📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
กงฺขาวิตรณีปุราณ-ฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
พุทฺธํ ¶ ¶ ธมฺมฺจ สงฺฆนฺติ-อาทินา ยา ปกาสิตา;
ภทนฺตพุทฺธโฆเสน, มาติกาฏฺกถา สุภา;
ตสฺสา หิ ลีนปทํ วิ-กาสนโกยมารมฺโภ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
วิปฺปสนฺเนนาติ ¶ วิวิธปฺปสนฺเนน. กถํ? ‘‘อิติปิ โส…เป… พุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต…เป… วิฺูหิ, สุปฺปฏิปนฺโน…เป… โลกสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๐) เอวมาทินา. ‘‘เจตสา’’ติ วุตฺตตฺตา ตีสุ วนฺทนาสุ เจโตวนฺทนา อธิปฺเปตา. ตนฺนินฺนตาทิวเสน กายาทีหิ ปณามกรณํ วนฺทนา, คุณวเสน มนสาปิ ตถาว กรณํ มานํ, ปจฺจยปฺปฏิปตฺติยาทีหิ ปูชากรณํ ปูชา, ปจฺจยาทีนํ อภิสงฺขรณํ สกฺกจฺจ กรณํ สกฺกาโร, เตสํ. ภาชนนฺติ อาธาโร, อธิกรณํ วา.
เถรา มหากสฺสปาทโย, เตสํ วํโสติ เถรวํโส, อาคมาธิคมสมฺปทาย ตสฺส วํสสฺส ปทีปภูตาติ เถรวํสปฺปทีปา, เตสํ เถรวํสปฺปทีปานํ. อสํหีรตฺตา ถิรานํ. วินยกฺกเมติ วินยปิฏเก, อารมฺภานุรูปวจนเมตํ. สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ เต ถิรา เอว. ‘‘พุทฺธํ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปุพฺพาจริยสีหานฺจา’’ติ อวตฺวา กสฺมา วิสุํ วุตฺตนฺติ เจ? ปโยชนวิเสสทสฺสนตฺถํ. วตฺถุตฺตยสฺส หิ ปณามกรณสฺส อนฺตรายนิวารณํ ปโยชนํ ¶ อตฺตโน นิสฺสยภูตานํ อาจริยานํ ปณามกรณสฺส อุปการฺุตาทสฺสนํ. เตน พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา, จ-สทฺเทน ปุพฺพาจริยสีหานฺจ นโม กตฺวาติ โยชนา. อถ วา ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ เจโตวนฺทนํ ทสฺเสตฺวา ตโต ‘‘นโม กตฺวา’’ติ วาจาวนฺทนา, ‘‘กตฺชลี’’ติ กายวนฺทนาปิ ทสฺสิตาติ โยเชตพฺพํ.
อิทานิ อภิธานปฺปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปาโมกฺขนฺติ ปธานํ. สีลฺหิ สพฺเพสํ กุสลธมฺมานํ ปธานํ อาทิภาวโต. ยถา จ สตฺตานํ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยวเสน จตุพฺพิโธปิ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคมงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จาตุภูมกํ กุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มุข’’นฺติอาทิ. อถ วา มุขนฺติ อุปาโย, เตน โมกฺขปฺปเวสาย นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย มุขํ อุปาโยติ อตฺโถ. มเหสินา ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. มหนฺเต สีลาทิกฺขนฺเธ เอสิ คเวสีติ มเหสิ.
สูรเตน นิวาเตนาติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๔๙) สูรเตน, นีจวุตฺตินา มานุทฺธจฺจวเสน อตฺตานํ อนุกฺขิปนภาเวน นิวาเตน. วินยาจารยุตฺเตน จาริตฺตวาริตฺเตหิ ยุตฺเตน. ‘‘โสณตฺเถเรน ยาจิโต’’ติ อวตฺวา ‘‘สูรเตนา’’ติอาทิ ¶ กสฺมา วุตฺตํ, กึ ทุสฺสีเลน วา ทุฏฺเน วา อลชฺชินา วา ยาจิเตน วณฺณนา กาตุํ น วฏฺฏตีติ เจ? น น วฏฺฏติ. เถรสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปิตุํ น สกฺกา, เอวรูปคุโณ เถโรว, ยาจนวเสน กตฺตพฺโพ อาทเรนาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ.
นาเมนาติ อตฺตโน คุณนาเมน. สทฺทลกฺขณสุภโต, วินิจฺฉยสุภโต, วิฺเยฺยสุภโต จ สุภํ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานวณฺณนา
‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ…เป… ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ. เอตฺเถว ยาวตติยานุสาวนกถาวสาเน อถ ¶ โข อุทฺเทสกาเล ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน อาคตํ. อุโปสถกฺขนฺธเกปิ เอวเมว อาคตํ. ตตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตํ ปจฺฉา อาคตสุตฺเตน วิรุชฺฌติ. ตสฺมา ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ น วิรุชฺฌตีติ เอเก. กถํ? ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา สุอุทฺทิฏฺํ โหตีติ เอตํ อุทฺเทสลกฺขณํ อิธาปิ ขนฺธเกปิ วุตฺตตฺตา. ตสฺมา ‘‘ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺตฏฺาเน อวุตฺตมฺปิ อาเนตฺวา คเหตพฺพํ. กสฺมา? อิธ นิทานํ น ทสฺสิตํ, อุทฺเทโส อุทฺเทสกาเล อุทฺทิสิตพฺพลกฺขณสฺส ตตฺถ วุตฺตตฺตา. อปิจ ‘‘นิทานุทฺเทโส’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา นิทานุทฺเทสํ ทสฺเสตุกาโมปิ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ ปาวเสน อาคตํ นิทานํ นิฏฺาเปตฺวา อุปริ อฏฺกถาวเสน โยเชตพฺพํ ปาฬึ อิธ โยเชตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ…เป… ธารยามี’’ติ นิทานปาฬึ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปุน ‘‘ตตฺถ นิทานุทฺเทโส’’ติ อุทฺธฏปทวเสน สงฺเขปโต นิทานุทฺเทสลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ อุปริ จ ขนฺธเก จ, อถ โข อุทฺเทสกาเล ‘‘อาวิกตา หิสฺส ¶ ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทิ นิทานุทฺเทโสว ทสฺสิโต, น นิทานํ.
สวนาณตฺติวจนนฺติ เอตฺถ สงฺฆนวกตเรน วตฺตุํ อยุตฺตนฺติ เจ? ยุตฺตเมว. ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติ ภควตา วุตฺตตฺตา ภควโตว อาณตฺติ, น อุทฺเทสกสฺส. อิธ นวกตรวเสน วุตฺตํ. เถโรปิ ปน อุทฺทิสิตุํ ลภตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เถราธิกํ ปาติโมกฺข’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา สุตฺเตน นวกตโร น ลภตีติ เจ? ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย ตตฺถ ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยถา จตุวคฺเคน เปตฺวา อุปสมฺปทาปวารณาอพฺภานานิ สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ‘‘อติเรกวีสติวคฺเคน อิมํ นาม กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ อวตฺวา อติเรกวจนตฺตา อฺํ อตฺถํ สูเจติ, กึ ตนฺติ ‘‘จตุวคฺคาทินา’’ติอาทิ. ตฺหิ เตหิ เอว สิทฺธํ. กถํ? จตุวคฺเคน อุปสมฺปทาปวารณา…เป… วีสติวคฺเคน ¶ น กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ. เอตฺถ ‘‘ทสวคฺเคน อพฺภานกมฺมมตฺตํ เปตฺวา’’ติ วทนฺเตน จตุปฺจวคฺเคน กรณียานิปิ ทสวคฺเคน กาตุํ อนฺุาตานิ. ตสฺมา อติเรเกน วฏฺฏตีติ ทีปิตํ, ‘‘เปตฺวา’’ติ วจเนน อูนตเรน น วฏฺฏตีติ ทีปิตเมว. ตสฺมา น วตฺตพฺพํ อติเรกวีสติวคฺโคติ เจ? วตฺตพฺพเมว. จตุปฺจวคฺเคน กตฺตพฺพํ ฉสตฺตอฏฺนววคฺเคน กาตพฺพนฺติ จ, ทสวคฺเคน กาตพฺพํ เอกาทสทฺวาทส…เป… เอกูนวีสติวคฺเคน กาตพฺพนฺติ จ ทีปิตํ. อูนตเรน น วฏฺฏตีติ ทีปิตํ ปากฏโต. สพฺพปฺปกาเรน ปน อติเรกวีสติอนติเรกวีสติวคฺเค วุตฺเตปิ ทีปิตํ โหตีติ วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ลิขิตํ. อิโต ปฏฺาย ‘‘ลิขิต’’นฺติ วุตฺเต วชิรพุทฺธิตฺเถเรนาติ คเหตพฺพํ.
สเจ อนุโปสเถปิ วฏฺเฏยฺย, ‘‘อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ น วเทยฺย, ยสฺมา อนุโปสเถ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘อชฺชุโปสโถ’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอวา’’ติ อวธารณํ ตโต ปรํ ปวารณาทิวสสฺส นตฺถิตาย กตํ. อุทฺธํ ปกติอุโปสเถ วุตฺเตน ปกติจาริตฺเตน สทฺธึ อิทมฺปิ.
‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ น วตฺตพฺพํ ‘‘ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? วตฺตพฺพเมว. กสฺมา? ติวิธสมฺปตฺติ นาม นิมิตฺตสมฺปตฺติ, ปริสาสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาสมฺปตฺตีติอาทึ วตฺวา ‘‘นิมิตฺตสมฺปตฺติ นาม ปพฺพตนิมิตฺตํ, ปาสาณนิมิตฺต’’นฺติอาทิ ¶ วุตฺตํ, น นิมิตฺเตน นิมิตฺตสมฺพนฺธนํ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา’’ติ สมฺปโยคงฺเคสุ ทสฺเสตฺวา ปุน ตเมว ปหานงฺเคสุ ทสฺเสตุํ ‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. นทิสมุทฺทชาตสฺสเรสุ สมฺมตสีมาโต กมฺมานิ น วิปชฺชนฺติ อุทกุกฺเขปสีมตฺตาติ ‘‘วิปตฺติสีมาโย นามา’’ติ กสฺมา วุตฺตาติ เจ? เสสลกฺขณานิ สมฺปาเทตฺวา นทิยํ สีมาย พทฺธาย อุทกปริยนฺตํ กตฺวา สีมาคตตฺตา ปุน ตํ นทึ อนฺโต กตฺวา ตฬาเก กเต สเจ ตสฺสา สีมาย กมฺมํ กาตุํ วฏฺเฏยฺย, สีมาโต กมฺมานิ น วิปชฺเชยฺยุํ. ยสฺมา ปน เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘อุทกุกฺเขปสีมตฺตา’’ติ วุตฺตํ อการณํ.
วีสติวคฺคกรณียตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ วุตฺตํ, สุขนิสชฺชาวเสน นิสีทิตุนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปริมณฺฑลากาเรน นิสีทิตุ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวาติ มชฺเฌ ตฺวา ทิยฑฺฒํ กตฺวา ติโยชนํ. โกณโต ¶ หิ โกณํ ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติฺจ อาปชฺชติ, สีมา จ อสีมา โหติ. กิตฺเตตฺวาติ นิมิตฺตานิ สมฺปนฺนานิปิ อฺมฺนามวิปริยาเยน, อนิมิตฺตานํ นาเมหิ จ กิตฺเตตฺวาติ อตฺโถ.
ราสิกตํ ปํสุปิ รุกฺเขสุ ชาเตสุ สุทฺธปํสุปพฺพโต โหติ. คุฬปิณฺฑปริมาโณ ถูลตาย, น ตุลคณนาย. ภูมิยํ ปติฏฺิโต’’ติ อิมินา กุฏสราวาทีสุ โรปิตํ ปฏิกฺขิปติ, ตโต อปเนตฺวา ปน ตงฺขณมฺปิ ภูมิยํ โรปิโต วฏฺฏติ. นวมูลสาขานิคฺคมนํ ปน อการณํ. ขนฺธํ ฉินฺทิตฺวา โรปิเต ปน เอตํ ยุชฺชติ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณ กนิฏฺงฺคุลิปริมาณมตฺโต. ‘‘อฏฺงฺคุลุพฺเพโธ’’ติ อิมินา อุพฺเพโธ ปริจฺฉินฺโน โหติ, ‘‘โควิสาณมตฺโต’’ติ อิมินา ปริณาโห. ‘‘เอวํ สนฺเตปิ โควิสาณปริณาเห ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตสฺมา ขุทฺทโกปิ มหนฺโตปิ วฏฺฏติ เอวาติ วทนฺติ.
ชาตสฺสเร ปริปุณฺณเมว อุทกํ นิมิตฺตูปคํ ทิสฺวา อปริปุณฺณํ อนฺตรา ิติภูตํ ‘‘ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ วุตฺตํ วิปตฺตึ น อาปชฺชตีติ ‘‘นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ เอตฺถาปิ โลณี น คหิตา. พทฺธสีมํ วา นทิสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘นทิยา วา, ภิกฺขเว, สมุทฺเท วา ชาตสฺสเร วา’’ติ (มหาว. ๑๔๗) เอตฺถาปิ น คหิตา. ตสฺมา โลณี น อพทฺธสีมาติ เจ? อพทฺธสีมาว. ‘‘โยปิ นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตอุทเกน กโต โสพฺโภ เอตํ ลกฺขณํ ปาปุณาติ, อยมฺปิ ¶ ชาตสฺสโรเยวา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตตฺตา ชาตสฺสรคฺคหเณน คหิตาติ ตตฺถ ตตฺถ อวุตฺตา. ‘‘ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต’’ติ วุตฺตตฺตา อฺมฺปิ คามํ อนฺโต กตฺวา สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล ตสฺมึ คาเม ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตุ วา มา วา, วฏฺฏติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคนฺตพฺพเมว.
อคมนปเถสูติ เอตฺถ เอกทิวเสน คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยฏฺาเนติ วทนฺติ, พทฺธสีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ.
‘‘สมนฺตา อุทกุกฺเขปา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพทิสาสุ คเหตพฺพเมวาติ เจ? ยโต ลพฺภติ, ตโต คเหตพฺโพ ‘‘ยสฺมึ ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา ¶ สณฺหนฺติ, ตโต ปฏฺาย กปฺปิยภูมิ, ตตฺถ ตฺวา อุโปสถาทิกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา. อนุพนฺโธ อฑฺฒมาโส อนฺวฑฺฒมาโส, อฑฺฒมาสสฺส วา อนุ. โย ปน เกนจิ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโตติ อธิปฺปาโย.
‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’’ติ วุตฺตตฺตา อติกฺกมิตฺวา ิโต น โกเปตีติ ทีปิตเมว โหตีติ อุปติสฺสตฺเถโร, ตํ ปน ‘‘ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปานํ อนฺตเร อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป อุปจารตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วจเนน วิรุชฺฌติ. สมนฺตปาสาทิกายฺหิ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยวา’’ติ ปทํ นตฺถิ. ตสฺมา ตสฺสาธิปฺปาโย ปริเยสิตพฺโพ. อนฺโตอุทกุกฺเขปสีมาย อุปจารตฺถาย ปิตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เถเรน อฺถา ปปฺจิตฺวา ลิขิตํ.
‘‘สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺติ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ เจ? น วฏฺฏติ เทสนาคามินึ สนฺธาย อิธ วุตฺตตฺตา. ตสฺมา เอว สมุจฺจยกฺขนฺธเก ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิกาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ อาวิกโรติ, อาปตฺติ อาวิกตา โหติ, ทุกฺกฏา ปน น มุจฺจตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺตํ. ยถา สงฺเฆน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตีหิ ทฺวีหิปิ อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ‘‘ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนาปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ. อฏฺกถายมฺปิ ‘‘สามนฺโต ภิกฺขุ เอวมสฺส วจนีโยติ เอตฺถ สภาโค เอว วตฺตพฺโพ. วิสภาคสฺส หิ วุจฺจมาเน ภณฺฑนกลหสงฺฆเภทาทีนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา ตสฺส อวตฺวา อิโต วุฏฺหิตฺวา ¶ ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ วตฺวา ตสฺส อปฺปฏิกฺขิตฺตตฺตา วฏฺฏตีติ ทีปิตเมว. ‘‘ยทา อฺํ สุทฺธํ ภิกฺขุํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก’’ติ วุตฺตตฺตา ลหุกสฺเสว อนฺุาตตฺตา สมุจฺจยกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา สภาคสงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ.
เทวพฺรหฺมา ¶ ปน ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ ปทํ เปตฺวา เยน เกนจิ ปเทน อสงฺคหิตาปิ อิมินา สงฺคหิตาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
‘‘จาตุมาสินิยํ ปน ปวาริตานํ สนฺติเก อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา วุฏฺวสฺเสน วา’’ติ อวตฺวา ‘‘อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. วุฏฺวสฺโส ปน ตสฺมึ กาเล อนุปคตตฺตา ‘‘อนุปคโต’’ติ สงฺขฺยํ คโตติ. สพฺพาย วุฏฺิตาย สพฺเพ วุฏฺหิตฺวา คเต สนฺนิปาเตตุํ น สกฺกา, เอกจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ปาริสุทฺธึ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กสฺมา? ตฺตึ เปตฺวา กตฺตพฺพสงฺฆกมฺมาภาวา วคฺคํ น โหตีติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย. อยฺเหตฺถ วิเสโส – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปวารณาวเสน ตฺติ เปตพฺพาติ. ‘‘เอโกว ภิกฺขุ โหติ…เป… อฺเสํ อนาคตภาวํ ตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อธิฏฺานุโปสถํ สีมํ ปวิสิตฺวา กาตุํ น สกฺกาติ วทนฺติ.
‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อิทํ น ตฺตึ เปตฺวา วตฺตพฺพํ. ตฺหิ ตฺติโต ปุเรตรเมว กรียติ. ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺล’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. ตถาปิ น วตฺตพฺพํ. น หิ ตํ ตฺติยา อนฺโต กรียตีติ. เอวํ สนฺเต เนตํ วตฺตพฺพนฺติ อาปชฺชติ ปโยชนาภาวาติ เจ? น, ยถาคตฏฺาเน เอว วตฺตพฺพโต, ปรปทาเปกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ อกตฺวา อุโปสถกมฺมํ กโรนฺโต สงฺโฆ, ปุคฺคโล วา ปนกฺเขตฺตาติกฺกเม อาปชฺชติ. ตสฺมิฺหิ เขตฺเต อติกฺกนฺเต สมฺมชฺชนาทิกรเณ อาปตฺติโมกฺโข น โหติ อุโปสถกมฺมโต ปุพฺเพ กตฺตพฺพกมฺมากรณปจฺจยตฺตา ตสฺสา อาปตฺติยา. น สา กมฺมปริโยสานาเปกฺขา เอตฺถาคตสมฺปชานมุสาวาทาปตฺติ วิย, ตสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ภิกฺขุ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ วตฺตุกาโม ปมเมว ปาริสุทฺธาปาริสุทฺธิปจฺจยํ ปุพฺพกิจฺจํ สราเปติ. ตฺหิ กตํ ปาริสุทฺธิปจฺจโย โหติ, อกตํ อปาริสุทฺธิปจฺจโย. เตเนว อุภยาเปกฺขาธิปฺปาเยน กตํ, น กตนฺติ อวตฺวา ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’มิจฺเจวาห. ตตฺถ อกตปกฺเข ตาว ปาริสุทฺธิอาโรจนกฺกมนิทสฺสนตฺถํ ปรโต ¶ ‘‘ยสฺส ¶ สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติ จ, กตปกฺเข ‘‘อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพ’’นฺติ จ วกฺขติ.
‘‘สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา’’ติ จ, ‘‘อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ…เป… อเทนฺเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ’’ติ จ วทนฺติ. อสนฺนิปติเตปิ ปน วฏฺฏติ. อิทฺหิ ฉนฺททานสมยทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคตสฺส กตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถฺจ วุตฺตํ. ปธานฆรวาสิโน ปธานฆรํ ปวิสิตุกามา อตฺตโน สภาคภิกฺขูนํ ฉนฺทํ ทตฺวา สเจ สงฺโฆ สนฺนิปตติ, ‘‘มยฺหํ ฉนฺโท อาโรเจตพฺโพ’’ติ วตฺวา ปธานฆรํ ปวิสนฺติ. อยํ สีหฬทีเป ปโยโค. อาโรเจนฺเตน ปน สนฺนิปติเต อาโรเจตพฺพํ. ปฺจสุ ภิกฺขูสุ เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺเตสุ เอกสฺส ฉนฺทปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อนฺุาตตฺตา สนฺนิปติเต ฉนฺโท คเหตพฺโพ อาโรเจตพฺโพติ วจนํ นิรตฺถกํ วิย. ‘‘เถยฺยสํวาสโก ปฏิชานาตีติ (มหาว. ๑๖๕) วจนโต สามเณเรน อาหฏาปิ วฏฺฏติ. กมฺมํ น โกเปตี’’ติ จ, ‘‘สเจ ปุพฺเพ ฉนฺทํ ทตฺวา พหิสีมาคโต ปุน ปวิสติ, ปจฺฉา ฉนฺทคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ตสฺส ปโยโค สีมาสมฺมุติวเสน เวทิตพฺโพ’’ติ จ ‘‘ฉนฺททาเน ติกฺขตฺตุํ วจเน อิทํ ปโยชนํ – ปมํ สมคฺคภาวํ, ทุติยํ ปจฺฉา วิธาตพฺพภาวํ, ตติยํ ฉนฺทหารกสฺส ทุกฺกฏโมจนํ ทีเปตี’’ติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๖๔) จ ลิขิตํ. พิฬาลสงฺขลิกาพทฺธาว โหติ อนฺโตเคเห เอว สมฺปโยชนตฺตา, ยถา สา น กตฺถจิ คจฺฉติ, ตถา สาปิ น กตฺถจิ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. อิตรถา วิเสสนํ นิรตฺถกํ โหตีติ อาจริเยน คหิตํ.
‘‘น หิ ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุพฺเพ ทสฺสิตตฺตา ‘‘อิทมฺปิ หิ อุภย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? เสสานิ เถเรน อาณตฺเตน กาตพฺพานิ ทสฺสิตานิ, อิเม ปน ทฺเว เถเรน วา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วา ตฺติฏฺปนเกน วา เยน วา เตน วา กาตพฺพานีติ จ, สมฺมชฺชนาทีนิ ตตฺถ ตตฺถ ตาทิสานิ ปโยชนานิ นิปฺผาเทนฺติ, อิเม ปน ทฺเว ตตฺถ ตตฺถ น กิฺจิ กมฺมํ สาเธนฺติ, ตสฺมา ‘‘กึ อิมินา’’ติ อวตฺวา กาตพฺพเมวาติ ทสฺเสตฺุจ ‘‘อิทมฺปิ หิ อุภย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อายสฺมนฺตานํ ปาเท วนฺทตี’’ติ ¶ คณวเสน วตฺวา ปุคฺคลวเสน น วุตฺตํ เตน อาโรเจตพฺพสฺส อฺสฺส อภาวา.
สงฺฆสฺส อุทฺทิฏฺํ โหตีติ สงฺเฆน อุทฺทิฏฺํ โหตีติ อตฺโถ. สมคฺคสฺส หิ สงฺฆสฺสาติ เอตฺถ สมคฺคภาวสฺส กายสามคฺคิการณตฺตา นตฺถิ โทโสติ เจ? ตํ น, อุทฺเทเสปิ สวเนปิ สมคฺคภาวสฺส ¶ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติ หิ อิมินา จิตฺตสามคฺคึ ทีเปติ สวเน สพฺเพหิ เอกีภูตภาวโต.
สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เอตฺถ อนาทริยวเสน อาปชฺชนฺโต เอว อลชฺชี โหติ, น อิตโรติ. อาปตฺตึ ปริคูหตีติ เอตฺถ ลชฺชาย ปริคูหนฺโต อลชฺชี น โหติ, ‘กึ อิมินา’ติ อนาทริยวเสน ปริคูหนฺโต โหตี’’ติ จ ลิขิตํ.
‘‘สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธาน’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, ‘‘ฉนฺน’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? สตฺตนฺนเมวาติ วตฺตพฺพํ. ปาราชิกาปตฺตึ อาปนฺโน หิ สเจ อตฺตโน สาปตฺติกภาวํ ปกาเสติ, สงฺฆสฺส จ อุโปสโถ สมฺปชฺชติ, ตสฺส จ คิหิภาเวน วา สามเณรภาเวน วา สุทฺธิ โหตีติ.
เอกจฺเจ อาจริยา นาม ธมฺมภาริโก กิร อาจริโย. กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ เจ? ยาวตติยานุสาวนา นาม ติกฺขตฺตุํ วจนํ. ตถา ปาเ อนาคตตฺตา เกวลํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิต’’นฺติ ปทเมว ทิสฺวา ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติ อิทํ ‘‘สเจ อาปตฺตึ อาปนฺนา, อาวิกโรถา’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ‘‘อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ ตเมวตฺถํ ทีเปติ. ‘‘ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมนฺเต ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามี’’ติ อิทมฺปิ ตเมวาติ เอวมตฺถํ คเหตฺวา วุตฺตํ กิร.
อปเรติ อตฺถทสฺสิตฺเถโร กิร. เอตํ สนฺธายาติ เอตฺถ ‘‘สกิมฺปิ อนุสาวิต’’นฺติ ปทสฺส วจเนน ติกฺขตฺตุํ อนุสาวนา กาตพฺพาติ เอตฺตกเมว ทีปิตํ วิย ทิสฺสติ.
อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อยเมตฺถ อาจริยปรมฺปราภโต วินิจฺฉโย’’ติ วุตฺตํ.
‘‘สรมาเนนา’’ติ ¶ อิมินา สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตฺตํ ทสฺเสติ. สงฺฆมชฺเฌ วาติอาทิ ลกฺขณวจนํ กิร. สงฺฆุโปสถกรณตฺถํ สงฺฆมชฺเฌ เจ นิสินฺโน, ตสฺมึ สงฺฆมชฺเฌ อาวิกาตพฺพา. คณุโปสถกรณตฺถฺเจ คณมชฺเฌ นิสินฺโน, ตสฺมึ คณมชฺเฌ. เอกสฺเสว สนฺติเก เจ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กตฺตุกาโม, ตสฺมึ เอกปุคฺคเล อาวิกาตพฺพาติ, เอเตน น เกวลํ สงฺฆมชฺเฌ เอวายํ มุสาวาโท สมฺภวติ, อถ โข เอตฺถ วุตฺตลกฺขเณน อสติปิ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทิวิธาเน คณุโปสเถปิ สาปตฺติโก หุตฺวา อุโปสถํ ¶ กตฺตุกาโม อนาโรเจตฺวา ตุณฺหีภูโตว เจ กโรติ, อยํ สมฺปชานมุสาวาทาปตฺตึ อาปชฺชตีติ อิมสฺสตฺถสฺส อาวิกรณโต ลกฺขณวจนํ กิเรตนฺติ วุตฺตนฺติ ตกฺกิกา. อฺถา ‘‘คณมชฺเฌ วา’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. อาโรจนาธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก. อาโรเจนฺโต หิ ‘‘สงฺฆสฺส อาโรเจมี’’ติ อธิปฺปาเยน อาวิกโรนฺโต สงฺฆมชฺเฌ อาวิกโรติ นาม, อุภโตปสฺเส นิสินฺนานํ อาโรเจนฺโต คณมชฺเฌ อาวิกโรติ นาม, ‘‘เอกสฺเสว อาโรเจสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน อาวิกโรนฺโต เอกปุคฺคเล อาวิกโรติ นาม. สเจปิ เวมติโก โหติ…เป… ปฏิกริสฺสามีติ เอวํ กเต ยาว เวมติโก โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ ลภติ, อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพํ วา น วาติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. ตถา อิโต วุฏฺหิตฺวา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามีติ เอตฺถ จ สกลสงฺเฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺเน, เวมติเก จาติ ลิขิตํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๖๙-๑๗๐).
นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกกณฺฑํ
๑. ปมปาราชิกวณฺณนา
อิธ ¶ ¶ ปน ตฺวา สิกฺขาปทานํ กมเภโท ปกาเสตพฺโพ. กถํ – สพฺพสิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ เทสนากฺกโม, ปหานกฺกโม, ปฏิปตฺติกฺกโม, อุปฺปตฺติกฺกโมติ จตุพฺพิโธ กโม ลพฺภติ. ตตฺถ ภควตา ราชคเห ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส โย เทสนากฺกโม อนฺุาโต, ตํ เทสนากฺกมํ อนุกฺกมนฺโตว มหากสฺสโป ปมํ ปาราชิกุทฺเทสํ ปุจฺฉิ, ตทนนฺตรํ สงฺฆาทิเสสุทฺเทสํ, ตทนนฺตรํ อนิยตุทฺเทสํ, ตทนนฺตรํ วิตฺถารุทฺเทสํ. ตทนนฺตรํ ภิกฺขุนิวิภงฺคฺจ เตเนว อนุกฺกเมน ปุจฺฉิ. ตโต ปรํ ตโย อาปตฺติกฺขนฺเธ สงฺคเหตุํ วินา คณนปริจฺเฉเทน เสขิยธมฺเม ปุจฺฉิ. อาปตฺติกฺขนฺเธ สภาคโต ปฏฺาย ปุจฺฉนฺโต วีสติขนฺธเก ปุจฺฉิ. นิทานุทฺเทสนฺโตคธานํ วา สรูเปน อนุทฺทิฏฺานํ ปุจฺฉนตฺถํ ขนฺธเก ปุจฺฉิ. เอเตน ขนฺธเก ปฺตฺตา ถุลฺลจฺจยาปิ สงฺคหิตา โหนฺติ. ปุจฺฉิตานุกฺกเมเนว อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร พฺยากาสิ. อยเมตฺถ เทสนากฺกโม. อุภโตวิภงฺคขนฺธกโต ปน อุจฺจินิตฺวา ตทา ปริวาโร วิสุํ ปาฬิ กโต, อิมเมว วจนํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกํ ปริวาเรปิ อาโรปยึสู’’ติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคอีติกถา). อปิจ ปาฬิยํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน อุภโตวิภงฺเค ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสี’’ติ (จูฬว. ๔๓๙) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตสฺมา เถโร อุภโตวิภงฺเค เอว ปุจฺฉิ. วิสฺสชฺชนฺโต ปน อายสฺมา อุปาลิ นิรวเสสํ ทสฺเสนฺโต ขนฺธกปริวาเร อนฺโต กตฺวา เทเสสิ. คณสชฺฌายกาเล ปน ตทา ขนฺธกปริวารา วิสุํ ปาฬิ กตาติ อยเมตฺถ เทสนากฺกโม.
ยทิ เอวํ นิทานุทฺเทโส ปมเทสนาติ เจ? น, อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๓) ‘‘ยานิ มยา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ ¶ วจนโต, ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วจนโต จ. อกุสลาพฺยากตานํ อาปตฺตีนํ ทิฏฺธมฺมสมฺปรายิกาสวฏฺานิยตฺตา ยถาภูตํ สีลสํวรเกน ปริวชฺชเนน ปหาตพฺพตฺตา ปหานกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ ‘‘ตาวเทว จตฺตาริ อกรณียานิ อาจิกฺขิตพฺพานี’’ติ ¶ วจนโต. ตถา ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๕; วิภ. ๕๐๘) วจนโต ยถาภูตํ อาจิกฺขนสิกฺขเนน ปฏิปตฺติกฺกโมปิ สมฺภวติ. ยถุทฺเทสกฺกมํ ปริยาปุณิตพฺพปริยตฺติอตฺเถนาปิ ปฏิปตฺติกฺกโม, เอวมิเมหิ ตีหิ กเมหิ เทเสตพฺพานเมเตสํ สิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ อุปฺปตฺติกฺกโม สมฺภวติ. ตถา หิ ยํ ยํ สาธารณํ, ตํ ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อุปฺปนฺเน เอว วตฺถุสฺมึ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ภิกฺขุนีนมฺปิ ปฺตฺตํ. ยโต ภิกฺขุนีนํ ตํ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ น สิยา, ตโต อนุปฺปนฺนปฺตฺติ ตสฺมึ นตฺถีติ (ปริ. ๒๐๑-๒๐๒) ปริวารวจนํ น วิรุชฺฌติ. เอตฺตาวตา ปุริเมน กมตฺตเยน ยํ ปมํ เทเสตพฺพํ, ตํ ปาราชิกุทฺเทเส ปมุปฺปนฺนตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกํ สพฺพปมํ เทเสตุกาโม อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรตี’’ติ (ปารา. ๒๓) เวสาลิยเมว ปาเปตฺวา เปสิ.
อิทานิ สพฺเพสํ สิกฺขาปทานํ ปฺาปนวิธานํ เวทิตพฺพํ. กถํ? ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๓) เอวํ สอุทฺเทสอนุทฺเทสเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ ปาติโมกฺเข สรูปโต อาคตา ปฺจ อาปตฺติกฺขนฺธา สอุทฺเทสปฺตฺติ นาม. สาปิ ทฺวิธา สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสเภทโต. ตตฺถ ยสฺสา ปฺตฺติยา อนฺโต อาปตฺติยา สห, วินา วา ปุคฺคโล ทสฺสิโต, สา สปุคฺคลนิทฺเทสา. อิตรา อปุคฺคลนิทฺเทสา.
ตตฺถ สปุคฺคลนิทฺเทสา ทฺวิธา อทสฺสิตทสฺสิตาปตฺติเภทโต. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา เวทิตพฺพา. ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๔, ๘๙, ๙๑, ๑๖๗, ๑๗๑, ๑๙๕, ๑๙๗) หิ ปุคฺคโลว ตตฺถ ทสฺสิโต, นาปตฺติ. ทสฺสิตาปตฺติกา นาม ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อาคตา สตฺตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา. ‘‘อยมฺปิ ภิกฺขุนี ปมาปตฺติกํ ธมฺมํ อาปนฺนา นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ (ปาจิ. ๖๘๓, ๖๘๗) หิ ตตฺถ อาปตฺติ ทสฺสิตา สทฺธึ ปุคฺคเลน.
ตถา อปุคฺคลนิทฺเทสาปิ อทสฺสิตทสฺสิตาปตฺติเภทโต ทฺวิธา. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม เสขิยา ธมฺมา. วุตฺตาวเสสา ทสฺสิตาปตฺติกาติ เวทิตพฺพา.
สาปิ ¶ ¶ ทฺวิธา อนิทฺทิฏฺการกนิทฺทิฏฺการกเภทโต. ตตฺถ อนิทฺทิฏฺการกา นาม สุกฺกวิสฏฺิมุสาวาโทมสวาทเปสฺุภูตคามอฺวาทกอุชฺฌาปนกคณโภชนปรมฺปรโภชนสุราเมรยองฺคุลิปโตทกหสธมฺมอนาทริยตลฆาตกชตุมฏฺกสิกฺขาปทานํ วเสน ปฺจทสวิธา โหนฺติ. ตตฺถ นิทฺทิฏฺการเก มิสฺสามิสฺสเภโท เวทิตพฺโพ – ตตฺถ อุปโยคภุมฺมวิภตฺติโย เอกํเสน มิสฺสา. อวเสสา มิสฺสา จ อมิสฺสา จ. เสยฺยถิทํ – ปจฺจตฺตํ ตาว ทฺวีสุ อนิยเตสุ อุปโยเคน มิสฺสํ, ทฺวาทสสุ ปาฏิเทสนีเยสุ กรเณน มิสฺสํ, อูนปฺจพนฺธนปตฺตสิกฺขาปเทสุ สามิกรเณหิ, อูนวีสติวสฺเส ภุมฺเมน, โมหนเก อุปโยคสามิภุมฺเมหิ. ยสฺมา ‘‘วิวณฺณก’’นฺติ ภาโว อธิปฺเปโต, น กตฺตา, ตสฺมา วิวณฺณกสิกฺขาปทํ ยทา น สมฺภวติ, เอวํ ปจฺจตฺตํ ปฺจวิธํ มิสฺสํ โหติ. เสเสสุ ปมานิยตํ เปตฺวา อาทิมฺหิ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอวมาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, ทุติยานิยตํ เปตฺวา ปณีตโภชนสมณุทฺเทสตติยจตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปเทสุ มชฺเฌ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอวมาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, ทุพฺพจกุลทูสกสํสฏฺสิกฺขาปเทสุ อาทิมฺหิ เกวลํ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, เภทานุวตฺตกสิกฺขาปเท มชฺเฌ อาคตํ ปจฺจตฺตํ วา อฺาย วิภตฺติยา อมิสฺสเมว โหติ. ตตฺถ เภทานุวตฺตกตุวฏฺฏนทฺวยสํสฏฺทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปเทสุ พหุวจนํ, อิตรตฺถ สพฺพตฺถ เอกวจนเมวาติ เวทิตพฺพํ.
ตถา อุปโยโค ทฺวีสุ วิกปฺปนสิกฺขาปเทสุ, ตนฺตวายสิกฺขาปเท จ ปจฺจตฺเตน มิสฺโส, อภิหฏสิกฺขาปเท กรเณน, ราชสิกฺขาปเท กรณสามิปจฺจตฺเตหีติ อุปโยโค ติธา มิสฺโส โหติ. กรณฺจ กุฏิการมหลฺลกทุติยกถินทฺเวภาคนิสีทนสนฺถตทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปเทสุ ฉสุ ปจฺจตฺเตน มิสฺสํ, ปมตติยกถินอฏฺงฺคุลปาทกนิสีทนกณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทิกวสฺสิกสาฏิกอุทกสาฏิกทฺเวธมฺมปจฺจาสีสนสิกฺขาปเทสุ อฏฺสุ สามินา มิสฺสนฺติ กรณํ ทฺวิธา มิสฺสํ โหติ. อวเสเสสุ ฉพฺพสฺสวสฺสิกสาฏิกทฺวตฺติจฺฉทนาวสถปิณฺฑมหานามครุลหุปาวุรณสิกฺขาปเทสุ สตฺตสุ กรณวิภตฺติ อฺวิภตฺติยา อมิสฺสา, อจฺเจกเอฬกโลมสิกฺขาปเทสุ สามิวิภตฺติ กรณวิภตฺติยา มิสฺสา. อติเรกปตฺตเภสชฺชสิกฺขาปเทสุ อคฺคหิตคฺคหเณน สามิวิภตฺติ อมิสฺสาว โหตีติ เวทิตพฺพา. เอวํ ตาว นิทฺทิฏฺการเกสุ สิกฺขาปเทสุ –
ปฺจธา ¶ จ ติธา เจว, ทฺวิธา เจปิ ตเถกธา;
ภินฺนา วิภตฺติโย ปฺจ, สพฺเพกาทสธา สิยุํ.
เอวํ ¶ ตาว ยถาวุตฺเตสุ สอุทฺเทสปฺตฺติสงฺขาเตสุ สิกฺขาปเทสุ อคฺคหิตคฺคหเณน ปฺาสุตฺตเรสุ ติสเตสุ นวุติอนิทฺทิฏฺการเก วชฺเชตฺวา นิทฺทิฏฺการกานิ อติเรกสฏฺิทฺวิสตานิ โหนฺติ. เตสุ ปจฺจตฺตกรณานิ ตึสุตฺตรานิ ทฺวิสตานิ โหนฺติ. เตสุ อมิสฺสปจฺจตฺตกรณานิ ทฺวาทสุตฺตรานิ ทฺวิสตานิ, มิสฺสปจฺจตฺตกรณานิ อฏฺารส โหนฺติ. อวเสเสสุ ตึสติยา สิกฺขาปเทสุ มิสฺโสปโยคกรณานิ ปฺจ โหนฺติ, มิสฺสกรณานิ จุทฺทส, อมิสฺสานิ สตฺต, มิสฺสามิสฺสกรณานิ ทฺเว, อมิสฺสานิ ทฺเวติ สพฺเพสุปิ นิทฺทิฏฺการเกสุ เภทานุวตฺตกทุพฺพจกุลทูสกปมทุติยตติยกถินอภิหฏกุฏิการมหลฺลกวิกปฺปนทฺวยทฺเวภาคฉพฺพสฺสนิสีทนสนฺถตเอฬกโลมาติเรกปตฺตเภสชฺชวสฺสิกสาฏิกตนฺตวายอจฺเจกฉารตฺตทฺว ปฺจตฺตึเสสุ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ นตฺถิ. ทุติยานิยตปณีตโภชนสมณุทฺเทสตติยจตุตฺถปาฏิเทสนีเยสุ มชฺเฌ อตฺถิ.
เอตฺตาวตา สอุทฺเทสานุทฺเทสทุกํ, สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสทุกํ, ปจฺเจกทสฺสิตาปตฺติทุกทฺวยํ, อนิทฺทิฏฺการกทุกํ, ตตฺถ นิทฺทิฏฺการเกสุ ปจฺจตฺตภุมฺมทุกํ, สโยปนาโยปนทุกํ, อโยปนมชฺเฌโยปนทุกํ, เอกาเนกวจนทุกนฺติ นว ทุกานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ. วิเสสการณํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท สมฺปตฺเต อาวิภวิสฺสติ. เอวํ ตาว สอุทฺเทสปฺตฺตึ ตฺวา เสสวินยปิฏเก ยา กาจิ ปฺตฺติ อนุทฺเทสปฺตฺตีติ เวทิตพฺพา. สา ปทภาชนนฺตราปตฺติวินีตวตฺถุปฏิกฺเขปปฺตฺติอวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทวเสน ฉพฺพิธา โหติ.
ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน ขยิเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส (ปริ. ๑๕๗-๑๕๘), วฏฺฏกเต มุเข อจฺฉุปนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๗๓) เอวมาทิกา ปทภาชเน สนฺทิสฺสมานาปตฺติ ปทภาชนสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ กาตพฺพา, โย ¶ กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๘๕) อนฺตราปตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวาปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) เอวมาทิ วินีตวตฺถุสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘สงฺฆเภทโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๕) เอวมาทิ ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทํ นาม.
ยสฺมา ปน เตน เตน ปฏิกฺเขเปน ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สมคฺคํ สงฺฆํ อธมฺมสฺี ภินฺเทยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส. โย ปน ภิกฺขุ ทุฏฺจิตฺโต ภควโต ชีวมานกสรีเร โลหิตํ ¶ อุปฺปาเทยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. ยานิ สนฺธาย ‘‘เอกสฺส เฉชฺชกา โหติ, จตุนฺนํ ถุลฺลจฺจยํ, จตุนฺนฺเจว อนาปตฺติ, สพฺเพสํ เอกวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถาปตฺติ ติฏฺนฺเต ภควติ อาปชฺชติ, โน ปรินิพฺพุเต’’ติ (ปริ. ๓๒๓) จ วุตฺตํ. เตน น เกวลํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ชานํ สงฺฆเภทโก อนุปสมฺปนฺโน อุปสมฺปาเทตพฺโพ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทเมว สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหติ สาธกํ โหติ. ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๐๙) เอวมาทีสุ ปน อุปชฺฌายาทีนํ ทุกฺกฏเมว ปฺตฺตํ, น ปณฺฑกาทีนํ ปาราชิกาปตฺติ. น หิ เตสํ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. ยโต สิยา ปาราชิกาปตฺติ. ตถา ‘‘น อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๖๗, ๗๘, ๗๙) เอวมาทิกฺจ ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทเมว นาม.
ขนฺธเกสุ ปฺตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานิ ปฺตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, เภทานุวตฺตเก ถุลฺลจฺจยํ เทสาเปหี’’ติ (จูฬว. ๓๔๕) วุตฺตํ, ถุลฺลจฺจยมฺปิ ตตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. อิทํ เตสํ วิภตฺติกมฺมกฺขเณ อปฺตฺตตฺตา อวิชฺชมานมฺปิ ภควโต วจเนน วิสุทฺธกฺขเณปิ วิชฺชมานํ ชาตนฺติ เอเก. ‘‘เภทานุวตฺตเก เทสาเปหี’’ติ วจนโต เสสเภทานุวตฺตกานํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สงฺฆเภทกานํ อนุวตฺเตยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตถา สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ, วินยกมฺมานิ จ ตตฺเถว สโมธานํ คจฺฉนฺติ. ยถาห ‘‘ปฺตฺเต ตํ อุปาลิ มยา อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ อาคนฺตุกวตฺตํ…เป… เอวํ สุปฺตฺเต โข มยา อุปาลิ สิกฺขาปเท’’ติอาทิ. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา วาทิตํ วา ทสฺสนาย คจฺเฉยฺย ¶ , ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๘๓๔) อิมินา สุตฺเตน ภิกฺขุนี นจฺเจยฺย วา คาเยยฺย วา วาเทยฺย วา, ปาจิตฺติยนฺติ เอวมาทิกํ ยํ กิฺจิ อฏฺกถาย ทิสฺสมานํ อาปตฺติชาตํ วินยกมฺมํ วา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทํ นาม. ฉพฺพิธมฺเปตํ ฉหิ อากาเรหิ อุทฺเทสารหํ น โหตีติ อนุทฺเทสสิกฺขาปทํ นามาติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ปฺจหิ อุทฺเทเสหิ ยถาสมฺภวํ วิสภาคตฺตา ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตานํ สภาควตฺถุกมฺปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยทฺวยํ อสภาคาปตฺติกตฺตา อนฺตราปตฺติปฺตฺติสิกฺขาปทานํ, นานาวตฺถุกาปตฺติกตฺตา ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทานํ, เกสฺจิ วินีตวตฺถุปฺตฺติสิกฺขาปทานฺจ อทสฺสิตาปตฺติกตฺตา, อทสฺสิตวตฺถุกตฺตา เภทานุวตฺตกถุลฺลจฺจยสฺส, อทสฺสิตาปตฺติวตฺถุกตฺตา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทานนฺติ. เอตฺตาวตา ‘‘ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ สอุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สมาสโต ปกาสิตํ โหติ.
ปฺตฺติยํ ¶ ตาว –
‘‘การโก อิธ นิทฺทิฏฺโ, อเปกฺขาย อภาวโต;
ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานา-ภาวโต จ อาทิโต โยปเนน สหา’’ติ. –
อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตสฺสตฺโถ – เย เต อนิทฺทิฏฺการกา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา สุกฺกวิสฏฺิอาทโย สิกฺขาปทวิเสสา, เตสุ อธิปฺปายกมฺมวตฺถุปุคฺคลปโยเค อเปกฺขาย ภาวโต การโก น นิทฺทิฏฺโ เตสํ สาเปกฺขภาวทสฺสนตฺถํ. ตํ สพฺพํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาวิภวิสฺสติ, อิธ ปน ปาราชิกปฺตฺติยํ อเปกฺขาย อภาวโต การโก นิทฺทิฏฺโ. โย ปน การโก ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๖๒, ๔๗๒, ๔๗๕) วิย ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต กรณาทิวเสน อนิทฺทิสิตฺวา ปจฺจตฺตวเสน นิทฺทิฏฺโ อเปกฺขาย อภาวโต. ตตฺถ นิทฺทิสิยมาโน เสสทุติยานิยตปณีตโภชนํ สมณุทฺเทสตติยจตอุตฺถปาฏิเทสนีเยสุ วิย มชฺเฌ อนิทฺทิสิตฺวา ‘‘น เหว โข ปน…เป… โอภาสิตุ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๕๓) วิย ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต เอว อาทิมฺหิ นิทฺทิฏฺโ. อาทิมฺหิ นิทฺทิสิยมาโนปิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภเทสุ เภทานุวตฺตกาทีสุ ปฺจตฺตึเสสุ สิกฺขาปเทสุ วิย อนิทฺทิสิตฺวา ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต เอว ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทิโตว โยปน-สทฺเทน สห ¶ นิทฺทิฏฺโ. เอวํ นิทฺทิสิยมาโนปิ โส ยสฺมา ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนิโย ทฺเว เอกมฺเจ ตุวฏฺเฏยฺยุ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๙๓๓) อาปตฺติ วิย ปรปฺปภวํ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอกวจเนน นิทฺทิฏฺโ. เมถุนธมฺมาปตฺติปิ ปรปฺปภวา ‘‘ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๓๙) วจนโตติ เจ? ตํ น, อธิปฺปายชานนโต. อเนกิสฺสา เอว ภิกฺขุนิยา อาปตฺติ, น เอกิสฺสาติ นิยโม ตตฺถ อตฺถิ, น เอวํ อิธ นิยโมติ อนิยมิตาธิปฺปาโย. ลมฺพีมุทุปิฏฺีนํ กุโต ‘‘ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๕) วจนโต เตสํ เมถุนธมฺมาปตฺติ. อยมตฺโถ จตสฺโส เมถุนธมฺมปจฺจยาติ อฏฺวตฺถุกํ สนฺธาย ‘‘เฉชฺชํ สิยา เมถุนธมฺมปจฺจยา’’ติ (ปริ. ๔๘๑) จ ปริวาเร วุตฺตวจเนน สาเธตพฺโพ.
เภทานุวตฺตกสิกฺขาปเท ติณฺณํ อุทฺธํ น สมนุภาสิตพฺพา, น สงฺเฆน สงฺฆํ เอกโต กาตพฺพนฺติ. นยทสฺสนตฺถํ อาทิโตว ‘‘ภิกฺขู โหนฺตี’’ติ พหุวจนนิทฺเทสํ กตฺวา ปุน ‘‘เอโก วา ทฺเว วา ตโย วา’’ติ (ปารา. ๔๑๘) วุตฺตํ, อฺถา น ตโต อุทฺธํ ‘‘อนุวตฺตกา โหนฺตี’’ติ อาปชฺชติ. ตโต นิทานวิโรโธ. ปฺจสตมตฺตา หิ ตทนุวตฺตกา อเหสุํ. ยํ ปน สตฺตสติกกฺขนฺธเก ‘‘สงฺโฆ จตฺตาโร ปาจีนเก ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยเก ภิกฺขู สมฺมนฺเนยฺย ¶ …เป… สมฺมตา’’ติอาทิ (จูฬว. ๔๕๖) ตฺติทุติยกมฺมํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา เตหิ กตฺตพฺพวิธานํ. สมฺมุติกรณเมว วา ตติยํ กตฺวา กปฺปติ. น หิ เต เตน กมฺเมน กมฺมารหา กมฺมกตา โหนฺติ. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, โส กมฺมารโหติ ลกฺขณํ. น จ ตทา สงฺโฆ เตสํ อฏฺนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ กมฺมํ อกาสิ. ภชาปิยมานา เต กมฺมปตฺตภาวํ ภชนฺติ. อธิกรณวูปสมกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา สงฺเฆน กตาติ กตฺวา กมฺมปตฺตา เอว หิ เต โหนฺติ. ‘‘เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตพฺพา ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคายา’’ติ (ปารา. ๔๑๘) วจนโต เตหิ กตฺตพฺพวิธานํ. สมฺมุติกรณเมว กมฺมํ โหตีติ เจ? ตํ น, อธิปฺปายชานนโต, ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย เอว เต ภิกฺขู กมฺมารหา กาตพฺพา, น โทสาคติวเสนาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. น หิ ปาจีนกาทีนํ สมฺมุติยา อธิกรณวูปสมสิทฺธิ วิย เตสํ สมนุภาสนกมฺเมน ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคสิทฺธิ โหติ, สมฺมุติ นาเมสา ¶ ปมํ อนุมตึ คเหตฺวา ยาจิตฺวาว กรียติ, น ตถา กมฺมนฺติ. กมฺมกรเณ ปน ตทตฺถสิทฺธิ โหติเยว. ปรสมฺมุติยา พหุตราว สมฺมนฺนิตพฺพาติ เวทิตพฺพํ.
‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติ เอวํ พาหุลฺลนเยน ลทฺธนามกํ สกปโยเคน วา ปรปโยเคน วา อตฺตโน นิมิตฺตสฺส สกมคฺเค วา ปรมคฺเค วา ปรนิมิตฺตสฺส วา สกมคฺเค เอว ปเวสนปวิฏฺฏฺิตอุทฺธรเณสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปฏิสาทิยนวเสน เสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโสติ. เกจิ ปน ‘‘ปเวสนาทีนิ จตฺตาริ วา ตีณิ วา ทฺเว วา เอกํ วา ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ สาทิยติ, ิตํ สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติอาที’’ติ (ปารา. ๕๘) วทนฺติ. เตสํ มเตน จตูสุปิ จตสฺโส ปาราชิกาปตฺติโย อาปชฺชติ. เตเยว เอวํ วทนฺติ – อาปชฺชตุ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติ, เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยา ตํภาคิยาติ อตฺตโน วีติกฺกเม ปาราชิกาปตฺติโย, สงฺฆาทิเสสาปตฺติฺจ อาปชฺชิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺกาเล เมถุนาทิกํ ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา เอกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ เอกมเนกํ วา ปฏิกริตฺวาว โส ปุคฺคโล ยสฺมา นิราปตฺติโก โหติ, ตสฺมา โส คหฏฺกาเล สาปตฺติโกวาติ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺสาปิ อตฺเถว อาปตฺติ. วุฏฺานเทสนาหิ ปน อสุชฺฌนโต ‘‘ปโยเค ปโยเค อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. คณนปโยชนาภาวโต กิฺจาปิ น วุตฺตํ, อถ โข ปทภาชเน (ปารา. ๕๘) ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วจเนนายมตฺโถ สิทฺโธติ ยุตฺติฺจ วทนฺติ.
ยทิ ¶ เอวํ มาติกายมฺปิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิก’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ปาราชิกสฺส อนวเสสวจนมฺปิ น ยุชฺเชยฺย. สพฺเพปิ หิ อาปตฺติกฺขนฺเธ, ภิกฺขุคณนฺจ อนวเสเสตฺวา ติฏฺตีติ อนวเสสวจนนฺติ กตฺวา ปเวเสว อาปตฺติ, น ปวิฏฺาทีสุ. ตเมเวกํ สนฺธาย ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) ปาราชิกาปตฺติมฺปิ อนฺโต กตฺวา นิทานุทฺเทสวจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา มาติกายํ ‘‘ปาราชิก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติ (ปารา. ๔๒, ๔๔) ปุคฺคลนิทฺเทสวจนํ เตน สรีรพนฺธเนน อุปสมฺปทาย อภพฺพภาวทีปนตฺถํ. ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปทภาชเน วจนํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ ¶ ปาราชิกสฺส อสํวาสสฺส สโต ปุคฺคลสฺส อเถยฺยสํวาสกภาวทีปนตฺถํ. น หิ โส สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ, ตสฺมา อุปสมฺปนฺโน ‘‘ภิกฺขู’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วทติ, อาปตฺติ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) อนุปสมฺปนฺนสฺส ตทภาวโต สิทฺโธ โส อุปสมฺปนฺโน ‘‘ภิกฺขู’’ตฺเวว วุจฺจตีติ, เตน ปทโสธมฺมํ, สหเสยฺยฺจ ชเนติ, ภิกฺขุเปสฺุาทิฺจ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๓๙).
นิทานา มาติกาเภโท, วิภงฺโค ตนฺนิยามโก;
ตโต อาปตฺติยา เภโท, อนาปตฺติ ตทฺถาติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๓-๔๔) –
อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สุทินฺนวตฺถุ (ปารา. ๒๔ อาทโย)-มกฺกฏิวตฺถุ (ปารา. ๔๐ อาทโย)-วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ (ปารา. ๔๓) จาติ ติปฺปเภทวตฺถุ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทานํ นาม. ตโต นิทานา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) อิมิสฺสา มาติกาย เภโท ชาโต. ตตฺถ หิ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ (ปารา. ๔๔) อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข อิตฺถิยา, โน ปุริเส, โน ปณฺฑเก, โน อุภโตพฺยฺชนเก จา’’ติ มกฺกฏิปาราชิโก วิย อฺโปิ เลสํ โอฑฺเฑตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตาทิสสฺส อเลโสกาสสฺส ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ, มกฺกฏิสงฺขาตา นิทานา ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มาติกาย วจนเภโท, น อิตฺถิยา เอว เมถุนสิทฺธิทสฺสนโต. ตสฺมา วิภงฺโค ตนฺนิยามโก ตสฺสา มาติกาย อธิปฺเปตตฺถนิยามโก วิภงฺโคติ. วิภงฺเค หิ ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย, ตโย อุภโตพฺยฺชนกา, ตโย ปณฺฑกา, ตโย ปุริสา. มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค, ติรจฺฉานคตปุริสสฺส ทฺเว มคฺเค’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน ¶ สพฺพเลโสกาสํ ปิทหิตฺวา นิยโม กโต. เอตฺถาห – ยทิ เอวํ สาธารณสิกฺขาปทวเสน วา ลิงฺคปริวตฺตนวเสน วา น เกวลํ ภิกฺขูนํ, ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ตทวจเนน หิ ภิกฺขุนี ปุริสลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุภาเว ¶ ิตา เอวํ วเทยฺย ‘‘นาหํ อุปสมฺปทากรณกาเล ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนา, ตสฺมา น อปจฺจกฺขาตสิกฺขาปิ เมถุนธมฺเมน ปาราชิกา โหมี’’ติ. วุจฺจเต – ยถา วุตฺตํ, ตถา น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ตถา วุตฺเต ภิกฺขุนีนมฺปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ตฺจานิฏฺํ. อิทมปรมนิฏฺํ ‘‘สพฺพสิกฺขาปทานิ สาธารณาเนว นาสาธารณานี’’ติ. อปิจายํ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปทํ ตานิ วสฺสานิ ภิกฺขูหิ สงฺคมิตุ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๖๙) วุตฺตํ. ตโต อาปตฺติยา เภโทติ ตโต วิภงฺคโต ‘‘อกฺขยิเต สรีเร ปาราชิกํ, เยภุยฺเยน ขยิเต ถุลฺลจฺจย’’นฺติอาทิ (ปารา. ๗๓, ปริ. ๑๕๗) อาปตฺติยา เภโท โหติ. อนาปตฺติ ตทฺถาติ ตโต เอว วิภงฺคโต เยน อากาเรน อาปตฺติ วุตฺตา, ตโต อฺเนากาเรน อนาปตฺติเภโทว โหติ. ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ, อนาปตฺตี’’ติ หิ วิภงฺเค อสติ น ปฺายติ. เอตฺตาวตา ‘‘นิทานา มาติกาเภโท’’ติ อยํ คาถา สมาสโต วุตฺตตฺถา โหติ. วิเสสการณํ ปน ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาวิภวิสฺสติ.
ปมปฺตฺติ ตาว ปมโพธึ อติกฺกมิตฺวา ปฺตฺตตฺตา, อายสฺมโต สุทินฺนสฺส อฏฺวสฺสิกกาเล ปฺตฺตตฺตา จ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ปฺตฺตา, ทุติยปฺตฺติ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺตกาเล. โส หิ อายสฺมา มกฺกฏิปาราชิโก ยถา มาตุคามปฺปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ ติรจฺฉานคติตฺถี น อธิปฺเปตา, ตถา อิธาปีติ สฺาย ‘‘สจฺจํ, อาวุโส…เป… ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ (ปารา. ๔๑) อาห. ตติยปฺตฺติ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา ‘‘ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา’’ติอาทิ (ปารา. ๔๓) วจนโต, เวปุลฺลมหตฺตมฺปิ เอตฺเถว ลพฺภตีติ อิมํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ ติวิธมฺปิ วตฺถุํ อุปาทาย จตุพฺพิธมฺปิ ตํ กาลํ ปตฺวา ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ. ภิกฺขูติ ตสฺส อติปฺปสงฺคนิยมปทํ. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ตสฺส วิเสสนวจนํ. น หิ สพฺโพปิ ภิกฺขุนามโก, ยา ภควตา ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนภิกฺขูนํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สิกฺขิตพฺพา สิกฺขา วิหิตา ¶ , ‘‘เอตฺถ สห ชีวนฺตี’’ติ โย จ สาชีโว วุตฺโต, ตํ อุภยํ สมาปนฺโนว โหติ. กทา ปน สมาปนฺโน โหติ? ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ตทุภยํ ¶ ชานนฺโตปิ อชานนฺโตปิ ตทชฺฌุปคตตฺตา สมาปนฺโนว นาม โหติ. สห ชีวนฺตีติ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ปาราชิกภาวํ วา น ปาปุณาติ. ยํ ปน วุตฺตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สิกฺขาสมาปนฺโน สาชีวํ อวีติกฺกมนฺโต สาชีวสมาปนฺโน’’ติ, ตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ. น หิ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต, กามวิตกฺกาทิพหุโล วา เอกจฺจํ สาวเสสํ สาชีวํ วีติกฺกมนฺโต วา สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน นาม น โหติ.
อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปน จตุกฺกํ ลพฺภติ – ‘‘อตฺถิ ภิกฺขุ สิกฺขาสมาปนฺโน สีลานิ ปจฺจเวกฺขนฺโต น สาชีวสมาปนฺโน อจิตฺตกํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺโต, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน กามวิตกฺกาทิพหุโล สาชีวสมาปนฺโน นิราปตฺติโก, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน น จ สาชีวสมาปนฺโน อนวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อตฺถิ อุภยสมาปนฺโน สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต’’ติ. อยเมตฺถ จตุตฺโถ ภิกฺขุ อุกฺกฏฺโ อิธ อธิปฺเปโต สิยา. น หิ ภควา อนุกฺกฏฺํ วตฺตุํ ยุตฺโตติ เจ? น, ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วจนวิโรธโต, อุกฺกฏฺคฺคหณาธิปฺปาเย สติ ‘‘สิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. สิกฺขตฺตยสมาปนฺโน หิ สพฺพุกฺกฏฺโ. ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ปรโต วจนํ อเปกฺขิตฺวา อธิสีลสิกฺขาว วุตฺตาติ เจ? น, ตสฺสาปิ อภพฺพตฺตา. น หิ อธิสีลสิกฺขํ ปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวิตุํ ภพฺโพ, ตํ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ วีติกฺกมนฺโตเยว หิ ปฏิเสเวยฺยาติ อธิปฺปายา. ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ยสฺมา สิกฺขาปทสงฺขาโต สาชีโว อธิสีลสิกฺขเมว สงฺคณฺหาติ, น อิตรสิกฺขาทฺวยํ, ตสฺมา ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อธิสีลสิกฺขาย สงฺคาหโก สาชีโว สิกฺขาสาชีโวติ วุตฺโต. อิติ สาชีววิเสสนตฺถํ สิกฺขาคฺคหณํ กตํ. ตทตฺถทีปนตฺถเมว วิภงฺเค สิกฺขํ อปรามสิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ (ปารา. ๔๕) วุตฺตํ. เตน ¶ เอกเมวิทํ อตฺถปทนฺติ ทีปิตํ โหติ. ตฺจ อุปสมฺปทูปคมนนฺตรโต ปฏฺาย สิกฺขนาธิการตฺตา ‘‘สิกฺขตี’’ติ จ ‘‘สมาปนฺโน’’ติ จ วุจฺจติ. โย เอวํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ สงฺขํ คโต, ตาทิสํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อปรภาเค สาชีวสงฺขาตเมว สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ตสฺมึเยว ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยาติ อยมตฺโถ ยุชฺชติ.
กินฺตุ อฏฺกถานโย ปฏิกฺขิตฺโต โหติ, โส จ น ปฏิกฺเขปารโห โหติ, อธิปฺปาโย ปเนตฺถ ¶ ปริเยสิตพฺโพ. สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ อิทเมว ภิกฺขุลกฺขณํ สาธารณํ ยทิทํ ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ. ขีณาสโวปิ สาวโก อาปตฺตึ อาปชฺชติ อจิตฺตกํ, ตถา เสกฺโข, ปุถุชฺชโน ปน สจิตฺตกมฺปิ, ตสฺมา เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สามฺมิทํ ภิกฺขุลกฺขณนฺติ กตฺวา เกวลํ สิกฺขาสมาปนฺโน, เกวลํ สาชีวสมาปนฺโน, อุภยสมาปนฺโน จาติ สรูเปกเทสเอกเสสนเยน ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ตฺเวว สมฺปิณฺเฑตฺวา อุกฺกฏฺคฺคหเณน อนุกฺกฏฺานํ คหณสิทฺธิโต อฏฺกถายํ อุกฺกฏฺโว วุตฺโต. ตเมว สมฺปาเทตุํ ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ สิกฺขาสทฺทสฺส อวจเน ปริหารํ วตฺวา ยสฺมา ปน โส สิกฺขมฺปิ สมาปนฺโน, ตสฺมา สิกฺขาสมาปนฺโนติปิ อตฺถโต เวทิตพฺโพติ จ วตฺวา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ อยมฏฺกถาย อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอตสฺมึ ปน อธิปฺปาเย อธิสีลสิกฺขาย เอว คหณํ สพฺพตฺถิกตฺตา, สีลาธิการโต จ วินยสฺสาติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ สิกฺขาปทํ สมาทิยนฺโต สีลํ สมาทิยตีติ วุจฺจติ, เอวํ สิกฺขาปทํ ปจฺจกฺขนฺโต สีลํ ปจฺจกฺขาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา). เอตฺตาวตา สมาสโต ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพวินิจฺฉโย นิฏฺิโต โหติ.
กึ อิมินา วิเสสวจเนน ปโยชนํ, นนุ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา…เป… อสํวาโส’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ‘‘โย ปน สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน เถยฺยสํวาสาทิโก เกวเลน สมฺามตฺเตน, ปฏิฺามตฺเตน ¶ วา ภิกฺขุ, ตสฺสาปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถิ, สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย จ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติ. โย วา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, ตสฺส จ, โย วา ปกฺขปณฺฑกตฺตา ปณฺฑกภาวูปคมเนน น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, ตสฺส จ ตทุภยํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ปณฺฑกภาวปกฺเข จ ปณฺฑโก อุปสมฺปทาย น วตฺถู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อิตรสฺมึ ปกฺเข วตฺถูติ สิทฺธํ. ตสฺมึ ปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกภาวปกฺเข ปณฺฑกตฺตา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, โส ปริจฺจชิตพฺพาย สิกฺขาย อภาเวน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย มุเขน ปรสฺส องฺคชาตคฺคหณนเยน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ตสฺส กุโต ปาราชิกาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. อยํ นโย อปณฺฑกปกฺขํ อลภมานสฺเสว ปรโต ยุชฺชติ, ลภนฺตสฺส ปน อรูปสตฺตานํ กุสลาทิสมาปตฺติกฺขเณ ภวงฺควิจฺเฉเท สติปิ อมรณํ วิย ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. สํวาสํ วา สาทิยนฺตสฺส น เถยฺยสํวาสกภาโว อตฺถิ อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺส วิย. น จ สหเสยฺยาทึ ชเนติ ¶ . คณปูรโก ปน น โหติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน วิย. น โส สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. อิตรสฺมึ ปน ปกฺเข โหติ, อยํ อิมสฺส ตโต วิเสโส. กิมยํ สเหตุโก, อุทาหุ อเหตุโกติ? น อเหตุโก. ยโต อุปสมฺปทา ตสฺส อปณฺฑกปกฺเข อนฺุาตา สเหตุกปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ กิสฺส นานฺุาตาติ เจ? ปณฺฑกภูตตฺตา โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส วิย.
อปิจ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ อิมินา ตสฺส สิกฺขาสมาทานํ ทีเปตฺวา ตํ สมาทินฺนํ สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย, ตตฺถ จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, น อฺถาติ อิมินา การเณน ยถาวุตฺตานิฏฺปฺปสงฺคโต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ…เป… โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺยา’’ติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ.
‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มนุสฺสิตฺถึ อุปาทาย วุตฺตํ. น หิ ปเคว ปณฺฑเก, ปุริเส วาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยเมว ¶ . อยํ ตาว มาติกาย วินิจฺฉโย อฺตฺถาปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา ทีเปตพฺโพ.
สาริปุตฺตเพลฏฺสีสานนฺทาทโยปิ สิกฺขาปทปฺตฺติการณตฺตา จ อาปตฺติอาปชฺชนโต จ กสฺมา มหาวิภงฺเค ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทาเยว อาคตาติ? ปฏิกฺขิตฺตาย สรณคมนูปสมฺปทาย อนฺุาตปฺปสงฺคภยาติ อุปติสฺสตฺเถโร. อาปตฺติยา ภพฺพตํ สนฺธาย ตสฺมิมฺปิ วุตฺเต ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตาปิ ภควตา ปุน อนฺุาตาติ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาคาโห วา วิมติ วา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา น วุตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘อธมฺมกมฺมํ วคฺคกมฺม’’ติ (มหาว. ๓๘๗) วจนโต กุปฺปกมฺมมฺปิ กตฺถจิ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อกุปฺเปนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา อกุปฺปกมฺมมฺปิ เอกจฺจํ น านารหํ, เยน อปตฺโต โอสารณํ สุโอสาริโตติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘านารเหนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘านารเหนา’’ติ อิทเมว วตฺตพฺพํ อิมินา อกุปฺปสิทฺธิโตติ เจ? น, อฏฺานารเหน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อิมสฺมึ อตฺเถ น อธิปฺเปโต อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ทฺวีหิ ปเนเตหิ เอกโต วุตฺเตหิ ¶ อยมตฺโถ ปฺายติ – เกวลํ เตน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ, านารเหน จ อกุปฺเปน จ อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ, กุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน นาธิปฺเปโตติ.
‘‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อปริปุณฺณวีสติวสฺโส’’ติ วุตฺตตฺตา โอปปาติกฺจาติ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา โอปปาติกา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย อปริปุณฺณวีสติวสฺสาติ วทนฺติ. ‘โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา โหนฺตี’ติ วุตฺตตฺตา ปุน จตฺตาริ วสฺสานิ อิจฺฉิตพฺพานิ, ‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายา’ติ อิทํ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน วุตฺต’’นฺติ เอเก. ‘‘เกจิ วทนฺตี’’ติ ยตฺถ ยตฺถ ลิขียติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจาเรตฺวา อตฺถํ สุฏฺุ อุปลกฺขเย. โอปกฺกมิเก ปณฺฑกภาโว อารุฬฺหนเยน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๐๙) ลิขิตํ.
‘‘พินฺทุํ อทตฺวา เจ นิวาเสติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตี’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ลิงฺคานุรูปสฺสาติ สามเณรารหสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ราชภยาทีหิ ¶ คหิตลิงฺคานํ ‘‘คิหี มํ ‘สมโณ’ติ ชานนฺตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย จ เตหิ สํวสิตุกามตาย จ อภาวา โทโส น ชาโตติ. ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลพฺภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สามเณโร น โหตี’’ติ วา น ชานาติ, วฏฺฏติ. ‘‘ชานาติ, น วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ราชทุพฺภิกฺขาทิอตฺถาย จีวรํ ปารุปิตฺวา สํวาสํ สาทิยนฺโต เถยฺยสํวาสโก โหติ. กสฺมา? อสุทฺธจิตฺตตฺตา. ปุน โส ‘สุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ กริสฺสามิ, กึ เอเตนาติ วิปฺปฏิสาเรน วา ปจฺจยาทิสุลภตาย วา กริสฺสามี’ติ สุทฺธมานโส หุตฺวา ยาว โส สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหติ. เอวํ สุทฺธจิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย สํวาสํ สาทิยติ เจ, เถยฺยสํวาสโก โหตีติ อธิปฺเปโต. อิตรถา สพฺพํ วิรุชฺฌตี’’ติ เอเก.
‘‘นาภิปรามาสาทินา ชาโต ตถารูปํ ปิตรํ ฆาเตติ เจ, ปิตุฆาตโก โหตี’’ติ วทนฺติ.
โย ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, น โส ภิกฺขุนิทูสโก ‘‘ติณฺณํ มคฺคาน’’นฺติ ¶ วจนโต. ภิกฺขุนึ ปน เอกโตอุปสมฺปนฺนํ ทูเสตฺวาปิ ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, โสปิ ปาราชิโก โหตีติ วินิจฺฉโย. ภิกฺขุนี ปน เถยฺยสํวาสิกา, มาตุปิตุอรหนฺตฆาติกา, โลหิตุปฺปาทิกา, ติตฺถิยปกฺกนฺติกา จ โหติ, อฏฺกถาสุ อนาคตํ วินยธรา สมฺปฏิจฺฉนฺติ.
‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) วุตฺตํ มริยาทํ อวีติกฺกมนฺโต ตสฺมิฺจ สิกฺขาปเท สิกฺขตีติ วุจฺจติ. สิกฺขาปทนฺติ อสภาวธมฺโม สงฺเกโตว, อิธ ปฺตฺติ อธิปฺเปตา. ‘‘เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ, ตํ ปนตฺถํ สนฺธายาติ ลิขิตํ. สิกฺขาติ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ, สิกฺขนภาเวน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท. สาชีวนฺติ ปฺตฺติ. ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ปุพฺเพ ‘‘เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา สิกฺขาย คุณสมฺมตาย ปฺุสมฺมตาย ตนฺติยา อภาวโต โลกสฺส ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ตตฺถ น สมฺภวติ. ปตฺถนียา หิ สา, ตสฺมา ‘‘ยฺจ สาชีวํ ¶ สมาปนฺโน, ตสฺมึ ทุพฺพลภาวํ อปฺปกาเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อาณาย หิ ทุพฺพลฺยํ สมฺภวตีติ อุปติสฺโส. ทุพฺพลฺยาวิกมฺมปทํ สิกฺขาปจฺจกฺขานปทสฺส พฺยฺชนสิลิฏฺตาย วา ปริวารกภาเวน วา เวทิตพฺพํ. อถ วา ยสฺมา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อกตํ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถ สิยา ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุจฺจมาเน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา, ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ. เตสํเยวาติ จุทฺทสนฺนํ.
‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณตฺถํ ‘‘อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
ปเวสนํ นาม องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส องฺคชาเตน สมฺผุสนํ. ปวิฏฺํ นาม ยาว มูลํ ปเวเสนฺตสฺส วิปฺปกตกาโล วายามกาโล. สุกฺกวิสฏฺิสมเย องฺคชาตํ ิตํ นาม. อุทฺธรณํ นาม นีหรณกาโล. วินยคณฺิปเท ปน ‘‘วายามโต โอรมิตฺวา านํ ิตํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ¶ อสงฺกรโต ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปเวสนปวิฏฺอุทฺธรณกาเลสุปิ สุกฺกวิสฏฺิ โหติเยว. สาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตสฺส อธิวาสนจิตฺตสฺส อุปฺปาทนํ.
อุภโตวิภงฺเค เอว ปฺตฺตานิ สนฺธาย ‘‘อิทฺหิ สพฺพสิกฺขาปทานํ นิทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา’’ติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา อิธ ตติยา สหโยเคน วุตฺตา. ตสฺมา วีสติปิ ภิกฺขู เจ นิสินฺนา, ปฺจโม วินยธโรว อิจฺฉิตพฺโพ, เอวํ สติ ปาราชิโก เจ วินยธโร, อุปสมฺปทากมฺมํ โกเปตีติ เจ? น, ปริวาราวสาเน กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) ยํ กมฺมวิปตฺติลกฺขณํ วุตฺตํ, ตสฺส ตสฺมึ นตฺถิตาย. ‘‘กถํ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา’’ติ เอตฺตกํ วุตฺตํ, นนุ อยํ ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน สงฺคหิโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหิ อากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๗) สุตฺตสฺส ¶ หิ วิภงฺเค ตสฺส อนามฏฺตฺตาติ อยมตฺโถ ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ ลิขิตํ. ‘‘องฺค’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘สพฺพสิกฺขาปเทสุ อาปตฺตีนํ องฺคานงฺคํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตํ, กสฺมา? สมุฏฺนาทีนํ ปริวาราทีสุ สงฺเขเปน อาคตตฺตา ตตฺถ คเหตฺวา อิธาปิ นิทฺทิฏฺานํ อนงฺคานํ ววตฺถานาภาวโต, สพฺพตฺถ สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จ อนงฺคตฺเต วุจฺจมาเน อติวิตฺถารตาย ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อนูนํ วตฺตพฺพโต จาติ เวทิตพฺโพ, สพฺพาปตฺตีนํ สงฺคาหกวเสนาติ อตฺโถ.
ยานิ สิกฺขาปทานิ ‘‘กิริยานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ วเสน กายวาจา สห วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา, อกิริยานํ วเสน วินา วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา. จิตฺตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ ภูตาโรจนสมุฏฺานสฺส กิริยตฺตา, อจิตฺตกตฺตา จ. ตตฺถ กิริยา อาปตฺติยา อนงฺคนฺตรจิตฺตสมุฏฺานา เวทิตพฺพา. อวิฺตฺติชนกมฺปิ เอกจฺจํ พาหุลฺลนเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจติ ยเถว ปมปาราชิกํ. วิฺตฺติยา อภาเวปิ ‘‘โส เจ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ, อนาปตฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ, วิฺตฺติสงฺขาตาปิ กิริยา วินา เสวนจิตฺเตน น โหติ วุตฺตจิตฺตชตฺตา, วิการรูปตฺตา, จิตฺตานุปริวตฺติกตฺตา จ. ตสฺมา กิริยาสงฺขาตมิทํ วิฺตฺติรูปํ, อิตรํ จิตฺตชรูปํ วิย ชนกจิตฺเตน วินา น ติฏฺติ, อิตรํ สทฺทายตนํ ติฏฺติ, ตสฺมา กิริยาย สติ เอกนฺตโต ตชฺชนกํ เสวนจิตฺตํ อตฺถิ เอวาติ กตฺวา น สาทิยติ, อนาปตฺตีติ น ยุชฺชตีติ. ยสฺมา วิฺตฺติชนกมฺปิ สมานํ เสวนจิตฺตํ น สพฺพกาลํ วิฺตฺตึ ชเนติ, ตสฺมา วินาปิ วิฺตฺติยา สยํ อุปฺปชฺชตีติ กตฺวา ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นุปฺปชฺชติ เจ, น สาทิยติ นาม, ตสฺส ¶ อนาปตฺติ. เตเนว ภควา ‘‘กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ (ปารา. ๑๓๕) จิตฺเตเนว อาปตฺตึ ปริจฺฉินฺทติ, น กิริยายาติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ สมุฏฺานคฺคหณํ กตฺตพฺพโต วา อกตฺตพฺพโต วา กายาทิเภทาเปกฺขเมว อาปตฺตึ อาปชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺสนปฺปโยชนํ. เตสุ กิริยาคฺคหณํ กายาทีนํ สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภททสฺสนปฺปโยชนํ. สฺาคฺคหณํ อาปตฺติยา องฺคานงฺคจิตฺตวิเสสทสฺสนปฺปโยชนํ. เตน ¶ ยํ จิตฺตํ กิริยลกฺขเณ วา อกิริยลกฺขเณ วา สนฺนิหิตํ, ยโต วา กิริยา วา อกิริยา วา โหติ, น ตํ อวิเสเสน อาปตฺติยา องฺคํ วา อนงฺคํ วา โหติ. กินฺตุ ยาย สฺาย ‘‘สฺาวิโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ องฺคํ, อิตรํ อนงฺคนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. อิทานิ เยน จิตฺเตน สิกฺขาปทํ สจิตฺตกํ โหติ, ตทภาวา อจิตฺตกํ, เตน ตสฺส อวิเสเสน สาวชฺชตาย ‘‘โลกวชฺชเมวา’’ติ วุตฺตํ. กินฺตุ สาวชฺชํเยว สมานํ เอกจฺจํ โลกวชฺชํ, เอกจฺจํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ ทสฺสนปฺปโยชนํ จิตฺตโลกวชฺชคฺคหณํ. จิตฺตเมว ยสฺมา ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา มโนกมฺมมฺปิ สิยา อาปตฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนํ กมฺมคฺคหณํ.
ยํ ปเนตฺถ อกิริยลกฺขณํ กมฺมํ, ตํ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ สิยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนํ กุสลตฺติกคฺคหณํ. ยา ปเนตฺถ อพฺยากตาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ อเวทนมฺปิ นิโรธํ สมาปนฺโน อาปชฺชตีติ เวทนาตฺติกํ เอตฺถ น ลพฺภตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ เวทนาตฺติกคฺคหณํ. สิกฺขาปทฺหิ สจิตฺตกปุคฺคลวเสน ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ลทฺธโวหารํ อจิตฺตเกนาปนฺนมฺปิ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’มิเจว วุจฺจติ. ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ – ‘‘อตฺถาปตฺติ อจิตฺตโก อาปชฺชติ อจิตฺตโก วุฏฺาติ (ปริ. ๓๒๔), อตฺถาปตฺติ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ กุสลจิตฺโต วุฏฺาตี’’ติอาทิ (ปริ. ๔๗๐). ‘‘สจิตฺตกํ อาปตฺติทีปนํ, สฺาวิโมกฺขํ อนาปตฺติทีปนํ, อจิตฺตกํ วตฺถุอชานนํ, โนสฺาวิโมกฺขํ วีติกฺกมนาชานนํ. อิทเมว เตสํ นานาตฺต’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๑-๖๖ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา) ลิขิตํ.
สจิตฺตกปกฺเขติ เอตฺถ อยํ ตาว คณฺิปทนโย – สจิตฺตกปกฺเขติ สุราปานาทิอจิตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ. สจิตฺตเกสุ ปน ยํ เอกนฺตมกุสเลเนว สมุฏฺาติ, ตฺจ อุภยํ โลกวชฺชํ นาม. สุราปานสฺมิฺหิ ‘‘สุรา’’ติ วา ‘‘ปาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวาติ. ตตฺถ ‘‘น วฏฺฏตีติ ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสปิ ¶ โลกวชฺชตาปสงฺคโต. อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ปริหริตุกามตาย จ วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ลิขิตํ – ‘‘อิธ ‘สจิตฺตก’นฺติ จ ‘อจิตฺตก’นฺติ จ วิจารณา วตฺถุวิชานเน เอว โหติ, น ปฺตฺติวิชานเน. ยทิ ปฺตฺติวิชานเน โหติ ¶ , สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชาเนว สิยุํ, น จ สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ. ตสฺมา วตฺถุวิชานเน เอว โหตีติ อิทํ ยุชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา เสขิเยสุ ปฺตฺติวิชานนเมว ปมาณํ, น วตฺถุมตฺตวิชานน’’นฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ สิกฺขาปทสีเสน อาปตฺตึ คเหตฺวา ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ, สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิโลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา นามา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธายาห. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกาย ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถีติ, เอวํ สนฺเตปิ อนิยเมน วุตฺตฺจ นิยมวเสน เอว คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ติรจฺฉานานํ ปนาติ ปน-สทฺเทน ถุลฺลจฺจยาทิการํ นิวตฺเตติ. กิริยาติ เอตฺถ ‘‘ิตํ สาทิยตี’’ติ (ปารา. ๕๘) วุตฺตตฺตา ตํ กถนฺติ เจ? ‘‘สาทิยตี’’ติ วุตฺตตฺตา กิริยา เอว. เอวํ สนฺเต ‘‘กายกมฺมํ มโนกมฺม’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ปจุรโวหารวเสน ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุตฺตตฺตา. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาย ลพฺภติ เอวาติ ลิขิตํ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สํสนฺเทตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ ทุนฺนโย โหตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๐) วทนฺเตนาปิ อตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถเมว ปทพฺยฺชนสฺส สุนิกฺขิตฺตภาโว อิจฺฉิโต, น อกฺขรวจนาย, ตสฺมา อาห ‘‘อตฺถฺหิ นาโถ สรณํ อโวจา’’ติอาทิ.
ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา
คามา วา อรฺา วาติ ลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา อาทิมฺหิ วุตฺตา. สพฺพสฺมิฺหิ วินยปิฏเก คาโม, คามูปจาโร, คามกฺเขตฺตํ, คามสีมา, คามสีมูปจาโรติ ปฺจวิโธ คามเภโท เวทิตพฺโพ. ตถา อารฺกสีมาย เอกํ อคามกํ อรฺํ, สํวิธานสิกฺขาปทานํ (ปาจิ. ๑๘๐ อาทโย) เอกํ, สคามกํ เอกํ ¶ , อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ, คณมฺหาโอหียนกสฺส (ปาจิ. ๖๙๑) เอกนฺติ ปฺจวิโธ อรฺเภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อตฺถิ ¶ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ, ตถา อตฺถิ อรฺํ น อรฺปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ อรฺํ น อรฺกิจฺจํ กโรตีติ อยมฺปิ เภโท เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกมฺมวาจาย เปตฺวา ‘‘คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คาโม นาม ปริกฺขิตฺโต เจ, ปริกฺเขปสฺส อนฺโต, อปริกฺขิตฺโต เจ, ปริกฺเขโปกาสโต อนฺโต เวทิตพฺโพ. อยํ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺโตคาโม’’ติ (ปารา. ๔๗๘) อาคโต. สาสงฺกสิกฺขาปเท ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อาคโต อนาสงฺกโต. ยถาห ‘‘อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติ สมนฺตา โคจรคาเม นิกฺขิเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๖๕๔). ตถา อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อยเมว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอกา คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗) เอตฺถาปิ อยเมว ปริจฺเฉโท อธิปฺเปโต ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺติยา, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา’’ติ วุตฺตตฺตา.
เยสุ ปุราณโปตฺถเกสุ ‘‘อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ ลิขิตํ, ตํ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปเทสุ อาจิณฺณํ นยํ คเหตฺวา ปมาเทน ลิขียติ, น ปมาณํ. เยสุ จ โปตฺถเกสุ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส วิภงฺเค (ปาจิ. ๕๑๓) ‘‘คามํ ปวิเสยฺยาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ ลิขียติ, สา ปมาทเลขา. อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสาติ ตตฺถ ปาโ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑๒). อิธ กงฺขาวิตรณิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉิตฺวาติ…เป… อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติอาทิ (กงฺขา. อฏฺ. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา).
ยํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘ภิกฺขุนิยา คามนฺตราธิกาเร เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ วา อติกฺกมนฺเต, อุปจารํ วา โอกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต จ สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘โอกฺกนฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต’’ติ เอตานิ ปทานิ อธิกานิ ¶ , เกวลํ ลิขิตเกหิ อฺเหิ ลิขิตานิ. กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘โอกฺกนฺตมตฺเต จา’’ติ ปทํ น ทิสฺสติ, อิตรํ ทิสฺสติ. ตานิ ทฺเว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิ ¶ . ตถา สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกมติ, สงฺฆาทิเสโส. อปิเจตฺถ สกคามโต…เป… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) หิ วุตฺตํ.
คณฺิปเท จสฺส ‘‘ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วตฺวา ‘‘อุปจาเรปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท จ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘โอกฺกมนฺติยา’ติปิ โปตฺถเกสุ เอกจฺเจสุ ทิสฺสติ, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วจเนนาปิ เอวํ เวทิตพฺพํ – วิกาเล คามปฺปเวสเน ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ เอว วเสน อุปจาโร ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, อิตรถา ยถา เอตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปริกฺเขปํ วิย กตฺวา ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วุตฺตํ, เอวํ ตตฺถาปิ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺตสฺสา’ติ วเทยฺย. ยสฺมา ปน ตตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานโต อุตฺตริเมโก เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต. ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’ติ วุตฺต’’นฺติ.
ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ปริกฺเขปารหฏฺานํเยว อุปจารนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ปริกฺเขปปอกฺเขปารหฏฺานานํ นินฺนานากรณทีปนตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิวิเสสมสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส อิธ อุปจาโร ปริกฺเขโป ยถา ภเวยฺย, ตํ อุปจารํ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพเมว ปาฬิยา วิเสสสมฺภวโตติ. โปราณคณฺิปเท ‘‘อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อิธ กงฺขาวิตรณิยา ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส…เป… อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ อยเมว ปาโ เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา อิเมสุ ยถาวุตฺเตสุ าเนสุ ยถาวุตฺตปริจฺเฉโทว คาโมติ เวทิตพฺโพ. อิมสฺส ¶ อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ‘‘คาโม นาม เอกกุฏิโกปี’’ติอาทิ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. อิมสฺส วเสน อสติปิ ปริกฺเขปาติกฺกเม, อุปจาโรกฺกมเน วา อนฺตรารามโต วา ภิกฺขุนุปสฺสยโต วา ติตฺถิยเสยฺยโต วา ปฏิกฺกมนโต วา ตํ คามํ ปวิสนฺตสฺส อนฺตรารามปริกฺเขปสฺส, อุปจารสฺส วา อติกฺกมนวเสน คามปจฺจยา อาปตฺติโย เวทิตพฺพา.
คามูปจาโร ปน ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ปริกฺขิตฺตสฺส ¶ คามสฺส ปริกฺเขโปว, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโสว. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโส. เตสุ อธิฏฺิตเตจีวริโก ภิกฺขุ ปริหารํ น ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔). กึ ปเนตฺถ การณํ, เยน อยํ คาโม, คามูปจาโร จ อิธ อฺถา, อฺตฺถ ตถาติ? อฏฺุปฺปตฺติโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ‘ภควตา ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ อนฺุาตา’ติ อนฺตรฆเร จีวรานิ นิกฺขิปนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๓) อิมิสฺสา หิ อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตํ. ตสฺมา ยตฺถ อนฺตรฆรสฺา, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมา น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพา. เตน จ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺโตคาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตคาเม วตฺถพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๔๗๘) จ ‘‘สภาเย วา ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ. กปฺปิยภูมิยํ วสนฺโตเยว หิ กปฺปิยภูมิยํ นิกฺขิตฺตจีวรํ รกฺขติ. สาสงฺกสิกฺขาปเท ปน ‘‘ยสฺมา ยตฺถ คาเม จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, เตน คาเมน วิปฺปวสนฺโต จีวเรน วิปฺปวสตีติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ สิกฺขาปเท คามสีมา คาโม นามาติ อธิปฺเปโต. ตตฺถ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วจนโต ปริกฺเขโป น คาโม. กินฺตุ คามูปจาโรติ เลเสน ทสฺสิตํ โหติ. อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาโส คามูปจาโรติ สิทฺธํ. ตทตฺถสมฺภวโต ตสฺมึ ฆรูปจาเร ิตสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ กุรุนฺทฏฺกถายํ, มหาปจฺจริยมฺปิ วุตฺตํ ¶ . อุปจาโร หิ ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทีสุ ทฺวารํ, ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร’’ติ เอตฺถ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรสงฺขาตํ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโส’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา กุรุนฺทิยํ, มหาปจฺจริยฺจ. ตถา ปาฬิยมฺปิ ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อนฺโต อาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อนฺโต อาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติ. ตสฺมา ทุติโย เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต.
‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาฬิวิเสสสมฺภวโต จ ปโม เลฑฺฑุปาโต คาโม เอว, ทุติโย คามูปจาโรติ วุตฺตํ. ปริกฺขิตฺตสฺส ¶ ปน คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ วุตฺตนฺติ เอตฺถ เภโท นตฺถิ. เอตฺตาวตา ปริกฺขิตฺตสฺส ทุวิโธ อุปจาโร, อปริกฺขิตฺตสฺส จตุพฺพิโธ อุปจาโร ยตฺถ สมฺภวติ, ยตฺถ จ น สมฺภวติ, ตํ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติ.
คามเขตฺตสฺส จ คามสีมาย จ ลกฺขณํ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. อุภยฺหิ อตฺถโต เอกํ. ตตฺถ คามสีมาย คามภาโว สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน เวทิตพฺโพ.
คามสีมูปจาโร นาม มนุสฺสานํ กฏฺติณปุปฺผผลาทิอตฺถิกานํ วนจรกานํ วลฺชนฏฺานํ. อิมสฺส คามสีมูปจารภาโว อุโทสิตสิกฺขาปเท, ‘‘อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ (ปารา. ๔๙๔) อาคตฏฺาเน ขนฺธเก (มหาว. ๑๔๗) จ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ ภควา คามนฺตวาสีนํ ภิกฺขูนํ สีมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ (มหาว. ๑๔๗) วตฺวา ทสฺเสติ. ตทนนฺตรเมว ‘‘อคามเก’’ติอาทินา สตฺตพฺภนฺตรสีมํ ทสฺเสติ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย น วิหรติ, เกวลํ นาวายํ วา ถลมคฺเคน วา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ, ตสฺส ตตฺถ ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา ลพฺภตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกกุลสฺส สตฺโถ โหติ ¶ , สตฺเถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุรโต วา ปจฺฉโต วา สตฺตพฺภนฺตรา น วิชหิตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๘๙). อิทเมว อรฺํ สนฺธาย ‘‘อารฺกสีมาย เอกํ อคามกํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ.
ยํ สนฺธาย ‘‘อคามเก อรฺเ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๔) ปาฬิยํ วุตฺตํ. อิทํ สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอกํ อคามกํ อรฺํ นาม.
ปุริเมน ปน สฆรํ สงฺคหิตํ, อิมินา ตมสงฺคหิตนฺติ. ยํ สนฺธาย คณมฺหา โอหียนาธิกาเร อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) ‘‘อคามเก อรฺเติ เอตฺถ ‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’นฺติ เอวํ วุตฺตํ ลกฺขณํ อรฺํ. ตํ ปเนต เกวลํ คามาภาเวน ‘อคามก’นฺติ วุตฺตํ, น วิฺฌาฏวิสทิสตายา’’ติ วุตฺตํ. ยํ สนฺธาย ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔; ปาจิ. ๕๗๓) วุตฺตํ. อิทํ อารฺกเสนาสนํ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปโต พหิ, อปริกฺขิตฺตสฺส ปน ปริกฺเขโปกาสโต พหิ สรุกฺขํ วา อรุกฺขํ วา วิหาเร กุนฺนทิสมากิณฺณมฺปิ อรฺํ นาม. ตถา ‘‘คณมฺหา โอหียนกสฺส เอก’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ อรฺํว. อิทํ ปน ปุพฺเพ อคามกภาเวน อาคตฏฺาเน วุตฺตลกฺขณเมว หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา ทสฺสนูปจารวิชหเน ¶ เอกเมว อาปตฺตึ กโรติ, ตโต อุทฺธํ อนาปตฺติ. ‘‘สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอก’’นฺติ วุตฺตํ ปน อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน เอเกกํ อาปตฺตึ กโรติ, น ตโต โอรํ. อิตรานิ ตีณิ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทโต โอรเมว ตตฺถ วุตฺตวิธึ น สมฺปาเทนฺติ, ปรํ สมฺปาเทนฺติ. เอวเมเตสํ อฺมฺนานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ปฺจวิเธ คาเม โย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺโต, โส น กตฺถจิ วินยปิฏเก อุปโยคํ คโต, เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ ทีปนตฺถํ วุตฺโต. ปริกฺขิตฺตสฺสปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิสมาโน อุปจาโรติ วุตฺโต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต เอโก. โส ปน ปากฏตฺตา จ อชฺโฌกาสตฺตา จ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺตึ กโรติ เปตฺวา ¶ ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตึ. ภิกฺขุนิโย หิ ตสฺมึ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาเต คามูปจาเร วสนฺตี อาปตฺติฺจ อาปชฺชนฺติ, คามํ ปวิสนฺตี คามนฺตราปตฺติฺจ. ตาสฺหิ ิตฏฺานํ อรฺสงฺขฺยํ คจฺฉติ ‘‘ตาวเทว ฉายา เมตพฺพา…เป… ตสฺสา ตโย จ นิสฺสเย, อฏฺ จ อกรณียานิ อาจิกฺเขยฺยาถา’’ติ (จูฬว. ๔๓๐) วจนโต. อรฺปฺปฏิสํยุตฺตานํ สิกฺขาปทานํ, วิกาเลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส (ปาจิ. ๕๐๘) จ ภิกฺขุนีนํ อสาธารณตฺตา จ อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยปฺปฏิกฺกมนาทีนํ กปฺปิยภูมิภาววจนโต จ ‘‘เอกา คณมฺหา โอหีเยยฺยาติ อคามเก อรฺเ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชหนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทิสิกฺขาปทปฺตฺติโต (ปาจิ. ๖๙๒) จ ภิกฺขุนิกฺขนฺธกนยเอน วา ยสฺมา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีลโต ปฏฺาย อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารโต ปฏฺาย นียติ, ตตฺถ อนฺตรฆเร นิกฺขิตฺตจีวเร สติ จตุรงฺคสโมธาเนน ภิกฺขู วสนฺติ, ตสฺมา สคามกํ นาม โหติ.
อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ นาม ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อรฺเ วตฺถพฺพํ, ยา วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๓๑) วจนโต ภิกฺขุนีนํ อรฺวาโส นาม นตฺถีติ สิทฺธํ. ตาย หิ อรฺเ ภิกฺขุนุปสฺสเย สติ อนฺโตอาวาเสปิ ทุติยิกาย ทสฺสนสวนูปจารํ วิชหนฺติยา อาปตฺติ. ตสฺมา อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ยํ านํ ปิตํ, ตตฺเถว ภิกฺขุนุปสฺสโยปิ กปฺปติ, น ตโต ปรํ.
ตาสฺจ ¶ อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจายํ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วจนํ นตฺถีติ กตฺวา เตสฺเวว คามคามูปจาเรสุ ผรติ. ตโต ปรํ ทุติเยสุ เลฑฺฑุปาตาทีสุ ตาสํ อกปฺปิยภูมิกตฺตา น สมานสํวาสกสีมา อรฺเ ผรติ ภิกฺขูนํ คามคามูปจารํ วิย. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุนิยา เปตฺวา คามนฺตราปตฺติ’’นฺติ.
เอวํ ตาว ปฺจวิธํ คามเภทํ, อรฺเภทฺจ ตฺวา อิทานิ ‘‘อตฺถิ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภตี’’ติอาทิเภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ โย อฏฺกถายํ ‘‘อมนุสฺโส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต’’ติ วุตฺโต, โส คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ สิกฺขาปเท ลภติ. ยฺหิ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล ¶ จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิต’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐) วุตฺตํ. โย ปน ปฏิราชโจราทีหิ วิลุตฺตตฺตา, เกวลํ ภเยน วา ฉฑฺฑิโต สฆโรว อนฺตรหิตคามภูโต, โส ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๑๘๓) วุตฺตปาจิตฺติยํ ชเนติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ, เสขิเย จตฺตาริ ชเนตีติ เวทิตพฺพา. โย ปน คาโม ยโต วา มนุสฺสา เกนจิเทว กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตาติ วุตฺโต, อมนุสฺโส โส ปกติคามสทิโสว.
อตฺถิ อรฺํ น อรฺปริหารํ กตฺถจิ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร นาม อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา เอกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร’’ติ (ปารา. ๔๙๔) เอตฺถ ยฺวายํ นานูปจาโรติ วุตฺโต, ตํ เวทิตพฺพํ. โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส เอกเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต คามูปจารนามโก คาโม, โย วา สตฺโถ นาติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ, โส อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ. น หิ ตํ านํ โอกฺกมนฺโต คามปฺปเวสนาปตฺตึ อาปชฺชติ. ยํ ปน คามสีมาย ปริยาปนฺนํ มนุสฺสานํ วลฺชนฏฺานภูตํ อรฺํ, ตํ อตฺถิ อรฺํ น อรฺกิจฺจํ กโรติ นาม. น หิ ตตฺถ อารฺกสีมา ลพฺภตีติ. เอตฺตาวตา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ อิมิสฺสา อนุปฺตฺติยา ลกฺขณานุปฺตฺติภาโว ทสฺสิโต โหติ.
‘‘โคนิสาทินิวิฏฺโปิ คาโม’’ติ เอตฺถ สเจ ตสฺส คามสฺส คามเขตฺตปริจฺเฉโท อตฺถิ, สพฺโพปิ เอโก คาโม. โน เจ, อุปจาเรน วา ปริกฺเขเปน วา ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. สเจ คามเขตฺเต สติ กานิจิ ตานิ ฆรานิ อฺมฺอุปจารปฺปโหนกํ านํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร ทูเร กตานิ โหนฺติ, วิกาเล คามปฺปเวเส อุปจาโรว ปมาณํ. อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺเตสุ เสขิเยสุ, ¶ ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตีสุ จ ฆรานํ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปมาณํ, อุโปสถาทิกมฺมานํ คามเขตฺตํ ปมาณํ, อารฺกเสนาสนสฺส อาสนฺนฆรสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย ปฺจธนุสตนฺตรตา ปมาณนฺติ เอวํ โน ปฏิภานนฺติ อาจริยา.
‘‘ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘อยมฺปิ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ ¶ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) อฏฺกถาวจนโต ตํ ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ โหติ เอว. สเจ ตตฺถ วิหาโร วา เทวกุลํ วา สภา วา เคหํ วา นตฺถิ, เกวลํ วตฺถุมตฺตกเมว โหติ, คาโมติ วินยกมฺมํ สพฺพํ ตตฺถ กปฺปติ. ‘‘อมนุสฺโส คาโม’’ติ หิ วุตฺตํ. ตฺจ านํ อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตเร วา อุปจารพฺภนฺตเร วา โหติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ. โน เจ, อรฺํ วิย ยถาสุขํ คนฺตพฺพํ. ตตฺถ เจ อาราโม วา ติตฺถิยเสยฺยาทีสุ อฺตโรวา โหติ, ลทฺธกปฺปเมว. ภิกฺขุนุปสฺสโย เจ โหติ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ ปริหริตพฺพา. ‘‘อรฺํ นาม เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺถ ปริกฺเขเป สติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทํ คามเมว เปตฺวา อวเสสํ ตสฺส อุปจารํ, ตโต ปรฺจ อรฺํ นาม, ปริกฺเขเป อสติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทํ คามูปจารเมว เปตฺวา ตโต ปรํ อวเสสํ อรฺํ นามาติ อธิปฺปาโย. เอวํ สติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตลกฺขเณ อคามเก อรฺเ คณมฺหาโอหียนาปตฺติ, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาย ผรณํ วิกาเล คามปฺปเวสนาปตฺติยา อนาปตฺตีติ เอวมาทิวินยวิธิ สเมติ, อฺถา น สเมติ.
‘‘เปตฺวา คามูปจารํ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺเต คามูปจารโต ปโร อรฺนฺติ สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา คาม’’นฺติ วิเสสตฺโถ น ทิสฺสติ, คามสฺส ปน อรฺภาวปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เจ? น, คามูปจารสฺส อภาวปฺปสงฺคโต. สติ หิ คาเม คามูปจาโร โหติ, โส จ ตว มเตน อรฺภูโต. กุโต ทานิ คามูปจาโร. คามูปจาโรปิ เจ อรฺสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ปโรว คาโมติ กตฺวา น ยุตฺตํ คามสฺส อรฺภาวปฺปสงฺคโต จ. ตสฺมา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ เอตฺถ คามูปจาโรปิ ‘‘คาโม’’ ตฺเวว สงฺคหิโต. ตสฺมา คามสฺส อรฺภาวปฺปสงฺโค น ยุชฺชติ. ยทิ เอวํ ‘‘เปตฺวา คามํ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, อรฺสฺส ปริจฺเฉทชานนปฺปสงฺคโต. ตถา หิ วุตฺโต ‘‘อรฺปริจฺเฉโท น ปฺายตี’’ติ โน ลทฺธิ. คามูปจารปริยนฺโต หิ อิธ คาโม นาม. ยทิ เอวํ ‘‘คามสฺส จ อรฺสฺส จ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วตฺตพฺพํ, ‘‘อรฺสฺส ¶ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ กิมตฺถํ ¶ วุตฺตนฺติ เจ? วุจฺจเต – อฏฺกถาจริเยน ปมคามูปจารํเยว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถ’’นฺติ สพฺพสิกฺขาปเท หิ พาหิรอินฺทขีลโต ปฏฺาย คามูปจารํ อรฺํ นาม. คามปริจฺเฉทวจเน ปโยชนํ ปเนตฺถ นตฺถิ ปริกฺเขเปเนว ปากฏภูตตฺตา. ทุติยคามูปจาโรว คามสฺส ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต ปริกฺเขปภาเวน อปากฏตฺตา. ตตฺถ ปมคามูปจาโร เจ อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต, ตตฺถ น วตฺตพฺโพ. ‘‘นิกฺขมิตฺวา อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. เอวํ สนฺเต สุพฺยตฺตตรํ อรฺปริจฺเฉโท ทสฺสิโต โหติ, มิจฺฉาคาโห จ น โหติ.
‘‘มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ หิ วุตฺเต อยํ คามูปจาโรว อรฺํ คามูปจารสฺส วิภงฺคตฺตา. ยทิ อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อวุตฺตกเมว, อรฺโต ปรนฺติ จ มิจฺฉาคาโห โหตีติ เจ, นนุ วุตฺตํ ‘‘ปมเมว อิทํ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารนิยมนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ? อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ กิฺจาปิ ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ, อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโตติ ปน เอวํ วจนปฺปโยชนํ. อปริกฺขิตฺตสฺส จ คามสฺส ยฺวายํ เลฑฺฑุปาโต อุปจาโร’’ติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺส นิยมนนฺติ วุตฺตํ โหติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อรฺํ นามา’’ติ ปทํ อนุทฺธริตฺวา ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธรณสฺส กตตฺตา. ตตฺถ ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ มาติกายํ อวิชฺชมานํ ปทํ อุทฺธรนฺโต ตโย อตฺถวเส ทสฺเสติ. เสยฺยถิทํ – อรฺปริจฺเฉททสฺสนเมโก อตฺโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาเรน สทฺธึ ปริจฺเฉททสฺสนเมโก, น เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺสเยว อุปจาโร วินยาธิกาเร สปฺปโยชโน ทสฺสิตพฺโพ, นิปฺปโยชโนปิ ปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร อิมินา ปริยาเยน ลพฺภตีติ อนุสงฺคปฺปโยชนเมโก อตฺโถปิ เวทิตพฺโพ.
‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิทํ ภควา ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ อภาสิ. เสยฺยถิทํ – อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริจฺเฉททสฺสนเมโก, อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร อยเมว คามูปจาโรติ ทสฺสนเมโก, ตตฺถ ิตสฺส ทุติโย เลฑฺฑุปาโต สพฺพตฺถ คามปฺปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สกิจฺจโก อุปจาโรติ ทสฺสนเมโกติ เอวํ ภควา อตฺตโน เทสนาวิลาสปฺปตฺติยา เอเกกปทุทฺธารเณน ตโย อตฺถวเส ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
ตถา ¶ อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจาย ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถาปิ ¶ ปริกฺเขเป สติ คามํ เปตฺวา, อสติ คามูปจารํ เปตฺวาติ อตฺโถ. ปริกฺขิตฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส จ มชฺเฌ อาราเม อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล อยํ นโย อติวิย ยุชฺชติ. อุภยปริวชฺชนโต ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วา อุภยตฺถ อุภยํ ลพฺภเตว. ‘‘อนฺตราราเมสุ ปน อาจิณฺณกปฺปา ภิกฺขู อวิปฺปวาสสีมํ สมฺมนฺนนฺตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อนฺตราราเมสุ อสมฺภวโต อนฺตราราโม น คามสงฺขํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตตฺถปิ อวิปฺปวาสสีมา รุหเตวา’’ติ เอเก. เต ภิกฺขู ทุติยสฺส คามูปจารสฺส คามสงฺขาสภาวโต ตาสํ อิมาย ทุติยาย อวิปฺปวาสกมฺมวาจาย อภาวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อชฺฌาราโม ปน คาโมปิ สมาโน ติตฺถิยเสยฺยาทิ วิย กปฺปิยภูมีติ เวทิตพฺโพ.
อาปตฺติยา ปริจฺเฉทํ, ตถานาปตฺติยาปิ จ;
ทสฺเสตุํ คามสมฺพนฺธ-สิกฺขาปทวิภาวเน.
คามคามูปจารา ทฺเว, ทสฺสิตา อิธ ตาทินา;
สีมา สีมูปจารา ตุ, อเนกนฺตาติ นุทฺธฏา.
อุปจารา จ ทฺเว โหนฺติ, พาหิรพฺภนฺตรพฺพสา;
ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺต-เภทา เจ จตุโร สิยุํ.
อยฺหิ อุปจารสทฺโท วินยปิฏเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อคิลาเนนปิ อาราเม อารามูปจาเร ฉตฺตํ ธาเรตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๐) เอวมาทีสุ พาหิเร อุปจาเร ทิสฺสติ. พาหิโร อุปจาโร นาม ปริกฺเขปโต, ปริกฺเขปารหฏฺานโต วา เอโก เลฑฺฑุปาโต. ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อนฺโตอาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อนฺโตอาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๐๖) ปน อุปจารสทฺโท อพฺภนฺตเร อุปจาเร ทิสฺสติ. อพฺภนฺตโร อุปจาโร จ นาม ปริกฺเขโป, ปริกฺเขปารหฏฺานฺจ โหติ. อิธ ปน ปริกฺเขโป ‘‘อชฺฌาราโม, อชฺฌาวสโถ’’ติ วา น วุจฺจติ, อนฺโต เอว อาราโม, อาวสโถติ วา. เตสุ พาหิรพฺภนฺตรเภทภินฺเนสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คามูปจาโร นาม อพฺภนฺตรูปจาโร ¶ อธิปฺเปโต, น พาหิโร. ภิกฺขุนิยา อรฺสฺิตตาย ตสฺส พาหิรสฺส, ตสฺสา คามนฺตราปตฺติยา านภูตตฺตา จ อพฺภนฺตรอุปจารสฺสาติ ¶ อิทเมตฺถ การณทฺวยํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อิธ อทินฺนาทานปาราชิกวิภงฺเคเยว ปโม คามูปจาโร ทสฺสิโต, โส พาหิโร, ทุติโย อพฺภนฺตโรติ เวทิตพฺโพ. ปเมน จ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต พาหิโร อุปจาโร, ทุติเยน จ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปโต พาหิรสงฺขาโต อพฺภนฺตโร อุปจาโร เลเสน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ จตฺตาโรปิ อุปจารา อิธ ภควตา เทสนาวิลาสปฺปตฺเตน เทสนาลีลาย ทสฺสิตา โหนฺตีติ อยํ นโย สุฏฺุ ลกฺเขตฺวา อาจริเยหิ สมฺมนฺตยิตฺวา ยถานุรูปํ ตตฺถ โยเชตพฺโพ. อิตรถา –
อสมฺพุธํ พุทฺธมหานุภาวํ;
ธมฺมสฺส คมฺภีรนยตฺตตฺจ;
โย วณฺณเย นํ วินยํ อวิฺู;
โส ทุทฺทโส สาสนนาสเหตุ.
ปาฬึ ตทตฺถฺจ อสมฺพุธฺหิ;
นาเสติ โย อฏฺกถานยฺจ;
อนิจฺฉยํ นิจฺฉยโต ปเรหิ;
คาโมติ เตเยว ปุรกฺขโต โส.
อนุกฺกเมเนว มหาชเนน;
ปุรกฺขโต ปณฺฑิตมานิ ภิกฺขุ;
อปณฺฑิตานํ วิมตึ อกตฺวา;
อาจริยลีลํ ปุรโต กโรติ.
ตตฺถ หิ ปาฬิยํ ‘‘คามสฺส อุปจาโร คามูปจาโร, คามสงฺขาโต อุปจาโร คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธริตฺวา คามสฺส อุปจารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ปุน คามสงฺขาตํ อุปจารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํ. อิมมตฺถํ สนฺธาย วิกาเล คามปฺปเวสนคามนฺตรออปฺปวาสสมฺมุติอาทีสุ ปริกฺเขปารหฏฺานเมว คามูปจารนฺติ วุตฺตนฺติ ลิขิตํ.
อตฺถโต ¶ เอกนฺติ เอตฺถ สงฺขาสทฺทํ สงฺขาตสทฺเทน สมานยติ. ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิทํ ปฺจวีสติยา อวหารานํ สาธารณปทํ. านาจาวนวเสน จ ขีลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสน ¶ จาติ อตฺโถ. านาจาวเน ยถา สามิกสฺส ธุรนิกฺเขปาทึ อโนโลเกตฺวาว อาปตฺติ, ตถา อิหาปีติ คเหตพฺพา.
‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามี’’ติ สพฺเพสํ เอกาสยตฺตา ‘‘เอเกนาปี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, สํวิธาวหาโร นาม เอโก อวหาโร ปริหายิตพฺโพ.
โอกาสปริกปฺเป านาจาวนาย คหิตมฺปิ โอกาสปริกปฺปิตตฺตา รกฺขติ. โอกาสาติกฺกโมว ปมาณํ ปุพฺเพ อสุทฺธจิตฺเตน คหิตตฺตา. อิทานิ สุทฺธจิตฺเตน คหิเตปิ โหติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. เอตฺถ ปน วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกํ โอโลเกตฺวา คเหตพฺโพ.
อุทฺธาโร นตฺถีติ านาจาวนํ นตฺถีติ อตฺโถ.
อุทฺธตมตฺเต อวหาโร สกลสฺส ปโยคสฺส นิฏฺาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสน. อุทฺธาเรเยว รกฺขตีติ เอตฺถ เอว-สทฺเทน ปาตเน น รกฺขตีติ อตฺเถ สิทฺเธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘ปถพฺยาราชปเทสราชาทโย พหู, เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘ราชาโน’ติ พหุวจนํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ พหุวจนํ กตํ, อิทํ ปน เอกํ พิมฺพิสารเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ราชาโนติ กิฺจิ อนิทฺทิสิตฺวา สาธารณวเสน กิฺจาปิ วุตฺตํ, อิทํ ปน พิมฺพิสารเมวาติ.
ปุพฺพปฺปโยเคติ เอตฺถ คมนกาเล มคฺคโสธนาธิกรเณ อปาจิตฺติยเขตฺเต ทุกฺกฏํ, ลตาจฺเฉทนาทีสุ ปาจิตฺติยเมว. คนฺตฺวา ปน กุมฺภิมตฺถเก ชาตลตาทิจฺเฉทเน สหปโยคตฺตา ทุกฺกฏํ. ‘‘เอกภณฺเฑ เอวํ ภาริยมิทํ, ‘ตฺวมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺห, อหมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺหามี’ติ สํวิทหิตฺวา อุภเยสํ ปโยเคน านาจาวเน กเต กายวาจาจิตฺเตหิ สมุฏฺาติ. อฺถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ ¶ , อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสาติ วุตฺตลกฺขเณน วิรุชฺฌตี’’ติ วินยคณฺิปเท ลิขิตํ. ปิ-สทฺโท ปเนตฺถ ตตฺเถว ลิขิโต.
กายวาจาสมุฏฺานํ, ยสฺสา อาปตฺติยา สิยา;
ตตฺร วาจงฺคํ จิตฺตํว, กมฺมํ นสฺสา วิธียติ.
กิริยากิริยาทิกํ ¶ ยฺเจ, ยมฺปิ กมฺมตฺตยํ ภเว;
น ยุตฺตํ ตํ วิรุทฺธตฺตา, กมฺมเมกํว ยุชฺชตีติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๓๑ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา);
ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา
ยถา าตปริฺา ธมฺมานํ สภาวชานนเมว ‘‘อิทํ รูปํ, อยํ เวทนา’’ติ, ตีรณปริฺา ปน ธมฺมสภาเวน สทฺธึ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตมานํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ, เอวมิธ สทฺธึ เจเตตฺวา เอกตฺเตนาปิ ปาณาติปาตาภาวา ‘‘ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติ วุตฺตตฺตา คพฺภเสยฺยกานํ วเสน สพฺพสุขุมอตฺตภาวโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘กลลโต ปฏฺายา’’ติ อาห. เอตฺถ ชีวิตา โวโรเปนฺโต ปจฺจุปฺปนฺนโต วิโยเชติ. ตตฺถ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ น สกฺกา โวโรเปตุํ, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา สกฺกา. กถํ? ตสฺมิฺหิ อุปกฺกเม กเต ลทฺธูปกฺกมํ ชีวิตทสกํ นิรุชฺฌมานํ ทุพฺพลสฺส ปริหีนเวคสฺส ปจฺจโย โหติ. สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ยถา ทฺเว ตโย ชวนวาเร ชวิตฺวา นิรุชฺฌติ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนฺจ ตทนุรูปํ กตฺวา นิรุชฺฌติ, ตถา ปจฺจโย โหติ. ตโต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อปตฺวา อนฺตราว นิรุชฺฌติ. เอวํ ตทุภยมฺปิ โวโรเปตุํ สกฺกา. ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนํ วิโยเชติ.
‘‘อิมสฺส ปนตฺถสฺสา’’ติ โวหารวเสน วุตฺตมตฺถํ ปรมตฺถวเสน อาวิภาวตฺถํ ‘‘ปาโณ เวทิตพฺโพ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กายวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย ปยุชฺชตีติ ปโยโค, โก โส? สรีเร สตฺถาทีนํ คมนํ ปหรณนฺติ กายวจีวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย ปรสรีเร สตฺถปาตนํ. ทูเร ิตนฺติ ทูเร วา ติฏฺตุ, สมีเป วา. หตฺถโต ¶ มุตฺเตน ปหาโร นิสฺสคฺคิโย. ตตฺถาติ นิสฺสคฺคิยปฺปโยเค. โย โกจิ มรตูติ เอตฺถ มหาชนสมูเห น สกฺกา. ยสฺสูปริ สโร ปตติ, ตสฺเสว ชีวิตมรณํ กาตุํ, น ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตมรณํ. อาณาปนนฺติ วจีวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ. เตเนว ‘‘สาเวตุกาโม น สาเวตี’’ติ (ปารา. ๕๔) วุตฺตํ. อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปฺปโยคสาธิกา. เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุ เอว อาณตฺติปโยโค โหติ, น อฺถา.
รูปูปหาโรติ ¶ เอตฺถ –
‘‘มมาลาเภน เอสิตฺถี, มรตู’’ติ สมีปโค;
ทุฏฺจิตฺโต สเจ ยาติ, โหติ โส อิตฺถิมารโก.
ภิกฺขตฺถาย สเจ ยาติ, ชานนฺโตปิ น มารโก;
อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโก.
วิโยเคน จ เม ชายา, ชนนี จ น ชีวติ;
อิติ ชานํ วิยฺุชนฺโต, ตทตฺถิโก โหติ มารโก.
ปพฺพชฺชาทินิมิตฺตฺเจ, ยาติ ชานํ น มารโก;
อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโก.
หารกสทฺทสฺส เภทโต อตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา อุภยมฺปิ เอกเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺถฺจ ตํ หารกฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอเตน ถาวรปฺปโยคํ ทสฺเสติ สาหตฺถิกาทีสุ ปโยเคสุ. ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติ อุทฺธริตฺวาปิ อิติสทฺทสฺส อตฺโถ น ตาว วุตฺโต. กิฺจาปิ น วุตฺโต, อธิการวเสน ปน อาคตํ อิติสทฺทํ โยเชตฺวา อิติ จิตฺตสงฺกปฺโปติ เอตฺถ ‘‘มรณสฺี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา มรณํเยว วกฺขตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนเยนาติ ฉปฺปโยควเสน. สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิยปฺปโยเคสุ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย สตฺตมาย สห อุปฺปนฺนกายวิฺตฺติยา สาหตฺถิกตา เวทิตพฺพา. อาณตฺติเก ปน สตฺตหิปิ เจตนาหิ สห วจีวิฺตฺติสมฺภวโต สตฺต สตฺต สทฺทา เอกโต หุตฺวา เอเกกกฺขรภาวํ คนฺตฺวา ยตฺตเกหิ อกฺขเรหิ ¶ อตฺตโน อธิปฺปายํ วิฺาเปนฺติ, ตทวสานกฺขรสมุฏฺาปิกาย สตฺตมเจตนาย สหชาตวจีวิฺตฺติยา อาณตฺติกตา เวทิตพฺพา.
ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา
อิเธว สงฺคหนฺติ ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ ปเท กถนฺติ เจ, ‘‘อิติ ชานามี’’ติอาทิมาห ¶ . เกวลํ ‘‘ปาปิจฺฉตายา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา) วจนโต มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา สมุทาจรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทีปิตํ. ‘‘อตีตกาเล โสตาปนฺโนมฺหี’’ติ วทนฺโต ปริยาเยน วทติ, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’’ติอาทีสุ (ปริ. ๑๖๕) วิย สิกฺขาปเทปิ ‘‘อิติ ชานามี’’ติ (ปารา. ๑๙๕, ๑๙๗) ปจฺจุปฺปนฺนเมว วุตฺตํ.
จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา, ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพีอาทโย จ จตฺตาโร ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธานุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพีอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตา. น ลภติ ภิกฺขูหีติ เอตฺถ ‘‘อุโปสถาทิเภทํ สํวาส’’นฺติ เอตฺตกํ วุตฺตํ. วินยฏฺกถายํ ‘‘อุโปสถปฺปวารณาปาติโมกฺขุทฺเทสสงฺฆกมฺมปฺปเภท’’นฺติ วุตฺตํ. ปาฬิยํ ‘‘สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’’ติ (ปารา. ๕๕, ๙๒, ๑๗๒, ๑๙๘) วุตฺตํ. ติวิเธนาปิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ปฏิกฺขิตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, คหฏฺเน นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๔) ปาติโมกฺขปฺปวารณาสุ เอว อาคตํ, อฺเสุ จ เอวรูเปสุ าเนสุ เสสํ กมฺมํ กาตุํ นตฺถิ ปฏิกฺเขโป. อาจริยาปิ ‘‘เสสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อนฺติมวตฺถุ อชฺฌาปนฺนํ อมูลเกน ปาราชิเกน โจเทนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส, สงฺฆาทิเสเสน ¶ โจเทนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ ภิกฺขุโน วิย วุตฺตํ, น อนุปสมฺปนฺนสฺส วิย ทุกฺกฏํ. ตสฺมา เตน สหเสยฺยา, ตสฺส ปฏิคฺคหณฺจ ภิกฺขุสฺส วฏฺฏตีติ อาจริยา วทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’ติ เอวํ วุตฺตสํวาสสฺส อภพฺพตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.
อิทานิ จตุนฺนมฺปิ สาธารณํ ปกิณฺณกํ – เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก สํวาโส ทุกฺกฏวตฺถุสฺมึ วา ถุลฺลจฺจยวตฺถุสฺมึ วา ปฏิเสวนฺโต, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกปกฺเข เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต. โส อาปตฺตึ นาปชฺชตีติ น ปาราชิโก นาม. น หิ อภิกฺขุสฺส อาปตฺติ นาม อตฺถิ. โส ¶ อนาปตฺติกตฺตา อปณฺฑกปกฺเข อาคโต กึ อสํวาโส โหติ, น โหตีติ? โหติ. ‘‘อภพฺโพ เตน สรีรพนฺธเนนา’’ติ (มหาว. ๑๒๙) หิ วุตฺตํ. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) วุตฺตตฺตา โย ภิกฺขุภาเวน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, โส เอว อภพฺโพ. นายํ อปาราชิกตฺตาติ เจ? น, ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๒๖) วุตฺตฏฺาเน ยถา อภิกฺขุนา กมฺมวาจาย สาวิตายปิ กมฺมํ รุหติ กมฺมวิปตฺติยา อสมฺภวโต, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺรายํ วิเสโส – อุปสมฺปนฺนปุพฺโพ เอวํ เจ กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺโฆ จ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺนสฺี เอว เจ, กมฺมํ รุหติ, นาฺถาติ โน ขนฺตีติ อาจริโย.
คหฏฺโ วา ติตฺถิโย วา ปณฺฑโก วา กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺเฆน กมฺมวาจา น วุตฺตา โหติ. ‘‘สงฺโฆ อุปสมฺปาเทยฺย สงฺโฆ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) หิ วจนโต สงฺเฆน กมฺมวาจาย วตฺตพฺพตาย สงฺฆปริยาปนฺเนน, สงฺฆปริยาปนฺนสฺิเตน วา เอเกน วุตฺตาย สงฺเฆน วุตฺตา โหตีติ เวทิตพฺโพ, น คหฏฺติตฺถิยปณฺฑกาทีสุ อฺตเรน. อยเมว สพฺพกมฺเมสุ ยุตฺติ ทฏฺพฺพา.
ตถา อตฺถิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โกจิ นาเสตพฺโพ, ‘‘โย ภิกฺขุนิทูสโก, อยํ นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๔-๑๑๕ อตฺถโต สมานํ) วุตฺตตฺตา เตน เอว โส อนุปสมฺปนฺโนว ¶ สหเสยฺยาปตฺตึ วา อฺํ วา ตาทิสํ ชเนติ, ตสฺส โอมสเน จ ทุกฺกฏํ โหติ. อภิกฺขุนิยา เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต น นาเสตพฺโพ, ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ ปาฬิยา อภาวโต, เตเนว โส อุปสมฺปนฺนสงฺขํ คจฺฉติ, สหเสยฺยาปตฺติอาทึ น ชเนติ, เกวลํ อสํวาโสติ กตฺวา คณปูรโก น โหติ. เอกกมฺมเอกุทฺเทโส หิ สํวาโสติ วุตฺโต, สมสิกฺขตาปิ สํวาโสติ กตฺวา โส เตน สทฺธึ นตฺถีติ. ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนตีติ การณจฺฉายา ทิสฺสตีติ. ยถา ภิกฺขุนิยา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เอกกมฺมาทิโน สํวาสสฺส อภาวา ภิกฺขุนี อสํวาสา ภิกฺขุสฺส, ตถา ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนิยา, ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน น ชเนติ. ตถา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโนปิ เอเกจฺโจ ‘‘โย นาเสตพฺโพติ วุตฺโต’’ติ อิมินา นิทสฺสเนน สการณจฺฉายา อชฺฌุเปกฺขิตา โหตีติ น คหณํ คจฺฉติ. อปิจ ‘‘อุโภ นาเสตพฺพา, ทูสโก นาเสตพฺโพ’’ติ (ปารา. ๖๖) วจนโต, ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถา’’ติ (ปารา. ๓๘๔) วจนโต จ โย สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อนุวิชฺชเกน อนุวิชฺชิยมาโน ปราชิโต, โสปิ อนุปสมฺปนฺโนว, น โอมสวาทปาจิตฺติยํ ชเนตีติ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตฺถ ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขาตกจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. อตฺถิ หิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ ปุคฺคโล น สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เจว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน จ, อตฺถิ ปุคฺคโล เนว สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. ตตฺถ ตติโย ภิกฺขุนี สิกฺขาปจฺจกฺขาตกา เวทิตพฺพา. สา หิ ยาว น ลิงฺคํ ปริจฺจชติ, กาสาเวสุ สอุสฺสาหาว สมานา สามฺา จวิตุกามา สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺตีปิ ภิกฺขุนี เอว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขาน’’นฺติ. กทา ปน สา อภิกฺขุนี โหตีติ? ยทา สา วิพฺภนฺตาติ สงฺขํ คจฺฉติ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘ยเทว สา วิพฺภนฺตา, ตเทว สา อภิกฺขุนี’’ติ (จูฬว. ๔๓๔). กิตฺตาวตา ปน วิพฺภนฺตา โหตีติ? สามฺา จวิตุกามา กาสาเวสุ อนาลยา กาสาวํ วา อปเนติ, นคฺคา วา คจฺฉติ, ติณปณฺณาทินา วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา คจฺฉติ, กาสาวํเยว ¶ วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, โอทาตํ วา วตฺถํ นิวาเสติ, ลิงฺเคเนว วา สทฺธึ ติตฺถิเยสุ ปวิสิตฺวา เกสลฺุจนาทิวตํ สมาทิยติ, ติตฺถิยลิงฺคํ วา สมาทิยติ, ตทา วิพฺภนฺตา นาม โหติ. ตตฺถ ยา สลิงฺเค ิตาว ติตฺถิยวตํ สมาทิยติ, สา ติตฺถิยปกฺกนฺตภิกฺขุ วิย ปจฺฉา ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ. เสสา ปพฺพชฺชเมว ลภติ, น อุปสมฺปทํ. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘ยา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี สกาวาสา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา น อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๔๓๔) วจนโต ยา ปมํ วิพฺภมิตฺวา ปจฺฉา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา อุปสมฺปาเทตพฺพาติ อนฺุาตํ วิย ทิสฺสติ. สงฺคีติอาจริเยหิ ปน ‘‘จตุวีสติ ปาราชิกานี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) วุตฺตตฺตา น ปุน สา อุปสมฺปาเทตพฺพา. ตสฺมา เอว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ นานฺุาตํ ภควตา. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนา ปน ภิกฺขุนี เอว. ปกฺขปณฺฑกีปิ ภิกฺขุนี เอว. อิมํ นยํ จตูสุปิ โยเชตฺวา ยถารหํ กเถตพฺพํ.
ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺตฺร ¶ ¶ สุปินนฺตาติ สฺวายํ ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา เจตนาย ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ อสมตฺถา, สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตฺหิ ทุพฺพลํ. ปวตฺเต ปน อฺเหิ กุสลากุสเลหิ อุปตฺถมฺภิตา วิปากํ เทติ. กิฺจาปิ วิปากํ เทติ, อถ โข อวิสเย อุปฺปนฺนตฺตา อพฺโพหาริกาว สุปินนฺตเจตนาติ ลิขิตํ. ยํ ปเนตฺถ ‘‘สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตฺหิ ทุพฺพล’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อเนกนฺตํ, น จ อารมฺมณทุพฺพลตาย จิตฺตปฺปวตฺติ ทุพฺพลา อตีตานาคตารมฺมณาย, ปฺตฺตารมฺมณาย วา อทุพฺพลตฺตา. ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตาติ โน ตกฺโกติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๓๖-๒๓๗) อาจริโย. อวตฺถุกตาย ทุพฺพลภาโว ยุชฺชตีติ เจ? น, อวตฺถุกาย ภาวนาปภวาย อติเรกพลวสมฺภวโต. ภาวนาพลสมปฺปิตฺหิ จิตฺตํ อรูปมฺปิ สมานํ อติภารมฺปิ กรชกายํ คเหตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณเนว พฺรหฺมโลกมฺปิ ปาเปตฺวา เปติ, ตปฺปฏิภาคํ อนปฺปิตมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ กรชกายํ อากาเส ลงฺฆนสมตฺถํ กโรติ. กึ ปเนตฺถ ตํ อนุมานกรณํ? เยน จิตฺตสฺเสว อานุภาโวติ ปฺาเยยฺย จิตฺตานุภาเวน ปนลงฺฆนาทิกิริยาวิเสสนิพฺพตฺติทสฺสนโต. ปกติจิตฺตสมุฏฺานรูปํ วิย อสํสฏฺตฺตา, นิกฺขมนตฺตา จ วตฺถิสีสํ, กฏิ, กาโยติ ติธา สุกฺกสฺส านํ ปกปฺเปนฺติ อาจริยา. สปฺปวิสํ วิย ตํ ทฏฺพฺพํ, น จ วิเส านนิยโม, โกธวเสน ปสฺสนฺตสฺส โหติ. เอวมสฺส น านนิยโม, ราควเสน อุปกฺกมนฺตสฺส โหตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.
‘‘ทกโสตํ อโนติณฺเณปี’’ติ อิทํ ‘‘โอติณฺณมตฺเต’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘านโต ปน จุต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – นิมิตฺเต อุปกฺกมํ กตฺวา สุกฺกํ านา จาเวตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารวเสน ทกโสโตโรหณํ นิวาเรตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อธิวาสาธิปฺปาเยน ¶ อธิวาเสตฺวา อนฺตรา ทกโสตโต อุทฺธํ นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘พหิ นิกฺขนฺเต วา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา านา จุตฺหิ อวสฺสํ ¶ ทกโสตํ โอตรตีติ อฏฺกถาย อธิปฺปาโย. ตสฺมา อุภยํ สเมตีติ คเหตพฺโพ.
เอตฺถาห – กสฺมา อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทินา การโก น นิทฺทิฏฺโติ? วุจฺจเต – อธิปฺปายาเปกฺขาย ภาวโต การโก น นิทฺทิฏฺโ ตสฺส สาเปกฺขภาวทสฺสนตฺถํ. กถํ? กณฺฑุวนาทิอธิปฺปายเจตนาวเสน เจเตนฺตสฺส กณฺฑุวนาทิอุปกฺกเมน อุปกฺกมนฺตสฺส เมถุนราควเสน อูรุอาทีสุ ทุกฺกฏวตฺถูสุ, วณาทีสุ ถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ จ อุปกฺกมนฺตสฺส สุกฺกวิสฏฺิยา สติปิ น สงฺฆาทิเสโส ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ น โมจนาธิปฺปายสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๖๓) วจนโต. ตสฺมา ตทตฺถทสฺสนตฺถํ อิธ การโก น นิทฺทิฏฺโ. อฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฏฺึ อาปชฺเชยฺย, สงฺฆาทิเสโส’’ติ นิทฺทิฏฺเ การเก ‘‘เจเตติ น อุปกฺกมติ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๒๖๒) วุตฺตวจนวิโรโธ. ตถา ‘‘สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฏฺิยา อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ ภุมฺเม นิทฺทิฏฺเปิ โส เอว วิโรโธ เหตฺวตฺถนิยมสิทฺธิโต. ตสฺมา ตทุภยมฺปิ วจนกฺกมํ อวตฺวา ‘‘สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนาภาวโต เหตฺวตฺถนิยโม น กโต โหติ. ตสฺมึ อกเต สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโสติ, อุปกฺกเม อสติ อนาปตฺตีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.
อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ทฺเว อาปตฺติสหสฺสานิ โหนฺติ. กถํ? อตฺตโน หตฺถาทิเภเท อชฺฌตฺตรูเป ราคูปตฺถมฺภนวเสน องฺคชาเต กมฺมนิยปฺปตฺเต อาโรคฺยตฺถาย นีลํ โมเจนฺตสฺส เอกา อาปตฺติ, อชฺฌตฺตรูเป เอว ราคูปตฺถมฺเภ ปีตกาทีนํ โมจนวเสน นวาติ ทส. เอวํ ‘‘สุขตฺถายา’’ติอาทีนํ นวนฺนํ วเสนาติ ราคูปตฺถมฺเภ อชฺฌตฺตรูปวเสน สตํ. เอวเมวํ วจฺจปฺปสฺสาววาตอุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺูปตฺถมฺเภสุ จ สตํ สตํ กตฺวา สพฺพํ ปฺจสตํ. ยถา อชฺฌตฺตรูเป ปฺจสตํ, เอวํ พหิทฺธารูเป วา อชฺฌตฺตพหิทฺธารูเป วา อากาเส วา กฏึ กมฺเปนฺโตติ ทฺเว สหสฺสานิ อาปตฺติโย โหนฺตีติ.
สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอติณฺโณ’’ติ ¶ ¶ อิมินาสฺส เสวนาธิปฺปายตา ทสฺสิตา. เตเนว ‘‘กายสํสคฺคราคสมงฺคิสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วิปริณเตน…เป… สทฺธิ’’นฺติ อิมินาสฺส วายาโม ทสฺสิโต. ‘‘สทฺธิ’’นฺติ หิ ปทํ สํโยคํ ทีเปติ, โส จ สํโยโค สมาคโม. เกน จิตฺเตน? วิปริณเตน จิตฺเตน, น ปตฺตปฺปฏิคฺคหณาธิปฺปายาทินาติ อธิปฺปาโย. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฺปฏิวิชานนา ทสฺสิตา โหติ. วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานนฺโต หิ สมาปชฺชติ นาม. เอวมสฺส ติวงฺคสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. อถ วา โอติณฺโณ วิปริณเตน จิตฺเตน ยกฺขาทินา สตฺโต วิย. อุปโยคตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ, โอติณฺโณ วิปริณตํ จิตฺตํ กูปาทึ วิย สตฺโต. อถ วา ‘‘ราคโต อุตฺติณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุภาวํ อุปคโตปิ โย ปน ภิกฺขุ ตโต อุตฺติณฺณาธิปฺปายโต วิปริณเตน จิตฺเตน เหตุภูเตน ตเมว ราคํ โอติณฺโณ. มาตุคาเมน อตฺตโน สมีปํ วา อาคเตน, อตฺตนา อุปคเตน วา. เอเตน มาตุคามสฺส สารตฺตตา วา โหตุ, วิรตฺตตา วา, สา อิธ อปฺปมาณํ.
หตฺถคฺคาหํ วาติ เอตฺถ หตฺเถน สพฺโพปิ อุปาทินฺนโก กาโย สงฺคหิโต, น ภินฺนสนฺตาโน ตปฺปฏิพทฺโธ วตฺถาลงฺการาทิ. เวณิคฺคหเณน อนุปาทินฺนโก อภินฺนสนฺตาโน เกสโลมนขคฺคทนฺตคฺคาทิโก กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน คหิโตติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘อนฺตมโส โลเมน โลมํ ผุสนฺตสฺสาปี’’ติ. เตน อฺตรสฺส วา…เป… ปรามสนนฺติ เอตฺถ อนุปาทินฺนกานมฺปิ เสสโลมาทีนํ องฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เอวํ สนฺเต ‘‘ผสฺสํ ปฏิชานนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต. ผุฏฺภาวํ ปฏิวิชานนฺโตปิ ผสฺสํ ปฏิชานาติ นาม, น กายวิฺาณุปฺปตฺติยา เอว. อเนกนฺติกฺเหตฺถ กายวิฺาณํ. ตสฺมา เอว อิธ ผสฺสปฺปฏิวิชานนํ องฺคนฺตฺเวว น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต านเมตํ วิชฺชติ ‘‘น จ เม โลมฆฏฺฏเนน กายวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ ‘น ผสฺสํ ปฏิชานามี’ติ อนาปนฺนสฺี สิยา’’ติ. ‘‘เวณี นาม กหาปณมาลาทิสมฺปยุตฺตํ, ตตฺถ ‘เวณึ คณฺหิสฺสามี’ติ กหาปณมาลาทึ เอว คณฺหาติ, น โลมํ, นตฺถิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ วทนฺติ. วีมํสิตพฺพํ.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กทา ¶ ¶ เต มาตา ปสีทิสฺสตี’’ติ อายาจนํ ทุฏฺุลฺลวาจาย สิขาปตฺตลกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เมถุนุปสํหิเตเยว ทุฏฺุลฺลวาจาติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ วจนํ ปน ปุริสนิมิตฺเตน อสงฺฆาทิเสสวตฺถุนา มิสฺสวจนํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส จ อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, อิตรํ ปากฏํ. ยทิ ตมฺปิ ชเนติ, กถํ ‘อนิมิตฺตาสี’ติอาทีนิ ปทานิ น สงฺฆาทิเสสํ ชเนนฺตี’’ติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ปุริสสฺสาปิ นิมิตฺตาธิวจนตฺตา. ‘‘เมถุนุปสํหิตาหิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปารา. ๒๔๘) มาติกายํ ลกฺขณสฺส วุตฺตตฺตา จ เมถุนุปสํหิตาหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา สงฺฆาทิเสโส, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอตฺถาห – ‘‘สิขรณี’’ติอาทีหิ อกฺโกสนฺตสฺส ปฏิฆจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, กสฺมา ‘‘ติเวทน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? ราควเสน อยํ อาปตฺติ, น ปฏิฆวเสน. ตสฺมา ราควเสเนว ปวตฺโต อกฺโกโส อิธ อธิปฺเปโต. ตสฺมา ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ วจนํ สุวุตฺตเมว.
ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุฏฺุลฺโลภาสเน วุตฺตปฺปการายาติ ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลชานนสมตฺถาย. ปรสฺส ภิกฺขุโน อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณภณเน ทุกฺกฏํ, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนปิ ทุกฺกฏํ, ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย, ยา มาทิสํ สีลวนฺต’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวาติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุปิ ทุฏฺุลฺลตฺตกอามวจเน ถุลฺลจฺจยนฺติ วทนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน นาคต’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) ลิขิตํ. อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติโกว.
อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
อลํวจนียาติ ¶ ¶ น วจนียา, นิวารเณ อลํ-สทฺโท, น อลํวจนียา นาลํวจนียา. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ วีมํสติ ปจฺจาหรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา ยสฺส เอกนฺเตน สงฺฆาทิเสโส โหติ, ตสฺส ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปโยคา เอเต ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยา นตฺถีติ วทนฺตีติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา. ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยกฺโข น เปโต น ติรจฺฉานคโต’’ติ ปาฬิ นตฺถิ, ตถาปิ กายสํสคฺคาทีสุ ‘‘มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) อิตฺถิววตฺถานสฺส กตตฺตา อิธาปิ มนุสฺสิตฺถี เอวาติ ปฺายติ. เมถุนปุพฺพภาคสามฺโต อิตฺถิววตฺถาเนน ปุริสววตฺถานํ กตเมว โหติ. เตเนวาห ‘‘เยสุ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา). กายสํสคฺคาทีสุ จ ปณฺฑกยกฺขิเปติโย ถุลฺลจฺจยวตฺถุกาว วุตฺตา, ตถา อิธาปิ, ปณฺฑกสภาวตฺตา มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุโกว โหติ. เสสา มนุสฺสปุริสอมนุสฺสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกติรจฺฉานคตปุริสาทโย ทุกฺกฏวตฺถุกาว มิจฺฉาจารทสฺสนสภาวโตติ เวทิตพฺพํ.
สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา
กึ ภนฺเตติ เอตฺตเกปิ วุตฺเต. ปุจฺฉิโต ยทตฺถาย ปวิฏฺโ, ตํ กเถตุํ ลภติ ปุจฺฉิตปฺตฺตา ภิกฺขาจารวตฺเตติ ลิขิตํ. หตฺถกมฺมํ ยาจิโต ‘‘อุปกรณํ, มูลํ วา ทสฺสตี’’ติ ยาจติ, วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? วฏฺฏติ เสนาสเน โอภาสปริกถาทีนํ ลทฺธตฺตาติ เอเก. ติหตฺถา วาติ เอตฺถ วฑฺฒกิหตฺเถน ติหตฺถา. ‘‘ปมาณยุตฺโต มฺโจติ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิปฺปมาณมฺโจ, โส ตตฺถ อิโต จ น สฺจรติ, ตสฺมา จตุหตฺถวิตฺถารา น โหตี’’ติอาทิ ลิขิตํ. อกุฏิยา ปน วตฺถุเทสนากิจฺจํ นตฺถิ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุํ วุตฺตตฺตา. ‘‘อุลฺลิตฺตาทิภาโว…เป… ‘ฉทนเมว สนฺธาย วุตฺโต’ติ ยุตฺตมิทํ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา มตฺติกามยภิตฺตึ ¶ อุฏฺาเปตฺวา อุปริ อุลฺลิตฺตํ วา อวลิตฺตํ วา อุภยํ วา ภิตฺติยา ฆฏิตํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติ เอว วินาปิ ภิตฺติเลเปนา’’ติ ลิขิตํ. เอวเมตฺถ ถมฺภตุลาปิฏฺสงฺฆาฏาทิ นิรตฺถกํ สิยา. ตสฺมา วิจาเรตฺวาว คเหตพฺพํ. ‘‘อุโปสถาคารมฺปิ ภวิสฺสติ, อหมฺปิ วสิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา เอกโต วสิสฺสามี’’ติ วา กโรนฺตสฺส วฏฺฏติ เอว. กสฺมา? ‘‘อตฺตุทฺเทส’’นฺติ วุตฺตตฺตาติ ลิขิตํ.
อิทํ ¶ ปน สิกฺขาปทํ จตุตฺถปาราชิกํ วิย นิทานาเปกฺขํ. น หิ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู สยเมว อตฺตโน อสนฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มุสาวาทลกฺขณํ ปาเปตฺวา ภาสึสุ. อฺมฺฺหิ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวณฺณํ ภาสึสุ. น จ ตาวตา ปาราชิกวตฺถุ โหติ, ตตฺตเกน ปน เลเสน ภควา ตํ วตฺถุํ นิทานํ กตฺวา ปาราชิกํ ปฺเปสิ, ตถา อิธาปิ. น หิ นิทาเน ‘‘อเทสิตวตฺถุกาโย สารมฺภาโย อปริกฺกมนาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อปฺปมาณิกาโย’’ติ ปน วุตฺตตฺตา ปมาณมติกฺกมนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสว นิทานาเปกฺโข. ตตฺถ สารมฺเภ อปริกฺกมเน สงฺฆาทิเสสปฺปสงฺคํ วิย ทิสฺสมานํ ‘‘วิภงฺโค ตํนิยมโก’’ติ วุตฺตตฺตา วิภงฺเค น นิวาเรติ. ตถา มหลฺลเก.
เอตฺถาห – กิมตฺถํ มาติกายํ ทุกฺกฏวตฺถุ วุตฺตํ, นนุ วิภงฺเค เอว วตฺตพฺพํ สิยาติ? เอวเมตํ. กึ นุ ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ, กีทิสํ? อนารมฺภํ สปริกฺกมนนฺติ. อิตรฺหิ ‘‘สารมฺเภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน’’ติ เอวํ อนุปฺปสงฺควเสน อาคตตฺตา วุตฺตํ. ยสฺมา วตฺถุ นาม อตฺถิ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ อปริกฺกมนนฺติ พหุวิธํ, ตสฺมา พหุวิธตฺตา วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. กิมตฺถิกา ปเนตฺถ วตฺถุเทสนาติ เจ? ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุปริวชฺชนุปายตฺตา. วตฺถุอเทสนา หิ ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุภูตา. ครุกาปตฺติปฺาปนํ อกตวิฺตฺติคิหิปีฬาชนนํ, อตฺตทุกฺขปรทุกฺขเหตุภูโต จ สารมฺภภาโวติ เอเต วตฺถุเทสนาปเทเสน อุปาเยน ปริวชฺชิตา โหนฺติ. น หิ ภิกฺขู อกปฺปิยกุฏิกรณตฺถํ คิหีนํ วา ปีฬานิมิตฺตํ, สารมฺภวตฺถุกุฏิกรณตฺถํ วา วตฺถุํ เทเสนฺตีติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘ทุกฺกฏสฺส ¶ หิ วตฺถูนํ, มาติกาย ปกาสนา;
ครุกาปตฺติเหตูนํ, เตสํ เอวํ ปกาสิตา.
‘‘วตฺถุสฺส เทสนุปาเยน, ครุกาปตฺติเหตุโย;
วชฺชิตา โหนฺติ ยํ ตสฺมา, สารมฺภาทิ ชหาปิต’’นฺติ.
กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา
กิริยามตฺตโต ¶ สมุฏฺานภาวโต อกิริยเมเวตํ. ตํ เทสนาอกรณวเสน. ภิกฺขู วา อนภิเนยฺยาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อวธารณตฺโถติ เวทิตพฺโพ. ‘‘อายสฺมา ฉนฺโน เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๖๕) อาคตตฺตา อิทมฺปิ นิทานาเปกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กสฺมา มม วนฺทนาทีนิ…เป… ‘ฆฏิเตเยว สีสํ เอตี’ติ วุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนกํ วนฺทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปริวาราวสาเน อุปาลิปฺจเก ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, อวนฺทิยา’’ติอาทินา (ปริ. ๔๖๗) วุตฺตปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา, ‘‘ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเนน ปุเร อุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๘) วุตฺตตฺตา จ, ตสฺมา เอว อิมิสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘อุปสมฺปนฺโนติ สงฺขฺยุปคมน’’นฺติ วุตฺตํ. สุตฺตาธิปฺปาโย ปน เอวํ คเหตพฺโพ – อวนฺทนฺโต สามีจิปฺปฏิกฺเขปสงฺขาตาย โจทนาย โจเทติ นามาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ. ตสฺมา เอว ‘‘เอตฺตาวตา จ โจทนา นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ. อิธ อธิปฺเปตํ อาปตฺติอาปชฺชนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘‘กสฺมา มม วนฺทนาทีนิ น กโรสี’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ.
กตูปสมฺปทนฺติ ยสฺส อุปสมฺปทา รุหติ, ตํ, ปณฺฑกาทโย. ปนกฺเขตฺตนฺติ เอตฺถ สพฺพสงฺคาหิกํ, ปุคฺคลิกฺจาติ ทุวิธํ ปวารณาปนํ. ตตฺถ ¶ สพฺพสงฺคาหิเก ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… เตวาจิกํ ปวาเร’’ติ สุ-การโต ยาว เร-กาโร. ปุคฺคลิกปเน ปน ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมิ…เป… ปสฺสนฺโต ปฏี’’ติ สํ-การโต ยาว อยํ สพฺพปจฺฉิโม ฏิ-กาโร, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ. อุโปสเถ ปน อิมินานุสาเรน วิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘กเรยฺยา’’ติ เร-กาเร อนติกฺกมนฺเต.
ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺภาโค ¶ วา อสฺส อตฺถีติ ยถา สุวณฺณสฺเสทํ โสวณฺณมิตฺยตฺร สุวณฺณวา อเนน สุวณฺโณ อิตฺยุจฺจเต. ตํ ปฏิมาย สรีรํ, สิลาปุตฺตกสฺส สรีรนฺติ จ นิทสฺสนํ. ฉคลกสฺส ‘‘ทพฺโพ’’ติ ทินฺนํ นามํ ‘‘เทโส’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา? เถรํ อนุทฺธํเสตุํ เถรสฺสาปิ อปทิสิตพฺพตฺตา. อฺมฺปิ วตฺถุํ น เถรํเยว. ลิสฺสติ สิลิสฺสติ โวหารมตฺเตเนวน อตฺถโต. อีสกํ อลฺลียตีติ เลโสติ อธิปฺปาโย. ลิสเสลฉโกลอลฺลีภาเว. เตน วุตฺตํ ‘‘อีสกํ อลฺลียตีติ เลโส’’ติ. ยสฺมา เทสเลสา อตฺถโต นินฺนานากรณํ, ตสฺมา ‘‘กิฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ทส เลสา ชาติเลโส’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙๔) ปทภาชเน วุตฺตํ.
อฏฺุปฺปตฺติวเสเนว อาวิภูตนฺติ เอตฺถ กิฺจ ภิยฺโย อนิยมตฺตา. น หิ เมตฺติยภูมชกานํ วิย อฺเสํ สพฺเพสมฺปิ ‘‘ฉคลกเมเวตฺถ อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหติ, อฺํ โคมหึสาทิกมฺปิ โหติ, น จ เมตฺติยภูมชกา วิย สพฺเพปิ นามเลสมตฺตเมว อุปาทิยนฺติ, อฺมฺปิ ชาติเลสาทึ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อนิยมตฺตา น วิภตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ตถาวุตฺเต ฉคลกสฺเสว อฺภาคิยตา สมฺภวติ, น อฺสฺส, เยน โสว ทสฺสิโต. เลโส จ นาม เลโสว, น ชาติอาทิ, เยน โสว ทสฺสิโตติ เอวํ มิจฺฉาคาหปฺปสงฺคโตติ เวทิตพฺพํ. อิธ จ…เป… สฺิโนปีติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท จ อมูลกสิกฺขาปเท จาติ อตฺโถ.
อฺภาคิยสิกฺขํ ¶ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต;
คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตํว โส. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๐๘);
อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา
ติณฺณํ อุทฺธํ กมฺมารหา…เป… กโรตีติ เอตฺถ ‘‘อิเม จตฺตาโร’’ติ วา ‘‘อิมฺจ อิมฺจา’’ติ วา วตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุกฺเขน ¶ วตฺตพฺโพ ทุพฺพโจ. วุจฺจมาโน น สหติ.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนวณฺณนา
‘‘นามมตฺตวเสนา’’ติ ปาโ. ‘‘นามโคตฺตวเสนา’’ติ ลิขิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อยํ กิริยา ภิกฺขูนํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ชานิตฺวา สเจ ฉาเทติ, ฉนฺนาว โหตีติ อตฺโถ. สภาคมตฺตเมวาติ อเวริสภาคมตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย.
วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ เอตฺถ วตฺถูติ วีติกฺกมนํ อสุจิมุจฺจนํ. โคตฺตนฺติ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, สชาติโต อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา คํ พุทฺธึ, วจนฺจ ตายตีติ อตฺโถ. วตฺถุ จ สชาติเมว คจฺฉติ. สชาติ นาเมตฺถ อฺเหิ วิสิฏฺาวิสิฏฺภูตา กิริยา, น กายสํสคฺคาทิ. นามฺเจว อาปตฺติ จาติ เอตฺถ อาปตฺตีติ วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติยา นามํ.
ปุน ¶ อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจนฺเตนาติ เอตฺถ ทฺวินฺนํ อาโรเจนฺเตน ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตุ’’ติณฺณํ วา อติเรกานํ วา อาโรเจนฺเตน ‘‘อายสฺมนฺโต ธาเรนฺตู’’ติ เอวํ อาโรจนวิธานํ เวทิตพฺพํ. วตฺตเภทฺจ รตฺติจฺเฉทฺจ อกตฺวาติ เอตฺถ เปตฺวา นวกตรํ ปาริวาสิกํ อวเสสานํ อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปิ อภิวาทนาทิสาทิยเน, ปฏิปาฏิยา นิสีทเน, โอวทเน, กมฺมิกานํ ครหเณ จาติอาทีสุ วตฺตเภโท โหติ. ทสฺสนสวนวิสเยสุ อนาโรจเน จ ภิกฺขูหิ เอกจฺฉนฺเน วสเน จ อชานนฺตสฺเสว วิหาเร ภิกฺขูนํ อาคนฺตฺวา คมเน จาติอาทีสุ รตฺติจฺเฉโท โหติ. นานาสํวาสเกหิ วินยกมฺมาภาวโต เตสํ อนาโรจเน รตฺติจฺเฉโท น โหติ. ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ วจนโต อนฺโต น วฏฺฏติ. นิกฺขิตฺตวตฺเตเนว หุตฺวา วิจรนฺเตน ยสฺส สนฺติเก ปุพฺเพ สมาทิยิตฺวา อาโรจิตํ, ตสฺสาปิ สนฺติเก ปจฺฉา นิกฺขิปนกาเล อาโรเจตฺวาว นิกฺขิปิตพฺพํ. ตสฺมา ปุน สมาทานกาเลปิ โส เจ ตโต คจฺฉติ, ตํ ทิวสํ อคนฺตฺวา ทิวา อาโรเจตฺวาปิ ยทิ เอวํ อตีตทิวสํ โหติ, ‘‘อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วิหารํ คนฺตพฺพนฺติ ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ยํ สพฺพปมํ ¶ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ รตฺติจฺเฉโท โหติ, วิหารสีมาปริยาปนฺนานํ สพฺเพสํ อาโรเจตพฺพํ สิยา. ‘‘ตสฺส อาโรเจตฺวา’’ติ อิทํ ปน ปุพฺเพ อนาโรจิตํ สนฺธาย วตฺตเภทรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอว สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) เอวํ วุตฺตํ ‘‘อฺํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา’’ติ.
สุทฺธนฺตปริวาเส ปน สเจ ‘‘มาสมตฺตํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต ปุน อูนํ วา อธิกํ วา สนฺนิฏฺานํ กโรติ, ตตฺตกมฺปิ ปริวสิตพฺพเมว, ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อยฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส นาม อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฏฺาปิ โอโรหติ. อิทมสฺส ลกฺขณํ.
สโมทหิตฺวาติ มูลาปตฺติฏฺาเน เปตฺวา, ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปฏิจฺฉนฺนา เจ อนฺตราปตฺติ, มูลาย ปฏิกสฺสนํ อกตฺวา ปุพฺเพ คหิตปริวาเสเนว ปริวสิตพฺพํ. โย ปน อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา วิพฺภมิตฺวา ปุน อุปสมฺปนฺโน ¶ หุตฺวาปิ ปฏิจฺฉาเทติ, โย จ ปุพฺเพ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปจฺฉา น ปฏิจฺฉาเทติ, โย จ อุภยตฺถ ปฏิจฺฉาเทติ, สพฺเพสํ ปฏิจฺฉนฺนทิวสวเสน ปริวาโส ทาตพฺโพ. ‘‘ปุริมสฺมึ อาปตฺติกฺขนฺเธ วา’’ติ จ ‘‘ปจฺฉิมสฺมึ อาปตฺติกฺขนฺเธ วา’’ติ (จูฬว. ๑๖๖ อาทโย) จ ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา ทฺเว ภิกฺขู วิสุทฺธิกํ อาปนฺนา โหนฺติ, เต สุทฺธิกทิฏฺิโน โหนฺติ. เอโก ฉาเทติ, เอโก น ฉาเทติ. โย ฉาเทติ, โส ทุกฺกฏํ เทสาเปตพฺโพ. ‘‘อุโภปิ ยถาธมฺมํ การาเปตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๑๘๑) วจนโต ยํ กฺจิ อาปตฺตึ ฉาเทตฺวา ทุกฺกฏํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
เตสุ คเตสุ วา อคเตสุ วา ปุริมนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ เอตฺถ อูเน คเณ จรณํ, อนุฏฺหนํ เอกรตฺตมฺปิ คเณน วิปฺปวาสํ, สเจ รตฺติยา เอกกฺขเณน สงฺโฆ วสติ, สเจ โส ปุเร อรุณเมว เกนจิ กรณีเยน คโตติ เอตฺถปิ มานตฺเตปิ เอวํ ชาเต. ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา, ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ. ตสฺมา เตน อาโรจิเต มุหุตฺตมฺปิ นิสีทิตฺวา คเตปิ วิปฺปวาโส นตฺถิ. ปาริวาสิกสฺส, อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตตฺเตน ตสฺมึ วสนํ อุทกปาเตน วาริตํ, ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน น วฏฺฏติ.
อิทานิ ปาวิจารณา เวทิตพฺพา – ‘‘นว ปมาปตฺติกา จตฺตาโร ยาวตติยกา’’ติ อิทํ สภาวนิยมวจนํ. เตน วุฏฺานํ อนิยมนฺติ ทสฺเสติ. เอกจฺจาปตฺติวุฏฺานฺหิ กมฺมโตปิ ¶ โหติ อกมฺมโตปิ, น เอวํ อาปชฺชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺตรํ วา อฺตรํ วาติ เตสํ ทฺวิธา ภินฺนานมฺปิ วุฏฺานกฺกมเภทาภาวทีปกวจนํ. ยาวตีหํ, ตาวตีหนฺติ เอตฺถ อหปริจฺเฉโท อรุณวเสน. ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา ชานนปฺปฏิจฺฉนฺนสฺส อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ เตน ภิกฺขุนา วสตา อกามา ปริวตฺถพฺพํ, น ปริวตฺติตลิงฺเคนาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปริวุตฺถปริวาเสนาติ อาทิมฺหิ ปริวุตฺถปริวาเสเนว ปริวาสโต อุตฺตริ อิติวาเรน อาทิโต ภิกฺขุนาว ฉารตฺตํ, ปริวตฺติตลิงฺเคน อุทฺธมฺปิ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ, น ปริวาเส วิย ตปฺปจฺจยา อจิณฺณมานตฺโต. จิณฺณมานตฺโตว อพฺเภตพฺโพ, น อิตโร, น ปริวาเส วิย มานตฺตารเห, ปกฺขมานตฺตฺจ ¶ จรนฺติยา ภิกฺขุนิยา ลิงฺคํ ปริวตฺตาติกฺกเม สติ จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ โหติ, ปุน ภิกฺขุมานตฺตํ คเหตฺวา จิณฺณมานตฺโตว ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ ทสฺเสติ.
ยตฺถ สิยาติ ยสฺสํ สมานสํวาสกสีมายมฺปิ วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ อตฺถิ. เอเกนปิ เจ อูโน วีสติคโณติ น ยุชฺชติ, อูโน เจ. น หิ วีสติคโณ, สงฺโฆ เจ อูโน. ตสฺมา ‘‘เอเกนปิ เจ อูโน สงฺโฆ’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺคปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนโต. ตสฺมา วีสติวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เจ ภิกฺขุนา เอเกนปิ อูโน, นฏฺโ ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน วินเย อปฺปกตฺุโน ‘‘ยถา อติเรกจตุวคฺโคปิ สงฺโฆ จตุวคฺคกรณีเย กมฺเม ‘จตุวคฺโค’ติ วุจฺจติ, ตถา ปฺจวคฺคทสวคฺคกรณีเย กมฺเม อติเรกปฺจวคฺคทสวคฺโคปิ ‘ปฺจวคฺคทสวคฺโค’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา อูโนปิ จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺควีสติวคฺโควา’’ติ มฺเยฺยุํ, เตสํ มฺนานิวารณตฺถํ ‘‘เอเกนปิ เจ อูโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา วีสติ ภิกฺขุสงฺโฆ เจ, เปตฺวา เอเกนปิ เจ อูโน อปฺปกตตฺโต, ตํ เปตฺวา เอเกนปิ เจติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อยํ ตตฺถ สามีจีติ วจนํ ยํ วุตฺตํ สพฺพตฺถ ‘‘ตสฺส อาปตฺติยา ปริวาสํ เทติ, มูลาย ปฏิกสฺสติ, มานตฺตํ เทติ, อพฺเภตี’’ติ, ตสฺส อาวิภาวกรณตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน เตสุ อยํ ยถาวุตฺตา สามีจิ นิยตา อิจฺฉิตพฺพา, น ราชสิกฺขาปทาทีสุ วิย อนิยตา. ตตฺถ หิ เกนจิ อนฺตราเยน ตํ สามีจิมกโรนฺเตปิ อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติ.
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตกณฺฑํ
๑. ปมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
อนิยเต ¶ ¶ อาทิโตว อิทํ ปกิณฺณกํ. เสยฺยถิทํ – อิทํ อนิยตกณฺฑํ นิปฺปโยชนํ ตตฺถ อปุพฺพาภาวโตติ เจ? น, ครุกลหุกเภทภินฺนาปตฺติโรปนาโรปนกฺกมลกฺขณทีปนปฺปโยชนโต. เอตฺถ หิ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย มยา…เป… โส จ ตํ ปฏิชานาติ, อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔๖) อาปตฺติยา ครุกาย, ลหุกาย จ อาโรปนกฺกมลกฺขณํ, ‘‘น กาเรตพฺโพ’’ติ อิมินา อนาโรปนกฺกมลกฺขณฺจ ทสฺสิตํ. ลกฺขณทีปนโต อาทิมฺหิ, อนฺเต วา อุทฺทิสิตพฺพนฺติ เจ? น, อสมฺภวโต. กถํ น ตาว อาทิมฺหิ สมฺภวติ, เยสมิทํ ลกฺขณํ, เตสํ สิกฺขาปทานํ อทสฺสิตตฺตา. น อนฺเต ครุกมิสฺสกตฺตา. ตสฺมา ครุกลหุกานํ มชฺเฌ เอว อุทฺทิสิตพฺพตํ อรหติ อุภยมิสฺสกตฺตา. ยา ตตฺถ ปาจิตฺติยสงฺขาตา ลหุกาปตฺติ ทสฺสิตา, สาปิ ครุกาติ กถิตา. เตเนวาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทนา’’ติอาทิ. ตสฺมา ครุกานํ เอว อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺนฺติปิ เอเก. เอวํ สติ ปมานิยตเมวาลํ ตาวตา ลกฺขณทีปนสิทฺธิโต, กึ ทุติเยนาติ เจ? น, โอกาสนิยมปจฺจยมิจฺฉาคาหนิวารณปฺปโยชนโต. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อลํกมฺมนิเย’’ติ โอกาสนิยมโต หิ ตพฺพิปรีเต โอกาเส อิทํ ลกฺขณํ น วิกปฺปิตนฺติ มิจฺฉาคาโห โหติ. ตํนิวารณโต ทุติยานิยตมฺปิ สาตฺถกเมวาติ อธิปฺปาโย. กสฺมา? โอกาสเภทโต, รโหเภททีปนโต, รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโต. โอกาสนิยมภาเว จ รโหนิสชฺชสฺสาทเภโท ชาโต. ทฺวินฺนํ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทานํ นานาตฺตชานนฺจ สิยา ตถา กายสํสคฺคเภททีปนโต. นาลํ กมฺมนิเยปิ หิ โอกาเส อปฺปฏิจฺฉนฺเน, ปฏิจฺฉนฺเนปิ วา นิสินฺนาย วาตปานกวาฏจฺฉิทฺทาทีหิ นิกฺขนฺตเกสาทิคฺคหเณน กายสํสคฺโค ลพฺภตีติ เอวมาทโยปิ นยา วิตฺถารโต เวทิตพฺพา.
ตตฺริทํ ¶ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – โอกาสเภทโตติ อลํกมฺมนิยนาลํกมฺมนิยเภทโต. ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ หิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วาตปานาทินา อนฺตริตตฺตา ¶ , อุภยปฺปฏิจฺฉนฺนมฺปิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วิชานตํ อชฺโฌกาสตฺตา. รโหเภททีปนโตติ เอตฺถ รหภาวสามฺเปิ รโห ทฺวิธา ปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนเภทโตติ อธิปฺปาโย. รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโตติ เมถุนสฺสาทวเสน นิสชฺชา, ทุฏฺุลฺลสฺสาทวเสน นิสชฺชาติ ตาทิสสฺส เภทสฺส ทีปนโตติ อตฺโถ. ‘‘อิธ อาคตนยตฺตา ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อิทํ กณฺฑํ ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อฏฺุปฺปตฺติยา ตตฺถ อนุปฺปนฺนตฺตา’’ติ เอเก, ตํ อเนกนฺตภาวทีปนโต อยุตฺตํ. สพฺพพุทฺธกาเล หิ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโร จ อุทฺเทสา สนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺตฺติยา อสาธารณตฺตา ตตฺถ นิทฺทิฏฺสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยานนฺติ เอเก. ตาสฺหิ ภิกฺขุนีนํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิก (ปาจิ. ๖๕๘) -อฏฺวตฺถุก (ปาจิ. ๖๗๕) -วเสน กายสํสคฺควิเสโส ปาราชิกวตฺถุ, ‘‘หตฺถคฺคหณํ วา สาทิเยยฺย, กายํ วา ตทตฺถาย อุปสํหเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต สาทิยนมฺปิ, ‘‘สนฺติฏฺเยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต านมฺปิ, ‘‘สงฺเกตํ วา คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต คมนมฺปิ, ‘‘ฉนฺนํ วา อนุปวิเสยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ปฏิจฺฉนฺนฏฺานปฺปเวโสปิ โหติ, ตถา ‘‘รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป, ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส อชฺโฌกาเส เอเกเนกา สนฺติฏฺเยฺย วา สลฺลเปยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๙) วจนโต ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ปาจิตฺติยวตฺถุกนฺติ กตฺวา ตาสํ อฺถา อนิยตกณฺฑสฺส อวตฺตพฺพตาปตฺติโต น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. ปกิณฺณกํ.
‘‘เทสนาวุฏฺานคามินีนํ อาปตฺตีนํ วเสน อลชฺชิอาทโย ลชฺชีนํ โจเทสฺสนฺตี’’ติ อาคตตฺตา ลชฺชิปคฺคหตฺถาย ปติรูปายปิ อุปาสิกาย วจเนน อกตฺวา ภิกฺขุสฺเสว ปฏิฺาย กาตพฺพนฺติ อาปตฺติโย ปน ลกฺขณทสฺสนตฺถํ ปฺตฺตํ วิตฺถารนยเมว คเหตฺวา วตฺตุํ ยุตฺตํ ‘‘อิเม โข ปนายสฺมนฺโต ทฺเว อนิยตา ธมฺมา’’ติ (ปารา. ๔๔๓) อุทฺเทสทสฺสนตฺตาติ ลิขิตํ. โสตสฺส รโหติ เอตฺถ รโหติ วจนสามฺโต วุตฺตํ. ทุฏฺุลฺลสามฺโต ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปเทสุ ปาราชิกวจนํ วิย. ตสฺมา ‘‘จกฺขุสฺเสว ปน รโห ‘รโห’ติ อิธ อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘มาตุคาโม นาม…เป… อนฺตมโส ตทหุชาตาปิ ทาริกา’’ติ (ปารา. ๔๔๕) วุตฺตตฺตา ทุฏฺุลฺโลภาสนํ อิธ นาธิปฺเปตนฺติ ทีปิตเมวาติ. อนฺโตทฺวาทสหตฺเถปีติ ¶ ปิ-สทฺเทน อปิหิตกวาฏสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสินฺโนปีติ อตฺโถ. อเจลกวคฺเค รโหปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๘๘) ‘‘โย โกจิ วิฺู ปุริโส ทุติโย โหตี’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรติเยวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อลํกมฺมนิเยติ สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๔๕) วิภงฺเค ¶ วจนโต รโหนิสชฺชสฺสาโท เจตฺถ เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลโส, น ทุติเย วิย ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทกิเลโส. ตสฺมา จ ปฺายติ โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโตติ.
ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน วเทยฺยาติ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสินฺนสฺส ตสฺสานุสาเรน ปาจิตฺติยเมว อวตฺวา ปาราชิกสงฺฆาทิเสสายปิ อาปตฺติยา เภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปุน อาปตฺติปฺปฏิชานนํ อวตฺวา กสฺมา ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฏิชานมาโน’’ติ วตฺถุปฺปฏิชานนํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อาปตฺติยา โจทิเต วินยธเรน ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปุจฺฉิเต จุทิตเกน ‘‘อิมสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺเต วินยธเรน ‘‘อีทิสํ นาม อกาสี’’ติ ปุจฺฉิเต โส วตฺถุํ ปฏิชานมาโนว กาเรตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฏิชานมาโน’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ นิสชฺชํ ปฏิชานมาโนปิ อาปตฺติยาว กาเรตพฺโพติ? อนุรูปเมว. เอวํ ปน คเหตพฺพํ – ติณฺณมฺปิ อาปตฺตีนํ วตฺถูนิ อคฺคเหตฺวา อิธ สิกฺขาปทวเสน นิสชฺชเมว วุตฺตํ. ตสฺมึ คหิเตปิ หิ อาปตฺติ คหิตาว โหตีติ. เยน วา สาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ วา’’ติ โยเชตพฺโพ. โส จ วิกปฺปตฺโถ. ตสฺมา ‘‘กาเรตพฺโพ วา ปฏิชานมาโน, น วา กาเรตพฺโพ อปฺปฏิชานมาโน’’ติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิชานมาโน วา’’ติอาทิ. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสชฺชปจฺจยา อาปตฺติยา วุตฺตตฺตา เสเสสุปิ เสสสิกฺขาปทวเสน อาปตฺติ คเหตพฺพา. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมปาราชิกสทิสาเนวา’’ติ วุตฺตตฺตา อิธ ทุฏฺุลฺโลภาสนสฺส อนธิปฺเปตภาโว เวทิตพฺโพ.
ปมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
สงฺฆาทิเสเสน ¶ วาติ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺโลภาสเนน. ตสฺมา เอวํ กายสํสคฺควาโร ปาฬิยมฺปิ วุตฺโต. อนนฺโธ อพธิโรติ อนนฺโธ กายสํสคฺคํ ปสฺสติ, อพธิโร ทุฏฺุลฺลํ สุณาติ, ตสฺมา เอว อทินฺนาทานสทิสาเนวาติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. เอตฺถ จ กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานํ กถนฺติ เจ? กายสํสคฺคฺหิ สมาปชฺชนฺโต ทุฏฺุลฺลมฺปิ ภณติ, ทุฏฺุลฺลํ ภณนฺโต นิสีทติ จาติ สมฺภวติ, ทุฏฺุลฺลเมว วา สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อทินฺนาทานสมุฏฺานนฺติ.
โย ¶ เทสนํ สพฺพวิทูปโมว;
นานานยาการวิจิตฺตเภทํ;
าตุํ อุปายาน มโน สติมา;
ตํ ลาภเหตุํ น กโรติ ปฺุนฺติ.
ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
๑. จีวรวคฺโค
๑. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา
นิสฺสคฺคิยกณฺเฑ ¶ ¶ ติณฺณํ กถินสิกฺขาปทานํ, วสฺสิกสาฏิกอจฺเจกจีวรสาสงฺกสิกฺขาปทานฺจ เอกเทสนาย ตถากิณฺณาปตฺติกฺขนฺธาว เวทิตพฺพา –
กถินํ ยสฺส จตฺตาโร, สหชา สมยทฺวยํ;
ฉนฺนํ สิกฺขาปทานฺจ, เอกเทสวินิจฺฉโย.
ตตฺถ กถินนฺติ ‘‘สงฺฆสฺส อนุโมทนาย, คณสฺส อนุโมทนาย, ปุคฺคลสฺส อตฺถารา สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ (ปริ. ๔๑๔) วจนโต เตสํเยว อนุโมทนาทิธมฺมานํ สงฺคโห กถินํ นาม. ยถาห ‘‘กถินํ ชานิตพฺพนฺติ เตสฺเว ธมฺมานํ สงฺคโห สมวาโย นามํ นามกมฺม’’นฺติอาทิ (ปริ. ๔๑๒). ตสฺมา กถินนฺติ อิทํ พหูสุ ธมฺเมสุ นามมตฺตํ, น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม. โก ปนสฺส อตฺถาโรติ? ตเทกเทโสว ขีรสฺส ธารา วิย. ยถา จาห ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ. สหชา นาม อฏฺ มาติกา, ทฺเว ปลิโพธา, ปฺจานิสํสาติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา. สมยทฺวยํ นาม กถินตฺถารสมโย, จีวรสมโย จาติ. ตตฺถ กถินตฺถารสมโย วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส. จีวรสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน อยํ กตฺติกมาโส, อตฺถเต จตฺตาโร เหมนฺติกา จาติ ปฺจ มาสา.
ตตฺถ อฏฺ มาติกา นาม ปกฺกมนนฺติกาทโย. ตา สพฺพาปิ อตฺถาเรน เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ นาม. ตพฺภาวภาวิตาย อตฺถาเร สติ อุทฺธาโร สมฺภวติ. ตตฺถ กถินตฺถาเรน เอกุปฺปาทา ¶ เอกนิโรธา อนฺตรุพฺภาโร สหุพฺภาโร, อวเสสา กถินุพฺภารา เอกุปฺปาทา, นานานิโรธา จ. ตตฺถ เอกนิโรธาติ อตฺถาเรน สห นิโรธา, อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารานํ อุทฺธาราภาโว เอกกฺขเณ โหตีติ อตฺโถ. เสสา นานา นิรุชฺฌนฺติ นาม. เตสุ หิ อุทฺธารภาวํ ปตฺเตสุปิ อตฺถาโร ติฏฺติ เอวาติ อฏฺกถายํ อตฺถวิภาวนา. สเจ อตฺถเต กถิเน ภิกฺขุสฺมึ สาเปกฺเข ¶ ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมนฺเต สงฺโฆ อนฺตรุพฺภารํ กโรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปมเมว มูลาวาเส นิฏฺิตจีวรปลิโพธาภาเวปิ สติ อนฺตรุพฺภาเร ปลิโพโธ ฉิชฺชติ สติปิ สาเปกฺขตาย สอุสฺสาหตฺตา. อิมินา ปริยาเยน ปกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโร อตฺถาเรน เอกุปฺปาโท นานานิโรโธ โหติ. ตถา อนฺตรุพฺภาเร สติ สุณนฺตสฺสาปิ ยาว จีวรนิฏฺานํ น คจฺฉติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต นิฏฺานนฺติโก. ยาว สนฺนิฏฺานํ น คจฺฉติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สนฺนิฏฺานนฺติโก. ยาว น นสฺสติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต นาสนนฺติโก. ยาว น สุณาติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สวนนฺติโก. ยาว จีวราสา น ฉิชฺชติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต อาสาวจฺเฉทิโก. ยาว สีมํ นาติกฺกมติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สีมาติกฺกนฺติโก. อตฺถาเรน เอกุปฺปาโท นานานิโรโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา ทฺเว อนฺโตสีมายํ เอว สมฺภวนฺติ, น พหิสีมายํ. ปกฺกมนสวนสีมาติกฺกนฺติกา พหิสีมายเมว สมฺภวนฺติ, น อนฺโตสีมายํ. นิฏฺานสออาฏฺานาสาวจฺเฉทิกา อนฺโตสีมายฺเจว พหิสีมายฺจ. อนฺตรุพฺภาโร สงฺฆายตฺโต, ปกฺกมนนิฏฺานสนฺนิฏฺานสีมาติกฺกนฺติกา ปุคฺคลาธีนา, เสสา ตทุภยวิปรีตา.
ตตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ อิมินา จีวรปลิโพธาภาวเมว ทีเปติ. น อาวาสปลิโพธาภาวํ. ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิมินา อุภยปลิโพธาภาวํ ทีเปติ, ตสฺมา อุภยปลิโพธาภาวทีปนตฺถํ ตเทว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, วิเสสตฺตา. กถํ? กามฺเจตํ ตสฺมา ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ เกสฺจิ กถินุทฺธารานํ นานานิโรธตฺตา, สงฺฆปุคฺคลาธีนานธีนตฺตา จ อนฺโตพหิอุภยสีมาสุ นิยมานิยมโต จ อุพฺภตสฺมึ กถิเน สงฺฆสฺส, น ปุคฺคลสฺส อุพฺภตํ โหติ, ตถาปิ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทํ สามฺวจนํ. ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ อิมินา นิยเมติ.
กึ วุตฺตํ โหติ – สงฺฆสฺส อนฺตรุพฺภาเรน อุพฺภตสฺมึ กถิเน อจฺฉินฺนจีวรปลิโพโธ พหิสีมาคโต ปจฺฉา คนฺตฺวา อตฺตโน สีมาคโต อนิฏฺิตจีวโร อานิสํสํ ลภติ เอวาติ กตฺวา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาวาสปลิโพโธ นาม วสติ วา ตสฺมึ ¶ อาวาเส, สาเปกฺโข วา ปกฺกมติ. จีวรปลิโพโธ นาม จีวรํ อกตํ ¶ วิปฺปกตํ, จีวราสานุปจฺฉินฺนา, ตพฺพิปรีเตน อปลิโพโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนตฺถตกถินานํ จีวรกาลสมเย นิยมโต จตฺตาโร อานิสํสา ลพฺภนฺติ, อสมาทานจาโร อนิยมโต. เตน สาสงฺกสิกฺขาปทํ วุตฺตํ. กถํ จตฺตาโร นิยตาติ เจ? ‘‘จีวรกาลสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วจนโต อนตฺถตกถินานํ ตสฺมึ มาเส ยาวทตฺถจีวรํ สิทฺธํ, ตถา ตติยกถินสิกฺขาปเท (ปารา. ๔๙๗ อาทโย) อกาลจีวรํ นาม ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา สงฺฆโต ลภิตพฺพํ เจ, ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตฺวา ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ. ปุคฺคลิกํ เจ, วสฺสานสฺส ฉฏฺปกฺขสฺส ปฺจมิโต ปฏฺาย ยาว จีวรกาลสมยํ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏติ อจฺเจกจีวรสิกฺขาปเทน อนฺุาตตฺตา, น ตโต ปรํ. ตทา อุปฺปนฺนจีวรสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา ปมกถิเนน. ตตฺถ อฏฺกถายํ วุตฺตนโย สงฺฆิกํ สนฺธาย, ตถา โปราณคณฺิปเท จาติ เวทิตพฺพํ.
ปมกถิเน (ปารา. ๔๕๙ อาทโย) ปมปฺตฺติยา, อวิเสเสน วา เอกาทสเม ทิวเส อาปตฺติ. วสฺสานสฺส หิ อนฺโตนิวารณตฺถํ อฏฺกถาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ (ปารา. ๔๖๒ อาทโย) วุตฺตํ. เอเสว นโย ทุติเย, ตติเย จ. เตน จีวรกาลโต ปุเร วา อนฺโต วา อุปฺปนฺนํ จีวรกาลโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภติ. ยทิ ลเภยฺย, อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวิโรโธ. ‘‘ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ นิกฺขิเปยฺย, นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๖๔๘) หิ ตตฺถ วุตฺตํ. วสฺสาวาสิกภาเวน สงฺฆโต ลทฺธํ วุฏฺวสฺสตฺตา อตฺตโน สนฺตกภูตํ อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโต เอว อาปตฺติ, น อจฺเจกจีวรกาลํ อติกฺกามยโต อาปตฺตีติ. ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท, โส จ เนสํ ภวิสฺสตีติ สิทฺธํ, อนามนฺตจารคณโภชนสิกฺขาปเท ‘‘อฺตฺร สมยา’’ติ (ปาจิ. ๒๒๒ อาทโย) วุตฺตตฺตา เสสทฺวยํ สิทฺธเมว. ตสฺมา ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวร’’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต อาทิสฺส ทินฺนจีวรํ ปริหารํ น ลภติ.
อปรกตฺติกายเมว วา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ลภติ, เอวํ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น วตฺตพฺพํ. ฉ านานิ หิ สาเปกฺขตาย วุตฺตานิ ¶ . ทุฏฺโทสทฺวเย อธิกรณจตุตฺถํ, ปมานิยเต โสตสฺส รโห, ตติยกถิเน อาทิสฺส ทินฺนํ จีวรํ, อจฺเจกจีวรสิกฺขาปเท ¶ ‘‘สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ ปทํ, ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนทฺวเย อธิกรณํ, ปาราชิกวจนฺจ, ตีสุ กถินสิกฺขาปเทสุ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ อฺตรายา’’ติ วจนนฺติ. ตตฺถ อาทิสฺส ทินฺนํ จีวรํ สงฺฆิกํ ภาชิตพฺพจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปุคฺคลิกํ. สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อวุฏฺวสฺเสน ปจฺฉา ทาตพฺพตฺตา สฺาณํ กาตพฺพํ, น าติปฺปวาริตโต ลทฺธํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย. ตสฺมา ทุวิธํ อจฺเจกจีวรํ สงฺเฆ นินฺนํ, ปุคฺคเล นินฺนฺจาติ สิทฺธํ. ตตฺถ สงฺเฆ ปริณตํ อจฺเจกจีวรํ วสฺสูปนายิกทิวสโต ปฏฺาย, ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย วา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ เอว สงฺฆิกตฺตา, ปุคฺคลิกมฺปิ ‘‘วสฺสํวุฏฺกาเล คณฺหถา’’ติ ทินฺนตฺตา. ตาทิสฺหิ ยาว วสฺสํวุฏฺโ น โหติ, ตาว ตสฺเสว ทายกสฺส สนฺตกํ โหติ. เอตฺตโก วิเสสเหตุ.
‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมติ, อนาปตฺตี’’ติ วจนโต อจฺเจกจีวรกสฺเสว โส อปราโธ. เยน ‘‘วิโรโธ’’ติ วจนํ ทสฺเสยฺยาติ น วินเย วิเสสเหตุ ปริเยสิตพฺโพ. พุทฺธวิสยตฺตา ปมาณนฺติ เจ? น, ยทิ เอวํ เอตฺถ อตฺตโน สนฺตกภูตมฺปิ อจฺเจกจีวรํ สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพเมว, น อธิฏฺาตพฺพํ น วิกปฺเปตพฺพํ น วิสฺสชฺเชตพฺพํ. ตโต ‘‘อนาปตฺติ, อนฺโตสมเย อธิฏฺเติ วิกปฺเปติ วิสฺสชฺเชตี’’ติอาทิวจนวิโรโธ (ปารา. ๖๕๑) อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตถา ‘‘วสฺสานสฺส ปจฺฉิเม มาเส กถินุทฺธาเร กเต ตสฺมึ มาเส อตฺถเต กถิเน กถินุทฺธารทิวสํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วจนโต นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อยมฺปิ อตฺถวิโรโธ อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตสฺมิฺจ ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตเมวาติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ. อติเรกจีวรฺเจตํ ปมสิกฺขาปเทนาปตฺติ, อิตรํ เจ อนาปตฺติเยวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ ภควโต วิเสสเหตุ. ตถา อติเรกทสาหานาคตาเยว กตฺติกปุณฺณมาย สงฺฆสฺส วสฺสาวาสิกตฺถํ อจฺเจกจีวรํ วิย ททมานํ น ¶ คเหตพฺพํ, ทสาหานาคตาย เอว คเหตพฺพนฺติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ. ตโต อฏฺกถานยวิโรโธ จ อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตตฺถ ‘‘อธิฏฺิตโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ อจฺเจกจีวรํ น โหตี’’ติ วตฺวา อฺถา นโย ทสฺสิโต. โปราณคณฺิปเท โส จ นโย สงฺฆิกํ อุปาทาย วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ เนว โส จ ปฏิกฺขิตฺโต. ยถา อนจฺเจกจีวรํ ฉฏฺิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ อติเรกทสาหานาคตายปิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปฏิคฺคเหตฺวา จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโตปิ อนาปตฺตีติ อยมฺปิ นโย อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตโต ปมกถินวิโรโธ. ทสาหานาคตาย เอว ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปฏิคฺคเหตฺวา ¶ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโต อนาปตฺตีติ เจ, ตํ ทฺเว ทสาเห ลภตีติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ.
อนฺตรา อนาปตฺติกฺเขตฺตจีวรกาลปฺปวิฏฺตฺตา อธิฏฺหิตฺวา ปจฺจุทฺธฏํ วิย ตํ ปุนปิ ทสาเห ลภตีติ เจ? น, กาลปฺปเวโส อธิฏฺานํ วิย โหตีติ เจ? น, ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ วจนวิโรธํ กตฺวา, ตโต ปรํ ทสาหํ อวิกปฺเปนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติ สิยา. อปิจ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘วสฺสิกสาฏิกา อนฺโตวสฺเส ลทฺธา เจว นิฏฺิตา จ, อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพา, ทสาหาติกฺกเม นิฏฺิตา, ตทเหว อธิฏฺาตพฺพา, ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๐). เตน อาปตฺติโต น มุจฺเจยฺย. กาลปฺปเวโส หิ อธิฏฺานปริยาโย น ชาโตติ. เอตฺตาวตา ยถาวุตฺโต อตฺถวิกปฺโป ปาฬินเยเนว ปติฏฺาปิโต โหติ.
อปิเจตฺถ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ, ตตฺถปิ จีวรกาเล อุปฺปนฺนํ, ทสาเห อปฺปโหนฺเต จสฺส กรณํ นตฺถิ, ตํ อจฺเจกจีวรํ อกาลจีวรมิว จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ สิทฺธเมตํ. ปาฬิโต จ ตฺเจ อนฺโตกาเล อุปฺปชฺชติ, ทสาเห อปฺปโหนฺเตปิ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฺปนฺนํ อจฺเจกจีวรํ อจฺเจกจีวรเมว น โหติ. น หิ ตํ กาลวิเสสวเสน อจฺเจกจีวรสงฺขํ คจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อจฺเจกจีวรํ นาม เสนาย วา คนฺตุกาโม โหติ, ปวาสํ วา คนฺตุกาโม โหติ, คิลาโน วา โหติ, คพฺภินี วา โหติ ¶ , อสฺสทฺธสฺส วา สทฺธา อุปฺปนฺนา โหติ…เป… ‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’ติ เอวํ อาโรจิตํ, เอตํ อจฺเจกจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๖๔๙). ตสฺมา ยถา ตํ จีวรํ นาติกฺกาเมตพฺพํ, ตถา อนจฺเจกจีวรมฺปีติ สิทฺธํ โหติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ. อปิจ ยทิ เอวํ ตํ อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทเมว อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ อิมสฺส ปน อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ภควตา ปฺตฺตํ.
มหาอฏฺกถายํ ปน ตํ เอวํ วุตฺตํ – กามฺเจทํ ‘‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิทฺธํ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทํ ปิตนฺติ อตฺถวิเสสทีปนปโยชนโต. ตสฺมา ตํ ตสฺส อตฺถวิเสสทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ สิทฺธเมว. ตสฺมาปิ เวทิตพฺพเมว ยํ กิฺจิ จีวรํ จีวรกาลสมยํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ. อปิจ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธาเรตฺวา ปิตจีวรมฺปิ ¶ เอตํ ปริหารํ ลภตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๖๔๙). เตน ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๖๕๐) อิมินาปิ อนจฺเจกจีวรสฺสาปิ อจฺเจกจีวรปริหารลาภํ ทีเปตีติ.
เอตฺตาวตา ยถาวุตฺโต ทุติโย อตฺถวิกปฺโป ปาฬินเยน, อฏฺกถานเยน จ ปติฏฺาปิโต โหติ. เอวํ ตาว ปกิณฺณกาย อธิกถา ปรโต ปาโต วิตฺถาริตา โหตีติ อปกิณฺณกํ.
จีวรปลิโพโธ, อาวาสปลิโพโธ จาติ ทฺเว ปลิโพธา. เตสุ เอกปลิโพเธปิ สติ อนามนฺตจาราทิอานิสํสํ ลภติ, ตํ อิธ นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา เอว ‘‘อตฺถตกถินสฺส หิ ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถินตฺถารารหสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ – ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๐๙) วจนโต อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กถินตฺถารารโห นาม. ปุพฺพกรณํ นาม โธวนวิจารณจฺเฉทนสิพฺพนรชนกปฺปกรณํ.
‘‘จีวรํ ¶ นาม โขม’’นฺติอาทินา ปาฬิวเสน ชาติฺจ ปมาณฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อติเรกจีวรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺตํ อธิฏฺิตวิกปฺปิเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ วุตฺเตปิ ยสฺมึ าเน ยํ ปิตํ, ตสฺมึ ตํ ปจฺฉา โหตุ วา, มา วา, อธิฏฺานํ รุหเตว. ปุเร ปจฺฉา ปนฏฺานํ น ปมาณํ.
อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส ภิกฺขุภาวปริจฺจาควเสน เสตวตฺถนิวาสนํ วา กาสาวจชนํ วา หีนายาวตฺตนํ.
เอกาทสเม อรุณุคฺคมเนติ อนฺติมํ เปตฺวา ตโต ปุริมตรสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนฺติมํ นาม อปรกตฺติกาย ปมารุณุคฺคมนํ. ตฺหิ กาลตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น กโรติ. อิธ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา’’ติ กรณวจนํ นิทานานเปกฺขํ นิทาเน กรณาภาวโต. ตสฺมา เอว ‘‘ทสาหปรม’’นฺติ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตีติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต จ อิธ ‘‘วิกปฺเปตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตวจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, น จ วิรุทฺธํ ตถาคตา ภาสนฺติ, ¶ ตสฺมา เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ติจีวรํ ติจีวรสงฺเขเปน ปริหารโต อธิฏฺาตุเมว อนุชานามิ, น วิกปฺเปตุํ. วสฺสิกสาฏิกํ ปน จตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตุเมว, น อธิฏฺาตุนฺติ. เอวฺจ ปน สติ โย ติจีวเร เอเกน จีวเรน วิปฺปวสิตุกาโม โหติ, ตสฺส ติจีวราธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหติ, ทสาหาติกฺกเม จ อนาปตฺตีติ. เอเตน อุปาเยน สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพติ ลิขิตํ.
อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย – อนตฺถเต กถิเน เหมนฺตานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย, อตฺถเต กถิเน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถาห – ‘‘รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตกํ การาเปนฺตสฺสาปิ อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๕) วจนโต อรชิเตปิ อธิฏฺานํ รุหตีติ. เตน สูจิกมฺมํ กตฺวา รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ นิยโม กาตพฺโพ, น กาตพฺโพติ? กตฺตพฺโพว. ปตฺโต วิย อธิฏฺิโต ยถา ปุน เสตภาวํ วา ตมฺพภาวํ วา ปตฺโต อธิฏฺานํ น วิชหติ, น จ ปน ตาทิโส ¶ ยํ อธิฏฺานํ อุปคจฺฉติ, เอวเมตํ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘สฺเว กถินํ อุทฺธริสฺสตี’’ติ ลทฺธจีวรํ สเจ อชฺเชว น อธิฏฺาติ, อรุณุคฺคมเน เอว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. กสฺมา? ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทินา (ปารา. ๔๖๒-๔๖๓;) สิกฺขาปทสฺส วุตฺตตฺตา. กถินพฺภนฺตเร ทสาหโต อุตฺตริปิ ปริหารํ ลภติ, กถินโต ปน ปจฺฉา เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. ยถา กึ – ยถา อตฺถตกถิโน สงฺโฆ ติจีวรํ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา อานิสํสํ ลภติ, น ตโต ปรํ, เอวํ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา ลภติ, อุทฺธเต ปน กถิเน เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. เอตฺถาห – อุพฺภตทิวสโต ปฏฺาย ปุน ทสาหํ ลภตีติ? น, กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ วจนโต. กถินพฺภนฺตเรปิ เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปนฺนํ. ตํ ปน อติปฺปสงฺคํ นิวาเรตุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, น กถินทิวสานิ อทิวสานีติ ทีปนตฺถํ. อยมตฺโถ ตตฺถ ตตฺถ อาวิภวิสฺสติ. อถ วา วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณา นามํ คเหตฺวา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส อธิฏฺาตพฺพา, ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ วุตฺตํ. เอตฺถ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วจเน อุโปสถทิวเส เอว ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตฺวา ปิตํ โหติ, ตโต ปรํ เหมนฺตสฺส ปมทิวสโต ปฏฺาย ปจฺจุทฺธรณาภาวา. เอวํ กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรมฺปิ เวทิตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
กถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อตฺถตกถินสฺส ¶ ปฺจ มาเส พทฺธสีมายํ ยตฺถ กตฺถจิ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘อพทฺธสีมายปิ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ อพทฺธสีมายํ กถินตฺถารฺจ อารฺกสิกฺขาปทฺจ สาเธตีติ ลิขิตํ. อิทานิ –
‘‘ฉินฺนํ ธุตงฺคํ สาสงฺก-สมฺมโต สนฺตรุตฺตรํ;
อจีวรสฺสานาปตฺติ, ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๗๙) –
อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺรายํ ¶ โจทนาปุพฺพงฺคมวินิจฺฉโย – เกจิ ‘‘ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) วจนโต ‘‘เอกจฺจิกา สงฺฆาฏิ นาธิฏฺาตพฺพา. สเจ อธิฏฺาติ, น รุหตี’’ติ วตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขานมฺปิ ทิคุณํเยว สงฺฆาฏึ ทตฺวา อุปสมฺปาเทนฺติ, เต อิมินา สุตฺตเลเสน สฺาเปตพฺพา. ภควตา หิ ‘‘ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ, ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ, ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ ปมํ อนฺุาตํ. ตโต ‘‘อฺตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กริยมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อฉินฺนกํ นปฺปโหติ, ทฺเว อฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๖๐) อนฺุาตํ, ตสฺมา เอกจฺจิกาปิ สงฺฆาฏิ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ยา ฉิชฺชมานาปิ นปฺปโหติ, ตสฺสา กุโต ทิคุณตาติ? อฏฺกถายมฺปิสฺส วุตฺตํ ‘‘อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ อาคนฺตุกปตฺตมฺปิ ทาตุํ, อิทํ ปน อปฺปโหนเก อาโรเปตพฺพํ. สเจ ปโหติ, อาคนฺตุกปตฺตํ น วฏฺฏติ, ฉินฺทิตพฺพเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๐). กถินํ ปน ฉินฺนกเมว วฏฺฏติ, อาเวณิกลกฺขณตฺตา, ‘‘ฉินฺนกํ ทิคุณํ นปฺปโหตี’’ติ วจนาภาวโต จาติ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
ธุตงฺคนฺติ อนุปสมฺปนฺนานํ เตจีวริกธุตงฺคาภาวโต ติจีวเรเนว เตจีวริโกติ, เตสํ อธิฏฺานาภาวโต ‘‘อธิฏฺิเตเนวา’’ติ วตฺตพฺพํ โหตูติ เจ? น, ธุตงฺคเภเทน วิโรธปฺปสงฺคโต. จตุตฺถจีวรสาทิยเนน หิ ธุตงฺคเภโท, น ติจีวรวิปฺปวาเสน, นาปิ อติเรกจีวรสาทิยเนน, นาปิ อติเรกจีวรธารเณน. ยสฺมา ปน ภิกฺขูนํ เอว ภควตา อธิฏฺานวเสน นว จีวรานิ ¶ อนฺุาตานิ, ชาติวเสน จ วุตฺตานิ, น เอวํ อนุปสมฺปนฺนานํ, ตสฺมา เนสํ จีวรนิยมาภาวา น ตํ ธุตงฺคํ อนฺุาตํ คหฏฺานํ วิย. ตสฺมา ตสฺส สมาทานวิธาเน อวจนโต จ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
สาสงฺกสมฺมโตติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา) สาสงฺกสิกฺขาปเท วิสุํ องฺคานิ น วุตฺตานิ, ‘‘เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น จ ปเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถ รตฺติวิปฺปวาโส จตุตฺถมงฺคํ, อิธ ฉารตฺตวิปฺปวาโส, อยเมตฺถ วิเสโสติ. ตสฺมา องฺคสามฺโต จ สมฺมุติสามฺโต จ สาสงฺกสิกฺขาปทเมวิทนฺติ อิทํ ¶ นิปฺปเทสํ, ตํ สปฺปเทสํ มาสปรมตฺตา. ตตฺถ พหิคาเมปิ คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิธ น ตถา. อิธ อนนฺตเร อนนฺตเร อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ สตฺตเมติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วิเสโส. องฺคานิ ปน จีวรนิกฺเขปนงฺคสมฺปตฺติโต วิปริยาเยน, อิธ วุตฺตนเยน จ สิทฺธตฺตา น วุตฺตานิ. ตานิ กามํ น วุตฺตานิ, ตถาปิ จตุตฺถมงฺคํ วิเสสิตพฺพํ, น ปน วิเสสิตํ. กึ การณํ? อิธ วุตฺตนิสฺสชฺชนกฺกเมน นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติเทสนโต, ตตฺถาปนฺนาปตฺติวิโมกฺขทีปนตฺถํ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว, ปเคว ฉารตฺตวิปฺปวุตฺถํ. เอวํ สนฺเตปิ ตตฺถ ยถาวุตฺตองฺคสมฺปตฺติยา สติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เหมนฺเต, คิมฺเห วา นิสฺสชฺชติ เจ? อิธ วุตฺตนเยนาปิ นิสฺสชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ าปนตฺถํ จตุตฺถมงฺคํ น วิเสสิตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. มาสาติกฺกนฺตํ, ทสาหาติกฺกนฺตมฺปิ จีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสฏฺเมว, น อูนมาสํ หุตฺวา ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา, มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวาติ เอเก. ตถาปิ สเจ ปจฺจาสาจีวรํ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ. ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา มูลจีวรํ ปน ‘‘มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสชฺชิตพฺพํ.
‘‘สนฺตรุตฺตร’’นฺติ วา ‘‘สงฺฆาฏิ’’นฺติ วา ‘‘จีวร’’นฺติ วา กึ ติจีวรํ, อุทาหุ อฺมฺปีติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ติจีวรเมว ปฏิสิทฺธํ, ปริยาปนฺนวเสน อจฺฉินฺนจีวรออฉนฺทนโธวาปนวิฺตฺติอาทิวิโรโธ. อถ อฺมฺปิ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอวมาทินา วิโรโธติ? วุจฺจเต – น นิยมโต เวทิตพฺพํ ยถาสมฺภวํ คเหตพฺพโต. ตถา หิ ‘‘จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ (ปารา. ๔๗๑) เอวมาทีสุ ติจีวรเมว, ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ (มหาว. ๓๖๒), สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๕๒๓-๕๒๔) เอวมาทีสุ ยํ กิฺจิ, ตถา ‘‘สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, สงฺฆาฏิ ทาตพฺพา, หนฺท เต, อาวุโส ¶ , สงฺฆาฏิ, เทหิ เม ปฏ’’นฺติ เอวมาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตฏฺเน ‘สงฺฆาฏี’ติ วุจฺจตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๙๘). ตถา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตฺถาปีติ เอเก. อนฺโตสมเย ยาวทตฺถํ จีวรํ อนฺุาตํ, ตํ สพฺพํ กริยมานํ กทา นิฏฺานํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา ติจีวรเมวาติ เอเก.
อจีวรสฺสานาปตฺติ ¶ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโตติ กึ วุตฺตํ โหติ – อุโทสิตสิกฺขาปทสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต ติจีวรวิปฺปวาเส เตจีวรสฺส อาปตฺตีติ เอเก. ตตฺเถตํ วุจฺจติ น โหติ อาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต. ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตอรุเณ ปจฺจุทฺธรติ วิสฺสชฺเชตี’’ติ (ปารา. ๔๙๖) หิ วุตฺตํ. อฺถา ปจฺจุทฺธรนฺตสฺส, อนฺโตอรุเณ วิสฺสชฺเชนฺตสฺส จ ยาว อฺโ นาธิฏฺาติ, ตาว อาปตฺตึ อาปชฺชติ ยถาวุตฺตนเยเนว. อฺถา สตฺตพฺภนฺตเรน วิปฺปวาสสฺสาติ วิปฺปวาสโต ยถารุตํเยว สติ วิปฺปวาเส วิปฺปวาสโต, อวิปฺปวาเส สติ อวิปฺปวาสโตติ.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานสฺส ทุพฺพิชานตฺตา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิหารปริยนฺเต นิวิฏฺธุวสนฺนิปาตฏฺานโต วา ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วาติ เอวํ คเหตพฺพํ. สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมา โหตีติ อตฺโถ. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ วุตฺเต ขณฺฑสีมาทีสุ ิตานํ น ปาปุณาติ, ตาสํ วิสุํ สมานสํวาสกสีมตฺตาติ จ สมานสํวาสกอวิปฺปวาสสีมานํ อิทํ นานตฺตํ. ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺมึ าเน อวิปฺปวาสสีมา อตฺถิ, ตตฺถ ิตานมฺปิ. ‘‘ตตฺร ิตานฺจ ปาปุณาตี’’ติ จ, ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ‘สีมฏฺกสงฺโฆ คณฺหาตู’ติ วุตฺเต อุปจารสีมาย เอว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ จ, ‘‘เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาติ ยาว กถินสฺสุพฺภาราติ อตฺโถ’’ติ จ, ‘‘อนตฺถเต ปน กถิเน อนฺโตเหมนฺเต สเจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, เย ตตฺถ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺา, เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ วินยธรา ¶ ปริจฺฉินฺทนฺติ, อฏฺกถายํ ปน อนาคตํ. ตสฺมา สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ลกฺขณฺู วทนฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตนฺติ จ, ‘‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว ¶ เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วุตฺเต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ, อนตฺถตํ วาติ ยํ สมนฺตปาสาทิกาวจนํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙), เอตฺถาปิ ยทิ อตฺถตํ, ปุริมวสฺสํวุฏฺา ปฺจ มาเส. ยทิ อนตฺถตํ, ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺา จตฺตาโร มาเส ลภนฺตีติ วินิจฺฉโย’’ติ จ ลิขิตํ.
‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ เยหิ นิมนฺติเตหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ อธิปฺปาโย. ตสฺมา เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตา, เตสํเยว ปาปุณาตีติ วุตฺตํ. อฺถา ‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา’ติ วุตฺเต นิมนฺติตา วา โหนฺตุ, อนิมนฺติตา วา, เยหิ ปีตา, เตสํ ปาปุณิตพฺพานี’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วทนฺโต าเปติ เอตฺถนฺตเร ติณฺณมฺปิ อกาลจีวรานํ อุปฺปตฺติอภาวนฺติ. กสฺมา ปน ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ? วุจฺจเต – อิทํ ปน สิกฺขาปทํ อธิฏฺานํ สนฺธาย น วุตฺตํ กินฺตุ ปมสิกฺขาปเท ทสาหปรมํ อนุชานิตฺวา ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต สเจ ปจฺจาสา อตฺถิ, ตเมว วฑฺเฒตฺวา มาสมนุชานนฺโต อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทีเปติ. อกาลจีวรํ นาม สมฺมุขีภูเตน ภาเชตพฺพํ. ตํ ปน ‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิกฺขาปเทน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตนฺติ. ตสฺมา ตีณิปิ ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ.
‘‘ขิปฺปเมว กาเรตพฺพนฺติ สีฆํ อนฺโตทสาเหเยว กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปโหนกภาเว ปุริมสิกฺขาปทลกฺขเณนาติ ทีเปตุํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอวํ ‘‘สีฆ’’นฺติ วา ‘‘ลหุ’’นฺติ วา อาทินา อวตฺวาปิ ‘‘ทสาหา’’ติ วุตฺตนฺติ. อตฺถตกถินสฺส เอวํ โหตุ, อนตฺถเต ปน กถิเน กถนฺติ วุตฺเต อนตฺถตสฺส ปฏิกฺเขปตํ ทสฺเสตีติ วุตฺโต อปสฺสนฺโต วิฆาตํ อาปชฺชตีติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๙๙-๕๐๐) ลิขิตํ.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สากิยานิโย วิย สุทฺธภิกฺขุสงฺเฆ วา’’ติ อิทํ ‘‘ภิกฺขุนี นาม อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนา’’ติ ¶ (ปารา. ๕๐๕) อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต ¶ . ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปทาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ตทนุปฺปสงฺคภยา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอเกน วตฺถุนาติ เยน เกนจิ ปเมน. อวุตฺตา วา โธวตีติ อวุตฺตา โธวติ, รชติ อาโกเฏตีติ อตฺโถ. ‘‘‘อวุตฺตา’ติ วจนโต อวาทาเปตฺวา โธวนาทีสุ อนาปตฺตี’’ติ ลิขิตํ. อิธ จีวรํ นาม นิวาสนปารุปนูปคเมว. ยทิ เอวํ ‘‘นิวาสนปารุปนูปคเมว วตฺตพฺพ’’นฺติ เจ? ตํ น วตฺตพฺพํ ‘‘ปุราณจีวร’’นฺติ อิมินาว สิทฺธตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปุราณจีวรํ นาม สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ (ปารา. ๕๐๕).
ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ. อจิตฺตกตฺตา กถํ ปํสุกูลํ วฏฺฏตีติ เจ? ตาย ตสฺส ภิกฺขุโน อทินฺนตฺตา, ภิกฺขุนา จ ตโต ภิกฺขุนิโต อคฺคหิตตฺตา จ.
จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
าตกปฺปวาริเต วา วิฺาเปนฺตสฺสาติ เอตฺถ จ สงฺฆวเสน ปวาริเตสุ ปมาณเมว วฏฺฏติ. ปุคฺคลิกปฺปวารณาย ยํ ยํ ปวาเรติ, ตํ ตํเยว วิฺาเปตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรติ กถินปลิโพธวเสน วา สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา. เอตฺถ สิยา – ‘‘น มตฺตํ ชานิตฺวา พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสนฺติ, ทุสฺสวาณิชฺชํ วา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๒๒) อุชฺฌายนฺตานํ สุตฺวา ภควาปิ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู ¶ ‘‘กถฺหิ นาม ตุมฺเห โมฆปุริสา ¶ น มตฺตํ ชานิตฺวา พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสถา’’ติ (ปารา. ๕๒๒) วตฺวา สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา จ อิมิสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘พหุจีวรวิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตตฺตา, สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘น หิ อนจฺฉินฺนจีวรา อตฺตโน อตฺถาย สาขาปลาสํ ภฺชิตุํ ลภนฺติ, อจฺฉินฺนจีวรานํ ปน อตฺถาย ลภนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา จ อฺสฺสตฺถาย ปมาณํ วิฺาเปตุํ วฏฺฏตีติ เจ? น, กสฺมา? อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา เอว อฺาตกวิฺตฺติ วาริตา. ตสฺส สิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติ. ปาฬิยํ (ปารา. ๕๒๑) ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ อิมิสฺสา อนาปตฺติปาฬิยา อฺสฺสตฺถาย วิฺาเปนฺโต ตสฺส าตกปฺปวาริเต เอว วิฺาเปติ, น อฺเติ วจนโต จ วาริตา. ตสฺมา ภควาปิ ‘‘พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสถา’’ติ (ปารา. ๕๒๒) วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปนฺโต ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺตนเยเนว ปมาณโต คหณํ อนุชานิ, น อฺสฺสตฺถาย ปมาณโต วิฺาปนํ. ยสฺมา ปนิมํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ, น น ลพฺภตีติ กตฺวา.
อฏฺกถาสุ ‘‘อฺาตกปฺปวาริตฏฺาเน ปกติยา พหุมฺปิ วฏฺฏติ, อจฺฉินฺนการณา ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ (ปารา. ๕๒๖) วุตฺตอนาปตฺติปาฬิยา น สเมตีติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) วุตฺตตฺตา อิธาปิ วุตฺตนเยเนว าตกปฺปวาริเต วิฺาเปนฺตสฺส อตฺตโน ธเนน คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ลิขิตํ. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ นิทานวิโรธโต น วุตฺตํ, ตถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยเนว ลพฺภติ เอวาติ วทนฺติ.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ปมอุปกฺขเฏ ‘‘ปุพฺเพ อปฺปวาริโต’’ติ (ปารา. ๕๒๘) วจนโต ตสฺมึ ขเณ ปวาริโตปิ อปฺปวาริโตว โหตีติ เวทิตพฺพํ.
อุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุติยอุปกฺขเฏน ¶ ¶ กึ ปโยชนนฺติ เจ? นตฺถิ ปโยชนํ, เกวลํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน ปฺตฺตํ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ วิย. เอวํ สนฺเต สงฺคีติการเกหิ สงฺคีตึ อนาโรเปตพฺพํ ภเวยฺย วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต, อนิสฺสรตฺตา, อนาโรเปตุํ อนฺุาตตฺตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ…เป… สมูหเนยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖; จูฬว. ๔๔๑). อิทํ สพฺพมการณํ. น หิ พุทฺธา อปฺปโยชนํ วจนํ นิจฺฉาเรนฺติ, ปเคว สิกฺขาปทํ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทฺหิ ปุริมสฺส อนุปฺตฺติสทิส’’นฺติอาทิ. อนุปฺตฺติ จ นิปฺปโยชนํ นตฺถิ. ตํสทิสฺเจตํ, น นิปฺปโยชนนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. เอวํ สนฺเต โก ปเนตฺถ อตฺถวิเสโสติ? ตโต อาห ‘‘เกวลํ ตตฺถ เอกสฺส ปีฬา กตา, อิธ ทฺวินฺนํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ. อิมินา อตฺถวิเสเสน โก ปนฺโ อติเรกตฺโถ ทสฺสิโตติ? โปราณคณฺิปเท ตาว วุตฺตํ ‘‘เอกสฺมิมฺปิ วตฺถุสฺมึ อุภินฺนมฺปิ ปีฬา กาตุํ น วฏฺฏตีติ อยมติเรกตฺโถ ทสฺสิโต’’ติ. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘น เกวลํ ปฏิลทฺธจีวรคณนาย เอว อาปตฺติคณนา, ปีฬิตปุคฺคลสงฺขาตวตฺถุคณนายปี’’ติ.
โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘วตฺถุโต คณนายปิ, สิยา อาปตฺติ เนกตา;
อิติ สนฺทสฺสนตฺถฺจ, ทุติยูปกฺขฏํ อิธ.
‘‘กายสํสคฺคสิกฺขาย, วิภงฺเค วิย กินฺเตตํ;
เอกิตฺถิยาปิ เนกตา, อาปตฺตีนํ ปโยคโต’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๓๒);
อปิเจตํ สิกฺขาปทํ ตํชาติเกสุ สิกฺขาปเทสุ สพฺเพสุปิ คเหตพฺพวินิจฺฉยสฺส ทสฺสนปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. อาห จ –
‘‘อฺาติกาย พหุตาย วิมิสฺสตาย;
อาปตฺติยาปิ พหุตา จ วิมิสฺสตา จ;
อิจฺเจวมาทิวิธิสมฺภวทสฺสนตฺถํ ¶ ;
สตฺถา อุปกฺขฏมิทํ ทุติยํ อโวจา’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๓๒);
ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปโต อธิปฺปายปุพฺพงฺคมา วิจารณา – ปุราณจีวรํ เอกเมว ภิกฺขุ ภิกฺขุนีหิ ทฺวีหิ, พหูหิ วา โธวาเปติ, ภิกฺขุนิคณนาย ปาจิตฺติยคณนา. ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณํ เอกเมว จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหาติ, อิธาปิ ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณเมกํ วิฺาเปติ, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย อาปตฺติคณนา. ตถา อฺเสุปิ เอวรูเปสุ สิกฺขาปเทสุ นโย เนตพฺโพ. อยํ ตาว พหุตาย นโย.
วิมิสฺสตาย ปน าติกาย, อฺาติกาย จ เอกํ โธวาเปติ, เอกโต นิฏฺาปเน เอกํ ปาจิตฺติยํ. อถ าติกา ปมํ โถกํ โธวิตฺวา ิตา, ปุน อฺาติกา สุโธตํ กโรติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. อถ อฺาติกา ปมํ โธวติ, ปจฺฉา าติกา สุโธตํ กโรติ, อฺาติกาย ปโยควเสน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏเมว. อฺาติกาย, าติกาย จ อฺาติกสฺี, เวมติโก, าติกสฺี วา โธวาเปติ, ยถาวุตฺตนเยน นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกาย, าติกาย จ สนฺตกํ จีวรํ อุโภหิ เอกโต ทิยฺยมานํ ปฏิคฺคณฺหาติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อถ อฺาติกาย เอว หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อถ าติกาย หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, อนาปตฺติ. อถ อุโภสุ อฺาติกาทิสฺี, วุตฺตนเยเนว นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกวิฺตฺติอาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. อยํ วิมิสฺสตาย นโย.
อาทิสทฺเทน ปน อเนเก อฺาติกา วิฺตฺตา, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย ทุกฺกฏํ. เอโก เทติ, เอโก น เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อวิฺตฺโต เทติ, น นิสคฺคิยํ. อถ วิฺตฺตาวิฺตฺตานํ สาธารณํ วิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อุโภ เทนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อวิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติ. วิฺตฺตสฺส วจเนน อวิฺตฺโต เทติ, อนาปตฺติ เอว. ตถา อุปกฺขฏาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ.
เอตฺตาวตา สงฺเขปโต อฺาติกายาทิคาถา วุตฺตาธิปฺปายา โหติ. ยํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ นิปฺปโยชนตาย นิทสฺสนํ ¶ วุตฺตํ, ตสฺส ปโยชนวิเสโส ตสฺมึเยว อาวิภวิสฺสตีติ ¶ . เอวเมว อฺตฺถปิ วจเนน, วิเสสอฏฺุปฺปตฺติวเสน จ สิกฺขาปเทสุ าตพฺพํ วิเสสปฺปโยชนนฺติ.
ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘านํ ภฺชติ, อาคตการณํ วินาเสตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปุน โจทนํ น ลภตีติ เอเก. อาคมนสฺส สาตฺถกํ น โหติ, จีวรํ น ลภิสฺสติ ปฏิสนฺถารสฺส กตตฺตาติ เอเก. โจทนาลกฺขณํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก. ‘‘ธมฺมเทสนาธิปฺปายาทินา น ปฏิสนฺถาโร กาตพฺโพ’’ติ อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘‘อาคตการณํ วินาเสตี’ติ โจทนาานานิ ภฺชติ, โจเทตุกาโม อกตฺตพฺพมกาสิ, ตปฺปจฺจยา วตฺตเภเท ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วทติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘อาสเน เจ นิสีทติ, เอกาย นิสชฺชาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. อามิสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, เอเกน ปฏิคฺคหเณน ทฺเว านานิ ภฺชติ. ธมฺมํ เจ ภาสติ, ธมฺมเทสนาสิกฺขาปเท วุตฺตปริจฺเฉทาย เอกาย วาจาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. ตํ สนฺธาย ‘อาคตการณํ วินาเสตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘เอโส โข’’ติ วุตฺเตน สฺตฺโต เอโก, ‘‘อยํ เวยฺยาวจฺจกโรติ…เป… อวุตฺเตปิ โจเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต ทุติโย, สเจ ปน ทูโต คจฺฉนฺโตว ‘‘อหํ ตสฺส หตฺเถ ทสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺโต ตติโย, ‘‘อฺํ วา เปเสตฺวา อาโรจาเปตี’’ติ วุตฺโต จตุตฺโถติ ยถา ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺา จตฺตาโร, ตเถว ทูเตน นิทฺทิฏฺา จตฺตาโร. มุขเววฏิกกปฺปิยการโก, ปรมฺมุขกปฺปิยการโก เจติ เอเตสุ อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรวคฺโค ปโม.
๒. เอฬกโลมวคฺโค
๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา
การาเปยฺยาติ ¶ ¶ อตฺตโน จ ปรสฺส จ อุภินฺนฺจ โกสิยํ เอกโต คณฺหิตฺวา วุตฺตํ, อุโภ วา เอกโต กโรนฺตีติ อตฺถโต เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อตฺตนา กตํ เจ, ‘‘นิสฺสชฺชนกาเล สยํ กตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. อุโภหิ เจ กตํ, ยถาปาฬิเมว.
โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา
ยถา ปเม ‘‘เอเกนปิ โกสิยํสุนา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตถา อิธ ‘‘เอเกนปิ อฺเน อมิสฺสิตาน’’นฺติ วจนาภาวโต อฺเน มิสฺสภาเว สติปิ อปฺายมานรูปกํ เจ, ‘‘สุทฺธกาฬก’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ วทนฺติ.
สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ตุลยิตฺวา’’ติ วจนโต ยถา ตุลาธารณาย กาฬกาธิกา น โหนฺติ, ตถา กาฬกานํ ทฺเว ภาคา คเหตพฺพา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน. ‘‘เอกสฺสาปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเว นิสฺสคฺคิยนฺติ วจนํ ตุลาธารณาย กิฺจาปิ น สเมติ, อจิตฺตกตฺตา ปน สิกฺขาปทสฺส ปุพฺเพ ตุลาย ธารยิตฺวา ปิเตสุ เอกมฺปิ โลมํ ตตฺถ ปเตยฺย, นิสฺสคฺคิยนฺติ อยมธิปฺปาโยติ โน ตกฺโก’’ติ อาจริโย. วุตฺตปริจฺเฉเทน อคฺคหณํ อกิริยา, สนฺถตกรณํ กิริยา.
ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอเรน ¶ ¶ เจ ฉนฺนํ วสฺสาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ฉพฺพสฺเส ปริปุณฺเณ กาตุํ วฏฺฏตีติ นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉนฺนํ วสฺสานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ยานิ ปเนตฺถ อติเรกฉพฺพสฺสวเสน วา สมฺมุติวเสน วา กตานิ, สพฺพานิ ตานิ เอกโต ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏนฺตีติ. คิลานสฺส จ เอกํ นปฺปโหตีติ อเนกมฺปิ วฏฺฏติ. ยโต ปฏฺาย โรคสฺส มนฺทตาย สนฺถตํ อาทาย คนฺตุํ สกฺโกติ, ตโต ปฏฺาย สมฺมุติ วา โรโค วา น รกฺขตีติ เอเก. อปิจ ฉวสฺสพุทฺธนิมฺมลํ สิกฺขาปทํ วิจาเรตุํ คมฺภีรตฺตา. ตสฺมา ฉวสฺเส กมฺมํ กตนฺติ.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘สนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา’’ติ สิกฺขาปทํ อปฺเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตํ, นนุ เอตฺถ การเณน ภวิตพฺพนฺติ? อตฺถิ การณํ, จีวรสฺิตาย สนฺถตานํ อุชฺฌิตตฺตา เตสํ อจีวรภาวทสฺสนตฺถํ ตถา ปฺตฺตํ ภควตาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา เต ภิกฺขู เตจีวริกธุตงฺคเภทภยา สนฺถเต จตุตฺถจีวรสฺิตาย สนฺถตานิ อุชฺฌิตฺวา เตรส ธุตงฺคานิ สมาทยึสุ, ภควา จ เตสํ สนฺถตํ อนุชานิ. ตโต เตสํ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘นิสีทนจีวรสณฺานมฺเปตํ นิสีทนสนฺถตํ โน ภควตา อนฺุาตํ จตุตฺถจีวรภาเวน, ปเคว กตสนฺถตํ วา’’ติ. ตโต ‘‘สนฺถเต เตสํ จีวรสฺิตา น ภวิสฺสตี’’ติ ตทตฺถํ ภควตา ‘‘สนฺถต’’นฺติ อปฺเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อิเมสุ ปน ปฺจสุ สนฺถเตสุ ปุริมานิ ตีณิ วินยกมฺมํ กตฺวา ปฏิลภิตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺติ อกปฺปิยตฺตา, ปจฺฉิมานิ ทฺเว วฏฺฏนฺตีติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๖๖-๕๖๗) ลิขิตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติ (ปารา. ๕๗๐) วจนโตติ เวทิตพฺพํ.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสา’’ติ ¶ ¶ อิมินา ปกติยา ทีฆมคฺคํ ปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนานิปิ ติโยชนปรมเมว หริตพฺพานิ, ปเคว อปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ทสฺเสติ. ปฏิปนฺนสฺส เจ, อทฺธานํ นาม ปฏิปนฺนสฺส อกามา วสฺสํวุฏฺภิกฺขุนิยา มคฺคปฺปฏิปตฺติ วิยาติ ทสฺเสติ. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ วา สมฺพนฺโธ. เตเนว วาสาธิปฺปายสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธคมนุสฺสาหตฺตา ‘‘อปฺปฏิปนฺโน’’ติ สงฺขํ คตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธํ. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ…เป… อสนฺเตปิ หารเก อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. ยสฺมา วา เอฬกโลมานํ อุปฺปตฺติฏฺานโต ปฏฺาย ติโยชนปรมตา อธิปฺเปตา, มคฺคํ อปฺปฏิปนฺนสฺส จ ติโยชนปรมตา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วุตฺตํ. เตน อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา หรโต จ อนาปตฺตีติ สิทฺธํ. ปฏิลาโภ หิ เตสํ อุปฺปตฺติ นามาติ.
‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานี’’ติ อิมินา อตฺตนา ปฏิคฺคหิตานํเยว ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตน อนากงฺขมาเนน ปรสนฺตกานิ ปฏิคฺคหิตานิ หรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธํ.
องฺเคสุ ‘‘อตฺตโน สนฺตกตา’’ติ นตฺถิ, อยมตฺโถ ‘‘ภิกฺขุโน อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อิมินา, ‘‘อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา’’ติ อิมินา จ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘อฺํ ภิกฺขุํ หราเปนฺโต คจฺฉติ เจ, ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ทฺเว ภิกฺขู ติโยชนปรมํ ปตฺวา อฺมฺสฺส ภณฺฑํ ปริวตฺเตตฺวา เจ หรนฺติ, อนาปตฺตีติ สิทฺธํ.
ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานีติ ติโยชนปรมเมว อตฺตนา หริตพฺพานิ, ตํ กิมตฺถนฺติ? สีมาย เอตปรมโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐). วาสาธิปฺปาเยน, ปจฺจาคมนาธิปฺปาเยน วา คจฺฉโต เอตปรมตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติมหติโย สีมาโย สมฺมนฺนนฺติ…เป… ภิกฺขู อุโปสถํ อาคจฺฉนฺตา อุทฺทิสฺสมาเนปิ ปาติโมกฺเข อาคจฺฉนฺติ, อุทฺทิฏฺมตฺเตปิ อาคจฺฉนฺติ, อนฺตราปิ ปริวสนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๐).
อสนฺเต ¶ หารเกติ อาณตฺติยา หารเก อสติ. กมฺพลสฺส อุปริ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ¶ สเจ เอกมฺปิ โลมํ จีวเร ลคฺคํ โหติ, ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติ เอว กมฺพลโต วิชฏิตตฺตาติ ลิขิตํ. ตํ กมฺพลสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา อตฺตโน อตฺถาย ปฏิคฺคหิตเมว โหตีติ ยุตฺตํ.
เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘นิพฺพตฺตรุกฺขจฺฉายาปิ รุกฺขปริจฺเฉทํ อนติกฺกนฺตา’’ติ ลิขิตํ.
ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
ชาตรูปรชตปริวตฺตนนฺติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตํ.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา
อสนฺเต ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพเมวาติ เอตฺถ กึ สุทฺธิกํ ปาจิตฺติยํ, อุทาหุ นิสฺสคฺคิยนฺติ? นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมว.
กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตตฺริทํ ปกิณฺณกํ
อฏฺมสิกฺขาปทํ ปเรน อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานสฺส วา ปาริวตฺตกภาเวน ทิยฺยมานสฺส วา ปํสุกูลสฺส วา รูปิยสฺส อุคฺคณฺหนอุคฺคณฺหาปนสาทิยนานิ ปฏิกฺขิปติ.
นวมํ ปรสฺส วา อตฺตโน วา รูปิยปริวตฺตนํ ปฏิกฺขิปติ.
ทสมํ ¶ ¶ อรูปิยปริวตฺตนํ. ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สห อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๙๑; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๑; วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๘๗) จ วจนํ อิตเรหิ สห อาปตฺตีติ ทีเปติ. อรูปิยฺจ ทุกฺกฏวตฺถุ. ตสฺมา ตสฺส ปริวตฺตเน สติ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอกนฺเตน วุตฺตํ. ปฺจนฺนํ สห ทุกฺกฏวตฺถูนํ ปริวตฺตเน อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ โปราณาติ เจ? น, กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา. ยทิ กปฺปิยวตฺถุ นิสฺสคฺคิยํ, ปเคว ทุกฺกฏวตฺถูติ เจ? น, อาปตฺติครุกลหุกภาเวน วตฺถุครุกลหุกนิยมาภาวโต.
นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต หิ มุตฺตามณิเวฬุริยาทิ มหคฺฆปฺปโหนกมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถูติ กตฺวา นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต มุตฺตาทิ ลหุกํ โหติ. ลหุเกปิ วตฺถุสฺมึ ยเถว ทุกฺกฏวตฺถุโน ปฏิคฺคหเณ ทุกฺกฏํ, ตเถว ตสฺส วา เตน วา เจตาปเนปิ ทุกฺกฏํ ยุตฺตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙) อฏฺกถาจริยา.
อถ วา ยํ วุตฺตํ ‘‘กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา’’ติ, ตตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺกฏวตฺถูนิปิ อธิปฺเปตานิ, น ปน ปาฬิยํ วุตฺตานิ อนาปตฺติวารปฺปสงฺคภยาติ วุตฺตํ โหติ. มุตฺตาทีสุปิ วุตฺเตสุ อนาปตฺติยํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขติ, ‘‘อิทํ มุตฺตาทิ อมฺหากํ อตฺถิ, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ เวฬุริยาทินา อตฺโถ’’ติ ภณติ, ทสเมน อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย สิยา. ยสฺมา จ อิทํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขนาทิสํโวหาโร จ, ตสฺมา ตํ นวเมน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กิฺจาปิ กยวิกฺกเยว โหติ กปฺปิยวตฺถูหิ อนฺุาตํ, อิมินาว นเยน กิฺจาปิ ทุกฺกฏวตฺถุปิ ทสเม อธิปฺเปตํ อาปชฺชติ, อฏฺกถาวิโรธโต ปน นาธิปฺเปตมิจฺเจว คเหตพฺโพ.
กา ปเนตฺถ การณจฺฉายาติ, ปฺจนฺนํ สห ตตฺถ อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, ตตฺถ อนาคตตฺตา. อนาคตการณา วุตฺตนฺติ เจ? น, ปฺจนฺนํ สห อาปตฺติวตฺถุกสฺส อนาปตฺติวารลาเภ วิเสสการณาภาวา, อกปฺปิยตฺตา ปฺจนฺนํ สหาปิ อาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ สิทฺโธ อฏฺกถาวาโท.
อปโร นโย – ยทิ ทุกฺกฏวตฺถุนา กยวิกฺกเย นิสฺสคฺคิยํ, กปฺปิยวตฺถุมฺหิ วุตฺตปริยาโย ตตฺถ ลพฺเภยฺย, น ปน ลพฺภตีติ นวเม เอว ตานิ วตฺตพฺพานิ. ตสฺมา สํโวหาโร นาม กยวิกฺกโยปิ อฺถา ปริวตฺตนํ ¶ ปริยาทิยิตฺวา ปวตฺโต, กยวิกฺกยฺจ โมเจตฺวา ¶ ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’ติ เจตาเปติ, วฏฺฏตี’’ติ อวตฺวา ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ทุกฺกฏวตฺถุนา เจตาปเน ทุกฺกฏเมว. เนสํ กยวิกฺกเยน นิสฺสคฺคิยนฺติ เจ? น, สพฺพสฺสปิ กยวิกฺกยตฺตา. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อนฺธกฏฺกถายํ ปน ‘สเจ กยวิกฺกยํ สมาปชฺเชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’นฺติ ภาสิตํ, ตํ ทุพฺภาสิตํ. กสฺมา? น หิ ทานคฺคหณโต อฺโ กยวิกฺกโย นาม อตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙), อตฺตโน มติยา กยวิกฺกยลกฺขณสมฺมเต ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต จ. ภวตุ วา อตฺตโน ปฏิสิทฺธมิทํ การณํ, ทสเม อวสฺสเมว ชานิตพฺพานีติ ตานิ กยวิกฺกยาเนวาติ เตสํ นิสฺสคฺคิยภาวฺจ คตานีติ เอวมฺปิ สิทฺโธ อฏฺกถาวาโท.
เอตฺถาหุ โปราณา – ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรหตฺถคตํ กโรติ อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฏํ. ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ กโรติ, อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ. อุคฺคหิตวตฺถุปริวตฺตเน กถํ ชาตํ? อพฺโพหาริกํ ชาตํ. อถ ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ ปมํ กโรติ, รูปิยปฺปฏิคฺคหณสฺส กตตฺตา อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ. อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรสฺส หตฺถคตํ ปจฺฉา กโรติ, สํโวหาเรน นิสฺสคฺคิย’’นฺติ. ‘‘รูปิยสฺส คหณมตฺเตน อฏฺเมน อาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน นวเมนา’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตํ ปน ยุตฺตํ. ‘‘อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฏ’’นฺติ ทุวุตฺตํ. ทุกฺกฏสฺส อนิยมปฺปสงฺคโต นิสฺสชฺชนวิธาเนสุ ทสฺสิโตว. กึ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ทฺวีหิ นิสฺสคฺคิเยหิ ภวิตพฺพํ, นิสฺสชฺชนวิธาเน ‘‘อหํ, ภนฺเต, รูปิยํ ปฏิคฺคเหสึ, นานาปฺปการกฺจ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชิ’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย ‘‘รูปิยํ เจตาเปตี’’ติ สพฺพตฺถ ปาฬิยํ รูปิยปฺปฏิคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา.
เอตฺตาวตา ยํ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘ทุกฺกฏวตฺถุนา กยวิกฺกยํ ปริหรนฺเตน จตูสุ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ เอเกกสฺมึ คหิเต อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ทุกฺกฏวตฺถุนา ทุกฺกฏวตฺถุนฺติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ คหิเต เตเนว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ‘‘กยวิกฺกยมฺปิ นีหริตฺวา คหิเต ทุกฺกฏํ, เจตาปิตรูปิยคฺคหเณ อฏฺเมน, ปริวตฺตเน นวเมนาติอาทินา อตฺตนา อนุคฺคเหตฺวา กปฺปิยวเสน นีหริตฺวา ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สทฺธึ ปริวตฺเตตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ, ตํ วิโสธิตํ โหติ. อปรมฺปิ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘นิสฺสชฺชิตพฺเพ อสติ กถํ ปาจิตฺติยํ, ทุนฺนิสฺสฏฺรูปิยมฺปิ ‘น ฉฑฺเฑตี’ติ วทนฺตสฺส วิสฺสฏฺโ อุปาสโก ตํ คเหตฺวา อฺํ เจ ภิกฺขุโน เทติ, กปฺปตี’’ติ, ตฺจ ทุวุตฺตํ. น หิ คหิตตฺตา ตโต อฺํ วตฺถุ โหติ. ปุน อปรฺจ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อิมํ ‘คณฺหาหี’ติ ¶ วทนฺตสฺส สทฺธาเทยฺยวินิปาตทุกฺกฏํ, ‘เอตํ เทหี’ติ วทนฺตสฺส วิฺตฺติทุกฺกฏ’’นฺติ, ตฺจ ทุวุตฺตํ. ตตฺถ หิ ปโยคทุกฺกฏํ ยุตฺตํ วิย ปฺายติ.
ปกิณฺณกํ นิฏฺิตํ.
เอฬกโลมวคฺโค ทุติโย.
๓. ปตฺตวคฺโค
๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺเว อปตฺตา, ตสฺมา เอเต ภาชนปริโภเคน ปริภฺุชิตพฺพา, นอธิฏฺานูปคานวิกปฺปนูปคตาติ อตฺโถติ จ. สมณสารุปฺเปน ปกฺกนฺติ อโยปตฺโต ปฺจหิ ปาเกหิ ปกฺโก โหติ, มตฺติกาปตฺโต ทฺวีหิ. ‘‘ภิกฺขุนิยา ปตฺตสนฺนิจฺจยสฺส วาริตตฺตา (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๐๒) ภิกฺขุสฺสปิ ตํ ‘อนนุรูป’นฺติ กตฺวา ‘ปุราณปตฺตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา’ติ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ, ตํ น ยุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘สนฺนิจฺจยํ กเรยฺยาติ อนธิฏฺิโต อวิกปฺปิโต’’ติ (ปาจิ. ๗๓๕) วุตฺตตฺตา. โส หิ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖ อาทโย) นิจฺจยสนฺนิธิ วิย เอโกปิ ปุนทิวเส ‘‘สนฺนิจฺจโย’’ติ วุจฺจติ. อนนฺตรสิกฺขาปเท ปน ‘‘ทุติโย วาริโต’’ติ อธิฏฺานํ นิยตํ. ตสฺมา ทฺเว ปตฺเต อธิฏฺาตุํ น ลภติ. สเจ เอกโต อธิฏฺาติ, ทฺเวปิ อนธิฏฺิตา โหนฺติ. วิสุํ วิสุํ อธิฏฺาติ, ทุติโย อนธิฏฺิโต. วิกปฺเปตุํ ปน พหูปิ ลภติ. กากณิกมตฺตมฺปีติ เอตฺถ ปิ-กาโร ‘‘เอกปากมฺปิ ชเนตี’’ติ ปากํ สมฺปิณฺเฑติ. อถ วา สเจ เอกปาเกเนว สารุปฺโป, วฏฺฏตีติ ปากปริมาณํ น วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. อปตฺตตฺตา อธิฏฺานูปโค ¶ น โหติ. อปจฺจุทฺธรนฺเตน วิกปฺเปตพฺโพติ ปุราณปตฺตํ อปจฺจุทฺธรนฺเตน โส ปตฺโต วิกปฺเปตพฺโพติ อตฺโถติ ลิขิตํ.
ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา
ปวาริเตติ ¶ เอตฺถ สงฺฆวเสน ปวาริตฏฺาเน ปฺจพนฺธเนเนว วฏฺฏติ, ปุคฺคลิกวเสน ปวาริตฏฺาเน อูนปฺจพนฺธเนนาปิ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
โย อูนปฺจพนฺธนตฺถํ, วุตฺตมฺปิ เจตํ กโร โส;
อูนปฺจพนฺธนตฺถํ, ปตฺวาน สนฺติเก.
อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ปฏิสายนียานิ ปฏิคฺคเหตฺวา’’ติ วทนฺเตน ปาทมกฺขนาทีนํ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตฺวา เปตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ ลิขิตํ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ วจเนน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ น กปฺปตีติ วทนฺตา อชานิตฺวา วทนฺติ. เยสฺหิ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปีติอาทิ สตฺตาหกาลิกนิสฺสคฺคิยวตฺถุปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตถา ปณีตโภชนสิกฺขาปเท เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํเยว ขีราทิ ปณีตโภชนํ, เนตรนฺติ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ. มธุ นาม มธุกริภมรมกฺขิกานํ อาสเยสุ นิยฺยาสสทิสํ มหามธุ โหติ, ตํ ยาวชีวิกนฺติ จ ลิขิตํ.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปตฺตวคฺโค ตติโย.
นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๔. โภชนวคฺโค
๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
เทวทตฺโต ¶ ¶ กาเล วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, ตปฺปจฺจยา ภควตา ‘‘คณโภชเน ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๐๙) สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ. ปทภาชเน ปน ‘‘นิมนฺติตา ภฺุชนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๒๑๘) นิมนฺตนเมว คเหตฺวา วิภตฺตํ. อนฺธกฏฺกถายํ ปน วตฺถุวเสน วิฺตฺติยา ยาจนมฺปิ วุตฺตนฺติ ลิขิตํ. กสฺมา? ปริวาเร เอว ‘‘คณโภชนํ ทฺวีหากาเรหิ ปสวติ วิฺตฺติโต วา นิมนฺตนโต วา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) วุตฺตตฺตา. ตสฺมา อฏฺุปฺปตฺติยํเยว ปากฏตฺตา ปทภาชเน น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘‘เอกโต คณฺหนฺตี’ติ จ คหิตภตฺตาปิ อฺเ ยาว คณฺหนฺติ, ตาว เจ ติฏฺนฺติ, เอกโต คณฺหนฺติ เอว นามา’’ติ จ, ‘‘โย โกจิ ปพฺพชิโตติ สหธมฺมิเกสุ, ติตฺถิเยสุ วาติ อตฺโถ’’ติ จ, ‘‘สมยาภาโวติ สตฺตนฺนํ อนาปตฺติสมยานํ อภาโว’’ติ จ, ‘‘สมยลทฺธเกน สห จตฺตาโร โหนฺตี’’ติ จ, ‘‘สมยลทฺธโก สยเมว มุจฺจติ, เสสานํ คณปูรกตฺตา อาปตฺติกโร โหตี’’ติ จ ลิขิตํ.
เอตฺถาห – ‘‘ปฏิคฺคหณเมว เหตฺถ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ จตฺตาโร…เป… ภฺุชนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๒๑๘) วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ตตฺถ ‘‘ภฺุชนฺตี’’ติ ปฏิคฺคหณนิยมวจนํ. น หิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ ภิกฺขู ภฺุชนฺตีติ.
คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺตฺร ¶ สมยาติ ปน นิมนฺตนโต ปสวนโต โภชนาเปกฺขํ ปาจิตฺติยนฺติ เอเก. เอโก ภิกฺขุ ปิณฺฑาย จรนฺโต ภตฺตํ ลภติ, ตมฺโ จูปาสโก นิมนฺเตตฺวา ฆเร นิสีทาเปสิ, น จ ตาว ภตฺตํ สมฺปชฺชติ ¶ . สเจ โส ภิกฺขุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภฺุชติ, อาปตฺติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภฺุชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๒๗) วุตฺตตฺตา. ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺวตฺติปตฺตปูรา ปฏิคฺคเหตพฺพาติ ตถานีตปูเวหิ อตฺถิเกน อุกฺกฏฺปตฺตปฺปมาณวเสน คเหตพฺพา. ‘‘มา โข ตฺวํ เอตฺถ ปฏิคฺคณฺหี’’ติ อปาเถยฺยาทิอตฺถาย สชฺชิตสฺาย อติเรกปฺปฏิคฺคหเณน อาโรจเน, อสํวิภาเค จ น มุจฺจติ อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อถ อุคฺคหิตกํ คณฺหาติ, น มุจฺจติ เอว. อสํวิภาเค ปน อนาปตฺติ อกปฺปิยตฺตา. อจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาภาเวเนว, น วตฺถุชานนาภาเวนาติ เอเก. ‘‘น ปาเถยฺยาทิอตฺถาย สชฺชิตภาวชานน’’นฺติ องฺเคสุ อวุตฺตตฺตา สเจ สฺจิจฺจ น วทติ, ปาจิตฺติยนฺติ โปราณา วทนฺติ. อติเรกปฺปฏิคฺคหณนฺติ ตตฺถ ปฺจมํว องฺคํ วุตฺตํ, ตสฺมา อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา น ปาจิตฺติยํ, กตฺตพฺพากรณโต ปน ทุกฺกฏํ. อฺถา กิริยากิริยํ อิทํ อาปชฺชติ. อนิวารณํ, อนาโรจนํ วา ฉฏฺมงฺคํ วตฺตพฺพํ สิยา.
กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
ภุตฺตาวี ปวารณํ นาม ปฺจงฺคิกํ. เตสุ ‘‘อสนํ ปฺายตฺตี’’ติ เอเตเนว ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ เอตสฺส สิทฺธตฺตา วิสุํ อตฺถสิทฺธิ น ทิสฺสติ. ทิสฺสติ เจ, องฺคานํ ฉกฺกตฺตทสฺสนนฺติ ¶ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๓๘-๒๓๙) ลิขิตํ. ‘‘โภชนํ ปฺายตี’’ติ อภิหฏํ สนฺธาย วุตฺตํ.
โกฏฺเฏตฺวา ¶ กตจุณฺณมฺปีติ ปิ-กาเรน กุณฺฑกํ สมฺปิณฺเฑติ. สมปากภชฺชิตานํ ปน อาตปสุกฺขานํ วา กุณฺฑกํ วา เย เกจิ ตณฺฑุลา วาติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา สมปากภชฺชิตานํ วีหีนํ, วีหิปลาสานํ วา ตณฺฑุลจุณฺณํ ปวาเรติ. ตถา ขรปากภชฺชิตานํ กุณฺฑกมฺปิ ปวาเรติ. ภชฺชิตสตฺตุโย ปิณฺเฑตฺวา กโต อปกฺกสตฺตุโมทโกปิ ปวาเรตีติ ลิขิตํ. สเจ อวสิฏฺํ นตฺถิ, น ปวาเรติ. กสฺมา? อสนสงฺขาตสฺส วิปฺปกตโภชนสฺส อภาวโต.
อกปฺปิยมํสํ ปน กิฺจาปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพฏฺาเน ิตํ, ขาทิยมานํ ปน มํสภาวํ น ชหาติ, ตสฺมา ปวาเรติ. โภชนสาลาย ภฺุชนฺโต เจ อตฺตโน อปาปุณนโกฏฺาสํ อภิหฏํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ. กามํ ปฏิกฺขิปติ, ปตฺเต ปน อารามิกา อากิรนฺติ, ตํ ภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. อิทฺหิ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺาย อเนสนาย อุปฺปนฺเนเยว สงฺขํ คจฺฉติ. ยถา หิ สงฺฆโต ลทฺธํ ปิณฺฑํ ทุสฺสีโล เทติ, ตฺเจ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ จ, วิภาโค ลชฺชี เจ เทติ, ตํ โส น อชฺโฌหริตุกามตาย ปฏิกฺขิปติ, ปวาเรตีติ จ, ‘‘สมํสรสํ สมจฺฉรส’’นฺติ อาปชฺชนโต ‘‘มํสรส’’นฺติ วุตฺเต ปน ปฏิกฺขิปโต โหติ, ‘‘มํสสฺส รสํ มํสรส’’นฺติ อยํ วิคฺคโห นาธิปฺเปโตติ จ วุตฺตํ. ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วทติ, น ปวาเรติ. ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปวาเรติ. กสฺมา? เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตาย. เอตฺถ ปน ‘‘ยาคุมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตตฺร เจ ยาคุ พหุตรา วา โหติ, สมสมา วา. ภตฺตํ มนฺทํ, น ปวาเรติ. ยาคุ เจ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรติ. อิทฺจ สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสํ. ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ. ตตฺร ภตฺตํ พหุตรํ วา สมกํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติ เอว. ภตฺตํ วา ยาคุํ วา อนามสิตฺวา ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ. ตตฺร เจ ภตฺตํ พหุตรํ, สมกํ วา โหติ, ปวาเรติ. อปฺปตรํ น ปวาเรติ. ตํ สพฺพํ วีมํสิตพฺพนฺติ.
ผลํ ¶ วา กนฺทมูลาทิ วา ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ กปฺปิยํ อกตนฺติ เอตฺถ กปฺปิยํ อการาปิเตหิ กทลิผลาทีหิ สทฺธึ อติริตฺตํ การาเปตฺวาปิ ตํ กทลิผลาทึ เปตฺวา อวเสสํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อมิสฺสกรสตฺตา ปุน ตานิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา อฺสฺมึ ภาชเน เปตฺวา ¶ กาเรตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? ปุพฺเพ เตสุ วินยกมฺมสฺส อนารุฬฺหตฺตาติ วทนฺติ.
ปตฺเต รชํ ปติตํ อปฺปฏิคฺคหิตเมว โหติ. ตสฺมา ปฏิคฺคเหตฺวาว ภิกฺขา คณฺหิตพฺพา. ‘‘อปฏิคฺคเหตฺวา คณฺหโต วินยทุกฺกฏ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๖๕) วุตฺตตฺตา เอตมฺเสมฺปิ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ‘‘ตํ ปน ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอวเมว. อิมสฺมึ ปน ‘‘อติริตฺตํ กตํ อนติริตฺตกตํ โหตี’’ติ เอตฺถาปิ เอวเมว. อิมสฺมึ ปน ‘‘อติริตฺตํ กตํ, อนติริตฺตํ กตํ โหตี’’ติอาทีหิ อุปปริกฺขิตฺวา วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ ทีปิตํ. อลเมตํ สพฺพนฺติ อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อฺํ น ลจฺฉสีติ อตฺโถ.
อาหารตฺถายาติ วิกาเล เอวาติ เอเก. ‘‘ปมกถินสทิสานิ. อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. กายกมฺมํ อชฺโฌหรณโต. วจีกมฺมํ วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ, ภนฺเต’’ติ อการาปนโตติ เวทิตพฺพํ.
ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ภุตฺตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๔๓) มาติกายํ วุตฺตตฺตา ‘‘โภชนปริโยสาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ, น อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร.
ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
ชมฺพุทีปสฺส ¶ กาเลน ปริจฺเฉโทติ เอวํ กิร.
วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ทุทฺโธโต ¶ โหตี’’ติอาทินา นเยน อิธ วุตฺตตฺตา, ‘‘ทุทฺโธตํ ปตฺตํ โธวิตฺวา ปุน
ตตฺถ อจฺโฉทกํ วา อาสิฺจิตฺวา, องฺคุลิยา วา ฆํสิตฺวา นิสฺเนหภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๕๓) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา จ มตฺติกาปตฺตสฺส กปาเลน ปีโต สฺเนโห สนฺนิธึ กโรตีติ สิทฺธนฺติ ลิขิตํ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมวาติ เอตฺถ อปริจฺจตฺตํ นาม อนุปสมฺปนฺนานํ นิรเปกฺขอปริจฺจตฺตํ อวิชหิตํ. ‘‘ปฏิคฺคหณนฺติ เอตฺถ ปฏิคฺคหิตภาวมวิชหิตเมว สนฺนิธึ ชเนตี’’ติ ธมฺมสิริตฺเถโร, ตํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๒๕๕) ปาฬิยา วิรุชฺฌติ. ตสฺส ปน ปุน ปฏิคฺคณฺหนกิจฺจาภาวโต วีมํสิตพฺพํ.
สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘เตสํ มํสฺจ ขีรทธีนิ จ อิธ อธิปฺเปตานี’’ติ อิทํ ปาจิตฺติยวตฺถุปริจฺเฉโท, น ปน กปฺปิยขีราทิปริจฺเฉโท, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ ขีราทีนิ วฏฺฏนฺตีติ จ, ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ สงฺฆวเสน ปวาริเต เภสชฺชตฺถาย สปฺปิอาทิเภสชฺชปฺจกํ วิฺาเปติ เจ, ตตฺถ ‘‘น เภสชฺชกรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปตี’’ติ เอตฺถ สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘เตน ปาจิตฺติย’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๖๑) จ ลิขิตํ.
ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สรีราวยเวนา’’ติ ¶ วุตฺตตฺตา มุเขน ปฏิคฺคหณํ อนฺุาตํ. ‘‘จิฺจาทิปตฺเตสุ ภูมิยํ อตฺถเตสุ น วฏฺฏติ, กลฺลเขตฺเต ตตฺถ วฏฺฏตี’’ติ จ, ‘‘สามํ คเหตฺวา’’ติ อิมินา น เกวลํ สปฺปทฏฺํเยว, อฺมฺปิ ทฏฺํ วิเสเสติ. สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ.
ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
โภชนวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อเจลกวคฺโค
๑. อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา
อเจลกาทโย ¶ ยสฺมา, ติตฺถิยาว มตา อิธ;
ตสฺมา ติตฺถิยนาเมน, ติกจฺเฉโท กโต ตโต.
อติตฺถิยสฺส นคฺคสฺส, ตถา ติตฺถิยลิงฺคิโน;
คหฏฺสฺสาปิ ภิกฺขุสฺส, กปฺปตีติ วินิจฺฉโย.
อติตฺถิยสฺส จิตฺเตน, ติตฺถิยสฺส จ ลิงฺคิโน;
โสตาปนฺนาทิโน ทาตุํ, กปฺปตีตีธ โน มติ.
อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
อนุปวิสิตฺวา นิสีทนจิตฺเตน สจิตฺตกตาติ เวทิตพฺพา.
สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๕. รโหปฏิจฺฉนฺนรโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
จตุตฺถํ ปมานิยเต, ปฺจมํ ทุติยานิยเต วุตฺตนยเมว. อิธ ปฺจมํ อุปนนฺทสฺส จตุตฺถํ โหติ.
รโหปฏิจฺฉนฺนรโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
สภตฺโต ¶ ¶ สมาโนติ นิมนฺตนภตฺโตติ โปราณา. สนฺตํ ภิกฺขุํ, อนาปุจฺฉา, ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ, อฺตฺร สมยาติ อยเมตฺถ จตุพฺพิธา อนุปฺตฺติ. ตตฺถ สมยา ทฺเว สมยา. ภตฺติยฆรนฺติ นิมนฺติตสฺส ฆรํ วา สลากาภตฺตาทิทายกานํ วา ฆรํ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ, ‘‘อิธ นิมนฺตนา อกปฺปิยนิมนฺตนา’’ติ เอเก.
ปุเรภตฺตฺจ ปิณฺฑาย, จริตฺวา ยทิ ภฺุชติ;
สิยา ปรมฺปราปตฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ น สา สิยา.
ปจฺฉาภตฺตฺจ คมิโก, ปุพฺพเคหํ ยทิ คจฺเฉ;
เอเก อาปตฺติเยวาติ, อนาปตฺตีติ เอกจฺเจ.
กุลนฺตรสฺโสกฺกมเน, อาปตฺติมตโย หิ เต;
สมานภตฺตปจฺจาสา, อิติ อาหุ อิธาปเร.
มตา คณิกภตฺเตน, สเมนฺติ นํ นิมนฺตเน;
วิสฺสชฺชนํ สมานนฺติ, เอเก สมฺมุขตาปเร.
สนฺนิฏฺานตฺถิเกเหว, วิจาเรตพฺพเภทโต;
วิฺู จาริตฺตมิจฺเจว, สิกฺขาปทมิทํ วิทู. (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๙๔);
จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา
ปณีตโภชนสิกฺขาปเท ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ยํ วุตฺตํ, ตสฺสตฺโถ สงฺฆวเสน ปวาริเต เภสชฺชตฺถาย สปฺปิอาทิเภสชฺชปฺจกํ ¶ วิฺาเปติ เจ, ‘‘นเภสชฺเชน กรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปตี’’ติ (ปาจิ. ๓๐๙) วจเนน ปาจิตฺติยนฺติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๑๐) ลิขิตํ. ‘‘ตยา อิมินาว ปวาริตมฺหา, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ อตฺโถ’’ติ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตฺวา วิฺาเปตุํ คิลาโนว ลภติ, น อิตโรติ จ, ‘‘อฺสฺส อตฺถายา’’ติ ¶ อสฺส าตกปฺปวาริเต, อตฺตโน วา าตกปฺปวาริเตติ อตฺโถติ จ, ‘‘อปริยนฺตปฺปวารณาย ปวาริเต’’ติ สงฺฆวเสน, ปุคฺคลวเสน จ ปวาเรตฺวา ทายกา. ตสฺมา ‘‘สงฺฆปฺปวารณตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปุคฺคลปฺปวารณตา’’ติ น วุตฺตนฺติ จ, ‘‘ปริยนฺตาติกฺกโม’’ติ วจเนน คิลาโน คหิโต, ตสฺมา ‘‘คิลานาคิลานตา’’ติ น วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘สงฺฆปฺปวารณาย ปวารณตา’’ติ ปาโติ จ ลิขิตํ, วีมํสิตพฺพํ.
มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
หตฺถิอาทีสุ เอกเมกนฺติ อนฺตมโส เอกปุริสารุฬฺหหตฺถิมฺปิ, เอกํ สรหตฺถํ ปุริสมฺปิ. สมุฏฺานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานิ, อิทํ ปน โลกวชฺชํ, อกุสลจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ปาโ.
อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
เกนจิ ปลิพุทฺธสฺสาติ เวริเกน วา อิสฺสเรน วา เกนจิ รุทฺธสฺส. เสนาปริกฺเขเปน วา ปริกฺเขปารหฏฺาเนน วา สฺจรณฏฺานปริยนฺเตน วา ปริจฺฉินฺทิตพฺพา.
เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อเจลกวคฺโค ปฺจโม.
๖. สุราปานวคฺโค
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สุรา’’ติ ¶ วา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวาติ ลิขิตํ. อกุสลจิตฺตนฺติ เยภุยฺเยน ตํ สนฺธาย กิร วุตฺตํ. อถ กสฺมา ¶ วินยฏฺกถายํ ‘‘อกุสเลเนว ปาตพฺพตายา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๒๙) วุตฺตนฺติ เจ? สจิตฺตกปกฺเข อกุสเลเนว ปาตพฺพตายาติ.
สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา
กายสํสคฺคสงฺฆาทิเสสาปตฺติภาเว สมาเนปิ ภิกฺขุนิยาปิ อนุปสมฺปนฺเนปิ ทุกฺกฏํ, อุปสมฺปนฺเน เอว ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ ปุคฺคลาเปกฺขํ ทสฺเสตุํ ‘‘องฺคุลิปโตทเก ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ. สติ กรณีเยติ เอตฺถ ปุริสํ สติ กรณีเย อามสโตติ อธิปฺปาโย, น อิตฺถึ.
องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘จิกฺขลฺลํ วา’’ติ วจนโต สกฺขรมฺปิ ขิปนกีฬาย กีฬโต ทุกฺกฏเมว. อุปริโคปฺผเก ปาจิตฺติยํ, อฺตฺถ ทุกฺกฏนฺติ ปาจิตฺติยวตฺถุอตฺถวเสน ‘‘อุทเก หสธมฺเม ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ.
อิทํ สฺาวิโมกฺขํ เจ, ติกปาจิตฺติยํ กถํ;
กีฬิตํว อกีฬาติ, มิจฺฉาคาเหน ตํ สิยา.
เอตฺตาวตา ¶ กถํ กีฬา, อิติ กีฬายํ เอวายํ;
อกีฬาสฺี โหเตตฺถ, วินยตฺถํ สมาทเย.
เอกนฺตากุสโล ยสฺมา, กีฬายาภิรตมโน;
ตสฺมา อกุสลํ จิตฺตํ, เอกเมเวตฺถ ลพฺภตีติ. (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๓๖);
หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺส ¶ วจนนฺติ ‘‘อยํ อุกฺขิตฺตโก วา วมฺภิโต วา ครหิโต วา อิมสฺส วจนํ อกตํ ภวิสฺสตี’’ติ อนาทริยํ กโรติ. ธมฺมนฺติ กถายํ ธมฺโม นสฺเสยฺย วา วินสฺเสยฺย วา อนฺตรธาเยยฺย วา, ตํ วา อสิกฺขิตุกาโม อนาทริยํ กโรติ. ‘‘โลกวชฺชํ อติกฺกมิตฺวา ‘อิทํ อมฺหากํ อาจริยุคฺคโห’ติ วทนฺตสฺส น วฏฺฏตี’’ติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๔๔) ลิขิตํ.
อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘วิสิพฺพนาเปกฺโข’’ติ วุตฺตตฺตา อฺสฺส วฏฺฏติ, อฺเสฺจ.
โชติเนกมเนเก วา, ชาเลนฺติ มุนโย สห;
เอโก โสเปติ นาเนโก, อธิปฺปายวิเสสโต.
โชติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา
โมรกฺขิมณฺฑลมงฺคุลปิฏฺีนนฺติ ¶ น เอกนฺตโต, อธิกํ, โอรฺจาติ วทนฺติ. เอกโกเณปิ วฏฺฏติ, เอวํ ยตฺถ กตฺถจิ เอกพินฺทุปิ วฏฺฏตีติ.
ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. เอตฺถ ปริโภเคน กายกมฺมํ. อปจฺจุทฺธรเณน วจีกมฺมํ.
วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
สสูจิเก ¶ สูจิฆเร สูจิคณนาย อาปตฺติโยติ โปราณา.
อปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุราปานวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. สปฺปาณกวคฺโค
๑. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
วตฺถุคณนาย กมฺมพนฺธคณนาเจตนามารณานํ, น กมฺมพนฺธคณนาย เจตนามารณา. เอตฺถ เอกเจตนาย พหุปาณกา มรนฺตีติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
สปฺปาณกนฺติ ¶ ปาณกานํ มรณวเสน ปาจิตฺติยํ, น สปฺปาณกอุทกปริโภควเสน ปาจิตฺติยํ, ตสฺมา เอว ‘‘ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. อสุทฺธจิตฺตตฺตา ปาจิตฺติยํ, สุทฺธจิตฺเต อนาปตฺติ. ปทีปุชฺชลเน วิย ปณฺณตฺติวชฺชตา วุตฺตาติ ลิขิตํ.
ชเล ปกฺขิปนํ ปุพฺพํ, ชลปฺปเวสนํ อิทํ;
เอวํ อุภินฺนํ นานาตฺตํ, เยฺยํ าณวตา สทาติ. (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๘๗)
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ –
อุปชฺฌาโย สเจ สามํ, กมฺมวาจฺจ สาเวติ;
กมฺมํ รุหติ อิจฺเจเก, เนติ วินยโกวิโท.
ทุกฺกฏํ ¶ วิหิตํ ยสฺมา, อาจริยสฺส คณสฺส จ;
ตสฺมา ภินฺนาว อาจริย-อุปชฺฌายา วิสุํ อิธาติ.
อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
อิธ เอกโตอุปสมฺปนฺนา, สิกฺขมานา, สามเณรีติ อิมา ติสฺโสปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, อิมาสํ ปน ติสฺสนฺนํ สมโย รกฺขติ, อยมิมาสํ, มาตุคามสฺส จ วิเสโสติ เวทิตพฺพํ.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ตํ ¶ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสฏฺเนาติ ลทฺธินานาสํวาสกํ สนฺธายา’’ติ ลิขิตํ. ติจิตฺตนฺติ เอตฺถ วิปากาพฺยากตจิตฺเตน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺถา สจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส กิริยาพฺยากตํ สนฺธาย น ยุชฺชติ.
อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อยํ สมณุทฺเทโส ปาราชิโก โหติ. สเจ ตํ ทิฏฺึ ปฏินิสฺสชฺชติ, สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา สงฺฆานุมติยา ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ. ทณฺฑกมฺมนาสนา หิ อิธาธิปฺเปตา. ยทิ โส ปาราชิโก โหติ, ลิงฺคนาสนา นาม สิยา. ‘‘เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ จ ทิฏฺิ สตฺถริ อสตฺถาทิทิฏฺิ น โหติ. สเจ สา ยสฺส อุปฺปชฺชติ, โส ปาราชิโก โหติ, ตสฺมิมฺปิ เอวเมว ¶ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, สํวเร อติฏฺนฺโต ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๒๘) อาจริยสฺส ตกฺโก.
กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สปฺปาณกวคฺโค สตฺตโม.
๘. สหธมฺมิกวคฺโค
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา
องฺเคสุ น โมกฺขาธิปฺปายตา วิย อมรณาธิปฺปายตา วตฺตพฺพาติ เจ? น วตฺตพฺพา. กสฺมา? โย ภิกฺขุ สยํ ปหารํ ทาตุกาโม, โส อธิปฺปาเยน ตสฺส มรเณ ปโยควิรโหวาติ กตฺวา ¶ อมรณาธิการตฺตา เกวลํ อมรณาธิปฺปาโย เอว โสติ ตา วิย ตา น วุตฺตา. โมกฺขาธิปฺปายสฺส ปน โกโป นตฺถิ, ตสฺมา อนาปตฺตีติ วุตฺตํ.
ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา
ตลเมว ตลสตฺติกํ. ‘‘โปถนสมตฺถฏฺเน สตฺติก’’นฺติ เอเก. ยสฺมา ปหริตุกามตาย ปหรโต ปุริเมน ปาจิตฺติยํ, เกวลํ อุจฺจาเรตุกามตาย อุคฺคิรณมตฺเต กเต อิมินา ปาจิตฺติยํ. อิมินา ปน วิรชฺฌิตฺวา ปหาโร ทินฺโน, ตสฺมา นปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฏํ. กิมิทํ ทุกฺกฏํ ปหารปจฺจยา, อุทาหุ อุคฺคิรณปจฺจยาติ? ปหารปจฺจยา เอว ทุกฺกฏํ, ปุริมํ อุคฺคิรณปจฺจยา ปาจิตฺติยนฺติ สทุกฺกฏํ ปาจิตฺติยํ ยุชฺชติ. ปุริมฺหิ อุคฺคิรณํ, ปจฺฉา ปหาโร. น จ ปจฺฉิมํ ปหารํ นิสฺสาย ปุริมํ อุคฺคิรณํ อนาปตฺติวตฺถุกํ ภวิตุมรหตีติ โน ตกฺโกติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๕๖) อาจริโย.
ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
ปโร ¶ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตุ วา, มา วา, ตํ อปฺปมาณํ. ‘‘กุกฺกุจฺจุปาทน’’นฺติ ตติยมงฺคํ ตสฺส อธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปสฺสุตินฺติ ยถา อุปกุชฺฌํ ‘‘สมีปกุชฺฌ’’นฺติ วุจฺจติ, ตถา อุปสฺสุติ ‘‘สมีปสฺสุตี’’ติ เวทิตพฺพา. ยตฺถ ิโต สุณาติ, ตํ านนฺติ อตฺโถ. สุตีติ ปเนตฺถ ปเรสํ วจนสทฺโท จ. โส หิ สุยฺยตีติ สุติ นาม. อุปสุยฺยติ วา เอตฺถาติ อุปสฺสุติ. โอกาโส หิ สุติ นาม. อิเมสํ สุตฺวาติ เอตฺถ ‘‘วจน’’นฺติ ปาเสโส.
สมุฏฺานาทีนิ ¶ อตีตทฺวยสทิสานีติ น คเหตพฺพานิ. เถยฺยสตฺถสมุฏฺานํ. สิยา กิริยํ คนฺตฺวา สวเน. สิยา อกิริยํ ิตฏฺานํ อาคนฺตฺวา วทนฺตานํ อชานาปนวเสน สมุฏฺานโต. ‘‘สฺาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทน’’นฺติ ลิขิตํ.
อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กมฺมปฺปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา
อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชนเกน ปน จีวรํ กโรนฺตสฺส เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. ๓๒๘) วุตฺตปฺปเภทานิ สูจิอาทีนิ อนปโลเกตฺวาปิ ทาตพฺพานิ. ตโต อติเรกํ เทนฺเตน อปโลกนกมฺมํ กาตพฺพํ. เอวํ กตํ ปน อปโลกนํ กมฺมลกฺขณเมวาติ อธิปฺปาโย. เอวํ สพฺพตฺถ กมฺมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. คามสีมาวิหาเรสุ โอสารณาทีนิ สงฺฆกมฺมานิเยว น วฏฺฏนฺติ. วิสฺสชฺชิยเวภงฺคิยานิ ปน วฏฺฏนฺติ. ‘‘สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ สามฺโต อวตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ อปโลเกตพฺพนฺติ จ, ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทน’’นฺติ ปาโติ จ ลิขิตํ.
กมฺมปฺปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
สนฺนิปาตํ ¶ อนาคนฺตฺวา เจ ฉนฺทํ น เทติ, อนาปตฺตีติ เอเก. ทุกฺกฏนฺติ เอเก ธมฺมกมฺมนฺตรายกรณาธิปฺปายตฺตา.
ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา
อกปฺปิเยน วาติ สุวณฺณรชตมยมฺจาทินา. กปฺปิยมฺโจ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพติ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตหิ ปน ‘‘วิหารสฺส เทมา’’ติ วุตฺเต สุวณฺณรชตมยาทิอกปฺปิยมฺจาปิ ¶ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ จ, ‘‘อรฺชโร พหุอุทกคณฺหนโก’’ติ จ, ‘‘สงฺฆิกปอโภเคน วาติ สเจ อารามิกาทโย ปฏิสาเมตฺวา ปฏิเทนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ, ‘‘กํสโลหาทิภาชนํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ ปาริหาริยํ น วฏฺฏตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา อตฺตโน หตฺเถน คเหตฺวา ปฏิสามิตุํ น ลภตีติ จ, ‘‘เวธโก กายพนฺธนสฺสาติ วทนฺตี’’ติ จ, ‘‘หิงฺคุ หิงฺคุลิหริตาลมโนสิลา อฺชนานี’’ติ ปาโติ จ, ‘‘ทารุมโย วา…เป… อปาทโกปิ สมุคฺโค’’ติ ปาโติ จ, ‘‘ทารุมโย ตุมฺโพติ ทารุมโย อุทกตุมฺโพ’’ติ จ, ‘‘ถมฺภตุลาโสปานผลกาทีสู’’ติ จ ลิขิตํ.
ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา
เอโก ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตกสฺส ทาตุกาโม โหติ, ตสฺส ทานํ นิวาเรตฺวา อฺสฺส ทาเปติ, อนาปตฺติ. ตถา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ กโรนฺตสฺส ทาเปติ, อตฺตโน นิสฺสิตกา อิตฺถนฺนามสฺส ปตฺตํ ทาตุกามา อาปุจฺฉนฺติ, ‘‘วิสภาโค เอโส, สภาคสฺส เทหี’’ติ วทติ. อนาปตฺติ อตฺตโน ภารภูตตฺตา. ตสฺส ปน ทาตุกามํ อฺสฺส ทาเปติ ¶ , อาปตฺติ เอว. สพฺพตฺถ อาปุจฺฉิตฺวา ทาตุกามํ ยถาสุขํ วิจาเรตุํ ลภติ.
ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สหธมฺมิกวคฺโค อฏฺโม.
๙. รตนวคฺโค
๑. อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา
อสยนิฆเรติ ปริกฺขิตฺตสฺส พหิภูเตสุ รุกฺขมูลาทีสุ. ‘‘สเจ ขตฺติโยว โหติ, นาภิสิตฺโต, อภิสิตฺโตว โหติ, น ขตฺติโย, รกฺขตี’’ติ อาจริโย ‘‘ขตฺติยตา, อภิสิตฺตตา’’ติ ¶ อาปตฺติยา องฺคภาเวน วุตฺตตฺตา. สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา
สพฺโพปิ กถามคฺโค ภณฺฑาคาริกสีเสน นิกฺขิปนํ, โคปนฺจ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปวตฺโต.
รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สนฺตํ ภิกฺขุ’’นฺติ จ ‘‘อนาปุจฺฉา’’ติ จ ‘‘ตถารูปา อจฺจายิกาติ จ อิมาติ เอตฺถ ติสฺโส’’ติ ปาโ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา
ตํ ¶ อสฺสาติ ตํ เภทนกํ อสฺส ปาจิตฺติยสฺส อตฺถิ ปมํ เภทนํ กตฺวา ปจฺฉา เทเสตพฺพตฺตา. เอส นโย อิตเรสุปิ. วาสิชเฏติ วาสิทณฺฑเก.
สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา
อฏฺงฺคุลปาทกนฺติ ภาวนปุํสกํ. ตุลาสงฺฆาเต ปนเมว อฏฺฏกรณํ.
มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา
กิฺจาปิ ¶ ปฏิลาเภเยว ปาจิตฺติยํ วิย ทิสฺสติ, ปริโภเค เอว ปน อาปตฺติ ทฏฺพฺพา. ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๒๙) วจนํ เอตฺถ สาธกํ.
ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
กิฺจาปิ นิสีทนสฺส ชาติ น ทิสฺสติ เอตฺถ, ตถาปิ จีวรกฺขนฺธเก อนฺุาตตฺตา, ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานี’’ติ เอตฺถ จ ปริยาปนฺนตฺตา จีวรชาติ เอวสฺส ชาตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ลาเภ สทสํ, อลาเภ อทสมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ (ปาจิ. ๕๓๑-๕๓๒) ตสฺส สณฺานนิยมนโต.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
รตนวคฺโค นวโม.
สุทฺธปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
๑. ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
ยามกาลิกาทีสุ ¶ ¶ อาหารตฺถาย เอว ทุกฺกฏํ. ตมฺปิ อามิเสน อสมฺภินฺนรเส, สมฺภินฺเน ปน เอกรเส ปาฏิเทสนียเมว.
ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
อาราเม วา อารามูปจาเร วา ปฏิคฺคเหตฺวา อชฺโฌหรนฺตสฺสาติ อาราเม วา อารามูปจาเร วา ปฏิคฺคเหตฺวา อาราเม วา อารามูปจาเร วา อชฺโฌหรนฺตสฺสาติ อตฺโถ.
พหาราเม ปฏิคฺคหิตํ อชฺฌาราเม ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ. องฺเคสุ จ ‘‘อชฺฌาราเม วา อารามูปจาเร วา ปฏิคฺคหณ’’นฺติ คเหตพฺพํ. อชฺฌาราเม หิ ทสฺสิเต อารามูปจารํ ทสฺสิตเมวาติ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสขิยกณฺฑํ
เสขิเยสุ ¶ ¶ สติปิ วีติกฺกเม อนาทริยาเปกฺขสฺเสว อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ การโก น วุตฺโต. อยฺหิ วินยธมฺมตา, ยทิทํ สาเปกฺเข การกนิทฺเทโส, โส วุตฺตนิยเม วิธิ, ภุมฺมกรณฺจ. อฏฺงฺคุลาธิกมฺปิ โอตาเรตฺวา นิวาเสตุํ วฏฺฏติ. ตโต ปรํ โอตาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. อาราเม วาติ พุทฺธุปฏฺานาทิกาเล. ปารุปิตพฺพนฺติ อุตฺตราสงฺคกิจฺจวเสน วุตฺตํ.
ตฺวาติ เอตฺถ คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยวาติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๕๘๒) ลิขิตํ. ยถา วาสูปคตสฺส อนฺตรฆเร กายํ วิวริตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, ตถา ตสฺส สนฺติเก คนฺตุกามสฺสปิ กายพนฺธนํ อพนฺธิตฺวา สงฺฆาฏึ อปารุปิตฺวา คามปฺปเวสนมนาโรเจตฺวา ยถากามํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา อทฺธานมคฺคคมนกาเล เอโก ภิกฺขุ คามปฺปเวสนวตฺตํ ปูเรตฺวา คามํ ปวิสิตฺวา เอกํ อาวสถํ ปุรโตว ิตํ ปตฺวา ปริกฺขารํ เปตฺวา วาสูปคโต เจ โหติ, อิตเรหิ ตสฺส สนฺติกํ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. โก ปน วาโท จตูหปฺจาหํ วาสมธิฏฺาย วสิตภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺุจ วาสูปคตานํ สนฺติกํ คนฺตฺุจ วฏฺฏตีติ. พุทฺธปูชมฺปิ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ ‘‘อนาปตฺติ การณํ ปฏิจฺจ ตหํ ตหํ โอโลเกตี’’ติ. ตตฺถ การณํ นาม อามิสปูชาติ เวทิตพฺพาติ ลิขิตํ.
ฉพฺพีสติสารุปฺปวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยสฺมา ‘‘สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. ๖๐๒-๖๐๓) วจนํ ปิณฺฑปาโต สมปุณฺโณ ปฏิคฺคเหตพฺโพติ ทีเปติ, ตสฺมา อตฺตโน หตฺถคเต ปตฺเต ปิณฺฑปาโต ทิยฺยมาโน ถูปีกโตปิ เจ โหติ, วฏฺฏตีติ ทีปิโต โหติ. สูโปทนวิฺตฺติยํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ปุน อุคฺคิริตุกามสฺสาปิ สหสา เจ ปวิสติ, เอตฺถ อสฺจิจฺจ ¶ ภฺุชติ นาม. วิฺตฺติกตฺจ อกตฺจ เอกสฺมึ าเน ิตํ สหสา อนุปธาเรตฺวา คเหตฺวา ภฺุชติ, อสฺสติยา ภฺุชติ นาม.
สยํ ¶ ยานคโต หุตฺวา, ยถา ยานคตสฺส เจ;
อลํ วตฺถุํ ตถา นาลํ, สฉตฺโต ฉตฺตปาณิโน.
‘‘สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทํ เถยฺยสตฺถสมุฏฺานํ, กิริยํ, สฺาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทน’’นฺติ ปาโ.
เสขิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ภิกฺขุนีปาติโมกฺขวณฺณนา
ปาราชิกกณฺฑํ
อภิลาปมตฺตเมวาติ ¶ ¶ เอตฺถ ทหรวเสน ‘‘ภนฺเต’’ติ จ วุฑฺฒวเสน ‘‘อาวุโส’’ติ จ ตตฺถ ทุวิโธ อภิลาโป, อิธ ปน วุฑฺฒทหรานํ ‘‘อยฺยา’’ติ เอกเมว.
กายสํสคฺเค วุตฺตนเยนาติ เอตฺถ ตพฺพหุลนเยน กิริยสมุฏฺานตา วุตฺตา. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อวตฺวา ปน ‘‘สาทิเยยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อกิริยโตปิ สมุฏฺาตีติ เวทิตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ เหฏฺา ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน กิริยสมุฏฺานตํ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ภิกฺขุปจฺจตฺถิกา มนุสฺสิตฺถึ ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ อาเนตฺวา วจฺจมคฺเคน องฺคชาตํ อภินิสีเทนฺติ, โส เจ ปเวสนํ สาทิยตี’’ติอาทินา (ปารา. ๕๘) นเยน อกิริยสมุฏฺานสฺสปิ วุตฺตตฺตา ปมปาราชิกายปิ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฏฺานตา เวทิตพฺพา. น หิ ปเวสนสาทิยนาทิมฺหิ กิริยสมุฏฺานตา ทิสฺสติ.
องฺคชาตจลนฺเจตฺถ ¶ น สารโต ทฏฺพฺพํ ‘‘โส เจ ปเวสนํ น สาทิยติ, ปวิฏฺํ น สาทิยติ, ิตํ น สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๕๘) เอตฺถ ิตนสาทิยเน ปกติยาปิ ปริปุณฺณจลนตฺตา. สาทิยนปจฺจยา ปฏิเสวนจลนฺเจตฺถ น ทิสฺสเตวาติ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฏฺานตา คเหตพฺพา.
อปิจ ภิกฺขุนิยาปิ ปมปาราชิเก ตสฺส สาทิยนสฺส สรูเปน วุตฺตตฺตา ตทนุรูปวเสน วิภงฺคนยมโนโลเกตฺวา ‘‘กิริยสมุฏฺาน’’มิจฺเจว วุตฺตํ. ยถา เจเตสุ ตพฺพหุลนเยน กิริยสมุฏฺานตา วุตฺตา, ตถา สุราทีนํ อกุสเลเนว ปาตพฺพตา. อิตรถา ‘‘ยํ อกุสเลเนว ¶ อาปชฺชติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ วุตฺเต โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชานํ นิยมลกฺขณสิทฺธิ โหติ, ตถา ตํ อวตฺวา ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺเต โลกวชฺชวจนํ นิรตฺถกํ สิยา วตฺถุอชานนปกฺเขปิ อกุสเลเนว ปาตพฺพตฺตา. ยสฺมา ตตฺถ สุราปานวีติกฺกมสฺส อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ขนฺธกฏฺกถายํ ‘‘มชฺชปาเน ปน ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฏฺาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. สามเณโร ชานิตฺวาว ปิวนฺโต สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๘) วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘วตฺถุอชานนปกฺเข ปาณาติปาตาทีนํ สิทฺธิกรอกุสลจิตฺตุปฺปาทสทิเส จิตฺตุปฺปาเท สติปิ สามเณโร สีลเภทํ นาปชฺชตี’’ติ. อภินิเวสวจนํ ปาณาติปาตาทีหิ สมานคติกตฺตา สามเณรานํ สุราปานสฺส. ‘‘สุราเมรยิเม’’ติ วตฺถุํ ชานิตฺวา ปาตพฺพตาทิวเสน วีติกฺกมนฺตสฺส อกุสลสฺส อสมฺภโว นตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข’’ติอาทิ.
กิฺเจตฺถ – ยุตฺติวจเนน อรหนฺตานํ อปฺปวิสนโต สจิตฺตกาจิตฺตกปกฺเขสุ อกุสลนิยโมติ เจ? น, ธมฺมตาวเสน เสกฺขานมฺปิ อปฺปวิสนโต. อจิตฺตกปกฺเข อกุสลนิยมาภาวทสฺสนตฺถํ สุปนฺตสฺส มุเข ปกฺขิตฺตชลพินฺทุมิว สุราพินฺทุอาทโย อุทาหริตพฺพา. ตพฺพหุลนเยน หิ อตฺเถ คหิเต ปุพฺเพนาปรํ อฏฺกถาย สเมติ สทฺธึ ปาฬิยา จาติ. อาจริยาปิ สุราปาเน อกุสลนิยมาภาวเมว วทนฺติ. เอกจฺเจ ปน กิริยสมุฏฺานตา ปนสฺส ตพฺพหุลนยเมว, น ปมปาราชิเก. กถํ? กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ ปมปาราชิกสมุฏฺานํ. เอตฺถ ภิกฺขุสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ กายสํสคฺคภาเว สติ ภิกฺขุนี กายงฺคํ อโจปยมานาปิ จิตฺเตเนว อธิวาเสติ, อาปชฺชติ, น เอวํ ภิกฺขุ. ภิกฺขุ ปน โจปยมาโนว อาปชฺชติ, เอวเมว ปมปาราชิเกปิ โจปเน สติ เอว อาปชฺชติ, นาสติ. ปเวสนํ ¶ สาทิยตีติ เอตฺถ ปเวสนสาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตุปฺปาทนํ, มคฺเคน วา มคฺคปฺปฏิปนฺนมฺปิ อิจฺฉนฺติ. ตสฺสาปิ กายจลนํ เอกนฺตํ อตฺถิ เอว. เอวํ สนฺเตปิ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ วทนฺตีติ ลิขิตํ
ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุนีนํ ¶ ¶ สงฺฆาทิเสสํ ปตฺวา วุฏฺานวิธโย สนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘อยํ ภิกฺขุนี…เป… อาปนฺนา’’ติ ปุคฺคลนิยมํ กตฺวา ปาราชิกโต อธิปฺปายนฺติ ‘‘นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ อาปตฺตินามคฺคหณฺจ กตํ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยเมวา’’ติ ปาโ.
อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
กตฺถจิ อคนฺตฺวา นิสินฺนฏฺาเน เอว นิสีทิตฺวา กโรนฺติยา วาจาจิตฺตโต, ขณฺฑสีมาทิคตาย กายวาจาจิตฺตโต.
โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อาโภคํ วินา’’ติ วุตฺตตฺตา อาโภเค สติ อนาปตฺติ, อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปเท สมนฺตปาสาทิกายํ อุปจาราติกฺกเม อาปตฺติ วุตฺตา, อิธ โอกฺกเม. ทฺวีสุปิ วุตฺตํ อตฺถโต เอกเมว คามนฺตรคมนสงฺฆาทิเสสํ อุปจารสฺส สนฺธาย วุตฺตตฺตา. คณมฺหา โอหียนสฺส วิโรโธ. ‘‘อรฺเ’’ติ อิทํ อตฺถวเสน วุตฺตํ, คามนฺตเรปิ โหติ เอว.
สิกฺขาปทา ¶ พุทฺธวเรน วณฺณิตาติ คาถาย วเสน, อฏฺกถายมฺปิ คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารนฺติ วุตฺตํ.
เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
‘‘ฉาทนปจฺจยา ¶ ปน ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ อิทํ –
‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฏิจฺจ;
น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๘๑) –
อิมาย วิรุชฺฌติ. ตสฺมา ปมาทเลขา วิย ทิสฺสตีติ คเวสิตพฺโพ เอตฺถ อตฺโถ. ภิกฺขูนํ มานตฺตกถายํ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิคมนวณฺณนา) วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘คามูปจารโต จ ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโต จ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺร ภิกฺขูนํ วุตฺตปฺปการปฺปเทสํ อติกฺกมิตฺวา คาเมปิ ตํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุนีนํ ปน คาเม น วฏฺฏติ. ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ เอเก. อปเร ปน ภิกฺขูนมฺปิ คาเม น วฏฺฏติ. ภิกฺขุวิหาโร นาม ปุพฺเพ เอว คามูปจารํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ตสฺมา คามํ อวตฺวา วิหารูปจารเมว เหฏฺา วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ วิหาโร คาเม เอว วฏฺฏติ, น พหิ, ตสฺมา คามูปจารฺจ วิหารูปจารฺจ อุภยเมเวตฺถ ทสฺสิตํ. ตสฺมา อุภยตฺถาปิ อตฺถโต นานาตฺตํ นตฺถีติ วทนฺติ. ยํ ยุชฺชติ, ตํ คเหตพฺพํ.
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
ทุติเย ¶ ¶ อิธ ภาชาปิตาย ลทฺธจีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตํ วินยกมฺมํ กตฺวาปิ อตฺตนา น ลพฺภติ.
ตติเย ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทน’’นฺติ ปาโ.
จตุตฺเถ ปมํ วิฺตฺตํ อลภิตฺวา อฺํ ตโต อูนตรมฺปิ ลเภยฺย, นิสฺสคฺคิยเมว องฺคสมฺปตฺติโต.
นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. ปมวคฺควณฺณนา
ปเม ¶ ¶ หริตปตฺตวณฺโณ หริตโก. จาปลสุณํ อมิฺชโก. องฺกุรมตฺตเมว หิ ตสฺส โหติ. ปลณฺฑุกาทโย สภาเวเนว วฏฺฏนฺติ. สูปสมฺปากาที วินาปิ อนฺตมโส ยาคุภตฺเตปิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ, ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ คิลานาย ปุเรภตฺตเมว ลสุณํ กปฺปติ, น อคิลานายา’’ติ อภยคิรีนํ อุคฺคโหติ.
ทุติเย อาพาธปจฺจยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา สํหราเปตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุสฺส เอตฺถ จ ลสุเณ จ ทุกฺกฏํ.
สตฺตเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทฺธานมคฺคสิกฺขาปทสทิสานี’’ติ ปาโ.
นวเม กุฏฺโฏ นาม ฆรกุฏฺโฏ. ปากาโร นาม ปริกฺเขปปากาโร.
ฉฑฺฑิตเขตฺเตติ ปุราณเขตฺเต. สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสฺส ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา. ภิกฺขุนีนมฺปิ สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสงฺฆสนฺตเก วุตฺตนเยเนว วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสน กาตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
ทสเม ‘‘สยํ ตานิ วตฺถูนิ กโรนฺติยา’’ติอาทิ อิธ สิกฺขาปเท นตฺถิ. กสฺมา? เอฬกโลมสมุฏฺานตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? สุตฺตานุโลมมหาปเทสโต. ยทิ นจฺจาทีนิ ปสฺสิตุํ วา สุณิตุํ วา น ลภติ, ปเคว อตฺตนา กาตุนฺติ นยโต ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ. อิตรถา มหาปเทสา นิรตฺถกา สิยุํ. ‘‘เอวํ อฺตฺถปิ นโย เนตพฺโพ. สมุฏฺานมฺปิ อิธ วุตฺตเมว ¶ อคฺคเหตฺวา ฉสมุฏฺานวเสน คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริยา. อิธ วุตฺตํ สมุฏฺานํ นาม มูลภูตสฺส อนฺตรา วุตฺตาปตฺติยา, ตสฺมา เอฬกโลมสมุฏฺานเมวาติ อปเร. อาราเม ตฺวาติ น เกวลํ ตฺวา, ตโต คนฺตฺวา ปน สพฺพิริยาปเถหิปิ ลภติ. อาราเม ิตาติ ปน อารามปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. อิตรถา นิสินฺนาปิ น ลเภยฺยาติ.
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺควณฺณนา
ปฺจเม ¶ อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
สตฺตเม ธุวปฺตฺเตติ ภิกฺขุนีนํ อตฺถาย. กุลานีติ กุลฆรานิ.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺควณฺณนา
จตุตฺเถ สงฺฆาฏิอาทิวเสน อธิฏฺิตานํ สงฺฆาฏิจารํ.
ปฺจเม ‘‘อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ฉฏฺเ อฺสฺมึ ปริกฺขาเร ทุกฺกฏนฺติ ถาลกาทีนํ วา สปฺปิเตลาทีนํ วา อฺตรสฺมึ.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถวคฺควณฺณนา
ฉฏฺเ สํสฏฺวิหารสิกฺขาปเท ‘‘เสสเมตฺถ ปมอริฏฺสิกฺขาปเท วุตฺตวินิจฺฉยสทิสเมวา’’ติ ปาโ.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมวคฺควณฺณนา
‘‘จิตฺตาคารํ ¶ นาม ยตฺถ กตฺถจิ มนุสฺสานํ กีฬิตุํ รมิตุํ กตํ โหตี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๙๗๙) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา จิตฺตาคาราทีนิ สพฺเพสํ อตฺถาย กตานิ, น รฺโ เอว.
สตฺตเม เอเตน นิสฺสชฺชิตุํ กปฺปิยํ วุตฺตํ. ‘‘นิสฺสชฺชิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๐๗) ปาฬิ จ อตฺถิ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. อฏฺเมปิ เอโสว ปาโ.
ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉฏฺวคฺควณฺณนา
ทสเม ¶ ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ฉฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฏฺมวคฺควณฺณนา
ปมทุติยตติเยสุ ‘‘คิหิคตา’’ติ วา ‘‘กุมาริภูตา’’ติ วา น วตฺตพฺพา. วทนฺติ เจ, กมฺมํ กุปฺปติ.
เอกาทสเม ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาติ ‘‘ยถาสุข’’นฺติ อวตฺวา. เอตฺถ ปน อยํ วินิจฺฉโย – ‘‘ปาริวาสิกฉนฺททาเนนา’’ติ อิทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘วุฏฺิตาย ปริสายา’’ติ (ปาจิ. ๑๑๖๘) ปทภาชนํ วุตฺตํ. เอตสฺส ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘วุฏฺิตาย ปริสายาติ ฉนฺทํ วิสฺสชฺเชตฺวา กาเยน วา วาจาย วา ฉนฺทวิสฺสชฺชนมตฺเตน วา วุฏฺิตายา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖๗) วุตฺตํ. อิธ ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฏฺตฺตา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตสฺมา ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ทฺวาทสหตฺถปาเส วิหริตฺวา ปุน สนฺนิปาตกรณฺจ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
อฏฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นวมวคฺควณฺณนา
ตติเย ¶ ‘‘เสสํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ, อิทํ ปน อกุสลจิตฺต’’นฺติ ปาโ.
จตุตฺเถ วุตฺตนเยนาติ ตติเย วุตฺตนเยน.
เอกาทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ทฺวาทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปทโสธมฺมสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
เตรสเม ‘‘สํกจฺจิกํ นาม อธกฺขกํ อุพฺภนาภิ, ตสฺสา ปฏิจฺฉาทนตฺถายา’’ติ (ปาจิ. ๑๒๒๖) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘‘อธกฺขกอุพฺภนาภิสงฺขาตสฺส สรีรสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถ’’นฺติ ¶ ปาโ. อปริกฺเขเป อาปตฺติปริจฺเฉทํ สมนฺตปาสาทิกวเสน อคฺคเหตฺวา อิธ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
นวมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สุทฺธปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมุฏฺานวินิจฺฉยวณฺณนา
สมุฏฺานานํ วินิจฺฉเย ปน คิรคฺคสมชฺชาทีนิ ‘‘อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺธ’’นฺติ วา อชานิตฺวาปิ ทสฺสเนน, วิลิมฺปเนน วา อาปชฺชนโต วตฺถุอชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ. ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺธ’’นฺติ วา ชานิตฺวา ปสฺสนฺติยา, วิลิมฺปนฺติยา วา อกุสลตฺตา เอว โลกวชฺชานิ. โจริวุฏฺาปนาทีนิ ‘‘โจรี’’ติอาทินา วตฺถุํ ชานิตฺวา กรเณเยว อาปชฺชนตฺตา สจิตฺตกานิ. อุปสมฺปทาทีนํ เอกนฺตากุสลจิตฺเตเนว อกตฺตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติวชฺชานิ. ‘‘อิธ สจิตฺตกาจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาชานนตาย อคฺคเหตฺวา วตฺถุชานนาชานนตาย คเหตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. อธิปฺเปตตฺตา สงฺเขปโต ทสฺสนาภาวา –
อจิตฺตกตฺตํ ¶ ทฺวิธา มตํ, วตฺถุปณฺณตฺติอฺาณา;
วุตฺตํ าณํ ทฺวิธา อิธ, สกนาเมน อฺาตํ.
ปรนามฺจ ชานนํ, วตฺถุสฺเสกํ พลกฺกาเร;
เอกธา สมจาริเก, ตสฺมึ ตปฺปฏิพนฺโธติ.
ปรนาเมน ชานนํ, ทฺวิธา มุตฺตาทิเก เอกํ;
เอกํ โลมาทิเก มตนฺติ, อยํ เภโท เวทิตพฺโพ.
เสสเมตฺถ อุตฺตานํ, อนุตฺตานตฺเถ วุตฺตวินิจฺฉยตฺตา น อุทฺธฏนฺติ;
สมุฏฺานวินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุนีปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
กงฺขาวิตรณีปุราณฏีกา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
กงฺขาวิตรณี-อภินวฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
ติโลกติลกํ ¶ ¶ พุทฺธํ, วนฺเท สุทฺธคุณากรํ;
กรุณาสีตลีภูต-หทยํ มหิโตทยํ.
เตนาปิ ธมฺมราเชน, โลเกกาจริเยน โย;
ปูชิโต ตฺจ สทฺธมฺมํ, วนฺเท คมฺภีรมุตฺตมํ.
มุนินฺทจนฺทสทฺธมฺม-รํสีหิ วิมเลหิ โย;
โพธิโตหํ สทา วนฺเท, ตํ สงฺฆํ กุมุทากรํ.
วินเย ¶ นยคมฺภีเร, สพฺพถา ปารทสฺสินา;
วาทินา ทุตฺตราคาธ-สพฺพสตฺถมหณฺณเว.
ยา กตา พุทฺธโฆเสน, เถเรน ถิรเจตสา;
กงฺขาวิตรณี นาม, มาติกฏฺกถา สุภา.
ถิราเนกคุโณเฆน, เถเรน วินยฺุนา;
กลฺยาณาจารยุตฺเตน, ธีมตา มุนิสูนุนา;
วินยฏฺิติกาเมน, สุเมเธนาภิยาจิโต.
ตมหํ วณฺณยิสฺสามิ, สุวิสุทฺธมนากุลํ;
สาธโว ตํ นิสาเมถ, สกฺกจฺจํ มม ภาสโตติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
สพฺพกุสลธมฺมปฺปมุขสฺส วิปุโลฬารคุณวิเสสาวหสฺส ปรมคมฺภีรสฺส ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนํ กตฺตุกาโมยมาจริโย ปมํ ตาว ‘‘พุทฺธํ ธมฺม’’นฺติอาทินา รตนตฺตยปฺปณามกรเณน อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ ปุนาติ. วิสุทฺธจิตฺตสนฺตานนิสฺสยา หิ ปฺา ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ยถาธิปฺเปตสํวณฺณนาย ปริโยสานคมนสมตฺถา โหตีติ ¶ . อปิจ รตนตฺตยปฺปณาเมน วิธุตสพฺพกิพฺพิเส จิตฺตสนฺตาเน ภวนฺตรูปจิตานิปิ อนฺตรายิกกมฺมานิ ปจฺจยเวกลฺลโต ยถาธิปฺเปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นาลมนฺตรายกรณายาติปิ อาจริยสฺส รตนตฺตยวนฺทนา.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน, เยฺยวิเสสสฺส จ กมฺมภาเวน อคฺคหณโต ¶ กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิเตน สยมฺภุาเณน สหวาสนาย วิคตวิทฺธสฺตนิรวเสสุปกฺกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโรว ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑),
ตํ พุทฺธํ.
ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺหิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายทุกฺเข, สํสารทุกฺเข จ อปตมาเน ธาเรตีติ, ตนฺนิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนฺเจตฺถ ธารณํ. เอวฺจ กตฺวา อริยมคฺโค, ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตาย นิพฺพานฺจาติ อุภยเมว นิปฺปริยายโต ธาเรติ. อริยผลฺจ ปน ตํสมุจฺฉินฺนกิเลสปฏิปฺปสฺสมฺภเนน ตทนุกูลตาย, ปริยตฺติธมฺโม จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภยมฺปิ ปริยายโต ธาเรตีติ เวทิตพฺพํ, ตํ ธมฺมํ. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ยถาวุตฺตํ พุทฺธํ, อิมฺจ ธมฺมํ วนฺทิตฺวาติ พุทฺธรตเนน สห วนฺทนกิริยาย ธมฺมรตนํ สมุจฺจิโนติ.
น เกวลํ อิทํ ทฺวยเมวาติ อาห ‘‘สงฺฆฺจา’’ติ. อริเยน ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต ฆฏิโตติ สงฺโฆ, อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. เตหิ ¶ เตหิ วา มคฺคผเลหิ กิเลสทรถานํ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมฺมเทว ฆาติตตฺตา สงฺโฆ, โปถุชฺชนิกสงฺฆสฺสาปิ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ิตตฺตา ปุริมเจตนาย วิย ทาเน เอตฺเถว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. โสปิ หิ กิฺจาปิ อริเยน ทิฏฺิสีลสามฺเน อสํหโต, นิยฺยานิกปกฺขิเยน ปน โปถุชฺชนิเกน สํหตตฺตา ทกฺขิเณยฺยปณิปาตารโห สงฺโฆเยวาติ, ตํ สงฺฆํ. จ-สทฺทสฺสตฺโถ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
กึวิสิฏฺํ พุทฺธํ, ธมฺมํ, สงฺฆฺจาติ อาห ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชน’’นฺติ. อิทฺจ วิเสสนํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ. พุทฺธํ…เป… วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ สงฺฆฺจา’’ติ. ตตฺถ สเทวเกน โลเกน อรหตาทีหิ คุเณหิ เสฏฺภาเวน กริยมาโน ปณาโม วนฺทนา, สมฺมาโน มาโน, คนฺธปุปฺผาทีหิ อุปหาโร ปูชา, อภิสงฺขตปจฺจยทานํ ¶ สกฺกาโร, วนฺทนา จ มาโน จ ปูชา จ สกฺกาโร จ วนฺทนามานปูชาสกฺการา, เตสํ มหปฺผลภาวกรเณน ภาชนตฺตา อาธารตฺตา วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ. อิมินา รตนตฺตยสฺส อรหตาทีหิ คุเณหิ อสมภาวํ ทสฺเสติ. ตนฺทสฺสนมฺปิ ตกฺกตสฺส นิปจฺจการสฺส สสนฺตานปวนาทิวเสน ยถาธิปฺเปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นิปฺผาทนสมตฺถภาวทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิปฺปสนฺเนน เจตสา วนฺทิตฺวาติ อรหตาทิอเนกปฺปการคุณวิเสสานุสฺสรณวเสน วิวิเธน, วิเสเสน วา ปสนฺเนน มนสา สทฺธึ กายวาจาหิ กรณภูตาหิ อภิวนฺทิยาติ อตฺโถ, ตีหิ ทฺวาเรหิ นมสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ติวิธา จายํ วนฺทนา กายวจีมโนวนฺทนานํ วเสน. ตตฺถ พุทฺธาทิคุณารมฺมณา กามาวจรกุสลกิริยานํ อฺตรเจตนา กายวจีวิฺตฺติโย สมุฏฺาเปตฺวา กายวจีทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา กายวจีวนฺทนาติ วุจฺจติ, อุภยวิฺตฺติโย ปน อสมุฏฺาเปตฺวา มโนทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา มโนวนฺทนาติ. อิมสฺส ปทสฺส ‘‘วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.
เอวํ รตนตฺตยสฺส ปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน นิสฺสยภูตานํ อฏฺกถาจริยานฺจ ปณามํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กตฺชลี ปุพฺพาจริยสีหานํ นโม กตฺวาติ สมฺพนฺโธ. กโต อฺชลิ กรปุโฏ เอเตนาติ กตฺชลี. ฉนฺทานุรกฺขณตฺถฺเหตฺถ ทีโฆ ¶ , กตฺชลี หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพาจริยา โปราณฏฺกถาการา ตมฺพปณฺณิยา มหาเถรา, เต เอว ปริสฺสยสหนโต, ปฏิปกฺขภูตกิเลสหนนโต, ปรวาทิมิเคหิ อปธํสนียโต จ สีหสทิสตฺตา สีหาติ ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ ปุพฺพาจริยสีหานํ. กีทิสา เต ปุพฺพาจริยสีหา, เยสํ ตยา นโม กรียตีติ อาห ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เถรวํสปฺปทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตาติ เถรา, มหากสฺสปาทโย, เตสํ วํโส อนฺวโยติ เถรวํโส. เอเตน ภินฺนลทฺธิกานํ สตฺตรสเภทานํ มหาสงฺฆิกาทีนํ วํสํ ปฏิกฺขิปติ, เถรวํสปริยาปนฺนา หุตฺวา ปน อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส เถรวํสสฺส ทีปนโต เถรวํสปฺปทีปา, ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ เถรวํสปฺปทีปานํ. อสํหีรตฺตา ถิรานํ. วินยกฺกเมติ อารมฺภานุรูปวจนเมตํ, เต ปน สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ ถิรา เอว.
เอวํ อฏฺกถาจริยานมฺปิ ปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํวณฺเณตพฺพธมฺมวิเสสสฺส อภิธานานิสํสํ, เทสกสมฺปตฺติโย จ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มเหสินา ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ มเหสินาติ มหนฺเต สีลาทิเก ปฺจ ธมฺมกฺขนฺเธ เอสี ¶ คเวสีติ มเหสิ. มหนฺเตหิ เอสิโตติ วา ปุถุชฺชนเสขาเสขอิสีหิ วิสิฏฺตฺตา มหนฺโต อิสีติ วา มเหสิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ, เตน มเหสินา. ปาติโมกฺขนฺติ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธสํวรภูตํ สิกฺขาปทสีลํ, ตทฺทีปนโต อุภโตวิภงฺคสุตฺตสงฺขาตํ คนฺถปาติโมกฺขเมว วา. กิมฺภูตนฺติ อาห ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิ. ปมุเข สาธูติ ปโมกฺขํ, ปโมกฺขเมว ปาโมกฺขํ, วชฺชปฏิปกฺขตฺตา อนวชฺชานํ สมาธิปฺาสงฺขาตานํ ปริตฺตมหคฺคตโลกุตฺตรานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาทิ ปติฏฺาภูตนฺติ อตฺโถ. ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) หิ วุตฺตํ. มุขมิวาติ มุขํ, ทฺวารํ. ยถา หิ สตฺตานํ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยวเสน จตุพฺพิโธปิ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จาตุภูมกกุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มุขมิวาติ มุข’’นฺติ. อถ วา มุขํ ทฺวารํ โมกฺขปฺปเวสาย นิพฺพานสจฺฉิกิริยายาติ อตฺโถ. วุตฺตฺหิ –
‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ ¶ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑).
ตถา –
‘‘อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย, วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ.
เอวํ สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส อภิธานาทึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สูรเตนา’’ติอาทินา จตุตฺถคาถมาห. ตตฺถ สูรเตนาติ โสภเน รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, เตน สูรเตน, โสภเน กายิกวาจสิกกมฺเม รเตนาติ อตฺโถ, วินีเตนาติ วุตฺตํ โหติ. นิวาเตนาติ นีจวุตฺตินา. สุจิสลฺเลขวุตฺตินาติ สุจิภูตา กิเลสสลฺลิขนสมตฺถา วุตฺติ ปฏิปตฺติ เอตสฺสาติ สุจิสลฺเลขวุตฺติ, เตน สุจิสลฺเลขวุตฺตินา, ปริสุทฺธาย อปฺปิจฺฉวุตฺติยา สมนฺนาคเตนาติ อตฺโถ. วินยาจารยุตฺเตนาติ วาริตฺตจาริตฺตสีลสมฺปนฺเนน. อถ วา วินโยติ เจตฺถ ปาติโมกฺขสํวราทิเภโท สํวรวินโย. อาจาโรติ อาจารโคจรนิทฺเทเส อาคตสมณสารุปฺปาจาโร ¶ . โสณตฺเถเรนาติ เอตฺถ โสโณติ ตสฺส นามํ. ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร. ยาจิโตติ อภิยาจิโต. เถโร หิ ปาติโมกฺขสฺส คมฺภีรตาย ทุรวคาหตํ, อาจริยสฺส จ ตํสํวณฺณนาย สามตฺถิยํ ตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสฺส ตยา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ สาสนสฺส สุจิรฏฺิติกตา โหตี’’ติ สานิสํสคารเวน ยาจนํ อกาสิ. ตทสฺส ยาจนํ อตฺตโน สํวณฺณนาย นิทานภูตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาจิโต’’ติ อาห.
เอตฺถ จ ‘‘สูรเตนา’’ติ อิมินาสฺส โสรจฺจํ วุจฺจติ. ‘‘นิวาเตนา’’ติ อิมินา นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย นิวาตวุตฺติตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน, นิหตทปฺโป, ปาทปฺุฉนโจฬกสโม, ภินฺนวิสาณูสภสโม, อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส ¶ โหติ. ‘‘สุจิสลฺเลขวุตฺตินา’’ติ อิมินา อินฺทฺริยสํวรปจฺจยสนฺนิสฺสิตอาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘วินยาจารยุตฺเตนา’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวมเนกคุเณหิ ตสฺส อภิตฺถวนํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตสฺส สพฺรหฺมจาริโน อชฺเฌสนํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ ปรมคมฺภีรสฺสาปิ ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนายํ ปวตฺตาติ ทสฺสนตฺถํ. กิฺจ – ตาทิสสฺส อชฺเฌสนํ นิสฺสาย กริยมานา อตฺถสํวณฺณนา ตสฺส อชฺเฌสนาธิปจฺเจน, มมฺจ อุสฺสาหสมฺปตฺติยา น จิเรน ปริโยสานํ คจฺฉตีติ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺสวเน โสตุชนสฺสาทรํ ชเนตุํ ตปฺปโยชนกรณปฺปการนิสฺสยาภิธานาทึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ยํ มเหสินา ปาติโมกฺขํ ปกาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข. สฺชาตกงฺขานนฺติ ปทปทตฺถวินิจฺฉยวเสน สฺชาตกงฺขานํ, สมุปฺปนฺนสํสยานนฺติ อตฺโถ. กงฺขาวิตรณตฺถายาติ ยถาวุตฺตสํสยสฺส อติกฺกมนตฺถาย. ตสฺสาติ ปาติโมกฺขสฺส. วณฺณียติ อตฺโถ กถียติ เอตายาติ วณฺณนา, อฏฺกถา, ตํ วณฺณนํ. อิมสฺส จ ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. กึภูตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติอาทิ. ปริปุณฺณวินิจฺฉยนฺติ ขนฺธกปริวารปทภาชนาทิวเสน อสาธารณวินิจฺฉยสฺส จ นิทานาทิวเสน สตฺตรสปฺปเภทสฺส จ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณวินิจฺฉยสฺส ปกาสนโต สมฺปุณฺณวินิจฺฉยํ.
มหาวิหารวาสีนนฺติ มหาเมฆวนุยฺยานภูมิภาเค ปติฏฺิโต วิหาโร มหาวิหาโร, โย สตฺถุโน มหาโพธินา วิภูสิโต, ตตฺถ วสนฺติ สีเลนาติ มหาวิหารวาสิโน, เตสํ มหาวิหารวาสีนํ ¶ . วาจนามคฺคนิสฺสิตนฺติ กถามคฺคนิสฺสิตํ, อฏฺกถานิสฺสิตนฺติ อตฺโถ, มหาวิหารวาสีนํ สีหฬฏฺกถานยํ อิธ นิสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ. วณฺณยิสฺสามีติ ปวตฺตยิสฺสามิ. นาเมนาติ อตฺตโน คุณนาเมน. กงฺขาวิตรนฺติ เอตายาติ กงฺขาวิตรณี, ตํ กงฺขาวิตรณึ. สุภนฺติ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนตฺตา สุนฺทรํ, สทฺทลกฺขณสุภโต, วินิจฺฉยสุภโต, วิฺเยฺยสุภโต จ สุภํ ปริสุทฺธํ. เอตฺถ จ ‘‘กงฺขาวิตรณตฺถายา’’ติ อิมินา ปโยชนํ ทสฺเสติ, ปุริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติ อิมินา ¶ สํวณฺณนาปฺปการํ, ‘‘มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคนิสฺสิต’’นฺติ อิมินา สํวณฺณนาย นิสฺสยวิสุทฺธึ นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรโทสวิวชฺชนโต, ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วตฺตยิสฺสามี’’ติปิ ปาโ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานวณฺณนา
เอวํ รตนตฺตยปณามาทิสหิตํ สฺาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ปาติโมกฺขสฺส วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาติโมกฺขํ ตาว วจนตฺถโต, สรูปเภทโต, คนฺถเภทโต, อุทฺเทสวิภาคโต, อุทฺเทสปริจฺเฉทโต จ ววตฺถเปตฺวา ตทุทฺเทสกฺกเมนายํ วณฺณนา ภวิสฺสตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปาติโมกฺข’’นฺติอาทิ อารทฺธํ.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ คาถาปเท. ปอติโมกฺขนฺติ ปการโต อติวิย สีเลสุ มุขภูตํ. อติปโมกฺขนฺติ ตเมว ปทํ อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วทติ. อถ วา ป อติ โมกฺขนฺติ ปทจฺเฉโท, ตสฺส อุปสคฺคพฺยตฺตเยนตฺถมาห ‘‘อติปโมกฺข’’นฺติ. เอวํ ปเภทโต ปทวณฺณนํ กตฺวา สทฺทตฺถโต วทติ ‘‘อติเสฏฺํ อติอุตฺตมนฺติ อตฺโถ’’ติ. เอตฺถ จ สีลปาติโมกฺขํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต เสฏฺํ, คนฺถปาติโมกฺขํ ปน เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิตีติ เอวํ. อิมินา ยถาวุตฺตวจนตฺถํ นิทสฺเสติ. นิทสฺสนตฺโถ หิ อยํ อิติ-สทฺโท ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย. อิมินาติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ อิติ-สทฺเทน อนนฺตรนิทสฺสิตสฺส, ปฏิคฺคาหเกหิ จ โสตวิฺาณาทิวีถิยา ¶ ปฏิปนฺนสฺส วจนตฺถสฺส วจนโต. อถ วา อิมินาติ อาสนฺนปจฺจกฺขภาวกรณวจนํ ยถาวุตฺตสฺส วจนตฺถสฺส อภิมุขีกรณโต. วจนตฺเถนาติ ‘‘อติเสฏฺ’’นฺติ สทฺทตฺเถน. เอกวิธมฺปีติ เอกโกฏฺาสมฺปิ. สีลคนฺถเภทโต ทุวิธํ โหตีติ ปุน สีลคนฺถสงฺขาเตน ปเภเทน ทุวิธํ โหติ, สีลปาติโมกฺขํ, คนฺถปาติโมกฺขฺจาติ ทุวิธํ โหตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ ตทุภยสฺสาปิ สุตฺเต อาคตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาติ รกฺขตีติ ปาติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ, สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม, ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. วิหรตีติ วตฺตติ.
อาทิเมตนฺติ เอตํ สิกฺขาปทสีลํ ปุพฺพุปฺปตฺติอตฺเถน อาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ, ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๒).
ยถา หิ นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปมํ นครฏฺานํ โสเธติ, ตโต อปรภาเค วีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกาทิปริจฺเฉเทน วิภชิตฺวา นครํ มาเปติ, ยถา วา ปน รชโก ปมํ ตีหิ ขาเรหิ วตฺถํ โธวิตฺวา ปริสุทฺเธ วตฺเถ ยทิจฺฉกํ รงฺคชาตํ อุปเนติ, ยถา วา ปน เฉโก จิตฺตกาโร รูปํ ลิขิตุกาโม อาทิโตว ภิตฺติปริกมฺมํ กโรติ, ตโต อปรภาเค รูปํ สมุฏฺาเปติ, เอวเมว โยคาวจโร อาทิโตว สีลํ วิโสเธตฺวา อปรภาเค สมถวิปสฺสนาทโย ธมฺเม สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘อาที’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มุขเมต’’นฺติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว. อาทิสทฺเทน ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติอาทิปาฬึ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๕) สงฺคณฺหาติ.
สีลนฺติ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ วินยปิฏกปริยาปนฺนํ สิกฺขาปทสีลํ, ธมฺมโต ปน สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส, วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กึ สีลนฺติ เจตนา สีลํ เจตสิกํ สีลํ สํวโร สีลํ อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙) ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานี’’ติ ภิกฺขุภิกฺขุนีปาติโมกฺขวเสน อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว มาติกาติ อตฺโถ. อสฺสาติ ภิกฺขุโนวาทกสฺส ¶ . วิตฺถาเรนาติ อุภโตวิภงฺเคน สทฺธึ. สฺวาคตานีติ สุฏฺุ อาคตานิ. อาทิสทฺเทน ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติอาทิปาฬึ (มหาว. ๑๓๔) สงฺคณฺหาติ. ตตฺถาติ เตสุ สีลคนฺถปาติโมกฺเขสุ. โยติ ¶ อนิยมนิทฺเทโส, โย โกจิ ปุคฺคโล. นนฺติ วินยปริยาปนฺนสีลํ. รกฺขตีติ สมาทิยิตฺวา อวิโกเปนฺโต ปาเลติ. ตํ ‘‘ปาตี’’ติ ลทฺธนามํ ปาติโมกฺขสีเล ิตํ. โมเจตีติ สหการิการณภาวโต โมกฺเขติ. อปาเย ชาตํ อาปายิกํ, ทุกฺขํ, ตํ อาทิ เยสํ ตานิ อาปายิกาทีนิ. อาทิสทฺเทน ตทฺํ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ สงฺคณฺหาติ. อตฺตานุวาทาทีหีติ อตฺตานํ อนุวาโท อตฺตานุวาโท, โส อาทิ เยสํ ตานิ อตฺตานุวาทาทีนิ, เตหิ อตฺตานุวาทาทีหิ. อาทิสทฺเทน ปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยานิ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โชตกตฺตาติ ตสฺส สีลปาติโมกฺขสฺส ทีปนตฺตา. อาทิมฺหิ ปน วุตฺโต วจนตฺโถติ ‘‘อติเสฏฺ’’นฺติอาทินา อาทิมฺหิ วุตฺโต วจนตฺโถ. อุภินฺนมฺปิ สาธารโณ โหติ สีลปาติโมกฺขํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต เสฏฺํ, คนฺถปาติโมกฺขํ เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ.
ตตฺถาติ เตสุ สีลปาติโมกฺขคนฺถปาติโมกฺเขสุ. ‘‘อยํ วณฺณนา’’ติ วกฺขมานวณฺณนมาห. คนฺถปาติโมกฺขสฺส ตาว ยุชฺชตุ, กถํ สีลปาติโมกฺขสฺส ยุชฺชตีติ อาห ‘‘คนฺเถ หี’’ติอาทิ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตสฺสาติ คนฺถสฺส. อตฺโถติ สีลํ. วณฺณิโตว โหตีติ คนฺถวณฺณนามุเขน อตฺถสฺเสว วณฺณนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา คนฺเถ วณฺณิเต ตทวินาภาวโต ตสฺสตฺโถ วณฺณิโต โหติ, ตสฺมา สีลปาติโมกฺขสฺสปิ ยุชฺชตีติ.
เอวํ สรูปเภทโต ววตฺถเปตฺวา อิทานิ คนฺถเภทโต ววตฺถเปตุํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถาติ เตสุ ภิกฺขุปาติโมกฺขภิกฺขุนีปาติโมกฺเขสุ ทฺวีสุ. อุทฺเทสา ปริจฺฉิชฺชนฺติ เยหิ วกฺขมานวจนปฺปพนฺเธหิ, เต อุทฺเทสปริจฺเฉทา, เตหิ. ววตฺถิตนฺติ อสงฺกรโต ิตํ.
เอวํ คนฺถเภทโต ววตฺถเปตฺวา อิทานิ อุทฺเทสวิภาคโต ววตฺถเปตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. อุทฺทิสียติ สรูเปน กถียติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อุทฺเทโส, นิทานสฺส อุทฺเทโสติ นิทานุทฺเทโส. เอวํ เสเสสุปิ. วิตฺถาโรว อุทฺเทโส วิตฺถารุทฺเทโส.
อิทานิ นิทานุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ นิทานุทฺเทโส’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ อุทฺเทเสสุ. นิทานุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ ¶ โหตีติ สมฺพนฺโธ. ยํ ปเนตฺถ นิทานุทฺเทสปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ ¶ อิธาคตนิทานปาฬึ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุทฺเทสกาเล วตฺตพฺพสฺสาปิ ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ อิมสฺส ปาสฺส โยชนํ อกตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา อนุสาวนาทิกเมว โยเชตฺวา ทสฺสิตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณนิทานปาฬิทสฺสนปุพฺพกนิทานุทฺเทสปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ, ขุทฺทกเปยฺยาลวเสน วา ปากฏตฺตา ตสฺส อโยชนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อุทฺเทสกาเล ปน โยเชตฺวาว วตฺตพฺพํ. วกฺขติ หิ ‘‘ตํ ปเนตํ ปาราชิกาทีนํ อวสาเน ทิสฺสติ, น นิทานาวสาเน. กิฺจาปิ น ทิสฺสติ, อถ โข อุทฺเทสกาเล ‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’ติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’ติอาทินา นเยน วตฺตพฺพเมวา’’ติอาทิ. อวเสเส สุเตน สาวิเตติ อวสิฏฺํ ปาราชิกุทฺเทสาทิจตุกฺกํ ‘‘สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา…เป… อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สุตวเสน สาวิเต.
เอเตเนว นเยน เสสา ตโย ปาติโมกฺขุทฺเทสปริจฺเฉทา เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาราชิกุทฺเทสาทีน’’นฺติอาทิมาห. ปาราชิกุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉทา โยเชตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. นิทานสฺส อาทิโต ปฏฺาย ปาราชิกาทีนิ โอสาเปตฺวาติ นิทานํ, ปาราชิกฺจ, ตทุภยํ สงฺฆาทิเสสฺจ, ตํติกํ อนิยตฺจาติ เอวํ ยถากฺกมํ อุทฺทิสิตฺวา ปาราชิกาทีนิ ปริโยสาเปตฺวา. โยเชตพฺพาติ ‘‘อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหติ ปาราชิกุทฺเทโส’’ติอาทินา โยเชตพฺพา. อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพนฺติ วจนโตติ อุโปสถกฺขนฺธเก –
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ปโม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ทุติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๐) –
เอวํ วุตฺตตฺตา. ยสฺมึ วิปฺปกเตติ ยสฺมึ อุทฺเทเส อปริโยสิเต. อนฺตราโย อุปฺปชฺชตีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ โย โกจิ อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ ¶ . ทส อนฺตรายา นาม – ราชนฺตราโย, โจรนฺตราโย, อคฺยนฺตราโย, อุทกนฺตราโย, มนุสฺสนฺตราโย, อมนุสฺสนฺตราโย, วาฬนฺตราโย, สรีสปนฺตราโย, ชีวิตนฺตราโย, พฺรหฺมจริยนฺตราโยติ. ตตฺถ สเจ ภิกฺขูสุ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๐) นิสินฺเนสุ ราชา อาคจฺฉติ, อยํ ราชนฺตราโย. โจรา อาคจฺฉนฺติ, อยํ โจรนฺตราโย. ทวทาโห วา อาคจฺฉติ, อาวาเส วา อคฺคิ อุฏฺหติ, อยํ ¶ อคฺยนฺตราโย. เมโฆ วา อุฏฺหติ, โอโฆ วา อาคจฺฉติ, อยํ อุทกนฺตราโย. พหู มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ มนุสฺสนฺตราโย. ภิกฺขุํ ยกฺโข คณฺหาติ, อยํ อมนุสฺสนฺตราโย. พฺยคฺฆาทโย จณฺฑมิคา อาคจฺฉนฺติ, อยํ วาฬนฺตราโย. ภิกฺขุํ สปฺปาทโย ฑํสนฺติ, อยํ สรีสปนฺตราโย. ภิกฺขุ คิลาโน วา โหติ, กาลํ วา กโรติ, เวริโน วา ตํ มาเรตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ ชีวิตนฺตราโย. มนุสฺสา เอกํ วา พหู วา ภิกฺขู พฺรหฺมจริยา จาเวตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ พฺรหฺมจริยนฺตราโย. อิติ ยํ วุตฺตํ ‘‘อนฺตราโย อุปฺปชฺชตีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ โย โกจิ อนฺตราโย อุปฺปชฺชตี’’ติ, ตสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตีติ.
เตน สทฺธินฺติ วิปฺปกตุทฺเทเสน สทฺธึ. อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ อุทฺทิฏฺอุทฺเทสาเปกฺขตฺตา อวเสสวจนสฺส. ยถาห ‘‘นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๕๐). เตนาห ‘‘นิทานุทฺเทเส ปนา’’ติอาทิ. สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถิ อุโปสถสฺส อนฺตราโยว โหตีติ อธิปฺปาโย. อนิยตุทฺเทโส ปริหายตีติ ภิกฺขุนีนํ อนิยตสิกฺขาปทปฺตฺติยา อภาวโต. ตทภาโว จ ‘‘อิทเมว ลกฺขณํ ตตฺถาปิ อนุคต’’นฺติ กตฺวาติ เวทิตพฺพํ. เสสนฺติ อวเสสุทฺเทสปริจฺเฉททสฺสนํ. เอเตสํ ทฺวินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ สมฺพนฺโธ. ตาวาติ ปมํ. อิทนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานํ สามฺเน ทสฺเสติ, อิทํ อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิตํ วจนํ วุจฺจติ กถียตีติ อตฺโถ. กึ ตนฺติ อาห, ‘‘สุณาตุ เมติอาทีน’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ สุณาตุ เมติอาทีนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ อชฺชุโปสโถ’’ติอาทีนํ ภิกฺขุปาติโมกฺเข อาคตานํ สุตฺตปทานํ. อตฺถนิจฺฉยนฺติ ¶ อภิเธยฺยตฺถสฺส เจว อธิปฺปายตฺถสฺส จ นิจฺฉยนํ, ววตฺถาปนนฺติ อตฺโถ. อิมาย หิ อฏฺกถาย เตสํ อภิเธยฺยตฺโถ เจว อธิปฺปายตฺโถ จ อเนกธา ววตฺถาปียติ. อถ วา นิจฺฉินฺโนติ นิจฺฉโย. คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทกถา, อตฺโถ จ นิจฺฉโย จ อตฺถนิจฺฉโย, ตํ อตฺถนิจฺฉยํ, มยา วุจฺจมานํ อตฺถฺจ วินิจฺฉยฺจาติ วุตฺตํ โหติ. สีลสมฺปนฺนาติ สมนฺตโต ปนฺนํ ปตฺตํ ปุณฺณนฺติ สมฺปนฺนํ, สีลํ สมฺปนฺนเมเตสนฺติ สีลสมฺปนฺนา, ปริปุณฺณสีลาติ อตฺโถ. อถ วา สมฺมเทว ปนฺนา คตา อุปาคตาติ สมฺปนฺนา, สีเลน สมฺปนฺนา สีลสมฺปนฺนา, ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปตาติ อตฺโถ. อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสงฺขาตา ติสฺโสปิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิกฺขา, ตํ กาเมนฺตีติ สิกฺขากามา. สุณนฺตุ เมติ เต สพฺเพปิ ภิกฺขโว มม สนฺติกา นิสาเมนฺตุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย สกฺกจฺจํ สวเน นิโยเชติ. สกฺกจฺจสวนปฏิพทฺธา หิ สพฺพาปิ สาสนสมฺปตฺตีติ. เอตฺถ จ สีลสมฺปนฺนานํ สิกฺขากามานํเยว ภิกฺขูนํ คหณํ ตทฺเสํ ¶ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย อภาชนภาวโต. น หิ เต วินยํ โสตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพฺจ มฺิสฺสนฺติ.
เอตฺถาติ เอตสฺมึ คาถาปเท, เอเตสํ วา คาถาย สงฺคหิตานํ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ ปทานมนฺตเร. สวเน อาณตฺติวจนํ สวนาณตฺติวจนํ. กิฺจาปิ สวนาณตฺติวจนํ, ตถาปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน เอวํ วตฺตพฺพนฺติ ภควตา วุตฺตตฺตา ภควโต อาณตฺติ, น อุทฺเทสกสฺสาติ นวกตเรนาปิ อิทํ วตฺตุํ วฏฺฏติ สงฺฆคารเวน, สงฺฆพหุมาเนน จ สหิตตฺตา สคารวสปฺปติสฺสวจนํ. สงฺโฆ หิ สุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสสยุตฺตตฺตา อุตฺตมํ คารวปฺปติสฺสวฏฺานํ. อิทฺจ สพฺพํ เกน กตฺถ กทา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพเมว เจต’’นฺติอาทิ. ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตนาติ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพํ, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’’ติ (มหาว. ๑๓๓-๑๓๔) –
เอวมาทินา ¶ อนุชานนฺเตน. ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฏฺานํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพวจนํ, ตสฺมา. กึ เต อุโภปิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, เยเนวํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สงฺฆตฺเถโร วา หี’’ติอาทิ. เถราธิกนฺติ เถราธีนํ, เถรายตฺตํ ภวิตุนฺติ อตฺโถ. ‘‘เถราเธยฺย’’นฺติ วา ปาโ, โสเยวตฺโถ. ตตฺถาติ ติสฺสํ ปริสายํ. พฺยตฺโตติ ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต, ปคุณมาติโกติ อตฺโถ. ปฏิพโลติ วตฺตุํ สมตฺโถ, อภีโตติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทหรสฺสาปิ พฺยตฺตสฺส ปาติโมกฺโข อนฺุาโต, อถ โข เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – สเจ เถรสฺส ปฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา ปาติโมกฺขุทฺเทสา นาคจฺฉนฺติ, ทฺเว ปน อกฺขณฺฑา สุวิสทา วาจุคฺคตา โหนฺติ, เถรายตฺโตว ปาติโมกฺโข. สเจ ปน เอตฺตกมฺปิ วิสทํ กาตุํ น สกฺโกติ, พฺยตฺตสฺส ภิกฺขุโน อายตฺโตติ.
อิทานิ ‘‘สงฺโฆ’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อิธาธิปฺเปตสงฺฆํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺโฆติ อิมินา ปน ปเทนา’’ติอาทิมาห กิฺจาปีติ อนุคฺคหตฺเถ นิปาโต, ตสฺส ยทิ นามาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา, ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ¶ ทาตพฺพํ ทานํ, ตํ ทกฺขิณํ อรหติ, ทกฺขิณาย วา หิโต, ยสฺมา นํ มหปฺผลการิตาย วิโสเธตีติ ทกฺขิเณยฺโย, ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, ทกฺขิเณยฺโย จ โส สงฺโฆ จาติ ทกฺขิเณยฺยสงฺโฆ. สมฺมุติยา จตุวคฺคาทิวินยปฺตฺติยา สิทฺโธ สงฺโฆ สมฺมุติสงฺโฆ. อวิเสเสนาติ ‘‘อริยา’’ติ วา ‘‘ปุถุชฺชนา’’ติ วา อวิเสเสตฺวา สามฺเน. โสติ สมฺมุติสงฺโฆ. อิธาติ อิมิสฺสํ อุโปสถตฺติยํ. อธิปฺเปโต อุโปสถตฺติยา อวิเสสตฺตา. นนุ จ โสปิ ปฺจวิโธ โหติ, ตตฺถ กตโม อิธาธิปฺเปโตติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘โส ปเนสา’’ติอาทิ. กมฺมวเสนาติ วินยกมฺมวเสน. ปฺจ วิธา ปการา อสฺส สมฺมุติสงฺฆสฺสาติ ปฺจวิโธ. ตถา หิ วิธยุตฺตคตปฺปการสทฺเท สมานตฺเถ วณฺณยนฺติ. จตุนฺนํ ¶ วคฺโค สมูโหติ จตุวคฺโค, จตุปริมาณยุตฺโต วา วคฺโค จตุวคฺโค. เอวํ ปฺจวคฺคาทิ.
อิทานิ เยสํ กมฺมานํ วเสนายํ ปฺจวิโธ โหติ, ตํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ปฺจวิเธ สงฺเฆ. มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ อุปสมฺปทกมฺมสฺส ทสวคฺคกรณียตฺตา วุตฺตํ ‘‘เปตฺวา…เป… อุปสมฺปทฺจา’’ติ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘น กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ อติเรกวีสติวคฺโค วุตฺโตติ อาห ‘‘โส ปนา’’ติอาทิ. อติเรกตเรนาติ จตุวคฺคาทิกรณียํ ปฺจวคฺคาทินา อติเรกตเรน, ทสวคฺคกรณียฺจ เอกาทสวคฺคาทินา อติเรกตเรน. ทสฺสนตฺถนฺติ าปนตฺถํ. อิทเมว จาเนน กตฺตพฺพํ กมฺมนฺติ ‘‘กมฺมวเสน ปฺจวิโธ’’ติ วุตฺตํ. กมฺมสฺสานิยเม กถเมตํ ยุชฺเชยฺยาติ อีทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ อุโปสเถ.
อุโปสถสทฺโท ปนายํ ปาติโมกฺขุทฺเทสสีลอุปวาสปฺตฺติทิวเสสุ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๘๕) ติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต, ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) สีเล, ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส, ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปฺตฺติยํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุกา อาวาสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๘๑) ทิวเส, อิธาปิ ทิวเสเยว วตฺตมาโน อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อชฺช อุโปสถทิวโส’’ติอาทิ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ. อุปวสนฺตีติ สีเลน วา สพฺพโส อาหารสฺส อภฺุชนสงฺขาเตน อนสเนน วา ขีรปานมธุปานาทิมตฺเตน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ.
สพฺเพสมฺปิ ¶ วากฺยานํ เอว-การตฺถสหิตตฺตา ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอตสฺส ‘‘อุโปสโถ เอวา’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ. อิมินา อวธารเณน นิรากตํ ทสฺเสติ, อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอตสฺส ‘‘อนุโปสโถ น โหตี’’ติ อยมตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ. ‘‘เอส นโย ปนฺนรโส’’ติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ¶ ปฏิกฺขิปตีติ เอตฺถาปิ. เอเตนาติ ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอเตน สทฺเทน. ปฺจทสนฺนํ ติถีนํ ปูรณวเสน ปนฺนรโส. ปนฺนรโสติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทิวสวเสน หี’’ติอาทิมาห. จตุทฺทสิยํ นิยุตฺโต จาตุทฺทสิโก. เอวํ ปนฺนรสิโก. สามคฺคิอุโปสโถ นาม สงฺฆสามคฺคิกตทิวเส กาตพฺพอุโปสโถ. เหมนฺตคิมฺหวสฺสานานํ ติณฺณํ อุตูนนฺติ เอตฺถ เหมนฺตอุตุ นาม อปรกตฺติกสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ผคฺคุนปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา, คิมฺหอุตุ นาม ผคฺคุนสฺส กาลปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อาสาฬฺหปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา, วสฺสานอุตุ นาม อาสาฬฺหสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อปรกตฺติกปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกาติ เหมนฺตสฺส อุตุโน ตติเย จ สตฺตเม จ ปกฺเข ทฺเว จาตุทฺทสิกา, เอวมิตเรสํ อุตูนนฺติ ฉ จาตุทฺทสิกา. เสสา ปนฺนรสิกาติ เสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกา. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘กตฺติกสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว ผคฺคุนปุณฺณมา;
‘เหมนฺตกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘ผคฺคุนสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว อาสาฬฺหปุณฺณมา;
‘คิมฺหกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อาสาฬฺหสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว กตฺติกปุณฺณมา;
‘วสฺสกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อุตูนํ ปน ติณฺณนฺนํ, ปกฺเข ตติยสตฺตเม;
‘จาตุทฺทโส’ติ ปาติโมกฺขํ, อุทฺทิสนฺติ นยฺุโน’’ติ.
ปกติยา นพหุตราวาสิกาทิปจฺจเยน กาตพฺพํ ปกติจาริตฺตํ. พหุตราวาสิกาทิปจฺจเย ปน สติ อฺสฺมึ จาตุทฺทเสปิ กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘สกิ’’นฺติอาทิ. สกินฺติ เอกสฺมึ วาเร ¶ . อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. อาทิสทฺเทน ‘‘อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๗๘) วจนํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ¶ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) วจนฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ ปมสุตฺตสฺส เอเกกสฺส อุตุโน ตติยสตฺตมปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา อวเสสสฺส ปนฺนรเส วา สกึ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ ปกติจาริตฺตวเสนปิ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อาคนฺตุเกหี’’ติอาทีนิ สุตฺตานิ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพํ. ตถารูปปจฺจเย สตีติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทสิเก อุโปสถํ กาตุํ อนุรูเป ‘‘อาวาสิกา พหุตรา โหนฺตี’’ติ เอวมาทิเก ปจฺจเย สติ. อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเสติ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺขจาตุทฺทสโต อฺสฺมึ จาตุทฺทเส.
น เกวลํ อุโปสถทิวสาว โหนฺตีติ อาห ‘‘ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ ปนา’’ติอาทิ. มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา, ปุพฺพกตฺติกาย ปุณฺณมา ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, อสฺสยุชปุณฺณมา. สา หิ ปจฺฉิมกตฺติกํ นิวตฺเตตุํ เอวํ วุตฺตา. เตสํเยวาติ ปุริมวสฺสํวุฏฺานํเยว. ภณฺฑนการเกหีติ กลหการเกหิ. ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺตีติ อุกฺกฑฺฒนฺติ. ภณฺฑนการเกหิ อนุวาทวเสน อสฺสยุชปุณฺณมาทึ ปริจฺจชนฺตา ปวารณํ กาฬปกฺขํ, ชุณฺหปกฺขนฺติ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ จ เอวํ ตฺติยา ปวารณํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส, ทิวโส. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ, ตสฺมึ ปน อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อวสฺสํ ปวาเรตพฺพํ. น หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรตุํ ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตมฺปิ ชุณฺหํ อนุวเสยฺยุํ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว ¶ อาคเม ¶ ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อกามา ปวาเรตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๔๐).
เตเนวาห ‘‘ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอวา’’ติ. ยทิ หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรยฺย, ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปวารณาย ปวาเรตพฺพํ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๒๓๓). วิสุทฺธิปวารณาโยคโต ปวารณาทิวสา. ปิสทฺเทน น เกวลํ ปวารณาทิวสาเยว, อถ โข อุโปสถทิวสาปิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ โย โส สามคฺคิอุโปสถทิวโส วุตฺโต, ตฺจ ตปฺปสงฺเคน สามคฺคิปวารณาทิวสฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิมาห. โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมินฺติ อุกฺขิตฺตเก ภิกฺขุสฺมึ โอสาริเต, ตํ คเหตฺวา สีมํ คนฺตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา กมฺมวาจาย กมฺมปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปเวสิเตติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วตฺถุสฺสาติ ตสฺส อธิกรณสฺส. ตทา เปตฺวา…เป… อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ สมฺพนฺโธ. กึ การณนฺติ อาห ‘‘ตาวเทวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตาวเทวาติ ตํ ทิวสเมว. วจนโตติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๗๕) วุตฺตตฺตา. ยตฺถ ปน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคิอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ. กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ. กตฺติกมาสพฺภนฺตเรติ เอตฺถ กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตึสรตฺติทิโว, ตสฺสพฺภนฺตเร, ตโต ปจฺฉา วา ปน ปุเร วา น วฏฺฏติ. อยเมว โย โกจิ ทิวโสเยว. อิธาปิ โกสมฺพกกฺขนฺธเก สามคฺคิยา สทิสาว สามคฺคี เวทิตพฺพา. เย ปน กิสฺมิฺจิเทว อปฺปมตฺตเก ปวารณํ เปตฺวา สมคฺคา โหนฺติ, เตหิ ปวารณายเมว ปวารณา กาตพฺพา, ตาวเทว น กาตพฺพา. กโรนฺเตหิ อปฺปวารณาย ปวารณา กตา โหติ. น กาตพฺโพเยวาติ นิยเมน ยทิ กโรติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อุโปสถกรเณ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).
‘‘ปตฺตกาลเมว ¶ ปตฺตกลฺล’’นฺติ อิมินา สกตฺเถ ภาวปฺปจฺจโยติ ทสฺเสติ. นาสตีติ อนฺวยโต วุตฺตเมว พฺยติเรกโต ทฬฺหํ กโรติ.
อนุรูปาติ อรหา อนุจฺฉวิกา, สามิโนติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพนฺติเมนาติ สพฺพเหฏฺิเมน จตฺตาโร, น เตหิ วินา ตํ อุโปสถกมฺมํ กรียติ, น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอติ. อวเสสา ¶ ปน สเจปิ สหสฺสมตฺตา โหนฺติ, สเจ สมานสํวาสกา, สพฺเพ ฉนฺทารหาว โหนฺติ, ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทตฺวา อาคจฺฉนฺตุ วา, มา วา, กมฺมํ น กุปฺปติ. ปกตตฺตาติ อนุกฺขิตฺตา, ปาราชิกํ อนชฺฌาปนฺนา จ. หตฺถปาโส นาม ทิยฑฺฒหตฺถปฺปมาโณ.
สีมา จ นาเมสา กตมา, ยตฺถ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา กมฺมปฺปตฺตา นาม โหนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย สีมํ ทสฺเสนฺโต วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ‘‘สีมา จ นาเมสา’’ติอาทิมาห. สมฺภินฺทนฺเตนาติ มิสฺสีกโรนฺเตน. อชฺโฌตฺถรนฺเตนาติ มทฺทนฺเตน, อนฺโต กโรนฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. อิมา วิปตฺติสีมาโย นามาติ สมฺพนฺโธ. กสฺมา วิปตฺติสีมาโย นามาติ อาห ‘‘เอกาทสหี’’ติอาทิ. อากาเรหีติ การเณหิ. วจนโตติ กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) กถิตตฺตา. สงฺฆกมฺมํ นาเมตํ วีสติวคฺคกรณียปรมนฺติ อาห ‘‘ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ยสฺสํ สีมายํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู ปริมณฺฑลากาเรน นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ, อยํ อติขุทฺทกา นามาติ อตฺโถ. เอวรูปา จ สีมา สมฺมตาปิ อสมฺมตา, คามเขตฺตสทิสาว โหติ, ตตฺถ กตํ กมฺมํ กุปฺปติ. เอส นโย เสสสีมาสุปิ.
สมฺมตาติ พทฺธา, วาจิตกมฺมวาจาติ อตฺโถ. กมฺมวาจาย วาจนเมว หิ พนฺธนํ นาม. นิมิตฺตํ น อุปคจฺฉตีติ อนิมิตฺตุปโค, ตํ อนิมิตฺตุปคํ, อนิมิตฺตารหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตจสารรุกฺโข นาม ตาลนาฬิเกราทิกา. ปํสุปฺุชวาลุกาปฺุชานนฺติ ปํสุราสิวาลุการาสีนํ มชฺเฌ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ปํสุปฺุชํ วา วาลุกาปฺุชํ วา อฺตร’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปน อปาโ. น หิ โส ‘‘อฺตร’’นฺติ อิมินา ยุชฺชตีติ. อนฺตราติ นิมิตฺตุปคนิมิตฺตานมนฺตรา. เอตฺถ ¶ จ ยา ตีหิ นิมิตฺเตหิ พชฺฌมานา อนิมิตฺตุปเคสุ ตจสารรุกฺขาทีสุ อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา, สา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. ยา ปน จตุปฺจนิมิตฺตาทีหิ พชฺฌมานา อิเมสุ ตจสารรุกฺขาทีสุ อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา, สา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม น โหตีติ วิฺายติ นิมิตฺตุปคานํ นิมิตฺตานํ ติณฺณํ สพฺภาวโต. อฏฺกถาสุ ปน อวิเสเสน วุตฺตํ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. สพฺเพน สพฺพนฺติ สพฺพปฺปกาเรน. นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตาติ เตสํ พหิ ิเตน วาจิตกมฺมวาจา. นิมิตฺตานิ ปน อนฺโต จ พหิ จ ตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏนฺติ.
เอวํ สมฺมตาปีติ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สมฺมตาปิ. อิมสฺส ‘‘อสมฺมตาว โหตี’’ติ ¶ อิมินา สมฺพนฺโธ. สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมาติ ยา กาจิ นทีลกฺขณปฺปตฺตา นที นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ‘‘เอตํ พทฺธสีมํ กโรมา’’ติ กตาปิ อสีมา, พทฺธสีมา น โหตีติ อตฺโถ. อตฺตโน สภาเวน ปน สา พทฺธสีมาสทิสา. สพฺพตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ เอเสว นโย. ‘‘สํสฏฺวิฏปา’’ติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ตสฺสา เอกเทสํ. ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ เอกเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตุ อชฺโฌตฺถรนฺติ นามาติ คเหตพฺพํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘สมฺภินฺทนํ ปเรสํ สีมาย เอกํ วา ทฺเว วา นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา เลขามตฺตํ คเหตฺวา พนฺธนํ. อชฺโฌตฺถรณํ นาม ปเรสํ สีมาย นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา ตํ สกลํ วา ตสฺเสกเทสํ วา อนฺโต กโรนฺเตน ตสฺสา พหิ เอกิสฺสํ ทฺวีสุ วา ทิสาสุ นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา พนฺธน’’นฺติ วุตฺตํ.
ปพฺพตาทีนํ นิมิตฺตานํ สมฺปทา นิมิตฺตสมฺปตฺติ. ปพฺพโตว นิมิตฺตํ ปพฺพตนิมิตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. เอวํ วุตฺเตสูติ อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘ อาทโย) สีมาสมฺมุติยํ วุตฺเตสุ. อิเมหิ จ ปน อฏฺหิ นิมิตฺเตหิ อสมฺมิสฺเสหิปิ อฺมฺมิสฺเสหิปิ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตุปคานิ นิมิตฺตานี’’ติ. เอเกน, ปน ทฺวีหิ วา นิมิตฺเตหิ สมฺมนฺนิตุํ ¶ น วฏฺฏติ, ตีณิ ปน อาทึ กตฺวา วุตฺตปฺปการานํ นิมิตฺตานํ สเตนาปิ วฏฺฏติ. ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ วินยธเรน ปุจฺฉิตพฺพํ, ‘‘ปพฺพโต, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน วินยธเรเนว ‘‘เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ นิมิตฺตํ กโรม, นิมิตฺตํ กริสฺสาม, นิมิตฺตํ กโต, นิมิตฺตํ โหตุ, โหติ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปน กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. ปาสาณาทีสุปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติอาทิ. ‘‘ปพฺพโต, ภนฺเต, อุทกํ, ภนฺเต’’ติ เอวํ ปน อุปสมฺปนฺโน วา อาจิกฺขตุ, อนุปสมฺปนฺโน วา, วฏฺฏติเยว. อาทิสทฺเทน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต, เอโส ปาสาโณ นิมิตฺตํ. ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? อุทกํ, ภนฺเต, เอตํ อุทกํ นิมิตฺต’’นฺติ อิทํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ ปน อฏฺตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปพฺพโต, ภนฺเต, เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ ปมํ กิตฺติตนิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวาว เปตพฺพํ. เอวฺหิ นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ ฆฏิตํ โหติ. สมฺมา กิตฺเตตฺวาติ อฺมฺนามวิปริยาเยน, อนิมิตฺตานํ นาเมน จ อกิตฺเตตฺวา ยถาวุตฺเตเนว นเยน กิตฺเตตฺวา. สมฺมตาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทินา นเยน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๙ อาทโย) ¶ วุตฺตาย ปริสุทฺธาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย พทฺธา. ตตฺถ นิมิตฺตานิ สกึ กิตฺติตานิปิ กิตฺติตาเนว โหนฺติ. อนฺธกฏฺกถายํ ปน ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตน นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) วุตฺตํ.
ตตฺราติ เตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ. นิมิตฺตุปคตาติ นิมิตฺตโยคฺยตา. ‘‘หตฺถิปฺปมาณโต ปฏฺายา’’ติ วจนโต หตฺถิปฺปมาโณปิ นิมิตฺตุปโคเยว. หตฺถี ปน สตฺตรตโน วา อฑฺฒฏฺรตโน (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) วา. ตโต โอมกตโรติ ตโต หตฺถิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโร. สเจ จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร วา ตีสุ วา ตโย ปพฺพตา โหนฺติ, จตูหิ, ตีหิ วา ปพฺพตนิมิตฺเตเหว สมฺมนฺนิตุมฺปิ วฏฺฏติ, ทฺวีหิ ปน นิมิตฺเตหิ, เอเกน วา สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ. อิโต ปเรสุ ปาสาณนิมิตฺตาทีสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ปพฺพตนิมิตฺตํ กโรนฺเตน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘เอกาพทฺโธ, น เอกาพทฺโธ’’ติ. สเจ ¶ เอกาพทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพ. ตฺหิ จตูสุ วา อฏฺสุ วา ทิสาสุ กิตฺเตนฺเตนาปิ เอกเมว นิมิตฺตํ กิตฺติตํ โหติ. ตสฺมา โย เอวํ จกฺกสณฺาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิโต ปพฺพโต, ตํ เอกทิสาย กิตฺเตตฺวา อฺาสุ ทิสาสุ ตํ พหิทฺธา กตฺวา อนฺโต อฺานิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพานิ. สเจ ปพฺพตสฺส ตติยภาคํ วา อุปฑฺฒํ วา อนฺโตสีมาย กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตํ อกิตฺเตตฺวา ยตฺตกํ ปเทสํ อนฺโต กตฺตุกามา, ตสฺส ปรโต ตสฺมึเยว ปพฺพเต ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีสุ อฺตรํ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ. สเจ โยชนทฺวิโยชนปฺปมาณํ สพฺพํ ปพฺพตํ อนฺโต กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตสฺส ปรโต ภูมิยํ ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีนิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพานิ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๘).
สงฺขํ คจฺฉตีติ คณนํ โวหารํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปริมาโณติ ถูลตาย, น ตุลคณนาย. ตตฺถ ‘‘เอกปลํ นาม ทสกลฺช’’นฺติ วทนฺติ. อิฏฺกา มหนฺตาปิ น วฏฺฏติ. ตถา อนิมิตฺตุปคปาสาณานํ ราสิ, ปเคว ปํสุวาลุการาสิ. ภูมิสโม ขลมณฺฑลสทิโส ปิฏฺิปาสาโณ วา ภูมิโต ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณ วา โหติ, โสปิ ปมาณูปโค เจ, วฏฺฏติ. ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ ปน อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขเมว คจฺฉตีติ อาห ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺมา สเจ มหโต ปิฏฺิปาสาณสฺส เอกํ ปเทสํ อนฺโตสีมายํ กตฺตุกามา โหนฺติ, ตํ อกิตฺเตตฺวา ตสฺสุปริ อฺโ ปาสาโณ กิตฺเตตพฺโพ. สเจ ปิฏฺิปาสาณุปริ วิหารํ กโรนฺติ, วิหารมชฺเฌน จ ปิฏฺิปาสาโณ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, เอวรูโป ปิฏฺิปาสาโณ น วฏฺฏติ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, นิมิตฺตสฺสุปริ วิหาโร โหติ, นิมิตฺตฺจ ¶ นาม พหิสีมายํ โหติ, วิหาโรปิ พหิสีมายํ อาปชฺชติ. วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตปิฏฺิปาสาโณ ปน เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ น กิตฺเตตพฺโพ.
วนนิมิตฺเต ติณวนํ วา ตจสารรุกฺขวนํ วา น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อนฺโตสาเรหี’’ติอาทิ. อนฺโตสารา นาม อมฺพชมฺพุปนสาทโย. อนฺโตสารมิสฺสเกหีติ อนฺโต สาโร เยสํ เต อนฺโตสารา, เตหิ มิสฺสกา อนฺโตสารมิสฺสกา, เตหิ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ เหฏฺิมปริจฺเฉทนาห ¶ . อุกฺกํสโต ปน โยชนสติกมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. เอตฺถ ปน จตุรุกฺขมตฺตฺเจ, ตโย สารโต, เอโก อสารโต. ปฺจรุกฺขมตฺตฺเจ, ตโย สารโต, ทฺเว อสารโตติ คเหตพฺพํ. สเจ ปน วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, ตํ วนํ น กิตฺเตตพฺพํ. เอกเทสํ อนฺโตสีมายํ กตฺตุกาเมหิปิ วนํ อกิตฺเตตฺวา ตตฺถ รุกฺขปาสาณาทโย กิตฺเตตพฺพา, วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตวนํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ น กิตฺเตตพฺพํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘).
รุกฺขนิมิตฺเตปิ ตจสารรุกฺโข น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อนฺโตสาโร’’ติ. ‘‘ภูมิยํ ปติฏฺิโต’’ติ อิมินา กุฏสราวาทีสุ ิตํ ปฏิกฺขิปติ. ตโต อปเนตฺวา ปน ตงฺขณมฺปิ ภูมิยํ โรเปตฺวา โกฏฺกํ กตฺวา อุทกํ อาสิฺจิตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ, นวมูลสาขานิคฺคมนํ อการณํ. ขนฺธํ ฉินฺทิตฺวา โรปิเต ปน เอตํ ยุชฺชติ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ ‘‘สีหฬทีเป เลขนทณฺฑปฺปมาโณ’’ติ วทนฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘), โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺโพ. อิทํ ปน รุกฺขนิมิตฺตํ กิตฺเตนฺเตน ‘‘รุกฺโข’’ติปิ, ‘‘สากรุกฺโข, สาลรุกฺโข’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอกาพทฺธํ ปน สุปฺปติฏฺิตนิคฺโรธสทิสํ รุกฺขํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ.
มคฺคนิมิตฺเต อรฺเขตฺตนทีตฬากมคฺคาทโย น วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘ชงฺฆมคฺโค วา โหตู’’ติอาทิ. โย ปน ชงฺฆมคฺโค สกฏมคฺคโต โอกฺกมิตฺวา ปุน สกฏมคฺคเมว โอตรติ, เย วา ชงฺฆมคฺคสกฏมคฺคา อวลฺชิตา, เต น วฏฺฏนฺติ. เตนาห ‘‘ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺเถหี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ สเจ สกฏมคฺคสฺส อนฺติมจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, มคฺโค พหิสีมาย โหติ. สเจ พาหิรจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, พาหิรจกฺกมคฺโคว พหิสีมาย โหติ, เสสํ อนฺโตสีมํ ภชตีติ เวทิตพฺพํ. สเจปิ ทฺเว มคฺคา นิกฺขมิตฺวา ปจฺฉา สกฏธุรมิว เอกีภวนฺติ, ทฺวิธา ภินฺนฏฺาเน วา สมฺพนฺธฏฺาเน วา สกึ กิตฺเตตฺวา ปุน น กิตฺเตตพฺพา. เอกาพทฺธนิมิตฺตฺเหตํ โหติ.
สเจ ¶ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺติ, มชฺเฌ เอกํ กิตฺเตตฺวา อปรํ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอกาพทฺธนิมิตฺตฺเหตํ. โกณํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตํ ปน ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. วิหารมชฺเฌน ¶ วินิวิชฺฌิตฺวา คตมคฺโค ปน น กิตฺเตตพฺโพ. กิตฺติเต ปน นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหติ. อิมฺจ มคฺคํ กิตฺเตนฺเตน ‘‘มคฺโค ปชฺโช ปโถ’’ติอาทินา (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑) วุตฺเตสุ ทสสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ปริขาสณฺาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตมคฺโค เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ.
ยํ ปน อพทฺธสีมาลกฺขเณ นทึ วกฺขามาติ ‘‘ยสฺสา ธมฺมิกานํ ราชูนํ กาเล’’ติอาทินา (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อุทกุกฺเขปสีมายํ นทิยา วกฺขมานตฺตา วุตฺตํ. ยา ปน นที มคฺโค วิย สกฏธุรสณฺาเนน วา ปริขาสณฺาเนน วา วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตา, นํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. วิหารสฺส จตูสุ ทิสาสุ อฺมฺํ วินิวิชฺฌิตฺวา คเต นทีจตุกฺเกปิ เอเสว นโย. อสมฺมิสฺสนทิโย ปน จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. สเจ วตึ กโรนฺโต วิย รุกฺขปาเท นิขณิตฺวา วลฺลิปลาลาทีหิ นทีโสตํ รุมฺภนฺติ, อุทกมฺปิ อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยว, นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปน อุทกํ นปฺปวตฺตติ, เอวํ เสตุมฺหิ กเต อปฺปวตฺตมานา นที นิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ.
ยา ปน ทุพฺพุฏฺิกาเล วา คิมฺเห วา นิรุทกภาเวน นปฺปวตฺตติ, สา วฏฺฏติ. มหานทิโต อุทกมาติกํ นีหรนฺติ, สา กุนฺนทีสทิสา หุตฺวา ตีณิ สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตี นิจฺจํ ปวตฺตติ. กิฺจาปิ ปวตฺตติ, นิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยา ปน มูเล มหานทิโต นิคฺคตาปิ กาลนฺตเรน เตเนว นิคฺคตมคฺเคน นทึ ภินฺทิตฺวา สยเมว คจฺฉติ, คจฺฉนฺตี จ ปรโต สุสุมาราทิสมากิณฺณา นาวาทีหิ สฺจริตพฺพา นที โหติ, ตํ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ.
อสนฺทมานนฺติ อปฺปวตฺตมานํ. สนฺทมานํ นาม โอฆนทีอุทกวาหกมาติกาสุ อุทกํ. วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตนฺติ ‘‘ยาว กมฺมวาจาปริโยสานา สณฺมานก’’นฺติ วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตํ. ภาชนคตนฺติ นาวาจาฏิอาทีสุ ภาชเนสุ คตํ. ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘คมฺภีเรสุ อาวาฏาทีสุ อุกฺเขปิมํ อุทกํ นิมิตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๘) วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ ¶ , อตฺตโน มติมตฺตเมว. ิตํ ปน อนฺตมโส สูกรขตายปิ คามทารกานํ กีฬนวาปิยมฺปิ สเจ ยาว กมฺมวาจาปริโยสานํ ติฏฺติ, อปฺปํ วา ¶ โหตุ, พหุ วา, วฏฺฏติเยว. ตสฺมึ ปน าเน นิมิตฺตสฺากรณตฺถํ ปาสาณวาลิกาปํสุอาทิราสิ วา ปาสาณตฺถมฺโภ วา ทารุตฺถมฺโภ วา กาตพฺโพ.
เอวํ นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยหิ อากาเรหิ พทฺธา ปริสาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. อิมสฺส ปน กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา ‘‘จตูหิ ภิกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ. อิมฺจ สีมํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย สเจ เอกสฺมึ คามเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมิตฺถา’’ติ เปเสตพฺพํ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาตาเปตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหราเปตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต’’ติอาทิ. ตสฺมึ คามเขตฺเตติ ยสฺมึ คามเขตฺเต ตฺวา กมฺมวาจํ วาเจนฺติ, ตสฺมึ คามเขตฺเต. ‘‘สเจ อฺานิปิ คามเขตฺตานิ อนฺโต กตฺตุกามา, เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ’’ติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห ‘‘นานาคามเขตฺตานิ นาม ปาฏิเยกฺกํ พทฺธสีมาสทิสานิ, น ตโต ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปน ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุน อาห ‘‘สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ, อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ อาคนฺตพฺพํ. อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘).
อิทานิ เยหิ อากาเรหิ สมฺมตา กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมวาจาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. อาทิสทฺเทน. ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺเนยฺย สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, เอสา ตฺติ. สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺนติ สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมาย สมฺมุติ สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สีมา สงฺเฆน เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สมานสํวาสา เอกูโปสถา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๓๙) อิมํ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. วุตฺตายาติ อุโปสถกฺขนฺธเก วุตฺตาย. ตฺติโทสอนุสฺสาวนโทเสหิ วิรหิตตฺตา ปริสุทฺธาย.
ขณฺฑสีมา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ¶ นาม ขุทฺทกสีมา. สมานสํวาสกตฺถํ สมฺมตา สีมา สมานสํวาสกสีมา. อวิปฺปวาสตฺถํ สมฺมตา สีมา อวิปฺปวาสสีมา. อิมาสุ ปน ตีสุ สีมํ สมฺมนฺนนฺเตหิ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปมํ ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา. ตํ ปน พนฺธนฺเตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฏฺาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมชฺเฌ พหูนํ สโมสรณฏฺาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส พนฺธิตพฺพา. อกตวิหาเร พนฺธนฺเตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ านํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปติฏฺิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพา. สา เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สเจ เอกวีสติภิกฺขู คณฺหาติ, วฏฺฏติ. ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฏฺฏติ. ตํ พนฺธนฺเตหิ สีมามาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพา, น ขณฺฑสีมาย ิเตหิ มหาสีมา พนฺธิตพฺพา, น มหาสีมาย ิเตหิ ขณฺฑสีมา. ขณฺฑสีมายเมว ปน ตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา, มหาสีมายเมว ตฺวา มหาสีมา.
ตตฺรายํ พนฺธนวิธิ – สมนฺตา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. อถ ตสฺสา เอว ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิ สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพา, สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๖๓) วฏฺฏติ. สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, ทฺเวปิ ติสฺโสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพา.
เอวํ ¶ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมายํ ตฺวา สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา. ตโต อวเสสนิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหนฺเตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺสา ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตนฺติ, เอวํ ตีสุ าเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา. เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมายํ ิตา ภิกฺขู มหาสีมายํ กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ, มหาสีมายํ วา ิตา ขณฺฑสีมายํ กโรนฺตานํ. สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกปนฺติ. คามเขตฺเต ตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ¶ ปน สีมนฺตริกาย ิตา โกเปนฺติ. สีมนฺตริกา หิ คามเขตฺตํ ภชติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนเน กเต สติ สา จ อวิปฺปวาสสีมา นาม โหติ. เตนาห ‘‘ตสฺสาเยว ปเภโท’’ติ. ตสฺสาเยวาติ พทฺธสีมาย เอว.
อยํ ปน วิเสโส – ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตรติ, สมานสํวาสกสีมา ปน ตตฺถาปิ โอตรติ. สมานสํวาสกสีมา เจตฺถ อตฺตโน ธมฺมตาย คจฺฉติ, อวิปฺปวาสสีมา ปน ยตฺถ สมานสํวาสกสีมา, ตตฺเถว คจฺฉติ. น หิ ตสฺสา วิสุํ นิมิตฺตกิตฺตนํ อตฺถิ. ตตฺถ สเจ อวิปฺปวาสาย สมฺมุติกาเล คาโม อตฺถิ, ตํ สา น โอตรติ. สเจ ปน สมฺมตาย สีมาย ปจฺฉา คาโม นิวิสติ, โสปิ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. ยถา จ ปจฺฉา นิวิฏฺโ, เอวํ ปมํ นิวิฏฺสฺส ปจฺฉา วฑฺฒิตปฺปเทโสปิ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. สเจปิ สีมาสมฺมุติกาเล เคหานิ กตานิ, ‘‘ปวิสิสฺสามา’’ติ อาลโยปิ อตฺถิ, มนุสฺสา ปน อปฺปวิฏฺา, โปราณคามํ วา สเคหเมว ฉฑฺเฑตฺวา อฺตฺถ คตา, อคาโมเยว เอส, สีมา โอตรติ. สเจ ปน เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วา อคตํ วา อตฺถิ, คาโมเยว, สีมา น โอตรติ.
เอวํ ¶ พทฺธสีมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อพทฺธสีมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพทฺธสีมา ปนา’’ติอาทิมาห. คาโม เอว สีมา คามสีมา. คามคฺคหเณน เจตฺถ นิคมนครานมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส คามสฺส คามโภชกา พลึ ลภนฺติ, โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ, มหนฺโต วา, เอกํ คามเขตฺตํ นาม. ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘‘อยํ วิสุํ คาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยว. ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามสีมา พทฺธสีมาสทิสาว โหติ. เกวลํ ปน ติจีวรวิปฺปวาสปริหารํ น ลภตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗).
อคามเก อรฺเติ วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ. เตนาห ‘‘อคามกํ นามา’’ติอาทิ. อยํ ปน สีมา ติจีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภติ. มจฺฉพนฺธานนฺติ เกวฏฺฏานํ. อคมนปเถสูติ คนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยปเถสุ. ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ตทเหว ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิเสสูติ วุตฺตํ โหติ. เตสํ คมนปริยนฺตสฺส โอรโต ปน คามสีมาสงฺขํ คจฺฉติ. ตตฺถ คามสีมํ อโสเธตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. มชฺเฌ ิตานํ สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตราติ มชฺเฌ ิตานํ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตรา. ตตฺถาติ เตสุ อพฺภนฺตเรสุ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริสวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา. อุปจารตฺถายาติ สีโมปจารตฺถาย. สีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ ¶ พทฺธสีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. สมาโน สํวาโส เอตฺถาติ สมานสํวาสา. เอโก อุโปสโถ เอตฺถาติ เอกูโปสถา. เอตฺถ จ อุโปสถสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อวเสสกมฺมวเสน สมานสํวาสตา เวทิตพฺพา. วุตฺตาติ อพทฺธสีมาปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๔๙) วุตฺตา. อนุ อนุ อฑฺฒมาสํ อนฺวฑฺฒมาสํ, อฑฺฒมาเส อฑฺฒมาเสติ อตฺโถ. เอวํ ‘‘อนุทสาห’’นฺติอาทีสุปิ. เทเวติ เมเฆ. วลาหเกสุ วิคตมตฺเตสูติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. โสตนฺติ อุทกปฺปวาโห วุจฺจติ. ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา โอตริตฺวาติ ปาเสโส. ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวาติ ยถา ติมณฺฑลปฏิจฺฉาทนํ โหติ, เอวํ นิวาเสตฺวา. อุตฺตรนฺติยาติ ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา. ภิกฺขุนีวิภงฺเค (ปาจิ. ๖๙๒) ภิกฺขุนิยา วเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา ‘‘ภิกฺขุนิยา’’ติ วุตฺตํ, น ปน วิเสสสพฺภาวโต.
เกนจิ ¶ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวาติ นทีกูลํ วา สมุทฺทเวลํ วา ภินฺทิตฺวา. เอตํ ลกฺขณนฺติ ‘‘ยตฺถ นทิยํ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล อุทกํ สนฺติฏฺตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตปฺปการลกฺขณํ. โลณีปิ ชาตสฺสรสงฺขเมว คจฺฉติ. ยตฺถ ปน วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล วสฺเส ปจฺฉินฺนมตฺเต ปิวิตุํ วา หตฺถปาเท โธวิตุํ วา อุทกํ น โหติ สุกฺขติ, อยํ ชาตสฺสโร คามเขตฺตสงฺขเมว คจฺฉติ.
อุทกุกฺเขปาติ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘อุทกุกฺเขเปนา’’ติ. กถํ ปน อุทกํ ขิปิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. มชฺฌิเมน ปุริเสนาติ ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน. อยํ อุทกุกฺเขโป นามาติ อยํ อุทกุกฺเขเปน ปริจฺฉินฺนา สีมา นามาติ อตฺโถ. ยาว ปริสา วฑฺฒติ, ตาว อยํ สีมาปิ วฑฺฒติ, ปริสปริยนฺตโต อุทกุกฺเขโปเยว ปมาณํ. สเจ ปน นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารํ สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถิ. สกลาปิ นที เอเตสํเยว ภิกฺขูนํ ปโหติ.
ปกติวสฺสกาเลติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร ปกติวสฺสกาเล. จตูสุ มาเสสูติ วสฺสานสฺส จตูสุ มาเสสุ. อติวุฏฺิกาเล โอเฆน โอตฺถโตกาโส น คเหตพฺโพ. โส หิ คามสีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. อนฺโตนทิยํ ชาตสฺสเร ชาตปิฏฺิปาสาณทีปเกสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สเจ ปน นที ปริปุณฺณา โหติ สมติตฺถิกา, อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวาปิ อนฺโตนทิยํเยว กมฺมํ กาตพฺพํ. สเจ น สกฺโกนฺติ, นาวายปิ ตฺวา กาตพฺพํ. คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? อุทกุกฺเขปมตฺตเมว หิ สีมา, ตํ ¶ นาวา สีฆเมว อติกฺกาเมติ. เอวํ สติ อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อนุสฺสาวนา โหติ, ตสฺมา นาวํ อริตฺเตน วา เปตฺวา, ปาสาเณ วา ลมฺพิตฺวา, อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วา พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. อนฺโตนทิยํ พทฺธอฏฺฏเกปิ อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเขปิ ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ.
สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วา ตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต, สีมํ วา โสเธตฺวา, สาขํ ¶ วา ฉินฺทิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. พหินทีตีเร ชาตรุกฺขสฺส อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขาย วา ปาโรเห วา นาวํ พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. กโรนฺเตหิ สีมา วา โสเธตพฺพา, สาขํ ฉินฺทิตฺวา วา ตสฺส พหิปติฏฺิตภาโค นาเสตพฺโพ. นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พนฺธนาวาย น วฏฺฏติเยว.
นทิยํ เสตุํ กโรนฺติ, สเจ อนฺโตนทิยํเยว เสตุ วา เสตุปาทา วา, เสตุมฺหิ ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ, สีมํ โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. อถ เสตุปาทา อนฺโต, เสตุ ปน อุภินฺนมฺปิ ตีรานํ อุปริอากาเส ิโต, วฏฺฏติ. ชาตสฺสเรปิ เอเสว นโย.
‘‘ยสฺมึ ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา สณฺหนฺตี’’ติ เอเตน ยํ ปเทสํ อุทฺธํ วฑฺฒนกอุทกํ วา ปกติวีจิโย วา เวเคน อาคนฺตฺวา โอตฺถรนฺติ, ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ทสฺเสติ. สเจ อูมิเวโค พาธติ, นาวาย วา อฏฺฏเก วา ตฺวา กาตพฺพํ. เตสุ วินิจฺฉโย นทิยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สเจ ปน สมุทฺโท คามสีมํ วา นิคมสีมํ วา โอตฺถริตฺวา ติฏฺติ, สมุทฺโทว โหติ. ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตโต ปฏฺาย กปฺปิยภูมีติ โอตฺถริตฺวา สณฺิตอุทกนฺตโต ปฏฺาย อนฺโต นทีชาตสฺสรสมุทฺโท นามาติ อตฺโถ. ทุพฺพุฏฺิกาเลติ วสฺสานเหมนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. สุกฺเขสุปีติ นิรุทเกสุปิ. ยถา จ วาปิขณเน, เอวํ อาวาฏโปกฺขรณีอาทีนํ ขณเนปิ คามเขตฺตํ โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วปฺปํ วา กโรนฺตีติ ลาพุติปุสกาทิวปฺปํ วา กโรนฺติ. ตํ านนฺติ ยตฺถ วาปิอาทิกํ กตํ, ตํ านํ. อฺํ ปน กปฺปิยภูมิ. สเจ ปน ชาตสฺสรํ ปูเรตฺวา ถลํ กโรนฺติ, เอกสฺมึ ทิสาภาเค ปาฬึ พนฺธิตฺวา สพฺพเมว นํ มหาตฬากํ วา กโรนฺติ, สพฺโพปิ อชาตสฺสโร โหติ. คามสีมาสงฺขเมว คจฺฉติ.
สเจ ¶ นทิมฺปิ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺติ, เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา, อุทกํ อาคนฺตฺวา ตฬากํ ปูเรตฺวา ติฏฺติ, เอตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อุปริ ปวตฺตนฏฺาเน ฉฑฺฑิตํ อุทกํ นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. กาจิ นที กาลนฺตเรน อุปฺปติตฺวา คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, นทีเยว ¶ โหติ, กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ วิหารสีมํ โอตฺถรติ ‘‘วิหารสีมา’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนฺโต คจฺฉติ, ตสฺมา. สมนฺตา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพติ ปโหนกฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ ปน กุนฺนทีอาทีสุ นปฺปโหติ, ตตฺถ ปโหนกฏฺานโต อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. อุปจารตฺถายาติ สีโมปจารตฺถาย.
กสฺมา ปน อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป จ อุปจารตฺถาย เปตพฺโพติ อาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) – ยสฺมา อยํ สตฺตพฺภนฺตรสีมา จ อุทกุกฺเขปสีมา จ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต ปฏฺาย ลพฺภติ, เต จ ภิกฺขู น สพฺพทา เอกสทิสา, กทาจิ วฑฺฒนฺติ, กทาจิ ปริหายนฺติ. ยทา จ วฑฺฒนฺติ, ตทา สีมาสงฺกโร โหติ. ตสฺมา อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป จ อุปจารตฺถาย เปตพฺโพติ. ยํ ปน มหาอฏฺกถายํ ‘‘ตโต อธิกํ วฏฺฏติเยว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ, ตมฺปิ เอตทตฺถเมว, น ปน ตตฺถ กตสฺส กมฺมสฺส กุปฺปตฺตาติ คเหตพฺพํ. ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปีติ อตฺตโน สตฺตพฺภนฺตเรน, อุทกุกฺเขเปน วา โย เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา ปริจฺเฉโท, ตโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปีติ อตฺโถ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ, อิทํ ‘‘กมฺมํ โกเปตี’’ติ มหาอฏฺกถาทีสุ ววตฺถานนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิติ อิม’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส นิคมนํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘พทฺธาพทฺธวเสเนธ, สีมา นาม ทฺวิธา ตหึ;
ติสมฺปตฺติยุตฺตา วชฺชิ-เตกาทส วิปตฺติกา;
พทฺธสีมา ติธา ขณฺฑา-ทิโต คามาทิโต ปรา’’ติ.
สภาคาปตฺติ จ นาเมสา ทุวิธา วตฺถุสภาคา, อาปตฺติสภาคาติ. ตตฺถ อิธ วตฺถุสภาคา อธิปฺเปตา, เนตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา’’ติอาทิมาห. ลหุกาปตฺตินฺติ ลหุเกน วินยกมฺเมน วิสุชฺฌนโต ลหุกา ถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฏิเทสนียทุกฺกฏทุพฺภาสิตสงฺขาตา ปฺจาปตฺติโย. วตฺถุสภาคาย สงฺฆาทิเสสาปตฺติยาปิ สติ อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ ¶ น โหติเยว. ยถาห ¶ ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ อาวิ กโรติ, อาปตฺติ อาวิกตา โหติ, ทุกฺกฏา ปน น มุจฺจตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒). ตสฺสา ปน อเทสนาคามินิโต เอวํ วุตฺตํ. วตฺถุสภาคาติ วตฺถุวเสน สมานภาคา, เอกโกฏฺาสาติ วุตฺตํ โหติ. อิมเมว วตฺถุสภาคํ เทเสตุํ น วฏฺฏติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วุตฺตตฺตา, น ปน อาปตฺติสภาคํ. เตนาห ‘‘วิกาลโภชนปจฺจยา อาปนฺนํ ปนา’’ติอาทิ. อาปตฺติสภาคนฺติ อาปตฺติยา สมานภาคํ.
สามนฺตา อาวาสาติ สามนฺตอาวาสํ, สมีปวิหารนฺติ อตฺโถ. สชฺชุกนฺติ ตทเหวาคมนตฺถาย. ปาเหตพฺโพติ เปเสตพฺโพ. อิจฺเจตํ กุสลนฺติ อิติ เอตํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ, ลทฺธกปฺปนฺติ วุตฺตํ โหติ. โน เจ ลเภถาติ วิหารานํ ทูรตาย วา มคฺเค ปริปนฺถาทินา วา ยทิ น ลเภถ. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปฏิกริสฺสตี’’ติ อิมินา วจเนน สภาคาปตฺติ อาวิ กาตุมฺปิ น ลพฺภตีติ ทีปิตํ โหติ. ยทิ ลเภยฺย, อาวิ กตฺวาปิ อุโปสถํ กเรยฺย. ยทิ ปน สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ สงฺฆาทิเสสํ อาปนฺโน โหติ, ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อุโปสถสฺส อนฺตราโยว โหติ. อุโภปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ ปฏิคฺคเหตพฺพา, โย ปฏิคฺคณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วุตฺตตฺตา. วิมติ สํสโย, ตตฺถ นิยุตฺโต เวมติโก. ‘‘ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพเมวา’’ติ เนว ปาฬิยํ, น จ อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทินา นเยน สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ ปฺตฺตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺตีติ วุตฺตนเยเนว. กสฺมา สภาคาปตฺติเยว วุตฺตาติ อาห ‘‘เอตาสุ หี’’ติอาทิ. วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยวาติ วิสภาคาสุ ปน วิชฺชมานาสุ เตสํเยว ปุคฺคลานํ อาปตฺติ, น สงฺฆสฺสาติ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.
อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก นาม จตุนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตรํ อชฺฌาปนฺนโก. ปณฺฑกาทีนํ วินิจฺฉโย ปรโต ปาราชิกุทฺเทเส อาวิ ภวิสฺสติ ¶ . ติรจฺฉานคโตติ อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ นาคมาณวกาทิโก อมนุสฺสชาติโก เวทิตพฺโพ, น อสฺสโคณาทโย. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอติสฺสํ วชฺชนียปุคฺคลกถายํ. ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน, น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๑) ยสฺส นาคสุปณฺณาทิโน ติรจฺฉานคตสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา ¶ , โส อิธาปิ ติรจฺฉานคโต นามาติ อตฺโถ. ตตฺถ หิ อนฺตมโส เทเว อุปาทาย นาคมาณวกาทิโก โย โกจิ อมนุสฺสชาติโก ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ อธิปฺเปโต. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเวติ เอตฺถ นาโค วา โหตุ สุปณฺณมาณวกาทีนํ วา อฺตโร, อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ อมนุสฺสชาติโย, โส สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ‘ติรจฺฉานคโต’ติ เวทิตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๑). ติตฺถํ วุจฺจติ ลทฺธิ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา, อิโต อฺลทฺธิกาติ อตฺโถ.
สุตฺตสฺส อุทฺเทโส สุตฺตุทฺเทโส. ปาริสุทฺธิ เอว อุโปสโถ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ. เอเสว นโย อธิฏฺานุโปสโถติ เอตฺถาปิ. โสติ ปาติโมกฺขุทฺเทโส. โอวาโทว ปาติโมกฺขํ, ตสฺส อุทฺเทโส สรูเปน กถนํ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อาณาปนํ ปฺาปนํ อาณา, เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.
ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา…เป… วุตฺตา ติสฺโส คาถาโย นาม –
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา;
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘อนูปวาโท ¶ อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.(ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) –
อิมา ติสฺโส คาถาโย.
ตตฺถ ขนฺตี ปรมํ ตโปติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๕) อธิวาสนขนฺติ ¶ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ, ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺตีติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ‘‘ปรม’’นฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ. จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ ‘‘นสมโณ โหตี’’ติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ‘‘ปรํ วิเหยนฺโต’’ติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ‘‘ปร’’นฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ, อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพาชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โส ปรํ วิเหยนฺโต สมโณ น โหติ. กึ การณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, ‘สมโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.
ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ, ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ. อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทาเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.
ตติยคาถาย ¶ อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตสฺส อกรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปาติโมกฺขํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมํ สีลํ, ปาติ วา อคติวิเสเสหิ, โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ. โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ, เสนาสนฺจ. เอตฺถ จ ทฺวิหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสาปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตตฺตา. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ ¶ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ, ตโตปิ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ อนุโยโค จาติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ, อนุปฆาตนํ, ปาติโมกฺเข สํวโร, ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา, อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน ติสฺโส คาถา สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถาโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม. ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, น จ ตตฺถ ปริยาปนฺนาติ อาห ‘‘ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา’’ติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ.
อนุปคโต นาม ตตฺเถว อุปสมฺปนฺโน, อสติยา ปุริมิกาย อนุปคโต วา. จาตุมาสินิยนฺติ จาตุมาสิยํ. สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี, สา เอว ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสํ จาตุมาสินิยํ. ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมาสินิยนฺติ อตฺโถ. กายสามคฺคินฺติ กาเยน สมคฺคภาวํ, หตฺถปาสูปคมนนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา, ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ ¶ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจปิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร, ตโย, ทฺเว, เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร, ตโย, ทฺเว, เอโก วา, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย ตโย, ทฺเว วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปฺปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปฺปวารณาวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพา. สเจ ปน ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ, อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สเจ ปุริมิกาย เอโก, ปจฺฉิมิกายปิ เอโก, เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ ¶ . สเจ ปุริมวสฺสูปคเตหิ ปจฺฉิมวสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. กตฺติกจาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมํ วสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ. เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณาย ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพนฺติ.
เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกสฺมึ อํเส สาธุกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ อตฺโถ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา. สเจ ปน ตตฺถ ปาริวาสิโกปิ อตฺถิ, สงฺฆนวกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตตฺเถว นิสินฺเนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. ปาติโมกฺเข อุทฺทิสิยมาเน ปน ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬึ วิหาย หตฺถปาสํ อมฺุจนฺเตน นิสีทิตพฺพํ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.
สพฺพํ ¶ ปุพฺพกรณียนฺติ สมฺมชฺชนาทึ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ. ยถา จ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวเมตฺถาปิ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิปิ ‘‘อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนาปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. นานาสํวาสเกหีติ ลทฺธินานาสํวาสเกหิ. อนาวาโส นาม นวกมฺมสาลาทิโก โย โกจิ ปเทโส. อฺตฺร สงฺเฆนาติ สงฺฆปฺปโหนเกหิ ภิกฺขูหิ วินา. อฺตฺร อนฺตรายาติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทสวิธมนฺตรายํ วินา. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถน อนฺตราเย วา สติ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ อาวาสาทโย น คนฺตพฺพา, เอวํ สเจ วิหาเร อุโปสถํ กโรนฺติ, อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ภิกฺขุ โหติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คโต อธิฏฺาตุมฺปิ ลภติ. อารฺเกนาปิ ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อตฺตโน วิหารเมว อาคนฺตพฺพํ. สเจ อฺํ วิหารํ โอกฺกมติ, ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว อาคนฺตพฺพํ, อกตฺวา อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ชฺา ‘‘อชฺเชว ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกมี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๑) ¶ เอวรูโป ปน อาวาโส คนฺตพฺโพ. ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺเตนาปิ หิ อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโย กโต ภวิสฺสตีติ.
อุทกํ อาสเนน จาติ อาสเนน สห ปานียปริโภชนียํ อุทกฺจาติ อตฺโถ. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กตฺตพฺพํ ปุพฺพกรณํ. ปุพฺพกรณโต ปจฺฉา กตฺตพฺพมฺปิ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา ปุพฺพกิจฺจํ. อุภยมฺปิ เจตํ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา ‘‘ปุพฺพกิจฺจ’’มิจฺเจว เอตฺถ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิต’’นฺติ. กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉตีติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ ‘‘น, ภิกฺขเว, เถเรน อาณตฺเตน อคิลาเนน น ¶ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โย น สมฺมชฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๕๙) วจนโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมา เถเรน อาณตฺเตนา’’ติอาทิ.
สเจ ปน อาณตฺโต สมฺมชฺชนึ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ. ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพนฺติ อาคนฺตุกานํ อตฺถาย ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพํ. อาสนํ ปฺาเปตพฺพนฺติ ปีผลกาทิอาสนํ ปฺาเปตพฺพํ. สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สํฆิกาวาสโตปิ อาหริตฺวา ปฺาเปตฺวา ปุน หริตพฺพานิ. อาสเนสุ อสติ กฏสารเกปิ ตฏฺฏิกาโยปิ ปฺาเปตุํ วฏฺฏติ. ตฏฺฏิกาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฺาเปตพฺพานิ. กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปทีโป กาตพฺโพติ ปทีเปตพฺโพ, ปทีปุชฺชลนํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาณาเปนฺเตน ปน ‘‘อสุกสฺมึ นาม โอกาเส เตลํ วา วฏฺฏิ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ, ปริเยสิตพฺพานิ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. อปิจ กปาเล อคฺคิปิ ชาเลตพฺโพ. อาณาเปนฺเตน จ กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺโต วา สทากาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ อฺตโร วา น อาณาเปตพฺโพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพา. เตนาห ‘‘เถเรนาปิ ปติรูปํ ตฺวา อาณาเปตพฺพ’’นฺติ.
พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตนาติ นทิยา วา สีมาย วา ยตฺถ กตฺถจิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ, ‘‘กโต มยา อุโปสโถ’’ติ อจฺฉิตุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. กิจฺจปฺปสุโต วาติ คิลานุปฏฺากาทิกิจฺจปฺปสุโต วา. สเจ คิลาโน ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทาตุํ น สกฺโกติ, มฺเจน วา ปีเน วา สงฺฆมชฺฌํ อาเนตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ คิลานุปฏฺากานํ ¶ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘สเจ โข มยํ อิมํ คิลานํ านา จาเวสฺสาม, อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสตี’’ติ, น ตฺเวว โส คิลาโน านา จาเวตพฺโพ, สงฺเฆน ตตฺถ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ, น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ. กเรยฺย เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. สเจ พหู ตาทิสา คิลานา โหนฺติ, สงฺเฆน ปฏิปาฏิยา ตฺวา ¶ สพฺเพ หตฺถปาเส กาตพฺพา. สเจ ทูเร ทูเร โหนฺติ, สงฺโฆ นปฺปโหติ, ตํ ทิวสํ อุโปสโถ น กาตพฺโพ, น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ภควโต อาณํ กโรนฺเตน ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท ตตฺเถว ปกฺกมติ, อฺสฺส ทาตพฺโพ ฉนฺโท’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๖๕) ปุน อตฺตโน ฉนฺททานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ‘‘ฉนฺทํ เม หรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท สงฺฆปฺปตฺโต สฺจิจฺจ น อาโรเจติ, อาหโฏ โหติ ฉนฺโท, ฉนฺทหารกสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ทุกฺกฏโต ตํ โมเจตุํ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ วุตฺตํ.
กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพติ มนสา จินฺเตตฺวา กายปฺปโยคํ กโรนฺเตน เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วา, วาจํ ปน นิจฺฉาเรตุํ สกฺโกนฺเตน ตเถว วาจาย วา, อุภยถาปิ สกฺโกนฺเตน กายวาจาหิ วา วิฺาเปตพฺโพ, ชานาเปตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘อยํ อตฺโถ’’ติ วจนโต ปน ยาย กายจิปิ ภาสาย วิฺาเปตุํ วฏฺฏติ, ปาริสุทฺธิทาเนปิ ฉนฺททาเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย. ตํ ปน เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๔) วตฺตุํ ลภติ. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทตีติ เอตฺถ ฉนฺโท จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ, ตํ เทตีติ สรูเปกเสสนเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิตราติ อฺเสํ ฉนฺทปาริสุทฺธิ. พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ พิฬาลสงฺขลิกา นาม พิฬาลพนฺธนํ. ตตฺถ หิ สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํเยว ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉตีติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๖๔; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๖๔). ตสฺมา สา พิฬาลสงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุตุกฺขานนฺติ ¶ ¶ ตํ ตํ กิริยํ อรติ วตฺเตตีติ อุตุ, ตสฺส อกฺขานํ อุตุกฺขานํ, อุตุอาจิกฺขนนฺติ อตฺโถ. ยถา จ ตสฺส อาจิกฺขนํ, ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘เหมนฺตาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. คณนาติ กลนา. ภิกฺขุนีนํ อฏฺครุธมฺเมหิ โอวทนํ ภิกฺขุโนวาโท. สฺเว อุโปสโถติ อาคนฺตฺวาติ ‘‘สฺเว อุโปสโถ โหตี’’ติ วุตฺเต อชฺเชว อาคนฺตฺวา ปนฺนรสิเก อุโปสเถ ปกฺขสฺส จาตุทฺทสิยํ, จาตุทฺทสิเก เตรสิยํ อาคนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ปกฺขสฺส เตรสิยํเยว อาคนฺตฺวา ‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทสิโก วา ปนฺนรสิโก วา’ติ ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๔๙) วุตฺตํ. เอวํ ปุจฺฉิเตน จ ภิกฺขุนา สเจ จาตุทฺทสิยํ อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘‘จาตุทฺทสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ปนฺนรสิยํ กโรนฺติ, ‘‘ปนฺนรสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา พาลํ, เปตฺวา คิลานํ, เปตฺวา คมิกํ อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๔) วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ เปตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาโรจนวิธานํ อชานนฺโต พาโล. จาตุทฺทสิกปนฺนรสิเกสุ อุโปสเถสุ วา ปาฏิปเท วา คนฺตุกาโม คมิโย, ทุติยปกฺขทิวสโต ปน ปฏฺาย ตโต อุทฺธํ คจฺฉนฺโต อิธ คมิโย นาม น โหติ. อรฺเ นิวาโส อสฺสาติ อารฺิโก. โสปิ ‘‘อหํ อรฺวาสี, สฺเว อุโปสโถ, วิหาเร น วสามี’’ติ อปฺปฏิคฺคหิตุํ น ลภติ. ยทิ น คณฺเหยฺย, ทุกฺกฏํ อาปชฺเชยฺย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น คเหตพฺโพ, โย น คณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๔). เตน ปน ปจฺจาหรณตฺถาย สงฺเกโต กาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อารฺิเกน ภิกฺขุนา โอวาทํ คเหตุํ, สงฺเกตฺจ กาตุํ อตฺร ปติหริสฺสามี’’ติ (จูฬว. ๔๑๕). ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สเจ ภิกฺขุนีนํ วสนคาเม ภิกฺขา ลพฺภติ, ตตฺเถว จริตฺวา ภิกฺขุนิโย ทิสฺวา อาโรเจตฺวา คนฺตพฺพํ. โน จสฺส ตตฺถ ภิกฺขา สุลภา โหติ, สามนฺตคาเม จริตฺวา ภิกฺขุนีนํ คามํ อาคมฺม ตเถว กาตพฺพํ. สเจ ทูรํ คนฺตพฺพํ โหติ, สงฺเกโต กาตพฺโพ ‘‘อหํ อสุกํ นาม ตุมฺหากํ คามทฺวาเร สภํ วา มณฺฑปํ วา รุกฺขมูลํ วา อุปสงฺกมิสฺสามิ, ตตฺร อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. ภิกฺขุนีหิ ตตฺร คนฺตพฺพํ, อคนฺตุํ น ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สงฺเกตํ ¶ น คนฺตพฺพํ, ยา น คจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๕). อุโปสถคฺเคติ อุโปสถกรณฏฺาเน. อฏฺหิ องฺเคหีติ –
‘‘สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา ¶ โหนฺติ, ธาตา วจสา ปริจิตา, มนสา อนุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส. กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ. เยภุยฺเยน ภิกฺขุนีนํ ปิโย โหติ มนาโป. ปฏิพโล โหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ. น โข ปเนตํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตาย กาสายวตฺถวสนาย ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนปุพฺโพ โหติ. วีสติวสฺโส วา โหติ อติเรกวีสติวสฺโส วา’’ติ (ปาจิ. ๑๔๗) –
อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน นิทฺโทเสน กายวจีมโนกมฺเมน. สมฺปาเทตูติ ติวิธํ สิกฺขํ สมฺปาเทตุ. ยทา ปน ตาหิ ภิกฺขุนีหิ ปาติโมกฺขุทฺเทสกํเยว ทิสฺวา โอวาโท ยาจิโต, ตทา อุโปสถคฺเค สนฺนิปติเตหิ ภิกฺขุสงฺเฆหิ ปุพฺพกิจฺจวเสน ‘‘อตฺถิ กาจิ ภิกฺขุนิโย โอวาทํ ยาจมานา’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ อตฺตนา วตฺตพฺพวจนํ อฺเน กถาเปตฺวา ‘‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติอาทึ สยํ วตฺวา ปุน สยเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํ. อฺเน วา ภิกฺขุนา ตสฺมึ ทิวเส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสาเปตพฺพํ. อิทนฺติ ‘‘ตาหี’’ติ พหุวจนํ. เอกโต สเหว.
ตฺติฏฺปเกน วาติ ยตฺถ ติณฺณํ วสนฏฺาเน ปาติโมกฺขุทฺเทโส นตฺถิ, ตตฺถ ตฺติฏฺปนเกน วา. อิตเรน วาติ ยตฺถ ทฺเว ภิกฺขู วสนฺติ, เอโก วา, ตตฺถ อิตเรน วา ภิกฺขุนา สเจ สยเมว สมฺมโต, ‘‘อห’’นฺติ วตฺตพฺพํ ¶ . ตเถวาติ อุโปสถคฺเค วุตฺตสทิสเมว. ‘‘อาโรเจตฺวาวา’’ติ อิมินา อนาโรจนํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น อาโรเจตพฺโพ, โย น อาโรเจยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๕) วจนโต โอวาทํ คเหตฺวา อุโปสถคฺเค อนาโรเจตุํ น วฏฺฏติ.
ปริสุทฺธภาวนฺติ อาปตฺติยา ปริสุทฺธตํ. อาโรเจถาติ อาวิ กโรถ. เอตฺถ สิยาติ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ เอตสฺมึ ปเท อยมนุโยโค ภเวยฺย. กึ ตํ, ยํ สิยาติ อาห ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติอาทิ. ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยตีติ ปุพฺพวจเนน อปรํ วจนํ สนฺธานํ คจฺฉติ. สามคฺคิยาติ กายจิตฺเตหิ สหิตตาย. คณสฺสาติ อุทฺเทสกํ เปตฺวา จตุวคฺเค เสสภิกฺขูนํ. สงฺฆสฺส อุทฺทิฏฺํ โหตีติ สงฺเฆน อุทฺทิฏฺํ โหติ. กรณตฺเถ เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถาติ ปาติโมกฺขุทฺเทเส. ลกฺขณนฺติ สภาโว.
เถรา ¶ จ นวา จ มชฺฌิมา จาติ เอตฺถ ทสวสฺสา, อติเรกทสวสฺสา จ เถรา. อูนปฺจวสฺสา นวา. ปฺจวสฺสา, อติเรกปฺจวสฺสา จ มชฺฌิมา. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺตานํ เตน ปาติโมกฺเขน อตฺถิกํ กตฺวา, ตํ วา ปาติโมกฺขํ ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาติโมกฺข’’นฺติ อตฺถึ กตฺวา. มนสิ กริตฺวาติ จิตฺเต เปตฺวา. โสตทฺวารวเสนาติ โสตทฺวาริกชวนวิฺาณวเสน. สพฺพเจตสา สมนฺนาหรามาติ จิตฺตสฺส โถกมฺปิ พหิ คนฺตุํ อเทนฺตา สพฺเพน จิตฺเตน อาวชฺเชม, สลฺลกฺเขมาติ อตฺโถ. มนสิ กโรมาติ อาวชฺเชม, สมนฺนาหรามาติ อตฺโถ. โส จ โข มนสิกาโร น เอตฺถ อารมฺมณปฺปฏิปาทนลกฺขโณ, อถ โข วีถิปฺปฏิปาทนชวนปฺปฏิปาทนมนสิการปุพฺพกจิตฺเต ปนลกฺขโณติ อาห ‘‘เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา จิตฺเต เปยฺยามา’’ติ. น สเมตีติ น สํคจฺฉติ. กสฺมา น สํคจฺฉตีติ อาห ‘‘สมคฺคสฺส หี’’ติอาทิ. กิฺจ ภิยฺโยติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสโก จา’’ติอาทิ. สงฺฆปริยาปนฺโนติ สงฺเฆ ปริยาปนฺโน อนฺโตคโธ.
อิทานิ ตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ. อายสฺมนฺโตติ สนฺนิปติตานํ ปิยวจเนน อาลปนํ.
อลชฺชิตาติ ¶ อลชฺชิตาย, อลชฺชนภาเวนาติ อตฺโถ. ตติยตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ‘‘อฺาณตา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. กุกฺกุจฺจปฺปกตตาติ กุกฺกุจฺเจน อภิภูตตาย. สติสมฺโมสาติ สติวิปฺปวาสโต. วีติกฺกมนฺติ สิกฺขาปทวีติกฺกมนํ.
สฺจิจฺจาติ สฺเจเตตฺวา, อกปฺปิยภาวํ ชานนฺโตเยว วีติกฺกมจิตฺตํ เปเสตฺวาติ อตฺโถ. ปริคูหตีติ นิคูหติ น เทเสติ น วุฏฺาติ. ลชฺชาย ปริคูหนฺโต อลชฺชี น โหติ, ‘‘กึ อิมินา’’ติ อนาทริเยน ปริคูหนฺโต อลชฺชี โหตีติ ทสฺเสติ. อคติคมนฺจ คจฺฉตีติ ภณฺฑภาชนียฏฺานาทีสุ ฉนฺทาคติอาทิเภทํ อคติคมนฺจ คจฺฉติ. อลชฺชิปุคฺคโลติ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานลชฺชาวิรหิโต ปุคฺคโล. เอตฺถ จ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ อิมินา อนาทริยวเสเนว อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต, อาปนฺนฺจ อาปตฺตึ ปริคูหนฺโต, ภณฺฑภาชนียฏฺานาทีสุ อคติคมนํ คจฺฉนฺโต จ อลชฺชี โหติ, น อิตโรติ ทสฺเสติ.
มนฺโทติ มนฺทปฺโ, อปฺสฺเสเวตํ นามํ. โมมูโหติ อติสํมูฬฺโห. วิราเธตีติ น ราเธติ น สาเธติ. กุกฺกุจฺเจติ วินยสํสเย. กปฺปิยํ เจ กตฺตพฺพํ สิยาติ วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน วตฺถุํ โอโลเกตฺวา มาติกํ, ปทภาชนํ, อนฺตราปตฺตึ, อนาปตฺติฺจ โอโลเกตฺวา ‘‘กปฺปติ, อาวุโส, มา เอตฺถ กงฺขี’’ติ วุตฺเต กตฺตพฺพํ ภเวยฺย.
สหเสยฺยจีวรวิปฺปวาสาทีนีติ ¶ เอตฺถ สหเสยฺยา นาม อนุปสมฺปนฺเนน อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยาปตฺติ, วิปฺปวาโส นาม เอกรตฺตฉารตฺตวเสน วิปฺปวาโส. อาทิสทฺเทน สตฺตาหาติกฺกมาทีสุ อาปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฏิเทสนียทุกฺกฏทุพฺภาสิตสงฺขาตานํ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ.
เทเสตุ วา ปกาเสตุ วาติ สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา เทเสตุ วา ปกาเสตุ วา. เอตฺถ จ ปาราชิกาปตฺติเทสนา นาม ภิกฺขุภาวสฺส ปริจฺจาโค. วุฏฺานํ ปน เทสนาวิเสสตฺตา ‘‘เทสนา’’ติ ทฏฺพฺพํ. ปกาเสตุ วาติ อาโรเจตุ วา.
เอวํ อนาปนฺนา วาติ เอวํ ฉนฺนํ อาการานํ อฺตเรน อนาปนฺนา วา. วุฏฺิตา วาติ ปริวาสาทินา วุฏฺิตา วา. อาโรจิตา วาติ อาวิกตา ¶ วา. อาโรเจนฺโต จ ‘‘ตุยฺหํ สนฺติเก เอกํ อาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติ วา ‘‘อาจิกฺขามี’’ติ วา ‘‘อาโรเจมี’’ติ วา ‘‘มม เอกํ อาปตฺตึ อาปนฺนภาวํ ชานาหี’’ติ วา วทตุ, ‘‘เอกํ ครุกํ อาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติ วา อาทินา นเยน วทตุ, สพฺเพหิปิ อากาเรหิ อาโรจิตาว โหติ. สเจ ปน ครุกาปตฺตึ อาวิกโรนฺโต ‘‘ลหุกาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติอาทินา นเยน วทติ, อนาวิกตา โหติ อาปตฺติ. วตฺถุํ อาโรเจติ, อาปตฺตึ อาโรเจติ, อุภยํ อาโรเจติ, ติวิเธนาปิ อาโรจิตาว โหติ. อสนฺติยา อาปตฺติยาติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. ตุณฺหีภาเวนาปิ หีติ เอตฺถ น เกวลํ ‘‘อาม, มยํ ปริสุทฺธา’’ติ วุตฺเตเยว, อถ โข ตุณฺหีภาเวนาปีติ อปิสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กึ ตํ ยาวตติยานุสาวิตํ นาม, กถฺเจตํ ยาวตติยานุสาวิตํ โหตีติ วิจารณายํ อาจริยานํ มติเภทมุเขน ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตีติ เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยเทตํ ติกฺขตฺตุํ อนุสาวิตนฺติ สมฺพนฺโธ. อตฺถพฺยฺชนเภทโตติ อรียติ ายตีติ อตฺโถ, อภิเธยฺยํ, พฺยฺชียติ อตฺโถ อเนนาติ พฺยฺชนํ, อกฺขรํ, อตฺโถ จ พฺยฺชนฺจ อตฺถพฺยฺชนานิ, เตสํ เภโท อตฺถพฺยฺชนเภโท, ตโต, อตฺถสฺส จ พฺยฺชนสฺส จ วิสทิสตฺตาติ อตฺโถ.
อิทานิ ตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อนุสาวนฺหิ นามา’’ติอาทิมาห. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตสฺส ปน ‘‘อภินฺน’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เตนาติ ภินฺนตฺตา. อสฺสาติ ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยสฺส. อวสฺสฺเจตเมวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อติปฺปสงฺโคปิ ¶ สิยาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ เจต’’นฺติอาทิมาห. เอตนฺติ ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยํ. อปเร ‘‘อนุสาวิต’’นฺติ ปทํ น อตีตตฺถํ ทีเปติ, อถ โข อนาคตตฺถํ. ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ กาลนฺตรวิหิโตปิ ปจฺจโย กาลนฺตเร สาธุ โหตีติ วิกปฺเปสุํ. เตนาห ‘‘อปเร ‘อนุสาวิต’นฺติ ปทสฺสา’’ติอาทิ. อุปริ อุทฺเทสาวสาเนติ ปาราชิกุทฺเทสาวสาเน. อตฺถยุตฺตีนํ อภาวโตติ อนาคตตฺถสฺส จ การณสฺส จ อภาวโต. อิทานิ ตเมว วิภาเวตุํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิมาห. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ยทิ จสฺสา’’ติอาทิ. อยนฺติ ¶ อนาคตกาโล. อนุสาวิตํ เหสฺสตีติ วเทยฺยาติ อนุปฺปโยคํ อนาคตกาลํ กตฺวา ‘‘อนุสาวิตํ เหสฺสตี’’ติ พุทฺโธ วเทยฺย. อยํ เหตฺถาธิปฺปาโย – ยทิ เจตฺถ ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ ต-ปจฺจโย สิยา, ตถา สติ ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ นาม วิเสสนวิเสสฺยภาโว, โส จ อนุปฺปโยคสฺส สมานตฺถภาเว สติ อุปฺปชฺชติ, นาสตีติ ‘‘เหสฺสตี’’ติ อนุปฺปโยคํ วเทยฺย, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา อนาคตํ น ทีเปติ, อตีตกาลเมว ทีเปตีติ. อนุสาวิยมาเนติ วจนโตติ ‘‘อนุสาวิยมาเน’’ติ วตฺตมานกาลวจนโต. ยทิ เอวํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตี’’ติ กิมิทนฺติ อาห ‘‘ยาวตติย’’นฺติอาทิ. กึ เตน ลกฺขียติ, เยเนตํ ลกฺขณวจนมตฺตํ สิยาติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. เตนาติ ลกฺขณวจนมตฺเตน เหตุนา.
ตเทตนฺติ ปาติโมกฺขํ. ตํ ปเนตนฺติ ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทิกํ ยาวตติยานุสาวนํ. น ทิสฺสตีติ โนปลพฺภติ. อิมเมว จ อตฺถนฺติ อิมํ อมฺเหหิ วุตฺตเมวตฺถํ. ยทิ หิ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติอาทิวจนตฺตยํ ยาวตติยานุสาวนํ สิยา, ตเทว อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๒ อาทโย) วเทยฺย, น ปน ‘‘สกิมฺปิ อนุสาวิตํ โหตี’’ติอาทิกนฺติ อธิปฺปาโย. นนุ จายํ วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ น อาคโต, อถ กุโต ลทฺโธติ อาห ‘‘อยเมตฺถา’’ติอาทิ. วินยฏฺาเนสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตํ อตฺถํ าเปนฺตี ปเวณิ อาจริยปรมฺปรา, ตาย อาภโต อานีโต อาจริยปรมฺปราภโต.
นนุ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพํ, อถ กถํ ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘สา จ โข น มุสาวาทลกฺขเณนา’’ติอาทิ. สมฺปชานมุสาวาเท กึ โหตีติ ยฺวายํ ‘‘สมฺปชานมุสาวาโท อสฺส โหตี’’ติ วุตฺโต, โส อาปตฺติโต กึ โหติ, กตรา อาปตฺติ โหตีติ อตฺโถ. ทุกฺกฏํ โหตีติ ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ. วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานาปตฺติ โหตีติ อสฺส หิ ภิกฺขุโน อธมฺมิกาย ปฏิฺาย ตุณฺหีภูตสฺส นิสินฺนสฺส มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถิ. ยสฺมา ปน อาวิกาตพฺพํ นาวิกาสิ, เตนสฺส วจีทฺวาเร อกิริยโต อยํ ¶ อาปตฺติ สมุฏฺาตีติ ¶ เวทิตพฺพา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. เอตํ อุปาลิตฺเถเรน ปริวาเร เสทโมจนคาถาสุ (ปริ. ๔๗๙) วุตฺตมฺปิ จาติ อตฺโถ.
อนาลปนฺโต มนุเชน เกนจิ วาจาติ เกนจิ มนุเชน วาจาย อนาลปนฺโต. คิรํ โน จ ปเร ภเณยฺยาติ ‘‘อิติ อิเม โสสฺสนฺตี’’ติ ปรปุคฺคเล สนฺธาย สทฺทมฺปิ น นิจฺฉาเรยฺย. อาปชฺเชยฺย วาจสิกนฺติ วาจโต สมุฏฺิตํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตาติ เอตฺถ ปฺหาเมสาติ ลิงฺคพฺยตฺตเยน วุตฺตํ, เอโส ปฺโห กุสเลหิ จินฺติโตติ อตฺโถ. อยํ ปฺโห อิมเมว มุสาวาทํ สนฺธาย วุตฺโต.
ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ, อติกฺกมนฏฺเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺโต, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีโลติ อนฺตรายิโก. เตนาห ‘‘วิปฺปฏิสารวตฺถุตายา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิปฺปฏิสารวตฺถุตายาติ วิปฺปฏิสาโร นาม ปจฺฉานุตาปวเสน จิตฺตวิปฺปฏิสาโร, ตสฺส การณตายาติ อตฺโถ. ปมชฺฌานาทิปจฺจยภูตออปฺปฏิสารวิรุทฺธสฺส วิปฺปฏิสารสฺส ปจฺจยตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ปาโมชฺชาทิสมฺภวนฺติ ทุพฺพลตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ, ตํ อาทิ เยสํ เต ปาโมชฺชาทโย, เตสํ สมฺภโว ปฏิลาโภ ปาโมชฺชาทิสมฺภโว, ตํ. อาทิสทฺเทน ปีติปฺปสฺสทฺธาทีนํ คหณํ. ปมชฺฌานาทีนนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ปน ‘‘ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ฌานานํ, วิโมกฺขานํ, สมาธีนํ, สมาปตฺตีนํ, เนกฺขมฺมานํ, นิสฺสรณานํ, ปวิเวกานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย อนฺตรายิโก’’ติ (มหาว. ๑๓๕) วุตฺตทุติยชฺฌานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตสฺมา’’ติ วุตฺเต ยํตํสทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย ‘‘ยสฺมา’’ติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมาติ ยสฺมา’’ติอาทิ. ชานนฺเตนาติ ชานมาเนน. อิมินาสฺส สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธึ อเปกฺขตีติ วิสุทฺธาเปกฺโข, เตน ¶ วิสุทฺธาเปกฺเขน. สา จ วิสุทฺธิ อิธ วุฏฺานาทีติ อาห ‘‘วุฏฺาตุกาเมน วิสุชฺฌิตุกาเมนา’’ติ. วุฏฺานคามินิโต สงฺฆาทิเสสโต วุฏฺาตุกาเมน, เทสนาคามินิโต วิสุชฺฌิตุกาเมนาติ อตฺโถ. สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วาติ อุโปสถคฺเค สงฺฆสฺส อาโรจนวเสน สงฺฆมชฺเฌ วา ตตฺเถว อุภโต นิสินฺนานํ อาโรจนวเสน คณมชฺเฌ วา อนนฺตรสฺส อาโรจนวเสน เอกปุคฺคเล วา ปกาเสตพฺพา. อิโต วุฏฺหิตฺวาติ อิโต อุโปสถคฺคโต วุฏฺาย. เอตฺถ ปน สภาโคเยว วตฺตพฺโพ. วิสภาคสฺส หิ วุจฺจมาเน ภณฺฑนกลหสงฺฆเภทาทีนิปิ โหนฺติ. ตสฺมา ตสฺส อวตฺวา ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ¶ ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพติ อนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๗๐) วุตฺตํ.
กรณตฺเถติ ตติยาวิภตฺติอตฺเถ. กตฺตริ เหตํ ปจฺจตฺตวจนํ โหติ ผาสุสทฺทาเปกฺขาย. ปจฺจตฺตวจนนฺติ ปมาวจนํ. ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย ผาสุ โหตีติ อธิคมตฺถํ ตสฺส ภิกฺขุโน ผาสุ โหติ สุขํ โหติ สํวรสฺส อวิปฺปฏิสารเหตุตฺตา. เตนาห ‘‘อวิปฺปฏิสารมูลกาน’’นฺติอาทิ. ปาปปฺุานํ กตากตวเสน จิตฺตวิปฺปฏิสาราภาโว อวิปฺปฏิสาโร, โส มูลํ การณํ เยสํ เต อวิปฺปฏิสารมูลา, อวิปฺปฏิสารมูลาเยว อวิปฺปฏิสารมูลกา, เตสํ อวิปฺปฏิสารมูลกานํ. สุขปฺปฏิปทา สมฺปชฺชตีติ สุขา ปฏิปทา สมิชฺฌติ, ปมชฺฌานาทีนํ สุเขน อธิคโม โหตีติ อธิปฺปาโย. โหติ เจตฺถ –
‘‘นิทาเน ตฺติฏฺปนํ, ปุพฺพกิจฺจสฺส ปุจฺฉนํ;
นิทานุทฺเทสสวเน, วิสุทฺธาโรจเน วิธิ;
อนาโรจเน จาปตฺติ, เยฺยํ ปิณฺฑตฺถปฺจก’’นฺติ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกกณฺฑํ
อิทานิ ¶ ¶ นิทานุทฺเทสานนฺตรํ วุตฺตสฺส ปาราชิกุทฺเทสสฺส อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. นิทานานนฺตรนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, นิทานํ อนนฺตรํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถาติ ปาราชิกกณฺเฑ. ปาติโมกฺเขติ ภิกฺขุปาติโมกฺเข. จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท อูนาติเรกภาวนิวตฺตนโต. ปาราชิกาติ สชาตินามํ. อาปตฺติโยติ สพฺพสาธารณนามํ. อุทฺทิสียตีติ อุทฺเทโส. ภาวปฺปธาโนยํ นิทฺเทโส. เตนาห ‘‘อุทฺทิสิตพฺพต’’นฺติ.
๑. ปมปาราชิกวณฺณนา
โย ปนาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา) เอตฺถ ยสฺมา ปนาติ นิปาตมตฺตํ, โยติ อตฺถปทํ, ตฺจ อนิยเมน ปุคฺคลํ ทีเปติ. ตสฺมา ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โกจี’’ติ อาห. ยสฺมา ปน โย โยโกจิ นาม, โส อวสฺสํ ลิงฺคยุตฺตชาตินามโคตฺตสีลวิหารโคจรวเยสุ เอเกนากาเรน ปฺายติ, ตสฺมา ตํ ตถา าเปตุํ ‘‘รสฺสทีฆาทินา’’ติอาทิมาห. อาทิสทฺเทน นวกมฺมาทีนํ คหณํ. ลิงฺคาทิเภเทนาติ ลิงฺคียติายติ เอเตนาติ ลิงฺคํ, ตํ อาทิ เยสํ เตติ ลิงฺคาทโย, เตสํ เภโท ลิงฺคาทิเภโท, เตน ลิงฺคาทิเภเทน. เอตฺถาทิสทฺเทน ปน ยุตฺตาทีนํ คหณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ลิงฺควเสน ยาทิโส วา ตาทิโส วา โหตุ, ทีโฆ วา รสฺโส วา กาโฬ วา โอทาโต วา มงฺคุรจฺฉวิ วา กิโส วา ถูโล วา. โยควเสน เยน วา เตน วา ยุตฺโต โหตุ, นวกมฺมยุตฺโต วา อุทฺเทสยุตฺโต วา วาสธุรยุตฺโต วา. ชาติวเสน ยํชจฺโจ วา ตํชจฺโจ วา โหตุ, ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโธ วา. นามวเสน ยถานาโม วา ตถานาโม วา โหตุ, พุทฺธรกฺขิโต วา ธมฺมรกฺขิโต วา สงฺฆรกฺขิโต วา. โคตฺตวเสน ยถาโคตฺโต วา ตถาโคตฺโต วา โหตุ, กจฺจายโน วา วาสิฏฺโ วา โกสิโย วา. สีเลสุ ยถาสีโล วา ตถาสีโล วา โหตุ, นวกมฺมสีโล วา อุทฺเทสสีโล วา วาสธุรสีโล วา. วิหาเรสุปิ ยถาวิหารี วา ตถาวิหารี วา ¶ โหตุ, นวกมฺมวิหารี วา อุทฺเทสวิหารี วา วาสธุรวิหารี วา ¶ . โคจเรสุปิ ยถาโคจโร วา ตถาโคจโร วา โหตุ, นวกมฺมโคจโร วา อุทฺเทสโคจโร วา วาสธุรโคจโร วา. วเยสุปิ โย วา โส วา โหตุ เถโร วา นโว วา มชฺฌิโม วา, อถ โข สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘โย’’ติ วุจฺจตีติ.
อิทานิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปทํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอหิภิกฺขูปสมฺปทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ ภควโต วจนมตฺเตน ภิกฺขุภาโว เอหิภิกฺขูปสมฺปทา. ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๕) นเยน ติกฺขตฺตุํ วาจํ ภินฺทิตฺวา วุตฺเตหิ ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปทา สรณคมนูปสมฺปทา. โอวาทปฺปฏิคฺคหณูปสมฺปทา (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) นาม –
‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ, เอวฺหิ เต กสฺสป สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) –
อิมินา โอวาทปฺปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา นาม โสปากสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา. ภควา กิร ปุพฺพาราเม อนุจงฺกมนฺตํ โสปากสามเณรํ ‘‘‘อุทฺธุมาตกสฺา’ติ วา โสปาก ‘รูปสฺา’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) ทส อสุภนิสฺสิเต ปฺเห ปุจฺฉิ. โส เต พฺยากาสิ. ภควา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘กติวสฺโส ตฺวํ, โสปากา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺตวสฺโสหํ ภควาติ. ‘‘โสปาก, ตฺวํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ปฺเห พฺยากาสี’’ติ อารทฺธจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ, อยํ ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา.
อฏฺครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทา ¶ นาม มหาปชาปติยา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ทูเตนูปสมฺปทา ¶ นาม อฑฺฒกาสิยา คณิกาย อนฺุาตอุปสมฺปทา.
อฏฺวาจิกูปสมฺปทา นาม ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถน, ภิกฺขุสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถนาติ อิเมหิ ทฺวีหิ กมฺเมหิ อุปสมฺปทา.
ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา นาม ภิกฺขูนํ เอตรหิ อุปสมฺปทา. ตฺติจตุตฺเถนาติ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ, เอกาย จ ตฺติยาติ เอวํ ตฺติจตุตฺเถน. กิฺจาปิ หิ ตฺติ สพฺพปมํ วุจฺจติ, ติสฺสนฺนํ ปน อนุสฺสาวนานํ อตฺถพฺยฺชนเภทาภาวโต อตฺถพฺยฺชนภินฺนํ ตฺตึ ตาสํ จตุตฺถนฺติ กตฺวา ‘‘ตฺติจตุตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. อกุปฺเปนาติ อโกเปตพฺพตํ, อปฺปฏิกฺโกสิตพฺพตฺจ อุปคเตน. านารเหนาติ การณารเหน สตฺถุ สาสนารเหน. อุปสมฺปนฺโน นาม อุปริภาวํ สมาปนฺโน, ปตฺโตติ อตฺโถ. ภิกฺขุภาโว หิ อุปริภาโว, ตฺเจส ยถาวุตฺเตน กมฺเมน สมาปนฺนตฺตา ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา ปเนตฺถ อิมินาว อุปสมฺปนฺโน อิธ คหิโต, นาฺเหีติ? วุจฺจเต – เอหิภิกฺขูปสมฺปทา อนฺติมภวิกานเมว, สรณคมนูปสมฺปทา ปริสุทฺธานํ, โอวาทปฺปฏิคฺคหณปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา มหากสฺสปโสปากานํ, น จ เต ภพฺพา ปาราชิกาทิโลกวชฺชํ อาปชฺชิตุํ, อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหณาทโย จ ภิกฺขุนีนํเยว อนฺุาตา. อยฺจ ภิกฺขุ, ตสฺมา ตฺติจตุตฺเถเนว อุปสมฺปทากมฺเมน อุปสมฺปนฺโน อิธ คหิโต, นาฺเหีติ เวทิตพฺโพ. ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปน สิกฺขาปเทสุ อฺเปิ เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนาทโย สงฺคยฺหนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา). วกฺขติ หิ ‘‘ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปน อฺเปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ. อิทานิ ‘‘อกุปฺเปน านารเหน อุปสมฺปนฺโน’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ. วสติ เอตฺถาติ วตฺถุ, อาธาโร ปติฏฺา. เตนาห ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺโข ปุคฺคโล’’ติ. อูนานิ อปริปุณฺณานิ วีสติ วสฺสานิ อสฺสาติ อูนวีสติวสฺโส. เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อุปริ สปฺปาณกวคฺเค อูนวีสติสิกฺขาปเท (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา) วณฺณยิสฺสาม. เตสูติ ปณฺฑกาทีสุ เอกาทสสุ อภพฺพปุคฺคเลสุ. ปณฺฑโก (มหาว. อฏฺ. ๑๐๙) ปเนตฺถ ปฺจวิโธ โหติ อาสิตฺตปณฺฑโก, อุสูยปณฺฑโก ¶ , โอปกฺกมิกปณฺฑโก, นปุํสกปณฺฑโก, ปกฺขปณฺฑโกติ. เตสุ อาสิตฺตปณฺฑกสฺส จ อุสูยปณฺฑกสฺส ¶ จ ปพฺพชฺชา น วาริตา, อิตเรสํ ติณฺณํ วาริตา. เตสุปิ ปกฺขปณฺฑกสฺส ยสฺมึ ปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ. ตโย เจตฺถ ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ อภพฺพตาย อวตฺถู. เตนาห ‘‘อาสิตฺตปณฺฑกฺจา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก. ยสฺส ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสูยาย อุปฺปนฺนาย ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อุสูยปณฺฑโก. ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานิ อปนีตานิ, อยํ โอปกฺกมิกปณฺฑโก (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๓๕; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๙). โย ปน ปฏิสนฺธิยํเยว อภาวโก อุปฺปนฺโน, อยํ นปุํสกปณฺฑโก. เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปากานุภาเวน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ ปกฺขปณฺฑโกติ เวทิตพฺโพ.
เถยฺเยน สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส, ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘เถยฺยสํวาสโก ปน ติวิโธ’’ติอาทิ. น ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) ‘‘อหํ ทสวสฺโส วา วีสติวสฺโส วา’’ติ มุสา วตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ น คเณติ. น ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูเปน ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ นาธิวาเสติ. น อาสเนน ปฏิพาหตีติ ‘‘อเปหิ, เม เอตํ ปาปุณาตี’’ติ อาสเนน นปฺปฏิพาหติ. น อุโปสถาทีสุ สนฺทิสฺสตีติ อุโปสถปฺปวารณาทีสุ น สนฺทิสฺสติ. ลิงฺคมตฺตสฺเสวาติ เอวสทฺเทน สํวาสํ นิวตฺเตติ. สมาโนติ สนฺโต. ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺสาติ สามเณรลิงฺคานุรูปสฺส สามเณรสํวาสสฺส. สเจ ปน กาสาเย ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา นคฺโค วา โอทาตวตฺถนิวตฺโถ วา เมถุนเสวนาทีหิ อสฺสมโณ หุตฺวา กาสายานิ นิวาเสติ, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. สเจ คิหิภาวํ ปตฺถยมาโน กาสายํ โอวฏฺฏิกํ กตฺวา, อฺเน วา อากาเรน คิหินิวาสเนน นิวาเสติ ‘‘โสภติ นุ โข เม คิหิลิงฺคํ, น โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ, รกฺขติ ตาว, ‘‘โสภตี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน ลิงฺคํ สาทิยติ, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสนสมฺปฏิจฺฉเนสุปิ เอเสว นโย ¶ . สเจปิ นิวตฺถกาสาวสฺส อุปริ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสติ วา สมฺปฏิจฺฉติ วา, รกฺขติ เอว.
อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนเกปิ เอเสว นโยติ ปาราชิกํ อาปนฺนเก ภิกฺขุมฺหิปิ เอเสว นโยติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวา ¶ เมถุนํ ปฏิเสวิตฺวา ปุน กาสายานิ นิวาเสตฺวา วสฺสคณนาทิเภทํ สพฺพํ วิธึ อาปชฺชติ, อยํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคตฺเถนโก, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโกติ. วิเทสนฺติ ปรเทสํ. อิทฺจ วฺเจตุํ สกฺกุเณยฺยฏฺานํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. โย ปน สเทเสปิ เอวํ กโรติ, โสปิ สํวาสตฺเถนโกว. ‘‘สํวาสมตฺตสฺเสวา’’ติ อิมินา ลิงฺคํ ปฏิกฺขิปติ. สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโต (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตฺวา มหาเปฬาทีสุ ทิยฺยมานภตฺตํ คณฺหาติ, โสปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ. สยํ สามเณโรว สามเณรปฺปฏิปาฏิยา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต เถยฺยสํวาสโก น โหติ. ภิกฺขุ ปน ภิกฺขุปฏิปาฏิยา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ.
นนุ สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตาติ อาห ‘‘ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หี’’ติอาทิ. อิมินา น เกวลํ เอกกมฺมาทิโกว กิริยเภโท สํวาโสติ อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ตทฺโ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกปีติ ทสฺเสติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ เถยฺยสํวาสกาธิกาเร. สิกฺขํ ปจฺจกฺขายาติ สิกฺขํ ปริจฺจชิตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ลิงฺคํ อนปเนตฺวา ทุสฺสีลกมฺมํ กตฺวา วา อกตฺวา วา ‘‘น มํ โกจิ ชานาตี’’ติ ปุน สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ วิธึ ปฏิปชฺชติ, โส เถยฺยสํวาสโก โหตีติ.
สเจ ปน กสฺสจิ ราชา กุทฺโธ โหติ, โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติ. ตํ ทิสฺวา รฺโ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึ โกธํ ปฏิวิเนติ. โส ‘‘วูปสนฺตํ เม ราชภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว ¶ คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโต ปพฺพาเชตพฺโพ. อถาปิ ‘‘สาสนํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ, หนฺท ทานิ อหํ ปพฺพชามี’’ติ อุปฺปนฺนสํเวโค เตเนว ลิงฺเคน อาคนฺตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ น สาทิยติ, ภิกฺขูหิ ปุฏฺโ วา อปุฏฺโ วา ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกตฺวาว ปพฺพชฺชํ ยาจติ, ลิงฺคํ อปเนตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน วตฺตํ สาทิยติ, ปพฺพชิตาลยํ ทสฺเสติ, สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ ปฏิปชฺชติ, อยํ ปน น ปพฺพาเชตพฺโพ.
อิธ ปเนกจฺโจ ทุพฺภิกฺเข ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ¶ ภฺุชนฺโต ทุพฺภิกฺเข วีติวตฺเต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปโร มหากนฺตารํ นิตฺถริตุกาโม โหติ, สตฺถวาโห จ ปพฺพชิเต คเหตฺวา คจฺฉติ. โส ‘‘เอวํ มํ สตฺถวาโห คเหตฺวา คมิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สตฺถวาเหน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา เขมนฺตํ ปตฺวา สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปโร โรคภเย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๓๘) อุปฺปนฺเน ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโต โรคภเย วูปสนฺเต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปรสฺส เอโก เวริโก กุทฺโธ โหติ, ฆาเตตุกาโม นํ วิจรติ. โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติ. เวริโก ‘‘กุหึ โส’’ติ ปริเยสนฺโต ‘‘ปพฺพชิตฺวา ปลาโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึ โกธํ ปฏิวิเนติ. โส ‘‘วูปสนฺตํ เม เวริภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปโร าติกุลํ คนฺตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คิหี หุตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ อิธ วินสฺสิสฺสนฺติ, สเจปิ อิมานิ คเหตฺวา วิหารํ คมิสฺสามิ, อนฺตรามคฺเค มํ ‘โจโร’ติ คเหสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ กายปริหาริยานิ กตฺวา คจฺเฉยฺย’’นฺติ จีวราหรณตฺถํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ วิหารํ คจฺฉติ. ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สามเณรา จ ทหรา จ อพฺภุคฺคจฺฉนฺติ, วตฺตํ ¶ ทสฺเสนฺติ. โส น สาทิยติ, ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกโรติ. สเจ ภิกฺขู ‘‘น ทานิ มยํ ตํ มฺุจิสฺสามา’’ติ พลกฺกาเรน ปพฺพาเชตุกามา โหนฺติ, กาสายานิ อปเนตฺวา ปุน ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘น อิเม มม หีนายาวตฺตภาวํ ชานนฺตี’’ติ ตํเยว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานิตฺวา สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตวสฺสคณนาทิเภทํ วิธึ ปฏิปชฺชติ, อยํ น ปพฺพาเชตพฺโพ. เตนาห ‘‘ราชทุพฺภิกฺขกนฺตาร-โรคเวรีภเยน วา’’ติอาทิ. ภยสทฺโท เจตฺถ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน, ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา. ลิงฺคํ อาทิยตีติ เวสํ คณฺหาติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวโต โย สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เอส ‘‘คิหี มํ ¶ ‘สมโณ’ติ ชานนฺตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวโต โทโส นตฺถีติ เถยฺยสํวาสโก นามาติ น วุจฺจตีติ อตฺโถ.
ติตฺถิเยสุ ปกฺกนฺตโก ปวิฏฺโติ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก. โส จ น เกวลํ ตตฺถ ปวิฏฺมตฺเตเนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ, อถ โข เตสํ ลทฺธิคฺคหเณน. เตนาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ อิมินา อนุปสมฺปนฺโน ติตฺถิยปกฺกนฺตโก น โหตีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ กุรุนฺทิอฏฺกถายํ ‘‘อยฺจ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก นาม อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโต, ตสฺมา สามเณโร สลิงฺเคน ติตฺถายตนํ คโตปิ ปุน ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐). กุสจีราทิกนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ผลกกฺขณฺฑชฏาทีนํ คหณํ. สเจปิ ‘‘อยํ ปพฺพชฺชา เสฏฺา’’ติ เสฏฺภาวํ วา อุปคจฺฉติ, น มุจฺจติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโกว โหติ. วตานีติ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีนิ วตานิ. สเจ ปน ‘‘โสภติ นุ โข เม ติตฺถิยปพฺพชฺชา, นนุ โข โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ, ชฏํ วา พนฺธติ, ขาริกาชํ วา อาทิยติ, ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ ตํ ลทฺธึ, ตาว รกฺขติ, สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ. อจฺฉินฺนจีวโร ปน กุสจีราทีนิ นิวาเสนฺโต, ราชภยาทีหิ วา ติตฺถิยลิงฺคํ คณฺหนฺโต ลทฺธิยา อภาเวน เนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ.
อวเสโส สพฺโพปีติ นาคสุปณฺณยกฺขคนฺธพฺพาทิโก. ยฺเหตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ยถา ¶ สมานชาติกสฺส (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๒) วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติกสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสชาติกา’’ติ. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตาปิตุสมฺา, ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชเนตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชเนตฺตีติ ชนิกา, มาตาติ อตฺโถ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ, ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิปฺผตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘มนุสฺสภูเตเนวา’’ติ. สฺจิจฺจาติ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺาย สทฺธึ วธกเจตนาย เจเตตฺวา. อยํ มาตุฆาตโก นามาติ อยํ อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน มาตุฆาตโก นาม. เยน ปน มนุสฺสิตฺถิภูตาปิ อชนิกา โปสาวนิกมาตา วา มหามาตา วา จูฬมาตา วา ชนิกาปิ วา อมนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, ตสฺส ปพฺพชฺชา น วาริตา, น จ อานนฺตริโก โหติ. เยน สยํ ติรจฺฉานภูเตน มนุสฺสิตฺถิภูตา ¶ มาตา ฆาติตา, โสปิ อานนฺตริโก น โหติ. ติรจฺฉานคตตฺตา ปนสฺส ปพฺพชฺชา ปฏิกฺขิตฺตา, กมฺมํ ปนสฺส ภาริยํ โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ.
เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโก นามาติ อิมมตฺถํ อติทิสนฺโต ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ อาห. สเจปิ หิ เวสิยา ปุตฺโต โหติ, ‘‘อยํ เม ปิตา’’ติ น ชานาติ, ยสฺส สมฺภเวน นิพฺพตฺโต, โส จ เตน ฆาติโต, ‘‘ปิตุฆาตโก’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, อานนฺตริยฺจ ผุสติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๔).
เอฬกจตุกฺกํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๒), สงฺคามจตุกฺกํ, โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ มารณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา, ปน มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว ¶ . เอเสว นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ, ปน ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยานานนฺตริยภาเว ปมาณํ.
อรหนฺตฆาตโกปิ มนุสฺสอรหนฺตวเสเนว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘เยน อนฺตมโส คิหิลิงฺเค ิโตปี’’ติอาทิ. อมนุสฺสชาติกํ ปน อรหนฺตํ, มนุสฺสชาติกํ วา อวเสสํ อริยปุคฺคลํ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, ปพฺพชฺชาปิสฺส น วาริตา, กมฺมํ ปน พลวํ โหติ. ติรจฺฉาโน มนุสฺสอรหนฺตมฺปิ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, กมฺมํ ปน ภาริยนฺติ อยเมตฺถ วินิจฺฉโย. ยถา มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอฬกจตุกฺกาทีนิ เวทิตพฺพานิ.
ปกตตฺตํ ภิกฺขุนินฺติ ปริสุทฺธสีลํ อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนํ ภิกฺขุนึ. โย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕) ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, ตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น วาริตา. พลกฺกาเรน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อนิจฺฉมานํเยว ทูเสนฺโตปิ ภิกฺขุนิทูสโกเยว, พลกฺกาเรน ปน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อิจฺฉมานํ ทูเสนฺโต ภิกฺขุนิทูสโก น โหติ. กสฺมา? ยสฺมา คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยว สา อภิกฺขุนี โหติ ¶ . สกึ สีลวิปนฺนํ ปน ปจฺฉา ทูเสนฺโต สิกฺขมานสามเณรีสุ จ วิปฺปฏิปชฺชนฺโต เนว ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, ปพฺพชฺชํ, อุปสมฺปทฺจ ลภตีติ.
ธมฺมโต อุคฺคตํ อปคตํ อุทฺธมฺมํ. อุพฺพินยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนตฺติตฺติทุติยตฺติจตุตฺถสงฺขาตานํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. อิเมสฺหิ อฺตรํ สงฺฆกมฺมํ เอกสีมายํ วิสุํ วิสุํ กโรนฺเตน สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุนฺนํ กมฺมานํ อฺตรวเสน สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ.
‘‘ทุฏฺจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตํ จิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ อนฺโตสรีเรเยว โลหิตํ อุปฺปาเทติ, สฺจิตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน ธมฺมํ ภินฺทิตฺวา โลหิตํ ปคฺฆรติ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ, ตํ สนฺธาเยตํ ¶ วุตฺตํ. โย ปน โรควูปสมนตฺถํ ชีวโก วิย สตฺเถน ผาเลตฺวา ปูติมํสฺจ โลหิตฺจ นีหริตฺวา ผาสุกํ กโรติ, อยํ โลหิตุปฺปาทโก น โหติ, พหุํ ปน โส ปฺุํ ปสวติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕).
ทุวิธมฺปิ พฺยฺชนนฺติ ยถาวุตฺตกมฺมทฺวยโต สมุฏฺิตํ อิตฺถินิมิตฺตํ, ปุริสนิมิตฺตฺจาติ ทุวิธมฺปิ พฺยฺชนํ. อิมินา จ วิคฺคเหน ‘‘อุภโตพฺยฺชนโก’’ติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. โส ทุวิโธ โหติ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก, ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก จาติ. ตตฺถ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยฺจ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรฺจ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ, ปรํ คณฺหาเปตีติ อิทเมเตสํ นานากรณํ.
อปรามสนานีติ อคฺคหณานิ อวจนานิ. ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อกิตฺตนนฺติ ยสฺส อุปสมฺปทา กรียติ, ตสฺส อกิตฺตนํ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อยํ ธมฺมรกฺขิโต’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๔) ¶ อวจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อุปชฺฌายสฺส อกิตฺตนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺวา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ อวจนํ. สพฺเพน สพฺพํ ตฺติยา อนุจฺจารณนฺติ ตฺตึ อฏฺเปตฺวา จตุกฺขตฺตุํ กมฺมวาจาย เอว อนุสฺสาวนกมฺมสฺส กรณํ. สมฺปนฺนนฺติ อุเปตํ.
หาปนํ ปริจฺจชนํ. โยปิ เอกํ ตฺตึ เปตฺวา สกึเยว วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา อนุสฺสาวนํ กโรติ, อยมฺปิ สาวนํ หาเปติเยว. ทุรุจฺจารณํ นาม อฺสฺมึ ¶ อกฺขเร วตฺตพฺเพ อฺสฺส วจนํ. ตสฺมา กมฺมวาจํ กโรนฺเตน ภิกฺขุนา ยฺวายํ –
‘‘สิถิลํ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ;
ครุกํ ลหุกฺเจว นิคฺคหีตํ;
สมฺพนฺธววตฺถิตํ วิมุตฺตํ;
ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๔, ปริ. อฏฺ. ๔๘๕; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๒) –
วุตฺโต, อยํ สุฏฺุ อุปลกฺเขตพฺโพ. เอตฺถ หิ สิถิลํ นาม ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยํ. ธนิตํ นาม เตสฺเวว ทุติยจตุตฺถํ. ทีฆนฺติ ทีเฆน กาเลน วตฺตพฺพํ อา-การาทิ. รสฺสนฺติ ตโต อุปฑฺฒกาเลน วตฺตพฺพํ อ-การาทิ. ครุกนฺติ ทีฆเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส นกฺขมตี’’ติ เอวํ สํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. ลหุกนฺติ รสฺสเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส น ขมตี’’ติ เอวํ อสํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. นิคฺคหีตนฺติ ยํ กรณานิ นิคฺคเหตฺวา อวิสฺสชฺเชตฺวา อวิวเฏน มุเขน สานุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺพํ. สมฺพนฺธนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธิตฺวา ‘‘ตุณฺหิสฺสา’’ติ วา ‘‘ตุณฺหสฺสา’’ติ วา วุจฺจติ. ววตฺถิตนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธํ อกตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตุณฺหี อสฺสา’’ติ วา ‘‘ตุณฺห อสฺสา’’ติ วา วุจฺจติ. วิมุตฺตนฺติ ยํ กรณานิ อนิคฺคเหตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา วิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ อกตฺวา วุจฺจติ.
ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม’’ติ วตฺตพฺเพ ต-การสฺส ถ-การํ กตฺวา ‘‘สุณาถุ เม’’ติ วจนํ สิถิลสฺส ¶ ธนิตกรณํ นาม, ตถา ‘‘ปตฺตกลฺลํ เอสา ตฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปตฺถกลฺลํ เอสา ตฺตี’’ติอาทิวจนฺจ. ‘‘ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺเพ ภ-การ ฆ-การานํ พ-การ ค-กาเร กตฺวา ‘‘พนฺเต สํโค’’ติ วจนํ ธนิตสฺส สิถิลกรณํ นาม. ‘‘สุณาตุ เม’’ติ วิวเฏน มุเขน วตฺตพฺเพ ‘‘สุณํตุ เม’’ติ วา ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เอสํ ตฺตี’’ติ วา อวิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ กตฺวา วจนํ วิมุตฺตสฺส นิคฺคหิตวจนํ นาม. ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ อวิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺเพ ‘‘ปตฺตกลฺลา’’ติ วิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ อกตฺวา วจนํ นิคฺคหิตสฺส วิมุตฺตวจนํ นาม. อิติ สิถิเล กตฺตพฺเพ ธนิตํ, ธนิเต กตฺตพฺเพ สิถิลํ, วิมุตฺเต กตฺตพฺเพ นิคฺคหิตํ, นิคฺคหิเต กตฺตพฺเพ วิมุตฺตนฺติ อิมานิ จตฺตาริ พฺยฺชนานิ ¶ อนฺโตกมฺมวาจาย กมฺมํ ทูเสนฺติ. เอวํ วทนฺโต หิ อฺสฺมึ อกฺขเร วตฺตพฺเพ อฺํ วทติ, ทุรุตฺตํ กโรตีติ วุจฺจติ.
อิตเรสุ ปน ทีฆรสฺสาทีสุ ฉสุ พฺยฺชเนสุ ทีฆฏฺาเน ทีฆเมว. รสฺสฏฺาเน จ รสฺสเมวาติ เอวํ ยถาาเน ตํ ตเทว อกฺขรํ ภาสนฺเตน อนุกฺกมาคตํ ปเวณึ อวินาเสนฺเตน กมฺมวาจา กาตพฺพา. สเจ ปน เอวํ อกตฺวา ทีเฆ วตฺตพฺเพ รสฺสํ, รสฺเส วา วตฺตพฺเพ ทีฆํ วทติ, ตถา ครุเก วตฺตพฺเพ ลหุกํ, ลหุเก วา วตฺตพฺเพ ครุกํ วทติ, สมฺพนฺเธ วา ปน วตฺตพฺเพ ววตฺถิตํ, ววตฺถิเต วา วตฺตพฺเพ สมฺพนฺธํ วทติ, เอวํ วุตฺเตปิ กมฺมวาจา น กุปฺปติ. อิมานิ หิ ฉ พฺยฺชนานิ กมฺมํ น โกเปนฺติ.
ยํ ปน สุตฺตนฺติกตฺเถรา ‘‘ท-กาโร ต-การมาปชฺชติ, ต-กาโร ท-การมาปชฺชติ, จ-กาโร ช-การมาปชฺชติ, ช-กาโร จ-การมาปชฺชติ, ย-กาโร ก-การมาปชฺชติ, ก-กาโร ย-การมาปชฺชติ, ตสฺมา ท-การาทีสุ วตฺตพฺเพสุ ต-การาทีนํ วจนํ น วิรุชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ กมฺมวาจํ ปตฺวา น วฏฺฏติ. ตสฺมา วินยธเรน เนว ท-กาโร ต-กาโร กาตพฺโพ…เป… น ก-กาโร ย-กาโร. ยถาปาฬิยา นิรุตฺตึ โสเธตฺวา ทสวิธาย พฺยฺชนนิรุตฺติยา วุตฺตโทเส ปริหรนฺเตน กมฺมวาจา กาตพฺพา. อิตรถา หิ สาวนํ หาเปติ นาม. ตฺตึ อฏฺเปตฺวา ปมํ อนุสฺสาวนกรณนฺติ สมฺพนฺโธ.
ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุปสมฺปทากมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา. เต จ โข สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมฏฺา ปฺจ ปกตตฺตา ภิกฺขู. น หิ เตหิ วินา ตํ กมฺมํ กรียติ, น เตสํ ฉนฺโท เอติ. อวเสสา ปน สเจปิ สหสฺสมตฺตา โหนฺติ, สเจ เอกสีมฏฺา เอกสฺมึ าเน สมานสํวาสกา, สพฺเพ ฉนฺทารหาว ¶ โหนฺติ, ฉนฺทํ ทตฺวา อาคจฺฉนฺตุ วา, มา วา, กมฺมํ น กุปฺปติ. ปฏิกฺโกสนนฺติ นิวารณํ. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, การณํ. อิธ ปน อุปสมฺปทากมฺมกรณสฺส การณตฺตา อุปสมฺปทากมฺมวาจาสงฺขาตํ ภควโต วจนํ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘การณารหตฺตา ปน สตฺถุ สาสนารหตฺตา’’ติ. ยถา จ ‘‘ตํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ภควตา อนุสิฏฺํ, ตถากรณํ อุปสมฺปทากมฺมสฺส การณํ โหตีติ ¶ านารหํ นาม. เกจิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) ปน ‘‘านารเหนาติ เอตฺถ ‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’ติอาทิ (มหาว. ๑๑๙) สตฺถุสาสนํ าน’’นฺติ วทนฺติ. อิธาติ อิมสฺมึ ปาราชิเก. ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถาปิ โลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ อยเมว อธิปฺเปโตติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปนา’’ติอาทิ. อฺเปีติ เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนาทโยปิ. กถเมตํ วิฺายติ ปณฺณตฺติวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ อฺเปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ? อตฺถโต อาปนฺนตฺตา. ตถา หิ ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา อภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ, ทฺเว ปุคฺคลา ภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) สามฺโต วุตฺตตฺตา. เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนาทโยปิ อสฺจิจฺจ อสฺสติยา อจิตฺตกํ สหเสยฺยาปตฺติอาทิเภทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ อาปชฺชนฺตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) อตฺถโต อาปนฺนํ.
อิทานิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ อิมํ ปทํ วิเสสตฺถาภาวโต วิสุํ อวณฺเณตฺวาว ยํ สิกฺขฺจ สาชีวฺจ สมาปนฺนตฺตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติอาทิมาห. สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ, สห ชีวนฺติ เอตฺถาติ สาชีวํ, มาติกาทิเภทา ปณฺณตฺติ, สิกฺขา จ สาชีวฺจ สิกฺขาสาชีวํ, ตทุภยํ สมาปนฺโน อุปคโตติ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. เตนาห ‘‘ยา ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘สิกฺขา’’ติ สาชีวสหจริยโต อธิสีลสิกฺขาว อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘อธิสีลสงฺขาตา’’ติ. อธิกํ อุตฺตมํ สีลนฺติ อธิสีลํ, ‘‘อธิสีล’’นฺติ สงฺขาตา อธิสีลสงฺขาตา.
กตมํ ปเนตฺถ สีลํ, กตมํ อธิสีลนฺติ? วุจฺจเต – ปฺจงฺคทสงฺคสีลํ ตาว สีลเมว, น ตํ อธิสีลํ. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปน อธิสีล’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ สูริโย วิย ปชฺโชตานํ, สิเนรุ วิย จ ปพฺพตานํ สพฺพโลกิยสีลานํ อธิกฺเจว อุตฺตมฺจ, พุทฺธุปฺปาเทเยว จ ปวตฺตติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. น หิ ตํ ปฺตฺตึ อุทฺธริตฺวา อฺโ สตฺโต ปฺาเปตุํ สกฺโกติ, พุทฺธาเยว ปนสฺส สพฺพโส กายวจีทฺวารชฺฌาจารโสตํ ฉินฺทิตฺวา ตสฺส ตสฺส วีติกฺกมสฺส อนุจฺฉวิกํ ตํ ตํ สีลสํวรํ ปฺาเปนฺติ. ปาติโมกฺขสํวรสีลโตปิ ¶ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ น อธิปฺเปตํ. น หิ ตํ สมาปนฺโน เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวติ.
เอเตติ ¶ นานาเทสชาติโคตฺตาทิเภทภินฺนา ภิกฺขู. สห ชีวนฺตีติ เอกุทฺเทสาทิวเสน สห ปวตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน’’ติ. สิกฺขาปทสงฺขาตนฺติ ปณฺณตฺติสงฺขาตํ. สาปิ หิ วิรติอาทีนํ ทีปนโต ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สิกฺขาปทนฺติ โย ตตฺถ นามกาโย ปทกาโย นิรุตฺติกาโย พฺยฺชนกาโย’’ติ. ตตฺถาติ เตสุ. สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตติ อกตฺตพฺพปริวชฺชนกตฺตพฺพกรณวเสน วาริตฺตจาริตฺตสงฺขาตํ ทุวิธํ สีลํ ปริปูเรนฺโตติ อตฺโถ, วาริตฺตสีลวเสน วิรติสมฺปยุตฺตเจตนํ, จาริตฺตสีลวเสน วิรติวิปฺปยุตฺตเจตนฺจ อตฺตนิ ปวตฺเตนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโตติ สิกฺขาปทฺจ อมทฺทนฺโต, สีลสํวรณํ, สาชีวานติกฺกมนฺจาติ อิทเมว ทฺวยํ อิธ สมาปชฺชนํ นามาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ สาชีวานติกฺกโม สิกฺขาปาริปูริยา ปจฺจโย. ตสฺสานติกฺกมนโต หิ ยาว มคฺคา สิกฺขา ปริปูรติ. อปิเจตฺถ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต’’ติ อิมินา วิรติเจตนาสงฺขาตสฺส สีลสํวรสฺส วิเสสโต สนฺตาเน ปวตฺตนกาโลว คหิโต, ‘‘อวีติกฺกมนฺโต’’ติ อิมินา ปน อปฺปวตฺตนกาโลปิ. สิกฺขฺหิ ปริปูรณวเสน อตฺตนิ ปวตฺเตนฺโตปิ นิทฺทาทิวเสน อปฺปวตฺเตนฺโตปิ วีติกฺกมาภาวา สิกฺขนวเสน สมาปนฺโนติ วุจฺจติ.
ยสฺมา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สิยา (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา), ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมนตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วุจฺจมาเน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา. ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ.
อิทานิ ตทุภยเมว ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตทภาเวนาติ เตสํ จิตฺตาทีนํ อภาเวน. จวิตุกามตาจิตฺเตนาติ อปคนฺตุกามตาจิตฺเตน ¶ . ทวาติ สหสา. โย หิ ¶ อฺํ ภณิตุกาโม สหสา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ ภณติ, อยํ ทวา วทติ นาม. รวาติ วิรชฺฌิตฺวา. โย หิ อฺํ ภณิตุกาโม วิรุชฺฌิตฺวา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ ภณติ, อยํ รวา ภณติ นาม. ปุริเมน โก วิเสโสติ เจ? ปุริมํ ปณฺฑิตสฺสาปิ สหสาวเสน อฺภณนํ, อิทํ ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ปกฺขลนฺตสฺส ‘‘อฺํ ภณิสฺสามี’’ติ อฺภณนํ. ‘‘อกฺขรสมยานภิฺาตตาย วา กรณสมฺปตฺติยา อภาวโต วา กเถตพฺพํ กเถตุมสกฺโกนฺโต หุตฺวา อฺํ กเถนฺโต รวา ภณติ นามา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๔) เอเก.
วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, ตํ อุปชฺฌายํ. ‘‘เอวํ สชฺฌายิตพฺพํ, เอวํ อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อาจารสิกฺขาปนโก อาจริโย. อนฺเต สมีเป วสติ สีเลนาติ อนฺเตวาสี, วิภตฺติอโลเปน ยถา ‘‘วเนกเสรุกา’’ติ. สมาโน อุปชฺฌาโย อสฺสาติ สมานุปชฺฌายโก. เอวํ สมานาจริยโก. สพฺรหฺมจารินฺติ ภิกฺขุํ. โส หิ ‘‘เอกกมฺมํ, เอกุทฺเทโส, สมสิกฺขตา’’ติ อิมํ พฺรหฺมํ สมานํ จรติ, ตสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารี’’ติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตานนฺติ เอวํ ปทภาชนีเย วุตฺตานํ. ยถา หิ โลเก สสฺสานํ วิรุหนฏฺานํ ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิมานิปิ พุทฺธาทีนิ ปทานิ สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส วิรุหนฏฺานตฺถา ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อิเมสํ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปทาน’’นฺติ. ยสฺมา ปเนเตสํ เววจเนหิปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สเววจนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วิวิธํ เอกสฺมึเยว อตฺเถ วจนํ วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ, ปริยายนามํ, สห เววจเนหีติ สเววจนํ, ตสฺส สเววจนสฺส. เอตฺถ จ วณฺณปฏฺาเน (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓; วชิร. ฏี. ๕๓) อาคตํ นามสหสฺสํ, อุปาลิคาถาสุ (ม. นิ. ๒.๗๖) นามสตํ, อฺานิ จ คุณโต ลพฺภมานานิ นามานิ ‘‘พุทฺธเววจนานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. สพฺพานิปิ ธมฺมสฺส นามานิ ‘‘ธมฺมเววจนานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
เตสุ ยํ กิฺจิ วตฺตุกามสฺส ยํ กิฺจิ วทโต สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหตีติ เตสุ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปเทสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปทํ วตฺตุกามสฺส ตโต อฺํ ยํ กิฺจิ ปทมฺปิ วจีเภทํ กตฺวา วทโต เขตฺตปทนฺโตคธตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ¶ โหตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ ปนายํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม ปทปจฺจาภฏฺํ กตฺวา ‘‘ปจฺจกฺขามิ พุทฺธ’’นฺติ วา วเทยฺย, มิลกฺขภาสาทีสุ วา อฺตรภาสาย ตมตฺถํ วเทยฺย, ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม อุปฺปฏิปาฏิยา ‘‘ธมฺมํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วา ‘‘สพฺรหฺมจารึ ปจฺจกฺขามี’’ติ วา วเทยฺย, เสยฺยถาปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิภงฺเค ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติ ¶ วตฺตุกาโม ‘‘ทุติยํ ฌาน’’นฺติ วทติ. สเจ ‘‘ยสฺส วทติ, โส อยํ ภิกฺขุภาวํ จชิตุกาโม เอตมตฺถํ วทตี’’ติ เอตฺตกมตฺตมฺปิ ชานาติ, วิรทฺธํ นาม นตฺถิ, เขตฺตเมว โอติณฺณํ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. สกฺกตฺตา วา พฺรหฺมตฺตา วา จุตสตฺโต วิย จุโตว โหติ สาสนาติ.
อลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๒) โหตุ, ปริยตฺตนฺติ อตฺโถ. กึ นุ เมติ กึ มยฺหํ กิจฺจํ, กึ กรณียํ, กึ สาเธตพฺพนฺติ อตฺโถ. น มมตฺโถติ นตฺถิ มม อตฺโถ. สุมุตฺตาหนฺติ สุฏฺุ มุตฺโต อหํ. ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหีติ พุทฺธาทีหิ สพฺรหฺมจาริปริยนฺเตหิ ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหิ. ยนฺนูนาหํ ปจฺจกฺเขยฺยนฺติ เอตฺถ ‘‘ยนฺนูนา’’ติ ปริวิตกฺกทสฺสเน นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สจาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺยํ, สาธุ วต เม สิยา’’ติ. อาทิสทฺเทน ‘‘ปจฺจกฺขิ’’นฺติ วา ‘‘ปจฺจกฺขิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ภวิสฺสามี’’ติ วา ‘‘โหมี’’ติ วา ‘‘ชาโตมฺหี’’ติ วา ‘‘อมฺหี’’ติ วา เอวํภูตานํ คหณํ. สเจ ปน ‘‘อชฺช ปฏฺาย ‘คิหี’ติ มํ ธาเรหี’’ติ วา ‘‘ชานาหี’’ติ วา ‘‘สฺชานาหี’’ติ วา ‘‘มนสิ กโรหี’’ติ วา วทติ, อริยเกน วา วทติ, มิลกฺขเกน วา. เอวเมตสฺมึ อตฺเถ วุตฺเต ยสฺส วทติ, สเจ โส ชานาติ, ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา. เอส นโย เสเสสุปิ ‘‘อุปาสโก’’ติอาทีสุ สตฺตสุ ปเทสุ. เอตฺถ จ อริยกํ นาม มาคธโวหาโร. มิลกฺขกํ นาม อนริยโก อนฺธทมิฬาทิ.
อกฺขรลิขนนฺติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทินา อฺเสํ ทสฺสนตฺถํ อกฺขรลิขนํ. อธิปฺปายวิฺาปโก องฺคุลิสงฺโกจนาทิโก หตฺถวิกาโร หตฺถมุทฺทา, หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘น ภฺุชมาโน สพฺพํ หตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๘) วิย. ตสฺมา อธิปฺปายวิฺาปกสฺส องฺคุลิสงฺโกจนาทิโน หตฺถวิการสฺส ทสฺสนํ หตฺถมุทฺทาทิทสฺสนนฺติ ¶ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๑) เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทิสทฺเทน สีสกมฺปนทสฺสนาทึ สงฺคณฺหาติ.
อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานนฺติ เอตฺถ อุมฺมตฺตโกติ ปิตฺตุมฺมตฺตโก. ขิตฺตจิตฺโตติ ยกฺเขหิ กตจิตฺตวิกฺเขโป, ยกฺขุมฺมตฺตโกติ วุตฺตํ โหติ. อุภินฺนํ ปน วิเสโส อนาปตฺติวาเร อาวิภวิสฺสติ. เวทนาฏฺโฏติ พลวติยา ทุกฺขเวทนาย ผุฏฺโ มุจฺฉาปเรโต, เตน วิปฺปลปนฺเตน ปจฺจกฺขาตาปิ อปจฺจกฺขาตาว โหติ. มนุสฺสชาติโก โหตีติ สภาโค วา วิสภาโค วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา วิฺู โยโกจิ มนุสฺโส โหติ. อุมฺมตฺตกาทีนนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏเทวตาติรจฺฉานคตานํ คหณํ. ตตฺร อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏติรจฺฉานคตานํ สนฺติเก ปจฺจกฺขาตาปิ อชานนภาเวน อปจฺจกฺขาตาว โหติ. เทวตาย ปน สนฺติเก อติขิปฺปํ ชานนภาเวน. เทวตา นาม มหาปฺา ติเหตุกปฺปฏิสนฺธิกา อติขิปฺปํ ชานนฺติ, จิตฺตฺจ นาเมตํ ลหุปริวตฺตํ, ตสฺมา ‘‘จิตฺตลหุกสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตวเสเนว มา อติขิปฺปํ วินาโส อโหสี’’ติ เทวตาย สนฺติเก ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ปฏิกฺขิปิ. เตน วุตฺตํ ‘‘น จ อุมฺมตฺตกาทีนํ อฺตโร’’ติ. ทูเตน วาติ ‘‘มม สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ กเถหี’’ติ มุขสาสนวเสน ทูเตน วา. ปณฺเณน วาติ ปณฺเณ ลิขิตฺวา ปหิณวเสน ปณฺเณน วา.
สเจ เต สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ ชานนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อาวชฺชนสมเยติ อตฺถาโภคสมเย. อิมินา ตํ ขณํเยว ปน อปุพฺพํ อจริมํ ทุชฺชานนฺติ ทสฺเสติ. วจนานนฺตรเมวาติ วจนสฺส อนนฺตรเมว, อาวชฺชนสมเยวาติ อตฺโถ. เอว-สทฺเทน ปน จิเรน ชานนํ ปฏิกฺขิปติ. อุกฺกณฺิโตติ อนภิรติยา อิมสฺมึ สาสเน กิจฺฉชีวิกํ ปตฺโต. อถ วา ‘‘อชฺช ยามิ, สฺเว ยามิ, อิโต ยามิ, เอตฺถ ยามี’’ติ อุทฺธํ กณฺํ กตฺวา วิหรมาโน วิกฺขิตฺโต, อเนกคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ ‘‘อนภิรโต สามฺา จวิตุกาโม’’ติอาทีนํ (ปารา. ๔๕) อุปลกฺขณํ. เยน เกนจิ…เป… ชานนฺตีติ สเจ เต‘‘อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา ‘‘อนภิรโต’’ติ วา ‘‘สามฺา จวิตุกาโม’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ ชานนฺติ. อิทฺหิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺจ อุปริ ¶ อภูตาโรจนทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามทุฏฺโทสภูตาโรจนสิกฺขาปทานิ จ เอกปริจฺเฉทานิ, อาวชฺชนสมเย าเต เอว สีสํ เอนฺติ. ‘‘กึ อยํ ภณตี’’ติ กงฺขตา จิเรน าเต สีสํ น เอนฺติ. เตนาห ‘‘อถ อปรภาเค’’ติอาทิ. อถ ทฺวินฺนํ ิตฏฺาเน ทฺวินฺนมฺปิ นิยเมตฺวา ‘‘เอเตสํ อาโรเจมี’’ติ วทติ, เตสุ เอกสฺมึ ชานนฺเตปิ ทฺวีสุ ชานนฺเตสุปิ ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. เอวํ สมฺพหุเลสุปิ เวทิตพฺพํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตสฺส วจนานนฺตร’’นฺติอาทินา วุตฺเตน นเยน. โย โกจิ มนุสฺสชาติโกติ อนฺตมโส นวกมฺมิกํ อุปาทาย โย โกจิ มนุสฺโส. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ –
‘‘สเจ ปน อนภิรติยา ปีฬิโต สภาเค ภิกฺขู ปริสงฺกมาโน ‘โย โกจิ ชานาตู’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต ‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’ติ วทติ, ตฺจ อวิทูเร ิโต นวกมฺมิโก วา อฺโ วา สมยฺู ปุริโส สุตฺวา ‘อุกฺกณฺิโต อยํ สมโณ คิหิภาวํ ปตฺเถติ, สาสนโต จุโต’ติ ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๑).
สเจ ¶ วจนตฺถํ ตฺวาปิ ‘‘อยํ อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา น ชานาติ, อปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. สเจ ปน วจนตฺถํ อชานิตฺวาปิ ‘‘อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. ทวายปีติ กีฬาธิปฺปาเยนปิ. จิตฺตาทีนํ วา วเสนาติ จิตฺตาทีนํ วา ฉฬงฺคานํ วเสน. โหติ เจตฺถ –
‘‘จิตฺตํ เขตฺตฺจ กาโล จ, ปโยโค ปุคฺคโล ตถา;
วิชานนนฺติ สิกฺขาย, ปจฺจกฺขานํ ฉฬงฺคิก’’นฺติ.
สพฺพโส วา ปน อปจฺจกฺขาเนนาติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทีสุ เยน เยน ปริยาเยน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, ตโต เอกสฺสปิ ปจฺจกฺขานสฺส อภาเวน. อิมินา ปน ‘‘อิทํ ปทํ สาเวสฺสามิ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขามี’’ติ เอวํ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวํ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ เอวรูโป จิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, โส สพฺพโส น ปจฺจกฺขาติ นามาติ. สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺสาติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิสิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส. อตฺถภูตํ เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยนฺติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วทติ วิฺาเปติ, เอวมฺปิ, ภิกฺขเว, ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺเจว โหติ, สิกฺขา ¶ จ ปจฺจกฺขาตา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๓) วุตฺเตหิ เยหิ วจเนหิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺเจว โหติ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจ, ตํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิกํ อตฺถภูตํ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา. ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิมฺหิ ปน วุตฺเต สิกฺขาปริปูรเณ ทุพฺพลภาวสฺสาปิ คมฺยมานตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อิทํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ‘‘อตฺถภูต’’นฺติ อิมินา ‘‘ยนฺนูนาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺย’’นฺติอาทิกํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ปฏิกฺขิปติ. เยน หิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺเจว โหติ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจ, ตเทว สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อตฺถภูตํ. เยน ปน ทุพฺพลฺยาวิกมฺมเมว โหติ, น สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, น ตํ ตสฺส อตฺถภูตนฺติ.
ราคปริยุฏฺาเนน สทิสภาวาปตฺติยา มิถุนานํ อยนฺติ ‘‘เมถุโน’’ติ ธมฺโมว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ราคปริยุฏฺาเนนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ราคปริยุฏฺาเนนาติ ราคสฺส ปริยุฏฺาเนน, เมถุนราคสฺส ปวตฺติยา ปริโยนทฺธจิตฺตตายาติ อตฺโถ. ธมฺโมติ อชฺฌาจาโร. ‘‘ปลมฺพเต วิลมฺพเต’’ติอาทีสุ วิย อุปสคฺคสฺส โกจิ อตฺถวิเสโส นตฺถีติ อาห ‘‘เสเวยฺยา’’ติ. อชฺฌาปชฺเชยฺยาติ อภิภุยฺย ปชฺเชยฺย. สพฺพนฺติเมนาติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติ…เป… จาตุมหาราชิกมนุสฺสิตฺถินาคครุฬมาณวิกาทีนํ สพฺพาสํ อนฺติเมน. ติรจฺฉานคตายาติ ติรจฺฉาเนสุ ¶ อุปฺปนฺนาย. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิวเสนา’’ติ. ปาราชิกาย วตฺถุภูตา เอว เจตฺถ ติรจฺฉานคติตฺถี ‘‘ติรจฺฉานคตา’’ติ คเหตพฺพา, น สพฺพา. ตตฺรายํ ปริจฺเฉโท –
‘‘อปทานํ อหิมจฺฉา, ทฺวิปทานฺจ กุกฺกุฏี;
จตุปฺปทานํ มชฺชารี, วตฺถุ ปาราชิกสฺสิมา’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕)
ตตฺถ อหิคฺคหเณน สพฺพาปิ อชครโคนสาทิเภทา ทีฆชาติ สงฺคหิตา. ตสฺมา ทีฆชาตีสุ ยตฺถ ติณฺณํ มคฺคานํ อฺตรสฺมึ สกฺกา ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสตุํ, สา ปาราชิกวตฺถุ, อวเสสา ทุกฺกฏวตฺถูติ เวทิตพฺพา. มจฺฉคฺคหเณน สพฺพาปิ มจฺฉกจฺฉปมณฺฑูกาทิเภทา โอทกชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ ทีฆชาติยํ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ปตงฺคมุขมณฺฑูกา นาม โหนฺติ, เตสํ มุขสณฺานํ มหนฺตํ, ฉิทฺทํ อปฺปกํ, ตตฺถ ปเวสนํ นปฺปโหติ, มุขสณฺานํ ปน วณสงฺเขปํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตํ ถุลฺลจฺจยวตฺถูติ เวทิตพฺพํ ¶ . กุกฺกุฏิคฺคหเณน สพฺพาปิ กากกโปตาทิเภทา ปกฺขิชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ. มชฺชาริคฺคหเณน สพฺพาปิ รุกฺขสุนขมงฺคุสโคธาทิเภทา จตุปฺปทชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ.
ปาราชิโก โหตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕) ปราชิโต โหติ ปราชยํ อปนฺโน. อยฺหิ ปาราชิกสทฺโท สิกฺขาปทาปตฺติปุคฺคเลสุ วตฺตติ. ตตฺถ ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต วชฺชีนํ วา วชฺชิปุตฺตกานํ วา การณา สาวกานํ ปาราชิกํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ สมูหเนยฺยา’’ติ (ปารา. ๔๓) เอวํ สิกฺขาปเท วตฺตมาโน เวทิตพฺโพ. ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขุ อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ (ปารา. ๖๗) เอวํ อาปตฺติยํ. ‘‘น มยํ ปาราชิกา, โย อวหโฏ, โส ปาราชิโก’’ติ (ปารา. ๑๕๕) เอวํ ปุคฺคเล วตฺตมาโน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปาราชิเกน ธมฺเมน อนุทฺธํเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๔) ปน ธมฺเม วตฺตตีติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน ตตฺถ ‘‘ธมฺโม’’ติ กตฺถจิ อาปตฺติ, กตฺถจิ สิกฺขาปทเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺมา โส วิสุํ น วตฺตพฺโพ. ตตฺถ สิกฺขาปทํ โย ตํ อติกฺกมติ, ตํ ปราเชติ, ตสฺมา ‘‘ปาราชิก’’นฺติ วุจฺจติ. อาปตฺติ ปน โย นํ อชฺฌาปชฺชติ, ตํ ปราเชติ, ตสฺมา ‘‘ปาราชิกา’’ติ วุจฺจติ. ปุคฺคโล ยสฺมา ปราชิโต ปราชยมาปนฺโน, ตสฺมา ‘‘ปาราชิโก’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน ปุคฺคโล เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติอาทิ. อิมินาปิ ¶ อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘ปราชิตสทฺเท อุปสคฺคสฺส วุทฺธึ กตฺวา, ต-การสฺส จ ก-การํ กตฺวา ปาราชิโก โหตีติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ.
อปโลกนาทิ จตุพฺพิธมฺปิ สงฺฆกมฺมํ สีมาปริจฺฉินฺเนหิ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต กตฺตพฺพตฺตา เอกกมฺมํ นาม. อาทิสทฺเทน เอกุทฺเทสสมสิกฺขตานํ คหณํ. ตตฺถ ปฺจวิโธปิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เอกโต อุทฺทิสิตพฺพตฺตา เอกุทฺเทโส นาม. นหาปิตปุพฺพกาทีนํ วิย โอทิสฺส อนฺุาตํ เปตฺวา อวเสสํ สพฺพมฺปิ สิกฺขาปทํ สพฺเพหิปิ ลชฺชิปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นาม. ยสฺมา สพฺเพปิ ลชฺชิโน เอเตสุ ¶ เอกกมฺมาทีสุ สห วสนฺติ, น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสติ, ตสฺมา ตานิ สพฺพานิปิ คเหตฺวา เอกกมฺมาทิโก ติวิโธปิ สํวาโส นามาติ อาห ‘‘โส จ วุตฺตปฺปกาโร สํวาโส เตน ปุคฺคเลน สทฺธึ นตฺถิ, เตน การเณน โส ปาราชิโก ปุคฺคโล ‘อสํวาโส’ติ วุจฺจตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕).
อิทานิ ยสฺมา น เกวลํ มนุสฺสิตฺถิยา เอว นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ, อถ โข อมนุสฺสิตฺถิติรจฺฉานคติตฺถีนมฺปิ. น จ อิตฺถิยา เอว. อถ โข อุภโตพฺยฺชนกปณฺฑกปุริสานมฺปิ, ตสฺมา เต สตฺเต, เตสฺจ ยํ ยํ นิมิตฺตํ วตฺถุ โหติ, ตํ ตํ นิมิตฺตํ, ตตฺถ จ ยถา ปฏิเสวนฺโต ปาราชิโก โหติ, ตฺจ สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท. เตสูติ เย ตึสมคฺคา วุตฺตา, เตสุ. อตฺตโน วาติ ลมฺพิมุทุปิฏฺิเก สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺถตสฺส วาติ เยน เกนจิ วตฺเถน วา ปณฺเณน วา วากปฏฺเฏน วา จมฺเมน วา ติปุสีสาทีนํ ปฏฺเฏน วา ปลิเวเตฺวา, อนฺโต วา ปเวเสตฺวา ปฏิจฺฉนฺนสฺส. อกฺขายิตสฺส วาติ โสณสิงฺคาลาทีหิ อกฺขาทิตสฺส. เยภุยฺเยน อกฺขายิตสฺสาติ ยาว อุปฑฺฒกฺขายิโต นาม น โหติ, เอวํ อกฺขายิตสฺส. อลฺโลกาเสติ ตินฺโตกาเส. สนฺถตนฺติ เตสํเยว วตฺถาทีนํ เยน เกนจิ ปฏิจฺฉนฺนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – น เหตฺถ อนุปาทินฺนกํ อนุปาทินฺนเกน ฉุปติ, มุตฺติ อตฺถิ, อถ โข อุปาทินฺนเกน วา อนุปาทินฺนกํ ฆฏฺฏิยตุ, อนุปาทินฺนเกน วา อุปาทินฺนกํ, อนุปาทินฺนเกน วา อนุปาทินฺนกํ, อุปาทินฺนเกน วา อุปาทินฺนกํ. สเจ ยตฺตเก ปวิฏฺเ ปาราชิกํ โหตีติ วุตฺตํ, ตตฺตกํ เสวนจิตฺเตน ปเวเสติ, สพฺพตฺถายํ ปาราชิกาปตฺตึ อาปนฺโน นาม โหตีติ.
เอวํ เสวนจิตฺเตเนว ปเวเสนฺตสฺส อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตํ ปเวสนํ นาม น เกวลํ อตฺตูปกฺกเมเนว, ปรูปกฺกเมนาปิ โหติ. ตตฺราปิ สาทิยนฺตสฺเสว อาปตฺติ ปฏิเสวนจิตฺตสมงฺคิสฺส ¶ , น อิตรสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปเรน วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปเรนาติ ภิกฺขุปจฺจตฺถิกาทินา เยน เกนจิ อฺเน. ปเวสนปวิฏฺฏฺิตอุทฺธรเณสูติ เอตฺถ อคฺคโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘) ยาว มูลา ปเวสนํ ปเวสนํ นาม. องฺคชาตสฺส ยตฺตกํ านํ ปเวสนารหํ, ตตฺตกํ อนวเสสโต ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ นาม. เอวํ ¶ ปวิฏฺสฺส อุทฺธรณารมฺภโต อนฺตรา ิตกาโล ิตํ นาม. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน มาตุคามสฺส สุกฺกวิสฏฺึ ปตฺวา สพฺพถา วายามโต โอรมิตฺวา ิตกาลํ สนฺธาย ‘‘สุกฺกวิสฏฺิสมเย’’ติ วุตฺตํ. อุทฺธรณํ นาม ยาว อคฺคา นีหรณกาโล. สาทิยตีติ เสวนจิตฺตํ อุปฏฺเปติ. อสาธารณวินิจฺฉโยติ อทินฺนาทานาทีหิ สพฺเพหิ สิกฺขาปเทหิ อสาธารโณ วินิจฺฉโย.
สาธารณวินิจฺฉยตฺถนฺติ ปริวารวเสน สาธารณวินิจฺฉยตฺถํ. มาติกาติ มาตา, ชเนตฺตีติ อตฺโถ. นิททาติ เทสนํ เทสวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ. ปฺาปียตีติ ปฺตฺติ, ตสฺสา ปกาโร ปฺตฺติวิธิ องฺเคติ คเมติ าเปตีติ องฺคํ, การณํ. สมุฏฺหนฺติ อาปตฺติโย เอเตนาติ สมุฏฺานํ, อุปฺปตฺติการณํ, ตสฺส วิธิ สมุฏฺานวิธิ. วชฺชกมฺมปฺปเภทฺจาติ เอตฺถ ปเภทสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘วชฺชปฺปเภทํ, กมฺมปฺปเภทฺจา’’ติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท.
ปฺตฺติฏฺานนฺติ ปฺตฺติฏฺปนสฺส านํ, สิกฺขาปทานํ ปฺตฺติเทโสติ อตฺโถ. ปุคฺคโลติ เอตฺถ อาทิกมฺมิโกเยว อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปุคฺคโล นาม ยํ ยํ อารพฺภ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ, โส โส ปุคฺคโลติ อธิปฺปาโย. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘สุทินฺโน ธนิโย สมฺพหุลา วคฺคุมุทนฺติกา;
เสยฺยสโก อุทายิ จา-ฬวกา ฉนฺนเมตฺติยา.
‘‘เทวทตฺตสฺสชิปุนพฺพสุ-ฉพฺพคฺคิโยปนนฺทฺตโรปิ จ;
หตฺถโก จานุรุทฺโธ จ, สตฺตรส จูฬปนฺถโก.
‘‘เพลฏฺสีโส จานนฺโท, สาคโตริฏฺนามโก;
นนฺทตฺเถเรน เตวีส, ภิกฺขูนํ อาทิกมฺมิกา.
‘‘สุนฺทรีนนฺทา ¶ ถุลฺลนนฺทา, ฉพฺพคฺคิยฺตราปิ จ;
จณฺฑกาฬี สมฺพหุลา, ทฺเว จ ภิกฺขุนิโย ปรา;
ภิกฺขุนีนํ ตุ สตฺเตว, โหนฺติ ตา อาทิกมฺมิกา’’ติ.
ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺสาติ ยํ ยํ สุทินฺนาทิกํ ปุคฺคลํ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ปฺตฺตีติ ปมปฺตฺติ. ปมปฺตฺติยา ปจฺฉา ¶ ปิตา ปฺตฺติ อนุปฺตฺติ. อนุปฺปนฺเน โทเส ปิตา ปฺตฺติ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ. สพฺพตฺถ มชฺฌิมเทเส เจว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จาติ สพฺเพสุ ปเทเสสุ ปิตา ปฺตฺติ สพฺพตฺถปฺตฺติ. มชฺฌิมเทเสเยว ปิตา ปฺตฺติ ปเทสปฺตฺติ. ภิกฺขูนฺเจว ภิกฺขุนีนฺจ สาธารณภูตา ปฺตฺติ สาธารณปฺตฺติ. สุทฺธภิกฺขูนเมว, สุทฺธภิกฺขุนีนํ วา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ อสาธารณปฺตฺติ. อุภินฺนมฺปิ ปฺตฺติ อุภโตปฺตฺติ. วินยธรปฺจเมนาติ อนุสฺสาวนกาจริยปฺจเมน. คุณงฺคุณูปาหนาติ จตุปฺปฏลโต ปฏฺาย กตา อุปาหนา, น เอกทฺวิติปฏลา. จมฺมตฺถรณนฺติ อตฺถริตพฺพํ จมฺมํ. เอเตสํ วเสน จตุพฺพิธา ปเทสปฺตฺติ นามาติ เอเตสํ วเสน จตุพฺพิธา ปฺตฺติ มชฺฌิมเทเสเยว ปฺตฺตาติ ปเทสปฺตฺติ นาม. เตเนวาห ‘‘มชฺฌิมเทเสเยว หี’’ติอาทิ. ยสฺมา มชฺฌิมเทเสเยว ยถาวุตฺตวตฺถุวีติกฺกเม อาปตฺติ โหติ, น ปจฺจนฺติมชนปเท, ตสฺมา ปเทสปฺตฺตีติ อตฺโถ. ธุวนฺหานํ ปฏิกฺเขปมตฺตนฺติ นิจฺจนหานปฺปฏิเสธนเมว. เอตฺถ จ มตฺตสทฺเทน อฺานิ ตีณิ สิกฺขาปทานิ ปฏิกฺขิปติ. ตานิ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๕๙) จมฺมกฺขนฺธเก อาคตานิ. เตเนวาห ‘‘ตโต อฺา ปเทสปฺตฺติ นาม นตฺถี’’ติ. สพฺพานีติ ตโต อวเสสานิ สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนุปฺปนฺนปฺตฺติ อฏฺครุธมฺมวเสน ภิกฺขุนีนํเยว อาคตา, ยสฺมา จ ธุวนฺหานํ ปฏิกฺเขปมตฺตํ เปตฺวา ปาติโมกฺเข สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ สพฺพตฺถปฺตฺติเยว โหนฺติ, ยสฺมา จ สาธารณปฺตฺติทุกฺจ เอกโตปฺตฺติทุกฺจ พฺยฺชนมตฺตํ นานํ, อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ. อาปตฺติเภโท เหตฺถ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อาปตฺตี’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘อาปตฺตีติ ปุพฺพปฺปโยคาทิวเสน อาปตฺติเภโท’’ติ. สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนนฺติ เอตฺถ ปมา ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา สีลวิปตฺติ นาม, อวเสสา ปฺจ อาจารวิปตฺติ นาม, มิจฺฉาทิฏฺิ จ อนฺตคฺคาหิกาทิฏฺิ จ ทิฏฺิวิปตฺติ นาม, อาชีวเหตุ ปฺตฺตานิ ฉ สิกฺขาปทานิ อาชีววิปตฺติ นาม, อิติ อิมาสํ สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนํ อฺตราติ อตฺโถ.
น ¶ เกวลํ ยถาวุตฺตนเยเนว วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ยานิ สิกฺขาปทสมุฏฺานานีติปิ วุจฺจนฺตี’’ติ. เอตานิ หิ กิฺจาปิ อาปตฺติยา สมุฏฺานานิ, น ¶ สิกฺขาปทสฺส, โวหารสุขตฺถํ ปเนวํ วุจฺจนฺตีติ. ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ สมุฏฺาเนสุ. เตสูติ สจิตฺตกาจิตฺตเกสุ. เอกํ สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติการณํ เอติสฺสาติ เอกสมุฏฺานา, เอเกน วา สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ เอกสมุฏฺานา. ‘‘ทฺวิสมุฏฺานา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
สมุฏฺานวเสนาติ สมุฏฺานสีสวเสน. ปมปาราชิกํ สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ ปมปาราชิกสมุฏฺานา. ตถา อทินฺนาทานสมุฏฺานา’’ติอาทีสุปิ.
สยํ ปถวิขณเน กาเยน, ปเร อาณาเปตฺวา ขณาปเน วาจาย จ อาปตฺติสมฺภวโต ‘‘ปถวิขณนาทีสุ วิยา’’ติ วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน อทินฺนาทานาทีนํ ปริคฺคโห. ปมกถินาปตฺติ กายวาจโต กตฺตพฺพํ อธิฏฺานํ วา วิกปฺปนํ วา อกโรนฺตสฺส โหติ, โน กโรนฺตสฺสาติ อาห ‘‘ปมกถินาปตฺติ วิยา’’ติ. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ ตสฺสา หตฺถโต จีวรํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส, ปริวตฺตกํ อเทนฺตสฺส จ โหตีติ กิริยากิริยโต สมุฏฺาติ. ‘‘สิยา กโรนฺตสฺสา’’ติอาทีสุ สิยาติ ‘‘สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณ เอวมสฺสา’’ติอาทีสุ วิย ‘‘กทาจี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโต. รูปิยปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ สิยา กิริยา คหเณน อาปชฺชนโต, สิยา อกิริยา ปฏิกฺเขปสฺส อกรณโตติ อาห ‘‘รูปิยปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ วิยา’’ติ. กุฏิการาปตฺติ วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตกรเณ กโรนฺตสฺส สิยา, อเทสาเปตฺวา ปน ปมาณาติกฺกนฺตกรเณ ปมาณยุตฺตํ วา กโรนฺตสฺส จ อกโรนฺตสฺส จ สิยาติ อาห ‘‘กุฏิการาปตฺติ วิยา’’ติ.
สฺาย อภาเวน วิโมกฺโข อสฺสาติ สฺาวิโมกฺโขติ มชฺเฌปทโลปสมาโส ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘ยโต วีติกฺกมสฺายา’’ติอาทิ. อิตรา นาม ยโต วีติกฺกมสฺาย อภาเวน น มุจฺจติ, สา อิตรสทฺทสฺส วุตฺตปฺปฏิโยคิวิสยตฺตา. ยา อจิตฺตเกน วา สจิตฺตกมิสฺสเกน วา สมุฏฺาตีติ ยา อาปตฺติ กทาจิ อจิตฺตเกน วา กทาจิ สจิตฺตกมิสฺสเกน วา สมุฏฺาเนน สมุฏฺาติ. เอตฺถ จ สฺาทุกํ อนาปตฺติมุเขน วุตฺตํ, สจิตฺตกทุกํ อาปตฺติมุเขนาติ ทฏฺพฺพํ.
ยสฺสา ¶ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหตีติ ยสฺสา สจิตฺตกาย อาปตฺติยา จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ยสฺสา จ สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตาย สุราปานาทิอจิตฺตกาย อาปตฺติยา วตฺถุวิชานนจิตฺเตน ¶ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา. ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ หิ อิทํ วจนํ สจิตฺตกาจิตฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถีติ. ยํ ปเนตฺถ คณฺิปเท ‘‘สุราปานสฺมิฺหิ ‘สุรา’ติ วา ‘น วฏฺฏตี’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘น วฏฺฏตีติ วา ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสาปิ โลกวชฺชภาวปฺปสงฺคโต. ยสฺสา ปน ‘‘สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ นิยโม นตฺถิ, สา ปณฺณตฺติวชฺชาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ. ตถา หิ ตสฺสา วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตนฺติ ‘‘อกุสลเมวา’’ติ นิยโม นตฺถิ. อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพาติ กายทฺวาเร, วจีทฺวาเร จาติ อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติ, ตา ปน อทินฺนาทานาทโย. ‘‘มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ อาปตฺติสมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ.
อกุสลจิตฺโต วา อาปชฺชตีติ ปาราชิกสุกฺกวิสฏฺิกายสํสคฺคทุฏฺุลฺลอตฺตกามปาริจริยทุฏฺโทสสงฺฆเภทปฺปหารทานตลสตฺติกาทิเภทํ อาปตฺตึ อกุสลจิตฺโต อาปชฺชติ. อนุปสมฺปนฺนํ ปทโสธมฺมํ วาเจนฺโต, มาตุคามสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโตติ เอวรูปํ อาปตฺตึ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ. อสฺจิจฺจสหเสยฺยาทึ อพฺยากตจิตฺโต อาปชฺชติ. ยํ อรหา อาปชฺชติ, สพฺพํ อพฺยากตจิตฺโตว อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘กุสลาพฺยากตจิตฺโต วา’’ติ.
ทุกฺขเวทนาสมงฺคี วาติ ทุฏฺโทสาทิเภทํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทุกฺขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. เมถุนธมฺมาทิเภทํ ปน สุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. ยํ สุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ, ตํเยว มชฺฌตฺโต หุตฺวา อาปชฺชนฺโต อทุกฺขมสุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘อิตรเวทนาทฺวยสมงฺคี วา’’ติ. อิทมฺปิ จ ติกทฺวยํ เยภุยฺยวเสเนว วุตฺตํ. นิปชฺชิตฺวา ¶ นิโรธสมาปนฺโน หิ อจิตฺตโก อเวทโน สหเสยฺยาปตฺตึ อาปชฺชตีติ. กิฺจาปิ เอวํ อนิยเมน วุตฺตํ, วิเสโส ปเนตฺถ อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปีติ หิ วิเสสาภิธานนิมิตฺตาภฺยูปคเมว ยุชฺชติ. สพฺเพสํ วเสน ตีณิ จิตฺตานีติ กุสลากุสลาพฺยากตานํ วเสน ปทโสธมฺมาทีสุ ตีณิ จิตฺตานิ.
อิทานิ ตํ ยถาวุตฺตนิทานาทิเวทนาตฺติกปริโยสานํ สตฺตรสปฺปการํ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท โยเชตุํ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาห. อิธาติ อิมสฺมึ ปมปาราชิกสิกฺขาปเท. เวสาลิยนฺติ เอวํนามเก ¶ อิตฺถิลิงฺควเสน ปวตฺตโวหาเร นคเร. ตฺหิ นครํ ติกฺขตฺตุํ ปาการปริกฺเขปวฑฺฒเนน วิสาลีภูตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ติ วุจฺจติ. อิทมฺปิ จ นครํ สพฺพฺุตํ สมฺปตฺเตเยว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สพฺพาการเวปุลฺลตฺตํ ปตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ จ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ จ ทฺเว อนุปฺตฺติโยติ มกฺกฏิวชฺชิปุตฺตกวตฺถูนํ วเสน วุตฺตา. ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ จ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ จ อิมา ทฺเว อนุปฺตฺติโย. อาปตฺติกรา จ โหตีติ ปมปฺตฺติโต วิสุํเยวาปตฺติกรา จ โหติ. อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ วิยาติ อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ ‘‘วิเหสเก’’ติอาทิกา (ปาจิ. ๙๘) วิยาติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน อุชฺฌาปนกสฺส ปริคฺคโห. เอตฺถ หิ อฺวาทกาทิโต วิสุํเยว วิเหสกาทีสุปิ ปาจิตฺติยํ โหติ. ยถาห ‘‘โรปิเต วิเหสเก สงฺฆมชฺเฌ วตฺถุสฺมึ วา อาปตฺติยา วา อนยฺุชิยมาโน ตํ นกเถตุกาโม ตํ นอุคฺฆาเฏตุกาโม ตุณฺหีภูโต สงฺฆํ วิเหเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๐๐). สุปินนฺเต วิชฺชมานาปิ โมจนสฺสาทเจตนา อพฺโพหาริกตฺตา อนาปตฺติกราติ อาห ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตาติอาทิกา วิยา’’ติ. ตถา หิ ถินมิทฺเธน อภิภูตตฺตา สุปิเน จิตฺตํ อพฺโพหาริกํ, จิตฺตสฺส อพฺโพหาริกตฺตา โอปกฺกมนกิริยาปวตฺตนิกาปิ เจตนา อพฺโพหาริกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺเถสา, ภิกฺขเว, เจตนา, สา จ โข อพฺโพหาริกา’’ติ (ปารา. ๒๓๕), ตสฺมา ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ อยํ อนุปฺตฺติ อนาปตฺติกรา ชาตา. อาทิสทฺเทน ‘‘อฺตฺร อธิมานา’’ติอาทิกํ (ปารา. ๑๙๗) สงฺคณฺหาติ. อทินฺนาทานาทีสุ วิยาติ อทินฺนาทานาทีสุ ¶ ‘‘อรฺา วา’’ติอาทิกา (ปารา. ๙๑) วิยาติ อตฺโถ. เอตฺถ ปน อาทิสทฺเทน ปมปาราชิกาทีนํ สงฺคโห. เอตฺถ หิ ‘‘ตฺจ โข คาเม, โน อรฺเ’’ติอาทินา (ปารา. ๙๐) นเยน เลสํ โอฑฺเฑนฺตานํ เลสปิทหนตฺถํ ‘‘อรฺา วา’’ติอาทิกา อนุปฺตฺติ วุตฺตาติ อุปตฺถมฺภกราว โหติ. เตเนว หิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ตเถเวตํ โหตี’’ติ (ปารา. ๙๐) ภิกฺขูหิ วุตฺตํ.
วุตฺตปฺปกาเร มคฺเคติ ‘‘มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตวเสนา’’ติอาทินา (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตปฺปกาเร ตึสมคฺเค. อิมสฺส ปน ‘‘ฉินฺเน’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตจาทีนิ อนวเสเสตฺวาติ นิมิตฺตปฺปเทเส พหิ ิตานิ ฉวิจมฺมานิ อนวเสเสตฺวา. นิมิตฺตสณฺานมตฺตํ ปฺายตีติ นิมิตฺตมํสสฺส ปน อพฺภนฺตเร ฉวิจมฺมสฺส จ วิชฺชมานตฺตา วุตฺตํ. จมฺมขิลนฺติ จมฺมกฺขณฺฑํ. ‘‘อุณฺณิคณฺโฑ’’ติปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๕; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๕) วทนฺติ. ตฺหิ นิมิตฺเต ชาตตฺตา นิมิตฺตเมว. เตนาห ‘‘เสวนจิตฺเต สติ ปาราชิก’’นฺติ. เสวนจิตฺเตติ เมถุนเสวนจิตฺเต. กายสํสคฺคเสวนจิตฺเต ปน สติ สงฺฆาทิเสโสว ¶ . นฏฺโ กายปฺปสาโท เอตฺถาติ นฏฺกายปฺปสาทํ, สุกฺขปีฬกํ วา มตจมฺมํ วาติ อตฺโถ. มเต อกฺขายิเต, เยภุยฺเยน อกฺขายิเต จ ปาราชิกาปตฺติวจนโต (ปารา. ๖๑) ปน นฏฺกายปฺปสาเทปิ อิตฺถินิมิตฺเต ปเวเสนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติเยว. นิมิตฺตสณฺานมตฺตมฺปิ อนวเสเสตฺวาติ นิมิตฺตากาเรน ิตํ ยถาวุตฺตนิมิตฺตมํสาทิมฺปิ อนวเสเสตฺวา. วณสงฺเขปวเสนาติ วณสงฺคหวเสน. วเณ ถุลฺลจฺจยฺจ ‘‘อมคฺเคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๖) อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. ตสฺมิฺหิ สุตฺเต ทฺวีสุ สมฺภินฺนวเณสุ เอเกน วเณน ปเวเสตฺวา ทุติเยน นีหรนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อิมสฺส สตฺตสฺส อนุโลมวเสน สพฺพตฺถ วณสงฺเขเป ถุลฺลจฺจยํ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๖๖). มนุสฺสานํ ปน อกฺขิอาทโยปิ วณสงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ วเณน เอกปริจฺเฉทํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. เตสํ วณสงฺคโห ‘‘นวทฺวาโร มหาวโณ’’ติ (มิ. ป. ๒.๖.๑) เอวมาทิสุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพ. ตตฺถ มนุสฺสานนฺติ อิตฺถิปุริสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกวเสน จตุพฺพิธานํ มนุสฺสานํ. วตฺถิโกเสสูติ ¶ วตฺถิปุเฏสุ ปุริสานํ องฺคชาตโกเสสุ. หตฺถิอสฺสาทีนฺจ ติรจฺฉานานนฺติ หตฺถิอสฺสโคณคทฺรภโอฏฺมหึสาทีนํ ติรจฺฉานคตานํ. ติรจฺฉานานํ ปนาติ สพฺเพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ. สพฺเพสนฺติ ยถาวุตฺตมนุสฺสาทีนํ สพฺเพสํ.
เอวํ ชีวมานกสรีเร ลพฺภมานํ อาปตฺติวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มตสรีเร ลพฺภมานํ อาปตฺติวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตสรีเร’’ติอาทิมาห. วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคมุขมคฺคานํ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาเส เปตฺวา ยทา อปเร ทฺเว โกฏฺาสา ขาทิตา, ตทา อุปฑฺฒกฺขายิตํ นาม โหติ. น กุถิตํ โหตีติ อุทฺธุมาตกาทิภาเวน กุถิตํ น โหติ, อลฺลนฺติ อตฺโถ. ยทา ปน สรีรํ อุทฺธุมาตกํ โหติ กุถิตํ นีลมกฺขิกสมากิณฺณํ กิมิกุลสมากุลํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺคฬิตปุพฺพกุณปภาเวน อุปคนฺตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๙-๖๐), ตทา ปาราชิกวตฺถฺุจ ถุลฺลจฺจยวตฺถฺุจ วิชหติ, ทุกฺกฏวตฺถุเมว โหตีติ อาห ‘‘กุถิเต ทุกฺกฏ’’นฺติ. กุถิเตติ อุทฺธุมาตกภาวปฺปตฺเต. อีทิเส หิ สรีเร ยตฺถ กตฺถจิ อุปกฺกมโต ทุกฺกฏํ. ตถา วฏฺฏกเต มุเข อจฺฉุปนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๓) วิวฏฺเฏ มุเข จตฺตาริ ปสฺสานิ, ตาลุกฺจ อปฺผุสนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. สเจ ปน เหฏฺา วา อุปริ วา อุภยปสฺเสหิ วา ฉุปนฺตํ ปเวเสติ, ปาราชิกํ. จตูหิ ปสฺเสหิ อจฺฉุปนฺตํ ปเวเสตฺวา อพฺภนฺตเร ตาลุกํ ฉุปติ, ปาราชิกเมว. พหิ นิกฺขนฺตชิวฺหาย วา ทนฺเตสุ วา องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ สมฺพนฺโธ. ชีวมานกสรีเรปิ พหิ นิกฺขนฺตชิวฺหาย ถุลฺลจฺจยเมว. ยทิ ปน พหิ ชิวฺหาย ปลิเวเตฺวา อนฺโตมุขํ ปเวเสติ, ปาราชิกเมว. ยทิ ปน ทนฺตา สุผุสิตา, อนฺโตมุเข โอกาโส ¶ นตฺถิ, ทนฺตา จ พหิ โอฏฺมํเสน ปฏิจฺฉนฺนา, ตตฺถ วาเตน อสมฺผุฏฺํ อลฺโลกาสํ ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสนฺตสฺส ปาราชิกเมว. อุปฺปาฏิเต ปน โอฏฺมํเส ทนฺเตสุเยว อุปกฺกมนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ. โยปิ ทนฺโต พหิ นิกฺขมนฺโต ติฏฺติ, น สกฺกา โอฏฺเหิ ปิทหิตุํ, ตตฺถาปิ เอเสว นโย.
เวทนาย อฏฺโฏ ปีฬิโต เวทนาฏฺโฏ. อุมฺมตฺตโกติ เจตฺถ ปิตฺตุมฺมตฺตโก อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘โย ปิตฺตวเสนา’’ติอาทิ. ปิตฺตวเสนาติ ¶ พทฺธปิตฺตวเสน. ตสฺมิฺหิ พทฺธปิตฺเต ปิตฺตโกสโต จลิตฺวา พหิ นิกฺขมนฺเต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ, วิปลฺลตฺถสฺา หิโรตฺตปฺปํ ฉฑฺเฑตฺวา อสารุปฺปจริยํ จรนฺติ, ลหุกครุกานิ สิกฺขาปทานิ มทฺทนฺตาปิ น ชานนฺติ, เภสชฺชกิริยายปิ อเตกิจฺฉา โหนฺติ, เอวรูปสฺส อุมฺมตฺตกสฺส อนาปตฺติ. อพทฺธปิตฺตํ ปน โลหิตํ วิย สพฺพงฺคคตํ, ตมฺหิ กุปิเต สตฺตานํ กณฺฑุกจฺฉุสรีรกมฺปาทีนิ โหนฺติ, ตานิ เภสชฺชกิริยาย วูปสมนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พทฺธปิตฺตวเสนา’’ติ. ขิตฺตจิตฺโต นาม วิสฺสฏฺจิตฺโต ยกฺขุมฺมตฺตโก วุจฺจตีติ อาห ‘‘ยกฺเขหิ กตจิตฺตวิกฺเขโป ขิตฺตจิตฺโต’’ติ. ยกฺขา กิร เภรวานิ อารมฺมณานิ ทสฺเสตฺวา มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา, หทยรูปํ วา มทฺทนฺตา สตฺเต วิกฺขิตฺตจิตฺเต วิปลฺลตฺถสฺเ กโรนฺติ, เอวรูปสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส อนาปตฺติ. เตสํ ปน อุภินฺนํ อยํ วิเสโส – ปิตฺตุมฺมตฺตโก นิจฺจเมว อุมฺมตฺตโก โหติ, ปกติสฺํ น ลภติ. ยกฺขุมฺมตฺตโก อนฺตรนฺตรา ปกติสฺํ ปฏิลภติ. อิธ ปน ปิตฺตุมฺมตฺตโก วา โหตุ, ยกฺขุมฺมตฺตโก วา, โย สพฺพโส มุฏฺสฺสติ กิฺจิ น ชานาติ, อคฺคิมฺปิ สุวณฺณมฺปิ คูถมฺปิ จนฺทนมฺปิ เอกสทิสํ มทฺทนฺโตว วิจรติ, เอวรูปสฺส อนาปตฺติ. อนฺตรนฺตรา ปกติสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตฺวา กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติเยว. เตนาห ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ จ เอเตส’’นฺติอาทิ.
อธิมตฺตเวทนายาติ อธิกปฺปมาณาย ทุกฺขเวทนาย. อาทิกมฺเม นิยุตฺโต อาทิกมฺมิโก, โย จ อาทิกมฺเม นิยุตฺโต, โส ตสฺมึ กมฺเม อาทิภูโต โหตีติ อาห ‘‘โย’’ติอาทิ. อิธ ปน สุทินฺนตฺเถโร อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติ. อวเสสานํ มกฺกฏิสมณวชฺชิปุตฺตกาทีนํ อาปตฺติเยว. ปฏิปาทนํ สมฺปาทนํ. กโรนฺโตเยว หิ ตํ อาปชฺชตีติ กิริยํ. อิทํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๖) ปน เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ เมถุนธมฺเม ปรูปกฺกเม สติ สาทิยนฺตสฺส อกิริยสมุฏฺานภาวโต. เมถุนปฺปฏิสํยุตฺตาย หิ กามสฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส, อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๖) หิ วุตฺตํ. เมถุนจิตฺเตเนว นํ อาปชฺชติ, น วินา จิตฺเตนาติ สจิตฺตกํ. ราควเสเนว อาปชฺชิตพฺพโต โลกวชฺชํ. กายทฺวาเรเนว สมุฏฺานโต กายกมฺมํ. จิตฺตํ ปเนตฺถ องฺคมตฺตํ โหติ ¶ , น ตสฺส วเสน กมฺมภาโว ลพฺภติ. โลภจิตฺเตเนว ¶ อาปชฺชิตพฺพโต อกุสลจิตฺตํ. สุขสมงฺคี วา อุเปกฺขาสมงฺคี วา อาปชฺชตีติ ทฺวิเวทนํ. นนุ สมุฏฺานาทีนิ อาปตฺติยา โหนฺติ, น สิกฺขาปทสฺส, อถ กสฺมา สิกฺขาปทสฺส สมุฏฺานาทีนิ วุตฺตานีติ อาห ‘‘อิมานิ จ สมุฏฺานาทีนิ นามา’’ติอาทิ. อาปตฺติยา โหนฺตีติ อชฺฌาจารสฺส โหนฺติ.
มุนนโต อนุมุนนโต มุติ, าณํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ มุติมา, าณวาติ อตฺโถ.
ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา
เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ. เอกกุฏิกาทิเภโท สพฺโพปิ คาโมติ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เอกกุฏิกาทิเภโทติ ยสฺมึ คาเม เอกา เอว กุฏิ เอกํ เคหํ เสยฺยถาปิ มลยชนปเท, อยํ เอกกุฏิโก คาโม นาม. อาทิสทฺเทน ‘‘ทฺวิกุฏิโกปิ คาโม, ติกุฏิโกปิ คาโม, จตุกฺกุฏิโกปิ คาโม’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตปฺปเภทํ สงฺคณฺหาติ. อภินวนิวิฏฺโ เอกกุฏิกาทิคาโม ปน ยาว มนุสฺสา ปวิสิตฺวา วาสํ น กปฺเปนฺติ, ตาว คามสงฺขํ น คจฺฉติ. กึภูโตติ อาห ‘‘ปริกฺขิตฺโต วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปริกฺขิตฺโต นาม อิฏฺกปาการํ อาทึ กตฺวา อนฺตมโส กณฺฏกสาขาหิปิ ปริกฺขิตฺโต. ตพฺพิปรีโต อปริกฺขิตฺโต. อมนุสฺโส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต, ยโต วา มนุสฺสา เกนจิ กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตา, ยโต ปน นิรเปกฺขา หุตฺวา ปกฺกมนฺติ, โส คามสงฺขํ น คจฺฉติ. น เกวลํ เอกกุฏิกาทิเภโทวาติ อาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิ. โย โกจิ สตฺโถปีติ ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺถาทีสุ โย โกจิ สตฺโถปิ. อิมสฺมึ สิกฺขาปเท นิคมนครานิ วิย คามคฺคหเณเนว คามูปจาโรปิ สงฺคหิโตติ อาห ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ. อฺถา ปน มาติกาย อนวเสสโต อวหารฏฺานปริคฺคโห กโต นาม น โหติ, น จ พุทฺธา สาวเสสํ ปาราชิกํ ปฺาเปนฺติ.
ตตฺถาติ เตสุ คามคามูปจาเรสุ. ทฺวาเรติ นิพฺพโกสสฺส อุทกปตนฏฺานโต อพฺภนฺตเร. อนฺโตเคเหติ ปมุขสฺส อพฺภนฺตเร. กตปริกฺเขโปติ ¶ ปาการวติอาทีหิ กตปริกฺเขโป. สุปฺปปตนาทิปริจฺเฉโท ปเนตฺถ อปริกฺขิตฺตฆรํ สนฺธาย วุตฺโต. น เกวลํ ฆรสฺส ปุรโต, อถ โข สมนฺตโต ตตฺตโกว ปริจฺเฉโท ฆรูปจาโร นามาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ปุรโต’’ติอาทิกํ ปน โลกิเยหิ ¶ ตถากรณโต วุตฺตํ. ถามมชฺฌิมสฺสาติ มชฺฌิมถามสฺส, เนว อปฺปถามสฺส, น มหาถามสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ยถา ตรุณมนุสฺสา’’ติอาทินา ยถา มาตุคาโม กาเก อุฑฺฑาเปนฺโต อุชุกเมว หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปติ, ยถา จ อุทกุกฺเขเป อุทกํ ขิปนฺติ, เอวํ ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปติตฏฺานํ ปฏิกฺขิปติ. ปวตฺติตฺวาติ ลุิตฺวา, ปริวตฺติตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส สเจ ทฺเว อินฺทขีลา โหนฺตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) ตสฺส ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส สเจ อนุราธปุรสฺเสว ทฺเว อุมฺมารา โหนฺติ. ยสฺส ปน เอโก, ตสฺส คามทฺวารพาหานํ เวมชฺเฌ ิตสฺส เลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ คามูปจาโร นาม. ยตฺร ปน อินฺทขีโล นตฺถิ, ตตฺร คามทฺวารพาหานํ เวมชฺฌํ. ยตฺร ทฺวารพาหาปิ นตฺถิ, ตตฺถ อุโภสุ ปสฺเสสุ วติยา วา ปาการสฺส วา โกฏิเวมชฺฌํว อินฺทขีลฏฺานิยตฺตา อินฺทขีโลติ คเหตพฺพํ. โย ปน คาโม ปุพฺเพ มหา หุตฺวา ปจฺฉา กุเลสุ นฏฺเสุ อปฺปโก โหติ, โส ฆรูปจารโต เลฑฺฑุปาเตเนว ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. ปุริมปริจฺเฉโท ปนสฺส ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปฺปมาณเมวาติ. นนุ เจตํ อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารทสฺสนํ ปทภาชเนน วิรุทฺธมิว ทิสฺสติ. ตตฺถ หิ ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น ปน ตํ เลฑฺฑุปาตํ คามสงฺเขปํ กตฺวา ตโต ปรํ คามูปจาโรติ วุตฺโตติ อาห ‘‘ปทภาชเนปิ หิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ.
อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – อิธ คาโม นาม ทุวิโธ โหติ ปริกฺขิตฺโต จ อปริกฺขิตฺโต จ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒). ตตฺร ปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปเยว ปริจฺเฉโท. ตสฺมา ตสฺส วิสุํ ปริจฺเฉทํ อวตฺวา ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. อปริกฺขิตฺตสฺส ปน คามสฺส คามปริจฺเฉโท วตฺตพฺโพ. ตสฺมา ตสฺส ¶ คามสฺส คามปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. คามปริจฺเฉเท จ ทสฺสิเต คามูปจารลกฺขณํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา าตุนฺติ ปุน ‘‘ตตฺถ ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ น วุตฺตํ, อตฺโถ ปน ตตฺถาปิ อยเมว ยถาวุตฺโตติ. โย ปน ฆรูปจาเร ิตสฺส เลฑฺฑุปาตํเยว ‘‘คามูปจาโร’’ติ วทติ, ตสฺส ฆรูปจาโร ‘‘คาโม’’ติ อาปชฺชติ. ตโต ฆรํ ฆรูปจาโร, คาโม คามูปจาโรติ เอส วิภาโค สงฺกรียติ. อสํกรโต เจตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตนเยเนเวตฺถ คาโม, คามูปจาโร จ เวทิตพฺโพติ.
ตตฺถาติ ¶ เตสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ. ยฺวายํ อุปจาโร ทสฺสิโตติ สมฺพนฺโธ. วิกาเล คามปฺปเวสนาทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน อสํกจฺจิกาคามปฺปเวสนํ (ปาจิ. ๑๒๒๕) สงฺคณฺหาติ. โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร วุตฺโต, โส น กตฺถจิ วินยปิฏเก อุปโยคํ คโต. เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ าปนตฺถํ วุตฺโต. เอวํ วุตฺเต หิ ายติ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิ สมาโน อุปจาโรติ วุตฺโต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต เอโก’’ติ. อิเมสํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถนฺติ อิเมสํ คามารฺานํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตา อฏฺกถายํ. ปาราชิกวตฺถุนฺติ ปาทคฺฆนกํ. อวหรนฺตสฺสาติ คณฺหนฺตสฺส.
อทินฺนนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๙๒) ทนฺตโปนสิกฺขาปเท อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ กปฺปิยํ อชฺโฌหรณียํ วุจฺจติ, อิธ ปน ยํ กิฺจิ ปรปริคฺคหิตํ สสามิกํ ภณฺฑํ, ตเทตํ เตหิ สามิเกหิ กาเยน วา วาจาย วา น ทินฺนนฺติ อทินฺนํ. อวหารปฺปโหนกเมว ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อฺสฺส มนุสฺสชาติกสฺส สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺขาสทฺทสฺเสว ต-กาเรน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอก’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺถโต เอกนฺติ ปทตฺถโต เอกํ, อนตฺถนฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. โกฏฺาสสฺเสตํ นามํ ภาคโต ¶ สงฺขายติ อุปฏฺาตีติ กตฺวา. ปปฺจสงฺขาติ สตฺตานํ สํสาเร ปปฺเจนฺติ จิรายนฺตีติ ปปฺจา, ตณฺหามานทิฏฺิโย, ยสฺส วา อุปฺปนฺนา, ตํ ‘‘รตฺโต’’ติ วา ‘‘มตฺโต’’ติ วา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺินิวิฏฺโ’’ติ วา ปปฺเจนฺติ พฺยฺเชนฺตีติ ปปฺจา, สงฺขา วุจฺจติ โกฏฺาโส, ปปฺจาว สงฺขา ปปฺจสงฺขา, ปปฺจโกฏฺาสาติ อตฺโถ, ตณฺหามานทิฏฺิโยติ วุตฺตํ โหติ. เถยฺยจิตฺตสงฺขาโตติ ‘‘เถยฺยจิตฺโต’’ติ กถิโต. เอโก จิตฺตโกฏฺาโสติ วิสฺสาสตาวกาลิกาทิคฺคาหวสปฺปวตฺตอเถยฺยจิตฺตโกฏฺาสโต อฺโ จิตฺตโกฏฺาโส. เถยฺยสงฺขาเตนาติ เถยฺยภูตจิตฺตโกฏฺาเสน. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย จา’’ติอาทิ. พฺยฺชนํ อนาทิยิตฺวาติ พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวาติ อตฺโถ, สทฺทตฺถมนเปกฺขิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถเมวาติ ภาวตฺถเมว.
เต ปน อวหาราติ เต ปฺจวีสติ อวหารา. สวิฺาณกาวิฺาณกวเสน นานาวิโธ ภณฺโฑ เอตสฺส ปฺจกสฺสาติ นานาภณฺฑํ, ปฺจนฺนํ อวหารานํ สมูโห ปฺจกํ, ปฺจปริมาณมสฺสาติ วา ปฺจกํ, นานาภณฺฑเมว ปฺจกํ นานาภณฺฑปฺจกํ. สวิฺาณกวเสน เอโก ภณฺโฑ เอตสฺสาติ เอกภณฺฑํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. สาหตฺถิโกว ปฺจกํ ¶ สาหตฺถิกปฺจกํ. อาทิปทวเสน เจตํ นามํ กุสลาทิตฺติกสฺส กุสลตฺติกโวหาโร วิย. ตสฺมา สาหตฺถิกาทิปฺจกนฺติ อตฺถโต ทฏฺพฺพํ. เอส นโย เสเสสุ ปฺจกทฺวเยสุ. เอตสฺเสวาติ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ เอตสฺเสว มาติกาปทสฺส. อิเมสํ ปทานํ วเสนาติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ปทานํ วเสน. เอตฺถ จ ปมปทํ อภิโยควเสน วุตฺตํ, ทุติยปทํ อฺเสํ ภณฺฑํ หรนฺตสฺส คจฺฉโต วเสน, ตติยปทํ อุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน, จตุตฺถํ สวิฺาณกวเสน, ปฺจมํ ถเล นิกฺขิตฺตาทิวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ เนสํ อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ ปฺจเกสุ. อิตรนฺติ เอกภณฺฑปฺจกํ. อารามนฺติ ปุปฺผารามผลารามํ. อภิยฺุชตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) ปรสนฺตกํ ‘‘มม สนฺตโกว อย’’นฺติ มุสา ภณิตฺวา อภิยฺุชติ โจเทติ, อฏฺฏํ กโรตีติ อตฺโถ. สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘อาปตฺติ ¶ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ, ทุกฺกฏสงฺขาตา อาปตฺติ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา ทุกฺกฏสฺิตสฺส วีติกฺกมสฺส อาปชฺชนนฺติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทีสุ. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทตีติ วินิจฺฉยกุสลตาย, พลวนิสฺสิตาทิภาเวน วา อารามสามิกสฺส สํสยํ ชเนติ. กถํ? ตฺหิ ตถา วินิจฺฉยปฺปสุตํ ทิสฺวา สามิโก จินฺเตติ ‘‘สกฺขิสฺสามิ นุ โข อหํ อิมํ อารามํ อตฺตโน กาตุํ, น สกฺขิสฺสามิ นุ โข’’ติ. เอวํ ตสฺส วิมติ อุปฺปชฺชมานา เตน อุปฺปาทิตา โหติ. ธุรํ นิกฺขิปตีติ ยทา ปน สามิโก ‘‘อยํ ถทฺโธ กกฺขโฬ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ เม กเรยฺย, อลํ ทานิ มยฺหํ อิมินา อาราเมนา’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อุสฺสาหํ เปติ, อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิรุสฺสาโห โหตีติ อตฺโถ. อาปตฺติ ปาราชิกสฺส สเจ สยมฺปิ กตธุรนิกฺเขโป จาติ อธิปฺปาโย. อถ ปน สามิเกน ธุเร นิกฺขิตฺเตปิ อภิยฺุชโก ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวาว ‘‘อิมํ สุฏฺุ ปีเฬตฺวา มม อาณาปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา กิงฺการปฺปฏิสฺสาวิภาเว เปตฺวา ทสฺสามี’’ติ ทาตพฺพภาเว สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาว. อถาปิ อภิยฺุชโก อจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘น ทานิ อิมํ อิมสฺส ทสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, สามิโก ปน ธุรํ น นิกฺขิปติ, ปกฺขํ ปริเยสติ, กาลํ อาคเมติ, ‘‘ลชฺชิปริสํ ตาว ลภามิ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ คหเณเยว สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขติเยว. ยทา ปน ‘‘โสปิ น ทสฺสามี’’ติ, ‘‘สามิโกปิ น ลจฺฉามี’’ติ เอวํ อุโภ ธุรํ นิกฺขิปนฺติ, ตทา อภิยฺุชกสฺส ปาราชิกํ.
อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโตติ เวตเนน วา มิตฺตภาเวน วา อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโต. สีเส ภารนฺติ ¶ สีเส ิตภารํ. สีสสฺส ตาว ปุริมคเล คลวาฏโก, ปิฏฺิคเล เกสฺจิ เกสนฺเต อาวฏฺโฏ โหติ, คลสฺเสว อุโภสุ ปสฺเสสุ เกสฺจิ เกสา โอรุยฺห ชายนฺติ, เย ‘‘กณฺณจูฬิกา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อโธภาโค จาติ อยํ เหฏฺิมโก ปริจฺเฉโท, ตโต อุปริ สีสํ, เอตฺถนฺตเร ิตภารนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขนฺธํ โอโรเปตีติ อุโภสุ ปสฺเสสุ กณฺณจูฬิกาหิ ปฏฺาย เหฏฺา, กปฺปเรหิ ปฏฺาย อุปริ, ปิฏฺิคลาวฏฺฏโต จ คลวาฏกโต จ ปฏฺาย เหฏฺา, ปิฏฺิเวมชฺฌาวฏฺฏโต จ อุรปริจฺเฉทมชฺเฌ, หทยาวาฏกโต จ ปฏฺาย อุปริ ขนฺโธ, ตํ โอโรเปติ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – โย ภิกฺขุ ‘‘อิทํ คเหตฺวา เอตฺถ ยาหี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๑) สามิเกหิ อนาณตฺโต สยเมว ‘‘มยฺหํ อิทํ นาม เทถ, อหํ โว ภณฺฑํ วหามี’’ติ เตสํ ภณฺฑํ สีเสน อาทาย คจฺฉนฺโต เถยฺยจิตฺเตน ตํ ภณฺฑํ อามสติ, ทุกฺกฏํ. ยถาวุตฺตสีสปริจฺเฉทํ อนติกฺกมนฺโตว อิโต จิโต จ ฆํสนฺโต สาเรติปิ ปจฺจาสาเรติปิ, ถุลฺลจฺจยํ. ขนฺธํ โอโรปิตมตฺเต กิฺจาปิ สามิกานํ ‘‘วหตู’’ติ จิตฺตํ อตฺถิ, เตหิ ปน อนาณตฺตตฺตา ปาราชิกํ. ขนฺธํ ปน อโนโรเปตฺวาปิ สีสโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเวนฺตสฺส ปาราชิกํ. ยมกภารสฺส ปน เอโก ภาโค สีเส ปติฏฺาติ, เอโก ปิฏฺิยํ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ านานํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. อยํ ปน สุทฺธสีสภารสฺเสว วเสน วุตฺโต. โย จายํ สีสภาเร วุตฺโต, ขนฺธภาราทีสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑนฺติ สงฺโคปนตฺถาย อตฺตโน หตฺเถ ปเรหิ ปิตภณฺฑํ. อหํ น คณฺหามีติ สมฺพนฺโธ. อตีตตฺเถ เจตํ วตฺตมานวจนํ, นาหํ คเหสินฺติ อตฺโถ. ทุกฺกฏํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๑) สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา. ‘‘กึ ตุมฺเห ภณถ, เนวิทํ มยฺหํ อนุรูปํ, น ตุมฺหาก’’นฺติอาทีนิ วทนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏเมว. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทตีติ ‘‘รโห มยา เอตสฺส หตฺเถ ปิตํ, น อฺโ โกจิ ชานาติ, ทสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ. ธุรํ นิกฺขิปตีติ ตสฺส ผรุสาทิภาวํ ทิสฺวา อุสฺสาหํ เปติ. ตตฺร สจายํ ภิกฺขุ ‘‘กิลเมตฺวา นํ ทสฺสามี’’ติ ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาว. สเจ โส ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโก ปน คหเณ สอุสฺสาโห, รกฺขเตว. ยทิ ปน โส ตสฺมึ ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโกปิ ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ. ยทิปิ มุเขน ‘‘ทสฺสามี’’ติ วทติ, จิตฺเตน ปน อทาตุกาโม, เอวมฺปิ สามิกสฺส ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ.
สหภณฺฑหารกํ ¶ เนสฺสามีติ ‘‘สหภณฺฑหารกํ ภณฺฑํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา. ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมตีติ ภณฺฑหารกํ ตชฺเชตฺวา ตสฺส คมนปถํ วาเรตฺวา อตฺตนา รุจิตมคฺคํ เอกปาทํ อติกฺกาเมติ. ถลฏฺนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๕) ถเล นิกฺขิตฺตํ, ภูมิตเล วา ปาสาณปพฺพตตลาทีสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ปฏิจฺฉนฺเน วา อปฺปฏิจฺฉนฺเน วา ปิตนฺติ อตฺโถ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยนฺติ โย ผนฺทาเปติ ¶ , ตสฺส ปโยเค ปโยเค ถุลฺลจฺจยํ, อามสเน ทุกฺกฏํ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยฺจ วิสุํ วิสุํ เถยฺยจิตฺเตน อามสนผนฺทาปนปโยเค กโรนฺตสฺเสว โหติ. ‘‘เอกปโยเคน คณฺหนฺตสฺส ปน อุทฺธาเร ปาราชิกเมว, น ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานี’’ติ วทนฺติ. านาติ ิตฏฺานโต. สเจ ตํ ถลฏฺํ ราสิกตํ โหติ, อนฺโตกุมฺภิยํ ภาชนคตกรณมุฏฺิจฺเฉทนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สเจ เอกาพทฺธํ สิเลสนิยฺยาสาทิ, ปกฺกมธุผาณิตวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สเจ ครุกํ โหติ ภารพทฺธํ โลหปิณฺฑิเตลมธุฆฏาทิ วา, กุมฺภิยํ านาจาวนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สงฺขลิกาพทฺธสฺส จ านเภโท สลฺลกฺเขตพฺโพ. ปตฺถริตฺวา ปิตํ ปน ปาวารตฺถรณกฏสารกาทึ อุชุกํ คเหตฺวา อากฑฺฒติ, ปาริมนฺเต โอริมนฺเตน ผุฏฺโกาสํ อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. ตเถว คเหตฺวา ปรโต เปลฺลติ, ปาริมนฺเต ผุฏฺโกาสํ โอริมนฺเต อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. วามโต วา ทกฺขิณโต วา อปนาเมนฺตสฺส วามนฺเตน วา ทกฺขิณนฺเตน วา ผุฏฺโกาสํ ทกฺขิณนฺเต วา วามนฺเต วา อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. เวเตฺวา อุทฺธรติ, เกสคฺคมตฺตํ อากาสคตํ กโรนฺตสฺส ปาราชิกํ.
สโก หตฺโถ สหตฺโถ, เตน นิพฺพตฺโต, ตสฺส วา สมฺพนฺธีติ สาหตฺถิโก, อวหาโร. อาณาปนํ อาณตฺติ, ตาย อาณตฺติยา นิพฺพตฺโต อวหาโร อาณตฺติโก. นิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺโค, สุงฺกฆาตฏฺาเน, ปริกปฺปิโตกาเส จ ตฺวา ภณฺฑสฺส พหิ นิปาตนํ, นิสฺสคฺโคว นิสฺสคฺคิโย. กิริยาสิทฺธิโต ปุเรตรเมว ปาราชิกาปตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สาเธตีติ อตฺถสาธโก. ธุรสฺส อาลยสงฺขาตสฺส ภารสฺส นิกฺขิปนํ ปริจฺจชนํ นิรุสฺสาหภาวาปชฺชนํ ธุรนิกฺเขโป. อิทานิ พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวา เตสํ อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ สาหตฺถิโก นามา’’ติอาทิมาห. สหตฺถาติ สหตฺเถน. กรณตฺเถ หิ อิทํ นิสฺสกฺกวจนํ. ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อฺํ อาณาเปตีติ เอตฺถาปิ อาณตฺติกฺขเณ เอว อาปตฺติ ทฏฺพฺพา. ยทิ เอวํ อิมสฺส, อตฺถสาธกสฺส จ โก วิเสโสติ? ตํ ขณํ เอว คหเณ นิยฺุชนํ อาณตฺติกปโยโค, กาลนฺตเรน คหณตฺถํ นิโยโค อตฺถสาธโกติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๙๒; วิ. วิ. ฏี. ๑.๙๒) อยเมเตสํ วิเสโสติ. เตเนวาห ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ อวหราติ อาณาเปตี’’ติ.
สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสานนฺติ ¶ สุงฺกฆาตฺจ ปริกปฺปิโตกาโส จ สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสา, ¶ เตสํ. ตตฺถ สุงฺกฆาตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๓) รุกฺขปพฺพตาทิสฺาเณน นิยมิตสฺส สุงฺกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ ยสฺมา ตโต ราชเทยฺยภาคํ สุงฺกํ อทตฺวา นีหรนฺตา รฺโ สุงฺกํ หนนฺติ วินาเสนฺติ, ตสฺมา ‘‘สุงฺกฆาต’’นฺติ วุตฺตํ.
โกจิ ปรปริเวณาทีนิ ปวิฏฺโ กิฺจิ โลภเนยฺยภณฺฑํ ทิสฺวา ทฺวารปฺปมุขาทิวเสน ยํ านํ ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฏฺุกามตาย คเหตฺวา วิจรนฺโต วิย ทสฺสามิ, โน เจ ปสฺสิสฺสนฺติ, หริสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปติ, อยํ ปริกปฺปิโตกาโส. อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๒๑) อตฺถสาธกเจตนากฺขเณเยว ปาราชิกํ. สเจปิ อวหารโก สฏฺิวสฺสาติกฺกเมนปิ ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, อาณาปโก จ อนฺตราเยว กาลํ กโรติ, หีนาย วา อาวตฺตติ, อสฺสมโณว หุตฺวา กาลํ วา กริสฺสติ, หีนาย วา อาวตฺติสฺสติ, อวหารกสฺส ปน อวหารกฺขเณเยว ปาราชิกํ. ปาทคฺฆนกเตลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๔) เอตฺถ ปาโท นาม กหาปณสฺส จตุตฺโถ ภาโค, ตํ อคฺฆตีติ ปาทคฺฆนกํ, ปาทคฺฆนกฺจ ตํ เตลฺจาติ ปาทคฺฆนกเตลํ. อุปาหนา อาทิ เยสํ วตฺถูนํ ตานิ อุปาหนาทีนิ. อาทิสทฺเทน ทุกูลสาฏกจมฺมกฺขณฺฑาทีนํ คหณํ. ปกฺขิปตีติ เถยฺยจิตฺเตน ปกฺขิปติ. เตนาห ‘‘หตฺถโต มุตฺตมตฺเตเยว ปาราชิก’’นฺติ สเจ ปน อตฺตโนปิ กุมฺภิยํ อฺโ สปฺปึ วา เตลํ วา อากิรติ, ตตฺร จายํ เถยฺยจิตฺเตน เตลปิวนกํ ภณฺฑํ ปกฺขิปติ, วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํ.
กาเยน วา วาจาย วา ปยฺุชนํ อาณาปนํ ปโยโค, อาณตฺตสฺส ภณฺฑคฺคหณโต ปุพฺพตฺตา ปุพฺโพ, อิติ ปุพฺโพ จ โส ปโยโค จาติ ปุพฺพปโยโค. ปโยเคน สห วตฺตมาโน อวหาโร สหปโยโค. สมํ เอกี หุตฺวา วิทหิตฺวา มนฺเตตฺวา อวหรณํ สํวิธาวหาโร, อฺมฺํ สฺุปฺปตฺติยา กตาวหาโรติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพณฺหาทิกาลปริจฺเฉเทน สฺชานนํ สงฺเกโต, ตสฺส กมฺมํ สงฺเกตกมฺมํ. นิมิตฺตสฺส กมฺมํ นิมิตฺตกมฺมํ, สฺุปฺปาทนตฺถํ กสฺสจิ นิมิตฺตสฺส กรณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ยถาวุตฺเตสุ ปุพฺพปโยคาทีสุ ปฺจสุ. ขิลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสนาติ ขิลํ, รชฺชุํ, วตึ, มริยาทํ วา ปาการํ ¶ วา สงฺกาเมตฺวา เขตฺตคฺคหณวเสน, ขิลํ, รชฺชุํ, วตึ, มริยาทํ วา ปาการํ วา สงฺกาเมตฺวา วตฺถุคฺคหณวเสน. สเจ ปน ทฺวีหิ ขิเลหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปเม ขิเล ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเย ปาราชิกํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๔). สเจ ตีหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปเม ทุกฺกฏํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํ, ตติเย ปาราชิกํ. เอวํ พหุเกสุปิ อวสาเน ทฺเว เปตฺวา ปุริเมหิ ทุกฺกฏํ, อวสาเน ทฺวินฺนํ เอเกน ถุลฺลจฺจยํ ¶ , อิตเรน ปาราชิกํ. รชฺชุปสารณาทีสุปิ เอเสว นโย. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ตฺจ โข สามิกานํ ธุรนิกฺเขเปนา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๔) วุตฺตํ, ตํ ‘‘เขตฺตํ อภิยฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๐๔) -อธิกาเร วุตฺตตฺตา อภิโยควเสน คหณํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. สํวิทหิตฺวาติ เอตสฺเสว เววจนํ. สํมนฺตยิตฺวาติ เอกจฺฉนฺทตาย เอกชฺฌาสยตาย ภณิตฺวาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อวหาเร อสมฺโมหตฺถํ ‘‘เอวํ สํวิทหิตฺวา คเตสุ หี’’ติอาทิมาห. สฺชานนกมฺมนฺติ ปุพฺพณฺหาทิกาลปริจฺเฉทวเสน สฺาณกรณํ. เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ.
เอตฺถ จ ‘‘ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๙) อชฺช วา ปุเรภตฺตํ อวหรตุ, สฺเว วา, อนาคเต วา สํวจฺฉเร, นตฺถิ วิสงฺเกโต, อุภินฺนมฺปิ ปาราชิกํ. สเจ ปน ‘‘อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต สฺเว อวหรติ. ‘‘อชฺชา’’ติ นิยมิตํ สงฺเกตํ อติกฺกมฺม ปจฺฉา อวหฏํ โหติ. สเจ ‘‘สฺเว ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรติ, ‘‘สฺเว’’ติ นิยมิตํ ตํ สงฺเกตํ อปตฺวา ปุเร อวหฏํ โหติ, เอวํ อวหรนฺตสฺส อวหารกสฺเสว ปาราชิกํ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺติ. ‘‘สฺเวว ปุเรภตฺต’’นฺติ วุตฺเต ตทเหว วา, สฺเว ปจฺฉาภตฺตํ วา อวหรนฺโตปิ ตํสงฺเกตโต ปุเร จ ปจฺฉา จ อวหรติ. โย ปน เอวํอกตฺวา ยถาปริจฺฉินฺนกาลเมว อวหรติ, อยํ สงฺเกตโต อปุเร อปจฺฉา ตํ อวหรตีติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย ปจฺฉาภตฺตรตฺตินฺทิเวสุปิ, ปุริมยามมชฺฌิมยามปจฺฉิมยามกาฬชุณฺหมาสอุตุสํวจฺฉราทิวเสนาปิ เอตฺถ สงฺเกตวิสงฺเกตตา เวทิตพฺพา. ปรภณฺฑาวหารสฺุปฺปาทสฺส เหตุตฺตา อกฺขินิขณาทีเนว นิมิตฺตนฺติ อกฺขินิขณาทินิมิตฺตํ, ตสฺส กรณํ อกฺขินิขณาทินิมิตฺตกรณํ. อาทิสทฺเทน ภมุกุกฺเขปสีสกมฺปนหตฺถลงฺฆนปาณิปฺปหารองฺคุลิโผฏนคีวุนฺนามนอุกฺกาสนาทิอเนกปฺปการํ สงฺคณฺหาติ. เสสเมตฺถ สงฺเกตกมฺเม วุตฺตนยเมว.
เถโน ¶ วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, เตน อวหรณํ เถยฺยาวหาโร. ปสยฺห อภิภวิตฺวา อวหรณํ ปสยฺหาวหาโร. วตฺถสุตฺตาทิกํ ปริจฺฉิชฺช กปฺปนํ ปริกปฺโป, เตน อวหรณํ ปริกปฺปาวหาโร. ติณปณฺณาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนสฺส อวหาโร ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร. กุเสน อวหาโร กุสาวหาโร. กูฏมานกูฏกหาปณาทีหีติ เอตฺถ กูฏมานํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๓; ปุ. ป. อฏฺ. ๑๗๙) นาม หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ มานกูฏํ. ตตฺถ หทยนฺติ นาฬิอาทิมานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ, ตสฺส เภโท ฉิทฺทกรณํ หทยเภโท, โส สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต เหฏฺาฉิทฺเทน มาเนน ‘‘สณิกํ ¶ อาสิฺจา’’ติ วตฺวา อนฺโตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต จ ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติ.
สิขาเภโท ปน ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทนฺโต เทติ.
รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติ. เขตฺตาทึ มินนฺตา หิ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติ, มหนฺตมฺปิ อมหนฺตํ.
ตมฺพกํสาทิมโย กูโฏ กหาปโณ กูฏกหาปโณ. อาทิสทฺเทน ตุลากูฏกํสกูฏวฺจนาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ตุลากูฏํ รูปกูฏํ, องฺคกูฏํ, คหณกูฏํ, ปฏิจฺฉนฺนกูฏนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ รูปกูฏํ นาม ทฺเว ตุลา สมรูปา กตฺวา คณฺหนฺโต มหติยา คณฺหาติ, ททนฺโต ขุทฺทิกาย เทติ. องฺคกูฏํ นาม คณฺหนฺโต ปจฺฉาภาเค หตฺเถน ตุลํ อกฺกมติ, ททนฺโต ปุพฺพภาเค อกฺกมติ. คหณกูฏํ นาม คณฺหนฺโต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททนฺโต อคฺเค. ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อนฺโต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺโต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททนฺโต อคฺคภาเค.
กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วฺจนํ กํสกูฏํ. กถํ? เอกํ สุวณฺณปาตึ กตฺวา อฺา ทฺเว ติสฺโส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรนฺติ. ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิฺจิเทว อฑฺฒํ กุลํ ปวิสิตฺวา ‘‘สุวณฺณภาชนานิ กิณาถา’’ติ วตฺวา อคฺเฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติ ¶ . ตโต เตหิ ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาตึ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพา ปาติโย ทตฺวา คจฺฉติ.
วฺจนํ นาม เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วฺจนํ. ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคฺจ มิคโปตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติ, ตเมโก ธุตฺโต ‘‘กึ โภ มิโค อคฺฆติ, กึ มิคโปตโก’’ติ อาห. ‘‘มิโค ทฺเว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ วุตฺเต เอกํ กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺเตนฺโต ‘‘น เม โภ มิคโปตเกน อตฺโถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ทฺเว กหาปเณ เทหี’’ติ อาห. โส อาห ‘‘นนุ โภ มยา ปมํ เอโก กหาปโณ ทินฺโน’’ติ. อาม ทินฺโน, อิมํ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ ¶ , อยฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโกติ ทฺเว กหาปณา ภวิสฺสนฺตีติ. โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติ.
ปสยฺหาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘) ปเร อภิภุยฺย. คามํ ฆาเตนฺตีติ คามฆาตกา, คามํ ปหรนฺตา โจรา, เต อาทิ เยสํ เต คามฆาตกาทโย. อาทิสทฺเทน เจตฺถ ปนฺถฆาตกาทีนํ คหณํ. อุทฺธาเรเยว ปาราชิกนฺติ ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปสฺส ปวตฺตตฺตา, สาฏกสฺส จ ตตฺถ สพฺภาวโต. ปทวาเรน กาเรตพฺโพติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวาว วีมํสิตตฺตา วุตฺตํ. ภณฺฑเทยฺยนฺติ ยํ ปรสฺส นฏฺํ, ตสฺส มูลํ วา ตเทว วา ภณฺฑํ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ตสฺสาติ โย เอวํ ปริกปฺเปติ, ตสฺส. อิมสฺส ‘‘อวหาโร โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.
ปเรสนฺติ กีฬนฺตานํ, ปวิสนฺตานํ วา ปเรสํ มนุสฺสานํ. ‘‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตีติ ‘‘สเจ อิทาเนว โอนมิตฺวา คณฺหิสฺสามิ, ‘กึ สมโณ คณฺหาตี’ติ มํ ชานิตฺวา วิเหเยฺยุํ ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทติ. อุทฺธาโร นตฺถีติ านาจาวนํ นตฺถีติ อตฺโถ. สามิกาติ อนฺตาคามํ ปวิสิตุกามา ภณฺฑสามิกา มนุสฺสา. อุทฺธาเรติ อุทฺธรเณ, านาจาวเนติ อตฺโถ ¶ . านาจาวนฺเจตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ปเวเสตีติ านาจาวนวเสน ปเวเสติ, เหฏฺิมนฺเตน ผุฏฺโกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุปริมนฺเตน อติกฺกาเมนฺโต ปเวเสตีติ อตฺโถ.
สมคฺฆตรนฺติ อปฺปคฺฆตรํ. อุทฺธฏมตฺเต อวหาโรติ สกภาวปฺปโยคสฺส นิฏฺาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสน. อุทฺธาเร รกฺขติ อตฺตโน โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธฏตฺตา. เอเสว นโย ปาตเนปิ รกฺขตีติ เอตฺถาปิ. ‘‘อุทฺธาเรเยว รกฺขตี’’ติ อิมินาว ปาตเน น รกฺขตีติ อตฺเถ สิทฺเธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สเจ ปน ทฺวีสุปิ โกฏฺาเสสุ ปติตทณฺฑเก อทสฺสนํ คเมติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘), ตโต อวเสสภิกฺขูสุ คเตสุ อิตโร ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ทณฺฑโก น ปฺายตี’’ติ, ‘‘มยฺหมฺปิ, อาวุโส, น ปฺายตี’’ติ, ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มยฺหํ ภาโค’’ติ. ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค’’ติ อตฺตโน ภาคํ ทสฺเสติ. ตสฺมึ วิวทิตฺวา วา อวิวทิตฺวา วา ตํ คณฺหิตฺวา คเต อิตโร ตสฺส ภาคํ อุทฺธรติ, อุทฺธาเร ¶ ปาราชิกํ. สเจปิ เตน ‘‘อหํ มม ภาคํ ตุยฺหํ น เทมิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน ภาคํ ตฺวา คณฺหา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘นายํ มมา’’ติ ชานนฺโตปิ ตสฺเสว ภาคํ คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํ. สเจ ปน อิตโร ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค, อยํ มยฺหํ ภาโคติ กึ อิมินา วิวาเทนา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มยฺหํ วา ปตฺโต โหตุ, ตุมฺหากํ วา, โย วรภาโค, ตํ ตุมฺเห คณฺหถา’’ติ วทติ, ทินฺนกํ นาม คหิตํ โหติ, นตฺเถตฺถ อวหาโร. สเจ โส วิวาทภีรุโก ภิกฺขุ ‘‘ยํ ตุยฺหํ รุจฺจติ, ตํ คณฺหา’’ติ วุตฺโต อตฺตโน ปตฺตํ วรภาคํ เปตฺวา ลามกํเยว คเหตฺวา คจฺฉติ, ตโต อิตรสฺส วิจินิตาวเสสํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อวหาโร นตฺเถว. เอวมิมานิ ปฺจ ปฺจกานิ สโมธาเนตฺวา อิเม ปฺจวีสติ อวหารา เวทิตพฺพา. นิฏฺิโต ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส วินิจฺฉโย. เตนาห ‘‘อิติ ยํ วุตฺตํ…เป… ยสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตี’’ติ.
ราชาโนติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อปราธานุรูปํ ปน เฉชฺชเภชฺชานุสาสโก ปมาณภูโตว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ราชาโนติ อิทํ พิมฺพิสารํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. โส หิ ธมฺมิกราชตฺตา ยถาปเวณิยาว กโรติ. อฺเ ปน กากณิกมตฺตสฺสปิ สีสํ ฉินฺเทยฺยุํ ¶ , พหุกสฺสาปิ น วา กิฺจิ กเรยฺยุํ. เตนาห ‘‘อฺเ ปนา’’ติอาทิ. หนนํ นาม โปถนฺเจว เฉทนฺจาติ อาห ‘‘หตฺถาทีหิ วา’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน ปาทกสาเวตฺตอฑฺฒทณฺฑกานํ คหณํ. รชฺชุพนฺธนาทีหีติ อาทิสทฺเทน อนฺทุพนฺธนสงฺขลิกาพนฺธนฆรพนฺธนนครพนฺธนปุริสคุตฺตีนํ คหณํ. นีหเรยฺยุนฺติ รฏฺโต นิกฺขาเมยฺยุํ. โจโรสิ…เป… เถโนสีติ เอตฺถ ‘‘ปริภาเสยฺยุ’’นฺติ ปทํ อชฺฌาหริตพฺพํ อูนตฺตา ปทปฺปโยคสฺส. เตนาห ‘‘อิเมหิ วจเนหิ ปริภาเสยฺยุ’’นฺติ. ยถารูปํ ปน ยสฺมา ปาทโต ปฏฺาย โหติ, ตสฺมา ‘‘ปาทสฺส วา ปาทารหสฺส วา’’ติ อาห. โปราณกสฺส กหาปณสฺส จตุตฺโถ ภาโค ปาโท, ปาทํ อรหตีติ ปาทารโห, ตสฺส ปาทสฺส วา ปาทารหสฺส วา. เอตฺถ จ ปาเทน กหาปณสฺส จตุตฺถภาคํ อกปฺปิยภณฺฑเมว ทสฺเสติ, ปาทารเหน ปาทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํ. เอตฺตาวตา เหฏฺิมนฺตทสฺสเนน สพฺพากาเรน ทุติยปาราชิกปฺปโหนกวตฺถุ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. โปราณกสฺสาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๘; วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๘) โปราณสตฺถานุรูปํ อุปฺปาทิตสฺส ลกฺขณสมฺปนฺนสฺส นีลกหาปณสทิสสฺส กหาปณสฺส. เอเตน รุทฺรทามกาทีนิ ปฏิกฺขิปติ.
เอวํ อสาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ราชคเห’’ติอาทิมาห. รฺโติ พิมฺพิสารรฺโ. มาสโก นาม โปราณกสฺส กหาปณสฺส วีสติโม ภาโค. โย โลเก ‘‘มฺเชฏฺี’’ติปิ วุจฺจติ. อิทานิ อิมสฺมึ อทินฺนาทาเน วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ อูนมาสกาติเรกมาสกปฺจมาสเกสุ. ปริหีนาปริหีนวเสนาติ อคฺฆสฺส ปริหีนาปริหีนวเสน. อยเมตฺถ สงฺเขโป ¶ , วิตฺถาโร ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – อิทฺหิ อทินฺนาทานํ วินิจฺฉินนฺเตน โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ สหสา อวินิจฺฉินิตฺวา ปฺจ านานิ โอโลเกตพฺพานิ. ยานิ สนฺธาย โปราณา อาหุ –
‘‘วตฺถุํ กาลฺจ เทสฺจ, อคฺฆํ ปริโภคปฺจมํ;
ตุลยิตฺวา ปฺจานานิ, ธาเรยฺยตฺถํ วิจกฺขโณ’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒);
ตตฺถ จ วตฺถูติ ภณฺฑํ. อวหารเกน หิ ‘‘มยา อิทํ นาม อวหฏ’’นฺติ วุตฺเตปิ อาปตฺตึ อนาโรเปตฺวาว ตํ ภณฺฑํ สสามิกํ วา อสามิกํ วาติ ¶ อุปปริกฺขิตพฺพํ. สสามิเกปิ สามิกานํ สาลยภาโว วา นิราลยภาโว วา อุปปริกฺขิตพฺโพ. สเจ เตสํ สาลยกาเล อวหฏํ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติ กาเรตพฺพา. สเจ นิราลยกาเล, น ปาราชิเกน กาเรตพฺโพ. ภณฺฑสามิเกสุ ปน ภณฺฑํ อาหราเปนฺเตสุ ภณฺฑํ ทาตพฺพํ. อยเมตฺถ สามีจิ. เอวํ วตฺถุ โอโลเกตพฺพํ.
กาโลติ อวหารกาโล. ตเทว หิ ภณฺฑํ กทาจิ สมคฺฆํ โหติ, กทาจิ มหคฺฆํ. ตสฺมา ตํ ภณฺฑํ ยสฺมึ กาเล อวหฏํ, ตสฺมึเยว กาเล โย ตสฺส อคฺโฆ, เตน อคฺเฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. เอวํ กาโล โอโลเกตพฺโพ.
เทโสติ อวหารเทโส. ตฺหิ ภณฺฑํ ยสฺมึ เทเส อวหฏํ, ตสฺมึเยว เทเส โย ตสฺส อคฺโฆ, เตน อคฺเฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. ภณฺฑุฏฺานเทเส หิ ภณฺฑํ สมคฺฆํ โหติ, อฺตฺถ มหคฺฆํ. เอวํ เทโส โอโลเกตพฺโพ.
อคฺโฆติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) ภณฺฑคฺโฆ. นวภณฺฑสฺส หิ โย อคฺโฆ, โส ปจฺฉา ปริหายติ. ยถา นวโธโต ปตฺโต อฏฺ วา ทส วา อคฺฆติ, โส ปจฺฉา ภินฺโน วา ฉิทฺโท วา อาณิคณฺิกาหโต วา อปฺปคฺโฆ โหติ, ตสฺมา น สพฺพทา ภณฺฑํ ปกติอคฺเฆเนว กาตพฺพนฺติ. เอวํ อคฺโฆ โอโลเกตพฺโพ.
ปริโภโคติ ภณฺฑสฺส ปริโภโค. ปริโภเคนาปิ หิ วาสิอาทิภณฺฑสฺส อคฺโฆ ปริหายติ, ตสฺมา เอวํ อุปปริกฺขิตพฺพํ – สเจ โกจิ กสฺสจิ ปาทคฺฆนกํ วาสึ หรติ, ตตฺร ¶ วาสิสามิโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ตยา อยํ วาสิ กิตฺตเกน กีตา’’ติ. ‘‘ปาเทน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต กิณิตฺวาว ปิตา, อุทาหุ ตํ วลฺเชสี’’ติ? สเจ วทติ ‘‘เอกทิวสํ เม ทนฺตกฏฺํ วา รชนฉลฺลิ วา ปตฺตปจนทารุ วา ฉินฺนํ, ฆํสิตฺวา วา นิสิตา’’ติ. อถสฺส โปราโณ อคฺโฆ ภฏฺโติ เวทิตพฺโพ. ยถา จ วาสิยา, เอวํ อฺชนิยา วา อฺชนิสลากาย วา กฺุจิกาย วา ปลาเลน วา ถุเสหิ วา อิฏฺกจุณฺเณน วา เอกวารํ ฆํสิตฺวา โธวนมตฺเตนาปิ อคฺโฆ ภสฺสติ. ติปุมณฺฑลสฺส มกรทนฺตจฺเฉทเนนาปิ ปริมทฺทนมตฺเตนาปิ, อุทกสาฏิกาย สกึ นิวาสนปารุปเนนาปิ, ปริโภคสีเสน ¶ อํเส วา สีเส วา ปนมตฺเตนาปิ, ตณฺฑุลาทีนํ ปปฺโผฏเนนาปิ ตโต เอกํ วา ทฺเว วา อปนยเนนปิ, อนฺตมโส เอกํ ปาสาณสกฺขรํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมตฺเตนาปิ, สปฺปิเตลาทีนํ ภาชนนฺตรปริวตฺตเนนปิ, อนฺตมโส ตโต มกฺขิกํ วา กิปิลฺลิกํ วา อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมตฺเตนปิ, คุฬปิณฺฑกสฺส มธุรภาวชานนตฺถํ นเขน วิชฺฌิตฺวา อณุมตฺตํ คหิตมตฺเตนปิ อคฺโฆ ภสฺสติ. ตสฺมา ยํ กิฺจิ ปาทคฺฆนกํ วุตฺตนเยเนว สามิเกน ปริโภเคน อูนํ กตํ โหติ, น ตํ อวหารโก ภิกฺขุ ปาราชิเกน กาเรตพฺโพติ. เอวํ ปริโภโค โอโลเกตพฺโพ.
เอวํ อิมานิ ตุลยิตฺวา ปฺจ านานิ ธาเรยฺย อตฺถํ วิจกฺขโณ อาปตฺตึ วา อนาปตฺตึ วา ครุกํ วา ลหุกํ วา อาปตฺตึ ยถาาเน เปยฺยาติ.
เอวํ ตตฺถ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนาปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกสฺิสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกสฺิสฺสาติ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ อิทํ ภณฺฑ’’นฺติ เอวํ สกสฺิสฺส ปรภณฺฑมฺปิ คณฺหโต คหเณ อนาปตฺติ, คหิตํ ปน ปุน ทาตพฺพํ. สเจ สามิเกหิ ‘‘เทหี’’ติ วุตฺโต น เทติ, เตสํ ธุรนิกฺเขเป ปาราชิกํ. วิสฺสาสคฺคาเหติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๑) วิสฺสาสคฺคหเณปิ อนาปตฺติ. วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณํ ปน อิมินา สุตฺเตน ชานิตพฺพํ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํ, สนฺทิฏฺโ จ โหติ, สมฺภตฺโต จ อาลปิโต จ ชีวติ จ ชานาติ จ ‘คหิเต เม อตฺตมโน’’’ติ (มหาว. ๓๕๖).
ตตฺถ สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺตกมิตฺโต. สมฺภตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต. อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺเหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุตฺโต. ชีวตีติ อนุฏฺานเสยฺยาย ¶ สยิโตปิ ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทํ น ปาปุณาติ. คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต ตุฏฺจิตฺโต. เอวรูปสฺส สนฺตกํ ‘‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปฺจงฺคานิ วุตฺตานิ. วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหิ องฺเคหิ รุหติ. กถํ? สนฺทิฏฺโ, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, สมฺภตฺโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, อาลปิโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโนติ เอวํ.
โย ¶ ปน ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสภาเวน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํ. ททนฺเตน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํ. อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ ตสฺเสว ทาตพฺพํ. โย ปน ปมํเยว ‘‘สุฏฺุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, โส ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย จ อทาตุกาโม, จิตฺเตน ปน อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิต’’นฺติ วา ‘‘ปริภุตฺต’’นฺติ วา วุตฺโต คหิตํ วา โหตุ, ปริภุตฺตํ วา, ‘‘มยา ปน ตํ เกนจิเทว กรณีเยน ปิตํ, ปากติกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทติ, อยํ ปจฺจาหราเปตุํ ลภติ.
ตาวกาลิเกติ ‘‘ปฏิทสฺสามิ ปฏิกริสฺสามี’’ติ เอวํ คณฺหนฺตสฺส ตาวกาลิเกปิ คหเณ อนาปตฺติ. คหิตํ ปน สเจ ภณฺฑสามิโก ปุคฺคโล วา คโณ วา ‘‘ตุยฺเหเวตํ โหตู’’ติ อนุชานาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อนุชานาติ, อาหราเปนฺเต ทาตพฺพํ. สงฺฆสนฺตกํ ปน ปฏิทาตุเมว วฏฺฏติ.
เปตปริคฺคเหติ เอตฺถ ปน เปตฺติวิสเย อุปปนฺนาปิ, กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว นิพฺพตฺตาปิ, จาตุมหาราชิกาทโย เทวาปิ สพฺเพ ‘‘เปตา’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คตา, เตสํ ปริคฺคเห อนาปตฺติ. เทวตาย ปน อุทฺทิสฺส พลิกมฺมํ กโรนฺเตหิ รุกฺขาทีสุ ลคฺคิตสาฏเก วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตฺจ โข อารกฺขเกหิ อปริคฺคหิเต, ปริคฺคหิตํ ปน คเหตุํ น วฏฺฏติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๓๑).
ติรจฺฉานคตปริคฺคเหติ นาคสุปณฺณาทีนํ ติรจฺฉานคตานํ ปริคฺคเห. สเจปิ หิ เทโว วา นาคสุปณฺโณ วา มนุสฺสรูเปน อาปณํ ปสาเรติ, ตโต จสฺส สนฺตกํ โกจิ ทิพฺพจกฺขุโก ภิกฺขุ ตํ ตฺวา คเหตฺวา คจฺฉติ, วฏฺฏติ.
ปํสุกูลสฺิสฺสาติ ¶ ‘‘อสามิกํ อิทํ ปํสุกูล’’นฺติ เอวสฺิสฺสาปิ คหเณ อนาปตฺติ. สเจ ปน ตํ สสามิกํ โหติ, อาหราเปนฺเต ทาตพฺพํ. อุมฺมตฺตกาทีนิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการาเนว. อาทิกมฺมิโก ปเนตฺถ ธนิโย ¶ . อวเสสานํ ปน รชกภณฺฑิกาทิโจรานํ ฉพฺพคฺคิยาทีนํ อาปตฺติเยว.
สจิตฺตเกหิ ตีหิ สมุฏฺาเนหิ อิทํ สมุฏฺาตีติ อาห ‘‘อทินฺนาทานสมุฏฺาน’’นฺติ. ตถา หิ สาหตฺถิกํ กายจิตฺตโต สมุฏฺาติ. อาณตฺติกํ วาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ. สาหตฺติกาณตฺติกํ กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ, ตฺจ โข ‘‘ภาริยมิทํ, ตฺวํ เอกปสฺสํ คณฺห, อหํ เอกปสฺส’’นฺติ สํวิธาย อุภเยสํ ปโยเคน เอกสฺส วตฺถุโน านาจาวเน ลพฺภติ. ‘‘กายวจีกมฺม’’นฺติ อวจนํ ปน กายวาจานํ อีทิเส าเน องฺคมตฺตตฺตา. ยาย ปน เจตนาย สมุฏฺาปิโต ปโยโค สาหตฺถิโก วา อาณตฺติโก วา ปธานภาเวน านาจาวนํ สาเธติ, ตสฺสา วเสน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. อฺถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺค