📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
กงฺขาวิตรณีปุราณ-ฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
พุทฺธํ ¶ ¶ ธมฺมฺจ สงฺฆนฺติ-อาทินา ยา ปกาสิตา;
ภทนฺตพุทฺธโฆเสน, มาติกาฏฺกถา สุภา;
ตสฺสา หิ ลีนปทํ วิ-กาสนโกยมารมฺโภ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
วิปฺปสนฺเนนาติ ¶ วิวิธปฺปสนฺเนน. กถํ? ‘‘อิติปิ โส…เป… พุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต…เป… วิฺูหิ, สุปฺปฏิปนฺโน…เป… โลกสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๐) เอวมาทินา. ‘‘เจตสา’’ติ วุตฺตตฺตา ตีสุ วนฺทนาสุ เจโตวนฺทนา อธิปฺเปตา. ตนฺนินฺนตาทิวเสน กายาทีหิ ปณามกรณํ วนฺทนา, คุณวเสน มนสาปิ ตถาว กรณํ มานํ, ปจฺจยปฺปฏิปตฺติยาทีหิ ปูชากรณํ ปูชา, ปจฺจยาทีนํ อภิสงฺขรณํ สกฺกจฺจ กรณํ สกฺกาโร, เตสํ. ภาชนนฺติ อาธาโร, อธิกรณํ วา.
เถรา มหากสฺสปาทโย, เตสํ วํโสติ เถรวํโส, อาคมาธิคมสมฺปทาย ตสฺส วํสสฺส ปทีปภูตาติ เถรวํสปฺปทีปา, เตสํ เถรวํสปฺปทีปานํ. อสํหีรตฺตา ถิรานํ. วินยกฺกเมติ วินยปิฏเก, อารมฺภานุรูปวจนเมตํ. สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ เต ถิรา เอว. ‘‘พุทฺธํ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปุพฺพาจริยสีหานฺจา’’ติ อวตฺวา กสฺมา วิสุํ วุตฺตนฺติ เจ? ปโยชนวิเสสทสฺสนตฺถํ. วตฺถุตฺตยสฺส หิ ปณามกรณสฺส อนฺตรายนิวารณํ ปโยชนํ ¶ อตฺตโน นิสฺสยภูตานํ อาจริยานํ ปณามกรณสฺส อุปการฺุตาทสฺสนํ. เตน พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา, จ-สทฺเทน ปุพฺพาจริยสีหานฺจ นโม กตฺวาติ โยชนา. อถ วา ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ เจโตวนฺทนํ ทสฺเสตฺวา ตโต ‘‘นโม กตฺวา’’ติ วาจาวนฺทนา, ‘‘กตฺชลี’’ติ กายวนฺทนาปิ ทสฺสิตาติ โยเชตพฺพํ.
อิทานิ อภิธานปฺปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปาโมกฺขนฺติ ปธานํ. สีลฺหิ สพฺเพสํ กุสลธมฺมานํ ปธานํ อาทิภาวโต. ยถา จ สตฺตานํ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยวเสน จตุพฺพิโธปิ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคมงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จาตุภูมกํ กุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มุข’’นฺติอาทิ. อถ วา มุขนฺติ อุปาโย, เตน โมกฺขปฺปเวสาย นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย มุขํ อุปาโยติ อตฺโถ. มเหสินา ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. มหนฺเต สีลาทิกฺขนฺเธ เอสิ คเวสีติ มเหสิ.
สูรเตน นิวาเตนาติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๔๙) สูรเตน, นีจวุตฺตินา มานุทฺธจฺจวเสน อตฺตานํ อนุกฺขิปนภาเวน นิวาเตน. วินยาจารยุตฺเตน จาริตฺตวาริตฺเตหิ ยุตฺเตน. ‘‘โสณตฺเถเรน ยาจิโต’’ติ อวตฺวา ‘‘สูรเตนา’’ติอาทิ ¶ กสฺมา วุตฺตํ, กึ ทุสฺสีเลน วา ทุฏฺเน วา อลชฺชินา วา ยาจิเตน วณฺณนา กาตุํ น วฏฺฏตีติ เจ? น น วฏฺฏติ. เถรสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปิตุํ น สกฺกา, เอวรูปคุโณ เถโรว, ยาจนวเสน กตฺตพฺโพ อาทเรนาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ.
นาเมนาติ อตฺตโน คุณนาเมน. สทฺทลกฺขณสุภโต, วินิจฺฉยสุภโต, วิฺเยฺยสุภโต จ สุภํ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานวณฺณนา
‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ…เป… ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ. เอตฺเถว ยาวตติยานุสาวนกถาวสาเน อถ ¶ โข อุทฺเทสกาเล ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน อาคตํ. อุโปสถกฺขนฺธเกปิ เอวเมว อาคตํ. ตตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตํ ปจฺฉา อาคตสุตฺเตน วิรุชฺฌติ. ตสฺมา ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. เอวํ น วิรุชฺฌตีติ เอเก. กถํ? ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา สุอุทฺทิฏฺํ โหตีติ เอตํ อุทฺเทสลกฺขณํ อิธาปิ ขนฺธเกปิ วุตฺตตฺตา. ตสฺมา ‘‘ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺตฏฺาเน อวุตฺตมฺปิ อาเนตฺวา คเหตพฺพํ. กสฺมา? อิธ นิทานํ น ทสฺสิตํ, อุทฺเทโส อุทฺเทสกาเล อุทฺทิสิตพฺพลกฺขณสฺส ตตฺถ วุตฺตตฺตา. อปิจ ‘‘นิทานุทฺเทโส’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา นิทานุทฺเทสํ ทสฺเสตุกาโมปิ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ ปาวเสน อาคตํ นิทานํ นิฏฺาเปตฺวา อุปริ อฏฺกถาวเสน โยเชตพฺพํ ปาฬึ อิธ โยเชตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ…เป… ธารยามี’’ติ นิทานปาฬึ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปุน ‘‘ตตฺถ นิทานุทฺเทโส’’ติ อุทฺธฏปทวเสน สงฺเขปโต นิทานุทฺเทสลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา เอวํ อุปริ จ ขนฺธเก จ, อถ โข อุทฺเทสกาเล ‘‘อาวิกตา หิสฺส ¶ ผาสุ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทิ นิทานุทฺเทโสว ทสฺสิโต, น นิทานํ.
สวนาณตฺติวจนนฺติ เอตฺถ สงฺฆนวกตเรน วตฺตุํ อยุตฺตนฺติ เจ? ยุตฺตเมว. ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติ ภควตา วุตฺตตฺตา ภควโตว อาณตฺติ, น อุทฺเทสกสฺส. อิธ นวกตรวเสน วุตฺตํ. เถโรปิ ปน อุทฺทิสิตุํ ลภตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เถราธิกํ ปาติโมกฺข’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา สุตฺเตน นวกตโร น ลภตีติ เจ? ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย ตตฺถ ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยถา จตุวคฺเคน เปตฺวา อุปสมฺปทาปวารณาอพฺภานานิ สพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ‘‘อติเรกวีสติวคฺเคน อิมํ นาม กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ อวตฺวา อติเรกวจนตฺตา อฺํ อตฺถํ สูเจติ, กึ ตนฺติ ‘‘จตุวคฺคาทินา’’ติอาทิ. ตฺหิ เตหิ เอว สิทฺธํ. กถํ? จตุวคฺเคน อุปสมฺปทาปวารณา…เป… วีสติวคฺเคน ¶ น กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ. เอตฺถ ‘‘ทสวคฺเคน อพฺภานกมฺมมตฺตํ เปตฺวา’’ติ วทนฺเตน จตุปฺจวคฺเคน กรณียานิปิ ทสวคฺเคน กาตุํ อนฺุาตานิ. ตสฺมา อติเรเกน วฏฺฏตีติ ทีปิตํ, ‘‘เปตฺวา’’ติ วจเนน อูนตเรน น วฏฺฏตีติ ทีปิตเมว. ตสฺมา น วตฺตพฺพํ อติเรกวีสติวคฺโคติ เจ? วตฺตพฺพเมว. จตุปฺจวคฺเคน กตฺตพฺพํ ฉสตฺตอฏฺนววคฺเคน กาตพฺพนฺติ จ, ทสวคฺเคน กาตพฺพํ เอกาทสทฺวาทส…เป… เอกูนวีสติวคฺเคน กาตพฺพนฺติ จ ทีปิตํ. อูนตเรน น วฏฺฏตีติ ทีปิตํ ปากฏโต. สพฺพปฺปกาเรน ปน อติเรกวีสติอนติเรกวีสติวคฺเค วุตฺเตปิ ทีปิตํ โหตีติ วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ลิขิตํ. อิโต ปฏฺาย ‘‘ลิขิต’’นฺติ วุตฺเต วชิรพุทฺธิตฺเถเรนาติ คเหตพฺพํ.
สเจ อนุโปสเถปิ วฏฺเฏยฺย, ‘‘อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ น วเทยฺย, ยสฺมา อนุโปสเถ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘อชฺชุโปสโถ’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอวา’’ติ อวธารณํ ตโต ปรํ ปวารณาทิวสสฺส นตฺถิตาย กตํ. อุทฺธํ ปกติอุโปสเถ วุตฺเตน ปกติจาริตฺเตน สทฺธึ อิทมฺปิ.
‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ น วตฺตพฺพํ ‘‘ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? วตฺตพฺพเมว. กสฺมา? ติวิธสมฺปตฺติ นาม นิมิตฺตสมฺปตฺติ, ปริสาสมฺปตฺติ, กมฺมวาจาสมฺปตฺตีติอาทึ วตฺวา ‘‘นิมิตฺตสมฺปตฺติ นาม ปพฺพตนิมิตฺตํ, ปาสาณนิมิตฺต’’นฺติอาทิ ¶ วุตฺตํ, น นิมิตฺเตน นิมิตฺตสมฺพนฺธนํ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘ติวิธสมฺปตฺติยุตฺตา’’ติ สมฺปโยคงฺเคสุ ทสฺเสตฺวา ปุน ตเมว ปหานงฺเคสุ ทสฺเสตุํ ‘‘นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ สมฺพนฺธิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. นทิสมุทฺทชาตสฺสเรสุ สมฺมตสีมาโต กมฺมานิ น วิปชฺชนฺติ อุทกุกฺเขปสีมตฺตาติ ‘‘วิปตฺติสีมาโย นามา’’ติ กสฺมา วุตฺตาติ เจ? เสสลกฺขณานิ สมฺปาเทตฺวา นทิยํ สีมาย พทฺธาย อุทกปริยนฺตํ กตฺวา สีมาคตตฺตา ปุน ตํ นทึ อนฺโต กตฺวา ตฬาเก กเต สเจ ตสฺสา สีมาย กมฺมํ กาตุํ วฏฺเฏยฺย, สีมาโต กมฺมานิ น วิปชฺเชยฺยุํ. ยสฺมา ปน เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘‘อุทกุกฺเขปสีมตฺตา’’ติ วุตฺตํ อการณํ.
วีสติวคฺคกรณียตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ วุตฺตํ, สุขนิสชฺชาวเสน นิสีทิตุนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปริมณฺฑลากาเรน นิสีทิตุ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวาติ มชฺเฌ ตฺวา ทิยฑฺฒํ กตฺวา ติโยชนํ. โกณโต ¶ หิ โกณํ ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติฺจ อาปชฺชติ, สีมา จ อสีมา โหติ. กิตฺเตตฺวาติ นิมิตฺตานิ สมฺปนฺนานิปิ อฺมฺนามวิปริยาเยน, อนิมิตฺตานํ นาเมหิ จ กิตฺเตตฺวาติ อตฺโถ.
ราสิกตํ ปํสุปิ รุกฺเขสุ ชาเตสุ สุทฺธปํสุปพฺพโต โหติ. คุฬปิณฺฑปริมาโณ ถูลตาย, น ตุลคณนาย. ภูมิยํ ปติฏฺิโต’’ติ อิมินา กุฏสราวาทีสุ โรปิตํ ปฏิกฺขิปติ, ตโต อปเนตฺวา ปน ตงฺขณมฺปิ ภูมิยํ โรปิโต วฏฺฏติ. นวมูลสาขานิคฺคมนํ ปน อการณํ. ขนฺธํ ฉินฺทิตฺวา โรปิเต ปน เอตํ ยุชฺชติ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณ กนิฏฺงฺคุลิปริมาณมตฺโต. ‘‘อฏฺงฺคุลุพฺเพโธ’’ติ อิมินา อุพฺเพโธ ปริจฺฉินฺโน โหติ, ‘‘โควิสาณมตฺโต’’ติ อิมินา ปริณาโห. ‘‘เอวํ สนฺเตปิ โควิสาณปริณาเห ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ตสฺมา ขุทฺทโกปิ มหนฺโตปิ วฏฺฏติ เอวาติ วทนฺติ.
ชาตสฺสเร ปริปุณฺณเมว อุทกํ นิมิตฺตูปคํ ทิสฺวา อปริปุณฺณํ อนฺตรา ิติภูตํ ‘‘ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ วุตฺตํ วิปตฺตึ น อาปชฺชตีติ ‘‘นทิยา สมฺมตา, สมุทฺเท สมฺมตา, ชาตสฺสเร สมฺมตา’’ติ เอตฺถาปิ โลณี น คหิตา. พทฺธสีมํ วา นทิสมุทฺทชาตสฺสเร วา อโนกฺกมิตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘นทิยา วา, ภิกฺขเว, สมุทฺเท วา ชาตสฺสเร วา’’ติ (มหาว. ๑๔๗) เอตฺถาปิ น คหิตา. ตสฺมา โลณี น อพทฺธสีมาติ เจ? อพทฺธสีมาว. ‘‘โยปิ นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตอุทเกน กโต โสพฺโภ เอตํ ลกฺขณํ ปาปุณาติ, อยมฺปิ ¶ ชาตสฺสโรเยวา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตตฺตา ชาตสฺสรคฺคหเณน คหิตาติ ตตฺถ ตตฺถ อวุตฺตา. ‘‘ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต’’ติ วุตฺตตฺตา อฺมฺปิ คามํ อนฺโต กตฺวา สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล ตสฺมึ คาเม ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตุ วา มา วา, วฏฺฏติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคนฺตพฺพเมว.
อคมนปเถสูติ เอตฺถ เอกทิวเสน คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยฏฺาเนติ วทนฺติ, พทฺธสีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ.
‘‘สมนฺตา อุทกุกฺเขปา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพทิสาสุ คเหตพฺพเมวาติ เจ? ยโต ลพฺภติ, ตโต คเหตพฺโพ ‘‘ยสฺมึ ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา ¶ สณฺหนฺติ, ตโต ปฏฺาย กปฺปิยภูมิ, ตตฺถ ตฺวา อุโปสถาทิกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา. อนุพนฺโธ อฑฺฒมาโส อนฺวฑฺฒมาโส, อฑฺฒมาสสฺส วา อนุ. โย ปน เกนจิ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโตติ อธิปฺปาโย.
‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’’ติ วุตฺตตฺตา อติกฺกมิตฺวา ิโต น โกเปตีติ ทีปิตเมว โหตีติ อุปติสฺสตฺเถโร, ตํ ปน ‘‘ทฺวินฺนํ อุทกุกฺเขปานํ อนฺตเร อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป อุปจารตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วจเนน วิรุชฺฌติ. สมนฺตปาสาทิกายฺหิ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยวา’’ติ ปทํ นตฺถิ. ตสฺมา ตสฺสาธิปฺปาโย ปริเยสิตพฺโพ. อนฺโตอุทกุกฺเขปสีมาย อุปจารตฺถาย ปิตํ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เถเรน อฺถา ปปฺจิตฺวา ลิขิตํ.
‘‘สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺติ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ เจ? น วฏฺฏติ เทสนาคามินึ สนฺธาย อิธ วุตฺตตฺตา. ตสฺมา เอว สมุจฺจยกฺขนฺธเก ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิกาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ อาวิกโรติ, อาปตฺติ อาวิกตา โหติ, ทุกฺกฏา ปน น มุจฺจตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) วุตฺตํ. ยถา สงฺเฆน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตีหิ ทฺวีหิปิ อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ‘‘ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนาปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตีติ. อฏฺกถายมฺปิ ‘‘สามนฺโต ภิกฺขุ เอวมสฺส วจนีโยติ เอตฺถ สภาโค เอว วตฺตพฺโพ. วิสภาคสฺส หิ วุจฺจมาเน ภณฺฑนกลหสงฺฆเภทาทีนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา ตสฺส อวตฺวา อิโต วุฏฺหิตฺวา ¶ ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ วตฺวา ตสฺส อปฺปฏิกฺขิตฺตตฺตา วฏฺฏตีติ ทีปิตเมว. ‘‘ยทา อฺํ สุทฺธํ ภิกฺขุํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก’’ติ วุตฺตตฺตา ลหุกสฺเสว อนฺุาตตฺตา สมุจฺจยกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา สภาคสงฺฆาทิเสสํ ปน ตฺติยา อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ.
เทวพฺรหฺมา ¶ ปน ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ ปทํ เปตฺวา เยน เกนจิ ปเทน อสงฺคหิตาปิ อิมินา สงฺคหิตาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
‘‘จาตุมาสินิยํ ปน ปวาริตานํ สนฺติเก อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา วุฏฺวสฺเสน วา’’ติ อวตฺวา ‘‘อนุปคเตน วา ฉินฺนวสฺเสน วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. วุฏฺวสฺโส ปน ตสฺมึ กาเล อนุปคตตฺตา ‘‘อนุปคโต’’ติ สงฺขฺยํ คโตติ. สพฺพาย วุฏฺิตาย สพฺเพ วุฏฺหิตฺวา คเต สนฺนิปาเตตุํ น สกฺกา, เอกจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ปาริสุทฺธึ อาโรเจตุํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. กสฺมา? ตฺตึ เปตฺวา กตฺตพฺพสงฺฆกมฺมาภาวา วคฺคํ น โหตีติ. ปวารณายปิ เอเสว นโย. อยฺเหตฺถ วิเสโส – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปวารณาวเสน ตฺติ เปตพฺพาติ. ‘‘เอโกว ภิกฺขุ โหติ…เป… อฺเสํ อนาคตภาวํ ตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อธิฏฺานุโปสถํ สีมํ ปวิสิตฺวา กาตุํ น สกฺกาติ วทนฺติ.
‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ อิทํ น ตฺตึ เปตฺวา วตฺตพฺพํ. ตฺหิ ตฺติโต ปุเรตรเมว กรียติ. ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺล’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. ตถาปิ น วตฺตพฺพํ. น หิ ตํ ตฺติยา อนฺโต กรียตีติ. เอวํ สนฺเต เนตํ วตฺตพฺพนฺติ อาปชฺชติ ปโยชนาภาวาติ เจ? น, ยถาคตฏฺาเน เอว วตฺตพฺพโต, ปรปทาเปกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ อกตฺวา อุโปสถกมฺมํ กโรนฺโต สงฺโฆ, ปุคฺคโล วา ปนกฺเขตฺตาติกฺกเม อาปชฺชติ. ตสฺมิฺหิ เขตฺเต อติกฺกนฺเต สมฺมชฺชนาทิกรเณ อาปตฺติโมกฺโข น โหติ อุโปสถกมฺมโต ปุพฺเพ กตฺตพฺพกมฺมากรณปจฺจยตฺตา ตสฺสา อาปตฺติยา. น สา กมฺมปริโยสานาเปกฺขา เอตฺถาคตสมฺปชานมุสาวาทาปตฺติ วิย, ตสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ภิกฺขุ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติ วตฺตุกาโม ปมเมว ปาริสุทฺธาปาริสุทฺธิปจฺจยํ ปุพฺพกิจฺจํ สราเปติ. ตฺหิ กตํ ปาริสุทฺธิปจฺจโย โหติ, อกตํ อปาริสุทฺธิปจฺจโย. เตเนว อุภยาเปกฺขาธิปฺปาเยน กตํ, น กตนฺติ อวตฺวา ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’มิจฺเจวาห. ตตฺถ อกตปกฺเข ตาว ปาริสุทฺธิอาโรจนกฺกมนิทสฺสนตฺถํ ปรโต ¶ ‘‘ยสฺส ¶ สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติ จ, กตปกฺเข ‘‘อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพ’’นฺติ จ วกฺขติ.
‘‘สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตูหิ ภิกฺขูหิ สนฺนิปติตฺวา’’ติ จ, ‘‘อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ…เป… อเทนฺเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ’’ติ จ วทนฺติ. อสนฺนิปติเตปิ ปน วฏฺฏติ. อิทฺหิ ฉนฺททานสมยทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคตสฺส กตฺตพฺพาการทสฺสนตฺถฺจ วุตฺตํ. ปธานฆรวาสิโน ปธานฆรํ ปวิสิตุกามา อตฺตโน สภาคภิกฺขูนํ ฉนฺทํ ทตฺวา สเจ สงฺโฆ สนฺนิปตติ, ‘‘มยฺหํ ฉนฺโท อาโรเจตพฺโพ’’ติ วตฺวา ปธานฆรํ ปวิสนฺติ. อยํ สีหฬทีเป ปโยโค. อาโรเจนฺเตน ปน สนฺนิปติเต อาโรเจตพฺพํ. ปฺจสุ ภิกฺขูสุ เอกสฺมึ วิหาเร วสนฺเตสุ เอกสฺส ฉนฺทปาริสุทฺธึ อาหริตฺวา จตุนฺนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อนฺุาตตฺตา สนฺนิปติเต ฉนฺโท คเหตพฺโพ อาโรเจตพฺโพติ วจนํ นิรตฺถกํ วิย. ‘‘เถยฺยสํวาสโก ปฏิชานาตีติ (มหาว. ๑๖๕) วจนโต สามเณเรน อาหฏาปิ วฏฺฏติ. กมฺมํ น โกเปตี’’ติ จ, ‘‘สเจ ปุพฺเพ ฉนฺทํ ทตฺวา พหิสีมาคโต ปุน ปวิสติ, ปจฺฉา ฉนฺทคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ตสฺส ปโยโค สีมาสมฺมุติวเสน เวทิตพฺโพ’’ติ จ ‘‘ฉนฺททาเน ติกฺขตฺตุํ วจเน อิทํ ปโยชนํ – ปมํ สมคฺคภาวํ, ทุติยํ ปจฺฉา วิธาตพฺพภาวํ, ตติยํ ฉนฺทหารกสฺส ทุกฺกฏโมจนํ ทีเปตี’’ติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๖๔) จ ลิขิตํ. พิฬาลสงฺขลิกาพทฺธาว โหติ อนฺโตเคเห เอว สมฺปโยชนตฺตา, ยถา สา น กตฺถจิ คจฺฉติ, ตถา สาปิ น กตฺถจิ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. อิตรถา วิเสสนํ นิรตฺถกํ โหตีติ อาจริเยน คหิตํ.
‘‘น หิ ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุพฺเพ ทสฺสิตตฺตา ‘‘อิทมฺปิ หิ อุภย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? เสสานิ เถเรน อาณตฺเตน กาตพฺพานิ ทสฺสิตานิ, อิเม ปน ทฺเว เถเรน วา ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วา ตฺติฏฺปนเกน วา เยน วา เตน วา กาตพฺพานีติ จ, สมฺมชฺชนาทีนิ ตตฺถ ตตฺถ ตาทิสานิ ปโยชนานิ นิปฺผาเทนฺติ, อิเม ปน ทฺเว ตตฺถ ตตฺถ น กิฺจิ กมฺมํ สาเธนฺติ, ตสฺมา ‘‘กึ อิมินา’’ติ อวตฺวา กาตพฺพเมวาติ ทสฺเสตฺุจ ‘‘อิทมฺปิ หิ อุภย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อายสฺมนฺตานํ ปาเท วนฺทตี’’ติ ¶ คณวเสน วตฺวา ปุคฺคลวเสน น วุตฺตํ เตน อาโรเจตพฺพสฺส อฺสฺส อภาวา.
สงฺฆสฺส อุทฺทิฏฺํ โหตีติ สงฺเฆน อุทฺทิฏฺํ โหตีติ อตฺโถ. สมคฺคสฺส หิ สงฺฆสฺสาติ เอตฺถ สมคฺคภาวสฺส กายสามคฺคิการณตฺตา นตฺถิ โทโสติ เจ? ตํ น, อุทฺเทเสปิ สวเนปิ สมคฺคภาวสฺส ¶ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติ หิ อิมินา จิตฺตสามคฺคึ ทีเปติ สวเน สพฺเพหิ เอกีภูตภาวโต.
สฺจิจฺจ อาปตฺตึ อาปชฺชตีติ เอตฺถ อนาทริยวเสน อาปชฺชนฺโต เอว อลชฺชี โหติ, น อิตโรติ. อาปตฺตึ ปริคูหตีติ เอตฺถ ลชฺชาย ปริคูหนฺโต อลชฺชี น โหติ, ‘กึ อิมินา’ติ อนาทริยวเสน ปริคูหนฺโต โหตี’’ติ จ ลิขิตํ.
‘‘สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธาน’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, ‘‘ฉนฺน’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? สตฺตนฺนเมวาติ วตฺตพฺพํ. ปาราชิกาปตฺตึ อาปนฺโน หิ สเจ อตฺตโน สาปตฺติกภาวํ ปกาเสติ, สงฺฆสฺส จ อุโปสโถ สมฺปชฺชติ, ตสฺส จ คิหิภาเวน วา สามเณรภาเวน วา สุทฺธิ โหตีติ.
เอกจฺเจ อาจริยา นาม ธมฺมภาริโก กิร อาจริโย. กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ เจ? ยาวตติยานุสาวนา นาม ติกฺขตฺตุํ วจนํ. ตถา ปาเ อนาคตตฺตา เกวลํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิต’’นฺติ ปทเมว ทิสฺวา ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติ อิทํ ‘‘สเจ อาปตฺตึ อาปนฺนา, อาวิกโรถา’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ‘‘อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ ตเมวตฺถํ ทีเปติ. ‘‘ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมนฺเต ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามี’’ติ อิทมฺปิ ตเมวาติ เอวมตฺถํ คเหตฺวา วุตฺตํ กิร.
อปเรติ อตฺถทสฺสิตฺเถโร กิร. เอตํ สนฺธายาติ เอตฺถ ‘‘สกิมฺปิ อนุสาวิต’’นฺติ ปทสฺส วจเนน ติกฺขตฺตุํ อนุสาวนา กาตพฺพาติ เอตฺตกเมว ทีปิตํ วิย ทิสฺสติ.
อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ กถํ วิฺายตีติ เจ? ‘‘อยเมตฺถ อาจริยปรมฺปราภโต วินิจฺฉโย’’ติ วุตฺตํ.
‘‘สรมาเนนา’’ติ ¶ อิมินา สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตฺตํ ทสฺเสติ. สงฺฆมชฺเฌ วาติอาทิ ลกฺขณวจนํ กิร. สงฺฆุโปสถกรณตฺถํ สงฺฆมชฺเฌ เจ นิสินฺโน, ตสฺมึ สงฺฆมชฺเฌ อาวิกาตพฺพา. คณุโปสถกรณตฺถฺเจ คณมชฺเฌ นิสินฺโน, ตสฺมึ คณมชฺเฌ. เอกสฺเสว สนฺติเก เจ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กตฺตุกาโม, ตสฺมึ เอกปุคฺคเล อาวิกาตพฺพาติ, เอเตน น เกวลํ สงฺฆมชฺเฌ เอวายํ มุสาวาโท สมฺภวติ, อถ โข เอตฺถ วุตฺตลกฺขเณน อสติปิ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทิวิธาเน คณุโปสเถปิ สาปตฺติโก หุตฺวา อุโปสถํ ¶ กตฺตุกาโม อนาโรเจตฺวา ตุณฺหีภูโตว เจ กโรติ, อยํ สมฺปชานมุสาวาทาปตฺตึ อาปชฺชตีติ อิมสฺสตฺถสฺส อาวิกรณโต ลกฺขณวจนํ กิเรตนฺติ วุตฺตนฺติ ตกฺกิกา. อฺถา ‘‘คณมชฺเฌ วา’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. อาโรจนาธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ อาจริยสฺส ตกฺโก. อาโรเจนฺโต หิ ‘‘สงฺฆสฺส อาโรเจมี’’ติ อธิปฺปาเยน อาวิกโรนฺโต สงฺฆมชฺเฌ อาวิกโรติ นาม, อุภโตปสฺเส นิสินฺนานํ อาโรเจนฺโต คณมชฺเฌ อาวิกโรติ นาม, ‘‘เอกสฺเสว อาโรเจสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน อาวิกโรนฺโต เอกปุคฺคเล อาวิกโรติ นาม. สเจปิ เวมติโก โหติ…เป… ปฏิกริสฺสามีติ เอวํ กเต ยาว เวมติโก โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ ลภติ, อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพํ วา น วาติ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. ตถา อิโต วุฏฺหิตฺวา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามีติ เอตฺถ จ สกลสงฺเฆ สภาคาปตฺตึ อาปนฺเน, เวมติเก จาติ ลิขิตํ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๖๙-๑๗๐).
นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกกณฺฑํ
๑. ปมปาราชิกวณฺณนา
อิธ ¶ ¶ ปน ตฺวา สิกฺขาปทานํ กมเภโท ปกาเสตพฺโพ. กถํ – สพฺพสิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ เทสนากฺกโม, ปหานกฺกโม, ปฏิปตฺติกฺกโม, อุปฺปตฺติกฺกโมติ จตุพฺพิโธ กโม ลพฺภติ. ตตฺถ ภควตา ราชคเห ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส โย เทสนากฺกโม อนฺุาโต, ตํ เทสนากฺกมํ อนุกฺกมนฺโตว มหากสฺสโป ปมํ ปาราชิกุทฺเทสํ ปุจฺฉิ, ตทนนฺตรํ สงฺฆาทิเสสุทฺเทสํ, ตทนนฺตรํ อนิยตุทฺเทสํ, ตทนนฺตรํ วิตฺถารุทฺเทสํ. ตทนนฺตรํ ภิกฺขุนิวิภงฺคฺจ เตเนว อนุกฺกเมน ปุจฺฉิ. ตโต ปรํ ตโย อาปตฺติกฺขนฺเธ สงฺคเหตุํ วินา คณนปริจฺเฉเทน เสขิยธมฺเม ปุจฺฉิ. อาปตฺติกฺขนฺเธ สภาคโต ปฏฺาย ปุจฺฉนฺโต วีสติขนฺธเก ปุจฺฉิ. นิทานุทฺเทสนฺโตคธานํ วา สรูเปน อนุทฺทิฏฺานํ ปุจฺฉนตฺถํ ขนฺธเก ปุจฺฉิ. เอเตน ขนฺธเก ปฺตฺตา ถุลฺลจฺจยาปิ สงฺคหิตา โหนฺติ. ปุจฺฉิตานุกฺกเมเนว อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร พฺยากาสิ. อยเมตฺถ เทสนากฺกโม. อุภโตวิภงฺคขนฺธกโต ปน อุจฺจินิตฺวา ตทา ปริวาโร วิสุํ ปาฬิ กโต, อิมเมว วจนํ สนฺธาย อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกํ ปริวาเรปิ อาโรปยึสู’’ติอาทิ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคอีติกถา). อปิจ ปาฬิยํ ‘‘เอเตเนว อุปาเยน อุภโตวิภงฺเค ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสี’’ติ (จูฬว. ๔๓๙) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตสฺมา เถโร อุภโตวิภงฺเค เอว ปุจฺฉิ. วิสฺสชฺชนฺโต ปน อายสฺมา อุปาลิ นิรวเสสํ ทสฺเสนฺโต ขนฺธกปริวาเร อนฺโต กตฺวา เทเสสิ. คณสชฺฌายกาเล ปน ตทา ขนฺธกปริวารา วิสุํ ปาฬิ กตาติ อยเมตฺถ เทสนากฺกโม.
ยทิ เอวํ นิทานุทฺเทโส ปมเทสนาติ เจ? น, อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๓) ‘‘ยานิ มยา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ ¶ วจนโต, ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วจนโต จ. อกุสลาพฺยากตานํ อาปตฺตีนํ ทิฏฺธมฺมสมฺปรายิกาสวฏฺานิยตฺตา ยถาภูตํ สีลสํวรเกน ปริวชฺชเนน ปหาตพฺพตฺตา ปหานกฺกโมเปตฺถ สมฺภวติ ‘‘ตาวเทว จตฺตาริ อกรณียานิ อาจิกฺขิตพฺพานี’’ติ ¶ วจนโต. ตถา ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๕; วิภ. ๕๐๘) วจนโต ยถาภูตํ อาจิกฺขนสิกฺขเนน ปฏิปตฺติกฺกโมปิ สมฺภวติ. ยถุทฺเทสกฺกมํ ปริยาปุณิตพฺพปริยตฺติอตฺเถนาปิ ปฏิปตฺติกฺกโม, เอวมิเมหิ ตีหิ กเมหิ เทเสตพฺพานเมเตสํ สิกฺขาปทานํ ยถาสมฺภวํ อุปฺปตฺติกฺกโม สมฺภวติ. ตถา หิ ยํ ยํ สาธารณํ, ตํ ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อุปฺปนฺเน เอว วตฺถุสฺมึ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ฉนฺทโส เมถุนํ ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ภิกฺขุนีนมฺปิ ปฺตฺตํ. ยโต ภิกฺขุนีนํ ตํ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ น สิยา, ตโต อนุปฺปนฺนปฺตฺติ ตสฺมึ นตฺถีติ (ปริ. ๒๐๑-๒๐๒) ปริวารวจนํ น วิรุชฺฌติ. เอตฺตาวตา ปุริเมน กมตฺตเยน ยํ ปมํ เทเสตพฺพํ, ตํ ปาราชิกุทฺเทเส ปมุปฺปนฺนตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกํ สพฺพปมํ เทเสตุกาโม อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรตี’’ติ (ปารา. ๒๓) เวสาลิยเมว ปาเปตฺวา เปสิ.
อิทานิ สพฺเพสํ สิกฺขาปทานํ ปฺาปนวิธานํ เวทิตพฺพํ. กถํ? ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๓) เอวํ สอุทฺเทสอนุทฺเทสเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ ปาติโมกฺเข สรูปโต อาคตา ปฺจ อาปตฺติกฺขนฺธา สอุทฺเทสปฺตฺติ นาม. สาปิ ทฺวิธา สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสเภทโต. ตตฺถ ยสฺสา ปฺตฺติยา อนฺโต อาปตฺติยา สห, วินา วา ปุคฺคโล ทสฺสิโต, สา สปุคฺคลนิทฺเทสา. อิตรา อปุคฺคลนิทฺเทสา.
ตตฺถ สปุคฺคลนิทฺเทสา ทฺวิธา อทสฺสิตทสฺสิตาปตฺติเภทโต. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม อฏฺ ปาราชิกา ธมฺมา เวทิตพฺพา. ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๔, ๘๙, ๙๑, ๑๖๗, ๑๗๑, ๑๙๕, ๑๙๗) หิ ปุคฺคโลว ตตฺถ ทสฺสิโต, นาปตฺติ. ทสฺสิตาปตฺติกา นาม ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อาคตา สตฺตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา. ‘‘อยมฺปิ ภิกฺขุนี ปมาปตฺติกํ ธมฺมํ อาปนฺนา นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ (ปาจิ. ๖๘๓, ๖๘๗) หิ ตตฺถ อาปตฺติ ทสฺสิตา สทฺธึ ปุคฺคเลน.
ตถา อปุคฺคลนิทฺเทสาปิ อทสฺสิตทสฺสิตาปตฺติเภทโต ทฺวิธา. ตตฺถ อทสฺสิตาปตฺติกา นาม เสขิยา ธมฺมา. วุตฺตาวเสสา ทสฺสิตาปตฺติกาติ เวทิตพฺพา.
สาปิ ¶ ¶ ทฺวิธา อนิทฺทิฏฺการกนิทฺทิฏฺการกเภทโต. ตตฺถ อนิทฺทิฏฺการกา นาม สุกฺกวิสฏฺิมุสาวาโทมสวาทเปสฺุภูตคามอฺวาทกอุชฺฌาปนกคณโภชนปรมฺปรโภชนสุราเมรยองฺคุลิปโตทกหสธมฺมอนาทริยตลฆาตกชตุมฏฺกสิกฺขาปทานํ วเสน ปฺจทสวิธา โหนฺติ. ตตฺถ นิทฺทิฏฺการเก มิสฺสามิสฺสเภโท เวทิตพฺโพ – ตตฺถ อุปโยคภุมฺมวิภตฺติโย เอกํเสน มิสฺสา. อวเสสา มิสฺสา จ อมิสฺสา จ. เสยฺยถิทํ – ปจฺจตฺตํ ตาว ทฺวีสุ อนิยเตสุ อุปโยเคน มิสฺสํ, ทฺวาทสสุ ปาฏิเทสนีเยสุ กรเณน มิสฺสํ, อูนปฺจพนฺธนปตฺตสิกฺขาปเทสุ สามิกรเณหิ, อูนวีสติวสฺเส ภุมฺเมน, โมหนเก อุปโยคสามิภุมฺเมหิ. ยสฺมา ‘‘วิวณฺณก’’นฺติ ภาโว อธิปฺเปโต, น กตฺตา, ตสฺมา วิวณฺณกสิกฺขาปทํ ยทา น สมฺภวติ, เอวํ ปจฺจตฺตํ ปฺจวิธํ มิสฺสํ โหติ. เสเสสุ ปมานิยตํ เปตฺวา อาทิมฺหิ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอวมาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, ทุติยานิยตํ เปตฺวา ปณีตโภชนสมณุทฺเทสตติยจตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปเทสุ มชฺเฌ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอวมาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, ทุพฺพจกุลทูสกสํสฏฺสิกฺขาปเทสุ อาทิมฺหิ เกวลํ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาคตํ ปจฺจตฺตํ วา, เภทานุวตฺตกสิกฺขาปเท มชฺเฌ อาคตํ ปจฺจตฺตํ วา อฺาย วิภตฺติยา อมิสฺสเมว โหติ. ตตฺถ เภทานุวตฺตกตุวฏฺฏนทฺวยสํสฏฺทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปเทสุ พหุวจนํ, อิตรตฺถ สพฺพตฺถ เอกวจนเมวาติ เวทิตพฺพํ.
ตถา อุปโยโค ทฺวีสุ วิกปฺปนสิกฺขาปเทสุ, ตนฺตวายสิกฺขาปเท จ ปจฺจตฺเตน มิสฺโส, อภิหฏสิกฺขาปเท กรเณน, ราชสิกฺขาปเท กรณสามิปจฺจตฺเตหีติ อุปโยโค ติธา มิสฺโส โหติ. กรณฺจ กุฏิการมหลฺลกทุติยกถินทฺเวภาคนิสีทนสนฺถตทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปเทสุ ฉสุ ปจฺจตฺเตน มิสฺสํ, ปมตติยกถินอฏฺงฺคุลปาทกนิสีทนกณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทิกวสฺสิกสาฏิกอุทกสาฏิกทฺเวธมฺมปจฺจาสีสนสิกฺขาปเทสุ อฏฺสุ สามินา มิสฺสนฺติ กรณํ ทฺวิธา มิสฺสํ โหติ. อวเสเสสุ ฉพฺพสฺสวสฺสิกสาฏิกทฺวตฺติจฺฉทนาวสถปิณฺฑมหานามครุลหุปาวุรณสิกฺขาปเทสุ สตฺตสุ กรณวิภตฺติ อฺวิภตฺติยา อมิสฺสา, อจฺเจกเอฬกโลมสิกฺขาปเทสุ สามิวิภตฺติ กรณวิภตฺติยา มิสฺสา. อติเรกปตฺตเภสชฺชสิกฺขาปเทสุ อคฺคหิตคฺคหเณน สามิวิภตฺติ อมิสฺสาว โหตีติ เวทิตพฺพา. เอวํ ตาว นิทฺทิฏฺการเกสุ สิกฺขาปเทสุ –
ปฺจธา ¶ จ ติธา เจว, ทฺวิธา เจปิ ตเถกธา;
ภินฺนา วิภตฺติโย ปฺจ, สพฺเพกาทสธา สิยุํ.
เอวํ ¶ ตาว ยถาวุตฺเตสุ สอุทฺเทสปฺตฺติสงฺขาเตสุ สิกฺขาปเทสุ อคฺคหิตคฺคหเณน ปฺาสุตฺตเรสุ ติสเตสุ นวุติอนิทฺทิฏฺการเก วชฺเชตฺวา นิทฺทิฏฺการกานิ อติเรกสฏฺิทฺวิสตานิ โหนฺติ. เตสุ ปจฺจตฺตกรณานิ ตึสุตฺตรานิ ทฺวิสตานิ โหนฺติ. เตสุ อมิสฺสปจฺจตฺตกรณานิ ทฺวาทสุตฺตรานิ ทฺวิสตานิ, มิสฺสปจฺจตฺตกรณานิ อฏฺารส โหนฺติ. อวเสเสสุ ตึสติยา สิกฺขาปเทสุ มิสฺโสปโยคกรณานิ ปฺจ โหนฺติ, มิสฺสกรณานิ จุทฺทส, อมิสฺสานิ สตฺต, มิสฺสามิสฺสกรณานิ ทฺเว, อมิสฺสานิ ทฺเวติ สพฺเพสุปิ นิทฺทิฏฺการเกสุ เภทานุวตฺตกทุพฺพจกุลทูสกปมทุติยตติยกถินอภิหฏกุฏิการมหลฺลกวิกปฺปนทฺวยทฺเวภาคฉพฺพสฺสนิสีทนสนฺถตเอฬกโลมาติเรกปตฺตเภสชฺชวสฺสิกสาฏิกตนฺตวายอจฺเจกฉารตฺตทฺว ปฺจตฺตึเสสุ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ นตฺถิ. ทุติยานิยตปณีตโภชนสมณุทฺเทสตติยจตุตฺถปาฏิเทสนีเยสุ มชฺเฌ อตฺถิ.
เอตฺตาวตา สอุทฺเทสานุทฺเทสทุกํ, สปุคฺคลาปุคฺคลนิทฺเทสทุกํ, ปจฺเจกทสฺสิตาปตฺติทุกทฺวยํ, อนิทฺทิฏฺการกทุกํ, ตตฺถ นิทฺทิฏฺการเกสุ ปจฺจตฺตภุมฺมทุกํ, สโยปนาโยปนทุกํ, อโยปนมชฺเฌโยปนทุกํ, เอกาเนกวจนทุกนฺติ นว ทุกานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ. วิเสสการณํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท สมฺปตฺเต อาวิภวิสฺสติ. เอวํ ตาว สอุทฺเทสปฺตฺตึ ตฺวา เสสวินยปิฏเก ยา กาจิ ปฺตฺติ อนุทฺเทสปฺตฺตีติ เวทิตพฺพา. สา ปทภาชนนฺตราปตฺติวินีตวตฺถุปฏิกฺเขปปฺตฺติอวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทวเสน ฉพฺพิธา โหติ.
ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน ขยิเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส (ปริ. ๑๕๗-๑๕๘), วฏฺฏกเต มุเข อจฺฉุปนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๗๓) เอวมาทิกา ปทภาชเน สนฺทิสฺสมานาปตฺติ ปทภาชนสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สพฺพมตฺติกามยา กุฏิ กาตพฺพา, โย ¶ กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๘๕) อนฺตราปตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวาปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗) เอวมาทิ วินีตวตฺถุสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘สงฺฆเภทโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๕) เอวมาทิ ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทํ นาม.
ยสฺมา ปน เตน เตน ปฏิกฺเขเปน ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สมคฺคํ สงฺฆํ อธมฺมสฺี ภินฺเทยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส. โย ปน ภิกฺขุ ทุฏฺจิตฺโต ภควโต ชีวมานกสรีเร โลหิตํ ¶ อุปฺปาเทยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. ยานิ สนฺธาย ‘‘เอกสฺส เฉชฺชกา โหติ, จตุนฺนํ ถุลฺลจฺจยํ, จตุนฺนฺเจว อนาปตฺติ, สพฺเพสํ เอกวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถาปตฺติ ติฏฺนฺเต ภควติ อาปชฺชติ, โน ปรินิพฺพุเต’’ติ (ปริ. ๓๒๓) จ วุตฺตํ. เตน น เกวลํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ชานํ สงฺฆเภทโก อนุปสมฺปนฺโน อุปสมฺปาเทตพฺโพ…เป… อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ อิทเมว สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหติ สาธกํ โหติ. ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ, อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๐๙) เอวมาทีสุ ปน อุปชฺฌายาทีนํ ทุกฺกฏเมว ปฺตฺตํ, น ปณฺฑกาทีนํ ปาราชิกาปตฺติ. น หิ เตสํ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. ยโต สิยา ปาราชิกาปตฺติ. ตถา ‘‘น อจฺฉินฺเน เถเว ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๖๗, ๗๘, ๗๙) เอวมาทิกฺจ ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทเมว นาม.
ขนฺธเกสุ ปฺตฺตทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานิ ปฺตฺติสิกฺขาปทํ นาม. ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, เภทานุวตฺตเก ถุลฺลจฺจยํ เทสาเปหี’’ติ (จูฬว. ๓๔๕) วุตฺตํ, ถุลฺลจฺจยมฺปิ ตตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. อิทํ เตสํ วิภตฺติกมฺมกฺขเณ อปฺตฺตตฺตา อวิชฺชมานมฺปิ ภควโต วจเนน วิสุทฺธกฺขเณปิ วิชฺชมานํ ชาตนฺติ เอเก. ‘‘เภทานุวตฺตเก เทสาเปหี’’ติ วจนโต เสสเภทานุวตฺตกานํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สงฺฆเภทกานํ อนุวตฺเตยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตถา สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ, วินยกมฺมานิ จ ตตฺเถว สโมธานํ คจฺฉนฺติ. ยถาห ‘‘ปฺตฺเต ตํ อุปาลิ มยา อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ อาคนฺตุกวตฺตํ…เป… เอวํ สุปฺตฺเต โข มยา อุปาลิ สิกฺขาปเท’’ติอาทิ. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี นจฺจํ วา คีตํ วา วาทิตํ วา ทสฺสนาย คจฺเฉยฺย ¶ , ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๘๓๔) อิมินา สุตฺเตน ภิกฺขุนี นจฺเจยฺย วา คาเยยฺย วา วาเทยฺย วา, ปาจิตฺติยนฺติ เอวมาทิกํ ยํ กิฺจิ อฏฺกถาย ทิสฺสมานํ อาปตฺติชาตํ วินยกมฺมํ วา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทํ นาม. ฉพฺพิธมฺเปตํ ฉหิ อากาเรหิ อุทฺเทสารหํ น โหตีติ อนุทฺเทสสิกฺขาปทํ นามาติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ปฺจหิ อุทฺเทเสหิ ยถาสมฺภวํ วิสภาคตฺตา ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตานํ สภาควตฺถุกมฺปิ ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยทฺวยํ อสภาคาปตฺติกตฺตา อนฺตราปตฺติปฺตฺติสิกฺขาปทานํ, นานาวตฺถุกาปตฺติกตฺตา ปฏิกฺเขปสิกฺขาปทานํ, เกสฺจิ วินีตวตฺถุปฺตฺติสิกฺขาปทานฺจ อทสฺสิตาปตฺติกตฺตา, อทสฺสิตวตฺถุกตฺตา เภทานุวตฺตกถุลฺลจฺจยสฺส, อทสฺสิตาปตฺติวตฺถุกตฺตา อวุตฺตสิทฺธิสิกฺขาปทานนฺติ. เอตฺตาวตา ‘‘ทุวิธํ สิกฺขาปทปฺาปนํ สอุทฺเทสานุทฺเทสเภทโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สมาสโต ปกาสิตํ โหติ.
ปฺตฺติยํ ¶ ตาว –
‘‘การโก อิธ นิทฺทิฏฺโ, อเปกฺขาย อภาวโต;
ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานา-ภาวโต จ อาทิโต โยปเนน สหา’’ติ. –
อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตสฺสตฺโถ – เย เต อนิทฺทิฏฺการกา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา สุกฺกวิสฏฺิอาทโย สิกฺขาปทวิเสสา, เตสุ อธิปฺปายกมฺมวตฺถุปุคฺคลปโยเค อเปกฺขาย ภาวโต การโก น นิทฺทิฏฺโ เตสํ สาเปกฺขภาวทสฺสนตฺถํ. ตํ สพฺพํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาวิภวิสฺสติ, อิธ ปน ปาราชิกปฺตฺติยํ อเปกฺขาย อภาวโต การโก นิทฺทิฏฺโ. โย ปน การโก ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๖๒, ๔๗๒, ๔๗๕) วิย ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต กรณาทิวเสน อนิทฺทิสิตฺวา ปจฺจตฺตวเสน นิทฺทิฏฺโ อเปกฺขาย อภาวโต. ตตฺถ นิทฺทิสิยมาโน เสสทุติยานิยตปณีตโภชนํ สมณุทฺเทสตติยจตอุตฺถปาฏิเทสนีเยสุ วิย มชฺเฌ อนิทฺทิสิตฺวา ‘‘น เหว โข ปน…เป… โอภาสิตุ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๕๓) วิย ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต เอว อาทิมฺหิ นิทฺทิฏฺโ. อาทิมฺหิ นิทฺทิสิยมาโนปิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภเทสุ เภทานุวตฺตกาทีสุ ปฺจตฺตึเสสุ สิกฺขาปเทสุ วิย อนิทฺทิสิตฺวา ปุพฺเพ วตฺตพฺพวิธานาภาวโต เอว ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทิโตว โยปน-สทฺเทน สห ¶ นิทฺทิฏฺโ. เอวํ นิทฺทิสิยมาโนปิ โส ยสฺมา ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนิโย ทฺเว เอกมฺเจ ตุวฏฺเฏยฺยุ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๙๓๓) อาปตฺติ วิย ปรปฺปภวํ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ เอกวจเนน นิทฺทิฏฺโ. เมถุนธมฺมาปตฺติปิ ปรปฺปภวา ‘‘ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๓๙) วจนโตติ เจ? ตํ น, อธิปฺปายชานนโต. อเนกิสฺสา เอว ภิกฺขุนิยา อาปตฺติ, น เอกิสฺสาติ นิยโม ตตฺถ อตฺถิ, น เอวํ อิธ นิยโมติ อนิยมิตาธิปฺปาโย. ลมฺพีมุทุปิฏฺีนํ กุโต ‘‘ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๕) วจนโต เตสํ เมถุนธมฺมาปตฺติ. อยมตฺโถ จตสฺโส เมถุนธมฺมปจฺจยาติ อฏฺวตฺถุกํ สนฺธาย ‘‘เฉชฺชํ สิยา เมถุนธมฺมปจฺจยา’’ติ (ปริ. ๔๘๑) จ ปริวาเร วุตฺตวจเนน สาเธตพฺโพ.
เภทานุวตฺตกสิกฺขาปเท ติณฺณํ อุทฺธํ น สมนุภาสิตพฺพา, น สงฺเฆน สงฺฆํ เอกโต กาตพฺพนฺติ. นยทสฺสนตฺถํ อาทิโตว ‘‘ภิกฺขู โหนฺตี’’ติ พหุวจนนิทฺเทสํ กตฺวา ปุน ‘‘เอโก วา ทฺเว วา ตโย วา’’ติ (ปารา. ๔๑๘) วุตฺตํ, อฺถา น ตโต อุทฺธํ ‘‘อนุวตฺตกา โหนฺตี’’ติ อาปชฺชติ. ตโต นิทานวิโรโธ. ปฺจสตมตฺตา หิ ตทนุวตฺตกา อเหสุํ. ยํ ปน สตฺตสติกกฺขนฺธเก ‘‘สงฺโฆ จตฺตาโร ปาจีนเก ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยเก ภิกฺขู สมฺมนฺเนยฺย ¶ …เป… สมฺมตา’’ติอาทิ (จูฬว. ๔๕๖) ตฺติทุติยกมฺมํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา เตหิ กตฺตพฺพวิธานํ. สมฺมุติกรณเมว วา ตติยํ กตฺวา กปฺปติ. น หิ เต เตน กมฺเมน กมฺมารหา กมฺมกตา โหนฺติ. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, โส กมฺมารโหติ ลกฺขณํ. น จ ตทา สงฺโฆ เตสํ อฏฺนฺนมฺปิ ภิกฺขูนํ กมฺมํ อกาสิ. ภชาปิยมานา เต กมฺมปตฺตภาวํ ภชนฺติ. อธิกรณวูปสมกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา สงฺเฆน กตาติ กตฺวา กมฺมปตฺตา เอว หิ เต โหนฺติ. ‘‘เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตพฺพา ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคายา’’ติ (ปารา. ๔๑๘) วจนโต เตหิ กตฺตพฺพวิธานํ. สมฺมุติกรณเมว กมฺมํ โหตีติ เจ? ตํ น, อธิปฺปายชานนโต, ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย เอว เต ภิกฺขู กมฺมารหา กาตพฺพา, น โทสาคติวเสนาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. น หิ ปาจีนกาทีนํ สมฺมุติยา อธิกรณวูปสมสิทฺธิ วิย เตสํ สมนุภาสนกมฺเมน ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคสิทฺธิ โหติ, สมฺมุติ นาเมสา ¶ ปมํ อนุมตึ คเหตฺวา ยาจิตฺวาว กรียติ, น ตถา กมฺมนฺติ. กมฺมกรเณ ปน ตทตฺถสิทฺธิ โหติเยว. ปรสมฺมุติยา พหุตราว สมฺมนฺนิตพฺพาติ เวทิตพฺพํ.
‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติ เอวํ พาหุลฺลนเยน ลทฺธนามกํ สกปโยเคน วา ปรปโยเคน วา อตฺตโน นิมิตฺตสฺส สกมคฺเค วา ปรมคฺเค วา ปรนิมิตฺตสฺส วา สกมคฺเค เอว ปเวสนปวิฏฺฏฺิตอุทฺธรเณสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปฏิสาทิยนวเสน เสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโสติ. เกจิ ปน ‘‘ปเวสนาทีนิ จตฺตาริ วา ตีณิ วา ทฺเว วา เอกํ วา ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โส เจ ปเวสนํ สาทิยติ, ปวิฏฺํ สาทิยติ, ิตํ สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติอาที’’ติ (ปารา. ๕๘) วทนฺติ. เตสํ มเตน จตูสุปิ จตสฺโส ปาราชิกาปตฺติโย อาปชฺชติ. เตเยว เอวํ วทนฺติ – อาปชฺชตุ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติ, เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยา ตํภาคิยาติ อตฺตโน วีติกฺกเม ปาราชิกาปตฺติโย, สงฺฆาทิเสสาปตฺติฺจ อาปชฺชิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฏฺกาเล เมถุนาทิกํ ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ปุน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา เอกํ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ เอกมเนกํ วา ปฏิกริตฺวาว โส ปุคฺคโล ยสฺมา นิราปตฺติโก โหติ, ตสฺมา โส คหฏฺกาเล สาปตฺติโกวาติ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺสาปิ อตฺเถว อาปตฺติ. วุฏฺานเทสนาหิ ปน อสุชฺฌนโต ‘‘ปโยเค ปโยเค อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ น วุตฺตํ. คณนปโยชนาภาวโต กิฺจาปิ น วุตฺตํ, อถ โข ปทภาชเน (ปารา. ๕๘) ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วจเนนายมตฺโถ สิทฺโธติ ยุตฺติฺจ วทนฺติ.
ยทิ ¶ เอวํ มาติกายมฺปิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิก’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ปาราชิกสฺส อนวเสสวจนมฺปิ น ยุชฺเชยฺย. สพฺเพปิ หิ อาปตฺติกฺขนฺเธ, ภิกฺขุคณนฺจ อนวเสเสตฺวา ติฏฺตีติ อนวเสสวจนนฺติ กตฺวา ปเวเสว อาปตฺติ, น ปวิฏฺาทีสุ. ตเมเวกํ สนฺธาย ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) ปาราชิกาปตฺติมฺปิ อนฺโต กตฺวา นิทานุทฺเทสวจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา มาติกายํ ‘‘ปาราชิก’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติ (ปารา. ๔๒, ๔๔) ปุคฺคลนิทฺเทสวจนํ เตน สรีรพนฺธเนน อุปสมฺปทาย อภพฺพภาวทีปนตฺถํ. ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปทภาชเน วจนํ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺสาปิ ¶ ปาราชิกสฺส อสํวาสสฺส สโต ปุคฺคลสฺส อเถยฺยสํวาสกภาวทีปนตฺถํ. น หิ โส สํวาสํ สาทิยนฺโตปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ, ตสฺมา อุปสมฺปนฺโน ‘‘ภิกฺขู’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘อสุทฺโธ โหติ ปุคฺคโล อฺตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน, ตฺเจ สุทฺธทิฏฺิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา อกฺโกสาธิปฺปาโย วทติ, อาปตฺติ โอมสวาเทน ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙) อนุปสมฺปนฺนสฺส ตทภาวโต สิทฺโธ โส อุปสมฺปนฺโน ‘‘ภิกฺขู’’ตฺเวว วุจฺจตีติ, เตน ปทโสธมฺมํ, สหเสยฺยฺจ ชเนติ, ภิกฺขุเปสฺุาทิฺจ ชเนตีติ เวทิตพฺพํ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๓๙).
นิทานา มาติกาเภโท, วิภงฺโค ตนฺนิยามโก;
ตโต อาปตฺติยา เภโท, อนาปตฺติ ตทฺถาติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๓-๔๔) –
อยํ นโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สุทินฺนวตฺถุ (ปารา. ๒๔ อาทโย)-มกฺกฏิวตฺถุ (ปารา. ๔๐ อาทโย)-วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ (ปารา. ๔๓) จาติ ติปฺปเภทวตฺถุ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทานํ นาม. ตโต นิทานา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) อิมิสฺสา มาติกาย เภโท ชาโต. ตตฺถ หิ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ (ปารา. ๔๔) อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตฺจ โข อิตฺถิยา, โน ปุริเส, โน ปณฺฑเก, โน อุภโตพฺยฺชนเก จา’’ติ มกฺกฏิปาราชิโก วิย อฺโปิ เลสํ โอฑฺเฑตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตาทิสสฺส อเลโสกาสสฺส ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ, มกฺกฏิสงฺขาตา นิทานา ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มาติกาย วจนเภโท, น อิตฺถิยา เอว เมถุนสิทฺธิทสฺสนโต. ตสฺมา วิภงฺโค ตนฺนิยามโก ตสฺสา มาติกาย อธิปฺเปตตฺถนิยามโก วิภงฺโคติ. วิภงฺเค หิ ‘‘ติสฺโส อิตฺถิโย, ตโย อุภโตพฺยฺชนกา, ตโย ปณฺฑกา, ตโย ปุริสา. มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค, ติรจฺฉานคตปุริสสฺส ทฺเว มคฺเค’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน ¶ สพฺพเลโสกาสํ ปิทหิตฺวา นิยโม กโต. เอตฺถาห – ยทิ เอวํ สาธารณสิกฺขาปทวเสน วา ลิงฺคปริวตฺตนวเสน วา น เกวลํ ภิกฺขูนํ, ภิกฺขุนีนมฺปิ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ตทวจเนน หิ ภิกฺขุนี ปุริสลิงฺคปาตุภาเวน ภิกฺขุภาเว ¶ ิตา เอวํ วเทยฺย ‘‘นาหํ อุปสมฺปทากรณกาเล ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนา, ตสฺมา น อปจฺจกฺขาตสิกฺขาปิ เมถุนธมฺเมน ปาราชิกา โหมี’’ติ. วุจฺจเต – ยถา วุตฺตํ, ตถา น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ตถา วุตฺเต ภิกฺขุนีนมฺปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ตฺจานิฏฺํ. อิทมปรมนิฏฺํ ‘‘สพฺพสิกฺขาปทานิ สาธารณาเนว นาสาธารณานี’’ติ. อปิจายํ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตํเยว อุปชฺฌํ ตเมว อุปสมฺปทํ ตานิ วสฺสานิ ภิกฺขูหิ สงฺคมิตุ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๖๙) วุตฺตํ. ตโต อาปตฺติยา เภโทติ ตโต วิภงฺคโต ‘‘อกฺขยิเต สรีเร ปาราชิกํ, เยภุยฺเยน ขยิเต ถุลฺลจฺจย’’นฺติอาทิ (ปารา. ๗๓, ปริ. ๑๕๗) อาปตฺติยา เภโท โหติ. อนาปตฺติ ตทฺถาติ ตโต เอว วิภงฺคโต เยน อากาเรน อาปตฺติ วุตฺตา, ตโต อฺเนากาเรน อนาปตฺติเภโทว โหติ. ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ, อนาปตฺตี’’ติ หิ วิภงฺเค อสติ น ปฺายติ. เอตฺตาวตา ‘‘นิทานา มาติกาเภโท’’ติ อยํ คาถา สมาสโต วุตฺตตฺถา โหติ. วิเสสการณํ ปน ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อาวิภวิสฺสติ.
ปมปฺตฺติ ตาว ปมโพธึ อติกฺกมิตฺวา ปฺตฺตตฺตา, อายสฺมโต สุทินฺนสฺส อฏฺวสฺสิกกาเล ปฺตฺตตฺตา จ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ปฺตฺตา, ทุติยปฺตฺติ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺตกาเล. โส หิ อายสฺมา มกฺกฏิปาราชิโก ยถา มาตุคามปฺปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ ติรจฺฉานคติตฺถี น อธิปฺเปตา, ตถา อิธาปีติ สฺาย ‘‘สจฺจํ, อาวุโส…เป… ตฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ (ปารา. ๔๑) อาห. ตติยปฺตฺติ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺตกาเล อุปฺปนฺนา ‘‘ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา’’ติอาทิ (ปารา. ๔๓) วจนโต, เวปุลฺลมหตฺตมฺปิ เอตฺเถว ลพฺภตีติ อิมํ ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ ติวิธมฺปิ วตฺถุํ อุปาทาย จตุพฺพิธมฺปิ ตํ กาลํ ปตฺวา ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โย ปนาติ อนวเสสปริยาทานปทํ. ภิกฺขูติ ตสฺส อติปฺปสงฺคนิยมปทํ. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ตสฺส วิเสสนวจนํ. น หิ สพฺโพปิ ภิกฺขุนามโก, ยา ภควตา ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนภิกฺขูนํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สิกฺขิตพฺพา สิกฺขา วิหิตา ¶ , ‘‘เอตฺถ สห ชีวนฺตี’’ติ โย จ สาชีโว วุตฺโต, ตํ อุภยํ สมาปนฺโนว โหติ. กทา ปน สมาปนฺโน โหติ? ยาย กายจิ อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรเมว ตทุภยํ ¶ ชานนฺโตปิ อชานนฺโตปิ ตทชฺฌุปคตตฺตา สมาปนฺโนว นาม โหติ. สห ชีวนฺตีติ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ปาราชิกภาวํ วา น ปาปุณาติ. ยํ ปน วุตฺตํ อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สิกฺขาสมาปนฺโน สาชีวํ อวีติกฺกมนฺโต สาชีวสมาปนฺโน’’ติ, ตํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ. น หิ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต, กามวิตกฺกาทิพหุโล วา เอกจฺจํ สาวเสสํ สาชีวํ วีติกฺกมนฺโต วา สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน นาม น โหติ.
อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปน จตุกฺกํ ลพฺภติ – ‘‘อตฺถิ ภิกฺขุ สิกฺขาสมาปนฺโน สีลานิ ปจฺจเวกฺขนฺโต น สาชีวสมาปนฺโน อจิตฺตกํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺโต, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน กามวิตกฺกาทิพหุโล สาชีวสมาปนฺโน นิราปตฺติโก, อตฺถิ น สิกฺขาสมาปนฺโน น จ สาชีวสมาปนฺโน อนวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, อตฺถิ อุภยสมาปนฺโน สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต’’ติ. อยเมตฺถ จตุตฺโถ ภิกฺขุ อุกฺกฏฺโ อิธ อธิปฺเปโต สิยา. น หิ ภควา อนุกฺกฏฺํ วตฺตุํ ยุตฺโตติ เจ? น, ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วจนวิโรธโต, อุกฺกฏฺคฺคหณาธิปฺปาเย สติ ‘‘สิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. สิกฺขตฺตยสมาปนฺโน หิ สพฺพุกฺกฏฺโ. ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติ ปรโต วจนํ อเปกฺขิตฺวา อธิสีลสิกฺขาว วุตฺตาติ เจ? น, ตสฺสาปิ อภพฺพตฺตา. น หิ อธิสีลสิกฺขํ ปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวิตุํ ภพฺโพ, ตํ สิกฺขํ อปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ วีติกฺกมนฺโตเยว หิ ปฏิเสเวยฺยาติ อธิปฺปายา. ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ยสฺมา สิกฺขาปทสงฺขาโต สาชีโว อธิสีลสิกฺขเมว สงฺคณฺหาติ, น อิตรสิกฺขาทฺวยํ, ตสฺมา ‘‘ตตฺร ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อธิสีลสิกฺขาย สงฺคาหโก สาชีโว สิกฺขาสาชีโวติ วุตฺโต. อิติ สาชีววิเสสนตฺถํ สิกฺขาคฺคหณํ กตํ. ตทตฺถทีปนตฺถเมว วิภงฺเค สิกฺขํ อปรามสิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ (ปารา. ๔๕) วุตฺตํ. เตน ¶ เอกเมวิทํ อตฺถปทนฺติ ทีปิตํ โหติ. ตฺจ อุปสมฺปทูปคมนนฺตรโต ปฏฺาย สิกฺขนาธิการตฺตา ‘‘สิกฺขตี’’ติ จ ‘‘สมาปนฺโน’’ติ จ วุจฺจติ. โย เอวํ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ สงฺขํ คโต, ตาทิสํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อปรภาเค สาชีวสงฺขาตเมว สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ตสฺมึเยว ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยาติ อยมตฺโถ ยุชฺชติ.
กินฺตุ อฏฺกถานโย ปฏิกฺขิตฺโต โหติ, โส จ น ปฏิกฺเขปารโห โหติ, อธิปฺปาโย ปเนตฺถ ¶ ปริเยสิตพฺโพ. สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ อิทเมว ภิกฺขุลกฺขณํ สาธารณํ ยทิทํ ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ. ขีณาสโวปิ สาวโก อาปตฺตึ อาปชฺชติ อจิตฺตกํ, ตถา เสกฺโข, ปุถุชฺชโน ปน สจิตฺตกมฺปิ, ตสฺมา เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สามฺมิทํ ภิกฺขุลกฺขณนฺติ กตฺวา เกวลํ สิกฺขาสมาปนฺโน, เกวลํ สาชีวสมาปนฺโน, อุภยสมาปนฺโน จาติ สรูเปกเทสเอกเสสนเยน ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ตฺเวว สมฺปิณฺเฑตฺวา อุกฺกฏฺคฺคหเณน อนุกฺกฏฺานํ คหณสิทฺธิโต อฏฺกถายํ อุกฺกฏฺโว วุตฺโต. ตเมว สมฺปาเทตุํ ‘‘ตสฺมึ สิกฺขติ, เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ สิกฺขาสทฺทสฺส อวจเน ปริหารํ วตฺวา ยสฺมา ปน โส สิกฺขมฺปิ สมาปนฺโน, ตสฺมา สิกฺขาสมาปนฺโนติปิ อตฺถโต เวทิตพฺโพติ จ วตฺวา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ อยมฏฺกถาย อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอตสฺมึ ปน อธิปฺปาเย อธิสีลสิกฺขาย เอว คหณํ สพฺพตฺถิกตฺตา, สีลาธิการโต จ วินยสฺสาติ เวทิตพฺพํ. ยถา จ สิกฺขาปทํ สมาทิยนฺโต สีลํ สมาทิยตีติ วุจฺจติ, เอวํ สิกฺขาปทํ ปจฺจกฺขนฺโต สีลํ ปจฺจกฺขาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขายา’’ติ (ปารา. อฏฺ. สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา). เอตฺตาวตา สมาสโต ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพวินิจฺฉโย นิฏฺิโต โหติ.
กึ อิมินา วิเสสวจเนน ปโยชนํ, นนุ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา…เป… อสํวาโส’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น วตฺตพฺพํ อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ‘‘โย ปน สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน เถยฺยสํวาสาทิโก เกวเลน สมฺามตฺเตน, ปฏิฺามตฺเตน ¶ วา ภิกฺขุ, ตสฺสาปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อตฺถิ, สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย จ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติ. โย วา ปจฺฉา ปาราชิกํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, ตสฺส จ, โย วา ปกฺขปณฺฑกตฺตา ปณฺฑกภาวูปคมเนน น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, ตสฺส จ ตทุภยํ อตฺถีติ อาปชฺชติ. ปณฺฑกภาวปกฺเข จ ปณฺฑโก อุปสมฺปทาย น วตฺถู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อิตรสฺมึ ปกฺเข วตฺถูติ สิทฺธํ. ตสฺมึ ปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกภาวปกฺเข ปณฺฑกตฺตา น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, โส ปริจฺจชิตพฺพาย สิกฺขาย อภาเวน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย มุเขน ปรสฺส องฺคชาตคฺคหณนเยน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ตสฺส กุโต ปาราชิกาปตฺตีติ อธิปฺปาโย. อยํ นโย อปณฺฑกปกฺขํ อลภมานสฺเสว ปรโต ยุชฺชติ, ลภนฺตสฺส ปน อรูปสตฺตานํ กุสลาทิสมาปตฺติกฺขเณ ภวงฺควิจฺเฉเท สติปิ อมรณํ วิย ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ ภิกฺขุภาโว อตฺถิ. สํวาสํ วา สาทิยนฺตสฺส น เถยฺยสํวาสกภาโว อตฺถิ อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนสฺส วิย. น จ สหเสยฺยาทึ ชเนติ ¶ . คณปูรโก ปน น โหติ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน วิย. น โส สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. อิตรสฺมึ ปน ปกฺเข โหติ, อยํ อิมสฺส ตโต วิเสโส. กิมยํ สเหตุโก, อุทาหุ อเหตุโกติ? น อเหตุโก. ยโต อุปสมฺปทา ตสฺส อปณฺฑกปกฺเข อนฺุาตา สเหตุกปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. ปณฺฑกภาวปกฺเขปิ กิสฺส นานฺุาตาติ เจ? ปณฺฑกภูตตฺตา โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส วิย.
อปิจ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ อิมินา ตสฺส สิกฺขาสมาทานํ ทีเปตฺวา ตํ สมาทินฺนํ สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย, ตตฺถ จ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ, น อฺถาติ อิมินา การเณน ยถาวุตฺตานิฏฺปฺปสงฺคโต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ…เป… โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺยา’’ติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ.
‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ มนุสฺสิตฺถึ อุปาทาย วุตฺตํ. น หิ ปเคว ปณฺฑเก, ปุริเส วาติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยเมว ¶ . อยํ ตาว มาติกาย วินิจฺฉโย อฺตฺถาปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา ทีเปตพฺโพ.
สาริปุตฺตเพลฏฺสีสานนฺทาทโยปิ สิกฺขาปทปฺตฺติการณตฺตา จ อาปตฺติอาปชฺชนโต จ กสฺมา มหาวิภงฺเค ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทาเยว อาคตาติ? ปฏิกฺขิตฺตาย สรณคมนูปสมฺปทาย อนฺุาตปฺปสงฺคภยาติ อุปติสฺสตฺเถโร. อาปตฺติยา ภพฺพตํ สนฺธาย ตสฺมิมฺปิ วุตฺเต ปุพฺเพ ปฏิกฺขิตฺตาปิ ภควตา ปุน อนฺุาตาติ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาคาโห วา วิมติ วา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา น วุตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘อธมฺมกมฺมํ วคฺคกมฺม’’ติ (มหาว. ๓๘๗) วจนโต กุปฺปกมฺมมฺปิ กตฺถจิ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อกุปฺเปนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา อกุปฺปกมฺมมฺปิ เอกจฺจํ น านารหํ, เยน อปตฺโต โอสารณํ สุโอสาริโตติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘านารเหนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘านารเหนา’’ติ อิทเมว วตฺตพฺพํ อิมินา อกุปฺปสิทฺธิโตติ เจ? น, อฏฺานารเหน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อิมสฺมึ อตฺเถ น อธิปฺเปโต อนิฏฺปฺปสงฺคโต. ทฺวีหิ ปเนเตหิ เอกโต วุตฺเตหิ ¶ อยมตฺโถ ปฺายติ – เกวลํ เตน อกุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ, านารเหน จ อกุปฺเปน จ อุปสมฺปนฺโน อยมฺปิ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ, กุปฺเปน อุปสมฺปนฺโน นาธิปฺเปโตติ.
‘‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อปริปุณฺณวีสติวสฺโส’’ติ วุตฺตตฺตา โอปปาติกฺจาติ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา โอปปาติกา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย อปริปุณฺณวีสติวสฺสาติ วทนฺติ. ‘โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา โหนฺตี’ติ วุตฺตตฺตา ปุน จตฺตาริ วสฺสานิ อิจฺฉิตพฺพานิ, ‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายา’ติ อิทํ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน วุตฺต’’นฺติ เอเก. ‘‘เกจิ วทนฺตี’’ติ ยตฺถ ยตฺถ ลิขียติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจาเรตฺวา อตฺถํ สุฏฺุ อุปลกฺขเย. โอปกฺกมิเก ปณฺฑกภาโว อารุฬฺหนเยน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข ปพฺพาเชตฺวา ปณฺฑกปกฺเข นาเสตพฺโพ’’ติ (วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๐๙) ลิขิตํ.
‘‘พินฺทุํ อทตฺวา เจ นิวาเสติ, เถยฺยสํวาสโก น โหตี’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ลิงฺคานุรูปสฺสาติ สามเณรารหสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ราชภยาทีหิ ¶ คหิตลิงฺคานํ ‘‘คิหี มํ ‘สมโณ’ติ ชานนฺตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย จ เตหิ สํวสิตุกามตาย จ อภาวา โทโส น ชาโตติ. ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ วา ‘‘เอวํ กาตุํ น ลพฺภตี’’ติ วา ‘‘เอวํ ปพฺพชิโต สามเณโร น โหตี’’ติ วา น ชานาติ, วฏฺฏติ. ‘‘ชานาติ, น วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ. ‘‘ราชทุพฺภิกฺขาทิอตฺถาย จีวรํ ปารุปิตฺวา สํวาสํ สาทิยนฺโต เถยฺยสํวาสโก โหติ. กสฺมา? อสุทฺธจิตฺตตฺตา. ปุน โส ‘สุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ กริสฺสามิ, กึ เอเตนาติ วิปฺปฏิสาเรน วา ปจฺจยาทิสุลภตาย วา กริสฺสามี’ติ สุทฺธมานโส หุตฺวา ยาว โส สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เถยฺยสํวาสโก น โหติ. เอวํ สุทฺธจิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย สํวาสํ สาทิยติ เจ, เถยฺยสํวาสโก โหตีติ อธิปฺเปโต. อิตรถา สพฺพํ วิรุชฺฌตี’’ติ เอเก.
‘‘นาภิปรามาสาทินา ชาโต ตถารูปํ ปิตรํ ฆาเตติ เจ, ปิตุฆาตโก โหตี’’ติ วทนฺติ.
โย ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, น โส ภิกฺขุนิทูสโก ‘‘ติณฺณํ มคฺคาน’’นฺติ ¶ วจนโต. ภิกฺขุนึ ปน เอกโตอุปสมฺปนฺนํ ทูเสตฺวาปิ ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, โสปิ ปาราชิโก โหตีติ วินิจฺฉโย. ภิกฺขุนี ปน เถยฺยสํวาสิกา, มาตุปิตุอรหนฺตฆาติกา, โลหิตุปฺปาทิกา, ติตฺถิยปกฺกนฺติกา จ โหติ, อฏฺกถาสุ อนาคตํ วินยธรา สมฺปฏิจฺฉนฺติ.
‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) วุตฺตํ มริยาทํ อวีติกฺกมนฺโต ตสฺมิฺจ สิกฺขาปเท สิกฺขตีติ วุจฺจติ. สิกฺขาปทนฺติ อสภาวธมฺโม สงฺเกโตว, อิธ ปฺตฺติ อธิปฺเปตา. ‘‘เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ, ตํ ปนตฺถํ สนฺธายาติ ลิขิตํ. สิกฺขาติ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ, สิกฺขนภาเวน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท. สาชีวนฺติ ปฺตฺติ. ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ปุพฺเพ ‘‘เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา สิกฺขาย คุณสมฺมตาย ปฺุสมฺมตาย ตนฺติยา อภาวโต โลกสฺส ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ตตฺถ น สมฺภวติ. ปตฺถนียา หิ สา, ตสฺมา ‘‘ยฺจ สาชีวํ ¶ สมาปนฺโน, ตสฺมึ ทุพฺพลภาวํ อปฺปกาเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อาณาย หิ ทุพฺพลฺยํ สมฺภวตีติ อุปติสฺโส. ทุพฺพลฺยาวิกมฺมปทํ สิกฺขาปจฺจกฺขานปทสฺส พฺยฺชนสิลิฏฺตาย วา ปริวารกภาเวน วา เวทิตพฺพํ. อถ วา ยสฺมา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อกตํ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถ สิยา ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ‘‘ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ วุจฺจมาเน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา, ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ. เตสํเยวาติ จุทฺทสนฺนํ.
‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณตฺถํ ‘‘อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
ปเวสนํ นาม องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส องฺคชาเตน สมฺผุสนํ. ปวิฏฺํ นาม ยาว มูลํ ปเวเสนฺตสฺส วิปฺปกตกาโล วายามกาโล. สุกฺกวิสฏฺิสมเย องฺคชาตํ ิตํ นาม. อุทฺธรณํ นาม นีหรณกาโล. วินยคณฺิปเท ปน ‘‘วายามโต โอรมิตฺวา านํ ิตํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ¶ อสงฺกรโต ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปเวสนปวิฏฺอุทฺธรณกาเลสุปิ สุกฺกวิสฏฺิ โหติเยว. สาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตสฺส อธิวาสนจิตฺตสฺส อุปฺปาทนํ.
อุภโตวิภงฺเค เอว ปฺตฺตานิ สนฺธาย ‘‘อิทฺหิ สพฺพสิกฺขาปทานํ นิทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา’’ติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา อิธ ตติยา สหโยเคน วุตฺตา. ตสฺมา วีสติปิ ภิกฺขู เจ นิสินฺนา, ปฺจโม วินยธโรว อิจฺฉิตพฺโพ, เอวํ สติ ปาราชิโก เจ วินยธโร, อุปสมฺปทากมฺมํ โกเปตีติ เจ? น, ปริวาราวสาเน กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) ยํ กมฺมวิปตฺติลกฺขณํ วุตฺตํ, ตสฺส ตสฺมึ นตฺถิตาย. ‘‘กถํ วตฺถุโต วา ตฺติโต วา อนุสฺสาวนโต วา สีมโต วา ปริสโต วา’’ติ เอตฺตกํ วุตฺตํ, นนุ อยํ ‘‘ปริสโต วา’’ติ วจเนน สงฺคหิโตติ เจ? น, ‘‘ทฺวาทสหิ อากาเรหิ ปริสโต กมฺมานิ วิปชฺชนฺตี’’ติ (ปริ. ๔๘๗) สุตฺตสฺส ¶ หิ วิภงฺเค ตสฺส อนามฏฺตฺตาติ อยมตฺโถ ยสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สรูเปน วุตฺตปาฬิวเสเนว สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นยมุขํ ทสฺเสตฺวา สํขิตฺโตติ ลิขิตํ. ‘‘องฺค’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘สพฺพสิกฺขาปเทสุ อาปตฺตีนํ องฺคานงฺคํ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตํ, กสฺมา? สมุฏฺนาทีนํ ปริวาราทีสุ สงฺเขเปน อาคตตฺตา ตตฺถ คเหตฺวา อิธาปิ นิทฺทิฏฺานํ อนงฺคานํ ววตฺถานาภาวโต, สพฺพตฺถ สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จ อนงฺคตฺเต วุจฺจมาเน อติวิตฺถารตาย ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท อนูนํ วตฺตพฺพโต จาติ เวทิตพฺโพ, สพฺพาปตฺตีนํ สงฺคาหกวเสนาติ อตฺโถ.
ยานิ สิกฺขาปทานิ ‘‘กิริยานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ วเสน กายวาจา สห วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา, อกิริยานํ วเสน วินา วิฺตฺติยา เวทิตพฺพา. จิตฺตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ ภูตาโรจนสมุฏฺานสฺส กิริยตฺตา, อจิตฺตกตฺตา จ. ตตฺถ กิริยา อาปตฺติยา อนงฺคนฺตรจิตฺตสมุฏฺานา เวทิตพฺพา. อวิฺตฺติชนกมฺปิ เอกจฺจํ พาหุลฺลนเยน ‘‘กิริย’’นฺติ วุจฺจติ ยเถว ปมปาราชิกํ. วิฺตฺติยา อภาเวปิ ‘‘โส เจ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, น สาทิยติ, อนาปตฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ, วิฺตฺติสงฺขาตาปิ กิริยา วินา เสวนจิตฺเตน น โหติ วุตฺตจิตฺตชตฺตา, วิการรูปตฺตา, จิตฺตานุปริวตฺติกตฺตา จ. ตสฺมา กิริยาสงฺขาตมิทํ วิฺตฺติรูปํ, อิตรํ จิตฺตชรูปํ วิย ชนกจิตฺเตน วินา น ติฏฺติ, อิตรํ สทฺทายตนํ ติฏฺติ, ตสฺมา กิริยาย สติ เอกนฺตโต ตชฺชนกํ เสวนจิตฺตํ อตฺถิ เอวาติ กตฺวา น สาทิยติ, อนาปตฺตีติ น ยุชฺชตีติ. ยสฺมา วิฺตฺติชนกมฺปิ สมานํ เสวนจิตฺตํ น สพฺพกาลํ วิฺตฺตึ ชเนติ, ตสฺมา วินาปิ วิฺตฺติยา สยํ อุปฺปชฺชตีติ กตฺวา ‘‘สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นุปฺปชฺชติ เจ, น สาทิยติ นาม, ตสฺส ¶ อนาปตฺติ. เตเนว ภควา ‘‘กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ (ปารา. ๑๓๕) จิตฺเตเนว อาปตฺตึ ปริจฺฉินฺทติ, น กิริยายาติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ สมุฏฺานคฺคหณํ กตฺตพฺพโต วา อกตฺตพฺพโต วา กายาทิเภทาเปกฺขเมว อาปตฺตึ อาปชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺสนปฺปโยชนํ. เตสุ กิริยาคฺคหณํ กายาทีนํ สวิฺตฺติกาวิฺตฺติกเภททสฺสนปฺปโยชนํ. สฺาคฺคหณํ อาปตฺติยา องฺคานงฺคจิตฺตวิเสสทสฺสนปฺปโยชนํ. เตน ¶ ยํ จิตฺตํ กิริยลกฺขเณ วา อกิริยลกฺขเณ วา สนฺนิหิตํ, ยโต วา กิริยา วา อกิริยา วา โหติ, น ตํ อวิเสเสน อาปตฺติยา องฺคํ วา อนงฺคํ วา โหติ. กินฺตุ ยาย สฺาย ‘‘สฺาวิโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ องฺคํ, อิตรํ อนงฺคนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. อิทานิ เยน จิตฺเตน สิกฺขาปทํ สจิตฺตกํ โหติ, ตทภาวา อจิตฺตกํ, เตน ตสฺส อวิเสเสน สาวชฺชตาย ‘‘โลกวชฺชเมวา’’ติ วุตฺตํ. กินฺตุ สาวชฺชํเยว สมานํ เอกจฺจํ โลกวชฺชํ, เอกจฺจํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ ทสฺสนปฺปโยชนํ จิตฺตโลกวชฺชคฺคหณํ. จิตฺตเมว ยสฺมา ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา มโนกมฺมมฺปิ สิยา อาปตฺตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนํ กมฺมคฺคหณํ.
ยํ ปเนตฺถ อกิริยลกฺขณํ กมฺมํ, ตํ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ สิยาติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนํ กุสลตฺติกคฺคหณํ. ยา ปเนตฺถ อพฺยากตาปตฺติ, ตํ เอกจฺจํ อเวทนมฺปิ นิโรธํ สมาปนฺโน อาปชฺชตีติ เวทนาตฺติกํ เอตฺถ น ลพฺภตีติ อนิฏฺปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ เวทนาตฺติกคฺคหณํ. สิกฺขาปทฺหิ สจิตฺตกปุคฺคลวเสน ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ลทฺธโวหารํ อจิตฺตเกนาปนฺนมฺปิ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’มิเจว วุจฺจติ. ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ – ‘‘อตฺถาปตฺติ อจิตฺตโก อาปชฺชติ อจิตฺตโก วุฏฺาติ (ปริ. ๓๒๔), อตฺถาปตฺติ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ กุสลจิตฺโต วุฏฺาตี’’ติอาทิ (ปริ. ๔๗๐). ‘‘สจิตฺตกํ อาปตฺติทีปนํ, สฺาวิโมกฺขํ อนาปตฺติทีปนํ, อจิตฺตกํ วตฺถุอชานนํ, โนสฺาวิโมกฺขํ วีติกฺกมนาชานนํ. อิทเมว เตสํ นานาตฺต’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๑-๖๖ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา) ลิขิตํ.
สจิตฺตกปกฺเขติ เอตฺถ อยํ ตาว คณฺิปทนโย – สจิตฺตกปกฺเขติ สุราปานาทิอจิตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ. สจิตฺตเกสุ ปน ยํ เอกนฺตมกุสเลเนว สมุฏฺาติ, ตฺจ อุภยํ โลกวชฺชํ นาม. สุราปานสฺมิฺหิ ‘‘สุรา’’ติ วา ‘‘ปาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวาติ. ตตฺถ ‘‘น วฏฺฏตีติ ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสปิ ¶ โลกวชฺชตาปสงฺคโต. อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ปริหริตุกามตาย จ วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ลิขิตํ – ‘‘อิธ ‘สจิตฺตก’นฺติ จ ‘อจิตฺตก’นฺติ จ วิจารณา วตฺถุวิชานเน เอว โหติ, น ปฺตฺติวิชานเน. ยทิ ปฺตฺติวิชานเน โหติ ¶ , สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชาเนว สิยุํ, น จ สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ. ตสฺมา วตฺถุวิชานเน เอว โหตีติ อิทํ ยุชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา เสขิเยสุ ปฺตฺติวิชานนเมว ปมาณํ, น วตฺถุมตฺตวิชานน’’นฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ สิกฺขาปทสีเสน อาปตฺตึ คเหตฺวา ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ, สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิโลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา นามา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธายาห. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกาย ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถีติ, เอวํ สนฺเตปิ อนิยเมน วุตฺตฺจ นิยมวเสน เอว คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ติรจฺฉานานํ ปนาติ ปน-สทฺเทน ถุลฺลจฺจยาทิการํ นิวตฺเตติ. กิริยาติ เอตฺถ ‘‘ิตํ สาทิยตี’’ติ (ปารา. ๕๘) วุตฺตตฺตา ตํ กถนฺติ เจ? ‘‘สาทิยตี’’ติ วุตฺตตฺตา กิริยา เอว. เอวํ สนฺเต ‘‘กายกมฺมํ มโนกมฺม’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ปจุรโวหารวเสน ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุตฺตตฺตา. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาย ลพฺภติ เอวาติ ลิขิตํ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สํสนฺเทตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ ทุนฺนโย โหตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๐) วทนฺเตนาปิ อตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถเมว ปทพฺยฺชนสฺส สุนิกฺขิตฺตภาโว อิจฺฉิโต, น อกฺขรวจนาย, ตสฺมา อาห ‘‘อตฺถฺหิ นาโถ สรณํ อโวจา’’ติอาทิ.
ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา
คามา วา อรฺา วาติ ลกฺขณานุปฺตฺติกตฺตา อาทิมฺหิ วุตฺตา. สพฺพสฺมิฺหิ วินยปิฏเก คาโม, คามูปจาโร, คามกฺเขตฺตํ, คามสีมา, คามสีมูปจาโรติ ปฺจวิโธ คามเภโท เวทิตพฺโพ. ตถา อารฺกสีมาย เอกํ อคามกํ อรฺํ, สํวิธานสิกฺขาปทานํ (ปาจิ. ๑๘๐ อาทโย) เอกํ, สคามกํ เอกํ ¶ , อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ, คณมฺหาโอหียนกสฺส (ปาจิ. ๖๙๑) เอกนฺติ ปฺจวิโธ อรฺเภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อตฺถิ ¶ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ, ตถา อตฺถิ อรฺํ น อรฺปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ อรฺํ น อรฺกิจฺจํ กโรตีติ อยมฺปิ เภโท เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกมฺมวาจาย เปตฺวา ‘‘คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คาโม นาม ปริกฺขิตฺโต เจ, ปริกฺเขปสฺส อนฺโต, อปริกฺขิตฺโต เจ, ปริกฺเขโปกาสโต อนฺโต เวทิตพฺโพ. อยํ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺโตคาโม’’ติ (ปารา. ๔๗๘) อาคโต. สาสงฺกสิกฺขาปเท ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อาคโต อนาสงฺกโต. ยถาห ‘‘อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติ สมนฺตา โคจรคาเม นิกฺขิเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๖๕๔). ตถา อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อยเมว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอกา คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗) เอตฺถาปิ อยเมว ปริจฺเฉโท อธิปฺเปโต ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺติยา, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา’’ติ วุตฺตตฺตา.
เยสุ ปุราณโปตฺถเกสุ ‘‘อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ ลิขิตํ, ตํ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปเทสุ อาจิณฺณํ นยํ คเหตฺวา ปมาเทน ลิขียติ, น ปมาณํ. เยสุ จ โปตฺถเกสุ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส วิภงฺเค (ปาจิ. ๕๑๓) ‘‘คามํ ปวิเสยฺยาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ ลิขียติ, สา ปมาทเลขา. อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสาติ ตตฺถ ปาโ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑๒). อิธ กงฺขาวิตรณิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉิตฺวาติ…เป… อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติอาทิ (กงฺขา. อฏฺ. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา).
ยํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘ภิกฺขุนิยา คามนฺตราธิกาเร เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ วา อติกฺกมนฺเต, อุปจารํ วา โอกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต จ สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘โอกฺกนฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต’’ติ เอตานิ ปทานิ อธิกานิ ¶ , เกวลํ ลิขิตเกหิ อฺเหิ ลิขิตานิ. กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘โอกฺกนฺตมตฺเต จา’’ติ ปทํ น ทิสฺสติ, อิตรํ ทิสฺสติ. ตานิ ทฺเว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิ ¶ . ตถา สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกมติ, สงฺฆาทิเสโส. อปิเจตฺถ สกคามโต…เป… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) หิ วุตฺตํ.
คณฺิปเท จสฺส ‘‘ปริกฺเขปํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วตฺวา ‘‘อุปจาเรปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ. อนุคณฺิปเท จ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘โอกฺกมนฺติยา’ติปิ โปตฺถเกสุ เอกจฺเจสุ ทิสฺสติ, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วจเนนาปิ เอวํ เวทิตพฺพํ – วิกาเล คามปฺปเวสเน ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ เอว วเสน อุปจาโร ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, อิตรถา ยถา เอตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปริกฺเขปํ วิย กตฺวา ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วุตฺตํ, เอวํ ตตฺถาปิ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺตสฺสา’ติ วเทยฺย. ยสฺมา ปน ตตฺถ ปริกฺเขปารหฏฺานโต อุตฺตริเมโก เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต. ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’ติ วุตฺต’’นฺติ.
ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ปริกฺเขปารหฏฺานํเยว อุปจารนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ปริกฺเขปปอกฺเขปารหฏฺานานํ นินฺนานากรณทีปนตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิวิเสสมสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส อิธ อุปจาโร ปริกฺเขโป ยถา ภเวยฺย, ตํ อุปจารํ ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส, ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพเมว ปาฬิยา วิเสสสมฺภวโตติ. โปราณคณฺิปเท ‘‘อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อิธ กงฺขาวิตรณิยา ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส…เป… อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ อยเมว ปาโ เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา อิเมสุ ยถาวุตฺเตสุ าเนสุ ยถาวุตฺตปริจฺเฉโทว คาโมติ เวทิตพฺโพ. อิมสฺส ¶ อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ‘‘คาโม นาม เอกกุฏิโกปี’’ติอาทิ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. อิมสฺส วเสน อสติปิ ปริกฺเขปาติกฺกเม, อุปจาโรกฺกมเน วา อนฺตรารามโต วา ภิกฺขุนุปสฺสยโต วา ติตฺถิยเสยฺยโต วา ปฏิกฺกมนโต วา ตํ คามํ ปวิสนฺตสฺส อนฺตรารามปริกฺเขปสฺส, อุปจารสฺส วา อติกฺกมนวเสน คามปจฺจยา อาปตฺติโย เวทิตพฺพา.
คามูปจาโร ปน ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ปริกฺขิตฺตสฺส ¶ คามสฺส ปริกฺเขโปว, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโสว. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโส. เตสุ อธิฏฺิตเตจีวริโก ภิกฺขุ ปริหารํ น ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๔). กึ ปเนตฺถ การณํ, เยน อยํ คาโม, คามูปจาโร จ อิธ อฺถา, อฺตฺถ ตถาติ? อฏฺุปฺปตฺติโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ‘ภควตา ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ อนฺุาตา’ติ อนฺตรฆเร จีวรานิ นิกฺขิปนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๓) อิมิสฺสา หิ อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตํ. ตสฺมา ยตฺถ อนฺตรฆรสฺา, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมา น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพา. เตน จ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺโตคาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตคาเม วตฺถพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๔๗๘) จ ‘‘สภาเย วา ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํ. กปฺปิยภูมิยํ วสนฺโตเยว หิ กปฺปิยภูมิยํ นิกฺขิตฺตจีวรํ รกฺขติ. สาสงฺกสิกฺขาปเท ปน ‘‘ยสฺมา ยตฺถ คาเม จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, เตน คาเมน วิปฺปวสนฺโต จีวเรน วิปฺปวสตีติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ สิกฺขาปเท คามสีมา คาโม นามาติ อธิปฺเปโต. ตตฺถ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วจนโต ปริกฺเขโป น คาโม. กินฺตุ คามูปจาโรติ เลเสน ทสฺสิตํ โหติ. อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาโส คามูปจาโรติ สิทฺธํ. ตทตฺถสมฺภวโต ตสฺมึ ฆรูปจาเร ิตสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ กุรุนฺทฏฺกถายํ, มหาปจฺจริยมฺปิ วุตฺตํ ¶ . อุปจาโร หิ ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทีสุ ทฺวารํ, ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร’’ติ เอตฺถ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรสงฺขาตํ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขโปกาโส’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา กุรุนฺทิยํ, มหาปจฺจริยฺจ. ตถา ปาฬิยมฺปิ ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อนฺโต อาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อนฺโต อาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติ. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติ. ตสฺมา ทุติโย เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิปฺเปโต.
‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาฬิวิเสสสมฺภวโต จ ปโม เลฑฺฑุปาโต คาโม เอว, ทุติโย คามูปจาโรติ วุตฺตํ. ปริกฺขิตฺตสฺส ¶ ปน คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ วุตฺตนฺติ เอตฺถ เภโท นตฺถิ. เอตฺตาวตา ปริกฺขิตฺตสฺส ทุวิโธ อุปจาโร, อปริกฺขิตฺตสฺส จตุพฺพิโธ อุปจาโร ยตฺถ สมฺภวติ, ยตฺถ จ น สมฺภวติ, ตํ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติ.
คามเขตฺตสฺส จ คามสีมาย จ ลกฺขณํ อฏฺกถายเมว วุตฺตํ. อุภยฺหิ อตฺถโต เอกํ. ตตฺถ คามสีมาย คามภาโว สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน เวทิตพฺโพ.
คามสีมูปจาโร นาม มนุสฺสานํ กฏฺติณปุปฺผผลาทิอตฺถิกานํ วนจรกานํ วลฺชนฏฺานํ. อิมสฺส คามสีมูปจารภาโว อุโทสิตสิกฺขาปเท, ‘‘อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ (ปารา. ๔๙๔) อาคตฏฺาเน ขนฺธเก (มหาว. ๑๔๗) จ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ ภควา คามนฺตวาสีนํ ภิกฺขูนํ สีมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ (มหาว. ๑๔๗) วตฺวา ทสฺเสติ. ตทนนฺตรเมว ‘‘อคามเก’’ติอาทินา สตฺตพฺภนฺตรสีมํ ทสฺเสติ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย น วิหรติ, เกวลํ นาวายํ วา ถลมคฺเคน วา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ, ตสฺส ตตฺถ ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา ลพฺภตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ‘‘เอกกุลสฺส สตฺโถ โหติ ¶ , สตฺเถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุรโต วา ปจฺฉโต วา สตฺตพฺภนฺตรา น วิชหิตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๘๙). อิทเมว อรฺํ สนฺธาย ‘‘อารฺกสีมาย เอกํ อคามกํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ.
ยํ สนฺธาย ‘‘อคามเก อรฺเ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๔) ปาฬิยํ วุตฺตํ. อิทํ สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอกํ อคามกํ อรฺํ นาม.
ปุริเมน ปน สฆรํ สงฺคหิตํ, อิมินา ตมสงฺคหิตนฺติ. ยํ สนฺธาย คณมฺหา โอหียนาธิกาเร อฏฺกถายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) ‘‘อคามเก อรฺเติ เอตฺถ ‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’นฺติ เอวํ วุตฺตํ ลกฺขณํ อรฺํ. ตํ ปเนต เกวลํ คามาภาเวน ‘อคามก’นฺติ วุตฺตํ, น วิฺฌาฏวิสทิสตายา’’ติ วุตฺตํ. ยํ สนฺธาย ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔; ปาจิ. ๕๗๓) วุตฺตํ. อิทํ อารฺกเสนาสนํ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปโต พหิ, อปริกฺขิตฺตสฺส ปน ปริกฺเขโปกาสโต พหิ สรุกฺขํ วา อรุกฺขํ วา วิหาเร กุนฺนทิสมากิณฺณมฺปิ อรฺํ นาม. ตถา ‘‘คณมฺหา โอหียนกสฺส เอก’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ อรฺํว. อิทํ ปน ปุพฺเพ อคามกภาเวน อาคตฏฺาเน วุตฺตลกฺขณเมว หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา ทสฺสนูปจารวิชหเน ¶ เอกเมว อาปตฺตึ กโรติ, ตโต อุทฺธํ อนาปตฺติ. ‘‘สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอก’’นฺติ วุตฺตํ ปน อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน เอเกกํ อาปตฺตึ กโรติ, น ตโต โอรํ. อิตรานิ ตีณิ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทโต โอรเมว ตตฺถ วุตฺตวิธึ น สมฺปาเทนฺติ, ปรํ สมฺปาเทนฺติ. เอวเมเตสํ อฺมฺนานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ปฺจวิเธ คาเม โย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺโต, โส น กตฺถจิ วินยปิฏเก อุปโยคํ คโต, เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ ทีปนตฺถํ วุตฺโต. ปริกฺขิตฺตสฺสปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิสมาโน อุปจาโรติ วุตฺโต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต เอโก. โส ปน ปากฏตฺตา จ อชฺโฌกาสตฺตา จ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺตึ กโรติ เปตฺวา ¶ ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตึ. ภิกฺขุนิโย หิ ตสฺมึ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาเต คามูปจาเร วสนฺตี อาปตฺติฺจ อาปชฺชนฺติ, คามํ ปวิสนฺตี คามนฺตราปตฺติฺจ. ตาสฺหิ ิตฏฺานํ อรฺสงฺขฺยํ คจฺฉติ ‘‘ตาวเทว ฉายา เมตพฺพา…เป… ตสฺสา ตโย จ นิสฺสเย, อฏฺ จ อกรณียานิ อาจิกฺเขยฺยาถา’’ติ (จูฬว. ๔๓๐) วจนโต. อรฺปฺปฏิสํยุตฺตานํ สิกฺขาปทานํ, วิกาเลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส (ปาจิ. ๕๐๘) จ ภิกฺขุนีนํ อสาธารณตฺตา จ อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยปฺปฏิกฺกมนาทีนํ กปฺปิยภูมิภาววจนโต จ ‘‘เอกา คณมฺหา โอหีเยยฺยาติ อคามเก อรฺเ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชหนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทิสิกฺขาปทปฺตฺติโต (ปาจิ. ๖๙๒) จ ภิกฺขุนิกฺขนฺธกนยเอน วา ยสฺมา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีลโต ปฏฺาย อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารโต ปฏฺาย นียติ, ตตฺถ อนฺตรฆเร นิกฺขิตฺตจีวเร สติ จตุรงฺคสโมธาเนน ภิกฺขู วสนฺติ, ตสฺมา สคามกํ นาม โหติ.
อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ นาม ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อรฺเ วตฺถพฺพํ, ยา วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๓๑) วจนโต ภิกฺขุนีนํ อรฺวาโส นาม นตฺถีติ สิทฺธํ. ตาย หิ อรฺเ ภิกฺขุนุปสฺสเย สติ อนฺโตอาวาเสปิ ทุติยิกาย ทสฺสนสวนูปจารํ วิชหนฺติยา อาปตฺติ. ตสฺมา อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ยํ านํ ปิตํ, ตตฺเถว ภิกฺขุนุปสฺสโยปิ กปฺปติ, น ตโต ปรํ.
ตาสฺจ ¶ อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจายํ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วจนํ นตฺถีติ กตฺวา เตสฺเวว คามคามูปจาเรสุ ผรติ. ตโต ปรํ ทุติเยสุ เลฑฺฑุปาตาทีสุ ตาสํ อกปฺปิยภูมิกตฺตา น สมานสํวาสกสีมา อรฺเ ผรติ ภิกฺขูนํ คามคามูปจารํ วิย. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุนิยา เปตฺวา คามนฺตราปตฺติ’’นฺติ.
เอวํ ตาว ปฺจวิธํ คามเภทํ, อรฺเภทฺจ ตฺวา อิทานิ ‘‘อตฺถิ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภตี’’ติอาทิเภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ โย อฏฺกถายํ ‘‘อมนุสฺโส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต’’ติ วุตฺโต, โส คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ สิกฺขาปเท ลภติ. ยฺหิ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล ¶ จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิต’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๘๔; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐) วุตฺตํ. โย ปน ปฏิราชโจราทีหิ วิลุตฺตตฺตา, เกวลํ ภเยน วา ฉฑฺฑิโต สฆโรว อนฺตรหิตคามภูโต, โส ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๑๘๓) วุตฺตปาจิตฺติยํ ชเนติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ, เสขิเย จตฺตาริ ชเนตีติ เวทิตพฺพา. โย ปน คาโม ยโต วา มนุสฺสา เกนจิเทว กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตาติ วุตฺโต, อมนุสฺโส โส ปกติคามสทิโสว.
อตฺถิ อรฺํ น อรฺปริหารํ กตฺถจิ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร นาม อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา เอกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร’’ติ (ปารา. ๔๙๔) เอตฺถ ยฺวายํ นานูปจาโรติ วุตฺโต, ตํ เวทิตพฺพํ. โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส เอกเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต คามูปจารนามโก คาโม, โย วา สตฺโถ นาติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ, โส อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ. น หิ ตํ านํ โอกฺกมนฺโต คามปฺปเวสนาปตฺตึ อาปชฺชติ. ยํ ปน คามสีมาย ปริยาปนฺนํ มนุสฺสานํ วลฺชนฏฺานภูตํ อรฺํ, ตํ อตฺถิ อรฺํ น อรฺกิจฺจํ กโรติ นาม. น หิ ตตฺถ อารฺกสีมา ลพฺภตีติ. เอตฺตาวตา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ อิมิสฺสา อนุปฺตฺติยา ลกฺขณานุปฺตฺติภาโว ทสฺสิโต โหติ.
‘‘โคนิสาทินิวิฏฺโปิ คาโม’’ติ เอตฺถ สเจ ตสฺส คามสฺส คามเขตฺตปริจฺเฉโท อตฺถิ, สพฺโพปิ เอโก คาโม. โน เจ, อุปจาเรน วา ปริกฺเขเปน วา ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. สเจ คามเขตฺเต สติ กานิจิ ตานิ ฆรานิ อฺมฺอุปจารปฺปโหนกํ านํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร ทูเร กตานิ โหนฺติ, วิกาเล คามปฺปเวเส อุปจาโรว ปมาณํ. อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺเตสุ เสขิเยสุ, ¶ ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตีสุ จ ฆรานํ ปริกฺเขปารหฏฺานํ ปมาณํ, อุโปสถาทิกมฺมานํ คามเขตฺตํ ปมาณํ, อารฺกเสนาสนสฺส อาสนฺนฆรสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย ปฺจธนุสตนฺตรตา ปมาณนฺติ เอวํ โน ปฏิภานนฺติ อาจริยา.
‘‘ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘อยมฺปิ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ ¶ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) อฏฺกถาวจนโต ตํ ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ โหติ เอว. สเจ ตตฺถ วิหาโร วา เทวกุลํ วา สภา วา เคหํ วา นตฺถิ, เกวลํ วตฺถุมตฺตกเมว โหติ, คาโมติ วินยกมฺมํ สพฺพํ ตตฺถ กปฺปติ. ‘‘อมนุสฺโส คาโม’’ติ หิ วุตฺตํ. ตฺจ านํ อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขปพฺภนฺตเร วา อุปจารพฺภนฺตเร วา โหติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ. โน เจ, อรฺํ วิย ยถาสุขํ คนฺตพฺพํ. ตตฺถ เจ อาราโม วา ติตฺถิยเสยฺยาทีสุ อฺตโรวา โหติ, ลทฺธกปฺปเมว. ภิกฺขุนุปสฺสโย เจ โหติ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ ปริหริตพฺพา. ‘‘อรฺํ นาม เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺถ ปริกฺเขเป สติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทํ คามเมว เปตฺวา อวเสสํ ตสฺส อุปจารํ, ตโต ปรฺจ อรฺํ นาม, ปริกฺเขเป อสติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทํ คามูปจารเมว เปตฺวา ตโต ปรํ อวเสสํ อรฺํ นามาติ อธิปฺปาโย. เอวํ สติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตลกฺขเณ อคามเก อรฺเ คณมฺหาโอหียนาปตฺติ, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาย ผรณํ วิกาเล คามปฺปเวสนาปตฺติยา อนาปตฺตีติ เอวมาทิวินยวิธิ สเมติ, อฺถา น สเมติ.
‘‘เปตฺวา คามูปจารํ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺเต คามูปจารโต ปโร อรฺนฺติ สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา คาม’’นฺติ วิเสสตฺโถ น ทิสฺสติ, คามสฺส ปน อรฺภาวปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เจ? น, คามูปจารสฺส อภาวปฺปสงฺคโต. สติ หิ คาเม คามูปจาโร โหติ, โส จ ตว มเตน อรฺภูโต. กุโต ทานิ คามูปจาโร. คามูปจาโรปิ เจ อรฺสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ปโรว คาโมติ กตฺวา น ยุตฺตํ คามสฺส อรฺภาวปฺปสงฺคโต จ. ตสฺมา ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ เอตฺถ คามูปจาโรปิ ‘‘คาโม’’ ตฺเวว สงฺคหิโต. ตสฺมา คามสฺส อรฺภาวปฺปสงฺโค น ยุชฺชติ. ยทิ เอวํ ‘‘เปตฺวา คามํ อวเสสํ อรฺํ นามา’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, อรฺสฺส ปริจฺเฉทชานนปฺปสงฺคโต. ตถา หิ วุตฺโต ‘‘อรฺปริจฺเฉโท น ปฺายตี’’ติ โน ลทฺธิ. คามูปจารปริยนฺโต หิ อิธ คาโม นาม. ยทิ เอวํ ‘‘คามสฺส จ อรฺสฺส จ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วตฺตพฺพํ, ‘‘อรฺสฺส ¶ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ กิมตฺถํ ¶ วุตฺตนฺติ เจ? วุจฺจเต – อฏฺกถาจริเยน ปมคามูปจารํเยว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถ’’นฺติ สพฺพสิกฺขาปเท หิ พาหิรอินฺทขีลโต ปฏฺาย คามูปจารํ อรฺํ นาม. คามปริจฺเฉทวจเน ปโยชนํ ปเนตฺถ นตฺถิ ปริกฺเขเปเนว ปากฏภูตตฺตา. ทุติยคามูปจาโรว คามสฺส ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต ปริกฺเขปภาเวน อปากฏตฺตา. ตตฺถ ปมคามูปจาโร เจ อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺโต, ตตฺถ น วตฺตพฺโพ. ‘‘นิกฺขมิตฺวา อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. เอวํ สนฺเต สุพฺยตฺตตรํ อรฺปริจฺเฉโท ทสฺสิโต โหติ, มิจฺฉาคาโห จ น โหติ.
‘‘มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ หิ วุตฺเต อยํ คามูปจาโรว อรฺํ คามูปจารสฺส วิภงฺคตฺตา. ยทิ อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อวุตฺตกเมว, อรฺโต ปรนฺติ จ มิจฺฉาคาโห โหตีติ เจ, นนุ วุตฺตํ ‘‘ปมเมว อิทํ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารนิยมนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ? อรฺปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ กิฺจาปิ ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ, อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโตติ ปน เอวํ วจนปฺปโยชนํ. อปริกฺขิตฺตสฺส จ คามสฺส ยฺวายํ เลฑฺฑุปาโต อุปจาโร’’ติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺโต, ตสฺส นิยมนนฺติ วุตฺตํ โหติ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อรฺํ นามา’’ติ ปทํ อนุทฺธริตฺวา ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธรณสฺส กตตฺตา. ตตฺถ ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ มาติกายํ อวิชฺชมานํ ปทํ อุทฺธรนฺโต ตโย อตฺถวเส ทสฺเสติ. เสยฺยถิทํ – อรฺปริจฺเฉททสฺสนเมโก อตฺโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาเรน สทฺธึ ปริจฺเฉททสฺสนเมโก, น เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺสเยว อุปจาโร วินยาธิกาเร สปฺปโยชโน ทสฺสิตพฺโพ, นิปฺปโยชโนปิ ปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร อิมินา ปริยาเยน ลพฺภตีติ อนุสงฺคปฺปโยชนเมโก อตฺโถปิ เวทิตพฺโพ.
‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิทํ ภควา ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ อภาสิ. เสยฺยถิทํ – อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริจฺเฉททสฺสนเมโก, อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร อยเมว คามูปจาโรติ ทสฺสนเมโก, ตตฺถ ิตสฺส ทุติโย เลฑฺฑุปาโต สพฺพตฺถ คามปฺปฏิสํยุตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สกิจฺจโก อุปจาโรติ ทสฺสนเมโกติ เอวํ ภควา อตฺตโน เทสนาวิลาสปฺปตฺติยา เอเกกปทุทฺธารเณน ตโย อตฺถวเส ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
ตถา ¶ อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจาย ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถาปิ ¶ ปริกฺเขเป สติ คามํ เปตฺวา, อสติ คามูปจารํ เปตฺวาติ อตฺโถ. ปริกฺขิตฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส จ มชฺเฌ อาราเม อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล อยํ นโย อติวิย ยุชฺชติ. อุภยปริวชฺชนโต ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วา อุภยตฺถ อุภยํ ลพฺภเตว. ‘‘อนฺตราราเมสุ ปน อาจิณฺณกปฺปา ภิกฺขู อวิปฺปวาสสีมํ สมฺมนฺนนฺตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ. ‘‘อนฺตรฆรปฺปฏิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อนฺตราราเมสุ อสมฺภวโต อนฺตราราโม น คามสงฺขํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตตฺถปิ อวิปฺปวาสสีมา รุหเตวา’’ติ เอเก. เต ภิกฺขู ทุติยสฺส คามูปจารสฺส คามสงฺขาสภาวโต ตาสํ อิมาย ทุติยาย อวิปฺปวาสกมฺมวาจาย อภาวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อชฺฌาราโม ปน คาโมปิ สมาโน ติตฺถิยเสยฺยาทิ วิย กปฺปิยภูมีติ เวทิตพฺโพ.
อาปตฺติยา ปริจฺเฉทํ, ตถานาปตฺติยาปิ จ;
ทสฺเสตุํ คามสมฺพนฺธ-สิกฺขาปทวิภาวเน.
คามคามูปจารา ทฺเว, ทสฺสิตา อิธ ตาทินา;
สีมา สีมูปจารา ตุ, อเนกนฺตาติ นุทฺธฏา.
อุปจารา จ ทฺเว โหนฺติ, พาหิรพฺภนฺตรพฺพสา;
ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺต-เภทา เจ จตุโร สิยุํ.
อยฺหิ อุปจารสทฺโท วินยปิฏเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อคิลาเนนปิ อาราเม อารามูปจาเร ฉตฺตํ ธาเรตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๐) เอวมาทีสุ พาหิเร อุปจาเร ทิสฺสติ. พาหิโร อุปจาโร นาม ปริกฺเขปโต, ปริกฺเขปารหฏฺานโต วา เอโก เลฑฺฑุปาโต. ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อนฺโตอาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อนฺโตอาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๐๖) ปน อุปจารสทฺโท อพฺภนฺตเร อุปจาเร ทิสฺสติ. อพฺภนฺตโร อุปจาโร จ นาม ปริกฺเขโป, ปริกฺเขปารหฏฺานฺจ โหติ. อิธ ปน ปริกฺเขโป ‘‘อชฺฌาราโม, อชฺฌาวสโถ’’ติ วา น วุจฺจติ, อนฺโต เอว อาราโม, อาวสโถติ วา. เตสุ พาหิรพฺภนฺตรเภทภินฺเนสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คามูปจาโร นาม อพฺภนฺตรูปจาโร ¶ อธิปฺเปโต, น พาหิโร. ภิกฺขุนิยา อรฺสฺิตตาย ตสฺส พาหิรสฺส, ตสฺสา คามนฺตราปตฺติยา านภูตตฺตา จ อพฺภนฺตรอุปจารสฺสาติ ¶ อิทเมตฺถ การณทฺวยํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อิธ อทินฺนาทานปาราชิกวิภงฺเคเยว ปโม คามูปจาโร ทสฺสิโต, โส พาหิโร, ทุติโย อพฺภนฺตโรติ เวทิตพฺโพ. ปเมน จ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต พาหิโร อุปจาโร, ทุติเยน จ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปโต พาหิรสงฺขาโต อพฺภนฺตโร อุปจาโร เลเสน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ จตฺตาโรปิ อุปจารา อิธ ภควตา เทสนาวิลาสปฺปตฺเตน เทสนาลีลาย ทสฺสิตา โหนฺตีติ อยํ นโย สุฏฺุ ลกฺเขตฺวา อาจริเยหิ สมฺมนฺตยิตฺวา ยถานุรูปํ ตตฺถ โยเชตพฺโพ. อิตรถา –
อสมฺพุธํ พุทฺธมหานุภาวํ;
ธมฺมสฺส คมฺภีรนยตฺตตฺจ;
โย วณฺณเย นํ วินยํ อวิฺู;
โส ทุทฺทโส สาสนนาสเหตุ.
ปาฬึ ตทตฺถฺจ อสมฺพุธฺหิ;
นาเสติ โย อฏฺกถานยฺจ;
อนิจฺฉยํ นิจฺฉยโต ปเรหิ;
คาโมติ เตเยว ปุรกฺขโต โส.
อนุกฺกเมเนว มหาชเนน;
ปุรกฺขโต ปณฺฑิตมานิ ภิกฺขุ;
อปณฺฑิตานํ วิมตึ อกตฺวา;
อาจริยลีลํ ปุรโต กโรติ.
ตตฺถ หิ ปาฬิยํ ‘‘คามสฺส อุปจาโร คามูปจาโร, คามสงฺขาโต อุปจาโร คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธริตฺวา คามสฺส อุปจารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ปุน คามสงฺขาตํ อุปจารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํ. อิมมตฺถํ สนฺธาย วิกาเล คามปฺปเวสนคามนฺตรออปฺปวาสสมฺมุติอาทีสุ ปริกฺเขปารหฏฺานเมว คามูปจารนฺติ วุตฺตนฺติ ลิขิตํ.
อตฺถโต ¶ เอกนฺติ เอตฺถ สงฺขาสทฺทํ สงฺขาตสทฺเทน สมานยติ. ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิทํ ปฺจวีสติยา อวหารานํ สาธารณปทํ. านาจาวนวเสน จ ขีลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสน ¶ จาติ อตฺโถ. านาจาวเน ยถา สามิกสฺส ธุรนิกฺเขปาทึ อโนโลเกตฺวาว อาปตฺติ, ตถา อิหาปีติ คเหตพฺพา.
‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามี’’ติ สพฺเพสํ เอกาสยตฺตา ‘‘เอเกนาปี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, สํวิธาวหาโร นาม เอโก อวหาโร ปริหายิตพฺโพ.
โอกาสปริกปฺเป านาจาวนาย คหิตมฺปิ โอกาสปริกปฺปิตตฺตา รกฺขติ. โอกาสาติกฺกโมว ปมาณํ ปุพฺเพ อสุทฺธจิตฺเตน คหิตตฺตา. อิทานิ สุทฺธจิตฺเตน คหิเตปิ โหติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. เอตฺถ ปน วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกํ โอโลเกตฺวา คเหตพฺโพ.
อุทฺธาโร นตฺถีติ านาจาวนํ นตฺถีติ อตฺโถ.
อุทฺธตมตฺเต อวหาโร สกลสฺส ปโยคสฺส นิฏฺาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสน. อุทฺธาเรเยว รกฺขตีติ เอตฺถ เอว-สทฺเทน ปาตเน น รกฺขตีติ อตฺเถ สิทฺเธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘ปถพฺยาราชปเทสราชาทโย พหู, เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘ราชาโน’ติ พหุวจนํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ พหุวจนํ กตํ, อิทํ ปน เอกํ พิมฺพิสารเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ราชาโนติ กิฺจิ อนิทฺทิสิตฺวา สาธารณวเสน กิฺจาปิ วุตฺตํ, อิทํ ปน พิมฺพิสารเมวาติ.
ปุพฺพปฺปโยเคติ เอตฺถ คมนกาเล มคฺคโสธนาธิกรเณ อปาจิตฺติยเขตฺเต ทุกฺกฏํ, ลตาจฺเฉทนาทีสุ ปาจิตฺติยเมว. คนฺตฺวา ปน กุมฺภิมตฺถเก ชาตลตาทิจฺเฉทเน สหปโยคตฺตา ทุกฺกฏํ. ‘‘เอกภณฺเฑ เอวํ ภาริยมิทํ, ‘ตฺวมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺห, อหมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺหามี’ติ สํวิทหิตฺวา อุภเยสํ ปโยเคน านาจาวเน กเต กายวาจาจิตฺเตหิ สมุฏฺาติ. อฺถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ ¶ , อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสาติ วุตฺตลกฺขเณน วิรุชฺฌตี’’ติ วินยคณฺิปเท ลิขิตํ. ปิ-สทฺโท ปเนตฺถ ตตฺเถว ลิขิโต.
กายวาจาสมุฏฺานํ, ยสฺสา อาปตฺติยา สิยา;
ตตฺร วาจงฺคํ จิตฺตํว, กมฺมํ นสฺสา วิธียติ.
กิริยากิริยาทิกํ ¶ ยฺเจ, ยมฺปิ กมฺมตฺตยํ ภเว;
น ยุตฺตํ ตํ วิรุทฺธตฺตา, กมฺมเมกํว ยุชฺชตีติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๑๓๑ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา);
ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา
ยถา าตปริฺา ธมฺมานํ สภาวชานนเมว ‘‘อิทํ รูปํ, อยํ เวทนา’’ติ, ตีรณปริฺา ปน ธมฺมสภาเวน สทฺธึ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตมานํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ, เอวมิธ สทฺธึ เจเตตฺวา เอกตฺเตนาปิ ปาณาติปาตาภาวา ‘‘ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติ วุตฺตตฺตา คพฺภเสยฺยกานํ วเสน สพฺพสุขุมอตฺตภาวโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘กลลโต ปฏฺายา’’ติ อาห. เอตฺถ ชีวิตา โวโรเปนฺโต ปจฺจุปฺปนฺนโต วิโยเชติ. ตตฺถ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ น สกฺกา โวโรเปตุํ, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา สกฺกา. กถํ? ตสฺมิฺหิ อุปกฺกเม กเต ลทฺธูปกฺกมํ ชีวิตทสกํ นิรุชฺฌมานํ ทุพฺพลสฺส ปริหีนเวคสฺส ปจฺจโย โหติ. สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ยถา ทฺเว ตโย ชวนวาเร ชวิตฺวา นิรุชฺฌติ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนฺจ ตทนุรูปํ กตฺวา นิรุชฺฌติ, ตถา ปจฺจโย โหติ. ตโต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อปตฺวา อนฺตราว นิรุชฺฌติ. เอวํ ตทุภยมฺปิ โวโรเปตุํ สกฺกา. ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนํ วิโยเชติ.
‘‘อิมสฺส ปนตฺถสฺสา’’ติ โวหารวเสน วุตฺตมตฺถํ ปรมตฺถวเสน อาวิภาวตฺถํ ‘‘ปาโณ เวทิตพฺโพ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กายวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย ปยุชฺชตีติ ปโยโค, โก โส? สรีเร สตฺถาทีนํ คมนํ ปหรณนฺติ กายวจีวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย ปรสรีเร สตฺถปาตนํ. ทูเร ิตนฺติ ทูเร วา ติฏฺตุ, สมีเป วา. หตฺถโต ¶ มุตฺเตน ปหาโร นิสฺสคฺคิโย. ตตฺถาติ นิสฺสคฺคิยปฺปโยเค. โย โกจิ มรตูติ เอตฺถ มหาชนสมูเห น สกฺกา. ยสฺสูปริ สโร ปตติ, ตสฺเสว ชีวิตมรณํ กาตุํ, น ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตมรณํ. อาณาปนนฺติ วจีวิฺตฺติสหิตาย เจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ. เตเนว ‘‘สาเวตุกาโม น สาเวตี’’ติ (ปารา. ๕๔) วุตฺตํ. อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปฺปโยคสาธิกา. เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุ เอว อาณตฺติปโยโค โหติ, น อฺถา.
รูปูปหาโรติ ¶ เอตฺถ –
‘‘มมาลาเภน เอสิตฺถี, มรตู’’ติ สมีปโค;
ทุฏฺจิตฺโต สเจ ยาติ, โหติ โส อิตฺถิมารโก.
ภิกฺขตฺถาย สเจ ยาติ, ชานนฺโตปิ น มารโก;
อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโก.
วิโยเคน จ เม ชายา, ชนนี จ น ชีวติ;
อิติ ชานํ วิยฺุชนฺโต, ตทตฺถิโก โหติ มารโก.
ปพฺพชฺชาทินิมิตฺตฺเจ, ยาติ ชานํ น มารโก;
อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโก.
หารกสทฺทสฺส เภทโต อตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา อุภยมฺปิ เอกเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺถฺจ ตํ หารกฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอเตน ถาวรปฺปโยคํ ทสฺเสติ สาหตฺถิกาทีสุ ปโยเคสุ. ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติ อุทฺธริตฺวาปิ อิติสทฺทสฺส อตฺโถ น ตาว วุตฺโต. กิฺจาปิ น วุตฺโต, อธิการวเสน ปน อาคตํ อิติสทฺทํ โยเชตฺวา อิติ จิตฺตสงฺกปฺโปติ เอตฺถ ‘‘มรณสฺี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา มรณํเยว วกฺขตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนเยนาติ ฉปฺปโยควเสน. สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิยปฺปโยเคสุ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย สตฺตมาย สห อุปฺปนฺนกายวิฺตฺติยา สาหตฺถิกตา เวทิตพฺพา. อาณตฺติเก ปน สตฺตหิปิ เจตนาหิ สห วจีวิฺตฺติสมฺภวโต สตฺต สตฺต สทฺทา เอกโต หุตฺวา เอเกกกฺขรภาวํ คนฺตฺวา ยตฺตเกหิ อกฺขเรหิ ¶ อตฺตโน อธิปฺปายํ วิฺาเปนฺติ, ตทวสานกฺขรสมุฏฺาปิกาย สตฺตมเจตนาย สหชาตวจีวิฺตฺติยา อาณตฺติกตา เวทิตพฺพา.
ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา
อิเธว สงฺคหนฺติ ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ ปเท กถนฺติ เจ, ‘‘อิติ ชานามี’’ติอาทิมาห ¶ . เกวลํ ‘‘ปาปิจฺฉตายา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา) วจนโต มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา สมุทาจรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทีปิตํ. ‘‘อตีตกาเล โสตาปนฺโนมฺหี’’ติ วทนฺโต ปริยาเยน วทติ, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’’ติอาทีสุ (ปริ. ๑๖๕) วิย สิกฺขาปเทปิ ‘‘อิติ ชานามี’’ติ (ปารา. ๑๙๕, ๑๙๗) ปจฺจุปฺปนฺนเมว วุตฺตํ.
จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา, ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพีอาทโย จ จตฺตาโร ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต. มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธานุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพีอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตา. น ลภติ ภิกฺขูหีติ เอตฺถ ‘‘อุโปสถาทิเภทํ สํวาส’’นฺติ เอตฺตกํ วุตฺตํ. วินยฏฺกถายํ ‘‘อุโปสถปฺปวารณาปาติโมกฺขุทฺเทสสงฺฆกมฺมปฺปเภท’’นฺติ วุตฺตํ. ปาฬิยํ ‘‘สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’’ติ (ปารา. ๕๕, ๙๒, ๑๗๒, ๑๙๘) วุตฺตํ. ติวิเธนาปิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ปฏิกฺขิตฺตํ. ‘‘น, ภิกฺขเว, คหฏฺเน นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๔) ปาติโมกฺขปฺปวารณาสุ เอว อาคตํ, อฺเสุ จ เอวรูเปสุ าเนสุ เสสํ กมฺมํ กาตุํ นตฺถิ ปฏิกฺเขโป. อาจริยาปิ ‘‘เสสํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อนฺติมวตฺถุ อชฺฌาปนฺนํ อมูลเกน ปาราชิเกน โจเทนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส, สงฺฆาทิเสเสน ¶ โจเทนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ ภิกฺขุโน วิย วุตฺตํ, น อนุปสมฺปนฺนสฺส วิย ทุกฺกฏํ. ตสฺมา เตน สหเสยฺยา, ตสฺส ปฏิคฺคหณฺจ ภิกฺขุสฺส วฏฺฏตีติ อาจริยา วทนฺตี’’ติ ลิขิตํ. ‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ‘เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา’ติ เอวํ วุตฺตสํวาสสฺส อภพฺพตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ.
อิทานิ จตุนฺนมฺปิ สาธารณํ ปกิณฺณกํ – เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต อตฺถิ โกจิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก โหติ อสํวาโส, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก สํวาโส ทุกฺกฏวตฺถุสฺมึ วา ถุลฺลจฺจยวตฺถุสฺมึ วา ปฏิเสวนฺโต, อตฺถิ โกจิ น ปาราชิโก ปกฺขปณฺฑโก อปณฺฑกปกฺเข อุปสมฺปนฺโน ปณฺฑกปกฺเข เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต. โส อาปตฺตึ นาปชฺชตีติ น ปาราชิโก นาม. น หิ อภิกฺขุสฺส อาปตฺติ นาม อตฺถิ. โส ¶ อนาปตฺติกตฺตา อปณฺฑกปกฺเข อาคโต กึ อสํวาโส โหติ, น โหตีติ? โหติ. ‘‘อภพฺโพ เตน สรีรพนฺธเนนา’’ติ (มหาว. ๑๒๙) หิ วุตฺตํ. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน…เป… อสํวาโส’’ติ (ปารา. ๔๔) วุตฺตตฺตา โย ภิกฺขุภาเวน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, โส เอว อภพฺโพ. นายํ อปาราชิกตฺตาติ เจ? น, ‘‘พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๒๖) วุตฺตฏฺาเน ยถา อภิกฺขุนา กมฺมวาจาย สาวิตายปิ กมฺมํ รุหติ กมฺมวิปตฺติยา อสมฺภวโต, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺรายํ วิเสโส – อุปสมฺปนฺนปุพฺโพ เอวํ เจ กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺโฆ จ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺนสฺี เอว เจ, กมฺมํ รุหติ, นาฺถาติ โน ขนฺตีติ อาจริโย.
คหฏฺโ วา ติตฺถิโย วา ปณฺฑโก วา กมฺมวาจํ สาเวติ, สงฺเฆน กมฺมวาจา น วุตฺตา โหติ. ‘‘สงฺโฆ อุปสมฺปาเทยฺย สงฺโฆ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปนฺโน สงฺเฆนา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) หิ วจนโต สงฺเฆน กมฺมวาจาย วตฺตพฺพตาย สงฺฆปริยาปนฺเนน, สงฺฆปริยาปนฺนสฺิเตน วา เอเกน วุตฺตาย สงฺเฆน วุตฺตา โหตีติ เวทิตพฺโพ, น คหฏฺติตฺถิยปณฺฑกาทีสุ อฺตเรน. อยเมว สพฺพกมฺเมสุ ยุตฺติ ทฏฺพฺพา.
ตถา อตฺถิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต โกจิ นาเสตพฺโพ, ‘‘โย ภิกฺขุนิทูสโก, อยํ นาเสตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๔-๑๑๕ อตฺถโต สมานํ) วุตฺตตฺตา เตน เอว โส อนุปสมฺปนฺโนว ¶ สหเสยฺยาปตฺตึ วา อฺํ วา ตาทิสํ ชเนติ, ตสฺส โอมสเน จ ทุกฺกฏํ โหติ. อภิกฺขุนิยา เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต น นาเสตพฺโพ, ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ ปาฬิยา อภาวโต, เตเนว โส อุปสมฺปนฺนสงฺขํ คจฺฉติ, สหเสยฺยาปตฺติอาทึ น ชเนติ, เกวลํ อสํวาโสติ กตฺวา คณปูรโก น โหติ. เอกกมฺมเอกุทฺเทโส หิ สํวาโสติ วุตฺโต, สมสิกฺขตาปิ สํวาโสติ กตฺวา โส เตน สทฺธึ นตฺถีติ. ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน ชเนตีติ การณจฺฉายา ทิสฺสตีติ. ยถา ภิกฺขุนิยา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เอกกมฺมาทิโน สํวาสสฺส อภาวา ภิกฺขุนี อสํวาสา ภิกฺขุสฺส, ตถา ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนิยา, ปทโสธมฺมาปตฺตึ ปน น ชเนติ. ตถา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโนปิ เอเกจฺโจ ‘‘โย นาเสตพฺโพติ วุตฺโต’’ติ อิมินา นิทสฺสเนน สการณจฺฉายา อชฺฌุเปกฺขิตา โหตีติ น คหณํ คจฺฉติ. อปิจ ‘‘อุโภ นาเสตพฺพา, ทูสโก นาเสตพฺโพ’’ติ (ปารา. ๖๖) วจนโต, ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนึ นาเสถา’’ติ (ปารา. ๓๘๔) วจนโต จ โย สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อนุวิชฺชเกน อนุวิชฺชิยมาโน ปราชิโต, โสปิ อนุปสมฺปนฺโนว, น โอมสวาทปาจิตฺติยํ ชเนตีติ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตฺถ ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขาตกจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. อตฺถิ หิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ ปุคฺคโล น สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน, อตฺถิ ปุคฺคโล สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก เจว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน จ, อตฺถิ ปุคฺคโล เนว สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก น สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. ตตฺถ ตติโย ภิกฺขุนี สิกฺขาปจฺจกฺขาตกา เวทิตพฺพา. สา หิ ยาว น ลิงฺคํ ปริจฺจชติ, กาสาเวสุ สอุสฺสาหาว สมานา สามฺา จวิตุกามา สิกฺขํ ปจฺจกฺขนฺตีปิ ภิกฺขุนี เอว สิกฺขาสาชีวสมาปนฺนาว. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สิกฺขาปจฺจกฺขาน’’นฺติ. กทา ปน สา อภิกฺขุนี โหตีติ? ยทา สา วิพฺภนฺตาติ สงฺขํ คจฺฉติ. วุตฺตฺหิ ภควตา ‘‘ยเทว สา วิพฺภนฺตา, ตเทว สา อภิกฺขุนี’’ติ (จูฬว. ๔๓๔). กิตฺตาวตา ปน วิพฺภนฺตา โหตีติ? สามฺา จวิตุกามา กาสาเวสุ อนาลยา กาสาวํ วา อปเนติ, นคฺคา วา คจฺฉติ, ติณปณฺณาทินา วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา คจฺฉติ, กาสาวํเยว ¶ วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, โอทาตํ วา วตฺถํ นิวาเสติ, ลิงฺเคเนว วา สทฺธึ ติตฺถิเยสุ ปวิสิตฺวา เกสลฺุจนาทิวตํ สมาทิยติ, ติตฺถิยลิงฺคํ วา สมาทิยติ, ตทา วิพฺภนฺตา นาม โหติ. ตตฺถ ยา สลิงฺเค ิตาว ติตฺถิยวตํ สมาทิยติ, สา ติตฺถิยปกฺกนฺตภิกฺขุ วิย ปจฺฉา ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ. เสสา ปพฺพชฺชเมว ลภติ, น อุปสมฺปทํ. ปาฬิยํ กิฺจาปิ ‘‘ยา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี สกาวาสา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา น อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๔๓๔) วจนโต ยา ปมํ วิพฺภมิตฺวา ปจฺฉา ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตา, สา อาคตา อุปสมฺปาเทตพฺพาติ อนฺุาตํ วิย ทิสฺสติ. สงฺคีติอาจริเยหิ ปน ‘‘จตุวีสติ ปาราชิกานี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) วุตฺตตฺตา น ปุน สา อุปสมฺปาเทตพฺพา. ตสฺมา เอว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ นานฺุาตํ ภควตา. อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนา ปน ภิกฺขุนี เอว. ปกฺขปณฺฑกีปิ ภิกฺขุนี เอว. อิมํ นยํ จตูสุปิ โยเชตฺวา ยถารหํ กเถตพฺพํ.
ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺตฺร ¶ ¶ สุปินนฺตาติ สฺวายํ ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา เจตนาย ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ อสมตฺถา, สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตฺหิ ทุพฺพลํ. ปวตฺเต ปน อฺเหิ กุสลากุสเลหิ อุปตฺถมฺภิตา วิปากํ เทติ. กิฺจาปิ วิปากํ เทติ, อถ โข อวิสเย อุปฺปนฺนตฺตา อพฺโพหาริกาว สุปินนฺตเจตนาติ ลิขิตํ. ยํ ปเนตฺถ ‘‘สุปิเน อุปฏฺิตํ นิมิตฺตฺหิ ทุพฺพล’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อเนกนฺตํ, น จ อารมฺมณทุพฺพลตาย จิตฺตปฺปวตฺติ ทุพฺพลา อตีตานาคตารมฺมณาย, ปฺตฺตารมฺมณาย วา อทุพฺพลตฺตา. ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตาติ โน ตกฺโกติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๓๖-๒๓๗) อาจริโย. อวตฺถุกตาย ทุพฺพลภาโว ยุชฺชตีติ เจ? น, อวตฺถุกาย ภาวนาปภวาย อติเรกพลวสมฺภวโต. ภาวนาพลสมปฺปิตฺหิ จิตฺตํ อรูปมฺปิ สมานํ อติภารมฺปิ กรชกายํ คเหตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณเนว พฺรหฺมโลกมฺปิ ปาเปตฺวา เปติ, ตปฺปฏิภาคํ อนปฺปิตมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ กรชกายํ อากาเส ลงฺฆนสมตฺถํ กโรติ. กึ ปเนตฺถ ตํ อนุมานกรณํ? เยน จิตฺตสฺเสว อานุภาโวติ ปฺาเยยฺย จิตฺตานุภาเวน ปนลงฺฆนาทิกิริยาวิเสสนิพฺพตฺติทสฺสนโต. ปกติจิตฺตสมุฏฺานรูปํ วิย อสํสฏฺตฺตา, นิกฺขมนตฺตา จ วตฺถิสีสํ, กฏิ, กาโยติ ติธา สุกฺกสฺส านํ ปกปฺเปนฺติ อาจริยา. สปฺปวิสํ วิย ตํ ทฏฺพฺพํ, น จ วิเส านนิยโม, โกธวเสน ปสฺสนฺตสฺส โหติ. เอวมสฺส น านนิยโม, ราควเสน อุปกฺกมนฺตสฺส โหตีติ โน ตกฺโกติ อาจริโย.
‘‘ทกโสตํ อโนติณฺเณปี’’ติ อิทํ ‘‘โอติณฺณมตฺเต’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘านโต ปน จุต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – นิมิตฺเต อุปกฺกมํ กตฺวา สุกฺกํ านา จาเวตฺวา ปุน วิปฺปฏิสารวเสน ทกโสโตโรหณํ นิวาเรตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อธิวาสาธิปฺปาเยน ¶ อธิวาเสตฺวา อนฺตรา ทกโสตโต อุทฺธํ นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘พหิ นิกฺขนฺเต วา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา านา จุตฺหิ อวสฺสํ ¶ ทกโสตํ โอตรตีติ อฏฺกถาย อธิปฺปาโย. ตสฺมา อุภยํ สเมตีติ คเหตพฺโพ.
เอตฺถาห – กสฺมา อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทินา การโก น นิทฺทิฏฺโติ? วุจฺจเต – อธิปฺปายาเปกฺขาย ภาวโต การโก น นิทฺทิฏฺโ ตสฺส สาเปกฺขภาวทสฺสนตฺถํ. กถํ? กณฺฑุวนาทิอธิปฺปายเจตนาวเสน เจเตนฺตสฺส กณฺฑุวนาทิอุปกฺกเมน อุปกฺกมนฺตสฺส เมถุนราควเสน อูรุอาทีสุ ทุกฺกฏวตฺถูสุ, วณาทีสุ ถุลฺลจฺจยวตฺถูสุ จ อุปกฺกมนฺตสฺส สุกฺกวิสฏฺิยา สติปิ น สงฺฆาทิเสโส ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ น โมจนาธิปฺปายสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๖๓) วจนโต. ตสฺมา ตทตฺถทสฺสนตฺถํ อิธ การโก น นิทฺทิฏฺโ. อฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฏฺึ อาปชฺเชยฺย, สงฺฆาทิเสโส’’ติ นิทฺทิฏฺเ การเก ‘‘เจเตติ น อุปกฺกมติ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๒๖๒) วุตฺตวจนวิโรโธ. ตถา ‘‘สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฏฺิยา อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ ภุมฺเม นิทฺทิฏฺเปิ โส เอว วิโรโธ เหตฺวตฺถนิยมสิทฺธิโต. ตสฺมา ตทุภยมฺปิ วจนกฺกมํ อวตฺวา ‘‘สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนาภาวโต เหตฺวตฺถนิยโม น กโต โหติ. ตสฺมึ อกเต สฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺิ อฺตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโสติ, อุปกฺกเม อสติ อนาปตฺตีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.
อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ทฺเว อาปตฺติสหสฺสานิ โหนฺติ. กถํ? อตฺตโน หตฺถาทิเภเท อชฺฌตฺตรูเป ราคูปตฺถมฺภนวเสน องฺคชาเต กมฺมนิยปฺปตฺเต อาโรคฺยตฺถาย นีลํ โมเจนฺตสฺส เอกา อาปตฺติ, อชฺฌตฺตรูเป เอว ราคูปตฺถมฺเภ ปีตกาทีนํ โมจนวเสน นวาติ ทส. เอวํ ‘‘สุขตฺถายา’’ติอาทีนํ นวนฺนํ วเสนาติ ราคูปตฺถมฺเภ อชฺฌตฺตรูปวเสน สตํ. เอวเมวํ วจฺจปฺปสฺสาววาตอุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺูปตฺถมฺเภสุ จ สตํ สตํ กตฺวา สพฺพํ ปฺจสตํ. ยถา อชฺฌตฺตรูเป ปฺจสตํ, เอวํ พหิทฺธารูเป วา อชฺฌตฺตพหิทฺธารูเป วา อากาเส วา กฏึ กมฺเปนฺโตติ ทฺเว สหสฺสานิ อาปตฺติโย โหนฺตีติ.
สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอติณฺโณ’’ติ ¶ ¶ อิมินาสฺส เสวนาธิปฺปายตา ทสฺสิตา. เตเนว ‘‘กายสํสคฺคราคสมงฺคิสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘วิปริณเตน…เป… สทฺธิ’’นฺติ อิมินาสฺส วายาโม ทสฺสิโต. ‘‘สทฺธิ’’นฺติ หิ ปทํ สํโยคํ ทีเปติ, โส จ สํโยโค สมาคโม. เกน จิตฺเตน? วิปริณเตน จิตฺเตน, น ปตฺตปฺปฏิคฺคหณาธิปฺปายาทินาติ อธิปฺปาโย. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฺปฏิวิชานนา ทสฺสิตา โหติ. วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฏิวิชานนฺโต หิ สมาปชฺชติ นาม. เอวมสฺส ติวงฺคสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. อถ วา โอติณฺโณ วิปริณเตน จิตฺเตน ยกฺขาทินา สตฺโต วิย. อุปโยคตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ, โอติณฺโณ วิปริณตํ จิตฺตํ กูปาทึ วิย สตฺโต. อถ วา ‘‘ราคโต อุตฺติณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุภาวํ อุปคโตปิ โย ปน ภิกฺขุ ตโต อุตฺติณฺณาธิปฺปายโต วิปริณเตน จิตฺเตน เหตุภูเตน ตเมว ราคํ โอติณฺโณ. มาตุคาเมน อตฺตโน สมีปํ วา อาคเตน, อตฺตนา อุปคเตน วา. เอเตน มาตุคามสฺส สารตฺตตา วา โหตุ, วิรตฺตตา วา, สา อิธ อปฺปมาณํ.
หตฺถคฺคาหํ วาติ เอตฺถ หตฺเถน สพฺโพปิ อุปาทินฺนโก กาโย สงฺคหิโต, น ภินฺนสนฺตาโน ตปฺปฏิพทฺโธ วตฺถาลงฺการาทิ. เวณิคฺคหเณน อนุปาทินฺนโก อภินฺนสนฺตาโน เกสโลมนขคฺคทนฺตคฺคาทิโก กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาโน คหิโตติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘อนฺตมโส โลเมน โลมํ ผุสนฺตสฺสาปี’’ติ. เตน อฺตรสฺส วา…เป… ปรามสนนฺติ เอตฺถ อนุปาทินฺนกานมฺปิ เสสโลมาทีนํ องฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เอวํ สนฺเต ‘‘ผสฺสํ ปฏิชานนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต. ผุฏฺภาวํ ปฏิวิชานนฺโตปิ ผสฺสํ ปฏิชานาติ นาม, น กายวิฺาณุปฺปตฺติยา เอว. อเนกนฺติกฺเหตฺถ กายวิฺาณํ. ตสฺมา เอว อิธ ผสฺสปฺปฏิวิชานนํ องฺคนฺตฺเวว น วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ วุตฺเต านเมตํ วิชฺชติ ‘‘น จ เม โลมฆฏฺฏเนน กายวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ ‘น ผสฺสํ ปฏิชานามี’ติ อนาปนฺนสฺี สิยา’’ติ. ‘‘เวณี นาม กหาปณมาลาทิสมฺปยุตฺตํ, ตตฺถ ‘เวณึ คณฺหิสฺสามี’ติ กหาปณมาลาทึ เอว คณฺหาติ, น โลมํ, นตฺถิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ วทนฺติ. วีมํสิตพฺพํ.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กทา ¶ ¶ เต มาตา ปสีทิสฺสตี’’ติ อายาจนํ ทุฏฺุลฺลวาจาย สิขาปตฺตลกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น เมถุนุปสํหิเตเยว ทุฏฺุลฺลวาจาติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ วจนํ ปน ปุริสนิมิตฺเตน อสงฺฆาทิเสสวตฺถุนา มิสฺสวจนํ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส จ อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, อิตรํ ปากฏํ. ยทิ ตมฺปิ ชเนติ, กถํ ‘อนิมิตฺตาสี’ติอาทีนิ ปทานิ น สงฺฆาทิเสสํ ชเนนฺตี’’ติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ปุริสสฺสาปิ นิมิตฺตาธิวจนตฺตา. ‘‘เมถุนุปสํหิตาหิ สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปารา. ๒๔๘) มาติกายํ ลกฺขณสฺส วุตฺตตฺตา จ เมถุนุปสํหิตาหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา สงฺฆาทิเสโส, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรหิ โอภาสเน ปฏิวิชานนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อปฺปฏิวิชานนฺติยา ทุกฺกฏนฺติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. เอตฺถาห – ‘‘สิขรณี’’ติอาทีหิ อกฺโกสนฺตสฺส ปฏิฆจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, กสฺมา ‘‘ติเวทน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? ราควเสน อยํ อาปตฺติ, น ปฏิฆวเสน. ตสฺมา ราควเสเนว ปวตฺโต อกฺโกโส อิธ อธิปฺเปโต. ตสฺมา ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ วจนํ สุวุตฺตเมว.
ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุฏฺุลฺโลภาสเน วุตฺตปฺปการายาติ ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลชานนสมตฺถาย. ปรสฺส ภิกฺขุโน อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณภณเน ทุกฺกฏํ, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนปิ ทุกฺกฏํ, ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย, ยา มาทิสํ สีลวนฺต’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ เอเก. ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวาติ เอเก, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุปิ ทุฏฺุลฺลตฺตกอามวจเน ถุลฺลจฺจยนฺติ วทนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน นาคต’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) ลิขิตํ. อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติโกว.
อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
อลํวจนียาติ ¶ ¶ น วจนียา, นิวารเณ อลํ-สทฺโท, น อลํวจนียา นาลํวจนียา. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ วีมํสติ ปจฺจาหรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๐๕) วุตฺตตฺตา ยสฺส เอกนฺเตน สงฺฆาทิเสโส โหติ, ตสฺส ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปโยคา เอเต ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยา นตฺถีติ วทนฺตีติ ลิขิตํ. กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา. ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยกฺโข น เปโต น ติรจฺฉานคโต’’ติ ปาฬิ นตฺถิ, ตถาปิ กายสํสคฺคาทีสุ ‘‘มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) อิตฺถิววตฺถานสฺส กตตฺตา อิธาปิ มนุสฺสิตฺถี เอวาติ ปฺายติ. เมถุนปุพฺพภาคสามฺโต อิตฺถิววตฺถาเนน ปุริสววตฺถานํ กตเมว โหติ. เตเนวาห ‘‘เยสุ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา). กายสํสคฺคาทีสุ จ ปณฺฑกยกฺขิเปติโย ถุลฺลจฺจยวตฺถุกาว วุตฺตา, ตถา อิธาปิ, ปณฺฑกสภาวตฺตา มนุสฺสอุภโตพฺยฺชนโก จ ถุลฺลจฺจยวตฺถุโกว โหติ. เสสา มนุสฺสปุริสอมนุสฺสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกติรจฺฉานคตปุริสาทโย ทุกฺกฏวตฺถุกาว มิจฺฉาจารทสฺสนสภาวโตติ เวทิตพฺพํ.
สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา
กึ ภนฺเตติ เอตฺตเกปิ วุตฺเต. ปุจฺฉิโต ยทตฺถาย ปวิฏฺโ, ตํ กเถตุํ ลภติ ปุจฺฉิตปฺตฺตา ภิกฺขาจารวตฺเตติ ลิขิตํ. หตฺถกมฺมํ ยาจิโต ‘‘อุปกรณํ, มูลํ วา ทสฺสตี’’ติ ยาจติ, วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? วฏฺฏติ เสนาสเน โอภาสปริกถาทีนํ ลทฺธตฺตาติ เอเก. ติหตฺถา วาติ เอตฺถ วฑฺฒกิหตฺเถน ติหตฺถา. ‘‘ปมาณยุตฺโต มฺโจติ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิปฺปมาณมฺโจ, โส ตตฺถ อิโต จ น สฺจรติ, ตสฺมา จตุหตฺถวิตฺถารา น โหตี’’ติอาทิ ลิขิตํ. อกุฏิยา ปน วตฺถุเทสนากิจฺจํ นตฺถิ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุํ วุตฺตตฺตา. ‘‘อุลฺลิตฺตาทิภาโว…เป… ‘ฉทนเมว สนฺธาย วุตฺโต’ติ ยุตฺตมิทํ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา มตฺติกามยภิตฺตึ ¶ อุฏฺาเปตฺวา อุปริ อุลฺลิตฺตํ วา อวลิตฺตํ วา อุภยํ วา ภิตฺติยา ฆฏิตํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติ เอว วินาปิ ภิตฺติเลเปนา’’ติ ลิขิตํ. เอวเมตฺถ ถมฺภตุลาปิฏฺสงฺฆาฏาทิ นิรตฺถกํ สิยา. ตสฺมา วิจาเรตฺวาว คเหตพฺพํ. ‘‘อุโปสถาคารมฺปิ ภวิสฺสติ, อหมฺปิ วสิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา เอกโต วสิสฺสามี’’ติ วา กโรนฺตสฺส วฏฺฏติ เอว. กสฺมา? ‘‘อตฺตุทฺเทส’’นฺติ วุตฺตตฺตาติ ลิขิตํ.
อิทํ ¶ ปน สิกฺขาปทํ จตุตฺถปาราชิกํ วิย นิทานาเปกฺขํ. น หิ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู สยเมว อตฺตโน อสนฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มุสาวาทลกฺขณํ ปาเปตฺวา ภาสึสุ. อฺมฺฺหิ เต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวณฺณํ ภาสึสุ. น จ ตาวตา ปาราชิกวตฺถุ โหติ, ตตฺตเกน ปน เลเสน ภควา ตํ วตฺถุํ นิทานํ กตฺวา ปาราชิกํ ปฺเปสิ, ตถา อิธาปิ. น หิ นิทาเน ‘‘อเทสิตวตฺถุกาโย สารมฺภาโย อปริกฺกมนาโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อปฺปมาณิกาโย’’ติ ปน วุตฺตตฺตา ปมาณมติกฺกมนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสว นิทานาเปกฺโข. ตตฺถ สารมฺเภ อปริกฺกมเน สงฺฆาทิเสสปฺปสงฺคํ วิย ทิสฺสมานํ ‘‘วิภงฺโค ตํนิยมโก’’ติ วุตฺตตฺตา วิภงฺเค น นิวาเรติ. ตถา มหลฺลเก.
เอตฺถาห – กิมตฺถํ มาติกายํ ทุกฺกฏวตฺถุ วุตฺตํ, นนุ วิภงฺเค เอว วตฺตพฺพํ สิยาติ? เอวเมตํ. กึ นุ ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ, กีทิสํ? อนารมฺภํ สปริกฺกมนนฺติ. อิตรฺหิ ‘‘สารมฺเภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมึ อปริกฺกมเน’’ติ เอวํ อนุปฺปสงฺควเสน อาคตตฺตา วุตฺตํ. ยสฺมา วตฺถุ นาม อตฺถิ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อตฺถิ อนารมฺภํ อปริกฺกมนนฺติ พหุวิธํ, ตสฺมา พหุวิธตฺตา วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, เนตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. กิมตฺถิกา ปเนตฺถ วตฺถุเทสนาติ เจ? ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุปริวชฺชนุปายตฺตา. วตฺถุอเทสนา หิ ครุกาปตฺติปฺาปนเหตุภูตา. ครุกาปตฺติปฺาปนํ อกตวิฺตฺติคิหิปีฬาชนนํ, อตฺตทุกฺขปรทุกฺขเหตุภูโต จ สารมฺภภาโวติ เอเต วตฺถุเทสนาปเทเสน อุปาเยน ปริวชฺชิตา โหนฺติ. น หิ ภิกฺขู อกปฺปิยกุฏิกรณตฺถํ คิหีนํ วา ปีฬานิมิตฺตํ, สารมฺภวตฺถุกุฏิกรณตฺถํ วา วตฺถุํ เทเสนฺตีติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘ทุกฺกฏสฺส ¶ หิ วตฺถูนํ, มาติกาย ปกาสนา;
ครุกาปตฺติเหตูนํ, เตสํ เอวํ ปกาสิตา.
‘‘วตฺถุสฺส เทสนุปาเยน, ครุกาปตฺติเหตุโย;
วชฺชิตา โหนฺติ ยํ ตสฺมา, สารมฺภาทิ ชหาปิต’’นฺติ.
กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา
กิริยามตฺตโต ¶ สมุฏฺานภาวโต อกิริยเมเวตํ. ตํ เทสนาอกรณวเสน. ภิกฺขู วา อนภิเนยฺยาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อวธารณตฺโถติ เวทิตพฺโพ. ‘‘อายสฺมา ฉนฺโน เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๖๕) อาคตตฺตา อิทมฺปิ นิทานาเปกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กสฺมา มม วนฺทนาทีนิ…เป… ‘ฆฏิเตเยว สีสํ เอตี’ติ วุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนกํ วนฺทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปริวาราวสาเน อุปาลิปฺจเก ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, อวนฺทิยา’’ติอาทินา (ปริ. ๔๖๗) วุตฺตปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา, ‘‘ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเนน ปุเร อุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๘) วุตฺตตฺตา จ, ตสฺมา เอว อิมิสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘อุปสมฺปนฺโนติ สงฺขฺยุปคมน’’นฺติ วุตฺตํ. สุตฺตาธิปฺปาโย ปน เอวํ คเหตพฺโพ – อวนฺทนฺโต สามีจิปฺปฏิกฺเขปสงฺขาตาย โจทนาย โจเทติ นามาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ. ตสฺมา เอว ‘‘เอตฺตาวตา จ โจทนา นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ. อิธ อธิปฺเปตํ อาปตฺติอาปชฺชนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘‘กสฺมา มม วนฺทนาทีนิ น กโรสี’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ.
กตูปสมฺปทนฺติ ยสฺส อุปสมฺปทา รุหติ, ตํ, ปณฺฑกาทโย. ปนกฺเขตฺตนฺติ เอตฺถ สพฺพสงฺคาหิกํ, ปุคฺคลิกฺจาติ ทุวิธํ ปวารณาปนํ. ตตฺถ ¶ สพฺพสงฺคาหิเก ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… เตวาจิกํ ปวาเร’’ติ สุ-การโต ยาว เร-กาโร. ปุคฺคลิกปเน ปน ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมิ…เป… ปสฺสนฺโต ปฏี’’ติ สํ-การโต ยาว อยํ สพฺพปจฺฉิโม ฏิ-กาโร, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ. อุโปสเถ ปน อิมินานุสาเรน วิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘กเรยฺยา’’ติ เร-กาเร อนติกฺกมนฺเต.
ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺภาโค ¶ วา อสฺส อตฺถีติ ยถา สุวณฺณสฺเสทํ โสวณฺณมิตฺยตฺร สุวณฺณวา อเนน สุวณฺโณ อิตฺยุจฺจเต. ตํ ปฏิมาย สรีรํ, สิลาปุตฺตกสฺส สรีรนฺติ จ นิทสฺสนํ. ฉคลกสฺส ‘‘ทพฺโพ’’ติ ทินฺนํ นามํ ‘‘เทโส’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา? เถรํ อนุทฺธํเสตุํ เถรสฺสาปิ อปทิสิตพฺพตฺตา. อฺมฺปิ วตฺถุํ น เถรํเยว. ลิสฺสติ สิลิสฺสติ โวหารมตฺเตเนวน อตฺถโต. อีสกํ อลฺลียตีติ เลโสติ อธิปฺปาโย. ลิสเสลฉโกลอลฺลีภาเว. เตน วุตฺตํ ‘‘อีสกํ อลฺลียตีติ เลโส’’ติ. ยสฺมา เทสเลสา อตฺถโต นินฺนานากรณํ, ตสฺมา ‘‘กิฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ทส เลสา ชาติเลโส’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙๔) ปทภาชเน วุตฺตํ.
อฏฺุปฺปตฺติวเสเนว อาวิภูตนฺติ เอตฺถ กิฺจ ภิยฺโย อนิยมตฺตา. น หิ เมตฺติยภูมชกานํ วิย อฺเสํ สพฺเพสมฺปิ ‘‘ฉคลกเมเวตฺถ อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหติ, อฺํ โคมหึสาทิกมฺปิ โหติ, น จ เมตฺติยภูมชกา วิย สพฺเพปิ นามเลสมตฺตเมว อุปาทิยนฺติ, อฺมฺปิ ชาติเลสาทึ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อนิยมตฺตา น วิภตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย ตถาวุตฺเต ฉคลกสฺเสว อฺภาคิยตา สมฺภวติ, น อฺสฺส, เยน โสว ทสฺสิโต. เลโส จ นาม เลโสว, น ชาติอาทิ, เยน โสว ทสฺสิโตติ เอวํ มิจฺฉาคาหปฺปสงฺคโตติ เวทิตพฺพํ. อิธ จ…เป… สฺิโนปีติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท จ อมูลกสิกฺขาปเท จาติ อตฺโถ.
อฺภาคิยสิกฺขํ ¶ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต;
คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตํว โส. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๐๘);
อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา
ติณฺณํ อุทฺธํ กมฺมารหา…เป… กโรตีติ เอตฺถ ‘‘อิเม จตฺตาโร’’ติ วา ‘‘อิมฺจ อิมฺจา’’ติ วา วตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุกฺเขน ¶ วตฺตพฺโพ ทุพฺพโจ. วุจฺจมาโน น สหติ.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนวณฺณนา
‘‘นามมตฺตวเสนา’’ติ ปาโ. ‘‘นามโคตฺตวเสนา’’ติ ลิขิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อยํ กิริยา ภิกฺขูนํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ชานิตฺวา สเจ ฉาเทติ, ฉนฺนาว โหตีติ อตฺโถ. สภาคมตฺตเมวาติ อเวริสภาคมตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย.
วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ เอตฺถ วตฺถูติ วีติกฺกมนํ อสุจิมุจฺจนํ. โคตฺตนฺติ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, สชาติโต อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา คํ พุทฺธึ, วจนฺจ ตายตีติ อตฺโถ. วตฺถุ จ สชาติเมว คจฺฉติ. สชาติ นาเมตฺถ อฺเหิ วิสิฏฺาวิสิฏฺภูตา กิริยา, น กายสํสคฺคาทิ. นามฺเจว อาปตฺติ จาติ เอตฺถ อาปตฺตีติ วีติกฺกเมนาปนฺนาปตฺติยา นามํ.
ปุน ¶ อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจนฺเตนาติ เอตฺถ ทฺวินฺนํ อาโรเจนฺเตน ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตุ’’ติณฺณํ วา อติเรกานํ วา อาโรเจนฺเตน ‘‘อายสฺมนฺโต ธาเรนฺตู’’ติ เอวํ อาโรจนวิธานํ เวทิตพฺพํ. วตฺตเภทฺจ รตฺติจฺเฉทฺจ อกตฺวาติ เอตฺถ เปตฺวา นวกตรํ ปาริวาสิกํ อวเสสานํ อนฺตมโส มูลายปฏิกสฺสนารหาทีนมฺปิ อภิวาทนาทิสาทิยเน, ปฏิปาฏิยา นิสีทเน, โอวทเน, กมฺมิกานํ ครหเณ จาติอาทีสุ วตฺตเภโท โหติ. ทสฺสนสวนวิสเยสุ อนาโรจเน จ ภิกฺขูหิ เอกจฺฉนฺเน วสเน จ อชานนฺตสฺเสว วิหาเร ภิกฺขูนํ อาคนฺตฺวา คมเน จาติอาทีสุ รตฺติจฺเฉโท โหติ. นานาสํวาสเกหิ วินยกมฺมาภาวโต เตสํ อนาโรจเน รตฺติจฺเฉโท น โหติ. ‘‘ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ วจนโต อนฺโต น วฏฺฏติ. นิกฺขิตฺตวตฺเตเนว หุตฺวา วิจรนฺเตน ยสฺส สนฺติเก ปุพฺเพ สมาทิยิตฺวา อาโรจิตํ, ตสฺสาปิ สนฺติเก ปจฺฉา นิกฺขิปนกาเล อาโรเจตฺวาว นิกฺขิปิตพฺพํ. ตสฺมา ปุน สมาทานกาเลปิ โส เจ ตโต คจฺฉติ, ตํ ทิวสํ อคนฺตฺวา ทิวา อาโรเจตฺวาปิ ยทิ เอวํ อตีตทิวสํ โหติ, ‘‘อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วิหารํ คนฺตพฺพนฺติ ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ยํ สพฺพปมํ ¶ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. สเจ รตฺติจฺเฉโท โหติ, วิหารสีมาปริยาปนฺนานํ สพฺเพสํ อาโรเจตพฺพํ สิยา. ‘‘ตสฺส อาโรเจตฺวา’’ติ อิทํ ปน ปุพฺเพ อนาโรจิตํ สนฺธาย วตฺตเภทรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอว สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) เอวํ วุตฺตํ ‘‘อฺํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา’’ติ.
สุทฺธนฺตปริวาเส ปน สเจ ‘‘มาสมตฺตํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต ปุน อูนํ วา อธิกํ วา สนฺนิฏฺานํ กโรติ, ตตฺตกมฺปิ ปริวสิตพฺพเมว, ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อยฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส นาม อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฏฺาปิ โอโรหติ. อิทมสฺส ลกฺขณํ.
สโมทหิตฺวาติ มูลาปตฺติฏฺาเน เปตฺวา, ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปฏิจฺฉนฺนา เจ อนฺตราปตฺติ, มูลาย ปฏิกสฺสนํ อกตฺวา ปุพฺเพ คหิตปริวาเสเนว ปริวสิตพฺพํ. โย ปน อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา วิพฺภมิตฺวา ปุน อุปสมฺปนฺโน ¶ หุตฺวาปิ ปฏิจฺฉาเทติ, โย จ ปุพฺเพ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปจฺฉา น ปฏิจฺฉาเทติ, โย จ อุภยตฺถ ปฏิจฺฉาเทติ, สพฺเพสํ ปฏิจฺฉนฺนทิวสวเสน ปริวาโส ทาตพฺโพ. ‘‘ปุริมสฺมึ อาปตฺติกฺขนฺเธ วา’’ติ จ ‘‘ปจฺฉิมสฺมึ อาปตฺติกฺขนฺเธ วา’’ติ (จูฬว. ๑๖๖ อาทโย) จ ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา ทฺเว ภิกฺขู วิสุทฺธิกํ อาปนฺนา โหนฺติ, เต สุทฺธิกทิฏฺิโน โหนฺติ. เอโก ฉาเทติ, เอโก น ฉาเทติ. โย ฉาเทติ, โส ทุกฺกฏํ เทสาเปตพฺโพ. ‘‘อุโภปิ ยถาธมฺมํ การาเปตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๑๘๑) วจนโต ยํ กฺจิ อาปตฺตึ ฉาเทตฺวา ทุกฺกฏํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
เตสุ คเตสุ วา อคเตสุ วา ปุริมนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ เอตฺถ อูเน คเณ จรณํ, อนุฏฺหนํ เอกรตฺตมฺปิ คเณน วิปฺปวาสํ, สเจ รตฺติยา เอกกฺขเณน สงฺโฆ วสติ, สเจ โส ปุเร อรุณเมว เกนจิ กรณีเยน คโตติ เอตฺถปิ มานตฺเตปิ เอวํ ชาเต. ‘‘อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา, ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ. ตสฺมา เตน อาโรจิเต มุหุตฺตมฺปิ นิสีทิตฺวา คเตปิ วิปฺปวาโส นตฺถิ. ปาริวาสิกสฺส, อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตตฺเตน ตสฺมึ วสนํ อุทกปาเตน วาริตํ, ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉนฺเน น วฏฺฏติ.
อิทานิ ปาวิจารณา เวทิตพฺพา – ‘‘นว ปมาปตฺติกา จตฺตาโร ยาวตติยกา’’ติ อิทํ สภาวนิยมวจนํ. เตน วุฏฺานํ อนิยมนฺติ ทสฺเสติ. เอกจฺจาปตฺติวุฏฺานฺหิ กมฺมโตปิ ¶ โหติ อกมฺมโตปิ, น เอวํ อาปชฺชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺตรํ วา อฺตรํ วาติ เตสํ ทฺวิธา ภินฺนานมฺปิ วุฏฺานกฺกมเภทาภาวทีปกวจนํ. ยาวตีหํ, ตาวตีหนฺติ เอตฺถ อหปริจฺเฉโท อรุณวเสน. ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา ชานนปฺปฏิจฺฉนฺนสฺส อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ เตน ภิกฺขุนา วสตา อกามา ปริวตฺถพฺพํ, น ปริวตฺติตลิงฺเคนาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปริวุตฺถปริวาเสนาติ อาทิมฺหิ ปริวุตฺถปริวาเสเนว ปริวาสโต อุตฺตริ อิติวาเรน อาทิโต ภิกฺขุนาว ฉารตฺตํ, ปริวตฺติตลิงฺเคน อุทฺธมฺปิ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ, น ปริวาเส วิย ตปฺปจฺจยา อจิณฺณมานตฺโต. จิณฺณมานตฺโตว อพฺเภตพฺโพ, น อิตโร, น ปริวาเส วิย มานตฺตารเห, ปกฺขมานตฺตฺจ ¶ จรนฺติยา ภิกฺขุนิยา ลิงฺคํ ปริวตฺตาติกฺกเม สติ จิณฺณมานตฺโต ภิกฺขุ โหติ, ปุน ภิกฺขุมานตฺตํ คเหตฺวา จิณฺณมานตฺโตว ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพติ ทสฺเสติ.
ยตฺถ สิยาติ ยสฺสํ สมานสํวาสกสีมายมฺปิ วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ อตฺถิ. เอเกนปิ เจ อูโน วีสติคโณติ น ยุชฺชติ, อูโน เจ. น หิ วีสติคโณ, สงฺโฆ เจ อูโน. ตสฺมา ‘‘เอเกนปิ เจ อูโน สงฺโฆ’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺคปฺปสงฺคนิวารณปฺปโยชนโต. ตสฺมา วีสติวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เจ ภิกฺขุนา เอเกนปิ อูโน, นฏฺโ ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน วินเย อปฺปกตฺุโน ‘‘ยถา อติเรกจตุวคฺโคปิ สงฺโฆ จตุวคฺคกรณีเย กมฺเม ‘จตุวคฺโค’ติ วุจฺจติ, ตถา ปฺจวคฺคทสวคฺคกรณีเย กมฺเม อติเรกปฺจวคฺคทสวคฺโคปิ ‘ปฺจวคฺคทสวคฺโค’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา อูโนปิ จตุวคฺคปฺจวคฺคทสวคฺควีสติวคฺโควา’’ติ มฺเยฺยุํ, เตสํ มฺนานิวารณตฺถํ ‘‘เอเกนปิ เจ อูโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา วีสติ ภิกฺขุสงฺโฆ เจ, เปตฺวา เอเกนปิ เจ อูโน อปฺปกตตฺโต, ตํ เปตฺวา เอเกนปิ เจติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อยํ ตตฺถ สามีจีติ วจนํ ยํ วุตฺตํ สพฺพตฺถ ‘‘ตสฺส อาปตฺติยา ปริวาสํ เทติ, มูลาย ปฏิกสฺสติ, มานตฺตํ เทติ, อพฺเภตี’’ติ, ตสฺส อาวิภาวกรณตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน เตสุ อยํ ยถาวุตฺตา สามีจิ นิยตา อิจฺฉิตพฺพา, น ราชสิกฺขาปทาทีสุ วิย อนิยตา. ตตฺถ หิ เกนจิ อนฺตราเยน ตํ สามีจิมกโรนฺเตปิ อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติ.
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตกณฺฑํ
๑. ปมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
อนิยเต ¶ ¶ อาทิโตว อิทํ ปกิณฺณกํ. เสยฺยถิทํ – อิทํ อนิยตกณฺฑํ นิปฺปโยชนํ ตตฺถ อปุพฺพาภาวโตติ เจ? น, ครุกลหุกเภทภินฺนาปตฺติโรปนาโรปนกฺกมลกฺขณทีปนปฺปโยชนโต. เอตฺถ หิ ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย มยา…เป… โส จ ตํ ปฏิชานาติ, อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ’’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔๖) อาปตฺติยา ครุกาย, ลหุกาย จ อาโรปนกฺกมลกฺขณํ, ‘‘น กาเรตพฺโพ’’ติ อิมินา อนาโรปนกฺกมลกฺขณฺจ ทสฺสิตํ. ลกฺขณทีปนโต อาทิมฺหิ, อนฺเต วา อุทฺทิสิตพฺพนฺติ เจ? น, อสมฺภวโต. กถํ น ตาว อาทิมฺหิ สมฺภวติ, เยสมิทํ ลกฺขณํ, เตสํ สิกฺขาปทานํ อทสฺสิตตฺตา. น อนฺเต ครุกมิสฺสกตฺตา. ตสฺมา ครุกลหุกานํ มชฺเฌ เอว อุทฺทิสิตพฺพตํ อรหติ อุภยมิสฺสกตฺตา. ยา ตตฺถ ปาจิตฺติยสงฺขาตา ลหุกาปตฺติ ทสฺสิตา, สาปิ ครุกาติ กถิตา. เตเนวาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทนา’’ติอาทิ. ตสฺมา ครุกานํ เอว อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺนฺติปิ เอเก. เอวํ สติ ปมานิยตเมวาลํ ตาวตา ลกฺขณทีปนสิทฺธิโต, กึ ทุติเยนาติ เจ? น, โอกาสนิยมปจฺจยมิจฺฉาคาหนิวารณปฺปโยชนโต. ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อลํกมฺมนิเย’’ติ โอกาสนิยมโต หิ ตพฺพิปรีเต โอกาเส อิทํ ลกฺขณํ น วิกปฺปิตนฺติ มิจฺฉาคาโห โหติ. ตํนิวารณโต ทุติยานิยตมฺปิ สาตฺถกเมวาติ อธิปฺปาโย. กสฺมา? โอกาสเภทโต, รโหเภททีปนโต, รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโต. โอกาสนิยมภาเว จ รโหนิสชฺชสฺสาทเภโท ชาโต. ทฺวินฺนํ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทานํ นานาตฺตชานนฺจ สิยา ตถา กายสํสคฺคเภททีปนโต. นาลํ กมฺมนิเยปิ หิ โอกาเส อปฺปฏิจฺฉนฺเน, ปฏิจฺฉนฺเนปิ วา นิสินฺนาย วาตปานกวาฏจฺฉิทฺทาทีหิ นิกฺขนฺตเกสาทิคฺคหเณน กายสํสคฺโค ลพฺภตีติ เอวมาทโยปิ นยา วิตฺถารโต เวทิตพฺพา.
ตตฺริทํ ¶ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – โอกาสเภทโตติ อลํกมฺมนิยนาลํกมฺมนิยเภทโต. ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ หิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วาตปานาทินา อนฺตริตตฺตา ¶ , อุภยปฺปฏิจฺฉนฺนมฺปิ เอกจฺจํ นาลํกมฺมนิยํ วิชานตํ อชฺโฌกาสตฺตา. รโหเภททีปนโตติ เอตฺถ รหภาวสามฺเปิ รโห ทฺวิธา ปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนเภทโตติ อธิปฺปาโย. รโหนิสชฺชสฺสาทเภททีปนโตติ เมถุนสฺสาทวเสน นิสชฺชา, ทุฏฺุลฺลสฺสาทวเสน นิสชฺชาติ ตาทิสสฺส เภทสฺส ทีปนโตติ อตฺโถ. ‘‘อิธ อาคตนยตฺตา ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข อิทํ กณฺฑํ ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘อฏฺุปฺปตฺติยา ตตฺถ อนุปฺปนฺนตฺตา’’ติ เอเก, ตํ อเนกนฺตภาวทีปนโต อยุตฺตํ. สพฺพพุทฺธกาเล หิ ภิกฺขูนํ ปฺจ, ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโร จ อุทฺเทสา สนฺติ. ปาติโมกฺขุทฺเทสปฺตฺติยา อสาธารณตฺตา ตตฺถ นิทฺทิฏฺสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยานนฺติ เอเก. ตาสฺหิ ภิกฺขุนีนํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิก (ปาจิ. ๖๕๘) -อฏฺวตฺถุก (ปาจิ. ๖๗๕) -วเสน กายสํสคฺควิเสโส ปาราชิกวตฺถุ, ‘‘หตฺถคฺคหณํ วา สาทิเยยฺย, กายํ วา ตทตฺถาย อุปสํหเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต สาทิยนมฺปิ, ‘‘สนฺติฏฺเยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต านมฺปิ, ‘‘สงฺเกตํ วา คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต คมนมฺปิ, ‘‘ฉนฺนํ วา อนุปวิเสยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๕) วจนโต ปฏิจฺฉนฺนฏฺานปฺปเวโสปิ โหติ, ตถา ‘‘รตฺตนฺธกาเร อปฺปทีเป, ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส อชฺโฌกาเส เอเกเนกา สนฺติฏฺเยฺย วา สลฺลเปยฺย วา’’ติ (ปาจิ. ๘๓๙) วจนโต ทุฏฺุลฺลวาจาปิ ปาจิตฺติยวตฺถุกนฺติ กตฺวา ตาสํ อฺถา อนิยตกณฺฑสฺส อวตฺตพฺพตาปตฺติโต น วุตฺตนฺติ เตสํ อธิปฺปาโย. ปกิณฺณกํ.
‘‘เทสนาวุฏฺานคามินีนํ อาปตฺตีนํ วเสน อลชฺชิอาทโย ลชฺชีนํ โจเทสฺสนฺตี’’ติ อาคตตฺตา ลชฺชิปคฺคหตฺถาย ปติรูปายปิ อุปาสิกาย วจเนน อกตฺวา ภิกฺขุสฺเสว ปฏิฺาย กาตพฺพนฺติ อาปตฺติโย ปน ลกฺขณทสฺสนตฺถํ ปฺตฺตํ วิตฺถารนยเมว คเหตฺวา วตฺตุํ ยุตฺตํ ‘‘อิเม โข ปนายสฺมนฺโต ทฺเว อนิยตา ธมฺมา’’ติ (ปารา. ๔๔๓) อุทฺเทสทสฺสนตฺตาติ ลิขิตํ. โสตสฺส รโหติ เอตฺถ รโหติ วจนสามฺโต วุตฺตํ. ทุฏฺุลฺลสามฺโต ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปเทสุ ปาราชิกวจนํ วิย. ตสฺมา ‘‘จกฺขุสฺเสว ปน รโห ‘รโห’ติ อิธ อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘มาตุคาโม นาม…เป… อนฺตมโส ตทหุชาตาปิ ทาริกา’’ติ (ปารา. ๔๔๕) วุตฺตตฺตา ทุฏฺุลฺโลภาสนํ อิธ นาธิปฺเปตนฺติ ทีปิตเมวาติ. อนฺโตทฺวาทสหตฺเถปีติ ¶ ปิ-สทฺเทน อปิหิตกวาฏสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสินฺโนปีติ อตฺโถ. อเจลกวคฺเค รโหปฏิจฺฉนฺนาสนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๘๘) ‘‘โย โกจิ วิฺู ปุริโส ทุติโย โหตี’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรติเยวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อลํกมฺมนิเยติ สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๔๕) วิภงฺเค ¶ วจนโต รโหนิสชฺชสฺสาโท เจตฺถ เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลโส, น ทุติเย วิย ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทกิเลโส. ตสฺมา จ ปฺายติ โสตสฺส รโห นาธิปฺเปโตติ.
ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน วเทยฺยาติ รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสินฺนสฺส ตสฺสานุสาเรน ปาจิตฺติยเมว อวตฺวา ปาราชิกสงฺฆาทิเสสายปิ อาปตฺติยา เภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปุน อาปตฺติปฺปฏิชานนํ อวตฺวา กสฺมา ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฏิชานมาโน’’ติ วตฺถุปฺปฏิชานนํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อาปตฺติยา โจทิเต วินยธเรน ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปุจฺฉิเต จุทิตเกน ‘‘อิมสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺเต วินยธเรน ‘‘อีทิสํ นาม อกาสี’’ติ ปุจฺฉิเต โส วตฺถุํ ปฏิชานมาโนว กาเรตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฏิชานมาโน’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ นิสชฺชํ ปฏิชานมาโนปิ อาปตฺติยาว กาเรตพฺโพติ? อนุรูปเมว. เอวํ ปน คเหตพฺพํ – ติณฺณมฺปิ อาปตฺตีนํ วตฺถูนิ อคฺคเหตฺวา อิธ สิกฺขาปทวเสน นิสชฺชเมว วุตฺตํ. ตสฺมึ คหิเตปิ หิ อาปตฺติ คหิตาว โหตีติ. เยน วา สาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ วา’’ติ โยเชตพฺโพ. โส จ วิกปฺปตฺโถ. ตสฺมา ‘‘กาเรตพฺโพ วา ปฏิชานมาโน, น วา กาเรตพฺโพ อปฺปฏิชานมาโน’’ติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิชานมาโน วา’’ติอาทิ. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวเสน นิสชฺชปจฺจยา อาปตฺติยา วุตฺตตฺตา เสเสสุปิ เสสสิกฺขาปทวเสน อาปตฺติ คเหตพฺพา. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมปาราชิกสทิสาเนวา’’ติ วุตฺตตฺตา อิธ ทุฏฺุลฺโลภาสนสฺส อนธิปฺเปตภาโว เวทิตพฺโพ.
ปมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
สงฺฆาทิเสเสน ¶ วาติ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺโลภาสเนน. ตสฺมา เอวํ กายสํสคฺควาโร ปาฬิยมฺปิ วุตฺโต. อนนฺโธ อพธิโรติ อนนฺโธ กายสํสคฺคํ ปสฺสติ, อพธิโร ทุฏฺุลฺลํ สุณาติ, ตสฺมา เอว อทินฺนาทานสทิสาเนวาติ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํ. เอตฺถ จ กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานํ กถนฺติ เจ? กายสํสคฺคฺหิ สมาปชฺชนฺโต ทุฏฺุลฺลมฺปิ ภณติ, ทุฏฺุลฺลํ ภณนฺโต นิสีทติ จาติ สมฺภวติ, ทุฏฺุลฺลเมว วา สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อทินฺนาทานสมุฏฺานนฺติ.
โย ¶ เทสนํ สพฺพวิทูปโมว;
นานานยาการวิจิตฺตเภทํ;
าตุํ อุปายาน มโน สติมา;
ตํ ลาภเหตุํ น กโรติ ปฺุนฺติ.
ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
๑. จีวรวคฺโค
๑. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา
นิสฺสคฺคิยกณฺเฑ ¶ ¶ ติณฺณํ กถินสิกฺขาปทานํ, วสฺสิกสาฏิกอจฺเจกจีวรสาสงฺกสิกฺขาปทานฺจ เอกเทสนาย ตถากิณฺณาปตฺติกฺขนฺธาว เวทิตพฺพา –
กถินํ ยสฺส จตฺตาโร, สหชา สมยทฺวยํ;
ฉนฺนํ สิกฺขาปทานฺจ, เอกเทสวินิจฺฉโย.
ตตฺถ กถินนฺติ ‘‘สงฺฆสฺส อนุโมทนาย, คณสฺส อนุโมทนาย, ปุคฺคลสฺส อตฺถารา สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ (ปริ. ๔๑๔) วจนโต เตสํเยว อนุโมทนาทิธมฺมานํ สงฺคโห กถินํ นาม. ยถาห ‘‘กถินํ ชานิตพฺพนฺติ เตสฺเว ธมฺมานํ สงฺคโห สมวาโย นามํ นามกมฺม’’นฺติอาทิ (ปริ. ๔๑๒). ตสฺมา กถินนฺติ อิทํ พหูสุ ธมฺเมสุ นามมตฺตํ, น ปรมตฺถโต เอโก ธมฺโม. โก ปนสฺส อตฺถาโรติ? ตเทกเทโสว ขีรสฺส ธารา วิย. ยถา จาห ‘‘อตฺถาโร เอเกน ธมฺเมน สงฺคหิโต วจีเภเทนา’’ติ. สหชา นาม อฏฺ มาติกา, ทฺเว ปลิโพธา, ปฺจานิสํสาติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา. สมยทฺวยํ นาม กถินตฺถารสมโย, จีวรสมโย จาติ. ตตฺถ กถินตฺถารสมโย วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส. จีวรสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน อยํ กตฺติกมาโส, อตฺถเต จตฺตาโร เหมนฺติกา จาติ ปฺจ มาสา.
ตตฺถ อฏฺ มาติกา นาม ปกฺกมนนฺติกาทโย. ตา สพฺพาปิ อตฺถาเรน เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ นาม. ตพฺภาวภาวิตาย อตฺถาเร สติ อุทฺธาโร สมฺภวติ. ตตฺถ กถินตฺถาเรน เอกุปฺปาทา ¶ เอกนิโรธา อนฺตรุพฺภาโร สหุพฺภาโร, อวเสสา กถินุพฺภารา เอกุปฺปาทา, นานานิโรธา จ. ตตฺถ เอกนิโรธาติ อตฺถาเรน สห นิโรธา, อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารานํ อุทฺธาราภาโว เอกกฺขเณ โหตีติ อตฺโถ. เสสา นานา นิรุชฺฌนฺติ นาม. เตสุ หิ อุทฺธารภาวํ ปตฺเตสุปิ อตฺถาโร ติฏฺติ เอวาติ อฏฺกถายํ อตฺถวิภาวนา. สเจ อตฺถเต กถิเน ภิกฺขุสฺมึ สาเปกฺเข ¶ ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมนฺเต สงฺโฆ อนฺตรุพฺภารํ กโรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปมเมว มูลาวาเส นิฏฺิตจีวรปลิโพธาภาเวปิ สติ อนฺตรุพฺภาเร ปลิโพโธ ฉิชฺชติ สติปิ สาเปกฺขตาย สอุสฺสาหตฺตา. อิมินา ปริยาเยน ปกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโร อตฺถาเรน เอกุปฺปาโท นานานิโรโธ โหติ. ตถา อนฺตรุพฺภาเร สติ สุณนฺตสฺสาปิ ยาว จีวรนิฏฺานํ น คจฺฉติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต นิฏฺานนฺติโก. ยาว สนฺนิฏฺานํ น คจฺฉติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สนฺนิฏฺานนฺติโก. ยาว น นสฺสติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต นาสนนฺติโก. ยาว น สุณาติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สวนนฺติโก. ยาว จีวราสา น ฉิชฺชติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต อาสาวจฺเฉทิโก. ยาว สีมํ นาติกฺกมติ, ตาว ปริหารสมฺภวโต สีมาติกฺกนฺติโก. อตฺถาเรน เอกุปฺปาโท นานานิโรโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อนฺตรุพฺภารสหุพฺภารา ทฺเว อนฺโตสีมายํ เอว สมฺภวนฺติ, น พหิสีมายํ. ปกฺกมนสวนสีมาติกฺกนฺติกา พหิสีมายเมว สมฺภวนฺติ, น อนฺโตสีมายํ. นิฏฺานสออาฏฺานาสาวจฺเฉทิกา อนฺโตสีมายฺเจว พหิสีมายฺจ. อนฺตรุพฺภาโร สงฺฆายตฺโต, ปกฺกมนนิฏฺานสนฺนิฏฺานสีมาติกฺกนฺติกา ปุคฺคลาธีนา, เสสา ตทุภยวิปรีตา.
ตตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ อิมินา จีวรปลิโพธาภาวเมว ทีเปติ. น อาวาสปลิโพธาภาวํ. ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิมินา อุภยปลิโพธาภาวํ ทีเปติ, ตสฺมา อุภยปลิโพธาภาวทีปนตฺถํ ตเทว วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, วิเสสตฺตา. กถํ? กามฺเจตํ ตสฺมา ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ เกสฺจิ กถินุทฺธารานํ นานานิโรธตฺตา, สงฺฆปุคฺคลาธีนานธีนตฺตา จ อนฺโตพหิอุภยสีมาสุ นิยมานิยมโต จ อุพฺภตสฺมึ กถิเน สงฺฆสฺส, น ปุคฺคลสฺส อุพฺภตํ โหติ, ตถาปิ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ อิทํ สามฺวจนํ. ตสฺมา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ อิมินา นิยเมติ.
กึ วุตฺตํ โหติ – สงฺฆสฺส อนฺตรุพฺภาเรน อุพฺภตสฺมึ กถิเน อจฺฉินฺนจีวรปลิโพโธ พหิสีมาคโต ปจฺฉา คนฺตฺวา อตฺตโน สีมาคโต อนิฏฺิตจีวโร อานิสํสํ ลภติ เอวาติ กตฺวา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาวาสปลิโพโธ นาม วสติ วา ตสฺมึ ¶ อาวาเส, สาเปกฺโข วา ปกฺกมติ. จีวรปลิโพโธ นาม จีวรํ อกตํ ¶ วิปฺปกตํ, จีวราสานุปจฺฉินฺนา, ตพฺพิปรีเตน อปลิโพโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนตฺถตกถินานํ จีวรกาลสมเย นิยมโต จตฺตาโร อานิสํสา ลพฺภนฺติ, อสมาทานจาโร อนิยมโต. เตน สาสงฺกสิกฺขาปทํ วุตฺตํ. กถํ จตฺตาโร นิยตาติ เจ? ‘‘จีวรกาลสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วจนโต อนตฺถตกถินานํ ตสฺมึ มาเส ยาวทตฺถจีวรํ สิทฺธํ, ตถา ตติยกถินสิกฺขาปเท (ปารา. ๔๙๗ อาทโย) อกาลจีวรํ นาม ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา สงฺฆโต ลภิตพฺพํ เจ, ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตฺวา ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ. ปุคฺคลิกํ เจ, วสฺสานสฺส ฉฏฺปกฺขสฺส ปฺจมิโต ปฏฺาย ยาว จีวรกาลสมยํ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ วฏฺฏติ อจฺเจกจีวรสิกฺขาปเทน อนฺุาตตฺตา, น ตโต ปรํ. ตทา อุปฺปนฺนจีวรสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา ปมกถิเนน. ตตฺถ อฏฺกถายํ วุตฺตนโย สงฺฆิกํ สนฺธาย, ตถา โปราณคณฺิปเท จาติ เวทิตพฺพํ.
ปมกถิเน (ปารา. ๔๕๙ อาทโย) ปมปฺตฺติยา, อวิเสเสน วา เอกาทสเม ทิวเส อาปตฺติ. วสฺสานสฺส หิ อนฺโตนิวารณตฺถํ อฏฺกถาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ (ปารา. ๔๖๒ อาทโย) วุตฺตํ. เอเสว นโย ทุติเย, ตติเย จ. เตน จีวรกาลโต ปุเร วา อนฺโต วา อุปฺปนฺนํ จีวรกาลโต อุทฺธํ เอกทิวสมฺปิ ปริหารํ น ลภติ. ยทิ ลเภยฺย, อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวิโรโธ. ‘‘ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ นิกฺขิเปยฺย, นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๖๔๘) หิ ตตฺถ วุตฺตํ. วสฺสาวาสิกภาเวน สงฺฆโต ลทฺธํ วุฏฺวสฺสตฺตา อตฺตโน สนฺตกภูตํ อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโต เอว อาปตฺติ, น อจฺเจกจีวรกาลํ อติกฺกามยโต อาปตฺตีติ. ‘‘อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺน’’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท, โส จ เนสํ ภวิสฺสตีติ สิทฺธํ, อนามนฺตจารคณโภชนสิกฺขาปเท ‘‘อฺตฺร สมยา’’ติ (ปาจิ. ๒๒๒ อาทโย) วุตฺตตฺตา เสสทฺวยํ สิทฺธเมว. ตสฺมา ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวร’’นฺติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต อาทิสฺส ทินฺนจีวรํ ปริหารํ น ลภติ.
อปรกตฺติกายเมว วา อุพฺภตสฺมึ กถิเน ลภติ, เอวํ ‘‘อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น วตฺตพฺพํ. ฉ านานิ หิ สาเปกฺขตาย วุตฺตานิ ¶ . ทุฏฺโทสทฺวเย อธิกรณจตุตฺถํ, ปมานิยเต โสตสฺส รโห, ตติยกถิเน อาทิสฺส ทินฺนํ จีวรํ, อจฺเจกจีวรสิกฺขาปเท ¶ ‘‘สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ ปทํ, ทุฏฺุลฺลาโรจนปฺปฏิจฺฉาทนทฺวเย อธิกรณํ, ปาราชิกวจนฺจ, ตีสุ กถินสิกฺขาปเทสุ ‘‘อฏฺนฺนํ มาติกานํ อฺตรายา’’ติ วจนนฺติ. ตตฺถ อาทิสฺส ทินฺนํ จีวรํ สงฺฆิกํ ภาชิตพฺพจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปุคฺคลิกํ. สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ วสฺสาวาสิกจีวรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อวุฏฺวสฺเสน ปจฺฉา ทาตพฺพตฺตา สฺาณํ กาตพฺพํ, น าติปฺปวาริตโต ลทฺธํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย. ตสฺมา ทุวิธํ อจฺเจกจีวรํ สงฺเฆ นินฺนํ, ปุคฺคเล นินฺนฺจาติ สิทฺธํ. ตตฺถ สงฺเฆ ปริณตํ อจฺเจกจีวรํ วสฺสูปนายิกทิวสโต ปฏฺาย, ปิฏฺิสมยโต ปฏฺาย วา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ เอว สงฺฆิกตฺตา, ปุคฺคลิกมฺปิ ‘‘วสฺสํวุฏฺกาเล คณฺหถา’’ติ ทินฺนตฺตา. ตาทิสฺหิ ยาว วสฺสํวุฏฺโ น โหติ, ตาว ตสฺเสว ทายกสฺส สนฺตกํ โหติ. เอตฺตโก วิเสสเหตุ.
‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมติ, อนาปตฺตี’’ติ วจนโต อจฺเจกจีวรกสฺเสว โส อปราโธ. เยน ‘‘วิโรโธ’’ติ วจนํ ทสฺเสยฺยาติ น วินเย วิเสสเหตุ ปริเยสิตพฺโพ. พุทฺธวิสยตฺตา ปมาณนฺติ เจ? น, ยทิ เอวํ เอตฺถ อตฺตโน สนฺตกภูตมฺปิ อจฺเจกจีวรํ สฺาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพเมว, น อธิฏฺาตพฺพํ น วิกปฺเปตพฺพํ น วิสฺสชฺเชตพฺพํ. ตโต ‘‘อนาปตฺติ, อนฺโตสมเย อธิฏฺเติ วิกปฺเปติ วิสฺสชฺเชตี’’ติอาทิวจนวิโรโธ (ปารา. ๖๕๑) อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตถา ‘‘วสฺสานสฺส ปจฺฉิเม มาเส กถินุทฺธาเร กเต ตสฺมึ มาเส อตฺถเต กถิเน กถินุทฺธารทิวสํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วจนโต นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อยมฺปิ อตฺถวิโรโธ อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตสฺมิฺจ ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตเมวาติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ. อติเรกจีวรฺเจตํ ปมสิกฺขาปเทนาปตฺติ, อิตรํ เจ อนาปตฺติเยวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ ภควโต วิเสสเหตุ. ตถา อติเรกทสาหานาคตาเยว กตฺติกปุณฺณมาย สงฺฆสฺส วสฺสาวาสิกตฺถํ อจฺเจกจีวรํ วิย ททมานํ น ¶ คเหตพฺพํ, ทสาหานาคตาย เอว คเหตพฺพนฺติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ. ตโต อฏฺกถานยวิโรโธ จ อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตตฺถ ‘‘อธิฏฺิตโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ อจฺเจกจีวรํ น โหตี’’ติ วตฺวา อฺถา นโย ทสฺสิโต. โปราณคณฺิปเท โส จ นโย สงฺฆิกํ อุปาทาย วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ เนว โส จ ปฏิกฺขิตฺโต. ยถา อนจฺเจกจีวรํ ฉฏฺิโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ อติเรกทสาหานาคตายปิ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปฏิคฺคเหตฺวา จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโตปิ อนาปตฺตีติ อยมฺปิ นโย อธิวาเสตพฺโพ สิยา. ตโต ปมกถินวิโรโธ. ทสาหานาคตาย เอว ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปฏิคฺคเหตฺวา ¶ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามยโต อนาปตฺตีติ เจ, ตํ ทฺเว ทสาเห ลภตีติ เอตฺตโก วิเสสเหตุ.
อนฺตรา อนาปตฺติกฺเขตฺตจีวรกาลปฺปวิฏฺตฺตา อธิฏฺหิตฺวา ปจฺจุทฺธฏํ วิย ตํ ปุนปิ ทสาเห ลภตีติ เจ? น, กาลปฺปเวโส อธิฏฺานํ วิย โหตีติ เจ? น, ‘‘วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุ’’นฺติ วจนวิโรธํ กตฺวา, ตโต ปรํ ทสาหํ อวิกปฺเปนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติ สิยา. อปิจ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘วสฺสิกสาฏิกา อนฺโตวสฺเส ลทฺธา เจว นิฏฺิตา จ, อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพา, ทสาหาติกฺกเม นิฏฺิตา, ตทเหว อธิฏฺาตพฺพา, ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๐). เตน อาปตฺติโต น มุจฺเจยฺย. กาลปฺปเวโส หิ อธิฏฺานปริยาโย น ชาโตติ. เอตฺตาวตา ยถาวุตฺโต อตฺถวิกปฺโป ปาฬินเยเนว ปติฏฺาปิโต โหติ.
อปิเจตฺถ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ, ตตฺถปิ จีวรกาเล อุปฺปนฺนํ, ทสาเห อปฺปโหนฺเต จสฺส กรณํ นตฺถิ, ตํ อจฺเจกจีวรํ อกาลจีวรมิว จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ สิทฺธเมตํ. ปาฬิโต จ ตฺเจ อนฺโตกาเล อุปฺปชฺชติ, ทสาเห อปฺปโหนฺเตปิ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฺปนฺนํ อจฺเจกจีวรํ อจฺเจกจีวรเมว น โหติ. น หิ ตํ กาลวิเสสวเสน อจฺเจกจีวรสงฺขํ คจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อจฺเจกจีวรํ นาม เสนาย วา คนฺตุกาโม โหติ, ปวาสํ วา คนฺตุกาโม โหติ, คิลาโน วา โหติ, คพฺภินี วา โหติ ¶ , อสฺสทฺธสฺส วา สทฺธา อุปฺปนฺนา โหติ…เป… ‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’ติ เอวํ อาโรจิตํ, เอตํ อจฺเจกจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๖๔๙). ตสฺมา ยถา ตํ จีวรํ นาติกฺกาเมตพฺพํ, ตถา อนจฺเจกจีวรมฺปีติ สิทฺธํ โหติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา’’ติ. อปิจ ยทิ เอวํ ตํ อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทเมว อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ อิมสฺส ปน อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ภควตา ปฺตฺตํ.
มหาอฏฺกถายํ ปน ตํ เอวํ วุตฺตํ – กามฺเจทํ ‘‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิทฺธํ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทํ ปิตนฺติ อตฺถวิเสสทีปนปโยชนโต. ตสฺมา ตํ ตสฺส อตฺถวิเสสทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ สิทฺธเมว. ตสฺมาปิ เวทิตพฺพเมว ยํ กิฺจิ จีวรํ จีวรกาลสมยํ นาติกฺกาเมตพฺพนฺติ. อปิจ ยํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ฉฏฺิโต ปฏฺาย ปน อุปฺปนฺนํ อนจฺเจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธาเรตฺวา ปิตจีวรมฺปิ ¶ เอตํ ปริหารํ ลภตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๔๖-๖๔๙). เตน ‘‘อนจฺเจกจีวเร อนจฺเจกจีวรสฺี จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๖๕๐) อิมินาปิ อนจฺเจกจีวรสฺสาปิ อจฺเจกจีวรปริหารลาภํ ทีเปตีติ.
เอตฺตาวตา ยถาวุตฺโต ทุติโย อตฺถวิกปฺโป ปาฬินเยน, อฏฺกถานเยน จ ปติฏฺาปิโต โหติ. เอวํ ตาว ปกิณฺณกาย อธิกถา ปรโต ปาโต วิตฺถาริตา โหตีติ อปกิณฺณกํ.
จีวรปลิโพโธ, อาวาสปลิโพโธ จาติ ทฺเว ปลิโพธา. เตสุ เอกปลิโพเธปิ สติ อนามนฺตจาราทิอานิสํสํ ลภติ, ตํ อิธ นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา เอว ‘‘อตฺถตกถินสฺส หิ ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถินตฺถารารหสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ – ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๐๙) วจนโต อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กถินตฺถารารโห นาม. ปุพฺพกรณํ นาม โธวนวิจารณจฺเฉทนสิพฺพนรชนกปฺปกรณํ.
‘‘จีวรํ ¶ นาม โขม’’นฺติอาทินา ปาฬิวเสน ชาติฺจ ปมาณฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อติเรกจีวรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺตํ อธิฏฺิตวิกปฺปิเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ วุตฺเตปิ ยสฺมึ าเน ยํ ปิตํ, ตสฺมึ ตํ ปจฺฉา โหตุ วา, มา วา, อธิฏฺานํ รุหเตว. ปุเร ปจฺฉา ปนฏฺานํ น ปมาณํ.
อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส ภิกฺขุภาวปริจฺจาควเสน เสตวตฺถนิวาสนํ วา กาสาวจชนํ วา หีนายาวตฺตนํ.
เอกาทสเม อรุณุคฺคมเนติ อนฺติมํ เปตฺวา ตโต ปุริมตรสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนฺติมํ นาม อปรกตฺติกาย ปมารุณุคฺคมนํ. ตฺหิ กาลตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น กโรติ. อิธ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา’’ติ กรณวจนํ นิทานานเปกฺขํ นิทาเน กรณาภาวโต. ตสฺมา เอว ‘‘ทสาหปรม’’นฺติ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตีติ วุตฺตํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺาตุํ น วิกปฺเปตุ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๓๕๘) วจนโต จ อิธ ‘‘วิกปฺเปตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตวจนํ วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ, น จ วิรุทฺธํ ตถาคตา ภาสนฺติ, ¶ ตสฺมา เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ติจีวรํ ติจีวรสงฺเขเปน ปริหารโต อธิฏฺาตุเมว อนุชานามิ, น วิกปฺเปตุํ. วสฺสิกสาฏิกํ ปน จตุมาสโต ปรํ วิกปฺเปตุเมว, น อธิฏฺาตุนฺติ. เอวฺจ ปน สติ โย ติจีวเร เอเกน จีวเรน วิปฺปวสิตุกาโม โหติ, ตสฺส ติจีวราธิฏฺานํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิปฺปวาสสุขตฺถํ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน โหติ, ทสาหาติกฺกเม จ อนาปตฺตีติ. เอเตน อุปาเยน สพฺพตฺถ วิกปฺปนาย อปฏิสิทฺธภาโว เวทิตพฺโพติ ลิขิตํ.
อิมสฺส ปน สิกฺขาปทสฺส อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย – อนตฺถเต กถิเน เหมนฺตานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย, อตฺถเต กถิเน คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนจีวรํ สนฺธาย ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถาห – ‘‘รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตกํ การาเปนฺตสฺสาปิ อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๕) วจนโต อรชิเตปิ อธิฏฺานํ รุหตีติ. เตน สูจิกมฺมํ กตฺวา รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ นิยโม กาตพฺโพ, น กาตพฺโพติ? กตฺตพฺโพว. ปตฺโต วิย อธิฏฺิโต ยถา ปุน เสตภาวํ วา ตมฺพภาวํ วา ปตฺโต อธิฏฺานํ น วิชหติ, น จ ปน ตาทิโส ¶ ยํ อธิฏฺานํ อุปคจฺฉติ, เอวเมตํ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘สฺเว กถินํ อุทฺธริสฺสตี’’ติ ลทฺธจีวรํ สเจ อชฺเชว น อธิฏฺาติ, อรุณุคฺคมเน เอว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. กสฺมา? ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทินา (ปารา. ๔๖๒-๔๖๓;) สิกฺขาปทสฺส วุตฺตตฺตา. กถินพฺภนฺตเร ทสาหโต อุตฺตริปิ ปริหารํ ลภติ, กถินโต ปน ปจฺฉา เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. ยถา กึ – ยถา อตฺถตกถิโน สงฺโฆ ติจีวรํ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา อานิสํสํ ลภติ, น ตโต ปรํ, เอวํ อตฺถตทิวสโต ปฏฺาย ยาว อุพฺภารา ลภติ, อุทฺธเต ปน กถิเน เอกทิวสมฺปิ น ลภติ. เอตฺถาห – อุพฺภตทิวสโต ปฏฺาย ปุน ทสาหํ ลภตีติ? น, กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตุ’’นฺติ วจนโต. กถินพฺภนฺตเรปิ เอกาทเส อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปนฺนํ. ตํ ปน อติปฺปสงฺคํ นิวาเรตุํ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, น กถินทิวสานิ อทิวสานีติ ทีปนตฺถํ. อยมตฺโถ ตตฺถ ตตฺถ อาวิภวิสฺสติ. อถ วา วสฺสิกสาฏิกา อนติริตฺตปฺปมาณา นามํ คเหตฺวา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส อธิฏฺาตพฺพา, ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ วุตฺตํ. เอตฺถ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วจเน อุโปสถทิวเส เอว ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตฺวา ปิตํ โหติ, ตโต ปรํ เหมนฺตสฺส ปมทิวสโต ปฏฺาย ปจฺจุทฺธรณาภาวา. เอวํ กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรมฺปิ เวทิตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
กถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อตฺถตกถินสฺส ¶ ปฺจ มาเส พทฺธสีมายํ ยตฺถ กตฺถจิ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘อพทฺธสีมายปิ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ อพทฺธสีมายํ กถินตฺถารฺจ อารฺกสิกฺขาปทฺจ สาเธตีติ ลิขิตํ. อิทานิ –
‘‘ฉินฺนํ ธุตงฺคํ สาสงฺก-สมฺมโต สนฺตรุตฺตรํ;
อจีวรสฺสานาปตฺติ, ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๗๙) –
อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺรายํ ¶ โจทนาปุพฺพงฺคมวินิจฺฉโย – เกจิ ‘‘ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) วจนโต ‘‘เอกจฺจิกา สงฺฆาฏิ นาธิฏฺาตพฺพา. สเจ อธิฏฺาติ, น รุหตี’’ติ วตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขานมฺปิ ทิคุณํเยว สงฺฆาฏึ ทตฺวา อุปสมฺปาเทนฺติ, เต อิมินา สุตฺตเลเสน สฺาเปตพฺพา. ภควตา หิ ‘‘ฉินฺนกํ สงฺฆาฏึ, ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ, ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ ปมํ อนฺุาตํ. ตโต ‘‘อฺตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กริยมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อฉินฺนกํ นปฺปโหติ, ทฺเว อฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหตี’’ติ อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๖๐) อนฺุาตํ, ตสฺมา เอกจฺจิกาปิ สงฺฆาฏิ วฏฺฏตีติ สิทฺธํ. ยา ฉิชฺชมานาปิ นปฺปโหติ, ตสฺสา กุโต ทิคุณตาติ? อฏฺกถายมฺปิสฺส วุตฺตํ ‘‘อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุนฺติ อาคนฺตุกปตฺตมฺปิ ทาตุํ, อิทํ ปน อปฺปโหนเก อาโรเปตพฺพํ. สเจ ปโหติ, อาคนฺตุกปตฺตํ น วฏฺฏติ, ฉินฺทิตพฺพเมวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๖๐). กถินํ ปน ฉินฺนกเมว วฏฺฏติ, อาเวณิกลกฺขณตฺตา, ‘‘ฉินฺนกํ ทิคุณํ นปฺปโหตี’’ติ วจนาภาวโต จาติ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
ธุตงฺคนฺติ อนุปสมฺปนฺนานํ เตจีวริกธุตงฺคาภาวโต ติจีวเรเนว เตจีวริโกติ, เตสํ อธิฏฺานาภาวโต ‘‘อธิฏฺิเตเนวา’’ติ วตฺตพฺพํ โหตูติ เจ? น, ธุตงฺคเภเทน วิโรธปฺปสงฺคโต. จตุตฺถจีวรสาทิยเนน หิ ธุตงฺคเภโท, น ติจีวรวิปฺปวาเสน, นาปิ อติเรกจีวรสาทิยเนน, นาปิ อติเรกจีวรธารเณน. ยสฺมา ปน ภิกฺขูนํ เอว ภควตา อธิฏฺานวเสน นว จีวรานิ ¶ อนฺุาตานิ, ชาติวเสน จ วุตฺตานิ, น เอวํ อนุปสมฺปนฺนานํ, ตสฺมา เนสํ จีวรนิยมาภาวา น ตํ ธุตงฺคํ อนฺุาตํ คหฏฺานํ วิย. ตสฺมา ตสฺส สมาทานวิธาเน อวจนโต จ สนฺนิฏฺานเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
สาสงฺกสมฺมโตติ กงฺขาวิตรณิยํ (กงฺขา. อฏฺ. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา) สาสงฺกสิกฺขาปเท วิสุํ องฺคานิ น วุตฺตานิ, ‘‘เสสเมตฺถ จีวรวคฺคสฺส ทุติยสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, น จ ปเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถ รตฺติวิปฺปวาโส จตุตฺถมงฺคํ, อิธ ฉารตฺตวิปฺปวาโส, อยเมตฺถ วิเสโสติ. ตสฺมา องฺคสามฺโต จ สมฺมุติสามฺโต จ สาสงฺกสิกฺขาปทเมวิทนฺติ อิทํ ¶ นิปฺปเทสํ, ตํ สปฺปเทสํ มาสปรมตฺตา. ตตฺถ พหิคาเมปิ คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิธ น ตถา. อิธ อนนฺตเร อนนฺตเร อรุณุคฺคมเน นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ สตฺตเมติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วิเสโส. องฺคานิ ปน จีวรนิกฺเขปนงฺคสมฺปตฺติโต วิปริยาเยน, อิธ วุตฺตนเยน จ สิทฺธตฺตา น วุตฺตานิ. ตานิ กามํ น วุตฺตานิ, ตถาปิ จตุตฺถมงฺคํ วิเสสิตพฺพํ, น ปน วิเสสิตํ. กึ การณํ? อิธ วุตฺตนิสฺสชฺชนกฺกเมน นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติเทสนโต, ตตฺถาปนฺนาปตฺติวิโมกฺขทีปนตฺถํ. สํวจฺฉรวิปฺปวุตฺถมฺปิ รตฺติวิปฺปวุตฺถเมว, ปเคว ฉารตฺตวิปฺปวุตฺถํ. เอวํ สนฺเตปิ ตตฺถ ยถาวุตฺตองฺคสมฺปตฺติยา สติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เหมนฺเต, คิมฺเห วา นิสฺสชฺชติ เจ? อิธ วุตฺตนเยนาปิ นิสฺสชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ าปนตฺถํ จตุตฺถมงฺคํ น วิเสสิตนฺติ โน ตกฺโกติ อาจริโย. มาสาติกฺกนฺตํ, ทสาหาติกฺกนฺตมฺปิ จีวรํ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสฏฺเมว, น อูนมาสํ หุตฺวา ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา, มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวาติ เอเก. ตถาปิ สเจ ปจฺจาสาจีวรํ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ. ‘‘ทสาหาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา มูลจีวรํ ปน ‘‘มาสาติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา นิสฺสชฺชิตพฺพํ.
‘‘สนฺตรุตฺตร’’นฺติ วา ‘‘สงฺฆาฏิ’’นฺติ วา ‘‘จีวร’’นฺติ วา กึ ติจีวรํ, อุทาหุ อฺมฺปีติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ติจีวรเมว ปฏิสิทฺธํ, ปริยาปนฺนวเสน อจฺฉินฺนจีวรออฉนฺทนโธวาปนวิฺตฺติอาทิวิโรโธ. อถ อฺมฺปิ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอวมาทินา วิโรโธติ? วุจฺจเต – น นิยมโต เวทิตพฺพํ ยถาสมฺภวํ คเหตพฺพโต. ตถา หิ ‘‘จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ (ปารา. ๔๗๑) เอวมาทีสุ ติจีวรเมว, ‘‘น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ (มหาว. ๓๖๒), สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๕๒๓-๕๒๔) เอวมาทีสุ ยํ กิฺจิ, ตถา ‘‘สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฏิโย ทาตพฺพา, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, สงฺฆาฏิ ทาตพฺพา, หนฺท เต, อาวุโส ¶ , สงฺฆาฏิ, เทหิ เม ปฏ’’นฺติ เอวมาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สพฺพฺหิ จีวรํ สงฺฆฏิตฏฺเน ‘สงฺฆาฏี’ติ วุจฺจตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๙๘). ตถา ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตฺถาปีติ เอเก. อนฺโตสมเย ยาวทตฺถํ จีวรํ อนฺุาตํ, ตํ สพฺพํ กริยมานํ กทา นิฏฺานํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา ติจีวรเมวาติ เอเก.
อจีวรสฺสานาปตฺติ ¶ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโตติ กึ วุตฺตํ โหติ – อุโทสิตสิกฺขาปทสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโต ติจีวรวิปฺปวาเส เตจีวรสฺส อาปตฺตีติ เอเก. ตตฺเถตํ วุจฺจติ น โหติ อาปตฺติ ปจฺจุทฺธาราทิสิทฺธิโต. ‘‘อนาปตฺติ อนฺโตอรุเณ ปจฺจุทฺธรติ วิสฺสชฺเชตี’’ติ (ปารา. ๔๙๖) หิ วุตฺตํ. อฺถา ปจฺจุทฺธรนฺตสฺส, อนฺโตอรุเณ วิสฺสชฺเชนฺตสฺส จ ยาว อฺโ นาธิฏฺาติ, ตาว อาปตฺตึ อาปชฺชติ ยถาวุตฺตนเยเนว. อฺถา สตฺตพฺภนฺตเรน วิปฺปวาสสฺสาติ วิปฺปวาสโต ยถารุตํเยว สติ วิปฺปวาเส วิปฺปวาสโต, อวิปฺปวาเส สติ อวิปฺปวาสโตติ.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานสฺส ทุพฺพิชานตฺตา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิหารปริยนฺเต นิวิฏฺธุวสนฺนิปาตฏฺานโต วา ปริยนฺเต ิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วาติ เอวํ คเหตพฺพํ. สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมา โหตีติ อตฺโถ. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ วุตฺเต ขณฺฑสีมาทีสุ ิตานํ น ปาปุณาติ, ตาสํ วิสุํ สมานสํวาสกสีมตฺตาติ จ สมานสํวาสกอวิปฺปวาสสีมานํ อิทํ นานตฺตํ. ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต. ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺมึ าเน อวิปฺปวาสสีมา อตฺถิ, ตตฺถ ิตานมฺปิ. ‘‘ตตฺร ิตานฺจ ปาปุณาตี’’ติ จ, ‘‘ขณฺฑสีมายํ ตฺวา ‘สีมฏฺกสงฺโฆ คณฺหาตู’ติ วุตฺเต อุปจารสีมาย เอว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ จ, ‘‘เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาติ ยาว กถินสฺสุพฺภาราติ อตฺโถ’’ติ จ, ‘‘อนตฺถเต ปน กถิเน อนฺโตเหมนฺเต สเจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, เย ตตฺถ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺา, เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ วินยธรา ¶ ปริจฺฉินฺทนฺติ, อฏฺกถายํ ปน อนาคตํ. ตสฺมา สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ลกฺขณฺู วทนฺตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตนฺติ จ, ‘‘‘จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว ¶ เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วุตฺเต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ, อนตฺถตํ วาติ ยํ สมนฺตปาสาทิกาวจนํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙), เอตฺถาปิ ยทิ อตฺถตํ, ปุริมวสฺสํวุฏฺา ปฺจ มาเส. ยทิ อนตฺถตํ, ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺา จตฺตาโร มาเส ลภนฺตีติ วินิจฺฉโย’’ติ จ ลิขิตํ.
‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ เยหิ นิมนฺติเตหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ อธิปฺปาโย. ตสฺมา เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตา, เตสํเยว ปาปุณาตีติ วุตฺตํ. อฺถา ‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา’ติ วุตฺเต นิมนฺติตา วา โหนฺตุ, อนิมนฺติตา วา, เยหิ ปีตา, เตสํ ปาปุณิตพฺพานี’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมึ กถิเน’’ติ วทนฺโต าเปติ เอตฺถนฺตเร ติณฺณมฺปิ อกาลจีวรานํ อุปฺปตฺติอภาวนฺติ. กสฺมา ปน ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ? วุจฺจเต – อิทํ ปน สิกฺขาปทํ อธิฏฺานํ สนฺธาย น วุตฺตํ กินฺตุ ปมสิกฺขาปเท ทสาหปรมํ อนุชานิตฺวา ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต สเจ ปจฺจาสา อตฺถิ, ตเมว วฑฺเฒตฺวา มาสมนุชานนฺโต อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทีเปติ. อกาลจีวรํ นาม สมฺมุขีภูเตน ภาเชตพฺพํ. ตํ ปน ‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิกฺขาปเทน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตนฺติ. ตสฺมา ตีณิปิ ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ.
‘‘ขิปฺปเมว กาเรตพฺพนฺติ สีฆํ อนฺโตทสาเหเยว กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปโหนกภาเว ปุริมสิกฺขาปทลกฺขเณนาติ ทีเปตุํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอวํ ‘‘สีฆ’’นฺติ วา ‘‘ลหุ’’นฺติ วา อาทินา อวตฺวาปิ ‘‘ทสาหา’’ติ วุตฺตนฺติ. อตฺถตกถินสฺส เอวํ โหตุ, อนตฺถเต ปน กถิเน กถนฺติ วุตฺเต อนตฺถตสฺส ปฏิกฺเขปตํ ทสฺเสตีติ วุตฺโต อปสฺสนฺโต วิฆาตํ อาปชฺชตีติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๙๙-๕๐๐) ลิขิตํ.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สากิยานิโย วิย สุทฺธภิกฺขุสงฺเฆ วา’’ติ อิทํ ‘‘ภิกฺขุนี นาม อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนา’’ติ ¶ (ปารา. ๕๐๕) อิมินา วิรุชฺฌตีติ เจ? น, อธิปฺปายาชานนโต ¶ . ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปทาย ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ตทนุปฺปสงฺคภยา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอเกน วตฺถุนาติ เยน เกนจิ ปเมน. อวุตฺตา วา โธวตีติ อวุตฺตา โธวติ, รชติ อาโกเฏตีติ อตฺโถ. ‘‘‘อวุตฺตา’ติ วจนโต อวาทาเปตฺวา โธวนาทีสุ อนาปตฺตี’’ติ ลิขิตํ. อิธ จีวรํ นาม นิวาสนปารุปนูปคเมว. ยทิ เอวํ ‘‘นิวาสนปารุปนูปคเมว วตฺตพฺพ’’นฺติ เจ? ตํ น วตฺตพฺพํ ‘‘ปุราณจีวร’’นฺติ อิมินาว สิทฺธตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปุราณจีวรํ นาม สกึ นิวตฺถมฺปิ สกึ ปารุตมฺปี’’ติ (ปารา. ๕๐๕).
ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ. อจิตฺตกตฺตา กถํ ปํสุกูลํ วฏฺฏตีติ เจ? ตาย ตสฺส ภิกฺขุโน อทินฺนตฺตา, ภิกฺขุนา จ ตโต ภิกฺขุนิโต อคฺคหิตตฺตา จ.
จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
าตกปฺปวาริเต วา วิฺาเปนฺตสฺสาติ เอตฺถ จ สงฺฆวเสน ปวาริเตสุ ปมาณเมว วฏฺฏติ. ปุคฺคลิกปฺปวารณาย ยํ ยํ ปวาเรติ, ตํ ตํเยว วิฺาเปตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรติ กถินปลิโพธวเสน วา สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา. เอตฺถ สิยา – ‘‘น มตฺตํ ชานิตฺวา พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสนฺติ, ทุสฺสวาณิชฺชํ วา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๒๒) อุชฺฌายนฺตานํ สุตฺวา ภควาปิ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู ¶ ‘‘กถฺหิ นาม ตุมฺเห โมฆปุริสา ¶ น มตฺตํ ชานิตฺวา พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสถา’’ติ (ปารา. ๕๒๒) วตฺวา สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา จ อิมิสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ ‘‘พหุจีวรวิฺาปนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺต’’นฺติ วุตฺตตฺตา, สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘น หิ อนจฺฉินฺนจีวรา อตฺตโน อตฺถาย สาขาปลาสํ ภฺชิตุํ ลภนฺติ, อจฺฉินฺนจีวรานํ ปน อตฺถาย ลภนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา จ อฺสฺสตฺถาย ปมาณํ วิฺาเปตุํ วฏฺฏตีติ เจ? น, กสฺมา? อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา เอว อฺาตกวิฺตฺติ วาริตา. ตสฺส สิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติ. ปาฬิยํ (ปารา. ๕๒๑) ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ อิมิสฺสา อนาปตฺติปาฬิยา อฺสฺสตฺถาย วิฺาเปนฺโต ตสฺส าตกปฺปวาริเต เอว วิฺาเปติ, น อฺเติ วจนโต จ วาริตา. ตสฺมา ภควาปิ ‘‘พหุํ จีวรํ วิฺาเปสฺสถา’’ติ (ปารา. ๕๒๒) วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปนฺโต ‘‘อภิหฏฺุํ ปวาเรยฺยา’’ติ วุตฺตนเยเนว ปมาณโต คหณํ อนุชานิ, น อฺสฺสตฺถาย ปมาณโต วิฺาปนํ. ยสฺมา ปนิมํ สิกฺขาปทํ อฺสฺสตฺถาย วิฺาปนวตฺถุสฺมึเยว ปฺตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํ, น น ลพฺภตีติ กตฺวา.
อฏฺกถาสุ ‘‘อฺาตกปฺปวาริตฏฺาเน ปกติยา พหุมฺปิ วฏฺฏติ, อจฺฉินฺนการณา ปมาณเมว วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘อนาปตฺติ าตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ (ปารา. ๕๒๖) วุตฺตอนาปตฺติปาฬิยา น สเมตีติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๖) วุตฺตตฺตา อิธาปิ วุตฺตนเยเนว าตกปฺปวาริเต วิฺาเปนฺตสฺส อตฺตโน ธเนน คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ลิขิตํ. ‘‘อฺสฺสตฺถายา’’ติ นิทานวิโรธโต น วุตฺตํ, ตถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยเนว ลพฺภติ เอวาติ วทนฺติ.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ปมอุปกฺขเฏ ‘‘ปุพฺเพ อปฺปวาริโต’’ติ (ปารา. ๕๒๘) วจนโต ตสฺมึ ขเณ ปวาริโตปิ อปฺปวาริโตว โหตีติ เวทิตพฺพํ.
อุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุติยอุปกฺขเฏน ¶ ¶ กึ ปโยชนนฺติ เจ? นตฺถิ ปโยชนํ, เกวลํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน ปฺตฺตํ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ วิย. เอวํ สนฺเต สงฺคีติการเกหิ สงฺคีตึ อนาโรเปตพฺพํ ภเวยฺย วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโต, อนิสฺสรตฺตา, อนาโรเปตุํ อนฺุาตตฺตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ…เป… สมูหเนยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖; จูฬว. ๔๔๑). อิทํ สพฺพมการณํ. น หิ พุทฺธา อปฺปโยชนํ วจนํ นิจฺฉาเรนฺติ, ปเคว สิกฺขาปทํ. เตเนวาห อฏฺกถายํ ‘‘อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทฺหิ ปุริมสฺส อนุปฺตฺติสทิส’’นฺติอาทิ. อนุปฺตฺติ จ นิปฺปโยชนํ นตฺถิ. ตํสทิสฺเจตํ, น นิปฺปโยชนนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. เอวํ สนฺเต โก ปเนตฺถ อตฺถวิเสโสติ? ตโต อาห ‘‘เกวลํ ตตฺถ เอกสฺส ปีฬา กตา, อิธ ทฺวินฺนํ, อยเมตฺถ วิเสโส’’ติ. อิมินา อตฺถวิเสเสน โก ปนฺโ อติเรกตฺโถ ทสฺสิโตติ? โปราณคณฺิปเท ตาว วุตฺตํ ‘‘เอกสฺมิมฺปิ วตฺถุสฺมึ อุภินฺนมฺปิ ปีฬา กาตุํ น วฏฺฏตีติ อยมติเรกตฺโถ ทสฺสิโต’’ติ. เตเนตํ ทีเปติ ‘‘น เกวลํ ปฏิลทฺธจีวรคณนาย เอว อาปตฺติคณนา, ปีฬิตปุคฺคลสงฺขาตวตฺถุคณนายปี’’ติ.
โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘วตฺถุโต คณนายปิ, สิยา อาปตฺติ เนกตา;
อิติ สนฺทสฺสนตฺถฺจ, ทุติยูปกฺขฏํ อิธ.
‘‘กายสํสคฺคสิกฺขาย, วิภงฺเค วิย กินฺเตตํ;
เอกิตฺถิยาปิ เนกตา, อาปตฺตีนํ ปโยคโต’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๓๒);
อปิเจตํ สิกฺขาปทํ ตํชาติเกสุ สิกฺขาปเทสุ สพฺเพสุปิ คเหตพฺพวินิจฺฉยสฺส ทสฺสนปฺปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ. อาห จ –
‘‘อฺาติกาย พหุตาย วิมิสฺสตาย;
อาปตฺติยาปิ พหุตา จ วิมิสฺสตา จ;
อิจฺเจวมาทิวิธิสมฺภวทสฺสนตฺถํ ¶ ;
สตฺถา อุปกฺขฏมิทํ ทุติยํ อโวจา’’ติ. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๓๒);
ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปโต อธิปฺปายปุพฺพงฺคมา วิจารณา – ปุราณจีวรํ เอกเมว ภิกฺขุ ภิกฺขุนีหิ ทฺวีหิ, พหูหิ วา โธวาเปติ, ภิกฺขุนิคณนาย ปาจิตฺติยคณนา. ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณํ เอกเมว จีวรํ อฺตฺร ปาริวตฺตกา ปฏิคฺคณฺหาติ, อิธาปิ ตถา ทฺวินฺนํ, พหูนํ วา สาธารณเมกํ วิฺาเปติ, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย อาปตฺติคณนา. ตถา อฺเสุปิ เอวรูเปสุ สิกฺขาปเทสุ นโย เนตพฺโพ. อยํ ตาว พหุตาย นโย.
วิมิสฺสตาย ปน าติกาย, อฺาติกาย จ เอกํ โธวาเปติ, เอกโต นิฏฺาปเน เอกํ ปาจิตฺติยํ. อถ าติกา ปมํ โถกํ โธวิตฺวา ิตา, ปุน อฺาติกา สุโธตํ กโรติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. อถ อฺาติกา ปมํ โธวติ, ปจฺฉา าติกา สุโธตํ กโรติ, อฺาติกาย ปโยควเสน ภิกฺขุโน ทุกฺกฏเมว. อฺาติกาย, าติกาย จ อฺาติกสฺี, เวมติโก, าติกสฺี วา โธวาเปติ, ยถาวุตฺตนเยน นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกาย, าติกาย จ สนฺตกํ จีวรํ อุโภหิ เอกโต ทิยฺยมานํ ปฏิคฺคณฺหาติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อถ อฺาติกาย เอว หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อถ าติกาย หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหาติ, อนาปตฺติ. อถ อุโภสุ อฺาติกาทิสฺี, วุตฺตนเยเนว นิสฺสคฺคิยทุกฺกฏาทิอาปตฺติเภทคณนา เวทิตพฺพา. ตถา อฺาติกวิฺตฺติอาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ. อยํ วิมิสฺสตาย นโย.
อาทิสทฺเทน ปน อเนเก อฺาติกา วิฺตฺตา, วิฺตฺตปุคฺคลคณนาย ทุกฺกฏํ. เอโก เทติ, เอโก น เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อถ อวิฺตฺโต เทติ, น นิสคฺคิยํ. อถ วิฺตฺตาวิฺตฺตานํ สาธารณํ วิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิยํ. อุโภ เทนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว. อวิฺตฺโต เทติ, นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติ. วิฺตฺตสฺส วจเนน อวิฺตฺโต เทติ, อนาปตฺติ เอว. ตถา อุปกฺขฏาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ นโย เนตพฺโพ.
เอตฺตาวตา สงฺเขปโต อฺาติกายาทิคาถา วุตฺตาธิปฺปายา โหติ. ยํ ปเนตฺถ ภิกฺขุนิยา รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ นิปฺปโยชนตาย นิทสฺสนํ ¶ วุตฺตํ, ตสฺส ปโยชนวิเสโส ตสฺมึเยว อาวิภวิสฺสตีติ ¶ . เอวเมว อฺตฺถปิ วจเนน, วิเสสอฏฺุปฺปตฺติวเสน จ สิกฺขาปเทสุ าตพฺพํ วิเสสปฺปโยชนนฺติ.
ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘านํ ภฺชติ, อาคตการณํ วินาเสตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปุน โจทนํ น ลภตีติ เอเก. อาคมนสฺส สาตฺถกํ น โหติ, จีวรํ น ลภิสฺสติ ปฏิสนฺถารสฺส กตตฺตาติ เอเก. โจทนาลกฺขณํ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เอเก. ‘‘ธมฺมเทสนาธิปฺปายาทินา น ปฏิสนฺถาโร กาตพฺโพ’’ติ อุปติสฺสตฺเถโร ‘‘‘อาคตการณํ วินาเสตี’ติ โจทนาานานิ ภฺชติ, โจเทตุกาโม อกตฺตพฺพมกาสิ, ตปฺปจฺจยา วตฺตเภเท ทุกฺกฏ’’นฺติ จ วทติ. ธมฺมสิริตฺเถโร ปน ‘‘อาสเน เจ นิสีทติ, เอกาย นิสชฺชาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. อามิสํ เจ ปฏิคฺคณฺหาติ, เอเกน ปฏิคฺคหเณน ทฺเว านานิ ภฺชติ. ธมฺมํ เจ ภาสติ, ธมฺมเทสนาสิกฺขาปเท วุตฺตปริจฺเฉทาย เอกาย วาจาย ทฺเว านานิ ภฺชติ. ตํ สนฺธาย ‘อาคตการณํ วินาเสตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วทติ. ‘‘เอโส โข’’ติ วุตฺเตน สฺตฺโต เอโก, ‘‘อยํ เวยฺยาวจฺจกโรติ…เป… อวุตฺเตปิ โจเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺโต ทุติโย, สเจ ปน ทูโต คจฺฉนฺโตว ‘‘อหํ ตสฺส หตฺเถ ทสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺโต ตติโย, ‘‘อฺํ วา เปเสตฺวา อาโรจาเปตี’’ติ วุตฺโต จตุตฺโถติ ยถา ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺา จตฺตาโร, ตเถว ทูเตน นิทฺทิฏฺา จตฺตาโร. มุขเววฏิกกปฺปิยการโก, ปรมฺมุขกปฺปิยการโก เจติ เอเตสุ อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรวคฺโค ปโม.
๒. เอฬกโลมวคฺโค
๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา
การาเปยฺยาติ ¶ ¶ อตฺตโน จ ปรสฺส จ อุภินฺนฺจ โกสิยํ เอกโต คณฺหิตฺวา วุตฺตํ, อุโภ วา เอกโต กโรนฺตีติ อตฺถโต เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อตฺตนา กตํ เจ, ‘‘นิสฺสชฺชนกาเล สยํ กตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. อุโภหิ เจ กตํ, ยถาปาฬิเมว.
โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา
ยถา ปเม ‘‘เอเกนปิ โกสิยํสุนา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตถา อิธ ‘‘เอเกนปิ อฺเน อมิสฺสิตาน’’นฺติ วจนาภาวโต อฺเน มิสฺสภาเว สติปิ อปฺายมานรูปกํ เจ, ‘‘สุทฺธกาฬก’’มิจฺเจว วุจฺจตีติ วทนฺติ.
สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ตุลยิตฺวา’’ติ วจนโต ยถา ตุลาธารณาย กาฬกาธิกา น โหนฺติ, ตถา กาฬกานํ ทฺเว ภาคา คเหตพฺพา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน. ‘‘เอกสฺสาปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเว นิสฺสคฺคิยนฺติ วจนํ ตุลาธารณาย กิฺจาปิ น สเมติ, อจิตฺตกตฺตา ปน สิกฺขาปทสฺส ปุพฺเพ ตุลาย ธารยิตฺวา ปิเตสุ เอกมฺปิ โลมํ ตตฺถ ปเตยฺย, นิสฺสคฺคิยนฺติ อยมธิปฺปาโยติ โน ตกฺโก’’ติ อาจริโย. วุตฺตปริจฺเฉเทน อคฺคหณํ อกิริยา, สนฺถตกรณํ กิริยา.
ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอเรน ¶ ¶ เจ ฉนฺนํ วสฺสาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ฉพฺพสฺเส ปริปุณฺเณ กาตุํ วฏฺฏตีติ นิฏฺานทิวสโต ปฏฺาย ฉนฺนํ วสฺสานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ยานิ ปเนตฺถ อติเรกฉพฺพสฺสวเสน วา สมฺมุติวเสน วา กตานิ, สพฺพานิ ตานิ เอกโต ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏนฺตีติ. คิลานสฺส จ เอกํ นปฺปโหตีติ อเนกมฺปิ วฏฺฏติ. ยโต ปฏฺาย โรคสฺส มนฺทตาย สนฺถตํ อาทาย คนฺตุํ สกฺโกติ, ตโต ปฏฺาย สมฺมุติ วา โรโค วา น รกฺขตีติ เอเก. อปิจ ฉวสฺสพุทฺธนิมฺมลํ สิกฺขาปทํ วิจาเรตุํ คมฺภีรตฺตา. ตสฺมา ฉวสฺเส กมฺมํ กตนฺติ.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘สนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา’’ติ สิกฺขาปทํ อปฺเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตํ, นนุ เอตฺถ การเณน ภวิตพฺพนฺติ? อตฺถิ การณํ, จีวรสฺิตาย สนฺถตานํ อุชฺฌิตตฺตา เตสํ อจีวรภาวทสฺสนตฺถํ ตถา ปฺตฺตํ ภควตาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา เต ภิกฺขู เตจีวริกธุตงฺคเภทภยา สนฺถเต จตุตฺถจีวรสฺิตาย สนฺถตานิ อุชฺฌิตฺวา เตรส ธุตงฺคานิ สมาทยึสุ, ภควา จ เตสํ สนฺถตํ อนุชานิ. ตโต เตสํ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘นิสีทนจีวรสณฺานมฺเปตํ นิสีทนสนฺถตํ โน ภควตา อนฺุาตํ จตุตฺถจีวรภาเวน, ปเคว กตสนฺถตํ วา’’ติ. ตโต ‘‘สนฺถเต เตสํ จีวรสฺิตา น ภวิสฺสตี’’ติ ตทตฺถํ ภควตา ‘‘สนฺถต’’นฺติ อปฺเปตฺวา ‘‘นิสีทนสนฺถต’’นฺติ ปฺตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อิเมสุ ปน ปฺจสุ สนฺถเตสุ ปุริมานิ ตีณิ วินยกมฺมํ กตฺวา ปฏิลภิตฺวาปิ ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺติ อกปฺปิยตฺตา, ปจฺฉิมานิ ทฺเว วฏฺฏนฺตีติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๖๖-๕๖๗) ลิขิตํ. กถํ ปฺายตีติ เจ? ‘‘อนาปตฺติ อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติ (ปารา. ๕๗๐) วจนโตติ เวทิตพฺพํ.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสา’’ติ ¶ ¶ อิมินา ปกติยา ทีฆมคฺคํ ปฏิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนานิปิ ติโยชนปรมเมว หริตพฺพานิ, ปเคว อปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ทสฺเสติ. ปฏิปนฺนสฺส เจ, อทฺธานํ นาม ปฏิปนฺนสฺส อกามา วสฺสํวุฏฺภิกฺขุนิยา มคฺคปฺปฏิปตฺติ วิยาติ ทสฺเสติ. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยนฺติ วา สมฺพนฺโธ. เตเนว วาสาธิปฺปายสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธคมนุสฺสาหตฺตา ‘‘อปฺปฏิปนฺโน’’ติ สงฺขํ คตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธํ. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ…เป… อสนฺเตปิ หารเก อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. ยสฺมา วา เอฬกโลมานํ อุปฺปตฺติฏฺานโต ปฏฺาย ติโยชนปรมตา อธิปฺเปตา, มคฺคํ อปฺปฏิปนฺนสฺส จ ติโยชนปรมตา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วุตฺตํ. เตน อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา หรโต จ อนาปตฺตีติ สิทฺธํ. ปฏิลาโภ หิ เตสํ อุปฺปตฺติ นามาติ.
‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคเหตพฺพานี’’ติ อิมินา อตฺตนา ปฏิคฺคหิตานํเยว ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตน อนากงฺขมาเนน ปรสนฺตกานิ ปฏิคฺคหิตานิ หรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สิทฺธํ.
องฺเคสุ ‘‘อตฺตโน สนฺตกตา’’ติ นตฺถิ, อยมตฺโถ ‘‘ภิกฺขุโน อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อิมินา, ‘‘อจฺฉินฺนํ ปฏิลภิตฺวา’’ติ อิมินา จ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. โปราณคณฺิปเท จ ‘‘อฺํ ภิกฺขุํ หราเปนฺโต คจฺฉติ เจ, ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ทฺเว ภิกฺขู ติโยชนปรมํ ปตฺวา อฺมฺสฺส ภณฺฑํ ปริวตฺเตตฺวา เจ หรนฺติ, อนาปตฺตีติ สิทฺธํ.
ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานีติ ติโยชนปรมเมว อตฺตนา หริตพฺพานิ, ตํ กิมตฺถนฺติ? สีมาย เอตปรมโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติโยชนปรมํ สีมํ สมฺมนฺนิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๔๐). วาสาธิปฺปาเยน, ปจฺจาคมนาธิปฺปาเยน วา คจฺฉโต เอตปรมตา จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อติมหติโย สีมาโย สมฺมนฺนนฺติ…เป… ภิกฺขู อุโปสถํ อาคจฺฉนฺตา อุทฺทิสฺสมาเนปิ ปาติโมกฺเข อาคจฺฉนฺติ, อุทฺทิฏฺมตฺเตปิ อาคจฺฉนฺติ, อนฺตราปิ ปริวสนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๐).
อสนฺเต ¶ หารเกติ อาณตฺติยา หารเก อสติ. กมฺพลสฺส อุปริ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ¶ สเจ เอกมฺปิ โลมํ จีวเร ลคฺคํ โหติ, ติโยชนาติกฺกเม อาปตฺติ เอว กมฺพลโต วิชฏิตตฺตาติ ลิขิตํ. ตํ กมฺพลสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา อตฺตโน อตฺถาย ปฏิคฺคหิตเมว โหตีติ ยุตฺตํ.
เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘นิพฺพตฺตรุกฺขจฺฉายาปิ รุกฺขปริจฺเฉทํ อนติกฺกนฺตา’’ติ ลิขิตํ.
ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
ชาตรูปรชตปริวตฺตนนฺติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตํ.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา
อสนฺเต ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพเมวาติ เอตฺถ กึ สุทฺธิกํ ปาจิตฺติยํ, อุทาหุ นิสฺสคฺคิยนฺติ? นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมว.
กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตตฺริทํ ปกิณฺณกํ
อฏฺมสิกฺขาปทํ ปเรน อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานสฺส วา ปาริวตฺตกภาเวน ทิยฺยมานสฺส วา ปํสุกูลสฺส วา รูปิยสฺส อุคฺคณฺหนอุคฺคณฺหาปนสาทิยนานิ ปฏิกฺขิปติ.
นวมํ ปรสฺส วา อตฺตโน วา รูปิยปริวตฺตนํ ปฏิกฺขิปติ.
ทสมํ ¶ ¶ อรูปิยปริวตฺตนํ. ‘‘อรูปิเย อรูปิยสฺี ปฺจนฺนํ สห อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๙๑; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๙๑; วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๘๗) จ วจนํ อิตเรหิ สห อาปตฺตีติ ทีเปติ. อรูปิยฺจ ทุกฺกฏวตฺถุ. ตสฺมา ตสฺส ปริวตฺตเน สติ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอกนฺเตน วุตฺตํ. ปฺจนฺนํ สห ทุกฺกฏวตฺถูนํ ปริวตฺตเน อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ โปราณาติ เจ? น, กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา. ยทิ กปฺปิยวตฺถุ นิสฺสคฺคิยํ, ปเคว ทุกฺกฏวตฺถูติ เจ? น, อาปตฺติครุกลหุกภาเวน วตฺถุครุกลหุกนิยมาภาวโต.
นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต หิ มุตฺตามณิเวฬุริยาทิ มหคฺฆปฺปโหนกมฺปิ ทุกฺกฏวตฺถูติ กตฺวา นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต มุตฺตาทิ ลหุกํ โหติ. ลหุเกปิ วตฺถุสฺมึ ยเถว ทุกฺกฏวตฺถุโน ปฏิคฺคหเณ ทุกฺกฏํ, ตเถว ตสฺส วา เตน วา เจตาปเนปิ ทุกฺกฏํ ยุตฺตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙) อฏฺกถาจริยา.
อถ วา ยํ วุตฺตํ ‘‘กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา’’ติ, ตตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺกฏวตฺถูนิปิ อธิปฺเปตานิ, น ปน ปาฬิยํ วุตฺตานิ อนาปตฺติวารปฺปสงฺคภยาติ วุตฺตํ โหติ. มุตฺตาทีสุปิ วุตฺเตสุ อนาปตฺติยํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขติ, ‘‘อิทํ มุตฺตาทิ อมฺหากํ อตฺถิ, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ เวฬุริยาทินา อตฺโถ’’ติ ภณติ, ทสเมน อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย สิยา. ยสฺมา จ อิทํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขนาทิสํโวหาโร จ, ตสฺมา ตํ นวเมน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กิฺจาปิ กยวิกฺกเยว โหติ กปฺปิยวตฺถูหิ อนฺุาตํ, อิมินาว นเยน กิฺจาปิ ทุกฺกฏวตฺถุปิ ทสเม อธิปฺเปตํ อาปชฺชติ, อฏฺกถาวิโรธโต ปน นาธิปฺเปตมิจฺเจว คเหตพฺโพ.
กา ปเนตฺถ การณจฺฉายาติ, ปฺจนฺนํ สห ตตฺถ อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, ตตฺถ อนาคตตฺตา. อนาคตการณา วุตฺตนฺติ เจ? น, ปฺจนฺนํ สห อาปตฺติวตฺถุกสฺส อนาปตฺติวารลาเภ วิเสสการณาภาวา, อกปฺปิยตฺตา ปฺจนฺนํ สหาปิ อาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ สิทฺโธ อฏฺกถาวาโท.
อปโร นโย – ยทิ ทุกฺกฏวตฺถุนา กยวิกฺกเย นิสฺสคฺคิยํ, กปฺปิยวตฺถุมฺหิ วุตฺตปริยาโย ตตฺถ ลพฺเภยฺย, น ปน ลพฺภตีติ นวเม เอว ตานิ วตฺตพฺพานิ. ตสฺมา สํโวหาโร นาม กยวิกฺกโยปิ อฺถา ปริวตฺตนํ ¶ ปริยาทิยิตฺวา ปวตฺโต, กยวิกฺกยฺจ โมเจตฺวา ¶ ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’ติ เจตาเปติ, วฏฺฏตี’’ติ อวตฺวา ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว ทุกฺกฏวตฺถุนา เจตาปเน ทุกฺกฏเมว. เนสํ กยวิกฺกเยน นิสฺสคฺคิยนฺติ เจ? น, สพฺพสฺสปิ กยวิกฺกยตฺตา. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อนฺธกฏฺกถายํ ปน ‘สเจ กยวิกฺกยํ สมาปชฺเชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’นฺติ ภาสิตํ, ตํ ทุพฺภาสิตํ. กสฺมา? น หิ ทานคฺคหณโต อฺโ กยวิกฺกโย นาม อตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๙), อตฺตโน มติยา กยวิกฺกยลกฺขณสมฺมเต ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต จ. ภวตุ วา อตฺตโน ปฏิสิทฺธมิทํ การณํ, ทสเม อวสฺสเมว ชานิตพฺพานีติ ตานิ กยวิกฺกยาเนวาติ เตสํ นิสฺสคฺคิยภาวฺจ คตานีติ เอวมฺปิ สิทฺโธ อฏฺกถาวาโท.
เอตฺถาหุ โปราณา – ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรหตฺถคตํ กโรติ อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฏํ. ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ กโรติ, อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ. อุคฺคหิตวตฺถุปริวตฺตเน กถํ ชาตํ? อพฺโพหาริกํ ชาตํ. อถ ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ ปมํ กโรติ, รูปิยปฺปฏิคฺคหณสฺส กตตฺตา อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ. อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรสฺส หตฺถคตํ ปจฺฉา กโรติ, สํโวหาเรน นิสฺสคฺคิย’’นฺติ. ‘‘รูปิยสฺส คหณมตฺเตน อฏฺเมน อาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน นวเมนา’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตํ ปน ยุตฺตํ. ‘‘อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฏ’’นฺติ ทุวุตฺตํ. ทุกฺกฏสฺส อนิยมปฺปสงฺคโต นิสฺสชฺชนวิธาเนสุ ทสฺสิโตว. กึ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ทฺวีหิ นิสฺสคฺคิเยหิ ภวิตพฺพํ, นิสฺสชฺชนวิธาเน ‘‘อหํ, ภนฺเต, รูปิยํ ปฏิคฺคเหสึ, นานาปฺปการกฺจ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชิ’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย ‘‘รูปิยํ เจตาเปตี’’ติ สพฺพตฺถ ปาฬิยํ รูปิยปฺปฏิคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา.
เอตฺตาวตา ยํ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ ‘‘ทุกฺกฏวตฺถุนา กยวิกฺกยํ ปริหรนฺเตน จตูสุ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ เอเกกสฺมึ คหิเต อฏฺเมน นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ทุกฺกฏวตฺถุนา ทุกฺกฏวตฺถุนฺติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ คหิเต เตเนว นิสฺสคฺคิยํ โหติ. ‘‘กยวิกฺกยมฺปิ นีหริตฺวา คหิเต ทุกฺกฏํ, เจตาปิตรูปิยคฺคหเณ อฏฺเมน, ปริวตฺตเน นวเมนาติอาทินา อตฺตนา อนุคฺคเหตฺวา กปฺปิยวเสน นีหริตฺวา ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สทฺธึ ปริวตฺเตตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ, ตํ วิโสธิตํ โหติ. อปรมฺปิ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘นิสฺสชฺชิตพฺเพ อสติ กถํ ปาจิตฺติยํ, ทุนฺนิสฺสฏฺรูปิยมฺปิ ‘น ฉฑฺเฑตี’ติ วทนฺตสฺส วิสฺสฏฺโ อุปาสโก ตํ คเหตฺวา อฺํ เจ ภิกฺขุโน เทติ, กปฺปตี’’ติ, ตฺจ ทุวุตฺตํ. น หิ คหิตตฺตา ตโต อฺํ วตฺถุ โหติ. ปุน อปรฺจ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อิมํ ‘คณฺหาหี’ติ ¶ วทนฺตสฺส สทฺธาเทยฺยวินิปาตทุกฺกฏํ, ‘เอตํ เทหี’ติ วทนฺตสฺส วิฺตฺติทุกฺกฏ’’นฺติ, ตฺจ ทุวุตฺตํ. ตตฺถ หิ ปโยคทุกฺกฏํ ยุตฺตํ วิย ปฺายติ.
ปกิณฺณกํ นิฏฺิตํ.
เอฬกโลมวคฺโค ทุติโย.
๓. ปตฺตวคฺโค
๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺเว อปตฺตา, ตสฺมา เอเต ภาชนปริโภเคน ปริภฺุชิตพฺพา, นอธิฏฺานูปคานวิกปฺปนูปคตาติ อตฺโถติ จ. สมณสารุปฺเปน ปกฺกนฺติ อโยปตฺโต ปฺจหิ ปาเกหิ ปกฺโก โหติ, มตฺติกาปตฺโต ทฺวีหิ. ‘‘ภิกฺขุนิยา ปตฺตสนฺนิจฺจยสฺส วาริตตฺตา (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๖๐๒) ภิกฺขุสฺสปิ ตํ ‘อนนุรูป’นฺติ กตฺวา ‘ปุราณปตฺตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา’ติ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํ, ตํ น ยุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘สนฺนิจฺจยํ กเรยฺยาติ อนธิฏฺิโต อวิกปฺปิโต’’ติ (ปาจิ. ๗๓๕) วุตฺตตฺตา. โส หิ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖ อาทโย) นิจฺจยสนฺนิธิ วิย เอโกปิ ปุนทิวเส ‘‘สนฺนิจฺจโย’’ติ วุจฺจติ. อนนฺตรสิกฺขาปเท ปน ‘‘ทุติโย วาริโต’’ติ อธิฏฺานํ นิยตํ. ตสฺมา ทฺเว ปตฺเต อธิฏฺาตุํ น ลภติ. สเจ เอกโต อธิฏฺาติ, ทฺเวปิ อนธิฏฺิตา โหนฺติ. วิสุํ วิสุํ อธิฏฺาติ, ทุติโย อนธิฏฺิโต. วิกปฺเปตุํ ปน พหูปิ ลภติ. กากณิกมตฺตมฺปีติ เอตฺถ ปิ-กาโร ‘‘เอกปากมฺปิ ชเนตี’’ติ ปากํ สมฺปิณฺเฑติ. อถ วา สเจ เอกปาเกเนว สารุปฺโป, วฏฺฏตีติ ปากปริมาณํ น วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. อปตฺตตฺตา อธิฏฺานูปโค ¶ น โหติ. อปจฺจุทฺธรนฺเตน วิกปฺเปตพฺโพติ ปุราณปตฺตํ อปจฺจุทฺธรนฺเตน โส ปตฺโต วิกปฺเปตพฺโพติ อตฺโถติ ลิขิตํ.
ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา
ปวาริเตติ ¶ เอตฺถ สงฺฆวเสน ปวาริตฏฺาเน ปฺจพนฺธเนเนว วฏฺฏติ, ปุคฺคลิกวเสน ปวาริตฏฺาเน อูนปฺจพนฺธเนนาปิ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
โย อูนปฺจพนฺธนตฺถํ, วุตฺตมฺปิ เจตํ กโร โส;
อูนปฺจพนฺธนตฺถํ, ปตฺวาน สนฺติเก.
อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ปฏิสายนียานิ ปฏิคฺคเหตฺวา’’ติ วทนฺเตน ปาทมกฺขนาทีนํ อตฺถาย ปฏิคฺคเหตฺวา เปตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ ลิขิตํ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ วจเนน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทิ น กปฺปตีติ วทนฺตา อชานิตฺวา วทนฺติ. เยสฺหิ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปีติอาทิ สตฺตาหกาลิกนิสฺสคฺคิยวตฺถุปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตถา ปณีตโภชนสิกฺขาปเท เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํเยว ขีราทิ ปณีตโภชนํ, เนตรนฺติ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ. มธุ นาม มธุกริภมรมกฺขิกานํ อาสเยสุ นิยฺยาสสทิสํ มหามธุ โหติ, ตํ ยาวชีวิกนฺติ จ ลิขิตํ.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปตฺตวคฺโค ตติโย.
นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๔. โภชนวคฺโค
๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
เทวทตฺโต ¶ ¶ กาเล วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, ตปฺปจฺจยา ภควตา ‘‘คณโภชเน ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๐๙) สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ. ปทภาชเน ปน ‘‘นิมนฺติตา ภฺุชนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๒๑๘) นิมนฺตนเมว คเหตฺวา วิภตฺตํ. อนฺธกฏฺกถายํ ปน วตฺถุวเสน วิฺตฺติยา ยาจนมฺปิ วุตฺตนฺติ ลิขิตํ. กสฺมา? ปริวาเร เอว ‘‘คณโภชนํ ทฺวีหากาเรหิ ปสวติ วิฺตฺติโต วา นิมนฺตนโต วา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) วุตฺตตฺตา. ตสฺมา อฏฺุปฺปตฺติยํเยว ปากฏตฺตา ปทภาชเน น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘‘เอกโต คณฺหนฺตี’ติ จ คหิตภตฺตาปิ อฺเ ยาว คณฺหนฺติ, ตาว เจ ติฏฺนฺติ, เอกโต คณฺหนฺติ เอว นามา’’ติ จ, ‘‘โย โกจิ ปพฺพชิโตติ สหธมฺมิเกสุ, ติตฺถิเยสุ วาติ อตฺโถ’’ติ จ, ‘‘สมยาภาโวติ สตฺตนฺนํ อนาปตฺติสมยานํ อภาโว’’ติ จ, ‘‘สมยลทฺธเกน สห จตฺตาโร โหนฺตี’’ติ จ, ‘‘สมยลทฺธโก สยเมว มุจฺจติ, เสสานํ คณปูรกตฺตา อาปตฺติกโร โหตี’’ติ จ ลิขิตํ.
เอตฺถาห – ‘‘ปฏิคฺคหณเมว เหตฺถ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ จตฺตาโร…เป… ภฺุชนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๒๑๘) วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ตตฺถ ‘‘ภฺุชนฺตี’’ติ ปฏิคฺคหณนิยมวจนํ. น หิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ ภิกฺขู ภฺุชนฺตีติ.
คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺตฺร ¶ สมยาติ ปน นิมนฺตนโต ปสวนโต โภชนาเปกฺขํ ปาจิตฺติยนฺติ เอเก. เอโก ภิกฺขุ ปิณฺฑาย จรนฺโต ภตฺตํ ลภติ, ตมฺโ จูปาสโก นิมนฺเตตฺวา ฆเร นิสีทาเปสิ, น จ ตาว ภตฺตํ สมฺปชฺชติ ¶ . สเจ โส ภิกฺขุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธภตฺตํ ภฺุชติ, อาปตฺติ. กสฺมาติ เจ? ‘‘ปรมฺปรโภชนํ นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติโต ตํ เปตฺวา อฺํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนํ ภฺุชติ, เอตํ ปรมฺปรโภชนํ นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๒๗) วุตฺตตฺตา. ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺวตฺติปตฺตปูรา ปฏิคฺคเหตพฺพาติ ตถานีตปูเวหิ อตฺถิเกน อุกฺกฏฺปตฺตปฺปมาณวเสน คเหตพฺพา. ‘‘มา โข ตฺวํ เอตฺถ ปฏิคฺคณฺหี’’ติ อปาเถยฺยาทิอตฺถาย สชฺชิตสฺาย อติเรกปฺปฏิคฺคหเณน อาโรจเน, อสํวิภาเค จ น มุจฺจติ อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส. อถ อุคฺคหิตกํ คณฺหาติ, น มุจฺจติ เอว. อสํวิภาเค ปน อนาปตฺติ อกปฺปิยตฺตา. อจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาภาเวเนว, น วตฺถุชานนาภาเวนาติ เอเก. ‘‘น ปาเถยฺยาทิอตฺถาย สชฺชิตภาวชานน’’นฺติ องฺเคสุ อวุตฺตตฺตา สเจ สฺจิจฺจ น วทติ, ปาจิตฺติยนฺติ โปราณา วทนฺติ. อติเรกปฺปฏิคฺคหณนฺติ ตตฺถ ปฺจมํว องฺคํ วุตฺตํ, ตสฺมา อปฺปฏิคฺคหิตตฺตา น ปาจิตฺติยํ, กตฺตพฺพากรณโต ปน ทุกฺกฏํ. อฺถา กิริยากิริยํ อิทํ อาปชฺชติ. อนิวารณํ, อนาโรจนํ วา ฉฏฺมงฺคํ วตฺตพฺพํ สิยา.
กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
ภุตฺตาวี ปวารณํ นาม ปฺจงฺคิกํ. เตสุ ‘‘อสนํ ปฺายตฺตี’’ติ เอเตเนว ‘‘ภุตฺตาวี’’ติ เอตสฺส สิทฺธตฺตา วิสุํ อตฺถสิทฺธิ น ทิสฺสติ. ทิสฺสติ เจ, องฺคานํ ฉกฺกตฺตทสฺสนนฺติ ¶ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๓๘-๒๓๙) ลิขิตํ. ‘‘โภชนํ ปฺายตี’’ติ อภิหฏํ สนฺธาย วุตฺตํ.
โกฏฺเฏตฺวา ¶ กตจุณฺณมฺปีติ ปิ-กาเรน กุณฺฑกํ สมฺปิณฺเฑติ. สมปากภชฺชิตานํ ปน อาตปสุกฺขานํ วา กุณฺฑกํ วา เย เกจิ ตณฺฑุลา วาติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา สมปากภชฺชิตานํ วีหีนํ, วีหิปลาสานํ วา ตณฺฑุลจุณฺณํ ปวาเรติ. ตถา ขรปากภชฺชิตานํ กุณฺฑกมฺปิ ปวาเรติ. ภชฺชิตสตฺตุโย ปิณฺเฑตฺวา กโต อปกฺกสตฺตุโมทโกปิ ปวาเรตีติ ลิขิตํ. สเจ อวสิฏฺํ นตฺถิ, น ปวาเรติ. กสฺมา? อสนสงฺขาตสฺส วิปฺปกตโภชนสฺส อภาวโต.
อกปฺปิยมํสํ ปน กิฺจาปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพฏฺาเน ิตํ, ขาทิยมานํ ปน มํสภาวํ น ชหาติ, ตสฺมา ปวาเรติ. โภชนสาลาย ภฺุชนฺโต เจ อตฺตโน อปาปุณนโกฏฺาสํ อภิหฏํ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ. กามํ ปฏิกฺขิปติ, ปตฺเต ปน อารามิกา อากิรนฺติ, ตํ ภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. อิทฺหิ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺาย อเนสนาย อุปฺปนฺเนเยว สงฺขํ คจฺฉติ. ยถา หิ สงฺฆโต ลทฺธํ ปิณฺฑํ ทุสฺสีโล เทติ, ตฺเจ ปฏิกฺขิปติ, น ปวาเรติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ จ, วิภาโค ลชฺชี เจ เทติ, ตํ โส น อชฺโฌหริตุกามตาย ปฏิกฺขิปติ, ปวาเรตีติ จ, ‘‘สมํสรสํ สมจฺฉรส’’นฺติ อาปชฺชนโต ‘‘มํสรส’’นฺติ วุตฺเต ปน ปฏิกฺขิปโต โหติ, ‘‘มํสสฺส รสํ มํสรส’’นฺติ อยํ วิคฺคโห นาธิปฺเปโตติ จ วุตฺตํ. ภตฺตมิสฺสกํ ยาคุํ อาหริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ วทติ, น ปวาเรติ. ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปวาเรติ. กสฺมา? เยนาปุจฺฉิโต, ตสฺส อตฺถิตาย. เอตฺถ ปน ‘‘ยาคุมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตตฺร เจ ยาคุ พหุตรา วา โหติ, สมสมา วา. ภตฺตํ มนฺทํ, น ปวาเรติ. ยาคุ เจ มนฺทา, ภตฺตํ พหุตรํ, ปวาเรติ. อิทฺจ สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ. การณํ ปเนตฺถ ทุทฺทสํ. ‘‘ภตฺตมิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ. ตตฺร ภตฺตํ พหุตรํ วา สมกํ วา อปฺปตรํ วา โหติ, ปวาเรติ เอว. ภตฺตํ วา ยาคุํ วา อนามสิตฺวา ‘‘มิสฺสกํ คณฺหถา’’ติ วทติ. ตตฺร เจ ภตฺตํ พหุตรํ, สมกํ วา โหติ, ปวาเรติ. อปฺปตรํ น ปวาเรติ. ตํ สพฺพํ วีมํสิตพฺพนฺติ.
ผลํ ¶ วา กนฺทมูลาทิ วา ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ กปฺปิยํ อกตนฺติ เอตฺถ กปฺปิยํ อการาปิเตหิ กทลิผลาทีหิ สทฺธึ อติริตฺตํ การาเปตฺวาปิ ตํ กทลิผลาทึ เปตฺวา อวเสสํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อมิสฺสกรสตฺตา ปุน ตานิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา อฺสฺมึ ภาชเน เปตฺวา ¶ กาเรตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? ปุพฺเพ เตสุ วินยกมฺมสฺส อนารุฬฺหตฺตาติ วทนฺติ.
ปตฺเต รชํ ปติตํ อปฺปฏิคฺคหิตเมว โหติ. ตสฺมา ปฏิคฺคเหตฺวาว ภิกฺขา คณฺหิตพฺพา. ‘‘อปฏิคฺคเหตฺวา คณฺหโต วินยทุกฺกฏ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๖๕) วุตฺตตฺตา เอตมฺเสมฺปิ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. ‘‘ตํ ปน ปุน ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอวเมว. อิมสฺมึ ปน ‘‘อติริตฺตํ กตํ อนติริตฺตกตํ โหตี’’ติ เอตฺถาปิ เอวเมว. อิมสฺมึ ปน ‘‘อติริตฺตํ กตํ, อนติริตฺตํ กตํ โหตี’’ติอาทีหิ อุปปริกฺขิตฺวา วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ ทีปิตํ. อลเมตํ สพฺพนฺติ อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อฺํ น ลจฺฉสีติ อตฺโถ.
อาหารตฺถายาติ วิกาเล เอวาติ เอเก. ‘‘ปมกถินสทิสานิ. อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. กายกมฺมํ อชฺโฌหรณโต. วจีกมฺมํ วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ, ภนฺเต’’ติ อการาปนโตติ เวทิตพฺพํ.
ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ภุตฺตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๔๓) มาติกายํ วุตฺตตฺตา ‘‘โภชนปริโยสาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ, น อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร.
ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
ชมฺพุทีปสฺส ¶ กาเลน ปริจฺเฉโทติ เอวํ กิร.
วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ทุทฺโธโต ¶ โหตี’’ติอาทินา นเยน อิธ วุตฺตตฺตา, ‘‘ทุทฺโธตํ ปตฺตํ โธวิตฺวา ปุน
ตตฺถ อจฺโฉทกํ วา อาสิฺจิตฺวา, องฺคุลิยา วา ฆํสิตฺวา นิสฺเนหภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๕๓) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา จ มตฺติกาปตฺตสฺส กปาเลน ปีโต สฺเนโห สนฺนิธึ กโรตีติ สิทฺธนฺติ ลิขิตํ. สยํ ปฏิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมวาติ เอตฺถ อปริจฺจตฺตํ นาม อนุปสมฺปนฺนานํ นิรเปกฺขอปริจฺจตฺตํ อวิชหิตํ. ‘‘ปฏิคฺคหณนฺติ เอตฺถ ปฏิคฺคหิตภาวมวิชหิตเมว สนฺนิธึ ชเนตี’’ติ ธมฺมสิริตฺเถโร, ตํ ‘‘ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๒๕๕) ปาฬิยา วิรุชฺฌติ. ตสฺส ปน ปุน ปฏิคฺคณฺหนกิจฺจาภาวโต วีมํสิตพฺพํ.
สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘เตสํ มํสฺจ ขีรทธีนิ จ อิธ อธิปฺเปตานี’’ติ อิทํ ปาจิตฺติยวตฺถุปริจฺเฉโท, น ปน กปฺปิยขีราทิปริจฺเฉโท, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ ขีราทีนิ วฏฺฏนฺตีติ จ, ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ สงฺฆวเสน ปวาริเต เภสชฺชตฺถาย สปฺปิอาทิเภสชฺชปฺจกํ วิฺาเปติ เจ, ตตฺถ ‘‘น เภสชฺชกรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปตี’’ติ เอตฺถ สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘เตน ปาจิตฺติย’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๖๑) จ ลิขิตํ.
ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สรีราวยเวนา’’ติ ¶ วุตฺตตฺตา มุเขน ปฏิคฺคหณํ อนฺุาตํ. ‘‘จิฺจาทิปตฺเตสุ ภูมิยํ อตฺถเตสุ น วฏฺฏติ, กลฺลเขตฺเต ตตฺถ วฏฺฏตี’’ติ จ, ‘‘สามํ คเหตฺวา’’ติ อิมินา น เกวลํ สปฺปทฏฺํเยว, อฺมฺปิ ทฏฺํ วิเสเสติ. สามํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ ลิขิตํ.
ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
โภชนวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อเจลกวคฺโค
๑. อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา
อเจลกาทโย ¶ ยสฺมา, ติตฺถิยาว มตา อิธ;
ตสฺมา ติตฺถิยนาเมน, ติกจฺเฉโท กโต ตโต.
อติตฺถิยสฺส นคฺคสฺส, ตถา ติตฺถิยลิงฺคิโน;
คหฏฺสฺสาปิ ภิกฺขุสฺส, กปฺปตีติ วินิจฺฉโย.
อติตฺถิยสฺส จิตฺเตน, ติตฺถิยสฺส จ ลิงฺคิโน;
โสตาปนฺนาทิโน ทาตุํ, กปฺปตีตีธ โน มติ.
อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
อนุปวิสิตฺวา นิสีทนจิตฺเตน สจิตฺตกตาติ เวทิตพฺพา.
สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๕. รโหปฏิจฺฉนฺนรโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
จตุตฺถํ ปมานิยเต, ปฺจมํ ทุติยานิยเต วุตฺตนยเมว. อิธ ปฺจมํ อุปนนฺทสฺส จตุตฺถํ โหติ.
รโหปฏิจฺฉนฺนรโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
สภตฺโต ¶ ¶ สมาโนติ นิมนฺตนภตฺโตติ โปราณา. สนฺตํ ภิกฺขุํ, อนาปุจฺฉา, ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ, อฺตฺร สมยาติ อยเมตฺถ จตุพฺพิธา อนุปฺตฺติ. ตตฺถ สมยา ทฺเว สมยา. ภตฺติยฆรนฺติ นิมนฺติตสฺส ฆรํ วา สลากาภตฺตาทิทายกานํ วา ฆรํ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ, ‘‘อิธ นิมนฺตนา อกปฺปิยนิมนฺตนา’’ติ เอเก.
ปุเรภตฺตฺจ ปิณฺฑาย, จริตฺวา ยทิ ภฺุชติ;
สิยา ปรมฺปราปตฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ น สา สิยา.
ปจฺฉาภตฺตฺจ คมิโก, ปุพฺพเคหํ ยทิ คจฺเฉ;
เอเก อาปตฺติเยวาติ, อนาปตฺตีติ เอกจฺเจ.
กุลนฺตรสฺโสกฺกมเน, อาปตฺติมตโย หิ เต;
สมานภตฺตปจฺจาสา, อิติ อาหุ อิธาปเร.
มตา คณิกภตฺเตน, สเมนฺติ นํ นิมนฺตเน;
วิสฺสชฺชนํ สมานนฺติ, เอเก สมฺมุขตาปเร.
สนฺนิฏฺานตฺถิเกเหว, วิจาเรตพฺพเภทโต;
วิฺู จาริตฺตมิจฺเจว, สิกฺขาปทมิทํ วิทู. (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๒๙๔);
จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา
ปณีตโภชนสิกฺขาปเท ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา) ยํ วุตฺตํ, ตสฺสตฺโถ สงฺฆวเสน ปวาริเต เภสชฺชตฺถาย สปฺปิอาทิเภสชฺชปฺจกํ ¶ วิฺาเปติ เจ, ‘‘นเภสชฺเชน กรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปตี’’ติ (ปาจิ. ๓๐๙) วจเนน ปาจิตฺติยนฺติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๑๐) ลิขิตํ. ‘‘ตยา อิมินาว ปวาริตมฺหา, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ อตฺโถ’’ติ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตฺวา วิฺาเปตุํ คิลาโนว ลภติ, น อิตโรติ จ, ‘‘อฺสฺส อตฺถายา’’ติ ¶ อสฺส าตกปฺปวาริเต, อตฺตโน วา าตกปฺปวาริเตติ อตฺโถติ จ, ‘‘อปริยนฺตปฺปวารณาย ปวาริเต’’ติ สงฺฆวเสน, ปุคฺคลวเสน จ ปวาเรตฺวา ทายกา. ตสฺมา ‘‘สงฺฆปฺปวารณตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปุคฺคลปฺปวารณตา’’ติ น วุตฺตนฺติ จ, ‘‘ปริยนฺตาติกฺกโม’’ติ วจเนน คิลาโน คหิโต, ตสฺมา ‘‘คิลานาคิลานตา’’ติ น วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘สงฺฆปฺปวารณาย ปวารณตา’’ติ ปาโติ จ ลิขิตํ, วีมํสิตพฺพํ.
มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
หตฺถิอาทีสุ เอกเมกนฺติ อนฺตมโส เอกปุริสารุฬฺหหตฺถิมฺปิ, เอกํ สรหตฺถํ ปุริสมฺปิ. สมุฏฺานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานิ, อิทํ ปน โลกวชฺชํ, อกุสลจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ ปาโ.
อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
เกนจิ ปลิพุทฺธสฺสาติ เวริเกน วา อิสฺสเรน วา เกนจิ รุทฺธสฺส. เสนาปริกฺเขเปน วา ปริกฺเขปารหฏฺาเนน วา สฺจรณฏฺานปริยนฺเตน วา ปริจฺฉินฺทิตพฺพา.
เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อเจลกวคฺโค ปฺจโม.
๖. สุราปานวคฺโค
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สุรา’’ติ ¶ วา ‘‘น วฏฺฏตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวาติ ลิขิตํ. อกุสลจิตฺตนฺติ เยภุยฺเยน ตํ สนฺธาย กิร วุตฺตํ. อถ กสฺมา ¶ วินยฏฺกถายํ ‘‘อกุสเลเนว ปาตพฺพตายา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๒๙) วุตฺตนฺติ เจ? สจิตฺตกปกฺเข อกุสเลเนว ปาตพฺพตายาติ.
สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา
กายสํสคฺคสงฺฆาทิเสสาปตฺติภาเว สมาเนปิ ภิกฺขุนิยาปิ อนุปสมฺปนฺเนปิ ทุกฺกฏํ, อุปสมฺปนฺเน เอว ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ ปุคฺคลาเปกฺขํ ทสฺเสตุํ ‘‘องฺคุลิปโตทเก ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ. สติ กรณีเยติ เอตฺถ ปุริสํ สติ กรณีเย อามสโตติ อธิปฺปาโย, น อิตฺถึ.
องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘จิกฺขลฺลํ วา’’ติ วจนโต สกฺขรมฺปิ ขิปนกีฬาย กีฬโต ทุกฺกฏเมว. อุปริโคปฺผเก ปาจิตฺติยํ, อฺตฺถ ทุกฺกฏนฺติ ปาจิตฺติยวตฺถุอตฺถวเสน ‘‘อุทเก หสธมฺเม ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ.
อิทํ สฺาวิโมกฺขํ เจ, ติกปาจิตฺติยํ กถํ;
กีฬิตํว อกีฬาติ, มิจฺฉาคาเหน ตํ สิยา.
เอตฺตาวตา ¶ กถํ กีฬา, อิติ กีฬายํ เอวายํ;
อกีฬาสฺี โหเตตฺถ, วินยตฺถํ สมาทเย.
เอกนฺตากุสโล ยสฺมา, กีฬายาภิรตมโน;
ตสฺมา อกุสลํ จิตฺตํ, เอกเมเวตฺถ ลพฺภตีติ. (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๓๖);
หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺส ¶ วจนนฺติ ‘‘อยํ อุกฺขิตฺตโก วา วมฺภิโต วา ครหิโต วา อิมสฺส วจนํ อกตํ ภวิสฺสตี’’ติ อนาทริยํ กโรติ. ธมฺมนฺติ กถายํ ธมฺโม นสฺเสยฺย วา วินสฺเสยฺย วา อนฺตรธาเยยฺย วา, ตํ วา อสิกฺขิตุกาโม อนาทริยํ กโรติ. ‘‘โลกวชฺชํ อติกฺกมิตฺวา ‘อิทํ อมฺหากํ อาจริยุคฺคโห’ติ วทนฺตสฺส น วฏฺฏตี’’ติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๔๔) ลิขิตํ.
อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘วิสิพฺพนาเปกฺโข’’ติ วุตฺตตฺตา อฺสฺส วฏฺฏติ, อฺเสฺจ.
โชติเนกมเนเก วา, ชาเลนฺติ มุนโย สห;
เอโก โสเปติ นาเนโก, อธิปฺปายวิเสสโต.
โชติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา
โมรกฺขิมณฺฑลมงฺคุลปิฏฺีนนฺติ ¶ น เอกนฺตโต, อธิกํ, โอรฺจาติ วทนฺติ. เอกโกเณปิ วฏฺฏติ, เอวํ ยตฺถ กตฺถจิ เอกพินฺทุปิ วฏฺฏตีติ.
ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. เอตฺถ ปริโภเคน กายกมฺมํ. อปจฺจุทฺธรเณน วจีกมฺมํ.
วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
สสูจิเก ¶ สูจิฆเร สูจิคณนาย อาปตฺติโยติ โปราณา.
อปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุราปานวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. สปฺปาณกวคฺโค
๑. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
วตฺถุคณนาย กมฺมพนฺธคณนาเจตนามารณานํ, น กมฺมพนฺธคณนาย เจตนามารณา. เอตฺถ เอกเจตนาย พหุปาณกา มรนฺตีติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
สปฺปาณกนฺติ ¶ ปาณกานํ มรณวเสน ปาจิตฺติยํ, น สปฺปาณกอุทกปริโภควเสน ปาจิตฺติยํ, ตสฺมา เอว ‘‘ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. อสุทฺธจิตฺตตฺตา ปาจิตฺติยํ, สุทฺธจิตฺเต อนาปตฺติ. ปทีปุชฺชลเน วิย ปณฺณตฺติวชฺชตา วุตฺตาติ ลิขิตํ.
ชเล ปกฺขิปนํ ปุพฺพํ, ชลปฺปเวสนํ อิทํ;
เอวํ อุภินฺนํ นานาตฺตํ, เยฺยํ าณวตา สทาติ. (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๓๘๗)
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ –
อุปชฺฌาโย สเจ สามํ, กมฺมวาจฺจ สาเวติ;
กมฺมํ รุหติ อิจฺเจเก, เนติ วินยโกวิโท.
ทุกฺกฏํ ¶ วิหิตํ ยสฺมา, อาจริยสฺส คณสฺส จ;
ตสฺมา ภินฺนาว อาจริย-อุปชฺฌายา วิสุํ อิธาติ.
อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
อิธ เอกโตอุปสมฺปนฺนา, สิกฺขมานา, สามเณรีติ อิมา ติสฺโสปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, อิมาสํ ปน ติสฺสนฺนํ สมโย รกฺขติ, อยมิมาสํ, มาตุคามสฺส จ วิเสโสติ เวทิตพฺพํ.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ตํ ¶ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสฏฺเนาติ ลทฺธินานาสํวาสกํ สนฺธายา’’ติ ลิขิตํ. ติจิตฺตนฺติ เอตฺถ วิปากาพฺยากตจิตฺเตน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺยาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺถา สจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส กิริยาพฺยากตํ สนฺธาย น ยุชฺชติ.
อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อยํ สมณุทฺเทโส ปาราชิโก โหติ. สเจ ตํ ทิฏฺึ ปฏินิสฺสชฺชติ, สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา สงฺฆานุมติยา ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ โปราณคณฺิปเท วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ. ทณฺฑกมฺมนาสนา หิ อิธาธิปฺเปตา. ยทิ โส ปาราชิโก โหติ, ลิงฺคนาสนา นาม สิยา. ‘‘เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ จ ทิฏฺิ สตฺถริ อสตฺถาทิทิฏฺิ น โหติ. สเจ สา ยสฺส อุปฺปชฺชติ, โส ปาราชิโก โหติ, ตสฺมิมฺปิ เอวเมว ¶ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, สํวเร อติฏฺนฺโต ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺโพติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๒๘) อาจริยสฺส ตกฺโก.
กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สปฺปาณกวคฺโค สตฺตโม.
๘. สหธมฺมิกวคฺโค
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา
องฺเคสุ น โมกฺขาธิปฺปายตา วิย อมรณาธิปฺปายตา วตฺตพฺพาติ เจ? น วตฺตพฺพา. กสฺมา? โย ภิกฺขุ สยํ ปหารํ ทาตุกาโม, โส อธิปฺปาเยน ตสฺส มรเณ ปโยควิรโหวาติ กตฺวา ¶ อมรณาธิการตฺตา เกวลํ อมรณาธิปฺปาโย เอว โสติ ตา วิย ตา น วุตฺตา. โมกฺขาธิปฺปายสฺส ปน โกโป นตฺถิ, ตสฺมา อนาปตฺตีติ วุตฺตํ.
ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา
ตลเมว ตลสตฺติกํ. ‘‘โปถนสมตฺถฏฺเน สตฺติก’’นฺติ เอเก. ยสฺมา ปหริตุกามตาย ปหรโต ปุริเมน ปาจิตฺติยํ, เกวลํ อุจฺจาเรตุกามตาย อุคฺคิรณมตฺเต กเต อิมินา ปาจิตฺติยํ. อิมินา ปน วิรชฺฌิตฺวา ปหาโร ทินฺโน, ตสฺมา นปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฏํ. กิมิทํ ทุกฺกฏํ ปหารปจฺจยา, อุทาหุ อุคฺคิรณปจฺจยาติ? ปหารปจฺจยา เอว ทุกฺกฏํ, ปุริมํ อุคฺคิรณปจฺจยา ปาจิตฺติยนฺติ สทุกฺกฏํ ปาจิตฺติยํ ยุชฺชติ. ปุริมฺหิ อุคฺคิรณํ, ปจฺฉา ปหาโร. น จ ปจฺฉิมํ ปหารํ นิสฺสาย ปุริมํ อุคฺคิรณํ อนาปตฺติวตฺถุกํ ภวิตุมรหตีติ โน ตกฺโกติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๕๖) อาจริโย.
ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
ปโร ¶ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตุ วา, มา วา, ตํ อปฺปมาณํ. ‘‘กุกฺกุจฺจุปาทน’’นฺติ ตติยมงฺคํ ตสฺส อธิปฺปายวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปสฺสุตินฺติ ยถา อุปกุชฺฌํ ‘‘สมีปกุชฺฌ’’นฺติ วุจฺจติ, ตถา อุปสฺสุติ ‘‘สมีปสฺสุตี’’ติ เวทิตพฺพา. ยตฺถ ิโต สุณาติ, ตํ านนฺติ อตฺโถ. สุตีติ ปเนตฺถ ปเรสํ วจนสทฺโท จ. โส หิ สุยฺยตีติ สุติ นาม. อุปสุยฺยติ วา เอตฺถาติ อุปสฺสุติ. โอกาโส หิ สุติ นาม. อิเมสํ สุตฺวาติ เอตฺถ ‘‘วจน’’นฺติ ปาเสโส.
สมุฏฺานาทีนิ ¶ อตีตทฺวยสทิสานีติ น คเหตพฺพานิ. เถยฺยสตฺถสมุฏฺานํ. สิยา กิริยํ คนฺตฺวา สวเน. สิยา อกิริยํ ิตฏฺานํ อาคนฺตฺวา วทนฺตานํ อชานาปนวเสน สมุฏฺานโต. ‘‘สฺาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทน’’นฺติ ลิขิตํ.
อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กมฺมปฺปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา
อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชนเกน ปน จีวรํ กโรนฺตสฺส เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. ๓๒๘) วุตฺตปฺปเภทานิ สูจิอาทีนิ อนปโลเกตฺวาปิ ทาตพฺพานิ. ตโต อติเรกํ เทนฺเตน อปโลกนกมฺมํ กาตพฺพํ. เอวํ กตํ ปน อปโลกนํ กมฺมลกฺขณเมวาติ อธิปฺปาโย. เอวํ สพฺพตฺถ กมฺมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. คามสีมาวิหาเรสุ โอสารณาทีนิ สงฺฆกมฺมานิเยว น วฏฺฏนฺติ. วิสฺสชฺชิยเวภงฺคิยานิ ปน วฏฺฏนฺติ. ‘‘สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ สามฺโต อวตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร สงฺฆสฺส สนฺตก’’นฺติ อปโลเกตพฺพนฺติ จ, ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทน’’นฺติ ปาโติ จ ลิขิตํ.
กมฺมปฺปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
สนฺนิปาตํ ¶ อนาคนฺตฺวา เจ ฉนฺทํ น เทติ, อนาปตฺตีติ เอเก. ทุกฺกฏนฺติ เอเก ธมฺมกมฺมนฺตรายกรณาธิปฺปายตฺตา.
ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา
อกปฺปิเยน วาติ สุวณฺณรชตมยมฺจาทินา. กปฺปิยมฺโจ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพติ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตหิ ปน ‘‘วิหารสฺส เทมา’’ติ วุตฺเต สุวณฺณรชตมยาทิอกปฺปิยมฺจาปิ ¶ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพาติ จ, ‘‘อรฺชโร พหุอุทกคณฺหนโก’’ติ จ, ‘‘สงฺฆิกปอโภเคน วาติ สเจ อารามิกาทโย ปฏิสาเมตฺวา ปฏิเทนฺติ, ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จ, ‘‘กํสโลหาทิภาชนํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ ปาริหาริยํ น วฏฺฏตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตตฺตา อตฺตโน หตฺเถน คเหตฺวา ปฏิสามิตุํ น ลภตีติ จ, ‘‘เวธโก กายพนฺธนสฺสาติ วทนฺตี’’ติ จ, ‘‘หิงฺคุ หิงฺคุลิหริตาลมโนสิลา อฺชนานี’’ติ ปาโติ จ, ‘‘ทารุมโย วา…เป… อปาทโกปิ สมุคฺโค’’ติ ปาโติ จ, ‘‘ทารุมโย ตุมฺโพติ ทารุมโย อุทกตุมฺโพ’’ติ จ, ‘‘ถมฺภตุลาโสปานผลกาทีสู’’ติ จ ลิขิตํ.
ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา
เอโก ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตกสฺส ทาตุกาโม โหติ, ตสฺส ทานํ นิวาเรตฺวา อฺสฺส ทาเปติ, อนาปตฺติ. ตถา สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํ กโรนฺตสฺส ทาเปติ, อตฺตโน นิสฺสิตกา อิตฺถนฺนามสฺส ปตฺตํ ทาตุกามา อาปุจฺฉนฺติ, ‘‘วิสภาโค เอโส, สภาคสฺส เทหี’’ติ วทติ. อนาปตฺติ อตฺตโน ภารภูตตฺตา. ตสฺส ปน ทาตุกามํ อฺสฺส ทาเปติ ¶ , อาปตฺติ เอว. สพฺพตฺถ อาปุจฺฉิตฺวา ทาตุกามํ ยถาสุขํ วิจาเรตุํ ลภติ.
ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สหธมฺมิกวคฺโค อฏฺโม.
๙. รตนวคฺโค
๑. อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา
อสยนิฆเรติ ปริกฺขิตฺตสฺส พหิภูเตสุ รุกฺขมูลาทีสุ. ‘‘สเจ ขตฺติโยว โหติ, นาภิสิตฺโต, อภิสิตฺโตว โหติ, น ขตฺติโย, รกฺขตี’’ติ อาจริโย ‘‘ขตฺติยตา, อภิสิตฺตตา’’ติ ¶ อาปตฺติยา องฺคภาเวน วุตฺตตฺตา. สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา
สพฺโพปิ กถามคฺโค ภณฺฑาคาริกสีเสน นิกฺขิปนํ, โคปนฺจ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปวตฺโต.
รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สนฺตํ ภิกฺขุ’’นฺติ จ ‘‘อนาปุจฺฉา’’ติ จ ‘‘ตถารูปา อจฺจายิกาติ จ อิมาติ เอตฺถ ติสฺโส’’ติ ปาโ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา
ตํ ¶ อสฺสาติ ตํ เภทนกํ อสฺส ปาจิตฺติยสฺส อตฺถิ ปมํ เภทนํ กตฺวา ปจฺฉา เทเสตพฺพตฺตา. เอส นโย อิตเรสุปิ. วาสิชเฏติ วาสิทณฺฑเก.
สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา
อฏฺงฺคุลปาทกนฺติ ภาวนปุํสกํ. ตุลาสงฺฆาเต ปนเมว อฏฺฏกรณํ.
มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา
กิฺจาปิ ¶ ปฏิลาเภเยว ปาจิตฺติยํ วิย ทิสฺสติ, ปริโภเค เอว ปน อาปตฺติ ทฏฺพฺพา. ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๒๙) วจนํ เอตฺถ สาธกํ.
ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
กิฺจาปิ นิสีทนสฺส ชาติ น ทิสฺสติ เอตฺถ, ตถาปิ จีวรกฺขนฺธเก อนฺุาตตฺตา, ‘‘นว จีวรานิ อธิฏฺาตพฺพานี’’ติ เอตฺถ จ ปริยาปนฺนตฺตา จีวรชาติ เอวสฺส ชาตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ลาเภ สทสํ, อลาเภ อทสมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ เอเก, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ (ปาจิ. ๕๓๑-๕๓๒) ตสฺส สณฺานนิยมนโต.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
รตนวคฺโค นวโม.
สุทฺธปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
๑. ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
ยามกาลิกาทีสุ ¶ ¶ อาหารตฺถาย เอว ทุกฺกฏํ. ตมฺปิ อามิเสน อสมฺภินฺนรเส, สมฺภินฺเน ปน เอกรเส ปาฏิเทสนียเมว.
ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
อาราเม วา อารามูปจาเร วา ปฏิคฺคเหตฺวา อชฺโฌหรนฺตสฺสาติ อาราเม วา อารามูปจาเร วา ปฏิคฺคเหตฺวา อาราเม วา อารามูปจาเร วา อชฺโฌหรนฺตสฺสาติ อตฺโถ.
พหาราเม ปฏิคฺคหิตํ อชฺฌาราเม ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ. องฺเคสุ จ ‘‘อชฺฌาราเม วา อารามูปจาเร วา ปฏิคฺคหณ’’นฺติ คเหตพฺพํ. อชฺฌาราเม หิ ทสฺสิเต อารามูปจารํ ทสฺสิตเมวาติ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสขิยกณฺฑํ
เสขิเยสุ ¶ ¶ สติปิ วีติกฺกเม อนาทริยาเปกฺขสฺเสว อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ การโก น วุตฺโต. อยฺหิ วินยธมฺมตา, ยทิทํ สาเปกฺเข การกนิทฺเทโส, โส วุตฺตนิยเม วิธิ, ภุมฺมกรณฺจ. อฏฺงฺคุลาธิกมฺปิ โอตาเรตฺวา นิวาเสตุํ วฏฺฏติ. ตโต ปรํ โอตาเรนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. อาราเม วาติ พุทฺธุปฏฺานาทิกาเล. ปารุปิตพฺพนฺติ อุตฺตราสงฺคกิจฺจวเสน วุตฺตํ.
ตฺวาติ เอตฺถ คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยวาติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๕๘๒) ลิขิตํ. ยถา วาสูปคตสฺส อนฺตรฆเร กายํ วิวริตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏติ, ตถา ตสฺส สนฺติเก คนฺตุกามสฺสปิ กายพนฺธนํ อพนฺธิตฺวา สงฺฆาฏึ อปารุปิตฺวา คามปฺปเวสนมนาโรเจตฺวา ยถากามํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา อทฺธานมคฺคคมนกาเล เอโก ภิกฺขุ คามปฺปเวสนวตฺตํ ปูเรตฺวา คามํ ปวิสิตฺวา เอกํ อาวสถํ ปุรโตว ิตํ ปตฺวา ปริกฺขารํ เปตฺวา วาสูปคโต เจ โหติ, อิตเรหิ ตสฺส สนฺติกํ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. โก ปน วาโท จตูหปฺจาหํ วาสมธิฏฺาย วสิตภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺุจ วาสูปคตานํ สนฺติกํ คนฺตฺุจ วฏฺฏตีติ. พุทฺธปูชมฺปิ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ ‘‘อนาปตฺติ การณํ ปฏิจฺจ ตหํ ตหํ โอโลเกตี’’ติ. ตตฺถ การณํ นาม อามิสปูชาติ เวทิตพฺพาติ ลิขิตํ.
ฉพฺพีสติสารุปฺปวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยสฺมา ‘‘สมติตฺติโก ปิณฺฑปาโต ปฏิคฺคเหตพฺโพ’’ติ (ปาจิ. ๖๐๒-๖๐๓) วจนํ ปิณฺฑปาโต สมปุณฺโณ ปฏิคฺคเหตพฺโพติ ทีเปติ, ตสฺมา อตฺตโน หตฺถคเต ปตฺเต ปิณฺฑปาโต ทิยฺยมาโน ถูปีกโตปิ เจ โหติ, วฏฺฏตีติ ทีปิโต โหติ. สูโปทนวิฺตฺติยํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ปุน อุคฺคิริตุกามสฺสาปิ สหสา เจ ปวิสติ, เอตฺถ อสฺจิจฺจ ¶ ภฺุชติ นาม. วิฺตฺติกตฺจ อกตฺจ เอกสฺมึ าเน ิตํ สหสา อนุปธาเรตฺวา คเหตฺวา ภฺุชติ, อสฺสติยา ภฺุชติ นาม.
สยํ ¶ ยานคโต หุตฺวา, ยถา ยานคตสฺส เจ;
อลํ วตฺถุํ ตถา นาลํ, สฉตฺโต ฉตฺตปาณิโน.
‘‘สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทํ เถยฺยสตฺถสมุฏฺานํ, กิริยํ, สฺาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทน’’นฺติ ปาโ.
เสขิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ภิกฺขุนีปาติโมกฺขวณฺณนา
ปาราชิกกณฺฑํ
อภิลาปมตฺตเมวาติ ¶ ¶ เอตฺถ ทหรวเสน ‘‘ภนฺเต’’ติ จ วุฑฺฒวเสน ‘‘อาวุโส’’ติ จ ตตฺถ ทุวิโธ อภิลาโป, อิธ ปน วุฑฺฒทหรานํ ‘‘อยฺยา’’ติ เอกเมว.
กายสํสคฺเค วุตฺตนเยนาติ เอตฺถ ตพฺพหุลนเยน กิริยสมุฏฺานตา วุตฺตา. ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ อวตฺวา ปน ‘‘สาทิเยยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อกิริยโตปิ สมุฏฺาตีติ เวทิตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ เหฏฺา ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา ตโย มคฺเค เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๖) นเยน กิริยสมุฏฺานตํ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ภิกฺขุปจฺจตฺถิกา มนุสฺสิตฺถึ ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ อาเนตฺวา วจฺจมคฺเคน องฺคชาตํ อภินิสีเทนฺติ, โส เจ ปเวสนํ สาทิยตี’’ติอาทินา (ปารา. ๕๘) นเยน อกิริยสมุฏฺานสฺสปิ วุตฺตตฺตา ปมปาราชิกายปิ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฏฺานตา เวทิตพฺพา. น หิ ปเวสนสาทิยนาทิมฺหิ กิริยสมุฏฺานตา ทิสฺสติ.
องฺคชาตจลนฺเจตฺถ ¶ น สารโต ทฏฺพฺพํ ‘‘โส เจ ปเวสนํ น สาทิยติ, ปวิฏฺํ น สาทิยติ, ิตํ น สาทิยติ, อุทฺธรณํ สาทิยติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๕๘) เอตฺถ ิตนสาทิยเน ปกติยาปิ ปริปุณฺณจลนตฺตา. สาทิยนปจฺจยา ปฏิเสวนจลนฺเจตฺถ น ทิสฺสเตวาติ ตพฺพหุลนเยเนว กิริยสมุฏฺานตา คเหตพฺพา.
อปิจ ภิกฺขุนิยาปิ ปมปาราชิเก ตสฺส สาทิยนสฺส สรูเปน วุตฺตตฺตา ตทนุรูปวเสน วิภงฺคนยมโนโลเกตฺวา ‘‘กิริยสมุฏฺาน’’มิจฺเจว วุตฺตํ. ยถา เจเตสุ ตพฺพหุลนเยน กิริยสมุฏฺานตา วุตฺตา, ตถา สุราทีนํ อกุสเลเนว ปาตพฺพตา. อิตรถา ‘‘ยํ อกุสเลเนว ¶ อาปชฺชติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ วุตฺเต โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชานํ นิยมลกฺขณสิทฺธิ โหติ, ตถา ตํ อวตฺวา ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺเต โลกวชฺชวจนํ นิรตฺถกํ สิยา วตฺถุอชานนปกฺเขปิ อกุสเลเนว ปาตพฺพตฺตา. ยสฺมา ตตฺถ สุราปานวีติกฺกมสฺส อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ขนฺธกฏฺกถายํ ‘‘มชฺชปาเน ปน ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฏฺาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. สามเณโร ชานิตฺวาว ปิวนฺโต สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๘) วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘วตฺถุอชานนปกฺเข ปาณาติปาตาทีนํ สิทฺธิกรอกุสลจิตฺตุปฺปาทสทิเส จิตฺตุปฺปาเท สติปิ สามเณโร สีลเภทํ นาปชฺชตี’’ติ. อภินิเวสวจนํ ปาณาติปาตาทีหิ สมานคติกตฺตา สามเณรานํ สุราปานสฺส. ‘‘สุราเมรยิเม’’ติ วตฺถุํ ชานิตฺวา ปาตพฺพตาทิวเสน วีติกฺกมนฺตสฺส อกุสลสฺส อสมฺภโว นตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปกฺเข’’ติอาทิ.
กิฺเจตฺถ – ยุตฺติวจเนน อรหนฺตานํ อปฺปวิสนโต สจิตฺตกาจิตฺตกปกฺเขสุ อกุสลนิยโมติ เจ? น, ธมฺมตาวเสน เสกฺขานมฺปิ อปฺปวิสนโต. อจิตฺตกปกฺเข อกุสลนิยมาภาวทสฺสนตฺถํ สุปนฺตสฺส มุเข ปกฺขิตฺตชลพินฺทุมิว สุราพินฺทุอาทโย อุทาหริตพฺพา. ตพฺพหุลนเยน หิ อตฺเถ คหิเต ปุพฺเพนาปรํ อฏฺกถาย สเมติ สทฺธึ ปาฬิยา จาติ. อาจริยาปิ สุราปาเน อกุสลนิยมาภาวเมว วทนฺติ. เอกจฺเจ ปน กิริยสมุฏฺานตา ปนสฺส ตพฺพหุลนยเมว, น ปมปาราชิเก. กถํ? กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ ปมปาราชิกสมุฏฺานํ. เอตฺถ ภิกฺขุสฺส จ ภิกฺขุนิยา จ กายสํสคฺคภาเว สติ ภิกฺขุนี กายงฺคํ อโจปยมานาปิ จิตฺเตเนว อธิวาเสติ, อาปชฺชติ, น เอวํ ภิกฺขุ. ภิกฺขุ ปน โจปยมาโนว อาปชฺชติ, เอวเมว ปมปาราชิเกปิ โจปเน สติ เอว อาปชฺชติ, นาสติ. ปเวสนํ ¶ สาทิยตีติ เอตฺถ ปเวสนสาทิยนํ นาม เสวนจิตฺตุปฺปาทนํ, มคฺเคน วา มคฺคปฺปฏิปนฺนมฺปิ อิจฺฉนฺติ. ตสฺสาปิ กายจลนํ เอกนฺตํ อตฺถิ เอว. เอวํ สนฺเตปิ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ วทนฺตีติ ลิขิตํ
ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุนีนํ ¶ ¶ สงฺฆาทิเสสํ ปตฺวา วุฏฺานวิธโย สนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘อยํ ภิกฺขุนี…เป… อาปนฺนา’’ติ ปุคฺคลนิยมํ กตฺวา ปาราชิกโต อธิปฺปายนฺติ ‘‘นิสฺสารณียํ สงฺฆาทิเสส’’นฺติ อาปตฺตินามคฺคหณฺจ กตํ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยเมวา’’ติ ปาโ.
อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
กตฺถจิ อคนฺตฺวา นิสินฺนฏฺาเน เอว นิสีทิตฺวา กโรนฺติยา วาจาจิตฺตโต, ขณฺฑสีมาทิคตาย กายวาจาจิตฺตโต.
โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อาโภคํ วินา’’ติ วุตฺตตฺตา อาโภเค สติ อนาปตฺติ, อิมสฺมึ ปน สิกฺขาปเท สมนฺตปาสาทิกายํ อุปจาราติกฺกเม อาปตฺติ วุตฺตา, อิธ โอกฺกเม. ทฺวีสุปิ วุตฺตํ อตฺถโต เอกเมว คามนฺตรคมนสงฺฆาทิเสสํ อุปจารสฺส สนฺธาย วุตฺตตฺตา. คณมฺหา โอหียนสฺส วิโรโธ. ‘‘อรฺเ’’ติ อิทํ อตฺถวเสน วุตฺตํ, คามนฺตเรปิ โหติ เอว.
สิกฺขาปทา ¶ พุทฺธวเรน วณฺณิตาติ คาถาย วเสน, อฏฺกถายมฺปิ คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารนฺติ วุตฺตํ.
เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
‘‘ฉาทนปจฺจยา ¶ ปน ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ อิทํ –
‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฏิจฺจ;
น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๘๑) –
อิมาย วิรุชฺฌติ. ตสฺมา ปมาทเลขา วิย ทิสฺสตีติ คเวสิตพฺโพ เอตฺถ อตฺโถ. ภิกฺขูนํ มานตฺตกถายํ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิคมนวณฺณนา) วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘คามูปจารโต จ ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโต จ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺร ภิกฺขูนํ วุตฺตปฺปการปฺปเทสํ อติกฺกมิตฺวา คาเมปิ ตํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุนีนํ ปน คาเม น วฏฺฏติ. ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ เอเก. อปเร ปน ภิกฺขูนมฺปิ คาเม น วฏฺฏติ. ภิกฺขุวิหาโร นาม ปุพฺเพ เอว คามูปจารํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ตสฺมา คามํ อวตฺวา วิหารูปจารเมว เหฏฺา วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ วิหาโร คาเม เอว วฏฺฏติ, น พหิ, ตสฺมา คามูปจารฺจ วิหารูปจารฺจ อุภยเมเวตฺถ ทสฺสิตํ. ตสฺมา อุภยตฺถาปิ อตฺถโต นานาตฺตํ นตฺถีติ วทนฺติ. ยํ ยุชฺชติ, ตํ คเหตพฺพํ.
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
ทุติเย ¶ ¶ อิธ ภาชาปิตาย ลทฺธจีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตํ วินยกมฺมํ กตฺวาปิ อตฺตนา น ลพฺภติ.
ตติเย ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทน’’นฺติ ปาโ.
จตุตฺเถ ปมํ วิฺตฺตํ อลภิตฺวา อฺํ ตโต อูนตรมฺปิ ลเภยฺย, นิสฺสคฺคิยเมว องฺคสมฺปตฺติโต.
นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. ปมวคฺควณฺณนา
ปเม ¶ ¶ หริตปตฺตวณฺโณ หริตโก. จาปลสุณํ อมิฺชโก. องฺกุรมตฺตเมว หิ ตสฺส โหติ. ปลณฺฑุกาทโย สภาเวเนว วฏฺฏนฺติ. สูปสมฺปากาที วินาปิ อนฺตมโส ยาคุภตฺเตปิ ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ, ‘‘ภิกฺขุนิยาปิ คิลานาย ปุเรภตฺตเมว ลสุณํ กปฺปติ, น อคิลานายา’’ติ อภยคิรีนํ อุคฺคโหติ.
ทุติเย อาพาธปจฺจยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา สํหราเปตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุสฺส เอตฺถ จ ลสุเณ จ ทุกฺกฏํ.
สตฺตเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทฺธานมคฺคสิกฺขาปทสทิสานี’’ติ ปาโ.
นวเม กุฏฺโฏ นาม ฆรกุฏฺโฏ. ปากาโร นาม ปริกฺเขปปากาโร.
ฉฑฺฑิตเขตฺเตติ ปุราณเขตฺเต. สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสฺส ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา. ภิกฺขุนีนมฺปิ สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสงฺฆสนฺตเก วุตฺตนเยเนว วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสน กาตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
ทสเม ‘‘สยํ ตานิ วตฺถูนิ กโรนฺติยา’’ติอาทิ อิธ สิกฺขาปเท นตฺถิ. กสฺมา? เอฬกโลมสมุฏฺานตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? สุตฺตานุโลมมหาปเทสโต. ยทิ นจฺจาทีนิ ปสฺสิตุํ วา สุณิตุํ วา น ลภติ, ปเคว อตฺตนา กาตุนฺติ นยโต ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ. อิตรถา มหาปเทสา นิรตฺถกา สิยุํ. ‘‘เอวํ อฺตฺถปิ นโย เนตพฺโพ. สมุฏฺานมฺปิ อิธ วุตฺตเมว ¶ อคฺคเหตฺวา ฉสมุฏฺานวเสน คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริยา. อิธ วุตฺตํ สมุฏฺานํ นาม มูลภูตสฺส อนฺตรา วุตฺตาปตฺติยา, ตสฺมา เอฬกโลมสมุฏฺานเมวาติ อปเร. อาราเม ตฺวาติ น เกวลํ ตฺวา, ตโต คนฺตฺวา ปน สพฺพิริยาปเถหิปิ ลภติ. อาราเม ิตาติ ปน อารามปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. อิตรถา นิสินฺนาปิ น ลเภยฺยาติ.
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺควณฺณนา
ปฺจเม ¶ อุปจาโร ทฺวาทสหตฺโถ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
สตฺตเม ธุวปฺตฺเตติ ภิกฺขุนีนํ อตฺถาย. กุลานีติ กุลฆรานิ.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺควณฺณนา
จตุตฺเถ สงฺฆาฏิอาทิวเสน อธิฏฺิตานํ สงฺฆาฏิจารํ.
ปฺจเม ‘‘อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ฉฏฺเ อฺสฺมึ ปริกฺขาเร ทุกฺกฏนฺติ ถาลกาทีนํ วา สปฺปิเตลาทีนํ วา อฺตรสฺมึ.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถวคฺควณฺณนา
ฉฏฺเ สํสฏฺวิหารสิกฺขาปเท ‘‘เสสเมตฺถ ปมอริฏฺสิกฺขาปเท วุตฺตวินิจฺฉยสทิสเมวา’’ติ ปาโ.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมวคฺควณฺณนา
‘‘จิตฺตาคารํ ¶ นาม ยตฺถ กตฺถจิ มนุสฺสานํ กีฬิตุํ รมิตุํ กตํ โหตี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๙๗๙) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา จิตฺตาคาราทีนิ สพฺเพสํ อตฺถาย กตานิ, น รฺโ เอว.
สตฺตเม เอเตน นิสฺสชฺชิตุํ กปฺปิยํ วุตฺตํ. ‘‘นิสฺสชฺชิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๐๗) ปาฬิ จ อตฺถิ. ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ. อฏฺเมปิ เอโสว ปาโ.
ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉฏฺวคฺควณฺณนา
ทสเม ¶ ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ฉฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฏฺมวคฺควณฺณนา
ปมทุติยตติเยสุ ‘‘คิหิคตา’’ติ วา ‘‘กุมาริภูตา’’ติ วา น วตฺตพฺพา. วทนฺติ เจ, กมฺมํ กุปฺปติ.
เอกาทสเม ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาติ ‘‘ยถาสุข’’นฺติ อวตฺวา. เอตฺถ ปน อยํ วินิจฺฉโย – ‘‘ปาริวาสิกฉนฺททาเนนา’’ติ อิทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘วุฏฺิตาย ปริสายา’’ติ (ปาจิ. ๑๑๖๘) ปทภาชนํ วุตฺตํ. เอตสฺส ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘วุฏฺิตาย ปริสายาติ ฉนฺทํ วิสฺสชฺเชตฺวา กาเยน วา วาจาย วา ฉนฺทวิสฺสชฺชนมตฺเตน วา วุฏฺิตายา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖๗) วุตฺตํ. อิธ ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฏฺตฺตา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตสฺมา ฉนฺทํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ทฺวาทสหตฺถปาเส วิหริตฺวา ปุน สนฺนิปาตกรณฺจ วฏฺฏตีติ ลิขิตํ.
อฏฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นวมวคฺควณฺณนา
ตติเย ¶ ‘‘เสสํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ, อิทํ ปน อกุสลจิตฺต’’นฺติ ปาโ.
จตุตฺเถ วุตฺตนเยนาติ ตติเย วุตฺตนเยน.
เอกาทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
ทฺวาทสเม ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปทโสธมฺมสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริย’’นฺติ ปาโ.
เตรสเม ‘‘สํกจฺจิกํ นาม อธกฺขกํ อุพฺภนาภิ, ตสฺสา ปฏิจฺฉาทนตฺถายา’’ติ (ปาจิ. ๑๒๒๖) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา อิธาปิ ‘‘อธกฺขกอุพฺภนาภิสงฺขาตสฺส สรีรสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถ’’นฺติ ¶ ปาโ. อปริกฺเขเป อาปตฺติปริจฺเฉทํ สมนฺตปาสาทิกวเสน อคฺคเหตฺวา อิธ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ ลิขิตํ.
นวมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สุทฺธปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมุฏฺานวินิจฺฉยวณฺณนา
สมุฏฺานานํ วินิจฺฉเย ปน คิรคฺคสมชฺชาทีนิ ‘‘อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺธ’’นฺติ วา อชานิตฺวาปิ ทสฺสเนน, วิลิมฺปเนน วา อาปชฺชนโต วตฺถุอชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ. ‘‘นจฺจ’’นฺติ วา ‘‘คนฺธ’’นฺติ วา ชานิตฺวา ปสฺสนฺติยา, วิลิมฺปนฺติยา วา อกุสลตฺตา เอว โลกวชฺชานิ. โจริวุฏฺาปนาทีนิ ‘‘โจรี’’ติอาทินา วตฺถุํ ชานิตฺวา กรเณเยว อาปชฺชนตฺตา สจิตฺตกานิ. อุปสมฺปทาทีนํ เอกนฺตากุสลจิตฺเตเนว อกตฺตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติวชฺชานิ. ‘‘อิธ สจิตฺตกาจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาชานนตาย อคฺคเหตฺวา วตฺถุชานนาชานนตาย คเหตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํ. อธิปฺเปตตฺตา สงฺเขปโต ทสฺสนาภาวา –
อจิตฺตกตฺตํ ¶ ทฺวิธา มตํ, วตฺถุปณฺณตฺติอฺาณา;
วุตฺตํ าณํ ทฺวิธา อิธ, สกนาเมน อฺาตํ.
ปรนามฺจ ชานนํ, วตฺถุสฺเสกํ พลกฺกาเร;
เอกธา สมจาริเก, ตสฺมึ ตปฺปฏิพนฺโธติ.
ปรนาเมน ชานนํ, ทฺวิธา มุตฺตาทิเก เอกํ;
เอกํ โลมาทิเก มตนฺติ, อยํ เภโท เวทิตพฺโพ.
เสสเมตฺถ อุตฺตานํ, อนุตฺตานตฺเถ วุตฺตวินิจฺฉยตฺตา น อุทฺธฏนฺติ;
สมุฏฺานวินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภิกฺขุนีปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
กงฺขาวิตรณีปุราณฏีกา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
กงฺขาวิตรณี-อภินวฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
ติโลกติลกํ ¶ ¶ พุทฺธํ, วนฺเท สุทฺธคุณากรํ;
กรุณาสีตลีภูต-หทยํ มหิโตทยํ.
เตนาปิ ธมฺมราเชน, โลเกกาจริเยน โย;
ปูชิโต ตฺจ สทฺธมฺมํ, วนฺเท คมฺภีรมุตฺตมํ.
มุนินฺทจนฺทสทฺธมฺม-รํสีหิ วิมเลหิ โย;
โพธิโตหํ สทา วนฺเท, ตํ สงฺฆํ กุมุทากรํ.
วินเย ¶ นยคมฺภีเร, สพฺพถา ปารทสฺสินา;
วาทินา ทุตฺตราคาธ-สพฺพสตฺถมหณฺณเว.
ยา กตา พุทฺธโฆเสน, เถเรน ถิรเจตสา;
กงฺขาวิตรณี นาม, มาติกฏฺกถา สุภา.
ถิราเนกคุโณเฆน, เถเรน วินยฺุนา;
กลฺยาณาจารยุตฺเตน, ธีมตา มุนิสูนุนา;
วินยฏฺิติกาเมน, สุเมเธนาภิยาจิโต.
ตมหํ วณฺณยิสฺสามิ, สุวิสุทฺธมนากุลํ;
สาธโว ตํ นิสาเมถ, สกฺกจฺจํ มม ภาสโตติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
สพฺพกุสลธมฺมปฺปมุขสฺส วิปุโลฬารคุณวิเสสาวหสฺส ปรมคมฺภีรสฺส ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนํ กตฺตุกาโมยมาจริโย ปมํ ตาว ‘‘พุทฺธํ ธมฺม’’นฺติอาทินา รตนตฺตยปฺปณามกรเณน อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ ปุนาติ. วิสุทฺธจิตฺตสนฺตานนิสฺสยา หิ ปฺา ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ยถาธิปฺเปตสํวณฺณนาย ปริโยสานคมนสมตฺถา โหตีติ ¶ . อปิจ รตนตฺตยปฺปณาเมน วิธุตสพฺพกิพฺพิเส จิตฺตสนฺตาเน ภวนฺตรูปจิตานิปิ อนฺตรายิกกมฺมานิ ปจฺจยเวกลฺลโต ยถาธิปฺเปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นาลมนฺตรายกรณายาติปิ อาจริยสฺส รตนตฺตยวนฺทนา.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน, เยฺยวิเสสสฺส จ กมฺมภาเวน อคฺคหณโต ¶ กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิเตน สยมฺภุาเณน สหวาสนาย วิคตวิทฺธสฺตนิรวเสสุปกฺกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโรว ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑),
ตํ พุทฺธํ.
ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺหิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายทุกฺเข, สํสารทุกฺเข จ อปตมาเน ธาเรตีติ, ตนฺนิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนฺเจตฺถ ธารณํ. เอวฺจ กตฺวา อริยมคฺโค, ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตาย นิพฺพานฺจาติ อุภยเมว นิปฺปริยายโต ธาเรติ. อริยผลฺจ ปน ตํสมุจฺฉินฺนกิเลสปฏิปฺปสฺสมฺภเนน ตทนุกูลตาย, ปริยตฺติธมฺโม จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภยมฺปิ ปริยายโต ธาเรตีติ เวทิตพฺพํ, ตํ ธมฺมํ. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ยถาวุตฺตํ พุทฺธํ, อิมฺจ ธมฺมํ วนฺทิตฺวาติ พุทฺธรตเนน สห วนฺทนกิริยาย ธมฺมรตนํ สมุจฺจิโนติ.
น เกวลํ อิทํ ทฺวยเมวาติ อาห ‘‘สงฺฆฺจา’’ติ. อริเยน ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต ฆฏิโตติ สงฺโฆ, อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. เตหิ ¶ เตหิ วา มคฺคผเลหิ กิเลสทรถานํ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สมฺมเทว ฆาติตตฺตา สงฺโฆ, โปถุชฺชนิกสงฺฆสฺสาปิ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ิตตฺตา ปุริมเจตนาย วิย ทาเน เอตฺเถว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. โสปิ หิ กิฺจาปิ อริเยน ทิฏฺิสีลสามฺเน อสํหโต, นิยฺยานิกปกฺขิเยน ปน โปถุชฺชนิเกน สํหตตฺตา ทกฺขิเณยฺยปณิปาตารโห สงฺโฆเยวาติ, ตํ สงฺฆํ. จ-สทฺทสฺสตฺโถ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
กึวิสิฏฺํ พุทฺธํ, ธมฺมํ, สงฺฆฺจาติ อาห ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชน’’นฺติ. อิทฺจ วิเสสนํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ. พุทฺธํ…เป… วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ สงฺฆฺจา’’ติ. ตตฺถ สเทวเกน โลเกน อรหตาทีหิ คุเณหิ เสฏฺภาเวน กริยมาโน ปณาโม วนฺทนา, สมฺมาโน มาโน, คนฺธปุปฺผาทีหิ อุปหาโร ปูชา, อภิสงฺขตปจฺจยทานํ ¶ สกฺกาโร, วนฺทนา จ มาโน จ ปูชา จ สกฺกาโร จ วนฺทนามานปูชาสกฺการา, เตสํ มหปฺผลภาวกรเณน ภาชนตฺตา อาธารตฺตา วนฺทนามานปูชาสกฺการภาชนํ. อิมินา รตนตฺตยสฺส อรหตาทีหิ คุเณหิ อสมภาวํ ทสฺเสติ. ตนฺทสฺสนมฺปิ ตกฺกตสฺส นิปจฺจการสฺส สสนฺตานปวนาทิวเสน ยถาธิปฺเปตาย อตฺถสํวณฺณนาย นิปฺผาทนสมตฺถภาวทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิปฺปสนฺเนน เจตสา วนฺทิตฺวาติ อรหตาทิอเนกปฺปการคุณวิเสสานุสฺสรณวเสน วิวิเธน, วิเสเสน วา ปสนฺเนน มนสา สทฺธึ กายวาจาหิ กรณภูตาหิ อภิวนฺทิยาติ อตฺโถ, ตีหิ ทฺวาเรหิ นมสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ติวิธา จายํ วนฺทนา กายวจีมโนวนฺทนานํ วเสน. ตตฺถ พุทฺธาทิคุณารมฺมณา กามาวจรกุสลกิริยานํ อฺตรเจตนา กายวจีวิฺตฺติโย สมุฏฺาเปตฺวา กายวจีทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา กายวจีวนฺทนาติ วุจฺจติ, อุภยวิฺตฺติโย ปน อสมุฏฺาเปตฺวา มโนทฺวารวเสน อุปฺปนฺนา มโนวนฺทนาติ. อิมสฺส ปทสฺส ‘‘วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.
เอวํ รตนตฺตยสฺส ปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน นิสฺสยภูตานํ อฏฺกถาจริยานฺจ ปณามํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กตฺชลี ปุพฺพาจริยสีหานํ นโม กตฺวาติ สมฺพนฺโธ. กโต อฺชลิ กรปุโฏ เอเตนาติ กตฺชลี. ฉนฺทานุรกฺขณตฺถฺเหตฺถ ทีโฆ ¶ , กตฺชลี หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพาจริยา โปราณฏฺกถาการา ตมฺพปณฺณิยา มหาเถรา, เต เอว ปริสฺสยสหนโต, ปฏิปกฺขภูตกิเลสหนนโต, ปรวาทิมิเคหิ อปธํสนียโต จ สีหสทิสตฺตา สีหาติ ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ ปุพฺพาจริยสีหานํ. กีทิสา เต ปุพฺพาจริยสีหา, เยสํ ตยา นโม กรียตีติ อาห ‘‘เถรวํสปฺปทีปาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เถรวํสปฺปทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตาติ เถรา, มหากสฺสปาทโย, เตสํ วํโส อนฺวโยติ เถรวํโส. เอเตน ภินฺนลทฺธิกานํ สตฺตรสเภทานํ มหาสงฺฆิกาทีนํ วํสํ ปฏิกฺขิปติ, เถรวํสปริยาปนฺนา หุตฺวา ปน อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส เถรวํสสฺส ทีปนโต เถรวํสปฺปทีปา, ปุพฺพาจริยสีหา, เตสํ เถรวํสปฺปทีปานํ. อสํหีรตฺตา ถิรานํ. วินยกฺกเมติ อารมฺภานุรูปวจนเมตํ, เต ปน สุตฺตาภิธมฺเมสุปิ ถิรา เอว.
เอวํ อฏฺกถาจริยานมฺปิ ปณามํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํวณฺเณตพฺพธมฺมวิเสสสฺส อภิธานานิสํสํ, เทสกสมฺปตฺติโย จ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มเหสินา ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ มเหสินาติ มหนฺเต สีลาทิเก ปฺจ ธมฺมกฺขนฺเธ เอสี ¶ คเวสีติ มเหสิ. มหนฺเตหิ เอสิโตติ วา ปุถุชฺชนเสขาเสขอิสีหิ วิสิฏฺตฺตา มหนฺโต อิสีติ วา มเหสิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ, เตน มเหสินา. ปาติโมกฺขนฺติ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธสํวรภูตํ สิกฺขาปทสีลํ, ตทฺทีปนโต อุภโตวิภงฺคสุตฺตสงฺขาตํ คนฺถปาติโมกฺขเมว วา. กิมฺภูตนฺติ อาห ‘‘ปาโมกฺข’’นฺติอาทิ. ปมุเข สาธูติ ปโมกฺขํ, ปโมกฺขเมว ปาโมกฺขํ, วชฺชปฏิปกฺขตฺตา อนวชฺชานํ สมาธิปฺาสงฺขาตานํ ปริตฺตมหคฺคตโลกุตฺตรานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาทิ ปติฏฺาภูตนฺติ อตฺโถ. ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) หิ วุตฺตํ. มุขมิวาติ มุขํ, ทฺวารํ. ยถา หิ สตฺตานํ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยวเสน จตุพฺพิโธปิ อาหาโร มุเขน ปวิสิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จาตุภูมกกุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มุขมิวาติ มุข’’นฺติ. อถ วา มุขํ ทฺวารํ โมกฺขปฺปเวสาย นิพฺพานสจฺฉิกิริยายาติ อตฺโถ. วุตฺตฺหิ –
‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ ¶ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑).
ตถา –
‘‘อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย, วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ.
เอวํ สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส อภิธานาทึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สูรเตนา’’ติอาทินา จตุตฺถคาถมาห. ตตฺถ สูรเตนาติ โสภเน รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, เตน สูรเตน, โสภเน กายิกวาจสิกกมฺเม รเตนาติ อตฺโถ, วินีเตนาติ วุตฺตํ โหติ. นิวาเตนาติ นีจวุตฺตินา. สุจิสลฺเลขวุตฺตินาติ สุจิภูตา กิเลสสลฺลิขนสมตฺถา วุตฺติ ปฏิปตฺติ เอตสฺสาติ สุจิสลฺเลขวุตฺติ, เตน สุจิสลฺเลขวุตฺตินา, ปริสุทฺธาย อปฺปิจฺฉวุตฺติยา สมนฺนาคเตนาติ อตฺโถ. วินยาจารยุตฺเตนาติ วาริตฺตจาริตฺตสีลสมฺปนฺเนน. อถ วา วินโยติ เจตฺถ ปาติโมกฺขสํวราทิเภโท สํวรวินโย. อาจาโรติ อาจารโคจรนิทฺเทเส อาคตสมณสารุปฺปาจาโร ¶ . โสณตฺเถเรนาติ เอตฺถ โสโณติ ตสฺส นามํ. ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร. ยาจิโตติ อภิยาจิโต. เถโร หิ ปาติโมกฺขสฺส คมฺภีรตาย ทุรวคาหตํ, อาจริยสฺส จ ตํสํวณฺณนาย สามตฺถิยํ ตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสฺส ตยา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ สาสนสฺส สุจิรฏฺิติกตา โหตี’’ติ สานิสํสคารเวน ยาจนํ อกาสิ. ตทสฺส ยาจนํ อตฺตโน สํวณฺณนาย นิทานภูตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาจิโต’’ติ อาห.
เอตฺถ จ ‘‘สูรเตนา’’ติ อิมินาสฺส โสรจฺจํ วุจฺจติ. ‘‘นิวาเตนา’’ติ อิมินา นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย นิวาตวุตฺติตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน, นิหตทปฺโป, ปาทปฺุฉนโจฬกสโม, ภินฺนวิสาณูสภสโม, อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส ¶ โหติ. ‘‘สุจิสลฺเลขวุตฺตินา’’ติ อิมินา อินฺทฺริยสํวรปจฺจยสนฺนิสฺสิตอาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘วินยาจารยุตฺเตนา’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวมเนกคุเณหิ ตสฺส อภิตฺถวนํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตสฺส สพฺรหฺมจาริโน อชฺเฌสนํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ ปรมคมฺภีรสฺสาปิ ปาติโมกฺขสฺส อตฺถสํวณฺณนายํ ปวตฺตาติ ทสฺสนตฺถํ. กิฺจ – ตาทิสสฺส อชฺเฌสนํ นิสฺสาย กริยมานา อตฺถสํวณฺณนา ตสฺส อชฺเฌสนาธิปจฺเจน, มมฺจ อุสฺสาหสมฺปตฺติยา น จิเรน ปริโยสานํ คจฺฉตีติ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺสวเน โสตุชนสฺสาทรํ ชเนตุํ ตปฺปโยชนกรณปฺปการนิสฺสยาภิธานาทึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ยํ มเหสินา ปาติโมกฺขํ ปกาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข. สฺชาตกงฺขานนฺติ ปทปทตฺถวินิจฺฉยวเสน สฺชาตกงฺขานํ, สมุปฺปนฺนสํสยานนฺติ อตฺโถ. กงฺขาวิตรณตฺถายาติ ยถาวุตฺตสํสยสฺส อติกฺกมนตฺถาย. ตสฺสาติ ปาติโมกฺขสฺส. วณฺณียติ อตฺโถ กถียติ เอตายาติ วณฺณนา, อฏฺกถา, ตํ วณฺณนํ. อิมสฺส จ ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. กึภูตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติอาทิ. ปริปุณฺณวินิจฺฉยนฺติ ขนฺธกปริวารปทภาชนาทิวเสน อสาธารณวินิจฺฉยสฺส จ นิทานาทิวเสน สตฺตรสปฺปเภทสฺส จ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณวินิจฺฉยสฺส ปกาสนโต สมฺปุณฺณวินิจฺฉยํ.
มหาวิหารวาสีนนฺติ มหาเมฆวนุยฺยานภูมิภาเค ปติฏฺิโต วิหาโร มหาวิหาโร, โย สตฺถุโน มหาโพธินา วิภูสิโต, ตตฺถ วสนฺติ สีเลนาติ มหาวิหารวาสิโน, เตสํ มหาวิหารวาสีนํ ¶ . วาจนามคฺคนิสฺสิตนฺติ กถามคฺคนิสฺสิตํ, อฏฺกถานิสฺสิตนฺติ อตฺโถ, มหาวิหารวาสีนํ สีหฬฏฺกถานยํ อิธ นิสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ. วณฺณยิสฺสามีติ ปวตฺตยิสฺสามิ. นาเมนาติ อตฺตโน คุณนาเมน. กงฺขาวิตรนฺติ เอตายาติ กงฺขาวิตรณี, ตํ กงฺขาวิตรณึ. สุภนฺติ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนตฺตา สุนฺทรํ, สทฺทลกฺขณสุภโต, วินิจฺฉยสุภโต, วิฺเยฺยสุภโต จ สุภํ ปริสุทฺธํ. เอตฺถ จ ‘‘กงฺขาวิตรณตฺถายา’’ติ อิมินา ปโยชนํ ทสฺเสติ, ปุริปุณฺณวินิจฺฉย’’นฺติ อิมินา ¶ สํวณฺณนาปฺปการํ, ‘‘มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคนิสฺสิต’’นฺติ อิมินา สํวณฺณนาย นิสฺสยวิสุทฺธึ นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรโทสวิวชฺชนโต, ‘‘วณฺณยิสฺสามี’’ติ อิมินา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วตฺตยิสฺสามี’’ติปิ ปาโ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานวณฺณนา
เอวํ รตนตฺตยปณามาทิสหิตํ สฺาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ปาติโมกฺขสฺส วณฺณนํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาติโมกฺขํ ตาว วจนตฺถโต, สรูปเภทโต, คนฺถเภทโต, อุทฺเทสวิภาคโต, อุทฺเทสปริจฺเฉทโต จ ววตฺถเปตฺวา ตทุทฺเทสกฺกเมนายํ วณฺณนา ภวิสฺสตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปาติโมกฺข’’นฺติอาทิ อารทฺธํ.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ คาถาปเท. ปอติโมกฺขนฺติ ปการโต อติวิย สีเลสุ มุขภูตํ. อติปโมกฺขนฺติ ตเมว ปทํ อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วทติ. อถ วา ป อติ โมกฺขนฺติ ปทจฺเฉโท, ตสฺส อุปสคฺคพฺยตฺตเยนตฺถมาห ‘‘อติปโมกฺข’’นฺติ. เอวํ ปเภทโต ปทวณฺณนํ กตฺวา สทฺทตฺถโต วทติ ‘‘อติเสฏฺํ อติอุตฺตมนฺติ อตฺโถ’’ติ. เอตฺถ จ สีลปาติโมกฺขํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต เสฏฺํ, คนฺถปาติโมกฺขํ ปน เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิตีติ เอวํ. อิมินา ยถาวุตฺตวจนตฺถํ นิทสฺเสติ. นิทสฺสนตฺโถ หิ อยํ อิติ-สทฺโท ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย. อิมินาติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ อิติ-สทฺเทน อนนฺตรนิทสฺสิตสฺส, ปฏิคฺคาหเกหิ จ โสตวิฺาณาทิวีถิยา ¶ ปฏิปนฺนสฺส วจนตฺถสฺส วจนโต. อถ วา อิมินาติ อาสนฺนปจฺจกฺขภาวกรณวจนํ ยถาวุตฺตสฺส วจนตฺถสฺส อภิมุขีกรณโต. วจนตฺเถนาติ ‘‘อติเสฏฺ’’นฺติ สทฺทตฺเถน. เอกวิธมฺปีติ เอกโกฏฺาสมฺปิ. สีลคนฺถเภทโต ทุวิธํ โหตีติ ปุน สีลคนฺถสงฺขาเตน ปเภเทน ทุวิธํ โหติ, สีลปาติโมกฺขํ, คนฺถปาติโมกฺขฺจาติ ทุวิธํ โหตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ ตทุภยสฺสาปิ สุตฺเต อาคตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาติ รกฺขตีติ ปาติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ, สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม, ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. วิหรตีติ วตฺตติ.
อาทิเมตนฺติ เอตํ สิกฺขาปทสีลํ ปุพฺพุปฺปตฺติอตฺเถน อาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ, ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๒).
ยถา หิ นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปมํ นครฏฺานํ โสเธติ, ตโต อปรภาเค วีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกาทิปริจฺเฉเทน วิภชิตฺวา นครํ มาเปติ, ยถา วา ปน รชโก ปมํ ตีหิ ขาเรหิ วตฺถํ โธวิตฺวา ปริสุทฺเธ วตฺเถ ยทิจฺฉกํ รงฺคชาตํ อุปเนติ, ยถา วา ปน เฉโก จิตฺตกาโร รูปํ ลิขิตุกาโม อาทิโตว ภิตฺติปริกมฺมํ กโรติ, ตโต อปรภาเค รูปํ สมุฏฺาเปติ, เอวเมว โยคาวจโร อาทิโตว สีลํ วิโสเธตฺวา อปรภาเค สมถวิปสฺสนาทโย ธมฺเม สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘อาที’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มุขเมต’’นฺติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว. อาทิสทฺเทน ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติอาทิปาฬึ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๕) สงฺคณฺหาติ.
สีลนฺติ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ วินยปิฏกปริยาปนฺนํ สิกฺขาปทสีลํ, ธมฺมโต ปน สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส, วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กึ สีลนฺติ เจตนา สีลํ เจตสิกํ สีลํ สํวโร สีลํ อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙) ‘‘อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานี’’ติ ภิกฺขุภิกฺขุนีปาติโมกฺขวเสน อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว มาติกาติ อตฺโถ. อสฺสาติ ภิกฺขุโนวาทกสฺส ¶ . วิตฺถาเรนาติ อุภโตวิภงฺเคน สทฺธึ. สฺวาคตานีติ สุฏฺุ อาคตานิ. อาทิสทฺเทน ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติอาทิปาฬึ (มหาว. ๑๓๔) สงฺคณฺหาติ. ตตฺถาติ เตสุ สีลคนฺถปาติโมกฺเขสุ. โยติ ¶ อนิยมนิทฺเทโส, โย โกจิ ปุคฺคโล. นนฺติ วินยปริยาปนฺนสีลํ. รกฺขตีติ สมาทิยิตฺวา อวิโกเปนฺโต ปาเลติ. ตํ ‘‘ปาตี’’ติ ลทฺธนามํ ปาติโมกฺขสีเล ิตํ. โมเจตีติ สหการิการณภาวโต โมกฺเขติ. อปาเย ชาตํ อาปายิกํ, ทุกฺขํ, ตํ อาทิ เยสํ ตานิ อาปายิกาทีนิ. อาทิสทฺเทน ตทฺํ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ สงฺคณฺหาติ. อตฺตานุวาทาทีหีติ อตฺตานํ อนุวาโท อตฺตานุวาโท, โส อาทิ เยสํ ตานิ อตฺตานุวาทาทีนิ, เตหิ อตฺตานุวาทาทีหิ. อาทิสทฺเทน ปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยานิ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โชตกตฺตาติ ตสฺส สีลปาติโมกฺขสฺส ทีปนตฺตา. อาทิมฺหิ ปน วุตฺโต วจนตฺโถติ ‘‘อติเสฏฺ’’นฺติอาทินา อาทิมฺหิ วุตฺโต วจนตฺโถ. อุภินฺนมฺปิ สาธารโณ โหติ สีลปาติโมกฺขํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต เสฏฺํ, คนฺถปาติโมกฺขํ เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ.
ตตฺถาติ เตสุ สีลปาติโมกฺขคนฺถปาติโมกฺเขสุ. ‘‘อยํ วณฺณนา’’ติ วกฺขมานวณฺณนมาห. คนฺถปาติโมกฺขสฺส ตาว ยุชฺชตุ, กถํ สีลปาติโมกฺขสฺส ยุชฺชตีติ อาห ‘‘คนฺเถ หี’’ติอาทิ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตสฺสาติ คนฺถสฺส. อตฺโถติ สีลํ. วณฺณิโตว โหตีติ คนฺถวณฺณนามุเขน อตฺถสฺเสว วณฺณนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา คนฺเถ วณฺณิเต ตทวินาภาวโต ตสฺสตฺโถ วณฺณิโต โหติ, ตสฺมา สีลปาติโมกฺขสฺสปิ ยุชฺชตีติ.
เอวํ สรูปเภทโต ววตฺถเปตฺวา อิทานิ คนฺถเภทโต ววตฺถเปตุํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถาติ เตสุ ภิกฺขุปาติโมกฺขภิกฺขุนีปาติโมกฺเขสุ ทฺวีสุ. อุทฺเทสา ปริจฺฉิชฺชนฺติ เยหิ วกฺขมานวจนปฺปพนฺเธหิ, เต อุทฺเทสปริจฺเฉทา, เตหิ. ววตฺถิตนฺติ อสงฺกรโต ิตํ.
เอวํ คนฺถเภทโต ววตฺถเปตฺวา อิทานิ อุทฺเทสวิภาคโต ววตฺถเปตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. อุทฺทิสียติ สรูเปน กถียติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อุทฺเทโส, นิทานสฺส อุทฺเทโสติ นิทานุทฺเทโส. เอวํ เสเสสุปิ. วิตฺถาโรว อุทฺเทโส วิตฺถารุทฺเทโส.
อิทานิ นิทานุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ นิทานุทฺเทโส’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ อุทฺเทเสสุ. นิทานุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ ¶ โหตีติ สมฺพนฺโธ. ยํ ปเนตฺถ นิทานุทฺเทสปริจฺเฉทํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ ¶ อิธาคตนิทานปาฬึ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุทฺเทสกาเล วตฺตพฺพสฺสาปิ ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’’นฺติ อิมสฺส ปาสฺส โยชนํ อกตฺวา ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทินา อนุสาวนาทิกเมว โยเชตฺวา ทสฺสิตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณนิทานปาฬิทสฺสนปุพฺพกนิทานุทฺเทสปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ, ขุทฺทกเปยฺยาลวเสน วา ปากฏตฺตา ตสฺส อโยชนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อุทฺเทสกาเล ปน โยเชตฺวาว วตฺตพฺพํ. วกฺขติ หิ ‘‘ตํ ปเนตํ ปาราชิกาทีนํ อวสาเน ทิสฺสติ, น นิทานาวสาเน. กิฺจาปิ น ทิสฺสติ, อถ โข อุทฺเทสกาเล ‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’ติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’ติอาทินา นเยน วตฺตพฺพเมวา’’ติอาทิ. อวเสเส สุเตน สาวิเตติ อวสิฏฺํ ปาราชิกุทฺเทสาทิจตุกฺกํ ‘‘สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา…เป… อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สุตวเสน สาวิเต.
เอเตเนว นเยน เสสา ตโย ปาติโมกฺขุทฺเทสปริจฺเฉทา เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาราชิกุทฺเทสาทีน’’นฺติอาทิมาห. ปาราชิกุทฺเทสาทีนํ ปริจฺเฉทา โยเชตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. นิทานสฺส อาทิโต ปฏฺาย ปาราชิกาทีนิ โอสาเปตฺวาติ นิทานํ, ปาราชิกฺจ, ตทุภยํ สงฺฆาทิเสสฺจ, ตํติกํ อนิยตฺจาติ เอวํ ยถากฺกมํ อุทฺทิสิตฺวา ปาราชิกาทีนิ ปริโยสาเปตฺวา. โยเชตพฺพาติ ‘‘อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหติ ปาราชิกุทฺเทโส’’ติอาทินา โยเชตพฺพา. อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพนฺติ วจนโตติ อุโปสถกฺขนฺธเก –
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ปโม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ทุติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๐) –
เอวํ วุตฺตตฺตา. ยสฺมึ วิปฺปกเตติ ยสฺมึ อุทฺเทเส อปริโยสิเต. อนฺตราโย อุปฺปชฺชตีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ โย โกจิ อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ ¶ . ทส อนฺตรายา นาม – ราชนฺตราโย, โจรนฺตราโย, อคฺยนฺตราโย, อุทกนฺตราโย, มนุสฺสนฺตราโย, อมนุสฺสนฺตราโย, วาฬนฺตราโย, สรีสปนฺตราโย, ชีวิตนฺตราโย, พฺรหฺมจริยนฺตราโยติ. ตตฺถ สเจ ภิกฺขูสุ ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๐) นิสินฺเนสุ ราชา อาคจฺฉติ, อยํ ราชนฺตราโย. โจรา อาคจฺฉนฺติ, อยํ โจรนฺตราโย. ทวทาโห วา อาคจฺฉติ, อาวาเส วา อคฺคิ อุฏฺหติ, อยํ ¶ อคฺยนฺตราโย. เมโฆ วา อุฏฺหติ, โอโฆ วา อาคจฺฉติ, อยํ อุทกนฺตราโย. พหู มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ มนุสฺสนฺตราโย. ภิกฺขุํ ยกฺโข คณฺหาติ, อยํ อมนุสฺสนฺตราโย. พฺยคฺฆาทโย จณฺฑมิคา อาคจฺฉนฺติ, อยํ วาฬนฺตราโย. ภิกฺขุํ สปฺปาทโย ฑํสนฺติ, อยํ สรีสปนฺตราโย. ภิกฺขุ คิลาโน วา โหติ, กาลํ วา กโรติ, เวริโน วา ตํ มาเรตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ ชีวิตนฺตราโย. มนุสฺสา เอกํ วา พหู วา ภิกฺขู พฺรหฺมจริยา จาเวตุกามา คณฺหนฺติ, อยํ พฺรหฺมจริยนฺตราโย. อิติ ยํ วุตฺตํ ‘‘อนฺตราโย อุปฺปชฺชตีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ โย โกจิ อนฺตราโย อุปฺปชฺชตี’’ติ, ตสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตีติ.
เตน สทฺธินฺติ วิปฺปกตุทฺเทเสน สทฺธึ. อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ อุทฺทิฏฺอุทฺเทสาเปกฺขตฺตา อวเสสวจนสฺส. ยถาห ‘‘นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๕๐). เตนาห ‘‘นิทานุทฺเทเส ปนา’’ติอาทิ. สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถิ อุโปสถสฺส อนฺตราโยว โหตีติ อธิปฺปาโย. อนิยตุทฺเทโส ปริหายตีติ ภิกฺขุนีนํ อนิยตสิกฺขาปทปฺตฺติยา อภาวโต. ตทภาโว จ ‘‘อิทเมว ลกฺขณํ ตตฺถาปิ อนุคต’’นฺติ กตฺวาติ เวทิตพฺพํ. เสสนฺติ อวเสสุทฺเทสปริจฺเฉททสฺสนํ. เอเตสํ ทฺวินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ สมฺพนฺโธ. ตาวาติ ปมํ. อิทนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานํ สามฺเน ทสฺเสติ, อิทํ อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิตํ วจนํ วุจฺจติ กถียตีติ อตฺโถ. กึ ตนฺติ อาห, ‘‘สุณาตุ เมติอาทีน’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ สุณาตุ เมติอาทีนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ อชฺชุโปสโถ’’ติอาทีนํ ภิกฺขุปาติโมกฺเข อาคตานํ สุตฺตปทานํ. อตฺถนิจฺฉยนฺติ ¶ อภิเธยฺยตฺถสฺส เจว อธิปฺปายตฺถสฺส จ นิจฺฉยนํ, ววตฺถาปนนฺติ อตฺโถ. อิมาย หิ อฏฺกถาย เตสํ อภิเธยฺยตฺโถ เจว อธิปฺปายตฺโถ จ อเนกธา ววตฺถาปียติ. อถ วา นิจฺฉินฺโนติ นิจฺฉโย. คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทกถา, อตฺโถ จ นิจฺฉโย จ อตฺถนิจฺฉโย, ตํ อตฺถนิจฺฉยํ, มยา วุจฺจมานํ อตฺถฺจ วินิจฺฉยฺจาติ วุตฺตํ โหติ. สีลสมฺปนฺนาติ สมนฺตโต ปนฺนํ ปตฺตํ ปุณฺณนฺติ สมฺปนฺนํ, สีลํ สมฺปนฺนเมเตสนฺติ สีลสมฺปนฺนา, ปริปุณฺณสีลาติ อตฺโถ. อถ วา สมฺมเทว ปนฺนา คตา อุปาคตาติ สมฺปนฺนา, สีเลน สมฺปนฺนา สีลสมฺปนฺนา, ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปตาติ อตฺโถ. อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสงฺขาตา ติสฺโสปิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิกฺขา, ตํ กาเมนฺตีติ สิกฺขากามา. สุณนฺตุ เมติ เต สพฺเพปิ ภิกฺขโว มม สนฺติกา นิสาเมนฺตุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย สกฺกจฺจํ สวเน นิโยเชติ. สกฺกจฺจสวนปฏิพทฺธา หิ สพฺพาปิ สาสนสมฺปตฺตีติ. เอตฺถ จ สีลสมฺปนฺนานํ สิกฺขากามานํเยว ภิกฺขูนํ คหณํ ตทฺเสํ ¶ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย อภาชนภาวโต. น หิ เต วินยํ โสตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพฺจ มฺิสฺสนฺติ.
เอตฺถาติ เอตสฺมึ คาถาปเท, เอเตสํ วา คาถาย สงฺคหิตานํ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทีนํ ปทานมนฺตเร. สวเน อาณตฺติวจนํ สวนาณตฺติวจนํ. กิฺจาปิ สวนาณตฺติวจนํ, ตถาปิ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน เอวํ วตฺตพฺพนฺติ ภควตา วุตฺตตฺตา ภควโต อาณตฺติ, น อุทฺเทสกสฺสาติ นวกตเรนาปิ อิทํ วตฺตุํ วฏฺฏติ สงฺฆคารเวน, สงฺฆพหุมาเนน จ สหิตตฺตา สคารวสปฺปติสฺสวจนํ. สงฺโฆ หิ สุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสสยุตฺตตฺตา อุตฺตมํ คารวปฺปติสฺสวฏฺานํ. อิทฺจ สพฺพํ เกน กตฺถ กทา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพเมว เจต’’นฺติอาทิ. ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานนฺเตนาติ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพํ, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’’ติ (มหาว. ๑๓๓-๑๓๔) –
เอวมาทินา ¶ อนุชานนฺเตน. ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฏฺานํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพวจนํ, ตสฺมา. กึ เต อุโภปิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, เยเนวํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สงฺฆตฺเถโร วา หี’’ติอาทิ. เถราธิกนฺติ เถราธีนํ, เถรายตฺตํ ภวิตุนฺติ อตฺโถ. ‘‘เถราเธยฺย’’นฺติ วา ปาโ, โสเยวตฺโถ. ตตฺถาติ ติสฺสํ ปริสายํ. พฺยตฺโตติ ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต, ปคุณมาติโกติ อตฺโถ. ปฏิพโลติ วตฺตุํ สมตฺโถ, อภีโตติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทหรสฺสาปิ พฺยตฺตสฺส ปาติโมกฺโข อนฺุาโต, อถ โข เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – สเจ เถรสฺส ปฺจ วา จตฺตาโร วา ตโย วา ปาติโมกฺขุทฺเทสา นาคจฺฉนฺติ, ทฺเว ปน อกฺขณฺฑา สุวิสทา วาจุคฺคตา โหนฺติ, เถรายตฺโตว ปาติโมกฺโข. สเจ ปน เอตฺตกมฺปิ วิสทํ กาตุํ น สกฺโกติ, พฺยตฺตสฺส ภิกฺขุโน อายตฺโตติ.
อิทานิ ‘‘สงฺโฆ’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อิธาธิปฺเปตสงฺฆํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺโฆติ อิมินา ปน ปเทนา’’ติอาทิมาห กิฺจาปีติ อนุคฺคหตฺเถ นิปาโต, ตสฺส ยทิ นามาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา, ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ¶ ทาตพฺพํ ทานํ, ตํ ทกฺขิณํ อรหติ, ทกฺขิณาย วา หิโต, ยสฺมา นํ มหปฺผลการิตาย วิโสเธตีติ ทกฺขิเณยฺโย, ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, ทกฺขิเณยฺโย จ โส สงฺโฆ จาติ ทกฺขิเณยฺยสงฺโฆ. สมฺมุติยา จตุวคฺคาทิวินยปฺตฺติยา สิทฺโธ สงฺโฆ สมฺมุติสงฺโฆ. อวิเสเสนาติ ‘‘อริยา’’ติ วา ‘‘ปุถุชฺชนา’’ติ วา อวิเสเสตฺวา สามฺเน. โสติ สมฺมุติสงฺโฆ. อิธาติ อิมิสฺสํ อุโปสถตฺติยํ. อธิปฺเปโต อุโปสถตฺติยา อวิเสสตฺตา. นนุ จ โสปิ ปฺจวิโธ โหติ, ตตฺถ กตโม อิธาธิปฺเปโตติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘โส ปเนสา’’ติอาทิ. กมฺมวเสนาติ วินยกมฺมวเสน. ปฺจ วิธา ปการา อสฺส สมฺมุติสงฺฆสฺสาติ ปฺจวิโธ. ตถา หิ วิธยุตฺตคตปฺปการสทฺเท สมานตฺเถ วณฺณยนฺติ. จตุนฺนํ ¶ วคฺโค สมูโหติ จตุวคฺโค, จตุปริมาณยุตฺโต วา วคฺโค จตุวคฺโค. เอวํ ปฺจวคฺคาทิ.
อิทานิ เยสํ กมฺมานํ วเสนายํ ปฺจวิโธ โหติ, ตํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ปฺจวิเธ สงฺเฆ. มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ อุปสมฺปทกมฺมสฺส ทสวคฺคกรณียตฺตา วุตฺตํ ‘‘เปตฺวา…เป… อุปสมฺปทฺจา’’ติ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘น กิฺจิ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. ยทิ เอวํ กิมตฺถํ อติเรกวีสติวคฺโค วุตฺโตติ อาห ‘‘โส ปนา’’ติอาทิ. อติเรกตเรนาติ จตุวคฺคาทิกรณียํ ปฺจวคฺคาทินา อติเรกตเรน, ทสวคฺคกรณียฺจ เอกาทสวคฺคาทินา อติเรกตเรน. ทสฺสนตฺถนฺติ าปนตฺถํ. อิทเมว จาเนน กตฺตพฺพํ กมฺมนฺติ ‘‘กมฺมวเสน ปฺจวิโธ’’ติ วุตฺตํ. กมฺมสฺสานิยเม กถเมตํ ยุชฺเชยฺยาติ อีทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ อุโปสเถ.
อุโปสถสทฺโท ปนายํ ปาติโมกฺขุทฺเทสสีลอุปวาสปฺตฺติทิวเสสุ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘อายามาวุโส กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๘๕) ติโมกฺขุทฺเทเส อาคโต, ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) สีเล, ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส, ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปฺตฺติยํ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุกา อาวาสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๘๑) ทิวเส, อิธาปิ ทิวเสเยว วตฺตมาโน อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อชฺช อุโปสถทิวโส’’ติอาทิ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ. อุปวสนฺตีติ สีเลน วา สพฺพโส อาหารสฺส อภฺุชนสงฺขาเตน อนสเนน วา ขีรปานมธุปานาทิมตฺเตน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ.
สพฺเพสมฺปิ ¶ วากฺยานํ เอว-การตฺถสหิตตฺตา ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอตสฺส ‘‘อุโปสโถ เอวา’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ. อิมินา อวธารเณน นิรากตํ ทสฺเสติ, อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอตสฺส ‘‘อนุโปสโถ น โหตี’’ติ อยมตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘เอเตน อนุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ. ‘‘เอส นโย ปนฺนรโส’’ติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ¶ ปฏิกฺขิปตีติ เอตฺถาปิ. เอเตนาติ ‘‘อุโปสโถ’’ติ เอเตน สทฺเทน. ปฺจทสนฺนํ ติถีนํ ปูรณวเสน ปนฺนรโส. ปนฺนรโสติ อิมินา อฺํ อุโปสถทิวสํ ปฏิกฺขิปตี’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทิวสวเสน หี’’ติอาทิมาห. จตุทฺทสิยํ นิยุตฺโต จาตุทฺทสิโก. เอวํ ปนฺนรสิโก. สามคฺคิอุโปสโถ นาม สงฺฆสามคฺคิกตทิวเส กาตพฺพอุโปสโถ. เหมนฺตคิมฺหวสฺสานานํ ติณฺณํ อุตูนนฺติ เอตฺถ เหมนฺตอุตุ นาม อปรกตฺติกสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ผคฺคุนปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา, คิมฺหอุตุ นาม ผคฺคุนสฺส กาลปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อาสาฬฺหปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา, วสฺสานอุตุ นาม อาสาฬฺหสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย อปรกตฺติกปุณฺณมปริโยสานา จตฺตาโร มาสา. ตติยสตฺตมปกฺเขสุ ทฺเว ทฺเว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกาติ เหมนฺตสฺส อุตุโน ตติเย จ สตฺตเม จ ปกฺเข ทฺเว จาตุทฺทสิกา, เอวมิตเรสํ อุตูนนฺติ ฉ จาตุทฺทสิกา. เสสา ปนฺนรสิกาติ เสสา อฏฺารส ปนฺนรสิกา. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘กตฺติกสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว ผคฺคุนปุณฺณมา;
‘เหมนฺตกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘ผคฺคุนสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว อาสาฬฺหปุณฺณมา;
‘คิมฺหกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อาสาฬฺหสฺส จ กาฬมฺหา, ยาว กตฺติกปุณฺณมา;
‘วสฺสกาโล’ติ วิฺเยฺโย, อฏฺ โหนฺติ อุโปสถา.
‘‘อุตูนํ ปน ติณฺณนฺนํ, ปกฺเข ตติยสตฺตเม;
‘จาตุทฺทโส’ติ ปาติโมกฺขํ, อุทฺทิสนฺติ นยฺุโน’’ติ.
ปกติยา นพหุตราวาสิกาทิปจฺจเยน กาตพฺพํ ปกติจาริตฺตํ. พหุตราวาสิกาทิปจฺจเย ปน สติ อฺสฺมึ จาตุทฺทเสปิ กาตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘สกิ’’นฺติอาทิ. สกินฺติ เอกสฺมึ วาเร ¶ . อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพนฺติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิจฺเจ กริยมาเน อนุวตฺติตพฺพํ, น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ. อาทิสทฺเทน ‘‘อาวาสิเกหิ อาคนฺตุกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๗๘) วจนํ, ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตหิ ¶ ภิกฺขูหิ ทฺเว ตโย อุโปสเถ จาตุทฺทสิเก กาตุํ, กถํ มยํ เตหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) วจนฺจ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ ปมสุตฺตสฺส เอเกกสฺส อุตุโน ตติยสตฺตมปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา อวเสสสฺส ปนฺนรเส วา สกึ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ ปกติจาริตฺตวเสนปิ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อาคนฺตุเกหี’’ติอาทีนิ สุตฺตานิ ทสฺสิตานีติ เวทิตพฺพํ. ตถารูปปจฺจเย สตีติ อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทสิเก อุโปสถํ กาตุํ อนุรูเป ‘‘อาวาสิกา พหุตรา โหนฺตี’’ติ เอวมาทิเก ปจฺจเย สติ. อฺสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเสติ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปกฺขจาตุทฺทสโต อฺสฺมึ จาตุทฺทเส.
น เกวลํ อุโปสถทิวสาว โหนฺตีติ อาห ‘‘ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ ปนา’’ติอาทิ. มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต, โส เอตฺถ สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณติ ปุณฺณมา, ปุพฺพกตฺติกาย ปุณฺณมา ปุพฺพกตฺติกปุณฺณมา, อสฺสยุชปุณฺณมา. สา หิ ปจฺฉิมกตฺติกํ นิวตฺเตตุํ เอวํ วุตฺตา. เตสํเยวาติ ปุริมวสฺสํวุฏฺานํเยว. ภณฺฑนการเกหีติ กลหการเกหิ. ปจฺจุกฺกฑฺฒนฺตีติ อุกฺกฑฺฒนฺติ. ภณฺฑนการเกหิ อนุวาทวเสน อสฺสยุชปุณฺณมาทึ ปริจฺจชนฺตา ปวารณํ กาฬปกฺขํ, ชุณฺหปกฺขนฺติ อุทฺธํ กฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺโต อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ จ เอวํ ตฺติยา ปวารณํ อุกฺกฑฺฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต. จตุทฺทสนฺนํ ปูรโณ จาตุทฺทโส, ทิวโส. ยํ สนฺธาย ‘‘อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ ตฺตึ ปยึสุ, ตสฺมึ ปน อาคเม ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อวสฺสํ ปวาเรตพฺพํ. น หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรตุํ ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตมฺปิ ชุณฺหํ อนุวเสยฺยุํ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ สพฺเพเหว ¶ อาคเม ¶ ชุณฺเห โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อกามา ปวาเรตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๒๔๐).
เตเนวาห ‘‘ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานฺจ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมา เอวา’’ติ. ยทิ หิ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปวาเรยฺย, ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อปวารณาย ปวาเรตพฺพํ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๒๓๓). วิสุทฺธิปวารณาโยคโต ปวารณาทิวสา. ปิสทฺเทน น เกวลํ ปวารณาทิวสาเยว, อถ โข อุโปสถทิวสาปิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ โย โส สามคฺคิอุโปสถทิวโส วุตฺโต, ตฺจ ตปฺปสงฺเคน สามคฺคิปวารณาทิวสฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิมาห. โอสาริเต ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมินฺติ อุกฺขิตฺตเก ภิกฺขุสฺมึ โอสาริเต, ตํ คเหตฺวา สีมํ คนฺตฺวา อาปตฺตึ เทสาเปตฺวา กมฺมวาจาย กมฺมปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน ปเวสิเตติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส วตฺถุสฺสาติ ตสฺส อธิกรณสฺส. ตทา เปตฺวา…เป… อุโปสถทิวโส นาม โหตีติ สมฺพนฺโธ. กึ การณนฺติ อาห ‘‘ตาวเทวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตาวเทวาติ ตํ ทิวสเมว. วจนโตติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๗๕) วุตฺตตฺตา. ยตฺถ ปน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อปฺปมตฺตเกน การเณน วิวทนฺตา อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺติ, ตตฺถ ตสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิเต ‘‘สมคฺคา ชาตมฺหา’’ติ อนฺตรา สามคฺคิอุโปสถํ กาตุํ น ลภนฺติ. กโรนฺเตหิ อนุโปสเถ อุโปสโถ กโต นาม โหติ. กตฺติกมาสพฺภนฺตเรติ เอตฺถ กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตึสรตฺติทิโว, ตสฺสพฺภนฺตเร, ตโต ปจฺฉา วา ปน ปุเร วา น วฏฺฏติ. อยเมว โย โกจิ ทิวโสเยว. อิธาปิ โกสมฺพกกฺขนฺธเก สามคฺคิยา สทิสาว สามคฺคี เวทิตพฺพา. เย ปน กิสฺมิฺจิเทว อปฺปมตฺตเก ปวารณํ เปตฺวา สมคฺคา โหนฺติ, เตหิ ปวารณายเมว ปวารณา กาตพฺพา, ตาวเทว น กาตพฺพา. กโรนฺเตหิ อปฺปวารณาย ปวารณา กตา โหติ. น กาตพฺโพเยวาติ นิยเมน ยทิ กโรติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ อุโปสถกรเณ ทุกฺกฏํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ อฺตฺร สงฺฆสามคฺคิยา’’ติ (มหาว. ๑๘๓).
‘‘ปตฺตกาลเมว ¶ ปตฺตกลฺล’’นฺติ อิมินา สกตฺเถ ภาวปฺปจฺจโยติ ทสฺเสติ. นาสตีติ อนฺวยโต วุตฺตเมว พฺยติเรกโต ทฬฺหํ กโรติ.
อนุรูปาติ อรหา อนุจฺฉวิกา, สามิโนติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพนฺติเมนาติ สพฺพเหฏฺิเมน จตฺตาโร, น เตหิ วินา ตํ อุโปสถกมฺมํ กรียติ, น เตสํ ฉนฺโท วา ปาริสุทฺธิ วา เอติ. อวเสสา ¶ ปน สเจปิ สหสฺสมตฺตา โหนฺติ, สเจ สมานสํวาสกา, สพฺเพ ฉนฺทารหาว โหนฺติ, ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทตฺวา อาคจฺฉนฺตุ วา, มา วา, กมฺมํ น กุปฺปติ. ปกตตฺตาติ อนุกฺขิตฺตา, ปาราชิกํ อนชฺฌาปนฺนา จ. หตฺถปาโส นาม ทิยฑฺฒหตฺถปฺปมาโณ.
สีมา จ นาเมสา กตมา, ยตฺถ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ิตา กมฺมปฺปตฺตา นาม โหนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย สีมํ ทสฺเสนฺโต วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ‘‘สีมา จ นาเมสา’’ติอาทิมาห. สมฺภินฺทนฺเตนาติ มิสฺสีกโรนฺเตน. อชฺโฌตฺถรนฺเตนาติ มทฺทนฺเตน, อนฺโต กโรนฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. อิมา วิปตฺติสีมาโย นามาติ สมฺพนฺโธ. กสฺมา วิปตฺติสีมาโย นามาติ อาห ‘‘เอกาทสหี’’ติอาทิ. อากาเรหีติ การเณหิ. วจนโตติ กมฺมวคฺเค (ปริ. ๔๘๒ อาทโย) กถิตตฺตา. สงฺฆกมฺมํ นาเมตํ วีสติวคฺคกรณียปรมนฺติ อาห ‘‘ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ยสฺสํ สีมายํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู ปริมณฺฑลากาเรน นิสีทิตุํ น สกฺโกนฺติ, อยํ อติขุทฺทกา นามาติ อตฺโถ. เอวรูปา จ สีมา สมฺมตาปิ อสมฺมตา, คามเขตฺตสทิสาว โหติ, ตตฺถ กตํ กมฺมํ กุปฺปติ. เอส นโย เสสสีมาสุปิ.
สมฺมตาติ พทฺธา, วาจิตกมฺมวาจาติ อตฺโถ. กมฺมวาจาย วาจนเมว หิ พนฺธนํ นาม. นิมิตฺตํ น อุปคจฺฉตีติ อนิมิตฺตุปโค, ตํ อนิมิตฺตุปคํ, อนิมิตฺตารหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตจสารรุกฺโข นาม ตาลนาฬิเกราทิกา. ปํสุปฺุชวาลุกาปฺุชานนฺติ ปํสุราสิวาลุการาสีนํ มชฺเฌ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ปํสุปฺุชํ วา วาลุกาปฺุชํ วา อฺตร’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปน อปาโ. น หิ โส ‘‘อฺตร’’นฺติ อิมินา ยุชฺชตีติ. อนฺตราติ นิมิตฺตุปคนิมิตฺตานมนฺตรา. เอตฺถ ¶ จ ยา ตีหิ นิมิตฺเตหิ พชฺฌมานา อนิมิตฺตุปเคสุ ตจสารรุกฺขาทีสุ อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา, สา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม โหติ. ยา ปน จตุปฺจนิมิตฺตาทีหิ พชฺฌมานา อิเมสุ ตจสารรุกฺขาทีสุ อฺตรํ อนฺตรา เอกํ นิมิตฺตํ กตฺวา สมฺมตา, สา ขณฺฑนิมิตฺตา นาม น โหตีติ วิฺายติ นิมิตฺตุปคานํ นิมิตฺตานํ ติณฺณํ สพฺภาวโต. อฏฺกถาสุ ปน อวิเสเสน วุตฺตํ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. สพฺเพน สพฺพนฺติ สพฺพปฺปกาเรน. นิมิตฺตานํ พหิ ิเตน สมฺมตาติ เตสํ พหิ ิเตน วาจิตกมฺมวาจา. นิมิตฺตานิ ปน อนฺโต จ พหิ จ ตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏนฺติ.
เอวํ สมฺมตาปีติ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สมฺมตาปิ. อิมสฺส ‘‘อสมฺมตาว โหตี’’ติ ¶ อิมินา สมฺพนฺโธ. สพฺพา, ภิกฺขเว, นที อสีมาติ ยา กาจิ นทีลกฺขณปฺปตฺตา นที นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ‘‘เอตํ พทฺธสีมํ กโรมา’’ติ กตาปิ อสีมา, พทฺธสีมา น โหตีติ อตฺโถ. อตฺตโน สภาเวน ปน สา พทฺธสีมาสทิสา. สพฺพตฺถ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สมุทฺทชาตสฺสเรสุปิ เอเสว นโย. ‘‘สํสฏฺวิฏปา’’ติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ตสฺสา เอกเทสํ. ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ เอกเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโต กริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม, น ตุ อชฺโฌตฺถรนฺติ นามาติ คเหตพฺพํ. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘สมฺภินฺทนํ ปเรสํ สีมาย เอกํ วา ทฺเว วา นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา เลขามตฺตํ คเหตฺวา พนฺธนํ. อชฺโฌตฺถรณํ นาม ปเรสํ สีมาย นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา ตํ สกลํ วา ตสฺเสกเทสํ วา อนฺโต กโรนฺเตน ตสฺสา พหิ เอกิสฺสํ ทฺวีสุ วา ทิสาสุ นิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา พนฺธน’’นฺติ วุตฺตํ.
ปพฺพตาทีนํ นิมิตฺตานํ สมฺปทา นิมิตฺตสมฺปตฺติ. ปพฺพโตว นิมิตฺตํ ปพฺพตนิมิตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. เอวํ วุตฺเตสูติ อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๘ อาทโย) สีมาสมฺมุติยํ วุตฺเตสุ. อิเมหิ จ ปน อฏฺหิ นิมิตฺเตหิ อสมฺมิสฺเสหิปิ อฺมฺมิสฺเสหิปิ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ยถาลทฺธานิ นิมิตฺตุปคานิ นิมิตฺตานี’’ติ. เอเกน, ปน ทฺวีหิ วา นิมิตฺเตหิ สมฺมนฺนิตุํ ¶ น วฏฺฏติ, ตีณิ ปน อาทึ กตฺวา วุตฺตปฺปการานํ นิมิตฺตานํ สเตนาปิ วฏฺฏติ. ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติ วินยธเรน ปุจฺฉิตพฺพํ, ‘‘ปพฺพโต, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุน วินยธเรเนว ‘‘เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ นิมิตฺตํ กโรม, นิมิตฺตํ กริสฺสาม, นิมิตฺตํ กโต, นิมิตฺตํ โหตุ, โหติ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปน กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. ปาสาณาทีสุปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺต’’นฺติอาทิ. ‘‘ปพฺพโต, ภนฺเต, อุทกํ, ภนฺเต’’ติ เอวํ ปน อุปสมฺปนฺโน วา อาจิกฺขตุ, อนุปสมฺปนฺโน วา, วฏฺฏติเยว. อาทิสทฺเทน ‘‘ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปาสาโณ, ภนฺเต, เอโส ปาสาโณ นิมิตฺตํ. ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ? อุทกํ, ภนฺเต, เอตํ อุทกํ นิมิตฺต’’นฺติ อิทํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ ปน อฏฺตฺวา ปุน ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กึ นิมิตฺตํ? ปพฺพโต, ภนฺเต, เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ ปมํ กิตฺติตนิมิตฺตํ กิตฺเตตฺวาว เปตพฺพํ. เอวฺหิ นิมิตฺเตน นิมิตฺตํ ฆฏิตํ โหติ. สมฺมา กิตฺเตตฺวาติ อฺมฺนามวิปริยาเยน, อนิมิตฺตานํ นาเมน จ อกิตฺเตตฺวา ยถาวุตฺเตเนว นเยน กิตฺเตตฺวา. สมฺมตาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทินา นเยน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๙ อาทโย) ¶ วุตฺตาย ปริสุทฺธาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย พทฺธา. ตตฺถ นิมิตฺตานิ สกึ กิตฺติตานิปิ กิตฺติตาเนว โหนฺติ. อนฺธกฏฺกถายํ ปน ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธนฺเตน นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘) วุตฺตํ.
ตตฺราติ เตสุ อฏฺสุ นิมิตฺเตสุ. นิมิตฺตุปคตาติ นิมิตฺตโยคฺยตา. ‘‘หตฺถิปฺปมาณโต ปฏฺายา’’ติ วจนโต หตฺถิปฺปมาโณปิ นิมิตฺตุปโคเยว. หตฺถี ปน สตฺตรตโน วา อฑฺฒฏฺรตโน (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘) วา. ตโต โอมกตโรติ ตโต หตฺถิปฺปมาณโต ขุทฺทกตโร. สเจ จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร วา ตีสุ วา ตโย ปพฺพตา โหนฺติ, จตูหิ, ตีหิ วา ปพฺพตนิมิตฺเตเหว สมฺมนฺนิตุมฺปิ วฏฺฏติ, ทฺวีหิ ปน นิมิตฺเตหิ, เอเกน วา สมฺมนฺนิตุํ น วฏฺฏติ. อิโต ปเรสุ ปาสาณนิมิตฺตาทีสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ปพฺพตนิมิตฺตํ กโรนฺเตน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘เอกาพทฺโธ, น เอกาพทฺโธ’’ติ. สเจ ¶ เอกาพทฺโธ โหติ, น กาตพฺโพ. ตฺหิ จตูสุ วา อฏฺสุ วา ทิสาสุ กิตฺเตนฺเตนาปิ เอกเมว นิมิตฺตํ กิตฺติตํ โหติ. ตสฺมา โย เอวํ จกฺกสณฺาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิโต ปพฺพโต, ตํ เอกทิสาย กิตฺเตตฺวา อฺาสุ ทิสาสุ ตํ พหิทฺธา กตฺวา อนฺโต อฺานิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพานิ. สเจ ปพฺพตสฺส ตติยภาคํ วา อุปฑฺฒํ วา อนฺโตสีมาย กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตํ อกิตฺเตตฺวา ยตฺตกํ ปเทสํ อนฺโต กตฺตุกามา, ตสฺส ปรโต ตสฺมึเยว ปพฺพเต ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีสุ อฺตรํ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพํ. สเจ โยชนทฺวิโยชนปฺปมาณํ สพฺพํ ปพฺพตํ อนฺโต กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตสฺส ปรโต ภูมิยํ ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีนิ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตพฺพานิ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๘).
สงฺขํ คจฺฉตีติ คณนํ โวหารํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปริมาโณติ ถูลตาย, น ตุลคณนาย. ตตฺถ ‘‘เอกปลํ นาม ทสกลฺช’’นฺติ วทนฺติ. อิฏฺกา มหนฺตาปิ น วฏฺฏติ. ตถา อนิมิตฺตุปคปาสาณานํ ราสิ, ปเคว ปํสุวาลุการาสิ. ภูมิสโม ขลมณฺฑลสทิโส ปิฏฺิปาสาโณ วา ภูมิโต ขาณุโก วิย อุฏฺิตปาสาโณ วา โหติ, โสปิ ปมาณูปโค เจ, วฏฺฏติ. ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ ปน อติมหนฺโตปิ ปาสาณสงฺขเมว คจฺฉตีติ อาห ‘‘ปิฏฺิปาสาโณ ปนา’’ติอาทิ. ตสฺมา สเจ มหโต ปิฏฺิปาสาณสฺส เอกํ ปเทสํ อนฺโตสีมายํ กตฺตุกามา โหนฺติ, ตํ อกิตฺเตตฺวา ตสฺสุปริ อฺโ ปาสาโณ กิตฺเตตพฺโพ. สเจ ปิฏฺิปาสาณุปริ วิหารํ กโรนฺติ, วิหารมชฺเฌน จ ปิฏฺิปาสาโณ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, เอวรูโป ปิฏฺิปาสาโณ น วฏฺฏติ. สเจ หิ ตํ กิตฺเตนฺติ, นิมิตฺตสฺสุปริ วิหาโร โหติ, นิมิตฺตฺจ ¶ นาม พหิสีมายํ โหติ, วิหาโรปิ พหิสีมายํ อาปชฺชติ. วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตปิฏฺิปาสาโณ ปน เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ น กิตฺเตตพฺโพ.
วนนิมิตฺเต ติณวนํ วา ตจสารรุกฺขวนํ วา น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อนฺโตสาเรหี’’ติอาทิ. อนฺโตสารา นาม อมฺพชมฺพุปนสาทโย. อนฺโตสารมิสฺสเกหีติ อนฺโต สาโร เยสํ เต อนฺโตสารา, เตหิ มิสฺสกา อนฺโตสารมิสฺสกา, เตหิ. จตุปฺจรุกฺขมตฺตมฺปีติ เหฏฺิมปริจฺเฉทนาห ¶ . อุกฺกํสโต ปน โยชนสติกมฺปิ วนํ วฏฺฏติ. เอตฺถ ปน จตุรุกฺขมตฺตฺเจ, ตโย สารโต, เอโก อสารโต. ปฺจรุกฺขมตฺตฺเจ, ตโย สารโต, ทฺเว อสารโตติ คเหตพฺพํ. สเจ ปน วนมชฺเฌ วิหารํ กโรนฺติ, ตํ วนํ น กิตฺเตตพฺพํ. เอกเทสํ อนฺโตสีมายํ กตฺตุกาเมหิปิ วนํ อกิตฺเตตฺวา ตตฺถ รุกฺขปาสาณาทโย กิตฺเตตพฺพา, วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตวนํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ น กิตฺเตตพฺพํ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘).
รุกฺขนิมิตฺเตปิ ตจสารรุกฺโข น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อนฺโตสาโร’’ติ. ‘‘ภูมิยํ ปติฏฺิโต’’ติ อิมินา กุฏสราวาทีสุ ิตํ ปฏิกฺขิปติ. ตโต อปเนตฺวา ปน ตงฺขณมฺปิ ภูมิยํ โรเปตฺวา โกฏฺกํ กตฺวา อุทกํ อาสิฺจิตฺวา กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ, นวมูลสาขานิคฺคมนํ อการณํ. ขนฺธํ ฉินฺทิตฺวา โรปิเต ปน เอตํ ยุชฺชติ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ ‘‘สีหฬทีเป เลขนทณฺฑปฺปมาโณ’’ติ วทนฺติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘), โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺโพ. อิทํ ปน รุกฺขนิมิตฺตํ กิตฺเตนฺเตน ‘‘รุกฺโข’’ติปิ, ‘‘สากรุกฺโข, สาลรุกฺโข’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอกาพทฺธํ ปน สุปฺปติฏฺิตนิคฺโรธสทิสํ รุกฺขํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ.
มคฺคนิมิตฺเต อรฺเขตฺตนทีตฬากมคฺคาทโย น วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘ชงฺฆมคฺโค วา โหตู’’ติอาทิ. โย ปน ชงฺฆมคฺโค สกฏมคฺคโต โอกฺกมิตฺวา ปุน สกฏมคฺคเมว โอตรติ, เย วา ชงฺฆมคฺคสกฏมคฺคา อวลฺชิตา, เต น วฏฺฏนฺติ. เตนาห ‘‘ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺเถหี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ สเจ สกฏมคฺคสฺส อนฺติมจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, มคฺโค พหิสีมาย โหติ. สเจ พาหิรจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, พาหิรจกฺกมคฺโคว พหิสีมาย โหติ, เสสํ อนฺโตสีมํ ภชตีติ เวทิตพฺพํ. สเจปิ ทฺเว มคฺคา นิกฺขมิตฺวา ปจฺฉา สกฏธุรมิว เอกีภวนฺติ, ทฺวิธา ภินฺนฏฺาเน วา สมฺพนฺธฏฺาเน วา สกึ กิตฺเตตฺวา ปุน น กิตฺเตตพฺพา. เอกาพทฺธนิมิตฺตฺเหตํ โหติ.
สเจ ¶ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺติ, มชฺเฌ เอกํ กิตฺเตตฺวา อปรํ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. เอกาพทฺธนิมิตฺตฺเหตํ. โกณํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตํ ปน ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. วิหารมชฺเฌน ¶ วินิวิชฺฌิตฺวา คตมคฺโค ปน น กิตฺเตตพฺโพ. กิตฺติเต ปน นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหติ. อิมฺจ มคฺคํ กิตฺเตนฺเตน ‘‘มคฺโค ปชฺโช ปโถ’’ติอาทินา (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑) วุตฺเตสุ ทสสุ นาเมสุ เยน เกนจิ นาเมน กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. ปริขาสณฺาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตมคฺโค เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ.
ยํ ปน อพทฺธสีมาลกฺขเณ นทึ วกฺขามาติ ‘‘ยสฺสา ธมฺมิกานํ ราชูนํ กาเล’’ติอาทินา (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) อุทกุกฺเขปสีมายํ นทิยา วกฺขมานตฺตา วุตฺตํ. ยา ปน นที มคฺโค วิย สกฏธุรสณฺาเนน วา ปริขาสณฺาเนน วา วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตา, นํ เอกตฺถ กิตฺเตตฺวา อฺตฺถ กิตฺเตตุํ น วฏฺฏติ. วิหารสฺส จตูสุ ทิสาสุ อฺมฺํ วินิวิชฺฌิตฺวา คเต นทีจตุกฺเกปิ เอเสว นโย. อสมฺมิสฺสนทิโย ปน จตสฺโสปิ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ. สเจ วตึ กโรนฺโต วิย รุกฺขปาเท นิขณิตฺวา วลฺลิปลาลาทีหิ นทีโสตํ รุมฺภนฺติ, อุทกมฺปิ อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยว, นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปน อุทกํ นปฺปวตฺตติ, เอวํ เสตุมฺหิ กเต อปฺปวตฺตมานา นที นิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ.
ยา ปน ทุพฺพุฏฺิกาเล วา คิมฺเห วา นิรุทกภาเวน นปฺปวตฺตติ, สา วฏฺฏติ. มหานทิโต อุทกมาติกํ นีหรนฺติ, สา กุนฺนทีสทิสา หุตฺวา ตีณิ สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตี นิจฺจํ ปวตฺตติ. กิฺจาปิ ปวตฺตติ, นิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยา ปน มูเล มหานทิโต นิคฺคตาปิ กาลนฺตเรน เตเนว นิคฺคตมคฺเคน นทึ ภินฺทิตฺวา สยเมว คจฺฉติ, คจฺฉนฺตี จ ปรโต สุสุมาราทิสมากิณฺณา นาวาทีหิ สฺจริตพฺพา นที โหติ, ตํ นิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ.
อสนฺทมานนฺติ อปฺปวตฺตมานํ. สนฺทมานํ นาม โอฆนทีอุทกวาหกมาติกาสุ อุทกํ. วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตนฺติ ‘‘ยาว กมฺมวาจาปริโยสานา สณฺมานก’’นฺติ วุตฺตปริจฺเฉทกาลํ อติฏฺนฺตํ. ภาชนคตนฺติ นาวาจาฏิอาทีสุ ภาชเนสุ คตํ. ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ‘‘คมฺภีเรสุ อาวาฏาทีสุ อุกฺเขปิมํ อุทกํ นิมิตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๕๘) วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ ¶ , อตฺตโน มติมตฺตเมว. ิตํ ปน อนฺตมโส สูกรขตายปิ คามทารกานํ กีฬนวาปิยมฺปิ สเจ ยาว กมฺมวาจาปริโยสานํ ติฏฺติ, อปฺปํ วา ¶ โหตุ, พหุ วา, วฏฺฏติเยว. ตสฺมึ ปน าเน นิมิตฺตสฺากรณตฺถํ ปาสาณวาลิกาปํสุอาทิราสิ วา ปาสาณตฺถมฺโภ วา ทารุตฺถมฺโภ วา กาตพฺโพ.
เอวํ นิมิตฺตสมฺปตฺติยุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยหิ อากาเรหิ พทฺธา ปริสาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริสาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. อิมสฺส ปน กมฺมสฺส จตุวคฺคกรณียตฺตา ‘‘จตูหิ ภิกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ. อิมฺจ สีมํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิตฺวา พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ เปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสฺจารสมเย สเจ เอกสฺมึ คามเขตฺเต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุมฺเห สกสกสีมาปริจฺเฉทโต มา นิกฺขมิตฺถา’’ติ เปเสตพฺพํ. เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาตาเปตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหราเปตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยาวติกา ตสฺมึ คามเขตฺเต’’ติอาทิ. ตสฺมึ คามเขตฺเตติ ยสฺมึ คามเขตฺเต ตฺวา กมฺมวาจํ วาเจนฺติ, ตสฺมึ คามเขตฺเต. ‘‘สเจ อฺานิปิ คามเขตฺตานิ อนฺโต กตฺตุกามา, เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ’’ติ มหาสุมตฺเถโร อาห. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห ‘‘นานาคามเขตฺตานิ นาม ปาฏิเยกฺกํ พทฺธสีมาสทิสานิ, น ตโต ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติ. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปน ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุน อาห ‘‘สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ, อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ อาคนฺตพฺพํ. อนาคจฺฉนฺตานํ ฉนฺโท อาหริตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘).
อิทานิ เยหิ อากาเรหิ สมฺมตา กมฺมวาจาสมฺปตฺติยุตฺตา นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมวาจาสมฺปตฺติยา ยุตฺตา นามา’’ติอาทิมาห. อาทิสทฺเทน. ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺเนยฺย สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, เอสา ตฺติ. สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยาวตา สมนฺตา นิมิตฺตา กิตฺติตา, สงฺโฆ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมํ สมฺมนฺนติ สมานสํวาสํ เอกูโปสถํ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สีมาย สมฺมุติ สมานสํวาสาย เอกูโปสถาย, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมตา สีมา สงฺเฆน เอเตหิ นิมิตฺเตหิ สมานสํวาสา เอกูโปสถา, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๑๓๙) อิมํ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. วุตฺตายาติ อุโปสถกฺขนฺธเก วุตฺตาย. ตฺติโทสอนุสฺสาวนโทเสหิ วิรหิตตฺตา ปริสุทฺธาย.
ขณฺฑสีมา (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๓๘; วชิร. ฏี. มหาวคฺค ๑๓๘) ¶ นาม ขุทฺทกสีมา. สมานสํวาสกตฺถํ สมฺมตา สีมา สมานสํวาสกสีมา. อวิปฺปวาสตฺถํ สมฺมตา สีมา อวิปฺปวาสสีมา. อิมาสุ ปน ตีสุ สีมํ สมฺมนฺนนฺเตหิ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปมํ ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา. ตํ ปน พนฺธนฺเตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํ. สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฏฺาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมชฺเฌ พหูนํ สโมสรณฏฺาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส พนฺธิตพฺพา. อกตวิหาเร พนฺธนฺเตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ านํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถา ปติฏฺิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจนฺเต วิวิตฺโตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพา. สา เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สเจ เอกวีสติภิกฺขู คณฺหาติ, วฏฺฏติ. ตโต โอรํ น วฏฺฏติ. ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฏฺฏติ. ตํ พนฺธนฺเตหิ สีมามาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตุปคา ปาสาณา เปตพฺพา, น ขณฺฑสีมาย ิเตหิ มหาสีมา พนฺธิตพฺพา, น มหาสีมาย ิเตหิ ขณฺฑสีมา. ขณฺฑสีมายเมว ปน ตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา, มหาสีมายเมว ตฺวา มหาสีมา.
ตตฺรายํ พนฺธนวิธิ – สมนฺตา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา. อถ ตสฺสา เอว ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิ สีมนฺตริกปาสาณา เปตพฺพา, สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฏิยา จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ (มหาว. อฏฺ. ๑๓๘; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๖๓) วฏฺฏติ. สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, ทฺเวปิ ติสฺโสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพา.
เอวํ ¶ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมายํ ตฺวา สมนฺตา อนุปริยายนฺเตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิตฺเตตพฺพา. ตโต อวเสสนิมิตฺเต กิตฺเตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหนฺเตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺสา ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิตฺเตนฺติ, เอวํ ตีสุ าเนสุ นิมิตฺตานิ กิตฺเตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ยถาวุตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา. เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมายํ ิตา ภิกฺขู มหาสีมายํ กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ, มหาสีมายํ วา ิตา ขณฺฑสีมายํ กโรนฺตานํ. สีมนฺตริกาย ปน ิตา อุภินฺนมฺปิ น โกปนฺติ. คามเขตฺเต ตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ¶ ปน สีมนฺตริกาย ิตา โกเปนฺติ. สีมนฺตริกา หิ คามเขตฺตํ ภชติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนเน กเต สติ สา จ อวิปฺปวาสสีมา นาม โหติ. เตนาห ‘‘ตสฺสาเยว ปเภโท’’ติ. ตสฺสาเยวาติ พทฺธสีมาย เอว.
อยํ ปน วิเสโส – ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโต อวิปฺปวาสสีมา คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตรติ, สมานสํวาสกสีมา ปน ตตฺถาปิ โอตรติ. สมานสํวาสกสีมา เจตฺถ อตฺตโน ธมฺมตาย คจฺฉติ, อวิปฺปวาสสีมา ปน ยตฺถ สมานสํวาสกสีมา, ตตฺเถว คจฺฉติ. น หิ ตสฺสา วิสุํ นิมิตฺตกิตฺตนํ อตฺถิ. ตตฺถ สเจ อวิปฺปวาสาย สมฺมุติกาเล คาโม อตฺถิ, ตํ สา น โอตรติ. สเจ ปน สมฺมตาย สีมาย ปจฺฉา คาโม นิวิสติ, โสปิ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. ยถา จ ปจฺฉา นิวิฏฺโ, เอวํ ปมํ นิวิฏฺสฺส ปจฺฉา วฑฺฒิตปฺปเทโสปิ สีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. สเจปิ สีมาสมฺมุติกาเล เคหานิ กตานิ, ‘‘ปวิสิสฺสามา’’ติ อาลโยปิ อตฺถิ, มนุสฺสา ปน อปฺปวิฏฺา, โปราณคามํ วา สเคหเมว ฉฑฺเฑตฺวา อฺตฺถ คตา, อคาโมเยว เอส, สีมา โอตรติ. สเจ ปน เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วา อคตํ วา อตฺถิ, คาโมเยว, สีมา น โอตรติ.
เอวํ ¶ พทฺธสีมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อพทฺธสีมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพทฺธสีมา ปนา’’ติอาทิมาห. คาโม เอว สีมา คามสีมา. คามคฺคหเณน เจตฺถ นิคมนครานมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยตฺตเก ปเทเส ตสฺส คามสฺส คามโภชกา พลึ ลภนฺติ, โส ปเทโส อปฺโป วา โหตุ, มหนฺโต วา, เอกํ คามเขตฺตํ นาม. ยมฺปิ เอกสฺมึเยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ ‘‘อยํ วิสุํ คาโม โหตู’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยว. ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามสีมา พทฺธสีมาสทิสาว โหติ. เกวลํ ปน ติจีวรวิปฺปวาสปริหารํ น ลภตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗).
อคามเก อรฺเติ วิฺฌาฏวิสทิเส อรฺเ. เตนาห ‘‘อคามกํ นามา’’ติอาทิ. อยํ ปน สีมา ติจีวรวิปฺปวาสปริหารมฺปิ ลภติ. มจฺฉพนฺธานนฺติ เกวฏฺฏานํ. อคมนปเถสูติ คนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยปเถสุ. ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ตทเหว ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิเสสูติ วุตฺตํ โหติ. เตสํ คมนปริยนฺตสฺส โอรโต ปน คามสีมาสงฺขํ คจฺฉติ. ตตฺถ คามสีมํ อโสเธตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. มชฺเฌ ิตานํ สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตราติ มชฺเฌ ิตานํ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตรา. ตตฺถาติ เตสุ อพฺภนฺตเรสุ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริสวเสน วฑฺฒติ, ตสฺมา. อุปจารตฺถายาติ สีโมปจารตฺถาย. สีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ ¶ พทฺธสีมาภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. สมาโน สํวาโส เอตฺถาติ สมานสํวาสา. เอโก อุโปสโถ เอตฺถาติ เอกูโปสถา. เอตฺถ จ อุโปสถสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อวเสสกมฺมวเสน สมานสํวาสตา เวทิตพฺพา. วุตฺตาติ อพทฺธสีมาปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๔๙) วุตฺตา. อนุ อนุ อฑฺฒมาสํ อนฺวฑฺฒมาสํ, อฑฺฒมาเส อฑฺฒมาเสติ อตฺโถ. เอวํ ‘‘อนุทสาห’’นฺติอาทีสุปิ. เทเวติ เมเฆ. วลาหเกสุ วิคตมตฺเตสูติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. โสตนฺติ อุทกปฺปวาโห วุจฺจติ. ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา โอตริตฺวาติ ปาเสโส. ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวาติ ยถา ติมณฺฑลปฏิจฺฉาทนํ โหติ, เอวํ นิวาเสตฺวา. อุตฺตรนฺติยาติ ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา. ภิกฺขุนีวิภงฺเค (ปาจิ. ๖๙๒) ภิกฺขุนิยา วเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา ‘‘ภิกฺขุนิยา’’ติ วุตฺตํ, น ปน วิเสสสพฺภาวโต.
เกนจิ ¶ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. นทึ วา สมุทฺทํ วา ภินฺทิตฺวาติ นทีกูลํ วา สมุทฺทเวลํ วา ภินฺทิตฺวา. เอตํ ลกฺขณนฺติ ‘‘ยตฺถ นทิยํ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล อุทกํ สนฺติฏฺตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตปฺปการลกฺขณํ. โลณีปิ ชาตสฺสรสงฺขเมว คจฺฉติ. ยตฺถ ปน วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล วสฺเส ปจฺฉินฺนมตฺเต ปิวิตุํ วา หตฺถปาเท โธวิตุํ วา อุทกํ น โหติ สุกฺขติ, อยํ ชาตสฺสโร คามเขตฺตสงฺขเมว คจฺฉติ.
อุทกุกฺเขปาติ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘อุทกุกฺเขเปนา’’ติ. กถํ ปน อุทกํ ขิปิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. มชฺฌิเมน ปุริเสนาติ ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน. อยํ อุทกุกฺเขโป นามาติ อยํ อุทกุกฺเขเปน ปริจฺฉินฺนา สีมา นามาติ อตฺโถ. ยาว ปริสา วฑฺฒติ, ตาว อยํ สีมาปิ วฑฺฒติ, ปริสปริยนฺตโต อุทกุกฺเขโปเยว ปมาณํ. สเจ ปน นที นาติทีฆา โหติ, ปภวโต ปฏฺาย ยาว มุขทฺวารํ สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทติ, อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถิ. สกลาปิ นที เอเตสํเยว ภิกฺขูนํ ปโหติ.
ปกติวสฺสกาเลติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร ปกติวสฺสกาเล. จตูสุ มาเสสูติ วสฺสานสฺส จตูสุ มาเสสุ. อติวุฏฺิกาเล โอเฆน โอตฺถโตกาโส น คเหตพฺโพ. โส หิ คามสีมาสงฺขเมว คจฺฉติ. อนฺโตนทิยํ ชาตสฺสเร ชาตปิฏฺิปาสาณทีปเกสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สเจ ปน นที ปริปุณฺณา โหติ สมติตฺถิกา, อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวาปิ อนฺโตนทิยํเยว กมฺมํ กาตพฺพํ. สเจ น สกฺโกนฺติ, นาวายปิ ตฺวา กาตพฺพํ. คจฺฉนฺติยา ปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏติ. กสฺมา? อุทกุกฺเขปมตฺตเมว หิ สีมา, ตํ ¶ นาวา สีฆเมว อติกฺกาเมติ. เอวํ สติ อฺิสฺสา สีมาย ตฺติ, อฺิสฺสา อนุสฺสาวนา โหติ, ตสฺมา นาวํ อริตฺเตน วา เปตฺวา, ปาสาเณ วา ลมฺพิตฺวา, อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเข วา พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. อนฺโตนทิยํ พทฺธอฏฺฏเกปิ อนฺโตนทิยํ ชาตรุกฺเขปิ ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ.
สเจ ปน รุกฺขสฺส สาขา วา ตโต นิกฺขนฺตปาโรโห วา พหินทีตีเร วิหารสีมาย วา คามสีมาย วา ปติฏฺิโต, สีมํ วา โสเธตฺวา, สาขํ ¶ วา ฉินฺทิตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. พหินทีตีเร ชาตรุกฺขสฺส อนฺโตนทิยํ ปวิฏฺสาขาย วา ปาโรเห วา นาวํ พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. กโรนฺเตหิ สีมา วา โสเธตพฺพา, สาขํ ฉินฺทิตฺวา วา ตสฺส พหิปติฏฺิตภาโค นาเสตพฺโพ. นทีตีเร ปน ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ พนฺธนาวาย น วฏฺฏติเยว.
นทิยํ เสตุํ กโรนฺติ, สเจ อนฺโตนทิยํเยว เสตุ วา เสตุปาทา วา, เสตุมฺหิ ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน เสตุ วา เสตุปาทา วา พหิตีเร ปติฏฺิตา, กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ, สีมํ โสเธตฺวา กมฺมํ กาตพฺพํ. อถ เสตุปาทา อนฺโต, เสตุ ปน อุภินฺนมฺปิ ตีรานํ อุปริอากาเส ิโต, วฏฺฏติ. ชาตสฺสเรปิ เอเสว นโย.
‘‘ยสฺมึ ปเทเส ปกติวีจิโย โอตฺถริตฺวา สณฺหนฺตี’’ติ เอเตน ยํ ปเทสํ อุทฺธํ วฑฺฒนกอุทกํ วา ปกติวีจิโย วา เวเคน อาคนฺตฺวา โอตฺถรนฺติ, ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) ทสฺเสติ. สเจ อูมิเวโค พาธติ, นาวาย วา อฏฺฏเก วา ตฺวา กาตพฺพํ. เตสุ วินิจฺฉโย นทิยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สเจ ปน สมุทฺโท คามสีมํ วา นิคมสีมํ วา โอตฺถริตฺวา ติฏฺติ, สมุทฺโทว โหติ. ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตโต ปฏฺาย กปฺปิยภูมีติ โอตฺถริตฺวา สณฺิตอุทกนฺตโต ปฏฺาย อนฺโต นทีชาตสฺสรสมุทฺโท นามาติ อตฺโถ. ทุพฺพุฏฺิกาเลติ วสฺสานเหมนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. สุกฺเขสุปีติ นิรุทเกสุปิ. ยถา จ วาปิขณเน, เอวํ อาวาฏโปกฺขรณีอาทีนํ ขณเนปิ คามเขตฺตํ โหติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. วปฺปํ วา กโรนฺตีติ ลาพุติปุสกาทิวปฺปํ วา กโรนฺติ. ตํ านนฺติ ยตฺถ วาปิอาทิกํ กตํ, ตํ านํ. อฺํ ปน กปฺปิยภูมิ. สเจ ปน ชาตสฺสรํ ปูเรตฺวา ถลํ กโรนฺติ, เอกสฺมึ ทิสาภาเค ปาฬึ พนฺธิตฺวา สพฺพเมว นํ มหาตฬากํ วา กโรนฺติ, สพฺโพปิ อชาตสฺสโร โหติ. คามสีมาสงฺขเมว คจฺฉติ.
สเจ ¶ นทิมฺปิ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺติ, เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา, อุทกํ อาคนฺตฺวา ตฬากํ ปูเรตฺวา ติฏฺติ, เอตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อุปริ ปวตฺตนฏฺาเน ฉฑฺฑิตํ อุทกํ นทึ โอตฺถริตฺวา สนฺทนฏฺานโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. กาจิ นที กาลนฺตเรน อุปฺปติตฺวา คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตติ, นทีเยว ¶ โหติ, กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. สเจ วิหารสีมํ โอตฺถรติ ‘‘วิหารสีมา’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนฺโต คจฺฉติ, ตสฺมา. สมนฺตา อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพติ ปโหนกฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ ปน กุนฺนทีอาทีสุ นปฺปโหติ, ตตฺถ ปโหนกฏฺานโต อุทกุกฺเขปปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. อุปจารตฺถายาติ สีโมปจารตฺถาย.
กสฺมา ปน อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป จ อุปจารตฺถาย เปตพฺโพติ อาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๔๗; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๔๗) – ยสฺมา อยํ สตฺตพฺภนฺตรสีมา จ อุทกุกฺเขปสีมา จ ภิกฺขูนํ ิโตกาสโต ปฏฺาย ลพฺภติ, เต จ ภิกฺขู น สพฺพทา เอกสทิสา, กทาจิ วฑฺฒนฺติ, กทาจิ ปริหายนฺติ. ยทา จ วฑฺฒนฺติ, ตทา สีมาสงฺกโร โหติ. ตสฺมา อฺเมกํ สตฺตพฺภนฺตรํ, อฺโ เอโก อุทกุกฺเขโป จ อุปจารตฺถาย เปตพฺโพติ. ยํ ปน มหาอฏฺกถายํ ‘‘ตโต อธิกํ วฏฺฏติเยว, อูนกํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๔๗) วุตฺตํ, ตมฺปิ เอตทตฺถเมว, น ปน ตตฺถ กตสฺส กมฺมสฺส กุปฺปตฺตาติ คเหตพฺพํ. ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปีติ อตฺตโน สตฺตพฺภนฺตเรน, อุทกุกฺเขเปน วา โย เตสํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส, อุทกุกฺเขปสฺส วา ปริจฺเฉโท, ตโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปีติ อตฺโถ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ, อิทํ ‘‘กมฺมํ โกเปตี’’ติ มหาอฏฺกถาทีสุ ววตฺถานนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิติ อิม’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส นิคมนํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘พทฺธาพทฺธวเสเนธ, สีมา นาม ทฺวิธา ตหึ;
ติสมฺปตฺติยุตฺตา วชฺชิ-เตกาทส วิปตฺติกา;
พทฺธสีมา ติธา ขณฺฑา-ทิโต คามาทิโต ปรา’’ติ.
สภาคาปตฺติ จ นาเมสา ทุวิธา วตฺถุสภาคา, อาปตฺติสภาคาติ. ตตฺถ อิธ วตฺถุสภาคา อธิปฺเปตา, เนตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา’’ติอาทิมาห. ลหุกาปตฺตินฺติ ลหุเกน วินยกมฺเมน วิสุชฺฌนโต ลหุกา ถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฏิเทสนียทุกฺกฏทุพฺภาสิตสงฺขาตา ปฺจาปตฺติโย. วตฺถุสภาคาย สงฺฆาทิเสสาปตฺติยาปิ สติ อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ ¶ น โหติเยว. ยถาห ¶ ‘‘สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ อาวิ กโรติ, อาปตฺติ อาวิกตา โหติ, ทุกฺกฏา ปน น มุจฺจตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒). ตสฺสา ปน อเทสนาคามินิโต เอวํ วุตฺตํ. วตฺถุสภาคาติ วตฺถุวเสน สมานภาคา, เอกโกฏฺาสาติ วุตฺตํ โหติ. อิมเมว วตฺถุสภาคํ เทเสตุํ น วฏฺฏติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วุตฺตตฺตา, น ปน อาปตฺติสภาคํ. เตนาห ‘‘วิกาลโภชนปจฺจยา อาปนฺนํ ปนา’’ติอาทิ. อาปตฺติสภาคนฺติ อาปตฺติยา สมานภาคํ.
สามนฺตา อาวาสาติ สามนฺตอาวาสํ, สมีปวิหารนฺติ อตฺโถ. สชฺชุกนฺติ ตทเหวาคมนตฺถาย. ปาเหตพฺโพติ เปเสตพฺโพ. อิจฺเจตํ กุสลนฺติ อิติ เอตํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ, ลทฺธกปฺปนฺติ วุตฺตํ โหติ. โน เจ ลเภถาติ วิหารานํ ทูรตาย วา มคฺเค ปริปนฺถาทินา วา ยทิ น ลเภถ. ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปฏิกริสฺสตี’’ติ อิมินา วจเนน สภาคาปตฺติ อาวิ กาตุมฺปิ น ลพฺภตีติ ทีปิตํ โหติ. ยทิ ลเภยฺย, อาวิ กตฺวาปิ อุโปสถํ กเรยฺย. ยทิ ปน สพฺโพ สงฺโฆ สภาคํ สงฺฆาทิเสสํ อาปนฺโน โหติ, ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อุโปสถสฺส อนฺตราโยว โหติ. อุโภปิ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ เทเสตพฺพา, โย เทเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. น, ภิกฺขเว, สภาคา อาปตฺติ ปฏิคฺคเหตพฺพา, โย ปฏิคฺคณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๙) วุตฺตตฺตา. วิมติ สํสโย, ตตฺถ นิยุตฺโต เวมติโก. ‘‘ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพเมวา’’ติ เนว ปาฬิยํ, น จ อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปาริสุทฺธึ อายสฺมนฺโต อาโรเจถา’’ติอาทินา นเยน สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ ปฺตฺตํ ทุกฺกฏํ อาปชฺชนฺตีติ วุตฺตนเยเนว. กสฺมา สภาคาปตฺติเยว วุตฺตาติ อาห ‘‘เอตาสุ หี’’ติอาทิ. วิสภาคาปตฺตีสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยวาติ วิสภาคาสุ ปน วิชฺชมานาสุ เตสํเยว ปุคฺคลานํ อาปตฺติ, น สงฺฆสฺสาติ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.
อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก นาม จตุนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตรํ อชฺฌาปนฺนโก. ปณฺฑกาทีนํ วินิจฺฉโย ปรโต ปาราชิกุทฺเทเส อาวิ ภวิสฺสติ ¶ . ติรจฺฉานคโตติ อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ นาคมาณวกาทิโก อมนุสฺสชาติโก เวทิตพฺโพ, น อสฺสโคณาทโย. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอติสฺสํ วชฺชนียปุคฺคลกถายํ. ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปนฺโน, น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๑๑) ยสฺส นาคสุปณฺณาทิโน ติรจฺฉานคตสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา ¶ , โส อิธาปิ ติรจฺฉานคโต นามาติ อตฺโถ. ตตฺถ หิ อนฺตมโส เทเว อุปาทาย นาคมาณวกาทิโก โย โกจิ อมนุสฺสชาติโก ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ อธิปฺเปโต. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ติรจฺฉานคโต, ภิกฺขเวติ เอตฺถ นาโค วา โหตุ สุปณฺณมาณวกาทีนํ วา อฺตโร, อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ อมนุสฺสชาติโย, โส สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ‘ติรจฺฉานคโต’ติ เวทิตพฺโพ’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๑). ติตฺถํ วุจฺจติ ลทฺธิ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา, อิโต อฺลทฺธิกาติ อตฺโถ.
สุตฺตสฺส อุทฺเทโส สุตฺตุทฺเทโส. ปาริสุทฺธิ เอว อุโปสโถ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ. เอเสว นโย อธิฏฺานุโปสโถติ เอตฺถาปิ. โสติ ปาติโมกฺขุทฺเทโส. โอวาโทว ปาติโมกฺขํ, ตสฺส อุทฺเทโส สรูเปน กถนํ โอวาทปาติโมกฺขุทฺเทโส. ‘‘อิมสฺมึ วีติกฺกเม อยํ นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ อาปตฺติวเสน อาณาปนํ ปฺาปนํ อาณา, เสสํ อนนฺตรสทิสเมว.
ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา…เป… วุตฺตา ติสฺโส คาถาโย นาม –
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา;
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘อนูปวาโท ¶ อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.(ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) –
อิมา ติสฺโส คาถาโย.
ตตฺถ ขนฺตี ปรมํ ตโปติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๕) อธิวาสนขนฺติ ¶ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ, ติติกฺขาสงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺตีติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ‘‘ปรม’’นฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาธติ วิหึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ. จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ ‘‘นสมโณ โหตี’’ติ เววจนํ. ‘‘ปรูปฆาตี’’ติ เอตสฺส ‘‘ปรํ วิเหยนฺโต’’ติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ‘‘ปร’’นฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ, อตฺตโน สีลวินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถ วา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวา ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพาชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ น มาเรติ, อปิจ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โส ปรํ วิเหยนฺโต สมโณ น โหติ. กึ การณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, ‘สมโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.
ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ, ตํ ปน อรหตฺเตน โหติ. อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทาเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺิ.
ตติยคาถาย ¶ อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตสฺส อกรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปาติโมกฺขํ ปอติโมกฺขํ อติปโมกฺขํ อุตฺตมํ สีลํ, ปาติ วา อคติวิเสเสหิ, โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ. โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ. สํวโรติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ นิชฺชนสมฺพาธํ วิวิตฺตํ, เสนาสนฺจ. เอตฺถ จ ทฺวิหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ ปจฺจยสนฺโตสสามฺเน อิตรทฺวยสฺสาปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตตฺตา. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ วิปสฺสนาปาทกํ ¶ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ, ตโตปิ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อธิจิตฺเต อาโยโค จ อนุโยโค จาติ อตฺโถ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ, อนุปฆาตนํ, ปาติโมกฺเข สํวโร, ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา, อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน ติสฺโส คาถา สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถาโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ตํ พุทฺธา เอว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๓๔) นเยน วุตฺตํ อาณาปาติโมกฺขํ นาม. ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ, น จ ตตฺถ ปริยาปนฺนาติ อาห ‘‘ตํ สาวกา เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา’’ติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ.
อนุปคโต นาม ตตฺเถว อุปสมฺปนฺโน, อสติยา ปุริมิกาย อนุปคโต วา. จาตุมาสินิยนฺติ จาตุมาสิยํ. สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี, สา เอว ‘‘จาตุมาสินี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสํ จาตุมาสินิยํ. ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมาสินิยนฺติ อตฺโถ. กายสามคฺคินฺติ กาเยน สมคฺคภาวํ, หตฺถปาสูปคมนนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ ปุริมิกาย ปฺจ ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา, ปจฺฉิมิกายปิ ปฺจ, ปุริเมหิ ตฺตึ เปตฺวา ปวาริเต ปจฺฉิเมหิ ¶ เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ, น เอกสฺมึ อุโปสถคฺเค ทฺเว ตฺติโย เปตพฺพา. สเจปิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา จตฺตาโร, ตโย, ทฺเว, เอโก วา โหติ, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย จตฺตาโร, ปจฺฉิมิกายปิ จตฺตาโร, ตโย, ทฺเว, เอโก วา, เอเสว นโย. อถ ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย ตโย, ทฺเว วา, เอเสว นโย. อิทฺเหตฺถ ลกฺขณํ – สเจ ปุริมิกาย อุปคเตหิ ปจฺฉิมิกาย อุปคตา โถกตรา เจว โหนฺติ สมสมา จ, สงฺฆปฺปวารณาย จ คณํ ปูเรนฺติ, สงฺฆปฺปวารณาวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพา. สเจ ปน ปุริมิกาย ตโย, ปจฺฉิมิกาย เอโก โหติ, เตน สทฺธึ เต จตฺตาโร โหนฺติ, จตุนฺนํ สงฺฆตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตุํ น วฏฺฏติ. คณตฺติยา ปน โส คณปูรโก โหติ, ตสฺมา คณวเสน ตฺตึ เปตฺวา ปุริเมหิ ปวาเรตพฺพํ, อิตเรน เตสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ ปุริมิกาย ทฺเว, ปจฺฉิมิกาย ทฺเว วา เอโก วา, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สเจ ปุริมิกาย เอโก, ปจฺฉิมิกายปิ เอโก, เอเกน เอกสฺส สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ, เอเกน ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ ¶ . สเจ ปุริมวสฺสูปคเตหิ ปจฺฉิมวสฺสูปคตา เอเกนปิ อธิกตรา โหนฺติ, ปมํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา โถกตเรหิ เตสํ สนฺติเก ปวาเรตพฺพํ. กตฺติกจาตุมาสินิปวารณาย ปน สเจ ปมํ วสฺสูปคเตหิ มหาปวารณาย ปวาริเตหิ ปจฺฉา อุปคตา อธิกตรา วา สมสมา วา โหนฺติ, ปวารณาตฺตึ เปตฺวา ปวาเรตพฺพํ. เตหิ ปวาริเต ปจฺฉา อิตเรหิ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. อถ มหาปวารณาย ปวาริตา พหู โหนฺติ, ปจฺฉา วสฺสูปคตา โถกา วา เอโก วา, ปาติโมกฺเข อุทฺทิฏฺเ ปจฺฉา เตสํ สนฺติเก เตน ปวาเรตพฺพนฺติ.
เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ เอกสฺมึ อํเส สาธุกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวาติ อตฺโถ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา. สเจ ปน ตตฺถ ปาริวาสิโกปิ อตฺถิ, สงฺฆนวกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตตฺเถว นิสินฺเนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตพฺโพ. ปาติโมกฺเข อุทฺทิสิยมาเน ปน ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬึ วิหาย หตฺถปาสํ อมฺุจนฺเตน นิสีทิตพฺพํ. ปวารณายปิ เอเสว นโย.
สพฺพํ ¶ ปุพฺพกรณียนฺติ สมฺมชฺชนาทึ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ. ยถา จ สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ (มหาว. ๑๗๑) ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวเมตฺถาปิ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา, ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิปิ ‘‘อฺํ สุทฺธํ ปสฺสิตฺวา ปฏิกริสฺสามา’’ติ วตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนาปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. นานาสํวาสเกหีติ ลทฺธินานาสํวาสเกหิ. อนาวาโส นาม นวกมฺมสาลาทิโก โย โกจิ ปเทโส. อฺตฺร สงฺเฆนาติ สงฺฆปฺปโหนเกหิ ภิกฺขูหิ วินา. อฺตฺร อนฺตรายาติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทสวิธมนฺตรายํ วินา. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน อตฺตจตุตฺเถน อนฺตราเย วา สติ คนฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ อาวาสาทโย น คนฺตพฺพา, เอวํ สเจ วิหาเร อุโปสถํ กโรนฺติ, อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพา. สเจ ปเนตฺถ โกจิ ภิกฺขุ โหติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. วิสฺสฏฺอุโปสถาปิ อาวาสา คนฺตุํ วฏฺฏติ. เอวํ คโต อธิฏฺาตุมฺปิ ลภติ. อารฺเกนาปิ ภิกฺขุนา อุโปสถทิวเส คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อตฺตโน วิหารเมว อาคนฺตพฺพํ. สเจ อฺํ วิหารํ โอกฺกมติ, ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว อาคนฺตพฺพํ, อกตฺวา อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ. ยํ ชฺา ‘‘อชฺเชว ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกมี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๘๑) ¶ เอวรูโป ปน อาวาโส คนฺตพฺโพ. ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรนฺเตนาปิ หิ อิมินา เนว อุโปสถนฺตราโย กโต ภวิสฺสตีติ.
อุทกํ อาสเนน จาติ อาสเนน สห ปานียปริโภชนียํ อุทกฺจาติ อตฺโถ. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กตฺตพฺพํ ปุพฺพกรณํ. ปุพฺพกรณโต ปจฺฉา กตฺตพฺพมฺปิ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา ปุพฺพกิจฺจํ. อุภยมฺปิ เจตํ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา ‘‘ปุพฺพกิจฺจ’’มิจฺเจว เอตฺถ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิต’’นฺติ. กึ ตํ กตนฺติ ปุจฺฉตีติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ ‘‘น, ภิกฺขเว, เถเรน อาณตฺเตน อคิลาเนน น ¶ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โย น สมฺมชฺเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๕๙) วจนโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมา เถเรน อาณตฺเตนา’’ติอาทิ.
สเจ ปน อาณตฺโต สมฺมชฺชนึ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ. ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพนฺติ อาคนฺตุกานํ อตฺถาย ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตพฺพํ. อาสนํ ปฺาเปตพฺพนฺติ ปีผลกาทิอาสนํ ปฺาเปตพฺพํ. สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สํฆิกาวาสโตปิ อาหริตฺวา ปฺาเปตฺวา ปุน หริตพฺพานิ. อาสเนสุ อสติ กฏสารเกปิ ตฏฺฏิกาโยปิ ปฺาเปตุํ วฏฺฏติ. ตฏฺฏิกาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฺาเปตพฺพานิ. กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปทีโป กาตพฺโพติ ปทีเปตพฺโพ, ปทีปุชฺชลนํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาณาเปนฺเตน ปน ‘‘อสุกสฺมึ นาม โอกาเส เตลํ วา วฏฺฏิ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ, ปริเยสิตพฺพานิ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. อปิจ กปาเล อคฺคิปิ ชาเลตพฺโพ. อาณาเปนฺเตน จ กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺโต วา สทากาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ อฺตโร วา น อาณาเปตพฺโพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพา. เตนาห ‘‘เถเรนาปิ ปติรูปํ ตฺวา อาณาเปตพฺพ’’นฺติ.
พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตนาติ นทิยา วา สีมาย วา ยตฺถ กตฺถจิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ, ‘‘กโต มยา อุโปสโถ’’ติ อจฺฉิตุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. กิจฺจปฺปสุโต วาติ คิลานุปฏฺากาทิกิจฺจปฺปสุโต วา. สเจ คิลาโน ฉนฺทปาริสุทฺธึ ทาตุํ น สกฺโกติ, มฺเจน วา ปีเน วา สงฺฆมชฺฌํ อาเนตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. สเจ คิลานุปฏฺากานํ ¶ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ ‘‘สเจ โข มยํ อิมํ คิลานํ านา จาเวสฺสาม, อาพาโธ วา อภิวฑฺฒิสฺสติ, กาลกิริยา วา ภวิสฺสตี’’ติ, น ตฺเวว โส คิลาโน านา จาเวตพฺโพ, สงฺเฆน ตตฺถ คนฺตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ, น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ. กเรยฺย เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. สเจ พหู ตาทิสา คิลานา โหนฺติ, สงฺเฆน ปฏิปาฏิยา ตฺวา ¶ สพฺเพ หตฺถปาเส กาตพฺพา. สเจ ทูเร ทูเร โหนฺติ, สงฺโฆ นปฺปโหติ, ตํ ทิวสํ อุโปสโถ น กาตพฺโพ, น ตฺเวว วคฺเคน สงฺเฆน อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ภควโต อาณํ กโรนฺเตน ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท ตตฺเถว ปกฺกมติ, อฺสฺส ทาตพฺโพ ฉนฺโท’’ติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๖๕) ปุน อตฺตโน ฉนฺททานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ‘‘ฉนฺทํ เม หรา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ฉนฺทหารโก เจ, ภิกฺขเว, ทินฺเน ฉนฺเท สงฺฆปฺปตฺโต สฺจิจฺจ น อาโรเจติ, อาหโฏ โหติ ฉนฺโท, ฉนฺทหารกสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๖๕) วุตฺตตฺตา ทุกฺกฏโต ตํ โมเจตุํ ‘‘ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ วุตฺตํ.
กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพติ มนสา จินฺเตตฺวา กายปฺปโยคํ กโรนฺเตน เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วา, วาจํ ปน นิจฺฉาเรตุํ สกฺโกนฺเตน ตเถว วาจาย วา, อุภยถาปิ สกฺโกนฺเตน กายวาจาหิ วา วิฺาเปตพฺโพ, ชานาเปตพฺโพติ อตฺโถ. ‘‘อยํ อตฺโถ’’ติ วจนโต ปน ยาย กายจิปิ ภาสาย วิฺาเปตุํ วฏฺฏติ, ปาริสุทฺธิทาเนปิ ฉนฺททาเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย. ตํ ปน เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ (มหาว. ๑๖๔) วตฺตุํ ลภติ. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. เตสฺจ อตฺตโน จ ฉนฺทปาริสุทฺธึ เทตีติ เอตฺถ ฉนฺโท จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ ฉนฺทปาริสุทฺธิ, ตํ เทตีติ สรูเปกเสสนเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิตราติ อฺเสํ ฉนฺทปาริสุทฺธิ. พิฬาลสงฺขลิกา ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ พิฬาลสงฺขลิกา นาม พิฬาลพนฺธนํ. ตตฺถ หิ สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยวลยํเยว ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉตีติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๖๔; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๖๔). ตสฺมา สา พิฬาลสงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกคฺคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุตุกฺขานนฺติ ¶ ¶ ตํ ตํ กิริยํ อรติ วตฺเตตีติ อุตุ, ตสฺส อกฺขานํ อุตุกฺขานํ, อุตุอาจิกฺขนนฺติ อตฺโถ. ยถา จ ตสฺส อาจิกฺขนํ, ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘เหมนฺตาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. คณนาติ กลนา. ภิกฺขุนีนํ อฏฺครุธมฺเมหิ โอวทนํ ภิกฺขุโนวาโท. สฺเว อุโปสโถติ อาคนฺตฺวาติ ‘‘สฺเว อุโปสโถ โหตี’’ติ วุตฺเต อชฺเชว อาคนฺตฺวา ปนฺนรสิเก อุโปสเถ ปกฺขสฺส จาตุทฺทสิยํ, จาตุทฺทสิเก เตรสิยํ อาคนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ปกฺขสฺส เตรสิยํเยว อาคนฺตฺวา ‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทสิโก วา ปนฺนรสิโก วา’ติ ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๔๙) วุตฺตํ. เอวํ ปุจฺฉิเตน จ ภิกฺขุนา สเจ จาตุทฺทสิยํ อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘‘จาตุทฺทสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ปนฺนรสิยํ กโรนฺติ, ‘‘ปนฺนรสิโก ภคินี’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เปตฺวา พาลํ, เปตฺวา คิลานํ, เปตฺวา คมิกํ อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๔) วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ เปตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาโรจนวิธานํ อชานนฺโต พาโล. จาตุทฺทสิกปนฺนรสิเกสุ อุโปสเถสุ วา ปาฏิปเท วา คนฺตุกาโม คมิโย, ทุติยปกฺขทิวสโต ปน ปฏฺาย ตโต อุทฺธํ คจฺฉนฺโต อิธ คมิโย นาม น โหติ. อรฺเ นิวาโส อสฺสาติ อารฺิโก. โสปิ ‘‘อหํ อรฺวาสี, สฺเว อุโปสโถ, วิหาเร น วสามี’’ติ อปฺปฏิคฺคหิตุํ น ลภติ. ยทิ น คณฺเหยฺย, ทุกฺกฏํ อาปชฺเชยฺย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น คเหตพฺโพ, โย น คณฺเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๔). เตน ปน ปจฺจาหรณตฺถาย สงฺเกโต กาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อารฺิเกน ภิกฺขุนา โอวาทํ คเหตุํ, สงฺเกตฺจ กาตุํ อตฺร ปติหริสฺสามี’’ติ (จูฬว. ๔๑๕). ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สเจ ภิกฺขุนีนํ วสนคาเม ภิกฺขา ลพฺภติ, ตตฺเถว จริตฺวา ภิกฺขุนิโย ทิสฺวา อาโรเจตฺวา คนฺตพฺพํ. โน จสฺส ตตฺถ ภิกฺขา สุลภา โหติ, สามนฺตคาเม จริตฺวา ภิกฺขุนีนํ คามํ อาคมฺม ตเถว กาตพฺพํ. สเจ ทูรํ คนฺตพฺพํ โหติ, สงฺเกโต กาตพฺโพ ‘‘อหํ อสุกํ นาม ตุมฺหากํ คามทฺวาเร สภํ วา มณฺฑปํ วา รุกฺขมูลํ วา อุปสงฺกมิสฺสามิ, ตตฺร อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. ภิกฺขุนีหิ ตตฺร คนฺตพฺพํ, อคนฺตุํ น ลพฺภติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สงฺเกตํ ¶ น คนฺตพฺพํ, ยา น คจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๕). อุโปสถคฺเคติ อุโปสถกรณฏฺาเน. อฏฺหิ องฺเคหีติ –
‘‘สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา ¶ โหนฺติ, ธาตา วจสา ปริจิตา, มนสา อนุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยฺชนโส. กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ. เยภุยฺเยน ภิกฺขุนีนํ ปิโย โหติ มนาโป. ปฏิพโล โหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ. น โข ปเนตํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตาย กาสายวตฺถวสนาย ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนปุพฺโพ โหติ. วีสติวสฺโส วา โหติ อติเรกวีสติวสฺโส วา’’ติ (ปาจิ. ๑๔๗) –
อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน นิทฺโทเสน กายวจีมโนกมฺเมน. สมฺปาเทตูติ ติวิธํ สิกฺขํ สมฺปาเทตุ. ยทา ปน ตาหิ ภิกฺขุนีหิ ปาติโมกฺขุทฺเทสกํเยว ทิสฺวา โอวาโท ยาจิโต, ตทา อุโปสถคฺเค สนฺนิปติเตหิ ภิกฺขุสงฺเฆหิ ปุพฺพกิจฺจวเสน ‘‘อตฺถิ กาจิ ภิกฺขุนิโย โอวาทํ ยาจมานา’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ อตฺตนา วตฺตพฺพวจนํ อฺเน กถาเปตฺวา ‘‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติอาทึ สยํ วตฺวา ปุน สยเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํ. อฺเน วา ภิกฺขุนา ตสฺมึ ทิวเส ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสาเปตพฺพํ. อิทนฺติ ‘‘ตาหี’’ติ พหุวจนํ. เอกโต สเหว.
ตฺติฏฺปเกน วาติ ยตฺถ ติณฺณํ วสนฏฺาเน ปาติโมกฺขุทฺเทโส นตฺถิ, ตตฺถ ตฺติฏฺปนเกน วา. อิตเรน วาติ ยตฺถ ทฺเว ภิกฺขู วสนฺติ, เอโก วา, ตตฺถ อิตเรน วา ภิกฺขุนา สเจ สยเมว สมฺมโต, ‘‘อห’’นฺติ วตฺตพฺพํ ¶ . ตเถวาติ อุโปสถคฺเค วุตฺตสทิสเมว. ‘‘อาโรเจตฺวาวา’’ติ อิมินา อนาโรจนํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น อาโรเจตพฺโพ, โย น อาโรเจยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๑๕) วจนโต โอวาทํ คเหตฺวา อุโปสถคฺเค อนาโรเจตุํ น วฏฺฏติ.
ปริสุทฺธภาวนฺติ อาปตฺติยา ปริสุทฺธตํ. อาโรเจถาติ อาวิ กโรถ. เอตฺถ สิยาติ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ เอตสฺมึ ปเท อยมนุโยโค ภเวยฺย. กึ ตํ, ยํ สิยาติ อาห ‘‘สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติอาทิ. ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยตีติ ปุพฺพวจเนน อปรํ วจนํ สนฺธานํ คจฺฉติ. สามคฺคิยาติ กายจิตฺเตหิ สหิตตาย. คณสฺสาติ อุทฺเทสกํ เปตฺวา จตุวคฺเค เสสภิกฺขูนํ. สงฺฆสฺส อุทฺทิฏฺํ โหตีติ สงฺเฆน อุทฺทิฏฺํ โหติ. กรณตฺเถ เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถาติ ปาติโมกฺขุทฺเทเส. ลกฺขณนฺติ สภาโว.
เถรา ¶ จ นวา จ มชฺฌิมา จาติ เอตฺถ ทสวสฺสา, อติเรกทสวสฺสา จ เถรา. อูนปฺจวสฺสา นวา. ปฺจวสฺสา, อติเรกปฺจวสฺสา จ มชฺฌิมา. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺตานํ เตน ปาติโมกฺเขน อตฺถิกํ กตฺวา, ตํ วา ปาติโมกฺขํ ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาติโมกฺข’’นฺติ อตฺถึ กตฺวา. มนสิ กริตฺวาติ จิตฺเต เปตฺวา. โสตทฺวารวเสนาติ โสตทฺวาริกชวนวิฺาณวเสน. สพฺพเจตสา สมนฺนาหรามาติ จิตฺตสฺส โถกมฺปิ พหิ คนฺตุํ อเทนฺตา สพฺเพน จิตฺเตน อาวชฺเชม, สลฺลกฺเขมาติ อตฺโถ. มนสิ กโรมาติ อาวชฺเชม, สมนฺนาหรามาติ อตฺโถ. โส จ โข มนสิกาโร น เอตฺถ อารมฺมณปฺปฏิปาทนลกฺขโณ, อถ โข วีถิปฺปฏิปาทนชวนปฺปฏิปาทนมนสิการปุพฺพกจิตฺเต ปนลกฺขโณติ อาห ‘‘เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา จิตฺเต เปยฺยามา’’ติ. น สเมตีติ น สํคจฺฉติ. กสฺมา น สํคจฺฉตีติ อาห ‘‘สมคฺคสฺส หี’’ติอาทิ. กิฺจ ภิยฺโยติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขุทฺเทสโก จา’’ติอาทิ. สงฺฆปริยาปนฺโนติ สงฺเฆ ปริยาปนฺโน อนฺโตคโธ.
อิทานิ ตํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ. อายสฺมนฺโตติ สนฺนิปติตานํ ปิยวจเนน อาลปนํ.
อลชฺชิตาติ ¶ อลชฺชิตาย, อลชฺชนภาเวนาติ อตฺโถ. ตติยตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ‘‘อฺาณตา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. กุกฺกุจฺจปฺปกตตาติ กุกฺกุจฺเจน อภิภูตตาย. สติสมฺโมสาติ สติวิปฺปวาสโต. วีติกฺกมนฺติ สิกฺขาปทวีติกฺกมนํ.
สฺจิจฺจาติ สฺเจเตตฺวา, อกปฺปิยภาวํ ชานนฺโตเยว วีติกฺกมจิตฺตํ เปเสตฺวาติ อตฺโถ. ปริคูหตีติ นิคูหติ น เทเสติ น วุฏฺาติ. ลชฺชาย ปริคูหนฺโต อลชฺชี น โหติ, ‘‘กึ อิมินา’’ติ อนาทริเยน ปริคูหนฺโต อลชฺชี โหตีติ ทสฺเสติ. อคติคมนฺจ คจฺฉตีติ ภณฺฑภาชนียฏฺานาทีสุ ฉนฺทาคติอาทิเภทํ อคติคมนฺจ คจฺฉติ. อลชฺชิปุคฺคโลติ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานลชฺชาวิรหิโต ปุคฺคโล. เอตฺถ จ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ อิมินา อนาทริยวเสเนว อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต, อาปนฺนฺจ อาปตฺตึ ปริคูหนฺโต, ภณฺฑภาชนียฏฺานาทีสุ อคติคมนํ คจฺฉนฺโต จ อลชฺชี โหติ, น อิตโรติ ทสฺเสติ.
มนฺโทติ มนฺทปฺโ, อปฺสฺเสเวตํ นามํ. โมมูโหติ อติสํมูฬฺโห. วิราเธตีติ น ราเธติ น สาเธติ. กุกฺกุจฺเจติ วินยสํสเย. กปฺปิยํ เจ กตฺตพฺพํ สิยาติ วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน วตฺถุํ โอโลเกตฺวา มาติกํ, ปทภาชนํ, อนฺตราปตฺตึ, อนาปตฺติฺจ โอโลเกตฺวา ‘‘กปฺปติ, อาวุโส, มา เอตฺถ กงฺขี’’ติ วุตฺเต กตฺตพฺพํ ภเวยฺย.
สหเสยฺยจีวรวิปฺปวาสาทีนีติ ¶ เอตฺถ สหเสยฺยา นาม อนุปสมฺปนฺเนน อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยาปตฺติ, วิปฺปวาโส นาม เอกรตฺตฉารตฺตวเสน วิปฺปวาโส. อาทิสทฺเทน สตฺตาหาติกฺกมาทีสุ อาปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฏิเทสนียทุกฺกฏทุพฺภาสิตสงฺขาตานํ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ.
เทเสตุ วา ปกาเสตุ วาติ สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา เทเสตุ วา ปกาเสตุ วา. เอตฺถ จ ปาราชิกาปตฺติเทสนา นาม ภิกฺขุภาวสฺส ปริจฺจาโค. วุฏฺานํ ปน เทสนาวิเสสตฺตา ‘‘เทสนา’’ติ ทฏฺพฺพํ. ปกาเสตุ วาติ อาโรเจตุ วา.
เอวํ อนาปนฺนา วาติ เอวํ ฉนฺนํ อาการานํ อฺตเรน อนาปนฺนา วา. วุฏฺิตา วาติ ปริวาสาทินา วุฏฺิตา วา. อาโรจิตา วาติ อาวิกตา ¶ วา. อาโรเจนฺโต จ ‘‘ตุยฺหํ สนฺติเก เอกํ อาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติ วา ‘‘อาจิกฺขามี’’ติ วา ‘‘อาโรเจมี’’ติ วา ‘‘มม เอกํ อาปตฺตึ อาปนฺนภาวํ ชานาหี’’ติ วา วทตุ, ‘‘เอกํ ครุกํ อาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติ วา อาทินา นเยน วทตุ, สพฺเพหิปิ อากาเรหิ อาโรจิตาว โหติ. สเจ ปน ครุกาปตฺตึ อาวิกโรนฺโต ‘‘ลหุกาปตฺตึ อาวิกโรมี’’ติอาทินา นเยน วทติ, อนาวิกตา โหติ อาปตฺติ. วตฺถุํ อาโรเจติ, อาปตฺตึ อาโรเจติ, อุภยํ อาโรเจติ, ติวิเธนาปิ อาโรจิตาว โหติ. อสนฺติยา อาปตฺติยาติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. ตุณฺหีภาเวนาปิ หีติ เอตฺถ น เกวลํ ‘‘อาม, มยํ ปริสุทฺธา’’ติ วุตฺเตเยว, อถ โข ตุณฺหีภาเวนาปีติ อปิสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กึ ตํ ยาวตติยานุสาวิตํ นาม, กถฺเจตํ ยาวตติยานุสาวิตํ โหตีติ วิจารณายํ อาจริยานํ มติเภทมุเขน ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตีติ เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยเทตํ ติกฺขตฺตุํ อนุสาวิตนฺติ สมฺพนฺโธ. อตฺถพฺยฺชนเภทโตติ อรียติ ายตีติ อตฺโถ, อภิเธยฺยํ, พฺยฺชียติ อตฺโถ อเนนาติ พฺยฺชนํ, อกฺขรํ, อตฺโถ จ พฺยฺชนฺจ อตฺถพฺยฺชนานิ, เตสํ เภโท อตฺถพฺยฺชนเภโท, ตโต, อตฺถสฺส จ พฺยฺชนสฺส จ วิสทิสตฺตาติ อตฺโถ.
อิทานิ ตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อนุสาวนฺหิ นามา’’ติอาทิมาห. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตสฺส ปน ‘‘อภินฺน’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เตนาติ ภินฺนตฺตา. อสฺสาติ ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยสฺส. อวสฺสฺเจตเมวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อติปฺปสงฺโคปิ ¶ สิยาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ เจต’’นฺติอาทิมาห. เอตนฺติ ‘‘ยสฺส สิยา’’ติอาทิวจนตฺตยํ. อปเร ‘‘อนุสาวิต’’นฺติ ปทํ น อตีตตฺถํ ทีเปติ, อถ โข อนาคตตฺถํ. ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ กาลนฺตรวิหิโตปิ ปจฺจโย กาลนฺตเร สาธุ โหตีติ วิกปฺเปสุํ. เตนาห ‘‘อปเร ‘อนุสาวิต’นฺติ ปทสฺสา’’ติอาทิ. อุปริ อุทฺเทสาวสาเนติ ปาราชิกุทฺเทสาวสาเน. อตฺถยุตฺตีนํ อภาวโตติ อนาคตตฺถสฺส จ การณสฺส จ อภาวโต. อิทานิ ตเมว วิภาเวตุํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิมาห. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ยทิ จสฺสา’’ติอาทิ. อยนฺติ ¶ อนาคตกาโล. อนุสาวิตํ เหสฺสตีติ วเทยฺยาติ อนุปฺปโยคํ อนาคตกาลํ กตฺวา ‘‘อนุสาวิตํ เหสฺสตี’’ติ พุทฺโธ วเทยฺย. อยํ เหตฺถาธิปฺปาโย – ยทิ เจตฺถ ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ ต-ปจฺจโย สิยา, ตถา สติ ธาตฺวตฺถสมฺพนฺโธ นาม วิเสสนวิเสสฺยภาโว, โส จ อนุปฺปโยคสฺส สมานตฺถภาเว สติ อุปฺปชฺชติ, นาสตีติ ‘‘เหสฺสตี’’ติ อนุปฺปโยคํ วเทยฺย, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา อนาคตํ น ทีเปติ, อตีตกาลเมว ทีเปตีติ. อนุสาวิยมาเนติ วจนโตติ ‘‘อนุสาวิยมาเน’’ติ วตฺตมานกาลวจนโต. ยทิ เอวํ ‘‘ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหตี’’ติ กิมิทนฺติ อาห ‘‘ยาวตติย’’นฺติอาทิ. กึ เตน ลกฺขียติ, เยเนตํ ลกฺขณวจนมตฺตํ สิยาติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. เตนาติ ลกฺขณวจนมตฺเตน เหตุนา.
ตเทตนฺติ ปาติโมกฺขํ. ตํ ปเนตนฺติ ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามี’’ติอาทิกํ ยาวตติยานุสาวนํ. น ทิสฺสตีติ โนปลพฺภติ. อิมเมว จ อตฺถนฺติ อิมํ อมฺเหหิ วุตฺตเมวตฺถํ. ยทิ หิ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติอาทิวจนตฺตยํ ยาวตติยานุสาวนํ สิยา, ตเทว อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๓๒ อาทโย) วเทยฺย, น ปน ‘‘สกิมฺปิ อนุสาวิตํ โหตี’’ติอาทิกนฺติ อธิปฺปาโย. นนุ จายํ วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ น อาคโต, อถ กุโต ลทฺโธติ อาห ‘‘อยเมตฺถา’’ติอาทิ. วินยฏฺาเนสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตํ อตฺถํ าเปนฺตี ปเวณิ อาจริยปรมฺปรา, ตาย อาภโต อานีโต อาจริยปรมฺปราภโต.
นนุ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพํ, อถ กถํ ทุกฺกฏาปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘สา จ โข น มุสาวาทลกฺขเณนา’’ติอาทิ. สมฺปชานมุสาวาเท กึ โหตีติ ยฺวายํ ‘‘สมฺปชานมุสาวาโท อสฺส โหตี’’ติ วุตฺโต, โส อาปตฺติโต กึ โหติ, กตรา อาปตฺติ โหตีติ อตฺโถ. ทุกฺกฏํ โหตีติ ทุกฺกฏาปตฺติ โหติ. วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานาปตฺติ โหตีติ อสฺส หิ ภิกฺขุโน อธมฺมิกาย ปฏิฺาย ตุณฺหีภูตสฺส นิสินฺนสฺส มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถิ. ยสฺมา ปน อาวิกาตพฺพํ นาวิกาสิ, เตนสฺส วจีทฺวาเร อกิริยโต อยํ ¶ อาปตฺติ สมุฏฺาตีติ ¶ เวทิตพฺพา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. เอตํ อุปาลิตฺเถเรน ปริวาเร เสทโมจนคาถาสุ (ปริ. ๔๗๙) วุตฺตมฺปิ จาติ อตฺโถ.
อนาลปนฺโต มนุเชน เกนจิ วาจาติ เกนจิ มนุเชน วาจาย อนาลปนฺโต. คิรํ โน จ ปเร ภเณยฺยาติ ‘‘อิติ อิเม โสสฺสนฺตี’’ติ ปรปุคฺคเล สนฺธาย สทฺทมฺปิ น นิจฺฉาเรยฺย. อาปชฺเชยฺย วาจสิกนฺติ วาจโต สมุฏฺิตํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตาติ เอตฺถ ปฺหาเมสาติ ลิงฺคพฺยตฺตเยน วุตฺตํ, เอโส ปฺโห กุสเลหิ จินฺติโตติ อตฺโถ. อยํ ปฺโห อิมเมว มุสาวาทํ สนฺธาย วุตฺโต.
ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ, อติกฺกมนฏฺเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺโต, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีโลติ อนฺตรายิโก. เตนาห ‘‘วิปฺปฏิสารวตฺถุตายา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิปฺปฏิสารวตฺถุตายาติ วิปฺปฏิสาโร นาม ปจฺฉานุตาปวเสน จิตฺตวิปฺปฏิสาโร, ตสฺส การณตายาติ อตฺโถ. ปมชฺฌานาทิปจฺจยภูตออปฺปฏิสารวิรุทฺธสฺส วิปฺปฏิสารสฺส ปจฺจยตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ปาโมชฺชาทิสมฺภวนฺติ ทุพฺพลตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ, ตํ อาทิ เยสํ เต ปาโมชฺชาทโย, เตสํ สมฺภโว ปฏิลาโภ ปาโมชฺชาทิสมฺภโว, ตํ. อาทิสทฺเทน ปีติปฺปสฺสทฺธาทีนํ คหณํ. ปมชฺฌานาทีนนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ปน ‘‘ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ฌานานํ, วิโมกฺขานํ, สมาธีนํ, สมาปตฺตีนํ, เนกฺขมฺมานํ, นิสฺสรณานํ, ปวิเวกานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย อนฺตรายิโก’’ติ (มหาว. ๑๓๕) วุตฺตทุติยชฺฌานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตสฺมา’’ติ วุตฺเต ยํตํสทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย ‘‘ยสฺมา’’ติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมาติ ยสฺมา’’ติอาทิ. ชานนฺเตนาติ ชานมาเนน. อิมินาสฺส สมฺปชานมุสาวาทสฺส สจิตฺตกตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธึ อเปกฺขตีติ วิสุทฺธาเปกฺโข, เตน ¶ วิสุทฺธาเปกฺเขน. สา จ วิสุทฺธิ อิธ วุฏฺานาทีติ อาห ‘‘วุฏฺาตุกาเมน วิสุชฺฌิตุกาเมนา’’ติ. วุฏฺานคามินิโต สงฺฆาทิเสสโต วุฏฺาตุกาเมน, เทสนาคามินิโต วิสุชฺฌิตุกาเมนาติ อตฺโถ. สงฺฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วาติ อุโปสถคฺเค สงฺฆสฺส อาโรจนวเสน สงฺฆมชฺเฌ วา ตตฺเถว อุภโต นิสินฺนานํ อาโรจนวเสน คณมชฺเฌ วา อนนฺตรสฺส อาโรจนวเสน เอกปุคฺคเล วา ปกาเสตพฺพา. อิโต วุฏฺหิตฺวาติ อิโต อุโปสถคฺคโต วุฏฺาย. เอตฺถ ปน สภาโคเยว วตฺตพฺโพ. วิสภาคสฺส หิ วุจฺจมาเน ภณฺฑนกลหสงฺฆเภทาทีนิปิ โหนฺติ. ตสฺมา ตสฺส อวตฺวา ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ¶ ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพติ อนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๗๐) วุตฺตํ.
กรณตฺเถติ ตติยาวิภตฺติอตฺเถ. กตฺตริ เหตํ ปจฺจตฺตวจนํ โหติ ผาสุสทฺทาเปกฺขาย. ปจฺจตฺตวจนนฺติ ปมาวจนํ. ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย ผาสุ โหตีติ อธิคมตฺถํ ตสฺส ภิกฺขุโน ผาสุ โหติ สุขํ โหติ สํวรสฺส อวิปฺปฏิสารเหตุตฺตา. เตนาห ‘‘อวิปฺปฏิสารมูลกาน’’นฺติอาทิ. ปาปปฺุานํ กตากตวเสน จิตฺตวิปฺปฏิสาราภาโว อวิปฺปฏิสาโร, โส มูลํ การณํ เยสํ เต อวิปฺปฏิสารมูลา, อวิปฺปฏิสารมูลาเยว อวิปฺปฏิสารมูลกา, เตสํ อวิปฺปฏิสารมูลกานํ. สุขปฺปฏิปทา สมฺปชฺชตีติ สุขา ปฏิปทา สมิชฺฌติ, ปมชฺฌานาทีนํ สุเขน อธิคโม โหตีติ อธิปฺปาโย. โหติ เจตฺถ –
‘‘นิทาเน ตฺติฏฺปนํ, ปุพฺพกิจฺจสฺส ปุจฺฉนํ;
นิทานุทฺเทสสวเน, วิสุทฺธาโรจเน วิธิ;
อนาโรจเน จาปตฺติ, เยฺยํ ปิณฺฑตฺถปฺจก’’นฺติ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกกณฺฑํ
อิทานิ ¶ ¶ นิทานุทฺเทสานนฺตรํ วุตฺตสฺส ปาราชิกุทฺเทสสฺส อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. นิทานานนฺตรนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, นิทานํ อนนฺตรํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถาติ ปาราชิกกณฺเฑ. ปาติโมกฺเขติ ภิกฺขุปาติโมกฺเข. จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท อูนาติเรกภาวนิวตฺตนโต. ปาราชิกาติ สชาตินามํ. อาปตฺติโยติ สพฺพสาธารณนามํ. อุทฺทิสียตีติ อุทฺเทโส. ภาวปฺปธาโนยํ นิทฺเทโส. เตนาห ‘‘อุทฺทิสิตพฺพต’’นฺติ.
๑. ปมปาราชิกวณฺณนา
โย ปนาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา) เอตฺถ ยสฺมา ปนาติ นิปาตมตฺตํ, โยติ อตฺถปทํ, ตฺจ อนิยเมน ปุคฺคลํ ทีเปติ. ตสฺมา ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โกจี’’ติ อาห. ยสฺมา ปน โย โยโกจิ นาม, โส อวสฺสํ ลิงฺคยุตฺตชาตินามโคตฺตสีลวิหารโคจรวเยสุ เอเกนากาเรน ปฺายติ, ตสฺมา ตํ ตถา าเปตุํ ‘‘รสฺสทีฆาทินา’’ติอาทิมาห. อาทิสทฺเทน นวกมฺมาทีนํ คหณํ. ลิงฺคาทิเภเทนาติ ลิงฺคียติายติ เอเตนาติ ลิงฺคํ, ตํ อาทิ เยสํ เตติ ลิงฺคาทโย, เตสํ เภโท ลิงฺคาทิเภโท, เตน ลิงฺคาทิเภเทน. เอตฺถาทิสทฺเทน ปน ยุตฺตาทีนํ คหณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ลิงฺควเสน ยาทิโส วา ตาทิโส วา โหตุ, ทีโฆ วา รสฺโส วา กาโฬ วา โอทาโต วา มงฺคุรจฺฉวิ วา กิโส วา ถูโล วา. โยควเสน เยน วา เตน วา ยุตฺโต โหตุ, นวกมฺมยุตฺโต วา อุทฺเทสยุตฺโต วา วาสธุรยุตฺโต วา. ชาติวเสน ยํชจฺโจ วา ตํชจฺโจ วา โหตุ, ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโธ วา. นามวเสน ยถานาโม วา ตถานาโม วา โหตุ, พุทฺธรกฺขิโต วา ธมฺมรกฺขิโต วา สงฺฆรกฺขิโต วา. โคตฺตวเสน ยถาโคตฺโต วา ตถาโคตฺโต วา โหตุ, กจฺจายโน วา วาสิฏฺโ วา โกสิโย วา. สีเลสุ ยถาสีโล วา ตถาสีโล วา โหตุ, นวกมฺมสีโล วา อุทฺเทสสีโล วา วาสธุรสีโล วา. วิหาเรสุปิ ยถาวิหารี วา ตถาวิหารี วา ¶ โหตุ, นวกมฺมวิหารี วา อุทฺเทสวิหารี วา วาสธุรวิหารี วา ¶ . โคจเรสุปิ ยถาโคจโร วา ตถาโคจโร วา โหตุ, นวกมฺมโคจโร วา อุทฺเทสโคจโร วา วาสธุรโคจโร วา. วเยสุปิ โย วา โส วา โหตุ เถโร วา นโว วา มชฺฌิโม วา, อถ โข สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘โย’’ติ วุจฺจตีติ.
อิทานิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปทํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอหิภิกฺขูปสมฺปทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ ภควโต วจนมตฺเตน ภิกฺขุภาโว เอหิภิกฺขูปสมฺปทา. ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา (มหาว. ๑๐๕) นเยน ติกฺขตฺตุํ วาจํ ภินฺทิตฺวา วุตฺเตหิ ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปทา สรณคมนูปสมฺปทา. โอวาทปฺปฏิคฺคหณูปสมฺปทา (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) นาม –
‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ, เอวฺหิ เต กสฺสป สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) –
อิมินา โอวาทปฺปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา นาม โสปากสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา. ภควา กิร ปุพฺพาราเม อนุจงฺกมนฺตํ โสปากสามเณรํ ‘‘‘อุทฺธุมาตกสฺา’ติ วา โสปาก ‘รูปสฺา’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) ทส อสุภนิสฺสิเต ปฺเห ปุจฺฉิ. โส เต พฺยากาสิ. ภควา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘กติวสฺโส ตฺวํ, โสปากา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺตวสฺโสหํ ภควาติ. ‘‘โสปาก, ตฺวํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ปฺเห พฺยากาสี’’ติ อารทฺธจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ, อยํ ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา.
อฏฺครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทา ¶ นาม มหาปชาปติยา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ทูเตนูปสมฺปทา ¶ นาม อฑฺฒกาสิยา คณิกาย อนฺุาตอุปสมฺปทา.
อฏฺวาจิกูปสมฺปทา นาม ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถน, ภิกฺขุสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถนาติ อิเมหิ ทฺวีหิ กมฺเมหิ อุปสมฺปทา.
ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา นาม ภิกฺขูนํ เอตรหิ อุปสมฺปทา. ตฺติจตุตฺเถนาติ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ, เอกาย จ ตฺติยาติ เอวํ ตฺติจตุตฺเถน. กิฺจาปิ หิ ตฺติ สพฺพปมํ วุจฺจติ, ติสฺสนฺนํ ปน อนุสฺสาวนานํ อตฺถพฺยฺชนเภทาภาวโต อตฺถพฺยฺชนภินฺนํ ตฺตึ ตาสํ จตุตฺถนฺติ กตฺวา ‘‘ตฺติจตุตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. อกุปฺเปนาติ อโกเปตพฺพตํ, อปฺปฏิกฺโกสิตพฺพตฺจ อุปคเตน. านารเหนาติ การณารเหน สตฺถุ สาสนารเหน. อุปสมฺปนฺโน นาม อุปริภาวํ สมาปนฺโน, ปตฺโตติ อตฺโถ. ภิกฺขุภาโว หิ อุปริภาโว, ตฺเจส ยถาวุตฺเตน กมฺเมน สมาปนฺนตฺตา ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา ปเนตฺถ อิมินาว อุปสมฺปนฺโน อิธ คหิโต, นาฺเหีติ? วุจฺจเต – เอหิภิกฺขูปสมฺปทา อนฺติมภวิกานเมว, สรณคมนูปสมฺปทา ปริสุทฺธานํ, โอวาทปฺปฏิคฺคหณปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา มหากสฺสปโสปากานํ, น จ เต ภพฺพา ปาราชิกาทิโลกวชฺชํ อาปชฺชิตุํ, อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหณาทโย จ ภิกฺขุนีนํเยว อนฺุาตา. อยฺจ ภิกฺขุ, ตสฺมา ตฺติจตุตฺเถเนว อุปสมฺปทากมฺเมน อุปสมฺปนฺโน อิธ คหิโต, นาฺเหีติ เวทิตพฺโพ. ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปน สิกฺขาปเทสุ อฺเปิ เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺนาทโย สงฺคยฺหนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕ ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา). วกฺขติ หิ ‘‘ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปน อฺเปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ. อิทานิ ‘‘อกุปฺเปน านารเหน อุปสมฺปนฺโน’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ. วสติ เอตฺถาติ วตฺถุ, อาธาโร ปติฏฺา. เตนาห ‘‘อุปสมฺปทาเปกฺโข ปุคฺคโล’’ติ. อูนานิ อปริปุณฺณานิ วีสติ วสฺสานิ อสฺสาติ อูนวีสติวสฺโส. เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อุปริ สปฺปาณกวคฺเค อูนวีสติสิกฺขาปเท (กงฺขา. อฏฺ. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา) วณฺณยิสฺสาม. เตสูติ ปณฺฑกาทีสุ เอกาทสสุ อภพฺพปุคฺคเลสุ. ปณฺฑโก (มหาว. อฏฺ. ๑๐๙) ปเนตฺถ ปฺจวิโธ โหติ อาสิตฺตปณฺฑโก, อุสูยปณฺฑโก ¶ , โอปกฺกมิกปณฺฑโก, นปุํสกปณฺฑโก, ปกฺขปณฺฑโกติ. เตสุ อาสิตฺตปณฺฑกสฺส จ อุสูยปณฺฑกสฺส ¶ จ ปพฺพชฺชา น วาริตา, อิตเรสํ ติณฺณํ วาริตา. เตสุปิ ปกฺขปณฺฑกสฺส ยสฺมึ ปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ตสฺมึเยวสฺส ปกฺเข ปพฺพชฺชา วาริตาติ. ตโย เจตฺถ ปพฺพชฺชูปสมฺปทานํ อภพฺพตาย อวตฺถู. เตนาห ‘‘อาสิตฺตปณฺฑกฺจา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก. ยสฺส ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสูยาย อุปฺปนฺนาย ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อุสูยปณฺฑโก. ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานิ อปนีตานิ, อยํ โอปกฺกมิกปณฺฑโก (วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๓๕; วิ. วิ. ฏี. มหาวคฺค ๒.๑๐๙). โย ปน ปฏิสนฺธิยํเยว อภาวโก อุปฺปนฺโน, อยํ นปุํสกปณฺฑโก. เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปากานุภาเวน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ ปกฺขปณฺฑโกติ เวทิตพฺโพ.
เถยฺเยน สํวาโส เอตสฺสาติ เถยฺยสํวาสโก. โส จ น สํวาสมตฺตสฺเสว เถนโก อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ลิงฺคสฺส, ตทุภยสฺส จ เถนโกปีติ อาห ‘‘เถยฺยสํวาสโก ปน ติวิโธ’’ติอาทิ. น ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตีติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) ‘‘อหํ ทสวสฺโส วา วีสติวสฺโส วา’’ติ มุสา วตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ น คเณติ. น ยถาวุฑฺฒํ ภิกฺขูนํ วา สามเณรานํ วา วนฺทนํ สาทิยตีติ อตฺตนา มุสาวาทํ กตฺวา ทสฺสิตวสฺสานุรูเปน ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ นาธิวาเสติ. น อาสเนน ปฏิพาหตีติ ‘‘อเปหิ, เม เอตํ ปาปุณาตี’’ติ อาสเนน นปฺปฏิพาหติ. น อุโปสถาทีสุ สนฺทิสฺสตีติ อุโปสถปฺปวารณาทีสุ น สนฺทิสฺสติ. ลิงฺคมตฺตสฺเสวาติ เอวสทฺเทน สํวาสํ นิวตฺเตติ. สมาโนติ สนฺโต. ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺสาติ สามเณรลิงฺคานุรูปสฺส สามเณรสํวาสสฺส. สเจ ปน กาสาเย ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา นคฺโค วา โอทาตวตฺถนิวตฺโถ วา เมถุนเสวนาทีหิ อสฺสมโณ หุตฺวา กาสายานิ นิวาเสติ, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. สเจ คิหิภาวํ ปตฺถยมาโน กาสายํ โอวฏฺฏิกํ กตฺวา, อฺเน วา อากาเรน คิหินิวาสเนน นิวาเสติ ‘‘โสภติ นุ โข เม คิหิลิงฺคํ, น โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ, รกฺขติ ตาว, ‘‘โสภตี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน ลิงฺคํ สาทิยติ, ลิงฺคตฺเถนโก โหติ. โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสนสมฺปฏิจฺฉเนสุปิ เอเสว นโย ¶ . สเจปิ นิวตฺถกาสาวสฺส อุปริ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสติ วา สมฺปฏิจฺฉติ วา, รกฺขติ เอว.
อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนเกปิ เอเสว นโยติ ปาราชิกํ อาปนฺนเก ภิกฺขุมฺหิปิ เอเสว นโยติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวา ¶ เมถุนํ ปฏิเสวิตฺวา ปุน กาสายานิ นิวาเสตฺวา วสฺสคณนาทิเภทํ สพฺพํ วิธึ อาปชฺชติ, อยํ ภิกฺขูหิ ทินฺนลิงฺคสฺส อปริจฺจตฺตตฺตา น ลิงฺคตฺเถนโก, ลิงฺคานุรูปสฺส สํวาสสฺส สาทิตตฺตา นาปิ สํวาสตฺเถนโกติ. วิเทสนฺติ ปรเทสํ. อิทฺจ วฺเจตุํ สกฺกุเณยฺยฏฺานํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. โย ปน สเทเสปิ เอวํ กโรติ, โสปิ สํวาสตฺเถนโกว. ‘‘สํวาสมตฺตสฺเสวา’’ติ อิมินา ลิงฺคํ ปฏิกฺขิปติ. สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโต (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐) ภิกฺขุวสฺสานิ คเณตฺวา มหาเปฬาทีสุ ทิยฺยมานภตฺตํ คณฺหาติ, โสปิ เถยฺยสํวาสโก โหติ. สยํ สามเณโรว สามเณรปฺปฏิปาฏิยา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต เถยฺยสํวาสโก น โหติ. ภิกฺขุ ปน ภิกฺขุปฏิปาฏิยา กูฏวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหนฺโต ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ.
นนุ สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตาติ อาห ‘‘ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หี’’ติอาทิ. อิมินา น เกวลํ เอกกมฺมาทิโกว กิริยเภโท สํวาโสติ อิธาธิปฺเปโต, อถ โข ตทฺโ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโกปีติ ทสฺเสติ. อิมสฺมึ อตฺเถติ เถยฺยสํวาสกาธิกาเร. สิกฺขํ ปจฺจกฺขายาติ สิกฺขํ ปริจฺจชิตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ลิงฺคํ อนปเนตฺวา ทุสฺสีลกมฺมํ กตฺวา วา อกตฺวา วา ‘‘น มํ โกจิ ชานาตี’’ติ ปุน สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ วิธึ ปฏิปชฺชติ, โส เถยฺยสํวาสโก โหตีติ.
สเจ ปน กสฺสจิ ราชา กุทฺโธ โหติ, โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติ. ตํ ทิสฺวา รฺโ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึ โกธํ ปฏิวิเนติ. โส ‘‘วูปสนฺตํ เม ราชภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว ¶ คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโต ปพฺพาเชตพฺโพ. อถาปิ ‘‘สาสนํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ, หนฺท ทานิ อหํ ปพฺพชามี’’ติ อุปฺปนฺนสํเวโค เตเนว ลิงฺเคน อาคนฺตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ น สาทิยติ, ภิกฺขูหิ ปุฏฺโ วา อปุฏฺโ วา ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกตฺวาว ปพฺพชฺชํ ยาจติ, ลิงฺคํ อปเนตฺวา ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน วตฺตํ สาทิยติ, ปพฺพชิตาลยํ ทสฺเสติ, สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ ปฏิปชฺชติ, อยํ ปน น ปพฺพาเชตพฺโพ.
อิธ ปเนกจฺโจ ทุพฺภิกฺเข ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ¶ ภฺุชนฺโต ทุพฺภิกฺเข วีติวตฺเต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปโร มหากนฺตารํ นิตฺถริตุกาโม โหติ, สตฺถวาโห จ ปพฺพชิเต คเหตฺวา คจฺฉติ. โส ‘‘เอวํ มํ สตฺถวาโห คเหตฺวา คมิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สตฺถวาเหน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา เขมนฺตํ ปตฺวา สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปโร โรคภเย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๑๓๘) อุปฺปนฺเน ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภฺุชนฺโต โรคภเย วูปสนฺเต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปรสฺส เอโก เวริโก กุทฺโธ โหติ, ฆาเตตุกาโม นํ วิจรติ. โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติ. เวริโก ‘‘กุหึ โส’’ติ ปริเยสนฺโต ‘‘ปพฺพชิตฺวา ปลาโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึ โกธํ ปฏิวิเนติ. โส ‘‘วูปสนฺตํ เม เวริภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
อปโร าติกุลํ คนฺตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คิหี หุตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ อิธ วินสฺสิสฺสนฺติ, สเจปิ อิมานิ คเหตฺวา วิหารํ คมิสฺสามิ, อนฺตรามคฺเค มํ ‘โจโร’ติ คเหสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ กายปริหาริยานิ กตฺวา คจฺเฉยฺย’’นฺติ จีวราหรณตฺถํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ วิหารํ คจฺฉติ. ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สามเณรา จ ทหรา จ อพฺภุคฺคจฺฉนฺติ, วตฺตํ ¶ ทสฺเสนฺติ. โส น สาทิยติ, ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกโรติ. สเจ ภิกฺขู ‘‘น ทานิ มยํ ตํ มฺุจิสฺสามา’’ติ พลกฺกาเรน ปพฺพาเชตุกามา โหนฺติ, กาสายานิ อปเนตฺวา ปุน ปพฺพาเชตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘น อิเม มม หีนายาวตฺตภาวํ ชานนฺตี’’ติ ตํเยว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานิตฺวา สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตวสฺสคณนาทิเภทํ วิธึ ปฏิปชฺชติ, อยํ น ปพฺพาเชตพฺโพ. เตนาห ‘‘ราชทุพฺภิกฺขกนฺตาร-โรคเวรีภเยน วา’’ติอาทิ. ภยสทฺโท เจตฺถ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ราชภเยน, ทุพฺภิกฺขภเยนา’’ติอาทินา. ลิงฺคํ อาทิยตีติ เวสํ คณฺหาติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโสติ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวโต โย สุทฺธมานโส ยาว สํวาสํ นาธิวาเสติ, ตาว เอส ‘‘คิหี มํ ¶ ‘สมโณ’ติ ชานนฺตู’’ติ วฺจนจิตฺเต สติปิ ภิกฺขูนํ วฺเจตุกามตาย อภาวโต โทโส นตฺถีติ เถยฺยสํวาสโก นามาติ น วุจฺจตีติ อตฺโถ.
ติตฺถิเยสุ ปกฺกนฺตโก ปวิฏฺโติ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก. โส จ น เกวลํ ตตฺถ ปวิฏฺมตฺเตเนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ, อถ โข เตสํ ลทฺธิคฺคหเณน. เตนาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ อิมินา อนุปสมฺปนฺโน ติตฺถิยปกฺกนฺตโก น โหตีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ กุรุนฺทิอฏฺกถายํ ‘‘อยฺจ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก นาม อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโต, ตสฺมา สามเณโร สลิงฺเคน ติตฺถายตนํ คโตปิ ปุน ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๐). กุสจีราทิกนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ผลกกฺขณฺฑชฏาทีนํ คหณํ. สเจปิ ‘‘อยํ ปพฺพชฺชา เสฏฺา’’ติ เสฏฺภาวํ วา อุปคจฺฉติ, น มุจฺจติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโกว โหติ. วตานีติ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีนิ วตานิ. สเจ ปน ‘‘โสภติ นุ โข เม ติตฺถิยปพฺพชฺชา, นนุ โข โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ, ชฏํ วา พนฺธติ, ขาริกาชํ วา อาทิยติ, ยาว น สมฺปฏิจฺฉติ ตํ ลทฺธึ, ตาว รกฺขติ, สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ. อจฺฉินฺนจีวโร ปน กุสจีราทีนิ นิวาเสนฺโต, ราชภยาทีหิ วา ติตฺถิยลิงฺคํ คณฺหนฺโต ลทฺธิยา อภาเวน เนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติ.
อวเสโส สพฺโพปีติ นาคสุปณฺณยกฺขคนฺธพฺพาทิโก. ยฺเหตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ยถา ¶ สมานชาติกสฺส (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๒) วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติกสฺสาติ อาห ‘‘มนุสฺสชาติกา’’ติ. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตาปิตุสมฺา, ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโตติ นิปฺปริยายสิทฺธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชเนตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชเนตฺตีติ ชนิกา, มาตาติ อตฺโถ. ยถา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ, ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิปฺผตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘มนุสฺสภูเตเนวา’’ติ. สฺจิจฺจาติ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺาย สทฺธึ วธกเจตนาย เจเตตฺวา. อยํ มาตุฆาตโก นามาติ อยํ อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกมฺเมน มาตุฆาตโก นาม. เยน ปน มนุสฺสิตฺถิภูตาปิ อชนิกา โปสาวนิกมาตา วา มหามาตา วา จูฬมาตา วา ชนิกาปิ วา อมนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, ตสฺส ปพฺพชฺชา น วาริตา, น จ อานนฺตริโก โหติ. เยน สยํ ติรจฺฉานภูเตน มนุสฺสิตฺถิภูตา ¶ มาตา ฆาติตา, โสปิ อานนฺตริโก น โหติ. ติรจฺฉานคตตฺตา ปนสฺส ปพฺพชฺชา ปฏิกฺขิตฺตา, กมฺมํ ปนสฺส ภาริยํ โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ.
เยน มนุสฺสภูโต ชนโก ปิตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สตา สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิโต, อยํ อานนฺตริเยน ปิตุฆาตกกมฺเมน ปิตุฆาตโก นามาติ อิมมตฺถํ อติทิสนฺโต ‘‘ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโย’’ติ อาห. สเจปิ หิ เวสิยา ปุตฺโต โหติ, ‘‘อยํ เม ปิตา’’ติ น ชานาติ, ยสฺส สมฺภเวน นิพฺพตฺโต, โส จ เตน ฆาติโต, ‘‘ปิตุฆาตโก’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, อานนฺตริยฺจ ผุสติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๔).
เอฬกจตุกฺกํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๑๑๒), สงฺคามจตุกฺกํ, โจรจตุกฺกฺเจตฺถ กเถตพฺพํ. ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ มารณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. เอฬกาภิสนฺธินา, ปน มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว ¶ . เอเสว นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. สพฺพตฺถ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ, ปน ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยานานนฺตริยภาเว ปมาณํ.
อรหนฺตฆาตโกปิ มนุสฺสอรหนฺตวเสเนว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘เยน อนฺตมโส คิหิลิงฺเค ิโตปี’’ติอาทิ. อมนุสฺสชาติกํ ปน อรหนฺตํ, มนุสฺสชาติกํ วา อวเสสํ อริยปุคฺคลํ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, ปพฺพชฺชาปิสฺส น วาริตา, กมฺมํ ปน พลวํ โหติ. ติรจฺฉาโน มนุสฺสอรหนฺตมฺปิ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, กมฺมํ ปน ภาริยนฺติ อยเมตฺถ วินิจฺฉโย. ยถา มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอฬกจตุกฺกาทีนิ เวทิตพฺพานิ.
ปกตตฺตํ ภิกฺขุนินฺติ ปริสุทฺธสีลํ อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนํ ภิกฺขุนึ. โย (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕) ปน กายสํสคฺเคน สีลวินาสํ ปาเปติ, ตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น วาริตา. พลกฺกาเรน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อนิจฺฉมานํเยว ทูเสนฺโตปิ ภิกฺขุนิทูสโกเยว, พลกฺกาเรน ปน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อิจฺฉมานํ ทูเสนฺโต ภิกฺขุนิทูสโก น โหติ. กสฺมา? ยสฺมา คิหิภาเว สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเตเยว สา อภิกฺขุนี โหติ ¶ . สกึ สีลวิปนฺนํ ปน ปจฺฉา ทูเสนฺโต สิกฺขมานสามเณรีสุ จ วิปฺปฏิปชฺชนฺโต เนว ภิกฺขุนิทูสโก โหติ, ปพฺพชฺชํ, อุปสมฺปทฺจ ลภตีติ.
ธมฺมโต อุคฺคตํ อปคตํ อุทฺธมฺมํ. อุพฺพินยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุนฺนํ กมฺมานนฺติ อปโลกนตฺติตฺติทุติยตฺติจตุตฺถสงฺขาตานํ จตุนฺนํ กมฺมานํ. อิเมสฺหิ อฺตรํ สงฺฆกมฺมํ เอกสีมายํ วิสุํ วิสุํ กโรนฺเตน สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุนฺนํ กมฺมานํ อฺตรวเสน สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ.
‘‘ทุฏฺจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘วธกจิตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. วธกเจตนาย หิ ทูสิตํ จิตฺตํ อิธ ทุฏฺจิตฺตํ นาม. โลหิตํ อุปฺปาเทตีติ อนฺโตสรีเรเยว โลหิตํ อุปฺปาเทติ, สฺจิตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน ธมฺมํ ภินฺทิตฺวา โลหิตํ ปคฺฆรติ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ, อาฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ, ตํ สนฺธาเยตํ ¶ วุตฺตํ. โย ปน โรควูปสมนตฺถํ ชีวโก วิย สตฺเถน ผาเลตฺวา ปูติมํสฺจ โลหิตฺจ นีหริตฺวา ผาสุกํ กโรติ, อยํ โลหิตุปฺปาทโก น โหติ, พหุํ ปน โส ปฺุํ ปสวติ (มหาว. อฏฺ. ๑๑๕).
ทุวิธมฺปิ พฺยฺชนนฺติ ยถาวุตฺตกมฺมทฺวยโต สมุฏฺิตํ อิตฺถินิมิตฺตํ, ปุริสนิมิตฺตฺจาติ ทุวิธมฺปิ พฺยฺชนํ. อิมินา จ วิคฺคเหน ‘‘อุภโตพฺยฺชนโก’’ติ อสมานาธิกรณวิสโย พาหิรตฺถสมาโสยํ, ปุริมปเท จ วิภตฺติอโลโปติ ทสฺเสติ. โส ทุวิโธ โหติ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก, ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก จาติ. ตตฺถ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยฺจ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรฺจ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ, ปรํ คณฺหาเปตีติ อิทเมเตสํ นานากรณํ.
อปรามสนานีติ อคฺคหณานิ อวจนานิ. ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส อกิตฺตนนฺติ ยสฺส อุปสมฺปทา กรียติ, ตสฺส อกิตฺตนํ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อยํ ธมฺมรกฺขิโต’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๘๔) ¶ อวจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ อุปชฺฌายสฺส อกิตฺตนนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ ธมฺมรกฺขิโต อุปสมฺปทาเปกฺโข’’ติ วตฺวา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตสฺสา’’ติ อวจนํ. สพฺเพน สพฺพํ ตฺติยา อนุจฺจารณนฺติ ตฺตึ อฏฺเปตฺวา จตุกฺขตฺตุํ กมฺมวาจาย เอว อนุสฺสาวนกมฺมสฺส กรณํ. สมฺปนฺนนฺติ อุเปตํ.
หาปนํ ปริจฺจชนํ. โยปิ เอกํ ตฺตึ เปตฺวา สกึเยว วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา อนุสฺสาวนํ กโรติ, อยมฺปิ สาวนํ หาเปติเยว. ทุรุจฺจารณํ นาม อฺสฺมึ ¶ อกฺขเร วตฺตพฺเพ อฺสฺส วจนํ. ตสฺมา กมฺมวาจํ กโรนฺเตน ภิกฺขุนา ยฺวายํ –
‘‘สิถิลํ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ;
ครุกํ ลหุกฺเจว นิคฺคหีตํ;
สมฺพนฺธววตฺถิตํ วิมุตฺตํ;
ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๔, ปริ. อฏฺ. ๔๘๕; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๒) –
วุตฺโต, อยํ สุฏฺุ อุปลกฺเขตพฺโพ. เอตฺถ หิ สิถิลํ นาม ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยํ. ธนิตํ นาม เตสฺเวว ทุติยจตุตฺถํ. ทีฆนฺติ ทีเฆน กาเลน วตฺตพฺพํ อา-การาทิ. รสฺสนฺติ ตโต อุปฑฺฒกาเลน วตฺตพฺพํ อ-การาทิ. ครุกนฺติ ทีฆเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส นกฺขมตี’’ติ เอวํ สํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. ลหุกนฺติ รสฺสเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส ยสฺส น ขมตี’’ติ เอวํ อสํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. นิคฺคหีตนฺติ ยํ กรณานิ นิคฺคเหตฺวา อวิสฺสชฺเชตฺวา อวิวเฏน มุเขน สานุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺพํ. สมฺพนฺธนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธิตฺวา ‘‘ตุณฺหิสฺสา’’ติ วา ‘‘ตุณฺหสฺสา’’ติ วา วุจฺจติ. ววตฺถิตนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธํ อกตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตุณฺหี อสฺสา’’ติ วา ‘‘ตุณฺห อสฺสา’’ติ วา วุจฺจติ. วิมุตฺตนฺติ ยํ กรณานิ อนิคฺคเหตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา วิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ อกตฺวา วุจฺจติ.
ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม’’ติ วตฺตพฺเพ ต-การสฺส ถ-การํ กตฺวา ‘‘สุณาถุ เม’’ติ วจนํ สิถิลสฺส ¶ ธนิตกรณํ นาม, ตถา ‘‘ปตฺตกลฺลํ เอสา ตฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปตฺถกลฺลํ เอสา ตฺตี’’ติอาทิวจนฺจ. ‘‘ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติ วตฺตพฺเพ ภ-การ ฆ-การานํ พ-การ ค-กาเร กตฺวา ‘‘พนฺเต สํโค’’ติ วจนํ ธนิตสฺส สิถิลกรณํ นาม. ‘‘สุณาตุ เม’’ติ วิวเฏน มุเขน วตฺตพฺเพ ‘‘สุณํตุ เม’’ติ วา ‘‘เอสา ตฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เอสํ ตฺตี’’ติ วา อวิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ กตฺวา วจนํ วิมุตฺตสฺส นิคฺคหิตวจนํ นาม. ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ อวิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺเพ ‘‘ปตฺตกลฺลา’’ติ วิวเฏน มุเขน อนุนาสิกํ อกตฺวา วจนํ นิคฺคหิตสฺส วิมุตฺตวจนํ นาม. อิติ สิถิเล กตฺตพฺเพ ธนิตํ, ธนิเต กตฺตพฺเพ สิถิลํ, วิมุตฺเต กตฺตพฺเพ นิคฺคหิตํ, นิคฺคหิเต กตฺตพฺเพ วิมุตฺตนฺติ อิมานิ จตฺตาริ พฺยฺชนานิ ¶ อนฺโตกมฺมวาจาย กมฺมํ ทูเสนฺติ. เอวํ วทนฺโต หิ อฺสฺมึ อกฺขเร วตฺตพฺเพ อฺํ วทติ, ทุรุตฺตํ กโรตีติ วุจฺจติ.
อิตเรสุ ปน ทีฆรสฺสาทีสุ ฉสุ พฺยฺชเนสุ ทีฆฏฺาเน ทีฆเมว. รสฺสฏฺาเน จ รสฺสเมวาติ เอวํ ยถาาเน ตํ ตเทว อกฺขรํ ภาสนฺเตน อนุกฺกมาคตํ ปเวณึ อวินาเสนฺเตน กมฺมวาจา กาตพฺพา. สเจ ปน เอวํ อกตฺวา ทีเฆ วตฺตพฺเพ รสฺสํ, รสฺเส วา วตฺตพฺเพ ทีฆํ วทติ, ตถา ครุเก วตฺตพฺเพ ลหุกํ, ลหุเก วา วตฺตพฺเพ ครุกํ วทติ, สมฺพนฺเธ วา ปน วตฺตพฺเพ ววตฺถิตํ, ววตฺถิเต วา วตฺตพฺเพ สมฺพนฺธํ วทติ, เอวํ วุตฺเตปิ กมฺมวาจา น กุปฺปติ. อิมานิ หิ ฉ พฺยฺชนานิ กมฺมํ น โกเปนฺติ.
ยํ ปน สุตฺตนฺติกตฺเถรา ‘‘ท-กาโร ต-การมาปชฺชติ, ต-กาโร ท-การมาปชฺชติ, จ-กาโร ช-การมาปชฺชติ, ช-กาโร จ-การมาปชฺชติ, ย-กาโร ก-การมาปชฺชติ, ก-กาโร ย-การมาปชฺชติ, ตสฺมา ท-การาทีสุ วตฺตพฺเพสุ ต-การาทีนํ วจนํ น วิรุชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ กมฺมวาจํ ปตฺวา น วฏฺฏติ. ตสฺมา วินยธเรน เนว ท-กาโร ต-กาโร กาตพฺโพ…เป… น ก-กาโร ย-กาโร. ยถาปาฬิยา นิรุตฺตึ โสเธตฺวา ทสวิธาย พฺยฺชนนิรุตฺติยา วุตฺตโทเส ปริหรนฺเตน กมฺมวาจา กาตพฺพา. อิตรถา หิ สาวนํ หาเปติ นาม. ตฺตึ อฏฺเปตฺวา ปมํ อนุสฺสาวนกรณนฺติ สมฺพนฺโธ.
ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุปสมฺปทากมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา. เต จ โข สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมฏฺา ปฺจ ปกตตฺตา ภิกฺขู. น หิ เตหิ วินา ตํ กมฺมํ กรียติ, น เตสํ ฉนฺโท เอติ. อวเสสา ปน สเจปิ สหสฺสมตฺตา โหนฺติ, สเจ เอกสีมฏฺา เอกสฺมึ าเน สมานสํวาสกา, สพฺเพ ฉนฺทารหาว ¶ โหนฺติ, ฉนฺทํ ทตฺวา อาคจฺฉนฺตุ วา, มา วา, กมฺมํ น กุปฺปติ. ปฏิกฺโกสนนฺติ นิวารณํ. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, การณํ. อิธ ปน อุปสมฺปทากมฺมกรณสฺส การณตฺตา อุปสมฺปทากมฺมวาจาสงฺขาตํ ภควโต วจนํ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘การณารหตฺตา ปน สตฺถุ สาสนารหตฺตา’’ติ. ยถา จ ‘‘ตํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ภควตา อนุสิฏฺํ, ตถากรณํ อุปสมฺปทากมฺมสฺส การณํ โหตีติ ¶ านารหํ นาม. เกจิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) ปน ‘‘านารเหนาติ เอตฺถ ‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉินฺโน ปพฺพาเชตพฺโพ’ติอาทิ (มหาว. ๑๑๙) สตฺถุสาสนํ าน’’นฺติ วทนฺติ. อิธาติ อิมสฺมึ ปาราชิเก. ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถาปิ โลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ อยเมว อธิปฺเปโตติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘ปณฺณตฺติวชฺเชสุ ปนา’’ติอาทิ. อฺเปีติ เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนาทโยปิ. กถเมตํ วิฺายติ ปณฺณตฺติวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ อฺเปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ? อตฺถโต อาปนฺนตฺตา. ตถา หิ ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา อภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ, ทฺเว ปุคฺคลา ภพฺพา อาปตฺตึ อาปชฺชิตุํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จา’’ติ (ปริ. ๓๒๒) สามฺโต วุตฺตตฺตา. เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนาทโยปิ อสฺจิจฺจ อสฺสติยา อจิตฺตกํ สหเสยฺยาปตฺติอาทิเภทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ อาปชฺชนฺตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๕) อตฺถโต อาปนฺนํ.
อิทานิ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ อิมํ ปทํ วิเสสตฺถาภาวโต วิสุํ อวณฺเณตฺวาว ยํ สิกฺขฺจ สาชีวฺจ สมาปนฺนตฺตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติอาทิมาห. สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ, สห ชีวนฺติ เอตฺถาติ สาชีวํ, มาติกาทิเภทา ปณฺณตฺติ, สิกฺขา จ สาชีวฺจ สิกฺขาสาชีวํ, ตทุภยํ สมาปนฺโน อุปคโตติ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. เตนาห ‘‘ยา ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘สิกฺขา’’ติ สาชีวสหจริยโต อธิสีลสิกฺขาว อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘อธิสีลสงฺขาตา’’ติ. อธิกํ อุตฺตมํ สีลนฺติ อธิสีลํ, ‘‘อธิสีล’’นฺติ สงฺขาตา อธิสีลสงฺขาตา.
กตมํ ปเนตฺถ สีลํ, กตมํ อธิสีลนฺติ? วุจฺจเต – ปฺจงฺคทสงฺคสีลํ ตาว สีลเมว, น ตํ อธิสีลํ. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปน อธิสีล’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ สูริโย วิย ปชฺโชตานํ, สิเนรุ วิย จ ปพฺพตานํ สพฺพโลกิยสีลานํ อธิกฺเจว อุตฺตมฺจ, พุทฺธุปฺปาเทเยว จ ปวตฺตติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. น หิ ตํ ปฺตฺตึ อุทฺธริตฺวา อฺโ สตฺโต ปฺาเปตุํ สกฺโกติ, พุทฺธาเยว ปนสฺส สพฺพโส กายวจีทฺวารชฺฌาจารโสตํ ฉินฺทิตฺวา ตสฺส ตสฺส วีติกฺกมสฺส อนุจฺฉวิกํ ตํ ตํ สีลสํวรํ ปฺาเปนฺติ. ปาติโมกฺขสํวรสีลโตปิ ¶ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ น อธิปฺเปตํ. น หิ ตํ สมาปนฺโน เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวติ.
เอเตติ ¶ นานาเทสชาติโคตฺตาทิเภทภินฺนา ภิกฺขู. สห ชีวนฺตีติ เอกุทฺเทสาทิวเสน สห ปวตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน’’ติ. สิกฺขาปทสงฺขาตนฺติ ปณฺณตฺติสงฺขาตํ. สาปิ หิ วิรติอาทีนํ ทีปนโต ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สิกฺขาปทนฺติ โย ตตฺถ นามกาโย ปทกาโย นิรุตฺติกาโย พฺยฺชนกาโย’’ติ. ตตฺถาติ เตสุ. สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตติ อกตฺตพฺพปริวชฺชนกตฺตพฺพกรณวเสน วาริตฺตจาริตฺตสงฺขาตํ ทุวิธํ สีลํ ปริปูเรนฺโตติ อตฺโถ, วาริตฺตสีลวเสน วิรติสมฺปยุตฺตเจตนํ, จาริตฺตสีลวเสน วิรติวิปฺปยุตฺตเจตนฺจ อตฺตนิ ปวตฺเตนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโตติ สิกฺขาปทฺจ อมทฺทนฺโต, สีลสํวรณํ, สาชีวานติกฺกมนฺจาติ อิทเมว ทฺวยํ อิธ สมาปชฺชนํ นามาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ สาชีวานติกฺกโม สิกฺขาปาริปูริยา ปจฺจโย. ตสฺสานติกฺกมนโต หิ ยาว มคฺคา สิกฺขา ปริปูรติ. อปิเจตฺถ ‘‘สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต’’ติ อิมินา วิรติเจตนาสงฺขาตสฺส สีลสํวรสฺส วิเสสโต สนฺตาเน ปวตฺตนกาโลว คหิโต, ‘‘อวีติกฺกมนฺโต’’ติ อิมินา ปน อปฺปวตฺตนกาโลปิ. สิกฺขฺหิ ปริปูรณวเสน อตฺตนิ ปวตฺเตนฺโตปิ นิทฺทาทิวเสน อปฺปวตฺเตนฺโตปิ วีติกฺกมาภาวา สิกฺขนวเสน สมาปนฺโนติ วุจฺจติ.
ยสฺมา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สิยา (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕ สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา), ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมนตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? ตํ น, กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปจฺจกฺขาย, ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน, ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ วุจฺจมาเน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา. ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ.
อิทานิ ตทุภยเมว ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตทภาเวนาติ เตสํ จิตฺตาทีนํ อภาเวน. จวิตุกามตาจิตฺเตนาติ อปคนฺตุกามตาจิตฺเตน ¶ . ทวาติ สหสา. โย หิ ¶ อฺํ ภณิตุกาโม สหสา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ ภณติ, อยํ ทวา วทติ นาม. รวาติ วิรชฺฌิตฺวา. โย หิ อฺํ ภณิตุกาโม วิรุชฺฌิตฺวา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ ภณติ, อยํ รวา ภณติ นาม. ปุริเมน โก วิเสโสติ เจ? ปุริมํ ปณฺฑิตสฺสาปิ สหสาวเสน อฺภณนํ, อิทํ ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ปกฺขลนฺตสฺส ‘‘อฺํ ภณิสฺสามี’’ติ อฺภณนํ. ‘‘อกฺขรสมยานภิฺาตตาย วา กรณสมฺปตฺติยา อภาวโต วา กเถตพฺพํ กเถตุมสกฺโกนฺโต หุตฺวา อฺํ กเถนฺโต รวา ภณติ นามา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๔) เอเก.
วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ อุปชฺฌาโย, ตํ อุปชฺฌายํ. ‘‘เอวํ สชฺฌายิตพฺพํ, เอวํ อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อาจารสิกฺขาปนโก อาจริโย. อนฺเต สมีเป วสติ สีเลนาติ อนฺเตวาสี, วิภตฺติอโลเปน ยถา ‘‘วเนกเสรุกา’’ติ. สมาโน อุปชฺฌาโย อสฺสาติ สมานุปชฺฌายโก. เอวํ สมานาจริยโก. สพฺรหฺมจารินฺติ ภิกฺขุํ. โส หิ ‘‘เอกกมฺมํ, เอกุทฺเทโส, สมสิกฺขตา’’ติ อิมํ พฺรหฺมํ สมานํ จรติ, ตสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารี’’ติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตานนฺติ เอวํ ปทภาชนีเย วุตฺตานํ. ยถา หิ โลเก สสฺสานํ วิรุหนฏฺานํ ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิมานิปิ พุทฺธาทีนิ ปทานิ สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส วิรุหนฏฺานตฺถา ‘‘เขตฺต’’นฺติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อิเมสํ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปทาน’’นฺติ. ยสฺมา ปเนเตสํ เววจเนหิปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สเววจนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วิวิธํ เอกสฺมึเยว อตฺเถ วจนํ วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ, ปริยายนามํ, สห เววจเนหีติ สเววจนํ, ตสฺส สเววจนสฺส. เอตฺถ จ วณฺณปฏฺาเน (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๓; วชิร. ฏี. ๕๓) อาคตํ นามสหสฺสํ, อุปาลิคาถาสุ (ม. นิ. ๒.๗๖) นามสตํ, อฺานิ จ คุณโต ลพฺภมานานิ นามานิ ‘‘พุทฺธเววจนานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. สพฺพานิปิ ธมฺมสฺส นามานิ ‘‘ธมฺมเววจนานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
เตสุ ยํ กิฺจิ วตฺตุกามสฺส ยํ กิฺจิ วทโต สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหตีติ เตสุ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปเทสุ ยํ กิฺจิ เอกํ ปทํ วตฺตุกามสฺส ตโต อฺํ ยํ กิฺจิ ปทมฺปิ วจีเภทํ กตฺวา วทโต เขตฺตปทนฺโตคธตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ¶ โหตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ ปนายํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม ปทปจฺจาภฏฺํ กตฺวา ‘‘ปจฺจกฺขามิ พุทฺธ’’นฺติ วา วเทยฺย, มิลกฺขภาสาทีสุ วา อฺตรภาสาย ตมตฺถํ วเทยฺย, ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม อุปฺปฏิปาฏิยา ‘‘ธมฺมํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วา ‘‘สพฺรหฺมจารึ ปจฺจกฺขามี’’ติ วา วเทยฺย, เสยฺยถาปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิภงฺเค ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติ ¶ วตฺตุกาโม ‘‘ทุติยํ ฌาน’’นฺติ วทติ. สเจ ‘‘ยสฺส วทติ, โส อยํ ภิกฺขุภาวํ จชิตุกาโม เอตมตฺถํ วทตี’’ติ เอตฺตกมตฺตมฺปิ ชานาติ, วิรทฺธํ นาม นตฺถิ, เขตฺตเมว โอติณฺณํ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. สกฺกตฺตา วา พฺรหฺมตฺตา วา จุตสตฺโต วิย จุโตว โหติ สาสนาติ.
อลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๒) โหตุ, ปริยตฺตนฺติ อตฺโถ. กึ นุ เมติ กึ มยฺหํ กิจฺจํ, กึ กรณียํ, กึ สาเธตพฺพนฺติ อตฺโถ. น มมตฺโถติ นตฺถิ มม อตฺโถ. สุมุตฺตาหนฺติ สุฏฺุ มุตฺโต อหํ. ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหีติ พุทฺธาทีหิ สพฺรหฺมจาริปริยนฺเตหิ ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหิ. ยนฺนูนาหํ ปจฺจกฺเขยฺยนฺติ เอตฺถ ‘‘ยนฺนูนา’’ติ ปริวิตกฺกทสฺสเน นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สจาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺยํ, สาธุ วต เม สิยา’’ติ. อาทิสทฺเทน ‘‘ปจฺจกฺขิ’’นฺติ วา ‘‘ปจฺจกฺขิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ภวิสฺสามี’’ติ วา ‘‘โหมี’’ติ วา ‘‘ชาโตมฺหี’’ติ วา ‘‘อมฺหี’’ติ วา เอวํภูตานํ คหณํ. สเจ ปน ‘‘อชฺช ปฏฺาย ‘คิหี’ติ มํ ธาเรหี’’ติ วา ‘‘ชานาหี’’ติ วา ‘‘สฺชานาหี’’ติ วา ‘‘มนสิ กโรหี’’ติ วา วทติ, อริยเกน วา วทติ, มิลกฺขเกน วา. เอวเมตสฺมึ อตฺเถ วุตฺเต ยสฺส วทติ, สเจ โส ชานาติ, ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา. เอส นโย เสเสสุปิ ‘‘อุปาสโก’’ติอาทีสุ สตฺตสุ ปเทสุ. เอตฺถ จ อริยกํ นาม มาคธโวหาโร. มิลกฺขกํ นาม อนริยโก อนฺธทมิฬาทิ.
อกฺขรลิขนนฺติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทินา อฺเสํ ทสฺสนตฺถํ อกฺขรลิขนํ. อธิปฺปายวิฺาปโก องฺคุลิสงฺโกจนาทิโก หตฺถวิกาโร หตฺถมุทฺทา, หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘น ภฺุชมาโน สพฺพํ หตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๘) วิย. ตสฺมา อธิปฺปายวิฺาปกสฺส องฺคุลิสงฺโกจนาทิโน หตฺถวิการสฺส ทสฺสนํ หตฺถมุทฺทาทิทสฺสนนฺติ ¶ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๑) เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทิสทฺเทน สีสกมฺปนทสฺสนาทึ สงฺคณฺหาติ.
อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานนฺติ เอตฺถ อุมฺมตฺตโกติ ปิตฺตุมฺมตฺตโก. ขิตฺตจิตฺโตติ ยกฺเขหิ กตจิตฺตวิกฺเขโป, ยกฺขุมฺมตฺตโกติ วุตฺตํ โหติ. อุภินฺนํ ปน วิเสโส อนาปตฺติวาเร อาวิภวิสฺสติ. เวทนาฏฺโฏติ พลวติยา ทุกฺขเวทนาย ผุฏฺโ มุจฺฉาปเรโต, เตน วิปฺปลปนฺเตน ปจฺจกฺขาตาปิ อปจฺจกฺขาตาว โหติ. มนุสฺสชาติโก โหตีติ สภาโค วา วิสภาโค วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา วิฺู โยโกจิ มนุสฺโส โหติ. อุมฺมตฺตกาทีนนฺติ เอตฺถาทิสทฺเทน ขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏเทวตาติรจฺฉานคตานํ คหณํ. ตตฺร อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏติรจฺฉานคตานํ สนฺติเก ปจฺจกฺขาตาปิ อชานนภาเวน อปจฺจกฺขาตาว โหติ. เทวตาย ปน สนฺติเก อติขิปฺปํ ชานนภาเวน. เทวตา นาม มหาปฺา ติเหตุกปฺปฏิสนฺธิกา อติขิปฺปํ ชานนฺติ, จิตฺตฺจ นาเมตํ ลหุปริวตฺตํ, ตสฺมา ‘‘จิตฺตลหุกสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตวเสเนว มา อติขิปฺปํ วินาโส อโหสี’’ติ เทวตาย สนฺติเก ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ปฏิกฺขิปิ. เตน วุตฺตํ ‘‘น จ อุมฺมตฺตกาทีนํ อฺตโร’’ติ. ทูเตน วาติ ‘‘มม สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ กเถหี’’ติ มุขสาสนวเสน ทูเตน วา. ปณฺเณน วาติ ปณฺเณ ลิขิตฺวา ปหิณวเสน ปณฺเณน วา.
สเจ เต สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ ชานนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อาวชฺชนสมเยติ อตฺถาโภคสมเย. อิมินา ตํ ขณํเยว ปน อปุพฺพํ อจริมํ ทุชฺชานนฺติ ทสฺเสติ. วจนานนฺตรเมวาติ วจนสฺส อนนฺตรเมว, อาวชฺชนสมเยวาติ อตฺโถ. เอว-สทฺเทน ปน จิเรน ชานนํ ปฏิกฺขิปติ. อุกฺกณฺิโตติ อนภิรติยา อิมสฺมึ สาสเน กิจฺฉชีวิกํ ปตฺโต. อถ วา ‘‘อชฺช ยามิ, สฺเว ยามิ, อิโต ยามิ, เอตฺถ ยามี’’ติ อุทฺธํ กณฺํ กตฺวา วิหรมาโน วิกฺขิตฺโต, อเนกคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ ‘‘อนภิรโต สามฺา จวิตุกาโม’’ติอาทีนํ (ปารา. ๔๕) อุปลกฺขณํ. เยน เกนจิ…เป… ชานนฺตีติ สเจ เต‘‘อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา ‘‘อนภิรโต’’ติ วา ‘‘สามฺา จวิตุกาโม’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน สิกฺขาปจฺจกฺขานภาวํ ชานนฺติ. อิทฺหิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺจ อุปริ ¶ อภูตาโรจนทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามทุฏฺโทสภูตาโรจนสิกฺขาปทานิ จ เอกปริจฺเฉทานิ, อาวชฺชนสมเย าเต เอว สีสํ เอนฺติ. ‘‘กึ อยํ ภณตี’’ติ กงฺขตา จิเรน าเต สีสํ น เอนฺติ. เตนาห ‘‘อถ อปรภาเค’’ติอาทิ. อถ ทฺวินฺนํ ิตฏฺาเน ทฺวินฺนมฺปิ นิยเมตฺวา ‘‘เอเตสํ อาโรเจมี’’ติ วทติ, เตสุ เอกสฺมึ ชานนฺเตปิ ทฺวีสุ ชานนฺเตสุปิ ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. เอวํ สมฺพหุเลสุปิ เวทิตพฺพํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตสฺส วจนานนฺตร’’นฺติอาทินา วุตฺเตน นเยน. โย โกจิ มนุสฺสชาติโกติ อนฺตมโส นวกมฺมิกํ อุปาทาย โย โกจิ มนุสฺโส. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ –
‘‘สเจ ปน อนภิรติยา ปีฬิโต สภาเค ภิกฺขู ปริสงฺกมาโน ‘โย โกจิ ชานาตู’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต ‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’ติ วทติ, ตฺจ อวิทูเร ิโต นวกมฺมิโก วา อฺโ วา สมยฺู ปุริโส สุตฺวา ‘อุกฺกณฺิโต อยํ สมโณ คิหิภาวํ ปตฺเถติ, สาสนโต จุโต’ติ ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๑).
สเจ ¶ วจนตฺถํ ตฺวาปิ ‘‘อยํ อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา น ชานาติ, อปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. สเจ ปน วจนตฺถํ อชานิตฺวาปิ ‘‘อุกฺกณฺิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺเถตี’’ติ วา ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขา. ทวายปีติ กีฬาธิปฺปาเยนปิ. จิตฺตาทีนํ วา วเสนาติ จิตฺตาทีนํ วา ฉฬงฺคานํ วเสน. โหติ เจตฺถ –
‘‘จิตฺตํ เขตฺตฺจ กาโล จ, ปโยโค ปุคฺคโล ตถา;
วิชานนนฺติ สิกฺขาย, ปจฺจกฺขานํ ฉฬงฺคิก’’นฺติ.
สพฺพโส วา ปน อปจฺจกฺขาเนนาติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทีสุ เยน เยน ปริยาเยน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, ตโต เอกสฺสปิ ปจฺจกฺขานสฺส อภาเวน. อิมินา ปน ‘‘อิทํ ปทํ สาเวสฺสามิ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขามี’’ติ เอวํ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวํ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ เอวรูโป จิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, โส สพฺพโส น ปจฺจกฺขาติ นามาติ. สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺสาติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิสิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส. อตฺถภูตํ เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยนฺติ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วทติ วิฺาเปติ, เอวมฺปิ, ภิกฺขเว, ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺเจว โหติ, สิกฺขา ¶ จ ปจฺจกฺขาตา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๓) วุตฺเตหิ เยหิ วจเนหิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺเจว โหติ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจ, ตํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิกํ อตฺถภูตํ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา. ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิมฺหิ ปน วุตฺเต สิกฺขาปริปูรเณ ทุพฺพลภาวสฺสาปิ คมฺยมานตฺตา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อิทํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ‘‘อตฺถภูต’’นฺติ อิมินา ‘‘ยนฺนูนาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺย’’นฺติอาทิกํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ ปฏิกฺขิปติ. เยน หิ สิกฺขาปจฺจกฺขานฺเจว โหติ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจ, ตเทว สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อตฺถภูตํ. เยน ปน ทุพฺพลฺยาวิกมฺมเมว โหติ, น สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, น ตํ ตสฺส อตฺถภูตนฺติ.
ราคปริยุฏฺาเนน สทิสภาวาปตฺติยา มิถุนานํ อยนฺติ ‘‘เมถุโน’’ติ ธมฺโมว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ราคปริยุฏฺาเนนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ราคปริยุฏฺาเนนาติ ราคสฺส ปริยุฏฺาเนน, เมถุนราคสฺส ปวตฺติยา ปริโยนทฺธจิตฺตตายาติ อตฺโถ. ธมฺโมติ อชฺฌาจาโร. ‘‘ปลมฺพเต วิลมฺพเต’’ติอาทีสุ วิย อุปสคฺคสฺส โกจิ อตฺถวิเสโส นตฺถีติ อาห ‘‘เสเวยฺยา’’ติ. อชฺฌาปชฺเชยฺยาติ อภิภุยฺย ปชฺเชยฺย. สพฺพนฺติเมนาติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติ…เป… จาตุมหาราชิกมนุสฺสิตฺถินาคครุฬมาณวิกาทีนํ สพฺพาสํ อนฺติเมน. ติรจฺฉานคตายาติ ติรจฺฉาเนสุ ¶ อุปฺปนฺนาย. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิวเสนา’’ติ. ปาราชิกาย วตฺถุภูตา เอว เจตฺถ ติรจฺฉานคติตฺถี ‘‘ติรจฺฉานคตา’’ติ คเหตพฺพา, น สพฺพา. ตตฺรายํ ปริจฺเฉโท –
‘‘อปทานํ อหิมจฺฉา, ทฺวิปทานฺจ กุกฺกุฏี;
จตุปฺปทานํ มชฺชารี, วตฺถุ ปาราชิกสฺสิมา’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕)
ตตฺถ อหิคฺคหเณน สพฺพาปิ อชครโคนสาทิเภทา ทีฆชาติ สงฺคหิตา. ตสฺมา ทีฆชาตีสุ ยตฺถ ติณฺณํ มคฺคานํ อฺตรสฺมึ สกฺกา ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสตุํ, สา ปาราชิกวตฺถุ, อวเสสา ทุกฺกฏวตฺถูติ เวทิตพฺพา. มจฺฉคฺคหเณน สพฺพาปิ มจฺฉกจฺฉปมณฺฑูกาทิเภทา โอทกชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ ทีฆชาติยํ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ปตงฺคมุขมณฺฑูกา นาม โหนฺติ, เตสํ มุขสณฺานํ มหนฺตํ, ฉิทฺทํ อปฺปกํ, ตตฺถ ปเวสนํ นปฺปโหติ, มุขสณฺานํ ปน วณสงฺเขปํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตํ ถุลฺลจฺจยวตฺถูติ เวทิตพฺพํ ¶ . กุกฺกุฏิคฺคหเณน สพฺพาปิ กากกโปตาทิเภทา ปกฺขิชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ. มชฺชาริคฺคหเณน สพฺพาปิ รุกฺขสุนขมงฺคุสโคธาทิเภทา จตุปฺปทชาติ สงฺคหิตา. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกวตฺถุ จ ทุกฺกฏวตฺถุ จ เวทิตพฺพํ.
ปาราชิโก โหตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕) ปราชิโต โหติ ปราชยํ อปนฺโน. อยฺหิ ปาราชิกสทฺโท สิกฺขาปทาปตฺติปุคฺคเลสุ วตฺตติ. ตตฺถ ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต วชฺชีนํ วา วชฺชิปุตฺตกานํ วา การณา สาวกานํ ปาราชิกํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ สมูหเนยฺยา’’ติ (ปารา. ๔๓) เอวํ สิกฺขาปเท วตฺตมาโน เวทิตพฺโพ. ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ ภิกฺขุ อาปนฺโน ปาราชิก’’นฺติ (ปารา. ๖๗) เอวํ อาปตฺติยํ. ‘‘น มยํ ปาราชิกา, โย อวหโฏ, โส ปาราชิโก’’ติ (ปารา. ๑๕๕) เอวํ ปุคฺคเล วตฺตมาโน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปาราชิเกน ธมฺเมน อนุทฺธํเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๔) ปน ธมฺเม วตฺตตีติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน ตตฺถ ‘‘ธมฺโม’’ติ กตฺถจิ อาปตฺติ, กตฺถจิ สิกฺขาปทเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺมา โส วิสุํ น วตฺตพฺโพ. ตตฺถ สิกฺขาปทํ โย ตํ อติกฺกมติ, ตํ ปราเชติ, ตสฺมา ‘‘ปาราชิก’’นฺติ วุจฺจติ. อาปตฺติ ปน โย นํ อชฺฌาปชฺชติ, ตํ ปราเชติ, ตสฺมา ‘‘ปาราชิกา’’ติ วุจฺจติ. ปุคฺคโล ยสฺมา ปราชิโต ปราชยมาปนฺโน, ตสฺมา ‘‘ปาราชิโก’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน ปุคฺคโล เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ปาราชิโก โหตี’’ติอาทิ. อิมินาปิ ¶ อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘ปราชิตสทฺเท อุปสคฺคสฺส วุทฺธึ กตฺวา, ต-การสฺส จ ก-การํ กตฺวา ปาราชิโก โหตีติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ.
อปโลกนาทิ จตุพฺพิธมฺปิ สงฺฆกมฺมํ สีมาปริจฺฉินฺเนหิ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต กตฺตพฺพตฺตา เอกกมฺมํ นาม. อาทิสทฺเทน เอกุทฺเทสสมสิกฺขตานํ คหณํ. ตตฺถ ปฺจวิโธปิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เอกโต อุทฺทิสิตพฺพตฺตา เอกุทฺเทโส นาม. นหาปิตปุพฺพกาทีนํ วิย โอทิสฺส อนฺุาตํ เปตฺวา อวเสสํ สพฺพมฺปิ สิกฺขาปทํ สพฺเพหิปิ ลชฺชิปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นาม. ยสฺมา สพฺเพปิ ลชฺชิโน เอเตสุ ¶ เอกกมฺมาทีสุ สห วสนฺติ, น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสติ, ตสฺมา ตานิ สพฺพานิปิ คเหตฺวา เอกกมฺมาทิโก ติวิโธปิ สํวาโส นามาติ อาห ‘‘โส จ วุตฺตปฺปกาโร สํวาโส เตน ปุคฺคเลน สทฺธึ นตฺถิ, เตน การเณน โส ปาราชิโก ปุคฺคโล ‘อสํวาโส’ติ วุจฺจตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๕).
อิทานิ ยสฺมา น เกวลํ มนุสฺสิตฺถิยา เอว นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ, อถ โข อมนุสฺสิตฺถิติรจฺฉานคติตฺถีนมฺปิ. น จ อิตฺถิยา เอว. อถ โข อุภโตพฺยฺชนกปณฺฑกปุริสานมฺปิ, ตสฺมา เต สตฺเต, เตสฺจ ยํ ยํ นิมิตฺตํ วตฺถุ โหติ, ตํ ตํ นิมิตฺตํ, ตตฺถ จ ยถา ปฏิเสวนฺโต ปาราชิโก โหติ, ตฺจ สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท. เตสูติ เย ตึสมคฺคา วุตฺตา, เตสุ. อตฺตโน วาติ ลมฺพิมุทุปิฏฺิเก สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺถตสฺส วาติ เยน เกนจิ วตฺเถน วา ปณฺเณน วา วากปฏฺเฏน วา จมฺเมน วา ติปุสีสาทีนํ ปฏฺเฏน วา ปลิเวเตฺวา, อนฺโต วา ปเวเสตฺวา ปฏิจฺฉนฺนสฺส. อกฺขายิตสฺส วาติ โสณสิงฺคาลาทีหิ อกฺขาทิตสฺส. เยภุยฺเยน อกฺขายิตสฺสาติ ยาว อุปฑฺฒกฺขายิโต นาม น โหติ, เอวํ อกฺขายิตสฺส. อลฺโลกาเสติ ตินฺโตกาเส. สนฺถตนฺติ เตสํเยว วตฺถาทีนํ เยน เกนจิ ปฏิจฺฉนฺนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – น เหตฺถ อนุปาทินฺนกํ อนุปาทินฺนเกน ฉุปติ, มุตฺติ อตฺถิ, อถ โข อุปาทินฺนเกน วา อนุปาทินฺนกํ ฆฏฺฏิยตุ, อนุปาทินฺนเกน วา อุปาทินฺนกํ, อนุปาทินฺนเกน วา อนุปาทินฺนกํ, อุปาทินฺนเกน วา อุปาทินฺนกํ. สเจ ยตฺตเก ปวิฏฺเ ปาราชิกํ โหตีติ วุตฺตํ, ตตฺตกํ เสวนจิตฺเตน ปเวเสติ, สพฺพตฺถายํ ปาราชิกาปตฺตึ อาปนฺโน นาม โหตีติ.
เอวํ เสวนจิตฺเตเนว ปเวเสนฺตสฺส อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตํ ปเวสนํ นาม น เกวลํ อตฺตูปกฺกเมเนว, ปรูปกฺกเมนาปิ โหติ. ตตฺราปิ สาทิยนฺตสฺเสว อาปตฺติ ปฏิเสวนจิตฺตสมงฺคิสฺส ¶ , น อิตรสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปเรน วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปเรนาติ ภิกฺขุปจฺจตฺถิกาทินา เยน เกนจิ อฺเน. ปเวสนปวิฏฺฏฺิตอุทฺธรเณสูติ เอตฺถ อคฺคโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๘) ยาว มูลา ปเวสนํ ปเวสนํ นาม. องฺคชาตสฺส ยตฺตกํ านํ ปเวสนารหํ, ตตฺตกํ อนวเสสโต ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ นาม. เอวํ ¶ ปวิฏฺสฺส อุทฺธรณารมฺภโต อนฺตรา ิตกาโล ิตํ นาม. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน มาตุคามสฺส สุกฺกวิสฏฺึ ปตฺวา สพฺพถา วายามโต โอรมิตฺวา ิตกาลํ สนฺธาย ‘‘สุกฺกวิสฏฺิสมเย’’ติ วุตฺตํ. อุทฺธรณํ นาม ยาว อคฺคา นีหรณกาโล. สาทิยตีติ เสวนจิตฺตํ อุปฏฺเปติ. อสาธารณวินิจฺฉโยติ อทินฺนาทานาทีหิ สพฺเพหิ สิกฺขาปเทหิ อสาธารโณ วินิจฺฉโย.
สาธารณวินิจฺฉยตฺถนฺติ ปริวารวเสน สาธารณวินิจฺฉยตฺถํ. มาติกาติ มาตา, ชเนตฺตีติ อตฺโถ. นิททาติ เทสนํ เทสวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ. ปฺาปียตีติ ปฺตฺติ, ตสฺสา ปกาโร ปฺตฺติวิธิ องฺเคติ คเมติ าเปตีติ องฺคํ, การณํ. สมุฏฺหนฺติ อาปตฺติโย เอเตนาติ สมุฏฺานํ, อุปฺปตฺติการณํ, ตสฺส วิธิ สมุฏฺานวิธิ. วชฺชกมฺมปฺปเภทฺจาติ เอตฺถ ปเภทสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘วชฺชปฺปเภทํ, กมฺมปฺปเภทฺจา’’ติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท.
ปฺตฺติฏฺานนฺติ ปฺตฺติฏฺปนสฺส านํ, สิกฺขาปทานํ ปฺตฺติเทโสติ อตฺโถ. ปุคฺคโลติ เอตฺถ อาทิกมฺมิโกเยว อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปุคฺคโล นาม ยํ ยํ อารพฺภ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ, โส โส ปุคฺคโลติ อธิปฺปาโย. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘สุทินฺโน ธนิโย สมฺพหุลา วคฺคุมุทนฺติกา;
เสยฺยสโก อุทายิ จา-ฬวกา ฉนฺนเมตฺติยา.
‘‘เทวทตฺตสฺสชิปุนพฺพสุ-ฉพฺพคฺคิโยปนนฺทฺตโรปิ จ;
หตฺถโก จานุรุทฺโธ จ, สตฺตรส จูฬปนฺถโก.
‘‘เพลฏฺสีโส จานนฺโท, สาคโตริฏฺนามโก;
นนฺทตฺเถเรน เตวีส, ภิกฺขูนํ อาทิกมฺมิกา.
‘‘สุนฺทรีนนฺทา ¶ ถุลฺลนนฺทา, ฉพฺพคฺคิยฺตราปิ จ;
จณฺฑกาฬี สมฺพหุลา, ทฺเว จ ภิกฺขุนิโย ปรา;
ภิกฺขุนีนํ ตุ สตฺเตว, โหนฺติ ตา อาทิกมฺมิกา’’ติ.
ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺสาติ ยํ ยํ สุทินฺนาทิกํ ปุคฺคลํ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ปฺตฺตีติ ปมปฺตฺติ. ปมปฺตฺติยา ปจฺฉา ¶ ปิตา ปฺตฺติ อนุปฺตฺติ. อนุปฺปนฺเน โทเส ปิตา ปฺตฺติ อนุปฺปนฺนปฺตฺติ. สพฺพตฺถ มชฺฌิมเทเส เจว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ จาติ สพฺเพสุ ปเทเสสุ ปิตา ปฺตฺติ สพฺพตฺถปฺตฺติ. มชฺฌิมเทเสเยว ปิตา ปฺตฺติ ปเทสปฺตฺติ. ภิกฺขูนฺเจว ภิกฺขุนีนฺจ สาธารณภูตา ปฺตฺติ สาธารณปฺตฺติ. สุทฺธภิกฺขูนเมว, สุทฺธภิกฺขุนีนํ วา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ อสาธารณปฺตฺติ. อุภินฺนมฺปิ ปฺตฺติ อุภโตปฺตฺติ. วินยธรปฺจเมนาติ อนุสฺสาวนกาจริยปฺจเมน. คุณงฺคุณูปาหนาติ จตุปฺปฏลโต ปฏฺาย กตา อุปาหนา, น เอกทฺวิติปฏลา. จมฺมตฺถรณนฺติ อตฺถริตพฺพํ จมฺมํ. เอเตสํ วเสน จตุพฺพิธา ปเทสปฺตฺติ นามาติ เอเตสํ วเสน จตุพฺพิธา ปฺตฺติ มชฺฌิมเทเสเยว ปฺตฺตาติ ปเทสปฺตฺติ นาม. เตเนวาห ‘‘มชฺฌิมเทเสเยว หี’’ติอาทิ. ยสฺมา มชฺฌิมเทเสเยว ยถาวุตฺตวตฺถุวีติกฺกเม อาปตฺติ โหติ, น ปจฺจนฺติมชนปเท, ตสฺมา ปเทสปฺตฺตีติ อตฺโถ. ธุวนฺหานํ ปฏิกฺเขปมตฺตนฺติ นิจฺจนหานปฺปฏิเสธนเมว. เอตฺถ จ มตฺตสทฺเทน อฺานิ ตีณิ สิกฺขาปทานิ ปฏิกฺขิปติ. ตานิ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๕๙) จมฺมกฺขนฺธเก อาคตานิ. เตเนวาห ‘‘ตโต อฺา ปเทสปฺตฺติ นาม นตฺถี’’ติ. สพฺพานีติ ตโต อวเสสานิ สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนุปฺปนฺนปฺตฺติ อฏฺครุธมฺมวเสน ภิกฺขุนีนํเยว อาคตา, ยสฺมา จ ธุวนฺหานํ ปฏิกฺเขปมตฺตํ เปตฺวา ปาติโมกฺเข สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ สพฺพตฺถปฺตฺติเยว โหนฺติ, ยสฺมา จ สาธารณปฺตฺติทุกฺจ เอกโตปฺตฺติทุกฺจ พฺยฺชนมตฺตํ นานํ, อตฺถโต เอกํ, ตสฺมา. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ สิกฺขาปเทสุ. อาปตฺติเภโท เหตฺถ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อาปตฺตี’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘อาปตฺตีติ ปุพฺพปฺปโยคาทิวเสน อาปตฺติเภโท’’ติ. สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนนฺติ เอตฺถ ปมา ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา สีลวิปตฺติ นาม, อวเสสา ปฺจ อาจารวิปตฺติ นาม, มิจฺฉาทิฏฺิ จ อนฺตคฺคาหิกาทิฏฺิ จ ทิฏฺิวิปตฺติ นาม, อาชีวเหตุ ปฺตฺตานิ ฉ สิกฺขาปทานิ อาชีววิปตฺติ นาม, อิติ อิมาสํ สีลอาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺตีนํ อฺตราติ อตฺโถ.
น ¶ เกวลํ ยถาวุตฺตนเยเนว วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ยานิ สิกฺขาปทสมุฏฺานานีติปิ วุจฺจนฺตี’’ติ. เอตานิ หิ กิฺจาปิ อาปตฺติยา สมุฏฺานานิ, น ¶ สิกฺขาปทสฺส, โวหารสุขตฺถํ ปเนวํ วุจฺจนฺตีติ. ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ สมุฏฺาเนสุ. เตสูติ สจิตฺตกาจิตฺตเกสุ. เอกํ สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติการณํ เอติสฺสาติ เอกสมุฏฺานา, เอเกน วา สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ เอกสมุฏฺานา. ‘‘ทฺวิสมุฏฺานา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
สมุฏฺานวเสนาติ สมุฏฺานสีสวเสน. ปมปาราชิกํ สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ ปมปาราชิกสมุฏฺานา. ตถา อทินฺนาทานสมุฏฺานา’’ติอาทีสุปิ.
สยํ ปถวิขณเน กาเยน, ปเร อาณาเปตฺวา ขณาปเน วาจาย จ อาปตฺติสมฺภวโต ‘‘ปถวิขณนาทีสุ วิยา’’ติ วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน อทินฺนาทานาทีนํ ปริคฺคโห. ปมกถินาปตฺติ กายวาจโต กตฺตพฺพํ อธิฏฺานํ วา วิกปฺปนํ วา อกโรนฺตสฺส โหติ, โน กโรนฺตสฺสาติ อาห ‘‘ปมกถินาปตฺติ วิยา’’ติ. อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ ตสฺสา หตฺถโต จีวรํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส, ปริวตฺตกํ อเทนฺตสฺส จ โหตีติ กิริยากิริยโต สมุฏฺาติ. ‘‘สิยา กโรนฺตสฺสา’’ติอาทีสุ สิยาติ ‘‘สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณ เอวมสฺสา’’ติอาทีสุ วิย ‘‘กทาจี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโต. รูปิยปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ สิยา กิริยา คหเณน อาปชฺชนโต, สิยา อกิริยา ปฏิกฺเขปสฺส อกรณโตติ อาห ‘‘รูปิยปฺปฏิคฺคหณาปตฺติ วิยา’’ติ. กุฏิการาปตฺติ วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตกรเณ กโรนฺตสฺส สิยา, อเทสาเปตฺวา ปน ปมาณาติกฺกนฺตกรเณ ปมาณยุตฺตํ วา กโรนฺตสฺส จ อกโรนฺตสฺส จ สิยาติ อาห ‘‘กุฏิการาปตฺติ วิยา’’ติ.
สฺาย อภาเวน วิโมกฺโข อสฺสาติ สฺาวิโมกฺโขติ มชฺเฌปทโลปสมาโส ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘ยโต วีติกฺกมสฺายา’’ติอาทิ. อิตรา นาม ยโต วีติกฺกมสฺาย อภาเวน น มุจฺจติ, สา อิตรสทฺทสฺส วุตฺตปฺปฏิโยคิวิสยตฺตา. ยา อจิตฺตเกน วา สจิตฺตกมิสฺสเกน วา สมุฏฺาตีติ ยา อาปตฺติ กทาจิ อจิตฺตเกน วา กทาจิ สจิตฺตกมิสฺสเกน วา สมุฏฺาเนน สมุฏฺาติ. เอตฺถ จ สฺาทุกํ อนาปตฺติมุเขน วุตฺตํ, สจิตฺตกทุกํ อาปตฺติมุเขนาติ ทฏฺพฺพํ.
ยสฺสา ¶ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหตีติ ยสฺสา สจิตฺตกาย อาปตฺติยา จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ยสฺสา จ สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตาย สุราปานาทิอจิตฺตกาย อาปตฺติยา วตฺถุวิชานนจิตฺเตน ¶ สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา. ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ หิ อิทํ วจนํ สจิตฺตกาจิตฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส ‘‘สจิตฺตกปกฺเข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถีติ. ยํ ปเนตฺถ คณฺิปเท ‘‘สุราปานสฺมิฺหิ ‘สุรา’ติ วา ‘น วฏฺฏตี’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘น วฏฺฏตีติ วา ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสาปิ โลกวชฺชภาวปฺปสงฺคโต. ยสฺสา ปน ‘‘สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ นิยโม นตฺถิ, สา ปณฺณตฺติวชฺชาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ. ตถา หิ ตสฺสา วตฺถุวิชานนจิตฺเตน สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตนฺติ ‘‘อกุสลเมวา’’ติ นิยโม นตฺถิ. อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพาติ กายทฺวาเร, วจีทฺวาเร จาติ อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติ, ตา ปน อทินฺนาทานาทโย. ‘‘มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ อาปตฺติสมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ.
อกุสลจิตฺโต วา อาปชฺชตีติ ปาราชิกสุกฺกวิสฏฺิกายสํสคฺคทุฏฺุลฺลอตฺตกามปาริจริยทุฏฺโทสสงฺฆเภทปฺปหารทานตลสตฺติกาทิเภทํ อาปตฺตึ อกุสลจิตฺโต อาปชฺชติ. อนุปสมฺปนฺนํ ปทโสธมฺมํ วาเจนฺโต, มาตุคามสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโตติ เอวรูปํ อาปตฺตึ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ. อสฺจิจฺจสหเสยฺยาทึ อพฺยากตจิตฺโต อาปชฺชติ. ยํ อรหา อาปชฺชติ, สพฺพํ อพฺยากตจิตฺโตว อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘กุสลาพฺยากตจิตฺโต วา’’ติ.
ทุกฺขเวทนาสมงฺคี วาติ ทุฏฺโทสาทิเภทํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทุกฺขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. เมถุนธมฺมาทิเภทํ ปน สุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. ยํ สุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ, ตํเยว มชฺฌตฺโต หุตฺวา อาปชฺชนฺโต อทุกฺขมสุขเวทนาสมงฺคี อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘อิตรเวทนาทฺวยสมงฺคี วา’’ติ. อิทมฺปิ จ ติกทฺวยํ เยภุยฺยวเสเนว วุตฺตํ. นิปชฺชิตฺวา ¶ นิโรธสมาปนฺโน หิ อจิตฺตโก อเวทโน สหเสยฺยาปตฺตึ อาปชฺชตีติ. กิฺจาปิ เอวํ อนิยเมน วุตฺตํ, วิเสโส ปเนตฺถ อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปีติ หิ วิเสสาภิธานนิมิตฺตาภฺยูปคเมว ยุชฺชติ. สพฺเพสํ วเสน ตีณิ จิตฺตานีติ กุสลากุสลาพฺยากตานํ วเสน ปทโสธมฺมาทีสุ ตีณิ จิตฺตานิ.
อิทานิ ตํ ยถาวุตฺตนิทานาทิเวทนาตฺติกปริโยสานํ สตฺตรสปฺปการํ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท โยเชตุํ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาห. อิธาติ อิมสฺมึ ปมปาราชิกสิกฺขาปเท. เวสาลิยนฺติ เอวํนามเก ¶ อิตฺถิลิงฺควเสน ปวตฺตโวหาเร นคเร. ตฺหิ นครํ ติกฺขตฺตุํ ปาการปริกฺเขปวฑฺฒเนน วิสาลีภูตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ติ วุจฺจติ. อิทมฺปิ จ นครํ สพฺพฺุตํ สมฺปตฺเตเยว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สพฺพาการเวปุลฺลตฺตํ ปตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ จ ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปี’’ติ จ ทฺเว อนุปฺตฺติโยติ มกฺกฏิวชฺชิปุตฺตกวตฺถูนํ วเสน วุตฺตา. ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายา’’ติ จ ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขายา’’ติ จ อิมา ทฺเว อนุปฺตฺติโย. อาปตฺติกรา จ โหตีติ ปมปฺตฺติโต วิสุํเยวาปตฺติกรา จ โหติ. อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ วิยาติ อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ ‘‘วิเหสเก’’ติอาทิกา (ปาจิ. ๙๘) วิยาติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน อุชฺฌาปนกสฺส ปริคฺคโห. เอตฺถ หิ อฺวาทกาทิโต วิสุํเยว วิเหสกาทีสุปิ ปาจิตฺติยํ โหติ. ยถาห ‘‘โรปิเต วิเหสเก สงฺฆมชฺเฌ วตฺถุสฺมึ วา อาปตฺติยา วา อนยฺุชิยมาโน ตํ นกเถตุกาโม ตํ นอุคฺฆาเฏตุกาโม ตุณฺหีภูโต สงฺฆํ วิเหเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๐๐). สุปินนฺเต วิชฺชมานาปิ โมจนสฺสาทเจตนา อพฺโพหาริกตฺตา อนาปตฺติกราติ อาห ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตาติอาทิกา วิยา’’ติ. ตถา หิ ถินมิทฺเธน อภิภูตตฺตา สุปิเน จิตฺตํ อพฺโพหาริกํ, จิตฺตสฺส อพฺโพหาริกตฺตา โอปกฺกมนกิริยาปวตฺตนิกาปิ เจตนา อพฺโพหาริกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺเถสา, ภิกฺขเว, เจตนา, สา จ โข อพฺโพหาริกา’’ติ (ปารา. ๒๓๕), ตสฺมา ‘‘อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติ อยํ อนุปฺตฺติ อนาปตฺติกรา ชาตา. อาทิสทฺเทน ‘‘อฺตฺร อธิมานา’’ติอาทิกํ (ปารา. ๑๙๗) สงฺคณฺหาติ. อทินฺนาทานาทีสุ วิยาติ อทินฺนาทานาทีสุ ¶ ‘‘อรฺา วา’’ติอาทิกา (ปารา. ๙๑) วิยาติ อตฺโถ. เอตฺถ ปน อาทิสทฺเทน ปมปาราชิกาทีนํ สงฺคโห. เอตฺถ หิ ‘‘ตฺจ โข คาเม, โน อรฺเ’’ติอาทินา (ปารา. ๙๐) นเยน เลสํ โอฑฺเฑนฺตานํ เลสปิทหนตฺถํ ‘‘อรฺา วา’’ติอาทิกา อนุปฺตฺติ วุตฺตาติ อุปตฺถมฺภกราว โหติ. เตเนว หิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ตเถเวตํ โหตี’’ติ (ปารา. ๙๐) ภิกฺขูหิ วุตฺตํ.
วุตฺตปฺปกาเร มคฺเคติ ‘‘มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตวเสนา’’ติอาทินา (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตปฺปกาเร ตึสมคฺเค. อิมสฺส ปน ‘‘ฉินฺเน’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตจาทีนิ อนวเสเสตฺวาติ นิมิตฺตปฺปเทเส พหิ ิตานิ ฉวิจมฺมานิ อนวเสเสตฺวา. นิมิตฺตสณฺานมตฺตํ ปฺายตีติ นิมิตฺตมํสสฺส ปน อพฺภนฺตเร ฉวิจมฺมสฺส จ วิชฺชมานตฺตา วุตฺตํ. จมฺมขิลนฺติ จมฺมกฺขณฺฑํ. ‘‘อุณฺณิคณฺโฑ’’ติปิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๕; วิ. วิ. ฏี. ๑.๕๕) วทนฺติ. ตฺหิ นิมิตฺเต ชาตตฺตา นิมิตฺตเมว. เตนาห ‘‘เสวนจิตฺเต สติ ปาราชิก’’นฺติ. เสวนจิตฺเตติ เมถุนเสวนจิตฺเต. กายสํสคฺคเสวนจิตฺเต ปน สติ สงฺฆาทิเสโสว ¶ . นฏฺโ กายปฺปสาโท เอตฺถาติ นฏฺกายปฺปสาทํ, สุกฺขปีฬกํ วา มตจมฺมํ วาติ อตฺโถ. มเต อกฺขายิเต, เยภุยฺเยน อกฺขายิเต จ ปาราชิกาปตฺติวจนโต (ปารา. ๖๑) ปน นฏฺกายปฺปสาเทปิ อิตฺถินิมิตฺเต ปเวเสนฺตสฺส ปาราชิกาปตฺติเยว. นิมิตฺตสณฺานมตฺตมฺปิ อนวเสเสตฺวาติ นิมิตฺตากาเรน ิตํ ยถาวุตฺตนิมิตฺตมํสาทิมฺปิ อนวเสเสตฺวา. วณสงฺเขปวเสนาติ วณสงฺคหวเสน. วเณ ถุลฺลจฺจยฺจ ‘‘อมคฺเคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๖) อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. ตสฺมิฺหิ สุตฺเต ทฺวีสุ สมฺภินฺนวเณสุ เอเกน วเณน ปเวเสตฺวา ทุติเยน นีหรนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อิมสฺส สตฺตสฺส อนุโลมวเสน สพฺพตฺถ วณสงฺเขเป ถุลฺลจฺจยํ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๖๖). มนุสฺสานํ ปน อกฺขิอาทโยปิ วณสงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ วเณน เอกปริจฺเฉทํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. เตสํ วณสงฺคโห ‘‘นวทฺวาโร มหาวโณ’’ติ (มิ. ป. ๒.๖.๑) เอวมาทิสุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพ. ตตฺถ มนุสฺสานนฺติ อิตฺถิปุริสปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกวเสน จตุพฺพิธานํ มนุสฺสานํ. วตฺถิโกเสสูติ ¶ วตฺถิปุเฏสุ ปุริสานํ องฺคชาตโกเสสุ. หตฺถิอสฺสาทีนฺจ ติรจฺฉานานนฺติ หตฺถิอสฺสโคณคทฺรภโอฏฺมหึสาทีนํ ติรจฺฉานคตานํ. ติรจฺฉานานํ ปนาติ สพฺเพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ. สพฺเพสนฺติ ยถาวุตฺตมนุสฺสาทีนํ สพฺเพสํ.
เอวํ ชีวมานกสรีเร ลพฺภมานํ อาปตฺติวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มตสรีเร ลพฺภมานํ อาปตฺติวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตสรีเร’’ติอาทิมาห. วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคมุขมคฺคานํ จตูสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาเส เปตฺวา ยทา อปเร ทฺเว โกฏฺาสา ขาทิตา, ตทา อุปฑฺฒกฺขายิตํ นาม โหติ. น กุถิตํ โหตีติ อุทฺธุมาตกาทิภาเวน กุถิตํ น โหติ, อลฺลนฺติ อตฺโถ. ยทา ปน สรีรํ อุทฺธุมาตกํ โหติ กุถิตํ นีลมกฺขิกสมากิณฺณํ กิมิกุลสมากุลํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺคฬิตปุพฺพกุณปภาเวน อุปคนฺตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๕๙-๖๐), ตทา ปาราชิกวตฺถฺุจ ถุลฺลจฺจยวตฺถฺุจ วิชหติ, ทุกฺกฏวตฺถุเมว โหตีติ อาห ‘‘กุถิเต ทุกฺกฏ’’นฺติ. กุถิเตติ อุทฺธุมาตกภาวปฺปตฺเต. อีทิเส หิ สรีเร ยตฺถ กตฺถจิ อุปกฺกมโต ทุกฺกฏํ. ตถา วฏฺฏกเต มุเข อจฺฉุปนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๗๓) วิวฏฺเฏ มุเข จตฺตาริ ปสฺสานิ, ตาลุกฺจ อปฺผุสนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. สเจ ปน เหฏฺา วา อุปริ วา อุภยปสฺเสหิ วา ฉุปนฺตํ ปเวเสติ, ปาราชิกํ. จตูหิ ปสฺเสหิ อจฺฉุปนฺตํ ปเวเสตฺวา อพฺภนฺตเร ตาลุกํ ฉุปติ, ปาราชิกเมว. พหิ นิกฺขนฺตชิวฺหาย วา ทนฺเตสุ วา องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ สมฺพนฺโธ. ชีวมานกสรีเรปิ พหิ นิกฺขนฺตชิวฺหาย ถุลฺลจฺจยเมว. ยทิ ปน พหิ ชิวฺหาย ปลิเวเตฺวา อนฺโตมุขํ ปเวเสติ, ปาราชิกเมว. ยทิ ปน ทนฺตา สุผุสิตา, อนฺโตมุเข โอกาโส ¶ นตฺถิ, ทนฺตา จ พหิ โอฏฺมํเสน ปฏิจฺฉนฺนา, ตตฺถ วาเตน อสมฺผุฏฺํ อลฺโลกาสํ ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสนฺตสฺส ปาราชิกเมว. อุปฺปาฏิเต ปน โอฏฺมํเส ทนฺเตสุเยว อุปกฺกมนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ. โยปิ ทนฺโต พหิ นิกฺขมนฺโต ติฏฺติ, น สกฺกา โอฏฺเหิ ปิทหิตุํ, ตตฺถาปิ เอเสว นโย.
เวทนาย อฏฺโฏ ปีฬิโต เวทนาฏฺโฏ. อุมฺมตฺตโกติ เจตฺถ ปิตฺตุมฺมตฺตโก อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘โย ปิตฺตวเสนา’’ติอาทิ. ปิตฺตวเสนาติ ¶ พทฺธปิตฺตวเสน. ตสฺมิฺหิ พทฺธปิตฺเต ปิตฺตโกสโต จลิตฺวา พหิ นิกฺขมนฺเต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ, วิปลฺลตฺถสฺา หิโรตฺตปฺปํ ฉฑฺเฑตฺวา อสารุปฺปจริยํ จรนฺติ, ลหุกครุกานิ สิกฺขาปทานิ มทฺทนฺตาปิ น ชานนฺติ, เภสชฺชกิริยายปิ อเตกิจฺฉา โหนฺติ, เอวรูปสฺส อุมฺมตฺตกสฺส อนาปตฺติ. อพทฺธปิตฺตํ ปน โลหิตํ วิย สพฺพงฺคคตํ, ตมฺหิ กุปิเต สตฺตานํ กณฺฑุกจฺฉุสรีรกมฺปาทีนิ โหนฺติ, ตานิ เภสชฺชกิริยาย วูปสมนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พทฺธปิตฺตวเสนา’’ติ. ขิตฺตจิตฺโต นาม วิสฺสฏฺจิตฺโต ยกฺขุมฺมตฺตโก วุจฺจตีติ อาห ‘‘ยกฺเขหิ กตจิตฺตวิกฺเขโป ขิตฺตจิตฺโต’’ติ. ยกฺขา กิร เภรวานิ อารมฺมณานิ ทสฺเสตฺวา มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา, หทยรูปํ วา มทฺทนฺตา สตฺเต วิกฺขิตฺตจิตฺเต วิปลฺลตฺถสฺเ กโรนฺติ, เอวรูปสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส อนาปตฺติ. เตสํ ปน อุภินฺนํ อยํ วิเสโส – ปิตฺตุมฺมตฺตโก นิจฺจเมว อุมฺมตฺตโก โหติ, ปกติสฺํ น ลภติ. ยกฺขุมฺมตฺตโก อนฺตรนฺตรา ปกติสฺํ ปฏิลภติ. อิธ ปน ปิตฺตุมฺมตฺตโก วา โหตุ, ยกฺขุมฺมตฺตโก วา, โย สพฺพโส มุฏฺสฺสติ กิฺจิ น ชานาติ, อคฺคิมฺปิ สุวณฺณมฺปิ คูถมฺปิ จนฺทนมฺปิ เอกสทิสํ มทฺทนฺโตว วิจรติ, เอวรูปสฺส อนาปตฺติ. อนฺตรนฺตรา ปกติสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตฺวา กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติเยว. เตนาห ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ จ เอเตส’’นฺติอาทิ.
อธิมตฺตเวทนายาติ อธิกปฺปมาณาย ทุกฺขเวทนาย. อาทิกมฺเม นิยุตฺโต อาทิกมฺมิโก, โย จ อาทิกมฺเม นิยุตฺโต, โส ตสฺมึ กมฺเม อาทิภูโต โหตีติ อาห ‘‘โย’’ติอาทิ. อิธ ปน สุทินฺนตฺเถโร อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติ. อวเสสานํ มกฺกฏิสมณวชฺชิปุตฺตกาทีนํ อาปตฺติเยว. ปฏิปาทนํ สมฺปาทนํ. กโรนฺโตเยว หิ ตํ อาปชฺชตีติ กิริยํ. อิทํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๖) ปน เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ เมถุนธมฺเม ปรูปกฺกเม สติ สาทิยนฺตสฺส อกิริยสมุฏฺานภาวโต. เมถุนปฺปฏิสํยุตฺตาย หิ กามสฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส, อสาทิยนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๖๖) หิ วุตฺตํ. เมถุนจิตฺเตเนว นํ อาปชฺชติ, น วินา จิตฺเตนาติ สจิตฺตกํ. ราควเสเนว อาปชฺชิตพฺพโต โลกวชฺชํ. กายทฺวาเรเนว สมุฏฺานโต กายกมฺมํ. จิตฺตํ ปเนตฺถ องฺคมตฺตํ โหติ ¶ , น ตสฺส วเสน กมฺมภาโว ลพฺภติ. โลภจิตฺเตเนว ¶ อาปชฺชิตพฺพโต อกุสลจิตฺตํ. สุขสมงฺคี วา อุเปกฺขาสมงฺคี วา อาปชฺชตีติ ทฺวิเวทนํ. นนุ สมุฏฺานาทีนิ อาปตฺติยา โหนฺติ, น สิกฺขาปทสฺส, อถ กสฺมา สิกฺขาปทสฺส สมุฏฺานาทีนิ วุตฺตานีติ อาห ‘‘อิมานิ จ สมุฏฺานาทีนิ นามา’’ติอาทิ. อาปตฺติยา โหนฺตีติ อชฺฌาจารสฺส โหนฺติ.
มุนนโต อนุมุนนโต มุติ, าณํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ มุติมา, าณวาติ อตฺโถ.
ปมปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา
เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ. เอกกุฏิกาทิเภโท สพฺโพปิ คาโมติ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ เอกกุฏิกาทิเภโทติ ยสฺมึ คาเม เอกา เอว กุฏิ เอกํ เคหํ เสยฺยถาปิ มลยชนปเท, อยํ เอกกุฏิโก คาโม นาม. อาทิสทฺเทน ‘‘ทฺวิกุฏิโกปิ คาโม, ติกุฏิโกปิ คาโม, จตุกฺกุฏิโกปิ คาโม’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตปฺปเภทํ สงฺคณฺหาติ. อภินวนิวิฏฺโ เอกกุฏิกาทิคาโม ปน ยาว มนุสฺสา ปวิสิตฺวา วาสํ น กปฺเปนฺติ, ตาว คามสงฺขํ น คจฺฉติ. กึภูโตติ อาห ‘‘ปริกฺขิตฺโต วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปริกฺขิตฺโต นาม อิฏฺกปาการํ อาทึ กตฺวา อนฺตมโส กณฺฏกสาขาหิปิ ปริกฺขิตฺโต. ตพฺพิปรีโต อปริกฺขิตฺโต. อมนุสฺโส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต, ยโต วา มนุสฺสา เกนจิ กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตา, ยโต ปน นิรเปกฺขา หุตฺวา ปกฺกมนฺติ, โส คามสงฺขํ น คจฺฉติ. น เกวลํ เอกกุฏิกาทิเภโทวาติ อาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิ. โย โกจิ สตฺโถปีติ ชงฺฆสตฺถสกฏสตฺถาทีสุ โย โกจิ สตฺโถปิ. อิมสฺมึ สิกฺขาปเท นิคมนครานิ วิย คามคฺคหเณเนว คามูปจาโรปิ สงฺคหิโตติ อาห ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ. อฺถา ปน มาติกาย อนวเสสโต อวหารฏฺานปริคฺคโห กโต นาม น โหติ, น จ พุทฺธา สาวเสสํ ปาราชิกํ ปฺาเปนฺติ.
ตตฺถาติ เตสุ คามคามูปจาเรสุ. ทฺวาเรติ นิพฺพโกสสฺส อุทกปตนฏฺานโต อพฺภนฺตเร. อนฺโตเคเหติ ปมุขสฺส อพฺภนฺตเร. กตปริกฺเขโปติ ¶ ปาการวติอาทีหิ กตปริกฺเขโป. สุปฺปปตนาทิปริจฺเฉโท ปเนตฺถ อปริกฺขิตฺตฆรํ สนฺธาย วุตฺโต. น เกวลํ ฆรสฺส ปุรโต, อถ โข สมนฺตโต ตตฺตโกว ปริจฺเฉโท ฆรูปจาโร นามาติ คเหตพฺพํ. ‘‘ปุรโต’’ติอาทิกํ ปน โลกิเยหิ ¶ ตถากรณโต วุตฺตํ. ถามมชฺฌิมสฺสาติ มชฺฌิมถามสฺส, เนว อปฺปถามสฺส, น มหาถามสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ยถา ตรุณมนุสฺสา’’ติอาทินา ยถา มาตุคาโม กาเก อุฑฺฑาเปนฺโต อุชุกเมว หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปติ, ยถา จ อุทกุกฺเขเป อุทกํ ขิปนฺติ, เอวํ ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปติตฏฺานํ ปฏิกฺขิปติ. ปวตฺติตฺวาติ ลุิตฺวา, ปริวตฺติตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส สเจ ทฺเว อินฺทขีลา โหนฺตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) ตสฺส ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส สเจ อนุราธปุรสฺเสว ทฺเว อุมฺมารา โหนฺติ. ยสฺส ปน เอโก, ตสฺส คามทฺวารพาหานํ เวมชฺเฌ ิตสฺส เลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ คามูปจาโร นาม. ยตฺร ปน อินฺทขีโล นตฺถิ, ตตฺร คามทฺวารพาหานํ เวมชฺฌํ. ยตฺร ทฺวารพาหาปิ นตฺถิ, ตตฺถ อุโภสุ ปสฺเสสุ วติยา วา ปาการสฺส วา โกฏิเวมชฺฌํว อินฺทขีลฏฺานิยตฺตา อินฺทขีโลติ คเหตพฺพํ. โย ปน คาโม ปุพฺเพ มหา หุตฺวา ปจฺฉา กุเลสุ นฏฺเสุ อปฺปโก โหติ, โส ฆรูปจารโต เลฑฺฑุปาเตเนว ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. ปุริมปริจฺเฉโท ปนสฺส ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปฺปมาณเมวาติ. นนุ เจตํ อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารทสฺสนํ ปทภาชเนน วิรุทฺธมิว ทิสฺสติ. ตตฺถ หิ ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น ปน ตํ เลฑฺฑุปาตํ คามสงฺเขปํ กตฺวา ตโต ปรํ คามูปจาโรติ วุตฺโตติ อาห ‘‘ปทภาชเนปิ หิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ.
อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – อิธ คาโม นาม ทุวิโธ โหติ ปริกฺขิตฺโต จ อปริกฺขิตฺโต จ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒). ตตฺร ปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปเยว ปริจฺเฉโท. ตสฺมา ตสฺส วิสุํ ปริจฺเฉทํ อวตฺวา ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. อปริกฺขิตฺตสฺส ปน คามสฺส คามปริจฺเฉโท วตฺตพฺโพ. ตสฺมา ตสฺส ¶ คามสฺส คามปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. คามปริจฺเฉเท จ ทสฺสิเต คามูปจารลกฺขณํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา าตุนฺติ ปุน ‘‘ตตฺถ ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ น วุตฺตํ, อตฺโถ ปน ตตฺถาปิ อยเมว ยถาวุตฺโตติ. โย ปน ฆรูปจาเร ิตสฺส เลฑฺฑุปาตํเยว ‘‘คามูปจาโร’’ติ วทติ, ตสฺส ฆรูปจาโร ‘‘คาโม’’ติ อาปชฺชติ. ตโต ฆรํ ฆรูปจาโร, คาโม คามูปจาโรติ เอส วิภาโค สงฺกรียติ. อสํกรโต เจตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตนเยเนเวตฺถ คาโม, คามูปจาโร จ เวทิตพฺโพติ.
ตตฺถาติ ¶ เตสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ. ยฺวายํ อุปจาโร ทสฺสิโตติ สมฺพนฺโธ. วิกาเล คามปฺปเวสนาทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน อสํกจฺจิกาคามปฺปเวสนํ (ปาจิ. ๑๒๒๕) สงฺคณฺหาติ. โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร วุตฺโต, โส น กตฺถจิ วินยปิฏเก อุปโยคํ คโต. เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ าปนตฺถํ วุตฺโต. เอวํ วุตฺเต หิ ายติ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิ สมาโน อุปจาโรติ วุตฺโต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขโปกาสโต เอโก’’ติ. อิเมสํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถนฺติ อิเมสํ คามารฺานํ ปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตา อฏฺกถายํ. ปาราชิกวตฺถุนฺติ ปาทคฺฆนกํ. อวหรนฺตสฺสาติ คณฺหนฺตสฺส.
อทินฺนนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๙๒) ทนฺตโปนสิกฺขาปเท อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ กปฺปิยํ อชฺโฌหรณียํ วุจฺจติ, อิธ ปน ยํ กิฺจิ ปรปริคฺคหิตํ สสามิกํ ภณฺฑํ, ตเทตํ เตหิ สามิเกหิ กาเยน วา วาจาย วา น ทินฺนนฺติ อทินฺนํ. อวหารปฺปโหนกเมว ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อฺสฺส มนุสฺสชาติกสฺส สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. สงฺขาสทฺทสฺเสว ต-กาเรน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอก’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺถโต เอกนฺติ ปทตฺถโต เอกํ, อนตฺถนฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. โกฏฺาสสฺเสตํ นามํ ภาคโต ¶ สงฺขายติ อุปฏฺาตีติ กตฺวา. ปปฺจสงฺขาติ สตฺตานํ สํสาเร ปปฺเจนฺติ จิรายนฺตีติ ปปฺจา, ตณฺหามานทิฏฺิโย, ยสฺส วา อุปฺปนฺนา, ตํ ‘‘รตฺโต’’ติ วา ‘‘มตฺโต’’ติ วา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺินิวิฏฺโ’’ติ วา ปปฺเจนฺติ พฺยฺเชนฺตีติ ปปฺจา, สงฺขา วุจฺจติ โกฏฺาโส, ปปฺจาว สงฺขา ปปฺจสงฺขา, ปปฺจโกฏฺาสาติ อตฺโถ, ตณฺหามานทิฏฺิโยติ วุตฺตํ โหติ. เถยฺยจิตฺตสงฺขาโตติ ‘‘เถยฺยจิตฺโต’’ติ กถิโต. เอโก จิตฺตโกฏฺาโสติ วิสฺสาสตาวกาลิกาทิคฺคาหวสปฺปวตฺตอเถยฺยจิตฺตโกฏฺาสโต อฺโ จิตฺตโกฏฺาโส. เถยฺยสงฺขาเตนาติ เถยฺยภูตจิตฺตโกฏฺาเสน. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘เถยฺยจิตฺโต อวหรณจิตฺโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย จา’’ติอาทิ. พฺยฺชนํ อนาทิยิตฺวาติ พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวาติ อตฺโถ, สทฺทตฺถมนเปกฺขิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถเมวาติ ภาวตฺถเมว.
เต ปน อวหาราติ เต ปฺจวีสติ อวหารา. สวิฺาณกาวิฺาณกวเสน นานาวิโธ ภณฺโฑ เอตสฺส ปฺจกสฺสาติ นานาภณฺฑํ, ปฺจนฺนํ อวหารานํ สมูโห ปฺจกํ, ปฺจปริมาณมสฺสาติ วา ปฺจกํ, นานาภณฺฑเมว ปฺจกํ นานาภณฺฑปฺจกํ. สวิฺาณกวเสน เอโก ภณฺโฑ เอตสฺสาติ เอกภณฺฑํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. สาหตฺถิโกว ปฺจกํ ¶ สาหตฺถิกปฺจกํ. อาทิปทวเสน เจตํ นามํ กุสลาทิตฺติกสฺส กุสลตฺติกโวหาโร วิย. ตสฺมา สาหตฺถิกาทิปฺจกนฺติ อตฺถโต ทฏฺพฺพํ. เอส นโย เสเสสุ ปฺจกทฺวเยสุ. เอตสฺเสวาติ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ เอตสฺเสว มาติกาปทสฺส. อิเมสํ ปทานํ วเสนาติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ปทานํ วเสน. เอตฺถ จ ปมปทํ อภิโยควเสน วุตฺตํ, ทุติยปทํ อฺเสํ ภณฺฑํ หรนฺตสฺส คจฺฉโต วเสน, ตติยปทํ อุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน, จตุตฺถํ สวิฺาณกวเสน, ปฺจมํ ถเล นิกฺขิตฺตาทิวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ เนสํ อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ ปฺจเกสุ. อิตรนฺติ เอกภณฺฑปฺจกํ. อารามนฺติ ปุปฺผารามผลารามํ. อภิยฺุชตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๒) ปรสนฺตกํ ‘‘มม สนฺตโกว อย’’นฺติ มุสา ภณิตฺวา อภิยฺุชติ โจเทติ, อฏฺฏํ กโรตีติ อตฺโถ. สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘อาปตฺติ ¶ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ, ทุกฺกฏสงฺขาตา อาปตฺติ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา ทุกฺกฏสฺิตสฺส วีติกฺกมสฺส อาปชฺชนนฺติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทีสุ. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทตีติ วินิจฺฉยกุสลตาย, พลวนิสฺสิตาทิภาเวน วา อารามสามิกสฺส สํสยํ ชเนติ. กถํ? ตฺหิ ตถา วินิจฺฉยปฺปสุตํ ทิสฺวา สามิโก จินฺเตติ ‘‘สกฺขิสฺสามิ นุ โข อหํ อิมํ อารามํ อตฺตโน กาตุํ, น สกฺขิสฺสามิ นุ โข’’ติ. เอวํ ตสฺส วิมติ อุปฺปชฺชมานา เตน อุปฺปาทิตา โหติ. ธุรํ นิกฺขิปตีติ ยทา ปน สามิโก ‘‘อยํ ถทฺโธ กกฺขโฬ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ เม กเรยฺย, อลํ ทานิ มยฺหํ อิมินา อาราเมนา’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อุสฺสาหํ เปติ, อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิรุสฺสาโห โหตีติ อตฺโถ. อาปตฺติ ปาราชิกสฺส สเจ สยมฺปิ กตธุรนิกฺเขโป จาติ อธิปฺปาโย. อถ ปน สามิเกน ธุเร นิกฺขิตฺเตปิ อภิยฺุชโก ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวาว ‘‘อิมํ สุฏฺุ ปีเฬตฺวา มม อาณาปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา กิงฺการปฺปฏิสฺสาวิภาเว เปตฺวา ทสฺสามี’’ติ ทาตพฺพภาเว สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาว. อถาปิ อภิยฺุชโก อจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘น ทานิ อิมํ อิมสฺส ทสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, สามิโก ปน ธุรํ น นิกฺขิปติ, ปกฺขํ ปริเยสติ, กาลํ อาคเมติ, ‘‘ลชฺชิปริสํ ตาว ลภามิ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ คหเณเยว สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขติเยว. ยทา ปน ‘‘โสปิ น ทสฺสามี’’ติ, ‘‘สามิโกปิ น ลจฺฉามี’’ติ เอวํ อุโภ ธุรํ นิกฺขิปนฺติ, ตทา อภิยฺุชกสฺส ปาราชิกํ.
อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโตติ เวตเนน วา มิตฺตภาเวน วา อฺสฺส ภณฺฑํ หรนฺโต. สีเส ภารนฺติ ¶ สีเส ิตภารํ. สีสสฺส ตาว ปุริมคเล คลวาฏโก, ปิฏฺิคเล เกสฺจิ เกสนฺเต อาวฏฺโฏ โหติ, คลสฺเสว อุโภสุ ปสฺเสสุ เกสฺจิ เกสา โอรุยฺห ชายนฺติ, เย ‘‘กณฺณจูฬิกา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อโธภาโค จาติ อยํ เหฏฺิมโก ปริจฺเฉโท, ตโต อุปริ สีสํ, เอตฺถนฺตเร ิตภารนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขนฺธํ โอโรเปตีติ อุโภสุ ปสฺเสสุ กณฺณจูฬิกาหิ ปฏฺาย เหฏฺา, กปฺปเรหิ ปฏฺาย อุปริ, ปิฏฺิคลาวฏฺฏโต จ คลวาฏกโต จ ปฏฺาย เหฏฺา, ปิฏฺิเวมชฺฌาวฏฺฏโต จ อุรปริจฺเฉทมชฺเฌ, หทยาวาฏกโต จ ปฏฺาย อุปริ ขนฺโธ, ตํ โอโรเปติ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – โย ภิกฺขุ ‘‘อิทํ คเหตฺวา เอตฺถ ยาหี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๑) สามิเกหิ อนาณตฺโต สยเมว ‘‘มยฺหํ อิทํ นาม เทถ, อหํ โว ภณฺฑํ วหามี’’ติ เตสํ ภณฺฑํ สีเสน อาทาย คจฺฉนฺโต เถยฺยจิตฺเตน ตํ ภณฺฑํ อามสติ, ทุกฺกฏํ. ยถาวุตฺตสีสปริจฺเฉทํ อนติกฺกมนฺโตว อิโต จิโต จ ฆํสนฺโต สาเรติปิ ปจฺจาสาเรติปิ, ถุลฺลจฺจยํ. ขนฺธํ โอโรปิตมตฺเต กิฺจาปิ สามิกานํ ‘‘วหตู’’ติ จิตฺตํ อตฺถิ, เตหิ ปน อนาณตฺตตฺตา ปาราชิกํ. ขนฺธํ ปน อโนโรเปตฺวาปิ สีสโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเวนฺตสฺส ปาราชิกํ. ยมกภารสฺส ปน เอโก ภาโค สีเส ปติฏฺาติ, เอโก ปิฏฺิยํ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ านานํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. อยํ ปน สุทฺธสีสภารสฺเสว วเสน วุตฺโต. โย จายํ สีสภาเร วุตฺโต, ขนฺธภาราทีสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑนฺติ สงฺโคปนตฺถาย อตฺตโน หตฺเถ ปเรหิ ปิตภณฺฑํ. อหํ น คณฺหามีติ สมฺพนฺโธ. อตีตตฺเถ เจตํ วตฺตมานวจนํ, นาหํ คเหสินฺติ อตฺโถ. ทุกฺกฏํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๑) สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา. ‘‘กึ ตุมฺเห ภณถ, เนวิทํ มยฺหํ อนุรูปํ, น ตุมฺหาก’’นฺติอาทีนิ วทนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏเมว. สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทตีติ ‘‘รโห มยา เอตสฺส หตฺเถ ปิตํ, น อฺโ โกจิ ชานาติ, ทสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ สามิกสฺส วิมตึ อุปฺปาเทติ. ธุรํ นิกฺขิปตีติ ตสฺส ผรุสาทิภาวํ ทิสฺวา อุสฺสาหํ เปติ. ตตฺร สจายํ ภิกฺขุ ‘‘กิลเมตฺวา นํ ทสฺสามี’’ติ ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาว. สเจ โส ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโก ปน คหเณ สอุสฺสาโห, รกฺขเตว. ยทิ ปน โส ตสฺมึ ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโกปิ ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ. ยทิปิ มุเขน ‘‘ทสฺสามี’’ติ วทติ, จิตฺเตน ปน อทาตุกาโม, เอวมฺปิ สามิกสฺส ธุรนิกฺเขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ.
สหภณฺฑหารกํ ¶ เนสฺสามีติ ‘‘สหภณฺฑหารกํ ภณฺฑํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา. ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมตีติ ภณฺฑหารกํ ตชฺเชตฺวา ตสฺส คมนปถํ วาเรตฺวา อตฺตนา รุจิตมคฺคํ เอกปาทํ อติกฺกาเมติ. ถลฏฺนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๕) ถเล นิกฺขิตฺตํ, ภูมิตเล วา ปาสาณปพฺพตตลาทีสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ปฏิจฺฉนฺเน วา อปฺปฏิจฺฉนฺเน วา ปิตนฺติ อตฺโถ. ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยนฺติ โย ผนฺทาเปติ ¶ , ตสฺส ปโยเค ปโยเค ถุลฺลจฺจยํ, อามสเน ทุกฺกฏํ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยฺจ วิสุํ วิสุํ เถยฺยจิตฺเตน อามสนผนฺทาปนปโยเค กโรนฺตสฺเสว โหติ. ‘‘เอกปโยเคน คณฺหนฺตสฺส ปน อุทฺธาเร ปาราชิกเมว, น ทุกฺกฏถุลฺลจฺจยานี’’ติ วทนฺติ. านาติ ิตฏฺานโต. สเจ ตํ ถลฏฺํ ราสิกตํ โหติ, อนฺโตกุมฺภิยํ ภาชนคตกรณมุฏฺิจฺเฉทนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สเจ เอกาพทฺธํ สิเลสนิยฺยาสาทิ, ปกฺกมธุผาณิตวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สเจ ครุกํ โหติ ภารพทฺธํ โลหปิณฺฑิเตลมธุฆฏาทิ วา, กุมฺภิยํ านาจาวนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํ. สงฺขลิกาพทฺธสฺส จ านเภโท สลฺลกฺเขตพฺโพ. ปตฺถริตฺวา ปิตํ ปน ปาวารตฺถรณกฏสารกาทึ อุชุกํ คเหตฺวา อากฑฺฒติ, ปาริมนฺเต โอริมนฺเตน ผุฏฺโกาสํ อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. ตเถว คเหตฺวา ปรโต เปลฺลติ, ปาริมนฺเต ผุฏฺโกาสํ โอริมนฺเต อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. วามโต วา ทกฺขิณโต วา อปนาเมนฺตสฺส วามนฺเตน วา ทกฺขิณนฺเตน วา ผุฏฺโกาสํ ทกฺขิณนฺเต วา วามนฺเต วา อติกฺกนฺเต ปาราชิกํ. เวเตฺวา อุทฺธรติ, เกสคฺคมตฺตํ อากาสคตํ กโรนฺตสฺส ปาราชิกํ.
สโก หตฺโถ สหตฺโถ, เตน นิพฺพตฺโต, ตสฺส วา สมฺพนฺธีติ สาหตฺถิโก, อวหาโร. อาณาปนํ อาณตฺติ, ตาย อาณตฺติยา นิพฺพตฺโต อวหาโร อาณตฺติโก. นิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺโค, สุงฺกฆาตฏฺาเน, ปริกปฺปิโตกาเส จ ตฺวา ภณฺฑสฺส พหิ นิปาตนํ, นิสฺสคฺโคว นิสฺสคฺคิโย. กิริยาสิทฺธิโต ปุเรตรเมว ปาราชิกาปตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สาเธตีติ อตฺถสาธโก. ธุรสฺส อาลยสงฺขาตสฺส ภารสฺส นิกฺขิปนํ ปริจฺจชนํ นิรุสฺสาหภาวาปชฺชนํ ธุรนิกฺเขโป. อิทานิ พฺยฺชเน อาทรํ อกตฺวา เตสํ อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ สาหตฺถิโก นามา’’ติอาทิมาห. สหตฺถาติ สหตฺเถน. กรณตฺเถ หิ อิทํ นิสฺสกฺกวจนํ. ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อฺํ อาณาเปตีติ เอตฺถาปิ อาณตฺติกฺขเณ เอว อาปตฺติ ทฏฺพฺพา. ยทิ เอวํ อิมสฺส, อตฺถสาธกสฺส จ โก วิเสโสติ? ตํ ขณํ เอว คหเณ นิยฺุชนํ อาณตฺติกปโยโค, กาลนฺตเรน คหณตฺถํ นิโยโค อตฺถสาธโกติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๙๒; วิ. วิ. ฏี. ๑.๙๒) อยเมเตสํ วิเสโสติ. เตเนวาห ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ ยทา สกฺโกสิ, ตทา ตํ อวหราติ อาณาเปตี’’ติ.
สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสานนฺติ ¶ สุงฺกฆาตฺจ ปริกปฺปิโตกาโส จ สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสา, ¶ เตสํ. ตตฺถ สุงฺกฆาตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๓) รุกฺขปพฺพตาทิสฺาเณน นิยมิตสฺส สุงฺกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ ยสฺมา ตโต ราชเทยฺยภาคํ สุงฺกํ อทตฺวา นีหรนฺตา รฺโ สุงฺกํ หนนฺติ วินาเสนฺติ, ตสฺมา ‘‘สุงฺกฆาต’’นฺติ วุตฺตํ.
โกจิ ปรปริเวณาทีนิ ปวิฏฺโ กิฺจิ โลภเนยฺยภณฺฑํ ทิสฺวา ทฺวารปฺปมุขาทิวเสน ยํ านํ ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฏฺุกามตาย คเหตฺวา วิจรนฺโต วิย ทสฺสามิ, โน เจ ปสฺสิสฺสนฺติ, หริสฺสามี’’ติ ปริกปฺเปติ, อยํ ปริกปฺปิโตกาโส. อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๒๑) อตฺถสาธกเจตนากฺขเณเยว ปาราชิกํ. สเจปิ อวหารโก สฏฺิวสฺสาติกฺกเมนปิ ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, อาณาปโก จ อนฺตราเยว กาลํ กโรติ, หีนาย วา อาวตฺตติ, อสฺสมโณว หุตฺวา กาลํ วา กริสฺสติ, หีนาย วา อาวตฺติสฺสติ, อวหารกสฺส ปน อวหารกฺขเณเยว ปาราชิกํ. ปาทคฺฆนกเตลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๔) เอตฺถ ปาโท นาม กหาปณสฺส จตุตฺโถ ภาโค, ตํ อคฺฆตีติ ปาทคฺฆนกํ, ปาทคฺฆนกฺจ ตํ เตลฺจาติ ปาทคฺฆนกเตลํ. อุปาหนา อาทิ เยสํ วตฺถูนํ ตานิ อุปาหนาทีนิ. อาทิสทฺเทน ทุกูลสาฏกจมฺมกฺขณฺฑาทีนํ คหณํ. ปกฺขิปตีติ เถยฺยจิตฺเตน ปกฺขิปติ. เตนาห ‘‘หตฺถโต มุตฺตมตฺเตเยว ปาราชิก’’นฺติ สเจ ปน อตฺตโนปิ กุมฺภิยํ อฺโ สปฺปึ วา เตลํ วา อากิรติ, ตตฺร จายํ เถยฺยจิตฺเตน เตลปิวนกํ ภณฺฑํ ปกฺขิปติ, วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํ.
กาเยน วา วาจาย วา ปยฺุชนํ อาณาปนํ ปโยโค, อาณตฺตสฺส ภณฺฑคฺคหณโต ปุพฺพตฺตา ปุพฺโพ, อิติ ปุพฺโพ จ โส ปโยโค จาติ ปุพฺพปโยโค. ปโยเคน สห วตฺตมาโน อวหาโร สหปโยโค. สมํ เอกี หุตฺวา วิทหิตฺวา มนฺเตตฺวา อวหรณํ สํวิธาวหาโร, อฺมฺํ สฺุปฺปตฺติยา กตาวหาโรติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพณฺหาทิกาลปริจฺเฉเทน สฺชานนํ สงฺเกโต, ตสฺส กมฺมํ สงฺเกตกมฺมํ. นิมิตฺตสฺส กมฺมํ นิมิตฺตกมฺมํ, สฺุปฺปาทนตฺถํ กสฺสจิ นิมิตฺตสฺส กรณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ยถาวุตฺเตสุ ปุพฺพปโยคาทีสุ ปฺจสุ. ขิลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสนาติ ขิลํ, รชฺชุํ, วตึ, มริยาทํ วา ปาการํ ¶ วา สงฺกาเมตฺวา เขตฺตคฺคหณวเสน, ขิลํ, รชฺชุํ, วตึ, มริยาทํ วา ปาการํ วา สงฺกาเมตฺวา วตฺถุคฺคหณวเสน. สเจ ปน ทฺวีหิ ขิเลหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปเม ขิเล ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเย ปาราชิกํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๔). สเจ ตีหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปเม ทุกฺกฏํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํ, ตติเย ปาราชิกํ. เอวํ พหุเกสุปิ อวสาเน ทฺเว เปตฺวา ปุริเมหิ ทุกฺกฏํ, อวสาเน ทฺวินฺนํ เอเกน ถุลฺลจฺจยํ ¶ , อิตเรน ปาราชิกํ. รชฺชุปสารณาทีสุปิ เอเสว นโย. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ตฺจ โข สามิกานํ ธุรนิกฺเขเปนา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๐๔) วุตฺตํ, ตํ ‘‘เขตฺตํ อภิยฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๐๔) -อธิกาเร วุตฺตตฺตา อภิโยควเสน คหณํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. สํวิทหิตฺวาติ เอตสฺเสว เววจนํ. สํมนฺตยิตฺวาติ เอกจฺฉนฺทตาย เอกชฺฌาสยตาย ภณิตฺวาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อวหาเร อสมฺโมหตฺถํ ‘‘เอวํ สํวิทหิตฺวา คเตสุ หี’’ติอาทิมาห. สฺชานนกมฺมนฺติ ปุพฺพณฺหาทิกาลปริจฺเฉทวเสน สฺาณกรณํ. เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ.
เอตฺถ จ ‘‘ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑๙) อชฺช วา ปุเรภตฺตํ อวหรตุ, สฺเว วา, อนาคเต วา สํวจฺฉเร, นตฺถิ วิสงฺเกโต, อุภินฺนมฺปิ ปาราชิกํ. สเจ ปน ‘‘อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต สฺเว อวหรติ. ‘‘อชฺชา’’ติ นิยมิตํ สงฺเกตํ อติกฺกมฺม ปจฺฉา อวหฏํ โหติ. สเจ ‘‘สฺเว ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุตฺเต อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรติ, ‘‘สฺเว’’ติ นิยมิตํ ตํ สงฺเกตํ อปตฺวา ปุเร อวหฏํ โหติ, เอวํ อวหรนฺตสฺส อวหารกสฺเสว ปาราชิกํ, มูลฏฺสฺส อนาปตฺติ. ‘‘สฺเวว ปุเรภตฺต’’นฺติ วุตฺเต ตทเหว วา, สฺเว ปจฺฉาภตฺตํ วา อวหรนฺโตปิ ตํสงฺเกตโต ปุเร จ ปจฺฉา จ อวหรติ. โย ปน เอวํอกตฺวา ยถาปริจฺฉินฺนกาลเมว อวหรติ, อยํ สงฺเกตโต อปุเร อปจฺฉา ตํ อวหรตีติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย ปจฺฉาภตฺตรตฺตินฺทิเวสุปิ, ปุริมยามมชฺฌิมยามปจฺฉิมยามกาฬชุณฺหมาสอุตุสํวจฺฉราทิวเสนาปิ เอตฺถ สงฺเกตวิสงฺเกตตา เวทิตพฺพา. ปรภณฺฑาวหารสฺุปฺปาทสฺส เหตุตฺตา อกฺขินิขณาทีเนว นิมิตฺตนฺติ อกฺขินิขณาทินิมิตฺตํ, ตสฺส กรณํ อกฺขินิขณาทินิมิตฺตกรณํ. อาทิสทฺเทน ภมุกุกฺเขปสีสกมฺปนหตฺถลงฺฆนปาณิปฺปหารองฺคุลิโผฏนคีวุนฺนามนอุกฺกาสนาทิอเนกปฺปการํ สงฺคณฺหาติ. เสสเมตฺถ สงฺเกตกมฺเม วุตฺตนยเมว.
เถโน ¶ วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, เตน อวหรณํ เถยฺยาวหาโร. ปสยฺห อภิภวิตฺวา อวหรณํ ปสยฺหาวหาโร. วตฺถสุตฺตาทิกํ ปริจฺฉิชฺช กปฺปนํ ปริกปฺโป, เตน อวหรณํ ปริกปฺปาวหาโร. ติณปณฺณาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนสฺส อวหาโร ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร. กุเสน อวหาโร กุสาวหาโร. กูฏมานกูฏกหาปณาทีหีติ เอตฺถ กูฏมานํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๓; ปุ. ป. อฏฺ. ๑๗๙) นาม หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ มานกูฏํ. ตตฺถ หทยนฺติ นาฬิอาทิมานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ, ตสฺส เภโท ฉิทฺทกรณํ หทยเภโท, โส สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต เหฏฺาฉิทฺเทน มาเนน ‘‘สณิกํ ¶ อาสิฺจา’’ติ วตฺวา อนฺโตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต จ ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติ.
สิขาเภโท ปน ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทนฺโต เทติ.
รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติ. เขตฺตาทึ มินนฺตา หิ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติ, มหนฺตมฺปิ อมหนฺตํ.
ตมฺพกํสาทิมโย กูโฏ กหาปโณ กูฏกหาปโณ. อาทิสทฺเทน ตุลากูฏกํสกูฏวฺจนาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ตุลากูฏํ รูปกูฏํ, องฺคกูฏํ, คหณกูฏํ, ปฏิจฺฉนฺนกูฏนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ รูปกูฏํ นาม ทฺเว ตุลา สมรูปา กตฺวา คณฺหนฺโต มหติยา คณฺหาติ, ททนฺโต ขุทฺทิกาย เทติ. องฺคกูฏํ นาม คณฺหนฺโต ปจฺฉาภาเค หตฺเถน ตุลํ อกฺกมติ, ททนฺโต ปุพฺพภาเค อกฺกมติ. คหณกูฏํ นาม คณฺหนฺโต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททนฺโต อคฺเค. ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อนฺโต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺโต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททนฺโต อคฺคภาเค.
กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วฺจนํ กํสกูฏํ. กถํ? เอกํ สุวณฺณปาตึ กตฺวา อฺา ทฺเว ติสฺโส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรนฺติ. ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิฺจิเทว อฑฺฒํ กุลํ ปวิสิตฺวา ‘‘สุวณฺณภาชนานิ กิณาถา’’ติ วตฺวา อคฺเฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติ ¶ . ตโต เตหิ ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาตึ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพา ปาติโย ทตฺวา คจฺฉติ.
วฺจนํ นาม เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วฺจนํ. ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคฺจ มิคโปตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติ, ตเมโก ธุตฺโต ‘‘กึ โภ มิโค อคฺฆติ, กึ มิคโปตโก’’ติ อาห. ‘‘มิโค ทฺเว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ วุตฺเต เอกํ กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺเตนฺโต ‘‘น เม โภ มิคโปตเกน อตฺโถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ทฺเว กหาปเณ เทหี’’ติ อาห. โส อาห ‘‘นนุ โภ มยา ปมํ เอโก กหาปโณ ทินฺโน’’ติ. อาม ทินฺโน, อิมํ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ ¶ , อยฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโกติ ทฺเว กหาปณา ภวิสฺสนฺตีติ. โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติ.
ปสยฺหาติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘) ปเร อภิภุยฺย. คามํ ฆาเตนฺตีติ คามฆาตกา, คามํ ปหรนฺตา โจรา, เต อาทิ เยสํ เต คามฆาตกาทโย. อาทิสทฺเทน เจตฺถ ปนฺถฆาตกาทีนํ คหณํ. อุทฺธาเรเยว ปาราชิกนฺติ ‘‘สเจ สาฏโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปสฺส ปวตฺตตฺตา, สาฏกสฺส จ ตตฺถ สพฺภาวโต. ปทวาเรน กาเรตพฺโพติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวาว วีมํสิตตฺตา วุตฺตํ. ภณฺฑเทยฺยนฺติ ยํ ปรสฺส นฏฺํ, ตสฺส มูลํ วา ตเทว วา ภณฺฑํ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
ตสฺสาติ โย เอวํ ปริกปฺเปติ, ตสฺส. อิมสฺส ‘‘อวหาโร โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ.
ปเรสนฺติ กีฬนฺตานํ, ปวิสนฺตานํ วา ปเรสํ มนุสฺสานํ. ‘‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตีติ ‘‘สเจ อิทาเนว โอนมิตฺวา คณฺหิสฺสามิ, ‘กึ สมโณ คณฺหาตี’ติ มํ ชานิตฺวา วิเหเยฺยุํ ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ ปํสุนา วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทติ. อุทฺธาโร นตฺถีติ านาจาวนํ นตฺถีติ อตฺโถ. สามิกาติ อนฺตาคามํ ปวิสิตุกามา ภณฺฑสามิกา มนุสฺสา. อุทฺธาเรติ อุทฺธรเณ, านาจาวเนติ อตฺโถ ¶ . านาจาวนฺเจตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ปเวเสตีติ านาจาวนวเสน ปเวเสติ, เหฏฺิมนฺเตน ผุฏฺโกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุปริมนฺเตน อติกฺกาเมนฺโต ปเวเสตีติ อตฺโถ.
สมคฺฆตรนฺติ อปฺปคฺฆตรํ. อุทฺธฏมตฺเต อวหาโรติ สกภาวปฺปโยคสฺส นิฏฺาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสน. อุทฺธาเร รกฺขติ อตฺตโน โกฏฺาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธฏตฺตา. เอเสว นโย ปาตเนปิ รกฺขตีติ เอตฺถาปิ. ‘‘อุทฺธาเรเยว รกฺขตี’’ติ อิมินาว ปาตเน น รกฺขตีติ อตฺเถ สิทฺเธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สเจ ปน ทฺวีสุปิ โกฏฺาเสสุ ปติตทณฺฑเก อทสฺสนํ คเมติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๘), ตโต อวเสสภิกฺขูสุ คเตสุ อิตโร ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ทณฺฑโก น ปฺายตี’’ติ, ‘‘มยฺหมฺปิ, อาวุโส, น ปฺายตี’’ติ, ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มยฺหํ ภาโค’’ติ. ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค’’ติ อตฺตโน ภาคํ ทสฺเสติ. ตสฺมึ วิวทิตฺวา วา อวิวทิตฺวา วา ตํ คณฺหิตฺวา คเต อิตโร ตสฺส ภาคํ อุทฺธรติ, อุทฺธาเร ¶ ปาราชิกํ. สเจปิ เตน ‘‘อหํ มม ภาคํ ตุยฺหํ น เทมิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน ภาคํ ตฺวา คณฺหา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘นายํ มมา’’ติ ชานนฺโตปิ ตสฺเสว ภาคํ คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํ. สเจ ปน อิตโร ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค, อยํ มยฺหํ ภาโคติ กึ อิมินา วิวาเทนา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มยฺหํ วา ปตฺโต โหตุ, ตุมฺหากํ วา, โย วรภาโค, ตํ ตุมฺเห คณฺหถา’’ติ วทติ, ทินฺนกํ นาม คหิตํ โหติ, นตฺเถตฺถ อวหาโร. สเจ โส วิวาทภีรุโก ภิกฺขุ ‘‘ยํ ตุยฺหํ รุจฺจติ, ตํ คณฺหา’’ติ วุตฺโต อตฺตโน ปตฺตํ วรภาคํ เปตฺวา ลามกํเยว คเหตฺวา คจฺฉติ, ตโต อิตรสฺส วิจินิตาวเสสํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อวหาโร นตฺเถว. เอวมิมานิ ปฺจ ปฺจกานิ สโมธาเนตฺวา อิเม ปฺจวีสติ อวหารา เวทิตพฺพา. นิฏฺิโต ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส วินิจฺฉโย. เตนาห ‘‘อิติ ยํ วุตฺตํ…เป… ยสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตี’’ติ.
ราชาโนติ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, อปราธานุรูปํ ปน เฉชฺชเภชฺชานุสาสโก ปมาณภูโตว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ราชาโนติ อิทํ พิมฺพิสารํเยว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. โส หิ ธมฺมิกราชตฺตา ยถาปเวณิยาว กโรติ. อฺเ ปน กากณิกมตฺตสฺสปิ สีสํ ฉินฺเทยฺยุํ ¶ , พหุกสฺสาปิ น วา กิฺจิ กเรยฺยุํ. เตนาห ‘‘อฺเ ปนา’’ติอาทิ. หนนํ นาม โปถนฺเจว เฉทนฺจาติ อาห ‘‘หตฺถาทีหิ วา’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน ปาทกสาเวตฺตอฑฺฒทณฺฑกานํ คหณํ. รชฺชุพนฺธนาทีหีติ อาทิสทฺเทน อนฺทุพนฺธนสงฺขลิกาพนฺธนฆรพนฺธนนครพนฺธนปุริสคุตฺตีนํ คหณํ. นีหเรยฺยุนฺติ รฏฺโต นิกฺขาเมยฺยุํ. โจโรสิ…เป… เถโนสีติ เอตฺถ ‘‘ปริภาเสยฺยุ’’นฺติ ปทํ อชฺฌาหริตพฺพํ อูนตฺตา ปทปฺปโยคสฺส. เตนาห ‘‘อิเมหิ วจเนหิ ปริภาเสยฺยุ’’นฺติ. ยถารูปํ ปน ยสฺมา ปาทโต ปฏฺาย โหติ, ตสฺมา ‘‘ปาทสฺส วา ปาทารหสฺส วา’’ติ อาห. โปราณกสฺส กหาปณสฺส จตุตฺโถ ภาโค ปาโท, ปาทํ อรหตีติ ปาทารโห, ตสฺส ปาทสฺส วา ปาทารหสฺส วา. เอตฺถ จ ปาเทน กหาปณสฺส จตุตฺถภาคํ อกปฺปิยภณฺฑเมว ทสฺเสติ, ปาทารเหน ปาทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํ. เอตฺตาวตา เหฏฺิมนฺตทสฺสเนน สพฺพากาเรน ทุติยปาราชิกปฺปโหนกวตฺถุ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. โปราณกสฺสาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๘; วิ. วิ. ฏี. ๑.๘๘) โปราณสตฺถานุรูปํ อุปฺปาทิตสฺส ลกฺขณสมฺปนฺนสฺส นีลกหาปณสทิสสฺส กหาปณสฺส. เอเตน รุทฺรทามกาทีนิ ปฏิกฺขิปติ.
เอวํ อสาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ราชคเห’’ติอาทิมาห. รฺโติ พิมฺพิสารรฺโ. มาสโก นาม โปราณกสฺส กหาปณสฺส วีสติโม ภาโค. โย โลเก ‘‘มฺเชฏฺี’’ติปิ วุจฺจติ. อิทานิ อิมสฺมึ อทินฺนาทาเน วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ อูนมาสกาติเรกมาสกปฺจมาสเกสุ. ปริหีนาปริหีนวเสนาติ อคฺฆสฺส ปริหีนาปริหีนวเสน. อยเมตฺถ สงฺเขโป ¶ , วิตฺถาโร ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – อิทฺหิ อทินฺนาทานํ วินิจฺฉินนฺเตน โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ สหสา อวินิจฺฉินิตฺวา ปฺจ านานิ โอโลเกตพฺพานิ. ยานิ สนฺธาย โปราณา อาหุ –
‘‘วตฺถุํ กาลฺจ เทสฺจ, อคฺฆํ ปริโภคปฺจมํ;
ตุลยิตฺวา ปฺจานานิ, ธาเรยฺยตฺถํ วิจกฺขโณ’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒);
ตตฺถ จ วตฺถูติ ภณฺฑํ. อวหารเกน หิ ‘‘มยา อิทํ นาม อวหฏ’’นฺติ วุตฺเตปิ อาปตฺตึ อนาโรเปตฺวาว ตํ ภณฺฑํ สสามิกํ วา อสามิกํ วาติ ¶ อุปปริกฺขิตพฺพํ. สสามิเกปิ สามิกานํ สาลยภาโว วา นิราลยภาโว วา อุปปริกฺขิตพฺโพ. สเจ เตสํ สาลยกาเล อวหฏํ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติ กาเรตพฺพา. สเจ นิราลยกาเล, น ปาราชิเกน กาเรตพฺโพ. ภณฺฑสามิเกสุ ปน ภณฺฑํ อาหราเปนฺเตสุ ภณฺฑํ ทาตพฺพํ. อยเมตฺถ สามีจิ. เอวํ วตฺถุ โอโลเกตพฺพํ.
กาโลติ อวหารกาโล. ตเทว หิ ภณฺฑํ กทาจิ สมคฺฆํ โหติ, กทาจิ มหคฺฆํ. ตสฺมา ตํ ภณฺฑํ ยสฺมึ กาเล อวหฏํ, ตสฺมึเยว กาเล โย ตสฺส อคฺโฆ, เตน อคฺเฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. เอวํ กาโล โอโลเกตพฺโพ.
เทโสติ อวหารเทโส. ตฺหิ ภณฺฑํ ยสฺมึ เทเส อวหฏํ, ตสฺมึเยว เทเส โย ตสฺส อคฺโฆ, เตน อคฺเฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. ภณฺฑุฏฺานเทเส หิ ภณฺฑํ สมคฺฆํ โหติ, อฺตฺถ มหคฺฆํ. เอวํ เทโส โอโลเกตพฺโพ.
อคฺโฆติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) ภณฺฑคฺโฆ. นวภณฺฑสฺส หิ โย อคฺโฆ, โส ปจฺฉา ปริหายติ. ยถา นวโธโต ปตฺโต อฏฺ วา ทส วา อคฺฆติ, โส ปจฺฉา ภินฺโน วา ฉิทฺโท วา อาณิคณฺิกาหโต วา อปฺปคฺโฆ โหติ, ตสฺมา น สพฺพทา ภณฺฑํ ปกติอคฺเฆเนว กาตพฺพนฺติ. เอวํ อคฺโฆ โอโลเกตพฺโพ.
ปริโภโคติ ภณฺฑสฺส ปริโภโค. ปริโภเคนาปิ หิ วาสิอาทิภณฺฑสฺส อคฺโฆ ปริหายติ, ตสฺมา เอวํ อุปปริกฺขิตพฺพํ – สเจ โกจิ กสฺสจิ ปาทคฺฆนกํ วาสึ หรติ, ตตฺร ¶ วาสิสามิโก ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ตยา อยํ วาสิ กิตฺตเกน กีตา’’ติ. ‘‘ปาเทน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต กิณิตฺวาว ปิตา, อุทาหุ ตํ วลฺเชสี’’ติ? สเจ วทติ ‘‘เอกทิวสํ เม ทนฺตกฏฺํ วา รชนฉลฺลิ วา ปตฺตปจนทารุ วา ฉินฺนํ, ฆํสิตฺวา วา นิสิตา’’ติ. อถสฺส โปราโณ อคฺโฆ ภฏฺโติ เวทิตพฺโพ. ยถา จ วาสิยา, เอวํ อฺชนิยา วา อฺชนิสลากาย วา กฺุจิกาย วา ปลาเลน วา ถุเสหิ วา อิฏฺกจุณฺเณน วา เอกวารํ ฆํสิตฺวา โธวนมตฺเตนาปิ อคฺโฆ ภสฺสติ. ติปุมณฺฑลสฺส มกรทนฺตจฺเฉทเนนาปิ ปริมทฺทนมตฺเตนาปิ, อุทกสาฏิกาย สกึ นิวาสนปารุปเนนาปิ, ปริโภคสีเสน ¶ อํเส วา สีเส วา ปนมตฺเตนาปิ, ตณฺฑุลาทีนํ ปปฺโผฏเนนาปิ ตโต เอกํ วา ทฺเว วา อปนยเนนปิ, อนฺตมโส เอกํ ปาสาณสกฺขรํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมตฺเตนาปิ, สปฺปิเตลาทีนํ ภาชนนฺตรปริวตฺตเนนปิ, อนฺตมโส ตโต มกฺขิกํ วา กิปิลฺลิกํ วา อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมตฺเตนปิ, คุฬปิณฺฑกสฺส มธุรภาวชานนตฺถํ นเขน วิชฺฌิตฺวา อณุมตฺตํ คหิตมตฺเตนปิ อคฺโฆ ภสฺสติ. ตสฺมา ยํ กิฺจิ ปาทคฺฆนกํ วุตฺตนเยเนว สามิเกน ปริโภเคน อูนํ กตํ โหติ, น ตํ อวหารโก ภิกฺขุ ปาราชิเกน กาเรตพฺโพติ. เอวํ ปริโภโค โอโลเกตพฺโพ.
เอวํ อิมานิ ตุลยิตฺวา ปฺจ านานิ ธาเรยฺย อตฺถํ วิจกฺขโณ อาปตฺตึ วา อนาปตฺตึ วา ครุกํ วา ลหุกํ วา อาปตฺตึ ยถาาเน เปยฺยาติ.
เอวํ ตตฺถ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนาปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกสฺิสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกสฺิสฺสาติ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ อิทํ ภณฺฑ’’นฺติ เอวํ สกสฺิสฺส ปรภณฺฑมฺปิ คณฺหโต คหเณ อนาปตฺติ, คหิตํ ปน ปุน ทาตพฺพํ. สเจ สามิเกหิ ‘‘เทหี’’ติ วุตฺโต น เทติ, เตสํ ธุรนิกฺเขเป ปาราชิกํ. วิสฺสาสคฺคาเหติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๓๑) วิสฺสาสคฺคหเณปิ อนาปตฺติ. วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณํ ปน อิมินา สุตฺเตน ชานิตพฺพํ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํ, สนฺทิฏฺโ จ โหติ, สมฺภตฺโต จ อาลปิโต จ ชีวติ จ ชานาติ จ ‘คหิเต เม อตฺตมโน’’’ติ (มหาว. ๓๕๖).
ตตฺถ สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺตกมิตฺโต. สมฺภตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต. อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺเหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุตฺโต. ชีวตีติ อนุฏฺานเสยฺยาย ¶ สยิโตปิ ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทํ น ปาปุณาติ. คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต ตุฏฺจิตฺโต. เอวรูปสฺส สนฺตกํ ‘‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปฺจงฺคานิ วุตฺตานิ. วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหิ องฺเคหิ รุหติ. กถํ? สนฺทิฏฺโ, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, สมฺภตฺโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, อาลปิโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโนติ เอวํ.
โย ¶ ปน ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสภาเวน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํ. ททนฺเตน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํ. อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ ตสฺเสว ทาตพฺพํ. โย ปน ปมํเยว ‘‘สุฏฺุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหนฺเตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, โส ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย จ อทาตุกาโม, จิตฺเตน ปน อธิวาเสติ, น กิฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติ. โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิต’’นฺติ วา ‘‘ปริภุตฺต’’นฺติ วา วุตฺโต คหิตํ วา โหตุ, ปริภุตฺตํ วา, ‘‘มยา ปน ตํ เกนจิเทว กรณีเยน ปิตํ, ปากติกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทติ, อยํ ปจฺจาหราเปตุํ ลภติ.
ตาวกาลิเกติ ‘‘ปฏิทสฺสามิ ปฏิกริสฺสามี’’ติ เอวํ คณฺหนฺตสฺส ตาวกาลิเกปิ คหเณ อนาปตฺติ. คหิตํ ปน สเจ ภณฺฑสามิโก ปุคฺคโล วา คโณ วา ‘‘ตุยฺเหเวตํ โหตู’’ติ อนุชานาติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อนุชานาติ, อาหราเปนฺเต ทาตพฺพํ. สงฺฆสนฺตกํ ปน ปฏิทาตุเมว วฏฺฏติ.
เปตปริคฺคเหติ เอตฺถ ปน เปตฺติวิสเย อุปปนฺนาปิ, กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว นิพฺพตฺตาปิ, จาตุมหาราชิกาทโย เทวาปิ สพฺเพ ‘‘เปตา’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คตา, เตสํ ปริคฺคเห อนาปตฺติ. เทวตาย ปน อุทฺทิสฺส พลิกมฺมํ กโรนฺเตหิ รุกฺขาทีสุ ลคฺคิตสาฏเก วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตฺจ โข อารกฺขเกหิ อปริคฺคหิเต, ปริคฺคหิตํ ปน คเหตุํ น วฏฺฏติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๓๑).
ติรจฺฉานคตปริคฺคเหติ นาคสุปณฺณาทีนํ ติรจฺฉานคตานํ ปริคฺคเห. สเจปิ หิ เทโว วา นาคสุปณฺโณ วา มนุสฺสรูเปน อาปณํ ปสาเรติ, ตโต จสฺส สนฺตกํ โกจิ ทิพฺพจกฺขุโก ภิกฺขุ ตํ ตฺวา คเหตฺวา คจฺฉติ, วฏฺฏติ.
ปํสุกูลสฺิสฺสาติ ¶ ‘‘อสามิกํ อิทํ ปํสุกูล’’นฺติ เอวสฺิสฺสาปิ คหเณ อนาปตฺติ. สเจ ปน ตํ สสามิกํ โหติ, อาหราเปนฺเต ทาตพฺพํ. อุมฺมตฺตกาทีนิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการาเนว. อาทิกมฺมิโก ปเนตฺถ ธนิโย ¶ . อวเสสานํ ปน รชกภณฺฑิกาทิโจรานํ ฉพฺพคฺคิยาทีนํ อาปตฺติเยว.
สจิตฺตเกหิ ตีหิ สมุฏฺาเนหิ อิทํ สมุฏฺาตีติ อาห ‘‘อทินฺนาทานสมุฏฺาน’’นฺติ. ตถา หิ สาหตฺถิกํ กายจิตฺตโต สมุฏฺาติ. อาณตฺติกํ วาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ. สาหตฺติกาณตฺติกํ กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ, ตฺจ โข ‘‘ภาริยมิทํ, ตฺวํ เอกปสฺสํ คณฺห, อหํ เอกปสฺส’’นฺติ สํวิธาย อุภเยสํ ปโยเคน เอกสฺส วตฺถุโน านาจาวเน ลพฺภติ. ‘‘กายวจีกมฺม’’นฺติ อวจนํ ปน กายวาจานํ อีทิเส าเน องฺคมตฺตตฺตา. ยาย ปน เจตนาย สมุฏฺาปิโต ปโยโค สาหตฺถิโก วา อาณตฺติโก วา ปธานภาเวน านาจาวนํ สาเธติ, ตสฺสา วเสน อาปตฺติ กาเรตพฺพา. อฺถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ, อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสาติ อิทํ วิรุชฺฌติ. ‘‘อทินฺนํ อาทิยามี’’ติ สฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. กาเยน กตํ กมฺมํ กายกมฺมํ, กายทฺวาเรน กตนฺติ อตฺโถ. วจีกมฺมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตุฏฺโ วา ภีโต วา มชฺฌตฺโต วา นํ อาปชฺชตีติ ติเวทนํ. เสสํ ปมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา
สนฺติ สหตฺเถ อุปสคฺโค. เตน สทฺธึ อุสฺสุกฺกวจนเมตํ ‘‘สฺจิจฺจา’’ติ อาห ‘‘สฺเจเตตฺวา’’ติอาทิ. อุสฺสุกฺกวจนนฺติ เอตฺถ อุสฺสุกฺกวจนํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒) นาม ปุพฺพกาลกิริยาวจนํ. อยฺหิ สมานกตฺตุเกสุ ปุพฺพาปรกาลกิริยาวจเนสุ ปุพฺพกาลกิริยาวจนสฺส นิรุตฺติโวหาโร. อิทานิ ‘‘สทฺธึ เจเตตฺวา’’ติ อิมินา สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ปาโณ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺาย สทฺธึเยวาติ ‘‘ปาโณ’’ติ สฺํ อวิชหิตฺวา เอว, ‘‘ปาโณ’’ติ สฺุปฺปตฺติยา อนนฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา กถํ เอกกฺขเณ เอกสฺส จิตฺตสฺส อุภยารมฺมณภาโวติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘าตปริฺาย ¶ ทิฏฺสภาเวสุ ธมฺเมสุ ตีรณปริฺาย ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒) ‘รูปํ อนิจฺจ’นฺติอาทินา สภาเวน ¶ สทฺธึ เอกกฺขเณ อนิจฺจาทิลกฺขณชานนํ วิย ‘ปาโณ’ติ สฺาย สทฺธึเยว ‘วธามิ น’นฺติ ชานาตี’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน อาจริยา ตตฺถาปิ เอวํ น กเถนฺติ. เอตฺถ จ มนุสฺสวิคฺคโห’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาโณ’’ติ วจนํ ‘‘มนุสฺโส อย’’นฺติ อชานิตฺวา เกวลํ สตฺตสฺาย ฆาเตนฺตสฺสาปิ ปาราชิกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เจเตตฺวาติ จินฺเตตฺวา. ปกปฺเปตฺวาติ อภิวิจาเรตฺวา, สนฺนิฏฺานํ กริตฺวาติ อตฺโถ.
อิทานิ มนุสฺสอตฺตภาวํ อาทิโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กลลโต ปฏฺายาติ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สทฺธึ อุปฺปนฺนกลลรูปโต ปฏฺาย. กลลรูปํ นาม อิตฺถิปุริสานํ กายวตฺถุภาวทสกวเสน สมตึส รูปานิ, นปุํสกานํ กายวตฺถุทสกวเสน วีสติ. ตตฺถ อิตฺถิปุริสานํ กลลรูปํ ชาติอุณฺณาย เอเกน อํสุนา อุทฺธฏเตลพินฺทุมตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ –
‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ, สปฺปิมณฺโฑ อนาวิโล;
เอวํวณฺณปฺปฏิภาคํ, ‘กลล’นฺติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๓๕; วิภ. อฏฺ. ๒๖; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒);
เอวํ ปริตฺตกํ วตฺถุํ อาทึ กตฺวา ยาว มรณกาลา เอตฺถนฺตเร อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺโต อตฺตภาโว มนุสฺสวิคฺคโห นามาติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ เยภุยฺยวเสเนว วุตฺตํ. โอปปาติกสํเสทชาปิ หิ มนุสฺสา ปาราชิกวตฺถุเยว. กลลกาเลปีติ ปมสตฺตาเหปิ. ตตฺถ หิ สนฺตติวเสน ปวตฺตมานํ กลลสงฺขาตํ อตฺตภาวํ ชีวิตา โวโรเปตุํ สกฺกา, น ปน สพฺพปมํ กลลรูปํ. ปฏิสนฺธิจิตฺเตน หิ สทฺธึ ตึส กมฺมชรูปานิ นิพฺพตฺตนฺติ. เตสุ ปน ิเตสุเยว โสฬส ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ. เอตสฺมึ อนฺตเร คหิตปฏิสนฺธิกสฺส ทารกสฺส วา มาตุยา วา ปนสฺส อนฺตราโย นตฺถิ. อยฺหิ มรณสฺส อโนกาโส นาม. เภสชฺชสมฺปทาเนนาติ คพฺภปาตนเภสชฺชทาเนน. ตโต วา อุทฺธมฺปีติ อพฺพุทเปสิกาลาทีสุปิ. ชีวิตา วิโยเชยฺยาติ สนฺตติวิโกปนวเสน ชีวิตินฺทฺริยโต อปเนยฺย.
อิมสฺส ¶ ปนตฺถสฺสาติ ‘‘สฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๑๗๑) อิมสฺส อตฺถสฺส. อาวิภาวตฺถนฺติ ปกาสนตฺถํ. ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. สตฺโตติ ขนฺธสนฺตาโน. ตตฺถ หิ สตฺตปฺตฺติ. ชีวิตินฺทฺริยนฺติ ¶ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสตีติ. ยาย เจตนายาติ ตสฺมึ ปาเณ ปาณสฺิโน กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตาย ยาย เจตนาย. มโนทฺวาเร ปน ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตภาโว นตฺถิ. สา เจตนาติ สา ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาย เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุ ตํมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒), สา ตาทิสปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต. ลทฺธูปกฺกมานิ หิ มหาภูตานิ อิตรภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติกานํ การณํ น โหนฺตีติ.
ปาณาติปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาณาติปาตี. สํสคฺเค อยมีกาโร. เตนาห ‘‘วุตฺตเจตนาย สมงฺคิปุคฺคโล’’ติ. สโก หตฺโถ สหตฺโถ, เตน นิพฺพตฺโต ปโยโค สาหตฺถิโก. นิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺโค, โสว นิสฺสคฺคิโย. เอวํ อาณตฺติโก. วิชฺชามโย มนฺตปริชปฺปนโยโค. อิทฺธิมโย กมฺมวิปากชิทฺธิมโย.
อิทานิ ยถาวุตฺเตเยว ฉ ปโยเค วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ ปโยเคสุ. สาหตฺถิโกติ เอตฺถ หตฺโถ อุปลกฺขณภาเวน คหิโตติ อาห ‘‘กาเยน วา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาเยนาติ หตฺเถน วา ปาเทน วา มุฏฺินา วา ชาณุนา วา เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน. กาเยกเทโส เหตฺถ หตฺถาทิกาโย อวยเว สมุทาโยปจาโร ยถา ‘‘คาโม ทฑฺโฒ’’ติ. กายปฺปฏิพทฺเธนาติ กายโต อโมจิเตน อสิอาทินา ปหรเณน. ปหรณนฺติ กายวิฺตฺติสหิตาย วธกเจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ. กาเยน วา สตฺติอาทีนํ, กายปฺปฏิพทฺเธน วา อุสุยนฺตปาสาณาทีนํ นิสฺสชฺชนนฺติ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถาติ เตสุ สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิเยสุ ¶ . อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโตติ อุทฺทิสิตฺวา จ อนุทฺทิสิตฺวา จ ปวตฺติเภเทน. อุทฺทิสนํ อุทฺทิโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ อุทฺทิสโก, ปโยโค, ตสฺมึ. พชฺฌติ เอเตนาติ พทฺโธ, กมฺมเมว พทฺโธ กมฺมพทฺโธ, ปาณาติปาโตติ อตฺโถ. อถ วา พนฺธนํ พทฺโธ, กมฺมุนา พทฺโธ กมฺมพทฺโธ, โส อสฺส โหติ, ปาณาติปาตกมฺมมสฺส สิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุภยตฺถาปีติ อุทฺทิสเก, อนุทฺทิสเก จาติ ทฺวีสุปิ. ปจฺฉา วา เตเนว โรเคน มรตูติ โยชนา. ปหริตกฺขเณเยวาติ มรณาย ปโหนกปฺปหารสฺส ลทฺธกฺขเณเยว กมฺมพทฺโธ. ยทิ อวสฺสํ เตน มรตีติ อธิปฺปาโย. สเจ ปน มรณาธิปฺปาเยน ปหารํ ทตฺวา เตน อมตสฺส ปุน อฺเน จิตฺเตน ปหาเร ทินฺเน ปจฺฉาปิ ปมปฺปหาเรเนว มรติ, ตทาว กมฺมพทฺโธ. อถ ทุติยปหาเรน มรติ ¶ , นตฺถิ ปาณาติปาโต. อุภเยหิ มเตปิ ปมปฺปหาเรเนว กมฺมพทฺโธ, อุภเยหิปิ อมเต เนวตฺติ ปาณาติปาโต. เอส นโย พหูหิปิ เอกสฺส ปหาเร ทินฺเน. ตตฺราปิ หิ ยสฺส ปหาเรน มรติ, ตสฺเสว กมฺมพทฺโธติ. อาณาปนํ นาม วจีวิฺตฺติสหิตาย วธกเจตนาย อธิปฺเปตตฺถสาธนํ.
อิทานิ อิมสฺมึ อาณตฺติกปโยเค สงฺเกตวิสงฺเกตภาวชานนตฺถํ ฉพฺพิธํ นิยมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ อาณตฺติกปโยเค. อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปโยคสาธิกา. เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุเยว อาณตฺติกปโยโค โหติ, น อฺถาติ.
ปุคฺคโลติ มาเรตพฺโพ ปุคฺคโล. เตนาห ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ. อาณาปกสฺส อาปตฺตีติ อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณ อาปตฺติ, อาณตฺตสฺส มารณกฺขเณ. อาณาปโก มุจฺจตีติ อาณตฺตสฺเสว กมฺมพทฺโธ, วตฺถุวิเสเสน ปเนตฺถ กมฺมวิเสโส จ อาปตฺติวิเสโส จ โหตีติ. ‘‘ปุเรภตฺตํ มาเรหี’’ติ อาณตฺโต ปุเรภตฺตเมว มาเรตีติ ‘‘อชฺช สฺเว’’ติ อนิยเมตฺวา ‘‘ปุเรภตฺตํ มาเรหี’’ติ อาณตฺโต ยทา กทาจิ ปุเรภตฺตํ มาเรติ. โย ปน ‘‘อชฺช ปุพฺพณฺเห’’ติ วุตฺโต มชฺฌนฺเห วา สายนฺเห วา สฺเว วา ปุพฺพณฺเห มาเรติ, วิสงฺเกโต โหติ, อาณาปกสฺส นตฺถิ กมฺมพทฺโธ. ปุพฺพณฺเห มาเรตุํ วายมนฺตสฺส มชฺฌนฺเห ¶ ชาเตปิ เอเสว นโย. เอเตน นเยน สพฺพกาลปฺปเภเทสุ สงฺเกตวิสงฺเกตตา เวทิตพฺพา.
เอวํ วตฺถุกาเลสุ สงฺเกตวิสงฺเกตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โอกาสาทีสุ สงฺเกตวิสงฺเกตตํ อติทิสนฺโต ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โอกาโสติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๔) คาโม วา วนํ วา เคหทฺวารํ วาติ เอวมาทิโก. อาวุธนฺติ อสิ วา อุสุ วา สตฺติ วาติ เอวมาทิ. อิริยาปโถติ มาเรตพฺพสฺส คมนํ วา นิสชฺชา วาติ เอวมาทิ. กิริยาวิเสโสติ วิชฺฌนํ วา เฉทนํ วา เภทนํ วา สงฺขมุณฺฑกํ วาติ เอวมาทิ. อิเมสุ ยถา ยถา วธโก อาณตฺโต, ตถา ตถา กเต อาณาปกสฺส อาปตฺติ, อฺถา กเต วิสงฺเกโต โหติ. เตนาห ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพตฺถาติ โอกาสาทีสุ จตูสุ. โหติ เจตฺถ –
‘‘ยถาณตฺติวเสเนว, อาณตฺเตน กเต สติ;
อาณาปกสฺส อาปตฺติ, วิสงฺเกโตฺถา กเต’’ติ.
อาณตฺติยํ ¶ ปน อยํ วิเสโส – อธิฏฺายาติ อธิฏฺหิตฺวา อาณาเปติ ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเตหี’’ติ (ปารา. ๑๗๔) วุตฺตาย ปาฬิยา ลพฺภตีติ าตพฺโพ.
โอปตนฺติ เอตฺถาติ โอปาโต, อาวาโฏ, ตสฺส ขณนํ โอปาตกฺขณนํ. อปสฺเสนสํวิธานนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๗) อปสฺเสนสฺส สํวิธานํ. นิจฺจปริโภโค มฺโจ วา ปีํ วา อปสฺเสนผลกํ วา ทิวาฏฺาเน นิสีทนฺตสฺส อปสฺเสนกตฺถมฺโภ วา ตตฺถชาตกรุกฺโข วา จงฺกเม อปสฺสาย ติฏฺนฺตสฺส อาลมฺพนรุกฺโข วา อาลมฺพนผลกํ วา, สพฺพมฺเปตํ อปสฺสนียฏฺเน อปสฺเสนํ นาม, ตสฺมึ อปสฺเสเน ยถา อปสฺสยนฺตํ วิชฺฌติ วา ฉินฺทติ วา, ตถา กตฺวา วาสิผรสุสตฺติอารกณฺฏกาทีสุ อฺตรสฺส สตฺถสฺส ปนนฺติ อตฺโถ.
อุปนิกฺขิปนํ นาม สมีเป นิกฺขิปนํ. มนาปสฺส วา อมนาปสฺส วา รูปสฺส อุปหรณํ สมีเป ปนํ รูปูปหาโร, อตฺตนา วา ยกฺขเปตาทิเวสํ คเหตฺวา ติฏฺนํ. อาทิสทฺเทน สทฺทูปหาราทีนํ คหณํ. เอตฺถาปีติ ถาวรปโยเคปิ ¶ . อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภโท เวทิตพฺโพ, ยโต ตตฺถปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว กมฺมพทฺโธ โหติ. อยํ ปน วิเสโส – มูลฏฺเน โอปาตาทีสุ ปเรสํ มูเลน วา มุธา วา ทินฺเนสุปิ ยทิ ตปฺปจฺจยา โกจิ มรติ, มูลฏฺสฺเสว กมฺมพทฺโธ. ยทิปิ เตน, อฺเน วา ตตฺร โอปาเต วินาเสตฺวา ภูมิสเม กเตปิ ปํสุหารกา วา ปํสุํ คณฺหนฺตา, มูลขณกา วา มูลานิ ขณนฺตา อาวาฏํ กโรนฺติ, เทเว วา วสฺสนฺเต กทฺทโม ชายติ, ตตฺถ จ โกจิ โอตริตฺวา วา ลคฺคิตฺวา วา มรติ, มูลฏฺสฺเสว กมฺมพทฺโธ. ยทิ ปน เยน ลทฺธํ, โส วา อฺโ วา วิตฺถตตรํ วา คมฺภีรตรํ วา กโรติ, ตปฺปจฺจยา จ โกจิ มรติ, อุภเยสมฺปิ กมฺมพทฺโธ. ยถา ตุ มูลานิ มูเลหิ สํสนฺทนฺติ, ตถา ตตฺถ ถเล กเต มุจฺจติ. เอวํ อปสฺเสนสํวิธานาทีสุปิ ยาว เตสํ ปวตฺติ, ตาว ยถาสมฺภวํ กมฺมพทฺโธ เวทิตพฺโพ.
วิชฺชาปริชปฺปนนฺติ อาถพฺพณิเกหิ, วิชฺชาธเรหิ จ มนฺตปริชปฺปนํ. กมฺมวิปากชาย อิทฺธิยาติ สาติสยกมฺมนิพฺพตฺตาย กมฺมวิปาเกน สหชาตาย อิทฺธิยา, กมฺมสฺส วา วิปากภาเวน ชาตาย อิทฺธิยา. ปโยชนนฺติ ปวตฺตนํ, กรณนฺติ อตฺโถ, ทาาวุธาทีนํ ทาาโกฏนาทีนมิว มารณตฺถํ กมฺมวิปากชิทฺธิวิการกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
กมฺมสาธโน วายํ หารกสทฺโท พหุลํวิธาเนน ตตฺถาปิ ณฺวุปจฺจยสฺส สิชฺฌนโตติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. ชีวิตหรณกํ, อุปนิกฺขิปิตพฺพํ วา สตฺถเมว หารกนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๒) วิกปฺปทฺวเยน ¶ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สตฺถฺจ ตํ หารกฺจาติ สตฺถหารก’’นฺติ. ‘‘หารกสตฺถ’’นฺติ วตฺตพฺเพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริเยเสยฺยาติ คเวเสยฺย. ‘‘ยถา ลภติ, ตถา กเรยฺยา’’ติ อิมินา ปน อธิปฺปายตฺถมาห, ‘‘อุปนิกฺขิเปยฺยา’’ติ อิมินา สิขาปตฺตมตฺถํ. อิตรถา หิ ‘‘ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ‘‘อุปนิกฺขิเปยฺยา’’ติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต น สิยา. ปริยิฏฺมตฺเตเยวาติ ปริเยสิตมตฺเตเยว. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยาติ อสึ วา สตฺตึ วา เภณฺฑึ วา ลคุฬํ วา ปาสาณํ วา สตฺถํ วา วิสํ วา รชฺชุํ วา’’ติ (ปารา. ๑๗๒) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิ. อสฺสาติ ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส. พฺยฺชนานุรูปโต ปริปุณฺณํ กตฺวา อตฺถสฺส อวุตฺตตฺตา ¶ ‘‘พฺยฺชนํ อนาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สสติ หึสตีติ สตฺถํ, สสนฺติ หึสนฺติ เอเตนาติ วา สตฺถํ. อาทิสทฺเทน ‘‘สตฺตึ วา’’ติอาทิปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ลคุฬนฺติ มุคฺคโร. สตฺถนฺติ วุตฺตาวเสสํ ยํ กิฺจิ สมุขํ เวทิตพฺพํ.
โย เอวํ มรตีติ โย สตฺถํ วา อาหริตฺวา, วิสํ วา ขาทิตฺวา, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา, โสพฺภาทีสุ วา ปติตฺวา, อฺเหิ วา อคฺคิปเวสนอุทกปเวสนาทีหิ อุปาเยหิ มรติ. ‘‘โส ธนํ วา ลภตี’’ติอาทินา นเยนาติ โส ธนํ วา ลภติ, ยสํ วา ลภติ, สคฺคํ วา คจฺฉติ, ธมฺโม วาสฺส โหตีติ อิมินา นเยน. กิมเนน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอเตนาติ ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวณฺเณยฺยา’’ติ เอเตน วจเนน. นยิธ เอวนฺติ อิธ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิเก น เอวํ, น ปริยายกถาย มุจฺจตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สํวณฺเณยฺยา’’ติอาทิ.
‘‘สตฺถํ วา อาหรา’’ติอาทินาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘วิสํ วา ขาท, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา กาลํ กโรหิ, โสพฺเภ วา นรเก วา ปปาเต วา ปปตา’’ติอาทึ (ปารา. ๑๗๒) สพฺพํ มรณูปายํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ จ นรโก (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) นาม ตตฺถ ตตฺถ ผลนฺติยา ภูมิยา สยเมว นิพฺพตฺตา มหาทรี, ยตฺถ หตฺถีปิ ปตนฺติ, โจราปิ นิลียิตฺวา ติฏฺนฺติ. ปปาโตติ ปพฺพตนฺตเร วา ถลนฺตเร วา เอกโต ฉินฺโน. ปาปเกนาติ ลามเกน. ทุชฺชีวิเตนาติ ทุกฺขพหุลตฺตา ทุกฺเขน ชีวิเตน. มตํ เต ชีวิตา เสยฺยาติ ตว มรณํ ชีวิตา สุนฺทรตรํ. จิตฺตมสฺส อตฺถีติ จิตฺโต. ตถา มโน. อิติ-สทฺโท ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย ¶ นิทสฺสเน ทฏฺพฺโพ ยถาวุตฺตสฺส พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานสฺส มรณสฺส นิทสฺสนโต. เตเนวาห ‘‘มตํ เต ชีวิตา เสยฺโย’’ติอาทิ.
นนุ เจตฺถ ‘‘มโน’’ติ อิทมฺปิ อตฺถโต จิตฺตเมว, อถ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. จิตฺตสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ นายํ จิตฺตสทฺโท ‘‘จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๗๑) วิย วิจิตฺตาทิอตฺโถ, อถ โข วิฺาณวจโนติ ตสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตํ. อิมินา ปุนรุตฺติโทสาภาวํ ทสฺเสติ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘เตเนวสฺสา’’ติอาทิ. จิตฺโต ¶ นานาปฺปการโก สงฺกปฺโป อสฺสาติ จิตฺตสงฺกปฺโป. วิจิตฺตตฺโถ เหตฺถ จิตฺตสทฺโท ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) วิย. เตนาห ‘‘วิจิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ. เอตฺถาปิ อิติสทฺโท อาหริตพฺโพติ ‘‘จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ อิมสฺมึ ปเทปิ อธิการวเสน อิติสทฺโท อาหริตพฺโพ. อิทฺหิ ‘‘อิติ จิตฺตสงฺกปฺโป’’ติ เอวํ อวุตฺตมฺปิ อธิการโต วุตฺตเมว โหตีติ. สงฺกปฺโปติ เจตฺถ ‘‘ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๗) วิย น วิตกฺกสฺเสว นามํ, อถ โข ตสฺส จ อฺเสฺจาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกปฺโปติ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. สํวิทหนมตฺตสฺสาติ สฺาเจตนาวิตกฺกสงฺขาตสฺส สพฺพสฺส สํวิทหนสฺส. สามฺตฺโถ เหตฺถ มตฺตสทฺโท ‘‘พฺราหฺมณมตฺตํ โภเชตี’’ติอาทีสุ วิย. เตนาห ‘‘ตฺจ สํวิทหน’’นฺติอาทิ. อิมินา สํวิทหนํ นาเมตฺถ น วิธานนฺติ ทสฺเสติ. อธิปฺปาโย นาม วิตกฺโก.
อุจฺจาวเจน การเณนาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) มหนฺตามหนฺเตน อุปาเยน. ตตฺถ มรณวณฺณสํวณฺณเน ตาว ชีวิเต อาทีนวทสฺสนวเสน อวจาการตา, มรเณ วณฺณภณนวเสน อุจฺจาการตา เวทิตพฺพา. สมาทปเน ปน มุฏฺิชาณุนิปฺโปถนาทีหิ มรณสมาทปนวเสน อุจฺจาการตา, เอกโต ภฺุชนฺตสฺส นเข วิสํ ปกฺขิปิตฺวา มรณาทิสมาทปนวเสน อวจาการตา เวทิตพฺพา.
เอวํ อสาธารณวินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ สาธารณวินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เวสาลิย’’นฺติอาทิมาห. โอปาตกฺขณนาทีสุ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ สเจปิ ชาตปถวึ ขณติ, ปาณาติปาตสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ. มนุสฺสวิคฺคโห นาคสุปณฺณาทิสทิโส ติรจฺฉานคโต ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห, ยกฺโข จ เปโต จ ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห จ ยกฺขเปตติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหา, เตสํ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ถุลฺลจฺจยํ อติทิสติ. อิทานิ ‘‘อิมินา ¶ นเยนา’’ติอาทินา อปสฺเสนสํวิธานาทีสุปิ ยถาวุตฺตอาปตฺติเภทํ อติทิสติ. สพฺพตฺถาติ อปสฺเสนสํวิธานาทีสุ สพฺเพสุ ปโยเคสุ.
อิทานิ อนาปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๗๙) อิทํ มรณสํวตฺตนิกอุปกฺกมสฺส อสลฺลกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ , ‘‘อชานนฺตสฺสา’’ติ อิทํ ปน มรณสํวตฺตนิกอุปกรณสฺส อชานนํ สนฺธาย, ‘‘นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติ อิทํ อุปกฺกมํ ชานนฺตสฺสาปิ มรณาธิปฺปายสฺส อภาวํ. เตนาห ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติอาทิ. อเจเตตฺวาติ อสลฺลกฺเขตฺวา, วิรชฺฌิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
มุสลุสฺสาปนวตฺถุสฺมึ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภตฺตคฺเค อนฺตรฆเร อาสนํ ปฺเปนฺโต มุสเล อุสฺสิเต เอกํ มุสลํ อคฺคเหสิ. ทุติโย มุสโล ปริปติตฺวา อฺตรสฺส ทารกสฺส มตฺถเก อวตฺถาสิ. โส กาลมกาสิ. ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป… กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขูติ. อสฺจิจฺจ อหํ ภควาติ. อนาปตฺติ ภิกฺขุ อสฺจิจฺจา’’ติ (ปารา. ๑๘๐) อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิย.
วิสคตปิณฺฑปาตวตฺถุสฺมึ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ วิสคตํ ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ปฏิกฺกมนํ หริตฺวา ภิกฺขูนํ อคฺคการิกํ อทาสิ. เต ภิกฺขู กาลมกํสุ. ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป… กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขูติ. นาหํ ภควา ชานามีติ. อนาปตฺติ ภิกฺขุ อชานนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๑) อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิย.
เภสชฺชวตฺถุสฺมึ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรา วฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘อิงฺฆายฺย เภสชฺชํ ชานาหิ, เยนาหํ วิชาเยยฺย’นฺติ. ‘สุฏฺุ ภคินี’ติ ตสฺสา เภสชฺชํ อทาสิ. สา กาลมกาสิ. ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป… อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๗) อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิย. อิธ อาทิกมฺมิกา อฺมฺํ ชีวิตา โวโรปิตภิกฺขู, เตสํ อนาปตฺติ. อวเสสานํ มรณวณฺณสํวณฺณนกาทีนํ อาปตฺติเยว.
อถ กถํ ทุกฺขเวทนนฺติ, นนุ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ, นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺตีติ? สจฺจํ หสมานา วทนฺติ, โส ปน หาโส เตสํ อฺวิสโย, สนฺนิฏฺาปกเจตนา ¶ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สเจปิ หิ สิริสยนํ อารุฬฺโห รชฺชสมฺปตฺติสุขมนุภวนฺโต ราชา ‘โจโร เทว อานีโต’ติ วุตฺเต ‘คจฺฉถ นํ มาเรถา’ติ หสมาโน ภณติ, โทมนสฺสจิตฺเตเนว ภณตีติ ¶ เวทิตพฺโพ. สุขโวกิณฺณตฺตา, ปน อนุปฺปพนฺธาภาวา จ ทุชฺชานเมตํ ปุถุชฺชเนหี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๙).
ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา
อนภิชานนฺติ น อภิชานํ. เยน หิ โย ธมฺโม อธิคโต, โส ตสฺส ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘สกสนฺตาเน’’ติอาทิ. อุตฺตริมนุสฺสานนฺติ ปกติมนุสฺเสหิ อุตฺตริตรานํ มนุสฺสานํ, อุกฺกฏฺมนุสฺสานนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ มหคฺคตโลกุตฺตรภูตํ อธิคตธมฺมํ. อถ วา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม. มนุสฺสธมฺโม นาม วินา ภาวนามนสิกาเรน ปกติยา มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม. โส หิ มนุสฺสานํ จิตฺตาธิฏฺานมตฺเตน อิชฺฌนโต เตสํ โส ภาวิตธมฺโม วิย ิโตติ ตถา วุตฺโต, มนุสฺสคฺคหณฺเจตฺถ เตสุ พหุลํ ปวตฺตนโต. ฌานาทิกํ ปน ตพฺพิธุรนฺติ ตตุตฺตริ, อิติ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, ตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สมุทาจรนฺโตติ อาโรเจนฺโต.
กิฺจาปิ โลกิยโลกุตฺตรา สพฺพาว ปฺา ‘‘าณ’’นฺติ วุจฺจติ, อิธ ปน มหคฺคตโลกุตฺตราว เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘มหคฺคตโลกุตฺตรปฺา ชานนฏฺเน าณ’’นฺติ. กิเลเสหิ อารกตฺตา ปริสุทฺธฏฺเน อริยนฺติ อาห ‘‘อริยํ วิสุทฺธํ อุตฺตม’’นฺติ. อริยสทฺโท เจตฺถ วิสุทฺธปริยาโย, น โลกุตฺตรปริยาโย. ฌานาทิเภเทติ อาทิสทฺเทน ‘‘วิโมกฺโข, สมาธิ, สมาปตฺติ, าณทสฺสนํ, มคฺคภาวนา, ผลสจฺฉิกิริยา, กิเลสปฺปหานํ, วินีวรณตา จิตฺตสฺส, สฺุาคาเร อภิรตี’’ติ (ปารา. ๑๙๘) อิเม สงฺคณฺหาติ. วิฺุสฺส มนุสฺสชาติกสฺสาติ อาโรเจตพฺพปุคฺคลนิทสฺสนํ. เอตสฺส หิ อาโรจิเต อาโรจิตํ โหติ, น เทวพฺรหฺมานํ, นาปิ เปตยกฺขติรจฺฉานคตานนฺติ. อาโรเจยฺยาติ วเทยฺย, วิฺาเปยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. วินา อฺาปเทเสนาติ ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี’’ติอาทินา (ปารา. ๒๒๐) นเยน อฺาปเทสํ วินาติ ¶ อตฺโถ. อิเธวาติ ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ อิมสฺมึเยว ปเท. ‘‘เตน วุตฺต’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
สมนุคฺคาหียมาโนติ ¶ โจทิยมาโน, ยํ วตฺถุ อาโรจิตํ โหติ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ‘‘กึ เต อธิคตํ, กินฺติ เต อธิคตํ, กทา เต อธิคตํ, กตฺถ เต อธิคตํ, กตเม เต กิเลสา ปหีนา, กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภี’ติ เกนจิ วุจฺจมาโน’’ติ วุตฺตํ โหติ. อสมนุคฺคาหียมาโนติ น เกนจิ วุจฺจมาโน.
‘‘ภิกฺขุภาเว ตฺวา อภพฺโพ ฌานาทีนิ อธิคนฺตุ’’นฺติ สิกฺขาปทาติกฺกมสฺส อนฺตรายกรตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขุภาโว หิสฺส สคฺคนฺตราโย เจว โหติ มคฺคนฺตราโย จ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๙๘). วุตฺตฺเหตํ ‘‘สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายุปกฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๘๙; ธ. ป. ๓๑๑). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รช’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๘๙; ธ. ป. ๓๑๓). ภิกฺขุภาโวติ ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สมโณ อห’’นฺติ ปฏิชานนโต โวหารมตฺตสิทฺโธ ภิกฺขุภาโว. ทานาทีหีติ ทานสรณสีลสํวราทีหิ.
อชานเมวาติ เอตฺถ เอวาติ อวธารณตฺเถ นิปาโต. ‘‘อชานเมว’’นฺติปิ ปนฺติ. ตตฺถ ปน ‘‘เอวํ ชานามิ, เอวํ ปสฺสามี’’ติ อวจนฺติ โยเชตพฺพํ. วจนตฺถวิรหโตติ ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ’’นฺติ อาทิวจนสฺส (ปารา. ๒๐๙) อตฺถภูเตน ฌานาทินา วชฺชิตตฺตา ตุจฺฉํ อุทกาทิสฺุํ ภาชนํ วิย. มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส ปรวิสํวาทโก วจีปโยโค, กายปโยโค วา. เตนาห ‘‘วฺจนาธิปฺปายโต มุสา’’ติ. มุสา จ วฺจนาธิปฺปาโย จ ปุพฺพภาคกฺขเณ, ตงฺขเณ จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุพฺเพ วาสฺส โหติ ‘มุสา ภณิสฺส’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘มุสา ภณามี’’’ติ (ปารา. ๒๐๐). เอตฺหิ ทฺวยํ องฺคภูตํ, อิตรํ ปน โหตุ วา, มา วา, อการณเมตํ. อภณินฺติ วิฺาปนํ อกาสึ.
อฺตฺร อธิมานาติ อธิคโต มาโน, อธิโก วา มาโน อธิมาโน, ถทฺธมาโนติ อตฺโถ, ตํ วินาติ อตฺโถ. กสฺส ปนายํ อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, กสฺส นุปฺปชฺชติ? อริยสาวกสฺส ตาว นุปฺปชฺชติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๙๖). โส หิ มคฺคผลนิพฺพานปหีนกิเลสาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขเณน สฺชาตโสมนสฺโส ¶ อริยคุณปฺปฏิเวเธ นิกฺกงฺโข, ตสฺมา โสตาปนฺนาทีนํ ‘‘อหํ สกทาคามี’’ติอาทิวเสน มาโน นุปฺปชฺชติ. ทุสฺสีลสฺส นุปฺปชฺชติ. โส หิ อริยคุณาธิคเม นิราโสว. สีลวโตปิ ปริจฺจตฺตกมฺมฏฺานสฺส นิทฺทารามตาทิมนุยุตฺตสฺส นุปฺปชฺชติ, สุปริสุทฺธสีลสฺส ปน กมฺมฏฺาเน อปฺปมตฺตสฺส นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ปจฺจยปริคฺคเหน วิติณฺณกงฺขสฺส ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร ¶ สมฺมสนฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส อุปฺปชฺชติ. เตนาห ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๙๖) กลาปสมฺมสนวเสน อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา. สมฺมสนฺตสฺสาติ วิปสฺสนฺตสฺส. อารทฺธวิปสฺสกสฺสาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาย อารทฺธวิปสฺสกสฺส. อปตฺเตติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปตฺติวเสน อปตฺเต, อนธิคเตติ วุตฺตํ โหติ. ปตฺตสฺิตาสงฺขาโตติ ‘‘ปตฺโต มยา อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม’’ติ เอวํสฺิตาสงฺขาโต อธิมาโน อุปฺปชฺชติ. อุปฺปนฺโน จ สุทฺธสมถลาภึ วา สุทฺธวิปสฺสนาลาภึ วา อนฺตรา เปติ. โส หิ ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ วสฺสานิ กิเลสสมุทาจารํ อปสฺสนฺโต ‘‘อหํ โสตาปนฺโน’’ติ วา ‘‘สกทาคามี’’ติ วา ‘‘อนาคามี’’ติ วา มฺติ. สมถวิปสฺสนาลาภึ ปน อรหตฺเตเยว เปติ. ตสฺส หิ สมาธิพเลน กิเลสา วิกฺขมฺภิตา, วิปสฺสนาพเลน สงฺขารา สุปริคฺคหิตา, ตสฺมา สฏฺิมฺปิ วสฺสานิ, อสีติมฺปิ วสฺสานิ, วสฺสสตมฺปิ กิเลสา น สมุทาจรนฺติ, ขีณาสวสฺเสว จิตฺตาจาโร โหติ. โส เอวํ ทีฆรตฺตํ กิเลสสมุทาจารํ อปสฺสนฺโต อนฺตรา อฏฺตฺวาว ‘‘อรหา อห’’นฺติ มฺตีติ. ‘‘ตํ อธิมานํ เปตฺวา’’ติ อิมินา ‘‘อฺตฺรา’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อธิมานา’’ติ อุปโยคตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทสฺเสติ.
ปาปิจฺฉตายาติ ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา, ตาย, ปาปิกาย อิจฺฉายาติ อตฺโถ. ยา สา ‘‘อิเธกจฺโจ ทุสฺสีโลว สมาโน ‘สีลวา’ติ มํ ชโน ชานาตู’’ติอาทินา (วิภ. ๘๕๑) นเยน วุตฺตา, ตาย อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉายาติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา สมุทาจรนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. อยมฺปีติ ปิ-สทฺเทน น เกวลํ ปุริมา ตโยวาติ ทสฺเสติ.
อสนฺตนฺติ ¶ อภูตํ. ฌานาทิธมฺมนฺติ ฌานํ, วิโมกฺโข, สมาธิ, สมาปตฺติ, าณทสฺสนํ, มคฺคภาวนา, ผลสจฺฉิกิริยา, กิเลสปฺปหานํ, วินีวรณตา จิตฺตสฺส, สฺุาคาเร อภิรตี’’ติ (ปารา. ๑๙๘) เอวํ วุตฺตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ. ยสฺส อาโรเจตีติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๑๕) วาจาย วา หตฺถวิการาทีหิ วา องฺคปจฺจงฺคโจปเนหิ วิฺตฺติปเถ ิตสฺส ยสฺส ปุคฺคลสฺส อาโรเจติ. วิฺตฺติปถํ ปน อติกฺกมิตฺวา ิโต โกจิ เจ ทิพฺเพน จกฺขุนา (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๑๕), ทิพฺพาย จ โสตธาตุยา ทิสฺวา จ สุตฺวา จ ชานาติ, น ปาราชิกํ. โยปิ ‘‘กึ อยํ ภณตี’’ติ สํสยํ วา อาปชฺชติ, จิรํ วีมํสิตฺวา วา ปจฺฉา ชานาติ, ‘‘อวิชานนฺโต’’อิจฺเจว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. โย ปน ฌานาทีนิ อตฺตโน อธิคมวเสน วา อุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน วา น ชานาติ, เกวลํ ‘‘ฌาน’’นฺติ วา ‘‘วิโมกฺโข’’ติ ¶ วา วจนมตฺตเมว สุตํ โหติ, โสปิ เตน วุตฺเต ‘‘ฌานํ กิร สมาปชฺชี’’ติ เอส วทตีติ ยทิ เอตฺตกมตฺตมฺปิ ชานาติ, ‘‘ชานาติ’’จฺเจว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตสฺส วุตฺเต ปาราชิกเมว. เสโส ปน เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา พหูนํ วา นิยมิตานิยมิตวเสน วิเสโส สพฺโพ สิกฺขาปจฺจกฺขานกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ปริยายภาสเน ปน ‘‘อห’’นฺติ อวุตฺตตฺตา ปฏิวิชานนฺตสฺส วุตฺเตปิ ถุลฺลจฺจยํ. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน มุสาวาทปโยคสฺส กตตฺตา อปฺปฏิวิชานนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘โย เต วิหาเร วสติ…เป… ทุกฺกฏ’’นฺติ. อนุลฺลปนาธิปฺปายสฺสาติ อุลฺลปนาธิปฺปายวิรหิตสฺส, อภูตาโรจนาธิปฺปายวิรหิตสฺสาติ อตฺโถ. อุมฺมตฺตกาทโย ปุพฺเพ วุตฺตนยา เอว. อิธ ปน อาทิกมฺมิกา วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขู, เตสํ อนาปตฺติ.
จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาราชิกนิคมนวณฺณนา
อิธาติ อิมสฺมึ ภิกฺขุปาติโมกฺเข. อุทฺทิฏฺปาราชิกปริทีปนเมวาติ อุทฺทิฏฺานํ จตุนฺนํ ปาราชิกานํ ปริทีปนวจนเมว. อวธารณํ ปน น อฺเสมฺปีติ ทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘สโมธาเนตฺวา ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ สโมธาเนตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ อาคตานิ เอตฺเถว สโมทหิตฺวา, ปกฺขิปิตฺวา ราสึ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ อาคตานีติ อุทฺเทสปาฬิยํ อาคตานิ ¶ . ภิกฺขุนีนํ อสาธารณานิ จตฺตารีติ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกา, วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกา, อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา, อฏฺวตฺถุกาติ อิมานิ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูหิ อสาธารณานิ จตฺตาริ. ปณฺฑกาทีนฺหิ เอกาทสนฺนํ อภพฺพภาโว ปาราชิกาปตฺติสทิสตฺตา ปาราชิโกติ อาห ‘‘เอกาทสนฺน’’นฺติอาทิ. อภพฺพภาวสงฺขาเตหีติ วตฺถุวิปนฺนตาทินา ปพฺพชฺชูปสมฺปทาย นอรหภาวสงฺขาเตหิ. ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกา (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๓) หิ ตโย วตฺถุวิปนฺนา อเหตุกปฺปฏิสนฺธิกา, เตสํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโต. อภพฺพา หิ เต มคฺคปฺปฏิลาภาย วตฺถุวิปนฺนตฺตา. ปพฺพชฺชาปิ เนสํ ปฏิกฺขิตฺตา, ตสฺมา เตปิ ปาราชิกาว. เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, ภิกฺขุนิทูสโก, โลหิตุปฺปาทโก, สงฺฆเภทโกติ อิเม อฏฺ อตฺตโน กิริยาย วิปนฺนตฺตา อภพฺพฏฺานํ ปตฺตาติ ปาราชิกาว. เตสุ เถยฺยสํวาสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, ภิกฺขุนิทูสโกติ อิเมสํ ติณฺณํ สคฺโค อวาริโต, มคฺโค ปน วาริโตว. อิตเรสํ ปฺจนฺนํ อุภยมฺปิ วาริตํ. เต หิ อนนฺตราว นรเก นิพฺพตฺตนกสตฺตา. ยทา ภิกฺขุนี วิพฺภมิตุกามา หุตฺวา กาสาวเมว ¶ วา คิหิวตฺถํ วา คิหินิวาสนากาเรน นิวาเสติ, ตทา ปาราชิกมาปนฺนา นาม โหตีติ อาห ‘‘คิหิภาวํ ปตฺถยมานายา’’ติอาทิ. สา หิ อชฺฌาจารวีติกฺกมํ อกตฺวาปิ เอตฺตาวตา อสฺสมณี นาม โหติ.
ทีฆตาย ลมฺพมานํ องฺคชาตเมตสฺสาติ ลมฺพี (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๓). น โส เอตฺตาวตา ปาราชิโก, อถ โข ยทา อนภิรติยา ปีฬิโต อตฺตโน องฺคชาตํ มุเข วา วจฺจมคฺเค วา ปเวเสติ, ตทา ปาราชิโก โหติ. มุทุกตา ปิฏฺิ เอตสฺสาติ มุทุปิฏฺิโก, กตปริกมฺมาย มุทุกาย ปิฏฺิยา สมนฺนาคโต. โสปิ ยทา อนภิรติยา ปีฬิโต อตฺตโน องฺคชาตํ อตฺตโน มุขมคฺควจฺจมคฺเคสุ อฺตรํ ปเวเสติ, ตทา ปาราชิโก โหติ. ปรสฺส องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาตีติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส สุตฺตสฺส วา ปมตฺตสฺส วา องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาติ. ปรสฺส องฺคชาเต อภินิสีทตีติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส องฺคชาตํ กมฺมนิยํ ทิสฺวา อตฺตโน วจฺจมคฺเคน ตสฺสูปริ นิสีทติ, ตํ อตฺตโน วจฺจมคฺคํ ปเวเสตีติ อตฺโถ. เอตานิ หิ จตฺตาริ ยสฺมา ¶ อุภินฺนํ ราควเสน สทิสภาวูปคตานํ ธมฺโม ‘‘เมถุนธมฺโม’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ อปฺปฏิเสวิตฺวาเยว เกวลํ มคฺเคน มคฺคปฺปเวสนวเสน อาปชฺชิตพฺพตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกสฺส อนุโลเมนฺตีติ ‘‘อนุโลมปาราชิกานี’’ติ วุจฺจนฺติ.
เอตฺถาห – มาตุฆาตกปิตุฆาตกอรหนฺตฆาตกา ตติยปาราชิกํ อาปนฺนา, ภิกฺขุนิทูสโก, ลมฺพิอาทโย จตฺตาโร จ ปมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กตฺวา กุโต จตุวีสตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๓)? วุจฺจเต – มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธ อนุปสมฺปนฺนา เอว อธิปฺเปตา, ลมฺพิอาทโย จตฺตาโร กิฺจาปิ ปมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ อปฺปฏิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตาติ. ทุติยวิกปฺเป กจฺจิตฺถาติ เอตฺถ กจฺจิ อตฺถาติ ปทจฺเฉโท กาตพฺโพ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
ปิยวจเนน ¶ ¶ อาลปนนฺติ ปิยายิตพฺพวจเนนาลปนํ, สาธูนํ สมาลปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สาธโว หิ ปเร ‘‘โภนฺโต’’ติ วา ‘‘เทวานํปิยา’’ติ วา ‘‘ภทฺรภว’’นฺติ วา ‘‘อายสฺมนฺโต’’ติ วา สมาลปนฺติ.
๑. สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา
สํ-สทฺโท วิชฺชมานตฺโถติ อาห ‘‘สํวิชฺชตี’’ติ. เจตนาติ วีติกฺกมวสปฺปวตฺตา ปุพฺพภาคเจตนา, โมจนสฺสาทเจตนาติ อตฺโถ. อสฺสาติ สุกฺกวิสฺสฏฺิยา. อฺปทตฺถสมาเสเนว สุกฺกวิสฺสฏฺิยา วุตฺตตฺตา อิก-สทฺทสฺส วิสุํ อตฺโถ นตฺถีติ อาห ‘‘สฺเจตนาว สฺเจตนิกา’’ติ. อิทานิ อิก-สทฺโทว อตฺถิอตฺถํ ปกาเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สฺเจตนา วา’’ติอาทิมาห. สํวิชฺชมานา เจตนา สฺเจตนา. สุกฺกสฺสาติ สมฺภวสฺส. วิสฏฺีติ วิสฺสคฺโค.
อิทานิ ตํ ยสฺมึ กาเล โมเจติ, เยนาธิปฺปาเยน โมเจติ, เยน โจปาเยน โมเจติ, ยฺจ ตสฺส อธิปฺปายสฺส วตฺถุ, ตํ สพฺพํ สงฺเขปโต วิภาเวตฺวา สรูปโต ตํ วิสฏฺึ ทสฺเสตุํ ‘‘ราคูปตฺถมฺภาทีสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ราคสฺส พลวภาโว, ราเคน วา องฺคชาตสฺสูปตฺถมฺโภ ถทฺธภาโว ราคูปตฺถมฺโภ, โส อาทิ เยสํ เต ราคูปตฺถมฺภาทโย, เตสุ ราคูปตฺถมฺภาทีสุ. อาทิสทฺเทน (ปารา. ๒๓๘) วจฺจูปตฺถมฺภปสฺสาวูปตฺถมฺภวาตูปตฺถมฺภอุจฺจาลิงฺคปาณกทฏฺูปตฺถมฺภานํ คหณํ. กมฺมฺตํ ปตฺเตติ โมจนกมฺมกฺขมตาย กมฺมนิยตํ ปตฺเต, อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อุปกฺกมารหภาวํ ปตฺเตติ อตฺโถ. อโรคสฺส ภาโว อาโรคฺยํ, ตํ อาทิ เยสํ เต อาโรคฺยาทโย, เตสุ อาโรคฺยาทีสุ. อาทิสทฺเทน สุขเภสชฺชทานปฺุยฺสคฺคพีชวีมํสทวานํ คหณํ. อชฺฌตฺตรูปํ อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺนรูปํ, ตํ อาทิ เยสํ เต อชฺฌตฺตรูปาทโย, เตสุ. อาทิสทฺเทน พหิทฺธารูปอชฺฌตฺตพหิทฺธารูปอากาเสกฏิกมฺปนานํ ¶ คหณํ. โมจเน อสฺสาโท สุขเวทนา โมจนสฺสาโท, โมจนตฺถํ ปุพฺพภาเค ปวตฺตราโค, สมฺปยุตฺตอสฺสาทสีเสน เจตฺถ ราโค วุตฺโต, เตน สมฺปยุตฺตา เจตนา โมจนสฺสาทเจตนา, ตาย ¶ . อิมินา มุจฺจนสฺสาโท (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๔๐) มุตฺตสฺสาโท เมถุนสฺสาโท ผสฺสสฺสาโท กณฺฑุวนสฺสาโท ทสฺสนสฺสาโท นิสชฺชสฺสาโท วาจสฺสาโท เคหสิตเปมํ วนภงฺคิยนฺติ อิเมหิ สมฺปยุตฺตา เจตนาโย ปฏิกฺขิปติ, ตาหิ นิมิตฺเต อุปกฺกมนฺตสฺส มุตฺเตปิ อนาปตฺติ. ‘‘นิมิตฺเต อุปกฺกมนฺตสฺสา’’ติ อิมินา ปน อูรุมทฺทาปนาทีนิ ปฏิกฺขิปติ. เตน หิ สติปิ โมจนสฺสาเท นิมิตฺเต อุปกฺกมาภาวโต มุตฺเตปิ อนาปตฺติ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สา จ โข นิมิตฺเต อุปกฺกมนฺตสฺเสว, หตฺถปริกมฺมปาทปริกมฺมคตฺตปริกมฺมกรเณน สเจปิ อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติ.
อาสยธาตุนานาตฺตโตติ ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตาสยานฺเจว ปถวีธาตุอาทีนฺจ จตุนฺนํ ธาตูนํ, รสโสณิตาทีนํ วา สตฺตนฺนํ ธาตูนํ นานาตฺตโต. านา จาวนาติ สุกฺกสฺส ยํ านํ, ตโต จุติ. สุกฺกสฺส หิ วตฺถิสีสํ กฏิ กาโยติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๗) ติธา านํ ปกปฺเปนฺติ. เอโก กิราจริโย ‘‘วตฺถิสีสํ สุกฺกสฺส าน’’นฺติ อาห, เอโก ‘‘กฏี’’ติ, เอโก ‘‘สกโล กาโย’’ติ. เตสุ ตติยสฺส ภาสิตํ สุภาสิตํ. เกสโลมนขทนฺตานฺหิ มํสวินิมุตฺตฏฺานํ, อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกา, ถทฺธสุกฺขจมฺมานิ จ วชฺเชตฺวา อวเสโส ฉวิมํสโลหิตานุคโต สพฺโพปิ กาโย กายปฺปสาทภาวชีวิตินฺทฺริยาพทฺธปิตฺตานํ, สมฺภวสฺส จ านเมว. ตถา หิ ราคปริยุฏฺาเนนาภิภูตานํ หตฺถีนํ อุโภหิ กณฺณจูฬิกาหิ สมฺภโว นิกฺขมติ.
เอตฺถ จ ‘‘ราคูปตฺถมฺภาทีสู’’ติอาทินา (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๗) กาโล ทสฺสิโต. ราคูปตฺถมฺภาทิกาเลสุ หิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ. ยสฺส กมฺมนิยตฺเต สติ โมเจติ, อิโต ปรํ อฺโ กาโล นตฺถิ. น หิ วินา ราคูปตฺถมฺภาทีหิ ปุพฺพณฺหาทโย กาลเภทา โมจเน นิมิตฺตํ โหนฺติ. ‘‘อาโรคฺยาทีสู’’ติอาทินา ปน อธิปฺปาโย ทสฺสิโต. เอวรูเปน หิ อธิปฺปายเภเทน โมเจติ, น อฺถา. ‘‘อชฺฌตฺตรูปาทีสู’’ติอาทินา อุปาโย ทสฺสิโต. อชฺฌตฺตรูเป วา หิ โมเจยฺย, พหิทฺธารูเป วา, อุภยตฺถ วา, อากาเส วา กฏึ กมฺเปนฺโต, อิโต ปรํ อฺโ อุปาโย นตฺถิ. นีลาทิวเสนา’’ติอาทีหิ ปน ทสหิ นวมสฺส อธิปฺปายสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ. วีมํสนฺโต หิ นีลาทีสุ อฺตรวเสน วีมํสติ, น เตหิ วินิมุตฺตนฺติ. ‘‘านา จาวนา’’ติ อิมินา ปน อตฺถโต วิสฺสฏฺิ ทสฺสิตา ¶ . ยถาห ‘‘วิสฺสฏฺีติ านโต จาวนา วุจฺจตี’’ติ (ปารา. ๒๓๗). สา จายํ ตสฺส สุกฺกสฺส านา จาวนา ราควเสน. วุตฺตฺเหตํ ¶ กถาวตฺถุอฏฺกถายํ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺิ นาม ราคสมุฏฺานา โหตี’’ติ (กถา. อฏฺ. ๓๐๗). อฺตฺร สุปินนฺตาติ สุปิโน เอว สุปินนฺโต, ตํ เปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ยา สุปิเน’’ติอาทิ. สงฺฆาทิเสโสติ อิมสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามํ. เตนาห ‘‘ยา อฺตฺร สุปินนฺตา’’ติอาทิ. อาปตฺตินิกาโยติ อาปตฺติสมูโห. กิฺจาปิ อยํ เอกาว อาปตฺติ, รุฬฺหิสทฺเทน, ปน อวยเว สมูหโวหาเรน วา ‘‘นิกาโย’’ติ วุตฺโต ‘‘เอโก เวทนากฺขนฺโธ, เอโก วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย.
อสฺสาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๑๖ สํฆาทิเสสกณฺฑ) อาปตฺตินิกายสฺส. นนุ จ อยุตฺโตยํ นิทฺเทโส ‘‘สงฺโฆ อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิตพฺโพ อสฺสา’’ติ. น หิ อาปตฺตินิกายสฺส อาทิมฺหิ เจว เสเส จ สงฺโฆ อิจฺฉิโต, กิฺจรหิ วุฏฺานสฺสาติ อิมํ โจทนํ มนสิ นิธาย ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา อธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. อาปตฺติโต วุฏฺานสฺส อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิโต สงฺโฆ อาปตฺติยาว อิจฺฉิโต นาม โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. อาปตฺติวุฏฺานนฺติ อาปตฺติโต วุฏฺานํ, อนาปตฺติกภาวูปคมนนฺติ อตฺโถ.
ทกโสตนฺติ ปสฺสาวมคฺคํ, องฺคชาตปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมตฺเต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘านโต ปน จุต’’นฺติอาทิ. อวสฺสเมว ทกโสตํ โอตรติ อธิวาเสตฺวา อนฺตรา นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. ทกโสโตโรหนโต (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๓๖-๒๓๗) ปฏฺาย ปน อุปาทินฺนโต วินิมุตฺตตฺตา สมฺภวรูปํ อุตุสมุฏฺานเมว อวสิสฺสติ, เสสํ ติสมุฏฺานํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมาติ ยสฺมา านโต จุตํ ทกโสตํ โอตรติ, ตสฺมา.
อโมจนาธิปฺปายสฺสาติ เภสชฺเชน นิมิตฺตํ อาลิมฺปนฺตสฺส อุจฺจาราทีนิ วา กโรนฺตสฺส. สุปินํ ปสฺสนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๗) ธาตุกฺโขภโต วา อนุภูตปุพฺพโต วา เทวโตปสํหารโต วา ปุพฺพนิมิตฺตโต วาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส. กึ ปเนตํ ปสฺสนฺโต สุตฺโต ปสฺสติ, ปฏิพุทฺโธ, อุทาหุ เนว สุตฺโต, น ปฏิพุทฺโธติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ¶ ตาว สุตฺโต ปสฺสติ, อภิธมฺมวิโรโธ อาปชฺชติ. ภวงฺคจิตฺเตน หิ สุปติ, ตํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ วา ราคาทิสมฺปยุตฺตํ วา น โหติ. สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส จ อีทิสานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อถ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, วินยวิโรโธ อาปชฺชติ. ยฺหิ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, ตํ สพฺโพหาริกจิตฺเตน ปสฺสติ. สพฺโพหาริกจิตฺเตน จ กเต วีติกฺกเม อนาปตฺติ นาม ¶ นตฺถิ. สุปินํ ปสฺสนฺเตน ปน กเตปิ วีติกฺกเม เอกนฺตํ อนาปตฺติ เอว. อถ เนว สุตฺโต น ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, โก นาม ปสฺสติ, เอวฺจ สติ สุปินสฺส อภาโวว อาปชฺชตีติ? น อภาโว, กสฺมา? ยสฺมา กปิมิทฺธปเรโต ปสฺสติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กปิมิทฺธปเรโต โข มหาราช สุปินํ ปสฺสตี’’ติ (มิ. ป. ๕.๓.๕). กปิมิทฺธปเรโตติ มกฺกฏนิทฺทาย ยุตฺโต. ยถา หิ มกฺกฏสฺส นิทฺทา ลหุปริวตฺตา โหติ, เอวํ ยา นิทฺทา ปุนปฺปุนํ กุสลาทิจิตฺตโวกิณฺณตฺตา ลหุปริวตฺตา, ยสฺสา ปวตฺติยํ ปุนปฺปุนํ ภวงฺคโต อุตฺตรณํ โหติ, ตาย ยุตฺโต สุปินํ ปสฺสติ. ยสฺส จ เอวํ ปสฺสนฺตสฺส สุปิเน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺตสฺส วิย, กายสํสคฺคาทีนิ อาปชฺชนฺตสฺส วิย จ สุปินนฺเตเนว การเณน อสุจิ มุจฺจติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติ. สุปิเน (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๖๒) ปน อุปฺปนฺนาย อสฺสาทเจตนาย สจสฺส วิสโย โหติ, นิจฺจเลน ภวิตพฺพํ, น หตฺเถน นิมิตฺตํ กีฬาเปตพฺพํ. กาสาวปจฺจตฺถรณรกฺขณตฺถํ ปน หตฺถปุเฏน คเหตฺวา ชคฺคนตฺถาย อุทกฏฺานํ คนฺตุํ วฏฺฏติ.
สุกฺกวิสฺสฏฺิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘โอติณฺโณ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๗๐) อิทํ กมฺมสาธนํ, กตฺตุสาธนํ วา โหตีติ ตทุภยวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยกฺขาทีหิ วิย สตฺตา’’ติอาทิมาห. อสมเปกฺขิตฺวาติ ยถาสภาวํ อนุปปริกฺขิตฺวา, ยถา เต รติชนกา รูปาทโย วิสยา อนิจฺจทุกฺขาสุภานตฺตากาเรน อวฏฺิตา, ตถา อปสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปริณเตนาติ ปริวตฺเตน. เตนาห ‘‘ยถา ปริวตฺตมาน’’นฺติอาทิ. วุตฺตราควเสนาติ กายสํสคฺคราควเสน. ตทหุชาตายปีติ ตสฺมึ อหนิ ชาตํ ชนนํ เอติสฺสาติ ¶ ตทหุชาตา, ตสฺมึ อหนิ ชาตาติ วา ตทหุชาตา, ตาย, ตํ ทิวสํ ชาตายปีติ อตฺโถ, ชาตมตฺตาย อลฺลมํสเปสิวณฺณายปีติ วุตฺตํ โหติ.
อสฺสาติ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปชฺเชยฺยา’’ติ ปทสฺส. อิทานิ หตฺถาทีนํ วิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ หตฺโถ นาม กปฺปรโต ปฏฺายา’’ติอาทิมาห. กปฺปรโต ปฏฺายาติ ทุติยมหาสนฺธึ อุปาทาย. อฺตฺถ ปน มณิพนฺธโต ปฏฺาย ยาว อคฺคนขา หตฺโถ. วินนฺธิตฺวา วา อวินนฺธิตฺวา วา กตเกสกลาปสฺเสตํ อธิวจนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ วินนฺธิตฺวาติ ตีหิ เกสวฏฺฏีหิ ¶ คนฺถิตฺวา. สุวณฺณจีรกนฺติ สุวณฺณปาฬึ. หตฺถฺจ เวณิฺจ เปตฺวา อวเสสสรีรํ องฺคนฺติ อาห ‘‘อวเสสสฺส สรีรสฺสา’’ติอาทิ.
โย หิ เสวนาธิปฺปาโยปิ นิจฺจเลน กาเยน เกวลํ ผสฺสํ ปฏิวิชานาติ สาทิยติ อนุโภติ, ตสฺส จิตฺตุปฺปาทมตฺเต อาปตฺติยา อภาวโต อนาปตฺตีติ อาห ‘‘กาเยน อวายมิตฺวา’’ติอาทิ. โมกฺขาธิปฺปาเยนาติ อิตฺถิโต มุจฺจิตุกามตาธิปฺปาเยน. อสฺจิจฺจาติ ‘‘อิมินา อุปาเยน อิมํ ผุสิสฺสามี’’ติ อเจเตตฺวา. เอวฺหิ อเจเตตฺวา ปตฺตปฺปฏิคฺคหณาทีสุ มาตุคามสฺส องฺเค ผุฏฺเปิ อนาปตฺติ. อสติยาติ อฺวิหิโต โหติ, ‘‘มาตุคามํ ผุสิสฺสามี’’ติ สติ นตฺถิ, เอวํ อสติยา หตฺถปาทปสารณาทิกาเล ผุสนฺตสฺส อนาปตฺติ. อชานนฺตสฺสาติ ทารกเวเสน ิตํ ทาริกํ ‘‘อิตฺถี’’ติ อชานนฺโต เกนจิเทว กรณีเยน ผุสติ, เอวํ ‘‘อิตฺถี’’ติ อชานนฺตสฺส ผุสโต อนาปตฺติ. อสาทิยนฺตสฺสาติ กายสํสคฺคํ อสาทิยนฺตสฺส พาหาปรมฺปราย นีตภิกฺขุสฺส วิย อนาปตฺติ. อิธ ปน อุทายิตฺเถโร อาทิกมฺมิโก. ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสาติ.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราควเสนาติ ทุฏฺุลฺลา วาจา ทุฏฺุลฺลวาจา, ตาย อสฺสาทเจตนา ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาโท, เตน สมฺปยุตฺตราควเสน. เอตฺถาธิปฺเปตํ ¶ มาตุคามํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตุคาม’’นฺติอาทิมาห. ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลสํลกฺขณสมตฺถนฺติ อสทฺธมฺมสทฺธมฺมปฺปฏิสํยุตฺตํ กถํ ชานิตุํ สมตฺถํ. ยา ปน มหลฺลิกาปิ พาลา เอฬมูคา, อยํ อิธานธิปฺเปตา. วณฺโณ นาม ทฺเว มคฺเค อุทฺทิสฺส ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติอาทินา (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๕) โถมนา. อวณฺโณ นาม ทฺเว มคฺเค อุทฺทิสฺส วุตฺตวิปริยาเยน ครหนา, ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน อสมนฺนาคตาสี’’ติอาทีหิ ขุํสนาติ วุตฺตํ โหติ. ยาจนา นาม ‘‘เทหิ เม, อรหสิ เม ทาตุ’’นฺติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. อายาจนา นาม ‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต ปิตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต เทวตาโย ปสีทิสฺสนฺติ, กทา เต สุขโณ สุลโย สุมุหุตฺโต ภวิสฺสติ, กทา เต เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ ¶ . ปุจฺฉนํ นาม ‘‘กถํ ตฺวํ สามิกสฺส เทสิ, กถํ ชารสฺส เทสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. ปฏิปุจฺฉนํ นาม ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ สามิกสฺส เทติ, เอวํ ชารสฺส เทสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. อาจิกฺขนํ นาม ปุฏฺสฺส ‘‘เอวํ เทหิ, เอวํ เทนฺตา สามิกสฺส ปิยา ภวิสฺสสิ, มนาปา จา’’ติ (ปารา. ๒๘๕) ภณนํ. อนุสาสนํ นาม อปุฏฺสฺส ‘‘เอวํ เทหิ, เอวํ เทนฺตา สามิกสฺส ปิยา ภวิสฺสสิ, มนาปา จา’’ติ (ปารา. ๒๘๕) ภวนํ. อกฺโกสนํ (ปารา. ๒๘๕) นาม ‘‘อนิมิตฺตาสิ, นิมิตฺตมตฺตาสิ, อโลหิตาสิ, ธุวโลหิตาสิ, ธุวโจฬาสิ, ปคฺฆรนฺตีสิ, สิขรณีสิ, อิตฺถิปณฺฑกาสิ, เวปุริสิกาสิ, สมฺภินฺนาสิ, อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) วจนํ. ยสฺมา เมถุนุปสํหิตาย วาจาย อธิกํ ทุฏฺุลฺลํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘เมถุนุปสํหิตาหี’’ติ อิทํ ทุฏฺุลฺลวาจาย สิขาปตฺตลกฺขณทสฺสนนฺติ วุตฺตํ, น ปน เมถุนุปสํหิตาเยว ทุฏฺุลฺลวาจตฺตา. สิขรณีสีติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๕) พหินิกฺขนฺตอาณิมํสา. สมฺภินฺนาสีติ สมฺภินฺนวจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคา. อุภโตพฺยฺชนกาสีติ ปุริสนิมิตฺเตน, อิตฺถินิมิตฺเตน จาติ อุภโตพฺยฺชเนหิ สมนฺนาคตา.
เอตฺถ จ วณฺณภณเน ตาว ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, น ตาว สีสํ เอติ. ‘‘ตว วจฺจมคฺโค จ ปสฺสาวมคฺโค จ สุโภ สุภสณฺาโน ทสฺสนีโย, อีทิเสน นาม อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, สีสํ เอติ, สงฺฆาทิเสโส โหตีติ อตฺโถ.
อวณฺณภณเน ¶ ปน ‘‘อนิมิตฺตาสี’’ติอาทีหิ เอกาทสหิ ปเทหิ อวณฺเณ อฆฏิเต สีสํ น เอติ, ฆฏิเตปิ เตสุ ‘‘สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ อิเมหิ ตีหิ ฆฏิเตเยว สงฺฆาทิเสโส.
ยาจนายปิ ‘‘เทหิ เม’’ติ เอตฺตเกเนว สีสํ น เอติ, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ เอวํ เมถุนธมฺเมน ฆฏิเต เอว สงฺฆาทิเสโส.
‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสตี’’ติอาทีสุ อายาจนวจเนสุปิ เอตฺตเกเนว สีสํ น เอติ, ‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ตว มาตริ ปสนฺนาย วา เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติอาทินา ปน นเยน เมถุนธมฺเมน ฆฏิเตเยว สงฺฆาทิเสโส.
‘‘กถํ ตฺวํ สามิกสฺส เทสี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๕) ปุจฺฉาวจเนสุปิ ‘‘เมถุนํ ธมฺม’’นฺติ ¶ วุตฺเตเยว สงฺฆาทิเสโส. ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ สามิกสฺส เทสี’’ติ (ปารา. ๒๘๕) ปฏิปุจฺฉาวจเนสุปิ เอเสว นโย.
อาจิกฺขนาย จ ‘‘เอวํ เทหี’’ติ, ‘‘เอวํ ททมานา’’ติ วุตฺเตปิ สีสํ น เอติ, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เอวํ เทหิ, เอวํ อุปเนหิ, เอวํ เมถุนํ ธมฺมํ ททมานา อุปนยมานา สามิกสฺส ปิยา โหตี’’ติอาทินา ปน นเยน เมถุนธมฺเมน ฆฏิเตเยว สงฺฆาทิเสโส. อนุสาสนิวจเนสุปิ เอเสว นโย.
อกฺโกสวจเนสุ ปน เอกาทสสุ ‘‘สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ อิมานิ ตีณิเยว ปทานิ สุทฺธานิ สีสํ เอนฺติ, อิติ อิมานิ จ ตีณิ, ปุริมานิ จ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคเมถุนธมฺมปทานิ ตีณีติ ฉ ปทานิ สุทฺธานิ อาปตฺติกรานิ, เสสานิ ‘‘อนิมิตฺตาสี’’ติอาทีนิ อนิมิตฺเต ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เม เทหี’’ติ วา ‘‘อนิมิตฺตาสิ, เมถุนํ ธมฺมํ เม เทหี’’ติ วา อาทินา นเยน เมถุนธมฺเมน ฆฏิตาเนว อาปตฺติกรานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
อธกฺขกนฺติ อกฺขกโต ปฏฺาย อโธ. อุพฺภชาณุมณฺฑลนฺติ ชาณุมณฺฑลโต ปฏฺาย อุทฺธํ. อุพฺภกฺขกนฺติ อกฺขกโต ปฏฺาย อุทฺธํ. อโธชาณุมณฺฑลนฺติ ชาณุมณฺฑลโต ปฏฺาย อโธ. อกฺขกํ, ปน ชาณุมณฺฑลฺจ เอตฺเถว ทุกฺกฏเขตฺเต สงฺคหํ คจฺฉติ ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺเค วิย ¶ . น หิ พุทฺธา ครุกาปตฺตึ สาวเสสํ ปฺาเปนฺตีติ. กายปฺปฏิพทฺธนฺติ วตฺถํ วา ปุปฺผํ วา อาภรณํ วา.
อตฺถธมฺมอนุสาสนิปุเรกฺขารานนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๘๗) เอตฺถ ‘‘อนิมิตฺตา’’ติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ กเถนฺโต, อฏฺกถํ วา สชฺฌายํ กโรนฺโต อตฺถปุเรกฺขาโร นาม, ปาฬึ วาเจนฺโต, สชฺฌายํ วา กโรนฺโต ธมฺมปุเรกฺขาโร นาม, ‘‘อิทานิปิ อนิมิตฺตาสิ, อุภโตพฺยฺชนกาสิ, อปฺปมาทํ ทานิ กเรยฺยาสิ, ยถา อายติมฺปิ เอวรูปา มา โหหิสี’’ติ ภณนฺโต อนุสาสนิปุเรกฺขาโร นาม. อิติ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อนุสาสนิฺจ ปุรกฺขิตฺวา ภณนฺตานํ อนาปตฺติ. โย ปน ภิกฺขุนีนํ ปาฬึ วาเจนฺโต ปกติวาจนามคฺคํ ปหาย หสนฺโต หสนฺโต ‘‘สิขรณีสิ, สมฺภินฺนาสิ, อุภโตพฺยฺชนกาสี’’ติ ปุนปฺปุนํ ภณติ, ตสฺส อาปตฺติเยว. อิธ อาทิกมฺมิโก อุทายิตฺเถโร, ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺส. นนุ ‘‘สิขรณี’’ติอาทีหิ อกฺโกสนฺตสฺส ปฏิฆจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ทุกฺขเวทนายปิ ภวิตพฺพํ, อถ ¶ กสฺมา ทฺวิเวทนนฺติ? นายํ โทโส. ราควเสน หิ อยํ อาปตฺติ, น ปฏิฆวเสน, ตสฺมา ราควเสเนว ปวตฺโต อกฺโกโส อิธาธิปฺเปโต, น ปฏิฆวเสนาปีติ.
ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา
อตฺตกามปาริจริยาวเสนาติ อตฺตกามปาริจริยาย ราควเสน. อิธาปิ ทุฏฺุลฺลาทุฏฺุลฺลชานนสมตฺถาว อิตฺถี อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ทุฏฺุลฺโลภาเสน วุตฺตปฺปการาย อิตฺถิยา’’ติ. สมีเปติ สวนูปจาเร. ‘‘ตฺวา’’ติ ปาเสโส. อตฺตกามปาริจริยาติ กามียตีติ กาโม, เมถุนธมฺโม, ปริจรณํ อุปฏฺานํ ปริจริยา, สาว ปาริจริยา, กาเมน ปาริจริยา กามปาริจริยา, อตฺตโน กามปาริจริยา อตฺตกามปาริจริยา, อตฺตโน อตฺถาย เมถุนธมฺเมน อุปฏฺานนฺติ อตฺโถ. อถ วา กามิตาติ กามา, ปาริจริยา, อตฺตโน กามา อตฺตกามา, อตฺตกามา จ สา ปาริจริยา จาติ อตฺตกามปาริจริยา, สยํ เมถุนราควเสน ¶ ปตฺถิตอุปฏฺานนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมสงฺขาเตนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ปเมน อตฺถวิกปฺเปน กามเหตุปาริจริยาสงฺขาตํ อตฺถตฺตยํ ทสฺเสติ, ทุติเยน อธิปฺปายปาริจริยาสงฺขาตํ อตฺถทฺวยํ. พฺยฺชเน (ปารา. อฏฺ. ๒.๒๙๑) ปน อาทรํ อกตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ (ปารา. ๒๙๒) ปทภาชนํ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ หิ วุตฺเต ชานิสฺสนฺติ ปณฺฑิตา ‘‘เอตฺตาวตา อตฺตโน อตฺถาย กามปาริจริยา วุตฺตา’’ติ, ‘‘อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ (ปารา. ๒๙๒) วุตฺเตปิ ชานิสฺสนฺติ ‘‘เอตฺตาวตา อตฺตนา อิจฺฉิตกามิตฏฺเน อตฺตกามปาริจริยา วุตฺตา’’ติ.
กลฺยาเณน ภทฺทเกน คุเณน สมนฺนาคตตฺตา กลฺยาณธมฺมํ. เตนาห ‘‘ตทุภเยนาปี’’ติอาทิ. อภิรเมยฺยาติ โตเสยฺย. เอตทคฺคนฺติ เอสา อคฺคา. ปาริจริยานนฺติ ปาริจริยานํ มชฺเฌ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. นนุ ทุฏฺลฺลวาจาสิกฺขาปเท (ปารา. ๒๘๕) เมถุนยาจนํ อาคตํ, อถ กสฺมา อิทํ วุตฺตํ? นายํ โทโส. ตตฺถ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๒๙๑) หิ ทุฏฺุลฺลวาจสฺสาทราควเสน วุตฺตํ, อิธ ปน อตฺตโน เมถุนสฺสาทราควเสนาติ.
ตสฺมึเยว ขเณติ ภณิตกฺขเณ. อุภโตพฺยฺชนโก ปน ปณฺฑกคติกตฺตา วิสุํ น วุตฺโต ¶ . ‘‘อิมสฺมึ สิกฺขาปททฺวเย กายสํสคฺเค วิย ยกฺขิเปตีสุปิ ทุฏฺุลฺลตฺตกามวจเน ถุลฺลจฺจย’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) วทนฺติ. ตสฺมึเยวาติ ปณฺฑเกเยว อิตฺถิสฺิโน อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณภณเนปิ ทุกฺกฏํ. ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, ตสฺส อคฺคทานํ เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ ปริยายวจเนปิ ทุกฺกฏํ. ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย ยา มาทิสํ ‘สีลวนฺต’นฺติ วุตฺตตฺตา’’ติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๒๙๕) เอเก. ‘‘ปฺจสุ องฺเคสุ สพฺภาวา สงฺฆาทิเสโสวา’’ติ อปเร. ‘‘เมถุนุปสํหิเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘จีวราทีหิ…เป… ภาสนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
อตฺตกามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
สฺจรณํ ¶ สฺจโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สฺจรี, สฺจรณสีโลติ วา สฺจรี, ตสฺส ภาโว สฺจริตฺตํ, สฺจรณนฺติ อตฺโถ. ตฺจ ปรโต ‘‘อิตฺถิยา วา ปุริสมติ’’นฺติอาทิวจนโต อิตฺถิปุริสานํ เวมชฺเฌติ อาห ‘‘อิตฺถิปุริสานํ อนฺตเร สฺจรณภาว’’นฺติ. ปฏิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ เอตฺถ ปฏิคฺคณฺหนํ นาม ปุริเสน วา อิตฺถิยา วา อุภินฺนํ มาตาทีหิ วา ‘‘ภนฺเต, อิตฺถนฺนามํ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา เอวํ ภณาหี’’ติ วุตฺเต เตสํ วจนํ ‘‘สาธู’’ติ วา ‘‘โหตู’’ติ วา ‘‘ภณามี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน วจีเภทํ กตฺวา, สีสกมฺปนาทีหิ วา สมฺปฏิจฺฉนํ. วีมํสนํ นาม วุตฺตปฺปกาเรน สาสนํ คเหตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา เตสํ อวสฺสํ อาโรจนกานํ มาตาปิตุภาตาภคินิอาทีนํ วา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส สาสนสฺส อาโรจนํ. ปจฺจาหรณํ นาม เตน คนฺตฺวา อาโรจิเต สา อิตฺถี วา ปุริโส วา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉตุ วา, มา วา, ลชฺชาย วา ตุณฺหี โหตุ, ปุน อาคนฺตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา ตสฺสา ปวตฺติยา อาโรจนํ. อาปชฺเชยฺยาติ ปฏิปชฺเชยฺย.
อิตฺถิยา วา ปุริสมตึ ปุริสสฺส วา อิตฺถิมตินฺติ เอตฺถ ‘‘อาโรเจยฺยา’’ติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ชายาภาเวติ ภริยาภาเว. ชารภาเวติ ปติภาเว, นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. ตสฺมา ภริยาภาวนิมิตฺตํ ปติภาวนิมิตฺตํ, ภริยาภาวเหตุ ปติภาวเหตุ, ภริยาภาวปจฺจยา ปติภาวปจฺจยา อาโรเจตีติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘ชายตฺตเน อาโรเจตี’’ติอาทีสุปิ. ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติ หิ อิทํ ยทตฺถํ ตํ เตสํ มตึ อาโรเจติ ¶ , ตํ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิทานิ ปน ปทภาชนิยํ (ปารา. ๓๐๒) วุตฺตนเยนาปิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. กิฺจาปิ อิตฺถิลิงฺควเสน ปทภาชนิยํ วุตฺตํ, ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติ ปน นิทฺเทสสฺส อุภยลิงฺคสาธารณตฺตา ปุริสลิงฺควเสนาปิ โยเชตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิ. มุหุตฺติกาติ คณิกา. ‘‘อนฺตมโส ตงฺขณิกายปี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิ.
อฺตฺร ¶ นาลํวจนียายาติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๓๙-๓๔๐) เทสจาริตฺตวเสน ปณฺณทานาทินา อปริจฺจตฺตํ เปตฺวา. สฺจริตฺตวเสน ภิกฺขุนา วจนียา น โหตีติ นาลํวจนียา, ตํ เปตฺวาติ เกจิ. อปฺเปน วา พหุนา วา ธเนน กีตา ธนกฺกีตา. ยสฺมา ปน สา น กีตมตฺตาเยว ภริยา, สํวาสตฺถาย ปน กีตตฺตา ภริยา, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ธเนน กิณิตฺวา วาเสตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํ. ฉนฺทวาสินีติ ฉนฺเทน อตฺตโน รุจิยา วสตีติ ฉนฺทวาสินี. ยสฺมา ปน สา น อตฺตโน ฉนฺทมตฺเตเนว ภริยา โหติ, ปุริเสน ปน สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ปิโย ปิยํ วาเสตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน ‘‘โภควาสินี, ปฏวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฏจุมฺพฏา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหฏา, มุหุตฺติกา’’ติ (ปารา. ๓๐๔) อิเมสํ อฏฺนฺนํ อาการานํ คหณํ. ยถา จ ‘‘ฉนฺทวาสินี’’ติอาทีสุ อฺตรวเสน วทโต วิสงฺเกโต นตฺถิ, เอวํ ปาฬิยํ อวุตฺเตสุปิ ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา, ชายา, ปชาปติ, ปุตฺตมาตา, ฆรณี, ฆรสามินี, ภตฺตรนฺธิกา, สุสฺสูสิกา, ปริจาริกา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๐๕) เอวมาทีสุ สํวาสปริทีปเกสุ วจเนสุ อฺตรวเสน วทนฺตสฺสาปิ วิสงฺเกโต นตฺถิ, ติวงฺคสมฺปตฺติยา อาปตฺติเยว.
มาตุรกฺขิตํ พฺรูหีติ เอตฺถ มาตุรกฺขิตา นาม มาตรา รกฺขิตา, ยถา ปุริเสน สห สํวาสํ น กปฺเปติ, เอวํ มาตรา รกฺขิตาติ อตฺโถ. เตเนวสฺส ปทภาชเนปิ ‘‘มาตา รกฺขติ โคเปติ, อิสฺสริยํ กาเรติ, วสํ วตฺเตตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํ. ปิตุรกฺขิตาทีสูติ ‘‘ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, าติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑา’’ติ (ปารา. ๓๐๓) เอวํ วุตฺเตสุ ปิตุรกฺขิตาทีสุ. ยถา จ เอตฺถ, เอวํ ‘‘ปิตุรกฺขิตํ พฺรูหี’’ติอาทีสุปิ นโย เวทิตพฺโพ.
สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา คิลานสฺส วา กิจฺเจน คจฺฉนฺตสฺสาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๔๐) เอตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ วา กิฺจิ วา วิปฺปกตํ โหติ. ตตฺถ การุกานํ ภตฺตเวตนตฺถาย ¶ อุปาสโก วา อุปาสิกาย สนฺติกํ ภิกฺขุํ ปหิเณยฺย, อุปาสิกา วา อุปาสกสฺส, เอวรูเปน สงฺฆกิจฺเจน คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ. เจติยกมฺเม กริยมาเนปิ เอเสว นโย. คิลานสฺส ¶ เภสชฺชตฺถายปิ อุปาสเกน วา อุปาสิกาย สนฺติกํ, อุปาสิกาย วา อุปาสกสฺส สนฺติกํ ปหิตสฺส คจฺฉโต อนาปตฺติ.
กิฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา. ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยกฺโข’’ติอาทิ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๔๑) นตฺถิ, ตถาปิ มนุสฺสชาติกาว อิตฺถิปุริสา อิธ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เตสํ มนุสฺสชาติกตา’’ติ. นนาลํวจนียตาติ ยถาวุตฺตนเยน ปริจฺจตฺตา อลํวจนียา. นิวารณตฺโถ หิ เอตฺถ อลํ-สทฺโท. น อลํวจนียา นาลํวจนียา, น นาลํวจนียา, ตสฺสา ภาโว นนาลํวจนียตา, ‘‘อลํวจนียตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ.
ปณฺณตฺตินฺติ, อิมํ สิกฺขาปทํ. กายวิกาเรนาติ สีสุกฺขิปนาทิกายวิกาเรน. ตเถว วีมํสิตฺวา ตเถว ปจฺจาหรนฺตสฺสาติ หตฺถมุทฺทาทินา กายวิกาเรน วีมํสิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ตเถว อาโรเจนฺตสฺส. อาคมิสฺสตีติ ตว สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถํ อาคมิสฺสติ. เกนจิ วุตฺเตติ อาสนสาลาทีสุ นิสินฺนสฺส เกนจิ ปุริเสน วุตฺเต. สเจ หิ ขีณาสวสฺส มาตาปิตโร กุชฺฌิตฺวา อลํวจนียา โหนฺติ, ตฺจ ภิกฺขุํ ฆรํ อุปคตํ ปิตา วทติ ‘‘มาตา เต, ตาต, มํ มหลฺลกํ ฉฑฺเฑตฺวา าติกุลํ คตา, คจฺฉ นํ มํ อุปฏฺาตุํ เปเสหี’’ติ. โส เจ คนฺตฺวา ตํ วตฺวา ปุน ปิตุโน ตสฺสา อาคมนํ วา อนาคมนํ วา อาโรเจติ, เอวํ อาโรเจนฺตสฺส ตสฺสปิ กายวาจโต สมุฏฺาติ. เตนาห ‘‘ปณฺณตฺตึ อชานนฺตสฺส ปนา’’ติอาทิ. ขีณาสวสฺสปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน เสกฺขปุถุชฺชนานํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติ. ปิตุวจเนนาติ อตฺตโน ปิตุวจเนน. คนฺตฺวาติ ตสฺสา สมีปํ คนฺตฺวา. ปณฺณตฺตึ, อลํวจนียภาวฺจาติ อุภยํ อชานนฺตสฺสปิ กายวาจโต สมุฏฺาติ. ตทุภยนฺติ ปณฺณตฺตึ, อลํวจนียภาวฺจ. ยํ ปน ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวา เอเตเหว ตีหิ นเยหิ สฺจริตฺตํ สมาปชฺชโต กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาติ. อิมานิ ตีณิ ปณฺณตฺติชานนจิตฺเตน ‘‘สจิตฺตกสมุฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตํ. น หิ ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวาปิ ‘‘นาลํวจนียา’’ติ มฺมานสฺส สจิตฺตเกหิ สมุฏฺาเนหิ อาปตฺติ สมุฏฺาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ วีติกฺกมเจตนาย อสมฺภวโต.
สฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา
สฺาจิกาย ¶ ¶ ปนาติ เอตฺถ สนฺติ อตฺตวาจโก ตติยตฺเถ นิปาโต, ยาจิกาติ ภาวสาธโน, เตสฺจ มชฺเฌปทโลปสมาโส. ปนาติ นิปาตมตฺตเมว. เตนาห ‘‘สยํ ปวตฺติตยาจนา วุจฺจตี’’ติ. ยา หิ อตฺตนา ปวตฺติตา, สา อตฺตโน นาม โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. นนุ น สกฺกา ยาจนาเยว กุฏึ กาตุนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ตสฺสาธิปฺปายตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สยํ ยาจิตเกหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สยํ ยาจิตเกหีติ ‘‘วาสึ เทถ, ผรสุํ เทถา’’ติอาทินา (ปารา. ๓๔๒) สยํ ยาจิตเกหิ. อุปกรเณหีติ วาสิยาทีหิ. ปเรน ภณฺฑสามิเกน ‘‘มม อิท’’นฺติ อปริจฺจาคารกฺขณโคปนวเสน ปริคฺคหิตํ ปรปริคฺคหิตกํ, ปรสนฺตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. มูลจฺเฉทวเสนาติ มูลสฺส ฉินฺทนวเสน, ปรสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺหิ อฺาตกอปฺปวาริตฏฺานโต ยาจนฺตสฺส อฺาตกวิฺตฺติยา ทุกฺกฏํ. ตาวกาลิกํ ปน วฏฺฏตีติ ตาวกาลิกํ กตฺวา ยาจิตุํ วฏฺฏติ. สกกมฺมํ น ยาจิตพฺพาติ ปาณาติปาตสิกฺขาปทรกฺขณตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพา. เอวํ ยาจิตา หิ เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขุํ อุยฺโยเชตฺวา มิเคปิ มาเรตฺวา อาหเรยฺยุํ. นิยเมตฺวา ปน ‘‘วิหาเร กิฺจิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ ยาจิตพฺพา. ‘‘กุฏิ นาม อุลฺลิตฺตา วา โหติ, อวลิตฺตา วา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตา วา’’ติ (ปารา. ๓๔๕) ปทภาชเน วุตฺตตฺตา ‘‘กุฏินฺติ อุลฺลิตฺตาทีสุ อฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺธํ มุขํ ลิตฺตา อุลฺลิตฺตา. อนฺโต ลิมฺปนฺตา หิ เอวํ ลิมฺปนฺติ. อโธ มุขํ ลิตฺตา อวลิตฺตา. พหิ ลิมฺปนฺตา หิ เอวํ ลิมฺปนฺติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ อุลฺลิตฺตา นามา’’ติอาทิ. ปิฏฺสงฺฆาโฏติ ทฺวารพาหา. ‘‘สุธาย วา มตฺติกาย วา’’ติ เอเตน เปตฺวา อิเม ทฺเว เลเป อวเสโส ภสฺมาโคมยาทิเภโท อเลโปติ ทสฺเสติ.
ยสฺมา ปน สฺาจิกาย กุฏึ กโรนฺเตนาปิ อิธ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘สยํ วา กโรนฺเตน อาณตฺติยา วา การาเปนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘สยํ วา กโรนฺเตนา’’ติ อิมินา สามตฺถิยโต ลพฺภมานมตฺถมาห, น ตุ ปทตฺถโต. ‘‘อาณตฺติยา วา การาเปนฺเตนา’’ติ ¶ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๔๘-๓๔๙) ปน ปทตฺถโต. เอวฺจ กตฺวา ยทิ ปน ‘‘กโรนฺเตน วา การาเปนฺเตน วา’’ติ วเทยฺย, พฺยฺชนํ วิโลมิตํ ภเวยฺย. น หิ การาเปนฺโต กโรนฺโต นาม โหตีติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. นตฺถิ สามี ปติ เอติสฺสาติ อสามิกา, ตํ ¶ อสามิกํ, อนิสฺสรนฺติ อตฺโถ. อนิสฺสรตา เจตฺถ การาปเนนาติ อาห ‘‘กาเรตา ทายเกน วิรหิต’’นฺติ. อุทฺเทโสติ อุทฺทิสิตพฺโพ.
ตตฺราติ สามิสฺมึ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘ตสฺสา กุฏิยา’’ติ. ทีฆโสติ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ทีฆโต’’ติ. พหิกุฏฺเฏติ กุฏฺฏสฺส พหิ, ถุเสน มิสฺสโก ปิณฺโฑ ถุสปิณฺโฑ, ตสฺส ปริยนฺโต ถุสปิณฺฑปริยนฺโต, เตน, ถุสมิสฺสกมตฺติกาปิณฺฑปริยนฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ถุสปิณฺฑสฺสูปริ เสตกมฺมํ ปน อพฺโพหาริกํ. อพฺภนฺตเร ภโว อพฺภนฺตริโม, เตน. ยตฺถาติ ยสฺสํ กุฏิยํ. ปมาณยุตฺโตติ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิปมาโณ. ‘‘ติริยํ สตฺตนฺตรา’’ติ (ปารา. ๓๔๘) อุกฺกํสโต ปมาณสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา จตุหตฺถวิตฺถารา น โหตี’’ติ วุตฺตํ.
โสเธตฺวาติ สมตลสีมมณฺฑลสทิสํ กตฺวา. ปทภาชเน วุตฺตนเยน สงฺฆํ ติกฺขตฺตุํ ยาจิตฺวาติ ‘‘สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘อหํ, ภนฺเต, สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ กุฏิวตฺถุโอโลกนํ ยาจามี’’’ติ (ปารา. ๓๔๙) ปทภาชเน วุตฺตนเยน ติกฺขตฺตุํ ยาจิตฺวา. สงฺเฆน วา สมฺมตาติ ปทภาชนิยํ (ปารา. ๓๕๐) วุตฺเตน ตฺติทุติยกมฺเมน, อปโลกนกมฺมวเสน วา สงฺเฆน สมฺมตา. วตฺถูติ กุฏิวตฺถุ. อนารมฺภนฺติ อนุปทฺทวํ. ปริโต กมติ คจฺฉติ เอตฺถาติ ปริกฺกมนํ, เตน สห วตฺตตีติ สปริกฺกมนํ, สอุปจารนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เตหิ ภิกฺขูหี’’ติอาทิ.
กิปิลฺลิกาทีนนฺติ เอตฺถ กิปิลฺลิกา (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๕๓) นาม รตฺตกาฬปิงฺคลาทิเภทา ยา กาจิ, ตา อาทิ เยสํ ตานิ กิปิลฺลิกาทีนิ, เตสํ. อาทิสทฺเทน อุปจิกาทีนํ สงฺคหณํ. อาสโยติ นิพทฺธวสนฏฺานํ, โส อาทิ ¶ เยสํ เต อาสยาทโย, เตหิ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ นิสฺสิตสฺส คหณํ. โสฬสหิ อุปทฺทเวหีติ ‘‘กิปิลฺลิกานํ วา อาสโย โหติ, อุปจิกานํ วา อุนฺทูรานํ วา อหีนํ วา วิจฺฉิกานํ วา สตปทีนํ วา หตฺถีนํ วา อสฺสานํ วา สีหานํ วา พฺยคฺฆานํ วา ทีปีนํ วา อจฺฉานํ วา ตรจฺฉานํ วา เยสํ เกสฺจิ ติรจฺฉานคตานํ ปาณานํ วา อาสโย โหติ, ปุพฺพณฺณนิสฺสิตํ วา โหติ, อปรณฺณอพฺภาฆาตอาฆาตนสุสานอุยฺยานราชวตฺถุหตฺถิสาลาอสฺสสาลาพนฺธนาคารปานาคารสูนรจฺฉาจจฺจรสภาสํสรณนิสฺสิตํ วา โหตี’’ติ (ปารา. ๓๕๓) เอวํ วุตฺเตหิ โสฬสหิ อุปทฺทเวหิ. ตตฺถ ¶ จ อพฺภาฆาตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๕๓) นาม การณาฆรํ. อาฆาตนํ นาม ธมฺมคนฺธิกา. สุสานนฺติ มหาสุสานํ. สํสรณํ นาม อนิพฺพิชฺฌคมนีโย คตปจฺจาคตมคฺโค.
อาวิชฺฌิตุํ สกฺกุเณยฺยตายาติ ฉินฺนตฏาทีนมภาวโต อนุปริยายิตุํ สกฺกุเณยฺยตาย. เตน ภิกฺขุนาติ กุฏิการเกน ภิกฺขุนา. ยาจิเตหีติ ‘‘เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘อหํ, ภนฺเต, สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ กุฏิวตฺถุเทสนํ ยาจามี’’’ติ (ปารา. ๓๕๑) ติกฺขตฺตุํ ยาจิเตหิ. ตฺติทุติเยน กมฺเมนาติ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โส สงฺฆํ กุฏิวตฺถุเทสนํ ยาจติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุํ เทเสยฺย. เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สฺาจิกาย กุฏึ กตฺตุกาโม อสามิกํ อตฺตุทฺเทสํ, โส สงฺฆํ กุฏิวตฺถุเทสนํ ยาจติ. สงฺโฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุํ เทเสติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุสฺส เทสนา, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. เทสิตํ สงฺเฆน อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กุฏิวตฺถุ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ –
เอวํ ¶ ปทภาชเน วุตฺเตน ตฺติทุติเยน กมฺเมน. อาฬวิกา นาม อาฬวิรฏฺเ ชาตา ทารกา, เต ปพฺพชิตกาเลปิ ‘‘อาฬวิกา’’ตฺเวว ปฺายึสุ. เต สนฺธาย วุตฺตํ อาฬวิเก ภิกฺขู’’ติ. เลเป ฆฏิเตติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๕๓) อนฺโตเลเป วา อนฺโตเลเปน สทฺธึ ภิตฺติฺจ ฉทนฺจ เอกาพทฺธํ กตฺวา ฆฏิเต, พหิเลเป วา พหิเลเปน สทฺธึ ฆฏิเต. ทฺเว จ ทุกฺกฏานิ สารมฺภอปริกฺกมนวเสน. อุภยวิปนฺนาติ อุภเยหิ เทสนาปมาเณหิ วิปนฺนา วิรหิตา อุภยวิปนฺนา, อเทสิตวตฺถุกา ปมาณาติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ตสฺมินฺติ ทฺวารพนฺเธ วา วาตปาเน วา. เลโป น ฆฏิยตีติ ปุพฺเพ ทินฺนเลโป ทฺวารพนฺเธน วา วาตปาเนน วา สทฺธึ น ฆฏิยติ, เอกาพทฺธํ หุตฺวา น ติฏฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตนฺติ ทฺวารพนฺธํ วา วาตปานํ วา ปรามสติ. ปมเมวาติ เลปกิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา ทฺวารพนฺธวาตปานานํ ปนโต ปุพฺเพเยว, เลปสฺส นิฏฺิตกฺขเณเยวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุ กุฏึ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ ปมาณิกํ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. ภิกฺขุ กุฏึ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ ปมาณิกํ อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๕๕) ปทภาชนิยํ วุตฺตตฺตา ‘‘เกวลํ สารมฺภายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปฺปกตนฺติ ¶ อนิฏฺิตํ. อฺสฺส ททโต จาติ อฺสฺส ปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา ททโต จ. คุหา นาม อิฏฺกคุหา วา สิลาคุหา วา ทารุคุหา วา ภูมิคุหา วา. ติณกุฏิ นาม สตฺตภูมิโกปิ ปาสาโท ติณจฺฉทโน ‘‘ติณกุฏิกา’’ติ วุจฺจติ. อฺสฺสาติ อาจริยสฺส วา อุปชฺฌายสฺส วา สงฺฆสฺส วา. วาสาคารํ เปตฺวาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๖๔) อตฺตโน วสนตฺถาย วาสาคารํ เปตฺวา. อุโปสถาคาราทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ชนฺตาฆรโภชนสาลาอคฺคิสาลานํ คหณํ. เหฏฺิมปมาณสมฺภโวติ จตุหตฺถวิตฺถิณฺณตา. อเทสาเปตฺวา กโรโตติ วตฺถุํ อเทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ, ปมาณยุตฺตํ วา กโรโต. เอตฺถ จ วตฺถุโน อเทสาปนํ อกิริยา. กุฏิกรณํ กิริยา.
กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา
มหนฺตํ ¶ ลาติ คณฺหาตีติ มหลฺลโก, ตํ มหลฺลกํ. โย จ ยํ คณฺหาติ, โส ตสฺส อตฺถีติ อาห ‘‘มหนฺตภาโว เอตสฺส อตฺถีติ มหลฺลโก’’ติ. โส จ มหนฺตภาโว เกน, กุโต จาติ อาห ‘‘สสามิกภาเวนา’’ติอาทิ. น เกวลํ สสามิกภาเวเนวาติ อาห ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ‘‘มหลฺลโก นาม วิหาโร สสามิโก วุจฺจตี’’ติ (ปารา. ๓๖๗) เอตฺตกเมว ปทภาชเน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. วิหรนฺติ เอตฺถาติ วิหาโร, อาวาโส. มาติกายํ ภิกฺขู วา อนภิเนยฺยาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ‘‘อยํ วา โส มหานาโค’’ติอาทีสุ วิย อวธารณตฺโถ.
โกสมฺพิยนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๖๕) เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส อารามโปกฺขรณิอาทีสุ เตสุ เตสุ าเนสุ โกสมฺพรุกฺขาว อุสฺสนฺนา อเหสุํ, ตสฺมา ตํ ‘‘โกสมฺพี’’ติ สงฺขํ คจฺฉติ. ‘‘กุสุมฺพสฺส นาม อิสิโน อสฺสมโต อวิทูเร มาปิตตฺตา’’ติ เอเก. ฉนฺนตฺเถรํ อารพฺภาติ โย อภินิกฺขมนกาเล สทฺธึ นิกฺขนฺโต, ยสฺส จ สตฺถารา ปรินิพฺพานกาเล พฺรหฺมทณฺโฑ (จูฬว. ๔๔๕) อาณตฺโต, ตํ ฉนฺนตฺเถรํ อารพฺภ. เจติยรุกฺขนฺติ จิตฺตีกตฏฺเน เจติยํ, ปูชารหานํ เทวฏฺานานเมตํ อธิวจนํ, ‘‘เจติย’’นฺติ สมฺมตํ รุกฺขํ เจติยรุกฺขํ. วตฺถุโน อเทสนาย อาปชฺชนโต ‘‘อกิริยมตฺตโต สมุฏฺานภาโว’’ติ วุตฺตํ. มตฺต-สทฺเทน กิริยโต สมุฏฺานตํ ปฏิกฺขิปติ. เกจิ ปน ‘‘วตฺถุอเทสนาย, กุฏิกรเณน จ สมุฏฺานโต กิริยากิริยโต สมุฏฺาตี’’ติ วทนฺติ. ปมาณนิยมาภาโวว วิเสโส.
วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
ทูสียตีติ ¶ ทุฏฺโ, ทูเสติ ปรํ วินาเสตีติ โทโส. เตนาห ‘‘ทูสิโต เจวา’’ติอาทิ. อิทานิ ‘‘ทูสิโต เจว ทูสโก จา’’ติ อิมินา ¶ สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปนฺเน หิ โทเส’’ติอาทิมาห. ปกติภาวํ ชหาปิโตติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) โสมฺมภาวํ ชหาปิโตติ อตฺโถ, วิการมาปาทิโตติ วุตฺตํ โหติ. อาการนานาตฺเตนาติ ทูสิตาการสฺส เจว ทูสกาการสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อาการานํ นานาภาเวน. นปฺปติโตติ ปีติสุขาทีหิ น อภิคโต อนุปคโต, น อุปคโตติ อตฺโถ. โย จ ปีติสุขาทีหิ อนุปคโต, โส เตหิ วชฺชิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ปีติสุขาทีหิ วิวชฺชิโต’’ติ. โย จ เตหิ วชฺชิโต, น โส เตหิ อภิสโฏ นาม โหตีติ อาห ‘‘น อภิสโฏ’’ติ, ปีติสุขาทีหิ น ปตฺถโฏติ อตฺโถ. นาสฺส มูลนฺติ อมูลกํ. ตํ ปน อมูลกตฺตํ ยสฺมา โจทกวเสน อธิปฺเปตํ, น จุทิตกวเสน, ตสฺมา ตทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ โจทเกนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยนฺติ ปาราชิกํ. เอตนฺติ จุทิตกสฺส อาปนฺนานาปนฺนตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท.
อิทานิ อตฺตนา วุตฺตเมว ทิฏฺาทึ วิวริตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตเถวาติ ‘‘ปสาทโสเตน วา ทิพฺพโสเตน วา’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. ปริสงฺกิตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) ปน ติวิธํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ, สุตปริสงฺกิตํ, มุตปริสงฺกิตนฺติ. ตตฺถ ภิกฺขฺุจ มาตุคามฺจ ตถารูเป าเน ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมหิ กต’’นฺติ วา ‘‘กริสฺสนฺตี’’ติ วา ปริสงฺกิตํ, อิทํ ทิฏฺปริสงฺกิตํ นาม. อนฺธกาเร วา ปฏิจฺฉนฺโนกาเส วา ภิกฺขุสฺส จ มาตุคามสฺส จ วจนํ สุตฺวา ทุติยสฺส อตฺถิภาวํ อชานโต ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ปริสงฺกิตํ, อิทํ สุตปริสงฺกิตํ นาม. ธุตฺเตหิ อิตฺถีหิ สทฺธึ ปจฺจนฺตวิหาเร มณฺฑเป วา สาลาทีสุ วา ปุปฺผคนฺธมํสสุราทีนิ อนุภวิตฺวา คตฏฺานํ ทิสฺวา ‘‘เกน นุ โข อิทํ กต’’นฺติ วีมํสนฺเตน ตตฺร เกนจิ ภิกฺขุนา คนฺธาทีหิ ปูชา กตา โหติ, เภสชฺชตฺถาย อริฏฺํ วา ปีตํ, โส ตสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ โส ภวิสฺสตี’’ติ ปริสงฺกิตํ, อิทํ มุตปริสงฺกิตํ นาม. เอวํ ติวิธสฺส ปริสงฺกิตสฺส อภาโว อปริสงฺกิตํ. เตนาห ‘‘ทิฏฺสุตมุตวเสน เจตสา อปริสงฺกิต’’นฺติ. ตฺจ ปเนตํ ทิฏฺาทิกํ น เกวลํ อตฺตโน วาติ อาห ‘‘อตฺตโน วา ปรสฺส วา’’ติ. ยสฺมา ‘‘ตฺวํ ปณฺฑโก’’ติอาทิวจเนนาปิ โจทยโต อาปตฺติเยว, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา อฺตเรนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปทภาชเน ¶ ‘‘ปาราชิเกน ธมฺเมนาติ จตุนฺนํ อฺตเรนา’’ติ (ปารา. ๓๘๖) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ¶ ปนา’’ติอาทิ. อุปสคฺคนิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิฏฺาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต ‘‘ธํเสยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ธํสนฺเจตฺถ อภิภวนํ. เตนาห ‘‘อภิภเวยฺยา’’ติ. ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตาติ ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิ, อทินฺนํ อาทิยิ, มนุสฺสํ ฆาตยิตฺถ, อภูตํ อาโรจยิตฺถา’’ติ เอวํ ปวตฺตา. เอตฺถ จ ‘‘อสฺสมโณสี’ติ อวนฺทนการณสฺส อวุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺโน น วนฺทิตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ อวนฺทิเยสุ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส อวุตฺตตฺตา, ‘‘ปจฺฉา อุปสมฺปนฺเนน ปุเร อุปสมฺปนฺโน วนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๘) วุตฺตตฺตา จ. อิทํ ปน อตฺตนา วตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ.
สมีเปติ ทฺวาทสหตฺถปมาเณ ปเทเส. สิกฺขาปจฺจกฺขานเมว หิ หตฺถมุทฺทาย สีสํ น เอติ, อิทํ ปน อนุทฺธํสนํ, อภูตโรจนฺจ เอติเยว. เตนาห ‘‘หตฺถมุทฺทาย เอว วา’’ติ. พฺรหฺมจริยาติ พฺรหฺมํ เสฏฺํ ปสตฺถํ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, พฺรหฺมูนํ วา เสฏฺานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานํ, พฺรหฺมานฺจ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, ตมฺหา พฺรหฺมจริยา. เตนาห ‘‘เสฏฺจริยา’’ติ. สาธุ วตสฺส เอกนฺเตน ภทฺทกํ ภเวยฺย. ‘‘ตชฺชนียกมฺมาทิสตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อาปตฺติยา โจเทนฺตสฺส อธิปฺปาโย กมฺมาธิปฺปาโย. ‘‘อาปตฺติโต วุฏฺาเปสฺสามา’’ติ อธิปฺปาโย วุฏฺานาธิปฺปาโย. อนุวิชฺชนาธิปฺปาโยติ วีมํสนาธิปฺปาโย, อุปปริกฺขาธิปฺปาโย. อนุวิชฺชเกนาติ สงฺฆมชฺเฌ โอติณฺณํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุํ นิสินฺเนน วินยธเรน. กึ เต ทิฏฺนฺติ ตยา กึ ทิฏฺํ, ปมํ ปาราชิกํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ, ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ ปาราชิกํ อาปชฺชนฺโต ทิฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. อาทิสทฺเทน ‘‘กินฺติ เต ทิฏฺํ, กทา เต ทิฏฺํ, กตฺถ เต ทิฏฺ’’นฺติ อิมํ นยํ สงฺคณฺหาติ.
สมนตฺถาย ปวตฺตมาเนหิ สมเถหิ อธิกาตพฺพนฺติ อธิกรณํ. ยถา หิ สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาติ. เตนาห ‘‘สมเถหิ อธิกรณียภาเวนา’’ติอาทิ. อิมินา หิ อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมสาธนตา วุตฺตา. อธิกรณนฺติ วิวาทาธิกรณํ อนุวาทาธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ กิจฺจาธิกรณนฺติ จตุพฺพิธํ อธิกรณํ. วิวาทาทีนิ อธิกรณานิ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติ ¶ สมถา, สมฺมุขาวินยาทโย. อถ วา อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณํ. เก อธิกรียนฺติ? สมถา. กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสน. อธิกรณํ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติปิ สมถาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาปตฺตาธิกรณํ เปตฺวา เสสาธิกรเณหิ โจทนาย อภาวโต ‘‘อิทํ ปน ปาราชิกสงฺขาตํ ¶ อาปตฺตาธิกรณเมว อธิปฺเปต’’นฺติ วุตฺตํ. อาปตฺติเยว อธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ. อนุทฺธํสิตกฺขเณเยว สงฺฆาทิเสโส, โส เจ ตงฺขเณเยว ชานาตีติ อธิปฺปาโย.
เมตฺติยภูมชเกติ เมตฺติยฺจ ภูมชกฺจ. ฉพฺพคฺคิยานํ อคฺคปุริสา เอเต. สุทฺธํ วาติ ปาราชิกมนาปนฺนํ วา. ‘‘สเจ โส ตงฺขเณเยว ชานาตี’’ติ อิมินา อาวชฺชนสมยมาห. ตงฺขเณเยว ชานนํ นาม ทุกฺกรํ, สมเยน อาวชฺชิตฺวา าเต ปน าตเมว โหติ. ปจฺฉา เจ ชานาติ, สีสํ น เอติ. สิกฺขาปจฺจกฺขานอภูตาโรจนทุฏฺุลฺลวาจาอตฺตกามทุฏฺโทสภูตาโรจนสิกฺขาปทานีติ สพฺพาเนว หิ อิมานิ เอกปริจฺเฉทานิ. ยสฺมา ปน ปรมฺมุขา สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ วทโต ทุกฺกฏเมว, ตสฺมา ‘‘ปรมฺมุขา โจเทนฺตสฺส ปน สีสํ น เอตี’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตนยาปตฺติโยติ ‘‘วาจาย วาจายา’’ติอาทินา วุตฺตนยา สงฺฆาทิเสสทุกฺกฏาปตฺติโย. ตเถวาติ วาจาย วาจาเยว. วทนฺตสฺสาติ สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ อุปสมฺปนฺนํ สมฺมุขา วทนฺตสฺส. วุตฺตนเยเนวาติ วาจาย วาจาเยว. โอกาสํ กาเรตฺวา อุปสมฺปนฺนํ สมฺมุขา วทนฺตสฺส วาจาย วาจาย ปาจิตฺติยนฺติ อาห ‘‘โอกาสํ กาเรตฺวา วทนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวา’’ติ. เอวสทฺเทน ทุกฺกฏํ นิวตฺตียติ. อสมฺมุขา สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขนฺเธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. สตฺตวิธมฺปิ กมฺมนฺติ ตชฺชนียํ, นิยสํ, ปพฺพาชนียํ, ปฏิสารณียํ, ติวิธฺจ อุกฺเขปนียนฺติ สตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ.
อุโปสถํ วา ปวารณํ วา เปนฺตสฺส จ โอกาสกมฺมํ นตฺถีติ เอตฺถ อุโปสถโต ปุเร วา ปจฺฉา วา ปิโตปิ อฏฺปิโต โหติ. เขตฺเต ปิโต ปน ปิโต โหติ, ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ เอตฺถ ยาว เร-การํ ภณติ, ตาว เปตพฺโพ, อิทํ เขตฺตํ. ยฺย-กาเร ปน วุตฺเต เปนฺเตน ปจฺฉา ปิโต นาม โหติ ¶ . ‘‘สุณาตุ เม’’ติ อนารทฺเธ เปนฺเตน ปุเร ปิโต โหติ. ปวารณาฏฺปนํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ, ปุคฺคลิกฺจาติ ทุวิธํ. ตตฺถ สพฺพสงฺคาหิเก ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… สงฺโฆ เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ สุ-การโต ยาว เร-กาโร, ตาว อปริโยสิตาว โหติ ปวารณา, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ ปวารณา. ยฺย-กาเร ปน ปตฺเต ปริโยสิตาว โหติ, ตสฺมา ตโต ปฏฺาย เปนฺเตน อฏฺปิตา โหติ. ปุคฺคลิกฏฺปเน ปน ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปวาเรมิ…เป… ตติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิฏฺเน วา…เป… ปสฺสนฺโต ปฏี’’ติ (มหาว. ๒๑๐) สํ-การโต ยาว อยํ สพฺพปจฺฉิโม ฏิ-กาโร, ตาว อปริโยสิตาว โหติ ปวารณา, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ เปนฺเตน ปิตา โหติ ปวารณา. ‘‘กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปน ปริโยสิตา โหติ, ตสฺมา ‘‘กริสฺสามี’’ติ เอตสฺมึ ปเท สมฺปตฺเต ปิตาปิ ¶ อฏฺปิตา โหติ. เอเสว นโย ทฺเววาจิกเอกวาจิกสมานวสฺสิกาสุ. เอตาสุปิ หิ ฏิ-การาวสานํเยว ปนกฺเขตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘ปนกฺเขตฺตํ ปน ชานิตพฺพ’’นฺติ. โอสเฏ วตฺถุสฺมินฺติ โจทเกน อตฺตนา วตฺตพฺเพ สงฺฆมชฺเฌ อุทาหเฏ. อิทฺจ อิทฺจ กโรตีติ ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานฺจ กโรติ, ชาตรูปรชตฺจ ปฏิคฺคณฺหาติ. อสุโก จ อสุโก จ อสฺสมโณ, อนุปาสโกติ อกฺโกสาธิปฺปาเยน ปรมฺมุขา วทนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, สมฺมุขา วทนฺตสฺส ปน ปาจิตฺติยเมว. เตนาห ‘‘สเจ ปน โอทิสฺส นิยเมตฺวา’’ติอาทิ. สงฺขฺยุปคมนนฺติ โวหารูปคมนํ.
ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺภาคสฺสาติ อฺโกฏฺาสสฺส, ยํ โจเทตุกาโม, ตสฺส ชาติอาทิโต อฺสฺส ติรจฺฉานชาติอาทิโกฏฺาสสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. อิทนฺติ นปุํสกนิทฺเทเสน ฉคลกาทึ นิทฺทิสติ, อยํ ฉคลกาทิโกติ อตฺโถ, อธิกรณสทฺทาเปกฺขาย วา นปุํสกนิทฺเทโส, อิทํ ฉคลกาทิสงฺขาตํ อธิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺภาโค วาติ ติรจฺฉานชาติอาทิเภโท อฺโ โกฏฺาโส วา. อสฺสาติ ฉคลกาทิกสฺส ¶ . อฺภาคิยํ ฉคลกาทิ. เอตฺถ จ ‘‘อฺภาคสมฺพนฺธิ อฺภาคิย’’นฺติ ปมวิคฺคหสฺส อตฺโถ, ‘‘อฺภาควนฺตํ อฺภาคิย’’นฺติ ทุติยวิคฺคหสฺส. เปตฺวา ปน ติรจฺฉานชาติอาทิกํ ปรมตฺถโต วิสุํ ฉคลกาทิเก อสติปิ ‘‘ปฏิมาย สรีร’’นฺติอาทีสุ วิย อเภเทปิ เภทกปฺปนาย ปวตฺตโลกโวหารวเสน ‘‘อฺภาคสฺส อิทํ, อฺภาโค วา อสฺส อตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อธิกรียติ เอตฺถาติ อธิกรณํ. เตนาห ‘‘อาธาโร เวทิตพฺโพ’’ติ. อาธรียติ อสฺมินฺติ อาธาโร, ปติฏฺานํ. เตนาห ‘‘วตฺถุ อธิฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
อิทานิ ‘‘อฺภาคสฺส อิท’’นฺติอาทินา สงฺเขเปน วุตฺตเมวตฺถํ เกวลํ นยทสฺสนตฺถํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อาคตเมว คเหตฺวา วิภชนฺโต ‘‘โย หิ โส’’ติอาทิมาห. เตน นนุ อนาคเต เอวํ โจเทนฺตานํ ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสปิทหนตฺถํ อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, น ปน เมตฺติยภูมชกานํ. เตสฺหิ อาทิกมฺมิกตฺตา อนาปตฺติ, ตสฺมา สามฺเน อตฺโถ วิภชิตพฺโพ. น ปน ‘‘โย หิ โส อฏฺุปฺปตฺติยํ ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติอาทินา วิเสเสนาติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฏฺพฺพํ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต, ยสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. อฏฺุปฺปตฺติยนฺติ ¶ อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ, ตสฺสํ อฏฺุปฺปตฺติยํ, สิกฺขาปทสฺส นิทาเนติ วุตฺตํ โหติ. ฉคลโกติ เสตฉคลโก. โสติ ฉคลโก. อิมสฺส ปน ‘‘โหตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อฺสฺส…เป… ฉคลกภาวสฺส จาติ ‘‘ติรจฺฉานชาติยา เจว ฉคลกภาวสฺส จา’’ติ สงฺขาตสฺส อฺสฺส ภาคสฺส โกฏฺาสสฺส, ปกฺขสฺสาติ อตฺโถ.
กุโตยมฺโ, ยโต ‘‘อฺสฺส ภาคสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยฺวายํ…เป… ตโต’’ติ. ตตฺถ มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จาติ โย อยํ ภาโค โกฏฺาโส ปกฺโขติ สมฺพนฺโธ, ‘‘มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จา’’ติ สงฺขาโต โย อยํ ภาโค โกฏฺาโส ปกฺโขติ อตฺโถ. ตโตติ ‘‘มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จา’’ติ ภาคโต. โส วา อฺภาโคติ ยถาวุตฺตติรจฺฉานชาติฉคลกภาวสงฺขาโต โส อฺภาโค วา. อสฺสาติ ฉคลกสฺส. อตฺถีติ อุปลพฺภติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อฺภาคสฺส ฉคลโก โหติ, ยสฺมา จ โส วา อฺภาโค อสฺส ¶ อตฺถิ, ตสฺมา. อฺภาคิยสงฺขฺยํ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘โส ยฺวาย’’นฺติ อิธ โส-สทฺทเมว อาเนตฺวา โส อฺภาคิยสงฺขํ ลภตีติ โยเชตพฺพํ, ‘‘โส’’ติ วา ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. โส ปน อธิกรณสทฺทโต ปรํ ทฏฺพฺโพ, ‘‘อธิกรณ’’นฺติ จ เวทิตพฺโพติ. เตสนฺติ เมตฺติยภูมชกานํ. อิมํ มยํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาม กโรมาติ ฉคลกํ อชิกาย วิปฺปฏิปชฺชนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยํ, อาวุโส, อิมํ ฉคลกํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาม กโรมา’’ติ วทนฺตานํ. นามกรณสฺายาติ นามกรณสงฺขาตาย สฺาย. เอตฺถาปิ ‘‘โย โส’’ติอาทิกํ อาเนตฺวา ตสฺสา นามกรณสฺาย โย โส อฏฺุปฺปตฺติยํ ‘‘ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต นามา’’ติ ฉคลโก วุตฺโต, โส ยสฺมา อาธาโร วตฺถุ อธิฏฺานนฺติ โยเชตพฺพํ.
อิทานิ กถเมตํ วิฺายติ ‘‘อธิกรณ’’นฺติ เจตฺถ อาธาโร เวทิตพฺโพ, น วิวาทาธิกรณาทีสุ อฺตรนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ตฺหิ สนฺธายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตนฺติ ตสฺสา นามกรณสฺาย อธิฏฺานภูตํ ฉคลกํ ปจฺจามสติ. วิวาทาธิกรณาทีสุ อฺตรํ สนฺธาย น วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณํ ปุจฺฉติ ‘‘กสฺมา’’ติ. การณมาห ‘‘อสมฺภวโต’’ติ. อิทานิ ตเมว อสมฺภวํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น หิ อุปาทิยึสูติ สมฺพนฺโธ. อุปาทิยึสูติ คณฺหึสุ. กึ จตุนฺนํ อธิกรณานมฺปิ เลโส อตฺถิ, เยเนวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘น จ จตุนฺนํ อธิกรณาน’’นฺติอาทิ. อิทานิ ตเมว สมตฺเถตุํ ‘‘ชาติเลสาทโย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชาติเยว เลโส ชาติเลโส. อาทิสทฺเทน นามเลสาทีนํ คหณํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘เลสา ¶ ชาตินามโคตฺต-ลิงฺคาปตฺติวสาปิ จ;
ปตฺตจีวรุปชฺฌายา-จริยาวาสวสา ทสา’’ติ.
อาปตฺติเลโส นาม ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ. ตฺเจ ปาราชิเกน โจเทติ ‘‘อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสาติ (ปารา. ๓๙๖) เอวํ อาปตฺติเลสมฺปิ ปุคฺคลสฺมึเยว อาโรเปตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘ปุคฺคลานํเยว เลสา วุตฺตา’’ติ วุตฺตํ ¶ . ตฺจ ‘‘ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติ นามนฺติ เมตฺติยภูมชเกหิ ฉคลกสฺส กตํ ตํ ‘‘ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติ นามฺจ. เอวํ อสมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อิมินาว ปสงฺเคน เทสเลสสทฺทานํ อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ เทสเลเสสุ. เทโส นาม ชาติอาทิเภโท โวหาโร. เตนาห ‘‘ชาติอาทีสู’’ติอาทิ. อฺมฺปิ วตฺถุนฺติ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปติฏฺิตํ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺมฺปิ วตฺถุํ. กถํ สิลิสฺสตีติ อาห ‘‘โวหารมตฺเตเนวา’’ติอาทิ, โวหารมตฺเตเนว, น ตุ อตฺถโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘อีสกํ อลฺลียตี’’ติ อิมินา ‘‘เลโส’’ติ ลิส อลฺลีภาเวติ อิมสฺส รูปนฺติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ เทสเลสานํ วุตฺตนเยน พฺยฺชนโต นานากรณํ อตฺถิ, อตฺถโต ปน นตฺถีติ อาห ‘‘ชาติอาทีนํเยว อฺตรโกฏฺาสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
ยทิ ปน นามกรณสฺาย อาธารภูตํ ฉคลกํ สนฺธาย ‘‘อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ปทภาชเน ตํ อวิภชิตฺวา ‘‘อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺสาติ อาปตฺตฺภาคิยํ วา โหติ อธิกรณฺภาคิยํ วา’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙๓) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิ. ตนฺติ อาธารสงฺขาตํ อธิกรณํ. อาวิภูตํ ปากฏํ. อตฺถุทฺธารวเสนาติ เตน วตฺตพฺพอตฺถานํ อุทฺธรณวเสน. นนุ จ ‘‘อตฺถมตฺตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตี’’ติ น เอเกน สทฺเทน อเนกตฺถา อภิธียนฺตีติ? สจฺจเมตํ สทฺทวิเสเส อเปกฺขิเต, เตสํ เตสํ ปน อตฺถานํ อธิกรณสทฺทวจนียตาสามฺํ อุปาทาย วุจฺจมาโน อยํ วิจาโร อธิกรณสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาโรติ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘อธิกรณนฺติ วจนสามฺโต อตฺถุทฺธารวเสน ปวตฺตานิ จตฺตาริ อธิกรณานี’’ติ. อฺภาคิยตาติ อฺปกฺขิยตา. ตพฺภาคิยตาติ ตปฺปกฺขิยตา. อปากฏา ปทภาชนโต อฺตฺร ทสฺสิตฏฺานาภาวโต. อวสาเน อาปตฺตฺภาคิเยน โจทนฺจาติ ‘‘ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ, สงฺฆาทิเสเส สงฺฆาทิเสสทิฏฺิ โหติ, ตฺเจ ปาราชิเกน โจเทตี’’ติอาทิโจทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อธิกรณฺภาคิย’’นฺติ. เอกเมกฺหิ อธิกรณํ อิตเรสํ ติณฺณํ ติณฺณํ อฺภาคิยํ อฺปกฺขิยํ ¶ อฺโกฏฺาสิยํ โหติ วตฺถุวิสภาคตฺตา. อาทิสทฺเทน ¶ ‘‘กถํ อธิกรณํ อธิกรณสฺส อฺภาคิย’’นฺติอาทิโก ปทวิภาโค สงฺคหิโต.
กิฺจิ เทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตสฺสาปิ อสมฺภวทสฺสนปฺปสงฺเคน เหฏฺา วุตฺตตฺตา ‘‘เสสา วินิจฺฉยกถา อฏฺเม วุตฺตสทิสาเยวา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ เสสา วินิจฺฉยกถาติ ‘‘ปาราชิเกนาติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวิสติยา อฺตเรนา’’ติอาทิกา (กงฺขา. อฏฺ. ทุฏฺโทสสิกฺขาปทวณฺณนา) วินิจฺฉยกถา. วุตฺตสทิสาเยวาติ เอตฺถ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ยา วตฺตพฺพา, เตน สิกฺขาปเทน สาธารณภูตา สา วุตฺตสทิสาเยวาติ อธิปฺเปตา, น อสาธารณภูตา อปุพฺพวณฺณนาย อธิปฺเปตตฺตา. เตเนวาห ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ. ปุริมสฺมึ สิกฺขาปเทปิ ตถาสฺิโน อนาปตฺติกตฺตา ‘‘อิธ จา’’ติ วุตฺตํ. ตถาสฺิโนปีติ ‘‘ปาราชิกํเยว อยํ อาปนฺโน’’ติ เอวํสฺิโนปิ. อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ วา ปการตฺโถ วา. เตน เกนจิ ภิกฺขุนา อฺโ โกจิ ขตฺติยชาติโก ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ, อถ โส อฺํ อตฺตโน เวรึ ขตฺติยชาติกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ตํ ขตฺติยชาติเลสํ คเหตฺวา เอวํ โจเทติ ‘‘ขตฺติโย มยา ทิฏฺโ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโต, ตฺวํ ขตฺติโย ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโนสิ, อถ วา ตฺวํ โข ขตฺติโย, น อฺโ, ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺโนสิ, อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสิ, นตฺถิ ตยา สทฺธึ อุโปสโถ วา ปวารณา วา สงฺฆกมฺมํ วา’’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺส. เอตฺถ จ เตสํ ขตฺติยานํ อฺมฺํ อสทิสสฺส ตสฺส ตสฺส ทีฆาทิโน วา ทิฏฺาทิโน วา วเสน อฺภาคิยตา, ขตฺติยชาติปฺตฺติยา อาธารวเสน อธิกรณตา จ เวทิตพฺพา. เอส นโย นามเลสาทีสุปิ.
อาปตฺติเลเส ปน เกนจิ ภิกฺขุนา โกจิ ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหติ, โส เจตํ ภิกฺขุํ ปาราชิเกน โจเทติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺส. ยทิ เอวํ กถํ อฺภาคิยํ อธิกรณํ โหตีติ? ยฺหิ โส ลหุกํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ ปาราชิกสฺส อฺภาคิยํ อธิกรณํ, ตสฺส ปน อฺภาคิยสฺส อธิกรณสฺส เลโส นาม. โย โส สพฺพขตฺติยานํ สาธารโณ ขตฺติยภาโว วิย สพฺพาปตฺตีนํ สาธารโณ อาปตฺติภาโว. เอเตเนว อุปาเยน ¶ ‘‘เกนจิ ภิกฺขุนา โกจิ ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺโต ทิฏฺโ โหตี’’ติอาทิกํ วิเสสํ สงฺคณฺหาติ.
อฺภาคิยสิกฺขํ ¶ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต;
คจฺเฉ วินยวิฺูหิ, อฺภาคิยตํว โส. (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๔๐๘);
อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา
สหิตสฺสาติ กายจิตฺเตหิ เอกีภูตสฺส. เตนาห ‘‘จิตฺเตน จ สรีเรน จ อวิยุตฺตสฺสาติ อตฺโถ’’ติ. อสฺสาติ ‘‘สมคฺคสฺสา’’ติ ปทสฺส. สมานสํวาสโกติ สมาโน เอกูโปสถาทิเภโท สํวาโส อสฺสาติ สมานสํวาสโก, ลทฺธินานาสํวาสเกน วา กมฺมนานาสํวาสเกน วา วิรหิโต. กายสามคฺคิทานโตติ กาเยน, กายสฺส วา สามคฺคิยา สหิตภาวสฺส ทานโต, เตสุ เตสุ สงฺฆกมฺเมสุ หตฺถปาสูปคมนโตติ วุตฺตํ โหติ. กถํ นามายํ ภิชฺเชยฺยาติ อยํ สงฺโฆ เกน นุ โข อุปาเยน วคฺโค ภเวยฺย. วายาเมยฺยาติ อุสฺสาหํ กเรยฺย, ปกฺขํ ปริเยเสยฺย, คณํ พนฺเธยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิฺจิ การณํ, อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํ, วิเสสการณฺจ สงฺฆเภทสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘เภทนสฺสา’’ติอาทิ. เภทกรวตฺถุวเสน อฏฺารสวิธนฺติ –
‘‘อิธุปาลิ ภิกฺขู อธมฺมํ ‘ธมฺโม’ติ ทีเปนฺติ, ธมฺมํ ‘อธมฺโม’ติ ทีเปนฺติ. อวินยํ ‘วินโย’ติ ทีเปนฺติ, วินยํ ‘อวินโย’ติ ทีเปนฺติ. อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ‘ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ‘อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ. อนาจิณฺณํ ตถาคเตน ‘อาจิณฺณํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน ‘อนาจิณฺณํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ. อปฺตฺตํ ตถาคเตน ‘ปฺตฺตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน ¶ ‘อปฺตฺตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ. อนาปตฺตึ ‘อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อาปตฺตึ ‘อนาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ. ลหุกํ อาปตฺตึ ‘ครุกา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, ครุกํ อาปตฺตึ ‘ลหุกา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ. สาวเสสํ อาปตฺตึ ‘อนวเสสา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ ‘สาวเสสา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ. ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ‘อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ‘ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๒) –
เอวํ ¶ กมฺมกฺขนฺธเก วุตฺตานํ อฏฺารสนฺนํ เภทกรณานํ วเสน อฏฺารสวิธํ. การณฺหิ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลํ เอตฺถ วสตีติ ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘ธมฺมวินยภาสิตา-จิณฺณปฺตฺติกา ทุกา;
อาปตฺติลหุทุฏฺุลฺล-สาวเสสทุกานิ จ.
‘‘เอตานฏฺารส ‘เภท-กรวตฺถู’ติ วุจฺจเร;
วิปลฺลาสคหิตานิ, วาทมูลูปนิสฺสยา’’ติ.
ปคฺคยฺหาติ ปคฺคหิตํ อพฺภุสฺสิตํ ปากฏํ กตฺวา. ติฏฺเยฺยาติ ยถาสมาทินฺนํ, ยถาปคฺคหิตเมว จ กตฺวา อจฺเฉยฺย. ยสฺมา ปน เอวํ ปคฺคณฺหตา, ติฏฺตา จ ตํ ทีปิตฺเจว อวินิสฺสฏฺฺจ โหติ, ตสฺมา ‘‘ทีเปยฺย เจว นปฺปฏินิสฺสชฺเชยฺย จา’’ติ วุตฺตํ. กีว ทูเร สุตฺวา คนฺตฺวา อวทนฺตานํ ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทนา’’ติอาทิ. ปิ-สทฺโท เจตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต, ตสฺส ‘‘อฑฺฒโยชนมตฺต’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘อฑฺฒโยชนมตฺต’’นฺติ อิมินา เอกวิหาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติ. ‘‘คนฺตฺวา’’ติ อิมินา ทูตํ วา ปณฺณํ วา เปเสตฺวา วทโตปิ อาปตฺติโมกฺโข นตฺถิ, สยเมว ปน คนฺตฺวา ‘‘ครุโก โข, อาวุโส, สงฺฆเภโท, มา สงฺฆเภทาย ปรกฺกมี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๑) นิวาเรตพฺโพติ ทีเปติ.
สมาคจฺฉตูติ เอกีภวตุ. เอกีภาโว จ สมานลทฺธิวเสน โหตีติ อาห ‘‘เอกลทฺธิโก โหตู’’ติ. เอกา ลทฺธิ คหณํ อสฺสาติ เอกลทฺธิโก, เอกทิฏฺิโกติ อตฺโถ. อฺมฺสมฺปตฺติยาติ อฺมฺสฺส สมานทิฏฺิจิตฺตตาสงฺขาตาย สมฺปตฺติยา. ‘‘อฺมฺสฺส คุณลาภาทิกาย สมฺปตฺติยา’’ติ ¶ เกจิ. อสมคฺโค หิ วิสุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, พหิสีมายํ วา อนุปริเวณิยํ วาติ น เอกุทฺเทโส. เตนาห ‘‘เอกโต ปวตฺตปาติโมกฺขุทฺเทโสติ อตฺโถ’’ติ. อปฺปฏินิสฺสชฺชโต ทุกฺกฏนฺติ วิสุํ วิสุํ วทนฺตานํ คณนาย ทุกฺกฏํ. สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ ยาวตติยํ สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพํ, ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมตี’’ติอาทินา (ปารา. ๔๑๓) ปทภาชเน วุตฺตาหิ ตฺติจตุตฺถาหิ ตีหิ สมนุภาสนกมฺมวาจาหิ กมฺมํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เภทาย ปรกฺกเมยฺยา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา เภทนสํวตฺตนิกสฺส อธิกรณสฺส สมาทาย ปคฺคณฺหนโต ปุพฺเพปิ ปกฺขปริเยสนาทิวเสน สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ ¶ เวทิตพฺพํ. ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺส อนาปตฺติภาวโต ‘‘โสตฺถิภาโว ตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ วุตฺตํ.
กิฺจาปิ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติ, อปิจ โข เภทาย ปรกฺกมตีติ ‘‘สาธารณปฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ. สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺตสฺส ตฺติยา ทุกฺกฏํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา จ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อาห ‘‘สมนุภาสนกมฺเม’’ติอาทิ. ตฺจ ทุกฺกฏํ เต จ ถุลฺลจฺจยา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ ยฺจ ตฺติปริโยสาเน ทุกฺกฏํ อาปนฺโน, เย จ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจเย, ตา ติสฺโสปิ อาปตฺติโย ลิงฺคปริวตฺเตน อสาธารณาปตฺติโย วิย ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ. สเจ ปนสฺส ตฺติปริโยสาเน ลชฺชิธมฺโม โอกฺกมติ, สํวโร อุปฺปชฺชติ, ตํ ปฏินิสฺสชฺชติ, ตฺติยา ทุกฺกฏํ เทเสตฺวา มุจฺจติ. อถ ตํ น ปฏินิสฺสชฺชติ, เภทาย ปรกฺกมติ เจว เภทนสํวตฺตนิกํ อธิกรณํ สมาทาย ปคฺคยฺห ติฏฺติ จ, ตฺติทุกฺกฏํ ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, ปมกมฺมวาจาย ถุลฺลจฺจเย ปติฏฺาติ. เอส นโย อิตรกมฺมวาจายมฺปิ. อสมนุภาสิยมานสฺส อปฺปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺสาปิ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ. ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺสาปิ ตฺติโต ปุพฺเพ วา ตฺติกฺขเณ วา ตฺติปริโยสาเน วา ปมาย วา อนุสฺสาวนาย ทุติยาย วา ตติยาย วา ยาว ยฺย-การํ น สมฺปาปุณาติ, ตาว ปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺส สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ. เตนาห ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺส จา’’ติอาทิ.
เอตฺถ ปน (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๖) ‘‘เทวทตฺโต สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมิ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ (ปริ. ๑๗) ปริวาเร อาคตตฺตา เทวทตฺโต อาทิกมฺมิโก, โส จ โข ¶ สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนสฺเสว, น อปฺปฏินิสฺสชฺชนสฺส. น หิ ตสฺส ตํ กมฺมํ กตํ. กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? สุตฺตโต. ตถา หิ ‘‘อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ปาปิกาย ทิฏฺิยา ยาวตติยํ สมนุภาสนาย น ปฏินิสฺสชฺชิ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปริวาเร อาคตตฺตา อริฏฺสฺส กมฺมํ กตนฺติ ปฺายติ, น ตถา เทวทตฺตสฺส. อถาปิสฺส กเตน ภวิตพฺพนฺติ โกจิ อตฺตโน รุจิมตฺเตน วเทยฺย, ตถาปิ อปฺปฏินิสฺสชฺชเน อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติ นาม นตฺถิ. น หิ ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺตสฺส อฺตฺร โอทิสฺส อนฺุาตโต อนาปตฺติ นาม ทิสฺสติ. ยมฺปิ อริฏฺสิกฺขาปทสฺส ปทภาชเน อนาปตฺติยํ ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ โปตฺถเกสุ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ, ปมาทลิขิตภาโว จ ตสฺส ‘‘ปมํ อริฏฺโ ภิกฺขุ โจเทตพฺโพ, โจเทตฺวา สาเรตพฺโพ, สาเรตฺวา อาปตฺตึ อาโรเปตพฺโพ’’ติ (จูฬว. ๖๕) เอวํ กมฺมกฺขนฺธเก อาปตฺติโรปนโต เวทิตพฺโพ.
อิธ ¶ เภทาย ปรกฺกมเน อาทิกมฺมิกสฺส เทวทตฺตสฺส ยสฺมา ตํ กมฺมํ น กตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๖), ตสฺมาสฺส อาปตฺติเยว น ชาตา. สิกฺขาปทํ ปน ตํ อารพฺภ ปฺตฺตนฺติ กตฺวา ‘‘อาทิกมฺมิโก’’ติ วุตฺโต. อิติ อาปตฺติยา อภาวโตเยวสฺส อนาปตฺติ วุตฺตา. สา ปเนสา กิฺจาปิ ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺสา’’ติ อิมินาว สิทฺธา. ยสฺมา ปน อสมนุภาสิยมาโน นาม ยสฺส เกวลํ สมนุภาสนํ น กโรนฺติ, โส วุจฺจติ, น อาทิกมฺมิโก. อยฺจ เทวทตฺโต อาทิกมฺมิโกเยว. ตสฺมา ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๖) วุตฺตํ. เอเตเนว อุปาเยน เปตฺวา อริฏฺสิกฺขาปทํ สพฺพสมนุภาสนาสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺานโต สมนุภาสนสมุฏฺานํ. ‘‘ปฏินิสฺสชฺชามี’’ติ กายวิการํ วา วจีเภทํ วา อกโรนฺตสฺเสว ปน อาปชฺชนโต อกิริยํ. ‘‘นปฺปฏินิสฺสชฺชามี’’ติ สฺาย อภาเวน มุจฺจนโต สฺาวิโมกฺขํ. ‘‘นปฺปฏินิสฺสชฺชามี’’ติ ชานนจิตฺเตเนว สจิตฺตกํ.
สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺเสวาติ ¶ เภทาย ปรกฺกมนฺตสฺเสว. โขติ นิปาตมตฺตํ. ปนาติ วิเสเส นิปาโต. ยํ วจนํ สมคฺเคปิ วคฺเค อวยวภูเต กโรติ ภินฺทติ, ตํ กลหการกวจนํ อิธ ‘‘วคฺค’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘วคฺคํ อสามคฺคิปกฺขิยวจนํ วทนฺตี’’ติ. อสามคฺคิปกฺเข ภวา อสามคฺคิปกฺขิยา, กลหการกา, เตสํ วจนํ อสามคฺคิปกฺขิยวจนํ, อสามคฺคิปกฺเข วา ภวํ วจนํ อสามคฺคิปกฺขิยวจนํ. ‘‘น หิ สงฺโฆ สงฺฆสฺส กมฺมํ กโรตี’’ติ อิทํ นิคฺคหวเสน กตฺตพฺพํ กมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุพฺพาหิกาทิกมฺมํ ปน พหูนมฺปิ กาตุํ วฏฺฏติเยว. ธมฺมวาทีติ ภูตวาที. วินยวาทีติ วูปสมวาที. ชานาติ โนติ เอตฺถาปิ ‘‘ฉนฺทฺจ รุจิฺจา’’ติ อิทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตนาห ‘‘อมฺหากํ ฉนฺทาทีนิ ชานาตี’’ติ. ภาสตีติ เอตฺถ ‘‘โน’’ติ อิทํ วิภตฺติวิปริณาเมน ยุชฺชติ. เตนาห ‘‘เอวํ กโรมาติ อมฺเหหิ สทฺธึ ภาสตี’’ติ. ‘‘เอต’’นฺติ อิมินา ตสฺส กมฺมํ ปจฺจามฏฺนฺติ อาห ‘‘ยํ โส กโรตี’’ติอาทิ. โสติ สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺโต. สเมตายสฺมนฺตานนฺติ เอตฺถ ‘‘จิตฺต’’นฺติ อชฺฌาหริตพฺพนฺติ อาห ‘‘อายสฺมนฺตานํ จิตฺต’’นฺติ. วุตฺตสทิสาเยวาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา อฺภาคิยสิกฺขาปทฏฺกถาย วณฺณนายํ (กงฺขา. อฏฺ. อฺภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตเมว.
เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุกฺเขน ¶ วตฺตพฺโพ อนุสาสิตุํ อสกฺกุเณยฺโย สภาโว อสฺสาติ ทุพฺพจชาติโก, วิโลมภาวี. เตนาห ‘‘ทุพฺพจสภาโว’’ติอาทิ. วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ กิสฺมิฺจิ วุจฺจมาเน อสหนโต โอวทิตุํ อสกฺกุเณยฺโย. อุทฺทิสียตีติ อุทฺเทโส, ปาติโมกฺโข, ตสฺมึ ปริยาปนฺนา อนฺโตคธา อุทฺเทสปริยาปนฺนา, เตสุ อุทฺเทสปริยาปนฺเนสุ. เตนาห ‘‘อุทฺเทเส’’ติอาทิ. อถ สพฺพาเนว สิกฺขาปทานิ กถํ ปาติโมกฺขุทฺเทสปริยาปนฺนานีติ อาห ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส ‘อาวิกเรยฺยา’ติ เอวํ สงฺคหิตตฺตา’’ติ. ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ อิมินา ¶ สพฺพาปิ อาปตฺติโย นิทานุทฺเทเส สงฺคหิตา เอว โหนฺติ. สิกฺขาปเทสูติ อธิสีลสิกฺขาย อธิคมูปายภูเตสุ วินยปฺตฺตีสูติ อตฺโถ. โส ปน ปากโฏเยวาติ อฏฺกถายํ น วุตฺโต. ปฺจหิ สหธมฺมิเกหีติ ภิกฺขุภิกฺขุนิสามเณรสามเณริสิกฺขมานาหิ. สิกฺขิตพฺพตฺตาติ ลพฺภมานวเสน สิกฺขิตพฺพตฺตา. ตถา หิ เตหิ ยถาสกํ สิกฺขา สิกฺขียติ, น สพฺพา. พุทฺธปฺตฺเตนาติ พุทฺเธน ปิเตน, วิหิเตนาติ อตฺโถ. อถ วา สหธมฺมิเกน สการเณน วุจฺจมาโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วจนายาติ นิสฺสกฺเก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘ตโต มม วจนโต’’ติ.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา
นครสฺสาปิ คามวิเสสตฺตา อิธ คามคฺคหเณเนว นครมฺปิ คหิตนฺติ อาห ‘‘นครมฺปิ คาเม อนฺโตคธเมวา’’ติ, วา-สทฺเทน วา อนุตฺตวิกปฺปตฺเถน คหณนฺติ เอวํ วุตฺตํ. เอตฺถ จ อปาการปริกฺเขโป สาปโณ นิคโม, สปาการาปณํ นครํ, ตํตํวิปรีโต คาโมติ อิเมสํ ติณฺณํ วิเสโส ทฏฺพฺโพ. กุลานิ ทูเสตีติ ขตฺติยพฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทวเสน จตฺตาริ กุลานิ วิการํ อาปาเทติ. ทูเสนฺโต จ น อสุจิกทฺทมาทีหิ ทูเสติ, อถ โข อตฺตโน ทุปฺปฏิปตฺติยา เตสํ ปสาทํ วินาเสติ. เตนาห ‘‘ปุปฺผทานาทีหี’’ติอาทิ. ตตฺถ หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา ปกฺโกสิตฺวา วา ปกฺโกสาเปตฺวา วา สยํ วา อุปคตานํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) ยสฺส กสฺสจิ อตฺตโน สนฺตกสฺส ปุปฺผสฺส กุลสงฺคหตฺถาย ทานํ ปุปฺผทานํ, ตํ อาทิ เยสํ เต ปุปฺผทานาทโย, เตหิ ปุปฺผทานาทีหิ. อาทิสทฺเทน (ปารา. ๔๓๗) ผลทานจุณฺณมตฺติกาทนฺตกฏฺเวฬุเวชฺชิกาชงฺฆเปสนิกานํ คหณํ. สทฺธํ วินาเสนฺโตติ ตถา อกโรนฺเตสุ ¶ อฺเสุ เปสเลสุ ภิกฺขูสุ อปฺปสาทํ อทสฺสนํ คเมนฺโต. ปุปฺผทานาทีหิ จ เตหิ กตสงฺคเหหิ อฺเ เปสเล ตถา อกโรนฺเต เต มนุสฺสา อิสฺสนฺติ น อลฺลียนฺตีติ โส เตสํ ปสาทํ วินาเสติ นามาติ ทฏฺพฺพํ. ปาปกา สมาจาราติ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺตฺตา ลามกา สมาจารา ¶ . เต ปน ยสฺมา กุลสงฺคหตฺถํ มาลาวจฺฉโรปนาทโย อิธ อธิปฺเปตา, ตสฺมา ‘‘มาลาวจฺฉโรปนาทโย’’ติ วุตฺตํ. อารามาทีนมตฺถาย ปน กปฺปิยโวหาราทีหิ โรปาปนาทิกํ วฏฺฏติ. ตตฺถ มาลาวจฺฉนฺติ ตรุณปุปฺผรุกฺขํ. ตรุณกา หิ ปุปฺผรุกฺขาปิ ปุปฺผคจฺฉาปิ ‘‘มาลาวจฺฉา’’ตฺเวว วุจฺจนฺติ, ตสฺส โรปนํ มาลาวจฺฉโรปนํ, ตํ อาทิ เยสํ เต มาลาวจฺฉโรปนาทโย. อาทิสทฺเทน เจตฺถ โรปาปนสิฺจนสิฺจาปนโอจินนโอจินาปนคนฺถนคนฺถาปนานํ คหณํ.
มาติกายํ ทิสฺสนฺตีติ เย ปจฺจกฺขโต ปสฺสนฺติ, เตหิ ทิสฺสนฺติ. สุยฺยนฺตีติ เย ปรโต สุณนฺติ, เตหิ โสตทฺวาเรน สุตฺวา อุปธารียนฺติ. ทุฏฺานีติ ทูสิตานิ. อลํ เต อิธ วาเสนาติ ตว อิธ วาเสน อลํ, มา อิธ ตว วาโส โหตูติ อตฺโถ. วารณตฺโถ หิ อิธ อลํ-สทฺโท. ปพฺพาชนียกมฺมกโตติ โจเทตฺวา สาเรตฺวา อาปตฺตึ อาโรเปตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิเม อสฺสชิปุนพฺพสุกา’’ติอาทินา (ปารา. ๔๓๔) ปทภาชเน วุตฺตาย ตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาย กตปพฺพาชนียกมฺโม. ยสฺมิฺจ วิหาเร วสตีติ คามโต พหิวิหารมาห. เนว ตสฺมึ คาเม…เป… จริตุํ ลภตีติ สเจปิ คาโม วา นิคโม วา ทฺวาทสโยชนปรโม โหติ, ติโยชนปรโม จ วิหาโร โหติ, เนว ตสฺมึ คาเม วา นิคเม วา ปิณฺฑาย จริตุํ ลภติ, น วิหาเร วสิตุํ. ตสฺมึ วิหาเร วสนฺเตน สามนฺตคาเมปิ ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ, สามนฺตวิหาเรปิ วสนฺเตน ตสฺมึ คาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ. สามนฺตวิหาเร วสนฺเตน ปน สามนฺตคาเม จริตุํ วฏฺฏติ. อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติโยติ กุลสงฺคหตฺถํ อตฺตโน สนฺตกทาเน ทุกฺกฏํ, อิสฺสรวตาย สงฺฆสนฺตกทาเน ถุลฺลจฺจยํ, ปสยฺห ทาเน ปาราชิกนฺติ อิมา อาปตฺติโย. มาติกายํ ‘‘ปกฺกมตา ยสฺมา’’ติ ปพฺพาชนียกมฺมกตสฺส วตฺตวเสน วุตฺตํ. อาทิมฺหิ ปน ปพฺพาชนียกมฺมวเสน ทฏฺพฺพํ. อสฺสชิปุนพฺพสุเกติ อสฺสชิฺเจว ปุนพฺพสุกฺจ.
กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสนิคมนวณฺณนา
ปมาปตฺติกาติ ¶ ¶ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสตฺโถติ อาห ‘‘ปมํ อาปตฺติ เอเตสนฺติ ปมาปตฺติกา’’ติ. วีติกฺกมนกฺขเณเยวาติ วตฺถุวีติกฺกมนกฺขเณเยว. เอว-กาเรน สมนุภาสนกมฺมกฺขณํ ปฏิกฺขิปติ. อหสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉโท ยาวตีหํ. เตนาห ‘‘ยตฺตกานิ อหานี’’ติ. อหานีติ จ ทิวสานีติ อตฺโถ.
วตฺถุวเสน วาติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมมตฺตวเสน วา. อิทนฺติ อิทํ วีติกฺกมํ. นามมตฺตวเสน วา อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตีติ ‘‘อยํ สงฺฆาทิเสโส นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ วินา วตฺถุํ นามวเสน วา. มตฺตสทฺเทน เจตฺถ วตฺถุํ ปฏิกฺขิปติ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘นามโคตฺตวเสน วา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. อิทานิ นํ กสฺสจิ น อาโรเจสฺสามีติ สมฺพนฺโธ. ธุรํ นิกฺขิปิตฺวาติ อาโรจเน อุสฺสาหํ เปตฺวา. น เกวลํ วตฺถุนามวเสเนว อาปตฺติสฺี หุตฺวา ฉาเทนฺตสฺเสว, อถ โข โยปิ เอวํ อชานนฺโต เกวลํ ‘‘อาปตฺตึ ฉาเทมี’’ติ อาปตฺติสฺาย ฉาเทติ, ตสฺสปิ ฉนฺนา โหตีติ เวทิตพฺพํ. สเจ ปเนตฺถ อนาปตฺติสฺี วา โหติ, อฺาปตฺติกฺขนฺธสฺี วา เวมติโก วา หุตฺวา ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติ เอวํ ฉาเทตุกาโมว ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปติ, อจฺฉนฺนาว โหตีติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อนาปตฺติ ปน อาปตฺติสฺายปิ อนาปตฺติสฺายปิ ฉาเทนฺเตน อจฺฉาทิตาว โหติ. ลหุกํ วา ‘‘ครุกา’’ติ ครุกํ วา ‘‘ลหุกา’’ติ ฉาเทติ, อลชฺชิปกฺเข ติฏฺติ, อาปตฺติ ปน อจฺฉนฺนา โหติ. ครุกํ ‘‘ลหุกา’’ติ มฺมาโน เทเสติ, เนว เทสิตา โหติ นจฺฉนฺนา.
ปกโต สภาวภูโต อตฺตา อสฺสาติ ปกตตฺโต, น กมฺเมหิ วิกตตฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อนุกฺขิตฺโต สมานสํวาสโก’’ติ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺตเนว นเยน. อถ ‘‘มยฺหํ สงฺเฆน กมฺมํ กต’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) อปกตตฺตสฺี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติ. อปกตตฺเตน ปน ปกตตฺตสฺินา วา ปกตตฺเตน อปกตตฺตสฺินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉนฺนาว โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อาปชฺชติ ¶ ครุกํ สาวเสสํ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฏิจฺจ;
น ¶ ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๘๑);
อยฺหิ ปฺโห อุกฺขิตฺตเกน กถิโต.
ทสสุ อนฺตราเยสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. สเจ ปน โย ภีรุกชาติกตาย อนฺธกาเร อมนุสฺสจณฺฑมิคภเยน อนฺตรายิกสฺี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติ. ยสฺสปิ ปพฺพตวิหาเร วสนฺตสฺส กนฺทรํ วา นทึ วา อติกฺกมิตฺวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อนฺตรามคฺเค จ จณฺฑวาฬอมนุสฺสาทิภยํ อตฺถิ, มคฺเค อชครา นิปชฺชนฺติ, นที ปูรา โหติ, เอตสฺมึ สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสฺี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติ. อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสฺาย วา อนนฺตรายิกสฺาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาว.
ภิกฺขุโนติ สภาคสฺส ภิกฺขุโน. สจสฺส มุเข อปฺปมตฺตโก คณฺโฑ วา โหติ, หนุกวาโต วา วิชฺฌติ, ทนฺโต วา รุชฺชติ, ภิกฺขา วา มนฺทา ลทฺธา โหติ, ตาวตเกน ปน เนว วตฺตุํ น สกฺโกติ, น คนฺตุํ. อปิจ โข ‘‘น สกฺโกมี’’ติ สฺี โหติ, อยํ ปหุ หุตฺวา อปฺปหุสฺี นาม. อิมินา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตา. อปฺปหุนา ปน วตฺตุํ วา คนฺตุํ วา อสมตฺเถน ปหุสฺินา วา อปฺปหุสฺินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตาว.
อิทํ อุตฺตานเมวาติ อิทํ องฺคทฺวยํ อุตฺตานตฺถเมว. สเจ ปน ‘‘ฉาเทสฺสามี’’ติ ธุรนิกฺเขปํ กตฺวา ปุเรภตฺเต วา ปจฺฉาภตฺเต วา ปมยามาทีสุ วา ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมติ, อนฺโตอรุเณเยว อาโรเจติ, อยํ ฉาเทตุกาโม น ฉาเทติ นาม.
ยสฺส ปน อภิกฺขุเก าเน วสนฺตสฺส อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา สภาคสฺส ภิกฺขุโน อาคมนํ อาคเมนฺตสฺส วา, สภาคสฺส สนฺติกํ วา คจฺฉนฺตสฺส อฑฺฒมาโสปิ มาโสปิ อติกฺกมติ, อยํ นจฺฉาเทตุกาโม ฉาเทติ นาม. อยมฺปิ อจฺฉนฺนาว โหติ.
โย ¶ ปน อาปนฺนมตฺโตว อคฺคึ อกฺกนฺตปุริโส วิย สหสา อปกฺกมิตฺวา สภาคฏฺานํ คนฺตฺวา อาวิ กโรติ, อยํ นจฺฉาเทตุกาโมว น ฉาเทติ นาม. สภาคมตฺตเมว ปมาณนฺติ อเวริสภาคมตฺตเมว ปมาณํ. อเวริสภาคสฺส หิ สนฺติเก อาโรเจตพฺพํ. โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสปิ สนฺติเก น อาโรเจตพฺพา. ตตฺถ ปุเรภตฺตํ ¶ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหตุ, ปจฺฉาภตฺตํ วา ทิวา วา รตฺตึ วา, ยาว อรุณํ น อุคฺคจฺฉติ, ตาว อาโรเจตพฺพํ. อุทฺธสฺเต อรุเณ ปฏิจฺฉนฺนา โหติ, ปฏิจฺฉาทนปจฺจยา จ ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. สงฺเขปโตติ สมาสโต. วิตฺถารโต ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ อปฺปฏิกมฺมกตาย อาปตฺติยา สคฺคโมกฺขาวรณภาวโต อนิจฺฉนฺเตนาปิ ปริวสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น กาเมนา’’ติอาทิ. ปริวาสํ สมาทายาติ ปริวาสวตฺตํ สงฺฆมชฺเฌ สมาทิยิตฺวา. ยทิปิ จตุพฺพิโธ ปริวาโส อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส, ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส, สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ, ตถาปิ อปฺปฏิจฺฉนฺนปริวาโส อิธ น อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ตตฺถ ปฏิจฺฉนฺน…เป… ติวิโธ ปริวาโส’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วากฺเย. ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา สติ ทาตพฺโพ ปริวาโส ปฏิจฺฉนฺนวิสยตาย ปฏิจฺฉนฺนปริวาโส. สุทฺธนฺตโต ปฏฺาย ทาตพฺโพ ปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโส. สโมทหิตฺวา ทาตพฺโพ ปริวาโส สโมธานปริวาโส.
อิทานิ เต ติวิเธเยว ปริวาเส สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. หีติ ยสฺมา. เอกาหํ ปฏิจฺฉนฺนา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนา. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อาปตฺติ จ โหตี’’ติอาทินา วุตฺเตน นเยน. เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ เอตฺถ อิติสทฺโท ‘‘อิติ วา, อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓, ๑๙๗) วิย อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฏฺิยา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจามี’’ติ อิมํ ปาฬิเสสํ (จูฬว. ๑๐๒) สงฺคณฺหาติ. เอวํ ปริวาสํ ยาจาเปตฺวาติ เอวํ ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา. ขนฺธเก อาคตนเยนาติ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๙๗ อาทโย) อาคตนเยน. ตโตติ ปกฺขโต ¶ ปฏฺาย. อติเรกปกฺขปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ ปกฺขสฺส อติเรโก อติเรกปกฺโข, ตํ ปฏิจฺฉนฺนนฺติ อตฺโถ. ตโตติ ตึสติมทิวสโต ปฏฺาย. มาสปฺปฏิจฺฉนฺนนฺติ สตฺตานํ อายุํ มินนฺโต วิย สิยติ อนฺตํ กโรตีติ มาโส, ตึสรตฺตินฺทิโว, ตํ ปฏิจฺฉนฺนนฺติ อตฺโถ. สํวจฺฉเร ปุณฺเณติ ตํ ตํ สตฺตํ, ธมฺมปฺปวตฺติฺจ สงฺคมฺม วทนฺโต วิย สรติ ปวตฺตตีติ สํวจฺฉโร, ทฺวาทส มาสา, ตสฺมึ ปริปุณฺเณ.
วตฺถุกิตฺตนวเสน วาติ นาเมน สห วตฺถุกิตฺตนวเสน วาติ อตฺโถ. เตเนว หิ อุปริ ‘‘นามมตฺตวเสน วา’’ติ มตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นามมตฺตวเสนาติ วตฺถุกิตฺตนํ วินา เกวลํ นามสฺเสว วเสน. ตสฺมาติ ยสฺมา ทุวิเธ นาเม ‘‘อาปตฺตี’’ติ สพฺพสาธารณํ นามํ, ตสฺมา ¶ . สุกฺกวิสฺสฏฺีติ สุกฺกวิสฺสฏฺิ นามายํ. อิติสทฺโท เหตฺถ วจนียตฺถํ นิทสฺเสติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ‘‘สุกฺกวิสฺสฏฺี’’ติ กายสํสคฺคาทีนมฺปิ วตฺถุอาทิภาเวน อิจฺฉิตพฺพตฺตา. วตฺถุ เจว โคตฺตฺจาติ วีติกฺกมตฺตา วตฺถุ เจว อนฺสาธารณตฺตา โคตฺตฺจ. คํ ตายตีติ โคตฺตํ, สชาติโต อฺตฺถ กายสํสคฺคาทีสุ คนฺตุํ อทตฺวา พุทฺธึ, วจนฺจ รกฺขตีติ อตฺโถ. สงฺฆาทิเสโสติ สงฺฆาทิเสโส นามายํ. เอตฺถ ปน อิติสทฺโท วจนวจนียสมุทายํ นิทสฺเสติ. เตนาห ‘‘นามฺเจว อาปตฺติ จา’’ติ, สชาติสาธารณนามตฺตา นามฺเจว เตน เตน วีติกฺกเมนาปชฺชิตพฺพตฺตา อาปตฺติ จาติ อตฺโถ. อิทมฺปิ นิทสฺสนมตฺตเมว ‘‘อาปตฺติโย’’ติ อิมสฺสาปิ นามาทิภาเวน อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อิติสทฺโท วา อาทิอตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กายสํสคฺคนฺติอาทิวจเนนาปี’’ติอาทิกมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ.
ตยิทํ กมฺมวาจาย เกน วจเนน คหิตนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ‘‘อาปตฺตี’’ติ สพฺพสาธารณนามตฺตา, วีติกฺกเมน อาปชฺชิตพฺพตฺตา จ นามฺเจว อาปตฺติ จ โหตีติ อาห ‘‘อาปตฺติโยติ วจเนนาปี’’ติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ปริวาสาทิวินยกมฺมํ วตฺถุวเสน, โคตฺตวเสน, นามวเสน, อาปตฺติวเสน จ กาตุํ วฏฺฏติเยว, ตสฺมา. เอเตสูติ วตฺถุอาทีสุ, สุกฺกวิสฺสฏฺิอาทีสุ วา. วตฺตํ สมาทาตพฺพนฺติ ยถาวุตฺเตสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกนปิ สมาทาตพฺพํ. ทฺวีหิ ปน สุสมาทินฺนํเยว. เตเนว วกฺขติ ‘‘สมาทาเนปิ เอเสว นโย’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา).
อาโรเจตฺวาติ ¶ –
‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โสหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจึ, ตสฺส เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา เอกาหปฺปฏิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ อทาสิ, โสหํ ปริวสามิ, เวทยามหํ, ภนฺเต, ‘เวทยตี’ติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) –
เอวมาทินา ตํ ตํ โยชนานุรูปํ อาโรเจตฺวา. อิมฺจ ปนตฺถํ คเหตฺวา ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติเยว (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒). ‘‘ปุน อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจนฺเตนา’’ติ อิทํ อาคนฺตุกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ จ เอกสฺส อาโรเจนฺเตน อวสาเน ¶ ‘‘เวทยตีติ มํ อายสฺมา ธาเรตุ’’, ทฺวินฺนํ ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตุ’’, ติณฺณํ ‘‘อายสฺมนฺโต ธาเรนฺตู’’ติ วตฺตพฺพํ. วตฺตเภทฺจ รตฺติจฺเฉทฺจ อกตฺวาติ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพํ ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนํ อภิวาทนํ ปจฺจุปฏฺาน’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๗๕) ปาริวาสิกกฺขนฺธเก ยานิ จตุนวุติ วตฺตานิ วุตฺตานิ, เตสํ เภทฺจ, โย จ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติจฺเฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ (จูฬว. ๘๓) รตฺติจฺเฉโท วุตฺโต, ตฺจ อกตฺวา.
อยํ เหตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) อาคนฺตุกา มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา วา อวิสฺสมิตฺวา เอว วา วิหารมชฺเฌน คจฺฉนฺติ, เตสมฺปิ อาโรเจตพฺพํ. สเจ ตสฺส อชานนฺตสฺเสว คจฺฉนฺติ, อยฺจ คตกาเล ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. เยปิ อนฺโตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, อยฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวาว อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. คตกาเล ชานนฺเตนาปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมว. สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ. โยปิ รตฺตึเยว อาคนฺตฺวา รตฺตึเยว คจฺฉติ, โสปิสฺส รตฺติจฺเฉทํ กโรติ. อฺาตตฺตา ¶ ปน วตฺตเภททุกฺกฏํ นตฺถิ. สเจ อชานิตฺวาว อพฺภานํ กโรติ, อกตเมว โหตีติ กุรุนฺทิยํ (จูฬว. อฏฺ. ๗๖) วุตฺตํ. ตสฺมา อธิกา รตฺติโย คเหตฺวา กาตพฺพํ. อยํ อปณฺณกปฺปฏิปทา.
นทิอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ิตมฺปิ อากาเส คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตตลอรฺาทีสุ ทูเร ิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา, มหาสทฺทํ กตฺวา วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพํ, อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฏฺจ. สเจ วายมนฺโตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ วา น สกฺโกติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฏํ.
อฺํ กฺจิ วิหารํ คเตนปิ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพเมว (จูฬว. อฏฺ. ๗๖). สเจ สพฺเพ เอกฏฺาเน ิเต ปสฺสติ, เอกฏฺาเน ิเตเนว อาโรเจตพฺพํ. อถ รุกฺขมูลาทีสุ วิสุํ วิสุํ ิตา โหนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ. สฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท จ โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฏํ. อถ วิจินนฺโต เอกจฺเจ น ปสฺสติ, รตฺติจฺเฉโทว โหติ ¶ , น จ วตฺตเภททุกฺกฏํ. สฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส ปน รตฺติจฺเฉโท เจว โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฏํ.
ตตฺเถวาติ มาฬกสีมายเมว. มาฬกโต ปน ภิกฺขูสุ นิกฺขนฺเตสุ เอกสฺสปิ สนฺติเก นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ (จูฬว. อฏฺ. ๙๗). มาฬกโต นิกฺขมิตฺวา สตึ ปฏิลภนฺเตน สห คจฺฉนฺตสฺส สนฺติเก นิกฺขิปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺติเก’’ติ. สเจ โสปิ ปกฺกนฺโต, อฺสฺส ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. ปกตตฺตฏฺาเนติ สงฺฆกมฺมานํ อรหฏฺาเน. ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ภิกฺขูนํ สชฺฌายนสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ มคฺคปฺปฏิปนฺนภิกฺขูนํ อุปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํ. วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพนฺติ วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ปริวาโส อาโรเจตพฺโพ. ‘‘อาโรเจตพฺพ’’นฺติ ปน สามฺเน วุตฺตํ. อาโรเจนฺเตน จ สเจ นวกตโร โหติ, ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ วุฑฺฒตโร, ‘‘ภนฺเต’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ านํ อาคจฺฉติ. สเจ ¶ เอส นํ ปสฺสติ, สทฺทํ วา ตสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํ. อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติจฺเฉโท เจว วตฺตเภโท จ. เตนาห ‘‘ยมฺปิ อฺํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺสาปิ อาโรเจตพฺพเมวา’’ติ. อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตสฺเสว คจฺฉติ, รตฺติจฺเฉโท โหติเยว, วตฺตเภโท ปน นตฺถิ. อุฏฺิเตติ อุคฺคเต. ยํ สพฺพปมํ ภิกฺขุนฺติ วิหารโต นิกฺขมนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา สพฺพปมํ ยํ อฺํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ. ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ อนาโรเจนฺตสฺส ทุกฺกฏํ สิยา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตุ รตฺติจฺเฉทํ สนฺธาย. อิตรถา หิ ‘‘วิหารสีมาปริยาปนฺนานํ สพฺเพสํ อาโรเจตฺวา’’ติ วเทยฺย. ยาว รตฺติโย ปูเรนฺตีติ ยตฺตกา รตฺติโย อาปตฺติ ปฏิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกา รตฺติโย ยาว ปูเรนฺติ, ตาว ปริวตฺถพฺพํ. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน ‘‘เอวํ ยตฺตกานิ ทิวสานิ อาปตฺติ ปฏิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกานิ, ตโต อธิกตรานิ วา กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถาย ปริวสิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. วิตฺถาโรติ ปปฺโจ.
อิตเรสุ ปน ทฺวีสูติ สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ ทฺวินฺนํ มชฺเฌ. ขนฺธเกติ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๕๖ อาทโย). จูฬสุทฺธนฺโต มหาสุทฺธนฺโตติ เอตฺถ โย อุปสมฺปทโต (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๒) ปฏฺาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิโลมกฺกเมน วา ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจ ทิวสํ วา ปกฺขํ วา มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ตว สุทฺธภาวํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาม, ภนฺเต, ชานามิ ¶ , เอตฺตกํ นาม กาลํ อหํ สุทฺโธ’’ติ วทติ, ตสฺส ทินฺโน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘จูฬสุทฺธนฺโต’’ติ วุจฺจติ.
ตํ คเหตฺวา ปริวสนฺเตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธภาวํ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา อวเสสํ มาสํ วา ทฺเวมาสํ วา ปริวสิตพฺพํ. สเจ ‘‘มาสมตฺตํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปริวาสํ อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต จ ปุน อฺํ มาสํ สรติ, ตมฺปิ มาสํ ปริวสิตพฺพเมว, ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อถ ‘‘ทฺเวมาสํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อคฺคเหสิ, ปริวสนฺโต จ ‘‘มาสมตฺตเมวาหํ อสุทฺโธมฺหี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กโรติ, มาสเมว ปริวสิตพฺพํ, ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิ. อยฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฏฺาปิ โอโรหติ, อิทมสฺส ลกฺขณํ.
โย ¶ ปน ยถาวุตฺเตน อนุโลมปฺปฏิโลมวเสน ปุจฺฉิยมาโนปิ รตฺติปริยนฺตํ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒) น ชานาติ นสฺสรติ, รตฺติปริยนฺเต เวมติโก วา โหติ, ตสฺส ทินฺโน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘มหาสุทฺธนฺโต’’ติ วุจฺจติ. ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพํ. อยํ อุทฺธํ นาโรหติ, เหฏฺา ปน โอโรหติ. ตสฺมา สเจ ปริวสนฺโต รตฺติปริจฺเฉเท สนฺนิฏฺานํ กโรติ ‘‘มาโส วา สํวจฺฉโร วา มยฺหํ อาปนฺนสฺสา’’ติ, มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ปริวสิตพฺพํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อหํ สุทฺโธ’’ติ วทนฺตสฺส จูฬสุทฺธนฺโต ทียติ, ตถาปิ นิยเมเนว ชานนาภาวา ‘‘ทุวิโธปิ เจส…เป… ทาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส ทานวิธิ ขนฺธเก อาคโตติ ตสฺส ทุวิธสฺสาปิ สุทฺธนฺตสฺส ทานวิธิ ‘‘เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา…เป… เอวมสฺส วจนีโย’’ติอาทินา สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๕๖) อาคโต. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. เอส นโย วินิจฺฉยกถา ปน วิตฺถารโต สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตาติ เอตฺถาปิ.
โอธุนิตฺวา อวธุย ปหาย สโมธาโน โอธานสโมธาโน. จิรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อคฺเฆน สโมธาโน อคฺฆสโมธาโน. มิสฺสกานํ สโมธาโน มิสฺสกสโมธาโน. อิทานิ ตํ ติวิธมฺปิ สโมธานปริวาสํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. อนฺตราปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺสาติ โย ปริวาสํ คเหตฺวา อนิกฺขิตฺตวตฺโต หุตฺวา ปริวสนฺโต อปรินิฏฺิเตเยว ปริวาเส อนฺตรา เวมชฺเฌ สงฺฆาทิเสสาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส. ปริวุตฺถทิวเสติ ลกฺขณวจนเมตํ, เตน ‘‘มานตฺตจิณฺณทิวเส จา’’ติปิ วุตฺตเมว โหติ. มกฺเขตฺวาติ ตฺติจตุตฺเถน ¶ กมฺเมน มูลาย ปฏิกสฺสนวเสน มกฺเขตฺวา. สโมทหิตฺวาติ มูลาปตฺติฏฺาเน เปตฺวา, ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. ทาตพฺพปริวาโสติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน ทาตพฺพปริวาโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ปริวสนฺโต (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๔๓) วา มานตฺตารโห วา มานตฺตํ จรนฺโต วา อพฺภานารโห วา อนิกฺขิตฺตวตฺโต อฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปุริมาปตฺติยา สมา วา อูนตรา วา รตฺติโย ¶ ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฏิกสฺสเนน เต ปริวุตฺถทิวเส จ มานตฺตจิณฺณทิวเส จ สพฺเพ โอธุนิตฺวา อทิวเส กตฺวา ปจฺฉา อาปนฺนาปตฺตึ มูลาปตฺติยํ สโมธาย ปริวาโส ทาตพฺโพติ.
สเจ ปน อนฺตราปตฺติ มูลาปตฺติโต อติเรกปฺปฏิจฺฉนฺนา โหติ (จูฬว. อฏฺ. ๑๐๒), ตํ มูลาปตฺตึ กตฺวา ตตฺถ อิตรํ สโมธาย ปริวาโส ทาตพฺโพ. สเจ ปน อนฺตราปตฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนา โหติ, มูลาย ปฏิกสฺสนํ อกตฺวา ปุพฺเพ คหิตปริวาเสเนว ปริวสิตพฺพํ.
ยา เอกา วา…เป… สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยติ ยา เอกา วา อาปตฺติ สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนา, ยา ทฺเว วา ติสฺโส วา สมฺพหุลา วา อาปตฺติโย สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนาโยติ อตฺโถ. ตาสนฺติ สพฺพจิรปฺปฏิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํ. ทานวิธิ ปนสฺส ขนฺธเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ยสฺส ปน สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฏิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฏิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฏิจฺฉนฺนาติ เอวํ ทสกฺขตฺตุํ กตฺวา อาปตฺติสหสฺสํ ทิวสสตปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, เตน กึ กาตพฺพนฺติ? สพฺพํ สโมทหิตฺวา ทส ทิวเส ปริวสิตพฺพํ. เอวํ เอเกเนว ทสาเหน ทิวสสตมฺปิ ปริวสิตเมว โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทสสตํ รตฺติสตํ, อาปตฺติโย ฉาทยิตฺวาน;
ทส รตฺติโย วสิตฺวาน, มุจฺเจยฺย ปาริวาสิโก’’ติ. (ปริ. ๔๗๗);
อยํ อคฺฆสโมธาโน นาม.
อิทานิ ¶ มิสฺสกสโมธานํ นิทฺทิสิตุํ ‘‘มิสฺสกสโมธาโน นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ นโย –
‘‘อหํ, ภนฺเต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ เอกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฏฺุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สฺจริตฺตํ, เอกํ กุฏิการกํ, เอกํ วิหารการกํ, เอกํ ทุฏฺโทสํ, เอกํ อฺภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสกํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ ตาสํ อาปตฺตีนํ สโมธานปริวาสํ ยาจามี’’ติ –
ติกฺขตฺตุํ ¶ ยาจาเปตฺวา ตทนุรูปาย กมฺมวาจาย ปริวาโส ทาตพฺโพ. เอตฺถ จ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชึ นานาวตฺถุกาโย’’ติปิ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติปิ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฏฺติเยวาติ. อยํ มิสฺสกสโมธาโน. สพฺพปริวาสกมฺมวาจาวสาเน ปน นิกฺขิตฺตานิกฺขิตฺตวตฺตาทิกถา ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพา. ติวิเธปิ สโมธานปริวาเส อตฺถมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา, วินิจฺฉยาทีนํ วา อนามฏฺตฺตา ‘‘อยํ ติวิเธปิ สโมธานปริวาเส สงฺเขปกถา’’ติ วุตฺตํ. มหาวิสยตฺตา สโมธานวิจารณาย สา นิรวเสสา กุโต ลทฺธพฺพาติ อาห ‘‘วิตฺถาโร’’ติอาทิ.
ฉารตฺตนฺติ รา สทฺโท ตียติ ฉิชฺชติ เอตฺถาติ รตฺติ, สตฺตานํ สทฺทสฺส วูปสมนกาโลติ อตฺโถ, ฉ รตฺติโย สมาหฏา, ฉนฺนํ รตฺตีนํ วา สมาหาโร ฉรตฺตํ, ฉรตฺตเมว ฉารตฺตํ, อวยวพฺยติเรเกน สมุทายสฺสาภาวโต ฉ รตฺติโยติ อตฺโถ วุตฺโต.
ปริวาสํ อทตฺวา มานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ ยสฺมา อาปตฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนา, ยสฺมา จ อาปนฺนภาเวเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ปริวาสํ อทตฺวา เกวลํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํ. ยํ ปฏิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวุตฺถปริวาสสฺส ทียติ, อิทํ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ นามาติ อาห ‘‘ยสฺส ปฏิจฺฉนฺนา โหตี’’ติอาทิ. อิทนฺติ ปฏิจฺฉนฺนมานตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ วากฺเย. กถํ ปน เตสํ ทฺวินฺนํ มานตฺตานํ ทานวิธิ จ วินิจฺฉยกถา จ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อุภินฺนมฺปิ ปนา’’ติอาทิ.
อยนฺติ วกฺขมานํ สนฺธายาห. ปริวาเส วุตฺตปฺปการํ ปเทสนฺติ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต ¶ , อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุมฺเพน วา วติยา วา ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ. สมาทิยิตฺวาติ อนฺโตอรุเณเยว สมาทิยิตฺวา. อาโรเจตฺวาติ –
‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อาปตฺตึ อาปชฺชึ สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โสหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย ฉารตฺตํ มานตฺตํ ยาจึ ¶ , ตสฺส เม สงฺโฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สฺเจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อปฺปฏิจฺฉนฺนาย ฉารตฺตํ มานตฺตํ อทาสิ, โสหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทยามหํ, ภนฺเต, เวทยตี’ติ มํ สงฺโฆ ธาเรตู’’ติอาทินา (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) –
อาปตฺติทิวสานุรูปํ อาโรเจตฺวา. อิมฺจ ปน อตฺถํ คเหตฺวา (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฏฺฏติเยว. อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย จ เอกํ ภิกฺขุํ เปตฺวา เสเสหิ สติ กรณีเย คนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. อรุเณ อุฏฺิเต ตสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ. สเจ โสปิ เกนจิ กมฺเมน ปุเร อรุเณเยว คจฺฉติ, อฺํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา ยํ ปมํ ปสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. อยฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา, ภิกฺขูนฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลกฺเขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหติ. สเจ ปน กฺจิ น ปสฺสติ, วิหารํ คนฺตฺวา ยํ ปมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ. เตนาห ‘‘ตโต เตสุ คเตสุ วา อคเตสุ วา ปุริมนเยน ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ.
ยตฺถ สิยาติ ยสฺสํ สมานสํวาสกสีมายํ วีสติคโณ ภิกฺขุสงฺโฆ อตฺถิ. อวฺหาตพฺโพติ อพฺภานกมฺมวเสน ปกฺโกสิตพฺโพ. อพฺภานกมฺมํ ปน กถนฺติ อาห ‘‘อพฺภานกมฺมํ ปนา’’ติอาทิ. ปาฬิวเสนาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (จูฬว. ๑๐๑) ปาฬิวเสน. วินิจฺฉยวเสนาติ ‘‘อพฺภนฺเตหิ จ ปมํ อพฺภานารโห กาตพฺโพ. อยฺหิ นิกฺขิตฺตวตฺตตฺตา ปกตตฺตฏฺาเน ิโต, ปกตตฺตสฺส จ อพฺภานํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา วตฺตํ สมาทเปตพฺโพ. วตฺเต สมาทินฺเน อพฺภานารโห โหติ. เตนาปิ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อพฺภานํ ยาจิตพฺพํ. อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน วตฺตสมานกิจฺจํ นตฺถิ. โส หิ ฉารตฺตาติกฺกเมเนว อพฺภานารโห โหตี’’ติอาทินา (จูฬว. อฏฺ. ๙๗) วินิจฺฉยวเสน. ตํ ปเนตํ สพฺพํ ปริวาสาทิกมฺมํ ปาฬิวเสน (จูฬว. ๗๕) จ อฏฺกถาวเสน (จูฬว. อฏฺ. ๗๕, ๙๗) จ ¶ สุวิฺเยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห, อตฺถิเกหิ ปน ตโตว คเหตพฺพํ. อิมสฺส ¶ ปน กมฺมสฺส วีสติวคฺคกรณียตฺตา ตโต อูนตเรน กตํ กุปฺปติ. เตนาห ‘‘เอเกนาปิ เจ…เป… อนพฺภิโต’’ติ. อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตา. สามีจีติ วตฺตํ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนิยตกณฺฑํ
๑. ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘มาตุคาเมนา’’ติ ¶ ¶ วตฺวา ปุน ‘‘เอกายา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มาตุคามสงฺขาตาย เอกาย อิตฺถิยา’’ติ วุตฺตํ. รโหติ อปฺปกาสํ. อปฺปกาสตา จ โย อนาปตฺตึ กโรติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘จกฺขุสฺส รโห’’ติ. นนุ ‘‘รโห นาม จกฺขุสฺส รโห, โสตสฺส รโห. จกฺขุสฺส รโห นาม น สกฺกา โหติ อกฺขึ วา นิขณิยมาเน, ภมุกํ วา อุกฺขิปิยมาเน, สีสํ วา อุกฺขิปิยมาเน ปสฺสิตุํ. โสตสฺส รโห นาม น สกฺกา โหติ ปกติกถา โสตุ’’นฺติ ปทภาชนปาฬิยํ โสตสฺส รโหติ อาคตํ, อถ กสฺมา ตํ อวตฺวา ‘‘จกฺขุสฺส รโห’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. อิมินา ปาฬิยํ ‘‘โสตสฺส รโห’’ติ อิทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อถ กถเมตํ วิฺายติ ‘‘จกฺขุสฺเสว รโห อิธ อธิปฺเปโต’’ติ? ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน’’ติ วจนโต ‘‘สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๔๕) จ วุตฺตตฺตา. เตเนวาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิ. ‘‘ปิหิตกวาฏสฺสา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๔๔-๔๔๕) อิมินา ปฏิจฺฉนฺนภาวโต จกฺขุสฺส รโหสพฺภาวํ ทสฺเสติ. อปิหิตกวาฏสฺส (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๔๔-๔๔๕) ปน ทฺวาเร นิสินฺโน อนาปตฺตึ กโรติ, น เกวลํ อปิหิตกวาฏสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสินฺโนว อนาปตฺตึ กโรติ, อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ โอกาเส นิสินฺโนปีติ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ยตฺถ ปน สกฺกา ทฏฺุ’’นฺติอาทิ. ยสฺมา นิสีทิตฺวา นิทฺทายนฺโต กปิมิทฺธปเรโต กฺจิ กาลํ จกฺขูนิ อุมฺมีเลติ, กฺจิ กาลํ นิมีเลติ, น จ มหานิทฺทํ โอกฺกมติ, ตสฺมา ‘‘นิทฺทายนฺโตปิ อนาปตฺตึ กโรตี’’ติ วุตฺตํ. นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต ปน ตาทิโส น โหตีติ อาห ‘‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ น กโรตี’’ติ, อนาปตฺตึ น กโรตีติ อตฺโถ. เมถุนสฺส มาตุคาโม ทุติโย น โหติ. อิตฺถิโย หิ อฺมฺิสฺสา วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ. เตเนว เวสาลิยํ (ปารา. ๗๖-๗๗) มหาวเน ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺเน ภิกฺขุมฺหิ สมฺพหุลา อิตฺถิโย ยาวทตฺถํ ¶ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เตนาห ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ น กโรตี’’ติ. ตํ กมฺมนฺติ อชฺฌาจารกมฺมํ. ยสฺมา นิสีทิตฺวาว นิปชฺชติ, ตสฺมา ¶ นิปชฺชนมฺปิ อนฺโตกตฺวา ‘‘นิสชฺชํ กปฺเปยฺยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน กาเรตพฺโพติ นิสชฺชํ ปฏิชานมานสฺส ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตรสมาโยโค โหติเยวาติ วุตฺตํ. ปาราชิเกน, ปน สงฺฆาทิเสเสน จ ปาจิตฺติเยน จ เตนากาเรน นิสชฺชํ ปฏิชานมาโนว กาเรตพฺโพ. น อปฺปฏิชานมาโนติ นิสชฺชํ อปฺปฏิชานมาโน ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน น กาเรตพฺโพติ. อลชฺชีปิ หิ ปฏิชานมาโนว อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ. ยาว น ปฏิชานาติ, ตาว ‘‘เนว สุทฺโธ’’ติ วา ‘‘น อสุทฺโธ’’ติ วา วตฺตพฺโพ, วตฺตานุสนฺธินา ปน กาเรตพฺโพติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฏิฺา ลชฺชีสุ กตา, อลชฺชีสุ เอวํ น วิชฺชติ;
พหุมฺปิ อลชฺชี ภาเสยฺย, วตฺตานุสนฺธิเตน การเย’’ติ. (ปริ. ๓๕๙);
น เกวลํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน โจทนายเมว เอวํ ปฏิฺาย กาเรตพฺโพ, อถ โข นิสชฺชาทินา อากาเรน สทฺธึ โจทนายปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยน วา สา สทฺเธยฺยวจสา อุปาสิกา วเทยฺย, เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘นิสชฺชาทีสุ อากาเรสู’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘ปฏิชานมาโน’’ติ อวุตฺเตปิ อธิการตฺตา ‘‘ปฏิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ตถารูปาย (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๔๔-๔๔๕) อุปาสิกาย วจเน อฺถตฺตาภาวโต ทิฏฺํ นาม ตถาปิ โหติ, อฺถาปิ โหตีติ ทสฺสเน อฺถตฺตสมฺภวํ ทสฺเสติ. อเนกํสิกตาย น นิยโตติ อนิยโต. เตนาห ‘‘ติณฺณํ อาปตฺตีน’’นฺติอาทิ.
รโหนิสชฺชสฺสาเทน มาตุคามสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม อกฺขึ อฺเชติ, ทุกฺกฏํ. นิวาสนํ นิวาเสติ, กายพนฺธนํ พนฺธติ, จีวรํ ปารุปติ, สพฺพตฺถ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ. คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏํ. คนฺตฺวาน นิสีทติ, ทุกฺกฏเมว. เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ รโหนิสชฺชสฺสาทสฺส อสติปิ เมถุนราคภาเว ตปฺปฏิพทฺธกิเลสตฺตา วุตฺตํ ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตนา’’ติ. เตเนว สนฺนิสฺสิตคฺคหณํ กตํ. รหสฺสาเทนาติ ‘‘อิตฺถนฺนามาย สทฺธึ รโห นิสีทิตฺวา หสิตลปิตาทิกํ กเรยฺย’’นฺติ อุปฺปนฺนอสฺสาทเหตุ ¶ . นิสชฺชาย ปาจิตฺติยํ อสติ อุปจารคเต นิปชฺชิตฺวา อนิทฺทายนฺเต อนนฺเธ วิฺุปุริเสติ อธิปฺปาโย. สเจ สา อิตฺถี เกนจิ กรณีเยน อุฏฺายุฏฺาย ปุนปฺปุนํ ¶ นิสีทติ, นิสชฺชาย นิสชฺชาย ปาจิตฺติยํ. ยํ สนฺธาย คโต, สา น ทิฏฺา, อฺา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, อสฺสาเท อุปฺปนฺเน ปาจิตฺติยํ. สเจ สมฺพหุลา อาคจฺฉนฺติ, มาตุคามคณนาย ปาจิตฺติยํ. สเจ อุฏฺายุฏฺาย ปุนปฺปุนํ นิสีทนฺติ, นิสชฺชาคณนายปิ ปาจิตฺติยานิ. อนิยเมตฺวา ‘‘ทิฏฺทิฏฺาย สทฺธึ รหสฺสาทํ กปฺปิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา นิสินฺนสฺสาปิ อาคตาคตานํ วเสน, ปุนปฺปุนํ นิสชฺชาย วเสน จ วุตฺตนเยเนว อาปตฺติโย เวทิตพฺพา. วุตฺตปฺปกาเร ปุริเสติ อนนฺเธ วิฺุปุริเส. อุปจารคเต สตีติ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรคเต สติ. สเจ สุทฺธจิตฺเตน คนฺตฺวา นิสินฺนสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนาย อิตฺถิยา รหสฺสาโท อุปฺปชฺชติ, เอวมฺปิ อนาปตฺติ.
ปมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
นเหว โข ปน ปฏิจฺฉนฺนนฺติ เอตฺถ ปน ยมฺปิ พหิ ปริกฺขิตฺตํ อนฺโต วิวฏํ ปริเวณงฺคณาทิ, ตมฺปิ อนฺโตคธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอวรูปฺหิ านํ อปฺปฏิจฺฉนฺเนเยว คหิต’’นฺติ มหาปจฺจริยํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๕๓) วุตฺตํ. สงฺฆาทิเสเสน วาติ กายสํสคฺคทุฏฺุลฺโลภาสนสงฺขาเตน สงฺฆาทิเสเสน วา. เตเนว หิ ปทภาชเน ‘‘สา เจ เอวํ วเทยฺย ‘อยฺโย, มยา ทิฏฺโ นิสินฺโน มาตุคาเมน สทฺธึ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺโต’’’ติอาทิ (ปารา. ๔๕๕) วุตฺตํ. อิทํ สิกฺขาปทํ ทุฏฺุลฺลวาจาวเสน อาคตํ. ทุฏฺุลฺลวาจฺจ สุตฺวา ตํ มาตุคาโมปิ น ปฏิจฺฉาเทติ. ตถา หิ ทุฏฺุลฺลวาจาสิกฺขาปเท (ปารา. ๒๘๓ อาทโย) ยา ปน ตา อิตฺถิโย หิริมนา, ตา นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌาเปสุํ, ตสฺมา อิธ อิตฺถีปิ อนาปตฺตึ กโรตีติ อาห ‘‘อิตฺถีปี’’ติ. อถ วา อิธ อปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา อิตฺถีปิ อนาปตฺตึ กโรติ, ปเม ปน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา อิตฺถิสตมฺปิ อนาปตฺตึ น กโรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนนฺโธ อพธิโรติ เอตฺถ กายสํสคฺควเสน อนนฺโธ วุตฺโต, ทุฏฺุลฺลวาจาวเสน อพธิโร.
สมุฏฺานาทีสุ ¶ อิทํ สิกฺขาปทํ ติสมุฏฺานํ – กายจิตฺตโต วาจาจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ, กิริยํ, สฺาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, สุขมชฺฌตฺตเวทนาหิ ทฺวิเวทนํ. เตนาห ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปเนตฺถ อทินฺนาทานสทิสาเนวา’’ติ. เอตฺถ จ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนฺโต ทุฏฺุลฺลมฺปิ ภณติ, ทุฏฺุลฺลํ ภณนฺโต ¶ นิสีทติ จาติ ‘‘กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาตี’’ติ วุตฺตํ, ทุฏฺุลฺลเมว วา สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ.
ทุติยอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
‘‘อนิยตุทฺเทโส จายํ ทิฏฺาทิสมูลกโจทนาย วตฺถุํ ปฏิชานมาโนว อาปตฺติยา กาเรตพฺโพ, น อิตโรติ อาปตฺติโรปนาโรปนลกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺโต’’ติ วทนฺติ.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
อนิยตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
๑. จีวรวคฺโค
๑. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา
นิฏฺิตจีวรสฺมินฺติ ¶ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๒-๔๖๓) ¶ นิฏฺิตฺจ ตํ จีวรฺจาติ นิฏฺิตจีวรํ, นิฏฺิเต อานิสํสมูลเก จีวเร, ปจฺจาสาจีวเร จาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ตํ จีวรํ กรเณนปิ นิฏฺิตํ โหติ นาสนาทีหิปิ, ตสฺมา ‘‘สูจิกมฺมปริโยสาเนน วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ กิฺจิ สูจิยา กตฺตพฺพํ ปาสกปฏฺฏคณฺิกปฏฺฏปริโยสานกมฺมํ, ตํ สูจิกมฺมปริโยสานํ นาม, เตน. นฏฺนฺติ โจราทีหิ หฏํ. เอตมฺปิ หิ กรณปลิโพธสฺส นิฏฺิตตฺตา ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุจฺจติ. วินฏฺนฺติ อุปจิกาทีหิ ขาทิตํ. ทฑฺฒนฺติ อคฺคินา ทฑฺฒํ. จีวราสา วา อุปจฺฉินฺนาติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม กุเล จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ ยา จีวราสา อุปฺปนฺนา โหติ, สา อุปจฺฉินฺนา. เอเตสมฺปิ กรณปลิโพธสฺเสว นิฏฺิตตฺตา นิฏฺิตภาโว เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อิเมสุ วา’’ติอาทิ. เอเตน จีวรปลิโพธาภาโว วุตฺโต. เตนาห ‘‘จีวรสฺส กรณปลิโพเธ อุปจฺฉินฺเนติ อตฺโถ’’ติ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อตฺถตกถินสฺส หี’’ติอาทิ. ปฺจานิสํเส อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหนฏฺเน กถินํ, ถิรนฺติ อตฺโถ, อตฺถตํ กถินํ เยน โส อตฺถตกถิโน, ตสฺส อตฺถตกถินสฺส. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ตาว กถินานิสํสํ ลภตีติ เอตฺถ โย อตฺถตกถิโน ภิกฺขูติ อชฺฌาหริตพฺพํ, ตาว โส อตฺถตกถิโน ภิกฺขูติ เวทิตพฺโพ, อนามนฺตจาราทิกํ กถินานิสํสํ ลภตีติ อตฺโถ. ‘‘อตฺถตกถินสฺส ภิกฺขุโน’’ติ อิทํ วา ‘‘อตฺถตกถิโน ภิกฺขู’’ติ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จีวรปลิโพโธ อาวาสปลิโพโธติ ทฺเว ปลิโพธา. เตสุ เอกปลิโพเธปิ สติ ยสฺมา อนามนฺตจาราทิกํ อานิสํสํ ลภติ, นาสติ. กสฺมา? ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตสฺส จีวรสฺส กรณปลิโพเธ อุปจฺฉินฺเนติ อยมตฺโถ ¶ วิฺายตีติ. สงฺฆสฺสาติ สงฺเฆน. กตฺตริ เจตํ สามิวจนํ. อุพฺภเตติ อฏฺนฺนํ มาติกานมฺตเรน, อนฺตรุพฺภาเรน วา อุทฺธเฏ.
ตตฺราติ ¶ ตสฺมึ กถิเน. อุพฺภาโร อุทฺธรณํ. ปุริมวสฺสํวุฏฺเ ตึสมตฺเต ปาเวยฺยเก ภิกฺขู อุทฺทิสฺส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฏฺานํ ภิกฺขูนํ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖) ภควตา กถินสฺส อนฺุาตตฺตา ‘‘อยฺหิ กถินตฺถาโร นาม…เป… อนฺุาโต’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปุริมวสฺสํวุฏฺานนฺติ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา ปุริมวสฺสํวุฏฺานนฺติ อตฺโถ. เอเตน วุฏฺวสฺสวเสน ตาว ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคตาเยว กถินตฺถารํ ลภนฺติ, น ปจฺฉิมิกาย อุปคตาติ ทสฺเสติ. วุฏฺวสฺสวเสน ตาว เอวํ โหตุ, คณนวเสน ตํ กิตฺตกา ลภนฺตีติ อาห ‘‘โส’’ติอาทิ. โสติ กถินตฺถาโร. สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทนาติ คณนวเสน ปจฺฉิมโกฏิยา. ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตีติ ปจฺฉิมโกฏิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘ปฺจวคฺคกรณียตฺตา ‘ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ เปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๘๘) วุตฺตตฺตา. ตสฺมาติ ยสฺมา วุฏฺวสฺสวเสน ปุริมวสฺสํวุฏฺานํ อนฺาโต, ยสฺมา จ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจนฺนํ ชนานํ วฏฺฏติ, ตสฺมา. ยตฺถาติ ยสฺมึ วิหาเร. อานิสํเสติ อนามนฺตจาราทิเก กถินานิสํเส. อถ ปน จตฺตาโร ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา, เอโก ปริปุณฺณวสฺโส สามเณโร สเจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสฺจ ลภติ. ตโย ภิกฺขู, ทฺเว สามเณรา, ทฺเว ภิกฺขู, ตโย สามเณรา, เอโก ภิกฺขุ, จตฺตาโร สามเณราติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ขนฺธเก วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจายาติ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุํ, เอสา ตฺติ. สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส กถินทุสฺสสฺส อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทานํ กถินํ อตฺถริตุํ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. ทินฺนํ อิทํ สงฺเฆน กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ¶ ภิกฺขุโน กถินํ อตฺถริตุํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๓๐๗) –
เอวํ ¶ กถินกฺขนฺธเก วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย. กถินตฺถารารหสฺสาติ กถินํ อตฺถริตุํ ภพฺพสฺส. โส จ โข ปุพฺพกรณชานนาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโตติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ วินยวินิจฺฉเย ‘‘อฏฺธมฺมโกวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหตี’’ติ. ปริวาเรปิ (ปริ. ๔๐๙) วุตฺตํ –
‘‘อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ. กตเมหิ อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุํ? ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฏฺานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาติ, อิเมหิ อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภพฺโพ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ.
เอตฺถ จ ปุพฺพกรณํ นาม โธวนวิจารณจฺเฉทนพนฺธนสิพฺพนรชนกปฺปกรณํ. ปจฺจุทฺธาโร นาม ปุราณสงฺฆาฏิอาทีนํ ปจฺจุทฺธรณํ. อธิฏฺานํ นาม กถินจีวราธิฏฺานํ. อตฺถาโร นาม กถินตฺถาโร. มาติกา นาม อฏฺ มาติกา. ปลิโพโธ นาม อาวาสปลิโพโธ จีวรปลิโพโธติ ทฺเว ปลิโพธา. อุทฺธาโร นาม ปกฺกมนนฺติกาทโย. อานิสํโส นาม ปฺจานิสํสา.
ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๖) วุตฺตํ ‘‘กถินํ ปน เกน อตฺถริตพฺพํ? ยสฺส สงฺโฆ กถินจีวรํ เทติ, สงฺเฆน ปน กสฺส ทาตพฺพํ? โย ชิณฺณจีวโร โหติ, สเจ พหู ชิณฺณจีวรา โหนฺติ, วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพํ. วุฑฺเฒสุปิ โย มหาปริโส ตทเหว จีวรํ กตฺวา อตฺถริตุํ สกฺโกติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. สเจ วุฑฺโฒ น สกฺโกติ, นวกตโร สกฺโกติ, ตสฺส ทาตพฺพํ. อปิจ สงฺเฆน มหาเถรสฺส สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ‘ตุมฺเห, ภนฺเต, คณฺหถ, มยํ กตฺวา ทสฺสามา’ติ วตฺตพฺพ’’นฺติ, ตมฺปิ กถินตฺถารารหํเยว คเหตฺวาว ทาตพฺพํ. เทนฺเตน ปน ตีสุ จีวเรสุ ยํ ยํ ชิณฺณํ ¶ โหติ, ตํ ตทตฺถาย ทาตพฺพํ. ปกติยา ทุปฏฺฏจีวรสฺส ทุปฏฺฏตฺถาเยว ทาตพฺพํ. สเจปิสฺส เอกปฏฺฏจีวรํ ฆนํ โหติ, กถินสาฏโก จ เปลโว, สารุปฺปตฺถาย ทุปฏฺฏปฺปโหนกเมว ทาตพฺพํ. ‘‘อหํ อลภนฺโต เอกปฏฺฏํ ปารุปามี’’ติ วทนฺตสฺสาปิ ทุปฏฺฏํ ทาตุํ วฏฺฏติ. โย ปน โลภปกติโก โหติ, ตสฺส น ทาตพฺพํ. เตนาปิ กถินํ อตฺถริตฺวา ปจฺฉา สิพฺเพตฺวา ‘‘ทฺเว จีวรานิ กริสฺสามี’’ติ น คเหตพฺพํ.
เตนาติ กถินตฺถารเกน ภิกฺขุนา. ตทเหวาติ ตสฺมึเยว ทิวเส. ปฺจ วา อติเรกานิ วา ¶ ขณฺฑานิ ฉินฺทิตฺวาติ ยถา ปฺจขณฺฑิกาทีนํ สงฺฆาฏิอาทีนํ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรปฺปโหนกานิ มหามณฺฑลอฑฺฒมณฺฑลาทิวเสน ปฺจ ขณฺฑานิ วา อติเรกานิ วา สตฺตาทิขณฺฑานิ โหนฺติ, เอวํ ฉินฺทิตฺวา. ตสฺมิฺจ กถินจีวเร กริยมาเน ‘‘อหํ เถโร’’ติ วา ‘‘พหุสฺสุโต’’ติ วา เอเกนาปิ อกาตุํ น ลพฺภติ. อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. ตสฺมา สพฺเพเหว สนฺนิปติตฺวา โธวนเฉทนสิพฺพนรชนานิ นิฏฺาเปตพฺพานิ. เตนาห ‘‘เสสภิกฺขูหิปิ ตสฺส สหาเยหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ. กตจีวรเมวาติ นิฏฺิตปริกมฺมเมว กถินทุสฺสํ. สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน อนฺตรวาสโกปิ ฉินฺทิตฺวาว กาตพฺโพ อฺถา อตฺถารวิปตฺติโต. ยถาห –
‘‘กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, อนตฺถตํ โหติ กถินํ? น อุลฺลิขิตมตฺเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ…เป… น อฺตฺร ปฺจเกน วา อติเรกปฺจเกน วา ตทเหว สฺฉินฺเนนา’’ติ (มหาว. ๓๐๘).
เตเนวาห ‘‘อจฺฉินฺนาสิพฺพิตํ ปน น วฏฺฏตี’’ติ. เตน ภิกฺขุนาติ อตฺถารเกน ภิกฺขุนา. อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํ. ตฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยถาห –
‘‘สเจ สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณิกา สงฺฆาฏิ ปจฺจุทฺธริตพฺพา, นวา สงฺฆาฏิ อธิฏฺาตพฺพา, ‘อิมาย สงฺฆาฏิยา กถินํ อตฺถรามี’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา’’ติ (ปริ. ๔๑๓) –
วิตฺถาโร. ‘‘ภนฺเต, อาวุโส’’ติ จ ‘‘อนุโมทถ, อนุโมทาหี’’ติ จ วจนเภทํ สนฺธาย ‘‘เถรานฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เอวํ ¶ อตฺถารเกน ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุโมทเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘เตหิปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อนุโมทามา’’ติ อตฺตนาว อตฺตนิ คารววเสน วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, ตถาปิ เอกเกน ‘‘อนุโมทามา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ, ‘‘อนุโมทามิ’’จฺเจว วตฺตพฺพนฺติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อิทานิ กถินานิสํเส ทสฺเสตุํ ภูมึ วิจารยนฺโต ‘‘ปุริมวสฺสํวุฏฺเสุปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตสํเยวาติ อตฺถารกอนุโมทกานํเยว. วุตฺตฺเหตํ ปริวาเร ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส ¶ จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ (ปริ. ๔๐๓). เตติ อตฺถารกอนุโมทกา. ตโต ปฏฺายาติ อตฺถารานุโมทนโต ปฏฺาย. ยาว กถินสฺสุพฺภาราติ น เกวลํ จีวรมาเสเยว, อถ โข อฏฺนฺนํ มาติกานํ อฺตเรน วา อนฺตรุพฺภาเรน วา ยาว กถินสฺสุพฺภารา ปฺจานิสํเส ลภนฺติ, อุทฺธเฏ ปน น ลภนฺตีติ อตฺโถ.
อิทานิ เต ปฺจานิสํเส สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนามนฺตจาโร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนามนฺตจาโร นาม ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน นิมนฺติตสฺส สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา กุเลสุ จาริตฺตาปชฺชนํ. อสมาทานจาโร นาม นาเมนาธิฏฺิตสฺส จีวรสฺส อสมาทานจรณํ, นาเมนาธิฏฺิตานํ ติณฺณํ จีวรานมฺตรํ จีวรํ ยตฺถ กตฺถจิ นิกฺขิปิตฺวา อฺตฺถ อรุณุฏฺาปนนฺติ อตฺโถ, จีวรวิปฺปวาโสติ วุตฺตํ โหติ. ยาวทตฺถจีวรนฺติ ยาวตา จีวเรน อตฺโถ โหติ, ตาวตกํ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ จีวรธารณํ, ทสาหมติกฺกมิตฺวา จีวรสฺส ปนนฺติ อตฺโถ. คณสฺส โภชนํ คณโภชนํ. คโณติ เจตฺถ จตฺตาโร วา ตตุตฺตริ วา ภิกฺขู. เตสํ วิฺตฺติโต วา นิมนฺตนโต วา ลทฺธสฺส โอทนาทีนํ ปฺจนฺนํ อฺตรโภชนสฺส สห คหณนฺติ อตฺโถ. โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโทติ ตตฺถ กถินตฺถตสีมาย มตกจีวรํ วา โหตุ, สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ วา สงฺฆิเกน ตตฺรุปฺปาเทน อาภตํ วา เยน เกนจิ อากาเรน ยํ สงฺฆิกํ จีวรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ตสฺมึ อาวาเส สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนจีวรฺจา’’ติ.
‘‘ยํ ปน ตตฺถ สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ ปตฺตาทิ วา อฺํ ภณฺฑํ วา, ตํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. ยํ ปน ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺถํ เจตาปิตํ, อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติ. วตฺเถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ ¶ สพฺเพสํ ตานิ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺิปเท วุตฺตํ, ตมฺปิ เจตาปิตกาลโต ปฏฺาย จีวรุปฺปาโท น โหตีติ สุวุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อนตฺถตกถินา ปน อิเมสุ ปฺจสุ อานิสํเสสุ จีวรมาเส อสมาทานจารํ เปตฺวา เสสานิสํเส ลภนฺติ. ยทิ อสมาทานจาโรปิ ลพฺเภยฺย, ปาเวยฺยกา ภิกฺขู วสฺสํวุฏฺา โอกปุณฺเณหิ จีวเรหิ น ภควนฺตํ อุปสงฺกเมยฺยุํ. ยสฺมา ตํ น ลพฺภติ, ตสฺมา จีวรมาเสปิ จีวรํ สมาทาย เอว ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ.
เอวํ กถินตฺถารํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุพฺภารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ ปเนตํ กถิน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มาติกาติ มาตโร, ชเนตฺติโยติ อตฺโถ. กถินุพฺภารฺหิ เอตา อฏฺ ชเนนฺติ. ตาสุ ปกฺกมนํ อนฺโต เอติสฺสาติ ปกฺกมนนฺติกา. เอวํ เสสาปิ เวทิตพฺพา. ตตฺถ โย ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน ¶ กถินจีวรํ อาทาย ตสฺมึ อาวาเส นิรเปกฺโข ‘‘น ปจฺเจสฺส’’นฺติ ปกฺกมติ, ตสฺเสวํ ปกฺกมโต กถินุทฺธาโร อติกฺกนฺตมตฺตาย สีมาย โหตีติ ปกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโรติ เวทิตพฺโพ.
โย ปน อานิสํสจีวรํ อาทาย ปกฺกมติ, ตสฺส พหิสีมาคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ กริสฺสามิ, น ปุน ตํ วิหารํ คจฺฉิสฺสามี’’ติ ตสฺมึ อาวาเส นิรเปกฺโข หุตฺวา ตํ จีวรํ กาเรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน นิฏฺานนฺติโก กถินุทฺธาโร.
ยทิ ปน อานิสํสมูลจีวรํ อาทาย พหิสีมาคโต ‘‘เนวิมํ จีวรํ กริสฺสามิ, น จ ตํ อาวาสํ คจฺฉิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กโรติ, ตทา สนฺนิฏฺานนฺติโก กถินุทฺธาโร.
ตเทว อานิสํสจีวรํ ลทฺธา ตํ อาทาย พหิสีมํ คนฺตฺวา ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กริสฺสามิ, น คจฺฉิสฺสามี’’ติ กโรนฺตสฺส สเจ ตํ จีวรํ นสฺสติ วินสฺสติ ฑยฺหติ, นาสนนฺติโก กถินุทฺธาโร โหติ.
สเจ ปน อานิสํสจีวรํ ลทฺธา ตสฺมึ วิหาเร สาเปกฺโขว พหิสีมาคโต ‘‘วิหาเร ภิกฺขูหิ อนฺตรุพฺภารํ กต’’นฺติ สุณาติ, ตสฺส สวนนฺติโก กถินุทฺธาโร โหติ.
อาสาย อวจฺเฉโท เอติสฺสาติ อาสาวจฺเฉทิกา. โย ปน เยน เกนจิ ‘‘ตุยฺหํ จีวรํ ทสฺสามี’’ติ วุตฺโต ตสฺมึ จีวเร อาสาย วิหาเร อเปกฺขํ ปหาย พหิสีมาคโต ปุน เตน ‘‘น สกฺโกมิ ทาตุ’’นฺติ ¶ วุตฺเต อาสํ ฉินฺทติ, ตสฺส อาสาวจฺเฉทิโก กถินุทฺธาโร โหติ.
โย ปน วสฺสํวุฏฺวิหารโต อฺํ วิหารํ สาเปกฺโขว คนฺตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเคเยว กถินุทฺธารํ วีตินาเมติ, ตสฺส สีมาติกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโร.
สห อุพฺภาเรนาติ สหุพฺภารา. อานิสํสจีวรํ อาทาย สาเปกฺโขว พหิ คนฺตฺวา กถินุทฺธารํ สมฺภุณนฺตสฺส กถินุทฺธาโร สหุพฺภาโรติ เวทิตพฺโพ.
‘‘เอตสฺมึ ปน ปกฺกมนนฺติเก กถินุทฺธาเร ปมํ จีวรปลิโพโธ ฉิชฺชตี’’ติอาทินา จีวรปลิโพธุปจฺเฉทาทิกสฺส วินิจฺฉยสฺส วิตฺถารโต สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๑๑) วุตฺตตฺตา ¶ ๘ ‘‘ตตฺถ วิตฺถารวินิจฺฉโย’’ติอาทิมาห. อตฺถารุพฺภารานํเยว วา วิตฺถารวินิจฺฉยสฺส ตตฺถาคตตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เสสปลิโพธาภาวนฺติ อวเสสสฺส ปลิโพธสฺส อภาวํ, อาวาสปลิโพธาภาวนฺติ อตฺโถ.
อสฺสาติ กาลสฺส. ทสาหปรมนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ตํ ทสาหปรมํ กาล’’นฺติ. อติเรกนฺติ อธิกํ, โส จ อธิกภาโว อธิฏฺิตวิกปฺปิตจีวรโตติ อาห ‘‘อธิฏฺิตวิกปฺปิเตสู’’ติอาทิ. โขมนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๖-๖๓๘) โขมสุตฺเตหิ วายิตํ โขมปฏฺฏจีวรํ. ตถา เสสานิ. กมฺพลํ นาม มนุสฺสโลมวาฬโลเม เปตฺวา เสสโลเมหิ วายิตฺวา กตวตฺถํ. สาณํ นาม สาณวาเกหิ กตวตฺถํ. ภงฺคํ นาม โขมสุตฺตาทีหิ ปฺจหิ มิสฺเสตฺวา กตวตฺถํ. ‘‘ปาเฏกฺกํ วากมยเมวา’’ติปิ วทนฺติ. ตทนุโลมานํ วาติ ทุกูลํ ปตฺตุณฺณํ โสมารปฏฺฏํ จีนปฏฺฏํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ เตสํ โขมาทีนํเยว อนุโลมานํ ฉนฺนํ จีวรานํ วา, ตตฺถ ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตา. ปตฺตุณฺณเทเส ปาณเกหิ สฺชาตวตฺถํ ปตฺตุณฺณํ. โสมารเทเส ชาตํ วตฺถํ โสมารปฏฺฏํ. ตถา จีนปฏฺฏํ. อิมานิ ตีณิปิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปฺุิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ. ตํ ปน โขมาทีนมฺตรํ โหตีติ เตสํเยว อนุโลมํ. เทเวหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ, ตํ กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ¶ ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต.
ทีฆโต วฑฺฒกิหตฺถปฺปมาณํ, วิตฺถารโต ตโต อุปฑฺฒปฺปมาณํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมํ. อฏฺงฺคุลํ สุคตงฺคุเลนาติ เอตฺถ สุคตงฺคุลํ นาม อิทานิ มชฺฌิมสฺส ปุริมสฺส ตีณิ องฺคุลานิ, เตน สุคตงฺคุเลน อฏฺงฺคุลํ วฑฺฒกิหตฺถปฺปมาณนฺติ อตฺโถ. จตุรงฺคุลวิตฺถตนฺติ เอตฺถาปิ ยถาวุตฺตานุสาเรเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เยสํ ปน อธิฏฺานวิกปฺปนานํ อภาวโต อธิฏฺิตวิกปฺปิเตสุ อปริยาปนฺนตฺตา อิทํ อติเรกจีวรํ นาม โหติ.
ตํ อธิฏฺานวิกปฺปนํ เกนากาเรน ชานิตพฺพนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยํ ปน วุตฺตนฺติ อติเรกจีวรํ ทสฺเสตุํ ‘‘อธิฏฺิตวิกปฺปิเตสุ อปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อมฺเหหิ ยํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ติจีวรํ อธิฏฺาตุนฺติ นามํ วตฺวา อธิฏฺาตุํ. น วิกปฺเปตุนฺติ สงฺฆาฏิอาทินาเมน วิกปฺเปตุํ น อนุชานามีติ อตฺโถ. ‘‘อิมํ จีวรํ วิกปฺเปมี’’ติ ปน วิกปฺเปตุํ วฏฺฏติเยว. สามฺวจนํ ปน ติจีวรสฺส กณฺฑุปฏิจฺฉาทิวสฺสิกสาฏิกานํ วิย กาลวเสน วิเสสาภาวา จสฺส วิกปฺเปตพฺพตาติ ทสฺสนตฺถํ ¶ , น ปน สพฺพถา วิกปฺปนปฏิเสธนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปุราณจีวรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา นวสฺส อธิฏฺานวจนโต, ‘‘อนาปตฺติ อธิฏฺเติ วิกปฺเปตี’’ติอาทิวจนโต (ปารา. ๔๖๙) จ ติจีวรสฺสปิ วิกปฺปนาย โอกาโส ทินฺโน. เอส นโย สพฺพตฺถ. ติจีวราทีนิ หิ อธิฏฺหนฺเตน ‘‘อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติอาทินา ตํ ตํ นามํ วตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. วิกปฺเปนฺเตน ปน ‘‘อิมํ สงฺฆาฏิ’’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส จีวรสฺส นามํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกปฺเปมี’’ติ วิกปฺเปตพฺพํ. ติจีวรํ วา โหตุ, อฺํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกปฺเปติ, อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฏฺาเนเยว ติฏฺติ. ตโต ปรํ วิกปฺเปตุนฺติ จตุมาสโต ปรํ ‘‘อิมํ จีวรํ วิกปฺเปมี’’ติ วิกปฺเปตุํ. อิทฺจ ปริภฺุชิตุํ อนฺุาตํ. เกจิ ปน (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ‘‘ตโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ยาว อาคามิสํวจฺฉเร วสฺสานํ จตุมาสํ, ตาว เปตุํ อนฺุาต’’นฺติ วทนฺติ. ตโต ปรนฺติ อาพาธโต ปรํ. ‘‘อิมาสฺจ ปน วสฺสิกสาฏิกกณฺฑุปฏิจฺฉาทีนํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตฺวา ปริโภคสฺส อนฺุาตตฺตา ตถาวิกปฺปิตํ ¶ อฺนาเมน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อธิฏฺาตพฺพวิกปฺเปตพฺพตา ชานิตพฺพาติ อธิฏฺาตพฺพํ วิกปฺเปตพฺพนฺติ เอวํ อธิฏฺานวิกปฺปนา ชานิตพฺพาติ อตฺโถ.
ปฺจปริมาณํ อสฺสาติ ปฺจกํ, มุฏฺิสฺส มุฏฺิหตฺถสฺส สมฺพนฺธํ ปฺจกํ มุฏฺิปฺจกํ. เอส น โย มุฏฺิตฺติกนฺติ เอตฺถาปิ. ปารุปเนนปิ สกฺกา นาภึ ปฏิจฺฉาเทตุนฺติ อาห ‘‘ทฺวิหตฺโถปิ วฏฺฏตี’’ติ. น เกวลํ อฑฺฒเตยฺโยว วฏฺฏติ, อถ โข ทฺวิหตฺโถปิ วฏฺฏตีติ ปิ-สทฺทสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อติเรกฺจาติ สุคตจีวรปฺปมาณมฺปิ ตโต อธิกมฺปิ. ปจฺจุทฺธรามีติ เปมิ, ปริจฺจชามีติ วา อตฺโถ. ‘‘อิมํ จีวรํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺามี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) เอวมฺปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. กายวิการํ กโรนฺเตนาติ หตฺถาทินา จีวรํ ปรามสนฺเตน, จาเลนฺเตน วา. อิทฺหิ อธิฏฺานํ เยน เกนจิ สรีราวยเวน อผุสนฺตสฺส น วฏฺฏติ. ทุวิธนฺติ สมฺมุขาปรมฺมุขเภเทน ทุวิธํ. วาจา ภินฺทิตพฺพาติ วจนํ นิจฺฉาเรตพฺพํ. อนฺโตคพฺภาทีสูติ อนฺโตคพฺภอุปริปาสาเทสุ. สามนฺตวิหาเรติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺเตตุํ สกฺกา, เอวรูเป สมีปวิหาเร. อิทฺจ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ทูเร ิตมฺปิ อธิฏฺาตพฺพนฺติ วทนฺติ. ‘‘ปิตฏฺานํ สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ อิมินา จีวรสํลกฺขณํ วุตฺตํ. น หิ ปิตฏฺานมตฺตสลฺลกฺขเณน กิฺจิ ปโยชนํ อตฺถิ.
อธิฏฺหิตฺวา ปิตวตฺเถหีติ ปจฺจตฺถรณมุขปฺุฉนโจฬปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวา ปิตวตฺเถหิ. อธิฏฺานโต ปุพฺเพ สงฺฆาฏิอาทิโวหารสฺส อภาวโต ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปจฺจตฺถรณาทีนํ ¶ วิสุํ ปจฺจุทฺธรณวิธึ ทสฺเสติ. ปจฺจตฺถรณาทินาเมน ปน อธิฏฺาตพฺพตฺตา ‘‘อิมํ ปจฺจตฺถรณํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติอาทินา วุตฺเตปิ เนวตฺถิ โทโส. ปุน อธิฏฺาตพฺพานีติ สงฺฆาฏิอาทินาเมน อธิฏฺาตพฺพานิ. ปริกฺขารโจฬกสฺส ปน ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฏฺหิตฺวา ปิตวตฺเถหิปิ สงฺฆาฏิอาทิมฺหิ กเต ปจฺจุทฺธริตฺวา ปุน อธิฏฺาตพฺพนฺติ นตฺถิ. ปุพฺเพ กตาธิฏฺานเมว อธิฏฺานํ. อธิฏฺิเตน ปน เตน สทฺธึ มหนฺตตรเมว ทุติยํ ปฏฺฏํ วา ขณฺฑํ วา สํสิพฺพนฺเตน อธิฏฺาตพฺพํ, สเม วา ขุทฺทเก วา อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. สุขปริโภคตฺถนฺติ วิปฺปวาสโทสาภาวโต ยตฺถ กตฺถจิ เปตฺวา ธมฺมสฺสวนาทินา กิจฺเจน อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา อาคนฺตฺวา นิสฺสชฺชนํ วินาว ¶ ปริภฺุชิตุํ สกฺกุเณยฺยตาย สุขปริโภคตฺถํ. ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตุนฺติ ปริกฺขารโจฬํ กตฺวา อธิฏฺาตุํ.
อนติริตฺตปมาณาติ ‘‘ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ อฑฺฒเตยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๕๔๓) วุตฺตปฺปมาณโต อนธิกปมาณา. ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ วสฺสิกสาฏิกภาวโต อปเนตฺวา วิกปฺเปตพฺพา, เหมนฺตสฺส ปมทิวสโต ปฏฺาย อนฺโตทสาเห วสฺสิกสาฏิกาวสฺสิกสาฏิกภาวโต อปเนตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกปฺเปมี’’ติอาทินา นเยน วิกปฺเปตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. อฺถา หิ ‘‘วสฺสิกสาฏิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ, กณฺฑุปฏิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนาปิ อธิฏฺานํ วิชหตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วกฺขมานตฺตา วสฺสานมาสโต ปรํ อสติ อธิฏฺาเน กึ ปจฺจุทฺธเรยฺยาติ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วจนเมว โนปปชฺเชยฺย.
เกจิ ปน (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ‘‘ยถา กถินมาสพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ, เอวมยํ วสฺสิกสาฏิกาปิ วสฺสานมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยา โหติ. ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเส ปจฺจุทฺธริตฺวา ตโต ปรํ เหมนฺตสฺส ปมทิวเส วิกปฺเปตพฺพาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ, ปจฺจุทฺธริตฺวา ตโต ปรํ วิกปฺเปตพฺพาติ ปทโยชนา เวทิตพฺพา’’ติ จ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. กถินมาเส อุปฺปนฺนฺหิ จีวรํ อติเรกจีวรฏฺาเน ิตตฺตา อวสานทิวเส อนธิฏฺิตํ กถินมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ. อยํ ปน วสฺสิกสาฏิกา อธิฏฺหิตฺวา ปิตตฺตา น เตน สทิสาติ วสฺสานาติกฺกเม กถํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ อนธิฏฺิตอวิกปฺปิตเมว หิ ตํ กาลาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตสฺมา เหมนฺเตปิ วสฺสิกสาฏิกา ทสาหปริหารํ ลภติ. เอวํ กณฺฑุปฏิจฺฉาทิปิ อธิฏฺานวิชหนโต ปรํ ทสาหปริหารํ ลภติ. ทสาหํ ปน อนติกฺกาเมตฺวา วิกปฺเปตพฺพา. นหานตฺถาย อนฺุาตตฺตา วณฺณเภทมตฺตรตฺตาปิ เจสา วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ‘‘ทฺเว ปน น วฏฺฏนฺตี’’ติ ทฺวินฺนํ อธิฏฺานาภาวโต วุตฺตํ ¶ . ‘‘สเจ วสฺสาเน อปรา วสฺสิกสาฏิกา อุปฺปนฺนา โหติ, ปุริมวสฺสิกสาฏิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา, วิกปฺเปตฺวา จ อธิฏฺาตพฺพา’’ติ วทนฺติ.
ปมาณยุตฺตนฺติ ‘‘ทีฆโส สุคตวิทตฺถิยา ทฺเว วิทตฺถิโย, วิตฺถารโต ทิยฑฺฒํ ทสา วิทตฺถี’’ติ (ปาจิ. ๕๓๑ อาทโย) อิมินา ปมาเณน ยุตฺตํ. ปมาณิกาติ ‘‘สุคตวิทตฺถิยา ¶ ทีฆโส จตสฺโส วิทตฺถิโย, ติริยํ ทฺเว วิทตฺถิโย’’ติ เอวํ วุตฺตปฺปมาณยุตฺตา. ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกปฺเปตพฺพาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ยสฺมา ภิกฺขูนํ ติจีวเร ปริปุณฺเณ, อตฺเถ จ สติ ปริสฺสาวนาทีหิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ (มหาว. ๓๕๗) พหูนํ ปตฺตตฺถวิกปริสฺสาวนาทีนํ สงฺคหวเสน ปริกฺขารโจฬาธิฏฺานมนฺุาตํ, ตสฺมา ‘‘ปริกฺขารโจเฬ คณนา นตฺถี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภควตา หิ ยํ ยํ ภิกฺขู ลภนฺติ, ตํ ตํ อิมินา วิธาเนน อธิฏฺหิตฺวา ปุน ‘‘เยน เยน ปริสฺสาวนาทินา อตฺโถ โหติ, ตํ ตํ กตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ อนุกมฺปาย อนฺุาตํ. เตเนวาห ‘‘ถวิกาปี’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน ‘‘เอตานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฏฺามี’’ติ อสมฺมุขาธิฏฺานํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณ จา’’ติ อิมินา อตฺตโน สนฺตกํ ปฏิกฺขิปติ. เกจิ ปน (สารตฺถ. ฏี. ๒.๔๖๙) ‘‘อนิวาเสตฺวา, อปารุปิตฺวา จ เกวลํ ปฺจปีเสุเยว อตฺถริตฺวา ปริภฺุชิยมานํ ปจฺจตฺถรณํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อนธิฏฺิตํ วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตํ เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺน’’นฺติ ปจฺจตฺถรณสฺส วิเสสิตตฺตา. ภิสิพิพฺโพหนปาวารโกชวานมฺปิ เสนาสนปริกฺขารโตเยว อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํ.
อธิฏฺิตฺจ ปเนตํ จีวรํ ปริภฺุชโต กถํ อธิฏฺานํ วิชหตีติ อาห ‘‘สพฺพฺจ ปเนต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อจฺฉินฺทิตฺวา คหเณนาติ โจราทีหิ อจฺฉินฺทิตฺวา คหเณน. หีนายาวตฺตเนนาติ คิหิภาวาย อาวตฺตเนน, วิพฺภเมนาติ อตฺโถ, ‘‘สีลวนฺโตว หุตฺวา คิหี ภวิสฺสามี’’ติ เสตวตฺถนิวาสเนนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส เสตวตฺถนิวาโส วา กาสายจชนํ วา หีนายาวตฺตน’’นฺติ เกจิ. ‘‘‘หีนายาวตฺตเนนา’ติ อิมินา ภิกฺขุนิยา เอว อธิฏฺานวิชหนํ คหิตํ โหติ. สา หิ ยทา วิพฺภมติ, ตทา อสฺสมณี โหติ. ภิกฺขุ ปน วิพฺภมนฺโตปิ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ตาว ภิกฺขุเยวาติ อธิฏฺานํ น วิชหตี’’ติ อปเร. สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนาติ ลิงฺเค ิตสฺเสว สิกฺขาย ปจฺจกฺขาเนน. โย หิ ภิกฺขุลิงฺเค ิโตว สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ, ตสฺส กายลคฺคมฺปิ จีวรํ อธิฏฺานํ วิชหตีติ. กาลงฺกิริยายาติ มรเณน. ลิงฺคปริวตฺตเนนาติ ปุริสลิงฺคสฺส ¶ , อิตฺถิลิงฺคสฺส วา ปริวตฺตเนน, ปุริสสฺส อิตฺถิลิงฺคปาตุภาเวน, อิตฺถิยา วา ปุริสลิงฺคปาตุภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ.
กนิฏฺงฺคุลินขปิฏฺิปฺปมาเณนาติ ¶ เหฏฺิมปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. โอรโตติ อพฺภนฺตรโต. โย ปน ทุพฺพลฏฺาเน ปมํ อคฺคฬํ ทตฺวา ปจฺฉา ทุพฺพลฏฺานํ ฉินฺทิตฺวา อปเนติ, อธิฏฺานํ น ภิชฺชติ. มณฺฑลปริวตฺตเนปิ เอเสว นโย. ทุปฏฺฏสฺส ปน เอกสฺมึ ปฏเล ฉิทฺเท วา ชาเต, คลิเต วา อธิฏฺานํ น ภิชฺชติ. ขุทฺทกํ จีวรํ มหนฺตํ กโรติ, มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรติ, อธิฏฺานํ น ภิชฺชติ. อุโภ โกฏิโย มชฺเฌ กโรนฺโต สเจ ปน ปมํ ฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา ฆเฏติ, อธิฏฺานํ ภิชฺชติ. อถ ฆเฏตฺวา ฉินฺทติ, น ภิชฺชติ. รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตํ กโรนฺตสฺสาปิ อธิฏฺานํ อธิฏฺานเมว. วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน น เกวลํ ปุพฺเพ วุตฺเตน ทานาทินา อฏฺวิเธเนว การเณน วสฺสิกสาฏิกา อธิฏฺานํ วิชหติ, อถ โข วสฺสานมาสาติกฺกเมนปีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอส นโย อาพาธวูปสเมนาปีติ เอตฺถาปิ. วิกปฺปนสิกฺขาปเทติ (ปาจิ. ๓๗๒ อาทโย) ปาจิตฺติเย สุราปานวคฺคสฺส นวมสิกฺขาปเท.
ตํ อติกฺกามยโตติ เอตฺถ ตนฺติ จีวรํ, กาลํ วา ปรามสตีติ อาห ‘‘ตํ ยถาวุตฺตชาติปฺปมาณ’’นฺติอาทิ. อสฺสาติ ภิกฺขุสฺส. ตสฺส โย อรุโณติ ตสฺส จีวรุปฺปาททิวสสฺส โย อติกฺกนฺโต อรุโณ. จีวรุปฺปาททิวเสน สทฺธินฺติ จีวรุปฺปาททิวสสฺส อรุเณน สทฺธึ. ทิวสสทฺเทน เจตฺถ ตํทิวสนิสฺสิโต อรุโณ วุตฺโต. อิทานิ ยสฺส จ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ยถา จ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ คเหตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺรายํ นโยติ ตสฺมึ นิสฺสชฺชเน อยํ วิธิ. อฺถาปีติ ภาสนฺตเรนาปิ, ยาย กายจิ ภาสายปีติ อตฺโถ. ปฏิพเลนาติ วตฺตุํ สมตฺเถน. อายตึ สํวเรยฺยาสีติ อุปริ สํวรมาปชฺเชยฺยาสิ, สํวุตกายวจีทฺวาโร ภเวยฺยาสีติ อตฺโถ. อิมานิ จ ‘‘ปสฺสสี’’ติอาทีนิ ยถากฺกมํ ปฏิคฺคาหกเทสเกหิ วตฺตพฺพวจนานิ. ตถา หิ ‘‘ปสฺสสี’’ติ ปฏิคฺคาหเกน วตฺตพฺพวจนํ, ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ ตทนุเทสเกน วตฺตพฺพวจนํ. ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ ตทนุปฺปฏิคฺคาหเกน วตฺตพฺพวจนํ, ‘‘สาธุ สุฏฺุ สํวริสฺสามี’’ติ ตทนุเทสเกน วตฺตพฺพวจนํ. อิมินา จ อตฺตโน อายตึ สํวเร ปติฏฺิตภาวํ ทสฺเสติ. ทฺวีสุ, ปน สมฺพหุลาสุ วาติ ทฺวีสุ วา สมฺพหุลาสุ วา อาปตฺตีสุ ปุริมนเยเนว วจนเภโท กาตพฺโพ. ตฺติยํ อาปตฺตึ สรติ วิวรตีติ เอตฺถ ‘‘ทฺเว ¶ อาปตฺติโย’’ติ วา ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย’’ติ วา ¶ วจนเภโท กาตพฺโพ. ทฺวีสุ, พหูสุ วา วจนเภโท กาตพฺโพติ ‘‘สงฺโฆ อิมานิ จีวรานี’’ติ วตฺถุวเสน วจนเภโท กาตพฺโพ.
เอวํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชนวิธึ ทสฺเสตฺวา คณสฺส นิสฺสชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘คณสฺส ปน นิสฺสชฺชนฺเตนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ นิสฺสชฺชนาปตฺติปฺปฏิคฺคหณนิสฺสฏฺจีวรทาเนสุ ‘‘อายสฺมนฺตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตวจนเภทํ วินา อวเสสํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชนาทีสุ วุตฺตสทิสเมวาติ อตฺโถ.
อิทานิ ปุคฺคลสฺส นิสฺสชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทฺวีสุ, ตีสุ วาติ ทฺวีสุ, ตีสุ วา อาปตฺตีสุ เจว ทาตพฺพจีวเรสุ จ. ยถา จ คณสฺส นิสฺสชฺชเน, เอวํ ทฺวินฺนํ นิสฺสชฺชเนปิ ปาฬิ เวทิตพฺพา. ยทิ หิ วิเสโส ภเวยฺย, ยเถว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺโพ – พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน เต ภิกฺขู าเปตพฺพา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๖๘) นเยน ติณฺณํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ วตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ, เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กตฺตพฺโพ – เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺค’’นฺติอาทินา นเยน วิสุํเยว ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ วุตฺโต, เอวํ อิธาปิ วิสุํ ปาฬึ วเทยฺย. ยสฺมา ปน นตฺถิ, ตสฺมา อวตฺวาว คโตติ คณสฺส วุตฺตา ปาฬิเยเวตฺถ ปาฬิ. อาปตฺติปฺปฏิคฺคหเณ ปน อยํ วิเสโส – ยถา คณสฺส นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติยา เทสิยมานาย อาปตฺติปฺปฏิคฺคาหโก ภิกฺขุ ตฺตึ เปติ, เอวํ อฏฺเปตฺวา ทฺวีสุ อฺตเรน ยถา เอกปุคฺคโล ปฏิคฺคณฺหาติ, เอวํ อาปตฺติ ปฏิคฺคเหตพฺพา. ทฺวินฺนฺหิ ตฺติฏฺปนํ นาม นตฺถิ. ยทิ สิยา, ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ วิสุํ น วเทยฺย. นิสฺสฏฺจีวรทาเนปิ ยถา ‘‘อิมํ จีวรํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ เอโก วทติ, เอวํ ‘‘มยํ อิมํ จีวรํ อายสฺมโต เทมา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อิโต ครุกตรานิปิ หิ ตฺติทุติยกมฺมานิ อปโลเกตฺวา กาตพฺพานีติ วุตฺตานิ อตฺถิ, เตสํ เอตํ อนุโลมํ. เตเนวาห ‘‘ทฺวินฺนํ ปนา’’ติอาทิ. นิสฺสฏฺจีวรํ ปน ทาตพฺพเมว, อทาตุํ น ลพฺภติ. วินยกมฺมมตฺตเมว เหตํ. น ตํ เตน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทินฺนเมว โหติ. เตนาห ‘‘นิสฺสฏฺวตฺถุ’’นฺติอาทิ.
อนิสฺสชฺชิตฺวา ¶ ปริภฺุชนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ สกึ นิวตฺถํ วา สกึ ปารุตํ วา กายโต อโมเจตฺวา ทิวสมฺปิ จรติ, เอกเมว ทุกฺกฏํ. โมเจตฺวา นิวาเสติ วา ปารุปติ วา, ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํ. ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา สณฺาเปนฺตสฺส อนาปตฺติ. อฺสฺส ตํ ปริภฺุชโตปิ ¶ อนาปตฺติ. ‘‘อฺเน กตํ ปฏิลภิตฺวา ปริภฺุชตี’’ติอาทิวจนฺเจตฺถ (ปารา. ๕๗๐) สาธกํ. ทสาหํ อนติกฺกนฺเตปิ อติกฺกนฺตสฺิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘ปริภฺุชนฺตสฺสา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อติกฺกนฺเต อนติกฺกนฺตสฺิโนปีติ ทสาหํ อติกฺกนฺเต จีวเร ‘‘อนติกฺกนฺตํ อิท’’นฺติ เอวํ สฺิโน, ทสาเห วา อติกฺกนฺเต ‘‘อนติกฺกนฺโต ทสาโห’’ติ เอวํ สฺิโน.
อิทานิ ‘‘อนธิฏฺิเต อธิฏฺิตสฺิโน นิสฺสคฺคิย’’นฺติอาทิอาปตฺติวารํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. ตถาติ ยถา ทสาหํ อติกฺกนฺเต สฺาเภเทน ติกปาจิตฺติยํ, ตถา อนธิฏฺิตาทีสุ สตฺตสุ วิกปฺเปสุ อธิฏฺิตาทิสฺาเภทโตติ อตฺโถ. ตตฺถ อวิสฺสชฺชิเต วิสฺสชฺชิตสฺิโนติ กสฺสจิ อทินฺเน อปริจฺจตฺเต ‘‘ทินฺนํ ปริจฺจตฺตํ มยา’’ติ เอวํ สฺิโน. อนฏฺเ นฏฺสฺิโนติ อตฺตโน จีวเรน สทฺธึ พหูนิ อฺเสํ จีวรานิ เอกโต ปิตานิ, ตานิ เจ โจรา หรนฺติ, ตตฺเรส อตฺตโน จีวเร อนฏฺเ นฏฺสฺี โหติ, ตสฺส นฏฺสฺิโน. เอส นโย อวินฏฺาทีสุปิ. อวิลุตฺเตติ เอตฺถ ปน คพฺภํ ภินฺทิตฺวา ปสยฺหาวหารวเสน อวิลุตฺเตติ เวทิตพฺพํ.
วิสฺสชฺชิเตติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) อฺสฺส ทินฺเน. กถํ ปน ทินฺนํ โหติ, กถํ คหิตํ? ‘‘อิมํ ตุยฺหํ เทมิ, ททามิ, ทชฺชามิ, โอโณเชมิ, ปริจฺจชามิ, วิสฺสชฺชามิ, นิสฺสชฺชามี’’ติ วา วทติ, ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมิ…เป… นิสฺสชฺชามี’’ติ วา วทติ, สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหติ. ‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สุทินฺนํ, สุคฺคหิตฺจ. ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหิ, ตว สนฺตกํ โหตุ, ตว สนฺตกํ กริสฺสสี’’ติ วุตฺเต ‘‘มม สนฺตกํ กโรมิ, มม สนฺตกํ โหตุ, มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ วทติ, ทุทฺทินฺนํ, ทุคฺคหิตฺจ. เนว ทาตา ทาตุํ ชานาติ, น อิตโร คเหตุํ. สเจ ปน ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, ภนฺเต, มยฺหํ คณฺหามี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ, สเจ ปน เอโก ‘‘คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘น คณฺหามี’’ติ วทติ, ปุน โส ‘‘ทินฺนํ มยา ¶ ตุยฺหํ, คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโรปิ ‘‘น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ’’ติ วทติ. ตโต ปุริโมปิ ‘‘มยา ทินฺน’’นฺติ ทสาหํ อติกฺกาเมติ, ปจฺฉิโมปิ ‘‘มยา ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ, กสฺสาปตฺตีติ? น กสฺสจิ. ยสฺส ปน รุจฺจติ, เตน อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ. โย ปน อธิฏฺาเน เวมติโก, เตน กึ กาตพฺพํ? เวมติกภาวํ อาโรเจตฺวา ‘‘สเจ อนธิฏฺิตํ ภวิสฺสติ, เอวํ เม กปฺปิยํ โหตี’’ติ วตฺวา วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํ. น หิ เอวํ ชานาเปตฺวา วินยกมฺมํ กโรนฺตสฺส มุสาวาโท โหติ.
ยถา ¶ จ อิทํ, เอวํ อิโต ปรานิปีติ ยถา อิทํ อติเรกจีวรธารณสิกฺขาปทํ อาจารวิปตฺติ, เอวํ อิโต ปรานิปิ สิกฺขาปทานิ อาจารวิปตฺติเยวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุภโตปาติโมกฺเขสู’’ติอาทิ. อาชีววิปตฺติปจฺจยา ปน เปตฺวา ทุพฺภาสิตํ ฉ อาปตฺติกฺขนฺธา ปฺตฺตาติ –
‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’ติ ภณติ, ปฏิวิชานนฺตสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อคิลานา อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, อาปตฺติ ปาฏิเทสนียสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๘๗) –
เอวํ ปาราชิกาทิวเสน เปตฺวา ทุพฺภาสิตํ อาชีววิปตฺติปจฺจยา ฉ อาปตฺติกฺขนฺธา ปฺตฺตา. ทิฏฺิวิปตฺติปจฺจยา ปาจิตฺติยทุกฺกฏวเสน ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา ปฺตฺตาติ สมนุภาสนาย ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสชฺชเน ตฺติยา ทุกฺกฏํ, กมฺมวาจาปริโยสาเน ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ ทิฏฺิวิปตฺติปจฺจยา ¶ ปาจิตฺติยทุกฺกฏวเสน ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา ปฺตฺตา. เอตฺถาติ วิปตฺติกถาสุ.
คณนุปคตาติ ทิวสคณนํ อุปคตภาโว. อฺเหิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทมา’’ติ ปรหตฺเถ ทินฺนมฺปิ ‘‘น ตาว ตํ คณนุปคํ, ยาว น หตฺถํ คจฺฉตี’’ติ (มหาว. ๒๕๙) จมฺมกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา ยาว อาหริตฺวา วา น ทินฺนํ, ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, จีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปหิณิตฺวา วา อนาโรจิตํ, ตาว ทิวสคณนํ น อุเปติ, อนธิฏฺิตํ วฏฺฏติ. ยทา ปน อาเนตฺวา ทินฺนํ โหติ, ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ วา สุตํ, ตโต ปฏฺาย คณนุปคํ โหติ, อนฺโตทสาเห อธิฏฺาตพฺพํ. กถินสฺิตํ สมุฏฺานมสฺสาติ กถินสมุฏฺานํ, ตติยฉฏฺสมุฏฺานวเสน ทฺวิสมุฏฺานนฺติ อตฺโถ. กายวาจาหิ กตฺตพฺพอธิฏฺานวิกปฺปนานํ อกรเณน กายวาจโต, จิตฺเต ปน สติ กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาตีติ วุตฺตํ โหติ. อนธิฏฺานาวิกปฺปนวเสน อาปชฺชนโต ¶ อกิริยํ. อชานนฺโตปิ อาปชฺชตีติ โนสฺาวิโมกฺขํ. กายทฺวาเร จ วจีทฺวาเร จ กตฺตพฺพากรณโต กายกมฺมํ วจีกมฺมํ.
กถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุนาติ ภิกฺขุสฺสาติ อตฺโถ, สามิอตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. เตนาห ‘‘ปุริมสิกฺขาปเท วิยา’’ติอาทิ. อถ กสฺมา กรณวเสเนว กรณวจนสฺส อตฺถํ อคฺคเหตฺวา สามิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘กรณวเสน หี’’ติอาทิ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ฉินฺนปลิโพโธติ ฉินฺนจีวราวาสปลิโพโธ. เอกาว รตฺติ เอกรตฺตํ, สมาสนฺตคตสฺส อตฺถํ. ติณฺณํ จีวรานํ สมาหาโรติ ติจีวรํ. เตน ติจีวเรน, ตีหิ จีวเรหีติ อตฺโถ. เอเกน วิปฺปวุตฺโถปิ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๗๕-๔๗๖) หิ ติจีวเรน วิปฺปวุตฺโถ นาม โหติ ปฏิสิทฺธปริยาปนฺเนน วิปฺปวุตฺถตฺตา, อวยเวปิ วา สมุทายโวหารโต. เตนาห ‘‘ติจีวราธิฏฺานนเยนา’’ติอาทิ.
อิทานิ ¶ วิปฺปวาสลกฺขณววตฺถาปนตฺถํ ‘‘คาโม เอกูปจาโร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิเวสนนฺติ อุโทสิตาทีนํ วเสน อกตาย ปติสฺสยวิกติยา อธิวจนํ. อุโทสิโตติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๘๒-๔๘๗) ยานาทีนํ ภณฺฑานํ สาลา. โย ‘‘อุทวสิโต’’ติปิ วุจฺจติ. อฏฺโฏติ ปฏิราชาทิปฏิพาหนตฺถํ อิฏฺกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโส. ‘‘อฏฺโฏติ พหลภิตฺติกเคหํ, ยสฺส โคปานสิโย อคฺคเหตฺวา อิฏฺกาหิ เอว ฉทนํ โหตี’’ติ อปเร. ‘‘อฏฺฏากาเรน กรียตี’’ติปิ วทนฺติ. มาโฬติ เอกกูฏสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโท, เอกกูฏสงฺคหิโต วา อเนกโกณวนฺโต ปติสฺสยวิเสโส. ‘‘มาโฬติ วฏฺฏากาเรน กตเสนาสน’’นฺติ อปเร. ปาสาโทติ ทีฆปาสาโท, อฑฺฒโยคาทิเภโท อฏฺฏมาฬหมฺมิยวชฺชิโต สพฺโพ วา ปาสาโท. หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. ‘‘จนฺทิยงฺคณยุตฺต’’นฺติ อปเร. นาวาติ ถลฏฺอุทกฏฺวเสน ทฺวิธา นาวา. สตฺโถติ ชงฺฆสตฺโถ, สกฏสตฺโถ วา. ธฺกรณนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๙๑-๔๙๔) ขลํ วุจฺจติ. อาราโมติ ปุปฺผาราโม, ผลาราโม วา. วิหาโรติ สปริกฺขิตฺโต วา อปริกฺขิตฺโต วา สกโล อาวาโส. ‘‘เคหมฺปี’’ติ เกจิ. นิเวสนาทีนิ เจตฺถ คามโต พหิ นิวิฏฺานิ คหิตานิ. อนฺโตคาเม ิตานํ ปน คามคฺคหเณเนว คหิตตฺตา คามปริหาโรเยวาติ. ‘‘นิเวสนาทโย หมฺมิยปริโยสานา ¶ คามปริกฺเขปโต พหิ นิวิฏฺา’’ติ อปเร. หตฺถปาสาติกฺกเมติ เอตฺถ หตฺถปาโส นาม อฑฺฒเตยฺยรตนปฺปมาโณ ปเทโส, ตสฺส อติกฺกโม หตฺถปาสาติกฺกโม, ตสฺมึ หตฺถปาสาติกฺกเม. หตฺถปาสพฺภนฺตเร ปน วตฺถุํ วฏฺฏติ. ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา สเจปิ อิทฺธิมา ภิกฺขุ อากาเส อรุณํ อุฏฺาเปติ, นิสฺสคฺคิยเมว โหติ.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๗๗-๔๗๘) คาโม เอกสฺส รฺโ วา โภชกสฺส วา วเสน เอกกุลสฺส โหติ, ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตตฺตา เอกูปจาโร จ, เอวรูเป คาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺมึ คามพฺภนฺตเร ยถารุจิตฏฺาเน วสิตพฺพํ, สเจ อปริกฺขิตฺโต, ยสฺมึ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ ฆเร วสิตพฺพํ, ตสฺส ฆรสฺส สมนฺตโต หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ.
สเจ ¶ คาโม เวสาลิกุสินาราทโย วิย นานาราชูนํ วา โภชกานํ วา โหติ, วุตฺตปฺปกาเรน ปริกฺขิตฺโต จ, เอวรูเป คาเม ยสฺมึ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ ฆเร วา วตฺถพฺพํ, ตสฺส ฆรสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ. ยสฺสา วีถิยา ฆรํ โหติ, ตสฺสา วีถิยา ตสฺส ฆรสฺส สมฺมุขาฏฺาเน สภายํ วา ฆรทฺวาเร วา วตฺถพฺพํ, เตสํ สภาทฺวารานํ หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ.
สเจ โส คาโม อปริกฺขิตฺโต, ยสฺมึ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตตฺถ วา ตสฺส หตฺถปาเส วา วตฺถพฺพํ. นิเวสเน ปน สเจ เอกกุลสฺส นิเวสนํ โหติ, ปริกฺขิตฺตฺจ, อนฺโตนิเวสเน จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตนิเวสเน วตฺถพฺพํ. อปริกฺขิตฺตํ เจ โหติ, ยสฺมึ คพฺเภ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมึ วตฺถพฺพํ, ตสฺส คพฺภสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ.
สเจ นานากุลสฺส นิเวสนํ โหติ, ปริกฺขิตฺตฺจ, ยสฺมึ คพฺเภ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมึ คพฺเภ วตฺถพฺพํ, สพฺเพสํ สาธารณทฺวารมูเล วา เตสํ คพฺภทฺวารมูลานํ หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ. อปริกฺขิตฺตํ เจ, ยสฺมึ คพฺเภ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมึ คพฺเภ วตฺถพฺพํ, ตสฺส คพฺภสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ. เอส นโย อุโทสิตาทีสุปิ.
สตฺโถ ปน ชงฺฆสตฺโถ วา โหตุ, สกฏสตฺโถ วา. สเจ เอกกุลสฺส สตฺโถ โหติ, สตฺเถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุรโต วา ปจฺฉโต วา สตฺตพฺภนฺตรา น วิชหิตพฺพา, ปสฺสโต อพฺภนฺตรํ น วิชหิตพฺพํ. สเจ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๘๙) สตฺโถ คจฺฉนฺโต คามํ วา นทึ วา ปริยาทิยิตฺวา ¶ ติฏฺติ, อนฺโตปวิฏฺเน สทฺธึ เอกาพทฺโธ หุตฺวา โอรฺจ ปารฺจ ผริตฺวา ิโต โหติ, สตฺถปริหาโรว ลพฺภติ. อถ คาเม วา นทิยา วา ปริยาปนฺโน โหติ อนฺโตปวิฏฺโ, คามปริหาโร เจว นทิปริหาโร จ ลพฺภติ. สเจ วิหารสีมํ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺติ, อนฺโตสีมาย จ จีวรํ โหติ, วิหารํ คนฺตฺวา วสิตพฺพํ. สเจ พหิสีมาย จีวรํ โหติ, สตฺถสมีเปเยว วสิตพฺพํ. สเจ คจฺฉนฺโต สกเฏ วา ภคฺเค, โคเณ วา นฏฺเ อนฺตรา ฉิชฺชติ, ยสฺมึ โกฏฺาเส จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตตฺถ วสิตพฺพํ.
เขตฺเตปิ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๙๐) สเจ เอกกุลสฺส เขตฺตํ โหติ, ปริกฺขิตฺตฺจ, อนฺโตเขตฺเต จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อนฺโตเขตฺเต วตฺถพฺพํ. สเจ อปริกฺขิตฺตํ, หตฺถปาสา ¶ จีวรํ น วิชหิตพฺพํ. สเจ นานากุลสฺส เขตฺตํ โหติ, ปริกฺขิตฺตฺจ, อนฺโตเขตฺเต จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา เขตฺตทฺวารมูเล วา วตฺถพฺพํ, ตสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํ. สเจ อปริกฺขิตฺตํ, จีวรํ หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํ. เอส นโย ธฺกรณาราเมสุ ทฺวีสุปิ. วิหาเร ปน นิเวสเน วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโย.
รุกฺขมูเล ปน ยํ มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, ตสฺมึ าเน อวิรเฬ ปเทเส ตสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสสฺส อนฺโตเยว นิกฺขิปิตพฺพํ. สเจ วิรฬสาขสฺส รุกฺขสฺส อาตเปน ผุฏฺโกาเส เปติ, อรุณุคฺคมเน จ โส ภิกฺขุ ตสฺส หตฺถปาเส น โหติ, อฺสฺมึ าเน ตสฺส ฉายายปิ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ โหติ. สเจ นานากุลสฺส รุกฺโข โหติ, จีวรสฺส หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํ.
อชฺโฌกาเส ปน วิฺฌาฏวิอาทีสุ อรฺเสุปิ สมุทฺทมชฺเฌ มจฺฉพนฺธานํ อคมนปถทีปเกสุปิ จีวรํ เปตฺวา ตโต สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตเร ปเทเส ยตฺถ กตฺถจิ วสิตพฺพํ, อิโต อฺตฺถ วสนฺโต วิปฺปวุตฺโถ นาม โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
อิมสฺส ปน วิตฺถารสฺส อิธ อวุตฺตตฺตา, สมนฺตปาสาทิกายฺจ วุตฺตตฺตา ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถาติ ‘‘ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยา’’ติ เอตสฺมึ ปเท. สงฺเขโปติ สงฺเขปวณฺณนา. เอตฺถ ปน ปาฬิยํ (ปารา. ๔๗๗) ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทินา อวิเสเสน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวาปิ คามนิเวสนอุโทสิตเขตฺตธฺกรณอารามวิหารานํ เอกูปจารนานูปจารตา ‘‘คาโม เอกูปจาโร นาม เอกกุลสฺส คาโม โหติ ปริกฺขิตฺโต จ อปริกฺขิตฺโต จา’’ติอาทินา (ปารา. ๔๗๘) ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺตวเสน ¶ วิภตฺตา. อฏฺฏมาฬปาสาทหมฺมิยนาวาสตฺถรุกฺขมูลอชฺโฌกาสานํ ปน เอวํ อวตฺวา ‘‘เอกกุลสฺส อฏฺโฏ โหติ, นานากุลสฺส อฏฺโฏ โหตี’’ติอาทินา (ปารา. ๔๘๔) นเยน เอกกุลนานากุลวเสน จ อนฺเต ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร นาม อคามเก อรฺเ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา เอกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโรติ (ปารา. ๔๙๔) จ เอวํ เอกูปจารนานูปจารตา วิภตฺตา. ตสฺมา คามาทีสุ ปริกฺขิตฺตํ เอกูปจารํ, อปริกฺขิตฺตํ ¶ นานูปจารนฺติ จ, อฏฺฏาทิสุ ยํ เอกกุลสฺส, ตํ เอกูปจารํ, ยํ นานากุลสฺส, ตํ นานูปจารนฺติ จ คเหตพฺพํ. อชฺโฌกาเส วุตฺตนเยน คเหตพฺพํ. อุปจาโรติ หิ ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทีสุ ทฺวารํ, ‘‘อชฺโฌกาโส เอกูปจาโร’’ติ เอตฺถ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรสงฺขาตํ ปมาณนฺติ อปเร.
อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยาติ ภิกฺขุโน สงฺเฆน ทินฺนา สมฺมุติ ภิกฺขุสมฺมุติ, ตํ วินาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยํ สงฺโฆ’’ติอาทิ. อวิปฺปวาสสมฺมุตึ เทตีติ อวิปฺปวาสา สมฺมุติ, อวิปฺปวาสาย วา สมฺมุติ อวิปฺปวาสสมฺมุติ, ตํ ตฺติทุติเยน กมฺเมน เทตีติ อตฺโถ.
สนฺตรุตฺตเรนาติ ‘‘อนฺตร’’นฺติ อนฺตรวาสโก วุจฺจติ, ‘‘อุตฺตร’’นฺติ อุตฺตราสงฺโค, สห อนฺตเรน อุตฺตรํ สนฺตรุตฺตรํ, เตน สนฺตรุตฺตเรน, สห อนฺตรวาสเกน อุตฺตราสงฺเคนาติ อตฺโถ. อนฺโตอรุเณ ปจฺจุทฺธเฏติ นิวตฺติตฺวา สมฺปาปุณิตุมสกฺโกนฺเตน ตตฺเถว ตฺวา อนฺโต อรุเณ ปจฺจุทฺธเฏ. ปจฺจาคนฺตพฺพนฺติ ยถา โรโค น กุปฺปติ, ตถา ปุน จีวรสฺส ปิตฏฺานํ อาคนฺตพฺพํ. ยโต ปฏฺาย หิ สตฺถํ วา ปริเยสติ, ‘‘คจฺฉามี’’ติ อาโภคํ วา กโรติ, ตโต ปฏฺาย วฏฺฏติ. ‘‘น ทานิ คมิสฺสามี’’ติ เอวํ ปน ธุรนิกฺเขปํ กโรนฺเตน ปจฺจุทฺธริตพฺพํ ‘‘อติเรกจีวรฏฺาเน สฺสตี’’ติ. เตนาห ‘‘ตตฺเถว วา ิเตน ปจฺจุทฺธริตพฺพ’’นฺติ. โสติ ยสฺส สมฺมุติ ทินฺนา, โส โรโค. ลทฺธกปฺปิยเมว ปุน สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
อธิฏฺิตจีวรตาติ ติจีวราธิฏฺานนเยน อธิฏฺิตจีวรตา. วิปฺปวาโส นาม ยทิ พทฺธสีมายํ จีวรํ โหติ, ตโต พหิ อรุณุฏฺาปนํ. อถ อพทฺธสีมายํ, ยถาวุตฺตคามาทีนํ พหิ หตฺถปาสาติกฺกเม อรุณุฏฺาปนํ. พทฺธสีมายํ ปน ยตฺถ กตฺถจิ จีวรํ เปตฺวา อนฺโตสีมายเมว ยตฺถ กตฺถจิ วสิตุํ วฏฺฏติ. อิธ อปจฺจุทฺธรณํ อกิริยาติ สมฺพนฺโธ.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
ปุริมสิกฺขาปเท ¶ ¶ วิย เอตฺถาปิ ภิกฺขุนาติ สามิอตฺเถ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘นิฏฺิตจีวรสฺมึ ภิกฺขุนา’’ติอาทิ. ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺนํ, กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๕๐๐) ปทภาชนิยํ วุตฺตตฺตา ‘‘ยฺวายํ อนตฺถเต กถิเน’’ติอาทิมาห. ยฺวายํ จีวรกาโล วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. วสฺสานสฺสาติ วสฺสานสงฺขาตสฺส อุตุโน. ปจฺฉิโม มาโส นาม จีวรมาโส. ตสฺมิฺหิ อนตฺถเตปิ กถิเน อุปฺปนฺนํ จีวรํ อนธิฏฺิตํ, อวิกปฺปิตํ เปตุํ วฏฺฏติ. ปฺจ มาสาติ ปจฺฉิมกตฺติกมาโส, เหมนฺติกา จตฺตาโร จาติ ปฺจ มาสา. อฺทาติ อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส. กาเลปีติ ‘‘อนตฺถเต กถิเน จีวรมาโส, อตฺถเต กถิเน ปฺจ มาสา’’ติ ยถาวุตฺตจีวรกาเลปิ. ‘‘อาทินา นเยนา’’ติ อิมินา ‘‘ททามิ ทชฺชามี’’ติอาทีนํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๖๙) สงฺคโห. กิฺจาปิ เจตานิ สพฺพานิ ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ วุตฺตานิ, ตถาปิ ปิฏฺิสมเยเยว อุปฺปนฺนานิ ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ อิธาธิปฺเปตานิ.
‘‘กาเล สงฺฆสฺส อิทํ อกาลจีวร’’นฺติ ทินฺนํ ปน อกาลจีวรสามฺโต อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ. ยถา ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนํ จีวรํ วุฏฺวสฺเสหิ, เสเสหิ จ สมฺมุขีภูเตหิ ภาเชตุํ ลพฺภตีติ อกาลจีวรํ นาม ชาตํ, ตเถวิทมฺปีติ ตทิทํ อกาลจีวรสามฺํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปุคฺคลสฺส วา อิทํ ตุยฺหํ ‘ทมฺมี’ติอาทินา นเยน ทินฺน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, น หิ ปุคฺคลสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ เกนจิ ภาชนียํ โหตีติ? นายํ วิโรโธ, อาทิสฺส ทานสามฺโต ลพฺภมานมตฺถํ ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตนฺติ. อตฺตโน วา ธเนนาติ อตฺตโน กปฺปาสสุตฺตาทินา ธเนน. อิมสฺส ‘‘อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ‘‘สีมาย เทตี’’ติอาทิ ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน วุตฺตํ. เอตฺถ ปน สีมาย ทานํ เอกา มาติกา, กติกาย ทานํ ทุติยา…เป… ปุคฺคลสฺส ทานํ อฏฺมา.
‘‘ปริกฺเขปารหฏฺาเนนา’’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ธุวสนฺนิปาตฏฺานาทิโต ปมเลฑฺฑุปาตสฺส อนฺโต อุปจารสีมาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ¶ ทุติยเลฑฺฑุปาตสฺสปิ อนฺโต อุปจารสีมาเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ธุวสนฺนิปาตฏฺานมฺปิ สีมาปริยนฺตคตเมว เวทิตพฺพํ. อาวาเส วฑฺฒนฺเต วฑฺฒตีติ สเจ อุปจารโต อพหิภูโต หุตฺวา อาวาโส วฑฺฒตีติ อธิปฺปาโย. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒนฺเตสุ วฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สเจ ¶ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สพฺเพสํ ลาโภ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ อารามปเวสนเสนาสนาปุจฺฉนานีติ อาคนฺตุกคมิกานํ ภิกฺขุนีนํ อารามปเวสนาปุจฺฉนํ, เสนาสนาปุจฺฉนฺจาติ อตฺโถ. ตถา หิ อาคนฺตุกาย ภิกฺขุนิยา อารามปเวสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ, คมิกาย สงฺฆิกํ ทสวิธํ เสนาสนํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘ภิกฺขุนีน’’นฺติ วุตฺตํ, คมิกสฺส ปน ภิกฺขุสฺสาปิ อิมิสฺสาเยว สีมาย วเสน เสนาสนาปุจฺฉนํ เวทิตพฺพํ.
ปริวาสมานตฺตาโรจนนฺติ ปาริวาสิกมานตฺตจารีนํ ปริวาสาโรจนํ, มานตฺตาโรจนฺจ. วสฺสจฺเฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิวิธานนฺติ วสฺสจฺเฉทวิธานํ, นิสฺสยคฺคาหวิธานํ, เสนาสนคฺคาหวิธานนฺติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน นิสฺสยปฏิปฺปสฺสทฺธิ, ลาภคฺคาโห อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามปเวสนนฺติ เอวมาทิกํ สงฺคณฺหาติ. อิมิสฺสาว สีมาย วเสนาติ อุปจารสีมาเยวาติ ยถาสมฺภวํ อนฺโต, พหิ จ อิมสฺส สพฺพสฺส ลพฺภนโต วุตฺตํ.
ลาภตฺถาย ปิตา สีมา ลาภสีมา (มหาว. ๓๗๙), สา จ โข เนว สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนฺุาตา, น ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตา, อปิจ โข ลาภทายเกหิ. เตนาห ‘‘ยํ ราชราชมหามตฺตาทโย’’ติอาทิ. สมนฺตาติ วิหารสฺส สมนฺตา. ยนฺติ สุงฺกสสฺสาทิ. ‘‘สีมํ เปนฺตี’’ติ ปาเสโส. เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานนฺติ โจฬโภโค เกรฬโภโคติ เอวํ เอเกกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานํ. ทฺวิธา อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน อนชฺโฌตฺถโต ภูมิภาโค, โสว สีมา ทีปสีมา. เตนาห สมุทฺทนฺเตนา’’ติอาทิ. จกฺกวาฬสีมา จกฺกวาฬปพฺพเตเนว ปริจฺฉินฺนาติ อาห ‘‘เอกจกฺกวาฬปพฺพตปริกฺเขปพฺภนฺตรํ จกฺกวาฬสีมา’’ติ.
เสสาติ ¶ ขณฺฑสีมาทโย. ขณฺฑสีมาย เทมาติ ทินฺนนฺติ ขณฺฑสีมาย เกนจิ กมฺเมน สนฺนิปติตํ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘ขณฺฑสีมายํ สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํ. ขณฺฑสีมาย ิเต รุกฺเข วา ปพฺพเต วา ิโตปิ เหฏฺา วา ปถวิเวมชฺฌคโตปิ ขณฺฑสีมาเยว ิโตติ เวทิตพฺโพ. สมานสํวาสสีมาย ทินฺนนฺติ ‘‘สมานสํวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ. เอส นโย เสเสสุปิ. ขณฺฑสีมา สีมนฺตริกฏฺานํ น ปาปุณาติ ตตฺถ สมานสํวาสสีมาย อภาวโตติ อธิปฺปาโย. สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาสุ ทินฺนสฺส อิทํ นานาตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฏฺานํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตตฺตา ¶ . ‘‘สมานสํวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ิตานมฺปิ ปาปุณาตีติ. อพฺภนฺตรสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสุ ทินฺนนฺติ ตตฺถ อุโปสถาทิอตฺถาย สนฺนิปติเต ทิสฺวา ‘‘อิมิสฺสา อพฺภนฺตรสีมาย เทมา’’ติอาทินา ทินฺนํ. ชนปทรฏฺรชฺชทีปจกฺกวาฬสีมาสุปิ คามสีมาทีสุ วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยติ อาห ‘‘ชนปทสีมาทีสู’’ติอาทิ. เอโกปิ คนฺตฺวา สพฺเพสํ สงฺคณฺหิตุํ ลภตีติ เอโกปิ คนฺตฺวา อิธ วสฺสคฺเคน ภาเชตฺวา คเหตฺวา อาคนฺตุํ ลภตีติ อตฺโถ. เอโกติ สภาโค เอโก ภิกฺขุ, อยมฺปิ ภาคเมว คเหตุํ ลภติ. เตนาห ‘‘สภาคานํ ภาคํ คณฺหาตี’’ติ.
เอวํ ตาว โย สีมํ ปรามสิตฺวา เทติ, ตสฺส ทาเน วินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ โย ‘‘อสุกสีมายา’’ติ วตฺตุํ น ชานาติ, เกวลํ ‘‘สีมา’’ติ วจนมตฺตเมว ชานนฺโต วิหารํ อาคนฺตฺวา ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ วา ‘‘สีมฏฺกสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วา ภณติ, ตตฺถ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย ปน วิหารํ ปวิสิตฺวา’’ติอาทิมาห. กตรนฺติ กตรสีมํ. อหเมตํ เภทํ น ชานามีติ อหํ ‘‘อสุกา สีมา’’ติ เอตํ วิภาคํ น ชานามิ. อุปจารสีมฏฺเหิ ภาเชตพฺพํ ลาภสฺส อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตาติ อธิปฺปาโย. สาติ สมานลาภกติกา.
ยตฺถ มยฺหํ ธุวการา กรียนฺตีติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) เอตฺถ ยสฺมึ วิหาเร ตสฺส จีวรทายกสฺส สนฺตกํ สงฺฆสฺส ปากวตฺตํ วา วตฺตติ. ยสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู อตฺตโน ภารํ กตฺวา สทา เคเห โภเชติ, ยตฺถ วา อเนน อาวาโส วา การิโต, สลากภตฺตาทีนิ วา นิพทฺธานิ, อิเม ธุวการา ¶ นาม. เยน ปน สกโลปิ วิหาโร ปติฏฺาปิโต, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เตนาห ‘‘ยตฺถ ตสฺส ปากวตฺตํ วา วตฺตตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปากวตฺตนฺติ ทานวตฺตํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. ยโตติ ยสฺมา วิหารา. ยตฺถาติ ยสฺมึ วิหาเร. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ วิหาเรสุ. มาติกํ อาโรเปตฺวาติ เอกสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู พหุตรา, เอกสฺมึ โถกตรา, เอกฺจ วตฺถํ, ธุวการฏฺานฺจ พหุกํ, กตฺถ เทมาติ ปุจฺฉิตฺวา, ยทิ ปน มฺโจ วา ปีํ วา เอกเมว โหติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา ยสฺส วา วิหารสฺส, เอกวิหาเรปิ วา ยสฺส เสนาสนสฺส โส วิจาเรติ, ตตฺถ ทาตพฺพํ. สเจปิ ‘‘อสุกภิกฺขุ คณฺหตู’’ติ วทติ, วฏฺฏติ. อถ ‘‘มยฺหํ ธุวกาเร เทถา’’ติ วตฺวา อวิจาเรตฺวาว คจฺฉติ, สงฺฆสฺสปิ วิจาเรตุํ วฏฺฏติ. เอวํ ปน วิจาเรตพฺพํ – ‘‘สงฺฆตฺเถรสฺส วสนฏฺาเน เทถา’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ตตฺถ เสนาสนํ ปริปุณฺณํ โหติ, ยตฺถ นปฺปโหติ, ตตฺถ ทาตพฺพํ. สเจ เอโก ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ วสนฏฺาเน เสนาสนปริโภคภณฺฑํ นตฺถี’’ติ วทติ, ตตฺถ ทาตพฺพํ.
สงฺฆสฺส ¶ ทมฺมีติ ทินฺนนฺติ ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ทินฺนํ. ตโต พหิทฺธาปีติ อุปจารสีมาโต พหิทฺธาปิ. เตหิ สทฺธินฺติ อุปจารสีมาคเตหิ สทฺธึ. เอกาพทฺธานฺจ ปาปุณาติ ปริสาวเสน วฑฺฒิตา สีมา โหตีติ กตฺวาติ อธิปฺปาโย. ตสฺมาติ ยสฺมา อุปจารสีมาคตานํ ปาปุณาติ, ยสฺมา จ ตโต พหิทฺธาปิ อุปจารสีโมกฺกนฺเตหิ เอกาพทฺธานํ ปาปุณาติ, ตสฺมา. เตสนฺติ อุปจารสีมาคตานํ, ตโต พหิทฺธา เตหิ สทฺธึ เอกาพทฺธานฺจ. คาหเต สตีติ อนฺเตวาสิกาทิเก คณฺหนฺเต สติ. อสมฺปตฺตานมฺปีติ อุปจารสีมายํ ิเตหิ ฆณฺฏึ ปหริตฺวา กาลํ โฆเสตฺวา ลาภภาชนฏฺานํ อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมาย ปวิฏฺานํ, เตหิ วา สทฺธึ เอกาพทฺธานํ หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร วา อนฺโตวิหาเรเยว วา ิตานฺจาติ อตฺโถ. ภาโค ทาตพฺโพติ สงฺฆนวกสฺส ทินฺเนปีติ อธิปฺปาโย. ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุฬฺเห อาคตานํ ปมภาโค น ปาปุณาติ. ทุติยภาคโต วสฺสคฺเคน ทาตพฺพํ.
สเจ ปน ‘‘พหิอุปจารสีมายํ ิตานํ เทถา’’ติ วทนฺติ, น ทาตพฺพํ. ยทิ ปน วิหาโร มหา โหติ, เถราสนโต ปฏฺาย วตฺเถสุ ทียมาเนสุ ¶ อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภนฺเต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา. ิติกํ เปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ิติกาย ทาตพฺพํ.
‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุจีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ทาตพฺพํ, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย จีวรกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
เอวํ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺเนสุ วินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ พหิอุปจารสีมายํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺเนสุ วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกาพทฺธปริสาย ปาปุณาตีติ สเจ โยชนํ ผริตฺวา ปริสา ิตา โหติ, เอกาพทฺธา เจ, สพฺเพสํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. เอกาพทฺธตา เจตฺถ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรโต ปริจฺฉินฺทิตพฺพา. เตนาห ‘‘เย ปนา’’ติอาทิ.
อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนนฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ. ‘‘ทฺเวธาสงฺฆสฺส ทมฺมิ, ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ ทมฺมิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุตฺเตปิ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติ. อุปฑฺฒํ ภิกฺขูนํ, อุปฑฺฒํ ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺพนฺติ ทฺเว ภาเค สเม ¶ กตฺวา เอโก ภาโค ภิกฺขูนํ, เอโก ภาโค ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺโพ. คเหตุํ ลภติ อุภโตสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. เจติยสฺสาติ ถูปาทิโน. ตฺหิ ธาตายตนาทิภาเวน จิตตฺตา, โลกสฺส จิตฺตีการฏฺานตาย จ ‘‘เจติย’’นฺติ วุจฺจติ. น โกจิ วิเสโสติ อาห ‘‘อิธ ปน เจติยสฺสา’’ติอาทิ.
‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต ปน ทฺวาวีสติโกฏฺาเส กตฺวา ทส ภิกฺขูนํ, ทส ภิกฺขุนีนํ, เอโก ปุคฺคลสฺส, เอโก เจติยสฺส ทาตพฺโพ. ตตฺถ ปุคฺคโล สงฺฆโตปิ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปุน คเหตุํ ลภติ, เจติยสฺส เอโกเยว. อยํ ปน วาโร ยถาวุตฺเตเนว นเยน ายตีติ กตฺวา อิธ น วุตฺโต. สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ปน วุตฺโตเยว.
น ¶ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพํ ‘‘ภิกฺขุนีน’’นฺติ ปุคฺคลิกวเสน วุตฺตตฺตา. ปุคฺคโล วิสุํ น ลภตีติ ปุพฺเพ วิย วิสุํ ปุคฺคลิกโกฏฺาสํ น ลภติ. ปาปุณนฏฺานโต เอกเมว ลภตีติ อตฺตโน วสฺสคฺเคน ปตฺตพฺพฏฺานโต เอกเมว โกฏฺาสํ ลภติ. กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตา. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺส เอกปุคฺคลปฏิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภติ. ตสฺมา เอกํ เจติยสฺส ทตฺวา อวเสสํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ภาเชตพฺพํ. เตนาห ‘‘เจติยสฺส จาติ วุตฺเต ปนา’’ติอาทิ.
เตหิ สทฺธึ ปุคฺคลเจติยปรามสนํ อนนฺตรนยสทิสเมวาติ เตหิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ปุคฺคลสฺส จ เจติยสฺส จ คหณํ อนนฺตรนยสทิสเมวาติ อตฺโถ. ‘‘ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจ, ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ เจติยสฺส จ, ภิกฺขูนฺจ ภิกฺขุนีนฺจ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺส เอกปฏิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ นตฺถิ, ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวาว ภาเชตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภตีติ ปุคฺคลสฺส วิสุํ ปฏิวีโส น ลพฺภติ, วสฺสคฺเคน เอโกว ลพฺภตีติ อตฺโถ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต ปน เจติยสฺส วิสุํ ปฏิวีโส ลพฺภตีติ อาห ‘‘เจติยสฺส ปน ลพฺภตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺเสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺส. เจติยสฺส ปน ลพฺภติเยวาติ ‘‘ภิกฺขูนฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเต ปน เจติยสฺส วิสุํ ปฏิวีโส ลพฺภตีติ ¶ อตฺโถ. ‘‘ภิกฺขูนฺจ ตุยฺหฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุตฺเตปิ เจติยสฺเสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺส. ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาทึ กตฺวาปิ เอวเมว โยเชตพฺพํ.
เอตฺถาห – ยํ ปเนตรหิ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ปณฺฑิตมนุสฺสา สธาตุกํ ปฏิมํ วา เจติยํ วา เปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ, ปฏิมาย วา เจติยสฺส วา ปุรโต อาธารเก ปตฺตํ เปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธานํ เทมา’’ติ, ตตฺถ ยํ ปมํ ขาทนียํ โภชนียํ เทนฺติ, วิหารํ วา อาหริตฺวา ‘‘อิทํ เจติยสฺส เทมา’’ติ ปิณฺฑปาตฺจ มาลาคนฺธาทีนิ จ เทนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – มาลาคนฺธาทีนิ ตาว เจติเย อาโรเปตพฺพานิ, วตฺเถหิ ปฏากา, เตเลน ¶ ปทีปา กาตพฺพา, ปิณฺฑปาตมธุผาณิตาทีนิ ปน โย นิพทฺธเจติยชคฺคโก โหติ ปพฺพชิโต วา คหฏฺโ วา, ตสฺส ทาตพฺพานิ. นิพทฺธชคฺคเก อสติ อาหฏภตฺตํ เปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อุปกฏฺเ กาเล ภฺุชิตฺวา ปจฺฉาปิ วตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติเยว.
มาลาคนฺธาทีสุ จ ยํ กิฺจิ ‘‘อิทํ หริตฺวา เจติยปูชํ กโรถา’’ติ วุตฺเต ทูรมฺปิ หริตฺวา ปูเชตพฺพํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุตฺเตปิ หริตพฺพํ. สเจ ปน ‘‘อหํ ปิณฺฑาย จรามิ, อาสนสาลายํ ภิกฺขู อตฺถิ, เต หริสฺสนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, ตุยฺหํเยว ทมฺมี’’ติ วทติ, ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. อถ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ หรนฺตสฺส คจฺฉโต อนฺตราว กาโล อุปกฏฺโ โหติ, อตฺตโน ปาเปตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมีติ วทตีติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) ‘‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส อิมานิ จีวรานิ ทมฺมี’’ติ วทติ. เตสํ พหิสีมฏฺานมฺปิ ปาปุณาตีติ อตฺถเต กถิเน พหิสีมฏฺานมฺปิ ยาว กถินสฺส อุพฺภารา ปาปุณาติ, ตสฺมา ทิสาปกฺกนฺตสฺสาปิ สติ ปฏิคฺคาหเก ทาตพฺพํ. อนตฺถเต ปน กถิเน อนฺโตเหมนฺเต, เอวฺจ ปน วตฺวา ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุฏฺานมฺปิ ปาปุณาติ. ยตฺถ กตฺถจีติ เยสุ เกสุจิ วิหาเรสุ. เอวํ วทตีติ ‘‘วสฺสํวุฏฺสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ. ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ ปิฏฺิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา. สเจ ปน ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, อนฺโตวสฺเสเยว วสฺสํ วสนฺตาว ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา น ลภนฺติ. จีวรมาเส ปน ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคตานํเยว ปาปุณาติ, ปุริมิกาย วสฺสูปคตานฺจ ฉินฺนวสฺสานฺจ น ปาปุณาติ.
จีวรมาสโต ปฏฺาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุตฺเต ¶ กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ, อนตฺถตํ วา, อตีตวสฺสํวุฏฺานํเยว ปาปุณาติ. คิมฺหานํ ปมทิวสโต ปฏฺาย วุตฺเต ปน มาติกา อาโรเปตพฺพา ‘‘อตีตวสฺสาวาสสฺส ปฺจ มาสา อติกฺกนฺตา, อนาคโต จตุมาสจฺจเยน ภวิสฺสติ, กตรวสฺสาวาสสฺส เทสี’’ติ. สเจ ‘‘อตีตวสฺสํวุฏฺานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํอนฺโตวสฺสํวุฏฺานเมว ปาปุณาติ, ทิสา ปกฺกนฺตานมฺปิ สภาคา คณฺหิตุํ ลภนฺติ.
สเจ ¶ ‘‘อนาคเต วสฺสาวาสิกํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํ เปตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส คเหตพฺพํ. อถ ‘‘อคุตฺโต วิหาโร, โจรภยํ อตฺถิ, น สกฺกา เปตุํ, คณฺหิตฺวา วา อาหิณฺฑิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สมฺปตฺตานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ. สเจ วทติ ‘‘อิโต เม, ภนฺเต, ตติเย วสฺเส วสฺสาวาสิกํ น ทินฺนํ, ตํ ทมฺมี’’ติ, ตสฺมึ อนฺโตวสฺเส วุฏฺภิกฺขูนํ ปาปุณาติ. สเจ เต ทิสา ปกฺกนฺตา, อฺโ วิสฺสาสิโก คณฺหาติ, ทาตพฺพํ. อถ เอโกเยว อวสิฏฺโ, เสสา กาลงฺกตา, สพฺพํ เอกสฺเสว ปาปุณาติ. สเจ เอโกปิ นตฺถิ, สงฺฆิกํ โหติ, สมฺมุขีภูเตหิ ภาชิตพฺพํ.
เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตาติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) นิมนฺติเตหิ เยหิ ภิกฺขูหิ ยาคุ ปีตา, เยหิ ปน ภิกฺขาจารวตฺเตน ฆรทฺวาเรน คจฺฉนฺเตหิ วา ฆรํ ปวิฏฺเหิ วา ยาคุ ลทฺธา, เยสํ วา อาสนสาลโต ปตฺตํ อาหริตฺวา มนุสฺเสหิ นีตา, เยสํ วา เถเรหิ เปสิตา, เตสํ น ปาปุณาติ. สเจ ปน นิมนฺติตภิกฺขูหิ สทฺธึ อฺเปิ พหู อาคนฺตฺวา อนฺโตเคหฺจ พหิเคหฺจ ปูเรตฺวา นิสินฺนา, ทายโก จ เอวํ วทติ ‘‘นิมนฺติตา วา โหนฺตุ, อนิมนฺติตา วา, เยสํ มยา ยาคุ ทินฺนา, สพฺเพสํ อิมานิ วตฺถานิ โหนฺตู’’ติ, สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เยหิ ปน เถรานํ หตฺถโต ยาคุ ลทฺธา, เตสํ น ปาปุณาติ. อถ โส ‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา, สพฺเพสํ โหตู’’ติ วทติ, สพฺเพสํ ปาปุณาติ. ภตฺตขชฺชกาทีหีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทนปิ จีวรเสนาสนเภสชฺชานํ คหณํ.
ปุคฺคลสฺสาติ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) สมฺมุขาสมฺมุขภูตสฺส ปุคฺคลสฺส. เตนาห ‘‘อิทํ จีวร’’นฺติอาทิ. สเจ ปน ‘‘อิทํ ตุมฺหากฺเจว ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิกานฺจ ทมฺมี’’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อนฺเตวาสิกานฺจ ปาปุณาติ. อุทฺเทสํ คเหตุํ อาคโต, คเหตฺวา คจฺฉนฺโต จ อตฺถิ, ตสฺสาปิ ปาปุณาติ. ตุมฺเหหิ สทฺธึ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมี’’ติ วุตฺเต อุทฺเทสนฺเตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณาติ. เอตฺถาติ อฏฺสุ มาติกาสุ. ยทิ ปน อยเมตฺถ สงฺเขปกถา, วิตฺถาโร ปน กถํ าตพฺโพติ อาห ¶ ‘‘สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโต’’ติ. สมนฺตปาสาทิกายํ จีวรกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฏฺ. ๓๗๙) วุตฺโตติ อตฺโถ.
‘‘าตเกหิ ¶ วา เม จีวรตฺถาย เปสิตํ, มิตฺเตหิ วา เปสิตํ, เต อาภเต จีวเร ทสฺสนฺตี’’ติ เอวํ าติโต วา มิตฺตโต วา ปจฺจาสา โหตีติ เวทิตพฺพํ. กปฺปิยภณฺเฑนาติ กปฺปาสสุตฺตาทินา อตฺตโน ธเนน. สณฺหนฺติ สุขุมํ. อฺํ ปจฺจาสาจีวรํ ลภิตฺวา เอว กาลพฺภนฺตเร กาเรตพฺพนฺติ อฺํ มูลจีวรสทิสํ ปจฺจาสาจีวรํ ลภิตฺวาเยว มาสพฺภนฺตเร กาเรตพฺพํ. ตฺจ โข สติยาเยว ปจฺจาสาย, อสติยา ปน ปจฺจาสาย มูลจีวรํ ทสาหํ เจ สมฺปตฺตํ, ตทเหว อธิฏฺาตพฺพํ. เตนาห ‘‘สเจ น ลภตี’’ติอาทิ. ปจฺจาสาจีวรมฺปิ ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺาตพฺพนฺติ ปมตรํ อุปฺปนฺนํ ถูลปจฺจาสาจีวรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํ. ปิ-สทฺเทน น เกวลํ มูลจีวรเมวาติ ทสฺเสติ.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อมฺหากเมว าตี’’ติ ายตีติ าติ, สาว าติกา, น าติกา อฺาติกา, ตาย อฺาติกาย. เตนาห ‘‘น าติกายา’’ติ. มาติโต วา ปิติโต วาติ มาติปกฺขโต วา ปิติปกฺขโต วา. ยาว สตฺตมํ ยุคนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๐๓-๕๐๕) ยาว สตฺตมสฺส ปุริสสฺส, สตฺตมาย วา อิตฺถิยา อายุปฺปมาณํ, ยาว ปิตามหยุคํ ปิตามหิยุคํ มาตามหยุคํ มาตามหิยุคนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยาว สตฺตมํ ยุคนฺติ ยาว สตฺตมทฺวนฺทนฺติ อตฺโถ. ยุคสทฺโท เจตฺถ เอกเสสนเยน ทฏฺพฺโพ ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุคา’’ติ. เอวฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวนฺทํ คหิตํ โหติ. เกนจิ อากาเรน อสมฺพทฺธายาติ ภาตุภคินิภาคิเนยฺยปุตฺตปปุตฺตาทีสุ เยน เกนจิ อากาเรน อสมฺพทฺธาย. ปิตา, ปิตุปิตา, ตสฺส ปิตา, ตสฺสาปิ ปิตาติ เอวํ ยาว สตฺตมา ยุคา, ปิตา, ปิตุมาตา, ตสฺสา ปิตา จ มาตา จ ภาตา จ ภคินี จ, ปุตฺตา จ, ธีตโร จาติ เอวมฺปิ อุทฺธฺจ อโธ จ ยาว สตฺตมา ยุคา, ปิตา, ปิตุภาตา, ปิตุภคินี, ปิตุปุตฺตา, ปิตุธีตโร, เตสมฺปิ ปุตฺตธีตุปรมฺปราติ เอวมฺปิ ยาว สตฺตมา ยุคา, มาตา, มาตุมาตา, ตสฺสา มาตา, ตสฺสาปิ มาตาติ เอวํ ยาว สตฺตมา ยุคา, มาตา, มาตุปิตา, ตสฺส ปิตา จ มาตา จ ภาตา จ ภคินี จ ปุตฺตา จ ธีตโร จาติ เอวมฺปิ อุทฺธฺจ อโธ ¶ จ ยาว สตฺตมา ยุคา, มาตา, มาตุภาตา, มาตุภคินี, มาตุปุตฺตา, มาตุธีตโร ¶ , เตสมฺปิ ปุตฺตธีตุปรมฺปราติ เอวมฺปิ ยาว สตฺตมา ยุคา, ตาว เนว มาตุสมฺพนฺเธน, น ปิตุสมฺพนฺเธน ยา สมฺพทฺธา, สา ‘‘อฺาติกา นามา’’ติ วุตฺตํ โหติ.
สากิยานิโย วิยาติ ปฺจสตมตฺตา สากิยานิโย วิย. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, ตสฺมา ภิกฺขุภาเว ตฺวา ปริวตฺตลิงฺคา ภิกฺขุนิโยปิ อิธ สุทฺธภิกฺขุสงฺเฆ ‘‘อุปสมฺปนฺนา’’ อิจฺเจว เวทิตพฺพา. อุภโตสงฺเฆ วาติ ภิกฺขุนิสงฺเฆ ตฺติจตุตฺเถน, ภิกฺขุสงฺเฆ ตฺติจตุตฺเถนาติ เอวํ อุภโตสงฺเฆ วา. ปุราณจีวรนฺติ เอตฺถ จีวรนฺติ นิวาสนปารุปนุปคเมว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘รชิตฺวา’’ติอาทิ. กปฺปํ กตฺวาติ กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา. ‘‘อิมินา อทินฺนกปฺปํ ปาจิตฺติยวตฺถุ น โหตีติ ทสฺเสตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๐๕) วทนฺติ. ปริโภคสีเสนาติ กาเยน ผุสิตฺวา ปริโภคสีเสน. อํเสติ ชตฺตุมฺหิ. มตฺถเกติ สีสมตฺถเก. สเจ ปน ปจฺจตฺถรณสฺส เหฏฺา กตฺวา นิปชฺชติ, หตฺเถหิ วา อุกฺขิปิตฺวา อากาเส วิตานํ กตฺวา สีเสน อสมฺผุสนฺโต คจฺฉติ, อยํ ปริโภโค นาม น โหติ.
กายวิการํ วา กโรตีติ ยถา สา ‘‘โธวาเปตุกาโม อย’’นฺติ ชานาติ, เอวํ กายวิการํ กโรติ. ‘‘อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ โอกาเส ตฺวา อุปริ วา ขิปตี’’ติ อิมินา อุปจารํ มฺุจิตฺวา โอรโต ขิปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. อฺสฺส วา หตฺเถ เปเสตีติ อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ โอกาเส ตฺวา สิกฺขมานสามเณรสามเณริอุปาสกอิตฺถิยาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ อฺสฺส หตฺเถ วา เปเสติ. โสติ อุปาสโก จ สามเณโร จ. อุปสมฺปชฺชิตฺวา โธวตีติ เอตฺถ อุปาสโก ลิงฺเค ปริวตฺเต ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา โธวติ, สามเณโร ลิงฺเค ปริวตฺเต ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปชฺชิตฺวา โธวตีติ ยถาโยคํ อตฺโถ คเหตพฺโพ. สเจ ปน ภิกฺขุนิยา หตฺเถ ทินฺนํ โหติ, สเจ ลิงฺเค ปริวตฺเต โธวติ, วฏฺฏติ.
เอตฺถ จ เอกสฺส ติกฺขตฺตุํ นิสฺสชฺชนาภาวโต ตีณิปิ กาเรนฺตสฺส เอเกน นิสฺสคฺคิยํ, ทฺวีหิ ทฺเว ทุกฺกฏานิ. ทฺเว กาเรนฺตสฺส เอเกน นิสฺสคฺคิยํ, ทุติเยน ทุกฺกฏํ. เตนาห ‘‘โธวนาทีนิ ตีณี’’ติอาทิ. ‘‘เอเกน วตฺถุนา’’ติ ¶ ปมํ กตฺวา นิฏฺาปิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สเจ ปน ‘‘อิมํ จีวรํ รชิตฺวา โธวิตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺเต สา ภิกฺขุนี ปมํ โธวิตฺวา ปจฺฉา รชติ, นิสฺสคฺคิเยน ทุกฺกฏเมว, เอวํ สพฺเพสุ วิปรีตวจเนสุ นโย เนตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘โธวิตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา โธวติ เจว รชติ จ, โธวาปนปจฺจยา เอว อาปตฺติ, รชเน อนาปตฺติ. เอวํ สพฺพตฺถ. เตนาห ‘‘สเจ ปน‘โธวา’ติ วุตฺตา’’ติอาทิ. ภิกฺขูนํ วเสน เอกโต อุปสมฺปนฺนาย โธวาเปนฺตสฺส ยถาวตฺถุกเมวาติ อาห ‘‘ภิกฺขุนิสงฺฆวเสนา’’ติอาทิ.
อฺสฺส ¶ วา สนฺตกนฺติ อฺสฺส สนฺตกํ ปุราณจีวรํ โธวาเปนฺตสฺสาติ อตฺโถ. นิสีทนปจฺจตฺถรณนฺติ อฺสฺส วา อตฺตโน วา สนฺตกํ นิสีทนฺเจว ปจฺจตฺถรณฺจ. นิวาสนปารุปนุปคสฺเสว จ อิธ ‘‘ปุราณจีวร’’นฺติ อธิปฺเปตตฺตา อตฺตโน สนฺตกมฺปิ นิสีทนปจฺจตฺถรณํ โธวาเปนฺตสฺส ทุกฺกฏเมว โหติ, น นิสฺสคฺคิยํ. อวุตฺตา วา โธวตีติ อุทฺเทสาย วา โอวาทาย วา อาคตา กิลิฏฺจีวรํ ทิสฺวา ปิตฏฺานโต วา คเหตฺวา, ‘‘เทถ อยฺย, โธวิสฺสามี’’ติ อาหราเปตฺวา วา โธวติ เจว รชติ จ อาโกเฏติ จ, อยํ อวุตฺตา โธวติ นาม. ยาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ โธวา’’ติ ทหรํ วา สามเณรํ วา อาณาเปนฺตสฺส ภิกฺขุโน วจนํ สุตฺวา ‘‘อาหรถยฺย, อหํ โธวิสฺสามี’’ติ โธวติ, ตาวกาลิกํ วา คเหตฺวา โธวิตฺวา รชิตฺวา เทติ, อยมฺปิ อวุตฺตา โธวติ นาม.
อฺํ วา ปริกฺขารนฺติ อุปาหนตฺถวิกปตฺตตฺถวิกอํสพทฺธกกายพนฺธนมฺจปีตฏฺฏิกาทึ ยํ กิฺจิ. ‘‘อุปจาเร ตฺวา’’ติ วจนโต เปสิตฺวา โธวเนปิ อนาปตฺติ. อุปจาเรติ อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ โอกาเส.
ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
ฉนฺนนฺติ โขมาทีนํ ฉนฺนํ จีวรานํ มชฺเฌ. อุปจารํ มฺุจิตฺวาติ ทฺวาทสหตฺถูปจารํ มฺุจิตฺวา. ปิ-สทฺเทน ธมฺมกถํ กเถนฺตสฺส จตสฺโส ปริสา จีวรานิ จ นานาวิราควตฺถานิ จ อาหริตฺวา ปาทมูเล เปนฺติ, อุปจาเร วา ตฺวา อุปริ ขิปนฺติ, ‘‘สเจ สาทิยติ, ปฏิคฺคหิตเมวา’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพเมว ¶ นตฺถีติ ทสฺเสติ. ขิปตูติ ทิวา วา รตฺติภาเค วา ขิปตุ. ปฏิคฺคหิตเมว โหตีติ กิฺจาปิ ‘‘อิทํ ภิกฺขุนิยา, อิทํ อฺเส’’นฺติ าตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อจิตฺตกภาเวน คหิตเมว โหติ. ยสฺส กสฺสจิ ปน อนุปสมฺปนฺนสฺสาติ สิกฺขมานสามเณรสามเณริอุปาสกอุปาสิกาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ อนุปสมฺปนฺนสฺส. ปิตนฺติ ภิกฺขุนิยา ปิตํ. ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘อสฺสามิกํ อิท’’นฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา. อสฺสามิกฺหิ ‘‘ปํสุกูล’’นฺติ วุจฺจติ. อิมินา ‘‘อมฺหากมตฺถาย ปิต’’นฺติอาทิกาย สฺาย คเหตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อฺตฺร ปาริวตฺตกาติ ปริวตฺเตตพฺพํ ปริวตฺตํ, ปริวตฺตเมว ปาริวตฺตกํ, ปริวตฺเตตฺวา ทิยฺยมานํ, ตํ วินาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยํ อนฺตมโส หรีฏกกฺขณฺฑมฺปี’’ติอาทิ. ¶ อาโภคํ กตฺวาติ จิตฺเตน สมนฺนาหริตฺวา. สเจ ภิกฺขุนี วสฺสาวาสิกมฺปิ เทติ, ตมฺปิ ยถาวุตฺตวิธานํ อกตฺวา คเหตุํ น วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิลาเภนาติ คหเณน. ติกปาจิตฺติยนฺติ ตีณิ ปริมาณานิ อสฺสาติ ติกํ,ติกฺจ ตํ ปาจิตฺติยฺจาติ ติกปาจิตฺติยํ, อฺาติกาย าติกสฺิเวมติกอฺาติกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานีติ อตฺโถ. เอกโตอุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย. ตาย หิ หตฺถโต อฺตฺร ปาริวตฺตกา จีวรํ ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ปาจิตฺติยเมว. ‘‘ปตฺตตฺถวิกาทิมฺหิ จ อนธิฏฺาตพฺพปริกฺขาเร’’ติ อิมินา ภิสิจฺฉวิมฺปิ สงฺคณฺหาติ. สา หิ มหนฺตาปิ เสนาสนสงฺคหิตตฺตา จีวรสงฺขํ น คจฺฉตีติ เนว อธิฏฺานุปคา, น วิกปฺปนุปคา จ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สเจปิ มฺจปฺปมาณา ภิสิจฺฉวิ โหติ, วฏฺฏติเยวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๑๔). ‘‘หตฺถโต จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนโต ปน อฺาติกาย ภิกฺขุนิยา เปสิตคฺคหเณปิ อนาปตฺติ. ปฏิคฺคหณโต, ปริวตฺตนากรณโต จ กิริยากิริยํ.
จีวรปฺปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
เคหสฺส ¶ ปติ เชฏฺโติ คหปติ, ตํ คหปตึ, อิธ ปน อปพฺพชิโต โย โกจิ มนุสฺโส อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘ภิกฺขูสุ อปพฺพชิตมนุสฺส’’นฺติ. เอเสว นโย คหปตานินฺติ เอตฺถาปิ. ‘‘วิฺาเปยฺยา’’ติ อิทํ สุทฺธกตฺตุอตฺเถ จ เหตุกตฺตุอตฺเถ จ วตฺตตีติ อาห ‘‘ยาเจยฺย วา ยาจาเปยฺย วา’’ติ. ยาจาปนฺเจตฺถ อตฺตโน อตฺถาเยวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ ปน กตฺวา ‘‘อนาณตฺติก’’นฺติ อิทํ สมตฺถิตํ โหติ. อฺตฺร สมยาติ สเมติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต, สภาวธมฺโม วา สหชาตาทีหิ, อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล, ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ, กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียติ, ตํ สมยํ เปตฺวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โย อจฺฉินฺนจีวโร วา โหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ราชาทีสุ เยหิ เกหิจิ อจฺฉินฺนํ จีวรํ เอตสฺสาติ อจฺฉินฺนจีวโร. ยถาห ‘‘อจฺฉินฺนจีวโร นาม ภิกฺขุสฺส จีวรํ อจฺฉินฺนํ โหติ, ราชูหิ วา โจเรหิ วา ธุตฺเตหิ วา เยหิ เกหิจิ วา อจฺฉินฺนํ โหตี’’ติ. อคฺคิอาทีสุ เยน เกนจิ นฏฺํ จีวรเมตสฺสาติ นฏฺจีวโร. ยถาห ‘‘นฏฺจีวโร นาม ภิกฺขุสฺส จีวรํ อคฺคินา วา ทฑฺฒํ โหติ, อุทเกน วา วูฬฺหํ โหติ, อุนฺทูเรหิ วา อุปจิกาหิ วา ขายิตํ โหติ ¶ , ปริโภคชิณฺณํ วา โหตี’’ติ (ปารา. ๕๑๙). สมยาติ อฺตฺรสทฺทาเปกฺขาย อุปโยคตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ตํ สมย’’นฺติ. อฺสฺมินฺติ อฺสฺมึ สมเย.
ติกปาจิตฺติยนฺติ อฺาตเก อฺาตกสฺิเวมติกฺาตกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. สมเยติ ยถาวุตฺเต อจฺฉินฺนจีวรกาเล จ นฏฺจีวรกาเล จ. าตกปฺปวาริเต วา วิฺาเปนฺตสฺสาติ าตเก, ปวาริเต จ ‘‘ตุมฺหากํ สนฺถตํ เทถา’’ติ ยาจนฺตสฺส. เอตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๒๑) จ สงฺฆวเสน ปวาริเต ปมาณเมว ยาจิตุํ วฏฺฏติ, ปุคฺคลิกวเสน ปวาริเต ปน ยํ ยํ ปวาเรนฺติ, ตํ ตเมว วิฺาเปตพฺพํ. โย หิ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา สยเมว สลฺลกฺเขตฺวา กาลานุกาลํ จีวราทีนิ ทิวเส ทิวเส ยาคุภตฺตาทีนิ เทติ, เอวํ เยน เยน อตฺโถ, ตํ ตํ เทติ, ตสฺส วิฺาปนกิจฺจํ นตฺถิ. โย ปน ปวาเรตฺวา พาลตาย ¶ วา สติสมฺโมเสน วา น เทติ, โส วิฺาเปตพฺโพ. โย ‘‘มยฺหํ เคหํ ปวาเรมี’’ติ วทติ, ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ยถาสุขํ นิสีทิตพฺพํ นิปชฺชิตพฺพํ, น กิฺจิ คเหตพฺพํ. โย ปน ‘‘ยํ มยฺหํ เคเห อตฺถิ, ตํ ปวาเรมี’’ติ วทติ, ยํ ตตฺถ กปฺปิยํ, ตํ วิฺาเปตพฺพํ. เคเห ปน นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา น ลพฺภติ. ตสฺเสวตฺถายาติ ‘‘อฺสฺสา’’ติ ลทฺธโวหารสฺส ตสฺเสว พุทฺธรกฺขิตสฺส วา ธมฺมรกฺขิตสฺส วา อตฺถาย. อตฺตโน ธเนน คณฺหนฺตสฺสาติ อตฺตโน กปฺปิยภณฺเฑน กปฺปิยโวหาเรเนว คณฺหนฺตสฺส เจตาเปนฺตสฺส, ปริวตฺตาเปนฺตสฺสาติ อตฺโถ.
อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
ตํ-สทฺโท เจตฺถ ปกตตฺถวจโน. เจติ นิปาตมตฺตํ. เจติ วา ยทีติ อตฺโถ, ตสฺส ‘‘ปวาเรยฺยา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปวาเรยฺย เจติ ยทิ ปวาเรยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘อภีติ อุปสคฺโค’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒๓-๕๒๔) อิมินา ตสฺส อตฺถวิเสสาภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘หริตุนฺติ อตฺโถ’’ติ. ปวารสทฺทสฺส อิจฺฉายํ วตฺตมานตฺตา ‘‘อิจฺฉาเปยฺยา’’ติ วุตฺตํ. อิจฺฉํ อุปฺปาเทยฺยาติ ปจฺจเย อิจฺฉํ อุปฺปาเทยฺย. อุปนิมนฺตนาเยตํ อธิวจนํ. เตนาห ‘‘ยาวตฺตก’’นฺติอาทิ. เนกฺขมฺมนฺติ ปพฺพชฺชํ. ทฏฺูติ ทฏฺุํ. ฉนฺทานุรกฺขณตฺถฺเหตฺถ อนุนาสิกโลโป. เขมโตติ นิพฺภยโต. กาเยน วา วาจาย วา อภิหริตฺวา นิมนฺเตยฺยาติ สมฺพนฺโธ. ยถา จ กาเยน อภิหเรยฺย, วาจาย จ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปเนตฺวา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ สอนฺตรนฺติ อนฺตรวาสกสหิตํ. อุตฺตรนฺติ อุตฺตราสงฺคํ. ปรมนฺติ อวสานํ. อสฺส จีวรสฺสาติ อสฺส สมุทายภูตสฺส หริตพฺพสฺส จีวรสฺส. ตคฺคุณสํวิฺาโณ หิ อยํ พาหิรตฺถสมาโส ยถา ‘‘ลมฺพกณฺโณ’’ติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘นิวาสเนนา’’ติอาทิ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน หิ สพฺเพ ตํปรมํเยว คเหตุํ ลภนฺติ.
ยสฺมา ¶ อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน ติจีวรมตฺตเกเนว ภิกฺขุนา เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, อฺเน ปน อฺถาปิ, ตสฺมา ตํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺรายํ วินิจฺฉโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. อธิฏฺิตจีวรสฺสาติ ติจีวราธิฏฺานนเยน วา ปริกฺขารโจฬวเสน วา เยน เกนจิ อธิฏฺิตจีวรสฺส, อิทฺจ เยภุยฺเยน อธิฏฺหิตฺวา จีวรํ ปริภฺุชโต วุตฺตํ, น ปน อนธิฏฺิตจีวรสฺส จีวเร อจฺฉินฺเน อยํ วิธิ น สมฺภวตีติ. ยสฺส วา ติจีวรโต อธิกมฺปิ จีวรํ อฺตฺถ อตฺถิ, ตตฺถ นตฺถิ, เตนาปิ ตทา ตตฺถ อภาวโต ทฺเว สาทิตุํ วฏฺฏติ. ปกติยาว สนฺตรุตฺตเรน จรตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒๓-๕๒๔) อตฺถตกถินตฺตา วา สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา อวิปฺปวาสสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วา จรติ. ‘‘ทฺเว นฏฺานี’’ติ อธิการตฺตา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว สาทิตพฺพานี’’ติ. เอกํ สาทิยนฺเตเนว สโม ภวิสฺสตีติ ติณฺณํ จีวรานํ ทฺวีสุ นฏฺเน เอกํ สาทิยนฺเตน สโม ภวิสฺสติ อุภินฺนมฺปิ สนฺตรุตฺตรปรมตาย อวฏฺานโต. ยสฺส เอกํเยว โหติ อฺเน เกนจิ การเณน วินฏฺเสสจีวรตฺตา.
ปฺจสุ นฏฺเสูติ ติจีวรํ อุทกสาฏิกา สํกจฺจิกาติ อิเมสุ ปฺจสุ จีวเรสุ นฏฺเสุ. ‘‘เอกสฺมึ วา นฏฺเ’’ติ วจนวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํ. ตโต อุตฺตรีติ สนฺตรุตฺตรปรมโต อุตฺตริ.
เสสกํ อาหริสฺสามีติ ทฺเว จีวรานิ กตฺวา ‘‘เสสกํ ปุน อาหริสฺสามี’’ติ อตฺโถ. เสสกํ ตุยฺหํเยว โหตูติ วุตฺตสฺสาติ ทานสมเย เอวํ วุตฺตสฺส. สเจ ปน ‘‘เสสกํ อาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา คเหตฺวา คมนสมเยปิ ‘‘เสสกํ ตุยฺหํเยว โหตู’’ติ วทนฺติ, ลทฺธกปฺปิยเมว. น อจฺฉินฺนนฏฺการณา ทินฺนนฺติ พาหุสจฺจาทิคุณวเสน ทินฺนํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘าตกปฺปวาริเต วา วิฺาเปนฺตสฺส, สมเย จ อฺสฺส วา าตกปฺปวาริเต ตสฺเสวตฺถาย วิฺาเปนฺตสฺส’’ติ วุตฺตนเยน.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปมอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุํ ¶ ¶ ปเนว อุทฺทิสฺสาติ เอตฺถ ปนาติ นิปาตมตฺตํ, ตถา เอว-สทฺโทปิ. เตนาห ‘‘อิตฺถนฺนามสฺสา’’ติอาทิ. อปทิสิตฺวาติ กเถตฺวา, อารพฺภาติ วา อตฺโถ. อฺาตกสฺส คหปติสฺสาติ อฺาตกคหปตินาติ อตฺโถ. กรณตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ. อฏฺกถายํ ปน อิทํ สุวิฺเยฺยนฺติ น วิจาริตํ. จีวรํ เจตาเปนฺติ ปริวตฺเตนฺติ เอเตนาติ จีวรเจตาปนฺนํ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๒๘-๕๒๙), จีวรมูลํ, น-กาโร ปเนตฺถ อาคโม, ‘‘จีวรเจตาปน’’นฺติปิ ปนฺติ. ตํ ปน ยสฺมา หิรฺาทีสุ อฺตรํ โหติ, ตสฺมา ‘‘หิรฺาทิก’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ หิรฺนฺติ กหาปโณ วุจฺจติ. อาทิสทฺเทน สุวณฺณาทีนํ คหณํ. อุปกฺขฏนฺติ อุปฏฺาปิตํ. ตํ อุปกฺขรณํ เตสํ ตถา สชฺชิตนฺติ อาห ‘‘อุปกฺขฏํ โหตีติ สชฺชิตํ โหตี’’ติ. สํหริตฺวา ปิตนฺติ ราสึ กตฺวา ปิตํ. ปริวตฺตนฺจ อกตสฺส การาปนํ, กตสฺส กิณนนฺติ อาห ‘‘กาเรตฺวา วา กิณิตฺวา วาติ อตฺโถ’’ติ. อจฺฉาเทสฺสามีติ ปารุเปสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘โวหารวจนเมต’’นฺติ. โวหารวจนนฺติ จ อุปจารวจนนฺติ อตฺโถ.
‘‘ตตฺร เจ โส ภิกฺขู’’ติอาทีสุ โก ปทสมฺพนฺโธติ อาห ‘‘ยตฺร โส คหปติ วา’’ติอาทิ. ปุพฺเพ อปฺปวาริโตติ ‘‘ทสฺสามิ, กีทิเสน เต, ภนฺเต, จีวเรน อตฺโถ, กีทิสํ เต จีวรํ เจตาเปมี’’ติ ปุพฺเพ อวุตฺโต. อุปสงฺกมิตฺวาติ คนฺตฺวา. ปทภาชเน ปจุรโวหารวเสน ‘‘ฆรํ คนฺตฺวา’’ติ (ปารา. ๕๒๙) วุตฺตํ. เอตฺถ จ ปจุรโวหารวเสนาติ เยภุยฺยโวหารวเสน. เยภุยฺเยน หิ ฆรสามิกํ ทฏฺุกามา ตสฺส ฆรํ คจฺฉนฺตีติ ตเถว พหุลโวหาโร. วิกปฺปนฺติ วิสิฏฺโ กปฺโป วิกปฺโป, วิ-สทฺโท เจตฺถ วิสิฏฺตฺโถ. เตนาห ‘‘วิสิฏฺกปฺป’’นฺติ. อิมินา วจนตฺถมาห. ‘‘อธิกวิธาน’’นฺติ อิมินา ปน อธิปฺปายตฺถํ. ยถา ปน ตมาปชฺชตีติ เยนากาเรน ตํ วิกปฺปํ อาปชฺชติ. ตํ ทสฺเสตุนฺติ ตํ อาการํ ทสฺเสตุํ.
‘‘สาธู’’ติ อยํ สทฺโท สมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทรายาจนาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ ¶ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน ทิสฺสติ, ‘‘สาธุ สาธุ สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙; ม. นิ. ๑.๓๔๐) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ¶ ธมฺมรุจิ ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติอาทีสุ. (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) –
สุนฺทเร, ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๔-๖๘) อายาจเน, อิธาปิ อายาจเนเยว ทฏฺพฺโพติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๙; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑ มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๕ อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๔๙) อาห ‘‘สาธูติ อายาจเน นิปาโต’’ติ. ตตฺถ อายาจเนติ อภิมุขํ ยาจเน, อภิปตฺถนายนฺติ อตฺโถ. ปริวิตกฺเก นิปาโตติ สมฺพนฺโธ. อาลปตีติ อามนฺเตติ. อายตาทีสูติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน วิตฺถตอปฺปิตสณฺหานํ คหณํ. ยสฺมา ปน น อิมสฺส อาปชฺชนมตฺเตเนว อาปตฺติ สีสํ เอติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส วจเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปโยเคติ สุตฺตปริเยสนาทิปโยเค.
มหคฺฆํ เจตาเปตุกามํ อปฺปคฺฆนฺติ วีสติอคฺฆนกํ จีวรํ เจตาเปตุกามํ ‘‘อลํ มยฺหํ เตน, ทสอคฺฆนกํ วา อฏฺคฺฆนกํ วา เทหี’’ติ วทนฺตสฺสาติ อตฺโถ. เอวรูปนฺติ เอวํ สมภาคํ, อิมินา สมกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตฺจ โข อคฺฆวเสเนว, น ปมาณวเสน. อคฺฆวฑฺฒนกฺหิ อิทํ สิกฺขาปทํ.
ปมอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา
กสฺมา อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อิทฺหี’’ติอาทิ. หีติ การณตฺเถ นิปาโต. น โกจิ วิเสโสติ อาห ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ.
ทุติยอุปกฺขฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
ราชโต ¶ โภคฺคนฺติ ราชโต ลทฺธโภคฺคํ. ราชโภคฺโคติ ราชามตฺโต. ราชโต โภโคติ รฺา ¶ ทินฺนํ อิสฺสริยํ. อิมินาติอาทีติ ‘‘อิมินา จีวรเจตาปนฺเนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหี’’ติ อิทํ. อาคมนสุทฺธินฺติ มูลสุทฺธึ. ยทิ หิ อิมินา กปฺปิยนีหาเรน อเปเสตฺวา ‘‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’’ติ เปเสยฺย, โสปิ ทูโต ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘‘อิทํ โข, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ อุทฺทิสฺส จีวรเจตาปนฺนํ อาภตํ, ปฏิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ (ปารา. ๕๓๘), ตทา ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ กปฺปิยการกํ ปุฏฺเน ตํ นิทฺทิสิตุํ น วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ. อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภาติ หิรฺาทึ อารพฺภ. อีทิเสน ทูตวจเนนาติ ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ เอวรูเปน ทูตวจเนน. ตสฺมาติ ยสฺมา สมฺปฏิจฺฉิตุํ อกปฺปิยํ โหติ, ตสฺมา. สุวณฺณนฺติ ชาตรูปํ. รชตนฺติ รูปิยํ. กหาปเณนาติ สุวณฺณมโย วา รูปิยมโย วา ปากติโก วา กหาปโณ. มาสโกติ โลหมาสโก วา โหตุ, ทารุมาสโก วา โหตุ, ชตุมาสโก วา โหตุ, โย โย ยตฺถ ยตฺถ ชนปเท ยทา ยทา โวหารํ คจฺฉติ, อนฺตมโส อฏฺิมโยปิ จมฺมมโยปิ รุกฺขผลพีชมโยปิ สมุฏฺาปิตรูโปปิ อสมุฏฺาปิตรูโปปิ สพฺโพ อิธ มาสโกติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ รูปิยสิกฺขาปเท วกฺขาม.
มุตฺตาติ หตฺถิกุมฺภชาทิกา อฏฺวิธา มุตฺตา. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ วราหทาํ, ภุชงฺคสีสํ, วลาหกํ, เวฬุ, มจฺฉสิโร, สงฺโข, สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชาตา, สา สามุทฺทิกา, ภุชงฺคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหติ. อิตรา อสามุทฺทิกา. ยสฺมา ปน พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กทาจิ. ตสฺมา สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกมุตฺตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๑๗๒) วุตฺตํ. มณีติ เปตฺวา เวฬุริยาทิเก อนฺตมโส ชาติผลิกํ อุปาทาย สพฺโพปิ นีลปีตาทิวณฺณเภโท มณีติ เวทิตพฺโพ, ปจิตฺวา กโต ปน กาจมณิเยเวโก ปตฺตาทิภณฺฑมูลตฺถํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. เวฬุริโย นาม วํสวณฺณมณิ. สงฺโขติ ธมนสงฺโข โธตวิทฺโธ รตนมิสฺโส, ปานียสงฺโข ¶ ปน รตนามิสฺสกโต, โส จ อฺชนาทิเภสชฺชตฺถาย, ภณฺฑมูลตฺถาย จ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. สิลาติ โธตวิทฺธา รตนสํยุตฺตา มุคฺควณฺณา สิลา. รตเนน ปน อมิสฺสา สตฺถกนิสานาทิอตฺถาย ปฏิคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏติ. เอตฺถ จ ‘‘รตนสํยุตฺตาติ สุวณฺเณน สทฺธึ โยเชตฺวา ปจิตฺวา กตา’’ติ วทนฺติ. ปวาฬนฺติ โธตมฺปิ อโธตมฺปิ สพฺพํ ปวาฬํ. โลหิตงฺโกติ รตฺตมณิ. มสารคลฺลนฺติ กพรมณิ. ยํ ‘‘มรกต’’นฺติปิ วุจฺจติ.
สตฺต ธฺานีติ สานุโลมานิ สาลิอาทีนิ สตฺต ธฺานิ. นีวาราทิอุปธฺสฺส ปน สาลิอาทิมูลธฺนฺโตคธตฺตา ‘‘สตฺต ธฺานี’’ติ วุตฺตํ. ทาสิทาสเขตฺตวตฺถุปุปฺผารามผลารามาทโยติ ¶ เอตฺถ ทาสี นาม อนฺโตชาตธนกฺกีตกรมรานีตปฺปเภทา. ตถา ทาโส. เขตฺตํ นาม ยสฺมึ ปุพฺพณฺณํ รุหติ. วตฺถุ นาม ยสฺมึ อปรณฺณํ รุหติ. ยตฺถ วา อุภยมฺปิ รุหติ, ตํ เขตฺตํ. ตทตฺถาย อกตภูมิภาโค วตฺถุ. เขตฺตวตฺถุสีเสน เจตฺถ วาปิตฬากาทีนิปิ สงฺคหิตาเนว. วสฺสิกาทีนํ ปุปฺผนโก ปุปฺผาราโม. อมฺพผลาทีนํ ผลนโก ผลาราโม. น เกวลฺจ อตฺตโนเยวตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, สเจปิ โกจิ ชาตรูปรชตํ อาเนตฺวา ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส ทมฺมิ, อารามํ วา กโรถ, เจติยํ วา โภชนสาลาทีนํ วา อฺตร’’นฺติ วทติ, อิทมฺปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ หิ อฺสฺส อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เจติยสงฺฆคณปุคฺคลานํ วา อตฺถาย สมฺปฏิจฺฉิตุํ น วฏฺฏนฺตี’’ติ.
สเจ ปน สงฺฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา อนามสิตฺวา ‘‘อิทํ หิรฺสุวณฺณํ เจติยสฺส เทม, วิหารสฺส เทม, นวกมฺมสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ปฏิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อิเม อิทํ ภณนฺตี’’ติ กปฺปิยการกานํ อาจิกฺขิตพฺพํ. ‘‘เจติยาทีนํ อตฺถาย ตุมฺเห คเหตฺวา เปถา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘อมฺหากํ คเหตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตพฺพํ.
เวยฺยาวจฺจกโรติ กิจฺจกโร. อิธ ปน สพฺโพ กิจฺจกโรว ‘‘เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘กปฺปิยการโก’’ติ. เอโส โขติ ‘‘อสุกวีถิยํ อสุกฆเร อสุกนาโม’’ติ ปรมฺมุขํ วทติ. อิตรมฺปีติ ปรมฺมุขานิทฺทิฏฺมฺปิ. ‘‘อตฺโถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’’ติ เอตํ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนนฺติ วาจาย ¶ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ. อิทํ วา วจนํ วตฺตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตสฺส วา อตฺโถ ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ‘‘เทหิ เม จีวรํ, อาหร เม จีวรํ, ปริวตฺเตหิ เม จีวรํ, เจตาเปหิ เม จีวร’’นฺติ เอตานิ ปน วจนานิ เอเตสํ วา อตฺโถ ยาย กายจิ ภาสาย น วตฺตพฺโพ. เตนาห ‘‘เทหิ เม’’ติอาทิ. สาเธยฺยาติ นิปฺผาเทยฺย. อิจฺเจตํ กุสลนฺติ เอวํ ยาวตติยํ โจทเนน ตสฺส จีวรสฺส ยเทตํ อภินิปฺผาทนํ, เอตํ กุสลํ สาธุ สุฏฺูติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เอตํ สุนฺทร’’นฺติ.
ฉกฺขตฺตุํ ปรโม ปริจฺเฉโท อสฺสาติ ฉกฺขตฺตุปรมํ. อิทฺหิ ‘‘าตพฺพ’’นฺติ อิมิสฺสา กิริยาย วิเสสนํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ านํ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ภาวนปุํสกวจนเมต’’นฺติ, เอตํ ภาเว าตพฺพนฺติ วุตฺตธาตฺวตฺถมตฺเต สาเธตพฺเพ นปุํสกลิงฺควจนนฺติ อตฺโถ. น นิสีทิตพฺพนฺติ ‘‘อิธ, ภนฺเต, นิสีทถา’’ติ วุตฺเตปิ น นิสีทิตพฺพํ ¶ . น อามิสํ ปฏิคฺคเหตพฺพนฺติ ยาคุขชฺชกาทิเภทํ กิฺจิ อามิสํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ ยาจิยมาเนนาปิ น คณฺหิตพฺพํ. น ธมฺโม ภาสิตพฺโพติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) ‘‘มงฺคลํ วา อนุโมทนํ วา ภาสถา’’ติ ยาจิยมาเนนาปิ น กิฺจิ ภาสิตพฺพํ. านํ ภฺชตีติ ิตึ วินาเสติ. ตฺวา จีวรํ คเหตุํ อาคเตน หิ ตํ อุทฺทิสฺส ตุณฺหีภูเตน าตพฺพเมว, น นิสชฺชาทิกํ กาตพฺพํ. อิมินา ปน ตํ กตนฺติ านํ วินาสิตํ โหติ. เตนาห ‘‘อาคตการณํ วินาเสตี’’ติ. ‘‘อาคตการณํ นาม านเมว, ตสฺมา ‘น กาตพฺพ’นฺติ วาริตสฺส กตตฺตา นิสชฺชาทีสุ กเตสุ ฉสุ าเนสุ เอกํ านํ ภฺชตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส าตพฺพํ. ‘‘น อฺํ กิฺจิ กาตพฺพ’’นฺติ หิ อิทํ านลกฺขณํ. เตเนวาห ‘‘อิท’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส าตพฺพ’’นฺติ วจนํ. เอตฺถ จ ‘‘นิสีทนาทิมฺหิ กเต ปุน จีวรํ คเหตุํ น ลภตี’’ติ เกจิ. ‘‘ทฺเว านานิ ปริหายนฺตี’’ติ อฺเ. ‘‘เอกํ านํ ปริหายตี’’ติ อปเร. อุภยํ กโรตีติ โจเทติปิ ติฏฺติปิ.
‘‘ตตฺร ตตฺร าเน ติฏฺตี’’ติ อิทํ โจทกสฺส ิตฏฺิตฏฺานโต อปกฺกมฺม ตตฺร ตตฺร จีวรํ อุทฺทิสฺส านํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ โจทนาฏฺาเนสุ.
กึ ¶ ปน สพฺพกปฺปิยการเกสุ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๖๕) เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? น ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อยฺหิ กปฺปิยการโก นาม สงฺเขปโต ทุวิโธ นิทฺทิฏฺโ จ อนิทฺทิฏฺโ จ. ตตฺถ จ นิทฺทิฏฺโ ทุวิโธ ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺโ, ทูเตน นิทฺทิฏฺโติ. อนิทฺทิฏฺโปิ ทุวิโธ มุขเววฏิกกปฺปิยการโก, ปรมฺมุขกปฺปิยการโกติ. เตสุ ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺโ สมฺมุขาสมฺมุขวเสน จตุพฺพิโธ โหติ, ตถา ทูเตน นิทฺทิฏฺโปิ.
กถํ? อิเธกจฺโจ ภิกฺขุสฺส จีวรตฺถาย ทูเตน อกปฺปิยวตฺถุํ ปหิณติ, ทูโต จ ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, อิตฺถนฺนาเมน ตุมฺหากํ จีวรตฺถาย ปหิตํ, คณฺหถ น’’นฺติ วทติ. ภิกฺขุ ‘‘อิทํ น กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. ทูโต ‘‘อตฺถิ ปน เต, ภนฺเต, เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ปุจฺฉติ, ปฺุตฺถิเกหิ จ อุปาสเกหิ ‘‘ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติ อาณตฺตา วา ภิกฺขูนํ วา สนฺทิฏฺา สมฺภตฺตา เกจิ เวยฺยาวจฺจกรา โหนฺติ, เตสํ อฺตโร ตสฺมึ ขเณ ภิกฺขุสฺส สนฺติเก นิสินฺโน โหติ, ภิกฺขุ ตํ นิทฺทิสติ ‘‘อยํ ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ¶ . ทูโต ตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ กิณิตฺวา เทหี’’ติ คจฺฉติ, อยํ ภิกฺขุนา สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
โน เจ ภิกฺขุสฺส (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๗; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๖๕) สนฺติเก นิสินฺโน โหติ, อปิจ โข ภิกฺขุ นิทฺทิสติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม คาเม อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ กิณิตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติ อาคนฺตฺวา ภิกฺขุสฺส อาโรเจตฺวา คจฺฉติ, อยเมโก ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
น เหว โข โส ทูโต อตฺตนา อาคนฺตฺวา อาโรเจติ, อปิจ โข อฺํ ปหิณติ ‘‘ทินฺนํ มยา, ภนฺเต, ตสฺส หตฺเถ จีวรเจตาปนฺนํ, จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ, อยํ ทุติโย ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
น เหว โข อฺํ ปหิณติ, อปิจ โข คจฺฉนฺโตว ภิกฺขุํ วทติ ‘‘อหํ ตสฺส หตฺเถ จีวรเจตาปนฺนํ ทสฺสามิ, ตุมฺเห จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ, อยํ ตติโย ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ ตโย อสมฺมุขานิทฺทิฏฺาติ อิเม จตฺตาโร ภิกฺขุนา นิทฺทิฏฺเวยฺยาวจฺจกรา นาม. เอเตสุ อิมสฺมึ ราชสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
อปโร ¶ ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ทูเตน ปุจฺฉิโต นตฺถิตาย วา อวิจาเรตุกามตาย วา ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ วทติ, ตสฺมิฺจ ขเณ โกจิ มนุสฺโส อาคจฺฉติ, ทูโต ตสฺส หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘อิมสฺส หตฺถโต จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติ, อยํ ทูเตน สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ.
อปโร ทูโต คามํ ปวิสิตฺวา อตฺตนา อภิรุจิตสฺส กสฺสจิ หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา วา อาโรเจติ, อฺํ วา ปหิณติ, ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม หตฺเถ จีวรเจตาปนฺนํ ทสฺสามิ, ตุมฺเห จีวรํ คณฺเหยฺยาถา’’ติ วตฺวา วา คจฺฉติ, อยํ ตติโย ทูเตน อสมฺมุขานิทฺทิฏฺโติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิฏฺโ, ตโย อสมฺมุขานิทฺทิฏฺาติ อิเม จตฺตาโร ทูเตน นิทฺทิฏฺเวยฺยาวจฺจกรา นาม. เอเตสุ เมณฺฑกสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
วุตฺตฺเหตํ ¶ –
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา, เต กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรฺํ อุปนิกฺขิปนฺติ ‘อิมินา อยฺยสฺส ยํ กปฺปิยํ, ตํ เทถา’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ตโต กปฺปิยํ, ตํ สาทิตุํ, น ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’’ติ (มหาว. ๒๙๙).
เอตฺถ จ โจทนาย ปริมาณํ นตฺถิ. มูลํ อสาทิยนฺเตน สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ โจทนาย วา าเนน วา กปฺปิยภณฺฑํ สาทิตุํ วฏฺฏติ. โน เจ เทติ, อฺํ กปฺปิยการกํ เปตฺวาปิ อาหราเปตพฺพํ. สเจ อิจฺฉติ, มูลสามิกานมฺปิ กเถตพฺพํ. โน เจ อิจฺฉติ, น กเถตพฺพํ.
อปโร ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ทูเตน ปุจฺฉิโต ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ วทติ, ตทฺโ สมีเป ิโต สุตฺวา ‘‘อาหร, โภ, อหํ อยฺยสฺส จีวรํ เจตาเปตฺวา ทสฺสามี’’ติ วทติ. ทูโต ‘‘หนฺท, โภ, ทเทยฺยาสี’’ติ ตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ภิกฺขุสฺส อนาโรเจตฺวาว คจฺฉติ, อยํ มุขเววฏิกกปฺปิยการโก.
อปโร (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๓๘-๕๓๙; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๖๕) ภิกฺขุโน อุปฏฺากสฺส วา อฺสฺส วา หตฺเถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ ทเทยฺยาสี’’ติ เอตฺโตว ปกฺกมติ, อยํ ปรมฺมุขกปฺปิยการโกติ ¶ อิเม ทฺเว อนิทฺทิฏฺกปฺปิยการกา นาม. เอเตสุ อฺาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
สเจ สยเมว จีวรํ อาเนตฺวา เทนฺติ, คเหตพฺพํ. โน เจ, น กิฺจิ วตฺตพฺพา. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. กปฺปิยการเกติ สมฺมุขาสมฺมุขวเสน จตฺตาโร กปฺปิยการเกติ อตฺโถ. ‘‘ทายโก สยเมวา’’ติ อิมินา ภิกฺขุํ ปฏิกฺขิปติ, น ทูตํ. ตสฺมา ทูเตน นิทฺทิฏฺโปิ ยถารุจิ โจเทตุํ วฏฺฏติ. มุขํ วิวริตฺวา สยเมว กปฺปิยการกตฺตํ อุปคโตติ มุขเววฏิกกปฺปิยการโก. เอวนฺติ ‘‘เอโส โข’’ติอาทินา ยถาวุตฺเตน อากาเรน. ทสฺสิตา โหนฺติ สงฺเขปโตติ อธิปฺปาโย.
วุตฺตโจทนาฏฺานปริมาณโตติ วุตฺตโจทนาปริมาณโต จ วุตฺตฏฺานปริมาณโต จ. สนฺติกนฺติ สมีปํ. ตตฺถาติ เอตฺถ กถมยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘สมีปตฺเถ หิ อิทํ ภุมฺมวจน’’นฺติ ¶ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘คงฺคายํ โคยูถานิ จรนฺติ, กูเป คคฺคกูล’’นฺติอาทีสุ วิย ยสฺมา สมีปาธาเร อิทํ สตฺตมีวิภตฺติวจนํ, ตสฺมา อยมตฺโถ ลพฺภตีติ. เอวํ อกโรนฺโตติ สามํ วา อคจฺฉนฺโต, ทูตํ วา อปาเหนฺโต.
อชฺชณฺโห, ภนฺเต, อาคเมหีติ, ภนฺเต, อชฺช เอกทิวสํ อมฺหากํ ติฏฺ, อธิวาเสหีติ อตฺโถ. ติกปาจิตฺติยนฺติ อติเรเกสุ โจทนาฏฺาเนสุ อติเรกสฺิเวมติกอูนกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. ติกฺขตฺตุํ โจทนาย ฉกฺขตฺตุํ าเนน, อูนกติกฺขตฺตุํ โจทนาย อูนกจฺฉกฺขตฺตุํ าเนน ลทฺเธปิ อนาปตฺติ. อปฺปิตตาติ ปติฏฺาปิตตา, ‘‘สฺตฺโต โส มยา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๓๘) กถิตตาติ วุตฺตํ โหติ.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรวคฺโค ปโม.
๒. เอฬกโลมวคฺโค
๑. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา
โกสิยมิสฺสกนฺติ ¶ ‘‘โกสการกา’’ติ ลทฺธโวหารานํ ปาณกานํ โกสโต นิพฺพตฺตํ อํสุ โกสิยํ, เตน มิสฺสํ โกสิยมิสฺสกํ. เตน ปน โกสิเยน อปฺปเกนาปิ มิสฺสิตํ โกสิยมิสฺสกเมว, น อิทํ อพฺโพหาริกนฺติ วตฺตุํ ลพฺภา. เตนาห ‘‘เอเกนาปี’’ติอาทิ. โกสิยํสุนาติ กิมิโกสสมฺภเวน อํสุนา. ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิกํ ปน อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อจิตฺตกตฺตา วุตฺตํ. สนฺถตํ นาม สนฺถริตฺวา กตํ อวายิมํ. เตนาห ‘‘สเม ภูมิภาเค’’ติอาทิ. อิมสฺเสว วจนสฺส อนุสาเรนาติ อิมสฺเสว ปมสนฺถตสฺส นิสฺสชฺชนวิธานวจนานุสาเรน. สพฺพสนฺถตนฺติ สพฺพสนฺถตนิสฺสชฺชนวิธานํ.
อฺสฺสตฺถาย การาปเน ทุกฺกฏตฺตา อตฺตโน อตฺถาย การาปนวเสน ‘‘สาณตฺติก’’นฺติ วุตฺตํ. อตฺตนา วิปฺปกตปริโยสาปนนเยนาติ ‘‘อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ¶ ปาจิตฺติยํ. อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๕๔๕) อิมินา นเยน. วิตานาทิกรเณติ วิตานภูมตฺถรณสาณิปาการภิสิพิพฺโพหนกรเณ. ยถา จ วิตานาทิกรเณ, เอวํ เตนากาเรน ปริโภเคปิ อนาปตฺติ. ‘‘อวายิม’’นฺติ (ปารา. ๕๔๔) วุตฺตตฺตา วายิตฺวา กโรนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติ.
โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา
กาฬกานนฺติ สภาเวน วา รชเนน วา กาฬกานํ. ยถาห ‘‘กาฬกํ นาม ทฺเว กาฬกานิ ชาติยา กาฬกํ วา รชนกาฬกํ วา’’ติ. อฺเหิ อมิสฺสิตานนฺติ อฺเหิ อมิสฺสิตกาฬกานนฺติ อตฺโถ. ‘‘ยถา ปเม ‘เอเกนาปิ โกสิยํสุนา’ติ (กงฺขา. อฏฺ. โกสิยสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ ¶ ‘เอเกนาปิ อฺเน อมิสฺเสตฺวา’ติ อวุตฺตตฺตา อฺเน ปน มิสฺสกโภเคปิ อปฺายมานรูปกํ เจ ‘สุทฺธกาฬก’มิจฺเจว วุจฺจตี’’ติ (วชิร. ฏี. ปาราชิก ๕๔๗) วทนฺติ.
เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, สุทฺธกาฬกานํ เอฬกโลมานํ สนฺถต’’นฺติอาทินา (ปารา. ๕๔๙) นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ. เสสนฺติ ปุพฺพปโยคทุกฺกฏจตุกฺกปาจิตฺติยาทิกํ. องฺเคสุ ปน ‘‘สุทฺธกาฬกภาโว’’ติ อยํ วิเสโส.
สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา
คเหตพฺพาติ ยถา กาฬกา อธิกา น โหนฺติ, ตถา คเหตพฺพา. เปตฺวา เจตฺถ กาฬกโอทาเต อวเสสา โคจริเยสุเยว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๕๒) ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ทฺเว ภาคาติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท กาฬกานํ อธิกคฺคหณสฺส ปฏิกฺเขปวเสน สิกฺขาปทสฺส ปฺตฺตตฺตา. ตสฺมา กาฬกานํ ภาคทฺวยโต อธิกํ น วฏฺฏติ, อูนกํ วฏฺฏติ. เตนาห ¶ ‘‘เอกสฺสาปี’’ติอาทิ. เอกสฺสาปิ กาฬกโลมสฺส อติเรกภาเวติ ตุลาย ธารยิตฺวา ปิเตสุ อนฺตมโส วาตเวเคนปิ ปหิตสฺส เอกสฺสาปิ กาฬกโลมสฺส อธิกภาเว สตีติ อตฺโถ. ‘‘ตติยํ โอทาตานํ, จตุตฺถํ โคจริยาน’’นฺติ อิทํ ปน เหฏฺิมปริจฺเฉโท เตสํ อธิกคฺคหเณ ปฏิกฺเขปาภาวโต. ตสฺมา เตสํ วุตฺตปฺปมาณโต อธิกมฺปิ วฏฺฏติ.
เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, สนฺถตํ อนาทิยิตฺวา ทฺเว ตุเล สุทฺธกาฬกานํ เอฬกโลมานํ, ตุลํ โอทาตานํ, ตุลํ โคจริยานํ สนฺถตํ การาปิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๕๕๔) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ. อาทาย จ วุตฺตปริจฺเฉเทน อนาทาย จ กรณโต กิริยากิริยํ. เสสนฺติ ปุพฺพปโยคทุกฺกฏจตุกฺกปาจิตฺติยาทิกํ. อยํ ปน วิเสโส – ตุลํ โอทาตานํ ตุลํ โคจริยานํ อาทิยิตฺวา กรเณ, พหุตรํ โอทาตานํ พหุตรํ โคจริยานํ อาทิยิตฺวา กรเณ ¶ , สุทฺธํ โอทาตานํ สุทฺธํ โคจริยานํ อาทิยิตฺวา กรเณ จ อนาปตฺตีติ.
องฺเคสุ ปน ปมงฺคํ กาฬกานํ ทฺเวภาคโต อติเรกภาโวติ ทฏฺพฺพํ. อิมานิ ตีณิ น เกวลํ อนิสฺสฏฺาเนว ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺตีติ อาห ‘‘อิมานิ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏนฺตี’’ติ อิมินา ยทิ ปริภฺุชติ, ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ.
ทฺเวภาคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
ยํ สนฺถตสมฺมุตึ เทตีติ สมฺพนฺโธ. คิลานสฺส ภิกฺขุโนติ ยสฺส วินา สนฺถตา น ผาสุ โหติ, น สกฺโกติ จ สนฺถตํ อาทาย ปกฺกมิตุํ, เอวํภูตสฺส คิลานสฺส ภิกฺขุโน. สนฺถตสมฺมุตึ เทตีติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ คิลาโน น สกฺโกติ สนฺถตํ อาทาย ปกฺกมิตุ’’นฺติอาทินา (ปารา. ๕๖๐) ปทภาชเน วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สนฺถตสมฺมุตึ เทติ.
สาติ สนฺถตสมฺมุติ. วูปสนฺโต วา ปุน กุปฺปตีติ วูปสนฺโต วา โส อาพาโธ ปุน กุปฺปติ, อนุวสฺสมฺปิ กาตุํ วฏฺฏติ, ปุน สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. น เกวลํ ตสฺมึเยว โรเค กุปฺปิเต, อถ โข อฺสฺมึ โรเค กุปฺปิเตปิ คตคตฏฺาเน อนุวสฺสํ กาตุํ ลภติ. เตเนว หิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สเจ อโรโค หุตฺวา ปุน มูลพฺยาธินาว คิลาโน โหติ ¶ , โสเยว ปริหาโร, นตฺถฺํ ‘สมฺมุติกิจฺจ’นฺติ ผุสฺสเทวตฺเถโร อาห. อุปติสฺสตฺเถโร ปน โส วา พฺยาธิ ปฏิกุปฺปตุ, อฺโ วา, สกึ ‘คิลาโน’ติ นามํ ลทฺธํ ลทฺธเมว, ปุน ‘สมฺมุติกิจฺจํ นตฺถี’ติ อาหา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๕๗) อุปติสฺสตฺเถรวาโท ปจฺฉา วุตฺโต.
เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, สนฺถตํ อูนกฉพฺพสฺสานิ การาปิตํ อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๕๖๒) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ. ‘‘เสสํ ปมสทิสเมวา’’ติ อิมินา ‘‘อตฺตนา กตํ ปเรหิ ปริโยสาเปตี’’ติอาทิกํ อติทิฏฺํ. อยํ ปน วิเสโส – ปริปุณฺเณ ฉพฺพสฺเส วา อติเรกฉพฺพสฺเส ¶ วา อนาปตฺติ. องฺเคสุ จ ฉพฺพสฺสานํ อนฺโตภาโว นานาตฺตํ.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
นิสีทนสนฺถตนฺติ ‘‘นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจตี’’ติ เอตฺถ ปทภาชนิยํ (ปารา. ๕๖๘) วุตฺตตฺตา สทสํ สนฺถตํ, เอตฺถ จ นิสีทนคฺคหณํ สนฺถเต จีวรสฺานิวารณตฺถํ, ยโต เต ภิกฺขู กมฺพลจีวรสฺาย สนฺถตํ ฉฑฺเฑตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ. สยนาสนปฺปโยชนตฺตา สนฺถตสฺส ‘‘ปุราณสนฺถตํ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ สนฺถเต. วิทตฺถิมตฺตนฺติ สุคตวิทตฺถิมตฺตํ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท จายํ ‘‘อนาปตฺติ อลภนฺโต โถกตรํ อาทิยิตฺวา กโรตี’’ติ (ปารา. ๕๗๐) ปทภาชเน วุตฺตตฺตา. เอกเทเสติ อิทานิ กตฺตพฺพนวสนฺถตสฺส เอกปฺปเทเส. วิชเฏตฺวาติ วิทฺธํเสตฺวา. อนาทาติ ย-การโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘สติ ปุราณสนฺถเต อคฺคเหตฺวา’’ติ.
เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, นิสีทนสนฺถตํ อนาทิยิตฺวา ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถึ การาปิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๕๖๘) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ. สนฺถตวิสฺสชฺชนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตนฺติ ภควตา สนฺถตานิ วิปฺปกิณฺณานิ ทิสฺวา ‘‘สทฺธาเทยฺยวินิปาตเน การณํ นตฺถิ, ปริโภคุปายํ เนสํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๖๖) สนฺถตวิสฺสชฺชนวตฺถุสฺมึ ปฺตฺตํ. กิริยากิริยตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส ‘‘เสสํ ตติยสทิสเมวา’’ติ วุตฺตํ, ทฺเวภาคสิกฺขาปทสทิสเมวาติ อตฺโถ. อยํ ปน วิเสโส – ปุราณสนฺถตสฺส ¶ สามนฺตา สุคตวิทตฺถิยา อาทาย กรเณ, อลภนฺตสฺส โถกตรํ อาทาย กรเณ, สพฺพถา อลภนฺตสฺส อนาทาย กรเณ จ อนาปตฺตีติ. องฺเคสุ ปเนตฺถ ปมงฺคปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิอนาทิยนาติ ทฏฺพฺพํ.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ¶ อทฺธานเมว มคฺโค อทฺธานมคฺโค, ตํ ปฏิปนฺนสฺสาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อทฺธานสงฺขาต’’นฺติอาทิ. อทฺธานสทฺเทน วิเสสิตตฺตา ปน ‘‘ทีฆมคฺค’’นฺติ วุตฺตํ. อทฺธานคมนสมยสฺส วิภงฺเค ‘‘อทฺธโยชนํ คจฺฉิสฺสามีติ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๒๑๘) อทฺธโยชนมฺปิ อทฺธานมคฺโค โหติ. เอฬกโลมานิ เจตานิ อทฺธานมคฺคโต อฺตฺถ อุปฺปนฺนานิ ปฏิคฺคเหตุํ น วฏฺฏนฺติ, ยโต ‘‘อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺสา’’ติอาทิกํ วุตฺตนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘สพฺพฺเจต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ สพฺพฺเจตนฺติ ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติอาทิกํ เอตํ สพฺพํ. วตฺถุมตฺตทีปนเมวาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภิกฺขุโน โกสเลสุ ชนปเท สาวตฺถึ คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามคฺเค เอฬกโลมานิ อุปฺปชฺชึสู’’ติอาทิกสฺส (ปารา. ๕๗๑) วตฺถุมตฺตสฺส ทีปนเมว. ยตฺถ กตฺถจีติ อทฺธานโต อฺตฺถาปิ ยตฺถ กตฺถจิ าเนสุ. สหตฺถาติ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘สหตฺเถนา’’ติ. ลกฺขณวจนฺเจตํ, ตสฺมา เยน เกนจิ สรีราวยเวนาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘อตฺตนา หริตพฺพานีติ อตฺโถ’’ติ. อสนฺเต หารเกติ เอตฺถ ปทานํ อนฺโตคธาวธารณโต อวธารณตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อสนฺเตเยวา’’ติอาทิ.
เอตฺถ จ ‘‘อิมานิ เม, ภนฺเต, เอฬกโลมานิ ติโยชนํ อติกฺกามิตานิ นิสฺสคฺคิยานี’’ติอาทินา (ปารา. ๕๗๓) นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ. ติกปาจิตฺติยนฺติ อติเรกติโยชเน อติเรกติโยชนสฺิเวมติกอูนกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. วาสาธิปฺปาเยน คนฺตฺวา ตโต ปรํ หรเณติ ยตฺถ คโต, ตตฺถ อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ วา ปจฺจยาทีนํ วา อลาเภน ตโต ปรํ อฺตฺถ หรเณ, ตโตปิ อฺตฺถาติ เอวํ โยชนสตมฺปิ หรเณ อนาปตฺติ. อจฺฉินฺนํ วา นิสฺสฏฺํ วาติ โจเรหิ อจฺฉินฺนํ วา วินยกมฺมกตํ วา. กตภณฺฑนฺติ กตํ ภณฺฑํ กมฺพลโกชวสนฺถตาทิ ยํ กิฺจิ อนฺตมโส สุตฺตเกน พทฺธมตฺตมฺปิ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิ. โย ปน ตนุกปตฺตตฺถวิกนฺตเร (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๗๕) วา อาโยคอํสพทฺธกกายพนฺธนาทีนํ ¶ อนฺตเรสุ วา ปิปฺผลิกาทีนํ มลรกฺขณตฺถํ สิปาฏิกายํ วา อนฺตมโส วาตาพาธิโก กณฺณจฺฉิทฺเทปิ โลมานิ ปกฺขิปิตฺวา คจฺฉติ ¶ , อาปตฺติเยว. สุตฺตเกน ปน พนฺธิตฺวา ปกฺขิตฺตํ กตภณฺฑฏฺาเน ติฏฺติ, เวณึ กตฺวา หรติ, อิทํ นิธานมุขํ นาม, อาปตฺติเยว.
ปมปฺปฏิลาโภติ อตฺตโน อตฺถาย เอฬกโลมานํ ปมุปฺปตฺติ. เอเตน อจฺฉินฺนนิสฺสฏฺปฺปฏิลทฺธานํ ปฏิกฺเขโป. อฺสฺส อชานนฺตสฺส ยาเน ปกฺขิปิตฺวาติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๗๒) คจฺฉนฺเต รถาทิเก วา หตฺถิปิฏฺิอาทีสุ วา สามิกสฺส อชานนฺตสฺเสว ‘‘หริสฺสตี’’ติ ปกฺขิปิตฺวา. อคจฺฉนฺเตปิ เอเสว นโย. สเจ ปน อคจฺฉนฺเต รถาทิมฺหิ วา หตฺถิปิฏฺิอาทีสุ วา เปตฺวา อาโรหิตฺวา สาเรติ, เหฏฺา วา คจฺฉนฺโต โจเทติ, ปกฺโกสนฺโต วา อนุพนฺธาเปติ, ‘‘อฺํ หราเปตี’’ติ (ปารา. ๕๗๕) วจนโต อนาปตฺติ. เอตฺถ จ ‘‘อชานนฺตสฺส ยาเน’’ติ อิมินา ชานนฺตสฺส เจ ยาเน ปกฺขิปติ, อฺํ หราเปติ นามาติ ทสฺเสติ. อหรณปจฺจาหรณนฺติ หรณปจฺจาหรณานมภาโว.
เอฬกโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
สกฺเกสูติ ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๗) อุทานํ ปฏิจฺจ ‘‘สกฺยา’’ติ ลทฺธนามานํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิสทฺเทน ‘‘สกฺกา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ สกฺเกสุ ชนปเท. ฉพฺพคฺคิยา นาม ปณฺฑุกโลหิตกาทโย ฉมูลกา, เตสํ สิสฺสา จ.
เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา
รชตนฺติ น เกวลํ รูปิยเมว อิธาธิปฺเปตํ, อถ โข ยํ กิฺจิ โวหารคมนียํ กหาปณาทิ จ เอตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. ตตฺถ กหาปโณติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๕๘๔) สุวณฺณมโย วา รูปิยมโย วา ปากติโก วา. โลหมาสโก นาม ตมฺพโลหาทีหิ กตมาสโก. ทารุมาสโก นาม สารทารุนา วา เวฬุเปสิกาย วา ¶ อนฺตมโส ตาลปณฺเณนปิ ¶ รูปํ ฉินฺทิตฺวา กตมาสโก. ชตุมาสโก นาม ลาขาย วา นิยฺยาเสน วา รูปํ สมุฏฺาเปตฺวา กตมาสโก. ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา ปน ปเทน โย โย ยตฺถ ยตฺถ ชนปเท ยทา ยทา โวหารํ คจฺฉติ, อนฺตมโส อฏฺิมโยปิ จมฺมมโยปิ รุกฺขผลพีชมโยปิ สมุฏฺาปิตรูโปปิ อสมุฏฺาปิตรูโปปิ สพฺโพ สงฺคหิโต. ตเทวาติ ชาตรูปรชตเมว. หิรฺํ นาม กหาปโณ.
‘‘สาทิยตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘คณฺหิตุกาโม โหตี’’ติ. น เกวลํ กายวาจาหิ ปฏิกฺขิตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ โหติ, อถ โข มนสาปิ ปฏิกฺขิตฺตํ ปฏิกฺขิตฺตเมว โหตีติ อาห ‘‘กายวาจาหี’’ติอาทิ. สเจ ปน กายวาจาหิ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา จิตฺเตน อธิวาเสติ, กายวาจาหิ กตฺตพฺพสฺส ปฏิกฺเขปสฺส อกรณโต อกิริยสมุฏฺานํ กายวจีทฺวาเร อาปตฺตึ อาปชฺชติ. มโนทฺวาเร ปน อาปตฺติ นาม นตฺถิ.
เอโก สตํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๓-๕๘๔) วา สหสฺสํ วา ปาทมูเล เปติ ‘‘ตุยฺหิทํ โหตู’’ติ, ภิกฺขุ ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. อุปาสโก ‘‘ปริจฺจตฺตํ มยา ตุมฺหาก’’นฺติ คโต, อฺโ ตตฺถ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กึ, ภนฺเต, อิท’’นฺติ. ยํ เตน จ อตฺตนา จ วุตฺตํ, ตํ อาจิกฺขิตพฺพํ. โส เจ วทติ ‘‘โคเปสฺสามิ, ภนฺเต, คุตฺตฏฺานํ ทสฺเสถา’’ติ, สตฺตภูมิกมฺปิ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อิทํ คุตฺตฏฺาน’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํ, ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ น วตฺตพฺพํ. เอตฺตาวตา กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตํ โหติ, ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รกฺขนฺเตน วสิตพฺพํ. สเจ กิฺจิ วิกฺกายิกภณฺฑํ ปตฺตํ วา จีวรํ วา อาคจฺฉติ, ‘‘อิทํ คเหสฺสถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อุปาสก, อตฺถิ อมฺหากํ อิมินา อตฺโถ, วตฺถุ จ เอวรูปํ นาม สํวิชฺชติ, กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ โส วทติ ‘‘อหํ กปฺปิยการโก ภวิสฺสามิ, ทฺวารํ วิวริตฺวา เทถา’’ติ, ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ปิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ, ‘‘อิมํ คณฺหา’’ติ น วตฺตพฺพํ. เอวฺจ กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ นิสฺสาย ิตเมว โหติ. โส เจตํ คเหตฺวา ตสฺส กปฺปิยภณฺฑํ เทติ, วฏฺฏติ. สเจ อธิกํ คณฺหาติ, ‘‘น มยํ ตว ภณฺฑํ คณฺหาม, นิกฺขมาหี’’ติ วตฺตพฺโพ.
สงฺฆมชฺเฌเยว ¶ นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา รูปิยํ นาม อกปฺปิยํ, ตสฺมา ‘‘นิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา’’ติ น วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ปฏิคฺคหิตมตฺตเมว, น เตน กิฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตํ, ตสฺมา อุปาเยน ปริโภคทสฺสนตฺถํ ‘‘สงฺฆมชฺเฌเยว นิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน เตลาทีนํ คหณํ. โสติ โย คหฏฺโ ‘‘สปฺปิ ¶ วา เตลํ วา วฏฺฏติ อุปาสกา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต, โส. อฺเน ลภิตฺวาติ ภิกฺขุนา วา อารามิเกน วา อตฺตโน วสฺสคฺเคน ลภิตฺวา. ตโต นิพฺพตฺตรุกฺขจฺฉายาปีติ นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา อาหฏพีชโต นิพฺพตฺตรุกฺขปริจฺเฉเทน ิตจฺฉายาปิ, ปริจฺเฉทาติกฺกนฺตา ปน อาคนฺตุกตฺตา วฏฺฏติ. โน เจ ฉฑฺเฑตีติ อถ เนว คเหตฺวา คจฺฉติ, น ฉฑฺเฑติ, ‘‘กึ มยฺหํ อิมินา พฺยาปาเรนา’’ติ เยนกามํ ปกฺกมติ. ปฺจงฺคสมนฺนาคโต ‘‘โย น ฉนฺทาคตึ คจฺเฉยฺย, น โทสาคตึ คจฺเฉยฺย, น โมหาคตึ คจฺเฉยฺย, น ภยาคตึ คจฺเฉยฺย, ฉฑฺฑิตาฉฑฺฑิตฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (ปารา. ๕๘๔) เอวํ วุตฺตปฺจงฺเคหิ สมนฺนาคโต. สมฺมนฺนิตพฺโพติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ รูปิยฉฑฺฑกํ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติอาทินา ปทภาชเน วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺโพ.
อนิมิตฺตํ กตฺวา คูถํ วิย ฉฑฺเฑตพฺพนฺติ ปติตฏฺานํ สลฺลกฺขณวเสน นิมิตฺตํ อกตฺวา คูถํ วิย ฉฑฺเฑตพฺพํ, อกฺขีนิ นิมีเลตฺวาว นทิยา วา ปปาเต วา วนคหเน วา คูถํ วิย อนเปกฺเขน ปติโตกาสํ อสมนฺนาหรนฺเตน ปาเตตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘คูถํ วิย ฉฑฺเฑตพฺพ’’นฺติ. ติกปาจิตฺติยนฺติ รูปิยสฺิเวมติกอรูปิยสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. อรูปิเย รูปิยสฺิโนติ ขรปตฺตาทีสุ สุวณฺณาทิสฺิโน. รตนสิกฺขาปทนเยนาติ ‘‘อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา’’ติ (ปาจิ. ๕๐๕) เอตฺถ วุตฺตวิธินา.
ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
กตาทิวเสนาติ ¶ กตอกตกตากตวเสน. สุวณฺณาทิจตุพฺพิธมฺปิ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ อิธ รูปิยคฺคหเณน คหิตนฺติ อาห ‘‘ชาตรูปรชตปริวตฺตน’’นฺติ. อิทฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ปุริมสิกฺขาปเทน หี’’ติอาทิ. ปริวตฺตนนฺติ สาทิตรูปิยสฺส ปริวตฺตนํ. ปุริมนยานุสาเรนาติ ‘‘อหํ, ภนฺเต, นานปฺปการกํ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชึ, อิทํ เม นิสฺสคฺคิย’’นฺติอาทินา (ปารา. ๕๘๙).
รูปิยสํโวหารวตฺถุสฺมินฺติ ปฏิคฺคหณสฺเสว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ปฏิคฺคหิตปริวตฺตเน โทสํ อทิสฺวา รูปิยปริวตฺตเน. ตสฺส วาติ ปริวตฺติตสฺส วา. ธนสฺส วาติ อตฺตโน มูลธนสฺส วา ¶ . อตฺตโน วา หิ อรูปิเยน ปรสฺส รูปิยํ เจตาเปยฺย, อตฺตโน วา รูปิเยน ปรสฺส อรูปิยํ, อุภยถาปิ รูปิยสํโวหาโร กโตว โหตีติ.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา
รูปิยสํโวหารสฺส ปน เหฏฺาสิกฺขาปเทน คหิตตฺตา กปฺปิยภณฺฑานเมเวตฺถ คหณนฺติ อาห ‘‘จีวราทีน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ จีวราทีนํ กปฺปิยภณฺฑานนฺติ อนฺตมโส ทสิกสุตฺตํ อุปาทาย จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยานํ เยสํ เกสฺจิ กปฺปิยภณฺฑานํ. กยํ นาม ปรภณฺฑสฺส คหณํ. วิกฺกยํ นาม อตฺตโน ภณฺฑสฺส ทานํ. เตนาห ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’’ติอาทิ. ปรสฺสาติ เปตฺวา ปฺจ สหธมฺมิเก อฺสฺส. เอตฺถ จ ‘‘อหํ, ภนฺเต, นานปฺปการกํ กยวิกฺกยํ สมาปชฺชึ, อิทํ เม นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามี’’ติอาทินา (ปารา. ๕๙๕) นเยน นิสฺสชฺชิตพฺพํ. เตนาห ‘‘วุตฺตลกฺขณวเสนา’’ติอาทิ. นนุ เจตฺถ จีวรโธวเน วา เกสจฺเฉทเน วา ภูมิโสธนาทินวกมฺเม วา ปรภณฺฑํ อตฺตโน หตฺถคตํ นิสฺสชฺชิตพฺพํ นาม นตฺถิ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘อสนฺเต ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพเมวา’’ติ. ยถา นิสฺสคฺคิยวตฺถุมฺหิ ปริภุตฺเต วา นฏฺเ วา ปาจิตฺติยํ เทเสติ, เอวํ อิธาปิ เทเสตพฺพเมวาติ อธิปฺปาโย.
อิทํ ¶ อมฺหากํ อตฺถีติ อิทํ ปฏิคฺคหิตํ เตลํ วา สปฺปิ วา อมฺหากํ สํวิชฺชติ. อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ อตฺโถติ อมฺหากฺจ ตทฺเน อิมินา จ อิมินา จ อปฺปฏิคฺคหิตเกน อตฺโถ. ‘‘รูปิยสํโวหาเร วุตฺตนยเมวา’’ติ อิมินา ‘‘ติกปาจิตฺติยํ อกยวิกฺกเย กยวิกฺกยสฺิโน จ เวมติกสฺส จ ทุกฺกฏ’’นฺติ อิมํ นยมติทิสติ.
กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอฬกโลมวคฺโค ทุติโย.
๓. ปตฺตวคฺโค
๑. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
อวิกปฺปิโตติ ¶ ‘‘อิมํ ปตฺตํ ตุยฺหํ วิกปฺเปมี’’ติอาทินา นเยน อวิกปฺปิโต. อฑฺฒาฬฺหโกทนํ คณฺหาตีติ มคธนาฬิยา ทฺวินฺนํ ตณฺฑุลนาฬีนํ โอทนํ คณฺหาติ. ‘‘มคธนาฬิ นาม อฑฺฒเตรสปลา โหตี’’ติ อนฺธกฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘สีหฬทีเป ปกตินาฬิ มหนฺตา, ทมิฬนาฬิ ขุทฺทกา, มคธนาฬิ ปมาณยุตฺตา, ตาย มคธนาฬิยา ทิยฑฺฒนาฬิ เอกา สีหฬนาฬิ โหตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๐๒) มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. อนุตฺตณฺฑุลนฺติ ปากโต อุกฺกนฺตํ ตณฺฑุลํ อุตฺตณฺฑุลํ, น อุตฺตณฺฑุลํ อนุตฺตณฺฑุลํ. สพฺพสมฺภารสงฺขโตติ ชีรกาทิสพฺพสมฺภาเรหิ สงฺขโต. อาโลปสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณํ พฺยฺชนํ อาโลปสฺส อนุรูปพฺยฺชนํ.
เอวํ อุกฺกฏฺปตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มชฺฌิโมมกานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อุกฺกฏฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ นโย – สเจ นาฬิโกทนาทิ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ วุตฺตนเยเนว เหฏฺิมราชิสมํ ติฏฺติ, อยํ มชฺฌิโม นาม ปตฺโต. สเจ ตํ ราชึ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฏฺติ, อยํ มชฺฌิโมมโก นาม ปตฺโต. สเจ ตํ ราชึ น สมฺปาปุณาติ, อนฺโตคธเมว โหติ, อยํ มชฺฌิมุกฺกฏฺโ นาม ปตฺโต. สเจ ปตฺโตทนาทิ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ เหฏฺิมราชิสมํ ติฏฺติ, อยํ โอมโก นาม ปตฺโต. สเจ ตํ ราชึ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฏฺติ, อยํ โอมโกมโก นาม ปตฺโต. สเจ ตํ ราชึ ¶ น สมฺปาปุณาติ, อนฺโตคธเมว โหติ, อยํ โอมกุกฺกฏฺโ นาม ปตฺโตติ. เตนาห ‘‘เตสมฺปิ วุตฺตนเยเนว เภโท เวทิตพฺโพ’’ติ.
อิทานิ เตสุ อธิฏฺานวิกปฺปนานธิฏฺานาวิกปฺปนุปเค ทสฺเสตุํ ‘‘อิจฺเจเตสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺโติ อุกฺกฏฺโต อุกฺกฏฺโ. ตโต หิ โส ‘‘อปตฺโต’’ติ วุตฺโต. โอมโกมโกติ โอมกโต โอมโก. ตโต หิ โส ‘‘อปตฺโต’’ติ วุตฺโต. เอเต ปน ภาชนปริโภเคน ปริภฺุชิตพฺพา, น อธิฏฺานุปคา น วิกปฺปนุปคา, อิตเร ปน สตฺต อธิฏฺหิตฺวา วา วิกปฺเปตฺวา วา ปริภฺุชิตพฺพา. เตนาห ‘‘เสสา สตฺต ปตฺตา ปมาณยุตฺตา นามา’’ติ.
ตสฺมาติ ¶ ยสฺมา สตฺต ปตฺตา ปมาณยุตฺตา, ตสฺมา. สมณสารุปฺเปน ปกฺกนฺติ เอตฺถ อโยปตฺโต ปฺจหิ ปาเกหิ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๐๘) ปกฺโก สมณสารุปฺเปน ปกฺโก โหติ, มตฺติกาปตฺโต ทฺวีหิ ปาเกหิ. สเจ เอโก ปาโก อูโน โหติ, น อธิฏฺานุปโค. ยถา จ สมณสารุปฺเปน ปกฺโกเยว อธิฏฺานุปโค, ตถา อุโภปิ ยํ มูลํ ทาตพฺพํ, ตสฺมึ ทินฺเนเยว อธิฏฺานุปคา. ยทิ ปน อปฺปกมฺปิ อทินฺนํ โหติ, น อธิฏฺานุปคา. เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘กากณิกมตฺตํ นาม ทิยฑฺฒวีหี’’ติ วทนฺติ. สเจปิ ปตฺตสามิโก วทติ ‘‘ยทา ตุมฺหากํ มูลํ ภวิสฺสติ, ตทา ทสฺสถ, อธิฏฺหิตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ, เนว อธิฏฺานุปโค โหติ. ปากสฺส หิ อูนตฺตา ปตฺตสงฺขํ น คจฺฉติ. มูลสฺส สกลสฺส วา เอกเทสสฺส วา อทินฺนตฺตา สกภาวํ น อุเปติ, อฺสฺเสว สนฺตโก โหติ. ตสฺมา ปาเก จ มูเล จ นิฏฺิเตเยว อธิฏฺานุปโค โหติ. โย อธิฏฺานุปโค, สฺเวว วิกปฺปนุปโค จ. เตนาห ‘‘อปจฺจุทฺธรนฺเตนา’’ติอาทิ. อปจฺจุทฺธรนฺเตน วิกปฺเปตพฺโพติ ปุราณปตฺตํ อปจฺจุทฺธรนฺเตน นโว ปตฺโต วิกปฺเปตพฺโพติ อตฺโถ, เปตพฺโพติ อธิปฺปาโย. กงฺคุสิตฺถนฺติ สตฺตนฺนํ ธฺานํ ลามกธฺสิตฺถนฺติ อาห ‘‘กงฺคุสิตฺถนิกฺขมนมตฺเตน ฉิทฺเทนา’’ติ.
ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา
อสฺสาติ ¶ อิมสฺส ปตฺตสฺส. เตน อูนปฺจพนฺธเนนาติ เตน อูนปฺจพนฺธเนน ปตฺเตน อุปลกฺขิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. อูนปฺจพนฺธโน หิ ปตฺโต เอตฺถ ลกฺขณภาเวน คหิโต. เตเนวาห ‘‘อิตฺถมฺภูตสฺส ลกฺขเณ กรณวจน’’นฺติ. ตตฺถ อิตฺถมฺภูตสฺสาติ กฺจิ ปการํ ปตฺตสฺส. ลกฺขียเต อเนนาติ ลกฺขณํ, ตสฺมึ กรณวจนํ, ตติยาวิภตฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ปกาโร’’ติ จ สามฺสฺส เภทโก วิเสโส วุจฺจติ. ตถา หิ อูนปฺจพนฺธเนน ปตฺเตนาติ เอตฺถ ภิกฺขุภาวสามฺสฺส อูนปฺจพนฺธนปตฺตภาโว ปกาโร, ตํ ภิกฺขุ อาปนฺโน, ตสฺส ปตฺโต ลกฺขณํ. ยทิ อปริปุณฺณปฺจพนฺธโน ปตฺโต อูนปฺจพนฺธโน นาม โหติ, อถ กสฺมา อิมสฺส ปทภาชนิยํ อพนฺธโนปิ วุตฺโตติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตตฺถาติ วากฺโยปฺาเส. พนฺธโนกาเส สติ วา อสติ วา พนฺธนวิรหิโต ปตฺโต อพนฺธโน, ปฺจพนฺธนานํ โอกาโส อสฺสาติ ปฺจพนฺธโนกาโส. อปตฺโตติ ปตฺโต นาม น โหตีติ อตฺโถ, ปากติกํ กาตุํ อสมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ อฺสฺส วิฺาปเน การณวจนํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา อฺํ วิฺาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
พนฺธนฺจ ¶ นาเมตํ ยสฺมา พนฺธโนกาเส สติ โหติ, อสติ น โหติ, ตสฺมา ตสฺส ลกฺขณํ, พนฺธนวิธิฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมึ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มุขวฏฺฏิสมีเป ปน ปตฺตเวธเกน วิชฺฌิยมาเน กปาลสฺส พหลตฺตา ภิชฺชติ, ตสฺมา เหฏฺา วิชฺฌิตพฺโพ. เตนาห ‘‘เหฏฺิมปริยนฺเต’’ติอาทิ. สุขุมํ วา ฉิทฺทํ กตฺวา พนฺธิตพฺโพติ สุขุเม ฉิทฺเท ติปุปฏฺฏาทีหิ ปโยชนํ นตฺถิ, สุตฺตํ ปกฺขิปิตฺวาว อธิฏฺาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. น เกวลํ ติปุสุตฺตกาทินาว พนฺธิตพฺโพติ อาห ‘‘ผาณิต’’นฺติอาทิ. ผาณิตํ ฌาเปตฺวา ปาสาณจุณฺเณนาติ ปาสาณจุณฺเณน สทฺธึ ผาณิตํ ปจิตฺวา ตถาปกฺเกน ปาสาณจุณฺเณนาติ อตฺโถ. นิสฺสชฺชิตพฺโพติ ‘‘อยํ เม, ภนฺเต, ปตฺโต อูนปฺจพนฺธเนน ปตฺเตน เจตาปิโต นิสฺสคฺคิโย, อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามี’’ติ (ปารา. ๖๑๓) นิสฺสชฺชิตพฺโพ. เตนาห ‘‘นิสฺสชฺชนฺเตนา’’ติอาทิ. สมฺมเตนาติ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ ปตฺตคฺคาหาปกํ สมฺมนฺเนยฺย, เอสา ตฺติ ¶ . สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, สงฺโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ ปตฺตคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติ, ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ปตฺตคฺคาหาปกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส. ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย. สมฺมโต สงฺเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ปตฺตคฺคาหาปโก, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (ปารา. ๖๑๔) –
เอวํ ปทภาชเน วุตฺตาย ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมเตน. ปตฺตสฺส วิชฺชมานคุณํ วตฺวาติ ‘‘อยํ, ภนฺเต, ปตฺโต ปมาณยุตฺโต สุนฺทโร เถรานุรูโป’’ติอาทินา (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๑๕) วิชฺชมานานิสํสํ วตฺวา. ปตฺตปริยนฺโตติ ปริยนฺเต ิตปตฺโต. อเทเสติ มฺจปีจฺฉตฺตนาคทนฺตกาทิเก อเทเส. ปตฺตสฺส หิ นิกฺขิปนเทโส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาธารก’’นฺติอาทินา นเยน ขนฺธเก วุตฺโตเยว. อปริโภเคนาติ ยาคุรนฺธนรชนปจนาทินา อยุตฺตปริโภเคน. อนฺตรามคฺเค ปน พฺยาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน อฺสฺมึ ภาชเน อสติ มตฺติกาย ลิมฺปิตฺวา ยาคุํ ปจิตุํ, อุทกํ วา ตาเปตุํ วฏฺฏติ. วิสฺสชฺเชตีติ อฺสฺส เทติ. สเจ ปน สทฺธิวิหาริโก วา อนฺเตวาสิโก วา อฺํ วรปตฺตํ เปตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ สารุปฺโป, อยํ เถรสฺสา’’ติ คณฺหาติ, วฏฺฏติ. อฺโ วา ตํ คเหตฺวา อตฺตโน ปตฺตํ เทติ, วฏฺฏติ. ‘‘มยฺหเมว ปตฺตํ อาหรา’’ติ วตฺตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ.
าตกปฺปวาริเตติ เอตฺถ สงฺฆวเสน ปวาริตฏฺาเน ปฺจพนฺธเนเนว วฏฺฏติ, ปุคฺคลวเสน ปน ปวาริตฏฺาเน ¶ อูนปฺจพนฺธเนนาปิ. อกตวิฺตฺติ นาม ‘‘วท, ภนฺเต, ปจฺจเยนา’’ติ เอวํ อกตฏฺาเน วิฺตฺติ.
อูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
อุคฺคเหตฺวาติ อุคฺคหิตกํ กตฺวา, อปฺปฏิคฺคหิตํ สยเมว คเหตฺวาติ อตฺโถ. สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติกตา เจตฺถ อนชฺโฌหรณียตํ อาปนฺนตฺตาติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา เอเตน อิทํ ทสฺสิตํ โหตีติ อาห ‘‘ตานิ หี’’ติอาทิ. ภิสกฺกสฺส อิมานิ เตน อนฺุาตตฺตาติ เภสชฺชานิ, เยสํ ¶ เกสฺจิ สปฺปายานเมตํ อธิวจนํ. เตนาห ‘‘เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา, มา วา, เอวํ ลทฺธโวหารานี’’ติ. อิทานิ สตฺตาหกาลิกํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุภูตํ สปฺปินวนีตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สปฺปิ นาม ควาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน อชิกาทีนํ คหณํ. ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิมินา ปากเฏหิ โคอชิกาทีหิ อฺานิปิ มิคโรหิตาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เยสฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิปิ เตสํ อตฺถิเยว. ตํ ปน สุลภํ วา โหตุ, ทุลฺลภํ วา, อสํโมหตฺถํ วุตฺตํ. มกฺขิกามธุเมวาติ ขุทฺทกภมรมธุกรีหิ ตีหิ มกฺขิกาหิ กตํ มธุเมว. อุจฺฉุรสนฺติ สุทฺโธทกสมฺภินฺนานํ วเสน ทุวิธมฺปิ อุจฺฉุรสํ. ‘‘อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) ปน อุทฺทิสฺส อนฺุาตตฺตา อุทกสมฺภินฺโน อคิลานสฺส วฏฺฏติ. ‘‘อวตฺถุกปกฺกา วา’’ติ อิมินา สวตฺถุกปกฺกา น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘เอตํ สวตฺถุกปกฺกํ วฏฺฏติ, โน วฏฺฏตีติ ปุจฺฉํ กตฺวา อุจฺฉุผาณิตํ ปจฺฉาภตฺตํ โนวฏฺฏนกํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตนฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) วุตฺตํ. อุจฺฉุวิกตีติ อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตา รสลสิกาทิกา. ปกตตฺตานํ ปฏินิทฺเทสตฺตา ตํ-สทฺทสฺส เตน ปกตานํ เภสชฺชานํ เอว คหณํ, น เตสํ วตฺถูนนฺติ อาห ‘‘ตานิ เภสชฺชานี’’ติอาทิ. น เตสํ วตฺถูนีติ เตสํ สปฺปิอาทีนํ การณานิ ขีราทีนิ อปฺปฏิคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ.
วสาเตลนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ อนฺุาตวสานํ เตลํ. ยานีติ ยานิ เภสชฺชานิ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวสํ กาเล ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ ¶ กาเล สํสฏฺํ เตลปริโภเคน ปริภฺุชิตุ’’นฺติ เอวํ เตลตฺถํ วสาปฏิคฺคหณสฺส อนฺุาตตฺตา ‘‘วสาเตลํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กาเลติ ปุเรภตฺตํ. สํสฏฺนฺติ ปริสฺสาวิตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อนฺุาตํ, ตสฺมา. ‘‘อจฺฉวส’’นฺติ วจเนน เปตฺวา มนุสฺสวสํ สพฺเพสํ อกปฺปิยมํสานํ วสาย อนฺุาตตฺตา ‘‘เปตฺวา มนุสฺสวส’’นฺติ วุตฺตํ.
สามํ ปจิตฺวาติ กาเลเยว สามํ ปจิตฺวา. นิพฺพตฺติตเตลมฺปีติ กาเลเยว อตฺตนา วิเวจิตเตลมฺปิ. ติวิธมฺปิ เจตํ กาเลเยว วฏฺฏติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล ¶ สํสฏฺํ, ตํ เจ ปริภฺุเชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ. ปจฺฉาภตฺตํ ปน ปฏิคฺคเหตุํ วา กาตุํ วา น วฏฺฏติเยว. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘วิกาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตํ เจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฏานํ. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตํ เจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฏานํ. กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฏฺํ, ตํ เจ ปริภฺุเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๒). ‘‘สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคน วฏฺฏตี’’ติ อิมินา ปน ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฏฺํ เตลปริโภเคน ปริภฺุชิตุ’’นฺติ อิทํ นิรามิสปริโภคํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ.
ยํ ปเนตฺถ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๓) สุขุมรชสทิสํ มํสํ วา นฺหารุ วา อฏฺิ วา โลหิตํ วา โหติ, ตํ อพฺโพหาริกํ. สเจ ปน อนุปสมฺปนฺโน ตาย ปฏิคฺคหิตวสาย เตลํ กตฺวา เทติ, ตํ กถนฺติ อาห ‘‘อนุปสมฺปนฺเนนา’’ติอาทิ. ตทหูติ ยสฺมึ อหนิ ปฏิคฺคหิตํ, ตทหุ. ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺาย ปน สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฏฺฏติ. ตตฺราปิ อพฺโพหาริกํ อพฺโพหาริกเมว. ยาวกาลิกวตฺถูนํ อฺเสํ วตฺถุํ ปจิตุํ น วฏฺฏตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ยาวกาลิกวตฺถูนนฺติ ยาวกาลิกํ วตฺถุ เอเตสนฺติ ยาวกาลิกวตฺถูนิ, เตสํ, ยาวกาลิกวตฺถุมนฺตานนฺติ อตฺโถ. อฺเสนฺติ วสาเตลโต อฺเสํ สปฺปิอาทีนํ. วตฺถุนฺติ ขีราทิกํ ยาวกาลิกภูตํ วตฺถุํ, ปจิตุํ น วฏฺฏติเยว, สามํปากตฺตาติ อธิปฺปาโย.
นิพฺพตฺติตสปฺปึ วาติ ยาวกาลิกวตฺถุโต วิเวจิตสปฺปึ วา. ยถา ตตฺถ ทธิคตํ วา ตกฺกคตํ วา ขยํ คมิสฺสติ, เอวํ ฌาปิตํ วาติ อตฺโถ. นวนีตํ วาติ ตกฺกพินฺทูนิปิ ทธิคุฬิกาโยปิ อปเนตฺวา สุโธตนวนีตํ ปจิตุํ วฏฺฏติ สามํปกฺกาภาวโตติ อธิปฺปาโย. ยทิ สยํปจิตสตฺตาหกาลิเกน สทฺธึ อามิสํ ภฺุชติ, ตํ อามิสํ สยํปจิตสตฺตาหกาลิเกน มิสฺสิตํ อตฺตโน ยาวกาลิกภาวํ สตฺตาหกาลิเกน คณฺหาเปติ. ตถา ¶ จ ยาวกาลิกํ อปกฺกมฺปิ สยํปกฺกภาวํ อุปคจฺฉตีติ ‘‘ตํ ปน ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ สามิสํ ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ยถา สยํปกฺกสตฺตาหกาลิกํ วสาเตลํ, สยํภชฺชิตสาสปาทิยาวชีวิกวตฺถูนํ เตลฺจ สามิสํ ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ น วฏฺฏติ, ตถา นวนีตสปฺปีติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺจ –
‘‘ยาวกาลิกอาทีนิ ¶ , สํสฏฺานิ สหตฺตนา;
คาหาปยนฺติ สพฺภาว’’นฺติ จ;
‘‘เตเหว ภิกฺขุนา ปตฺตํ, กปฺปเต ยาวชีวิกํ;
นิรามิสํว สตฺตาหํ, สามิเส สามปากตา’’ติ จ.
ขีราทิโตติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ติลาทีนํ คหณํ. สามิสานิปีติ น เกวลํ นิรามิสาเนวาติ อตฺโถ. ปจฺฉาภตฺตโต ปน ปฏฺาย น วฏฺฏนฺติเยว. สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ สวตฺถุกานํ ปฏิคฺคหิตตฺตา. ‘‘ตานิ ปฏิคฺคเหตฺวา’’ติ (ปารา. ๖๒๒) หิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺายา’’ติอาทิ. ปจฺฉาภตฺตํ ปฏิคฺคหิตเกหิ กตํ ปน อพฺภฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, ปุเรภตฺตมฺปิ จ อุคฺคหิตเกหิ กตํ. อุภเยสมฺปิ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ. อนฺโตสตฺตาเหติ สตฺตาหพฺภนฺตเร. อพฺภฺชนาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน มุทฺธนิเตลอรุมกฺขนฆรธูปนาทีนํ คหณํ. อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘อิทานิ น มยฺหํ อชฺโฌหรณตฺถาย ภวิสฺสติ, อิทํ สปฺปิ จ เตลฺจ วสา จ มุทฺธนิเตลตฺถํ วา อพฺภฺชนตฺถํ วา ภวิสฺสติ, มธุ อรุมกฺขนตฺถํ วา ผาณิตํ ฆรธูปนตฺถํ วา ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา.
โก ปเนตฺถ ยาวกาลิกยาวชีวิกวตฺถูสุ วิเสโสติ อาห ‘‘ยาวชีวิกานี’’ติอาทิ. ยาว อรุณสฺส อุคฺคมนา ติฏฺตีติ สตฺตมทิวเส กตเตลํ สเจ ยาว อรุณุคฺคมนา ติฏฺตีติ อตฺโถ. ปาฬิยํ อนาคตสปฺปิอาทีนนฺติ เอตฺถ ตาว มิคโรหิตาทีนํ สปฺปิ ปาฬิยํ อนาคตสปฺปิ, ตถา นวนีตํ, นาฬิเกรนิมฺพโกสมฺพกรมนฺทสาสปอาทีนํ เตลํ ปน ปาฬิยํ อนาคตเตลํ, ตถา มธุกปุปฺผผาณิตํ ปาฬิยํ อนาคตผาณิตนฺติ เวทิตพฺพํ. น สพฺพํ มธุกปุปฺผผาณิตํ ผาณิตคติกนฺติ อาห ‘‘สีตุทเกนา’’ติอาทิ. สีตุทเกน กตนฺติ มธุกปุปฺผานิ สีตุทเก ปกฺขิปิตฺวา อมทฺทิตฺวา ปุปฺผรเส อุทกคเต สติ ตํ อุทกํ คเหตฺวา ปจิตฺวา กตํ. ‘‘ผาณิตคติกเมวา’’ติ อิมินา สตฺตาหกาลิกนฺติ ทสฺเสติ, น ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุนฺติ. ตสฺมา สตฺตาหํ อติกฺกามยโต ทุกฺกฏนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ สมนฺตปาสาทิกายํ สีตุทเกน กตํ มธุกปุปฺผผาณิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสํ วฏฺฏติ ¶ , ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺาย ¶ สตฺตาหํ นิรามิสเมว, สตฺตาหาติกฺกเม วตฺถุคณนาย ทุกฺกฏ’’นฺติ. สเจ ปน ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ, ยาวกาลิกํ. ขณฺฑสกฺขรํ ปน ขีรชลฺลิกํ อปเนตฺวา โสเธนฺติ, ตสฺมา วฏฺฏติ, อมฺพชมฺพุปนสกทลิขชฺชุริจิฺจาทีนํ สพฺเพสํ ยาวกาลิกผลานํ ผาณิตํ ยาวกาลิกเมวาติ อาห ‘‘อมฺพผาณิตาทีนิ ยาวกาลิกานี’’ติ.
กายิกปริโภคํ วฏฺฏตีติ กายสฺส วา กาเย อรุโน วา มกฺขนํ วฏฺฏติ, อชฺโฌหริตุํ ปน น วฏฺฏติ. ยนฺติ สตฺตาหาติกฺกนฺตํ เภสชฺชํ. นิรเปกฺโข ปริจฺจชิตฺวาติ อนเปกฺโข สามเณรสฺส ทตฺวา. ตนฺติ เอวํ ปริจฺจชิตฺวา ปุน ลทฺธเภสชฺชํ. เอวฺหิ ทินฺนํ เภสชฺชํ สเจ โส สามเณโร อภิสงฺขริตฺวา วา อนภิสงฺขริตฺวา วา ตสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย, คเหตฺวา นตฺถุกมฺมํ วา กาตพฺพํ, อฺํ วา กฺจิ ปริโภคํ. เตนาห ‘‘อชฺโฌหริตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. สเจ โส พาโล โหติ, ทาตุํ น ชานาติ, อฺเน ภิกฺขุนา วตฺตพฺโพ ‘‘อตฺถิ เต, สามเณร, เภสชฺช’’นฺติ, ‘‘อาม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ. ‘‘อาหร, เถรสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามา’’ติ, เอวมฺปิ วฏฺฏติ. วตฺถุคณนายาติ สปฺปิอาทิวตฺถุคณนาย เจว สปฺปิปิณฺฑาทิวตฺถุคณนาย จ. มิสฺสิเตสุ ปน เอกํ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, เภสชฺชํ สตฺตาหาติกฺกนฺตํ นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามี’’ติ (ปารา. ๖๒๓) นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ.
สาธารณปฺตฺติ. สตฺตาหํ อนติกฺกนฺเตปิ อติกฺกนฺตสฺิโน เจว เวมติกสฺส จ ทุกฺกฏํ. อติกฺกนฺเต อนติกฺกนฺตสฺิโนปิ เวมติกสฺสปิ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมว, ตถา อนธิฏฺิตาวิสฺสชฺชิตานฏฺาวินฏฺาทฑฺฒาวิลุตฺเตสุ อธิฏฺิตาทิสฺิโน. อนฺโตสตฺตาหํ อธิฏฺิเต, วิสฺสชฺชิเต, นฏฺเ, วินฏฺเ, ทฑฺเฒ, อจฺฉินฺเน, วิสฺสาเสน คหิเต อุมฺมตฺตกาทีนฺจ อนาปตฺติ. อาจารวิปตฺติ. สปฺปิอาทีนํ อตฺตโน สนฺตกตา, คณนุปคตา, สตฺตาหาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ. กถินสมุฏฺานํ, อกิริยํ, โนสฺาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนํ. เตนาห ‘‘เสสํ จีวรวคฺคสฺส ปมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ (กงฺขา. อฏฺ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา).
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา
ปจฺฉิมมาสสฺส ¶ ¶ ปมทิวสโต ปฏฺายาติ เชฏฺมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย. ตาวาติ ตาว ปริมาเณ กาเล. เชฏฺมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ยาว กตฺติกปุณฺณมา, อิมสฺมึ ปฺจมาเสติ อตฺโถ. กาโล วสฺสิกสาฏิกายาติอาทินาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘สมโย วสฺสิกสาฏิกาย, อฺเปิ มนุสฺสา วสฺสิกสาฏิกจีวรํ เทนฺตี’’ติ (ปารา. ๖๒๘) อิเมสํ คหณํ. เทถ เม วสฺสิกสาฏิกจีวรนฺติอาทิกายาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ปน ‘‘อาหรถ เม วสฺสิกสาฏิกจีวรํ, ปริวตฺเตถ เม วสฺสิกสาฏิกจีวรํ, เจตาเปถ เม วสฺสิกสาฏิกจีวร’’นฺติ อิเมสํ คหณํ. อตฺตโน อฺาตกอปฺปวาริเตสุ ตทุภยํ กโรนฺตสฺส กึ โหตีติ อาห ‘‘อฺาตกอปฺปวาริตฏฺาเน’’ติอาทิ. ‘‘วตฺตเภเท ทุกฺกฏ’’นฺติ อิทํ วสฺสิกสาฏิกํ ปุพฺเพ อเทนฺเต สนฺธาย วุตฺตํ. เย ปน ปุพฺเพปิ เทนฺติ, เตสุ วตฺตเภโท นตฺถิ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘เย มนุสฺสา ปุพฺเพปิ วสฺสิกสาฏิกจีวรํ เทนฺติ, อิเม ปน สเจปิ อตฺตโน อฺาตกอปฺปวาริตา โหนฺติ, วตฺตเภโท นตฺถิ เตสุ สตุปฺปาทกรณสฺส อนฺุาตตฺตา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๘). อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อฺาตกํ คหปตึ วา คหปตานึ วา จีวรํ วิฺาเปยฺย อฺตฺร สมยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๕๑๘) อิมินา สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. อิทํ ปน ปกติยา วสฺสิกสาฏิกทายเกสุปิ โหติเยว.
คิมฺหานํ ปจฺฉิมทฺธมาสสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ เอตฺถ เชฏฺมูลกาฬปกฺขูโปสถสฺส ปจฺฉิมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ยาว อาสาฬฺหิปุณฺณมา, อยมทฺธมาโส คิมฺหานํ ปจฺฉิมทฺธมาโส นาม, ตสฺส ปมทิวสโต ปฏฺายาติ อตฺโถ, อทฺธมาสสฺส ปมปาฏิปททิวสโต ปฏฺายาติ วุตฺตํ โหติ. กตฺติกมาสสฺส ปจฺฉิมทิวโส นาม ปจฺฉิมกตฺติกมาสสฺส ปุณฺณมา. เอตฺตาวตาติ ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ ภิกฺขุนา วสฺสิกสาฏิกจีวรํ ปริเยสิตพฺพํ, อทฺธมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ เอตฺตเกน คณเนน. ปริเยสนกฺเขตฺตนฺติ ปริเยสนสฺส เขตฺตํ. เอตสฺมิฺหิ มาเส วสฺสิกสาฏิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ. กรณนิวาสนกฺเขตฺตมฺปีติ กรณกฺเขตฺตฺเจว นิวาสนกฺเขตฺตฺจ. ปิ-สทฺเทน ปริเยสนกฺเขตฺตํ ¶ สมฺปิณฺเฑติ. เอตสฺมิฺหิ อทฺธมาเส ปริเยสิตุํ, กาตุํ, นิวาเสตฺุจ วฏฺฏติ, อธิฏฺาตุํเยว น วฏฺฏติ. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘เชฏฺมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ยาว กาลปกฺขุโปสโถ, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนกฺเขตฺตฺเจว กรณกฺเขตฺตฺจ. เอตสฺมิฺหิ อนฺตเร วสฺสิกสาฏิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ ¶ , ลทฺธํ กาตฺุจ วฏฺฏติ, นิวาเสตุํ, อธิฏฺาตฺุจ น วฏฺฏตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๒๘) วจนํ ทิสฺสติ, ตํ ปมาทลิขิตํ มาติกาย วิโรธโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อทฺธมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๖๒๗) หิ ปาฬิ. สพฺพมฺปีติ ปริเยสนํ, กรณํ, นิวาสนํ, อธิฏฺานฺจาติ สพฺพมฺปิ. อิมินา อิเม จตฺตาโร มาสา ปริเยสนกรณนิวาสนาธิฏฺานานํ จตุนฺนมฺปิ เขตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เอเตสุ หิ จตูสุ มาเสสุ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ, ลทฺธํ กาตุํ, นิวาเสตุํ, อธิฏฺาตฺุจ วฏฺฏติ.
วสฺสํ อุกฺกฑฺฒียตีติ สํวจฺฉรํ อุทฺธํ กฑฺฒียติ วฑฺฒียติ, อารุยฺหตีติ อตฺโถ, วสฺสานสฺส ปมมาสํ อุกฺกฑฺฒิตฺวา คิมฺหานํ ปจฺฉิมมาสเมว กโรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฏฺาตพฺพาติ วสฺสานโต ปุพฺเพเยว ทสาหสฺส อติกฺกนฺตตฺตา วสฺสูปนายิกทิวเสเยว อธิฏฺาตพฺพา. ตฺหิ ทิวสํ อติกฺกาเมตุํ น วฏฺฏติ. อนฺโตวสฺเส ปน ลทฺธา เจว นิฏฺิตา จ ตสฺมึเยว อนฺโตวสฺเส ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ทสาหํ นาติกฺกาเมตพฺพา, ทสาหาติกฺกเม นิฏฺิตา ปน ตทเหว อธิฏฺาตพฺพา. ทสาเห อปฺปโหนฺเต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพา. อยํ ตาว กตาย ปริหาโร. อกตาย ปน โก ปริหาโรติ อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. เอกาหมฺปิ น ลภติ อิโต อฺสฺส ปริหารสฺสาภาวโตติ อธิปฺปาโย.
โส กุโต โหตีติ อาห ‘‘ยาว เหมนฺตสฺส ปมทิวโส’’ติ, เชฏฺมูลปุณฺณมาสิโต ปฏฺาย ยาว กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปททิวโส, ตาวาติ อตฺโถ. เอเตสุ สตฺตสุ ปิฏฺิสมยมาเสสูติ ปฏิโลมกฺกเมน วุตฺเตสุ กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฏิปทาทีสุ เชฏฺมูลปุณฺณมาสาวสาเนสุ เอเตสุ สตฺตสุ ปิฏฺิสมยนามเกสุ มาเสสุ. สตุปฺปาทกรเณนาติ ‘‘กาโล วสฺสิกสาฏิกายา’’ติอาทินา นเยน สตุปฺปาทกรเณน. วิฺาเปนฺตสฺสาติ ‘‘เทถ ¶ เม วสฺสิกสาฏิกจีวร’’นฺติอาทินา (ปารา. ๖๒๘) นเยน วิฺตฺตึ กโรนฺตสฺส. เตน สิกฺขาปเทน อนาปตฺตีติ อฺาตกวิฺตฺติสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิมินา ปน สิกฺขาปเทน อาปตฺติเยว อสมยตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ภทนฺตพุทฺธทตฺตาจริเยน –
‘‘กตฺวา ปน สตุปฺปาทํ, วสฺสสาฏิกจีวรํ;
นิปฺผาเทนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส, สมเย ปิฏฺิสมฺมเต.
‘‘โหติ ¶ นิสฺสคฺคิยาปตฺติ, าตกาฺาตกาทิโน;
เตสุเยว จ วิฺตฺตึ, กตฺวา นิปฺผาทเน ตถา’’ติ.
เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, วสฺสิกสาฏิกจีวรํ อติเรกมาเส เสเส คิมฺหาเน ปริยิฏฺํ อติเรกทฺธมาเส เสเส คิมฺหาเน กตฺวา ปริทหิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อิมินา (ปารา. ๖๒๘) นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ.
วสฺสิกสาฏิกปริเยสนวตฺถุสฺมินฺติ ปฏิกจฺเจว วสฺสิกสาฏิกปริเยสนวตฺถุสฺมึ. ติกปาจิตฺติยนฺติ อติเรกมาสทฺธมาเสสุ อติเรกสฺิเวมติกอูนกสฺีนํ ปริเยสนนิวาสนวเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ, เอกเสสนิทฺเทโส จายํ, สามฺนิทฺเทโส วา. อูนกมาสทฺธมาเสสูติ อูนกมาเส เจว อูนกทฺธมาเส จ. อติเรกสฺิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ ‘‘ปริเยสนนิวาสนํ กโรนฺตสฺสา’’ติ ปาเสโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อูนกมาเส เสเส คิมฺหาเน อติเรกสฺิโน, เวมติกสฺส วา ปริเยสนฺตสฺส ทุกฺกฏํ, อูนกทฺธมาเส เสเส คิมฺหาเน จ อติเรกสฺิโน, เวมติกสฺส วา นิวาเสนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ทุกฺกฏํ อติทิสติ, ตฺจ ทุกฺกฏํ อุทกผุสิตคณนาย อกตฺวา นฺหานปริโยสานวเสน ปโยเค ปโยเค กาเรตพฺพํ, ตฺจ โข วิวฏงฺคเณ อากาสโต ปติตอุทเกเนว นฺหายนฺตสฺส, น นฺหานโกฏฺกวาปิอาทีสุ ฆเฏหิ อาสิตฺตูทเกน นฺหายนฺตสฺส. เตเนวาห ‘‘สติยา วสฺสิกสาฏิกายา’’ติอาทิ. โปกฺขรณิยาทีสุ ปน นคฺคสฺส นฺหายนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สมฺพนฺโธ, โปกฺขรณิยาทีสุ ปน สติยาปิ วสฺสิกสาฏิกาย นคฺคสฺส นฺหายนฺตสฺส นตฺถิ ทุกฺกฏาปตฺตีติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ อนฺตราปตฺติยา อนาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อจฺฉินฺนจีวรสฺสาติ อจฺฉินฺนเสสจีวรสฺส. ตสฺสาปิ อสมเย นิวาสโต อนาปตฺติ. เอส นโย นฏฺจีวรสฺส วาติ เอตฺถาปิ. ยถา เจตฺถ นิวาเสนฺตานํ เตสํ อนาปตฺติ, เอวํ ตตฺถ ปริเยสนฺตานมฺปีติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ ปน มหคฺฆวสฺสิกสาฏิกํ เปตฺวา นฺหายนฺตสฺส โจรูปทฺทโว อาปทา นามาติ อาห ‘‘อนิวตฺถ’’นฺติอาทิ. อาปทาสุ วา นิวาสยโตติ อาปทาสุ วิชฺชมานาสุ อสมเย นิวาเสนฺตสฺส. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรสฺสาติ เอตํ วสฺสิกสาฏิกํเยว สนฺธาย วุตฺตํ. เตสฺหิ นคฺคานํ กาโยวสฺสาปเน อนาปตฺติ. เอตฺถ จ มหคฺฆวสฺสิกสาฏิกํ นิวาเสตฺวา นฺหายนฺตสฺส โจรูปทฺทโว อาปทา นามา’’ติ อจฺฉินฺนจีวราทิโน นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺตึ ¶ อทสฺเสตฺวา นคฺคสฺส นฺหายโต ทุกฺกเฏเนว อนาปตฺติทสฺสนํ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติ. สพฺพสิกฺขาปเทสุ หิ มูลาปตฺติยา เอว อาปตฺติปฺปสงฺเค อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ อนาปตฺติวาโร อารภียติ, น อนฺตราปตฺติยาติ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํ. สจีวรตาติ อนฺตรวาสกอุตฺตราสงฺเคหิ สจีวรตา.
วสฺสิกสาฏิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ทตฺวา’’ติ ยํ กิฺจิ ปจฺจาสีสมานสฺเสว ทานมิห อธิปฺเปตํ, น นิสฺสฏฺทานนฺติ อาห ‘‘เวยฺยาวจฺจาทีนี’’ติอาทิ. สกสฺายาติ ‘‘สก’’นฺติ สฺาย. อิมินา ปาราชิกาภาวํ ทสฺเสติ. จชิตฺวา ทินฺนมฺปิ หิ สกสฺาย คณฺหโต นตฺถิ ปาราชิกํ. อจฺฉินฺทนฺตสฺสาติ เอกโต อพทฺธานิ, วิสุํ ปิตานิ จ พหูนิ อจฺฉินฺทโต, ‘‘สงฺฆาฏึ อาหร, อุตฺตราสงฺคํ อาหรา’’ติ เอวํ อาหราปยโต จ. เตนาห ‘‘วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย’’ติ. ‘‘มยา ทินฺนานิ สพฺพานิ อาหรา’’ติ วทโตปิ เอกวจเนเนว สมฺพหุลา อาปตฺติโย. เอกํ จีวรํ ปน เอกาพทฺธานิ จ พหูนิ อจฺฉินฺทโต เอกา อาปตฺติ. ‘‘อจฺฉินฺทา’’ติ อาณตฺติยา ทุกฺกฏนฺติ ‘‘มยา ทินฺนานิ สพฺพานิ คณฺหา’’ติ อาณตฺติยา เอกํ ทุกฺกฏํ, อจฺฉินฺเนสุ ปน ¶ เอกวจเนเนว สมฺพหุลา ปาจิตฺติโย. เตนาห ‘‘อจฺฉินฺเนสุ วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย’’ติ. อจฺฉินฺเนสูติ เตนาณตฺเตน อจฺฉินฺเนสุ จีวเรสุ. ยตฺถ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘อจฺฉินฺเนสุ ยตฺตกานิ อาณตฺตานิ, เตสํ คณนาย อาปตฺติโย’’ติ ปาโ, ตตฺถ ยตฺตกานิ อาณตฺตานีติ ยตฺตกานิ จีวรานิ คณฺหิตุํ อาณตฺตานีติ อตฺโถ. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘จีวรํ ‘คณฺหา’ติ อาณาเปติ, เอกํ ทุกฺกฏํ. อาณตฺโต พหูนิ คณฺหาติ, เอกํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๓) วุตฺตํ, ตํ เอกาพทฺธํ สนฺธาย. เอวฺจ กตฺวา สมนฺตปาสาทิกาย สทฺธึ อิมาย อฏฺกถาย น โกจิ วิโรโธ. สเจ ปน ‘‘สงฺฆาฏึ คณฺห, อุตฺตราสงฺคํ คณฺหา’’ติ อาณาเปติ, วาจาย วาจาย ทุกฺกฏํ. อจฺฉินฺเนสุ วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, จีวรํ ภิกฺขุสฺส สามํ ทตฺวา อจฺฉินฺนํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๖๓๓) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ.
ติกปาจิตฺติยนฺติ อุปสมฺปนฺเน อุปสมฺปนฺนสฺิเวมติกอนุปสมฺปนฺนสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. อฺํ ปริกฺขารนฺติ ปตฺตาทึ อฺํ ปริกฺขารํ, อนฺตมโส สูจิมฺปีติ อตฺโถ. น ¶ เกวลํ อนุปสมฺปนฺนสฺส จีวรํเยว อจฺฉินฺทโต ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส จา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยํ กิฺจีติ จีวรํ วา โหตุ, ปตฺตาทิ, ยํ กิฺจิ ปริกฺขารํ วา. ตสฺส วิสฺสาสํ คณฺหนฺตสฺสาติ ยสฺส ทินฺนํ, ตสฺส วิสฺสาเสน คณฺหนฺตสฺส, ตติยตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ. อุปสมฺปนฺนตาติ อจฺฉินฺทนสมเย อุปสมฺปนฺนภาโว. กิฺจาปิ อุปสมฺปนฺนภาโว ปาฬิยํ, มาติกฏฺกถายฺจ ทานคฺคหเณสุ ทิสฺสติ, ตถาปิ อนุปสมฺปนฺนกาเล จีวรํ ทตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล อจฺฉินฺทนฺตสฺส อาปตฺติโต อจฺฉินฺทนกาเลเยว อุปสมฺปนฺนตา องฺคนฺติ เวทิตพฺพํ.
จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สุตฺตวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
ฉพฺพิธํ โขมสุตฺตาทินฺติ ‘‘สุตฺตํ นาม ฉ สุตฺตานิ โขมํ กปฺปาสิกํ โกเสยฺยํ กมฺพลํ สาณํ ภงฺค’’นฺติ (ปารา. ๖๓๘) เอวํ วุตฺตํ ฉพฺพิธํ โขมสุตฺตาทึ. ตตฺถ ¶ โขมนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๖-๓๘) โขมวาเกหิ กตสุตฺตํ. กปฺปาสิกนฺติ กปฺปาสโต นิพฺพตฺตํ. โกเสยฺยนฺติ โกสิยํสูหิ กนฺติตฺวา กตสุตฺตํ. กมฺพลนฺติ เอฬกโลมสุตฺตํ. สาณนฺติ สาณวาเกน กตสุตฺตํ. ภงฺคนฺติ ปาเฏกฺกํ วากสุตฺตเมวาติ เอเก. ปฺจหิปิ มิสฺเสตฺวา กตสุตฺตํ ปน ‘‘ภงฺค’’นฺติ เวทิตพฺพํ. เตสํ อนุโลมนฺติ เตสํ โขมาทีนํ อนุโลมํ ทุกูลํ ปตฺตุณฺณํ โสมารปฏฺฏํ จีนปฏฺฏํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ ฉพฺพิธํ สุตฺตํ.
ตุรีติ วายนูปกรโณ เอโก ทณฺโฑ, วีตวีตฏฺานํ ยตฺถ สํหริตฺวา เปนฺติ. เวมนฺติ วายนูปกรโณ เอโก ทณฺโฑ, สุตฺตํ ปเวเสตฺวา เยน อาโกเฏนฺโต ฆนภาวํ สมฺปาเทนฺติ. ตสฺส สพฺพปฺปโยเคสุ ทุกฺกฏนฺติ ตนฺตวายสฺส เย เต ตุริเวมสชฺชนาทิกา ปโยคา, เตสุ สพฺเพสุ ปโยเคสุ ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ, ตสฺส ตนฺตวายสฺส ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตุริอาทีนํ อภาเว เตสํ กรณตฺถํ วาสิผรสุอาทีนํ มคฺคนนิสานรุกฺขจฺเฉทนาทิสพฺพปฺปโยเคปิ เอเสว นโย. ตนฺตูนํ อตฺตโน สนฺตกตฺตา วีตวีตฏฺานํ ปฏิลทฺธเมว โหตีติ อาห ‘‘ปฏิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ, วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาเณ วีเต นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ วุตฺตํ โหติ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ทีฆโต วิทตฺถิมตฺเต, ติริยฺจ หตฺถมตฺเต วีเต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, จีวรํ สามํ สุตฺตํ วิฺาเปตฺวา ตนฺตวาเยหิ วายาปิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ.
เตเนวาติ ¶ วิฺาปิตตนฺตวาเยเนว. เอวํ อิธ ทุกฺกฏนฺติ อิธาปิ ตนฺตวาเยเนว ทีฆโต วิทตฺถิมตฺเต, ติริยํ หตฺถมตฺเต วีเต ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. อกปฺปิยสุตฺตมเยติ วิฺาปิตสุตฺตมเย. อิตรสฺมินฺติ อวิฺตฺติสุตฺตมเย ปริจฺเฉเท. ตโต เจ อูนตราติ วุตฺตปฺปมาณโต เจ อูนตรา, อนฺตมโส (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๖-๖๓๘) อจฺฉิมณฺฑลปฺปมาณาปีติ อธิปฺปาโย. กปฺปิยตนฺตวาเยนปิ อกปฺปิยสุตฺตํ วายาเปนฺตสฺส ยถา ปุพฺเพ นิสฺสคฺคิยํ, เอวมิธ ทุกฺกฏํ. เตเนว กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ สุตฺตํ วายาเปนฺตสฺส สเจ ปจฺฉิมจีวรปฺปมาณา วา อูนกา วา อกปฺปิยสุตฺตปริจฺเฉทา โหนฺติ, เตสุ ปริจฺเฉทคณนาย ทุกฺกฏํ. กปฺปิยสุตฺตปริจฺเฉเทสุ อนาปตฺติ. อถ เอกนฺตริเกน วา สุตฺเตน, ทีฆโต วา กปฺปิยํ ติริยํ อกปฺปิยํ กตฺวา วีตํ โหติ, ปมาณยุตฺเต ปริจฺเฉเท ปริจฺเฉเท ทุกฺกฏํ.
ยทิ ¶ ปน (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๓๖-๖๓๘) ทฺเว ตนฺตวายา โหนฺติ เอโก กปฺปิโย เอโก อกปฺปิโย, สุตฺตฺจ อกปฺปิยํ, เต เจ วาเรน วินนฺติ, อกปฺปิยตนฺตวาเยน วีเต ปมาณยุตฺเต ปริจฺเฉเท ปริจฺเฉเท ปาจิตฺติยํ, อูนตเร ทุกฺกฏํ. อิตเรน วีเต อุภยตฺถ ทุกฺกฏํ. สเจ ทฺเวปิ เวมํ คเหตฺวา เอกโต วินนฺติ, ปมาณยุตฺเต ปริจฺเฉเท ปริจฺเฉเท ปาจิตฺติยํ. อถ สุตฺตํ กปฺปิยํ, จีวรฺจ เกทารพทฺธาทีหิ สปริจฺเฉทํ, อกปฺปิยตนฺตวาเยน วีเต ปริจฺเฉเท ปริจฺเฉเท ทุกฺกฏํ, อิตเรน วีเต อนาปตฺติ. สเจ ทฺเวปิ เอกโต วินนฺติ, ปมาณยุตฺเต ปริจฺเฉเท ปริจฺเฉเท ทุกฺกฏํ. อถ สุตฺตมฺปิ กปฺปิยฺจ อกปฺปิยฺจ, เต เจ วาเรน วินนฺติ, อกปฺปิยตนฺตวาเยน อกปฺปิยสุตฺตมเยสุ ปจฺฉิมจีวรปฺปมาเณสุ ปริจฺเฉเทสุ วีเตสุ ปริจฺเฉทคณนาย ปาจิตฺติยํ, อูนตเรสุ กปฺปิยสุตฺตมเยสุ จ ทุกฺกฏํ. กปฺปิยตนฺตวาเยน อกปฺปิยสุตฺตมเยสุ ปมาณยุตฺเตสุ วา อูนเกสุ วา ทุกฺกฏเมว, กปฺปิยสุตฺตมเยสุ อนาปตฺติ.
อถ เอกนฺตริเกน วา สุตฺเตน, ทีฆโต วา อกปฺปิยํ ติริยํ อกปฺปิยํ กตฺวา วินนฺติ, อุโภปิ วา เต เวมํ คเหตฺวา เอกโต วินนฺติ, อปริจฺเฉเท จีวเร ปมาณยุตฺเต ปริจฺเฉเท ปริจฺเฉเท ทุกฺกฏํ, สปริจฺเฉเท ปริจฺเฉทวเสน ทุกฺกฏานิ. เตนาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิ.
เอตฺถ จ ตนฺตวาโย ตาว อฺาตกอปฺปวาริตโต วิฺตฺติยา ลทฺโธ อกปฺปิโย, เสโส กปฺปิโย. สุตฺตมฺปิ สามํ วิฺาปิตํ อกปฺปิยํ, เสสํ, าตกาทิวเสน อุปฺปนฺนฺจ กปฺปิยนฺติ เวทิตพฺพํ. ติกปาจิตฺติยนฺติ วายาปิเต วายาปิตสฺิเวมติกอวายาปิตสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. จีวรตฺถาย วิฺาปิตสุตฺตนฺติ สามํ วา อฺเน วา จีวรตฺถาย วิฺาปิตสุตฺตํ ¶ . กิฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘สามํ สุตฺตํ วิฺาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ อิธ ‘‘จีวรตฺถาย สามํ วิฺาปิตสุตฺต’’นฺติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘จีวรตฺถาย วิฺาปิตสุตฺต’’นฺติ องฺเคสุ วุตฺตตฺตา อฺเน จีวรตฺถาย วิฺาปิตสุตฺตมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. อกปฺปิยวิฺตฺติยาติ ‘‘จีวรํ เม, อาวุโส, วายถา’’ติ เอวํภูตาย อกปฺปิยวิฺตฺติยา.
สุตฺตวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา
จีวรสามิเกหิ ¶ ปุพฺเพ อปฺปวาริโต หุตฺวาติ ‘‘กีทิเสน เต, ภนฺเต, จีวเรน อตฺโถ, กีทิสํ เต จีวรํ วายาเปมิ, วท, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ จีวรสามิเกหิ ปุพฺเพ อวุตฺโต หุตฺวา. เอตฺถ จ อายตาทีหิ ตีหิ สุตฺตวฑฺฒนากาเรน สห วายนาการํ ทสฺเสติ, สุวีตาทีหิ จตูหิ วายนาการเมว. ‘‘กิฺจิมตฺตํ อนุปทชฺเชยฺยามา’’ติอาทิ ตสฺส กตฺตพฺพาการมตฺตทสฺสนํ, น ปน องฺคทสฺสนํ สุตฺตวฑฺฒนวเสเนว อาปชฺชิตพฺพตฺตาติ อาห ‘‘น ภิกฺขุโน ปิณฺฑปาตทานมตฺเตนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, จีวรํ ปุพฺเพ อปฺปวาริเตน อฺาตกสฺส คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปนฺนํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๖๔๓) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ. ติกปาจิตฺติยนฺติ อฺาตเก อฺาตกสฺิเวมติกาตกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ.
มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
ปมปทสฺสาติ ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ ปทสฺส. ปุริมนเยเนวาติ อจฺจนฺตสํโยควเสเนว. ตานิ ทิวสานีติ เตสุ ทิวเสสุ. อจฺจนฺตเมวาติ นิรนฺตรเมว, เตสุ ทสาเหสุ ยตฺถ กตฺถจิ ทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. ปวารณามาสสฺสาติ ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส. โส หิ อิธ ปมปวารณาโยคโต ‘‘ปวารณามาโส’’ติ วุตฺโต. ชุณฺหปกฺขปฺจมิโต ปฏฺายาติ สุกฺกปกฺขปฺจมึ อาทึ กตฺวา. ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขปฺจมิโตติ วา ปวารณามาสสฺส ปกาสนโต ปุริมสฺส ชุณฺหปกฺขสฺส ปฺจมิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. โย ปเนตฺถ ‘‘กามฺเจส (สารตฺถ. ฏี. ๒.๖๕๐) ‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’นฺติ (ปารา. ๔๖๓) อิมินาว ¶ สิทฺโธ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สิกฺขาปทํ ปิต’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปมาทปาโ ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ อิมินา วิโรธโตติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ ‘‘ชุณฺหปกฺขปฺจมิโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตตฺตา อฏฺกถาเยว ปุพฺพาปรวิโรโธปิ สิยา.
อจฺเจกจีวรนฺติ ¶ อจฺจายิกจีวรํ วุจฺจติ, โส จ อจฺจายิกภาโว ทายกสฺส คมิกาทิภาเวนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘คมิกคิลานคพฺภินิอภินวุปฺปนฺนสทฺธานํ ปุคฺคลาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คมิโก นาม ‘‘เสนาย วา คนฺตุกาโม โหติ, ปวาสํ วา คนฺตุกาโม โหตี’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วุตฺโต. อฺตเรน ‘‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’’ติ เอวํ อาโรเจตฺวา ทินฺนนฺติ คมิกาทีนํ อฺตเรน คมนาทีหิ การเณหิ ทาตุกาเมน ทูตํ วา เปเสตฺวา, สยํ วา อาคนฺตฺวา ‘‘วสฺสาวาสิกํ ทสฺสามี’’ติ เอวํ อาโรเจตฺวา ทินฺนํ จีวรํ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, อจฺเจกจีวรํ จีวรกาลสมยํ อติกฺกามิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ (ปารา. ๖๔๙) อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ.
เสสนฺติ ‘‘สาธารณปฺตฺตี’’ติอาทิกํ. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ อติเรกจีวเร อติเรกจีวรสฺิอาทิโน ทสาหาติกฺกโม, อิธ อจฺเจกจีวเร อจฺเจกจีวรสฺิอาทิโน จีวรกาลาติกฺกโม. ตถา อนจฺเจกจีวเร อจฺเจกจีวรสฺิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฏํ. ชาติปฺปมาณสมฺปนฺนสฺส อจฺเจกจีวรสฺส อตฺตโน สนฺตกตา, ทสาหานาคตาย กตฺติกเตมาสิกปุณฺณมาย อุปฺปนฺนภาโว, อนธิฏฺิตอวิกปฺปิตตา, จีวรกาลาติกฺกโมติ จตุรงฺคภาโวว เอตฺถ วิเสโส.
อจฺเจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปสมฺปชฺชนฺติอาทีสุ วิยาติ ‘‘ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ อุทฺธริตพฺเพ ‘‘อุปสมฺปชฺช’’นฺติ อุทฺธฏํ. ตทิห นิทสฺสนํ กตํ. อาทิสทฺเทน ปน ‘‘อนาปุจฺฉํ วา คจฺเฉยฺยา’’ติอาทีนํ (ปาจิ. ๑๑๑, ๑๑๕) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อุปคนฺตฺวาติ อุปสทฺทสฺสตฺถมาห. วสิตฺวาติ อกฺขณฺฑํ วสิตฺวา. ‘‘เยน ยสฺส หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ต’’นฺติ วจนโต ‘‘อิมสฺส…เป… อิมินา สมฺพนฺโธ’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมสฺสาติ ‘‘อุปวสฺส’’นฺติ ปทสฺส. วินยปริยาเยน อรฺลกฺขณํ อทินฺนาทานปาราชิเก ¶ อาคตํ. ตตฺถ หิ ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ อนวเสสโต อวหารฏฺานปริคฺคเหน ¶ ตทุภยํ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘เปตฺวา คามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คามูปจาโร หิ โลเก คามสงฺขเมว คจฺฉตีติ. อิธ ปน สุตฺตนฺตปริยาเยน ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อาคตํ อารฺกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย. น หิ โส วินยปริยายิเก อรฺเ วสนฺโต ‘‘อารฺโก ปนฺถเสนาสโน’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๑) สุตฺเต วุตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ อาคตเมว ลกฺขณํ คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพปจฺฉิมานิ อาโรปิเตน อาจริยธนุนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อาจริยธนุ นาม ปกติหตฺเถน นววิทตฺถิปมาณํ. ชิยาย ปน อาโรปิตาย จตุหตฺถปมาณ’’นฺติ วทนฺติ. คามสฺสาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส. อินฺทขีลโตติ อุมฺมารโต. ปริกฺเขปารหฏฺานโตติ ปริยนฺเต ิตฆรสฺส อุปจาเร ิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ปมเลฑฺฑุปาตโต. กิตฺตเกน มคฺเคน มินิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน ‘‘วิหารสฺสาปิ คามสฺเสว อุปจารํ นีหริตฺวา อุภินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺตรา มินิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. โจรานํ นิวิฏฺโกาสาทิทสฺสเนนาติ อาราเม, อารามูปจาเร จ โจรานํ นิวิฏฺโกาสาทิทสฺสเนน การเณน. อาทิสทฺเทน ภุตฺโตกาสฏฺิโตกาสนิสินฺโนกาสนิปนฺโนกาสานํ คหณํ. โจเรหิ มนุสฺสานํ หตวิลุตฺตาโกฏิตภาวทสฺสนโตติ อาราเม, อารามูปจาเร จ หตวิลุตฺตาโกฏิตภาวทสฺสนโต.
อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติ อนฺตเร อนฺตเร ฆรานิ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อนฺตรฆรํ, คาโม, ตสฺมึ เปยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อารฺกสฺสา’’ติอาทิ. ตฺจาติ นิกฺขิปนฺจ. ‘‘มหาปวารณาย ปวาริโต โหตี’’ติ อิทํ วสฺสจฺเฉทํ อกตฺวา วุฏฺภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, น ปน ปวารณาย องฺคภาวํ. เตเนว หิ พฺยติเรกํ ทสฺเสนฺเตน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๕๓-๖๕๔) วุตฺตํ ‘‘สเจ ปจฺฉิมิกาย วา อุปคโต โหติ ฉินฺนวสฺโส วา, นิกฺขิปิตุํ น ลภตี’’ติ. กตฺติกมาโส นาม ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย ยาว อปรกตฺติกปุณฺณมา, ตาว เอกูนตฺตึส รตฺตินฺทิวา. เอว-สทฺเทน กตฺติกมาสโต ปรํ น ลภตีติ ทสฺเสติ. อูนปฺปมาเณ ตาว อรฺลกฺขณาโยคโต น ลภตุ, กสฺมา คาวุตโต อติเรกปฺปมาเณ น ลภตีติ อาห ‘‘ยตฺร ¶ หี’’ติอาทิ. นิมนฺติโต ปน อทฺธโยชนมฺปิ โยชนมฺปิ คนฺตฺวา วสิตุํ ปจฺเจติ, อิทมปฺปมาณํ. สาสงฺกสปฺปฏิภยเมว โหตีติ สาสงฺกฺเจว สปฺปฏิภยฺจ โหติ. เอว-สทฺเทน อนาสงฺกอปฺปฏิภเยหิ องฺคยุตฺเตปิ เสนาสเน วสนฺโต นิกฺขิปิตุํ น ลภตีติ ทสฺเสติ. เอตฺตาวตา ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา อกฺขณฺฑํ กตฺวา วุฏฺวสฺโส ยํ คามํ โคจรคามํ กตฺวา ปฺจธนุสติกปจฺฉิเม อารฺกเสนาสเน วิหรติ, ตสฺมึ คาเม จีวรํ เปตฺวา สกลกตฺติกมาสํ ตสฺมึเยว เสนาสเน เตน จีวเรน วินา วตฺถุํ อนุชานิตฺวา ¶ อิทานิ วิหารโต อฺตฺถ วสนฺตสฺส ฉารตฺตํ วิปฺปวาสํ อนุชานนฺโต ‘‘สิยา จ ตสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห. อสมาทานจารฺหิ อตฺถตกถินา เอว ลภนฺติ, เนตเรติ เอตฺถ อิทมฺปิ การณํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ฉารตฺตปรมํ เตน ภิกฺขุนา เตน จีวเรน วิปฺปวสิตพฺพนฺติ โย ภิกฺขุ วิหาเร วสนฺโต ตโต อฺตฺถ คมนกิจฺเจ สติ อนฺตรฆเร จีวรํ นิกฺขิปติ, เตน ภิกฺขุนา เตน จีวเรน ฉารตฺตปรมํ วิปฺปวสิตพฺพํ, ฉ รตฺติโย ตมฺหา วิหารา อฺตฺถ วสิตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตฺหิ ภทนฺเตน พุทฺธทตฺตาจริเยน –
‘‘ยํ คามํ โคจรํ กตฺวา, ภิกฺขุ อารฺเก วเส;
ตสฺมึ คาเม เปตุํ ตํ, มาสเมกํ ตุ วฏฺฏติ.
‘‘อฺตฺเถว วสนฺตสฺส, ฉารตฺตปรมํ มตํ;
อยมสฺส อธิปฺปาโย, ปฏิจฺฉนฺโน ปกาสิโต’’ติ.
เตเนวาห ‘‘ตโต เจ อุตฺตริ วิปฺปวเสยฺยาติ ฉารตฺตโต อุตฺตริ ตสฺมึ เสนาสเน สตฺตมํ อรุณํ อุฏฺาเปยฺยา’’ติอาทิ. ตถา อสกฺโกนฺเตนาติ คตฏฺานสฺส ทูรตาย เสนาสนํ อาคนฺตฺวา สตฺตมํ อรุณํ อุฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺเตน. เอวมฺปิ อสกฺโกนฺเตน ตตฺเรว ิเตน ปจฺจุทฺธริตพฺพํ ‘‘อติเรกจีวรฏฺาเน สฺสตี’’ติ. วสิตฺวาติ อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา. ภิกฺขุสมฺมุติ อุโทสิตสิกฺขาปเท วุตฺตาว.
เสสนฺติ ‘‘อฺตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยาติ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติอาทิกํ. ตตฺถ หิ องฺเคสุ ยํ รตฺติวิปฺปวาโส จตุตฺถมงฺคํ, ตํ อิธ ฉารตฺตโต อุตฺตริ วิปฺปวาโส โหตีติ อยเมว วิเสโส.
สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา
นนุ ¶ จายํ สงฺฆสฺส ปริณโต, น ปริจฺจตฺโต, อถ กถํ สงฺฆสนฺตโก โหตีติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. ตตฺถ โสติ ลาโภ. เอเกน ปริยาเยนาติ ปริณตภาวสงฺขาเตน เอเกน ปริยาเยน. ‘‘ลภิตพฺพ’’นฺติ อิมินา ลาภสทฺทสฺส กมฺมสาธนมาห. จีวราทิวตฺถุนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ¶ อนฺตมโส จุณฺณปิณฺฑมฺปิ ทนฺตกฏฺมฺปิ ทสิกสุตฺตมฺปิ. ปริณตนฺติ สงฺฆสฺส นินฺนํ สงฺฆสฺส โปณํ สงฺฆสฺส ปพฺภารํ หุตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ. เยน ปน การเณน โส ปริณโต โหติ, ตํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทสฺสาม กริสฺสามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺตโน ปริณาเมนฺตสฺสาติ ‘‘อิทํ มยฺหํ เทหี’’ติ สงฺฆสฺส ปริณตภาวํ ตฺวา อตฺตโน ปริณาเมตฺวา คณฺหนฺตสฺส. ปโยเคติ ปริณามนปฺปโยเค. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภนฺเต, ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ อตฺตโน ปริณามิกํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อิมินา นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํ.
สงฺฆเจติยปุคฺคเลสูติ เอตฺถ จ อนฺตมโส สุนขํ อุปาทาย โย โกจิ สตฺโต ‘‘ปุคฺคโล’’ติ เวทิตพฺโพ. อฺสงฺฆาทีนนฺติ อฺสงฺฆเจติยปุคฺคลานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สงฺฆสฺส ปริณตํ อฺสฺส สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา, เจติยสฺส ปริณตํ อฺสฺส เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา, ปุคฺคลสฺส ปริณตํ อฺสฺส ปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา ปริณาเมนฺตสฺส ทุกฺกฏ’’นฺติ.
อิทานิ อนาปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริณตสฺิโน’’ติอาทิมาห. ปริณเต, อปริณเต จ อปริณตสฺิโน จาติ สมฺพนฺโธ, ปริณเต, อปริณเต จาติ อุภยตฺถาปิ อนาปตฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปริณเต อปริณตสฺี อตฺตโน ปริณาเมติ, อนาปตฺติ. อปริณเต อปริณตสฺี อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๖๖๐). เทยฺยธมฺโมติ จตฺตาโร ปจฺจยา. อาทิสทฺเทน ‘‘ปฏิสงฺขารํ วา ลเภยฺย, จิรฏฺิติโก วา อสฺส, ยตฺถ วา ปน ตุมฺหากํ จิตฺตํ ปสีทติ, ตตฺถ เทถา’’ติ (ปารา. ๖๖๑) วจนานํ คหณํ. สเจ ปน ทายกา ‘‘มยํ ¶ สงฺฆภตฺตํ กตฺตุกามา, เจติยปูชํ กตฺตุกามา, เอกสฺส ภิกฺขุโน ปริกฺขารํ ทาตุกามา, ตุมฺหากํ รุจิยา ทสฺสาม. ภณถ, กตฺถ เทมา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๖๖๐) วทนฺติ, เอวํ วุตฺเต เตน ภิกฺขุนา ‘‘ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ เทถา’’ติ วตฺตพฺพา.
ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปตฺตวคฺโค ตติโย.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. มุสาวาทวคฺโค
๑. มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
สมฺปชานมุสาวาเทติ ¶ ¶ เอตฺถ มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ, สมฺปชานสฺส มุสาวาโท สมฺปชานมุสาวาโท, ตสฺมึ สมฺปชานมุสาวาเทติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ’’ติอาทิ. โส จ ปน มุสาวาโท ปุพฺพภาคกฺขเณ, ตงฺขเณ จ วิชานนฺตสฺส โหติ ‘‘ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘มุสา ภณิสฺส’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘มุสา ภณามี’’’ติ (ปาจิ. ๔) วุตฺตตฺตาติ อาห ‘‘ปุพฺเพปิ ชานิตฺวา วจนกฺขเณปิ ชานนฺตสฺสา’’ติ. เอตฺหิ ทฺวยํ องฺคภูตํ, อิตรํ ปน โหตุ วา, มา วา, อการณเมตํ. นนุ เจตํ ภณนเมว ายตีติ อาห ‘‘ภณนฺจ นามา’’ติอาทิ. อภูตสฺสาติ อตจฺฉสฺส.
หตฺถกํ สกฺยปุตฺตนฺติ เอตฺถ หตฺถโกติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. สกฺยานํ ปุตฺโตติ สกฺยปุตฺโต. พุทฺธกาเล กิร สกฺยกุลโต อสีติ ปุริสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ, เตสํ โส อฺตโร. อวชานิตฺวา ปฏิชานนาทิวตฺถุสฺมินฺติ เอตฺถ อวชานิตฺวา ปฏิชานนํ นาม ติตฺถิเยหิ สทฺธึ กเถนฺโต อตฺตโน วาเท กฺจิ โทสํ สลฺลกฺเขนฺโต ‘‘นายํ มม วาโท’’ติ อวชานิตฺวา ปุน กเถนฺโต กเถนฺโต นิทฺโทสตํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘มเมว อยํ วาโท’’ติ ปฏิชานาติ. อาทิสทฺเทน ปฏิชานิตฺวา อวชานนํ, อฺเนฺํ ปฏิจรณํ, สมฺปชานมุสาภาสนํ, สงฺเกตํ กตฺวา วิสํวาทกรณฺจ สงฺคณฺหาติ. อิทานิ อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนตฺถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อนุปธาเรตฺวา สหสา ภณนฺตสฺสาติ อวีมํสิตฺวา เวเคน ทิฏฺมฺปิ ‘‘อทิฏฺํ เม’’ติอาทินา ภณนฺตสฺส ¶ . ‘‘อฺํ ภณิสฺสามี’’ติ อฺํ ภณนฺตสฺสาติ โย มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ปกฺขลนฺโต ‘‘จีวร’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘จีร’’นฺติอาทีนิ ภณติ, อยํ ‘‘อฺํ ภณิสฺสามี’’ติ อฺํ ภณติ นาม. โย ปน สามเณเรน ‘‘อปิ, ภนฺเต, มยฺหํ อุปชฺฌายํ ปสฺสิตฺถา’’ติ ¶ วุตฺโต เกฬึ กุรุมาโน ‘‘ตว อุปชฺฌาโย ทารุสกฏํ โยเชตฺวา คโต ภวิสฺสตี’’ติ วา สิงฺคาลสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กสฺสายํ สทฺโท’’ติ วุตฺโต ‘‘มาตุยา เต ยาเนน คจฺฉนฺติยา กทฺทเม ลคฺคจกฺกํ อุทฺธรนฺตานํ อยํ สทฺโท’’ติ วา เอวํ เนว ทวา, น รวา อฺํ ภณติ, โส อาปตฺตึ อาปชฺชติเยว. อฺา ปูรณกถา นาม โหติ – เอโก คาเม โถกํ เตลํ ลภิตฺวา วิหารํ อาคโต สามเณรํ ภณติ ‘‘ตฺวํ อชฺช กุหึ คโต, คาโม เอกเตโล อโหสี’’ติ วา, ปจฺฉิกาย ปิตํ ปูวขณฺฑํ ลภิตฺวา ‘‘อชฺช คาเม ปจฺฉิกาหิ ปูเว จาเรสุ’’นฺติ วา, อยํ มุสาวาโทว โหติ. วิสํวาทนปุเรกฺขารตาติ วิสํ วาเทนฺติ เอเตนาติ วิสํวาทนํ, วฺจนาธิปฺปายวสปฺปวตฺตํ จิตฺตํ, ตสฺส ปุเรกฺขารตา วิสํวาทนปุเรกฺขารตา, วิสํวาทนจิตฺตสฺส ปุรโต กรณนฺติ อตฺโถ.
มุสาวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
โอมสวาเทติ ขุํสนครหณวจเน. ยสฺมา ปน ตํ เนว กณฺณสุขํ, น หทยสุขํ, ตสฺมา เตน กณฺณฺเจว หทยฺจ วิชฺฌตีติ อาห ‘‘โอวิชฺฌนวจเน’’ติ, ชาติอาทีหิ ฆเฏตฺวา วจเนติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ชาตินามา’’ติอาทิ. ตตฺถ ชาติ นาม พฺราหฺมณาทิ อุกฺกฏฺา เจว จณฺฑาลาทิ หีนา จ ชาติ. นามํ นาม อวกณฺณกาทิ หีนฺเจว พุทฺธรกฺขิตาทิ อุกฺกฏฺฺจ นามํ. โคตฺตํ นาม โกสิยาทิ หีนฺเจว โคตมาทิ อุกฺกฏฺฺจ โคตฺตํ. กมฺมํ นาม ปุปฺผฉฑฺฑกาทิ หีนฺเจว กสิวณิชฺชาทิ อุกฺกฏฺฺจ กมฺมํ. สิปฺปํ นาม นฬการาทิ หีนฺเจว มุทฺทาคณนาทิ อุกฺกฏฺฺจ สิปฺปํ. อาพาโธ นาม สพฺโพปิ โรโค หีโนเยว. อถ วา มธุเมโห อุกฺกฏฺโ, เสโส หีโนติ เวทิตพฺโพ. ลิงฺคํ นาม อติทีฆาทิ หีนฺเจว นาติทีฆาทิ อุกฺกฏฺฺจ ลิงฺคํ. กิเลโส นาม ราคาทิโก สพฺโพปิ กิเลโส. อาปตฺติ นาม โสตาปตฺตาทิกา อุกฺกฏฺา เจว ปาราชิกาทิ อนุกฺกฏฺา จ อาปตฺติ. อกฺโกโส นาม ‘‘โอฏฺโสี’’ติอาทิโก หีโน เจว ‘‘ปณฺฑิโตสี’’ติอาทิโก (ปาจิ. ๑๕) อุกฺกฏฺโ จ อกฺโกโส.
ยถา ¶ ¶ ตถาติ ปาฬิอาคตานาคตปทานํ เยน เกนจิ อากาเรน. อิมสฺมึ สิกฺขาปเท เปตฺวา ภิกฺขุํ ภิกฺขุนิอาทโย สพฺเพ สตฺตา อนุปสมฺปนฺนฏฺาเน ิตาติ อาห ‘‘อิธ จา’’ติอาทิ. ทวกมฺยตา นาม เกฬิหสาธิปฺปายตา. สพฺพตฺถาติ อุปสมฺปนฺนานุปสมฺปนฺเนสุ เจว ปาฬิอาคตานาคตปเทสุ จาติ สพฺพตฺถ. อตฺถธมฺมอนุสาสนิปุเรกฺขารานนฺติ เอตฺถ ‘‘จณฺฑาโลสี’’ติอาทิกาย ปาฬิยา อตฺถํ วณฺเณนฺโต อตฺถปุเรกฺขาโร นาม. ปาฬึ วาเจนฺโต ธมฺมปุเรกฺขาโร นาม. อนุสิฏฺิยํ ตฺวา ‘‘อิทานิปิ จณฺฑาโลสิ, ปาปํ มา อกาสิ. มา ตโมตมปรายโณ อโหสี’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๓๕) นเยน กเถนฺโต อนุสาสนิปุเรกฺขาโร นามาติ เวทิตพฺโพ.
โอมสวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เปสฺุสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุเปสฺุเติ ปิสตีติ ปิสุณา, ยาย วาจาย สมคฺเค สตฺเต อวยวภูเต วคฺเค ภินฺเน กโรติ, สา วาจา ปิสุณา, ปิสุณา เอว เปสฺุํ, ตาย วาจาย สมนฺนาคโต ปิสุโณ, ตสฺส กมฺมํ เปสฺุํ, ภิกฺขุสฺส เปสฺุํ ภิกฺขุเปสฺุํ, ตสฺมึ ภิกฺขุเปสฺุเ, ภิกฺขุโต สุตฺวา ภิกฺขุนา, ภิกฺขุสฺส วา อุปสํหฏเปสฺุเติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชาติอาทีหี’’ติอาทิ. ตฺจ โข ทฺวีหิ การเณหิ อุปสํหรตีติ อาห ‘‘ภิกฺขุโน ปิยกมฺยตาย วา’’ติอาทิ. ตตฺถ ภิกฺขุโน ปิยกมฺยตายาติ ยสฺส ตํ ภาสติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ‘‘เอวมหํ เอตสฺส ปิโย ภวิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปิยภาวํ ปตฺถยมานตาย. เภทาธิปฺปาเยนาติ ‘‘เอวมยํ เตน สทฺธึ ภิชฺชิสฺสตี’’ติ ปรสฺส ปเรน เภทํ อิจฺฉนฺเตน. อถ วา ปิยสฺุกรณโต เปสฺุํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๓๖) นิรุตฺตินเยน, ยาย วาจาย ยสฺส ตํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ, ปรสฺส จ สฺุภาวํ กโรติ, สา วาจา, ‘‘ภิกฺขุสฺส เปสฺุํ ภิกฺขุเปสฺุ’’นฺติอาทินา เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ชาติอาทีหิ อกฺโกสวตฺถูหี’’ติอาทินา วุตฺตนเยน.
ปาฬิมุตฺตกอกฺโกสูปสํหาเรติ ¶ ‘‘โจโรสี’’ติอาทินา อกฺโกสสฺส อุปสํหาเร. ‘‘อนกฺโกสวตฺถุภูตํ ปน เปสฺุกรํ ตสฺส กิริยํ, วจนํ วา ปิยกมฺยตาย อุปสํหรนฺตสฺส กิฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ น ทิสฺสติ, ตถาปิ ทุกฺกเฏน ภวิตพฺพ’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๓๖) วทนฺติ. ปาปครหิตาย วทนฺตสฺสาติ เอกํ อกฺโกสนฺตํ, เอกฺจ ¶ ขมนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโห นิลฺลชฺโช, อีทิสมฺปิ นาม ภวนฺตํ ปุน วตฺตพฺพํ มฺิสฺสตี’’ติ เอวํ เกวลํ ปาปครหิตาย ภณนฺตสฺส.
เปสฺุสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
ปทโส ธมฺมํ วาเจยฺยาติ เอกโต ปทํ ปทํ ธมฺมํ วาเจยฺย, โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ วาเจยฺยาติ อตฺโถ. ยสฺมา น เกวลํ ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหธมฺมํเยว ปทโส วาเจนฺตสฺส อาปตฺติ, ตสฺมา ‘‘สงฺคีติตฺตยํ อนารุฬฺหมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน (ปาจิ. อฏฺ. ๔๕) สีลูปเทส ธุตงฺคปฺหอารมฺมณกถา พุทฺธิกทณฺฑกฺาณวตฺถุอสุภกถาทีนํ คหณํ. เมณฺฑกมิลินฺทปฺเหสุ เถรสฺส สกปฺปฏิภาเน อนาปตฺติ. ยํ รฺโ สฺาปนตฺถํ อาหริตฺวา วุตฺตํ, ตตฺถ อาปตฺติ. วณฺณปิฏกองฺคุลิมาลปิฏกรฏฺปาลคชฺชิตอาฬวกคชฺชิตคูฬฺหมคฺคคูฬฺหเวสฺสนฺตรคูฬฺหวินยเวทลฺลปิฏกาทีนิ ปน อพุทฺธวจนานิเยว.
ยสฺมา ปน ตํ ปทํ จตุพฺพิธํ โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปทานุปทอนฺวกฺขรานุพฺยฺชเนสู’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปทนฺติ เอโก คาถาปาโท อธิปฺเปโต. อนุปทนฺติ ทุติยปาโท. อนฺวกฺขรนฺติ เอเกกํ อกฺขรํ. อนุพฺยฺชนนฺติ ปุริมพฺยฺชเนน สทิสํ ปจฺฉาพฺยฺชนํ. ยํ กิฺจิ วา เอกํ อกฺขรํ อนฺวกฺขรํ. อกฺขรสมูโห อนุพฺยฺชนํ. อกฺขรานุพฺยฺชนสมูโห ปทํ. ปมํ ปทํ ปทเมว, ทุติยํ อนุปทนฺติ เอวเมตฺถ นานากรณํ เวทิตพฺพํ. เอเตสุ ปทาทีสุ ยํ กฺจิ โกฏฺาสํ ภิกฺขฺุจ ภิกฺขุนิฺจ เปตฺวา อวเสสปุคฺคเลหิ สทฺธึ เอกโต ภณนฺตสฺส ปทาทิคณนาย ปาจิตฺติยนฺติ สมฺพนฺโธ.
เอตฺถ ¶ คาถาพนฺเธสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๕) ตาว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑, ๒) เอกเมกํ ปทํ สามเณเรน สทฺธึ เอกโต อารภิตฺวา เอกโตเยว นิฏฺาเปนฺตสฺส ปทคณนาย ปาจิตฺติยํ. เถเรน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ วุตฺเต ตํ ปทํ อปาปุณิตฺวา ‘‘มโนเสฏฺา มโนมยา’’ติ วจนกาเล ปตฺเตน สามเณเรน เอกโต ภณนฺตสฺส อนุปทคณนาย. ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๓๕๓, ๓๕๖) วจนกาเล เตน สทฺธึ ‘‘รู’’ การมตฺตเมว วาเจนฺตสฺส อนฺวกฺขรคณนาย. เอส นโย คาถาพนฺเธปิ. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๕๓, ๓๕๖) อิมํ สุตฺตํ วาจยมาโน เถเรน ‘‘รูปํ ¶ อนิจฺจ’’นฺติ วุจฺจมาเน สามเณโร สีฆปฺตาย ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ อิมํ อนิจฺจปทํ เถรสฺส ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ เอเตน อนิจฺจปเทน สทฺธึ เอกโต ภณนฺโต วาจํ นิจฺฉาเรติ, เอวํ วาเจนฺตสฺส อนุพฺยฺชนคณนาย ปาจิตฺติยนฺติ เวทิตพฺพํ.
ติกปาจิตฺติยนฺติ อนุปสมฺปนฺเน อนุปสมฺปนฺนสฺิเวมติกอุปสมฺปนฺนสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. อนุปสมฺปนฺเนน สทฺธึ เอกโต อุทฺเทสคฺคหเณ เอกโต ภณนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย ‘‘สชฺฌายกรเณ, ตสฺส สนฺติเก อุทฺเทสคฺคหเณ’’ติ เอตฺถาปิ. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – อุปสมฺปนฺโน จ อนุปสมฺปนฺโน จ นิสีทิตฺวา อุทฺทิสาเปนฺติ. อาจริโย ‘‘นิสินฺนานํ ภณามี’’ติ เตหิ สทฺธึ เอกโต วทติ, อาจริยสฺเสว อาปตฺติ. อนุปสมฺปนฺเนน สทฺธึ คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺติ. ทฺเวปิ ิตา คณฺหนฺติ, เอเสว นโย. ทหรภิกฺขุ นิสินฺโน, สามเณโร ิโต, ‘‘นิสินฺนสฺส ภณามี’’ติ ภณโต อนาปตฺติ. สเจ ทหโร ติฏฺติ, อิตโร นิสีทติ, ‘‘ิตสฺส ภณามี’’ติ ภณโตปิ อนาปตฺติ. สเจ พหูนํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร เอโก สามเณโร นิสินฺโน โหติ, ตสฺมึ นิสินฺเน ปทโส ธมฺมํ วาเจนฺตสฺส อจิตฺตกา อาปตฺติ. สเจ สามเณโร อุปจารํ มฺุจิตฺวา ิโต วา นิสินฺโน วา โหติ, เยสํ วาเจติ, เตสุ อปริยาปนฺนตฺตา เอเกน ทิสาภาเคน ปลายนกคนฺถํ นาม คณฺหาตีติ สงฺขํ คจฺฉติ, ตสฺมา อนาปตฺติ.
สชฺฌายกรเณติ อนุปสมฺปนฺเนน สทฺธึ เอกโต สชฺฌายกรเณ. ตสฺส สนฺติเก อุทฺเทสคฺคหเณติ อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก อุทฺเทสคฺคหเณ. เยภุยฺเยน ปคุณคนฺถํ ภณนฺตสฺสาติ สเจ เอกคาถาย เอโก ¶ ปาโท นาคจฺฉติ, อวเสสา อาคจฺฉนฺติ, อยํ เยภุยฺเยน ปคุณคนฺโถ นาม. เอเตน นเยน สุตฺเตปิ เวทิตพฺโพ, ตํ ภณนฺตสฺส. โอสาเรนฺตสฺส จาติ ปริสามชฺเฌ สุตฺตํ อุจฺจาเรนฺตสฺส จ.
ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
อิธ ‘‘ภิกฺขุํ เปตฺวา อวเสโส อนุปสมฺปนฺโน นามา’’ติ (ปาจิ. ๕๒) วจนโต ติรจฺฉานคโตปิ อนุปสมฺปนฺโนเยว, โส จ โข น สพฺโพ, เมถุนธมฺมาปตฺติยา วตฺถุภูโตวาติ อาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิ. ตสฺส จ ปริจฺเฉโท เมถุนธมฺมาปตฺติยา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ทิรตฺตติรตฺตนฺติ ¶ เอตฺถ ทิรตฺตวจเนน น โกจิ วิเสสตฺโถ ลพฺภติ, เกวลํ โลกโวหารวเสน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย, มุขารุฬฺหตาย เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทฺวินฺนํ วา ติณฺณํ วา รตฺตีนนฺติ ปน วจนตฺถมตฺตทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, นิรนฺตรติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา ทิรตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สหเสยฺยนฺติ เอกโต เสยฺยํ. เสยฺยาติ จ กายปฺปสารณสงฺขาตํ สยนมฺปิ วุจฺจติ ‘‘สยนํ เสยฺยา’’ติ กตฺวา, ยสฺมึ เสนาสเน สยนฺติ, ตมฺปิ ‘‘สยนฺติ เอตฺถาติ เสยฺยา’’ติ กตฺวา. ตทุภยมฺปิ อิธ สามฺเน, เอกเสสนเยน วา คหิตนฺติ อาห ‘‘สพฺพจฺฉนฺนปริจฺฉนฺเน’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยํ เสนาสนํ อุปริ ปฺจหิ ฉทเนหิ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑), อฺเน วา เกนจิ อนฺตมโส วตฺเถนาปิ สพฺพเมว ปริจฺฉนฺนํ, ภูมิโต ปฏฺาย ยาว ฉทนํ อาหจฺจ, อนาหจฺจาปิ วา สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพเธน ปากาเรน วา อฺเน วา เกนจิ อนฺตมโส วตฺเถนาปิ ปริกฺขิตฺตํ, อิทํ สพฺพจฺฉนฺนสพฺพปริจฺฉนฺนํ นาม. ยสฺส ปน อุปริ พหุตรํ านํ ฉนฺนํ, อปฺปํ อจฺฉนฺนํ, สมนฺตโต จ พหุตรํ ปริกฺขิตฺตํ, อปฺปํ อปริกฺขิตฺตํ, อิทํ เยภุยฺเยน ฉนฺนํ เยภุยฺเยน ปริจฺฉนฺนํ นาม. ตสฺมึ สพฺพจฺฉนฺนปริจฺฉนฺเน, เยภุยฺเยน ฉนฺนปริจฺฉนฺเน วา.
วิทเหยฺยาติ กเรยฺย, ตฺจ โข อตฺถโต สมฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สมฺปาเทยฺยา’’ติ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ ‘‘เสนาสนสงฺขาตํ เสยฺยํ ปวิสิตฺวา กายปฺปสารณสงฺขาตํ ¶ เสยฺยํ กปฺเปยฺย วิทเหยฺย สมฺปาเทยฺยา’’ติ. ทิยฑฺฒหตฺถุพฺเพโธ วฑฺฒกิหตฺเถน คเหตพฺโพ. เอกูปจาโรติ วลฺชนทฺวารสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สตคพฺภํ วา จตุสาลํ เอกูปจารํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ วาติ ปุริมปุริมทิวเส ยตฺถ วุฏฺํ, ตสฺมึเยว เสนาสเน วา. อฺตฺถ วา ตาทิเสติ ยถาวุตฺตลกฺขเณน สมนฺนาคเต อฺสฺมึ ปุพฺเพ อวุฏฺเสนาสเน วา. เตน วาติ เยน สห ปุริมปุริมทิวเส วุฏฺํ, เตน วา. อฺเน วาติ เยน สห ปุริมปุริมสฺมึ ทิวเส วุฏฺํ, ตโต อฺเน วา. สงฺเขโปติ สงฺเขปวณฺณนา. ยทิ เอวํ วิตฺถาโร กถํ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิ.
อุปฑฺฒจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนาทีสูติ อาทิสทฺเทน ‘‘สพฺพจฺฉนฺเน จูฬกปริจฺฉนฺเน ทุกฺกฏํ, เยภุยฺเยน ฉนฺเน จูฬกปริจฺฉนฺเน ทุกฺกฏํ, สพฺพปริจฺฉนฺเน จูฬกจฺฉนฺเน ทุกฺกฏํ, เยภุยฺเยน ปริจฺฉนฺเน จูฬกจฺฉนฺเน ทุกฺกฏ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๓) อฏฺกถายํ วุตฺตานํ คหณํ. ตติยาย รตฺติยา ปุรารุณา นิกฺขมิตฺวา ปุน วสนฺตสฺสาติ ตติยาย รตฺติยา อรุณโต ปุเรตรเมว นิกฺขมิตฺวา อรุณํ พหิ อุฏฺาเปตฺวา จตุตฺถทิวเส อตฺถงฺคเต สูริเย ปุน วสนฺตสฺส. สพฺพจฺฉนฺนสพฺพาปริจฺฉนฺนาทีสูติ ¶ เอตฺถ ปน อาทิสทฺเทน ‘‘สพฺพปริจฺฉนฺเน สพฺพอจฺฉนฺเน, เยภุยฺเยน อจฺฉนฺเน เยภุยฺเยน อปริจฺฉนฺเน’’ติ (ปาจิ. ๕๔) ปาฬิยํ อาคตานํ, ‘‘อุปฑฺฒจฺฉนฺเน จูฬกปริจฺฉนฺเน อนาปตฺติ, อุปฑฺฒปริจฺฉนฺเน จูฬกจฺฉนฺเน อนาปตฺติ, จูฬกจฺฉนฺเน จูฬกปริจฺฉนฺเน อนาปตฺตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๓) อฏฺกถายํ อาคตานฺจ คหณํ.
ปมสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา
มนุสฺสิตฺถิยาติ ชีวมานกมนุสฺสิตฺถิยา. ‘‘มติตฺถี ปน กิฺจาปิ ปาราชิกวตฺถุภูตา, อนุปาทินฺนปกฺเข ปน ิตตฺตา สหเสยฺยาปตฺตึ น กโรตี’’ติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๕๕) วทนฺติ. อทิสฺสมานรูปาหิ ปน ยกฺขิเปตีหิ, เมถุนสฺส อวตฺถุภูตาย ¶ จ ติรจฺฉานคติตฺถิยา อนาปตฺติ. ปมทิวเสปีติ ปมสฺมึ วิย สิกฺขาปเท น จตุตฺเถเยว ทิวเส, อถ โข อิธ ปมทิวเสปีติ อตฺโถ. อิมินา อิธ ทิวสปริจฺเฉโท นตฺถีติ ทสฺเสติ. องฺเคสุ ปน ปาจิตฺติยวตฺถุกเสนาสนํ, ตตฺถ มาตุคาเมน สห นิปชฺชนํ, สูริยตฺถงฺคมนนฺติ ตีณิ องฺคานีติ อยมฺปิ วิเสโส ทฏฺพฺโพ.
ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
ฉปฺปฺจวาจาหีติ ฉหิ ปฺจหิ วาจาหิ. วาจาปริจฺเฉโท ปเนตฺถ กถํ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อุตฺตริ ฉปฺปฺจวาจาหี’’ติอาทิ. สพฺพตฺถาติ สุตฺเต, อฏฺกถายฺจ. สเจ อฏฺกถํ, ธมฺมปทํ, ชาตกาทิวตฺถุํ วา กเถตุกาโม โหติ, ฉปฺปทมตฺตเมว กเถตุํ วฏฺฏติ. ปาฬิยา สทฺธึ กเถนฺเตน เอกํ ปทํ ปาฬิโต, ปฺจ อฏฺกถาโตติ เอวํ ฉ ปทานิ อนติกฺกมิตฺวาว กเถตพฺโพ. ปุริเสนาติ มนุสฺสปุริเสน. เตนาห ‘‘มนุสฺสวิคฺคหํ คเหตฺวา ปนา’’ติอาทิ.
ติกปาจิตฺติยนฺติ มาตุคาเม มาตุคามสฺิเวมติกอมาตุคามสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. อฺสฺส วา มาตุคามสฺสาติ เอกสฺส มาตุคามสฺส เทเสตฺวา นิสินฺเน ปุน อาคตสฺส อฺสฺส มาตุคามสฺส, เอวํ ปน เอกาสเน นิสินฺเนน มาตุคามสตสฺสาปิ เทเสตุํ วฏฺฏติ ¶ . ‘‘วิฺุมนุสฺสิตฺถิยา’’ติ วจนโต อวิฺิตฺถิยาปิ เทสยโต อนาปตฺติ. อิริยาปถปริวตฺตาภาโวติ อตฺตโน วา มาตุคามสฺส วา อิริยาปถปริวตฺตาภาโว. กปฺปิยการกสฺสาภาโวติ วิฺุสฺส กปฺปิยการกสฺสาภาโว, ทุติยานิยเต วุตฺตลกฺขณสฺส มนุสฺสสฺส อภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ อุตฺตริ ฉปฺปฺจวาจาหิ ธมฺมเทสนา กิริยา, กปฺปิยการกสฺส อคฺคหณํ อกิริยาติ ทฏฺพฺพํ.
ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา
นิปฺปริยาเยนาติ ¶ ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๗๑) อุชุกเมว. ปริยาเยน อาโรจิตนฺติ ‘‘โย เต วิหาเร วสิ, โส ภิกฺขุ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ, สมาปชฺชติ, สมาปนฺโน’’ติอาทินา (ปาจิ. ๗๕) อฺาปเทเสน ภณิตํ. ปรินิพฺพานกาเล (ปาจิ. อฏฺ. ๗๗), ปน อนฺตรา วา อติกฑฺฒิยมาเนน อุปสมฺปนฺนสฺส ภูตํ อาโรเจตุํ วฏฺฏติ. อนติกฑฺฒิยมาเนนาปิ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๗๗) ตถารูเป การเณ สติ อาโรเจตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนว อฺตเรน ทหรภิกฺขุนา อุปวทิโต อฺตโร เถโร ‘‘อาวุโส, อุปริมคฺคตฺถาย วายามํ มา อกาสิ, ขีณาสโว ตยา อุปวทิโต’’ติ อาห. เถเรน จ ‘‘อตฺถิ เต, อาวุโส, อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺา’’ติ ปุฏฺโ ทหรภิกฺขุ ‘‘อาม, ภนฺเต, โสตาปนฺโน อาห’’นฺติ อโวจ. ‘‘การโก อย’’นฺติ ตฺวาปิ ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวทสฺสเนน สมุตฺเตชนาย, สมฺปหํสนาย จ อริยา อตฺตานํ ปกาเสนฺติเยว. เตนาห ‘‘ตถารูเป การเณ สติ อุปสมฺปนฺนสฺส อาโรจยโต’’ติ. สุตปริยตฺติสีลคุณํ ปน อนุปสมฺปนฺนสฺสปิ อาโรเจตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา น อิธ อุมฺมตฺตกาทโย คหิตาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน ขิตฺตจิตฺตเวทนาฏฺฏานํ คหณํ. ตสฺมึ สตีติ อุมฺมตฺตกาทิภาเว สติ. อิธ น คหิตาติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท ปทภาชนิยํ น คหิตา. อจิตฺตกนฺติ ปณฺณตฺติชานนจิตฺตาภาเวน อจิตฺตกํ. กุสลาพฺยากตจิตฺเตหิ ทฺวิจิตฺต’’นฺติ อิทํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน อริยปุคฺคเลเยว สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ ปณฺณตฺตึ อชานนฺตา ฌานลาภิโน ปุถุชฺชนา วตฺถุมฺหิ โลภวเสน อกุสลจิตฺเตนาปิ น อาโรเจนฺตีติ. ทุกฺขเวทนาย วา อภาวโต ‘‘ทฺวิเวทน’’นฺติ อิมสฺส อนุรูปํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ภูตาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺวินฺนํ ¶ ‘อาปตฺติกฺขนฺธานนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสสงฺขาตานํ ทฺวินฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ. อายตึ สํวรตฺถายาติ ‘‘เอวเมส ปเรสุ หิโรตฺตปฺเปนาปิ อายตึ ¶ สํวรํ อาปชฺชิสฺสตี’’ติ อายตึ สํวรตฺถาย. อาปตฺตีนฺจ กุลานฺจ ปริยนฺตํ กตฺวา วา อกตฺวา วาติ ‘‘เอตฺตกา อาปตฺติโย อาโรเจตพฺพา, เอตฺตเกสุ กุเลสุ อาโรเจตพฺพา’’ติ เอวํ อาปตฺตีนฺจ กุลานฺจ ปริยนฺตํ กตฺวา วา อกตฺวา วา.
อทุฏฺุลฺลายาติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสํ เปตฺวา อวเสสปฺจาปตฺติกฺขนฺธสงฺขาตาย อทุฏฺุลฺลาย อาปตฺติยา. อวเสเส ฉ อาปตฺติกฺขนฺเธติ สงฺฆาทิเสสวชฺชิเต เสเส ฉ อาปตฺติกฺขนฺเธ. ปุริมปฺจสิกฺขาปทวีติกฺกมสงฺขาตํ ทุฏฺุลฺลนฺติ ปาณาติปาตเวรมณิอาทิกสฺส อาทิโต ปฺจสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกมสงฺขาตํ ทุฏฺุลฺลํ. อิตรํ อทุฏฺุลฺลํ วา อชฺฌาจารนฺติ ตโต อฺํ วิกาลโภชนาทิกปฺจกํ, สุกฺกวิสฏฺิกายสํสคฺคทุฏฺุลฺลอตฺตกามฺเจติ อทุฏฺุลฺลํ วา อชฺฌาจารํ. วตฺถุมตฺตนฺติ ‘‘อยํ สุกฺกวิสฺสฏฺึ อาปนฺโน, ทุฏฺุลฺลํ, อตฺตกามํ, กายสํสคฺคํ อาปนฺโน’’ติ เอวํ วตฺถุมตฺตํ วา อาโรเจนฺตสฺส. อาปตฺติมตฺตนฺติ ‘‘อยํ ปาราชิกํ อาปนฺโน, สงฺฆาทิเสสํ, ถุลฺลจฺจยํ, ปาจิตฺติยํ, ปาฏิเทสนียํ, ทุกฺกฏํ, ทุพฺภาสิตํ อาปนฺโน’’ติ เอวํ อาปตฺติมตฺตํ วา อาโรเจนฺตสฺส. วุตฺตลกฺขณสฺสาติ ‘‘ปาราชิกํ อนชฺฌาปนฺนสฺสา’’ติ กงฺขา. อฏฺ. ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา) เอวํ วุตฺตลกฺขณสฺส. สวตฺถุโกติ วตฺถุนา สห ฆฏิโต.
ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา
ปาสาณสกฺขรกถลมรุมฺพวาลุกาทีสูติ เอตฺถ มุฏฺิปฺปมาณโต อุปริ ปาสาณาติ เวทิตพฺพา. มุฏฺิปฺปมาณา สกฺขรา. กถลาติ กปาลขณฺฑานิ. มรุมฺพาติ กฏสกฺขรา. วาลุกา วาลิกาเยว. อฺตรสฺส ตติยภาโค โหตีติ ตติโย ภาโค โหติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยโต ปํสุํ วา มตฺติกํ วา อาหราเปตฺวา วิสุํ วิสุํ กเต ทฺเว โกฏฺาสา ปํสุ วา มตฺติกา วา เอโก ปาสาณาทีสุ อฺตโร โหติ, อยํ มิสฺสกปถวี นามาติ. โอวฏฺโ นาม เทเวน โอวฏฺโ (ปาจิ. ๘๖). วุตฺตนฺติ ปทภาชนิยํ, สีหฬฏฺกถายเมว วา วุตฺตํ ¶ . อธิกตรปาสาณาทิมิสฺสาติ ¶ อธิกตรปาสาณาทีหิ มิสฺสา, อทฑฺฒาปิ วุตฺตปฺปมาณโต อธิกตรปาสาณาทิมิสฺสาติ อธิปฺปาโย. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ, เตน อูนกจตุมาโสวฏฺปถวึ สงฺคณฺหาติ. สุทฺธปาสาณาทิเภทายาติ สุทฺธา ปาสาณา เอตฺถาติ สุทฺธปาสาณา, สา อาทิ ยสฺส เภทสฺส โส สุทฺธปาสาณาทิ. อาทิ-สทฺเทน สุทฺธสกฺขราทีนํ คหณํ. สุทฺธปาสาณาทิเภโท ยสฺสา สา สุทฺธปาสาณาทิเภทา, ตาย สุทฺธปาสาณาทิเภทาย, สุทฺธปาสาณาทิปฺปการายาติ อตฺโถ.
สยํ ขณตีติ เอตฺถ โย อนฺตมโส ปาทงฺคุฏฺเกนปิ ขณติ, อุทกมฺปิ ฉฑฺเฑนฺโต ภินฺทติ, ปาทงฺคุฏฺเกนปิ วิลิขติ, ปตฺตมฺปิ ปจนฺโต ทหติ, โส สพฺโพ ขณติเยวาติ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ขณนเภทนวิเลขนปจนาทีหิ วิโกเปตีติ. ปตฺตํ ปจนฺเตน (ปาจิ. อฏฺ. ๘๗) หิ ปุพฺเพ ปกฺกฏฺาเนเยว ปจิตพฺโพ. อทฑฺฒาย ปถวิยา อคฺคึ เปตุํ น วฏฺฏติ. ปตฺตปจนกปาลสฺส ปน อุปริ อคฺคึ เปตุํ วฏฺฏติ. ทารูนํ อุปริ เปติ, โส อคฺคิ ตานิ ทหนฺโต คนฺตฺวา ปถวึ ทหติ, น วฏฺฏติ. อิฏฺกปาสาณาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺราปิ หิ อิฏฺกาทีนํเยว อุปริ เปตุํ วฏฺฏติ. กสฺมา? เตสํ อนุปาทานตฺตา. น หิ ตานิ อคฺคิสฺส อุปาทานสงฺขํ คจฺฉนฺติ. สุกฺขขาณุรุกฺขาทีสุปิ อคฺคึ ทาตุํ น วฏฺฏติ. สเจ ปน ‘‘ปถวึ อปตฺตเมว นิพฺพาเปตฺวา คมิสฺสามี’’ติ เทติ, วฏฺฏติ. ปจฺฉา นิพฺพาเปตุํ น สกฺโกติ, อวิสยตฺตา อนาปตฺติ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ขณนเภทนวิลิขนปจนาทีหี’’ติ วุตฺเตเนว นเยน. นิยเมตฺวาติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา. อิตโรติ อาณาปโก.
‘‘โปกฺขรณึ ขณา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๖) วทติ, วฏฺฏติ. ขตาเยว โปกฺขรณี นาม โหติ, ตสฺมา อยํ กปฺปิยโวหาโร. เอส นโย ‘‘วาปึ, ตฬากํ, อาวาฏํ ขณา’’ติอาทีสุปิ. ‘‘อิมํ โอกาสํ ขณ, อิมสฺมึ โอกาเส โปกฺขรณึ ขณา’’ติ ปน วตฺตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘กนฺทํ ขณ มูลํ ขณา’’ติ อนิยเมตฺวา วตฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อิมํ วลฺลึ ขณ, อิมสฺมึ โอกาเส กนฺทํ วา มูลํ วา ขณา’’ติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘โอกาสํ อนิยเมตฺวา…เป… ภณนฺตสฺสา’’ติ. อาตเปน สุกฺขกทฺทโม จ ผลติ, ตตฺร โย เหฏฺา ปถวิยา อสมฺพทฺโธ, ตเมว อปเนตุํ วฏฺฏติ. เอส นโย โคกณฺฏเกปิ ¶ . เตนาห ‘‘อาตเปน…เป… อสมฺพทฺธ’’นฺติ. ตตฺถ โคกณฺฏโก (ปาจิ. อฏฺ. ๘๖) นาม คาวีนํ ขุรจฺฉินฺนกทฺทโม วุจฺจติ. สเจ ปน เหฏฺิมตเลน ภูมิสมฺพนฺโธ, วิโกเปตุํ น วฏฺฏติ. ภิชฺชิตฺวา ปติตนทิตฏนฺติ ภิชฺชิตฺวา นทิสามนฺตา ปติตํ โอมกจาตุมาสํ โอวฏฺํ นทิตฏํ. สเจ ปน ภิชฺชิตฺวา อุทเกเยว ปกติ, เทเว อติเรกจาตุมาสํ โอวฏฺเปิ อุทเกเยว อุทกสฺส ปติตตฺตา ¶ วฏฺฏติ. มหนฺตมฺปิ นงฺคลจฺฉินฺนมตฺติกาปิณฺฑนฺติ มหนฺตมฺปิ กสิตฏฺาเน เหฏฺา ปถวิยา อสมฺพทฺธํ นงฺคลจฺฉินฺนมตฺติกาปิณฺฑํ. เอวมาทิสทฺเทน กูฏาสิฺจนโยคฺคตนุกกทฺทมาทีนํ คหณํ. อสฺจิจฺจ รุกฺขาทิปวฏฺฏเนน ภินฺทนฺตสฺสาติ ปาสาณรุกฺขาทีนิ วา ปวฏฺเฏนฺตสฺส, กตฺตรทณฺเฑน วา อาหจฺจ อาหจฺจ คจฺฉนฺตสฺส ปถวี ภิชฺชติ, สา ‘‘เตน ภินฺทิสฺสามี’’ติ เอวํ สฺจิจฺจ อภินฺนตฺตา อสฺจิจฺจ ภินฺนา นาม โหติ, อิติ อสฺจิจฺจ รุกฺขาทิปฺปวฏฺฏเนน ภินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติ. อสติยา ปาทงฺคุฏฺกาทีหิ วิลิขนฺตสฺสาติ โย อฺวิหิโต เกนจิ สทฺธึ กิฺจิ กเถนฺโต ปาทงฺคุฏฺเกน วา กตฺตรยฏฺิยา วา ปถวึ วิลิขนฺโต ติฏฺติ, ตสฺส เอวํ อสติยา ปาทงฺคุฏฺกาทีหิ วิลิขนฺตสฺส อนาปตฺติ.
ปถวีขณนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
มุสาวาทวคฺโค ปโม.
๒. ภูตคามวคฺโค
๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ภวนฺตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๙๐) อิมินา วิรุฬฺหมูเล นีลภาวํ อาปชฺชิตฺวา วฑฺฒมานเก ตรุณคจฺเฉ ทสฺเสติ. ‘‘อเหสุ’’นฺติ อิมินา ปน วฑฺฒิตฺวา ิเต มหนฺเต รุกฺขคจฺฉาทิเก ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ชายนฺตี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘ภวนฺตี’’ติ อิมสฺส วิวรณํ ‘‘ชายนฺติ วฑฺฒนฺตี’’ติ, ‘‘อเหสุ’’นฺติ อิมสฺส ‘‘ชาตา วฑฺฒิตา’’ติ. คาโมติ สมูโห. ปติฏฺิตหริตติณรุกฺขาทีนนฺติ ภูมิยํ ปติฏฺิตสฺส หริตติณสฺส เจว หริตรุกฺขาทีนฺจ. อาทิสทฺเทน โอสธิคจฺฉลตาทโย เวทิตพฺพา. นิมิตฺตตฺเถ จ ภุมฺมํ. โย อตฺโถ สมฺปชฺชติ, ตมาห ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติอาทินา.
นนุ ¶ จ รุกฺขาทโย จิตฺตรหิตตาย น ชีวา, จิตฺตรหิตตา จ ปริผนฺทาภาวโต, ฉินฺเนปิ วิรุหนโต, วิสทิสชาติกภาวโต, จตุโยนิยํ อปริยาปนฺนโต จ เวทิตพฺพา, วุฑฺฒิ ปน ปวาฬสิลาลวณานมฺปิ วิชฺชตีติ น เตสํ ชีวภาเว การณํ, วิสยคฺคหณฺจ เนสํ ปริกปฺปนามตฺตํ ¶ สุปนํ วิย จิฺจาทีนํ, ตถา โทหฬาทโย, อถ กสฺมา ภูตคามสฺส ปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ อิจฺฉิตนฺติ? สมณอสารุปฺปโต, ตนฺนิสฺสิตสตฺตานุรกฺขณโต จ. เตเนวาห ‘‘ชีวสฺิโน หิ โมฆปุริสา มนุสฺสา รุกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๘๙). สาสปพีชกเสวาลมฺปีติ สาสปพีชกสงฺขาตํ เสวาลมฺปิ, สาสปเสวาลํ, พีชกเสวาลมฺปีติ อตฺโถ. ตตฺถ สาสปเสวาโล นาม สาสปมตฺโต ขุทฺทกเสวาโล. พีชกเสวาโล นาม อุปริ ขุทฺทกปตฺโต เหฏฺา ขุทฺทกมูโล เสวาโล.
มูลพีชขนฺธพีชผฬุพีชอคฺคพีชพีชพีชานนฺติ เอตฺถ มูลเมว พีชํ มูลพีชํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ มูลพีชํ หลิทฺทิอาทิกํ. ขนฺธพีชํ อสฺสตฺถาทิกํ. ผฬุพีชํ อุจฺฉุอาทิกํ. อคฺคพีชํ หิริเวราทิกํ. พีชํพีชํ ปุพฺพณฺณาทิกํ. ภาชนคตนฺติ สราวาทิภาชนคตํ. นิกฺขนฺตํ มูลมตฺตํ เอตสฺมาติ นิกฺขนฺตมูลมตฺตํ. มตฺต สทฺเทน เจตฺถ ปณฺณสฺส นิกฺขมนํ ปฏิกฺขิปติ. เอส นโย นิกฺขนฺตองฺกุรมตฺตนฺติ เอตฺถาปิ. สเจ ปน มูลฺจ ปณฺณฺจ นิคฺคตํ, ภูตคามสงฺขํ คจฺฉติ. วิทตฺถิมตฺตา ปตฺตวฏฺฏิ นิคฺคจฺฉตีติ วิทตฺถิมตฺตา อนีลวณฺณา ปตฺตวฏฺฏิ นิกฺขมติ. เตนาห ‘‘นิกฺขนฺเต’’ติอาทิ. หริโต น โหตีติ นีลวณฺโณ น โหติ. มุคฺคาทีนํ ปน ปณฺเณสุ อุฏฺิเตสุ, วีหิอาทีนํ วา องฺกุเร หริเต ภูตคามสงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เอส นโย อมฺพฏฺิอาทีสุ.
ภูตคามพีชคาเมติ เอตฺถ ภูตคามโต วิโยชิตํ วิรุหนสมตฺถเมว มูลพีชาทิกํ พีชคาโม นามาติ เวทิตพฺพํ. อุภยตฺถาติ ภูตคามพีชคาเมสุ. อตถาสฺิสฺสาติ อภูตคามาพีชคามสฺิสฺส. โก ปน วาโท อภูตคามาพีชคาเมสุ อภูตคามาพีชคามสฺิสฺส. อสฺจิจฺจาติ ปาสาณรุกฺขาทีนิ วา ปวฏฺเฏนฺตสฺส, สาขํ วา กฑฺฒนฺตสฺส, กตฺตรทณฺเฑน วา ภูมึ ปหริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ติณานิ กุปฺปนฺติ. ตานิ เตน ‘‘วิโกเปสฺสามี’’ติ เอวํ สฺจิจฺจ อวิโกปิตตฺตา อสฺจิจฺจ วิโกปิตานิ นาม โหนฺติ. อิติ อสฺจิจฺจ วิโกเปนฺตสฺส อนาปตฺติ.
อสติยาติ ¶ อฺวิหิโต เกนจิ สทฺธึ กิฺจิ กเถนฺโต ปาทงฺคุฏฺเกน วา หตฺเถน วา ติณํ วา ลตํ วา วิโกเปนฺโต ติฏฺติ, เอวํ อสติยา วิโกเปนฺตสฺส อนาปตฺติ.
อชานิตฺวาติ เอตฺถ อพฺภนฺตเร ‘‘พีชคาโม’’ติ วา ‘‘ภูตคาโม’’ติ วา น ชานาติ, ‘‘วิโกเปมี’’ติ ปน ชานาติ. เอวํ ติเณ วา ปลาลปฺุเช วา ขณิตฺตึ วา กุทาลํ วา สงฺโคปนตฺถาย ¶ เปติ, ฑยฺหมานหตฺโถ วา อคฺคึ ปาเตติ. ตตฺร เจ ติณานิ ฉิชฺชนฺติ วา ฑยฺหนฺติ วา, เอวํ อชานิตฺวา วิโกเปนฺตสฺส อนาปตฺติ.
เยน เกนจิ อคฺคินาติ กฏฺคฺคิโคมยคฺคิอาทีสุ เยน เกนจิ อคฺคินา, อนฺตมโส โลหขณฺเฑนปิ อาทิตฺเตน. ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาวาติ ยาย กายจิ ภาสาย ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว. เอว-สทฺเทน ปมํ อคฺคินา ผุสิตฺวา ปจฺฉา ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ทสฺเสติ. ‘‘ปมํ อคฺคึ นิกฺขิปิตฺวา ตํ อนุทฺธริตฺวาว ‘กปฺปิย’นฺติ วุตฺเต ปน วฏฺฏตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๙๓) วทนฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ตเถวาติ ‘กปฺปิย’นฺติ วตฺวาว. อสฺสมหึสสูกรมิคโครูปานํ ปน ขุรา อติขิณา, ตสฺมา เตหิ น กาตพฺพํ, กตมฺปิ อกตํ โหตีติ อาห ‘‘เปตฺวา โคมหึสาทีนํ ขุเร’’ติ. หตฺถินขา ปน ขุรา น โหนฺติ, ตสฺมา เตหิ วฏฺฏติ. ติรจฺฉานานนฺติ สีหพฺยคฺฆทีปิมกฺกฏานํ, สกุนฺตานฺจ. เตสฺหิ นขา ติขิณา โหนฺติ, ตสฺมา เตหิ กาตพฺพํ. ‘‘อนฺตมโส ฉินฺทิตฺวา อาหเฏนปี’’ติ อิมินา เยหิ กาตุํ วฏฺฏติ, เตหิ ตตฺถชาตเกหิ กาตพฺพนฺติ เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘สตฺเถ วุตฺตนเยเนวา’’ติ อิมินา เฉทํ วา เวธํ วา ทสฺเสนฺเตน ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาวา’’ติ วุตฺตมติทิสติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวาว กาตพฺพ’’นฺติอาทินา กปฺปิยํ กโรนฺเตน กตฺตพฺพาการเมว ทสฺสิตํ, ตถาปิ ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ วุตฺเตเยว อนุปสมฺปนฺเนน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวา อคฺคิปริชิตาทิ กาตพฺพนฺติ คเหตพฺพํ. อวจนํ ปน ‘‘ปุนปิ กปฺปิยํ กโรหีติ กาเรตฺวาว ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ ปมเมว วุตฺตตฺตา.
เอกสฺมึ…เป… กปฺปิเย กเต สพฺพํ กตํ โหตีติ เอกํเยว ‘‘กปฺปิยํ กโรมี’’ติ อธิปฺปาเยนปิ กปฺปิเย กเต เอกาพทฺธตฺตา สพฺพํ กตํ ¶ โหติ. ทารุกํ วิชฺฌตีติ ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา วิชฺฌติ วา วิชฺฌาเปติ วา, วฏฺฏติเยว. ภตฺตสิตฺเถ วิชฺฌตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตํ วิชฺฌติ, น วฏฺฏตีติ วลฺลิอาทีนํ ภาชนคติกตฺตาติ อธิปฺปาโย. ภินฺทาเปตฺวา กปฺปิยํ กาเรตพฺพนฺติ พีชโต มุตฺตสฺส กฏาหสฺส ภาชนคติกตฺตา วุตฺตํ. อพีชนฺติ องฺกุรชนนสมตฺถพีชรหิตตรุณมฺพผลาทิ. เตนาห ‘‘ยํ ปน ผลํ ตรุณํ โหติ, อพีช’’นฺติ. นิพฺพตฺตพีชํ นาม พีชํ นิพฺพตฺเตตฺวา วิสุํ กตฺวา ปริภฺุชิตุํ สกฺกุเณยฺยํ อมฺพปนสาทิผลํ. เตนาห ‘‘พีชํ อปเนตฺวา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ. ตตฺถ กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถิ, สยเมว กปฺปิยานีติ อธิปฺปาโย.
ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา
ยมตฺถนฺติ ¶ ‘‘ตฺวํ กิร ทุกฺกฏาปตฺตึ อาปนฺโน’’ติอาทิกํ ยํ กิฺจิ อตฺถํ. ตโต อฺนฺติ ปุจฺฉิตตฺถโต อฺมตฺถํ. อฺเนฺํ ปฏิจรณสฺสาติ วินยธเรน ยํ วจนํ โทสปุจฺฉนตฺถํ วุตฺตํ, ตโต อฺเน วจเนน ปฏิจฺฉาทนสฺส. ปฏิจฺฉาทนตฺโถปิ หิ จรสทฺโท โหติ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ. วุตฺตนฺติ ปาฬิยํ วุตฺตํ.
สาวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโนติ เอตฺถ เปตฺวา ปาราชิกํ เสสา สาวเสสาปตฺติ นาม, ตํ อาปนฺโน. อนุยฺุชิยมาโนติ ‘‘กึ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุจฺฉิยมาโน. อฺเน วจเนนาติ ‘‘โก อาปนฺโน? กึ อาปนฺโน? กิสฺมึ อาปนฺโน? กถํ อาปนฺโน? กํ ภณถ? กึ ภณถา’’ติ อฺเน วจเนน. อฺนฺติ ‘‘กึ ตฺวํ อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติอาทิกํ อนุยฺุชกวจนํ. ตถา ตถา วิกฺขิปตีติ เตน เตน ปกาเรน วิกฺขิปติ. กึ วุตฺตํ โหติ? โส (ปาจิ. อฏฺ. ๙๔) กิฺจิ วีติกฺกมํ ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ สงฺฆมชฺเฌ อาปตฺติยา อนุยฺุชิยมาโน ‘‘โก อาปนฺโน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘ตฺว’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ กึ อาปนฺโน’’ติ วทติ. อถ ‘‘ปาจิตฺติยํ วา ทุกฺกฏํ วา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ กิสฺมึ อาปนฺโน’’ติ ¶ วทติ. ตโต ‘‘อมุกสฺมึ นาม วตฺถุสฺมิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ กถํ อาปนฺโน, กึ กโรนฺโต อาปนฺโนมฺหี’’ติ ปุจฺฉติ. อถ ‘‘อิทํ นาม กโรนฺโต อาปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘กํ ภณถา’’ติ วทติ. ตโต ‘‘ตํ ภณามา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ภณถา’’ติ เอวมเนเกหิ ปกาเรหิ วิกฺขิปตีติ วุตฺตํ โหติ.
โย ปน ภิกฺขุ สาวเสสํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ น กเถตุกาโม ตุณฺหีภาเวน วิเหเสตีติ สมฺพนฺโธ. วิเหเสตีติ จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฏฺิอาคิลายนตาลุโสสาทิวเสน สงฺฆํ วิเหเสติ, ปริสฺสมํ เตสํ กโรตีติ อตฺโถ. ปริสฺสโม หิ วิเหสา นาม. อฺวาทกกมฺมนฺติ อฺวาทกสฺส ภิกฺขุโน อฺวาทกาโรปนตฺถํ กาตพฺพํ ตฺติทุติยกมฺมํ. วิเหสกกมฺมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตสฺมึ สงฺเฆน กเตติ ตสฺมึ อฺวาทกกมฺเม จ วิเหสกกมฺเม จ สงฺเฆน ตฺติทุติยกมฺมวาจาย กเต. ตถา กโรนฺตานนฺติ ตํ ปการํ กโรนฺตานํ, อฺวาทกฺจ วิเหสกฺจ กโรนฺตานนฺติ อตฺโถ.
‘‘วิเหสเกติ อยเมตฺถ อนุปฺตฺตี’’ติ อวจนฺเจตฺถ ‘‘อาปตฺติกรา จ โหติ อฺวาทกสิกฺขาปทาทีสุ วิยา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตตฺตาเยว ปฺายตีติ ¶ กตฺวา. เอส นโย อุปริ สิกฺขาปเทสุ. ธมฺมกมฺเม ติกปาจิตฺติยนฺติ ธมฺมกมฺเม ธมฺมกมฺมสฺิเวมติกอธมฺมกมฺมสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. อธมฺมกมฺเม ติกทุกฺกฏนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อนาโรปิเตติ กมฺมวาจาย อนาโรปิเต, อปฺปติฏฺาปิเตติ อตฺโถ. เคลฺเนาติ เยน กเถตุํ น สกฺโกติ, มุเข ตาทิเสน พฺยาธินา. สงฺฆสฺส ภณฺฑนาทีนิ ภวิสฺสนฺตีติ สงฺฆมชฺเฌ กถิเต ตปฺปจฺจยา สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ วา กลโห วา วิคฺคโห วา วิวาโท วา สงฺฆเภโท วา สงฺฆราชิ วา ภวิสฺสนฺตีติ อิมินา วา อธิปฺปาเยน น กเถนฺตสฺส. เอตฺถ จ อธมฺเมนาติ อภูเตน วตฺถุนา.
‘‘สมุฏฺานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานี’’ติ อวิเสสํ อติทิสิตฺวา วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สิยา กิริยํ อฺเนฺํ ปฏิจรนฺตสฺส. สิยา อกิริยํ ตุณฺหีภาเวน วิเหเสนฺตสฺส.
อฺวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา
เยน ¶ วจเนนาติ ‘‘ฉนฺทาย อิตฺถนฺนาโม อิทํ นาม กโรตี’’ติอาทิเกน เยน วจเนน. เตนาห ‘‘ฉนฺทายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ฉนฺทายาติ ฉนฺเทน ปกฺขปาเตน. ‘‘อกฺขราย วาเจตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๔๖) วิย ลิงฺควิปลฺลาโส เอส. อิทํ นาม กโรตีติ อตฺตโน สนฺทิฏฺสมฺภตฺตานํ ปณีตํ เสนาสนํ วา ปฺเปติ, ภตฺตาทิกํ วาติ อธิปฺปาโย. เสนาสนปฺาปกาทิเภทนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ภตฺตุทฺเทสกยาคุภาชกผลภาชกาทีนํ คหณํ. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ เฌ-สทฺโท โอโลกนตฺโถปิ โหตีติ อาห ‘‘อวฺาย โอโลกาเปนฺตี’’ติ. จินฺตนตฺโถเยว วา คเหตพฺโพติ อาห ‘‘ลามกโต วา จินฺตาเปนฺตี’’ติ. ตเถว วทนฺตาติ ‘‘ฉนฺทาย อิตฺถนฺนาโม อิทํ นาม กโรตี’’ติอาทีนิ วทนฺตา. วุตฺตนฺติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. ‘‘ขิยฺยนเก’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๐๕) อยเมตฺถ อนุปฺตฺติ.
อสมฺมตสฺสาติ สงฺเฆน กมฺมวาจาย อสมฺมตสฺส. เกวลํ ‘‘ตเวโส ภาโร’’ติ สงฺเฆน อาโรปิตภารสฺส, ภิกฺขูนํ วา ผาสุวิหารตฺถาย สยเมว ภารํ วหนฺตสฺส, ยตฺร วา ทฺเว ตโย ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺร ตาทิสํ กมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย. ยสฺส กสฺสจีติ อุปสมฺปนฺนสฺส วา อนุปสมฺปนฺนสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ. อนุปสมฺปนฺนสฺส ปน สมฺมตสฺส วา อสมฺมตสฺส ¶ วาติ เอตฺถ ปน (ปาจิ. อฏฺ. ๑๐๖) กิฺจาปิ อนุปสมฺปนฺนสฺส เตรส สมฺมติโย ทาตุํ น วฏฺฏนฺติ, ตถาปิ โย อุปสมฺปนฺนกาเล ลทฺธสมฺมุติโก ปจฺฉา อนุปสมฺปนฺนภาเว ิโต, ตํ สนฺธาย ‘‘สมฺมตสฺส วา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺส ปน พฺยตฺตสฺส สามเณรสฺส เกวลํ สงฺเฆน วา สมฺมเตน วา ภิกฺขุนา ‘‘ตฺวํ อิทํ กมฺมํ กโรหี’’ติ ภาโร กโต, ตํ สนฺธาย ‘‘อสมฺมตสฺส วา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา อุชฺฌาปนฺจ ขิยฺยนฺจ มุสาวาทวเสน ปวตฺตํ, ตสฺมา อาทิกมฺมิกสฺส อิมินาว อนาปตฺติ, มุสาวาเทน ปน อาปตฺติเยวาติ คเหตพฺพํ.
อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
มฺจํ ¶ วาติ มสารโก, พุนฺทิกาพทฺโธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกติ อิเมสุ จตูสุ ยํ กฺจิ มฺจํ วา. ปีํ วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ภิสึ วาติ อุณฺณภิสิ, โจฬภิสิ, วากภิสิ, ติณภิสิ, ปณฺณภิสีติ อิมาสุ ปฺจสุ ภิสีสุ ยํ กฺจิ ภิสึ วา. เตนาห ‘‘มฺจาทีสู’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘มฺจสงฺเขเปนา’’ติ อิมินา ปีสงฺเขปํ ปฏิกฺขิปติ. กปฺปิยจมฺเมนาติ มิคาเชฬกจมฺเมน. เอตฺถ ปน มิคจมฺเม เอณิมิโค, วาตมิโค, ปสทมิโค, กุรุงฺคมิโค, มิคมาตุโก, โรหิตมิโคติ เอเตสํเยว จมฺมานิ วฏฺฏนฺติ, อฺเสํ ปน –
มกฺกโฏ กาฬสีโห จ, สรโภ กทลีมิโค;
เย จ วาฬมิคา เกจิ, เตสํ จมฺมํ น วฏฺฏตีติ. (มหาว. อฏฺ. ๒๕๙);
ตตฺถ วาฬมิคาติ สีหพฺยคฺฆอจฺฉตรจฺฉา. น เกวลฺจ เอเตเยว, เยสํ ปน จมฺมํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ, เต เปตฺวา อวเสสา อนฺตมโส โคมหึสสสพิฬาราทโยปิ สพฺเพ อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘วาฬมิคา’’ตฺเวว เวทิตพฺพา. เอเตสฺหิ สพฺเพสํ จมฺมํ น วฏฺฏติ. ตาลีสปตฺตนฺติ สุทฺธํ ตมาลปตฺตํ, อฺเน มิสฺสํ ปน วฏฺฏติ. ติณวากโจเฬสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิ. กึ ปเนตฺถ พิพฺโพหเน วิย นิสีทิตฺุจ นิปชฺชิตฺุจ น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. น เกวลฺเจทเมวาติ อาห ‘‘ปมาณปริจฺเฉโทปิ เจตฺถ นตฺถี’’ติ, ‘‘เอตฺตกเมว กาตพฺพ’’นฺติ ภิสิยา ¶ ปมาณนิยโมปิ นตฺถีติ อตฺโถ. มฺจภิสิปีภิสิภูมตฺถรณภิสิจงฺกมนภิสิปาทปฺุฉนภิสีติ เอตาสํ ปน อนุรูปโต สลฺลกฺเขตฺวา อตฺตโน รุจิวเสน ปมาณํ กาตพฺพํ. อนฺโต สํเวลฺลิตฺวา พทฺธนฺติ ยถา เวมชฺฌํ สํขิตฺตํ โหติ, เอวํ มชฺเฌ สุฏฺุ เวเตฺวา พทฺธํ.
เย อฏฺ มาสาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อวสฺสิกสงฺเกตา’’ติ เอตสฺเสว วิวรณํ ‘‘วสฺสานมาสาติ เอวํ อปฺาตา’’ติ, อปฺปติตา อปฺปสิทฺธาติ อตฺโถ. ‘‘อสฺิตา’’ติปิ ปาโ, ตตฺถ อวิฺาตาติ อตฺโถ. อฏฺ มาสาติ จตฺตาโร เหมนฺติกา, จตฺตาโร คิมฺหิกา มาสาติ อฏฺ มาสา. โอวสฺสกมณฺฑเปติ สาขามณฺฑปปทรมณฺฑปานํ ยตฺถ กตฺถจิ โอวสฺสเก มณฺฑเป. ยตฺถาติ เยสุ ชนปเทสุ. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ ชนปเทสุ ¶ . กากาทีนํ นิพทฺธวาสรุกฺขมูเลติ ยตฺถ ธุวนิวาเสน กากา วา กุลาลา วา อฺเ วา สกุนฺตา กุลาวเก กตฺวา วสนฺติ, ตาทิสสฺส กากาทีนํ นิพทฺธวาสสฺส ยสฺส กสฺสจิ รุกฺขสฺส เหฏฺา. ยตฺถ ปน โคจรปฺปสุตา สกุนฺตา วิสฺสมิตฺวา คจฺฉนฺติ, ตสฺส รุกฺขสฺส มูเล นิกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ. ‘‘กทาจิปี’’ติ อิมินา น เกวลํ วสฺสิกสงฺเกเตเยวาติ ทสฺเสติ. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปเทเส. ยทาติ ยสฺมึ กาเล.
โสติ ยสฺสตฺถาย สนฺถโต, โส. ปกติสนฺถเตติ ปกติยาว สนฺถเต, ยํ เนวตฺตนา สนฺถตํ, น ปเรน สนฺถราปิตํ, ตสฺมินฺติ วุตฺตํ โหติ. ลชฺชี โหตีติ ลชฺชนสีโล โหติ, ปริกฺขารวินาสเน ภีโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อตฺตโน ปลิโพธํ วิย มฺตี’’ติ, อิมินา อลชฺชึ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. นิรเปกฺโขติ ‘‘อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามี’’ติ อเปกฺขารหิโต, อิมินา สาเปกฺโข เจ คจฺฉติ, อนาปตฺตีติ ทสฺเสติ. เตเนว หิ อนาปตฺติวาเร ‘‘โอตาเปนฺโต คจฺฉตี’’ติ (ปาจิ. ๑๑๓) วุตฺตํ. อฺตฺถ คจฺฉนฺโตติ ตํ มคฺคํ อติกฺกมิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉนฺโต. เลฑฺฑุปาตูปจารโต พหิ ิตตฺตา ‘‘ปาทุทฺธาเรน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺส ปมปาทุทฺธาเร ทุกฺกฏํ, ทุติยปาทุทฺธาเร ปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ.
ติกปาจิตฺติยํ สงฺฆิเก สงฺฆิกสฺิเวมติกปุคฺคลิกสฺีนํ วเสน. อิมินาว นเยน ติกทุกฺกฏมฺปิ เวทิตพฺพํ. จิมิลิกาทีนํ อตฺโถ ทุติยสิกฺขาปเท ทสฺสิโตว. ปาทปฺุฉนี (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๒) นาม รชฺชุเกหิ วา ปิโลติกาหิ วา ปาทปฺุฉนตฺถํ กตา. ผลกปีํ นาม ผลกมยํ ปีํ. น เกวลํ จิมิลิกาทีนิเยว อชฺโฌกาเส เปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏนฺติ อาห ‘‘ยํ วา ปนา’’ติอาทิ. ยํ กิฺจิ ทารุภณฺฑํ, ยํ กิฺจิ มตฺติกาภณฺฑนฺติ ¶ สมฺพนฺโธ. ‘‘อนฺตมโส ปตฺตาธารกมฺปี’’ติ อิมินา ตาลวณฺฏพีชนิปตฺตปานียอุฬอุงฺกปานียสงฺขาทีสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อรฺเ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๐) ปณฺณกุฏีสุ วสนฺตานํ สีลสมฺปทาย ปสนฺนจิตฺตา มนุสฺสา มฺจปีาทีนิ เทนฺติ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภฺุชถา’’ติ, ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘อารฺเกน ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อสติ อโนวสฺสเกติ ปพฺภาราทิอโนวสฺสกฏฺาเน อสติ. อิทฺจ ลกฺขณวจนํ ‘‘สภาคานํ ¶ อภาเว’’ติ จ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อารฺเกน หิ ภิกฺขุนา ตตฺถ วสิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉนฺเตน สามนฺตวิหาเร ภิกฺขูนํ เปเสตฺวา คนฺตพฺพํ. สภาคานํ อภาเว อโนวสฺสเก นิกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพํ. อโนวสฺสเก อสติ รุกฺเข ลคฺเคตฺวา คนฺตพฺพํ.
น เกวลํ อิทํเยว กตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘ยถา วา’’ติอาทิ. ยถา วา อุปจิกาหิ น ขชฺชตีติ ยถา ปิเต อุปจิกาหิ เสนาสนํ น ขชฺชติ, เอวํ ตถา ปาสาณานํ อุปริ ปนํ กตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จตูสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) ปาสาเณสุ มฺจํ เปตฺวา มฺเจ อวเสสมฺจปีานิ อาโรเปตฺวา อุปริ ภิสิอาทิกํ ราสึ กตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา คมิกวตฺตํ ปูเรตฺวา คนฺตพฺพนฺติ.
อพฺโภกาสิเกนาปิ ‘‘อหํ อุกฺกฏฺอพฺโภกาสิโก’’ติ จีวรกุฏิมฺปิ อกตฺวา อสมเย อชฺโฌกาเส ปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา น วฏฺฏตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อพฺโภกาสิเกนา’’ติอาทิ. สเจ ปน จตุคฺคุเณนปิ จีวเรน กตกุฏิ อเตเมนฺตํ รกฺขิตุํ เนว สกฺโกติ, สตฺตาหวทฺทลิกาทีนิ ภวนฺติ, ภิกฺขุโน กายานุคติกตฺตา วฏฺฏติ. รุกฺขมูลิกสฺสาปิ เอเสว นโย.
ยสฺมึ วิสฺสาสคฺคาโห รุหติ, ตสฺส สนฺตกํ อตฺตโน ปุคฺคลิกมิว โหตีติ อาห ‘‘วิสฺสาสิกปุคฺคลิเก’’ติ. ยสฺมึ ปน วิสฺสาโส น รุหติ, ตสฺส สนฺตเก ทุกฺกฏเมว. อมนุสฺโสติ ยกฺโข วา เปโต วา. ปลิพุทฺธํ โหตีติ อุปทฺทุตํ โหติ.
ปมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
ยํ ¶ กิฺจิ จมฺมนฺติ กปฺปิยากปฺปิยํ ยํ กิฺจิ จมฺมํ. นนุ ‘‘น, ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) ขนฺธเก สีหจมฺมาทีนํ ปฏิกฺเขโป กโตติ อาห ‘‘สีหจมฺมาทีนฺหี’’ติอาทิ. ปริหรเณเยว ปฏิกฺเขโปติ อตฺตโน สนฺตกํ ¶ กตฺวา ตํ ตํ วิหารํ หริตฺวา มฺจปีาทีสุ อตฺถริตฺวา ปริโภเคเยว ปฏิกฺเขโป, เสนาสนสนฺตกํ กตฺวา ภูมตฺถรณวเสน ปน ปริโภเค เนวตฺถิ โทโส. เตนาห ‘‘เสนาสนปริโภเค ปน อกปฺปิยจมฺมํ นาม นตฺถี’’ติ. ปาวาเรนฺติ สฺฉาเทนฺติ สรีรํ เอเตนาติ ปาวาโร. โกชโวติ อุทฺทโลมิเอกนฺตโลมิอาทิโกชวตฺถรณํ. เสสนฺติ ภิสิ นิสีทนํ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโรติ อวสิฏฺํ เสนาสนํ. ตตฺถ ภิสีติ มฺจกภิสิ วา ปีกภิสิ วา. นิสีทนนฺติ สทสํ เวทิตพฺพํ. ติณสนฺถาโรติ เยสํ เกสฺจิ ติณานํ สนฺถาโร. เอส นโย ปณฺณสนฺถาเร. เอตฺถ จ ภิสิ เหฏฺา วุตฺตตฺตา ปากฏา. นิสีทนํ นิสีทนสิกฺขาปเทเนว (ปาจิ. ๕๓๑ อาทโย) ปากฏํ. ติณสนฺถารปณฺณสนฺถารานิ ปน โลกปสิทฺธานิเยว. เตเนวาห ‘‘ปากฏเมวา’’ติ.
เนว อุทฺธเรยฺย, น อุทฺธราเปยฺยาติ อตฺตนา วา อุทฺธริตฺวา ปติรูเป าเน น เปยฺย, ปเรน วา ตถา น กาเรยฺย. เตนาห ‘‘ยถา ปิต’’นฺติอาทิ. ตํ เปนฺเตน จ ‘‘จตูสุ ปาสาเณสู’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อนฺโตเคเห อโนวสฺสเก นิกฺขิปิตพฺพํ. สเจ ปน เสนาสนํ โอวสฺสติ, ฉทนตฺถฺจ ติณํ วา อิฏฺกา วา อานีตา โหนฺติ. สเจ อุสฺสหติ, ฉาเทตพฺพํ. โน เจ สกฺโกติ, โย โอกาโส อโนวสฺสโก, ตตฺถ นิกฺขิปิตพฺพํ. สเจ สพฺพมฺปิ โอวสฺสติ, อุสฺสหนฺเตน อนฺโตคาเม อุปาสกานํ ฆเร เปตพฺพํ. สเจ เตปิ ‘‘สงฺฆิกํ นาม, ภนฺเต, ภาริยํ, อคฺคิทาหาทีนํ ภายามา’’ติ น สมฺปฏิจฺฉนฺติ, อชฺโฌกาเส ปาสาณานํ อุปริ มฺจํ เปตฺวา เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตฺวา ติเณหิ จ ปณฺเณหิ จ ปฏิจฺฉาเทตพฺพํ. ยฺหิ ตตฺถ องฺคมตฺตมฺปิ อวสิสฺสติ, ตํ อฺเสํ ตตฺถ อาคตานํ ภิกฺขูนํ อุปการํ ภวิสฺสตีติ. อุปจารนฺติ สพฺพปจฺฉิมเสนาสนโต ทฺเว เลฑฺฑุปาตา.
อยเมตฺถ อาปุจฺฉิตพฺพานาปุจฺฉิตพฺพวินิจฺฉโย – (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๘) ยา ตาว ภูมิยํ ทีฆสาลา วา ปณฺณสาลา วา โหติ, ยํ วา รุกฺขตฺถมฺเภสุ กตเคหํ อุปจิกานํ อุฏฺานฏฺานํ โหติ, ตโต ปกฺกมนฺเตน อาปุจฺฉิตฺวาว ปกฺกมิตพฺพํ. ตสฺมิฺหิ กติปยานิ ทิวสานิ อชคฺคิยมาเน วมฺมิกาว สนฺติฏฺนฺติ. ยํ ปน ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา ¶ กตเสนาสนํ สิลุจฺจยเลณํ วา สุธาลิตฺตเสนาสนํ วา, ยตฺถ อุปจิกาสงฺกา นตฺถิ, ตโต ¶ ปกฺกมนฺตสฺส อาปุจฺฉิตฺวาปิ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ คนฺตุํ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘ยตฺถ ปนา’’ติอาทิ. สเจ ตาทิเสปิ เสนาสเน เอเกน ปสฺเสน อุปจิกา อาโรหนฺติ, อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ. อาปุจฺฉนํ ปน วตฺตนฺติ อาปุจฺฉนํ คมิกวตฺตํ. อิทฺจ อิติกตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน วตฺตเภททุกฺกฏนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๘) ทสฺสนตฺถํ. เกจิ ปน ‘‘ทุกฺกฏนฺติ ทสฺสนตฺถ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ วตฺตกฺขนฺธกฏฺกถาย ‘‘ยํ ปาสาณปิฏฺิยํ วา ปาสาณตฺถมฺเภสุ วา กตเสนาสนํ, ยตฺถ อุปจิกานาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสาปิ อนาปตฺตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๖๐) วุตฺตตฺตา. อาปุจฺฉนฺเตน ปน ภิกฺขุมฺหิ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมึ อสติ สามเณโร, ตสฺมึ อสติ อารามิโก, ตสฺมิมฺปิ อสติ เยน วิหาโร การาปิโต, โส วิหารสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตพฺโพ.
‘‘อุปจาเร’’ติ เอตสฺเสว วิวรณํ ‘‘พหิ อาสนฺเน’’ติ, วิหารสฺส พหิ อาสนฺนฏฺาเนติ อตฺโถ. อุปฏฺานสาลาย วาติ โภชนสาลายํ วา. ทุกฺกฏเมวาติ วุตฺตปฺปการฺหิ ทสวิธํ เสยฺยํ อนฺโตคพฺภาทิมฺหิ คุตฺตฏฺาเน ปฺเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ยสฺมา เสยฺยาปิ เสนาสนมฺปิ อุปจิกาหิ ปลุชฺชติ, วมฺมิกราสิเยว โหติ, ตสฺมา ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ. พหิ ปน อุปฏฺานสาลาทีสุ ปฺเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เสยฺยามตฺตเมว นสฺเสยฺย านสฺส อคุตฺตตาย, น เสนาสนํ, ตสฺมา เอตฺถ ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. มฺจปีํ ปน ยสฺมา น สกฺกา สหสา อุปจิกาหิ ขายิตุํ, ตสฺมา ตํ วิหาเรปิ สนฺถริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฏํ วุตฺตํ. วิหารูปจาเร ปน ตํ วิหารจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ทิสฺวาว ปฏิสาเมนฺติ.
อุทฺธรณานิ กตฺวาติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา คจฺฉนฺเตน มฺจปีกวานํ สพฺพํ อปเนตฺวา (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๘) สํหริตฺวา จีวรวํเส ลคฺเคตฺวา คนฺตพฺพํ. ปจฺฉา อาคนฺตฺวา วสนกภิกฺขุนาปิ ปุน มฺจปีํ วา ปฺเปตฺวา สยิตฺวา คจฺฉนฺเตน ตเถว กาตพฺพํ. อนฺโตกุฏฺฏโต เสยฺยํ พหิกุฏฺเฏ ปฺเปตฺวา วสนฺเตน คมนกาเล ปุน คหิตฏฺาเนเยว ปฏิสาเมตพฺพํ. อุปริปาสาทโต โอโรเปตฺวา เหฏฺาปาสาเท วสนฺตสฺสาปิ เอเสว นโย. รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ มฺจปีํ ปฺเปตฺวาปิ คมนกาเล ปุน คหิตฏฺาเนเยว เปตพฺพํ. อุทฺธราเปตฺวา คมเนปิ เอเสว นโย. อาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉนฺเตน ปน ¶ ‘‘ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตพฺโพ’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖) เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํ.
ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ชาน’’นฺติ ¶ วุตฺเต ‘‘อนุฏฺาปนีโย ‘อย’นฺติ ชานนฺโต’’ติ อยํ วิเสโส กุโต ลพฺภตีติ อาห ‘‘เตเนวสฺสา’’ติอาทิ. นนุ ปทภาชเนปิ วุฑฺฒภาวาทิชานนเมว วุตฺตํ, น ตุ อนุฏฺาปนียภาวนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘วุฑฺโฒ หี’’ติอาทิ. พหูปการตนฺติ ‘‘ภณฺฑาคาริกตฺตาทิพหุอุปการภาวํ’’. น เกวลํ อิทเมวาติ อาห ‘‘คุณวิสิฏฺตฺจา’’ติอาทิ, เตน พหูปการตฺเตปิ คุณวิสิฏฺตฺตาภาเว, คุณวิสิฏฺตฺเตปิ พหูปการตฺตาภาเว ทาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ภณฺฑาคาริกสฺส พหูปการตํ, ธมฺมกถิกาทีนํ คุณวิสิฏฺตฺจ สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๙-๑๒๑) เกจิ. ธุววาสตฺถายาติ นิจฺจวาสตฺถาย. สมฺมนฺนิตฺวาติ อปโลกเนน กมฺเมน สมฺมนฺนิตฺวา. กามฺเจตฺถ คิลานสฺสาปิ สงฺโฆเยว อนุจฺฉวิกํ เสนาสนํ เทติ, คิลาโน ปน อปโลเกตฺวา สงฺเฆน อทินฺนเสนาสโนปิ น ปีเฬตพฺโพ อนุกมฺปิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ วิสุํ วุตฺโต.
สมนฺตา ทิยฑฺโฒ หตฺโถติ มชฺเฌ ปฺตฺตํ มฺจปีํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกปสฺเสน เจ ปโหนกทิสา ทิสฺสติ, ตโต คเหตพฺพํ. ปาทโธวนปาสาณโตติ ทฺวาเร นิกฺขิตฺตปาทโธวนปาสาณโต. นิสีทนฺตสฺส วา นิปชฺชนฺตสฺส วา ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ นิสีทนมตฺเตน, นิปชฺชนมตฺเตเนว วา ปาจิตฺติยํ. ปุนปฺปุนํ กโรนฺตสฺสาติ อุฏฺายุฏฺาย นิสีทโต วา นิปชฺชโต วา.
สงฺฆิเก สงฺฆิกสฺิเวมติกปุคฺคลิกสฺีนํ วเสน ติกปาจิตฺติยํ เวทิตพฺพํ. ติกทุกฺกฏํ ปน ปุคฺคลิเก สงฺฆิกสฺิเวมติกอฺปุคฺคลิกสฺีนํ วเสน. วิหารสฺส อุปจาเรติ ตสฺส พหิ อาสนฺนปฺปเทเส.
อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา
อเนกโกฏฺกานีติ ¶ อเนกทฺวารโกฏฺกานิ. ‘‘นิกฺขมาติ วจนํ สุตฺวา อตฺตโน รุจิยา เจ นิกฺขมติ, อนาปตฺตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๑๒๖) วทนฺติ.
ตสฺส ¶ ปริกฺขารนิกฺกฑฺฒเนติ ตสฺส สนฺตกํ ยํ กิฺจิ ปตฺตจีวรปริสฺสาวนธมฺมกรณมฺจปีภิสิพิพฺโพหนาทิเภทํ อนฺตมโส รชนฉลฺลิปิ อตฺถิ, ตสฺส ปริกฺขารสฺส นิกฺกฑฺฒเน. ตฺจาติ ทุกฺกฏํ ปรามสติ. นิกฺกฑฺฒาปเนปิ เอเสว นโย. คาฬฺหํ พนฺธิตฺวา ปิเตสุ ปน เอกาว อาปตฺติ.
ภณฺฑนการกกลหการกเมว สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ ลภติ. โส หิ ปกฺขํ ลภิตฺวา สงฺฆมฺปิ ภินฺเทยฺย. อลชฺชิอาทโย ปน อตฺตโน วสนฏฺานโตเยว นิกฺกฑฺฒิตพฺพา. สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒิตุํ น วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘สกลสงฺฆารามโตปี’’ติอาทิ.
นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปริเวหาสกุฏิยาติ อุปริมตเล อสนฺถตปทราย กุฏิยา. เตนาห ‘‘อุปริ อจฺฉนฺนตลายา’’ติอาทิ. ยา หิ กาจิ อุปริ อจฺฉนฺนตลา ทฺวิภูมิกกุฏิกา วา ติภูมิกาทิกุฏิกา วา, สา ‘‘เวหาสกุฏี’’ติ วุจฺจติ. อิทฺหิ เวหาสกุฏิลกฺขณํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ปทภาชเน ‘‘มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อสีสฆฏฺฏา’’ติ (ปาจิ. ๑๓๑) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิ. อิธ อธิปฺเปตํ กุฏึ ทสฺเสตุนฺติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท อธิปฺเปตํ เวหาสกุฏึ ทสฺเสตุํ. มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสาติ ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส. สพฺพเหฏฺิมาหิ ตุลาหิ สีสํ น ฆฏฺเฏตีติ อสีสฆฏฺฏา. องฺเค วิชฺฌิตฺวาติ อฏนิโย วิชฺฌิตฺวา. ปเวสิตปาทกนฺติ ปเวสิตปาทสิขํ. ตสฺมาติ ‘‘ภูมตฺเถ วา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. ยสฺมา อาหจฺจปาทกาทีสุ ยถาวุตฺโต อตฺโถ โหติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ.
สหสาติ อภิภวิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวา. อเวหาสกุฏิกายาติ ภูมิยํ กตปณฺณสาลาทีสุ, ตตฺถ อนาปตฺติ. น หิ สกฺกา ตตฺถ ปรสฺส ปีฬา ¶ กาตุํ. สีสฆฏฺฏายาติ ยา สีสํ ฆฏฺฏา โหติ, ตตฺถาปิ อนาปตฺติ. น หิ สกฺกา ตตฺถ เหฏฺาปาสาเท อโนณเตน วิจริตุํ, ตสฺมา อสฺจรณฏฺานตฺตา ปรปีฬา น ภวิสฺสติ. อุปริตลํ วา ปทรสฺจิตนฺติ อุปริมตลํ ทารุผลเกหิ ฆนสนฺถตํ. กิฺจิ คณฺหาติ วาติ อุปริ นาคทนฺตกาทีสุ ลคฺคิตํ จีวราทึ ยํ กิฺจิ คณฺหาติ วา. ลคฺคติ วาติ เอตฺถาปิ เอเสว ¶ นโย. ปฏิปกฺขภูตา อาณิ ปฏาณิ. ยสฺสา ทินฺนาย นิสีทนฺเตปิ ปาทา น นิปตนฺติ, เอวํภูตา อาณิ มฺจปีานํ ปาทสิขาสุ ทินฺนา โหตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปาทสีสาน’’นฺติอาทิ.
เวหาสกุฏิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา
ปิฏฺสงฺฆาฏสฺสาติ ทฺวารพนฺธสฺส. สามนฺตา อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ ปเทโสติ ยสฺส (ปาจิ. อฏฺ. ๑๓๕) เวมชฺเฌ ทฺวารํ โหติ, อุปริภาเค จ อุจฺจา ภิตฺติ, ตสฺส ตีสุ ทิสาสุ สามนฺตา อฑฺฒเตยฺยหตฺโถ ปเทโส. ขุทฺทกสฺส ปน วิหารสฺส ทฺวีสุ ทิสาสุ. ตตฺราปิ ยํ ภิตฺตึ วิวริยมานํ กวาฏํ อาหนติ, สา อปริปุณฺณูปจาราปิ โหติ. สเจ ปน ทฺวารสฺส อโธภาเคปิ เลโปกาโส อตฺถิ, ตมฺปิ ลิมฺปิตุํ วฏฺฏติ. อคฺคฬฏฺปนายาติ เอตฺถ อคฺคฬสทฺเทน ตํสมฺพนฺธโต ทฺวารผลกสหิตํ ทฺวารพนฺธนํ อธิปฺเปตํ. เตนาห ‘‘สกวาฏกสฺสา’’ติอาทิ. ‘‘นิจฺจลภาวตฺถายา’’ติ อิมินา ตฺจ โข ปนํ อิธ นิจฺจลภาเวนาติ ทสฺเสติ. โก ปเนตฺถ อธิปฺปาโยติ อาห ‘‘กวาฏฺหี’’ติอาทิ. กมฺปตีติ จลติ. ยาว ทฺวารโกสา อคฺคฬฏฺปนาย ปุนปฺปุนํ ลิมฺปิตพฺโพ วา เลปาเปตพฺโพ วาติ อคฺคฬฏฺปนตฺถาย ยาว ทฺวารโกสา ปุนปฺปุนํ อตฺตนา ลิมฺปิตพฺโพ วา, ปเรหิ เลปาเปตพฺโพ วาติ อตฺโถ.
นนุ จายมตฺโถ เนว มาติกายํ, น ปทภาชเน วุตฺโต, อถ กุโต ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. กิฺจาปีติ ยทิปิ. อฏฺุปฺปตฺติยนฺติ สิกฺขาปทสฺส นิทาเน. อธิการโตติ อนุวตฺตนโต. อาโลกํ สนฺเธติ ปิเธตีติ อาโลกสนฺธิ. เตนาห ‘‘อาโลกสนฺธีติ วาตปานกวาฏกา วุจฺจนฺตี’’ติ. ตตฺถ วาตปานกวาฏกาติ วาตปานผลกา. อนฺุาตปฺปเทสโต ¶ ปน อฺตฺถ ปุนปฺปุนํ วิลิมฺปิตุํ วา วิลิมฺปาเปตุํ วา น วฏฺฏติ. ‘‘มตฺติกาย กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ปุน จตุตฺถเลเป ทินฺเน ปาจิตฺติย’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๓๕) เกจิ. ‘‘ปุนปฺปุนํ เลปทานสฺส วุตฺตปฺปมาณโต อฺตฺถ ปฏิกฺขิตฺตมตฺตํ เปตฺวา ปาจิตฺติยสฺส อวุตฺตตฺตา ทุกฺกฏ’’นฺติ อปเร.
อธิฏฺาตพฺพนฺติ สํวิธาตพฺพํ. อปฺปหริเตติ เอตฺถ อปฺปสทฺโท ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๒, ๓๓๖; สํ. นิ. ๒.๑๔๘) วิย อภาวตฺโถติ อาห ‘‘อหริเต’’ติ. สาลิวีหิอาทิ ¶ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๓๐) ปุพฺพณฺณํ ‘‘ปุรกฺขตํ สสฺสผล’’นฺติ กตฺวา, ตพฺพิปริยายโต มุคฺคมาสาทิ อปรณฺณํ. วุตฺตนฺติ วปิตํ. ‘‘ตสฺมึ ตฺวา อธิฏฺหนฺโต ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ อิมินา ยสฺมึ ปเทเส สมนฺตา วุตฺตปฺปมาเณ ปริจฺเฉเท ปุพฺพณฺณาทีนิ น สนฺติ, ตตฺถ วิหาโร กาเรตพฺโพ. ยตฺถ ปน สนฺติ, ตตฺถ การาเปตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ตเถวาติ มุขวฏฺฏิอนฺเตน. ตสฺมึ าตพฺพํ ปตนฺตสฺส วิหารสฺส อปตโนกาสตฺตา, ตสฺส ภิกฺขุโน อุปริ น ปเตยฺยาติ อธิปฺปาโย. ยถาปริจฺฉินฺนสฺส ปน โอกาสสฺส อพฺภนฺตรํ วิหารสฺส ปตนฺตสฺส โอกาโส โหตีติ อปฺปหริเตปิ ตสฺมึ ตฺวา อธิฏฺาตุํ น ลภติ. เตนาห ‘‘ตสฺส อนฺโต อหริเตปิ าตุํ น ลภตี’’ติ.
ตโต เจ อุตฺตรีติ ติณฺณํ มคฺคานํ วา ปริยายานํ วา อุปริ จตุตฺเถ มคฺเค วา ปริยาเย วาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘มคฺเคน ฉาทิยมาเน’’ติอาทิ. ตตฺถ มคฺเคน ฉาทิยมาเนติ อปริกฺขิปิตฺวา อุชุกเมว ฉาทิยมาเน. ปริยาเยนาติ ปริกฺเขเปน. ตตฺถ มคฺเคน ฉาทนํ อิฏฺกสิลาสุธาหิ ลพฺภติ, ปริยาเยน ฉาทนํ ติณปณฺเณหีติ อาห ‘‘อิฏฺกสิลาสุธาหี’’ติอาทิ. ตสฺมา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ทฺเว มคฺเค วา ทฺเว ปริยาเย วา อธิฏฺหิตฺวา ตติยํ มคฺคํ วา ปริยายํ วา ‘‘เอวํ ฉาเทหี’’ติ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ. สเจ น ปกฺกมติ, ตุณฺหีภาเวน าตพฺพํ. สพฺพมฺปิ เจตํ ฉทนํ ฉทนูปริ เวทิตพฺพํ. อุปรูปริฉนฺโน หิ วิหาโร จิรํ อโนวสฺสโก โหตีติ มฺมานา เอวํ ฉาเทนฺติ. ติณมุฏฺิคณนายาติ ติณกรฬคณนาย.
ติกปาจิตฺติยนฺติ อติเรกทฺวตฺติปริยาเย อติเรกสฺิเวมติกอูนกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. เสตวณฺณาทิกรเณติ เสตวณฺณกาฬวณฺณเครุกปริกมฺมมาลากมฺมลตากมฺมมกรทนฺตกปฺจปฏิกานํ ¶ กรเณ. เลณคุหาติณกุฏิกาทีสูติ เอตฺถ เลณนฺติ ทฺวารพทฺธํ. คุหาติ เกวลา ปพฺพตคุหา. ติณกุฏิกา ปากฏา เอว.
มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกสฺมึ ฆเฏ เอกาว อาปตฺตีติ เอกสฺมึ อุทกฆเฏ เอกาว อาปตฺติ. เอส นโย สพฺพภาชเนสุ ¶ . วิจฺฉินฺทนฺตสฺสาติ ธารํ วิจฺฉินฺทนฺตสฺส. เอเกกํ ปกฺขิปนฺตสฺสาติ เอเกกํ ติณํ วา ปณฺณํ วา มตฺติกํ วา อฺํ วา กฏฺโคมยาทึ ปกฺขิปนฺตสฺส. ปริยาทานนฺติ ขยํ.
‘‘ปทีเป (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๔๐) ปติตฺวา ปฏงฺคาทิปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ชานนฺตสฺสาปิ กุสลจิตฺเตน ปทีปุชฺชลนํ วิย ‘‘สิฺจเนน ปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ปุพฺพภาเค ชานนฺตสฺสาปิ ‘‘อิทํ ชลํ สิฺจามี’’ติ สิฺจนฺตสฺส วธกจิตฺตํ น โหตีติ อาห ‘‘วินา วธกเจตนายา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ อิทมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ. ติจิตฺตนฺติ กุสลากุสลาพฺยากตวเสน ติจิตฺตํ. ตถา หิ ปณฺณตฺตึ มทฺทิตฺวา สิฺจนฺตสฺส วา สิฺจาเปนฺตสฺส วา อกุสลจิตฺเตน โหติ, ‘‘อาสนํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺเตน โธวนตฺถํ สิฺจนฺตสฺส วา สิฺจาเปนฺตสฺส วา กุสลจิตฺเตน โหติ, ปณฺณตฺตึ อชานตา อรหตา สิฺจนาทิกรเณ อพฺยากตจิตฺเตน โหตีติ กุสลากุสลาพฺยากตจิตฺตวเสน ติจิตฺตํ โหติ.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภูตคามวคฺโค ทุติโย.
๓. โอวาทวคฺโค
๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺสาติ ‘‘สีลวา โหตี’’ติอาทีหิ (ปาจิ. ๑๔๗) อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส. อนฺุาตาติ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทาเน อนฺุาตา ¶ . ‘‘วสฺสสตูปสมฺปนฺนายา’’ติอาทิ วกฺขมานอฏฺครุธมฺมทสฺสนํ. ตตฺถ สามีจิกมฺมนฺติ มคฺคสมฺปทานพีชนปานียาปุจฺฉนาทิกํ อนุจฺฉวิกํ วตฺตํ. อาทิสทฺเทน –
‘‘น ภิกฺขุนิยา อภิกฺขุเก อาวาเส วสฺสํ วสิตพฺพํ, อนฺวทฺธมาสํ ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุสงฺฆโต ทฺเว ธมฺมา ปจฺจาสีสิตพฺพา อุโปสถปุจฺฉกฺจ โอวาทูปสงฺกมนฺจ, วสฺสํวุฏฺาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสงฺเฆ ตีหิ าเนหิ ปวาเรตพฺพํ ทิฏฺเน ¶ วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสงฺเฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพํ, ทฺเว วสฺสานิ ฉสุ ธมฺเมสุ สิกฺขิตสิกฺขาย สิกฺขมานาย อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปทา ปริเยสิตพฺพา, น ภิกฺขุนิยา เกนจิ ปริยาเยน ภิกฺขุ อกฺโกสิตพฺโพ ปริภาสิตพฺโพ, อชฺชตคฺเค โอวโฏ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถ, อโนวโฏ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีสุ วจนปโถ’’ติ (จูฬว. ๔๐๓; อ. นิ. ๘.๕๑) –
อิเม สตฺต ธมฺเม สงฺคณฺหาติ. ครุธมฺเมติ ครุเก ธมฺเม. เต หิ คารวํ กตฺวา ภิกฺขุนีหิ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ครุธมฺมา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อฺเน วา ธมฺเมนาติ เปตฺวา อฏฺ ครุธมฺเม อฺเน เยน เกนจิ ธมฺเมน. ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปนฺนมตฺตํ วา โอวทโตติ ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปนฺนมตฺตํ ครุธมฺเมน โอวทโต วา. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ยถาวตฺถุกเมว. ‘‘อธมฺมกมฺเม’’ติอาทีสุ ภิกฺขุโนวาทสมฺมุติกมฺมํ ‘‘กมฺม’’นฺติ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สมฺมตสฺสาปี’’ติอาทิ. วคฺเค ภิกฺขุนิสงฺเฆ โอวทโต ติกปาจิตฺติยนฺติ วคฺเค ภิกฺขุนิสงฺเฆ โอวทโต วคฺคสฺิเวมติกสมคฺคสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. ตถา เวมติกสฺส จาติ อธมฺมกมฺเม เวมติกสฺส จ วคฺเค ภิกฺขุนิสงฺเฆ โอวทโต ติกปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ. เอส นโย ธมฺมกมฺมสฺิโน จาติ เอตฺถาปิ. ยถา จ วคฺเค ภิกฺขุนิสงฺเฆ โอวทโต นว ปาจิตฺติยานิ, เอวํ อธมฺมกมฺเม อธมฺมกมฺมสฺิโน สมคฺเค ภิกฺขุนิสงฺเฆ โอวทโต ตสฺมึ สงฺเฆ วคฺคสฺิเวมติกสมคฺคสฺีนํ วเสน ติกปาจิตฺติยํ, ตถา เวมติกสฺส จ ธมฺมกมฺมสฺิโน จาติ นว ปาจิตฺติยานิ. เตนาห ‘‘สมคฺเคปิ ภิกฺขุนิสงฺเฆ นวา’’ติอาทิ. ธมฺมกมฺเม ปน อธมฺมกมฺมสฺิโน วคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ โอวทโต ¶ ติกทุกฺกฏํ, ตถา เวมติกสฺส, ธมฺมกมฺมสฺิโน จาติ นว ทุกฺกฏานิ. สมคฺคํ ปน ภิกฺขุนิสงฺฆํ โอวทโต อฏฺาติ สตฺตรส ทุกฺกฏานิ. เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. อฺํ ธมฺมนฺติ อฺํ สุตฺตนฺตํ วา อภิธมฺมํ วา. ‘‘สมคฺคามฺหายฺยา’’ติ วจเนน หิ โอวาทํ ปจฺจาสีสนฺติ. ตสฺมา เปตฺวา โอวาทํ อฺํ ธมฺมํ ภณนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. โอวาทฺจ อนิยฺยาเตตฺวาติ ‘‘เอโส ภคินิ โอวาโท’’ติ อวตฺวา. ปริปุจฺฉํ เทตีติ ตสฺสาเยว ปคุณาย ครุธมฺมปาฬิยา อตฺถํ ภณติ. โอสาเรหีติ อุจฺจาเรหิ, กเถหีติ อตฺโถ. โอสาเรตีติ อฏฺครุธมฺมปาฬึ วทติ. ปฺหํ ปุฏฺโติ ครุธมฺมนิสฺสิตํ วา ขนฺธาทินิสฺสิตํ วา ปฺหํ ภิกฺขุนิยา ปุฏฺโ.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกโตอุปสมฺปนฺนนฺติ ¶ ภิกฺขุนิสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนมตฺตํ. อิโต ปรมฺปิ จ ยตฺถ ยตฺถ ‘‘เอกโตอุปสมฺปนฺน’’นฺติ วุจฺจติ, สพฺพตฺถ อยเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา
สํวาสายาติ อุโปสถาทิอตฺถํ. อิตรนฺติ อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปนฺนํ.
ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา
ตณฺหาทิฏฺีหิ อามสิตพฺพโต อามิสํ, จีวราทิ, อามิสเมว เหตุ อามิสเหตุ. เตนาห ‘‘จีวราทีนํ อฺตรเหตู’’ติ. อาทิสทฺเทน ปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนานํ คหณํ. อวณฺณกามตายาติ อยสกามตาเยว.
ธมฺมกมฺเมติอาทีสุ ¶ ภิกฺขุโนวาทสมฺมุติกมฺมํ ‘‘กมฺม’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ติกปาจิตฺติยนฺติ ธมฺมกมฺเม ธมฺมกมฺมสฺิเวมติกอธมฺมกมฺมสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. ตเถว อธมฺมกมฺเม ติกทุกฺกฏํ เวทิตพฺพํ. อสมฺมตนฺติ สมฺมเตน วา สงฺเฆน วา ภารํ กตฺวา ปิตํ อุปสมฺปนฺนํ. นนุ โอวาทสมฺมุติ อุปสมฺปนฺนสฺเสว ทียติ, น สามเณรสฺสาติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. สมฺมเตน วา สงฺเฆน วา ปิโต ปน พหุสฺสุโต สามเณโร ‘‘อสมฺมโต’’ติ เวทิตพฺโพ. ปกติยา จีวราทิเหตุ โอวทนฺตํ ปน เอวํ ภณนฺตสฺสาติ ปกติยา จีวราทิเหตุ โอวทนฺตํ ‘‘เอส จีวราทิเหตุ โอวทตี’’ติ สฺาย เอวํ ภณนฺตสฺส. ‘‘น จีวราทิเหตุ โอวทตี’’ติ สฺาย ปน เอวํ ภณนฺตสฺส ทุกฺกฏํ. อนามิสนฺตรตาติ อามิสจิตฺตาภาโว, ‘‘อามิสเหตุ โอวทิสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตอชฺฌาสยาภาโวติ อตฺโถ. จิตฺตปริยาโย เหตฺถ อนฺตรสทฺโท ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) วิย.
อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา
ปฺจมสิกฺขาปทํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา
สูจึ ปเวเสตฺวา ปเวเสตฺวา นีหรเณติ อาราปเถ อาราปเถ ปาจิตฺติยํ. ‘‘สิพฺพิสฺสามี’’ติ ปน วิจาเรนฺตสฺส, ฉินฺทนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฏํ. สตกฺขตฺตุมฺปิ วิชฺฌิตฺวา สกึ นีหรนฺตสฺสาติ สกลสูจึ อนีหรนฺโต ทีฆสุตฺตปฺปเวสนตฺถํ สตกฺขตฺตุมฺปิ วิชฺฌิตฺวา สกึ นีหรนฺตสฺส. ‘‘สิพฺพา’’ติ วุตฺโตติ สกึ ‘‘จีวรํ สิพฺพา’’ติ วุตฺโต. นิฏฺาเปตีติ สพฺพํ สูจิกมฺมํ ปริโยสาเปติ. ตสฺส อาราปเถ อาราปเถ ปาจิตฺติยนฺติ อาณตฺตสฺส สูจึ ปเวเสตฺวา ปเวเสตฺวา นีหรเณ เอกเมกํ ปาจิตฺติยํ.
อุทายิตฺเถรนฺติ ¶ ลาฬุทายิตฺเถรํ. วุตฺตลกฺขณํ สิพฺพนํ วา สิพฺพาปนํ วาติ ‘‘สูจึ ปเวเสตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตลกฺขณํ สิพฺพนํ วา สิพฺพาปนํ วา.
จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
สํวิทหิตฺวาติ ‘‘เอหิ, อสุกคามํ คจฺฉามา’’ติ วา ‘‘สฺเว อหํ คจฺฉามิ, ตฺวมฺปิ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วา วตฺวา. ตฺจ โข สํวิทหนํ อตฺถโต สงฺเกตกมฺมนฺติ อาห ‘‘คมนกาเล สงฺเกตํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ. อกปฺปิยภูมิยํ สํวิทหนฺตสฺสาติ อนฺโตคาเม, ภิกฺขุนิอุปสฺสยทฺวาเร, รถิกาย, อฺเสุ วา จตุกฺกสิงฺฆาฏกหตฺถิสาลาทีสุ ตฺวา สํวิทหนฺตสฺส. เตนาห ‘‘ตตฺถ เปตฺวา’’ติอาทิ. อาสนฺนสฺสาปีติ อจฺจาสนฺนสฺสาปิ, รตนมตฺตนฺตรสฺสาปีติ อธิปฺปาโย. อฺสฺส คามสฺสาติ ยโต นิกฺขมติ, ตโต อฺสฺส คามสฺส. ตํ โอกฺกมนฺตสฺสาติ ตํ อนฺตรคามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส. สเจ ทูรํ คนฺตุกาโม โหติ, คามูปจารคณนาย โอกฺกมนฺเต โอกฺกมนฺเต ปุริมนเยเนว อาปตฺติ. เตนาห ‘‘อิติ คามูปจาโรกฺกมนคณนาย ปาจิตฺติยานี’’ติ. ตสฺส ตสฺส ปน คามสฺส อติกฺกมเน อนาปตฺติ. คาเม อสตีติ อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คาเม อสติ. ตสฺมึ ปน คาเม สติ คามนฺตรคณนาเยว ¶ ปาจิตฺติยานิ. อทฺธโยชนคณนาย ปาจิตฺติยนฺติ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน ปาจิตฺติยํ, เอกเมกํ อทฺธโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส ‘‘อิทานิ อติกฺกมิสฺสามี’’ติ ปมปาเท ทุกฺกฏํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติยนฺติ อตฺโถ. อิมสฺมิฺหิ นเย อติกฺกมเน อาปตฺติ, โอกฺกมเน อนาปตฺติ.
วิสงฺเกเตนาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๘๕) เอตฺถ ‘‘ปุเรภตฺตํ คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คจฺฉนฺติ, ‘‘อชฺช วา คมิสฺสามา’’ติ สฺเว คจฺฉนฺติ, เอวํ กาลวิสงฺเกเตเยว อนาปตฺติ. ทฺวารวิสงฺเกเต, ปน มคฺควิสงฺเกเต, วา สติปิ อาปตฺติเยว. อาปทาสูติ รฏฺเภเท จกฺกสมารุฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ อนาปตฺติ. จกฺกสมารุฬฺหาติ จ อิริยาปถจกฺกํ วา สกฏจกฺกํ วา ¶ สมารุฬฺหาติ อตฺโถ. มาตุคามสิกฺขาปเทนาติ (ปาจิ. ๔๑๓ อาทโย) สปฺปาณกวคฺเค สตฺตมสิกฺขาปเทน.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา
กีฬาปุเรกฺขาโรติ โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสน กีฬาปุเรกฺขาโร. ตเถวาติ กีฬาวเสเนว. อคามกตีรปสฺเสนาติ อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คามานํ อภาวโต อคามกตีรปสฺเสน. ปาฬิยํ ‘‘อุทฺธํคามินึ วา อโธคามินึ วา’’ติ (ปาจิ. ๑๘๖) วจนโต ปน วาปิสมุทฺทาทีสุ กีฬาปุเรกฺขารตายปิ คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติ. เตนาห ‘‘สมุทฺเท ปน ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. วิสงฺเกเตนาติ อิธาปิ กาลวิสงฺเกเตเนว อนาปตฺติ, ติตฺถวิสงฺเกเตน, ปน นาวาวิสงฺเกเตน วา คจฺฉนฺตสฺส อาปตฺติเยว.
เสสนฺติ สทฺธึ สมุฏฺานาทีหิ อวเสสํ, เกจิ ปน ‘‘กีฬาปุเรกฺขาโร ‘สํวิทหิตฺวา’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๘๘) วจนโต อิมํ สิกฺขาปทํ อกุสลจิตฺตํ โลกวชฺชํ, ตสฺมา เสสํ นาม เปตฺวา ‘ปณฺณตฺติวชฺชํ ติจิตฺต’นฺติ อิทํ ทฺวยํ อวเสส’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. กีฬาปุเรกฺขารตาย หิ อภิรุหิตฺวาปิ คามนฺตโรกฺกมเน, อทฺธโยชนาติกฺกเม วา สํเวคํ ปฏิลภิตฺวา อรหตฺตํ วา สจฺฉิกเรยฺย, นิทฺทํ วา โอกฺกเมยฺย, กมฺมฏฺานํ วา มนสิ กโรนฺโต คจฺเฉยฺย, กุโต จสฺส อกุสลจิตฺตสมงฺคิตา, เยนิทํ สิกฺขาปทํ อกุสลจิตฺตํ, โลกวชฺชฺจ สิยาติ.
นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา
ปริปาจิตนฺติ ¶ ปริปากมาปาทิตํ, ยถา ลภติ, ตถา กตฺวา ปิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘เนว ตสฺสา’’ติอาทิ ตสฺสาติ โย ปริภฺุเชยฺย, ตสฺส ภิกฺขุโน. ภิกฺขุสฺส คุณํ ปกาเสตฺวาติ ‘‘อยฺโย ภาณโก, อยฺโย พหุสฺสุโต’’ติอาทินา (ปาจิ. ๑๙๕) คุณํ ปกาเสตฺวา ¶ . ปิณฺฑปาตนฺติ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ. กมฺมสาธโนยํ สมารมฺภสทฺโทติ อาห ‘‘สมารทฺธ’’นฺติ. ปฏิยาทิตสฺสาติ สมฺปาทิตสฺส. ยสฺมา าตกปฺปวาริเตหิ ภิกฺขุสฺส อตฺถาย อสมารทฺโธปิ ปิณฺฑปาโต อตฺถโต สมารทฺโธว โหติ ยถาสุขํ หราเปตพฺพโต, ตสฺมา ‘‘าตกปฺปวาริตานํ วา สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ.
อุภยตฺถาติ ปริปาจิตาปริปาจิเตสุ. อวเสเสติ ภิกฺขุนิปริปาจิเตปิ ยาคุขชฺชกผลาผลาทิเก สพฺพตฺถ. นิมิตฺโตภาสปริกถาวิฺตฺติวเสน ปน อวเสเสปิ ทุกฺกฏโต น มุจฺจติ.
ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปรีติ อเจลกวคฺเค. อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปเทนาติ อปฺปฏิจฺฉนฺเน มาตุคาเมน สทฺธึ รโหนิสชฺชสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๘๔ อาทโย). ตฺหิ อุปนนฺทตฺเถรํ อารพฺภ ปฺตฺเตสุ จตุตฺถภาวโต ‘‘อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปท’’นฺติ วุตฺตํ. ยทิ เอกปริจฺเฉทํ, อถ กสฺมา วิสุํ ปฺตฺตนฺติ อาห ‘‘อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปน วิสุํ ปฺตฺต’’นฺติ. ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺติวเสนาติ อตฺถสฺส อุปฺปตฺติวเสน, ภิกฺขุนิยา เอว รโหนิสชฺชาย อุปฺปตฺติวเสนาติ อตฺโถ. อยํ เหตฺถาธิปฺปาโย – จตุตฺถสิกฺขาปทวตฺถุโต อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วตฺถุโน ปมํ อุปฺปนฺนตฺตา เอกปริจฺเฉเทปิ อิทํ ปมํ วิสุํ ปฺตฺตนฺติ.
รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
โอวาทวคฺโค ตติโย.
๔. โภชนวคฺโค
๑. อาวสถสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อคิลาโน’’ติ ¶ เอตฺถ อนฺตมโส ทฺวิคาวุตํ คนฺตุํ สมตฺโถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อทฺธโยชนมฺปิ คนฺตุํ สมตฺเถนา’’ติ. อาวสถปิณฺโฑติ ¶ อาวสเถ ปิณฺโฑ, สาลาทีสุ อโนทิสฺส ยาวทตฺถํ ปฺตฺตํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ โภชนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิเมสํ วา’’ติอาทิ. ตตฺถ อิเมสํ วาติ อิเมสํ ปาสณฺฑานํ วา. เอตฺตกานํ วาติ อิมสฺมึ ปาสณฺเฑ เอตฺตกานํ ปาสณฺฑานํ วา. ปาสณฺฑนฺติ ฉนฺนวุติวิธํ สมณปริพฺพาชกาทึ. เต หิ ตณฺหาปาสฺเจว ทิฏฺิปาสฺจ เฑนฺติ โอฑฺเฑนฺตีติ ปาสณฺฑาติ วุจฺจนฺติ. อโนทิสฺสาติ อนุทฺทิสิตฺวา, อปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ. สาลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจีติ สาลารุกฺขมูลอพฺโภกาสาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ าเนสุ. เอกทิวสเมว ภฺุชิตพฺโพติ เอกทิวสํ สกึเยว ภฺุชิตพฺโพ, เอกสฺมึ ทิวเส ปุนปฺปุนํ ภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. ทุติยทิวสโต ปฏฺายาติ ภุตฺตทิวสสฺส ทุติยทิวสโต ปฏฺาย. อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร ปาจิตฺติยนฺติ อาโลเป อาโลเป กพเฬ กพเฬ ปาจิตฺติยํ. นานากุเลหิ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๐๖) ปน นานาฏฺาเนสุ ปฺตฺตํ, เอกสฺมึ าเน เอกทิวสํ ภฺุชิตฺวา ทุติยทิวเส อฺตฺถ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, ปฏิปาฏึ ปน เขเปตฺวา ปุน อาทิโต ปฏฺาย ภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. เอกปูคนานาปูคเอกคามนานาคาเมสุปิ เอเสว นโย. โยปิ เอกกุลสฺส วา นานากุลานํ วา เอกโต ปฺตฺโต ตณฺฑุลาทีนํ อภาเวน อนฺตรนฺตรา ฉิชฺชติ, โสปิ น ภฺุชิตพฺโพ. สเจ ปน ‘‘น สกฺโกม ทาตุ’’นฺติ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปุน กลฺยาณจิตฺเต อุปฺปนฺเน ทาตุํ อารภนฺติ, เอตํ ปุน เอกทิวสํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
ติกปาจิตฺติยนฺติ อคิลาเน อคิลานสฺิเวมติกคิลานสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. คิลานสฺส คิลานสฺิโนติ คิลานสฺส ปน ‘‘คิลาโน อห’’นฺติ สฺิโน อนุวสิตฺวา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ. สกึ ภฺุชตีติ เอกทิวสํ ภฺุชติ. ‘‘คจฺฉนฺโต วา’’ติ อิทํ อทฺธโยชนวเสน คเหตพฺพํ, ตถา ‘‘ปจฺจาคจฺฉนฺโต’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๐๘) อิทมฺปีติ วทนฺติ. เกนจิ อุปทฺทเวนาติ นทิปูรโจรภยาทินา เกนจิ อุปทฺทเวน. อฺนฺติ ยาคุขชฺชกผลาผลาทิเภทํ ยํ กิฺจิ อฺํ. อนุวสิตฺวาติ ปุน วสิตฺวา.
อาวสถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
คณโภชเนติ ¶ ¶ คเณน ลทฺธตฺตา คณสฺส สนฺตเก โภชเน. เตนาห ‘‘คณสฺส โภชเน’’ติ. นนุ เจตฺถ ‘‘คณสฺส โภชเน’’ติ วุจฺจติ, โส จ โข คโณ ‘‘กตฺถจิ ทฺวีหิ, กตฺถจิ ตีหี’’ติอาทินา อเนกธา อธิปฺเปโต, อิธ กติหีติ อาห ‘‘อิธ จา’’ติอาทิ. ตํ ปเนตํ คณโภชนํ ทฺวีหิ ปกาเรหิ ปสวติ นิมนฺตนโต วา วิฺตฺติโต วาติ อาห ‘‘เตสํ นิมนฺตนโต วา’’ติอาทิ. ตตฺถ นิมนฺตนโต วาติ อกปฺปิยนิมนฺตนโต วา. โอทนาทีนํ ปฺจนฺนนฺติ โอทนสตฺตุกุมฺมาสมจฺฉมํสานํ ปฺจนฺนํ.
‘‘โอทเนน นิมนฺเตมิ, โอทนํ เม คณฺหถา’’ติอาทินา นเยน เยน เกนจิ เววจเนน วา ภาสนฺตเรน วา ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวา นิมนฺเตตีติ สมฺพนฺโธ. จตฺตาโรติ เอกฏฺาเน วา นานาฏฺาเนสุ วา ิเต จตฺตาโร ภิกฺขู. ลกฺขณวจนฺเจตํ, ตสฺมา จตฺตาโร วา ตโต วา อธิเก ภิกฺขูติ อตฺโถ. เววจเนน วาติ ภตฺตอนฺนาทิปริยายสทฺเทน วา. ภาสนฺตเรน วาติ อนฺธทมิฬาทิภาสนฺตเรน วา. ปฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวาติ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรสฺส นามํ คเหตฺวา. โอทเนน นิมนฺเตมีติ ตุมฺเห ภนฺเต โอทเนน นิมนฺเตมิ. อาทิสทฺเทน ‘‘อากงฺขถ โอโลเกถ อธิวาเสถ ปฏิมาเนถ, สตฺตุนา นิมนฺเตมิ, สตฺตุํ เม คณฺหถ อากงฺขถ โอโลเกถ อธิวาเสถ ปฏิมาเนถา’’ติอาทีนํ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๑๗-๒๑๘) คหณํ. เอกโต วาติ เอกตฺถ ิเต วา นิสินฺเน วา ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, โอทเนน นิมนฺเตมี’’ติอาทินา เอวํ เอกโต นิมนฺติตา. นานาโต วา นิมนฺติตาติ จตฺตาริ ปริเวณานิ วา วิหาเร วา คนฺตฺวา นานาโต วา นิมนฺติตา. เอกฏฺาเน ิเตสุเยว วา เอโก ปุตฺเตน, เอโก ปิตราติ เอวมฺปิ นิมนฺติตา นานาโตเยว นิมนฺติตา นาม โหนฺติ. เอกโต คณฺหนฺติติ อฺมฺสฺส ทฺวาทสหตฺถูปจาเร ิตา คณฺหนฺติ.
กสฺมา ปน นานาโต ภุตฺเตปิ คณโภชนํ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิคฺคหณเมว เหตฺถ ปมาณ’’นฺติ. ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘คณโภชนํ นาม ยตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตเรน โภชเนน นิมนฺติตา ภฺุชนฺติ, เอตํ คณโภชนํ นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๑๘) วุตฺตํ? ตํ ปฏิคฺคหณนิยมนตฺถเมว ¶ . น หิ อปฺปฏิคฺคหิตกํ ภิกฺขู ภฺุชนฺตีติ ‘‘ภฺุชนฺตี’’ติ ปทํ ปฏิคฺคหณนิยมวจนํ โหติ. เอกโต วา นานาโต วา วิฺาเปตฺวาติ จตฺตาโร ภิกฺขู เอกโต ิตา วา นิสินฺนา วา อุปาสกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ จตุนฺนมฺปิ ภตฺตํ เทหี’’ติ วา ปาเฏกฺกํ ปวิสิตฺวา ‘‘มยฺหํ ภตฺตํ เทหิ, มยฺหํ ภตฺตํ เทหี’’ติ วา เอกโต วา นานาโต ¶ วา วิฺาเปตฺวา. ตสฺส ทุวิธสฺสาปีติ ยฺจ นิมนฺตนโต ลทฺธํ คณโภชนํ, ยฺจ วิฺตฺติโต ลทฺธํ, ตสฺส ทุวิธสฺสาปิ คณโภชนสฺส. เอวํ ปฏิคฺคหเณติ เอกโต ปฏิคฺคหเณ.
ปาทานมฺปิ ผลิตตฺตาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๑๗-๒๑๘) อนฺตมโส ปาทานมฺปิ ยถา มหาจมฺมสฺส ปรโต มํสํ ทิสฺสติ, เอวํ ผลิตตฺตา. น สกฺกา ปิณฺฑาย จริตุนฺติ วาลิกาย วา สกฺขราย วา ผุฏฺมตฺเต ทุกฺขุปฺปตฺติโต อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จริตุํ น สกฺโกติ. จีวเร กริยมาเนติ สาฏกฺจ สุตฺตฺจ ลภิตฺวา จีวเร กริยมาเน. ยํ กิฺจิ จีวเร กตฺตพฺพกมฺมนฺติ จีวรวิจารณฉินฺทนโมฆสุตฺตาโรปนาทิ ยํ กิฺจิ จีวเร กตฺตพฺพํ กมฺมํ, อนฺตมโส สูจิเวธนมฺปีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อทฺธโยชนมฺปี’’ติอาทิ อวกํสโต วุตฺตํ. โย ปน ทูรํ คนฺตุกาโม, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, คจฺฉนฺโต อทฺธโยชนพฺภนฺตเร คาวุเตปิ ภฺุชิตุํ ลภติ, คโต ปน เอกทิวสํ. ยทา นาวํ อภิรุหิตุกาโม วา โหติ อารุฬฺโห วา โอรุฬฺโห วา, อยํ นาวาภิรุหนสมโย นามาติ อาห ‘‘นาวาภิรุหนสมเยปิ เอเสว นโย’’ติ. อยํ ปน วิเสโส – อภิรุฬฺเหน อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวาปิ ยาว น โอโรหติ, ตาว ภฺุชิตพฺพํ. จตฺตาโร ภิกฺขูติ อนฺติมปริจฺเฉโท. ยตฺถ ปน สตํ วา สหสฺสํ วา สนฺนิปติตํ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตสฺมา ตาทิเส กาเล ‘‘มหาสมโย’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ภฺุชิตพฺพํ. โย โกจิ ปพฺพชิโตติ สหธมฺมิเกสุ วา ติตฺถิเยสุ วา อฺตโร.
เย จ ทฺเว ตโย เอกโต คณฺหนฺตีติ เยปิ อกปฺปิยนิมนฺตนํ สาทิยิตฺวา ทฺเว วา ตโย วา เอกโต คณฺหนฺติ, เตสมฺปิ อนาปตฺติ. ปณีตโภชนสูโปทนวิฺตฺตีหิ ปน อาปตฺติเยวาติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํ. นิจฺจภตฺตาทีสูติ นิจฺจภตฺเต สลากภตฺเต ปกฺขิเก อุโปสถิเก ปาฏิปทิเก. ตตฺถ นิจฺจภตฺตนฺติ ธุวภตฺตํ วุจฺจติ. ‘‘นิจฺจภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ ¶ , พหูนมฺปิ เอกโต คณฺหิตุํ วฏฺฏติ. สลากภตฺตาทีสุปิ เอเสว นโย.
คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
คณโภชเน วุตฺตนเยเนวาติ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, โอทเนน นิมนฺเตมิ, โอทนํ เม คณฺหถา’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๒๑๗-๒๑๘) นเยน เยน เกนจิ เววจเนน วา ภาสนฺตเรน วา ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรสฺส นามํ คเหตฺวา นิมนฺเตตีติ วุตฺเตเนว นเยน ¶ . นิมนฺติตสฺสาติ อกปฺปิยนิมนฺตเนน นิมนฺติตสฺส. อวิกปฺเปตฺวาติ สมฺมุขาสมฺมุขวเสน อวิกปฺเปตฺวา, อปริจฺจชิตฺวาติ อตฺโถ. อยฺหิ ภตฺตวิกปฺปนา นาม สมฺมุขาปรมฺมุขาปิ วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘โย ภิกฺขุ ปฺจสุ สหธมฺมิเกสู’’ติอาทิ.
อฺตฺร นิมนฺตนโภชนวตฺถุสฺมินฺติ อฺตฺร ปมํ นิมนฺติตา หุตฺวา อฺสฺมึ นิมนฺตเน ภฺุชนวตฺถุสฺมึ. ยทิ ติวิธา อนุปฺตฺติ, อถ กสฺมา ปริวาเร ‘‘จตสฺโส อนุปฺตฺติโย’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปริวาเร ปนา’’ติอาทิ. วิกปฺปนมฺปิ คเหตฺวาติ วิกปฺปนานุชานนมฺปิ อนุปฺตฺติสมานนฺติ อนุปฺตฺติภาเวน คเหตฺวา. เอกสํสฏฺานีติ เอกสฺมึ มิสฺสิตานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๒๙) – ทฺเว ตีณิ กุลานิ นิมนฺเตตฺวา เอกสฺมึ าเน นิสีทาเปตฺวา อิโต จิโต จ อาหริตฺวา ภตฺตํ อากิรนฺติ, สูปพฺยฺชนํ อากิรนฺติ, เอกมิสฺสกํ โหติ, เอตฺถ อนาปตฺตีติ. สเจ ปน มูลนิมนฺตนํ เหฏฺา โหติ, ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อุปริ, ตํ อุปริโต ปฏฺาย ภฺุชนฺตสฺส อาปตฺติ. หตฺถํ ปน อนฺโต ปเวเสตฺวา ปมนิมนฺตนโต เอกมฺปิ กพฬํ อุทฺธริตฺวา ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย ยถา ตถา วา ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ. ทฺเว ตีณิ นิมนฺตนานิ เอกโต วา กตฺวา ภฺุชตีติ ทฺเว ตีณิ นิมนฺตนานิ เอกโต ปกฺขิปิตฺวา มิสฺเสตฺวา เอกํ กตฺวา ภฺุชตีติ อตฺโถ. ‘‘สกเลน คาเมน วา’’ติอาทีสุ สกเลน คาเมน เอกโต หุตฺวา นิมนฺติตสฺเสว ยตฺถ กตฺถจิ ภฺุชโต อนาปตฺติ. ปูเคปิ เอเสว นโย. นิมนฺติยมาโน วา ‘‘ภิกฺขํ คเหสฺสามี’’ติ วทตีติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหา’’ติ นิมนฺติยมาโน ¶ ‘‘น มยฺหํ ตว ภตฺเตน อตฺโถ, ภิกฺขํ คเหสฺสามี’’ติ ภณติ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ โภชนํ กิริยํ, อวิกปฺปนํ อกิริยํ.
ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา
ปเหณกตฺถายาติ ปณฺณาการตฺถาย. ปาเถยฺยตฺถายาติ มคฺคํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺคตฺถาย. สตฺตูติ พทฺธสตฺตุ, อพทฺธสตฺตุ จ. ทฺวตฺติปตฺตปูเร ปฏิคฺคเหตฺวาติ มุขวฏฺฏิยา เหฏฺิมเลขาย สมํ ปูเร ทฺวตฺติปตฺตปูเร คเหตฺวาติ อตฺโถ. อิมสฺส จตฺถสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ปากฏตฺตา ตตฺถ กตฺตพฺพปฺปการเมว ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิมาห. เสสนฺติ ตโต เอกปตฺตโต อฺํ ปตฺตํ. สเจ ตโย ปตฺตปูรา คหิตา ทฺเว, สเจ ทฺเว คหิตา, เอกนฺติ วุตฺตํ โหติ.
คมเน ¶ วา ปฏิปฺปสฺสทฺเธติ อนฺตรามคฺเค อุปทฺทวํ ทิสฺวา, อนตฺถิกตาย วา ‘‘มยํ อิทานิ น เปสิสฺสาม น คมิสฺสามา’’ติ เอวํ คมเน อุปจฺฉินฺเน เทนฺตานนฺติ อตฺโถ.
กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
ภุตฺตวาติ กตภตฺตกิจฺโจ. สาสปมตฺตมฺปิ อชฺโฌหริตนฺติ เอวํ ปริตฺตมฺปิ โภชนํ สงฺขาทิตฺวา วา อสงฺขาทิตฺวา วา คิลิตํ. ปวาริโตติ ปฏิกฺเขปิโต. โย หิ ภฺุชนฺโต ปริเวสเกน อุปนีตํ โภชนํ อนิจฺฉนฺโต ปฏิกฺขิปติ, โส เตน ปวาริโต ปฏิกฺขิปิโต นาม โหติ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘กตปฺปวารโณ กตปฺปฏิกฺเขโปติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โสปิ จ ปฏิกฺเขโป ยสฺมา น ปฏิกฺเขปมตฺเตน, อถ โข ปฺจงฺควเสน. เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘อสนํ ปฺายตี’’ติอาทิ (ปาจิ. ๒๓๙) วุตฺตํ.
โภชนํ ¶ ปฺายตีติ ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรํ ปตฺตาทีสุ ทิสฺสติ. เตนาห ‘‘ปวารณปฺปโหนกํ เจ โภชน’’นฺติอาทิ. สาลีติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) อนฺตมโส นีวารํ อุปาทาย สพฺพาปิ สาลิชาติ. วีหีติ สพฺพาปิ วีหิชาติ. ยวโคธุเมสุ เภโท นตฺถิ. กงฺคูติ เสตรตฺตกาฬเภทา สพฺพาปิ กงฺคุชาติ. วรโกติ อนฺตมโส วรกโจรกํ อุปาทาย สพฺพาปิ เสตวณฺณา วรกชาติ. กุทฺรูสโกติ กาฬโกทฺรโว เจว สามากาทิเภทา จ สพฺพาปิ ติณธฺชาติ.
นีวารวรกโจรกา เจตฺถ ‘‘ธฺานุโลมา’’ติ วทนฺติ. ยาคุนฺติ อมฺพิลยาคุขีรยาคุอาทิเภทํ ยํ กิฺจิ ยาคุํ. อิมินาว ปายาสสฺสาปิ คหิตตฺตา ‘‘อมฺพิลปายาสาทีสุ อฺตรํ ปจามาติ วา’’ติ น วุตฺตํ. ปวารณํ ชเนตีติ อนติริตฺตโภชนาปตฺตินิพนฺธนํ ปฏิกฺเขปํ สาเธติ. สเจ ปน โอธิ น ปฺายติ, ยาคุสงฺคหํ คจฺฉติ, ปวารณํ น ชเนติ. ปุน ปวารณํ ชเนติ ฆนภาวคมนโต ปฏฺาย โภชนสงฺคหิตตฺตาติ อธิปฺปาโย.
อุทกกฺชิกขีราทีนิ อากิริตฺวาติ อุทกฺเจว กฺชิกฺจ ขีราทีนิ จ อากิริตฺวา เตหิ สทฺธึ อมทฺทิตฺวา ภตฺตมิสฺสเก กตฺวา. เตนาห ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติอาทิ. สเจ ปน ภตฺเต อุทกกฺชิกขีราทีนิ อากิริตฺวา มทฺทิตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ เทนฺติ, ปวารณา ¶ น โหติ. ยาคุยาปีติ เอวํ ยาคุสงฺคหํ คตาย วา อฺาย วา ยาคุยาปิ. สุทฺธรสโก, ปน รสกยาคุ วา น ชเนติ.
ปฺจนฺนํ โภชนานํ อฺตรวเสน วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา ‘‘ทฺเวปิ ขาทิตานิ โหนฺติ…เป… น ปวาเรตี’’ติ วุตฺตํ. อกปฺปิยมํสํ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙), อกปฺปิยโภชนฺจ พุทฺธปฏิกุฏฺํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาย อวตฺถุตาย น ปวารณา โหตีติ อาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ. ยฺหิ ภิกฺขุโน ขาทิตุํ วฏฺฏติ, ตํ เอว ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหติ. อิทํ ปน ชานนฺโต อกปฺปิยตฺตา ปฏิกฺขิปติ. อชานนฺโตปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพฏฺาเน ิตเมว ปฏิกฺขิปติ นาม, ตสฺมา น ปวาเรติ. สเจ ปน อกปฺปิยมํสํ ขาทนฺโต กปฺปิยมํสํ วา โภชนํ วา ปฏิกฺขิปติ, ปวาเรติ. กสฺมา? วตฺถุตาย. ยฺหิ เตน ปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ ปวารณาย วตฺถุ. ยํ ปน ขาทติ, ตํ ¶ กิฺจาปิ ปฏิกฺขิปิตพฺพฏฺาเน ิตํ, ขาทิยมานํ ปน มํสภาวํ น ชหติ, ตสฺมา ปวาเรติ. โก ปน วาโท กปฺปิยมํสํ ขาทโต กปฺปิยมํสโภชนปฺปฏิกฺเขเป. เอส นโย อกปฺปิยโภชนํ ขาทโต กปฺปิยโภชนปฺปฏิกฺเขเป.
โภชเน สตีติ ปฺจสุ โภชเนสุ เอกสฺมิมฺปิ โภชเน สติ. อฺํ วุตฺตลกฺขณํ โภชนนฺติ ปตฺตาทิคตโต อฺํ วุตฺตลกฺขณํ ปฺจสุ โภชเนสุ เอกมฺปิ โภชนํ. ‘‘นิรเปกฺโข โหตี’’ติ เอตสฺเสว วิวรณํ ‘‘ยํ ปตฺตาทีสู’’ติอาทิ. น เกวลํ นิรเปกฺโข วาติ อาห ‘‘อฺตฺร วา’’ติอาทิ. โส ปฏิกฺขิปนฺโตปิ น ปวาเรตีติ ตสฺมึ เจ อนฺตเร อฺํ โภชนํ อภิหฏํ, ตํ โส ปฏิกฺขิปนฺโตปิ น ปวาเรติ. กสฺมา? วิปฺปกตโภชนภาวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา.
‘‘อุปนาเมตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) อิมินา กายาภิหารํ ทสฺเสติ. หตฺเถ วา อาธารเก วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ, เตน ‘‘อูรูสุ วา’’ติ วิกปฺเปติ. ทูเร นิสินฺนสฺส ทหรภิกฺขุสฺส ปตฺตํ เปเสตฺวา ‘‘อิโต โอทนํ คณฺหาหี’’ติ วทติ, คณฺหิตฺวา ปน คโต ตุณฺหี ติฏฺติ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปโต เอเสว นโย. กสฺมา? ภิกฺขุสฺส ทูรภาวโต, ทูตสฺส จ อนภิหรณโต. สเจ ปน คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุ ‘‘อิมํ ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วทติ, ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหติ. เอวํ วุตฺเตปีติ ‘‘ภตฺตํ คณฺหา’’ติ วุตฺเตปิ.
ภตฺตปจฺฉึ คเหตฺวา ปริวิสนฺตสฺสาติ เอเกน หตฺเถน ภตฺตปจฺฉึ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน กฏจฺฉุํ ¶ คเหตฺวา ปริวิสนฺตสฺส. อฺโ ‘‘อหํ ธาเรสฺสามี’’ติ คหิตมตฺตกเมว กโรตีติ อฺโ อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ ปจฺฉึ ธาเรสฺสามิ, ตฺวํ โอทนํ เทหี’’ติ วตฺวา คหิตมตฺตกเมว กโรติ. อภิหฏาว โหตีติ ปริเวสเกเนว อภิหฏาว โหติ. อิทานิ อสติ ตสฺส ทาตุกามาภิหาเร คหณสมเยปิ ปฏิกฺขิปโต น โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุทฺธเฏติ อุทฺธเฏ ภตฺเต. กฏจฺฉุอภิหาโรเยว หิ ตสฺส อภิหาโรติ อธิปฺปาโย. อนนฺตรสฺส ทิยฺยมาเนติ อนนฺตรสฺส ภิกฺขุโน ภตฺเต ทิยฺยมาเน. กายวิกาเรนาติ ‘‘องฺคุลึ วา หตฺถํ วา มจฺฉิกพีชนึ วา จีวรกณฺณํ วา ¶ จาเลติ, ภมุกาย วา อาการํ กโรติ, กุทฺโธ วา โอโลเกตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) เอวํ วุตฺเตน องฺคุลิจลนาทินา กายวิกาเรน. ‘‘อลํ มา เทหี’’ติอาทินา วจีวิกาเรนาติ ‘‘อล’’นฺติ วา ‘‘น คณฺหามี’’ติ วา ‘‘มา อากิรา’’ติ วา ‘‘อปคจฺฉา’’ติ วา เอวํ เยน เกนจิ วจีวิกาเรน.
อภิหเฏ ปน ภตฺเต ปวารณาย ภีโต หตฺเถ อปเนตฺวา ปุนปฺปุนํ ปตฺเต โอทนํ อากิรนฺตํ ‘‘อากิร อากิร, โกฏฺเฏตฺวา ปูเรหี’’ติ วทโต ปวารณา น โหติ. เอส นโย ภตฺตํ อภิหรนฺตํ ภิกฺขุํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กึ, อาวุโส, อิโตปิ กิฺจิ คณฺหิสฺสสิ, ทมฺมิ เต กิฺจี’’ติ วทโตปิ.
‘‘รสํ ปฏิคฺคณฺหถา’’ติ อปฺปวารณาชนกสฺส นามํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ สุตฺวา ปฏิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. มํสรสนฺติ เอตฺถ ปน น เกวลํ มํสสฺส รสํ ‘‘มํสรส’’มิจฺเจว วิฺายติ, อถ โข มํสฺจ รสฺจ มํสรสนฺติ เอวํ ปวารณาชนกนามวเสนาปิ. ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณาว โหตีติ อาห ‘‘มํสรสนฺติ วุตฺเต ปน ปฏิกฺขิปโต ปวารณา โหตี’’ติ. ปรโต มจฺฉมํสํ พฺยฺชนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ อิริยาปเถ ปวาเรติ, ตํ อวิโกเปนฺเตเนว ภฺุชิตพฺพนฺติ โย คจฺฉนฺโต (ปาจิ. อฏฺ. ๒๓๘-๒๓๙) ปวาเรติ, เตน คจฺฉนฺเตเนว ภฺุชิตพฺพํ. กทฺทมํ วา อุทกํ วา ปตฺวา ิเตน อติริตฺตํ กาเรตพฺพํ. สเจ อนฺตรา นที ปูรา โหติ, นทิตีเร คุมฺพํ อนุปริยายนฺเตน ภฺุชิตพฺพํ. อถ นาวา วา เสตุ วา อตฺถิ, ตํ อภิรุหิตฺวาปิ จงฺกมนฺเตเนว ภฺุชิตพฺพํ, คมนํ น อุปจฺฉินฺทิตพฺพํ. เอส นโย อิตรอิริยาปเถสุปิ. ตํ ตํ อิริยาปถํ โกเปนฺเตน อติริตฺตํ กาเรตพฺพํ. โย อุกฺกุฏิโกว นิสีทิตฺวา ปวาเรติ, เตน อุกฺกุฏิเกเนว ภฺุชิตพฺพํ. ตสฺส ปน เหฏฺา ปลาลปีํ วา กิฺจิ วา นิสีทนํ ทาตพฺพํ. ปีเก นิสีทิตฺวา ปวาริเตน ปน อาสนํ อจาเลตฺวาว จตสฺโส ทิสา ปริวตฺตนฺเตน ภฺุชิตุํ ลพฺภติ. มฺเจ นิสีทิตฺวา ปวาริเตน อิโต วา เอตฺโต วา สํสริตุํ น ลพฺภติ. สเจ ปน สห ¶ มฺเจน อุกฺขิปิตฺวา อฺตฺร เนนฺติ, วฏฺฏติ. นิปชฺชิตฺวา ปวาริเตนาปิ นิปนฺเนเนว ภฺุชิตพฺพํ. ปริวตฺตนฺเตน เยน ปสฺเสน นิปนฺโน, ตสฺส านํ นาติกฺกเมตพฺพํ.
อลเมตํ สพฺพนฺติ เอตํ สพฺพํ อลํ ปริยตฺตํ, อิทมฺปิ เต อธิกํ, อิโต อฺํ น ลจฺฉสีติ อธิปฺปาโย. โย อติริตฺตํ กโรตีติ โย ‘‘อลเมตํ ¶ สพฺพ’’นฺติ อติริตฺตํ กโรติ. ปฏิปกฺขนเยนาติ ‘‘กปฺปิยกตํ, ปฏิคฺคหิตกตํ, อุจฺจาริตกตํ, หตฺถปาเส กตํ, ภุตฺตาวินา กตํ, ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อาสนา อวุฏฺิเตน กตํ ‘อลเมตํ สพฺพ’นฺติ วุตฺต’’นฺติ (ปาจิ. ๒๓๙) อิเมหิ สตฺตหิ วินยกมฺมากาเรหิ ยํ อติริตฺตํ กปฺปิยํ กตํ, ยฺจ คิลานาติริตฺตํ, ตทุภยมฺปิ อติริตฺตนฺติ เอวํ ตสฺเสว ปฏิปกฺขนเยน. เอตฺถ จ ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ, อยํ กิร อาจิณฺโณ. วินยธรา ปน ‘‘สกึ เอว วตฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
กสฺมา ตํ โส ปุน กาตุํ น ลภตีติ อาห ‘‘ยฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยฺหิ อกตนฺติ เยน ปมํ กปฺปิยํ กตํ, เตน ยํ อกตํ, ตํ กาตพฺพํ. ปมภาชเน ปน กาตุํ น ลพฺภติ. เยน จ อกตนฺติ อฺเน ภิกฺขุนา เยน ปมํ น กตํ, เตน จ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. วุตฺตนฺติ สีหฬฏฺกถาสุ วุตฺตํ. อฺสฺมึ ปน ภาชเนติ ยสฺมึ ปน ภาชเน ปมํ กตํ, ตโต อฺสฺมึ ปตฺเต วา กุณฺเฑ วา ปจฺฉิยํ วา ยตฺถ กตฺถจิ ปุรโต เปตฺวา โอนามิตภาชเน.
อฺตฺร ภฺุชนวตฺถุสฺมินฺติ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน หุตฺวา อฺตฺร ภฺุชนวตฺถุสฺมึ. ติกปาจิตฺติยนฺติ อนติริตฺเต อนติริตฺตสฺิเวมติกอติริตฺตสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. อชฺโฌหรโต จ ทุกฺกฏนฺติ อชฺโฌหรโต อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเร ทุกฺกฏํ. สเจ ปน อามิสสํสฏฺานิ โหนฺติ, อาหารตฺถายปิ อนาหารตฺถายปิ ปฏิคฺคเหตฺวา อชฺโฌหรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว. เตสํ อนฺุาตปริโภควเสนาติ ยามกาลิกาทีนํ อนฺุาตปริโภควเสน, ยามกาลิกํ ปิปาสาย สติ ปิปาสจฺเฉทนตฺถํ, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกฺจ เตน เตน อุปสเมตพฺพเก อาพาเธ สติ ตสฺส อุปสมนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทมฺปิ อชฺโฌหรณโต กายกมฺมํ, วาจาย ‘‘อติริตฺตํ กโรถ ภนฺเต’’ติ อการาปเนน วจีกมฺมนฺติ อาห ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสาเนวา’’ติ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ ปฏิกฺขิปิตฺวา ภฺุชนํ กิริยํ. อติริตฺตสฺส อกรณํ อกิริยนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
สุตฺวา ¶ ¶ วาติ อฺเน วา เตเนว วา อาโรจิตํ สุตฺวา. ‘‘ภุตฺตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๔๓) วุตฺตตฺตา โภชนปริโยสาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํ.
ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
วิกาเลติ เอตฺถ อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิโก, อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม. ตทฺโ วิกาโล ‘‘วิคโต กาโล’’ติ กตฺวา. เตนาห ‘‘วิคเต กาเล’’ติอาทิ. ิตมชฺฌนฺหิโกปิ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๔๘-๒๔๙) กาลสงฺคหํ คจฺฉติ. ตโต ปฏฺาย ปน ขาทิตุํ วา ภฺุชิตุํ วา น สกฺกา. สหสา ปิวิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กุกฺกุจฺจเกน ปน น กาตพฺพํ. กาลปริจฺเฉทชานนตฺถฺจ กาลตฺถมฺโภ โยเชตพฺโพ. กาลพฺภนฺตเรว ภตฺตกิจฺจํ กาตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจิ…เป… ขาทนียํ วา’’ติ อิมินา ยํ ตาว สกฺขลิโมทกาทิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณมยํ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสติ. โภชนียํ นาม ปฺจ โภชนานิ.
สติ ปจฺจเยติ ปิปาสาทิการเณ วิชฺชมาเน. โรมฏฺกสฺสาติ โรมฏฺกสฺส ภิกฺขุโน อชฺโฌหริตฺวา อุคฺคิริตฺวา มุเขว ปิโต พหิ มุขทฺวารา วินิคฺคโต โภชนสฺส มคฺคา พหิ นิคฺคโต ‘‘โรมฏฺโ’’ติ ปวุจฺจติ. อิธ ปน อชฺโฌหริตฺวา อุคฺคิริตฺวา มุเขว ปิโตติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘น จ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ. เปตฺวา โรมฏฺกํ เสสานํ อาคตํ อุคฺคารํ มุเข สนฺธาเรตฺวา คิลนฺตานํ อาปตฺติ. สเจ ปน อสนฺธาเรนฺตเมว ปรคลํ คจฺฉติ, วฏฺฏติ.
วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กาโร กรณํ กิริยาติ อตฺถโต เอก’’นฺติ เอเตน การสทฺทสฺส ภาวตฺถตํ ทสฺเสติ. สมฺมา นิธานํ ปนํ สนฺนิธิ. ‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา เอกรตฺตํ วีตินามิตสฺเสตํ ¶ นาม’’นฺติ อิมินา ปฏิคฺคเหตฺวา ¶ เอกรตฺตํ วีตินามิเต อิมสฺส ทุทฺโธตภาวํ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ ยามกาลิกํ ขาทนียํ, โภชนียํ วา น โหติ, ‘‘อนาปตฺติ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภฺุชตี’’ติอาทิ วจนโต ปน ตตฺถาปิ ยามาติกฺกเม สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติเยน ภวิตพฺพนฺติ ‘‘ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ทุทฺโธตภาวเมว วิภาเวตุํ ‘‘ยํ องฺคุลิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส เลขา ปฺายตีติ ยํ ปตฺตํ โธตํ องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส ปตฺเต องฺคุลิเลขา ปฺายติ, โส ปตฺโต ทุทฺโธโต โหตีติ อตฺโถ. เตลวณฺณปตฺเต ปน องฺคุลิเลขา ปฺายติ, สา อพฺโพหาริกา. สฺเนโหติ เตลํ. สนฺทิสฺสตีติ ยาคุยา อุปริ สนฺทิสฺสติ. ตาทิเส ปตฺเตปีติ ปฏิคฺคหณํ อวิสฺสชฺชิตฺวา สยํ วา อฺเน วา โภชนํ นีหริตฺวา น สมฺมา โธเต ปตฺเตปิ. ปุนทิวเส ภฺุชนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ ปตฺเต ลคฺคํ อวิชหิตปฺปฏิคฺคหณํ โหตีติ ทุติยทิวเส ภฺุชนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ. ปริจฺจตฺเต ปน ปตฺเต ปุนทิวเส ภฺุชนฺตสฺส อนาปตฺติ.
ยํ ปนาติ ยํ โภชนํ ปน. อปริจฺจตฺตเมว หีติ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน วา อนุปสมฺปนฺนสฺส นิรเปกฺขทาเนน วา อปริจฺจตฺตเมว. กปฺปิย โภชนนฺติ อนฺตมโส เอกสิตฺถมตฺตมฺปิ กปฺปิยโภชนํ. อกปฺปิเยสูติ อกปฺปิยมํเสสุ. เสเสสูติ มนุสฺสมํสโต อวเสเสสุ หตฺถิอสฺสสุนขอหิสีหพฺยคฺฆทีปิอจฺฉตรจฺฉมํเสสุ เจว อปฺปฏิเวกฺขิเต อุทฺทิสฺสกตมํเส จ. ปาฬิยํ ‘‘สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย ปฏิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๒๕๕) สนฺนิหิเตสุ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิเกสุ ปุเรภตฺตมฺปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏสฺส วุตฺตตฺตา ยามกาลิเกปิ อาหารตฺถาย อชฺโฌหรเณปิ วิสุํ ทุกฺกเฏนาปิ ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อาหารตฺถาย อชฺโฌหรโต ทุกฺกเฏน สทฺธึ ปาจิตฺติย’’นฺติ. สพฺพวิกปฺเปสูติ ‘‘กปฺปิยโภชนํ ภฺุชนฺตสฺสา’’ติอาทินา วุตฺเตสุ สพฺเพสุ วิกปฺเปสุ อปรมฺปิ ปาจิตฺติยํ วฑฺฒติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๕๓) – กปฺปิยโภชเน ทฺเว ปาจิตฺติยานิ, มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจเยน สทฺธึ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ, อวเสเสสุ ปน อกปฺปิยมํเสสุ ทุกฺกเฏน สทฺธึ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ. ยามกาลิกํ สติ ปจฺจเย สามิเสน มุเขน ¶ อชฺโฌหรโต ทฺเว ปาจิตฺติยานิ, นิรามิเสน เอกเมว. อาหารตฺถาย อชฺโฌหรโต วิกปฺปทฺวเยปิ ทุกฺกเฏน สทฺธินฺติ.
อวเสเสสูติ ยามกาลิกาทิโต อวเสเสสุ. ปาจิตฺติยํ วฑฺฒติเยวาติ อปรมฺปิ ปาจิตฺติยํ วฑฺฒติเยว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ วิกาเล อชฺโฌหรติ, ปกติโภชเน สนฺนิธิปจฺจยา ¶ จ วิกาลโภชนปจฺจยา จ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ, อกปฺปิยมํเสสุ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจเยน สทฺธึ ทฺเว ปาจิตฺติยานิ, อวเสเสสุ ทุกฺกเฏน สทฺธึ ทฺเวติ.
เพลฏฺสีโส นาม ชฏิลสหสฺสสฺส อพฺภนฺตเร เอโก มหาเถโร. ติกปาจิตฺติยนฺติ สนฺนิธิการเก สนฺนิธิการกสฺิเวมติกอสนฺนิธิการกสฺีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ. สํสฏฺานีติ สํสฏฺรสานิ. สมฺภินฺนรสํ สนฺธาเยว หิ ‘‘ตทหุปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ อสมฺภินฺนรสนฺติ อมิสฺสิตรสํ. อิทฺจ สีตลปายาสาทินา สห ลทฺธํ สปฺปิปิณฺฑาทิกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘สุโธตํ วา’’ติ อิทํ ปน ปิณฺฑปาเตน สทฺธึ ลทฺธํ ตกฺโกลชาติผลาทึ, ยาคุอาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนสิงฺคีเวราทิกฺจ สนฺธาย วุตฺตํ.
เตนาติ สตฺตาหกาลิเกน. ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ อสฺสาติ ตทหุปฏิคฺคหิตํ, เตน ตทหุปฏิคฺคหิเตน. เอส นโย ‘‘ทฺวีหปฏิคฺคหิเตนา’’ติอาทีสุปิ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตมฺปิ วฏฺฏติ, ตสฺมา. ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปตีติ วุตฺตนฺติ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ปฏิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปติ, สตฺตาหาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕) เภสชฺชกฺขนฺธเก วุตฺตํ. กิฺจาปิ มุเข เอกรตฺตํ น วุตฺตํ, ตถาปิ มุเข ปกฺขิตฺตเมว ยสฺมา สนฺนิธิ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘มุขสนฺนิธี’’ติ วุตฺตํ.
จตสฺโส กปฺปิยภูมิโยติ อุสฺสาวนนฺติกา, โคนิสาทิกา, คหปติ, สมฺมุตีติ จตสฺโส กปฺปิยกุฏิโย. ตตฺถ อุสฺสาวนนฺติกา (มหาว. อฏฺ. ๒๙๕) นาม เคเห กริยมาเน สมฺปริวาเรตฺวา ิเตหิ ‘‘กปฺปิยกุฏึ กโรม, กปฺปิยกุฏึ กโรมา’’ติ วา ‘‘กปฺปิยกุฏิ กปฺปิยกุฏี’’ติ วา วทนฺเตหิ ปิตปมิฏฺกถมฺภาทิกา สงฺฆสฺส วา เอกสฺส ภิกฺขุโน วา กุฏิ. โย ปน อาราโม เยภุยฺเยน วา อปริกฺขิตฺโต โหติ, สกโลปิ วา ¶ , โส ‘‘โคนิสาที’’ติ วุจฺจติ. คหปตีติ ยา เปตฺวา ภิกฺขุํ เสเสหิ ‘‘กปฺปิยกุฏึ เทมา’’ติ ทินฺนา, เตสํ วา สนฺตกา. สมฺมุติ นาม กมฺมวาจาย สาเวตฺวา กตา. กถํ ปเนตาสํ วินิจฺฉโย ชานิตพฺโพติ อาห ‘‘ตาสํ วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโต’’ติ.
สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ปณีตโภชนานี’’ติ ¶ อิทํ มชฺเฌ ปทโลปํ กตฺวา นิทฺทิฏฺนฺติ อาห ‘‘ปณีตสํสฏฺานี’’ติอาทิ. สพฺโพปิ ‘‘โอทโก’’ติ วุตฺตลกฺขโณ มจฺโฉติ ‘‘มจฺโฉ นาม โอทโก วุจฺจตี’’ติ (ปาจิ. ๒๖๐) เอวํ วิภงฺเค วุตฺตลกฺขโณ, สพฺโพปิ มจฺโฉ เอว. โย โกจิ อุทเก ชาโต มจฺโฉ นามาติ วุตฺตํ โหติ. มหานามสิกฺขาปเทนาติ –
‘‘อคิลาเนน ภิกฺขุนา จตุมาสปจฺจยปวารณา สาทิตพฺพา อฺตฺร ปุนปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปวารณาย. ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ –
อิมินา สิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๓๐๖). เอตฺถ หิ สงฺฆวเสน คิลานปจฺจยปวารณาย ปวาริตฏฺาเน สเจ ตตฺถ รตฺตีหิ วา เภสชฺเชหิ วา ปริจฺเฉโท กโต โหติ ‘‘เอตฺติกาเยว รตฺติโย, เอตฺตกานิ วา เภสชฺชานิ วิฺาเปตพฺพานี’’ติ, ตโต รตฺติปริยนฺตโต วา เภสชฺชปริยนฺตโต วา อุตฺตริ นเภสชฺชกรณีเยน วา เภสชฺชํ, อฺเภสชฺชกรณีเยน วา อฺํ เภสชฺชํ วิฺาเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ. ตสฺมา อคิลาโน คิลานสฺีปิ หุตฺวา ปฺจ เภสชฺชานิ วิฺาเปนฺโต นเภสชฺชกรณีเยน เภสชฺชํ วิฺาเปนฺโต นาม โหตีติ ‘‘มหานามสิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.
โย ปน นเภสชฺชตฺถาย วิฺาเปติ, อถ โข เกวลํ อตฺตโน ภฺุชนตฺถาย, โส สูโปทนวิฺตฺติยาเยว กาเรตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สุทฺธานิ สปฺปิอาทีนิ วิฺาเปตฺวา ภฺุชนฺโต ปาจิตฺติยํ นาปชฺชติ ¶ , เสขิเยสุ สูโปทนวิฺตฺติทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๕๙). สูโปทนวิฺตฺติยา กาเรตพฺโพติ ‘‘น สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน’’ติอาทินา (ปาจิ. ๖๑๓) สิกฺขาปเทน กาเรตพฺโพ, ทุกฺกเฏน กาเรตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. อิมินาติ อิมินา ปณีตโภชนสิกฺขาปเทน.
‘‘สปฺปิภตฺตํ เทหี’’ติ วุตฺเต กึ โหตีติ อาห ‘‘สปฺปิภตฺตํ ‘เทหี’ติ วุตฺเต ปนา’’ติอาทิ. สูโปทนวิฺตฺติยา ทุกฺกฏเมว โหตีติ สมฺพนฺโธ. กสฺมาติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. อถ ยถา ‘‘ปณีตโภชนานี’’ติ, เอวํ ‘‘สปฺปิภตฺต’’นฺติ อิทมฺปิ กสฺมา น วิฺายตีติ เจ? อเนกนฺติกตฺตา. ตถา หิ ‘‘ปณีตโภชนานี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปณีตสํสฏฺานิ โภชนานิ ¶ ปณีตโภชนานี’’ติ อยมตฺโถ เอกนฺตโต ปฺายติ, ‘‘สปฺปิภตฺต’’นฺติ วุตฺเต ปน ‘‘สปฺปิมยํ ภตฺตํ สปฺปิภตฺต’’นฺติปิ วิฺายมานตฺตา ‘สปฺปิสํสฏฺํ ภตฺตํ สปฺปิภตฺต’’นฺติ อยมตฺโถ น เอกนฺตโต ปฺายติ. เอส นโย ‘‘นวนีตภตฺตํ เทหี’’ติอาทีสุปิ.
ปุริมนเยเนวาติ ‘‘ภตฺตํ ทตฺวา สปฺปึ กตฺวา ภฺุชา’’ติ ปุริเมเนว นเยน. สเจ ปน ‘‘สปฺปินา’’ติ วุตฺเต เกวลํ เสเสสุ นวนีตาทีสุ อฺตเรน เทติ, วิสงฺเกตเมว โหติ. อนาปตฺตีติ วิสงฺเกตตฺตา สพฺพาหิเยว อาปตฺตีหิ อนาปตฺติ. ‘‘กิฺจาปิ อนาปตฺติ, อตฺตโน ปน ปโยเคน นิพฺพตฺตตฺตา น ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. กปฺปิยสปฺปินาติ กปฺปิยมํสสปฺปินา. เอส นโย อกปฺปิยสปฺปินาติ เอตฺถาปิ. กปฺปิยากปฺปิยตา หิ มํสานํเยว, น สปฺปิอาทีนํ. เปตฺวา เอกํ มนุสฺสวสาเตลํ สพฺเพสํ ขีรทธิสปฺปินวนีตวสาเตเลสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิ.
ปริโภเคปิ ทุกฺกฏเมว อิธ อนธิปฺเปตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สเจ อสติ อกปฺปิยสปฺปิมฺหิ ปุริมนเยเนว อกปฺปิยนวนีตาทีนิ เทติ ‘‘สปฺปึ กตฺวา ภฺุชา’’ติ, อกปฺปิยสปฺปินาว ทินฺนํ โหติ. ยถา จ ‘‘กปฺปิยสปฺปินา เทหี’’ติ วุตฺเต อกปฺปิยสปฺปินา เทติ, วิสงฺเกตํ, เอวํ ‘‘‘อกปฺปิยสปฺปินา’ติ วุตฺเต กปฺปิยสปฺปินา เทตี’’ติ เอตฺถาปิ ปฏิปาฏิยา เอกเมกํ วิตฺถาเรตฺวา วุจฺจมาเนปิ อยเมวตฺโถ วตฺตพฺโพ สิยา, โส จ สงฺเขเปนปิ สกฺกา วิฺาตุนฺติ วิตฺถารนยํ หิตฺวา อิมินาว ¶ นเยน สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เยน เยน วิฺตฺติ โหติ, ตสฺมึ วา ตสฺส มูเล วา ลทฺเธ ตํ ตํ ลทฺธเมว โหติ. สเจ ปน อฺํ ปาฬิยา อาคตํ วา อนาคตํ วา เทติ, วิสงฺเกตนฺติ. นานาฏฺาเน วาติ ตสฺมึเยว ฆเร สปฺปึ, อิตรสฺมึ นวนีตนฺติอาทินา นานาฏฺาเน วา.
ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา
กาเยนาติ หตฺถาทีสุ เยน เกนจิ สรีราวยเวน, อนฺตมโส ปาทงฺคุลิยาปิ คณฺหนฺโต กาเยน คณฺหาติ นามาติ เวทิตพฺโพ. ทาเนปิ เอเสว นโย. กายปฺปฏิพทฺเธนาติ ปตฺตาทีสุ เยน เกนจิ สรีรสมฺพทฺเธน อุปกรเณน. ทาเนปิ เอเสว นโย. กฏจฺฉุอาทีสุ เยน เกนจิ อุปกรเณน ทินฺนํ กายปฺปฏิพทฺเธน ทินฺนํเยว โหติ. อฺตเรนาติ กาเยน วา กายปฺปฏิพทฺเธน วา นิสฺสคฺคิเยน วาติ อตฺโถ. ตตฺถ นิสฺสคฺคิเยนาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๖๕) กายโต จ กายปฺปฏิพทฺธโต ¶ จ โมเจตฺวา หตฺถปาเส ิตสฺส กาเย วา กายปฺปฏิพทฺเธ วา ปาติยมานฺหิ นิสฺสคฺคิเยน ปโยเคน ทินฺนํ นาม โหติ. ตสฺสาติ ปฏิคฺคหิตกสฺส. วุตฺตวิปลฺลาสวเสนาติ วุตฺตสฺส ปฏิปกฺขวเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ กายกายปฺปฏิพทฺธนิสฺสคฺคิยานํ อฺตเรน ทิยฺยมาเน กาเยน วา กายปฺปฏิพทฺเธน วา คณฺหาติ, เอตํ ปฏิคฺคหิตํ นามาติ.
สํหาริเมนาติ ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน สํหาริเมน, อิมินา อสํหาริเม ผลเก วา ปาสาเณ วา ปฏิคฺคหณํ น รุหตีติ ทสฺเสติ. ธาเรตุํ สมตฺเถนาติ สนฺธาเรตุํ โยคฺเคน, อิมินา สุขุเมสุ ตินฺติณิกาทิปณฺเณสุ ปฏิคฺคหณํ น รุหตีติ ทสฺเสติ. อตตฺถชาตกรุกฺขปณฺเณนาติ ชาตฏฺานโต จุเตน ปทุมินิปณฺณาทินา, อิมินา ปน มหนฺเตปิ ตตฺถชาตเก ปทุมินิปณฺเณ วา กึสุกปณฺณาทิมฺหิ วา ปฏิคฺคเหตุํ น วฏฺฏติ. น หิ ตํ กายปฺปฏิพทฺธสงฺขํ คจฺฉตีติ ทสฺเสติ. ยถา จ ¶ ตตฺถชาตเก, เอวํ ขาณุเก พนฺธิตฺวา ปิตมฺจาทิมฺหิปิ. นนุ ปฏิพทฺธปฺปฏิพทฺเธนาปิ ปตฺตาธาราทินา ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส ปฏิคฺคหณํ รุหติ, อถ กสฺมา กายกายปฺปฏิพทฺเธหิเยว ปฏิคฺคหณํ อิธ วุตฺตํ, น ปฏิพทฺธปฺปฏิพทฺเธนาปีติ อาห ‘‘ปฏิพทฺธปฺปฏิพทฺธํ นาม อิธ นตฺถี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อาธารเกน ปฏิคฺคหณํ กายปฺปฏิพทฺธปฺปฏิพทฺเธน ปฏิคฺคหณํ นาม โหติ, ตสฺมา น วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ, ตํ วจนมตฺตเมว. อตฺถโต ปน สพฺพมฺปิ ตํ กายปฺปฏิพทฺธเมว โหตีติ ทสฺเสติ.
อกลฺลโกติ คิลาโน. มุเขน ปฏิคฺคณฺหาตีติ สหตฺเถน คเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ อสกฺโกนฺโต มุเขน ปฏิคฺคณฺหาติ. อภิหฏภาชนโต ปติตรชมฺปิ วฏฺฏติ อภิหฏตฺตาติ อธิปฺปาโห.
ตสฺมึ ตฺวาติ ตาทิเส หตฺถปาเส ตฺวา. ยนฺติ ยํ ภารํ. มชฺฌิโม ปุริโสติ ถามมชฺฌิมปุริโส. วินเย ปฺตฺตํ ทุกฺกฏํ วินยทุกฺกฏํ. ตํ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวาติ ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารํ วา อาสนสาลํ วา คนฺตฺวา ตํ ภิกฺขํ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา, อิทฺจ ปุพฺพาโภคสฺส อนุรูปวเสน วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ตํสนฺตกํ นาม น โหติ, ตสฺมา วินาปิ ตสฺส ทานาทึ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
อสฺสุเขฬสิงฺฆาณิกาทีสูติ เอตฺถ อสฺสุ นาม อกฺขิชลํ. เขโฬ นาม ลาลา. สิงฺฆาณิกาติ อนฺโตสีสโต ปูติเสมฺหภาวํ อาปนฺนํ มตฺถลุงฺคํ คลิตฺวา ตาลุมตฺถกวิวเรน โอตริตฺวา ¶ นาสาปุเฏ ปูเรตฺวา ิตํ วุจฺจติ, อาทิสทฺเทน มุตฺตกรีสเสมฺหทนฺตมลอกฺขิคูถกณฺณคูถกานํ, สรีเร อุฏฺิตโลณสฺส จ คหณํ. านโตติ อกฺขิกูปาทิโต. อนฺตรา เจ คณฺหาติ, กึ โหตีติ อาห ‘‘อุคฺคหิตกํ นาม โหตี’’ติ, ทุฏฺุ คหิตกํ นาม โหตีติ อตฺโถ. ผลินินฺติ ผลวนฺตํ. ตตฺถชาตกผลินิสาขาย วาติ ตสฺมึ รุกฺเข ชาตาย ผลินิสาขาย วา. ทุรุปจิณฺณทุกฺกฏนฺติ ‘‘น กตฺตพฺพ’’นฺติ วาริตสฺส กตตฺตา ทุฏฺุ อาจิณฺณํ จริตนฺติ ทุรุปจิณฺณํ, ตสฺมึ ทุกฺกฏํ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฏฺจ อาปชฺชตีติ อตฺโถ.
อาหรียตีติ อาหาโร, อชฺโฌหริตพฺพํ ยํ กิฺจิ, อิธ ปน จตฺตาริ กาลิกานิ อธิปฺเปตานีติ อาห ‘‘ยํ กิฺจี’’ติอาทิ. ตตฺถ อรุณุคฺคมนโต ¶ ยาว ิตมชฺฌนฺหิกา ภฺุชิตพฺพโต ยาว กาโล อสฺสาติ ยาวกาลิกํ. อรุณุคฺคมนโต ยาว ยามาวสานา ปิปาสาย สติ ปิปาสจฺเฉทนตฺถํ ปาตพฺพโต ยาโม กาโล อสฺสาติ ยามกาลิกํ. ยาว สตฺตาหํ นิทหิตฺวา ปริภฺุชิตพฺพโต สตฺตาหํ กาโล อสฺสาติ สตฺตาหกาลิกํ. ยาวชีวมฺปิ ปริหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพโต ยาว ชีวํ เอตสฺสาติ ยาวชีวิกํ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.
วนมูลปตฺตปุปฺผผลาทีติ เอตฺถ ตาว มูลํ นาม มูลกขารกจจฺจุตมฺพกาทีนํ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถฺเจว โภชนียตฺถฺจ ผรณกํ สูเปยฺยปณฺณมูลํ. ปตฺตํ นาม มูลกขารกจจฺจุตมฺพกาทีนํ ตาทิสํเยว ปตฺตํ. ปุปฺผํ นาม มูลกขารกาทีนํ ตาทิสํเยว ปุปฺผํ. ผลํ นาม ปนสลพุชาทีนํ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถฺเจว โภชนียตฺถฺจ ผรณกํ ผลํ. อาทิสทฺเทน กนฺทมูลาทีนํ คหณํ.
อมฺพปานนฺติ (มหาว. อฏฺ. ๓๐๐) อาเมหิ วา ปกฺเกหิ วา อมฺเพหิ กตปานํ. ตตฺถ อาเมหิ กโรนฺเตน อมฺพตรุณาทีนิ ภินฺทิตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา อาตเป อาทิจฺจปาเกน ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ตทหุปฏิคฺคหิเตหิ มธุสกฺกรกปฺปูราทีหิ โยเชตฺวา กาตพฺพํ. เอวํ กตํ ปุเรภตฺตเมว กปฺปติ. อนุปสมฺปนฺเนน กตํ ลภิตฺวา ปน ปุเรภตฺตํ ปฏิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภเคนาปิ วฏฺฏติ, ปจฺฉาภตฺตํ นิรามิสปริโภเคน ยาว อรุณุคฺคมนา วฏฺฏติ. เอส นโย สพฺพปาเนสุ.
เตสุ ปน ชมฺพุปานนฺติ ชมฺพุผเลหิ กตปานํ. โจจปานนฺติ อฏฺิเกหิ กทลิผเลหิ กตปานํ. โมจปานนฺติ อนฏฺิเกหิ กทลิผเลหิ กตปานํ. มธุกปานนฺติ มธุกานํ ชาติรเสน กตปานํ. ตํ ปน อุทกสมฺภินฺนํ วฏฺฏติ, สุทฺธํ น วฏฺฏติ. มุทฺทิกาปานนฺติ มุทฺทิกา อุทเก มทฺทิตฺวา อมฺพปานํ วิย กตปานํ ¶ . สาลูกปานนฺติ รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ สาลูเก มทฺทิตฺวา กตปานํ. ผารุสกปานนฺติ ผารุสเกหิ อมฺพปานํ วิย กตปานํ. อิมินาว นเยน เวตฺตปานาทีนิ เวทิตพฺพานิ. เอตานิ จ ปน สพฺพานิ ปานานิ อคฺคิปากานิ น วฏฺฏนฺติ. เตนาห ‘‘สีโตทเกนา’’ติอาทิ. อวเสเสสุปิ ¶ อนฺุาตผลปตฺตปุปฺผรเสสูติ ธฺผลปกฺกสากมธุกปุปฺผรสโต อวเสเสสุ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ผลรสํ เปตฺวา ธฺผลรส’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๐๐) อนฺุาตเกสุ ผลปตฺตปุปฺผรเสสุปิ.
ขาทนียตฺถนฺติ ขาทนีเยน กตฺตพฺพกิจฺจํ. เนว ผรตีติ น นิปฺผาเทติ. อนาหาเรปิ อุทเก อาหารสฺายาติ ‘‘อาหารํ อาหเรยฺยา’’ติ ปทสฺส ปทภาชเน (ปาจิ. ๒๖๕) วุตฺตมตฺถํ สมฺมา อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อาหรียตีติ อาหาโร’’ติ อนาหาเรปิ อุทเก อาหารสฺาย กุกฺกุจฺจายนฺตานํ. ทนฺตโปเน จ ‘‘มุขทฺวารํ อาหฏํ อิท’’นฺติ สฺายาติ มุขทฺวารํ อนาหฏมฺปิ ทนฺตโปนํ ‘‘มุขทฺวารํ อาหฏํ อิทํ ทนฺตโปน’’นฺติ วิปลฺลตฺถสฺาย กุกฺกุจฺจายนฺตานํ. ยถาสุขํ ปาตุนฺติ ปฏิคฺคเหตฺวา วา อปฺปฏิคฺคเหตฺวา วา ยถากามํ ปาตุํ. ทนฺตโปนปริโภเคนาติ ทนฺตกฏฺปริโภเคน, ทนฺตโธวนาทินาติ อตฺโถ, อิมินา ตสฺส ปน รสํ คิลิตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ.
จตฺตาริ มหาวิกฏานีติ คูถํ, มุตฺตํ, ฉาริกา, มตฺติกา (มหาว. ๒๖๘) จ ‘‘อาสยาทิวเสน วิรูปานิ ชาตานี’’ติ กตฺวา วิกฏานีติ วา อปกติโภชนตฺตา วิกฏานิ ‘‘วิรูปานิ ชาตานี’’ติ วา อตฺโถ. สติ ปจฺจเยติ การเณ สติ, สปฺปทฏฺเติ อตฺโถ. ธูมาทิอพฺโพหาริกาภาโวติ ธูมปุปฺผคนฺธทนฺตขยาทิอพฺโพหาริกาภาโว.
ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
โภชนวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อเจลกวคฺโค
๑. อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา
อเจลกสฺสาติ ¶ ยสฺส กสฺสจิ ปพฺพชฺชาสมาปนฺนสฺส นคฺคสฺส. ปริพฺพาชกสฺสาติ เปตฺวา ภิกฺขฺุจ สามเณรฺจ อวเสสสฺส ยสฺส กสฺสจิ ปพฺพชฺชาสมาปนฺนสฺส. ปริพฺพาชิกายาติ เปตฺวา ภิกฺขุนึ, สิกฺขมานํ, สามเณริฺจ อวเสสาย ยาย กายจิ ปพฺพชฺชาสมาปนฺนาย. เอเต จ สพฺเพ อฺติตฺถิยา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘เอเตสํ อเจลกาทีนํ อฺติตฺถิยาน’’นฺติ.
เตสนฺติ ¶ อฺติตฺถิยานํ. ภาชนํ นิกฺขิปิตฺวาติ อามิสภริตํ ภาชนํ นิกฺขิปิตฺวา. พาหิราเลปนฺติ เตลาทึ.
อเจลกาทโย ยสฺมา, ติตฺถิยาว มตา อิธ;
ตสฺมา ติตฺถิยนาเมน, ติกจฺเฉโท กโต ตโย.
อติตฺถิยสฺส นคฺคสฺส, ตถา ติตฺถิยลิงฺคิโน;
คหฏฺสฺสาปิ ภิกฺขุสฺส, กปฺปตีติ วินิจฺฉโย.
อติตฺถิยสฺส จิตฺเตน, ติตฺถิยสฺส จ ลิงฺคิโน;
โสตาปนฺนาทิโน ทาตุํ, กปฺปตีตีธ โน มติ.
อเจลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา
คามํ วา นิคมํ วาติ เอตฺถ นครมฺปิ คามคฺคหเณเนว คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปวิสิสฺสามาติ เอตฺถ คเหตฺวา ‘‘คนฺตฺวา’’ติ ปาเสโส, อสมนฺนาหาโร วา ตสฺสา อิตฺถิยา ตสฺมึ คาเม สนฺนิหิตภาวํ อชานนฺโต วา ‘‘เอหาวุโส, คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสามา’’ติ ภิกฺขุํ ¶ คเหตฺวา คนฺตฺวาติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ อามิสนฺติ ยาคุอาทิกํ ยํ กิฺจิ อามิสํ. อุยฺโยเชยฺยาติ อตฺตโน กีฬานุรูปํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุยฺโยเชยฺย ปหิเณยฺย. เตนาห ‘‘มาตุคาเมน สทฺธิ’’นฺติอาทิ. อาทิสทฺเทน วุตฺตาวเสสํ กายวจีทฺวารวีติกฺกมํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘คจฺฉา’’ติอาทีนิ วตฺวาติ ‘‘คจฺฉาวุโส, น เม ตยา สทฺธึ กถา วา นิสชฺชา วา ผาสุ โหติ, เอกกสฺส เม กถา วา นิสชฺชา วา ผาสุ โหตี’’ติ (ปาจิ. ๒๗๕) วตฺวา. เอตํ อนาจารเมวาติ เอตํ ยถาวุตฺตํ หสนาทิอนาจารเมว. น อฺํ ปติรูปํ การณนฺติ เปตฺวา วุตฺตปฺปการํ อนาจารํ อุภินฺนํ เอกโต น ยาปนาทึ อฺํ ปติรูปการณํ ปจฺจยํ กริตฺวา น โหตีติ อตฺโถ. อสฺสาติ อุยฺโยชกสฺส. โสติ โย อุยฺโยชิโต, โส.
อนุปสมฺปนฺเนติ สามเณเร. โสว อิธ อนุปสมฺปนฺโนติ อธิปฺเปโตติ วทนฺติ. อุภินฺนมฺปีติ อุปสมฺปนฺนสฺส วา อนุปสมฺปนฺนสฺส วาติ ทฺวินฺนมฺปิ. กลิสาสนาโรปเนติ (ปาจิ. อฏฺ. ๒๗๗) กลีติ โกโธ, ตสฺส สาสนํ อาณํ กลิสาสนํ ¶ , ตสฺสาโรปเนติ อตฺโถ, ‘‘อปฺเปว นาม อิมินาปิ อุพฺพาฬฺโห ปกฺกเมยฺยา’’ติ โกธวเสน านนิสชฺชาทีสุ โทสํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ปสฺสถ โภ อิมสฺส านํ นิสชฺชํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ, ขาณุ วิย ติฏฺติ, สุนโข วิย นิสีทติ, มกฺกโฏ วิย อิโต จิโต จ วิโลเกตี’’ติ เอวํ อมนาปวจนสฺส ภณเนติ วุตฺตํ โหติ. สุทฺธจิตฺเตน ปเนวํ ภณเน โทโส นตฺถิ. เอวมาทีหีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘มหคฺฆํ ภณฺฑํ ปสฺสิตฺวา โลภธมฺมํ อุปฺปาเทสฺสตี’’ติ อุยฺโยเชติ, ‘‘มาตุคามํ ปสฺสิตฺวา อนภิรตึ อุปฺปาเทสฺสตี’’ติ อุยฺโยเชติ, ‘‘คิลานสฺส วา โอหิยฺยกสฺส วา วิหารปาลสฺส วา ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ขาทนียํ วา นีหรา’’ติ อุยฺโยเชติ, ‘‘น อนาจารํ อาจริตุกาโม สติ กรณีเย อุยฺโยเชตี’’ติ (ปาจิ. ๒๗๘) เอเตสํ คหณํ.
อุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘สโภชเน’’ติ พาหิรตฺถสมาโสยํ, อุภสทฺเท อุการสฺส จ โลโปติ อาห ‘‘สห อุโภหิ ชเนหี’’ติอาทิ. ตตฺถ อุโภหิ ชเนหีติ ชายา จ ปติ จาติ อุโภหิ ชเนหิ. ภฺุชิตพฺพนฺติ วา โภชนํ, อิตฺถี จ ปุริโส จ, เตน สห วตฺตตีติ สโภชนนฺติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. ราคปริยุฏฺิตสฺสาติ เมถุนาธิปฺปายสฺส. สยนิฆรนฺติ สยนียฆรํ, วาสเคหนฺติ อตฺโถ. มหลฺลกสฺสาติ มหลฺลกสฺส สยนิฆรสฺส. ปิฏฺสงฺฆาฏโตติ ทฺวารพาหโต ขุทฺทกสฺส ¶ วาติ ยถา ตถา วา กตสฺส ขุทฺทกสฺส สยนิฆรสฺส. เวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา นิสีเทยฺยาติ ปิฏฺิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสีเทยฺย. ขุทฺทกํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๒๘๐) นาม สยนิฆรํ วิตฺถารโต ปฺจหตฺถปฺปมาณํ โหติ, ตสฺส จ มชฺฌิมฏฺานํ ปิฏฺสงฺฆาฏโต อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาณเมว โหติ, ตสฺมา ตาทิเส สยนิฆเร ปิฏฺสงฺฆาฏโต หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา นิสินฺโน ปิฏฺิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสินฺโน นาม โหติ. เอวํ นิสินฺโน จ เวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา นิสินฺโน นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘ปิฏฺิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสีทตี’’ติ (ปาจิ. ๒๘๑). สจิตฺตกฺเจตฺถ อนุปวิสิตฺวา นิสีทนจิตฺเตน ทฏฺพฺพํ.
สโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๕. รโหปฏิจฺฉนฺนรโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
จตุตฺถปฺจมสิกฺขาปเท ¶ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ อนิยตทฺวเย วุตฺตเมวาติ อาห ‘‘เสโส กถานโย อนิยตทฺวเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ.
รโหปฏิจฺฉนฺนรโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
อนฺโตอุปจารสีมาย ทสฺสนูปจาเร ภิกฺขุํ ทิสฺวาติ ยตฺถ ิตสฺส กุลานิ ปยิรุปาสนจิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตโต ปฏฺาย คจฺฉนฺโต อนฺโตอุปจารสีมาย ทสฺสนูปจาเร ภิกฺขุํ ปสฺเส วา อภิมุเข วา ทิสฺวา. ปกติวจเนนาติ ยํ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ิเตน โสตุํ สกฺกา, ตาทิเสน วจเนน, อิโต จิโต จ ปริเยสิตฺวา อาโรจนกิจฺจํ ปน นตฺถิ. โย หิ เอวํ ปริเยสิตพฺโพ, โส อสนฺโตเยว. เตนาห ‘‘ตาทิส’’นฺติอาทิ. อนาปุจฺฉิตฺวาติ อนาโรเจตฺวา.
อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยติตฺถิยเสยฺยปฏิกฺกมนภตฺติยฆรานีติ เอตฺถ อนฺตรารามนฺติ อนฺโตคาเม วิหาโร. ปฏิกฺกมนนฺติ อาสนสาลา. ภตฺติยฆรนฺติ นิมนฺติตฆรํ วา สลากภตฺตาทิทายกานํ วา ฆรํ. อาปทาสูติ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตราเยสุ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ กุเลสุ จาริตฺตาปชฺชนํ กิริยํ, อนาปุจฺฉนํ อกิริยนฺติ เวทิตพฺพํ.
จาริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา
สพฺพฺเจตํ ¶ วตฺถุวเสน วุตฺตนฺติ ‘‘อคิลาเนน ภิกฺขุนา จตุมาสปจฺจยปวารณา สาทิตพฺพา อฺตฺร ปุนปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปวารณายา’’ติ (ปาจิ. ๓๐๖) เอตํ สพฺพํ สิกฺขาปทนิทานสงฺขาตสฺส วตฺถุโน วเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หิ มหานาเมน สกฺเกน ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ จตุมาสํ เภสชฺเชน ปวาเรตุ’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๓๐๓) อุสฺสนฺนุสฺสนฺเนน จ เภสชฺเชน จตุมาสํ ¶ ปุน นิจฺจํ ปวารณา กตา, ตสฺมา ภควตา ตสฺส วเสน เอวํ วุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺตฺร ปุนปวารณายาติ ยทิ ปุนปวารณา อตฺถิ, ตํ เปตฺวา. อฺตฺร นิจฺจปวารณายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยทิ ปน ตาปิ อตฺถิ, สาทิตพฺพาวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ’’ติอาทิ. ตตฺถาติ ติสฺสํ ปวารณายํ. เภสชฺเชหิ วา ปริจฺเฉโท กโต โหตีติ ‘‘สปฺปิ เตล’’นฺติ เอวมาทินา นามวเสน วา ‘‘ปตฺเถน นาฬิยา อาฬฺหเกนา’’ติอาทินา ปริมาณวเสน วา ‘‘เอตฺตกานิ วา เภสชฺชานิ วิฺาเปตพฺพานี’’ติ เภสชฺเชหิ ปริจฺเฉโท กโต โหติ. นเภสชฺชกรณีเยติ มิสฺสกภตฺเตนาปิ เจ ยาเปตุํ สกฺโกติ, นเภสชฺชกรณียํ นาม โหติ. อฺํ เภสชฺชนฺติ สปฺปินา ปวาริโต เตลํ, อาฬฺหเกน ปวาริโต โทณํ.
ยถาภูตํ อาจิกฺขิตฺวาติ ‘‘อิเมหิ ตยา เภสชฺเชหิ ปวาริตมฺหา, อมฺหากฺจ อิมินา จ อิมินา จ เภสชฺเชน อตฺโถ, ยาสุ ตยา รตฺตีสุ ปวาริตมฺหา, ตา รตฺติโย วีติวตฺตา, อมฺหากฺจ เภสชฺเชน อตฺโถ’’ติ ยถาภูตํ อาโรเจตฺวา. เอวฺจ วิฺาเปตุํ คิลาโนว ลภติ, น อิตโร.
มหานามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา
จตุรงฺคินินฺติ หตฺถิอสฺสรถปตฺตีติ จตฺตาริ องฺคานิ เอติสฺสาติ จตุรงฺคินี, ตํ จตุรงฺคินึ. ‘‘ทฺวาทสปุริโส หตฺถี, ติปุริโส อสฺโส, จตุปุริโส รโถ, จตฺตาโร ปุริสา สรหตฺถา ปตฺตี’’ติ (ปาจิ. ๓๑๔) อยํ ปจฺฉิมโกฏิยา จตุรงฺคสมนฺนาคตา เสนา นาม, อีทิสํ เสนนฺติ อตฺโถ. ตํ ปน วิชหิตฺวาติ เกนจิ อนฺตริตา วา นินฺนํ โอรุฬฺหา วา น ทิสฺสติ, อิธ ตฺวาน สกฺกา ทฏฺุนฺติ ตํ ทสฺสนูปจารํ วิชหิตฺวา อฺํ านํ คนฺตฺวา.
เสนาทสฺสนวตฺถุสฺมินฺติ ¶ เสนํ ทสฺสนาย คมนวตฺถุสฺมึ. อยเมว วา ปาโ. หตฺถิอาทีสุ เอกเมกนฺติ หตฺถิอาทีสุ จตูสุ องฺเคสุ เอกเมกํ, อนฺตมโส ¶ เอกปุริสารุฬฺหหตฺถิมฺปิ เอกมฺปิ สรหตฺถํ ปุริสนฺติ อตฺโถ. อนุยฺยุตฺตา นาม ราชา อุยฺยานํ วา นทึ วา คจฺฉติ, เอวํ อนุยฺยุตฺตา โหติ. ตถารูปปฺปจฺจเยติ ‘‘มาตุโล เสนาย คิลาโน โหตี’’ติอาทิเก (ปาจิ. ๓๑๒) อนุรูปการเณ สติ. อาปทาสูติ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตราเยสุ ‘‘เอตฺถ คโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ คจฺฉโต อนาปตฺติ.
อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
ปฏิเสนารุทฺธายาติ ยถา สฺจาโร ฉิชฺชติ, เอวํ ปฏิเสนาย รุทฺธาย เสนาย. เกนจิ ปลิพุทฺธสฺสาติ เวริเกน วา อิสฺสเรน วา เกนจิ รุทฺธสฺส.
เสนาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา
สมฺปหารฏฺานสฺสาติ ยุทฺธภูมิยา. พลสฺส อคฺคํ ชานนฺตีติ ‘‘เอตฺตกา หตฺถี, เอตฺตกา อสฺสา, เอตฺตกา รถา, เอตฺตกา ปตฺตี’’ติ (ปาจิ. ๓๒๔) พลสฺส โกฏฺาสํ ชานนฺติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคนา’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) วิย โกฏฺาสตฺโถ เหตฺถ อคฺคสทฺโท. เตนาห ‘‘พลคณนฏฺานนฺติ อตฺโถ’’ติ. เสนาย วิยูหนฺติ ‘‘อิโต หตฺถี โหนฺตุ, อิโต อสฺสา โหนฺตุ, อิโต รถา โหนฺตุ, อิโต ปตฺตี โหนฺตู’’ติ (ปาจิ. ๓๒๔) เสนาย ปนํ, ราสึ กตฺวา ปนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เสนาสนฺนิเวสสฺเสตํ นาม’’นฺติ. ทฺวาทสปุริโส หตฺถีติ จตฺตาโร อาโรหกา, เอเกกปาทรกฺขกา ทฺเว ทฺเวติ เอวํ ทฺวาทสปุริโส หตฺถี. ติปุริโส อสฺโสติ เอโก อาโรหโก, ทฺเว ปาทรกฺขกาติ เอวํ ติปุริโส อสฺโส. จตุปุริโส รโถติ เอโก สารถิ, เอโก โยโธ, ทฺเว อาณิรกฺขกาติ เอวํ จตุปุริโส รโถติ.
อุยฺโยธิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อเจลกวคฺโค ปฺจโม.
๖. สุราปานวคฺโค
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา
ปิฏฺาทีหิ ¶ ¶ กตํ มชฺชํ สุราติ ปิฏฺปูวโอทนกิณฺณสมฺภาเรหิ กตํ มชฺชํ สุราติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปิฏฺสุรา, ปูวสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตาติ (ปาจิ. ๓๒๘) อิมานิ ปฺจ สุรา นามาติ. ตตฺถ ปิฏฺํ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปิฏฺสุรา (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๓๒๖-๓๒๘). เอวํ เสสาสุปิ. กิณฺณาติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ. เย ‘‘สุราโมทกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตา. หรีตกิสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตา.
ปุปฺผาทีหิ กโต อาสโว เมรยนฺติ ปุปฺผผลมธุคุฬสมฺภาเรหิ กโต จิรปริวาสิโต เมรยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, มธฺวาสโว, คุฬาสโว, สมฺภารสํยุตฺโตติ ปฺจเมรยํ นามาติ. ตตฺถ มธุกตาลนาฬิเกราทิ ปุปฺผรโส จิรปริวาสิโต ปุปฺผาสโว. ปนสาทิผลรโส ผลาสโว. มุทฺทิการโส มธฺวาสโว. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน ‘‘ผลาสโว นาม มุทฺทิกาผลาทีนิ มทฺทิตฺวา เตสํ รเสน กโต. มธฺวาสโว นาม มุทฺทิกานํ ชาติรเสน กโต, มกฺขิกามธุนาปิ กรียตีติ วทนฺตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๒๘) วุตฺตํ. อุจฺฉุรโส คุฬาสโว. หรีตกามลกกฏุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปริวาสิโต สมฺภารสํยุตฺโต. เอตฺถ จ สุราย, เมรยสฺส จ สมาเนปิ สมฺภารสํโยเค มทฺทิตฺวา กตา สุรา, จิรปริวาสิตมตฺเตน เมรยนฺติ เอวมิเมสํ นานากรณํ ทฏฺพฺพํ. พีชโต ปฏฺายาติ สมฺภาเร ปฏิยาเทตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิตฺตกาลโต เจว ตาลนาฬิเกราทีนํ ปุปฺผรสสฺส อภินวกาลโต จ ปฏฺาย.
โลณโสวีรกํ วา สุตฺตํ วาติ อิเม ทฺเว อเนเกหิ เภสชฺเชหิ อภิสงฺขตา อาสววิเสสา. วาสคฺคาหาปนตฺถนฺติ สุคนฺธภาวคาหาปนตฺถํ. วตฺถุํ อชานนตาย เจตฺถ อจิตฺตกตา เวทิตพฺพา. อกุสเลเนว ปาตพฺพตาย โลกวชฺชํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ ปมปาราชิกวณฺณนาย วุตฺตนยเมว.
สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา
หสาธิปฺปายสฺสาติ ¶ ¶ ขิฑฺฑาธิปฺปายสฺส, อิมินา กายสํสคฺคาธิปฺปายํ ปฏิกฺขิปติ.
เอตฺถ จ ภิกฺขุนิมฺปิ หสาธิปฺปาเยน ผุสโต ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏํ. ตถา ภิกฺขุมฺปิ ผุสนฺติยา ภิกฺขุนิยาติ อาห ‘‘อิธ ปน ภิกฺขุนีปิ ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนิยา อนุปสมฺปนฺโน เอวา’’ติ. กายปฺปฏิพทฺธาทีสุ สพฺพตฺถาติ ‘‘กาเยน กายปฺปฏิพทฺเธ, กายปฺปฏิพทฺเธน กาเย, กายปฺปฏิพทฺเธน กายปฺปฏิพทฺเธ, นิสฺสคฺคิเยน กาเย, นิสฺสคฺคิเยน กายปฺปฏิพทฺเธ, นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิเย’’ติ (ปาจิ. ๓๓๒) สพฺพตฺถ. สติ กรณีเย อามสโตติ สติ กรณีเย ปุริสํ อามสโต อนาปตฺติ. อิตฺถี ปน สติ กรณีเยปิ อามสิตุํ น วฏฺฏติ.
องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปริโคปฺผเกติ โคปฺผกานํ อุปริภาคปฺปมาเณ. หสาธิปฺปาโยติ กีฬาธิปฺปาโย. เยน เยน องฺเคนาติ หตฺถปาทาทีสุ เยน เยน องฺเคน. ตถา นาวาย กีฬโตติ ผิยาริตฺตาทีหิ นาวํ ปาเชนฺตสฺส วา ตีเร อุสฺสาเรนฺตสฺส วา ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ.
หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุวิธฺเหตฺถ อนาทริยํ ปุคฺคลานาทริยฺจ ธมฺมานาทริยฺจาติ อาห ‘‘ปุคฺคลสฺส วา’’ติอาทิ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ อุปสมฺปนฺเนน ปฺตฺเตน วุจฺจมาโน ‘‘อยํ อุกฺขิตฺตโก วา วมฺภิโต วา ครหิโต วา, อิมสฺส วจนํ อกตํ ภวิสฺสตี’’ติ (ปาจิ. ๓๔๒) อนาทริยํ กโรติ, อยํ ปุคฺคเล อนาทริยํ กโรติ นาม. โย ปน ปฺตฺเตน วุจฺจมาโน ‘‘กถายํ นสฺเสยฺย วา วินสฺเสยฺย ¶ วา อนฺตรธาเยยฺย วา’’ติ, ตํ วา นสิกฺขิตุกาโม อนาทริยํ กโรติ, อยํ ธมฺเม อนาทริยํ กโรติ นาม. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
อิทํ ¶ น สลฺเลขาย สํวตฺตตีติ สมฺมา กิเลเส ลิขตีติ สลฺเลโข, อปฺปิจฺฉตา, ตทตฺถํ นยิทํ สํวตฺตติ. อาทิสทฺเทน ‘‘อิทํ น ธุตตฺถาย สํวตฺตติ, น ปาสาทิกตาย, น อปจยาย, น วีริยารมฺภาย สํวตฺตตี’’ติ (ปาจิ. ๓๔๓) อิทํ สงฺคณฺหาติ. อปฺตฺเตนาติ สุตฺเต วา อภิธมฺเม วา อาคเตน. ปเวณิอาคตนฺติ สงฺคีติกาลโต ปฏฺาย มหากสฺสปาทิอาจริยปรมฺปราย อาคตํ. สเจ ปน ยสฺมา อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก, ตสฺส กสโฏ ยาวชีวิโก, ทฺวินฺนํเยว สมวาโย อุจฺฉุยฏฺิ, ตสฺมา วิกาเล อุจฺฉุยฏฺึ ขาทิตุํ วฏฺฏติ คุฬหรีตกํ วิยาติ เอวมาทิกํ คารยฺหาจริยุคฺคหํ คเหตฺวา ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห ปริปุจฺฉา’’ติ ภณติ, อาปตฺติเยว.
อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
รูปาทีนีติ ภยานกานิ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพานิ. ภยานกกถนฺติ โจรกนฺตารวาฬกนฺตารปิสาจกนฺตารปฺปฏิสํยุตฺตกถํ.
ภึสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา
อคิลาโนติ ยสฺส วินา อคฺคินา ผาสุ โหติ, โส อิธ อคิลาโน นาม. โชตินฺติ อคฺคึ.
ภคฺเคสูติ เอวํนามเก ชนปเท. ภคฺคานาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิสทฺเทน ‘‘ภคฺคา’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภคฺเคสูติ เอวํนามเก ชนปเท’’ติ. ตถา ปติลาตํ อุกฺขิปนฺตสฺสาติ ฑยฺหมานํ อลาตํ ปติตํ อุกฺขิปนฺตสฺส ตถา ทุกฺกฏนฺติ อตฺโถ. ตฺจาติ ¶ ทุกฺกฏํ ปรามสติ. อวิชฺฌาตนฺติ อนิพฺพุตาลาตํ. ปทีปโชติกชนฺตาฆเรติ ปทีปุชฺชลนปตฺตปจนเสทกมฺมาทีสุ โชติกรเณ อคฺคิสาลายฺจ สมาทหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อตฺโถ. ตถารูปปฺปจฺจเยติ เปตฺวา ปทีปาทีนิ อฺสฺมิมฺปิ ตถารูปปจฺจเย. อาปทาสูติ ทุฏฺวาฬมิคอมนุสฺเสหิ อุปทฺทเวสุ.
โชติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ทิยฑฺโฒ ¶ มาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ ‘‘วสฺสานสฺส ปโม มาโส’’อิจฺเจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโยติ คิมฺหานํ เสโส ทิยฑฺโฒ มาโส อุณฺหสมโย, วสฺสานสฺส ปโม มาโส ปริฬาหสมโยติ เอวํ เอเต อฑฺฒเตยฺยมาสา กเมน อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโย นาม โหตีติ อตฺโถ เตเนว ปทภาชนิยํ ‘‘อุณฺหสมโย นาม ทิยฑฺโฒ มาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ, ‘‘ปริฬาหสมโย นาม วสฺสานสฺส ปโม มาโส’’ติ วุตฺตํ. ยทา วินา นหาเนน น ผาสุ โหติ, อยํ คิลานสมโย. ปทภาชนิยํ (ปาจิ. ๓๖๔) ปน คิลาเน นิจฺฉิเต คิลานกาโล นิจฺฉิโตว โหตีติ ‘‘ยสฺส วินา นหาเนน น ผาสุ โหติ, ‘คิลานสมโย’ติ นหายิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริเวณสมฺมชฺชนมตฺตมฺปีติ อนฺตมโส ปริเวณสมฺมชฺชนมตฺตมฺปิ.
วาลุกํ อุกฺกิริตฺวาติ สุกฺขาย นทิยา วาลิกํ อุตฺติริตฺวา. อาวาเฏสุปีติ ปิ-สทฺเทน นทิยํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสติ. อาปทาสูติ ภมราทีหิ อนุพนฺเธสุ.
นหานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา
ลาภสทฺโทยํ กมฺมสาธโน ‘‘โก ภวตา ลาโภ ลทฺโธ’’ติอาทีสุ วิย, โส เจตฺถ อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘อลพฺภีติ ลโภ’’ติ ¶ , ลทฺธนฺติ อตฺโถ. ‘‘ลโภ เอว ลาโภ’’ติ อิมินา สกตฺเถ ณปจฺจโยติ ทสฺเสติ. กึ อลพฺภีติ กึ ลทฺธํ. นวนฺติ อภินวํ. เอตฺตาวตา จ นวฺจ ตํ จีวรฺจาติ นวจีวรํ, นวจีวรํ ลาโภ เอเตนาติ นวจีวรลาโภติ เอวเมตฺถ สมาโส ทฏฺพฺโพติ. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘นวํ จีวรลาเภนา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิติ นวจีวรลาเภนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิม’’นฺติ น วุตฺตตฺตา จีวรนฺติ ยํ นิวาเสตุํ วา ปารุปิตุํ วา สกฺกา โหติ, ตเทว เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘นิวาสนปารุปนุปคํ จีวร’’นฺติ. ‘‘ทุพฺพณฺณกรณํ อาทาตพฺพ’’นฺติ เอตํ กปฺปพินฺทุํ สนฺธาย วุตฺตํ, น นีลาทีหิ สกลจีวรํ ทุพฺพณฺณกรณํ, ตฺจ ปน กปฺปํ อาทิยนฺเตน จีวรํ รชิตฺวา จตูสุ วา โกเณสุ, ตีสุ วา ทฺวีสุ วา เอกสฺมึ วา โกเณ โมรสฺส อกฺขิมณฺฑลมตฺตํ วา มงฺคุลปิฏฺิมตฺตํ วา อาทาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. กํสนีเลนาติ จมฺมการนีเลน. มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘อโยมลํ โลหมลํ, เอตํ กํสนีลํ นามา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๖๘) วุตฺตํ ¶ . ปตฺตนีเลนาติ เยน เกนจิ นีลวณฺเณน ปณฺณรเสน. กปฺปพินฺทุํ อาทิยิตฺวาติ วฏฺฏํ เอกํ กปฺปพินฺทุํ อาทิยิตฺวา.
ปาฬิกปฺปกณฺณิกกปฺปาทโย ปน สพฺพฏฺกถาสุ ปฏิสิทฺธา. อคฺคฬาทีนิ กปฺปกตจีวเร ปน ปจฺฉา อาโรเปตฺวา กปฺปกรณกิจฺจํ นตฺถีติ อาห ‘‘ปจฺฉา อาโรปิเตสู’’ติอาทิ. อคฺคฬอนุวาตปริภณฺเฑสูติ อุทฺธริตฺวา อลฺลิยาปนกขณฺฑปิฏฺิอนุวาตกุจฺฉิอนุวาเตสุ. กิริยากิริยนฺติ นิวาสนปารุปนโต, กปฺปสฺส อนาทานโต กิริยากิริยํ.
ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา
สมฺมุเขน วิกปฺปนา สมฺมุขวิกปฺปนา. ปรมฺมุเขน วิกปฺปนา ปรมฺมุขวิกปฺปนา. สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวนฺติ อาสนฺนทูรภาวํ. อาสนฺนทูรภาโว จ อธิฏฺาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
มิตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต. สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺโต นาติทฬฺหมิตฺโต. อกตปจฺจุทฺธารนฺติ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ปริภฺุช วา วิสฺสชฺเชหิ วา’’ติอาทินา อกตปจฺจุทฺธารํ. เยน วินยกมฺมํ กตนฺติ เยน สทฺธึ วินยกมฺมํ กตํ.
ปริโภเคน ¶ กายกมฺมํ, อปจฺจุทฺธาราปเนน วจีกมฺมนฺติ อาห ‘‘สมุฏฺานาทีนิ ปมกถินสทิสาเนวา’’ติ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ ปริภฺุชนํ กิริยํ. อปจฺจุทฺธาราปนํ อกิริยํ.
วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
อธิฏฺานุปคนฺติ อธิฏฺานโยคฺคํ อโยปตฺตฺเจว มตฺติกาปตฺตฺจ. สูกรนฺตกํ นาม กฺุจิกาโกโส วิย อนฺโต สุสิรํ กตฺวา โกฏฺฏิตํ.
อฺํ ¶ ปริกฺขารนฺติ ปาฬิยา อนาคตปตฺตตฺถวิกาทึ. ธมฺมกถํ กตฺวาติ ‘‘สมเณน นาม อนิหิตปริกฺขาเรน ภวิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ ‘‘ธมฺมกถํ กเถตฺวา ทสฺสามี’’ติ นิกฺขิปโต อนาปตฺติ.
อปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุราปานวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. สปฺปาณกวคฺโค
๑. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
ปาจิตฺติยนฺติ ¶ อนฺตมโส มฺจปีํ โสเธนฺโต มงฺคุลพีชเกปิ ปาณสฺี นิกฺการุณิกตาย ตํ ภินฺทนฺโต อปเนติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๘๒), ปาจิตฺติยํ. เตนาห ‘‘ตํ ขุทฺทกมฺปี’’ติอาทิ. อุปกฺกมมหนฺตตาย อกุสลํ มหนฺตํ โหตีติ พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย สนฺนิฏฺาปกเจตนาย วเสน ปโยคสฺส มหนฺตตฺตา อกุสลํ มหนฺตํ โหติ, มหาสาวชฺชํ โหตีติ อธิปฺปาโย.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
เอตฺถ ¶ จ ปฏงฺคปาณกานํ ปตนํ ตฺวาปิ สุทฺธจิตฺตตาย ปทีปุชฺชลเน วิย สปฺปาณกภาวํ ตฺวาปิ อุทกสฺาย ปริภฺุชิตพฺพโต ปณฺณตฺติวชฺชตา เวทิตพฺพา.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโนติ เยน เยน วูปสมิตํ, ตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโน. ‘‘อกตํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วทนฺโตติ ‘‘อกตํ กมฺมํ, ทุกฺกฏํ กมฺมํ, ปุน กาตพฺพํ กมฺมํ, อนิหตํ ทุนฺนิหตํ ปุน นิหนิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๓๙๔) วทนฺโต. ยถาิตภาเวน ปติฏฺาตุํ น ทเทยฺยาติ เตสํ ปวตฺติ อาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ยํ ปน ธมฺเมน อธิกรณํ นิหตํ, ตํ สุนิหตเมวา’’ติ.
อุกฺโกฏนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา
จตฺตาริ ¶ ปาราชิกานิ อตฺถุทฺธารวเสน ปทภาชนิยํ ทสฺสิตานีติ อาห ‘‘ทุฏฺุลฺลนฺติ สงฺฆาทิเสสํ อธิปฺเปต’’นฺติ. เยน เกนจิ อุปาเยนาติ ‘‘สามํ วา ชานาติ, อฺเ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจตี’’ติ (ปาจิ. ๓๙๙) วุตฺเตสุ เยน เกนจิ อุปาเยน. ปาจิตฺติยํ ธุรํ นิกฺขิตฺตมตฺเตเยวาติ อธิปฺปาโย. สเจ ปจฺฉาปิ อาโรเจติ, ธุรนิกฺเขปเน อาปตฺติโต น มุจฺจติ. เตนาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิ. สมณสตมฺปิ อาปชฺชติเยวาติ สมณสตมฺปิ สุตฺวา ยทิ ฉาเทติ, ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติเยวาติ อตฺโถ. เยนสฺส อาโรจิตนฺติ เยน ทุติเยน อสฺส ตติยสฺส อาโรจิตํ. ตสฺเสวาติ ตสฺส ทุติยสฺเสว. อาโรเจตีติ ปฏิจฺฉาทนตฺถเมว ‘‘มา กสฺสจิ อาโรเจสี’’ติ วทติ. โกฏิฉินฺนา โหตีติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๓๙๙) ยสฺมา ปฏิจฺฉาทนปจฺจยา อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาว ทุติเยน ¶ ตติยสฺส อาโรจิตํ, ตสฺมา ตปฺปจฺจยา ปุน เตน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา อภาวโต อาปตฺติยา โกฏิ ฉินฺนา นาม โหติ.
อาทิปเทติ ทุฏฺุลฺลาปตฺติสฺี, เวมติโก, อทุฏฺุลฺลาปตฺติสฺีติ อิเมสุ ตีสุ ‘‘ทุฏฺุลฺลาปตฺติสฺี ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ (ปาจิ. ๔๐๐) อิมสฺมึ ปมปเท. อิตเรสุ ทฺวีสูติ ‘‘เวมติโก ปฏิจฺฉาเทติ, อทุฏฺุลฺลาปตฺติสฺี ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ อิเมสุ ปเทสุ. อทุฏฺุลฺลายาติ อวเสสปฺจาปตฺติกฺขนฺเธ. อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺเล วา อทุฏฺุลฺเล วา อชฺฌาจาเรติ อนุปสมฺปนฺนสฺส ปุริมปฺจสิกฺขาปทวีติกฺกมสงฺขาเต ทุฏฺุลฺเล วา อิตรสฺมึ อทุฏฺุลฺเล วา อชฺฌาจาเร. ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส สุกฺกวิสฏฺิ จ กายสํสคฺโค จาติ อยํ ทุฏฺุลฺลอชฺฌาจาโร นามา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๐๐) วุตฺตํ, ตํ ทุฏฺุลฺลาโรจนสิกฺขาปทฏฺกถาย (ปาจิ. อฏฺ. ๗๘ อาทโย) น สเมติ, น จาปิ เอวํ วตฺตุํ ยุชฺชติ ‘‘อาโรจเน อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฏฺุลฺลํ อฺถา อธิปฺเปตํ, ปฏิจฺฉาทเน อฺถา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๐๐) วิเสสการณสฺสานุปลพฺภนโต, ตสฺมา ตํ อุปปริกฺขิตพฺพํ.
ทุฏฺุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
คพฺภวีโสปิ ¶ หิ ‘‘ปริปุณฺณวีโส’’ ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตีติ อาห ‘‘ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายาติ ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ปมํ วิฺาณํ ปาตุภูตํ, ตํ อาทึ กตฺวา. โสติ โย ปุคฺคโล อูนวีสติวสฺโส อุปสมฺปาทิโต, โส ปุคฺคโล. อฺํ อุปสมฺปาเทตีติ อุปชฺฌาโย วา กมฺมวาจาจริโย วา หุตฺวา อฺํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทติ. ตนฺติ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ. สีมํ วา สมฺมนฺนตีติ นวํ สีมํ พนฺธติ.
อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา
ราชานํ วา วฺเจตฺวาติ ราชานํ เถเนตฺวา รฺโ สนฺตกํ กิฺจิ คเหตฺวา, ‘‘อิทานิ ตสฺส น ทสฺสามา’’ติ มคฺคปฺปฏิปนฺนา อกตกมฺมา เจว กตกมฺมา ¶ จ โจราติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย สุงฺกํ ปริหริตุกามาติ เอตฺถาปิ.
กาลวิสงฺเกเตนาติ กาลสฺส วิสงฺเกเตน, ทิวสวิสงฺเกเตนาติ วุตฺตํ โหติ. มคฺควิสงฺเกเตน, ปน อฏวิวิสงฺเกเตน วา คจฺฉโต อาปตฺติเยว.
เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
มาตุคาเมนาติ อิตฺถิยา. เอกโตอุปสมฺปนฺนา, ปน สิกฺขมานา, สามเณรี จาติ อิมา ติสฺโสปิ อิธ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อิมาสํ ปน ติสฺสนฺนํ สมโย รกฺขติ. อยเมตาสํ, มาตุคามสฺส จ วิเสโสติ เวทิตพฺพํ.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา
ตํตํสมฺปตฺติยา ¶ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๑๗) วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ, อนติกฺกมนตฺเถน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺตา, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหนฺติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีลาติ อนฺตรายิกา. เตนาห ‘‘สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๓๔). เต กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทปฺตฺติวีติกฺกมวเสน ปฺจวิธาติ เอตฺถ จ ปฺจานนฺตริยกมฺมํ กมฺมนฺตรายิกํ นาม, ตถา ภิกฺขุนิทูสกกมฺมํ. ตํ ปน โมกฺขสฺเสว อนฺตรายํ กโรติ, น สคฺคสฺส. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา กิเลสนฺตรายิกา นาม. ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกานํ ปฏิสนฺธิธมฺมา วิปากนฺตรายิกา นาม. อริยูปวาทา อุปวาทนฺตรายิกา นาม. เต ปน ยาว อริเย น ขมาเปนฺติ, ตาวเทว, น ตโต ปรํ. สฺจิจฺจ อาปนฺนา อาปตฺติโย ปฺตฺติวีติกฺกมนฺตรายิกา นาม. ตาปิ ยาว ภิกฺขุภาวํ วา ปฏิชานาติ, น วุฏฺาติ วา น เทเสติ วา, ตาวเทว, น ตโต ปรํ.
ตตฺรายํ ¶ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. อฏฺ. ๔๑๗) อริฏฺโ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก เสสนฺตรายิเก ชานาติ, วินเย ปน อโกวิทตฺตา ปณฺณตฺติวีติกฺกมนฺตรายิเก น ชานาติ, ตสฺมา รโหคโต เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อิเม อาคาริกา ปฺจ กามคุเณ ปริภฺุชนฺตา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ โหนฺติ, ภิกฺขูปิ มนาปิกานิ จกฺขุวิฺเยฺยานิ รูปานิ ปสฺสนฺติ…เป… กายวิฺเยฺเย โผฏฺพฺเพ ผุสนฺติ, มุทุกานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ ปริภฺุชนฺติ, เอตํ สพฺพํ วฏฺฏติ. กสฺมา? อิตฺถิรูปา…เป… อิตฺถิโผฏฺพฺพา เอว น วฏฺฏนฺติ, เอเตปิ วฏฺฏนฺตี’’ติ เอวํ รเสน รสํ สํสนฺทิตฺวา สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ นิจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ เอกํ กตฺวา ถูลวาเกหิ สทฺธึ อติสุขุมสุตฺตํ ฆเฏนฺโต วิย, สาสเปน สทฺธึ สิเนรุํ อุปสํหรนฺโต วิย จ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กึ ภควตา มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิย มหตา อุสฺสาเหน ปมปาราชิกํ ปฺตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ โทโส’’ติ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนฺโต ภพฺพปุคฺคลานํ อาสํ ฉินฺทนฺโต ชินสฺส อาณาจกฺเก ปหารมทาสิ. เตนาห ‘‘เตสู’’ติอาทิ.
ตตฺถ เตสูติ ยถาวุตฺเตสุ อนฺตราเยสุ. อฏฺิกงฺกลูปมา กามาติ เอตฺถ อฏฺิกงฺกลํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๑๗) นาม อุรฏฺิ วา ปิฏฺิกณฺฏกํ วา สีสฏฺิ วา. ตฺหิ นิมฺมํสตฺตา ‘‘กงฺกล’’นฺติ วุจฺจติ. วิคตมํสาย หิ อฏฺิสงฺขลิกาย เอกฏฺิมฺหิ วา กงฺกลสทฺโท นิรุฬฺโห ¶ , ตํสทิสา กามา อปฺปสฺสาทฏฺเนาติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน ‘‘มํสเปสูปมา กามา, ติณุกฺกูปมา กามา, องฺคารกาสูปมา กามา, สุปินกูปมา กามา, ยาจิตกูปมา กามา, รุกฺขผลูปมา กามา, อสิสูนูปมา กามา, สตฺติสูลูปมา กามา, สปฺปสิรูปมา กามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔, ๒๓๖; ๒.๔๓-๔๘; ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕) เอเตสํ คหณํ.
ตตฺถ มํสเปสูปมา กามา (ปาจิ. อฏฺ. ๔๑๗) พหุสาธารณฏฺเน. ติณุกฺกูปมา กามา อนุทหนฏฺเน. องฺคารกาสูปมา กามา มหาภิตาปนฏฺเน. สุปินกูปมา กามา อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน. ยาจิตกูปมา กามา ตาวกาลิกฏฺเน. รุกฺขผลูปมา กามา สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนฏฺเน. อสิสูนูปมา อธิกุฏฺฏนฏฺเน. สตฺติสูลูปมา วินิวิชฺฌนฏฺเน. สปฺปสิรูปมา สาสงฺกสปฺปฏิภยฏฺเน.
ตเถวาติ ¶ ‘‘มา อายสฺมา’’ติอาทีหิ. อิตเรสนฺติ โส สงฺฆมชฺฌํ อากฑฺฒิตฺวา เยหิ ‘‘มา อายสฺมา’’ติอาทินา วุตฺโต, ตตฺถ เตหิ อฺเสํ สุตานํ ภิกฺขูนํ. ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมนาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๔๒๐) ปทภาชนิยํ วุตฺเตน ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน.
อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา
อกตานุธมฺเมนาติ อุกฺขิปิตฺวา อโนสาริเตน. เตนาห ‘‘อนุธมฺโม วุจฺจตี’’ติอาทิ. เอตฺถ อนุธมฺโมติ โอสารณา วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อุกฺเขปนียกมฺมสฺสานุรูโป, ปจฺฉา กตฺตพฺโพ วา ธมฺโมติ อนุธมฺโม. อนุโลมวตฺตํ ทิสฺวาติ ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตพฺโพ’’ติอาทิกํ (จูฬว. ๗๐) อฏฺารสวิธํ วตฺตํ ทิสฺวา, เอเตสุ อฏฺารสสุ อนุโลมวตฺเตสุ วตฺตนฺตํ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโย. อามิสสมฺโภคํ วา ธมฺมสมฺโภคํ วาติ เอตฺถ ยํ กิฺจิ อามิสสฺส ทานํ, ปฏิคฺคหณฺจ อามิสสมฺโภโค. ธมฺมสฺส อุทฺทิสนํ, อุทฺทิสาปนฺจ ธมฺมสมฺโภโค. สํวเสยฺยาติ ‘‘อุโปสถํ วา ปวารณํ วา สงฺฆกมฺมํ วา’’ติ (ปาจิ. ๔๒๕) เอวํ ปทภาชนิยํ วุตฺตํ ติวิธํ สํวาสํ กเรยฺย. ยสฺมา ปเนตฺถ อุโปสถปวารณาปิ สงฺเฆหิเยว กาตพฺพตฺตา สงฺฆกมฺมานิเยว โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุโปสถาทิกํ สงฺฆกมฺมํ กเรยฺยา’’ติ วุตฺตํ. ปโยเค ปโยเคติ ทาเน ทาเน, คหเณ คหเณ จาติ อตฺโถ.
ปณฺณตฺตึ ¶ อชานนฺเตน อรหตาปิ กิริยาพฺยากตจิตฺเตน อาปชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘ติจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
อุกฺขิตฺตสมฺโภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา
ปิเรติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๒๘) นิปาตปทํ สมฺโพธเน วตฺตมานํ ปรสทฺเทน สมานตฺถํ วทนฺตีติ อาห ‘‘ปร อมามกา’’ติ, อมฺหากํ อนชฺฌตฺติกภูตาติ อตฺโถ. ปิเรติ ¶ วา ‘‘ปรโต’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทํ, ตสฺมา จร ปิเรติ ปรโต คจฺฉ, มา อิธ ติฏฺาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
กณฺฏกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สปฺปาณกวคฺโค สตฺตโม.
๘. สหธมฺมิกวคฺโค
๑. สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา
สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโนติ สหธมฺมิเกน วุจฺจมาโน. กรณตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ. ‘‘ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สิกฺขิตพฺพตฺตา, เตสํ วา สนฺตกตฺตา ‘สหธมฺมิก’นฺติ ลทฺธนาเมน พุทฺธปฺตฺเตน สิกฺขาปเทน วุจฺจมาโนติ อตฺโถ’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา; ปารา. อฏฺ. ๒.๔๒๕-๔๒๖) ทุพฺพจสิกฺขาปเท วุตฺตตฺตา ‘‘สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโนติ อิมสฺสตฺโถ ทุพฺพจสิกฺขาปเท วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. อนาทริยภยาติ อนาทรกรเณ ภยา, ตตฺถ ปาจิตฺติยภยาติ อตฺโถ. เลเสน เอวํ วทนฺตสฺสาติ อุชุกํ ‘‘น สิกฺขิสฺสามี’’ติ อวตฺวา ‘‘ยาว น อฺํ ภิกฺขุ’’นฺติอาทินา เลเสน วทนฺตสฺส.
สหธมฺมิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา
ขุทฺทเกหิ ¶ จ อนุขุทฺทเกหิ จาติ สงฺฆาทิเสสาทีหิ ขุทฺทเกหิ เจว ถุลฺลจฺจยาทีหิ อนุขุทฺทเกหิ จ. เปตฺวา หิ จตฺตาริ ปาราชิกานิ อวเสสานิ สพฺพานิ สิกฺขาปทานิ ปริยาเยน ขุทฺทกานิ เจว โหนฺติ อนุขุทฺทกานิ จ. วุตฺตฺเหตํ ปฺจสติกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๔๑) –
‘‘กตมานิ ปน, ภนฺเต, ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานีติ? เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – ‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’ติ. เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – ‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’ติ. เอกจฺเจ ¶ เถรา เอวมาหํสุ – ‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส เปตฺวา ทฺเว อนิยเต เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’ติ. เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – ‘‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส เปตฺวา ทฺเว อนิยเต เปตฺวา ตึส นิสฺสคฺคิเย ปาจิตฺติเย เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’ติ. เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – ‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส เปตฺวา ทฺเว อนิยเต เปตฺวา ตึส นิสฺสคฺคิเย ปาจิตฺติเย เปตฺวา ทฺเวนวุติปาจิตฺติเย เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’ติ. เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ ‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา เตรส สงฺฆาทิเสเส เปตฺวา ทฺเว อนิยเต เปตฺวา ตึส นิสฺสคฺคิเย ปาจิตฺติเย เปตฺวา ทฺเวนวุติปาจิตฺติเย เปตฺวา จตฺตาโร ปาฏิเทสนีเย เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’’’ติ.
ยํ ปน นาคเสนตฺเถเรน มิลินฺทรฺา ปุฏฺเน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺกฏํ, มหาราช, ขุทฺทกํ สิกฺขาปทํ, ทุพฺภาสิตํ อนุขุทฺทก’’นฺติ (มิ. ป. ๔.๒.๑), ตตฺถ อนฺติมโกฏฺาสเมว คเหตฺวา วุตฺตํ. ตํ วาทปโถปจฺเฉทนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สํวตฺตนมริยาทปริจฺเฉทวจนนฺติ สํวตฺตนสฺส มริยาทา อวธิ สํวตฺตนมริยาทา, ตาย นิยมวเสน โย ปริจฺเฉโท, ตสฺส วจนํ สํวตฺตนมริยาทปริจฺเฉทวจนํ. อิทานิ ตํ มริยาทํ วิวริตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺทิสนฺตีติ อาจริยา อตฺตโน รุจิยา อุทฺทิสนฺติ. อุทฺทิสาเปนฺตีติ อาจริยํ ยาจิตฺวา อนฺเตวาสิกา อุทฺทิสาเปนฺติ. สชฺฌายนฺตีติ ¶ ธาเรนฺติ. กุกฺกุจฺจวิปฺปฏิสาโรติ กุกฺกุจฺจสงฺขาโต วิปฺปฏิสาโร. วิเหสาวิจิกิจฺฉามโนวิเลขาติ วิเหสาวิจิกิจฺฉาสงฺขาตา มโนวิเลขา. ครหเณติ นินฺทเน.
อนุปสมฺปนฺนสฺส วิวณฺณเนติ อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก นินฺทโต ตสฺส ตสฺมึ วิมตึ อุปฺปาเทตุํ วินยวิวณฺณเน.
วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺมึ ¶ อนาจาเรติ ตสฺมึ อนาจาเร อาจิณฺเณ. โมกฺโข นตฺถีติ ตสฺสา อาปตฺติยา โมกฺโข นตฺถิ. ตสฺส เตติ ตสฺส ตว. อลาภาติ เย อฺเสํ ปาติโมกฺเข อุทฺทิสฺสมาเน สาธุกํ อฏฺึ กตฺวา มนสิกรณสฺส อานิสํสสฺิตา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกา จ ลาภา อิจฺฉิตพฺพา, เต สพฺเพ ตุยฺหํ อลาภา เอว โหนฺติ. ทุลฺลทฺธนฺติ ปฺุวิเสเสน ลทฺธมฺปิ มนุสฺสตฺตํ ทุลฺลทฺธํ. สาธุกนฺติ สุฏฺุ. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺถิกภาวํ กตฺวา, อตฺถิโก หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตฺติทุติเยน กมฺเมนาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๔๖) ปทภาชนิยํ วุตฺเตน โมหาโรปนเกน ตฺติทุติเยน กมฺเมน.
อธมฺมกมฺเมติ เอตฺถ โมหาโรปนกมฺมํ อธิปฺเปตํ.
โมหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา
ปหารํ ทเทยฺยาติ อนฺตมโส อุปฺปลปตฺตํ อุปาทาย กายกายปฺปฏิพทฺธนิสฺสคฺคิยานํ อฺตเรน ปหารํ ทเทยฺย. เอวํ ปน ปหาเร ทินฺเน หตฺโถ วา ภิชฺชตุ, ปาโท วา สีสํ วา, มรตุ วา, ปาจิตฺติยเมว. เตนาห ‘‘ปหริตุกามตายา’’ติอาทิ.
อนุปสมฺปนฺเนติ คหฏฺเ วา ปพฺพชิเต วา อิตฺถิยา วา ปุริเส วา อนฺตมโส ติรจฺฉานคเตปิ. สเจ ปน รตฺตจิตฺโต อิตฺถึ ปหรติ, สงฺฆาทิเสโส. เกนจิ วิเหิยมานสฺสาติ มนุสฺเสน ¶ วา ติรจฺฉานคเตน วา วิเหิยมานสฺส. โมกฺขาธิปฺปายสฺสาติ ตโต อตฺตโน โมกฺขํ ปตฺถยมานสฺส. สเจปิ อนฺตรามคฺเค (ปาจิ. อฏฺ. ๔๕๓) โจรํ วา ปจฺจตฺถิกํ วา วิเหเตุกามํ ทิสฺวา ‘‘อุปาสก, เอตฺเถว ติฏฺ, มา อาคมิตฺถา’’ติ วตฺวา วจนํ อนาทิยิตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ‘‘คจฺฉ เร’’ติ มุคฺคเรน วา สตฺถเกน วา ปหริตฺวา ยาติ, โส เจ เตน ปหาเรน มรติ, อนาปตฺติเยว. วาฬมิเคสุปิ เอเสว นโย.
ปหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา
ตลสตฺติกนฺติ ¶ ตลเมว ตลสตฺติกํ. ‘‘โปถนสมตฺถฏฺเน สตฺติก’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๕๖) เอเก. อุจฺจาเรยฺยาติ อุกฺขิเปยฺย. นปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฏนฺติ เอตฺถ ปหริตุกามตาย ปหริเต ปุริมสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ. อุจฺจาเรตุกามตาย เกวลํ อุคฺคิรณมตฺเต กเต อิมินา ปาจิตฺติยํ. อิมินา ปน วิรชฺฌิตฺวา ปหาโร ทินฺโน, ตสฺมา ทุกฺกฏํ. เอตฺถ ปน ‘‘ติรจฺฉานคตาทีนํ อสุจิกรณาทีนิ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวาปิ อุคฺคิรนฺตสฺส โมกฺขาธิปฺปาโยเยวา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๗๑) วทนฺติ.
ตลสตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา
ฉฏฺสิกฺขาปทํ อุตฺตานเมว.
อมูลกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๔๖๘) สํสยํ ชเนนฺตสฺส. ปโร กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตุ วา, มา วา, ตํ อปฺปมาณํ. มฺเติ ตกฺกยามิ. อาทิสทฺเทน ‘‘วิกาเล มฺเ ¶ ตยา ภุตฺตํ, มชฺชํ มฺเ ตยา ปีตํ, มาตุคาเมน สทฺธึ รโห มฺเ ตยา นิสินฺน’’นฺติอาทีนํ (ปาจิ. ๔๖๖) คหณํ. อนุปสมฺปนฺเนติ สามเณเร.
สฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา
สุยฺยตีติ สุติ, สทฺโท, สุติยา สมีปํ อุปสฺสุตีติ อาห ‘‘สุติสมีป’’นฺติ, สทฺทสมีปนฺติ อตฺโถ. ยตฺถ ปน ิเตน สกฺกา โหติ สทฺทํ โสตุํ ¶ , ตตฺถ ติฏฺนฺโต สทฺทสมีเป ติฏฺติ นามาติ อาห ‘‘ยตฺถ ตฺวา’’ติอาทิ. อถ วา อุเปจฺจ สุยฺยติ เอตฺถาติ อุปสฺสุติ, านํ, ยํ านํ อุปคเตน สกฺกา โหติ กเถนฺตานํ สทฺทํ โสตุํ, ตตฺถาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตุริตคมเนปีติ ปจฺฉโต คจฺฉนฺตสฺส ปุรโต คจฺฉนฺตานํ สทฺทสวนตฺถํ สีฆคมเนปิ. โอหียมาเนปีติ ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺตานํ วจนสวนตฺถํ โอหียมาเนปิ.
วูปสมิสฺสามีติ อุปสมํ คมิสฺสามิ, กลหํ น กริสฺสามิ. อตฺตานํ ปริโมเจสฺสามีติ มม อการกภาวํ กเถตฺวา อตฺตานํ ปริโมเจสฺสามิ. สิยา กิริยนฺติ กทาจิ โสตุกามตาย คมนวเสน สมุฏฺานโต สิยา กิริยํ. สิยา อกิริยนฺติ กทาจิ ิตฏฺานํ อาคนฺตฺวา มนฺตยมานานํ อชานาปนวเสน สมุฏฺานโต สิยา อกิริยํ.
อุปสฺสุติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กมฺมปฺปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา
ธมฺมิกานนฺติ ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน กตตฺตา ธมฺโม เอเตสุ อตฺถีติ ธมฺมิกานิ, เตสํ ธมฺมิกานํ. กมฺมานนฺติ จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํ. เตนาห ‘‘ธมฺเมนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ธมฺเมนาติ ภูเตน วตฺถุนา. วินเยนาติ โจทนาย เจว สารณาย จ. สตฺถุสาสเนนาติ ตฺติสมฺปทาย เจว อนุสฺสวนาสมฺปทาย จ. สมคฺคสฺส สงฺฆสฺสาติ สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา กตฺตพฺพตฺตา กาเยน เจว จิตฺเตน จ เอกีภูตสฺส สงฺฆสฺส. ตํ ตํ วตฺถุนฺติ อวณฺณภณนาทึ ตํ ตํ วตฺถุ.
โอสาเรนฺติ ¶ สงฺฆมชฺฌํ เอเตนาติ โอสารณํ. นิสฺสาเรนฺติ สงฺฆมฺหา เอเตนาติ นิสฺสารณํ. ภณฺฑุกมฺมนฺติ มุณฺฑกรณํ, เกสจฺเฉทนาปุจฺฉนนฺติ อตฺโถ. กมฺมเมว ลกฺขณํ กมฺมลกฺขณํ. โอสารณาทโย วิย กมฺมฺจ หุตฺวา อฺฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา ลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณนฺติ อตฺโถ. ‘‘โอสารณํ นิสฺสารณ’’นฺติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) เจตฺถ ปทสิลิฏฺตาเยตํ วุตฺตํ. ปมํ ปน นิสฺสารณา โหติ, ปจฺฉา โอสารณาติ อาห ¶ ‘‘ตตฺถ กณฺฏกสามเณรสฺสา’’ติอาทิ. กณฺฏกสามเณรสฺส นาสนา วิย นิสฺสารณาติ ยถา กณฺฏกสามเณรสฺส ทณฺฑกมฺมนาสนา นิสฺสารณา, ตถา พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภณโต, อกปฺปิยํ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ ทีปยโต, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคตสฺส อฺสฺสาปิ สามเณรสฺส –
‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปุจฺฉามิ ‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สามเณโร พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อวณฺณวาที มิจฺฉาทิฏฺิโก, ยํ อฺเ สามเณรา ลภนฺติ ทิรตฺตติรตฺตํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สหเสยฺยํ, ตสฺส อลาภาย นิสฺสารณา รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺฆํ ปุจฺฉามิ ‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สามเณโร…เป… รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติ, จร ปิเร วินสฺสา’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) –
กตฺตพฺพนาสนา นิสฺสารณาติ อตฺโถ. ตาทิสํเยว สมฺมาวตฺตนฺตํ ทิสฺวา ปเวสนา โอสารณาติ ตาทิสํเยว อปเรน สมเยน ‘‘อหํ, ภนฺเต, พาลตาย อฺาณตาย อลกฺขิกตาย เอวํ อกาสึ, สฺวาหํ สงฺฆํ ขมาเปมี’’ติ ขมาเปนฺตํ ทิสฺวา ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา –
‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, ปุจฺฉามิ ‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สามเณโร พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อวณฺณวาที มิจฺฉาทิฏฺิโก, ยํ อฺเ สามเณรา ลภนฺติ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ, ตสฺส อลาภาย นิสฺสาริโต, สฺวายํ อิทานิ โสรโต นิวาตวุตฺติ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกนฺโต หิโรตฺตปฺเป ปติฏฺิโต กตทณฺฑกมฺโม อจฺจยํ เทเสติ, อิมสฺส สามเณรสฺส ยถา ปุเร กายสมฺโภคสามคฺคิทานํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ, ภนฺเต, สงฺฆํ ปุจฺฉามิ…เป… รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๙๕-๔๙๖) –
ปเวสนา โอสารณาติ อตฺโถ.
เกสจฺเฉทนาปุจฺฉนนฺติ ¶ สีมาปริยาปนฺเน ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ปพฺพชฺชาเปกฺขํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘สงฺฆํ, ภนฺเต, อิมสฺส ทารกสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามี’’ติ ¶ ติกฺขตฺตุํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา สกึ วา วจนํ. อิธ จ ‘‘อิมสฺส ทารกสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามา’’ติปิ ‘‘อิมสฺส สมณกรณํ อาปุจฺฉามา’’ติปิ ‘‘อิมสฺส ปพฺพาชนํ อาปุจฺฉามา’’ติปิ ‘‘อยํ สมโณ โหตุกาโม’’ติปิ ‘‘อยํ ปพฺพชิตุกาโม’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว.
มุขรสฺสาติ มุเขน ขรสฺส. ยํ อวนฺทิยกมฺมํ อนฺุาตนฺติ สมฺพนฺโธ. อูรุํ วิวริตฺวา ทสฺสนาทิวตฺถูสูติ –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย กทฺทโมทเกน โอสิฺจนฺติ ‘อปฺเปว นาม อมฺเหสุ สารชฺเชยฺยุ’นฺติ, กายํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทสฺเสนฺติ, อูรุํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทสฺเสนฺติ, องฺคชาตํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทสฺเสนฺติ, ภิกฺขุนิโย โอภาเสนฺติ, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ สมฺปโยเชนฺติ ‘อปฺเปว นาม อมฺเหสุ สารชฺเชยฺยุ’’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๑) –
อิเมสุ วตฺถูสุ.
อจฺฉินฺนจีวรกาทีนนฺติ อจฺฉินฺนจีวรชิณฺณจีวรนฏฺจีวรคิลานพหุสฺสุตสงฺฆภารนิตฺถรกาทีนํ. จีวราทีนีติ จีวรเภสชฺชเสนาสนาทีนิ. ปริภฺุชิตพฺพานีติ ปริภฺุชิตพฺพานิ มูลตจปตฺตองฺกุรปุปฺผผลาทีนิ. อปเนตพฺพานิปิ วตฺถูนีติ อาวาสกรณาทิอตฺถํ หริตพฺพานิปิ ฉายูปคผลูปครุกฺขาทีนิ. ตถารูปํ วา ธมฺมิกํ กติกํ กโรนฺเตหีติ จีวรปิณฺฑปาตตฺถาย ทินฺนโต อาวาสชคฺคนาทิกํ ตาทิสํ วา อฺมฺปิ ธมฺมิกํ กติกํ กโรนฺเตหิ.
เนว สุตฺตํ อาคจฺฉตีติ น มาติกา อาคจฺฉติ. โน สุตฺตวิภงฺโคติ วินโยปิ น ปคุโณ. พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหตีติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๓๓) พฺยฺชนมตฺตเมว คเหตฺวา อตฺถํ ปฏิเสเธติ. ชาตรูปรชตเขตฺตวตฺถุปฺปฏิคฺคหณาทีสุ วินยธเรหิ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา การิยมาเน ทิสฺวา ‘‘กึ อิเม อาปตฺติยา กาเรถ, นนุ ‘ชาตรูปรชตปฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหตี’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) เอวํ สุตฺเต ปฏิวิรติมตฺตเมว วุตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทติ. อปโร ธมฺมกถิโก สุตฺตสฺส อาคตตฺตา โอลมฺเพตฺวา นิวาเสนฺตานํ อาปตฺติยา ¶ อาโรปิยมานาย ‘‘กึ อิเมสํ อาปตฺตึ อาโรเปถ, นนุ ‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียา’ติ (ปาจิ. ๕๗๖) เอวํ ¶ สิกฺขากรณมตฺตเมว วุตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทติ. อุพฺพาหิก วินิจฺฉเยติ สมถกฺขนฺธเก วุตฺตอุพฺพาหิกวินิจฺฉเย ‘‘สีลวา โหตี’’ติอาทิกาย หิ ทสงฺคสมฺปตฺติยา สมนฺนาคเต ทฺเว ตโย ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา วินิจฺฉโย อุพฺพาหิกวินิจฺฉโยติ ทฏฺพฺโพ.
ปวารณปฺปจฺจุกฺกฑฺฒนาติ ปวารณาย อุกฺกสฺสนา, อุทฺธํ กฑฺฒนาติ อตฺโถ. ติณวตฺถารกสมเถ สพฺพสงฺคาหิกตฺติ จาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ…เป… เปตฺวา คิหิปฺปฏิสํยุตฺต’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๒-๒๑๓) เอวํ ติณวตฺถารกสมเถ กตา สพฺพปมา สพฺพสงฺคาหิกตฺติ จ.
อลาภาย ปริสกฺกนาทิเกหีติ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อลาภตฺถาย ปโยคกรณาทิเกหิ. อาทิสทฺเทน ‘‘อนตฺถาย ปริสกฺกนํ, อนาวาสาย ปริสกฺกนํ, อกฺโกสนปริภาสนํ, ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เภทนํ, พุทฺธสฺส อวณฺณภณนํ, ธมฺมสฺส อวณฺณภณนํ, สงฺฆสฺส อวณฺณภณน’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๕) อวเสสํ สตฺตงฺคํ สงฺคณฺหาติ. อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺสาติ อฏฺหิ เจว องฺเคหิ เอเกเกนปิ องฺเคน จ สมนฺนาคตสฺส. อสมฺโภคกรณตฺถนฺติ เตน ทินฺนสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อปฺปฏิคฺคหณตฺถํ. ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสนาติ กมฺมวาจาย ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน, น อโธมุขฏฺปนวเสน. ปตฺตุกฺกุชฺชนวเสนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตสฺเสวาติ โย ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน กตนิสฺสารโณ, ตสฺเสว อุปาสกสฺส. สมฺมาวตฺตนฺตสฺสาติ เยน สมนฺนาคตสฺส ปตฺตุกฺกุชฺชนํ, เตน สมนฺนาคตสฺส. สาติ ยถาวุตฺตา นิสฺสารณา, โอสารณา จ.
สูจิยาทิอปฺปมตฺตกํ ตํตทตฺถิกานํ วิสฺสชฺเชติ เทตีติ อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชโก. สาฏิยคฺคาหาปโกติ วสฺสิกสาฏิยคฺคาหาปโก. กมฺมํ กโรนฺเต อารามิเก เปสนตฺถาย ทาตพฺพา สมฺมุติ อารามิกเปสกสมฺมุติ. เอส นโย สามเณรเปสกสมฺมุตีติ เอตฺถาปิ.
ตชฺชนียกมฺมาทีนํ สตฺตนฺนนฺติ ตชฺชนียํ, นิยสํ, ปพฺพาชนียํ, ปฏิสารณียํ, ติวิธฺจ อุกฺเขปนียนฺติ ตชฺชนียาทีนํ สตฺตนฺนํ. อฏฺยาวตติยกาติ ภิกฺขูนํ วเสน จตฺตาโร, ภิกฺขุนีนํ วเสน จตฺตาโรติ อฏฺ สงฺฆาทิเสสา.
ตฺติกมฺมาทิวเสนาติ ¶ ตฺติกมฺมตฺติทุติยกมฺมตฺติจตุตฺถกมฺมวเสน. ‘‘กริยมานํ ทฬฺหตรํ ¶ โหติ, ตสฺมา กาตพฺพ’’นฺติ เอกจฺเจ วทนฺติ. เอวํ ปน สติ กมฺมสงฺกโร โหติ, ตสฺมา น กาตพฺพนฺติ ปฏิกฺขิตฺตเมว. สเจ ปน อกฺขรปริหีนํ วา ปทปริหีนํ วา ทุรุตฺตปทํ วา โหติ, ตสฺส โสธนตฺถํ ปุนปฺปุนํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อิทํ อกุปฺปกมฺมสฺส ทฬฺหีกมฺมํ โหติ, กุปฺปกมฺเม กมฺมํ หุตฺวา ติฏฺติ. สกลกฺขเณเนวาติ ตฺติฺจ จตสฺโส จ กมฺมวาจาโย สาเวตฺวาว. น เสสกมฺมวเสนาติ อปโลกนกมฺมาทินา อวเสสกมฺมวเสน น กาตพฺพํ.
กมฺมปฺปฏิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
อาโรจิตํ วตฺถุ อวินิจฺฉิตนฺติ อาโรจิตวตฺถุ อาปตฺติกภาเวน น วินิจฺฉิตํ. เอตฺถ จ โจทเกน จ จุทิตเกน จ อตฺตโน กถา กถิตา, อนุวิชฺชโก สมฺมโต, เอตฺตาวตา วตฺถุเมว อาโรจิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ฉนฺทํ อทตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกเมยฺยาติ ‘‘กถํ อิทํ กมฺมํ กุปฺปํ อสฺส, วคฺคํ อสฺส, น กเรยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๔๘๑) อิมินา อธิปฺปาเยน ฉนฺทํ อทตฺวา นิสินฺนาสนโต อุฏฺาย คจฺเฉยฺย. เตนาห ‘‘โย ภิกฺขู’’ติอาทิ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ คมนํ กิริยํ, ฉนฺทสฺส อทานํ อกิริยํ.
ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา
ยถาสนฺถุตนฺติ ยถามิตฺตํ. เตนาห ‘‘โย โย’’ติ อาทิ. ตตฺถ มิตฺตสนฺทิฏฺสมฺภตฺตวเสนาติ มิตฺตสนฺทิฏฺสมฺภตฺตานํ วเสน. ตตฺถ มิตฺตา มิตฺตาว. สนฺทิฏฺา ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฏฺมตฺตา นาติทฬฺหมิตฺตา. สมฺภตฺตา สุฏฺุ ภตฺตา สิเนหวนฺโต ทฬฺหมิตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
ปฺจ ครุภณฺฑานีติ ราสิวเสน ปฺจ ครุภณฺฑานิ, สรูปวเสน ปเนตานิ พหูนิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘ราสิวเสน ปฺจ ครุภณฺฑานิ วุตฺตานี’’ติ. อาราโม ¶ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๗) นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วา. อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปิโตกาโส, เตสุ วา อาราเมสุ วินฏฺเสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโค ¶ . วิหาโร นาม ยํ กิฺจิ ปาสาทาทิเสนาสนํ. วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฏฺาโนกาโส. มฺโจ นาม มสารโก พุนฺทิกาพทฺโธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ ปุพฺเพ วุตฺตานํ จตุนฺนํ มฺจานํ อฺตโร. ปีํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีานํ อฺตรํ. ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปฺจนฺนํ ภิสีนํ อฺตรา. พิพฺโพหนํ นาม รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกิตูลานํ อฺตเรน ปุณฺณํ. โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ โลเหน กตา กุมฺภี. โลหภาณกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน ภาณกนฺติ อรฺชโร วุจฺจติ. วารโกติ ฆโฏ. กฏาหํ กฏาหเมว. วาสิอาทีสุ, วลฺลิอาทีสุ จ ทุวิฺเยฺยํ นาม นตฺถิ. เอวํ –
ทฺวิสงฺคหานิ ทฺเว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;
จตุตฺถํ นวโกฏฺาสํ, ปฺจมํ อฏฺเภทนํ.
อิติ ปฺจหิ ราสีหิ, ปฺจนิมฺมลโลจโน;
ปฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยิ. (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๗);
วิสฺสชฺเชตุํ วา วิภชิตุํ วา น วฏฺฏตีติ มูลจฺเฉชฺชวเสน วิสฺสชฺเชตุํ วา วิภชิตุํ วา น วฏฺฏนฺติ. ปริวตฺตนวเสน ปน วิสฺสชฺชนฺตสฺส, วิภชนฺตสฺส จ อนาปตฺติ. เตนาห ‘‘ถาวเรนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ถาวเรน ถาวรนฺติ อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุนา อารามํ อารามวตฺถุํ วิหารํ วิหารวตฺถุํ. อิตเรนาติ อถาวเรน, ปจฺฉิมราสิตฺตเยนาติ วุตฺตํ โหติ. อกปฺปิเยนาติ สุวณฺณมยมฺจาทินา เจว อกปฺปิยภิสิพิพฺโพหเนหิ จ. มหคฺฆกปฺปิเยนาติ ทนฺตมยมฺจาทินา เจว ปาวาราทินา จ. อิตรนฺติ อถาวรํ. กปฺปิยปริวตฺตเนน ปริวตฺเตตุนฺติ ยถา อกปฺปิยํ น โหติ, เอวํ ปริวตฺเตตุํ.
ตตฺรายํ ปริวตฺตนนโย (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๘) – สงฺฆสฺส นาฬิเกราราโม ทูเร โหติ, กปฺปิยการกาว พหุตรํ ขาทนฺติ, ยมฺปิ น ขาทนฺติ, ตโต ¶ สกฏเวตนํ ทตฺวา อปฺปเมว อาหรนฺติ. อฺเสํ ปน ตสฺสารามสฺส อวิทูเร คามวาสีนํ มนุสฺสานํ วิหารสฺส สมีเป อาราโม โหติ, เต สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา สเกน อาราเมน ตํ อารามํ ยาจนฺติ, สงฺเฆน ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ อปโลเกตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ. สเจปิ ภิกฺขูนํ รุกฺขสหสฺสํ โหติ, มนุสฺสานํ ปฺจสตานิ, ‘‘ตุมฺหากํ อาราโม ขุทฺทโก’’ติ น วตฺตพฺพํ. กิฺจาปิ อยํ ขุทฺทโก, อถ โข อิตรโต พหุตรํ อายํ เทติ. สเจปิ สมกเมว เทติ ¶ , เอวมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปริภฺุชิตุํ สกฺกาติ คเหตพฺพเมว. สเจ ปน มนุสฺสานํ พหุตรา รุกฺขา โหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ พหุตรา รุกฺขา’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ‘‘อติเรกํ อมฺหากํ ปฺุํ โหตุ, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขูนํ รุกฺขา ผลธาริโน, มนุสฺสานํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ. กิฺจาปิ น คณฺหนฺติ, น จิเรน คณฺหิสฺสนฺตีติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมว. มนุสฺสานํ รุกฺขา ผลธาริโน, ภิกฺขูนํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ รุกฺขา ผลธาริโน’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, อมฺหากํ ปฺุํ ภวิสฺสตี’’ติ เทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ อาราเมน อาราโม ปริวตฺเตตพฺโพ, เอเตเนว นเยน อารามวตฺถุปิ วิหาโรปิ วิหารวตฺถุปิ อาราเมน ปริวตฺเตตพฺพํ. อารามวตฺถุนา จ มหนฺเตน วา ขุทฺทเกน วา อารามํ อารามวตฺถุํ วิหารํ วิหารวตฺถุนฺติ.
กถํ วิหาเรน (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๘) วิหาโร ปริวตฺเตตพฺโพ? สงฺฆสฺส อนฺโตคาเม เคหํ โหติ, มนุสฺสานํ วิหารมชฺเฌ ปาสาโท, อุโภปิ อคฺเฆน สมกา. สเจ มนุสฺสา เตน ปาสาเทน ตํ เคหํ ยาจนฺติ, สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขูนํ เจ มหคฺฆตรํ เคหํ โหติ, ‘‘มหคฺฆตรํ อมฺหากํ เคห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กิฺจาปิ มหคฺฆตรํ ปพฺพชิตานํ อสารุปฺปํ, น สกฺกา ตตฺถ ปพฺพชิเตหิ วสิตุํ, อิทํ ปน สารุปฺปํ, คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, เอวมฺปิ สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปน มนุสฺสานํ มหคฺฆํ โหติ ‘‘นนุ ตุมฺหากํ เคหํ มหคฺฆ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ‘‘โหตุ, ภนฺเต, อมฺหากํ ปฺุํ ภวิสฺสติ, คณฺหถา’’ติ วุตฺเต ปน สมฺปฏิจฺฉิตุํ วฏฺฏติ. เอวํ วิหาเรน วิหาโร ปริวตฺเตตพฺโพ. เอเตเนว นเยน วิหารวตฺถุปิ อาราโมปิ อารามวตฺถุปิ วิหาเรน ปริวตฺเตตพฺพํ. วิหารวตฺถุนา จ มหคฺเฆน วา อปฺปคฺเฆน วา ¶ วิหารํ วิหารวตฺถุํ อารามํ อารามวตฺถุํ. เอวํ ตาว ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํ.
อิตเรน อิตรปริวตฺตเน ปน มฺจปีํ มหนฺตํ วา โหตุ, ขุทฺทกํ วา (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๒๘), อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬนฺเตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฏฺาย ครุภณฺฑํ โหติ. สเจปิ ราชา วา ราชมหามตฺตาทโย วา เอกปฺปหาเรเนว มฺจสตํ วา มฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สพฺเพ กปฺปิยมฺจา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฺปฏิปาฏิยา ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภฺุชถา’’ติ ทาตพฺพา, น ปุคฺคลิกปริโภเคน ทาตพฺพา. อติเรกมฺเจ ภณฺฑาคาราทีสุ ปฺเปตฺวา ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปริภฺุชิตุมฺปิ วฏฺฏติ. พหิสีมาย ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนมฺโจ ¶ สงฺฆตฺเถรสฺส วสนฏฺาเน ทาตพฺโพ. ตตฺถ เจ พหู มฺจา โหนฺติ, มฺเจน กมฺมํ นตฺถิ. ยสฺส วสนฏฺาเน กมฺมํ อตฺถิ, ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภฺุชถา’’ติ ทาตพฺโพ, น ปุคฺคลิกโภเคน. มหคฺเฆน สตคฺฆนเกน วา สหสฺสคฺฆนเกน วา มฺเจน อฺํ มฺจสตํ ลภติ, ปริวตฺเตตฺวา คเหตพฺพํ. น เกวลํ มฺเจน มฺโจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีภิสิพิพฺโพหนานิปิ ปริวตฺเตตุํ วฏฺฏติ. เอเสว นโย ปีภิสิพิพฺโพหเนสุปิ. วรเสนาสนาทีนํ สํรกฺขณตฺถนฺติ สเจ ทุพฺภิกฺขํ โหติ, ภิกฺขู ปิณฺฑปาเตน น ยาเปนฺติ, เอตฺถ ราชโรคโจรภยานิ, อฺตฺถ คจฺฉนฺตานํ วิหารา ปลุชฺชนฺติ, ตาลนาฬิเกราทิเก วินาเสนฺติ, เสนาสนปจฺจยํ สนฺธาย ยาเปตุํ สกฺกา โหติ, เอวรูเป กาเล วรเสนาสนาทีนํ สํรกฺขณตฺถํ. ลามกานิ วิสฺสชฺเชตุนฺติ ลามกํ ลามกํ วิสฺสชฺเชตุํ, ลามกโกฏิยา วิสฺสชฺเชตุนฺติ อธิปฺปาโย. วิสฺสชฺเชตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ วิสฺสชฺเชตฺวา ตโต ลทฺธยาคุภตฺตจีวราทีนิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. กาฬโลหตมฺพโลหกํสโลหวฏฺฏโลหานนฺติ เอตฺถ กํสโลหํ, วฏฺฏโลหฺจ กิตฺติมโลหํ. ตีณิ หิ กิตฺติมโลหานิ กํสโลหํ, วฏฺฏโลหํ, อารกูฏนฺติ. ตตฺถ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ, สีตตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ, รสกตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ อารกูฏํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กํสโลหํ, วฏฺฏโลหฺจ กิตฺติมโลห’’นฺติ. ตโต อติเรกนฺติ ตโต อติเรกคฺคณฺหนโก.
สรโกติ ¶ มชฺเฌ มกุฬํ ทสฺเสตฺวา มุขวฏฺฏิวิตฺถตํ กตฺวา ปิฏฺิโต นาเมตฺวา กาตพฺพํ เอกํ ภาชนํ. ‘‘สราว’’นฺติปิ วทนฺติ. อาทิสทฺเทน กฺจนกาทีนํ คิหิอุปกรณานํ คหณํ. ตานิ หิ ขุทฺทกานิปิ ครุภณฺฑาเนว คิหิอุปกรณตฺตาติ. ปิ-สทฺเทน ปเคว มหนฺตานีติ ทสฺเสติ. อิมานิ ปน ภาชนียานิ ภิกฺขูปกรณตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยถา จ เอตานิ, เอวํ กุณฺฑิกาปิ ภาชนียา. วกฺขติ หิ ‘‘ยถา จ มตฺติกาภณฺเฑ, เอวํ โลหภณฺเฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฏฺาสเมว ภชตี’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา). สงฺฆิกปริโภเคนาติ อาคนฺตุกานํ วุฑฺฒตรานํ ทตฺวา ปริโภเคน. คิหิวิกฏาติ คิหีหิ วิกตา ปฺตฺตา, อตฺตโน วา สนฺตกกรเณน วิรูปํ กตา. ปุคฺคลิกปริโภเคน น วฏฺฏตีติ อาคนฺตุกานํ อทตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ วิย คเหตฺวา ปริหริตฺวา ปริภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. ปิปฺผลิโกติ กตฺตริ. อารกณฺฏกํ สูจิเวธกํ. ตาฬํ ยนฺตํ. กตฺตรยฏฺิเวธโก กตฺตรยฏฺิวลยํ. ยถา ตถา ฆนกตํ โลหนฺติ โลหวฏฺฏิ โลหคุโฬ โลหปิณฺฑิ โลหจกฺกลิกนฺติ เอวํ ฆนกตํ โลหํ. ขีรปาสาณมยานีติ มุทุกขีรวณฺณปาสาณมยานิ.
คิหิวิกฏานิปิ น วฏฺฏนฺติ อนามาสตฺตา. ปิ-สทฺเทน ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน ¶ วาติ ทสฺเสติ. เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย. ตสฺมา ชาตรูปาทิมยา สพฺเพปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสา. เตนาห ‘‘เสนาสนปริโภเค ปนา’’ติอาทิ.
เสสาติ ตโต มหตฺตรี วาสิ. ยา ปนาติ ยา กุทารี ปน. กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมตฺโตปิ ครุภณฺฑเมว. นิขาทนํ จตุรสฺสมุขํ วา โหตุ, โทณิมุขํ วา วงฺกํ วา อุชุกํ วา, อนฺตมโส สมฺมฺุชนิทณฺฑกเวธนมฺปิ ทณฺฑพนฺธํ เจ, ครุภณฺฑเมว. เตนาห ‘‘กุทาโล ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ วา อครุภณฺฑํ นาม นตฺถี’’ติ. สิปาฏิกา นาม ขุรโกโส. สิขรํ ปน ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สิขรมฺปิ นิขาทเนเนว สงฺคหิต’’นฺติ. สเจ ตมฺปิ ปน อทณฺฑกํ ผลมตฺตํ, ภาชนียํ. อุปกฺขเรติ วาสิอาทิภณฺฑานิ.
ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺิกาทิการโก. ‘‘ปฏิมาสุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติ. ติปุจฺเฉทนกสตฺถํ, สุวณฺณจฺเฉทนกสตฺถํ, กตปริกมฺมจมฺมจฺฉินฺทนกขุทฺทกสตฺถนฺติ ¶ อิมานิ เจตฺถ ตีณิ ปิปฺผลิกํ อนุโลเมนฺตีติ อาห ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิ. อิตรานีติ มหากตฺตริอาทีนิ.
อฑฺฒพาหุปฺปมาณาติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อํสกูฏปฺปมาณา, วิทตฺถิจตุรงฺคุลปฺปมาณาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตา. อารกฺขสํวิธาเนน รกฺขิตตฺตา รกฺขิตา จ สา มฺชูสาทีสุ ปกฺขิตฺตํ วิย ยถา ตํ น นสฺสติ, เอวํ โคปนโต โคปิตา จาติ รกฺขิตโคปิตา. ตตฺถชาตกาปิ ปน อรกฺขิตา ครุภณฺฑเมว น โหติ. ‘‘สงฺฆกมฺเม จ เจติยกมฺเม จ กเต’’ติ อิมินา สงฺฆสนฺตเกน เจติยสนฺตกํ รกฺขิตุํ, ปริวตฺติตฺุจ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. สุตฺตํ ปนาติ วฏฺฏิตฺเจว อวฏฺฏิตฺจ สุตฺตํ.
อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑมตฺโตติ อนฺตมโส ทีฆโส อฏฺงฺคุลมตฺโต, ปริณาหโต สีหฬปณฺณสูจิทณฺฑมตฺโต. เอตฺถาติ เวฬุภณฺเฑ. ทฑฺฒํ เคหํ เยสํ เตติ ทฑฺฒเคหา. น วาเรตพฺพาติ ‘‘มา คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ น นิเสเธตพฺพา. เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส เปตพฺพา.
อวเสสฺจ ฉทนติณนฺติ มฺุชปพฺพเชหิ อวเสสํ ยํ กิฺจิ ฉทนติณํ. ยตฺถ ปน ติณํ ¶ นตฺถิ, ตตฺถ ปณฺเณหิ ฉาเทนฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑). ตสฺมา ปณฺณมฺปิ ติเณเนว สงฺคหิตนฺติ อาห ‘‘ฉทนติณสงฺเขปคเตสู’’ติอาทิ. อฏฺงฺคุลปฺปมาโณปีติ วิตฺถารโต อฏฺงฺคุลปฺปมาโณ. ลิขิตโปตฺถโก ปน ครุภณฺฑํ น โหติ.
เวฬุมฺหิ วุตฺตปฺปมาโณติ ‘‘อฏฺงฺคุลสูจิทณฺฑกมตฺโตปี’’ติ เวฬุภณฺเฑ วุตฺตปฺปมาโณ. สงฺฆสฺส ทินฺโน วาติ ทารุทุลฺลภฏฺาเน สงฺฆสฺส ทินฺโน วา. กุรุนฺทิยํ วุตฺตกฺกเมน ทารุภณฺฑวินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตกฺกเมน วตฺตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. อาสนฺทิกาทีนีติ เอตฺถ อาสนฺทิโกติ จตุรสฺสปีํ วุจฺจติ. ‘‘อุจฺจกมฺปิ อาสนฺทิก’’นฺติ วจนโต เอกโตภาเคน ทีฆปีเมว หิ อฏฺงฺคุลปาทกํ วฏฺฏติ. จตุรสฺสาสนฺทิโก ปน ปมาณาติกฺกนฺโตปิ วฏฺตีติ เวทิตพฺโพ. อาทิสทฺเทน ‘‘สตฺตงฺโค, ภทฺทปีกํ, เอฬกปาทกปีํ, อามลกวฏฺฏกปีํ, ผลกํ, โกจฺฉํ, ปลาลปีก’’นฺติ ¶ (จูฬว. อฏฺ. ๓๒๑) อิเม สงฺคณฺหนฺตีติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิ. ปณฺเณหิ วาติ กทลิปณฺณาทีหิ วา. พฺยคฺฆจมฺโมนทฺธมฺปิ วาฬรูปปริกฺขิตฺตํ รตนปริสิพฺพิตํ โกจฺฉกํ ครุภณฺฑเมว.
ฆฏฺฏนผลกํ นาม ยตฺถ เปตฺวา รชิตจีวรํ หตฺเถน ฆฏฺเฏนฺติ. ฆฏฺฏนมุคฺคโร นาม อนุวาตาทิฆฏฺฏนโกติ วทนฺติ. ทณฺฑมุคฺคโร นาม เยน รชิตจีวรํ โปเถนฺติ. อมฺพณนฺติ ผลเกหิ โปกฺขรณี วิย กตํ ปานียภาชนํ. รชนโทณีติ ปกฺกรชนํ อากิริตฺวา ปนภาชนํ.
อกปฺปิยจมฺมนฺติ สีหาทีนํ จมฺมํ. ‘‘ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ปจฺจตฺถรณคติก’’นฺติ อิมินา มฺจปีเปิ อตฺถริตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ปาวาราทิปจฺจตฺถรณมฺปิ ครุภณฺฑนฺติ เอเก. โนติ อปเร. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. กปฺปิยจมฺมานีติ มิคาทีนํ จมฺมานิ.
สพฺพํ จกฺกยุตฺตยานนฺติ รถสกฏาทิกํ สพฺพจกฺกยุตฺตยานํ. วิสงฺขริตจกฺกํ ปน ยานํ ภาชนียํ. อนฺุาตวาสิ นาม ยา สิปาฏิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ สกฺกาติ วุตฺตา. มุฏฺิปณฺณนฺติ ตาลปตฺตํ. ตฺหิ มุฏฺินา คเหตฺวา ปริหรนฺตีติ ‘‘มุฏฺิปณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ. มุฏฺิปณฺณนฺติ ฉตฺตจฺฉทนปณฺณเมวาติ เกจิ. อรณิสหิตนฺติ อรณิยุคฬํ, อุตฺตรารณี, อธรารณีติ อรณิทฺวยนฺติ อตฺโถ.
ผาติกมฺมํ ¶ กตฺวาติ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกวาลิกายปิ ถาวรํ วฑฺฒิกมฺมํ กตฺวา. ผาติกมฺมํ อกตฺวา คณฺหนฺเตน ตตฺเถว วลฺเชตพฺโพ. คมนกาเล สงฺฆิเก อาวาเส เปตฺวา คนฺตพฺพํ. อสติยา คเหตฺวา คเตน ปหิณิตฺวา ทาตพฺโพ. เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส เปตพฺโพ. เอตฺถาติ มตฺติกาภณฺเฑ. กุณฺฑิกาติ อโยกุณฺฑิกา เจว ตมฺพโลหกุณฺฑิกา จ. ภาชนียโกฏฺาสเมว ภชตีติ ภาชนียปกฺขเมว เสวติ, น ตุ ครุภณฺฑนฺติ อตฺโถ. กฺจนโก ปน ครุภณฺฑเมวาติ อธิปฺปาโย. อิตรนฺติ ครุภณฺฑํ.
ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา
ทฺวาทสเม ¶ น กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ.
ปริณามนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
สหธมฺมิกวคฺโค อฏฺโม.
๙. รตนวคฺโค
๑. อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา
อนิกฺขนฺตราชเก อนิคฺคตรตนเกติ เอตฺถ ‘‘สยนิฆเร’’ติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘อนิกฺขนฺโต ราชา อิโต’’ติอาทิ. ตตฺถ อิโตติ สยนิฆรโต. สยนิฆเรติ สยนียฆเร. ยตฺถ รฺโ สยนํ ปฺตฺตํ โหติ, อนฺตมโส สาณิปาการปริกฺขิตฺตมฺปิ, ตสฺมินฺติ วุตฺตํ โหติ. รติชนนฏฺเน รตนํ, หตฺถิอาทิ. อิธ ปน อิตฺถิรตนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘รตนํ วุจฺจติ มเหสี’’ติ.
อุโภสูติ ¶ ราชมเหสีสุ. กิริยากิริยนฺติ เอตฺถ อินฺทขีลาติกฺกโม กิริยํ, อปฺปฏิสํวิทิตํ อกิริยนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อนฺเตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา
มุตฺตาทิทสวิธนฺติ ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สงฺโข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตงฺโก มสารคลฺล’’นฺติ (ปาจิ. ๕๐๖) ทสวิธํ รตนํ. อชฺฌาวสเถติ เคเห. เตนาห ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺสา’’ติอาทิ, ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺสาติ อตฺโถ. อาวสโถติ เจตฺถ อนฺโตคาเม นิวิฏฺเคหํ อธิปฺเปตํ. อาราเม นิวิฏฺเคหํ ปน อชฺฌารามคฺคหเณเนว คหิตํ. ‘‘อาวสโถติ เจตฺถ อนฺโตอาราเม วา โหตุ, อฺตฺถ วา, อตฺตโน วสนฏฺานํ วุจฺจตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๐๖) เกจิ. สพฺเพสมฺปิ อตฺถาย ทุกฺกฏเมวาติ อตฺตโน วา เตสํ สงฺฆาทีนํ วา อตฺถาย อุคฺคณฺหนฺตสฺส วา อุคฺคณฺหาเปนฺตสฺส วา ทุกฺกฏเมว. สเจ ปน มาตาปิตูนํ สนฺตกํ อวสฺสํ ปฏิสาเมตพฺพํ ¶ กปฺปิยภณฺฑํ โหติ, อตฺตโน อตฺถาย คเหตฺวา ปฏิสาเมตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตาทิสํ ปนา’’ติอาทิ. ตาทิสนฺติ ยํ มาตาปิตูนํ สนฺตกํ อวสฺสํ ปฏิสาเมตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ, ตาทิสํ. ฉนฺเทนปิ ภเยนปีติ วฑฺฒกิอาทีสุ ฉนฺเทนปิ, ราชวลฺลเภสุ ภเยนปิ.
ตาทิเส าเนติ มหาวิหารสทิสสฺส มหารามสฺส ปาการปริกฺขิตฺเต ปริเวเณ. สฺาณํ กตฺวาติ ‘‘เอตฺตกา กหาปณา’’ติอาทินา รูเปน วา ลฺฉนาทินิมิตฺเตน วา สฺาณํ กตฺวา, สลฺลกฺเขตฺวาติ อตฺโถ. ปติรูปานํ ภิกฺขูนํ หตฺเถติ ลชฺชีนํ กุกฺกุจฺจกานํ ภิกฺขูนํ หตฺเถ. โลลชาติกานฺหิ หตฺเถ เปตุํ น ลพฺภติ. เนว ปกฺกมตีติ เนว ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมติ. ‘‘ถาวรํ เสนาสนํ วา’’ติอาทินา อตฺตโน จีวราทิมูลํ น กาตพฺพนฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๐๖) ทสฺเสติ. ตํ ทสฺเสตฺวาติ ยํ ถาวรเสนาสนาทิ กตํ, ตํ อุปาสก ตว สนฺตเกน อิทํ นาม กตนฺติ เอวํ ทสฺเสตฺวา. สมาทเปตฺวาติ อฺํ สมาทเปตฺวา, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ วุตฺตนเยน ยาจิตฺวาติ อตฺโถ.
อนฺุาตฏฺาเนติ อชฺฌารามอชฺฌาวสเถ. อามาสนฺติ อามสิตพฺพฺเจว ปฏิสาเมตพฺพฺจ วตฺถาทิ.
รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา
จาริตฺเตติ ¶ จาริตฺตสิกฺขาปเท. อุปจารนฺติ ทุติยเลฑฺฑุปาตํ. อฺํ คามํ คจฺฉนฺตานํ ปุน อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถีติ อุสฺสาหํ อปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา อฺํ คามํ คจฺฉนฺตานํ คามสตมฺปิ โหตุ, ปุน อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ. อุสฺสาหนฺติ คามปฺปวิสนุสฺสาหํ. อนฺตรารามาทีสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๑๕) น เกวลํ อนาปุจฺฉา คจฺฉนฺตสฺเสว, กายพนฺธนํ อพนฺธิตฺวา สงฺฆาฏึ อปารุปิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติ. อาปทาสูติ สีโห วา พฺยคฺโฆ วา อาคจฺฉติ, เมโฆ วา อุฏฺเติ, อฺโ วา โกจิ อุปทฺทโว อุปฺปชฺชติ ¶ , อนาปตฺติ. เอวรูปาสุ อาปทาสุ พหิคามโต อนฺโตคามํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ.
วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา
ตํ อสฺส อตฺถีติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๑๗) ปมํ ภินฺทิตฺวา ปจฺฉา เทเสตพฺพตฺตา ตํ เภทนกํ อสฺส ปาจิตฺติยสฺส อตฺถีติ.
อรณิเกติ อรณิธนุเก. วิเธติ เวธเก. วาสิชเฏติ วาสิทณฺฑเก จ.
สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา
อฏฺงฺคุลปาทกนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. ‘‘เฉทนกํ เภทนกสทิสเมวา’’ติ อิมินา ‘‘เฉทนเมว เฉทนกํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ เฉทนก’’นฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ.
ยถา ปมาณเมว อุปริ ทิสฺสติ, เอวํ นิขณิตฺวา วาติ สเจ ปน น ฉินฺทิตุกาโม โหติ, ยถา ปมาณเมว อุปริ ทิสฺสติ, เอวํ ภูมิยํ นิขณิตฺวา วา. อฏฺฏกํ วา พนฺธิตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา ตุลาสงฺฆาเต เปตฺวา อฏฺฏํ กตฺวา.
มฺจปีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา
จิมิลิกํ ¶ ปตฺถริตฺวา ตูลํ ปกฺขิปิตฺวาติ มฺจปีานํ อุปริ จิมิลิกํ ปตฺถริตฺวา ตสฺส อุปริ ตูลํ ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. อุปริ จิมิลิกายาติ อุปริมภาเค จิมิลิกาย.
สีสปฺปมาณนฺติ ¶ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗; สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๗) ยตฺถ คลวาฏกโต ปฏฺาย สพฺพสีสํ อุปทหนฺติ, ตํ สีสปฺปมาณํ. ตฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ติริยํ มุฏฺิรตนํ โหติ, ทีฆโต ทฺวิรตนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ โกเณสู’’ติอาทิมาห. ทฺวินฺนํ อนฺตรํ วิทตฺถิ จตุรงฺคุลํ โหตีติ ทฺวินฺนํ โกณานํ อนฺตรํ มินิยมานํ วิทตฺถิ เจว จตุรงฺคุลฺจ โหติ. มชฺเฌ มุฏฺิรตนนฺติ พิพฺโพหนสฺส มชฺฌํ ติริยโต มุฏฺิรตนปฺปมาณํ โหติ. อยฺหิ สีสปฺปมาณสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท. ตโต อุทฺธํ น วฏฺฏติ, เหฏฺา วฏฺฏติ. อคิลานสฺส สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจาติ ทฺวยเมว วฏฺฏติ. คิลานสฺส พิพฺโพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏติ.
ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
สตฺตมํ อุตฺตานเมว.
นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. กณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
อโธนาภิอุพฺภชาณุมณฺฑลนฺติ นาภิยา เหฏฺา ชาณุมณฺฑลานํ อุปริ. กณฺฑุปีฬกอสฺสาวถุลฺลกจฺฉาพาธานนฺติ เอตฺถ กณฺฑูติ กจฺฉุ. ปีฬกาติ โลหิตตุณฺฑิกา สุขุมปีฬกา. อสฺสาโวติ อริสภคนฺทลมธุเมหานํ วเสน อสุจิปคฺฆรณํ. ถุลฺลกจฺฉาพาโธติ มหาปีฬกาพาโธ วุจฺจติ.
กณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙-๑๐. วสฺสิกสาฏิกนนฺทสิกฺขาปทวณฺณนา
วสฺสิกสาฏิกนนฺทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
รตนวคฺโค นวโม.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
๑. ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
อนฺตรฆรํ ¶ ¶ ปวิฏฺายาติ รถิกํ พฺยูหํ สิงฺฆาฏกํ ฆรํ ปวิฏฺาย. อสปฺปายนฺติ สคฺคโมกฺขานํ อหิตํ อนนุกูลํ. ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆเร ตฺวา ททมานาย วเสเนตฺถ อาปตฺติ เวทิตพฺพา, ภิกฺขุสฺส ิตฏฺานํ ปน อปฺปมาณํ. เตนาห ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺายาติ วจนโต’’ติอาทิ. อนฺตรารามาทีสูติ อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยติตฺถิยเสยฺยาปฏิกฺกมเนสุ. รถิยาพฺยูหสิงฺฆาฏกฆรานนฺติ เอตฺถ รถิยาติ รจฺฉา. พฺยูหนฺติ อนิพฺพิชฺฌิตฺวา ิตา คตปจฺจาคตรจฺฉา. สิงฺฆาฏกนฺติ จตุกฺโกณํ วา ติโกณํ วา มคฺคสโมธานฏฺานํ. ฆรนฺติ กุลฆรํ. ยถา จ รถิยาทีสุ ตฺวา ททมานาย คณฺหโต อาปตฺติ, เอวํ หตฺถิสาลาทีสุปิ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ยามกาลิกาทีสุ ปฏิคฺคหเณปิ อชฺโฌหรเณปิ ทุกฺกฏ’’นฺติ อิทํ อามิเสน อสมฺภินฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ, สมฺภินฺเน ปน เอกรเส ปาฏิเทสนียเมว. เอกโต อุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย, ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ยถาวตฺถุกเมว.
าติกาย วา ทาเปนฺติยาติ สยํ อทตฺวา ยาย กายจิ าติกาย ทาเปนฺติยา, อฺาติกายาติ อตฺโถ. อุปนิกฺขิปิตฺวา วา ททมานายาติ ภูมิยํ เปตฺวา ‘‘อิทํ, อยฺย, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ ททมานาย. เอวํ ทินฺนํ ‘‘สาธุ, ภคินี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาย เอว วา ภิกฺขุนิยา, อฺเน วา เกนจิ ปฏิคฺคหาเปตฺวา อิทํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ.
ปมปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
โย ¶ จ ปฏิคฺคเหตฺวา ภฺุชตีติ สมฺพนฺโธ. อตฺตโน วา ภตฺตํ ทาเปนฺติยาติ เอตฺถ สเจปิ อตฺตโน ภตฺตํ เทติ, อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติเยว, ปุริมสิกฺขาปเทน อาปตฺติ. อฺเสํ วา ภตฺตํ เทนฺติยาติ เอตฺถ ¶ ปน สเจ ทาเปยฺย, อิมินา สิกฺขาปเทน อาปตฺติ ภเวยฺย, เทนฺติยา ปน เนว อิมินา, น ปุริเมน อาปตฺติ.
ทุติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
ลทฺธเสกฺขสมฺมุติกานีติ ตฺติทุติเยน กมฺเมน ลทฺธเสกฺขสมฺมุติกานิ. ยฺหิ กุลํ สทฺธาย วฑฺฒติ, โภเคน หายติ, เอวรูปสฺส กุลสฺส ตฺติทุติเยน กมฺเมน เสกฺขสมฺมุตึ เทนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ฆรโต นีหริตฺวาติ ฆรโต อาสนสาลํ วา วิหารํ วา อาเนตฺวา. เตนาห ‘‘อาสนสาลาทีสุ วา’’ติ. อิมสฺส ‘‘เทนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ทฺวารมูเล วา ปิตํ เทนฺตีติ ทฺวารมูเล ปิตํ ปจฺฉา สมฺปตฺตสฺส เทนฺติ. ภิกฺขุํ ปน ทิสฺวา อนฺโตเคหโต นีหริตฺวา ทิยฺยมานํ น วฏฺฏติ. นิจฺจภตฺตเกติ นิจฺจํ ทาตพฺพภตฺตเก. สลากภตฺเตติ รุกฺขสารมยาย สลากาย วา เวฬุวิลีวตาลปณฺณาทิมยาย ปฏฺฏิกาย วา ‘‘อสุกสฺส นาม สลากภตฺต’’นฺติ เอวํ อกฺขรานิ อุปนิพนฺธิตฺวา คาหาเปตฺวา ทาตพฺพภตฺเต. ปกฺขิเกติ เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวเส ทาตพฺพภตฺเต. อุโปสถิเกติ อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺเต. ปาฏิปทิเกติ ปาฏิปททิวเส ทาตพฺพภตฺเต.
ตติยปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺส ปริวารํ กตฺวา, อฺํ วา เตน สทฺธึ พหุกมฺปีติ ยาคุยา ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา ‘‘กึ สุทฺธาย ยาคุยา ทินฺนาย, ปูวภตฺตาทีนิปิ เอติสฺสา ยาคุยา ปริวารํ กตฺวา, ทสฺสามา’’ติอาทินา ¶ ตสฺส ขาทนียสฺส วา โภชนียสฺส วา ปริวารํ กตฺวา, อฺํ วา ยํ กิฺจิ เตน สทฺธึ พหุกมฺปิ อาหรียตุ. ขาทนียนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ‘‘โภชนียํ วา’’ติปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. เตน สทฺธึ อาหรนฺตูติ เตน สทฺธึ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อาหรนฺตุ. ‘‘ยาคุยา ¶ ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา ปูวํ วา ภตฺตํ วา อาหรนฺติ, เอตมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๕๗๓) กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ.
ปฏิสํวิทิตคิลานาวเสสกํ วาติ ปฏิสํวิทิตฺจ คิลาโน จ ปฏิสํวิทิตคิลานา, เตสํ อวเสสกํ, ปฏิสํวิทิตสฺส จ คิลานสฺส จ เสสกนฺติ อตฺโถ. เอกสฺสตฺถาย ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา อาหฏํ, ตสฺส เสสกํ อฺสฺสาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. จตุนฺนํ วา ปฺจนฺนํ วา ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา พหูนํ อาหฏํ โหติ, อฺเสมฺปิ ทาตุํ อิจฺฉนฺติ, เอตมฺปิ ปฏิสํวิทิตเสสกเมว, สพฺเพสมฺปิ วฏฺฏติ. อถ อธิกเมว โหติ, สนฺนิธึ โมเจตฺวา ปิตํ ทุติยทิวเสปิ วฏฺฏติ. คิลานสฺสาหฏาวเสเสปิ เอเสว นโย. ยํ ปน อปฺปฏิสํวิทิตเมว กตฺวา อาภตํ, ตํ พหิอารามํ เปเสตฺวา ปฏิสํวิทิตํ กาเรตฺวา อาหราเปตพฺพํ, ภิกฺขูหิ วา คนฺตฺวา อนฺตรามคฺเค คเหตพฺพํ. ยมฺปิ วิหารมชฺเฌน คจฺฉนฺโต วา วนจรกาทโย วา วนโต อาหริตฺวา เทนฺติ, ปุริมนเยเนว ปฏิสํวิทิตํ กาเรตพฺพํ. กตฺถจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปฏิสํวิทิตํ กตฺวา อาหฏํ วา คิลานาวเสสกํ วา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น คเหตพฺโพ. ตตฺถชาตกเมว วาติ อาราเม ชาตกเมว. มูลผลาทินฺติ มูลผลตจปตฺตาทึ อฺเน กปฺปิยํ กตฺวา ทินฺนํ ปริภฺุชโต อนาปตฺติ. สเจ ปน ตํ คามํ หริตฺวา ปจิตฺวา อาหรนฺติ, น วฏฺฏติ. ปฏิสํวิทิตํ กาเรตพฺพํ.
จตุตฺถปาฏิเทสนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ปาฏิเทสนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสขิยกณฺฑํ
๑. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อนฺตรฆเร’’ติ ¶ ¶ วิเสเสตฺวา น วุตฺตตฺตา ‘‘อาราเมปิ อนฺตรฆเรปิ สพฺพตฺถา’’ติ วุตฺตํ. อาราเมปีติ พุทฺธูปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา ‘‘ตตฺริเม จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา อุทฺเทสํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺเฉโท กโต, เอวเมตฺถาปิ ‘‘ตตฺริเม ปฺจสตฺตติ เสขิยา ธมฺมา อุทฺเทสํ อาคจฺฉนฺตี’’ติ กสฺมา ปริจฺเฉโท น กโตติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตวตฺตานิปีติ อาคนฺตุกาวาสิกคมิกานุโมทนภตฺตคฺคปิณฺฑจาริการฺเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฏิอุปชฺฌาจริยสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกวตฺตานิ. อิทฺจ นิทสฺสนมตฺตํ อฺเสมฺปิ ขนฺธกวตฺตานํ เอตฺเถว สงฺคหสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – เสขิยคฺคหเณน เจตฺถ วตฺตกฺขนฺธกาทีสุ (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) อาคตวตฺตาทีนมฺปิ คหณํ. เตปิ หิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน ‘‘เสขิยา’’ติ อิจฺฉิตา. ตสฺมา มาติกายํ ปาราชิกาทีนํ วิย เสขิยานํ ปริจฺเฉโท น กโตติ. น เกวลํ วตฺตกฺขนฺธกาทีสุ (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) อาคตวตฺตาทีนํ คหณตฺถเมวาติ อาห ‘‘จาริตฺตวินยทสฺสนตฺถฺจา’’ติ. เอตฺถาปิ ปริจฺเฉโท น กโตติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. มาติกาย ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ อวุตฺเต กถํ ปเนตฺถ ทุกฺกฏนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ.
อฏฺงฺคุลมตฺตนฺติ ปกตงฺคุเลน อฏฺงฺคุลมตฺตํ. โย ปน สุกฺขชงฺโฆ วา มหาปิณฺฑิกมํโส วา โหติ, ตสฺส สารุปฺปตฺถาย อฏฺงฺคุลาธิกมฺปิ โอตาเรตฺวา นิวาเสตุํ วฏฺฏติ.
ปาสนฺตนฺติ ปาสสฺส อนฺตํ, ทสามูลนฺติ อตฺโถ.
อปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ ‘‘ปุรโต วา ปจฺฉโต วา โอลมฺเพตฺวา นิวาเสสฺสามี’’ติ เอวํ ¶ อสฺจิจฺจ. กิฺจาปิ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติ, ตถาปิ นิวาสนวตฺตํ สาธุกํ อุคฺคเหตพฺพเมว. สฺจิจฺจ อนุคฺคหณฺหิ อนาทริยํ สิยาติ อาห ‘‘อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติ.
ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา
ปฏิกฺขิตฺตํ ¶ คิหิปารุตนฺติ ขุทฺทกวตฺถุขนฺธเก ปฏิกฺขิตฺตํ คิหิปารุตํ. อิทานิ ‘‘น, ภิกฺขเว’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๘๐-๒๘๑) สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถเมว วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ยํ กิฺจิ อฺถา ปารุตนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ ยสฺมา เสตปฏปารุตาทิ คิหิปารุตํ นาม, ตสฺมา. เสตปฏาติ เอตสฺเสว วิวรณํ. อฑฺฒปาลกนิคณฺาติ อฑฺฒํ ปาเลนฺตีติ อฑฺฒปาลกา, อฑฺฒปาลกา จ เต นิคณฺา จาติ อฑฺฒปาลกนิคณฺา. เต หิ อุปริ เอกเมว เสตวตฺถํ อุปกจฺฉเก ปเวเสตฺวา ปริทหนฺติ, เหฏฺา นคฺคาปิ อฑฺฒเมว ปาเลนฺติ. ปริพฺพาชกาติ คิหิพนฺธนํ ปหาย ปพฺพชฺชูปคตา. อุรํ วิวริตฺวาติ หทยมชฺฌํ วิวริตฺวา. อกฺขิตารกามตฺตนฺติ อกฺขิมตฺตํ. อาราเม วาติ พุทฺธูปฏฺานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนฺตรฆเร วาติ อนฺตเร ฆรานิ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ ลทฺธนาเม คาเม.
ทุติยปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. สุปฺปฏิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา
สุฏฺุ ปฏิจฺฉนฺโนติ ชตฺตุมฺปิ อุรมฺปิ อวิวริตฺวา ปฏิจฺฉาเทตพฺพฏฺาเน ปฏิจฺฉาทเนน ปฏิจฺฉนฺโน, น สีสปารุโต. เตนาห ‘‘คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวาติ คณฺิกํ ปาสเก ปฏิมฺุจิตฺวา. อนฺตรฆเร วาติ โคจรคาเม. เอกทิวสมฺปิ วาสูปคตสฺส สนฺติกํ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฏฺฏติ, โก ปน วาโท จตุปฺปฺจาหํ วาสมธิฏฺาย วสิตภิกฺขูนํ สนฺติกนฺติ คณฺิปเท ลิขิตํ.
วาสูปคตสฺสาติ ¶ รตฺติวาสตฺถาย อุปคตสฺส รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา กายํ วิวริตฺวา นิสีทโต อนาปตฺติ.
สุปฺปฏิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๖. สุสํวุตสิกฺขาปทวณฺณนา
สุสํวุโตติ ¶ สุสํยโต. ยถา ปเนตฺถ สุสํวุโต นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘หตฺถํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สุสํวุตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๘. โอกฺขิตฺตจกฺขุสิกฺขาปทวณฺณนา
กิตฺตเกน ปน โอกฺขิตฺตจกฺขุ โหตีติ อาห ‘‘ยุคมตฺตํ ภูมิภาคํ เปกฺขมาโน’’ติ. ยุคยุตฺตโก หิ ทนฺโต อาชาเนยฺโย ยุคมตฺตํ เปกฺขติ, ปุรโต จตุหตฺถปฺปมาณํ ภูมิภาคํ, อิมินาปิ เอตฺตกํ เปกฺขนฺเตน คนฺตพฺพํ. โย อนาทริยํ ปฏิจฺจ ตํ ตํ ทิสาภาคํ ปาสาทํ กูฏาคารํ วีถึ โอโลเกนฺโต คจฺฉติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสยาภาวนฺติ ปริสฺสยนฏฺเน, อภิภวนฏฺเน, วิเหนฏฺเน วา ปริสฺสโย, หตฺถิอสฺสาทิเยว ปริสฺสโย หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสโย, ตสฺสาภาวํ, หตฺถิอสฺสาทิ อุปทฺทวาภาวนฺติ อตฺโถ. ‘‘ยถา จ เอกสฺมึ าเน ตฺวา, เอวํ คจฺฉนฺโตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยว, ตถา คาเม ปูช’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๘๒) วทนฺติ.
โอกฺขิตฺตจกฺขุสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙-๑๐. อุกฺขิตฺตกายสิกฺขาปทวณฺณนา
อนฺโตอินฺทขีลโต ปฏฺายาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อนฺโตอุมฺมารโต ปฏฺาย, อปริกฺขิตฺตสฺส ปน ทุติยเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย น เอวํ คนฺตพฺพํ.
อุกฺขิตฺตกายสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑-๑๒. อุชฺชคฺฆิกสิกฺขาปทวณฺณนา
หสนียสฺมึ ¶ วตฺถุสฺมินฺติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ, หสิตพฺพวตฺถุการณาติ อตฺโถ.
อุชฺชคฺฆิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓-๑๔. อุจฺจสทฺทสิกฺขาปทวณฺณนา
กิตฺตาวตา ¶ อปฺปสทฺโท โหตีติ อาห ‘‘อยํ ปเนตฺถา’’ติอาทิ. สทฺทเมว สุณาตีติ อปริพฺยตฺตกฺขรํ สทฺทมตฺตเมว สุณาติ. เตนาห ‘‘กถํ น ววตฺถเปตี’’ติ.
อุจฺจสทฺทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๕-๒๐. กายปฺปจาลกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘กายาทีนิ ปคฺคเหตฺวา’’ติ เอตสฺเสว วิวรณํ ‘‘นิจฺจลานิ อุชุกานิ เปตฺวา’’ติ คนฺตพฺพฺเจว นิสีทิตพฺพฺจาติ สเมน อิริยาปเถน คนฺตพฺพฺเจว นิสีทิตพฺพฺจ. กายปฺปจาลกาทิยุตฺตํ ฉกฺกํ.
กายปฺปจาลกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๖. ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุสฺสปลฺลตฺถิกายาติ เอตฺถ อาโยคปลฺลตฺถิกาปิ ทุสฺสปลฺลตฺถิกาเยว.
ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉพฺพีสติสารุปฺปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๗. สกฺกจฺจปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
สตึ ¶ อุปฏฺาเปตฺวาติ ฉฑฺเฑตุกาโม วิย อหุตฺวา ปิณฺฑปาเต สตึ อุปฏฺาเปตฺวา, ‘‘ปิณฺฑปาตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สตึ อุปฏฺาเปตฺวา.
สกฺกจฺจปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๘. ปตฺตสฺีปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปนิพทฺธสฺี ¶ หุตฺวาติ ปิณฺฑปาตํ เทนฺเต อนาทริยํ ปฏิจฺจ ตหํ ตหํ อโนโลเกตฺวา ปตฺเต อาโภคสฺี หุตฺวา.
ปตฺตสฺีปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๙. สมสูปกปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
สมสูปกนฺติ ปมาณยุตฺตํ สูปวนฺตํ กตฺวา, ภาวนปุํสกนิทฺเทโส จายํ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘สมสูปโก นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพาปิ สูเปยฺยพฺยฺชนวิกตีติ โอโลณิสากสูเปยฺยมจฺฉมํสรสาทิกา สพฺพาปิ สูเปยฺยพฺยฺชนวิกติ.
สมสูปกปฏิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๐-๓๒. สมติตฺติกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สมติตฺติกนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, สมติตฺติกํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอวมฺเสุปิ อีทิเสสุ าเนสุ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สมปุณฺณนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๐๕) ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขาสมปุณฺณํ. สมภริตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตฺจ โข อธิฏฺานุปคปตฺตสฺเสว, เนตรสฺส. เตนาห ‘‘อธิฏฺานุปคปตฺตสฺสา’’ติอาทิ. รจิตนฺติ กตํ, ปกฺขิตฺตํ ปูริตนฺติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ ยาวกาลิกนฺติ ยาคุภตฺตผลาผลาทึ ยํ กิฺจิ อามิสชาติกํ. ยตฺถ กตฺถจีติ อธิฏฺานุปโค วา โหตุ, อนธิฏฺานุปโค วา ยตฺถ กตฺถจิ ปตฺเต ¶ . ถูปีกตานีติ ถูปํ วิย กตานิ, อธิฏฺานุปคสฺส ปตฺตสฺส อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ อติกฺกมิตฺวา กตานีติ อตฺโถ. อิทฺจ ‘‘ยามกาลิกาทีนี’’ติ อิมสฺส วเสน วุตฺตํ, ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติ อิมสฺส ปน วเสน วจนพฺยตฺตยํ กตฺวา ‘‘ถูปีกตมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ โยเชตพฺพํ. ปิ-สทฺเทน อถูปีกตานิ วฏฺฏนฺตีติ เอตฺถ กถาว นตฺถีติ ทสฺเสติ. เหฏฺา โอโรหตีติ สมนฺตา โอกาสสพฺภาวโต จาลิยมานํ เหฏฺา ภสฺสติ ¶ . ตกฺโกลวฏํสกาทโยติ เอตฺถ มตฺถเก ปิตตกฺโกลเมว วฏํสกสทิสตฺตา ตกฺโกลวฏํสกํ. อาทิสทฺเทน ปุปฺผวฏํสกกฏุกผลาทิวฏํสกานํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๐๕) คหณํ, น ตํ ถูปีกตํ นาม โหติ ปาเฏกฺกํ ภาชนตฺตา ปณฺณาทีนํ.
สมติตฺติกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๓-๓๔. สปทานสิกฺขาปทวณฺณนา
สปทานนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๐๘) เอตฺถ ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโต อปทานํ, อนวขณฺฑนฺติ อตฺโถ, สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนวิรหิตํ, อนุปฏิปาฏิยาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ โอธึ อกตฺวา อนุปฏิปาฏิยา’’ติ.
สปทานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๖. โอทนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปทวณฺณนา
มาฆาตสมยาทีสูติ เอตฺถ ยสฺมึ สมเย ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติ ราชาโน เภรึ จราเปนฺติ, อยํ มาฆาตสมโย นาม. พฺยฺชนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา เทนฺตีติ พฺยฺชนํ ฉนฺนํ กตฺวา เทนฺติ.
โอทนปฺปฏิจฺฉาทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๗. สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกาทสเมติ สูโปทนวิฺตฺติยํ. เอตฺถ ปน ยสฺส มุเข ปกฺขิปิตฺวา วิปฺปฏิสาเร อุปฺปนฺเน ¶ ปุน อุคฺคิริตุกามสฺสาปิ สเจ สหสา ปวิสติ, อยํ อสฺจิจฺจ ปริภฺุชติ นาม. โย ปน วิฺตฺตมฺปิ อวิฺตฺตมฺปิ เอกสฺมึ าเน ิตํ สหสา อนุปธาเรตฺวา คเหตฺวา ภฺุชติ, อยํ อสติยา ภฺุชติ นาม.
สูโปทนวิฺตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๘. อุชฺฌานสฺีสิกฺขาปทวณฺณนา
อุชฺฌายติ ¶ เอเตนาติ อุชฺฌานํ, จิตฺตํ, ตสฺมึ สฺา อุชฺฌานสฺาติ อาห ‘‘อุชฺฌานสฺี’’ติอาทิ. โอโลเกนฺตสฺสาติ ปเรสํ ปตฺตํ โอโลเกนฺตสฺส.
อุชฺฌานสฺีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๙. กพฬสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘มยูรณฺฑํ อติมหนฺต’’นฺติ วจนโต มยูรณฺฑปฺปมาโณปิ กพโฬ น วฏฺฏติ. เกจิ ปน ‘‘มยูรณฺฑโต มหนฺโตว น วฏฺฏติ, น มยูรณฺฑปฺปมาโณ’’ติปิ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. กุกฺกุฏณฺฑํ อติขุทฺทกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, คิลานสฺส ปน อติขุทฺทกํ กพฬํ กโรโตปิ อนาปตฺติ.
กพฬสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔๑-๔๒. อนาหฏสิกฺขาปทวณฺณนา
สกลํ หตฺถนฺติ สกลา องฺคุลิโย. หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘หตฺถมุทฺทา’’ติอาทีสุ วิย. เอวฺจ กตฺวา สพฺพคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. อฺถา สกลํ หตฺถํ มุเข ปเวเสตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา สพฺพคฺคหณมสมตฺถิตเมว สิยา. สมุทาเย ปวตฺตสฺส จ โวหารสฺส อวยเวปิ ปวตฺตนโต เอกงฺคุลิมฺปิ ตโต เอกเทสมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ.
อนาหฏสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔๓. สกพฬสิกฺขาปทวณฺณนา
ตตฺตเก ¶ สติ วฏฺฏตีติ ตตฺตเก มุขมฺหิ สติ กเถตุํ วฏฺฏติ.
สกพฬสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๐-๕๑. จปุจปุการกสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘จปุ ¶ จปู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวาติ ‘‘จปุ จปู’’ติ เอวํ อนุกรณสทฺทํ กตฺวา. ‘‘ปฺจวีสติเมปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘สุรุสุรุการกนฺติ ‘สุรู สุรู’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา’’ติ อิมมตฺถมติทิสติ.
จปุจปุการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตึสโภชนปฺปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕๗. ฉตฺตปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา
ยํ กิฺจิ ฉตฺตนฺติ เสตจฺฉตฺตกิลฺชจฺฉตฺตปณฺณจฺฉตฺเตสุ ยํ กิฺจิ ฉตฺตํ. ยมฺปิ ตตฺถชาตกทณฺฑเกน กตํ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ โหติ, ตมฺปิ ฉตฺตเมว. ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวติ อํสอูรุอาทิเก ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเวติ.
ฉตฺตปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๐. อาวุธปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา
สพฺพาปิ ธนุวิกตีติ จาปโกทณฺฑาทิเภทา สพฺพาปิ ธนุวิกติ. จาโปติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๓๗) มชฺเฌ วงฺกา กาชทณฺฑสทิสา ธนุวิกติ. โกทณฺโฑติ วฏฺฏลทณฺฑา ธนุวิกติ. ปฏิมุกฺกนฺติ ปเวสิตํ ลคฺคิตํ. ยาว น คณฺหาตีติ ยาว หตฺเถน น คณฺหาติ, อยเมว วา ปาโ. ตาว วฏฺฏตีติ ตาว ธมฺมํ เทเสตุํ วฏฺฏติ.
อาวุธปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๑-๖๒. ปาทุกสิกฺขาปทวณฺณนา
เกวลํ ¶ อกฺกนฺตสฺสาติ เกวลํ ปาทุกํ อกฺกมิตฺวา ิตสฺส. ปฏิมุกฺกสฺสาติ ปฏิมฺุจิตฺวา ิตสฺส. เตนาห ‘‘ปเวเสตฺวา านวเสนา’’ติ.
ปาทุกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖๓. ยานสิกฺขาปทวณฺณนา
ยานคตสฺสาติ ¶ ‘‘ยานํ นาม วยฺหํ, รโถ, สกฏํ, สนฺธมานิกา, สิวิกา, ปาฏงฺกี’’ติ (ปาจิ. ๖๔๐, ๑๑๘๗) วุตฺตํ ยานํ อุปาทาย อนฺตมโส หตฺถสงฺฆาฏมฺหิ คตสฺส. เตนาห ‘‘สเจปิ ทฺวีหิ ชเนหี’’ติอาทิ. วยฺหาทิเกติ เอตฺถ วยฺหนฺติ อุปริ มณฺฑปสทิสํ ปทรจฺฉทนํ, สพฺพปาลิคุณฺิมํ วา ฉาเทตฺวา กตํ สกฏวิเสสํ ‘‘วยฺห’’นฺติ วทนฺติ. อาทิสทฺเทน รถาทีนํ คหณํ.
ยานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗๕. อุทเกอุจฺจารสิกฺขาปทวณฺณนา
ปกิณฺณกนฺติ โวมิสฺสกนยํ. สจิตฺตกนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๕๗๖) วตฺถุวิชานนจิตฺเตน, ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺเตน จ สจิตฺตกํ. ‘‘อนาทริยํ ปฏิจฺจา’’ติ (ปาจิ. ๖๕๔) วุตฺตตฺตา ยสฺมา อนาทริยวเสเนว อาปชฺชิตพฺพโต อิทํ สพฺพํ เกวลํ อกุสลเมว, ตฺจ ปกติยา วชฺชํ, สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺจ โทมนสฺสิกสฺเสว โหติ, ตสฺมา ‘‘โลกวชฺชํ อกุสลจิตฺตํ ทุกฺขเวทน’’นฺติ วุตฺตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
เอกูนวีสติธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
เสขิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิกรณสมถวณฺณนา
คณนปริจฺเฉโทติ ¶ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท. อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ. เก อธิกรียนฺติ? สมถา. กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสน. ตสฺมา เต เตสํ สมนวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อธิกรณานิ สเมนฺตี’’ติอาทิ. อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ อุฏฺิตานํ อุฏฺิตานํ. กิฺจาปิ ¶ อธิกรณฏฺเน เอกวิธํ, ตถาปิ วตฺถุวเสน นานา โหตีติ ‘‘อธิกรณาน’’นฺติ พหุวจนํ กตํ. อิทานิ ตสฺส นานาตฺตํ ทสฺเสตฺวา วิวริตุํ ‘‘วิวาทาธิกรณ’’นฺติอาทิมาห. วิวาโทเยว อธิกรณํ วิวาทาธิกรณํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํ.
อธิกรณสฺส สมฺมุขา วินยนโต สมฺมุขาวินโย. ทพฺพมลฺลปุตฺตตฺเถรสทิสสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺเสว ทาตพฺโพ วินโย สติวินโย. สมฺมูฬฺหสฺส คคฺคภิกฺขุสทิสสฺส อุมฺมตฺตกสฺส ทาตพฺโพ วินโย อมูฬฺหวินโย. ปฏิฺาเตน กรณภูเตน กรณํ ปฏิฺาตกรณํ. อถ วา ปฏิฺาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณํ กิริยา, ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฏิฺาตกรณํ. ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, เอสา เยภุยฺยสิกา นาม. โย ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส อุปวาฬภิกฺขุสทิสสฺส กตฺตพฺพโต ตสฺสปาปิยสิกา, อลุตฺตสมาโสยํ. ติณวตฺถารกสทิสตฺตา ติณวตฺถารโก. ยถา (จูฬว. อฏฺ. ๒๑๒) หิ คูถํ วา มุตฺตํ วา ฆฏฺฏิยมานํ ทุคฺคนฺธตาย พาธติ, ติเณหิ อวตฺถริตฺวา สุปฺปฏิจฺฉาทิตสฺส ปนสฺส คนฺโธ น พาธติ, เอวเมว ยํ อธิกรณํ มูลานุมูลํ คนฺตฺวา วูปสมิยมานํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวตฺตติ, ตํ อิมินา กมฺเมน วูปสนฺตํ คูถํ วิย ติณวตฺถารเกน ปฏิจฺฉนฺนํ สุวูปสนฺตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติณวตฺถารกสทิสตฺตา ติณวตฺถารโก’’ติ.
ตตฺราติ เตสุ สตฺตสุ อธิกรณสมเถสุ. ‘‘อฏฺารสหิ วตฺถูหี’’ติ ลกฺขณวจนเมตํ ‘‘ยทิ เม พฺยาธิกา ภเวยฺยุํ, ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๙-๔๒) วิย. ตสฺมา เตสุ อฺตเรน วิวทนฺตา อฏฺารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตีติ วุจฺจติ. วิวาโทติ วิปจฺจนีกวาโท. อุปวทนาติ อกฺโกโส. โจทนาติ อนุโยโค. ทฺเวติ ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตาปตฺติโย ¶ ทฺเว. จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณนฺติ จตุนฺนํ กมฺมานํ อนฺตเร ยสฺส กสฺสจิ กมฺมสฺส กรณํ.
เอวํ อธิกรณานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ อิทํ อธิกรณํ เอตฺตเกหิ สมเถหิ สมฺมตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมึ วิหาเร อุปฺปนฺนํ ¶ , ตสฺมึเยว วา สมฺมตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ ยสฺมึ วิหาเร อุปฺปนฺนนฺติ ‘‘ยสฺมึ วิหาเร มยฺหํ อิมินา ปตฺโต คหิโต, จีวรํ คหิต’’นฺติอาทินา (ปริ. อฏฺ. ๓๔๑) นเยน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย วิวาทาธิกรณํ อุปฺปนฺนํ โหติ. ตสฺมึเยว วา สมฺมตีติ ตสฺมึ วิหาเรเยว อาวาสิเกหิ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อลํ, อาวุโส’’ติ อตฺถปจฺจตฺถิเก สฺาเปตฺวา ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉเยเนว วูปสเมนฺเตหิ สมฺมติ. สเจ ปน ตํ อธิกรณํ เนวาสิกา วูปสเมตุํ น สกฺโกนฺติ, อถฺโ วินยธโร อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, อาวุโส, อิมสฺมึ วิหาเร อุโปสโถ วา ปวารณา วา ิตา’’ติ ปุจฺฉติ, เตหิ จ ตสฺมึ การเณ กถิเต ตํ อธิกรณํ ขนฺธกโต จ ปริวารโต จ สุตฺเตน วินิจฺฉินิตฺวา วูปสเมติ. เอวมฺปิ เอตสฺมึเยว สมฺมตีติ ทฏฺพฺพํ.
อฺตฺถ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค วา สมฺมตีติ ‘‘น มยํ เอตสฺส วินิจฺฉเย ติฏฺาม, นายํ วินเย กุสโล, อมุกสฺมึ นาม คาเม วินยธรา เถรา วสนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา วินิจฺฉินิสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค วา การณํ สลฺลกฺเขตฺวา อฺมฺํ สฺาเปนฺเตหิ, อฺเหิ วา เต ภิกฺขู นิชฺฌาเปนฺเตหิ สมฺมติ. น เหว โข ปน อฺมฺสฺตฺติยา วา สภาคภิกฺขุนิชฺฌาปเนน วา วูปสนฺตํ โหติ, อปิจ โข ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺโต เอโก วินยธโร ทิสฺวา ‘‘กตฺถาวุโส, คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อมุกํ นาม คามํ อิมินา นาม กรเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘อลํ, อาวุโส, กึ ตตฺถ คเตนา’’ติ ตตฺเถว ธมฺเมน วินเยน ตํ อธิกรณํ วูปสเมติ. เอวมฺปิ อนฺตรามคฺเค วูปสมฺมติ นาม.
ยตฺถ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สงฺเฆน วาติ สเจ ปน ‘‘อลํ, อาวุโส, กึ ตตฺถ คเตนา’’ติ วุจฺจมานาปิ ‘‘มยํ ตตฺเถว คนฺตฺวา วินิจฺฉยํ ปาเปสฺสามา’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๓๔๑) วินยธรสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ยตฺถ คนฺตฺวา สภาคภิกฺขุสงฺฆสฺส อธิกรณํ นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สงฺเฆน ‘‘อลํ, อาวุโส, สงฺฆสนฺนิปาตํ นาม ครุก’’นฺติ ตตฺเถว นิสีทิตฺวา วินิจฺฉิตํ สมฺมติ. น เหว โข ปน สภาคภิกฺขูนํ สฺตฺติยา วูปสนฺตํ โหติ, อปิจ โข สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อาโรจิตํ สงฺฆมชฺเฌ วินยธรา วูปสเมนฺติ. เอวมฺปิ ตตฺถ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ สมฺมติ นาม.
อุพฺพาหิกาย ¶ ¶ สมฺมตปุคฺคเลหิ วา วินิจฺฉิตนฺติ อปโลเกตฺวา วา ขนฺธเก วุตฺตาย วา ตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมเตหิ ปุคฺคเลหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา, ตสฺสาเยว วา ปริสาย ‘‘อฺเน น กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๓๑) สาเวตฺวา วินิจฺฉิตํ. อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตา จตุพฺพิธา สมฺมุขตา.
การกสงฺฆสฺสาติ วูปสเมตุํ สนฺนิปติตสฺส การกสงฺฆสฺส. สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโวติ ‘‘ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโฏ โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฏิกฺโกสนฺตี’’ติ (จูฬว. ๒๒๘) เอวํ วุตฺตสงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, เอเตน ยถา ตถา ปธานการกปุคฺคลานํ สมฺมุขตามตฺตํ สงฺฆสมฺมุขตา นาม น โหตีติ ทสฺเสติ. ภูตตาติ ตจฺฉตา. สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺมสทฺโท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) วิย. วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมนาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. เตนาห ‘‘ยถา ตํ…เป… วินยสมฺมุขตา’’ติ. เยนาติ เยน ปุคฺคเลน. อตฺถปจฺจตฺถิกานนฺติ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๒๘) วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกานํ. สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโต.
นนฺติ วิวาทาธิกรณํ. ปฺจงฺคสมนฺนาคตนฺติ (จูฬว. ๒๓๔) ‘‘น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ, คหิตาคหิตํ ชานาตี’’ติ วุตฺเตหิ ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ. คูฬฺหกวิวฏกสกณฺณชปฺปเกสุ ตีสุ สลากคฺคาเหสูติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ สฺตฺติยา ตโย สลากคฺคาหเก คูฬฺหกํ, วิวฏกํ, สกณฺณชปฺปก’’นฺติ (จูฬว. ๒๓๕) สมถกฺขนฺธเก วุตฺเตสุ ตีสุ สลากคฺคาเหสุ. สลากํ คาเหตฺวาติ ธมฺมวาทีนฺจ อธมฺมวาทีนฺจ สลากาโย นิมิตฺตสฺํ อาโรเปตฺวา จีวรโภเค กตฺวา สมถกฺขนฺธเก วุตฺตนเยน คาหาเปตฺวา. เอวฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ –
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, คูฬฺหโก สลากคฺคาโห โหติ? เตน สลากคฺคาหาปเกน ภิกฺขุนา สลากาโย วณฺณาวณฺณาโย กตฺวา เอกเมโก ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ¶ ‘อยํ เอวํวาทิสฺส สลากา, อยํ เอวํวาทิสฺส สลากา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหี’ติ. คหิเต วตฺตพฺโพ ‘มา จ กสฺสจิ ทสฺเสหี’ติ. สเจ ชานาติ ‘อธมฺมวาที พหุตรา’ติ, ‘ทุคฺคโห’ติ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตพฺพํ. สเจ ชานาติ ‘ธมฺมวาที พหุตรา’ติ ¶ , ‘สุคฺคโห’ติ สาเวตพฺพํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, คูฬฺหโก สลากคฺคาโห โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, วิวฏโก สลากคฺคาโห โหติ? สเจ ชานาติ ‘ธมฺมวาที พหุตรา’ติ, วิสฺสฏฺเเนว วิวเฏน คาเหตพฺโพ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, วิวฏโก สลากคฺคาโห โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, สกณฺณชปฺปโก สลากคฺคาโห โหติ? เตน สลากคฺคาหาปเกน ภิกฺขุนา เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน อุปกณฺณเก อาโรเจตพฺพํ ‘อยํ เอวํวาทิสฺส สลากา, อยํ เอววาทิสฺส สลากา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหี’ติ. คหิเต วตฺตพฺโพ ‘มา จ กสฺสจิ อาโรเจหี’ติ. สเจ ชานาติ ‘อธมฺมวาที พหุตรา’ติ, ‘ทุคฺคโห’ติ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตพฺพํ. สเจ ชานาติ ‘ธมฺมวาที พหุตรา’ติ, ‘สุคฺคโห’ติ สาเวตพฺพํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, สกณฺณชปฺปโก สลากคฺคาโห โหตี’’ติ.
เอตฺถ จ อลชฺชุสฺสนฺนาย (จูฬว. อฏฺ. ๒๓๕) ปริสาย คูฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตพฺโพ, ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฏโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโกติ เวทิตพฺโพ. ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายาติ ธมฺมวาทีนํ เอเกนปิ อธิกตาย, โก ปน วาโท ทฺวีหิ ตีหิ.
‘‘จตูหิ สมเถหิ สมฺมตี’’ติ อิทํ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน ทฺวีหิ เอว วูปสมนํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ สเจ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, อถ อตฺถิ, อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํ. ปฏิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสตีติ. น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกตฺตพฺพํ, ตสฺมึ. อชฺฌาจาเร วีติกฺกเม สติ.
ปาราชิกสามนฺเตน ¶ วาติ ทุกฺกเฏน วา ถุลฺลจฺจเยน วา. เมถุนธมฺเม หิ ปาราชิกสามนฺตา นาม ทุกฺกฏํ โหติ, อทินฺนาทานาทีสุ ถุลฺลจฺจยํ. ปฏิจรโตติ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส. อจฺฉินฺนมูโล ภวิสฺสตีติ ปาราชิกํ อนาปนฺโน ภวิสฺสติ, สีลวา ภวิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. สมฺมา วตฺติตฺวาติ วตฺตํ ปูเรตฺวา. โอสารณํ ลภิสฺสตีติ กมฺมปฺปฏิปฺปสฺสทฺธึ ลภิสฺสติ.
ตสฺสาติ ¶ อาปตฺตาธิกรณสฺส. สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฏิฺาย, ตถารูปาย ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโต. ยา ปน ปฏิฺาติ สมฺพนฺโธ.
เอตฺถาติ อาปตฺติเทสนายํ. สิยาติ อวสฺสํ. กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตายาติ กกฺขฬภาวาย เจว วาฬภาวาย จ. ถุลฺลวชฺชนฺติ ปาราชิกฺเจว สงฺฆาทิเสสฺจ. คิหิปฺปฏิสํยุตฺตนฺติ คิหีนํ หีเนน ขุํสนวมฺภนธมฺมิกปฺปฏิสฺสเวสุ อาปนฺนํ อาปตฺตึ.
ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ สมเถหิ, ตีหิ, จตูหิ, เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยเนว ยถานุรูปํ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สมถาธิกาเร. วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉยนยมตฺตํ. เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิ. อสฺสาติ วิตฺถารสฺส. สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโตติ สมนฺตปาสาทิกาย นาม วินยฏฺกถายํ วุตฺโต. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
เอตฺตกนฺติ เอตํปรมํ, น อิโต ภิยฺโย.
อธิกรณสมถวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ภิกฺขุนีปาติโมกฺขวณฺณนา
ปาราชิกกณฺฑํ
นาโถ ¶ ¶ ภิกฺขุนีนํ หิตตฺถาย ยํ ปาติโมกฺขํ ปกาสยีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ปกาสยีติ เทสยิ, ปฺาปยีติ อตฺโถ.
สาธารณปาราชิกํ
๑. เมถุนธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา
อภิลาปมตฺตนฺติ วจนมตฺตํ, น อตฺโถติ อธิปฺปาโย. ลิงฺคเภทมตฺตนฺติ ปุริสลิงฺคํ อิตฺถิลิงฺคนฺติ วิเสสมตฺตํ. วิเสโสติ นานาตฺตํ. ฉนฺเทน เจวาติ เปเมน เจว, สิเนเหน เจวาติ อตฺโถ ¶ . รุจิยา จาติ อิจฺฉาย จ. ปธํสิตายาติ ทูสิตาย. ปริปุณฺณา อุปสมฺปทา ยสฺสา สา ปริปุณฺณูปสมฺปทา, อุภโตสงฺเฆน อุปสมฺปนฺนาติ อตฺโถ.
เมถุนธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อสาธารณปาราชิกํ
๕. อุพฺภชาณุมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา
อุพฺภกปฺปรนฺติ ทุติยมหาสนฺธิโต อุทฺธํ. อิโต จิโต จ สฺจรณนฺติ หตฺถสฺส วา กายสฺส วา ติริยํ อิโต จิโต จ สฺจรณํ.
เอกโตอวสฺสุเตติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๖๒) ภิกฺขุนิยา อวสฺสเว, ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺคราเคน อวสฺสุตภาเว สตีติ อตฺโถ. ภิกฺขุนิยา วเสเนว จ เอกโตอวสฺสุตภาโว คเหตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๖๒) –
‘‘เอกโตอวสฺสุเตติ ¶ เอตฺถ กิฺจาปิ ‘เอกโต’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ, ตถาปิ ภิกฺขุนิยา เอว อวสฺสุเต สติ อยํ อาปตฺติเภโท วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ’’ติ.
ปุริสสฺส กายนฺติ ปุริสสฺส ยํ กฺจิ กายํ. อุภโตอวสฺสุเตปีติ ภิกฺขุนิยา เจว ปุริสสฺส จ กายสํสคฺคราเคน อวสฺสุตภาเว สติปิ. กาเยนาติ ยถาปริจฺฉินฺเนน อตฺตโน กาเยน. กายปฺปฏิพทฺธนฺติ ปุริสสฺส กายปฺปฏิพทฺธํ. อวเสสกาเยน วาติ ยถาปริจฺฉินฺนกายโต อวเสเสน กาเยน, อุพฺภกฺขกอโธชาณุมณฺฑลอโธกปฺปรสงฺขาเตน กาเยนาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส กายนฺติ อวสฺสุตสฺส ตสฺส ปุริสสฺส ยํ กฺจิ กายํ. ยถา เจตฺถ สยํ อามสนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, เอวํ ตสฺส อามสนํ สาทิยนฺติยาปีติ ทฏฺพฺพํ. ปุริสสฺส กายสํสคฺคราโค นตฺถีติ ปุริสสฺส เมถุนราโค, เคหสิตเปมํ, สุทฺธจิตฺตํ วา. อวเสเสติ ปาราชิกเขตฺตโต อวเสเส. กายปฺปฏิพทฺเธน กายปฺปฏิพทฺธาทิเภเทติ ‘‘กายปฺปฏิพทฺเธน กายปฺปฏิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทิเก ¶ (ปาจิ. ๖๕๙, ๖๖๒) สพฺพวาเร. ‘‘อสฺจิจฺจา’’ติอาทีสุ วิรชฺฌิตฺวา วา อามสนฺติยา, อฺวิหิตาย วา, ‘‘อยํ ปุริโส’’ติ วา ‘‘อิตฺถี’’ติ วา อชานนฺติยา วา, เตน ผุฏฺายปิ ตํ ผสฺสํ อสฺสาทยนฺติยา วา อามสเนปิ สติ อนาปตฺติ.
อุพฺภชาณุมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปนฺนนฺติ ภิกฺขูหิ สาธารณานํ จตุนฺนํ, อสาธารณานํ จตุนฺนฺจาติ อฏฺนฺนมฺตรํ อชฺฌาปนฺนํ. อิทฺจ ปาราชิกํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๖๖) ปจฺฉา ปฺตฺตํ, สงฺคีติการกาจริเยหิ ปน ปุริเมน สทฺธึ ยุคฬํ กตฺวา อิมสฺมึ โอกาเส ปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อฏฺนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตร’’นฺติ (ปาจิ. ๖๖๖) วจนโต ปน วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกํ ยา ปฏิจฺฉาเทติ, สาปิ วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ วชฺชปฺปฏิจฺฉาทนํ เปมวเสน โหติ, ตถาปิ ¶ สิกฺขาปทวีติกฺกมจิตฺตํ โทมนสฺสเมว โหตีติ กตฺวา ทุกฺขเวทนํ โหตีติ ‘‘ตตฺร หิ ปาจิตฺติยํ…เป… เสสํ ตาทิสเมวา’’ติ วุตฺตํ.
วชฺชปฺปฏิจฺฉาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาสิกฺขาปทวณฺณนา
สตฺถุสาสเนนาติ ตฺติสมฺปทาย เจว อนุสฺสาวนสมฺปทาย จ. อิธ ปน โจทนาสารณาปุพฺพกเมว ตฺติอนุสฺสาวนํ สตฺถุสาสนนฺติ อาห ‘‘อิธาปี’’ติอาทิ. กรณนฺติ ตฺติฏฺปนฺเจว อนุสฺสาวนาวจนฺจ. อนาทรนฺติ ปุคฺคเล เจว ธมฺเม จ อาทรวิรหิตํ. เตนาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปริยาปนฺนคเณ วาติ ตสฺมึ สงฺเฆ ปริยาปนฺเน สมฺพหุลปุคฺคลสงฺขาเต คเณ วา. ‘‘สมฺมาวตฺตนาย อวตฺตมานนฺติ อตฺโถ’’ติ อิมินา อธิปฺปายตฺโถ วุตฺโต. เอกกมฺมาทิเกติ เอกกมฺมเอกุทฺเทสสมสิกฺขาตาย. สห อยนภาเวนาติ สห วตฺตนภาเวน. สมาโน สํวาโส เอเตสนฺติ สมานสํวาสกา.
อิทานิ เยน สํวาเสน เต ‘‘สมานสํวาสกา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๖๙) วุตฺตา, โส สํวาโส ¶ ตสฺส อุกฺขิตฺตกสฺส เตหิ สทฺธึ นตฺถิ, เยหิ จ สทฺธึ ตสฺส โส สํวาโส นตฺถิ, น เตน เต ภิกฺขู อตฺตโน สหายา กตา โหนฺติ, ตสฺมา โส อกตสหาโย นามาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ปทวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมานสํวาสกภาวํ อนุปคตนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. กึ ตํ อนุวตฺตนนฺติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยาติ ตํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํทิฏฺิโก โส โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โสติ โย อุกฺขิตฺตโก, โส.
อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฏฺวตฺถุกาสิกฺขาปทวณฺณนา
โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสนาติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๗๕) โลกสฺสาทสงฺขาตสฺส มิตฺตสนฺถวสฺส วเสน. กึ ตนฺติ อาห ‘‘กายสํสคฺคราเคนา’’ติ. กายสํสคฺคราเคเนว ¶ ตินฺตา อิธ อวสฺสุตา นาม, น เมถุนราเคนาติ. กถเมตํ วิฺายตีติ อาห ‘‘อยเมว หี’’ติอาทิ. กึ ปเนตฺถ การณนฺติ อาห ‘‘สมนฺตปาสาทิกายํ ปนสฺส วิจารณา กตา’’ติ. ตตฺถายํ วิจารณา – เอตฺถ จ อสทฺธมฺโมติ กายสํสคฺโคว เวทิตพฺโพ, น เมถุนธมฺโม. น หิ เมถุนสฺส สามนฺตา ถุลฺลจฺจยํ โหติ. ‘‘วิฺู ปฏิพโล กายสํสคฺคํ สมาปชฺชิตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๖๗๖) วจนมฺปิ เจตฺถ สาธกนฺติ. ยํ เยน กตํ, ตํ ตสฺเสว โหตีติ. ปุริสปุคฺคลสฺสาติ สามิวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปุริสปุคฺคเลนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หตฺโถติ อตฺตโน หตฺโถ. น เกวลฺเจตฺถ หตฺถคฺคหณนฺติ ‘‘หตฺโถ นาม กปฺปรํ อุปาทาย ยาว อคฺคนขา’’ติ (ปาจิ. ๖๗๖) วุตฺตสฺส หตฺถสฺเสว คหณํ, อถ โข ตสฺส จ อฺสฺสปิ อปาราชิกเขตฺตสฺส คหณํ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘หตฺถคฺคหณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา สงฺฆาฏิกณฺณคฺคหณนฺติ น เกวลํ สงฺฆาฏิกณฺณสฺเสว คหณํ, อถ โข ตสฺส จ อฺสฺสปิ ยสฺส กสฺสจิ จีวรปฺปเทสสฺส คหณํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จ ยสฺส กสฺสจี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิตฺถนฺนามํ านนฺติ เอวํนามกํ านํ. ‘‘ปฏิปาฏิยา วา อุปฺปฏิปาฏิยา วา ปูเรตฺวา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ตสฺมา ปฏิปาฏิยา วา อุปฺปฏิปาฏิยา วา เอกนฺตริกาย วา เยน เตน นเยน ปูเรตฺวาติ อตฺโถ.
ตา อาปตฺติโยติ ตา อาปนฺนา อาปตฺติโย. ยถา เจเกกสฺมึ วตฺถุสฺมึ เอวํ วิสุํ วิสุํ สตฺตสุ วตฺถูสุ สตกฺขตฺตุมฺปิ วีติกฺกนฺเตสุ ตา อาปตฺติโย เทเสตฺวา มุจฺจติ. คณนูปิกาติ เทสิตคณนํ ¶ อุปคจฺฉติ. ธุรนิกฺเขปํ กตฺวาติ ‘‘อฺํ วตฺถุํ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ อุสฺสาหํ เปตฺวา.
อฏฺวตฺถุกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข ปาราชิกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
๑. อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
มานุสฺสยวเสน ¶ ¶ โกธูสฺสยวเสนาติ พาหุลฺลนเยน วุตฺตํ. เตเนว วกฺขติ ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ. อฑฺฑกรณตฺถายาติ เอตฺถ อฑฺโฑติ โวหาริกวินิจฺฉโย วุจฺจติ. ยํ ปพฺพชิตา ‘‘อธิกรณ’’นฺติปิ วทนฺติ, ตสฺส กรณตฺถาย โวหาริกวินิจฺฉยตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. วีติกฺกมกฺขเณเยวาติ วตฺถุชฺฌาจารกฺขเณเยว, น ตติยาย สมนุภาสนายาติ อธิปฺปาโย. ภิกฺขุนึ สงฺฆโต นิสฺสาเรตีติ อาปนฺนํ ภิกฺขุนึ ภิกฺขุนิสงฺฆมฺหา นิสฺสาเรติ. เหตุมฺหิ จายํ กตฺตุโวหาโร ‘‘นิสฺสารณเหตุภูตธมฺโม ‘นิสฺสารณีโย’ติ วุตฺโต’’ติ กตฺวา.
ยตฺถ ิตายาติ อุปสฺสยภิกฺขาจารมคฺคาทีสุ ยสฺมึ าเน ิตาย. ตโต ปฏฺาย คจฺฉนฺติยาติ ตโต ปฏฺาย โวหาริกานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติยา. ทุติเยติ ทุติยาโรจเน. เตนาติ อุปาสเกน. เอวํ วุตฺตายาติ ‘‘มม จ ตว จ กถํ ตฺวํเยว อาโรเจหี’’ติ วุตฺตาย. อฺเน กถาเปตีติ กปฺปิยการเกน กถาเปติ. ยถา วา ตถา วา หิ อาโรจิยมาเนติ กปฺปิยการโก วา ภิกฺขุนิยา กถํ ปมํ อาโรเจตุ, อิตโร วา อตฺตโน กถํ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๗๙). กปฺปิยการโก วา อุภินฺนมฺปิ กถํ, อิตโร วา อุภินฺนมฺปิ กถํ อาโรเจตูติ เอวํ ยถา ตถา อาโรจิยมาเน. อุภินฺนมฺปิ ปน กถํ สุตฺวาติ ยถา ตถา วา อาโรจิตํ ปน อุภินฺนมฺปิ กถํ สุตฺวา.
อากฑฺฒิยมานา คจฺฉตีติ วุจฺจมานา โวหาริกานํ สนฺติกํ คจฺฉติ, อิมสฺส ‘‘ตสฺสา อนาปตฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุปิ. รกฺขํ ยาจตีติ ธมฺมิกํ รกฺขํ ยาจติ. อิทานิ ยถา ยาจิตา รกฺขา ธมฺมิกา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปสฺสเย อฺเหิ กตํ อนาจารํ อโนทิสฺส อาจิกฺขนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อตีตํ อารพฺภ อตฺถิ โอทิสฺส อาจิกฺขนา (ปาจิ. อฏฺ. ๖๗๙), อตฺถิ ¶ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา, อนาคตํ อารพฺภาปิ อตฺถิ โอทิสฺส อาจิกฺขนา, อตฺถิ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา.
กถํ ¶ อตีตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ? ภิกฺขุนุปสฺสเย คามทารกา, ธุตฺตาทโย วา เย เกจิ อนาจารํ วา อาจรนฺติ, รุกฺขํ วา ฉินฺทนฺติ, ผลาผลํ วา หรนฺติ, ปริกฺขาเร วา อจฺฉินฺทนฺติ. ภิกฺขุนี โวหาริเก อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อุปสฺสเย อิทํ นาม กต’’นฺติ วทติ. ‘‘เกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ อาจิกฺขติ. เอวํ อตีตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สา น วฏฺฏติ. ตฺเจ สุตฺวา เต โวหาริกา เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา โหติ. ‘‘ทณฺฑํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ อธิปฺปาเยปิ สติ คีวาเยว โหติ. สเจ ปน ตสฺส ‘‘ทณฺฑํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ปฺจมาสกมตฺเต คหิเต ปาราชิกํ โหติ.
เตหิ ‘‘เกนา’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘อสุเกนา’ติ วตฺตุํ อมฺหากํ น วฏฺฏติ, ตุมฺเหเยว ชานิสฺสถ. เกวลฺหิ มยํ รกฺขํ ยาจาม, ตํ โน เทถ, อวหฏภณฺฑมฺปิ อาหราเปถา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวํ อโนทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สา วฏฺฏติ. เอวํ วุตฺเต สเจปิ เต โวหาริกา เต การเก คเวสิตฺวา เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ คหิตํ, ภิกฺขุนิยา เนว คีวา, น อาปตฺติ.
ปริกฺขารํ หรนฺเต ทิสฺวา เตสํ อนตฺถกามตาย ‘‘โจโร โจโร’’ติ วตฺตุมฺปิ น วฏฺฏติ. เอวํ วุตฺเตปิ หิ ยํ เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา โหติ. อตฺตโน วจนกรํ ปน ‘‘อิมินา เม ปริกฺขาโร คหิโต, ตํ อาหราเปหิ, มา จสฺส ทณฺฑํ กโรถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ทาสทาสิวาปิอาทีนํ อตฺถาย อฑฺฑํ กโรนฺติ, อยํ อกปฺปิยอฑฺโฑ นาม, น วฏฺฏติ.
กถํ อนาคตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ? วุตฺตนเยเนว ปเรหิ อนาจาราทีสุ กเตสุ ภิกฺขุนี โวหาริเก เอวํ วทติ ‘‘อมฺหากํ อุปสฺสเย อิทฺจิทฺจ กโรนฺติ, รกฺขํ โน เทถ อายตึ อกรณตฺถายา’’ติ. ‘‘เกน เอวํ กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ อาจิกฺขติ. เอวํ อนาคตํ อารพฺภ โอทิสฺส อาจิกฺขนา โหติ, สาปิ น วฏฺฏติ. เตสฺหิ ทณฺเฑ กเต ปุริมนเยเนว สพฺพํ ภิกฺขุนิยา คีวา. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
สเจ ¶ ปน โวหาริกา ภิกฺขุนุปสฺสเย เอวรูปํ อนาจารํ กโรนฺตานํ ‘‘อิมํ นาม ทณฺฑํ กโรมา’’ติ ¶ เภรึ จราเปตฺวา อาณาย อติฏฺมาเน ปริเยสิตฺวา ทณฺฑํ กโรนฺติ, ภิกฺขุนิยา เนว คีวา, น อาปตฺติ.
โย จายํ ภิกฺขุนีนํ วุตฺโต, ภิกฺขูนมฺปิ เอเสว นโย. ภิกฺขุโนปิ หิ โอทิสฺส อาจิกฺขนา น วฏฺฏติ, ยํ ตถา อาจิกฺขิเต เตสํ ทณฺฑํ กโรนฺติ, ตํ สพฺพํ คีวา โหติ. วุตฺตนเยเนว ทณฺฑํ คณฺหาเปนฺตสฺส ปาราชิกํ. โย ปน ‘‘ทณฺฑํ กริสฺสนฺตี’’ติ ชานนฺโตปิ อโนทิสฺส กเถติ, เต จ ปริเยสิตฺวา ทณฺฑํ กโรนฺติเยว, น โทโส. วิหารสีมาย รุกฺขาทีนิ ฉินฺทนฺตานํ วาสิผรสุอาทีนิ คเหตฺวา ปาสาเณ โกฏฺเฏนฺติ, น วฏฺฏติ. สเจ ธารา ภิชฺชติ, การาเปตฺวา ทาตพฺพา. อุปธาวิตฺวา เตสํ ปริกฺขาเร คณฺหนฺติ, ตมฺปิ น กาตพฺพํ. ลหุปริวตฺตฺหิ จิตฺตํ, เถยฺยเจตนาย อุปฺปนฺนาย มูลจฺเฉชฺชมฺปิ คจฺเฉยฺย.
อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
มลฺลคณภฏิปุตฺตคณาทิกนฺติอาทีสุ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๖๘๓) มลฺลคโณ นาม นารายนภตฺติโก ตตฺถ ตตฺถ ปานียฏฺปนโปกฺขรณิขณนาทิปฺุกมฺมการโก คโณ. ภฏิปุตฺตคโณ นาม กุมารภตฺติกคโณ. ธมฺมคโณติ สาสนภตฺติโก อเนกปฺปการปฺุกมฺมการโก คโณ. คนฺธิกเสณีติ อเนกปฺปการสุคนฺธิวิกติการโก คโณ. ทุสฺสิกเสณีติ ทุสฺสวาณิชสมูโห, เปสการคโณติ อตฺโถ.
วุฏฺาเปนฺติยาติ อุปสมฺปาเทนฺติยา. เกนจิ กรณีเยน ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ อคนฺตฺวา ขณฺฑสีมํ ยถานิสินฺนฏฺาเนเยว อตฺตโน นิสฺสิตกปริสาย สทฺธึ วุฏฺาเปนฺติยา วาจาจิตฺตโต สมุฏฺาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๘๓), อฺํ สีมํ วา นทึ วา คนฺตฺวา วุฏฺาเปนฺติยา กายวาจาจิตฺตโต สมุฏฺาตีติ อาห ‘‘โจริวุฏฺาปนสมุฏฺาน’’นฺติ. อนาปุจฺฉา วุฏฺาปนวเสน กิริยากิริยํ. ปฺตฺตึ อชานนฺตา อริยาปิ วุฏฺาเปนฺตีติ วา กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติกฺขเณ วิปากาพฺยากตสมงฺคิตาวเสน วา ติจิตฺตํ.
โจริวุฏฺาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺโ ¶ ¶ คาโม คามนฺตรํ. นทิปารนฺติ นทิยา ปาริมตีรํ. ‘‘คามนฺตรํ คจฺเฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗, ๖๙๑) วุตฺตตฺตา อฺสฺมึ คาเมเยว อาปตฺติ, น สกคาเมติ อาห ‘‘สกคามโต ตาวา’’ติอาทิ. ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺเตติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปารหฏฺาเน วา อติกฺกนฺเต. ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเตติ ทุติเยน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกนฺตมตฺเต. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อติกฺกนฺเต, อุปจาเร วา โอกฺกนฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต วา สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตตฺถ ‘‘โอกฺกนฺเต, โอกฺกนฺตมตฺเต วา’’ติ เอตานิ ทฺเว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติ. ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิ. ตถา สมนฺตปาสาทิกายปิ วิรุชฺฌนฺติ. ตตฺถ หิ –
‘‘ปริกฺเขปารหฏฺานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํ. ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส. อปิเจตฺถ สกคามโต…เป… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริกฺเขเป วา อุปจาเรวา อติกฺกนฺตมตฺเต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมตฺเต สงฺฆาทิเสโส’’ติ –
วุตฺตํ. ‘‘ปมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๖๙๒) ปทสา คมนเมว อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปทสา ปวิสนฺติยา อาปตฺตี’’ติ. อิมินา สเจปิ หตฺถิปิฏฺิอาทีหิ วา อิทฺธิยา วา ปวิสติ, วฏฺฏติเยวาติ ทสฺเสติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) วุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
นทิปารคมเน วุตฺตลกฺขณาย นทิยาติ ‘‘นที นาม ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) นทิปารคมนวิภงฺเค วุตฺตลกฺขณาย นทิยา. นทิปารคมนวิภงฺโค หิ อิธ นทิปารคมนสทฺเทน วุตฺโต. ปุน โอริมตีรเมว ปจฺจุตฺตรนฺติยา วาติ ปรตีรํ คนฺตุกามตาย โอติณฺณตฺตา วุตฺตํ. อิตริสฺสา ปน อยํ ปกฺกนฺตฏฺาเน ิตา โหติ, ตสฺมา ปรตีรํ คจฺฉนฺติยา อนาปตฺติ. สเจ สชฺฌายํ ¶ วา ปธานํ วา อฺํ วา กิฺจิ กมฺมํ กุรุมานา ‘‘ปุเร อรุเณเยว ทุติยิกาย สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) อาโภคํ กโรติ, อชานนฺติยา เอว ตสฺสา อรุโณ อุคฺคจฺฉติ ¶ , อนาปตฺตีติ อาห ‘‘ปุเร อรุเณเยวา’’ติอาทิ. อถ ปน ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ วา อนาโภเคน วา วิหารสฺส เอกเทเส อจฺฉติ, ทุติยิกาย หตฺถปาสํ น โอตรติ, อรุณุคฺคมเน สงฺฆาทิเสโส. หตฺถปาโสเยว หิ อิธ ปมาณํ. หตฺถปาสาติกฺกเม เอกคพฺโภปิ น รกฺขติ. เตนาห ‘‘เอกคพฺเภ…เป… อาปตฺตี’’ติ.
ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วาติ เอตฺถ ทสฺสนูปจาโร นาม ยตฺถ ิตํ ทุติยิกา ปสฺสติ. สวนูปจาโร นาม ยตฺถ ิตา มคฺคมูฬฺหสทฺเทน วิย, ธมฺมสฺสวนาโรจนสทฺเทน วิย จ ‘‘อยฺเย’’ติ สทฺทายนฺติยา สทฺทํ สุณาติ. ตสฺมาติ ยสฺมา โอหียนํ นาม ทสฺสนูปจารสวนูปจารานมฺตรสฺส วิชหนํ, ตสฺมา. อนฺโตคาเม ปน โอหียนํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อินฺทขีลาติกฺกมโต ปฏฺายา’’ติ อาทิ. ตตฺถ อินฺทขีลาติกฺกมโตติ อุมฺมาราติกฺกมโต. พหิคาเมติ คามสฺส พหิปเทเส. มคฺคมูฬฺหา อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺตีติ อาห ‘‘มคฺคมูฬฺหสทฺเทน วิยา’’ติ. มคฺคมูฬฺหํ อวฺหายนฺตสฺส สทฺเทน วิยาติปิ วทนฺติ. สทฺทายนฺติยาติ สทฺทํ กโรนฺติยา. ‘‘สทฺทสฺสวนาติกฺกเม อาปตฺติเยวา’’ติ อิมินา ทสฺสนูปจาโร เอวรูเป สวนูปจาเร วิชหิเต น รกฺขติ, ชหิตมตฺเตว อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสาติ ทสฺเสติ.
มคฺคํ คจฺฉนฺตีติ เอกมคฺคํ คจฺฉนฺติ. สเจ ปุริมาโย อฺเน มคฺเคน คจฺฉนฺติ, ปกฺกนฺตา นาม โหนฺติ, อนาปตฺติเยว. ทฺวินฺนํ คจฺฉนฺตีนํ เอกา อนุพนฺธิตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘คจฺฉตุ อย’’นฺติ โอหียติ, อิตราปิ ‘‘โอหียตุ อย’’นฺติ คจฺฉติ, ทฺวินฺนมฺปิ อาปตฺติ. สเจ ปน คจฺฉนฺตีสุ ปุริมาปิ อฺํ มคฺคํ คณฺหาติ, ปจฺฉิมาปิ อฺํ, เอกา เอกิสฺสา ปกฺกนฺตฏฺาเน ติฏฺติ, ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ.
‘‘สงฺฆาทิเสสา จตุโร’’ติ (ปริ. อฏฺ. ๔๗๙) อยํ ปฺโห อรุณุคฺคมเน คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารํ โอกฺกนฺตภิกฺขุนึ สนฺธาย วุตฺโต. สา หิ สกคามโต ปจฺจูสสมเย นิกฺขมิตฺวา อรุณุคฺคมนกาเล วุตฺตปฺปการํ นทิปารํ โอกฺกนฺตมตฺตาว ¶ รตฺติวิปฺปวาสคามนฺตรนทิปารคมนคณมฺหาโอหียนลกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว จตุโร สงฺฆาทิเสเส อาปชฺชติ.
ปกฺขสงฺกนฺตาย วาติ ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตาย. อนนฺตราเยนาติ หตฺถิโมจนาทิอนฺตรายํ วินา.
เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อุกฺขิตฺตกโอสารณสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺเสว ¶ การกสงฺฆสฺสาติ โย อุกฺเขปนียกมฺมการโก คโณ, ตสฺเสว การกสงฺฆสฺส. วตฺเต วา วตฺตนฺตินฺติ เตจตฺตาลีสปฺปเภเท เนตฺถารวตฺเต วตฺตมานํ.
อุกฺขิตฺตกโอสารณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. โภชนปฺปฏิคฺคหณปมสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกโตอวสฺสุเตติ ปุคฺคลสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา อวสฺสุเต. มหาปจฺจริยํ ปเนตฺถ ‘‘ภิกฺขุนิยา อวสฺสุตภาเวติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๗๐๑) วุตฺตํ. ตํ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ (ปาจิ. ๗๐๓) อิมาย ปาฬิยา น สเมติ. ยทิ หิ ปุคฺคลสฺส อวสฺสุตภาโว นปฺปมาณํ, กึ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี’’ติ อิมินา วจเนน, ‘‘อนาปตฺติ อุภโตอนวสฺสุตา โหนฺติ, อนวสฺสุตา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยา. อุโภสุ อนวสฺสุเตสูติ ปุคฺคโล เจว ภิกฺขุนี จาติ อุโภสุ อนวสฺสุเตสุ คณฺหนฺติยา สพฺพถาปิ อนาปตฺติ. ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ วา ตฺวา คณฺหนฺติยาติ สยํ อนวสฺสุตา สมานา อวสฺสุเตปิ ‘‘อนวสฺสุโต อย’’นฺติ สฺาย ตสฺส หตฺถโต ปฏิคฺคณฺหนฺติยา. อถ สยํ อนวสฺสุตาปิ อฺํ อวสฺสุตํ วา อนวสฺสุตํ วา ‘‘อวสฺสุโต’’ติ ตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ, ทุกฺกฏเมว. วุตฺตฺเหตํ อนนฺตรสิกฺขาปเท ‘‘กิสฺส ตฺวํ, อยฺเย, น ปฏิคฺคณฺหาสีติ, อวสฺสุตา, อยฺเยติ, ตฺวํ ปน, อยฺเย, อวสฺสุตาติ, นาหํ, อยฺเย, อวสฺสุตา’’ติ.
โภชนปฺปฏิคฺคหณปมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โภชนปฺปฏิคฺคหณทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุกฺกฏาทิกา ¶ สงฺฆาทิเสสปริโยสานา อาปตฺติโย อิมินา สิกฺขาปเทน อุยฺโยชิกาเยว, อิตริสฺสา ปน อาปตฺติเภโท ปมสิกฺขาปเทนาติ อาห ‘‘สา เอวํ อุยฺโยชเนนา’’ติอาทิ.
กุลานุทฺทยตายาติ กุลานุกมฺปกตาย.
โภชนปฺปฏิคฺคหณทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๓. สฺจริตฺตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สตฺตมาทีนิ ¶ อุตฺตานตฺถาเนว.
สฺจริตฺตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔-๑๗. สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทตีติ กมฺมํ, อุทฺเทโส จาติ ทฺวีหิ เภโท, โส ตาย สทฺธึ นตฺถีติ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติ. น เกวลํ ปริวาสาภาโวเยวาติ อาห ‘‘ฉาทนปจฺจยาปี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘ฉาทนปจฺจยาปิ น ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ ปาโ ทฏฺพฺโพ, ฉาทนปจฺจยาปิ ทุกฺกฏํ น อาปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา –
‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฏิจฺจ;
น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
ปฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติ. (ปริ. ๔๘๑) –
เอตฺถ ภิกฺขุนินิเสโธ อุปปนฺโน โหติ. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ฉาทนปจฺจยา ปน ทุกฺกฏํ อาปชฺชตี’’ติ วินา น-การํ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปมาทเลโขติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริวาโส นาม นตฺถิ, ตสฺมา. อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วาติ วิหาเร พทฺธสีมเมว ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหีติ วิหารสีมํ โสเธตุํ อสกฺโกนฺตีหิ.
มุขมตฺตนิทสฺสนนฺติ ปเวโสปายมตฺตนิทสฺสนํ. เอตฺถาห – อถ กสฺมา ยถา ภิกฺขุมานตฺตกถาย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขปารหฏฺานโต ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺมา’’ติ (กงฺขา. อฏฺ. นิคมนวณฺณนา) วุตฺตํ, เอวมวตฺวา ‘‘คามูปจารโต จ ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโต จ ทฺเว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ อิธ วุตฺตนฺติ? ตตฺร เจเก วทนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ วุตฺตปฺปการํ ปเทสํ อติกฺกมิตฺวา คาเมปิ ตํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, ภิกฺขุนีนํ ปน คาเม น วฏฺฏติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภิกฺขูนมฺปิ คาเม น วฏฺฏติ, ภิกฺขุวิหาโร นาม ปุพฺเพเยว คามูปจารํ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺติ ¶ , ตสฺมา คามํ อวตฺวา วิหารูปจารเมว เหฏฺา วุตฺตํ. ภิกฺขุนีนํ ปน วิหาโร คาเมเยว, น พหิ, ตสฺมา คามูปจารฺจ วิหารูปจารฺจ อุภยเมเวตฺถ ทสฺสิตํ. ตสฺมา อุภยตฺถาปิ อตฺถโต นานาตฺถํ นตฺถี’’ติ. วีมํสิตฺวา ยฺเจตฺถ ยุชฺชติ, ตํ คเหตพฺพํ.
ตโต ปฏฺายาติ อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย.
สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
๑. ปตฺตวคฺโค
๑. ปตฺตสนฺนิจยสิกฺขาปทวณฺณนา
ปตฺตสนฺนิจยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
ยํ อตฺตนา ลทฺธํ, ตํ นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ ยํ จีวรํ ภาชาปิตาย อตฺตนา ลทฺธํ, ตเมว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตํ วินยกมฺมํ กตฺวาปิ อตฺตนา น ลพฺภติ. เตนาห ‘‘นิสฺสฏฺ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ นิสฺสฏฺํ ปฏิลภิตฺวาปีติ ‘‘อยฺยาย, ทมฺมี’’ติ เอวํ นิสฺสฏฺํ ปฏิลภิตฺวาปิ. ยถาทาเนเยว อุปเนตพฺพนฺติ ยถา ทายเกหิ ทินฺนํ, ตเถว อุปเนตพฺพํ, อกาลจีวรปกฺเขเยว เปตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. จีวรปริวตฺตนสิกฺขาปทวณฺณนา
เมตนฺติ เม เอตํ. สกสฺาย คหิตตฺตา ปาจิตฺติยฺเจว ทุกฺกฏฺจ วุตฺตํ, อิตรถา ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺพํ.
จีวรปริวตฺตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อฺวิฺาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
ปฏิลาเภนาติ ¶ ปมวิฺตฺติโต อูนตรสฺสาปิ อฺสฺส ปฏิลาเภน.
ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต ปุน ตฺเวาติ ยํ ปมํ วิฺตฺตํ, โถกตฺตา ตสฺมึ อปฺปโหนฺเต ปุน ตฺเว วิฺาเปนฺติยาติ อตฺโถ. อฺเนปิ อตฺเถ ¶ สตี ติ ปมํ วิฺตฺติโต อฺเนปิ อตฺเถ สติ. เตน สทฺธึ อฺฺจาติ ยํ ปมํ วิฺตฺตํ, เตน สทฺธึ อฺฺจ. กึ วุตฺตํ โหติ? สเจ ปมํ สปฺปิ วิฺตฺตํ, ‘‘ยมกํ ปจิตพฺพ’’นฺติ จ เวชฺเชน วุตฺตตฺตา เตเลนาปิ อตฺโถ โหติ. ตโต ‘‘เตเลนาปิ เม อตฺโถ’’ติ เอวมาทินา อฺฺจ วิฺาเปนฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อานิสํสํ ทสฺเสตฺวาติ ‘‘สเจ กหาปณสฺส สปฺปิ อาภตํ โหติ, อิมินา มูเลน ทฺวิคุณํ เตลํ ลพฺภติ, เตเลนาปิ จ อิทํ กิจฺจํ นิปฺปชฺชติ, ตสฺมา เตลํ อาหรา’’ติ เอวํ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา.
อฺวิฺาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อฺเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
ตโต อฺํ เจตาเปยฺยาติ ปมํ เจตาปิตโต ยํ กิฺจิ อฺํ เจตาเปยฺย.
อฺเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปมสงฺฆิกเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺสฺสตฺถาย ทินฺเนนาติ ยํ เจตาเปติ, ตโต อฺสฺสตฺถาย ทินฺเนน. อฺุทฺทิสิเกนาติ ปุริมสฺเสวตฺถทีปนํ.
เสสกํ อุปเนนฺติยาติ ยทตฺถาย ทินฺโน, ตํ เจตาเปตฺวา อวเสสํ อฺสฺสตฺถาย อุปเนนฺติยา. สามิเก อปโลเกตฺวาติ ทายเก อาปุจฺฉิตฺวา. เอวรูปาสู อาปทาสุ อุปเนนฺตีนนฺติ เอวรูเปสุ อุปทฺทเวสุ อฺสฺส ยสฺส กสฺสจิ อตฺถาย อุปเนนฺตีนํ.
ปมสงฺฆิกเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทุติยสงฺฆิกเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา
น ¶ ¶ เกวลํ เตเนว ปริกฺขาเรนาติ อาห ‘‘สยํ ยาจิตเกนาปี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ปาฬิยํ ‘‘ภิกฺขุนิโย เตน จ ปริกฺขาเรน สยมฺปิ ยาจิตฺวา เภสชฺชํ เจตาเปตฺวา ปริภฺุชึสู’’ติ (ปาจิ. ๗๖๓). มาติกายํ ปน คมฺยมานตฺตา ปิ-สทฺโท นปฺปยุตฺโต. คมฺยมานตฺถสฺส หิ สทฺทสฺส ปโยคํ ปติ กามจาโรติ ยุตฺติ.
ทุติยสงฺฆิกเจตาปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘-๙-๑๐. ปมคณิกเจตาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
อฏฺมนวมทสมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ปมคณิกเจตาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปตฺตวคฺโค ปโม.
๒. จีวรวคฺโค
๑๑. ครุปาวุรณสิกฺขาปทวณฺณนา
ยสฺมา ปวาริตฏฺาเน วิฺตฺติ นาม น ปฏิเสเธตพฺพา, ตสฺมา ภควา ธมฺมนิมนฺตนวเสน ปวาริตฏฺาเน ‘‘วเทถายฺเย, เยนตฺโถ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๗๘๔) วุตฺตาย จตุกฺกํสปรมํ วิฺาเปตพฺพนฺติ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว ‘‘เจตาเปตพฺพนฺติ เปตฺวา สหธมฺมิเก จ าตกปฺปวาริเต จ อฺเน กิสฺมิฺจิเทว คุเณ ปริตุฏฺเน ‘วเทถายฺเย, เยนตฺโถ’ติ วุตฺตาย วิฺาเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ราชานนฺติ ปเสนทิโกสลราชานํ.
ครุปาวุรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ลหุปาวุรณสิกฺขาปทวณฺณนา
ลหุปาวุรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จีวรวคฺโค ทุติโย.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาจิตฺติยกณฺฑํ
๑. ลสุณวคฺโค
๑. ลสุณสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ลสุณ’’นฺติ ¶ ¶ กิฺจาปิ อวิเสเสน วุตฺตํ, ตถาปิ มคเธสุ ชาตํ ลสุณเมว อิธาธิปฺเปตํ, ตมฺปิ ภณฺฑิกลสุณเมวาติ อาห มคธรฏฺเ ชาต’’นฺติอาทิ.
ภณฺฑิกลสุณนฺติ โปฏฺฏลิกลสุณเมว, สมฺปุณฺณมิฺชานเมตํ อธิวจนํ. เตนาห ‘‘น เอกทฺวิติมิฺชก’’นฺติ. อชฺโฌหาเร อชฺโฌหาเรติ (ปาจิ. อฏฺ. ๗๙๕) เอตฺถ สเจ ทฺเว ตโย ภณฺฑิเก เอกโตเยว สงฺขาทิตฺวา อชฺโฌหรติ, เอกํ ปาจิตฺติยํ. ภฺชิตฺวา เอเกกมิฺชกํ ขาทนฺติยา ปน ปโยคคณนาย ปาจิตฺติยานิ.
ปลณฺฑุกาทีนํ วณฺเณน วา มิฺชาย วา นานาตฺตํ เวทิตพฺพํ – วณฺเณน ตาว ปลณฺฑุโก นาม ปณฺฑุวณฺโณ โหติ, ภฺชนโก โลหิตวณฺโณ, หริตโก หริตปณฺณวณฺโณ. มิฺชาย ปน ปลณฺฑุกสฺส เอกา มิฺชา โหติ, ภฺชนกสฺส ทฺเว, หริตกสฺส ติสฺโส. จาปลสุโณ อมิฺชโก. องฺกุรมตฺตเมว หิ ตสฺส โหติ. มหาปจฺจริยาทีสุ ปน ‘‘ปลณฺฑุกสฺส ตีณิ มิฺชานิ, ภฺชนกสฺส ทฺเว, หริตกสฺส เอก’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๗๙๗) วุตฺตํ. เอเต ปลณฺฑุกาทโย สภาเวเนว วฏฺฏนฺติ. สูปสมฺปากาทีสุ ปน มาคธกมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺหิ ปจฺจมาเนสุ มุคฺคสูปาทีสุ วา มจฺฉมํสวิกติยา วา เตเล วา พทรสาฬวาทีสุ วา อมฺพิลสากาทีสุ วา อุตฺตริภงฺเคสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ อนฺตมโส ยาคุภตฺเตปิ ปกฺขิตฺตํ วฏฺฏติ. พทรสาฬวํ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๗๙๓-๗๙๗) นาม พทรผลานิ สุกฺขาเปตฺวา จุณฺเณตฺวา กตฺตพฺพา ขาทนียวิกติ.
ลสุณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สมฺพาธโลมสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ปฏิจฺฉนฺโนกาเส’’ติ ¶ ¶ เอตสฺส วิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘อุปกจฺฉเกสุ จ มุตฺตกรเณ จาติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
อาพาธปจฺจยาติ กณฺฑุกจฺฉุอาทิอาพาธปจฺจยา สํหราเปนฺติยา อนาปตฺติ. ‘‘ภิกฺขุสฺส เอตฺถ จ ลสุเณ จ ทุกฺกฏ’’นฺติ (วชิร. ฏี. ปาจิตฺติย ๘๐๐) โปราณา.
สมฺพาธโลมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตลฆาตกสิกฺขาปทวณฺณนา
ตลฆาตเกติ มตฺถเก ปหารทาเน, ตฺจ โข ตลํ ‘‘มุตฺตกรเณ ปหารํ เทตี’’ติ (ปาจิ. ๘๐๔) ปทภาชนิยํวุตฺตตฺตา ‘‘มุตฺตกรณสฺสา’’ติ วิฺายตีติ อาห ‘‘มุตฺตกรณสฺส ตลฆาตเน’’ติ. ปุริมนเยเนว สาณตฺติกนฺติ อตฺตโน อตฺถาย อฺํ อาณาเปนฺติยา สาณตฺติกํ.
ตลฆาตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ชตุมฏฺกสิกฺขาปทวณฺณนา
วตฺถุวเสเนตํ วุตฺตนฺติ ‘‘ชตุมฏฺเก’’ติ เอตํ นิทานวเสน อุปฺปนฺนสฺส วตฺถุโน วเสเนว วุตฺตํ. ยํ กิฺจิ ปน ทณฺฑกํ ปเวเสนฺติยา อาปตฺติเยว. เตนาห ‘‘กามราเคน ปนา’’ติอาทิ.
ชตุมฏฺกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุทกสุทฺธิกสิกฺขาปทวณฺณนา
อาทาตพฺพนฺติ ปเวเสตพฺพํ. อคฺคปพฺพนฺติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อคฺคปพฺพํ. ตติยํ ปพฺพํ ปเวเสตีติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ตติยํ ปพฺพํ ปเวเสติ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๑๒) ‘‘คมฺภีรโต ทฺวินฺนํ ปพฺพานํ อุปริ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ปเวเสนฺติยา ปาจิตฺติย’’นฺติ.
อติคมฺภีรํ ¶ ¶ อุทกสุทฺธิกํ อาทิยนวตฺถุสฺมินฺติ อติอนฺโต ปเวเสตฺวา อุทกโธวนกรณวตฺถุสฺมึ. อุทกสุทฺธิปจฺจเยน (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๘๑๒) ปน สติปิ ผสฺสสฺสาทิยเน ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท อนาปตฺติ.
อุทกสุทฺธิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อุปติฏฺนสิกฺขาปทวณฺณนา
ตกฺกาทีสุ วา อฺตเรนาติ ตกฺกทธิมตฺถุรสขีราทีสุ อฺตเรน. ยาย กายจิ พีชนิยาติ อนฺตมโส จีวรกณฺณํ อุปาทาย ยาย กายจิ พีชนิยา.
อิมํ ปิวถาติ อิมํ ปานียํ วา สูปาทึ วา ปิวถ. อิมินา พีชถาติ อิมินา ตาลวณฺเฏน พีชถ. ทาเปนฺติยาติ อฺเน อุภยมฺปิ ทาเปนฺติยา.
อุปติฏฺนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อามกธฺสิกฺขาปทวณฺณนา
ตสฺมาติ ยสฺมา วิฺตฺติ เจว โภชนฺจ ปมาณํ, ตสฺมา. น เกวลฺเจตฺถ ปฏิคฺคหเณเยว ทุกฺกฏํ โหติ, ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ปน อรฺโต อาหรเณปิ สุกฺขาปเนปิ วทฺทลิทิวเส ภชฺชนตฺถาย อุทฺธนสชฺชเนปิ กปลฺลสชฺชเนปิ ทพฺพิสชฺชเนปิ ทารูนิ อาทาย อคฺคิกรเณปิ กปลฺลมฺหิ ธฺปกฺขิปเนปิ ทพฺพิยา สงฺฆฏฺฏเนสุปิ โกฏฺฏนตฺถํ อุทุกฺขลมุสลาทิสชฺชเนสุปิ โกฏฺฏนปปฺโผฏนโธวนาทีสุปิ ยาว มุเข เปตฺวา อชฺโฌหรณตฺถํ ทนฺเตหิ สงฺขาทติ, ตาว สพฺพปฺปโยเคสุ ทุกฺกฏานีติ อาห ‘‘ปฏิคฺคหณโต ปฏฺาย ยาว ทนฺเตหิ สํขาทนํ, ตาว ปุพฺพปฺปโยเคสุ ทุกฺกฏานี’’ติ.
อามกธฺสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปมอุจฺจารฉฑฺฑนสิกฺขาปทวณฺณนา
ติโรกุฏฺเฏติ ¶ ¶ ฆรกุฏฺฏสฺส ปรภาเค. ติโรปากาเรติ ปริกฺเขปปาการสฺส ติโรภาเค, เต จ โข กุฏฺฏปาการา อิฏฺกสิลทารูนํ วเสน ติปฺปการาติ อาห ‘‘ยสฺส กสฺสจิ กุฏฺฏสฺส วา ปาการสฺส วา ปรโต’’ติ. สพฺพานิเปตานิ เอกโต ฉฑฺเฑนฺติยาติ เอตานิ จตฺตาริปิ วตฺถูนิ เอกโต ฉฑฺเฑนฺติยา. ปาเฏกฺกํ ปน ฉฑฺเฑนฺติยา วตฺถุคณนาย อาปตฺติโย. อาณตฺติยมฺปิ เอเสว นโย.
ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฏนฺติ ภิกฺขุสฺส สพฺพตฺถ ทุกฺกฏํ.
ปมอุจฺจารฉฑฺฑนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยอุจฺจารฉฑฺฑนสิกฺขาปทวณฺณนา
ภิกฺขุนิยาปีติ ปิ-สทฺเทน ภิกฺขุํ สมุจฺจิโนติ. อนิกฺขิตฺตพีเชสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๓๐) ปน เขตฺเตสุ โกณาทีสุ วา อสฺชาตโรปิเมสุ เขตฺตมริยาทาทีสุ วา ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ. มนุสฺสานํ กจวรฉฑฺฑนฏฺาเนปิ วฏฺฏติเยว. ฉฑฺฑิตเขตฺเตติ มนุสฺเสสุ สสฺสํ อุทฺธริตฺวา คเตสุ ฉฑฺฑิตเขตฺตํ นาม โหติ, ตตฺถ วฏฺฏติ. ยตฺถ ปน ‘‘ลายิตมฺปิ ปุพฺพณฺณาทิ ปุน อุฏฺหิสฺสตี’’ติ รกฺขนฺติ, ตตฺถ ยถาวตฺถุกเมว. สามิเก อปโลเกตฺวาติ เอตฺถ เขตฺตปาลกา, อารามาทิโคปกา จ สามิกาว. อิมินา จ สงฺฆสนฺตเก ภิกฺขุสฺส ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา, น ภิกฺขุนีนํ. ภิกฺขุนีนํ ปน อตฺตโน สนฺตเก ภิกฺขุสนฺตเก วุตฺตนเยเนว วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, เอวํ สนฺเตปิ สารุปฺปวเสน กาตพฺพํ.
ทุติยอุจฺจารฉฑฺฑนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. นจฺจคีตสิกฺขาปทวณฺณนา
นจฺจนฺติ นฏาทโย วา นจฺจนฺตุ, โสณฺฑา วา อนฺตมโส โมรสุวมกฺกฏาทโยปิ, สพฺพเมตํ นจฺจเมว. เตนาห ‘‘นจฺจนฺติ อนฺตมโส โมรนจฺจมฺปี’’ติ ¶ . คีตนฺติ นฏาทีนํ วา คีตํ โหตุ, อริยานํ ปรินิพฺพานกาเล รตนตฺตยคุณูปสํหิตํ สาธุกีฬิตคีตํ วา, อนฺตมโส ‘‘ทนฺตคีตมฺปิ ¶ คายิสฺสามา’’ติ ปุพฺพภาเค โอกูชนฺตา กโรนฺติ, สพฺพเมตํ คีตเมว. เตนาห ‘‘คีตนฺติ อนฺตมโส ธมฺมภาณกคีตมฺปี’’ติ. ตตฺถ ธมฺมภาณกคีตํ นาม อสฺตภิกฺขูนํ ตํ ตํ วตฺตํ ภินฺทิตฺวา อติทีฆํ กตฺวา คีตสฺสเรน ธมฺมภณนํ, ตมฺปิ เนว ภิกฺขุโน, น ภิกฺขุนีนํ วฏฺฏติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกฏฺกถาย (ขุ. ปา. อฏฺ. ๒.ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ธมฺมูปสํหิตํ คีตํ วฏฺฏติ, คีตูปสํหิโต ปน ธมฺโม น วฏฺฏตี’’ติ. ตสฺมา ธมฺมํ ภณนฺเตน ชาตกวตฺตาทึ ตํ ตํ วตฺตํ อวินาเสตฺวา จตุรสฺเสน (จูฬว. อฏฺ. ๒๔๙) วตฺเตน ปริมณฺฑลานิ ปทพฺยฺชนานิ ทสฺเสตพฺพานิ. วาทิตนฺติ ตนฺติพทฺธาทิวาทนียภณฺฑวาทิตํ วา โหตุ, กุฏเภริวาทิตํ วา อนฺตมโส อุทกเภริวาทิตมฺปิ, สพฺพเมเวตํ วาทิตเมว. เตนาห ‘‘วาทิตนฺติ อนฺตมโส อุทกเภริวาทิต’’นฺติ. ยํ ปน นิฏฺุภนฺตี วา สาสงฺเก วา ิตา อจฺฉริกํ วา โผเฏติ, ปาณึ วา ปหรติ, ตตฺถ อนาปตฺติ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน. อาโลจนสภาวตาย วา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสพฺภาวโต ‘‘ทสฺสนาย’’อิจฺเจว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตสุ ยํ กิฺจิ ทสฺสนาย คจฺฉนฺติยา’’ติ. ยตฺถ ิตาติ เอวํ คนฺตฺวา ยสฺมึ ปเทเส ิตา.
นนุ จ สยํนจฺจนาทีสุ ปาจิตฺติยํ ปาฬิยํ น วุตฺตํ, อถ กถํ คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺต’’นฺติ, อิมินา ปาฬิยํ อวุตฺเตปิ อฏฺกถาปมาเณน คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สมุฏฺานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานีติ ปน มาติกาคตปาจิตฺติยสฺเสว วเสน วุตฺตํ, สพฺเพสํ วเสน ปน ฉสมุฏฺานนฺติ คเหตพฺพํ. ‘‘อาราเม ตฺวา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ เสสอิริยาปเถหิ ยุตฺตาย ปสฺสนฺติยา อนาปตฺติยา อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อิตรถา หิ นิสินฺนาปิ ปสฺสิตุํ น ลเภยฺย. ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ วิหารโต วิหารํ คจฺฉนฺติยา อาปตฺติเยว. อาสนสาลาย นิสินฺนา ปสฺสติ, อนาปตฺติ, ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺติยา อาปตฺติ. วีถิยํ ตฺวา คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ปสฺสนฺติยาปิ อาปตฺติเยว. ภิกฺขุสฺสาปิ เอเสว นโย, อาปตฺติเภโทว นานํ.
นจฺจคีตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ลสุณวคฺโค ปโม.
๒. รตฺตนฺธการวคฺโค
๑. รตฺตนฺธการสิกฺขาปทวณฺณนา
อรโหเปกฺขายาติ ¶ ¶ นรโหอสฺสาทาเปกฺขาย. อฺวิหิตายาติ รโหอสฺสาทโต อฺวิหิตาว หุตฺวา าตึ วา ปุจฺฉนฺติยา, ทาเน วา ปูชาย วา มนฺเตนฺติยา.
รตฺตนฺธการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒-๓. ปฏิจฺฉนฺโนกาสอชฺโฌกาสสลฺลปนสิกฺขาปทวณฺณนา
ทุติยตติยานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ปฏิจฺฉนฺโนกาสอชฺโฌกาสสลฺลปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุติยิกอุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘ปุริมนเยเนวา’’ติ อิมินา ‘‘สนฺติฏฺเยฺย วาติ หตฺถปาเส ิตมตฺตาย ปาจิตฺติยํ, สลฺลเปยฺย วาติ ตตฺถ ตฺวา เคหสิกกถํ กเถนฺติยาปิ ปาจิตฺติยเมว, นิกณฺณิกํ วา ชปฺเปยฺยาติ กณฺณมูเล ชปฺเปนฺติยาปิ ปาจิตฺติยเมวา’’ติ อิมํ นยํ ทสฺเสติ.
ทุติยิกอุยฺโยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อนาปุจฺฉาปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา
อาสีทนฺติ เอตฺถาติ อาสนนฺติ อาห ‘‘ปลฺลงฺกสฺโสกาสภูเต’’ติ, อูรุพทฺธาสนสฺส โอกาเสติ อตฺโถ. อโนวสฺสกนฺติ นิพฺพโกกาสํ. อชฺโฌกาเส อุปจารนฺติ อชฺโฌกาเส นิสีทิตฺวา ทฺวาทสหตฺถปฺปมาณํ ปเทสํ. คิลานายาติ ยา ตาทิเสน เคลฺเน อาปุจฺฉิตุํ น สกฺโกติ ¶ . อาปทาสูติ ฆเร อคฺคิ วา อุฏฺิโต โหติ, โจโร วา, เอวรูเป อุปทฺทเว อนาปุจฺฉา ปกฺกมติ, อนาปตฺติ.
อนาปุจฺฉาปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อนาปุจฺฉาอภินิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
ธุวปฺตฺเตติ ¶ ภิกฺขุนีนํ อตฺถาย นิจฺจปฺตฺเต.
อนาปุจฺฉาอภินิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อนาปุจฺฉาสนฺถรณสิกฺขาปทวณฺณนา
กุลานีติ กุลสฺส ฆรานิ.
อนาปุจฺฉาสนฺถรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปรอุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา
อฏฺมํ อุตฺตานตฺถเมว.
ปรอุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปรอภิสปนสิกฺขาปทวณฺณนา
มนุสฺสโทภคฺเคน วาติ ‘‘กาณา โหมิ, กุณี โหมิ, อิตรา วา อีทิสา โหตู’’ติอาทินา มนุสฺสวิรูปภาเวน. อตฺถธมฺมอนุสาสนิปุเรกฺขารานนฺติ เอตฺถ อตฺถปุเรกฺขารายาติ อฏฺกถํ กเถนฺติยา. ธมฺมปุเรกฺขารายาติ ปาฬึ วาเจนฺติยา. อนุสาสนิปุเรกฺขารายาติ ‘‘อิทานิปิ ตฺวํ เอทิสา, สาธุ วิรมสฺสุ, โน เจ วิรมสิ, อทฺธา ปุน ¶ เอวรูปานิ กมฺมานิ กตฺวา นิรเย อุปฺปชฺชิสฺสสิ, ติรจฺฉานโยนิยา อุปฺปชฺชิสฺสสี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๗๘) เอวํ อนุสาสนิยํ ตฺวา วทนฺติยา.
ปรอภิสปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โรทนสิกฺขาปทวณฺณนา
ทสมํ อุตฺตานตฺถเมว.
โรทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
รตฺตนฺธการวคฺโค ทุติโย.
๓. นคฺควคฺโค
๑-๒. นคฺคาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
อิทนฺติ ¶ อิทํ อุทกสาฏิกจีวรํ.
ทุติยํ อุตฺตานตฺถเมว.
นคฺคาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา
วิสิพฺเพตฺวาติ วิชเฏตฺวา. ธุรํ นิกฺขิตฺตมตฺเตติ ธุเร นิกฺขิตฺตมตฺเต, ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา สเจปิ ปจฺฉา สิพฺพติ, อาปตฺติเยวาติ อตฺโถ.
จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สงฺฆาฏิจารสิกฺขาปทวณฺณนา
‘‘อิทํ ¶ เม จีวรํ มหคฺฆํ อีทิเส โจรภเย น สกฺกา ธาเรตุนฺติ เอวรูปาสุ อาปทาสู’’ติ เอตฺถ ปาโ. โส ปน กากปทสฺชนิตโมเหหิ เลขเกหิ อุปริสิกฺขาปเท ลิขิโต. กิฺจาปิ ตตฺถ ลิขิโต, เอตฺเถว ปน ทฏฺพฺโพ.
สงฺฆาฏิจารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จีวรสงฺกมนียสิกฺขาปทวณฺณนา
อาปทาสุ วา ธาเรตีติ สเจ อปารุตํ วา อนิวตฺถํ วา โจรา หรนฺติ, เอวรูปาสู อาปทาสุ ธาเรติ, อนาปตฺติ.
จีวรสงฺกมนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. คณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
อฺสฺมึ ปริกฺขาเรติ ยตฺถ กตฺถจิ ถาลกาทีนํ วา สปฺปิเตลาทีนํ วา อฺตรสฺมึ. ‘‘สมคฺฆกาเล ทสฺสถา’’ติ เอวํ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา นิวาเรนฺติยาติ ¶ ‘‘กิตฺตกํ อคฺฆนกํ ทาตุกามตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา (ปาจิ. อฏฺ. ๙๐๙) ‘‘เอตฺตกํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาคเมถ ตาว, อิทานิ วตฺถํ มหคฺฆํ, กติปาเหน กปฺปาเส อาหเฏ สมคฺฆํ ภวิสฺสติ, ตสฺมึ กาเล ทสฺสถา’’ติ เอวํ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา นิวาเรนฺติยา.
คณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๐. ปฏิพาหนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปฏิพาหนฺติยาติ ‘‘เอกิสฺสา เอกํ สาฏกํ นปฺปโหติ, อาคเมถ ตาว, กติปาเหน อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตโต ภาเชสฺสามา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๑๕) เอวํ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปฏิพาหนฺติยา อนาปตฺติ.
อฏฺมนวมานิ ¶ อุตฺตานตฺถาเนว.
เสสนฺติ ‘‘ธมฺมิเก เวมติกายา’’ติอาทิกํ อวเสสํ. ตตฺถ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปฏิพาหนฺติยาติ ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ ชิณฺณจีวโร, กถินานิสํสมูลโก มหาลาโภ’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๓๑) เอวรูปํ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปฏิพาหนฺติยา อนาปตฺติ.
ปฏิพาหนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
นคฺควคฺโค ตติโย.
๔. ตุวฏฺฏวคฺโค
๑-๓. เอกมฺจตุวฏฺฏนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ปมํ อุตฺตานตฺถเมว.
ววตฺถานํ ทสฺเสตฺวาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๙๔๐) มชฺเฌ กาสายํ วา กตฺตรยฏฺึ วา อนฺตมโส กายพนฺธนมฺปิ เปตฺวา นิปชฺชนฺตีนํ อนาปตฺตีติ อตฺโถ.
ตติยํ อุตฺตานตฺถเมว.
เอกมฺจตุวฏฺฏนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๙. นอุปฏฺาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ปริเยสิตฺวา ¶ อลภนฺติยาติ อฺํ อุปฏฺายิกํ อลภนฺติยา. คิลานายาติ สยํ คิลานาย. อาปทาสูติ ตถารูเป อุปทฺทเว สติ.
ปฺจมฉฏฺสตฺตม ¶ อฏฺมนวมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
นอุปฏฺาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จาริกนปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา
ธุเร นิกฺขิตฺตมตฺเตติ สเจ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา ปกฺกมติ, อาปตฺติเยวาติ อตฺโถ. อนฺตราเย สตีติ ทสวิเธสุ อนฺตราเยสุ อฺตรสฺมึ สติ. ‘‘คจฺฉิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตา, นที วา ปูรา, วนทาโห วา อาคโต, โจรา วา มคฺเค โหนฺติ, เมโฆ วา อุฏฺหติ, นิวตฺติตุํ วฏฺฏติ.
จาริกนปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตุวฏฺฏวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. จิตฺตาคารวคฺโค
๑. ราชาคารสิกฺขาปทวณฺณนา
กีฬนจิตฺตสาลนฺติ น รฺโว กีฬนจิตฺตสาลํ, อถ โข เยสํ เกสฺจิ มนุสฺสานํ กีฬนตฺถํ ยตฺถ กตฺถจิ กตสาลํ. เอส นโย ‘‘กีฬนอุปวน’’นฺติอาทีสุปิ. ยถาห ‘‘ราชาคารํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ รฺโ กีฬิตุํ รมิตุํ กตํ โหตี’’ติอาทิโก (ปาจิ. ๙๗๙) วิตฺถาโร. ตตฺถ กีฬนอุปวนนฺติ กีฬนตฺถํ อนฺโตนคเร กตํ อารามํ. กีฬนุยฺยานนฺติ ตเถว พหินคเร กตํ อุยฺยานํ.
ราชาคารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อาสนฺทิปริภฺุชนสิกฺขาปทวณฺณนา
อติกฺกนฺตปฺปมาณาติ ¶ ¶ อฏฺงฺคุลโต อติกฺกนฺตปฺปมาณปาทกา. วุตฺโตติ ปทภาชนิยํ วุตฺโต. ‘‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโก’’ติ (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๕๔) สารสมาสาจริโย.
อาสนฺทิปริภฺุชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุตฺตกนฺตนสิกฺขาปทวณฺณนา
อุชฺชวุชฺชเวติ อุคฺคิริตฺวา อุคฺคิริตฺวา เวเน. กนฺติตสุตฺตํ กนฺตนฺติยาติ ทสิกสุตฺตาทึ สงฺฆาเฏตฺวา กนฺตนฺติยา, ทุกฺกนฺติตํ วา ปฏิกนฺตนฺติยา.
สุตฺตกนฺตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. คิหิเวยฺยาวจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
อตฺตโน เวยฺยาวจฺจกรสฺส จาติ สเจปิ มาตาปิตโร อาคจฺฉนฺติ, ยํ กิฺจิ พีชนึ วา สมฺมฺุชนิทณฺฑกํ วา การาเปตฺวา เวยฺยาวจฺจกรฏฺาเน เปตฺวา ยํ กิฺจิ วา ปจิตุํ วฏฺฏติ.
คิหิเวยฺยาวจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๖. อธิกรณาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
อนนฺตรายิกินีติ ทสวิเธสุ อนฺตราเยสุ เอเกนาปิ อนนฺตรายิกินี. ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา วินิจฺฉินนฺตี อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาว วินิจฺฉินาติ.
ฉฏฺํ อุตฺตานตฺถเมว.
อธิกรณาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อาวสถจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
อาปทาสูติ ¶ ¶ มหคฺฆจีวรํ สรีรโต โมเจตฺวา สุปฺปฏิสามิตมฺปิ โจรา หรนฺติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ อนิสฺสชฺชิตฺวา นิวาเสนฺติยา อนาปตฺติ.
อาวสถจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อาวสถวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา
กวาฏพทฺธวิหารนฺติ ทฺวารพทฺธวิหารํ. คิลานายาติ วจีเภทํ กาตุํ อสมตฺถาย. อาปทาสูติ รฏฺเ ภิชฺชนฺเต อาวาเส ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ.
อาวสถวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ติรจฺฉานวิชฺชาปริยาปุณนสิกฺขาปทวณฺณนา
หตฺถิอาทีสุปิ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๐๑๕) สิปฺปสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ, ตถา อาถพฺพณาทีสุ มนฺตสทฺโท. ตตฺถ ถรูติ ขคฺคมุฏฺิ. อาถพฺพณมนฺโต นาม อาถพฺพณเวทวิหิโต ปรูปฆาตกโร มนฺโต. ขิลนมนฺโต นาม ทารุสารขิลํ มนฺเตตฺวา ปถวิยํ ปเวเสตฺวา มารณมนฺโต. อคทปฺปโยโค นาม วิสโยชนํ.
ติรจฺฉานวิชฺชาปริยาปุณนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ติรจฺฉานวิชฺชาวาจนสิกฺขาปทวณฺณนา
เลเขติ ลิขสิปฺเป. ธารณาย วาติ ธารณสตฺเถ, ยสฺมึ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺตา พหูนิปิ คนฺถานิ ธาเรนฺติ. นาคมณฺฑลาทิเกติ เอตฺถ นาคมณฺฑลํ นาม สปฺปานํ ปเวสนิวารณตฺถํ มณฺฑลพทฺธมนฺโต.
ติรจฺฉานวิชฺชาวาจนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
จิตฺตาคารวคฺโค ปฺจโม.
๖. อารามวคฺโค
๑-๒. อารามปวิสนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สีสานุโลกิกายาติ ¶ ¶ สีสํ อนุโลเกนฺติยา. ยตฺถ วา ภิกฺขุนิโย สนฺนิปติตาติ ยตฺถ ภิกฺขุนิโย ปมตรํ สชฺฌายนเจติยวนฺทนาทิอตฺถํ สนฺนิปติตา. อาปทาสูติ เกนจิ อุปทฺทุตา โหติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ.
ทุติยํ อุตฺตานตฺถเมว.
อารามปวิสนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. คณปริภาสนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
เสสนฺติ ‘‘อตฺถธมฺมอนุสาสนิปุเรกฺขารายา’’ติอาทิกํ อวเสสํ. ตตฺถ อนุสาสนิปุเรกฺขารายาติ ‘‘อิทานิปิ ตฺวํ พาลา อพฺยตฺตา’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๑๐๓๖) นเยน อนุสาสนิปกฺเข ตฺวา วทนฺติยา อนาปตฺติ.
จตุตฺถํ อุตฺตานตฺถเมว.
คณปริภาสนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กุลมจฺฉรินีสิกฺขาปทวณฺณนา
กุเล มจฺฉโร กุลมจฺฉโรติ ปุริมสฺมึ ปกฺเข สกตฺเถ อินีปจฺจโย, ตํ กุลํ อสฺสทฺธํ อปฺปสนฺนนฺติ กุลสฺส อคุณํ, อยสํ วา ภาสนฺติยาติ อตฺโถ. ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสนฺติยาติ ‘‘ภิกฺขุนิโย ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๐๔๓) ภิกฺขุนีนํ อคุณํ, อยสํ วา ภาสนฺติยา.
สนฺตํเยว ¶ อาทีนวนฺติ กุลสฺส วา ภิกฺขุนีนํ วา สนฺตํเยว อคุณํ.
กุลมจฺฉรินีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖-๘. อภิกฺขุกาวาสาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สมนฺตปาสาทิกายํ ¶ วุตฺโตติ สมนฺตปาสาทิกาย โอวาทวคฺคสฺส ปมสิกฺขาปเท (ปาจิ. อฏฺ. ๑๔๔) วุตฺโต.
สตฺตมฏฺมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
อภิกฺขุกาวาสาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙-๑๐. โอวาทูปสงฺกมนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
อุโปสถสฺส ปุจฺฉนํ อุโปสถปุจฺฉา, สาวกปจฺจยํ, รสฺสตฺตฺจ กตฺวา ‘‘อุโปสถปุจฺฉก’’นฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อุโปสถปุจฺฉน’’นฺติ. โอวาทตฺถายาติ โอวาทยาจนตฺถาย.
ทสมํ อุตฺตานตฺถเมว.
โอวาทูปสงฺกมนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อารามวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. คพฺภินีวคฺโค
๑-๒. คพฺภินีอาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ปมํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
ถเน ภวํ ถฺํ, ขีรํ. ยํ ปาเยตีติ ยํ ทารกํ ปาเยติ.
คพฺภินีอาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปมสิกฺขมานสิกฺขาปทวณฺณนา
ปทภาชเน วุตฺตนเยนาติ ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณึ ทฺเว วสฺสานิ อวีติกฺกมฺม สมาทานํ สมาทิยามิ…เป… วิกาลโภชนา เวรมณึ ทฺเว วสฺสานิ ¶ อวีติกฺกมฺม สมาทานํ สมาทิยามี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๗๙) ปทภาชนสมีเป อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตนเยน. อิมา ปน ฉ สิกฺขาโย สฏฺิวสฺสายปิ ปพฺพชิตาย ทาตพฺพาเยว, น เอตาสุ อสิกฺขิตา อุปสมฺปาเทตพฺพา.
ปมสิกฺขมานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๕. ทุติยสิกฺขมานาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ปทภาชเน วุตฺตา อุปสมฺปทาสมฺมุติ น ทินฺนา โหตีติ ปทภาชนสมีเป อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตา อุปสมฺปทาสมฺมุติ ตฺติทุติยาย กมฺมวาจาย น ทินฺนา โหติ.
ปฺจมํ อุตฺตานตฺถเมว.
ทุติยสิกฺขมานาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖-๑๐. ทุติยคิหิคตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ทสวสฺสาย ¶ คิหิคตาย สิกฺขาสมฺมุตึ ทตฺวา ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสํ อุปสมฺปาเทตุํ วฏฺฏติ.
สตฺตมอฏฺมนวมทสมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ทุติยคิหิคตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
คพฺภินีวคฺโค สตฺตโม.
๘. กุมาริภูตวคฺโค
๑-๕. ปมกุมาริภูตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สพฺพปมา ทฺเว มหาสิกฺขมานาติ คพฺภินิวคฺเค วุตฺตา ทฺเว สิกฺขมานา. ‘‘สิกฺขมานา’’อิจฺเจว วตฺตพฺพาติ สมฺมุติกมฺมาทีสุ เอวํ วตฺตพฺพา. ‘‘คิหิคตา’’ติ ¶ วา ‘‘กุมาริภูตา’’ติ วา น วตฺตพฺพาติ สเจ วทนฺติ, กมฺมํ กุปฺปตีติ อธิปฺปาโย.
จตุตฺถปฺจมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ปมกุมาริภูตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖-๘. ขียนธมฺมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
วุฏฺาปนสมฺมุติยา ยาจิตายาติ อุปสมฺปทาสมฺมุติยา ยาจิตาย.
สตฺตมฏฺมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ขียนธมฺมาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โสกาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
อาคจฺฉมานาติ ¶ อาคจฺฉนฺตี.
โสกาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อนนฺุาตสิกฺขาปทวณฺณนา
เตสํ อตฺถิภาวํ อชานนฺติยาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๖๓) เตสํ มาตาทีนํ อตฺถิภาวํ อชานนฺติยา. อนนฺุาตสมุฏฺานนฺติ ยํ วาจโต, กายวาจโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาติ, ตํ อนนฺุาตสมุฏฺานํ. กถํ? อพฺภานกมฺมาทีสุ เกนจิเทว กรณีเยน ขณฺฑสีมายํ นิสินฺนา ‘‘ปกฺโกสถ สิกฺขมานํ, อิเธว นํ อุปสมฺปาเทสฺสามา’’ติ อุปสมฺปาเทติ, เอวํ วาจโต สมุฏฺาติ. ‘‘อุปสฺสยโต อุฏฺาย อุปสมฺปาเทสฺสามี’’ติ วตฺวา ขณฺฑสีมํ คจฺฉนฺติยา กายวาจโต สมุฏฺาติ. ทฺวีสุ าเนสุ ปณฺณตฺตึ ชานิตฺวา วีติกฺกมํ กโรนฺติยา วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฏฺาติ. อนนุชานาเปตฺวา อุปสมฺปาทนโต กิริยากิริยํ.
อนนฺุาตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ปาริวาสิกสิกฺขาปทวณฺณนา
ทารุณนฺติ ¶ ปาปํ. ปติมาเนนฺตนฺติ โอโลเกนฺตํ.
ปาริวาสิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. อนุวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
เอกนฺตริกนฺติ เอเกน วสฺเสน อนฺตริกํ กตฺวา.
อนุวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. เอกวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
มาติกายํ ¶ เอกํ วสฺสํ ทฺเวติ เอกนฺตริเก เอเกกสฺมึ สํวจฺฉเร ทฺเว. เอกนฺตริกํ วุฏฺาเปนฺติยาติ อิมสฺมึ วสฺเส เอกํ, ปุน เอกนฺตริกํ เอกนฺติ ทฺเว วุฏฺาเปนฺติยา อนาปตฺติ.
เอกวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
กุมาริภูตวคฺโค อฏฺโม.
๙. ฉตฺตุปาหนวคฺโค
๑-๒. ฉตฺตุปาหนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
วุตฺตลกฺขณํ ฉตฺตนฺติ ‘‘ฉตฺตํ นาม ตีณิ ฉตฺตานิ – เสตจฺฉตฺตํ, กิลฺชจฺฉตฺตํ, ปณฺณจฺฉตฺตํ มณฺฑลพทฺธํ, สลากพทฺธ’’นฺติ (ปาจิ. ๑๑๘๑) เอวํ ปทภาชเน วุตฺตลกฺขณํ ฉตฺตํ. ตาทิสํ านํ ปตฺวาติ คจฺฉกทฺทมาทีสุ ตํ ตํ านํ ปตฺวา.
ฉตฺตสฺเสวาติ กทฺทมาทีนิ ปตฺวา อุปาหนา โอมฺุจิตฺวา ฉตฺตสฺเสว ธารณํ. อุปาหนานํเยว วาติ คจฺฉาทีนิ ทิสฺวา ฉตฺตํ อปนาเมตฺวา อุปาหนานํเยว ธารณํ.
ทุติยํ อุตฺตานตฺถเมว.
ฉตฺตุปาหนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๕. สงฺฆาณิอาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
สงฺฆาณินฺติ ¶ กฏิยํ อนุภวิตพฺพํ อาภรณํ. เตนาห ‘‘ยํ กิฺจิ กฏูปค’’นฺติ.
จตุตฺถปฺจมานิ ¶ อุตฺตานตฺถาเนว.
สงฺฆาณิอาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. วาสิตกสิกฺขาปทวณฺณนา
คนฺธวาสิตเกนาติ คนฺธปริภาวิเตน.
วาสิตกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๐. ภิกฺขุนิอุมฺมทฺทาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
คิลานายาติ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๒๐๘) อนฺตมโส มคฺคคมนปริสฺสเมนาปิ อาพาธิกาย. อาปทาสูติ โจรภยาทินา สรีรกมฺปนาทีสุ.
อฏฺมนวมทสเมสุ กิฺจิ วตฺตพฺพํ นตฺถิ.
ภิกฺขุนิอุมฺมทฺทาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. อนาปุจฺฉาสิกฺขาปทวณฺณนา
อุปจารํ สนฺธายาติ สมนฺตา ทฺวาทสหตฺถูปจารํ สนฺธาย.
อนาปุจฺฉาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ปฺหาปุจฺฉนสิกฺขาปทวณฺณนา
อโนทิสฺสาติ ‘‘อมุกสฺมึ นาม าเน ปุจฺฉามี’’ติ เอวํ อนิยเมตฺวา เกวลํ ‘‘ปุจฺฉิตพฺพํ อตฺถิ, ปุจฺฉามิ, อยฺยา’’ติ เอวํ วตฺวา.
ปฺหาปุจฺฉนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. อสํกจฺจิกสิกฺขาปทวณฺณนา
ปริกฺขิตฺตสฺส ¶ ¶ คามสฺส ปริกฺเขปํ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา วา โอกฺกมนฺติยา วาติ เอตฺถ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริกฺเขปํ อติกฺกมนฺติยา วา อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา วาติ ยถากฺกมํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อาปทาสูติ มหคฺฆํ สํกจฺจิกํ ปารุปิตฺวา คจฺฉนฺติยา อุปทฺทโว อุปฺปชฺชติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ.
อสํกจฺจิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉตฺตุปาหนวคฺโค นวโม.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข ปาจิตฺติยวณฺณนา นิฏฺิตา.
อสาธารณสมุฏฺานวณฺณนา
อจิตฺตกานีติ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๑๒๑๔) ‘‘นจฺจ’’นฺติอาทินา อชานิตฺวา ทสฺสนาทึ กโรนฺติยา อาปตฺติสมฺภวโต วตฺถุอชานนจิตฺเตน อจิตฺตกานิ. โลกวชฺชานีติ ‘‘นจฺจ’’นฺติอาทินา ชานิตฺวา ทสฺสนาทึ กโรนฺติยา อกุสเลเนว อาปชฺชนโต โลกวชฺชานิ. เตนาห ‘‘อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย’’ติอาทิ สจิตฺตกานีติ ‘‘โจรี’’ติอาทินา วตฺถุํ ชานิตฺวา กรเณเยว อาปตฺติสมฺภวโต สจิตฺตกานิ. อุปสมฺปทาทีนํ เอกนฺตากุสลจิตฺเตเนว อกตฺตพฺพตฺตา ปณฺณตฺติวชฺชานิ. ‘‘อิธ สจิตฺตกาจิตฺตกตา ปณฺณตฺติชานนาชานนตาย อคฺคเหฏฺา วตฺถุชานนาชานนตาย คเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
อสาธารณสมุฏฺานวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปาฏิเทสนียกณฺฑํ
๒. เตลวิฺาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
ปาฬิยํ ¶ ¶ อนาคเตสุ ปน อฏฺสุปีติ ปาฬิมุตฺตเกสุ สปฺปิอาทีสุ อฏฺสุปิ.
เตลวิฺาปนาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺเข ปาฏิเทสนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. ปริมณฺฑลาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
เสขิยานิ เจวาติ ปฺจสตฺตติ เสขิยานิ เจว. ‘‘ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา’’ติ อิมินา ยสฺมา ตาทิสํเยเวตฺถ อตฺถวินิจฺฉยํ วิทู วทนฺติ, ตสฺมา วิสุํ เตสํ อตฺถวณฺณนา น วุตฺตา. ตตฺถ ยา วุตฺตา, สา อิธาปิ วุตฺตาเยวาติ ทสฺเสติ.
ปริมณฺฑลาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
วินยตฺถมฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
ภิกฺขุนิปาติโมกฺขวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนกถาวณฺณนา
ยํ ¶ ปาติโมกฺขสฺส วณฺณนํ อารภินฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘มหาวิหารวาสีน’’นฺติ อิทํ ปุริมปจฺฉิมปเทหิ สทฺธึ สมฺพนฺธิตพฺพํ, มหาวิหารวาสีนํ โปราณฏฺกถาหิ วาติ จ. ปาฬิยตฺถฺจ เกวลนฺติ สกลํ ปาฬิอตฺถฺจ, อุภโตวิภงฺคฺจาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถาติ เอติสฺสํ กงฺขาวิตรณิยํ. ยสฺมา ¶ น หิ อตฺถีติ สมฺพนฺโธ. ยนฺติ ยํ ปทํ. สีหฬฏฺกถานยนฺติ สีหฬมาติกฏฺกถานยํ. อฏฺกถาสารนฺติ สีหฬมาติกฏฺกถายํ อตฺถสารํ, อถ วา วินยฏฺกถาสุ อตฺถสารํ. เตเนตํ ทสฺเสติ – สีหฬมาติกฏฺกถายํ อตฺถสารํ อาทาย อิมํ กงฺขาวิตรณึ กโรนฺโต วินยฏฺกถาสุปิ อิธ วินิจฺฉเย โยคกฺขมํ อตฺถสารํ อาทาเยว อกาสินฺติ.
อิทานิ สเทวกสฺส โลกสฺส อจฺจนฺตสุขาธิคมาย อตฺตโน ปฺุํ ปริณาเมนฺโต ‘‘ยถา จ นิฏฺํ สมฺปตฺตา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาห. กลฺยาณนิสฺสิตาติ กุสลนิสฺสิตา. สพฺพสตฺตานนฺติ กามาวจราทิเภทานํ สพฺเพสํ สตฺตานํ.
นิคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา จ –
ลงฺกิสฺสโร โย วิชิตาริราโช;
ราชา ปรกฺกนฺตภุโช ยสสฺสี;
ติธาคตํ สีหฬเมกรชฺชํ;
อกา นิกายฺจ ตถา สมคฺคํ.
ปุเร ปุลตฺถิมฺหิ วเร ปุรานํ;
มชฺฌมฺหิ นานารตนากรานํ;
อนนฺตสมฺปตฺติภราภิราเม;
วราจลุตฺตงฺคฆราภิราเม.
อเภชฺชปาการสุโคปุรสฺมึ ¶ ;
นิรากุลาเนกกุลากุลสฺมึ;
มุนินฺททางฺกุรวาสภูเต;
โย โลจนานนฺทวเห วสนฺโต.
สุผุลฺลิตพฺโภรุหสาทุสีต ¶
ปสนฺนนีเรหิ ชลาสเยหิ;
สุปุปฺผิตาเนกกทมฺพชมฺพุ-
ปุนฺนาคนาคาทิหิ วาภิรมฺเม.
สุธาวทาเตหิ มโนหเรหิ;
ปาการปนฺตีหิ จ โคปุเรหิ;
วิกิณฺณมุตฺตาผลสนฺนิเภหิ;
วิโลกนีเยหิ สุธาตเลหิ.
กตฺวาน ปาสาทสหสฺสรมฺเม;
ตหึ ตหึ ปีติกเร วิหาเร;
มหาทโย เชตวนาทโยปิ;
สุสํยมานํ ยตินํ อทาสิ.
โย สาทุภูตํ จตุปจฺจยฺจ;
คุณปฺปสนฺโน สมเณสุ เตสุ;
นิจฺจํ มโหฆํ วิย วตฺตยนฺโต;
โยเชติ เต คนฺถวิปสฺสนาสุ.
การิเตสุ วิหาเรสุ, เตน เตสุ ยสสฺสินา;
รมฺโม โย ปจฺฉิมาราโม, ปุปฺผารามาทิโสภิโต.
ปริเวณมฺหิ นาเมน, ตหึ โจฬกุลนฺติเก;
ปาสาเท ทสฺสนียมฺหิ, วสนฺโต กรุณาปโร.
สิสฺโส ¶ สสีกรสฺวจฺฉ-สีลาจารสฺส ธีมโต;
สาริปุตฺตมหาเถร-มหาสามิสฺส ตาทิโน.
ธีราเนกคุโณเฆน, เถเรน สุจิวุตฺตินา;
วินยฏฺิติกาเมน, สุเมเธนาภิยาจิโต.
โส พุทฺธนาคตฺเถโรหํ, ภิกฺขูนํ ปรมํ หิตํ;
มหาวิหารวาสีนํ, ยตีนํ สมยานุคํ.
วินยตฺถาทิมฺชูสํ ¶ , ลีนตฺถสฺส ปกาสนึ;
มาติกฏฺกถาเยมํ, อกาสึ สาธุ วณฺณนํ.
สายํ สุโพธา พุธวณฺณนียา;
สํวณฺณนา สตฺตสหสฺสมตฺตา;
นิรากโรนฺตี วินยมฺหิ โมหํ;
ตมํ จรนฺตี สสิ เขว ภาตุ.
อากงฺขมาเนน ปรตฺถมิฏฺํ;
มหตฺถสารํ สุวินิจฺฉยฺจ;
สํวณฺณนํ สาธุ ปกุพฺพตา ยํ;
จิตํ มยา ปฺุมนปฺปภูตํ.
ปฺุเน เตนาจิตทานสีล-
มยาทินาเนกวิเธน เจว;
สตฺตา อนีฆา สุขิโน อเวรา;
ปปฺโปนฺตุ สพฺเพ สุคตึ สิวฺจ.
สทฺธึ ยโถปทฺทวมนฺตเรน;
คตา หิ ลีนตฺถปทีปนียํ;
ตถา ¶ ชนานํ อปิ ธมฺมยุตฺตา;
มโนรถา สิทฺธิมุเปนฺตุ นิจฺจํ.
กาเล ปวสฺสนฺตุ สทา ปโยทา;
ธมฺเมน ปาเลนฺตุ มหึ มหินฺทา;
สตฺตา ปสนฺนา รตนตฺตยสฺมึ;
ทานาทิปฺุาภิรตา ภวนฺตูติ.
วินยตฺถมฺชูสา ลีนตฺถปฺปกาสนีนามิกากงฺขาวิตรณีอภินวฏีกา นิฏฺิตา.