณฺหิตฺวา การิตมฺปิ ปฺจนฺนํ น วฏฺฏติ เอว. สมุฏฺาเปตีติ สยํ คนฺตฺวา วา ‘อิมํ กหาปณาทึ กมฺมการานํ ทตฺวา พีชํ สมุฏฺาเปหี’ติ อฺํ อาณาเปตฺวา วา สมุฏฺาเปติ. มหาอกปฺปิโยติ อตฺตนาว พีชโต ปฏฺาย ทูสิตตฺตา อฺสฺส มูลสฺสามิกสฺส อภาวโต วุตฺตํ. โส หิ โจเรหิ อจฺฉินฺโนปิ ปุน ลทฺโธ ชานนฺตสฺส กสฺสจีปิ น วฏฺฏติ. ยทิ หิ วฏฺเฏยฺย, ตฬากาทีสุ วิย ‘อจฺฉินฺโน วฏฺฏตี’ติ อาจริยา วเทยฺยุํ. น สกฺกา เกนจิ อุปาเยนาติ สงฺฆสฺส วิสฺสชฺชเนน โจราทิอจฺฉินฺทเนนปิ กปฺปิโย กาตุํ น สกฺกา, อิทฺจ เตน รูเปน ¶ ิตํ ตมฺมูลเกน วตฺถมุตฺตาทิรูเปน ิตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุกฺกฏวตฺถุมฺปิ หิ ตมฺมูลกกปฺปิยวตฺถุ จ น สกฺกา เกนจิ เตน รูเปน กปฺปิยํ กาตุํ. ยทิ ปน โส ภิกฺขุ เตน กปฺปิยวตฺถุนา, ทุกฺกฏวตฺถุนา วา ปุน รูปิยํ เจตาเปยฺย, ตํ รูปิยํ นิสฺสชฺชาเปตฺวา อฺเสํ กปฺปิยํ กาตุมฺปิ สกฺกา ภเวยฺยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ ปปฺจิตํ, ยฺจ ตเมว คเหตฺวา โปราณฏีกายํ ปปฺจิตํ, ตํ วิตฺถาเรตฺวา วุจฺจมานํ อติวิตฺถาริตฺจ ภวิสฺสติ, โสตูนฺจ ทุพฺพิฺเยฺยํ, ตสฺมา เอตฺตกเมว วทิมฺห, อตฺถิเกหิ ปน เตสุ เตสุ ปกรเณสุ โอโลเกตฺวา คเหตพฺพนฺติ.
ทุติยปตฺเต ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น กปฺปตีติ รูปิยสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, กยวิกฺกยสฺส จ กตตฺตา. สกฺกา ปน กปฺปิโย กาตุนฺติ คิหีหิ ปรินิฏฺาปิตปตฺตสฺเสว กิณิตตฺตา ¶ , พีชโต ปฏฺาย อทูสิตตฺตา, มูลมูลสฺสามิกานฺจ ปตฺตปตฺตสฺสามิกานฺจ วิชฺชมานตฺตา. ยถา ปน สกฺกา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มูเล’’ติอาทิมาห.
ตติยปตฺเต สทิโสเยวาติ ‘‘ปฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น วฏฺฏติ, สกฺกา ปน กปฺปิโย กาตุ’’นฺติ อิมํ นยํ นิทฺทิสติ. นนุ ตติยปตฺโต กปฺปิยโวหาเรน คหิโต, อถ กสฺมา อกปฺปิโยติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กปฺปิยโวหาเรน คหิโตปิ ทุติยปตฺตสทิโสเยว, มูลสฺส สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา อกปฺปิโย’’ติ. ทุติยโจทนํ ปน สยเมว วทติ. เอตฺถ จ ‘‘ทุติยปตฺตสทิโสเยวา’’ติ วุตฺตตฺตา มูเล จ มูลสฺสามิกานํ, ปตฺเต จ ปตฺตสฺสามิกานํ ทินฺเน กปฺปิโย โหติ, กปฺปิยภณฺฑํ ทตฺวา คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺโพ. มูลสฺส อนิสฺสฏฺตฺตาติ เยน อุคฺคหิตมูเลน ปตฺโต กีโต, ตสฺส มูลสฺส สงฺฆมชฺเฌ อนิสฺสฏฺตฺตา. เอเตน รูปิยเมว นิสฺสชฺชิตพฺพํ, น ตมฺมูลกํ อรูปิยนฺติ ¶ ทสฺเสติ. ยทิ หิ เตน สมฺปฏิจฺฉิตมูลํ สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสฏฺํ สิยา, เตน กปฺปิเยน กมฺเมน อารามิกาทีหิ คเหตฺวา ทินฺนปตฺโต รูปิยปฏิคฺคาหกํ เปตฺวา เสสานํ วฏฺเฏยฺย.
จตุตฺถปตฺเต ทุพฺพิจาริตตฺตาติ ‘‘อิเม กหาปเณ ทตฺวา อิทํ เทหี’’ติ คหิตตฺตา คิหิสนฺตกานํ กหาปณานํ ทุฏฺุวิจาริตตฺตา เอตสฺส วิจารณกสฺส ภิกฺขุโน เอว น วฏฺฏตีติ อตฺโถ. มูลสฺส อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตาติ เอเตน มูลสฺส คิหิสนฺตกตฺตํ ทสฺเสติ, เตเนว ปตฺตสฺส รูปิยสํโวหาเรน อนุปฺปนฺนตฺจ ทสฺเสติ, เตน จ ตสฺส ปตฺตสฺส นิสฺสชฺชิยาภาวํ, ภิกฺขุสฺส จ ปาจิตฺติยาภาวํ ทีเปติ, เตน จ ทุพฺพิจาริตมตฺเตน ทุกฺกฏมตฺตภาวํ ปกาเสติ. นิสฺสชฺชีติ อิทฺจ ทานวเสน วุตฺตํ, น วินยกมฺมวเสน. เตเนว จ ‘‘สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
ปฺจมปตฺเต สพฺพกปฺปิโยติ อตฺตโน จ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานฺจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธานฺจ กปฺปิโย. เตนาห ‘‘พุทฺธานมฺปิ ปริโภคารโห’’ติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
กยวิกฺกยสมาปตฺติวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เอกาทสโม ปริจฺเฉโท.
๑๒. รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถา
๕๙. เอวํ ¶ กยวิกฺกยสมาปตฺติวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถนฺโต ‘‘รูปิยาทิปฏิคฺคโห’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สฺาณตฺถาย กตํ รูปํ เอตฺถ อตฺถีติ ¶ รูปิยํ, ยํ กิฺจิ โวหารูปคํ ธนํ. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๕๘๔) ‘‘อิธ ปน ยํ กิฺจิ โวหารคมนียํ กหาปณาทิ อธิปฺเปต’’นฺติ. ปมํ อาทียตีติอาทิ, กึ ตํ? รูปิยํ, รูปิยํ อาทิ เยสํ เตติ รูปิยาทโย, ทาสิทาสเขตฺตวตฺถุอาทโย, ปฏิคฺคหณํ ปฏิคฺคโห, สมฺปฏิจฺฉนนฺติ อตฺโถ. รูปิยาทีนํ ปฏิคฺคโห รูปิยาทิปฏิคฺคโห. ชาตสมเย อุปฺปนฺนํ รูปเมว รูปํ อสฺส ภวติ, น วิการมาปชฺชตีติ ชาตรูปํ, สุวณฺณํ. ธวลสภาวตาย สตฺเตหิ รฺชิยเตติ รชตํ, สชฺฌุ. ชาตรูเปน กโต มาสโก ชาตรูปมาสโก. รชเตน กโต มาสโก รชตมาสโกติ อิทํ จตุพฺพิธเมว นิสฺสคฺคิยวตฺถุ โหติ, น โลหมาสกาทโยติ อาห ‘‘ตมฺพโลหาทีหิ…เป… สงฺคหิโต’’ติ. ตมฺพโลหาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน กํสโลหวฏฺฏโลหติปุสีสาทีหิ กโตปิ โลหมาสโกเยวาติ ทสฺเสติ. กึ อิทเมว นิสฺสคฺคิยวตฺถุ โหติ, อุทาหุ มุตฺตาทโยปีติ อาห ‘‘มุตฺตา…เป… ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ. อิเมสํ ทฺวินฺนํ วตฺถูนํ โก วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ…เป… ทุกฺกฏเมวา’’ติ. ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ อตฺตโน อตฺถาย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เสสานํ อตฺถาย ทุกฺกฏํ, ทุกฺกฏวตฺถุ สพฺเพสํ อตฺถาย ทุกฺกฏเมวาติ โยชนา.
อิทานิ เตสุ วตฺถูสุ กปฺปิยากปฺปิยวินิจฺฉยํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ อาห ‘‘ตตฺรายํ วินิจฺฉโย’’ติ. ตตฺถ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา? ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อกปฺปิยโวหาเรน ทินฺนตฺตา. ทตฺวา ปกฺกมติ, วฏฺฏติ, กสฺมา? สงฺฆสฺส หตฺเถ อทตฺวา วฑฺฒกีอาทีนํ หตฺเถ ทินฺนตฺตา. เอวมฺปิ วฏฺฏติ คิหีนํ หตฺเถ ปิตตฺตา. ปฏิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ สงฺฆคณปุคฺคลานํ อนามสิตตฺตา. ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ‘‘ตุมฺเห คเหตฺวา ¶ เปถา’’ติ วุตฺตตฺตา. ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺตีติ ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหเณ ปาจิตฺติยํ, ปริโภเค ทุกฺกฏํ. สฺเวว สาปตฺติโกติ ทุกฺกฏาปตฺตึ สนฺธาย วทติ. วทติ, วฏฺฏติ ‘‘ตุมฺเห ปจฺจเย ปริภฺุชถา’’ติ กปฺปิยโวหาเรน วุตฺตตฺตา. จีวรตฺถาย ทินฺนํ จีวเรเยว อุปเนตพฺพํ, กสฺมา? ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา. เสนาสนปจฺจยสฺส อิตรปจฺจยตฺตยโต วิเสสํ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘เสนาสนตฺถายา’’ติอาทิมาห. อิมินา อวิสฺสชฺชิยอเวภงฺคิยภาวํ ทสฺเสติ. เอวํ สนฺเตปิ อาปทาสุ กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห.
๖๐. เอวํ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทุกฺกฏวตฺถูสุ กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ โกจิ มยฺห’’นฺตฺยาทิมาห. เอตฺถ ปน ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺตีติ ทุกฺกฏเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตฬากสฺสปิ เขตฺตสงฺคหิตตฺตา ตสฺส ปฏิคฺคหเณปิ อาปตฺติ วุตฺตา. ‘‘จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชถาติ เทตีติ เอตฺถ ‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชิตุํ ตฬากํ ทมฺมี’ติ วา ‘จตุปจฺจยปริโภคตฺถํ ตฬากํ ทมฺมี’ติ วา วทติ, วฏฺฏติเยว. ‘อิโต ตฬากโต อุปฺปนฺเน ปจฺจเย ทมฺมี’ติ วุตฺเต ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ตเถว วตฺวา ‘‘อิทฺจ สงฺฆสฺส ทียมานฺเว สนฺธาย วุตฺตํ, ปุคฺคลสฺส ปน เอวมฺปิ ทินฺนํ ตฬากเขตฺตาทิ น วฏฺฏติ. สุทฺธจิตฺตสฺส ปน อุทกปริโภคตฺถํ กูปโปกฺขรณิอาทโย วฏฺฏนฺติ. ‘สงฺฆสฺส ตฬากํ อตฺถิ, ตํ กถ’นฺติ หิ อาทินา สพฺพตฺถ สงฺฆวเสเนว วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. หตฺเถ ภวิสฺสตีติ วเส ภวิสฺสติ.
กปฺปิยการกํ เปถาติ วุตฺเตติ สามีจิวเสน วุตฺตํ, อวุตฺเตปิ เปนฺตสฺส น โทโส อตฺถิ. เตนาห ‘‘อุทกํ วาเรตุํ ¶ ลพฺภตี’’ติ. ยสฺมา ปรสนฺตกํ ภิกฺขูนํ นาเสตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘น สสฺสกาเล’’ติ วุตฺตํ. สสฺสกาเลปิ ตาเสตฺวา มฺุจิตุํ วฏฺฏติ, อมฺุจโต ปน ภณฺฑเทยฺยํ. ชนปทสฺส สามิโกติ อิมินาว โย ตํ ชนปทํ วิจาเรติ, เตนปิ อจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ วฏฺฏติเยวาติ วทนฺติ. ปุน เทตีติ อจฺฉินฺทิตฺวา ปุน เทติ, เอวมฺปิ วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. อิมินา เยน เกนจิ อิสฺสเรน ‘‘ปริจฺจตฺตมิทํ ภิกฺขูหิ อสฺสามิก’’นฺติ สฺาย อตฺตโน คเหตฺวา ทินฺนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุทกวาหกนฺติ อุทกมาติกํ. กปฺปิยโวหาเรปิ วินิจฺฉยํ วกฺขามีติ ปาเสโส. อุทกวเสนาติ อุทกปริโภคตฺถํ. สุทฺธจิตฺตานนฺติ อุทกปริโภคตฺถเมว. อิทํ สหตฺเถน จ อกปฺปิยโวหาเรน จ กโรนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘สสฺสสมฺปาทนตฺถ’’นฺติ เอวํ อสุทฺธจิตฺตานมฺปิ ปน สยํ อกตฺวา กปฺปิยโวหาเรน อาณาเปตุํ วฏฺฏติ เอว. กปฺปิยการกํ เปตุํ น วฏฺฏตีติ อิทํ สหตฺถาทินา กตตฬากตฺตา อสฺสารุปฺปนฺติ วุตฺตํ. เปนฺตสฺส ปน ตํ ปจฺจยํ ปริภฺุชนฺตสฺส วา สงฺฆสฺส อาปตฺติ น ปฺายติ, อฏฺกถาปมาเณน วา เอตฺถ อาปตฺติ ¶ คเหตพฺพา. อลชฺชินา การาปิเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ลชฺชิภิกฺขุนา’’ติ, มตฺติกุทฺธรณาทีสุ การาปิเตสูติ อธิปฺปาโย.
๖๑. นวสสฺเสติ อกตปุพฺเพ เกทาเร. กหาปเณติ อิมินา ธฺุฏฺาปเน ตสฺเสว อกปฺปิยนฺติ ทสฺเสติ. อปริจฺฉินฺนภาเคติ ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค เอตฺตโก ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ เอวํ อปริจฺฉินฺนภาเค. ธฺุฏฺาปเน กสติ, ปโยเคปิ ทุกฺกฏเมว, น กหาปณุฏฺาปเน วิย. ‘‘กสถ วปถา’’ติ วจเนน สพฺเพสมฺปิ อกปฺปิยํ สิยาติ อาห ‘‘อวตฺวา’’ติ. เอตฺตโก นาม ภาโคติ เอตฺถ เอตฺตโก กหาปโณติ อิทมฺปิ สนฺธาย วทติ. ตถาวุตฺเตปิ หิ ตทา กหาปณานํ อวิชฺชมานตฺตา อายตึ อุปฺปชฺชมานํ อฺเสํ วฏฺฏติ ¶ เอว. เตนาห ‘‘ตสฺเสว ตํ อกปฺปิย’’นฺติ. ตสฺส ปน สพฺพปโยเคสุ ปริโภเค จ ทุกฺกฏํ. เกจิ ปน ธฺปริโภเค เอว อาปตฺติ, น ปุพฺพภาเคติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, เยน มินนรกฺขณาทินา ปโยเคน ปจฺฉา ธฺปริโภเค อาปตฺติ โหติ ตสฺส ปโยคสฺส กรเณ อนาปตฺติยา อยุตฺตตฺตา. ปริยายกถาย ปน สพฺพตฺถ อนาปตฺติ. เตเนว ‘‘เอตฺตเกหิ วีหีหิ อิทฺจิทฺจ อาหรถา’’ติ นิยมวจเน อกปฺปิยํ วุตฺตํ. กหาปณวิจารเณปิ เอเสว นโย. ‘‘วตฺถุ จ เอวรูปํ นาม สํวิชฺชติ, กปฺปิยการโก นตฺถีติ วตฺตพฺพ’’นฺติอาทิวจนฺเจตฺถ สาธกํ. รชฺชุยา วา ทณฺเฑน วาติ เอตฺถ ‘‘ปาเทหิปิ มินิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ขเล วา ตฺวา รกฺขตีติ เอตฺถ ปน เถเนตฺวา คณฺหนฺเต ทิสฺวา ‘‘มา คณฺหถา’’ติ นิวาเรนฺโต รกฺขติ นาม, สเจ ปน อวิจาเรตฺวา เกวลํ ตุณฺหีภูโตว รกฺขณตฺถาย โอโลเกนฺโต ติฏฺติ, วฏฺฏติ. ‘‘สเจปิ ตสฺมึ ตุณฺหีภูเต โจริกาย หรนฺติ, ‘มยํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจสฺสามา’ติ เอวํ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. นีหราเปติ ปฏิสาเมตีติ เอตฺถาปิ ‘‘สเจ ปริยาเยน วทติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อปุพฺพสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา อฺเสํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ตสฺเสเวตํ อกปฺปิย’’นฺติ.
สพฺเพสํ อกปฺปิยํ, กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ เอตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) เอวํ วิจารณา กตา – นนุ จ ทุพฺพิจาริตมตฺเตน ตสฺเสเวตํ อกปฺปิยํ, น สพฺเพสํ รูปิยสํโวหาเร จตุตฺถปตฺโต วิย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙) ‘‘โย ปน รูปิยํ อสมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘เถรสฺส ปตฺตํ กิณิตฺวา เทหี’ติ ปหิตกปฺปิยการเกน สทฺธึ กมฺมารกุลํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ทิสฺวา ‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ เทหี’ติ กหาปเณ ทาเปตฺวา คหิโต, อยํ ปตฺโต เอตสฺเสว ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ ¶ ทุพฺพิจาริตตฺตา ¶ , อฺเสํ ปน วฏฺฏติ มูลสฺส อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตา’’ติ, ตสฺมา ยํ เต อาหรนฺติ, สพฺเพสํ อกปฺปิยํ. กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘กหาปเณ สาทิยิตฺวา วิจาริตํ สนฺธาย เอวํ วุตฺต’’นฺติ, สงฺฆิกตฺตา จ นิสฺสชฺชิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา สพฺเพสํ น กปฺปตีติ เตสํ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘อสาทิยิตฺวาปิ กหาปณานํ วิจาริตตฺตา รูปิยสํโวหาโร กโต โหติ, สงฺฆิกตฺตา จ นิสฺสชฺชิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา สพฺเพสํ น กปฺปตี’’ติ วทนฺติ. คณฺิปเทสุ ปน ตีสุปิ อิทํ วุตฺตํ ‘‘จตุตฺถปตฺโต คิหิสนฺตกานํเยว กหาปณานํ วิจาริตตฺตา อฺเสํ กปฺปติ, อิธ ปน สงฺฆิกานํ วิจาริตตฺตา สพฺเพสํ น กปฺปตี’’ติ. สพฺเพสมฺปิ วาโท เตน เตน ปริยาเยน ยุตฺโตเยวาติ.
๖๒. จตุสาลทฺวาเรติ โภชนสาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๖๓. ‘‘วนํ ทมฺมิ, อรฺํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน วฏฺฏตีติ เอตฺถ นิวาสฏฺานตฺตา ปุคฺคลสฺสปิ สุทฺธจิตฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. สีมํ เทมาติ วิหารสีมาทิสาธารณวจเนน วุตฺตตฺตา ‘‘วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ปริยาเยน กถิตตฺตาติ ‘‘คณฺหาหี’’ติ อวตฺวา ‘‘สีมา คตา’’ติ ปริยาเยน กถิตตฺตา. ปกติภูมิกรณตฺถํ ‘‘เหฏฺา คหิตํ ปํสุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ทาสํ ทมฺมีติ เอตฺถ ‘‘มนุสฺสํ ทมฺมีติ วุตฺเต วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. เวยฺยาวจฺจกรนฺติอาทินา วุตฺเต ปุคฺคลสฺสปิ ทาสํ คเหตุํ วฏฺฏติ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว อารามิก’’นฺติ วิเสเสตฺวา อนฺุาตตฺตา. ตฺจ โข ปิลินฺทวจฺเฉน คหิตปริภุตฺตกฺกเมน, น คหฏฺานํ ทาสปริโภคกฺกเมน. เขตฺตาทโย ปน สพฺเพ สงฺฆสฺเสว วฏฺฏนฺติ ปาฬิยํ ปุคฺคลิกวเสน คเหตุํ อนนฺุาตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. กุกฺกุฏสูกเร…เป… วฏฺฏตีติ เอตฺถ กุกฺกุฏสูกเรสุ ทียมาเนสุ ‘‘อิเมหิ อมฺหากํ อตฺโถ นตฺถิ, สุขํ ชีวนฺตุ, อรฺเ วิสฺสชฺเชถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ ¶ . วิหารสฺส เทมาติ สงฺฆิกวิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) สุตฺตนฺเตสุ อาคตปฏิกฺเขโป ภควตา อาปตฺติยาปิ เหตุภาเวน กโตติ ภควโต อธิปฺปายํ ชานนฺเตหิ สงฺคีติการกมหาเถเรหิ เขตฺตปฏิคฺคหณาทินิสฺสิโต อยํ สพฺโพปิ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.
๖๔. จีวรเจตาปนฺนนฺติ จีวรมูลํ. ปหิเณยฺยาติ เปเสยฺย. เจตาเปตฺวาติ ปริวตฺเตตฺวา. อจฺฉาเทหีติ ¶ โวหารวจนเมตํ, อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหีติ อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ. อาภตนฺติ อานีตํ.
อิมสฺมึ าเน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒๘-๕๓๑) เอวํ วิจารณา กตา – เอตฺถ จ ยํ วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อิมินา จีวรเจตาปนฺเนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหีติ อิทํ อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สเจ หิ ‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’ติ เปเสยฺย, อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภ ภิกฺขุนา กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺยา’’ติ, ตตฺถ อาคมนสฺส สุทฺธิยา วา อสุทฺธิยา วา วิเสสปฺปโยชนํ น ทิสฺสติ. สติปิ หิ อาคมนสฺส อสุทฺธภาเว ทูโต อตฺตโน กุสลตาย กปฺปิยโวหาเรน วทติ, กปฺปิยการโก น นิทฺทิสิตพฺโพติ อิทํ นตฺถิ, น จ ทูเตน กปฺปิยโวหารวเสน วุตฺเต ทายเกน ‘‘อิทํ กถํ เปสิต’’นฺติ อีทิสี วิจารณา อุปลพฺภติ, อวิจาเรตฺวา จ ตํ น สกฺกา ชานิตุํ. ยทิ ปน อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺย, จีวรานํ อตฺถาย ทูตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุมฺหิ เปสิเต สพฺพตฺถ ทายเกน กถํ เปสิตนฺติ ปุจฺฉิตฺวาว กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ ภเวยฺย, ตสฺมา อสติปิ ¶ อาคมนสุทฺธิยํ สเจ โส ทูโต อตฺตโน กุสลตาย กปฺปิยโวหารวเสน วทติ, ทูตสฺเสว วจนํ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อาคมนสุทฺธิเยเวตฺถ ปมาณํ, มูลสฺสามิเกน กปฺปิยโวหารวเสน เปสิตสฺส ทูตสฺส อกปฺปิยโวหารวเสน วทโตปิ กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ ภเวยฺย, ตสฺมา สพฺพตฺถ ทูตวจนเมว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ. อิมินา จีวรเจตาปนฺเนนาติอาทินา ปน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘กปฺปิยวเสน อาภตมฺปิ จีวรมูลํ อีทิเสน ทูตวจเนน อกปฺปิยํ โหติ, ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘เตน ภิกฺขุนา โส ทูโต เอวมสฺส วจนีโยติอาที’’ติ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน เอวํ วุตฺตํ – ยํ วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อิมินา จีวรเจตาปนฺเนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหีติ อิทํ อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สเจ หิ ‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’ติ เปเสยฺย, อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภ ภิกฺขุนา กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺยา’’ติ, ตํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทุกฺกฏวตฺถุภูตํ อกปฺปิยจีวรเจตาปนฺนํ ‘‘อสุกสฺส ภิกฺขุโน เทหี’’ติ เอวํ อาคมนสุทฺธิยา อสติ, สิกฺขาปเท ¶ อาคตนเยน ทูตวจเน จ อสุทฺเธ สพฺพถา ปฏิกฺเขโปเยว กาตุํ วฏฺฏติ, น ปน ‘‘จีวรฺจ โข มยํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วตฺตุํ, ตทนุสาเรน เวยฺยาวจฺจกรฺจ นิทฺทิสิตุํ อาคมนทูตวจนานํ อุภินฺนํ อสุทฺธตฺตา, ปาฬิยํ อาคตนเยน ปน อาคมนสุทฺธิยา สติ ทูตวจเน อสุทฺเธปิ สิกฺขาปเท อาคตนเยน สพฺพํ กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตน จ ยถา ทูตวจนาสุทฺธิยมฺปิ อาคมเน สุทฺเธ เวยฺยาวจฺจกรํ นิทฺทิสิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อาคมนาสุทฺธิยมฺปิ ทูตวจเน สุทฺเธ วฏฺฏติ เอวาติ อยมตฺโถ อตฺถโต ¶ สิทฺโธว โหติ. อุภยสุทฺธิยํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อุภยาสุทฺธิปกฺขเมว สนฺธาย มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตพฺโพ น ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๗-๕๓๙) ‘‘อาคมนสฺส สุทฺธิยา วา อสุทฺธิยา วา วิเสสปฺปโยชนํ น ทิสฺสตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ มาติกาฏฺกถาวจนสฺส อธิปฺปายํ อสลฺลกฺเขตฺวา วุตฺตํ ยถาวุตฺตนเยน อาคมนสุทฺธิอาทินา สปฺปโยชนตฺตา. โย ปเนตฺถ ‘‘มูลสฺสามิเกน กปฺปิยโวหารวเสน, เปสิตทูตสฺส อกปฺปิยโวหาเรน วทโตปิ กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตพฺโพ ภเวยฺยา’’ติ อนิฏฺปฺปสงฺโค วุตฺโต, โส อนิฏฺปฺปสงฺโค เอว น โหติ อภิมตตฺตา. ตถา หิ สิกฺขาปเท เอว ‘‘ปฏิคฺคณฺหตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ อกปฺปิยโวหาเรน วทโต ทูตสฺส กปฺปิเยน กมฺเมน เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตพฺโพ วุตฺโต อาคมนสฺส สุทฺธตฺตา, อาคมนสฺสปิ อสุทฺธิยํ ปน กปฺปิเยนปิ กมฺเมน เวยฺยาวจฺจกโร น นิทฺทิสิตพฺโพวาติ อตฺเถว อาคมนสฺส สุทฺธิอสุทฺธิยา ปโยชนํ. กถํ ปน ทูตวจเนน อาคมนสุทฺธิ วิฺายตีติ? นายํ ภาโร. ทูเตน หิ อกปฺปิยโวหาเรน วุตฺเต เอว อาคมนสุทฺธิ คเวสิตพฺพา, น อิตรตฺถ. ตตฺถ จ ตสฺส วจนกฺกเมน ปุจฺฉิตฺวา จ ยุตฺติอาทีหิ จ สกฺกา วิฺาตุํ. อิธาปิ หิ สิกฺขาปเท ‘‘จีวรเจตาปนฺนํ อาภต’’นฺติ ทูตวจเนเนว จีวรํ กิณิตฺวา ทาตุํ เปสิตภาโว วิฺายติ. ยทิ หิ สพฺพถา อาคมนสุทฺธิ น วิฺายติ, ปฏิกฺเขโป เอว กตฺตพฺโพติ.
สุวณฺณํ รชตํ กหาปโณ มาสโกติ อิมานิ หิ จตฺตาริ นิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ, มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สงฺโข ¶ สิลา ปวาฬํ โลหิตงฺโก มสารคลฺลํ สตฺต ธฺานิ ทาสิทาสํ เขตฺตํ วตฺถุ ปุปฺผารามผลารามาทโยติ อิมานิ ทุกฺกฏวตฺถูนิ จ อตฺตโน วา เจติยสงฺฆคณปุคฺคลานํ วา อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏนฺติ, ตสฺมา ตํ สาทิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘น โข มยํ อาวุโส ¶ จีวรเจตาปนฺนํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วุตฺตํ. จีวรฺจ โข มยํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติอาทิ ทูตวจนสฺส อกปฺปิยตฺเตปิ อาคมนสุทฺธิยา ปฏิปชฺชนวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. กาเลน กปฺปิยนฺติ ยุตฺตปตฺตกาเลน ยทา โน อตฺโถ โหติ, ตทา กปฺปิยํ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหามาติ อตฺโถ. เวยฺยาวจฺจกโรติ กิจฺจกโร, กปฺปิยการโกติ อตฺโถ. ‘‘เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตพฺโพ’’ติ อิทํ ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ กปฺปิยวจเนน วุตฺตตฺตา อนฺุาตํ. สเจ ปน ทูโต ‘‘โก อิมํ คณฺหาติ, กสฺส วา เทมี’’ติ วทติ, น นิทฺทิสิตพฺโพ. อารามิโก วา อุปาสโก วาติ อิทํ สารุปฺปตาย วุตฺตํ, เปตฺวา ปน ปฺจ สหธมฺมิเก โย โกจิ กปฺปิยการโก วฏฺฏติ. เอโส โข อาวุโส ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโรติ อิทํ ทูเตน ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ปุจฺฉิตตฺตา ปุจฺฉาสภาเคน ภิกฺขุสฺส กปฺปิยวจนทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอวเมว หิ ภิกฺขุนา วตฺตพฺพํ, น วตฺตพฺพํ ‘‘ตสฺส เทหี’’ติอาทิ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘น วตฺตพฺโพ ตสฺส เทหี’’ติอาทิมาห. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน ‘‘เอโส โข…เป… น วตฺตพฺโพ ตสฺส เทหีติอาทิ อกปฺปิยวตฺถุสาทิยนปริโมจนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
อาณตฺโต โส มยาติ ยถา ตุมฺหากํ จีวเรน อตฺเถ สติ จีวรํ ทสฺสติ, เอวํ วุตฺโตติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘สฺตฺโตติอาทิ เอวํ ทูเตน ปุน วุตฺเต ¶ เอว โจเทตุํ วฏฺฏติ, น อิตรถาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน ปาฬิยํ ‘‘สฺตฺโต โส มยา’’ติ อาคตตฺตา เอวํ วุตฺโต, ปุริมวากฺเย ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๖๔) ‘‘อาณตฺโต โส มยา’’ติ ปริยายวจเนน ปริวตฺติตฺวา ปิตตฺตา ตถา วุตฺโต, เตน จ กปฺปิยการกสฺส สฺาปิตภาเว ทูเตน ภิกฺขุสฺส ปุน อาโรจิเต เอว ภิกฺขุนา กปฺปิยการโก โจเทตพฺโพ โหติ, น อนาโรจิเตติ ทสฺเสติ.
อตฺโถ เม อาวุโส จีวเรนาติ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนเมตํ. อิทํ วา หิ วจนํ วตฺตพฺพํ, ตสฺส วา อตฺโถ ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตพฺโพ. เทหิ เม จีวรนฺติอาทีนิ ปน น วตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ. เอตานิ หิ วจนานิ, เอเตสํ วา อตฺโถ ยาย กายจิ ภาสาย น วตฺตพฺโพ. ‘‘เอวํ วทนฺโต จ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, โจทนา ปน โหติเยวา’’ติ มหาคณฺิปเท มชฺฌิมคณฺิปเท จ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน ‘‘น วตฺตพฺโพ ‘เทหิ เม จีวรํ…เป… เจตาเปหิ เม จีวร’นฺติ อิทํ ทูเตนาภตรูปิยํ ¶ ปฏิคฺคเหตุํ อตฺตนา นิทฺทิฏฺกปฺปิยการกตฺตาว ‘เทหิ เม จีวรํ…เป… เจตาเปหิ เม จีวร’นฺติ วทนฺโต รูปิยสฺส ปกตตฺตา เตน รูปิเยน ปริวตฺเตตฺวา ‘เทหิ เจตาเปหี’ติ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชนฺโต นาม โหตีติ ตํ โทสํ ทูรโต ปริวชฺเชตุํ วุตฺตํ รูปิยปฏิคฺคาหเกน สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสฏฺรูปิเย วิย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘น วตฺตพฺโพ อิมํ วา อิมํ วา อาหรา’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๕๘๔), ตสฺมา น อิทํ วิฺตฺติโทเส ปริวชฺเชตุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ‘อตฺโถ เม อาวุโส จีวเรนา’ติปิ อวตฺตพฺพตาปฺปสงฺคโต. เตเนว ทูตนิทฺทิฏฺเสุ รูปิยสํโวหารสงฺกาภาวโต อฺํ กปฺปิยการกํ ¶ เปตฺวาปิ อาหราเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ ‘‘ทูเตน ปิตรูปิเยน เจตาเปตฺวา จีวรํ อาหราเปหี’’ติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘จีวรํ อาหราเปหี’’ติ เอวํ อาหราเปตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพติ วุตฺตํ.
อิจฺเจตํ กุสลนฺติ เอวํ ยาวตติยํ โจเทนฺโต ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทตุํ สกฺโกติ อตฺตโน ปฏิลาภวเสน, อิจฺเจตํ กุสลํ สาธุ สุฏฺุ สุนฺทรํ. จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส าตพฺพนฺติ านลกฺขณนิทสฺสนเมตํ. ฉกฺขตฺตุปรมนฺติ จ ภาวนปุํสกวจนเมตํ. ฉกฺขตฺตุปรมนฺติ เอเตน จีวรํ อุทฺทิสฺส ตุณฺหีภูเตเนว าตพฺพํ, น อฺํ กิฺจิ กาตพฺพนฺติ อิทํ านลกฺขณํ. เตเนว ‘‘น อาสเนติอาที’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. สทฺทสตฺเถ ปน –
‘‘กิริยาวิเสสนํ สตฺเถ, วุตฺตํ ธาตุวิเสสนํ;
ภาวนปุํสกนฺตฺเยว, สาสเน สมุทีริต’’นฺติ. –
วจนโต กิริยาวิเสสนเมว สาสนโวหาเรน ภาวนปุํสกํ นาม ชาตํ;
‘‘มุทุํ ปจติอิจฺจตฺร, ปจนํ ภวตีติ จ;
สุขํ สยติอิจฺจตฺร, กโรติ สยนนฺติ จา’’ติ. –
วจนโต กิริยาวิเสสนปเทน ตุลฺยาธิกรณภูตํ กิริยาวิเสสฺยปทํ อกมฺมกมฺปิ สกมฺมกมฺปิ ภูธาตุกรธาตูหิ สมฺพนฺธิตพฺพํ โหตีติ อิมินา าเยน ฉกฺขตฺตุปรมํ านํ ภวิตพฺพํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ านํ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอเตน ฉกฺขตฺตุปรมํ เอวํ านํ ภวิตพฺพํ, น ตโต อธิกํ ¶ , ฉกฺขตฺตุปรมํ เอว านํ กาตพฺพํ, น ตโต อุทฺธนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. น อาสเน นิสีทิตพฺพนฺติ ‘‘อิธ ภนฺเต นิสีทถา’’ติ วุตฺเตปิ น นิสีทิตพฺพํ. น อามิสํ ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ ‘‘ยาคุขชฺชกาทิเภทํ กิฺจิ อามิสํ คณฺหถ ภนฺเต’’ติ ยาจิยมาเนนปิ น คณฺหิตพฺพํ. น ธมฺโม ภาสิตพฺโพติ ‘‘มงฺคลํ วา อนุโมทนํ ¶ วา ภาสถา’’ติ ยาจิยมาเนนปิ กิฺจิ น ภาสิตพฺพํ, เกวลํ ‘‘กึการณา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิยมาเนน ‘‘ชานาหิ อาวุโส’’ติ วตฺตพฺโพ.
านํ ภฺชตีติ อาคตการณํ ภฺชติ โกเปติ. านนฺติ ิติยา จ การณสฺส จ นามํ, ตสฺมา อาสเน นิสีทเนน านํ กุปฺปติ, อาคตการณมฺปิ, อามิสปฏิคฺคหณาทีสุ ปน อาคตการณเมว ภฺชติ, น านํ. เตนาห ‘‘อาคตการณํ ภฺชตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อามิสปฏิคฺคหณาทินา านมฺปิ ภฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ, ฏีกายมฺปิ นานาวาเท ทสฺเสตฺวา านภฺชนํ วุตฺตํ, ตํ อฏฺกถาวจเนน อสํสนฺทนโต คนฺถครุภเยน น วทิมฺห. อิทานิ ยา ติสฺโส โจทนา, ฉ จ านานิ วุตฺตานิ, ตตฺถ วุทฺธิหานึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ จตุกฺขตฺตุํ โจเทตี’’ติอาทิมาห. ยสฺมา จ เอกโจทนาวุทฺธิยา ทฺวินฺนํ านานํ หานิ วุตฺตา, ตสฺมา โจทนา ทฺวิคุณํ านนฺติ ลกฺขณํ ทสฺสิตํ โหติ. อิติ อิมินา ลกฺขเณน ติกฺขตฺตุํ โจเทตฺวา ฉกฺขตฺตุํ าตพฺพํ, ทฺวิกฺขตฺตุํ โจเทตฺวา อฏฺกฺขตฺตุํ าตพฺพํ, สกึ โจเทตฺวา ทสกฺขตฺตุํ าตพฺพํ.
ตตฺร ตตฺร าเน ติฏฺตีติ อิทํ โจทกสฺส ิตฏฺานโต อปกฺกมฺม ตตฺร ตตฺร อุทฺทิสฺส านํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. โก ปน วาโท นานาทิวเสสูติ นานาทิวเสสุ เอวํ กโรนฺตสฺส โก ปน วาโท, วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ‘‘สามํ วา คนฺตพฺพํ, ทูโต วา ปาเหตพฺโพติ อิทํ สภาวโต โจเทตุํ อนิจฺฉนฺเตนปิ กาตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติ. น ตํ ตสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อตฺถํ อนุโภตีติ ตํ จีวรเจตาปนฺนํ อสฺส ภิกฺขุโน กิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ กมฺมํ น นิปฺผาเทติ. ยฺุชนฺตายสฺมนฺโต สกนฺติ อายสฺมนฺโต อตฺตโน สนฺตกํ ธนํ ปาปุณนฺตุ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓๘-๕๓๙) ปน ‘‘ยตสฺส ¶ จีวรเจตาปนฺนนฺติอาทิ เยน อตฺตนา เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิฏฺโ, จีวรฺจ อนิปฺผาทิตํ, ตสฺส กตฺตพฺพทสฺสนํ. เอวํ ภิกฺขุนา วตฺถุสามิกานํ วุตฺเต โจเทตฺวา เทนฺติ, วฏฺฏติ ‘สามิกา โจเทตฺวา เทนฺตี’ติ (ปารา. ๕๔๑) อนาปตฺติยํ วุตฺตตฺตา. เตเนว โส สยํ อโจเทตฺวา อุปาสกาทีหิ ปริยาเยน วตฺวา โจทาเปติ ¶ , เตสุ สตกฺขตฺตุมฺปิ โจเทตฺวา จีวรํ ทาเปนฺเตสุ ตสฺส อนาปตฺติ สิทฺธา โหติ สิกฺขาปทสฺส อนาณตฺติกตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
๖๕. เกนจิ อนิทฺทิฏฺโ อตฺตโน มุเขเนว พฺยาวฏภาวํ เวยฺยาวจฺจกรตฺตํ ปตฺโต มุขเววฏิโก, อวิจาเรตุกามตายาติ อิมินา วิชฺชมานมฺปิ ทาตุํ อนิจฺฉนฺตา อริยาปิ วฺจนาธิปฺปายํ วินา โวหารโต นตฺถีติ วทนฺตีติ ทสฺเสติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) ปน ‘‘อวิจาเรตุกามตายาติ อิมสฺมึ ปกฺเข ‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’ติ อิทํ ตาทิสํ กโรนฺโต กปฺปิยการโก นตฺถีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เภสชฺชกฺขนฺธเก เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุมฺหิ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตํ ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว’’ติอาทิวจนเมว เมณฺฑกสิกฺขาปทํ นาม. ตตฺถ หิ เมณฺฑเกน นาม เสฏฺินา ‘‘สนฺติ หิ ภนฺเต มคฺคา กนฺตารา อปฺโปทกา อปฺปภกฺขา น สุกรา อปาเถยฺเยน คนฺตุํ, สาธุ ภนฺเต ภควา ภิกฺขูนํ ปาเถยฺยํ อนุชานาตู’’ติ ยาจิเตน ภควตา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ปาเถยฺยํ ปริเยสิตุํ. ตณฺฑุโล ตณฺฑุลตฺถิเกน, มุคฺโค มุคฺคตฺถิเกน, มาโส มาสตฺถิเกน, โลณํ โลณตฺถิเกน, คุโฬ คุฬตฺถิเกน, เตลํ เตลตฺถิเกน, สปฺปิ สปฺปิตฺถิเกนา’’ติ วตฺวา อิทํ วุตฺตํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา, เต กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรฺํ อุปนิกฺขิปนฺติ ‘อิมินา ยํ อยฺยสฺส กปฺปิยํ, ตํ เทถา’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ตโต กปฺปิยํ, ตํ สาทิตุํ, น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ¶ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’’ติ. ‘‘กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรฺํ นิกฺขิปนฺตี’’ติ เอตฺถาปิ ภิกฺขุสฺส อาโรจนํ อตฺถิเยว, อฺถา อนิทฺทิฏฺกปฺปิยการกปกฺขํ ภชตีติ น โจเทตพฺโพ สิยา, อิทํ ปน ทูเตน นิทฺทิฏฺกปฺปิยการเก สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺเ วา อนิทฺทิฏฺเ วา. เตเนวาห ‘‘เอตฺถ โจทนาย ปริมาณํ นตฺถี’’ติอาทิ. ยทิ มูลํ สนฺธาย โจเทติ, ตํ สาทิตเมว สิยาติ อาห ‘‘มูลํ อสาทิยนฺเตนา’’ติ.
อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตนา โจทนาฏฺานฺจ น กาตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถายาติ อิมินา จีวรตฺถาเยว น โหตีติ ทสฺเสติ. เอเสว นโยติ อิมินา วตฺถุสามินา นิทฺทิฏฺกปฺปิยการเกสุปิ ปิณฺฑปาตาทีนมฺปิ อตฺถาย ทินฺเน จ านโจทนาทิสพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
๖๖. อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน ¶ ปนาติอาทีสุ ‘‘อิทํ อยฺยสฺส โหตู’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา ‘‘อมุกสฺมึ นาม าเน มม หิรฺสุวณฺณํ อตฺถิ, ตํ ตุยฺหํ โหตู’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ิตสฺส เกวลํ วาจาย วา หตฺถมุทฺทาย วา ‘‘ตุยฺห’’นฺติ วตฺวา ปริจฺจตฺตสฺส กายวาจาหิ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา จิตฺเตน สาทิยนํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนํ นาม. สาทิยตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘คณฺหิตุกาโม โหตี’’ติ.
อิทํ คุตฺตฏฺานนฺติ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ปจฺจยปริโภคํเยว สนฺธาย อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘อิธ นิกฺขิปา’’ติ วุตฺเต ‘‘อุคฺคณฺหาเปยฺย วา’’ติ วุตฺตลกฺขเณน นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อาห ‘‘อิธ นิกฺขิปาหีติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘อิทํ คุตฺตฏฺาน’’นฺติ อาจิกฺขนฺโต านสฺส คุตฺตภาวเมว ทสฺเสติ, น วตฺถุํ ปรามสติ, ตสฺมา อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ ปน วทนฺโต ¶ นิกฺขิปิตพฺพํ วตฺถุํ นิกฺขิปาหีติ วตฺถุํ ปรามสติ นาม, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ. ปรโต อิทํ คณฺหาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตํ โหตีติ ยสฺมา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค กปฺปติ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ, ยสฺมา ปน ทุพฺพิจารณาย ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค น กปฺปติ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา อิทํ ธนํ ยสฺมา ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ, ยสฺมา ปน สพฺพโส อวิสฺสชฺชิตํ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ. อถ วา ตํ ธนํ ยสฺมา ปจฺฉา สุฏฺุวิจารณาย สติยา กปฺปิยํ ภวิสฺสติ, ทุพฺพิจารณาย สติยา อกปฺปิยํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตํ โหตีติ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘เอโก สตํ วา สหสฺสํ วาติอาทิ รูปิเย เหฏฺิมโกฏิยา ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ วุตฺต’’นฺติ จ ‘‘น ปน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพเมวาติ ทสฺเสตุํ, ‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ วุตฺเต อุคฺคณฺหาปนํ โหตีติ อาห ‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ จ ‘‘กปฺปิยฺจ…เป… โหตีติ ยสฺมา อสาทิตตฺตา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยา วฏฺฏนฺติ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ิตํ, ยสฺมา ปน ทุพฺพิจารณาย สติ ตโต อุปฺปนฺนํ น กปฺปติ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ิตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ.
๖๗. สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ ยสฺมา รูปิยํ นาม อกปฺปิยํ, ตสฺมา สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ น วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ปฏิคฺคหิตมตฺตเมว โหติ, น เตน กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตํ, ตสฺมา อุปาเยน ปริโภคทสฺสนตฺถํ ‘‘สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ ¶ (ปารา. ๕๘๔) วุตฺตํ. น เตน กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตนฺติ อิมินา เจตาปิตฺเจ, นตฺถิ ปริโภคูปาโย อุคฺคเหตฺวา อนิสฺสฏฺรูปิเยน เจตาปิตตฺตา. อีทิสฺหิ สงฺฆมชฺเฌ นิสฺสชฺชนํ กตฺวาว ¶ ฉฑฺเฑตฺวา ปาจิตฺติยํ เทสาเปตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ ปฏิคฺคเหตฺวาปิ เจตาปิตํ กปฺปิยภณฺฑํ สงฺเฆ นิสฺสฏฺํ กปฺปิยการเกหิ นิสฺสฏฺรูปิเยน ปริวตฺเตตฺวา อานีตกปฺปิยภณฺฑสทิสํ โหติ, ตสฺมา วินาว อุปายํ ภาเชตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ปตฺตจตุกฺกาทิกถาย น สเมติ. ตตฺถ หิ รูปิเยน ปริวตฺติตปตฺตสฺส อปริโภโคว ทสฺสิโต, น นิสฺสชฺชนวิจาโรติ. กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ปพฺพชิตานํ สปฺปิ วา เตลํ วา วฏฺฏติ อุปาสกาติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ.
อารามิกานํ วา ปตฺตภาคนฺติ อิทํ คิหีนํ หตฺถคโตปิ โสเยว ภาโคติ กตฺวา วุตฺตํ. สเจ ปน เตน อฺํ ปริวตฺเตตฺวา อารามิกา เทนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ มชฺฌิมคณฺิปเท จูฬคณฺิปเท จ วุตฺตํ. ตโต หริตฺวาติ อฺเสํ ปตฺตภาคโต หริตฺวา. กสิณปริกมฺมนฺติ อาโลกกสิณปริกมฺมํ. มฺจปีาทีนิ วาติ เอตฺถ ตโต คหิตมฺจปีาทีนิ ปริวตฺเตตฺวา อฺํ เจ คหิตํ, วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ฉายาปีติ โภชนสาลาทีนํ ฉายาปิ. ปริจฺเฉทาติกฺกนฺตาติ เคหปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตา, ฉายาย คตคตฏฺานํ เคหํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. มคฺเคนปีติ เอตฺถ สเจ อฺโ มคฺโค นตฺถิ, มคฺคํ อธิฏฺหิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กีตายาติ เตน วตฺถุนา กีตาย. อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภฺุชตีติ สเจ อุปาสโก ‘‘อติพหุ เอตํ หิรฺํ, อิทํ ภนฺเต อชฺเชว น วินาเสตพฺพ’’นฺติ วตฺวา สยํ อุปนิกฺเขปํ เปติ, อฺเน วา ปาเปติ, เอวํ อุปนิกฺเขปํ เปตฺวา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยํ ปริภฺุชนฺโต สงฺโฆ ปจฺจเย ปริภฺุชติ, เตน วตฺถุนา คหิตตฺตา ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๓-๕๘๔) ปน ‘‘อุปนิกฺเขปํ เปตฺวาติ กปฺปิยการเกหิ ¶ วฑฺฒิยา ปโยชนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อกปฺปิยนฺติ เตน วตฺถุนา คหิตตฺตา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
สเจ โส ฉฑฺเฑตีติ ยตฺถ กตฺถจิ ขิปติ, อถาปิ น ฉฑฺเฑติ, สยํ คเหตฺวา คจฺฉติ, น วาเรตพฺโพ. โน เจ ฉฑฺเฑตีติ อถ เนว คเหตฺวา คจฺฉติ, น ฉฑฺเฑติ, ‘‘กึ มยฺหํ อิมินา พฺยาปาเรนา’’ติ เยนกามํ ปกฺกมติ, ตโต ยถาวุตฺตลกฺขโณ รูปิยฉฑฺฑโก สมนฺนิตพฺโพ. โย น ฉนฺทาคตินฺติอาทีสุ โลภวเสน ตํ วตฺถุํ อตฺตโน วา กโรนฺโต อตฺตานํ วา อุกฺกํเสนฺโต ฉนฺทาคตึ ¶ นาม คจฺฉติ. โทสวเสน ‘‘เนวายํ มาติกํ ชานาติ, น วินย’’นฺติ ปรํ อปสาเทนฺโต โทสาคตึ นาม คจฺฉติ. โมหวเสน ปมุฏฺโ ปมุฏฺสฺสติภาวํ อาปชฺชนฺโต โมหาคตึ นาม คจฺฉติ. รูปิยปฏิคฺคาหกสฺส ภเยน ฉฑฺเฑตุํ อวิสหนฺโต ภยาคตึ นาม คจฺฉติ. เอวํ อกโรนฺโต น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ นามาติ เวทิตพฺโพ.
๖๘. ปติโตกาสํ อสมนฺนารหนฺเตน ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ อิทํ นิรเปกฺขภาวทสฺสนปรนฺติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ปติตฏฺาเน าเตปิ ตสฺส คูถํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส วิย นิรเปกฺขภาโวเยเวตฺถ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. อสนฺตสมฺภาวนายาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานอุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เถยฺยปริโภโค นาม อนรหสฺส ปริโภโค. ภควตา หิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนฺุาตา, น ทุสฺสีลสฺส. ทายกานมฺปิ สีลวโต เอว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโต. อิติ สตฺถารา อนนฺุาตตฺตา ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค. อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค, ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา ¶ อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ‘‘สีลวโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. จีวรํ ปริโภเค ปริโภเคติ กายโต โมเจตฺวา ปริโภเค ปริโภเค. ปุเรภตฺต…เป… ปจฺฉิมยาเมสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ตถา อสกฺโกนฺเตน ยถาวุตฺตกาลวิเสสวเสน เอกสฺมึ ทิวเส จตุกฺขตฺตุํ ติกฺขตฺตุํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึเยว วา ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.
สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตีติ เอตฺถ หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตํ, ตํ ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตาย…เป… หิริโกปินปฏิจฺฉาทนตฺถํ. หิยฺโย โย มยา ปิณฺฑปาโต ปริภุตฺโต, โส เนว ทวายาติอาทินา สเจ อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณํ น กเรยฺย, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตีติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตพฺพํ. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเส. เอวํ ปน อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตาทีสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อิธ วิสุํ น วุตฺตํ. สติปจฺจยตาติ สติยา ปจฺจยภาโว. ปฏิคฺคหณสฺส ปริโภคสฺส จ ปจฺจเวกฺขณสติยา ปจฺจยภาโว ยุชฺชติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปฏิคฺคเหตพฺพํ ปริภฺุชิตพฺพฺจาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สตึ กตฺวา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ ทฺวีสุปิ าเนสุ ปจฺจเวกฺขณา ยุตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ ¶ . อปเร ปนาหุ ‘‘สติปจฺจยตาติ สติ เภสชฺชปริโภคสฺส ปจฺจยภาเว, ปจฺจเยติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตปีติ ปจฺจเย สติปี’’ติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. ตถา หิ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌติ, น ปจฺจยสพฺภาวมตฺเตน.
นนุ จ ‘‘ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตํ, ตสฺมา ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส ¶ จ โก วิเสโสติ? วุจฺจเต – ปุริเมสุ ตาว ตีสุ ปจฺจเยสุ วิเสโส ปากโฏเยว, คิลานปจฺจเย ปน ยถา วตึ กตฺวา รุกฺขมูเล โคปิเต ตสฺส ผลานิปิ รกฺขิตาเนว โหนฺติ, เอวเมว ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีเล รกฺขิเต ตปฺปฏิพทฺธํ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ นิปฺผนฺนํ นาม โหติ. คิลานปจฺจยํ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส สีลํ ภิชฺชมานํ ปาติโมกฺขสํวรสีลเมว ภิชฺชติ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปน ปจฺฉาภตฺตปุริมยามาทีสุ ยาว อรุณุคฺคมนา อปฺปจฺจเวกฺขนฺตสฺเสว ภิชฺชติ. ปุเรภตฺตฺหิ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวาปิ คิลานปจฺจยํ ปริภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิทเมเตสํ นานากรณนฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘๕) อาคตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ปน ‘‘เถยฺยปริโภโคติ ปจฺจยสฺสามินา ภควตา อนนฺุาตตฺตา วุตฺตํ. อิณปริโภโคติ ภควตา อนฺุาตมฺปิ กตฺตพฺพํ อกตฺวา ปริภฺุชนโต วุตฺตํ. เตน จ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ วิปชฺชตีติ ทสฺเสติ. ปริโภเค ปริโภเคติ กายโต โมเจตฺวา โมเจตฺวา ปริโภเค. ปจฺฉิมยาเมสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ โยชนา. อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตีติ เอตฺถ ‘หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺต’นฺติอาทินาปิ อตีตปจฺจเวกฺขณา วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ปริโภเค ปริโภเคติ อุทกปตนฏฺานโต อนฺโตปเวสเนสุ นิสีทนสยเนสุ จ. สติปจฺจยตา วฏฺฏตีติ ปจฺจเวกฺขณสติยา ปจฺจยตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคหเณ จ ปริโภเค จ ปจฺจเวกฺขณาสติ อวสฺสํ ลทฺธพฺพาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘สตึ กตฺวา’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘สติปจฺจยตา ปจฺจเย สติ เภสชฺชปริโภคสฺส การเณ สตี’ติ เอวมฺปิ อตฺถํ วทนฺติ, เตสมฺปิ ปจฺจเย สตีติ ปจฺจยสพฺภาวสลฺลกฺขเณ สตีติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ ¶ ปจฺจยสพฺภาวมตฺเตน สีลสฺส อสุชฺฌนโต. ปริโภเค อกโรนฺตสฺเสว อาปตฺตีติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส เภโท ทสฺสิโต, น ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ตสฺส อตีตปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌนโต. เอตสฺมึ ปน เสสปจฺจเยสุ จ อิณปริโภคาทิวจเนน ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺเสว เภโทติ เอวมิเมสํ นานากรณํ เวทิตพฺพ’’นฺติ อาคตํ.
เอเตสุ ¶ ทฺวีสุ ปกรเณสุ ‘‘อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ เอตฺถ หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตนฺติ…เป… วทนฺตีติ อาคตํ. อิมํ ปน นยํ นิสฺสาย อิทานิ เอกจฺเจ ปณฺฑิตา ‘‘อชฺชปาโต ปริภุตฺตํ สายํ ปจฺจเวกฺขนฺเตน อชฺช ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตนฺติอาทินา อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘หิยฺโย ปริภุตฺตเมว อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา, น อชฺช ปริภุตฺตํ, ตํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปจฺจเวกฺขณาเยวา’’ติ วทนฺติ. ตตฺถ มูลวจเน เอวํ วิจารณา กาตพฺพา. กถํ? อิทํ หิยฺโยตฺยาทิวจนํ สุตฺตํ วา สุตฺตานุโลมํ วา อาจริยวาโท วา อตฺตโนมติ วาติ. ตตฺถ น ตาว สุตฺตํ โหติ ‘‘สุตฺตํ นาม สกเล วินยปิฏเก ปาฬี’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส จ วจนสฺส น ปาฬิภูตตฺตา. น จ สุตฺตานุโลมํ ‘‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) วุตฺตตฺตา อิมสฺส จ มหาปเทสภาวาภาวโต. น จ อาจริยวาโท ‘‘อาจริยวาโท นาม ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปฺจหิ อรหนฺตสเตหิ ปิตา ปาฬิวินิมุตฺตา โอกฺกนฺตวินิจฺฉยปฺปวตฺตา อฏฺกถาตนฺตี’’ติ วจนโต อิมสฺส จ อฏฺกถาปาภาวาภาวโต. น จ อตฺตโนมติ ‘‘อตฺตโนมติ นาม สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาเท มฺุจิตฺวา อนุมาเนน อตฺตโน พุทฺธิยา นยคฺคาเหน อุปฏฺิตาการกถนํ, อปิจ สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสุ อาคโต สพฺโพปิ ¶ เถรวาโท อตฺตโนมติ นามา’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส จ อฏฺกถาสุ อาคตตฺเถรวาทภาวาภาวโต.
อิติ –
‘‘จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา มหิทฺธิกา;
นีหริตฺวา ปกาเสสุํ, ธมฺมสงฺคาหกา ปุรา’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) –
วุตฺเตสุ จตุพฺพิธวินเยสุ อนนฺโตคธตฺตา อิทํ วจนํ วิจาเรตพฺพํ. เตน วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘๕) ฏีกาจริเยน ‘‘ตํ วีมํสิตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘นยคฺคาเหน อุปฏฺิตาการกถน’’นฺติ อิมินา ลกฺขเณน เตสํ เตสํ อาจริยานํ อุปฏฺิตาการวเสน กถนํ อตฺตโนมติ สิยา, เอวมฺปิ วิจาเรตพฺพเมว. ‘‘อตฺตโนมติ อาจริยวาเท โอตาเรตพฺพา. สเจ ตตฺถ โอตรติ เจว สเมติ จ, คเหตพฺพา. สเจ เนว โอตรติ น สเมติ, น คเหตพฺพา. อยฺหิ อตฺตโนมติ นาม สพฺพทุพฺพลา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) วจนโต อิมสฺส จ วจนสฺส ¶ อฏฺกถาวจเน อโนตรณโต อปฺปวิสนโต. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ.
อปโร นโย – กึ อิทํ วจนํ ปาฬิวจนํ วา อฏฺกถาวจนํ วา ฏีกาวจนํ วา คนฺถนฺตรวจนํ วาติ. ตตฺถ น ตาว ปาฬิวจนํ, น อฏฺกถาวจนํ, น คนฺถนฺตรวจนํ, อถ โข ฏีกาวจนนฺติ. โหตุ ฏีกาวจนํ, สกวจนํ วา ปรวจนํ วา อธิปฺเปตวจนํ วา อนธิปฺเปตวจนํ วาติ. ตตฺถ น สกวจนํ โหติ, อถ โข ปรวจนํ. เตนาห ‘‘วทนฺตี’’ติ. น ฏีกาจริเยน อธิปฺเปตวจนํ โหติ, อถ โข อนธิปฺเปตวจนํ. เตนาห ‘‘ตํ วีมํสิตพฺพ’’นฺติ. เตหิ ปน อาจริเยหิ อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณาติ อิทํ ¶ อตีตปอโภควเสน ปจฺจเวกฺขณา อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณาติ ปริกปฺเปตฺวา อตีตวาจเกน สทฺเทน โยเชตฺวา กตํ ภเวยฺย. อตีเต ปริโภโค อตีตปริโภโค, อตีตปริโภคสฺส ปจฺจเวกฺขณา อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณาติ เอวํ ปน กเต อตีตปริโภคสฺส ปจฺจุปฺปนฺนสมีปตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนวาจเกน สทฺเทน กถนํ โหติ ยถา ตํ นครโต อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ปุริสํ ‘‘กุโต อาคจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘นครโต อาคจฺฉามี’’ติ ปจฺจุปฺปนฺนวาจกสทฺเทน กถนํ.
วินยสุตฺตนฺตวิสุทฺธิมคฺคาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑๘) จ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวตี’’ติ วตฺตมานวจเนเนว ปาโ โหติ, น อตีตวจเนน, อตีตปริโภโคติ จ อิมสฺมึเยว ทิวเส ปจฺฉาภตฺตาทิกาลํ อุปาทาย ปุเรภตฺตาทีสุ ปริโภโค อิจฺฉิตพฺโพ, น หิยฺโย ปริโภโค. กถํ วิฺายตีติ เจ? อฏฺกถาปมาเณน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๕) ‘‘ปิณฺฑปาโต อาโลเป อาโลเป, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยามปจฺฉิมยาเมสุ. สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ. เอเตน ปิณฺฑปาตํ อาโลเป อาโลเป ปจฺจเวกฺขนฺโต โภชนกิริยาย อปรินิฏฺิตตฺตา มุขฺยโต ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจเวกฺขณา โหติ, ปุเรภตฺตาทีสุ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ปจฺจเวกฺขนฺโต โภชนกิริยาย ปรินิฏฺิตตฺตา อตีตปจฺจเวกฺขณา โหตีติ ทสฺเสติ. สา ปน ปจฺจุปฺปนฺนสมีปตฺตา วตฺตมานวจเนน วิธียติ. ยทิ หิ หิยฺโย ปริภุตฺตานิ อตีตปจฺจเวกฺขเณน ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ สิยุํ, อตีตทุติยทิวสตติยทิวสาทิมาสสํวจฺฉราทิปริภุตฺตานิปิ ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ สิยุํ, เอวฺจ สติ ยถาวุตฺตอฏฺกถาวจนํ นิรตฺถกํ สิยา, ตสฺมา อฏฺกถาวจนเมว ปมาณํ กาตพฺพํ. ยถาห –
‘‘พุทฺเธน ¶ ¶ ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต;
โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;
โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา;
ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.
‘‘ตสฺมา หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ;
ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;
สพฺพมฺปิ สิกฺขาสุ สคารวานํ;
ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตาน’’นฺติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา);
ยสฺมา จ สพฺพาสวสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓) ภควตา เทสิตกาเล ภิกฺขุกตฺตุกตฺตา นามโยคตฺตา วตฺตมานปมปุริสวเสน ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวตี’’ติ เทสิตา, ตทนุกรเณน ภิกฺขูนํ ปจฺจเวกฺขณกาเล อตฺตกตฺตุกตฺตา อมฺหโยคตฺตา วตฺตมานอุตฺตมปุริสวเสน ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวามี’’ติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา โหติ, ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทีนิ ตทตฺถสมฺปทานปทานิ จ ‘‘ปฏิเสวติ, ปฏิเสวามี’’ติ วุตฺตปฏิเสวนกิริยายเมว สมฺพนฺธิตพฺพานิ โหนฺติ, ตานิ จ กิริยาปทานิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน วา ปจฺจุปฺปนฺนสมีปอตีตวเสน วา วตฺตมานวิภตฺติยุตฺตานิ โหนฺติ, ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนปริภุตฺตานํ วา อตีตปริภุตฺตานํ วา ปจฺจยานํ ปจฺจเวกฺขณกาเล ‘‘ปฏิเสวามี’’ติ วจนํ ภควโต วจนสฺส อนุคตตฺตา อุปปนฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
อนุวจเนปิ เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘อชฺช ปาโต ปริภุตฺตํ สายํ ปจฺจเวกฺขนฺเตน อชฺช ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตนฺติอาทินา อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา’’ติ เย วทนฺติ, เต เอวํ ปุจฺฉิตพฺพา – กึ ภวนฺโต ภควตา อตีตปริภุตฺเตสุ อตีตวเสน ปจฺจเวกฺขณา เทสิตาติ? น เทสิตา. กถํ เทสิตาติ? ‘‘ปจฺจเวกฺขตี’’ติ ปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว ¶ เทสิตาติ. กึ โภนฺโต ภควโต กาเล อตีตปริภุตฺเตสุ ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ? อตฺถิ. อถ กสฺมา ภควตา ปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว ปจฺจเวกฺขณา เทสิตาติ? ปจฺจุปฺปนฺนสมีปวเสน วา สามฺวเสน วา เทสิตาติ. เอวํ สนฺเต ภควโต อนุกรเณน อิทานิปิ ¶ อตีตปริภุตฺตานํ ปจฺจยานํ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพาติ. เย ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘หิยฺโย ปริภุตฺตานเมว อตีตปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา, น อชฺช ปริภุตฺตานํ, เตสํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจเวกฺขณาเยวา’’ติ, เต เอวํ วตฺตพฺพา – กึ โภนฺโต ยถา ตุมฺเห วทนฺติ, เอวํ ปาฬิยํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อฏฺกถายํ อตฺถีติ? นตฺถิ. เอวํ สนฺเต สาฏฺกเถสุ เตปิฏเกสุ พุทฺธวจเนสุ อสํวิชฺชมานํ ตุมฺหากํ วจนํ กถํ ปจฺเจตพฺพนฺติ? อาจริยปรมฺปราวเสน. โหตุ ตุมฺหากํ อาจริยลทฺธิวเสน กถนํ, กาโล นาม ติวิโธ อตีโต อนาคโต ปจฺจุปฺปนฺโนติ. ตตฺถ ปรินิฏฺิตกิริยา อตีโต นาม, อภิมุขกิริยา อนาคโต นาม, อารทฺธอนิฏฺิตกิริยา ปจฺจุปฺปนฺโน นาม. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อารทฺธานิฏฺิโต ภาโว, ปจฺจุปฺปนฺโน สุนิฏฺิโต;
อตีตานาคตุปฺปาท-มปฺปตฺตาภิมุขา กิริยา’’ติ.
ตตฺถ อชฺช วา โหตุ หิยฺโย วา ตโต ปุพฺเพ วา, ปริภุตฺตปจฺจโย สุปรินิฏฺิตภฺุชนกิริยตฺตา อตีโต นาม. ตตฺถ หิยฺโย วา ตโต ปุพฺเพ วา ปริภุตฺตปจฺจโย อติกฺกนฺตอรุณุคฺคมนตฺตา น ปจฺจเวกฺขณารโห, ปจฺจเวกฺขิโตปิ อปฺปจฺจเวกฺขิโตเยว โหติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺตี’’ติ. อชฺเชว ปน จีวรฺจ เสนาสนฺจ ปริโภเค ปริโภเค, ปิณฺฑปาตํ อาโลเป อาโลเป, เภสชฺชํ ปฏิคฺคหเณ ปริโภเค จ ¶ ปจฺจเวกฺขโต อปรินิฏฺิตภฺุชนกิริยตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนปริภุตฺตปจฺจเวกฺขณา นาม โหติ. ปุเร ปริภุตฺตํ ตโต ปจฺฉา จตูสุ โกฏฺาเสสุ ปจฺจเวกฺขโต สุปรินิฏฺิตภฺุชนกิริยตฺตา อตีตปริภุตฺตปจฺจเวกฺขณา นาม โหติ. เอตฺตกํ ปจฺจเวกฺขณาย เขตฺตํ, น ตโต ปุพฺเพ ปจฺฉา วา. ยถาห อฏฺกถายํ ‘‘สีลวโต อปฺปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อิณปริโภโค นาม. ตสฺมา จีวรํ ปริโภเค ปริโภเค…เป… เภสชฺชสฺส ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ สติปจฺจยตา วฏฺฏตี’’ติ, ตสฺมา หิยฺโย ปริภุตฺตสฺส อิณปริโภคตฺตา ตํ อนามสิตฺวา อชฺช ปริภุตฺเตสุ อตีตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ภควโต วจนสฺส อนุกรเณน วตฺตมานวิภตฺติยุตฺเตน ‘‘ปฏิเสวามี’’ติ กิริยาปเทน ปจฺจเวกฺขณา สูปปนฺนา โหตีติ ทฏฺพฺพา. อีทิสปจฺจเวกฺขณเมว สนฺธาย วิมติวิโนทนิยาทีสุ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ‘‘ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส อตีตปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌนโต’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ ¶ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส สุทฺธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตเนว ปสงฺเคน สพฺพาปิ สุทฺธิโย ทสฺเสตุํ ‘‘จตุพฺพิธา หิ สุทฺธี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุชฺฌติ เอตายาติ สุทฺธิ, ยถาธมฺมํ เทสนาว สุทฺธิ เทสนาสุทฺธิ. วุฏฺานสฺสปิ เจตฺถ เทสนาย เอว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ฉินฺนมูลาปตฺตีนํ ปน อภิกฺขุตาปฏิฺาเยว เทสนา. อธิฏฺานวิสิฏฺโ สํวโรว สุทฺธิ สํวรสุทฺธิ. ธมฺเมน สเมน ปจฺจยานํ ปริเยฏฺิ เอว สุทฺธิ ปริเยฏฺิสุทฺธิ. จตูสุ ปจฺจเยสุ วุตฺตวิธินา ปจฺจเวกฺขณาว สุทฺธิ ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ. เอส ตาว สุทฺธีสุ สมาสนโย. สุทฺธิมนฺเตสุ สีเลสุ ปน เทสนา สุทฺธิ เอตสฺสาติ เทสนาสุทฺธิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. น ปุเนวํ กริสฺสามีติ เอตฺถ เอวนฺติ สํวรเภทํ สนฺธายาห. ปหายาติ ¶ วชฺเชตฺวา, อกตฺวาติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘สุชฺฌติ เทสนาทีหิ, โสธียตีติ วา สุทฺธิ, จตุพฺพิธสีลํ. เตนาห ‘เทสนาย สุชฺฌนโต’ติอาทิ. เอตฺถ เทสนาคฺคหเณน วุฏฺานมฺปิ ฉินฺนมูลานํ อภิกฺขุตาปฏิฺาปิ สงฺคหิตา. ฉินฺนมูลาปตฺตีนมฺปิ หิ ปาราชิกาปตฺติวุฏฺาเนน เหฏฺาปริรกฺขิตํ ภิกฺขุสีลํ วิสุทฺธํ นาม โหติ. เตน เตสํ มคฺคปฏิลาโภปิ สมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ เทสียติ อุจฺจารียตีติ เทสนา, ทิสี อุจฺจารเณติ ธาตุ, เทสียติ าปียติ เอตายาติ วา เทสนา, ทิส เปกฺขเนติ ธาตุ. อุภยถาปิ วิรติปธานกุสลจิตฺตสมุฏฺิโต เทสนาวจีเภทสทฺโท. สํวรณํ สํวโร, สํ-ปุพฺพ วร สํวรเณติ ธาตุ, สติปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. ปริเยสนา ปริเยฏฺิ, ปริ-ปุพฺพ อิส ปริเยสเนติ ธาตุ, วีริยปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. ปฏิ ปุนปฺปุนํ โอคาเหตฺวา อิกฺขนา ปจฺจเวกฺขณา, ปฏิ-ปุพฺพ อว-ปุพฺพ อิกฺข ทสฺสนงฺเกสูติ ธาตุ, ปฺาปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. เตสุ เทสนาย วจีเภทสทฺทภาวโต วจีเภทํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส จ ทุติยกํ อลภนฺตสฺส จ น สมฺปชฺชติ, เสสา ปน จิตฺตุปฺปาทมตฺตภาวโต วจีเภทํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺสปิ ทุติยกํ อลภนฺตสฺสปิ สมฺปชฺชนฺติ เอว, ตสฺมา คิลานาทิกาเลสุ ปจฺจเวกฺขณาปาํ ปิตุมสกฺโกนฺเตนปิ อตฺถํ มนสิ กตฺวา จิตฺเตเนว ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพาติ.
ทาตพฺพฏฺเน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา, อนนฺุาเตสุ สพฺเพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต อนฺุาเตสุเยว จ ปริโภคสพฺภาวภาวโต ภิกฺขูหิ ปริภฺุชิตพฺพปจฺจยา ภควโต สนฺตกา. ธมฺมทายาทสุตฺตฺเจตฺถ สาธกนฺติ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา ¶ , อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา, กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ ธมฺมทายาทสุตฺตฺจ ¶ (ม. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ เอตสฺมึ อตฺเถ สาธกํ. อวีตราคานํ ตณฺหาวสีกตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิ ปริโภคสพฺภาวโต. ตถา หิ เต ปฏิกูลมฺปิ อปฺปฏิกูลากาเรน อปฺปฏิกูลมฺปิ ปฏิกูลากาเรน ตทุภยมฺปิ วชฺเชตฺวา อชฺฌุเปกฺขณากาเรน ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, ทายกานฺจ มโนรถํ ปริปูเรนฺติ. เตนาห ‘‘เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภฺุชนฺตี’’ติ. โย ปนายํ สีลวโต ปุถุชฺชนสฺส ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อานณฺยปริโภโค นาม โหติ. ยถา ปน อิณายิโก อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิตํ เทสํ คนฺตุํ น ลภติ, เอวํ อิณปริโภคยุตฺโต โลกโต นิสฺสริตุํ น ลภตีติ ตปฺปฏิปกฺขตฺตา สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อานณฺยปริโภโคติ วุจฺจติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต จตุปริโภควินิมุตฺโต วิสุํเยวายํ ปริโภโคติ เวทิตพฺโพ, โส อิธ วิสุํ น วุตฺโต, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตีติ. สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา เสกฺโขตฺเวว วุจฺจติ.
สพฺเพสนฺติ อริยานํ ปุถุชฺชนานฺจ. กถํ ปุถุชฺชนานํ อิเม ปริโภคา สมฺภวนฺตีติ? อุปจารวเสน. โย หิ ปุถุชฺชนสฺสปิ สลฺเลขปฏิปตฺติยํ ิตสฺส ปจฺจยเคธํ ปหาย ตตฺถ อนุปลิตฺเตน จิตฺเตน ปริโภโค, โส สามิปริโภโค วิย โหติ. สีลวโต ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ทายชฺชปริโภโค วิย โหติ ทายกานํ มโนรถสฺสาวิราธนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ. กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส ปริโภเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ¶ ตสฺส เสกฺขสงฺคหโต. เสกฺขสุตฺต ฺเหตสฺส (อ. นิ. ๓.๘๖) อตฺถสฺส สาธกํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ปน ‘‘ทาตพฺพฏฺเน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา. สตฺตนฺนํ เสกฺขานนฺติ เอตฺถ กลฺยาณปุถุชฺชนาปิ สงฺคหิตา เตสํ อานณฺยปริโภคสฺส ทายชฺชปริโภเค สงฺคหิตตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมทายาทสุตฺตนฺติ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทินา ปวตฺตํ สุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๒๙). ตตฺถ ‘‘มา เม อามิสทายาทาติ เอวํ เม-สทฺทํ อาเนตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวฺหิ ยถาวุตฺตตฺถสาธกํ ¶ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เม มม อามิสทายาทา จตุปจฺจยภฺุชกาติ ภควโต สมฺพนฺธภูตสฺส สมฺพนฺธีภูตา ปจฺจยา วุตฺตา, ตสฺมา ทายเกหิ ทินฺนาปิ ปจฺจยา ภควตา อนฺุาตตฺตา ภควโต ปจฺจยาเยว โหนฺตีติ เอตสฺส อตฺถสฺส ธมฺมทายาทสุตฺตํ สาธกํ โหตีติ อตฺโถติ วุตฺตํ.
ลชฺชินา สทฺธึ ปริโภโค นาม ลชฺชิสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภโค. อลชฺชินา สทฺธินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺเสุเยว อาสงฺกา น กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อตฺตโน ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโย. เตปิ นิวาเรตพฺพาติ โย ปสฺสติ, เตน นิวาเรตพฺพาติ ปาโ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โยปิ อตฺตโน ภารภูเตน อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคํ กโรติ, โสปิ นิวาเรตพฺโพ’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตถาปิ อตฺถโต อุภยถาปิ ยุชฺชติ. อตฺตโน สทฺธิวิหาริกาทโยปิ อลชฺชิภาวโต นิวาเรตพฺพา. อลชฺชีหิ สทฺธิวิหาริกาทีหิ เอกสมฺโภคํ กโรนฺตา อฺเปิ นิวาเรตพฺพาว. สเจ น ¶ โอรมติ, อยมฺปิ อลชฺชีเยว โหตีติ เอตฺถ เอวํ นิวาริโต โส ปุคฺคโล อลชฺชินา สทฺธึ ปริโภคโต โอรมติ วิรมติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ โอรมติ, อยมฺปิ อลชฺชีเยว โหติ, เตน สทฺธึ ปริโภคํ กโรนฺโต โสปิ อลชฺชีเยว โหตีติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ เอโก อลชฺชี อลชฺชิสตมฺปิ กโรตี’’ติ. อธมฺมิโยติ อเนสนาทีหิ อุปฺปนฺโน. ธมฺมิโยติ ภิกฺขาจริยาทีหิ อุปฺปนฺโน. สงฺฆสฺเสว เทตีติ ภตฺตํ อคฺคเหตฺวา อตฺตนา ลทฺธสลากํเยว เทติ.
วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘ลชฺชินา สทฺธึ ปริโภโคติ ธมฺมามิสวเสน มิสฺสีภาโว. อลชฺชินา สทฺธินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาทิโต ปฏฺาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิมินา ทิฏฺทิฏฺเสุ อาสงฺกา นาม น กาตพฺพา, ทิฏฺสุตาทิการเณ สติ เอว กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อตฺตโน ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโย. สเจ น โอรมตีติ อคติคมนวเสน ธมฺมามิสปริโภคโต น โอรมติ. อาปตฺติ นาม นตฺถีติ อิทํ อลชฺชีนํ ธมฺเมนุปฺปนฺนปจฺจยํ ธมฺมกมฺมฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. เตสมฺปิ หิ กุลทูสนาทิสมุปฺปนฺนํ ปจฺจยํ ปริภฺุชนฺตานํ วคฺคกมฺมาทีนิ กโรนฺตานฺจ อาปตฺติ เอว. ‘ธมฺมิยาธมฺมิยปริโภโค ปจฺจยวเสเนว เวทิตพฺโพ’ติ วุตฺตตฺตา เหฏฺา ลชฺชิปริโภคาลชฺชิปริโภคา ปจฺจยวเสน เอกกมฺมาทิวเสน จ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ทุฏฺโทสสิกฺขาปทฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) โจทกจุทิตกภาเว ิตา ทฺเว อลชฺชิโน ธมฺมปริโภคมฺปิ สนฺธาย ‘เอกสมฺโภคปริโภคา หุตฺวา ชีวถา’ติ ¶ วุตฺตา เตสํ อฺมฺํ ธมฺมามิสาปริโภเค วิโรธาภาวา. ลชฺชีนเมว หิ อลชฺชินา สห ตทุภยปริโภโค น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
สเจ ¶ ปน ลชฺชี อลชฺชึ ปคฺคณฺหาติ…เป… อนฺตรธาเปตีติ เอตฺถ เกวลํ ปคฺคณฺหิตุกามตาย เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ธมฺมสฺส ปน สาสนสฺส โสตูนฺจ อนุคฺคหตฺถาย วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ปุริมนเยน ‘‘โส อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส อาปตฺติเยวาติ วทนฺติ. อุทฺเทสคฺคหณาทินา ธมฺมสฺส ปริโภโค ธมฺมปริโภโค. ธมฺมานุคฺคเหน คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติยา อภาเวปิ เถโร ตสฺส อลชฺชิภาวํเยว สนฺธาย ‘‘ปาโป กิราย’’นฺติอาทิมาห. ตสฺส ปน สนฺติเกติ มหารกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๘๕) ปน อิมสฺมึ าเน วิตฺถารโต วินิจฺฉิตํ. กถํ? ธมฺมปริโภโคติ ‘‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส’’ติอาทินา วุตฺตสํวาโส เจว นิสฺสยคฺคหณาทิโก สพฺโพ นิรามิสปริโภโค จ เวทิตพฺโพ. ‘‘น โส อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา ลชฺชิโน อลชฺชิปคฺคเห อาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. อิตโรปีติ ลชฺชีปิ. ตสฺสาปิ อตฺตานํ ปคฺคณฺหนฺตสฺส อลชฺชิโน, อิมินา จ ลชฺชิโน วณฺณภณนาทิลาภํ ปฏิจฺจ อามิสครุกตาย วา เคหสฺสิตเปเมน วา ตํ อลชฺชึ ปคฺคณฺหนฺโต ลชฺชี สาสนํ อนฺตรธาเปติ นามาติ ทสฺเสติ. เอวํ คหฏฺาทีสุ อุปตฺถมฺภิโต อลชฺชี พลํ ลภิตฺวา เปสเล อภิภวิตฺวา น จิรสฺเสว สาสนํ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ กโรตีติ.
ธมฺมปริโภโคปิ ตตฺถ วฏฺฏตีติ อิมินา อามิสปริโภคโต ธมฺมปริโภโคว ครุโก, ตสฺมา อติวิย อลชฺชีวิเวเกน กาตพฺโพติ ทสฺเสติ. ‘‘ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา อลชฺชุสฺสนฺนตายสาสเน โอสกฺกนฺเต, ลชฺชีสุ จ อปฺปโหนฺเตสุ อลชฺชึ ปกตตฺตํ คณปูรกํ คเหตฺวา อุปสมฺปทาทิกรเณน เจว เกจิ อลชฺชิโน ธมฺมามิสปริโภเคน ¶ สงฺคเหตฺวา เสสาลชฺชิคณสฺส นิคฺคเหน จ สาสนํ ปคฺคณฺหิตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.
เกจิ ปน ‘‘โกฏิยํ ิโต คนฺโถติ วุตฺตตฺตา คนฺถปริยาปุณนเมว ธมฺมปริโภโค, น เอกกมฺมาทิ, ตสฺมา อลชฺชีหิ สทฺธึ อุโปสถาทิกํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, เอกกมฺมาทีสุ พหูสุ ธมฺมปริโภเคสุ อลชฺชินาปิ สทฺธึ กตฺตพฺพาวตฺถายตฺตํ ¶ ธมฺมปริโภคํ ทสฺเสตุํ อิธ นิทสฺสนวเสน คนฺถสฺเสว สมุทฺธฏตฺตา. น หิ เอกกมฺมาทิโก วิธิ ธมฺมปริโภโค น โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ อนามิสตฺตา ธมฺมามิเสสุ อปริยาปนฺนสฺส จ กสฺสจิ อภาวา. เตเนว อฏฺสาลินิยํ ธมฺมปฏิสนฺถารกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๕๑) ‘‘กมฺมฏฺานํ กเถตพฺพํ, ธมฺโม วาเจตพฺโพ…เป… อพฺภานวุฏฺานมานตฺตปริวาสา ทาตพฺพา, ปพฺพชฺชารโห ปพฺพาเชตพฺโพ, อุปสมฺปทารโห อุปสมฺปาเทตพฺโพ…เป… อยํ ธมฺมปฏิสนฺถาโร นามา’’ติ เอวํ สงฺฆกมฺมาทิปิ ธมฺมโกฏฺาเส ทสฺสิตํ. เตสุ ปน ธมฺมโกฏฺาเสสุ ยํ คณปูรกาทิวเสน อลชฺชิโน อเปกฺขิตฺวา อุโปสถาทิ วา เตสํ สนฺติกา ธมฺมุคฺคหณนิสฺสยคฺคหณาทิ วา กรียติ, ตํ ธมฺโม เจว ปริโภโค จาติ ธมฺมปริโภโคติ วุจฺจติ, เอตํ ตถารูปปจฺจยํ วินา กาตุํ น วฏฺฏติ, กโรนฺตสฺส อลชฺชิปริโภโค จ โหติ ทุกฺกฏฺจ. ยํ ปน อลชฺชิสตํ อนเปกฺขิตฺวา ตชฺชนียาทินิคฺคหกมฺมํ วา ปริวาสาทิอุปการกมฺมํ วา อุคฺคหปริปุจฺฉาทานาทิ วา กรียติ, ตํ ธมฺโม เอว, โน ปริโภโค, เอตํ อนุรูปานํ กาตุํ วฏฺฏติ, อามิสทาเน วิย อาปตฺติ นตฺถิ. นิสฺสยทานมฺปิ เตรสสมฺมุติทานาทิ จ วตฺตปฏิปตฺติสาทิยนาทิปริโภคสฺสปิ เหตุตฺตา น วฏฺฏติ.
โย ปน มหาอลชฺชี อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ กโรติ, ตสฺส สทฺธิวิหาริกาทีนํ อุปสมฺปทาทิ อุปการกมฺมมฺปิ อุคฺคหปริปุจฺฉาทานาทิ ¶ จ กาตุํ น วฏฺฏติ, อาปตฺติ เอว โหติ, นิคฺคหกมฺมเมว กาตพฺพํ. เตเนว อลชฺชิปคฺคโหปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ธมฺมามิสปริโภควิวชฺชเนนปิ หิ ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคโหว อธิปฺเปโต, โส จ เปสลานํ ผาสุวิหารสทฺธมฺมฏฺิติวินยานุคฺคหาทิอตฺถาย เอตทตฺถตฺตา สิกฺขาปทปฺตฺติยา, ตสฺมา ยํ ยํ ทุมฺมงฺกูนํ อุปตฺถมฺภาย, เปสลานํ อผาสุวิหาราย, สทฺธมฺมปริหานาทิอตฺถาย โหติ, ตํ สพฺพมฺปิ ปริโภโค วา โหตุ อปริโภโค วา กาตุํ น วฏฺฏติ, เอวํ กโรนฺตา สาสนํ อนฺตรธาเปนฺติ, อาปตฺติฺจ อาปชฺชนฺติ, ธมฺมามิสปริโภเคสุ เจตฺถ อลชฺชีหิ เอกกมฺมาทิธมฺมปริโภโค เอว เปสลานํ อผาสุวิหาราย สทฺธมฺมปริหานาทิอตฺถาย โหติ, น ตถา อามิสปริโภโค. น หิ อลชฺชีนํ ปจฺจยปริโภคมตฺเตน เปสลานํ อผาสุวิหาราทิ โหติ, ยถาวุตฺตธมฺมปริโภเคน ปน โหติ. ตปฺปริวชฺชเนน จ ผาสุวิหาราทโย. ตถา หิ กตสิกฺขาปทวีติกฺกมา อลชฺชิปุคฺคลา อุโปสถาทีสุ ปวิฏฺา ‘‘ตุมฺเห กายทฺวาเร เจว วจีทฺวาเร จ วีติกฺกมํ กโรถา’’ติอาทินา ภิกฺขูหิ วตฺตพฺพา โหนฺติ. ยถา วินยฺจ อติฏฺนฺตา สงฺฆโต พหิกรณาทิวเสน สุฏฺุ นิคฺคเหตพฺพา, ตถา อกตฺวา เตหิ สห สํวสนฺตาปิ อลชฺชิโนว โหนฺติ ¶ ‘‘เอโกปิ อลชฺชี อลชฺชิสตมฺปิ กโรตี’’ติอาทิวจนโต (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๕). ยทิ หิ เต เอวํ อนิคฺคหิตา สิยุํ, สงฺเฆ กลหาทึ วฑฺเฒตฺวา อุโปสถาทิสามคฺคิกมฺมปฏิพาหนาทินา เปสลานํ อผาสุํ กตฺวา กเมน เต เทวทตฺตวชฺชิปุตฺตกาทโย วิย ปริสํ วฑฺเฒตฺวา อตฺตโน วิปฺปฏิปตฺตึ ธมฺมโต วินยโต ทีเปนฺตา สงฺฆเภทาทิมฺปิ กตฺวา น จิรสฺเสว สาสนํ อนฺตรธาเปยฺยุํ. เตสุ ปน สงฺฆโต พหิกรณาทิวเสน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว ¶ น โหติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย อุโปสโถ น ติฏฺติ, ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ น ปวตฺตนฺติ, สามคฺคี น โหติ…เป… ทุสฺสีเลสุ ปน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ, ตโต เปสลา ภิกฺขู ผาสุ วิหรนฺตี’’ติ, ตสฺมา เอกกมฺมาทิธมฺมปริโภโคว อามิสปริโภคโตปิ อติวิย อลชฺชีวิเวเกน กาตพฺโพ, อาปตฺติกโร จ สทฺธมฺมปริหานิเหตุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ‘‘อุโปสโถ น ติฏฺติ, ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ น ปวตฺตนฺตี’’ติ เอวํ อลชฺชีหิ สทฺธึ สงฺฆกมฺมากรณสฺส อฏฺกถายํ ปกาสิตตฺตาปิ เจตํ สิชฺฌติ. ตถา ปริวตฺตลิงฺคสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนุปสฺสยํ คจฺฉนฺตสฺส ปฏิปตฺติกถายํ ‘‘อาราธิกา จ โหนฺติ สงฺคาหิกา ลชฺชินิโย, ตา โกเปตฺวา อฺตฺถ น คนฺตพฺพํ. คจฺฉติ เจ, คามนฺตรนทีปารรตฺติวิปฺปวาสคณมฺหา โอหียนาปตฺตีหิ น มุจฺจติ…เป… อลชฺชินิโย โหนฺติ, สงฺคหํ ปน กโรนฺติ, ตาปิ ปริจฺจชิตฺวา อฺตฺถ คนฺตุํ ลภตี’’ติ เอวํ อลชฺชินีสุ ทุติยิกาคหณาทีสุ สํวาสาปตฺติปริหาราย นทีปาราคมนาทิครุกาปตฺติฏฺานานํ อนฺุาตตฺตา ตโตปิ อลชฺชิสํวาสาปตฺติ เอว สทฺธมฺมปริหานิยา เหตุภูโต ครุกตราติ วิฺายติ. น หิ ลหุกาปตฺติฏฺานํ วา อนาปตฺติฏฺานํ วา ปริหริตุํ ครุกาปตฺติฏฺานวีติกฺกมํ อาจริยา อนุชานนฺติ. ตถา อสํวาสปทสฺส อฏฺกถายํ ‘‘สพฺเพหิปิ ลชฺชิปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขาตา นาม. เอตฺถ ยสฺมา สพฺเพปิ ลชฺชิโน เอเตสุ กมฺมาทีสุ สห วสนฺติ, น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสติ, ตสฺมา ตานิ สพฺพานิปิ คเหตฺวา เอโส สํวาโส นามา’’ติ เอวํ ลชฺชีเหว เอกกมฺมาทิสํวาโส วฏฺฏตีติ ปกาสิโต.
ยทิ ¶ เอวํ กสฺมา อสํวาสิเกสุ อลชฺชี น คหิโตติ? นายํ วิโรโธ, เย คณปูรเก กตฺวา กตํ กมฺมํ กุปฺปติ, เตสํ ปาราชิกาทิอปกตตฺตานฺเว อสํวาสิกตฺเตน คหิตตฺตา. อลชฺชิโน ปน ปกตตฺตภูตาปิ สนฺติ, เต เจ คณปูรกา หุตฺวา กมฺมํ สาเธนฺติ, เกวลํ ¶ กตฺวา อคติคมเนน กโรนฺตานํ อาปตฺติกรา โหนฺติ สภาคาปตฺติอาปนฺนา วิย อฺมฺํ. ยสฺมา อลชฺชิตฺจ ลชฺชิตฺจ ปุถุชฺชนานํ จิตฺตกฺขณปฏิพทฺธํ, น สพฺพกาลิกํ. สฺจิจฺจ หิ วีติกฺกมจิตฺเต อุปฺปนฺเน อลชฺชิโน ‘‘น ปุน อีทิสํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเตน ลชฺชิโน โหนฺติ.
เตสุ จ เย เปสเลหิ โอวทิยมานาปิ น โอรมนฺติ, ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, เต เอว อสํวสิตพฺพา, น อิตเร ลชฺชิธมฺเม โอกฺกนฺตตฺตา, ตสฺมาปิ อลชฺชิโน อสํวาสิเกสุ อคเณตฺวา ตปฺปริวชฺชนตฺถํ โสเธตฺวาว อุโปสถาทิกรณํ อนฺาตํ. ตถา หิ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถกรณสฺส อยุตฺตตา ปกาสิตา, ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺย…เป… ผาสุ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) เอวํ อลชฺชิมฺปิ ลชฺชิธมฺเม ปติฏฺาเปตฺวา อุโปสถกรณปฺปกาโร จ วุตฺโต, ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา…เป… ปริสุทฺเธตฺถายสฺมนฺโต’’ติ (ปารา. ๒๓๓) จ ปาริสุทฺธิอุโปสเถ ‘‘ปริสุทฺโธ อหํ, ภนฺเต, ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถา’’ติ (มหาว. ๑๖๘) จ เอวํ อุโปสถํ กโรนฺตานํ ปริสุทฺธตา จ ปกาสิตา, วจนมตฺเตน อโนรมนฺตานฺจ อุโปสถปวารณฏฺปนวิธิ จ วุตฺโต, สพฺพถา ลชฺชิธมฺมํ อโนกฺกมนฺเตหิ สํวาสสฺส อยุตฺตตาย นิสฺสยทานคฺคหณปฏิกฺเขโป, ตชฺชนียาทินิคฺคหกมฺมกรณอุกฺเขปนียกมฺมกรเณน สานุวตฺตกปริสสฺส อลชฺชิสฺส อสํวาสิกตฺตปาปนวิธิ ¶ จ วุตฺโต, ตสฺมา ยถาวุตฺเตหิ สุตฺตนฺตนเยหิ, อฏฺกถาวจเนหิ จ ปกตตฺเตหิปิ อปกตตฺเตหิปิ สพฺเพหิ อลชฺชีหิ เอกกมฺมาทิสํวาโส น วฏฺฏติ, กโรนฺตานํ อาปตฺติ เอว ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหตฺถาเยว สพฺพสิกฺขาปทานํ ปฺตฺตตฺตาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. เตเนว ทุติยสงฺคีติยํ ปกตตฺตาปิ อลชฺชิโน วชฺชิปุตฺตกา ยสตฺเถราทีหิ มหนฺเตน วายาเมน สงฺฆโต วิโยชิตา. น หิ เตสุ ปาราชิกาทิอสํวาสิกาปตฺติ อตฺถิ, เตหิ ทีปิตานํ ทสนฺนํ วตฺถูนํ ลหุกาปตฺติวิสยตฺตาติ วุตฺตํ.
ตสฺส สนฺติเกติ มหารกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท.
๑๓. ทานลกฺขณาทิวินิจฺฉยกถา
๖๙. เอวํ ¶ รูปิยาทิปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ทานวิสฺสาสคฺคาหลาภปริณามนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ทานวิสฺสาสคฺคาเหหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทียเต ทานํ, จีวราทิวตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อโลภปฺปธาโน กามาวจรกุสลกิริยจิตฺตุปฺปาโท. สสนํ สาโส, สสุ หึสายนฺติ ธาตุ, หึสนนฺติ อตฺโถ, วิคโต สาโส เอตสฺมา คาหาติ วิสฺสาโส. คหณํ คาโห, วิสฺสาเสน คาโห วิสฺสาสคฺคาโห. วิเสสเน เจตฺถ กรณวจนํ, วิสฺสาสวเสน คาโห, น เถยฺยจิตฺตวเสนาติ อตฺโถ. ลจฺฉเตติ ลาโภ, จีวราทิวตฺถุ, ตสฺส ลาภสฺส. ปริณมิยเต ปริณามนํ, อฺเสํ อตฺถาย ปริณตสฺส ¶ อตฺตโน, อฺสฺส วา ปริณามนํ, ทาปนนฺติ อตฺโถ. ทานวิสฺสาสคฺคาเหหิ ลาภสฺส ปริณามนนฺติ เอตฺถ อุทฺเทเส สมภินิวิฏฺสฺส ‘‘ทาน’’นฺติ ปทสฺส อตฺถวินิจฺฉโย ตาว ปมํ เอวํ เวทิตพฺโพติ โยชนา. อตฺตโน สนฺตกสฺส จีวราทิปริกฺขารสฺส ทานนฺติ สมฺพนฺโธ. ยสฺส กสฺสจีติ สมฺปทานนิทฺเทโส, ยสฺส กสฺสจิ ปฏิคฺคาหกสฺสาติ อตฺโถ.
ยทิทํ ‘‘ทาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตตฺถ กึ ลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ตตฺริทํ ทานลกฺขณ’’นฺติ. ‘‘อิทํ ตุยฺหํ เทมี’’ติ วทตีติ อิทํ ติวงฺคสมฺปนฺนํ ทานลกฺขณํ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ อิทนฺติ เทยฺยธมฺมนิทสฺสนํ. ตุยฺหนฺติ ปฏิคฺคาหกนิทสฺสนํ. เทมีติ ทายกนิทสฺสนํ. ททามีติอาทีนิ ปน ปริยายวจนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘เทยฺยทายกปฏิคฺคาหกา วิย ทานสฺสา’’ติ, ‘‘ติณฺณํ สมฺมุขีภาวา กุสลํ โหตี’’ติ จ. ‘‘วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺสา’’ติ อิทํ ปน เอกเทสลกฺขณกถนเมว, กึ เอวํ ทียมานํ สมฺมุขาเยว ทินฺนํ โหติ, อุทาหุ ปรมฺมุขาปีติ อาห ‘‘สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหตี’’ติ. ตุยฺหํ คณฺหาหีติอาทีสุ อยมตฺโถ – ‘‘คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทมี’’ติ วุตฺตสทิสํ โหติ, ตสฺมา มุขฺยโต ทินฺนตฺตา สุทินฺนํ โหติ, ‘‘คณฺหามี’’ติ จ วุตฺเต มุขฺยโต คหณํ โหติ, ตสฺมา สุคฺคหิตํ โหติ. ‘‘ตุยฺหํ มยฺห’’นฺติ อิมานิ ปน ปฏิคฺคาหกปฏิพนฺธตากรเณ วจนานิ. ตว สนฺตกํ กโรหีติอาทีนิ ปน ปริยายโต ทานคฺคหณานิ, ตสฺมา ทุทินฺนํ ทุคฺคหิตฺจ โหติ. โลเก หิ อปริจฺจชิตุกามาปิ ปุน คณฺหิตุกามาปิ ‘‘ตว สนฺตกํ โหตู’’ติ นิยฺยาเตนฺติ ยถา ตํ กุสรฺโ มาตุ รชฺชนิยฺยาตนํ. เตนาห ‘‘เนว ทาตา ทาตุํ ชานาติ, น อิตโร คเหตุ’’นฺติ. สเจ ปนาติอาทีสุ ปน ¶ ทายเกน ปฺตฺติยํ อโกวิทตาย ปริยายวจเน วุตฺเตปิ ปฏิคฺคาหโก ¶ อตฺตโน ปฺตฺติยํ โกวิทตาย มุขฺยวจเนน คณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘สุคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตํ.
สเจ ปน เอโกติอาทีสุ ปน ทายโก มุขฺยวจเนน เทติ, ปฏิคฺคาหโกปิ มุขฺยวจเนน ปฏิกฺขิปติ, ตสฺมา ทายกสฺส ปุพฺเพ อธิฏฺิตมฺปิ จีวรํ ทานวเสน อธิฏฺานํ วิชหติ, ปริจฺจตฺตตฺตา อตฺตโน อสนฺตกตฺตา อติเรกจีวรมฺปิ น โหติ, ตสฺมา ทสาหาติกฺกเมปิ อาปตฺติ น โหติ. ปฏิคฺคาหกสฺสปิ น ปฏิกฺขิปิตตฺตา อตฺตโน สนฺตกํ น โหติ, ตสฺมา อติเรกจีวรํ น โหตีติ ทสาหาติกฺกเมปิ อาปตฺติ นตฺถิ. ยสฺส ปน รุจฺจตีติ เอตฺถ ปน อิมสฺส จีวรสฺส อสฺสามิกตฺตา ปํสุกูลฏฺาเน ิตตฺตา ยสฺส รุจฺจติ, เตน ปํสุกูลภาเวน คเหตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ, ปริภฺุชนฺเตน ปน ทายเกน ปุพฺพอธิฏฺิตมฺปิ ทานวเสน อธิฏฺานสฺส วิชหิตตฺตา ปุน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ อิตเรน ปุพฺเพ อนธิฏฺิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
อิตฺถนฺนามสฺส เทหีติอาทีสุ ปน อาณตฺยตฺเถ ปวตฺตาย ปฺจมีวิภตฺติยา วุตฺตตฺตา อาณตฺเตน ปฏิคฺคาหกสฺส ทินฺนกาเลเยว ปฏิคฺคาหกสฺส สนฺตกํ โหติ, น ตโต ปุพฺเพ, ปุพฺเพ ปน อาณาปกสฺเสว, ตสฺมา ‘‘โย ปหิณติ, ตสฺเสว สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมีติ ปน ปจฺจุปฺปนฺนตฺเถ ปวตฺตาย วตฺตมานวิภตฺติยา วุตฺตตฺตา ตโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสฺเสว สนฺตกํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส ปหียติ, ตสฺส สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ อิมินา อายสฺมตา เรวตตฺเถเรน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส จีวรเปสนวตฺถุสฺมึ ภควตา เทสิเตสุ อธิฏฺาเนสุ อิธ วุตฺตลกฺขเณน อสมฺโมหโต ชานิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
ตตฺถ ทฺวาธิฏฺิตํ, สฺวาธิฏฺิตนฺติ จ น ติจีวราธิฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข สามิเก ชีวนฺเต วิสฺสาสคฺคาหจีวรภาเวน จ สามิเก มเต มตกจีวรภาเวน จ คหณํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ, ตโต ปน ทสาเห อนติกฺกนฺเตเยว ติจีวราธิฏฺานํ วา ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานํ วา วิกปฺปนํ วา กาตพฺพํ. โย ปหิณตีติ ทายกํ สนฺธายาห, ยสฺส ปหียตีติ ปฏิคฺคาหกํ.
ปริจฺจชิตฺวา…เป… น ลภติ, อาหราเปนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพติ อตฺโถ. อตฺตนา…เป… นิสฺสคฺคิยนฺติ อิมินา ปรสนฺตกภูตตฺตํ ชานนฺโต เถยฺยปสยฺหวเสน อจฺฉินฺทนฺโต ปาราชิโก โหตีติ ทสฺเสติ. โปราณฏีกายํ ปน ‘‘สกสฺาย วินา คณฺหนฺโต ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา ¶ อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. สกสฺาย วินาปิ ตาวกาลิกปํสุกูลสฺาทิวเสน คณฺหนฺโต อาปตฺติยา น กาเรตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปน ปสยฺหาการํ สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘อจฺฉินฺทโต นิสฺสคฺคิย’’นฺติ. สเจ ปน…เป… วฏฺฏตีติ ตุฏฺทานํ อาห, อถ ปนาติอาทินา กุปิตทานํ. อุภยถาปิ สยํ ทินฺนตฺตา วฏฺฏติ, คหเณ อาปตฺติ นตฺถีติ อตฺโถ.
มม สนฺติเก…เป… เอวํ ปน ทาตุํ น วฏฺฏตีติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส เอวํ ททนฺโต อปริจฺจชิตฺวา ทินฺนตฺตา ทานํ น โหตีติ น วฏฺฏติ, ตโต เอว ทุกฺกฏํ โหติ. อาหราเปตุํ ปน วฏฺฏตีติ ปุพฺเพ ‘‘อกโรนฺตสฺส น เทมี’’ติ วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตอุปชฺฌายคฺคหณาทีนิ อกโรนฺเต อาจริยสฺเสว สนฺตกํ โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. กโรนฺเต ปน อนฺเตวาสิกสฺส สนฺตกํ ภเวยฺย สพฺพโส อปริจฺจชิตฺวา ทินฺนตฺตา. สกสฺาย วิชฺชมานตฺตา ‘‘อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ สิยา. ฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๓๕) ปน ‘‘เอวํ ทินฺนํ ภติสทิสตฺตา อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ภติสทิเส สติปิ กมฺเม กเต ภติ ลทฺธพฺพา โหติ, ตสฺมา อาโรเปตุํ น วฏฺเฏยฺย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๓๕) ปน ‘‘อาหราเปตุํ วฏฺฏตีติ กมฺเม อกเต ภติสทิสตฺตา ¶ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เตน กมฺเม กเต อาหราเปตุํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อุปชฺฌํ คณฺหิสฺสตีติ สามเณรสฺส ทานํ ทีเปติ, เตน จ สามเณรกาเล ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทโตปิ ปาจิตฺติยํ ทีเปติ. อยํ ตาว ทาเน วินิจฺฉโยติ อิมินา ทานวินิจฺฉยาทีนํ ติณฺณํ วินิจฺฉยานํ เอกปริจฺเฉทกตภาวํ ทีเปติ.
วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณวินิจฺฉยกถา
๗๐. อนุฏฺานเสยฺยา นาม ยาย เสยฺยาย สยิโต ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทํ น ปาปุณาติ, ตาว วุจฺจติ. ททมาเนน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ เก คหฏฺา เก ปพฺพชิตา เกน การเณน ตสฺส ธเน อิสฺสราติ? คหฏฺา ตาว คิลานุปฏฺากภูตา เตน การเณน คิลานุปฏฺากภาคภูเต ตสฺส ธเน อิสฺสรา, เยสฺจ วาณิชานํ หตฺถโต กปฺปิยการเกน ปตฺตาทิปริกฺขาโร คาหาปิโต, เตสํ ยํ ทาตพฺพมูลํ, เต จ ตสฺส ธเน อิสฺสรา, เยสฺจ มาตาปิตูนํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถานิ ปิตานิ, เตปิ ตสฺส ธนสฺส ¶ อิสฺสรา. เอวมาทินา เยน เยน การเณน ยํ ยํ ปริกฺขารธนํ เยหิ เยหิ คหฏฺเหิ ลภิตพฺพํ โหติ, เตน เตน การเณน เต เต คหฏฺา ตสฺส ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา.
ปพฺพชิตา ปน พาหิรกา ตเถว สติ การเณ อิสฺสรา. ปฺจสุ ปน สหธมฺมิเกสุ ภิกฺขู สามเณรา จ มตานํ ภิกฺขุสามเณรานํ ธนํ วินาปิ การเณน ทายาทภาเวน ลภนฺติ, น อิตรา. ภิกฺขุนีสิกฺขมานสามเณรีนมฺปิ ธนํ ตาเยว ลภนฺติ, น อิตเร. ตํ ปน มตกธนภาชนํ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉเย อาวิ ภวิสฺสติ, พหู ปน วินยธรตฺเถรา ‘‘เย ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา’’ติ ¶ ปาํ นิสฺสาย ‘‘มตภิกฺขุสฺส ธนํ คหฏฺภูตา าตกา ลภนฺตี’’ติ วินิจฺฉินนฺติ, ตมฺปิ วินิจฺฉยํ ตสฺส จ ยุตฺตายุตฺตภาวํ ตตฺเถว วกฺขาม.
อนตฺตมนสฺส สนฺตกนฺติ ‘‘ทุฏฺุ กตํ ตยา มยา อทินฺนํ มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา โทมนสฺสปฺปตฺตสฺส สนฺตกํ. โย ปน ปมํเยว ‘‘สุฏฺุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โยปิ อทาตุกาโม, จิตฺเตน ปน อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทตีติ เอตฺถ ตุ โปราณฏีกายํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๓๑) ‘‘จิตฺเตน ปน อธิวาเสตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘น กิฺจิ วทตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ สติ ‘‘จิตฺเตนา’’ติ อิทํ อธิวาสนกิริยาย กรณํ โหติ. อทาตุกาโมติ เอตฺถาปิ ตเมว กรณํ สิยา, ตโต ‘‘จิตฺเตน อทาตุกาโม, จิตฺเตน อธิวาเสตี’’ติวจนํ โอจิตฺยสมฺโปสกํ น ภเวยฺย. ตํ เปตฺวา ‘‘อทาตุกาโม’’ติ เอตฺถ กาเยนาติ วา วาจายาติ วา อฺํ กรณมฺปิ น สมฺภวติ, ตทสมฺภเว สติ วิเสสตฺถวาจโก ปน-สทฺโทปิ นิรตฺถโก. น กิฺจิ วทตีติ เอตฺถ ตุ วทนกิริยาย กรณํ ‘‘วาจายา’’ติ ปทํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตถา จ สติ อฺํ อธิวาสนกิริยาย กรณํ, อฺํ วทนกิริยาย กรณํ, อฺา อธิวาสนกิริยา, อฺา วทนกิริยา, ตสฺมา ‘‘วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุ’’นฺติ วตฺตุํ น อรหติ, ตสฺมา โยปิ จิตฺเตน อทาตุกาโม โหติ, ปน ตถาปิ วาจาย อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทตีติ โยชนํ กตฺวา ปน ‘‘อธิวาเสตีติ วุตฺตเมวตฺถํ ปกาเสตุํ น กิฺจิ วทตีติ วุตฺต’’นฺติ วตฺตุมรหติ. เอตฺถ ตุ ปน-สทฺโท อรุจิลกฺขณสูจนตฺโถ. ‘‘จิตฺเตนา’’ติ อิทํ อทาตุกามกิริยาย กรณํ, ‘‘วาจายา’’ติ ¶ อธิวาสนกิริยาย อวทนกิริยาย จ กรณํ. อธิวาสนกิริยา จ อวทนกิริยาเยว ¶ . ‘‘อธิวาเสตี’’ติ วุตฺเต อวทนกิริยาย อปากฏภาวโต ตํ ปกาเสตุํ ‘‘น กิฺจิ วทตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ คยฺหมาเน ปุพฺพาปรวจนตฺโถ โอจิตฺยสมฺโปสโก สิยา, ตสฺมา เอตฺตกวิวเรหิ วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพติ.
ลาภปริณามนวินิจฺฉยกถา
๗๑. ลาภปริณามนวินิจฺฉเย ตุมฺหากํ สปฺปิอาทีนิ อาภตานีติ ตุมฺหากํ อตฺถาย อาภตานิ สปฺปิอาทีนิ. ปริณตภาวํ ชานิตฺวาปิ วุตฺตวิธินา วิฺาเปนฺเตน เตสํ สนฺตกเมว วิฺาปิตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘มยฺหมฺปิ เทถาติ วทติ, วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘ปุปฺผมฺปิ อาโรเปตุํ น วฏฺฏตีติ อิทํ ปริณตํ สนฺธาย วุตฺตํ, สเจ ปน เอกสฺมึ เจติเย ปูชิตํ ปุปฺผํ คเหตฺวา อฺสฺมึ เจติเย ปูเชติ, วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๖๐) วุตฺตํ. อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๖๐) ปน นิยเมตฺวา ‘‘อฺสฺส เจติยสฺส อตฺถาย โรปิตมาลาวจฺฉโต’’ติ วุตฺตตฺตา น เกวลํ ปริณตภาโวเยว กถิโต, อถ โข นิยเมตฺวา โรปิตภาโวปิ. ปุปฺผมฺปีติ ปิ-สทฺเทน กุโต มาลาวจฺฉนฺติ ทสฺเสติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๖๐) ปน ‘‘โรปิตมาลาวจฺฉโตติ เกนจิ นิยเมตฺวา โรปิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อโนจิตํ มิลายมานํ โอจินิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ ปูเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ิตํ ทิสฺวาติ เสสกํ คเหตฺวา ิตํ ทิสฺวา. อิมสฺส สุนขสฺส มา เทหิ, เอตสฺส เทหีติ อิทํ ปริณเตเยว, ติรจฺฉานคตสฺส ปริจฺจชิตฺวา ทินฺเน ปน ตํ ปลาเปตฺวา อฺํ ภฺุชาเปตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘กตฺถ เทมาติอาทินา เอเกนากาเรน อนาปตฺติ ทสฺสิตา. เอวํ ปน อปุจฺฉิเตปิ ¶ ‘อปริณตํ อิท’นฺติ ชานนฺเตน อตฺตโน รุจิยา ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ทาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ เทถาติ เอตฺถาปิ ‘‘ตุมฺหากํ รุจิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ทาเปตุํ ลภติ.
ปริวาเร (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ปน นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมตีติ เอวํ วุตฺตานิ. นว ปฏิคฺคหา ปริโภคา ¶ จาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จ. ตีณิ ธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส นินฺนํ สงฺฆสฺเสว เทติ, เจติยสฺส นินฺนํ เจติยสฺเสว เทติ, ปุคฺคลสฺส นินฺนํ ปุคฺคลสฺเสว เทตีติ อิมานิ ตีณิ. ปฏิคฺคหปฏิโภคาปิ เตสํเยว ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จาติ อาคตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ทานลกฺขณาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เตรสโม ปริจฺเฉโท.
๑๔. ปถวีขณนวินิจฺฉยกถา
๗๒. เอวํ ทานวิสฺสาสคฺคาหลาภปริณามนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปถวีวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปถวี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ปตฺถรตีติ ปถวี, ป-ปุพฺพ ถร สนฺถรเณติ ธาตุ, ร-การสฺส ว-กาโร, สสมฺภารปถวี. ตปฺปเภทมาห ‘‘ทฺเว ปถวี, ชาตา จ ปถวี อชาตา จ ปถวี’’ติ. ตาสํ ¶ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ชาตา นาม ปถวี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สุทฺธปํสุกา…เป… เยภุยฺเยนมตฺติกาปถวี ชาตา นาม ปถวี โหติ. น เกวลํ สาเยว, อทฑฺฒา ปถวีปิ ‘‘ชาตา ปถวี’’ติ วุจฺจติ. น เกวลํ อิมา ทฺเวเยว, โยปิ ปํสุปฺุโช วา…เป… จาตุมาสํ โอวฏฺโ, โสปิ ‘‘ชาตา ปถวี’’ติ วุจฺจตีติ โยชนา. อิตรตฺรปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ สุทฺธา ปํสุกาเยว เอตฺถ ปถวิยา อตฺถิ, น ปาสาณาทโยติ สุทฺธปํสุกา. ตถา สุทฺธมตฺติกา. อปฺปา ปาสาณา เอตฺถาติ อปฺปปาสาณา. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. เยภุยฺเยน ปํสุกา เอตฺถาติ เยภุยฺเยนปํสุกา, อลุตฺตสมาโสยํ, ตถา เยภุยฺเยนมตฺติกา. ตตฺถ มุฏฺิปฺปมาณโต อุปริ ปาสาณา. มุฏฺิปฺปมาณา สกฺขรา. กถลาติ กปาลขณฺฑาทิ. มรุมฺปาติ กฏสกฺขรา. วาลุกา วาลุกาเยว. เยภุยฺเยนปํสุกาติ เอตฺถ ตีสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาสา ปํสุ, เอโก ปาสาณาทีสุ อฺตรโกฏฺาโส. อทฑฺฒาปีติ อุทฺธนปตฺตปจนกุมฺภการาตปาทิวเสน ตถา ตถา อทฑฺฒา, สา ปน วิสุํ นตฺถิ, สุทฺธปํสุอาทีสุ อฺตราวาติ เวทิตพฺพา. เยภุยฺเยนสกฺขราติ พหุตรสกฺขรา. หตฺถิกุจฺฉิยํ กิร เอกํ ปจฺฉิปูรํ อาหราเปตฺวา โทณิยํ โธวิตฺวา ปถวิยา เยภุยฺเยนสกฺขรภาวํ ¶ ตฺวา สยํ ภิกฺขู โปกฺขรณึ ขณึสูติ. ยานิ ปน มชฺเฌ ‘‘อปฺปปํสุอปฺปมตฺติกา’’ติ ทฺเว ปทานิ, ตานิ เยภุยฺเยนปาสาณาทิปฺจกเมว ปวิสนฺติ. เตสฺเว หิ ทฺวินฺนํ ปเภทวจนเมตํ, ยทิทํ สุทฺธปาสาณาทิอาทิ.
เอตฺถ จ กิฺจาปิ เยภุยฺเยนปํสุํ อปฺปปํสฺุจ ปถวึ วตฺวา อุปฑฺฒปํสุกาปถวี น วุตฺตา, ตถาปิ ปณฺณตฺติวชฺชสิกฺขาปเทสุ สาวเสสปฺตฺติยาปิ สมฺภวโต อุปฑฺฒปํสุกายปิ ปถวิยา ¶ ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ อุปฑฺฒจฺฉนฺเน ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา อิธาปิ ทุกฺกฏํ ยุชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ปาจิตฺติยวตฺถุกฺจ อนาปตฺติวตฺถุกฺจ ทุวิธํ ปถวึ เปตฺวา อฺิสฺสา ทุกฺกฏวตฺถุกาย ตติยาย ปถวิยา อภาวโต. ทฺเวเยว หิ ปถวิโย วุตฺตา ‘‘ชาตา จ ปถวี อชาตา จ ปถวี’’ติ, ตสฺมา ทฺวีสุ อฺตราย ปถวิยา ภวิตพฺพํ. วินยวินิจฺฉเย จ สมฺปตฺเต ครุกลหุเกสุ ครุเกเยว าตพฺพตฺตา น สกฺกา เอตฺถ อนาปตฺติยา ภวิตุํ. สพฺพจฺฉนฺนาทีสุ ปน อุปฑฺเฒ ทุกฺกฏํ ยุตฺตํ ตตฺถ ตาทิสสฺส ทุกฺกฏวตฺถุโน สมฺภวโต. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๘๖) ‘‘อปฺปปํสุมตฺติกาย ปถวิยา อนาปตฺติวตฺถุภาเวน วุตฺตตฺตา อุปฑฺฒปํสุมตฺติกายปิ ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํ. น เหตํ ทุกฺกฏวตฺถูติ สกฺกา วตฺตุํ ชาตาชาตวินิมุตฺตาย ตติยาย ปถวิยา อภาวโต’’ติ วุตฺตํ.
ขณนฺตสฺส ขณาเปนฺตสฺส วาติ อนฺตมโส ปาทงฺคุฏฺเกนปิ สมฺมชฺชนิสลากายปิ สยํ วา ขณนฺตสฺส อฺเน วา ขณาเปนฺตสฺส. ‘‘โปกฺขรณึ ขณา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส’’ติ อนิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ‘‘อิมํ วลฺลึ ขณา’’ติ วุตฺเตปิ ปถวิขณนํ สนฺธาย ปวตฺตโวหารตฺตา อิมินาว สิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ, น ภูตคามสิกฺขาปเทน, อุภยมฺปิ สนฺธาย วุตฺเต ปน ทฺเวปิ ปาจิตฺติยานิ โหนฺติ.
๗๓. กุเฏหีติ ฆเฏหิ. ตนุกกทฺทโมติ อุทกมิสฺสกกทฺทโม, โส จ อุทกคติกตฺตา วฏฺฏติ. อุทกปปฺปฏโกติ อุทเก อนฺโตภูมิยํ ปวิฏฺเ ตสฺส อุปริภาคํ ฉาเทตฺวา ตนุกปํสุ วา มตฺติกา วา ปฏลํ หุตฺวา ปลวมานา อุฏฺาติ, ตสฺมึ อุทเก สุกฺเขปิ ตํ ปฏลํ วาเตน จลมานํ ติฏฺติ, ตํ อุทกปปฺปฏโก นาม. โอมกจาตุมาสนฺติ ¶ อูนจาตุมาสํ. โอวฏฺนฺติ เทเวน โอวฏฺํ. อกตปพฺภาเรติ อวลฺชนฏฺานทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตาทิเส หิ วมฺมิกสฺส สพฺภาโวติ. มูสิกุกฺกุรํ นาม มูสิกาหิ ขณิตฺวา พหิ กตปํสุราสิ.
เอเสว ¶ นโยติ โอมกจาตุมาสํ โอวฏฺโเยว วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอกทิวสมฺปิ น วฏฺฏตีติ โอวฏฺจาตุมาสโต เอกทิวสาติกฺกนฺโตปิ วิโกเปตุํ น วฏฺฏติ. เหฏฺภูมิสมฺพนฺเธปิ จ โคกณฺฏเก ภูมิโต ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา อุคฺคตตฺตา อจฺจุคฺคตํ มตฺถกโต ฉินฺทิตุํ คเหตฺุจ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สกฏฺาเน อติฏฺมานํ กตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา อาโลฬิตกทฺทมมฺปิ คเหตุํ วฏฺฏติ.
อจฺฉทนนฺติอาทินา วุตฺตตฺตา อุชุกํ อากาสโต ปติตวสฺโสทเกน โอวฏฺเมว ชาตปถวี โหติ, น ฉทนาทีสุ ปติตฺวา ตโต ปวตฺตอุทเกน ตินฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตโตติ ปุราณเสนาสนโต. อิฏฺกํ คณฺหามีติอาทิ สุทฺธจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อุทเกนาติ อุชุกํ อากาสโตเยว ปติตอุทเกน. สเจ ปน อฺตฺถ ปหริตฺวา ปติเตน อุทเกน เตมิตํ โหติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. มณฺฑปตฺถมฺภนฺติ สาขามณฺฑปตฺถมฺภํ.
๗๔. อุจฺจาเลตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา. เตน อปเทเสนาติ เตน เลเสน. อวิสยตฺตา อนาปตฺตีติ เอตฺถ สเจปิ นิพฺพาเปตุํ สกฺกา โหติ, ปมํ สุทฺธจิตฺเตน ทินฺนตฺตา ทหตูติ สลฺลกฺเขตฺวาปิ ติฏฺติ, อนาปตฺติ. มหามตฺติกนฺติ ภิตฺติเลปนํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปถวีขณนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
จุทฺทสโม ปริจฺเฉโท.
๑๕. ภูตคามวินิจฺฉยกถา
๗๕. เอวํ ¶ ปถวิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ภูตคามวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ภูตคาโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภวนฺติ อหุวฺุจาติ ภูตา, ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ ชาตา วฑฺฒิตา จาติ อตฺโถ. คาโมติ ราสิ, ภูตานํ คาโมติ ภูตคาโม, ภูตา เอว วา คาโม ภูตคาโม, ปติฏฺิตหริตติณรุกฺขาทีนเมตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ‘‘ภวนฺตี’’ติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ชายนฺติ วฑฺฒนฺตี’’ติ ¶ , ‘‘อหุวุ’’นฺติ อิมสฺส ‘‘ชาตา วฑฺฒิตา’’ติ. เอวํ ภูต-สทฺโท ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวิสโย โหติ. เตนาห วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๙๐) ‘‘ภวนฺตีติ วฑฺฒนฺติ, อหุวุนฺติ พภุวู’’ติ. อิทานิ ตํ ภูตคามํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตคาโมติ ปฺจหิ พีเชหิ ชาตานํ รุกฺขลตาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติ อาห. ลตาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉาทโย เวทิตพฺพา.
อิทานิ ตานิ พีชานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริมานิ ปฺจ พีชานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มูลเมว พีชํ มูลพีชํ. เอวํ เสเสสุปิ. อถ วา มูลํ พีชํ เอตสฺสาติ มูลพีชํ, มูลพีชโต วา นิพฺพตฺตํ มูลพีชํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ ปเมน วิคฺคเหน พีชคาโม เอว ลพฺภติ, ทุติยตติเยหิ ภูตคาโม. อิทานิ เต ภูตคาเม สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ มูลพีชํ นามา’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ เตสุ ปฺจสุ มูลพีชาทีสุ หลิทฺทิ…เป… ภทฺทมุตฺตกํ มูลพีชํ นาม. น เกวลํ อิมานิเยว มูลพีชานิ, อถ โข อิโต อฺานิปิ ยานิ วา ปน ภูตคามชาตานิ อตฺถิ สนฺติ, มูเล ชายนฺติ, มูเล สฺชายนฺติ, เอตํ ภูตคามชาตํ มูลพีชํ นาม โหตีติ โยชนา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๑) ‘‘อิทานิ ตํ ภูตคามํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘ภูตคาโม นาม ปฺจ พีชชาตานี’ติอาทิมาหา’’ติ. ตตฺถ ¶ ภูตคาโม นามาติ ภูตคามํ อุทฺธริตฺวา ยสฺมึ สติ ภูตคาโม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ พีชชาตานีติ อาหา’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ, มูเล ชายนฺตี’’ติอาทีนิ น สเมนฺติ. น หิ มูลพีชาทีนิ มูลาทีสุ ชายนฺติ. มูลาทีสุ ชายมานานิ ปน ตานิ พีชชาตานิ, ตสฺมา เอวมตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา – ภูตคาโม นามาติ วิภชิตพฺพปทํ. ปฺจาติ ตสฺส วิภาคปริจฺเฉโท. พีชชาตานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ, ยโต พีเชหิ ชาตานิ พีชชาตานิ, รุกฺขาทีนํ เอตํ อธิวจนนฺติ จ. ยถา ‘‘สาลีนํ เจปิ โอทนํ ภฺุชตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๖) สาลิตณฺฑุลานํ โอทโน สาลิโอทโนติ วุจฺจติ, เอวํ พีชโต สมฺภูโต ภูตคาโม ‘‘พีช’’นฺติ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพติ จ.
ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหณสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท ตทตฺถสํสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีชสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีช’’นฺติ ‘‘รูปรูปํ, ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ ¶ จ ยถา. นิทฺเทเส ‘‘ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ, มูเล ชายนฺติ มูเล สฺชายนฺตี’’ติ เอตฺถ พีชโต นิพฺพตฺเตน พีชํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยานิ วา ปนฺานิปิ อตฺถิ, อาลุวกเสรุกมลนีลุปฺปลปุณฺฑรีกกุวลยกุนฺทปาฏลิมูลาทิเภเท มูเล คจฺฉวลฺลิรุกฺขาทีนิ ชายนฺติ สฺชายนฺติ, ตานิ, ยมฺหิ มูเล ชายนฺติ เจว สฺชายนฺติ จ, ตฺจ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๙๑) วุตฺตหลิทฺทาทิ จ, สพฺพมฺปิ เอตํ มูลพีชํ นาม, เอเตน การิโยปจาเรน การณํ ทสฺสิตนฺติ ทสฺเสติ. เอส นโย ขนฺธพีชาทีสุ. เยวาปนกขนฺธพีเชสุ ปเนตฺถ อมฺพาฏกอินฺทสาลนุหิปาลิภทฺทกกณิการาทีนิ ขนฺธพีชานิ ¶ . อมฺพิลาวลฺลิจตุรสฺสวลฺลิกณเวราทีนิ ผฬุพีชานิ. มกจิมลฺลิกาสุมนชยสุมนาทีนิ อคฺคพีชานิ. อมฺพชมฺพุปนสฏฺิอาทีนิ พีชพีชานีติ ทฏฺพฺพานิ. ภูตคาเม ภูตคามสฺี ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วาติ สตฺถกานิ คเหตฺวา สยํ วา ฉินฺทติ, อฺเน วา เฉทาเปติ. ภินฺทติ วา เภทาเปติ วาติ ปาสาณาทีนิ คเหตฺวา สยํ วา ภินฺทติ, อฺเน วา เภทาเปติ. ปจติ วา ปจาเปติ วาติ อคฺคึ อุปสํหริตฺวา สยํ วา ปจติ, อฺเน วา ปจาเปติ, ปาจิตฺติยํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อาปตฺติเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตคามฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตคามปริโมจิตนฺติ ภูตคามโต วิโยชิตํ.
๗๖. สฺจิจฺจ อุกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา สรีเร ลคฺคภาวํ ตฺวาปิ อุฏฺหติ, ‘‘ตํ อุทฺธริสฺสามี’’ติ สฺาย อภาวโต วฏฺฏติ. อนนฺตกคฺคหเณน สาสปมตฺติกา คหิตา. นามฺเหตํ ตสฺสา เสวาลชาติยา. มูลปณฺณานํ อภาเวน ‘‘อสมฺปุณฺณภูตคาโม นามา’’ติ วุตฺตํ. อภูตคามมูลตฺตาติ เอตฺถ ภูตคาโม มูลํ การณํ เอตสฺสาติ ภูตคามมูโล, ภูตคามสฺส วา มูลํ การณนฺติ ภูตคามมูลํ. พีชคาโม หิ นาม ภูตคามโต สมฺภวติ, ภูตคามสฺส จ การณํ โหติ. อยํ ปน ตาทิโส น โหตีติ ‘‘อภูตคามมูลตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
กิฺจาปิ หิ ตาลนาฬิเกราทีนํ ขาณุ อุทฺธํ อวฑฺฒนโต ภูตคามสฺส การณํ น โหติ, ตถาปิ ภูตคามสงฺขฺยูปคตนิพฺพตฺตปณฺณมูลพีชโต สมฺภูตตฺตา ภูตคามโต อุปฺปนฺโน นาม โหตีติ พีชคาเมน สงฺคหํ คจฺฉติ. โส พีชคาเมน สงฺคหิโตติ อวฑฺฒมาเนปิ ภูตคามมูลตฺตา วุตฺตํ.
‘‘องฺกุเร หริเต’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘นีลวณฺเณ ชาเต’’ติ, นีลปณฺณสฺส วณฺณสทิเส ¶ ปณฺเณ ชาเตติ ¶ อตฺโถ, ‘‘นีลวณฺเณ ชาเต’’ติ วา ปาโ คเหตพฺโพ. อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉตีติ อิทํ นาฬิเกรสฺส อาเวณิกํ กตฺวา วทติ. ‘‘ปานียฆฏาทีนํ พหิ เสวาโล อุทเก อฏฺิตตฺตา พีชคามานุโลมตฺตา จ ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ วทนฺติ. กณฺณกมฺปิ อพฺโพหาริกเมวาติ นีลวณฺณมฺปิ อพฺโพหาริกเมว.
๗๗. เสเลยฺยกํ นาม สิลาย สมฺภูตา เอกา คนฺธชาติ. ปุปฺผิตกาลโต ปฏฺายาติ วิกสิตกาลโต ปภุติ. อหิจฺฉตฺตกํ คณฺหนฺโตติ วิกสิตํ คณฺหนฺโต. มกุฬํ ปน รุกฺขตฺตจํ อโกเปนฺเตนปิ คเหตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘รุกฺขตฺตจํ วิโกเปตีติ วุตฺตตฺตา รุกฺเข ชาตํ ยํ กิฺจิ อหิจฺฉตฺตกํ รุกฺขตฺตจํ อวิโกเปตฺวา มตฺถกโต ฉินฺทิตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ‘‘อหิจฺฉตฺตกํ ยาว มกุฬํ โหติ, ตาว ทุกฺกฏวตฺถู’’ติ วุตฺตตฺตา. รุกฺขโต มุจฺจิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ยทิปิ กิฺจิมตฺตํ รุกฺเข อลฺลีนา หุตฺวา ติฏฺติ, รุกฺขโต คยฺหมานา ปน รุกฺขจฺฉวึ น วิโกเปติ, วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. อลฺลรุกฺขโต น วฏฺฏตีติ เอตฺถาปิ รุกฺขตฺตจํ อวิโกเปตฺวา มตฺถกโต ตจฺเฉตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. หตฺถกุกฺกุจฺเจนาติ หตฺถจาปลฺเลน. ปานียํ น วาเสตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตโน อตฺถาย นามิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เกวลํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อตฺถาย นามิเต ปน ปจฺฉา ตโต ลภิตฺวา น วาเสตพฺพนฺติ นตฺถิ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๙๒) ปน ‘‘ปานียํ น วาเสตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตโน ปิวนปานียํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺเสํ ปน วฏฺฏติ อนุคฺคหิตตฺตา. เตนาห อตฺตนา ขาทิตุกาเมนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ วุตฺตตฺตา เยสํ สาขา น รุหติ, ตตฺถ กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา ¶ รุหตีติ มูลํ อโนตาเรตฺวา ปณฺณมตฺตนิคฺคมนมตฺเตนาปิ วฑฺฒติ, ตตฺถ กปฺปิยมฺปิ อกโรนฺโต ฉินฺนนาฬิเกรเวฬุทณฺฑาทโย โกเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘จงฺกมิตฏฺานํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ จงฺกมนาธิปฺปาเยน วา มคฺคคมนาธิปฺปาเยน วา อกฺกมนฺตสฺส, ติณานํ อุปริ นิสีทนาธิปฺปาเยน นิสีทนฺตสฺส จ โทโส นตฺถิ.
๗๘. สมณกปฺเปหีติ สมณานํ กปฺปิยโวหาเรหิ. กิฺจาปิ พีชาทีนํ อคฺคินา ผุฏฺมตฺเตน, นขาทีหิ วิลิขนมตฺเตน จ อวิรุฬฺหิธมฺมตา น โหติ, ตถาปิ เอวํ กเตเยว สมณานํ กปฺปตีติ อคฺคิปริชิตาทโย สมณโวหารา นาม ชาตา, ตสฺมา เตหิ สมณโวหาเรหิ กรณภูเตหิ ผลํ ปริภฺุชิตุํ อนุชานามีติ อธิปฺปาโย. อพีชนิพฺพฏฺฏพีชานิปิ ¶ สมณานํ กปฺปนฺตีติ ปฺตฺตปณฺณตฺติภาวโต สมณโวหาราอิจฺเจว สงฺขํ คตานิ. อถ วา อคฺคิปริชิตาทีนํ ปฺจนฺนํ กปฺปิยภาวโตเยว ปฺจหิ สมณกปฺปิยภาวสงฺขาเตหิ การเณหิ ผลํ ปริภฺุชิตุํ อนุชานามีติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อคฺคิปริชิตนฺติอาทีสุ ‘‘ปริจิต’’นฺติปิ ปนฺติ. อพีชํ นาม ตรุณอมฺพผลาทิ. นิพฺพฏฺฏพีชํ นาม อมฺพปนสาทิ, ยํ พีชํ นิพฺพฏฺเฏตฺวา วิสุํ กตฺวา ปริภฺุชิตุํ สกฺกา โหติ. นิพฺพฏฺเฏตพฺพํ วิโยเชตพฺพํ พีชํ ยสฺมึ, ตํ ปนสาทิ นิพฺพฏฺฏพีชํ นาม. ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพนฺติ โย กปฺปิยํ กโรติ, เตน กตฺตพฺพปการสฺเสว วุตฺตตฺตา ภิกฺขุนา อวุตฺเตปิ กาตุํ วฏฺฏตีติ น คเหตพฺพํ. ปุน ‘‘กปฺปิยํ กาเรตพฺพ’’นฺติ การาปนสฺส ปมเมว กถิตตฺตา ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ วุตฺเตเยว อนุปสมฺปนฺเนน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา อคฺคิปริชิตาทิ กาตพฺพนฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วจนํ ปน ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาว กาตพฺพ’’นฺติ วจนโต ปมํ ¶ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา ปจฺฉา อคฺคิอาทินา ผุสนาทิ กาตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปมํ อคฺคิมฺหิ นิกฺขิปิตฺวา, นขาทินา วา วิชฺฌิตฺวา ตํ อนุทฺธริตฺวาว กปฺปิยนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติปิ วทนฺติ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๙๒) ปน ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาวาติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺเตปิ วจนกฺขเณว อคฺคิสตฺถาทินา พีชคาเม วณํ กาตพฺพนฺติ วจนโต ปน ปุพฺเพ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตฺจ ทฺวิธา อกตฺวา เฉทนเภทนเมว ทสฺเสตพฺพํ. กโรนฺเตน จ ภิกฺขุนา ‘กปฺปิยํ กโรหี’ติ ยาย กายจิ ภาสาย วุตฺเตเยว กาตพฺพํ. พีชคามปริโมจนตฺถํ ปุน กปฺปิยํ กาเรตพฺพนฺติ การาปนสฺส ปมเมว อธิกตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
เอกสฺมึ พีเช วาติอาทีสุ ‘‘เอกํเยว กาเรมีติ อธิปฺปาเย สติปิ เอกาพทฺธตฺตา สพฺพํ กตเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. ทารุํ วิชฺฌตีติ เอตฺถ ‘‘ชานิตฺวาปิ วิชฺฌติ วา วิชฺฌาเปติ วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ วทนฺติ. ภตฺตสิตฺเถ วิชฺฌตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ตํ วิชฺฌติ, น วฏฺฏตีติ รชฺชุอาทีนํ ภาชนคติกตฺตา’’ติ วทนฺติ. มรีจปกฺกาทีหิ จ มิสฺเสตฺวาติ เอตฺถ ภตฺตสิตฺถสมฺพนฺธวเสน เอกาพทฺธตา เวทิตพฺพา, น ผลานํเยว อฺมฺสมฺพนฺธวเสน. ‘‘กฏาเหปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา กฏาหโต นีหฏาย มิฺชาย วา พีเช วา ยตฺถ กตฺถจิ วิชฺฌิตุํ ¶ วฏฺฏติ เอว. ภินฺทาเปตฺวา กปฺปิยํ การาเปตพฺพนฺติ พีชโต มุตฺตสฺส กฏาหสฺส ภาชนคติกตฺตา วุตฺตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ภูตคามวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ปนฺนรสโม ปริจฺเฉโท.
๑๖. สหเสยฺยวินิจฺฉยกถา
๗๙. เอวํ ¶ ภูตคามวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สหเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ทุวิธํ สหเสยฺยก’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺเว วิธา ปการา ยสฺส สหเสยฺยกสฺส ตํ ทุวิธํ, สห สยนํ, สห วา สยติ เอตฺถาติ สหเสยฺยา, สหเสยฺยา เอว สหเสยฺยกํ สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน. ตํ ปน อนุปสมฺปนฺเนนสหเสยฺยามาตุคาเมนสหเสยฺยาวเสน ทุวิธํ. เตนาห ‘‘ทุวิธํ สหเสยฺยก’’นฺติ. ทิรตฺตติรตฺตนฺติ เอตฺถ วจนสิลิฏฺตามตฺเตน ทิรตฺตคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ติรตฺตฺหิ สหวาเส ลพฺภมาเน ทิรตฺเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทิรตฺตคฺคหณํ วิสุํ น ปโยเชติ. เตเนวาห ‘‘อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตนฺติ ภควา สามเณรานํ สงฺคหกรณตฺถาย ติรตฺตปริหารํ อทาสี’’ติ. นิรนฺตรํ ติรตฺตคฺคหณตฺถํ วา ทิรตฺตคฺคหณํ กตํ. เกวลฺหิ ‘‘ติรตฺต’’นฺติ วุตฺเต อฺตฺถ วาเสน อนฺตริกมฺปิ ติรตฺตํ คณฺเหยฺย. ทิรตฺตวิสิฏฺํ ปน ติรตฺตํ วุจฺจมานํ เตน อนนฺตริกเมว ติรตฺตํ ทีเปติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) ‘‘ทิรตฺตคฺคหณํ วจนาลงฺการตฺถํ. นิรนฺตรํ ติสฺโสว รตฺติโย สยิตฺวา จตุตฺถทิวสาทีสุ สยนฺตสฺเสว อาปตฺติ, น เอกนฺตริกาทิวเสน สยนฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถมฺปีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สหเสยฺยํ เอกโต เสยฺยํ. เสยฺยนฺติ เจตฺถ กายปฺปสารณสงฺขาตํ สยนมฺปิ วุจฺจติ, ยสฺมึ เสนาสเน สยนฺติ, ตมฺปิ, ตสฺมา เสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ เอตฺถ เสนาสนสงฺขาตํ เสยฺยํ ปวิสิตฺวา กายปฺปสารณสงฺขาตํ เสยฺยํ กปฺเปยฺย สมฺปาเทยฺยาติ อตฺโถ. ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพเธนาติ เอตฺถ ทิยฑฺฒหตฺโถ วฑฺฒกิหตฺเถน คเหตพฺโพ. ปฺจหิ ฉทเนหีติ อิฏฺกาสิลาสุธาติณปณฺณสงฺขาเตหิ ปฺจหิ ฉทเนหิ. วาจุคฺคตวเสนาติ ปคุณวเสน.
เอกูปจาโรติ ¶ ¶ วฬฺชนทฺวารสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) ปน ‘‘เอกูปจาโร เอเกน มคฺเคน ปวิสิตฺวา อพฺโภกาสํ อโนกฺกมิตฺวา สพฺพตฺถ อนุปริคมนโยคฺโค, เอตํ พหุทฺวารมฺปิ เอกูปจาโรว. ยตฺถ ปน กุฏฺฏาทีหิ รุนฺธิตฺวา วิสุํ ทฺวารํ โยเชนฺติ, นานูปจาโร โหติ. สเจ ปน รุนฺธติ เอว, วิสุํ ทฺวารํ น โยเชนฺติ, เอตมฺปิ เอกูปจารเมว มตฺติกาทีหิ ปิหิตทฺวาโร วิย คพฺโภติ คเหตพฺพํ. อฺถา คพฺเภ ปวิสิตฺวา ปมุขาทีสุ นิปนฺนานุปสมฺปนฺเนหิ สหเสยฺยาปริมุตฺติยา คพฺภทฺวารํ มตฺติกาทีหิ ปิทหาเปตฺวา อุฏฺิเต อรุเณ วิวราเปนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตํ. จตุสาลํ เอกูปจารํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. เตสํ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส อาปตฺตีติ เอตฺถ เกจิ ‘‘อนุฏฺหเนน อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ วุตฺตา, ตสฺมึ ขเณ นิทฺทายนฺตสฺส กิริยาภาวา. อิทฺหิ สิกฺขาปทํ สิยา กิริยาย, สิยา อกิริยาย สมุฏฺาติ. กิริยาย สมุฏฺานตา จสฺส ตพฺพหุลวเสน วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. ‘‘ยถา เจตํ, เอวํ ทิวาสยนมฺปิ. อนุฏฺหเนน, หิ ทฺวาราสํวรเณน เจตํ อกิริยสมุฏฺานมฺปิ โหตี’’ติ วทนฺติ, อิทฺจ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
๘๐. อุปริมตเลน สทฺธึ อสมฺพทฺธภิตฺติกสฺสาติ อิทํ สมฺพทฺธภิตฺติเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อุปริมตเล สยิตสฺส สงฺกา เอว นตฺถีติ ‘‘เหฏฺาปาสาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. นานูปจาเรติ ยตฺถ พหิ นิสฺเสณึ กตฺวา อุปริมตลํ อาโรหนฺติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุปริมตเลปี’’ติ. อากาสงฺคเณ นิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติอภาวโต ‘‘ฉทนพฺภนฺตเร’’ติ วุตฺตํ. สภาสงฺเขเปนาติ สภากาเรน. อฑฺฒกุฏฺฏเก เสนาสเนติ เอตฺถ ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏกํ นาม ยตฺถ อุปฑฺฒํ มฺุจิตฺวา ตีสุ ปสฺเสสุ ภิตฺติโย พทฺธา โหนฺติ ¶ , ยตฺถ วา เอกสฺมึ ปสฺเส ภิตฺตึ อุฏฺาเปตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ อุปฑฺฒํ อุปฑฺฒํ กตฺวา ภิตฺติโย อุฏฺาเปนฺติ, ตาทิสํ เสนาสน’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, คณฺิปเท ปน ‘‘อฑฺฒกุฏฺฏเกติ ฉทนํ อฑฺเฒน อสมฺปตฺตกุฏฺฏเก’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ โน น ยุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘สภาสงฺเขเปนาติ วุตฺตสฺเสว อฑฺฒกุฏฺฏเกติ อิมินา สณฺานํ ทสฺเสติ. ยตฺถ ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปสฺเสสุ ภิตฺติโย พทฺธา, ฉทนํ วา อสมฺปตฺตา อฑฺฒภิตฺติ, อิทํ อฑฺฒกุฏฺฏกํ นามา’’ติ วุตฺตํ. วาฬสงฺฆาโฏ นาม ปริกฺเขปสฺส อนฺโต ถมฺภาทีนํ อุปริ วาฬรูเปหิ กตสงฺฆาโฏ.
ปริกฺเขปสฺส พหิ คเตติ เอตฺถ ยตฺถ ยสฺมึ ปสฺเส ปริกฺเขโป นตฺถิ, ตตฺถาปิ ปริกฺเขปารหปเทสโต ¶ พหิ คเต อนาปตฺติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๕๐-๕๑) ปน ‘‘ปริกฺเขปสฺส พหิ คเตติ เอตฺถ ยสฺมึ ปสฺเส ปริกฺเขโป นตฺถิ, ตตฺถ สเจ ภูมิโต วตฺถุ อุจฺจํ โหติ, อุภโต อุจฺจวตฺถุโต เหฏฺา ภูมิยํ นิพฺพโกสพฺภนฺตเรปิ อนาปตฺติ เอว ตตฺถ เสนาสนโวหาราภาวโต. อถ วตฺถุ นีจํ ภูมิสมเมว เสนาสนสฺส เหฏฺิมตเล ติฏฺติ, ตตฺถ ปริกฺเขปรหิตทิสาย นิพฺพโกสพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ อาปตฺติ โหติ, ปริจฺเฉทาภาวโต ปริกฺเขปสฺส พหิ เอว อนาปตฺตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเรติ เอตฺถ มชฺเฌ วิวฏงฺคณวนฺตาสุ มหาจตุสาลาสุ ยถา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวา ปมุเขเนว คนฺตฺวา สพฺพคพฺเภ ปวิสิตุํ น สกฺกา โหติ, เอวํ เอเกกคพฺภสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ กุฏฺฏํ นีหริตฺวา กตํ ปริจฺฉินฺนคพฺภูปจารํ นาม, อิทํ ปน ตาทิสํ น โหตีติ ‘‘อปริจฺฉินฺนคพฺภูปจาเร’’ติ วุตฺตํ. สพฺพคพฺเภปิ ปวิสนฺตีติ คพฺภูปจารสฺส อปริจฺฉินฺนตฺตา อากาสงฺคณํ อโนตริตฺวาปิ ¶ ปมุเขเนว คนฺตฺวา ตํ ตํ คพฺภํ ปวิสนฺติ. อถ กุโต ตสฺส ปริกฺเขโปเยว สพฺพปริจฺฉินฺนตฺตาติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘คพฺภปริกฺเขโปเยว หิสฺส ปริกฺเขโป’’ติ, อิทฺจ สมนฺตา คพฺภภิตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํ. จตุสาลวเสน หิ สนฺนิวิฏฺเ เสนาสเน คพฺภปมุขํ วิสุํ อปริกฺขิตฺตมฺปิ สมนฺตา ิตํ คพฺภภิตฺตีนํ วเสน ปริกฺขิตฺตํ นาม โหติ.
๘๑. เอกทิสาย อุชุกเมว ทีฆํ กตฺวา สนฺนิเวสิโต ปาสาโท เอกสาลสนฺนิเวโส. ทฺวีสุ ตีสุ จตูสุ วา ทิสาสุ สิงฺฆาฏกสณฺานาทิวเสน กตา ทฺวิสาลาทิสนฺนิเวสา เวทิตพฺพา. สาลปฺปเภททีปนเมว เจตฺถ ปุริมโต วิเสโสติ. อฏฺ ปาจิตฺติยานีติ อุปฑฺฒจฺฉนฺนํ อุปฑฺฒปริจฺฉนฺนํ เสนาสนํ ทุกฺกฏวตฺถุสฺส อาทึ กตฺวา ปาฬิยํ ทสฺสิตตฺตา ตโต อธิกํ สพฺพจฺฉนฺนอุปฑฺฒปริจฺฉนฺนาทิกมฺปิ สพฺพํ ปาฬิยํ อวุตฺตมฺปิ ปาจิตฺติยสฺเสว วตฺถุภาเวน ทสฺสิตํ สิกฺขาปทสฺส ปณฺณตฺติวชฺชตฺตา, ครุเก าตพฺพโต จาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺต ปาจิตฺติยานี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตปาจิตฺติยทฺวยํ สามฺโต เอกตฺเตน คเหตฺวา วุตฺตํ. ปาฬิยํ (ปาจิ. ๕๔) ‘‘ตติยาย รตฺติยา ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา ปุน สยตี’’ติ อิทํ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ, อนิกฺขมิตฺวา ปุรารุณา อุฏฺหิตฺวา อนฺโตฉทเน นิสินฺนสฺสาปิ ปุน ทิวเส สหเสยฺเยน อนาปตฺติ เอว. เอตฺถ จตุภาโค จูฬกํ, ทฺเวภาคา อุปฑฺฒํ, ตีสุ ภาเคสุ ทฺเว ภาคา เยภุยฺยนฺติ อิมินา ลกฺขเณน จูฬกจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนาทีนิ เวทิตพฺพานิ. อิทานิ ทุติยสิกฺขาปเทปิ ยถาวุตฺตนยํ อติทิสนฺโต ‘‘มาตุคาเมน…เป… อยเมว วินิจฺฉโย’’ติ อาห. ‘‘มติตฺถิยา ปาราชิกวตฺถุภูตายปิ อนุปาทินฺนปกฺเข ิตตฺตา สหเสยฺยาปตฺตึ น ชเนตี’’ติ ¶ วทนฺติ. ‘‘อตฺถงฺคเต สูริเย มาตุคาเม นิปนฺเน นิปชฺชติ, อาปตฺติ ¶ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๗) วจนโต ทิวา ตสฺส สยนฺตสฺส สหเสยฺยาปตฺติ น โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
สหเสยฺยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
โสฬสโม ปริจฺเฉโท.
๑๗. มฺจปีาทิสงฺฆิกเสนาสเนสุปฏิปชฺชิตพฺพวินิจฺฉยกถา
๘๒. เอวํ สหเสยฺยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยาสุ กตฺตพฺพวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วิหาเร สงฺฆิเก เสยฺย’’นฺตฺยาทิมาห. ตตฺถ สมคฺคํ กมฺมํ สมุปคจฺฉตีติ สงฺโฆ, อยเมว วจนตฺโถ สพฺพสงฺฆสาธารโณ. สงฺฆสฺส ทินฺโน สงฺฆิโก, วิหรติ เอตฺถาติ วิหาโร, ตสฺมึ. สยนฺติ เอตฺถาติ เสยฺยา, ตํ. อสนฺถรีติ สนฺถริตฺวาน. ปกฺกมนํ ปกฺกโม, คมนนฺติ อตฺโถ. ‘‘วิหาเร สงฺฆิเก เสยฺยํ, สนฺถริตฺวาน ปกฺกโม’’ติ อิมสฺส อุทฺเทสปาสฺส สงฺฆิเก วิหาเร…เป… ปกฺกมนนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ โยชนา. ตตฺราติ ตสฺมึ ปกฺกมเน อยํ อีทิโส มยา วุจฺจมาโน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. กตโม โส วินิจฺฉโยติ อาห ‘‘สงฺฆิเก…เป… ปาจิตฺติย’’นฺติ. อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร นาม เสนาสนโต ทฺเว เลฑฺฑุปาตา. ปาจิตฺติยนฺติ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, ทุติยาติกฺกเม ปาจิตฺติยํ. กถํ วิฺายติจฺจาห ‘‘โย ปน ภิกฺขุ…เป… วจนโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ สงฺฆิโก วิหาโร ปากโฏ, เสยฺยา อปากฏา, สา กติวิธาอิจฺจาห ‘‘เสยฺยา นาม…เป… ทสวิธา’’ติ. ตตฺถาปิ กตมา ภิสิ, กตมา จิมิลิกาทโยติ อาห ‘‘ตตฺถ ภิสีติ…เป… เอส นโย ปณฺณสนฺถาเร’’ติ. ตตฺถ มฺเจ อตฺถริตพฺพาติ มฺจกภิสิ, เอวํ อิตรตฺร, วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตาติ ปฏขณฺฑาทีหิ สิพฺพิตฺวา กตา. ภูมิยํ อตฺถริตพฺพาติ จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพา. สีหธมฺมาทีนํ ปริหรเณ เอว ¶ ปฏิกฺเขโปติ อิมินา มฺจปีาทีสุ อตฺถริตฺวา ปุน สํหริตฺวา ปนาทิวเสน อตฺตโน อตฺถาย ปริหรณเมว น วฏฺฏติ, ภูมตฺถรณาทิวเสน ปริโภโค ปน อตฺตโน ปริหรณํ น โหตีติ ทสฺเสติ. ขนฺธเก หิ ‘‘อนฺโตปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, พหิปิ มฺเจ ปฺตฺตานิ โหนฺตี’’ติ เอวํ อตฺตโน อตฺถาย มฺจาทีสุ ปฺเปตฺวา ปริหรณวตฺถุสฺมึ ‘‘น, ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) ปฏิกฺเขโป กโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๒) ปน ‘‘ยทิ เอวํ ‘ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ โจทนํ กตฺวา ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปาสาทปริโภค’นฺติ (จูฬว. ๓๒๐) วจนโต ปุคฺคลิเกปิ เสนาสเน เสนาสนปริโภควเสน นิยมิตํ สุวณฺณฆฏาทิกํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏมานมฺปิ เกวลํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. เอวมิทํ ภูมตฺถรณวเสน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏมานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ตํ ตํ วิหารํ หริตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.
ปาวาโร โกชโวติ ปจฺจตฺถรณตฺถาเยว ปิตา อุคฺคตโลมา อตฺถรณวิเสสา. เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อฏฺกถาสุ ¶ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) วุตฺตํ. ‘‘อิทํ อฏฺกถาสุ ตถาวุตฺตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อฺมฺปิ ตาทิสํ มฺจปีเสุ อตฺถริตพฺพํ อตฺถรณเมวา’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘ปจฺจตฺถรณํ นาม ปาวาโร โกชโว’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา คณฺิปเทสุ วุตฺตํ อิมินา น สเมติ, ‘‘วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๖) วุตฺตํ. วีมํสิเต ปน เอวมธิปฺปาโย ปฺายติ – มาติกาฏฺกถาปิ อฏฺกถาเยว, ตสฺมา มหาอฏฺกถาทีสุ วุตฺตนเยน ‘‘ปาวาโร โกชโว’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ, เอวํ นิยมเน สติปิ ยถา ‘‘ลทฺธาตปตฺโต ราชกุมาโร’’ติ อาตปตฺตสฺส ลทฺธภาเวเยว นิยเมตฺวา วุตฺเตปิ นิทสฺสนนยวเสน ราชกกุธภณฺฑสามฺเน สมานา วาลพีชนาทโยปิ วุตฺตาเยว โหนฺติ, เอวํ ‘‘ปาวาโร โกชโว’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺเตปิ นิทสฺสนนยวเสน เตหิ มฺจปีเสุ อตฺถริตพฺพภาวสามฺเน สมานา อฺเ อตฺถรณาปิ วุตฺตาเยว โหนฺติ, ตสฺมา คณฺิปเทสุ วุตฺตวจนํ อฏฺกถาวจนสฺส ปฏิโลมํ น โหติ, อนุโลมเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
อิมสฺมึ ¶ ปน าเน ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก’’ติ ปาํ นิสฺสาย เอกจฺเจ วินยธรา ‘‘สงฺฆิกวิหารสฺส วา ปุคฺคลิกวิหารสฺส วา วิหารทายโกเยว สามิโก, โสเยว อิสฺสโร, ตสฺส รุจิยา เอว วสิตุํ ลภติ, น สงฺฆคณปุคฺคลานํ รุจิยา’’ติ วินิจฺฉยํ กโรนฺติ, โส วีมํสิตพฺโพ, กถํ อยํ ปาโ กิมตฺถํ สาเธติ อิสฺสรตฺถํ วา อาปุจฺฉิตพฺพตฺถํ วาติ? เอวํ วีมํสิเต ‘‘ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิวจนโต อาปุจฺฉิตพฺพตฺถเมว สาเธติ, น อิสฺสรตฺถนฺติ วิฺายติ.
อถ ¶ สิยา ‘‘อาปุจฺฉิตพฺพตฺเถ สิทฺเธ อิสฺสรตฺโถ สิทฺโธเยว โหติ. อิสฺสรภาวโตเยว หิ โส อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. ตตฺเถวํ วตฺตพฺพํ – ‘‘อาปุจฺฉนฺเตน จ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมึ อสติ สามเณโร, ตสฺมึ อสติ อารามิโก’’ติอาทิวจนโต อายสฺมนฺตานํ มเตน ภิกฺขุปิ สามเณโรปิ อารามิโกปิ วิหารการโกปิ ตสฺส กุเล โย โกจิ ปุคฺคโลปิ อิสฺสโรติ อาปชฺเชยฺย, เอวํ วิฺายมาเนปิ ภิกฺขุมฺหิ วา สามเณเร วา อารามิเก วา สติ เตเยว อิสฺสรา, น วิหารการโก. เตสุ เอกสฺมิมฺปิ อสติเยว วิหารการโก อิสฺสโร สิยาติ. อิมสฺมึ ปน อธิกาเร สงฺฆิกํ เสนาสนํ รกฺขณตฺถาย อาปุจฺฉิตพฺพํเยว วทติ, น อิสฺสรภาวโต อาปุจฺฉิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) ‘‘อนาปุจฺฉํ วา คจฺเฉยฺยาติ เอตฺถ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิ.
อถาปิ เอวํ วเทยฺย ‘‘น สกลสฺส วากฺยปาสฺส อธิปฺปายตฺถํ สนฺธาย อมฺเหหิ วุตฺตํ, อถ โข ‘วิหารสฺสามิโก’ติ เอตสฺส ปทตฺถํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. กถํ? สํ เอตสฺส อตฺถีติ สามิโก, วิหารสฺส สามิโก วิหารสฺสามิโก. ‘โก วิหารสฺสามิโก นามา’ติ วุตฺเต ‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก นามา’ติ วตฺตพฺโพ, ตสฺมา วิหารการโก ทายโก วิหารสฺสามิโก นามาติ วิฺายติ, เอวํ วิฺายมาเน สติ สามิโก นาม สสฺส ธนสฺส อิสฺสโร, ตสฺส รุจิยา เอว อฺเ ลภนฺติ, ตสฺมา วิหารสฺสามิกภูตสฺส ทายกสฺส รุจิยา เอว ภิกฺขู วสิตุํ ลภนฺติ, น สงฺฆคณปุคฺคลานํ รุจิยาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เต เอวํ วตฺตพฺพา – มา อายสฺมนฺโต เอวํ อวจุตฺถ, ยถา ¶ นาม ‘‘ฆฏิกาโร พฺรหฺมา’’ติ วุตฺโต โส พฺรหฺมา อิทานิ ฆฏํ น กโรติ, ปุริมตฺตภาเว ปน กโรติ, ตสฺมา ‘‘ฆฏํ กโรตี’’ติ วจนตฺเถน ‘‘ฆฏิกาโร’’ติ นามํ ลภติ. อิติ ปุพฺเพ ลทฺธนามตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน พฺรหฺมภูโตปิ ¶ ‘‘ฆฏิกาโร’’อิจฺเจว วุจฺจติ, เอวํ โส วิหารการโก ภิกฺขูนํ ปริจฺจตฺตกาลโต ปฏฺาย วิหารสฺสามิโก น โหติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ปุพฺเพ ปน อปริจฺจตฺตกาเล วิหารสฺส การกตฺตา วิหารสฺสามิโก นาม โหติ, โส เอวํ ปุพฺเพ ลทฺธนามตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน ‘‘วิหารสฺสามิโก’’ติ วุจฺจติ, น, ปริจฺจตฺตสฺส วิหารสฺส อิสฺสรภาวโต. เตเนว สมฺมาสมฺพุทฺเธน ‘‘วิหารทายกานํ รุจิยา ภิกฺขู วสนฺตู’’ติ อวตฺวา เสนาสนปฺาปโก อนฺุาโตติ ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๙๕) ‘‘เตสํ เคหานีติ เอตฺถ ภิกฺขูนํ วาสตฺถาย กตมฺปิ ยาว น เทนฺติ, ตาว เตสํ สนฺตกํเยว ภวิสฺสตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ, เตน ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เตสํ สนฺตกานิ น โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อยํ ปน กถา ปาสฺส สมฺมุขีภูตตฺตา อิมสฺมึ าเน กถิตา. วิหารวินิจฺฉโย ปน จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉเย (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. โย โกจีติ าตโก วา อฺาตโก วา โย โกจิ. เยน มฺจํ ปีํ วา วินนฺติ, ตํ มฺจปีกวานํ.
๘๓. สิลุจฺจยเลณนฺติ สิลุจฺจเย เลณํ, ปพฺพตคุหาติ อตฺโถ. ‘‘เสนาสนํ อุปจิกาหิ ขายิต’’นฺติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปฺตฺตตฺตา วตฺถุอนุรูปวเสน อฏฺกถายํ อุปจิกาสงฺกาย อภาเวน อนาปตฺติ วุตฺตา. วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๖๐ อาทโย) คมิกวตฺตํ ปฺาเปนฺเตน ‘‘เสนาสนํ อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา เกวลํ อิติกตฺตพฺพตามตฺตทสฺสนตฺถํ ‘‘อาปุจฺฉนํ ปน วตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ¶ , น ปน วตฺตเภเท ทุกฺกฏนฺติ ทสฺสนตฺถํ, เตเนว อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘เสนาสนํ อาปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ยํ ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา กตเสนาสนํ ยตฺถ อุปจิกา นาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ คณฺิปเท ‘‘ตาทิเส เสนาสเน อนาปุจฺฉา คจฺฉนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ นตฺถิ, คมิกวตฺเต เสนาสนํ อนาปุจฺฉา คจฺฉนฺโต วตฺตเภโท โหติ, ตสฺมา ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
ปจฺฉิมสฺส อาโภเคน มุตฺติ นตฺถีติ ตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺตสฺส อฺสฺส อภาวโต วุตฺตํ. เอกํ วา เปเสตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ เอตฺถ คมนจิตฺตสฺส อุปฺปนฺนฏฺานโต อนาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉนฺเต ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยํ. มณฺฑเป วาติ สาขามณฺฑเป วา ปทรมณฺฑเป วา. รุกฺขมูเลติ ยสฺส กสฺสจิ รุกฺขสฺส เหฏฺา. ปลุชฺชตีติ วินสฺสติ.
๘๔. มชฺเฌ ¶ สํขิตฺตํ ปณวสณฺานํ กตฺวา พทฺธนฺติ เอรกปตฺตาทีหิ เวณึ กตฺวา ตาย เวณิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ วิตฺถตฏฺาเน พหุํ เวเตฺวา ตโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌฏฺานํ, ตาว อนฺโตอากฑฺฒนวเสน เวเตฺวา มชฺเฌ สํขิปิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ พนฺธิตฺวา กตํ. ยตฺถ กากา วา กุลลา วา น อูหทนฺตีติ ยตฺถ ธุวนิวาเสน กุลาวเก กตฺวา วสมานา เอเต กากกุลลา, อฺเ วา สกุณา ตํ เสนาสนํ น อูหทนฺติ, ตาทิเส รุกฺขมูเล นิกฺขิปิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ.
๘๕. นววายิโมติ อธุนา สุตฺเตน วีตกจฺเฉน ปลิเวิตมฺโจ. โอนทฺโธติ กปฺปิยจมฺเมน โอนทฺโธ, โสว โอนทฺธโก สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน. เตน หิ วสฺเสน สีฆํ น นสฺสติ. อุกฺกฏฺอพฺโภกาสิโกติ อิทํ ตสฺส สุขปฏิปตฺติทสฺสนมตฺตํ ¶ , อุกฺกฏฺสฺสาปิ ปน จีวรกุฏิ วฏฺฏเตว. กายานุคติกตฺตาติ ภิกฺขุโน ตตฺเถว นิสินฺนภาวํ ทีเปติ, เตน จ วสฺสภเยน สยํ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส อาปตฺตึ ทสฺเสติ. อพฺโภกาสิกานํ อเตมนตฺถาย นิยเมตฺวา ทายเกหิ ทินฺนมฺปิ อตฺตานํ รกฺขนฺเตน รกฺขิตพฺพเมว. ‘‘ยสฺมา ปน ทายเกหิ ทานกาเลเยว สตสหสฺสคฺฆนกมฺปิ กมฺพลํ ‘ปาทปฺุฉนึ กตฺวา ปริภฺุชถา’ติ ทินฺนํ ตเถว ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อิทมฺปิ มฺจปีาทิเสนาสนํ ‘อชฺโฌกาเสปิ ยถาสุขํ ปริภฺุชถา’ติ ทายเกหิ ทินฺนํ เจ, สพฺพสฺมิมฺปิ กาเล อชฺโฌกาเส นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๐๘-๑๑๐) วุตฺตํ. เปเสตฺวา คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘โย ภิกฺขุ อิมํ านํ อาคนฺตฺวา วสติ, ตสฺส เทถา’’ติ วตฺวา เปเสตพฺพํ.
วลาหกานํ อนุฏฺิตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ อิมินา คิมฺหาเนปิ เมเฆ อุฏฺิเต อพฺโภกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ตตฺร ตตฺราติ เจติยงฺคณาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อพฺโภกาเส นิยเมตฺวา นิกฺขิตฺตา. มชฺฌโต ปฏฺาย ปาทฏฺานาภิมุขาติ ยตฺถ สมนฺตโต สมฺมชฺชิตฺวา องฺคณมชฺเฌ สพฺพทา กจวรสฺส สงฺกฑฺฒเนน มชฺเฌ วาลิกา สฺจิตา โหติ, ตตฺถ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อุจฺจวตฺถุปาทฏฺานาภิมุขํ, ภิตฺติปาทฏฺานาภิมุขํ วา วาลิกา หริตพฺพาติ อตฺโถ. ‘‘ยตฺถ วา ปน โกเณสุ วาลิกา สฺจิตา, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย อปรทิสาภิมุขา หริตพฺพา’’ติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สมฺมฏฺฏฺานสฺส ปทวลฺเชน อวิโกปนตฺถาย สยํ อสมฺมฏฺฏฺาเน ตฺวา อตฺตโน ปาทาภิมุขํ วาลิกา หริตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺถ ‘‘มชฺฌโต ปฏฺายา’’ติ วจนสฺส ปโยชนํ น ทิสฺสติ. สารตฺถทีปนิยํ ¶ ปน ‘‘ปาทฏฺานาภิมุขาติ นิสีทนฺตานํ ปาทฏฺานาภิมุขนฺติ เกจิ, สมฺมชฺชนฺตสฺส ¶ ปาทฏฺานาภิมุขนฺติ อปเร, พหิวาลิกาย อคมนนิมิตฺตํ ปาทฏฺานาภิมุขา หริตพฺพาติ วุตฺตนฺติ เอเก’’ติ วุตฺตํ. กจวรํ หตฺเถหิ คเหตฺวา พหิ ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ อิมินา ‘‘กจวรํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ วาลิกา น ฉฑฺเฑตพฺพาติ ทีเปติ.
๘๖. กปฺปํ ลภิตฺวาติ ‘‘คจฺฉา’’ติ วุตฺตวจเนน กปฺปํ ลภิตฺวา. เถรสฺส หิ อาณตฺติยา คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘นิสีทิตฺวา สยํ คจฺฉนฺโต’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว.
อฺตฺถ คจฺฉตีติ ตํ มคฺคํ อติกฺกมิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉติ. เลฑฺฑุปาตุปจารโต พหิ ิตตฺตา ‘‘ปาทุทฺธาเรน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปมปาทุทฺธาเร ทุกฺกฏํ, ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ. ปากติกํ อกตฺวาติ อปฏิสาเมตฺวา. อนฺตรสนฺนิปาเตติ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปาเต.
๘๗. อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธติ เอตฺถ อาคนฺตุเกสุ อาคนฺตฺวา กิฺจิ อวตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนสุปิ นิสีทิตฺวา ‘‘อาวาสิกาเยว อุทฺธริสฺสนฺตี’’ติ คเตสุปิ อาวาสิกานเมว ปลิโพโธ. มหาปจฺจริวาเท ปน ‘‘อิทํ อมฺหาก’’นฺติ วตฺวาปิ อวตฺวาปิ นิสินฺนานเมวาติ อธิปฺปาโย. มหาอฏฺกถาวาเท ‘‘อาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยเมว วุตฺตํ. มหาปจฺจริยํ ปน สนฺถราปเน ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ อนาณตฺติยา ปฺตฺตตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. อุสฺสารโกติ สรภาณโก. โส หิ อุทฺธํอุทฺธํ ปาฬิปาํ สาเรติ ปวตฺเตตีติ ‘‘อุสฺสารโก’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อิทํ อุสฺสารกสฺส, อิทํ ธมฺมกถิกสฺสา’’ติ วิสุํ ปฺตฺตตฺตา อนาณตฺติยา ปฺตฺเตปิ ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตสฺมึ อาคนฺตฺวา นิสินฺเน ตสฺส ปลิโพโธ’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘อนาณตฺติยา ปฺตฺเตปิ ธมฺมกถิกสฺส อนุฏฺาปนียตฺตา ปาจิตฺติเยน ¶ ภวิตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส ปน ปจฺฉา อาคเตหิ วุฑฺฒตเรหิ อุฏฺาปนียตฺตา ทุกฺกฏํ วุตฺต’’นฺติ.
๘๘. ปาทปฺุฉนี นาม รชฺชุเกหิ วา ปิโลติกาย วา ปาทปฺุฉนตฺถํ กตา. ผลกปีํ นาม ผลกมยํ ปีํ. อถ วา ผลกฺเจว ทารุมยปีฺจ. ทารุมยปีนฺติ จ ผลกมยเมว ปีํ เวทิตพฺพํ. ปาทกลิกนฺติ อโธตปาทฏฺาปนกํ. อชฺโฌกาเส รชนํ ปจิตฺวา ¶ …เป… ปฏิสาเมตพฺพนฺติ เอตฺถ เถเว อสติ รชนกมฺเม นิฏฺิเต ปฏิสาเมตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหตีติ วุตฺตตฺตา อลชฺชึ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. โอตาเปนฺโต…เป… คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘กิฺจาปิ ‘เอตฺตกํ ทูรํ คนฺตพฺพ’นฺติ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตถาปิ เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมฺม นาติทูรํ คนฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
มฺจปีาทิสงฺฆิกเสนาสเนสุปฏิปชฺชิตพฺพ-
วินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท.
๑๘. กาลิกวินิจฺฉยกถา
๘๙. เอวํ สงฺฆิกเสนาสเนสุ กตฺตพฺพวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ จตุกาลิกวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กาลิกานิปิ จตฺตารี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กรณํ กาโร, กิริยา. กาโร เอว กาโล ร-การสฺส ล-กาโร ยถา ‘‘มหาสาโล’’ติ. กาโลติ เจตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนาทิกิริยา. วุตฺตฺหิ –
‘‘อารทฺธานิฏฺิโต ¶ ภาโว, ปจฺจุปฺปนฺโน สุนิฏฺิโต;
อตีตานาคตุปฺปาท-มปฺปตฺตาภิมุขา กิริยา’’ติ.
เอตฺถ ปน ตสฺส ตสฺส กิริยาสงฺขาตสฺส กาลสฺส ปเภทภูโต ปุเรภตฺตเอกอโหรตฺตสตฺตาหชีวิกปริยนฺตสงฺขาโต กาลวิเสโส อธิปฺเปโต. กาเล ตสฺมึ ตสฺมึ กาลวิเสเส ปริภฺุชิตพฺพานีติ กาลิกานิ. ปิ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน กปฺปิยา จตุภูมิโยติ สมุจฺเจติ. จตฺตารีติ สงฺขฺยานิทฺเทโส, เตน กาลิกานิ นาม จตฺตาริ เอว โหนฺติ, น ตีณิ น ปฺจาติ ทสฺเสติ, อิทํ มาติกาปทสฺส อตฺถวิวรณํ. ตตฺถ อุทฺเทเส ยํ มาติกายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ‘‘กาลิกานิปิ จตฺตารี’’ติ เอวํ วุตฺตํ, เอตฺถ เอตสฺมึ มาติกาปเท จตฺตาริ กาลิกานิ เวทิตพฺพานีติ โยชนา. กตมานิ ตานีติ อาห ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติอาทิ ¶ . ยาวกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ อิติ อิมานิ วตฺถูนิ จตฺตาริ กาลิกานิ นามาติ อตฺโถ.
อิทานิ เตสํ วตฺถฺุจ วิเสสนฺจ นามลาภเหตฺุจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ปุเรภตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เตสุ จตูสุ กาลิเกสุ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ ยาวกาลิกํ, อฏฺวิธปานํ ยามกาลิกํ, สปฺปิอาทิปฺจวิธเภสชฺชํ สตฺตาหกาลิกํ, สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกํ อิติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. ยํ กิฺจิ ขาทนียโภชนียนฺติ เอตฺถ อติพฺยาปิตํ ปริหริตุํ วิเสสนมาห ‘‘ปุเรภตฺต’’นฺตฺยาทิ. ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตพฺพเมว ยาวกาลิกํ, น อฺํ ขาทนียํ โภชนียนฺตฺยตฺโถ. ยาว…เป… ปริภฺุชิตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน ยาว กาโล อสฺสาติ ยาวกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. อฏฺวิธํ ปานนฺติ เอตฺถ อพฺยาปิตํ ปริหริตุมาห ‘‘สทฺธึ อนุโลมปาเนหี’’ติ. ยาว…เป… ตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน ยาโม กาโล ¶ อสฺสาติ ยามกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. สตฺตาหํ นิเธตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เอเตน สตฺตาโห กาโล อสฺสาติ สตฺตาหกาลิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ. สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตนฺติ เอตฺถ อติพฺยาปิตํ ปริหริตุํ ‘‘เปตฺวา อุทก’’นฺตฺยาห. ยาว…เป… ปริภฺุชิตพฺพโตติ นามลาภเหตุํ, เตน ยาวชีวํ กาโล อสฺสาติ ยาวชีวิกนฺติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ.
เอตฺถาห – ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหเรยฺย อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๖๕) วจนโต นนุ อุทกํ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพํ, อถ กสฺมา ‘‘เปตฺวา อุทกํ อวเสสํ สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ปริสุทฺธอุทกํ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพํ, กทฺทมาทิสหิตํ ปน ปฏิคฺคเหตพฺพํ โหติ, ตสฺมา ปฏิคฺคหิเตสุ อนฺโตคธภาวโต ‘‘เปตฺวา อุทก’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวมปิ ‘‘สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ อิมินาว สิทฺธํ ปฏิคฺคเหตพฺพสฺส อุทกสฺสปิ คหณโตติ? สจฺจํ, ตถาปิ อุทกภาเวน สามฺโต ‘‘สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิต’’นฺติ เอตฺตเก วุตฺเต เอกจฺจสฺส อุทกสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพภาวโต อุทกมฺปิ ยาวชีวิกํ นามาติ าเยยฺย, น ปน อุทกํ ยาวชีวิกํ สุทฺธสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพาภาวโต, ตสฺมา อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกจฺจสฺส อุทกสฺส ปฏิคฺคเหตพฺพภาเว สติปิ สุทฺธสฺส อปฺปฏิคฺคหิตพฺพตฺตา ตํ อุทกํ เปตฺวา สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตํ ยาวชีวิกนฺติ วุจฺจตีติ.
๙๐. มูลกมูลาทีนิ ¶ อุปเทสโตเยว เวทิตพฺพานิ, ตานิ ปริยายโต วุจฺจมานานิปิ น สกฺกา วิฺาตุํ. ปริยายนฺตเรน หิ วุจฺจมาเน ตํ ตํ นามํ อชานนฺตานํ สมฺโมโหเยว สิยา, ตสฺมา ตตฺถ น กิฺจิ วกฺขาม. ขาทนีเย ขาทนียตฺถนฺติ ปูวาทิขาทนีเย วิชฺชมานํ ขาทนียกิจฺจํ ขาทนีเยหิ กาตพฺพํ ชิฆจฺฉาหรณสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํ ¶ เนว ผรนฺติ น นิปฺผาเทนฺติ. เอกสฺมึ เทเส อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ วา อสาเธนฺตํ วา อปรสฺมึ เทเส อุฏฺิตภูมิรสาทิเภเทน อาหารชิฆจฺฉาหรณกิจฺจํ อสาเธนฺตมฺปิ วา สมฺภเวยฺยาติ อาห ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘เอกสฺมึ ชนปเท อาหารกิจฺจํ สาเธนฺตํ เสสชนปเทสุปิ วิกาเล น กปฺปติ เอวาติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ปกติอาหารวเสนาติ อฺเหิ ยาวกาลิเกหิ อโยชิตํ อตฺตโน ปกติยาว อาหารกิจฺจกรณวเสน. สมฺโมโหเยว โหตีติ อเนกตฺถานํ นามานํ อปฺปสิทฺธานฺจ สมฺภวโต สมฺโมโห เอว สิยา. เตเนเวตฺถ มยมฺปิ มูลกมูลาทีนํ ปริยายนฺตรทสฺสเน อาทรํ น กริมฺห อุปเทสโตว คเหตพฺพโต.
ยนฺติ วฏฺฏกนฺทํ.
มุฬาลนฺติ ถูลตรุณมูลเมว.
รุกฺขวลฺลิอาทีนนฺติ เหฏฺา วุตฺตเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา วุตฺตํ.
อนฺโตปถวีคโตติ สาลกลฺยาณิกฺขนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ.
สพฺพกปฺปิยานีติ มูลตจปตฺตาทีนํ วเสน สพฺพโส กปฺปิยานิ, เตสมฺปิ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ.
อจฺฉิวาทีนํ อปริปกฺกาเนว ผลานิ ยาวชีวิกานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริปกฺกานี’’ติ วุตฺตํ.
หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ มิฺชํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ กปาลานิ ยาวชีวิกานีติ อาจริยา. มิฺชมฺปิ ยาวชีวิกนฺติ เอเก. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๔๘-๒๔๙) ปน ¶ ‘‘หรีตกาทีนํ อฏฺีนีติ เอตฺถ ¶ ‘มิฺชํ ยาวกาลิก’นฺติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถายํ อวุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
หิงฺคูติ หิงฺคุรุกฺขโต ปคฺฆริตนิยฺยาโส. หิงฺคุชตุอาทโยปิ หิงฺคุวิกติโย เอว. ตตฺถ หิงฺคุชตุ นาม หิงฺคุรุกฺขสฺส ทณฺฑปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. หิงฺคุสิปาฏิกํ นาม หิงฺคุปตฺตานิ ปจิตฺวา กตนิยฺยาโส. ‘‘อฺเน มิสฺเสตฺวา กโต’’ติปิ วทนฺติ. ตกนฺติ อคฺคโกฏิยา นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปตฺตีติ ปตฺตโต นิกฺขนฺตสิเลโส. ตกปณฺณีติ ปลาเส ภชฺชิตฺวา กตสิเลโส. ‘‘ทณฺฑโต นิกฺขนฺตสิเลโส’’ติปิ วทนฺติ.
๙๑. ยามกาลิเกสุ ปนาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ ขาทนียโภชนียปเทหิ ยาวกาลิกเมว สงฺคหิตํ, น ยามกาลิกํ, ตถาปิ ‘‘อนาปตฺติ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภฺุชตี’’ติ อิธ เจว ‘‘ยามกาลิเกน ภิกฺขเว สตฺตาหกาลิกํ…เป… ยาวชีวิกํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติ อฺตฺถ (มหาว. ๓๐๕) จ วุตฺตตฺตา ‘‘ยามกาลิก’’นฺติวจนสามตฺถิยโต จ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ อฏฺกถาจริเยหิ ยามกาลิกํ สนฺนิธิการกํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เปตฺวา ธฺผลรสนฺติ เอตฺถ ‘‘ตณฺฑุลโธวโนทกมฺปิ ธฺผลรโสเยวา’’ติ วทนฺติ.
๙๒. สตฺตาหกาลิเก ปฺจ เภสชฺชานีติ เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา มา วา, เอวํลทฺธโวหารานิ ปฺจ. ‘‘โคสปฺปี’’ติอาทินา โลเก ปากฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิมินา อฺเสมฺปิ โรหิตมิคาทีนํ สปฺปึ คเหตฺวา ทสฺเสติ. เยสฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิมฺปิ เตสํ อตฺถิเยว, ตํ ปน สุลภํ วา ทุลฺลภํ วา อสมฺโมหตฺถํ วุตฺตํ ¶ . เอวํ นวนีตมฺปิ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ จ อิทํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ น กปฺปตีติ ทสฺสนตฺถํ. มนุสฺสขีราทีนิปิ หิ โน น กปฺปนฺติ.
๙๓. ยาว กาโล นาติกฺกมติ, ตาว ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ กาโลติ ภิกฺขูนํ โภชนกาโล อธิปฺเปโต, โส จ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ิตมชฺฌนฺหิโก. ิตมชฺฌนฺหิโกปิ หิ ¶ กาลสงฺคหํ คจฺฉติ, ตโต ปฏฺาย ปน ขาทิตุํ วา ภฺุชิตุํ วา น สกฺกา, สหสา ปิวิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กุกฺกุจฺจเกน ปน น กตฺตพฺพํ. กาลปริจฺเฉทชานนตฺถฺจ กาลตฺถมฺโภ โยเชตพฺโพ. กาลนฺตเร วา ภตฺตกิจฺจํ กาตพฺพํ. ปฏิคฺคหเณติ คหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิคฺคหิตเมว หิ ตํ, สนฺนิหิตํ น กปฺปตีติ ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, เตเนว ‘‘อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ’’ติ วุตฺตํ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน ‘‘อชฺโฌหริสฺสามีติ คณฺหนฺตสฺส คหเณ’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
ยนฺติ ยํ ปตฺตํ. สนฺทิสฺสตีติ ยาคุยา อุปริ สนฺทิสฺสติ. เตลวณฺเณ ปตฺเต สติปิ นิสฺเนหภาเว องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส วณฺณวเสเนว เลขา ปฺายติ, ตสฺมา ตตฺถ อนาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สา อพฺโพหาริกา’’ติ วุตฺตํ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมว หิ ทุติยทิวเส น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน, อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเนน วา วิชหิตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจตฺตเมว โหตีติ ‘‘อปริจฺจตฺต’’นฺติ อิมินา อุภยถาปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปตฺโต ทุทฺโธโต โหตี’’ติอาทีสุ กสฺมา อาปตฺติ วุตฺตาติ? ‘‘ปฏิคฺคหณํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ¶ สยํ วา อฺเน วา ตุจฺฉํ กตฺวา น สมฺมา โธวิตฺวา นิฏฺาปิเต ปตฺเต ลคฺคมฺปิ อวิชหิตปฏิคฺคหณเมว โหตีติ ตตฺถ อาปตฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘สามเณรานํ ปริจฺจชนฺตีติ อิมสฺมึ อธิกาเร ตฺวา ‘อปริจฺจตฺตเมวา’ติ วุตฺตตฺตา อนุปสมฺปนฺนสฺส ปริจฺจตฺตเมว วฏฺฏติ, อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตสฺมา นิราลยภาเวน ปฏิคฺคหเณ วิชหิเตปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส อปริจฺจตฺตํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติ. ยทคฺเคน หิ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ, ตทคฺเคน สนฺนิธิมฺปิ น กโรติ วิชหิตปฏิคฺคหณสฺส อปฺปฏิคฺคหิตสทิสตฺตา. ปฏิคฺคเหตฺวา นิทหิเตเยว จ สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วุตฺตา.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๕๒-๒๕๓) ปน ‘‘อปริจฺจตฺตเมวาติ นิรเปกฺขตาย อนุปสมฺปนฺนสฺส อทินฺนํ อปริจฺจตฺตฺจ ยาวกาลิกาทิวตฺถุเมว สนฺธาย วทติ, น ปน ตคฺคตปฏิคฺคหณํ. น หิ วตฺถุํ อปริจฺจชิตฺวา ตตฺถคตปฏิคฺคหณํ ปริจฺจชิตุํ สกฺกา, น จ ตาทิสํ วจนํ อตฺถิ, ยทิ ภเวยฺย ¶ , ‘สเจ ปตฺโต ทุทฺโธโต โหติ…เป… ภฺุชนฺตสฺส ปาจิตฺติย’นฺติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. น หิ โธวเนน อามิสํ อปเนตุํ วายมนฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ อเปกฺขา วตฺตติ. เยน ปุนทิวเส ภฺุชโต ปาจิตฺติยํ ชเนยฺย, ปตฺเต ปน วตฺตมานา อเปกฺขา ตคฺคติเก อามิเสปิ วตฺตติ เอว นามาติ อามิเส อนเปกฺขตา เอตฺถ น ลพฺภติ, ตโต อามิเส อวิชหิตปฏิคฺคหณํ ปุนทิวเส ปาจิตฺติยํ ชเนตีติ อิทํ วุตฺตํ. อถ มตํ ‘ยทคฺเคเนตฺถ อามิสานเปกฺขตา น ลพฺภติ, ตทคฺเคน ปฏิคฺคหณานเปกฺขตาปิ น ลพฺภตี’ติ. ตถา สติ ยตฺถ อามิสาเปกฺขา อตฺถิ, ตตฺถ ปฏิคฺคหณาเปกฺขาปิ น วิคจฺฉตีติ อาปนฺนํ, เอวฺจ ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ วิสุํ น วตฺตพฺพํ สิยา, อฏฺกถายฺเจตมฺปิ ปฏิคฺคหณวิชหนํ การณตฺเตน อภิมตํ สิยา. อิทํ สุฏฺุตรํ กตฺวา วิสุํ ¶ วตฺตพฺพํ จีวราเปกฺขาย วตฺตมานายปิ ปจฺจุทฺธาเรน อธิฏฺานวิชหนํ วิย. เอตสฺมิฺจ อุปาเย สติ คณฺิกาหตปตฺเตสุ อวฏฺฏนตา นาม น สิยาติ วุตฺโตวายมตฺโถ, ตสฺมา ยํ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๕๒-๒๕๓) ‘ยํ ปรสฺส ปริจฺจชิตฺวา อทินฺนมฺปิ สเจ ปฏิคฺคหเณ นิรเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วิชหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, ตมฺปิ ทุติยทิวเส วฏฺฏตี’ติอาทิ, ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๕๕) ‘‘สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา สนฺนิหิเตสุ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิเกสุ ปุเรภตฺตมฺปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา ยามกาลิเกปิ อชฺโฌหาเร วิสุํ ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อาหารตฺถาย อชฺโฌหรโต ทุกฺกเฏน สทฺธึ ปาจิตฺติย’’นฺติ. ปกติอามิเสติ โอทนาทิกปฺปิยามิเส. ทฺเวติ ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ยามกาลิกํ ปุเรภตฺตํ สามิเสน มุเขน ภฺุชโต สนฺนิธิปจฺจยา เอกํ, ยาวกาลิกสํสฏฺตาย ยาวกาลิกตฺตภชเนน อนติริตฺตปจฺจยา เอกนฺติ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ. วิกปฺปทฺวเยติ สามิสนิรามิสปกฺขทฺวเย. ถุลฺลจฺจยํ ทุกฺกฏฺจ วฑฺฒตีติ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสสอกปฺปิยมํเส ทุกฺกฏํ วฑฺฒติ.
ปฏิคฺคหณปจฺจยา ตาว ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สนฺนิหิตตฺตา ปุเรภตฺตมฺปิ ทุกฺกฏเมว. สติ ปจฺจเย ปน สนฺนิหิตมฺปิ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ เภสชฺชตฺถาย คณฺหนฺตสฺส ปริภฺุชนฺตสฺส จ อนาปตฺติเยว.
๙๔. อุคฺคหิตกํ ¶ กตฺวา นิกฺขิตฺตนฺติ อปฏิคฺคหิตํ สยเมว คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๒) ‘‘อุคฺคหิตกนฺติ ปริโภคตฺถาย สยํ คหิต’’นฺติ วุตฺตํ. สยํ กโรตีติ ¶ ปจิตฺวา กโรติ. ปุเรภตฺตนฺติ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา. สยํกตนฺติ นวนีตํ ปจิตฺวา กตํ. นิรามิสเมวาติ ตทหุปุเรภตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๙๕. อชฺช สยํกตํ นิรามิสเมว ภฺุชนฺตสฺส กสฺมา สามํปาโก น โหตีติ อาห ‘‘นวนีตํ ตาเปนฺตสฺสา’’ติอาทิ. ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตเกหีติ ขีรทธีนิ สนฺธาย วุตฺตํ. อุคฺคหิตเกหิ กตํ อพฺภฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพนฺติ โยชนา. อุภเยสมฺปีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตขีรทธีหิ จ ปุเรภตฺตํ อุคฺคหิตเกหิ จ กตานํ. เอส นโยติ นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อตฺโถ. อกปฺปิยมํสสปฺปิมฺหีติ หตฺถิอาทีนํ สปฺปิมฺหิ. การณปติรูปกํ วตฺวาติ ‘‘สชาติกานํ สปฺปิภาวโต’’ติ การณปติรูปกํ วตฺวา. สปฺปินเยน เวทิตพฺพนฺติ นิรามิสเมว สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ นวนีเต. โธตํ วฏฺฏตีติ อโธตฺเจ, สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา โธตํ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ เถรานํ อธิปฺปาโย.
มหาสีวตฺเถรสฺส ปน วตฺถุโน วิโยชิตตฺตา ทธิคุฬิกาทีหิ ยุตฺตตามตฺเตน สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม น โหติ, ตสฺมา ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตเมว ปฏิคฺคเหตฺวา โธวิตฺวา, ปจิตฺวา วา นิรามิสเมว กตฺวา ภฺุชึสูติ อธิปฺปาโย, น ปน ทธิคุฬิกาทีหิ สห วิกาเล ภฺุชึสูติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา นวนีตํ ปริภฺุชนฺเตน…เป… สวตฺถุกปฏิคฺคหํ นาม น โหตี’’ติ. ตตฺถ อโธตํ ปฏิคฺคเหตฺวาปิ ตํ นวนีตํ ปริภฺุชนฺเตน ทธิอาทีนิ อปเนตฺวา ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตเมว ขาทึสู’’ติ วจนสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฏมตฺตํ อโธตมฺปิ ทธิคุฬิกาทิสหิตํ ¶ วิกาเล ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทธิคุฬิกาทิอามิเสน สํสฏฺรสํ นวนีตํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สกฺกา วตฺตุํ. นวนีตํ ปริภฺุชนฺเตนาติ อโธวิตฺวา ปฏิคฺคหิตนวนีตํ ปริภฺุชนฺเตน. ทธิ เอว ทธิคตํ ยถา ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑). ‘‘ขยํ คมิสฺสตี’’ติ วจนโต ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกสปฺปิอาทิปิ วิกาเล กปฺปตีติ เวทิตพฺพํ. ขยํ คมิสฺสตีติ นิรามิสํ โหติ, ตสฺมา วิกาเลปิ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตาติ นวนีเต ลคฺคมตฺเตน วิสุํ ทธิอาทิโวหารํ อลทฺเธน อปฺปมตฺเตน ¶ ทธิอาทินาติ อตฺโถ, เอเตน วิสุํ ปฏิคฺคหิตทธิอาทีหิ สห ปกฺกํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตสงฺขเมว คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. ตสฺมิมฺปีติ นิรามิสภูเตปิ. กุกฺกุจฺจกานํ ปน อยํ อธิปฺปาโย – ปฏิคฺคหเณ ตาว ทธิอาทีหิ อสมฺภินฺนรสตฺตา ภตฺเตน สหิตคุฬปิณฺฑาทิ วิย สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม โหติ. ตํ ปน ปจนฺเตน โธวิตฺวาว ปจิตพฺพํ. อิตรถา ปจนกฺขเณ ปจฺจมานทธิคุฬิกาทีหิ สมฺภินฺนรสตาย สามํปกฺกํ ชาตํ, เตสุ ขีเณสุปิ สามํปกฺกเมว โหติ, ตสฺมา นิรามิสเมว ปจิตพฺพนฺติ. เตเนว ‘‘อามิเสน สทฺธึ ปกฺกตฺตา’’ติ การณํ วุตฺตํ.
เอตฺถ จายํ วิจารณา – สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตาภาเว อามิเสน สห ภิกฺขุนา ปกฺกสฺส สยํปากโทโส วา ปริสงฺกียติ, ยาวกาลิกตา วา. ตตฺถ น ตาว สยํปากโทโส เอตฺถ สมฺภวติ สตฺตาหกาลิกตฺตา. ยฺหิ ตตฺถ ทธิอาทิ อามิสคตํ, ตํ ปริกฺขีณนฺติ. อถ ปฏิคฺคหิตทธิคุฬิกาทินา สห อตฺตนา ปกฺกตฺตา สวตฺถุกปกฺกํ วิย ภเวยฺยาติ ปริสงฺกียติ, ตทา ‘‘อามิเสน สห ปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ การณํ วตฺตพฺพํ, น ปน ‘‘ปกฺกตฺตา’’ติ, ตถา จ อุปฑฺฒตฺเถรานํ มตเมว องฺคีกตํ สิยา. ตตฺถ จ สามเณราทีหิ ¶ ปกฺกมฺปิ ยาวกาลิกเมว สิยา ปฏิคฺคหิตขีราทึ ปจิตฺวา อนุปสมฺปนฺเนหิ กตสปฺปิอาทิ วิย, น จ ตํ ยุตฺตํ ภิกฺขาจาเรน ลทฺธนวนีตาทีนํ ตกฺกาทิอามิสสํสฏฺสมฺภเวน อปริภฺุชิตพฺพตฺตาปฺปสงฺคโต. น หิ คหฏฺา โธวิตฺวา, โสเธตฺวา วา ปตฺเต อากิรนฺตีติ นิยโม อตฺถิ.
อฏฺกถายฺจ ‘‘ยถา ตตฺถ ปติตตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ…เป… ปุน ปจิตฺวา เทติ, ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา วจเนนเปตํ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา อิธ กุกฺกุจฺจกานํ กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติยา นิมิตฺตเมว น ทิสฺสติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘ลชฺชี สามเณโร ยถา ตตฺถ ตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา…เป… เทตี’’ติ วจนสฺสาปิ นิมิตฺตํ น ทิสฺสติ. ยทิ หิ เอตํ ยาวกาลิกสํสคฺคปริหาราย วุตฺตํ สิยา. อตฺตนาปิ ตถา กาตพฺพํ ภเวยฺย. คหฏฺเหิ ทินฺนสปฺปิอาทีสุ จ อามิสสํสคฺคสงฺกา น วิคจฺเฉยฺย. น หิ คหฏฺา เอวํ วิลียาเปตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา กณตณฺฑุลาทึ อปเนตฺวา ปุน ปจนฺติ. อปิจ เภสชฺเชหิ สทฺธึ ขีราทึ ปกฺขิปิตฺวา ยถา ขีราทิ ขยํ คจฺฉติ, เอวํ ปเรหิ ปกฺกเภสชฺชเตลาทิปิ ยาวกาลิกเมว สิยา, น จ ตมฺปิ ยุตฺตํ ทธิอาทิขยกรณตฺถํ ‘‘ปุน ¶ ปจิตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา มหาสีวตฺเถรวาเท กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา อโธตมฺปิ นวนีตํ ตทหุปิ ปุนทิวสาทีสุปิ ปจิตุํ, ตณฺฑุลาทิมิสฺสํ สปฺปิอาทึ อตฺตนาปิ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา ปุน ตกฺกาทิขยตฺถํ ปจิตฺุจ วฏฺฏติ.
ตตฺถ วิชฺชมานสฺสาปิ ปจฺจมานกฺขเณ สมฺภินฺนรสสฺส ยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺเตน สวตฺถุกปฏิคฺคหิตปุเรปฏิคฺคหิตกานมฺปิ อพฺโพหาริกโตติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ. เตเนว ‘‘เอตฺตาวตา หิ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตํ นาม ¶ น โหตี’’ติ วุตฺตํ. วิสุํ ปฏิคฺคหิเตน ปน ขีราทินา อามิเสน นวนีตาทึ มิสฺเสตฺวา ภิกฺขุนา วา อฺเหิ วา ปกฺกเตลาทิเภสชฺชํ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตสงฺขเมว คจฺฉติ ตตฺถ ปวิฏฺยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺตาภาวา. ยํ ปน ปุเรปฏิคฺคหิตเภสชฺเชหิ สทฺธึ อปฺปฏิคฺคหิตํ ขีราทึ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลาทิกํ อนุปสมฺปนฺเนเหว ปกฺกมฺปิ สวตฺถุกปฏิคฺคหิตมฺปิ สนฺนิธิปิ น โหติ ตตฺถ ปกฺขิตฺตขีราทิมิสฺสาปิ ตสฺมึ ขเณ สมฺภินฺนรสตาย ปุเรปฏิคฺคหิตตฺตาปตฺติโต, สเจ ปน อปฺปฏิคฺคหิเตเหว, อฺเหิ วา ปกฺกเตลาทีสุปิ อามิสรโส ปฺายติ, ตํ ยาวกาลิกํว โหตีติ เวทิตพฺพํ. อยํ กถามคฺโค วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๒) อาคโต. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๒) ปน ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺติ กุกฺกุจฺจกาติ อิมินา อตฺตโนปิ ตตฺถ กุกฺกุจฺจสพฺภาวมฺปิ ทีเปติ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘นิพฺพฏฺฏิตสปฺปิ วา นวนีตํ วา ปจิตุํ วฏฺฏตี’ติ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว อาคโต.
อุคฺคเหตฺวาติ สยเมว คเหตฺวา. ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวาติ ตานิ ขีรทธีนิ ปฏิคฺคเหตฺวา. คหิตนฺติ ตณฺฑุลาทิวิคมตฺถํ ปุน ปจิตฺวา คหิตนฺติ อตฺโถ. ปฏิคฺคเหตฺวา จ ปิตเภสชฺเชหีติ อติเรกสตฺตาหปฏิคฺคหิเตหิ ยาวชีวิกเภสชฺเชหิ, เอเตน เตหิ ยุตฺตมฺปิ สปฺปิอาทิ อติเรกสตฺตาหปฏิคฺคหิตํ น โหตีติ ทสฺเสติ. วทฺทลิสมเยติ วสฺสกาลสมเย, อนาตปกาเลติ อตฺโถ. วุตฺตนเยน ยถา ตณฺฑุลาทีนิ น ปจฺจนฺติ, ตถา ลชฺชีเยว สมฺปาเทตฺวา เทตีติ ลชฺชิสามเณรคฺคหณํ. อปิจ อลชฺชินา อชฺโฌหริตพฺพํ ยํ กิฺจิ อภิสงฺขราเปตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมาปิ เอวมาห.
๙๖. ติเล ¶ ปฏิคฺคเหตฺวา กตเตลนฺติ อตฺตนา ภชฺชาทีนิ อกตฺวา กตเตลํ. เตเนว ‘‘สามิสมฺปิ ¶ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพฏฺฏีตตฺตาติ ยาวกาลิกโต วิเวจิตตฺตา, เอเตน เอลาอภาวโต ยาวกาลิกตฺตาภาวํ, ภิกฺขุโน สวตฺถุกปฏิคฺคหเณน ยาวกาลิกตฺตุปคมนฺจ ทสฺเสติ. อุภยมฺปีติ อตฺตนา อฺเหิ จ กตํ.
ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺติ, นิสฺสคฺคิยนฺติ สตฺตเม ทิวเส กตเตลํ สเจ ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺติ, นิสฺสคฺคิยํ.
อจฺฉวสนฺติ ทุกฺกฏวตฺถุโน วสาย อนฺุาตตฺตา ตํสทิสานํ ทุกฺกฏวตฺถูนํเยว อกปฺปิยมํสสตฺตานํ วสา อนฺุาตา, น ถุลฺลจฺจยวตฺถุ มนุสฺสานํ วสาติ อาห ‘‘เปตฺวา มนุสฺสวส’’นฺติ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. ติณฺณํ ทุกฺกฏานนฺติ อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร ตีณิ ทุกฺกฏานิ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจาปิ ปริโภคตฺถาย วิกาเล ปฏิคฺคหณปจนปริสฺสาวนาทีสุ ปุพฺพปโยเคสุ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อาปตฺติ น วุตฺตา, ตถาปิ เอตฺถ อาปตฺติยา เอว ภวิตพฺพํ ปฏิกฺขิตฺตสฺส กรณโต อาหารตฺถาย วิกาเล ยามกาลิกาทีนํ ปฏิคฺคหเณ วิย. ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล อนุปสมฺปนฺเนนาปิ นิปกฺกํ สํสฏฺฺจ ปริภฺุชนฺตสฺส ทฺเวปิ ทุกฺกฏานิ โหนฺติเยวา’’ติ วทนฺติ.
ยสฺมา ขีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเภสชฺชเตเล กสฏํ อามิสคติกํ, เตน สห เตลํ ปฏิคฺคเหตุํ, ปจิตุํ วา ภิกฺขุโน น วฏฺฏติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปกฺกเตลกสเฏ วิย กุกฺกุจฺจายตี’’ติ. ‘‘สเจ วสาย สห ปกฺกตฺตา น วฏฺฏติ, อิทํ กสฺมา วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ภนฺเต…เป… วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ, เถโร อติกุกฺกุจฺจกตาย ‘‘เอตมฺปิ อาวุโส น วฏฺฏตี’’ติ ¶ อาห, โรคนิคฺคหตฺถาย เอว วสาย อนฺุาตตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา ปจฺฉา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
๙๗. ‘‘มธุกรีหิ มธุมกฺขิกาหีติ อิทํ ขุทฺทกภมรานํ ทฺวินฺนํ เอว วิเสสน’’นฺติ เกจิ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘ทณฺฑเกสุ มธุการิกา มธุกริมกฺขิกา นาม, ตาหิ สห ติสฺโส มธุมกฺขิกชาติโย’’ติ วทนฺติ. ภมรมกฺขิกาติ มหาปฏลการิกา. สิเลสสทิสนฺติ สุกฺขตาย วา ปกฺกตาย วา ฆนีภูตํ. อิตรนฺติ ตนุกมธุ. มธุปฏลนฺติ มธุรหิตํ เกวลํ มธุปฏลํ. ‘‘สเจ มธุสหิตํ ปฏลํ ปฏิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปนฺติ. ปฏลสฺส ภาชนฏฺานิยตฺตา มธุโน ¶ วเสน สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ‘‘มธุมกฺขิตํ ปน มธุคติกเมวา’’ติ อิมินา ตํ สเมติ.
๙๘. ‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๖๐) อวิเสเสน วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย…เป… อวตฺถุกา อุจฺฉุวิกติ ‘ผาณิต’นฺติ เวทิตพฺพา’’ติ วจนโต อุจฺฉุรโสปิ นิกฺกสโฏ สตฺตาหกาลิโกติ เวทิตพฺพํ. เกนจิ ปน ‘‘มธุมฺหิ จตฺตาโร กาลิกา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, อุจฺฉุมฺหิ จา’’ติ วตฺวา ‘‘สมกฺขิกณฺฑํ เสลกํ มธุ ยาวกาลิกํ, อเนลกํ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ, อสมฺภินฺนํ สตฺตาหกาลิกํ, มธุสิตฺถํ ปริสุทฺธํ ยาวชีวิกํ, ตถา อุจฺฉุรโส สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก, อสมฺภินฺโน สตฺตาหกาลิโก, สุทฺธกสฏํ ยาวชีวิก’’นฺติ จ วตฺวา อุตฺตริปิ พหุธา ปปฺจิตํ. ตตฺถ ‘‘อุทกสมฺภินฺนํ มธุ วา อุจฺฉุรโส วา สกสโฏ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฏ อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ ทิสฺสติ, ‘‘ยาวกาลิกํ สมานํ ครุตรมฺปิ มุทฺทิกาชาติรสํ อตฺตนา ¶ สํสฏฺํ ลหุกํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนนฺตํ อุทกํ ลหุตรํ สตฺตาหกาลิกํ อตฺตนา สํสฏฺํ ครุตรํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนตี’’ติ เอตฺถ การณํ โสเยว ปุจฺฉิตพฺโพ. สพฺพตฺถ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ อุทกสมฺภินฺเนน ครุตรสฺสาปิ ลหุภาโวปคมนํเยว ทสฺสิตํ. ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๒๘๔) หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ วทนฺเตน อคิลาเนน ปริภฺุชิตุํ อยุตฺโตปิ คุโฬ อุทกสมฺภินฺโน อคิลานสฺสปิ วฏฺฏตีติ อนฺุาโต.
ยมฺปิ จ ‘‘อุจฺฉุ เจ, ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ, ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ, สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ, ยาวชีวิโก’’ติ อฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภินฺโน ยามกาลิโก’’ติ อฺเน เกนจิ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถาวิธสฺส อฏฺกถาวจนสฺส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย อภาวโต น สารโต ปจฺเจตพฺพํ, ตโตเยว จ ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภินฺโนปิ อสมฺภินฺโนปิ สตฺตาหกาลิโกเยวา’’ติ เกจิ อาจริยา วทนฺติ. เภสชฺชกฺขนฺธเก จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’’นฺติ เอตฺถ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อวิเสเสน วุตฺตํ ‘‘อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก’’ติ. สยํกตํ นิรามิสเมว วฏฺฏตีติ เอตฺถ อปริสฺสาวิตํ ¶ ปฏิคฺคหิตมฺปิ กรณสมเย ปริสฺสาเวตฺวา, กสฏํ อปเนตฺวา จ อตฺตนา กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๓).
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๓) ปน อุจฺฉุรสํ อุปาทายาติ นิกฺกสฏรสสฺสาปิ สตฺตาหกาลิกตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ สามฺโต วุตฺตตฺตา. ยํ ปน สุตฺตนฺตฏฺกถายํ ‘‘อุจฺฉุ เจ, ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ, ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ, สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ, ยาวชีวิโก’’ติ วุตฺตํ, ตํ อมฺพผลรสาทิมิสฺสตาย ยามกาลิกตฺตํ ¶ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, อวินยวจนตฺตา ตํ อปฺปมาณนฺติ. เตเนว ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิรามิสเมว วฏฺฏติ ตตฺถ ปวิฏฺยาวกาลิกสฺส อพฺโพหาริกตฺตาติ อิทํ คุเฬ กเต ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กสฏํ ปาเกน สุกฺขตาย ยาวชีวิกตฺตํ ภชตีติ วุตฺตํ. ตสฺส ยาวกาลิกตฺเต หิ สามํปาเกน ปุเรภตฺเตปิ อนชฺโฌหรณียํ สิยาติ. ‘‘สวตฺถุกปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิทํ อุจฺฉุรเส จุณฺณวิจุณฺณํ หุตฺวา ิตกสฏํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตน จ ‘‘อปริสฺสาวิเตน อปฺปฏิคฺคหิเตน อนุปสมฺปนฺเนหิ กตํ สตฺตาหํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ.
ฌามอุจฺฉุผาณิตนฺติ อคฺคิมฺหิ อุจฺฉุํ ตาเปตฺวา กตํ. โกฏฺฏิตอุจฺฉุผาณิตนฺติ ขุทฺทานุขุทฺทกํ ฉินฺทิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา นิปฺปีเฬตฺวา ปกฺกํ. ตํ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กสฏํ ปกฺกกาเล ยาวกาลิกตฺตํ วิชหตีติ อาห ‘‘ตํ ยุตฺต’’นฺติ. สีโตทเกน กตนฺติ มธุกปุปฺผานิ สีโตทเกน มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ปจิตฺวา กตํ. ‘‘อปริสฺสาเวตฺวา กต’’นฺติ เกจิ, ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติ. ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ มธุกผาณิตํ ยาวกาลิกนฺติ เอตฺถ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลํ กสฺมา วิกาเล วฏฺฏตีติ เจ? เตเล ปกฺขิตฺตํ ขีรํ เตลเมว โหติ, อฺํ ปน ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ ขีรภาวํ คณฺหาตีติ อิทเมตฺถ การณํ. ยทิ เอวํ ขณฺฑสกฺขรมฺปิ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กโรนฺติ, ตํ กสฺมา วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสกฺขรํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ขีรชลฺลิกนฺติ ขีรเผณํ.
๙๙. ‘‘มธุกปุปฺผํ ปนา’’ติอาทิ ยาวกาลิกรูเปน ิตสฺสาปิ อวฏฺฏนกํ เมรยพีชวตฺถุํ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. อาหารกิจฺจํ กโรนฺตานิ เอตานิ กสฺมา เอวํ ปริภฺุชิตพฺพานีติ โจทนาปริหาราย เภสชฺโชทิสฺสํ ทสฺเสนฺเตน ตปฺปสงฺเคน ¶ สพฺพานิปิ โอทิสฺสกานิ ¶ เอกโต ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตวิธฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓). วินยสงฺคหปฺปกรเณ ปน ตํ น วุตฺตํ, ‘‘ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺาย สติ ปจฺจเยติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหิตเภสชฺชานิ ทุติยทิวสโต ปฏฺาย ปุเรภตฺตมฺปิ สติ ปจฺจเยว ปริภฺุชิตพฺพานิ, น อาหารตฺถาย เภสชฺชตฺถาย ปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ วทนฺติ. ทฺวารวาตปานกวาเฏสูติ มหาทฺวารสฺส วาตปานานฺจ กวาฏผลเกสุ. กสาเว ปกฺขิตฺตานิ ตานิ อตฺตโน สภาวํ ปริจฺจชนฺตีติ ‘‘กสาเว…เป… มกฺเขตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ, ฆุณปาณกาทิปริหารตฺถํ มกฺเขตพฺพานีติ อตฺโถ. อธิฏฺเตีติ ‘‘อิทานิ มยฺหํ อชฺโฌหรณียํ น ภวิสฺสติ, พาหิรปริโภคตฺถาย ภวิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สปฺปิฺจ เตลฺจ วสฺจ มุทฺธนิ เตลํ วา อพฺภฺชนํ วา’’ติอาทิ, เอวํ ปริโภเค อนเปกฺขตาย ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ อฺเสุปิ กาลิเกสุ อนชฺโฌหริตุกามตาย สุทฺธจิตฺเตน พาหิรปริโภคตฺถาย นิยเมปิ ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ อิทมฺปิ วิสุํ เอกํ ปฏิคฺคหณวิชหนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อฺเน ภิกฺขุนา วตฺตพฺโพติ เอตฺถ สุทฺธจิตฺเตน ทินฺนตฺตา สยมฺปิ อาหราเปตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติเยว. ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตีติ ยถา อฺสฺส สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหาติกฺกเมปิ นิสฺสคฺคิยํ น โหติ ปรสนฺตกภาวโต, เอวมิทมฺปิ อวิภตฺตตฺตา อุภยสาธารณมฺปิ วินิพฺโภคาภาวโต นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ปริภฺุชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ ภิกฺขุนา ปฏิคฺคหิตตฺตา สตฺตาหาติกฺกเม ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ ปฏิคฺคหิตสปฺปิอาทีนํ ปริโภคสฺส สตฺตาเหเนว ปริจฺฉินฺนตฺตา. ‘‘ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภฺุชิตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๖๒๓) หิ วุตฺตํ.
‘‘อาวุโส ¶ อิมํ เตลํ สตฺตาหมตฺตํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิมินา เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน อนฺโตสตฺตาเหเยว ปรสฺส วิสฺสชฺชิตภาวํ ทสฺเสติ. กสฺส อาปตฺตีติ ‘‘ปมํ ตาว อุภินฺนํ สาธารณตฺตา อนาปตฺติ วุตฺตา, อิทานิ ปน เอเกน อิตรสฺส วิสฺสฏฺภาวโต อุภยสาธารณตา นตฺถีติ วิภตฺตสทิสํ หุตฺวา ิตํ, ตสฺมา เอตฺถ ปฏิคฺคหิตสฺส สตฺตาหาติกฺกเม เอกสฺส อาปตฺติยา ภวิตพฺพ’’นฺติ มฺมาโน ‘‘กึ ปฏิคฺคหณปจฺจยา ปฏิคฺคาหกสฺส อาปตฺติ, อุทาหุ ยสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺสา’’ติ ปุจฺฉติ. นิสฺสฏฺภาวโตเยว จ อิธ ‘‘อวิภตฺตภาวโต’’ติ การณํ อวตฺวา ‘‘เยน ปริคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, อิทฺจ ¶ วิสฺสฏฺาภาวโต อุภยสาธารณตํ ปหาย เอกสฺส สนฺตกํ โหนฺตมฺปิ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตโต อฺสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺมา ปรสนฺตกปฏิคฺคหเณ วิย ปฏิคฺคาหกสฺส ปฏิคฺคหณปจฺจยา นตฺถิ อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ‘‘เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วจนโต อวิสฺสชฺชิเต สติ อวิภตฺเตปิ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อวิสฺสชฺชิเต อวิภตฺตภาวโตเยว อนาปตฺติยา สิทฺธตฺตา. สเจ ปน อิตโร เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺเสว อนฺโตสตฺตาเห อตฺตโน ภาคมฺปิ วิสฺสชฺเชติ, สตฺตาหาติกฺกเม สิยา อาปตฺติ เยน ปฏิคฺคหิตํ, ตสฺเสว สนฺตกภาวมาปนฺนตฺตา. ‘‘อิตรสฺส อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา ตสฺส สนฺตกภาเวปิ อฺเหิ ปฏิคฺคหิตสกสนฺตเก วิย เตน อปฺปฏิคฺคหิตภาวโต อนาปตฺตีติ ทีเปติ, อิมํ ปน อธิปฺปายํ อชานิตฺวา อิโต อฺถา คณฺิปทการาทีหิ ปปฺจิตํ, น ตํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ, อิทํ สารตฺถทีปนีวจนํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๕).
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๖๒๕) ปน – สเจ ทฺวินฺนํ…เป… น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ปาโ คฬิโต, เอวํ ปเนตฺถ ปาโ เวทิตพฺโพ – สเจ ทฺวินฺนํ ¶ สนฺตกํ เอเกน ปฏิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภฺุชิตุํ ปน น วฏฺฏตีติ. อฺถา ปน สทฺทปฺปโยโคปิ น สงฺคหํ คจฺฉติ, ‘‘คณฺิปเทปิ จ อยเมว ปาโ ทสฺสิโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๒๕) วุตฺตํ. ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตี’’ติ อวิภตฺตตฺตา วุตฺตํ. ‘‘ปริภฺุชิตุํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ อิทํ ‘‘สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๖๒๓) วจนโต วุตฺตํ. ‘‘เยน ปฏิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ อิมินา อุปสมฺปนฺนสฺส ทานมฺปิ สนฺธาย ‘‘วิสฺสชฺเชตี’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทินฺนวตฺถุมฺหิ ปฏิคฺคหณสฺส อวิคตตฺเตปิ สกสนฺตกตา วิคตาว โหติ, เตน นิสฺสคฺคิยํ น โหติ. ‘‘อตฺตนาว ปฏิคฺคหิตตฺตํ สกสนฺตกตฺตฺจา’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณเหว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, น เอเกน. อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเน ปน ตทุภยมฺปิ วิชหติ, ปริโภโคเปตฺถ วฏฺฏติ, น สาเปกฺขทาเน ทานลกฺขณาภาวโต. ‘‘วิสฺสชฺชตี’’ติ เอตสฺมิฺจ ปาฬิปเท กสฺสจิ อทตฺวา อนเปกฺขตาย ฉฑฺฑนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนเปกฺขา ทตฺวา’’ติ อิทฺจ ปฏิคฺคหณวิชหนวิธิทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ. ปฏิคฺคหเณ หิ วิชหิเต ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ปริโภโค สยเมว วฏฺฏิสฺสติ, ตพฺพิชหนฺจ วตฺถุโน สกสนฺตกตาปริจฺจาเคน โหตีติ. เอเตน จ วตฺถุมฺหิ อชฺโฌหรณาเปกฺขาย สติ ปฏิคฺคหณวิสฺสชฺชนํ นาม วิสุํ น ลพฺภตีติ สิชฺฌติ. อิตรถา หิ ‘‘ปฏิคฺคหเณ อนเปกฺโขว ¶ ปฏิคฺคหณํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ‘‘อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา’’ติ อิมินา เอกสฺส สนฺตกํ อฺเน ปฏิคฺคหิตมฺปิ นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอวนฺติ ‘‘ปุน คเหสฺสามี’’ติ อเปกฺขํ อกตฺวา สุทฺธจิตฺเตน ปริจตฺตตํ ปรามสติ. ปริภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ ¶ นิสฺสคฺคิยมูลิกาหิ ปาจิตฺติยาทิอาปตฺตีหิ อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. ปริโภเค อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ เอตฺถ ปน นิสฺสฏฺปฏิลาภสฺส กายิกปริโภคาทีสุ ยา ทุกฺกฏาปตฺติ วุตฺตา, ตาย อนาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย.
๑๐๐. เอวํ จตุกาลิกปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ วิเสสลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยาปโหนเก เคเห วุตฺตํ สงฺฆิกํ วา ปุคฺคลิกํ วา ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา วา สนฺตกํ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกฺจ เอกรตฺตมฺปิ ปิตํ อนฺโตวุตฺถํ นาม โหติ, ตตฺถ ปกฺกฺจ อนฺโตปกฺกํ นาม โหติ. สตฺตาหกาลิกํ ปน ยาวชีวิกฺจ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคเหตฺวา เอกรตฺตํ วีตินามิตํ ปน ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา อชฺโฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปริคฺคหเณ ตาว ทุกฺกฏํ, อชฺโฌหรโต ปน เอกเมกสฺมึ อชฺโฌหาเร สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติยํ โหตีติ อตฺโถ. อิทานิ อฺมฺปิ วิเสสลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาวกาลิกํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมฺภินฺนรสานีติ สํสฏฺรสานิ. ทีฆกาลานิ วตฺถูนิ รสฺสกาเลน สํสฏฺานิ รสฺสกาลเมว อนุวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ยาวกาลิกํ ปน…เป… ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนี’’ติ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมาติอาทีสุ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฏฺฏติ, น ตทหุปจฺฉาภตฺตํ, น รตฺติยํ, น ทุติยทิวสาทีสูติ อตฺโถ.
กสฺมาติ เจ? ตทหุปฏิคฺคหิเตน ยาวกาลิเกน สํสฏฺตฺตาติ. เอตฺถ จ ‘‘ยาวกาลิเกน สํสฏฺตฺตา’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ วิเสสนสฺส วุตฺตตฺตา ปุเรปฏิคฺคหิตยาวกาลิเกน สํสฏฺเ สติ ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ น วฏฺฏติ, อนชฺโฌหรณียํ โหตีติ วิฺายติ. ‘‘สมฺภินฺนรส’’นฺติ อิมินา สเจปิ สํสฏฺํ, อสมฺภินฺนรสํ เสสกาลิกตฺตยํ อตฺตโน อตฺตโน กาเล วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ ¶ . ยามกาลิเกนาติ เอตฺถ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ ตติยนฺตวิเสสนปทํ อชฺฌาหริตพฺพํ, ปุพฺพวากฺยโต วา อนุวตฺเตตพฺพํ. ตสฺส ผลํ วุตฺตนยเมว.
โปตฺถเกสุ ¶ ปน ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ ทิสฺสติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยตฺถ นตฺถิ, ตเมว สุนฺทรํ, กสฺมา? ทุติยนฺตฺหิ วิเสสนปทํ อิตรทฺวยํ วิเสเสติ. ตโต ตทหุปฏิคฺคหิตเมว สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ ยามกาลิเกน สํสฏฺเ สติ ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ, น ปุเรปฏิคฺคหิตานีติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส น ยุตฺโต. กสฺมา? สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกานํ อสนฺนิธิชนกตฺตา, ‘‘ทีฆกาลิกานิ รสฺสกาลิกํ อนุวตฺตนฺตี’’ติ อิมินา ลกฺขเณน วิรุทฺธตฺตา จ, ตสฺมา ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา โหตุ ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ ตทหุปฏิคฺคหิเตน ยามกาลิเกน สํสฏฺตฺตา ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏตีติ อตฺโถ ยุตฺโต, เอวฺจ อุปริ วกฺขมาเนน ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฏิคฺคหิเตน สทฺธึ สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วจเนน สมํ ภเวยฺย.
อปิจ ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุ ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏตี’’ติ ปุพฺพปาเน ภวิตพฺพํ, ตํ เลขเกหิ อฺเสุ ปาเสุ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ วิชฺชมานํ ทิสฺวา, อิธ ตทหุปทโต ปฏิคฺคหิตปทํ คฬิตนฺติ มฺมาเนหิ ปกฺขิปิตฺวา ลิขิตํ ภเวยฺย, ‘‘ตทหู’’ติ อิทํ ปน ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา’’ติ ปทํ วิเสเสติ, เตน ยาว ตทหุอรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ, น ทุติยาหาทิอรุณุคฺคมนาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. เตเนว อุปริปาเปิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฏิคฺคหิเตนา’’ติ รสฺสกาลิกตฺถปเทน ตุลฺยาธิกรณํ วิเสสนปทํ ตเมว วิเสเสติ, น ทีฆกาลิกตฺถํ ยาวชีวิกปทํ ¶ , ตสฺมา ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํ.
ทฺวีหปฏิคฺคหิเตนาติอาทีสุปิ ‘‘ทฺวีหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ฉาหํ วฏฺฏติ, ตีหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ปฺจาหํ วฏฺฏติ, จตูหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ จตุราหํ วฏฺฏติ, ปฺจาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ตีหํ วฏฺฏติ, ฉาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ทฺวีหํ วฏฺฏติ, สตฺตาหปฏิคฺคหิเตน สตฺตาหกาลิเกน สํสฏฺํ ตทหุปฏิคฺคหิตํ วา ปุเรปฏิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ ตทเหว วฏฺฏตี’’ติ ¶ เอวํ สตฺตาหกาลิกสฺเสว อตีตทิวสํ ปริหาเปตฺวา เสสทิวสวเสน โยเชตพฺพํ, น ยาวชีวิกสฺส. น หิ ยาวชีวิกสฺส หาเปตพฺโพ อตีตทิวโส นาม อตฺถิ สติ ปจฺจเย ยาวชีวํ ปริภฺุชิตพฺพโต. เตนาห ‘‘สตฺตาหกาลิกมฺปิ อตฺตนา สทฺธึ สํสฏฺํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวฺเว อุปเนตี’’ติ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘ยามกาลิเกน สํสฏฺํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฏิคฺคหิต’’นฺติ ลิขิตํ ปาํ นิสฺสาย อิมสฺมิมฺปิ ปาเ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิตนฺติ อิทเมว อิจฺฉิตพฺพ’นฺติ มฺมานา ‘‘ปุเรปฏิคฺคหิต’’นฺติ ปาํ ปฏิกฺขิปนฺติ. เกสุจิ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ วา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ สพฺพํ ยถาวุตฺตนยํ อมนสิกโรนฺตา วิพฺภนฺตจิตฺตา เอวํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
อิเมสุ ¶ จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ มชฺฌนฺหิกกาลาติกฺกเม, ยามกาลิกํ ปจฺฉิมยามาติกฺกเม, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม ปริภฺุชนฺตสฺส อาปตฺตีติ วุตฺตํ. กตรสิกฺขาปเทน อาปตฺติ โหตีติ ปุจฺฉายมาห ‘‘กาลยาม’’อิจฺจาทิ. ตสฺสตฺโถ – ยาวกาลิกํ กาลาติกฺกเม ปริภฺุชนฺตสฺส ‘‘โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภฺุเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา วิกาเลโภชนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๔๘) อาปตฺติ โหติ. ยามกาลิกํ ยามาติกฺกเม ปริภฺุชนฺตสฺส ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภฺุเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา สนฺนิธิสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๕๓) อาปตฺติ โหติ. สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหาติกฺกเม ปริภฺุชนฺตสฺส ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสายนียานิ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ, สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภฺุชิตพฺพานิ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมินา เภสชฺชสิกฺขาปเทน (ปารา. ๖๒๒) อาปตฺติ โหตีติ.
อิมานิ จตฺตาริ กาลิกานิ เอกโต สํสฏฺานิ สมฺภินฺนรสานิ ปุริมปุริมกาลิกสฺส กาลวเสน ปริภฺุชิตพฺพานีติ วุตฺตํ. อสมฺภินฺนรสานิ เจ โหนฺติ, กถํ ปริภฺุชิตพฺพานีติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
จตุกาลิกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท.
๑๙. กปฺปิยภูมิวินิจฺฉยกถา
๑๐๑. เอวํ ¶ ¶ จตุกาลิกวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กปฺปิยกุฏิวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘กปฺปิยา จตุภูมิโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กปฺปนฺตีติ กปฺปิยา, กปฺป สามตฺถิเยติ ธาตุ. ภวนฺติ เอตาสุ อนฺโตวุตฺถอนฺโตปกฺกานีติ ภูมิโย, จตสฺโส ภูมิโย จตุภูมิโย, จตสฺโส กปฺปิยกุฏิโยติ อตฺโถ. กตมา ตาติ อาห ‘‘อุสฺสาวนนฺติกา…เป… เวทิตพฺพา’’ติ. กถํ วิฺายติจฺจาห ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ. อิทํ เภสชฺชกฺขนฺธกปาฬึ (มหาว. ๒๙๕) สนฺธายาห. ตตฺถ อุทฺธํ สาวนา อุสฺสาวนา, อุสฺสาวนา อนฺโต ยสฺสา กปฺปิยภูมิยาติ อุสฺสาวนนฺติกา. คาโว นิสีทนฺติ เอตฺถาติ โคนิสาทิกา, โค-สทฺทูปปท นิ-ปุพฺพสท วิสรณคตฺยาวสาเนสูติ ธาตุ. คหปตีหิ ทินฺนาติ คหปติ, อุตฺตรปทโลปตติยาตปฺปุริโสยํ. กมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพาติ สมฺมุตีติ เอวมิมาสํ วิคฺคโห กาตพฺโพ. ตตฺถาติ กปฺปิยกุฏิวินิจฺฉเย. ตํ ปน อวตฺวาปีติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตนยํ อวตฺวาปิ. ปิ-สทฺเทน ตถาวจนมฺปิ อนุชานาติ. อฏฺกถาสุ วุตฺตนเยน วุตฺเตติ เสสอฏฺกถาสุ วุตฺตนเยน ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วา ‘‘กปฺปิยกุฏี’’ติ วา วุตฺเต. สาธารณลกฺขณนฺติ สพฺพอฏฺกถานํ สาธารณํ อุสฺสาวนนฺติกกุฏิกรณลกฺขณํ. จยนฺติ อธิฏฺานํ อุจฺจวตฺถุํ. ยโต ปฏฺายาติ ยโต อิฏฺกโต สิลโต มตฺติกาปิณฺฑโต วา ปฏฺาย. ปมิฏฺกาทีนํ เหฏฺา น วฏฺฏนฺตีติ ปมิฏฺกาทีนํ เหฏฺาภูมิยํ ปติฏฺาปิยมานา อิฏฺกาทโย ภูมิคติกตฺตา ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วตฺวา ปติฏฺาเปตุํ น วฏฺฏนฺติ. ยทิ เอวํ ภูมิยํ นิขณิตฺวา ปิยมานา ถมฺภา กสฺมา ตถา วตฺวา ปติฏฺาเปตุํ วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘ถมฺภา ปน…เป… วฏฺฏนฺตี’’ติ.
สงฺฆสนฺตกเมวาติ ¶ วาสตฺถาย กตํ สงฺฆิกเสนาสนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุสนฺตกนฺติ วาสตฺถาย เอว กตํ ภิกฺขุสฺส ปุคฺคลิกเสนาสนํ.
๑๐๒. มุขสนฺนิธีติ อิมินา อนฺโตวุตฺถทุกฺกฏเมว ทีเปติ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๙๕) ปน เอวํ วุตฺตํ – ตํ ปน อวตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน ตถาวจนมฺปิ อนุชานาติ. อฏฺกถาสูติ อนฺธกฏฺกถาวิรหิตาสุ เสสฏฺกถาสุ. สาธารณลกฺขณนฺติ อนฺธกฏฺกถาย สห สพฺพฏฺกถานํ สมานํ. จยนฺติ อธิฏฺานํ อุจฺจวตฺถุํ. ¶ ยโต ปฏฺายาติ ยโต อิฏฺกาทิโต ปฏฺาย จยํ อาทึ กตฺวา ภิตฺตึ อุฏฺาเปตุกามาติ อตฺโถ. ‘‘ถมฺภา ปน อุปริ อุคฺคจฺฉนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏนฺตี’’ติ เอเตน อิฏฺกปาสาณา เหฏฺา ปติฏฺาปิยมานาปิ ยทิ จยโต, ภูมิโต วา เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุคฺคตา ติฏฺนฺติ, วฏฺฏนฺตีติ สิทฺธํ โหติ.
อาราโมติ อุปจารสีมาปริจฺฉินฺโน สกโล วิหาโร. เสนาสนานีติ วิหารสฺส อนฺโต ติณกุฏิอาทิกานิ สงฺฆสฺส นิวาสเคหานิ. วิหารโคนิสาทิกา นามาติ เสนาสนโคนิสาทิกา นาม. เสนาสนานิ หิ สยํ ปริกฺขิตฺตานิปิ อารามปริกฺเขปาภาเวน ‘‘โคนิสาทิกา’’ติ วุตฺตา. ‘‘อุปฑฺฒปริกฺขิตฺโตปี’’ติ อิมินา ตโต อูนปริกฺขิตฺโต เยภุยฺเยน อปริกฺขิตฺโต นาม, ตสฺมา อปริกฺขิตฺตสงฺขเมว คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถาติ อุปฑฺฒาทิปริกฺขิตฺเต. กปฺปิยกุฏิ ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ โคนิสาทิกาย อภาเวน เสสกปฺปิยกุฏีสุ ตีสุ ยา กาจิ กปฺปิยกุฏิ กาตพฺพาติ อตฺโถ.
เตสํ เคหานีติ เอตฺถ ภิกฺขูนํ วาสตฺถาย กตมฺปิ ยาว น เทนฺติ, ตาว เตสํ สนฺตกํเยว ภวิสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. วิหารํ ¶ เปตฺวาติ อุปสมฺปนฺนานํ วาสตฺถาย กตํ เคหํ เปตฺวาติ อตฺโถ. เคหนฺติ นิวาสเคหํ. ตทฺํ ปน อุโปสถาคาราทิ สพฺพํ อนิวาสเคหํ จตุกปฺปิยภูมิวิมุตฺตา ปฺจมี กปฺปิยภูมิ. สงฺฆสนฺตเกปิ หิ เอตาทิเส เคเห สุฏฺุ ปริกฺขิตฺตารามฏฺเปิ อพฺโภกาเส วิย อนฺโตวุตฺถาทิโทโส นตฺถิ. เยน เกนจิ ฉนฺเน ปริจฺฉนฺเน จ สหเสยฺยปฺปโหนเก ภิกฺขุสฺส, สงฺฆสฺส วา นิวาสเคเห อนฺโตวุตฺถาทิโทโส, น อฺตฺถ. เตนาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกํ วา ปุคฺคลิกํ วา’’ติ อิทํ กิฺจาปิ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ สามฺโต วุตฺตํ ภิกฺขูนํ ปน สงฺฆิกํ ปุคฺคลิกฺจ ภิกฺขุนีนํ, ตาสํ สงฺฆิกํ ปุคฺคลิกฺจ ภิกฺขูนํ คิหิสนฺตกฏฺาเน ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.
มุขสนฺนิธีติ อนฺโตสนฺนิหิตโทโส หิ มุขปฺปเวสนนิมิตฺตํ อาปตฺตึ กโรติ, นาฺถา, ตสฺมา ‘‘มุขสนฺนิธี’’ติ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๙๕) วุตฺโตติ.
ตตฺถ ตตฺถ ขณฺฑา โหนฺตีติ อุปฑฺฒโต อธิกํ ขณฺฑา โหนฺติ. สพฺพสฺมึ ฉทเน วินฏฺเติ ติณปณฺณาทิวสฺสปริตฺตายเก ฉทเน วินฏฺเ. โคปานสีนํ ปน อุปริ วลฺลีหิ พทฺธทณฺเฑสุ ิเตสุปิ ¶ ชหิตวตฺถุกา โหนฺติ เอว. ปกฺขปาสกมณฺฑลนฺติ เอกสฺมึ ปสฺเส ติณฺณํ โคปานสีนํ อุปริ ิตติณปณฺณาทิฉทนํ วุจฺจติ.
๑๐๓. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ตสฺสา’’ติอาทินา อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถมฺปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทินฺเน กปฺปิยํ โหติ, สาเปกฺขทานฺเจตฺถ วฏฺฏติ, ปฏิคฺคหณํ วิย น โหตีติ ทสฺเสติ. อนฺโตปกฺกสามํปกฺเกสุ ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, อนฺโตวุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ สามํปกฺกํ ปริภฺุชิตพฺพํ, โย ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ ¶ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. อนฺโต เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ อนฺโตปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ สามํปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. พหิ เจ, ภิกฺขเว, วุตฺถํ พหิปกฺกํ อฺเหิ ปกฺกํ, ตฺเจ ปริภฺุเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๗๔) วจนโต เอกํ ติราปตฺติกํ, ตีณิ ทุราปตฺติกานิ, ตีณิ เอกาปตฺติกานิ, เอกํ อนาปตฺติกนฺติ อฏฺ โหนฺติ. ตตฺถ อนฺโตวุตฺถนฺติ อกปฺปิยกุฏิยํ วุตฺถํ. อนฺโตปกฺเกปิ เอเสว นโย. สามํปกฺกนฺติ ยํ กิฺจิ อามิสํ ภิกฺขุสฺส ปจิตุํ น วฏฺฏติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกถายํ วุตฺตเมว.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
กปฺปิยภูมิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๐. ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถา
๑๐๔. เอวํ ¶ กปฺปิยภูมิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ขาทนียาทิปฏิคฺคาโห’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขาทิยเตติ ขาทนียํ, เปตฺวา ปฺจ โภชนานิ สพฺพสฺส อชฺโฌหริตพฺพสฺเสตํ อธิวจนํ. อาทิสทฺเทน โภชนียํ ¶ สงฺคณฺหาติ. ปฏิคฺคหณํ สมฺปฏิจฺฉนํ ปฏิคฺคาโห, ขาทนียาทีนํ ปฏิคฺคาโห ขาทนียาทิปฏิคฺคาโห. เตนาห ‘‘อชฺโฌหริตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ ขาทนียสฺส วา โภชนียสฺส วา ปฏิคฺคหณ’’นฺติ. ปฺจสุ องฺเคสุ อุจฺจารณมตฺตนฺติ อุกฺขิปนมตฺตํ, อิมินา ปฏิคฺคหิตพฺพภารสฺส ปมาณํ ทสฺเสติ. เตเนว ตาทิเสน ปุริเสน อนุกฺขิปนียวตฺถุสฺมึ ปฏิคฺคหณํ น รุหตีติ ทีเปติ. ‘‘หตฺถปาโส’’ติ อิมินา อาสนฺนภาวํ. เตเนว จ ทูเร ตฺวา อภิหรนฺตสฺส ปฏิคฺคหณํ น รุหตีติ ทีเปติ. อภิหาโรติ ปริณามิตภาโว, เตน จ ตตฺรฏฺกาทีสุ น รุหตีติ ทีเปติ. ‘‘เทโว วา’’ติอาทินา ทายกโต ปโยคตฺตยํ ทสฺเสติ. ‘‘ตฺเจ’’ติอาทินา ปฏิคฺคาหกโต ปโยคทฺวยํ ทสฺเสติ.
อิทานิ เตสุ ปฺจสุ องฺเคสุ หตฺถปาสสฺส ทุราชานตาย ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘ตตฺถิ’’จฺจาทิ. ตตฺถ อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ หตฺถปาโส นามาติ โยชนา. ‘‘ตสฺส โอริมนฺเตนา’’ติ อิมินา อากาเส อุชุํ ตฺวา ปเรน อุกฺขิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อาสนฺนงฺคภูตปาทตลโต ปฏฺาย หตฺถปาโส ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, น สีสโต ปฏฺายาติ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘โอริมนฺเตนา’’ติ อิมสฺส เหฏฺิมนฺเตนาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปวารณสิกฺขาปทฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) ‘‘สเจ ปน ภิกฺขุ นิสินฺโน โหติ, อาสนฺนสฺส ปจฺฉิมนฺตโต ปฏฺายา’’ติอาทินา ปฏิคฺคาหกานํ อาสนฺนงฺคสฺส ปาริมนฺตโต ปฏฺาย ปริจฺเฉทสฺส ทสฺสิตตฺตา อิธาปิ อากาเส ิตสฺส ปฏิคฺคาหกสฺส อาสนฺนงฺคภูตปาทตลสฺส ปาริมนฺตภูตโต ปณฺหิปริยนฺตสฺส เหฏฺิมตลโต ปฏฺาย, ทายกสฺส ปน โอริมนฺตภูตโต ปาทงฺคุลสฺส เหฏฺิมปริยนฺตโต ปฏฺาย หตฺถปาโส ¶ ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ. อิมินาว นเยน ภูมิยํ นิปชฺชิตฺวา อุสฺสีสเก นิสินฺนสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อาสนฺนสีสงฺคสฺส ปาริมนฺตภูตโต คีวนฺตโต ปฏฺาเยว หตฺถปาโส มินิตพฺโพ, น ปาทตลโต ปฏฺาย. เอวํ นิปชฺชิตฺวา ทาเนปิ ยถานุรูปํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยํ อาสนฺนตรํ องฺค’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) หิ ¶ วุตฺตํ. อกลฺลโกติ คิลาโน สหตฺถา ปริภฺุชิตุํ อสกฺโกนฺโต มุเขน ปฏิคฺคณฺหาติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๖๕) ปน ‘‘อกลฺลโกติ คิลาโน คเหตุํ วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, เอเตน อกลฺลโกติ คิลาโน วา อถ วา คเหตุํ อกลฺลโก อสมตฺโถติ อตฺโถ ทสฺสิโต. เตนาห ‘‘สเจปิ นตฺถุกรณิยํ ทียมานํ นาสาปุเฏน อกลฺลโก วา มุเขน ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ.
๑๐๕. เอกเทเสนาปีติ องฺคุลิยา ผุฏฺมตฺเตน.
ตฺเจ ปฏิคฺคณฺหาติ, สพฺพํ ปฏิคฺคหิตเมวาติ เวณุโกฏิยํ พนฺธิตฺวา ปิตตฺตา. สเจ ภูมิยํ ิตเมว ฆฏํ ทายเกน หตฺถปาเส ตฺวา ‘‘ฆฏํ ทสฺสามี’’ติ ทินฺนํ เวณุโกฏิยา คหณวเสน ปฏิคฺคณฺหาติ, อุภยโกฏิพทฺธํ สพฺพมฺปิ ปฏิคฺคหิตเมว โหติ. ภิกฺขุสฺส หตฺเถ อปีเฬตฺวา ปกติยา ปีฬิยมานํ อุจฺฉุรสํ สนฺธาย ‘‘คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อภิหาโร น ปฺายตี’’ติ วุตฺตํ, หตฺถปาเส ิตสฺส ปน ภิกฺขุสฺส อตฺถาย ปีฬิยมานํ อุจฺฉุโต ปคฺฆรนฺตํ รสํ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. โทณิกาย สยํ ปคฺฆรนฺตํ อุจฺฉุรสํ มชฺเฌ อาวริตฺวา วิสฺสชฺชิตมฺปิ คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. ปฏิคฺคหณสฺายาติ ‘‘มฺจาทินา ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุปฺปาทิตสฺาย, อิมินา ‘‘ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ วาจาย วตฺตพฺพกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
ยตฺถ ¶ กตฺถจิ อฏฺกถาสุ, ปเทเสสุ วา. อสํหาริเม ผลเกติ ถามมชฺฌิเมน อสํหาริเย. ‘‘ตินฺติณิกาทิปณฺเณสูติ วจนโต สาขาสุ ปฏิคฺคหณํ รุหตีติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๖๕) วุตฺตํ. โปราณฏีกายมฺปิ ตเถว วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. อฏฺกถายฺหิ ‘‘ภูมิยํ อตฺถเตสุ สุขุเมสุ ตินฺติณิกาทิปณฺเณสุ ปฏิคฺคหณํ น รุหตี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ตินฺติณิกาทิปณฺณานํ สุขุมตฺตา ตตฺถ ปิตอามิสสฺส อสณฺหนโต ภูมิยํ ปิตสทิสตฺตา ‘‘น รุหตี’’ติ วุตฺตํ, ตินฺติณิกาทิสาขาสุ ปิเตปิ เอวเมว สิยา, ตสฺมา ‘‘สาขาสุ ปฏิคฺคหณํ รุหตี’’ติ วจนํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. อฏฺกถายํ ‘‘น รุหตี’’ติ กิริยาปทสฺส ‘‘กสฺมา’’ติ เหตุปริเยสเน สติ น อฺํ ปริเยสิตพฺพํ, ‘‘สุขุเมสู’’ติ วุตฺตํ วิเสสนปทํเยว เหตุมนฺตวิเสสนํ ภวติ, ตสฺมา ตินฺติณิกปณฺณาทีสุ ปฏิคฺคหณํ น รุหติ, กสฺมา? เตสํ สุขุมตฺตา. อฺเสุ ปน ปทุมินีปณฺณาทีสุ รุหติ, กสฺมา? เตสํ โอฬาริกตฺตาติ เหตุผลสมฺพนฺโธ อิจฺฉิตพฺโพติ ทิสฺสติ ¶ , ตสฺมา ‘‘ตเทตํ วิจาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘น หิ ตานิ สนฺธาเรตุํ สมตฺถานีติ มหนฺเตสุ ปน ปทุมินีปณฺณาทีสุ รุหตี’’ติ.
๑๐๖. ปฺุฉิตฺวา ปฏิคฺคเหตฺวาติ ปฺุฉิเตปิ รชนจุณฺณาสงฺกาย สติ ปฏิคฺคหณตฺถาย วุตฺตํ, นาสติ. ตํ ปนาติ ปติตรชํ อปฺปฏิคฺคเหตฺวา อุปริ คหิตปิณฺฑปาตํ. อนาปตฺตีติ ทุรูปจิณฺณาทิโทโส นตฺถิ. ปุพฺพาโภคสฺส อนุรูปวเสน ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา…เป… วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ‘‘อฺสฺส ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ปรสนฺตกํ น โหติ, ตสฺมา ตสฺส อทตฺวาปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทสฺสามี’’ติอาทิปิ วินยทุกฺกฏสฺส ปริหาราย ¶ วุตฺตํ, ตถา อกตฺวา คหิเตปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชโต อนาปตฺติเยว. ภิกฺขุสฺส เทตีติ อฺสฺส ภิกฺขุสฺส เทติ. กฺชิกนฺติ ขีรรสาทึ ยํ กิฺจิ ทฺรวํ สนฺธาย วุตฺตํ. หตฺถโต โมเจตฺวา ปุน คณฺหาติ, อุคฺคหิตกํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถโต อโมเจนฺเตเนวา’’ติ. อาลุเฬนฺตานนฺติ อาโลเฬนฺตานํ, อยเมว วา ปาโ. อาหริตฺวา ภูมิยํ ปิตตฺตา อภิหาโร นตฺถีติ อาห ‘‘ปตฺโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ.
๑๐๗. ปมตรํ อุฬุงฺกโต เถวา ปตฺเต ปตนฺตีติ เอตฺถ ‘‘ยถา ปมตรํ ปติตเถเว โทโส นตฺถิ, ตถา อากิริตฺวา อปเนนฺตานํ ปจฺฉา ปติตเถเวปิ อภิหฏตฺตา เนวตฺถิ โทโส’’ติ วทนฺติ. จรุเกนาติ ขุทฺทกภาชเนน. ‘‘อภิหฏตฺตาติ ทียมานกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทตฺวา อปนยนกาเล ปน ฉาริกา วา พินฺทูนิ วา ปตนฺติ, ปุน ปฏิคฺคเหตพฺพํ อภิหารสฺส วิคตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตํ ยถา น ปตติ, ตถา อปเนสฺสามีติ ปฏิหรนฺเต ยุชฺชติ, ปกติสฺาย อปเนนฺเต อภิหาโร น ฉิชฺชติ, สุปติตํ. ปฏิคฺคหิตเมว หิ ตํ โหติ. มุขวฏฺฏิยาปิ คเหตุํ วฏฺฏตีติ อภิหริยมานสฺส ปตฺตสฺส มุขวฏฺฏิยา อุปริภาเค หตฺถํ ปสาเรตฺวา ผุสิตุํ วฏฺฏติ. ปาเทน เปลฺเลตฺวาติ ปาเทน ‘‘ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ สฺาย อกฺกมิตฺวา. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. วจนมตฺตเมวาติ ปฏิพทฺธํ ปฏิพทฺธปฏิพทฺธนฺติ สทฺทมตฺตเมว นานํ, กายปฏิพทฺธเมว โหติ, ตสฺมา เตสํ วจนํ น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอส นโยติ ‘‘ปฏิพทฺธปฏิพทฺธมฺปิ กายปฏิพทฺธเมวา’’ติ อยํ นโย. ตถา จ ตตฺถ กายปฏิพทฺเธ ตปฺปฏิพทฺเธ จ ถุลฺลจฺจยเมว วุตฺตํ.
เตน อาหราเปตุนฺติ ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คตํ, ตํ ‘‘อิธ นํ อาเนหี’’ติ อาณาเปตฺวา ¶ เตน อาหราเปตุํ อิตรสฺส วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา มูลฏฺสฺเสว ¶ ปริโภโค อนฺุาโต, ตสฺมา. ตํ ทิวสํ หตฺเถน คเหตฺวา ทุติยทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อุคฺคหิตกปฏิคฺคหิตํ โหตีติ อาห ‘‘อนามสิตฺวา’’ติ. อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา ‘‘สนฺนิธิปจฺจยา อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา ปน ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ตโต ปรนฺติ ตทเหว สามํ อปฺปฏิคฺคหิตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตทเหว ปฏิคฺคหิตํ ปน ปุนทิวสาทีสุ อปฺปฏิคฺคเหตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ.
๑๐๘. ขียนฺตีติ ขยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ จุณฺเณหิ ถุลฺลจฺจยอปฺปฏิคฺคหณาปตฺติโย น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. สตฺถเกนาติ ปฏิคฺคหิตสตฺถเกน. นวสมุฏฺิตนฺติ เอเตเนว อุจฺฉุอาทีสุ อภินวลคฺคตฺตา อพฺโพหาริกํ น โหตีติ ทสฺเสติ. เอเสว นโยติ สนฺนิธิโทสาทึ สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. กสฺมา ปเนตฺถ อุคฺคหิตปจฺจยา, สนฺนิธิปจฺจยา วา โทโส น สิยาติ อาห ‘‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’’ติ. อิมินา จ พาหิรปริโภคตฺถํ สามํ คเหตฺวา วา อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ วา ปริหริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ, ตสฺมา ปตฺตสมฺมกฺขนาทิอตฺถํ สามํ คเหตฺวา ปริหริตเตลาทึ สเจ ปริภฺุชิตุกาโม โหติ, ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ. อพฺภนฺตรปริโภคตฺถํ ปน สามํ คหิตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อุคฺคหิตปฏิคฺคหณํ โหติ, อปฺปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส อทินฺนมุขทฺวาราปตฺติ โหติ. อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมว อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คเหตฺวา ปริหรนฺตสฺส สิงฺคีโลณกปฺโป วิย สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ โหติ. เกจิ ปน ‘‘ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุจฺจารณมตฺตํ โหตีติอาทินา วุตฺตปฺจงฺคสมฺปตฺติยา ปฏิคฺคหณสฺส รุหณโต พาหิรปริโภคตฺถมฺปิ สเจ อนุปสมฺปนฺเนหิ ทินฺนํ คณฺหาติ, ปฏิคฺคหิตเมวา’’ติ ¶ วทนฺติ. เอวํ สติ อิธ พาหิรปริโภคตฺถํ อนุปสมฺปนฺเนน ทินฺนํ คเหตฺวา ปริหรนฺตสฺส สนฺนิธิปจฺจยา อาปตฺติ วตฺตพฺพา สิยา. ‘‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’’ติ จ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา พาหิรปริโภคตฺถํ คหิตํ ปฏิคฺคหิตํ นาม น โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ยทิ เอวํ ปฺจสุ ปฏิคฺคหณงฺเคสุ ‘‘ปริโภคตฺถายา’’ติ วิเสสนํ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ. ปฏิคฺคหณฺหิ ปริโภคตฺถเมว โหตีติ ‘‘ปริโภคตฺถายา’’ติ วิสุํ อวตฺวา ‘‘ตฺเจ ภิกฺขุ กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘สติปิ ¶ ปฏิคฺคหเณ ‘น หิ ตํ ปริโภคตฺถาย ปริหรนฺตี’ติ อิธ อปริโภคตฺถาย ปริหรเณ อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. เตน จ ปฏิคฺคหณงฺเคสุ ปฺจสุ สมิทฺเธสุ อชฺโฌหริตุกามตาย คหิตเมว ปฏิคฺคหิตํ นาม โหติ อชฺโฌหริตพฺเพสุเยว ปฏิคฺคหณสฺส อนฺุาตตฺตาติ ทสฺเสติ. ตถา พาหิรปริโภคตฺถาย คเหตฺวา ปิตเตลาทึ อชฺโฌหริตุกามตาย สติ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุทุกฺขลมุสลาทีนิ ขียนฺตีติ เอตฺถ อุทุกฺขลมุสลานํ ขเยน ปิสิตโกฏฺฏิตเภสชฺเชสุ สเจ อาคนฺตุกวณฺโณ ปฺายติ, น วฏฺฏติ. สุทฺธํ อุทกํ โหตีติ รุกฺขสาขาทีหิ คฬิตฺวา ปตนอุทกํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๑๐๙. ปตฺโต วาสฺส ปฏิคฺคเหตพฺโพติ เอตฺถาปิ ปตฺตคตํ ฉุปิตฺวา เทนฺตสฺส หตฺเถ ลคฺเคน อามิเสน โทสาภาวตฺถํ ปตฺตปฏิคฺคหณนฺติ อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมว ปตฺตปฏิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ยํ สามเณรสฺส ปตฺเต ปตติ…เป… ปฏิคฺคหณํ น วิชหตีติ เอตฺถ ปุนปฺปุนํ คณฺหนฺตสฺส อตฺตโน ปตฺเต ปกฺขิตฺตเมว อตฺตโน สนฺตกนฺติ สนฺนิฏฺานกรณโต หตฺถคตํ ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ ปน คณฺหนฺตสฺส คหณสมเยเยว อตฺตโน สนฺตกนฺติ สนฺนิฏฺานสฺส กตตฺตา ¶ หตฺถคตํ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ. เกสฺจิ อตฺถาย ภตฺตํ ปกฺขิปตีติ เอตฺถ อนุปสมฺปนฺนสฺส อตฺถาย ปกฺขิปนฺเตปิ อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสตีติ สยเมว ปกฺขิปิตฺวา ปนโต ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ. อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ ปกฺขิตฺตํ ปน อนุปสมฺปนฺเนเนว ปิตํ นาม โหตีติ ปฏิคฺคหณํ วิชหติ ปริจฺจตฺตภาวโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สามเณร…เป… ปริจฺจตฺตตฺตา’’ติ. เกสฺจีติอาทีสุ อนุปสมฺปนฺนานํ อตฺถาย กตฺถจิ ปิยมานมฺปิ หตฺถโต มุตฺตมตฺเต เอว ปฏิคฺคหณํ น วิชหติ, อถ โข ภาชเน ปติตเมว ปฏิคฺคหณํ วิชหติ. ภาชนฺจ ภิกฺขุนา ปุนทิวสตฺถาย อเปกฺขิตเมวาติ ตคฺคตมฺปิ อามิสํ ทุทฺโธตปตฺตคตํ วิย ปฏิคฺคหณํ วิชหตีติ สงฺกาย ‘‘สามเณรสฺส หตฺเถ ปกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อีทิเสสุ หิ ยุตฺติ น คเวสิตพฺพา, วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
๑๑๐. ปตฺตคตา ยาคูติ อิมินา ปตฺตมุขวฏฺฏิยา ผุฏฺเปิ กุเฏ ยาคุ ปฏิคฺคหิตา, อุคฺคหิตา วา น โหติ ภิกฺขุโน อนิจฺฉาย ผุฏฺตฺตาติ ทสฺเสติ. อาโรเปตีติ หตฺถํ ผุสาเปติ. ปฏิคฺคหณูปคํ ภารํ นาม ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุกฺเขปารหํ. กิฺจาปิ อวิสฺสชฺเชตฺวาว อฺเน หตฺเถน ปิทหนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, ตถาปิ น ปิทหิตพฺพนฺติ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๖๕) ปน ‘‘น ¶ ปิทหิตพฺพนฺติ หตฺถโต มุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, หตฺถคตํ ปน อิตเรน หตฺเถน ปิทหโต, หตฺถโต มุตฺตมฺปิ วา อผุสิตฺวา อุปริ ปิธานํ ปาเตนฺตสฺส น โทโส’’ติ วุตฺตํ.
๑๑๑. ปฏิคฺคณฺหาตีติ ฉายตฺถาย อุปริ ธาริยมานา มหาสาขา เยน เกนจิ ฉิชฺเชยฺย, ตตฺถ ลคฺครชํ มุเข ปาเตยฺย วาติ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ.
มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ ¶ เอตฺถ ‘‘สเจปิ สาขาย ลคฺครชํ ปตฺเต ปตติ, สุเขน ปริภฺุชิตุํ สกฺกาติ สาขาย ปฏิคฺคหิตตฺตา อพฺภนฺตรปริโภคตฺถเมวิธ ปฏิคฺคหณนฺติ มูลปฏิคฺคหณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘มจฺฉิกวารณตฺถนฺติ วจนมตฺตํ คเหตฺวา พาหิรปริโภคตฺถํ คหิต’’นฺติ วทนฺติ. กุณฺฑเกติ มหาฆเฏ. ตสฺมิมฺปีติ จาฏิฆเฏปิ. อนุปสมฺปนฺนํ คาหาเปตฺวาติ ตเมว อชฺโฌหรณียํ ภณฺฑํ อนุปสมฺปนฺเนน คาหาเปตฺวา.
เถรสฺส ปตฺตํ ทุติยตฺเถรสฺสาติ ‘‘เถรสฺส ปตฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ เตน อตฺตโน ปริจฺจชาเปตฺวา ทุติยตฺเถรสฺส เทติ. ตุยฺหํ ยาคุํ มยฺหํ เทหีติ เอตฺถ เอวํ วตฺวา สามเณรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโนปิ ปตฺตํ ตสฺส เทติ. เอตฺถ ปนาติ ‘‘ปณฺฑิโต สามเณโร’’ติอาทิปตฺตปริวตฺตนกถายํ. การณํ อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ ยถา มาตุอาทีนํ เตลาทีนิ หรนฺโต ตถารูเป กิจฺเจ อนุปสมฺปนฺเนน อปริวตฺเตตฺวาว ปริภฺุชิตุํ ลภติ, เอวมิธ ปตฺตปริวตฺตนํ อกตฺวา ปริภฺุชิตุํ กสฺมา น ลภตีติ การณํ วีมํสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ ปน ‘‘สามเณเรหิ คหิตตณฺฑุเลสุ ปริกฺขีเณสุ อวสฺสํ อมฺหากํ สามเณรา สงฺคหํ กโรนฺตีติ จิตฺตุปฺปตฺติ สมฺภวติ, ตสฺมา ตํ ปริวตฺเตตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพํ. มาตาปิตูนํ อตฺถาย ปน ฉายตฺถาย วา คหเณ ปริโภคาสา นตฺถิ, ตสฺมา ตํ วฏฺฏตี’’ติ การณํ วทนฺติ. เตเนว อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรนปิ วุตฺตํ –
‘‘มาตาปิตูนมตฺถาย, เตลาทึ หรโตปิ จ;
สาขํ ฉายาทิอตฺถาย, อิมสฺส น วิเสสตา.
‘‘ตสฺมา หิสฺส วิเสสสฺส, จินฺเตตพฺพํ ตุ การณํ;
ตสฺส สาลยภาวํ ตุ, วิเสสํ ตกฺกยามห’’นฺติ.
อิทเมเวตฺถ ¶ ¶ ยุตฺตตรํ อวสฺสํ ตถาวิธวิตกฺกุปฺปตฺติยา สมฺภวโต. น หิ สกฺกา เอตฺถ วิตกฺกํ โสเธตุนฺติ. มาตาทีนํ อตฺถาย หรเณ ปน นาวสฺสํ ตถาวิธวิตกฺกุปฺปตฺตีติ สกฺกา วิตกฺกํ โสเธตุํ. ยตฺถ หิ วิตกฺกํ โสเธตุํ สกฺกา, ตตฺถ เนวตฺถิ โทโส. เตเนว วกฺขติ ‘‘สเจ ปน สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุํ, ตโต ลทฺธํ ขาทิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๖๕) ปน ‘‘เอตฺถ ปนาติ ปตฺตปริวตฺตเน. การณนฺติ เอตฺถ ยถา สามเณรา อิโต อมฺหากมฺปิ เทนฺตีติ วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ, น ตถา อฺตฺถาติ การณํ วทนฺติ, ตฺจ ยุตฺตํ. ยสฺส ปน ตาทิโส วิตกฺโก นตฺถิ, เตน อปริวตฺเตตฺวาปิ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
๑๑๒. นิจฺจาเลตุนฺติ จาเลตฺวา ปาสาณสกฺขราทิอปนยนํ กาตุํ. อุทฺธนํ อาโรเปตพฺพนฺติ อนคฺคิกํ อุทฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุทฺธเน ปจฺจมานสฺส อาลุฬเน อุปริ อปกฺกตณฺฑุลา เหฏฺา ปวิสิตฺวา ปจฺจนฺตีติ อาห ‘‘สามํปากฺเจว โหตี’’ติ.
๑๑๓. อาธารเก ปตฺโต ปิโตติ อปฺปฏิคฺคหิตามิโส ปตฺโต ปุน ปฏิคฺคหณตฺถาย ปิโต. จาเลตีติ วินา การณํ จาเลติ, สติปิ การเณ ภิกฺขูนํ ปริโภคารหํ จาเลตุํ น วฏฺฏติ. กิฺจาปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) ตาทิเส อาพาเธ อตฺตโน อตฺถาย อามกมํสปฏิคฺคหณํ อนฺุาตํ, ‘‘อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) จ สามฺโต ปฏิกฺขิตฺตํ, ตถาปิ อตฺตโน, อฺสฺส วา ภิกฺขุโน อตฺถาย อคฺคหิตตฺตา ‘‘สีหวิฆาสาทึ…เป… วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. สกฺโกติ วิตกฺกํ โสเธตุนฺติ ‘‘มยฺหมฺปิ เทตี’’ติ วิตกฺกสฺส อนุปฺปนฺนภาวํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกติ ¶ , ‘‘สามเณรสฺส ทสฺสามี’’ติ สุทฺธจิตฺเตน มยา คหิตนฺติ วา สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกติ. สเจ ปน มูเลปิ ปฏิคฺคหิตํ โหตีติ เอตฺถ ‘‘คเหตฺวา คเต มยฺหมฺปิ ทเทยฺยุนฺติ สฺาย สเจ ปฏิคฺคหิตํ โหตี’’ติ วทนฺติ.
๑๑๔. โกฏฺาเส กโรตีติ ‘‘ภิกฺขู สามเณรา จ อตฺตโน อตฺตโน อภิรุจิตํ โกฏฺาสํ คณฺหนฺตู’’ติ สพฺเพสํ สมเก โกฏฺาเส กโรติ. คหิตาวเสสนฺติ สามเณเรหิ คหิตโกฏฺาสโต อวเสสํ. คณฺหิตฺวาติ ‘‘มยฺหํ อิทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา. อิธ คหิตาวเสสํ นาม เตน คณฺหิตฺวา ปุน ปิตํ.
ปฏิคฺคเหตฺวาติ ¶ ตทหุ ปฏิคฺคเหตฺวา. เตเนว ‘‘ยาวกาลิเกน ยาวชีวิกสํสคฺเค โทโส นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. สเจ ปน ปุริมทิวเส ปฏิคฺคเหตฺวา ปิตา โหติ, สามิเสน มุเขน ตสฺสา วฏฺฏิยา ธูมํ ปิวิตุํ น วฏฺฏติ. สมุทฺโททเกนาติ อปฺปฏิคฺคหิตสมุทฺโททเกน.
หิมกรกา นาม กทาจิ วสฺโสทเกน สห ปตนกา ปาสาณเลขา วิย ฆนีภูตา อุทกวิเสสา, เตสุ ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ. เตนาห ‘‘อุทกคติกา เอวา’’ติ. ยสฺมา กตกฏฺิ อุทกํ ปสาเทตฺวา วิสุํ ติฏฺติ, ตสฺมา ‘‘อพฺโพหาริก’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา อปฺปฏิคฺคหิตาปตฺตีหิ อพฺโพหาริกํ, วิกาลโภชนาปตฺตีหิปิ อพฺโพหาริกนฺติ ทสฺเสติ. ลคฺคตีติ สุกฺเข มุเข จ หตฺเถ จ มตฺติกาวณฺณํ ทสฺเสนฺตํ ลคฺคติ. พหลนฺติ หตฺถมุเขสุ อลคฺคนกมฺปิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ.
วาสมตฺตนฺติ เรณุขีราภาวํ ทสฺเสติ. ปานียํ คเหตฺวาติ อตฺตโนเยว อตฺถาย คเหตฺวา. สเจ ปน ปีตาวเสสกํ ตตฺเถว อากิริสฺสามีติ คณฺหาติ, ปุน ปฏิคฺคหณกิจฺจํ ¶ นตฺถิ. อากิรติ, ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ ปุปฺผรสสฺส ปฺายนโต วุตฺตํ. วิกฺขมฺเภตฺวาติ วิยูหิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ.
๑๑๕. มหาภูเตสูติ ปาณสรีรสนฺนิสฺสิเตสุ ปถวีอาทิมหาภูเตสุ. สพฺพํ วฏฺฏตีติ อตฺตโน ปเรสฺจ สรีรสนฺนิสฺสิตํ สพฺพํ วฏฺฏติ, อกปฺปิยมํสานุโลมตาย ถุลฺลจฺจยาทึ น ชเนตีติ อธิปฺปาโย. ปตตีติ อตฺตโน สรีรโต ฉิชฺชิตฺวา ปตติ. ‘‘รุกฺขโต ฉินฺทิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา มตฺติกตฺถาย ปถวึ ขณิตุํ, อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ มูลปณฺณาทิวิสเภสชฺชํ ฉินฺทิตฺวา ฉาริกํ อกตฺวาปิ อปฺปฏิคฺคหิตมฺปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
วีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๑. ปวารณาวินิจฺฉยกถา
๑๑๖. เอวํ ¶ ปฏิคฺคหณวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปฏิกฺเขปปวารณา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฏิกฺขิปนํ ปฏิกฺเขโป, อสมฺปฏิจฺฉนนฺติ อตฺโถ. ปวาริยเต ปวารณา, ปฏิเสธนนฺตฺยตฺโถ. ปฏิกฺเขปสงฺขาตา ปวารณา ปฏิกฺเขปปวารณา. อถ วา ปฏิกฺเขปวเสน ปวารณา ปฏิกฺเขปปวารณา. ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ ภฺุชนฺตสฺส อฺสฺมึ โภชเน อภิหเฏ ปฏิกฺเขปสงฺขาตา ปวารณาติ สมฺพนฺโธ.
๑๑๗. ยํ อสฺนาตีติ ยํ ภฺุชติ. อมฺพิลปายาสาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน ขีรปายาสาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ อมฺพิลปายาสคฺคหเณน ¶ ตกฺกาทิอมฺพิลสํยุตฺตา ฆนยาคุ วุตฺตา. ขีรปายาสคฺคหเณน ขีรสํยุตฺตา ยาคุ สงฺคยฺหติ. ปวารณํ ชเนตีติ อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธนํ ปฏิกฺเขปํ สาเธติ. กโตปิ ปฏิกฺเขโป อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธโน น โหติ, อกตฏฺาเนเยว ติฏฺตีติ อาห ‘‘ปวารณํ น ชเนตี’’ติ.
‘‘ยาคุ-สทฺทสฺส ปวารณชนกยาคุยาปิ สาธารณตฺตา ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺเตปิ ปวารณา โหตีติ ปวารณํ ชเนติเยวาติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ตํ ปรโต ตตฺเถว ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตการเณน น สเมติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ – เหฏฺา อยาคุเก นิมนฺตเน อุทกกฺชิกขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณา โหติ. ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’’ติ เอตฺถ ปน วิสุํ ยาคุยา วิชฺชมานตฺตา ปวารณา น โหตีติ. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตตฺตา ยาคุยาว ตตฺถ อภาวโต ปวารณา โหตีติ เอวเมตฺถ การณํ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ปรโต ‘‘เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตายา’’ติ อฏฺกถาย วุตฺตการเณนปิ สํสนฺทติ, อฺถา คณฺิปเทสุเยว ปุพฺพาปรวิโรโธ อาปชฺชติ, อฏฺกถาย จ น สเมตีติ. สเจ…เป… ปฺายตีติ อิมินา วุตฺตปฺปมาณสฺส มจฺฉมํสขณฺฑสฺส นหารุโน วา สพฺภาวมตฺตํ ทสฺเสติ. ตาหีติ ปุถุกาหิ.
สาลิวีหิยเวหิ กตสตฺตูติ เยภุยฺยนเยน วุตฺตํ, สตฺต ธฺานิ ปน ภชฺชิตฺวา กโตปิ สตฺตุเยว. เตเนวาห ‘‘กงฺคุวรก…เป… สตฺตุสงฺคหเมว คจฺฉตี’’ติ. สตฺตุโมทโกติ สตฺตุโย ปิณฺเฑตฺวา ¶ กโต อปกฺโก สตฺตุคุโฬ ¶ . วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๓๘-๒๓๙) ปน ‘‘สตฺตุโมทโกติ สตฺตุํ เตเมตฺวา กโต อปกฺโก, สตฺตุํ ปน ปิสิตฺวา ปิฏฺํ กตฺวา เตเมตฺวา ปูวํ กตฺวา ปจนฺติ, ตํ น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํ.
ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรวเสน วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา ‘‘มุเข สาสปมตฺตมฺปิ…เป… น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรตี’’ติ วจนโต สเจ สงฺฆิกํ ลาภํ อตฺตโน อปาปุณนฺตํ ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, อลชฺชิสนฺตกํ ปฏิกฺขิปนฺโตปิ น ปวาเรติ. อวตฺถุตายาติ อนติริตฺตาปตฺติสาธิกาย ปวารณาย อวตฺถุภาวโต. เอเตน ปฏิกฺขิปิตพฺพสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตภาวํ ทีเปติ. ยฺหิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ โหติ, ตสฺส ปฏิกฺเขโป อาปตฺติยา องฺคํ น โหตีติ ตํ ปวารณาย อวตฺถูติ วุจฺจติ.
๑๑๘. อาสนฺนตรํ องฺคนฺติ หตฺถปาสโต พหิ ตฺวา โอนมิตฺวา เทนฺตสฺส สีสํ อาสนฺนตรํ โหติ, ตสฺส โอริมนฺเตน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ.
อุปนาเมตีติ อิมินา กายาภิหารํ ทสฺเสติ. อปนาเมตฺวาติ อภิมุขํ หริตฺวา. อิทํ ภตฺตํ คณฺหาติ วทตีติ กิฺจิ อปนาเมตฺวา วทติ. เกวลํ วาจาภิหารสฺส อนธิปฺเปตตฺตา คณฺหถาติ คเหตุํ อารทฺธํ. หตฺถปาสโต พหิ ิตสฺส สติปิ ทาตุกามตาภิหาเร ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ทูรภาเวเนว ปวารณาย อภาวโต เถรสฺสปิ ทูรภาวมตฺตํ คเหตฺวา ปวารณาย อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เถรสฺส ทูรภาวโต’’ติอาทิมาห, น ปน เถรสฺส อภิหารสมฺภวโต. สเจปิ คเหตฺวา คโต หตฺถปาเส ิโต ¶ โหติ, กิฺจิ ปน อวตฺวา อาธารฏฺาเน ิตตฺตา อภิหาโร นาม น โหตีติ ‘‘ทูตสฺส จ อนภิหรณโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘คเหตฺวา อาคเตน ‘ภตฺตํ คณฺหถา’ติ วุตฺเต อภิหาโร นาม โหตีติ ‘สเจ ปน คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุ…เป… ปวารณา โหตี’ติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปตฺตํ กิฺจิปิ อุปนาเมตฺวา ‘อิมํ ภตฺตํ คณฺหถา’ติ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ วาจาภิหารสฺส อิธ อนธิปฺเปตตฺตา.
ปริเวสนายาติ ภตฺตคฺเค. อภิหฏาว โหตีติ ปริเวสเกเนว อภิหฏา โหติ. ตโต ¶ ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา โหตีติ เอตฺถ อคฺคณฺหนฺตมฺปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหติเยว. กสฺมา? ทาตุกามตาย อภิหฏตฺตา, ‘‘ตสฺมา สา อภิหฏาว โหตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ‘‘ทาตุกามาภิหาเร สติ เกวลํ ‘ทสฺสามี’ติ คหณเมว อภิหาโร น โหติ, ‘ทสฺสามี’ติ คณฺหนฺเตปิ อคณฺหนฺเตปิ ทาตุกามตาภิหาโรว อภิหาโร โหติ, ตสฺมา คหณสมเย วา อคฺคหณสมเย วา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตี’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตสฺส อสติ ทาตุกามตาภิหาเร คหณสมเยปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กฏจฺฉุนา อนุกฺขิตฺตมฺปิ ปุพฺเพ เอว อภิหฏตฺตา ปวารณา โหตีติ ‘‘อภิหฏาว โหตี’’ติ วุตฺตํ. อุทฺธฏมตฺเตติ ภาชนโต วิโยชิตมตฺเต. ทฺวินฺนํ สมภาเรปีติ ปริเวสกสฺส จ อฺสฺส จ ภตฺตปจฺฉิภารคฺคหเณ สมฺภูเตปีติ อตฺโถ.
๑๑๙. รสํ คณฺหถาติ เอตฺถ เกวลํ มํสรสสฺส อปวารณาชนกสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น ¶ โหติ. มจฺฉรสนฺติอาทีสุ มจฺโฉ จ รสฺจาติ อตฺถสมฺภวโต, วตฺถุโนปิ ตาทิสตฺตา ปวารณา โหติ. ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติปิ อวตฺวา ตุณฺหีภูเตน อภิหฏํ ปฏิกฺขิปโตปิ โหติ เอว.
กรมฺพโกติ มิสฺสกาธิวจนเมตํ. ยฺหิ พหูหิ มิสฺเสตฺวา กโรนฺติ, โส ‘‘กรมฺพโก’’ติ วุจฺจติ, โส สเจปิ มํเสน มิสฺเสตฺวา กโต โหติ, ‘‘กรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ อปวารณารหสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ. ‘‘มํสกรมฺพกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘มํสมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ปวารณาว โหติ.
๑๒๐. ‘‘อุทฺทิสฺสกต’’นฺติ มฺมาโนติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุโน กปฺปิยตฺตา อกปฺปิยสฺาย ปฏิกฺเขปโตปิ อจิตฺตกตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ปวารณา โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา อยาคุเก นิมนฺตเน อุทกกฺชิกขีราทีหิ สทฺธึ มทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘ยาคุํ คณฺหถา’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณา โหติ, ‘ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา’ติ เอตฺถ ปน วิสุํ ยาคุยา วิชฺชมานตฺตา ปวารณา น โหตี’’ติ วทนฺติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ‘‘เยนาปุจฺฉิโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วทติ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสนฺติ เอตฺถ เอเก ตาว วทนฺติ ‘‘ยสฺมา ยาคุมิสฺสกํ นาม ภตฺตเมว น โหติ, ขีราทิกมฺปิ โหติเยว, ตสฺมา กรมฺพเก วิย ปวารณาย น ภวิตพฺพํ, เอวฺจ สติ ‘ยาคุ พหุตรา วา โหติ สมสมา วา ¶ , น ปวาเรติ, ยาคุ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรตี’ติ เอตฺถ การณํ ทุทฺทส’’นฺติ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘ยาคุมิสฺสกํ นาม ภตฺตํ, ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย เอว ภวิตพฺพํ, เอวฺจ สติ ‘อิธ ปวารณา โหติ, น โหตี’ติ เอตฺถ การณํ ทุทฺทส’’นฺติ.
ยถา ¶ เจตฺถ การณํ ทุทฺทสํ, เอวํ ปรโต ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ เอตฺถาปิ การณํ ทุทฺทสเมวาติ เวทิตพฺพํ. น หิ ปวารณปฺปโหนกสฺส อปฺปพหุภาโว ปวารณาย ภาวาภาวนิมิตฺตํ, กิฺจรหิ ปวารณาชนกสฺส นาม คหณเมเวตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘อิทฺจ กรมฺพเกน น สมาเนตพฺพ’’นฺติอาทินา ยมฺปิ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ปุพฺเพ วุตฺเตน สํสนฺทิยมานํ น สเมติ. ยทิ หิ มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหํ สิยา, เอวํ สติ ยถา ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ภตฺตํ พหุตรํ วา สมํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติเยว, เอวํ ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเตปิ อปฺปตเรปิ ภตฺเต ปวารณาย ภวิตพฺพํ ‘‘มิสฺสก’’นฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหตฺตา. ตถา หิ ‘‘มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเกเยว รุฬฺหโวหารตฺตา อิทํ ปน ภตฺตมิสฺสกเมวาติ วุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อถ มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเก รุฬฺหํ น โหติ, มิสฺสกภตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตนฺติ. เอวมฺปิ ยถา อยาคุเก นิมนฺตเน ขีราทีหิ สมฺมทฺทิตํ ภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปวารณา โหติ, เอวมิธาปิ มิสฺสกภตฺตเมว สนฺธาย ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ภตฺตํ อปฺปํ วา โหตุ, พหุ วา, ปวารณา เอว สิยา, ตสฺมา มิสฺสกนฺติ ภตฺตมิสฺสเก รุฬฺหํ วา โหตุ, มิสฺสกํ สนฺธาย ภาสิตํ วา, อุภยถาปิ ปุพฺเพนาปรํ น สเมตีติ กิเมตฺถ การณจินฺตาย. อีทิเสสุ ปน าเนสุ อฏฺกถาปมาเณเนว คนฺตพฺพนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๓๘-๒๓๙) ปน ‘‘อุทฺทิสฺสกตนฺติ มฺมาโนติ เอตฺถ วตฺถุโน กปฺปิยตฺตา ‘ปวาริโตว โหตี’ติ วุตฺตํ. ตฺเจ อุทฺทิสฺสกตเมว โหติ, ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. อยเมตฺถาธิปฺปาโยติ ‘เยนาปุจฺฉิโต’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วทติ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสนฺติ ภตฺตสฺส พหุตรภาเว ¶ ปวารณาย สมฺภวการณํ ทุทฺทสํ, อฺถา กรมฺพเกปิ มจฺฉาทิพหุภาเว ปวารณา ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. ยถา เจตฺถ การณํ ทุทฺทสํ, เอวํ ปรโต ‘มิสฺสกํ คณฺหถา’ติ เอตฺถาปิ การณํ ทุทฺทสเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยฺจ ‘อิทํ ปน ภตฺตมิสฺสกเมวา’ติอาทิ ¶ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘อปฺปตรํ น ปวาเรตี’ติ วจเนน น สเมตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
‘‘วิสุํ กตฺวา เทตีติ ภตฺตสฺส อุปริ ิตํ รสาทึ วิสุํ คเหตฺวา เทตี’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกหิจิ ปน ‘‘ยถา ภตฺตสิตฺถํ น ปตติ, ตถา คาฬฺหํ หตฺเถน ปีเฬตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ การณํ น ทิสฺสติ. ยถา หิ ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ยาคุมิสฺสกํ ภตฺตมฺปิ เทนฺตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา น โหติ, เอวมิธาปิ พหุขีรรสาทีสุ ภตฺเตสุ ‘‘ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา ทินฺนานิ ขีราทีนิ วา เทตุ ขีราทิมิสฺสกํ ภตฺตํ วา, อุภยถาปิ ปวารณาย น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตี’’ติ เตนากาเรน เทนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ภตฺตมิสฺสกํ กตฺวา ทียมานํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตีติ ทสฺสนตฺถนฺติ คเหตพฺพํ. ยทิ ปน ภตฺตมิสฺสกํ กตฺวา ทียมาเน ปวารณา โหตีติ อธิปฺปาเยน อฏฺกถายํ ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ อฏฺกถาเยเวตฺถ ปมาณนฺติ คเหตพฺพํ, น ปน การณนฺตรํ คเวสิตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๒๓๘-๒๓๙) ปน ‘‘วิสุํ กตฺวา เทตีติ ‘รสํ คณฺหถา’ติอาทินา วาจาย วิสุํ กตฺวา เทตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ, น ปน กาเยน รสาทึ วิโยเชตฺวาติ ตถา อวิโยชิเตปิ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย อสมฺภวโต อปวารณาปโหนกสฺส นาเมน วุตฺตตฺตา ภตฺตมิสฺสกยาคุํ อาหริตฺวา ‘ยาคุํ ¶ คณฺหถา’ติ วุตฺตฏฺานาทีสุ วิย, อฺถา เอตฺถ ยถา ปุพฺพาปรํ น วิรุชฺฌติ, ตถา อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.
นาวา วา เสตุ วาติอาทิมฺหิ นาวาทิอภิรุหนาทิกฺขเณ กิฺจิ ตฺวาปิ อภิรุหนาทิกาตพฺพตฺเตปิ คมนตปฺปรตาย านํ นาม น โหติ, ชนสมฺมทฺเทน ปน อโนกาสาทิภาเวน าตุํ น วฏฺฏติ. อจาเลตฺวาติ วุตฺตฏฺานโต อฺสฺมึ ปีปฺปเทเส วา อุทฺธํ วา อเปลฺเลตฺวา, ตสฺมึ เอว ปน าเน ปริวตฺเตตุํ ลภติ. เตนาห ‘‘เยน ปสฺเสนา’’ติอาทิ. สเจ อุกฺกุฏิกํ นิสินฺโน ปาเท อมฺุจิตฺวาปิ ภูมิยํ นิสีทติ, อิริยาปถํ วิโกเปนฺโต นาม โหตีติ อุกฺกุฏิกาสนํ อวิโกเปตฺวา สุเขน นิสีทิตุํ ‘‘ตสฺส ปน เหฏฺา…เป… นิสีทนกํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อาสนํ อจาเลตฺวาติ ปีเ ผุฏฺโกาสโต อานิสทมํสํ ¶ อโมเจตฺวา อนุฏฺหิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อทินฺนาทาเน วิย านาจาวนํ น คเหตพฺพ’’นฺติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.
๑๒๑. อกปฺปิยกตนฺติ เอตฺถ อกปฺปิยกตสฺเสว อนติริตฺตภาวโต กปฺปิยํ อการาเปตฺวา ตสฺมึ ปตฺเต ปกฺขิตฺตํ มูลผลาทิเยว อติริตฺตํ น โหติ, อกปฺปิยโภชนํ วา กุลทูสนาทินา อุปฺปนฺนํ. เสสํ ปน ปตฺตปริยาปนฺนํ อติริตฺตเมว โหติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ตํ ปน มูลผลาทึ ปริภฺุชิตุกาเมน ตโต นีหริตฺวา กปฺปิยํ การาเปตฺวา อฺสฺมึ ภาชเน เปตฺวา อติริตฺตํ การาเปตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ.
๑๒๒. โส ปุน กาตุํ น ลภตีติ ตสฺมึเยว ภาชเน กริยมานํ ปมํ กเตน สทฺธึ กตํ โหตีติ ปุน โสเยว กาตุํ น ลภติ, อฺโ ลภติ. อฺสฺมึ ปน ภาชเน เตน วา อฺเน วา กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ¶ ‘‘เยน อกตํ, เตน กาตพฺพํ, ยฺจ อกตํ, ตํ กาตพฺพ’’นฺติ. เตนาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท น เกวลํ อฺเเนวาติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. เอวํ กตนฺติ อฺสฺมึ ภาชเน กตํ.
เปเสตฺวาติ อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ เปเสตฺวา. อิมสฺส วินยกมฺมภาวโต ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส หตฺเถ ิตํ น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
สเจ ปน อามิสสํสฏฺานีติ เอตฺถ สเจ มุขคเตนาปิ อนติริตฺเตน อามิเสน สํสฏฺานิ โหนฺติ, ปาจิตฺติยเมวาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ปวาริเตน โภชนํ อติริตฺตํ การาเปตฺวา ภฺุชนฺเตนปิ ยถา อกเตน มิสฺสํ น โหติ, เอวํ มุขฺจ หตฺถฺจ สุทฺธํ กตฺวา ภฺุชิตพฺพํ. กิฺจาปิ อปวาริตสฺส ปุเรภตฺตํ ยามกาลิกาทีนิ อาหารตฺถาย ปริภฺุชโตปิ อนาปตฺติ, ปวาริตสฺส ปน ปวารณมูลกํ ทุกฺกฏํ โหติเยวาติ ‘‘ยามกาลิกํ…เป… อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๒๔๐) วุตฺตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปฏิกฺเขปปวารณาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เอกวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๒. ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยกถา
๑๒๓. เอวํ ¶ ปฏิกฺเขปปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปพฺพชฺชาติ เอตฺถ ปนา’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ปมํ วชิตพฺพาติ ปพฺพชฺชา, อุปสมฺปทาโต ปมํ อุปคจฺฉิตพฺพาติ ¶ อตฺโถ. ป-ปุพฺพ วช คติมฺหีติ ธาตุ. กุลปุตฺตนฺติ อาจารกุลปุตฺตํ สนฺธาย วทติ. เย ปุคฺคลา ปฏิกฺขิตฺตา, เต วชฺเชตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ปพฺพชฺชาโทสวิรหิโตติ ปพฺพชฺชาย อนฺตรายกเรหิ ปฺจาพาธาทิโทเสหิ วิรหิโต. นขปิฏฺิปฺปมาณนฺติ เอตฺถ กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิ อธิปฺเปตา. ‘‘ตฺเจ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ วฑฺฒนปกฺเข ิตํ โหติ, น ปพฺพาเชตพฺโพติ อิมินา สามฺลกฺขณํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวสุ นขปิฏฺิปฺปมาณํ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ เจ, น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. เอวฺจ สติ นขปิฏฺิปฺปมาณมฺปิ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ เจ, สพฺพตฺถ วฏฺฏตีติ อาปนฺนํ, ตฺจ น สามฺโต อธิปฺเปตนฺติ ปเทสวิเสเสเยว นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘สเจ ปนา’ติอาทิมาห. สเจ หิ อวิเสเสน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ วฏฺเฏยฺย, ‘นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน’ติ ปเทสนิยมํ น กเรยฺย, ตสฺมา นิวาสนปารุปเนหิ ปกติปฏิจฺฉนฺนฏฺานโต อฺตฺถ นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรํ ปน อวฑฺฒนกปกฺเข วา วฑฺฒนกปกฺเข วา ิตํ โหตุ, วฏฺฏติ นขปิฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตรสฺส วฑฺฒนกปกฺเข อวฑฺฒนกปกฺเข วา ิตสฺส มุขาทีสุเยว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๘๘) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๘๘-๘๙) ปน ‘‘ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นขปิฏฺิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปกฺเข ิตํ โหติ, วฏฺฏตีติ วุตฺตตฺตา อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ตาทิสมฺปิ น วฏฺฏติ, ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนปิ จ วฑฺฒนกปกฺเข ิตํ น วฏฺฏตีติ สิทฺธเมว โหติ. ปากฏฏฺาเนปิ ปน นขปิฏฺิปฺปมาณโต อูนตรํ อวฑฺฒนกํ วฏฺฏตีติ เย คณฺเหยฺยุํ, เตสํ ตํ คหณํ ปฏิเสเธตุํ ‘มุเข ปนา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. โคธา…เป… น วฏฺฏตีติ อิมินา ตาทิโสปิ โรโค กุฏฺเเยว ¶ อนฺโตคโธติ ทสฺเสติ. คณฺเฑปิ อิมินา นเยน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปน มุขาทีสุ โกลฏฺิมตฺตโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิสุํ น ทสฺสิโต. ‘‘อปฺปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกปกฺเข ิเตปิ น วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตถาปิ กุฏฺเ วุตฺตนเยน มุขาทีสุ โกลฏฺิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโรปิ คณฺโฑ น วฏฺฏตีติ วิฺายติ, ตสฺมา อวฑฺฒนกปกฺเข ิเตปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน โกลฏฺิมตฺตโต ¶ ขุทฺทกตโรปิ น วฏฺฏตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตเยวาติ อมฺหากํ ขนฺติ. ปกติวณฺเณ ชาเตติ โรคเหตุกสฺส วิการวณฺณสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ.
โกลฏฺิมตฺตโกติ พทรฏฺิปฺปมาโณ. ‘‘สฺชาตฉวึ กาเรตฺวา’’ติ ปาโ, วิชฺชมานฉวึ กาเรตฺวาติ อตฺโถ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๘๘-๘๙) ปน ‘‘สจฺฉวึ กาเรตฺวาติ วิชฺชมานฉวึ กาเรตฺวาติ อตฺโถ, สฺฉวินฺติ วา ปาโ, สฺชาตฉอนฺติ อตฺโถ. คณฺฑาทีสุ วูปสนฺเตสุปิ ตํ านํ วิวณฺณมฺปิ โหติ, ตํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณนฺติ รตฺตปทุมเสตปทุมปุปฺผทลวณฺณํ. กุฏฺเ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อวฑฺฒนกํ วฏฺฏติ, อฺตฺถ น กิฺจิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนยํ ทสฺเสติ. โสสพฺยาธีติ ขยโรโค. ยกฺขุมฺมาโทติ กทาจิ อาคนฺตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา หตฺถมุขาทิกํ อวยวํ ภูมิยํ ฆํสนโก ยกฺโขว โรโค.
๑๒๔. มหามตฺโตติ มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคโต. ‘‘น ทานาหํ เทวสฺส ภโฏ’’ติ อาปุจฺฉตีติ รฺา เอว ทินฺนํ านนฺตรํ สนฺธาย วุตฺตํ. โย ปน ราชกมฺมิเกหิ ¶ อมจฺจาทีหิ ปิโต, อมจฺจาทีนํ เอว วา ภโฏ โหติ, เตน ตํ ตํ อมจฺจาทิมฺปิ อาปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตีติ.
๑๒๕. ‘‘ธชพนฺโธ’’ติ วุตฺตตฺตา อปากฏโจโร ปพฺพาเชตพฺโพติ วิฺายติ. เตน วกฺขติ ‘‘เย ปน อมฺพลพุชาทิโจรกา’’ติอาทิ. เอวํ ชานนฺตีติ ‘‘สีลวา ชาโต’’ติ ชานนฺติ.
๑๒๖. ภินฺทิตฺวาติ อนฺทุพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา. ฉินฺทิตฺวาติ สงฺขลิกพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา. มฺุจิตฺวาติ รชฺชุพนฺธนํ มฺุจิตฺวา. วิวริตฺวาติ คามพนฺธนาทีสุ คามทฺวาราทีนิ วิวริตฺวา. อปสฺสมานานํ วา ปลายตีติ ปุริสคุตฺติยํ ปุริสานํ โคปกานํ อปสฺสมานานํ ปลายติ.
๑๒๙. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘กสาหโต กตทณฺฑกมฺโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว.
๑๓๐. ปลาโตปีติ ¶ อิณสฺสามิกานํ อาคมนํ ตฺวา ภเยน ปลาโตปิ อิณายิโก. คีวา โหติ อิณายิกภาวํ ตฺวา อนาทเรน อิณมุตฺตเก ภิกฺขุภาเว ปเวสิตตฺตา.
อุปฑฺฒุปฑฺฒนฺติ โถกํ โถกํ. ทาตพฺพเมวาติ อิณายิเกน ธนํ สมฺปชฺชตุ วา, มา วา, ทาเน สอุสฺสาเหเนว ภวิตพฺพํ, อฺเหิ จ ภิกฺขูหิ ‘‘มา ธุรํ นิกฺขิปาหี’’ติ วตฺวา สหายเกหิ ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ธุรนิกฺเขเปน หิสฺส ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพตา สิยาติ.
๑๓๑. ทาสจาริตฺตํ อาโรเปตฺวา กีโตติ อิมินา ทาสภาวปริโมจนตฺถาย กีตํ นิวตฺเตติ. ตาทิโส หิ ธนกฺกีโตปิ อทาโส เอว. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เทสจาริตฺตนฺติ ¶ สาวนปณฺณาโรปนาทิกํ ตํ ตํ เทสจาริตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ จาริตฺตวเสนาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ชนปเท ทาสปณฺณชฺฌาปนาทินา อทาสกรณนิยาเมน. อภิเสกาทีสุ สพฺพพนฺธนานิ โมจาเปนฺติ, ตํ สนฺธาย ‘‘สพฺพสาธารเณนา’’ติ วุตฺตํ.
สเจ สยเมว ปณฺณํ อาโรเปนฺติ, น วฏฺฏตีติ ตา ภุชิสฺสิตฺถิโย ‘‘มยมฺปิ วณฺณทาสิโย โหมา’’ติ อตฺตโน รกฺขณตฺถาย สยเมว ราชูนํ ทาสิปณฺเณ อตฺตโน นามํ ลิขาเปนฺติ, ตาสํ ปุตฺตาปิ ราชทาสาว โหนฺติ, ตสฺมา เต ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ. เตหิ อทินฺนา น ปพฺพาเชตพฺพาติ ยตฺตกา เตสํ สามิโน, เตสุ เอเกน อทินฺเนปิ น ปพฺพาเชตพฺพา. ภุชิสฺเส กตฺวา ปน ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตีติ ยสฺส วิหารสฺส เต อารามิกา ทินฺนา, ตสฺมึ วิหาเร สงฺฆํ าเปตฺวา ผาติกมฺเมน ธนาทึ กตฺวา ภุชิสฺเส กตฺวา ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เทวทาสิปุตฺเต วฏฺฏตีติ ลิขิตํ. ‘อารามิกฺเจ ปพฺพาเชตุกาโม, อฺเมกํ ทตฺวา ปพฺพาเชตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ. มหาปจฺจริวาทสฺส อยมิธ อธิปฺปาโย, ‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส อารามิเก เทมา’ติ ทินฺนตฺตา น เต เตสํ ทาสา, ‘อารามิโก จ เนว ทาโส น ภุชิสฺโส’ติ วตฺตพฺพโต น ทาโสติ ลิขิตํ. ตกฺกาสิฺจนํ สีหฬทีเป จาริตฺตํ, เต จ ปพฺพาเชตพฺพา สงฺฆสฺสารามิกตฺตา. นิสฺสามิกํ ทาสํ อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ ลภตี’’ติ วุตฺตํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๙๗) ปน ‘‘ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ ยถา อทาเส กโรนฺตา ตกฺเกน สีสํ โธวิตฺวา อทาสํ กโรนฺติ, เอวํ อารามิกวจเนน ทินฺนตฺตา อทาสาว เตติ อธิปฺปาโย. ‘ตกฺกาสิฺจนํ ปน สีหฬทีเป จาริตฺต’นฺติ ¶ วทนฺติ. เนว ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺตนฺติ กปฺปิยวจเนน ทินฺเนปิ ¶ สงฺฆสฺส อารามิกทาสตฺตา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๙๗) ‘‘ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺตีติ เกสุจิ ชนปเทสุ อทาเส กโรนฺตา ตกฺกํ สีเส อาสิฺจนฺติ, เตน กิร เต อทาสา โหนฺติ, เอวมิทมฺปิ อารามิกวจเนน ทินฺนมฺปีติ อธิปฺปาโย. ตถา ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส อารามิกทาโส เอวาติ ‘เนว ปพฺพาเชตพฺโพ’ติ วุตฺตํ. ‘ตาวกาลิโก นาม’ติ วุตฺตตฺตา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา วา ปจฺฉาปิ คเหตุกามตาย วา ทินฺนํ สพฺพํ ตาวกาลิกเมวาติ คเหตพฺพํ. นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกุลํ อฺาติกํ มรเณน ปริกฺขีณํ, น โกจิ ตสฺส ทายาโท, โส ปน สมานชาติเกหิ วา นิวาสคามวาสีหิ วา อิสฺสเรหิ วา ภุชิสฺโส กโตว ปพฺพาเชตพฺโพ. เทวทาสาปิ ทาสา เอว. เต หิ กตฺถจิ เทเส ราชทาสา โหนฺติ, กตฺถจิ วิหารทาสา วา, ตสฺมา ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๙๗) ปน ‘‘นิสฺสามิกทาโส นาม ยสฺส สามิกา สปุตฺตทารา มตา โหนฺติ, น โกจิ ตสฺส ปริคฺคาหโก, โสปิ ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏติ, ตํ ปน อตฺตนาปิ ภุชิสฺสํ กาตุํ วฏฺฏติ. เย วา ปน ตสฺมึ รฏฺเ สามิโน, เตหิปิ การาเปตุํ วฏฺฏติ, ‘เทวทาสิปุตฺตํ ปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘ทาสสฺส ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปลายนฺตสฺส อาปตฺติ นตฺถี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘ทาสมฺปิ ปพฺพาเชตฺวา สามิเก ทิสฺวา ปฏิจฺฉาทนตฺถํ อปเนนฺโต ปทวาเรน อทินฺนาทานาปตฺติยา กาเรตพฺโพ, ทาสสฺส ปน ปลายโต อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
๑๓๒. หตฺถจฺฉินฺนกาทิวตฺถูสุ กณฺณมูเลติ สกลสฺส กณฺณสฺส เฉทํ สนฺธายาห. กณฺณสกฺขลิกายาติ กณฺณจูฬิกาย ¶ . ยสฺส ปน กณฺณาวฏฺเฏติ เหฏฺา กุณฺฑลาทิปนฉิทฺทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ตฺหิ สงฺฆฏฺฏนกฺขมํ. อชปทเกติ อชปทนาสิกฏฺิโกฏิยํ. ตโต หิ อุทฺธํ น วิจฺฉินฺทิตุํ สกฺกา โหติ. สนฺเธตุนฺติ อวิรูปสณฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, วิรูปํ ปน ปริสทูสกํ อาปาเทติ.
ขุชฺชสรีโรติ วงฺกสรีโร. พฺรหฺมุโน วิย อุชุกํ คตฺตํ สรีรํ ยสฺส โส พฺรหฺมุชุคตฺโต, ภควา. อวเสโส สตฺโตติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตสตฺโต. เอเตน เปตฺวา มหาปุริสํ จกฺกวตฺติฺจ ¶ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกาติ ทสฺเสติ. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา ขนฺเธ กฏิยํ ชาณูสูติ ตีสุ าเนสุ นมนฺติ, เต กฏิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, ทฺวีสุ าเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺติ, ทีฆสรีรา ปน เอเกน ปสฺเสน วงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนาเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, เอเก ปุรโต ปพฺภารา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติ. ปริวฏุโมติ สมนฺตโต วฏฺฏกาโย. เอเตน เอวรูปา เอว วามนกา น วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ.
๑๓๓. อฏฺิสิราจมฺมสรีโรติ อฏฺิสิราจมฺมมตฺตสรีโร. กูฏกูฏสีโสติ อเนเกสุ าเนสุ ปิณฺฑิตมํสตํ ทสฺเสตุํ อาเมฑิตํ กตํ. เตนาห ‘‘ตาลผลปิณฺฑิสทิเสนา’’ติ. ตาลผลานํ มฺชรี ปิณฺฑิ นาม. อนุปุพฺพตนุเกน สีเสนาติ เจติยถูปิกา วิย กเมน กิเสน สีเสน. มหาเวฬุปพฺพํ วิย อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา อวิสมถูเลน สีเสน สมนฺนาคโต นาฬิสีโส นาม. กปฺปสีโสติ คชมตฺถกํ วิย ทฺวิธา ภินฺนสีโส. ‘‘กณฺณิกเกโส วา’’ติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปาณเกหี’’ติอาทิ. มกฺกฏสฺเสว นลาเฏปิ เกสานํ อุฏฺิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘สีสโลเมหี’’ติอาทิ.
มกฺกฏภมุโกติ ¶ นลาฏโลเมหิ อวิภตฺตโลมภมุโก. อกฺขิจกฺเกหีติ อกฺขิมณฺฑเลหิ. เกกโรติ ติริยํ ปสฺสนโก. อุทกตารกาติ โอโลเกนฺตานํ อุทเก ปฏิพิมฺพิกจฺฉายา. อุทกพุพฺพุฬนฺติ เกจิ. อกฺขิตารกาติ อภิมุเข ิตานํ ฉายา. อกฺขิภณฺฑกาติปิ วทนฺติ. อติปิงฺคลกฺขิ มชฺชารกฺขิ. มธุปิงฺคลนฺติ มธุวณฺณปิงฺคลํ. นิปฺปขุมกฺขีติ เอตฺถ ปขุม-สทฺโท อกฺขิทลโลเมสุ นิรุฬฺโห, ตทภาวา นิปฺปขุมกฺขิ. อกฺขิปาเกนาติ อกฺขิทลปริยนฺเตสุ ปูติตาปชฺชนโรเคน.
จิปิฏนาสิโกติ อนุนฺนตนาสิโก. ปฏงฺคมณฺฑูโก นาม มหามุขมณฺฑูโก. ภินฺนมุโขติ อุปกฺกมุขปริโยสาโน, สพฺพทา วิวฏมุโข วา. วงฺกมุโขติ เอกปสฺเส อปกฺกมฺม ิตเหฏฺิมหนุกฏฺิโก. โอฏฺจฺฉินฺนโกติ อุโภสุ โอฏฺเสุ ยตฺถ กตฺถจิ ชาติยา วา ปจฺฉา วา สตฺถาทินา อปนีตมํเสน โอฏฺเน สมนฺนาคโต. เอฬมุโขติ นิจฺจปคฺฆริตลาลามุโข.
ภินฺนคโลติ อวนตคโล. ภินฺนอุโรติ อตินินฺนอุรมชฺโฌ. เอวํ ภินฺนปิฏฺีติ. สพฺพฺเจตนฺติ ¶ ‘‘กจฺฉุคตฺโต’’ติอาทึ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ จ วินิจฺฉโย กุฏฺาทีสุ วุตฺโต เอวาติ อาห ‘‘วินิจฺฉโย’’ติอาทิ.
วาตณฺฑิโกติ อณฺฑเกสุ วุทฺธิโรเคน สมนฺนาคโต, อณฺฑวาตโรเคน อุทฺธุตพีชณฺฑโกเสน สมนฺนาคโต วา. ยสฺส นิวาสเนน ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ อุณฺณตํ ปกาสติ, โสว น ปพฺพาเชตพฺโพ. วิกโฏติ ติริยํ คมนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา พหิ นิคจฺฉนฺติ. สงฺฆฏฺโฏติ คจฺฉโต ปริวตฺตนปาเทหิ สมนฺนาคโต, ยสฺส จงฺกมโต ชาณุกา อนฺโต ปวิสนฺติ. มหาชงฺโฆติ ถูลชงฺโฆ. มหาปาโทติ มหนฺเตน ปาทตเลน ¶ ยุตฺโต. ปาทเวมชฺเฌติ ปิฏฺิปาทเวมชฺเฌ. เอเตน อคฺคปาโท จ ปณฺหิ จ สทิสาวาติ ทสฺเสติ.
๑๓๔. มชฺเฌ สํกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺปาทตาย การณํ ทสฺเสติ, อคฺเค สํกุฏิตปาทตฺตาติ กุณฺปาทตาย. กุณฺปาทสฺเสว จงฺกมนวิภาวนํ ‘‘ปิฏฺิปาทคฺเคน จงฺกมนฺโต’’ติ. ‘‘ปาทสฺส พาหิรนฺเตนา’’ติ จ ‘‘อพฺภนฺตรนฺเตนา’’ติ จ อิทํ ปาทตลสฺส อุโภหิ ปริยนฺเตหิ จงฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
มมฺมนนฺติ ขลิตวจนํ, โย เอกเมวกฺขรํ จตุปฺจกฺขตฺตุํ วทติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ, านกรณวิสุทฺธิยา อภาเวน อผุฏฺกฺขรวจนํ. วจนานุกรเณน หิ โส ‘‘มมฺมโน’’ติ วุตฺโต. โย จ กรณสมฺปนฺโนปิ เอกเมวกฺขรํ หิกฺการพหุโส วทติ, โสปิ อิเธว สงฺคยฺหติ. โย วา ปน ตํ นิคฺคเหตฺวาปิ อนาเมฑิตกฺขรเมว สิถิลํ สิลิฏฺวจนํ วตฺตุํ สมตฺโถ, โส ปพฺพาเชตพฺโพ. อาปตฺติโต น มุจฺจนฺตีติ ตฺวา กโรนฺตาว น มุจฺจนฺติ. ชีวิตนฺตรายาทิอาปทาสุ อรุจิยา กายสามคฺคึ เทนฺตสฺส อนาปตฺติ.
๑๓๕. อภพฺพปุคฺคลกถาสุ ‘‘โย กาฬปกฺเข อิตฺถี โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปุริโส, อยํ ปกฺขปณฺฑโก’’ติ เกจิ วทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมตี’’ติ อปณฺฑกปกฺเข ปริฬาหวูปสมสฺเสว วุตฺตตฺตา ปณฺฑกปกฺเข อุสฺสนฺนปริฬาหตา ปณฺฑกภาวาปตฺตีติ วิฺายตีติ วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. อิตฺถิภาโว ปุมฺภาโว วา นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ‘‘ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อปณฺฑกปกฺเข ¶ ¶ ปพฺพชิโต สเจ กิเลสกฺขยํ ปาปุณาติ, น นาเสตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. ปณฺฑกสฺส หิ กิเลสกฺขยาสมฺภวโต, ขีณกิเลสสฺส จ ปณฺฑกภาวานาปตฺติโต. อเหตุกปฏิสนฺธิกถายฺหิ อวิเสเสน ปณฺฑกสฺส อเหตุกปฏิสนฺธิตา วุตฺตา, อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกานฺจ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาเยว ปณฺฑกภาโว, น ปวตฺติยํเยวาติ วทนฺติ. เตเนว อเหตุกปฏิสนฺธินิทฺเทเส ชจฺจนฺธพธิราทโย วิย ปณฺฑโก ชาติสทฺเทน วิเสเสตฺวา น นิทฺทิฏฺโ. จตุตฺถปาราชิกสํวณฺณนายฺจ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) อภพฺพปุคฺคเล ทสฺเสนฺเตน ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา ตโย วตฺถุวิปนฺนา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เตสํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโตติ อวิเสสโต วุตฺตนฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๙) อาคตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๙) ปน ปณฺฑกวตฺถุสฺมึ อาสิตฺตอุสูยปกฺขปณฺฑกา ตโยปิ ปุริสภาวลิงฺคาทิยุตฺตา อเหตุกปฏิสนฺธิกา, เต จ กิเลสปริยุฏฺานสฺส พลวตาย นปุํสกปณฺฑกสทิสตฺตา ‘‘ปณฺฑกา’’ติ วุตฺตา, เตสุ อาสิตฺตอุสูยปณฺฑกานํ ทฺวินฺนํ กิเลสปริยุฏฺานํ โยนิโสมนสิการาทีหิ วีติกฺกมโต นิวาเรตุมฺปิ สกฺกา, เตน เต ปพฺพาเชตพฺพาติ วุตฺตา. ปกฺขปณฺฑกสฺส ปน กาฬปกฺเข อุมฺมาโท วิย กิเลสปริฬาโห อวตฺถรนฺโต อาคจฺฉติ, วีติกฺกมํ ปตฺวา เอว จ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตสฺมึ ปกฺเข โส น ปพฺพาเชตพฺโพติ วุตฺโต, ตเทตํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส ปเรส’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อาสิตฺตสฺสาติ มุเข อาสิตฺตสฺส อตฺตโนปิ อสุจิมุจฺจเนน ปริฬาโห วูปสมฺมติ. อุสูยาย อุปฺปนฺนายาติ อุสูยาย วเสน อตฺตโน เสเวตุกามตาราเค อุปฺปนฺเน อสุจิมุตฺติยา ปริฬาโห วูปสมฺมติ.
‘‘พีชานิ ¶ อปนีตานี’’ติ วุตฺตตฺตา พีเชสุ ิเตสุ นิมิตฺตมตฺเต อปนีเต ปณฺฑโก น โหติ. ภิกฺขุโนปิ อนาพาธปจฺจยา ตทปนยเน ถุลฺลจฺจยเมว, น ปณฺฑกตฺตํ. พีเชสุ ปน อปนีเตสุ องฺคชาตมฺปิ ราเคน กมฺมนิยํ น โหติ, ปุมภาโว วิคจฺฉติ, มสฺสุอาทิปุริสลิงฺคมฺปิ อุปสมฺปทาปิ วิคจฺฉติ, กิเลสปริฬาโหปิ ทุนฺนิวารวีติกฺกโม โหติ นปุํสกปณฺฑกสฺส วิย, ตสฺมา อีทิโส อุปสมฺปนฺโนปิ นาเสตพฺโพติ วทนฺติ. ยทิ เอวํ กสฺมา พีชุทฺธรเณ ปาราชิกํ น ปฺตฺตนฺติ? เอตฺถ ตาว เกจิ วทนฺติ ‘‘ปฺตฺตเมเวตํ ภควตา ‘ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ วุตฺตตฺตา’’ติ. เกจิ ¶ ปน ‘‘ยสฺมา พีชุทฺธรณกฺขเณ ปณฺฑโก น โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ ขเณ ปาราชิกํ น ปฺตฺตํ. ยสฺมา ปน โส อุทฺธฏพีโช ภิกฺขุ อปเรน สมเยน วุตฺตนเยน ปณฺฑกตฺตํ อาปชฺชติ, อภาวโก โหติ, อุปสมฺปทาย อวตฺถุ, ตโต เอว จสฺส อุปสมฺปทา วิคจฺฉติ, ตสฺมา เอส ปณฺฑกตฺตุปคมนกาลโต ปฏฺาย ชาติยา นปุํสกปณฺฑเกน สทฺธึ โยเชตฺวา ‘อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ อภพฺโพติ วุตฺโต, น ตโต ปุพฺเพ. อยฺจ กิฺจาปิ สเหตุโก, ภาวกฺขเยน ปนสฺส อเหตุกสทิสตาย มคฺโคปิ น อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ อุปกฺกเมน ปณฺฑกภาวมาปนฺนํ สนฺธาย ‘อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’ติ วุตฺตํ, อุปสมฺปนฺนสฺส ปน ปจฺฉา อุปกฺกเมน อุปสมฺปทาปิ น วิคจฺฉตี’’ติ, ตํ น ยุตฺตํ. ยทคฺเคน หิ ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ อุปกฺกเมน อภพฺโพ โหติ, ตทคฺเคน ปจฺฉาปิ โหตีติ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อิตฺถตฺตาทิ ภาโว นตฺถิ เอตสฺสาติ อภาวโก. ปพฺพชฺชา น วาริตาติ เอตฺถ ปพฺพชฺชาคฺคหเณเนว อุปสมฺปทาปิ คหิตา. เตนาห ‘‘ยสฺส เจตฺถ ปพฺพชฺชา วาริตา’’ติอาทิ. ตสฺมึ ¶ เยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ เอตฺถ ปน อปณฺฑกปกฺเขปิ ปพฺพชฺชามตฺตเมว ลภติ, อุปสมฺปทา ปน ตทาปิ น วฏฺฏติ, ปณฺฑกปกฺเข ปน อาคโต ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพติ เวทิตพฺพนฺติ วุตฺตํ.
๑๓๖. อุภโตพฺยฺชนมสฺส อตฺถีติ อุภโตพฺยฺชนโกติ อิมินา อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. พฺยฺชนนฺติ เจตฺถ ปุริสนิมิตฺตํ อิตฺถินิมิตฺตฺจ อธิปฺเปตํ. อถ อุภโตพฺยฺชนกสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, อุทาหุ ทฺเวติ? เอกเมว โหติ, น ทฺเว. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ, โน. ยสฺส วา ปน ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ, โน’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) เอกสฺมึ สนฺตาเน อินฺทฺริยภูตภาวทฺวยสฺส อุปฺปตฺติยา อภิธมฺเม ปฏิเสธิตตฺตา, ตฺจ โข อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสินฺทฺริยนฺติ. ยทิ เอวํ ทุติยพฺยฺชนสฺส อภาโว อาปชฺชติ อินฺทฺริยฺหิ พฺยฺชนสฺส การณํ วุตฺตํ, ตฺจ ตสฺส นตฺถีติ? วุจฺจเต – น ตสฺส อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ. กสฺมา? สทา อภาวโต. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถิพฺยฺชนํ ปฏิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติ, ตถา ¶ อิตรสฺส อิตรํ. ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยฺชนทฺวยํ ติฏฺเยฺย, น ปน ติฏฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘น ตสฺส ตํ พฺยฺชนการณํ, กมฺมสหายํ ปน ราคจิตฺตเมเวตฺถ การณ’’นฺติ. ยสฺมา จสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยมฺปิ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรมฺปิ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปรํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน น คณฺหาตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๖) อาคตํ.
วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๖) ปน – อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโกติ อิตฺถินฺทฺริยยุตฺโต, อิตโร ปน ปุริสินฺทฺริยยุตฺโต. เอกสฺส หิ ภาวทฺวยํ สห น อุปฺปชฺชติ ยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. ทุติยพฺยฺชนํ ปน กมฺมสหาเยน อกุสลจิตฺเตเนว ภาวรหิตํ อุปฺปชฺชติ. ปกติตฺถิปุริสานมฺปิ กมฺมเมว พฺยฺชนลิงฺคานํ การณํ, น ภาโว ตสฺส เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยตฺตสฺส ปฏฺาเน อวุตฺตตฺตา. เกวลํ ภาวสหิตานํเยว พฺยฺชนลิงฺคานํ ปวตฺตทสฺสนตฺถํ อฏฺกถาสุ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒-๖๓๓) ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถิลิงฺคาทีนี’’ติอาทินา อินฺทฺริยสฺส พฺยฺชนการณตฺเตน วุตฺตํ. อิธ ปน อกุสลพเลน อินฺทฺริยํ วินาปิ พฺยฺชนํ อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. อุภินฺนมฺปิ เจ เตสํ อุภโตพฺยฺชนกานํ. ยทา อิตฺถิยา ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตรํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ยทา ปุริเส ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา อิตฺถิพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตรํ ปฏิจฺฉนฺนนฺติ อาคตํ.
๑๓๗. เถยฺยาย สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติอาทิ. น ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูปํ ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ. ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกติ อิมินา น เอกกมฺมาทิโกว อิธ สํวาโส นามาติ ทสฺเสติ.
๑๓๘. ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา. สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ราชภยาทีหิ ¶ คหิตลิงฺคตาย ¶ โส สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสตีติ อตฺโถ. โย หิ ราชภยาทึ วินา เกวลํ ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สทฺธึ สํวสิตุกามตาย ลิงฺคํ คณฺหาติ, โส อสุทฺธจิตฺตตาย ลิงฺคคฺคหเณเนว เถยฺยสํวาสโก นาม โหติ. อยํ ปน ตาทิเสน อสุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขู วฺเจตุกามตาย อภาวโต ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น โหติ. เตเนว ‘‘ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคานํ ‘คิหี มํ สมโณติ ชานนฺตู’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวา โทโส น ชาโต’’ติ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘วูปสนฺตภยตา อิธ สุทฺธจิตฺตตา’’ติ วทนฺติ, เอวฺจ สติ โส วูปสนฺตภโย ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อยมตฺโถ วิฺายติ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ วิฺายมาเน อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น จ อฏฺกถายํ อวูปสนฺตภยสฺส สํวาสสาทิยเนปิ อเถยฺยสํวาสกตา ทสฺสิตา. สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโตติ จ อิมินา อวูปสนฺตภเยนปิ สํวาสํ อสาทิยนฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทีเปติ. เตเนว ตีสุปิ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา วิหารํ อาคนฺตฺวา สงฺฆิกํ คณฺหนฺตสฺส สํวาสํ ปริหริตุํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา ‘สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโต’ติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ. ตสฺมา ราชภยาทีหิ คหิตลิงฺคตาเยเวตฺถ สุทฺธจิตฺตตาติ คเหตพฺพํ.
สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา วีถิจตุกฺกาทีสุ เปตฺวา ทาตพฺพภตฺตานิ. กายปริหาริยานีติ กาเยน ปริหริตพฺพานิ. อพฺภุคฺคจฺฉนฺตีติ อภิมุขํ คจฺฉนฺติ. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิโครกฺขาทิกมฺมากรเณน. ตเทว ปตฺตจีวรํ อาทาย วิหารํ คจฺฉตีติ ¶ จีวรานิ นิวาสนปารุปนวเสน อาทาย, ปตฺตฺจ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา วิหารํ คจฺฉติ.
นาปิ สยํ ชานาตีติ ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สมโณ นาม น โหตี’’ติ วา น ชานาติ. โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ อิมินา อุปสมฺปนฺนกาเล สุตฺวา สเจปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ.
สิกฺขํ ¶ อปฺปจฺจกฺขาย…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ อิทํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคตฺเถนโก โหติ, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโก โหตีติ วุตฺตํ. เอโก ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวาติ เอตฺถาปิ อิทเมว การณํ ทฏฺพฺพํ. ปรโต ‘‘สามเณโร สลิงฺเค ิโต’’ติอาทินา สามเณรสฺส วุตฺตวิธาเนสุปิ อเถยฺยสํวาสปกฺเข อยเมว นโย. ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘สาปิ คิหิภาวํ ปตฺถยมานา’’ติอาทินา วิภาเวติ.
สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ เอเตน คิหิสนฺตกํ ทสฺสิตํ. สามเณรปฏิปาฏิยา…เป… เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ เอตฺถ กิฺจาปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ปาราชิกํ ปน อาปชฺชติเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๐) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๐) ปน – เถยฺยาย ลิงฺคคฺคหณมตฺตมฺปิ อิธ สํวาโส เอวาติ อาห ‘‘ตโย เถยฺยสํวาสกา’’ติ. น ¶ ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนนฺติ ภิกฺขูนํ สามเณรานํ วา วนฺทนํ น สาทิยติ. ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนนฺติ อตฺตนา มุสาวาเทน ทสฺสิตวสฺสกฺกเมน ภิกฺขูนํ วนฺทนํ สาทิยติ. ทหรสามเณโร ปน วุฑฺฒสามเณรานํ, ทหรภิกฺขู จ วุฑฺฒานํ วนฺทนํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ สํวาสตฺเถนกตฺเถ. ภิกฺขุวสฺสานีติ อิทํ สํวาสตฺเถนเก วุตฺตปาวเสน วุตฺตํ, สยเมว ปน ปพฺพชิตฺวา สามเณรวสฺสานิ คเณนฺโตปิ อุภยตฺเถนโก เอว. น เกวลฺจ ปุริโสว, อิตฺถีปิ ภิกฺขูนีสุ เอวํ ปฏิปชฺชติ, เถยฺยสํวาสิกาว. อาทิกมฺมิกาปิ เจตฺถ น มุจฺจนฺติ. อุปสมฺปนฺเนสุ เอว ปฺตฺตาปตฺตึ ปฏิจฺจ อาทิกมฺมิกา วุตฺตา, เตเนเวตฺถ อาทิกมฺมิโกปิ น มุตฺโต.
ราช…เป… ภเยนาติ เอตฺถ ภย-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ยาว โส สุทฺธมานโสติ ‘‘อิมินา ลิงฺเคน ภิกฺขู วฺเจตฺวา เตหิ สํวสิสฺสามี’’ติ อสุทฺธจิตฺตาภาเวน สุทฺธจิตฺโต. เตน หิ อสุทฺธจิตฺเตน ลิงฺเค คหิตมตฺเต ปจฺฉา ภิกฺขูหิ สห สํวสตุ วา มา วา, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. ปจฺฉา สํวสนฺโตปิ อภพฺโพ หุตฺวา สํวสติ, ตสฺมา อุภยตฺเถนโกปิ ลิงฺคตฺเถนเก เอว ปวิสตีติ เวทิตพฺพํ. โย ปน ราชาทิภเยน สุทฺธจิตฺโตว ลิงฺคํ คเหตฺวา วิจรนฺโต ¶ ปจฺฉา ‘‘ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตฺวา ชีวสฺสามี’’ติ อสุทฺธจิตฺตํ อุปฺปาเทติ, โส จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน เถยฺยสํวาสโก น โหติ สุทฺธจิตฺเตน คหิตลิงฺคตฺตา. สเจ ปน โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สามเณรวสฺสคณนาทึ กโรติ, ตทา สํวาสตฺเถนโก, อุภยตฺเถนโก วา โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ปน ปรโต ‘‘สห ธุรนิกฺเขเปน อยมฺปิ เถยฺยสํวาสโกวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ภิกฺขูหิ สงฺคมฺม สํวาสาธิวาสนวเสน ธุรนิกฺเขปํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาวา’’ติ ¶ , ตสฺส ตาว เถยฺยสํวาสโก นาม น วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ โจราทิภยํ วินาปิ กีฬาธิปฺปาเยน ลิงฺคํ คเหตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ สนฺติเก ปพฺพชิตาลยํ ทสฺเสตฺวา วนฺทนาทึ อสาทิยนฺโตปิ ‘‘โสภติ นุ โข เม ปพฺพชิตลิงฺค’’นฺติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน คณฺหนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานีติ สพฺพสามยิกานํ สาธารณํ กตฺวา ปฺตฺตานิ ภตฺตานิ. อิทฺจ ภิกฺขูนฺเว นิยมิตภตฺตคฺคหเณ สํวาโสปิ สมฺภเวยฺยาติ สพฺพสาธารณภตฺตํ วุตฺตํ. สํวาสํ ปน อสาทิยิตฺวา อภิกฺขุกวิหาราทีสุ วิหารภตฺตาทีนิ ภฺุชนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ เอว. กมฺมนฺตานุฏฺาเนนาติ กสิอาทิกมฺมากรเณน. ปตฺตจีวรํ อาทายาติ ภิกฺขุลิงฺควเสน สรีเรน ธาเรตฺวา.
โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘เถยฺยสํวาสโก’’ติ ปน นามํ อชานนฺโตปิ ‘‘เอวํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ‘‘กโรนฺโต สมโณ นาม น โหตี’’ติ วา ‘‘ยทิ อาโรเจสฺสามิ, ฉฑฺฑยิสฺสนฺติ ม’’นฺติ วา ‘‘เยน เกนจิ ปพฺพชฺชา เม น รุหตี’’ติ ชานาติ, เถยฺยสํวาสโก โหติ. โย ปน ปมํ ‘‘ปพฺพชฺชา เอวํ เม คหิตา’’ติ สฺี เกวลํ อนฺตรา อตฺตโน เสตวตฺถนิวาสนาทิวิปฺปการํ ปกาเสตุํ ลชฺชนฺโต น กเถติ, โส เถยฺยสํวาสโก น โหติ. อนุปสมฺปนฺนกาเลเยวาติ เอตฺถ อวธารเณน อุปสมฺปนฺนกาเล เถยฺยสํวาสกลกฺขณํ ตฺวา วฺจนายปิ นาโรเจติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ทีเปติ. โส หิ สุทฺธจิตฺเตน คหิตลิงฺคตฺตา ลิงฺคตฺเถนโก น โหติ, ลทฺธูปสมฺปทตฺตา ตทนุคุณสฺเสว สํวาสสฺส สาทิตตฺตา สํวาสตฺเถนโกปิ ¶ น โหติ. อนุปสมฺปนฺโน ปน ลิงฺคตฺเถนโก โหติ, สํวาสารหสฺส ลิงฺคสฺส คหิตตฺตา สํวาสสาทิยนมตฺเตน สํวาสตฺเถนโก โหติ.
สลิงฺเค ¶ ิโตติ สลิงฺคภาเว ิโต. เถยฺยสํวาสโก น โหตีติ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา ลิงฺคตฺเถนโก น โหติ. ภิกฺขุปฏิฺาย อปริจฺจตฺตตฺตา สํวาสตฺเถนโก น โหติ. ยํ ปน มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) ‘‘ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโก’’ติ การณํ วุตฺตํ, ตมฺปิ อิทเมว การณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตรถา สามเณรสฺสาปิ ภิกฺขุวสฺสคณนาทีสุ ลิงฺคานุรูปสํวาโส เอว สาทิโตติ สํวาสตฺเถนกตา น สิยา ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อุภินฺนมฺปิ สาธารณตฺตา. ยถา เจตฺถ ภิกฺขุ, เอวํ สามเณโรปิ ปาราชิกํ สมาปนฺโน สามเณรปฏิฺาย อปริจฺจตฺตตฺตา สํวาสตฺเถนโก น โหตีติ เวทิตพฺโพ. โสภตีติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวาติ กาสาวธารเณ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา คิหิภาวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา.
สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโตติ สามเณรํ สนฺธาย วุตฺตํ. มหาเปฬาทีสูติ วิลีวาทิมเยสุ ฆรทฺวาเรสุ ปิเตสุ ภตฺตภาชนวิเสเสสุ. เอเตน วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสฺสคณนาทีนํ อกรณํ ทสฺเสตีติ วุตฺตํ.
๑๓๙. ติตฺถิยปกฺกนฺตกกถายํ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตีติ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคคฺคหเณเนว เตสํ ลทฺธิปิ คหิตาเยว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เกนจิ ปน ‘‘เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเต ลทฺธิยา คหิตายปิ อคฺคหิตายปิ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ คตสฺส ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉนโต อฺํ ลทฺธิคฺคหณํ ¶ นาม อตฺถิ. ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว หิ โส คหิตลทฺธิโก โหติ. เตเนว ‘‘วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ…เป… ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ, ตาว ตํ ลทฺธิ รกฺขติ, สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหตี’’ติ วุตฺตํ. นคฺโคว อาชีวกานํ อุปสฺสยํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏนฺติ ‘‘อาชีวโก ภวิสฺส’’นฺติ อสุทฺธจิตฺเตน คมนปจฺจยา ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. นคฺเคน หุตฺวา คมนปจฺจยาปิ ปทวาเร ทุกฺกฏา น มุจฺจติเยวาติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๐) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๐) ปน – ติตฺถิยปกฺกนฺตกาทิกถาสุ เตสํ ลิงฺเค อาทินฺนมตฺเตติ วีมํสาทิอธิปฺปายํ วินา ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานวเสน ลิงฺเค กาเยน ธาริตมตฺเต. สยเมวาติ ติตฺถิยานํ สนฺติกํ อคนฺตฺวา ¶ สยเมว สงฺฆาราเมปิ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ. อาชีวโก ภวิสฺสนฺติ…เป… คจฺฉตีติ อาชีวกานํ สนฺติเก เตสํ ปพฺพชนวิธินา ‘‘อาชีวโก ภวิสฺสามี’’ติ คจฺฉติ. ตสฺส หิ ติตฺถิยภาวูปคมนํ ปติ สนฺนิฏฺาเน วิชฺชมาเนปิ ‘‘คนฺตฺวา ภวิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปิตตฺตา ปทวาเร ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ. ทุกฺกฏนฺติ ปาฬิยา อวุตฺเตปิ เมถุนาทีสุ วุตฺตปุพฺพปโยคทุกฺกฏานุโลมโต วุตฺตํ. เอเตน จ สนฺนิฏฺานวเสน ลิงฺเค สมฺปฏิจฺฉิเต ปาราชิกํ, ตโต ปุริมปโยเค ถุลฺลจฺจยฺจ วตฺตพฺพเมว. ถุลฺลจฺจยกฺขเณ นิวตฺตนฺโตปิ อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา มุจฺจติ เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สงฺฆเภเทปิ โลหิตุปฺปาเทปิ ภิกฺขูนํ ปุพฺพปโยคาทีสุ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยปาราชิกาหิ มุจฺจนสีมา จ เวทิตพฺพา. สาสนวิรุทฺธตาเยตฺถ อาทิกมฺมิกานมฺปิ อนาปตฺติ น วุตฺตา. ปพฺพชฺชายปิ อภพฺพตาทสฺสนตฺถํ ปเนเต อฺเ จ ปาราชิกกณฺเฑ วิสุํ ¶ สิกฺขาปเทน ปาราชิกาทึ อทสฺเสตฺวา อิธ อภพฺเพสุ เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
ตํ ลทฺธีติ ติตฺถิยเวเส เสฏฺภาวคฺคหณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. เตสฺหิ ติตฺถิยานํ สสฺสตาทิคฺคาหํ คณฺหนฺโตปิ ลิงฺเค อสมฺปฏิจฺฉิเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก น โหติ, ตํ ลทฺธึ อคฺคเหตฺวาปิ ‘‘เอเตสํ วตจริยา สุนฺทรา’’ติ ลิงฺคํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ เอว. ลทฺธิยา อภาเวนาติ ภิกฺขุภาเว สาลยตาย ติตฺถิยภาวูปคมนลทฺธิยา อภาเวน. เอเตน จ อาปทาสุ กุสจีราทึ ปารุปนฺตสฺสปิ นคฺคสฺส วิย อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโตติ เอตฺถ สงฺฆเภทโกปิ อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนาว กถิโต, มาตุฆาตกาทโย ปน อนุปสมฺปนฺเนนาติปิ ทฏฺพฺพนฺติ อาคตํ.
๑๔๐. ติรจฺฉานกถายํ ‘‘โย โกจิ อมนุสฺสชาติโย, สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ติรจฺฉานคโตติ เวทิตพฺโพ’’ติ เอเตน เอโส มนุสฺสชาติโย เอว ภควโต สาสเน ปพฺพชิตุํ วา อุปสมฺปชฺชิตุํ วา ลภติ, น ตโต อฺเติ ทีเปติ. เตนาห ภควา ‘‘ตุมฺเห โขตฺถ นาคา อวิรุฬฺหิธมฺมา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย’’ติ (มหาว. ๑๑๑).
๑๔๑. อานนฺตริยกถายํ ติรจฺฉานาทิอมนุสฺสชาติโต มนุสฺสชาติกานฺเว ปุตฺเตสุ เมตฺตาทโยปิ ติกฺขวิสทา โหนฺติ โลกุตฺตรคุณา วิยาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา ชนิกา มาตา’’ติ. ยถา มนุสฺสานฺเว กุสลปวตฺติ ติกฺขวิสทา, เอวํ อกุสลปวตฺติปีติ อาห ‘‘สยมฺปิ ¶ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติอาทิ. อถ วา ยถา สมานชาติยสฺส วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติยสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสิตฺถิภูตา’’ติ. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตุปิตุสมฺา ¶ , ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชนิกา มาตา’’ติ วุตฺตํ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิพฺพตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนวา’’ติ. อานนฺตริเยนาติ เอตฺถ จุติอนนฺตรํ นิรเย ปฏิสนฺธิผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร ชนกตฺเตน นิยุตฺตํ อานนฺตริยํ, เตน. อถ วา จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตํ, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลํ, อนนฺตรปฺปโยชนํ วา อานนฺตริยํ, เตน อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน. ปิตุฆาตเกปิ ‘‘เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโก’’ติอาทินา สพฺพํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ.
ปริวตฺติตลิงฺคมฺปิ มาตรํ วา ปิตรํ วา ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติเยว. สติปิ หิ ลิงฺคปริวตฺเต โส เอว เอกกมฺมนิพฺพตฺโต ภวงฺคปฺปพนฺโธ ชีวิตปฺปพนฺโธ, น อฺโติ. โย ปน สยํ มนุสฺโส ติรจฺฉานภูตํ ปิตรํ วา มาตรํ วา, สยํ วา ติรจฺฉานภูโต มนุสฺสภูตํ, ติรจฺฉาโนเยว วา ติรจฺฉานภูตํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ น โหติ, ภาริยํ ปน โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ. เอฬกจตุกฺกํ สงฺคามจตุกฺกํ โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺโส มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ¶ ผุสติ มรณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา, ปน มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุโน อภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสฺสเตว. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. ยถา จ มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตสุ เอตานิ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ, ปน ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยฺจ ปมาณํ. กตานนฺตริยกมฺโม จ ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาเหสฺสามี’’ติ สกลจกฺกวาฬํ มหาเจติยปฺปมาเณหิ กฺจนถูเปหิ ปูเรตฺวาปิ สกลจกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ¶ ทตฺวาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สงฺฆาฏิกณฺณํ อมฺุจนฺโต วิจริตฺวาปิ กายสฺส เภทา นิรยเมว อุปปชฺชติ, ปพฺพชฺชฺจ น ลภติ. ปิตุฆาตเก เวสิยา ปุตฺโตติ อุปลกฺขณมตฺตํ, กุลิตฺถิยา อติจารินิยา ปุตฺโตปิ อตฺตโน ปิตรํ อชานิตฺวา ฆานฺเตนฺโตปิ ปิตุฆาตโกว โหติ.
อรหนฺตฆาตกกมฺเม อวเสสนฺติ อนาคามิอาทิกํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ตติยปาราชิกวณฺณนาโต คเหตพฺโพ.
‘‘ทุฏฺจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตํ จิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ เอตฺถ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน จมฺมจฺเฉทํ กตฺวา โลหิตปคฺฆรณํ นาม นตฺถิ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ. เทวทตฺเตน ปวิทฺธสิลโต ภิชฺชิตฺวา คตา สกฺขลิกาปิ ตถาคตสฺส ปาทนฺตํ ปหริ, ผรสุนา ปหโฏ วิย ¶ ปาโท อนฺโตโลหิโตเยว อโหสิ. ชีวโก ปน ตถาคตสฺส รุจิยา สตฺถเกน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ตมฺหา านา ทุฏฺโลหิตํ นีหริตฺวา ผาสุมกาสิ, เตนสฺส ปฺุกมฺมเมว อโหสิ. เตนาห ‘‘ชีวโก วิยา’’ติอาทิ.
อถ เย ปรินิพฺพุเต ตถาคเต เจติยํ ภินฺทนฺติ, โพธึ ฉินฺทนฺติ, ธาตุมฺหิ อุปกฺกมนฺติ, เตสํ กึ โหตีติ? ภาริยํ กมฺมํ โหติ อานนฺตริยสทิสํ. สธาตุกํ ปน ถูปํ วา ปฏิมํ วา พาธมานํ โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. สเจปิ ตตฺถ นิลีนา สกุณา เจติเย วจฺจํ ปาเตนฺติ, ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว. ปริโภคเจติยโต หิ สรีรเจติยํ ครุตรํ. เจติยวตฺถุํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺเต โพธิมูเลปิ ฉินฺทิตฺวา หริตุํ วฏฺฏติ. ยา ปน โพธิสาขา โพธิฆรํ พาธติ, ตํ เคหรกฺขณตฺถํ ฉินฺทิตุํ น ลภติ. โพธิอตฺถาย หิ เคหํ, น เคหตฺถาย โพธิ. อาสนฆเรปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ ปน อาสนฆเร ธาตุ นิหิตา โหติ, ตสฺส รกฺขณตฺถาย ตํ สาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. โพธิชคฺคนตฺถํ โอโชหรณสาขํ วา ปูติฏฺานํ วา ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว, สตฺถุ รูปกายปฏิชคฺคเน วิย ปฺุมฺปิ โหติ.
สงฺฆเภเท จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. อยํ สงฺฆเภทโกติ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. ปุพฺเพ เอว ปาราชิกํ สมาปนฺโน วา วตฺถาทิโทเสน วิปนฺนุปสมฺปโท วา สงฺฆํ ภินฺทนฺโตปิ อานนฺตริยํ น ผุสติ, สงฺโฆ ปน ภินฺโนว โหติ, ปพฺพชฺชา จสฺส น วาริตาติ ทฏฺพฺพํ.
ภิกฺขุนีทูสเน อิจฺฉมานนฺติ โอทาตวตฺถวสนํ อิจฺฉมานํ. เตเนวาห ‘‘คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยวา’’ติ. เนว ปพฺพชฺชา ¶ อตฺถีติ โยชนา. โย จ ปฏิกฺขิตฺเต อภพฺเพ จ ปุคฺคเล ตฺวา ปพฺพาเชติ, อุปสมฺปาเทติ วา, ทุกฺกฏํ. อชานนฺตสฺส สพฺพตฺถ อนาปตฺตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๔๒. คพฺภมาเสหิ สทฺธึ วีสติ วสฺสานิ อสฺสาติ คพฺภวีโส. หายนวฑฺฒนนฺติ คพฺภมาเสสุ อธิเกสุ อุตฺตริ หายนํ, อูเนสุ วฑฺฒนนฺติ เวทิตพฺพํ. เอกูนวีสติวสฺสนฺติ ทฺวาทส มาเส มาตุกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาตกาลโต ปฏฺาย เอกูนวีสติวสฺสํ. ปาฏิปททิวเสติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนทิวเส. ‘‘ตึสรตฺติทิโว มาโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๘.๔๓; วิภ. ๑๐๒๓) วจนโต ‘‘จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺติ, ตติยสํวจฺฉเร เอกมาสสฺส อธิกตฺตา มาสปริจฺจชนวเสน วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ตติโย สํวจฺฉโร เตรสมาสิโก โหติ. สํวจฺฉรสฺส ปน ทฺวาทสมาสิกตฺตา อฏฺารสสุ วสฺเสสุ อธิกมาเส วิสุํ คเหตฺวา ‘‘ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตโตติ ฉมาสโต. นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ อธิกมาเสหิ สทฺธึ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา นิพฺเพมติกา หุตฺวา. ยํ ปน วุตฺตํ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ ‘‘อฏฺารสนฺนํเยว วสฺสานํ อธิกมาเส คเหตฺวา คณิตตฺตา เสสวสฺสทฺวยสฺสปิ อธิกทิวสานิ โหนฺติ, ตานิ อธิกทิวสานิ สนฺธาย ‘นิกฺกงฺขา หุตฺวา’ติ วุตฺต’’นฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทฺวีสุ วสฺเสสุ อธิกทิวสานิ นาม วิสุํ อุปลพฺภนฺติ ตติเย วสฺเส วสฺสุกฺกฑฺฒนวเสน อธิกมาเส ปริจฺจตฺเตเยว อติเรกมาสสมฺภวโต, ตสฺมา ทฺวีสุ วสฺเสสุ อติเรกทิวสานิ วิสุํ น สมฺภวนฺติ.
‘‘เต ทฺเว มาเส คเหตฺวา วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, เอกูนวีสติวสฺสมฺหิ จ ปุน อปรสฺมึ ¶ วสฺเส ปกฺขิตฺเต วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘เอตฺถ ปน…เป… วุตฺต’’นฺติ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ ปน-สทฺโท หิสทฺทตฺโถ, เอตฺถ ¶ หีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺหิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. อิมินา จ อิมํ ทีเปติ – ยํ วุตฺตํ ‘‘เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ, ตตฺถ คพฺภมาเสปิ คเหตฺวา ทฺวีหิ มาเสหิ อปริปุณฺณวีสติวสฺสํ สนฺธาย ‘‘เอกูนวีสติวสฺส’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา อธิกมาเสสุ ทฺวีสุ คหิเตสุ เอว วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ นาม โหนฺตีติ. ตสฺมาติ ยสฺมา คพฺภมาสาปิ คณนูปคา โหนฺติ, ตสฺมา. เอกวีสติวสฺโส โหตีติ ชาตทิวสโต ปฏฺาย วีสติวสฺโส สมาโน คพฺภมาเสหิ สทฺธึ เอกวีสติวสฺโส โหติ. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย, กมฺมวาจาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๖) อาคตํ.
คพฺเภ สยิตกาเลน สทฺธึ วีสติมํ วสฺสํ ปริปุณฺณมสฺสาติ คพฺภวีโส. นิกฺขมนียปุณฺณมาสีติ สาวณมาสสฺส ปุณฺณมิยา อาสาฬฺหีปุณฺณมิยา อนนฺตรปุณฺณมี. ปาฏิปททิวเสติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย, ทฺวาทส มาเส มาตุกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาตํ อุปสมฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ตึสรตฺติทิโว มาโส, ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร’’ติ วจนโต ‘‘จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วสฺสํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺติ, ‘‘เอกมาสํ อธิกมาโส’’ติ ฉฑฺเฑตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ตติโย ตติโย สํวจฺฉโร เตรสมาสิโก โหติ. เต ทฺเว มาเส คเหตฺวาติ นิกฺขมนียปุณฺณมาสโต ยาว ชาตทิวสภูตา มหาปวารณา, ตาว เย ทฺเว มาสา อนาคตา, เตสํ อตฺถาย ¶ อธิกมาสโต ลทฺเธ ทฺเว มาเส คเหตฺวา. เตนาห ‘‘โย ปวาเรตฺวา วีสติวสฺโส ภวิสฺสตี’’ติอาทิ. ‘‘นิกฺกงฺขา หุตฺวา’’ติ อิทํ อฏฺารสนฺนํ วสฺสานํ เอว อธิกมาเส คเหตฺวา ตโต วีสติยา วสฺเสสุปิ จาตุทฺทสีนํ อตฺถาย จตุนฺนํ มาสานํ ปริหาปเนน สพฺพถา ปริปุณฺณวีสติวสฺสตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ปวาเรตฺวา วีสติวสฺโส ภวิสฺสตีติ มหาปวารณาทิวเส อติกฺกนฺเต คพฺภวสฺเสน สห วีสติวสฺโส ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา คพฺภมาสาปิ คณนูปคา โหนฺติ, ตสฺมา. เอกวีสติวสฺโสติ ชาติยา วีสติวสฺสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย, อาจริโย วา หุตฺวา อุปสมฺปาเทติ. โสปีติ อุปสมฺปาเทนฺโตปิ อนุปสมฺปนฺโนติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปาจิตฺติย ๒.๔๐๖) อาคตํ.
เอตฺถ ¶ สิยา – อฏฺกถาฏีกาสุ ‘‘อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อิทานิ ปน ‘‘เอกูนวีสติยา วสฺเสสุ สตฺต มาสา อธิกา’’ติ วทนฺติ, กถเมตฺถ วิฺาตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – อฏฺกถาฏีกาสุ สาสนโวหาเรน โลกิยคตึ อนุปคมฺม ตีสุ ตีสุ สํวจฺฉเรสุ มาสฉฑฺฑนํ คเหตฺวา ‘‘อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อิทานิ ปน เวทโวหาเรน จนฺทสูริยคติสงฺขาตํ ติถึ คเหตฺวา คเณนฺโต ‘‘เอกูนวีสติยา วสฺเสสุ สตฺต มาสา อธิกา’’ติ วทนฺตีติ, ตํ วสฺสูปนายิกกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.
๑๔๓. มาตา วา มตา โหตีติ สมฺพนฺโธ. โสเยวาติ ปพฺพชฺชาเปกฺโข เอว.
๑๔๔. ‘‘เอกสีมายฺจ ¶ อฺเปิ ภิกฺขู อตฺถีติ อิมินา เอกสีมายํ ภิกฺขุมฺหิ อสติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. ขณฺฑสีมาย วา ตฺวา นทีสมุทฺทาทีนิ วา คนฺตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ เอเตน สพฺเพ สีมฏฺกภิกฺขู อาปุจฺฉิตพฺพา, อนาปุจฺฉา ปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ.
๑๔๕. อนามฏฺปิณฺฑปาตนฺติ อคฺคหิตอคฺคํ ปิณฺฑปาตํ. สามเณรภาคสมโก อามิสภาโคติ เอตฺถ กิฺจาปิ สามเณรานํ อามิสภาคสฺส สมกเมว ทียมานตฺตา วิสุํ สามเณรภาโค นาม นตฺถิ, เหฏฺา คจฺฉนฺตํ ปน ภตฺตํ กทาจิ มนฺทํ ภเวยฺย, ตสฺมา อุปริ อคฺคเหตฺวา สามเณรปาฬิยาว คเหตฺวา ทาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. นิยตปพฺพชฺชสฺเสว จายํ ภาโค ทียติ. เตเนว ‘‘อปกฺกํ ปตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อฺเ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.
๑๔๖. สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ เกสจฺเฉทนาทีนิ สยํ กโรนฺเตน ปพฺพาเชตพฺโพ. เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนํ สรณทานนฺติ หิ อิมานิ ตีณิ กโรนฺโต ‘‘ปพฺพาเชตี’’ติ วุจฺจติ, เตสุ เอกํ ทฺเว วาปิ กโรนฺโต ตถา โวหรียติเยว, ตสฺมา เอตํ ปพฺพาเชหีติ เกสจฺเฉทนํ กาสายจฺฉาทนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปชฺฌายํ อุทฺทิสฺส ปพฺพาเชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ วุตฺตํ. เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสจฺเฉทนํ สนฺธาย วทติ. ภิกฺขุโต อฺโ ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามเณโร ปนา’’ติอาทีติ ¶ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔) อาคตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔) ปน – สยํ ปพฺพาเชตพฺโพติ ¶ เอตฺถ ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา’’ติอาทิวจนโต เกสจฺเฉทนกาสายจฺฉาทนสรณทานานิ ปพฺพชนํ นาม, เตสุ ปจฺฉิมทฺวยํ ภิกฺขูหิ เอว กาตพฺพํ, กาเรตพฺพํ วา. ปพฺพาเชหีติ อิทํ ติวิธมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ. ภิกฺขูนฺหิ อนาโรเจตฺวา เอกสีมาย ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ อฺํ อาณาเปตุมฺปิ น วฏฺฏติ. ปพฺพาเชตฺวาติ เกสาทิจฺเฉทนเมว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา. ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนุปสมฺปนฺเนน ภิกฺขุอาณตฺติยา ทินฺนมฺปิ สรณํ น รุหตีติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร ฏี. มหาวคฺค ๓๔) – ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํ วุตฺตํ, เตน สภิกฺขุเก วิหาเร อฺมฺปิ ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘ปพฺพาเชตฺวา’’ติ อิมสฺส อธิปฺปายปกาสนตฺถํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา เอหี’’ติ วุตฺตํ. อุปชฺฌาโย เจ เกสมสฺสุโอโรปนาทีนิ อกตฺวา ปพฺพชฺชตฺถํ สรณานิ เทติ, น รุหติ ปพฺพชฺชา. กมฺมวาจาย สาเวตฺวา อุปสมฺปาเทติ, รุหติ อุปสมฺปทา. อปตฺตจีวรานํ อุปสมฺปทาสิทฺธิทสฺสนโต, กมฺมวิปตฺติยา อภาวโต เจตํ ยุชฺชเตวาติ เอเก. โหติ เจตฺถ –
‘‘สลิงฺคสฺเสว ปพฺพชฺชา, วิลิงฺคสฺสาปิ เจตรา;
อเปตปุพฺพเวสสฺส, ตํทฺวยา อิติ จาปเร’’ติ.
ภิกฺขุนา หิ สหตฺเถน วา อาณตฺติยา วา ทินฺนเมว กาสาวํ วฏฺฏติ, อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ ปน สนฺเตสฺเวว กาสาเวสุ, นาสนฺเตสุ อสมฺภวโตติ เตสํ อธิปฺปาโยติ อาคโต.
ภพฺพรูโปติ ¶ ภพฺพสภาโว. ตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน วิภาเวติ ‘‘สเหตุโก’’ติ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต.
วณฺณสณฺานคนฺธาสโยกาสวเสน อสุจิเชคุจฺฉปฏิกูลภาวํ ปากฏํ กโรนฺเตนาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เกสา นาเมเต วณฺณโตปิ ปฏิกูลา, สณฺานโตปิ คนฺธโตปิ อาสยโตปิ โอกาสโตปิ ¶ ปฏิกูลา. มนฺุเปิ หิ ยาคุปตฺเต วา ภตฺตปตฺเต วา เกสวณฺณํ กิฺจิ ทิสฺวา ‘‘เกสมิสฺสกมิทํ, หรถ น’’นฺติ ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ เกสา วณฺณโต ปฏิกูลา. รตฺตึ ภฺุชนฺตาปิ เกสสณฺานํ อกฺกวากํ วา มกจิวากํ วา ฉุปิตฺวา ตเถว ชิคุจฺฉนฺติ, เอวํ สณฺานโตปิ ปฏิกูลา. เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขารวิรหิตานฺจ เกสานํ คนฺโธ ปรมเชคุจฺโฉ โหติ. ตโต เชคุจฺฉตโร อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตานํ. เกสา หิ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลาปิ สิยุํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยว. ยถา หิ ทหรสฺส กุมารกสฺส วจฺจํ วณฺณโต หลิทฺทิวณฺณํ, สณฺานโต หลิทฺทิปิณฺฑิสณฺานํ. สงฺกรฏฺาเน ฉฑฺฑิตฺจ อุทฺธุมาตกกาฬสุนขสรีรํ วณฺณโต ตาลปกฺกวณฺณํ, สณฺานโต วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมุทิงฺคสณฺานํ, ทาาปิสฺส สุมนมกุฬสทิสา, ตํ อุภยมฺปิ วณฺณสณฺานโต สิยา อปฺปฏิกูลํ, คนฺเธน ปน ปฏิกูลเมว, เอวํ เกสาปิ สิยุํ วณฺณสณฺานโต อปฺปฏิกูลา, คนฺเธน ปน ปฏิกูลาเยวาติ.
ยถา ปน อสุจิฏฺาเน คามนิสฺสนฺเทน ชาตานิ สูเปยฺยปณฺณานิ นาคริกมนุสฺสานํ เชคุจฺฉานิ โหนฺติ อปริโภคานิ, เอวํ เกสาปิ ปุพฺพโลหิตมุตฺตกรีสปิตฺตเสมฺหาทินิสฺสนฺเทน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ. เอวํ อาสยโตปิ ปฏิกูลา. อิเม จ เกสา นาม คูถราสิมฺหิ อุฏฺิตกณฺณกา วิย เอกตึสโกฏฺาสราสิมฺหิ ชาตา, เต สุสานสงฺการฏฺานาทีสุ ¶ ชาตสากํ วิย, ปริขาทีสุ ชาตกมลกุวลยาทิปุปฺผํ วิย จ อสุจิฏฺาเน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ เอวํ โอกาสโต ปฏิกูลาติอาทินา นเยน ตจปฺจกสฺส วณฺณาทิวเสน ปฏิกูลภาวํ ปกาเสนฺเตนาติ อตฺโถ.
นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ วา ปากฏํ กโรนฺเตนาติ อิเม เกสา นาม สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา, ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาเตสุ กุณฺติเณสุ น วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘‘มยิ กุณฺติณานิ ชาตานี’’ติ, นาปิ กุณฺติณานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’’ติ. เอวเมว น สีสกฏาหปลิเวนจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ เกสา ชาตา’’ติ, นาปิ เกสา ชานนฺติ ‘‘มยํ สีสกฏาหปลิเวนจมฺเม ชาตา’’ติ, อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมา. อิติ ‘‘เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สฺุโ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตู’’ติอาทินา นเยน นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ ปกาเสนฺเตน. ปุพฺเพติ ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก. มทฺทิตสงฺขาโรติ นามรูปววตฺถาเนน เจว ปจฺจยปริคฺคหวเสน จ าเณน ปริมทฺทิตสงฺขาโร. ภาวิตภาวโนติ กลาปสมฺมสนาทินา สพฺพโส กุสลภาวนาย ปูรเณน ภาวิตภาวโน ¶ . อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔) ปน – ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปนฺโน. นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวนฺติ ‘‘เกสา นาม อิมสฺมึ สรีเร ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโส อเจตโน อพฺยากโต สฺุโ นิสฺสตฺโต ถทฺโธ ปถวีธาตู’’ติอาทินยํ สงฺคณฺหาติ, สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑๑) อาคตนเยน คเหตพฺพํ. ปุพฺเพติ ปุพฺพพุทฺธุปฺปาเทสุ ¶ . มทฺทิตสงฺขาโรติ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตํ. ภาวิตภาวโนติ สมถวเสนปิ.
กาสายานิ ติกฺขตฺตุํ วา…เป… ปฏิคฺคาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ ‘‘สพฺพทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อิมํ กาสาวํ คเหตฺวา’’ติ วา ‘‘ตํ กาสาวํ ทตฺวา’’ติ วา วตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต, อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ เอวํ ยาจนปุพฺพกํ จีวรํ ปฏิจฺฉาเปติ. อถาปีติอาทิ ติกฺขตฺตุํ ปฏิคฺคาหาปนโต ปรํ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนํ, อถาปีติ ตโต ปรมฺปีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘จีวรํ อปฺปฏิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพาชนปฺปการเภททสฺสนตฺถํ ‘อถาปี’ติ วุตฺตํ. อถาปีติ อถ วาติ อตฺโถ’’ติ วทนฺติ. อทินฺนํ น วฏฺฏตีติ อิมินา ปพฺพชฺชา น รุหตีติ ทสฺเสติ.
๑๔๗. ปาเท วนฺทาเปตฺวาติ ปาทาภิมุขํ นมาเปตฺวา. ทูเร วนฺทนฺโตปิ หิ ปาเท วนฺทตีติ วุจฺจตีติ. อุปชฺฌาเยน วาติ เอตฺถ ยสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาติ, อยํ อุปชฺฌาโย. ยํ อาภิสมาจาริเกสุ วินยนตฺถาย อาจริยํ กตฺวา นิยฺยาเตนฺติ, อยํ อาจริโย. สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว สพฺพํ สิกฺขาเปติ, อฺมฺปิ น นิยฺยาเตติ, อุปชฺฌาโยวสฺส อาจริโยปิ โหติ. ยถา อุปสมฺปทากาเล สยเมว กมฺมวาจํ วาเจนฺโต อุปชฺฌาโยว กมฺมวาจาจริโยปิ โหตีติ วุตฺตํ.
อนฺุาตอุปสมฺปทาติ ตฺติจตุตฺถกมฺเมน อนฺุาตอุปสมฺปทา. านกรณสมฺปทนฺติ เอตฺถ อุรอาทีนิ านานิ, สํวุตาทีนิ กรณานีติ เวทิตพฺพานิ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตราวิจฺเฉทํ อกตฺวา ทาตพฺพานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ วุตฺตํ. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ม-การนฺตํ กตฺวา ทานสมเย วิจฺเฉทํ กตฺวา.
๑๔๘. สพฺพมสฺส ¶ ¶ กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิเภทํ กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพติ อิมินา ‘‘เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ. ตตฺถ จ กตฺตพฺพสฺส อกรเณ, อกตฺตพฺพสฺส จ กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๔) วุตฺตํ. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตราวิจฺเฉโท น กาตพฺโพติ อาห ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติ. อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพติ อิมินา เสขิยวตฺตากฺขนฺธกวตฺเตสุ, อฺเสุ จ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทิโลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ จ สามเณเรหิ วตฺติตพฺพํ, ตตฺถ อวตฺตมาโน อลชฺชี ทณฺฑกมฺมารโห จ โหตีติ ทสฺเสตีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๔).
อุราทีนิ านานิ นาม, สํวุตาทีนิ กรณานิ นาม. อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา เอกสมฺพนฺธํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา อฏฺตฺวา วตฺตพฺพํ, วิจฺฉินฺทิตฺวา ทานกาเลปิ ยถาวุตฺตฏฺาเน เอว วิจฺเฉโท, อฺตฺร น วฏฺฏตีติ ลิขิตํ, อนุนาสิกนฺเต ทียมาเน ขลิตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ ม-กาเรน มิสฺสีภูเต เขตฺเต โอติณฺณตฺตา วฏฺฏตีติ อุปติสฺสตฺเถโร. มิสฺสํ กตฺวา วตฺตุํ วฏฺฏติ, วจนกาเล ปน อนุนาสิกฏฺาเน วิจฺเฉทํ อกตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ธมฺมสิริตฺเถโร. ‘‘เอวํ กมฺมวาจายมฺปี’’ติ วุตฺตํ. อุภโตสุทฺธิยาว วฏฺฏตีติ เอตฺถ มหาเถโร ปติตทนฺตาทิการณตาย อจตุรสฺสํ กตฺวา วทติ, พฺยตฺตสามเณโร สมีเป ิโต ปพฺพชฺชาเปกฺขํ พฺยตฺตํ วทาเปติ, มหาเถเรน อวุตฺตํ วทาเปตีติ น วฏฺฏติ. กมฺมวาจาย อิตโร ภิกฺขุ เจ วทติ, วฏฺฏตีติ. สงฺโฆ หิ กมฺมํ กโรติ, น ปุคฺคโลติ. น, นานาสีมปวตฺตกมฺมวาจาสามฺนเยน ปฏิกฺขิปิตพฺพตฺตา. อถ เถเรน จตุรสฺสํ วุตฺตํ ¶ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตํ สามเณโร สยํ วตฺวา วทาเปติ, อุภโตสุทฺธิ เอว โหติ เถเรน วุตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา. ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉนฺโต อสาธารเณ พุทฺธคุณํ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉนฺโต นิพฺพานํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉนฺโต เสกฺขธมฺมํ อเสกฺขธมฺมฺจ สรณํ คจฺฉตี’’ติ อคฺคหิตคฺคหณวเสน โยชนา กาตพฺพา. อฺถา สรณตฺตยสงฺกรโทโส. สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิเภทํ. ‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตพฺโพ’’ติ วจนโต เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํ. ตตฺถ จาริตฺตสฺส อกรเณ, วาริตฺตสฺส กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตี’’ติ ทีเปตีติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๔) อาคโต.
อนุชานามิ ¶ ภิกฺขเว สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานีติอาทีสุ สิกฺขิตพฺพานิ ปทานิ สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาโกฏฺาสาติ อตฺโถ. สิกฺขาย วา ปทานิ สิกฺขาปทานิ, อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสิกฺขานํ อธิคมุปาโยติ อตฺโถ. อตฺถโต ปน กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา ปเนตฺถ ตคฺคหเณเนว คเหตพฺพา. ปาโณติ ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ, ตสฺส อติปาตนํ ปพนฺธวเสน ปวตฺติตุํ อทตฺวา สตฺถาทีหิ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปาตนํ ปาณาติปาโต, ปาณวโธติ อตฺโถ. โส ปน อตฺถโต ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา วธกเจตนาว, ตสฺมา ปาณาติปาตา เวรมณิ, เวรเหตุตาย เวรสงฺขาตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ นีหรตีติ วิรติ ‘‘เวรมณี’’ติ วุจฺจติ. วิรมติ เอตายาติ วา ‘‘วิรมตี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ สมาทานวิรติ วุตฺตา. เอส นโย เสเสสุปิ.
อทินฺนสฺส ¶ อาทานํ อทินฺนาทานํ, เถยฺยเจตนา. อพฺรมฺหจริยนฺติ อเสฏฺจริยํ, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เมถุนเจตนา. มุสาติ อภูตวตฺถุ, ตสฺส วาโท อภูตํ ตฺวาว ภูตโต วิฺาปนเจตนา มุสาวาโท. ปิฏฺปูวาทินิพฺพตฺตา สุรา เจว ปุปฺผาสวาทิเภทํ เมรยฺจ สุราเมรยํ. ตเทว มทนียฏฺเน มชฺชฺเจว ปมาทการณฏฺเน ปมาทฏฺานฺจ, ตํ ยาย เจตนาย ปิวติ, ตสฺสา เอวํ อธิวจนํ.
อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา, อยํ อริยานํ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. ภฺุชิตพฺพฏฺเน โภชนนฺติ อิธ สพฺพํ ยาวกาลิกํ วุจฺจติ, ตสฺส อชฺโฌหรณํ อิธ อุตฺตรปทโลเปน โภชนนฺติ อธิปฺเปตํ. วิกาเล โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนํ, วิกาเล วายาวกาลิกสฺส โภชนํ อชฺโฌหรณํ วิกาลโภชนนฺติปิ อตฺโถ คเหตพฺโพ, ตํ อตฺถโต วิกาเล ยาวกาลิกอชฺโฌหรณเจตนาว.
สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนํ ‘‘วิสูกทสฺสนํ, นจฺจคีตาทิทสฺสนสวนานฺเจว วฏฺฏกยุทฺธชูตกีฬาทิสพฺพกีฬานฺจ นามํ. ทสฺสนนฺติ เจตฺถ ปฺจนฺนมฺปิ วิฺาณานํ ยถาสกํ วิสยสฺส อาโลจนสภาวตาย ทสฺสนสทฺเทน สงฺคเหตพฺพตฺตา สวนมฺปิ สงฺคหิตํ. นจฺจคีตวาทิตสทฺเทหิ เจตฺถ อตฺตโน นจฺจนคายนาทีนิปิ สงฺคหิตานีติ ทฏฺพฺพํ.
มาลาติ ¶ พทฺธมพทฺธํ วา ปุปฺผํ, อนฺตมโส สุตฺตาทิมยมฺปิ อลงฺการตฺถาย ปิฬนฺธิยมานํ มาลาตฺเวว วุจฺจติ. คนฺธนฺติ วาสจุณฺณาทิวิเลปนโต อฺํ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ ปิสิตฺวา คหิตํ ฉวิราคกรณฺเจว คนฺธชาตฺจ. ธารณํ นาม ปิฬนฺธนํ. มณฺฑนํ นาม อูนฏฺานปูรณํ. คนฺธวเสน, ฉวิราควเสน วา สาทิยนํ วิภูสนํ นาม, มาลาทีสุ ¶ วา ธารณาทีนิ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพานิ. เตสํ ธารณาทีนํ านํ การณํ วีติกฺกมเจตนา.
อุจฺจาติ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺโถ นิปาโต. อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อาสนฺทาทิ. มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถตํ สโลหิตวิตานฺจ. เอเตสุ หิ อาสนํ สยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนสทฺเทหิ คหิตานิ อุตฺตรปทโลเปน. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ รชตสทฺเทน ทารุมาสกาทิ สพฺพํ รูปิยํ สงฺคหิตํ. มุตฺตามณิอาทโยเปตฺถ ธฺกฺเขตฺตวตฺถาทโย จ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ปฏิคฺคหณ-สทฺเทน ปน ปฏิคฺคาหาปนสาทิยนานิปิ สงฺคหิตานิ.
๑๔๙. เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อิมินา วสฺสจฺเฉทํ ทสฺเสติ. อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เต น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ปุริมิกาย ปุน สรณานิ คหิตานีติ สรณคหเณน สห ตทเหวสฺส วสฺสูปคมนมฺปิ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกนฺติ วสฺสาวาสิกลาภคฺคหณทสฺสนมตฺตเมเวตํ, ตโต ปุเรปิ วา ปจฺฉาปิ วา วสฺสาวาสิกฺจ จีวรมาเสสุ สงฺเฆ อุปฺปนฺนกาลจีวรฺจ ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา อวิปนฺนสีโล สามเณโร ลภติ เอว. สเจ ปจฺฉิมิกาย คหิตานีติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนฺจ ฉินฺนวสฺสตฺจ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ กาลจีวรลาโภ น ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. วสฺสาวาสิกลาโภ ปน ยทิ เสนาสนสฺสามิกา ทายกา เสนาสนคุตฺตตฺถาย ปจฺฉิมิกาย อุปคนฺตฺวา วตฺตํ กตฺวา อตฺตโน เสนาสเน วสนฺตสฺสปิ วสฺสาวาสิกํ ทาตพฺพนฺติ วทนฺติ, อนปโลเกตฺวาปิ ทาตพฺโพว. ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ ¶ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๘) ‘‘ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ วสฺสาวาสิเก ทายกานํ อิมํ อธิปฺปายํ นิสฺสาย วุตฺตฺเจ, สุนฺทรํ, สงฺฆิกํ, กาลจีวรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตฺเจ, น ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
น อชานิตฺวาติ ‘‘สุรา’’ติ อชานิตฺวา ปิวโต ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิสพฺพสีลเภทํ สรณเภทฺจ ¶ น อาปชฺชติ. อกุสลํ ปน สุราปานาเวรมณิสีลเภโท จ โหติ มาลาทิธารณาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิตรานีติ วิกาลโภชนาเวรมณิอาทีนิ. ตานิปิ หิ สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตสฺส ตํ ตํ ภิชฺชติ เอว, อิตรีตเรสํ ปน อภิชฺชเนน นาสนงฺคานิ น โหนฺติ. เตเนว ‘‘เอเตสุ ภินฺเนสู’’ติ เภทวจนํ วุตฺตํ.
อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ ภนฺเต อจฺจาคมา’’ติอาทินา สงฺฆมชฺเฌ เทสาเปตฺวา สรณสีลํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย ปาราชิกตฺตา เตสํ. เตนาห ‘‘ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ’’ติ. อยเมว หิ นาสนา อิธาธิปฺเปตาติ ลิงฺคนาสนาการเณหิ ปาณาติปาตาทีหิ อวณฺณภาสนาทีนํ สห ปติตตฺตา วุตฺตํ. นนุ จ กณฺฏกสามเณโรปิ มิจฺฉาทิฏฺิโก เอว, ตสฺส จ เหฏฺา ทณฺฑกมฺมนาสนาว วุตฺตา, อิธ ปน มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส ลิงฺคนาสนา วุจฺจติ, โก อิเมสํ เภโทติ โจทนํ มนสิ นิธายาห ‘‘สสฺสตุจฺเฉทานฺหิ อฺตรทิฏฺิโก’’ติ. เอตฺถ จายํ อธิปฺปาโย – โย หิ ‘‘อตฺตา อิสฺสโร’’ติ วา ‘‘นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา วา ‘‘อตฺตา อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตี’’ติอาทินา วา ติตฺถิยปริกปฺปิตํ ยํ กิฺจิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺึ ทฬฺหํ คเหตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ปาราชิกฏฺานํ โหติ, โส จ ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพ. โย ปน อีทิสํ ¶ ทิฏฺึ อคฺคเหตฺวา สาสนิโกว หุตฺวา เกวลํ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คเหตฺวา ภิกฺขูหิ โอวทิยมาโนปิ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ทิฏฺิ ปาราชิกํ น โหติ, โส ปน กณฺฏกนาสนาย เอว นาเสตพฺโพติ วิมติวิโนทนิยํ. อิมสฺมึ าเน สารตฺถทีปนิยํ ทสสิกฺขาปทโต ปฏฺาย วิตฺถารโต วณฺณนา อาคตา, สา โปราณฏีกายํ สพฺพโส โปตฺถกํ อารุฬฺหา, ตสฺมา อิธ น วิตฺถารยิมฺห.
๑๕๐. ‘‘อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิทํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ คณฺิปทการานํ อธิปฺปาโย – วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนนฺติ อิมินา ตสฺส วสฺสคฺเคน ปตฺตํ สงฺฆิกเสนาสนํ วุตฺตํ. อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินาปิ ตสฺเสว ปุคฺคลิกเสนาสนํ วุตฺตนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยตฺถ วา วสตีติ อิมินา สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, ตสฺส นิพทฺธวสนกเสนาสนํ วุตฺตํ. ยตฺถ วา ปฏิกฺกมตีติ อิมินา ปน ยํ อาจริยุปชฺฌายสฺส วสนฏฺานํ อุปฏฺานาทินิมิตฺตํ นิพทฺธํ ปวิสติ, ตํ อาจริยุปชฺฌายานํ ปวิสนฏฺานํ วุตฺตํ, ตสฺมา ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภเยนปิ อตฺตโน ปริเวณฺจ วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนฺจ วุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินา อาจริยุปชฺฌายานํ นิวาสนฏฺานํ ทสฺสิตํ, วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนนฺติ ¶ อิมินา ปน ตสฺส วสนฏฺานํ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, อาวรณํ กาตพฺพเมวาติ. มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภฺุชิตพฺพํ. ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวา. ทณฺเฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทณฺโฑ, โสเยว กตฺตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิ. ทณฺฑกมฺมมสฺส กโรถาติ อสฺส ทณฺฑกมฺมํ โยเชถ อาณาเปถ. ทณฺฑกมฺมนฺติ วา นิคฺคหกมฺมํ, ตสฺมา นิคฺคหมสฺส กโรถาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ อีทิเสสุ าเนสุ.
เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อิมินา ฉินฺนวสฺโส โหตีติ ทีเปติ. สเจ อากิณฺณโทโสว โหติ, อายตึ สํวเร น ติฏฺติ, นิกฺกฑฺฒิตพฺโพติ เอตฺถ สเจ ยาวตติยํ วุจฺจมาโน น โอรมติ, สงฺฆํ อปโลเกตฺวา นาเสตพฺโพ, ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจมาโนปิ อปโลเกตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพติ วทนฺติ. ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉติ. อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตพฺโพติ ฉินฺนวสฺสตาย วุตฺตํ. อิตรานิ ปฺจ สิกฺขาปทานีติ วิกาลโภชนาทีนิ ปฺจ. อจฺจยํ เทสาเปตพฺโพติ ‘‘อจฺจโย มํ ภนฺเต อจฺจาคมา’’ติอาทินา นเยน เทสาเปตพฺโพติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๐๘) วุตฺตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ทฺวาวีสติโม ปริจฺเฉโท.
อุปสมฺปทาวินิจฺฉยกถา
เอวํ ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา ตทนนฺตรํ อุปสมฺปทาวินิจฺฉโย กเถตพฺโพ, เอวํ สนฺเตปิ อฏฺกถายํ อุปสมฺปทาวินิจฺฉยกถา ปาฬิวณฺณนาวเสเนว อาคตา, โน ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวเสน, อิมสฺส ปน ปกรณสฺส ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยกถาภูตตฺตา ตมกเถตฺวา นิสฺสยวินิจฺฉโย เอว อาจริเยน กถิโต, มยํ ปน อุปสมฺปทาวินิจฺฉยสฺส อติสุขุมตฺตา ¶ อติคมฺภีรตฺตา สุทุลฺลภตฺตา สาสนานุคฺคหตฺถํ อาจริเยน ¶ อวุตฺตมฺปิ สมนฺตปาสาทิกโต นีหริตฺวา วิมติวิโนทนีอาทิปฺปกรเณสุ อาคตวินิจฺฉเยน อลงฺกริตฺวา ตํ วินิจฺฉยํ กถยิสฺสาม.
เตน โข ปน สมเยนาติ เยน สมเยน ภควตา ‘‘น ภิกฺขเว อนุปชฺฌายโก’’ติอาทิสิกฺขาปทํ อปฺตฺตํ โหติ, เตน สมเยน. อนุปชฺฌายกนฺติ อุปชฺฌํ อคาหาเปตฺวา สพฺเพน สพฺพํ อุปชฺฌายวิรหิตํ, เอวํ อุปสมฺปนฺนา เนว ธมฺมโต น อามิสโต สงฺคหํ ลภนฺติ, เต ปริหายนฺติเยว, น วฑฺฒนฺติ. น ภิกฺขเว อนุปชฺฌายโกติ อุปชฺฌํ อคาหาเปตฺวา นิรุปชฺฌายโก น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สิกฺขาปทปฺตฺติโต ปฏฺาย เอวํ อุปสมฺปาเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติ. เกจิ ‘‘กุปฺปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนา’’ติอาทีสุปิ อุภโตพฺยฺชนกุปชฺฌายปริโยสาเนสุ เอเสว นโย.
อปตฺตกา หตฺเถสุ ปิณฺฑาย จรนฺตีติ โย หตฺเถสุ ปิณฺโฑ ลพฺภติ, ตทตฺถาย จรนฺติ. เสยฺยถาปิ ติตฺถิยาติ ยถา อาชีวกนามกา ติตฺถิยา. สูปพฺยฺชเนหิ มิสฺเสตฺวา หตฺเถสุ ปิตปิณฺฑเมว หิ เต ภฺุชนฺติ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอวํ อุปสมฺปาเทนฺตสฺเสว อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติ, อจีวรกาทิวตฺถูสุปิ เอเสว นโย.
ยาจิตเกนาติ ‘‘ยาว อุปสมฺปทํ กโรม, ตาว เทถา’’ติ ยาจิตฺวา คหิเตน, ตาวกาลิเกนาติ อตฺโถ. อีทิเสน หิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา ปตฺตจีวเรน วา อุปสมฺปาเทนฺตสฺเสว อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติ, ตสฺมา ปริปุณฺณปตฺตจีวโรว อุปสมฺปาเทตพฺโพ. สเจ ตสฺส นตฺถิ, อาจริยุปชฺฌายา จสฺส ทาตุกามา โหนฺติ ¶ , อฺเ วา ภิกฺขู, นิรเปกฺเขหิ วิสฺสชฺเชตฺวา อธิฏฺานูปคํ ปตฺตจีวรํ ทาตพฺพํ.
โคตฺเตนปิ อนุสฺสาเวตุนฺติ ‘‘มหากสฺสปสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ โคตฺตํ วตฺวา อนุสฺสาเวตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ทฺเว เอกานุสฺสาวเนติ ทฺเว เอกโต อนุสฺสาวเน, เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสาติ เอวํ ทฺวีหิ วา อาจริเยหิ เอเกน วา เอกกฺขเณ กมฺมวาจํ อนุสฺสาเวนฺเตหิ อุปสมฺปาเทตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ทฺเว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ, ตฺจ โข เอเกน ¶ อุปชฺฌาเยนาติ ทฺเว วา ตโย วา ชเน ปุริมนเยเนว เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุํ อนุชานามิ, ตฺจ โข อนุสฺสาวนกิริยํ เอเกน อุปชฺฌาเยน อนุชานามีติ อตฺโถ. ตสฺมา เอเกน อาจริเยน ทฺเว วา ตโย วา อนุสฺสาเวตพฺพา. ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อาจริเยหิ วิสุํ วิสุํ เอเกน เอกสฺสาติ เอวํ เอกปฺปหาเรเนว ทฺเว ติสฺโส วา กมฺมวาจา กาตพฺพา. สเจ ปน นานาจริยา นานุปชฺฌายา โหนฺติ, ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร ติสฺสตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, อฺมฺฺจ คณปูรกา โหนฺติ, วฏฺฏติ. สเจ นานุปชฺฌายา โหนฺติ, เอโก อาจริโย โหติ, ‘‘น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา น วฏฺฏติ. อิทํ สนฺธาย หิ เอส ปฏิกฺเขโป.
ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพติ เอตฺถ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌา, ตํ อุปชฺฌํ ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ เอวํ วทาเปตฺวา คาหาเปตพฺโพ. วิตฺถายนฺตีติ วิตฺถทฺธคตฺตา โหนฺติ. ยํ ชาตนฺติ ยํ ตว สรีเร ชาตํ นิพฺพตฺตํ วิชฺชมานํ, ตํ สงฺฆมชฺเฌ ปุจฺฉนฺเต สนฺตํ อตฺถีติ วตฺตพฺพนฺติอาทิ. อุลฺลุมฺปตุ มนฺติ อุทฺธรตุ มํ.
ตาวเทวาติ ¶ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว. ฉายา เมตพฺพาติ เอกโปริสา วา ทฺวิโปริสา วาติ ฉายา เมตพฺพา. อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ‘‘วสฺสาโน เหมนฺโต คิมฺโห’’ติ อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพํ. เอตฺถ จ อุตุเยว อุตุปฺปมาณํ. สเจ วสฺสานาทโย อปริปุณฺณา โหนฺติ, ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ยสฺส โย อุตุ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเส สลฺลกฺเขตฺวา โส ทิวสภาโค อาจิกฺขิตพฺโพ. อถ วา ‘‘อยํ นาม อุตุ, โส จ โข ปริปุณฺโณ อปริปุณฺโณ วา’’ติ เอวํ อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพํ, ‘‘ปุพฺพณฺโห วา สายนฺโห วา’’ติ เอวํ ทิวสภาโค อาจิกฺขิตพฺโพ. สงฺคีตีติ อิทเมว สพฺพํ เอกโต กตฺวา ‘‘ตฺวํ กึ ลภสิ, กา เต ฉายา, กึ อุตุปฺปมาณํ, โก ทิวสภาโค’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิทํ นาม ลภามิ วสฺสํ วา เหมนฺตํ วา คิมฺหํ วา, อยํ เม ฉายา, อิทํ อุตุปฺปมาณํ, อยํ ทิวสภาโคติ วเทยฺยาสี’’ติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ.
โอหายาติ ฉฑฺเฑตฺวา. ทุติยํ ทาตุนฺติ อุปสมฺปทมาฬกโต ปริเวณํ คจฺฉนฺตสฺส ทุติยกํ ทาตุํ อนุชานามิ, จตฺตาริ จ อกรณียานิ อาจิกฺขิตุนฺติ อตฺโถ. ปณฺฑุปลาโสติ ปณฺฑุวณฺโณ ปตฺโต. พนฺธนา ปวุตฺโตติ วณฺฏโต ปติโต. อภพฺโพ หริตตฺถายาติ ปุน หริโต ภวิตุํ ¶ อภพฺโพ. ปุถุสิลาติ มหาสิลา. อยํ สมนฺตปาสาทิกโต นีหริตฺวา อาภโต อุปสมฺปทาวินิจฺฉโย.
อนุปชฺฌายาทิวตฺถูสุ สิกฺขาปทํ อปฺตฺตนฺติ ‘‘น อนุปชฺฌายโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๗) อิเธว ปฺาปิยมานํ สิกฺขาปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมํ ปน น กุปฺปตีติ อิทํ อุปชฺฌายาภาเวปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺขา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ ¶ มตสฺส วา วิพฺภนฺตสฺส วา ปุราณอุปชฺฌายสฺส, อฺสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ อวิชฺชมานสฺสปิ นาเมน สพฺพตฺถ อุปชฺฌายกิตฺตนสฺส กตตฺตา วุตฺตํ. ยทิ หิ อุปชฺฌายกิตฺตนํ น กเรยฺย, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตกมฺมวิปตฺติ เอว สิยา. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๑๑๗) ‘‘อนุปชฺฌายก’’นฺติ วุตฺตํ, อฏฺกถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๗) อสฺส ‘‘อุปชฺฌายํ อกิตฺเตตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปชฺฌายํ อคาหาเปตฺวา สพฺเพน สพฺพํ อุปชฺฌายวิรหิตํ’’ อิจฺเจว อตฺโถ วุตฺโต. ปาฬิยํ สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนาติ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข, อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ สงฺเฆน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอวํ กมฺมวาจาย สงฺฆเมว อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ คเณน อุปชฺฌาเยนาติ เอตฺถาปิ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม คณสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินา โยชนา เวทิตพฺพา. เอวํ วุตฺเตปิ กมฺมํ น กุปฺปติ เอว ทุกฺกฏสฺเสว วุตฺตตฺตา, อฺถา ‘‘โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติ วเทยฺย. เตนาห ‘‘สงฺเฆนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปณฺฑกาทิอุปชฺฌาเยหิ กริยมาเนสุ กมฺเมสุ ปณฺฑกาทิเก วินาว ยทิ ปฺจวคฺคาทิคโณ ปูรติ, กมฺมํ น กุปฺปติ, อิตรถา กุปฺปตีติ เวทิตพฺพํ.
อปตฺตจีวรวตฺถูสุปิ ปตฺตจีวรานํ อภาเวปิ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจาย สาวิตตฺตา กมฺมโกปํ อวตฺวา ทุกฺกฏเมว วุตฺตํ. อิตรถา สาวนาย หาปนโต กมฺมโกโป เอว สิยา. เกจิ ปน ‘‘ปมํ อนฺุาตกมฺมวาจายํ อุปสมฺปนฺนา วิย อิทานิปิ ‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’นฺติ อวตฺวา กมฺมวาจาย อุปสมฺปนฺนาปิ สูปสมฺปนฺนา เอวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. อนฺุาตกาลโต ปฏฺาย หิ อปรามสนํ สาวนาย หาปนวิปตฺติ เอว โหติ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ ปทสฺส หาปเน วิย ¶ . ตมฺปิ หิ ปจฺฉา อนฺุาตํ, ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทิวากฺเยน อยาเจตฺวา ตมฺปิ อุปสมฺปาเทนฺโต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วตฺวาว ยทิ กมฺมวาจํ กโรติ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ. โน เจ, วิปนฺนํ. สพฺพปจฺฉา หิ อนฺุาตกมฺมวาจโต กิฺจิปิ ปริหาเปตุํ น วฏฺฏติ, สาวนาย หาปนเมว ¶ โหติ, อฺเ วา ภิกฺขู ทาตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ, อยเมตฺถ วิมติวิโนทนิยา (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๑๗) อาภโต วินิจฺฉโย. สารตฺถทีปนีวินิจฺฉโย ปน อิเธว อนฺโตคธา โหติ อปฺปตรตฺตา อวิเสสตฺตา จ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๑๗) ปน ‘‘เกจิ กุปฺปตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ปฺจวคฺคกรณียฺเจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ, ภิกฺขุนิปฺจโม กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๙๐) นเยน วุตฺตตฺตา ปณฺฑกานํ คณปูรณภาเว เอว กมฺมํ กุปฺปติ, น สพฺพนฺติ กตฺวา สุวุตฺตํ, อิตรถา ‘‘ปณฺฑกุปชฺฌาเยน กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิกาย ปาฬิยา ภวิตพฺพํ สิยา. ยถา อปริปุณฺณปตฺตจีวรสฺส อุปสมฺปาทนกาเล กมฺมวาจายํ ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อสนฺตํ วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา อุปสมฺปทาย กตาย ตสฺมึ อสนฺเตปิ อุปสมฺปทา รุหติ, เอวํ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อวตฺถุํ ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ, อสนฺตํ วา วตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กตายปิ คณปูรกานมตฺถิตาย อุปสมฺปทา รุหเตว. ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑกุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิวจนสฺส อภาวา อยมตฺโถ สิทฺโธว โหติ. น หิ พุทฺธา วตฺตพฺพยุตฺตํ น วทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ¶ …เป… โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปนฺโน’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๐๓). ตถา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๗๑) วจนโต เถยฺยสํวาสกาทิอาจริเยหิ อนุสฺสาวนาย กตาย อุปสมฺปทา น รุหติ เตสํ อภิกฺขุตฺตาติ วจนมฺปิ น คเหตพฺพํ.
กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทินา (ปริ. ๔๘๒) นเยน กมฺมานํ สมฺปตฺติวิปตฺติยา กถิยมานาย ‘‘สตฺตหิ อากาเรหิ กมฺมานิ วิปชฺชนฺติ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา อุปชฺฌายโต วา อาจริยโต วา’’ติ อกถิตตฺตา น คเหตพฺพํ. ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน อาจริยุปชฺฌายานํ วา สงฺคโห กโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหิ อากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค เตสมนามฏฺตฺตา, อยมตฺโถ ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว ¶ สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ อยมสฺส ยุตฺติคเวสนาติ วุตฺตํ.
ตตฺริทํ วิจาเรตพฺพํ – อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตา เต ภิกฺขู ยถาวุตฺตนเยน อภูตํ วตฺถุํ กิตฺตยึสุ, อุทาหุ มุสาวาทภยา ตาเนว ปทานิ น สาเวสุนฺติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว อุปชฺฌายาภาวโต น สาเวสุํ, ‘‘ปุคฺคลํ น ปรามสตี’’ติ วุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺโค โหติ, อถ สาเวสุํ, มุสาวาโท เนสํ ภวตีติ? วุจฺจเต – สาเวสุํเยว ยถาวุตฺตวิปตฺติปฺปสงฺคภยา, ‘‘กมฺมํ ปน น กุปฺปตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จ. น, มุสาวาทสฺส อสมฺภวโต, มุสาวาเทนปิ กมฺมสมฺภวโต จ. น หิ สกฺกา มุสาวาเทน กมฺมวิปตฺติสมฺปตฺตึ กาตุนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนสฺส จ อุภยโทสวินิมุตฺโต อตฺโถ ปริเยสิตพฺโพ.
อยฺเจตฺถ ¶ ยุตฺติ – ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชุปสมฺปทุปชฺฌาเยสุ วิชฺชมาเนสุปิ อุปชฺฌายคฺคหณกฺกเมน อคฺคหิตตฺตา ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนุปชฺฌายก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ อุปชฺฌายสฺส วิชฺชมานสฺเสว สโต อคฺคหิตตฺตา ‘‘อนุปชฺฌายกํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. กมฺมวาจาจริเยน ปน ‘‘คหิโต เตน อุปชฺฌาโย’’ติ สฺาย อุปชฺฌายํ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตพฺพํ. เกนจิ วา การเณน กายสามคฺคึ อเทนฺตสฺส อุปชฺฌายสฺส ฉนฺทํ คเหตฺวา กมฺมวาจํ สาเวติ, อุปชฺฌาโย วา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อุปชฺฌํ ทตฺวา ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเน ตสฺมึ ตาทิเส วตฺถุสฺมึ สมนุยฺุชิยมาโน วา อสมนุยฺุชิยมาโน วา อุปชฺฌายทานโต ปุพฺเพ เอว สามเณโร ปฏิชานาติ, สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก วา ปฏิชานาติ, ฉนฺทหารกาทโย วิย อุปชฺฌาโย วา อฺสีมาคโต โหติ. กมฺมวาจา รุหตีติ วตฺวา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’’นฺติ วุตฺตตฺตา. เกจิ ‘‘วินยธรปฺจเมน อุปชฺฌาเยน สนฺนิหิเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺตีติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ. โส จ ปาโ อปฺปมาโณ มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ตสฺส วจนสฺสาภาวโต. อสนฺนิหิเตปิ อุปชฺฌาเย กมฺมวาจา รุหตีติ อาปชฺชตีติ เจ? น. กสฺมา? กมฺมสมฺปตฺติยํ ‘‘ปุคฺคลํ ปรามสตี’’ติ วุตฺตปาโว โน ปมาณํ. น หิ ตตฺถ อสนฺนิหิโต อุปชฺฌายสงฺขาโต ปุคฺคโล ปรามสนํ อรหติ, ตสฺมา ตตฺถ สงฺฆปรามสนํ วิย ปุคฺคลปรามสนํ เวทิตพฺพํ. สงฺเฆน คเณน อุปชฺฌาเยน ¶ อุปสมฺปาเทนฺติ เตสํ อตฺถโต ปุคฺคลตฺตา, ปณฺฑกาทิอุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทนฺติ อุปสมฺปาทนกาเล อวิทิตตฺตาติ โปราณา.
อปตฺตจีวรํ ¶ อุปสมฺปาเทนฺตีติ กมฺมวาจาจริโย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ สฺาย, เกวลํ อตฺถสมฺปตฺตึ อนเปกฺขิตฺวา สนฺตปทนีหาเรน วา ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ กมฺมวาจํ สาเวติ. ยถา เอตรหิ มตวิปฺปวุตฺตมาตาปิติโกปิ ‘‘อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วทติ, กึ พหุนา? อยํ ปเนตฺถ สาโร – ‘‘ตสฺมึ สมเย จตฺตาริ กมฺมานิ ปฺจหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติ ลกฺขณสฺส น ตาว ปฺตฺตตฺตา อนุปชฺฌายกาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ. วชฺชนียปุคฺคลานํ อวุตฺตตฺตา ปณฺฑกุปชฺฌายาทึ อุปสมฺปาเทนฺติ, เตรสนฺตรายปุจฺฉาย อทสฺสนตฺตา อปตฺตจีวรกํ อุปสมฺปาเทนฺติ, ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๖๙) เอวํ สพฺพปมํ อนฺุาตาย กมฺมวาจาย ‘‘ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ อวจนเมตฺถ สาธกนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ วจนํ อนุกฺกเมนานฺุาตนฺติ.
อิทํ ตาว สพฺพถา โหตุ, ‘‘มูคํ ปพฺพาเชนฺติ พธิรํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ อิทํ กถํ สมฺภวิตุมรหติ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทินา อนฺุาตตฺตาติ? วุจฺจเต – ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพติ, เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ…เป… ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ ‘‘เอวํ วเทหีติ วตฺตพฺโพ’’ติ อิมสฺส วจนสฺส มิจฺฉา อตฺถํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชสุํ. ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ ตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ อาณาเปตฺวา สยํ อุปชฺฌาเยน วตฺตพฺโพ ‘‘ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ, โส ปพฺพชฺชาเปกฺขา ตถา อาณตฺโต อุปชฺฌายวจนสฺส อนุ อนุ วทตุ วา มา วา, ตตฺถ ตตฺถ ภควา ‘‘กาเยน วิฺาเปติ, วาจาย วิฺาเปติ, กาเยน วาจาย วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. ทินฺโน โหติ ฉนฺโท, ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ, ทินฺนา โหติ ปวารณา’’ติ วทติ ¶ . ตทนุมาเนน วา กาเยน เตน ปพฺพชฺชาเปกฺเขน วิฺตฺตํ โหติ สรณคมนนฺติ วา โลเกปิ กาเยน วิฺาเปนฺโต เอวํ วทตีติ วุจฺจติ, ตํ ปริยายํ คเหตฺวา มูคํ ปพฺพาเชนฺตีติ เวทิตพฺพํ. โปราณคณฺิปเท ‘‘มูคํ กถํ ปพฺพาเชนฺตีติ ปุจฺฉํ กตฺวา ตสฺส กายปสาทสมฺภวโต กาเยน ปหารํ ทตฺวา หตฺถมุทฺทาย วิฺาเปตฺวา ปพฺพาเชสุ’’นฺติ วุตฺตํ. กึ พหุนา?
อยํ ¶ ปเนตฺถ สาโร – ยถา ปุพฺเพ ปพฺพชฺชาธิกาเร วตฺตมาเน ปพฺพชฺชาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๙) นเยน อุปสมฺปทวเสเนว อภิลาโป กโต. เถยฺยสํวาสกปเท อสมฺภวโต กิฺจาปิ โส น กโต, ปพฺพชฺชาว ตตฺถ กตา, สพฺพตฺถ ปน อุปสมฺปทาภิลาเปน อธิปฺเปตา ตทนุภาวโต อุปสมฺปทาย, ปพฺพชฺชาย วาริตาย อุปสมฺปทา วาริตา โหตีติ กตฺวา, ตถา อิธ อุปสมฺปทาธิกาเร วตฺตมาเน อุปสมฺปทาภิลาปํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปสมฺปทเมว สนฺธาย ปพฺพชฺชาภิลาโป กโตติ เวทิตพฺโพ. กามํ โส น กตฺตพฺโพ, มูคปเท อสมฺภวโต ตสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย อุปสมฺปทาภิลาโปว กตฺตพฺโพ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ตสฺเสว มูคปทสฺส วเสน อาทิโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชาภิลาโปว กโต มิจฺฉาคหณนิวารณตฺถํ. กถํ? ‘‘มูโค, ภิกฺขเว, อปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติ (มหาว. ๓๙๖) วจนโต หิ มูโค อุปสมฺปนฺโน โหตีติ สิทฺธํ, โส เกวลํ อุปสมฺปนฺโนว โหติ, น ปน ปพฺพชิโต ตสฺส ปพฺพชฺชาย อสมฺภวโตติ มิจฺฉาคาโห โหติ, ตํ ปริวชฺชาเปตฺวา โย อุปสมฺปนฺโน, โส ปพฺพชิโตว โหติ. ปพฺพชิโต ปน ¶ อตฺถิ โกจิ อุปสมฺปนฺโน, อตฺถิ โกจิ อนุปสมฺปนฺโนติ อิมํ สมฺมาคาหํ อุปฺปาเทติ ภควาติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ เตสํ หตฺถจฺฉินฺนาทีนํ ปพฺพชิตานํ สุปพฺพชิตภาวทีปนตฺถํ, ปพฺพชฺชาภาวสงฺกานิวารณตฺถฺเจตฺถ ปพฺพชฺชาภิลาโป กโต. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๑๙) ปฏิกฺเขเปน, ‘‘ปพฺพชิตา สุปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตฏฺานาภาเวน จ เตสํ ปพฺพชฺชาภาวสงฺกา ภเวยฺย, ยถา ปสงฺกา ภเว, ตถา ปสงฺกํ เปยฺย. ขนฺธเก อุปสมฺปทํ สนฺธาย ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, อปตฺโต โอสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรติ, โสสาริโต’’ติอาทินา (มหาว. ๓๙๖) นเยน ภควา นิวาเรติ. เตเนว นเยน ปพฺพชิตา ปเนเต สพฺเพปิ สุปพฺพชิตา เอวาติ ทีเปติ. อฺถา สพฺเพเปเต อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตาติ อยมนิฏฺปฺปสงฺโค อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘หตฺถจฺฉินฺโน, ภิกฺขเว, น ปพฺพาเชตพฺโพ, ปพฺพชิโต นาเสตพฺโพ’’ติ วา ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, โส จ อปพฺพชิโต’’ติ (มหาว. ๑๑๙) วา ตนฺติยา ปิตาย จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก ‘‘โสสาริโต’’ติ วุตฺตตฺตา เกวลํ ‘‘อิเม หตฺถจฺฉินฺนาทโย อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น ปพฺพชิตา’’ติ วา ‘‘อุปสมฺปนฺนาปิ เจ ปพฺพชิตา, นาเสตพฺพา’’ติ วา อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย.
อิทํ ¶ ปเนตฺถ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘โส จ อปพฺพชิโต’’ติ วจนาภาวโต มูคสฺส ปพฺพชฺชาสิทฺธิปสงฺคโต ปพฺพชฺชาปิ เอกโตสุทฺธิยา โหตีติ อยมนิฏฺโกฏฺาโส กถํ นาปชฺชตีติ? ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทา อิธาธิปฺเปตาติ สมฺมาคาเหน นาปชฺชตีติ, อฺถา ยถาพฺยฺชนํ อตฺเถ คหิเต ยถาปฺตฺตทุกฺกฏาภาวสงฺขาโต อปโร อนิฏฺโกฏฺาโส อาปชฺชติ. กถํ? ‘‘น, ภิกฺขเว, มูโค ปพฺพาเชตพฺโพ, โย ¶ ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตทุกฺกฏํ ปพฺพชฺชาปริโยสาเน โหติ, น ตสฺสาวิปฺปกตาย. ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว หิ ปมํ อาปชฺชติ, ตสฺมา มูคสฺส ปพฺพชฺชาปริโยสานสฺเสว อภาวโต อิมสฺส ทุกฺกฏสฺส โอกาโส จ น สพฺพกาลํ สมฺภเวยฺย, อุปสมฺปทาวเสน ปน อตฺเถ คหิเต สมฺภวติ กมฺมนิพฺพตฺติโต. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปณฺฑโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ทุกฺกฏํ น ปฺตฺตํ. อปฺตฺตตฺตา ปุพฺพปโยคทุกฺกฏเมว เจตฺถ สมฺภวติ, เนตรํ. เอตฺตาวตา สิทฺธเมตํ ปพฺพชฺชาภิลาเปน อุปสมฺปทาว ตตฺถ อธิปฺเปตา, น ปพฺพชฺชาติ. เอตฺถาห สามเณรปพฺพชฺชา น กายปโยคโต โหตีติ กถํ ปฺายตีติ? วุจฺจเต – กาเยน วิฺาเปตีติอาทิตฺติกา ทสฺสนโตติ อาคโต.
‘‘โคตฺเตนปิ อนุสฺสาเวตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๒) วจนโต เยน โวหาเรน โวหรติ, เตน วฏฺฏตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา ‘‘โก นาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเนปิ โคตฺตเมว นามํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ, ตสฺมา จตุพฺพิเธสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน อนุสฺสาวนา กาตพฺพาติ วทนฺติ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, ตตฺถ เอกํ นามํ ตฺติยา, เอกํ อนุสฺสาวนาย กาตุํ น วฏฺฏติ, อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อภินฺนาหิ อนุสฺสาวนาหิ ภวิตพฺพนฺติ. กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปาฬิยํ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ ปจฺฉา วุตฺตํ, กมฺมวาจาปาฬิยํ ปน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ ปมํ ลิขนฺติ, ตํ อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตนฺติ น ปจฺเจตพฺพํ. ปาฬิยฺหิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺสา’’ติ อตฺถมตฺตํ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ อวุตฺโตปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺสา’’ติ กมฺมวาจาปาฬิยํ ปโยโค ทสฺสิโต. ‘‘น เม ¶ ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ อิจฺจายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติ จ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติ จ ปมํ ‘‘อายสฺมา’’ติ ปโยคสฺส ทสฺสนโตติ วทนฺติ. กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ เกวลํ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ สาเวติ, สาวนํ หาเปตีติ น วุจฺจติ นามสฺส อหาปิตตฺตาติ ¶ เอเก. สเจ กตฺถจิ ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ วตฺวา กตฺถจิ ‘‘พุทฺธรกฺขิตสฺสายสฺมโต’’ติ สาเวติ, ปาานุรูปตฺตา เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติปิ เอเก. พฺยฺชนเภทปฺปสงฺคโต อนุสฺสาวนานํ ตํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. สเจ ปน สพฺพฏฺาเนปิ เอเกเนว ปกาเรน วทติ, วฏฺฏติ.
เอกานุสฺสาวเนติ เอตฺถ เอกโต อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนาติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ทฺเว เอกโต อนุสฺสาวเน’’ติ. ตตฺถ เอกโตติ เอกกฺขเณติ อตฺโถ, วิภตฺติอโลเปน จายํ นิทฺเทโส. ปุริมนเยเนว เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อาจริเยหิ เอเกน วา เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุํ. วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาติ อิมินา อุปชฺฌายสทฺทสมานตฺโถ อุปชฺฌาสทฺโทปีติ อตฺถํ ทสฺเสตีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๒๓).
โคตฺเตนาปีติ ‘‘อายสฺมโต ปิปฺปลิสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ นามํ อวตฺวา โคตฺตนาเมนปีติ อตฺโถ, เตน ‘‘โก นาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ ปุฏฺเน โคตฺตนาเมน ‘‘อายสฺมา กสฺสโป’’ติ วตฺตพฺพนฺติ สิทฺธํ โหติ. ตสฺมา อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ ตสฺส นามํ ปสิทฺธํ, ตสฺมึ วา ขเณ สุขคฺคหณตฺถํ นามํ ปฺาปิตํ, ตํ สพฺพํ คเหตฺวาปิ อนุสฺสาวนา กาตพฺพา. ยถา อุปชฺฌายสฺส, เอวํ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺสาปิ โคตฺตาทินาเมน ¶ ตงฺขณิกนาเมน จ อนุสฺสาวนํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมิมฺปิ ขเณ ‘‘อยํ ติสฺโส’’ติ วา ‘‘นาโค’’ติ วา นามํ กโรนฺเตหิ อนุสาสกสมฺมุติโต ปมเมว กาตพฺพํ. เอวํ อกตฺวาปิ อนฺตรายิกธมฺมานุสาสนปุจฺฉนกาเลสุ ‘‘กินฺนาโมสิ, อหํ ภนฺเต นาโค นาม, โก นาโม เต อุปชฺฌาโย, อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต ติสฺโส นามา’’ติอาทินา วิฺาเปนฺเตน อุภินฺนมฺปิ จิตฺเต ‘‘มเมตํ นาม’’นฺติ ยถา สฺํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ วิฺาเปตพฺพํ. สเจ ปน ตสฺมึ ขเณ ปกตินาเมน วตฺวา ปจฺฉา ‘‘ติสฺโส นามา’’ติ อปุพฺพนาเมน อนุสฺสาเวติ, น วฏฺฏติ.
ตตฺถ จ กิฺจาปิ อุปชฺฌายสฺเสว นามํ อคฺคเหตฺวา เยน เกนจิ นาเมน ‘‘ติสฺสสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินาปิ ปุคฺคเล ปรามฏฺเ กมฺมํ สุกตเมว โหติ อนุปชฺฌายกาทีนํ อุปสมฺปทากมฺมํ วิย อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ อภพฺพตฺเตปิ กมฺมวาจาย ปุคฺคเล ปรามฏฺเ กมฺมสฺส ¶ สิชฺฌนโต. อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปน ยถาสกํ นามํ วินา อฺเน นาเมน อนุสฺสาวิเต กมฺมํ กุปฺปติ, โส อนุปสมฺปนฺโนว โหติ. ตตฺถ ิโต อฺโ อนุปสมฺปนฺโน วิย คหิตนามสฺส วตฺถุปุคฺคลสฺส ตตฺถ อภาวา, เอตสฺส จ นามสฺส อนุสฺสาวนาย อวุตฺตตฺตา. ตสฺมา อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปกตินามํ ปริวตฺเตตฺวา อปุพฺเพน นาคาทินาเมน อนุสฺสาวิตุกาเมน ปฏิกจฺเจว ‘‘ตฺวํ นาโค’’ติอาทินา วิฺาเปตฺวา อนุสาสนอนฺตรายิกธมฺมาปุจฺฉนกฺขเณสุปิ ตสฺส จ สงฺฆสฺส จ ยถา ปากฏํ โหติ, ตถา ปกาเสตฺวาว นาคาทินาเมน อนุสฺสาเวตพฺพํ. เอกสฺส พหูนิ นามานิ โหนฺติ, เตสุ เอกํ คเหตุํ วฏฺฏติ.
ยํ ปน อุปสมฺปทาเปกฺขอุปชฺฌายานํ เอกตฺถ คหิตํ นามํ ตเทว ตฺติยา, สพฺพตฺถ อนุสฺสาวนาสุ จ คเหตพฺพํ. คหิตโต หิ อฺสฺมึ คหิเต พฺยฺชนํ ภินฺนํ นาม โหติ, กมฺมํ ¶ วิปชฺชติ. อตฺถโต หิ พฺยฺชนโต จ อภินฺนา เอว ตฺติ อนุสฺสาวนา จ วฏฺฏนฺติ. อุปชฺฌายนามสฺส ปน ปุรโต ‘‘อายสฺมโต ติสฺสสฺสา’’ติอาทินา อายสฺมนฺตปทํ สพฺพตฺถ โยเชตฺวาปิ อนุสฺสาเวติ. ตถา อโยชิเตปิ โทโส นตฺถิ.
ปาฬิยํ (มหาว. ๑๒๖) ปน กิฺจาปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ ปจฺฉโต ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ วุตฺตํ, ตถาปิ ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺถกุสโล’’ติอาทินา นามสฺส ปุรโต ‘อายสฺมนฺตปท’โยคสฺส ทสฺสนโต ปุรโตว ปโยโค ยุตฺตตโร, ตฺจ เอกตฺถ โยเชตฺวา อฺตฺถ อโยชิเตปิ เอกตฺถ ปุรโต โยเชตฺวา อฺตฺถ ปจฺฉโต โยชเนปิ สาวนาย หาปนํ นาม น โหติ นามสฺส อหาปิตตฺตา. เตเนว ปาฬิยมฺปิ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ เอกตฺถ โยเชตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติอาทีสุ ‘‘อายสฺมโต’’ติ น โยชิตนฺติ วทนฺติ. ตฺจ กิฺจาปิ เอวํ, ตถาปิ สพฺพฏฺาเนปิ เอเกเนว ปกาเรน โยเชตฺวา เอว วา อโยเชตฺวา วา อนุสฺสาวนํ ปสตฺถตรนฺติ คเหตพฺพํ.
เอกโต สเหว เอกสฺมึ ขเณ อนุสฺสาวนํ เอเตสนฺติ เอกานุสฺสาวนา, อุปสมฺปทาเปกฺขา, เอเต เอกานุสฺสาวเน กาตุํ. เตนาห ‘‘เอกโตอนุสาวเน’’ติ. อิทฺจ เอกํ ปทํ วิภตฺติอโลเปน ทฏฺพฺพํ. เอเกน วาติ ทฺวินฺนมฺปิ เอกสฺมึ ขเณ เอกาย เอว กมฺมวาจาย อนุสฺสาวเน เอเกน อาจริเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต จ อยํ ธมฺมรกฺขิโต จ อายสฺมโต สงฺฆรกฺขิตสฺส ¶ อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติอาทินา นเยน เอเกน อาจริเยน ทฺวินฺนเมกสฺมึ ขเณ อนุสฺสาวนนโย ทฏฺพฺโพ, อิมินาว นเยน ติณฺณมฺปิ เอเกน อาจริเยน เอกกฺขเณ อนุสฺสาวนํ เวทิตพฺพํ.
ปุริมนเยเนว ¶ เอกโต อนุสฺสาวเน กาตุนฺติ ‘‘เอเกน เอกสฺส, อฺเน อิตรสฺสา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ทฺวินฺนํ ทฺวีหิ วา ติณฺณํ ตีหิ วา อาจริเยหิ, เอเกน วา อาจริเยน ตโยปิ เอกโตอนุสฺสาวเน กาตุนฺติ อตฺโถ. ‘‘ตฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน, น ตฺเวว นานุปชฺฌาเยนา’’ติ อิทํ เอเกน อาจริเยน ทฺวีหิ วา ตีหิ วา อุปชฺฌาเยหิ ทฺเว วา ตโย วา อุปสมฺปทาเปกฺเข เอกกฺขเณ เอกาย อนุสฺสาวนาย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ น วฏฺฏตีติ ปฏิกฺเขปปทํ, น ปน นานาจริเยหิ นานุปชฺฌาเยหิ ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุํ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘สเจ ปน นานาจริยา นานุปชฺฌายา…เป… วฏฺฏตี’’ติ. ยฺเจตฺถ ‘‘ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร ติสฺสตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริก’’นฺติ เอวํ อุปชฺฌาเยหิ อฺมฺํ สทฺธิวิหาริกานํ อนุสฺสาวนกรณํ วุตฺตํ, ตํ อุปลกฺขณมตฺตํ. ตสฺมา สเจ ติสฺสตฺเถโร สุมนตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ, สุมนตฺเถโร นนฺทตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, อฺมฺฺจ คณปูรกา โหนฺติ, วฏฺฏติ เอว. สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ อนุสฺสาเวติ, เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, กมฺมํ สุกตเมว โหติ, อนุปชฺฌายกสฺสปิ เยน เกนจิ อนุสฺสาวิเต อุปสมฺปทา โหติ, กิมงฺคํ ปน สอุปชฺฌายกสฺส อุปชฺฌาเยเนว อนุสฺสาวเนติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว นวฏฺฏนปกฺขํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห.
อุปชฺฌาติ อุปชฺฌายสทฺทสมานตฺโถ อาการนฺโต อุปชฺฌาสทฺโทติ ทสฺเสติ. อุปชฺฌาย-สทฺโท เอว วา อุปชฺฌา, อุปโยคปจฺจตฺตวจเนสุ ย-การ โลปํ กตฺวา เอวํ วุตฺโต กรณวจนาทีสุ อุปชฺฌาสทฺทสฺส ปโยคาภาวาติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพนฺติ อตฺตนาว กตฺตุภูเตน กรณภูเตน อตฺตานเมว กมฺมภูตํ ¶ ปติ สมฺมนฺนนกิจฺจํ กาตพฺพํ, อตฺตานนฺติ วา ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตพฺโพติ อตฺโถ. น เกวลฺจ เอตฺเถว, อฺตฺราปิ เตรสสมฺมุติอาทีสุ อิมินาว ลกฺขเณน อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตพฺโพว. อปิจ สยํ กมฺมารหตฺตา อตฺตานํ มฺุจิตฺวา จตุวคฺคาทิโก คโณ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ.
สจฺจกาโลติ ¶ ‘‘นิคูหิสฺสามี’’ติ วฺจนํ ปหาย สจฺจสฺเสว เต อิจฺฉิตพฺพกาโล. ภูตกาโลติ วฺจนาย อภาเวปิ มนุสฺสตฺตาทิวตฺถุโน ภูตตาย อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพกาโล, อิตรถา กมฺมโกปาทิอนฺตราโย โหตีติ อธิปฺปาโย. มงฺกูติ อโธมุโข. อุทฺธรตูติ อนุปสมฺปนฺนภาวโต อุปสมฺปตฺติยํ ปติฏฺเปตูติ อตฺโถ.
สพฺพกมฺมวาจาสุ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ อุปสมฺปทกมฺมวาจาย เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – สุณาตูติ สวนาณตฺติยํ ปมปุริเสกวจนํ. ตฺจ กิฺจาปิ โย โส สงฺโฆ สวนกิริยายํ นิโยชียติ, ตสฺส สมฺมุขตฺตา ‘‘สุณาหี’’ติ มชฺฌิมปุริสวจเนน วตฺตพฺพํ, ตถาปิ ยสฺมา สงฺฆสทฺทสนฺนิธาเน ปมปุริสปฺปโยโคว สทฺทวิทูหิ สมาจิณฺโณ ภวนฺตภควนฺตอายสฺมาทิสทฺทสนฺนิธาเนสุ วิย ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม (ปารา. ๒๒), เอตสฺส สุคต กาโล, ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย (ปารา. ๒๑), ปกฺกมตายสฺมา (ปารา. ๔๓๖), สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘). ตสฺมา อิธ ปมปุริสปฺปโยโค กโต. อถ วา คารววเสเนตํ วุตฺตํ. ครุฏฺานิเยสุ หิ คารววเสน มชฺฌิมปุริสปโยคุปฺปตฺติยมฺปิ ปมปุริสปฺปโยคํ ปยุชฺชนฺติ ‘‘เทเสตุ สุคโต ธมฺม’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๒.๓๓๘; มหาว. ๘) วิยาติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ¶ ‘‘ภนฺเต อาวุโสติ ปเท อเปกฺขิตฺวา อิธ ปมปุริสปฺปโยโค’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ‘‘อาจริโย เม, ภนฺเต, โหหิ (มหาว. ๗๗), อิงฺฆาวุโส อุปาลิ, อิมํ ปพฺพชิตํ อนุยฺุชาหี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕๑๗) ตปฺปโยเคปิ มชฺฌิมปุริสปฺปโยคสฺเสว ทสฺสนโต.
เมติ โย สาเวติ, ตสฺส อตฺตนิทฺเทเส สามิวจนํ. ภนฺเตติ อาลปนตฺเถ วุฑฺเฒสุ สคารววจนํ, ‘‘อาวุโส’’ติ ปทํ ปน นวเกสุ. ตทุภยมฺปิ นิปาโต ‘‘ตุมฺเห ภนฺเต ตุมฺเห อาวุโส’’ติ พหูสุปิ สมานรูปตฺตา. สงฺโฆติ อวิเสสโต จตุวคฺคาทิเก ปกตตฺตปุคฺคลสมูเห วตฺตติ. อิธ ปน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปฺจวคฺคโต ปฏฺาย, มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ทสวคฺคโต ปฏฺาย สงฺโฆติ คเหตพฺโพ. ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – ภนฺเต, สงฺโฆ มม วจนํ สุณาตูติ. อิทฺจ นวกตเรน วตฺตพฺพวจนํ. สเจ ปน อนุสฺสาวโก สพฺเพหิ ภิกฺขูหิ วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพํ. โสปิ เจ ‘‘ภนฺเต’’ติ วเทยฺย, นวกตโร วา ‘‘อาวุโส’’ติ, กมฺมโกโป นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘เอกตฺถ ‘อาวุโส’ติ วตฺวา อฺตฺถ ‘ภนฺเต’ติ วุตฺเตปิ นตฺถิ โทโส อุภเยนปิ อาลปนสฺส สิชฺฌนโต’’ติ วทนฺติ.
อิทานิ ¶ ยมตฺถํ าเปตุกาโม ‘‘สุณาตู’’ติ สงฺฆํ สวเน นิโยเชติ, ตํ าเปนฺโต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อยนฺติ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส หตฺถปาเส สนฺนิหิตภาวทสฺสนํ, เตน จ หตฺถปาเส ิตสฺเสว อุปสมฺปทา รุหตีติ สิชฺฌติ หตฺถปาสโต พหิ ิตสฺส ‘‘อย’’นฺติ น วตฺตพฺพโต. เตเนว อนุสาสกสมฺมุติยํ โส หตฺถปาสโต พหิ ิตตฺตา ‘‘อย’’นฺติ น วุตฺโต, ตสฺมา ¶ อุปสมฺปทาเปกฺโข อนุปสมฺปนฺโน หตฺถปาเส เปตพฺโพ. อยํ อิตฺถนฺนาโมติ อยํ-สทฺโท จ อวสฺสํ ปยุชฺชิตพฺโพ, โส จ อิมสฺมึ ปมนามปโยเค เอวาติ คเหตพฺพํ. ‘‘อิตฺถนฺนาโม’’ติ อิทํ อนิยมโต ตสฺส นามทสฺสนํ, อุภเยนปิ อยํ พุทฺธรกฺขิโตติอาทินามํ ทสฺเสติ. ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ ภินฺนาธิกรณวิสเย พหุพฺพีหิสมาโส, อุปสมฺปทํ เม สงฺโฆ อเปกฺขมาโนติ อตฺโถ. ตสฺส จ อุปชฺฌายตํ สมงฺคิภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต’’ติ วุตฺตํ. เอเตน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส สทฺธิวิหาริกภูโต อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวมาทินา นเยน นามโยชนาย สห อตฺโถ ทสฺสิโต. เอตฺถ จ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ อวตฺวาปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอตฺถ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ น วุตฺตํ. ยฺเจตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
นนุ เจตฺถ อุปชฺฌาโยปิ อุปสมฺปทาเปกฺโข วิย หตฺถปาเส ิโต เอว อิจฺฉิตพฺโพ, อถ กสฺมา ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม อิมสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ เอวํ อุปชฺฌายสฺส นามปรามสเนปิ อิทํ-สทฺทปฺปโยโค น กโตติ? นายํ วิโรโธ อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ กมฺมโกปาภาวโต. เกวลฺหิ กมฺมนิพฺพตฺติยา สนฺตปทวเสน อวิชฺชมานสฺสปิ อุปชฺฌายสฺส นามกิตฺตนํ อนุปชฺฌายสฺส อุปสมฺปทาทีสุปิ กรียติ, ตสฺมา อุปชฺฌายสฺส อสนฺนิหิตายปิ ตปฺปรามสนมตฺเตเนว กมฺมสิทฺธิโต ‘‘อิมสฺสา’’ติ นิทฺทิสิตุํ น วฏฺฏตีติ.
ปริสุทฺโธ อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหีติ อภพฺพตฺตาทิเกหิ อุปสมฺปทาย อวตฺถุกเรหิ เจว ปฺจาพาธหตฺถจฺฉินฺนาทีหิ อาปตฺติกเรหิ จ อนฺตรายิกสภาเวหิ ปริมุตฺโต. เอวํ วุตฺเต ¶ เอว อาปตฺติมตฺตกเรหิ ปฺจาพาธาทีหิ อปริมุตฺตสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาฺถา. ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรนฺติ ปริปุณฺณมสฺส อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปตฺตจีวรํ. เอวํ วุตฺเต เอว อปตฺตจีวรสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาฺถา. อุปสมฺปทํ ยาจตีติ ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๒๖) ยาจาปิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ เตน สงฺเฆ อยาจิเตปิ ¶ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วุตฺเต เอว กมฺมํ อวิปนฺนํ โหติ, นาฺถา. อุปชฺฌาเยนาติ อุปชฺฌาเยน กรณภูเตน, อิตฺถนฺนามํ อุปชฺฌายํ กตฺวา กมฺมภูตํ อุปสมฺปทํ ทาตุํ นิปฺผาเทตุํ กตฺตุภูตํ สงฺฆํ ยาจตีติ อตฺโถ. ยาจธาตุโน ปน ทฺวิกมฺมกตฺตา ‘‘สงฺฆํ อุปสมฺปท’’นฺติ ทฺเว กมฺมปทานิ วุตฺตานิ.
ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลนฺติ เอตฺถ ปตฺโต กาโล อิมสฺส กมฺมสฺสาติ ปตฺตกาลํ, อปโลกนาทิจตุพฺพิธํ สงฺฆคณกมฺมํ, ตเทว สกตฺเถ ย-ปจฺจเยน ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทากมฺมํ อธิปฺเปตํ, ตํ กาตุํ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ ชาตํ. ยทีติ อนุมติคหณวเสน กมฺมสฺส ปตฺตกลฺลตํ าเปติ, โย หิ โกจิ ตตฺถ อปตฺตกลฺลตํ มฺิสฺสติ, โส วกฺขติ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย อนุสฺสาวนาสุ ‘‘ยสฺสายสฺมโต ขมติ…เป… โส ภาเสยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) วุตฺตํ. ตเทตํ ปตฺตกลฺลํ วตฺถุสมฺปทา, อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา, สีมาสมฺปทา, ปริสาสมฺปทา, ปุพฺพกิจฺจนิฏฺานนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สงฺคหิตํ.
ตตฺถ วตฺถุสมฺปทา นาม ยถาวุตฺเตหิ เอกาทสอภพฺพปุคฺคเลหิ เจว อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺเนหิ จ อฺโ ปริปุณฺณวีสติวสฺโส อนุปสมฺปนฺนภูโต มนุสฺสปุริโส. เอตสฺมิฺหิ ปุคฺคเล ¶ สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ, กตฺจ กุปฺปเมว โหติ.
อนฺตรายิเกหิ ธมฺเมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา นาม ยถาวุตฺตสฺเสว อุปสมฺปทาวตฺถุภูตสฺส ปุคฺคลสฺส เย อิเม ภควตา ปฏิกฺขิตฺตา ปฺจาพาธผุฏฺตาทโย มาตาปิตูหิ อนนฺุาตตาปอโยสานา เจว หตฺถจฺฉินฺนาทโย จ โทสธมฺมา การกสงฺฆสฺส อาปตฺตาทิอนฺตรายเหตุตาย ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตหิ อนฺตรายิเกหิ โทสธมฺเมหิ ปริมุตฺตตา, อิมิสฺสา จ สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ, กตํ ปน กมฺมํ สุกตเมว โหติ เปตฺวา อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ.
สีมาสมฺปทา ปน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘ อาทโย) วกฺขมานนเยน สพฺพโทสรหิตาย พทฺธาพทฺธวเสเนว ทุวิธาย สีมาย วเสน เวทิตพฺพา. ตาทิสาย หิ สีมาย สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ, กตฺจ กมฺมํ วิปชฺชติ.
ปริสาสมฺปทา ¶ ปน เย อิเม อุปสมฺปทากมฺมสฺส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน กมฺมปฺปตฺตา ทสหิ วา ปฺจหิ วา อนูนาปาราชิกํ อนาปนฺนา อนุกฺขิตฺตา จ สมานสํวาสกา ภิกฺขู, เตสํ เอกสีมาย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา านํ, ฉนฺทารหานฺจ ฉนฺทสฺส อานยนํ, สมฺมุขีภูตานฺจ อปฺปฏิโกสนํ, อุปสมฺปทาเปกฺขรหิตานํ อุโปสถกฺขนฺธเก ปฏิกฺขิตฺตานํ คหฏฺาทิอนุปสมฺปนฺนานฺเจว ปาราชิกุกฺขิตฺตกนานาสํวาสกภิกฺขุนีนฺจ วชฺชนียปุคฺคลานํ สงฺฆสฺส หตฺถปาเส อภาโว จาติ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตา. เอวรูปาย จ ปริสาสมฺปทาย สติ เอว อิทํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ตตฺถ ปุริมานํ ติณฺณํ องฺคานํ อฺตรสฺสปิ อภาเว กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, น ปจฺฉิมสฺส.
ปุพฺพกิจฺจนิฏฺานํ ¶ นาม ยานิมานิ ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ’’ติอาทินา ปาฬิยํ (มหาว. ๑๒๖) วุตฺตานิ ‘‘อุปชฺฌาคาหาปนํ, ปตฺตจีวราจิกฺขณํ, ตโต ตํ หตฺถปาสโต พหิ เปเสตฺวา อนุสาสกสมฺมุติกมฺมกรณํ, สมฺมเตน จ คนฺตฺวา อนุสาสนํ, เตน จ ปมตรํ อาคนฺตฺวา สงฺฆสฺส ตฺตึ าเปตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขํ ‘อาคจฺฉาหี’ติ หตฺถปาเส เอว อพฺภานํ, เตน ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุปสมฺปทายาจาปนํ, ตโต อนฺตรายิกธมฺมปุจฺฉกสมฺมุติกมฺมกรณํ, สมฺมเตน จ ปุจฺฉน’’นฺติ อิมานิ อฏฺ ปุพฺพกิจฺจานิ, เตสํ สพฺเพสํ ยาถาวโต กรเณน นิฏฺานํ. เอตสฺมิฺจ ปุพฺพกิจฺจนิฏฺาปเน สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. เอเตสุ ปน ปุพฺพกมฺเมสุ อกเตสุปิ กตํ กมฺมํ ยถาวุตฺเตสุ วตฺถุสมฺปตฺติอาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อกุปฺปเมว โหติ. ตเทวเมตฺถ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินาว นเยน เหฏฺา วุตฺเตสุ, วกฺขมาเนสุ จ สพฺเพสุ กมฺเมสุ ปตฺตกลฺลตา ยถารหํ โยเชตฺวา าตพฺพา.
อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยาติ อุปสมฺปทานิปฺผาทเนน ตํสมงฺคึ กเรยฺย กโรตูติ ปตฺถนายํ, วิธิมฺหิ วา อิทํ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ‘‘เทวทตฺตํ สุขาเปยฺยา’’ติ วุตฺเต สุขมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ สุขสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อตฺโถ โหติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปทมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ อุปสมฺปทาสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ปโยชกพฺยาปาเร เจตํ. ยถา สุขยนฺตํ กิฺจิ สุทฺธกตฺตารํ โกจิ เหตุกตฺตา สุขเหตุนิปฺผาทเนน สุขาเปยฺยาติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปชฺชนฺตํ สุทฺธกตฺตารํ ปุคฺคลํ เหตุกตฺตุภูโต สงฺโฆ อุปสมฺปทาเหตุนิปฺผาทเนน อุปสมฺปาเทยฺยาติ วุตฺโต. เอเตน จ สุขํ วิย สุขทายเกน สงฺเฆน ปุคฺคลสฺส ทียมานา ตถาปวตฺตปรมตฺถธมฺเม ¶ ¶ อุปาทาย อริยชนปฺตฺตา อุปสมฺปทา นาม สมฺมุติสจฺจตา อตฺถีติ สมตฺถิตํ โหติ. เอตฺถ จ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ (มหาว. ๑๒๗) วุตฺตตฺตา ปริวาสาทีสุ วิย ยาจนานุคุณํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทํ ทเทยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อิทํ อุปสมฺปทากมฺมํ ทาเน อสงฺคเหตฺวา กมฺมลกฺขเณ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา นเยน ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกวลฺหิ ตตฺถ วตฺตมานกาลอตีตกาลวเสน, อิธ ปน อนามฏฺกาลวเสนาติ เอตฺตกเมว วิเสโส.
เอสา ตฺตีติ ‘‘สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตาปนา เอสา. อิทฺจ อนุสฺสาวนานมฺปิ สพฺภาวสูจนตฺถํ วุจฺจติ. อวสฺสฺเจตํ วตฺตพฺพเมว. ตฺติกมฺเม เอว ตํ น วตฺตพฺพํ. ตตฺถ ปน ยฺย-กาเร วุตฺตมตฺเต เอว ตฺติกมฺมํ นิฏฺิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ขมตีติ รุจฺจติ. อุปสมฺปทาติ สงฺเฆน ทียมานา นิปฺผาทิยมานา อุปสมฺปทา, ยสฺส ขมติ, โส ตุณฺหสฺสาติ โยชนา. ตุณฺหีติ จ อกถนตฺเถ นิปาโต, อกถนโก อสฺส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ขมติ สงฺฆสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาติ ปกเตน สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตสฺมา ตุณฺหี’’ติ. ตตฺถ ‘‘อาสี’’ติ เสโส. ยสฺมา ‘‘ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโนปิ สงฺโฆ ตุณฺหี นิรโว อโหสิ, ตสฺมา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อตฺโถ. เอวนฺติ อิมินา ปกาเรน. ตุณฺหีภาเวเนเวตํ สงฺฆสฺส รุจฺจนภาวํ ธารยามิ, พุชฺฌามิ ชานามีติ อตฺโถ. อิติ-สทฺโท ปริสมาปนตฺเถ กโต, โส จ กมฺมวาจาย อนงฺคํ, ตสฺมา อนุสฺสาวเกน ‘‘ธารยามี’’ติ เอตฺถ มิ-การปริโยสานเมว วตฺวา นิฏฺเปตพฺพํ, อิติ-สทฺโท น ปยุชฺชิตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา นเยน สพฺพกมฺมวาจานมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอกโปริสา ¶ วาติอาทิ สตฺตานํ สรีรฉายํ ปาเทหิ มินิตฺวา ชานนปฺปการทสฺสนํ. ฉสตฺตปทปริมิตา หิ ฉายา ‘‘โปริสา’’ติ วุจฺจติ, อิทฺจ อุตุปฺปมาณาจิกฺขณาทิ จ อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ วีมํสิตฺวา วุฑฺฒนวภาวํ ตฺวา วนฺทนวนฺทาปนาทิกรณตฺถํ วุตฺตํ. เอติ อาคจฺฉติ, คจฺฉติ จาติ อุตุ, โสว ปมียเต อเนน สํวจฺฉรนฺติ ปมาณนฺติ อาห ‘‘อุตุเยว อุตุปฺปมาณ’’นฺติ. อปริปุณฺณาติ อุปสมฺปทาทิวเสน อปริปุณฺณา. ยทิ อุตุเวมชฺเฌ อุปสมฺปาทิโต, ตทา ตสฺมึ อุตุมฺหิ อวสิฏฺทิวสาจิกฺขณํ ทิวสภาคาจิกฺขณนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ยสฺส โย อุตุ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเส’’ติ. ตตฺถ ยสฺส ตงฺขณํ ลทฺธูปสมฺปทสฺส ¶ ปุคฺคลสฺส สมฺพนฺธี โย อุตุ ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ อปริปุณฺโณ, เต ทิวเสติ โยชนา.
ฉายาทิกเมว สพฺพํ สงฺคเหตฺวา คายิตพฺพโต กเถตพฺพโต สงฺคีตีติ อาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอกโต กตฺวา อาจิกฺขิตพฺพํ. ตฺวํ กึ ลภสีติ ตฺวํ อุปสมฺปาทนกาเล กตรวสฺสํ, กตรอุตฺุจ ลภสิ, กตรสฺมึ เต อุปสมฺปทา ลทฺธาติ อตฺโถ. วสฺสนฺติ วสฺสานอุตุ, อิทฺจ สํวจฺฉราจิกฺขณํ วินา วุตฺตมฺปิ น วิฺายตีติ อิมินา อุตุอาจิกฺขเณเนว สาสนวสฺเสสุ วา กลิยุควสฺสาทีสุ วา สหสฺสิเม วา สติเม วา อสุกอุตุํ ลภามีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ฉายาติ อิทํ ปาฬิยํ อาคตปฏิปาฏึ สนฺธาย วุตฺตํ, วตฺตพฺพกมฺมโต ปน กลิยุควสฺสาทีสุ สพฺพเทสปสิทฺเธสุ อสุกวสฺเส อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกกณฺเห วา สุกฺเก วา ปกฺเข อสุเก ติถิวารวิเสสยุตฺเต ปุพฺพณฺหาทิทิวสภาเค เอตฺตเก ฉายาปมาเณ, นาฑิกาปมาเณ วา มยา อุปสมฺปทา ลทฺธาติ วเทยฺยาสีติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ. อิทํ สุฏฺุ อุคฺคเหตฺวา อาคนฺตุเกหิ ¶ วุฑฺฒปฏิปาฏึ ตฺวา ปฏิปชฺชาหีติ วตฺตพฺพํ. อิติ เอตฺตโก กถามคฺโค วิมติวิโนทนิยํ อาคโต. วชิรพุทฺธิฏีกานโย ปน เอกจฺโจ อิเธว สงฺคหํ คโต, เอกจฺโจ อสนฺนิฏฺานวินิจฺฉยตฺตา สํสยเหตุโก โหติ, ตสฺมา อิธ น คหิโตติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อุปสมฺปทาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.
๒๓. นิสฺสยวินิจฺฉยกถา
๑๕๑. เอวํ อุปสมฺปทาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ นิสฺสยวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘นิสฺสโยติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิสฺสยนํ นิสฺสโย, เสวนํ ภชนนฺตฺยตฺโถ. นิปุพฺพสิ เสวายนฺติ ธาตุ ภาวสาธโน, น ‘‘นิสฺสาย นํ วสตีติ นิสฺสโย’’ติ อิธ วิย อวุตฺตกมฺมสาธโน. ตตฺถ หิ เสวิตพฺโพ ปุคฺคโล ลพฺภติ, อิธ ปน เสวนกิริยาติ. อิทานิ ตํ นิสฺสยํ ปุจฺฉาปุพฺพงฺคมาย ¶ วิสฺสชฺชนาย วิตฺถารโต เปตุํ ‘‘เกน ทาตพฺโพ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เกน ทาตพฺโพ, เกน น ทาตพฺโพติ นิสฺสยทายกํ กตฺตารํ ปุจฺฉติ, กสฺส ทาตพฺโพ, กสฺส น ทาตพฺโพติ นิสฺสยปฏิคฺคาหกํ สมฺปทานํ, กถํ คหิโต โหติ, กถํ ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ การณํ, นิสฺสาย เกน วสิตพฺพํ, เกน น วสิตพฺพนฺติ นิสฺสยปฏิปนฺนกํ. ตโต ปุจฺฉานุกฺกเมน วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ตตฺถ’’ตฺยาทิมาห. น เกวลํ เอตฺเถว, อถ โข นิสฺสยมุจฺจนงฺเคปิ ‘‘พฺยตฺเตนา’’ติ อาคโต.
ตตฺถ ¶ เอตฺถ จ โก วิเสโสติ อาห ‘‘เอตฺถ จ ‘พฺยตฺโต’ติ อิมินา ปริสุปฏฺาปโก พหุสฺสุโต เวทิตพฺโพ’’ติ. อิทานิ ปริสุปฏฺาปกลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสุปฏฺาปเกน หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อภิวินเยติ สกเล วินยปิฏเก. วิเนตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ. ทฺเว วิภงฺคา ปคุณา วาจุคฺคตา กาตพฺพาติ อิทํ ปริปุจฺฉาวเสน อุคฺคณฺหนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ. เอกสฺส ปมุฏฺํ, อิตเรสํ ปคุณํ ภเวยฺยาติ อาห ‘‘ตีหิ ชเนหิ สทฺธึ ปริวตฺตนกฺขมา กาตพฺพา’’ติ. อภิธมฺเมติ นามรูปปริจฺเฉเท. เหฏฺิมา วา ตโย วคฺคาติ มหาวคฺคโต เหฏฺา สคาถาวคฺโค นิทานวคฺโค ขนฺธวคฺโคติ อิเม ตโย วคฺคา. ‘‘ธมฺมปทมฺปิ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตตฺตา ชาตกภาณเกน สาฏฺกถํ ชาตกํ อุคฺคเหตฺวาปิ ธมฺมปทํ สห วตฺถุนา อุคฺคเหตพฺพเมว.
ปฺจหิ ภิกฺขเว องฺเคหิ สมนฺนาคเตนาติอาทีสุ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา สามเณโร น อุปฏฺาเปตพฺโพ. อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนาติ อเสกฺขสฺส สีลกฺขนฺโธปิ อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ นาม. อเสกฺขสฺส อยนฺติ หิ อเสกฺโข, สีลกฺขนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ. เอวฺจ กตฺวา วิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺสปิ วเสน อเปกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนา อยํ กถา. อเสกฺขสีลนฺติ จ น อคฺคผลสีลเมว อธิปฺเปตํ, อถ โข ยํ กิฺจิ อเสกฺขสนฺตาเน ปวตฺตสีลํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกสฺส สีลสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. สมาธิกฺขนฺธาทีสุปิ วิมุตฺติกฺขนฺธปริโยสาเนสุ อยเมว นโย, ตสฺมา ยถา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา โลกิยมิสฺสกา กถิตา, เอวํ วิมุตฺติกฺขนฺโธปีติ ตทงฺควิมุตฺติอาทโยปิ เวทิตพฺพา, น ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยเมว. เตเนว สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ (สํ.นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๕) วุตฺตํ ‘‘ปุริเมหิ ¶ จตูหิ ปเทหิ โลกิยโลกุตฺตรสีลสมาธิปฺาวิมุตฺติโย ¶ กถิตา, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ โหติ, ตํ โลกิยเมวา’’ติ.
อสฺสทฺโธติอาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอตสฺส นตฺถีติ อสฺสทฺโธ. นตฺถิ เอตสฺส หิรีติ อหิริโก, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานสฺเสตํ อธิวจนํ. น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายตีติ วุตฺตํ โหติ. กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต, หีนวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อารทฺธํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย, สมฺมปฺปธานยุตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. มุฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสตี, นฏฺสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺิตา สติ เอตสฺสาติ อุปฏฺิตสฺสตี, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปวตฺตสติสฺเสตํ อธิวจนํ.
อธิสีเล สีลวิปนฺโน จ อชฺฌาจาเร อาจารวิปนฺโน จ อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิโต อธิปฺเปโต. สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาติ, คาหยตีติ วา อนฺตคฺคาหิกา, มิจฺฉาทิฏฺิ. ปุริมานิ ทฺเว ปทานีติ ‘‘น ปฏิพโล โหติ อนฺเตวาสึ วา สทฺธิวิหารึ วา คิลานํ อุปฏฺาตุํ วา อุปฏฺาเปตุํ วา, อนภิรตํ วูปกาเสตุํ วา วูปกาสาเปตุํ วา’’ติ อิมานิ ทฺเว ปทานิ.
อภิ วิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโร อภิสมาจาโร, อภิสมาจาโรว อาภิสมาจาริโกติ จ สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ จ อาภิสมาจาริกสิกฺขา. อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกสิกฺขา, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนสิกฺขาเยตํ อธิวจนํ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตาติ อาทิพฺรหฺมจริยกา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาเยตํ อธิวจนํ. เตเนว ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ ¶ วา อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) วุตฺตํ, ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต เสกฺขา, ภควตา ปฺตฺตตฺตา ปณฺณตฺติ, สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา สิกฺขาปทปณฺณตฺติ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตาติ คเหตพฺพํ. เตเนว คณฺิปเทปิ วุตฺตํ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ ปาราชิกมาทึ กตฺวา สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปทปฺตฺติย’’นฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๘๔).
อุปชฺฌายาจริยกถายํ น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา น ปพฺพาเชตพฺโพ. อเสกฺขสฺส ¶ อยนฺติ อเสกฺโข, โลกิยโลกุตฺตโร สีลกฺขนฺโธ. อนฺตคฺคาหิกายาติ สสฺสตุจฺเฉทโกฏฺาสคฺคาหิกาย. ปจฺฉิมานิ ทฺเวติ อปฺปสฺสุโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหตีติ อิมานิ ทฺเว องฺคานิ. ปจฺฉิมานิ ตีณีติ น ปฏิพโล อุปฺปนฺนํ กุกฺกุจฺจํ ธมฺมโต วิโนเทตุํ, อาปตฺตึ น ชานาติ, อาปตฺติวุฏฺานํ น ชานาตีติ อิมานิ ตีณิ. กุกฺกุจฺจสฺส หิ ปาฬิอฏฺกถานยสงฺขาตธมฺมโต วิโนเทตุํ อปฺปฏิพลตา นาม อพฺยตฺตตฺตา เอว โหตีติ สาปิ อาปตฺติองฺคเมว วุตฺตา.
อภิ วิสิฏฺโ อุตฺตโม สมาจาโร อภิสมาจาโร, วตฺตปฺปฏิปตฺติสีลํ, ตํ อารพฺภ ปฺตฺตา ขนฺธกสิกฺขาปทสงฺขาตา สิกฺขา อาภิสมาจาริกา. สิกฺขาปทมฺปิ หิ ตทตฺถปริปูรณตฺถิเกหิ อุคฺคหณาทิวเสน สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ วุจฺจติ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตา การณภูตา อาทิพฺรหฺมจริยกา, อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนสิกฺขาปทํ. เตเนเวตฺถ วิสุทฺธิมคฺเคปิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑) ‘‘อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ สิกฺขาปทํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริก’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา เสกฺขปณฺณตฺติยนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพโต เสกฺขา, ภควตาว ¶ ปฺตฺตตฺตา ปฺตฺติ. สพฺพาปิ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนา สิกฺขาปทปณฺณตฺติ ‘‘เสกฺขปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตาติ คเหตพฺพํ. นามรูปปริจฺเฉเทติ เอตฺถ กุสลตฺติกาทีหิ วุตฺตํ ชาติภูมิปุคฺคลสมฺปโยควตฺถารมฺมณกมฺมทฺวารลกฺขณรสาทิเภเทหิ เวทนากฺขนฺธาทิจตุพฺพิธํ สนิพฺพานํ นามํ, ภูโตปาทายเภทํ รูปฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนปฺา, ตปฺปกาสโก จ คนฺโถ นามรูปปริจฺเฉโท นาม. อิมินา อภิธมฺมตฺถกุสเลน ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สิกฺขาเปตุนฺติ อุคฺคณฺหาเปตุนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๘๔) วุตฺตํ.
๑๕๓. อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ เอตฺถ อายสฺมโตติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ. ยํ ปน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๗๖) ‘‘พฺยตฺโต…เป… วุตฺตลกฺขโณเยวา’’ติ, ตํ ปริสูปฏฺากพหุสฺสุตํ สนฺธาย วทติ. ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทธมฺมนฺเตวาสิเกหิ ปน…เป… ตาว วตฺตํ กาตพฺพนฺติ ปพฺพชฺชาจริยอุปสมฺปทาจริยธมฺมาจริยานํ เอเตหิ ยถาวุตฺตวตฺตํ กาตพฺพํ. ตตฺถ เยน สิกฺขาปทานิ ทินฺนานิ, อยํ ปพฺพชฺชาจริโย. เยน อุปสมฺปทกมฺมวาจา วุตฺตา, อยํ อุปสมฺปทาจริโย. โย อุทฺเทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา เทติ, อยํ ธมฺมาจริโยติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๕๔. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ ¶ ทิสํ คโตติ ปุน อาคนฺตุกาโม, อนาคนฺตุกาโม วา หุตฺวา วาสตฺถาย กฺจิ ทิสํ คโต. ภิกฺขุสฺส สภาคตนฺติ เปสลภาวํ. โอโลเกตฺวาติ อุปปริกฺขิตฺวา. วิพฺภนฺเต…เป… ตตฺถ คนฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘สเจ เกนจิ กรณีเยน ตทเหว คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘กติปาเหน คมิสฺสามี’ติ คมเน สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขตี’’ติ วทนฺติ. มา อิธ ปฏิกฺกมีติ มา ¶ อิธ ปวิสิ. ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺเถว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุปชฺฌาเยน ปริจฺจตฺตตฺตา อุปชฺฌายสโมธานปริหาโร นตฺถิ, ตสฺมา อุปชฺฌายสโมธานคตสฺสปิ อาจริยสฺส สนฺติเก คหิตนิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ.
อาจริยมฺหา นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธีสุ อาจริโย ปกฺกนฺโต วา โหตีติ เอตฺถ ‘‘ปกฺกนฺโตติ ทิสํ คโต’’ติอาทินา อุปชฺฌายสฺส ปกฺกมเน โย วินิจฺฉโย วุตฺโต, โส ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อิธาปิ สกฺกา วิฺาตุนฺติ ตํ อวตฺวา ‘‘โกจิ อาจริโย อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมตี’’ติอาทินา อฺโเยว นโย อารทฺโธ. อยฺจ นโย อุปชฺฌายปกฺกมเนปิ เวทิตพฺโพเยว. อีทิเสสุ หิ าเนสุ เอกตฺถวุตฺตลกฺขณํ อฺตฺถาปิ ทฏฺพฺพํ. สเจ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา นิวตฺตติ, ปฏิปฺปสฺสทฺโธ โหตีติ เอตฺถ เอตฺตาวตา ทิสาปกฺกนฺโต นาม โหตีติ อนฺเตวาสิเก อนิกฺขิตฺตธุเรปิ นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. อาจริยุปชฺฌายา ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ พหิอุปจารสีมายํ อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ เสนาสเน วสนฺติ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาปิ วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ‘‘สเจปิ อาจริโย มฺุจิตุกาโมว หุตฺวา นิสฺสยปณามนาย ปณาเมตี’’ติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส อาณตฺติยมฺปิ เวทิตพฺพนฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๘๓) วุตฺตํ.
๑๕๓. สาหูติ สาธุ สุนฺทรํ. ลหูติ อครุ, สุภรตาติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, เอวํ ปฏิปชฺชนํ นิตฺถรณุปาโยติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ สามีจิกมฺมมิทนฺติ อตฺโถ ¶ . ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน, กายวจีปโยเคน สมฺปาเทหีติ อตฺโถ. กาเยนาติ เอตทตฺถวิฺาปกํ หตฺถมุทฺทาทึ ทสฺเสนฺโต กาเยน วิฺาเปติ. ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺธายาติ อุปชฺฌาเยน ‘‘สาหู’’ติอาทีสุ วุตฺเตสุ สทฺธิวิหาริกสฺส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉนวจนํ สนฺธาย ‘‘กาเยน วิฺาเปตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อายาจนทานมตฺเตนาติ ¶ สทฺธิวิหาริกสฺส ปมํ อายาจนมตฺเตน, ตโต อุปชฺฌายสฺส จ ‘‘สาหู’’ติอาทินา วจนมตฺเตนาติ อตฺโถ. อาจริยสฺส สนฺติเก นิสฺสยคฺคหเณ อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามีติ อายสฺมนฺตํ นิสฺสาย วสิสฺสามีติ อตฺโถ.
๑๕๔. นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิกถายํ โย วา เอกสมฺโภคปริโภโค, ตสฺส สนฺติเก นิสฺสโย คเหตพฺโพติ อิมินา ลชฺชีสุ เอว นิสฺสยคฺคหณํ นิโยเชติ อลชฺชีสุ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. เอตฺถ จ ปริโภคสทฺเทน เอกกมฺมาทิโก สํวาโส คหิโต ปจฺจยปริโภคสฺส สมฺโภคสทฺเทน คหิตตฺตา. เอเตน จ สมฺโภคสํวาสานํ อลชฺชีหิ สทฺธึ น กตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. ปริหาโร นตฺถีติ อาปตฺติปริหาโร นตฺถิ. ตาทิโสติ ยตฺถ นิสฺสโย คหิตปุพฺโพ, โย จ เอกสมฺโภคปริโภโค, ตาทิโส. ตถา วุตฺตนฺติ ‘‘ลหุํ อาคมิสฺสตี’’ติ วุตฺตฺเจติ อตฺโถ. จตฺตาริ ปฺจ ทิวสานีติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. ยทิ เอกาหทฺวีเหน สภาคตา ปฺายติ, าตทิวเส คเหตพฺโพว. อถาปิ จตุปฺจาเหนปิ น ปฺายติ, ยตฺตเกหิ ทิวเสหิ ปฺายติ, ตตฺตกานิ อติกฺกาเมตพฺพานิ. สภาคตํ โอโลเกมีติ ปน เลโส น กาตพฺโพ. ทหรา สุณนฺตีติ เอตฺถ อสุตฺวาปิ ‘‘อาคมิสฺสติ, เกนจิ อนฺตราเยน จิรายนฺตี’’ติ สฺาย สติปิ ลพฺภเตว ปริหาโร ¶ . เตนาห ‘‘อิเธวาหํ วสิสฺสามีติ ปหิณติ, ปริหาโร นตฺถี’’ติ. เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถีติ คมเน นิรุสฺสาหํ สนฺธาย วุตฺตํ, สอุสฺสาหสฺส ปน เสนาสนปฏิสามนาทิวเสน กติปาเห คเตปิ น โทโส.
ตตฺเรว วสิตพฺพนฺติ ตตฺร สภาคฏฺาเน เอว นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํ. ตํเยว วิหารํ…เป… วสิตุํ วฏฺฏตีติ อิมินา อุปชฺฌาเย สงฺคณฺหนฺเตเยว ตํสโมธาเน นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิ วุตฺตา, ตสฺมึ ปน โกเธน วา คณนิรเปกฺขตาย วา อสงฺคณฺหนฺเต อฺเสุ คหิโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ทสฺเสติ.
อาจริยมฺหา นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิยํ วุตฺโต ‘‘โกจิ อาจริโย’’ติอาทิโก นโย อุปชฺฌายปกฺกมนาทีสุปิ เนตฺวา ตตฺถ จ วุตฺโต อิธาปิ เนตฺวา ยถารหํ โยเชตพฺโพ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อฺสฺมึ วิหาเร วสนฺตีติ อุปจารสีมโต พหิ อฺสฺมึ วิหาเร อนฺเตวาสิกาทีนํ วสนฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสนฺติ. เตน พหิอุปจาเรปิ อนฺเตวาสิกาทีนํ วสนฏฺานโต ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺตเร อาสนฺเน ปเทเส วสติ, นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ¶ ทสฺเสติ. อนฺโตอุปจารสีมายํ ปน ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสโต นิสฺสโย น ปฏิปฺปสฺสมฺภเตวาติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๘๓) วุตฺตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
นิสฺสยวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เตวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๔. สีมาวินิจฺฉยกถา
๑๕๖. เอวํ ¶ นิสฺสยวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘สีมาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ สีมาติ สินียเต สมคฺเคน สงฺเฆน กมฺมวาจาย พนฺธียเตติ สีมา. สิ พนฺธเนติ ธาตุ, ม-ปจฺจโย, กิยาทิคโณยํ. วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาเคน วินา น โหตีติ อาห ‘‘สีมา นาเมสา…เป… โหตี’’ติ. ตตฺถ พทฺธสีมํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เอกาทส’’ตฺยาทิมาห.
วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส เหฏฺิมนฺตโต ยตฺถ กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ, น ตโต โอรนฺติ อาห ‘‘อติขุทฺทกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ปุรตฺถิมาย ทิสายาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺสํ ปน ทิสายํ นิมิตฺเต อสติ ยตฺถ อตฺถิ, ตโต ปฏฺาย ปมํ ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสายา’’ติอาทินา สมนฺตา วิชฺชมานฏฺาเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสายา’’ติ ปมกิตฺติตํ ปฏิกิตฺเตตุํ วฏฺฏติ ตีหิ นิมิตฺเตหิ สิงฺฆาฏกสณฺานายปิ สีมาย สมฺมนฺนิตพฺพโต. ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตนาติ วินยธเรน สยํ เอกสฺมึเยว าเน ตฺวา เกวลํ นิมิตฺตกิตฺตนวจเนเนว สีมมณฺฑลํ สมนฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ พนฺธนฺเตนาติ อตฺโถ. ตํตํนิมิตฺตฏฺานํ อคนฺตฺวาปิ หิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ติโยชนปรมายปิ สีมาย สมนฺตโต ติกฺขตฺตุํ อนุปริคมนสฺส เอกทิวเสน ทุกฺกรตฺตา ¶ วินยธเรน สยํ อทิฏฺมฺปิ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ยถาววตฺถิตํ นิมิตฺตํ ‘‘ปาสาโณ ภนฺเต’’ติอาทินา เกนจิ วุตฺตานุสาเรน สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา กิตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏติ เอว.
สํสฏฺวิฏปาติ ¶ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกรตนมตฺตา สุวิฺเยฺยตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉิมโกฏิยา หตฺถมตฺตา สีมนฺตริกา เปตพฺพา’’ติ. เอกงฺคุลิมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติเยว. ตตฺตเกนปิ หิ สีมา อสมฺภินฺนาว โหติ. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น, ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิตรุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏตฺตา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ, ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโตกริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สํภินฺทนฺติ นาม. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมวาจํ น ภินฺทนฺติ, กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อธิปฺปาโย.
๑๕๘. สุทฺธปํสุปพฺพโตติ น เกนจิ กโต สยํชาโตว วุตฺโต. ตถา เสสาปิ. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทิโก ปพฺพโตปิ. หตฺถิปฺปมาโณติ เอตฺถ ภูมิโต อุคฺคตปเทเสน หตฺถิปฺปมาณํ คเหตพฺพํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ‘‘หตฺถิปฺปมาโณ นาม ปพฺพโต เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ’’ติ วุตฺตํ. จตูหิ วา ตีหิ วาติ สีมภูมิยํ จตูสุ, ตีสุ วา ทิสาสุ ิเตหิ, เอกิสฺสา เอว ปน ทิสาย ิเตหิ ตโต พหูหิปิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, ทฺวีหิ ปน ทฺวีสุ ทิสาสุ ิเตหิปิ น วฏฺฏติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ¶ เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ตํ พหิทฺธา กตฺวาติ กิตฺติตนิมิตฺตสฺส อสีมตฺตา อนฺโตสีมาย กรณํ อยุตฺตนฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.
ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา สณฺานโต คเหตพฺพา, น ตุลคณนาวเสน, ภารโต ปลปริมาณฺจ ¶ มคธตุลาย คเหตพฺพํ, สา จ โลกิยตุลาย ทฺวิคุณาติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา ตุลตาย คเหตพฺพา, น ตุลคณนายา’’ติ วุตฺตํ. อติมหนฺโตปีติ ภูมิโต หตฺถิปฺปมาณํ อนุคนฺตฺวา เหฏฺาภูมิยํ โอติณฺณฆนโต อเนกโยชนปฺปมาโณปิ. สเจ หิ ตโต หตฺถิปฺปมาณํ กูฏํ อุคฺคจฺฉติ, ปพฺพตสงฺขเมว คจฺฉติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) – สเจ เอกาพทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพติ เอตฺถ จตูสุ ทิสาสุ จตุนฺนํ ปพฺพตกูฏานํ เหฏฺา ปิฏฺิปาสาณสทิเส ปาสาเณ ิตตฺตา เอกาพทฺธภาเว สติปิ ปถวิโต อุทฺธํ เตสํ สมฺพนฺเธ อสติ เหฏฺา ปถวีคตสมฺพนฺธมตฺเต อพฺโพหาริกํ กตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. เตเนว ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. ปถวิโต เหฏฺา ตสฺส มหนฺตภาเว คยฺหมาเน ปพฺพตเมว โหตีติ อนุคณฺิปเท วุตฺตํ. จินิตฺวา กตปํสุปฺุเช ติณคุมฺพรุกฺขา เจ ชายนฺติ, ปพฺพโต โหตีติ ธมฺมสิริตฺเถโร, เนวาติ อุปติสฺสตฺเถโรติ วุตฺตํ. ปาสาโณติ สุธามยปาสาโณปิ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ อิฏฺกาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. โสปีติ ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณปิ. จตุปฺจรุกฺขนิมิตฺตมตฺตมฺปีติ เอกจฺเจสุ นิมิตฺตสทฺโท นตฺถีติ วุตฺตํ.
อนฺโตสารานนฺติ ตสฺมึ ขเณ ตรุณตาย สาเร อวิชฺชมาเนปิ ปริณาเมน ภวิสฺสมานสาเรปิ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ . ตาทิสานฺหิ สูจิทณฺฑกปฺปมาณปริณาหานํ จตุปฺจมตฺตานมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสาเรหิ รุกฺเขหิ สมฺมิสฺสานํ. เอเตน ตจสารรุกฺขมิสฺสกานมฺปิ วนํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ สารรุกฺเข สนฺธาย วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘เอตฺถ ตโย เจ สารรุกฺขา โหนฺติ, ทฺเว อสารา, สารรุกฺขานํ พหุตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. สุสานมฺปิ อิธ วนเมวาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ สยํชาตตฺตาติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘จตูสุ ทฺเว อนฺโตสารา เจ, วฏฺฏติ, อนฺโตสารา อธิกา, สมา วา, วฏฺฏติ, ตสฺมา พหูสุปิ ทฺเว เจ อนฺโตสารา อตฺถิ, วฏฺฏตี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺตีติ รุกฺขฆฏาย อนฺตเร รุกฺเข อจฺฉินฺทิตฺวา วติอาทีหิ วิหารปริจฺเฉทํ กตฺวาว อนฺโตรุกฺขนฺตเรสุ เอว ปริเวณปณฺณสาลาทีนํ กรณวเสน ยถา อนฺโตวิหารมฺปิ วนเมว โหติ, เอวํ วิหารํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ยทิ หิ สพฺพํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา วิหารํ กเรยฺยุํ, วิหารสฺส อวนตฺตา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตวนํ เอกตฺถ กิตฺเตตพฺพํ สิยา, อิธ ปน อนฺโตปิ วนตฺตา ‘‘วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, ‘‘นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหตี’’ติอาทินา อนนฺตเร วุตฺตโทโส อาปชฺชติ ¶ . เอกเทสนฺติ วเนกเทสํ, รุกฺขวิรหิตฏฺาเน กตวิหารสฺส เอกปสฺเส ิตวนสฺส เอกเทสนฺติ อตฺโถ.
สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ วํสทณฺฑปฺปมาโณ. ‘‘เลขนิทณฺฑปฺปมาโณ’’ติ เกจิ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา) ปน อเวภงฺคิยวินิจฺฉเย ‘‘โย โกจิ อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตปิ เวฬุ…เป… ครุภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตนุตโร เวฬุทณฺโฑติ จ สูจิทณฺโฑติ จ คเหตพฺพํ. วํสนฬกสราวาทีสูติ เวฬุปพฺเพ วา นฬปพฺเพ วา กปลฺลกาทิมตฺติกภาชเนสุ วาติ อตฺโถ. ตงฺขณมฺปีติ ¶ ตรุณโปตเก อมิลายิตฺวา วิรุหนชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน ปริณตา สมูลํ อุทฺธริตฺวา โรปิตาปิ ฉินฺนสาขา วิย มิลายิตฺวา จิเรน นวมูลงฺกุรุปฺปตฺติยา ชีวนฺติ, มิยนฺติเยว วา, ตาทิเส กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ สีหฬทีเป เลขนิทณฺฑปฺปมาโณติ วทนฺติ, โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
มชฺเฌติ สีมาย มหาทิสานํ อนฺโต. โกณนฺติ สีมาย จตูสุ โกเณสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ มคฺคานํ สมฺพนฺธฏฺานํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ เตสํ จตุนฺนํ โกณานํ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อฺิสฺสา ทิสาย จาปรนฺติ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กิตฺติตมตฺเตน กถํ เอกาพทฺธตา วิคจฺฉตีติ วิฺายติ. ปรโต คตฏฺาเนปิ เอเต เอว เต จตฺตาโร มคฺคา. ‘‘จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺถ การณํ วิจินิตพฺพนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) วุตฺตํ. วิจินนฺโต ปน เอวํ การณํ ปฺายติ – ปุพฺพวากฺเยปิ ‘‘วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา’’ติ, ปรวากฺเยปิ ‘‘วิหารมชฺเฌน นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตมคฺโคปี’’ติ วิหารเมว สนฺธาย วุตฺโต, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘โกณํ นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตํ ปนา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา เอเต มคฺคา วิหารสฺส โกณเมว นิพฺพิชฺฌึสุ, น อฺมฺํ มิสฺสึสุ, ตสฺมา เอกาพทฺธภาวาภาวา จตุนฺนํ มคฺคานํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ. สารตฺถทีปนิยํ ปน ‘‘ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อปราย เอกนฺติ เอวํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘ปรภาเคติ ¶ ¶ เอตฺถ เอเตหิ พทฺธฏฺานโต คตตฺตา วฏฺฏติ, ตถา ทีฆมคฺเคปิ คหิตฏฺานโต คตฏฺานสฺส อฺตฺตาติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตมฺปิ เอกาพทฺธนิมิตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ.
อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยาติ อิทฺจ ปาฬิยํ ภิกฺขุนีนํ นทีปารคมเน นทีลกฺขณสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ, ภิกฺขูนํ อนฺตรวาสกเตมนมตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยว. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ‘‘ภิกฺขุนิยา เอว คหณฺเจตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ภิกฺขุนีวเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา เตเนว นเยน ทสฺสนตฺถํ กตํ. สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหตีติ อยํ วุตฺตลกฺขณา นที สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นิมิตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘อนฺตรวาสโก เตมิยตีติ วุตฺตตฺตา ตตฺตกปฺปมาณอุทเกเยว กาตุํ วฏฺฏตีติ เกจิ. ‘เตมิยตี’ติ อิมินา เหฏฺิมโกฏิยา นทีลกฺขณํ วุตฺตํ, เอวรูปาย นทิยา ยสฺมึ าเน จตฺตาโร มาเส อปฺปํ วา พหุํ วา อุทกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมึ าเน อปฺโปทเกปิ ตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ เอเก’’ติ วุตฺตํ.
นทีจตุกฺเกปิ เอเสว นโยติ อิมินา เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ ปรโต คตฏฺาเนปิ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตเนว จ ‘‘อสมฺมิสฺสา นทิโย ปน จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ อสมฺมิสฺสคฺคหณํ กตํ. อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยวาติ อาวรณํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สนฺทติเยว. อปวตฺตมานาติ อสนฺทมานุทกา. อาวรณฺหิ ปตฺวา นทิยา ยตฺตเก ปเทเส อุทกํ อสนฺทมานํ สนฺติฏฺติ, ตตฺถ นทีนิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อุปริ สนฺทมานฏฺาเนเยว วฏฺฏติ. อสนฺทมานฏฺาเน ปน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ิตเมว หิ อุทกํ อุทกนิมิตฺเต วฏฺฏติ, น สนฺทมานํ. เตเนวาห ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน ¶ นทีนิมิตฺตนฺติ วุตฺตตฺตา เสตุโต ปรโต ตตฺตกํ อุทกํ ยทิ ปวตฺตติ, นที เอวาติ วทนฺติ. ชาตสฺสราทีสุ ิโตทกํ ชาตสฺสราทิปเทเสน อนฺตริกมฺปิ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ นทีปารสีมาย นิมิตฺตํ วิย. สเจ โส ปเทโส กาลนฺตเรน คามเขตฺตภาวํ ปาปุณาติ, ตตฺถ อฺํ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) วุตฺตํ. มูเลติ อาทิกาเล. นทึ ภินฺทิตฺวาติ ยถา อุทกํ อนิจฺฉนฺเตหิ กสฺสเกหิ มโหเฆ นิวฏฺเฏตุํ น สกฺกา, เอวํ กูลํ ภินฺทิตฺวา. นทึ ภินฺทิตฺวาติ วา มาติกามุขทฺวาเรน นทีกูลํ ภินฺทิตฺวา.
อุกฺเขปิมนฺติ ¶ ทีฆรชฺชุนา กูเฏหิ อุสฺสิฺจนียํ. อุกฺเขปิมนฺติ วา กูปโต วิย อุกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํ. อุกฺเขปิมนฺติ วา อุทฺธริตฺวา คเหตพฺพกํ.
อสมฺมิสฺเสหีติ สพฺพทิสาสุ ิตปพฺพเตหิ เอว วา ปาสาณาทีสุ อฺตเรหิ วา นิมิตฺตนฺตราพฺยวหิเตหิ. สมฺมิสฺเสหีติ เอกตฺถ ปพฺพโต, อฺตฺถ ปาสาโณติ เอวํ ิเตหิ อฏฺหิ. นิมิตฺตานํ สเตนาปีติ อิมินา เอกิสฺสาเยว ทิสาย พหูนิปิ นิมิตฺตานิ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปพฺพโต, ภนฺเต. ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ, ปาสาโณ, ภนฺเต’’ติอาทินา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ติโกณา. สิงฺฆาฏกสณฺานาติ วา ติโกณรจฺฉาสณฺานา. จตุรสฺสาติ สมจตุรสฺสา. มุทิงฺคสณฺานา ปน อายตจตุรสฺสา, เอกโกฏิยํ สงฺโกจิตา, ตทฺาย วิตฺถิณฺณา วา โหติ. มุทิงฺคสณฺานาติ วา มุทิงฺคเภรี วิย มชฺเฌ วิตฺถตา อุโภสุ โกฏีสุ สงฺโกจิตา โหติ.
๑๕๙. เอวํ พทฺธสีมาย นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปริสสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทนาติ สพฺพเหฏฺิเมน คณนปริจฺเฉเทน, อปฺปตโร เจ คโณ โหตีติ อธิปฺปาโย. อิมสฺส ปน สีมาสมฺมุติกมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา ‘‘จตูหิ ภิกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ. สนฺนิปติตาติ สมคฺคา หุตฺวา อฺมฺสฺส หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา สนฺนิปติตา. อิมินา ‘‘จตุวคฺคกรณีเย กมฺเม จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ ปมสมฺปตฺติลกฺขณํ ทสฺเสติ. ยาวติกา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเตติ ยสฺมึ ปเทเส สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมึ เอกสฺส คามโภชกสฺส อายุปฺปตฺติฏฺานภูเต คามกฺเขตฺเต ิตา ภิกฺขูติ สมฺพนฺโธ. พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวาติ เอเตน เอตา พทฺธสีมาทโย คามสีมโต สีมนฺตรภูตา, น ตาสุ ิตา คามสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ วคฺคํ กโรนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพติ ทสฺเสติ. เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวาติ วคฺคกมฺมปริหรณตฺถํ สนฺนิปติตุํ สมตฺเถ เต คามกฺเขตฺตฏฺเ สพฺเพ ภิกฺขู สงฺฆสฺส หตฺถปาเส กตฺวาติ อตฺโถ. ฉนฺทํ วา อาหริตฺวาติ สนฺนิปติตุํ อสมตฺถานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา. ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต ยทิปิ สหสฺสภิกฺขู โหนฺติ, เตสุ จตฺตาโรเยว กมฺมปฺปตฺตา, อวเสสา ฉนฺทารหา, ตสฺมา อนาคตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพติ อตฺโถ, อิมินา ‘‘ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท ¶ อาหโฏ โหตี’’ติ วุตฺตํ ทุติยสมฺปตฺติลกฺขณมาห. ‘‘สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺตี’’ติ วุตฺตํ ตติยสมฺปตฺติลกฺขณํ ปน อิเมสํ สามตฺถิเยน วุตฺตํ โหติ.
๑๖๐. เอวํ พทฺธสีมาย ปริสสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ อตฺโถ เหฏฺา อุปสมฺปทกมฺมวาจาวณฺณนายํ วุตฺโตว ¶ . เอวํ วุตฺตายาติ เอวํ อิมินา อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘-๑๓๙) ภควตา วุตฺตาย. ปริสุทฺธายาติ ตฺติโทสอนอุสฺสาวนโทเสหิ ปริสมนฺตโต สุทฺธาย. ตฺติทุติยกมฺมวาจายาติ เอกาย ตฺติยา เอกาย อนุสฺสาวนาย กริยมานตฺตา ตฺติ เอว ทุติยา อิมิสฺสา กมฺมวาจายาติ ตฺติทุติยกมฺมวาจา, ตาย. นิมิตฺตานํ อนฺโต สีมา โหติ, นิมิตฺตานิ สีมโต พหิ โหนฺติ นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา เหฏฺา ปถวีสนฺธารอุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมาย คตตฺตา.
๑๖๑. เอวํ สมานสํวาสกสีมาสมฺมุติยา กมฺมวาจาสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อธิฏฺิตเตจีวริกานํ ภิกฺขูนํ จีวเร สุขปริโภคตฺถํ ภควตา ปฺตฺตํ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติกมฺมวาจาสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ พทฺธาย จ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ ยถา อธิฏฺิตเตจีวริโก ภิกฺขุ อนฺโตสีมายํ ติจีวเรน วิปฺปวสนฺโตปิ อวิปฺปวาโสเยว โหติ, ทุติยกถินสิกฺขาปเทน (ปารา. ๔๗๑ อาทโย) อาปตฺติ น โหติ, เอวํ ตํ สมานสํวาสกสีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ อตฺโถ. เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจาติ ยทิ ติสฺสา สมานสํวาสกสีมาย อนฺโต คาโม อตฺถิ, ตํ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา ตโต วินิมุตฺตํ ตํ สมานสํวาสกสีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺยาติ อตฺโถ.
สีมสงฺขฺยํเยว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมสงฺขฺยํเยว คจฺฉติ. เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วาติ อภินวกตเคเหสุ สพฺพปมํ เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ อตฺถิ. อคตํ วาติ โปราณกคาเม อฺเสุ กุเลสุ เคหานิ ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุปิ เอกมฺปิ กุลํ อคตํ อตฺถีติ อตฺโถ.
๑๖๒. เอวํ ¶ สงฺเขเปน สีมาสมฺมุตึ ทสฺเสตฺวา ปุน วิตฺถาเรน ทสฺเสนฺโต ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป, อยํ ปน วิตฺถาโร’’ติอาทิมาห. สีมาย อุปจารํ เปตฺวาติ อายตึ พนฺธิตพฺพาย สีมาย ¶ เนสํ วิหารานํ ปริจฺเฉทโต พหิ สีมนฺตริกปฺปโหนกํ อุปจารํ เปตฺวา. พทฺธา สีมาเยสุ วิหาเรสุ, เต พทฺธสีมา. ปาฏิเยกฺกนฺติ ปจฺเจกํ. พทฺธสีมาสทิสานีติ ยถา พทฺธสีมาสุ ิตา อฺมฺํ ฉนฺทาทึ อนเปกฺขิตฺวา ปจฺเจกํ กมฺมํ กาตุํ ลภนฺติ, เอวํ คามสีมาสุ ิตาปีติ ทสฺเสติ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ เอกสฺส คามสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโตกตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ. อาคนฺตพฺพนฺติ จ สามีจิวเสน วุตฺตํ, นายํ นิยโม ‘‘อาคนฺตพฺพเมวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อพทฺธาย หิ สีมาย นานาคามกฺเขตฺตานํ นานาสีมสภาวตฺตา เตสํ อนาคมเนปิ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ตสฺมา อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. พทฺธาย ปน สีมาย เอกสีมภาวโต ปุน อฺสฺมึ กมฺเม กริยมาเน อนฺโตสีมคเตหิ อาคนฺตพฺพเมวาติ อาห ‘‘อวิปฺปวาสสีมา…เป… อาคนฺตพฺพ’’นฺติ. นิมิตฺตกิตฺตนกาเล อโสธิตายปิ สีมาย เนวตฺถิ โทโส นิมิตฺตกิตฺตนสฺส อปโลกนาทีสุ อฺตราภาวโต.
เภริสฺํ วาติ สมฺมนฺนนปริโยสานํ กโรมาติ วตฺวาติ ลิขิตํ. เตน ตาทิเส กาเล ตํ กปฺปตีติ สิทฺธํ โหติ. เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วาติ ปน เตสํ สทฺทํ สุตฺวา อิทานิ สงฺโฆ สีมํ พนฺธตีติ ตฺวา อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ตํ คามกฺเขตฺตํ อปฺปเวสนตฺถํ, อารามิกาทีนฺจ เตสํ นิวารณตฺถํ กมฺมวาจารทฺธกาเลเยว สฺา กรียติ, เอวํ สติ ตํ กรณํ สปฺปโยชนํ โหติ. เตเนว ‘‘เภริสงฺขสทฺทํ กตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘เภริสงฺขสฺํ กตฺวา’’ติ สฺาคฺคหณํ กตํ. ‘‘สฺํ กตฺวา’’ติ จ ปุพฺพกาลกิริยํ ¶ วตฺวา ‘‘กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา’’ติ อปรกาลกิริยํ วทติ, ปริโยสานกาเล ปน สพฺพตูริยาตาลิกสงฺฆุฏฺํ กตฺวา เทวมนุสฺสานํ อนุโมทนํ กาเรตพฺพํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๖๓. ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชาคฺคหณํ. สุขกรณตฺถนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปาตนปริสฺสมํ ปหาย อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาตีติ วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ. อิทฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เหฏฺิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. อิทฺจ กมฺมารเหน สห อพฺภานการกานมฺปิ ปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพาติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตาย วฑฺฒิตฺวา อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส จ ตทภาวโต ยตฺถ ¶ กตฺถจิ อาเนตฺวา เปตุํ สุกรตาย จ วุตฺตํ. ตถา สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพาติ เอตฺถาปิ. จตุรงฺคุลปฺปมาณาปีติ ยถา ขณฺฑสีมปริจฺเฉทโต พหิ นิมิตฺตปาสาณํ จตุรงฺคุลมตฺตํ านํ สมนฺตา นิคจฺฉติ, อวเสสํ านํ อนฺโตขณฺฑสีมายํ โหติเยว, เอวํ เตสุ ปิเตสุ จตุรงฺคุลมตฺตา สีมนฺตริกา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมนฺตริกปาสาณาติ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา. เต ปน กิตฺเตนฺเตน ทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. กถํ? ขณฺฑสีมโต หิ ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย ¶ กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา, ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุเขน ตฺวา ปุริมกิตฺติตํ วุตฺตนเยน ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา. ตโตติ ปจฺฉา. อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรนฺตเรสุ อวเสสนิมิตฺตานิ. น สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมาย พทฺธภาวํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายมนฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. พทฺธาย หิ อวิปฺปวาสสีมาย ตํ สมูหนิตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กตายปิ กมฺมวาจาย อสมูหตาว โหติ สีมา. ปมฺหิ อวิปฺปวาสํ สมูหนิตฺวา ปจฺฉา สีมา สมูหนิตพฺพา. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ, อาจิณฺณกรเณเนว จ สมฺโมโห น โหตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา’’ติ. อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตีติ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ น โกเปนฺติ. เอวํ พทฺธาสุ ปน…เป… สีมนฺตริกา หิ คามกฺเขตฺตํ ภชตีติ น อาวาสวเสน สามคฺคิปริจฺเฉโท, กินฺตุ สีมาวเสเนวาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
กุฏิเคเหติ ภูมิยํ กตติณกุฏิยํ. อุทุกฺขลนฺติ อุทุกฺขลาวาฏสทิสขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ราชิ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ. อิทฺจ ยถาวุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ อนาคตตฺเตน น วฏฺฏตีติ สิทฺธมฺปิ ‘‘อวินสฺสกสฺาณมิท’’นฺติ สฺาย โกจิ โมเหน นิมิตฺตํ กเรยฺยาติ ทูรโต วิปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ. นิมิตฺตุปคปาสาเณ เปตฺวาติ สฺจาริมนิมิตฺตสฺส ¶ กมฺปนตาย วุตฺตํ. เอวํ อุปริ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทีสุปิ สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ กถเน การณํ เวทิตพฺพํ. สีมาวิปตฺติ หิ อุปสมฺปทาทิสพฺพกมฺมวิปตฺติมูลนฺติ ¶ ตสฺส ทฺวารํ สพฺพถาปิ ปิทหนวเสน วตฺตพฺพํ. สพฺพํ วตฺวาว อิธ อาจริยา วินิจฺฉยํ กเถสุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ภิตฺตินฺติ อิฏฺกทารุมตฺติกามยํ. สิลามยาย ปน ภิตฺติยา นิมิตฺตุปคํ เอกํ ปาสาณํ ตํตํทิสาย กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. อเนกสิลาหิ จินิตํ สกลํ ภิตฺตึ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอกวจเนน วตฺตพฺพโต. อนฺโตกุฏฺฏเมวาติ เอตฺถ อนฺโตกุฏฺเฏปิ นิมิตฺตานํ ิโตกาสโต อนฺโต เอว สีมาติ คเหตพฺพํ. ปมุเข นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวาติ คพฺภาภิมุเขปิ พหิปมุเข คพฺภวิตฺถารปฺปมาเณ าเน ปาสาเณ เปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. เอวฺหิ คพฺภปมุขานํ อนฺตเร ิตกุฏฺฏมฺปิ อุปาทาย อนฺโต จ พหิ จ จตุรสฺสสณฺานาว สีมา โหติ. พหีติ สกลสฺส กุฏิเลณสฺส สมนฺตโต พหิ.
อนฺโต จ พหิ จ สีมา โหตีติ มชฺเฌ ิตภิตฺติยา สห จตุรสฺสสีมา โหติ. อุปริปาสาเทเยว โหตี’’ติ อิมินา คพฺภสฺส จ ปมุขสฺส จ อนฺตรา ิตภิตฺติยา เอกตฺตา ตตฺถ จ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสาภาเวน เหฏฺา น โอตรติ, อุปริภิตฺติ ปน สีมฏฺาว โหตีติ ทสฺเสติ. เหฏฺา น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาสปฺปเทสํ น โอตรติ, อุปริ กเต ปาสาเทติ อตฺโถ. เหฏฺิมตเล กุฏฺโฏติ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ ิตกุฏฺโฏ. สเจ หิ ทฺวีสุ, ตีสุ เอว วา ทิสาสุ กุฏฺโฏ ติฏฺเยฺย, เหฏฺา น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ สเจ เหฏฺา อนฺโตภิตฺติยํ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โอตรมานา จ น อุปริสีมปฺปมาเณน โอตรติ, สมนฺตา ภิตฺติปฺปมาเณน โอตรติ. จตุนฺนํ ปน ภิตฺตีนํ พาหิรนฺตปริจฺเฉเทน เหฏฺาภูมิภาเค อุทกปริยนฺตํ ¶ กตฺวา โอตรติ, น ปน ภิตฺตีนํ พหิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ. ปาสาทภิตฺติโตติ อุปริมตเล ภิตฺติโต. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ สเจ เหฏฺา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ, โน เจ, น โอตรตีติ อธิปฺปาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ปน ‘‘อุปริสีมปฺปมาณสฺส อนฺโตคธานํ เหฏฺิมตเล จตูสุ ทิสาสุ กุฏฺฏานํ ตุลารุกฺเขหิ เอกสมฺพนฺธตํ, ตทนฺโต ปจฺฉิมสีมปฺปมาณตาทิฺจ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ¶ . กิฺจาเปตฺถ นิยฺยูหกาทโย นิมิตฺตานํ ิโตกาสตาย พชฺฌมานกฺขเณ สีมา น โหนฺติ, พทฺธาย ปน สีมาย สีมฏฺาว โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา.
ปริยนฺตถมฺภานนฺติ นิมิตฺตคตปาสาณตฺถมฺเภ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปริมตเลน สมฺพทฺโธ โหตีติ อิทํ กุฏฺฏานํ อนฺตรา สีมฏฺานํ ถมฺภานํ อภาวโต วุตฺตํ. ยทิ หิ ภเวยฺยุํ, กุฏฺเฏ อุปริมตเลน อสมฺพนฺเธปิ สีมฏฺถมฺภานํ อุปริ ิโต ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ. สเจ ปน พหูนํ ถมฺภปนฺตีนํ อุปริ กตปาสาทสฺส เหฏฺาปถวิยํ สพฺพพาหิราย ถมฺภปนฺติยา อนฺโต นิมิตฺตปาสาเณ เปตฺวา สีมา พทฺธา โหติ, เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ‘‘ยํ ตาว สีมฏฺถมฺเภเหว ธาริยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, สพฺพํ ตํ สีมฏฺเมว, เอตฺถ วิวาโท นตฺถิ, ยํ ปน สีมฏฺถมฺภปนฺติยา, อสีมฏฺาย พาหิรถมฺภปนฺติยา จ สมธุรํ ธารยมานานํ ตุลานํ อุปริมตลํ, ตตฺถ อุปฑฺฒํ สีมา’’ติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘สกลมฺปิ คามสีมา’’ติ อปเร. ‘‘พทฺธสีมา เอวา’’ติ อฺเ. ตสฺมา กมฺมํ กโรนฺเตหิ ครูหิ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สพฺพํ ตํ อาสงฺกฏฺานํ โสเธตฺวาว กมฺมํ กาตพฺพํ, สนฺนิฏฺานการณํ วา คเวสิตฺวา ตทนุคุณํ กาตพฺพํ.
ตาลมูลกปพฺพเตติ ¶ ตาลกฺขนฺธมูลสทิเส เหฏฺา ถูโล หุตฺวา กเมน กิโส หุตฺวา อุคฺคโต หินฺตาลมูลสทิโส นาม โหติ. วิตานสณฺาโนติ อหิจฺฉตฺตกสณฺาโน. ปณวสณฺาโนติ มชฺเฌ ตนุโก, เหฏฺา จ อุปริ จ วิตฺถิณฺโณ. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา, ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ. สปฺปผณสทิโส ปพฺพโตติ สปฺปผโณ วิย ขุชฺโช, มูลฏฺานโต อฺตฺถ อวนตสีโส. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. สีมปฺปมาโณติ อนฺโต อากาเสน สทฺธึ ปจฺฉิมสีมปฺปมาโณ. โส จ ปาสาโณ สีมฏฺโติ อิมินา อีทิเสหิ สุสิรปาสาณเลณกุฏฺฏาทีหิ ปริจฺฉินฺเน ภูมิภาเค เอว สีมา ปติฏฺาติ, น อปริจฺฉินฺเน. เต ปน สีมฏฺตฺตา สีมา โหนฺติ, น สรูเปน สีมฏฺมฺจาทิ วิยาติ ทสฺเสติ. สเจ ปน โส สุสิรปาสาโณ ภูมึ อนาหจฺจ อากาสคโต โอลมฺพติ, สีมา น โอตรติ. สุสิรปาสาโณ ปน สยํ สีมาปฏิพทฺธตฺตา สีมา โหติ, กถํ ปน ปจฺฉิมปฺปมาณรหิเตหิ เอเตหิ สุสิรปาสาณาทีหิ สีมา น โอตรตีติ อิทํ สทฺธาตพฺพนฺติ? อฏฺกถาปมาณโต.
อปิเจตฺถ สุสิรปาสาณภิตฺติอนุสาเรน มูสิกาทีนํ วิย สีมาย เหฏฺิมตเล โอตรณกิจฺจํ นตฺถิ, เหฏฺา ปน ปจฺฉิมสีมปฺปมาเณ อากาเส ทฺวงฺคุลมตฺตพหเลหิ ปาสาณภิตฺติอาทีหิปิ ¶ อุปริมตลํ อาหจฺจ ิเตหิ สพฺพโส, เยภุยฺเยน วา ปริจฺฉินฺเน สติ อุปริ พชฺฌมานา สีมา เตหิ ปาสาณาทีหิ อนฺตริตาย ตปฺปริจฺฉินฺนาย เหฏฺาภูมิยาปิ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกกฺขเณ ปติฏฺาติ, นทีปารสีมา วิย นทีอนฺตริเตสุ อุโภสุ ตีเรสุ เลณาทีสุ อปนีเตสุปิ เหฏฺา โอติณฺณสีมา ยาว สาสนนฺตรธานา น ¶ วิคจฺฉติ, ปมํ ปน อุปริ สีมาย พทฺธาย ปจฺฉา เลณาทิกเตสุปิ เหฏฺาภูมิยํ สีมา โอตรติ เอว, เกจิ ตํ น อิจฺฉนฺติ, เอวํ อุภยตฺถ ปติฏฺิตา จ สา สีมา เอกาว โหติ โคตฺตาทิชาติ วิย พฺยตฺติเภเทสูติ คเหตพฺพํ. สพฺพา เอว หิ พทฺธสีมา อพทฺธสีมา จ อตฺตโน อตฺตโน ปกตินิสฺสยเก คามารฺาทิเก เขตฺเต ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพตฺถ สากลฺเยน เอกสฺมึ ขเณ พฺยาปินี ปรมตฺถโต อวิชฺชมานมฺปิ เต เต นิสฺสยภูเต ปรมตฺถธมฺเม, ตํ ตํ กิริยาวิเสสมฺปิ วา อุปาทาย โลกิเยหิ สาสนิเกหิ จ ยถารหํ เอกตฺเตน ปฺตฺตตฺตา สนิสฺสเยกรูปา เอว. ตถา หิ เอโก คาโม อรฺํ นที ชาตสฺสโร สมุทฺโทติ เอวํ โลเก, ‘‘สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน, อคามเก เจ, ภิกฺขเว, อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติอาทินา สาสเน จ เอกโวหาโร ทิสฺสติ, น ปรมตฺถโต. เอกสฺส อเนกธมฺเมสุ พฺยาปนมตฺถิ กสิเณกเทสาทิวิกปฺปาสมานตาย เอกตฺตหานิโตติ อยํ โน มติ.
อสฺส เหฏฺาติ สปฺปผณปพฺพตสฺส เหฏฺา อากาสปพฺภาเร. เลณสฺสาติ เลณํ เจ กตํ, ตสฺส เลณสฺสาติ อตฺโถ. ตเมว ปุน เลณํ ปฺจหิ ปกาเรหิ วิกปฺเปตฺวา โอตรณาโนตรณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘สเจ ปน เหฏฺา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เหฏฺา’’ติ อิมสฺส ‘‘เลณํ โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เหฏฺา เลณฺจ เอกสฺมึ ปเทเสติ อาห ‘‘อนฺโต’’ติ, ปพฺพตสฺส อนฺโต, ปพฺพตมูเลติ อตฺโถ. ตเมว อนฺโตสทฺทํ สีมาปริจฺเฉเทน วิเสเสตุํ ‘‘อุปริมสฺส สีมาปริจฺเฉทสฺส ปารโต’’ติ วุตฺตํ. ปพฺพตปาทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ‘‘โอรโต’’ติ วตฺตพฺเพปิ สีมานิสฺสยํ ปพฺพตคฺคํ สนฺธาย ‘‘ปารโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘พหิ เลณ’’นฺติ เอตฺถ พหิสทฺทํ วิเสเสนฺโต ‘‘อุปริมสฺส ¶ สีมาปริจฺเฉทสฺส โอรโต’’ติ อาห. พหิสีมา น โอตรตีติ เอตฺถ พหีติ ปพฺพตปาเท เลณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เลณสฺส จ พหิภูเต อุปริสีมาปริจฺเฉทสฺส เหฏฺาภาเค สีมา น โอตรตีติ อตฺโถ. อนฺโต สีมาติ เลณสฺส จ ปพฺพตปาทสฺส จ อนฺโต อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน น โอตรตีติ อตฺโถ. ‘‘พหิ สีมา น โอตรติ, อนฺโต สีมา น โอตรตี’’ติ เจตฺถ อตฺตโน โอตรณารหฏฺาเน เลณาภาเวน สีมาย สพฺพถา ¶ อโนตรณเมว ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. ตตฺถ หิ อโนตรนฺตี อุปริ เอว โหตีติ อยํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) อาคโต วินิจฺฉโย.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ปน ‘‘อนฺโตเลณํ โหตีติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ โหตี’’ติ เอตฺตกเมว อาคโต. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) น ‘‘อนฺโตเลณนฺติ ปพฺพตสฺส อนฺโตเลณํ. ทฺวารํ ปน สนฺธาย ‘ปารโต โอรโต’ติ วุตฺตํ, สพฺพถาปิ สีมโต พหิเลเณน โอตรตีติ อธิปฺปาโย’’ติ อาคโต. อยํ ปน อนฺโตเลณพหิเลณวินิจฺฉโย คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธติ อาจริยา วทนฺติ, ตถาปิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) อาคตํ นยํ นิสฺสาย สุฏฺุ วินิจฺฉิตพฺโพ วิฺูหีติ. พหิ ปติตํ อสีมาติอาทินา อุปริปาสาทาทีสุ อถิรนิสฺสเยสุ ิตา สีมาปิ เตสํ วินาเสน วินสฺสตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
โปกฺขรณึ ขณนฺติ, สีมาเยวาติ เอตฺถ สเจ เหฏฺา อุมงฺคนที สีมปฺปมาณโต อนูนา ปมเมว ปวตฺตา โหติ, สีมา จ ปจฺฉา พทฺธา นทิโต อุปริ เอว โหติ, นทึ อาหจฺจ โปกฺขรณิยา จ ขตาย สีมา วินสฺสตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺาปถวีตเลติ อนนฺตรา ภูมิวิวเร.
สีมมาฬเกติ ¶ ขณฺฑสีมงฺคเณ. วฏรุกฺโขติ อิทํ ปาโรโหปตฺถมฺเภน อติทูรมฺปิ คนฺตุํ สมตฺถสาขาสมงฺคิตาย วุตฺตํ. สพฺพรุกฺขลตาทีนมฺปิ สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ เอว. เตเนว นาวารชฺชุเสตุสมฺพนฺโธปิ ปฏิกฺขิตฺโต. ตโตติ ตโต สาขโต. มหาสีมาย ปถวีตลนฺติ เอตฺถ อาสนฺนตรมฺปิ คามสีมํ อคฺคเหตฺวา พทฺธสีมาย เอว คหิตตฺตา คามสีมพทฺธสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทโส นตฺถิ อฺมฺํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน ปวตฺติโตติ คเหตพฺพํ. ยทิ หิ ตาสมฺปิ สมฺพนฺธโทโส ภเวยฺย, กถํ คามสีมาย พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา ภเวยฺย? ยสฺสา หิ สีมาย ยาย สีมาย สทฺธึ สมฺพนฺเธ โทโส ภเวยฺย, สา ตตฺถ พนฺธิตุเมว น วฏฺฏติ พทฺธสีมอุทกุกฺเขปสีมาสุ พทฺธสีมา วิย, อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีสุ อุทกุกฺเขปสีมา วิย จ, เตเนว ‘‘สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วาตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติอาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย อตฺตโน อนิสฺสยภูตคามสีมาทีหิ เอว สมฺพนฺธโทโส ทสฺสิโต, น นทีสีมาย ¶ , เอวมิธาปีติ ทฏฺพฺพํ. อยฺจตฺโถ อุปริ ปากโฏ ภวิสฺสติ. อาหจฺจาติ ผุสิตฺวา.
มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ มหาสีมคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนฉนฺทาหรณาทิวเสน สกลํ มหาสีมํ โสเธตฺวา. เอเตน สพฺพวิปตฺติโย โมเจตฺวา ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานมฺปิ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ ปจฺฉา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน อุปฺปชฺชนโต อีทิโส ปาฬิมุตฺตโก สมฺพนฺธโทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ, โส จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สีมาย สีมา สมฺภินฺทิตพฺพา’’ติอาทินา พทฺธสีมานํ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว สีมํ สมฺมนฺนนฺเตน สีมนฺตริกํ เปตฺวา สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๘) อุภินฺนํ พทฺธสีมานํ อนฺตรา สีมนฺตริกํ เปตฺวา พนฺธิตุํ ¶ อนุชานเนน สมฺเภทชฺโฌตฺถรเณ วิย ตาสํ อฺมฺํ ผุสิตฺวา ติฏฺนวเสน พนฺธนมฺปิ น วฏฺฏตีติ สิทฺธตฺตา พทฺธานมฺปิ ตาสํ ปจฺฉา อฺมฺํ เอกรุกฺขาทีหิ ผุสิตฺวา านมฺปิ น วฏฺฏตีติ ภควโต อธิปฺปายฺูหิ สงฺคีติการเกหิ นิทฺธาริโต พนฺธนกาเล ปฏิกฺขิตฺตสฺส สมฺพนฺธโทสสฺส อนุโลเมน อกปฺปิยานุโลมตฺตา. อยํ ปน สมฺพนฺธโทโส ปุพฺเพ สุฏฺุ พทฺธานํ ปจฺฉา สฺชาตตฺตา พชฺฌมานกฺขเณ วิย อสีมตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ อปนีตมตฺเต ตา สีมา ปากติกา โหนฺติ. ยถา จายํ ปจฺฉา น วฏฺฏติ, เอวํ พชฺฌมานกฺขเณปิ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตา พนฺธิตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน มหาสีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ ‘‘มหาสีมคตา ภิกฺขู ยถา ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา กายกายปฏิพทฺเธหิ น ผุสนฺติ, เอวํ โสธนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น สกลสีมาโสธน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌนโต. ตถา หิ ‘‘มหาสีมาย ปถวีตลํ วา ตตฺถชาตกรุกฺขาทีนิ วา อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ เอวํ สาขาปาโรหานํ มหาสีมํ ผุสิตฺวา านเมว สมฺพนฺธโทเส การณตฺเตน วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ ิตภิกฺขูหิ สาขาทีนํ ผุสนํ. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ สาขาทึ ผุสิตฺวา านเมว การณํ สิยา, ‘‘ตสฺส สาขํ วา ตโต นิคฺคตปาโรหํ วา มหาสีมาย ปวิฏฺํ ตตฺรฏฺโ โกจิ ภิกฺขุ ผุสิตฺวา ติฏฺตี’’ติ ภิกฺขุผุสนเมว วตฺตพฺพํ สิยา. ยฺหิ ตตฺถ มหาสีมาโสธเน การณํ, ตเทว ตสฺมึ วากฺเย ปธานโต ทสฺเสตพฺพํ. น หิ อาหจฺจฏฺิตเมว สาขาทึ ผุสิตฺวา ิโต ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ อากาสฏฺสาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุสฺสปิ โสเธตพฺพโต, กึ นิรตฺถเกน อาหจฺจฏฺานวจเนน, อากาสฏฺสาขาสุ ¶ จ ภิกฺขุผุสนเมว การณตฺเตน วุตฺตํ ¶ , โสธนฺจ ตสฺเสว ภิกฺขุสฺส หตฺถปาสานยนาทิวเสน โสธนํ วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘มหาสีมํ โสเธตฺวา’’ติ สกลสีมาสาธารณวจเนน โสธนํ วุตฺตํ, อปิ จ สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตภิกฺขุมตฺตโสธเน อภิมเต ‘‘มหาสีมาย ปถวีตล’’นฺติ วิเสสสีโมปาทานํ นิรตฺถกํ สิยา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส อากาเสปิ ตฺวา สาขาทึ ผุสิตฺวา ิตสฺส โสเธตพฺพโต.
ฉินฺทิตฺวา พหิฏฺกา กาตพฺพาติ ตตฺถ ปติฏฺิตภาววิโยชนวจนโต จ วิสภาคสีมานํ ผุสเนเนว สกลสีมาโสธนเหตุโก อฏฺกถาสิทฺโธยํ เอโก สมฺพนฺธโทโส อตฺเถวาติ คเหตพฺโพ. เตเนว อุทกุกฺเขปสีมากถายมฺปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต’’ติ จ ‘‘นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พทฺธนาวาย วา น วฏฺฏตี’’ติ จ ‘‘สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จ เอวํ วิสภาคาสุ คามสีมาสุ สาขาทีนํ ผุสนเมว สงฺกรโทสการณตฺเตน วุตฺตํ, น ภิกฺขุผุสนํ. ตถา หิ ‘‘อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ นทิยํ นาวาพนฺธนํ อนฺุาตํ อุทกุกฺเขปนิสฺสยตฺเตน นทีสีมาย สภาคตฺตา. ยทิ หิ ภิกฺขูนํ ผุสนเมว ปฏิจฺจ สพฺพตฺถ สมฺพนฺธโทโส วุตฺโต สิยา, นทิยมฺปิ พนฺธนํ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย. ตตฺถาปิ หิ ภิกฺขุผุสนํ กมฺมโกปการณํ โหติ, ตสฺมา สภาคสีมาสุ ปวิสิตฺวา ภูมิอาทึ ผุสิตฺวา, อผุสิตฺวา วา สาขาทิมฺหิ ิเต ตํ สาขาทึ ผุสนฺโตว ภิกฺขุ โสเธตพฺโพ. วิสภาคสีมาสุ ปน สาขาทิมฺหิ ผุสิตฺวา ิเต ตํ สาขาทึ อผุสนฺตาปิ สพฺเพ ภิกฺขู โสเธตพฺพา, อผุสิตฺวา ิเต ปน ตํ สาขาทึ ผุสนฺตาว ภิกฺขู โสเธตพฺพาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ยํ ¶ ปเนตฺถ เกจิ ‘‘พทฺธสีมานํ ทฺวินฺนํ อฺมฺํ วิย พทฺธสีมคามสีมานมฺปิ ตทฺาสมฺปิ สพฺพาสํ สมานสํวาสกสีมานํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ ตทุภยมฺปิ เอกสีมํ วิย โสเธตฺวา เอกตฺเถว กมฺมํ กาตพฺพํ, อฺถา กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, นตฺเถตฺถ สภาควิสภาคเภโท’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ สภาคสีมานํ อฺมฺํ สมฺพนฺธโทสาภาวสฺส วิสภาคสีมานเมว ตพฺภาวสฺส สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิวินยนเยหิ สิทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) คามสีมายเมว พทฺธสีมํ สมฺมนฺนิตุํ อนฺุาตตฺตา ตาสํ นิสฺสยนิสฺสิตภาเวน สภาคตา, สมฺเภทชฺโฌตฺถรณโทสาภาโว จ สุตฺตโตว ¶ สิทฺโธ. พนฺธนกาเล ปน อนฺุาตสฺส สมฺพนฺธสฺส อนุโลมโต ปจฺฉา สฺชาตรุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ ตาสํ วฏฺฏติ เอว. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… กปฺปิยํ อนุโลเมติ, อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา เอวํ ตาว คามพทฺธสีมานํ อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต สิทฺโธ, อิมินา เอว นเยน อรฺสีมสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทีอาทิสีมอุทกุกฺเขปสีมานฺจ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต อฺมฺํ สภาคตา, สมฺเภทาทิโทสาภาโว จ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ.
พทฺธสีมาย ปน อฺาย พทฺธสีมาย นทีอาทิสีมาสุ จ พนฺธิตุํ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต เจว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมานํ นทีอาทีสุ เอว กาตุํ นิยมนสุตฺตสามตฺถิเยน พทฺธสีมคามสีมาสุ กรณปฏิกฺเขปสิทฺโธ จ ตาสํ อฺมฺสภาคตา อุปฺปตฺติกฺขเณ ปจฺฉา จ รุกฺขาทีหิ สมฺเภทาทิโทสสมฺภโว จ วุตฺตนเยน สุตฺตสุตฺตานุโลมโตว สิชฺฌนฺติ. เตเนว อฏฺกถายํ วิสภาคสีมานเมว วฏรุกฺขาทิวจเนหิ ¶ สมฺพนฺธโทสํ ทสฺเสตฺวา สภาคานํ พทฺธสีมคามสีมาทีนํ สมฺพนฺธโทโส น ทสฺสิโต. น เกวลฺจ น ทสฺสิโต, อถ โข ตาสํ สภาคสีมานํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ โทสาภาโวปิ ปาฬิอฏฺกถาสุ าปิโต เอว. ตถา หิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๓๘) ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วฑฺฒนกนิมิตฺตานิ อนฺุาตานิ, เตน เนสํ รุกฺขาทินิมิตฺตานํ วฑฺฒเน พทฺธสีมคามสีมานํ สงฺกรโทสาภาโว าปิโตว โหติ, ทฺวินฺนํ ปน พทฺธสีมานํ อีทิโส สมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกรุกฺโขปิ ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหติ, โส ปน วฑฺฒนฺโต สีมสงฺกรํ กโรติ, ตสฺมา น กาตพฺโพ’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ พนฺธิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐) วจนโตปิ จายํ าปิโต. ติโยชนปรมาย หิ สีมาย สมนฺตา ปริยนฺเตสุ รุกฺขลตาคุมฺพาทีหิ พทฺธคามสีมานํ นิยเมน อฺมฺํ สมฺพนฺธสฺส สมฺภวโต ‘‘อีทิสํ สมฺพนฺธํ วินาเสตฺวาว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ อฏฺกถายมฺปิ น วุตฺตํ.
ยทิ เจตฺถ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธน กมฺมวิปตฺติ ภเวยฺย, อวสฺสเมว วตฺตพฺพํ สิยา. วิปตฺติปริหารตฺถฺหิ อาจริยา นิราสงฺกฏฺาเนสุปิ ‘‘ภิตฺตึ อกิตฺเตตฺวา’’ติอาทินา สิทฺธเมวตฺถํ ปุนปฺปุนํ อโวจุํ, อิธ ปน ‘‘วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, วนํ น กิตฺเตตพฺพ’’นฺติอาทินา รุกฺขลตาทีหิ นิรนฺตเร วนมชฺเฌปิ สีมาพนฺธนมโวจุํ. ตถา ถมฺภานํ อุปริ กตปาสาทาทีสุ เหฏฺา ถมฺภาทีหิ เอกาพทฺเธสุ อุปริมตลาทีสุ สีมาพนฺธนํ พหุธา วุตฺตํ, ตสฺมา พทฺธสีมคามสีมานํ ¶ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ เตหิ มุขโตว วิหิโต, อปิจ คามสีมานมฺปิ ปาเฏกฺกํ พทฺธสีมาสทิสตาย เอกาย คามสีมาย กมฺมํ กโรนฺเตหิ ทพฺพติณมตฺเตนปิ สมฺพนฺธา คามนฺตรปรมฺปรา อรฺนทีสมุทฺทา จ โสเธตพฺพาติ สกลํ ทีปํ ¶ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อโสเธตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาลโต ปภุติ กตานํ อุปสมฺปทาทิกมฺมานํ สีมาสมฺมุตีนฺจ วิปชฺชนโต สพฺเพสมฺปิ ภิกฺขูนํ อนุปสมฺปนฺนสงฺกาปสงฺโค จ ทุนฺนิวาโร โหติ, น เจตํ ยุตฺตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยน วิสภาคสีมานเมว รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโส, น พทฺธสีมคามสีมาทีนํ สภาคสีมานนฺติ คเหตพฺพํ.
มหาสีมาโสธนสฺส ทุกฺกรตาย ขณฺฑสีมายเมว เยภุยฺเยน สงฺฆกมฺมกรณนฺติ อาห ‘‘สีมมาฬเก’’ติอาทิ. มหาสงฺฆสนฺนิปาเตสุ ปน ขณฺฑสีมาย อปฺปโหนกตาย มหาสีมาย กมฺเม กริยมาเนปิ อยํ นโย คเหตพฺโพว. อุกฺขิปาเปตฺวาติ อิมินา กายปฏิพทฺเธน สีมํ ผุสนฺโตปิ สีมฏฺโว โหตีติ ทสฺเสติ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมโต มหาสีมํ ปวิฏฺสาขานเยปิ. สีมฏฺรุกฺขสาขาย นิสินฺโน สีมฏฺโว โหตีติ อาห ‘หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพ’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘รุกฺขสาขาทีหิ อฺมฺสมฺพนฺธาสุ เอตาสุ ขณฺฑสีมาย ตโย ภิกฺขู, มหาสีมาย ทฺเวติ เอวํ ทฺวีสุ สีมาสุ สีมนฺตริกํ อผุสิตฺวา, หตฺถปาสฺจ อวิชหิตฺวา ิเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขูหิ อุปสมฺปทาทิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นานาสีมายํ ิตจตุตฺโถ กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๓๘๙). เตเนเวตฺถาปิ มหาสีมํ โสเธตฺวา มาฬกสีมายเมว กมฺมกรณํ วิหิตํ. อฺถา ภินฺนสีมฏฺตาย ตตฺรฏฺสฺส คณปูรกตฺตาภาวา กมฺมโกโปว โหตีติ.
ยทิ เอวํ กถํ ฉนฺทปาริสุทฺธิอาหรณวเสน มหาสีมาโสธนนฺติ? ตมฺปิ วินยฺู น อิจฺฉนฺติ, หตฺถปาสานยนพหิสีมกรณวเสน ปเนตฺถ โสธนํ อิจฺฉนฺติ, ทินฺนสฺสปิ ฉนฺทสฺส ¶ อนาคมเนน มหาสีมฏฺโ กมฺมํ โกเปตีติ. ยทิ จสฺส ฉนฺทาทิ นาคจฺฉติ, กถํ โส กมฺมํ โกเปสฺสตีติ? ทฺวินฺนํ วิสภาคสีมานํ สมฺพนฺธโทสโต, โส จ สมฺพนฺธโทโส อฏฺกถาวจนปฺปมาณโต. น หิ วินเย สพฺพตฺถ ยุตฺติ สกฺกา าตุํ พุทฺธโคจรตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘สเจ ทฺเวปิ สีมาโย ปูเรตฺวา นิรนฺตรํ ิเตสุ ภิกฺขูสุ กมฺมํ กโรนฺเตสุ เอกาย เอว สีมาย คโณ จ อุปสมฺปทาเปกฺโข จ อนุสฺสาวโก จ เอกโต ติฏฺติ ¶ , กมฺมํ สุกตเมว โหติ. สเจ ปน กมฺมารโห วา อนุสฺสาวโก วา สีมนฺตรฏฺโ โหติ, กมฺมํ วิปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ตฺจ พทฺธสีมคามสีมาทิสภาคสีมาสุ เอว ยุชฺชติ. ยาสุ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธสุปิ โทโส นตฺถิ, ยาสุ ปน อตฺถิ, น ตาสุ, วิสภาคสีมาสุ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ เอกตฺถ ิโต อิตรฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ เอว อฏฺกถาย สามฺโต โสธนสฺส วุตฺตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) ‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ขณฺฑสีมาย อนฺโต ิตตฺตา รุกฺขสฺส ตตฺถ ิโต หตฺถปาสเมว อาเนตพฺโพติ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ปน ‘‘อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา? อนฺโต ิตตฺตา. รุกฺขสฺส หิ เหฏฺา ปถวีคตํ มูลํ ขณฺฑสีมาเยว โหติ. อพฺโพหาริกํ วาติ อปเร. ‘มชฺเฌ ปน ฉินฺเน มหาสีมาย ิตํ มูลํ มหาสีมเมว ภชติ, ขณฺฑสีมาย ิตํ ขณฺฑสีมเมว ภชติ ตทายตฺตปถวีอาทีหิ อนุคฺคหิตตฺตา’ติ จ วุตฺตํ. ‘สีมาย ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺเข นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ปจฺฉา สีมายํ กตเคเห วิยา’ติ วตฺวา ‘พนฺธนกาเล ิเต รุกฺเข นิสีทิตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ อุปริสีมาย อคมนโต’ติ การณํ วทนฺติ. เอวํ สติ พนฺธนกาเล ¶ ปุน อาโรหณํ นาม นตฺถิ, พนฺธิตกาเล เอว อาโรหตีติ อาปชฺชติ ปจฺฉา อุฏฺิตรุกฺโข ปน ตปฺปฏิพทฺธตฺตา สีมาสงฺขเมว คโต. เอวํ ปุพฺเพ อุฏฺิตรุกฺโขปีติ คเหตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วจนโต ติณาทิปิ สงฺคหิตํ, มหาเถราปิ ติณํ โสเธตฺวาว กโรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
น โอตรตีติ ปณวสณฺานปพฺพตาทีสุ เหฏฺา ปมาณรหิตํ านํ น โอตรติ. กิฺจาปิ ปเนตฺถ พชฺฌมานกฺขเณ อุทฺธมฺปิ ปมาณรหิตปพฺพตาทิ นาโรหติ, ตถาปิ ตํ ปจฺฉา สีมฏฺตาย สีมา โหติ. เหฏฺา ปณวสณฺานาทิ ปน อุปริ พทฺธายปิ สีมาย สีมสงฺขํ น คจฺฉติ, ตสฺเสว วเสน ‘‘น โอตรตี’’ติ วุตฺตํ, อิตรถา โอโรหณาโรหณานํ สาธารณวเสน ‘‘น โอตรตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพโต. ชาตํ ยํ กิฺจีติ นิฏฺิตสีมาย อุปริ ชาตํ วิชฺชมานํ ปุพฺเพ ิตํ ปจฺฉา สฺชาตํ ปวิฏฺฺจ ยํ กิฺจิ สวิฺาณกาวิฺาณกํ สพฺพมฺปีติ อตฺโถ. อนฺโตสีมาย หิ หตฺถิกฺขนฺธาทิสวิฺาณเกสุ นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ สีมฏฺโว โหติ. พทฺธาย สีมายาติ อิทฺจ ปกรณวเสน อุปลกฺขณโต วุตฺตํ. อพทฺธสีมาสุปิ ¶ สพฺพาสุ ิตํ ตํ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. เอกสมฺพนฺเธน คตนฺติ รุกฺขลตาทิตตฺรชาตเมวสนฺธาย วุตฺตํ. ตาทิสฺหิ ‘‘อิโต คต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ.
ยํ ปน ‘‘อิโต คต’’นฺติ วา ‘‘ตโต อาคต’’นฺติ วา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อุโภสุ พทฺธสีมคามสีมาสุ อุทกุกฺเขปนทีอาทีสุ จ ติริยํ ปติตรชฺชุทณฺฑาทิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอตฺถ ปน ‘‘พทฺธสีมาย ปติฏฺิตภาโค พทฺธสีมา, คามสีมาย ปติฏฺิตภาโค คามสีมา ตทุภยสีมฏฺปพฺพตาทิ วิย, พทฺธสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห, คามสีมาย คามสีมโต อุฏฺิตวฏรุกฺขสฺส ปาโรเห จ พทฺธสีมาย ¶ ปติฏฺิเตปิ เอเสว นโย. มูเล ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย หิ ‘อิโต คตํ, ตโต อาคต’นฺติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยโต โส ภาโค ยถาปวิฏฺสีมฏฺสงฺขเมว คจฺฉติ. เตสํ รุกฺขปาโรหานํ อนฺตรา ปน อากาสฏฺสาขา ภูมิยํ สีมาปริจฺเฉทปฺปมาเณน ตทุภยสีมา โหตี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ยสฺมา ปนสฺสา สาขาย ปาโรโห ปวิฏฺสีมาย ปถวิยํ มูเลหิ ปติฏฺหิตฺวาปิ ยาว สาขํ วินา าตุํ น สกฺโกติ, ตาว มูลสีมฏฺตํ น วิชหติ. ยทา ปน สณฺาตุํ สกฺโกติ, ตทาปิ ปาโรหมตฺตเมว ปวิฏฺสีมตํ สมุเปติ, ตสฺมา สพฺโพปิ อากาสฏฺสาขาภาโค ปุริมสีมฏฺตํ น วิชหติ ตโต อาคตภาคสฺส อวิชหิตตฺตาติ อมฺหากํ ขนฺติ. อุทกุกฺเขปนทีอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ จ วิสภาคสีมาย เอว ปวิฏฺเ สกลสีมาโสธนํ, สภาคาย ปวิฏฺเ ผุสิตฺวา ิตมตฺตภิกฺขุโสธนฺจ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว.
๑๖๔. เอตฺถ จ นทีปารสีมากถาย ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. นทิยา อุโภสุ ตีเรสุ ปติฏฺหมานา สีมา นทีอชฺโฌตฺถรา นาม โหตีติ อาห ‘‘นทึ อชฺโฌตฺถรมาน’’นฺติ. อนฺโตนทิยฺหิ สีมา น โอตรติ. นทีลกฺขเณ ปน อสติ โอตรติ. สา จ ตทา นทีปารสีมา น โหตีติ อาห ‘‘นทิยา ลกฺขณํ นทีนิมิตฺเต วุตฺตนยเมวา’’ติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ปน ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. น นาวายาติ อิมินา นาวํ วินาปิ สีมา พทฺธา สุพทฺธา เอว โหติ, อาปตฺติปริหารตฺถา นาวาติ ทสฺเสติ.
รุกฺขสงฺฆาฏมโยติ อเนกรุกฺเข เอกโต ฆเฏตฺวา กตเสตุ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิตภิกฺขู หตฺถปาเส กตฺวาติ อิทํ อุภินฺนํ ตีรานํ เอกคามเขตฺตภาวํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. ปพฺพตสณฺานาติ ¶ เอกโต อุคฺคตทีปสิขรตฺตา สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ.
๑๖๕. สีมาสมูหนกถายํ โสติ ภิกฺขุนิสงฺโฆ. ทฺเวปีติ ทฺเว สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาโย. อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺเถว เยภุยฺเยน อวิปฺปวาสาติ. อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปีติ อิทํ มหาสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานตฺตํ, ตสฺสา พาหิรปริจฺเฉทฺจ อชานนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. เอวํ อชานนฺเตหิปิ อนฺโตสีมาย ตฺวา กมฺมวาจาย กตาย สา สีมา สมูหตาว โหตีติ อาห ‘‘สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. นิราสงฺกฏฺาเนติ ขณฺฑสีมารหิตฏฺาเน. อิทฺจ มหาสีมาย วิชฺชมานายปิ กมฺมกรณสุขตฺถํ ขณฺฑสีมา อิจฺฉิตาติ ตํ เจติยงฺคณาทิพหุสนฺนิปาตฏฺาเน น พนฺธตีติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ สา พทฺธา สุพทฺธา เอว มหาสีมา วิย. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ อิทํ ขณฺฑสีมาย อสมูหตตฺตา, ตสฺสา อวิชฺชมานตฺตสฺส อชานนโต จ มหาสีมาพนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ขณฺฑสีมา ปน นิราสงฺกฏฺาเน พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺเตว. สีมาสมฺเภทํ กตฺวาติ ขณฺฑสีมาย วิชฺชมานปกฺเข สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณสมฺเภทํ กตฺวา อวิชฺชมานปกฺเขปิ สมฺเภทสงฺกาย อนิวตฺตเนน สมฺเภทสงฺกํ กตฺวา. อวิหารํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆกมฺมานารหํ กเรยฺยุํ. ปุพฺเพ หิ เจติยงฺคณาทินิราสงฺกฏฺาเน กมฺมํ กาตุํ สกฺกา, อิทานิ ตมฺปิ วินาสิตนฺติ อธิปฺปาโย. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา. อุโภปิ น ชานนฺตีติ อุภินฺนํ ปเทสนิยมํ วา ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ วา อฺตราย วา วิชฺชมานตํ วา อวิชฺชมานตํ วา น ชานนฺติ, สพฺพตฺถ สงฺกา เอว โหติ. เนว สมูหนิตุํ, น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อิทํ นิราสงฺกฏฺาเน ตฺวา สมูหนิตุํ สกฺโกนฺตาปิ มหาสีมํ ปฏิพนฺธิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ. น จ สกฺกา…เป… กมฺมวาจา กาตุนฺติ อิทํ สีมาพนฺธนกมฺมวาจํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พนฺธิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพาติ อตฺโถ.
เกจิ ปน ‘‘อีทิเสสุปิ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ, ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย, มหาสีมาย วา ิตวิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ ¶ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย. น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ. สีมาย ปน อนฺโตานํ ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจากรณฺเจตฺถ องฺคํ. อฏฺกถายํ ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตฺุเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตฺุจ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) อาคโต วินิจฺฉโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๔) ปน ‘‘อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวาติ เจติยงฺคณาทีนํ ขณฺฑสีมาย อโนกาสตฺตา วุตฺตํ. ขณฺฑสีมฺหิ พนฺธนฺตา ตาทิสํ านํ ปหาย อฺสฺมึ วิวิตฺเต โอกาเส พนฺธนฺติ. อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมํเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ขณฺฑสีมํ. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ ขณฺฑสีมายํ อฺาตตฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.
๑๖๖. เอวํ ¶ พทฺธสีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อพทฺธสีมาวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อพทฺธสีมา ปนา’’ติ อาห. สา กติวิธาติ อาห ‘‘คามสีมา สตฺตพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา’’ติ. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมายา’’ติอาทินา คามสีมา เอว พทฺธสีมาย เขตฺตํ อรฺนทีอาทโย วิย สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปาทีนํ, สา จ คามสีมา พทฺธสีมาย รหิตฏฺาเน สยเมว สมานสํวาสา โหตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ยา ตสฺส คามสฺส คามสีมา’’ติ เอตฺถ คามปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ เขตฺตวตฺถุอรฺปพฺพตาทิกํ สพฺพํ คามกฺเขตฺตํ สนฺธาย ‘‘คามสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น อนฺตรฆรเมว, ตสฺมา ตสฺส สกลสฺส คามกฺเขตฺตสฺส สมฺพนฺธนียา คามสีมาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. โย หิ โส อนฺตรฆรเขตฺตาทีสุ อเนเกสุ ภูมิภาเคสุ ‘‘คาโม’’ติ เอกตฺเตน โลกชเนหิ ปฺตฺโต คามโวหาโร, โสว อิธ ‘‘คามสีมา’’ติปิ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. คาโม เอว หิ คามสีมา. อิมินาว นเยน อุปริ อรฺํ นที สมุทฺโท ชาตสฺสโรติ, เอวํ เตสุ เตสุ ภูมิปฺปเทเสสุ เอกตฺเตน โลกชนปฺตฺตานเมว อรฺาทีนํ อรฺสีมาทิภาโว เวทิตพฺโพ, โลเก ปน คามสีมาทิโวหาโร คามาทีนํ มริยาทายเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ, น คามกฺเขตฺตาทีสุ ¶ สพฺพตฺถ. สาสเน ปน เต คามาทโย อิตรนิวตฺติอตฺเถน สยเมว อตฺตโน มริยาทาติ กตฺวา คาโม เอว คามสีมา, อรฺเมว อรฺสีมา, สมุทฺโท เอว สมุทฺทสีมาติ สีมาโวหาเรน วุตฺตาติ เวทิตพฺโพ. ปาฬิยํ นิคมสฺส วาติ อิทํ คามสีมปฺปเภทํ อุปลกฺขณวเสน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นครมฺปิ คหิตเมวา’’ติ.
พลึ ลภนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. ‘‘อยํ คาโม เอตฺตโก กรีสภาโค’’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ¶ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทีโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ. สเจ ปน ตตฺถ ราชา กฺจิ ปเทสํ คามนฺตเรน โยเชติ, โส ปวิฏฺคามสีมตํ เอว ภชติ. นทีชาตสฺสเร วินาเสตฺวา ตฬากาทิภาวํ วา ปูเรตฺวา เขตฺตาทิภาวํ วา ปาปิเตสุปิ เอเสว นโย.
เย ปน คามา ราชโจราทิภยปีฬิเตหิ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตา จิรมฺปิ นิมฺมนุสฺสา ติฏฺนฺติ, สมนฺตา ปน คามา สนฺติ, เตปิ ปาเฏกฺกํ คามสีมาว. เตสุ หิ ราชาโน สมนฺตคามวาสีหิ กสาเปตฺวา วา เยหิ เกหิจิ กสิตฏฺานํ ลิขิตฺวา วา พลึ คณฺหนฺติ, อฺเน วา คาเมน เอกีภาวํ อุปเนนฺติ, เย ปน คามา ราชูหิปิ ปริจฺจตฺตา คามเขตฺตานนฺตริกา มหาอรฺเน เอกีภูตา, เต อคามการฺสีมตํ ปาปุณนฺติ, ปุริมา คามสีมา วินสฺสติ, ราชาโน ปน เอกสฺมึ อรฺาทิปเทเส มหนฺตํ คามํ กตฺวา อเนกสหสฺสานิ กุลานิ วาสาเปตฺวา ตตฺถ วาสีนํ โภคคามาติ สมนฺตา ภูตคาเม ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺติ, ปุราณนามํ ปน ปริจฺเฉทฺจ น วินาเสนฺติ, เตปิ ปจฺเจกํ คามสีมา เอว, เอตฺตาวตา ปุริมคามสีมตํ น วิชหนฺติ. สา จ อิตรา จาติอาทิ ‘‘สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ ปาฬิปทสฺส (มหาว. ๑๔๓) อธิปฺปายวิวรณํ. ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺเตตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา, อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา ยถา พทฺธสีมาย สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อธิปฺปาโย ¶ . สามฺโต ‘‘พทฺธสีมาสทิสา’’ติ วุตฺเต ติจีวราวิปฺปวาสสีมํ พทฺธสีมํ เอว มฺนฺตีติ ตํสทิสตานิวตฺตนมุเขน ¶ อุปริสตฺตพฺภนฺตรสีมาย ตํสทิสตาปิ อตฺถีติ ทสฺสนนยสฺส อิเธว ปสงฺคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเติ ยตฺถ ‘‘อสุกคามสฺส อิทํ เขตฺต’’นฺติ คามโวหาโร นตฺถิ, ยตฺถ จ เนว กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิเส อรฺเ. มจฺฉพนฺธานํ อคมนปถา นิมฺมนุสฺสาวาสา สมุทฺทนฺตรทีปกาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหนฺติ. ยํ ยฺหิ อคามกฺเขตฺตภูตํ นทีสมุทฺทชาตสฺสรวิรหิตปเทสํ, ตํ สพฺพํ อรฺสีมาติ เวทิตพฺพํ. สา จ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา สยเมว สมานสํวาสา พทฺธสีมาสทิสา, นทีอาทิสีมาสุ วิย สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ ตาว อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตโน สภาเวเนว พทฺธสีมาสทิสา’’ติอาทินา วุตฺตตฺตา สีมตา สิทฺธา. อรฺสฺส ปน สีมตา กถนฺติ? สตฺตพฺภนฺตรสีมานุชานนสุตฺตาทิสามตฺถิยโต. ยถา หิ คามสีมาย วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ พหู พทฺธสีมาโย อนฺุาตา, ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตรา อฺมฺํ อสมฺเภทตฺถํ สีมนฺตริกา อนฺุาตา, เอวมิธ อรฺเปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมา. ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อนฺตราปิ สีมนฺตริกาย ปาฬิอฏฺกถาสุ วิธานสามตฺถิยโต อรฺสฺสปิ สภาเวเนว นทีอาทีนํ วิย สีมภาโว ตตฺถ วคฺคกมฺมปริหารตฺถเมว สตฺตพฺภนฺตรสีมาย อนฺุาตตฺตาว สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สีมายเมว หิ ิตา สีมฏฺานํ วคฺคกมฺมํ กโรนฺติ, น อสีมายํ อากาเส ิตา วิย อากาสฏฺานํ. เอวเมว หิ สามตฺถิยํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) ปฏิกฺขิตฺตพทฺธสีมานมฺปิ นทีสมุทฺทชาตสฺสรานํ อตฺตโน สภาเวเนว สีมภาโว อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺโตติ คเหตพฺโพ.
อถสฺส ¶ ิโตกาสโตติ ตสฺส ภิกฺขุสฺส ิโตกาสโต. สเจปิ หิ ภิกฺขุสหสฺสํ ติฏฺติ, ตสฺส ิโตกาสสฺส พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย อุปฺปนฺนาย ตาย สห สยเมว อุปฺปนฺนา สตฺตพฺภนฺตรสีมา สมานสํวาสกาติ อธิปฺปาโย. ยตฺถ ปน ขุทฺทเก อรฺเ มหนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณตาย วคฺคกมฺมสงฺกาภาเวน สตฺตพฺภนฺตรสีมาเปกฺขา นตฺถิ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา น อุปฺปชฺชติ. เกวลารฺสีมายเมว, ตตฺถ สงฺเฆน กมฺมํ กาตพฺพํ. นทีอาทีสุปิ เอเสว นโย. วกฺขติ หิ ‘‘สเจ นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารา สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมาย กมฺมํ นตฺถี’’ติอาทิ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๖๗), อิมินา เอว จ วจเนน ¶ วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สีมาเปกฺขาย สติ เอว อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรสีมา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปน ‘‘สมนฺตา อพฺภนฺตรํ มินิตฺวา ปริจฺเฉทกรเณเนว สีมา สฺชายติ, น สยเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ยทิ หิ อพฺภนฺตรปริจฺเฉทกรณปฺปกาเรน สีมา อุปฺปชฺเชยฺย, อพทฺธสีมาว น สิยา ภิกฺขูนํ กิริยาปการสิทฺธิโต. อปิจ วฑฺฒกิหตฺถานํ ปกติหตฺถานฺจ โลเก อเนกวิธตฺตา, วินเย ‘‘อีทิสํ หตฺถปมาณ’’นฺติ อวุตฺตตฺตา จ ‘‘เยน เกนจิ มินิเต ภควตา อนฺุาเตน นุ โข หตฺเถน มินิตํ, น นุ โข’’ติ สีมาย วิปตฺติสงฺกา ภเวยฺย, มินนฺเตหิ จ อนุมตฺตมฺปิ อูนมธิกมกตฺวา มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วิปตฺติ เอว สิยา, ปริสวเสน จายํ วฑฺฒมานา เตสํ มินเนน วฑฺฒติ, หายติ วา. สงฺเฆ จ กมฺมํ กตฺวา คเต อยํ ภิกฺขูนํ ปโยเคน สมุปฺปนฺนา สีมา เตสํ ปโยเคน วิคจฺฉติ น วิคจฺฉติ จ, กถํ พทฺธสีมา วิย ยาว สาสนนฺตรธานา น ติฏฺเยฺย, ิติยา จ ปุราณวิหาเรสุ ¶ วิย สกเลปิ วิสุํ อรฺเ กตสีมา สมฺเภทสงฺกา น ภเวยฺย, ตสฺมา สีมาเปกฺขาย เอว สมุปฺปชฺชติ, ตพฺพิคเมน วิคจฺฉตีติ คเหตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุทกุกฺเขปสีมายมฺปิ นทีอาทีสุปิ.
ตตฺถาปิ หิ มชฺฌิมปุริโส น ปฺายติ, ตถา สพฺพถาเมน ขิปนํ, อุภยตฺถปิ จ ยสฺสํ ทิสายํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา โอกาโส นปฺปโหติ, ตตฺถ กถํ มินนํ, ขิปนํ วา ภเวยฺย, คามกฺเขตฺตาทีสุ ปวิสนโต อเขตฺเต สีมา ปวิฏฺา กินฺนาม สีมา น วิปชฺเชยฺย. อเปกฺขาย สีมุปฺปตฺติยํ ปน ยโต ปโหติ, ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปริปุณฺณา ชายนฺติ. ยโต ปน นปฺปโหติ, ตตฺถ อตฺตโน เขตฺตปฺปมาเณเนว ชายนฺติ, น พหิ. ยํ ปเนตฺถ อพฺภนฺตรมินนปฺปมาณสฺส วาลุกาทิขิปนกมฺมสฺส จ ทสฺสนํ, ตํ สยํชาตสีมานํ ิตฏฺานสฺส ปริจฺเฉทนตฺถํ กตํ คามูปจารฆรูปจารชานนตฺถํ เลฑฺฑุสุปฺปาทิขิปนวิธานทสฺสนํ วิย. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สีมํ วา สมฺมนฺนติ, อุทกุกฺเขปํ วา ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ กเตปิ ตสฺส ปริจฺเฉทสฺส ยาถาวโต าตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺเตน ปุถุลโต ตฺวา อนฺโต ติฏฺนฺเตหิ นิราสงฺกฏฺาเน าตพฺพํ, อฺํ พหิ กโรนฺเตหิ อติทูเร นิราสงฺกฏฺาเน เปเสตพฺพํ.
อปเร ¶ ปน ‘‘สีมาเปกฺขาย กิจฺจํ นตฺถิ, มคฺคคมนนหานาทิอตฺเถหิ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ อรฺเ วา นทีอาทีสุ วา ปวิฏฺเ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา สยเมว ปภา วิย ปทีปสฺส สมุปฺปชฺชติ. คามกฺเขตฺตาทีสุ ตสฺมึ โอติณฺณมตฺเต วิคจฺฉติ. เตเนเวตฺถ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ กมฺมํ กโรนฺตานํ สีมาทฺวยสฺส อนฺตรา สีมนฺตริกํ อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อุทกุกฺเขปฺจ เปตุํ อนฺุาตํ. สีมาปริยนฺเต หิ เกนจิ กมฺเมน ¶ เปสิตสฺส ภิกฺขุโน สมนฺตา สฺชาตา สีมา อิตเรสํ สีมาย ผุสิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กเรยฺย, โส มา โหตูติ วา, อิตรถา หตฺถจตุรงฺคุลมตฺตายเปตฺถ สีมนฺตริกาย อนุชานิตพฺพโต. อปิจ สีมนฺตริกาย ิตสฺส อุภยตฺถ กมฺมโกปวจนโตปิ เจตํ สิชฺฌติ ตมฺปิ ปริกฺขิปิตฺวา สยเมว สฺชาตาย สีมาย อุภินฺนมฺปิ สีมานํ, เอกาย เอว วา สงฺกรโต. อิตรถา ตสฺส กมฺมโกปวจนํ น ยุชฺเชยฺย. วุตฺตฺหิ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’ติ. กิฺจ อคามการฺเ ิตสฺส กมฺมกรณิจฺฉาวิรหิตสฺสปิ ภิกฺขุโน สตฺตพฺภนฺตรปริจฺฉินฺเน อพฺโภกาเส จีวรวิปฺปวาโส ภควตา อนฺุาโต, โส จ ปริจฺเฉโท สีมา, เอวํ อเปกฺขํ วินา สมุปฺปนฺนา. เตเนเวตฺถ ‘อยํ สีมา จีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภตี’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ, ตสฺมา กมฺมกรณิจฺฉํ วินาปิ วุตฺตนเยน สมุปฺปตฺติ คเหตพฺพา’’ติ วทนฺติ. ตํ น ยุตฺตํ ปทีปปภา วิย สพฺพปุคฺคลานมฺปิ ปจฺเจกํ สีมาสมฺภเวน สงฺเฆ, คเณ วา กมฺมํ กโรนฺเต ตตฺถ ิตานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตา ปจฺเจกํ สมุปฺปนฺนานํ อเนกสีมานํ อฺมฺํ สงฺกรโทสปฺปสงฺคโต. ปริสวเสน จสฺสา วฑฺฒิ หานิ จ สมฺภวติ, ปจฺฉา อาคตานํ อภินวสีมนฺตรุปฺปตฺติ เอว, คตานํ สมนฺตา ิตสีมาวินาโส จ ภเวยฺย.
ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ปน ‘‘สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา’’ติอาทินา เอกา เอว สตฺตพฺภนฺตรา อุทกุกฺเขปา จ อนฺุาตา, น เจสา สีมา สภาเวน, การณสามตฺถิเยน วา ปภา วิย ปทีปสฺส อุปฺปชฺชติ, กินฺตุ ¶ ภควโต อนุชานเนเนว. ภควา จ อิมา อนุชานนฺโต ภิกฺขูนํ วคฺคกมฺมปริหาเรน กมฺมกรณสุขตฺถเมว อนฺุาสีติ กถํ นหานาทิกิจฺเจน ปวิฏฺานมฺปิ สมนฺตา ตาสํ สีมานํ สมุปฺปตฺติ ปโยชนาภาวา, ปโยชเน จ เอกํ เอว ปโยชนนฺติ กถํ ปจฺเจกํ ภิกฺขุคณนาย อเนกสีมาสมุปฺปตฺติ. ‘‘เอกสีมาย หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) หิ ¶ วุตฺตํ. ยํ ปน ทฺวินฺนํ สีมานํ อนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกาปนวจนํ, ตตฺถ ิตานํ กมฺมโกปวจนฺจ, ตมฺปิ อิมาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทสฺส ทุพฺโพธตาย สีมาย สมฺเภทสงฺกํ กมฺมโกปสงฺกฺจ ทูรโต ปริหริตุํ วุตฺตํ.
โย จ จีวรวิปฺปวาสตฺถํ ภควตา อพฺโภกาเส ทสฺสิโต สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉโท, โส สีมา เอว น โหติ, เขตฺตตฬากาทิปริจฺเฉโท วิย อยเมตฺถ เอโก ปริจฺเฉโทว. ตตฺถ จ พหูสุ ภิกฺขูสุ เอกโต ิเตสุ เตสํ วิสุํ วิสุํ อตฺตโน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทพฺภนฺตเร เอว จีวรํ เปตพฺพํ, น ปริสปริยนฺตโต. ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย หิ อพฺภนฺตเร คยฺหมาเน สตฺตพฺภนฺตรปริโยสาเน ปิตจีวรํ มชฺเฌ ิตสฺส สตฺตพฺภนฺตรโต พหิ โหตีติ ตํ อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ สิยา. สีมา ปน ปริสปริยนฺตโตว คเหตพฺพา. จีวรวิปฺปวาสปริหาโรเปตฺถ อชฺโฌกาสปริจฺเฉทสฺส วิชฺชมานตฺตา วุตฺโต, น ปน ยาว สีมาปริจฺเฉทํ ลพฺภมานตฺตา มหาสีมาย อวิปฺปวาสสีมาโวหาโร วิย. มหาสีมายมฺปิ หิ คามคามูปจาเรสุ จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, อิธาปิ มชฺเฌ ิตสฺส สีมาปริยนฺเต นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตสีมาเปกฺขาวเสเนว ตาสํ สตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมานํ อุปฺปตฺติ, ตพฺพิคเมน วินาโส จ คเหตพฺโพติ ¶ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อฺโ วา ปกาโร อิโต ยุตฺตตโร คเวสิตพฺโพ.
อิธ ปน ‘‘อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ เอวํ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗), ‘‘วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) รุกฺขาทินิรนฺตเรปิ อรฺเ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย วิหิตตฺตา อตฺตโน นิสฺสยภูตาย อรฺสีมาย สห เอติสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ โทสาภาโว, ปเคว อคามเก รุกฺเขติ นิสฺสิเตปิ ปเทเส จีวรวิปฺปวาสสฺส รุกฺขปริหารํ วินาว อชฺโฌกาสปริหาโร จ อนุมโตติ สิทฺโธติ เวทิตพฺพํ.
อุปจารตฺถายาติ สีมนฺตริกตฺถาย. สตฺตพฺภนฺตรโต อธิกํ วฏฺฏติ, อูนกํ ปน น วฏฺฏติ เอว สตฺตพฺภนฺตรปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานตฺตา. ตสฺมา สงฺฆํ วินา เอเกนปิ ภิกฺขุนา พหิ ติฏฺนฺเตน อฺํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร เอว าตพฺพํ. อิตรถา กมฺมโกปสงฺกรโต. อุทกุกฺเขเปปิ เอเสว นโย. เตเนว วกฺขติ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (วิ. สงฺค.อฏฺ. ๑๖๗). อิทฺเจตฺถ ¶ สีมนฺตริกาวิธานํ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สีมนฺตริกานุชานนสุตฺตานุโลมโต สิทฺธนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ หิ ภควตา นิทานวเสน เอกคามนิสฺสิตานํ เอกสภาคานฺจ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว อฺมฺํ สมฺเภทอชฺโฌตฺถรณโทสปริหาราย สีมนฺตริกา อนฺุาตา, ตถาปิ ตทนุโลมโต เอกํ อรฺสีมํ นทีอาทิสีมฺจ นิสฺสิตานํ เอกสภาคานํ ทฺวินฺนํ สตฺตพฺภนฺตรสีมานมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมานมฺปิ อฺมฺํ สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ, สีมนฺตริกํ วินา อพฺยวธาเนน านฺจ ภควตา อนภิมตเมวาติ ตฺวา อฏฺกถาจริยา อิธาปิ สีมนฺตริกาวิธานมกํสุ. วิสภาคสีมานมฺปิ หิ เอกสีมานิสฺสิตตฺตํ เอกสภาคตฺตฺจาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคเม สติ ¶ เอว สีมนฺตริกํ วินา านํ สมฺเภทาย โหติ, นาสตีติ ทฏฺพฺพํ. สีมนฺตริกวิธานสามตฺถิเยเนว เจตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ พทฺธสีมา วิย อฺมฺํ น วฏฺฏตีติ อยมฺปิ นยโต ทสฺสิโตวาติ คเหตพฺพํ.
๑๖๗. สภาเวเนวาติ อิมินา คามสีมา วิย อพทฺธสีมาติ ทสฺเสติ. สพฺพเมตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ ทสฺเสติ. เยน เกนจีติ อนฺตมโส สูกราทินา สตฺเตน. มโหเฆน ปน อุณฺณตฏฺานโต นินฺนฏฺาเน ปตนฺเตน ขโต ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ลกฺขณยุตฺโต ‘‘ชาตสฺสโร’’ตฺเวว วุจฺจติ. เอตฺถปิ ขุทฺทเก อุทกุกฺเขปกิจฺจํ นตฺถิ. สมุทฺเท ปน สพฺพตฺถ อุทกุกฺเขปสีมายเมว กมฺมํ กาตพฺพํ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา. ปุน ตตฺถาติ โลกโวหารสิทฺธีสุ เอว ตาสุ นทีอาทีสุ ตีสุ อพทฺธสีมาสุ ปุน วคฺคกมฺมปริหารตฺถํ สาสนโวหารสิทฺธาย อพทฺธสีมาย ปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๗) ‘‘ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสา’’ติอาทีสุ อุทกํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปียติ เอตฺถาติ อุทกุกฺเขโป, อุทกสฺส ปตโนกาโส, ตสฺมา อุทกุกฺเขปา, อยฺเหตฺถ ปทสมฺพนฺธวเสน อตฺโถ – ปริสปริยนฺตโต ปฏฺาย สมนฺตา ยาว มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อุทกุกฺเขโป อุทกสฺส ปตนฏฺานํ, ตาว ยํ ตํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ, อยํ ตตฺถ นทีอาทีสุ อปรา สมานสํวาสา อุทกุกฺเขปสีมาติ.
ตสฺส อนฺโตติ ตสฺส อุทกุกฺเขปปริจฺฉินฺนสฺส านสฺส อนฺโต. น เกวลฺจ ตสฺเสว อนฺโต, ตโต พหิปิ, ‘‘เอกสฺส อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต าตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วจนํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานโต กมฺมโกปสงฺกา โหตีติ ¶ . เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ ¶ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ‘‘ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา ปริจฺเฉทโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตี’’ติ วตฺวา มาติกาฏฺกถาวจนมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อุปลพฺภตี’’ติอาทิ พหุ ปปฺจิตํ, ตํ น สุนฺทรํ อิธ อฏฺกถาวจเนน มาติกาฏฺกถาวจนสฺส นยโต สํสนฺทนโต สงฺฆฏนโต. ตถา หิ ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปปอจฺเฉทานมนฺตรา วิทตฺถิจตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ สีมนฺตริกํ อเปตฺวา ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกาย เปตพฺโพ, ‘‘ตโต อธิกํ วฏฺฏติ เอว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ อิเธว วุตฺเตน อิมินา อฏฺกถาวจเนน สีมนฺตริโกปจาเร อุทกุกฺเขปโต อูนเก ปิเต สีมาย สีมาสมฺเภทโต กมฺมโกโปปิ วุตฺโต เอว. ยทคฺเคน จ เอวํ วุตฺโต, ตทคฺเคน จ ตตฺถ เอกภิกฺขุโน ปเวเสปิ สติ ตสฺส สีมฏฺภาวโต กมฺมโกโป วุตฺโต เอว โหติ. อฏฺกถายํ ‘‘อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ กถนฺเจตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส ทุพฺพิชานนฺเตนปิ สีมาสมฺเภทสงฺกาปริหารตฺถํ วุตฺตํ. สตฺตพฺภนฺตรสีมานมนฺตรา ตตฺตกปริจฺเฉเทเนว สีมนฺตริกวิธานวจนโตปิ เอตาสํ ทุพฺพิชานปริจฺเฉทตา, ตตฺถ จ ิตานํ กมฺมโกปสงฺกา สิชฺฌติ. กมฺมโกปสงฺกฏฺานมฺปิ อาจริยา ทูรโต ปริหารตฺถํ ‘‘กมฺมโกปฏฺาน’’นฺติ วตฺวาว เปสุนฺติ คเหตพฺพํ.
สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ปน – อปริจฺฉินฺนายาติ พทฺธสีมาวเสน อกตปริจฺเฉทาย. เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ¶ ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา ปริจฺเฉทโต พหิ ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตีติ ทีเปติ. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ. ตตฺถ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตีติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อุปลพฺภติ, ยทิ เจตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมกรณาธิกาเร วุตฺตตฺตา อุทกุกฺเขปโต พหิ อฺํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกมิตฺวา อุโปสถาทิกรณตฺถํ ิโต สงฺโฆ สีมาสมฺเภทสมฺภวโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา, เอวมฺปิ ยุชฺเชยฺย. เตเนว มาติกาฏฺกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ (กงฺขา. ฏี. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ ¶ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทนฺติ ทุติยํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกนฺโตปิ โกเปติ. กสฺมา? อตฺตโน อุทกุกฺเขปสีมาย ปเรสํ อุทกุกฺเขปสีมาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา สีมาสมฺเภโท โหติ, ตสฺมา โกเปตี’’ติ. ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ อิมินาว อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ สพฺพาสุปิ อฏฺกถาสุ สีมาสมฺเภทสฺส อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘อตฺตโน จ อฺเสฺจ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส อนฺตรา อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺเ ปเนตฺถ อฺถาปิ ปปฺเจนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทตีติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา นิสีทติ. อุทกุกฺเขปสีมาย กมฺมํ นตฺถีติ ยสฺมา สพฺโพปิ นทีปเทโส ภิกฺขูหิ อชฺโฌตฺถโฏ, ตสฺมา สมนฺตโต นทิยา ¶ อภาวา อุทกุกฺเขปปฺปโยชนํ นตฺถิ. อุทกุกฺเขปปฺปมาณา สีมนฺตริกา สุวิฺเยฺยตรา โหติ, สีมาสมฺเภทสงฺกา จ น สิยาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ยตฺตเกน ปน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกํ เปตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนวาหุ โปราณา ‘‘ยตฺตเกน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกมฺปิ เปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ อิทมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมาย ปริสวเสน วฑฺฒนโต สีมาสมฺเภทสงฺกา สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถเมว วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๔๗) – ยํ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สมนฺตา อุทกุกฺเขปาติ ปน เอติสฺสา นทิยา จตุวคฺคาทีนํ สงฺฆานํ วิสุํ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมกรณกาเล สีมาปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ ติจีวเรน วิปฺปวาสาวิปฺปวาสปริจฺเฉททสฺสนตฺถมฺปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉททสฺสนํ วิยาติ อาจริยา, ตสฺมา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทาภาเวปิ อนฺโตนทิยํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ นาวาคโต เจ, นาวายํ วุตฺตนเยน, สตฺถคโต เจ, สตฺเถ วุตฺตนเยน. โส เจ อติเรกจาตุมาสนิวุตฺโถ เจ, คาเม วุตฺตนเยน ติจีวราวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ อยํ วิเสโส – สเจ สตฺโถ อุทกุกฺเขปสฺส อนฺโต โหติ, อุทกุกฺเขปสีมา ปมาณนฺติ เอเก. สตฺโถว ปมาณนฺติ อาจริยา. สเจ ปเนตฺถ พหู ภิกฺขูติอาทิมฺหิ เกจิ อธิฏฺานุโปสถํ, เกจิ คณุโปสถํ, เกจิ สงฺฆุโปสถนฺติ วตฺตุกามตาย ‘‘พหู สงฺฆา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ เอตฺถ สีมาสมฺเภทสมฺภวโตติ อุปติสฺสตฺเถโร. เปนฺเต หิ อูนกํ น เปตพฺพํ, ‘‘อฏฺเปตุมฺปิ วฏฺฏติ เอวา’’ติ วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.
ตนฺติ ¶ ¶ สีมํ. สีฆเมว อติกฺกมตีติ อิมินา ตํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺโต เอว ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอตทตฺถเมว หิ วาลิกาทีหิ สีมาปริจฺฉินฺทนํ, อิตรถา พหิ ปริวตฺตา นุ โข, โน วาติ กมฺมโกปสงฺกา ภเวยฺยาติ. อฺิสฺสา อนุสฺสาวนาติ เกวลาย นทีสีมาย อนุสฺสาวนา. อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วาติ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส พหิ ิเต รุกฺเข วา. พหินทีตีรเมว หิ วิสภาคสีมตฺตา อพนฺธิตพฺพฏฺานํ, น อนฺโตนที นิสฺสยตฺเตน สภาคตฺตา. เตเนว ‘‘พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา’’ติอาทินา ตีรเมว อพนฺธิตพฺพฏฺานตฺเตน ทสฺสิตํ, น ปน นที. ชาตรุกฺเขปิ ิเตหีติ อิทํ อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ พหิอุทกุกฺเขเป ภิกฺขูนํ าตุํ วฏฺฏติ.
รุกฺขสฺสาติ ตสฺเสว อนฺโตอุทกุกฺเขปฏฺสฺส รุกฺขสฺส. สีมํ วา โสเธตฺวาติ ยถาวุตฺตํ วิหาเร พทฺธสีมํ คามสีมฺจ ตตฺถ ิตภิกฺขูนํ หตฺถปาสานยนพหิสีมกรณวเสเนว โสเธตฺวา. ยถา จ อุทกุกฺเขปสีมายํ กมฺมํ กโรนฺเตหิ, เอวํ พทฺธสีมายํ วา คามสีมายํ วา กมฺมํ กโรนฺเตหิปิ อุทกุกฺเขปสีมฏฺเ โสเธตฺวาว กาตพฺพํ. เอเตเนว สตฺตพฺภนฺตรอรฺสีมาหิปิ สทฺธึ อุทกุกฺเขปสีมาย, อิมาย จ สทฺธึ ตาสํ รุกฺขาทิสมฺพนฺธโทโสปิ นยโต ทสฺสิโตว โหติ. อิมินาว นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย พทฺธสีมคามสีมาหิปิ สทฺธึ, เอตาสฺจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สทฺธึ สมฺพนฺธโทโส าตพฺโพ. อฏฺกถายํ ปเนตํ สพฺพํ วุตฺตนยโตว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อฺมฺาสนฺนานเมเวตฺถ ทสฺสิตํ.
ตตฺริทํ สุตฺตานุโลมโต นยคฺคหณมุขํ – ยถา หิ พทฺธสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา วิปตฺติสีมา โหตีติ ตาสํ อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ น วฏฺฏติ, เอวํ นทีอาทีสุ สมฺมตาปิ พทฺธสีมา วิปตฺติสีมาว โหตีติ ตาหิปิ สทฺธึ ตสฺสา รุกฺขาทิสมฺพนฺโธ ¶ น วฏฺฏตีติ สิชฺฌติ. อิมินา นเยน สตฺตพฺภนฺตรสีมาย คามนทีอาทีหิ สทฺธึ, อุทกุกฺเขปสีมาย จ อรฺาทีหิ สทฺธึ รุกฺขาทิสมฺพนฺธสฺสนวฏฺฏนกภาโว าตพฺโพ, เอวเมตา ภควตา อนฺุาตา พทฺธสีมสตฺตพฺภนฺตรอุทกุกฺเขปสีมา อฺมฺฺเจว อตฺตโน นิสฺสยวิรหิตาหิ อิตรีตราสํ นิสฺสยสีมาหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธ สติ สมฺเภทโทสมาปชฺชตีติ สุตฺตานุโลมนโย าตพฺโพว.
อตฺตโน อตฺตโน ปน นิสฺสยภูตคามาทีหิ สทฺธึ พทฺธสีมาทีนํ ติสฺสนฺนํ อุปฺปตฺติกาเล ภควตา ¶ อนฺุาตสฺส สมฺเภทชฺโฌตฺถรณสฺส อนุโลมนโต รุกฺขาทิสมฺพนฺโธปิ อนฺุาโตว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ อุทกุกฺเขปพทฺธสีมาทีนํ อนฺตรา กสฺมา สีมนฺตริกา น วิหิตาติ? นิสฺสยเภทสภาวเภเทหิ สยเมว ภินฺนตฺตา. เอกนิสฺสยเอกสภาวานเมว หิ สีมนฺตริกาย วินาสํ กโรตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เอเตเนว นทีนิมิตฺตํ กตฺวา พทฺธาย สีมาย สงฺเฆ กมฺมํ กโรนฺเต นทิยมฺปิ ยาว คามกฺเขตฺตํ อาหจฺจ ิตาย อุทกุกฺเขปสีมาย อฺเสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ. ยา ปเนตา โลกโวหารสิทฺธา คามารฺนทีสมุทฺทชาตสฺสรสีมา ปฺจ, ตา อฺมฺํ รุกฺขาทิสมฺพนฺเธปิ สมฺเภทโทสํ นาปชฺชติ ตถา โลกโวหาราภาวโต. น หิ คามาทโย คามนฺตราทีหิ นทีอาทีหิ จ รุกฺขาทิสมฺพนฺธมตฺเตน สมฺภินฺนาติ โลเก โวหรนฺติ. โลกโวหารสิทฺธานฺจ โลกโวหารโตว สมฺเภโท วา อสมฺเภโท วา คเหตพฺโพ, น อฺถา. เตเนว อฏฺกถายํ ตาสํ อฺมฺํ กตฺถจิปิ สมฺเภทนโย น ทสฺสิโต, สาสนโวหารสิทฺโธ เอว ทสฺสิโตติ.
เอตฺถ ปน พทฺธสีมาย ตาว ‘‘เหฏฺา ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมา คตา โหตี’’ติอาทินา อโธภาคปริจฺเฉโท ¶ อฏฺกถายํ สพฺพถา ทสฺสิโต, คามสีมาทีนํ ปน น ทสฺสิโต. กถมยํ ชานิตพฺโพติ? เกจิ ตาเวตฺถ ‘‘คามสีมาทโยปิ พทฺธสีมา วิย ปถวีสนฺธารกํ อุทกํ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ.
เกจิ ปน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นทีสมุทฺทชาตสฺสรสีมา, ตาว ตนฺนิสฺสิตอุทกุกฺเขปสีมา จ ปถวิยา อุปริตเล เหฏฺา จ อุทเกน อชฺโฌตฺถรณปฺปเทเส เอว ติฏฺนฺติ, น ตโต เหฏฺา อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณาภาวา. สเจ ปน อุทโกฆาทินา โยชนปฺปมาณมฺปิ นินฺนฏฺานํ โหติ, นทีสีมาทโยว โหนฺติ, น ตโต เหฏฺา. ตสฺมา นทีอาทีนํ เหฏฺา พหิตีรมุเขน อุมงฺเคน, อิทฺธิยา วา ปวิฏฺโ ภิกฺขุ นทิยํ ิตานํ กมฺมํ น โกเปติ, โส ปน อาสนฺนคาเม ภิกฺขูนํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน โส อุภินฺนํ ตีรคามานํ มชฺเฌ นิสินฺโน โหติ, อุภยคามฏฺานํ กมฺมํ โกเปติ. สเจ ปน ตีรํ คามกฺเขตฺตํ น โหติ, อคามการฺเมว. ตตฺถ ปน ตีรทฺวเยปิ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ วินา เกวลาย ขุทฺทการฺสีมายเมว กมฺมํ โกเปติ. สเจ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย กโรนฺติ, ตทา ยทิ เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย ปริจฺเฉโท เอตสฺส นิสินฺโนกาสสฺส ปรโต เอกํ สตฺตพฺภนฺตรํ อติกฺกมิตฺวา ิโต น กมฺมโกโป. โน เจ, กมฺมโกโป. คามสีมายํ ปน อนฺโตอุมงฺเค วา พิเล วา ขณิตฺวา ¶ วา ยตฺถ ปวิสิตุํ สกฺกา, ยตฺถ วา สุวณฺณมณิอาทึ ขณิตฺวา คณฺหนฺติ, คเหตุํ สกฺกาติ วา สมฺภาวนา โหติ, ตตฺตกํ เหฏฺาปิ คามสีมา, ตตฺถ อิทฺธิยา อนฺโต นิสินฺโนปิ กมฺมํ โกเปติ. ยตฺถ ปน ปกติมนุสฺสานํ ปเวสสมฺภาวนาปิ นตฺถิ, ตํ สพฺพํ ยาว ปถวีสนฺธารกอุทกา อรฺสีมาว, น คามสีมา. อรฺสีมายมฺปิ เอเสว นโย. ตตฺถปิ หิ ยตฺตเก ปเทเส ปเวสสมฺภาวนา, ตตฺตกเมว อุปริตเล อรฺสีมา ปวตฺตติ. ตโต ปน เหฏฺา น อรฺสีมา ตตฺถ อุปริตเลน ¶ สห เอการฺโวหาราภาวโต. น หิ ตตฺถ ปวิฏฺํ อรฺํ ปวิฏฺโติ โวหรนฺติ, ตสฺมา ตตฺรฏฺโ อุปริ อรฺฏฺานํ กมฺมํ น โกเปติ อุมงฺคนทิยํ ิโต วิย อุปรินทิยํ ิตานํ. เอกสฺมิฺหิ จกฺกวาเฬ คามนทีสมุทฺทชาตสฺสเร มฺุจิตฺวา ตทวเสสํ อมนุสฺสาวาสํ เทวพฺรหฺมโลกํ อุปาทาย สพฺพํ อรฺเมว. ‘คามา วา อรฺา วา’ติ วุตฺตตฺตา หิ นทีสมุทฺทชาตสฺสราทิปิ อรฺเมว. อิธ ปน นทีอาทีนํ วิสุํ สีมาภาเวน คหิตตฺตา ตทวเสสเมว อรฺํ คเหตพฺพํ. ตตฺถ จ ยตฺตเก ปเทเส เอกํ อรฺนฺติ โวหรนฺติ, อยเมกา อรฺสีมา. อินฺทปุรฺหิ สพฺพํ เอการฺสีมา, ตถา อสุรยกฺขปุราทิ. อากาสฏฺเทวพฺรหฺมวิมานานิ ปน สมนฺตา อากาสปริจฺฉินฺนานิ ปจฺเจกํ อรฺสีมา สมุทฺทมชฺเฌ ปพฺพตทีปกา วิย. ตตฺถ สพฺพตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมายํ, อรฺสีมายเมว วา กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺมา อิธาปิ อุปริอรฺตเลน สทฺธึ เหฏฺาปถวิยา เอการฺโวหาราภาวา วิสุํ อรฺสีมาติ คเหตพฺพํ. เตเนเวตฺถ คามนทีอาทิสีมากถาย อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘อิทฺธิมา ภิกฺขุ เหฏฺาปถวิตเล ิโต กมฺมํ โกเปตี’ติ พทฺธสีมายํ ทสฺสิตนโย น ทสฺสิโต’’ติ วทนฺติ.
อิทฺเจตาสํ คามสีมาทีนํ เหฏฺาปมาณทสฺสนํ สุตฺตาทิวิโรธาภาวา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ คหเณ จ คามสีมายํ สมฺมตา พทฺธสีมา อุปริคามสีมํ, เหฏฺา อุทกปริยนฺตํ อรฺสีมฺจ อวตฺถรตีติ ตสฺสา อรฺสีมาปิ เขตฺตนฺติ สิชฺฌติ. ภควตา จ ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔๗) นทีสมุทฺทชาตสฺสรา พทฺธสีมาย อเขตฺตภาเวน วุตฺตา, น ปน อรฺํ, ตสฺมา อรฺมฺปิ พทฺธสีมาย เขตฺตเมวาติ คเหตพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ¶ ตตฺถ สา น พชฺฌตีติ? ปโยชนาภาวา. สีมาเปกฺขานนฺตรเมว หิ สตฺตพฺภนฺตรสีมาย สมฺภวโต, ตสฺสา จ อุปริ สมฺมตาย พทฺธสีมาย สมฺเภทชฺโฌตฺถรณานุโลมโต วิปตฺติสีมา เอว สิยา. คามกฺเขตฺเต ปน ตฺวา อคามการฺเกเทสมฺปิ อนฺโตกริตฺวา สมฺมตา กิฺจาปิ สุสมฺมตา อคามการฺเ ภควตา ¶ วิหิตาย สตฺตพฺภนฺตรสีมายปิ อนิวตฺตนโต, ตตฺถ ปน กมฺมํ กาตุํ ปวิฏฺานมฺปิ ตโต พหิ เกวลารฺเ กโรนฺตานมฺปิ อนฺตรา ตีณิ สตฺตพฺภนฺตรานิ เปตพฺพานิ. อฺถา วิปตฺติ เอว สิยาติ สพฺพถา นิรตฺถกเมว อคามเก อรฺเ พทฺธสีมากรณนฺติ เวทิตพฺพํ.
อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขายาติ นทิยา ปถวีตลํ อาหจฺจ ิตาย สาขายปิ, ปเคว อนาหจฺจ ิตาย. ปาโรเหปิ เอเสว นโย. เอเตน สภาคนทีสีมํ ผุสิตฺวา ิเตน วิสภาคสีมาสมฺพนฺธสาขาทินา อุทกุกฺเขปสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เอเตเนว มหาสีมํ คามสีมฺจ ผุสิตฺวา ิเตน สาขาทินา มาฬกสีมาย สมฺพนฺโธ น วฏฺฏตีติ าปิโตติ ทฏฺพฺโพ. อนฺโตนทิยํเยวาติ เสตุปาทานํ ตีรฏฺิตตฺตํ นิวตฺเตติ. เตน อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทโต พหินทิยํ ปติฏฺิตตฺเตปิ สมฺเภทาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘พหิตีเร ปติฏฺิตา’’ติอาทิ. ยทิ หิ อุทกุกฺเขปโต พหิ อนฺโตนทิยมฺปิ ปติฏฺิตตฺเต สมฺเภโท ภเวยฺย, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ ภเวยฺย กมฺมโกปสฺส สมานตฺตา, น จ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺตโน นิสฺสยสีมาย สมฺเภทโทโส นตฺเถวาติ คเหตพฺพํ.
อาวรเณน วาติ ทารุอาทีนิ ขณิตฺวา อุทกนิวารเณน. โกฏฺฏกพนฺธเนน วาติ มตฺติกาทีหิ ปูเรตฺวา กตเสตุพนฺธเนน วา, อุภเยนาปิ อาวรณเมว ทสฺเสติ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ ¶ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิโตทกนฺติ อติริตฺโตทกํ. นทึ โอตริตฺวา สนฺทนฏฺานโตติ อิมินา ตฬากนทีนํ อนฺตรา ปวตฺตนฏฺาเน น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุปฺปติตฺวาติ ตีราทิภินฺทนวเสน วิปุลา หุตฺวา. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ.
อคมนปเถติ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺเย. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ โลกโวหารสิทฺธํ อคามการฺสีมํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถาติ ปกติยา มจฺฉพนฺธานํ คมนปเถสุ ทีปเกสุ.
ตํ านนฺติ เตสํ อาวาฏาทีนํ กตฏฺานเมว, น อกตนฺติ อตฺโถ. โลณีติ สมุทฺโททกสฺส อุปฺปตฺติเวคนินฺโน มาติกากาเรน ปวตฺตนโก.
สารตฺถทีปนิยํ ¶ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗) ปน – คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. สีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ สีมาโสธนํ นาม คามสีมาทีสุ ิตานํ หตฺถปาสานยนาทิ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺา นทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิโตทกนฺติ ตฬากรกฺขณตฺถํ เอกมนฺเตน ฉฑฺฑิตมุทกํ. เทเว อวสฺสนฺเตติ ทุพฺพุฏฺิกาเล วสฺสาเนปิ เทเว อวสฺสนฺเต. อุปฺปติตฺวาติ อุตฺตริตฺวา. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล จตฺตาโร มาเส อพฺโพจฺฉินฺนา ปวตฺตติ. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ สนฺธาย วทติ.
อคมนปเถติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺโกติ, ตาทิเส ปเทเส. อรฺสีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ สนฺธาย วทติ. เตสนฺติ มจฺฉพนฺธานํ. คมนปริยนฺตสฺส ¶ โอรโตติ คมนปริยนฺตสฺส โอริมภาเค ทีปกํ ปพฺพตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมุทฺทปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ.
สมฺภินฺทนฺตีติ ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อตฺตโน สีมาย กโรนฺตา สมฺภินฺทนฺติ, จตุนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโตกโรนฺตา อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สํสฏฺวิฏปาติ อฺมฺํ สิพฺพิตฺวา ิตมหาสาขมูลา, เอเตน อฺมฺสฺส อติอาสนฺนตํ ทีเปติ. สาขาย สาขํ ผุสนฺตาปิ หิ ทูรฏฺาปิ สิยุํ, ตโต เอกํสโต สมฺเภทลกฺขณํ น ทสฺสิตํ สิยาติ ตํ ทสฺเสตุํ วิฏปคฺคหณํ กตํ. เอวฺหิ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนกฏฺานํ อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารํ กโรนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตโต ปรนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. พทฺธา โหตีติ โปราณกวิหารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํ อมฺพนฺติ อปเรน สมเยน ปุราณวิหารปริกฺเขปาทีนํ วินฏฺตฺตา อชานนฺตานํ ตํ ปุราณวิหารสีมาย นิมิตฺตภูตํ อมฺพํ. อตฺตโน สีมาย อนฺโตสีมฏฺํ กริตฺวา ปุราณวิหารสีมฏฺํ ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา อมฺพชมฺพูนํ อนฺตเร ยํ านํ, ตํ อตฺตโน สีมาย ปเวเสตฺวา พทฺธาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุราณสีมาย นิมิตฺตภูตสฺส คามฏฺสฺส อมฺพรุกฺขสฺส อนฺโตสีมฏฺาย ชมฺพุยา สห สํสฏฺวิฏปตฺเตปิ สีมาย พนฺธนกาเล วิปตฺติ วา ปจฺฉา คามสีมาย สห สมฺเภโท วา กมฺมวิปตฺติ วา นาโหสีติ มุขโตว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปเทสนฺติ ¶ สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกํ ปเทสํ. สีมนฺตริกํ เปตฺวาติอาทินา สมฺเภทชฺโฌตฺถรณํ กตฺวา พทฺธสีมาปิ อฺมฺํ ผุสาเปตฺวา อพฺยวธาเนน พทฺธสีมาปิ อสีมา เอวาติ ทสฺเสติ, ตสฺมา เอกทฺวงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติ เอว. สา ปน ทุพฺโพธาติ อฏฺกถาสุ จตุรงฺคุลาทิกา วุตฺตาติ ¶ ทฏฺพฺพํ. ทฺวินฺนํ สีมานนฺติ ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ. นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา พนฺธนกาเล ตาว สมฺเภทโทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย. น เกวลฺจ นิมิตฺตกโต เอว สงฺกรํ กโรติ, อถ โข สีมนฺตริกาย ิโต อฺโปิ รุกฺโข กโรติ เอว, ตสฺมา อปฺปมตฺติกาย สีมนฺตริกาย วฑฺฒนกรุกฺขาทโย น วฏฺฏนฺติ เอว. เอตฺถ จ อุปริ ทิสฺสมานขนฺธสาขาทิปเวเสสุ เอว สงฺกรโทสสฺส สพฺพตฺถ ทสฺสิตตฺตา อทิสฺสมานานํ มูลานํ ปเวเสปิ ภูมิคติกตฺตา โทโส นตฺถีติ สิชฺฌติ. สเจ ปน มูลานิปิ ทิสฺสมานานิ เนว ปวิสนฺติ, สงฺกโรว, ปพฺพตปาสาณา ปน ทิสฺสมานาปิ ภูมิคติกาเยว. ยทิ ปน พนฺธนกาเล เอว เอโก ถูลรุกฺโข อุภยมฺปิ สีมํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ปจฺฉา พทฺธา อสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
สีมสงฺกรนฺติ สีมสมฺเภทํ. ยํ ปเนตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘) วุตฺตํ ‘‘สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วุตฺต’’นฺติ, ตํ น ยุตฺตํ คามสีมายปิ สห สงฺกรํ กโรตีติ วตฺตพฺพโต. ตตฺถาปิ หิ นิมิตฺเต วฑฺฒิเต คามสีมพทฺธสีมานํ คตฏฺานํ ทุพฺพิฺเยฺยเมว โหติ. ตตฺถ ปน อวตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานเมว สงฺกรสฺส วุตฺตตฺตา ยถาวุตฺตสมฺพนฺธโทโสว สงฺกรสทฺเทน วุตฺโตติ คเหตพฺพํ. ปาฬิยํ (มหาว. ๑๔๘) ปน นิทานวเสน ‘‘เยสํ, ภิกฺขเว, สีมา ปจฺฉา สมฺมตา, เตสํ ตํ กมฺมํ อธมฺมิก’’นฺติอาทินา ปจฺฉา สมฺมตาย อสีมตฺเต วุตฺเตปิ ทฺวีสุ คามสีมาสุ ตฺวา ทฺวีหิ สงฺเฆหิ สมฺเภทํ วา อชฺโฌตฺถรณํ วา กตฺวา สีมนฺตริกํ อฏฺเปตฺวา วา รุกฺขปาโรหาทิสมฺพนฺธํ อวิโยเชตฺวา วา เอกสฺมึ ขเณ กมฺมวาจานิฏฺาปนวเสน เอกโต สมฺมตานํ ทฺวินฺนมฺปิ สีมานํ อสีมตา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ.
สารตฺถทีปนิยํ ¶ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๘) ‘‘สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ ¶ นาม. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น จ ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิเตน รุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
สีมาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
จตุวีสติโม ปริจฺเฉโท.
สีมาพนฺธนวินิจฺฉยกถา
เอวํ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา ปาฬิยํ สีมกถาย อุโปสถกฺขนฺธกปริยาปนฺนตฺตา อุโปสถกฺขนฺธกานนฺตรฺจ ปวารณกฺขนฺธกสฺส อาคตตฺตา ตทนุกฺกเมน สีมาวินิจฺฉยโต อุโปสถปวารณวินิจฺฉยํ กเถตุมารทฺเธปิ สาสนวุทฺธิกรณตฺถํ อุปสมฺปทาทิวินยกมฺมกรณฏฺานภูตํ สีมํ พนฺธิตุกามานํ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภิกฺขูนํ ปฺาสติวีริยชนนตฺถํ สีมาพนฺธนกถา อมฺเหหิ อารภียเต ¶ . ตตฺถ อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมกรณฏฺานภูตา สีมา นาม พทฺธอพทฺธวเสน ทุวิธา โหติ. ตตฺถาปิ พทฺธสีมา ขณฺฑสีมา, สมานสํวาสกสีมา, อวิปฺปวาสสีมาติ ติพฺพิธา โหติ, ตถา อพทฺธสีมาปิ คามสีมา, อุทกุกฺเขปสีมา, สตฺตพฺภนฺตรสีมาติ. วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย –
‘‘ขณฺฑสมานสํวาสา-วิปฺปวาสาติ เภทโต;
อิติ พทฺธา ติธา วุตฺตา, อพทฺธาปิ ติธา มตา.
‘‘คามโต อุทกุกฺเขปา, สตฺตพฺภนฺตรโตปิ จ;
ตตฺถ คามปริจฺเฉโท, คามสีมาติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ พทฺธสีมํ พนฺธิตุกาเมน อติขุทฺทิกา, อติมหตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ วุตฺตา อิมา เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา นิมิตฺตสมฺปตฺติ, ปริสสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาสมฺปตฺตีติ วุตฺตาย ติวิธสมฺปตฺติยา ยุตฺตํ กตฺวา ปมํ กิตฺติตนิมิตฺเตน สพฺพปจฺฉิมกิตฺติตนิมิตฺตํ สมฺพนฺธํ กตฺวา พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาจริเยน กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตตฺถ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมา นามา’’ติ. เอเตน เอเตสุ เอกาทสสุ วิปตฺตีสุ เอกายปิ ยุตฺตาย, ติวิธสมฺปตฺตีสุ เอกายปิ อยุตฺตาย, นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ อสมฺพนฺธํ กตฺวา สมฺมตาย จ สติ สีมา น โหตีติ ทสฺเสติ.
เอวํ สีมํ พนฺธิตุกาเมน ภิกฺขุนา สพฺพลกฺขณปริปูรตฺถํ มหนฺโต อุสฺสาโห กรณีโย โหติ, ตสฺมา สีมาพนฺธนกาเล ¶ ตีสุ สมฺปตฺตีสุ ปริสสมฺปตฺติสิทฺธิยา ปมํ ตาว คามสีมา อุปปริกฺขิตพฺพา. เอตฺถาห ‘‘นนุ พทฺธสีมา วา พนฺธิตพฺพา, อถ กสฺมา คามสีมา อุปปริกฺขิตพฺพา’’ติ? คามสีมายํ ตฺวา พทฺธสีมาย พนฺธิตพฺพโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อสมฺมตาย, ภิกฺขเว, สีมาย อฏฺปิตาย ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ยา ตสฺส วา คามสฺส คามสีมา, นิคมสฺส วา นิคมสีมา, อยํ ตตฺถ สมานสํวาสา เอกูโปสถา’’ติ (มหาว. ๑๔๗). อิธ ปาฬิยํ สรูเปน อนาคตมฺปิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ‘‘คามคฺคหเณน เจตฺถ นครมฺปิ คหิตเมว โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา นครสีมาปิ คหิตา โหติ, ตสฺมา ยสฺมึ อพทฺธสีมวิหาเร ภิกฺขู ยํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส คามสฺส ปริจฺเฉโท คามสีมา นาม. ยํ นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส นิคมสฺส ปริจฺเฉโท นิคมสีมา นาม. ยํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, ตสฺส นครสฺส ปริจฺเฉโท นครสีมา นาม. ตา สพฺพาปิ คามสีมาติ วุจฺจนฺติ. เตสํ ภิกฺขูนํ สมานสํวาสา เอกูโปสถพทฺธสีมา วิย เอกโต อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรณารหา โหนฺติ, อีทิเสเยว จ ปเทเส สีมํ พนฺธิตุมรหติ, น อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมานรเห ปเทเสติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ ‘‘ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส ตสฺส คามสฺส คามโภชกา พลึ ลภนฺติ, โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ มหนฺโต วา, คามสีมาตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ อฏฺกถายํ วจนโต คามาทิโภชกานํ ¶ พลิลภนฏฺานํ คามสีมา โหติ, อิทฺจ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. พลึ อลภนฺโตปิ ราชปณฺเณ อาโรปิตปเทเส ตสฺส คามสฺส คามสีมาเยว. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) ‘‘พลึ ลภนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. ‘อยํ คาโม เอตฺตโก ¶ กรีสภาโค’ติอาทินา ปน ราชปณฺเณสุ อาโรปิเตสุ ภูมิภาเคสุ ยสฺมึ ยสฺมึ ตฬากมาติกาสุสานปพฺพตาทิเก ปเทเส พลึ น คณฺหนฺติ, โสปิ คามสีมา เอว. ราชาทีหิ ปริจฺฉินฺนภูมิภาโค หิ สพฺโพว เปตฺวา นทีโลณิชาตสฺสเร คามสีมาติ เวทิตพฺโพ’’ติ. อยํ ปกติคามสีมา นาม. ‘‘ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต เอกํ ปเทสํ, ‘อยํ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วจนโต ราชา ‘‘ปกติคามกฺเขตฺเตเยว ปกติคามโต วิสุํ ปกติคาเมน อสมฺมิสฺโส คาโม โหตู’’ติ ยํ ปเทสํ เทติ, โส ปเทโส วิสุํคามสีมา นาม. อิติ ปกติคามสีมา จ ราชูนํ อิจฺฉาวเสน ปวตฺตา วิสุํคามสีมา จ พทฺธสีมา วิย สพฺพกมฺมารหา, ตสฺมา อภินวพทฺธสีมํ พนฺธิตุกาเมหิ ปกติคามสีมํ วา วิสุํคามสีมํ วา โสเธตฺวา กตฺตพฺพํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามนครนิคมสีมา พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺตี’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) ‘‘ตตฺถ หิ สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา จ อิตรา จ อปริวตฺตา ปกติคามสีมา, ยถา พทฺธสีมายํ สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวเมตาปิ สพฺพกมฺมารหตาสทิเสน พทฺธสีมาสทิสา, สา สมานสํวาสา เอกูโปสถาติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ.
เกจิ ปน อาจริยา ‘‘มยํ สีมํ พนฺธิตุกามา, ตสฺมา เอตฺตโก ภูมิปริจฺเฉโท วิสุํ เขตฺตํ โหตู’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน โอกาเส กเต ‘‘อิทํ านํ วิสุํคามกฺเขตฺตํ โหตี’’ติ มนสิ กตฺวา ตตฺรฏฺเเยว ภิกฺขู ¶ จ หตฺถปาสานยนาทินา โสเธตฺวา สีมาสมูหนสีมาพนฺธนาทีนิ กโรนฺติ, ตํ กรณํ ‘‘อยํ วิสุํคาโม โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ อฏฺกถาวจเนน, ‘‘สา จ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา สมุปฺปนฺนา อภินวา จา’’ติ อาคเตน วิมติวิโนทนีฏีกาวจเนน จ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ. กถํ? อฏฺกถาวจเน ตาว ‘‘อยํ วิสุํคาโม โหตู’’ติ อิมินา น เกวลํ ปุริมคาโมเยว คาโม โหตุ, อถ โข อิทานิ ปริจฺฉินฺนปเทโสปิ วิสุํเยว คาโม โหตูติ เอกํเยว คามกฺเขตฺตํ ทฺเว ¶ คาเม กโรตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ อิมินา คามโภชกสฺส ทินฺนภาวํ ปกาเสติ, อิธ ปน เนว ทฺเว คาเม กโรติ, น จ คามโภชกสฺส เทติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา ยาวกาลิกวเสเนว โอกาสํ กโรติ, เอวํ อฏฺกถาวจเนนปิ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ. วิมติวิโนทนีฏีกาวจเนนปิ ‘‘ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา’’ติ อิมินา อคามภูตํ เขตฺตํ ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา คาโม โหตีติ ทสฺเสติ. ‘‘อภินวา จา’’ติ อิมินา ปุราณคามสีมา จ อภินวคามสีมา จาติ ปุริมคาเมน อมิสฺสํ วิสุํคามลกฺขณํ ทสฺเสติ. อิธ ปน ราชิจฺฉาวเสน ปริวตฺติตฺวา เขตฺตสฺส วิสุํคามภูตภาโว จ อภินวภาเวน วิสุํคามลกฺขณฺจ น ทิสฺสติ, เอวํ ฏีกาวจเนนปิ สเมนฺตํ วิย น ทิสฺสติ.
วินยวินิจฺฉยฏีกายฺจ ‘‘คามปริจฺเฉโทติ สพฺพทิสาสุ สมฺมา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’ติ เอวํ กเรน นิยมิโต คามปฺปเทโส’’ติ เอวํ อายวเสเนว ปริจฺฉินฺทนํ วุตฺตํ, น อนุมติกรณมตฺเตน, ตสฺมา วิสุํคามลกฺขณํ อปฺปตฺตตาย ปกติคาเมน สงฺกโร โหติ, น ตตฺถ อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมํ กาตุมรหติ, อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรณารหปเทเสเยว ¶ สีมาสมูหนนสีมาพนฺธนกมฺมมฺปิ กรณารหํ โหติ ตฺติทุติยกมฺมตฺตา เตสํ กมฺมานํ, ตสฺมา เตสํ อาจริยานํ ตํ กรณํ อฺเ อาจริยา น อิจฺฉนฺติ. อฺเ ปน อาจริยา ‘‘ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปเทสํ ‘วิสุํคาโม โหตู’ติ ราชา กสฺสจิ เทติ, คามโภชโก จ ตโต พลึ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตทา วิสุํคาโม โหติ, น ตโต ปุพฺเพ’’ติ วทนฺติ. เตสํ ตํ วจนํ ‘‘เอวํ กเรน นิยมิโต ปเทโส’’ติ วินิจฺฉยฏีกาวจนฺจ ‘‘คามาทีนํ กรคฺคาหปริจฺฉินฺโน สมนฺตโต ปเทโส คามสีมา’’ติ สีมาลงฺการคณฺิวจนฺจ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา, เตสุ ปน ‘‘อิมสฺส ปเทสสฺส เอตฺตโก กโร’’ติ เอวํ กรปริจฺฉินฺทนํ วุตฺตํ, น คามโภชกสฺส พลิคฺคหณํ. อฏฺกถายฺจ ‘‘ราชา กสฺสจิ เทตี’’ติ ทานเมว วทติ, น ‘‘คามโภชโก จ พลึ คณฺหาตี’’ติ ปฏิคฺคหณํ, ตสฺมา ตมฺปิ วจนํ อฺเ ปณฺฑิตา น สมฺปฏิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ปถวิสฺสโร ราชา ‘‘อิมสฺมึ คามกฺเขตฺเต เอตฺตกกรีสมตฺโต ปเทโส ปุริมคามโต วิสุํคาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทติ, เอตฺตาวตา โส ปเทโส พลึ ปฏิคฺคหิโต วา โหตุ อปฺปฏิคฺคหิโต วา, วิสุํคาโม นาม โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
เอวํ ปกติคามลกฺขณฺจ วิสุํคามลกฺขณฺจ ตถโต ตฺวา พทฺธสีมํ พนฺธิตุกาโม ยทิ ปกติคามสีมา นาติวิตฺถารา โหติ สุขรกฺขิตา, ตเมว ปกติคามสีมํ สุฏฺุ รกฺขาเปตฺวา ¶ สุฏฺุ โสเธตฺวา สีมาสมูหนนสีมาสมฺมุติกมฺมานิ กาตพฺพานิ. ยทิ ปน ปกติคามสีมา อติวิตฺถารา โหติ, นิคมสีมา, นครสีมา วา โหนฺติ, พหูนํ ภิกฺขูนํ นิสินฺนฏฺานสฺจรณฏฺานตฺตา โสเธตุํ วา รกฺขิตุํ วา น สกฺโกนฺติ, เอวฺจ สติ ปถวิสฺสรราชูหิ ปริจฺฉินฺนาย วิสุํคามสีมาย สุฏฺุ โสเธตฺวา สุรกฺขิตํ กตฺวา สีมาสมูหนนสีมาสมฺมุติกมฺมํ กาตพฺพํ. กถํ ปน สุฏฺุ โสธนฺจ ¶ สุฏฺุ รกฺขณฺจ กาตพฺพํ? สีมํ พนฺธิตุกาเมน หิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย สเจ เอกสฺมึ คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาย ปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมถา’’ติ เปเสตพฺพํ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาเตตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหราเปตพฺโพ. เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสุ ฉนฺทารหานํ ฉนฺเท อาหเฏ เตสุ เตสุ มคฺเคสุ จ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถฺจ พหิสีมกรณตฺถฺจ อารามิเก เจว สมณุทฺเทเส จ เปตฺวา เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วา กตฺวา สีมา สมูหนิตพฺพาติ.
นนุ จ อิทํ โสธนํ รกฺขณฺจ สีมาสมฺมุติกาเลเยว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา อิธ สีมาสมูหนเน วุตฺตนฺติ? อิมสฺสปิ สีมาสมูหนนกมฺมสฺส ตฺติทุติยกมฺมตฺตา ปริสสมฺปตฺติชนนตฺถํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ สนฺเตปิ อิทํ สีมาสมูหนนกมฺมํ นาม ยทิ โปราณา พทฺธสีมา อตฺถิ, ตทฏฺกสงฺเฆ หตฺถปาสคเต อฺเสุ ภิกฺขูสุ คามสีมํ ปวิฏฺเสุปิ กมฺมเภโท นตฺถิ. ยทิ โปราณา พทฺธสีมา นตฺถิ, เอวมฺปิ สติ เกวลํ คามสีมาภูตตฺตา สีมาสมูหนนกมฺเม อสมฺปชฺชนฺเตปิ โทโส นตฺถิ, อถ กสฺมา โสธนา วุตฺตาติ? สจฺจํ, ตถาปิ สมูหนิตพฺพา โปราณสีมาปริจฺเฉทสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา. สเจ หิ มหติยา โปราณพทฺธสีมาย เอกสฺมึ ปเทเส สีมํ สมูหนิสฺสามาติ สงฺเฆ สนฺนิปติเต ตสฺสาเยว สีมาย อฺสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุมฺหิ ปวิฏฺเ อชานนฺตสฺสปิ กมฺมํ วิปชฺชติ, ตสฺมา มหุสฺสาเหน โสเธตพฺพาวาติ ¶ ทฏฺพฺพํ. เอวํ คามสีมโสธนํ ‘‘ปริสสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา ยาวติกา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู, เต สพฺเพ หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา สมฺมตา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา ปริสสมฺปตฺติการณํ ¶ โหตีติ วิฺายติ. ตโต ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ วิปตฺติโทเสหิ มุจฺจนตฺถํ สีมสมูหนนกมฺมํ กาตพฺพํ.
สีมาย อสมูหตาย สติ กถํ วิปตฺติทฺวยํ อาปชฺเชยฺยาติ, ตถา โสธิตายปิ คามสีมาย. ยทิ โปราณพทฺธสีมา วิชฺชมานา ภเวยฺย, ตสฺสา วิชฺชมานภาวํ อชานนฺตา นวํ พทฺธสีมํ พนฺเธยฺยุํ. โปราณสีมาย หิ นิมิตฺตํ อนฺโต กตฺวา ตสฺส สมีเป โปราณสีมาย อนฺโต ิตํ อฺํ นิมิตฺตํ กตฺวา นวํ พทฺธสีมํ พนฺเธยฺยุํ, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ โปราณกสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อมฺโพ เจว ชมฺพู จาติ ทฺเว รุกฺขา อฺมฺํ สํสฏฺวิฏปา โหนฺติ, เตสุ อมฺพสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค ชมฺพู. วิหารสีมา จ ชมฺพุํ อนฺโต กตฺวา อมฺพํ กิตฺเตตฺวา พทฺธา โหติ, อถ ปจฺฉา ตสฺส วิหารสฺส ปุรตฺถิมทิสายํ วิหาเร กเต สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู อมฺพํ อนฺโต กตฺวา ชมฺพุํ กิตฺเตตฺวา พนฺธนฺติ, สีมาย สีมา สมฺภินฺนา นาม โหตี’’ติ. โปราณสีมาย จ เอกเทสํ วา สกลโปราณสีมํ วา อนฺโต กริตฺวา นวํ สีมํ พนฺเธยฺยุํ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม ¶ . วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา นาม อตฺตโน สีมาย ปเรสํ สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา. สเจ หิ ปเรสํ พทฺธสีมํ สกลํ วา ตสฺสา ปเทสํ วา อนฺโต กตฺวา อตฺตโน สีมํ สมฺมนฺนนฺติ, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถริตา นาม โหตี’’ติ.
ยสฺมึ ปเทเส จตฺตาโร ภิกฺขู นิสีทิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺถ ตโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อฺเสํ โปราณพทฺธสีมปฺปเทสํ อตฺตโน สีมาย อนฺโต กโรนฺโต สีมาย สีมํ สมฺภินฺทติ นาม. จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ ปโหนกฏฺานโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อฺเสํ โปราณพทฺธสีมาปเทสํ อตฺตโน สีมาย อนฺโต กโรนฺโต สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรติ นาม. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยา ลีนตฺถปกาสนิยํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตสฺสา ปเทสนฺติ ตสฺสา เอกเทสํ, ยตฺถ ตฺวา จตูหิ ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ เอกเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, ตาทิสํ ¶ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตุ อชฺโฌตฺถรนฺติ นามาติ คเหตพฺพ’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๘) ‘‘ยตฺถ จตูหิ ภิกฺขูหิ นิสีทิตุํ น สกฺกา, ตตฺตกโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคมตฺตมฺปิ อตฺตโน สีมาย กโรนฺตา สมฺภินฺทนฺติ, จตุนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ ปโหนกโต ปฏฺาย ยาว สกลมฺปิ อนฺโต กโรนฺตา อชฺโฌตฺถรนฺตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
เอวํ โหตุ, ตสฺมึ คามสีมปริจฺเฉเท โปราณกสีมาย วิชฺชมานาย วิปตฺติทฺวยโมจนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมํ สาตฺถกํ, อวิชฺชมานาย กถํ สาตฺถกํ ภเวยฺยาติ สงฺกานิวตฺตนตฺถํ ¶ สีมาสมูหนนกมฺมํ อกตฺวา อภินวสีมาย พชฺฌมานาย สงฺกา อุปฺปชฺเชยฺย, ภควโต ธรมานกาลโต ปฏฺาย ยาวชฺชตนา คณนปถํ วีติกฺกนฺตา ภิกฺขู อุปสมฺปทาทิกมฺมกรณตฺถํ ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส สีมํ พนฺธนฺติ. สา สีมา เอตฺถ อตฺถิ, เอตฺถ นตฺถีติ น สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา ‘‘อมฺหากํ สีมาพนฺธนฏฺาเน โปราณกสีมา ภเวยฺย นุ โข’’ติ สงฺกา ภเวยฺย, เอวํ สติ สา อภินวสีมา จ อาสงฺกนียา โหตีติ สีมายํ กตํ อุปสมฺปทาทิกมฺมมฺปิ อาสงฺกนียํ โหติ, ตสฺมา สงฺกานิวตฺตนตฺถํ อภินวสีมํ พนฺธิตุกาเมหิ ยติปุงฺคเวหิ อวสฺสํ สีมาสมูหนนกมฺมํ กาตพฺพํ โหติ. สมูหนนฺเตหิ ปน ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมูหนนฺเตน ปมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาโส สมูหนฺตพฺโพ, ปจฺฉา สีมา สมูหนฺตพฺพา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต ปมํ อวิปฺปวาสสีมา สมูหนิตพฺพา, ตโต สมานสํวาสกสีมา สมูหนิตพฺพา. ตสฺมึ สมูหนนกาเล จ ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพา, ตถา อวิปฺปวาสสีมาย ตฺวา ขณฺฑสีมาปิ. ขณฺฑสีมาย ปน ิเตน ขณฺฑสีมาว สมูหนิตพฺพา, ตถา อิตราย ิเตน อิตรา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต ขณฺฑสีมายํ ตฺวาว ขณฺฑสีมา สมูหนิตพฺพา, มหาสีมายเมว ตฺวา มหาสีมา สมูหนิตพฺพา, อฺิสฺสา สีมาย ตฺวา อฺา สีมา น สมูหนิตพฺพา. อฏฺกถายํ อวิปฺปวาสสีมาติ มหาสีมํ วทติ ตตฺเถว เยภุยฺเยน จีวเรน วิปฺปวสนโต.
‘‘ตตฺถ สเจ ขณฺฑสีมฺจ อวิปฺปวาสสีมฺจ ชานนฺติ, สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺติ. ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺติ. ขณฺฑสีมํ ปน อชานนฺตา อวิปฺปวาสํเยว ชานนฺตา เจติยงฺคณโพธิยงฺคณอุโปสถาคาราทีสุ นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวา ¶ อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, ปฏิพนฺธิตุํ ปน ¶ น สกฺขิสฺสนฺเตว. สเจ พนฺเธยฺยุํ, สีมาสมฺเภทํ กตฺวา วิหารํ อวิหารํ กเรยฺยุํ, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพา. เย ปน อุโภปิ น ชานนฺติ, เตเนว สมูหนิตุํ น พนฺธิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ. อยฺหิ สีมา นาม กมฺมวาจาย วา อสีมา โหติ สาสนนฺตรธาเนน วา, น จ สกฺกา สีมํ อชานนฺเตหิ กมฺมวาจา กาตุํ, ตสฺมา น สมูหนิตพฺพา, สาธุกํ ปน ตฺวาเยว สมูหนิตพฺพา จ พนฺธิตพฺพา จา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต ‘‘อิทานิ สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ ปริจฺฉินฺนาย คามสีมาย อนฺโต ขณฺฑสีมมหาสีมานํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตาสํ สีมานํ ปริจฺเฉทฺจ น ชานนฺติ, เอวํ อชานนฺตา ภิกฺขู ตา โปราณสีมาโย สมูหนิตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ, โปราณสีมํ สมูหนิตุํ อสกฺโกนฺตา จ กถํ อภินวสีมํ พนฺธิตุํ สกฺกุณิสฺสนฺตีติ ปรมฺปเรหิ อาจริเยหิ สมฺมา วินิจฺฉิตํ อนุโลมนยํ นิสฺสาย มหนฺตํ อุสฺสาหํ กริตฺวา องฺคํ อปริหาเปตฺวา สมฺมา วิหิตนเยน โปราณสีมํ สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ.
กถํ? ตสฺมึ สีมาสมูหนนกาเล ยทิ ปกติคามสีมายํ อารทฺธํ, ตํ ปกติคามปริจฺเฉทํ, ยทิ วิสุํคามสีมายํ อารทฺธํ, ตํ วิสุํคามปริจฺเฉทํ อฺเสํ ภิกฺขูนํ อปฺปวิสนตฺถาย สมนฺตโต สุสํวิหิตารกฺขํ การาเปตฺวา กมฺมวาจํ สาเวตุํ สมตฺเถน พฺยตฺติพลสมฺปนฺเนน วินยธเรน สห สมานสํวาสเก ลชฺชิเปสเล อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา จตฺตาโร ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺเต ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วา ตโต อธิกปฺปมาเณ ภิกฺขู คเหตฺวา อิทานิ พนฺธิตพฺพาย สีมาย นิมิตฺตานํ วิหารปริกฺเขปสฺส จ อนฺโต จ สพฺพตฺถ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาตมตฺเต ปเทเส สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ¶ ติฏฺนฺตา, นิสีทนฺตา วา หุตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ, ตโต สมานสํวาสกสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ สาเวตฺวา สีมาย สมุคฺฆาเต กเต โปราณสีมาสุ วิชฺชมานาสุปิ ปจฺฉิมนฺเตน เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทนารหตฺตา สีมาย มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน ติฏฺนฺตา ภิกฺขู อวสฺสํ ตาสุ สีมาสุ ติฏฺนฺตา ภเวยฺยุํ, ตสฺมา สีมฏฺา หุตฺวา สีมาสมูหนนกมฺมวาจํ วตฺวา ตา สีมา สมูหเนยฺยุํ. ตโต โปราณพทฺธสีมานํ สมูหตตฺตา คามสีมาเยว อวสิฏฺา ภเวยฺยาติ. วุตฺตฺเหตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘เกจิ ปน อีทิเสสุ วิหาเรสุ ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา วิหารโกฏิโต ปฏฺาย วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต สพฺพตฺถ มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ โอกาเส นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมํ ¶ , ตโต สมานสํวาสกสีมฺจ สมูหนนวเสน สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย มหาสีมาย จ วิชฺชมานตฺเต สติปิ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺยา’’ติ.
‘‘สาธุกํ ปน ตฺวาเยว สมูหนิตพฺพา เจว พนฺธิตพฺพา จา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโต สีมํ ชานนฺตาเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, กถํ อชานนฺตาติ. อิมสฺมึ สีมาสมูหนนาธิกาเร สีมํ วา สีมาปริจฺเฉทํ วา ชานนภาโว องฺคํ น โหติ, อนฺโตสีมายํ ิตภาโว, ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กมฺมวาจากรณนฺติ อิทเมว ทฺวยํ องฺคํ โหติ, ตสฺมา อิมินา องฺคทฺวเยน สมฺปนฺเน สติ อิมํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตุํ สกฺโกนฺตีติ. อิมินา องฺคทฺวเยน สมฺปนฺเน สติ สีมํ อชานนฺตานํ สมูหนิตุํ สมตฺถภาโว กถํ วิฺาตพฺโพติ? อฏฺกถายํ ‘‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ ¶ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทํ อชานนฏฺาเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘น เหตฺถ สีมาย, ตปฺปริจฺเฉทสฺส วา ชานนํ องฺคํ, สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจากรณฺจ องฺคํ. อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) ‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’ติ เอวํ มหาสีมาย ปริจฺเฉทสฺส อชานเนปิ สมูหนนสฺส วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ตโต โปราณพทฺธสีมานํ สมูหตตฺตา คามสีมาเยว อวสิฏฺา ภเวยฺยาติ ตสฺมึ อวสิฏฺาย ตโต ปรํ กึ กาตพฺพนฺติ. คามสีมาย อวสิฏฺาย สติ ตํ คามสีมํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน โสธนํ รกฺขณฺจ กตฺวา ติสฺสํ คามสีมายํ ขณฺฑสีมํ มหาสีมฺจ ยถารุจิ พนฺธิตุํ ลภติ, สีมํ อพนฺธิตฺวาว เกวลาย คามสีมาย อุปสมฺปทาทิสงฺฆกมฺมฺจ กาตุมฺปิ ลภติ.
วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) – ‘‘คามสีมาย เอว จ อวสิฏฺาย ตตฺถ ยถารุจิ ทุวิธมฺปิ สีมํ พนฺธิตฺุเจว อุปสมฺปทาทิกมฺมํ กาตฺุจ วฏฺฏตีติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ. ตสฺมา ยทิ สฏฺิหตฺถายามํ จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ ขณฺฑสีมเมว กตฺตุกามา โหนฺติ, เอตฺตเก ปเทเส มฺจฏฺานํ คณฺหนฺโต ปมาณยุตฺตโก มฺโจติ สพฺพปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺโต มฺโจ. โส หิ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิโก, อฏฺวิทตฺถิโก วา โหติ. ตโต ขุทฺทโก มฺโจ สีสุปธานํ เปตฺวา ปาทํ ปสาเรตฺวา ¶ นิปชฺชิตุํ นปฺปโหตีติ สพฺพปจฺฉิมมฺจสฺส อายามปฺปมาณสฺส สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา ตโต อธิกายาโมปิ โหติเยว. มฺจสฺส วิตฺถาโร ปน อายามสฺส อุปฑฺโฒ โหติ, ตสฺมา มฺจปฺปมาณฏฺานํ อายามโต ปฺจหตฺถํ, วิตฺถารโต ปฺจวิทตฺถิกนฺติ คเหตฺวา เตน ¶ ปมาเณน คณฺหนฺโต สฏฺิหตฺถายามํ สีมฏฺานํ จตุวีสติมฺจกํ โหติ, จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ อฏฺมฺจกํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺโต ทกฺขิณุตฺตรายาโม มฺโจ โหติ, สฏฺิหตฺถายามํ สีมฏฺานํ ทฺวาทสมฺจกํ โหติ, จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถารํ โสฬสมฺจกํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺโต ปาจีนปจฺฉิมายาโม มฺโจ โหติ. ทุวิเธปิ อายามํ วิตฺถาเรน คุณิตํ กโรนฺโต สกลํ อนฺโตสีมฏฺานํ ทฺวานหุตฺตรสตมฺจกํ โหติ, พหิสีมฏฺานมฺปิ สมนฺตโต เอกมฺจกํ วา ทฺวิติมฺจกํ วา คเหตพฺพํ. เตน สห คณนํ วฑฺเฒตพฺพํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน ‘‘สมนฺตา เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปน มหาสีมาพนฺธนกาเล วิหารปริกฺเขปสฺส พหิอุปจารํ สนฺธาย วุตฺตํ สิยา. ขณฺฑสีมายปิ ทูรโต สมูหนเน โทโส นตฺถิ, ทุกฺกรตฺตา ปน การกานํ ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กลฺยาณิยํ นาม สีมายํ ปน อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปฺจหตฺถปฺปมาณํ านํ เอกโกฏฺาสํ กตฺวา สมูหนติ. ตมฺปิ ปจฺฉิมมฺจปฺปมาณโต อธิกเมวาติ กตฺวา กตํ. อิทานิ อมฺเหติ วุตฺตฏฺานํ ปน ปกรณนเยน สํสนฺทนตฺตา ยุตฺตตรนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สมูหนนากาโร ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – อิทานิ พนฺธิตพฺพาย สีมาย นิมิตฺตานํ อนฺโต จ พหิ จ ยถาวุตฺตนเยน สมูหนิตพฺพสีมฏฺานํ อาทาสตลํ วิย สมํ สุทฺธํ วิมลํ กตฺวา ยถาวุตฺตมฺจปฺปมาณํ มฺจปฺปมาณํ านํ อฏฺปทกเลขํ วิย รชฺชุนา วา ทณฺเฑน วา เลขํ การาเปตฺวา เลขานุสาเรน ตมฺพมตฺติกจุณฺเณน วา เสตมตฺติกจุณฺเณน วา วณฺณวิเสสํ การาเปตฺวา ปนฺติ ปนฺติ โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ การาเปตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อารกฺขํ โสธนฺจ การาเปตฺวา ‘‘อิทานิ สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ จตฺตาโร ¶ วา ตทุตฺตริ วา สมานสํวาสกภิกฺขู คเหตฺวา ปมปนฺติยํ ปมโกฏฺาเส มฺจฏฺาเน ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ, ตโต สมานสํวาสกสีมาสมูหนนกมฺมวาจํ สาเวตฺวา ตสฺมึ โกฏฺาเสเยว อฺมฺสฺส ิตฏฺานํ ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ติกฺขตฺตุํ วา สตฺตกฺขตฺตุํ วา สมูหนิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ปมปนฺติยํเยว ทุติยโกฏฺาเส ตฺวา ตเถว กตฺวา ตโต ปมปนฺติยํเยว อนุโลมนเยน ยาว อนฺติมโกฏฺาสา เอเกกสฺมึ โกฏฺาเส ตเถว กตฺวา ปมปนฺติยา ปริกฺขีณาย ทุติยปนฺติยา อนฺติมโกฏฺาเส ตฺวา ตเถว กตฺวา ตโต ปฏฺาย ทุติยปนฺติยํเยว ปฏิโลมนเยน ยาว อาทิโกฏฺาสา ¶ ตเถว กตฺวา เอวํ ตติยปนฺติอาทีสุปิ เอกทา อนุโลมโต เอกทา ปฏิโลมโต คนฺตฺวา สพฺพาสุ ปนฺตีสุ สพฺพสฺมึ โกฏฺาเส ปริกฺขีเณ อิทํ สีมาสมูหนนกมฺมํ นิฏฺิตํ นาม โหติ. ‘‘จตฺตาโร ตทุตฺตริ วา’’ติ อิทํ ปน อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา ลชฺชีเปสลภิกฺขูนฺจ ทุลฺลภตฺตา ‘‘ฉปฺจมตฺเต’’ติ วุตฺตํ.
กลฺยาณีสีมายํ ปน สีหฬทีปโต อภินวสิกฺขํ คเหตฺวา นิวตฺตนฺเตหิ ครหวิวาทมตฺตมฺปิ อลภนฺเตหิ ธมฺมเจติยรฺา วิจินิตฺวา คหิเตหิ จุทฺทสหิ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ปาสาณเลขายํ อาคตํ. รตนปูรนคเร ปน สิรีสุธมฺมราชาธิปตินามกสฺส จูฬอคฺคราชิโน กาเล มหาสีหฬปฺปตฺโตติ วิสฺสุโต สิรีสทฺธมฺมกิตฺตินามโก มหาเถรวโร อตฺตโน วสนฏฺานสฺส อวิทูเร ปพฺพตมตฺถเก สีมํ พนฺธนฺโต อตฺตโน นิสฺสิตเก อคฺคเหตฺวา อตฺตนา ¶ อภิรุจิเต ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเต อฺเ มหาเถเร คเหตฺวา อตฺตจตุตฺโถว หุตฺวา กมฺมํ กโรตีติ วทนฺติ. ตํ อิมสฺส กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา เตสฺจ เถรานํ ปกตตฺตภาเว นิราสงฺกตฺตา กตํ ภเวยฺย, เอวํ สนฺเตปิ ภิกฺขูนํ ปกตตฺตภาวสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา จตุวคฺคกรณียกมฺมสฺส อติเรกจตุวคฺเคน กรเณ โทสาภาวโต อติเรกภิกฺขูหิ กตภาโว ปสตฺถตโร โหติ. เตเนว จ การเณน วิมติวิโนทนีนามิกายํ วินยฏีกายํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘ฉปฺจมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กลฺยาณีสีมายฺจ จุทฺทสหิ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ นิฏฺิเตปิ ปน สีมาสมูหนนกมฺเม นานาวาทานํ นานาจริยานํ นานานิกายานํ นานาเทสวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาราธนตฺถํ ครหวิวาทโมจนตฺถฺจ ปุนปฺปุนํ เตหิปิ ภิกฺขูหิ ตเถว การาเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒-๔๘๓; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๑) ‘‘ปุนปฺปุนํ ปน กาตพฺพํ. ตฺหิ กุปฺปสฺส กมฺมสฺส กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺติ, อกุปฺปสฺส ถิรกมฺมภาวาย โหตี’’ติ. เตเนว จ การเณน หํสาวตีนคเร อเนกปณฺฑรหตฺถิสามิมหาธมฺมราชา สหปฺุกมฺมภูตโต มหาเจติยโต จตูสุ ทิสาสุ สีมาสมูหนนกาเล รามฺเทสวาสีหิ มหาเถเรหิ จ มรมฺมเทสวาสีหิ มหาเถเรหิ จ วิสุํ วิสุํ การาเปสีติ ทฏฺพฺพํ.
ยทิ ปน มหาสีมํ พนฺธิตุกาโม โหติ, ตทา อุสภมตฺตํ วา ทฺวิอุสภมตฺตํ วา ตทุตฺตริ วา ปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอตฺตเก าเน วิหารํ กริสฺสามา’’ติ ปริกฺเขปํ การาเปตฺวา ตสฺส วิหารปริกฺเขปสฺส ¶ อนฺโต จ สพฺพตฺถ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาตฏฺาเน มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ ¶ โอกาเส เหฏฺา วุตฺตนเยน ปนฺติโกฏฺาเส กตฺวา กมฺมปฺปตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ นิรนฺตรํ ตฺวา ปมํ อวิปฺปวาสสีมา ตโต สมานสํวาสกสีมา จ สมูหนิตพฺพา. เอวํ สีมาย สมุคฺฆาเต กเต ตสฺมึ วิหาเร ขณฺฑสีมาย มหาสีมาย จ วิชฺชมานตฺเต สติ อวสฺสํ เอกสฺมึ มฺจฏฺาเน ตาสํ มชฺฌคตา เต ภิกฺขู ตา สมูหเนยฺยุํ, ตโต คามสีมา เอว อวสิสฺเสยฺย, ตสฺสํ คามสีมายํ ขณฺฑสีมามหาสีมาวเสน ทุวิธา สีมา ยถารุจิ พนฺธิตพฺพา. พนฺธนาการํ ปน อุปริ วกฺขาม.
กสฺมา ปน นิมิตฺตานํ พหิปิ สีมาสมูหนนํ กตํ, นนุ นิมิตฺตานํ อนฺโตเยว อภินวสีมา อิจฺฉิตพฺพาติ ตตฺเถว สมฺเภทชฺโฌตฺถรณวิโมจนตฺถํ โปราณกสีมาย สมูหนนํ กาตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ทุวิฺเยฺยตฺตา ปน เอวํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทุวิฺเยฺโย หิ โปราณกสีมาย วิชฺชมานาวิชฺชมานภาโว, ตสฺมา ยทิ นิมิตฺตานํ อนฺโตเยว สีมาสมูหนนํ กเรยฺย, ตโต พหิ โปราณกสีมา ติฏฺเยฺย, ตโต อปฺปมตฺตกํ านํ อนฺโต ปวิเสยฺย, ตํ านํ กมฺมวาจาปาเกน สห สีมาสมูหนนการกสงฺฆสฺส ปติฏฺหนปฺปโหนกํ น ภเวยฺย, เอวํ สนฺเต สา โปราณกสีมา อสมูหตาว ภเวยฺย. ตํ สมูหตสฺาย สีมาสมฺมนฺนนกาเล อนฺโตนิมิตฺตฏฺานํ สมฺมนฺเนยฺยุํ, ตํ อสมูหตโปราณสีมาโกฏิปวิฏฺตฺตา สีมาย สีมํ สมฺเภทโทโส, ยทิ ปน ตํ านํ จตุนฺนํ นิสินฺนปฺปโหนกํ ภเวยฺย, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรณโทโส, ยทิปิ อนฺโต น ปวิสติ, นิรนฺตรํ ผุฏฺมตฺตํ โหติ, เอวมฺปิ สีมาสงฺกรโทโสติ อิมสฺมา โทสตฺตยา วิโมจนตฺถํ นิมิตฺตานํ พหิปิ สีมาสมูหนนํ กตํ. เตเนว วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ¶ ปน อาจริยา สมนฺตา นิมิตฺตานํ อนฺโต รชฺชุปสารณํ กตฺวา อนฺโต ตฺวา รชฺชุยา เหฏฺา ปาเท ปเวเสตฺวา รชฺชุโต พหิ กิฺจิมตฺตํ านํ อติกฺกมิตฺวา สีมาสมูหนนํ กโรนฺติ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ. ปาทคฺคฏฺปนมตฺเตน โปราณสีมาสมุคฺฆาโต น โหติ, อถ โข กมฺมวาจาปาเกน สห กมฺมปตฺตสงฺฆสฺส ปติฏฺาเนน กมฺมวาจาย ปาเนน จ สมุคฺฆาโต โหติ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิปฺปกรเณ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ‘‘สีมาย ปน อนฺโตานํ, ‘สมูหนิสฺสามา’ติ กมฺมวาจาย กรณฺเจตฺถ องฺค’’นฺติ, ตสฺมา เอกเทเสน อนฺโตปวิฏฺาย ¶ จ เอกสมฺพนฺเธน ิตาย โปราณกพทฺธสีมาย สมุคฺฆาเต อกเต วุตฺตนเยน โทสตฺตยโต น มุจฺเจยฺย, ตสฺมา นิมิตฺตโต พหิปิ ตฺวา สมูหนนกรณภาโวว ปาสํสตโร โหติ. อฺเ ปน อาจริยา กมฺมการกภิกฺขูนํ ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สมูหนนฺติ, ตํ ครุกรณวเสน กตนฺติ คยฺหมาเน โทโส นตฺถิ. เอกจฺเจ ปน เถรา ‘‘การกสงฺฆสฺส อกฺกนฺตฏฺาเนเยว สีมา สมูหตา, น อนกฺกนฺตฏฺาเนติ สฺาย ปมตรํ สาลํ กริตฺวา ปจฺฉา สีมาย สมูหตาย ถมฺภฏฺาเน อกฺกมิตุํ น ลภติ, ตสฺมา อสมูหตา สีมา’’ติ วทนฺติ.
ปุพฺเพปิ สิรีเขตฺตนคเร มหาสตฺตธมฺมราชสฺส กาเล เตน รฺา กตสฺส นนฺทนวิหารสฺส ปุรโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา สีมาย ปติฏฺาปิตาย ปมํ เชตวนสาลํ กตฺวา ปจฺฉา สีมํ สมูหนึสุ, ตทา ตสฺมึ นคเร มหารุกฺขมูลิโก นาม เอโก คณปาโมกฺขตฺเถโร ‘‘สเจ ถมฺภํ วิชฺฌิตฺวา ปาเท เปตุํ สกฺขิสฺสามิ, เอวํ สนฺเต อหํ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา นาคจฺฉติ. สพฺเพ เถรา ‘‘น ถมฺภมตฺเตน โปราณสีมา ติฏฺติ, ถมฺภสฺส สมนฺตโต ตฺวา ¶ กมฺมวาจาย กตาย สีมา สมูหตา โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา สมูหนึสุ เจว พนฺธึสุ จ. หํสาวตีนคเร ธมฺมเจติยรฺโ กลฺยาณิยสีมาพนฺธนกาเลปิ ปมํ สาลํ กริตฺวาว ปจฺฉา สมูหนึสุ, น จ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาทีสุ ‘‘ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สีมา สมูหนิตพฺพา’’ติ ปาโ อตฺถิ, ‘‘มฺจปฺปมาเณ มฺจปฺปมาเณ าเน’’ติ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) ปน อตฺถิ. โปราณสีมาย อนฺโต ตฺวา เอกสฺมึ าเน สีมาสมูหนนกมฺมวาจาย กตาย สกลาปิ สีมา สมูหตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทวลฺชสมฺพนฺธํ กตฺวา สมูหนิตพฺพ’’นฺติ วจนํ ปณฺฑิตา น สมฺปฏิจฺฉนฺติ. อีทิสํ ปน วจนํ ครุกรณวเสน วุตฺตนฺติ คยฺหมาเน กิฺจาปิ โทโส นตฺถิ, ตถาปิ สิสฺสานุสิสฺสานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนการณํ โหติ. เต หิ ‘‘อมฺหากํ อาจริยา เอวํ กเถนฺติ, เอวํ กโรนฺตี’’ติ ทฬฺหีกมฺมวเสน คเหตฺวา ตถา อกเต สีมา สมูหตา น โหตีติ มฺนฺติ, ตสฺมา ปกรณาคตนยวเสเนว กรณํ วรํ ปสตฺถํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
อปรมฺปิ อิมสฺมึ สีมาสมูหนนาธิกาเร ธมฺมคารเวหิ วินยธเรหิ จินฺเตตพฺพํ คมฺภีรํ ทุทฺทสํ านํ อตฺถิ, ตํ กตมนฺติ เจ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐) วจนโต นานาคามกฺเขตฺตานิ อวตฺถริตฺวา สมฺมตา ติโยชนิกาทิกาโย ¶ มหาสีมาโย ภควตา อนฺุาตา อตฺถิ, อถ เอกํ คามกฺเขตฺตํ โสเธตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา สีมาย สมูหตาย ยทิ ตโต อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ ภิกฺขู สนฺติ, น คามสีมา พทฺธสีมํ ปริจฺฉินฺทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เต ภิกฺขู ตสฺมึ กมฺเม วคฺคํ กเรยฺยุํ, เอวํ สติ สีมา สมูหตา น ภเวยฺย, ตาย อสมูหตาย สติ อภินวสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา น ภเวยฺย, อิติ อิทํ านํ ทุชฺชานํ ทุทฺทสํ, ตสฺมา ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ภควโต ¶ อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ ลชฺชิเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตหิ วินยวิทูหิ สุฏฺุ จินฺเตตพฺพนฺติ.
อิมสฺมึ อธิกาเร จินฺเตนฺโต คเวสนฺโต วิจินนฺโต อิทํ การณํ ทิสฺสติ – ติโยชนิกาทิมหาสีมาโย อิทฺธิมนฺตานํ ภิกฺขูนํ ธรมานกาเล สนฺนิปติตุํ วา วิโสเธตุํ วา สกฺกุเณยฺยภาวโต ตมารพฺภ ภควตา อนุชานิตา ภเวยฺยุํ. สพฺพสฺมึ กาเล สพฺพสฺมึ ปเทเส สพฺเพ ภิกฺขู ตาทิสํ มหาสีมํ โสเธตุํ วา สนฺนิปติตุํ วา น สกฺกา, น จ ภควา อสกฺกุเณยฺยํ อลพฺภเนยฺยํ การณํ วเทยฺย. ภควโต ธรมานกาเล ราชคหนคเร อฏฺารส มหาวิหารา เอกสีมาว ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถเรน สมฺมตาติ. สีหฬทีเป มหาวิหารสีมา อนุราธปุรํ อนฺโตกตฺวา ปวตฺตา มหามหินฺทตฺเถเรน สมฺมตาติ จ ปกรเณสุ ทิสฺสติ, น ตถา อิมสฺมึ นาม เทเส ทฺวิโยชนิกา วา ติโยชนิกา วา สีมา อสุเกน ภิกฺขุนา สมฺมตาติ ทิสฺสติ. อิมสฺมิฺจ มรมฺมเทเส ตาทิสานํ สีมานํ นตฺถิภาโว อุปปริกฺขิตฺวา ชานิตพฺโพ. ตถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสวสฺสกาลโต อุปฺปนฺนา พทฺธสีมา ปาสาณถมฺภนิมิตฺเตน สห ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส ทิสฺสนฺติ. อริมทฺทนปุเร จ อนุรุทฺธมหาราเชน สมฺมนฺนาปิตา ทฺวาสฏฺยาธิกสตหตฺถายามา สตฺตจตฺตาลีสาธิกสตหตฺถวิตฺถารา มหาสีมา นิมิตฺเตน สห ทิสฺสติ. รตนปูรนคเร จ นรปติเชยฺยสูรมหาราชกาเล อฏฺสตฺตตาธิกจตุสตกลิยุเค สมฺมนฺนิตา สีมา ปาสาณเลขาย สทฺธึ ทิสฺสติ. ยทิ ติโยชนปรมาทิมหาสีมาโย อตฺถิ, โปราณาจริยา นวํ นวํ พทฺธสีมํ น พนฺเธยฺยุํ, อถ จ ปน พนฺธนฺติ, ตาสุ จ นวสีมาสุ อุปสมฺปทาทิสงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, ตโต เอว จ คณนปถมติกฺกนฺตา ภิกฺขู ปรมฺปรโต วฑฺเฒนฺตา ยาวชฺชตนา ¶ สาสนํ ปติฏฺเปนฺติ. อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ ปเทเส ติโยชนา สีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ.
อถ วา ‘‘วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตา เลฑฺฑุปาเต’’ติ วิหารปริกฺเขปสฺส อนฺโต จ วิหารูปจารภูเต พหิ เลฑฺฑุปาเต จ าเนเยว สีมาสมูหนนสฺส วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๔) วุตฺตตฺตาปิ ตาทิสา มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ. ยทิ อตฺถิ, สีมาสมูหนนํ ปกรณาจริยา น กเถยฺยุํ. กเถนฺตาปิ สมนฺตา ติโยชนํ านํ โสเธตฺวา สีมาสมูหนนํ กเรยฺยุํ, ตถา ปน อกเถตฺวา วิหารวิหารูปจาเรสุเยว สีมาสมูหนนสฺส กถิตตฺตา ติโยชนิกาทโย มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ.
อถ วา ‘‘ขณฺฑสีมํ ปน ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สมูหนิตฺุเจว พนฺธิตฺุจ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔) วจนโตปิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ติโยชนิกาทิกาโย มหาสีมาโย นตฺถีติ วิฺายติ. กถํ? ยทิ ตาทิสา สีมาโย อตฺถิ, สกลมฺปิ ตํ สีมํ อโสเธตฺวา สีมาสมูหนนํ อฏฺกถาจริยา น กเถยฺยุํ, อถ จ ปน ขณฺฑสีมํ ชานนฺตา อวิปฺปวาสํ อชานนฺตาปิ สีมํ สมูหนิตุํ พนฺธิตฺุจ สมตฺถภาวํ กเถนฺติ, สา กถา ขนฺธสีมาย สีมนฺตริกนฺตริตมตฺตา หุตฺวา ตสฺมึ คามกฺเขตฺเต อวิปฺปวาสสีมา ภเวยฺย, ตสฺมา ตสฺมึ าเน ตฺวา สมูหนิตุํ สมตฺถภาเวน อฏฺกถาจริเยหิ กถียติ, น นานาคามกฺเขตฺตานิ อวตฺถริตฺวา สมฺมตาย ติโยชนิกาทิเภทาย สีมาย อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ อฺเสุ ภิกฺขูสุ สนฺเตสุปิ สมูหนิตุํ สมตฺถภาเวน, เตน ายติ ‘‘น ¶ สพฺเพสุ าเนสุ ติโยชนิกาทิเภทาโย มหาสีมาโย น สนฺตี’’ติ. อีทิสานิ การณานิ ภควโต อาณํ ครุํ กโรนฺเตหิ วินยตฺถวิทูหิ วินยธเรหิ ปุนปฺปุนํ จินฺเตตพฺพานิ อุปปริกฺขิตพฺพานิ, อิโต อฺานิปิ การณานิ คเวสิตพฺพานีติ.
อิโต ปรมฺปิ ‘‘สเจ อฺานิปิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกาตุกามา, เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต สีมํ น พนฺธนฺติ, อถ โข อฺานิปิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกริตฺวาปิ พนฺธนฺติ, ตสฺมา อิทานิ สมฺมนฺนิตพฺพาย สีมาย นิสฺสยภูตํ ปกติคามกฺเขตฺตํ วา วิสุํคามกฺเขตฺตํ วา โสธิตนฺติ มนสิ น กาตพฺพํ. กงฺขจฺเฉทนตฺถํ สีมาสมูหนนกมฺมวาจาภณนสมเย เตน คามกฺเขตฺเตน สมฺพนฺเธสุ อฺเสุ คามกฺเขตฺเตสุ วสนฺเต ภิกฺขูปิ ยาจิตฺวา ตโต คามกฺเขตฺตโต พหิ ทูเร วาสาเปตพฺพา. เอวฺหิ กโรนฺเต อฺานิ คามกฺเขตฺตานิ อนฺโตกริตฺวา โปราณสีมาย วิชฺชมานายปิ เต วคฺคํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. ตโต สีมาสมูหนนกมฺมวาจา สมฺปชฺชติ, ตสฺมา เอวรูโป สุขุโม นิปุโณ อตฺโถ วินยธเรหิ จินฺเตตพฺโพ. เอวํ สีมาสมูหนนวิธาเนน ¶ สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตาติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ วิปตฺติโทเสหิ มุตฺตา โหติ.
ตโต ‘‘อติขุทฺทิกา อติมหนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุจฺจนตฺถํ สีมาย ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กถํ? สีมา นาม เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทิตุํ อปฺปโหนฺเต สติ อติขุทฺทิกา นาม โหติ, สมฺมตาปิ สีมา น โหติ. ติโยชนโต ปรํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ านํ อนฺโต กโรนฺเต สติ อติมหตี นาม โหติ, สมฺมตาปิ สีมา น โหติ ¶ , ตสฺมา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ นิสีทนปฺปโหนกโต ปฏฺาย ติโยชนํ อนติกฺกมิตฺวา ยตฺถ ยํ ปมาณํ สงฺโฆ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตํ ปมาณํ กตฺวา สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ตตฺถ อติขุทฺทิกา นาม ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ. อติมหนฺตี นาม อนฺตมโส เกสคฺคมตฺเตนปิ ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา สมฺมตา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ. เอวํ สีมาย ปมาณคฺคหเณน ‘‘อติขุทฺทิกา อติมหนฺตี’’ติ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ โทเสหิ มุตฺตา โหติ.
ตโต ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา ฉายานิมิตฺตา อนิมิตฺตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุจฺจนตฺถํ นิมิตฺตกิตฺตนํ กาตพฺพํ, ตตฺถ อสมฺพนฺธกิตฺตเนน นิมิตฺตา สีมา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม. กถํ? สีมาย จตูสุ ทิสาสุ ปิตนิมิตฺเตสุ ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสาสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ปุน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ, เอวํ กเต อขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. ยทิ ปน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสาสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา เปติ, ปุน ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ น กิตฺเตติ, เอวํ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. อปราปิ ขณฺฑนิมิตฺตา นาม ยา อนิมิตฺตุปคปาสาณํ วา พหิสารรุกฺขํ วา ขาณุกํ วา ปํสุปฺุชํ วา อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา. ปพฺพตจฺฉายาทีสุ ยํ กิฺจิ ฉายํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา ฉายานิมิตฺตา นาม. สพฺพโส นิมิตฺตํ อกิตฺเตตฺวา สมฺมตา อนิมิตฺตา นาม. อิเมหิ ตีหิ โทเสหิ วิมุจฺจนตฺถาย นิมิตฺตกิตฺตนํ กาตพฺพํ.
กถํ? กมฺมวาจาย โปราณสีมาสมูหนนํ กตฺวา ปริสุทฺธาย เกวลาย คามสีมาย สงฺเฆน ¶ ยถาชฺฌาสยํ คหิตปฺปมาณสฺส ¶ สีมมณฺฑลสฺส จตูสุ วา ทิสาสุ อฏฺสุ วา ทิสาสุ นิมิตฺตุปเค เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาเณ, อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน หตฺถิปฺปมาณโต อูนปฺปมาเณ ปาสาเณ เปตฺวา นิมิตฺตานํ อนฺโต ิเตน กมฺมวาจาปาเกน วินยธเรน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพํ. อฺเน ‘‘ปาสาโณ, ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. ปุน วินยธเรน ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ วตฺวา กิตฺเตตพฺพํ. อิมินา นเยน สีมมณฺฑลํ ปทกฺขิณํ กโรนฺเตน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ กิตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ กิตฺเตตฺวา นิฏฺเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา นาม อฆฏิตนิมิตฺตา วุจฺจตี’’ติอาทิ. เอวํ นิมิตฺตกิตฺตเนน ‘‘ขณฺฑนิมิตฺตา ฉายานิมิตฺตา อนิมิตฺตา’’ติ วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ วิมุตฺตา โหติ.
ตโต ปรํ ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺตวิปตฺติโทสโต วิมุจฺจนตฺถํ สีมาสมฺมุติกมฺมวาจาปากาเล สงฺฆสฺส ิตฏฺานํ ชานิตพฺพํ. กถํ? ยทิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สงฺโฆ นิมิตฺตานํ พหิ ตฺวา กมฺมวาจาย สีมํ สมฺมนฺนติ, พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม โหติ, สีมา น โหติ, ตสฺมา นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สงฺเฆน นิมิตฺตานํ อนฺโต ตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา นาม นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตา’’ติ. เอวํ สีมาสมฺมนฺนนฏฺานนิยเมน ‘‘พหิสีเม ิตสมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺตวิปตฺติโทสโต มุตฺตา โหติ.
ตโต ¶ ปรํ ‘‘นทิยํ สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ ตีหิ วิปตฺติโทเสหิ จ วิมุจฺจนตฺถํ เอวํ มนสิ กาตพฺพํ – ‘‘สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมา, สพฺโพ สมุทฺโท อสีโม, สพฺโพ ชาตสฺสโร อสีโม’’ติ (มหาว. ๑๔๗) ภควตา วจนโต นทีสมุทฺทชาตสฺสเรสุ สมฺมตา สีมา น โหติ, โปราณสีมวิคตาย สุทฺธาย คามสีมาย สมฺมตา เอว สีมา โหติ, ตสฺมา คามสีมายเมว พทฺธสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, น นทีอาทีสูติ. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘นทิยา สมุทฺเท ชาตสฺสเร สมฺมตา นาม เอเตสุ นทีอาทีสุ สมฺมตา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา ‘‘อยํ สีมา อติขุทฺทิกา ¶ , อติมหนฺตี, ขณฺฑนิมิตฺตา, ฉายานิมิตฺตา, อนิมิตฺตา, พหิสีเม ิตสมฺมตา, นทิยํ สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา, สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺเตน สมฺมตา, สีมาย สีมํ อชฺโฌตฺถรนฺเตน สมฺมตา’’ติ (ปริ. ๔๘๖) วุตฺเตหิ เอกาทสหิ โทเสหิ วิมุตฺตา หุตฺวา ‘‘อพฺภา มหิกา ธูโม รโช ราหู’’ติ วุตฺเตหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ มุตฺตํ จนฺทมณฺฑลํ วิย, สูริยมณฺฑลํ วิย จ สุปริสุทฺธา โหติ.
ติวิธสมฺปตฺติ นาม นิมิตฺตสมฺปตฺติปริสสมฺปตฺติกมฺมวาจาสมฺปตฺติโย. ตาสุ ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺตํ วนนิมิตฺตํ รุกฺขนิมิตฺตํ มคฺคนิมิตฺตํ วมฺมิกนิมิตฺตํ นทีนิมิตฺตํ อุทกนิมิตฺต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๘) วุตฺเตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ ตสฺสํ ตสฺสํ ทิสายํ ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึนิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต. เอโส ปาสาโณ นิมิตฺตนฺติอาทินา นเยน กิตฺเตตฺวา สมฺมตา’’ติ. เตสุ จ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ยถาชฺฌาสยฏฺาเนสุ ทุลฺลภภาวโต วฑฺฒิตฺวา ทฺวินฺนํ พทฺธสีมานํ สงฺกรกรณโต จ ปาสาณนิมิตฺตสฺส ปน ตถา ¶ สงฺกรกรณาภาวโต ยถิจฺฉิตฏฺานํ อาหริตฺวา เปตุํ สุกรภาวโต จ สีมํ พนฺธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สีมมณฺฑลสฺส สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา. เตน วุตฺตํ มหาวคฺคฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธนฺเตหิ สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา’’ติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพาติ อิทํ ยถารุจิตฏฺาเน รุกฺขนิมิตฺตาทีนํ ทุลฺลภตายา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา นิมิตฺตสมฺปตฺติสงฺขาตํ ปมงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.
ตโต สีมาสมฺมุติกรณตฺถํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา ยาวตา ตสฺมึ คาเม พทฺธสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวา ิตา ภิกฺขู สนฺติ, สพฺเพ เต หตฺถปาเส วา กตฺวา ฉนฺทํ วา อาหริตฺวา ยา สีมา สมฺมตา, สา ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ. เตน วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริสสมฺปตฺติยุตฺตา นาม สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา’’ติอาทิ. อถ ตํ สีมํ พนฺธนฺตา ภิกฺขู สามนฺตวิหาเรสุ วสนฺเต ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา เย พทฺธสีมวิหารา, เตสํ สีมาย สีมนฺตริกํ เปตฺวา, เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย ยทิ เอกสฺมึเยว คามกฺเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา ¶ , ตสฺมึ เย ภิกฺขู พทฺธสีมวิหารา, เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘อชฺช มยํ สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมถา’’ติ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เต สพฺเพ เอกชฺฌํ สนฺนิปาตาเปตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ.
ยทิ อฺํ คามกฺเขตฺตมฺปิ อนฺโตกตฺตุกามา, ตตฺถ นิวาสิโน ภิกฺขู สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคนฺตุมฺปิ ¶ อนาคนฺตุมฺปิ วฏฺฏนฺติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู’’ติอาทิ. เอวํ ภิกฺขูสุ สนฺนิปติเตสุ ฉนฺทารหานํ ฉนฺเท อาหเฏ เตสุ เตสุ มคฺเคสุ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถฺจ พหิสีมกรณตฺถฺจ อารามิกสามเณเร เปตฺวา เภริสฺํ วา สงฺขสฺํ วา การาเปตฺวา นิมิตฺตกิตฺตนานนฺตรํ วุตฺตาย ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ’’ติอาทิกาย (มหาว. ๑๓๙) กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสู’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา ปริสสมฺปตฺติสงฺขาตํ ทุติยงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.
ตโต ปรํ กมฺมวาจาปาสมเย ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนนฺเตน ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, ปจฺฉา ติจีวเรน อวิปฺปวาโส สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, ปจฺฉา อวิปฺปวาสสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, สมานสํวาสกกมฺมวาจาปริโยสาเนเยว นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา นิมิตฺตานํ อนฺโตปมาเณเนว สมานสํวาสกสีมา จตุนหุตาธิกทฺวิลกฺขโยชนปุถุลํ มหาปถวึ วินิวิชฺฌิตฺวา ปถวีสนฺธารกอุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา คตา. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘กมฺมวาจาปริโยสาเนเยว…เป… คตา โหตี’’ติ. อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปริโยสาเน อวิปฺปวาสสีมา ยทิ อนฺโตสีมาย คาโม อตฺถิ, คามฺจ คามูปจารฺจ มฺุจิตฺวา สมานสํวาสกสีมาย คตปริจฺเฉเทเนว คตา. อิติ ติจีวเรน อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น อวตฺถรติ, สมานสํวาสกสีมาว อวตฺถรติ, สมานสํวาสกสีมา อตฺตโน ธมฺมตาย ¶ คจฺฉติ. อวิปฺปวาสสีมา ปน ยตฺถ สมานสํวาสกสีมา, ตตฺเถว คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อิติ ภิกฺขูนํ อวิปฺปวาสสีมา…เป… คจฺฉตี’’ติ. ตสฺมา –
‘‘สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺเนยฺย สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺนติ สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมาย สมฺมุติ สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สมานสํวาสา เอกูโปสถา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๓๙).
เอสา สมานสํวาสกกมฺมวาจา,
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกูโปสถา. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ตํ สีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺเนยฺย เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ, ยา สา สงฺเฆน สีมา สมฺมตา สมานสํวาสา เอกูโปสถา. สงฺโฆ ตํ สีมํ ติจีวเรน อวิปฺปวาสํ สมฺมนฺนติ เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอติสฺสา สีมาย ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ เปตฺวา ¶ คามฺจ คามูปจารฺจ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สา สีมา สงฺเฆน ติจีวเรน อวิปฺปวาสา เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี. เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๔๔).
เอสา อวิปฺปวาสกมฺมวาจา ตฺติโทสอนุสฺสาวนาโทเส อนุฏฺเปตฺวา สุฏฺุ ภณิตพฺพา. เอตฺตาวตา กมฺมวาจาสมฺปตฺติสงฺขาตํ ตติยงฺคํ สูปปนฺนํ โหติ.
เอวมยํ สีมา อนฺโต มณิวิมานํ พหิ รชตปริกฺขิตฺตํ วิมานสามิกเทวปุตฺโตติ อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ จนฺทมณฺฑลํ วิย, อนฺโต กนกวิมานํ พหิ ผลิกปริกฺขิตฺตํ วิมานสามิกเทวปุตฺโตติ ¶ อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ สูริยมณฺฑลํ วิย จ นิมิตฺตสมฺปตฺติปริสสมฺปตฺติกมฺมวาจาสมฺปตฺติสงฺขาเตหิ ตีหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนา หุตฺวา อติวิย โสภติ วิโรจติ, ชินสาสนสฺส จิรฏฺิติการณภูตา หุตฺวา ติฏฺตีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ อุโปสถกฺขนฺธกปาฬิยํ ‘‘สีมํ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนนฺเตน ปมํ สมานสํวาสกสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติอาทิ.
‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ เอตฺถ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปุรตฺถิมทิสโต ปฏฺาย ปทกฺขิณํ กตฺวา สพฺพนิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา อุตฺตรานุทิสํ ปตฺวา ตตฺเถว อฏฺเปตฺวา ปุพฺเพ กิตฺติตํ ปุรตฺถิมทิสาย นิมิตฺตํ ปุน กิตฺเตตฺวา สมฺมตาติ อตฺโถ. เอวํ สมฺมตา อยํ สีมา เอกาทสหิ วิปตฺตีหิ มุตฺตา, ตีหิ สมฺปตฺตีหิ สมนฺนาคตา หุตฺวา สพฺพาการสมฺปนฺนา ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ อปริมาณํ ภิกฺขูนํ อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมกรณฏฺานภูตา พทฺธสีมา โหตีติ ทฏฺพฺพา.
ยทิ ¶ ปน สขณฺฑสีมํ มหาสีมํ พนฺธิตุกามา, ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สุฏฺุ โสเธตฺวา สมูหนิตโปราณสีมาย เกวลาย ปกติคามสีมาย วา วิสุํคามสีมาย วา พนฺธิตพฺพา, ตาสุ จ ทฺวีสุ สีมาสุปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ สีมา ปมํ พนฺธิตพฺพา, ตํ ปน พนฺธนฺเตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฏฺาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมชฺเฌ พหูนํ สโมสรณฏฺาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส พนฺธิตพฺพา. อกตวิหาเร พนฺธนฺเตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ ปติฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปติฏฺิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนนฺเตหี’’ติอาทิ.
กิตฺตกปฺปมาณา ปน ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพาติ? เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สเจ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ, วฏฺฏติ, ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฏฺฏติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. ๑๓๘) ‘‘สา เหฏฺิมปริจฺเฉเทนา’’ติอาทิ. เอกวีสติ ภิกฺขูติ จ นิสินฺเน สนฺธาย วุตฺตํ, อิทฺจ อพฺภานกรณกาเล กมฺมารหภิกฺขุนา สทฺธึ วีสติคณสฺส สงฺฆสฺส นิสีทนปฺปโหนกตฺถํ วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘เอกวีสติ ¶ ภิกฺขู’’ติอาทิ. ตํ ขณฺฑสีมํ พนฺธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สีมมาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตูปคา ปาสาณา เปตพฺพา. อนฺโตขณฺฑสีมายเมว ตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา. ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพา, ตสฺสาเยว สีมาย ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘ตํ พนฺธนฺเตหี’’ติอาทิ. เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิ สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพา. สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฏิยา เอกรตนปฺปมาณา ¶ วฏฺฏติ, วิทตฺถิปฺปมาณาปิ จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ วฏฺฏติ. สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, ทฺเวปิ ติสฺโสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา’’ติอาทิ.
เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมาย ตฺวา สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา, ตโต อวเสสนิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหนฺเตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺส ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา’’ติอาทิ.
‘‘สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. กถํ กิตฺเตตพฺพาติ? ทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา. ตถา หิ ขณฺฑสีมโต ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ทกฺขิณาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุเขน ตฺวา ‘‘ปจฺฉิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ตถา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุเขน ตฺวา ‘‘อุตฺตราย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ ตตฺถ สพฺพานิ นิมิตฺตานิ อนุกฺกเมน กิตฺเตตฺวา ปุน ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถาภิมุเขน ตฺวา ปุริมํ กิตฺติตํ วุตฺตนเยเนว ปุน กิตฺเตตพฺพํ. เอวํ พหูนมฺปิ ขณฺฑสีมานํ สีมนฺตริกปาสาณา ปจฺเจกํ กิตฺเตตพฺพา, ตโต ปจฺฉา อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรพนฺธเนสุ นิมิตฺตานิ. เอวํ สีมนฺตริกปาสาณา มหาสีมาย อนฺโต นิมิตฺตานิ โหนฺติ ทฺวินฺนํ สีมานํ ¶ สงฺกรโทสาปคมนตฺถํ สีมนฺตริกปาสาณานํ เปตพฺพตฺตา. เอวํ สมนฺตา อนุปริยายนฺเตน สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา. ตถาหิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๓๘) ‘‘สีมนฺตริกปาสาณาติ ¶ สีมนฺตริกาย ปิตนิมิตฺตปาสาณา, เต ปน กิตฺเตนฺเตน ปทกฺขิณโต อนุปริยายนฺเตเนว กิตฺเตตพฺพา’’ติอาทิ.
กึ อิมินา อนุกฺกเมเนว สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, อุทาหุ อฺเนปิ อนุกฺกเมน สมฺมนฺนิตพฺพาติ? สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตนฺติ, เอวํ ตีสุ าเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ‘‘สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานี’’ติอาทิ. เอวํ ขณฺฑสีมมหาสีมพนฺธเนน ภิกฺขูนํ โก คุโณติ เจ? เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ิตา ภิกฺขู มหาสีมายํ กมฺมํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ กมฺมํ น โกเปนฺติ, มหาสีมาย วา ิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ, สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺติ. คามกฺเขตฺเต ตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ปน สีมนฺตริกาย ิตา โกเปนฺติ. สีมนฺตริกา หิ คามกฺเขตฺตํ ภชติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสู’’ติอาทิ, เอวํ พทฺธสีมวิหาเรสุ วสนฺตา ภิกฺขู ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิเตหิ ติจีวเรหิ วินา ยถารุจิ วสิตุํ ลภนฺติ. สเจ ปน คาโม อตฺถิ, คามคามูปจาเรสุ น ลภตีติ ทฏฺพฺพํ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
สีมาพนฺธนวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.
๒๕. อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถา
๑๖๘. เอวํ ¶ สีมาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘อุโปสถปวารณาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ อุโปสถสทฺโท ตาว –
‘‘อุทฺเทเส ¶ ปาติโมกฺขสฺส, ปณฺณตฺติยมุโปสโถ;
อุปวาเส จ อฏฺงฺเค, อุโปสถทิเน สิยา’’ติ. –
วจนโต ปาติโมกฺขุทฺเทเส ปณฺณตฺติยํ อุปวาเส อฏฺงฺคสีเล อุโปสถทิเน จ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๘๕) ปาติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต, ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปณฺณตฺติยํ, ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา เผคฺคุ, สุทฺธสฺส อุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส, ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) อฏฺงฺคสีเล. ‘‘น, ภิกฺขเว, อุโปสเถ สภิกฺขุกาอาวาสา อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๘) อุโปสถทิเน วตฺตติ. ‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฏฺานุโปสโถ’’ติอาทีสุ ปาริสุทฺธิอธิฏฺาเนสุปิ วตฺตติ. เต ปน ปาติโมกฺขุทฺเทเส อนฺโตคธาติ กตฺวา วิสุํ น วุตฺตา. อิธ ปน ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุโปสถทิเน จ วตฺตติ. ตตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุปวสนํ อุโปสโถ, สีเลน อุเปตา หุตฺวา วสนนฺตฺยตฺโถ. อุโปสถทิเน อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, เอตสฺมึ ทิวเส สีเลน อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีตฺยตฺโถ.
ปวารณา-สทฺโท ปน ‘‘ปวารณา ปฏิกฺเขเป, กถิตาชฺเฌสนาย จา’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ วจนโต ปฏิกฺเขเป อชฺเฌสเน จ วตฺตติ. ตตฺถ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภุตฺตาวี ปวาริโต อนติริตฺตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ¶ ขาเทยฺย วา ภฺุเชยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๒๓๘) ปฏิกฺเขเป, ‘‘สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๑๐) อชฺเฌสเน, ‘‘อชฺชปวารณา จาตุทฺทสี’’ติอาทีสุ (มหาว. อฏฺ. ๒๑๒) ปวารณาทิวเส. โส ปน อชฺเฌสนทิวโสเยวาติ วิสุํ น วุตฺโต. อิธ ปน อชฺเฌสเน วตฺตติ, ตสฺมา ปวารียเต ปวารณา, ปกาเรน อิจฺฉียเตตฺยตฺโถ. ป-ปุพฺพ วรธาตุ จุราทิคณิกายํ.
เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปาฬิยํ อุโปสถกฺขนฺธกานนฺตรํ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธโก, ตทนนฺตรํ ปวารณกฺขนฺธโก สงฺคีโต, ตถาปิ อุโปสถปวารณกมฺมานํ เยภุยฺเยน สมานตฺตา ยมกมิว ภูตตฺตา มิสฺเสตฺวา กเถนฺโต สุวิฺเยฺโย โหติ สลฺลหุกคนฺโถ จาติ มนฺตฺวา ขนฺธกทฺวยสงฺคหิตํ อตฺถํ ¶ เอเกเนว ปริจฺเฉเทน ทสฺเสติ อาจริโย. ตตฺถ จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคีอุโปสโถติ ทิวสวเสน ตโย อุโปสถา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. จตุทฺทสิยํ นิยุตฺโต จาตุทฺทสิโก, เอวํ ปนฺนรสิโก. สามคฺคีอุโปสโถ นาม สงฺฆสามคฺคิกทิวเส กาตพฺพอุโปสโถ. เหมนฺตคิมฺหวสฺสานํ ติณฺณํ อุตูนนฺติ เอตฺถ เหมนฺตอุตุ นาม อปรกตฺติกกาฬปกฺขสฺส ปาฏิปทโต ปฏฺาย ผคฺคุนปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. คิมฺหอุตุ นาม ผคฺคุนสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อาสาฬฺหิปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. วสฺสานอุตุ นาม อาสาฬฺหสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อปรกตฺติกปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกาติ เหมนฺตสฺส อุตุโน ตติเย จ สตฺตเม จ ปกฺเข ทฺเว จาตุทฺทสิกา, มิคสิรมาสสฺส กาฬปกฺเข, มาฆมาสสฺส กาฬปกฺเข จาติ อตฺโถ. เอวํ คิมฺหสฺส อุตุโน ตติเย จิตฺตมาสสฺส กาฬปกฺเข สตฺตเม เชฏฺมาสสฺส ¶ กาฬปกฺเข จ, วสฺสานสฺส อุตุโน ตติเย สาวณสฺส กาฬปกฺเข จ สตฺตเม อสฺสยุชมาสสฺส กาฬปกฺเข จาติ อตฺโถ. เสสา ปนฺนรสิกาติ เสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกา.
โหติ เจตฺถ –
‘‘กตฺติกสฺส จ กาฬมฺหา;
ยาว ผคฺคุนปุณฺณมา;
เหมนฺตกาโลติ วิฺเยฺโย;
อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘ผคฺคุนสฺส จ กาฬมฺหา;
ยาว อาสาฬฺหิปุณฺณมา;
คิมฺหกาโลติ วิฺเยฺโย;
อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อาสาฬฺหสฺส จ กาฬมฺหา;
ยาว กตฺติกปุณฺณมา;
วสฺสกาโลติ ¶ วิฺเยฺโย;
อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อุตูนํ ปน ติณฺณนฺนํ, ปกฺเข ตติยสตฺตเม;
จตุทฺทโสติ ปาติโมกฺขํ, อุทฺทิสนฺติ นยฺุโน’’ติ. (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา);
เอวํ เอกสํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถาติ เอวํ อิมินา วุตฺตนเยน เหมนฺตาทีนํ ติณฺณํ อุตูนํ เอเกกสฺมึ อุตุมฺหิ ปจฺเจกํ อฏฺอฏฺอุโปสถตฺตา อุตุตฺตยสโมธานภูเต เอกสฺมึ สํวจฺฉเร จตุวีสติ อุโปสถา โหนฺตีติ อตฺโถ. อิทํ ตาว ปกติจาริตฺตนฺติ อิทํ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ฉจาตุทฺทสิกอฏฺารสปนฺนรสิกอุโปสถกรณํ ตาว ปมํ ปกติยา สภาเวน จาริตฺตํ กาตพฺพํ กมฺมํ โหติ, น พหุตราวาสิกาทินา การเณน กาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ตถารูปปจฺจเย ¶ สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๓๖) วจนโต ‘‘โย ปน อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๗๘) จ ตถารูปปจฺจเย สติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. ตตฺถ สกินฺติ เอกวารํ. อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ วจนํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) วจนฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ ปมสุตฺตสฺส เอเกกสฺส อุตุโน ตติยสตฺตมปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา อวเสสสฺส ปนฺนรเส วา สกึ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ. ปกติจาริตฺตวเสนปิ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อาคนฺตุเกหี’’ติอาทีนิ สุตฺตานิ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพํ. ตถารูปปจฺจเย สตีติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ อนุรูเป อาวาสิกา พหุตรา โหนฺตีติ เอวมาทิเก ปจฺจเย สติ. อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเสติ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺขจาตุทฺทสโต อฺสฺมึ จาตุทฺทเส.
ตตฺรายํ ¶ ปาฬิ (มหาว. ๑๗๘) –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ จาตุทฺทโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา ¶ พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพํ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปนฺนรโส โหติ, อาคนฺตุกานํ จาตุทฺทโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพํ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปาฏิปโท โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาคนฺตุเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาคนฺตุเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปนฺนรโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปาฏิปโท. สเจ อาวาสิกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ. สเจ สมสมา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ สามคฺคี วา ทาตพฺพา, นิสฺสีมํ วา คนฺตพฺพํ. สเจ อาคนฺตุกา พหุตรา โหนฺติ, อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ นากามา ทาตพฺพา สามคฺคี, อาวาสิเกหิ นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ.
ตตฺรายํ ¶ อฏฺกถา (มหาว. อฏฺ. ๑๗๘) –
อาวาสิกานํ ¶ ภิกฺขูนํ จาตุทฺทโส โหติ, อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโสติ เอตฺถ เยสํ ปนฺนรโส, เต ติโรรฏฺโต วา อาคตา, อตีตํ วา อุโปสถํ จาตุทฺทสิกํ อกํสูติ เวทิตพฺพา. อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. นากามา ทาตพฺพาติ น อนิจฺฉาย ทาตพฺพาติ.
‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมฺหิ อยํ ปวารณกฺขนฺธกาคตา ปาฬิ (มหาว. ๒๔๐) – อิธ ปน, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา สนฺทิฏฺา สมฺภตฺตา ภิกฺขู อฺตรสฺมึ อาวาเส วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ, เตสํ สามนฺตา อฺเ ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺติ ‘‘มยํ เตสํ ภิกฺขูนํ วสฺสํวุตฺถานํ ปวารณาย ปวารณํ เปสฺสามา’’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามาติ.
ตตฺรายํ อฏฺกถา (มหาว. อฏฺ. ๒๔๐) – ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุนฺติ เอตฺถ จตุตฺถปฺจมา ทฺเว, ตติโย ปน ปกติยาปิ จาตุทฺทสิโกเยวาติ, ตสฺมา ตติยจตุตฺถา วา ตติยจตุตฺถปฺจมา วา ทฺเว ตโย จาตุทฺทสิกา กาตพฺพา. อถ จตุตฺเถ กเต สุณนฺติ, ปฺจโม จาตุทฺทสิโก กาตพฺโพ, เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. เอวํ กโรนฺตา ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตีติ.
ตตฺถ ¶ อยํ สารตฺถทีปนีปาโ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๔๐) – จตุตฺเถ กเต สุณนฺตีติ จตุตฺเถ ปนฺนรสิกุโปสเถ กเต อมฺหากํ ปวารณํ เปสฺสนฺตีติ สุณนฺติ. เอวมฺปิ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติเยน สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ.
ตตฺรายํ วิมติวิโนทนีปาโ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๐) – ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺตีติ ตติยปกฺเข จาตุทฺทสิยา สทฺธึ ทฺเว จาตุทฺทสิกา โหนฺติ. ภณฺฑนการกานํ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อิเม ปนฺนรสีปวารณํ ปวาเรสฺสนฺตีติ อิมินา ยถาสกํ อุโปสถกรณทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ จาตุทฺทสีปนฺนรสีโวหาโร, น จนฺทคติสิทฺธิยา ติถิยา วเสนาติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ เอวํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ ¶ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหิ. เตเนว ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๒๔๐) ‘‘ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อฺถา ‘‘ทฺวาทสิยํ, เตรสิยํ วา อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพโต. ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติอาทิวจนมฺปิ (มหาว. ๑๓๖) อุปวุตฺตกฺกเมเนว วุตฺตํ, น ติถิกฺกเมนาติ คเหตพฺพนฺติ.
น เกวลํ อุโปสถทิวสาเยว ตโย โหนฺติ, อถ โข ปวารณาทิวสาปีติ อาห ‘‘ปุริมวสฺสํวุตฺถานํ ปนา’’ติอาทิ. มาอิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา. ปุพฺพกตฺติกาย ปุณฺณมา ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, อสฺสยุชปุณฺณมา. สา หิ ปจฺฉิมกตฺติกํ นิวตฺเตตุํ เอวํ วุตฺตา. เตสํเยวาติ ¶ ปุริมวสฺสํวุตฺถานํเยว. ภณฺฑนการเกหีติ กลหการเกหิ. ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺตีติ อุกฺกฑฺฒนฺติ, ภณฺฑนการเก อนุวาทวเสน อสฺสยุชปุณฺณมาทึ ปริจฺจชนฺตา ปวารณํ กาฬปกฺขํ ชุณฺหปกฺขนฺติ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ, ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ, ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) จ เอวํ ตฺติยา ปวารณํ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส, ทิวโส. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ. ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา วาติ โกมุทิจาตุมาสินิปุณฺณมทิวโส วา. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ. ตสฺมึ ปน อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อวสฺสํ ปวาเรตพฺพํ. น หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรตุํ ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตมฺปิ ชุณฺหํ อนุวเสยฺยุํ. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อกามา ปวาเรตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๔๐). เตเนวาห ‘‘ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอว วา’’ติ. ยทิ หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรยฺย, ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปวารณาย ปวาเรตพฺพํ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๒๓๓). วิสุทฺธิปวารณาโยคโต ¶ ปวารณาทิวสา. ปิ-สทฺเทน น เกวลํ ปวารณาทิวสาว ¶ , อถ โข ตทฺเ อุโปสถทิวสาปิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทมฺปีติ ปวารณตฺตยมฺปิ. ตถารูปปจฺจเยติ พหุตราวาสิกาทิปจฺจเย. ทฺวินฺนํ กตฺติกปุณฺณมานนฺติ ปุพฺพกตฺติกปจฺฉิมกตฺติกสงฺขาตานํ ทฺวินฺนํ อสฺสยุชโกมุทิปุณฺณมานํ.
อิทานิ โย โส สามคฺคิอุโปสถทิวโส วุตฺโต, ตฺจ ตปฺปสงฺเคน สามคฺคิปวารณาทิวสฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมินฺติ อุกฺขิตฺตเก ภิกฺขุสฺมึ โอสาริเต, ตํ คเหตฺวา สีมํ คนฺตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา กมฺมวาจาย กมฺมปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปเวสิเตติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วตฺถุสฺสาติ ตสฺส อธิกรณสฺส. ตทา เปตฺวา จุทฺทสปนฺนรเส อฺโ โย โกจิ ทิวโส อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ สมฺพนฺโธ. กสฺมาติ อาห ‘‘ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’นฺติ วจนโต’’ติ. ตตฺถ ตาวเทวาติ ตํ ทิวสเมว. วจนโตติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๗๕) วุตฺตตฺตา. ยตฺร ปน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคิอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ, กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ.
กตฺติกมาสพฺภนฺตเรติ เอตฺถ กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตึสรตฺติทิวา, ตสฺส อพฺภนฺตเร. ตโต ปุเร วา ปน ปจฺฉา วา วฏฺฏติ. อยเมวาติ โย โกจิ ทิวโสเยว. อิธาปิ โกสมฺพกกฺขนฺธเก สามคฺคิยา สทิสาว สามคฺคี เวทิตพฺพา. เย ปน กิสฺมิฺจิเทว อปฺปมตฺตเก ¶ ปวารณํ เปตฺวา สมคฺคา โหนฺติ, เตหิ ปวารณายเมว ปวารณา กาตพฺพา, ตาวเทว น กาตพฺพา, กโรนฺเตหิ อปวารณาย ปวารณา กตา นาม โหติ, ‘‘น กาตพฺพาเยวา’’ติ นิยเมน ยทิ กโรติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อุโปสถกรเณ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).
๑๖๙. สงฺเฆ อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ สนฺนิปติเตน จตุวคฺคาทิสงฺเฆน กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ ปาติโมกฺขุทฺเทโสเยว. คเณ อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ สนฺนิปติเตหิ ทฺวีหิ, ตีหิ วา ภิกฺขูหิ กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถเยว. ปุคฺคเล อุโปสโถ นาม เอกสีมายํ ¶ นิสินฺเนน เอเกน ภิกฺขุนา กตฺตพฺโพ อุโปสโถ, โส จ อธิฏฺานุโปสโถเยว. เตนาห ‘‘การกวเสน อปเรปิ ตโย อุโปสถา’’ติ. กตฺตพฺพาการวเสน วุตฺเตสุ ตีสุ อุโปสเถสุ สุตฺตุทฺเทโส นาม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. โส ทุวิโธ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส จ อาณาปาติโมกฺขุทฺเทโส จ. ตตฺร โอวาโทว ปาติโมกฺขํ, ตสฺส อุทฺเทโส สรูเปน กถนํ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อาณาปนํ ปฺาปนํ อาณา. เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.
ตตฺถ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส นาม –
‘‘ขนฺติ ปรมํ ตโป ติติกฺขา;
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘สพฺพปาปสฺส ¶ อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘อนุปวาโท อนุปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) –
อิมา ติสฺโส คาถา.
ตตฺถ ขนฺติ ปรมํ ตโปติ อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ, ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺตีติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ปรมนฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ ¶ . จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ น สมโณ โหตีติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ปรํ วิเหยนฺโตติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ปรนฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โสปิ ปรํ วิเหยนฺโต น สมโณ โหติ. กึการณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.
ทุติยคาถาย ¶ สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ, ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ, อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.
ตติยคาถาย อนุปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนุปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตากรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปาติโมกฺขํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมสีลํ. ปาติ วา อคติวิเสเสหิ โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ, โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ เสนาสนฺจ. เอตฺถ จ ทฺวีหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตตฺตา. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ อธิจิตฺตํ, ตโตปิ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ อนุโยโค จาติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ, อนุปฆาตนํ ¶ , ปาติโมกฺขสํวโร, ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา ¶ , อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน ติสฺโส คาถาโย สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา, ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา. ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม, ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. อิทเมว จ อิมสฺมึ อตฺเถ ปาติโมกฺขนฺติ อธิปฺเปตํ.
อนุปคโต นาม ตตฺเถว อุปสมฺปนฺโน, อสติยา ปุริมิกาย อนุปคโต วา. จาตุมาสินิยนฺติ จตุมาสิยํ. สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี, สา เอว ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสํ จาตุมาสินิยํ, ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมาสิยนฺติ อตฺโถ. กายสามคฺคินฺติ กาเยน สมคฺคภาวํ, หตฺถปาสูปคมนนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย ตโย ทฺเว เอโก วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปวารณาวเสน ตฺติ เปตพฺพา. สเจ ปน ¶ ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ. อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สเจ ปุริมิกายปิ เอโก, ปจฺฉิมิกายปิ เอโก, เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริเมหิ วสฺสูปคเตหิ ปจฺฉา วสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. กตฺติกจาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมวสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ, เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณาย ¶ ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพนฺติ.
เปตฺวา ปน ปวารณาทิวสํ อฺสฺมึ กาเลติ อฺสฺมึ อุโปสถทิวเส. อุทฺทิฏฺมตฺเต ปาติโมกฺเขติ ‘‘ปริโยสิตมตฺเต อุทฺทิสฺสมาเน’’ติ อปริโยสิเต อาคเต สติ อวเสสสฺส ปาติโมกฺขสฺส โสตพฺพตฺตา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อวุฏฺิตายาติอาทีนิปิ ปาติโมกฺขสฺส นิฏฺิตกาลเมว ปริสาย วิเสเสตฺวา วทติ. สมสมา วาติ ปุริเมหิ สมปริมาณา. โถกตรา วาติ ปุริเมหิ โถกตรปริมาณา. เอเตน พหุตเรสุ อาคเตสุ ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, น ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.
เอกํสํ ¶ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกสฺมึ อํเส สาธุกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ อตฺโถ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๕) ปน ‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺาปเนน เอวํ วุตฺตํ. เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา. สเจ ปน ตตฺถ ปาริวาสิโกปิ อตฺถิ, สงฺฆนวกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตตฺเถว นิสินฺเนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. ปาติโมกฺเข ปน อุทฺทิสิยมาเน ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬึ วิหาย หตฺถปาสํ อมฺุจนฺเตน นิสีทิตพฺพํ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.
สพฺพํ ปุพฺพกรณียนฺติ สมฺมชฺชนาทินววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ. อิมินา พหูนํ วสนฏฺาเนเยว อุโปสถทิวเส ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ น โหติ, อถ โข เอกสฺส วสนฏฺาเนปิ กาตพฺพํเยวาติ ทสฺเสติ. ยถา จ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวเมตฺถาปิ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิปิ ‘‘อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ.
ตทหูติ ¶ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. นานาสํวาสเกหีติ ลทฺธินานาสํวาสเกหิ. อนาวาโส นาม นวกมฺมสาลาทิโก โย โกจิ ปเทโส ¶ . อฺตฺร สงฺเฆนาติ สงฺฆปฺปโหนเกหิ ภิกฺขูหิ วินา. อฺตฺร อนฺตรายาติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทสวิธมนฺตรายํ วินา. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถ วา อนฺตราเย วา สติ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ อาวาสาทโย น คนฺตพฺพา, เอวํ สเจ วิหาเร อุโปสถํ กโรนฺติ, อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ภิกฺขุ โหติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏติ, วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คโต อธิฏฺาตุมฺปิ ลภติ. อารฺเกนปิ ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อตฺตโน วิหารเมว อาคนฺตพฺพํ. สเจ อฺํ วิหารํ โอกฺกมติ, ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว อาคนฺตพฺพํ, อกตฺวา อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ, ยํ ชฺา ‘‘อชฺเชว ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกมี’’ติ เอวรูโป ปน อาวาโส คนฺตพฺโพ. ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺเตนปิ หิ อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโย กโต ภวิสฺสตีติ.
๑๗๐. พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตนาติ นทิยา วา สีมาย วา ยตฺถ กตฺถจิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ, ‘‘กโต มยา อุโปสโถ’’ติ อจฺฉิตุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. กิจฺจปสุโต วาติ คิลานุปฏฺานาทิกิจฺจปสุโต วา. สงฺโฆ นปฺปโหตีติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อนฺตรา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ปฏิปาฏิยา าตุํ นปฺปโหติ.
‘‘อธมฺเมน วคฺค’’นฺติ เอตฺถ เอกสีมาย จตูสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุ ปาติโมกฺขุทฺเทโสว อนฺุาโต, ตีสุ ทฺวีสุ จ ปาริสุทฺธิอุโปสโถว, อิธ ปน ตถา อกตตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิ สงฺเฆ เอว อาคจฺฉติ, น คเณ น ปุคฺคเล, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ ปน ทฺเว สงฺฆา เอกสีมายํ อฺมฺํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ขเณ วิสุํ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, เอตฺถ กถนฺติ? เกจิ ปน ‘‘ตํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ วคฺคกมฺมตฺตา. วคฺคกมฺมํ กโรนฺตานฺหิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ¶ อฺตฺถ น คจฺฉติ ตถา วจนาภาวา, วิสุํ วิสุํ กมฺมกรณตฺถเมว สีมาย อนฺุาตตฺตา จาติ คเหตพฺพํ. วิหารสีมาย ปน สงฺเฆ วิชฺชมาเนปิ เกนจิ ปจฺจเยน ขณฺฑสีมาย ตีสุ, ทฺวีสุ วา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺเตสุ กมฺมํ ธมฺเมน สมคฺคเมว ภินฺนสีมฏฺตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ ¶ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ภควโต อาณํ กโรนฺเตน ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท ตตฺเถว ปกฺกมติ, อฺสฺส ทาตพฺโพ ฉนฺโท’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๖๕) ปุน อตฺตโน ฉนฺททานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ‘‘ฉนฺทํ เม หรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท สงฺฆปฺปตฺโต สฺจิจฺจ นาโรเจติ, อาหโฏ โหติ ฉนฺโท, ฉนฺทหารกสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา ทุกฺกฏโต ตํ โมเจตุํ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ วุตฺตํ. กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพติ มนสาว อจินฺเตตฺวา กายปฺปโยคํ กโรนฺเตน เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วา, วาจํ ปน นิจฺฉาเรตุํ สกฺโกนฺเตน ตเถว วาจาย วา, อุภยถาปิ สกฺโกนฺเตน กายวาจาหิ วา วิฺาเปตพฺโพ, ชานาเปตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘อยมตฺโถ’’ติวจนโต ปน ยาย กายจิปิ ภาสาย วิฺาเปตุํ วฏฺฏติ.
ปาริสุทฺธิทาเนปิ ฉนฺททาเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย, ตํ ปน เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ วตฺตุมรหติ. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทตีติ เอตฺถ ฉนฺโท ¶ จ ปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ, ตํ เทตีติ สรูเปกเสเสน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิตราติ อฺเสํ ฉนฺทปาริสุทฺธิ. พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ พิฬาลสงฺขลิกา นาม พิฬาลพนฺธนํ. ตตฺถ หิ สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํเยว ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉติ, ตสฺมา สา พิฬาลสงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกาคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๗๓. ปวารณาทาเนปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ, อิธ ปน ‘‘มมตฺถาย ปวาเรหี’’ติ. ตตฺถ ฉนฺทหารเก สงฺฆสฺส หตฺถํ อุปคตมตฺเตเยว อาคตา โหติ. อิธ ปน เอวํ ทินฺนาย ปวารณาย ปวารณาหารเกน สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปวาเรตพฺพํ ‘‘ติสฺโส, ภนฺเต, ภิกฺขุ…เป… ปฏิกริสฺสามี’’ติ. วิมติวิโนทนิยํ ‘‘เอวเมตํ ธารยามิ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหีติ เอตฺถ ‘เอวเมตํ ธารยามี’ติ วตฺวา ¶ อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. มาติกาฏฺกถายฺหิ เอวเมว วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน.
๑๗๔. นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต ปาติโมกฺขํ นิทฺทิฏฺํ นาม น โหตีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติอาทิ.
๑๗๕. ตีหิปิ วิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย วา ภณาเปตุกามตาย วา สุตฺตสฺส โอตารณํ โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. เกวลํ ปาสฺเสว สเรน ภณนํ ¶ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ สยเมว ปาํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน. นววิธนฺติ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ ตโย, สุตฺตุทฺเทสปาริสุทฺธิอธิฏฺานวเสน ตโย, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสามคฺคิวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธนฺติ อธมฺเมนวคฺคาทิ จตุพฺพิธํ. ทุวิธนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขวเสน ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ. กติมีติ กติสทฺทาเปกฺขํ อิตฺถิลิงฺคํ ทฏฺพฺพํ.
อุตุวสฺเสเยวาติ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว. วิฺาเปตีติ เอตฺถ มนสา จินฺเตตฺวา กายวิการกรณเมว วิฺาปนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ อฺสฺส ทาตพฺพา ปาริสุทฺธีติ ปาริสุทฺธิทายเกน ปุน อฺสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ทาตพฺพา. ‘‘ภูตํ เอว สามเณรภาวํ อาโรเจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อูนวีสติวสฺสกาเล อุปสมฺปนฺนสฺส, อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสิกฺขาปจฺจกฺขาตกาทีนํ วา ยาว ภิกฺขุปฏิฺา วฏฺฏติ, ตาว เตหิ อาหฏาปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. ยทา ปน เต อตฺตโน สามเณราทิภาวํ ปฏิชานนฺติ, ตโต ปฏฺาย นาคจฺฉตีติ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยมฺปิ (มหาว. ๑๖๔) หิ ‘‘ทินฺนาย ปาริสุทฺธิยา สงฺฆปฺปตฺโต วิพฺภมติ…เป… ปณฺฑโก ปฏิชานาติ, ติรจฺฉานคโต ปฏิชานาติ, อุภโตพฺยฺชนโก ปฏิชานาติ, อาหฏา โหติ ปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตตฺตา ปณฺฑกาทีนํ ภิกฺขุปฏิฺาย วตฺตมานกาเลสุ ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิยาว อาคมนํ สิทฺธเมว. เตนาห ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ. อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานํ ปน ปกตตฺตา อนฺตรามคฺเค อุมฺมตฺตกาทิภาเว ปฏิฺาเตปิ เตสํ สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตเนว ฉนฺทาทิ อาคจฺฉตีติ ทสฺเสติ.
ภิกฺขูนํ ¶ ¶ หตฺถปาสนฺติ อิมินา คณปุคฺคเลสุ ฉนฺทปาริสุทฺธิยา อนาคมนํ ทสฺเสติ. ‘‘สงฺฆปฺปตฺโต’’ติ หิ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตํ. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณํ สงฺฆสนฺนิปาเต กาตพฺพํ ปุพฺพกิจฺจนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาฬิยํ ‘‘โน เจ อธิฏฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอตฺถ อสฺจิจฺจ อสฺสติยา อนาปตฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริปิ, ยตฺถ ปน อจิตฺตกาปตฺติ อตฺถิ, ตตฺถ วกฺขาม. ปฺตฺตํ โหตีติ อิมินา น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพติ วิสุํ ปฏิกฺเขปาภาเวปิ ยถาวุตฺตสุตฺตสามตฺถิยโต ปฺตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. อิมินา เอว นเยน ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติอาทิสุตฺตนยโตว (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๖) อลชฺชีหิ สทฺธึ อุโปสถกรณมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตเมว อลชฺชีนิคฺคหตฺถตฺตา สพฺพสิกฺขาปทานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนนาติ อิมินา สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพาติ ทีปิตํ โหติ.
๑๗๖. อุโภปิ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สภาคาปตฺติภาวํ อชานิตฺวา เกวลํ อาปตฺตินาเมเนว เทเสนฺตสฺส ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส จ อจิตฺตกเมว ทุกฺกฏํ โหตีติ วทนฺติ. ยถา สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺโนติ ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตโยปิ ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว คณตฺตึ เปตฺวา ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกน ปน สาปตฺติเกน ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปฏิกาตุเมว วฏฺฏติ, อสมฺปาปุณนฺเตน ‘‘ภิกฺขู ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปฏิกริตฺวา จ ปุน อุโปสโถ กาตพฺโพ ¶ . เกนจิ กรณีเยน คนฺตฺวาติ สีมาปริจฺเฉทโต พหิภูตํ คามํ วา อรฺํ วา คนฺตฺวาติ อตฺโถ. เอเตเนว อุโปสถตฺติยา ปนกาเล สมคฺคา เอว เต ตฺตึ เปสุนฺติ สิทฺธํ. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๑๗๒) ‘‘อุทฺทิฏฺํ สุอุทฺทิฏฺ’’นฺติ สพฺพปนฺนรสเกสุปิ วุตฺตํ.
สเจ ปน วุฑฺฒตโร โหตีติ ปวารณทายโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร โหติ. เอวฺหิ เตน ตสฺสตฺถาย ปวาริตํ โหตีติ เอตฺถ เอวํ เตน อปฺปวาริเตปิ ตสฺส สงฺฆปฺปตฺตมตฺเตน สงฺฆสฺส ปวารณากมฺมํ สมคฺคกมฺมเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน จ ภิกฺขุนาติ ปวารณทายเกน ภิกฺขุนา. พหูปิ สมานวสฺสิกา เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ลทฺธุปสมฺปทตาย สมานุปสมฺปทวสฺสา สพฺเพ เอกโต ปวาเรตุํ ลภนฺตีติ อตฺโถ.
เอตฺถ ¶ ปน ปณฺฑิเตหิ จินฺเตตพฺพํ วิจาเรตพฺพํ การณํ อตฺถิ, กึ ปน ตนฺติ? อิทานิ ปาติโมกฺขุทฺเทสกาเล –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจติ.
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจติ.
‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ;
ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘) –
อิมา คาถาโย ธมฺมชฺเฌสเกน ปาํเยว ภณาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถํ กเถติ. ตโต ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ‘‘เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมา’’ติ อิมํ วากฺยํ ปาเมว อชฺเฌสเกน ภณาเปตฺวา อตฺถํ อวตฺวาว ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย. ‘‘ปวารณาย เอตานี’’ติ จ ‘‘ปวารณํ กาตุ’’นฺติ จ อิมานิ ปทานิเยว วิสิฏฺานิ.
กึ อิมานิ ธมฺมชฺเฌสกสฺส วจนานิ, อุทาหุ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺสาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ธมฺมชฺเฌสกสฺส วจนานิ, เอวํ สติ คาถาตฺตยํ วตฺวา ตาสํ อตฺถมฺปิ โส เอว กเถตฺวา เอตานิ ปุพฺพกรณานิ จ เอตานิ ปุพฺพกิจฺจานิ จ สงฺเฆน กตานิ, อิทฺจ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สมานีตํ, ตสฺมา ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ปาติโมกฺข’’นฺติ เตเนว วตฺตพฺพํ สิยา. อถ ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส วจนานิ, เอวฺจ สติ ‘‘สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ ธมฺมชฺเฌสเกน ยาวตติยํ อชฺโฌสาเปตฺวา ‘‘สมฺมชฺชนี…เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ เอตานิ ปุพฺพกรณานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิ ¶ …เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ เอตานิ ปุพฺพกิจฺจานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อุโปสโถ…เป… วุจฺจตี’’ติ คาถํ วตฺวา อิติ ‘‘อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ อิทํ ปตฺตกลฺลํ สมานีต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ปตฺตกลฺเล สมานีเต สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ มยํ กโรมา’’ติ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ สิยา, เอวํ สติ อชฺเฌสกอชฺเฌสิตพฺพานํ วจนํ อสงฺกรโต ชานิตพฺพํ ภเวยฺยาติ.
เอตฺถ ¶ จ คาถาตฺตยสฺส อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตภาโว อฏฺกถายเมว อาคโต. ปจฺฉิมวากฺยํ ปน เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ, น ฏีกาทีสุ ทิสฺสติ. ขุทฺทสิกฺขาปกรเณปิ –
‘‘ปุพฺพกิจฺเจ จ กรเณ;
ปตฺตกลฺเล สมานิเต;
สุตฺตํ อุทฺทิสติ สงฺโฆ;
ปฺจธา โส วิภาวิโต’’ติ จ.
‘‘ปุพฺพกิจฺเจ จ กรเณ;
ปตฺตกลฺเล สมานิเต;
ตฺตึ วตฺวาน สงฺเฆน;
กตฺตพฺเพวํ ปวารณา’’ติ จ. –
วุตฺตํ, น วุตฺตํ ตถา. มูลสิกฺขาปกรเณเยว ตถา วุตฺตํ, ตสฺมา อาจริยานํ อตฺตโนมติ ภเวยฺย.
ตตฺถ ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา’’ติ อิมินา ปุริมคาถาทฺวยสฺส อตฺถเมว กเถตฺวา ตติยคาถาย อตฺโถ น กถิโต. ‘‘เทสิตาปตฺติกสฺสา’’ติ อิมินา จ อาปตฺติยา เทสิตภาโวเยว กถิโต, น สพฺพํ ปตฺตกลฺลํ. อาปตฺติยา เทสิตภาเว จ สภาคาปตฺติยา เทสิตภาโวเยว ¶ ปตฺตกลฺลสฺมึ อนฺโตคโธ, น อิตโร. วุตฺตฺหิ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘เอตาสุ หิ สภาคาปตฺตีสุ อวิชฺชมานาสุ, วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยวา’’ติ. ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมา’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต อวเสสานิ ตีณิ ปตฺตกลฺลงฺคานิ. เสยฺยถิทํ – อุโปสโถ, ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘). เตสุ อสนฺเตสุปิ อุโปสโถ ¶ กาตพฺโพติ อาปชฺชติ, น ปน กาตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) จ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๖๘) จ, ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๔) จ, ตสฺมา อุโปสถทิวเสสุ สงฺเฆ สนฺนิปติเต สเจ ปุพฺเพว สมฺมโต ธมฺมชฺเฌสโก อตฺถิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, เอกํ พฺยตฺตํ ปฏิพลํ ภิกฺขุํ สงฺเฆน สมฺมนฺนาเปตฺวา เตน ธมฺมชฺเฌสเกน ปาติโมกฺขุทฺเทสกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ เถโร ปาติโมกฺขํ. ทุติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อุทฺทิสตุ เถโร ปาติโมกฺขนฺติ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา ตโต ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –
อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ จตฺตาริ ปุพฺพกรณานิ, กึ ตานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –
อฏฺกถาจริเยหิ ¶ วุตฺตานิ ปฺจ ปุพฺพกิจฺจานิ, กึ ตานิ กตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน –
‘‘อุโปสโถ ¶ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺติ;
ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๑๖๘; กงฺขา อฏฺ. นิทานวณฺณนา) –
อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตานิ จตฺตาริ ปตฺตกลฺลงฺคานิ, กึ ตานิ สมานีตานี’’ติ ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ‘‘ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมฺมา นิฏฺาเปตฺวา ปตฺตกลฺลงฺเค สมานีเต สงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ภิกฺขุสงฺเฆน สมฺปฏิจฺฉิเต ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสตีติ อยมมฺหากํ ขนฺติ.
เอตฺถ จ ‘‘ธมฺมชฺเฌสเกน…เป… เอวมสฺส วจนีโย’’ติ วุตฺตํ, โส ธมฺมชฺเฌสเกน วจนียภาโว กถํ เวทิตพฺโพติ? ‘‘น, ภิกฺขเว, สงฺฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโตติ. ‘‘สงฺเฆน สมฺมนฺนาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ‘‘อชฺเฌสนา เจตฺถ สงฺเฆน สมฺมตธมฺมชฺเฌสกายตฺตา วา สงฺฆตฺเถรายตฺตา วา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ‘‘สงฺโฆ, ภนฺเต, เถรํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ อยํ อชฺเฌสนากาโร กุโต ลพฺภตีติ? ปาฬิโต. ปาฬิยฺหิ (มหาว. ๑๕๕) ‘‘เต เถรํ อชฺเฌสนฺติ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, เถโร ปาติโมกฺข’’นฺติ อาคโต.
สเจ ปน ธมฺมชฺเฌสโก วุฑฺฒตโร, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก นวโก, ‘‘สงฺโฆ, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อชฺเฌสติ, อุทฺทิสตุ อายสฺมา ปาติโมกฺข’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ตํ กุโต ลพฺภติ? ปาฬิโตเยว. ปาฬิยฺหิ ¶ (มหาว. ๑๕๕) ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ยาว สงฺฆนวกํ อชฺเฌสนฺติ อุทฺทิสตุ อายสฺมา ปาติโมกฺข’’นฺติ อาคโต. ตโต ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ¶ สมฺมชฺชนี…เป… ปุจฺฉิเต ธมฺมชฺเฌสเกน ‘อาม, ภนฺเต’ติ วุตฺเต’’ติ อิทํ กุโต ลพฺภตีติ? ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ. นิทานปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อาคตํ, อฏฺกถายมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจนฺติ สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยาติ…เป… เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิตํ, กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉตี’’ติ อาคตนฺติ.
นนุ เจตํ อนฺโตนิทาเนเยว อาคตํ, อถ กสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน ปุพฺพภาเค วตฺตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ตถาปิ ตทนุโลมโต ชานิตพฺพโต วตฺตพฺพํ. อฏฺกถายฺหิ อิมา คาถาโย สมฺมชฺชนาทีนํ ปุพฺพกรณาทิภาวาปกภาเวเนว วุตฺตา, น ปาติโมกฺขารมฺภกาเล ภณิตพฺพภาเวน. อถ จ ปน อิทานิ ภณนฺติ, เอวํ สนฺเต กิมตฺถํ ภณนฺตีติ จินฺตายํ อนฺโตนิทาเน ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ วุตฺตปุจฺฉานุโลเมน ปุพฺพกรณาทีนํ นิฏฺภาวปุจฺฉนตฺถํ ภณนฺตีติ ชานิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอวํ วุตฺตํ จตุพฺพิธํ ปุพฺพกรณํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๗๗), ตสฺมา ปาฬิอฏฺกถานุโลมโต อิมินา อนุกฺกเมน กเต สติ ธมฺมชฺเฌสโก ปฺายติ, ตสฺส อชฺเฌสนากาโร ปฺายติ, ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ปฺายติ, ตสฺส ปุพฺพกรณาทีนํ นิฏฺภาวปุจฺฉนํ ปฺายติ, ธมฺมชฺเฌสกสฺส วิสฺสชฺชนํ ปฺายติ, ตานิ นิฏฺาเปตฺวา ปาติโมกฺขุทฺเทสกสฺส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ ปฏิฺา ปฺายติ, เอวํ อิเมสํ คาถาวากฺยานํ วจเน ปโยชนํ ปฺายตีติ กตฺวา ปณฺฑิเตหิ วินยฺูหิ จิรปฏิจฺฉนฺโน อยํ กถามคฺโค ปฏิปชฺชิตพฺโพติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.
ปาฬิยฏฺกถาทีนฺหิ ¶ , อนุรูปํ อิมํ นยํ;
ปุนปฺปุนํ จินฺตยนฺตุ, ปณฺฑิตา วินยฺุโน.
ปุนปฺปุนํ จินฺตยิตฺวา, ยุตฺตํ เจ ธารยนฺตุ ตํ;
โน เจ ยุตฺตํ ฉฑฺฑยนฺตุ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกาติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ปฺจวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๖. วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยกถา
๑๗๙. เอวํ ¶ อุโปสถปวารณาวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘วสฺสูปนายิกาติ เอตฺถ’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ วสนํ วสฺสํ. กึ ตํ? วสนกิริยา ภาวตฺเถ ณฺย-ปจฺจยวเสน. อุปนยนํ อุปนโย. โก โส? อุปคมนกิริยา, วสฺสสฺส อุปนโย วสฺสูปนโย, โส เอติสฺสา ปฺตฺติยา อตฺถิ, ตสฺมึ วา วิชฺชตีติ วสฺสูปนายิกา. กา สา? วสฺสูปนายิกปฺตฺติ. อถ วา อุปนยติ เอตายาติ อุปนายิกา มชฺเฌ ทีฆวเสน. วสฺสสฺส อุปนายิกา วสฺสูปนายิกา, สา เอว ปุเร ภวา ปุริมา ภวตฺเถ อิม-ปจฺจยวเสน, สา เอว ปุริมิกา สกตฺเถ ก-ปจฺจยวเสน, ตสฺมึ ปเร อิตฺถิลิงฺเค อ-การสฺส อิ-การาเทโส. ปจฺฉา ภวา ปจฺฉิมา, สาว ปจฺฉิมิกา.
อสฺสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา น อุเปติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, โย อุปคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๔) วจีเภทํ กตฺวา วสฺสูปคมนํ สนฺธาย ปฏิกฺเขโป, น อาลยกรณวเสน อุปคมนํ ¶ สนฺธายาติ วทนฺติ. ปาฬิยํ ปน อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อฏฺกถายฺจ ทุติยปาราชิกสํวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔) ‘‘วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตน หิ นาลกปฏิปทํ ปฏิปนฺเนนปิ ปฺจนฺนํ ฉทนานํ อฺตเรน ฉนฺเนเยว สทฺวารพนฺเธ เสนาสเน อุปคนฺตพฺพํ, ตสฺมา วสฺสกาเล สเจ เสนาสนํ ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลภติ, หตฺถกมฺมํ ปริเยสิตฺวาปิ กาตพฺพํ. หตฺถกมฺมํ อลภนฺเตน สามมฺปิ กาตพฺพํ, น ตฺเวว อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตตฺตา อเสนาสนิกสฺส นาวาทึ วินา อฺตฺถ อาลยมตฺเตน อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ อมฺหากํ ขนฺติ. นาวาสตฺถวเชสุเยว หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นาวาย วสฺสํ อุปคนฺตุ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๐๓) สติ, อสติ วา เสนาสเน วสฺสูปคมนสฺส วิสุํ อนฺุาตตฺตา ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๔) อยํ ปฏิกฺเขโป. ตตฺถ น ลภตีติ อสติ เสนาสเน อาลยวเสนปิ นาวาทีสุ อุปคมนํ วุตฺตํ. จตูสุ หิ เสนาสเนสุ วิหารเสนาสนํ อิธาธิปฺเปตํ, น อิตรตฺตยํ.
ฏงฺกิตมฺจาทิเภทา กุฏีติ เอตฺถ ฏงฺกิตมฺโจ นาม ทีเฆ มฺจปาเท มชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ¶ ปเวเสตฺวา กโต มฺโจ, ตสฺส อิทํ อุปริ, อิทํ เหฏฺาติ นตฺถิ. ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ สุสาเน เทวฏฺาเน จ เปนฺติ, จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตํ เคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ.
‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพนฺติ สตฺถสฺส อวิหารตฺตา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ. สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏตีติ กุฏิกาทีนํ อภาเวน ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ, อาลยกรณมตฺเตเนว วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย. วิปฺปกิรตีติ วิสุํ วิสุํ คจฺฉติ. ตีสุ ¶ าเนสุ นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺตีติ เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺเสว นตฺถิ อาปตฺติ, เตหิ วิยุชฺชิตฺวา คมเน ปน อาปตฺติเยว, ปวาเรตฺุจ น ลภติ.
ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวาติ สกวาฏพทฺธเมว โยเชตฺวา. ปุริมิกาย…เป… น ปกฺกมิตพฺพาติ อิมินา อาสาฬฺหีปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปุริมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสฺสานอุตุโน จตูสุ มาเสสุ สพฺพปจฺฉิมมาสํ เปตฺวา ปุริมํ เตมาสํ วสิตพฺพํ. สาวณปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปจฺฉิมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา สพฺพปมมาสํ เปตฺวา ปจฺฉิมํ เตมาสํ วสิตพฺพํ. เอวํ อวสิตฺวา ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคเตน ภิกฺขุนา มหาปวารณาย อนฺโต อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ปจฺฉิมิกาย อุปคเตน จาตุมาสินิปวารณาย อนฺโต อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา อนฺตรา จาริกํ ปกฺกเมยฺย, อุปจารสีมาติกฺกเมเยว ตสฺส ภิกฺขุโน ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ ทสฺเสติ. อิมมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘น ภิกฺขเว…เป… วจนโต’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา สติ กรณีเย ปกฺกมนฺตสฺส สพฺพถาปิ อาปตฺติเยว สิยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปนา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺเสว อนาปตฺติ สิยา, น ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺสาติ อาห ‘‘โก ปน วาโท’’ติอาทิ.
๑๘๐. อิทานิ สตฺตาหกรณียลกฺขณํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน ปหิเต คนฺตุํ, น ตฺเวว อปฺปหิเต, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา อุปาสกสฺส อุปาสิกายา’’ติ (มหาว. ๑๘๗) เอกํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน ¶ อปฺปหิเตปิ คนฺตุํ, ปเคว ปหิเต, ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา ¶ สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา มาตุยา จ ปิตุสฺส จา’’ติ (มหาว. ๑๙๘) เอกํ, ‘‘สเจ ปน ภิกฺขุโน ภาตา วา อฺโ วา าตโก คิลาโน โหตี’’ติ เอกํ, ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนฺโต ภิกฺขุภตฺติโก’’ติ เอกํ, ‘‘สเจ ภิกฺขุสฺส…เป… อนภิรติ วา กุกฺกุจฺจํ วา ทิฏฺิคตํ วา อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ เอกํ, ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน โหติ ปริวาสารโห’’ติ เอกํ, ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ มานตฺตารหายา’’ติ เอกํ, ‘‘สามเณโร อุปสมฺปชฺชิตุกาโม…เป… สิกฺขมานา วา…เป… สามเณรี วา’’ติ เอกํ, ‘‘ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา วา สงฺโฆ กมฺมํ กตฺตุกาโม ตชฺชนียํ วา’’ติ เอกํ, ‘‘สเจปิ กตํเยว โหติ กมฺม’’นฺติ เอกํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆกรณีเยน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๙๙) เอกนฺติ เอกาทส านานิ โหนฺติ. ตตฺถ ปมตติยจตุตฺถวเสน ตีสุ าเนสุ ปหิเต เอว คนฺตพฺพํ, โน อปฺปหิเต. เสเสสุ อฏฺสุ อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพํ, ปเคว ปหิเต. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๙๙) ‘‘คนฺตพฺพนฺติ สงฺฆกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพ’’นฺติ. เอตฺถ จ อนุปาสเกหิปิ สาสนภาวํ าตุกาเมหิ ปหิเต เตสํ ปสาทวฑฺฒิสมฺปตฺเตหิปิ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. ภิกฺขุภตฺติโกติ ภิกฺขุนิสฺสิตโก. โส ปน ยสฺมา ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนฺโต’’ติ.
๑๘๑. อปิเจตฺถาติ อปิจ เอตฺถาติ เฉโท, เอตฺถ เอตสฺมึ สตฺตาหกรณียวินิจฺฉเย อปิจ อปโร อยํ อีทิโส ปาฬิมุตฺตกนโย วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกปาฬิโต มุตฺโต นโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๙๙) ปน ‘‘ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโย’’ติ ทิสฺสติ. ตถา ¶ หิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๙๙) ‘‘รตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโยติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนสงฺขาตสฺส รตฺติจฺเฉทสฺส วินิจฺฉโย’’ติ. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๙๙) ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา พหิทฺธา อรุณุฏฺาปนํ รตฺติจฺเฉโท’’ติ. อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนิมนฺติตตฺตา สตฺตาหกิจฺจํ อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ วสฺสจฺเฉโท เจว ทุกฺกฏฺจ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตฺหิ รตฺติจฺเฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคมิสฺสามีติ คจฺฉโต วสฺสจฺเฉทํ วทนฺติ. คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตเนว สตฺตาหกรณียนิมิตฺตํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมินา นิมิตฺเตน คนฺตฺวา ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร ¶ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ. ปุริมกฺขเณ อาโภคํ กตฺวา คมนกฺขเณ วิสริตฺวา คเตปิ โทโส นตฺถิ, ‘‘สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตตฺตา สพฺพถา อาโภคํ อกตฺวา คตสฺส วสฺสจฺเฉโทติ วทนฺติ. โย ปน สตฺตาหกรณียนิมิตฺตาภาเวปิ ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคมิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคจฺฉติ, ตสฺส อาปตฺติเยว, วสฺสจฺเฉโท นตฺถิ สตฺตาหสฺส สนฺนิวตฺตตฺตาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
ภณฺฑกนฺติ จีวรภณฺฑํ. ปหิณนฺตีติ จีวรโธวนาทิกมฺเมน ปหิณนฺติ. สมฺปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺเชว อาคมิสฺสามี’’ติ สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามคฺเค สเจ อรุณุคฺคมนํ โหติ, วสฺสจฺเฉโทปิ น โหติ, รตฺติจฺเฉททุกฺกฏฺจ นตฺถีติ วทนฺติ, ตทเหว อาคมเน สอุสฺสาหตฺตา วสฺสจฺเฉโท วา อาปตฺติ วา น โหตีติ อธิปฺปาโย. อาจริยํ ปสฺสิสฺสามีติ ปน คนฺตุํ ลภตีติ ‘‘อคิลานมฺปิ อาจริยํ, อุปชฺฌายํ วา ปสฺสิสฺสามี’’ติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุํ ลภติ, นิสฺสยาจริยํ ธมฺมาจริยฺจ, ปเคว ¶ อุปสมฺปทาจริยอุปชฺฌาเย. สเจ นํ อาจริโย ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏตีติ เอวํ สตฺตาหกรณีเยน อาคตานํ อนฺโตสตฺตาเหเยว ปุน อาคจฺฉนฺตํ สเจ อาจริโย, อุปชฺฌาโย วา ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. วสฺสจฺเฉโท ปน โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ สตฺตาหสฺส พหิทฺธา วีตินามิตตฺตา.
สเจ ทูรํ คโต สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพติ อิมินา วสฺสจฺเฉทการเณ สติ สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. เอตฺถ ฉ ทิวสานิ พหิทฺธา วีตินาเมตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุรารุณา เอว อนฺโตอุปจารสีมายํ ปวิสิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สตฺตาหํ อธิฏฺาย คนฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘สตฺตเม ทิวเส อาคนฺตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว ทิวสภาเคปิ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ อรุณุฏฺาปนเมว หิ สนฺธาย ปาฬิยํ (มหาว. ๑๙๙) ‘‘สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คจฺฉนฺโต จ อนฺโต อปฺปวิสิตฺวา พหิทฺธาว สตฺตาหํ วีตินาเมนฺโต จ สมุจฺฉินฺนวสฺโส เอว ภวิสฺสติ อรุณสฺส พหิ เอว อุฏฺาปิตตฺตา. อิตรถา ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา. ‘‘สตฺตาหวาเรน อนฺโตวิหาเร ¶ ปวิสิตฺวา อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพโต อฺเสุ จ าเนสุ อรุณุฏฺาปนเมว วุจฺจติ. วกฺขติ หิ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. อฏฺ. ๓๖๔) ‘‘เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺโต อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตี’’ติ.
อถาปิ ¶ ยํ เต วเทยฺยุํ ‘‘สตฺตเม ทิวเส ยทา กทาจิ ปวิฏฺเน ตํทิวสนิสฺสิโต อตีตารุโณ อุฏฺาปิโต นาม โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ สทฺทคติยาปิ น สเมติ. น หิ อุฏฺิเต อรุเณ ปจฺฉา ปวิฏฺโ ตสฺส ปโยชโก อุฏฺาปโก ภวิตุมรหติ. ยทิ ภเวยฺย, ‘‘วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปน อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺสา’’ปีติ (มหาว. อฏฺ. ๒๐๗) เอตฺถ ‘‘อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย. เตนปิ ตํทิวสนิสฺสิตสฺส อรุณสฺส อุฏฺาปิตตฺตา อารฺกสฺสปิ ภิกฺขุโน สายนฺหสมเย องฺคยุตฺตํ อรฺํ คนฺตฺวา ตทา เอว นิวตฺตนฺตสฺส อรุโณ อุฏฺาปิโต ธุตงฺคฺจ วิโสธิตํ สิยา, น เจตํ ยุตฺตํ อรุณุคฺคมนกาเล เอว อรุณุฏฺาปนสฺส วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘กาลสฺเสว ปน นิกฺขมิตฺวา องฺคยุตฺเต าเน อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. สเจ อรุณุฏฺานเวลายํ เตสํ อาพาโธ วฑฺฒติ, เตสํ เอว กิจฺจํ กาตพฺพํ, น ธุตงฺควิสุทฺธิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑). ตถา ปาริวาสิกาทีนมฺปิ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปนฺตานํ รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต. ‘‘อุคฺคเต อรุเณ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) หิ วุตฺตํ. สหเสยฺยสิกฺขาปเทปิ อนุปสมฺปนฺเนหิ สห นิวุตฺถภาวปริโมจนตฺถํ ‘‘ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา’’ติอาทิ (ปาจิ. ๕๔) วุตฺตํ. เอวํ จีวรวิปฺปวาสาทีสุ จ สพฺพตฺถ รตฺติปริโยสาเน อาคามิอรุณวเสเนว อรุณุฏฺานํ ทสฺสิตํ, น อตีตารุณวเสน, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อรุณุฏฺาปนํ เวทิตพฺพํ อฺถา วสฺสจฺเฉทตฺตา.
ยํ ปน วสฺสํ อุปคตสฺส ตทเหว อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา สกรณียสฺส ปกฺกมนวจนํ, ตํ วสฺสํ อุปคตกาลโต ปฏฺาย ยทา กทาจิ นิมิตฺเต สติ คมนสฺส อนฺุาตตฺตา ยุตฺตํ, น ปน สตฺตาหวาเรน คตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหวคมนํ ¶ ‘‘อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา. ยถา วา ‘‘สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺยา’’ติอาทินา (มหาว. ๒๐๗) ปจฺฉิมสตฺตาเห อนาคมเน อนฺุาเตปิ อฺสตฺตาเหสุ ตํ น วฏฺฏติ. เอวํ ปมสตฺตาเห อรุณํ ¶ อนุฏฺาเปตฺวา คมเน อนฺุาเตปิ ตโต ปเรสุ สตฺตาเหสุ อาคตสฺส อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา คมนํ น วฏฺฏติ เอวาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
สเจ ปวาริตกาเล วสฺสาวาสิกํ เทนฺตีติอาทินา วสฺสาวาสิกจีวรมฺปิ กถินจีวรํ วิย วสฺสํวุตฺถวิหารปฏิพทฺธนฺติ วิฺายติ. ‘‘ยทิ สตฺตาหวาเรน อรุณํ อุฏฺาปยึสุ, คเหตพฺพ’’นฺติ ปน วุตฺตตฺตา สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเร อาคตา ลภนฺติ. กถินานิสํสจีวรํ ปน สงฺฆํ อนาปุจฺฉา เต น ลภนฺติ. วกฺขติ หิ ‘‘สตฺตาหกรณีเยน คตาปิ ภาชนียภณฺฑํ ลภนฺตูติ วา เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๘๒). อิธ อาหฏนฺติ วิหารโต พหิ อาคตฏฺาเน อานีตํ.
วาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ, คณฺหนฺติปิ ปริปาเตนฺติปีติ เอตฺถ คณฺหนฺตีติ คเหตฺวา ขาทนฺติ. ปริปาเตนฺตีติ ปลาเปนฺติ, อนุพนฺธนฺตีติ อตฺโถ. อิเมสุ ‘‘คาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺตี’’ติอาทีสุ สงฺฆเภทปริยนฺเตสุ วตฺถูสุ เกวลํ อนาปตฺติ โหติ, ปวาเรตุํ ปน น ลภตีติ ทฏฺพฺพํ. สเจ ปนาติอาทีสุ ยสฺมา นานาสีมายํ ทฺวีสุ อาวาเสสุ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ‘‘ทุติเย วสิสฺสามี’’ติ อุปจารโต นิกฺขนฺตมตฺเต ปโม เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตสฺมา ปาฬิยํ (มหาว. ๒๐๗) ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปฺายตี’’ติ ปมํ เสนาสนคฺคาหํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติยเสนาสนคฺคาเห ปน ปุริมิกา ปฺายเตว, ตตฺเถว เตมาสํ วสนฺโต ¶ ปุริมวสฺสํวุตฺโถ เอว โหติ. ตโต วา ปน ทุติยทิวสาทีสุ ‘‘ปมเสนาสเน วสิสฺสามี’’ติ อุปจาราติกฺกเม ปุริมิกาปิ น ปฺายตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาทนปจฺจยา โหนฺตมฺปิ ทุกฺกฏํ สติเยว ปฏิสฺสเว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺส ตสฺส ปฏิสฺสวสฺส วิสํวาเท ทุกฺกฏ’’นฺติ. เตเนวาห ‘‘ตฺจ โข…เป… วิสํวาทนปจฺจยา’’ติ. ปาฬิยํ (มหาว. ๒๐๗) ‘‘โส สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปวารณาทิวเสปิ สตฺตาหกรณียํ วินา คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ าเน ‘‘นวมิโต ปฏฺาย คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถาวจนํ กจฺจิ อุโปสถทิวสโต อุปนิธาย นวมี อิจฺฉิตพฺพา, อุทาหุ โลกิยติถิวเสนาติ อาสงฺกนฺติ. ตตฺเรวํ วินิจฺฉิตพฺพํ – ปุริมภทฺทปทมาสกาฬปกฺขอุโปสถทิวสํ อุปนิธาย อิจฺฉิตพฺพา, น โลกิยติถิวเสน. ภทฺทปทมาสสฺส หิ กาฬปกฺขอุโปสถทิวสํ มริยาทํ กตฺวา ตทนนฺตรปาฏิปททิวสโต ¶ ปฏฺาย คณิยมาเน สติ โย ทิวโส นวโม โหติ, ตโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. ติถิเปกฺขาย ปน อิตฺถิลิงฺคโวหาโร, ตโต นวมิโต ปฏฺาย อนาคตสตฺตาเห ปวารณา โหติ.
สตฺตาหํ อนาคตาย อสฺสาติ สตฺตาหานาคตา. กา สา? ปวารณา. อสฺสยุชมาสสฺส สุกฺกปกฺขนวมิยํ สตฺตาหกรณียํ อธิฏฺาย คจฺฉนฺโต ภิกฺขุ อนฺโตวสฺสสฺส สตฺตาหมตฺตาวสิฏฺตฺตา สตฺตมอรุเณ อุคฺคตมตฺเต วุตฺถวสฺโส โหติ, ทสมิยํ ฉาหมตฺตํ, เอกาทสมิยํ ปฺจาหมตฺตํ, ทฺวาทสิยํ จตุราหมตฺตํ, เตรสิยํ ตีหมตฺตํ, จุทฺทสิยํ ทฺวีหมตฺตํ, ปนฺนรสิยํ เอกาหมตฺตํ อวสิฏฺํ โหติ, ตสฺมา ปวารณาทิวสสฺส ปริโยสานภูตอรุณสฺมึ อุคฺคเต วุตฺถวสฺโส โหติ, ตสฺมา เตสํ ภิกฺขูนํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ ¶ ภควา ธมฺมสฺสามี ‘‘โส สตฺตาหานาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมติ, อาคจฺเฉยฺย วา โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ อาวาสํ น วา อาคจฺเฉยฺย, ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๐๗) อาห. สตฺตาหานาคตาย โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ โกมุทิยา จาตุมาสินิยาติ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมายํ. สา หิ กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที, จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ ปริโยสานตฺตา จาตุมาสินีติ วุจฺจติ. ตทา หิ กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ, ตสฺมา กุมุทา เอตฺถ ปุปฺผนฺตีติ โกมุทีติ วุจฺจติ, กุมุทวตีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๘๒. อนฺโตวสฺสวตฺตกถายํ นิพทฺธวตฺตํ เปตฺวาติ สชฺฌายมนสิการาทีสุ นิรนฺตรกรณีเยสุ กตฺตพฺพํ กติกวตฺตํ กตฺวา. กสาวปริภณฺฑนฺติ กสาเวหิ ภูมิปริกมฺมํ. วตฺตนฺติ กติกวตฺตํ.
เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพนฺติ นานาเวรชฺชกา หิ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, ตตฺถ เกจิ ทุพฺพลา อปฺปถามา เอวรูปํ วตฺตํ อนุปาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา อิธ อาคตฺจ จตุตฺถปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๒๗) อาคตํ อาวาสํ วา มณฺฑปํ วา สีมํ วา ยํ กิฺจิ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘โย อิมมฺหา อาวาสา ปมํ ปกฺกมิสฺสติ, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติ กตาย กติกาย โย ‘‘มํ ‘อรหา’ติ ชานนฺตู’’ติ ตมฺหา านา ปมํ ปกฺกมติ, ปาราชิโก โหติ. โย ปน อาจริยุปชฺฌายานํ วา กิจฺเจน มาตาปิตูนํ วา ¶ เกนจิเทว กรณีเยน ภิกฺขาจารวตฺตํ วา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อตฺถาย อฺเน วา ตาทิเสน กรณีเยน ตํ านํ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, อนาปตฺติ. สเจปิสฺส เอวํ คตสฺส ปจฺฉา อิจฺฉาจาโร อุปฺปชฺชติ ¶ ‘‘น ทานาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, เอวํ มํ อรหาติ สมฺภาเวสฺสนฺตี’’ติ, อนาปตฺติเยว.
โยปิ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ ปตฺวา สชฺฌายมนสิการาทิวเสน อฺวิหิโต วา หุตฺวา โจราทีหิ วา อนุพทฺโธ เมฆํ วา อุฏฺิตํ ทิสฺวา อโนวสฺสกํ ปวิสิตุกาโม ตํ านํ อติกฺกมติ, อนาปตฺติ, ยาเนน วา อิทฺธิยา วา คจฺฉนฺโตปิ ปาราชิกํ นาปชฺชติ, ปทคมเนเนว อาปชฺชติ. ตมฺปิ เยหิ สห กติกา กตา, เตหิ สทฺธึ อปุพฺพํ อจริมํ คจฺฉนฺโต นาปชฺชติ. เอวํ คจฺฉนฺตา หิ สพฺเพปิ อฺมฺํ รกฺขนฺติ. สเจปิ มณฺฑปรุกฺขมูลาทีสุ กิฺจิ านํ ปริจฺฉินฺทนฺติ ‘‘โย เอตฺถ นิสีทติ วา จงฺกมติ วา, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสาม’’, ปุปฺผานิ วา เปตฺวา, ‘‘โย อิมานิ คเหตฺวา ปูชํ กริสฺสติ, ตํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติอาทินา นเยน กติกา กตา โหติ, ตตฺราปิ อิจฺฉาจารวเสน ตถา กโรนฺตสฺส ปาราชิกเมว. สเจปิ อุปาสเกน อนฺตรามคฺเค วิหาโร วา กโต โหติ, จีวราทีนิ วา ปิตานิ โหนฺติ ‘‘เย อรหนฺโต, เต อิมสฺมึ วิหาเร วสนฺตุ, จีวราทีนิ วา คณฺหนฺตู’’ติ, ตตฺราปิ อิจฺฉาจารวเสน วสนฺตสฺส วา ตานิ วา คณฺหนฺตสฺส ปาราชิกเมว, เอตํ ปน อธมฺมิกกติกวตฺตํ, ตสฺมา น กาตพฺพํ, อฺํ วา เอวรูปํ ‘‘อิมสฺมึ เตมาสพฺภนฺตเร สพฺเพว อารฺกา โหนฺตุ ปิณฺฑปาติกธุตงฺคาทิอวเสสธุตงฺคธรา วา, อถ วา สพฺเพว ขีณาสวา โหนฺตู’’ติ เอวมาทิ. นานาเวรชฺชกา หิ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ. ตตฺถ เกจิ ทุพฺพลา อปฺปถามา เอวรูปํ วตฺตํ อนุปาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เอวรูปมฺปิ วตฺตํ น กาตพฺพํ. ‘‘อิมํ เตมาสํ สพฺเพเหว น อุทฺทิสิตพฺพํ, น ปริปุจฺฉิตพฺพํ, น ปพฺพาเชตพฺพํ, มูคพฺพตํ คณฺหิตพฺพํ, พหิสีมฏฺสฺสปิ สงฺฆลาโภ ทาตพฺโพ’’ติ เอวมาทิกมฺปิ น กตฺตพฺพเมว.
ติวิธมฺปีติ ¶ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ. โสเธตฺวา ปพฺพาเชถาติ ภพฺเพ อาจารกุลปุตฺเต อุปปริกฺขิตฺวา ปพฺพาเชถ. ภสฺเส มตฺตํ ชานิตฺวาติ วจเน ปมาณํ ตฺวา. ทสกถาวตฺถุ นาม อปฺปิจฺฉากถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถาติ.
วิคฺคหสํวตฺตนิกํ ¶ วจนํ วิคฺคาหิกํ. จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตาติ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา อสุภํ มรณานุสฺสตีติ อิมํ จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตา. ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ เอตฺถ อิทํ ทนฺตกฏฺขาทนวตฺตํ – โย เทวสิกํ สงฺฆมชฺเฌ โอสรติ, เตน สามเณราทีหิ อาหริตฺวา ภิกฺขูนํ ยถาสุขํ ภฺุชนตฺถาย ทนฺตกฏฺมาฬเก นิกฺขิตฺเตสุ ทนฺตกฏฺเสุ ทิวเส ทิวเส เอกเมว ทนฺตกฏฺํ คเหตพฺพํ. โย ปน เทวสิกํ น โอสรติ, ปธานฆเร วสิตฺวา ธมฺมสฺสวเน วา อุโปสถคฺเค วา ทิสฺสติ, เตน ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา จตฺตาริ ปฺจ ทนฺตกฏฺานิ อตฺตโน วสนฏฺาเน เปตฺวา ขาทิตพฺพานิ. เตสุ ขีเณสุ สเจ ปุนปิ ทนฺตกฏฺมาฬเก พหูนิ โหนฺติเยว, ปุนปิ อาหริตฺวา ขาทิตพฺพานิ. ยทิ ปน ปมาณํ อสลฺลกฺเขตฺวา อาหรติ, เตสุ อขีเณสุเยว มาฬเก ขียติ, ตโต เกจิ เถรา ‘‘เยหิ คหิตานิ, เต ปฏิหรนฺตู’’ติ วเทยฺยุํ, เกจิ ‘‘ขาทนฺตุ, ปุน สามเณรา อาหริสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา วิวาทปริหารตฺถํ ปมาณํ สลฺลกฺเขตพฺพํ, คหเณ ปน โทโส นตฺถิ. มคฺคํ คจฺฉนฺเตนปิ เอกํ วา ทฺเว วา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ภิกฺขาจารวตฺตํ ปิณฺฑปาติกวตฺเต อาวิภวิสฺสติ.
อนฺโตคาเม…เป… น กเถตพฺพาติ เอตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ จีวเร จ ปิณฺฑปาเต จ วิฺตฺติปิ น วฏฺฏติ นิมิตฺโตภาสปริกถาปิ. เสนาสเน วิฺตฺติเมว น วฏฺฏติ, เสสานิ ตีณิ ¶ วฏฺฏนฺติ. คิลานปจฺจเย สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ อาชีวํ โสเธนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สุฏฺุ รกฺขิตพฺพาติ. อิมินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ทสฺสิตํ. รกฺขิตินฺทฺริเยหิ ภวิตพฺพนฺติ อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ขนฺธกวตฺตฺจ เสขิยวตฺตฺจ ปูเรตพฺพนฺติ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปน ตีหิปิ สามตฺถิยโต ทสฺสิตํ. อิติ จตุปาริสุทฺธิสีลปฏิสํยุตฺตา เอวรูปา นิยฺยานิกกถา พหุกาปิ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
อิมสฺมึ วสฺสูปนายิกวิสเย เตสุ เตสุ นคเรสุ ตสฺมึ ตสฺมึ ราชกาเล อปริยนฺตา วิวาทกถา โหติ. กถํ? วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๘๖) ‘‘เตน โข ปน สมเยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร วสฺสํ อุกฺกฑฺฒิตุกาโม ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ ‘ยทิ ปนายฺยา อาคเม ชุณฺเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’’นฺติ วจนํ นิสฺสาย ภควตา อธิมาสํ ปฺตฺตนฺติ มฺมานา เวทสมเยน สํสนฺทิตฺวา คยฺหมานา อเนกวิหิตํ วิวาทํ กโรนฺติ. เวทสมเย กิร ทฺเว อธิมาสานิ ยาจาธิมาสฺจ ปตฺตาธิมาสฺจ. ตตฺถ กลิยุคคณเน เอกูนวีสติคณเนน ¶ ภาชิเต ทฺเวปฺจฏฺทสเตรสโสฬสฏฺารสวเสน สตฺตธา เสโส โหติ, เตสํ วเสน จมฺมาธิมาส ปฺจาธิมาส ปสฺวาธิมาส ทสาธิมาส เตรสาธิมาส โสฬสาธิมาส อฏฺารสาธิมาสาติ โวหรนฺติ. อฏฺารสาธิมาสํ ปน อวสานาธิมาสนฺติปิ โวหรนฺติ. เตสุ ปสุโสฬสานิ อปตฺเตเยว อธิมาสปตนกลิยุเค สํวจฺฉรมาสาทิวิสมภเยน ยาจิตฺวา มาสสฺส อากฑฺฒิตพฺพโต ยาจาธิมาสนฺติ โวหรนฺติ, เสสานิ ปน ปฺจมตฺเตเยว อธิมาสปตนกลิยุเค มาสสฺส อากฑฺฒิตพฺพโต ปตฺตาธิมาสนฺติ. ตตฺเรตํ ยาจาธิมาสลกฺขณํ – ตถโต ¶ อชานนฺตา ปาฬิยา สํสนฺทิตฺวา พิมฺพิสารรฺา ภควโต ยาจิตาธิมาสตฺตา ยาจาธิมาสํ นาม ภวติ, ตสฺมา ทฺวีสุ เอว ยาจาธิมาเสสุ ทิวเสน สห มาโส อากฑฺฒิตพฺโพ, น อิตเรสูติ วทนฺติ, อฺเ ปน ปฺจสุ ปตฺตาธิมาเสสุ เอว สห ทิวเสน มาโส อากฑฺฒิตพฺโพ, น ยาจาธิมาเสสูติ.
อปเร ปน – ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา ปุริมิกา ปจฺฉิมิกาติ, อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’’ติ ตสฺมึเยว วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๘๔) อาคตาย ปาฬิยา อตฺถํ อโยนิโส คเหตฺวา ติถินกฺขตฺตโยเค เอว วสฺสูปคมนํ ภควตา อนฺุาตํ, ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตรภูโต ปาฏิปททิวโส ปุณฺณาติถิยา จ ยุตฺโต โหตุ, ปุพฺพาสาฬฺหอุตฺตราสาฬฺหสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ นกฺขตฺเตสุ เอเกเกน ยุตฺโต จ, เอวํภูโต กาโล ยทิ วินา ทิวเสน มาสกฑฺฒเน สมฺปชฺชติ, ตถา จ สติ มาสมตฺตากฑฺฒนเมว กาตพฺพํ, ยทิ น สมฺปชฺชติ, สห ทิวเสน มาสากฑฺฒนํ, อยํ ปิฏเกน จ เวเทน จ อนุโลโม วินิจฺฉโยติ วทนฺติ.
ตตฺราปฺเยเก วทนฺติ – ‘‘มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา’’ติอาทินา วินยตฺถมฺชูสาทีสุ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) อาคมนโต ปุณฺณาติถิโยโคปิ ปุณฺณมิยา เอว อิจฺฉิตพฺโพ, น ปาฏิปเท, ตถา นกฺขตฺตโยโคปิ อาสาฬฺหิสุกฺกปกฺขสฺส ปนฺนรเส อุโปสเถ ‘‘อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต, เอวํ ธาตุ ปติฏฺิตา’’ติ มหาวํเส วจนโตติ. ตตฺถ ปุริมา วทนฺติ – เอวํ สนฺเต อุโปสถทิวเสเยว จนฺทคฺคาโห จ สูริยคฺคาโห ¶ จ ภเวยฺย, อิทานิ ปน กาฬปกฺขปาฏิปทาทีสุเยว จนฺทคฺคาโห, สุกฺกปกฺขปาฏิปทาทีสุเยว สูริยคฺคาโห ปฺายติ, ตสฺมา ¶ ปาฏิปเทเยว ติถินกฺขตฺตโยโค อิจฺฉิตพฺโพติ. ปจฺฉิมาปิ วทนฺติ – ตุมฺหาทิสานํ วาทีนํ วจเนน ปุพฺเพ อากฑฺฒิตพฺพทิวสานํ อนากฑฺฒิตตฺตา ทิวสปฺุชภาเวน เอวํ โหติ, สจฺจโต ปน อุโปสถทิวเสเยว จนฺทคฺคาโห สูริยคฺคาโห จ อิจฺฉิตพฺโพติ. โหตุ, ยถา อิจฺฉถ, ตถา วทถ, เอวํ ภูตปุพฺโพ สาฏฺกเถ เตปิฏเก พุทฺธวจเน อตฺถีติ? อตฺถิ. คนฺธารชาตเก (ชา. อฏฺ. ๓.๗.๗๕ คนฺธารชาตกวณฺณนา) หิ อุโปสถทิวเส จนฺทคฺคาโห ทฺวิกฺขตฺตุํ อาคโต. ตฺหิ ชาตกํ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตปริยาปนฺนํ, ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, นวสุ สาสนงฺเคสุ ชาตกปริยาปนฺนนฺติ. เอวํ วุตฺเต ปุริมกา ปฏิวจนํ ทาตุํ น สกฺกุเณยฺยุนฺติ.
อเถกจฺเจ ‘‘ปิฏกตฺตเย อธิกมาสาเยว สนฺติ, น อธิกทิวสา สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๔) ‘ยํ ปน วุตฺตํ ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อฏฺารสนฺนํเยว วสฺสานํ อธิกมาเส คเหตฺวา คณิตตฺตา เสสวสฺสทฺวยสฺสปิ อธิกานิ ทิวสานิ โหนฺเตว, ตานิ อธิกทิวสานิ สนฺธาย นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ วุตฺตนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ทฺวีสุ วสฺเสสุ อธิกทิวสา นาม วิสุํ อุปลพฺภนฺติ ตติเย วสฺเส วสฺสุกฺกฑฺฒนวเสน อธิกมาเส ปริจฺจตฺเตเยว อธิกมาสสมฺภวโต, ตสฺมา ทฺวีสุ วสฺเสสุ อติเรกทิวสา นาม วิสุํ น สมฺภวนฺตี’ติ วจนโต’’ติ วทนฺติ. อถฺเ วทนฺติ – ปิฏกตฺตเย อธิกทิวสาติ อาคตา อตฺถิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๐๔) ‘‘อวเสสานํ ทฺวินฺนํ วสฺสานํ อธิกทิวสานิ โหนฺเตว, ตสฺมา นิกฺกงฺขา หุตฺวา อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ วจนโตติ. อิโต ปรมฺปิ วิวิเธน อากาเรน กเถนฺติ. สุทฺธเวทิกาปิ ¶ เอวํ วทนฺติ, วินยธรา ภิกฺขู วินยสมยวเสน วทนฺติ. อมฺหากํ ปน เวทสมเย หตฺถคตคณนวเสเนว ชานิตพฺพนฺติ อลมติปปฺเจน. อตฺถิเกหิ ติวสฺสาธิกสหสฺสกลิยุเค ธมฺมราเชน ปุจฺฉิตตฺตา กตํ อธิมาสปกรณํ โอโลเกตฺวา ชานิตพฺพํ.
อิธ ปน อธิปฺเปตวินิจฺฉยเมว กถยาม. ปมทุติยวาเทสุ น พิมฺพิสารราชา ภควนฺตํ อธิมาสปฺาปนํ ยาจติ, น จ ภควา ปฺเปติ, น ‘‘ตสฺมึ วสฺเส อิทํ นาม อธิมาสํ โหตี’’ติ วา ‘‘มาสมตฺตํ วา สหทิวสํ วา อากฑฺฒิตพฺพ’’นฺติ วา ปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาสุ จ อตฺถิ, ราชา ปน อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย เวทสมเย วสฺสุกฺกฑฺฒนสมฺภวโต ภิกฺขูนํ ปมอาสาฬฺหมาเส วสฺสํ อนุปคนฺตฺวา ทุติยอาสาฬฺหมาเส อุปคมนตฺถํ ¶ ‘‘ยทิ ปนายฺยา อาคเม ชุณฺเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ ทูตํ ปาเหสิ. ยทิ ปน อุปคจฺเฉยฺยุํ, สาธุ วตาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ภิกฺขู ปน รฺโ ปหิตสาสนํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ปน วสฺสุกฺกฑฺฒเน ภิกฺขูนํ คุณปริหานิยา อภาวโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๘๖) อโวจ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๕) ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ เอตฺถ วสฺสุกฺกฑฺฒนภิกฺขูนํ กาจิ ปริหานิ นาม นตฺถีติอนุวตฺติตุํ อนฺุาต’’นฺติ. วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๘๕) วุตฺตํ ‘‘ปริหานีติ คุณปริหานี’’ติ, ตสฺมา ยาจาธิมาโส วา โหตุ ปตฺตาธิมาโส วา, ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล อนุวตฺตเนน ภิกฺขูนํ สีลาทิคุณมฺปิ ปริหานิ นตฺถิ, ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล อนุวตฺติตพฺพํ.
กถํ ปน อนุวตฺติตพฺพํ, กถํ น อนุวตฺติตพฺพํ? ยทิ อนุวตฺตนฺเต ปุพฺเพ อุปวุตฺถทิวสโต อิทานิ อุปวสิตพฺพอุโปสถทิวโส จาตุทฺทโส วา ปนฺนรโส วา โหติ, ตถา ¶ สติ อนุวตฺติตพฺพํ. ยทิ ปน เตรสโม วา โสฬสโม วา โหติ, น อนุวตฺติตพฺพํ. อนุวตฺตนฺโต หิ อนุโปสเถ อุโปสถกโต โหติ, ตโต ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๓) วุตฺตทุกฺกฏํ อาปชฺชติ, ตสฺมา สีลคุณปริหานิสมฺภวโต น อนุวตฺติตพฺพํ. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๒๔๐) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ วจนโต ปเนตฺถ โลกิยานํ ติถึ อนุวตฺตนฺเตหิปิ อตฺตโน อุโปสถกฺกเมน จาตุทฺทสึ ปนฺนรสึ วา, ปนฺนรสึ จาตุทฺทสึ วา กโรนฺเตเหว อนุวตฺติตพฺพํ, น ปน โสฬสมทิวสํ วา เตรสมทิวสํ วา อุโปสถทิวสํ กโรนฺเตหี’’ติ.
ตติยจตุตฺถวาเทปิ ‘‘กติ วสฺสูปนายิกา’’ติ สํสยนฺตานํ สํสยวิโนทนตฺถํ ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา ปุริมิกา ปจฺฉิมิกา’’ติ (มหาว. ๑๘๔) ภควา อโวจ. ตโต ตาสํ ทฺวินฺนํ วสฺสูปนายิกานํ อุปคมนกาลํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปุริมิกา อุปคนฺตพฺพา, สาวณปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพาติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๔) ‘‘ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส, อาสาฬฺหิปุณฺณมิโต ¶ วา อปราย ปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเสเยว วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตฺวา สพฺพํ เจติยวนฺทนาทิสามีจิกมฺมํ นิฏฺาเปตฺวา ‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’ติ สกึ วา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วา วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ ¶ , สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๘๔) ‘‘อปรชฺชูติ อาสาฬฺหิโต อปรํ ทินํ, ปาฏิปทนฺติ อตฺโถ’’ติ, วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๘๔) ‘‘อปรสฺมึ ทิวเสติ ทุติเย ปาฏิปททิวเส’’ติ เอวํ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ ปาฏิปททิวเสเยว วสฺสูปคมนํ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อมุกติถิโยเค’’ติ วา ‘‘อมุกนกฺขตฺตโยเค’’ติ วา, ตสฺมา ปาฏิปททิวเส ปาโต อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย สกลทิวสํ สกลรตฺติ ยาว ทุติยอรุณุคฺคมนา ยถารุจิเต กาเล วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตโต เอว วสฺสูปนายิกกาเล ปุณฺณาติถิยา โยโค, อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน โยโค โหตูติ วทนฺตานํ วจนํ วินยวิรุทฺธํ โหติ, ตํ วจนํ คเหตฺวา ปุณฺณาติถิโยคํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยคฺจ อาคเมตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตฺวาปิ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ปฺเปติ นามาติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ปาฬิอฏฺกถาฏีกาสุ จ ปุณฺณาติถิโยเค เอว วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, น เอกาย ติถิยา ยุตฺเตติ วา อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเคเยว, น สาวณนกฺขตฺตโยเคติ วา อนาคตเมว ฉายํ คเหตฺวา ตถาคเตน ปฺตฺตํ วิย โปตฺถเกสุ ลิขิตฺวา เกหิจิ ปิตตฺตา สกลํ วินยปิฏกํ อปสฺสนฺตา เวทสามยิกา ตํ วจนํ สทฺทหิตฺวา วสฺสูปคมนกาเล ปุณฺณาติถิอุตฺตราสาฬฺหโยคเมว คเวสนฺตา มาสทิวเสน สห อากฑฺฒิตพฺพกาเลปิ มาสมตฺตเมว อากฑฺฒนฺติ, มาสมตฺตเมว อากฑฺฒิตพฺพกาเลปิ สห ทิวเสน อากฑฺฒนฺติ, ตสฺมา เอวํวาทิโน ภิกฺขู ‘‘อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชนฺติ, ตสฺมา ภควติ คารวสหิตา ลชฺชิโน ปณฺฑิตา เอวํ น คณฺหนฺตีติ. ติถินกฺขตฺตโยโค ปน อุโปสถทิวเสเยว พหุธา ปิฏกตฺตเย อาคโต, โปราณเวทคนฺเถสุ ¶ จ ปสํสิโต, กทาจิ ปน โวหารกาโล ติถิยา นกฺขตฺเตน จ วิสโม โหติ, ตสฺมา ตํ สเมตุํ อธิมาสปตนกาเล มาสมฺปิ ทิวสมฺปิ อากฑฺฒนฺติ, ตสฺมา อฺสฺมึ กาเล วิสเมปิ อากฑฺฒนกาเล สมาเปตพฺพํ. เอวํ สติ มาสอุตุสํวจฺฉรานํ สมภาโว โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปฺจมฉฏฺวาเทสุ อธิมาโสติ อฏฺารสวสฺสโต อธิกมาสํ คเหตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘อธิโก ¶ มาโส อธิมาโส’’ติ กมฺมธารยสมาสตฺตา ปุลฺลิงฺคํ กตฺวา วุตฺโต. ปุพฺเพ ปน มาสปฺุชโต อธิกฆฏิโย คเหตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘มาสโต อธิกํ อธิมาส’’นฺติ อพฺยยีภาวสมาสตฺตา นปุํสกลิงฺคํ กตฺวา วุตฺตํ. อิธ ปน ‘‘โปราณกตฺเถรา เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺติ, ตํ กสฺมาติ? วุจฺจเต – เอกสฺมึ วสฺเส ฉ จาตุทฺทสิกอุโปสถทิวสา โหนฺติ, อิติ วีสติยา วสฺเสสุ จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺติ, ราชาโน ตติเย ตติเย วสฺเส วสฺสํ อุปกฑฺฒนฺติ, อิติ อฏฺารสสุ วสฺเสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺติ, ตโต อุโปสถวเสน ปริหีเน จตฺตาโร มาเส อปเนตฺวา ทฺเว มาสา อวเสสา โหนฺติ, เต ทฺเว มาเส คเหตฺวา วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ นิกฺกงฺขา หุตฺวา นิกฺขมนียปุณฺณมาสึ อติกฺกมฺม ปาฏิปเท อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจเน (ปาจิ. อฏฺ. ๔๐๔) ‘‘นิกฺกงฺขา หุตฺวาติ อธิกมาเสหิ สทฺธึ ปริปุณฺณวีสติวสฺสตฺตา นิพฺเพมติกา หุตฺวา’’ติ อตฺโถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๐๔) วุตฺโต.
ตตฺร นนุ จ ‘‘ตีสุปิ คณฺิปเทสุ อฏฺารสนฺนํ…เป… วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘ยํ ปน วุตฺตํ…เป… ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ กิฺจาปิ วุตฺตํ, ตถาปิ ตํ คณฺิปเทสุ วุตฺตวจนํ น ¶ คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ, กสฺมา น คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. หิ ยสฺมา น อุปลพฺภนฺติ, ตสฺมา น คเหตพฺพนฺติ โยชนา. กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ตติเย’’ติอาทิ. ปริจฺจตฺเตเยว สมฺภวโต, อปริจฺจตฺเต อสมฺภวโต น อุปลพฺภนฺตีติ พฺยติเรกวเสน เหตุผลโยชนา. ตสฺมาติอาทิ ลทฺธคุณํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ ปน คณฺิปเทสุ วุตฺตเมว คเหตฺวา วทติ. เอตานิ วจนานิ สามเณรานํ วีสติวสฺสปริปุณฺณภาวสาธกานิเยว โหนฺติ, น อธิมาสปตนวาเรสุ สทิวสมาสากฑฺฒนภาวสาธกานิ, ตสฺมา อิมานิ อาหริตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตุํ น สกฺโกนฺติ. ภิกฺขู ปน พหูนํ สนฺนิปาเต กิฺจิ ปาํ อาหริตฺวา กเถตุํ สมตฺโถ โสภตีติ กตฺวา อีทิสํ ปาํ อาหรนฺติ. สุตสนฺนิจยปณฺฑิตา ปน อิจฺฉิตตฺถสฺส อสาธกตฺตา เอวรูปํ น อาหรนฺติ. สุทฺธเวทิกานมฺปิ วจเน วินยธรา วินยเมว ชานนฺติ, น พาหิรสมยํ. อยํ ปน กถา พาหิรสมเย ปวตฺตา, ตสฺมา วินยธรานํ อวิสโยติ มฺนฺตา วทนฺติ.
วินยธรา ปน เอกจฺเจ วินยเมว ชานนฺติ, เอกจฺเจ สกลํ ปิฏกตฺตยํ ชานนฺติ, เอกจฺเจ ¶ สพาหิรสมยํ ปิฏกตฺตยํ ชานนฺติ, ตสฺมา กเถตุํ สมตฺถภาโวเยว ปมาณํ. เวทิกานมฺปิ วจนํ เวทปฺปกรณาคตเมว ปมาณํ. น ยํ กิฺจิ หตฺถคตคณนมตฺตํ, ตสฺมา ยทา ปถวิสฺสโร ราชา สทิวสํ มาสํ อากฑฺฒิตุกาโม ‘‘เชฏฺมาสกาฬปกฺขอุโปสถํ ปนฺนรสิยํ กโรนฺตู’’ติ ยาจิสฺสติ, ตทา ‘‘สกึ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา’’ติ วจนโต ปนฺนรสิยํ อุโปสถกรเณ โทโส นตฺถิ, ยทา สุทฺธมาสเมว อากฑฺฒิตุกาโม ‘‘จาตุทฺทสิยํ กโรนฺตู’’ติ ยาจิสฺสติ, เอวํ สติ ปกติยาปิ เชฏฺมาสกาฬปกฺขุโปสโถ จาตุทฺทโสเยวาติ กตฺวา โทโส นตฺถิ, อุภยถาปิ อุโปสโถ ¶ สุกโตเยว โหติ, ตสฺมา อนุวตฺติตพฺโพ. ตโต ปรํ ปมาสาฬฺหมาสสฺส ชุณฺหปกฺเขปิ กาฬปกฺเขปิ ทุติยาสาฬฺหมาสสฺส ชุณฺหปกฺเขปิ ปนฺนรสีอุโปสถํ กตฺวา ปาฏิปททิวเส ติถิโยคํ วา นกฺขตฺตโยคํ วา อโนโลเกตฺวา ปาโต อรุณุคฺคมนานนฺตรโต ปฏฺาย ยาว ปุน อรุณุคฺคมนา สกลทิวสรตฺติยํ ยถาชฺฌาสยํ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺโต สูปคโตว โหติ, นตฺถิ โกจิ โทโสติ ทฏฺพฺโพ. ภวตฺเววํ, ปาโตว วสฺสํ อุปคจฺฉนฺโต อตฺถีติ? อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘สเจ ปาโตว คาหิเต เสนาสเน อฺโ วิตกฺกจาริโก ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา เสนาสนํ ยาจติ, ‘คหิตํ, ภนฺเต, เสนาสนํ, วสฺสูปคโต สงฺโฆ, รมณีโย วิหาโร, รุกฺขมูลาทีสุ ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ วสถา’ติ วตฺตพฺโพ’’ติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ฉพฺพีสติโม ปริจฺเฉโท.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.