📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยาลงฺการ-ฏีกา (ทุติโย ภาโค)
๒๗. อุปชฺฌายาทิวตฺตวินิจฺฉยกถา
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณนา
๑๘๓. เอวํ ¶ ¶ วสฺสูปนายิกวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ อุปชฺฌายวตฺตาทิวตฺตกถํ กเถตุํ ‘‘วตฺตนฺติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วตฺเตตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วตฺตํ, สทฺธิวิหาริกาทีหิ อุปชฺฌายาทีสุ ปวตฺเตตพฺพํ อาภิสมาจาริกสีลํ. ตํ กติวิธนฺติ อาห ‘‘วตฺตํ นาเมตํ…เป… พหุวิธ’’นฺติ. วจฺจกุฏิวตฺตนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ. เตน สทฺธิวิหาริกวตฺตอนฺเตวาสิกวตฺตอนุโมทนวตฺตานิ สงฺคยฺหนฺติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ตตฺถ อฏฺกถาสุ ‘‘จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานี’’ติ. วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖) จ ปาฬิยํ อาคตเมว, ตตฺถ ปน ¶ อาคนฺตุกวตฺตโต ปฏฺาย อาคตํ, อิธ อุปชฺฌายวตฺตโต. อิโต อฺานิปิ ปฺจสตฺตติ เสขิยวตฺตานิ ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ จ วตฺตเมว. เตสุ ปน เสขิยวตฺตานิ มหาวิภงฺเค อาคตานิ, มหาวตฺตานิ กมฺมกฺขนฺธกปาริวาสิกกฺขนฺธเกสุ (จูฬว. ๗๕ อาทโย), ตสฺมา อิธ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิเยว ทสฺสิตานิ. เตสุ อุปชฺฌายวตฺตํ ปมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ อุปชฺฌายวตฺตํ ตาว เอวํ เวทิตพฺพ’’นฺตฺยาทิมาห.
ตตฺถ ¶ โก อุปชฺฌาโย, เกนฏฺเน อุปชฺฌาโย, กถํ คหิโต อุปชฺฌาโย, เกน วตฺติตพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก อุปชฺฌาโยติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๗๖) พฺยตฺติพลสมฺปนฺโน อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ทสวสฺโส วา อติเรกทสวสฺโส วา ภิกฺขุ อุปชฺฌาโย. เกนฏฺเน อุปชฺฌาโยติ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, สทฺธิวิหาริกานํ ขุทฺทกํ วชฺชํ วา มหนฺตํ วชฺชํ วา ภุโส จินฺเตตีติ อตฺโถ. กถํ คหิโต โหติ อุปชฺฌาโยติ สทฺธิวิหาริเกน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โหหี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเต สเจ อุปชฺฌาโย ‘‘สาหู’’ติ วา ‘‘ลหู’’ติ วา ‘‘โอปายิก’’นฺติ วา ‘‘ปติรูป’’นฺติ วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทหี’’ติ วา อิเมสุ ปฺจสุ ปเทสุ ยสฺส กสฺสจิ ปทสฺส วเสน กาเยน วา วาจาย วา กายวาจาหิ วา ‘‘คหิโต ตยา อุปชฺฌาโย’’ติ อุปชฺฌายคฺคหณํ วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อุปชฺฌาโย. ตตฺถ สาหูติ สาธุ. ลหูติ อครุ, สุภรตาติ อตฺโถ. โอปายิกนฺติ อุปายปฏิสํยุตฺตํ, เอวํ ปฏิปชฺชนํ นิตฺถรณุปาโยติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ สามีจิกมฺมมิทนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน กายวจีปโยเคน สมฺปาเทหีติ อตฺโถ.
เกน วตฺติตพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตนฺติ คหิตอุปชฺฌาเยน สทฺธิวิหาริเกน วตฺติตพฺพํ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ อิทํ อาคตเมว, ตตฺถ กาลสฺเสว อุฏฺาย อุปาหนา โอมฺุจิตฺวาติ สจสฺส ปจฺจูสกาเล จงฺกมนตฺถาย วา โธตปาทปริหรณตฺถาย วา ปฏิมุกฺกา อุปาหนา ปาทคตา โหนฺติ, ตา กาลสฺเสว อุฏฺาย ¶ อปเนตฺวา. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ ทาตพฺพนฺติ อุตุมฺปิ สรีรสภาเว จ เอกากาเร ตาทิสเมว ทาตพฺพํ.
สคุณํ ¶ กตฺวาติ อุตฺตราสงฺคํ สงฺฆาฏิฺจาติ ทฺเว จีวรานิ เอกโต กตฺวา ตา ทฺเวปิ สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา. สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตตฺตา สงฺฆาฏีติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา’’ติ. ปทวีติหาเรหีติ เอตฺถ ปทํ วีติหรติ เอตฺถาติ ปทวีติหาโร, ปทวีติหารฏฺานํ. ทุตวิลมฺพิตํ อกตฺวา สมคมเนน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. ปทานํ วา วีติหรณํ อภิมุขํ หริตฺวา นิกฺเขโป ปทวีติหาโรติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถา โอปาเตตพฺพาติ อนฺตรฆเร วา อฺตฺร วา ภณมานสฺส อนิฏฺิเต ตสฺส วจเน อฺา กถา น สมุฏฺาเปตพฺพา. อิโต ปฏฺายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ น-การโต ปฏฺาย. เตน นาติทูเรติอาทีสุ น-การปฏิสิทฺเธสุ อาปตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺตีติ อาปทาอุมฺมตฺตขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏตาทีหิ วินา ปณฺณตฺตึ อชานิตฺวาปิ วทนฺตสฺส คิลานสฺส จ ทุกฺกฏเมว. อาปทาสุ หิ อนฺตรนฺตรา กถา วตฺตุํ วฏฺฏติ, เอวมฺเสุ น-การปฏิสิทฺเธสุ อีทิเสสุ, อิตเรสุ ปน คิลาโนปิ น มุจฺจติ. สพฺพตฺถ ทุกฺกฏาปตฺติ เวทิตพฺพาติ ‘‘อีทิเสสุ คิลาโนปิ น มุจฺจตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺมฺปิ หิ ยถาวุตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส อคิลานสฺส วตฺตเภเท สพฺพตฺถ ทุกฺกฏเมว, เตเนว วกฺขติ ‘‘อคิลาเนน หิ สทฺธิวิหาริเกน สฏฺิวสฺเสนปิ สพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ กาตพฺพํ, อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ. น-การปฏิสํยุตฺเตสุ ปน ปเทสุ คิลานสฺสปิ ปฏิกฺขิตฺตกิริยํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวา’’ติ. อาปตฺติสามนฺตา ภณมาโนติ ปทโสธมฺม(ปาจิ. ๔๔ อาทโย)-ทุฏฺุลฺลาทิวเสน ¶ (ปารา. ๒๘๓) อาปตฺติยา อาสนฺนวาจํ ภณมาโน. อาปตฺติยา อาสนฺนวาจนฺติ จ อาปตฺติชนกเมว วจนํ สนฺธาย วทติ. ยาย หิ วาจาย อาปตฺตึ อาปชฺชติ, สา วาจา อาปตฺติยา อาสนฺนาติ วุจฺจติ.
จีวเรน ปตฺตํ เวเตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อุตฺตราสงฺคสฺส เอเกน กณฺเณน เวเตฺวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. เหฏฺาปีํ วา ปรามสิตฺวาติ อิทํ ปุพฺเพ ตตฺถ ปิตปตฺตาทินา อสงฺฆฏฺฏนตฺถาย วุตฺตํ. จกฺขุนา โอโลเกตฺวาปิ อฺเสํ อภาวํ ตฺวาปิ เปตุํ วฏฺฏติ เอว. จตุรงฺคุลํ กณฺณํ อุสฺสาเรตฺวาติ กณฺณํ จตุรงฺคุลปฺปมาณํ อติเรกํ กตฺวา เอวํ จีวรํ สงฺฆริตพฺพํ. โอโภเค กายพนฺธนํ กาตพฺพนฺติ กายพนฺธนํ สงฺฆริตฺวา จีวรโภเค ปกฺขิปิตฺวา เปตพฺพํ. สเจ ปิณฺฑปาโต โหตีติ เอตฺถ โย คาเมเยว วา อนฺตรฆเร วา ปฏิกฺกมเน วา ภฺุชิตฺวา อาคจฺฉติ, ปิณฺฑํ วา น ลภติ, ตสฺส ปิณฺฑปาโต น โหติ, คาเม อภุตฺตสฺส ปน ลทฺธภิกฺขสฺส ¶ วา โหติ, ตสฺมา ‘‘สเจ ปิณฺฑปาโต โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คาเมติ คามปริยาปนฺเน ตาทิเส กิสฺมิฺจิ ปเทเส. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. ปฏิกฺกมเนติ อาสนสาลายํ. สเจปิ ตสฺส น โหติ, ภฺุชิตุกาโม จ โหติ, อุทกํ ทตฺวา อตฺตนา ลทฺธโตปิ ปิณฺฑปาโต อุปเนตพฺโพ. ติกฺขตฺตุํ ปานีเยน ปุจฺฉิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ, อาทิมฺหิ มชฺเฌ อนฺเตติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. อุปกฏฺโติ อาสนฺโน. โธตวาลิกายาติ อุทเกน คตฏฺาเน นิรชาย ปริสุทฺธวาลิกาย.
นิทฺธูเมติ ชนฺตาฆเร ชลมานอคฺคิธูมรหิเต. ชนฺตาฆรฺหิ นาม หิมปาตพหุเกสุ เทเสสุ ตปฺปจฺจยโรคปีฬาทินิวารณตฺถํ สรีรเสทตาปนฏฺานํ. ตตฺถ กิร อนฺธการปฏิจฺฉนฺนตาย ¶ พหูปิ เอกโต ปวิสิตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อคฺคิตาปปริหาราย มตฺติกาย มุขํ ลิมฺปิตฺวา สรีรํ ยาวทตฺถํ เสเทตฺวา จุณฺณาทีหิ อุพฺพฏฺเฏตฺวา นหายนฺติ. เตเนว ปาฬิยํ (มหาว. ๖๖) ‘‘จุณฺณํ สนฺเนตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สเจ อุสฺสหตีติ สเจ ปโหติ. วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เกนจิ เคลฺเน อนภิภูโต โหตี’’ติ. อปฏิฆํสนฺเตนาติ ภูมิยํ อปฏิฆํสนฺเตน. กวาฏปีนฺติ กวาฏปีฺจ ปิฏฺสงฺฆาตฺจ อจฺฉุปนฺเตน. สนฺตานกนฺติ ยํ กิฺจิ กีฏกุลาวกมกฺกฏกสุตฺตาทิ. อุลฺโลกา ปมํ โอหาเรตพฺพนฺติ อุลฺโลกโต ปมํ อุลฺโลกํ อาทึ กตฺวา อวหริตพฺพนฺติ อตฺโถ. อุลฺโลกนฺติ จ อุทฺธํ โอโลกนฏฺานํ, อุปริภาคนฺติ อตฺโถ. อาโลกสนฺธิกณฺณภาคาติ อาโลกสนฺธิภาคา จ กณฺณภาคา จ, อพฺภนฺตรพาหิรวาตปานกวาฏกานิ จ คพฺภสฺส จ จตฺตาโร โกณา สมฺมชฺชิตพฺพาติ อตฺโถ.
อฺตฺถ เนตพฺโพติ ยตฺถ วิหารโต สาสเน อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ตโต อฺตฺถ กลฺยาณมิตฺตาทิสมฺปตฺติยุตฺตฏฺาเน เนตพฺโพ. น จ อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตพฺพนฺติ รชิตจีวรโต ยาว อปฺปมตฺตกมฺปิ รชนํ คฬติ, น ตาว ปกฺกมิตพฺพํ. น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา เอกจฺจสฺส ปตฺโต ทาตพฺโพติอาทิ สพฺพํ อุปชฺฌายสฺส วิสภาคปุคฺคลานํ วเสน กถิตํ. เอตฺถ จ วิสภาคปุคฺคลานนฺติ ลชฺชิโน วา อลชฺชิโน วา อุปชฺฌายสฺส อวฑฺฒิกาเม สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน อุปชฺฌาโย อลชฺชี โอวาทมฺปิ น คณฺหาติ, ลชฺชิโน จ เอตสฺส วิสภาคา โหนฺติ, ตตฺถ อุปชฺฌายํ วิหาย ลชฺชีเหว สทฺธึ อามิสาทิปริโภโค กาตพฺโพ. อุปชฺฌายาทิภาโว เหตฺถ นปฺปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริเวณํ คนฺตฺวาติ อุปชฺฌายสฺส ปริเวณํ คนฺตฺวา. สุสานนฺติ ¶ อิทํ อุปลกฺขณํ. อุปจารสีมโต ¶ พหิ คนฺตุกาเมน อนาปุจฺฉา คนฺตุํ น วฏฺฏติ. วุฏฺานมสฺส อาคเมตพฺพนฺติ เคลฺโต วุฏฺานํ อสฺส อาคเมตพฺพํ.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา
๑๘๔. อาจริยวตฺตกถายํ โก อาจริโย, เกนฏฺเน อาจริโย, กติวิโธ อาจริโย, กถํ คหิโต อาจริโย, เกน วตฺติตพฺพํ อาจริยวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก อาจริโยติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสวสฺสํ นิสฺสาย วตฺถุํ ทสวสฺเสน นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๗๗) พฺยตฺติพลสมฺปนฺโน ทสวสฺโส วา อติเรกทสวสฺโส วา ภิกฺขุ อาจริโย. เกนฏฺเน อาจริโยติ อนฺเตวาสิเกน อาภุโส จริตพฺโพติ อาจริโย, อุปฏฺาตพฺโพติ อตฺโถ. กติวิโธ อาจริโยติ นิสฺสยาจริยปพฺพชฺชาจริยอุปสมฺปทาจริยธมฺมาจริยวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ นิสฺสยํ คเหตฺวา ตํ นิสฺสาย วตฺถพฺโพ นิสฺสยาจริโย. ปพฺพชิตกาเล สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปโก ปพฺพชฺชาจริโย. อุปสมฺปทกาเล กมฺมวาจานุสฺสาวโก อุปสมฺปทาจริโย. พุทฺธวจนสิกฺขาปโก ธมฺมาจริโย นาม. กถํ คหิโต โหติ อาจริโยติ อนฺเตวาสิเกน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม, ภนฺเต, โหหิ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเต อาจริโย ‘‘สาหู’’ติ วา ‘‘ลหู’’ติ วา ‘‘โอปายิก’’นฺติ วา ‘‘ปติรูป’’นฺติ วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทหี’’ติ วา กาเยน วิฺาเปติ ¶ , วาจาย วิฺาเปติ, กายวาจาหิ วิฺาเปติ, คหิโต โหติ อาจริโย.
เกน วตฺติตพฺพํ อาจริยวตฺตนฺติ อนฺเตวาสิเกน วตฺติตพฺพํ อาจริยวตฺตํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฺจ วสฺสานิ นิสฺสาย วตฺถพฺพํ, อพฺยตฺเตน ยาวชีวํ. เอตฺถ สจายํ ภิกฺขุ วุฑฺฒตรํ อาจริยํ น ลภติ, อุปสมฺปทาย สฏฺิวสฺโส วา สตฺตติวสฺโส วา โหติ, นวกตรสฺสปิ พฺยตฺตสฺส สนฺติเก อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม, อาวุโส, โหหิ, อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา นิสฺสโย คเหตพฺโพ. คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉนฺเตนปิ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉามิ ¶ อาจริยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอส นโย สพฺพอาปุจฺฉเนสุ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ เอตฺถ อุปชฺฌายวตฺตโต อฺํ นตฺถีติ อาห ‘‘อิทเมว จ…เป… อาจริยวตฺตนฺติ วุจฺจตี’’ติ. นนุ อุปชฺฌาจริยา ภินฺนปทตฺถา, อถ กสฺมา อิทเมว ‘‘อาจริยวตฺต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อาจริยสฺส กตฺตพฺพตฺตา’’ติ. ยถา เอโกปิ ภิกฺขุ มาตุภาตาภูตตฺตา ‘‘มาตุโล’’ติ จ ธมฺเม สิกฺขาปกตฺตา ‘‘อาจริโย’’ติ จ วุจฺจติ, เอวํ เอกเมว วตฺตํ อุปชฺฌายสฺส กตฺตพฺพตฺตา ‘‘อุปชฺฌายวตฺต’’นฺติ จ อาจริยสฺส กตฺตพฺพตฺตา ‘‘อาจริยวตฺต’’นฺติ จ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สนฺเตปิ นาเม ภินฺเน อตฺโถ ภินฺโน สิยาติ อาห ‘‘นามมตฺตเมว เหตฺถ นาน’’นฺติ. ยถา ‘‘อินฺโท สกฺโก’’ติอาทีสุ นามมตฺตเมว ภินฺนํ, น อตฺโถ, เอวเมตฺถาปีติ ทฏฺพฺโพติ.
อิทานิ ตสฺมึ วตฺเต สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกานํ วเสน ลพฺภมานํ กฺจิ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยาว จีวรรชน’’นฺตฺยาทิมาห. ตโต อุปชฺฌายาจริยานํ วเสน วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปชฺฌาเย’’ตฺยาทิมาห. เตสุ วตฺตํ สาทิยนฺเตสุ อาปตฺติ, อสาทิยนฺเตสุ อนาปตฺติ, เตสุ อชานนฺเตสุ ¶ , เอกสฺส ภารกรเณปิ อนาปตฺตีติ อยเมตฺถ ปิณฺฑตฺโถ. อิทานิ อนฺเตวาสิกวิเสสวเสน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ.
อาจริยวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สทฺธิวิหาริกวตฺตกถาวณฺณนา
สทฺธิวิหาริกวตฺเต โก สทฺธิวิหาริโก, เกนฏฺเน สทฺธิวิหาริโก, เกน วตฺติตพฺพํ สทฺธิวิหาริกวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก สทฺธิวิหาริโกติ อุปสมฺปนฺโน วา โหตุ สามเณโร วา, โย อุปชฺฌํ คณฺหาติ, โส สทฺธิวิหาริโก นาม. เกนฏฺเน สทฺธิวิหาริโกติ อุปชฺฌาเยน สทฺธึ วิหาโร เอตสฺส อตฺถีติ สทฺธิวิหาริโกติ อตฺเถน. เกน วตฺติตพฺพํ สทฺธิวิหาริกวตฺตนฺติ อุปชฺฌาเยน วตฺติตพฺพํ. เตน วุตฺตํ วตฺตกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๗๘) ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, อุปชฺฌายานํ สทฺธิวิหาริเกสุ วตฺตํ ปฺเปสฺสามิ, ยถา อุปชฺฌาเยหิ สทฺธิวิหาริเกสุ วตฺติตพฺพ’’นฺติ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ อิทานิ ปกรณาคตํ. อิมสฺมึ ปน ปกรเณ ¶ สงฺเขปรุจิตฺตา, อาจริยสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกวตฺตานฺจ สมานตฺตา ทฺเวปิ เอกโต วุตฺตา, ตถาปิ วตฺตกฺขนฺธเก วิสุํ วิสุํ อาคตตฺตา วิสุํ วิสุํเยว กถยาม.
สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพติ อุทฺเทสาทีหิสฺส สงฺคโห จ อนุคฺคโห จ กาตพฺโพ. ตตฺถ อุทฺเทโสติ ปาฬิวจนํ. ปริปุจฺฉาติ ปาฬิยา อตฺถวณฺณนา. โอวาโทติ อโนติณฺเณ วตฺถุสฺมึ ‘‘อิทํ กโรหิ, อิทํ มา กริตฺถา’’ติ วจนํ. อนุสาสนีติ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ. อปิจ โอติณฺเณ วา อโนติณฺเณ วา ปมํ วจนํ โอวาโท, ปุนปฺปุนํ วจนํ อนุสาสนีติ ¶ ทฏฺพฺพํ. สเจ อุปชฺฌายสฺส ปตฺโต โหตีติ สเจ อติเรกปตฺโต โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปริกฺขาโรติ อฺโปิ สมณปริกฺขาโร. อิธ อุสฺสุกฺกํ นาม ธมฺมิเยน นเยน อุปฺปชฺชมานอุปายปริเยสนํ. อิโต ปรํ ทนฺตกฏฺทานํ อาทึ กตฺวา อาจมนกุมฺภิยา อุทกสิฺจนปริโยสานํ วตฺตํ คิลานสฺเสว สทฺธิวิหาริกสฺส กาตพฺพํ. อนภิรติวูปกาสนาทิ ปน อคิลานสฺสปิ กตฺตพฺพเมว. จีวรํ รชนฺเตนาติ ‘‘เอวํ รเชยฺยาสี’’ติ อุปชฺฌายโต อุปายํ สุตฺวา รชนฺเตน. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพติอาทีสุ อนาทริยํ ปฏิจฺจ ธมฺมามิเสหิ อสงฺคณฺหนฺตานํ อาจริยุปชฺฌายานํ ทุกฺกฏํ วตฺตเภทตฺตา. เตเนว ปริวาเรปิ (ปริ. ๓๒๒) ‘‘น เทนฺโต อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สทฺธิวิหาริกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนฺเตวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา
อนฺเตวาสิกวตฺเต โก อนฺเตวาสิโก, เกนฏฺเน อนฺเตวาสิโก, กติวิธา อนฺเตวาสิกา, เกน วตฺติตพฺพํ อนฺเตวาสิกวตฺตํ, กตมํ ตํ วตฺตนฺติ? ตตฺถ โก อนฺเตวาสิโกติ อุปสมฺปนฺโน วา โหตุ สามเณโร วา, โย อาจริยสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คณฺหาติ, โย วา อาจริยสฺส โอวาทํ คเหตฺวา ปพฺพชติ, โย วา เตนานุสฺสาวิโต หุตฺวา อุปสมฺปชฺชติ, โย วา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุณาติ, โส สพฺโพ อนฺเตวาสิโกติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปโม นิสฺสยนฺเตวาสิโก นาม, ทุติโย ¶ ปพฺพชฺชนฺเตวาสิโก นาม, ตติโย อุปสมฺปทนฺเตวาสิโก นาม, จตุตฺโถ ธมฺมนฺเตวาสิโก นาม. อฺตฺถ ปน สิปฺปนฺเตวาสิโกปิ อาคโต, โส อิธ นาธิปฺเปโต ¶ . เกนฏฺเน อนฺเตวาสิโกติ อนฺเต วสตีติ อนฺเตวาสิโก อลุตฺตสมาสวเสน. กติวิธา อนฺเตวาสิกาติ ยถาวุตฺตนเยน จตุพฺพิธา อนฺเตวาสิกา.
เกน วตฺติตพฺพํ อนฺเตวาสิกวตฺตนฺติ จตุพฺพิเธหิ อาจริเยหิ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺติตพฺพํ. ยถาห วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๘๒) ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, อาจริยานํ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ปฺเปสฺสามิ, ยถา อาจริเยหิ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺติตพฺพ’’นฺติ. กตมํ ตํ วตฺตนฺติ ยํ ภควตา วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตํ, อิธ จ สงฺเขเปน ทสฺสิตํ, ตํ วตฺตนฺติ. อิธ ปน อตฺโถ สทฺธิวิหาริกวตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – เอเตสุ ปพฺพชฺชนฺเตวาสิโก จ อุปสมฺปทนฺเตวาสิโก จ อาจริยสฺส ยาวชีวํ ภาโร, นิสฺสยนฺเตวาสิโก จ ธมฺมนฺเตวาสิโก จ ยาว สมีเป วสนฺติ, ตาวเทว, ตสฺมา อาจริเยหิปิ เตสุ สมฺมา วตฺติตพฺพํ. อาจริยนฺเตวาสิเกสุ หิ โย โย น สมฺมา วตฺตติ, ตสฺส ตสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพา.
อนฺเตวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา
๑๘๕. อาคนฺตุกวตฺเต อาคจฺฉตีติ อาคนฺตุโก, เตน วตฺติตพฺพนฺติ อาคนฺตุกวตฺตํ. ‘‘อิทานิ อารามํ ปวิสิสฺสามี’’ติ อิมินา อุปจารสีมาสมีปํ ทสฺเสติ, ตสฺมา อุปจารสีมาสมีปํ ปตฺวา อุปาหนาโอมฺุจนาทิ สพฺพํ กาตพฺพํ. คเหตฺวาติ ¶ อุปาหนทณฺฑเกน คเหตฺวา. อุปาหนปฺุฉนโจฬกํ ปุจฺฉิตฺวา อุปาหนา ปฺุฉิตพฺพาติ ‘‘กตรสฺมึ าเน อุปาหนปฺุฉนโจฬก’’นฺติ อาวาสิเก ภิกฺขู ปุจฺฉิตฺวา. ปตฺถริตพฺพนฺติ สุกฺขาปนตฺถาย อาตเป ปตฺถริตพฺพํ. สเจ นวโก โหติ, อภิวาทาเปตพฺโพติ ตสฺส วสฺเส ปุจฺฉิเต ยทิ ทหโร โหติ, สยเมว วนฺทิสฺสติ, ตทา อิมินา วนฺทาปิโต โหติ. นิลฺโลเกตพฺโพติ โอโลเกตพฺโพ. พหิ ิเตนาติ พหิ นิกฺขมนฺตสฺส อหิโน วา อมนุสฺสสฺส วา มคฺคํ ตฺวา ิเตน นิลฺโลเกตพฺโพ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา
๑๘๖. อาวาสิกวตฺเต ¶ อาวสตีติ อาวาสิโก, เตน วตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิกวตฺตํ. ตตฺถ อาวาสิเกน ภิกฺขุนา อาคนฺตุกํ ภิกฺขุํ วุฑฺฒตรํ ทิสฺวา อาสนํ ปฺเปตพฺพนฺติอาทิ ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๕๙) อาคตฺจ อฏฺกถายํ อาคตฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๓๕๙) คเหตพฺพํ, คเหตฺวา วุตฺตตฺตา ปากฏเมว, อุปาหนปฺุฉนํ ปน อตฺตโน รุจิวเสน กาตพฺพํ. เตเนว เหตฺถ ‘‘สเจ อุสฺสหตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปาหนา อปฺุฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ. เสนาสนํ ปฺเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘กตฺถ มยฺหํ เสนาสนํ ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิเตน เสนาสนํ ปฺเปตพฺพํ, ‘‘เอตํ เสนาสนํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปปฺโผเฏตฺวา ปตฺถริตุํ ปน วฏฺฏติเยว. เอเตน มฺจปีาทึ ปปฺโผเฏตฺวา ปตฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา ทานมฺปิ เสนาสนปฺาปนเมวาติ ทสฺเสติ. มหาอาวาเสปิ อตฺตโน ¶ สนฺติกํ สมฺปตฺตสฺส อาคนฺตุกสฺส วตฺตํ อกาตุํ น ลพฺภติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
อาวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คมิกวตฺตกถาวณฺณนา
๑๘๗. คมิกวตฺเต คนฺตุํ ภพฺโพติ คมิโก, เตน วตฺติตพฺพนฺติ คมิกวตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – ทารุภณฺฑนฺติ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๒๒) วุตฺตํ มฺจปีาทิ. มตฺติกาภณฺฑมฺปิ รชนภาชนาทิ สพฺพํ ตตฺถ วุตฺตปฺปเภทเมว. ตํ สพฺพํ อคฺคิสาลายํ วา อฺตรสฺมึ วา คุตฺตฏฺาเน ปฏิสาเมตฺวา คนฺตพฺพํ, อโนวสฺสเก ปพฺภาเรปิ เปตุํ วฏฺฏติ. เสนาสนํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยํ ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา กตเสนาสนํ, ยตฺถ อุปจิกา นาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺติ. จตูสุ ปาสาเณสูติอาทิ อุปจิกานํ อุปฺปตฺติฏฺาเน ปณฺณสาลาทิเสนาสเน กตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อปฺเปว นาม องฺคานิปิ เสเสยฺยุนฺติ อยํ อชฺโฌกาเส ปิตมฺหิ อานิสํโส. โอวสฺสกเคเห ปน ติเณสุ จ มตฺติกาปิณฺเฑสุ จ อุปริ ปตนฺเตสุ มฺจปีานํ องฺคานิปิ วินสฺสนฺติ.
คมิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภตฺตคฺควตฺตกถาวณฺณนา
๑๘๘. วตฺตกฺขนฺธเก ¶ อิมสฺมึ าเน อนุโมทนวตฺตํ อาคตํ, ตโต ภตฺตคฺควตฺตํ. สารตฺถทีปนิยฺจ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๗๓-๓๗๔) ‘‘อิมสฺมึ วตฺตกฺขนฺธเก ¶ (จูฬว. ๓๕๖) อาคตานิ อาคนฺตุกาวาสิกคมิยานุโมทนภตฺตคฺคปิณฺฑจาริการฺิกเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฏิอุปชฺฌายาจริยสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ นามา’’ติ อนุกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ คมิกวตฺตโต ภตฺตคฺควตฺตํ อาคตํ, อนุโมทนวตฺตํ ปน วิสุํ อวตฺวา ภตฺตคฺควตฺเตเยว อนฺโตคธํ กตฺวา ปจฺฉา วุตฺตํ ภตฺตคฺคํ คนฺตฺวา ภตฺเต ภุตฺเตเยว อนุโมทนากรณโต, ปาฬิยฺจ อฺเสุ วตฺเตสุ วิย ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อนุโมทนวตฺตํ ปฺาเปสฺสามี’’ติ วิสุํ วตฺตภาเวน อนาคตตฺตา ภตฺตคฺควตฺเตเยว อนฺโตคธนฺติ อาจริยสฺส อธิปฺปาโย สิยา. อิมสฺส จ วินยาลงฺการปกรณสฺส ตสฺสา วณฺณนาภูตตฺตา สํวณฺเณตพฺพกฺกเมเนว สํวณฺณนํ กถยิสฺสาม.
ภฺุชิตพฺพนฺติ ภตฺตํ. อชติ คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ อคฺคํ. ‘‘อาทิโกฏฺาสโกฏีสุ, ปุรโตคฺคํ วเร ตีสู’’ติ อภิธานปฺปทีปิกายํ อาคเตปิ ‘‘ราชคฺคนฺติ ราชารหํ, สลากคฺคนฺติ สลากคฺคหณฏฺาน’’นฺติอาทีสุ อฺตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต ภตฺตสฺส อคฺคํ ภตฺตคฺคํ, ภตฺตปริวิสนฏฺานํ, ภตฺตคฺเค วตฺติตพฺพํ วตฺตํ ภตฺตคฺควตฺตนฺติ วิคฺคโห. ตตฺถ อาราเม กาโล อาโรจิโต โหตีติ ‘‘กาโล ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ อาโรจิโต โหติ. ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตนาติ ทฺเว ชาณุมณฺฑลานิ นาภิมณฺฑลฺจ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน. ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวาติ สมนฺตโต มณฺฑลํ นิวาเสตฺวา. อุทฺธํ นาภิมณฺฑลํ, อโธ ชาณุมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺเตน ชาณุมณฺฑลสฺส เหฏฺา ชงฺฆฏฺิโต ปฏฺาย อฏฺงฺคุลมตฺตํ นิวาสนํ โอตาเรตฺวา นิวาเสตพฺพํ, ตโต ปรํ โอตาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ วุตฺตํ, ยถานิสินฺนสฺส ชาณุมณฺฑลโต เหฏฺา จตุรงฺคุลมตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหตีติ มหาปจฺจริยํ ¶ วุตฺตํ. กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวาติ ตสฺส นิวาสนสฺส อุปริ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อกายพนฺธเนน คาโม ปวิสิตพฺโพ, โย ปวิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตา. สคุณํ กตฺวาติ อิทํ อุปชฺฌายวตฺเต วุตฺตเมว. ‘‘คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวาติ ปาสเก คณฺิกํ ปเวเสตฺวา อนฺโตคาโม วา โหตุ วิหาโร วา, มนุสฺสานํ ปริวิสนฏฺานํ คจฺฉนฺเตน จีวรํ ปารุปิตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา คมนเมว วฏฺฏตี’’ติ ¶ มหาอฏฺกถาสุ วุตฺตํ. เอตฺถ จ มนุสฺสานํ ปริวิสนฏฺานนฺติ ยตฺถ อนฺโตวิหาเรปิ มนุสฺสา สปุตฺตทารา อาวสิตฺวา ภิกฺขู เนตฺวา โภเชนฺติ.
สุปฺปฏิจฺฉนฺเนนาติ น สสีสํ ปารุเตน, อถ โข คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวา อนุวาตนฺเตน คีวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อุโภ กณฺเณ สมํ กตฺวา ปฏิสํหริตฺวา ยาว มณิพนฺธา ปฏิจฺฉาเทนฺเตน. สุสํวุเตนาติ หตฺถํ วา ปาทํ วา อกีฬาเปนฺเตน, สุวินีเตนาติ อตฺโถ. โอกฺขิตฺตจกฺขุนาติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุนา. โย อนาทริยํ ปฏิจฺจ ตหํ ตหํ โอโลเกนฺโต ภิยฺโย ตํ ตํ ทิสาภาคํ ปาสาทํ กูฏาคารํ วีถึ โอโลเกนฺโต คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. เอกสฺมึ ปน าเน ตฺวา หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ วฏฺฏติ. อปฺปสทฺเทนาติ เอตฺถ กิตฺตาวตา อปฺปสทฺโท โหติ? ทฺวาทสหตฺเถ เคเห อาทิมฺหิ สงฺฆตฺเถโร มชฺเฌ ทุติยตฺเถโร อนฺเต ตติยตฺเถโรติ เอวํ นิสินฺเนสุ สงฺฆตฺเถโร ทุติเยน สทฺธึ มนฺเตติ, ทุติยตฺเถโร ตสฺส สทฺทฺเจว สุณาติ, กถฺจ ววตฺถเปติ, ตติยตฺเถโร ปน สทฺทเมว สุณาติ, กถํ น ววตฺถเปติ, เอตฺตาวตา อปฺปสทฺโท โหติ. สเจ ปน ตติยตฺเถโร กถํ ววตฺถเปติ, มหาสทฺโท นาม โหติ.
น ¶ อุกฺขิตฺตกายาติ น อุกฺเขเปน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, เอกโต วา อุภโต วา อุกฺขิตฺตจีวโร หุตฺวาติ อตฺโถ. อนฺโตอินฺทขีลโต ปฏฺาย น เอวํ คนฺตพฺพํ. นิสินฺนกาเล ปน ธมกรณํ นีหรนฺเตนปิ จีวรํ อนุกฺขิปิตฺวาว นีหริตพฺพํ. น อุชฺชคฺฆิกายาติ น มหาหสิตํ หสนฺโต, วุตฺตนเยเนเวตฺถ กรณวจนํ. น กายปฺปจาลกนฺติ กายํ อจาเลตฺวา กายํ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลํ กตฺวา อุชุเกน กาเยน สเมน อิริยาปเถน. น พาหุปฺปจาลกนฺติ พาหุํ อจาเลตฺวา พาหุํ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลํ กตฺวา. น สีสปฺปจาลกนฺติ สีสํ อจาเลตฺวา สีสํ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลํ อุชุํ เปตฺวา. น ขมฺภกโตติ ขมฺภกโต นาม กฏิยํ หตฺถํ เปตฺวา กตขมฺโภ. น อุกฺกุฏิกายาติ เอตฺถ อุกฺกุฏิกา วุจฺจติ ปณฺหิโย อุกฺขิปิตฺวา อคฺคปาเทหิ วา อคฺคปาเท อุกฺขิปิตฺวา ปณฺเหหิเยว วา ภูมึ ผุสนฺตสฺส คมนํ. กรณวจนํ ปเนตฺถ วุตฺตลกฺขณเมว. น โอคุณฺิเตนาติ สสีสํ ปารุเตน. น ปลฺลตฺถิกายาติ น ทุสฺสปลฺลตฺถิกาย. เอตฺถ อาโยคปลฺลตฺถิกาปิ ทุสฺสปลฺลตฺถิกา เอว. น เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺชาติ เถเร ภิกฺขู อติอลฺลียิตฺวา น นิสีทิตพฺพํ. น สงฺฆาฏึ โอตฺถริตฺวาติ น สงฺฆาฏึ อตฺถริตฺวา นิสีทิตพฺพํ.
สกฺกจฺจนฺติ ¶ สตึ อุปฏฺาเปตฺวา. ปตฺตสฺีติ ปตฺเต สฺํ กตฺวา. สมสูปโก นาม ยตฺถ ภตฺตสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาโณ สูโป โหติ. สมติตฺถิกนฺติ สมปุณฺณํ สมภริตํ. ถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ ถูปีกโต นาม ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ อติกฺกมิตฺวา กโต, ปตฺเต ปกฺขิตฺโต ภริโต ปูริโตติ อตฺโถ. เอวํ กตํ อคฺคเหตฺวา อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขาสมปฺปมาโณ คเหตพฺโพ. ‘‘ยํ กฺจิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ผลาผลํ วา อามิสชาติกํ สมติตฺถิกเมว คเหตพฺพํ, ตฺจ โข อธิฏฺานุปเคน ¶ ปตฺเตน, อิตเรน ปน ถูปีกตมฺปิ วฏฺฏติ. ยามกาลิกสตฺตาหกาลิกยาวชีวิกานิ ปน อธิฏฺานุปคปตฺเต ถูปีกตานิปิ วฏฺฏนฺติ. ยํ ปน ทฺวีสุ ปตฺเตสุ ภตฺตํ คเหตฺวา เอกสฺมึ ปูเรตฺวา วิหารํ เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. ยํ ปตฺเต ปกฺขิปิยมานํ ปูวอุจฺฉุขณฺฑผลาผลาทิ เหฏฺา โอโรหติ, ตํ ถูปีกตํ นาม น โหติ. ปูววฏํสกํ เปตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, ถูปีกตเมว โหติ. ปุปฺผวฏํสกตกฺโกลกฏุกผลาทิวฏํสเก ปน เปตฺวา ทินฺนํ ถูปีกตํ น โหติ. ภตฺตสฺส อุปริ ถาลกํ วา ปตฺตํ วา เปตฺวา ปูเรตฺวา คณฺหาติ, ถูปีกตํ นาม น โหติ. กุรุนฺทิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ถาลเก วา ปตฺเต วา ปกฺขิปิตฺวา ตํ ปตฺตมตฺถเก เปตฺวา เทนฺติ, ปาเฏกฺกภาชนํ วฏฺฏติ. อิธ อนาปตฺติยํ คิลาโน น อาคโต, ตสฺมา คิลานสฺสปิ ถูปีกตํ น วฏฺฏติ, สพฺพตฺถ ปน ปฏิคฺคเหตุเมว น วฏฺฏติ, ปฏิคฺคหิตํ ปน ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘สกฺกจฺจ’’นฺติ จ ‘‘ปตฺตสฺี’’ติ จ อุภยํ วุตฺตนยเมว. สปทานนฺติ ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา อนุปฏิปาฏิยา. สมสูปเก วตฺตพฺพํ วุตฺตเมว. ถูปกโตติ มตฺถกโต, เวมชฺฌโตติ อตฺโถ. น สูปํ วา พฺยฺชนํ วาติอาทิ ปากฏเมว. วิฺตฺติยํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ. อุชฺฌานสฺีสิกฺขาปเทปิ คิลาโน น มฺุจติ. นาติมหนฺโต กพโฬติ มยูรณฺฑํ อติมหนฺตํ, กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทกํ, เตสํ เวมชฺฌปฺปมาโณ. ปริมณฺฑลํ อาโลโปติ นาติทีโฆ อาโลโป. อนาหเฏติ อนาหริเต, มุขทฺวารํ อสมฺปาปิเตติ อตฺโถ. สพฺโพ หตฺโถติ เอตฺถ หตฺถสทฺโท ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘หตฺถมุทฺโท’’ติอาทีสุ วิย สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเว ปวตฺตนโต. เอกงฺคุลิมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ. น สกพเฬนาติ เอตฺถ ธมฺมํ กเถนฺโต หรีตกํ วา ลฏฺิมธุกํ วา ¶ มุเข ปกฺขิปิตฺวา กเถติ, ยตฺตเกน วจนํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตตฺตเก มุขมฺหิ สนฺเต กเถตุํ วฏฺฏติ.
ปิณฺฑุกฺเขปกนฺติ ปิณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา. กพฬาวจฺเฉทกนฺติ กพฬํ อวฉินฺทิตฺวา ¶ อวฉินฺทิตฺวา. อวคณฺฑการกนฺติ มกฺกโฏ วิย คณฺเฑ กตฺวา กตฺวา. หตฺถนิทฺธุนกนฺติ หตฺถํ นิทฺธุนิตฺวา นิทฺธุนิตฺวา. สิตฺถาวการกนฺติ สิตฺถานิ อวกิริตฺวา อวกิริตฺวา. ชิวฺหานิจฺฉารกนฺติ ชิวฺหํ นิจฺฉาเรตฺวา นิจฺฉาเรตฺวา. จปุจปุการกนฺติ ‘‘จปุจปู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา กตฺวา. สุรุสุรุการกนฺติ ‘‘สุรุสุรู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา กตฺวา. หตฺถนิลฺเลหกนฺติ หตฺถํ นิลฺเลหิตฺวา นิลฺเลหิตฺวา. ภฺุชนฺเตน หิ องฺคุลิมตฺตมฺปิ นิลฺเลหิตุํ น วฏฺฏติ, ฆนยาคุผาณิตปายาสาทิเก ปน องฺคุลีหิ คเหตฺวา องฺคุลิโย มุเข ปเวเสตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ปตฺตนิลฺเลหกโอฏฺนิลฺเลหเกสุปิ เอเสว นโย, ตสฺมา องฺคุลิยาปิ ปตฺโต น นิลฺเลหิตพฺโพ, เอกโอฏฺโปิ ชิวฺหาย น นิลฺเลหิตพฺโพ, โอฏฺมํเสหิ เอว ปน คเหตฺวา อนฺโต ปเวเสตุํ วฏฺฏติ.
น สามิเสน หตฺเถน ปานียถาลโกติ เอตํ ปฏิกูลวเสน ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา สงฺฆิกมฺปิ ปุคฺคลิกมฺปิ คิหิสนฺตกมฺปิ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ สงฺขมฺปิ สราวมฺปิ อามิสมกฺขิตํ น คเหตพฺพเมว, คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. สเจ ปน หตฺถสฺส เอกเทโส อามิสมกฺขิโต น โหติ, เตน ปเทเสน คเหตุํ วฏฺฏติ. น สสิตฺถกํ ปตฺตโธวนํ อนฺตรฆเร ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา วาติ สิตฺถานิ เอกโต อุทฺธริตฺวา เอกสฺมึ าเน ราสึ กตฺวา อุทกํ ฉฑฺเฑติ. ภินฺทิตฺวา วา อุทกคติกานิ กตฺวา ฉฑฺเฑติ, ปฏิคฺคเหน สมฺปฏิจฺฉนฺโต นํ ปฏิคฺคเห ฉฑฺเฑติ, พหิ นีหริตฺวา วา ฉฑฺเฑติ, เอวํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส อนาปตฺติ. น ตาว เถเรน อุทกนฺติ อิทํ หตฺถโธวนอุทกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรา ปิปาสิเตน ¶ , ปน คเล วิลคฺคามิเสน วา ปานียํ ปิวิตฺวา น โธวิตพฺพาติ.
ภตฺตคฺควตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนุโมทนวตฺตกถาวณฺณนา
อนุโมทนวตฺเต อนุ ปุนปฺปุนํ โมทิยเต ปโมทิยเตติ อนุโมทนา. กา สา? ธมฺมกถา. อนุโมทนาย กตฺตพฺพํ วตฺตํ อนุโมทนวตฺตํ. ปฺจเม นิสินฺเนติ อนุโมทนตฺถาย นิสินฺเน. อุปนิสินฺนกถา นาม พหูสุ สนฺนิปติเตสุ ปริกถากถนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อนุโมทนวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาวณฺณนา
๑๘๙. ปิณฺฑจาริกวตฺเต ¶ ปิณฺฑิตพฺโพ สงฺฆริตพฺโพติ ปิณฺโฑ, ปิณฺฑปาโต. ปิณฺฑาย จรณํ สีลมสฺสาติ ปิณฺฑจารี, โส เอว ปิณฺฑจาริโก สกตฺเถ กปจฺจยวเสน. ปิณฺฑจาริเกน วตฺติตพฺพํ วตฺตํ ปิณฺฑจาริกวตฺตํ. ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – นิเวสนํ นาม อิตฺถิกุมาริกาทีนํ วสนฏฺานํ. ยสฺมา ปวิสนนิกฺขมนทฺวารํ อสลฺลกฺเขตฺวา สหสา ปวิสนฺโต วิสภาคารมฺมณํ วา ปสฺเสยฺย, ปริสฺสโย วา ภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘นิเวสนํ…เป… ปวิสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อติทูเร ติฏฺนฺโต อปสฺสนฺโต วา ภเวยฺย, ‘‘อฺสฺส เคเห ติฏฺตี’’ติ วา มฺเยฺย. อจฺจาสนฺเน ติฏฺนฺโต อปสฺสิตพฺพํ วา ปสฺเสยฺย, อสุณิตพฺพํ วา สุเณยฺย, เตน มนุสฺสานํ อคารโว วา อปฺปสาโท วา ภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน าตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อติจิรํ ติฏฺนฺโต อทาตุกามานํ ¶ มโนปโทโส ภเวยฺย, อฺตฺถ ภิกฺขา จ ปริกฺขเยยฺย, อติลหุกํ นิวตฺตนฺโต ทาตุกามานํ ปฺุหานิ จ ภเวยฺย, ภิกฺขุโน จ ภิกฺขาย อสมฺปชฺชนํ, ตสฺมา ‘‘นาติจิรํ าตพฺพํ, นาติลหุกํ นิวตฺติตพฺพํ, ิเตน สลฺลกฺเขตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สลฺลกฺขณาการํ ทสฺเสติ ‘‘สเจ กมฺมํ วา นิกฺขิปตี’’ติอาทินา. ตตฺถ กมฺมํ วา นิกฺขิปตีติ กปฺปาสํ วา สุปฺปํ วา มุสลํ วา ยฺจ คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺติ, ิตา วา นิสินฺนา วา โหนฺติ, ตํ นิกฺขิปติ. ปรามสตีติ คณฺหาติ. เปติ วาติ ‘‘ติฏฺถ ภนฺเต’’ติ วทนฺตี เปติ นาม. อวกฺการปาตีติ อติเรกปิณฺฑปาตํ อปเนตฺวา ปนตฺถาย เอกา สมุคฺคปาติ. เอตฺถ จ สมุคฺคปาติ นาม สมุคฺคปุฏสทิสา ปาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ปิณฺฑจาริกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อารฺิกวตฺตกถาวณฺณนา
๑๙๐. อารฺิกวตฺเต น รมนฺติ ชนา เอตฺถาติ อรฺํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘รมณียานิ อรฺานิ, ยตฺถ น รมตี ชโน;
วีตราคา รมิสฺสนฺติ, น เต กามคเวสิโน’’ติ. (ธ. ป. ๙๙);
อรฺเ ¶ วสตีติ อารฺิโก, เตน วตฺติตพฺพํ วตฺตํ อารฺิกวตฺตํ. ตตฺรายํ วิเสสปทานมตฺโถ – กาลสฺเสว อุฏฺายาติ อรฺเสนาสนสฺส คามโต ทูรตฺตา วุตฺตํ, เตเนว การเณน ‘‘ปตฺตํ คเหตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา คจฺฉนฺโต ปริสฺสโม โหตี’’ติ วุตฺตํ. ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา จีวรํ ขนฺเธ กริตฺวา อรฺมคฺโค น ทุสฺโสธโน โหติ, ตสฺมา กณฺฏกสรีสปาทิปริสฺสยวิโมจนตฺถํ อุปาหนา อาโรหิตฺวา. อรฺํ นาม ¶ ยสฺมา โจราทีนํ วิจรฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา วสนฏฺานโต นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อิโต ปรานิ ภตฺตคฺควตฺตปิณฺฑจาริกวตฺเตสุ วุตฺตสทิสาเนว. คามโต นิกฺขมิตฺวา สเจ พหิคาเม อุทกํ นตฺถิ, อนฺโตคาเมเยว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา, อถ พหิคาเม อตฺถิ, ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา จีวรํ สงฺฆริตฺวา อํเส กริตฺวา อุปาหนา อาโรหิตฺวา คนฺตพฺพํ.
ภาชนํ อลภนฺเตนาติอาทิ อรฺเสนาสนสฺส ทุลฺลภทพฺพสมฺภารตฺตา วุตฺตํ, อคฺคิ อุปฏฺาเปตพฺโพติอาทิ วาฬมิคสรีสปาทิพาหิรปริสฺสยกาเล จ วาตปิตฺตาทิอชฺฌตฺตปอสฺสยกาเล จ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. พหูนํ ปน วสนฏฺาเน ตาทิสานิ สุลภานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘คณวาสิโน ปน เตน วินาปิ วฏฺฏตี’’ติ. กตฺตรทณฺโฑ นาม ปริสฺสยวิโนทโน โหติ, ตสฺมา อรฺเ วิหรนฺเตน อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺโพติ วุตฺตํ ‘‘กตฺตรทณฺโฑ อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ. นกฺขตฺตาเนว นกฺขตฺตปทานิ. โจราทีสุ อาคนฺตฺวา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, เกน นกฺขตฺเตน จนฺโท ยุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิเตสุ ‘‘น ชานามา’’ติ วุตฺเต กุชฺฌนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นกฺขตฺตปทานิ อุคฺคเหตพฺพานิ สกลานิ วา เอกเทสานิ วา’’ติ, ตถา ทิสามูฬฺเหสุ ‘‘กตมายํ, ภนฺเต, ทิสา’’ติ ปุจฺฉิเตสุ, ตสฺมา ‘‘ทิสากุสเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ.
อารฺิกวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสนาสนวตฺตกถาวณฺณนา
๑๙๑. เสนาสนวตฺเต สยนฺติ เอตฺถาติ เสนํ, สยนนฺติ อตฺโถ. อาวสนฺติ เอตฺถาติ อาสนํ. เสนฺจ อาสนฺจ เสนาสนํ. เสนาสเนสุ กตฺตพฺพํ วตฺตํ เสนาสนวตฺตํ ¶ . อิธ ปน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อุปชฺฌายวตฺตกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๘๓ ) วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน อุปชฺฌาเยน วุตฺถวิหาโร วุตฺโต, อิธ ปน อตฺตนา วุตฺถวิหาโรติ อยเมว วิเสโส. น วุฑฺฒํ อนาปุจฺฉาติ ¶ เอตฺถ ตสฺส โอวรเก ตทุปจาเร จ อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ วทนฺติ. โภชนสาลาทีสุปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ โภชนสาลาทีสุปิ อุทฺเทสทานาทิ อาปุจฺฉิตฺวาว กาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เสนาสนวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชนฺตาฆรวตฺตกถาวณฺณนา
๑๙๒. ชนฺตาฆรวตฺเต ชายตีติ ชํ, กึ ตํ? สรีรํ. ชํ ตายติ รกฺขตีติ ชนฺตา, กา สา? ติกิจฺฉา. คยฺหเตติ ฆรํ, กึ ตํ? นิเวสนํ, ชนฺตาย สรีรติกิจฺฉาย กตํ ฆรํ ชนฺตาฆรํ, ชนฺตาฆเร กตฺตพฺพํ วตฺตํ ชนฺตาฆรวตฺตํ. ตตฺถ ปริภณฺฑนฺติ พหิชคติ. เสสํ อุปชฺฌายวตฺเต วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
ชนฺตาฆรวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วจฺจกุฏิวตฺตกถาวณฺณนา
๑๙๓. วจฺจกุฏิวตฺเต วจฺจยเต อูหทยเตติ วจฺจํ, กรีสํ. กุฏียติ ฉินฺทียติ อาตโป เอตายาติ กุฏิ, วจฺจตฺถาย กตา กุฏิ วจฺจกุฏิ, วจฺจกุฏิยา วตฺติตพฺพํ วตฺตํ วจฺจกุฏิวตฺตํ, อิธ จ วตฺตกฺขนฺธเก อาจมนวตฺตํ ปมํ อาคตํ, ปจฺฉา วจฺจกุฏิวตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ปกรเณ ปมํ วจฺจํ กตฺวา ปจฺฉา อาจมตีติ ¶ อธิปฺปาเยน วจฺจกุฏิวตฺตํ ปมํ อาคตํ, ตสฺมา ตทนุกฺกเมน กถยิสฺสาม. ทนฺตกฏฺํ ขาทนฺเตนาติ อยํ วจฺจกุฏิยาปิ สพฺพตฺเถว ปฏิกฺเขโป. นิพทฺธคมนตฺถายาติ อตฺตนา นิพทฺธคมนตฺถาย. ปุคฺคลิกฏฺานํ วาติ อตฺตโน วิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
วจฺจกุฏิวตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
อุปชฺฌายวตฺตาทิวตฺตวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
สตฺตวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๘. จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถา
จีวรภาชนกถาวณฺณนา
๑๙๔. เอวํ ¶ อุปชฺฌายาทิวตฺตสงฺขาตานิ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ กเถตฺวา อิทานิ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชนํ กเถนฺโต ‘‘จตุปจฺจยภาชน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จตูติ สงฺขฺยาสพฺพนามปทํ. ปฏิจฺจ เอติ สีตปฏิฆาตาทิกํ ผลํ เอตสฺมาติ ปจฺจโย, จีวราทิ, ปจฺจโย จ ปจฺจโย จ ปจฺจยา, จตฺตาโร ปจฺจยา จตุปจฺจยํ, ภาชียเต วิภาชียเต ภาชนํ. จตุปจฺจยสฺส ภาชนํ จตุปจฺจยภาชนํ. เตนาห ‘‘จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ภาชน’’นฺติ. ตตฺถ ตสฺมึ จตุปจฺจยภาชเน สมภินิวิฏฺเ จีวรภาชเน ตาว ปมํ จีวรปฏิคฺคาหโก…เป… เวทิตพฺโพ. กสฺมา? สงฺฆิกจีวรสฺส ทุกฺกรภาชนตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อาคตาคตํ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ปฏิคฺคหณมตฺตเมวสฺส ภาโรติ จีวรปฏิคฺคาหโก. จีวรปฏิคฺคาหเกน ปฏิคฺคหิตํ จีวรํ นิทหติ, นิทหนมตฺตเมวสฺส ภาโรติ จีวรนิทหโก. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก. จีวราทิกสฺส ภณฺฑสฺส ปนฏฺานภูตํ อคารํ ภณฺฑาคารํ. จีวรํ ภาเชติ ภาคํ กโรตีติ ¶ จีวรภาชโก. จีวรสฺส ภาชนํ วิภาคกรณํ จีวรภาชนํ, วิภชนกิริยา.
ตตฺถ ‘‘จีวรปฏิคฺคาหโก เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺโต, โส กุโต ลพฺภเตติ อาห ‘‘ปฺจหงฺเคหิ…เป… สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ. กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อนุชานามิ…เป… วจนโต’’ติ. ฉนฺทนํ ฉนฺโท, อิจฺฉนํ ปิหนนฺติ อตฺโถ. คมนํ กรณํ คติ, กิริยา. คาเรยฺหา คติ อคติ, ฉนฺเทน อคติ ฉนฺทาคติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. กถํ ฉนฺทาคตึ คจฺฉตีติ อาห ‘‘ตตฺถ ปจฺฉา อาคตานมฺปี’’ติอาทิ. เอวมิตเรสุปิ. ปฺจมงฺคํ ปน สติสมฺปชฺยุตฺตาภาวํ ทสฺเสติ. สุกฺกปกฺเขปิ อิโต ปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วาติ อิทํ อิมสฺส สมฺมุติกมฺมสฺส ลหุกกมฺมตฺตา วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) ‘‘อวเสสา เตรส สมฺมุติโย เสนาสนคฺคาหมตกจีวรทานาทิสมฺมุติโย จาติ เอตานิ ลหุกกมฺมานิ อปโลเกตฺวาปิ กาตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ. อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อนฺโตวิหาเรติ ¶ พทฺธสีมวิหารํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ อพทฺธสีมวิหาเร อปโลกนาทิจตุพฺพิธกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ ทุพฺพิโสธนตฺตา. ธุรวิหารฏฺาเนติ วิหารทฺวารสฺส สมฺมุขฏฺาเน.
๑๙๗. ภณฺฑาคารสมฺมุติยํ วิหารมชฺเฌเยวาติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตมหาสีมา วิหารสฺส มชฺเฌเยว สมฺมนฺนิตพฺพา. อิมสฺมึ ปน าเน อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมายํ นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, วิหารมชฺเฌเยว ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ¶ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติอาทินา นเยน ‘‘กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพ’’นฺติ วจนํ นิสฺสาย ตฺติทุติยกมฺมํ อุปจารสีมายํ กาตุํ วฏฺฏตีติ คเหตฺวา กถินทานกมฺมมฺปิ อพทฺธสีมาภูเต วิหาเร อุปจารสีมายํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ ตฺติกมฺมมฺปิ ตเถว คเหตฺวา อพทฺธสีมวิหาเร อุปจารสีมามตฺเตเยว อุโปสถปวารณํ กโรนฺติ, ตทยุตฺตํ, การณํ ปเนตฺถ กถินวินิจฺฉยกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๖) อาวิ ภวิสฺสติ.
๑๙๘. ตุลาภูโตติ ตุลาสทิโส. อิทนฺติ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสทานํ. อิมํ กิร ปาํ อมนสิกโรนฺตา อิทานิ กาลจีวรมฺปิ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ เทนฺติ. ผาติกมฺมนฺติ ปโหนกกมฺมํ, ยตฺตเกน วินยาคเตน สมฺมฺุชนีพนฺธนาทิหตฺถกมฺเมน วิหารสฺส อูนตา น โหติ, ตตฺตกํ กตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพสนฺติ ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ คณฺหนฺตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ สามเณรานฺจ. ภณฺฑาคารจีวเรปีติ อกาลจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตีติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. เอตนฺติ อุกฺกุฏฺิยา กตาย สมภาคทานํ. วิรชฺฌิตฺวา กโรนฺตีติ กตฺตพฺพกาเลสุ อกตฺวา ยถารุจิตกฺขเณ กโรนฺติ. สมปฏิวีโส ทาตพฺโพติ กริสฺสามาติ ยาจนฺตานํ ปฏิฺามตฺเตนปิ สมโก โกฏฺาโส ทาตพฺโพ.
อติเรกภาเคนาติ ทส ภิกฺขู โหนฺติ, สาฏกาปิ ทเสว, เตสุ เอโก ทฺวาทส อคฺฆติ, เสสา ทสคฺฆนกา. สพฺเพสุ ทสคฺฆนกวเสน กุเส ปาติเต ยสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสคฺฆนโก กุโส ปาติโต, โส ‘‘เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตี’’ติ เตน อติเรกภาเคน คนฺตุกาโม โหติ. เอตฺถ จ เอตฺตเกน มม จีวรํ ปโหตีติ ทฺวาทสคฺฆนเกน มม จีวรํ ปริปุณฺณํ โหติ, น ตโต อูเนนาติ สพฺพํ คเหตุกาโมติ ¶ อตฺโถ. ภิกฺขู ‘‘อติเรกํ อาวุโส สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ วทนฺติ, ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘สงฺฆิเก จ คณสนฺตเก จ อปฺปกํ นาม นตฺถิ, สพฺพตฺถ ¶ สํยโม กาตพฺโพ, คณฺหนฺเตนปิ กุกฺกุจฺจายิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุกฺเขเป ทินฺเน’’ติ อาห. ตตฺถ อนุกฺเขโป นาม ยํ กิฺจิ อนุกฺขิปิตพฺพํ อนุปฺปทาตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ, ยตฺตกํ ตสฺส ปฏิวีเส อธิกํ, ตตฺตเก อคฺฆนเก ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ กปฺปิยภณฺเฑ ทินฺเนติ อตฺโถติ อิมมตฺถํ สงฺเขเปน ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ทส ภิกฺขู โหนฺติ’’ตฺยาทิ วุตฺตํ.
วิกลเก โตเสตฺวาติ เอตฺถ จีวรวิกลกํ ปุคฺคลวิกลกนฺติ ทฺเว วิกลกา. ตตฺถ จีวรวิกลกํ นาม สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานิ ปตฺตานิ, เสสานิปิ อตฺถิ, เอเกกํ ปน น ปาปุณาติ, ฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพานิ. ฉินฺทนฺเตหิ จ อฑฺฒมณฺฑลาทีนํ วา อุปาหนถวิกาทีนํ วา ปโหนกานิ ขณฺฑานิ กตฺวา ทาตพฺพานิ, เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตุรงฺคุลวิตฺถารมฺปิ อนุวาตปฺปโหนกายามํ ขณฺฑํ กตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. อปริโภคํ ปน น กาตพฺพนฺติ เอวเมตฺถ จีวรสฺส อปฺปโหนกภาโว จีวรวิกลกํ. ฉินฺทิตฺวา ทินฺเน ปเนตํ โตสิตํ โหติ. อถ กุสปาโต กาตพฺโพ, สเจปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน โกฏฺาเส เอกํ วา ทฺเว วา วตฺถานิ นปฺปโหนฺติ, ตตฺถ อฺํ สามณกํ ปริกฺขารํ เปตฺวา โย เตน ตุสฺสติ, ตสฺส ตํ ภาคํ ทตฺวา ปจฺฉา กุสปาโต กาตพฺโพ. อิทมฺปิ จีวรวิกลกนฺติ อนฺธฏฺกถายํ วุตฺตํ.
ปุคฺคลวิกลกํ นาม ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ กโรนฺตานํ เอโก วคฺโค น ปูรติ, อฏฺ วา นว วา โหนฺติ, เตสํ อฏฺ วา นว วา โกฏฺาสา ‘‘ตุมฺเห อิเม คเหตฺวา วิสุํ ภาเชถา’’ติ ทาตพฺพา. เอวมยํ ปุคฺคลานํ อปฺปโหนกภาโว ปุคฺคลวิกลกํ นาม. วิสุํ ทินฺเน ปน ตํ โตสิตํ ¶ โหติ, เอวํ โตเสตฺวา กุสปาโต กาตพฺโพติ. อถ วา วิกลเก โตเสตฺวาติ โย จีวรวิภาโค อูนโก, ตํ อฺเน ปริกฺขาเรน สมํ กตฺวา กุสปาโต กาตพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สเจ สพฺเพสํ ปฺจ ปฺจ วตฺถานี’’ติอาทินา.
๑๙๙. อิโต ปรํ เตสุ เตสุ วตฺถูสุ อาคตวเสน อฏฺกถายํ วุตฺเตสุ วินิจฺฉเยสุ สนฺเตสุปิ เตสํ วินิจฺฉยานํ อฏฺมาติกาวินิจฺฉยโต อวิมุตฺตตฺตา อฏฺมาติกาวินิจฺฉเยสฺเวว ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ อฏฺิมา, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ยา ตา อฏฺ มาติกา ภควตา วุตฺตา, ตาสํ อฏฺนฺนํ มาติกานํ วเสน วินิจฺฉโย อิทานิ เวทิตพฺโพติ โยชนา. ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนาติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ธุวสนฺนิปาตฏฺานาทิโต ปมเลฑฺฑุปาตสฺส ¶ อนฺโต อุปจารสีมาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ทุติยเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโตปิ อุปจารสีมาเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ ปริยนฺตคตเมว คเหตพฺพํ. ‘‘เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติอาทินา อิเม ลาภคฺคหณาทโย อุปจารสีมาวเสเนว โหติ, น อวิปฺปวาสสีมาวเสนาติ ทสฺเสติ, เตน จ อิมานิ ลาภคฺคหณาทีนิเยว อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพานิ, น อปโลกนกมฺมาทีนิ จตฺตาริ กมฺมานิ, ตานิ ปน อวิปฺปวาสสีมาทีสุเยว กตฺตพฺพานีติ ปกาเสติ. ตถา หิ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) ‘‘ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปเวสนเสนาสนปุจฺฉนาทิ ปริวาสมานตฺตาโรจนวสฺสจฺเฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิ วิธานนฺติ อิทํ สพฺพํ อิมิสฺสาเยว อุปจารสีมาย วเสน เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ลาภตฺถาย ¶ ปิตา สีมา ลาภสีมา. โลเก คามสีมาทโย วิย ลาภสีมา นาม วิสุํ ปสิทฺธา นตฺถิ, เกนายํ อนฺุาตาติ อาห ‘‘เนว สมฺมาสมฺพุทฺเธนา’’ติอาทิ. เอเตน นายํ สาสนโวหารสิทฺธา, โลกโวหารสิทฺธา เอวาติ ทสฺเสติ. ชนปทปริจฺเฉโทติ อิทํ โลกปสิทฺธสีมาสทฺทตฺถวเสน วุตฺตํ, ปริจฺเฉทพฺภนฺตรมฺปิ สพฺพํ ชนปทสีมาติ คเหตพฺพํ. ชนปโท เอว ชนปทสีมา, เอวํ รฏฺสีมาทีสุปิ. เตนาห ‘‘อาณาปวตฺติฏฺาน’’นฺติอาทิ. ปถวีเวมชฺฌคตสฺสาติ ยาว อุทกปริยนฺตา ขณฺฑสีมตฺตา วุตฺตํ. อุปจารสีมาทีสุ ปน อพทฺธสีมาสุ เหฏฺาปถวิยํ สพฺพตฺถ ิตานํ น ปาปุณาติ, กูปาทิปเวสารหฏฺาเน ิตานฺเว ปาปุณาตีติ เหฏฺา สีมกถายํ วุตฺตนเยเนว ตํตํสีมฏฺภาโว เวทิตพฺโพ. จกฺกวาฬสีมาย ทินฺนํ ปถวีสนฺธารกอุทกฏฺาเนปิ ิตานํ ปาปุณาติ สพฺพตฺถ จกฺกวาฬโวหารตฺตาติ. สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาสุ ทินฺนสฺส อิทํ นานตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตตฺตา. ‘‘สมานสํวาสกสีมายทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานมฺปิ ปาปุณาตีติ.
๒๐๐-๑. พุทฺธาธิวุตฺโถติ พุทฺเธน ภควตา อธิวุตฺโถ. เอกสฺมินฺติ เอกสฺมึ วิหาเร. ปากวตฺตนฺติ นิพทฺธทานํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. เตหิ วตฺตพฺพนฺติ เยสํ สมฺมุเข เอส เทติ, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺตพฺพํ.
๒๐๒. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเหติ ยาว สงฺฆนวกํ เอกวารํ สพฺเพสํ ภาคํ ทตฺวา ¶ จีวเร อปริกฺขีเณ ปุน สพฺเพสํ ทาตุํ ทุติยภาเค เถรสฺส ทินฺเนติ อตฺโถ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตุยฺเหว ภิกฺขุ ตานิ จีวรานี’’ติ (มหาว. ๓๖๓) ภควตา ¶ วุตฺตนเยน. ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวตฺวา, ‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทมา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๙) ปน ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘ตุยฺหํ เทมา’’ติ อวุตฺตตฺตาติ การณํ วทนฺติ. ยทิ เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ วฏฺเฏยฺย, ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทม, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วจนโต เภโท น ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพเมตฺถ การณนฺติ. ปารุปิตุํ วฏฺฏตีติ ปํสุกูลิกานํ วฏฺฏติ. สามิเกหิ วิจาริตเมวาติ อุปาหนตฺถวิกาทีนมตฺถาย วิจาริตเมว.
๒๐๓. อุปฑฺฒํ ทาตพฺพนฺติ ยํ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนํ, ตโต อุปฑฺฒํ ภิกฺขูนํ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺพํ. สเจปิ เอโก ภิกฺขุ โหติ, เอกา วา ภิกฺขุนี, อนฺตมโส อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ อุปฑฺฒเมว ทาตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปน น มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา ภิกฺขุนิปกฺเข สงฺฆสฺส ปจฺเจกํ อปรามฏฺตฺตา ภิกฺขุนีนํ คณนาย ภาโค ทาตพฺโพติ ทายกสฺส อธิปฺปาโยติ สิชฺฌติ, ตถา ทานฺจ ภิกฺขูปิ คเณตฺวา ทินฺเน เอว ยุชฺชติ. อิตรถา หิ ‘‘กิตฺตกํ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพํ, กิตฺตกํ ภิกฺขุนีน’’นฺติ น วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตวจนสทิสเมวาติ อาห ‘‘ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโล…เป… ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺเต ปน ปุคฺคโล วิสุํ น ลภตีติ อิทํ อฏฺกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํ, น เหตฺถ วิเสสการณํ อุปลพฺภติ. ตถา หิ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต สามฺวิเสสวจเนหิ สงฺคหิตตฺตา ยถา ปุคฺคโล วิสุํ ลภติ, เอวมิธาปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติ ¶ สามฺวิเสสวจนสพฺภาวโต ภวิตพฺพเมว วิสุํ ปุคฺคลปฏิวีเสนาติ วิฺายติ, ตสฺมา อฏฺกถาวจนเมเวตฺถ ปมาณํ. ปาปุณนฏฺานโต เอกเมว ลภตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺานโต เอกเมว โกฏฺาสํ ลภติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ, ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณเนว ปุคฺคลสฺสปิ คหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๙) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๙) ปน ภิกฺขุสงฺฆสทฺเทน ภิกฺขูนฺเว คหิตตฺตา, ปุคฺคลสฺส ปน ‘‘ตุยฺหฺจา’’ติ วิสุํ คหิตตฺตา จ ตตฺถสฺส อคฺคหิตตฺตา ทฏฺพฺพา, ‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจา’’ติ วุตฺตฏฺานสทิสตฺตาติ อธิปฺปาโย. ปุคฺคลปฺปธาโน เหตฺถ สงฺฆ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ ปาํ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ตสฺส วิสุํ ลาภคฺคหเณ การณวจนตฺตา. ตถา หิ ‘‘วิสุํ สงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา’’ติ วิสุํ ปุคฺคลสฺสปิ ภาคคฺคหเณ การณํ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ, เอวํ อุปริ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจา’’ติอาทีสุปิ วิสุํ สงฺฆาทิสทฺเทหิ ปุคฺคลสฺส อคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ คหณํ สิยา, สงฺฆโตปิ วิสุมฺปีติ ภาคทฺวยํ ลเภยฺย อุภยตฺถ คหิตตฺตาติ วุตฺตํ. ปูเชตพฺพนฺติอาทิ คิหิกมฺมํ น โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส หราติ อิทํ ปิณฺฑปาตหรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺเตปิ หริตพฺพนฺติ อีทิสํ คิหิเวยฺยาวจฺจํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
๒๐๔. อนฺโตเหมนฺเตติ อิมินา อนตฺถเต กถิเน วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส ทินฺนํ ปุริมวสฺสํวุตฺถานฺเว ปาปุณาติ, ตโต ปรํ เหมนฺเต ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปิ วุตฺถวสฺสตฺตา ¶ ปาปุณาติ, เหมนฺตโต ปน ปรํ ปิฏฺิสมเย ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ อนนฺตเร วสฺเส วา ตโต ปเรสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เย ปน สพฺพถา อวุตฺถวสฺสา, เตสํ น ปาปุณาตีติ ทสฺเสติ. ลกฺขณฺู วทนฺตีติ วินยลกฺขณฺุโน อาจริยา วทนฺติ. ลกฺขณฺู วทนฺตีติ อิทํ สนฺนิฏฺานวจนํ, อฏฺกถาสุ อนาคตตฺตา ปน เอวํ วุตฺตํ. พหิอุปจารสีมายํ…เป… สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย. เตเนว มาติกาฏฺกถายมฺปิ (กงฺข. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สเจ ปน พหิอุปจารสีมายํ ิโต ‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, ยตฺถ กตฺถจิ วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสํ สมฺปตฺตานํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนนุรูเป ปเทเส ตฺวา วุตฺตตฺตา วสฺสํวุตฺถานฺจ อวุตฺถานฺจ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อวุตฺถวสฺสานํ ปาปุณาติ. สพฺเพสมฺปีติ ตสฺมึ ภิกฺขุภาเว วุตฺถวสฺสานํ สพฺเพสมฺปีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา. สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสมฺปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอวํ วทตีติ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมีติ วทติ. อตีตวสฺสนฺติ อนนฺตราตีตวสฺสํ.
๒๐๕. อิทานิ ¶ ‘‘อาทิสฺส เทตี’’ติ ปทํ วิภชนฺโต ‘‘อาทิสฺส เทตีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยาคุยา วา…เป… เภสชฺเช วา อาทิสิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา เทนฺโต ทายโก อาทิสฺส เทติ นามาติ โยชนา. เสสํ ปากฏเมว.
๒๐๖. อิทานิ ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ ปทํ วิภชนฺโต อาห ‘‘ปุคฺคลสฺส เทติ เอตฺถา’’ติอาทิ. สงฺฆโต จ คณโต จ วินิมุตฺตสฺส ¶ อตฺตโน กุลูปกาทิปุคฺคลสฺส เทนฺโต ทายโก ปุคฺคลสฺส เทติ นาม. ตํ ปน ปุคฺคลิกทานํ ปรมฺมุขา วา โหติ สมฺมุขา วา. ตตฺถ ปรมฺมุขา เทนฺโต ‘‘อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ นามํ อุทฺธริตฺวา เทติ, สมฺมุขา เทนฺโต จ ภิกฺขุโน ปาทมูเล จีวรํ เปตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา เทติ, ตทุภยถาปิ เทนฺโต ปุคฺคลสฺส เทติ นามาติ อตฺโถ. น เกวลํ เอกสฺเสว เทนฺโต ปุคฺคลสฺส เทติ นาม, อถ โข อนฺเตวาสิกาทีหิ สทฺธึ เทนฺโตปิ ปุคฺคลสฺส เทติ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโตติ ตสฺส สนฺติเก อุทฺเทสํ อคฺคหิตปุพฺพสฺสปิ อุทฺเทสํ คณฺหิสฺสามีติ อาคตกาลโต ปฏฺาย อนฺเตวาสิกภาวูปคมนโต วุตฺตํ. คเหตฺวา คจฺฉนฺโตติ ปรินิฏฺิตอุทฺเทโส หุตฺวา คจฺฉนฺโต. วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานนฺติ อิทํ ‘‘อุทฺเทสนฺเตวาสิกาน’’นฺติ อิมสฺเสว วิเสสนํ. เตน อุทฺเทสกาเล อาคนฺตฺวา อุทฺเทสํ คเหตฺวา คนฺตฺวา อฺตฺถ นิวสนฺเต อนิพทฺธจาริเก นิวตฺเตติ.
เอวํ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๗๙) อาคตอฏฺมาติกาวเสน จีวรวิภชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึเยว จีวรกฺขนฺธเก มชฺเฌ อาคเตสุ วตฺถูสุ อาคตนยํ นิวตฺเตตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ โกจิ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย ตสฺเสว ตานิ จีวรานีติ วิสฺสชฺชนา, เสสานิ าปกาทิวเสน วุตฺตานิ. ปฺจ มาเสติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโตติ วสฺสาวาสิกตฺถาย เวยฺยาวจฺจกเรหิ วฑฺฒึ ปโยเชตฺวา ปิตอุปนิกฺเขปโต. ตตฺรุปฺปาทโตติ นาฬิเกรารามาทิตตฺรุปฺปาทโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อิทํ อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมาติ วา วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วา วตฺวา ¶ ทินฺนํ ตํ อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺเน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธาติ อภิลาปมตฺตเมเวตํ, อิธ-สทฺทํ วินา ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วุตฺเตปิ โส เอว นโย. อนตฺถตกถินสฺสปิ ปฺจ มาเส ปาปุณาตีติ วสฺสาวาสิกลาภวเสน อุปฺปนฺนตฺตา อนตฺถตกถินสฺสปิ วุตฺถวสฺสสฺส ปฺจ มาเส ปาปุณาติ, ตโต ปรํ ปน อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกํ ปุจฺฉิตพฺพํ ¶ ‘‘กึ อตีตวสฺเส อิทํ วสฺสาวาสิกํ, อุทาหุ อนาคตวสฺเส’’ติ. ตตฺถ ตโต ปรนฺติ ปฺจมาสโต ปรํ, คิมฺหานสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.
ิติกา ปน น ติฏฺตีติ เอตฺถ อฏฺิตาย ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ เอโก ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวีหิปิ คเหตพฺพํ. ิตาย ปน ิติกาย ปุน อฺสฺมึ จีวเร อุปฺปนฺเน สเจ นวกตโร อาคจฺฉติ, ิติกา เหฏฺา คจฺฉติ. สเจ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ิติกา อุทฺธํ อาโรหติ. อถ อฺโ นตฺถิ, ปุน อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพํ. ทุคฺคหิตานีติ อคฺคหิตานิ, สงฺฆิกาเนว โหนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ปาติเต กุเส’’ติ เอกโกฏฺาเส กุสทณฺฑเก ปาติตมตฺเต สเจปิ ภิกฺขุสหสฺสํ โหติ, คหิตเมว นาม จีวรํ. ‘‘นากามา ภาโค ทาตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๓), ตตฺถ คหิตเมว นามาติ ‘‘อิมสฺส อิทํ ปตฺต’’นฺติ กิฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา อตฺถโต เตสํ ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย.
สตฺตาหวาเรน อรุณเมว อุฏฺาเปตีติ อิทํ นานาสีมวิหาเรสุ กตฺตพฺพนเยน เอกสฺมิมฺปิ วิหาเร ทฺวีสุ เสนาสเนสุ นิวุตฺถภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อรุณุฏฺาปเนเนว ตตฺถ วุตฺโถ โหติ, น ปน วสฺสจฺเฉทปริหาราย. อนฺโตอุปจารสีมาย ¶ หิ ยตฺถ กตฺถจิ อรุณํ อุฏฺาเปนฺโต อตฺตนา คหิตเสนาสนํ อปฺปวิฏฺโปิ วุตฺถวสฺโส เอว โหติ. คหิตเสนาสเน ปน นิวุตฺโถ นาม น โหติ, ตตฺถ อรุณุฏฺาปเน สติ โหติ. เตนาห ‘‘ปุริมสฺมึ พหุตรํ นิวสติ นามา’’ติ. เอเตน จ อิตรสฺมึ สตฺตาหวาเรนปิ อรุณุฏฺาปเน สติ เอว อปฺปตรํ นิวสติ นาม โหติ, นาสตีติ ทีปิตํ โหติ. อิทนฺติ เอกาธิปฺปายทานํ. นานาลาเภหีติอาทีสุ นานา วิสุํ วิสุํ ลาโภ เอเตสูติ นานาลาภา, ทฺเว วิหารา, เตหิ นานาลาเภหิ. นานา วิสุํ วิสุํ ปาการาทีหิ ปริจฺฉินฺโน อุปจาโร เอเตสนฺติ นานูปจารา, เตหิ นานูปจาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ เอกสีมายํ ทฺวีหิ วิหาเรหีติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๖๔) วุตฺตํ. นานาลาเภหีติ วิสุํ วิสุํ นิพทฺธวสฺสาวาสิกลาเภหิ. นานูปจาเรหีติ นานาปริกฺเขปนานาทฺวาเรหิ. เอกสีมวิหาเรหีติ ทฺวินฺนํ วิหารานํ เอเกน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตตฺตา เอกาย อุปจารสีมาย อนฺโตคเตหิ ทฺวีหิ วิหาเรหีติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๖๔). เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภตีติ ปมํ คหิโต ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตตฺถาติ ยตฺถ เสนาสนคฺคาโห ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ตตฺถ.
๒๐๗. ภิกฺขุสฺส ¶ กาลกเตติ เอตฺถ กาลกต-สทฺโท ภาวสาธโนติ อาห ‘‘กาลกิริยายา’’ติ. ปาฬิยํ คิลานุปฏฺากานํ จีวรทาเน สามเณรานํ ติจีวราธิฏฺานาภาวา ‘‘จีวรฺจ ปตฺตฺจา’’ติอาทิ สพฺพตฺถ วุตฺตํ.
๒๐๘. สเจปิ สหสฺสํ อคฺฆติ, คิลานุปฏฺากานฺเว ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อฺนฺติ ติจีวรปตฺตโต อฺํ. อปฺปคฺฆนฺติ อติชิณฺณาทิภาเวน นิหีนํ. ตโตติ อวเสสปริกฺขารโต. สพฺพนฺติ ปตฺตํ จีวรฺจ. ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆสฺเสวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ¶ วิหาเร สงฺฆสฺเสว. ภิกฺขุโน กาลกตฏฺานํ สนฺธาย ‘‘อิธา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ตตฺถา’’ติ วุตฺตตฺตา วิจฺฉาวจนตฺตา จ ปริกฺขารสฺส ปิตฏฺานํ วุตฺตนฺติ วิฺายติ. ปาฬิยํ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกนฺติ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺเสว สนฺตกํ หุตฺวา กสฺสจิ อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกฺจ ภวิตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ‘‘สนฺเต ปติรูเป คาหเก’’ติ วุตฺตตฺตา คาหเก อสติ อทตฺวา ภาชิเตปิ สุภาชิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ เอตฺถ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๗๖) ตาว ‘‘ยตฺถ ปน ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ ภิกฺขู ยสฺมึ รฏฺเ ทกฺขิโณทกปฏิคฺคหณมตฺเตนปิ เทยฺยธมฺมสฺส สามิโน โหนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๗๖) ปน ‘‘ทกฺขิโณทกํ ปมาณนฺติ เอตฺตกานิ จีวรานิ ทสฺสามีติ ปมํ อุทกํ ปาเตตฺวา ปจฺฉา เทนฺติ, ตํ เยหิ คหิตํ, เต ภาคิโนว โหนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ปรสมุทฺเทติ ชมฺพุทีเป. ตมฺพปณฺณิทีปฺหิ อุปาทาเยส เอวํ วุตฺโต.
‘‘มตกจีวรํ อธิฏฺาตี’’ติ เอตฺถ มคฺคํ คจฺฉนฺโต ตสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา อวิหารฏฺาเน เจ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อภาวํ ตฺวา ‘‘อิทํ จีวรํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อธิฏฺาติ, สฺวาธิฏฺิตํ. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร กาลกโต โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร. อปิจ คิลานุปฏฺากา พหุปการา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ¶ สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) อิมินา ปาเน ภควา สพฺพฺู ภิกฺขูนํ อามิสทายชฺชํ วิจาเรสิ.
ตตฺถ ¶ ติจีวรปตฺตอวเสสลหุภณฺฑครุภณฺฑวเสน อามิสทายชฺชํ ติวิธํ โหติ. เตสุ ติจีวรปตฺตํ คิลานุปฏฺากสฺส ภาโค โหติ, อวเสสลหุภณฺฑํ สมฺมุขีภูตสงฺฆสฺส, ปฺจวีสติวิธ ครุภณฺฑํ จาตุทฺทิสสงฺฆสฺส. อิมินา อิโต ติวิธภณฺฑโต อฺํ ภิกฺขุภณฺฑํ นาม นตฺถิ, อิเมหิ ติวิเธหิ ปุคฺคเลหิ อฺโ ทายาโท นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ปน วินยธรา ‘‘ภิกฺขูนํ อกปฺปิยภณฺฑํ คิหิภูตา าตกา ลภนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ กสฺมาติ เจ? ‘‘เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ อาคตตฺตาติ. สจฺจํ อาคโต, โส ปน ปาโ วิสฺสาสคฺคาหวิสเย อาคโต, น ทายชฺชคหณฏฺาเน. ‘‘คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา’’อิจฺเจว อาคโต, น ‘‘าตกา อฺาตกา วา’’ติ, ตสฺมา าตกา วา โหนฺตุ อฺาตกา วา, เย ตํ คิลานํ อุปฏฺหนฺติ, เต คิลานุปฏฺากภาคภูตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺปพฺพชิตา, อนฺตมโส มาตุคามาปิ. เต สนฺธาย ‘‘เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน เย คิลานํ นุปฏฺหนฺติ, เต สนฺธาย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘คิลานุปฏฺาโก นาม คิหี วา โหตุ ปพฺพชิโต วา, อนฺตมโส มาตุคาโมปิ, สพฺเพ ภาคํ ลภนฺตี’’ติ.
อถ วา โย ภิกฺขุ อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ าตกสฺส วา อฺาตกสฺส วา คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา อทาสิ, โกจิ จ าตโก วา อฺาตโก วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ตาทิเส สนฺธาย ‘‘เย ตสฺส ธนสฺส อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพ’’นฺติ ¶ วุตฺตํ, น ปน อตาทิเส าตเก. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘สเจ ปน โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ, ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหติ, ตสฺส รุจิยา เอว คิลานุปฏฺากา ลภนฺตี’’ติ. เอวํ โหตุ, กปฺปิยภณฺเฑ ปน กถนฺติ? ตมฺปิ ‘‘คิหิาตกานํ ทาตพฺพ’’นฺติ ปาฬิยํ วา อฏฺกถายํ วา ฏีกาสุ วา นตฺถิ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมตํ.
จีวรภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา
๒๐๙. อิทานิ ¶ ปิณฺฑปาตภาชนวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ปิณฺฑปาตภาชเน ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เสนาสนกฺขนฺธเก เสนาสนภาชเนเยว ปมํ อาคเตปิ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉยตฺตา ปจฺจยานุกฺกเมน ปิณฺฑปาตภาชนํ ปมํ ทสฺเสติ. ปิณฺฑปาตภาชเน ปน สงฺฆภตฺตาทีสุ อยํ วินิจฺฉโยติ สมฺพนฺโธ. กถํ เอตานิ สงฺฆภตฺตาทีนิ ภควตา อนฺุาตานีติ อาห ‘‘อนุชานามิ…เป… อนฺุาเตสู’’ติ. สงฺฆสฺส อตฺถาย อาภตํ ภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ ยถา ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาภตํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺต’’นฺติ. สงฺฆโต อุทฺทิสฺส อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. นิมนฺเตตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ นิมนฺตนภตฺตํ. สลากํ ปาเตตฺวา คาเหตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ. ปกฺเข ปกฺขทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขภตฺตํ. อุโปสเถ อุโปสถทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถภตฺตํ. ปาฏิปเท อุโปสถทิวสโต ทุติยทิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปาฏิปทภตฺตนฺติ วิคฺคโห. ิติกา นาม นตฺถีติ สงฺฆตฺเถรโต ปฏฺาย วสฺสคฺเคน คาหณํ ิติกา นาม.
อตฺตโน ¶ วิหารทฺวาเรติ วิหารสฺส ทฺวารโกฏฺกสมีปํ สนฺธาย วุตฺตํ. โภชนสาลายาติ ภตฺตุทฺเทสฏฺานภูตาย โภชนสาลายํ. วสฺสคฺเคนาติ วสฺสโกฏฺาเสน. ทินฺนํ ปนาติ วตฺวา ยถา โส ทายโก วทติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺฆโต ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อนฺตรฆเรติ อนฺโตเคเห. อนฺโตอุปจารคตานนฺติ เอตฺถ คามทฺวารวีถิจตุกฺเกสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรํ อุปจาโร นาม.
อนฺตรฆรสฺส อุปจาเร ปน ลพฺภมานวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฆรูปจาโร เจตฺถา’’ติอาทิมาห. เอกวฬฺชนฺติ เอเกน ทฺวาเรน วฬฺชิตพฺพํ. นานานิเวสเนสูติ นานากุลสฺส นานูปจาเรสุ นิเวสเนสุ. ลชฺชี เปสโล อคติคมนํ วชฺเชตฺวา เมธาวี จ อุปปริกฺขิตฺวา อุทฺทิสตีติ อาห ‘‘เปสโล ลชฺชี เมธาวี อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ. นิสินฺนสฺสปิ นิทฺทายนฺตสฺสปีติ อนาทเร สามิวจนํ, วุฑฺฒตเร นิทฺทายนฺเต นวกสฺส คาหิตํ สุคฺคาหิตนฺติ อตฺโถ. ติจีวรปริวารํ วาติ เอตฺถ ‘‘อุทกมตฺตลาภี วิย อฺโปิ อุทฺเทสภตฺตํ อลภิตฺวา วตฺถาทิอเนกปฺปการกํ ลภติ เจ, ตสฺเสว ต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อตฺตโน รุจิวเสน ยํ กิฺจิ วตฺวา อาหริตุํ วิสฺสชฺชิตตฺตา วิสฺสฏฺทูโต นาม. ยํ อิจฺฉตีติ ‘‘อุทฺเทสภตฺตํ เทถา’’ติอาทีนิ วทนฺโต ยํ อิจฺฉติ. ปุจฺฉาสภาเคนาติ ปุจฺฉาสทิเสน.
‘‘เอกา ¶ กูฏฏฺิติกา นาม โหตี’’ติ วตฺวา ตเมว ิติกํ วิภาเวนฺโต ‘‘รฺโ วา หี’’ติอาทิมาห. อฺเหิ อุทฺเทสภตฺตาทีหิ อมิสฺเสตฺวา วิสุํเยว ิติกาย คเหตพฺพตฺตา ‘‘เอกจาริกภตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เถยฺยาย หรนฺตีติ ปตฺตหารกา หรนฺติ. คีวา โหตีติ อาณาปกสฺส คีวา โหติ. สพฺพํ ปตฺตสฺสามิกสฺส โหตีติ จีวราทิกมฺปิ สพฺพํ ปตฺตสฺสามิกสฺเสว โหติ, ‘‘มยา ¶ ภตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น จีวราทิ’’นฺติ วตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตา คจฺฉนฺตีติ มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ เตน ภิกฺขุนา วุตฺตา คจฺฉนฺติ. อกตภาโค นามาติ อาคนฺตุกภาโค นาม, อทินฺนปุพฺพภาโคติ อตฺโถ. สพฺโพ สงฺโฆ ปริภฺูชตูติ วุตฺเตติ เอตฺถ ‘‘ปมเมว ‘สพฺพสงฺฆิกภตฺตํ เทถา’ติ วตฺวา ปจฺฉา ‘สพฺโพ สงฺโฆ ปริภฺุชตู’ติ อวุตฺเตปิ ภาเชตฺวา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. กึ อาหรียตีติ อวตฺวาติ ‘‘กตรภตฺตํ ตยา อาหรียตี’’ติ ทายกํ อปุจฺฉิตฺวา. ปกติิติกายาติ อุทฺเทสภตฺติติกาย.
ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา
๒๑๐. ‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติอาทีนิ อวตฺวา ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ สงฺฆิกํ นิมนฺตนํ นาม. ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ภิกฺขาปริยาเยน วุตฺตตฺตา วฏฺฏติ. ปฏิปาฏิยาติ ลทฺธปฏิปาฏิยา. วิจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ปทํ อวตฺวา. เตเนวาห ‘‘ภตฺตนฺติ อวทนฺเตนา’’ติ. อาโลปสงฺเขเปนาติ เอเกกปิณฺฑวเสน. อยฺจ นโย นิมนฺตเนเยว, น อุทฺเทสภตฺเต. ตสฺส หิ เอกสฺส ปโหนกปฺปมาณํเยว ภาเชตพฺพํ, ตสฺมา อุทฺเทสภตฺเต อาโลปฏฺิติกา นาม นตฺถิ.
อารุฬฺหาเยว มาติกํ. สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขูติ เอตฺถ เย มาติกํ อารุฬฺหา, เต อฏฺ ภิกฺขูติ โยเชตพฺพํ. อุทฺเทสภตฺตนิมนฺตนภตฺตาทิสงฺฆิกภตฺตมาติกาสุ นิมนฺตนภตฺตมาติกาย ิติกาวเสน อารุฬฺเห ภตฺตุทฺเทสเกน วา สยํ วา สงฺฆโต อุทฺทิสาเปตฺวา คเหตฺวา คนฺตพฺพํ, น อตฺตนา ¶ รุจิเต คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. มาติกํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘สงฺฆโต คณฺหามี’’ติอาทินา วุตฺตมาติกาเภทํ ทายกสฺส วิฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘เอกวารนฺติ ยาว ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ ภิกฺขู ¶ , สพฺเพ ลภนฺตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – เอกวารนฺติ น เอกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยตฺตกา ปน ภิกฺขู ตสฺมึ อาวาเส วสนฺติ, เต สพฺเพ. เอกสฺมึ ทิวเส คหิตภิกฺขู อฺทา อคฺคเหตฺวา ยาว เอกวารํ สพฺเพ ภิกฺขู โภชิตา โหนฺตีติ ชานาติ เจ, เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตพฺพนฺติ. ปฏิพทฺธกาลโต ปฏฺายาติ ตตฺเถว วาสสฺส นิพทฺธกาลโต ปฏฺาย.
นิมนฺตนภตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สลากภตฺตกถาวณฺณนา
๒๑๑. อุปนิพนฺธิตฺวาติ ลิขิตฺวา. คามวเสนปีติ เยภุยฺเยน สมลาภคามวเสนปิ. พหูนิ สลากภตฺตานีติ ตึสํ วา จตฺตารีสํ วา ภตฺตานิ. สเจ โหนฺตีติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. สลฺลกฺเขตฺวาติ ตานิ ภตฺตานิ ปมาณวเสน สลฺลกฺเขตฺวา. นิคฺคเหน ทตฺวาติ ทูรํ คนฺตุํ อนิจฺฉนฺตสฺส นิคฺคเหน สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา. ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวาติ เอตฺถ วิหารํ อนาคนฺตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา ปจฺฉา วิหาเร อตฺตโน ปาเปตฺวา ภฺุชิตุมฺปิ วฏฺฏติ. เอกเคหวเสนาติ วีถิยมฺปิ เอกปสฺเส ฆรปาฬิยา วเสน. อุทฺทิสิตฺวาปีติ ‘‘อสุกกุเล สลากภตฺตานิ ตุยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา.
๒๑๒. วารคาเมติ อติทูรตฺตา วาเรน คนฺตพฺพคาเม. สฏฺิโต วา ปณฺณาสโต วาติ ทณฺฑกมฺมตฺถาย อุทกฆฏํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิหารวาโรติ สพฺพภิกฺขูสุ ภิกฺขาย ¶ คเตสุ วิหารรกฺขณวาโร. เนสนฺติ วิหารวาริกานํ. ผาติกมฺมเมวาติ วิหารรกฺขณกิจฺจสฺส ปโหนกปฏิปาทนเมว. ทูรตฺตา นิคฺคเหตฺวาปิ วาเรน คเหตพฺโพ คาโม วารคาโม. วิหารวาเร นิยุตฺตา วิหารวาริกา, วาเรน วิหารรกฺขณกา. อฺถตฺตนฺติ ปสาทฺถตฺตํ. ผาติกมฺมเมว ภวนฺตีติ วิหารรกฺขณตฺถาย สงฺเฆน ทาตพฺพา อติเรกลาภา โหนฺติ. เอกสฺเสว ปาปุณนฺตีติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺเสว ปาปิตานีติ อตฺโถ. สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเลติ ทิวเส ทิวเส เอเกกสฺส ปาปิตานิ ทฺเว ตีณิ เอกจาริกภตฺตานิ เตเนว นิยาเมน อตฺตโน ปาปุณนฏฺาเน สงฺฆนวเกน ลทฺธกาเล.
ยสฺส ¶ กสฺสจิ สมฺมุขีภูตสฺส ปาเปตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน เจ ภิกฺขู พหิสีมคตา โหนฺติ, สมฺมุขีภูตสฺส ยสฺส กสฺสจิ ปาเปตพฺพํ สภาคตฺตา เอเกน ลทฺธํ สพฺเพสํ โหติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อตฺตโน ปาเปตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. รสสลากนฺติ อุจฺฉุรสสลากํ. สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพาติ อิทํ อสารุปฺปวเสน วุตฺตํ, น ธุตงฺคเภทวเสน. ‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากา…เป… วฏฺฏติเยวา’’ติ หิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๕) – สงฺฆโต นิรามิสสลากาปิ วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ สาธารณํ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖) วุตฺตตฺตา, ‘‘เอวํ คาหิเต สาทิตพฺพํ, เอวํ น สาทิตพฺพ’’นฺติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตา จ ‘‘เภสชฺชาทิสลากาโย เจตฺถ กิฺจาปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สลากวเสน ปน คาหิตตฺตา น สาทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ อธิปฺปาโย วีมํสิตพฺโพ. ยทิ หิ เภสชฺชาทิสลากา สลากวเสน คาหิตา น สาทิตพฺพา สิยา, ‘‘สงฺฆโต นิรามิสสลากา วฏฺฏติเยวา’’ติ ¶ น วเทยฺย, ‘‘อติเรกลาโภ สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺต’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๒๘) จ ‘‘อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามี’’ติ สลากวเสน คาเหตพฺพํ ภตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ, น เภสชฺชํ. สงฺฆภตฺตาทีนิ หิ จุทฺทส ภตฺตานิเยว เตน น สาทิตพฺพานีติ วุตฺตานิ. ขนฺธกภาณกานํ วา มเตน อิธ เอวํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. อคฺคโต ทาตพฺพา ภิกฺขา อคฺคภิกฺขา. อคฺคภิกฺขามตฺตนฺติ เอกกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ. ลทฺธา วา อลทฺธา วา สฺเวปิ คณฺเหยฺยาสีติ ลทฺเธปิ อปฺปมตฺตตาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ยาวทตฺถํ ลภติ…เป… อลภิตฺวา สฺเว คณฺเหยฺยาสีติ วตฺตพฺโพ’’ติ. อคฺคภิกฺขมตฺตนฺติ หิ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท พหุภาวํ นิวตฺเตติ.
สลากภตฺตํ นาม วิหาเรเยว อุทฺทิสียติ วิหารเมว สนฺธาย ทียมานตฺตาติ อาห ‘‘วิหาเร อปาปิตํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺร อาสนสาลายาติ ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย. วิหารํ อาเนตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ตถา วตฺวา ตสฺมึ ทิวเส ทินฺนภตฺตํ วิหารเมว อาเนตฺวา ิติกาย คาเหตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ทิสาภาเค. ตํ คเหตฺวาติ ตํ วารคามสลากํ อตฺตนา คเหตฺวา. เตนาติ โย อตฺตโน ปตฺตวารคาเม สลากํ ทิสาคมิกสฺส อทาสิ, เตน. อนติกฺกมนฺเตเยว ตสฺมึ ตสฺส สลากา คาเหตพฺพาติ ยสฺมา อุปจารสีมฏฺสฺเสว สลากา ปาปุณาติ, ตสฺมา ตสฺมึ ทิสํคมิเก อุปจารสีมํ อนติกฺกนฺเตเยว ตสฺส ทิสํคมิกสฺส ปตฺตสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา คาเหตพฺพา.
เทวสิกํ ¶ ปาเปตพฺพาติ อุปจารสีมายํ ิตสฺส ยสฺส กสฺสจิ วสฺสคฺเคน ปาเปตพฺพา. เอวํ เอเตสุ อนาคเตสุ อาสนฺนวิหาเร ภิกฺขูนํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อิตรถา สงฺฆิกํ โหติ. อนาคตทิวเสติ เอตฺถ กถํ เตสํ ภิกฺขูนํ อาคตานาคตภาโว ¶ วิฺายตีติ เจ? ยสฺมา ตโต ตโต อาคตา ภิกฺขู ตสฺมึ คาเม อาสนสาลาย สนฺนิปตนฺติ, ตสฺมา เตสํ อาคตานาคตภาโว สกฺกา วิฺาตุํ. อมฺหากํ โคจรคาเมติ สลากภตฺตทายกานํ คาเม. ภฺุชิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ‘‘มหาเถโร เอกโกว วิหาเร โอหีโน อวสฺสํ สพฺพสลากา อตฺตโน ปาเปตฺวา ิโต’’ติ มฺมานา อาคจฺฉนฺติ.
สลากภตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๑๓. อภิลกฺขิเตสุ จตูสุ ปกฺขทิวเสสุ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกํ. อภิลกฺขิเตสูติ เอตฺถ อภีติ อุปสารมตฺตํ, ลกฺขณิเยสุอิจฺเจวตฺโถ, อุโปสถสมาทานธมฺมสฺสวนปูชาสกฺการาทิกรณตฺถํ ลกฺขิตพฺเพสุ สลฺลกฺเขตพฺเพสุ อุปลกฺเขตพฺเพสูติ วุตฺตํ โหติ. สฺเว ปกฺโขติ อชฺชปกฺขิกํ น คาเหตพฺพนฺติ อฏฺมิยา ภฺุชิตพฺพํ, สตฺตมิยา ภฺุชนตฺถาย น คาเหตพฺพํ, ทายเกหิ นิยมิตทิวเสเนว คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. สฺเว ลูขนฺติ อชฺช อาวาหมงฺคลาทิกรณโต อติปณีตํ โภชนํ กรียติ, สฺเว ตถา น ภวิสฺสติ, อชฺเชว ภิกฺขู โภเชสฺสามาติ อธิปฺปาโย. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๕) ปน อฺถา วุตฺตํ. ปกฺขิกภตฺตโต อุโปสถิกภตฺตสฺส เภทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา’’ติอาทิ. อุโปสเถ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถิกํ.
ปกฺขิกภตฺตาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาคนฺตุกภตฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๑๔. นิพนฺธาปิตนฺติ ¶ ‘‘อสุกวิหาเร อาคนฺตุกา ภฺุชนฺตู’’ติ นิยมิตํ. คมิโก อาคนฺตุกภตฺตมฺปีติ คามนฺตรโต อาคนฺตฺวา อวูปสนฺเตน คมิกจิตฺเตน วสิตฺวา ปุน อฺตฺถ คจฺฉนฺตํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, อาวาสิกสฺส ปน คนฺตุกามสฺส คมิกภตฺตเมว ลพฺภติ. ‘‘เลสํ โอฑฺเฑตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา เลสาภาเวน ยาว คมนปริพนฺโธ วิคจฺฉติ, ตาว ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ าปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ธุรภตฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๑๕. ตณฺฑุลาทีนิ เปเสนฺติ…เป… วฏฺฏตีติ อภิหฏภิกฺขตฺตา วฏฺฏติ.
๒๑๖. ตถา ปฏิคฺคหิตตฺตาติ ภิกฺขานาเมน ปฏิคฺคหิตตฺตา. ปตฺตํ ปูเรตฺวา ถเกตฺวา ทินฺนนฺติ ‘‘คุฬกภตฺตํ เทมา’’ติ ทินฺนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปิณฺฑปาตภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
คิลานปจฺจยภาชนกถาวณฺณนา
๒๑๗. อิโต ปรํ ปจฺจยานุกฺกเมน เสนาสนภาชนกถาย วตฺตพฺพายปิ ตสฺสา มหาวิสยตฺตา, คิลานปจฺจยภาชนียกถาย ปน อปฺปวิสยตฺตา, ปิณฺฑปาตภาชนียกถาย อนุโลมตฺตา จ ตทนนฺตรํ ตํ ทสฺเสตุมาห ‘‘คิลานปจฺจยภาชนียํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ราชราชมหามตฺตาติ อุปลกฺขณมตฺตเมเวตํ. พฺราหฺมณมหาสาลคหปติมหาสาลาทโยปิ เอวํ กโรนฺติเยว. ฆณฺฏึ ปหริตฺวาติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา จ ปากฏตฺตา ¶ จ สุวิฺเยฺยเมว. อุปจารสีมํ…เป… ภาเชตพฺพนฺติ อิทํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา วุตฺตํ. กุมฺภํ ปน อาวชฺเชตฺวาติ กุมฺภํ ทิสามุขํ กตฺวา. สเจ ถินํ สปฺปิ โหตีติ กกฺขฬํ สปฺปิ โหติ. โถกํ โถกมฺปิ ปาเปตุํ วฏฺฏตีติ เอวํ กเต ิติกาปิ ติฏฺติ. สิงฺคิเวรมริจาทิเภสชฺชมฺปิ อวเสสปตฺตถาลกาทิสมณปริกฺขาโรปีติ อิมินา น เกวลํ เภสชฺชเมว คิลานปจฺจโย โหติ, อถ โข อวเสสปริกฺขาโรปิ คิลานปจฺจเย อนฺโตคโธเยวาติ ทสฺเสติ.
คิลานปจฺจยภาชนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา
๒๑๘. เสนาสนภาชนกถายํ ¶ เสนาสนคฺคาเห วินิจฺฉโยติ เสนาสนภาชนเมวาห. ตตฺถ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห จ วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห จาติ กาลวเสน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ อุตุกาเลติ เหมนฺตคิมฺหานอุตุกาเล. วสฺสาวาเสติ วสฺสานกาเล. ภิกฺขุํ อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ ทายเกหิ ‘‘อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนสงฺฆิกเสนาสนตฺตา. เอเกกํ ปริเวณนฺติ เอเกกสฺส ภิกฺขุสฺส เอเกกํ ปริเวณํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ลทฺธปริเวเณ. ทีฆสาลาติ จงฺกมนสาลา. มณฺฑลมาโฬติ อุปฏฺานสาลา. อนุทหตีติ ปีเฬติ. อทาตุํ น ลภตีติ อิมินา สฺจิจฺจ อเทนฺตสฺส ปฏิพาหเน ปวิสนโต ทุกฺกฏนฺติ ทีเปติ. ชมฺพุทีเป ปนาติ อริยเทเส ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ. เต กิร ตถา ปฺาเปนฺติ.
๒๑๙. น ¶ โคจรคาโม ฆฏฺเฏตพฺโพติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘น ตตฺถ มนุสฺสา วตฺตพฺพา’’ติอาทินา. วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวาติ ‘‘อิมินา นีหาเรน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิวาเรตฺวา ปจฺจเย ทสฺสนฺตี’’ติ เอวรูปํ วิตกฺกํ อนุปฺปาเทตฺวา. เตสุ เจ เอโกติ เตสุ มนุสฺเสสุ เอโก ปณฺฑิตปุริโส. ภณฺฑปฏิจฺฉาทนนฺติ ปฏิจฺฉาทนภณฺฑํ, สรีรปฏิจฺฉาทนํ จีวรนฺติ อตฺโถ. สุทฺธจิตฺตตฺตาว อนวชฺชนฺติ อิทํ ปุจฺฉิตกฺขเณ การณาจิกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ อสุทฺธจิตฺตสฺสปิ ปุจฺฉิตปฺหวิสฺสชฺชเน โทสาภาวา. เอวํ ปน คเต มํ ปุจฺฉิสฺสนฺตีติ สฺาย อคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปฏิชคฺคิตพฺพานีติ ขณฺฑผุลฺลาภิสงฺขรณสมฺมชฺชนาทีหิ ปฏิชคฺคิตพฺพานิ. มุณฺฑเวทิกายาติ เจติยสฺส หมฺมิยเวทิกาย ฆฏาการสฺส อุปริ จตุรสฺสเวทิกาย. กตฺถ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย ยโต ปกติยา ลพฺภติ, ตตฺถ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ วิสฺสชฺชนา. กสฺมา ปุจฺฉิตพฺพนฺติอาทิ ยโต ปกติยา ลพฺภติ, ตตฺถาปิ ปุจฺฉนสฺส การณสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปฏิกฺกมฺมาติ วิหารโต อปสกฺกิตฺวา. ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โยชนทฺวิโยชนนฺตเร โหตี’’ติ อาห. อุปนิกฺเขปนฺติ เขตฺตํ วา นาฬิเกราทิอารามํ วา กหาปณาทีนิ วา อารามิกานํ นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิโต อุปฺปนฺนา วฑฺฒิ วสฺสาวาสิกตฺถาย โหตู’’ติ ทินฺนํ. วตฺตํ กตฺวาติ ตสฺมึ เสนาสเน ¶ กตฺตพฺพวตฺตํ กตฺวา. อิติ สทฺธาเทยฺเยติ เอวํ เหฏฺา วุตฺตนเยน สทฺธาย ทาตพฺเพ วสฺสาวาสิกลาภวิสเยติ อตฺโถ.
วตฺถุ ปนาติ ตตฺรุปฺปาเท อุปฺปนฺนรูปิยํ, ตฺจ ‘‘ตโต จตุปจฺจยํ ปริภฺุชถา’’ติ ทินฺนเขตฺตาทิโต อุปฺปนฺนตฺตา กปฺปิยการกานํ หตฺเถ ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภฺุชถา’’ติ ทายเกหิ ทินฺนวตฺถุสทิสํ โหตีติ อาห ‘‘กปฺปิยการกานฺหี’’ติอาทิ. สงฺฆสุฏฺุตายาติ สงฺฆสฺส หิตาย ¶ . ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพนฺติ ปรโต วกฺขมานนเยน ภิกฺขู จีวเรน กิลมนฺติ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตีติอาทินา ปุคฺคลปรามาสวเสเนว กาตพฺพํ, ‘‘สงฺโฆ จีวเรน กิลมตี’’ติอาทินา ปน สงฺฆปรามาสวเสน น กาตพฺพํ. กปฺปิยภณฺฑวเสนาติ สามฺโต วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จีวรตณฺฑุลาทิวเสเนว จา’’ติ วุตฺตํ. จ-กาโร เจตฺถ ปนสทฺทตฺเถ วตฺตติ, น สมุจฺจยตฺเถติ ทฏฺพฺพํ. ปุคฺคลวเสเนว กปฺปิยภณฺฑวเสน จ อปโลกนปฺปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ปน เอวํ กตฺตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
จีวรปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สทฺธาเทยฺยตตฺรุปฺปาทวเสน ตสฺมึ วสฺสาวาเส ลพฺภมานจีวรสงฺขาตํ ปจฺจยํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. เสนาสนสฺสาติ เสนาสนคฺคาหาปณสฺส. วุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ, เสนาสนคฺคาหาปกสฺส อตฺตนาว อตฺตโน คหณํ อสารุปฺปํ, ตสฺมา อุโภ อฺมฺํ คาเหสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปกสฺส อาณตฺติยา อฺเน คหิโตปิ คาโห รุหติเยวาติ เวทิตพฺพํ. อฏฺปิ โสฬสปิ ชเน สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏตีติ วิสุํ วิสุํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, อุทาหุ เอกโตติ? เอกโตปิ วฏฺฏติ. เอกกมฺมวาจาย สพฺเพปิ เอกโต สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. นิคฺคหกมฺมเมว หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส น กโรติ. สมฺมุติทานํ ปน พหูนมฺปิ เอกโต กาตุํ วฏฺฏติ. เตเนว สตฺตสติกกฺขนฺธเก อุพฺพาหิกสมฺมุติยํ อฏฺปิ ชนา เอกโต สมฺมตาติ. อาสนฆรนฺติ ปฏิมาฆรํ. มคฺโคติ อุปจารสีมพฺภนฺตรคเต คามาภิมุขมคฺเค กตสาลา วุจฺจติ, เอวํ โปกฺขรณิรุกฺขมูลาทีสุปิ. รุกฺขมูลาทโย ¶ ฉนฺนา กวาฏพทฺธาว เสนาสนํ. อิโต ปรานิ สุวิฺเยฺยานิ.
๒๒๐. มหาลาภปริเวณกถายํ ลภนฺตีติ ตตฺร วาสิโน ภิกฺขู ลภนฺติ. วิชเฏตฺวาติ เอเกกสฺส ปโหนกปฺปมาเณน วิโยเชตฺวา. อาวาเสสูติ เสนาสเนสุ. ปกฺขิปิตฺวาติ เอตฺถ ปกฺขิปนํ ¶ นาม เตสุ วสนฺตานํ อิโต อุปฺปนฺนวสฺสาวาสิกทานํ. ปวิสิตพฺพนฺติ อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ มหาลาเภ ปริเวเณ วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวาว ลาโภ คเหตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
๒๒๑. ปจฺจยํ วิสฺสชฺเชตีติ จีวรปจฺจยํ นาธิวาเสติ. อยมฺปีติ เตน วิสฺสชฺชิตปจฺจโยปิ. ปาทมูเล เปตฺวา สาฏกํ เทนฺตีติ ปจฺจยทายกา เทนฺติ. เอเตน คหฏฺเหิ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนมฺปิ ปํสุกูลิกานมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อถ วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วทนฺตีติ เอตฺถ ‘‘ปํสุกูลิกานํ น วฏฺฏตี’’ติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. วสฺสํ วุตฺถภิกฺขูนนฺติ ปํสุกูลิกโต อฺเสํ ภิกฺขูนํ. อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพนฺติ ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข วา มณฺฑเป วา วสิตฺวา เจติเย วตฺตํ กตฺวา คณฺหถา’’ติ เอวํ อุปนิพนฺธิตฺวา คาเหตพฺพํ.
ปาฏิปทอรุณโตติอาทิ วสฺสูปนายิกทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรามุตฺตกํ ปน ปาฏิปทํ อติกฺกมิตฺวาปิ คาเหตุํ วฏฺฏติ. ‘‘กตฺถ นุ โข วสิสฺสามิ, กตฺถ วสนฺตสฺส ผาสุ ภวิสฺสติ, กตฺถ วา ปจฺจเย ลภิสฺสามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺเนน วิตกฺเกน จรตีติ วิตกฺกจาริโก. อิทานิ ยํ ทายกา ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานํ วสฺสาวาสิกํ เทติ, ตตฺถ ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อาคนฺตุโก เจ ภิกฺขูติ จีวเร คาหิเต ปจฺฉา อาคโต อาคนฺตุโก ภิกฺขุ. ปตฺตฏฺาเนติ วสฺสคฺเคน อาคนฺตุกภิกฺขุโน ¶ ปตฺตฏฺาเน. ปมวสฺสูปคตาติ อาคนฺตุกสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย วสฺสูปคตา. ลทฺธํ ลทฺธนฺติ ปุนปฺปุนํ ทายกานํ สนฺติกา อาคตาคตสาฏกํ.
สาทิยนฺตาปิ หิ เตเนว วสฺสาวาสิกสฺส สามิโนติ ฉินฺนวสฺสตฺตา วุตฺตํ. ปมเมว กติกาย กตตฺตา ‘‘เนว อทาตุํ ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ทาตพฺพํ วาเรนฺตานํ คีวา โหตีติ อธิปฺปาโย. เตสเมว ทาตพฺพนฺติ วสฺสูปคเตสุ อลทฺธวสฺสาวาสิกานํ เอกจฺจานเมว ทาตพฺพํ. ภตินิวิฏฺนฺติ ภตึ กตฺวา วิย นิวิฏฺํ ปริยิฏฺํ. ภตินิวิฏฺนฺติ วา ปานียุปฏฺานาทิภตึ กตฺวา ลทฺธํ. สงฺฆิกํ ปนาติอาทิ เกสฺจิ วาททสฺสนํ. ตตฺถ สงฺฆิกํ ปน อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ตตฺรุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตนฺติ ‘‘ฉินฺนวสฺสาวาสิกฺจ อิทานิ อุปฺปชฺชนกวสฺสาวาสิกฺจ อิเมสํ ทาตุํ รุจฺจตี’’ติ อนนฺตเร วุตฺตนเยน ¶ อปโลกนํ กตฺวา คาหิตํ สงฺเฆน ทินฺนตฺตา วิพฺภนฺโตปิ ลภเตว, ปเคว ฉินฺนวสฺโส. ปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน เตมาสํ วสิตฺวา คเหตุํ อตฺตนา ทายเกหิ จ อนุมตตฺตา ภตินิวิฏฺมฺปิ ฉินฺนวสฺโสปิ วิพฺภนฺโตปิ น ลภตีติ เกจิ อาจริยา วทนฺติ. อิทฺจ ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํ, เตเนว วสฺสูปนายิกทิวเส เอวํ ทายเกหิ ทินฺนํ วสฺสาวาสิกํ คหิตภิกฺขุโน วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วาโสว เหฏฺา วิหิโต, น ปานียุปฏฺานาทิภติกรณมตฺตํ. ยทิ หิ ตํ ภตินิวิฏฺเมว สิยา, ภติกรณเมว วิธาตพฺพํ, ตสฺมา วสฺสคฺเคน คาหิตํ ฉินฺนวสฺสาทโย น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุตฺโถ ภิกฺขุ วิพฺภมติ, สงฺฆสฺเสว ต’’นฺติ (มหาว. ๓๗๔-๓๗๕) วจนโต ‘‘วตฏฺาเน…เป… สงฺฆิกํ โหตี’’ติ วุตฺตํ ¶ . สงฺฆิกํ โหตีติ เอเตน วุตฺถวสฺสานมฺปิ วสฺสาวาสิกภาโค สงฺฆิกโต อโมจิโต เตสํ วิพฺภเมน สงฺฆิโก โหตีติ ทสฺเสติ. มนุสฺเสติ ทายกมนุสฺเส. ลภตีติ ‘‘มม ปตฺตภาวํ เอตสฺส เทถา’’ติ ทายเก สมฺปฏิจฺฉาเปนฺเตเนว สงฺฆิกโต วิโยชิตํ โหตีติ วุตฺตํ. วรภาคํ สามเณรสฺสาติ ตสฺส ปมคาหตฺตา, เถเรน ปุพฺเพ ปมภาคสฺส คหิตตฺตา, อิทานิ คยฺหมานสฺส ทุติยภาคตฺตา จ วุตฺตํ.
๒๒๒. อิทานิ อนฺตรามุตฺตเสนาสนคฺคาหํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยมปโรปี’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ อปโรปีติ ปุพฺเพ วุตฺตเสนาสนคฺคาหทฺวยโต อฺโปีติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘อยํ เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ วุตฺโต, อถ กสฺมา ‘‘อยมปโรปี’’ตฺยาทิ วุตฺโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ทิวสวเสน หี’’ติอาทิ. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยาติ ปมวสฺสูปนายิกทิวสภูตํ อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ สนฺธาย วุตฺตํ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยาติ ทุติยวสฺสูปนายิกทิวสภูตสาวณปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ. อปรชฺชุคตาย ปวารณาติ อสฺสยุชปุณฺณมิยา ปาฏิปทํ.
๒๒๓. อุตุกาเล ปฏิพาหิตุํ น ลภตีติ เหมนฺตคิมฺเหสุ อฺเ สมฺปตฺตภิกฺขู ปฏิพาหิตุํ น ลภติ. นวกมฺมนฺติ นวกมฺมสมฺมุติ. อกตนฺติ อปริสงฺขตํ. วิปฺปกตนฺติ อนิฏฺิตํ. เอกํ มฺจฏฺานํ ทตฺวาติ เอกํ มฺจฏฺานํ ปุคฺคลิกํ ทตฺวา. ติภาคนฺติ ตติยภาคํ. เอวํ วิสฺสชฺชนมฺปิ ถาวเรน ถาวรํ ปริวตฺตนฏฺาเนเยว ปวิสติ, น อิตรถา สพฺพเสนาสนวิสฺสชฺชนโต ¶ . สเจ สทฺธิวิหาริกาทีนํ ทาตุกาโม โหตีติ สเจ โส สงฺฆสฺส ภณฺฑปนฏฺานํ วา อฺเสํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ วา ทาตุํ น อิจฺฉติ, อตฺตโน สทฺธิวิหาริกาทีนฺเว ทาตุกาโม โหติ, ตาทิสสฺส ¶ ‘‘ตุยฺหํ ปุคฺคลิกเมว กตฺวา ชคฺคาหี’’ติ น สพฺพํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ตตฺถสฺส กตฺตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กมฺม’’นฺติอาทิ. เอวฺหีติอาทิมฺหิ จยานุรูปํ ตติยภาเค วา อุปฑฺฒภาเค วา คหิเต ตํ ภาคํ ทาตุํ ลภตีติ อตฺโถ. เยนาติ เตสุ ทฺวีสุ ตีสุ ภิกฺขูสุ เยน. โส สามีติ ตสฺสา ภูมิยา วิหารกรเณ โสว สามี, ตํ ปฏิพาหิตฺวา อิตเรน น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
๒๒๔. อกตฏฺาเนติ เสนาสนโต พหิ จยาทีนํ อกตฏฺาเน. จยํ วา ปมุขํ วาติ สงฺฆิกเสนาสนํ นิสฺสาย ตโต พหิ พนฺธิตฺวา เอกํ เสนาสนํ วา. พหิกุฏฺเฏติ กุฏฺฏโต พหิ, อตฺตโน กตฏฺาเนติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุปจฺจยสาธารณกถาวณฺณนา
๒๒๕. จตุปจฺจยสาธารณกถายํ สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชเกนาติ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย วา อปโลกนกมฺเมน วา สมฺมเตน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสมฺมุติลทฺเธน. อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑนฺติ ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถีติ เอตฺถ อวิภตฺตํ สงฺฆิกภณฺฑนฺติ กุกฺกุจฺจุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ, เอวํ กุกฺกุจฺจํ กตฺวา ปุจฺฉิตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, อปุจฺฉิตฺวาว ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กสฺมาติ เจ? เอตฺตกสฺส สงฺฆิกภณฺฑสฺส วิสฺสชฺชนตฺถาเยว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา กตสมฺมุติกมฺมตฺตา. คุฬปิณฺเฑ…เป… ทาตพฺโพติ เอตฺถ คุฬปิณฺฑํ ตาลปกฺกปฺปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺสปีติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ. อฺเน การเณน พหิสีมคตสฺสปิ เอเสว ¶ นโย. โอทนปฏิวีโสติ สงฺฆภตฺตาทิสงฺฆิกโอทนปฏิวีโส. อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ, อนฺโตอุปจารสีมายํ ิตสฺเสว คาเหตุํ วฏฺฏติ, น พหิอุปจารสีมํ ปตฺตสฺสาติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) ‘‘พหิอุปจารสีมาย ิตานํ คาเหถาติ วทนฺติ, น คาเหตพฺพ’’นฺติ. อนฺโตคามฏฺานมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ, อนฺโตคามฏฺานมฺปิ พหิคามฏฺานมฺปิ ¶ คาเหตุํ วฏฺฏตีติ อตฺโถ. สมฺภาวนตฺโถ วา, เตน อนฺโตคามฏฺานมฺปิ คาเหตุํ วฏฺฏติ, ปเคว พหิคามฏฺานนฺติ.
จตุปจฺจยสาธารณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
จตุปจฺจยภาชนียวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
อฏฺวีสติโม ปริจฺเฉโท.
วิหารวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
อิทานิ จตุปจฺจยนฺโตคธตฺตา วิหารสฺส จตุปจฺจยภาชนกถานนฺตรํ วิหารวินิจฺฉยกถา อารภียเต. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
‘‘โก วิหาโร เกนฏฺเน;
วิหาโร โส กติวิโธ;
เกน โส กสฺส ทาตพฺโพ;
กถํ โก ตสฺส อิสฺสโร.
‘‘เกน โส คาหิโต กสฺส;
อนุฏฺาปนิยา กติ;
กติหงฺเคหิ ยุตฺตสฺส;
ธุววาสาย ทียเต’’ติ.
ตตฺถ ¶ โก วิหาโรติ จตูสุ ปจฺจเยสุ เสนาสนสงฺขาโต จตูสุ เสนาสเนสุ วิหารเสนาสนสงฺขาโต ภิกฺขูนํ นิวาสภูโต ปติสฺสยวิเสโส. เกนฏฺเน วิหาโรติ วิหรนฺติ เอตฺถาติ วิหาโร, อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยสงฺขาเตหิ จตูหิ วิหาเรหิ อริยา เอตฺถ วิหรนฺตีตฺยตฺโถ. ¶ โส กติวิโธติ สงฺฆิกวิหารคณสนฺตกวิหารปุคฺคลิกวิหารวเสน ติพฺพิโธ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยฺุชโต อภิโยโค น รุหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สกฺโกติ. กสฺมา? สพฺเพสํ ธุรนิกฺเขปาภาวโต. น เหตฺถ สพฺเพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺตีติ. ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส, เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยฺุชิตฺวา คณฺหนฺโต สกฺโกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุํ, ตสฺมา ตตฺถ อาราเม วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ’’ติ. อิมินา ทายกสนฺตโก วิหาโร นาม นตฺถีติ ทีเปติ.
เกน โส ทาตพฺโพติ ขตฺติเยน วา พฺราหฺมเณน วา เยน เกนจิ โส วิหาโร ทาตพฺโพ. กสฺส ทาตพฺโพติ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทาตพฺโพ. กถํ ทาตพฺโพติ ยทิ สงฺฆสฺส เทติ, ‘‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ, ยทิ คณสฺส, ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมนฺตานํ ทมฺมี’’ติ, ยทิ ปุคฺคลสฺส, ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ ทาตพฺโพ. โก ตสฺส อิสฺสโรติ ยทิ สงฺฆสฺส เทติ, สงฺโฆ ตสฺส วิหารสฺส อิสฺสโร. ยทิ คณสฺส เทติ, คโณ ตสฺส อิสฺสโร. ยทิ ปุคฺคลสฺส เทติ, ปุคฺคโล ตสฺส อิสฺสโรติ. ตถา ¶ หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทีฆภาณกาทิกสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตก’’นฺติ.
เกน โส คาหิโตติ เสนาสนคฺคาหาปเกน โส วิหาโร คาหิโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, เอวฺจ, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ, ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนคฺคาหาปกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
‘‘สมฺมโต ¶ สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เสนาสนคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (จูฬว. ๓๑๗).
กสฺส โส คาหิโตติ ภิกฺขูนํ โส วิหาโร คาหิโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). อนุฏฺาปนิยา กตีติ จตฺตาโร อนุฏฺาปนียา วุฑฺฒตโร คิลาโน ภณฺฑาคาริโก สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโนติ. วุตฺตฺเหตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วุฑฺโฒ หิ อตฺตโน วุฑฺฒตาย อนุฏฺาปนีโย ¶ , คิลาโน คิลานตาย, สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สงฺเฆน ทินฺโน, โสปิ อนุฏฺาปนีโย’’ติ.
กติหงฺเคหิ ยุตฺตสฺส ธุววาสาย ทียเตติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ทฺวีหิ องฺเคหิ ยุตฺตสฺส ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทียเต. กตเมหิ ทฺวีหิ? พหูปการตาย คุณวิสิฏฺตาย เจติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตนฺติ ภณฺฑาคาริกตาทิพหุอุปการภาวํ, น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘คุณวิสิฏฺตฺจา’ติ. เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงขา. อภิ. ฏี. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต. โอมกปริจฺเฉเทน เอเกน องฺเคน ยุตฺตสฺสปิ. กตเมน เอเกน องฺเคน? พหูปการตาย วา คุณวิสิฏฺตาย วา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ, ธมฺมกถิกาทีนํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) วจนโต.
เสนาสนคฺคาโห ปน ทุวิโธ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จาติ กาลวเสน. อถ วา ตโย เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโกติ. เตสํ วิเสโส เหฏฺา วุตฺโตว. ‘‘อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห อนฺตรามุตฺตโก จ ตงฺขณปฏิสลฺลาโน จาติ ทุพฺพิโธ. วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ ทุพฺพิโธติ จตฺตาโร เสนาสนคฺคาหา’’ติ อาจริยา ¶ วทนฺติ, ตํ วจนํ ปาฬิยมฺปิ อฏฺกถายมฺปิ น อาคตํ ¶ . ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๑๘) ปน ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก’’อิจฺเจว อาคโต, อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา, อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย’’ติ อาคโต.
อิทานิ ปน เอกจฺเจ อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล สพฺเพ วิหารา สงฺฆิกาว, ปุคฺคลิกวิหาโร นาม นตฺถิ. กสฺมา? วิหารทายกานํ วิหารทานกาเล กุลูปกา ‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมา’ติ วจีเภทํ การาเปนฺติ, ตสฺมา นววิหาราปิ สงฺฆิกา เอว. เอกจฺเจสุ วิหาเรสุ เอวํ อวตฺวา เทนฺเตสุปิ ‘ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก โหติ, มเต สงฺฆิโกเยวา’ติ วุตฺตตฺตา โปราณกวิหาราปิ สงฺฆิกาว โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตตฺเรวํ วิจาเรตพฺโพ – วจีเภทํ การาเปตฺวา ทินฺนวิหาเรสุปิ ทายกา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กโรนฺตา นาม อปฺปกา, ‘‘อิมํ นาม ภิกฺขุํ อิมํ นาม เถรํ วสาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุตฺตทารมิตฺตามจฺจาทีหิ สมฺมนฺเตตฺวา ปติฏฺาเปนฺติ, ปติฏฺานกาเล อวทนฺตาปิ ทานกาเล เยภุยฺเยน วทนฺติ. อถ ปน กุลูปกา ทานกาเล สิกฺขาเปตฺวา วทาเปนฺติ, เอวํ วทนฺตาปิ ทายกา อปฺปกา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เทนฺติ, พหุตรา อตฺตโน กุลูปกเมว อุทฺทิสฺส เทนฺติ. เอวํ สนฺเต กุลูปกานํ วจนํ นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ สงฺฆสฺส ปริณาเมตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐; ปาจิ. ๔๙๒) วุตฺตํ เอกํ อธมฺมิกทานํ อาปชฺชติ. ‘‘ตสฺมึ ชีวนฺเต ปุคฺคลิโก, มเต สงฺฆิโก’’ติ อยํ ปาโ มูลปุคฺคลิกวิสเย น อาคโต, มูลสงฺฆิกวิหารํ ชคฺคาเปตุํ ปุคฺคลิกการาปนฏฺาเน อาคโต, ตสฺมา นววิหาราปิ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺนา สนฺติเยว. โปราณกวิหาราปิ มูเล ปุคฺคลิกวเสน ¶ ทินฺนา สทฺธิวิหาริกาทีนํ ปุคฺคลิกวเสเนว ทียมานาปิ ตสฺมึ ชีวนฺเตเยว วิสฺสาสวเสน คยฺหมานาปิ ปุคฺคลิกา โหนฺติเยว, ตสฺมา สพฺพโส ปุคฺคลิกวิหารสฺส อภาววาโท วิจาเรตพฺโพว.
อฺเ ปน อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล สงฺฆิกวิหารา นาม น สนฺติ, สพฺเพ ปุคฺคลิกาว. กสฺมา? นววิหาราปิ ปติฏฺาปนกาเล ทานกาเล จ กุลูปกภิกฺขุํเยว อุทฺทิสฺส กตตฺตา ปุคฺคลิกาว, โปราณกวิหาราปิ สิสฺสานุสิสฺเสหิ วา อฺเหิ วา ปุคฺคเลหิ เอว ปริคฺคหิตตฺตา, น กทาจิ สงฺเฆน ปริคฺคหิตตฺตา ปุคฺคลิกาว โหนฺติ, น สงฺฆิกา’’ติ วทนฺติ. ตตฺราปฺเยวํ วิจาเรตพฺพํ – นววิหาเรปิ ปติฏฺานกาเลปิ ทานกาเลปิ เอกจฺเจ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ¶ กโรนฺติ, เอกจฺเจ ปุคฺคลํ. ปุพฺเพว ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส กเตปิ อตฺถกามานํ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ปุคฺคลิกทานโต สงฺฆิกทานเมว มหปฺผลตรนฺติ สทฺทหิตฺวา สงฺฆิเก กโรนฺตาปิ ทายกา สนฺติ, ปุคฺคลิกวเสน ปฏิคฺคหิเต โปราณกวิหาเรปิ เกจิ ภิกฺขู มรณกาเล สงฺฆสฺส นิยฺยาเตนฺติ. เกจิ กสฺสจิ อทตฺวา มรนฺติ, ตทา โส วิหาโร สงฺฆิโก โหติ. สวตฺถุกมหาวิหาเร ปน กโรนฺตา ราชราชมหามตฺตาทโย ‘‘ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ สาสนํ ยาว ติฏฺติ, ตาว มม วิหาเร วสิตฺวา สงฺโฆ จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชตู’’ติ ปณิธาย จิรกาลํ สงฺฆสฺส ปจฺจยุปฺปาทกรํ คามเขตฺตาทิกํ ‘‘อมฺหากํ วิหารสฺส เทมา’’ติ เทนฺติ, วิหารสฺสาติ จ วิหาเร วสนกสงฺฆสฺส อุทฺทิสฺส เทนฺติ, น กุลูปกภูตสฺส เอกปุคฺคลสฺส เอว, ตสฺมา เยภุยฺเยน สงฺฆิกา ทิสฺสนฺติ, ปาสาเณสุ อกฺขรํ ลิขิตฺวาปิ เปนฺติ, ตสฺมา สพฺพโส สงฺฆิกวิหาราภาววาโทปิ วิจาเรตพฺโพว.
อปเร ¶ ปน อาจริยา ‘‘อิมสฺมึ กาเล วิหารทายกสนฺตกาว, ตสฺมา ทายกาเยว วิจาเรตุํ อิสฺสรา, น สงฺโฆ, น ปุคฺคโล. วิหารทายเก อสนฺเตปิ ตสฺส ปุตฺตธีตุนตฺตปนตฺตาทโย ยาว กุลปรมฺปรา ตสฺส วิหารสฺส อิสฺสราว โหนฺติ. กสฺมาติ เจ? ‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) อาคตตฺตา จ ‘ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) จ วจนโต วิหารสฺสามิภูโต ทายโก วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน วา วิจาเรตุํ อิสฺสโร. ‘ปจฺฉินฺเน กุลวํเส โย ตสฺส ชนปทสฺส สามิโก, โส อจฺฉินฺทิตฺวา ปุน เทติ จิตฺตลปพฺพเต ภิกฺขุนา นีหฏํ อุทกวาหกํ อฬนาคราชมเหสี วิย, เอวมฺปิ วฏฺฏตี’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วจนโต วิหารทายกสฺส กุลวํเส ปจฺฉินฺเนปิ ตสฺส ชนปทสฺส อิสฺสโร ราชา วา ราชมหามตฺโต วา โย โกจิ อิสฺสโร วา วิหารํ วิจาเรตุํ ยถาชฺฌาสยํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อฺเ ปณฺฑิตา นานุชานนฺติ.
กถํ? ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก’’ติ วจนํ ปุพฺพโวหารวเสน วุตฺตํ, น อิทานิ อิสฺสรวเสน ยถา เชตวนํ, ปตฺตสฺสามิโกตฺยาทิ. ยถา หิ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วนํ อุยฺยานํ เชตวนนฺติ วิคฺคเห กเต ยทิปิ อนาถปิณฺฑิเกน กิณิตฺวา วิหารปติฏฺาปนกาลโต ปฏฺาย ราชกุมาโร ตสฺส อุยฺยานสฺส อิสฺสโร น โหติ, ตถาปิ อนาถปิณฺฑิเกน กิณิตกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน สพฺพทาปิ เชตวนนฺตฺเวว ¶ โวหรียติ. ยถา จ ปตฺตสฺส สามิโก ปตฺตสฺสามิโกติ วิคฺคเห กเต ยทิปิ ทายเกหิ กิณิตฺวา ภิกฺขุสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย กมฺมาโร ปตฺตสฺส อิสฺสโร น โหติ, ตถาปิ ทายเกน กิณิตกาลโต ¶ ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน ปตฺตสฺสามิโกตฺเวว โวหรียติ, เอวํ ยทิปิ ภิกฺขุสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ทายโก วิหารสฺส อิสฺสโร น โหติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ตถาปิ ทานกาลโต ปุพฺเพ อิสฺสรภูตปุพฺพตฺตา ปุพฺพโวหารวเสน วิหารสฺสามิโกตฺเวว โวหรียติ, น มุขฺยโต อิสฺสรภาวโตติ วิฺายติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทินฺนกาลโต ปฏฺาย สงฺฆาทโย ปฏิคฺคาหกา เอว วิจาเรตุํ อิสฺสรา, น ทายโก.
กถํ วิฺายตีติ เจ? สนฺเตสุปิ อนาถปิณฺฑิกาทีสุ วิหารทายเกสุ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๗) สงฺเฆน สมฺมตํ เสนาสนคฺคาหาปกํ อนุชานิตฺวา, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว…เป… เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๘) เสนาสนคฺคาหาปกสฺเสว วิจาเรตุํ อิสฺสรภาวสฺส วจนโต จ ‘‘ทฺเว ภิกฺขู สงฺฆิกํ ภูมึ คเหตฺวา โสเธตฺวา สงฺฆิกํ เสนาสนํ กโรนฺติ, เยน สา ภูมิ ปมํ คหิตา, โส สามี’’ติ จ ‘‘อุโภปิ ปุคฺคลิกํ กโรนฺติ, โสเยว สามี’’ติ จ ‘‘โย ปน สงฺฆิกํ วลฺลิมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา อาหริเมน อุปกรเณน สงฺฆิกาย ภูมิยา ปุคฺคลิกวิหารํ กาเรติ, อุปฑฺฒํ สงฺฆิกํ อุปฑฺฒํ ปุคฺคลิก’’นฺติ จ สงฺฆปุคฺคลานํเยว สามิภาวสฺส อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จ วิฺายติ.
‘‘ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนมฺปิ เตสํ วิหารสฺส อิสฺสรภาวทีปกํ น โหติ, อถ โข คมิโก ภิกฺขุ ทิสํ คนฺตุกาโม วิหาเร อาปุจฺฉิตพฺพภิกฺขุสามเณรอารามิเกสุ ¶ อสนฺเตสุ เต อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพภาวเมว ทีเปติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘อิมํ ปน ทสวิธมฺปิ เสยฺยํ สงฺฆิเก วิหาเร สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ปกฺกมนฺเตน อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ, อาปุจฺฉนฺเตน จ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ…เป… ตสฺมึ อสติ อารามิโก, ตสฺมิมฺปิ อสติ เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสฺสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. เอวํ อารามิกสฺสปิ อาปุจฺฉิตพฺพโต โอโลกนตฺถาย วตฺตสีเสเนว อาปุจฺฉิตพฺโพ, น เตสํ สงฺฆิกเสนาสนสฺส อิสฺสรภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ปจฺฉินฺเน ¶ กุลวํเส’’ตฺยาทิวจนฺจ อกปฺปิยวเสน กตานํ อกปฺปิยโวหาเรน ปฏิคฺคหิตานํ เขตฺตวตฺถุตฬากาทีนํ อกปฺปิยตฺตา ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตานํ กปฺปิยกรณตฺถาย ราชาทีหิ คเหตฺวา ปุน เตสํเยว ภิกฺขูนํ ทานเมว ทีเปติ, น เตสํ ราชาทีนํ เตหิ ภิกฺขูหิ อฺเสํ สงฺฆคณปุคฺคลเจติยานํ ทานํ. ยทิ ทเทยฺยุํ, อธมฺมิกทานอธมฺมิกปอคฺคหอธมฺมิกปริโภคา สิยุํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกานิ ทานานิ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมตี’’ติ. อฏฺกถายฺจ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ…เป… เอวํ วุตฺตานิ. นว ปฏิคฺคหปริโภคาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ยทิ ราชาทโย อิสฺสราติ คเหตฺวา อฺสฺส เทยฺยุํ, ตมฺปิ ทานํ อธมฺมิกทานํ โหติ, ตํ ทานํ ปฏิคฺคหา ¶ จ อธมฺมิกปฏิคฺคหา โหนฺติ, ตํ ทานํ ปริภฺุชนฺตา จ อธมฺมิกปริโภคา โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตนฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) ‘สงฺฆสฺสา’ติ อยํ สทฺโท ‘ทาน’นฺติ เอตฺถ สามิสมฺพนฺโธ น โหติ, อถ โข สมฺปทานเมว, ‘ทายกสฺสา’ติ ปน สามิสมฺพนฺโธ อชฺฌาหริตพฺโพ, ตสฺมา สามิภูโต ทายโกว อิสฺสโร, น สมฺปทานภูโต สงฺโฆ’’ติ. เต เอวํ วตฺตพฺพา – ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺสา’’ติ อิทํ ทานสมเย ปวตฺตวเสน วุตฺตํ, น ทินฺนสมเย ปวตฺตวเสน. ทานกาเล หิ ทายโก อตฺตโน วตฺถุภูตํ วิหารํ สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตฺวา เทติ, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย ทายโก สามี โหติ, สงฺโฆ สมฺปทานํ, ทินฺนกาเล ปน สงฺโฆว สามี โหติ วิหารสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, น ทายโก ปริจฺจตฺตตฺตา, ตสฺมา สงฺโฆ วิจาเรตุํ อิสฺสโร. เตนาห ภควา ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓). อิทํ ปน สทฺทลกฺขณครุกา สทฺทหิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ทานกาเลเยว ทายกสนฺตกภาโว ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสนฺตกภาโว สพฺเพสํ ปากโฏ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ ทายกสนฺตกภาวสาธกํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, ตถาปิ ‘‘สเจ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา สามิโก วา ตสฺส ปุตฺตธีตโร ¶ วา อฺโ วา โกจิ วํเส อุปฺปนฺโน ปุน กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วุตฺตตฺตา วิหารสฺสามิกภูตทายกสฺส วา ตสฺส ปุตฺตธีตาทีนํ วํเส อุปฺปนฺนานํ วา ทาตุํ อิสฺสรภาโว สิทฺโธเยวาติ. น สิทฺโธ. กสฺมาติ เจ? นนุ วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตภาวํ ตฺวา’’ติ, ตสฺมา อกปฺปิยตฺตา ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตเมว กปฺปิยกรณตฺถาย ทายกาทีหิ ปุน ¶ กปฺปิยโวหาเรน เทติ, วฏฺฏติ. ยถา อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา ภิกฺขูหิ อปริภุตฺตเมว ขาทนียโภชนียํ ภิกฺขุสนฺตกํเยว อาปตฺติโมจนตฺถํ ทายกาทโย ปฏิคฺคหาเปติ, น ปริภุตฺตํ, ยถา จ พีชคามปริยาปนฺนํเยว ภิกฺขุสนฺตกํ พีชคามภูตคามภาวโต ปริโมจนตฺถํ กปฺปิยการกาทโย กปฺปิยํ กโรนฺติ, น อปริยาปนฺนํ, เอวํ อกปฺปิยํ ภิกฺขูหิ ปริจฺจตฺตํเยว ตฬากาทิกํ กปฺปิยกรณตฺถํ ทายกาทโย ปุน เทนฺติ, น อปริจฺจตฺตํ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ กปฺปิยกรณตฺตํเยว สาเธติ, น อิสฺสรตฺตนฺติ วิฺายติ.
ตถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘ชาติภูมิยํ ชาติภูมิกา อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ธมฺมิกตฺเถรํ สตฺตหิ ชาติภูมิกวิหาเรหิ ปพฺพาชยึสูติ วจนโต ทายโก วิหารสฺส อิสฺสโรติ วิฺายติ. อิสฺสรตฺตาเยว หิ เต เถรํ ปพฺพาเชตุํ สกฺกา, โน อนิสฺสรา’’ติ, น โข ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ชาติภูมิกา อุปาสกา’’อิจฺเจว หิ วุตฺตํ, น ‘‘วิหารทายกา’’ติ, ตสฺมา ตสฺมึ เทเส วสนฺตา พหโว อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ธมฺมิกตฺเถรํ อยุตฺตจาริตฺตา สกลสตฺตวิหารโต ปพฺพาชยึสุ, น อตฺตโน วิหารทายกภาเวน อิสฺสรตฺตา, ตสฺมา อิทมฺปิ อุทาหรณํ น อิสฺสรภาวทีปกํ, อถ โข อปราธานุรูปกรณภาวทีปกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ยทา ทายโก วิหารํ ปติฏฺาเปตฺวา เทติ, ตสฺส มฺุจเจตนํ ปตฺวา ทินฺนกาลโต ปฏฺาย โส วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน วา ชนปทสฺสามิกราชาทโย วา อิสฺสรา ภวิตุํ วา วิจาเรตุํ วา น ลภนฺติ, ปฏิคฺคาหกภูโต สงฺโฆ วา คโณ วา ปุคฺคโล วา โสเยว อิสฺสโร ภวิตุํ วา วิจาเรตุํ วา ลภตีติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺถ ทายกาทีนํ อิสฺสโร ภวิตุํ อลภนภาโว กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺส, ปถวาทิวตฺถุปริจฺจาเคน ¶ จ ปุน คหณสฺส อยุตฺตตฺตา’’ติ วิมติวิโนทนิยํ วจนโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ทียมานํ ปตติ, ตํ สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ, ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหี’’ติ (จูฬว. ๒๗๓) ภควตา วุตฺตตฺตา จ ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตํ, ภิกฺขเว, ทายเกหีติ วจเนน ปเนตฺถ ปรสนฺตกาภาโว ทีปิโต’’ติ อฏฺกถายํ ¶ วุตฺตตฺตา จ วิฺายติ. สงฺฆาทีนํ อิสฺสโร ภวิตุํ ลภนภาโว กถํ าตพฺโพติ เจ? สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต, ‘‘ปุคฺคลิเก ปุคฺคลิกสฺี อฺสฺส ปุคฺคลิเก อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, อตฺตโน ปุคฺคลิเก อนาปตฺตี’’ติ ปาจิตฺติยปาฬิยํ (ปาจิ. ๑๑๗, ๑๒๗) อาคมนโต จ ‘‘อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) สมนฺตปาสาทิกายํ วจนโต จ ‘‘อภิโยเคปิ เจตฺถ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยฺุชโต อภิโยโค น รุหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สกฺโกติ. กสฺมา? สพฺเพสํ ธุรนิกฺเขปาภาวโต. น เหตฺถ สพฺเพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺตีติ. ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยฺุชิตฺวา คณฺหนฺโต สกฺโกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุ’’นฺติ ทุติยปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) วจนโต จ วิฺายติ.
กถํ ทายกาทีนํ วิจาเรตุํ อลภนภาโว วิฺายตีติ เจ? สนฺเตสุปิ เวฬุวนวิหาราทิทายเกสุ เตสํ วิจารณํ อนนุชานิตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ ภิกฺขุสฺเสว เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติอนุชานโต จ ภณฺฑนการเกสุ ¶ โกสมฺพกภิกฺขูสุ สาวตฺถึ อาคเตสุ อนาถปิณฺฑิเกน จ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย จ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ (มหาว. ๔๖๘) เอวํ เชตวนวิหารทายกปุพฺพารามวิหารทายกภูเตสุ อาโรจิเตสุปิ เตสํ เสนาสนวิจารณํ อวตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ‘‘กถํ นุ โข, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ เสนาสเน ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อาโรจิเต ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ปน, ภนฺเต, วิวิตฺตํ น โหติ, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพํ, น ตฺเววาหํ, สาริปุตฺต, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๔๗๓) เถรสฺเสว เสนาสนสฺส วิจารณสฺส อนฺุาตตฺตา จ วิฺายติ.
กถํ ปน สงฺฆาทีนํ เสนาสนํ วิจาเรตุํ ลภนภาโว วิฺายตีติ? ‘‘เอวฺจ, ภิกฺขเว, ¶ สมฺมนฺนิตพฺโพ – ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เสนาสนคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติ (จูฬว. ๓๑๗).
เอวํ สงฺเฆน เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนาเปตฺวา ปุน เตน สงฺฆสมฺมเตน เสนาสนคฺคาหาปเกน เสนาสนคฺคาหกวิธานํ อนุชานิตุํ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยคฺเคน คาเหตุ’’นฺติ วจนโต สงฺฆิกเสนาสนสฺส ¶ สงฺเฆน วิจาเรตุํ ลภนภาโว วิฺายติ.
‘‘ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา ทินฺนวิหาราทึ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺเต ธุรนิกฺเขปสมฺภวา ปาราชิก’’นฺติ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) อาคมนโต จ ‘‘อตฺตโน ปุคฺคลิเก อนาปตฺตี’’ติ ปาฬิยํ (ปาจิ. ๑๑๗) อาคมนโต จ ‘‘ยสฺมึ ปน วิสฺสาโส รุหติ, ตสฺส สนฺตกํ อตฺตโน ปุคฺคลิกมิว โหตีติ มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๒) วจนโต จ คณสฺส ทินฺโน คณสนฺตกวิหาโร คเณเนว วิจารียเต, โน ทายกาทีหิ. ปุคฺคลสฺส ทินฺโน ปุคฺคลิกวิหาโรปิ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเลเนว วิจารียเต, โน ทายกาทีหีติ วิฺายติ. เอวํ วินยปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาสุ จ วิหารสฺส สงฺฆิกคณสนฺตกปุคฺคลิกวเสน ติวิธสฺเสว วจนโต จ เตสํเยว สงฺฆคณปุคฺคลานํ วิหารวิจารณสฺส อนฺุาตตฺตา จ ทายกสนฺตกสฺส วิหารสฺส วิสุํ อวุตฺตตฺตา จ ทายกานํ วิหารวิจารณสฺส อนนฺุาตตฺตา จ สงฺฆาทโย เอว วิหารสฺส อิสฺสรา โหนฺติ, เตเยว จ วิจาเรตุํ ลภนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, เตสุ ปฏิคฺคาหกภูเตสุ สงฺฆคณปุคฺคเลสุ โส วิหาโร กสฺส สนฺตโก โหติ, เกน จ วิจาเรตพฺโพติ? วุจฺจเต – สงฺฆิกวิหาเร ตาว ‘‘อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนตฺตา ปฏิคฺคาหเกสุ กาลกเตสุปิ ตทฺโ จาตุทฺทิสสงฺโฆ จ อนาคตสงฺโฆ จ อิสฺสโร, ตสฺส สนฺตโก, เตน วิจาเรตพฺโพ. คณสนฺตเก ปน ตสฺมึ คเณ ยาว เอโกปิ อตฺถิ, ตาว คณสนฺตโกว, เตน อวสิฏฺเน ภิกฺขุนา วิจาเรตพฺโพ. สพฺเพสุ กาลกเตสุ ¶ ยทิ สกลคโณ วา ตํคณปริยาปนฺนอวสิฏฺปุคฺคโล ¶ วา ชีวมานกาเลเยว ยสฺส กสฺสจิ ทินฺโน, เยน จ วิสฺสาสคฺคาหวเสน คหิโต, โส อิสฺสโร. สเจปิ สกลคโณ ชีวมานกาเลเยว อฺคณสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เทติ, เต อฺคณสงฺฆปุคฺคลา อิสฺสรา โหนฺติ. ปุคฺคลิกวิหาเร ปน โส วิหารสฺสามิโก อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เทติ, เต อิสฺสรา โหนฺติ. โย วา ปน ตสฺส ชีวมานสฺเสว วิสฺสาสคฺคาหวเสน คณฺหาติ, โสว อิสฺสโร โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
กถํ วิฺายตีติ เจ? สงฺฆิเก วิหารสฺส ครุภณฺฑตฺตา อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิกํ โหติ, น กสฺสจิ ทาตพฺพํ. คณสนฺตกปุคฺคลิเกสุ ปน เตสํ สามิกตฺตา ทานวิสฺสาสคฺคาหา รุหนฺติ, ‘‘ตสฺมา โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ. ยสฺส ทินฺนํ, เยน จ คหิตํ, ตสฺเสว โหตี’’ติ จ ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี, พหูนมฺปิ สนฺตเก เอเสว นโย’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
เอวํ ปน วิสฺสชฺเชตฺวา อทินฺนํ ‘‘มมจฺจเยน อสุกสฺส โหตู’’ติ ทานํ อจฺจยทานตฺตา น รุหติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๔๑๙) ‘‘สเจ หิ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรนฺโต ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร อุปชฺฌายสฺส โหตุ, อาจริยสฺส โหตุ, สทฺธิวิหาริกสฺส โหตุ, อนฺเตวาสิกสฺส โหตุ, มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’ติ วทติ, เตสํ น โหติ, สงฺฆสฺเสว โหติ. น หิ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหตี’’ติ. เอตฺถ จ เอกจฺเจ ปน วินยธรา ‘‘คิหีนนฺติ ¶ ปทํ สมฺปทานนฺติ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺตกํ อจฺจยทานวเสน คิหีนํ ททนฺเต รุหติ, ปฺจนฺนํ ปน สหธมฺมิกานํ เทนฺโต น รุหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต มาตาปิตูนํ ททนฺโตปิ รุเหยฺย เตสํ คิหิภูตตฺตา. ‘‘อถ จ ปน ‘มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’ติ วทติ, เตสํ น โหตี’’ติ วจนโต น รุหตีติ วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘คิหีนํ ปนา’’ติ อิทํ น สมฺปทานวจนํ, อถ โข สามิวจนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เตน คิหีนํ ปน สนฺตกํ อจฺจยทานํ รุหตีติ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.
กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘สเจ หิ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรนฺโต มมจฺจเยน ¶ มยฺหํ ปริกฺขาโร’’ติ อารภิตฺวา ‘‘น หิ ปฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหตี’’ติ วุตฺตตฺตา สามฺยตฺเถ ฉฏฺีพหุวจนํ สมตฺถิตํ ภวติ. ยทิ เอวํ ‘‘คิหีน’’นฺติ ปทสฺส อสมฺปทานตฺเต สติ กตมํ สมฺปทานํ โหตีติ? ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ ปทํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๔๑๙) ‘‘มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อฺสฺส วา กสฺสจิ โหตู’’ติ. อยมตฺโถ อชฺชุกวตฺถุนา (ปารา. ๑๕๘) ทีเปตพฺโพ. เอวํ ชีวมานกาเลเยว ทตฺวา มเตสุ วินิจฺฉโย อมฺเหหิ าโต, กสฺสจิ อทตฺวา มเตสุ วินิจฺฉโย กถํ าตพฺโพติ? ตตฺถาปิ สงฺฆิเก ตาว เหฏฺา วุตฺตนเยน สงฺโฆว อิสฺสโร, คณสนฺตเก ปน เอกจฺเจสุ อวเสสา อิสฺสรา, สพฺเพสุ มเตสุ สงฺโฆว อิสฺสโร. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. ปุคฺคลิเก ปน วิหารสฺส ครุภณฺฑตฺตา อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิกํ สงฺฆิกเมว โหติ.
กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา, อนุชานามิ ¶ , ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตตฺตา วิฺายติ. เอวมฺปิ ‘‘ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ’’อิจฺเจว ภควตา วุตฺตํ, น ‘‘วิหาร’’นฺติ, ตสฺมา กถํ วิหารสฺส ครุภณฺฑภาโวติ วิฺายตีติ? ‘‘วิหาโร วิหารวตฺถุ, อิทํ ทุติยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ ปาฬิยํ,
‘‘ทฺวิสงฺคหานิ ทฺเว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;
จตุตฺถํ นวโกฏฺาสํ, ปฺจมํ อฏฺเภทนํ.
‘‘อิติ ปฺจหิ ราสีหิ, ปฺจนิมฺมลโลจโน;
ปฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยี’’ติ. (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) –
อฏฺกถายฺจ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
อิติ ¶ ทายโก วิหารํ กตฺวา กุลูปกภิกฺขุสฺส เทติ, ตสฺส มฺุจเจตนุปฺปตฺติโต ปุพฺพกาเล ทายโก วิหารสฺสามิโก โหติ, ทาตุํ วา วิจาเรตุํ วา อิสฺสโร, มฺุจเจตนุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกภิกฺขุ สามิโก โหติ, ปริภฺุชิตุํ วา อฺเสํ ทาตุํ วา อิสฺสโร. โส ปุคฺคโล อตฺตโน ชีวมานกฺขเณเยว สทฺธิวิหาริกาทีนํ นิสฺสชฺชิตฺวา เทติ, ตทา เต สทฺธิวิหาริกาทโย สามิกา โหนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วา อฺสฺส วา ทาตุํ อิสฺสรา. ยทิ ปน กสฺสจิ อทตฺวาว กาลํ กโรติ, ตทา สงฺโฆว ตสฺส วิหารสฺส สามิโก โหติ, น ทายโก วา ปุคฺคโล วา, สงฺฆานุมติยา เอว ปุคฺคโล ปริภฺุชิตุํ ลภติ, น อตฺตโน อิสฺสรวตายาติ ทฏฺพฺโพ.
เอวํ ¶ มูลโตเยว สงฺฆสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆิกภูตวิหาโร วา มูเล คณปุคฺคลานํ ทินฺนตฺตา คณสนฺตกปุคฺคลิกภูโตปิ เตสํ คณปุคฺคลานํ อฺสฺส นิสฺสชฺชนวเสน อทตฺวา กาลกตตฺตา ปจฺฉา สงฺฆิกภาวํ ปตฺตวิหาโร วา สงฺเฆน วิจาเรตพฺโพ โหติ. สงฺเฆนปิ ภควโต อนุมติยา เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา คาหาเปตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๑๗) ‘‘อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘เกน นุ โข เสนาสนํ คาเหตพฺพ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุ’นฺติ’’อาทิ.
อิมสฺมึ าเน ‘‘เสนาสนคฺคาโห นาม วสฺสกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห, อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห, ธุววาสวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ติวิโธ โหติ. เตสุ วสฺสกาลวเสน เสนาสนคฺคาโห ปุริมวสฺสวเสน เสนาสนคฺคาโห, ปจฺฉิมวสฺสวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ. อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโหปิ อนฺตรามุตฺตกวเสน เสนาสนคฺคาโห, ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ’’ติ อาจริยา วทนฺติ, เอตํ ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ อสเมนฺตํ วิย ทิสฺสติ. ปาฬิยฺหิ (จูฬว. ๓๑๘) ‘‘อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กติ นุ โข เสนาสนคฺคาโห’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ตโยเม, ภิกฺขเว, เสนาสนคฺคาหา ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา ปุริมโก คาเหตพฺโพ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมโก คาเหตพฺโพ, อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย เสนาสนคฺคาหา’’ติ เอวํ อาคโต, อฏฺกถายมฺปิ ¶ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก ¶ จาติ อิเม ทฺเว คาหา ถาวรา. อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย…เป… อยํ ตาว อนฺโตวสฺเส วสฺสูปนายิกาทิวเสน ปาฬิยํ อาคตเสนาสนคฺคาหกถา, อยํ ปน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ เอวํ อาคโต, ตสฺมา สงฺเฆน สมฺมตเสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺพา.
เสนาสนคฺคาโห นาม อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห, วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโหติ ทุวิโธ. ตตฺถ อุตุกาโล นาม เหมนฺตอุตุคิมฺหอุตุวเสน อฏฺ มาสา, ตสฺมึ กาเล ภิกฺขู อนิยตาวาสา โหนฺติ, ตสฺมา เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทา ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถิ. อยํ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห นาม. วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาโห ปน ‘‘ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก’’ติ ปาฬิยํ อาคตนเยน ติวิโธ โหติ. อนฺตรามุตฺตโกปิ หิ อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย คาหิตตฺตา วสฺสาวาเส เสนาสนคฺคาหเมว ปวิสติ, น อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายตึ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตพฺโพ’’ติ. ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ จ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ วิสุํ อาคโต, อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโหเยว ตทงฺคเสนาสนคฺคาโหติปิ ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติปิ วทนฺติ, ตสฺมา อุตุกาลวเสน เสนาสนคฺคาโหปิ ‘‘อนฺตรามุตฺตกวเสน เสนาสนคฺคาโห ตงฺขณปฏิสลฺลานวเสน เสนาสนคฺคาโหติ ทุพฺพิโธ’’ติ น วตฺตพฺโพ.
อถาปิ ¶ วทนฺติ ‘‘ยถาวุตฺเตสุ ปฺจสุ เสนาสนคฺคาเหสุ จตฺตาโร เสนาสนคฺคาหา ปฺจงฺคสมนฺนาคเตน เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติลทฺเธน ภิกฺขุนา อนฺโตอุปจารสีมฏฺเน หุตฺวา อนฺโตสีมฏฺานํ ภิกฺขูนํ ยถาวินยํ วิจาเรตพฺพา โหนฺติ, เต ปน วิจารณา ยาวชฺชกาลา ถาวรา หุตฺวา น ติฏฺนฺติ, ธุววาสวเสน วิจารณเมว ยาวชฺชกาลา ถาวรํ หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. กสฺมา? เสนาสนคฺคาหาปกเภเท ‘‘ธุววาสวเสน เสนาสนคฺคาโห’’ติ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ นตฺถิ. ธุววาสวเสน วิจารณฺจ สมฺมุติลทฺเธน เสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺพํ น โหติ, อถ โข สมคฺเคน สงฺเฆน อปโลกนกมฺมวเสน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุสฺส อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทานเมว, ตสฺมา สมคฺโค สงฺโฆ พหูปการตาคุณวิสิฏฺตาสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ อปโลกนกมฺมวเสน สมฺมนฺนิตฺวา ¶ ตสฺส ผาสุกํ อาวาสํ ธุววาสวเสน อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทติ, ตํ ยาวชฺชกาลา ถาวรํ หุตฺวา ติฏฺตีติ วตฺตพฺพํ.
สมคฺโค สงฺโฆว ธุววาสวเสน เทติ, น เสนาสนคฺคาหาปโกติ อยมตฺโถ กถํ าตพฺโพติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกอาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทตี’’ติ จ ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ จ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ¶ ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) จ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ จ อฏฺกถาสุ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒) วจนโต สาธุกํ นิสฺสํสเยน าตพฺโพติ.
กถํ ปน อปโลกนกมฺเมน ทาตพฺพภาโว วิฺายตีติ? ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปิ สงฺฆกิจฺจํ กโรนฺตานํ กปฺปิยการกาทีนํ ภตฺตเวตนมฺปิ อปโลกนกมฺเมน ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) กมฺมวคฺเค อาคตตฺตา วิฺายติ. กถํ ปน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโนเยว ทาตพฺพภาโว วิฺายตีติ? ‘‘พหูปการตนฺติ ภณฺฑาคาริกตาทิพหุอุปการภาวํ. น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘คุณวิสิฏฺตฺจา’ติอาทิ. เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว, คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสตี’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อฏฺ. ฏี. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
กสฺมา ปน เสนาสนคฺคาหาปเกน วิจาเรตพฺโพ เสนาสนคฺคาโห ยาวชฺชกาลา น ติฏฺตีติ? ปฺจงฺคสมนฺนาคตสฺส เสนาสนคฺคาหาปกสฺส ภิกฺขุโน ทุลฺลภตฺตา, นานาเทสวาสีนํ นานาจริยกุลสมฺภวานํ ภิกฺขูนํ เอกสมฺโภคปริโภคสฺส ทุกฺกรตฺตา จ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ ¶ น ติฏฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตุํ, โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย ¶ , คหิตาคหิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๑๗). อฏฺกถายมฺปิ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๒) ‘‘เอวรูเปน หิ สภาคปุคฺคเลน เอกวิหาเร วา เอกปริเวเณ วา วสนฺเตน อตฺโถ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา ปน ธุววาสตฺถาย ทานวิจาโร ยาวชฺชกาลา ติฏฺตีติ? ปฺจงฺคสมนฺนาคตาภาเวปิ สีมฏฺกสฺส สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา กตฺตพฺพตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกํ สงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺม’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๒).
อุตุกาเล สงฺฆิกเสนาสเน วสนฺเตน อาคโต ภิกฺขุ น ปฏิพาเหตพฺโพ อฺตฺร อนุฏฺาปนียา. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ เตมาสํ ปฏิพาหิตุํ, อุตุกาลํ ปน น ปฏิพาหิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘). ‘‘อฺตฺร อนุฏฺาปนียา’’ติ วุตฺตํ, กตเม อนุฏฺาปนียาติ? จตฺตาโร อนุฏฺาปนียา วุฑฺฒตโร, ภณฺฑาคาริโก, คิลาโน, สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโน จ. ตตฺถ วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ตสฺมึ วิหาเร อนฺโตสีมฏฺกภิกฺขูสุ อตฺตนา วุฑฺฒตรสฺส อฺสฺส อภาวา ยถาวุฑฺฒํ เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. ภณฺฑาคาริโก สงฺเฆน สมฺมนฺนิตฺวา ภณฺฑาคารสฺส ทินฺนตาย สงฺฆสฺส ภณฺฑํ รกฺขนฺโต โคเปนฺโต วสติ, ตสฺมา โส ภณฺฑาคาริโก เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. คิลาโน เคลฺาภิภูโต อตฺตโน ลทฺธเสนาสเน วสนฺโต เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโน สมคฺเคน สงฺเฆน ทินฺนเสนาสนตฺตา เกนจิ อนุฏฺาปนีโย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘จตฺตาโร หิ น วุฏฺาเปตพฺพา วุฑฺฒตโร, ภณฺฑาคาริโก, คิลาโน, สงฺฆโต ลทฺธเสนาสโนติ. ตตฺถ วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น ¶ วุฏฺาเปตพฺโพ, ภณฺฑาคาริโก สงฺเฆน สมฺมนฺนิตฺวา ภณฺฑาคารสฺส ทินฺนตาย, คิลาโน อตฺตโน คิลานตาย, สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทติ, ตสฺมา โส อุปการกตาย จ สงฺฆโต ลทฺธตาย จ น วุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ. เปตฺวา อิเม จตฺตาโร อวเสสา วุฏฺาปนียาว โหนฺติ.
อปรสฺมึ ภิกฺขุมฺหิ อาคเต วุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘อุตุกาเล ตาว เกจิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ปุเรภตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, เกจิ ¶ ปจฺฉาภตฺตํ ปมยามํ วา มชฺฌิมยามํ วา ปจฺฉิมยามํ วา, เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทาว ภิกฺขู อุฏฺาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํ, อกาโล นาม นตฺถี’’ติ. เอตรหิ ปน สทฺธา ปสนฺนา มนุสฺสา วิหารํ กตฺวา อปฺเปกจฺเจ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ‘‘สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ตฺวา จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อารพฺภ ‘‘อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วตฺวา เทนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อตฺตนา ปสนฺนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ วิหารํ กตฺวาปิ ทานกาเล เตน อุยฺโยชิตา หุตฺวา จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อารพฺภ วุตฺตนเยน เทนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กรณกาเลปิ ทานกาเลปิ อตฺตโน กุลูปกภิกฺขุเมว อารพฺภ ปริจฺจชนฺติ, ตถาปิ ทกฺขิโณทกปาตนกาเล เตน สิกฺขาปิตา ยถาวุตฺตปาํ วจีเภทํ กโรนฺติ, จิตฺเตน ปน กุลูปกสฺเสว เทนฺติ, น สพฺพสงฺฆสาธารณตฺถํ อิจฺฉนฺติ.
อิเมสุ ตีสุ ทาเนสุ ปมํ ปุพฺพกาเลปิ ทานกาเลปิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา สพฺพสงฺฆิกํ โหติ. ทุติยํ ปุพฺพกาเล ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตมานมฺปิ ทานกาเล สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว. ตติยํ ปน ปุพฺพกาเลปิ ทานกาเลปิ ¶ กุลูปกปุคฺคลเมว อุทฺทิสฺส ปวตฺตติ, น สงฺฆํ, เกวลํ ภิกฺขุนา วุตฺตานุสาเรเนว วจีเภทํ กโรนฺติ. เอวํ สนฺเต ‘‘กึ อยํ วิหาโร จิตฺตวเสน ปุคฺคลิโก โหติ, วจีเภทวเสน สงฺฆิโก’’ติ จินฺตายํ เอกจฺเจ เอวํ วเทยฺยุํ –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินีติ. (ธ. ป. ๒) –
วจนโต จิตฺตวเสน ปุคฺคลิโก โหตี’’ติ. อฺเ ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) วจนโต วจีเภทวเสน สงฺฆิโก โหตี’’ติ.
ตตฺรายํ วิจารณา – อิทํ ทานํ ปุพฺเพ ปุคฺคลสฺส ปริณตํ ปจฺฉา สงฺฆสฺส ปริณามิตํ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆิโก’’ติ วุตฺเต นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปริณตํ สงฺฆสฺส ปริณาเมตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐) วุตฺตํ อฏฺมํ อธมฺมิกทานํ โหติ, ตสฺส ทานสฺส ปฏิคฺคหาปิ ปริโภคาปิ อธมฺมิกปฏิคฺคหา อธมฺมิกปริโภคา โหนฺติ. ‘‘ปุคฺคลิโก’’ติ วุตฺเต ตีสุ ธมฺมิกทาเนสุ ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลสฺเสว เทตี’’ติ วุตฺตํ ตติยธมฺมิกทานํ โหติ, ตสฺส ¶ ปฏิคฺคหาปิ ปริโภคาปิ ธมฺมิกปฏิคฺคหา ธมฺมิกปริโภคา โหนฺติ, ตสฺมา ปุคฺคลิกปกฺขํ ภชติ. อปฺเปกจฺเจ สุตฺตนฺติกาทิคเณ ปสีทิตฺวา วิหารํ กาเรตฺวา คณสฺส เทนฺติ ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมนฺตานํ ทมฺมี’’ติ. อปฺเปกจฺเจ ปุคฺคเล ปสีทิตฺวา วิหารํ กตฺวา ปุคฺคลสฺส เทนฺติ ‘‘อิมํ วิหารํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ. เอเต ปน คณสนฺตกปุคฺคลิกา วิหารา ทานกาลโต ปฏฺาย ปฏิคฺคาหกสนฺตกาว โหนฺติ, น ทายกสนฺตกา. เตสุ คณสนฺตโก ตาว เอกจฺเจสุ มเตสุ อวเสสานํ สนฺตโก, เตสุ ธรมาเนสุเยว ¶ กสฺสจิ เทนฺติ, ตสฺส สนฺตโก. กสฺสจิ อทตฺวา สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิโก โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๙) ‘‘ทฺวินฺนํ สนฺตกํ โหติ อวิภตฺตํ, เอกสฺมึ กาลกเต อิตโร สามี, พหูนํ สนฺตเกปิ เอเสว นโย. สพฺเพสุ มเตสุ สงฺฆิกํว โหตี’’ติ.
ปุคฺคลิกวิหาโรปิ ยทิ โส ปฏิคฺคาหกปุคฺคโล อตฺตโน ชีวมานกาเลเยว สทฺธิวิหาริกาทีนํ เทติ, โกจิ วา ตสฺส วิสฺสาเสน ตํ วิหารํ อคฺคเหสิ, ตสฺส สนฺตโก โหติ. กสฺสจิ อทตฺวา กาลกเต สงฺฆิโก โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘โส ชีวมาโนเยว สพฺพํ อตฺตโน ปริกฺขารํ นิสฺสชฺชิตฺวา กสฺสจิ อทาสิ, โกจิ วา วิสฺสาสํ อคฺคเหสิ. ยสฺส ทินฺโน, เยน จ คหิโต, ตสฺเสว โหตี’’ติ. ปาฬิยฺจ (มหาว. ๓๖๙) ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลกเต สงฺโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฏฺากา พหูปการา. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺเฆน ติจีวรฺจ ปตฺตฺจ คิลานุปฏฺากานํ ทาตุํ, ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ, ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิก’’นฺติ (มหาว. ๓๖๙) วุตฺตํ, ตสฺมา อิมินา นเยน วินิจฺฉโย กาตพฺโพ.
สงฺฆิเก ปน ปาฬิยํ อาคตานํ ‘‘ปุริมโก ปจฺฉิมโก อนฺตรามุตฺตโก จา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วุตฺตานํ ติณฺณํ เสนาสนคฺคาหานฺจ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) อาคตานํ ‘‘อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จา’’ติ วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ เสนาสนคฺคาหานฺจ เอตรหิ อสมฺปชฺชนโต อนุฏฺาปนียปาฬิยํ อาคตสฺส อตฺตโน สภาเวน อนุฏฺาปนียสฺส ธุววาสตฺถาย สงฺเฆน ทินฺนตาย อนุฏฺาปนียสฺส วเสเนว วินิจฺฉโย โหติ. วุฑฺฒตรคิลานา หิ ¶ อตฺตโน สภาเวน อนุฏฺาปนียา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ, คิลาโน อตฺตโน คิลานตายา’’ติ. ภณฺฑาคาริกธมฺมกถิกาทโย ¶ ธุววาสตฺถาย สงฺเฆน ทินฺนตาย อนุฏฺาปนียา โหนฺติ. วุตฺตฺหิ ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา…เป… ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สงฺเฆน ทินฺโน, โสปิ อนุฏฺาปนีโย’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา). โส เอวํ เวทิตพฺโพ – เอตรหิ สงฺฆิกวิหาเรสุ สงฺฆตฺเถเรสุ ยถากมฺมงฺคเตสุ ตสฺมึ วิหาเร โย ภิกฺขุ วุฑฺฒตโร, โสปิ ‘‘อยํ วิหาโร มยา วสิตพฺโพ’’ติ วทติ. โย ตตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, โสปิ ตเถว วทติ. เยน โส วิหาโร การิโต, โสปิ ‘‘มยา ปสีทิตปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ’’ติ วทติ. สงฺโฆปิ ‘‘มยเมว อิสฺสรา, ตสฺมา อมฺเหหิ อิจฺฉิตปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ’’ติ วทติ. เอวํทฺวิธา วา ติธา วา จตุธา วา ภินฺเนสุ มหนฺตํ อธิกรณํ โหติ.
เตสุ วุฑฺฒตโร ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส อาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ ปาฬิปาฺจ (มหาว. ๔๗๓; จูฬว. ๓๑๖), ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๙ อาทโย; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) คเหตฺวา ‘‘อหเมว เอตฺถ วุฑฺฒตโร, มยา วุฑฺฒตโร อฺโ นตฺถิ, ตสฺมา อหเมว อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุมนุจฺฉวิโก’’ติ สฺี โหติ. พฺยตฺโตปิ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ ปริวารฏฺกถาวจนฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖), ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ¶ ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุํ, นิสฺสยํ ทาตุ’’นฺติอาทิปาฬิวจนฺจ (มหาว. ๗๖, ๘๒) คเหตฺวา ‘‘อหเมว เอตฺถ พฺยตฺโต ปฏิพโล, น มยา อฺโ พฺยตฺตตโร อตฺถิ, ตสฺมา อหเมว อิมสฺส วิหารสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ สฺี. วิหารการโกปิ ‘‘เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโกติ วินยปาโ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) อตฺถิ, มยา จ พหุํ ธนํ จชิตฺวา อยํ วิหาโร การิโต, ตสฺมา มยา ปสนฺนปุคฺคโล อาโรเปตพฺโพ, น อฺโ’’ติ สฺี. สงฺโฆปิ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต’’ติอาทิปาฬิวจนฺจ (ปาจิ. ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๖, ๑๓๑), อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) คเหตฺวา ‘‘อยํ วิหาโร สงฺฆิโก ¶ สงฺฆสนฺตโก, ตสฺมา อมฺเหหิ อภิรุจิตปุคฺคโลว อาโรเปตพฺโพ, น อฺโ’’ติ สฺี.
ตตฺถ วุฑฺฒตรสฺส วจเนปิ ‘‘น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิวจนํ (จูฬว. ๓๑๖) เตสุ เตสุ อาสนสาลาทีสุ อคฺคาสนสฺส วุฑฺฒตรารหตฺตา ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ วุฑฺฒตเร อาคเต วุฏฺาย อาสนํ ทาตพฺพํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ, น ธุววาสํ สนฺธาย. ‘‘วุฑฺฒตโร อตฺตโน วุฑฺฒตาย’’ตฺยาทิวจนฺจ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ยถาวุฑฺฒํ เสนาสเน ทียมาเน วุฑฺฒตเร อาคเต นวกตโร วุฏฺาเปตพฺโพ, วุฏฺาเปตฺวา วุฑฺฒตรสฺส เสนาสนํ ทาตพฺพํ, วุฑฺฒตโร ปน นวกตเรน น วุฏฺาเปตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘อตฺตโน วุฑฺฒตรตายา’’ติ อุตุกาเล ยถาวุฑฺฒํ เสนาสนทานํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ธุววาสตฺถาย ทานํ สนฺธาย ¶ , ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น สีฆํ อนุชานิตพฺพํ.
พฺยตฺตวจเนปิ ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส’’ตฺยาทิวจนฺจ (ปริ. อฏฺ. ๔๔๕-๔๙๖) น พหุสฺสุตมตฺเตน สงฺฆิกวิหารสฺส อิสฺสรภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข ตสฺส ภิกฺขุสฺส พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา สงฺเฆน ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทินฺเน โส ภิกฺขุ เกนจิ ตมฺหา วิหารา อนุฏฺาปนีโย โหติ, อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว’’ตฺยาทิวจนฺจ (มหาว. ๘๒) นิสฺสยาจริยานํ ลกฺขณํ ปกาเสตุํ ภควตา วุตฺตํ, น สงฺฆิกวิหารสฺส อิสฺสรตฺตํ, ตสฺมา อิทมฺปิ วจนํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น สีฆํ อนุชานิตพฺพํ.
ทายกวจนํ ปน นานุชานิตพฺพํ ปฏิพาหิตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘เยน วิหาโร การิโต’’ตฺยาทิปาสฺส อมุขฺยโวหารตฺตา. ยถา หิ ปุถุชฺชนกาเล รูปาทีสุ สฺชนสฺส ภูตปุพฺพตฺตา ภูตปุพฺพคติยา อรหาปิ ‘‘สตฺโต’’ติ, เอวํ ทานกาลโต ปุพฺเพ ตสฺส วิหารสฺส สามิภูตปุพฺพตฺตา ทายโก ‘‘วิหารสามิโก’’ติ วุจฺจติ, น อิสฺสรตฺตา. น หิ สกเล วินยปิฏเก อฏฺกถาฏีกาสุ จ ‘‘วิสฺสชฺเชตฺวา ทินฺนสฺส วิหารสฺส ทายโก อิสฺสโร’’ติ วา ‘‘ทายเกน วิจาเรตพฺโพ’’ติ วา ‘‘ทายกสนฺตกวิหาโร’’ติ วา ปาโ อตฺถิ, ‘‘สงฺฆิโก, คณสนฺตโก, ปุคฺคลิโก’’อิจฺเจว อตฺถิ, ตสฺมา ตสฺส วจนํ นานุชานิตพฺพํ.
สงฺฆสฺส ¶ วจเนปิ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร’’ตฺยาทิวจนํ (ปาจิ. ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๖, ๑๓๑) สงฺฆสนฺตกภาวํ สงฺเฆน วิจาเรตพฺพภาวํ ทีเปติ, สงฺโฆ ปน วิจาเรนฺโต ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ เสนาสนคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา เตน ยถาวุฑฺฒํ วิจาเรตพฺโพ วา โหติ, สมคฺเคน สงฺเฆน ทุวงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อปโลกนกมฺเมน ¶ ธุววาสตฺถาย ทาตพฺโพ วา. เตสุ ปฺจงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ทุลฺลภตฺตา เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติยา อภาเว สติ ทุวงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ปริเยสิตพฺโพ. เอวํ ปน อปริเยสิตฺวา ภณฺฑาคาริกตาทิพหอูปการตายุตฺตสฺส พหุสฺสุตตาทิคุณวิสิฏฺตาวิรหสฺส ภิกฺขุโน อามิสครุกตาทิวเสน สงฺเฆน วิหาโร ทาตพฺโพ น โหติ, ตสฺมา สงฺฆวจนมฺปิ อุปปริกฺขิตพฺพํ, น ตาว อนุชานิตพฺพํ.
อถ ตีณิปิ วจนานิ สํสนฺเทตพฺพานิ. ตตฺถ สงฺฆสฺส อิสฺสรตฺตา สงฺโฆ ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘โก ปุคฺคโล ตุมฺเหหิ อภิรุจิโต’’ติ, ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอโส’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา อภิรุจิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอโส ปุคฺคโล อมฺเห จีวราทิปจฺจเยหิ อนุคฺคเหตา, อมฺหากํ าติสาโลหิโต, อุปชฺฌาโย, อาจริโย, สทฺธิวิหาริโก, อนฺเตวาสิโก, สมานุปชฺฌายโก, สมานาจริยโก, ปิยสหาโย, ลาภี, ยสสฺสี, ตสฺมา อมฺเหหิ อภิรุจิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺตาวตา ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทาตพฺโพ’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. อถ ‘‘เอโส ปุคฺคโล สพฺเพหิ อมฺเหหิ วุฑฺฒตโร อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ อรหติ, ธุววาสตฺถาย วิหาโร ปน ตสฺส ทาตพฺโพติ อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺโต’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. อถ ‘‘ธมฺมกถิโก, วินยธโร, คณวาจกอาจริโย’’ติ วุตฺเต ‘‘เอโส ธุววาสตฺถาย ทินฺนวิหารสฺส อนุจฺฉวิโก, เอตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกอาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ วจนโต วิฺายติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๙; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา).
อิธ ¶ ปน สาธกปาเ ‘‘ภณฺฑาคาริกสฺส วา’’ติ วิชฺชมาเน กสฺมา สาธฺยวจเน ภณฺฑาคาริโก น วุตฺโตติ? เอตรหิ ภณฺฑาคารสฺส อภาวา. ยทิ เกสุจิ วิหาเรสุ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺย, โส ภณฺฑาคารวิหาเร นิสินฺโน สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรรกฺขณาทิกํ อุปการํ กเรยฺย, ตสฺส พหูปการตํ สลฺลกฺเขนฺโต สงฺโฆ ภณฺฑาคาริกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ เอตรหิปิ ธุววาสตฺถาย ¶ ทเทยฺย, โส ตสฺส วิสุํ ธุววาสวิหาโรติ. เอตฺถ สาธกปาเ ‘‘ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา’’ติอาทิสทฺเทน พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโมติ วุตฺตคุณวนฺเต สงฺคณฺหาติ. อถาปิ ‘‘เอโส ปุคฺคโล พหุสฺสุโต อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ ภิกฺขูนํ พหูปกาโร สงฺฆภารนิตฺถารโก’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอโสปิ ผาสุกาวาสสฺส อรโห, อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหาโร เอตสฺสปิ ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน พหุสฺสุตสฺส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ พหูปการสฺส ภารนิตฺถารกสฺส ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) วจนโต วิฺายติ.
อถาปิ ‘‘อยํ ปุคฺคโล ธมฺมกถิโก วินยธโร คณวาจกาจริโย สงฺฆสฺส พหูปกาโร วิสิฏฺคุณยุตฺโต’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอตสฺสปิ ปุคฺคลสฺส ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวาว ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺโฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธราทีนํ วา คณวาจกาจริยสฺส วา พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ธุววาสตฺถาย ¶ วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา เทตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐; กงฺขา. อฏฺ. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ.
อถาปิ ‘‘เอโส ปุคฺคโล พหุสฺสุโต สงฺฆภารนิตฺถารโก’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ เอตสฺสปิ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุโมทิตพฺโพ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหุสฺสุตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน อนุฏฺาปนียเสนาสนมฺปี’’ติ ปริวารฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) วุตฺตตฺตา วิฺายติ. ตโต ‘‘เอวํ ทุวงฺคสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อนฺโตสีมฏฺโ วา พหิสีมฏฺโ วา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนฺโตสีมฏฺโ’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. ‘‘พหิสีมฏฺโ’’ติ วุตฺเต ‘‘น ทาตพฺโพ’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? ‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วจนโตติ.
อถ ‘‘ทุวงฺคสมนฺนาคเต อนฺโตสีมฏฺเ อสติ เอกงฺคสมนฺนาคโต อนฺโตสีมฏฺโ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ เอตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘พหูปการตํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโตติ ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ ธมฺมกถิกาทีนํ ¶ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขนฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) เอเกกงฺควเสน อาคตตฺตา วิฺายติ. ‘‘อนฺโตสีมฏฺโ เอกงฺคสมนฺนาคโตปิ นตฺถิ, พหิสีมฏฺโว อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาคนฺตฺวา อนฺโตสีเม ิตสฺส ทาตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺโพ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺานํ อนฺเตวาสิกาทีสุ คณฺหนฺเตสุ ทาตพฺพเมวา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโต วิฺายติ.
สเจ ¶ ปน เอกงฺคยุตฺตภาเวน วา ทุวงฺคยุตฺตภาเวน วา สมานา ทฺเว ตโย ภิกฺขู อนฺโตสีมายํ วิชฺชมานา ภเวยฺยุํ, กสฺส ทาตพฺโพติ? วฑฺฒตรสฺสาติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สงฺฆิกํ ยถาวุฑฺฒํ ปฏิพาหิตพฺพํ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) วจนโตติ. สเจ ปน อนฺโตสีมายํ เอกงฺคยุตฺโต วา ทุวงฺคยุตฺโต วา ภิกฺขุ นตฺถิ, สพฺเพว อาวาสิกา พาลา อพฺยตฺตา, เอวํ สติ กสฺส ทาตพฺโพติ? โย ตํ วิหารํ อาคจฺฉติ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ, โส เจ ลชฺชี โหติ เปสโล พหุสฺสุโต สิกฺขากาโม, โส เตหิ อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ อฺตฺถ อคมนตฺถํ สงฺคหํ กตฺวา โส อาวาโส ทาตพฺโพ.
อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ เจ? ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหรนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. ตตฺถ อฺโ ภิกฺขุ อาคจฺฉติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ โส ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุปลาเปตพฺโพ อุปฏฺาเปตพฺโพ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน. โน เจ สงฺคณฺเหยฺยุํ อนุคฺคณฺเหยฺยุํ อุปลาเปยฺยุํ อุปฏฺาเปยฺยุํ จุณฺเณน มตฺติกาย ทนฺตกฏฺเน มุโขทเกน, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๓) สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปฺตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๑๖๓) ‘‘สงฺคเหตพฺโพติ ‘สาธุ, ภนฺเต, อาคตตฺถ, อิธ ภิกฺขา สุลภา สูปพฺยฺชนํ อตฺถิ, วสถ อนุกฺกณฺมานา’ติ เอวํ ปิยวจเนน สงฺคเหตพฺโพ, ปุนปฺปุนํ ตถากรณวเสน อนุคฺคเหตพฺโพ, ‘อาม วสิสฺสามี’ติ ปฏิวจนทาปเนน ¶ อุปลาเปตพฺโพ. อถ วา จตูหิ ปจฺจเยหิ สงฺคเหตพฺโพ เจว อนุคฺคเหตพฺโพ จ, ปิยวจเนน อุปลาเปตพฺโพ, กณฺณสุขํ อาลปิตพฺโพติ อตฺโถ, จุณฺณาทีหิ อุปฏฺาเปตพฺโพ. อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ สเจ สกโลปิ สงฺโฆ น กโรติ, สพฺเพสํ ทุกฺกฏํ. อิธ เนว เถรา, น ทหรา ¶ มุจฺจนฺติ, สพฺเพหิ วาเรน อุปฏฺาตพฺโพ, อตฺตโน วาเร อนุปฏฺหนฺตสฺส อาปตฺติ. เตน ปน มหาเถรานํ ปริเวณสมฺมชฺชนทนฺตกฏฺทานาทีนิ น สาทิตพฺพานิ. เอวมฺปิ สติ มหาเถเรหิ สายํปาตํ อุปฏฺานํ อาคนฺตพฺพํ. เตน ปน เตสํ อาคมนํ ตฺวา ปมตรํ มหาเถรานํ อุปฏฺานํ คนฺตพฺพํ. สจสฺส สทฺธึจรา ภิกฺขู อุปฏฺากา อตฺถิ, ‘มยฺหํ อุปฏฺากา อตฺถิ, ตุมฺเห อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรถา’ติ วตฺตพฺพํ. อถาปิสฺส สทฺธึ จรา นตฺถิ, ตสฺมึเยว ปน วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา วตฺตสมฺปนฺนา วทนฺติ ‘มยฺหํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสาม, อวเสสา ผาสุ วิหรนฺตู’ติ, สพฺเพสํ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. เอวํ ตาทิสํ พหิสีมโต อนฺโตสีมมาคตํ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตํ ภิกฺขุํ อนฺโตสีมาย ธุวนิวาสตฺถาย ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาตพฺโพติ วิฺายติ.
นนุ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, นิสฺสีเม ิตสฺส เสนาสนํ คาเหตพฺพํ, โย คาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) ภควตา วุตฺตํ, อถ กสฺมา นิสฺสีมโต อาคตสฺส ธุววาสตฺถาย วิหาโร ทาตพฺโพติ? วุจฺจเต – ‘‘นิสฺสีเม ิตสฺสา’’ติ อิทํ อนาทเร สามิวจนํ, ตสฺมา นิสฺสีเม ิตํเยว เสนาสนํ น คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, น นิสฺสีเม ิตสฺส ตสฺส ภิกฺขุสฺส อนฺโตสีมํ ปวิฏฺสฺสปิ เสนาสนํ น คาเหตพฺพนฺติ อตฺโถ, ตสฺมา ปุพฺเพ พหิสีมายํ ิเตปิ อิทานิ อนฺโตสีมํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย จตุปจฺจยภาโค ลพฺภติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ¶ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุํ จีวรํ อุปฺปนฺนนฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ทาตพฺพ’’นฺติ. อนฺโตสีมฏฺเสุ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ ยตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถิ, โส อาวาโส คนฺตพฺโพ โหติ. อนฺโตวสฺเสปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วินา วสฺสํ วสิตุํ น ลภติ. ยตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทสโก อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา วสฺสํ วสิตพฺพํ, ตสฺมา พหิสีมโต อาคโตปิ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส ตทหุโปสเถ สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหรนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว ยตฺถ ชานนฺติ ¶ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา, โส อาวาโส คนฺตพฺโพ. โน เจ คจฺเฉยฺยุํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อิธ ปน, ภิกฺขเว, อฺตรสฺมึ อาวาเส สมฺพหุลา ภิกฺขู วสฺสํ วสนฺติ พาลา อพฺยตฺตา, เต น ชานนฺติ อุโปสถํ วา อุโปสถกมฺมํ วา ปาติโมกฺขํ วา ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วา. เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ เอโก ภิกฺขุ สามนฺตา อาวาสา สชฺชุกํ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, เอโก ภิกฺขุ สตฺตาหกาลิกํ ¶ ปาเหตพฺโพ ‘คจฺฉาวุโส สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปาติโมกฺขํ ปริยาปุณิตฺวา อาคจฺฉา’ติ. เอวฺเจตํ ลเภถ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลเภถ, น, ภิกฺขเว, เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺมึ อาวาเส วสฺสํ วสิตพฺพํ, วเสยฺยุํ เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ’’ (มหาว. ๑๖๓).
เอวํ พหิสีมโต อาคตสฺสปิ สงฺฆสฺส อุปการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส วิสิฏฺคุณยุตฺตสฺส ทาตพฺพภาโว วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘อมฺหากํ คโณ น โหติ, อมฺหากํ วํโส ปเวณี น โหติ, อมฺหากํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺโต น โหตี’’ติอาทีนิ วตฺวา น ปฏิกฺขิปิตพฺโพ. คณาทิภาโว หิ อปฺปมาณํ, ยถาวุตฺตพหูปการตาทิภาโวเยว ปมาณํ. สามคฺคิกรณโต ปฏฺาย หิ สมานคโณ โหติ. ตถา หิ อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ลทฺธินานาสํวาสกานมฺปิ ลทฺธิวิสฺสชฺชเนน ติวิธอุกฺเขปนียกมฺมกตานํ กมฺมนานาสํวาสกานมฺปิ โอสารณํ กตฺวา สามคฺคิกรเณน สํวาโส ภควตา อนฺุาโต. อลชฺชึ ปน พหุสฺสุตมฺปิ สงฺคหํ กาตุํ น วฏฺฏติ. โส หิ อลชฺชีปริสํ วฑฺฒาเปติ, ลชฺชีปริสํ หาเปติ. ภณฺฑนการกํ ปน วิหารโตปิ นิกฺกฑฺฒิตพฺพํ. ตถา หิ ‘‘ภณฺฑนการกกลหการกเมว สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ ลภติ. โส หิ ปกฺขํ ลภิตฺวา สงฺฆมฺปิ ภินฺเทยฺย. อลชฺชีอาทโย ปน อตฺตโน วสนฏฺานโตเยว นิกฺกฑฺฒิตพฺพา, สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๘) วุตฺตํ.
วุฑฺฒาปจายนาทิสามคฺคิรสรหิตํ วิสภาคปุคฺคลมฺปิ สงฺคหํ กาตุํ น ลภติ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอวรูเปน หิ วิสภาคปุคฺคเลน เอกวิหาเร วา เอกปริเวเณ วา วสนฺเตน อตฺโถ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพตฺเถวสฺส นิวาโส วาริโต’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๒), ตสฺมา อาวาสิโก วา โหตุ ¶ อาคนฺตุโก วา, สคโณ วา โหตุ อฺคโณ ¶ วา, พหุสฺสุตสีลวนฺตภูโต ภิกฺขุ สงฺคเหตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ภควตา –
‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ, สปฺปฺํ พุทฺธสาวกํ;
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นนฺทิตุมรหติ;
เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. (อ. นิ. ๔.๖) –
อยํ อนฺโตสีมฏฺเน สงฺเฆน พหูปการตาคุณวิสิฏฺตาสงฺขาเตหิ คุเณหิ ยุตฺตสฺส สงฺฆภารนิตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ผาสุกํ อาวาสํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา ทาเน วินิจฺฉโย.
ยทา ปน สงฺฆตฺเถโร ชราทุพฺพลตาย วา โรคปีฬิตตาย วา วิเวกชฺฌาสยตาย วา คณํ อปริหริตุกาโม อฺสฺส ทาตุกาโม, อตฺตโน อจฺจเยน วา กลหวิวาทาภาวมิจฺฉนฺโต สทฺธิวิหาริกาทีนํ นิยฺยาเตตุกาโม โหติ, ตทา น อตฺตโน อิสฺสรวตาย ทาตพฺพํ, อยํ วิหาโร สงฺฆิโก, ตสฺมา สงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตํ การณํ อาจิกฺขิตฺวา พหูปการตาคุณวิสิฏฺตายุตฺตปุคฺคโล วิจินาเปตพฺโพ. ตโต สงฺโฆ จตฺตาริ อคติคมนานิ อนุปคนฺตฺวา ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูตํ ปุคฺคลํ วิจินิตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ อิมสฺส วิหารสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ อาโรเจติ. มหาเถรสฺสปิ ตเมว รุจฺจติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ รุจฺจติ, อตฺตโน ภารภูตํ วุตฺตปฺปการองฺควิยุตฺตํ ปุคฺคลํ ทาตุกาโม โหติ. เอวํ สนฺเต สงฺโฆ ฉนฺทาทิอคตึ น คจฺฉติ, ปุคฺคโลว คจฺฉติ, ตสฺมา สงฺฆสฺเสว อนุมติยา วิหาโร ทาตพฺโพ.
สเจ ปน สงฺโฆ ยํ กฺจิ อามิสํ ลภิตฺวา ยถาวุตฺตคุณวิยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ทาตุกาโม โหติ, ปุคฺคโล ¶ ปน ภควโต อชฺฌาสยานุรูปํ วุตฺตปฺปการองฺคยุตฺตภูตสฺเสว ภิกฺขุสฺส ทาตุกาโม, ตทา ปุคฺคโลปิ สงฺฆปริยาปนฺโนเยวาติ กตฺวา ธมฺมกมฺมการกสฺส ปุคฺคลสฺเสว อนุมติยา วิหาโร ทาตพฺโพ, น สงฺฆานุมติยา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) ‘‘สเจ สงฺโฆ กิฺจิ ลภิตฺวา อามิสครุกตาย น นิวาเรติ, เอโก ภิกฺขุ นิวาเรติ, โสว ภิกฺขุ อิสฺสโร. สงฺฆิเกสุ หิ กมฺเมสุ โย ธมฺมกมฺมํ กโรติ, โสว อิสฺสโร’’ติ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ฉนฺทา ¶ โทสา ภยา โมหา;
โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส;
กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา;
โย ธมฺมํ นาติวตฺตติ;
อาปูรติ ตสฺส ยโส;
สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๔.๑๗-๑๘; ปาริ. ๓๘๒, ๓๘๖);
ยทา ปน เถโรปิ กิฺจิ อวตฺวา ยถากมฺมงฺคโต, สงฺโฆปิ น กสฺสจิ วิจาเรติ, เอวํ สงฺฆิกวิหาเร อภิกฺขุเก สฺุเ วตฺตมาเน ตสฺมึ เทเส เยน เกนจิ สาสนสฺส วุทฺธิมิจฺฉนฺเตน อาจริเยน อนฺโตสีมฏฺกา ภิกฺขู เอวํ สมุสฺสาเหตพฺพา ‘‘มา ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ อกตฺถ, อนฺโตสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ พหูปการตาทิยุตฺตํ ปุคฺคลํ วิจินถ, วิจินิตฺวา ลภนฺตา ตสฺส ปุคฺคลสฺส สมคฺเคน สงฺเฆน ธุววาสตฺถาย วิหารํ อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทถ, โน เจ อนฺโตสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ อลตฺถ, อถ พหิสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ วิจินถ. พหิสีมฏฺเกสุ ภิกฺขูสุ วิจินิตฺวา ยถาวุตฺตองฺคยุตฺตปุคฺคเล ลพฺภมาเน ตํ ปุคฺคลํ อนฺโตสีมํ ปเวเสตฺวา ¶ อนฺโตสีมฏฺกสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สมฺมนฺนิตฺวา อนุฏฺาปนียํ กตฺวา เทถ. เอวํ กโรนฺตา หิ ตุมฺเห อายสฺมนฺโต อปฺปิจฺฉกถา-สนฺโตสกถา-สลฺเลขกถา-ปวิวิตฺตกถาวีริยารมฺภกถา-สีลกถา-สมาธิกถา-ปฺากถา-วิมุตฺติกถา-วิมุตฺติาณทสฺสนกถาสงฺขาตทสกถาวตฺถุสมฺปนฺนํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย อสฺสุตปุพฺพํ ธมฺมํ สุณิสฺสถ, สุตปุพฺพํ ธมฺมํ ปริโยทาปิสฺสถ, กงฺขํ วิโนทิสฺสถ, ทิฏฺึ อุชุํ กริสฺสถ, จิตฺตํ ปสาเทสฺสถ. ยสฺส ลชฺชิโน เปสลสฺส พหุสฺสุตสฺส สิกฺขากามสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขํ อนุสิกฺขมานา สทฺธาย วฑฺฒิสฺสนฺติ, สีเลน วฑฺฒิสฺสนฺติ, สุเตน วฑฺฒิสฺสนฺติ, จาเคน วฑฺฒิสฺสนฺติ, ปฺาย วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) ‘‘กตโม อุปนิสฺสยโคจโร ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ. ยสฺส วา อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ ¶ , จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร’’ติ. เอวํ สมุสฺสาเหตฺวา ธมฺมกถํ กตฺวา อนฺโตสีมฏฺกสงฺเฆเนว ธุววาสวิหาโร ทาเปตพฺโพติ.
เอวํ ชินสาสนสฺส, วฑฺฒิกาโม สุเปสโล;
อกาสิ ปฺวา ภิกฺขุ, สุฏฺุ อาวาสนิจฺฉยนฺติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
วิหารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร.
๒๙. กถินตฺถารวินิจฺฉยกถา
๒๒๖. เอวํ ¶ จตุปจฺจยภาชนวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ กถินวินิจฺฉยํ กเถตุมาห ‘‘กถินนฺติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กถินนฺติ กตมํ กถินํ? สมูหปฺตฺติ. น หิ ปรมตฺถโต กถินํ นาม เอโก ธมฺโม อตฺถิ, ปุริมวสฺสํวุตฺถา ภิกฺขู, อนูนปฺจวคฺคสงฺโฆ, จีวรมาโส, ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนจีวรนฺติอาทีสุ เยสุ นามรูเปสุ สมุปฺปชฺชมาเนสุ เตสํ นามรูปธมฺมานํ สมูหสมวายสงฺขาตํ สมูหปฺตฺติมตฺตเมว กถินํ. อยมตฺโถ กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘เตสฺเว ธมฺมานํ สงฺคโห สมวาโย นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนํ อภิลาโป, ยทิทํ กถิน’’นฺติ ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๔๑๒) อาคตตฺตา จ, ‘‘เตสฺเว ธมฺมานนฺติ เยสุ รูปาทิธมฺเมสุ สติ กถินํ นาม โหติ, เตสํ สโมธานํ มิสฺสีภาโว. นามํ นามกมฺมนฺติอาทินา ปน ‘กถิน’นฺติ อิทํ พหูสุ ธมฺเมสุ นามมตฺตํ, น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ อฏฺกถายํ (ปริ. อฏฺ. ๔๑๒) อาคตตฺตา จ, ‘‘เยสุ รูปาทิธมฺเมสูติ ปุริมวสฺสํวุตฺถา ภิกฺขู, ปฺจหิ อนูโน สงฺโฆ, จีวรมาโส, ธมฺเมน สเมน สมุปฺปนฺนํ จีวรนฺติ เอวมาทีสุ เยสุ รูปารูปธมฺเมสุ. สตีติ สนฺเตสุ. มิสฺสีภาโวติ สํสคฺคตา สมูหปฺตฺติมตฺตํ. เตนาห น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ปริวาร ๒.๔๑๒) อาคตตฺตา จ ชานิตพฺโพติ.
เกนฏฺเน ¶ กถินนฺติ? ถิรฏฺเน. กสฺมา ถิรนฺติ? อนามนฺตจารอสมาทานจารคณโภชนยาวทตฺถจีวรโยจตตฺถจีวรุปฺปาทสงฺขาเต ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย. วุตฺตฺหิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖) ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ, ตถา วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖) วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ ¶ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖). อถ วา เกนฏฺเน กถินนฺติ? สงฺคณฺหนฏฺเน. กถํ สงฺคณฺหาตีติ? ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหาติ สงฺขิปิตฺวา คณฺหาติ. วุตฺตฺหิ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหนฏฺเน กถิน’’นฺติ.
กถิน-สทฺโท กาย ธาตุยา เกน ปจฺจเยน สิชฺฌตีติ? ฏีกาจริยา ธาตุปจฺจเย อจินฺเตตฺวา อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกวเสเนว วณฺเณนฺติ, ตสฺมา อยํ สทฺโท รุฬฺหีสุทฺธนามภูโต อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกสทฺโทติ วุจฺจติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ตีสุปิ วินยฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ถิรนฺติ อตฺโถ’’ อิจฺเจว วณฺณิตตฺตา. ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตายาติ ปน ถิรตา จสฺส เหตุปทเมว. อถ วา กถิน-สทฺโท กถธาตุยา อินปจฺจเยน สิชฺฌติ. กถํ? กถ สงฺคหเณติมสฺส ลทฺธธาตุสฺาทิสฺส ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหาตีติ อตฺเถ ‘‘อิน สพฺพตฺถา’’ติ โยควิภาเคน วา ‘‘สุปโต จา’’ติ เอตฺถ จ-สทฺเทน วา อินปจฺจยํ กตฺวา ปรกฺขรํ เนตฺวา กถินสทฺทโต สฺยุปฺปตฺตาทิมฺหิ กเต รูปํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สงฺคณฺหนฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ กงฺขาวิตรณีฏีกาปาํ นิสฺสาย วิฺายติ. อถ วา ก กิจฺฉชีวเนติ ธาตุโต อินปจฺจยํ กตฺวา สิชฺฌติ. อยมตฺโถ ‘‘ก กิจฺฉชีวเน, มุทฺธชทุติยนฺโต ธาตุ, อิโน’’ติ อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ วุตฺตตฺตา วิฺายติ.
พหู ปน ปณฺฑิตา อิมํ ปาํเยว คเหตฺวา ‘‘กถิน-สทฺโท มุทฺธชทุติยนฺโตเยว โหติ, น ทนฺตโช’’ติ วทนฺติ เจว ลิขนฺติ จ, น ปเนวํ เอกนฺตโต วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายํ กกฺขฬปริยายํ คุณสทฺทภูตํ กินสทฺทํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, น สาสนโวหารโต นามสทฺทภูตํ. เตเนวาห ‘‘ปฺจกํ กกฺขเฬ’’ติ. อเนเกสุ ปน ปาฬิอฏฺกถาทิโปตฺถเกสุ ชินสาสนโวหารโต นามสทฺทภูโต กถิน-สทฺโท ทนฺตโชเยว เยภุยฺเยน ปฺายติ ¶ , เตเนว จ การเณน อภิธานปฺปทีปิกาฏีกายมฺปิ วณฺณวิปริยาเย กถินนฺติปิ วุตฺตํ. อถ วา กตฺถ สิลาฆายนฺติ ธาตุโต อินปจฺจยํ กตฺวา สสํโยคตฺถการํ นิสํโยคํ กตฺวา สิชฺฌติ. อยมตฺโถ สิลาฆาทิสุตฺตสฺส วุตฺติยํ ‘‘สิลาฆ กตฺถเน’’ติ วจนโต, สทฺทนีติยฺจ ‘‘กตฺถนํ ปสํสน’’นฺติ วณฺณิตตฺตา จ วิฺายติ. อิทฺจ วจนํ ‘‘อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถ’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) สเมติ. อาจริยา ปน ‘‘กธาตุ อินปจฺจโย’’ติ วิกปฺเปตฺวา ‘‘ก สมตฺถเน’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ วจนํ อนเปกฺขิตฺวา ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตายา’’ติ เหตุเมว อตฺถภาเวน คเหตฺวา วุตฺตํ สิยา, ตํ ปน ถิรภาวสฺส เหตุเยว.
กถํ วิคฺคโห กาตพฺโพติ? อยํ กถิน-สทฺโท จตูสุ ปเทสุ นามปทํ, ปฺจสุ นาเมสุ สุทฺธนามํ, จตูสุ สุทฺธนาเมสุ รุฬฺหีสุทฺธนามํ, ทฺวีสุ ปาฏิปทิกสทฺเทสุ อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกสทฺโท, ตสฺมา วิคฺคโห น กาตพฺโพ. วุตฺตฺหิ –
‘‘รุฬฺหีขฺยาตํ นิปาตฺจุ-ปสคฺคาลปนํ ตถา;
สพฺพนามิกเมเตสุ, น กโต วิคฺคโห ฉสู’’ติ.
อยมตฺโถ ‘‘กถินนฺติ…เป… ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วจนโต วิฺายติ. อถ วา ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ ¶ อทตฺวา กถติ สงฺคณฺหาตีติ กถินํ, อยํ วจนตฺโถ ยถาวุตฺตวินยตฺถมฺชูสาปาวเสน (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วิฺายติ. อถ วา กติ กิจฺเฉน ชีวตีติ กถิโน, รุกฺโข, ตสฺส เอโสติ กถิโน, ถิรภาโว, โส เอตสฺส อตฺถีติ กถินํ, ปฺตฺติชาตํ -การสฺส ถ-การํ กตฺวา กถินนฺติ วุตฺตํ. อยํ นโย ‘‘ก กิจฺฉชีวเน’’ติ ธาตฺวตฺถสํวณฺณนาย จ ‘‘ปฺจานิสํเส อนฺโตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อตฺโถ’’ติ ฏีกาวจเนน (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๓๐๖; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๓๐๖; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖; กงฺขา. อภิ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) จ สเมตีติ ทฏฺพฺโพ. อถ วา กถียเต ¶ สิลาฆเต ปสํสียเต พุทฺธาทีหีติ กถินํ, อยํ นโย ‘‘กตฺถ สิลาฆาย’’นฺติ ธาตฺวตฺถสํวณฺณนาย จ ‘‘อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อฏฺกถาวจเนน จ สเมตีติ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ ปน สงฺเขปรุจิตฺตา อาจริยสฺส สทฺทลกฺขณํ อวิจาเรตฺวา อตฺถเมว ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘กถินํ อตฺถริตุํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา ลภนฺตีติ ปฺจ ชนา สาเธนฺติ. กถินทุสฺสสฺส หิ ทายกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร โหนฺติ, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๘๘) วุตฺตตฺตา น ปฺจวคฺคกรณียนฺติ คเหตพฺพํ. ปมปฺปวารณาย ปวาริตาติ อิทํ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วสฺสํวุตฺถภาวสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ อนฺตราเยน อปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต. เตเนว ‘‘อปฺปวาริตา วา’’ติ อวตฺวา ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ ¶ น ลภนฺตีติ นานาสีมาย อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา อิมสฺมึ วิหาเร กถินตฺถารํ น ลภนฺตีติ อตฺโถ. สพฺเพติ ฉินฺนวสฺสาทโย, อนุปคตาปิ ตตฺเถว สงฺคหิตา. อานิสํสนฺติ กถินานิสํสจีวรํ. เอกํ อตฺถตจีวรํเยว หิ กถินจีวรํ นาม โหติ, อวเสสานิ จีวรานิ วา สาฏกา วา กถินานิสํสาเยว นาม. วกฺขติ หิ ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานี’’ติ. (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๖) อิตเรสนฺติ ปุริมิกาย อุปคตานํ.
โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภตีติ อิมินา สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนฺุาตํ โหติ. โส หิ ปุริมิกาย วสฺสูปคตตฺตา อานิสํสํ ลภติ, ปจฺฉิมิกาย ปน อุปสมฺปชฺชิตตฺตา คณปูรโก โหตีติ. สเจ ปุริมิกาย อุปคตา กถินตฺถารกุสลา น โหนฺตีติอาทินา ‘‘อฏฺธมฺมโกวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหตี’’ติ วินยวินิจฺฉเย (วิ. วิ. ๒๗๐๔) อาคตตฺตา สยํ เจ อฏฺธมฺมกุสโล, สยเมว อตฺถริตพฺพํ. โน เจ, อฺเ อฏฺธมฺมกุสเล ปริเยสิตฺวา เนตพฺพา, เอวํ อกตฺวา กถินํ อตฺถริตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. กถินํ อตฺถราเปตฺวาติ สการิตวจเนน เตหิ พาหิรโต อาคตตฺเถเรหิ สยํ กถินํ น อตฺถริตพฺพํ, สพฺพปุพฺพกิจฺจาทิกํ สํวิทหิตฺวา เต ¶ ปุริมิกาย วสฺสูปคตา อนฺโตสีมฏฺภิกฺขูเยว อตฺถราเปตพฺพาติ ทสฺเสติ, อฺถา อฺโ กถินํ อตฺถรติ, อฺโ อานิสํสํ ลภตีติ อาปชฺชติ, น ปเนวํ ยุชฺชติ. วกฺขติ หิ ‘‘อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหตี’’ติ. ทานฺจ ภฺุชิตฺวาติ ขาทนียโภชนียภูตํ อนฺนปานาทิทานํ ภฺุชิตฺวา. น หิ เต วตฺถุทานํ ลภนฺติ.
กถินจีวรํ ¶ เทมาติ ทาตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ ‘‘สงฺฆสฺส กถินจีวรํ เทมา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติ (มหาว. ๓๐๗) กมฺมวาจาย สเมติ. อถ จ ปน ปุพฺเพ กตปริจยตฺตา ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติ อวุตฺเตปิ สมฺปทานํ ปากฏนฺติ กตฺวา อวุตฺตํ สิยาติ. เอตฺเถเก อาจริยา วทนฺติ ‘‘สงฺฆสฺสาติ อวุตฺเตปิ กาเล ทินฺนํ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ, ตตฺเรวํ วตฺตพฺพํ ‘‘น กาเล ทินฺนํ สพฺพํ สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ยฺจ กาเลปิ สงฺฆสฺส วา อิทํ อกาลจีวรนฺติ, ปุคฺคลสฺส วา อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมีติอาทินา นเยน ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. อกาลจิวรสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตตฺตา ปุคฺคลิกมฺปิ โหตีติ วิฺายติ, ตสฺมา ปรมฺมุขาปิ นามํ วตฺวา สมฺมุขาปิ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนํ ปุคฺคลิกเมว โหติ, น สงฺฆิกํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติ. เอวํ ปุคฺคลิเก สติ ตํ จีวรํ สงฺฆสฺส ภาเชตพฺพํ โหติ วา น โหติ วาติ? โส ปุคฺคโล อตฺตโน สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกภูตสฺส สงฺฆสฺส วา อฺสฺส สหธมฺมิกสงฺฆสฺส วา ภาเชตุกาโม ภาเชยฺย, อภาเชตุกาโม ‘‘ภาเชตู’’ติ น เกนจิ วจนีโย. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘น หิ ปุคฺคลสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ เกนจิ ภาชนียํ โหตี’’ติ ฏีกาสุ อาคมนโต วิฺายติ. อเถเก อาจริยา เอวํ วทนฺติ ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆติ (ปริ. ๔๐๘) วุตฺตตฺตา ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆายตฺตํ สงฺฆิกํ โหติ. ยถา กึ ‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’ติ วุตฺเตปิ ตํ ทานํ สงฺฆิกํ โหติ, ยถา จ ‘กถินจีวรํ ทมฺมี’ติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ.
ตตฺเรวํ ¶ วิจาเรตพฺพํ – ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วจนํ (ปริ. ๔๐๘) กถินสฺส มูลํ กถินสฺส การณํ ทสฺเสติ. ยถา หิ มูเล วิชฺชมาเน รุกฺโข ติฏฺติ, อวิชฺชมาเน น ติฏฺติ, ตสฺมา มูลํ รุกฺขสฺส การณํ โหติ, ปติฏฺํ โหติ, เอวํ สงฺเฆ วิชฺชมาเน ¶ กถินํ โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺโฆ กถินสฺส มูลํ กถินสฺส การณํ นาม โหติ. กถํ สงฺเฆ วิชฺชมาเน กถินํ โหติ? สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคภูเตน สงฺเฆน อตฺถารารหสฺส ภิกฺขุโน ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินจีวเร ทินฺเนเยว เตน จีวเรน อตฺถตํ กถินํ นาม โหติ, โน อทินฺเน, ตสฺมา จตุวคฺคสงฺเฆ อลพฺภมาเน สหสฺสกฺขตฺตุํ ‘‘กถินํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ กถินํ นาม น โหติ, ตสฺมา อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺเน วิหาเร เอโก วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺถ กถินจีวเร อุปฺปนฺเน อฺโต ปริเยสิตฺวา จตุวคฺคสงฺโฆ เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ภิกฺขูนํ ปูรเณ สติ กถินํ อตฺถริตุํ ลภติ, นาสติ, เอวํ สงฺเฆ วิชฺชมาเนเยว กถินํ นาม โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺฆสฺส กถินสฺส มูลภูตตํ การณภูตตํ สนฺธาย ‘‘กถินสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํเยว โหติ, โน ปุคฺคลิกนฺติ อธิปฺปาโย เอตสฺมึ ปาเ น ลพฺภติ. ยถา กึ ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ (จูฬว. ๒๑๙) เอตฺถ อปโลกนกมฺมตฺติกมฺมตฺติทุติยกมฺมตฺติจตุตฺถกมฺมสงฺขาตํ กิจฺจาธิกรณํ จตุวคฺคาทิเก สงฺเฆ วิชฺชมาเนเยว โหติ, โน อวิชฺชมาเน, ตสฺมา สงฺฆสฺส กิจฺจาธิกรณสฺส มูลภูตตํ การณภูตตํ สนฺธาย ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ สงฺโฆ’’ติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
ยทิปิ ¶ วุตฺตํ ‘‘ยถา ‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’ติอาทีสุ ตํ ทานํ สงฺฆายตฺตเมว โหติ, ตถา ‘กถิน ทมฺมี’ติ วุตฺเต ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆายตฺตเมว สงฺฆิกเมว โหตี’’ติ, ตถาปิ เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘สีมาย ทมฺมิ, เสนาสนสฺส ทมฺมี’’ติอาทีสุ สีมา จ เสนาสนฺจ ทานปฏิคฺคาหกา น โหนฺติ, ตสฺมา สีมฏฺสฺส จ เสนาสนฏฺสฺส จ สงฺฆสฺส อายตฺตํ โหติ, ปุคฺคโล ปน ทานปฏิคฺคาหโกว, ตสฺมา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทมฺมี’’ติ ปรมฺมุขา วา ตสฺส ภิกฺขุโน ปาทมูเล เปตฺวา สมฺมุขา วา ทินฺนํ กถํ สงฺฆายตฺตํ สงฺฆสนฺตกํ ภเวยฺย, เอวํ สงฺฆสฺส อปริณตํ ปุคฺคลิกจีวรํ สงฺฆสฺส ปริณาเมยฺย, นวสุ อธมฺมิกทาเนสุ เอกํ ภเวยฺย, ตสฺส จีวรสฺส ปฏิคฺคโหปิ นวสุ อธมฺมิกปฏิคฺคเหสุ เอโก ภเวยฺย, ตสฺส จีวรสฺส ปริโภโคปิ นวสุ อธมฺมิกปริโภเคสุ เอโก ภเวยฺย. กถํ วิฺายตีติ เจ? นว อธมฺมิกานิ ทานานีติ สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, เจติยสฺส ปริณตํ อฺเจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ปริณาเมติ, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺปุคฺคลสฺส ¶ วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมติ, ‘‘นว อธมฺมิกา ปริโภคา’’ติ อาคตํ ปริวารปาฬิฺจ (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว ปฏิคฺคหปริโภคาติ เอเตสํเยว ทานานํ ปฏิคฺคหา จ ปริโภคา จา’’ติ อาคตํ อฏฺกถฺจ (ปริ. อฏฺ. ๓๒๙) โอโลเกตฺวา วิฺายตีติ.
อถาปิ เอวํ วทนฺติ – ทายโก สงฺฆตฺเถรสฺส วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตสฺส วา ภตฺตุทฺเทสกสฺส วา ปหิณติ ‘‘อมฺหากํ ภตฺตคฺคหณตฺถาย อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ, สเจปิ าติอุปฏฺาเกหิ เปสิตํ ¶ โหติ, อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺติ. อารุฬฺหาเยว มาติกํ, สงฺฆโต อฏฺ ภิกฺขู อุทฺทิสาเปตฺวา อตฺตนวเมหิ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆสฺส หิ เอเต ภิกฺขู นิสฺสาย ลาโภ อุปฺปชฺชตีติ. คนฺถธุตงฺคาทีหิ ปน อนภิฺาโต อาวาสิกภิกฺขุ ปุจฺฉิตุํ ลภติ, ตสฺมา เตน ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ มาติกํ อาโรเปตฺวา ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕), อีทิเสสุ าเนสุ ‘‘สงฺฆสฺส ลาโภ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อุปนิธาย ‘‘สงฺฆสฺส ลาโภ ปุคฺคลํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ปุคฺคลสฺส ปตฺตลาโภ สงฺฆํ อามสิตฺวา เทนฺโต สงฺฆายตฺโต โหตี’’ติ วิฺายตีติ.
อิมสฺมิมฺปิ วจเน เอวํ วิจารณา กาตพฺพา – ตสฺมึ ตุ นิมนฺตเน น ปุคฺคลํเยว นิมนฺเตติ, อถ โข สสงฺฆํ ปุคฺคลํ นิมนฺเตติ. ตตฺถ ตุ ‘‘สงฺฆ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘กึ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธึ อาคจฺฉามี’’ติ อนภิฺาโต ปุคฺคโล ปุจฺฉิตุํ ลภติ. สงฺฆตฺเถรสฺส ปน สงฺฆํ ปริหริตฺวา วสิตตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆํ เปตฺวา อฺเสํ คหณการณํ นตฺถิ, คนฺถธุตงฺควเสน อภิฺาตปุคฺคโลปิ สงฺฆสฺส ปฺุนิสฺสิตตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆโตเยว คณฺหาติ, ภตฺตุทฺเทสกสฺสปิ เทวสิกํ สงฺฆสฺเสว ภตฺตวิจารณตฺตา ‘‘อฏฺ ภิกฺขู’’ติ วุตฺเต สงฺฆํ เปตฺวา อฺเสํ คหณการณํ นตฺถิ. เอวํ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ สห สงฺเฆน นิมนฺติตตฺตา ‘‘อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘ตฺวํ อาคจฺฉาหี’’ติ ปุคฺคลสฺเสว นิมนฺตเน สติปิ สงฺฆํ ¶ คเหตฺวา อาคนฺตพฺพโตติ. เอวํ ‘‘อฏฺ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ สสงฺฆสฺเสว ปุคฺคลสฺส นิมนฺติตตฺตา สงฺโฆ คเหตพฺโพ โหติ, น ‘‘ตุมฺเห อาคจฺฉถา’’ติ ปุคฺคลสฺเสว นิมนฺติตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ปุคฺคลสฺส ลาโภ สงฺฆายตฺโต’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ¶ , อฏฺกถาทีสุ ปกรเณสุปิ ‘‘ปุคฺคลํ นิสฺสาย สงฺฆสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ’’ อิจฺเจว วุตฺโต, น ‘‘ปุคฺคลสฺส ลาโภ สงฺฆายตฺโต’’ติ. จีวรลาภเขตฺตภูตาสุ อฏฺสุ มาติกาสุ จ ‘‘สงฺฆสฺส เทตี’’ติ จ วิสุํ, ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ จ วิสุํ อาคตํ. ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา, ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อิมํ ภนฺเต ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตีติ.
อิทานิ ปน จีวรํ ทาตุกามา อุปาสกา วา อุปาสิกาโย วา สยํ อนาคนฺตฺวา ปุตฺตทาสาทโย อาณาเปนฺตาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส เทถา’’ติ วตฺวา ปุคฺคลสฺเสว ทาเปนฺติ, สามํ คนฺตฺวา ททนฺตาปิ ปาทมูเล เปตฺวา วา หตฺเถ เปตฺวา วา หตฺเถน ผุสาเปตฺวา วา ททนฺติ ‘‘อิมํ, ภนฺเต, จีวรํ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส เอตฺตกํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา กตํ, เอวฺจ เอวฺจ หตฺถกมฺมํ กตฺวา สมฺปาทิตํ, ตสฺมา ตุมฺเห นิวาสถ ปารุปถ ปริภฺุชถา’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปริโภคกรณเมว อิจฺฉนฺติ, น สงฺฆสฺส ทานํ. เกจิ อตุฏฺกถมฺปิ กเถนฺติ. เอวํ ปุคฺคลเมว อุทฺทิสฺส ทินฺนจีวรสฺส สงฺเฆน อายตฺตการณํ นตฺถิ. ‘‘สเจ ปน ‘อิทํ ตุมฺหากฺจ ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิกานฺจ ทมฺมี’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อนฺเตวาสิกานฺจ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) อาคมนโต เอวํ วตฺวา เทนฺเต ปน อาจริยนฺเตวาสิกานํ ปาปุณาติ, อนนฺเตวาสิกสฺส ปน น ปาปุณาติ. ‘‘อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโต คเหตฺวา คจฺฉนฺโต จ อตฺถิ, ตสฺสปิ ปาปุณาตี’’ติ อาคมนโต ¶ พหิสีมฏฺสฺส ธมฺมนฺเตวาสิกสฺสปิ ปาปุณาติ. ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมีติ วุตฺเต อุทฺเทสนฺเตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) อาคมนโต เอวํ วตฺวา เทนฺเต ธมฺมนฺเตวาสิกานํ วตฺตปฏิปตฺติการกานฺจ อนฺเตวาสิกานํ ปาปุณาติ. เอวํ ทายกานํ วจนานุรูปเมว ทานสฺส ปวตฺตนโต ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) อฏฺกถาจริยา วทนฺติ.
เอวํ อิทานิ ทายกา เยภุยฺเยน ปุคฺคลสฺเสว เทนฺติ, สเตสุ สหสฺเสสุ เอโกเยว ปณฺฑิโต พหุสฺสุโต ทายโก สงฺฆสฺส ทเทยฺย, ปุคฺคลิกจีวรฺจ สงฺฆิกภวนตฺถาย อกริยมานํ น ตฺติยา กมฺมวาจาย จ อรหํ โหติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ตฺติกมฺมวาจาวิโรธโต. กถํ วิโรโธติ เจ? ตฺติยา กมฺมวาจาย จ ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติ กถินจีวรสฺส ¶ สงฺฆิกภาโว วุตฺโต, อิทานิ ปน ตํ จีวรํ ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิก’’นฺติ วจนตฺถานุรูปโต ปุคฺคลิกํ โหติ, เอวมฺปิ วิโรโธ. ‘‘สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ เอตฺถ จ สงฺโฆติ ธาตุยา กตฺตา โหติ, ภิกฺขุโนติ สมฺปทานํ, อิธ ปน สงฺฆสฺส ตสฺมึ กถินจีวเร อนิสฺสรภาวโต สงฺโฆ กตฺตา น โหติ, ภิกฺขุ ปฏิคฺคาหลกฺขณาภาวโต สมฺปทานํ น โหติ, เอวมฺปิ วิโรโธ. ทายเกน ปน สงฺฆสฺส ปริจฺจตฺตตฺตา สงฺฆิกภูตํ กถินจีวรํ ยสฺมึ กาเล สงฺโฆ กถินํ อตฺถริตุํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน เทติ, ตสฺมึ กาเล ตฺติทุติยกมฺมวาจํ อิทานิ มนุสฺสา ‘‘ตฺตี’’ติ โวหรนฺติ, ตฺจ จีวรํ ‘‘ตฺติลทฺธจีวร’’นฺติ, ตํ จีวรทายกฺจ ‘‘ตฺติลทฺธทายโก’’ติ ¶ , ตสฺมา สงฺฆิกจีวรเมว ตฺติลทฺธํ โหติ, โน ปุคฺคลิกจีวรํ. ตฺติลทฺธกาลโต ปน ปฏฺาย ตํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ. กสฺมา? อตฺถารกปุคฺคลสฺส จีวรภาวโตติ.
อถาปิ วทนฺติ ‘‘ทินฺนนฺติ ปาฺจ ‘สาเธนฺตี’ติ ปาฺจ ‘อานิสํสํ ลภนฺตี’ติ ปาฺจ อุปนิธาย อยมตฺโถ วิฺายตี’’ติ, ตตฺถายมาจริยานมธิปฺปาโย – ‘‘ทินฺนํ อิทํ สงฺเฆนา’’ติ เอตฺถ ทา-ธาตุยา สงฺเฆนาติ กตฺตา, อิทนฺติ กมฺมํ, อิมสฺส กถินจีวรสฺส สงฺฆิกตฺตา สงฺเฆน ทินฺนํ โหติ, เตน วิฺายติ ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตีติ. ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺตีติ เอตฺถ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อตฺโถ. ปฺจ ชนา สาเธนฺตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจ ชนาติ สงฺโฆ วุตฺโต, อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘กถินนฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ. อานิสํสํ ลภนฺตีติ เอตฺถ จ สงฺฆิกตฺตา สพฺเพ สีมฏฺกภิกฺขู อานิสํสํ ลภนฺติ, อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘กถินนฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตี’’ติ.
ตตฺราปฺเยวํ วิจารณา กาตพฺพา – ปุพฺเพทายกา จตฺตาโรปิ ปจฺจเย เยภุยฺเยน สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส จตุปจฺจยภาชนกถา อติวิตฺถารา โหติ. อปฺปกโต ปน ปุคฺคลสฺส เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ทินฺนํ กถินจีวรํ สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สาเธนฺตีติ จ กถินทุสฺสสฺส ทายกา จตฺตาโร, ปฏิคฺคาหโก เอโกติ ปฺจ ชนา กถินทานกมฺมํ สาเธนฺตีติ วุตฺตํ. อานิสํสํ ลภนฺตีติ อิทฺจ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทนานฺจ ภิกฺขูนํ อานิสํสลาภเมว วุตฺตํ, น เอเตหิ ปาเหิ ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺเต สงฺฆิกํ โหตีติ อตฺโถ วิฺาตพฺโพ โหตีติ ทฏฺพฺโพ. สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนจีวรํ สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ¶ ทินฺนภาโว กถํ วิฺายตีติ? ‘‘อิทํ ¶ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ วุตฺตํ ปาฬิปาฺจ (มหาว. ๓๐๗) ‘‘สงฺโฆ อชฺช กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา ปุนทิวเส เทติ, อยํ นิจยสนฺนิธี’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาปาฺจ ทิสฺวา วิฺายตีติ. สงฺฆสนฺตกภูตํ จีวรเมว ทานกิริยาย กมฺมํ, สงฺโฆ กตฺตา, ปุคฺคโล สมฺปทานํ ภวิตุํ อรหภาโว จ ยถาวุตฺตปาฬิปาเมว อุปนิธาย วิฺายตีติ.
เอวํ สนฺเต ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิกจีวรํ สงฺฆิกํ กาตุํ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? สเจ โส ปฏิคฺคาหกปุคฺคโล ทายกานํ เอวํ วทติ ‘‘อุปาสก ทานํ นาม ปุคฺคลสฺส ทินฺนโต สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผลตรํ โหติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส เทหิ, สงฺฆสฺส ทตฺวา ปุน สงฺเฆน อตฺถารารหสฺส ภิกฺขุโน กมฺมวาจาย ทตฺวา เตน ปุคฺคเลน ยถาวินยํ อตฺถเตเยว กถินํ นาม โหติ, น ปุคฺคลสฺส ทตฺวา ปุคฺคเลน สามํเยว อตฺถเต, ตสฺมา สงฺฆสฺส เทหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สงฺฆสฺส ทาปิเตปิ ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติ กถินตฺถารารหํ. ยทิ ปน ทายโก อปฺปสฺสุตตาย ‘‘นาหํ, ภนฺเต, กิฺจิ ชานามิ, อิมํ จีวรํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ วกฺขติ, เอวํ สติ ปุคฺคลิกวเสเนว สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตน ปุคฺคเลน ตํ จีวรํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ สงฺฆิกํ โหติ.
ยทิ เอวํ สมเณเนว สมณสฺส ทินฺนํ จีวรํ กถํ กถินตฺถารารหํ ภเวยฺยาติ? โน น ภเวยฺย. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘กถินํ เกน ทินฺนํ วฏฺฏติ? เยน เกนจิ เทเวน วา มนุสฺเสน วา ปฺจนฺนํ วา สหธมฺมิกานํ อฺตเรน ทินฺนํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ กสฺมา ปรมฺปรภูเตหิ อาจริเยหิ ตฺติลทฺธจีวรโต อวเสสานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ภาเชตฺวา เอว ปริภฺุชิตานีติ? วุจฺจเต – เอกจฺเจ ภิกฺขู อาจริยปรมฺปราคตอนอุสาเรเนว ¶ ปฏิปชฺชนฺติ, เกจิ พหูนํ กิริยํ ทิสฺวา ทิฏฺานุคติวเสน ปฏิปชฺชนฺติ, พหุสฺสุตาปิ เกจิ เถรา อรุจฺจนฺตาปิ ปเวณิเภทภเยน ปฏิปชฺชนฺติ, อปเร รุจิวเสน อตฺถฺจ อธิปฺปายฺจ ปริณาเมตฺวา คณฺหนฺติ, ปกรณเมวานุคตภิกฺขู ปน ยถาปกรณาคตเมว อตฺถํ คเหตฺวา สงฺฆิกฺจ ปุคฺคลิกฺจ อมิสฺสํ กตฺวา, กาลจีวรฺจ อกาลจีวรฺจ อมิสฺสํ กตฺวา คณฺหนฺติ. ภิกฺขุนิวิภงฺเค (ปาจิ. ๗๓๘) ‘‘ถูลนนฺทา ภิกฺขุนี อกาลจีวรํ ‘กาลจีวร’นฺติ อธิฏฺหิตฺวา ภาชาเปสฺสติ, อถ ภควา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยาปตฺตึ ปฺเปสี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา ลชฺชีเปสลพหุสฺสุตสิกฺขากามภูเตน ภิกฺขุนา อเนก-ปาฬิอฏฺกถาทโย ¶ ปกรเณ โอโลเกตฺวา สํสนฺทิตฺวา ปกรณเมวานุคนฺตพฺพํ, น อฺเสํ กิริยํ สทฺทหิตพฺพํ, น จ อนุคนฺตพฺพํ. ภควโต หิ ธรมานกาเล วา ตโต ปจฺฉา วา ปุพฺเพ ทายกา เยภุยฺเยน จตฺตาโร ปจฺจเย สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา สงฺฆิกเสนาสนสฺส สงฺฆิกจีวรสฺส จ พาหุลฺลโต ปุพฺพาจริยา สงฺฆสฺส ภาเชตฺวา เอว ปริภฺุชึสุ.
อิทานิ ปน ทายกา เยภุยฺเยน จตฺตาโร ปจฺจเย ปุคฺคลสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา เสนาสนมฺปิ อภินวภูตํ ปุคฺคลิกเมว พหุลํ โหติ, จีวรมฺปิ ปุคฺคลิกเมว พหุลํ. ทลิทฺทาปิ สุตฺตกนฺตนกาลโต ปฏฺาย ‘‘อิมํ จีวรํ กถินกาเล อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จ ตเถว วตฺวา จ สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ, มหทฺธนา จ สาฏกสฺส กีณิตกาลโต ปฏฺาย ตเถว จินฺเตตฺวา กเถตฺวา กโรนฺติ, ทานกาเล จ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทหี’’ติ ปุตฺตทาสาทโย วา เปเสนฺติ, สามํ วา คนฺตฺวา จีวรํ ตสฺส ภิกฺขุสฺส ปาทมูเล วา หตฺเถ วา เปตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ ¶ ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทนฺติ, สเตสุ วา สหสฺเสสุ วา เอโก ปณฺฑิตปุริโส ‘‘ปุคฺคลสฺส ทินฺนทานโต สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ตฺวา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทติ, ตสฺส สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา โหติ. สเจ ปน ทายโก ปุคฺคลสฺส ทาตุกาโม โหติ, ปุคฺคโล ปน ตสฺส มหปฺผลภาวมิจฺฉนฺโต ทกฺขิณา-วิภงฺคสุตฺตาทิธมฺมเทสนาย (ม. นิ. ๓.๓๗๖ อาทโย) ปุคฺคลิกทานโต สงฺฆิกทานสฺส มหปฺผลภาวํ ชานาเปตฺวา ‘‘อิมํ ตว จีวรํ สงฺฆสฺส เทหี’’ติ อุยฺโยเชติ, ทายโกปิ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ กถินจีวรํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา จินฺเตตฺวา วา เทติ, เอวมฺปิ สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา โหติ.
ยทิ ปน ภิกฺขุนา อุยฺโยชิโตปิ ทุปฺปฺโ ทายโก ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ปุคฺคลสฺเสว เทติ, ตสฺส สา ทกฺขิณา ปุคฺคลคตา โหติ. อถ ปน โส ปุคฺคโล สยํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน สงฺฆสฺส ปริจฺจชติ, เอวมฺปิ ตํ จีวรํ สงฺฆิกํ โหติ, ตํ สงฺฆิกวเสน ภาเชตพฺพํ. ยทิ ปน ทายโกปิ ปุคฺคลสฺเสว เทติ, ปุคฺคโลปิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา น ปริจฺจชติ, เอวํ สนฺเต ตํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ, น กถินกาลมตฺเตน วา กถินวจนมตฺเตน วา สงฺฆิกํ โหติ. อิทานิ ปน อิมินา นเยน ปุคฺคลิกจีวรํเยว พหุลํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อาจริยปรมฺปรา ปเวณึ อภินฺทิตุกามา สงฺฆิกํ วิย กตฺวา ภาเชตฺวา ปริภฺุชึสุ ¶ . ยทิ มุขฺยโต สงฺฆิกํ สิยา, สงฺเฆน ทินฺนโต ปรํ เอกสูจิมตฺตมฺปิ ปุคฺคโล อธิกํ คณฺหิตุํ น ลเภยฺย.
เอกจฺเจ เถรา สงฺฆิกนฺติ ปน วทนฺติ, ภาชนกาเล ปน อิสฺสรวตาย ยถารุจิ วิจาเรนฺติ, เอกจฺเจ ภิกฺขู มุขฺยสงฺฆิกนฺติ ¶ มฺมานา อภาเชตุกามมฺปิ ปุคฺคลํ อภิภวิตฺวา ภาชาเปนฺติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส มาตา ปิตา าตกา อุปาสกาทโย ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส เทม, อมฺหากํ าตกภิกฺขุสฺส เทม, อมฺหากํ กุลูปกสฺส เทมา’’ติ, อฺเปิ สทฺธา ปสนฺนา ทายกา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปุคฺคลสฺส เทมา’’ติ วิจาเรตฺวา ปรมฺมุขาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ วตฺวา สมฺมุขาปิ ปาทมูเล วา หตฺเถ วา เปตฺวา เทนฺติ, เอวรูปํ จีวรํ ปุคฺคลิกํ โหติ, สงฺฆํ อามสิตฺวา อวุตฺตตฺตา สงฺฆายตฺตํ น โหติ, ‘‘กถินํ ทสฺสามี’’ติ วา ‘‘กถินํ ทาตุํ คโต’’ติ วา ‘‘กถินจีวร’’นฺติ วา ปุพฺพาปรกาเลสุ วจนํ ปน มุขฺยกถินภูตสฺส สงฺฆิกจีวรสฺส กาเล ทินฺนตฺตา ตทุปจารโต โวหารมตฺตํ โหติ. ยถา กึ? ‘‘อุโปสถิก’’นฺติ วุตฺตํ ภตฺตํ จุทฺทสสุ สงฺฆิกภตฺเตสุ อนฺโตคธํ มุขฺยสงฺฆิกํ โหติ, สมาทินฺนอุโปสถา ทายกา สายํ ภฺุชิตพฺพภตฺตภาคํ สงฺฆสฺส เทนฺติ, ตํ สงฺโฆ สลากภตฺตํ วิย ิติกํ กตฺวา ภฺุชติ, อิติ สงฺฆสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆิกํ โหติ. อิทานิ ปน ทายกา อตฺตโน อตฺตโน กุลูปกสฺส วา าติภิกฺขุสฺส วา อุโปสถทิวเสสุ ภตฺตํ เทนฺติ, ตํ สงฺฆสฺส อทินฺนตฺตา สงฺฆิกํ น โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อุโปสถทิวเส ทินฺนตฺตา มุขฺยวเสน ปวตฺตอุโปสถภตฺตํ วิย ตทุปจาเรน ‘‘อุโปสถภตฺต’’นฺติ โวหรียติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ อิมสฺมึ กาเล เยภุยฺเยน ปุคฺคลสฺเสว ทินฺนตฺตา ปุคฺคลิกภูตํ จีวรํ ตฺติกมฺมวาจารหํ น โหติ, สงฺฆิกเมว ตฺติกมฺมวาจารหํ โหติ, ตเทว จ ปฺจานิสํสการณํ โหติ, ตสฺมา ปณฺฑิเตน ปุคฺคเลน ‘‘อุปาสกา สงฺเฆ เทถ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติอาทินา นิโยเชตฺวา ทาเปตพฺพํ, สยํ วา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตพฺพํ. เอวํ ปริจฺจชิตตฺตา สงฺฆิกภูตํ จีวรํ ตฺติกมฺมวาจารหฺจ ¶ โหติ ปฺจานิสํสนิปฺผาทกฺจ. เอวํ นิโยชนฺจ ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๖) ภควตา วุตฺตวจนํ อนุคตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปริกมฺมํ ¶ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตฺจ ทาตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ ปุจฺฉิตตฺตา โทโส นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ, อปุจฺฉิเต ปน เอวํ กเถตุํ น วฏฺฏติ. ขลิมกฺขิตสาฏโกติ อหตวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุฏฺุ โธวิตฺวาติอาทินา สปุพฺพกรณํ อตฺถารํ ทสฺเสติ. โธวนสิพฺพนรชนกปฺปกรเณน หิ วิจารณเฉทนพนฺธนานิปิ ทสฺสิตานิเยว โหนฺติ, อตฺถารทสฺสเนน ปจฺจุทฺธารอธิฏฺานานิปิ ทสฺเสติ. สูจิอาทีนิ จีวรกมฺมุปกรณานิ สชฺเชตฺวา พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อิทํ ปน สิพฺพนสฺส อุปกรณนิทสฺสนํ. ตทเหวาติ อิทํ ปน กรณสนฺนิธิโมจนตฺถํ วุตฺตํ. ทายกสฺส หตฺถโต สาฏกํ ลทฺธทิวเสเยว สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพํ, เอวํ อเทนฺเต นิจยสนฺนิธิ โหติ. อตฺถารเกนปิ สงฺฆโต ลทฺธทิวเสเยว กถินํ อตฺถริตพฺพํ, เอวํ อกโรนฺเต กรณสนฺนิธิ โหติ.
อฺานิ จ พหูนิ อานิสํสวตฺถานิ เทตีติ อิมินา อตฺถริตพฺพสาฏโกเยว กถินสาฏโก นาม, ตโต อฺเ สาฏกา พหโวปิ กถินานิสํสาเยว นามาติ ทสฺเสติ. เอเตน จ ‘‘กถินานิสํโส’’ติ วตฺถานิเยว วุตฺตานิ น อคฺโฆติ ทีเปติ. ยทิ อคฺโฆ วุตฺโต สิยา, เอวํ สติ ‘‘พหฺวานิสํสานิ กถินวตฺถานิ เทตี’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวํ ปน อวตฺวา ‘‘พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทตี’’ติ วุตฺตํ, เตน ายติ ‘‘น อคฺโฆ วุตฺโต’’ติ, ตสฺมา พหฺวานิสํสภาโว อคฺฆวเสน น คเหตพฺโพ, อถ โข วตฺถวเสเนว คเหตพฺโพติ. อิตโรติ อฺโ ทายโก. ตถา ¶ ตถา โอวทิตฺวา สฺาเปตพฺโพติ ‘‘อุปาสก ทานํ นาม สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, อตฺถาโร ปน ภิกฺขูนํ อุปการตฺถาย ภควตา อนฺุาโต, ตสฺมา ตฺติลทฺธมฺปิ อลทฺธมฺปิ มหปฺผลเมวา’’ติ วา ‘‘อุปาสก อยมฺปิ ทายโก สงฺฆสฺเสว เทติ, ตฺวมฺปิ สงฺฆสฺเสว เทสิ, ภควตา จ –
‘โย สีลวา สีลวนฺเตสุ ททาติ ทานํ;
ธมฺเมน ลทฺธํ สุปสนฺนจิตฺโต;
อภิสทฺทหํ กมฺมผลํ อุฬารํ;
ตํ เว ทานํ วิปุลผลนฺติ พฺรูมี’ติ. (ม. นิ. ๓.๓๘๒) –
วุตฺตํ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มหปฺผลเมวา’’ติ วา อิติอาทีนิ วตฺวา สฺาเปตพฺโพ.
ยสฺส ¶ สงฺโฆ กถินจีวรํ เทติ, เตน ภิกฺขุนา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ โยชนา. โย ชิณฺณจีวโร โหติ ภิกฺขุ, ตสฺส ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺมึ าเน อิทานิ ภิกฺขู –
‘‘ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปายํ, ตฺติ จ อนุสาวนํ;
กปฺปพินฺทุ ปจฺจุทฺธาโร, อธิฏฺานตฺถรานิ จ;
นิโยชนานุโมทา จ, อิจฺจยํ กถิเน วิธี’’ติ. –
อิมํ คาถํ อาหริตฺวา กถินทานกมฺมวาจาย ปมํ กถินจีวรสฺส ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปายปุจฺฉนฺจ กโรนฺติ, ตทยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ…เป… ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาตี’’ติ ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๐๙),
‘‘อฏฺธมฺมวิโท ¶ ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหติ;
ปุพฺพปจฺจุทฺธาราธิฏฺา-นตฺถาโร มาติกาติ จ;
ปลิโพโธ จ อุทฺธาโร, อานิสํสา ปนฏฺิเม’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๔, ๒๗๐๖) –
วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ อาคเตสุ อฏฺสุ องฺเคสุ อนาคตตฺตา จ ‘‘ปุพฺพกรณํ สตฺตหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิตํ โธวเนน วิจารเณน เฉทเนน พนฺธเนน สิพฺพเนน รชเนน กปฺปกรเณนา’’ติ ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๐๘),
‘‘โธวนฺจ วิจาโร จ, เฉทนํ พนฺธนมฺปิ จ;
สิพฺพนํ รชนํ กปฺปํ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๗) –
วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ วุตฺเตสุ สตฺตสุ ปุพฺพกรเณสุ อนาคตตฺตา จ.
น ¶ เกวลฺจ ปกรเณสุ อนาคตเมว, อถ โข ยุตฺติปิ น ทิสฺสติ. กถํ? ปฏิคฺคหณํ นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหาเรยฺย อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๖๕) ยาวกาลิกาทีสุ อชฺโฌหริตพฺเพสุ จตูสุ กาลิกวตฺถูสุ ภควตา วุตฺตํ, น จีวเร, ตํ ปน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนมฺปิ ปรมฺมุขา ทินฺนมฺปิ ลพฺภเตว. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมีติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ ตุมฺหาก’นฺติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติ, ตสฺมา ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ทายเกน จีวเร ทินฺเน สงฺฆสฺส จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉนมตฺตเมว ปมาณํ โหติ.
สปฺปายปุจฺฉนฺจ เอวํ กโรนฺติ – เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘โภนฺโต สงฺฆา สงฺฆสฺส กถิเน สมฺปตฺเต กสฺส ปุคฺคลสฺส สปฺปายารหํ โหตี’’ติ ปุจฺฉิเต เอโก ภิกฺขุ นามํ ¶ วตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เถรสฺส สปฺปายารหํ โหตี’’ติ วทติ, สปฺปายอิติ จ นิวาสนปารุปนตฺถํ คเหตฺวา วทนฺติ. เอตสฺมึ วจเน สทฺทโต จ อตฺถโต จ อธิปฺปายโต จ ยุตฺติ คเวสิตพฺพา โหติ. กถํ? สทฺทโต วคฺคเภเท สติเยว พหุวจนํ กตฺตพฺพํ, น อเภเท, เอวํ สทฺทโต. สปฺปายอิติวจนฺจ อนุรูปตฺเถเยว วตฺตพฺพํ, น นิวาสนปารุปนตฺเถ, เอวํ อตฺถโต. อิทฺจ จีวรํ สงฺโฆ กถินํ อตฺถริตุํ ปุคฺคลสฺส เทติ, น นิวาสนปารุปนตฺถํ. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ (มหาว. ๓๐๗) ‘‘สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ, ตสฺมา ยุตฺติ คเวสิตพฺพา โหติ. ‘‘ปฏิคฺคหณฺจ สปฺปาย’’นฺติอาทิคาถาปิ กตฺถจิ ปาฬิยํ อฏฺกถาฏีกาทีสุ จ น ทิสฺสติ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
สเจ พหู ชิณฺณจีวรา, วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพนฺติ อิทํ กถินจีวรสฺส สงฺฆิกตฺตา ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สงฺฆิกํ ยถาวุฑฺฒํ ปฏิพาหิตพฺพํ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิมินา ปาฬินเยน (จูฬว. ๓๑๑) วุตฺตํ. เอเตเนว นเยน สพฺเพสุ พลวจีวเรสุ สนฺเตสุปิ วุฑฺฒสฺเสว ทาตพฺพนฺติ สิทฺธํ. วุฑฺเฒสุ…เป… ทาตพฺพนฺติ กรณสนฺนิธิโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สเจ วุฑฺโฒ’’ตฺยาทิ. นวกตเรนปิ หิ กรณสนฺนิธึ โมเจตฺวา กถิเน อตฺถเต อนุโมทนํ กโรนฺตสฺส สงฺฆสฺส ปฺจานิสํสลาโภ โหตีติ. อปิจาติอาทินา สงฺเฆน กตฺตพฺพวตฺตํ ทสฺเสติ. วจนกฺกโม ปน เอวํ กาตพฺโพ – กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา สงฺเฆ สีมาย สนฺนิปติเต เอเกน ภิกฺขุนา ‘‘ภนฺเต, สงฺฆสฺส อิทํ กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ กถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ¶ ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ วุตฺเต อฺเน ‘‘โย ชิณฺณจีวโร, ตสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ, ตโต ปุริเมน ‘‘พหู ¶ ชิณฺณจีวรา’’ติ วา ‘‘นตฺถิ อิธ ชิณฺณจีวรา’’ติ วา วุตฺเต อปเรน ‘‘เตน หิ วุฑฺฒสฺสา’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โก เอตฺถ วุฑฺโฒ’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โส ภิกฺขุ ตทเหว จีวรํ กตฺวา อตฺถริตุํ สกฺโกตี’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘โส สกฺโกตี’’ติ วา ‘‘สงฺโฆ มหาเถรสฺส สงฺคหํ กริสฺสตี’’ติ วา วตฺตพฺพํ, ปุน ปุริเมน ‘‘โส มหาเถโร อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺเต อิตเรน ‘‘อาม สมนฺนาคโต’’ติ วตฺตพฺพํ, ตโต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าตพฺโพ.
เอตฺถ จ ‘‘ภนฺเต, สงฺฆสฺสา’’ติอาทิวจนํ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ อิมาย ตฺติปาฬิยา สเมติ. ‘‘โย ชิณฺณจีวโร, ตสฺสา’’ติอาทิ ‘‘สงฺเฆน กสฺสา’’ติอาทิ ‘‘สงฺเฆน กสฺส ทาตพฺพํ, โย ชิณฺณจีวโร โหตี’’ติอาทินา อฏฺกถาวจเนน (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) สเมติ. ‘‘โส มหาเถโร อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต’’ติอาทิ ‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติอาทิกาย ปริวารปาฬิยา (ปริ. ๔๐๙) สเมตีติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺส ปน ทียติ, ตสฺส ตฺติทุติยกมฺมวาจาย ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมินา อิมสฺส กถินทานกมฺมสฺส ครุกตฺตา น อปโลกนมตฺเตน ทาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสติ. ครุกลหุกานํ เภโท กมฺมากมฺมวินิจฺฉยกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.
เอวํ ทินฺเน ปน กถิเน ปจฺจุทฺธริตพฺพา อธิฏฺาตพฺพา วาจา ภินฺทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สเจ ตํ กถินทุสฺสํ นิฏฺิตปริกมฺมเมว โหตีติ อิมินา กถินทุสฺสํ นาม น เกวลํ ปกติสาฏกเมว ¶ โหติ, อถ โข ปรินิฏฺิตสตฺตวิธปุพฺพกิจฺจจีวรมฺปิ โหตีติ ทสฺเสติ, ตสฺมา นิฏฺิตจีวรสฺมึ ทินฺเน สตฺตวิธปุพฺพกิจฺจกรเณน อตฺโถ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจุทฺธรณาทีนิเยว กาตพฺพานิ. สเจ ปน กิฺจิ อปรินิฏฺิตํ โหติ, อนฺตมโส กปฺปพินฺทุมตฺตมฺปิ, ตํ นิฏฺาเปตฺวาเยว ปจฺจุทฺธรณาทีนิ กาตพฺพานิ. คณฺิกปฏฺฏปาสกปฏฺฏานิ ปน สิพฺพนนฺโตคธานิ, ตานิปิ นิฏฺาเปตฺวาเยว กาตพฺพานิ. อนิฏฺาเปนฺโต อนิฏฺิตสิพฺพนกิจฺจเมว โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๒-๔๖๓) ‘‘ตตฺถ กตนฺติ สูจิกมฺมปริโยสาเนน ¶ กตํ, สูจิกมฺมปริโยสานํ นาม ยํ กิฺจิ สูจิยา กตฺตพฺพํ. ปาสกปฏฺฏคณฺิกปฏฺฏปริโยสานํ กตฺวา สูจิยา ปฏิสามน’’นฺติ. อิทฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถนฺติ ‘‘อตฺถตกถินานํ โว ภิกฺขเว ปฺจ กปฺปิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปสตฺถํ.
กตปริโยสิตํ ปน กถินํ คเหตฺวาติ –
‘‘โธวนฺจ วิจาโร จ, เฉทนํ พนฺธนมฺปิ จ;
สิพฺพนํ รชนํ กปฺปํ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๗) –
วุตฺตานิ สตฺตวิธปุพฺพกรณานิ กตฺวา ปริโยสาปิตํ กถินจีวรํ คเหตฺวา. อตฺถารเกน ภิกฺขุนา ปจฺจุทฺธริตพฺพา อธิฏฺาตพฺพา วาจา ภินฺทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม ภิกฺขุ ปุพฺเพ ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ โปราณิกํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วตฺวา ปจฺจุทฺธริตพฺพา, ตโต อนธิฏฺิตํ นวํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพา, ตโต อตฺถรณกาเล ตเมว อธิฏฺิตสงฺฆาฏึ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ อตฺโถ. เอส นโย อิตเรสุ. เอเตน กถินตฺถารณํ นาม วจีเภทกรณเมว โหติ, น กิฺจิ กายวิการกรณนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ ¶ . ตถา หิ วุตฺตํ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ, ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
ตตฺถ ปจฺจุทฺธาโร ติวิโธ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สงฺฆาฏิยา ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ อุตฺตราสงฺคสฺส ปจฺจุทฺธาโร, ‘‘อิมํ อนฺตรวาสกํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ อนฺตรวาสกสฺส ปจฺจุทฺธาโรติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘ปจฺจุทฺธาโร ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ. อธิฏฺานํ ติวิธํ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ สงฺฆาฏิยา อธิฏฺานํ, ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ อธิฏฺามี’’ติ อุตฺตราสงฺคสฺส อธิฏฺานํ, ‘‘อิมํ อนฺตรวาสกํ อธิฏฺามี’’ติ อนฺตรวาสกสฺส อธิฏฺานนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อธิฏฺานํ ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิตํ สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ.
อถ ¶ วา อธิฏฺานํ ทุวิธํ กาเยน อธิฏฺานํ, วาจาย อธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ โปราณิกํ สงฺฆาฏึ ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปจฺจุทฺธริตฺวา นวํ สงฺฆาฏึ หตฺเถน คเหตฺวา ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ จิตฺเตน อาโภคํ กตฺวา กายวิการกรเณน กาเยน วา อธิฏฺาตพฺพํ, วจีเภทํ กตฺวา วาจาย วา อธิฏฺาตพฺพํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตตฺถ ยสฺมา ทฺเว จีวรสฺส อธิฏฺานานิ กาเยน วา อธิฏฺเติ, วาจาย วา อธิฏฺเตีติ วุตฺตํ, ตสฺมา…เป… อธิฏฺาตพฺพา’’ติ. อถ วา อธิฏฺานํ ทุวิธํ สมฺมุขาธิฏฺานปรมฺมุขาธิฏฺานวเสน. ตตฺถ ยทิ จีวรํ หตฺถปาเส ิตํ โหติ, ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ, อถ อนฺโตคพฺเภ วา สามนฺตวิหาเร วา โหติ, ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอตํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ วจีเภทํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ¶ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตตฺร ทุวิธํ อธิฏฺานํ สเจ หตฺถปาเส โหตี’’ติอาทิ, วินยตฺถมฺชูสายฺจ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ทุวิธนฺติ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภเทน ทุวิธ’’นฺติ.
อตฺถาโร กติวิโธ? อตฺถาโร เอกวิโธ. วจีเภทกรเณเนว หิ อตฺถาโร สมฺปชฺชติ, น กายวิการกรเณน. อยมตฺโถ ยถาวุตฺต-ปริวารปาฬิยา จ ‘‘อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ, ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วินยตฺถมฺชูสาวจเนน จ วิฺายติ. อถ วา อตฺถาโร ติวิโธ วตฺถุปฺปเภเทน. ตตฺถ ยทิ สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณิกา สงฺฆาฏิ ปจฺจุทฺธริตพฺพา, นวา สงฺฆาฏิ อธิฏฺาตพฺพา, ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. อถ อุตฺตราสงฺเคน กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณโก อุตฺตราสงฺโค ปจฺจุทฺธริตพฺโพ, นโว อุตฺตราสงฺโค อธิฏฺาตพฺโพ, ‘‘อิมินา อุตฺตราสงฺเคน กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. อถ อนฺตรวาสเกน กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณโก อนฺตรวาสโก ปจฺจุทฺธริตพฺโพ, นโว อนฺตรวาสโก อธิฏฺาตพฺโพ, ‘‘อิมินา อนฺตรวาสเกน กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๑๓) ‘‘สเจ สงฺฆาฏิยา’’ติอาทิ.
เอตฺถ สิยา – กึ ปน ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วิเสสํ กตฺวาว ปจฺจุทฺธริตพฺพา, อุทาหุ ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สามฺโตปิ ปจฺจุทฺธริตพฺพาติ? ปริกฺขารโจฬาธิฏฺาเนน ¶ อธิฏฺิตํ จีวรํ ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ สามฺโต ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, น ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วิเสสโต ปจฺจุทฺธริตพฺพํ. กสฺมา? ปุพฺเพ อลทฺธนามตฺตา. ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตํ ปน จีวรํ วิเสสโตเยว ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, น สามฺโต. กสฺมา? ปฏิลทฺธวิเสสนามตฺตา ¶ . อิธ ปน กถินาธิกาเร ปุพฺเพว ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺิตตฺตา วิเสสโตเยว ปจฺจุทฺธริตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) กถินาธิกาเร ‘‘ปจฺจุทฺธาโร ตีหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต สงฺฆาฏิยา อุตฺตราสงฺเคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ. กึ ปน นิจฺจเตจีวริโกเยว กถินํ อตฺถริตุํ ลภติ, อุทาหุ อวตฺถาเตจีวริโกปีติ? เตจีวริโก ทุวิโธ ธุตงฺคเตจีวริกวินยเตจีวริกวเสน. ตตฺถ ธุตงฺคเตจีวริโก ‘‘อติเรกจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, เตจีวริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ธารณโต สพฺพกาลเมว ธาเรติ. วินยเตจีวริโก ปน ยทา ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาเรตุกาโม โหติ, ตทา ตถา อธิฏฺหิตฺวา ธาเรติ. ยทา ปน ปริกฺขารโจฬาธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ธาเรตุกาโม โหติ, ตทา ตถา อธิฏฺหิตฺวา ธาเรติ, ตสฺมา ติจีวราธิฏฺานสฺส ทุปฺปริหารตฺตา สพฺพทา ธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต หุตฺวา ปริกฺขารโจฬวเสน ธาเรนฺโตปิ ตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อาสนฺเน กาเล ติจีวราธิฏฺาเนน อธิฏฺหนฺโตปิ กถินํ อตฺถริตุํ ลภติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.
กจฺจิ นุ โภ กถินทานกมฺมวาจาภณนสีมายเมว กถินํ อตฺถริตพฺพํ, อุทาหุ อฺสีมายาติ? ยทิ กถินทานกมฺมวาจาภณนพทฺธสีมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมาย อนฺโต ิตา, เอวํ สติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อตฺถรณํ กาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) อาคตตฺตา วิฺายตีติ. ยทิ เอวํ ‘‘ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล’’อิจฺเจว ฏีกายํ วุตฺตตฺตา ‘‘ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ¶ สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อตฺถริตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํ, น ‘‘กถินทานกมฺมวาจาภณนพทฺธสีมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมาย อนฺโต ิตา’’ติ วิเสสํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ? น น วตฺตพฺพํ. กมฺมวาจาภณนสีมา หิ พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา ปน อุปจารสีมาภูตา, อุปจารสีมา จ นาม พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ คจฺฉติ, ตสฺมา สา สีมา พทฺธสีมา จ โหติ อุปจารสีมา จาติ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล กถินทานกมฺมวาจํ ¶ ภณิตฺวา ตตฺเถว อตฺถรณํ กาตพฺพํ, น ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ ภณิตฺวา ตตฺเถว อตฺถรณํ กตฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมฺปิ ‘‘อุปจารสีมาย’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตอุปจารสีมายา’’ติ, ตมฺปิ วตฺตพฺพเมว. เตสํ ภิกฺขูนํ วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย เอว อุปจารสีมาย กถินตฺถารํ กาตุํ ลภติ, น อฺอุปจารสีมาย. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ.
ยถิจฺฉสิ, ตถา ภวตุ, อปิ ตุ ขลุ ‘‘กมฺมวาจาภณนสีมา พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา อุปจารสีมาภูตา’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตถาภูตภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? วุจฺจเต – กถินตฺถารสีมายํ ตาว อุปจารสีมาภูตภาโว ‘‘สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สพฺเพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอกสีมายาติ เอกอุปจารสีมายาติ อตฺโถ ยุชฺชตี’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) อาคตตฺตา วิฺายติ. กมฺมวาจาภณนสีมาย พทฺธสีมาภูตภาโว ปน ‘‘เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา. สีมา จ นาเมสา พทฺธสีมา ¶ อพทฺธสีมาติ ทุวิธา โหตี’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา จ ‘‘สีมา จ นาเมสา กตมา, ยตฺถ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา กมฺมปฺปตฺตา นาม โหนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย สีมํ ทสฺเสนฺโต วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ‘สีมา จ นาเมสา’ติอาทิมาหา’’ติ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา จ วิฺายติ.
ตตฺถ กติวิธา พทฺธสีมา, กติวิธา อพทฺธสีมาติ? ติวิธา พทฺธสีมา ขณฺฑสีมาสมานสํวาสสีมาอวิปฺปวาสสีมาวเสน. ติวิธา อพทฺธสีมา คามสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสตฺตพฺภนฺตรสีมาวเสนาติ ทฏฺพฺพา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘เอวํ เอกาทส วิปตฺติสีมาโย อติกฺกมิตฺวา ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา สมฺมตา สีมา พทฺธสีมาติ เวทิตพฺพา. ขณฺฑสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมาติ ตสฺสาเยว เภโท. อพทฺธสีมา ปน คามสีมา สตฺตพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมาติ ติวิธา’’ติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อาคตตฺตา วิฺายติ. เอวํ ตีสุ พทฺธสีมาสุ ¶ , ตีสุ อพทฺธสีมาสูติ ฉสุเยว สีมาสุ กมฺมปฺปตฺตสงฺฆสฺส จตุวคฺคกรณียาทิกมฺมสฺส กตฺตพฺพภาววจนโต สุทฺธาย อุปจารสีมาย กมฺมวาจาย อภณิตพฺพภาโว วิฺายติ. อนฺโตอุปจารสีมาย พทฺธสีมาย สติ ตํ พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ อุปจารสีมาย คมนโต สา พทฺธสีมา กมฺมวาจาภณนารหา จ โหติ กถินตฺถารารหา จาติ เวทิตพฺพํ.
นนุ จ ปนฺนรสวิธา สีมา อฏฺกถาสุ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙; กงฺขา. อฏฺ. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตา, อถ กสฺมา ฉเฬว วุตฺตาติ? สจฺจํ, ตาสุ ปน ปนฺนรสสุ สีมาสุ อุปจารสีมา สงฺฆลาภวิภชนาทิฏฺานเมว โหติ, ลาภสีมา ¶ ตตฺรุปฺปาทคหณฏฺานเมว โหตีติ อิมา ทฺเว สีมาโย สงฺฆกมฺมกรณฏฺานํ น โหนฺติ, นิคมสีมา นครสีมา ชนปทสีมา รฏฺสีมา รชฺชสีมา ทีปสีมา จกฺกวาฬสีมาติ อิมา ปน สีมาโย คามสีมาย สมานคติกา คามสีมายเมว อนฺโตคธาติ น วิสุํ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ อุปจารสีมาย พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวา คตภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตตฺตา ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺานานํ อนฺโต พทฺธสีมาย วิชฺชมานาย ตํ อวตฺถริตฺวา อุปจารสีมา คตา. ตถา หิ ‘‘อิมิสฺสา อุปจารสีมาย ‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมสีมนฺตริกาสุ ิตานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘อุปจารสีมาย อนฺโต ิตา พทฺธสีมา อุปจารสีมาปิ นาม โหตี’’ติ. โหตุ, เอวํ สติ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย สติ ตตฺเถว กถินทานกมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ตตฺเถว กถินํ อตฺถริตพฺพํ ภเวยฺย, อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย กถํ กริสฺสนฺตีติ? อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย พหิอุปจารสีมายํ วิชฺชมานพทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปลภนฏฺานํ วา คนฺตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมายํ ตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.
นนุ จ โภ เอวํ สนฺเต อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถาโร โหติ, เอวํ สนฺเต ‘‘ปรินิฏฺิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํ. เตน จ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ วุตฺเตน ¶ วชิรพุทฺธิฏีกาวจเนน (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) วิรุชฺฌตีติ? นนุ ¶ อโวจุมฺห ‘‘กมฺมวาจาภณนสีมา พทฺธสีมาภูตา, กถินตฺถารสีมา อุปจารสีมาภูตา’’ติ. ตสฺมา วชิรพุทฺธิฏีกาวจเนน น วิรุชฺฌติ. ตตฺถ ปุพฺเพ เยภุยฺเยน พทฺธสีมวิหารตฺตา สมคฺคํ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา อุปจารสีมพทฺธสีมภูเต ตสฺมึเยว วิหาเร อตฺถรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. พทฺธสีมวิหาเร อโหนฺเตปิ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย วิชฺชมานาย ตตฺเถว สีมมณฺฑเล กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา ตตฺเถว อตฺถริตพฺพภาโว อมฺเหหิปิ วุตฺโตเยว. ยทิ ปน น เจว พทฺธสีมวิหาโร โหติ, น จ อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมา อตฺถิ, เอวรูเป วิหาเร กมฺมวาจํ วาจาเปตุํ น ลภติ, อฺํ พทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปํ วา คนฺตฺวา กมฺมวาจํ วาจาเปตฺวา อตฺตโน วิหารํ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมาย ตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพํ. เอวเมว ปรมฺปรภูตา พหโว อาจริยวรา กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
อปเร ปน อาจริยา ‘‘พทฺธสีมวิรหาย สุทฺธอุปจารสีมาย สติ ตสฺสํเยว อุปจารสีมายํ ตฺติกมฺมวาจาปิ วาเจตพฺพา, กถินํ อตฺถริตพฺพํ, น อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถรณํ กาตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. อยํ ปน เนสมธิปฺปาโย – ‘‘กถินตฺถตสีมายนฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) กถินตฺถารฏฺานภูตาย สีมาย อุปจารสีมาภาโว วุตฺโต, ตสฺสํเยว ฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๘) ปุพฺเพ นิทฺทิฏฺปาเ ‘‘ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล อธิฏฺหิตฺวา อตฺถริตฺวา สงฺโฆ อนุโมทาเปตพฺโพ’’ติ กมฺมวาจาภณนสีมายเมว อตฺถริตพฺพภาโว จ วุตฺโต, ตสฺมา อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อตฺถรณํ น กาตพฺพํ, ตสฺสํเยว อุปจารสีมายํ กมฺมวาจํ สาเวตฺวา ตสฺมึเยว อตฺถาโร กาตพฺโพ, อุปจารสีมโต พหิ ิตํ พทฺธสีมํ คนฺตฺวา อตฺถรณกิจฺจํ นตฺถีติ.
ตตฺเรวํ ¶ วิจารณา กาตพฺพา – อิทํ ภาสนฺตเรสุ ‘‘ตฺตี’’ติ กถิตํ กถินทานกมฺมํ จตูสุ สงฺฆกมฺเมสุ ตฺติทุติยกมฺมํ โหติ, ตฺติทุติยกมฺมสฺส นวสุ าเนสุ กถินทานํ, ครุกลหุเกสุ ครุกํ, ยทิ ‘‘อุปจารสีมายํ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ กาตพฺพานี’’ติ ปกรเณสุ อาคตํ อภวิสฺสา, เอวํ สนฺเต เตสํ อาจริยานํ วจนานุรูปโต อุปจารสีมายํ กถินทานตฺติกมฺมวาจํ วาเจตพฺพํ อภวิสฺสา, น ปน ปกรเณสุ ‘‘อุปจารสีมายํ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ กาตพฺพานี’’ติ อาคตํ, อถ โข ‘‘สงฺฆลาภวิภชนํ, อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา อารามปฺปวิสนํ ¶ , คมิกสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนอาปุจฺฉนํ, นิสฺสยปอปฺปสฺสมฺภนํ, ปาริวาสิกมานตฺตจาริกภิกฺขูนํ อรุณุฏฺาปนํ, ภิกฺขุนีนํ อารามปฺปวิสนอาปุจฺฉนํ อิจฺเจวมาทีนิ เอว อุปจารสีมาย กตฺตพฺพานี’’ติ อาคตํ, ตสฺมา กถินทานตฺติทุติยกมฺมวาจา เกวลายํ อุปจารสีมายํ น วาเจตพฺพาติ สิทฺธา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สนฺเต ติโยชเน ิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฏิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ตฺวา อารามปฺปวิสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สพฺพมฺเปตํ อุปจารสีมาย ปริจฺเฉทวเสเนว กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อุปจารสีมายเมว ภาเชตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิอฏฺกถาปาโต (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วิฺายตีติ.
อเถวํ ¶ วเทยฺยุํ – ‘‘อุปจารสีมา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย านํ น โหตี’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, อถ จ ปน กตปุพฺพํ อตฺถิ. ตถา หิ จีวรปฏิคฺคาหกสมฺมุติจีวรนิทหกสมฺมุติจีวรภาชกสมฺมุตีนํ ‘‘สุณาตุ เม…เป… ธารยามีติ อิมาย กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ อุปจารสีมายํ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย นิปฺผาเทตพฺพภาโว อฏฺกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๔) อาคโต. ภณฺฑาคารสฺส ปน ‘‘อิมํ ปน ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมํ คนฺตฺวา ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ, วิหารมชฺเฌเยว ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺยา’ติอาทินา นเยน กมฺมวาจาย วา อปโลกเนน วา สมฺมนฺนิตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๙๗) อุปจารสีมายเมว ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพภาโว อาคโตติ.
เต เอวํ วตฺตพฺพา – สเจปิ อฏฺกถายํ อาคตํ ‘‘อนฺโตวิหาเร’’ติ ปาโ ‘‘วิหารมชฺเฌ’’ติ ปาโ จ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺโตติ มฺมานา ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ อวจุตฺถ, เต ปน ปาา อุปจารสีมํ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยหิ น วุตฺตา, อถ โข อวิปฺปวาสสีมาสงฺขาตํ มหาสีมํ สนฺธาย วุตฺตา. กถํ วิฺายตีติ เจ? ขณฺฑสีมาย วกฺขมานตฺตา. ขณฺฑสีมาย หิ มหาสีมา เอว ปฏิโยคี โหติ. อุปจารสีมาติ อยมตฺโถ กถํ ¶ ชานิตพฺโพติ เจ? ‘‘อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนนฺเตหิ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปมํ ขณฺฑสีมา สมฺมนฺนิตพฺพา…เป… เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ิตา ภิกฺขู มหาสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ ¶ , มหาสีมาย วา ิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ. สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺตี’’ติ วุตฺตอฏฺกถาปาวเสน (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) ชานิตพฺโพติ. อถ วา เตหิ อายสฺมนฺเตหิ อาภตภณฺฑาคารสมฺมุติปาวเสนปิ อยมตฺโถ วิฺายติ. กถํ? จีวรปฏิคฺคาหกาทิปุคฺคลสมฺมุติโย ปน อนฺโตวิหาเร สพฺพสงฺฆมชฺเฌปิ ขณฺฑสีมายมฺปิ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ, ภณฺฑาคารสงฺขาตวิหารสมฺมุติ ปน วิหารมชฺเฌเยวาติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตตฺถ วิเสสการณํ ปริเยสิตพฺพํ.
ตตฺเรวํ วิเสสการณํ ปฺายติ – ‘‘อฺิสฺสา สีมาย วตฺถุ อฺิสฺสา กมฺมวาจา’’ติ วตฺตพฺพโทสปริหารตฺถํ วุตฺตํ. ปุคฺคลสมฺมุติโย หิ ปุคฺคลสฺส วตฺถุตฺตา ยทิ มหาสีมภูเต อนฺโตวิหาเร กตฺตุกามา โหนฺติ, สพฺพสงฺฆมชฺเฌ ตํ วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ หตฺถปาเส กตฺวา กเรยฺยุํ. ยทิ ขณฺฑสีมาย กตฺตุกามา, ตํ วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ ขณฺฑสีมํ อาเนตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตกมฺมปฺปตฺตสงฺฆสฺส หตฺถปาเส กตฺวา กเรยฺยุํ. อุภยถาปิ ยถาวุตฺตโทโส นตฺถิ, ภณฺฑาคารสมฺมุติ ปน ภณฺฑาคารสฺส วิหารตฺตา ขณฺฑสีมํ อาเนตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ยทิ ตํ สมฺมุตึ ขณฺฑสีมายํ ตฺวา กเรยฺยุํ, วตฺถุ มหาสีมายํ โหติ, กมฺมวาจา ขณฺฑสีมายนฺติ ยถาวุตฺตโทโส โหติ, ตสฺมิฺจ โทเส สติ วตฺถุวิปนฺนตฺตา กมฺมํ วิปชฺชติ, ตสฺมา มหาสีมภูตวิหารมชฺเฌเยว สา สมฺมุติ กาตพฺพาติ อฏฺกถาจริยานํ มติ, น อุปจารสีมาย ตฺติทุติยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ.
อถาปิ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วิหารสทฺเทน อวิปฺปวาสสีมภูตา มหาสีมาว วุตฺตา, น อุปจารสีมา’’ติ อิทํ วจนํ กถํ ปจฺเจตพฺพนฺติ? อิมินาเยว อฏฺกถาวจเนน. ยทิ หิ อุปจารสีมา ¶ วุตฺตา ภเวยฺย, อุปจารสีมา นาม พทฺธสีมํ อวตฺถริตฺวาปิ ปวตฺตา อาวาเสสุ วา ภิกฺขูสุ วา วฑฺฒนฺเตสุ อนิยมวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา ขณฺฑสีมํ อวตฺถริตฺวา ปวตฺตนโต วิหาเรน สห ขณฺฑสีมา เอกสีมาเยว โหติ, เอวํ สติ วิหาเร ิตํ ภณฺฑาคารํ ขณฺฑสีมาย ตฺวา สมฺมนฺนิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, น ปน สกฺกา ‘‘ขณฺฑสีมาย นิสินฺเนหิ สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ปฏิสิทฺธตฺตา. เตน ายติ ‘‘อิมสฺมึ ¶ าเน วิหารสทฺเทน อวิปฺปวาสสีมภูตา มหาสีมา วุตฺตา, น อุปจารสีมา’’ติ. อุปจารสีมาย อนิยมวเสน วฑฺฒนภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเนน ปริจฺฉินฺนา โหติ. อปิจ ภิกฺขูนํ ธุวสนฺนิปาตฏฺานโต วา ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต อุปจารสีมา เวทิตพฺพา, สา ปน อาวาเสสุ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒติ, ปริหายนฺเตสุ ปริหายติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒตี’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สพฺเพสํ ลาโภ ปาปุณาตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วจนโตติ.
ยทิ เอวํ อุปจารสีมาย กถินตฺถตภาโว กสฺมา วุตฺโตติ? กถินตฺถรณํ นาม น สงฺฆกมฺมํ, ปุคฺคลกมฺมเมว โหติ, ตสฺมา วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อุปจารสีมาย กาตพฺพา โหติ. ตฺติกมฺมวาจา ปน สงฺฆกมฺมภูตา, ตสฺมา อุปจารสีมาย กาตุํ น วฏฺฏติ, สุวิโสธิตปริสาย พทฺธาพทฺธสีมายเมว วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ โภ ‘‘กถินํ อตฺถริตุํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺติ? คณนวเสน ¶ ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘กถินตฺถรณํ นาม น สงฺฆกมฺมํ, ปุคฺคลกมฺมเมว โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ ปริวาเร (ปริ. ๔๑๔) วุตฺตตฺตา จ อปโลกนกมฺมาทีนํ จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ าเนสุ อปวิฏฺตฺตา จ. อฏฺกถายํ ปน กถินตฺถารสฺส อุปจารภูตํ กถินทานกมฺมวาจาภณนกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ กาเล กถินทายกา จตฺตาโร, ปฏิคฺคาหโก เอโกติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ โหนฺติ, ตโต เหฏฺา น ลภตีติ. ตฺติกมฺมวาจาย สงฺฆกมฺมภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ? ‘‘จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ ตฺติทุติยกมฺมสฺส นวสุ าเนสุ กถินทาน’’นฺติ อาคตตฺตา, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา วุตฺตตฺตา จาติ.
อปเร ปน อาจริยา ‘‘ภาสนฺตเรสุ ตฺตีติ วุตฺตา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยาย ปวิสติ, อตฺถารกิริยา จ อุปจารสีมายํ กาตพฺพา, ตสฺมา กถินทานกมฺมวาจาปิ อุปจารสีมายํ กาตพฺพาเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ อยมธิปฺปาโย – มหาวคฺคปาฬิยํ ¶ (มหาว. ๓๐๖) ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อารภิตฺวา ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ กถินทานตฺติกมฺมวาจาโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา ปาโ อาคโต, ปริวารปาฬิยฺจ (ปริ. ๔๑๒) ‘‘กถินตฺถาโร ชานิตพฺโพ’’ติ อุทฺเทสสฺส นิทฺเทเส ‘‘สเจ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อตฺถารเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อนุโมทเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉํ นีหริตฺวา ‘‘สงฺเฆน ตฺติทุติเยน ¶ กมฺเมน กถินตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพํ…เป… อนุโมทามา’’ติ ตฺติโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา ปาโ อาคโต, ตสฺมา ตฺติโต ปฏฺาย ยาว อนุโมทนา สพฺโพ วิธิ กถินตฺถารกิริยายํ ปวิสติ, ตโต กถินตฺถารกิริยาย อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพาย สติ ตฺติสงฺขาตกถินทานกมฺมวาจาปิ อุปจารสีมายํ กตฺตพฺพาเยวาติ.
ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – อตฺถารกิริยาย วิสุํ อนาคตาย สติ ‘‘สพฺโพ วิธิ อตฺถารกิริยายํ ปวิสตี’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, อถ จ ปน มหาวคฺคปาฬิยฺจ ปริวารปาฬิยฺจ อตฺถารกิริยา วิสุํ อาคตาเยว, ตสฺมา ตฺติสงฺขาตา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสติ, เกวลํ อตฺถารกิริยาย อุปจารภูตตฺตา ปน ตโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน วุตฺตํ. ยถา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ สีมาสมฺมุตึ อนุชานิตฺวา ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺพา’’ติ สีมาสมฺมุติวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ นิมิตฺตกิตฺตเนน สห สีมาสมฺมุติกมฺมวาจา เทสิตา, ตตฺถ นิมิตฺตกิตฺตนํ สีมาสมฺมุติกมฺมํ น โหติ, กมฺมวาจาเยว สีมาสมฺมุติกมฺมํ โหติ, ตถาปิ สีมาสมฺมุติกมฺมวาจาย อุปจารภาวโต สห นิมิตฺตกิตฺตเนน สีมาสมฺมุติกมฺมวาจา เทสิตา. ยถา จ อุปสมฺปทากมฺมวิธึ เทเสนฺโต ‘‘ปมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตพฺโพ…เป… เอวเมตํ ธารยามี’’ติ อุปชฺฌายคาหาปนาทินา สห อุปสมฺปทากมฺมํ เทสิตํ, ตตฺถ อุปชฺฌายคาหาปนาทิ อุปสมฺปทากมฺมํ น โหติ, ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาเยว อุปสมฺปทากมฺมํ โหติ, ตถาปิ อุปสมฺปทากมฺมสฺส สมีเป ภูตตฺตา อุปชฺฌายคาหาปนาทินา สห ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจา เทสิตา, เอวเมตฺถ กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยา น โหติ, ตถาปิ ¶ อตฺถารกิริยาย อุปจารภูตตฺตา กถินทานตฺติทุติยกมฺมวาจาย สห กถินตฺถารกิริยา เทสิตา, ตสฺมา กถินทานกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสตีติ ทฏฺพฺพํ.
อถ ¶ วา ตฺติทุติยกมฺมวาจา จ อตฺถาโร จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา อตุลฺยกิริยา อตุลฺยกตฺตาโร อตุลฺยกมฺมา อตุลฺยกาลา จ โหนฺติ, เตน วิฺายติ ‘‘ภาสนฺตเรสุ ตฺตีติ วุตฺตา ตฺติทุติยกมฺมวาจา อตฺถารกิริยายํ น ปวิสตี’’ติ. ตตฺถ กถํ อตุลฺยกิริยา โหนฺติ? กมฺมวาจา ทานกิริยา โหติ, อตฺถาโร ปนฺนรสธมฺมานํ การณภูตา อตฺถารกิริยา, เอวํ อตุลฺยกิริยา. กถํ อตุลฺยกตฺตาโรติ? กมฺมวาจาย กตฺตา สงฺโฆ โหติ, อตฺถารสฺส กตฺตา ปุคฺคโล, เอวํ อตุลฺยกตฺตาโร โหนฺติ. กถํ อตุลฺยกมฺมา โหนฺติ? กมฺมวาจาย กมฺมํ กถินทุสฺสํ โหติ, อตฺถารสฺส กมฺมํ กถินสงฺขาตา สมูหปฺตฺติ, เอวํ อตุลฺยกมฺมา โหนฺติ. กถํ อตุลฺยกาลา โหนฺติ? กถินทานกมฺมวาจา ปุพฺพกรณปจฺจุทฺธารอธิฏฺานานํ ปุพฺเพ โหติ, อตฺถาโร เตสํ ปจฺฉา, เอวํ อตุลฺยกาลา โหนฺตีติ. อถ วา อตฺถาโร ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทินา วจีเภทสงฺขาเตน เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต, น ตฺติอนุสฺสาวนาทินา อเนเกหิ ธมฺเมหิ สงฺคหิโต. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ. อิมินาปิ การเณน ชานิตพฺพํ ‘‘น ตฺติ อตฺถาเร ปวิฏฺา’’ติ.
อฺเ ปน อาจริยา เอวํ วทนฺติ – ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อาคตตฺตา ‘‘เหฏฺิมนฺตโต ¶ ปฺจ ภิกฺขู กถินตฺถารํ ลภนฺติ, ตโต อปฺปกตรา น ลภนฺตี’’ติ วิฺายติ. ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ กงฺขาวิตรณีฏีกายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตตฺตา ตสฺมึ วากฺเย ‘‘วฏฺฏตี’’ติ กิริยาย กตฺตา ‘‘โส กถินตฺถาโร’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา อตฺถาโรติ อิมินา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วุตฺตอตฺถรณกิริยา น อธิปฺเปตา, จตูหิ ภิกฺขูหิ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ตฺติยา ทานํ อธิปฺเปตนฺติ วิฺายติ. ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ…เป… อุทฺธํ สตสหสฺสนฺติ อิทํ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆสฺส กถินทุสฺสทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วินยวินิจฺฉยฏีกายํ วุตฺตํ. ตสฺมิมฺปิ ปาเ ตฺติยา ทินฺนํเยว สนฺธาย ‘‘ปฺจ ชนา อตฺถารํ ลภนฺตี’’ติ อิทํ วจนํ อฏฺกถาจริเยหิ วุตฺตํ, ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิ ปุคฺคลสฺส อตฺถรณํ สนฺธาย น วุตฺตนฺติ ฏีกาจริยสฺส อธิปฺปาโย. เอวํ กงฺขาวิตรณีฏีกา-วินยวินิจฺฉยฏีกาการเกหิ อาจริเยหิ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นามา’’ติ ¶ วินิจฺฉิตตฺตา อุปจารสีมายํ กถินทานตฺติกมฺมวาจากรณํ ยุตฺตนฺติ วิฺายตีติ วทนฺติ.
ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามา’’ติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุํ. วเทยฺยุํ เจ, อฏฺกถาย วิรุทฺโธ สิยา. กถํ วิรุทฺโธติ เจ? ‘‘ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺติ, อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) อาคตตฺตา ‘‘เต ฉินฺนวสฺสาทโย กถินตฺถารํ น ลภนฺตี’’ติ วิฺายติ. ยทิ ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นาม สิยา, เอวํ สติ เต ภิกฺขู ตฺติทุติยกมฺเมปิ คณปูรกภาเวน อปฺปวิฏฺา สิยุํ. อถ จ ปน ‘‘ปุริมิกาย ¶ อุปคตานํ ปน สพฺเพ คณปูรกา โหนฺตี’’ติ อฏฺกถาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตตฺตา เต ตฺติทุติยกมฺเม ปวิฏฺาว โหนฺติ, ตสฺมา อฏฺกถาจริโย ปฺจานิสํสเหตุภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกํ วจีเภทํเยว ‘‘อตฺถาโร’’ติ วทติ, น ตฺติทุติยกมฺมํ, ตสฺมา เต ฉินฺนวสฺสาทโย ปฺจานิสํสเหตุภูตํ กถินตฺถารํ น ลภนฺติ, ตฺติทุติยกมฺเม ปน จตุวคฺคสงฺฆปูรกภาวํ ลภนฺตีติ วิฺายติ. ปุนปิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สเจ ปุริมิกาย อุปคตา จตฺตาโร วา โหนฺติ ตโย วา ทฺเว วา เอโก วา, อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ. เอวํ อลพฺภมานกถินตฺถาเรเยว ฉินฺนวสฺสาทโย คณปูรเก กตฺวา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินทุสฺสํ ทาเปตฺวา ปุริมิกาย อุปคเตหิ กถินสฺส อตฺถริตพฺพภาวโต ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามาติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุ’’นฺติ อวจิมฺหาติ.
นนุ จ โภ อิมสฺมิมฺปิ อฏฺกถาวจเน ‘‘อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ วจเนน จตุวคฺคสงฺเฆน กตฺตพฺพํ ตฺติทุติยกมฺมํเยว ‘‘อตฺถาโร’’ติ วุตฺตนฺติ? น, ปุพฺพาปรวิโรธโต. ปุพฺเพ หิ ฉินฺนวสฺสาทีนํ กถินํ อตฺถริตุํ อลพฺภมานภาโว วุตฺโต, อิธ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร’’ติ วุตฺเต เตสมฺปิ ลพฺภมานภาโว วุตฺโต ภเวยฺย, น อฏฺกถาจริยา ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ กเถยฺยุํ, ตสฺมา ‘‘กตฺวา’’ติ ปทํ ‘‘อตฺถริตพฺพ’’นฺติ ปเทน สมฺพชฺฌนฺเตน สมานกาลวิเสสนํ อกตฺวา ปุพฺพกาลวิเสสนเมว กตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, เอวํ สติ ปุพฺพวจเนนาปรวจนํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ วิย สํสนฺทติ, ปจฺฉาปิ จ ‘‘กมฺมวาจํ สาเวตฺวา กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานฺจ ภฺุชิตฺวา คมิสฺสนฺตี’’ติ วิสุํ กมฺมวาจาสาวนํ วิสุํ กถินตฺถรณํ ¶ ปุพฺพาปรานุกฺกมโต วุตฺตํ ¶ , ตสฺมา ตฺติทุติยกมฺมํ อตฺถาโร นาม น โหติ, เกวลํ อตฺถารสฺส การณเมว อุปจารเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ ปริวารวจเนน (ปริ. ๔๑๔) อยมตฺโถ ชานิตพฺโพติ.
ยทิ เอวํ กงฺขาวิตรณีฏีกา-วินยวินิจฺฉยฏีกาสุ อาคตปาานํ อธิปฺปาโย กถํ ภาสิตพฺโพ ภเวยฺย. นนุ กงฺขาวิตรณีฏีกายํ ‘‘วฏฺฏตี’’ติ อิมิสฺสา กิริยาย กตฺตา ‘‘โส กถินตฺถาโร’’ติ วุตฺโต, วินยวินิจฺฉยฏีกายฺจ ‘‘กถินทุสฺสทานกมฺม’’นฺติ ปทํ ‘‘สนฺธายา’’ติ กิริยาย กมฺมํ, กถินตฺถาโร…เป… อิทํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ กิริยาย กมฺมํ โหติ. เอวํ ฏีกาสุ นีตตฺถโต อาคตปาเสุ สนฺเตสุ ‘‘ตฺติทุติยกมฺมํเยว อตฺถาโร นามาติ ฏีกาจริยา น วเทยฺยุ’’นฺติ น วตฺตพฺพนฺติ? เยนากาเรน อฏฺกถาวจเนน ฏีกาวจนฺจ ปุพฺพาปรอฏฺกถาวจนฺจ อวิรุทฺธํ ภเวยฺย, เตนากาเรน ฏีกาปาานํ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ. กถํ? กงฺขาวิตรณีอฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อาคโต, ตสฺมึ อฏฺกถาวจเน โจทเกน โจเทตพฺพสฺส อตฺถิตาย ตํ ปริหริตุํ ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต, กถํ โจเทตพฺพํ อตฺถีติ? โภ อฏฺกถาจริย ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต, เอวํ สติ ปฺจนฺนํ กถินตฺถารกานํ เอว โส กถินตฺถาโร วฏฺฏติ, น เอกทฺวิติจตุปุคฺคลานนฺติ อตฺโถ อาปชฺชติ, เอวํ สติ ‘‘น สงฺโฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรตี’’ติ อาคตปาฬิยา วิรุชฺฌนโต อาคมวิโรโธ ¶ อาปชฺชติ, ตํ โจทนํ ปริหรนฺโต ‘‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต. ตตฺถายมธิปฺปาโย – โภ โจทกาจริย อฏฺกถาจริเยน กถินตฺถารกาเล ปฺจนฺนํ อตฺถารกานํ ภิกฺขูนํ วเสน ‘‘โส สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ ปาโ น วุตฺโต, อถ โข สงฺเฆน อตฺถารกสฺส กถินทุสฺสทานกาเล ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ทายกปฏิคฺคาหกปุคฺคลานํ อตฺถิตาย โส ปจฺฉา กตฺตพฺโพ อตฺถาโร วฏฺฏติ, การณสมฺปตฺติยา ผลสมฺปตฺติ โหติ, ตสฺมา ตสฺมึ อฏฺกถาวจเน อาคมวิโรโธ นาปชฺชตีติ.
วินยวินิจฺฉยฏีกายมฺปิ ¶ ‘‘กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปฺจนฺนํ เหฏฺา น ลภนฺตี’’ติ อฏฺกถาวจเน ปเรหิ ปุจฺฉิตพฺพสฺส อตฺถิตาย ตํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อิทํ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆสฺส กถินทุสฺสทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ปาโ ฏีกาจริเยน วุตฺโต. กถํ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ เจ? โภ อฏฺกถาจริย ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ วจนํ กึ ปฺจานิสํสสฺส การณภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิอตฺถารกิริยํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุทาหุ อตฺถารสฺส การณภูตํ กถินทุสฺสทานกมฺมนฺติ. กถํ วิสฺสชฺชนาติ? โภ ภทฺรมุข ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ ปฺจานิสํสสฺส การณภูตํ ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกํ อตฺถารกิริยํ สนฺธาย อฏฺกถาจริเยน น วุตฺตํ, อถ โข อตฺถารสฺส การณภูตํ กถินทานกมฺมํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ¶ . ตตฺรายมธิปฺปาโย – สงฺเฆน อตฺถารกสฺส ทินฺนทุสฺเสน เอว กถินตฺถาโร สมฺภวติ, น ิติกาย ลทฺธจีวเรน วา ปุคฺคลิกจีวเรน วา สมฺภวติ, ตฺจ กถินทุสฺสทานกมฺมํ จตฺตาโร กถินทุสฺสทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจสุ ภิกฺขูสุ วิชฺชมาเนสุเยว สมฺปชฺชติ, น ตโต อูเนสูติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปฺจนฺนํ วฏฺฏติ, การณสิทฺธิยา ผลสิทฺธิ โหติ, เตเนว จ การเณน ‘‘กถินทุสฺสทานกมฺมํ วุตฺต’’นฺติ มุขฺยวเสน อวตฺวา ‘‘สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อุปจารวเสนาห. เอวํ วุตฺเตเยว อฏฺกถาวจนสฺส ปุพฺพาปรวิโรโธ นตฺถิ, อฏฺกถาวจเนน จ ฏีกาวจนํ วิรุทฺธํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ, ‘‘อปโลกนาทิสงฺฆกมฺมกรณตฺถํ พทฺธสีมา ภควตา อนฺุาตา’’ติ อิมินา วินยลกฺขเณน จ สเมติ.
‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทิกา ปน อตฺถารกิริยา อปโลกนาทีสุ จตูสุ สงฺฆกมฺเมสุ อปฺปวิฏฺา, อธิฏฺานาทโย วิย ปฺจานิสํสลาภการณภูตา ปุคฺคลกิริยาว โหตีติ วสฺสูปนายิกเขตฺตภูตาย อนฺโตอุปจารสีมาย กาตพฺพา, ตสฺมา อนฺโตอุปจารสีมายํ พทฺธสีมาย อวิชฺชมานาย พหิอุปจารสีมายํ พทฺธสีมํ วา อุทกุกฺเขปสตฺตพฺภนฺตรลภมานฏฺานํ วา คนฺตฺวา ตฺติทุติยกมฺเมน กถินทุสฺสํ ทาเปตฺวา ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา อนฺโตอุปจารสีมายเมว กถินตฺถรณํ ปุพฺพาจริเยหิ กตํ, ตํ สุกตเมว โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ อคฺคเหตฺวา สุทฺธอุปจารสีมายเมว ตฺติทุติยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ คยฺหมาเน สติ เตสํ อายสฺมนฺตานํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชมานา สิสฺสานุสิสฺสา ธุววาสตฺถาย วิหารทานาทิอปโลกนกมฺมํ วา อุโปสถปวารณาทิตฺติกมฺมํ วา สีมาสมฺมนฺนนาทิตฺติทุติยกมฺมํ ¶ วา อุปสมฺปทาทิตฺติจตุตฺถกมฺมํ วา อุปจารสีมายเมว กเรยฺยุํ, เอวํ กโรนฺตา ภควโต ¶ สาสเน มหนฺตํ ชฏํ มหนฺตํ คุมฺพํ มหนฺตํ วิสมํ กเรยฺยุํ, ตสฺมา ตมกรณตฺถํ ยุตฺติโต จ อาคมโต จ อเนกานิ การณานิ อาหริตฺวา กถยิมฺหาติ.
สาสเน คารวํ กตฺวา, สทฺธมฺมสฺสานุโลมโต;
มยา กตํ วินิจฺฉยํ, สมฺมา จินฺเตนฺตุ สาธโว.
ปุนปฺปุนํ วิจินฺเตตฺวา, ยุตฺตํ เจ โหติ คณฺหนฺตุ;
โน เจ ยุตฺตํ มา คณฺหนฺตุ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกาติ.
อิโต ปรานิปิ การณสาธกานิ อาหรนฺติ อาจริยา, เตสํ ปฏิวจเนน อติวิตฺถาโร ภวิสฺสติ, อุปจารสีมาย จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ กตฏฺานภาโว ปุพฺเพ วุตฺโตว, ตสฺมา ตํ วจนํ มนสิ กตฺวา สํสยํ อกตฺวา ธาเรตพฺโพติ.
‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ กึ เอตฺตเกน วจีเภเทน กถินํ อตฺถตํ โหติ, อุทาหุ อฺโ โกจิ กายวิกาโร กาตพฺโพ? น กาตพฺโพ. เอตฺตเกเนว หิ วจีเภเทน อตฺถตํ โหติ, กถินํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๘) ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ.
เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อนุโมทาปนอนุโมทเน ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน กถินตฺถารเกนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน ภิกฺขุนา ‘‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติอาทินา วจีเภเทน กถินํ อตฺถตํ, เตน ‘‘กถินสฺส อตฺถารา ปนฺนรส ธมฺมา ชายนฺตี’’ติ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๓) อาคตตฺตา กถินตฺถาเรน สเหว ปฺจ อานิสํสา อาคตา, อถ กสฺมา สงฺฆํ อนุโมทาเปตีติ? กิฺจาปิ อตฺถารกสฺส ภิกฺขุโน ปฺจ อานิสํสา อาคตา, สงฺฆสฺส ปน อนาคตา, ตสฺมา สงฺฆสฺส จ อาคมนตฺถํ สงฺฆํ อนุโมทาเปติ, สงฺโฆ ¶ จ อนุโมทนํ กโรติ, เอวํ กเต อุภินฺนมฺปิ อานิสํสา อาคตา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๔๐๓) ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ. เอตฺถ จ กถินตฺถารกภิกฺขุโต วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ ตสฺมึ ¶ สงฺเฆ อตฺถิ, อิธ วุตฺตนเยน อตฺถารเกน ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ, อนุโมทเกน ‘‘อาวุโส’’ติ. ยทิ ปน กถินตฺถารโก ภิกฺขุ สพฺเพสํ วุฑฺฒตโร โหติ, เตน ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํ, อิตเรหิ ‘‘ภนฺเต’’ติ, เอวํ เสสนยทฺวเยปิ. เอวํ สพฺเพสํ อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ. อิเมสุ ปน สงฺฆปุคฺคเลสุ เย ตสฺมึ วิหาเร ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมปวารณาย ปวาริตา, เตเยว อนุโมทิตุํ ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา อฺสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสา วา น ลภนฺติ, อนนุโมทนฺตาปิ อานิสํสํ น ลภนฺติ.
เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวรวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สเจ กถินจีวเรน สทฺธึ อาภตํ อานิสํสนฺติ อิมินา เอกํ อตฺถตจีวรเมว กถินจีวรํ นาม, ตโต อฺํ เตน สทฺธึ อาภตํ สพฺพํ จีวรํ กถินานิสํสจีวรํ นามาติ ทสฺเสติ. วกฺขติ หิ ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานี’’ติอาทิ. เตน ายติ ‘‘วตฺถเมว อิธ อานิสํโส นาม, น อคฺโฆ, กถินสาฏเกน สทฺธึ อาภตานํ อฺสาฏกานํ พหุลวเสน อตฺถริตพฺพํ, น กถินสาฏกสฺส มหคฺฆวเสนา’’ติ. ภิกฺขุสงฺโฆ อนิสฺสโร, อตฺถตกถิโน ภิกฺขุเยว อิสฺสโร. กสฺมา? ทายเกหิ วิจาริตตฺตา. ภิกฺขุสงฺโฆ อิสฺสโร, กสฺมา? ทายเกหิ อวิจาริตตฺตา, มูลกถินสฺส จ สงฺเฆ ทินฺนตฺตา. อวเสสกถินานิสํเสติ ¶ ตสฺส ทินฺนวตฺเถหิ อวเสสกถินานิสํสวตฺเถ. พลววตฺถานีติ อตฺถริตพฺพกถินสาฏกํเยว อหตํ วา อหตกปฺปํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, อานิสํสจีวรํ ปน ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปุราณํ วา อภินวํ วา ทุพฺพลํ วา พลวํ วา ทาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา เตสุ ทุพฺพลวตฺเถ ิติกาย ทินฺเน ลทฺธภิกฺขุสฺส อุปการกํ น โหติ, ตสฺมา อุปการณโยคฺคานิ พลววตฺถานิ ทาตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานีติ ยตฺตกา ภิกฺขู วสฺสาวาสิกจีวรํ ลภึสุ, เต เปตฺวา เตสํ เหฏฺโต ปฏฺาย ยถากฺกมํ ทาตพฺพานิ. เถราสนโต ปฏฺายาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ติสฺสํ กถินตฺถตสีมายํ สนฺติ, เตสุ เชฏฺกภิกฺขุโต ปฏฺาย ทาตพฺพานิ. อาสนคฺคหณํ ปน ยถาวุฑฺฒํ นิสินฺเน สนฺธาย กตํ. เอเตน วสฺสาวาสิกกถินานิสํสานํ สมานคติกตํ ทีเปติ. ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพนฺติ กถินสาฏเกน สทฺธึ อาภเตสุ มฺจปีาทิกํ ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพํ, สงฺฆิกวเสเนว ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ครุภณฺฑวินิจฺฉโย อนนฺตรกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ.
อิมสฺมึ ปน าเน วตฺตพฺพํ อตฺถิ. กถํ? อิทานิ ภิกฺขู กถินานิสํสจีวรํ กุสปาตํ กตฺวา ¶ วิภชนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสตีติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานิ, ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานี’’ติ วจนโตติ. เอวํ สนฺเต กตฺถ กุสปาโต กาตพฺโพติ? ภณฺฑาคาเร ปิตจีวเรติ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อุสฺสนฺนํ โหตีติ พหุ ราสิกตํ โหติ, ภณฺฑาคารํ น คณฺหาติ. สมฺมุขีภูเตนาติ อนฺโตอุปจารสีมายํ ิเตน. ภาเชตุนฺติ กาลํ โฆสาเปตฺวา ปฏิปาฏิยา ภาเชตุํ…เป… เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ อฏฺกถายํ ¶ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ภาเชตพฺพนฺติ อมฺหากํ ขนฺติ.
เอกจฺเจ ปน ภิกฺขู เอเกกสฺส เอเกกสฺมึ จีวเร อปฺปโหนฺเต จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา อกปฺปิยวตฺถุํ คเหตฺวา ภาเชนฺติ, ตํ อติโอฬาริกเมว. อฺเปิ เอกจฺจานํ จีวรานํ มหคฺฆตาย เอกจฺจานํ อปฺปคฺฆตาย สมคฺฆํ กาตุํ น สกฺกาติ ตเถว กโรนฺติ, ตมฺปิ โอฬาริกเมว. ตตฺถ หิ อกปฺปิยวตฺถุนา ปริวตฺตเนปิ ตสฺส วิจารเณปิ ภาคคฺคหเณปิ อาปตฺติเยว โหติ. เอเก ‘‘กถินํ นาม ทุพฺพิจารณีย’’นฺติ วตฺวา อตฺถรณํ น กโรนฺติ, ปุคฺคลิกวเสเนว ยถาชฺฌาสยํ วิจาเรนฺติ, ตํ ปน ยทิ ทายเกหิ ปุคฺคลสฺเสว ทินฺนํ, ปุคฺคเลน จ สงฺฆสฺส อปริจฺจชิตํ, เอวํ สติ อตฺตโน สนฺตกตฺตา ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ยทิ ปน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ทินฺนํ, ปุคฺคลสฺส ทินฺเนปิ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปริจฺจชิตํ, เอวํ สนฺเต สงฺฆคณานํ สนฺตกตฺตา อยุตฺตํ ภเวยฺย. อปเร ปน กถินวเสน ปฏิคฺคหิเต วิจาเรตุํ ทุกฺกรนฺติ มฺมานา ‘‘น มยํ กถินวเสน ปฏิคฺคณฺหาม, วสฺสาวาสิกภาเวเนว ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ วตฺวา ยถารุจิ วิจาเรนฺติ, ตมฺปิ อยุตฺตํ. วสฺสาวาสิกมฺปิ หิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ สงฺฆิกํ โหติเยว, ปุคฺคลสฺส ทินฺนํ ปุคฺคลิกํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘สเจ ปน เตสํ เสนาสเน ปํสุกูลิโก วสติ, อาคตฺจ ตํ ทิสฺวา ‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วทนฺติ, เตน สงฺฆสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ ตานิ กุลานิ สงฺฆสฺส ทาตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘ตุมฺหากํเยว เทมา’ติ วทนฺติ, สภาโค ภิกฺขุ ‘วตฺตํ กตฺวา คณฺหาหี’ติ วตฺตพฺโพ, ปํสุกูลิกสฺส ปเนตํ น วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๑๙) วุตฺตตฺตา.
วสฺสาวาสิกํ ¶ ทุวิธํ สทฺธาเทยฺยตตฺรุปฺปาทวเสน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘อิติ ¶ สทฺธาเทยฺเย ทายกมนุสฺสา ปุจฺฉิตพฺพา, ตตฺรุปฺปาเท ปน กปฺปิยการกา ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ. สทฺธาเทยฺยวสฺสาวาสิกมฺปิ สวิหาราวิหารวเสน ทุวิธํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘มหาปทุมตฺเถโร ปนาห น เอวํ กาตพฺพํ. มนุสฺสา หิ อตฺตโน อาวาสปฏิชคฺคนตฺถาย ปจฺจยํ เทนฺติ, ตสฺมา อฺเหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ, ‘‘เยสํ ปน เสนาสนํ นตฺถิ, เกวลํ ปจฺจยเมว เทนฺติ, เตสํ ปจฺจยํ อวสฺสาวาสิเก เสนาสเน คาเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ. ตตฺรุปฺปาทวสฺสาวาสิกํ นาม กปฺปิยการกานํ หตฺเถ กปฺปิยวตฺถุปอภฺุชนตฺถาย ทินฺนวตฺถุโต นิพฺพตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) ‘‘กปฺปิยการกานฺหิ หตฺเถ ‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภฺุชถา’ติ ทินฺนวตฺถุโต ยํ ยํ กปฺปิยํ, ตํ สพฺพํ ปริภฺุชิตุํ อนฺุาต’’นฺติ. เอวํ วสฺสาวาสิกจีวรมฺปิ ปุพฺเพ เยภุยฺเยน สงฺฆสฺเสว เทนฺติ, ตสฺมา ‘‘กถินจีวรํ เทมา’’ติ วุตฺเต กถินจีวรภาเวน ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุตฺเต วสฺสาวาสิกจีวรภาเวเนว ปฏิคฺคเหตพฺพํ. กสฺมา? ‘‘ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๕) วจนโต.
กิฺจิ อวตฺวา หตฺเถ วา ปาทมูเล วา เปตฺวา คเต กึ กาตพฺพนฺติ? ตตฺถ สเจ ‘‘อิทํ วตฺถุ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปรปุคฺคลสฺส วา อตฺถาย ปริณต’’นฺติ ชาเนยฺย, เตสํ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตพฺพํ. อถ ‘‘มมตฺถาย ปริณต’’นฺติ ชาเนยฺย, อตฺตโน อตฺถาย ปฏิคฺคเหตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๒๙) ‘‘นว อธมฺมิกทานานี’’ติอาทิ. อถ น กิฺจิ ชาเนยฺย, อตฺตโน หตฺเถ วา ปาทมูเล วา กิฺจิ อวตฺวา ปิตํ ตสฺเสว ปุคฺคลิกํ โหติ. น หิ เจติยาทีนํ อตฺถาย ปริณตํ ¶ กิฺจิ อวตฺวา ภิกฺขุสฺส หตฺเถ วา ปาทมูเล วา เปตีติ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘ปุคฺคลสฺส เทตีติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ปาทมูเล เปตฺวา ‘อิมํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ เอวํ สมฺมุขา วา เทตี’’ติอาทิ.
‘‘อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ภาเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, กถํ ภาเชตพฺพนฺติ? ‘‘อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตตฺตา เย ภิกฺขู อิมสฺมึ วสฺเส วสฺสาวาสิกํ น ลภึสุ, เตสํ เหฏฺโต ปฏฺาย เอเกกํ จีวรํ วา สาฏกํ วา ทาตพฺพํ. อถ จีวรานํ วา สาฏกานํ วา อวสิฏฺเสุ สนฺเตสุ ปุน เถราสนโต ปฏฺาย ทุติยภาโค ทาตพฺโพ. ตโต จีวเรสุ วา สาฏเกสุ วา ขีเณสุ เย ลภนฺติ, เตสุ ปจฺฉิมสฺส ¶ วสฺสาทีนิ สลฺลกฺเขตพฺพานิ. น เกวลํ ตสฺมึ กถินตฺถตทิวเส ทินฺนทุสฺสานิ เอว กถินานิสํสานิ นาม โหนฺติ, อถ โข ยาว กถินสฺส อุพฺภารา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนจีวรานิปิ สงฺฆิเกน ตตฺรุปฺปาเทน อารามิเกหิ อาภตจีวรานิปิ กถินานิสํสานิเยว โหนฺติ. ตสฺมา ตาทิเสสุ จีวเรสุ อุปฺปชฺชมาเนสุ ยถาวุตฺตสลฺลกฺขิตวสฺสสฺส ภิกฺขุโน เหฏฺโต ปฏฺาย ปุนปฺปุนํ คาเหตพฺพํ. ‘‘ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วจนโต ตสฺมึ วสฺเส วสฺสาวาสิกจีวรานํ อนุปฺปชฺชนโต วา อุปฺปชฺชมาเนสุปิ ิติกาย อคาหาปนโต วา วสฺสาวาสิกิติกาย อภาเว สติ ลทฺธพฺพกถินานิสํเส ตสฺสํ อุปจารสีมายํ สพฺเพ ภิกฺขู ปฏิปาฏิยา นิสีทาเปตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ิติกํ กตฺวา เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เอเกกํ จีวรํ วา สาฏกํ วา ทาตพฺพํ. สงฺฆนวกสฺส ¶ ทานกาเลปิ มหาเถรา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ิติกํ เปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ิติกาย ทาตพฺพํ. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห ปจฺฉา อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน ทาตพฺโพ. อยํ ิติกาวิจาโร จตุปจฺจยภาชนกถาโต (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๐๒) คเหตพฺโพติ.
นนุ จ โภ เอกจฺจานิ กถินานิสํสจีวรานิ มหคฺฆานิ, เอกจฺจานิ อปฺปคฺฆานิ โหนฺติ, กถํ เอเกกสฺส เอเกกสฺมึ ทินฺเน อคฺฆสมตฺตํ ภเวยฺยาติ? วุจฺจเต – ภณฺฑาคารจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๔๓) ‘‘เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส ภณฺฑาคาเร จีวรํ อุสฺสนฺนํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภูเตน สงฺเฆน ภาเชตุํ…เป… อถ โข จีวรภาชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘กถํ นุ โข จีวรํ ภาเชตพฺพ’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปมํ อุจฺจินิตฺวา ตุลยิตฺวา วณฺณาวณฺณํ กตฺวา ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวา จีวรปฏิวีสํ เปตุ’’นฺติ. อฏฺกถายฺจ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘อุจฺจินิตฺวาติ ‘อิทํ ถูลํ, อิทํ สณฺหํ, อิทํ ฆนํ, อิทํ ตนุกํ, อิทํ ปริภุตฺตํ, อิทํ อปริภุตฺตํ, อิทํ ทีฆโต เอตฺตกํ, ปุถุลโต เอตฺตก’นฺติ เอวํ วตฺถานิ วิจินิตฺวา. ตุลยิตฺวาติ ‘อิทํ เอตฺตกํ อคฺฆติ, อิทํ เอตฺตก’นฺติ เอวํ อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา. วณฺณาวณฺณํ กตฺวาติ สเจ สพฺเพสํ เอเกกเมว ทสทสอคฺฆนกํ ปาปุณาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ปาปุณาติ, ยํ นว วา อฏฺ วา อคฺฆติ, ตํ อฺเน เอกอคฺฆนเกน จ ทฺวิอคฺฆนเกน จ สทฺธึ พนฺธิตฺวา เอเตน อุปาเยน ¶ สเม ปฏิวีเส เปตฺวาติ อตฺโถ ¶ . ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวาติ สเจ เอเกกสฺส ทียมาเน ทิวโส น ปโหติ, ทส ทส ภิกฺขู คเณตฺวา ทส ทส จีวรปฏิวีเส เอกวคฺคํ พนฺธิตฺวา เอกํ ภณฺฑิกํ กตฺวา เอวํ จีวรปฏิวีสํ เปตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. เอวํ ปิเตสุ จีวรปฏิวีเสสุ กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘ภณฺฑาคารจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ อิจฺฉิตพฺพํ, กุสปาโต จ กาตพฺโพ’’ติ.
อิมสฺมึ ปน กถินานิสํสจีวรภาชเน อคฺฆสมตฺตํ น อิจฺฉิตพฺพํ, กุสปาโต จ น กาตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ กถินกฺขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน สเจ กถินจีวเรน สทฺธึ อาภตํ อานิสํสํ ทายกา ‘เยน อมฺหากํ กถินํ คหิตํ, ตสฺเสว เทมา’ติ เทนฺติ, ภิกฺขุสงฺโฆ อนิสฺสโร. อถ อวิจาเรตฺวาว ทตฺวา คจฺฉนฺติ, ภิกฺขุสงฺโฆ อิสฺสโร, ตสฺมา สเจ กถินตฺถารกสฺส เสสจีวรานิปิ ทุพฺพลานิ โหนฺติ, สงฺเฆน อปโลเกตฺวา เตสมฺปิ อตฺถาย วตฺถานิ ทาตพฺพานิ, กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฏฺฏติ. อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกิติกาย ทาตพฺพานิ. ิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฏฺาย ทาตพฺพานิ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อคฺฆปริจฺเฉทํ กตฺวา’’ติ วา ‘‘กุสปาโต กาตพฺโพ’’ติ วา. เตน ายติ ‘‘กถินานิสํสจีวรานิ วสฺสาวาสิกิติกาย วา วุฑฺฒตรโต วา ปฏฺาเยว ทาตพฺพานิ, เนว อคฺฆสมตฺตํ กาตพฺพํ, น กุโส ปาเตตพฺโพ’’ติ.
อิทานิ ปน วสฺสาวาสิกภาเวน อทินฺนตฺตา วสฺสาวาสิกิติกาย อกตตฺตา จ กถินตฺถตจีวรโต จ กถินตฺถารกสฺส อวเสสจีวรตฺถาย ทินฺนวตฺถโต จ อวเสสกถินานิสํเส พลววตฺถานิ วุฑฺฒตรโต ปฏฺาย เอกสฺส ภิกฺขุสฺส เอกํ วตฺถํ ทาตพฺพํ, เตสุ ปน วรํ วรํ วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพํ ¶ . กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปน สเจ กาลํ โฆเสตฺวา สนฺนิปติเต สงฺเฆ โกจิ ทสหตฺถํ วตฺถํ อาหริตฺวา วสฺสาวาสิกํ เทติ, อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขุสงฺฆตฺเถโร โหติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. นวโก เจ โหติ, สมฺมเตน ภิกฺขุนา สงฺฆตฺเถโร วตฺตพฺโพ ‘สเจ, ภนฺเต, อิจฺฉถ, ปมภาคํ มฺุจิตฺวา อิทํ วตฺถํ คณฺหถา’ติ. อมฺุจนฺตสฺส น ทาตพฺพํ. สเจ ปน ปุพฺเพ คาหิตํ มฺุจิตฺวา คณฺหาติ, ทาตพฺพํ. เอเตเนว อุปาเยน ทุติยตฺเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา ปตฺตฏฺาเน อาคนฺตุกสฺส ทาตพฺพํ. สเจ ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุํ, ลทฺธํ ลทฺธํ เอเตเนว อุปาเยน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ยาว อาคนฺตุกสฺส สมกํ โหติ, ตาว ทาตพฺพํ. เตน ปน สมเก ลทฺเธ อวสิฏฺโ อนุภาโค เถราสเน ทาตพฺโพ’’ติ ¶ เสนาสนกฺขนฺธกฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๑๘) วจนโต ตํสํวณฺณนาภูตายํ วิมติวิโนทนิยฺจ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๑๘) ‘‘อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขูติ จีวเร คาหิเต ปจฺฉา อาคโต อาคนฺตุโก ภิกฺขุ. ปตฺตฏฺาเนติ วสฺสคฺเคน ปตฺตฏฺาเน. ปมวสฺสูปคตาติ อาคนฺตุกสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกาย วสฺสูปคตา. ลทฺธํ ลทฺธนฺติ ทายกานํ สนฺติกา อาคตาคตสาฏก’’นฺติ วจนโต, วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๑๘) ‘‘ปมภาคํ มฺุจิตฺวาติ อิทํ เจ ปมคาหิตวตฺถุโต มหคฺฆํ โหตีติ ลิขิต’’นฺติ วจนโต จ วิฺายติ. เอวํ อฏฺกถายํ ฏีกาสุ จ วสฺสาวาสิกทาเน ปจฺฉา อาภตํ มหคฺฆวตฺถํ มหาเถรโต ปฏฺาย ปริวตฺเตตฺวา เตหิ อนิจฺฉิตํเยว วสฺสคฺเคน ปตฺตสฺส ปจฺฉา อาคตสฺส ภิกฺขุโน ทาตพฺพภาวสฺส วุตฺตตฺตา วรํ วรํ วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพนฺติ วิฺายติ.
‘‘สเจ ¶ ปมวสฺสูปคตา ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุ’’นฺติ วตฺถคณนาย เอว วุตฺตตฺตา, อคฺฆคณนาย อวุตฺตตฺตา จ กถินานิสํสวตฺถสฺส จ วสฺสาวาสิกคติกภาวสฺส วจนโต กถินานิสํสวตฺถานิ วตฺถคณนาวเสเนว ภาเชตพฺพานิ, น อคฺฆสมภาเวนาติ จ ทฏฺพฺพานิ, เตเนว จ การเณน ‘‘โย พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทติ, ตสฺส สนฺตเกเนว อตฺถริตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตํ. พหูนิ หิ กถินานิสํสวตฺถานิ วิภชนกาเล สงฺฆสฺส อุปการกานิ โหนฺตีติ.
ปาฬิอฏฺกถาทีหิ, เนตฺวา วุตฺตํ วินิจฺฉยํ;
กถิเน จีวเร มยฺหํ, จินฺตยนฺตุ วิจกฺขณา.
จินฺตยิตฺวา ปุนปฺปุนํ, ยุตฺตํ เจ ธารยนฺตุ ตํ;
อยุตฺตฺเจ อิโต อฺํ, ปริเยสนฺตุ การณนฺติ.
‘‘โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท, โส เนสํ ภวิสฺสตี’’ติ จีวรสฺเสว อตฺถตกถินานํ ภิกฺขูนํ สนฺตกภาวสฺส ภควตา วุตฺตตฺตา จีวรโต อฺานิ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนานิ ปิณฺฑปาตาทีนิ วตฺถูนิ อุปจารสีมํ ปวิฏฺสฺส อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส สนฺตกํ โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) ‘‘กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานฺจ ภฺุชิตฺวา คมิสฺสนฺติ ¶ , อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหตี’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ ทาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๓) ปาํ อุปนิสฺสาย กถินานิสํสจีวรมฺปิ สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํเยว เทนฺติ, น ปเนวํ กาตพฺพํ. ภณฺฑาคาเร ปิตฺหิ อกาลจีวรเมว สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ กตฺวา ทาตพฺพํ. วสฺสาวาสิกกถินานิสํสาทิกาลจีวรํ ปน สมกเมว ทาตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ จีวรกฺขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๔๓) ‘‘สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสนฺติ เอตฺถ เย สามเณรา อตฺติสฺสรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ กตฺตพฺพกมฺมํ น กโรนฺติ, อุทฺเทสปริปุจฺฉาสุ ยุตฺตา อาจริยุปชฺฌายานํเยว วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺติ, อฺเสํ น กโรนฺติ, เอเตสํเยว อุปฑฺฒภาโค ทาตพฺโพ. เย ปน ปุเรภตฺตฺจ ปจฺฉาภตฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ, เตสํ สมโก ทาตพฺโพ. อิทฺจ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺเนน ภณฺฑาคาเร ปิเตน อกาลจีวเรเนว กถิตํ, กาลจีวรํ ปน สมกเมว ทาตพฺพ’’นฺติ.
กจฺจิ นุ โข สามเณรา วสฺสํ อุปคตา, เยน อานิสํสํ ลเภยฺยุนฺติ? อาม อุปคตาติ. กถํ วิฺายตีติ? ‘‘อถ จตฺตาโร ภิกฺขู อุปคตา, เอโก ปริปุณฺณวสฺโส สามเณโร, โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภตี’’ติ อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วจนโต วชิรพุทฺธิฏีกายฺจ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปนฺโน ปมปวารณาย ปวาเรตุมฺปิ ลภติ, วสฺสิโก จ โหติ, อานิสํสฺจ ลภตีติ สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนฺุาตํ โหติ. สามเณรา กถินานิสํสํ ลภนฺตีติ วทนฺตี’’ติ วจนโตติ.
ตตฺรุปฺปาเทสุ กถินานิสํเสสุ ยทิ อารามิกา ตณฺฑุลาทีหิ วตฺถานิ เจตาเปนฺติ, วตฺเถหิปิ ตณฺฑุลาทีนิ เจตาเปนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? วิภชนกาเล วิชฺชมานวตฺถุวเสน กาตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺถูสุ เจตาปิเตสุ อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติ. วตฺเถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สพฺเพสํ ตานิ ปาปุณนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เอกสีมายํ พหู วิหารา โหนฺตี’’ติ เอตฺถ กตรสีมา อธิปฺเปตาติ? อุปจารสีมา. อุปจารสีมายํเยว หิ สงฺฆลาภวิภชนาทิกํ สิชฺฌติ. วุตฺตฺเหตํ ¶ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๓๐๖) ‘‘กถินตฺถตสีมายนฺติ ¶ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุปจารสีมฏฺสฺส มตกจีวราทิภาคิยตาย พทฺธสีมาย ตตฺรุปฺปาทาภาวโต วิฺเยฺยเมตํ ‘อุปจารสีมาว อธิปฺเปตา’ติ’’.
เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา สงฺเฆ รุจิตาย มาติกาปลิโพธอุพฺภาเร อทสฺเสตฺวาว อนฺเต อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถตกถินานํ โว ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อฏฺวิธา มาติกา ปกฺกมนนฺติกา, นิฏฺานนฺติกา, สนฺนิฏฺานนฺติกา, นาสนนฺติกา, สวนนฺติกา, อาสาวจฺเฉทิกา, สีมาติกฺกนฺติกา, สหุพฺภาราติ. ตตฺถ อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ กตปริโยสิตํ จีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ น ปจฺเจสฺสามี’’ติ ปกฺกมติ, ตสฺส ภิกฺขุโน อุปจารสีมาติกฺกเมเนว กถินุพฺภาโร ภวติ, ปฺจานิสํสานิ อลภเนยฺโย โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร ปกฺกมนเมวสฺส อนฺตภูตตฺตา ปกฺกมนนฺติโก นาม โหติ.
อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อนิฏฺิตเมว อตฺตโน ภาคภูตํ จีวรํ อาทาย อฺํ วิหารํ คโต, ตสฺส พหิอุปจารสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิมสฺมึเยว วิหาเร อิมํ จีวรํ กาเรสฺสามิ, น ปุราณวิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, โส พหิสีมายเมว ตํ จีวรํ กาเรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ตสฺมึ จีวเร นิฏฺิเต กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร จีวรนิฏฺานเมวสฺส อนฺโตติ นิฏฺานนฺติโก นาม.
ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน อกตจีวรมาทาย ปกฺกมติ, ตสฺส พหิอุปจารสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิมํ จีวรํ เนว กาเรสฺสามิ, โปราณวิหารฺจ น ปจฺเจสฺสามี’’ติ, ตสฺส ภิกฺขุโน เตน สนฺนิฏฺาเนน กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร สนฺนิฏฺานเมวสฺส อนฺโตติ สนฺนิฏฺานนฺติโก นาม.
อตฺถตกถิโน ¶ ภิกฺขุ อกตเมว จีวรํ อาทาย ปกฺกมติ, พหิสีมคตสฺส ตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กาเรสฺสามิ, น จ โปราณวิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, ตสฺส จีวรํ กุรุมานํ โจราทีหิ นสฺสติ, อคฺยาทีหิ วินสฺสติ, กถินุพฺภาโร โหติ. อยํ กถินุพฺภาโร นาสนเมวสฺส อนฺโตติ นาสนนฺติโก นาม.
อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตจีวรมาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ ¶ , ตสฺส พหิสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กาเรสฺสามี’’ติ, โส กตจีวโร สุณาติ ‘‘วิหาเร กิร สงฺเฆน กถินํ อุพฺภต’’นฺติ, เตน สวนมตฺเตนสฺส กถินํ อุพฺภตํ โหติ. อยํ กถินพฺภาโร สวนเมวสฺส อนฺโตติ สวนนฺติโก นาม.
อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อฺตฺถ ปจฺจาสาจีวรการณา ปกฺกมติ, ตสฺส พหิสีมคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิธ พหิสีมายเมว จีวรปจฺจาสํ ปยิรุปาสามิ, น วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ, โส ตตฺเถว ตํ จีวรปจฺจาสํ ปยิรุปาสติ, โส ตํ จีวรปจฺจาสํ อลภมาโน จีวราสา ปจฺฉิชฺชติ, เตเนว ตสฺส ภิกฺขุโน กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร อาสาวจฺเฉทสหิตตฺตา อาสาวจฺเฉทิโก นาม.
อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ อกตจีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, โส พหิสีมคโต ตํ จีวรํ กาเรติ, โส กตจีวโร ‘‘วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต พหิอุปจารสีมายเมว กถินุพฺภารกาลํ วีตินาเมติ, ตสฺส กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร จีวรกาลสฺส อนฺติมทิวสสงฺขาตาย สีมาย อติกฺกนฺตตฺตา สีมาติกฺกนฺติโก นาม.
อตฺถตกถิโน ภิกฺขุ จีวรํ อาทาย ‘‘อิมํ วิหารํ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมติ, โส กตจีวโร ‘‘วิหารํ ¶ ปจฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปจฺจาคนฺตฺวา วิหาเร กถินุพฺภารํ ปปฺโปติ, ตสฺส ภิกฺขุโน วิหาเร ภิกฺขูหิ สห กถินุพฺภาโร ภวติ. อยํ กถินุพฺภาโร วิหาเร ภิกฺขูหิ สห กตตฺตา สหุพฺภาโร นาม. อยํ อฏฺวิโธ กถินุพฺภาโร อฏฺ มาติกา นาม. วุตฺตฺเหตํ กถินกฺขนฺธกปาฬิยํ (มหาว. ๓๑๐) ‘‘อฏฺิมา, ภิกฺขเว, มาติกา กถินสฺส อุพฺภาราย ปกฺกมนนฺติกา นิฏฺานนฺติกา สนฺนิฏฺานนฺติกา นาสนนฺติกา สวนนฺติกา อาสาวจฺเฉทิกา สีมาติกฺกนฺติกา สหุพฺภาราติ. ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน กตจีวรมาทาย ปกฺกมติ ‘น ปจฺเจสฺส’นฺติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปกฺกมนนฺติโก กถินุพฺภาโร’’ติอาทิ, วินยวินิจฺฉยปฺปกรเณ จ –
‘‘ปกฺกมนฺจ ¶ นิฏฺานํ, สนฺนิฏฺานฺจ นาสนํ;
สวนมาสา จ สีมา จ, สหุพฺภาโรติ อฏฺิมา’’ติ. (วิ. วิ. ๒๗๐๙);
ปลิโพโธ ทุวิโธ อาวาสปลิโพโธ, จีวรปลิโพโธติ. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร กถินํ อตฺถตํ โหติ, ตสฺมึ วสิสฺสามี’’ติ อฺตฺถ คจฺฉนฺโตปิ ‘‘ปุน ตํ วิหารํ อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ สาเปกฺโข โหติ. อยํ อาวาสปลิโพโธ นาม. ตสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ อกตํ วา โหติ อปริโยสิตํ วา, ‘‘อฺโต จีวรํ ลจฺฉามี’’ติ อาสา วา อนุปจฺฉินฺนา โหติ. อยํ จีวรปลิโพโธ นาม. วุตฺตฺเหตํ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๒๕) ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ทฺเว กถินสฺส ปลิโพธา? อาวาสปลิโพโธ จ จีวรปลิโพโธ จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, อาวาสปลิโพโธ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วสติ วา ตสฺมึ อาวาเส, สาเปกฺโข วา ปกฺกมติ ‘ปจฺเจสฺส’นฺติ, เอวํ โข, ภิกฺขเว, อาวาสปลิโพโธ โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, จีวรปลิโพโธ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน จีวรํ อกตํ ¶ วา โหติ วิปฺปกตํ วา, จีวราสา วา อนุปจฺฉินฺนา, เอวํ โข, ภิกฺขเว, จีวรปลิโพโธ โหตี’’ติ.
อุพฺภาโร ทุวิโธ อฏฺมาติกาอุพฺภารอนฺตรุพฺภารวเสน. ตตฺถ พหิอุปจารสีมคตานํ ภิกฺขูนํ วเสน วุตฺตา สตฺต กถินุพฺภารา จ พหิอุปจารสีมํ คนฺตฺวา นิวตฺเตตฺวา กถินตฺถตวิหาเร อนฺตรุพฺภารํ ปตฺวา ภิกฺขูหิ สห อนฺตรุพฺภารสฺส กตตฺตา สหุพฺภารสงฺขาโต เอโก กถินุพฺภาโร จาติ อิเม อฏฺ กถินุพฺภารา อฏฺมาติกาย ปวิฏฺตฺตา อฏฺมาติกาอุพฺภาโร นาม. พหิสีมํ อคนฺตฺวา ตสฺมึเยว วิหาเร นิสีทิตฺวา กถินุพฺภารํ ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กถินุพฺภาโร อฏฺมาติกาย อปฺปวิฏฺโ หุตฺวา กาลปริจฺเฉทํ อปฺปตฺวา อนฺตราเยว กตตฺตา อนฺตรุพฺภาโร นาม.
อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา ตฺติทุติยกมฺมวาจาเยว กตา, เอวํ สนฺเต โก เตสํ วิเสโสติ? อนฺตรุพฺภาโร พหิสีมํ อคนฺตฺวา อนฺโตสีมายเมว ิเตหิ ภิกฺขูหิ กโต. สหุพฺภาโร พหิสีมํ คเตน ภิกฺขุนา ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ อนฺตรุพฺภารํ ปตฺวา เตหิ อนฺโตสีมฏฺเหิ ภิกฺขูหิ สห กโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. ปกฺกมนนฺติกาทโย สตฺต กถินุพฺภารา น กมฺมวาจาย ¶ กตา, เกวลํ ทฺวินฺนํ ปลิโพธานํ อุปจฺเฉเทน ปฺจหิ อานิสํเสหิ วิคตตฺตา กถินุพฺภารา นาม โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถเรน วินยวินิจฺฉเย –
‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ วา, อนฺตรุพฺภารโตปิ วา;
อุพฺภาราปิ ทุเว วุตฺตา, กถินสฺส มเหสินา’’ติ.
ตฏฺฏีกายมฺปิ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานนฺติ พหิสีมคตานํ วเสน วุตฺตา. ปกฺกมนนฺติกาทโย สตฺต มาติกา พหิสีมํ คนฺตฺวา อนฺตรุพฺภารํ ¶ สมฺปตฺตสฺส วเสน วุตฺตา, สหุพฺภาโร อิมาสํ อฏฺนฺนํ มาติกานํ วเสน จ. อนฺตรุพฺภารโตปิ วาติ พหิสีมํ อคนฺตฺวา ตตฺเถว วสิตฺวา กถินุพฺภารกมฺเมน อุพฺภตกถินานํ วเสน ลพฺภนโต อนฺตรุพฺภาโรติ มเหสินา กถินสฺส อุพฺภารา ทุเว วุตฺตาติ โยชนา. พหิสีมํ คนฺตฺวา อาคตสฺส วเสน สอุพฺภาโร, พหิสีมํ อคตานํ วเสน อนฺตรุพฺภาโรติ เอโกเยว อุพฺภาโร ทฺวิธา วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ.
กสฺมา ปน อนฺตรุพฺภารวเสน กมฺมวาจาย กถินํ อุพฺภตนฺติ? มหาทานํ ทาตุกาเมหิ อุปาสเกหิ อาคตสฺส สงฺฆสฺส อกาลจีวรํ ทาตุกาเมหิ ยาจิตตฺตา. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนีวิภงฺคปาฬิยํ (ปาจิ. ๙๒๕) ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตเรน อุปาสเกน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหาโร การาปิโต โหติ, โส ตสฺส วิหารสฺส มเห อุภโตสงฺฆสฺส อกาลจีวรํ ทาตุกาโม โหติ. เตน โข ปน สมเยน อุภโตสงฺฆสฺส กถินํ อตฺถตํ โหติ. อถ โข โส อุปาสโก สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา กถินุทฺธารํ ยาจี’’ติอาทิ. กถํ ปน กมฺมวาจา กาตพฺพาติ? ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ กถินํ อุทฺธเรยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ กถินํ อุทฺธรติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ กถินสฺส อุทฺธาโร, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. อุพฺภตํ สงฺเฆน กถินํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอวํ กาตพฺพาติ. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กถินํ อุทฺธริตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อุทฺธริตพฺพํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ – สุณาตุ เม…เป… ธารยามี’’ติ.
เอเตน ¶ ¶ จ กถินุพฺภาเรน ปุพฺเพ กตํ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจํ อุพฺภตนฺติ วทนฺติ, น ปน กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมํ อุพฺภตํ, อถ โข อตฺถารกมฺมเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมํ อุพฺภตํ ภเวยฺย, ตาย กมฺมวาจาย กถินทุสฺสทานสฺส สิชฺฌนโต อิมาย กถินุพฺภารกมฺมวาจาย ตํ ปุพฺเพ ทินฺนทุสฺสํ ปุน อาหราเปตพฺพํ สิยา, น ปฺจานิสํสวิคมนํ. ยสฺมา ปน อิมาย กถินุพฺภารกมฺมวาจาย ปฺจานิสํสวิคมนเมว โหติ, น ปุพฺเพ ทินฺนกถินทุสฺสสฺส ปุน อาหราปนํ. เตน วิฺายติ ‘‘ปฺจานิสํสลาภการณํ อตฺถรณกมฺมเมว อิมาย กถินพฺภารกมฺมวาจาย อุทฺธรียติ, น กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจาติ, ตสฺมา กถินุพฺภารกมฺมวาจากรณโต ปจฺฉา สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ จีวรํ อกาลจีวรํ โหติ, สงฺโฆ ปฺจานิสํเส น ลภติ, จีวรํ สพฺพสงฺฆิกํ หุตฺวา อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส ภาชนียํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. อยมตฺโถ กถินทุสฺสทานตฺติทุติยกมฺมวาจาย จ กถินุพฺภารกมฺมวาจาย จ อตฺถฺจ อธิปฺปายฺจ สุฏฺุ วินิจฺฉินิตฺวา ปุพฺพาปรํ สํสนฺทิตฺวา ปจฺเจตพฺโพติ.
เอตฺถ สิยา – กถินุพฺภารํ ยาจนฺตานํ สพฺเพสํ กถินุพฺภาโร ทาตพฺโพ, อุทาหุ เอกจฺจานนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สพฺเพสํ ทาตพฺโพ, กถินุพฺภารกมฺเมน ปฺจานิสํสวิคมนโต สงฺฆสฺส ลาภนฺตราโย ภเวยฺย, อถ เอกจฺจานํ มุโขโลกนํ วิย สิยาติ? ยทิ กถินตฺถารมูลกลาภโต กถินุพฺภารมูลกลาโภ มหนฺโต ภเวยฺย, เตสํ ยาจนฺตานํ กถินุพฺภาโร ทาตพฺโพ. ยทิ อปฺปโก, น ทาตพฺโพ. ยทิ สโม, กุลปฺปสาทตฺถาย ทาตพฺโพติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๒๗) ‘‘กีทิโส กถินุทฺธาโร ทาตพฺโพ, กีทิโส น ทาตพฺโพติ? ยสฺส ¶ อตฺถารมูลโก อานิสํโส มหา, อุพฺภารมูลโก อปฺโป, เอวรูโป น ทาตพฺโพ. ยสฺส ปน อตฺถารมูลโก อานิสํโส อปฺโป, อุพฺภารมูลโก มหา, เอวรูโป ทาตพฺโพ. สมานิสํโสปิ สทฺธาปริปาลนตฺถํ ทาตพฺโพวา’’ติ. อิมินาปิ วิฺายติ ‘‘ปฺจานิสํสานํ การณภูตํ อตฺถารกมฺมเมว อุทฺธรียติ, น กถินทุสฺสทานภูตํ ตฺติทุติยกมฺม’’นฺติ.
อานิสํสกถายํ ปฺจาติ อิทานิ วุจฺจมานา อนามนฺตจาราทโย ปฺจ กิริยา. กปฺปิสฺสนฺตีติ กปฺปา ภวิสฺสนฺติ, อนาปตฺติการณา ภวิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อนามนฺตจาโรติ อนามนฺเตตฺวา จรณํ. โย หิ ทายเกหิ ภตฺเตน นิมนฺติโต หุตฺวา สภตฺโต สมาโน วิหาเร สนฺตํ ¶ ภิกฺขุํ อนามนฺเตตฺวา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส ภิกฺขุโน จาริตฺตสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยาปตฺติ โหติ, สา อาปตฺติ อตฺถตกถินสฺส น โหตีติ อตฺโถ. ตตฺถ จาริตฺตสิกฺขาปทํ นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ นิมนฺติโต สภตฺโต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺเชยฺย อฺตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํ. ตตฺถายํ สมโย จีวรทานสมโย จีวรการสมโย, อยํ ตตฺถ สมโย’’ติ อเจลกวคฺเค ปฺจมสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๙๙-๓๐๐). จีวรวิปฺปวาโสติ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตเรน วา สพฺเพน วา วินา หตฺถปาเส อกตฺวา อรุณุฏฺาปนํ, เอวํ กโรโตปิ ทุติยกถินสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ จ ทุติยกถินสิกฺขาปทํ นาม ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปน ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺย อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาคตํ นิสฺสคฺคิเยสุ ทุติยสิกฺขาปทํ (ปารา. ๔๗๒).
คณโภชนนฺติ ¶ เอเตน คณโภชนสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ คณโภชนํ นาม ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ เทถา’’ติ ภิกฺขูนํ วิฺตฺติยา วา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ ทายกานํ นิมนฺตเนน วา อกปฺปิยโวหาเรน จตฺตาโร วา อติเรกา วา ภิกฺขู เอกโต ปฏิคฺคณฺหิตฺวา เอกโต ภฺุชนํ. คณโภชนสิกฺขาปทํ นาม ‘‘คณโภชเน อฺตฺร สมยา ปาจิตฺติยํ. ตตฺถายํ สมโย คิลานสมโย จีวรทานสมโย จีวรการสมโย อทฺธานคมนสมโย นาวาภิรุหนสมโย มหาสมโย สมณภตฺตสมโย, อยํ ตตฺถ สมโย’’ติ อาคตํ โภชนวคฺเค ทุติยสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๑๕). อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏตีติ ปมกถินสิกฺขาปเทน อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ปมกถินสิกฺขาปทํ นาม ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ปน ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาคตํ นิสฺสคฺคิเยสุ ปมสิกฺขาปทํ (ปารา. ๔๗๒). กถินตฺถตสีมายาติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. มตกจีวรนฺติ มตสฺส จีวรํ. ตตฺรุปฺปาเทนาติ สงฺฆสนฺตเกน อารามุยฺยานเขตฺตวตฺถุอาทินา. ยํ สงฺฆิกํ จีวรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสตีติ อิมินา จีวรเมว กถินตฺถารกานํ ภิกฺขูนํ สนฺตกํ โหติ, ตโต อฺํ ปิณฺฑปาตเภสชฺชาทิกํ อาคตาคตสฺส สงฺฆสฺส สนฺตกํ โหตีติ ทสฺเสติ.
เอวํ ¶ อฏฺงฺคสมฺปนฺโน, ลชฺชี ภิกฺขุ สุเปสโล;
กเรยฺย กถินตฺถารํ, อุพฺภารฺจาปิ สาธุกนฺติ.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
กถินตฺถารวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เอกูนตึสติโม ปริจฺเฉโท.
๓๐. ครุภณฺฑวินิจฺฉยกถา
๒๒๗. เอวํ ¶ กถินวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ครุภณฺฑาทิวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ครุภณฺฑานีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ครูติ –
‘‘ปุเม อาจริยาทิมฺหิ, ครุ มาตาปิตูสุปิ;
ครุ ตีสุ มหนฺเต จ, ทุชฺชราลหุเกสุ จา’’ติ. –
วุตฺเตสุ อเนกตฺเถสุ อลหุกวาจโก. ภณฺฑ-สทฺโท ‘‘ภาชนาทิปริกฺขาเร, ภณฺฑํ มูลธเนปิ จา’’ติ เอตฺถ ภาชนาทิปริกฺขารตฺโถ โหติ. วจนตฺโถ ปน ครนฺติ อุคฺคจฺฉนฺติ อุคฺคตา ปากฏา โหนฺตีติ ครูนิ, ภฑิตพฺพานิ อิจฺฉิตพฺพานีติ ภณฺฑานิ, ครูนิ จ ตานิ ภณฺฑานิ จาติ ครุภณฺฑานิ, อารามาทีนิ วตฺถูนิ. อิติ อาทินา นเยน เสนาสนกฺขนฺธเก ภควตา ทสฺสิตานิ อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ ครุภณฺฑานิ นามาติ โยเชตพฺพํ.
มฺเจสุ มสารโกติ มฺจปาเท วิชฺฌิตฺวา ตตฺถ อฏนิโย ปเวเสตฺวา กโต. พุนฺทิกาพทฺโธติ อฏนีหิ มฺจปาเท ฑํสาเปตฺวา ปลฺลงฺกสงฺเขเปน กโต. กุฬีรปาทโกติ อสฺสเมณฺฑกาทีนํ ปาทสทิเสหิ ปาเทหิ กโต. โย วา ปน โกจิ วงฺกปาทโก, อยํ วุจฺจติ ‘‘กุฬีรปาทโก’’ติ. อาหจฺจปาทโกติ อยํ ปน ‘‘อาหจฺจปาทโก นาม มฺโจ องฺเค วิชฺฌิตฺวา กโต โหตี’’ติ เอวํ ปรโต ปาฬิยํเยว (ปาจิ. ๑๓๑) วุตฺโต, ตสฺมา อฏนิโย วิชฺฌิตฺวา ¶ ตตฺถ ปาทสิขํ ปเวเสตฺวา อุปริ อาณึ ทตฺวา กตมฺโจ อาหจฺจปาทโกติ เวทิตพฺโพ. ปีเปิ เอเสว นโย.
อุณฺณภิสิอาทีนํ ปฺจนฺนํ อฺตราติ อุณฺณภิสิ โจฬภิสิ วากภิสิ ติณภิสิ ปณฺณภิสีติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ภิสีนํ อฺตรา ¶ . ปฺจ ภิสิโยติ ปฺจหิ อุณฺณาทีหิ ปูริตภิสิโย. ตูลคณนาย หิ เอตาสํ คณนา. ตตฺถ อุณฺณคฺคหเณน น เกวลํ เอฬกโลมเมว คหิตํ, เปตฺวา ปน มนุสฺสโลมํ ยํ กิฺจิ กปฺปิยากปฺปิยมํสชาตีนํ ปกฺขิจตุปฺปทานํ โลมํ, สพฺพํ อิธ อุณฺณคฺคหเณเนว คหิตํ, ตสฺมา ฉนฺนํ จีวรานํ, ฉนฺนํ อนุโลมจีวรานฺจ อฺตเรน ภิสิจฺฉวึ กตฺวา ตํ สพฺพํ ปกฺขิปิตฺวา ภิสึ กาตุํ วฏฺฏติ. เอฬกโลมานิ ปน อปกฺขิปิตฺวา กมฺพลเมว จตุคฺคุณํ วา ปฺจคุณํ วา ปกฺขิปิตฺวา กตาปิ อุณฺณภิสิสงฺขเมว คจฺฉติ. โจฬภิสิอาทีสุ ยํ กิฺจิ นวโจฬํ วา ปุราณโจฬํ วา สํหริตฺวา วา อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา วา กตา โจฬภิสิ, ยํ กิฺจิ วากํ ปกฺขิปิตฺวา กตา วากภิสิ, ยํ กิฺจิ ติณํ ปกฺขิปิตฺวา กตา ติณภิสิ, อฺตฺร สุทฺธตมาลปตฺตํ ยํ กิฺจิ ปณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา กตา ปณฺณภิสีติ เวทิตพฺพา. ตมาลปตฺตํ ปน อฺเน มิสฺสเมว วฏฺฏติ, สุทฺธํ น วฏฺฏติ. ภิสิยา ปมาณนิยโม นตฺถิ, มฺจภิสิ ปีภิสิ ภูมตฺถรณภิสิ จงฺกมนภิสิ ปาทปฺุฉนภิสีติ เอตาสํ อนุรูปโต สลฺลกฺเขตฺวา อตฺตโน รุจิวเสน ปมาณํ กาตพฺพํ. ยํ ปเนตํ อุณฺณาทิปฺจวิธตูลมฺปิ ภิสิยํ วฏฺฏติ, ตํ มสูรเกปิ วฏฺฏตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ. ตตฺถ มสูรเกติ จมฺมมยภิสิยํ. เอเตน มสูรกํ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ โหติ.
พิมฺโพหเน ตีณิ ตูลานิ รุกฺขตูลํ ลตาตูลํ โปฏกีตูลนฺติ. ตตฺถ รุกฺขตูลนฺติ สิมฺพลิรุกฺขาทีนํ เยสํ เกสฺจิ รุกฺขานํ ตูลํ. ลตาตูลนฺติ ขีรวลฺลิอาทีนํ ยาสํ กาสฺจิ ลตานํ ตูลํ. โปฏกีตูลนฺติ โปฏกีติณาทีนํ เยสํ เกสฺจิ ติณชาติกานํ อนฺตมโส อุจฺฉุนฬาทีนมฺปิ ตูลํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๗) ปน ‘‘โปฏกีตูลนฺติ เอรกติณตูล’’นฺติ วุตฺตํ, เอเตหิ ตีหิ สพฺพภูตคามา สงฺคหิตา โหนฺติ. รุกฺขวลฺลิติณชาติโย ¶ หิ มฺุจิตฺวา อฺโ ภูตคาโม นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ ภูตคามสฺส ตูลํ พิมฺโพหเน วฏฺฏติ, ภิสึ ปน ปาปุณิตฺวา สพฺพมฺเปตํ ‘‘อกปฺปิยตูล’’นฺติ วุจฺจติ น เกวลฺจ พิมฺโพหเน เอตํ ตูลเมว, หํสโมราทีนํ สพฺพสกุณานํ, สีหาทีนํ สพฺพจตุปฺปทานฺจ ¶ โลมมฺปิ วฏฺฏติ. ปิยงฺคุปุปฺผพกุฬปุปฺผาทิ ปน ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ น วฏฺฏติ. ตมาลปตฺตํ สุทฺธเมว น วฏฺฏติ, มิสฺสกํ ปน วฏฺฏติ, ภิสีนํ อนฺุาตํ ปฺจวิธํ อุณฺณาทิตูลมฺปิ วฏฺฏติ. อทฺธกายิกานิ ปน พิมฺโพหนานิ น วฏฺฏนฺติ. อทฺธกายิกานีติ อุปฑฺฒกายปฺปมาณานิ, เยสุ กฏิโต ปฏฺาย ยาว สีสํ อุปทหนฺติ เปนฺติ. สีสปฺปมาณํ ปน วฏฺฏติ, สีสปฺปมาณํ นาม ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ มินิยมานํ วิทตฺถิ เจว จตุรงฺคุลฺจ โหติ, มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหติ, ทีฆโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ วา ทฺวิรตนํ วาติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, อยํ สีสปฺปมาณสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท, อิโต อุทฺธํ น วฏฺฏติ, เหฏฺา ปน วฏฺฏตีติ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณาน’’นฺติ ปาํ อุปนิธาย พิมฺโพหนสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ เปตพฺพโจฬกํ ติโกณเมว กโรนฺติ เอกจฺเจ. ‘‘อิทฺจ านํ คณฺิฏฺาน’’นฺติ วทนฺติ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๗) ปน ‘‘สีสปฺปมาณํ นาม ยตฺถ คีวาย สห สกลํ สีสํ เปตุํ สกฺกา, ตสฺส จ มุฏฺิรตนํ วิตฺถารปฺปมาณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘วิตฺถารโต’ติอาทิมาห. อิทฺจ พิมฺโพหนสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ เปตพฺพโจฬปฺปมาณทสฺสนํ, ตสฺส วเสน พิมฺโพหนสฺส วิตฺถารปฺปมาณํ ปริจฺฉิชฺชติ, ตํ วฏฺฏํ วา จตุรสฺสํ วา กตฺวา สิพฺพิตํ ยถา โกฏิโต โกฏิ วิตฺถารโต ปุถุลฏฺานํ มุฏฺิรตนปฺปมาณํ โหติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพํ, อิโต อธิกํ น วฏฺฏติ. ตํ ปน อนฺเตสุ ปิตโจฬํ โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ทิคุณํ กตํ ¶ ติกณฺณํ โหติ, เตสุ ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ โหติ, มชฺฌฏฺานํ โกฏิโต โกฏึ อาหจฺจ มุฏฺิรตนํ โหติ, อิทมสฺส อุกฺกฏฺปฺปมาณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา พิมฺโพหนสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ เปตพฺพโจฬกํ ปกติยาเยว ติกณฺณํ น โหติ, อถ โข โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ทิคุณกตกาเลเยว โหติ, ตสฺมา ตํ โจฬกํ วฏฺฏํ วา โหตุ จตุรสฺสํ วา, ทิคุณํ กตฺวา มินิยมานํ ติกณฺณเมว โหติ, ทฺวินฺนฺจ กณฺณานํ อนฺตรํ จตุรงฺคุลาธิกวิทตฺถิมตฺตํ โหติ, ตสฺส จ โจฬกสฺส มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหติ, ตสฺเสว โจฬกสฺส ปมาเณน พิมฺโพหนสฺส มชฺฌฏฺานมฺปิ มุฏฺิรตนํ โหตีติ วิฺายตีติ.
‘‘กมฺพลเมว…เป… อุณฺณภิสิสงฺขเมว คจฺฉตีติ สามฺโต วุตฺตตฺตา โคนกาทิอกปฺปิยมฺปิ อุณฺณมยตฺถรณํ ภิสิยํ ปกฺขิปิตฺวา สยิตุํ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. มสูรเกติ จมฺมมยภิสิยํ, จมฺมมยํ ปน พิมฺโพหนํ ตูลปุณฺณมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ จ วิมติวิโนทนิยํ ¶ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๒๙๗) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๗) ปน ‘‘สีสปฺปมาณนฺติ ยตฺถ คลวาฏกโต ปฏฺาย สพฺพสีสํ อุปทหนฺติ, ตํ สีสปฺปมาณํ โหติ, ตฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ติริยํ มุฏฺิรตนํ โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘ยตฺถ วิตฺถารโต ตีสุ กณฺเณสู’ติอาทิมาห. มชฺฌฏฺานํ มุฏฺิรตนํ โหตีติ พิมฺโพหนสฺส มชฺฌฏฺานํ ติริยโต มุฏฺิรตนปฺปมาณํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. อรฺชโรติ พหุอุทกคณฺหนกา มหาจาฏิ. ชลํ คณฺหิตุํ อลนฺติ อรฺชโร, วฏฺฏจาฏิ วิย หุตฺวา โถกํ ทีฆมุโข มชฺเฌ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา กโตติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายนฺติ อชฺฌาหารสมฺพนฺโธ.
ทฺวิสงฺคหานิ ¶ ทฺเว โหนฺตีติ ทฺเว ปมทุติยอวิสฺสชฺชิยานิ ‘‘อาราโม อารามวตฺถู’’ติ จ ‘‘วิหาโร วิหารวตฺถู’’ติ จ วุตฺตทฺเวทฺเววตฺถุสงฺคหานิ โหนฺติ. ตติยํ อวิสฺสชฺชิยํ ‘‘มฺโจ ปีํ ภิสิ พิมฺโพหน’’นฺติ วุตฺตจตุวตฺถุสงฺคหํ โหติ. จตุตฺถํ อวิสฺสชฺชิยํ ‘‘โลหกุมฺภี โลหภาณกํ โลหวารโก โลหกฏาหํ วาสิ ผรสุ กุารี กุทาโล นิขาทน’’นฺติ วุตฺตนวโกฏฺาสวนฺตํ โหติ. ปฺจมํ อวิสฺสชฺชิยํ ‘‘วลฺลิ เวฬุ มฺุชํ ปพฺพชํ ติณํ มตฺติกา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตอฏฺเภทนํ อฏฺปเภทวนฺตํ โหตีติ โยชนา. ปฺจนิมฺมลโลจโนติ มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุธมฺมจกฺขุพุทฺธจกฺขุสมนฺตจกฺขูนํ วเสน นิมฺมลปฺจโลจโน.
เสนาสนกฺขนฺธเก อวิสฺสชฺชิยํ กีฏาคิริวตฺถุสฺมึ อเวภงฺคิยนฺติ เอตฺถ ‘‘เสนาสนกฺขนฺธเก คามกาวาสวตฺถุสฺมึ อวิสฺสชฺชิยํ กีฏาคิริวตฺถุสฺมึ อเวภงฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. กสฺมา? ทฺวินฺนมฺปิ วตฺถูนํ เสนาสนกฺขนฺธเก อาคตตฺตา. เสนาสนกฺขนฺธเกติ อยํ สามฺาธาโร. คามกาวาสวตฺถุสฺมึ กีฏาคิริวตฺถุสฺมินฺติ วิเสสาธาโร. อยมตฺโถ ปาฬึ โอโลเกตฺวา ปจฺเจตพฺโพ. เตเนว หิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) ‘‘เสนาสนกฺขนฺธเก’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, อิธาติ อิมินา คามกาวาสวตฺถุํ ทสฺเสติ, กีฏาคิริวตฺถุ ปน สรูปโต ทสฺสิตเมว. สามฺาธาโร ปน ตํสํวณฺณนาภาวโต อวุตฺโตปิ สิชฺฌตีติ น วุตฺโตติ วิฺายติ.
๒๒๘. ถาวเรน จ ถาวรํ, ครุภณฺเฑน จ ครุภณฺฑนฺติ เอตฺถ ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ ปุริมทฺวยํ ถาวรํ, ปจฺฉิมตฺตยํ ครุภณฺฑนฺติ เวทิตพฺพํ. สมกเมว เทตีติ เอตฺถ อูนกํ เทนฺตมฺปิ วิหารวตฺถุสามนฺตํ ¶ คเหตฺวา ทูรตรํ ทุกฺขโคปํ วิสฺสชฺเชตุํ วฏฺฏตีติ ¶ ทฏฺพฺพํ. วกฺขติ หิ ‘‘ภิกฺขูนฺเจ มหคฺฆตรํ…เป… สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ชานาเปตฺวาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ชานาเปตฺวา, อปโลเกตฺวาติ อตฺโถ. นนุ ตุมฺหากํ พหุตรํ รุกฺขาติ วตฺตพฺพนฺติ อิทํ สามิเกสุ อตฺตโน ภณฺฑสฺส มหคฺฆตํ อชานิตฺวา เทนฺเตสุ ตํ ตฺวา เถยฺยจิตฺเตน คณฺหโต อวหาโร โหตีติ วุตฺตํ. วิหาเรน วิหาโร ปริวตฺเตตพฺโพติ สวตฺถุเกน อฺเสํ ภูมิยํ กตปาสาทาทินา, อวตฺถุเกน วา สวตฺถุกํ ปริวตฺเตตพฺพํ, อวตฺถุกํ ปน อวตฺถุเกเนว ปริวตฺเตตพฺพํ เกวลํ ปาสาทสฺส ภูมิโต อถาวรตฺตา. เอวํ ถาวเรสุปิ ถาวรวิภาคํ ตฺวาว ปริวตฺเตตพฺพํ.
‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ อิมินา สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ อกปฺปิยมฺจํ ‘สงฺฆสฺสา’ติ วุตฺเตปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วุตฺเต สงฺฆสฺส วฏฺฏติ, น ปุคฺคลสฺส เขตฺตาทิ วิยาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) วุตฺตํ. สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬฺวคฺค ๓.๓๒๑) ปน ‘‘กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ ‘สงฺฆสฺส เทมา’ติ ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน ‘วิหารสฺส เทมา’ติ วทนฺติ, สุวณฺณรชตมยาทิอกปฺปิยมฺเจปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. น เกวลํ…เป… ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏนฺตีติ อิมินา อถาวเรน ถาวรมฺปิ อถาวรมฺปิ ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ถาวเรน อถาวรเมว หิ ปริวตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อกปฺปิยํ วา มหคฺฆํ กปฺปิยํ วาติ เอตฺถ อกปฺปิยํ นาม สุวณฺณมยมฺจาทิ อกปฺปิยภิสิพิมฺโพหนานิ จ. มหคฺฆํ กปฺปิยํ นาม ทนฺตมยมฺจาทิ, ปาวาราทิกปฺปิยอตฺถรณาทีนิ จา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘อกปฺปิยํ วาติ อาสนฺทิอาทิ, ปมาณาติกฺกนฺตํ พิมฺโพหนาทิ จ. มหคฺฆํ กปฺปิยํ วาติ สุวณฺณาทิวิจิตฺตํ กปฺปิยโวหาเรน ทินฺน’’นฺติ วุตฺตํ.
๒๒๙. ‘‘กาฬโลห ¶ …เป… ภาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตตฺตา วฏฺฏกํสโลหมยมฺปิ ภาชนํ ปุคฺคลิกมฺปิ สมฺปฏิจฺฉิตุมฺปิ ปริหริตุมฺปิ วฏฺฏติ ปุคฺคลานํ ปริหริตพฺพสฺเสว ภาเชตพฺพตฺตาติ วทนฺติ, ตํ อุปริ ‘‘กํสโลหวฏฺฏโลหภาชนวิกติ สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฏา วา วฏฺฏตี’’ติอาทิเกน มหาปจฺจริวจเนน วิรุชฺฌติ. อิมสฺส หิ ‘‘วฏฺฏโลหกํสโลหานํ เยน เกนจิ กโต สีหฬทีเป ปาทคฺคณฺหนโก ภาเชตพฺโพ’’ติ วุตฺตสฺส มหาอฏฺกถาวจนสฺส ปฏิกฺเขปาย ตํ มหาปจฺจริวจนํ ปจฺฉา ทสฺสิตํ, ตสฺมา วฏฺฏโลหกํสโลหมยํ ยํ กิฺจิ ปาทคฺคณฺหนกวารกมฺปิ อุปาทาย อภาชนียเมว, คิหีหิ ทียมานมฺปิ ปุคฺคลสฺส สมฺปฏิจฺฉิตุมฺปิ ¶ น วฏฺฏติ. ปาริหาริยํ น วฏฺฏตีติ ปตฺตาทิปริกฺขารํ วิย สยเมว ปฏิสาเมตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. คิหิสนฺตกํ วิย อารามิกาทโย เจ สยเมว โคเปตฺวา วินิโยคกาเล อาเนตฺวา ปฏิเทนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ‘‘ปฏิสาเมตฺวา ภิกฺขูนํ เทถา’’ติ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ.
ปณฺณสูจิ นาม เลขนีติ วทนฺติ. อตฺตนา ลทฺธานิปีติอาทินา ปฏิคฺคหเณ โทโส นตฺถิ, ปริหริตฺวา ปริโภโคว อาปตฺติกโรติ ทสฺเสติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริ ภาชนียวาสิอาทีสุ อตฺตโน สนฺตเกสุปิ.
อนามาสมฺปีติ สุวณฺณาทิมยมฺปิ, สพฺพํ ตํ อามสิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
อุปกฺขเรติ อุปกรเณ. สิขรํ นาม เยน ปริพฺภมนฺตา ฉินฺทนฺติ. ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺิอาทิการโก. ‘‘ปฏิมานํ สุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติ.
‘‘อฑฺฒพาหูติ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘อฑฺฒพาหุ นาม วิทตฺถิจตุรงฺคุลนฺติปิ วทนฺตี’’ติ ¶ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๑) ‘‘อฑฺฒพาหูติ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏนฺติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ปน ‘‘อฑฺฒพาหุปฺปมาณา นาม อฑฺฒพาหุมตฺตา, อฑฺฒพฺยามมตฺตาติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. โยตฺตานีติ จมฺมรชฺชุกา. ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตา.
‘‘อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ ทีฆโส อฏฺงฺคุลมตฺโต ปริณาหโต ปณฺณสูจิทณฺฑมตฺโต’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี.. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) วิมติวิโนทนิยํ ปน (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ‘‘อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ สรทณฺฑาทิสูจิอาการตนุทณฺฑกมตฺโตปี’’ติ วุตฺตํ. อฏฺงฺคุลปฺปมาโณติ ทีฆโต อฏฺงฺคุลปฺปมาโณ. ริตฺตโปตฺถโกปีติ อลิขิตโปตฺถโกปิ, อิทฺจ ปณฺณปฺปสงฺเคน วุตฺตํ.
อาสนฺทิโกติ จตุรสฺสปีํ วุจฺจติ ‘‘อุจฺจกมฺปิ อาสนฺทิก’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) วจนโต ¶ . เอกโตภาเคน ทีฆปีเมว หิ อฏฺงฺคุลปาทกํ วฏฺฏติ, จตุรสฺสาสนฺทิโก ปน ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺโพ. สตฺตงฺโค นาม ตีสุ ทิสาสุ อปสฺสยํ กตฺวา กตมฺโจ, อยมฺปิ ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺฏติ. ภทฺทปีนฺติ เวตฺตมยํ ปีํ วุจฺจติ. ปีิกาติ ปิโลติกพนฺธํ ปีเมว. เอฬกปาทปีํ นาม ทารุปฏิกาย อุปริปาเท เปตฺวา โภชนผลกํ วิย กตปีํ วุจฺจติ. อามณฺฑกวณฺฏกปีํ นาม อามลกากาเรน โยชิตพหอุปาทปีํ. อิมานิ ตาว ปาฬิยํ อาคตปีานิ. ทารุมยํ ปน สพฺพมฺปิ ปีํ วฏฺฏติ.
‘‘ฆฏฺฏนผลกํ นาม ยตฺถ เปตฺวา รชิตจีวรํ หตฺเถน ฆฏฺเฏนฺติ. ฆฏฺฏนมุคฺคโร นาม อนุวาตาทิฆฏฺฏนตฺถํ กโตติ วทนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ‘‘ฆฏฺฏนผลกํ ฆฏฺฏนมุคฺคโรติ อิทํ รชิตจีวรํ เอกสฺมึ มฏฺเ ทณฺฑมุคฺคเร ¶ เวเตฺวา เอกสฺส มฏฺผลกสฺส อุปริ เปตฺวา อุปริ อปเรน มฏฺผลเกน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอโก อุปริ อกฺกมิตฺวา ติฏฺติ, ทฺเว ชนา อุปริผลกํ ทฺวีสุ โกฏีสุ คเหตฺวา อปราปรํ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนํ กโรนฺติ, เอตํ สนฺธาย วุตฺตํ. หตฺเถ ปาเปตฺวา หตฺเถน ปหรณํ ปน นิฏฺิตรชนสฺส จีวรสฺส อลฺลกาเล กาตพฺพํ, อิทํ ปน ผลกมุคฺคเรหิ ฆฏฺฏนํ สุกฺขกาเล ถทฺธภาววิโมจนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อมฺพณนฺติ ผลเกหิ โปกฺขรณีสทิสกตปานียภาชนํ. รชนโทณีติ ยตฺถ ปกฺกรชนํ อากิริตฺวา เปนฺตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ. วิมติวิโนทนิยํ ปน ‘‘อมฺพณนฺติ เอกโทณิกนาวาผลเกหิ โปกฺขรณีสทิสํ กตํ. ปานียภาชนนฺติปิ วทนฺติ. รชนโทณีติ เอกทารุนาว กตํ รชนภาชนํ. อุทกโทณีติ เอกทารุนาว กตํ อุทกภาชน’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺจตฺถรณคติกนฺติ อิมินา มฺจปีเปิ อตฺถริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ปาวาราทิปจฺจตฺถรณมฺปิ ครุภณฺฑนฺติ เอเก. โนติ อปเร, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๓๒๑) ปน ‘‘ทณฺฑมุคฺคโร นาม ‘เยน รชิตจีวรํ โปเถนฺติ, ตมฺปิ ครุภณฺฑเมวา’ติ วุตฺตตฺตา, ‘ปจฺจตฺถรณคติก’นฺติ วุตฺตตฺตา จ อปิ-สทฺเทน ปาวาราทิปจฺจตฺถรณํ สพฺพํ ครุภณฺฑเมวาติ วทนฺติ. เอเตเนว สุตฺเตน อฺถา อตฺถํ วตฺวา ปาวาราทิปจฺจตฺถรณํ น ครุภณฺฑํ, ภาชนียเมว, เสนาสนตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรณเมว ครุภณฺฑนฺติ วทนฺติ. อุปปริกฺขิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๓๒๑) ปน ¶ ‘‘ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏตีติ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ ภูมตฺถรณสงฺเขเปน สยิตุมฺปิ วฏฺฏติเยว. ปจฺจตฺถรณคติกนฺติ อิมินา มฺจาทีสุ ¶ อตฺถริตพฺพํ มหาจมฺมํ เอฬกจมฺมํ นามาติ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. ฉตฺตมุฏฺิปณฺณนฺติ ตาลปณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปตฺตกฏาหนฺติ ปตฺตปจนกฏาหํ. คณฺิกาติ จีวรคณฺิกา. วิโธติ กายพนฺธนวิโธ.
อิทานิ วินยตฺถมฺชูสายํ (กงฺขา. อภิ. ฏี. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา) อาคตนโย วุจฺจเต – อาราโม นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วา. อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปิโตกาโส. เตสุ วา อาราเมสุ วินฏฺเสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโค. วิหาโร นาม ยํ กิฺจิ ปาสาทาทิเสนาสนํ. วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฏฺาโนกาโส. มฺโจ นาม มสารโก พุนฺทิกาพทฺโธ กุฬีรปาทโก อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ ปุพฺเพ วุตฺตานํ จตุนฺนํ มฺจานํ อฺตโร. ปีํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีานํ อฺตรํ. ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปฺจนฺนํ ภิสีนํ อฺตรํ. พิมฺโพหนํ นาม รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลานํ อฺตเรน ปุณฺณํ. โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ กตกุมฺภี. โลหภาณกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน ภาณกนฺติ อรฺชโร วุจฺจติ. วารโกติ ฆโฏ. กฏาหํ กฏาหเมว. วาสิอาทีสุ วลฺลิอาทีสุ จ ทุวิฺเยฺยํ นาม นตฺถิ…เป….
ตตฺถ ถาวเรน ถาวรนฺติ วิหารวิหารวตฺถุนา อารามอารามวตฺถุํ วิหารวิหารวตฺถุํ. อิตเรนาติ อถาวเรน, ปจฺฉิมราสิตฺตเยนาติ วุตฺตํ โหติ. อกปฺปิเยนาติ สุวณฺณมยมฺจาทินา เจว อกปฺปิยภิสิพิมฺโพหเนหิ จ. มหคฺฆกปฺปิเยนาติ ทนฺตมยมฺจาทินา เจว ปาวาราทินา จ. อิตรนฺติ อถาวรํ. กปฺปิยปริวตฺตเนน ปริวตฺเตตุนฺติ ยถา อกปฺปิยํ น โหติ, เอวํ ปริวตฺเตตุํ…เป… เอวํ ¶ ตาว ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํ. อิตเรน อิตรปริวตฺตเน ปน มฺจปีํ มหนฺตํ วา โหตุ, ขุทฺทกํ วา, อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหติ…เป… สตคฺฆนเกน วา สหสฺสคฺฆนเกน วา มฺเจน อฺํ มฺจสตมฺปิ ลภติ, ปริวตฺเตตฺวา คเหตพฺพํ. น เกวลํ มฺเจน มฺโจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีภิสิพิมฺโพหนานิปิ ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏนฺติ. เอส นโย ปีภิสิพิมฺโพหเนสุปิ.
กาฬโลหตมฺพโลหกํสโลหวฏฺฏโลหานนฺติ เอตฺถ กํสโลหํ วฏฺฏโลหฺจ กิตฺติมโลหํ. ตีณิ หิ ¶ กิตฺติมโลหานิ กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ หารกูฏนฺติ. ตตฺถ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ. สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ. รสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ หารกูฏํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กํสโลหํ วฏฺฏโลหฺจ กิตฺติมโลห’’นฺติ. ตโต อติเรกนฺติ ตโต อติเรกคณฺหนโก. สารโกติ มชฺเฌ มกุฬํ ทสฺเสตฺวา มุขวฏฺฏิวิตฺถตํ กตฺวา ปิฏฺิโต นาเมตฺวา กาตพฺพํ เอกํ ภาชนํ. สราวนฺติปิ วทนฺติ. อาทิ-สทฺเทน กฺจนกาทีนํ คิหิอุปกรณานํ คหณํ. ตานิ หิ ขุทฺทกานิปิ ครุภณฺฑาเนว คิหิอุปกรณตฺตา. ปิ-สทฺเทน ปเคว มหนฺตานีติ ทสฺเสติ, อิมานิ ปน ภาชนียานิ ภิกฺขุปกรณตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยถา จ เอตานิ, เอวํ กุณฺฑิกาปิ ภาชนียา. วกฺขติ หิ ‘‘ยถา จ มตฺติกาภณฺเฑ, เอวํ โลหภณฺเฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฏฺาสเมว ภชตี’’ติ. สงฺฆิกปริโภเคนาติ อาคนฺตุกานํ วุฑฺฒตรานํ ทตฺวา ปริโภเคน. คิหิวิกฏาติ คิหีหิ วิกตา ปฺตฺตา, อตฺตโน วา สนฺตกกรเณน วิรูปํ กตา. ปุคฺคลิกปริโภเคน น วฏฺฏตีติ อาคนฺตุกานํ อทตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ วิย คเหตฺวา ¶ ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. ปิปฺผลิโกติ กตฺตริ. อารกณฺฏกํ สูจิเวธกํ. ตาฬํ ยนฺตํ. กตฺตรยฏฺิเวธโก กตฺตรยฏฺิวลยํ. ยถา ตถา ฆนกตํ โลหนฺติ โลหวฏฺฏิ โลหคุโฬ โลหปิณฺฑิ โลหจกฺกลิกนฺติ เอวํ ฆนกตํ โลหํ. ขีรปาสาณมยานีติ มุทุกขีรวณฺณปาสาณมยานิ.
คิหิวิกฏานิปิ น วฏฺฏนฺติ อนามาสตฺตา. ปิ-สทฺเทน ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วาติ ทสฺเสติ. เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย, ตสฺมา ชาตรูปาทิมยา สพฺพาปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสา. เตนาห ‘‘เสนาสนปริโภเค ปนา’’ติอาทิ.
เสสาติ ตโต มหตฺตรี วาสิ. ยา ปนาติ ยา กุารี ปน. กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมตฺโตปิ ครุภณฺฑเมว. นิขาทนํ จตุรสฺสมุขํ วา โหตุ โทณิมุขํ วา วงฺกํ วา อุชุกํ วา, อนฺตมโส สมฺมฺุชนีทณฺฑเวธนมฺปิ, ทณฺฑพนฺธฺเจ, ครุภณฺฑเมว. เตนาห ‘‘กุทาโล ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ วา อครุภณฺฑํ นาม นตฺถี’’ติ. สิปาฏิกา นาม ขุรโกโส, สิขรํ ปน ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สิขรมฺปิ นิขาทเนเนว สงฺคหิต’’นฺติ. สเจ ปน วาสิ อทณฺฑกํ ผลมตฺตํ, ภาชนียํ. อุปกฺขเรติ วาสิอาทิภณฺเฑ.
ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺิกาทิการโก. ‘‘ปฏิมานํ สุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติ. ติปุจฺเฉทนกสตฺถํ สุวณฺณจฺเฉทนกสตฺถํ กตปริกมฺมจมฺมจฺฉินฺทนกขุทฺทกสตฺถนฺติ อิมานิ ¶ เจตฺถ ตีณิ ปิปฺผลิกํ อนุโลมนฺตีติ อาห ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิ. อิตรานีติ มหากตฺตริอาทีนิ.
อฑฺฒพาหุปฺปมาณาติ ¶ กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏปฺปมาณา, วิทตฺถิจตุรงฺคุลปฺปมาณาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตา, อารกฺขสํวิธาเนน รกฺขิตตฺตา รกฺขิตา จ สา มฺชูสาทีสุ ปกฺขิตฺตํ วิย ยถา ตํ น นสฺสติ, เอวํ โคปนโต โคปิตา จาติ รกฺขิตโคปิตา. ตตฺถชาตกาปิ ปน อรกฺขิตา ครุภณฺฑเมว น โหติ. สงฺฆกมฺเม จ เจติยกมฺเม จ กเตติ อิมินา สงฺฆสนฺตเกน เจติยสนฺตกํ รกฺขิตุํ ปริวตฺติตฺุจ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. สุตฺตํ ปนาติ วฏฺฏิตฺเจว อวฏฺฏิตฺจ สุตฺตํ.
อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ อนฺตมโส ทีฆโส อฏฺงฺคุลมตฺโต ปริณาหโต สีหฬ-ปณฺณสูจิทณฺฑมตฺโต. เอตฺถาติ เวฬุภณฺเฑ. ทฑฺฒํ เคหํ เยสํ เตติ ทฑฺฒเคหา. น วาเรตพฺพาติ ‘‘มา คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ น นิเสเธตพฺพา. เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส เปตพฺพา.
อวเสสฺจ ฉทนติณนฺติ มฺุชปพฺพเชหิ อวเสสํ ยํ กิฺจิ ฉทนติณํ. อฏฺงฺคุลปฺปมาโณปีติ วิตฺถารโต อฏฺงฺคุลปฺปมาโณ. ลิขิตโปตฺถโก ปน ครุภณฺฑํ น โหติ. กปฺปิยจมฺมานีติ มิคาทีนํ จมฺมานิ. สพฺพํ จกฺกยุตฺตยานนฺติ รถสกฏาทิกํ สพฺพํ จกฺกยุตฺตยานํ. วิสงฺขตจกฺกํ ปน ยานํ ภาชนียํ. อนฺุาตวาสิ นาม ยา สิปาฏิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ สกฺกาติ วุตฺตา. มุฏฺิปณฺณํ ตาลปตฺตํ. ตฺหิ มุฏฺินา คเหตฺวา ปริหรนฺตีติ ‘‘มุฏฺิปณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘มุฏฺิปณฺณนฺติ ฉตฺตจฺฉทปณฺณเมวา’’ติ เกจิ. อรณีสหิตนฺติ อรณียุคฬํ, อุตฺตรารณี อธรารณีติ อรณีทฺวยนฺติ อตฺโถ. ผาติกมฺมํ กตฺวาติ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกวาลิกายปิ ถาวรํ วฑฺฒิกมฺมํ กตฺวา. กุณฺฑิกาติ อยกุณฺฑิกา เจว ตมฺพโลหกุณฺฑิกา จ. ภาชนียโกฏฺาสเมว ภชตีติ ภาชนียปกฺขเมว เสวติ ¶ , น ตุ ครุภณฺฑนฺติ อตฺโถ. กฺจนโก ปน ครุภณฺฑเมวาติ อธิปฺปาโย.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
ครุภณฺฑวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
ตึสติโม ปริจฺเฉโท.
๓๑. โจทนาทิวินิจฺฉยกถา
๒๓๐. เอวํ ¶ ครุภณฺฑวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ โจทนาทิวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘โจทนาทิวินิจฺฉโยติ เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โจทียเต โจทนา, โทสาโรปนนฺติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺเทน สารณาทโย สงฺคณฺหาติ. วุตฺตฺเหตํ กมฺมกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔, ๕) ‘‘โจเทตฺวา กตํ โหติ, สาเรตฺวา กตํ โหติ, อาปตฺตึ โรเปตฺวา กตํ โหตี’’ติ. ‘‘โจเทตุํ ปน โก ลภติ, โก น ลภตี’’ติ อิทํ อนุทฺธํสนาธิปฺปายํ วินาปิ โจทนาลกฺขณํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สีลสมฺปนฺโนติ อิทํ ทุสฺสีลสฺส วจนํ อปฺปมาณนฺติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ ปน ภิกฺขุํ โจเทตุํ อนิสฺสรตฺตา ‘ภิกฺขุนิเมวา’ติ วุตฺตํ. สติปิ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ อนิสฺสรภาเว ตาหิ กตโจทนาปิ โจทนารหตฺตา โจทนาเยวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปฺจปิ สหธมฺมิกา ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ภิกฺขุสฺส สุตฺวา โจเทตีติอาทินา โจทโก เยสํ สุตฺวา โจเทติ, เตสมฺปิ วจนํ ปมาณเมวาติ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา เตสํ โจทนาปิ รุหเตวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เถโร สุตฺตํ นิทสฺเสสี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๘๖) ปน ‘‘อมูลกโจทนาปสงฺเคน สมูลกโจทนาลกฺขณาทึ ทสฺเสตุํ ‘โจเทตุํ ปน โก ¶ ลภติ, โก น ลภตี’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘ภิกฺขุสฺส สุตฺวา โจเทตี’ติอาทิสุตฺตํ ยสฺมา เย โจทกสฺส อฺเสํ วิปตฺตึ ปกาเสนฺติ, เตปิ ตสฺมึ ขเณ โจทกภาเว ตฺวาว ปกาเสนฺติ, เตสฺจ วจนํ คเหตฺวา อิตโรปิ ยสฺมา โจเทตฺุจ อสมฺปฏิจฺฉนฺตํ เตหิ ติตฺถิยสาวกปริโยสาเนหิ ปมโจทเกหิ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺุจ ลภติ, ตสฺมา อิธ สาธกภาเวน อุทฺธฏนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ครุกานํ ทฺวินฺนนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสานํ. อวเสสานนฺติ ถุลฺลจฺจยาทีนํ ปฺจนฺนํ อาปตฺตีนํ. มิจฺฉาทิฏฺิ นาม ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา ทสวตฺถุกา ทิฏฺิ. ‘‘อนฺตวา โลโก อนนฺตวา โลโก’’ติอาทิกา อนฺตํ คณฺหาปกทิฏฺิ อนฺตคฺคาหิกา นาม. อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนนฺติ อาชีวเหตุปิ อาปชฺชิตพฺพานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ปาราชิกํ, สฺจริตฺเต สงฺฆาทิเสโส, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส อรหา’’ติ ปริยาเยน ถุลฺลจฺจยํ, ภิกฺขุสฺส ปณีตโภชนวิฺตฺติยา ปาจิตฺติยํ, ภิกฺขุนิยา ปณีตโภชนวิฺตฺติยา ปาฏิเทสนียํ, สูโปทนวิฺตฺติยา ทุกฺกฏนฺติ อิเมสํ ปริวาเร (ปริ. ๒๘๗) วุตฺตานํ ฉนฺนํ. น เหตา อาปตฺติโย อาชีวเหตุ เอว ปฺตฺตา สฺจริตฺตาทีนํ อฺถาปิ อาปชฺชิตพฺพโต. อาชีวเหตุปิ ¶ เอตาสํ อาปชฺชนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ, อาชีวเหตุปิ ปฺตฺตานนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิวิปตฺติอาชีววิปตฺตีหิ โจเทนฺโตปิ ตมฺมูลิกาย อาปตฺติยา เอว โจเทติ.
‘‘กสฺมา มํ น วนฺทสี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติ อวนฺทนการณสฺส วุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน น วนฺทิตพฺโพติ วทนฺติ. โจเทตุกามตาย เอว อวนฺทิตฺวา อตฺตนา วตฺตพฺพสฺส วุตฺตมตฺถํ เปตฺวา ¶ อวนฺทิยภาเว ตํ การณํ น โหตีติ จูฬคณฺิปเท มชฺฌิมคณฺิปเท จ วุตฺตํ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺส อวนฺทิเยสุ อวุตฺตตฺตา เตน สทฺธึ สยนฺตสฺส สหเสยฺยาปตฺติยา อภาวโต, ตสฺส จ ปฏิคฺคหณสฺส รุหนโต ตเทว ยุตฺตตรนฺติ วิฺายติ. กิฺจาปิ ยาว โส ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานาติ, ตาว วนฺทิตพฺโพ, ยทา ปน ‘‘อสฺสมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานาติ, ตทา น วนฺทิตพฺโพติ อยเมตฺถ วิเสโส เวทิตพฺโพ. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส หิ ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานนฺตสฺเสว ภิกฺขุภาโว, น ตโต ปรํ. ภิกฺขุภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต หิ อนุปสมฺปนฺนปกฺขํ ภชติ. ยสฺมา อามิสํ เทนฺโต อตฺตโน อิจฺฉิตฏฺาเนเยว เทติ, ตสฺมา ปฏิปาฏิยา นิสินฺนานํ ยาคุภตฺตาทีนิ เทนฺเตน เอกสฺส โจเทตุกามตาย อทินฺเนปิ โจทนา นาม น โหตีติ อาห ‘‘น ตาว ตา โจทนา โหตี’’ติ.
๒๓๑. โจเทตพฺโพติ จุทิโต, จุทิโต เอว จุทิตโก, อปราธวนฺโต ปุคฺคโล. โจเทตีติ โจทโก, อปราธปกาสโก. จุทิตโก จ โจทโก จ จุทิตกโจทกา. อุพฺพาหิกายาติ อุพฺพหนฺติ วิโยเชนฺติ เอตาย อลชฺชีนํ ตชฺชนึ วา กลหํ วาติ อุพฺพาหิกา, สงฺฆสมฺมุติ, ตาย. วินิจฺฉินนํ นาม ตาย สมฺมตภิกฺขูหิ วินิจฺฉินนเมว. อลชฺชุสฺสนฺนาย หิ ปริสาย สมถกฺขนฺธเก อาคเตหิ ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคตา ทฺเว ตโย ภิกฺขู ตตฺเถว วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ สมถกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๓๑-๒๓๒) –
‘‘เตหิ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ ¶ . อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอวรูปํ อธิกรณํ อุพฺพาหิกาย วูปสเมตุํ. ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตพฺโพ, สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ ¶ , พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา, อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส, วินเย โข ปน เฉโก โหติ อสํหีโร, ปฏิพโล โหติ อุโภ อตฺถปจฺจตฺถิเก อสฺสาเสตุํ สฺาเปตุํ นิชฺฌาเปตุํ เปกฺเขตุํ ปสฺสิตุํ ปสาเทตุํ, อธิกรณสมุปฺปาทวูปสมกุสโล โหติ, อธิกรณํ ชานาติ, อธิกรณสมุทยํ ชานาติ, อธิกรณนิโรธํ ชานาติ, อธิกรณนิโรธคามินิปฏิปทํ ชานาติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตุํ.
‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ, ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ¶ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามฺจ อิตฺถนฺนามฺจ ภิกฺขุํ สมฺมนฺเนยฺย อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. สงฺโฆ อิตฺถนฺนามฺจ อิตฺถนฺนามฺจ ภิกฺขุํ สมฺมนฺนติ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส จ อิตฺถนฺนามสฺส จ ภิกฺขุโน สมฺมุติ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
‘‘สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จ ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.
เตหิ ¶ จ สมฺมเตหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา ตสฺสา เอว วา ปริสาย ‘‘อฺเหิ น กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ สาเวตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตพฺพํ. ตุมฺหากนฺติ จุทิตกโจทเก สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘กิมฺหีติ กิสฺมึ วตฺถุสฺมึ. กิมฺหิ นมฺปิ น ชานาสีติ กิมฺหิ นนฺติ วจนมฺปิ น ชานาสิ. นาสฺส อนุโยโค ทาตพฺโพติ นาสฺส ปุจฺฉา ปฏิปุจฺฉา ทาตพฺพา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๓๘๖) ปน – กิมฺหีติ กิสฺมึ วตฺถุสฺมึ, กตรวิปตฺติยนฺติ อตฺโถ. กิมฺหิ นํ นามาติ อิทํ ‘‘กตราย วิปตฺติยา ¶ เอตํ โจเทสี’’ติ ยาย กายจิ วิฺายมานาย ภาสาย วุตฺเตปิ โจทกสฺส วินเย อปกตฺุตาย ‘‘สีลาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีสุ กตรายาติ มํ ปุจฺฉตี’’ติ วิฺาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ปุจฺฉา, น ปน ‘‘กิมฺหี’’ติอาทิปทตฺถมตฺตํ อชานนฺตสฺส. น หิ อนุวิชฺชโก โจทกํ พาลํ อปริจิตภาสาย ‘‘กิมฺหิ น’’นฺติ ปุจฺฉติ. กิมฺหิ นมฺปิ น ชานาสีติ อิทมฺปิ วจนมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ. ‘‘กตรวิปตฺติยา’’ติ วุตฺเต ‘‘อสุกาย วิปตฺติยา’’ติ วตฺตุมฺปิ ‘‘น ชานาสี’’ติ วจนสฺส อธิปฺปายเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘นาสฺส อนุโยโค ทาตพฺโพ’’ติ.
‘‘ตสฺส นโย ทาตพฺโพ’’ติ ตสฺสาติ พาลสฺส ลชฺชิสฺส. ‘‘ตสฺส นโย ทาตพฺโพ’’ติ วตฺวา จ ‘‘กิมฺหิ นํ โจเทสีติ สีลวิปตฺติยา’’ติอาทิ อธิปฺปายปฺปกาสนเมว นยทานํ วุตฺตํ, น ปน กิมฺหิ-นํ-ปทานํปริยายมตฺตทสฺสนํ. น หิ พาโล ‘‘กตรวิปตฺติยํ นํ โจเทสี’’ติ อิมสฺส วจนสฺส อตฺเถ าเตปิ วิปตฺติปฺปเภทํ, อตฺตนา โจทิยมานํ วิปตฺติสรูปฺจ ชานิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เตเนว อชานเนน อลชฺชี อปสาเทตพฺโพ. กิมฺหิ นนฺติ อิทมฺปิ อุปลกฺขณมตฺตํ. อฺเน วา เยน เกนจิ อากาเรน อวิฺุตํ ปกาเสตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพว. ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติอาทิวจนโต ‘‘อลชฺชีนิคฺคหตฺถาย…เป… ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เอหิตีติ เอติ, หิ-กาโร เอตฺถ อาคโม ทฏฺพฺโพ, อาคมิสฺสตีติ อตฺโถ. ทิฏฺสนฺตาเนนาติ ทิฏฺนิยาเมน. อลชฺชิสฺส ปฏิฺาย เอว กาตพฺพนฺติ วจนปฏิวจนกฺกเมเนว โทเส อาวิภูเตปิ อลชฺชิสฺส ‘‘อสุทฺโธ อห’’นฺติ โทสสมฺปฏิจฺฉนปฏิฺาย เอว อาปตฺติยา กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘อลชฺชิสฺส เอตํ นตฺถีติ สุทฺธปฏิฺาย เอว อนาปตฺติยา กาตพฺพนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ สงฺคหิโต’’ติ ¶ วทนฺติ, ตํ ¶ น ยุตฺตํ อนุวิชฺชกสฺเสว นิรตฺถกตฺตาปตฺติโต, โจทเกเนว อลชฺชิปฏิฺาย าตพฺพโต. โทโสปคมปฏิฺา เอว หิ อิธ ปฏิฺาติ อธิปฺเปตา, เตเนว วกฺขติ ‘‘เอตมฺปิ นตฺถิ, เอตมฺปิ นตฺถีติ ปฏิฺํ น เทตี’’ติอาทิ.
ตทตฺถทีปนตฺถนฺติ อลชฺชิสฺส โทเส อาวิภูเตปิ ตสฺส โทโสปคมปฏิฺาย เอว กาตพฺพตาทีปนตฺถํ. วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา. สฺํ ทตฺวาติ เตสํ กถาปจฺเฉทตฺถํ อภิมุขกรณตฺถฺจ สทฺทํ กตฺวา. วินิจฺฉินิตุํ อนนุจฺฉวิโกติ อสุทฺโธติ สฺาย โจทกปกฺเข ปวิฏฺตฺตา อนุวิชฺชกภาวโต พหิภูตตฺตา อนุวิชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺเทเห เอว หิ สติ อนุวิชฺชิตุํ สกฺกา, อสุทฺธลทฺธิยา ปน สติ จุทิตเกน วุตฺตํ สพฺพํ อสจฺจโตปิ ปฏิภาติ, กถํ ตตฺถ อนุวิชฺชนา สิยาติ.
ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตีติ อิมินา วินิจฺฉยมฺปิ อทตฺวา สงฺฆโต วิโยชนํ นาม ลิงฺคนาสนา วิย อยมฺปิ เอโก นาสนปฺปกาโรติ ทสฺเสติ. เอกสมฺโภคปริโภคาติ อิทํ อตฺตโน สนฺติกา เตสํ วิโมจนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เตสํ อฺมฺสมฺโภเค โยชนตฺถํ.
วิรทฺธํ โหตีติ สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. อาทิโต ปฏฺาย อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิทํ ‘‘ปกฺขานํ อนุรกฺขณตฺถาย ปฏิฺํ น เทตี’’ติ อิมสฺส อลชฺชีลกฺขณสมฺภวสฺส กรณวจนํ. ปฏิจฺฉาทิตกาลโต ปฏฺาย อลชฺชี นาม เอว, ปุริโม ลชฺชิภาโว น รกฺขตีติ อตฺโถ. ปฏิฺํ น เทตีติ ‘‘สเจ มยา กตโทสํ วกฺขามิ, มยฺหํ อนุวตฺตกา ภิชฺชิสฺสนฺตี’’ติ ปฏิฺํ น เทติ. าเน น ติฏฺตีติ ลชฺชิฏฺาเน น ติฏฺติ, กายวาจาสุ วีติกฺกโม ¶ โหติ เอวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘วินิจฺฉโย น ทาตพฺโพ’’ติ, ปุพฺเพ ปกฺขิกานํ ปฏิฺาย วูปสมิตสฺสปิ อธิกรณสฺส ทุวูปสนฺตตาย อยมฺปิ ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย.
๒๓๒. อทินฺนาทานวตฺถุํ วินิจฺฉินนฺเตน ปฺจวีสติ อวหารา สาธุกํ สลฺลกฺเขตพฺพาติ เอตฺถ ปฺจวีสติ อวหารา นาม ปฺจ ปฺจกานิ, ตตฺถ ปฺจ ปฺจกานิ นาม นานาภณฺฑปฺจกํ เอกภณฺฑปฺจกํ สาหตฺถิกปฺจกํ ปุพฺพปโยคปฺจกํ เถยฺยาวหารปฺจกนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) ‘‘เต ปน อวหารา ปฺจ ¶ ปฺจกานิ สโมธาเนตฺวา สาธุกํ สลฺลกฺเขตพฺพา’’ติอาทิ. ตตฺถ นานาภณฺฑปฺจกเอกภณฺฑปฺจกานิ ปทภาชเน (ปารา. ๙๒) วุตฺตานํ ‘‘อาทิเยยฺย, หเรยฺย, อวหเรยฺย, อิริยาปถํ วิโกเปยฺย, านา จาเวยฺยา’’ติ อิเมสํ ปทานํ วเสน ลพฺภนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ โปราเณหิ –
‘‘อาทิยนฺโต หรนฺโตว;
หรนฺโต อิริยาปถํ;
วิโกเปนฺโต ตถา านา;
จาเวนฺโตปิ ปราชิโก’’ติ.
ตตฺถ นานาภณฺฑปฺจกํ สวิฺาณกอวิฺาณกวเสน ทฏฺพฺพํ, อิตรํ สวิฺาณกวเสเนว. กถํ? อาทิเยยฺยาติ อารามํ อภิยฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. สามิโก ‘‘น มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. หเรยฺยาติ อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโต สีเส ภารํ เถยฺยจิตฺโต อามสติ, ทุกฺกฏํ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํ. ขนฺธํ โอโรเปติ, ปาราชิกํ. อวหเรยฺยาติ อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑํ ‘‘เทหิ ¶ เม ภณฺฑ’’นฺติ วุจฺจมาโน ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติ ภณติ, ทุกฺกฏํ. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ, ถุลฺลจฺจยํ. สามิโก ‘‘น มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, ปาราชิกํ. อิริยาปถํ วิโกเปยฺยาติ ‘‘สหภณฺฑหารกํ เนสฺสามี’’ติ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, ถุลฺลจฺจยํ. ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํ. านา จาเวยฺยาติ ถลฏฺํ ภณฺฑํ เถยฺยจิตฺโต อามสติ, ทุกฺกฏํ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํ. านา จาเวติ, ปาราชิกํ. เอวํ ตาว นานาภณฺฑปฺจกํ เวทิตพฺพํ. สสฺสามิกสฺส ปน ทาสสฺส วา ติรจฺฉานคตสฺส วา ยถาวุตฺเตน อภิโยคาทินา นเยน อาทิยนหรณ อวหรณ อิริยาปถวิโกปน านาจาวนวเสน เอกภณฺฑปฺจกํ เวทิตพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ตตฺถ นาเนกภณฺฑานํ, ปฺจกานํ วสา ปน;
อาทิยนาทิปฺจกา, ทุวิธาติ อุทีริตา’’ติ.
กตมํ ¶ สาหตฺถิกปฺจกํ? สาหตฺถิโก อาณตฺติโก นิสฺสคฺคิโย อตฺถสาธโก ธุรนิกฺเขโปติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘สาหตฺถาณตฺติโก เจว, นิสฺสคฺคิโยตฺถสาธโก;
ธุรนิกฺเขปโก จาติ, อิทํ สาหตฺถปฺจก’’นฺติ.
ตตฺถ สาหตฺถิโก นาม ปรสฺส ภณฺฑํ สหตฺถา อวหรติ. อาณตฺติโก นาม ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อฺํ อาณาเปติ. นิสฺสคฺคิโย นาม สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสานํ อนฺโต ตฺวา พหิ ปาตนํ. อตฺถสาธโก นาม ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ อวหรา’’ติ อาณาเปติ. ตตฺถ สเจ ปโร อนนฺตรายิโก หุตฺวา ตํ อวหรติ, อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกํ. ปรสฺส วา ปน เตลกุมฺภิยา ปาทคฺฆนกํ เตลํ อวสฺสํ ปิวนกานิ อุปาหนาทีนิ ปกฺขิปติ ¶ , หตฺถโต มุตฺตมตฺเตเยว ปาราชิกํ. ธุรนิกฺเขโป ปน อารามาภิโยคอุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน เวทิตพฺโพ. ตาวกาลิกภณฺฑเทยฺยานิ อเทนฺตสฺสปิ เอเสว นโยติ อิทํ สาหตฺถิกปฺจกํ.
กตมํ ปุพฺพปโยคปฺจกํ? ปุพฺพปโยโค สหปโยโค สํวิทาวหาโร สงฺเกตกมฺมํ นิมิตฺตกมฺมนฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุพฺพสหปโยโค จ, สํวิทาหรณํ ตถา;
สงฺเกตกมฺมํ นิมิตฺตํ, อิทํ สาหตฺถปฺจก’’นฺติ.
ตตฺถ อาณตฺติวเสน ปุพฺพปโยโค เวทิตพฺโพ. านาจาวนวเสน, ขิลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสน จ สหปโยโค เวทิตพฺโพ. สํวิทาวหาโร นาม ‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามา’’ติ สํวิทหิตฺวา สมฺมนฺตยิตฺวา อวหรณํ. เอวํ สํวิทหิตฺวา คเตสุ หิ เอเกนปิ ตสฺมึ ภณฺเฑ านา จาวิเต สพฺเพสํ อวหาโร โหติ. สงฺเกตกมฺมํ นาม สฺชานนกมฺมํ. สเจ หิ ปุเรภตฺตาทีสุ ยํ กิฺจิ กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อสุกสฺมึ กาเล อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ วุตฺโต สงฺเกตโต อปจฺฉา อปุเร ตํ อวหรติ, สงฺเกตการกสฺส สงฺเกตกรณกฺขเณเยว อวหาโร. นิมิตฺตกมฺมํ นาม สฺุปฺปาทนตฺถํ อกฺขินิขณนาทินิมิตฺตกรณํ ¶ . สเจ หิ เอวํ กตนิมิตฺตโต อปจฺฉา อปุเร ‘‘ยํ อวหรา’’ติ วุตฺโต, ตํ อวหรติ, นิมิตฺตการกสฺส นิมิตฺตกฺขเณเยว อวหาโรติ อิทํ ปุพฺพปโยคปฺจกํ.
กตมํ เถยฺยาวหารปฺจกํ? เถยฺยาวหาโร ปสยฺหาวหาโร ปริกปฺปาวหาโร ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร กุสาวหาโรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เถยฺยา ¶ ปสยฺหา ปริกปฺปา, ปฏิจฺฉนฺนา กุสา ตถา;
อวหารา อิเม ปฺจ, เถยฺยาวหารปฺจก’’นฺติ.
ตตฺถ โย สนฺธิจฺเฉทาทีนิ กตฺวา อทิสฺสมาโน อวหรติ, กูฏตุลากูฏมานกูฏกหาปณาทีหิ วา วฺเจตฺวา คณฺหาติ, ตสฺเสวํ คณฺหโต อวหาโร เถยฺยาวหาโรติ เวทิตพฺโพ. โย ปน ปสยฺห พลกฺกาเรน ปเรสํ สนฺตกํ คณฺหาติ คามฆาตกาทโย วิย, อตฺตโน ปตฺตพลิโต วา วุตฺตนเยเนว อธิกํ คณฺหาติ ราชภฏาทโย วิย, ตสฺเสวํ คณฺหโต อวหาโร ปสยฺหาวหาโรติ เวทิตพฺโพ. ปริกปฺเปตฺวา คหณํ ปน ปริกปฺปาวหาโร นาม.
โส ภณฺโฑกาสสฺส วเสน ทุวิโธ. ตตฺรายํ ภณฺฑปริกปฺโป – สาฏกตฺถิโก อนฺโตคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามิ. สเจ สุตฺตํ, น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปตฺวา อนฺธกาเร ปสิพฺพกํ คณฺหาติ. ตตฺร เจ สาฏโก โหติ, อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํ. สุตฺตฺเจ โหติ, รกฺขติ. พหิ นีหริตฺวา มฺุจิตฺวา ‘‘สุตฺต’’นฺติ ตฺวา ปุน อาหริตฺวา เปติ, รกฺขติเยว. ‘‘สุตฺต’’นฺติ ตฺวาปิ ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ คจฺฉติ, ปทวาเรน กาเรตพฺโพ. ภูมิยํ เปตฺวา คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํ. ‘‘โจโร โจโร’’ติ อนุพนฺโธ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายติ, รกฺขติ. สามิกา ทิสฺวา คณฺหนฺติ, รกฺขติเยว. อฺโ เจ คณฺหาติ, ภณฺฑเทยฺยํ. สามิเกสุ นิวตฺตนฺเตสุ สยํ ทิสฺวา ปํสุกูลสฺาย ‘‘ปเคเวตํ มยา คหิตํ, มม ทานิ สนฺตก’’นฺติ คณฺหนฺตสฺสปิ ภณฺฑเทยฺยเมว. ตตฺถ ยฺวายํ ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺโต ปริกปฺโป, อยํ ภณฺฑปริกปฺโป นาม. โอกาสปริกปฺโป ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – เอกจฺโจ ปน ปรปริเวณาทีนิ ปวิฏฺโ กิฺจิ โลภเนยฺยภณฺฑํ ทิสฺวา คพฺภทฺวารปมุขเหฏฺา ¶ ปาสาททฺวารโกฏฺกรุกฺขมูลาทิวเสน ปริจฺเฉทํ กตฺวา ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฏฺุกามตาย คเหตฺวา วิจรนฺโต วิย ทสฺสามิ. โน เจ ปสฺสิสฺสนฺติ ¶ , หริสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปติ, ตสฺส ตํ อาทาย ปริกปฺปิตปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตมตฺเต อวหาโร โหติ. อิติ ยฺวายํ วุตฺตนเยเนว ปวตฺโต ปริกปฺโป, อยํ โอกาสปริกปฺโป นาม. เอวมิเมสํ ทฺวินฺนํ ปริกปฺปานํ วเสน ปริกปฺเปตฺวา คณฺหโต อวหาโร ปริกปฺปาวหาโรติ เวทิตพฺโพ.
ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปน อวหรณํ ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร. โส เอวํ เวทิตพฺโพ – โย ภิกฺขุ อุยฺยานาทีสุ ปเรสํ โอมฺุจิตฺวา ปิตํ องฺคุลิมุทฺทิกาทึ ทิสฺวา ‘‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส เอตฺตาวตา อุทฺธาโร นตฺถีติ น ตาว อวหาโร โหติ. ยทา ปน สามิกา วิจินนฺตา อปสฺสิตฺวา ‘‘สฺเว ชานิสฺสามา’’ติ สาลยาว คตา โหนฺติ, อถสฺส ตํ อุทฺธรโต อุทฺธาเร อวหาโร. ‘‘ปฏิจฺฉนฺนกาเลเยว เอตํ มม สนฺตก’’นฺติ สกสฺาย วา ‘‘คตาทานิ เต, ฉฑฺฑิตภณฺฑํ อิท’’นฺติ ปํสุกูลสฺาย วา คณฺหนฺตสฺส ปน ภณฺฑเทยฺยํ. เตสุ ทุติยตติยทิวเส อาคนฺตฺวา วิจินิตฺวา อทิสฺวา ธุรนิกฺเขปํ กตฺวา คเตสุปิ คหิตํ ภณฺฑเทยฺยเมว. ปจฺฉา ตฺวา โจทิยมานสฺส อททโต สามิกานํ ธุรนิกฺเขเป อวหาโร โหติ. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺส ปโยเคน เตหิ น ทิฏฺํ. โย ปน ตถารูปํ ภณฺฑํ ยถาาเน ิตํเยว อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา เถยฺยจิตฺโต ปาเทน อกฺกมิตฺวา กทฺทเม วา วาลิกาย วา ปเวเสติ, ตสฺส ปเวสิตมตฺเตเยว อวหาโร.
กุสํ สงฺกาเมตฺวา ปน อวหรณํ กุสาวหาโร นาม. โสปิ เอวํ เวทิตพฺโพ – โย ภิกฺขุ วิลีวมยํ วา ตาลปณฺณมยํ วา กตสฺาณํ ยํ กิฺจิ กุสํ ปาเตตฺวา จีวเร ¶ ภาชิยมาเน อตฺตโน โกฏฺาสสฺส สมีเป ิตํ สมคฺฆตรํ วา มหคฺฆตรํ วา สมสมํ วา อคฺเฆน ปรสฺส โกฏฺาสํ หริตุกาโม อตฺตโน โกฏฺาเส ปติตํ กุสํ ปรสฺส โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธรติ, รกฺขติ ตาว. ปรสฺส โกฏฺาเส ปาติเต รกฺขเตว. ยทา ปน ตสฺมึ ปติเต ปรสฺส โกฏฺาสโต ปรสฺส กุสํ อุทฺธรติ, อุทฺธฏมตฺเต อวหาโร. สเจ ปมตรํ ปรสฺส โกฏฺาสโต กุสํ อุทฺธรติ, อตฺตโน โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธาเร รกฺขติ, ปาตเนปิ รกฺขติ. อตฺตโน โกฏฺาสโต ปน อตฺตโน กุสํ อุทฺธรโต อุทฺธาเรเยว รกฺขติ, ตํ อุทฺธริตฺวา ปรโกฏฺาเส ปาเตนฺตสฺส หตฺถโต มุตฺตมตฺเต อวหาโร โหติ, อยํ กุสาวหาโร. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกโต (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) คเหตพฺโพ.
ตุลยิตฺวาติ ¶ อุปปริกฺขิตฺวา.
สามีจีติ วตฺตํ, อาปตฺติ ปน นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
มหาชนสมฺมทฺโทติ มหาชนสงฺโขโภ. ภฏฺเ ชนกาเยติ อปคเต ชนกาเย. ‘‘อิทฺจ กาสาวํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา เอตสฺเสว ภิกฺขุโน เทหี’’ติ กึ การณา เอวมาห? จีวรสฺสามิเกน ธุรนิกฺเขโป กโต, ตสฺมา ตสฺส อทินฺนํ คเหตุํ น วฏฺฏติ. อวหารโกปิ วิปฺปฏิสารสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย จีวรสฺสามิกํ ปริเยสนฺโต วิจรติ ‘‘ทสฺสามี’’ติ, จีวรสฺสามิเกน จ ‘‘มเมต’’นฺติ วุตฺเต เอเตนปิ อวหารเกน อาลโย ปริจฺจตฺโต, ตสฺมา เอวมาห. ยทิ เอวํ จีวรสฺสามิโกเยว ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ คณฺหาหี’’ติ กสฺมา น วุตฺโตติ? อุภินฺนํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ. กถํ? อวหารกสฺส ‘‘มยา สหตฺเถน น ทินฺนํ, ภณฺฑเทยฺยเมต’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺเชยฺย ¶ , อิตรสฺส ‘‘มยา ปมํ ธุรนิกฺเขปํ กตฺวา ปจฺฉา อทินฺนํ คหิต’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺเชยฺยาติ.
สมคฺฆนฺติ อปฺปคฺฆํ.
ทารุอตฺถํ ผรตีติ ทารูหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ สาเธติ. มยิ สนฺเตติอาทิ สพฺพํ รฺา ปสาเทน วุตฺตํ, เถเรน ปน ‘‘อนนุจฺฉวิกํ กต’’นฺติ น มฺิตพฺพํ.
เอกทิวสํ ทนฺตกฏฺจฺเฉทนาทินา ยา อยํ อคฺฆหานิ วุตฺตา, สา ภณฺฑสฺสามินา กิณิตฺวา คหิตเมว สนฺธาย วุตฺตา. สพฺพํ ปเนตํ อฏฺกถาจริยปฺปมาเณน คเหตพฺพํ. ปาสาณฺจ สกฺขรฺจ ปาสาณสกฺขรํ.
‘‘ธาเรยฺย อตฺถํ วิจกฺขโณ’’ติ อิมสฺเสว วิวรณํ ‘‘อาปตฺตึ วา อนาปตฺตึ วา’’ติอาทิ. ‘‘สิกฺขาปทํ สมํ เตนา’’ติ อิโต ปุพฺเพ เอกา คาถา –
‘‘ทุติยํ อทุติเยน, ยํ ชิเนน ปกาสิตํ;
ปราชิตกิเลเสน, ปาราชิกปทํ อิธา’’ติ.
ตาย ¶ สทฺธึ ฆเฏตฺวา อทุติเยน ปราชิตกิเลเสน ชิเนน ทุติยํ ยํ อิทํ ปาราชิกปทํ ปกาสิตํ, อิธ เตน สมํ อเนกนยโวกิณฺณํ คมฺภีรตฺถวินิจฺฉยํ อฺํ กิฺจิ สิกฺขาปทํ น วิชฺชตีติ โยชนา. ตตฺถ ปราชิตกิเลเสนาติ สนฺตาเน ปุน อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเน จตูหิ มคฺคาเณหิ สห วาสนาย สมุจฺฉินฺนสพฺพกิเลเสน. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๕๙) ปน ‘‘ปราชิตกิเลเสนาติ วิชิตกิเลเสน, นิกิเลเสนาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน.
เตนาติ เตน ทุติยปาราชิกสิกฺขาปเทน. อตฺโถ นาม ปาฬิอตฺโถ. วินิจฺฉโย นาม ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโย. อตฺโถ จ วินิจฺฉโย จ อตฺถวินิจฺฉยา, เต คมฺภีรา ยสฺมินฺติ คมฺภีรตฺถวินิจฺฉยํ ¶ . วตฺถุมฺหิ โอติณฺเณติ โจทนาวเสน วา อตฺตนาว อตฺตโน วีติกฺกมาโรจนวเสน วา สงฺฆมชฺเฌ อทินฺนาทานวตฺถุสฺมึ โอติณฺเณ. เอตฺถาติ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ. วินิจฺฉโยติ อาปตฺตานาปตฺตินิยมนํ. อวตฺวาวาติ ‘‘ตฺวํ ปาราชิกํ อาปนฺโน’’ติ อวตฺวาว. กปฺปิเยปิ จ วตฺถุสฺมินฺติ อตฺตนา คเหตุํ กปฺปิเย มาตุปิตุอาทิสนฺตเกปิ วตฺถุสฺมึ. ลหุวตฺติโนติ เถยฺยจิตฺตุปฺปาเทน ลหุปริวตฺติโน. อาสีวิสนฺติ สีฆเมว สกลสรีเร ผรณสมตฺถวิสํ.
๒๓๓. ปกติมนุสฺเสหิ อุตฺตริตรานํ พุทฺธาทิอุตฺตมปุริสานํ อธิคมธมฺโมติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, ตสฺส ปเรสํ อาโรจนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนํ. ตํ วินิจฺฉินนฺเตน ฉ านานิ โสเธตพฺพานีติ โยชนา. ตตฺถ กึ เต อธิคตนฺติ อธิคมปุจฺฉา. กินฺติ เต อธิคตนฺติ อุปายปุจฺฉา. กทา เต อธิคตนฺติ กาลปุจฺฉา. กตฺถ เต อธิคตนฺติ โอกาสปุจฺฉา. กตเม เต กิเลสา ปหีนาติ ปหีนกิเลสปุจฺฉา. กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภีติ ปฏิลทฺธธมฺมปุจฺฉา. อิทานิ ตเมว ฉฏฺานวิโสธนํ วิตฺถาเรตุมาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน พฺยากรณวจนมตฺเตน น สกฺกาโร กาตพฺโพ. พฺยากรณฺหิ เอกสฺส อยาถาวโตปิ โหตีติ. อิเมสุ ฉสุ าเนสุ โสธนตฺถํ เอวํ วตฺตพฺโพติ ยถา นาม ชาตรูปปติรูปกมฺปิ ชาตรูปํ วิย ขายตีติ ชาตรูปํ นิฆํสนตาปนเฉทเนหิ โสเธตพฺพํ, เอวเมว อิทาเนว วุตฺเตสุ ฉสุ าเนสุ ปกฺขิปิตฺวา โสธนตฺถํ วตฺตพฺโพ. วิโมกฺขาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน สมาปตฺติาณทสฺสนมคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทึ สงฺคณฺหาติ. ปากโฏ โหติ อธิคตวิเสสสฺส สติสมฺโมสาภาวโต. เสสปุจฺฉาสุปิ ‘‘ปากโฏ โหตี’’ติ ปเท เอเสว นโย.
สพฺเพสฺหิ ¶ ¶ อตฺตนา อธิคตมคฺเคน ปหีนา กิเลสา ปากฏา โหนฺตีติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. กสฺสจิ หิ อตฺตนา อธิคตมคฺควชฺฌกิเลเสสุ สนฺเทโห อุปฺปชฺชติเยว มหานามสฺส สกฺกสฺส วิย. โส หิ สกทาคามี สมาโนปิ ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – โก สุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน, เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗๕) ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. อยํ กิร ราชา สกทาคามิมคฺเคน โลภโทสโมหา นิรวเสสา ปหียนฺตีติ สฺี อโหสีติ.
ยาย ปฏิปทาย ยสฺส อริยมคฺโค อาคจฺฉติ, สา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติ อาคมนปฏิปทา. โสเธตพฺพาติ สุทฺธา, อุทาหุ น สุทฺธาติ วิจารณวเสน โสเธตพฺพา. ‘‘น สุชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ ปมาทปฏิปตฺติสมฺภวโต. อปเนตพฺโพติ อตฺตโน ปฏิฺาย อปเนตพฺโพ’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๙๗-๑๙๘). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๙๗) ปน ‘‘น สุชฺฌตีติ ปุจฺฉิยมาโน ปฏิปตฺติกฺกมํ อุลฺลงฺฆิตฺวา กเถสิ. อปเนตพฺโพติ ตยา วุตฺตกฺกเมนายํ ธมฺโม น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ อธิคตมานโต อปเนตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สุชฺฌตี’’ติ วตฺวา สุชฺฌนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทีฆรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฺายตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ยที’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ยทิ โส ภิกฺขุ ตาย ปฏิปทาย ปฺายตีติ สมฺพนฺโธ. จตูสุ ปจฺจเยสุ อลคฺคตฺตา ‘‘อากาเส ปาณิสเมน เจตสา’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตสทิสํ พฺยากรณํ โหตีติ โยชนา. ตตฺถ วุตฺตสทิสนฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน พฺยากรณํ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺเตน สทิสํ, สมนฺติ อตฺโถ. ขีณาสวสฺส ปฏิปตฺติสทิสา ปฏิปตฺติ โหตีติ ทีฆรตฺตํ ¶ สุวิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตา, อิทฺจ อรหตฺตํ ปฏิชานนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ขีณาสวสฺส นามา’’ติอาทิ. ขีณาสวสฺส นาม…เป… น โหตีติ ปหีนวิปลฺลาสตฺตา, ชีวิตนิกนฺติยา จ อภาวโต น โหติ, ปุถุชฺชนสฺส ปน อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชีวิตนิกนฺติสพฺภาวโต จ อปฺปมตฺตเกนปิ โหติ, เอวํ สุวิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส วตฺตนเสกฺขธมฺมปฏิชานนํ อิมินา ภยุปฺปาทเนน, อมฺพิลาทิทสฺสเน เขฬุปฺปาทาทินา จ น สกฺกา วีมํสิตุํ, ตสฺมา ตสฺส วจเนเนว ตํ สทฺธาตพฺพํ.
อยํ ภิกฺขุ สมฺปนฺนเวยฺยากรโณติ อิทํ น เกวลํ อภายนกเมว สนฺธาย วุตฺตํ เอกจฺจสฺส สูรชาติกสฺส ปุถุชฺชนสฺสปิ อภายนโต, รชฺชนียารมฺมณานํ พทรสาฬวาทิอมฺพิลมทฺทนาทีนํ ¶ อุปโยชเนปิ เขฬุปฺปาทาทิตณฺหุปฺปตฺติรหิตํ สพฺพถา สุวิโสธิตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๓๔. ‘‘นีหริตฺวาติ สาสนโต นีหริตฺวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘นีหริตฺวาติ ปาฬิโต อุทฺธริตฺวา’’ติ. ตถา หิ ‘‘ปฺจหุปาลิ, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นานุยฺุชิตพฺพํ. กตเมหิ ปฺจหิ? สุตฺตํ น ชานาติ, สุตฺตานุโลมํ น ชานาตี’’ติอาทิปาฬิโต (ปริ. ๔๔๒) สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ นีหรึสุ, ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห ปริปุจฺฉาติ ภณตี’’ติ เอวมาทิโต อาจริยวาทํ, ‘‘อายสฺมา อุปาลิ เอวมาห ‘อนาปตฺติ อาวุโส สุปินนฺเตนา’’ติ (ปารา. ๗๘) เอวมาทิโต อตฺตโนมตึ นีหรึสุ. สา จ เถรสฺส อตฺตโนมติ สุตฺเตน สงฺคหิตตฺตา สุตฺตํ ชาตํ, เอวมฺาปิ สุตฺตาทีหิ สงฺคหิตาว คเหตพฺพา, เนตราติ เวทิตพฺพํ. อถ วา นีหริตฺวาติ ¶ วิภชิตฺวา, สาฏฺกถํ สกลํ วินยปิฏกํ สุตฺตาทีสุ จตูสุ ปเทเสสุ ปกฺขิปิตฺวา จตุธา วิภชิตฺวา วินยํ ปกาเสสุํ ตพฺพินิมุตฺตสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโย. วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ‘‘นีหริตฺวาติ เอตฺถ สาสนโต นีหริตฺวาติ อตฺโถ…เป… ตาย หิ อตฺตโนมติยา เถโร เอตทคฺคฏฺปนํ ลภติ. อปิจ วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘อนุปสมฺปนฺเนน ปฺตฺเตน วา อปฺตฺเตน วา วุจฺจมาโน…เป… อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’ติ. ตตฺถ หิ ปฺตฺตํ นาม สุตฺตํ, เสสตฺตยํ อปฺตฺตํ นาม. เตนายํ ‘จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา’ติ คาถา สุวุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
วุตฺตนฺติ มิลินฺทปฺเห นาคเสนตฺเถเรน วุตฺตํ. ปชฺชเต อเนน อตฺโถติ ปทํ, ภควตา กณฺาทิวณฺณุปฺปตฺติฏฺานํ อาหจฺจ วิเสเสตฺวา ภาสิตํ ปทํ อาหจฺจปทํ, ภควโตเยว วจนํ. เตนาห ‘‘อาหจฺจปทนฺติ สุตฺตํ อธิปฺเปต’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘กณฺาทิวณฺณุปฺปตฺติฏฺานกรณาทีหิ นีหริตฺวา อตฺตโน วจีวิฺตฺติยาว ภาสิตํ วจนํ อาหจฺจปท’’นฺติ วุตฺตํ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ปน ‘‘อฏฺ วณฺณฏฺานานิ อาหจฺจ วุตฺเตน ปทนิกาเยนาติ อตฺโถ, อุทาหเฏน กณฺโกฺกนฺเตน ปทสมูเหนาติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ เอวํ อวิเสเสตฺวา ‘‘ยํ ภิกฺขเว มยา ‘อิทํ น กปฺปตี’ติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ ¶ , ตฺเจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตสามฺลกฺขณํ อิธ รโสติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘รโสติ สุตฺตานุโลม’’นฺติ. รโสติ สาโร ‘‘ปตฺตรโส’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๖๒๘-๖๓๐) วิย, ปฏิกฺขิตฺตานฺุาตสุตฺตสาโรติ อตฺโถ. รโสติ วา ¶ ลกฺขณํ ปฏิวตฺถุกํ อนุทฺธริตฺวา ลกฺขณานุโลเมน วุตฺตตฺตา. รเสนาติ ตสฺส อาหจฺจภาสิตสฺส รเสน, ตโต อุทฺธเฏน วินิจฺฉเยนาติ อตฺโถ. สุตฺตฉายา วิย หิ สุตฺตานุโลมนฺติ. ธมฺมสงฺคาหกปภุติอาจริยปรมฺปรโต อานีตา อฏฺกถาตนฺติ อิธ ‘‘อาจริยวํโส’’ติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘อาจริยวํโสติ อาจริยวาโท’’ติ, อาจริยวาโท ‘‘อาจริยวํโส’’ติ วุตฺโต ปาฬิยํ วุตฺตานํ อาจริยานํ ปรมฺปราย อาภโตว ปมาณนฺติ ทสฺสนตฺถํ. อธิปฺปาโยติ การโณปปตฺติสิทฺโธ อุหาโปหนยปวตฺโต ปจฺจกฺขาทิปมาณปติรูปโก. อธิปฺปาโยติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโนมตี’’ติ เกจิ อตฺถํ วทนฺติ.
วินยปิฏเก ปาฬีติ อิธ อธิการวเสน วุตฺตํ, เสสปิฏเกสุปิ สุตฺตาทิจตุนยา ยถานุรูปํ ลพฺภนฺเตว.
‘‘มหาปเทสาติ มหาโอกาสา. มหนฺตานิ วินยสฺส ปติฏฺาปนฏฺานานิ, เยสุ ปติฏฺาปิโต วินโย วินิจฺฉินียติ อสนฺเทหโต, มหนฺตานิ วา การณานิ มหาปเทสา, มหนฺตานิ วินยวินิจฺฉยการณานีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถโต ปน ‘ยํ ภิกฺขเว’ติอาทินา วุตฺตาสาธิปฺปายา ปาฬิเยว มหาปเทสาติ วทนฺติ. เตเนวาห ‘เย ภควตา เอวํ วุตฺตา’ติอาทิ. อิเม จ มหาปเทสา ขนฺธเก อาคตา, ตสฺมา เตสํ วินิจฺฉยกถา ตตฺเถว อาวิ ภวิสฺสตีติ อิธ น วุจฺจตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘มหาปเทสาติ มหาโอกาสา มหาวิสยา, เต อตฺถโต ‘ยํ ภิกฺขเวติอาทิปาฬิวเสน อกปฺปิยานุโลมโต กปฺปิยานุโลมโต จ ปุคฺคเลหิ นยโต ตถา ตถา คยฺหมานา อตฺถนยา เอว. เต หิ ภควตา สรูปโต อวุตฺเตสุปิ ปฏิกฺขิตฺตานุโลเมสุ อนฺุาตานุโลเมสุ ¶ จ เสเสสุ กิจฺเจสุ นิวตฺติปวตฺติเหตุตาย มหาโคจราติ ‘มหาปเทสา’ติ วุตฺตา, น ปน ‘ยํ ภิกฺขเว มยา อิทํ น กปฺปตี’ติอาทินา วุตฺตา สาธิปฺปายา ปาฬิเยว ตสฺสา สุตฺเต ปวิฏฺตฺตา. ‘สุตฺตานุโลมมฺปิ สุตฺเต โอตาเรตพฺพํ…เป… สุตฺตเมว พลวตร’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) หิ วุตฺตํ. น เหสา สาธิปฺปายา ปาฬิ สุตฺเต โอตาเรตพฺพา, น คเหตพฺพา ¶ วา โหติ. เยนายํ สุตฺตานุโลมํ สิยา, ตสฺมา อิมํ ปาฬิอธิปฺปายํ นิสฺสาย ปุคฺคเลหิ คหิตา ยถาวุตฺตอตฺถาว สุตฺตานุโลมํ, ตํปกาสกตฺตา ปน อยํ ปาฬิปิ สุตฺตานุโลมนฺติ คเหตพฺพํ. เตนาห ‘เย ภควตา เอวํ วุตฺตา’ติอาทิ. ‘ยํ ภิกฺขเว’ติอาทิปาฬินเยน หิ ปุคฺคเลหิ คหิตพฺพา เย อกปฺปิยานุโลมาทโย อตฺถา วุตฺตา, เต มหาปเทสาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ‘‘ปริวารฏฺกถายํ อิธ จ กิฺจาปิ ‘สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา’ติ วุตฺตํ, อถ โข มหาปเทสนยสิทฺธํ ปฏิกฺขิตฺตาปฏิกฺขิตฺตํ อนฺุาตานนฺุาตํ กปฺปิยากปฺปิยนฺติ อตฺถโต วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา ‘านํ โอกาโส ปเทโสติ การณเววจนานิ ‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส’ติอาทิ สาสนโต, ‘นิคฺคหฏฺาน’นฺติ จ ‘อสนฺทิฏฺิฏฺาน’นฺติ จ ‘อสนฺทิฏฺิ จ ปน ปเทโส’ติ จ โลกโต, ตสฺมา มหาปเทสาติ มหาการณานีติ อตฺโถ. การณํ นาม าปโก เหตุ อิธาธิปฺเปตํ, มหนฺตภาโว ปน เตสํ มหาวิสยตฺตา มหาภูตานํ วิย. เต ทุวิธา วินยมหาปเทสา สุตฺตนฺติกมหาปเทสา จาติ. ตตฺถ วินยมหาปเทสา วินเย โยคํ คจฺฉนฺติ, อิตเร อุภยตฺถาปิ, เตเนว ปริวาเร (ปริ. ๔๔๒) อนุโยควตฺเต ¶ ‘ธมฺมํ น ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ น ชานาตี’ติ’’ วุตฺตํ. ตตฺถ ธมฺมนฺติ เปตฺวา วินยปิฏกํ อวเสสํ ปิฏกทฺวยํ, ธมฺมานุโลมนฺติ สุตฺตนฺติเก จตฺตาโร มหาปเทเสติอาทิ.
ยทิ สาปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนาว อฏฺกถา, สา ปน ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปมํ ตีณิ ปิฏกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถวณฺณนานุรูเปเนว วาจนามคฺคํ อาโรปิตตฺตา ‘‘อาจริยวาโท’’ติ วุจฺจติ ‘‘อาจริยา วทนฺติ สํวณฺเณนฺติ ปาฬึ เอเตนา’’ติ กตฺวา. เตนาห ‘‘อาจริยวาโท นาม…เป… อฏฺกถาตนฺตี’’ติ. ติสฺโส หิ สงฺคีติโย อารุฬฺโหเยว พุทฺธวจนสฺส อตฺถสํวณฺณนาภูโต กถามคฺโค มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภโต, ปจฺฉา ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ สีหฬภาสาย ปิโต นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรณตฺถํ. ภควโต ปกิณฺณกเทสนาภูตา จ สุตฺตานุโลมภูตา จ อฏฺกถา ยสฺมา ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปาฬิวณฺณนากฺกเมน สงฺคเหตฺวา วุตฺตา, ตสฺมา อาจริยวาโทติ วุตฺตา. เอเตน จ อฏฺกถา สุตฺตสุตฺตานุโลเมสุ อตฺถโต สงฺคยฺหตีติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ เอสา, เอวํ อตฺตโนมติปิ ปมาณภูตา. น หิ ภควโต วจนํ วจนานุโลมฺจ อนิสฺสาย ¶ อคฺคสาวกาทโยปิ อตฺตโน าณพเลน สุตฺตาภิธมฺมวินเยสุ กิฺจิ สมฺมุติปรมตฺถภูตํ อตฺถํ วตฺตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ วจนํ สุตฺเต สุตฺตานุโลเม จ สงฺคยฺหติ. วิสุํ ปน อฏฺกถาทีนํ สงฺคหิตตฺตา ตทวเสสํ สุตฺตสุตฺตานุโลมโต คเหตฺวา จตุธา วินโย นิทฺทิฏฺโ.
กิฺจาปิ อตฺตโนมติ สุตฺตาทีหิ สํสนฺทิตฺวาว ปริกปฺปียติ, ตถาปิ สา น สุตฺตาทีสุ วิเสสโต นิทฺทิฏฺาติ อาห ‘‘สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาเท มฺุจิตฺวา’’ติ. อนุพุทฺธิยาติ สุตฺตาทีนิเยว อนุคตพุทฺธิยา. นยคฺคาเหนาติ สุตฺตาทิโต ¶ ลพฺภมานนยคฺคหเณน. อตฺตโนมตึ สามฺโต ปมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสู’’ติ วจนโต ปิฏกตฺตยสฺสปิ สาธารณา เอสา กถาติ เวทิตพฺพา. เถรวาโทติ มหาสุมตฺเถราทีนํ คาโห. อิทานิ ตตฺถ ปฏิปชฺชิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺเถนาติ อตฺตนา นยโต คหิเตน อตฺเถน. ปาฬินฺติ อตฺตโน คาหสฺส นิสฺสยภูตํ สาฏฺกถํ ปาฬึ. ปาฬิยาติ ตปฺปฏิกฺเขปตฺถํ ปเรนาภตาย สาฏฺกถาย ปาฬิยา, อตฺตนา คหิตํ อตฺถํ นิสฺสาย, ปาฬิฺจ สํสนฺทิตฺวาติ อตฺโถ. อาจริยวาเทติ อตฺตนา ปเรน จ สมุทฺธฏอฏฺกถาย. โอตาเรตพฺพาติ าเณน อนุปฺปเวเสตพฺพา. โอตรติ เจว สเมติ จาติ อตฺตนา อุทฺธเฏหิ สํสนฺทนวเสน โอตรติ, ปเรน อุทฺธเฏน สเมติ. สพฺพทุพฺพลาติ อสพฺพฺุปุคฺคลสฺส โทสวาสนาย ยาถาวโต อตฺถสมฺปฏิปตฺติอภาวโต วุตฺตํ.
ปมาทปาวเสน อาจริยวาทสฺส สุตฺตานุโลเมน อสํสนฺทนาปิ สิยาติ อาห ‘‘อิตโร น คเหตพฺโพ’’ติ. สเมนฺตเมว คเหตพฺพนฺติ เย สุตฺเตน สํสนฺทนฺติ, เอวรูปาว อตฺถา มหาปเทสโต อุทฺธริตพฺพาติ ทสฺเสติ ตถา ตถา อุทฺธฏอตฺถานํเยว สุตฺตานุโลมตฺตา. เตนาห ‘‘สุตฺตานุโลมโต หิ สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ. อถ วา สุตฺตานุโลมสฺส สุตฺเตกเทสตฺเตปิ สุตฺเต วิย ‘‘อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อาหจฺจภาสิตํ กิฺจิ นตฺถีติ อาห ‘‘สุตฺตา…เป… พลวตร’’นฺติ. อปฺปฏิวตฺติยนฺติ อปฺปฏิพาหิยํ. การกสงฺฆสทิสนฺติ ปมาณตฺตา สงฺคีติการกสงฺฆสทิสํ. ‘‘พุทฺธานํ ิตกาลสทิส’’นฺติ อิมินา พุทฺธานํเยว กถิตธมฺมภาวํ ทสฺเสติ, ธรมานพุทฺธสทิสนฺติ วุตฺตํ ¶ โหติ. สุตฺเต หิ ปฏิพาหิเต พุทฺโธว ปฏิพาหิโต โหติ. ‘‘สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถตีติ สกวาที อตฺตโน สุตฺตํ คเหตฺวา โวหรติ. ปรวาที สุตฺตานุโลมนฺติ ¶ อฺนิกายวาที อตฺตโน นิกาเย สุตฺตานุโลมํ คเหตฺวา กเถตี’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถตีติอาทีสุ โย ยถาภูตมตฺถํ คเหตฺวา กถนสีโล, โส สกวาที. สุตฺตนฺติ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ ปาฬิวจนํ. ปรวาทีติ มหาวิหารวาสี วา โหตุ อฺนิกายวาสี วา, โย วิปรีตโต อตฺถํ คเหตฺวา กถนสีโล, โสว อิธ ‘ปรวาที’ติ วุตฺโต. สุตฺตานุโลมนฺติ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหํ วา อนารุฬฺหํ วา ยํ กิฺจิ วิปลฺลาสโต วา วฺจนาย วา ‘สงฺคีติตฺตยาคตมิท’นฺติ ทสฺสิยมานํ สุตฺตานุโลมํ. เกจิ ‘อฺนิกาเย สุตฺตานุโลม’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ สกวาทีปรวาทีนํ อุภินฺนมฺปิ สงฺคีติตฺตยารุฬฺหสุตฺตาทีนเมว คเหตพฺพโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปาฬิอาคตํ ปฺายติ, คเหตพฺพ’นฺติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕). น หิ สกวาที อฺนิกายสุตฺตาทึ ปมาณโต คณฺหาติ. เยน เตสุ สุตฺตาทีสุ ทสฺสิเตสุ ตตฺถ าตพฺพํ ภเวยฺย, วกฺขติ จ ‘ปโร ตสฺส อกปฺปิยภาวสาธกํ สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสติ…เป… สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อกปฺปิเยเยว าตพฺพ’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕), ตสฺมา ปรวาทินาปิ สงฺคีติตฺตเย อนารุฬฺหมฺปิ อนารุฬฺหมิจฺเจว ทสฺสียติ, เกวลํ ตสฺส ตสฺส สุตฺตาทิโน สงฺคีติตฺตเย อนาคตสฺส กูฏตา, อาคตสฺส จ พฺยฺชนจฺฉายาย อฺถา อธิปฺปายโยชนา จ วิเสสา, ตตฺถ จ ยํ กูฏํ, ตํ อปนียติ. ยํ อฺถา โยชิตํ, ตํ ตสฺส วิปรีตตาทสฺสนตฺถํ ตทฺเน สุตฺตาทินา ¶ สํสนฺทนา กรียติ. โย ปน ปรวาทินา คหิโต อธิปฺปาโย สุตฺตนฺตาทินา สํสนฺทติ, โส สกวาทินาปิ อตฺตโน คาหํ วิสฺสชฺเชตฺวา คเหตพฺโพติ อุภินฺนมฺปิ สงฺคีติตฺตยาคตเมว สุตฺตํ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนว กถาวตฺถุปกรเณ ‘สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานิ ปรวาเท ปฺจา’ติ, สุตฺตสหสฺสมฺปิ อธิปฺปายคฺคหณนานตฺเตน สงฺคีติตฺตยาคตเมว คหิตํ, น นิกายนฺตเร’’ติ วุตฺตํ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ปน ‘‘ปรวาทีติ อมฺหากํ สมยวิชานนโก อฺนิกายิโกติ วุตฺตํ. ปรวาที สุตฺตานุโลมนฺติ กถํ? ‘อฺตฺร อุทกทนฺตโปนา’ติ สุตฺตํ สกวาทิสฺส, ตทนุโลมโต นาฬิเกรผลสฺส อุทกมฺปิ อุทกเมว โหตีติ ปรวาที จ.
‘นาฬิเกรสฺส ¶ ยํ โตยํ, ปุราณํ ปิตฺตวฑฺฒนํ;
ตเมว ตรุณํ โตยํ, ปิตฺตฆํ พลวฑฺฒน’นฺติ. –
เอวํ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ธฺผลสฺส คติกตฺตา, อาหารตฺถสฺส จ ผรณโต ‘ยาวกาลิกเมว ต’นฺติ วทนฺโต ปฏิกฺขิปตี’’ติ. เขปํ วา ครหํ วา อกตฺวาติ ‘‘กึ อิมินา’’ติ เขปํ ปฏิกฺเขปํ ฉฑฺฑนํ วา ‘‘กิเมส พาโล วทติ, กิเมส พาโล ชานาตี’’ติ ครหํ นินฺทํ วา อกตฺวา. สุตฺตานุโลมนฺติ อตฺตนา อวุตฺตํ อฺนิกาเย สุตฺตานุโลมํ. ‘‘สุตฺเต โอตาเรตพฺพนฺติ สกวาทินา สุตฺเต โอตาเรตพฺพ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕). วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘สุตฺเต โอตาเรตพฺพนฺติ ยสฺส สุตฺตสฺส อนุโลมนโต อิทํ สุตฺตานุโลมํ อกาสิ, ตสฺมึ, ตทนุรูเป วา อฺตรสฺมึ สุตฺเต อตฺตนา คหิตํ สุตฺตานุโลมํ อตฺถโต สํสนฺทนวเสน โอตาเรตพฺพํ. ‘อิมินา จ อิมินา จ การเณน อิมสฺมึ สุตฺเต สํสนฺทตี’ติ สํสนฺเทตฺวา ทสฺเสตพฺพนฺติ อตฺโถ’’ติ ¶ วุตฺตํ. สุตฺตสฺมึเยว าตพฺพนฺติ อตฺตโน สุตฺเตเยว าตพฺพํ. อยนฺติ สกวาที. ปโรติ ปรวาที. อาจริยวาโท สุตฺเต โอตาเรตพฺโพติ ยสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนาวเสน อยํ อาจริยวาโท ปวตฺโต, ตสฺมึ, ตาทิเส จ อฺสฺมึ สุตฺเต ปุพฺพาปรอตฺถสํสนฺทนวเสน โอตาเรตพฺพํ. คารยฺหาจริยวาโทติ ปมาทลิขิโต, ภินฺนลทฺธิเกหิ จ ปิโต, เอส นโย สพฺพตฺถ.
วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๕) ปน – ปโร อาจริยวาทนฺติ ‘‘สุงฺกํ ปริหรตีติ เอตฺถ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา กิฺจาปิ ปริหรติ, อวหาโร เอวา’’ติ อฏฺกถาวจนโต ‘‘ตถา กโรนฺโต ปาราชิกมาปชฺชตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ สุตฺตํ ตตฺเถว อาคตมหาอฏฺกถาวจเนน สทฺธึ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ. ตถา กโรนฺตสฺส ทุกฺกฏเมวาติ. ปโร อตฺตโนมตินฺติ เอตฺถ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปรสนฺตกํ อวหราติ ปุเรภตฺตเมว หริสฺสามีติ วายมนฺตสฺส ปจฺฉาภตฺตํ โหติ, ปุเรภตฺตปโยโคว โส, ตสฺมา มูลฏฺโ น มุจฺจตีติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา มูลฏฺสฺส ปาราชิกเมวา’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘ตํ สงฺเกตํ ปุเร วา ปจฺฉา วา ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺตี’’ติ สุตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปติ.
ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อนิยตเหตุธมฺโม สมฺมตฺตนิยตเหตุธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ สุตฺตํ ¶ ปฏฺาเน ลิขิตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อริยมคฺคสฺส น นิพฺพานเมวารมฺมณ’’นฺติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที อารมฺมณตฺติกาทิสุตฺตานุโลเมน โอตรตีติ ปฏิกฺขิปติ. สุตฺตานุโลเม โอตรนฺตํเยว หิ สุตฺตํ นาม, เนตรํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาฬิอาคตํ ปฺายตี’’ติ เอตฺตเกนปิ ¶ สิทฺเธ ‘‘ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหํ ปาฬิอาคตํ ปฺายตี’’ติอาทิ. ตาทิสฺหิ ปมาทเลขนฺติ อาจริโย. ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) วจนโต ทินฺนโภชเน ภฺุชิตฺวา ปริสฺสยานิ ปริวชฺชิตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา วิหรนฺโต นิจฺโจ โหตีติ. เอวรูปสฺส อตฺถสฺส อารุฬฺหมฺปิ สุตฺตํ น คเหตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘โน เจ ตถา ปฺายตี’’ติ สิทฺเธปิ ‘‘โน เจ ตถา ปฺายติ, น โอตรติ น สเมตีติ. พาหิรกสุตฺตํ วา’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน สุตฺตมฺปิ อตฺเถน อสเมนฺตํ น คเหตพฺพํ. ปโร อาจริยวาทนฺติอาทีสุ ทฺวีสุ นเยสุ ปมาทเลขวเสน ตตฺถ ตตฺถ อาคตฏฺกถาวจนํ เถรวาเทหิ สทฺธึ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.
อถายํ อาจริยวาทํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตนฺติ ปรวาทินา ‘‘มูลพีชํ นาม หลิทฺทิ สิงฺคิเวรํ วจา…เป… พีเช พีชสฺี ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วา ภินฺทติ วา…เป… อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๙๑) ตุมฺหากํ ปาตฺตา ‘‘หลิทฺทิคณฺึ ฉินฺทนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺเต สกวาที ‘‘ยานิ วา ปนฺานิ อตฺถิ มูเล ชายนฺติ, มูเล สฺชายนฺตี’’ติอาทึ ทสฺเสตฺวา ตสฺส อฏฺกถาสงฺขาเตน อาจริยวาเทน ปฏิกฺขิปติ. น หิ คณฺิมฺหิ คณฺิ ชายตีติ. ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ปรวาทินา ‘‘อนาปตฺติ เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห’’ติ วจนสฺสานุโลมโต ‘‘อมฺหากํ โปราณภิกฺขู เอกปาสาเท คพฺภํ ถเกตฺวา อนุปสมฺปนฺเนน สยิตุํ วฏฺฏตีติ ตถา กตฺวา อาคตา, ตสฺมา อมฺหากํ วฏฺฏตีติ ตุมฺเหสุ เอว เอกจฺเจสุ วทนฺเตสุ ‘‘ตุมฺหากํ น กิฺจิ วตฺตุํ สกฺกา’’ติ วุตฺเต สกวาที ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลมฺจ อุคฺคหิตกานํเยว อาจริยานํ อุคฺคโห ปมาณ’’นฺติอาทิอฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา ปฏิเสเธติ. ปโร อตฺตโนมตินฺติ ‘‘ทฺวารํ ¶ วิวริตฺวา อนาปุจฺฉา สยิเตสุ เก มุจฺจนฺตี’’ติ เอตฺถ ปน ทฺเวปิ ชนา มุจฺจนฺติ – โย จ ยกฺขคหิตโก, โย จ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิโตติ ตุมฺหากํ เถรวาทตฺตา อฺเ สพฺเพปิ ยถา ตถา วา นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ.
อถ ปนายํ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตนฺติ ‘‘อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต สกวาที ‘‘ทิวา กิลนฺตรูโป มฺเจ นิสินฺโน ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวาว นิทฺทาวเสน ¶ นิปชฺชติ, ตสฺส อนาปตฺตี’’ติอาทิอฏฺกถาวจนํ ทสฺเสตฺวา เอกภงฺเคน นิปนฺนาทโยปิ มุจฺจนฺตีติ ปฏิเสเธติ.
อถายํ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตานุโลมนฺติ ‘‘โทมนสฺสมฺปาหํ เทวานมินฺท ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปีติอาทิวจเนหิ (ที. นิ. ๒.๓๖๐) สํสนฺทนโต สทารโปเส โทโส ตุมฺหากํ นตฺถิ, เตน วุตฺตํ ‘ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕) ปรวาทินา วุตฺเต ‘‘กิฺจาปิ สกวาที พหุสฺสุโต น โหติ, อถ โข ราคสหิเตเนว อกุสเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺขิปติ. เสเสสุปิ อิมินา นเยน อฺถาปิ อนุรูปโต โยเชตพฺพํ, อิทํ สพฺพํ อุปติสฺสตฺเถราทโย อาหุ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘เอตฺถ ปโรติ วุตฺโต อฺนิกายิโก, โส ปน อตฺตโน สุตฺตาทีนิเยว อาหรติ, ตานิ สกวาที อตฺตโน สุตฺตาทิมฺหิ โอตาเรตฺวา สเจ สเมติ, คณฺหาติ. โน เจ, ปฏิกฺขิปตี’’ติ วทตีติ อาคตํ.
นนุ จ ‘‘สุตฺตานุโลมโต สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘สุตฺตํ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ กสฺมา วุตฺตนฺติ? นายํ วิโรโธ, ‘‘สุตฺตานุโลมโต สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ อิทฺหิ สกมเตเยว สุตฺตํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ สกมติปริยาปนฺนเมว สุตฺตาทึ สนฺธาย ‘‘อตฺตโนมติ สพฺพทุพฺพลา, อตฺตโนมติโต อาจริยวาโท พลวตโร, อาจริยวาทโต สุตฺตานุโลมํ พลวตรํ, สุตฺตานุโลมโต สุตฺตเมว พลวตร’’นฺติ จ วุตฺตํ. อิธ ปน ปรวาทินา อานีตํ อฺนิกาเย สุตฺตํ สนฺธาย ‘‘สุตฺตานุโลเม สุตฺตํ โอตาเรตพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา ปรวาทินา อานีตํ สุตฺตาทิ อตฺตโน สุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมตีสุ โอตาเรตฺวา สเมนฺตํเยว คเหตพฺพํ, อิตรํ น คเหตพฺพนฺติ อยํ นโย อิธ วุจฺจตีติ น โกจิ ปุพฺพาปรวิโรโธติ อยํ สารตฺถทีปนิยาคโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) นโย. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘ยํ กิฺจิ กูฏสุตฺตํ พาหิรกสุตฺตาทิวจนํ น คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ สุตฺตํ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺพนฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
พาหิรกสุตฺตนฺติ ติสฺโส สงฺคีติโย อนารุฬฺหคุฬฺหเวสฺสนฺตราทีนิ จ มหาสงฺฆิกนิกายวาสีนํ สุตฺตานิ. เวทลฺลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน คุฬฺหอุมฺมคฺคาทิคฺคหณํ เวทิตพฺพํ ¶ . อิตรํ คารยฺหสุตฺตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘อตฺตโนมติยเมว าตพฺพ’’นฺติ อิมินา อฺนิกายโต อานีตสุตฺตโตปิ สกนิกาเย อตฺตโนมติเยว พลวตราติ ทสฺเสติ. ‘‘สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถติ, ปรวาที สุตฺตเมวา’’ติ เอวมาทินา สมานชาติกานํ วเสน วาโร น วุตฺโต. สุตฺตสฺส สุตฺเตเยว โอตารณํ ภินฺนํ วิย หุตฺวา น ปฺายติ, วุตฺตนเยเนว จ สกฺกา โยเชตุนฺติ.
อิทานิ สกวาทีปรวาทีนํ กปฺปิยากปฺปิยาทิภาวํ สนฺธาย วิวาเท อุปฺปนฺเน ตตฺถ ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิยนฺติ คเหตฺวา กเถตี’’ติอาทิ. อถ วา เอวํ สุตฺตสุตฺตานุโลมาทิมุเขน สามฺโต วิวาทํ ¶ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิเสสโต วิวาทวตฺถุํ ตพฺพินิจฺฉยมุเขน สุตฺตาทิฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จ โอตาเรตพฺพนฺติ สกวาทินา อตฺตโนเยว สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จ โอตาเรตพฺพํ. ปโร การณํ น วินฺทตีติ ปรวาที การณํ น ลภติ. สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสตีติ ปรวาที อตฺตโน สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ อาหริตฺวา ทสฺเสติ, ‘‘สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อกปฺปิเยเยว าตพฺพ’’นฺติ อิมินา อตฺตโน นิกาเย สุตฺตาทีนิ อลภนฺเตน สกวาทินา ปรวาทีวจเนเยว าตพฺพนฺติ วทติ. สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จาติ เอตฺถ จ-กาโร วิกปฺปนตฺโถ, เตน อาจริยวาทาทีนมฺปิ สงฺคโห. เตนาห ‘‘การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ การณนฺติ สุตฺตาทินยํ นิสฺสาย อตฺตโนมติยา อุทฺธฏํ เหตุํ. วินิจฺฉยนฺติ อฏฺกถาวินิจฺฉยํ.
ทฺวินฺนมฺปิ การณจฺฉายา ทิสฺสตีติ สกวาทีปรวาทีนํ อุภินฺนมฺปิ กปฺปิยากปฺปิยภาวสาธกํ การณปติรูปกจฺฉายา ทิสฺสติ. ตตฺถ การณจฺฉายาติ สุตฺตาทีสุ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ คาหสฺส, ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คาหสฺส จ นิมิตฺตภูเตน กิจฺเฉน ปฏิปาทนียํ อวิภูตการณํ การณจฺฉายา, การณปติรูปกนฺติ อตฺโถ. ยทิ ทฺวินฺนมฺปิ การณจฺฉายา ทิสฺสติ, กสฺมา อกปฺปิเยเยว าตพฺพนฺติ อาห ‘‘วินยฺหิ ปตฺวา’’ติอาทิ. ‘‘วินยํ ปตฺวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กปฺปิยากปฺปิยวิจารณํ อาคมฺมา’’ติ. รุนฺธิตพฺพนฺติอาทีสุ ทุพฺพิฺเยฺยวินิจฺฉเย กปฺปิยากปฺปิยภาเว สติ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ คหณํ รุนฺธิตพฺพํ, ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คหณํ คาฬฺหํ กาตพฺพํ, อปราปรปฺปวตฺตํ กปฺปิยคฺคหณํ โสตํ ปจฺฉินฺทิตพฺพํ, ครุกภาวสงฺขเต ¶ อกปฺปิเยเยว าตพฺพนฺติ อตฺโถ. อถ วา รุนฺธิตพฺพนฺติ กปฺปิยสฺาย ¶ วีติกฺกมการณํ รุนฺธิตพฺพํ, ตํนิวารณจิตฺตํ ทฬฺหตรํ กาตพฺพํ. โสตํ ปจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ ตตฺถ วีติกฺกมปฺปวตฺติ ปจฺฉินฺทิตพฺพา. ครุกภาเวติ อกปฺปิยภาเวติ อตฺโถ.
พหูหิ สุตฺตวินิจฺฉยการเณหีติ พหูหิ สุตฺเตหิ เจว ตโต อานีตวินิจฺฉยการเณหิ จ. อถ วา สุตฺเตน อฏฺกถาวินิจฺฉเยน จ ลทฺธการเณหิ. อตฺตโน คหณํ น วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ สกวาทินา อตฺตโน ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คหณํ น วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ นิคเมนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ โยติ สกวาทีปรวาทีสุ โย โกจิ. เกจิ ปน ‘‘สกวาทีสุเยว โย โกจิ อิธาธิปฺเปโต’’ติ วทนฺติ, เอวํ สนฺเต ‘‘อถ ปนายํ กปฺปิยนฺติ คเหตฺวา กเถตี’’ติอาทีสุ สพฺพตฺถ อุโภปิ สกวาทิโนเยว สิยุํ เหฏฺา วุตฺตสฺเสว นิคมนวเสน ‘‘เอว’’นฺติอาทินา วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพํ. อติเรกการณํ ลภตีติ เอตฺถ สุตฺตาทีสุ ปุริมํ ปุริมํ อติเรกการณํ นาม, โย วา สุตฺตาทีสุ จตูสุ พหุตรํ การณํ ลภติ, โส อติเรกการณํ ลภติ นาม.
สุฏฺุ ปวตฺติ เอตสฺสาติ, สุฏฺุ ปวตฺตติ สีเลนาติ วา สุปฺปวตฺติ. เตนาห ‘‘สุปฺปวตฺตีติ สุฏฺุ ปวตฺต’’นฺติ. วาจาย อุคฺคตํ วาจุคฺคตํ, วจสา สุคฺคหิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา วาจุคฺคตนฺติ วาจาย อุคฺคตํ, ตตฺถ นิรนฺตรํ ิตนฺติ อตฺโถ. สุตฺตโตติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปาฬิโต’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘สุตฺตํ นาม สกลํ วินยปิฏก’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปุน สุตฺตโตติ ตทตฺถปฏิปาทกํ สุตฺตาภิธมฺมปาฬิวจนํ อธิปฺเปตํ. อนุพฺยฺชนโสติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ปริปุจฺฉโต จ อฏฺกถาโต จา’’ติ. ปาฬึ อนุคนฺตฺวา อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ปกาสนโต ¶ ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ หิ ปริปุจฺฉา อฏฺกถา จ วุจฺจติ. เอตฺถ จ อฏฺกถาย วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ปริปุจฺฉา’’ติ เถรวาโท วุตฺโต. อถ วา ปริปุจฺฉาติ อาจริยสฺส สนฺติกา ปาฬิยา อตฺถสวนํ. อฏฺกถาติ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย. ตทุภยมฺปิ ปาฬึ อนุคนฺตฺวา อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ วุตฺตํ.
วินเยติ วินยาจาเร. เตเนว วกฺขติ ‘‘วินยํ อชหนฺโต อโวกฺกมนฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ ปติฏฺานํ นาม สฺจิจฺจ อาปตฺติยา อนาปชฺชนาทินา โหตีติ อาห ‘‘ลชฺชิภาเวน ปติฏฺิโต’’ติ, เตน ลชฺชี โหตีติ วุตฺตํ โหติ. วินยธรสฺส ลกฺขเณ วตฺตพฺเพ กึ อิมินา ลชฺชิภาเวนาติ ¶ อาห ‘‘อลชฺชี หี’’ติอาทิ. ตตฺถ พหุสฺสุโตปีติ อิมินา ปมลกฺขณสมนฺนาคมํ ทสฺเสติ. ลาภครุกตายาติ อิมินา วินเย ิตตาย อภาเว ปมลกฺขณโยคา กิจฺจกโร น โหติ, อถ โข อกิจฺจกโร อนตฺถกโร เอวาติ ทสฺเสติ. สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาเค ปวตฺตกลหสฺเสตํ อธิวจนํ สงฺฆราชีติ. กุกฺกุจฺจโกติ อณุมตฺเตสุปิ วชฺเชสุ ภยทสฺสนวเสน กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทนฺโต. ตนฺตึ อวิสํวาเทตฺวาติ ปาฬึ อฺถา อกตฺวา. อโวกฺกมนฺโตติ อนติกฺกมนฺโต.
วิตฺถุนตีติ อตฺถํ อทิสฺวา นิตฺถุนติ, วิตฺถมฺภติ วา. วิปฺผนฺทตีติ กมฺปติ. สนฺติฏฺิตุํ น สกฺโกตีติ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘ยํ ยํ ปเรน วุจฺจติ, ตํ ตํ อนุชานาตี’’ติ. สกวาทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปรวาทํ คณฺหาตีติ ‘‘อุจฺฉุมฺหิ กสฏํ ยาวชีวิกํ, รโส สตฺตาหกาลิโก, ตทุภยวินิมุตฺโต จ อุจฺฉุ นาม วิสุํ นตฺถิ, ตสฺมา อุจฺฉุปิ วิกาเล วฏฺฏตี’’ติ ปรวาทินา วุตฺเต ตมฺปิ คณฺหาติ. เอเกกโลมนฺติ ปลิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยมฺหีติ ยสฺมึ ปุคฺคเล. ปริกฺขยํ ปริยาทานนฺติ อตฺถโต เอกํ.
อาจริยปรมฺปราติ ¶ อาจริยานํ วินิจฺฉยปรมฺปรา. เตเนว วกฺขติ ‘‘อตฺตโนมตึ ปหาย…เป… ยถา อาจริโย จ อาจริยาจริโย จ ปาฬิฺจ ปริปุจฺฉฺจ วทนฺติ, ตถา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. น หิ อาจริยานํ นามมตฺตโต ปรมฺปรชานเน ปโยชนํ อตฺถิ. ปุพฺพาปรานุสนฺธิโตติ ปุพฺพวจนสฺส อปรวจเนน สห อตฺถสมฺพนฺธชานนโต. อตฺถโตติ สทฺทตฺถปิณฺฑตฺถอธิปฺเปตตฺถาทิโต. การณโตติ ตทตฺถุปปตฺติโต. อาจริยปรมฺปรนฺติ อิมสฺเสว เววจนํ ‘‘เถรวาทงฺค’’นฺติ, เถรปฏิปาฏินฺติ อตฺโถ. ทฺเว ตโย ปริวฏฺฏาติ ทฺเว ตโย ปรมฺปรา.
อิเมหิ จ ปน ตีหิ ลกฺขเณหีติ เอตฺถ ปเมน ลกฺขเณน วินยสฺส สุฏฺุ อุคฺคหิตภาโว วุตฺโต, ทุติเยน ตตฺถ ลชฺชิภาเวน เจว อจลตาย จ สุปฺปติฏฺิตตา, ตติเยน ปาฬิอฏฺกถาสุ สรูเปน อนาคตานมฺปิ ตทนุโลมโต อาจริเยหิ ทินฺนนยโต วินิจฺฉินิตุํ สมตฺถตา. โอติณฺเณ วตฺถุสฺมินฺติ โจทนาวเสน วีติกฺกมวตฺถุสฺมึ สงฺฆมชฺเฌ โอติณฺเณ. โจทเกน จ จุทิตเกน จ วุตฺเต วตฺตพฺเพติ เอวํ โอติณฺณวตฺถุํ นิสฺสาย โจทเกน ‘‘ทิฏฺํ สุต’’นฺติอาทินา, จุทิตเกน ‘‘อตฺถี’’ติอาทินา จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตสฺมึ วตฺตพฺเพ วุตฺเตติ อตฺโถ. วตฺถุ โอโลเกตพฺพนฺติ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุ โอโลเกตพฺพํ. ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน ¶ วา…เป… โย อาคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ หิทํ นิสฺสคฺคิเย อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส (ปารา. ๕๑๗) วตฺถุสฺมึ ปฺตฺตํ.
ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตาปตฺตีนํ มาติกาย อนาคตตฺตา ‘‘ปฺจนฺนํ อาปตฺตีนํ อฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. ติกทุกฺกฏนฺติ ‘‘อนุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺี อุชฺฌายติ ขียติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๐๖) อาคตํ ติกทุกฺกฏํ. อฺตรํ วา อาปตฺตินฺติ ¶ ‘‘กาเล วิกาลสฺี, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, กาเล เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิกํ (ปาจิ. ๒๕๐) ทุกทุกฺกฏํ สนฺธาย วุตฺตํ.
อนฺตราปตฺตินฺติ เอตฺถ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาคตวตฺถุวีติกฺกมํ วินา อฺสฺมึ วตฺถุวีติกฺกเม นิทานโต ปภุติ วินีตวตฺถุปริโยสานา อนฺตรนฺตรา วุตฺตา อาปตฺติ. อิธ ปน ‘‘วตฺถุํ โอโลเกตี’’ติ วิสุํ คหิตตฺตา ตทวเสสา อนฺตราปตฺตีติ คหิตา. ปฏิลาตํ อุกฺขิปตีติ อิทมฺปิ วิสิพฺพนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๓๕๐) อาคตํ, ตตฺถ ฑยฺหมานํ อลาตํ อคฺคิกปาลาทิโต พหิ ปติตํ อวิชฺฌาตเมว ปฏิอุกฺขิปติ, ปุน ยถาาเน เปตีติ อตฺโถ. วิชฺฌาตํ ปน ปฏิกฺขิปนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว.
อนาปตฺตินฺติ เอตฺถ อนฺตรนฺตรา วุตฺตา อนาปตฺติปิ อตฺถิ, ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, อิทฺธิมสฺส อิทฺธิวิสเย’’ติอาทิ วิย สาปิ สงฺคยฺหติ. สิกฺขาปทนฺตเรสูติ วินีตวตฺถุํ อนฺโตกตฺวา เอเกกสฺมึ สิกฺขาปทนฺตเร.
ปาราชิกาปตฺตีติ น วตฺตพฺพนฺติ อิทํ อาปนฺนปุคฺคเลน ลชฺชิธมฺเม ตฺวา ยถาภูตํ อาวิกรเณปิ ทุพฺพินิจฺฉยํ อทินฺนาทานาทึ สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ปน เมถุนาทีสุ วิชานนํ, ตํ วตฺตพฺพเมว. เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมวีติกฺกโม หี’’ติอาทิ. โย ปน อลชฺชิตาย ปฏิฺํ อทตฺวา วิกฺเขปํ กโรติ, ตสฺส อาปตฺติ น สกฺกา โอฬาริกาปิ วินิจฺฉินิตุํ. ยาว โส ยถาภูตํ นาวิกโรติ, สงฺฆสฺส จ อาปตฺติสนฺเทโห น วิคจฺฉติ, ตาว นาสิตโกว ภวิสฺสติ. สุขุมาติ อตฺตโนปิ ทุวิฺเยฺยสภาวสฺส ลหุปริวตฺติโน จิตฺตสฺส สีฆปริวตฺติตาย วุตฺตํ. สุขุมาติ วา จิตฺตปริวตฺติยา สุขุมตาย สุขุมา. เตนาห ‘‘จิตฺตลหุกา’’ติ, จิตฺตํ วิย ¶ ลหุกาติ อตฺโถ. อถ วา จิตฺตํ ลหุ สีฆปริวตฺติ เอเตสนฺติ ¶ จิตฺตลหุกา. เตติ เต วีติกฺกเม. ตํวตฺถุกนฺติ เต อทินฺนาทานมนอุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา วตฺถุ อธิฏฺานํ การณเมตสฺสาติ ตํวตฺถุกํ.
ยํ อาจริโย ภณติ, ตํ กโรหีติอาทิ สพฺพํ ลชฺชีเปสลํ กุกฺกุจฺจกเมว สนฺธาย วุตฺตํ. โย ยาถาวโต ปกาเสตฺวา สุทฺธิเมว คเวสติ, เตนปิ. ปาราชิโกสีติ น วตฺตพฺโพติ อนาปตฺติโกฏิยาปิ สงฺกิยมานตฺตา วุตฺตํ. เตเนว ‘‘ปาราชิกจฺฉายา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สีลานิ โสเธตฺวาติ ยํวตฺถุกํ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ, ตํ อมนสิกริตฺวา อวเสสสีลานิ โสเธตฺวา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ, วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ปน ‘‘สีลานิ โสเธตฺวาติ ยสฺมึ วีติกฺกเม ปาราชิกาสงฺกา วตฺตติ, ตตฺถ ปาราชิกาภาวปกฺขํ คเหตฺวา เทสนาวุฏฺานคามินีนํ อาปตฺตีนํ โสธนวเสน สีลานิ โสเธตฺวา’’ติ. ปากฏภาวโต สุขวลฺชตาย จ ‘‘ทฺวตฺตึสาการํ ตาว มนสิ กโรหี’’ติ วุตฺตํ, อุปลกฺขณวเสน วา. อฺสฺมึ กมฺมฏฺาเน กตปริจเยน ตเมว มนสิ กาตพฺพํ. ยํ กิฺจิ วา อภิรุจิตํ มนสิ กาตุํ วฏฺฏเตว. กมฺมฏฺานํ ฆฏยตีติ อนฺตรนฺตรา ขณฺฑํ อทสฺเสตฺวา จิตฺเตน สทฺธึ อารมฺมณภาเวน จิรกาลํ ฆฏยติ. สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานิโก เจ, ตสฺส สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ.
สเจ กตปาราชิกวีติกฺกโม ภเวยฺย, ตสฺส สติปิ อสริตุกามตาย วิปฺปฏิสารวตฺถุวเสน ปุนปฺปุนํ ตํ อุปฏฺหตีติ จิตฺเตกคฺคตํ น วินฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตี’’ติอาทิ. กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตีติ จิตฺตกฺโขภาทิพหุลสฺส สุทฺธสีลสฺสปิ จิตฺตํ น สมาธิยติ, ตํ อิธ ¶ ปาราชิกมูลนฺติ น คเหตพฺพํ. กตปาปมูลเกน วิปฺปฏิสาเรเนเวตฺถ จิตฺตสฺส อสมาธิยนํ สนฺธาย ‘‘กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘วิปฺปฏิสารคฺคินา’’ติอาทิ. อตฺตนาติ จิตฺเตน กรณภูเตน ปุคฺคโล กตฺตา ชานาติ, ปจฺจตฺเต วา กรณวจนํ, อตฺตา สยํ ชานาตีติ อตฺโถ. อฺา จ เทวตา ชานนฺตีติ อารกฺขเทวตาหิ อฺา ปรจิตฺตวิทุนิโย เทวตา ชานนฺติ.
อิมสฺมึ าเน ปณฺฑิเตหิ วิจาเรตพฺพํ การณํ อตฺถิ. กถํ? อิทานิ เอกจฺเจ วินยธรา ปมปาราชิกวิสเย วตฺถุมฺหิ โอติณฺเณ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา โจทิยมาเน จุทิตกํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิตฺวา ปฏิฺาย อทียมานาย ตํ ภิกฺขุํ สุสาเน เอกกเมว ¶ สยาเปนฺติ, เอวํ สยาปิยมาโน โส ภิกฺขุ สเจ ภยสนฺตาสวิรหิโต สพฺพรตฺตึ ตสฺมึ สุสาเน สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺโกติ, ตํ ‘‘ปริสุทฺโธ เอโส’’ติ วินิจฺฉินนฺติ. สเจ ปน ภยสนฺตาสปฺปตฺโต สพฺพรตฺตึ สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา น สกฺโกติ, ตํ ‘‘อสุทฺโธ’’ติ วินิจฺฉินนฺติ, ตํ อยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. กสฺมาติ เจ? อฏฺกถาย วิรุทฺโธติ, อฏฺกถายํ ทุติยตติยปาราชิกวิสเย เอว ตถารูโป วิจาโร วุตฺโต, น ปมจตอุตฺถปาราชิกวิสเย. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เมถุนธมฺมวีติกฺกโม หิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวีติกฺกโม จ โอฬาริโก, อทินฺนาทานมนุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา ปน สุขุมา จิตฺตลหุกา, เต สุขุเมเนว อาปชฺชติ, สุขุเมน รกฺขติ, ตสฺมา วิเสเสน ตํวตฺถุกํ กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิยมาโน’’ติ. ฏีกายฺจ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) วุตฺตํ ‘‘ตํวตฺถุกนฺติ เต อทินฺนาทานมนุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา วตฺถุ อธิฏฺานํ การณเมตสฺสาติ ตํวตฺถุก’’นฺติ, อิทมฺปิ เอกํ การณํ.
ตตฺถาปิ ¶ อฺเ ปณฺฑิเตปิ วินิจฺฉินาเปตฺวา เตสมฺปิ ปาราชิกจฺฉายาทิสฺสเนเยว ตถา วินิจฺฉโย กาตพฺโพ, น สุทฺธภาวทิสฺสเน. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘อาปตฺตีติ อวตฺวา ‘สจสฺส อาจริโย ธรติ…เป… อถ ทหรสฺสปิ ปาราชิกจฺฉายาว อุปฏฺาติ, เตนปิ ‘ปาราชิโกสี’ติ น วตฺตพฺโพ. ทุลฺลโภ หิ พุทฺธุปฺปาโท, ตโต ทุลฺลภตรา ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ, เอวํ ปน วตฺตพฺพ’’นฺติ, อิทเมกํ. นิสีทาปิยมาโนปิ วิวิตฺโตกาเสเยว นิสีทาเปตพฺโพ, น สุสาเน. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา’’ติอาทิ, อิทเมกํ. วิวิตฺโตกาเส นิสีทาปิยมาโนปิ ทิวาเยว นิสีทาเปตพฺโพ, น รตฺตึ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทิวสํ อติกฺกนฺตมฺปิ น ชานาติ, โส ทิวสาติกฺกเม อุปฏฺานํ อาคโต เอวํ วตฺตพฺโพ’’ติ, อิทเมกํ.
อีทิสํ วิธานํ สยํ อาโรจิเต เอว วิธาตพฺพํ, น ปเรหิ โจทิยมาเน. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ กตวีติกฺกเมน ภิกฺขุนา สยเมว อาคนฺตฺวา อาโรจิเต ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ. อถ กสฺมา อิทานิ เอวํ กโรนฺตีติ? คิหีนํ อสกฺขิกอฏฺฏกรเณ อุทเก นิมุชฺชาปนํ วิย มฺมานา เอวํ กโรนฺติ. ตมฺปิ มายากุสลา มนุสฺสา วิวิเธหิ อุปาเยหิ วิตถํ กโรนฺติ, ตสฺมา สจฺจมฺปิ โหติ, อสจฺจมฺปิ โหติ. เตเนว จ การเณน มโหสธปณฺฑิตาทโย โพธิสตฺตา อสกฺขิกมฺปิ อฏฺฏํ อุทกนิมุชฺชาปนาทินา น วินิจฺฉินนฺติ, อุภินฺนํ วจนํ ปริสํ คาหาเปตฺวา เตสํ วจนฺจ กิริยฺจ ปริคฺคเหตฺวา สจฺจฺจ วิตถฺจ ตฺวาว วินิจฺฉินนฺติ. สาสเน ¶ ปน ภิกฺขู สูรชาติกาปิ สนฺติ, ภีรุกชาติกาปิ สนฺติ. สุสานฺจ นาม ปกติมนุสฺสานมฺปิ ภยสนฺตาสกรํ โหติ, รตฺติกาเล ปน อติวิย ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาติ ¶ , เอวํภูเต สุสาเน รตฺติยํ เอโก อสหาโย หุตฺวา นิปชฺชาปิยมาโน ภีรุกชาติโก ภิกฺขุ ปริสุทฺธสีโลปิ สมาโน กึ น ภาเยยฺย, กถํ สพฺพรตฺตึ สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺกุเณยฺย, ตถารูปํ ภิกฺขุํ ‘‘อปริสุทฺโธ’’ติ วทนฺโต กถํ กิจฺจกโร ภวิสฺสติ.
อลชฺชี ปน สูรชาติโก อตฺตโน วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทตุกาโม ภายนฺโตปิ อภายนฺโต วิย หุตฺวา ‘‘สเจ วิการํ ทสฺเสสฺสามิ, อนตฺถํ เม กริสฺสนฺตี’’ติ อนตฺถภเยน อธิวาเสตฺวา สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺกุเณยฺย, เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘ปริสุทฺโธ’’ติ วทนฺโต กถํ สุวินิจฺฉิโต ภวิสฺสตีติ. อิทมฺปิ เอกํ การณํ.
อถาปิ วเทยฺยุํ – ยถา อุทเก นิมุชฺชาปิตมนุสฺสานํ อสจฺจวาทีนํ เทวตานุภาเวน กุมฺภีลาทโย อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตา วิย อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา อสจฺจวาทิโน สีฆํ ปฺลวนฺติ, สจฺจวาทีนํ ปน น อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา เต สุเขน นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, เอวํ เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ อปริสุทฺธสีลานํ เทวตานุภาเวน สีหพฺยคฺฆาทโย อาคตา วิย ปฺายนฺติ, ตสฺมา เต สพฺพรตฺตึ สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา น สกฺโกนฺติ. ปริสุทฺธสีลานํ ปน ตถา น ปฺายนฺติ, ตสฺมา เต สพฺพรตฺตึ เทวตาหิ รกฺขิตา หุตฺวา ภยสนฺตาสรหิตา สุสาเน สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา สกฺโกนฺติ, เอวํ เทวตา สกฺขึ กตฺวา วินิจฺฉิตตฺตา สุวินิจฺฉิตเมว โหตีติ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. กสฺมา? อฏฺกถาฏีกาทีสุ ตถา อวุตฺตตฺตา. อฏฺกถายฺหิ ‘‘วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา ‘ทฺวตฺตึสาการํ ตาว มนสิกโรหี’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ ตสฺส อโรคํ สีลํ กมฺมฏฺานํ ฆฏยติ, สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, อุปจารปฺปนาปฺปตฺตํ วิย จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ทิวสํ อติกฺกนฺตมฺปิ น ชานาติ…เป… ยสฺส ปน สีลํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส กมฺมฏฺานํ น ¶ ฆฏยติ, ปโตทาภิตุนฺนํ วิย จิตฺตํ กมฺปติ, วิปฺปฏิสารคฺคินา ฑยฺหติ, ตตฺตปาสาเณ นิสินฺโน วิย ตงฺขณฺเว วุฏฺาตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
ฏีกายมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) ‘‘กมฺมฏฺานํ ฆฏยตีติ อนฺตรนฺตรา ขณฺฑํ อทสฺเสตฺวา จิตฺเตน สทฺธึ อารมฺมณภาเวน จิรกาลํ ฆฏยติ. สงฺขารา ปากฏา อุปฏฺหนฺตีติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานิโก ¶ เจ, ตสฺส สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. สเจ กตปาราชิกวีติกฺกโม ภเวยฺย, ตสฺส สติปิ อสริตุกามตาย วิปฺปฏิสารวตฺถุวเสน ปุนปฺปุนํ ตํ อุปฏฺหตีติ จิตฺเตกคฺคตํ น วินฺทตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๔๕) ‘‘กมฺมฏฺานํ ฆฏยตีติ วิปฺปฏิสารมูลเกน วิกฺเขเปน อนฺตรนฺตรา ขณฺฑํ อทสฺเสตฺวา ปพนฺธวเสน จิตฺเตน สงฺฆฏยติ. สงฺขาราติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานวเสน วุตฺตํ. สาปตฺติกสฺส หิ ปคุณมฺปิ กมฺมฏฺานํ น สุฏฺุ อุปฏฺาติ. ปเคว ปาราชิกสฺส. ตสฺส หิ วิปฺปฏิสารนินฺนตาย จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ. เอกสฺส ปน วิตกฺกวิกฺเขปาทิพหุลสฺส สุทฺธสีลสฺสปิ จิตฺตํ น สมาธิยติ, ตํ อิธ ปาราชิกมูลนฺติ น คเหตพฺพํ. กตปาปมูลเกน วิปฺปฏิสาเรเนเวตฺถ จิตฺตสฺส อสมาธิยนํ สนฺธาย ‘กมฺมฏฺานํ น ฆฏยตี’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘เทวตานุภาเวนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ยทิ พุทฺธสาสเน สคารโว สิกฺขากาโม ภิกฺขุ ทุติยตติยปาราชิกวิสเย อตฺตโน กฺจิ วีติกฺกมํ ทิสฺวา ‘‘ปาราชิกํ อาปนฺโน นุ โข อหํ, น นุ โข’’ติ สํสยปกฺขนฺโท วินยธรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วีติกฺกมํ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตฺวา ปุจฺเฉยฺย, ตโต วินยธเรน อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ‘‘สพฺพํ ปุพฺพวิธานํ กตฺวา วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา ทฺวตฺตึสากาเร ตาว มนสิกโรหี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺโพ ¶ , น วตฺตพฺโพ ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปหี’’ติอาทิ. อาคตกาเลปิ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา อฏฺกถายํ อาคตนเยเนวสฺส สุทฺธาสุทฺธภาโว วตฺตพฺโพติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเต อิทานิ ปมปาราชิกวิสเย โจเทนฺตานํ กถํ วินิจฺฉโย กาตพฺโพติ? โจทเกน วตฺถุสฺมึ อาโรจิเต จุทิตโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘สนฺตเมตํ, โน’’ติ เอวํ วตฺถุํ อุปปริกฺขิตฺวา ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา สาเรตฺวา ตฺติสมฺปทาย อนุสฺสาวนสมฺปทาย ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ. เอวมฺปิ อลชฺชี นาม ‘‘เอตมฺปิ นตฺถิ, เอตมฺปิ นตฺถี’’ติ วเทยฺย, ปฏิฺํ น ทเทยฺย, อถ กึ กาตพฺพนฺติ? เอวมฺปิ อลชฺชิสฺส ปฏิฺาย เอว อาปตฺติยา กาเรตพฺพํ ยถา ตํ ติปิฏกจูฬาภยตฺเถเรนาติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) ‘‘เอวํ ลชฺชินา โจทิยมาโน อลชฺชี พหูสุปิ วตฺถูสุ อุปฺปนฺเนสุ ปฏิฺํ น เทติ, โส ‘เนว สุทฺโธ’ติ วตฺตพฺโพ, น ‘อสุทฺโธ’ติ, ชีวมตโก นาม อามกปูติโก นาม ¶ เจส. สเจ ปนสฺส อฺมฺปิ ตาทิสํ วตฺถุ อุปฺปชฺชติ, น วินิจฺฉิตพฺพํ, ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตี’’ติอาทิ.
๒๓๕. เอวํ วินยธรลกฺขณฺจ ฉฏฺานโอโลกนฺจ วิทิตฺวา อิทานิ…เป… วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ โยชนา. กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘ยา สา…เป… ชานนตฺถ’’นฺติ. ยา สา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา โจทนา อตฺถิ, ตสฺสาเยว สมฺปตฺติวิปตฺติชานนตฺถํ อาทิมชฺฌปอโยสานาทีนํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ, น อวุตฺตโจทนาปเภทชานนตฺถนฺติ อตฺโถ. เสยฺยถิทนฺติ ปุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, โส วินิจฺฉโย กตโมติ อตฺโถ.
โจทนาย ¶ กติ มูลานิ, กติ วตฺถูนิ, กติ ภูมิโยติ เอตฺถ ‘‘กติหากาเรหี’’ติปิ วตฺตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๖๒) โจทนากณฺเฑ ‘‘โจทนาย กติ มูลานิ, กติ วตฺถูนิ, กติ ภูมิโย, กติหากาเรหิ โจเทตี’’ติ. เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโรติ เอตสฺสปิ ปรโต ‘‘โจทนาย อิมา ปฺจ ภูมิโย. กตเมหิ ทฺวีหากาเรหิ โจเทติ, กาเยน วา โจเทติ, วาจาย วา โจเทติ, อิเมหิ ทฺวีหากาเรหิ โจเทตี’’ติ วตฺตพฺพํ. กสฺมา? โจทนากณฺเฑ (ปริ. ๓๖๒) ตถา วิชฺชมานโตติ. ปนฺนรสสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาตพฺพนฺติ ปริสุทฺธกายสมาจารตา, ปริสุทฺธวจีสมาจารตา, เมตฺตจิตฺเต ปจฺจุปฏฺิตตา, พหุสฺสุตตา, อุภยปาติโมกฺขสฺวาคตตา, กาเลน วจนตา, ภูเตน วจนตา, สณฺเหน วจนตา, อตฺถสฺหิเตน วจนตา, เมตฺตจิตฺโต หุตฺวา วจนตา, การฺุตา, หิเตสิตา, อนุกมฺปตา, อาปตฺติวุฏฺานตา, วินยปุเรกฺขารตาติ. วุตฺตฺเหตํ อุปาลิปฺจเก (ปริ. ๔๓๖) ‘‘โจทเกนุปาลิ ภิกฺขุนา ปรํ โจเทตุกาเมน เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ปริสุทฺธกายสมาจาโร นุ โขมฺหิ…เป… ปริสุทฺธวจีสมาจาโร นุ โขมฺหิ…เป… เมตฺตํ นุ โข เม จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ สพฺรหฺมจารีสุ…เป… พหุสฺสุโต นุ โขมฺหิ สุตธโร สุตสนฺนิจโย…เป… อุภยานิ โข เม ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ…เป… กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลน, ภูเตน วกฺขามิ, โน อภูเตน, สณฺเหน วกฺขามิ, โน ผรุเสน, อตฺถสฺหิเตน วกฺขามิ, โน อนตฺถสฺหิเตน, เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโร…เป… การฺุตา, หิเตสิตา, อนุกมฺปตา, อาปตฺติวุฏฺานตา, วินยปุเรกฺขารตา’’ติ.
ตตฺถ การฺุตาติ การุณิกภาโว. อิมินา กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ ทสฺสิโต ¶ . หิเตสิตาติ หิตคเวสนตา ¶ . อนุกมฺปตาติ เตน หิเตน สํโยชนตา. อาปตฺติวุฏฺานตาติ อาปตฺติโต วุฏฺาเปตฺวา สุทฺธนฺเต ปติฏฺาปนตา. วตฺถุํ โจเทตฺวา สาเรตฺวา ปฏิฺํ อาโรเปตฺวา ยถาปฏิฺาย กมฺมกรณํ วินยปุเรกฺขารตา นาม. อมูลกมฺปิ สมูลกมฺปิ ‘‘มูล’’นฺติ คเหตฺวา วทนฺตีติ อาห ‘‘ทฺเว มูลานี’’ติ. กาเลน วกฺขามีติอาทีสุ เอโก เอกํ โอกาสํ กาเรตฺวา โจเทนฺโต กาเลน วทติ นาม. สงฺฆมชฺเฌ คณมชฺเฌ สลากคฺคยาคุอคฺควิตกฺกมาฬกภิกฺขาจารมคฺคอาสนสาลาทีสุ, อุปฏฺาเกหิ ปริวาริตกฺขเณ วา โจเทนฺโต อกาเลน วทติ นาม. ตจฺเฉน วตฺถุนา โจเทนฺโต ภูเตน วทติ นาม. ตุจฺเฉน โจเทนฺโต อภูเตน วทติ นาม. ‘‘อมฺโภ มหลฺลก ปริสาวจร ปํสุกูลิก ธมฺมกถิก ปติรูปํ ตว อิท’’นฺติ วทนฺโต ผรุเสน วทติ นาม. ‘‘ภนฺเต, มหลฺลกา ปริสาวจรา ปํสุกูลิกา ธมฺมกถิกา ปติรูปํ ตุมฺหากํ อิท’’นฺติ วทนฺโต สณฺเหน วทติ นาม. การณนิสฺสิตํ กตฺวา วทนฺโต อตฺถสฺหิเตน วทติ นาม. เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโรติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา วกฺขามิ, น ทุฏฺจิตฺโต หุตฺวา. สจฺเจ จ อกุปฺเป จาติ วจีสจฺเจ จ อกุปฺปตาย จ. จุทิตเกน หิ สจฺจฺจ วตฺตพฺพํ, โกโป จ น กาตพฺโพ, อตฺตนา จ น กุจฺฉิตพฺพํ, ปโร จ น ฆฏฺเฏตพฺโพติ อตฺโถ.
อิมสฺมึ าเน ‘‘สงฺเฆน โอติณฺณาโนติณฺณํ ชานิตพฺพํ – อนุวิชฺชเกน เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โจทนากณฺเฑ (ปริ. ๓๖๓) ‘‘โจทเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? จุทิตเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? อนุวิชฺชเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ? โจทเกน ¶ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? โจทเกน ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย ปโร โจเทตพฺโพ. กาเลน วกฺขามิ โน อกาเลน, ภูเตน วกฺขามิ โน อภูเตน, สณฺเหน วกฺขามิ โน ผรุเสน, อตฺถสฺหิเตน วกฺขามิ โน อนตฺถสฺหิเตน, เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ โน โทสนฺตโรติ. โจทเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. จุทิตเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? จุทิตเกน ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาตพฺพํ สจฺเจ จ อกุปฺเป จ. จุทิตเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. สงฺเฆน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? สงฺเฆน โอติณฺณาโนติณฺณํ ชานิตพฺพํ. สงฺเฆน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อนุวิชฺชเกน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? อนุวิชฺชเกน เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ. อนุวิชฺชเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ.
อฏฺกถายมฺปิ ¶ (ปริ. อฏฺ. ๓๖๒-๓๖๓) ‘‘โจทนาย โก อาทีติอาทิปุจฺฉานํ วิสฺสชฺชเน สจฺเจ อกุปฺเป จาติ เอตฺถ สจฺเจ ปติฏฺาตพฺพํ อกุปฺเป จ, ยํ กตํ วา อกตํ วา, ตเทว วตฺตพฺพํ, น โจทเก วา อนุวิชฺชเก วา สงฺเฆ วา โกโป อุปฺปาเทตพฺโพ. โอติณฺณาโนติณฺณํ ชานิตพฺพนฺติ โอติณฺณฺจ อโนติณฺณฺจ วจนํ ชานิตพฺพํ. ตตฺรายํ ชานนวิธิ – เอตฺตกา โจทกสฺส ปุพฺพกถา, เอตฺตกา ปจฺฉิมกถา, เอตฺตกา จุทิตกสฺส ปุพฺพกถา, เอตฺตกา ปจฺฉิมกถาติ ชานิตพฺพา. โจทกสฺส ปมาณํ คณฺหิตพฺพํ, จุทิตกสฺส ปมาณํ คณฺหิตพฺพํ, อนุวิชฺชกสฺส ปมาณํ คณฺหิตพฺพํ. อนุวิชฺชโก อปฺปมตฺตกมฺปิ อหาเปนฺโต ‘อาวุโส, สมนฺนาหริตฺวา อุชุํ กตฺวา อาหรา’ติ วตฺตพฺโพ, สงฺเฆน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมตีติ เอตฺถ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนนฺติ ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา ¶ จ. เอเตน หิ ธมฺเมน จ วินเยน จ สตฺถุสาสเนน จ อธิกรณํ วูปสมฺมติ, ตสฺมา อนุวิชฺชเกน ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา อาปตฺตึ สาเรตฺวา ตฺติสมฺปทาย เจว อนุสฺสาวนสมฺปทาย จ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ, อนุวิชฺชเกน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อาคตํ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมตฺตกํ ทฺวยนฺติ.
เอวํ เอกเทเสน โจทนากณฺฑนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอกเทเสเนว มหาสงฺคามนยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุวิชฺชเกน โจทโก ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมํ ภิกฺขุํ โจเทสิ, กิมฺหิ นํ โจเทสีติ โจทนาสามฺโต วุตฺตํ, ปาฬิยํ (มหาว. ๒๓๗) ปน ปวารณฏฺปนวเสน โจทนํ สนฺธาย ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ เปสี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอวํ เอกเทเสน มหาสงฺคามนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอกเทเสเนว จูฬสงฺคามนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนาติ สงฺคาโม วุจฺจติ อธิกรณวินิจฺฉยตฺถาย สงฺฆสนฺนิปาโต. ตตฺร หิ อตฺตปจฺจตฺถิกา เจว สาสนปจฺจตฺถิกา จ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺตา สโมสรนฺติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิย. โย ภิกฺขุ เตสํ ปจฺจตฺถิกานํ ลทฺธึ มทฺทิตฺวา สกวาททีปนตฺถาย ตตฺถ อวจรติ, อชฺโฌคาเหตฺวา วินิจฺฉยํ ปวตฺเตติ, โส สงฺคามาวจโร นาม ยสตฺเถโร วิย, เตน สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมนฺเตน นีจจิตฺเตน สงฺโฆ อุปสงฺกมิตพฺโพ. นีจจิตฺเตนาติ มานทฺธชํ นิปาเตตฺวา นิหตมานจิตฺเตน ¶ . รโชหรณสเมนาติ ปาทปฺุฉนสเมน, ยถา รโชหรณสฺส สํกิลิฏฺเ วา อสํกิลิฏฺเ วา ปาเท ปฺุฉิยมาเน ¶ เนว ราโค น โทโส, เอวํ อิฏฺานิฏฺเสุ อรชฺชนฺเตน อทุสฺสนฺเตนาติ อตฺโถ. ยถาปติรูเป อาสเนติ ยถาปติรูปํ อาสนํ ตฺวา อตฺตโน ปาปุณนฏฺาเน เถรานํ ภิกฺขูนํ ปิฏฺึ อทสฺเสตฺวา นิสีทิตพฺพํ.
อนานากถิเกนาติ นานาวิธํ ตํ ตํ อนตฺถกถํ อกเถนฺเตน. อติรจฺฉานกถิเกนาติ ทิฏฺสุตมุตมฺปิ ราชกถาทิกํ ติรจฺฉานกถํ อกเถนฺเตน. สามํ วา ธมฺโม ภาสิตพฺโพติ สงฺฆสนฺนิปาตฏฺาเน กปฺปิยากปฺปิยสนฺนิสฺสิตา วา รูปารูปปริจฺเฉทสมถจารวิปสฺสนาจารฏฺานนิสชฺชวตฺตาทินิสฺสิตา วา กถา ธมฺโม นาม. เอวรูโป ธมฺโม สยํ วา ภาสิตพฺโพ, ปโร วา อชฺเฌสิตพฺโพ. โย ภิกฺขุ ตถารูปึ กถํ กเถตุํ ปโหติ, โส วตฺตพฺโพ ‘‘อาวุโส, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปฺเห อุปฺปนฺเน ตฺวํ กเถยฺยาสี’’ติ. อริโย วา ตุณฺหีภาโว นาติมฺิตพฺโพติ อริยา ตุณฺหี นิสีทนฺตา น พาลปุถุชฺชนา วิย นิสีทนฺติ, อฺตรํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว นิสีทนฺติ. อิติ กมฺมฏฺานมนสิการวเสน ตุณฺหีภาโว อริโย ตุณฺหีภาโว นาม, โส นาติมฺิตพฺโพ, ‘‘กึ กมฺมฏฺานานุโยเคนา’’ติ นาวชานิตพฺโพ, อตฺตโน ปติรูปํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว นิสีทิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
น อุปชฺฌาโย ปุจฺฉิตพฺโพติ ‘‘โก นาม ตุยฺหํ อุปชฺฌาโย’’ติ น ปุจฺฉิตพฺโพ. เอส นโย สพฺพตฺถ. น ชาตีติ ‘‘ขตฺติยชาติโย ตฺวํ พฺราหฺมณชาติโย’’ติ เอวํ ชาติ น ปุจฺฉิตพฺพา. น อาคโมติ ‘‘ทีฆภาณโก ตฺวํ มชฺฌิมภาณโก’’ติ เอวํ อาคโม น ปุจฺฉิตพฺโพ. กุลปเทโสปิ ขตฺติยกุลาทิวเสเนว เวทิตพฺโพ. อตฺรสฺส เปมํ วา โทโส วาติ ตตฺร ปุคฺคเล เอเตสํ การณานํ อฺตรวเสน เปมํ วา ภเวยฺย โทโส วา.
โน ¶ ปริสกปฺปิเกนาติ ปริสกปฺปเกน ปริสานุวิธายเกน น ภวิตพฺพํ, ยํ ปริสาย รุจฺจติ, ตเทว เจเตตฺวา กปฺเปตฺวา น กเถตพฺพนฺติ อตฺโถ. น หตฺถมุทฺทา ทสฺเสตพฺพาติ กเถตพฺเพ จ อกเถตพฺเพ จ สฺาชนนตฺถํ หตฺถวิกาโร น กาตพฺโพ.
อตฺถํ อนุวิธิยนฺเตนาติ วินิจฺฉยปฏิเวธเมว สลฺลกฺเขนฺเตน, ‘‘อิทํ สุตฺตํ อุปลพฺภติ, อิมสฺมึ วินิจฺฉเย อิทํ วกฺขามี’’ติ เอวํ ปริตุลยนฺเตน นิสีทิตพฺพนฺติ อตฺโถ. น จ อาสนา ¶ วุฏฺาตพฺพนฺติ น อาสนา วุฏฺาย สนฺนิปาตมณฺฑเล วิจริตพฺพํ. วินยธเร หิ อุฏฺิเต สพฺพา ปริสา วุฏฺหนฺติ, ตสฺมา น วุฏฺาตพฺพํ. น วีติหาตพฺพนฺติ น วินิจฺฉโย หาเปตพฺโพ. น กุมฺมคฺโค เสวิตพฺโพติ น อาปตฺติ ทีเปตพฺพา. อสาหสิเกน ภวิตพฺพนฺติ น สหสา การินา ภวิตพฺพํ, น สหสา ทุรุตฺตวจนํ กเถตพฺพนฺติ อตฺโถ. วจนกฺขเมนาติ ทุรุตฺตวาจํ ขมนสีเลน. หิตปริสกฺกินาติ หิเตสินา หิตคเวสินา กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ อุปฏฺาเปตพฺโพติ อยํ ปททฺวเยปิ อธิปฺปาโย. อนสุรุตฺเตนาติ น อสุรุตฺเตน, อสุรุตฺตํ วุจฺจติ วิคฺคาหิกกถาสงฺขาตํ อสุนฺทรวจนํ, ตํ น กเถตพฺพนฺติ อตฺโถ. อตฺตา ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘วินิจฺฉินิตุํ วูปสเมตุํ สกฺขิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ เอวํ อตฺตา ปริคฺคเหตพฺโพ, อตฺตโน ปมาณํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปโร ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘ลชฺชิยา นุ โข อยํ ปริสา สกฺกา สฺาเปตุํ, อุทาหุ โน’’ติ เอวํ ปโร ปริคฺคเหตพฺโพ. โจทโก ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘ธมฺมโจทโก นุ โข, โน’’ติ เอวํ ปริคฺคเหตพฺโพ. จุทิตโก ปริคฺคเหตพฺโพติ ‘‘ธมฺมจุทิตโก นุ โข, โน’’ติ เอวํ ปริคฺคเหตพฺโพ. อธมฺมโจทโก ปริคฺคเหตพฺโพติ ตสฺส ปมาณํ ชานิตพฺพํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
วุตฺตํ ¶ อหาเปนฺเตนาติ โจทกจุทิตเกหิ วุตฺตวจนํ อหาเปนฺเตน. อวุตฺตํ อปกาเสนฺเตนาติ อโนสฏํ วตฺถุํ อปกาเสนฺเตน. มนฺโท หาเสตพฺโพติ มนฺโท โมมูฬฺโห ปคฺคณฺหิตพฺโพ, ‘‘นนุ ตฺวํ กุลปุตฺโต’’ติ อุตฺเตเชตฺวา อนุโยควตฺตํ กถาเปตฺวา ตสฺส อนุโยโค คณฺหิตพฺโพ. ภีรุ อสฺสาเสตพฺโพติ ยสฺส สงฺฆมชฺฌํ วา คณมชฺฌํ วา อโนสฏปุพฺพตฺตา สารชฺชํ อุปฺปชฺชติ, ตาทิโส ‘‘มา ภายิ, วิสฺสตฺโถ กถยาหิ, มยํ เต อุปตฺถมฺภา ภวิสฺสามา’’ติ วตฺวาปิ อนุโยควตฺตํ กถาเปตพฺโพ. จณฺโฑ นิเสเธตพฺโพติ อปสาเรตพฺโพ ตชฺเชตพฺโพ. อสุจิ วิภาเวตพฺโพติ อลชฺชึ ปกาเสตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตพฺโพ. อุชุมทฺทเวนาติ โย ภิกฺขุ อุชุ สีลวา กายวงฺกาทิรหิโต, โส มทฺทเวเนว อุปจริตพฺโพ. ธมฺเมสุ จ ปุคฺคเลสุ จาติ เอตฺถ โย ธมฺมครุโก โหติ, น ปุคฺคลครุโก, อยเมว ธมฺเมสุ จ ปุคฺคเลสุ จ มชฺฌตฺโตติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ วินยสงฺคหสํวณฺณนาภูเต วินยาลงฺกาเร
โจทนาทิวินิจฺฉยกถาลงฺกาโร นาม
เอกตึสติโม ปริจฺเฉโท.
๓๒. ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยกถา
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถา
๒๓๖. เอวํ ¶ โจทนาทิวินิจฺฉยํ กเถตฺวา อิทานิ ครุกาปตฺติวุฏฺานวินิจฺฉยํ กเถตุํ ‘‘ครุกาปตฺติวุฏฺาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ครุ อลหุกํ ปฏิกรณํ เอติสฺสา อาปตฺติยาติ ครุกา, อาปชฺชิตพฺพาติ อาปตฺติ, ครุกา จ สา อาปตฺติ ¶ จาติ ครุกาปตฺติ, วุฏฺหเต วุฏฺานํ, ครุกาปตฺติยา วุฏฺานํ ครุกาปตฺติ วุฏฺานํ. กึ ตํ? สงฺฆาทิเสสาปตฺติโต ปริสุทฺธภาโว. เตนาห ‘‘ปริวาสมานตฺตาทีหิ วินยกมฺเมหิ ครุกาปตฺติโต วุฏฺาน’’นฺติ. กิฺจาปิ จตุพฺพิโธ ปริวาโส, อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส ปน อิธ นาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ติวิโธ ปริวาโส’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕) ‘‘ตตฺถ จตุพฺพิโธ ปริวาโส – อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโส สโมธานปริวาโสติ. เตสุ ‘โย โส, ภิกฺขเว, อฺโปิ อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตพฺโพ’ติ เอวํ มหาขนฺธเก (มหาว. ๘๖) วุตฺโต ติตฺถิยปริวาโส อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส นาม. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. อยํ ปน อิธ อนธิปฺเปโต’’ติ. อิโต ปรํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺโยติ ตสฺมา ทุพฺพิฺเยฺยฏฺาเนเยว วณฺณยิสฺสาม.
๒๓๗. เอวํ โย โย อาปนฺโน โหติ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา กมฺมวาจา กาตพฺพาติ เอเตน ปาฬิยํ สพฺพสาธารณวเสน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน’’ติ จ อาคเตปิ กมฺมวาจาภณนกาเล ตถา อภณิตฺวา ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ภิกฺขู’’ติ จ ‘‘อิมสฺส พุทฺธรกฺขิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ จ เอวํ สกสกนามํ อุทฺธริตฺวาว กมฺมวาจา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ.
มาฬกสีมายเมว วตฺตํ สมาทาตพฺพํ, น ตโต พหิ. กสฺมา? ‘‘อฺตฺถ กมฺมวาจา อฺตฺถ สมาทาน’’นฺติ วตฺตพฺพโทสปฺปสงฺคโต. อสมาทินฺนวตฺตสฺส อาโรจนาสมฺภวโต, มาฬกสีมาย ¶ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ เอกสฺสปิ อนาโรจเน สติ รตฺติจฺเฉทสมฺภวโต จ. ปริวาสํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามีติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกเกน วา อุโภหิ ปเทหิ วา ¶ สมาทาตพฺพํ. กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘เอกปเทนปิ เจตฺถ นิกฺขิตฺโต โหติ ปริวาโส, ทฺวีหิ ปน สุนิกฺขิตฺโตเยว, สมาทาเนปิ เอเสว นโย’’ติ วกฺขมานตฺตา. สมาทิยิตฺวา ตตฺเถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ, น ตตฺถ อนาโรเจตฺวา อฺตฺถ คนฺตพฺพํ. กสฺมา? วุฏฺิตาย ปริสาย ปุน สนฺนิปาเตตุํ ทุกฺกรตฺตา, เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน อนาโรเจตฺวา อรุณุฏฺาปเน สติ รตฺติจฺเฉทกรตฺตา.
อาโรเจนฺเตน เอวํ อาโรเจตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อหํ ภนฺเต…เป… สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา ยาจเน วิย ‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปี’’ติ อวุตฺตตฺตา อจฺจายิกกรเณ สติ เอกวารํ อาโรจิเตปิ อุปปนฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เวทิยามหํ ภนฺเต, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตูติ เอตฺถ ‘‘เวทิยามีติ จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโย’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘สุขํ เวเทมิ เวทน’’นฺติอาทีสุ วิย ปิ-สทฺโท อนุภวนตฺโถ โหติ. วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ปน ‘‘เวทิยามีติ ชาเนมิ, จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุขํ อนุภวามิ, น ตปฺปจฺจยา อหํ ทุกฺขิโตติ อธิปฺปาโยติ ลิขิต’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ ปน ‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู’’ติอาทีสุ วิย าณตฺโถ อนุภวนตฺโถ จ. วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ปน ‘‘เวทิยามหนฺติ ชานาเปมหํ, อาโรเจมีติ อตฺโถ, อนุภวามีติปิสฺส อตฺถํ วทนฺติ. ปุริมํ ปน ปสํสนฺติ อาโรจนวจนตฺตา’’ติ. เอตฺถ ตุ –
‘‘สมฺปนฺนํ ¶ สาลิเกทารํ, สุวา ขาทนฺติ พฺราหฺมณ;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. –
อาทีสุ วิย อาโรจนตฺโถติ ทฏฺพฺโพ.
อาโรเจตฺวา…เป… นิกฺขิปิตพฺพนฺติ ทุกฺกฏปริโมจนตฺถํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ตทเหว ปุน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตุกามสฺส รตฺติจฺเฉทปริหารตฺถมฺปี’’ติ วทนฺติ. ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. ยสฺส อาโรจิตํ, ตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เกวลํ นิกฺขิปิตพฺพเมว. ‘‘สภาคา ภิกฺขู วสนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิ เอว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต ¶ อติกฺกมิตฺวาติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ สวนูปจาราติกฺกมนตฺถํ, คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ. โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเรอรุเณ เอว คจฺฉตีติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุ ภิกฺขูสุ พหิวิหารํ คเตสุปิ อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจนตฺถตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยฺจา’’ติอาทิ. อนิกฺขิตฺตวตฺเตน อนฺโตอุปจารคตานํ สพฺเพสมฺปิ อาโรเจตพฺพา. ‘‘อยํ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปริหาโร’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺสาติ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ. เถรสฺสาติ มหาปทุมตฺเถรสฺส.
๒๓๘. กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถายาติ อิเมสุ ปฏิจฺฉนฺนทิวสปฺปมาเณน ปริวสิตทิวเสสุ ‘‘สิยุํ นุ โข ติวิธรตฺติจฺเฉทการณยุตฺตานิ ¶ กานิจิ ทิวสานิ, เอวํ สติ อปริปุณฺณปริวาสทิวสตฺตา น มานตฺตารโห ภเวยฺย, อสติ จ มานตฺตารหภาเว มานตฺตํ ทินฺนมฺปิ อทินฺนํเยว ภเวยฺย, เอวฺจ สติ อาปนฺนาปตฺติโต วุฏฺานํ น ภเวยฺยา’’ติ อิมสฺส วินยกุกฺกุจฺจสฺส วิโนทนตฺถาย. เอเกน วา ทฺวีหิ วา ตีหิ วา ทิวเสหิ อธิกตรานิ ทิวสานิ ปริวสิตฺวา นนุ จายํ ปริวุตฺถปริวาโส, ตสฺมาเนน มานตฺตเมว ยาจิตพฺพํ, อถ กสฺมา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพนฺติ อาหาติ โจทนํ มนสิ กโรนฺเตน วุตฺตํ ‘‘อยฺหิ วตฺเต สมาทินฺเน’’ติอาทิ. หิ ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหติ, น อสมาทินฺเน, อิติ ตสฺมา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. นนุ จ กมฺมวาจายํ ‘‘โส ปริวุตฺถปริวาโส สงฺฆํ มานตฺตํ ยาจติ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘สมาทินฺนวตฺโต’’ติ, อถ กสฺมา ‘‘วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหตี’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘นิกฺขิตฺตวตฺเตน ปริวุตฺถตฺตา’’ติ. ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ นิกฺขิตฺตวตฺเตน หุตฺวา ปริวุตฺโถ โหติ, โน อนิกฺขิตฺตวตฺเตน, ตสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺเตน หุตฺวา ปริวุตฺถตฺตา อยํ ภิกฺขุ วตฺเต สมาทินฺเน เอว มานตฺตารโห โหติ, โน อสมาทินฺเนติ โยชนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน ปุน สมาทานกิจฺจํ นตฺถิ. โส หิ ปฏิจฺฉนฺนทิวสาติกฺกเมเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ตสฺส มานตฺตํ ทาตพฺพเมวา’’ติ.
จตูหิ ¶ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อูเนคเณจรณโทสา วิมุจฺจนตฺถํ. ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโตติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ จ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา ¶ สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพนฺติ จ วุตฺตํ. ‘นิกฺขิปนฺเตน อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ ปโยชนํ อตฺถี’ติ จ วุตฺตํ, น ปน ตํ ปโยชนํ ทสฺสิต’’นฺติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) วุตฺตํ, วตฺตเภททุกฺกฏา มุจฺจนปโยชนํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๒๓๙. อพฺภานํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ กตมฺปิ อกตเมว โหตีติ อตฺโถ. ‘‘เตนาปิ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อพฺภานํ ยาจิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อพฺภานยาจนตฺถํ มานตฺตสฺส สมาทิยนกาเลปิ อาโรเจตพฺพเมว. ปุพฺเพ มานตฺตจาริตกาเล อาโรจิตเมวาติ อนาโรเจตฺวา อพฺภานํ น ยาจิตพฺพนฺติ วิฺายติ. เอวํ มานตฺตยาจนกาเลปิ ปริวาสํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
๒๔๐. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ จิณฺณมานตฺตสฺส จ อพฺภานารหสฺส จ นินฺนานากรณตฺตา วุตฺตํ. อฺถา ‘‘อพฺภานารโห อพฺเภตพฺโพ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. อุกฺเขปนียกมฺมกโตปิ อตฺตโน ลทฺธิคฺคหณวเสน สภาคภิกฺขุมฺหิ สติ ตสฺส อนาโรจาเปตุํ น ลภติ.
‘‘อนนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติ ปาโ. อเวริภาเวน สภาโค อเวริสภาโค. ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ปสงฺคโต อิเธว ปกาสิตํ. ลหุเกสุ ปฏิกฺเขโป นตฺถิ. ตตฺถ ตฺติยา อาวิ กตฺวา อุโปสถํ กาตุํ อนฺุาตตฺตา ลหุกสภาคํ อาวิ กาตุํ วฏฺฏตีติ. สภาคสงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรจนํ น วฏฺฏตีติ กิร. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสตีติ (มหาว. ๑๗๑) วุตฺตตฺตา ลหุกสฺเสวายํ สมนฺุาตา. น หิ สกฺกา สุทฺธสฺส เอกสฺส สนฺติเก สงฺฆาทิเสสสฺส ¶ ปฏิกรณํ กาตุ’’นฺติ ลิขิตํ. ลหุเกสุปิ สภาคํ อาวิ กาตุํ น วฏฺฏตีติ. ตสฺมา เอว หิ ตฺติยา อาวิกรณํ อนฺุาตํ, อิตรถา ตํ นิรตฺถกํ สิยา. อฺมฺาโรจนสฺส วฏฺฏติ, ตโต น วฏฺฏตีติ ทีปนตฺถเมว ตฺติยา อาวิกรณมนฺุาตํ ¶ , เตเนว อิธ ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อยมตฺโถ ‘‘เอตฺตาวตา เต ทฺเว นิราปตฺติกา โหนฺติ, เตสํ สนฺติเก เสเสหิ สภาคาปตฺติโย เทเสตพฺพา’’ติ วจเนน กงฺขาวิตรณิยมฺปิ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ปกาสิโตว. สงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตสฺสา ตฺติยา อยมตฺโถ – ยทา สุทฺธํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อฺมฺาโรจนวเสน ปฏิกริสฺสติ, เอวํ ปฏิกเต ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน ปาติโมกฺขํ โสตพฺพํ, โย สุเณยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖) วุตฺตาปตฺติโต โมกฺโข โหติ, ตสฺมา ‘‘ครุกํ วา โหตุ ลหุกํ วา, ตฺติยา อาวิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อุโภสุ นเยสุ ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ. ‘‘นามฺเจว อาปตฺติ จาติ เตน เตน วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติ อาปตฺติ. นามนฺติ ตสฺสา อาปตฺติยา นาม’’นฺติ ลิขิตํ. อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เอตฺถ อาโรจนํ วตฺตเภททุกฺกฏปริหรณปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสฺี ฉาเทติ, อจฺฉนฺนา โหติ. อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย วา อนนฺตรายิกสฺาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวา’’ติปิ ปาโ. อเวรีติ หิตกาโม. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุฏฺิเต อรุเณ. สุทฺธสฺส สนฺติเกติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส สนฺติเก. วตฺถุนฺติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมํ. สุกฺกวิสฺสฏฺีติ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺี’’ติ อิทํ อสุจิโมจนลกฺขณสฺส วีติกฺกมสฺส ปกาสนโต ¶ วตฺถุ เจว โหติ, สชาติยสาธารณวิชาติยวินิวตฺตสภาวาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอว ปกาสนโต โคตฺตฺจ โหตีติ อตฺโถ. คํ ตายตีติ หิ โคตฺตํ. สงฺฆาทิเสโสติ นามฺเจว อาปตฺติ จาติ สงฺฆาทิเสโสติ เตน เตน วีติกฺกเมน อาปนฺนสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามปกาสนโต นามฺเจว โหติ, อาปตฺติสภาวโต อาปตฺติ จ.
สุทฺธสฺสาติ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อนาปนฺนสฺส, ตโต วุฏฺิตสฺส วา. อฺสฺมินฺติ สุทฺธนฺตปริวาสวเสน อาปตฺติวุฏฺานโต อฺสฺมึ อาปตฺติวุฏฺาเน. ปฏิจฺฉาทิยิตฺถาติ ปฏิจฺฉนฺนา. กา สา? อาปตฺติ. ทิวสาทีหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วสนํ ปริวาโส. โก โส? วินยกมฺมกรณํ. ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส.
ปฏิจฺฉนฺนปริวาสกถา นิฏฺิตา.
สุทฺธนฺตปริวาสกถา
๒๔๒. สุชฺฌนํ ¶ สุทฺโธ, โก โส? อาปตฺติวิคโม. อมติ โอสานภาวํ คจฺฉตีติ อนฺโต, สุทฺโธ อนฺโต ยสฺส ปริวาสสฺสาติ สุทฺธนฺโต, สุทฺธนฺโต จ โส ปริวาโส จาติ สุทฺธนฺตปริวาโส, สุทฺธกาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา อสุทฺธกาลปฺปมาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตปริวาโส.
สุทฺธนฺตปริวาสกถา นิฏฺิตา.
โอธานสโมธานปริวาสกถา
๒๔๓. สโมธียเต สโมธานํ, นานากาลิกา นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย อคฺฆาทิวเสน สโมธานํ เอกีกรณํ ¶ , สโมธาเนตฺวา กโต ปริวาโส สโมธานปริวาโสติ วิคฺคโห. กมฺมวาจายํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อนฺตรา สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนํ อปฺปฏิจฺฉนฺนานํ มูลายปฏิกสฺสนา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ เอตฺถ คตฺยตฺถธาตุยา กมฺมนิ จ นยนตฺถธาตุยา กมฺมนิ จ ตทตฺถสมฺปทาเน จ วิภตฺติปริณาเม จาติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อายาเทสสฺส วุตฺตตฺตา, ปฏิปุพฺพกสธาตุยา จ นยนตฺถตฺตา ‘‘มูลายา’’ติ อิทํ ‘‘ปฏิกสฺสิโต’’ติ เอตฺถ กมฺมํ, ตสฺมา ‘‘ปฏิกสฺสิโต…เป… มูลาย’’ อิติ เอตฺตกเมว ภวิตพฺพํ, น ‘‘มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ เอวํ มฺมานา สทฺทวิทุโน ‘‘ปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ อธิกนฺติ วา วเทยฺยุํ มกฺเขยฺยุํ วา, น ปเนตํ วตฺตพฺพํ. นวปาเสุเยว อยํ ปาโ สทฺทลกฺขณยุตฺโต วา อยุตฺโต วาติ จินฺเตตพฺโพ, น ปน ปาฬิยฏฺกถาทิโต อาคเตสุ โปราณปาเสุ. เตสุ ปน กถํ โยชิยมาโน อยํ ปาโ สทฺทยุตฺติยา จ อตฺถยุตฺติยา จ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ โยชนากาโรเยว จินฺเตตพฺโพ. อยฺจ ปาโ โปราณปาฬิปาโว, ตสฺมา ‘‘มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา ‘‘มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโต’’ติ โยเชตพฺพํ.
กถํ ปเนตสฺส โปราณปาภาโว ชานิตพฺโพติ? ปกรเณ อาคตตฺตา. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘ปาฬิยํ ปฏิกสฺสิโต สงฺเฆน อุทายิ ภิกฺขุ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลายปฏิกสฺสนาติ อิทํ กรณวเสน วิปริณาเมตฺวา ¶ มูลายปฏิกสฺสนาย ปฏิกสฺสิโตติ โยเชตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ‘‘มูลาย ปฏิกสฺสนา มูลายปฏิกสฺสนา’’ติ อลุตฺตสมาสวเสน อุตฺตรปเทน สมาสํ กตฺวา สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อนฺตรา สมฺพหุลานํ อาปตฺตีนํ ¶ อปฺปฏิจฺฉนฺนานํ เหตุ ปฏิกสฺสิโต. สา มูลายปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสาติ โยเชตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ตตฺเถว (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘อถ วา มูลายปฏิกสฺสนา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อุตฺตรปเทน สห ปจฺจตฺตวเสเนว โยเชตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ.
ตํ เทนฺเตน ปมํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปจฺฉาปริวาโส ทาตพฺโพติ เอตฺถ ตํ โอธานสโมธานปริวาสํ เทนฺเตน ปมํ ตํ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺส อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพติ อตฺโถ. ยถา กึ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๑๐๒) ‘‘อุทายึ ภิกฺขุํ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา…เป… มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวาติ เอตฺถ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา เหตุภูตาย อุทายึ ภิกฺขุํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา มูลทิวเส อากฑฺฒิตฺวา ตสฺสา อนฺตราปตฺติยา สโมธานปริวาสํ เทตูติ โยชนา’’ติ วุตฺตํ. มหาสุมตฺเถรวาเท อาวิการาเปตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพติ ตสฺส อเตกิจฺฉภาวํ เตเนว สงฺฆสฺส ปากฏํ กาเรตฺวา ลชฺชีคณโต วิโยชนวเสน วิสฺสชฺเชตพฺโพติ อตฺโถ.
โอธานสโมธานปริวาสกถา นิฏฺิตา.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถา
๒๔๔. อคฺเฆน อคฺฆวเสน อรหวเสน สโมธานํ อคฺฆสโมธานํ, อาปนฺนาสุ สมฺพหุลาสุ อาปตฺตีสุ ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธาย ตาสํ รตฺติปริจฺเฉทวเสน อวเสสานํ อูนตรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํ ปริวาโส ทียติ, อยํ วุจฺจติ อคฺฆสโมธาโน ¶ . สตํ อาปตฺติโยติ กายสํสคฺคาทิวเสน เอกทิวเส อาปนฺนา สตํ อาปตฺติโย. ทสสตนฺติ สหสฺสอาปตฺติโย. รตฺติสตํ ฉาทยิตฺวานาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๑๐๒) วุตฺตํ.
อคฺฆสโมธานปริวาสกถา นิฏฺิตา.
๒๔๖. ลิงฺคปริวตฺตนกกถายํ ¶ ยทิ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุ ภเวยฺย, กึ เตน ปุน อุปชฺฌา คเหตพฺพา, ปุน อุปสมฺปทา กาตพฺพา, กึ ภิกฺขูปสมฺปทาโต ปฏฺาย วสฺสคณนา กาตพฺพา, อุทาหุ อิโต ปฏฺายาติ ปุจฺฉาย สติ ตํ ปริหริตุมาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเต สา ภิกฺขุนี ภิกฺขูนํ มชฺเฌเยว วสิตพฺพํ ภเวยฺยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อปฺปติรูป’’นฺติอาทิ. เอวํ สนฺเต ภิกฺขุภูตกาเล อาปชฺชิตาปตฺติโย กถํ กาตพฺพาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยา เทสนาคามินิโย วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีหิ สาธารณาติ สฺจริตฺตาทโย. อสาธารณาติ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทโย. โหตุ ภควโต อนฺุาตวเสน ลิงฺเค ปริวตฺเต อสาธารณาปตฺตีหิ วุฏฺิตภาโว, ปุน ปกติลิงฺเค อุปฺปนฺเน ปุน อาปตฺติ สิยาติ อาสงฺกํ ปริหริตุํ ‘‘ปุน ปกติลิงฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ ปมปาราชิกวณฺณนาย ฏีกาสุ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๙; วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๙) วุตฺตนเยเนว ทฏฺพฺโพ, อิธ ปน ครุกาปตฺติวุฏฺานกถาภูตตฺตา สาเยว กถา วุจฺจเต.
๒๔๗. ตตฺถ ¶ ภิกฺขุนีหิ สาธารณาย ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยาติ สฺจริตฺตาทิอาปตฺติยา, เหตฺวตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. ปริวสนฺตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ. ปกฺขมานตฺตเมว ทาตพฺพํ, น ปุน ปริวาโส ทาตพฺโพ ภิกฺขุนิภาเว อปริวาสารหตฺตาติ อธิปฺปาโย. มานตฺตํ จรนฺตสฺสาติ อนาทเรเยว สามิวจนํ, ฉารตฺตมานตฺเต อาจิณฺเณเยว ปริวตฺตติ, ปุน ปกฺขมานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ. เตน วกฺขติ ‘‘สเจ จิณฺณมานตฺตสฺสา’’ติอาทิ. อกุสลวิปาเก ปริกฺขีเณติ ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิตฺถินฺทฺริยปติฏฺานํ ปน กุสลวิปากเมว. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘อุภยมฺปิ อกุสเลน อนฺตรธายติ, กุสเลน ปฏิลพฺภตี’’ติ. ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ, น ปริวาโส ทาตพฺโพ, น วา ปกฺขมานตฺตํ ทาตพฺพํ.
‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ วตฺวา ตํ วิเสสํ ทสฺเสตุมาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. ปริวาสทานํ นตฺถิ, ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ. กสฺมา? ภิกฺขุนิกาเล ปฏิจฺฉนฺนตฺตา. ภิกฺขุกาเล ฉนฺนาเยว หิ อาปตฺติ ปริวาสารหา โหติ, โน ภิกฺขุนิกาเลติ อยเมตาสํ วิเสโส. ปกฺขมานตฺตํ จรนฺติยาติ อนาทเร สามิวจนํ, ปกฺขมานตฺเต อาจิณฺเณเยวาติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘จิณฺณมานตฺตายา’’ติอาทิ. ฉารตฺตํ มานตฺตํ จรนฺตสฺสาติอาทิ วุตฺตนยเมว.
ปริวาสวินิจฺฉยกถา
อิทานิ ¶ สงฺฆาทิเสสาปตฺติ ยสฺมา สาวเสสครุกาปตฺติ โหติ สเตกิจฺฉา, ตสฺมา ยถา นาม โรคาตุโร ปุคฺคโล กิฺจิ อตฺตโน หิตสุขการณํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตเมนํ การุณิโก ติกิจฺฉโก กรุณาสฺโจทิโต ติกิจฺฉํ กตฺวา เคลฺโต วุฏฺาเปตฺวา ¶ หิตสุขํ ชเนติ, เอวํ สงฺฆาทิเสสาปตฺติสมงฺคี ปุคฺคโล อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกภาวโต สคฺคโมกฺขมคฺคํ โสเธตุํ น สกฺโกติ, ตเมนํ มหาการุณิโก ภควา มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส อเนเกหิ นเยหิ อาปตฺติโต วุฏฺานํ กตฺวา สคฺคโมกฺขสุเข ปติฏฺเปติ, ภควโต อธิปฺปายฺุโน อฏฺกถาจริยาปิ อเนเกหิ การเณหิ ภควโต วจนสฺส อตฺถํ ปกาเสตฺวา วิสุทฺธกามานํ นยํ เทนฺติ, ตถา ฏีกาจริยาทโยปิ. เอวํ ทินฺเน ปน นเย โยนิโส มนสิ กาตุํ สกฺโกนฺตา ปณฺฑิตา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, อสกฺโกนฺตา อฺถา อตฺถํ คเหตฺวา น ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ ทิฏฺานุคตึ อนุคจฺฉนฺตา สิสฺสาทโยปิ ตเถว กโรนฺติ, ตสฺมา ภควโต วจนฺจ ปุพฺเพนาปรํ สํสนฺทิตฺวา อฏฺกถาฏีกาทิวจนฺจ สมฺมา ตุลยิตฺวา ตถโต ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺเตหิ ครุกาปตฺติโต วุฏฺหนตฺถํ โยโค กรณีโย.
ตสฺมา ยทา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ วินยธรสฺส สนฺติกํ ‘‘ครุกาปตฺติวุฏฺานํ กริสฺสามา’’ติ, ตทา วินยธเรน ‘‘ตฺวํ กตราปตฺตึ อาปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ. ‘‘สงฺฆาทิเสสํ อาปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรสงฺฆาทิเสส’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ นามา’’ติ วุตฺเต สุกฺกวิสฺสฏฺิยํ โมเจตุกามเจตนา, อุปกฺกโม, มุจฺจนนฺติ ตีณิ องฺคานิ. กายสํสคฺเค มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, กายสํสคฺคราโค, เตน ราเคน วายาโม, หตฺถคฺคาหาทิสมาปชฺชนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. ทุฏฺุลฺลวาจายํ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราโค, เตน ราเคน โอภาสนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. อตฺตกาเม มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสฺิตา, อตฺตกามปาริจริยาย ราโค, เตน ราเคน วณฺณภณนํ, ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. สฺจริตฺเต เยสุ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา ¶ , นาลํวจนียตา, ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ ปฺจ องฺคานิ. กุฏิกาเร อุลฺลิตฺตาทีนํ อฺตรตา, เหฏฺิมปมาณสมฺภโว, อเทสิตวตฺถุกตา, ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตุทฺเทสิกตา, วาสาคารตา, เลปฆฏนาติ สตฺต ปมาณยุตฺตาทีสุ ฉธา องฺคานิ. วิหารกาเร ตานิเยว ฉ องฺคานิ. ทุฏฺโทเส ยํ โจเทติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺโนติ สงฺขฺยุปคมนํ, ตสฺมึ สุทฺธสฺิตา, เยน ปาราชิเกน โจเทติ ¶ , ตสฺส ทิฏฺาทิวเสน อมูลกตา, จาวนาธิปฺปาเยน สมฺมุขาโจทนา, ตสฺส ตงฺขณวิชานนนฺติ ปฺจ องฺคานิ. อฺภาคิเย อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺส กฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทิยนตา, ปุริมานิ ปฺจาติ ฉ องฺคานิ. สงฺฆเภเท เภทาย ปรกฺกมนํ, ธมฺมกมฺเมน สมนุภาสนํ, กมฺมวาจาปริโยสานํ, อปฺปฏินิสฺสชฺชนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. เภทานุวตฺตเก องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อนุวตฺตนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. ทุพฺพเจ องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อวจนียกรณตาติ จตฺตาริ องฺคานิ. กุลทูสเก องฺเคสุ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ ฉนฺทาทีหิ ปาปนนฺติ จตฺตาริ องฺคานิ. อิติ อิมานิ องฺคานิ โสเธตฺวา สเจ องฺคปาริปูรี โหติ, ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วตฺตพฺโพ. โน เจ, ‘‘นายํ สงฺฆาทิเสโส, ถุลฺลจฺจยาทีสุ อฺตราปตฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘นายํ วุฏฺานคามินี, เทสนาคามินี อยํ อาปตฺติ, ตสฺมา ปติรูปสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติเก เทเสหี’’ติ วตฺวา เทสาเปตพฺโพ.
อถ ปน อนาปตฺติจฺฉายา ปฺายติ, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชตพฺพา. สเจ ปน สงฺฆาทิเสสจฺฉายา ปฺายติ, ‘‘ตฺวํ อิมํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ฉาเทสิ, น ฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ฉาเทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ตฺวํ น ปริวาสารโห, มานตฺตารโหว โหตี’’ติ วตฺตพฺโพ. ‘‘ฉาเทมี’’ติ ปน วุตฺเต ‘‘ทสสุ อากาเรสุ อฺตรการเณน ¶ ฉาเทสิ, อุทาหุ อฺการเณนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทสสุ อฺตรการเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวมฺปิ มานตฺตารโห โหติ, น ปริวาสารโห’’ติ วตฺตพฺโพ. อถ ‘‘อฺการเณนา’’ติ วทติ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ตฺวํ อาปตฺติอาปนฺนภาวํ ชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ อชานนฺโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘อาปตฺติอาปนฺนภาวํ สรนฺโต ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ วิสริตฺวา ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิสริตฺวา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘อาปตฺติอาปนฺนภาเว เวมติโก หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทสิ, อุทาหุ นิพฺเพมติโก หุตฺวา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เวมติโก หุตฺวา’’ติ วุตฺเต จ ‘‘น ตฺวํ ปริวาสารโห, มานตฺตารโหว โหตี’’ติ วตฺตพฺโพ.
อถ ‘‘ชานนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘สรนฺโต ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘นิพฺเพมติโก หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วุตฺเต จ ‘‘ตฺวํ ปริวาสารโห’’ติ วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๔๔) ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ, อาวุโส, อาปตฺติ ชานปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ อชานปฺปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น ¶ รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’’ติ จ, ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ อาปตฺติ สรมานปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ อาปตฺติ อสรมานปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุ มานตฺตารโห’’’ติ จ, ‘‘โส เอวํ วทติ ‘ยายํ, อาวุโส, อาปตฺติ นิพฺเพมติกปฏิจฺฉนฺนา, ธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, ธมฺมตฺตา รุหติ. ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ ¶ เวมติกปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหติ. เอกิสฺสา, อาวุโส, อาปตฺติยา ภิกฺขุมานตฺตารโห’’’ติ จ.
เอวํ ปริวาสารหภาวํ ปกาเสตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ ปริวาสารโห, ตีสุ ปริวาเสสุ กตรปริวาสารโห’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ ตฺวํ กติ อาปตฺติโย ฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ อาปตฺติ’’นฺติ วา ‘‘ทฺเว ตีณิ ตตุตฺตริ วา อาปตฺติโย ฉาเทมี’’ติ วา วุตฺเต ‘‘กตีหํ ตฺวํ อาปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกาหเมวาหํ ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วา ‘‘ทฺวีหํ ตีหํ ตตุตฺตริ วา ปฏิจฺฉาเทมี’’ติ วา วุตฺเต ‘‘ยาวตีหํ ปฏิจฺฉาเทสิ, ตาวตีหํ ตฺวํ ปฏิวสิสฺสสี’’ติ วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ยาวตีหํ ชานํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพ’’นฺติ. ตโต ‘‘อยํ ภิกฺขุ อาปตฺติปริยนฺตํ ชานาติ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนปริวาสารโห’’ติ (ปารา. ๔๔๒) ตฺวา ตทนุรูปา กมฺมวาจา กาตพฺพา.
เอตฺถ จ อาปตฺติปริยนฺตปุจฺฉนํ กมฺมวาจากรณตฺถเมว โหติ, รตฺติปริยนฺตปุจฺฉนํ ปน ตทตฺถฺเจว สุทฺธนฺตปริวาสสฺส อนนุรูปภาวทสฺสนตฺถฺจ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จุฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘โส ทุวิโธ จูฬสุทฺธนฺโต มหาสุทฺธนฺโตติ, ทุวิโธปิ เจส รตฺติปริจฺเฉทํ สกลํ วา เอกจฺจํ วา อชานนฺตสฺส จ อสรนฺตสฺส จ ตตฺถ เวมติกสฺส จ ทาตพฺโพ. อาปตฺติปริยนฺตํ ปน ‘อหํ เอตฺตกา อาปตฺติโย อาปนฺโน’ติ ชานาตุ วา, มา วา, อการณเมต’’นฺติ. ตโต ตสฺส ภิกฺขุโน นิสีทนฏฺานํ ชานิตพฺพํ. ทุวิธฺหิ นิสีทนฏฺานํ อนิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ, นิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานนฺติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปภิกฺขุเก วิหาเร สภาคภิกฺขูนํ วสนฏฺาเน อุปจารสีมาปริจฺฉินฺโน อนฺโตวิหาโร อนิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. อุปจารสีมํ อติกฺกมฺม มหามคฺคโต โอกฺกมฺม ¶ คุมฺพวติปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ นิกฺขิตฺตวตฺเตน นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วิหาเรเยว รตฺติปริคฺคโห กาตพฺโพ. อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธึ มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคา โอกฺกมฺม ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตฺวา อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ. ‘‘มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนวา’’ติ จ ‘‘สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว รตฺติโย คเณตพฺพา. อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๘) อิทํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ตตฺถ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหตีติ อิทํ พหุภิกฺขุเก วิหาเร อฺเ ภิกฺขู คจฺฉนฺติ, อฺเ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทการณานิ โสเธตุํ ทุกฺกรตฺตา วุตฺตํ. วกฺขติ หิ ‘‘อถ น สกฺกา โสเธตุ’’นฺติ. สภาคา ภิกฺขู วสนฺตีติ อิทํ วิสภาคานํ เวรีภิกฺขูนํ สนฺติเก วตฺตํ อาโรเจนฺโต ปกาเสตุกาโม โหติ ¶ , ตสฺมา วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๖) ‘‘ตสฺมา อเวริสภาคสฺส สนฺติเก อาโรเจตพฺพา. โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสปิ สนฺติเก นาโรเจตพฺพา’’ติ, ตสฺมา วิสภาคานํ วสนฏฺาเน วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา พหิเยว กาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทฏฺพฺพํ. วิหาเรเยวาติ อนฺโตอุปจารสีมายเมว. วกฺขติ หิ ‘‘อถ น สกฺกา…เป… อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา’’ติ. รตฺติปริคฺคโห กาตพฺโพติ รตฺติคณนา กาตพฺพา. วุตฺตฺหิ มานตฺตวณฺณนายํ ‘‘รตฺติโย คเณตพฺพา’’ติ. อถ น สกฺกา โสเธตุนฺติ พหุภิกฺขุกตฺตา วา วิหารสฺส วิสภาคานํ วสนฏฺานตฺตา วา รตฺติจฺเฉทวตฺตาเภทการณานิปิ โสเธตุํ น สกฺกา. วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวาติ ปริวาสวตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา. ปจฺจูสสมเยติ ปจฺฉิมยามกาเล อรุโณทยโต ปุเรตรเมว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ. เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธินฺติ วิปฺปวาสรตฺติจฺเฉทวิมุจฺจนตฺถํ วินา ปกตตฺเตน สภิกฺขุกอาวาสอภิกฺขุกอนาวาสคมนสงฺขาตวตฺตเภทวิมุจฺจนตฺถฺจ ¶ วุตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สภิกฺขุกา อาวาสา อภิกฺขุโก อนาวาโส คนฺตพฺโพ อฺตฺร ปกตตฺเตน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติ (จูฬว. ๗๖).
มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ วุตฺตนเยน. ยทิ เอวํ วิสมมิทํ นยทสฺสนํ, ปริกฺเขปปริกฺเขปารหฏฺาเน เอว หิ อุปจารสีมา โหติ, กสฺมา ตตฺถ อุปจารสีมโต ทฺเวเลฑฺฑุปาตาติกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน อุปจารสีมาติกฺกโม เอวาติ ¶ ? สจฺจํ, ตถาปิ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนสพฺภาวโต สุวิทูราติกฺกโม วุตฺโต, อิธ ปน อุปจารสีมโต อติกฺกมมตฺโตปิ อติกฺกโมเยวาติ กตฺวา วุตฺโต. พุทฺธมตฺุโน หิ อฏฺกถาจริยา. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโตติอาทิ กิฺจาปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อถ โข อฏฺกถาจริยานํ วจเนน ตถา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ จ วุตฺต’’นฺติ.
มานตฺตวณฺณนายํ จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อิทํ ปน อูเนคเณจรณรตฺติจฺเฉทวิมุจฺจนตฺถํ วุตฺตํ. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติอาทิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ สวนูปจารทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนวาห ฏีกาจริโย ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ อิทํ วิหาเร ภิกฺขูนํ สชฺฌายาทิสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ, ‘มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ อิทํ มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ สวนูปจารวิชหนตฺถํ, คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตํ ทุวิธํ านํ ปริวสนฺตมานตฺตจาริกภิกฺขูหิ นิสีทิตพฺพฏฺานํ โหติ. เตสุ จ ยทิ อนฺโตวิหาเรเยว นิสีทิตฺวา ปริวสติ, อุปจารสีมคตานํ สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ โหติ. อถ พหิอุปจารสีมายํ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ. อทิฏฺอสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพเมว. วุตฺตฺหิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ ‘‘วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ. อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณนฺติ วุตฺต’’นฺติ. อิทฺจ วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อนฺโตวิหาเรเยว รตฺติปริคฺคหสฺส จ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา วตฺตสมาทานสฺส จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ. อุปจาโร ปน ¶ อนฺโตสีมาย ¶ ิตานํ สกลอุปจารสีมา โหติ, พหิอุปจารสีมาย ิตานํ ทฺวาทสหตฺถมตฺตํ. เตเนว หิ อุทฺเทสภตฺตาทิสงฺฆลาโภ ยทิ อนฺโตสีมาย อุปฺปชฺชติ, สีมฏฺกสงฺฆสฺส โหติ. ยทิ พหิสีมายํ, ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ปตฺตภิกฺขูนํ, ตสฺมา อุปจารวเสนปิ เอส อตฺโถ วิฺายติ. ตถา หิ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกายํ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพนฺติ จ วุตฺต’’นฺติ.
เอวํ อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ หุตฺวา ปริวสนฺตานํ อนฺโตวิหาเรเยว วสนสฺส, นิกฺขิตฺตวตฺตานํ หุตฺวา ปริวสนฺตานํ วิหารโต พหิ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา วสนสฺส จ อฏฺกถาทีสุ ปกรเณสุ อาคตตฺตา ตถาคตนโย ปกรณาคตนโย โหติ. อิทานิ ปน อาจริยา อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส จ รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส ปริหริตุํ อติทุกฺกรตฺตา, นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส จ เทวสิกํ ปจฺจูสสมเย พหิสีมคมนสฺส ทุกฺขตฺตา, วาฬสรีสปาทิปริสยสฺส จ อาสงฺกิตพฺพภาวโต รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทปริหรณวเสน ลกฺขณปาริปูริเมว มนสิ กโรนฺตา นิกฺขิตฺตวตฺตาปิ สมานา อนฺโตวิหาเรเยว ปริวาสวสนฺจ มานตฺตจรณฺจ กโรนฺติ.
เอกจฺเจ อาจริยา พหิอุปจารสีมายํ ปติรูปฏฺาเน ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนํ วสนสาลํ การาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขูนํ นิปชฺชนมฺจํ สพฺพโต ฉนฺนปริจฺฉินฺนํ สทฺวารพนฺธนํ สุคุตฺตํ การาเปตฺวา ตํ ปเทสํ วติยา ปริกฺขิปาเปตฺวา สายนฺหสมเย ตตฺถ คนฺตฺวา อุปฏฺากสามเณราทโย นิวตฺตาเปตฺวา ปุริมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา สมนฺตโต สทฺทฉิชฺชนกาเล ปกตตฺตภิกฺขู สาลายํ นิปชฺชาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขู ¶ วตฺตํ สมาทาเปตฺวา อาโรจาเปตฺวา อตฺตโน อตฺตโน มฺจเกสุ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมยามกาเล อุฏฺาเปตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺติ. เอส นโย ปกรเณสุ อนาคตตฺตา อาจริยานํ มเตน กตตฺตา อาจริยนโย นาม. เอส นโยปิ ยถารุตโต ปกรเณสุ อนาคโตปิ ปกรณานุโลมวเสน รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส ปริหริตฺวา ลชฺชิเปสเลหิ พหุสฺสุเตหิ สิกฺขากาเมหิ วินเย ปกตฺูหิ วิจาริโต สมาโน สุนฺทโร ปสตฺโถว โหติ, ตสฺมา ‘‘อนุโลมนโย’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
นนุ จ อนิกฺขิตฺตวตฺตานํเยว อนฺโตวิหาเร วสนํ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺตาปิ สมานา วสนฺตีติ? สจฺจํ, ตตฺถ ปน อปฺปภิกฺขุกตฺตา สภาคภิกฺขูนํ วสนฏฺานตฺตา ¶ จ รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทเส จ ปริหริตุํ สกฺกุเณยฺยภาวโต สกลรตฺตินฺทิวมฺปิ วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วสนํ วุตฺตํ, อิธ ปน ตถา อสกฺกุเณยฺยภาวโต ทิวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา รตฺติยํ สมาทิยนฺโต อาคนฺตุกานํ อนาคมนกาลภาวโต, สทฺทฉิชฺชนกาลภาวโต จ รตฺติจฺเฉทาทิโทเส ปริหริตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา ตทนุโลโมเยว โหตีติ มนฺตฺวา อาจริยา เอวํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, พหิอุปจารสีมาย วสนฺตานํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทนเมว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, น ปกตตฺตสาลากรณมฺจกรณาทีนิ, อถ กสฺมา เอตานิ กโรนฺตีติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปกตตฺตสาลากรณํ ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ วิปฺปวาสรตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส, วิปฺปวาโส, อนาโรจนา’’ติ วุตฺตปาํ ¶ (จูฬว. ๘๓) อนุโลเมติ. มฺจกรณํ สหวาสรตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตปาฺจ (จูฬว. ๘๑) ยถาวุตฺตปาฺจ อนุโลเมติ. อาทิ-สทฺเทน สายนฺหสมเย คมนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เตสุ อฏฺกถายํ ปจฺจูสสมเย คมเน เอว วุตฺเตปิ สายนฺหสมเย คมนํ รตฺติคมนสฺส พหุปริสฺสยตฺตา ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ, ตํ ‘‘อนฺตรายโต ปริมุจฺจนตฺถาย คนฺตพฺพเมวา’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถาปาํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) อนุโลเมติ. อุปฏฺากสามเณราทีนํ นิวตฺตาปนํ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยสงฺกานิวตฺตนตฺถํ, ตํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ มาติกาปาํ (ปาจิ. ๔๙) อนุโลเมติ. ปุริมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา สมนฺตโต สทฺทฉิชฺชนกาเล ปกตตฺตภิกฺขู สาลายํ นิปชฺชาเปตฺวา ปาริวาสิกภิกฺขูนํ วตฺตสมาทาปนํ อฺภิกฺขูนํ สทฺทสวนวิวชฺชนตฺถํ, ตํ อนาโรจนรตฺติจฺเฉทโทสปริหรณตฺถํ, ตํ ยถาวุตฺตรตฺติจฺเฉทปาํ อนุโลเมติ.
นนุ จ อฏฺกถายํ อนฺโตอรุเณเยว วตฺตสมาทาปนํ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘ปุริมยามมชฺฌิมยาเมสู’’ติ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส, หิยฺโยอรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย หิ ยาว อชฺชอรุณุคฺคมนา เอโก รตฺตินฺทิโว อชฺชอรุณสฺส อนฺโต นาม, อชฺชอรุณโต ปฏฺาย ปจฺฉากาโล อรุณสฺส พหิ นาม, ตสฺมา ปุริมมชฺฌิมยาเมสุ กตวตฺตสมาทานมฺปิ อรุโณทยโต ¶ ปุเร กตตฺตา อนฺโตอรุเณ กตํเยว โหติ. วตฺตํ อสมาทิยิตฺวา นิปชฺชเน จ สติ นิทฺทาวเสน อรุณุคฺคมนกาลํ อชานิตฺวา วตฺตสมาทานํ อติกฺกนฺตํ ¶ ภเวยฺย, ตสฺมา ปุเรตรเมว สมาทานํ กตฺวา นิปชฺชนํ ายาคตํ โหติ, ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตอฏฺกถาปาฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อนุโลเมติ.
เอวํ โหตุ, เอวํ สนฺเตปิ กสฺมา ‘‘อาโรจาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, นนุ มาฬกสีมายํ สมาทินฺนกาเลเยว วตฺตมาโรจิตนฺติ? สจฺจํ อาโรจิตํ, อยํ ปน ภิกฺขุ ทิวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺโน, อิทานิ สมาทินฺโน, ตสฺมา มาฬกสีมาย อาโรจิตมฺปิ ปุน อาโรเจตพฺพํ โหติ. อิทมฺปิ ‘‘อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ’’ติ ปาํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อนุโลเมติ. อถ ‘‘อตฺตโน อตฺตโน มฺจเกสุ นิปชฺชาเปตฺวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อฺมฺสฺส มฺเจสุ นิปชฺชมานาปิ ปกตตฺตสาลโต นิพฺโพทกปตนฏฺานโต พหิ นิปชฺชมานา สหวาสรตฺติจฺเฉทโทสโต มุตฺตาเยวาติ? น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาริวาสิโก ปกตตฺตภิกฺขูเหว เอกจฺฉนฺเน นิปนฺโน สหวาสรตฺติจฺเฉทปฺปตฺโต โหติ, อถ โข อฺมฺมฺปิ โหติเยว. วุตฺตฺเจตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) ‘‘สเจ หิ ทฺเว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อฺมฺสฺส อชฺฌาจารํ ตฺวา อคารวา วา วิปฺปฏิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฏฺตรํ วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ. ‘‘ปจฺฉิมยามกาเล อุฏฺาเปตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺตี’’ติ เอตฺถ อรุเณ อนุฏฺิเตเยว วตฺตนิกฺขิปเน กริยมาเน รตฺติจฺเฉโท โหติ, สา รตฺติ คณนูปคา น โหติ, ตสฺมา ปมปริจฺเฉเท วุตฺตํ อรุณกถาวินิจฺฉยํ โอโลเกตฺวา อรุณุคฺคมนภาโว สุฏฺุ ชานิตพฺโพ.
‘‘อาโรจาเปตฺวา ¶ วตฺตํ นิกฺขิปาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมา อาโรจาเปติ, นนุ สมาทินฺนกาเลเยว อาโรจิตนฺติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปาริวาสิกวตฺตสมาทานกาเล อาโรจิเตสุ ภิกฺขูสุ เอกจฺเจ นิกฺขิปนกาเล คจฺฉนฺติ, อฺเ อาคจฺฉนฺติ, เอวํ ปริสสงฺกมนมฺปิ สิยา, ตถา จ สติ อภินวาคตานํ สพฺภาวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อสติ ปน อภินวาคตภิกฺขุมฺหิ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ. เอวํ สนฺเตปิ อาโรจเน โทสาภาวโต ปุน อาโรจนํ ายาคตํ โหติ, มานตฺตจรณกาเล ปน สมาทาเน อาโรจิเตปิ นิกฺขิปเน อวสฺสํ อาโรเจตพฺพเมว ¶ . กสฺมา? ทิวสนฺตรภาวโต. ‘‘เทวสิกํ อาโรเจตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๐) หิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ สายํ สมาทานกาเล อาโรเจสฺสติ, ตสฺมา นิกฺขิปเน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ เจ? น, สายํ สมาทานกาเล เอเต ภิกฺขู อาคจฺฉิสฺสนฺติปิ, น อาคจฺฉิสฺสนฺติปิ, อนาคตานํ กถํ อาโรเจตุํ ลภิสฺสติ, อนาโรจเน จ สติ รตฺติจฺเฉโท สิยา, ตสฺมา ตสฺมึ ทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต วตฺตนิกฺขิปนโต ปุเรเยว อาโรเจตพฺพนฺติ โน มติ, สุฏฺุตรํ อุปธาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ ปกรณาคตนเยน วา ปกรณานุโลมอาจริยนเยน วา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาณํ ปติฏฺาเปนฺเตน วินยโกวิเทน พหุสฺสุเตน ลชฺชีเปสลภูเตน วินยธเรน วิสุทฺธิกามานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ สีลวิสุทฺธตฺถาย สุฏฺุ วิจาเรตฺวา ปริวาสวตฺตามานตฺตจรณวตฺตานิ อาจิกฺขิตพฺพานีติ.
อิมสฺมึ าเน ลชฺชีภิกฺขูนํ ปริวาสาทิกถาย กุสลตฺถํ นานาวาทนโย วุจฺจเต – เกจิ ภิกฺขู ‘‘ปกตตฺตสาลํ กุรุมาเนน ตสฺสา สาลาย มชฺเฌ ถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา ตโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตํ ปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปฺตฺเต ¶ ปาริวาสิกานํ มฺเจ นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส คีวา ตสฺส ปเทสสฺส อุปริ โหติ, ตถา ปฺาเปตพฺโพ. เอวํ กเต สุกตํ โหตี’’ติ วทนฺติ กโรนฺติ จ. เอกจฺเจ ‘‘มฺเจ นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส กฏิ ตสฺส ปเทสสฺส อุปริ โหติ, ยถา ปฺาเปตพฺโพ, เอวํ กเต สุกตํ โหตี’’ติ วทนฺติ กโรนฺติ จ, ตํ วจนํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถาฏีกาทีสุ วิชฺชติ, เกวลํ เตสํ ปริกปฺปเมว. อยํ ปน เนสํ อธิปฺปาโย สิยา – ‘‘ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มฺุจิตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตวจนฺจ ‘‘อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติ เอว, วตฺตเภโท ปน นตฺถี’’ติ อฏฺกถาวจนฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตฏีกาวจนฺจ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ‘‘อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ, ‘อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วสนฺตสฺส ลกฺขณ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตวชิรพุทฺธิฏีกาวจนฺจ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๙๗) ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ วชิรพุทฺธิฏีกาวจนฺจ ปสฺสิตฺวา อโยนิโส อตฺถํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถเมว ปมาณํ, ตโต อูนมฺปิ อธิกมฺปิ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน มชฺเฌ ถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถมตฺเต ปเทเส นิปนฺนสฺส ภิกฺขุสฺส ¶ คีวา วา กฏิ วา โหตุ, เอวํ สนฺเต ทฺวาทสหตฺถปฺปเทเส ปาริวาสิกภิกฺขุ โหติ, ตโต สหวาสโต วา วิปฺปวาสโต วา รตฺติจฺเฉทวตฺตเภทโทสา น โหนฺตีติ.
ตตฺเรวํ ยุตฺตายุตฺตวิจารณา กาตพฺพา. ยถาวุตฺตปาเสุ ปมปาสฺส อยมธิปฺปาโย – ปกตตฺตภิกฺขุมฺหิ ฉมาย ¶ นิสินฺเน ยทิ ปาริวาสิกภิกฺขุ อาสเน นิสีทิตุกาโม, ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ มฺุจิตฺวาว นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, น ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรติ. เอเตน ทฺวีสุปิ ฉมาย นิสินฺเนสุ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรปิ วฏฺฏติ, ทฺวาทสหตฺถปฺปเทสโต พหิ นิสีทนฺโต อาสเนปิ นิสีทิตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น ฉมาย นิสินฺเนติ ปกตตฺเต ภูมิยํ นิสินฺเน อิตเรน อนฺตมโส ติณสนฺถเรปิ อุจฺจตเร วาลิกตเลปิ วา น นิสีทิตพฺพํ, ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มฺุจิตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑). อิติ ปกตตฺเต ฉมาย นิสินฺเน ปาริวาสิเกน นิสีทิตพฺพฏฺานทีปโก อยํ ปาโ, น มฺจปฺาปนฏฺานสยนฏฺานทีปโก, ตํ ปุพฺพาปรปริปุณฺณํ สกลํ ปาํ อโนโลเกตฺวา เอกเทสมตฺตเมว ปสฺสิตฺวา ปริกปฺปวเสน อโยนิโส อธิปฺปายํ คณฺหนฺติ.
ทุติยปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – พหิ อุปจารสีมาย ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา นิสินฺเน ภิกฺขุสฺมึ ตสฺส นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ตสฺส อชานนฺตสฺเสว อฺโ ภิกฺขุ คจฺฉติ, ตสฺส ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉโท โหติ, วตฺตเภโท ปน นตฺถิ. กสฺมา รตฺติจฺเฉโท โหติ? อุปจารํ โอกฺกมิตตฺตา. กสฺมา น วตฺตเภโท? อชานนฺตตฺตาติ. เอเตน พหิอุปจารสีมาย อุปจาโร ทฺวาทสหตฺถปฺปมาโณ โหติ อาโรจนกฺเขตฺตภูโตติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิสีทิตพฺพํ, อนฺโตอรุเณเยว วุตฺตนเยน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สเจ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ อาคจฺฉติ, สเจ เอส ตํ ปสฺสติ, สทฺทํ วาสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภโท จ. อถ ทฺวาทสหตฺถํ ¶ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติ เอว, วตฺตเภโท ปน นตฺถี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗). อิติ อยมฺปิ ปาโ อาโรจนกฺเขตฺตทีปโก โหติ, น มฺจปฺาปนาทิทีปโกติ ทฏฺพฺพํ.
ตติยปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – กึ พหิอุปจารสีมาย วตฺตสมาทานฏฺานํ อาคตภิกฺขูนํ ¶ ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํเยว อาโรเจตพฺพนฺติ ปุจฺฉาย สติ อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพนฺติ วิสฺสชฺเชตพฺพนฺติ. เอเตน อทิฏฺอสฺสุตานํ ปน อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํเยว อาโรเจตพฺพํ, น พหิทฺวาทสหตฺถคตานํ, ทิฏฺสุตานํ ปน อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานมฺปิ พหิทฺวาทสหตฺถคตานมฺปิ อากาสาทิคตานมฺปิ อาโรเจตพฺพเมวาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยํ ปเนตฺถ เถรสฺส อธิปฺปาโย – วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส อุปจารคตานํ สพฺเพสํ อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, ทิฏฺรูปานํ สุตสทฺทานํ อาโรเจตพฺพํ, อทิฏฺอสฺสุตานมฺปิ อนฺโตทฺวาทสหตฺถคตานํ อาโรเจตพฺพํ. อิทํ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปริวสนฺตสฺส ลกฺขณ’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗). อิติ อยมฺปิ ปาโ อาโรเจตพฺพลกฺขณทีปโก โหติ, น มฺจปฺาปนาทิทีปโกติ. จตุตฺถปาสฺส อธิปฺปาโยปิ ตติยปาสฺส อธิปฺปายสทิโสว.
ปฺจมปาสฺส ปน อยมธิปฺปาโย – อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ เอตฺถ เอตสฺมึ อฏฺกถาวจเน นิกฺขิตฺตวตฺตานํ ภิกฺขูนํ อตฺตโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน วิปฺปวาสอนาโรจนอูเนคเณจรณานิ สงฺคณฺหาติ. อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา วสิ ¶ , ตสฺมา นิกฺขิตฺตวตฺตานํ พหิอุปจารสีมาย สมาทินฺนตฺตา อตฺตโน นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อนฺโตวิหาเร สมาทินฺนตฺตา อุปจารสีมาย อฺเสํ ภิกฺขูนํ อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสวิปฺปวาสอนาโรจนอูเนคเณจรณสงฺขาตานิ วตฺตจฺเฉทการณานิ เวทิตพฺพานีติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ. อิติ อยฺจ ปาโ ปกตตฺตภิกฺขูสุ คเตสุปิ วตฺตํ อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา วสิตตฺตา โทสาภาวเมว ทีเปติ, น มฺจปฺาปนาทีนิ. อิติ อิเมสํ ปาานํ อโยนิโส อธิปฺปายํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถเมว ปมาณ’’นฺติ มฺมานา วิจารึสุ, เตสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชมานา สิสฺสานุสิสฺสาทโยปิ ตเถว กโรนฺติ, ตเทตํ อปฺปมาณํ.
กถํ? ยํ ตตฺถ ปกตตฺตสาลาย มชฺเฌ ถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา ทฺวาทสหตฺถํ มินึสุ, ตทปฺปมาณํ ¶ . น หิ ถมฺเภน วา สาลาย วา สหวาโส วา วิปฺปวาโส วา วุตฺโต, อถ โข ปกตตฺตภิกฺขุนาว. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๘๓) ‘‘ตตฺถ สหวาโสติ ยฺวายํ ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเนติอาทินา นเยน วุตฺโต เอกโต วาโส. วิปฺปวาโสติ เอกกสฺเสว วาโส’’ติ. ยฺหิ ตโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตฏฺาเน ภิกฺขุสฺส คีวาฏฺปนํ วา กฏิฏฺปนํ วา วทนฺติ, ตทปิ อปฺปมาณํ. พหิอุปจารสีมาย หิ ปริวสนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส สกลสรีรํ ปกตตฺตภิกฺขูนํ อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร เปตพฺพํ โหติ, น เอกเทสมตฺตํ.
เตสํ ¶ ปน อยมธิปฺปาโย สิยา – ทฺวาทสหตฺถปฺปเทสโต สกลสรีรสฺส อนฺโตกรเณ สติ สหวาโส ภเวยฺย, พหิกรเณ สติ วิปฺปวาโส, เตน อุปฑฺฒํ อนฺโต อุปฑฺฒํ พหิ โหตูติ, ตํ มิจฺฉาาณวเสน โหติ. น หิ สหวาสโทโส ทฺวาทสหตฺเถน กถิโต, อถ โข เอกจฺฉนฺเน สยเนน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ปาริวาสิกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๘๑) ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพ’’นฺติ. อฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) วุตฺตํ ‘‘เอกจฺฉนฺเน อาวาเส’’ติอาทีสุ อาวาโส นาม วสนตฺถาย กตเสนาสนํ. อนาวาโส นาม เจติยฆรํ โพธิฆรํ สมฺมฺุชนิอฏฺฏโก ทารุอฏฺฏโก ปานียมาโฬ วจฺจกุฏิ ทฺวารโกฏฺโกติ เอวมาทิ. ตติยปเทน ตทุภยมฺปิ คหิตํ, ‘เอเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกจฺฉนฺเน ฉทนโต อุทกปตนฏฺานปริจฺฉินฺเน โอกาเส อุกฺขิตฺตโก วสิตุํ น ลภติ, ปาริวาสิโก ปน อนฺโตอาวาเสเยว น ลภตี’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘อวิเสเสน อุทกปาเตน วาริต’นฺติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิยํ ‘เอเตสุ เอตฺตเกสุ ปฺจวณฺณฉทนพทฺธฏฺาเนสุ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตตฺเตน สทฺธึ อุทกปาเตน วาริต’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน น วฏฺฏติ. สเจ ปเนตฺถ ตทหุปสมฺปนฺเนปิ ปกตตฺเต ปมํ ปวิสิตฺวา นิปนฺเน สฏฺิวสฺโสปิ ปาริวาสิโก ปจฺฉา ปวิสิตฺวา ชานนฺโต นิปชฺชติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ, อชานนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. สเจ ปน ตสฺมึ ปมํ นิปนฺเน ปจฺฉา ปกตตฺโต ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ, ปาริวาสิโก จ ชานาติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. โน เจ ชานาติ ¶ , รตฺติจฺเฉโทว, น วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ, ตสฺมา สาลายปิ วิหาเรปิ ฉทนโต อุทกปตนฏฺานโต มุตฺตมตฺเตเยว สหวาสโทโส น วิชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอกจฺเจ ¶ ปน มชฺฌิมตฺถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถายาเมน ทณฺฑเกน จกฺกํ ภมิตฺวา สมนฺตโต พาหิเร เลขํ กโรนฺติ, เอวํ กเต สา พาหิรเลขา อาวฏฺฏโต ทฺวาสตฺตติหตฺถมตฺตา โหติ, ตโต ตํ ปเทสํ ทฺวาทสหตฺเถน ทณฺฑเกน มินิตฺวา ภาชิยมานํ ฉภาคเมว โหติ, ตโต เตสํ ฉภาคานํ สีมาย เอเกกสฺมึ มฺเจ ปฺปิยมาเน ฉเฬว มฺจฏฺานานิ โหนฺติ, ตสฺมา เอกสฺมึ วฏฺฏมณฺฑเล ฉ ภิกฺขูเยว อปุพฺพํ อจริมํ วสิตุํ ลภนฺติ, น ตโต อุทฺธนฺติ วทนฺติ. กสฺมา ปน เอวํ กโรนฺตีติ? ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ‘‘สพฺพตฺถ ทฺวาทสหตฺถมตฺตเมว ปมาณ’’นฺติ คหิตตฺตา. เอวํ กิร เนสมธิปฺปาโย – ปาริวาสิโก ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร สยมาโน สหวาโส สิยา, พาหิเร สยมาโน วิปฺปวาโส, ตถา อฺมฺสฺสปีติ. เอวํ กโรนฺตานํ ปน เนสํ สกอธิปฺปาโยปิ น สิชฺฌติ, กุโต ภควโต อธิปฺปาโย.
กถํ? ปาริวาสิโก ภิกฺขุ ปกตตฺตภิกฺขูนฺจ อฺมฺสฺส จ ทฺวาทสหตฺถมตฺเต ปเทเส โหตูติ เนสมธิปฺปาโย. อถ ปน มชฺฌิมตฺถมฺภํ นิมิตฺตํ กตฺวา มินิยมานา สมนฺตโต พาหิรเลขา ถมฺภโตเยว ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ปกตตฺตภิกฺขูหิ. เต หิ ถมฺภโต พหิ เอกรตนทฺวิติรตนาทิฏฺาเน ิตา, พาหิรโตปิ เลขาเยว ถมฺภโต ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ, น ตสฺสูปริ นิปนฺนภิกฺขุ. โส หิ ทฺวิรตนมตฺเตนปิ ติรตนมตฺเตนปิ เลขาย อนฺโตปิ โหติ พหิปิ. อฺมฺสฺสปิ ฉภาคสีมาเยว อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถมตฺตา โหติ ¶ , น ตสฺสูปริ ปฺตฺตมฺโจ วา ตตฺถ นิปนฺนภิกฺขุ วา. มฺโจ หิ เอกรตนมตฺเตน วา ทฺวิรตนมตฺเตน วา สีมํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ภิกฺขูปิ สยมานา น สีมาย อุปริเยว สยนฺติ, วิทตฺถิมตฺเตน วา รตนมตฺเตน วา สีมํ อติกฺกมิตฺวา วา อปฺปตฺวา วา สยนฺติ, ตสฺมา เต ปาริวาสิกา ภิกฺขู ปกตตฺตภิกฺขูนมฺปิ อฺมฺสฺสปิ ทฺวาทสหตฺถมตฺตฏฺายิโน น โหนฺติ, ตโต อูนาว โหนฺติ, ตสฺมา สกอธิปฺปาโยปิ น สิชฺฌติ.
ภควโต ปน อธิปฺปาโย – ยทิ อปฺปภิกฺขุกาทิองฺคสมฺปนฺนตฺตา วิหารสฺส วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา อนฺโตวิหาเรเยว ปริวสติ, เอวํ สติ ปกตตฺเตน ภิกฺขุนา น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วสิตพฺพํ. ยทิ ตาทิสอาวาเส วา อนาวาเส วา ฉทนโต อุทกปตนฏฺานสฺส อนฺโต สเยยฺย, สหวาโส นาม, รตฺติจฺเฉโท โหตีติ อยมตฺโถ ยถาวุตฺต-ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ ปกาเสตพฺโพ. น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส ทฺวีหิ วตฺถพฺพํ. ยทิ วเสยฺย, วุฑฺฒสฺส รตฺติจฺเฉโทเยว, นวกสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ โหติ. สมวสฺสา เจ, อชานนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทเยว ¶ , ชานนฺตสฺส อุภยมฺปีติ อยมตฺโถ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิเกน วุฑฺฒตเรน สทฺธึ น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๒) จ ‘‘วุฑฺฒตเรนาติ เอตฺถ…เป… สเจ หิ ทฺเว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อฺมฺสฺส อชฺฌาจารํ ตฺวา อคารวา วา วิปฺปฏิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฏฺตรํ วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) จ อิเมหิ ปาฬิอฏฺกถาปาเหิ ปกาเสตพฺโพ. วิปฺปวาเสปิ ปาริวาสิเกน อภิกฺขุเก ¶ อาวาเส น วตฺถพฺพํ, ปกตตฺเตน วินา อภิกฺขุโก อาวาโส น คนฺตพฺโพ, พหิสีมายํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานโต ทฺวาทสหตฺถปฺปมาณสฺส อุปจารสฺส อนฺโต นิสีทิตพฺพนฺติ ภควโต อธิปฺปาโย.
อยมตฺโถ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สภิกฺขุกา อาวาสา อภิกฺขุโก อาวาโส คนฺตพฺโพ อฺตฺร ปกตตฺเตน อฺตฺร อนฺตรายา’’ติอาทิ (จูฬว. ๗๖) จ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ…เป… อนาโรจนา’’ติ จ ‘‘จตฺตาโร โข, อุปาลิ, มานตฺตจาริกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส, วิปฺปวาโส, อนาโรจนา, อูเนคเณจรณ’’นฺติ (จูฬว. ๙๒) จ ‘‘วิปฺปวาโสติ เอกกสฺเสว วาโส’’ติ จ ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ จ ‘‘อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาติ ทฺวาทสหตฺเถ อุปจาเร สลฺลกฺเขตฺวา, อนิกฺขิตฺตวตฺตานํ อุปจารสีมาย อาคตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สหวาสาทิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ จ อาคเตหิ ปาฬิยฏฺกถา-วชิรพุทฺธิฏีกาปาเหิ ปกาเสตพฺโพ, ตสฺมา วิหาเร ปริวสนฺตสฺส อุปจารสีมาย อพฺภนฺตเร ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺตสฺส นตฺถิ วิปฺปวาโส, พหิอุปจารสีมายํ ปริวสนฺตสฺส ภิกฺขูนํ นิสินฺนปริยนฺตโต ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร วสนฺตสฺส จ นตฺถิ วิปฺปวาโสติ, ตฺจ ปริวาสกาเล ‘‘เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิ’’นฺติ วจนโต เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน, มานตฺตจรณกาเล ‘‘จตูหิ ปฺจหิ วา ภิกฺขูหิ สทฺธิ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วจนโต จ จตุนฺนํ ปฺจนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ หตฺถปาสภูเต ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรปิ วสิตุํ ลภติ, นตฺถิ วิปฺปวาโสติ ทฏฺพฺพํ.
วตฺตํ สมาทิยิตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ อาโรจิตกาลโต ปน ปฏฺาย เกนจิ กรณีเยน เตสุ ¶ ภิกฺขูสุ คเตสุปิ ¶ ยถาวุตฺตอฏฺกถาปานเยน วิปฺปวาโส น โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ‘‘โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเรอรุเณ เอว คจฺฉตีติ อิมินา อาโรจนาย กตาย สพฺเพสุปิ ภิกฺขูสุ พหิวิหารํ คเตสุ อูเนคเณจรณโทโส วา วิปฺปวาสโทโส วา น โหติ อาโรจิตตฺตา สหวาสสฺสาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘อยฺจา’ติอาที’’ติ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘พหิสีมาย วตฺตสมาทานฏฺาเน วติปริกฺเขโปปิ ปกตตฺตภิกฺขูเหว กาตพฺโพ, น กมฺมารหภิกฺขูหิ. ยถา โลเก พนฺธนาคาราทิ ทณฺฑการเกหิ เอว กตฺตพฺพํ, น ทณฺฑารเหหิ, เอวมิธาปี’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อฏฺกถาทีสุ น ทิสฺสติ. น หิ วติปริกฺเขโป ทณฺฑกมฺมตฺถาย การิโต, อถ โข ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถเมว. ตถา หิ วุตฺตํ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ‘‘คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. ตถา วิมติวิโนทนิยมฺปิ (วิ. วิ. ฏี. จูฬวคฺค ๒.๙๗) ‘‘คุมฺเพน วาติอาทิ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถ’’นฺติ. อิโต ปรํ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ปริวาสทานฺจ มานตฺตทานฺจ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน สํสยิตพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ สํสยวิโนทนตฺถาย กเถตพฺพํ กถยาม.
เอกจฺเจ ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ – ปาริวาสิโก ภิกฺขุ วุฑฺฒตโรปิ สมาโน วตฺเต สมาทินฺเน นวกฏฺาเน ิโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ ปน นิสีทาเปตฺวา ปริวิสนฺติ, ตตฺถ สามเณรานํ เชฏฺเกน, ภิกฺขูนํ สงฺฆนวเกน หุตฺวา นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๗๕) ตสฺมา อาโรจิตกาลาทีสุ ‘‘อหํ ภนฺเต’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘อหํ อาวุโส’’ติ. ตตฺเรวํ วิจารณา กาตพฺพา – ปาริวาสิกาทโย ภิกฺขู เสยฺยาปริยนฺตอาสนปริยนฺตภาคิตาย นวกฏฺาเน ิตา, น เอกนฺเตน ¶ นวกภูตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ ปฺจ ยถาวุฑฺฒํ อุโปสถํ ปวารณํ วสฺสิกสาฏิกํ โอโณชนํ ภตฺต’’นฺติ (จูฬว. ๗๕). อฏฺกถายฺจ (จูฬว. อฏฺ. ๘๑) ‘‘ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา อาสนา วุฏฺาตพฺพํ, ปกตตฺโต ภิกฺขุ อาสเนน นิมนฺเตตพฺโพ’’ติ เอติสฺสา ปาฬิยา สํวณฺณนาย ‘‘วุฏฺาตพฺพํ, นิมนฺเตตพฺโพติ ตทหุปสมฺปนฺนมฺปิ ทิสฺวา วุฏฺาตพฺพเมว, วุฏฺาย จ ‘อหํ อิมินา สุขนิสินฺโน วุฏฺาปิโต’ติ ปรมฺมุเขน น คนฺตพฺพํ, ‘อิทํ อาจริย อาสนํ, เอตฺถ นิสีทถา’ติ เอวํ นิมนฺเตตพฺโพเยวา’’ติ เอตฺเถว ‘‘อาจริยา’’ติ อาลปนวิเสโส วุตฺโต, น อฺตฺถ. ยทิ วุฑฺฒตเรนปิ ‘‘ภนฺเต’’อิจฺเจว วตฺตพฺโพ สิยา, อิธาปิ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อาสน’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, น ปน วุตฺตํ, ตสฺมา น เตสํ ตํ วจนํ สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อิมสฺมึ ¶ ปน วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๓๗) ‘‘อาโรเจนฺเตน สเจ นวกตโร โหติ, ‘อาวุโส’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วุฑฺฒตโร, ‘ภนฺเต’ติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, อิทฺจ ‘‘เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตตฺตา ตํ ปฏิคฺคาหกภูตํ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
พหโว ปน ภิกฺขู ปาริวาสิกํ ภิกฺขุํ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทาเปตฺวา วตฺตํ ยาจาเปตฺวา กมฺมวาจาปริโยสาเน สมาทาเปตฺวา อาโรจนมกาเรตฺวา สงฺฆมชฺฌโต นิกฺขมาเปตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนน อาโรจาเปตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปาเปนฺติ, เอวํ กโรนฺตานฺจ เนสํ อยมธิปฺปาโย – อยํ ภิกฺขุ วตฺเต อสมาทินฺเน วุฑฺฒฏฺานิโยปิ โหติ, ตสฺมา ยาจนกาเล จ กมฺมวาจาสวนกาเล จ วตฺตสมาทานกาเล จ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห โหติ, วตฺเต ปน สมาทินฺเน นวกฏฺานิโย, ตสฺมา น สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห, อาสนปริยนฺตภาคิตาย ¶ ปริสปริยนฺเตเยว นิสีทนารโหติ, ตเทตํ เอวํ วิจาเรตพฺพํ – อยํ ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ นิสีทมาโน อาสนํ คเหตฺวา ยถาวุฑฺฒํ นิสินฺโน น โหติ, อถ โข กมฺมารหภาเวน อาสนํ อคฺคเหตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อุกฺกุฏิกเมว นิสินฺโน โหติ, กมฺมารโห จ นาม สงฺฆมชฺเฌเยว เปตพฺโพ โหติ, โน พหิ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆมชฺเฌ นิสีทนารโห น โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ตสฺมึ กาเล, นิกฺขมาปิเต จ วตฺตาโรจนวตฺตนิกฺขิปนานํ อนิฏฺิตตฺตา อฺมฺํ อาหจฺจ สุฏฺุ นิสินฺนํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา, จีวรกณฺณปาทปิฏฺิอาทีหิ พาธิตตฺตา อคารวกิริยา วิย ทิสฺสติ, อาโรจนกิริยฺจ วตฺตนิกฺขิปนฺจ สงฺฆมชฺเฌเยว กตฺตพฺพํ ปริยนฺเต นิสีทิตฺวา กโรนฺโต อฏฺกถาวิโรโธ โหติ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ‘‘วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตตฺเถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ…เป… อาโรเจตฺวา สเจ นิกฺขิปิตุกาโม, วุตฺตนเยเนว สงฺฆมชฺเฌ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ. กสฺมา? สมาทานฏฺาเนเยว อาโรจาเปตฺวา ตตฺเถว นิกฺขิปาเปตฺวา นิฏฺิตสพฺพกิจฺจเมว นิกฺขมาเปตฺวา อตฺตโน อาสเน นิสีทาเปนฺโต ายาคโตติ อมฺหากํ ขนฺติ.
ตถา สายํ วตฺตาโรจนกาเล พหูสุ ปาริวาสิเกสุ วุฑฺฒตรํ ปมํ สมาทาเปตฺวา อาโรจาเปตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพปจฺฉา นวกตรํ สมาทาเปนฺติ อาโรจาเปนฺติ, ปาโต นิกฺขิปนกาเล ปน นวกตรํ ปมํ อาโรจาเปตฺวา นิกฺขิปาเปนฺติ, ตโต อนุกฺกเมน วุฑฺฒตรํ สพฺพปจฺฉา อาโรจาเปตฺวา นิกฺขิปาเปนฺติ. เตสํ อยมธิปฺปาโย สิยา – ยทา ทส ภิกฺขู ปกตตฺตา ¶ ทส ภิกฺขู ปาริวาสิกา โหนฺติ, ตทา วุฑฺฒตเรน ปมํ สมาทิยิตฺวา อาโรจิเต ตสฺส อาโรจนํ อวเสสา เอกูนวีสติ ภิกฺขู ¶ สุณนฺติ, ทุติยสฺส อฏฺารส, ตติยสฺส สตฺตรสาติ อนุกฺกเมน หายิตฺวา สพฺพนวกสฺส อาโรจนํ ทส ปกตตฺตา สุณนฺติ เสสานํ อปกตตฺตภาวโต. ตโต นิกฺขิปนกาเล สพฺพนวโก ปุพฺเพ อตฺตนา อาโรจิตานํ ทสนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปติ, ตโต ปฏิโลเมน ทุติโย เอกาทสนฺนํ, ตติโย ทฺวาทสนฺนนฺติ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา สพฺพเชฏฺโก อตฺตนา ปุพฺเพ อาโรจิตานํ เอกูนวีสติภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปติ, เอวํ ยถานุกฺกเมน นิกฺขิปนํ โหติ. สพฺพเชฏฺเก ปน ปมํ นิกฺขิตฺเต สติ ปุพฺเพ อตฺตนา อาโรจิตานํ นวนฺนํ ภิกฺขูนํ ตทา อปกตตฺตภาวโต อาโรจิตานํ สนฺติเก นิกฺขิปนํ น โหติ, ตถา เสสานํ. เตสํ ปน เอกจฺจานํ อูนํ โหติ, เอกจฺจานํ อธิกํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน สพฺพนวกโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน นิกฺขิปิตพฺพนฺติ.
เอวํวาทีนํ ปน เตสมายสฺมนฺตานํ วาเท ปกตตฺตาเยว ภิกฺขู อาโรเจตพฺพา โหนฺติ, โน อปกตตฺตา. ปุพฺเพ อาโรจิตานํเยว สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ โหติ, โน อนาโรจิตานํ. เอวํ ปน ปกตตฺตาเยว ภิกฺขู อาโรเจตพฺพา น โหนฺติ, อถ โข อปกตตฺตาปิ ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา. ปุพฺเพ อาโรจิตานมฺปิ อนาโรจิตานมฺปิ สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพเมว ‘‘สเจ โส ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกนฺโต โหติ, ยํ อฺํ สพฺพปมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ตถา อกโรนฺเตปิ สพฺเพสํ อาโรจิตตฺตา นตฺถิ โทโส. อปฺเปกจฺเจ ภิกฺขู ‘‘ปกตตฺตสฺเสวายํ อาโรจนา’’ติ มฺมานา สายํ วุฑฺฒปฏิปาฏิยา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา ¶ อตฺตโน สยนํ ปวิสิตฺวา ทฺวารชคฺคนสยนโสธนาทีนิ กโรนฺตา อฺเสํ อาโรจิตํ น สุณนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ปาโต สยํ อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตฺวา อฺเสํ อาโรจนํ วา นิกฺขิปนํ วา อนาคเมตฺวา ภิกฺขาจาราทีนํ อตฺถาย คจฺฉนฺติ, เอวํ กโรนฺตานํ เตสํ อาโรจนํ เอกจฺจานํ อสุตภาวสมฺภวโต สาสงฺโก โหติ ปาริวาสิกานํ อฺมฺาโรจนสฺส ปกรเณสุ อาคตตฺตา. น เกวลํ สารตฺถทีปนิยํเยว, อถ โข วชิรพุทฺธิฏีกายมฺปิ (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๗๖) ‘‘สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ อวิเสเสน ‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’นฺติ วุตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
ตถา ¶ อปฺเปกจฺเจ ปกตตฺตา ภิกฺขู ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ สายํ วตฺตสมาทานตฺถํ ปกตตฺตสาลโต นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สยนสมีปํ คเตสุ อตฺตโน สยนปฺาปนปอกฺขารปนอฺมฺอาลาปสลฺลาปกรณาทิวเสน อาโฬเลนฺตา ปาริวาสิกานํ วตฺตาโรจนํ น สุณนฺติ, น มนสิ กโรนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ปาโต วตฺตนิกฺขิปนกาเล ปาริวาสิกภิกฺขูสุ วตฺตาโรจนวตฺตนิกฺขิปนานิ กโรนฺเตสุปิ นิทฺทาปสุตา หุตฺวา น สุณนฺติ. เอวํ กโรนฺตานมฺปิ เตสํ เอกจฺจานํ อสฺสุตสมฺภวโต วตฺตาโรจนํ สาสงฺกํ โหตีติ. โหตุ สาสงฺกํ, สุณนฺตานํ อสฺสุตสมฺภเวปิ อาโรจกานํ สมฺมาอาโรจเนน วตฺตสฺส ปริปุณฺณตฺตา โก โทโสติ เจ? อาโรจกานํ สมฺมา อาโรจิตตฺตา วตฺเต ปริปุณฺเณปิ วตฺตเภททุกฺกฏโตว วิมุตฺโต สิยา, น รตฺติจฺเฉทโต. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) ‘‘สเจ วายมนฺโตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ ¶ วา น สกฺโกติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏ’’นฺติ.
อถฺเ ภิกฺขู วตฺตํ สมาทิยิตฺวา รตฺตึ นิปนฺนา นิทฺทาภาเวน มนุสฺสสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, เภริอาทิสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, สกฏนาวาทิยานสทฺทมฺปิ สุณนฺติ, เต เตน สทฺเทน อาสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อย’’นฺติ, เต เตน การเณน รตฺติจฺเฉทํ มฺนฺติ. กสฺมา? ‘‘อยฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวา อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. คตกาเล ชานนฺเตนปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมว. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) วุตฺตตฺตาติ. เต เอวํ สฺาเปตพฺพา – มายสฺมนฺโต เอวํ มฺิตฺถ, นายํ ปาโ พหิสีมฏฺวเสน วุตฺโต, อถ โข อุปจารสีมฏฺวเสน วุตฺโต. วุตฺตฺหิ ตตฺเถว ‘‘เยปิ อนฺโตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ. ตตฺถปิ อาคนฺตุกภาวสฺส ชานิตตฺตา รตฺติจฺเฉโท โหติ, ตสฺมา ทูเรสทฺทสวนมตฺเตน รตฺติจฺเฉโท นตฺถิ, ‘‘อยํ ภิกฺขูนํ สทฺโท, อยํ ภิกฺขูหิ วาทิตเภริฆณฺฏาทิสทฺโท, อยํ ภิกฺขูหิ ปาชิตสกฏนาวาทิสทฺโท’’ติ นิสินฺนฏฺานโต ชานนฺโตเยว รตฺติจฺเฉทกโร โหติ. เตนาห ‘‘อายสฺมา กรวีกติสฺสตฺเถโร ‘สมโณ อย’นฺติ ววตฺถานเมว ปมาณ’’นฺติ.
ทิวา ทูเร คจฺฉนฺตํ ชนกายํ ทิสฺวาปิ ‘‘อิเม ภิกฺขู นุ โข’’ติ ปริกปฺเปนฺตา รตฺติจฺเฉทํ มฺนฺติ, ตมฺปิ อการณํ. กสฺมา? ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานสฺส อภาวา. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘นทีอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ิตมฺปิ อากาเส คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตถลอรฺาทีสุ ¶ ทูเร ิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘ภิกฺขู’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา มหาสทฺทํ กตฺวา ¶ วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพ’’นฺติ. อิติ ภิกฺขุํ ทิสฺวาปิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานเมว ปมาณํ. อภิกฺขุํ ปน ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถาเน สนฺเตปิ วา อสนฺเตปิ วา กึ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, พหโว ปน ภิกฺขู อิทํ รูปทสฺสนํ สทฺทสวนฺจ อาสงฺกนฺตา ‘‘ปภาเต สติ ตํ ทฺวยํ ภเวยฺย, ตสฺมา มนุสฺสานํ คมนกาลสทฺทกรณกาลโต ปุพฺเพเยว วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ มฺมานา อนุคฺคเตเยว อรุเณ วตฺตํ นิกฺขิปนฺติ, ตทยุตฺตํ รตฺติจฺเฉทตฺตาติ.
อถ ปน วินยธเรน ‘‘กิตฺตกา เต อาปตฺติโย, ฉาเทสิ, กีวตีหํ ปฏิจฺฉาเทสี’’ติ ปุฏฺโ สมาโน ‘‘อหํ, ภนฺเต, อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานามิ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานามิ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรามิ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรามิ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สุทฺธนฺตปริวาสารโห’’ติ ตฺวา ตสฺสปิ ทุวิธตฺตา จูฬสุทฺธนฺตมหาสุทฺธนฺตวเสน ‘‘เตสุ อยํ ภิกฺขุ อิมสฺส อรโห’’ติ าปนตฺถํ อุปสมฺปทโต ปฏฺาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิโลมกฺกเมน วา ‘‘กิตฺตกํ กาลํ ตฺวํ อาโรจนอาวิกรณาทิวเสน สุทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ อหํ สุทฺโธมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ เอกจฺจํ รตฺติปริยนฺตํ ชานาติ, ตสฺมา จูฬสุทฺธนฺตารโห’’ติ ตฺวา ตสฺส สุทฺธกาลํ อปเนตฺวา อสุทฺธกาลวเสน ปริยนฺตํ กตฺวา จูฬสุทฺธนฺตปริวาโส ทาตพฺโพ. อยํ อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, อโธปิ โอโรหติ. โย ปน อนุโลมวเสน วา ปฏิโลมวเสน วา ปุจฺฉิยมาโน ‘‘สกลมฺปิ รตฺติปริยนฺตํ อหํ น ชานามิ นสฺสรามิ, เวมติโก โหมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สกลมฺปิ รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, ตสฺมา มหาสุทฺธนฺตารโห’’ติ ตฺวา ตสฺส อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ยาว วตฺตสมาทานา เอตฺตกํ กาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา มหาสุทฺธนฺตปริวาโส ¶ ทาตพฺโพ. อุทฺธํอาโรหนอโธโอโรหนภาโว ปเนสํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺโตเยว. อิโต ปรมฺปิ วิธานํ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว ทฏฺพฺพํ.
อิทานิ ปน พหโว ภิกฺขู ‘‘อยํ จูฬสุทฺธนฺตารโห, อยํ มหาสุทฺธนฺตารโห’’ติ อวิจินนฺตา อนฺโตกมฺมวาจายํ ‘‘อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ ¶ อวิเสสวจนเมว มนสิ กโรนฺตา ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย ทินฺนํ สุทฺธนฺตปริวาสํ คเหตฺวา ปฺจาหมตฺตํ วา ทสาหมตฺตํ วา ปริวสิตฺวา อปริยนฺตรตฺติปฏิจฺฉาทิตาหิ อปริยนฺตาหิ อาปตฺตีหิ โมกฺโข โหตี’’ติ มฺนฺตา ปฺจาหมตฺตํ วา ทสาหมตฺตํ วา ปริวสิตฺวา มานตฺตํ ยาจนฺติ, เอวํ กโรนฺตา เต ภิกฺขู สหสฺสกฺขตฺตุํ ปริวสนฺตาปิ อาปตฺติโต น มุจฺเจยฺยุํ. กสฺมาติ เจ? ปาฬิยา จ อฏฺกถาย จ วิรุชฺฌนโต. วุตฺตฺหิ ปาฬิยํ (ปารา. ๔๔๒) ‘‘ยาวตีหํ ชานํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพํ. ปริวุตฺถปริวาเสน ภิกฺขุนา อุตฺตริ ฉารตฺตํ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ. จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ ยตฺถ สิยา วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ, ตตฺถ โส ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพ’’ติ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนทิวสมตฺตํ อปริวสิตฺวา มานตฺตารโห นาม น โหติ, อมานตฺตารหสฺส มานตฺตทานํ น รุหติ, อจิณฺณมานตฺโต อพฺภานารโห น โหติ, อนพฺภานารหสฺส อพฺภานํ น รุหติ, อนพฺภิโต ภิกฺขุ อาปตฺติมุตฺโต ปกตตฺโต น โหตีติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย.
อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ปน จูฬสุทฺธนฺเต ‘‘ตํ คเหตฺวา ปริวสนฺเตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธึ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา ¶ อวเสสํ มาสํ วา ทฺวิมาสํ วา ปริวสิตพฺพ’’นฺติ, มหาสุทฺธนฺเต ‘‘ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ปฏิจฺฉนฺนรตฺติปฺปมาณํ ปริวสนฺโตเยว มานตฺตารโห โหติ, น ปฺจาหทสาหรตฺติปฺปมาณมตฺตํ ปริวสนฺโตติ อยํ อฏฺกถาจริยานํ อธิปฺปาโย. เตเนว จ การเณน เทสนาอาโรจนาทีหิ สพฺพกาลํ อาปตฺตึ โสเธตฺวา วสนฺตานํ ลชฺชีเปสลานํ สิกฺขากามานํ ภิกฺขูนํ สุทฺธนฺตปริวาสํ ทาตุํ อยุตฺตรูโป, เทสนาอาโรจนาทีหิ อาปตฺตึ อโสเธตฺวา ปมาทวเสน จิรกาลํ วสนฺตานํ ชนปทวาสิกาทีนํ ทาตุํ ยุตฺตรูโปติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถาปิ อวเสสวินิจฺฉโย อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อถ ปน วินยธเรน ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, กตรอาปตฺตึ อาปนฺโน, กติ รตฺติโย เต ฉาทิตา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สงฺฆาทิเสสํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปกฺขมตฺตํ ปฏิจฺฉาทิตา, เตนาหํ สงฺฆํ ปกฺขปริวาสํ ยาจิตฺวา สงฺเฆน ทินฺเน ปกฺขปริวาเส ปริวสิตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺโตว หุตฺวา อนฺตรา สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฺจาหมตฺตํ ฉาทิตา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ สโมธานปริวาสารโห, ตีสุ จ สโมธานปริวาเสสุ โอธานสโมธานารโห’’ติ ตฺวา ¶ ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ ตฺวํ มูลายปฏิกสฺสนารโห’’ติ วตฺวา ตํ มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปริวุตฺถทิวเส อทิวเส กตฺวา อนฺตรา ปฏิจฺฉนฺเน ปฺจ ทิวเส มูลาปตฺติยา ปฏิจฺฉนฺเนสุ ทิวเสสุ สโมธาเนตฺวา โอธานสโมธาโน ทาตพฺโพ. อิโต ปรานิ โอธานสโมธาเน วตฺตพฺพวจนานิ ปาฬิยํ อฏฺกถายฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
อถ ปน วินยธเรน ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ, สมฺพหุลา อาปตฺติโย ¶ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ อคฺฆสโมธานารโห’’ติ ตฺวา ตาสํ อาปตฺตีนํ ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพ. ตตฺเรวํ วทนฺติ – ‘‘ยา อาปตฺติโย จิรตรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อคฺเฆน สโมธานปริวาโส ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺโต, เอวํ สนฺเต ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทีสุ กถนฺติ? เตสุปิ ‘‘ยา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย, ยา อาปตฺติโย มาสปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วตฺตพฺโพติ. ยทิ เอวํ ปาฬิวิโรโธ อาปชฺชติ. ปาฬิยฺหิ ทสาหปฺปฏิจฺฉนฺนปริโยสานา เอว อาปตฺติ ทสฺสิตา, น ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทโยติ? สจฺจํ, ปาฬิยํ ตถาทสฺสนํ ปน นยทสฺสนมตฺตํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘ปฺจทส ทิวสานิ ปฏิจฺฉนฺนาย ‘ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺน’นฺติ วตฺวา โยชนา กาตพฺพา…เป… เอวํ ยาว สฏฺิสํวจฺฉรํ, อติเรกสฏฺิสํวจฺฉรปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ วา ตโต วา ภิยฺโยปิ วตฺวา โยชนา กาตพฺพา’’ติ. มหาปทุมตฺเถเรนปิ วุตฺตํ ‘‘อยํ สมุจฺจยกฺขนฺธโก นาม พุทฺธานํ ิตกาลสทิโส, อาปตฺติ นาม ปฏิจฺฉนฺนา วา โหตุ อปฺปฏิจฺฉนฺนา วา สมกอูนตรอติเรกปฺปฏิจฺฉนฺนา วา, วินยธรสฺส กมฺมวาจํ โยเชตุํ สมตฺถภาโวเยเวตฺถ ปมาณ’’นฺติ, ตสฺมา ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาทีนํ กมฺมวาจากรเณ กุกฺกุจฺจํ น กาตพฺพนฺติ.
โหตุ, เอวมฺปิ ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปริยนฺตํ กตฺวา กตาย กมฺมวาจาย ตโต อุทฺธํ อาปตฺติ นตฺถีติ กถํ ชาเนยฺยาติ? อิทานิ สิกฺขากามา ภิกฺขู เทวสิกมฺปิ เทสนาโรจนาวิกรณานิ กโรนฺติ เอกาหิกทฺวีหิกาทิวเสนปิ, กิจฺจปสุตา หุตฺวา ตถา อสกฺโกนฺตาปิ อุโปสถทิวสํ นาติกฺกมนฺติ, คิลานาทิวเสน ตทติกฺกนฺตาปิ อติกฺกนฺตภาวํ ¶ ชานนฺติ, ตสฺมา ตทติกฺกนฺตภาเว สติ อติเรกปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนมาสปฺปฏิจฺฉนฺนาทิวเสน วฑฺเฒตฺวา กมฺมวาจํ กเรยฺย, ตทติกฺกนฺตภาเว ปน อสติ ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนปริยนฺตา ¶ โหติ, ตสฺมา ปกฺขปริยนฺตกมฺมวาจากรณํ ายาคตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ โหตุ, ตถาปิ ยเทตํ ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ อิมินาเยว อนุกฺกเมน มยา ปฏิจฺฉาทิตา อาปตฺติโย โหนฺตีติ กถํ ชาเนยฺย, อชานเน จ สติ ‘‘ยา จ ขฺวายํ, อาวุโส, อาปตฺติ อชานปฺปฏิจฺฉนฺนา, อธมฺมิกํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสทานํ, อธมฺมตฺตา น รุหตี’’ติ อิทํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. ตตฺถ หิ อาปตฺติยา อาปนฺนภาวํ อชานนฺโต หุตฺวา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺมา ‘‘อาปตฺติ จ โหติ อาปตฺติสฺี จา’’ติ วุตฺตอาปตฺติสฺิตาภาวา อปฺปฏิจฺฉนฺนเมว โหติ, ตสฺมา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสทานํ อธมฺมิกํ โหติ. อิธ ปน ‘‘เอตฺตกา รตฺติโย มยา ฉาทิตา’’ติ ฉนฺนกาลเมว น ชานาติ, ตทชานภาเว สติปิ ปริวาสทานํ รุหติ. เตเนว จ การเณน สุทฺธนฺตปริวาเส (จูฬว. ๑๕๖-๑๕๗) ‘‘อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, อาปตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺตํ นสฺสรติ, อาปตฺติปริยนฺเต เวมติโก, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก’’ติ รตฺติปริยนฺตสฺส อชานนอสรณเวมติกภาเว สติปิ ปริวาสทานํ วุตฺตํ, ตสฺมา ฉาทิตกาลํ ตถโต อชานนฺโตปิ ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอตฺถ อปฺปวิฏฺสฺส อภาวา สมฺปชฺชติเยวาติ ทฏฺพฺพํ.
อถาปิ ¶ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาโย…เป… สมฺพหุลา อาปตฺติโย ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาโย’’ติ วุตฺเต เตสุ ทิวเสสุ อาปตฺติโย อตฺถิ ปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ อปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยปิ, อตฺถิ เอกาปิ, อตฺถิ สมฺพหุลาปิ, สพฺพา ตา อาปตฺติโย เอเตเนว ปเทน สงฺคหิตา สิยุนฺติ? สงฺคหิตา เอว. น เหตฺถ สํสโย กาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ‘‘อฺสฺมึ ปน อาปตฺติวุฏฺาเน อิทํ ลกฺขณํ – โย อปฺปฏิจฺฉนฺนํ อาปตฺตึ ‘ปฏิจฺฉนฺนา’ติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส อาปตฺติ วุฏฺาติ. โย ปฏิจฺฉนฺนํ ‘อปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส น วุฏฺาติ. อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนํ ‘จิรปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ กโรนฺตสฺสปิ วุฏฺาติ, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนํ ‘อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา’ติ กโรนฺตสฺส น วุฏฺาติ. เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘สมฺพหุลา’ติ กโรนฺตสฺสปิ วุฏฺาติ เอกํ วินา สมฺพหุลานํ อภาวโต. สมฺพหุลา ปน อาปชฺชิตฺวา ¶ ‘เอกํ อาปชฺชิ’นฺติ กโรนฺตสฺส น วุฏฺาตี’’ติ, ตสฺมา เอเตหิ ปเทหิ สพฺพาสํ ปฏิจฺฉนฺนาปตฺตีนํ สงฺคหิตตฺตา ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ.
อถ ปน วินยธเรน ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ เอกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฏฺุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สฺจริตฺตํ, เอกํ กุฏิการํ, เอกํ วิหารการํ, เอกํ ทุฏฺโทสํ, เอกํ อฺภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อยํ ภิกฺขุ มิสฺสกสโมธานปริวาสารโห’’ติ ตฺวา อฏฺกถายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อาคตนเยน ปริวาโส ทาตพฺโพ. เอตฺถาห – อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานานํ โก วิเสโส, กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – อคฺฆสโมธานปริวาโส อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา ¶ อาปตฺติโย จิรปฺปฏิจฺฉนฺนายํ อาปตฺติยํ สโมธาเนตฺวา ตสฺสา จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา อคฺฆวเสน ทียติ, มิสฺสกสโมธานปริวาโส นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย สโมธาเนตฺวา ตาสํ มิสฺสกวเสน ทียติ, อยเมเตสํ วิเสโส. อถ วา อคฺฆสโมธาโน สภาควตฺถูนํ อาปตฺตีนํ สโมธานวเสน โหติ, อิตโร วิสภาควตฺถูนนฺติ อาจริยา. เตเนวาห อาจริยวชิรพุทฺธิตฺเถโร (วชิร. ฏี. จูฬวคฺค ๑๐๒) ‘‘อคฺฆสโมธาโน นาม สภาควตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปนฺนสฺส พหุรตฺตึ ปฏิจฺฉาทิตาปตฺติยํ นิกฺขิปิตฺวา ทาตพฺโพ, อิตโร นานาวตฺถุกานํ วเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส’’ติ.
อถ สิยา ‘‘เอวํ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโย จ นานาวตฺถุกาโย อาปตฺติโย อาปชฺชนฺตสฺส โก ปริวาโส ทาตพฺโพ อคฺฆสโมธาโน วา มิสฺสกสโมธาโน วา, อถ ตทุภยา วา’’ติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ อคฺฆสโมธานํ ทเทยฺย, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ สภาควตฺถุกาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิโต ภเวยฺย, จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ โน วิสภาควตฺถุกาหิ. ยทิ จ มิสฺสกสโมธานํ ทเทยฺย, สมานกาลปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ วิสภาควตฺถูหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิโต ภเวยฺย, โน อสมานกอาลปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ สภาควตฺถุกาหิ จ, อถ ตทุภยมฺปิ ทเทยฺย, ‘‘เอกสฺมึ กมฺเม ทฺเว ปริวาสา ทาตพฺพา’’ติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อิทฺหิ สพฺพมฺปิ ปริวาสาทิกํ วินยกมฺมํ วตฺถุวเสน วา โคตฺตวเสน วา นามวเสน วา อาปตฺติวเสน วา กาตุํ วฏฺฏติเยว.
ตตฺถ ¶ ¶ สุกฺกวิสฺสฏฺีติ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจ. สงฺฆาทิเสโสติ นามฺเจว อาปตฺติ จ. ตตฺถ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺึ กายสํสคฺค’’นฺติอาทิวจเนนาปิ ‘‘นานาวตฺถุกาโย’’ติ วจเนนปิ วตฺถุ เจว โคตฺตฺจ คหิตํ โหติ, ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วจเนนปิ ‘‘อาปตฺติโย’’ติ วจเนนปิ นามฺเจว อาปตฺติ จ คหิตา โหติ, ตสฺมา อคฺฆสโมธานวเสน ปริวาเส ทินฺเน ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติอาทิวจเนเนว วตฺถุสฺส จ โคตฺตสฺส จ นามสฺส จ อาปตฺติยา จ คหิตตฺตา จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ จ สภาควตฺถุกาหิ จ วิสภาควตฺถุกาหิ จ สพฺพาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺาตีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘เอตฺถ จ ‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’ติปิ ‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’นฺติปิ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺฏติเยวาติ อยํ มิสฺสกสโมธาโน’’ติ, อิมสฺมิฺจ วินยสงฺคหปฺปกรเณ (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๕) ตเถว วตฺวา ‘‘ตสฺมา น อิธ วิสุํ กมฺมวาจํ โยเชตฺวา ทสฺสยิสฺสาม, ปุพฺเพ สพฺพาปตฺติสาธารณํ กตฺวา โยเชตฺวา ทสฺสิตาย เอว กมฺมวาจาย นานาวตฺถุกาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานสมฺภวโต สาเยเวตฺถ กมฺมวาจา อล’’นฺติ.
ยทิ เอวํ อาจริยวชิรพุทฺธิตฺเถเรน ทฺวินฺนํ วิเสโส น วตฺตพฺโพ, อถ กสฺมา วุตฺโตติ? ตีสุ สโมธานปริวาเสสุ โอธานสโมธาโน มูลายปฏิกสฺสนาย โอธูนิตกาเลเยว ทาตพฺโพ, อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานปริวาสา ปน วิสุํเยว ทาตพฺพา. ‘‘เอวํ ทินฺเน เอเตสํ ¶ โก วิเสโส’’ติ จินฺตายํ วิเสสสมฺภวมตฺตทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ปริวาสาทิกมฺมสฺส ลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุวเสน วา’’ติอาทิมาห, ตสฺมา ลกฺขณวเสเนว สภาควตฺถุกาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภวติ. เตเนว จ การเณน สารตฺถทีปนินามิกายํ วินยฏีกายฺจ วิมติวิโนทนินามิกายํ วินยฏีกายฺจ น โกจิ วิเสโส วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
ยทิ เอวํ มิสฺสกสโมธานกมฺมวาจายปิ จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภเวยฺย. ตตฺถปิ หิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’’ติปิ ‘‘เอกา สุกฺกวิสฺสฏฺิ…เป… เอกา กุลทูสกา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. เอวํ สติ ‘‘สมฺพหุลา’’ติปิ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย’’ติปิ วตฺถุโคตฺตนามาปตฺตีหิ กิตฺตนสมฺภวโต จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ สมฺภเวยฺยาติ? น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. วตฺถาทิกิตฺตนฺหิ สพฺพาปตฺตีนํ คณฺหนตฺถํ โหติ. เอวํ คณฺหนฺเตปิ ปฏิจฺฉนฺนกาลสฺส ¶ อกถิตตฺตา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ ปริวสิตพฺพ’’นฺติ น ปฺายติ, ตสฺมึ อปฺายมาเน เตน ปมาเณน ปริวาโส น โหติ, ตสฺมึ อสติ อาปตฺติโต วุฏฺานํ น สมฺภวติ, ตสฺมา มิสฺสกสโมธานกมฺมวาจาย จิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาหิปิ อาปตฺตีหิ วุฏฺานํ น สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ.
ปริวาสวินิจฺฉยกถา นิฏฺิตา.
มานตฺตวินิจฺฉยกถา
มานตฺตกถายมฺปิ มานตฺตํ นาม อปฺปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ ปกฺขมานตฺตํ สโมธานมานตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ¶ โย ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ตํ ทิวสเมว อาโรเจติ, เอกรตฺติมตฺตมฺปิ น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส ปริวาสํ อทตฺวาว ทินฺนํ มานตฺตํ อปฺปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นาม. โย อาปชฺชิตฺวา ทสหิ อากาเรหิ วินา ตํ ทิวสํ นาโรเจติ, เอกรตฺตาทิวเสน ปฏิจฺฉาเทติ, ตตฺถ ยถาปฏิจฺฉนฺนทิวสํ ปริวาสํ ทตฺวา ปริวุตฺถปริวาสสฺส ทินฺนํ มานตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นาม. อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉนฺนาย วา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย วา ภิกฺขุนิยา ปกฺขมตฺตเมว ทินฺนํ มานตฺตํ ปกฺขมานตฺตํ นาม. ภิกฺขุ ปน ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวสิตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺตกาเลเยว ปุน อาปชฺชิตฺวา น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ปริวุตฺถทิวเส อทิวเส กตฺวา อปฺปฏิจฺฉาทิตตฺตา สโมธานปริวาสํ อทตฺวา ทินฺนํ มานตฺตํ สโมธานมานตฺตํ นาม. มานตฺตารหกาเลปิ มานตฺตจรณกาเลปิ อพฺภานารหกาเลปิ เอเสว นโย. เตสุ ตีณิ มานตฺตานิ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยน สุวิฺเยฺยตฺตา น วุตฺตานิ. ปกฺขมานตฺตํ ปจฺฉา อาคมิสฺสติ.
ยานิ ปน ปริวาสมานตฺตานิ อนวฏฺิตตฺตา ปุถุชฺชนสฺส คิหิอาทิวเสน ปริวตฺตเน สติ ปุน ทาตพฺพาทาตพฺพภาเว สงฺกิตพฺพานิ, ตานิ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ อเนเกหิ ปกาเรหิ วิตฺถารโต วุตฺตานิ. เตสุ ภิกฺขูนํ สํสยวิโนทนตฺถาย เอกเทสํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ โกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิพฺภมตีติ วิรูโป หุตฺวา ภมติ, หีนายาวตฺตติ คิหี โหตีติ อตฺโถ. สามเณโร โหตีติ อุปสมฺปนฺนภาวํ ชหิตฺวา สามเณรภาวํ อุปคจฺฉติ. ตตฺถ ปาราชิกปฺปตฺตภาเวน วา ‘‘คิหีติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน วา คิหี โหติ ¶ . เตสุ ปเมน ปุน อุปสมฺปทาย อภพฺพตฺตา ปุน ปริวาโส น รุหติเยว, ทุติเยน ปน ปุน อุปสมฺปทาย ภพฺพตฺตา ‘‘โส เจ ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติ ¶ วุตฺตํ. อิตโร ปน ปาราชิกปฺปตฺตภาเวน สามเณโร น โหติ. กสฺมา? สรณคมนาทีนํ วินสฺสนโต. วุตฺตฺหิ วิมติวิโนทนิยํ (วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๘) ‘‘อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมอาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เตน ลภนฺตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ, คิหี ปน หุตฺวา ปุน สามเณรภาวมตฺตํ ลทฺธพฺพํ โหติ. ‘‘สามเณโรติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา ปน สิกฺขาปจฺจกฺขาเน กเต สิยา สามเณรภาโว, ตโตปิ ปุน อุปสมฺปชฺชิตุกามตาย สติ สิยา อุปสมฺปนฺนภาโว. ‘‘คิหีติ มํ ธาเรถา’’ติอาทินา สิกฺขาปจฺจกฺขานํ กตฺวา คิหิภาวํ อุปคเตปิ ปุน สามเณรปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สามเณโร โหติ. ตโต ปุน อุปสมฺปชฺชิตุํ ลทฺธพฺพตฺตา ‘‘ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺโต. เตสํ ภิกฺขุภาเว ปริวาเส อนิฏฺิเตปิ คิหิสามเณรภาวํ ปตฺตตฺตา ปริวาโส น รุหติ อุปสมฺปนฺนานเมว ปริวาสสฺส ภควตา ปฺตฺตตฺตาติ อตฺโถ.
เอวํ สนฺเต ปุน อุปสมฺปชฺชนฺตสฺส กึ ปริวาโส ปุน ทาตพฺโพติ อาห ‘‘โส เจ ปุน อุปสมฺปชฺชตี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – โส วิพฺภนฺตโก โส วา สามเณโร ปุน อุปสมฺปนฺนภาวํ อุปคจฺฉติ, ปุริมํ ปุพฺเพ ภิกฺขุภูตกาเล ทินฺนํ ปริวาสทานํ เอว อิทานิ ปริวาสทานํ โหติ. โย ปริวาโส ปุพฺเพ ภิกฺขุภูตกาเล ทินฺโน, โส ปริวาโส สุทินฺโน, ทุทินฺโน น โหติ. โย ยตฺตโก กาโล ปริวุตฺโถ, โส ตตฺตโก กาโล สุปริวุตฺโถเยว โหติ, น ทุปริวุตฺโถ, ตสฺมา อวเสโส กาโล ปริวสิตพฺโพติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุพฺเพ ภิกฺขุกาเล ปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ทสทิวสมตฺตํ ปริวสิตฺวา อนิฏฺิเตเยว ปริวาเส วิพฺภมิตฺวา สามเณโร ¶ วา หุตฺวา ปุน อุปสมฺปนฺเนน อวเสสปฺจทิวเส ปริวสิตฺวา ปริวาโส นิฏฺาเปตพฺโพติ. มานตฺตารหาทีสุปิ เอเสว นโย. อุมฺมตฺตกาทีสุปิ ตสฺมึ กาเล อชานนฺตตฺตา ‘‘ปริวาโส น รุหตี’’ติ วุตฺตํ. ติณฺณมฺปิ อุกฺขิตฺตกานํ กมฺมนานาสํวาสกตฺตา เตหิ สหสํวาโสเยว นตฺถีติ อุกฺขิตฺตกานํ ปริวาโส น รุหตีติ วุตฺตํ.
สเจ ปุน โอสารียตีติ อุกฺเขปนียกมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมานสํวาสกภาวํ ปเวสียติ. ‘‘สเจ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวตี’’ติอาทีสุ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ สุวิฺเยฺโย โหติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ปกฺขมานตฺตํ ปจฺฉา อาคมิสฺสตี’’ติ, ตตฺเรวํ ¶ ชานิตพฺพํ – ปกฺขมานตฺตนฺติ ภิกฺขุนิยา ทาตพฺพมานตฺตํ. ตํ ปน ปฏิจฺฉนฺนายปิ อปฺปฏิจฺฉนฺนายปิ อาปตฺติยา อฑฺฒมาสมตฺตเมว ทาตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๑๔๙; จูฬว. ๔๐๓; อ. นิ. ๘.๕๑). ตํ ปน ภิกฺขุนีหิ อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วา วิหารสีมํ โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหิ ขณฺฑสีมาย วา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคคณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ เอกา อาปตฺติ โหติ, เอกิสฺสา วเสน, สเจ ทฺเว วา ติสฺโส วา สมฺพหุลา วา เอกวตฺถุกา วา นานาวตฺถุกา วา, ตาสํ ตาสํ วเสน วตฺถุโคตฺตนามอาปตฺตีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อาทาย โยชนา กาตพฺพา.
ตตฺริทํ เอกาปตฺติวเสน มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ตาย อาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขุนีนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘อหํ ¶ , อยฺเย, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ คามนฺตรํ, สาหํ, อยฺย,เอ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจามี’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา พฺยตฺตาย ภิกฺขุนิยา ปฏิพลาย สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘‘สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ คามนฺตรํ, สา สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ทเทยฺย, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ…เป… ทุติยมฺปิ. ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ. สุณาตุ เม, อยฺเย, สงฺโฆ…เป… ภาเสยฺย. ทินฺนํ สงฺเฆน อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.
กมฺมวาจาปริโยสาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุมานตฺตกถายํ วุตฺตนเยเนว สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺตํ วสิตุกามาย ตเถว สงฺฆสฺส มชฺเฌ วา ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ เอกภิกฺขุนิยา วา ทุติยิกาย วา สนฺติเก วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตพฺพํ. อฺิสฺสา ปน อาคนฺตุกาย สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, นิกฺขิตฺตกาลโต ปฏฺาย ปกตตฺตฏฺาเน ติฏฺติ.
ปุน สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฏฺเปนฺติยา ปน ภิกฺขุนีนํเยว สนฺติเก วสิตุํ น ลพฺภติ ¶ . ‘‘อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อสฺสา อาจริยุปชฺฌายาหิ วิหารํ คนฺตฺวา สงฺคาหกปกฺเข ิโต เอโก มหาเถโร วา ธมฺมกถิโก วา ภิกฺขุ วตฺตพฺโพ ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา วินยกมฺมํ กตฺตพฺพมตฺถิ, ตตฺร โน อยฺยา จตฺตาโร ภิกฺขู เปเสถา’’ติ. สงฺคหํ อกาตุํ น ลพฺภติ, ‘‘เปเสสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพํ. จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขุนีหิ มานตฺตจารินึ ภิกฺขุนึ ¶ คเหตฺวา อนฺโตอรุเณเยว นิกฺขิปิตฺวา คามูปจารโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม คุมฺพวติอาทีหิ ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ, วิหารูปจารโตปิ ทฺเว เลฑฺฑุปาตา อติกฺกมิตพฺพา. จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขูหิปิ ตตฺถ คนฺตพฺพํ, คนฺตฺวา ปน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ น เอกฏฺาเน นิสีทิตพฺพํ, ปฏิกฺกมิตฺวา อวิทูเร าเน นิสีทิตพฺพํ. กุรุนฺทิมหาปจฺจรีสุ ปน ‘‘ภิกฺขุนีหิ พฺยตฺตํ เอกํ วา ทฺเว วา อุปาสิกาโย ภิกฺขูหิปิ เอกํ วา ทฺเว วา อุปาสเก อตฺตรกฺขณตฺถาย คเหตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กุรุนฺทิยํเยว จ ‘‘ภิกฺขุนุปสฺสยสฺส จ วิหารสฺส จ อุปจารํ มฺุจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘คามสฺสา’’ติ น วุตฺตํ.
เอวํ นิสินฺเนสุ ปน ภิกฺขุนีสุ จ ภิกฺขูสุ จ ตาย ภิกฺขุนิยา ‘‘มานตฺตํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามี’’ติ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ตาว เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺเย, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ คามนฺตรํ, สาหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจึ, ตสฺสา เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ อทาสิ, สาหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทิยามหํ อยฺเย, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺยา, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ…เป… เวทิยามหํ อยฺยา, เวทิยตีติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ. อิธาปิ ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติ. อาโรเจตฺวา จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺเสว สนฺติเก นิสีทิตพฺพํ, อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. สเจ สาสงฺกา โหติ, ภิกฺขุนิโย ตตฺเถว านํ ปจฺจาสีสนฺติ, าตพฺพํ. สเจ อฺโ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ านํ เอติ, ปสฺสนฺติยา อาโรเจตพฺพํ. โน เจ อาโรเจติ, รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ ¶ . สเจ อชานนฺติยา เอว อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. สเจ ภิกฺขุนิโย อุปชฺฌายาทีนํ วตฺตกรณตฺถํ ปเคว คนฺตุกามา โหนฺติ, รตฺติวิปฺปวาสคณโอหียนคามนฺตราปตฺติรกฺขณตฺถํ ¶ เอกํ ภิกฺขุนึ เปตฺวา คนฺตพฺพํ, ตาย อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺสา สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ. เอเตนุปาเยน อขณฺฑา ปฺจทส รตฺติโย มานตฺตํ จริตพฺพํ.
อนิกฺขิตฺตวตฺตาย ปน ปาริวาสิกกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว สมฺมา วตฺติตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ยตฺตกา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา ตํ คามํ ภิกฺขู วา ภิกฺขุนิโย วา อาคจฺฉนฺติ, สพฺเพสํ อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺติยา รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. สเจปิ รตฺตึ โกจิ ภิกฺขุ ตํ คามูปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติเยว, อชานนปจฺจยา ปน วตฺตเภทโต มุจฺจติ. กุรุนฺทีอาทีสุ ปน ‘‘อนิกฺขิตฺตวตฺตภิกฺขูนํ วุตฺตนเยเนว กเถตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปาริวาสิกวตฺตาทีนํ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตา ยุตฺตตรํ ทิสฺสติ. อุโปสเถ อาโรเจตพฺพํ, ปวารณาย อาโรเจตพฺพํ, จตุนฺนํ ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ เทวสิกํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ ภิกฺขูนํ ตสฺมึ คาเม ภิกฺขาจาโร สมฺปชฺชติ, ตตฺเถว คนฺตพฺพํ. โน เจ สมฺปชฺชติ, อฺตฺร จริตฺวาปิ ตตฺร อาคนฺตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพํ, พหิคาเม วา สงฺเกตฏฺานํ กาตพฺพํ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน อมฺเห ปสฺสิสฺสตี’’ติ. ตาย สงฺเกตฏฺานํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ, สงฺเกตฏฺาเน อทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. วิหาเร สพฺพภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ สพฺเพสํ สกฺกา น โหติ อาโรเจตุํ, พหิ อุปจารสีมาย ตฺวา ภิกฺขุนิโย เปเสตพฺพา, ตาหิ อานีตานํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํ. สเจ วิหาโร ทูโร โหติ สาสงฺโก, อุปาสเก จ อุปาสิกาโย ¶ จ คเหตฺวา คนฺตพฺพํ. สเจ ปน อยํ เอกา วสติ, รตฺติวิปฺปวาสํ อาปชฺชติ, ตสฺมาสฺสา เอกา ปกตตฺตา ภิกฺขุนี สมฺมนฺนิตฺวา ทาตพฺพา เอกจฺฉนฺเน วสนตฺถาย.
เอวํ อขณฺฑํ มานตฺตํ จริตฺวา วีสติคเณ ภิกฺขุนิสงฺเฆ วุตฺตนเยเนว อพฺภานํ กาตพฺพํ. ‘‘สเจ มานตฺตํ จรมานา อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชติ, มูลาย ปฏิกสฺสิตฺวา ตสฺสา อาปตฺติยา มานตฺตํ ทาตพฺพ’’นฺติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, อิทํ ปกฺขมานตฺตํ นาม. อิทํ ปน ปกฺขมานตฺตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) ปาฬิมุตฺตวินยวินิจฺฉยภาเวน อาคตมฺปิ อิมสฺมึ วินยสงฺคหปฺปกรเณ อาจริเยน อนุทฺธฏํ. อยํ ปนาจริยสฺส อธิปฺปาโย สิยา – อิทํ ปกฺขมานตฺตํ ภิกฺขุนิโยเยว สนฺธาย ภควตา วิสุํ ปฺตฺตํ, ภิกฺขูหิ อสาธารณํ, อิมสฺมิฺจ กาเล ภิกฺขุนิสงฺโฆ นตฺถิ, ตสฺมา คนฺถสฺส ลหุภาวตฺถํ อิทมฺปิ อฺมฺปิ อีทิสํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพนฺติ. อมฺเหหิ ปน ภิกฺขุนิสงฺเฆ อวิชฺชมาเนปิ ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ ¶ ภิกฺขุนีหิ สมาทาตพฺพวตฺตํ ชานิสฺสติ. ‘ทุพฺพลชาติกา หิ ภีรุกชาติกา ภิกฺขุนิโย ภควโต อาณํ ปติฏฺาเปนฺติโย เอวรูปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ วตฺตํ สมาทยึสุ, กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ มนสิ กโรนฺตา ภควโต อาณํ ปติฏฺาเปนฺตา ปริวาสาทิวตฺตํ สมาทิยิสฺสนฺตี’’ติ มนฺตฺวา อาจริเยน อนุทฺธฏมฺปิ อิมสฺมึ วินยาลงฺการปฺปกรเณ อุทฺธฏํ, ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺเธ สฺชาตสทฺธาเปมคารวาทิยุตฺเตหิ สตฺถุสาสนกเรหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา สิกฺขิตพฺพํ. อิโต ปรานิ อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
มานตฺตวินิจฺฉยกถา นิฏฺิตา.
๒๔๘. ปาริวาสิกวตฺตกถายํ นวกตรํ ปาริวาสิกนฺติ อตฺตนา นวกตรํ ปาริวาสิกํ. ปาริวาสิกสฺส หิ ¶ อตฺตนา นวกตรํ ปาริวาสิกํ เปตฺวา อฺเ มูลายปฏิกสฺสนารห มานตฺตารห มานตฺตจาริก อพฺภานารหาปิ ปกตตฺตฏฺาเนเยว ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปี’’ติ. อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปีติ อาทิ-สทฺเทน มานตฺตารหมานตฺตจาริกอพฺภานารเห สงฺคณฺหาติ. เต หิ ปาริวาสิกานํ, ปาริวาสิกา จ เตสํ ปกตตฺตฏฺาเน เอว ติฏฺนฺติ. อโธตปาทฏฺปนกนฺติ ยตฺถ ตฺวา ปาเท โธวนฺติ, ตาทิสํ ทารุผลกขณฺฑาทึ. ปาทฆํสนนฺติ สกฺขรกถลาทึ. ปาเท ฆํสนฺติ เอเตนาติ ปาทฆํสนํ, สกฺขรกถลาทิ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปาทฆํสนิโย สกฺขรํ กถลํ สมุทฺทเผณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๙). สทฺธิวิหาริกานมฺปิ สาทิยนฺตสฺสาติ สทฺธิวิหาริกานมฺปิ อภิวาทนาทึ สาทิยนฺตสฺส. วตฺตํ กโรนฺตีติ เอตฺตกมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา สทฺธิวิหาริกาทีหิปิ อภิวาทนาทึ กาตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติ วุตฺเต อนาปุจฺฉาปิ คามํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ.
โย โย วุฑฺโฒติ ปาริวาสิเกสุ ภิกฺขูสุ โย โย วุฑฺโฒ. นวกตรสฺส สาทิตุนฺติ ปาริวาสิกนวกตรสฺส อภิวาทนาทึ สาทิตุํ. ‘‘ปาริสุทฺธิอุโปสเถ กริยมาเน’’ติ อิทํ ปวารณทิวเสสุ สงฺเฆ ปวาเรนฺเต อนุปคตฉินฺนวสฺสาทีหิ กริยมานํ ปาริสุทฺธิอุโปสถมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺเถวาติ สงฺฆนวกฏฺาเนเยว. อตฺตโน ปาฬิยา ปวาเรตพฺพนฺติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตปาฬิยา ปวาเรตพฺพํ, น ปน สพฺเพสุ ปวาริเตสูติ อตฺโถ.
โอโณชนํ ¶ นาม วิสฺสชฺชนํ, ตํ ปน ปาริวาสิเกน ปาปิตสฺส อตฺตนา สมฺปฏิจฺฉิตสฺเสว ปุนทิวสาทิอตฺถาย วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ. อสมฺปฏิจฺฉิตฺวา เจ วิสฺสชฺเชติ, น ลภตีติ ¶ วุตฺตํ. ยทิ ปน น คณฺหาติ น วิสฺสชฺเชตีติ ยทิ ปุริมทิวเส อตฺตโน น คณฺหาติ, คเหตฺวา จ น วิสฺสชฺเชติ.
จตุสฺสาลภตฺตนฺติ โภชนสาลาย ปฏิปาฏิยา ทียมานํ ภตฺตํ. หตฺถปาเส ิเตนาติ ทายกสฺส หตฺถปาเส ิเตน, ปฏิคฺคหณรุหนฏฺาเนติ อธิปฺปาโย. มหาเปฬภตฺเตปีติ มหนฺเตสุ ภตฺตปจฺฉิอาทิภาชเนสุ เปตฺวา ทียมานภตฺเตสุปิ. อิโต ปรมฺปิ ปาริวาสิกวตฺตํ ปาฬิยํ (จูฬว. ๗๕) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปน อฏฺกถายํ อาคตนเยเนว อตฺโถ สุวิฺเยฺโย โหติ, ตสฺมา ทุพฺพิฺเยฺยฏฺาเนเยว กถยิสฺสาม.
‘‘น สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ เอตฺถ ทุพฺพิธํ สามเณรํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺโ’’ติอาทิมาห. ‘‘น ภิกฺขุนิโย โอวทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ ลทฺธสมฺมุติเกน อาณตฺโตปิ ครุธมฺเมหิ อฺเหิ วา โอวทิตุํ น ลภตีติ อาห ‘‘ปฏิพลสฺส วา ภิกฺขุสฺส ภาโร กาตพฺโพ’’ติ. อาคตา ภิกฺขุนิโย วตฺตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. สวจนียนฺติ สโทสํ. เชฏฺกฏฺานํ น กาตพฺพนฺติ ปธานฏฺานํ น กาตพฺพํ. กึ ตนฺติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกนา’’ติอาทิ.
รเชหิ หตา อุปหตา ภูมิ เอติสฺสาติ รโชหตภูมิ, รโชกิณฺณภูมีติ อตฺโถ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกลาภํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกปสฺเส ตฺวาติ ปาฬึ วิหาย ภิกฺขูนํ ปจฺฉโต ตฺวา. เสนาสนํ น ลภตีติ เสยฺยปริยนฺตภาคิตาย วสฺสคฺเคน คณฺหิตุํ น ลภติ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ‘‘อาคนฺตุเกน อาโรเจตพฺพํ, อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา สเจ ทฺเว ปาริวาสิกา คตฏฺาเน อฺมฺํ ปสฺสนฺติ, อุโภหิปิ อฺมฺสฺส อาโรเจตพฺพํ. ยถา พหิ ทิสฺวา อาโรจิตสฺส ภิกฺขุโน ¶ วิหารํ อาคเตน ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถิ, เอวํ อฺวิหารํ คเตนปิ ตตฺถ ปุพฺเพ อาโรจิตสฺส ปุน อาโรจนกิจฺจํ นตฺถีติ วทนฺติ. อวิเสเสนาติ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ อวิเสเสน.
โอพทฺธนฺติ ปลิพุทฺธํ. สหวาโสติ วุตฺตปฺปกาเร ฉนฺเน ภิกฺขุนา สทฺธึ สยนเมว อธิปฺเปตํ, น เสสอิริยาปถกปฺปนํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ปาปิฏฺตราติ ¶ ปาราชิกาปตฺตีติ อุกฺกํสวเสน วุตฺตํ. สฺจริตฺตาทิปณฺณตฺติวชฺชโต ปน สุกฺกวิสฺสฏฺาทิกา โลกวชฺชาว. ตตฺถปิ สงฺฆเภทาทิกา ปาปิฏฺตรา เอว. กมฺมนฺติ ปาริวาสิกกมฺมวาจาติ เอเตน ‘‘กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา’’ติ กมฺมวาจาสทฺทสฺส อตฺโถปิ สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. สวจนียนฺติ เอตฺถ ส-สทฺโท ‘‘สนฺติ’’อตฺถํ วทติ, อตฺตโน วจเนน อตฺตโน ปวตฺตนกมฺมนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, ‘‘มา ปกฺกมาหี’’ติ วา ‘‘เอหิ วินยธรานํ สมฺมุขีภาว’’นฺติ วา เอวํ อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนกกมฺมํ น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ เกนจิ สวจนีเย กเต อนาทเรน อติกฺกมิตุํ น วฏฺฏติ, พุทฺธสฺส สงฺฆสฺส อาณา อติกฺกนฺตา นาม โหติ. รโชหตภูมีติ ปณฺณสาลาวิเสสนํ. ปจฺจยนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ. เสนาสนํ น ลภตีติ วสฺสคฺเคน น ลภติ. อปณฺณกปฏิปทาติ อวิรทฺธปฏิปทา. สเจ วายมนฺโตปีติ เอตฺ