📜
ติกมาติกาปทวณฺณนา
อิทานิ ¶ ¶ ปฏิฺาตกถํ กาตุํ ‘‘อิทานิ อิติ เม…เป… กถโนกาโส สมฺปตฺโต’’ติอาทิมาห. อิโต ปฏฺายาติ กุสลธมฺมปทโต ปฏฺาย.
๑. สพฺพปเทหิ ลทฺธนาโมติ ตีสุปิ ปเทสุ เวทนาสทฺทสฺส วิชฺชมานตฺตา เตน ลทฺธนาโม สพฺพปเทหิ ลทฺธนาโม โหติ. นนุ สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมาติ จตฺตาริ ปทานิ, เอวํ เสเสสุปีติ ทฺวาทเสตานิ ปทานิ, น ตีณีติ เวทนาสทฺทสฺส ปทตฺตยาวยวตฺตํ สนฺธาย ‘‘สพฺพปเทหี’’ติ วุจฺเจยฺย, น ยุตฺตํ. ‘‘เวทนายา’’ติ หิ วิสุํ ปทํ น กสฺสจิ ปทสฺส อวยโว โหติ, นาปิ สุขาทิปทภาวํ ภชตีติ เตน ลทฺธนาโม กถํ สพฺพปเทหิ ลทฺธนาโม สิยาติ? อธิปฺเปตปฺปการตฺถคมกสฺส ปทสมุทายสฺส ปทตฺตา. ปชฺชติ อวพุชฺฌียติ เอเตนาติ หิ ปทํ, ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมา’’ติ เอเตน จ ปทสมุทาเยน ยถาธิปฺเปโต อตฺโถ สมตฺโต วิฺายติ, ตสฺมา โส ปทสมุทาโย ‘‘ปท’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํ อิตเรปิ เวทิตพฺพา. ตสฺมา เตสํ ติณฺณํ สมุทายานํ อวยเวน ลทฺธนาโม สพฺพปเทหิ ลทฺธนาโมติ ยุตฺโต.
คนฺถโต จ อตฺถโต จาติ เอตฺถ เหตุปทสเหตุกปทาทีหิ สมฺพนฺธตฺตา คนฺถโต จ เหตุอตฺถสเหตุกตฺถาทีหิ สมฺพนฺธตฺตา อตฺถโต จ อฺมฺสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. สเหตุกเหตุสมฺปยุตฺตทุกา หิ เหตุทุเก เหตูหิ สมฺพนฺธตฺตา เหตุทุกสมฺพนฺธา, เหตุสเหตุกทุโก เหตุทุกสเหตุกทุกสมฺพนฺโธ อุภเยกปทวเสน. ตถา เหตุเหตุสมฺปยุตฺตทุโก เหตุทุกเหตุสมฺปยุตฺตทุกสมฺพนฺโธ ¶ , นเหตุสเหตุกทุโก เอกทฺวิปทวเสน เหตุทุกสเหตุกทุกสมฺพนฺโธติ. กณฺณิกา วิยาติ ปุปฺผมยกณฺณิกา วิย. ฆฏา วิยาติ ปุปฺผหตฺถกาทีสุ ปุปฺผาทีนํ สมูโห วิย. กณฺณิกาฆฏาทีสุ หิ ปุปฺผาทีนิ วณฺฏาทีหิ อฺมฺสมฺพนฺธานิ โหนฺตีติ ตถาสมฺพนฺธตา เอเตสํ ทุกานํ วุตฺตา. ทุกสามฺโตติ อฺเหิ เหตุทุกาทีหิ ทุกวเสน สมานภาวา. อฺเหีติ สารมฺมณทุกาทีหิ. อสงฺคหิโต ปเทโส เยสํ อตฺถิ, เต สปฺปเทสา. เยสํ ปน นตฺถิ, เต นิปฺปเทสา.
‘‘กจฺจิ ¶ นุ โภโต กุสล’’นฺติ เอวํ ปุจฺฉิตเมวตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ปุจฺฉิตุํ ‘‘กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา กุสลสทฺโท อนามยตฺโถ โหติ. พาหิติกสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๖๑) ภควโต กายสมาจาราทโย วณฺเณนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’ติ กุสโล กายสมาจาโร วุตฺโต. น หิ ภควโต สุขวิปากํ กมฺมํ อตฺถีติ สพฺพสาวชฺชรหิตา กายสมาจาราทโย กุสลาติ วุตฺตา. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ จ โพธิปกฺขิยธมฺมา ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา. เต จ วิปสฺสนามคฺคผลสมฺปยุตฺตา น เอกนฺเตน สุขวิปากาเยวาติ อนวชฺชตฺโถ กุสลสทฺโท. องฺคปจฺจงฺคานนฺติ กุสลสทฺทโยเคน ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ, องฺคปจฺจงฺคานํ วา นามกิริยาปโยชนาทีสูติ อตฺโถ. นจฺจคีตสฺสาติ จ สามิวจนํ ภุมฺมตฺเถ, นจฺจคีตสฺส วิเสเสสูติ วา โยเชตพฺพํ. กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ ปฺุวิปากนิพฺพตฺตกกมฺมํ ‘‘กุสล’’นฺติ วุตฺตํ. ธมฺมา โหนฺตีติ สฺุธมฺมตฺตา สภาวมตฺตา โหนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถาปิ สฺุตตฺโถ ธมฺมสทฺโท ทฏฺพฺโพ.
สลยนฺติ…เป… วิทฺธํเสนฺตีติ เอตฺถ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ. อถ วา สลนสฺส อตฺถทีปนานิ จลนาทีนิ ตีณิ ตทงฺคปฺปหานาทีหิ โยเชตพฺพานิ. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน สยมานา อกุสลา ธมฺมา ราคาทิอสุจิสมฺปโยคโต นานาวิธทุกฺขเหตุโต จ กุจฺฉิเตน อากาเรน สยนฺติ. าณวิปฺปยุตฺตานมฺปิ าณํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา กุเสน าเณน ปวตฺเตตพฺพาติ กุสลา. อุปฺปนฺนํสานุปฺปนฺนํสภาเคสุ สงฺคหิตตฺตา อุภยภาคคตํ สํกิเลสปกฺขํ ปหานานุปฺปาทเนหิ ลุนนฺติ สมฺมปฺปธานทฺวยํ วิย.
สตฺตาทิคาหกานํ ¶ จิตฺตานํ โคจรา สตฺตาทโย วิย ปฺาย อุปปริกฺขิยมานา น นิสฺสภาวา, กินฺตุ อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมา. น จ ธาริยมานสภาวา อฺโ ธมฺโม นาม อตฺถิ. น หิ รุปฺปนาทีหิ อฺเ รูปาทโย, กกฺขฬาทีหิ จ อฺเ ปถวีอาทโย ธมฺมา วิชฺชนฺตีติ. อฺถา ปน อวโพเธตุํ น สกฺกาติ นามวเสน วิฺาตาวิฺาเต สภาวธมฺเม อฺเ วิย กตฺวา ‘‘อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตี’’ติ ¶ วุตฺตํ. สปฺปจฺจยธมฺเมสุ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ธารียนฺติ วา ปจฺจเยหี’’ติ อาห. ธารียนฺตีติ อุปธารียนฺติ, ลกฺขียนฺตีติ อตฺโถ.
อกุสลาติ กุสลปฏิเสธนมตฺตํ กุสลาภาวมตฺตวจนํ ตทฺมตฺตวจนํ วา เอตํ น โหติ, กินฺตุ ตปฺปฏิปกฺขวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘มิตฺตปฏิปกฺขา อมิตฺตา วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตปฺปฏิปกฺขวจนตา จ อพฺยากตตติยราสิวจเนน วิฺายติ. ยทิ หิ กุสลาภาวมตฺตวจนํ อกุสลสทฺโท, เตน น โกจิ ธมฺโม วุตฺโตติ อพฺยากตวจเนเนว จ ตติโย ราสิ วุตฺโต น สิยา, กุสลา เจว ธมฺมา อพฺยากตา จาติ ทุโกวายํ อาปชฺชติ, น ติโก, เอวฺจ สติ อกุสลวจเนน น โกจิ อตฺโถ. อถ สิยา, ‘‘อนพฺยากตา’’ติ จ วตฺตพฺพํ สิยา กุสลานํ วิย อพฺยากตานฺจ อภาวมตฺตสมฺภวา, ตสฺมา อภาวมตฺตวจเน อพฺยากตภาวมตฺตํ วิย กุสลาภาวมตฺตํ อกุสลํ น โกจิ ราสีติ ‘‘อพฺยากตา’’ติ ตติโย ราสิ น สิยา. ตติยราสิภาเวน จ อพฺยากตา วุตฺตาติ อกุสโล จ เอโก ราสีติ วิฺายติ. ตสฺมา นาภาววจนตา, สภาวธารณาทิอตฺเถน ธมฺมสทฺเทน สมานาธิกรณภาวโต จ อกุสลสทฺทสฺส กุสลาภาวมตฺตวจนตา น โหติ, นาปิ ตทฺมตฺตวจนตา ตติยราสิวจนโต เอว. ยทิ หิ กุสเลหิ อฺเ อกุสลา เจตสิเกหิ อฺเ อเจตสิกา วิย, กุสลากุสลวจเนหิ สพฺเพสํ ธมฺมานํ สงฺคหิตตฺตา อสงฺคหิตสฺส ตติยราสิสฺส อภาวา เจตสิกทุโก วิย อยฺจ ทุโก วตฺตพฺโพ สิยา ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา’’ติ, น ‘‘อพฺยากตา’’ติ ตติโย ราสิ วตฺตพฺโพ, วุตฺโต จ โส, ตสฺมา น ตทฺมตฺตวจนํ อกุสลสทฺโท, ปาริเสเสน ตปฺปฏิปกฺเขสุ อ-การสฺส ปโยคทสฺสนโต โลเก ‘‘อมิตฺตา’’ติ สาสเน ‘‘อโลโภ’’ติ อิธาปิ ตปฺปฏิปกฺขวจนตา อกุสลสทฺทสฺส สิทฺธา, ตตฺถ นิรุฬฺหตฺตา จ น อิตรวจนตา, ตปฺปฏิปกฺขภาโว จ วิรุทฺธสภาวตฺตา ตปฺปเหยฺยภาวโต จ เวทิตพฺโพ, น กุสลวินาสนโต. น หิ กุสลา อกุสเลหิ ปหาตพฺพา, มหาพลวตาย ปน กุสลาเยว ปโยคนิปฺผาทิตา สทานุสยิเต อกุสเล ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวเสน ปชหนฺตีติ.
น ¶ ¶ พฺยากตาติ อกถิตา. กถํ ปเนเต อกถิตา โหนฺติ, นนุ ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติอาทีหิ ติกทุกปเทหิ จกฺขุวิฺาณาทิวจเนหิ ผสฺสาทิวจเนหิ จ กถิตาติ? โน น กถิตา, ตานิ ปน วจนานิ อิธ อนธิปฺเปตานิ อวุตฺตตฺตา อนนุวตฺตนโต. น หิ ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมา’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘อพฺยากตา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา น ตานิ อิธ อนุวตฺตนฺตีติ ตพฺพจนียภาเวน อกถิตตา น โหติ, กุสลากุสลวจนานิ ปน อิธ วุตฺตตฺตา อนุวตฺตนฺตีติ ตพฺพจนียภาเวน อกถิตตา ายตีติ ‘‘กุสลากุสลภาเวน อกถิตาติ อตฺโถ’’ติ อาห. น พฺยากตาติ วา อวิปากา, อพฺยากตวจเนเนว จ อวิปากตฺถา ายนฺติ. น หิ ภควโต วจนํ าปกสาธนียํ, อาสยานุสยจริยาทิกุสเลน ภควตา เยสํ อวโพธนตฺถํ ธมฺมา วุตฺตา เตสํ วจนานนฺตรํ ตทตฺถปฏิเวธโต, ปจฺฉิเมหิ ปน ยถา เตสํ อวโพธนตฺถํ ภควตา ตํ ตํ วจนํ วุตฺตํ, ยถา จ เตหิ ตทตฺโถ ปฏิวิทฺโธ, ตํ สพฺพํ อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา สุตฺวา เวทิตพฺพํ โหติ, ตสฺมา การณํ อวตฺวา ‘‘กุสลากุสลภาเวน อกถิตาติ อตฺโถ’’ติ อาห. โย จ วเทยฺย ‘‘อกุสลวิปากภาเวน อกถิตตฺตา, กุสลา อพฺยากตาติ อาปชฺชนฺติ, กุสลวิปากภาเวน อกถิตตฺตา อกุสลาปี’’ติ, โสปิ ‘‘อฺาปกสาธนียวจโน ภควา’’ติ นิวาเรตพฺโพ อนุวตฺตมานวจนวจนียภาเวน อกถิตสฺส จ อพฺยากตภาวโต. น หิ อวิปากวจนํ วุตฺตํ กุสลวจนฺจ อวุตฺตํ, ยโต อวิปากวจนสฺส อธิกตภาโว กุสลสฺส จ ตพฺพจนียภาเวน อกถิตภาโว สิยา, ตสฺมา น กุสลานํ อพฺยากตตา, เอวํ อกุสลานฺจ อนพฺยากตภาเว โยชนา กาตพฺพา.
อถ วา วิ-สทฺโท วิโรธวจโน, อา-สทฺโท อภิมุขภาวปฺปกาสโน, ตสฺมา อตฺตโน ปจฺจเยหิ อฺมฺวิโรธาภิมุขา กตา, ลกฺขณวิโรธโต วินาสกวินาสิตพฺพโต จาติ พฺยากตา, กุสลากุสลา. น พฺยากตาติ อพฺยากตา. เต หิ ลกฺขณโต กุสลากุสลา วิย วิรุทฺธา น โหนฺติ. น หิ อวิปากตา ทุกฺขวิปากตา วิย สุขวิปากตาย สุขวิปากตา วิย จ ทุกฺขวิปากตาย สุขทุกฺขวิปากตาหิ วิรุชฺฌตีติ นาปิ เต กิฺจิ ปชหนฺติ, น จ เต เกนจิ ปหาตพฺพาติ อยเมตฺถ อตฺตโนมติ.
อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณาติ ¶ เอตฺถ นตฺถิ เอเตสํ อวชฺชนฺติ อนวชฺชา, ครหิตพฺพภาวรหิตา นิทฺโทสาติ อตฺโถ. เตน เนสํ อครหิตพฺพภาวํ ทสฺเสติ, น คารยฺหวิรหมตฺตํ ¶ . อฺเปิ อตฺถิ นิทฺโทสา อพฺยากตาติ อนวชฺชวจนมตฺเตน เตสมฺปิ กุสลตาปตฺติโทสํ ทิสฺวา ตํ ปริหริตุํ สุขวิปากวจนํ อาห. อวชฺชปฏิปกฺขา วา อิธ อนวชฺชาติ วุตฺตา, น พาหิติกสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๖๑) วิย ปฏิปฺปสฺสทฺธาวชฺชา วิรหิตาวชฺชมตฺตา วา, ตสฺมา อนวชฺชวจเนน อวชฺชวินาสนภาโว ทสฺสิโต. อพฺยากเตหิ ปน วิสิฏฺํ กุสลากุสลานํ สาธารณํ สวิปากตาลกฺขณนฺติ ตสฺมึ ลกฺขเณ วิเสสทสฺสนตฺตํ สุขวิปากวจนํ อโวจ. สิทฺโธ หิ ปุริเมเนว อกุสลาพฺยากเตหิ กุสลานํ วิเสโสติ. สุโข วิปาโก เอเตสนฺติ สุขวิปากา. เตน กุสลากุสลานํ สามฺเ วิปากธมฺมภาเว สุขวิปากวิปจฺจนสภาวํ ทสฺเสติ, น เตสํ สุขวิปากสพฺภาวเมว. อนวชฺชา จ เต สุขวิปากา จาติ อนวชฺชสุขวิปากา. กุสลา ลกฺขียนฺติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณํ เอเตสนฺติ อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณา. นนุ เต เอว กุสลา อนวชฺชสุขวิปากา, กถํ เต สยเมว อตฺตโน ลกฺขณํ โหนฺตีติ? วิฺาตาวิฺาตสทฺทตฺถภาเวน ลกฺขณลกฺขิตพฺพภาวยุตฺติโต. กุสลสทฺทตฺถวเสน หิ อวิฺาตา กุสลา ลกฺขิตพฺพา โหนฺติ, อนวชฺชสุขวิปากสทฺทตฺถภาเวน วิฺาตา ลกฺขณนฺติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, สภาโว. อนวชฺชสุขวิปากา จ เต ลกฺขณฺจาติ อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณา, อนวชฺชสุขวิปากา หุตฺวา ลกฺขิยมานา สภาวา กุสลา นามาติ อตฺโถ.
อถ วา อนวชฺชวจเนน อนวชฺชตฺตํ อาห, สุขวิปากวจเนน สุขวิปากตฺตํ, ตสฺมา อนวชฺชฺจ สุขวิปาโก จ อนวชฺชสุขวิปากํ, ตํ ลกฺขณํ เอเตสํ กรณตฺเถ จ กมฺมตฺเถ จ ลกฺขณสทฺเท สภาวภูตนฺติ อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณา, อนวชฺชสุขวิปากสภาเวน ลกฺขิยมานา ตํสภาววนฺโต จ กุสลาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อนวชฺชวจเนน ปวตฺติสุขตํ กุสลานํ ทสฺเสติ, สุขวิปากวจเนน วิปากสุขตํ. ปุริมฺหิ อตฺตโน ปวตฺติสภาววเสน ลกฺขณตาวจนํ, ปจฺฉิมํ กาลนฺตเร วิปากุปฺปาทนสมตฺถตายาติ. ตถา ปุริเมน กุสลานํ อตฺตสุทฺธึ ทสฺเสติ ¶ , ปจฺฉิเมน วิสุทฺธวิปากตํ. ปุริเมน จ กุสลํ อกุสลสภาวโต นิวตฺเตติ, ปจฺฉิเมน อพฺยากตสภาวโต สวิปากตฺตทีปกตฺตา ปจฺฉิมสฺส. ปุริเมน วา วชฺชปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต กิจฺจฏฺเน รเสน อกุสลวิทฺธํสนรสตํ ทีเปติ, ปจฺฉิเมน สมฺปตฺติอตฺเถน อิฏฺวิปากรสตํ. ปุริเมน จ อุปฏฺานาการฏฺเน ปจฺจุปฏฺาเนน โวทานปจฺจุปฏฺานตํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน ผลตฺเถน สุขวิปากปจฺจุปฏฺานตํ. ปุริเมน จ โยนิโสมนสิการํ กุสลานํ ¶ ปทฏฺานํ วิภาเวติ. ตโต หิ เต อนวชฺชา ชาตาติ. ปจฺฉิเมน กุสลานํ อฺเสํ ปทฏฺานภาวํ ทสฺเสติ. เต หิ สุขวิปากสฺส การณํ โหนฺตีติ. เอตฺถ จ สุขวิปากสทฺเท สุขสทฺโท อิฏฺปริยายวจนนฺติ ทฏฺพฺโพ. อิฏฺจตุกฺขนฺธวิปากา หิ กุสลา, น สุขเวทนาวิปากาว. สงฺขารทุกฺโขปสมสุขวิปากตาย จ สมฺภโว เอว นตฺถิ. น หิ ตํวิปาโกติ. ยทิ ปน วิปากสทฺโท ผลปริยายวจนํ, นิสฺสนฺทวิปาเกน อิฏฺรูเปนาปิ สุขวิปากตา โยเชตพฺพา.
สาวชฺชทุกฺขวิปากลกฺขณาติ เอตฺถ จ วุตฺตวิธิอนุสาเรน อตฺโถ จ โยชนา จ ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺพา. วิปาการหตา กุสลากุสลานํ ลกฺขณภาเวน วุตฺตา, ตพฺภาเวน อกถิตา อพฺยากตา อวิปาการหสภาวา โหนฺตีติ อาห ‘‘อวิปากลกฺขณา อพฺยากตา’’ติ. ยเถว หิ สุขทุกฺขวิปาการหา สุขทุกฺขวิปากาติ เอวํลกฺขณตา กุสลากุสลานํ วุตฺตา, เอวมิธาปิ อวิปาการหา อวิปากาติ เอวํลกฺขณตา อพฺยากตานํ วุตฺตา. ตสฺมา ‘‘อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก นตฺถิ กมฺมวิปาโก, อตฺถิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก, ภวิสฺสติ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔) เอวํปการานํ กุสลากุสลานํ กุสลากุสลภาวานาปตฺติ อพฺยากตภาวาปตฺติ วา น โหติ. น หิ เต สุขทุกฺขวิปาการหา น โหนฺติ วิปากธมฺมตฺตา, อวิปาการหา วา น โหนฺติ อวิปากธมฺมตฺตาภาวาติ.
กุสลาติ วา ธมฺมาติ วาติอาทีนีติ กุสลธมฺมปทานิ ทฺเว, อกุสลธมฺมปทานิ ทฺเว, อพฺยากตธมฺมปทานิ ทฺเวติ. เอกตฺถนานตฺถานีติ วิสุํ วิสุํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อฺมฺาเปกฺขํ เอกตฺถนานตฺถตํ โจเทติ, น ฉนฺนํ. โทสเมตฺถ วตฺตุกาโม โจทโก ปุจฺฉตีติ ตฺวา อาจริโย อาห ‘‘กิฺเจตฺถา’’ติ. เอตฺถ ¶ เอกตฺถนานตฺถตายํ กิฺจิ วตฺตพฺพํ อสมตฺตา เต โจทนา, อวสิฏฺํ ตาว พฺรูหีติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ เอกตฺถานิ อินฺทสกฺกสทฺทานํ วิย สทฺทมตฺเต เอว เภโท, เอวํ กุสลธมฺมสทฺทานํ, น อตฺเถติ. ยถา ‘‘อินฺโท สกฺโก’’ติ วุตฺเต ‘‘อินฺโท อินฺโท’’ติ วุตฺตสทิสํ โหติ, เอวํ ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติ อิทํ วจนํ ‘‘กุสลา กุสลา’’ติ วุตฺตสทิสํ โหติ. เอวํ อิตเรสุปิ ‘‘อกุสลา อกุสลา’’ติ วุตฺตสทิสตา ‘‘อพฺยากตา อพฺยากตา’’ติ วุตฺตสทิสตา จ โยเชตพฺพา. อถ นานตฺถานิ, อินฺทกุเวรสทฺทานํ วิย สทฺทโต อตฺถโต จ กุสลธมฺมสทฺทานํ เภโท, ตถา อกุสลธมฺมสทฺทาทีนนฺติ ฉหิ ปเทหิ จตูหิ ปเทหิ จ ฉ จตฺตาโร ¶ จ อตฺถา ภินฺนา วุตฺตาติ กุสลตฺติกาทีนํ กุสลฉกฺกาทิภาโว, เหตุทุกาทีนฺจ เหตุจตุกฺกาทิภาโว อาปชฺชตีติ.
นนุ ติณฺณํ ธมฺมสทฺทานํ ติณฺณํ อินฺทสทฺทานํ วิย รูปาเภทา อตฺถาเภโทติ ฉกฺกภาโว น ภวิสฺสติ, ตสฺมา เอวมิทํ วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘ติกทุกานํ จตุกฺกติกภาโว อาปชฺชตี’’ติ, น วตฺตพฺพํ, ติณฺณํ ธมฺมสทฺทานํ เอกตฺถานํ ติณฺณํ อินฺทสทฺทานํ วิย วจเน ปโยชนาภาวา วุตฺตานํ เตสํ มาสสทฺทานํ วิย อภินฺนรูปานฺจ อตฺถเภโท อุปปชฺชตีติ, เอวมปิ ยถา เอโก มาสสทฺโท อภินฺนรูโป กาลํ อปรณฺณวิเสสํ สุวณฺณมาสฺจ วทติ, เอวํ ธมฺมสทฺโทปิ เอโก ภินฺเน อตฺเถ วตฺตุมรหตีติ กาลาทีนํ มาสปทตฺถตาย วิย ตพฺพจนียภินฺนตฺถานํ ธมฺมปทตฺถตาย อเภโทติ จตุกฺกติกภาโว เอว อาปชฺชตีติ, นาปชฺชติ เอกสฺส สทฺทสฺส ชาติคุณกิริยาภินฺนานํ อนภิธานโต. น หิ มาส-สทฺโท เอโก ชาติภินฺนานํ กาลาทีนํ อนฺตเรน สรูเปกเสสํ วาจโก โหติ. อิธ จ ยทิ สรูเปกเสโส กโต สิยา, ทุติโย ตติโย จ ธมฺม-สทฺโท น วตฺตพฺโพ สิยา, วุตฺโต จ โส, ตสฺมา กุสลาทิ-สทฺทา วิย อภินฺนกุสลาทิชาตีสุ รูปสามฺเปิ มาส-สทฺทา วิย ตโย วินิวตฺตอฺชาตีสุ วตฺตมานา ตโย ทฺเว จ ธมฺม-สทฺทา อาปนฺนาติ ติกทุกานํ ฉกฺกจตุกฺกภาโว เอว อาปชฺชตีติ.
ปทานฺจ อสมฺพนฺโธติ กุสลธมฺมปทานํ อฺมฺํ ตถา อกุสลธมฺมปทานํ อพฺยากตธมฺมปทานฺจ อสมฺพนฺโธ อาปชฺชตีติ อตฺโถ. ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนฺหิ อิจฺฉิโต สมฺพนฺโธ, น สพฺเพสํ ฉนฺนํ จตุนฺนํ วา อฺมฺนฺติ. อิทํ ปน กสฺมา โจเทติ, นนุ นานตฺถตฺเต สติ อตฺถนฺตรทสฺสนตฺถํ วุจฺจมาเนสุ ธมฺม-สทฺเทสุ กุสลากุสลาพฺยากต-สทฺทานํ ¶ วิย อสมฺพนฺโธ วุตฺโต ยุตฺโต เอวาติ? สจฺจเมตํ, อสมฺพนฺธํ ปน สิทฺธํ กตฺวา ปุริมโจทนา กตา ‘‘ติกทุกานํ ฉกฺกจตุกฺกภาโว อาปชฺชตี’’ติ, อิธ ปน ตํ อสมฺพนฺธํ สาเธตุํ อิทํ โจทิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา – ยทิ ปน ฉกฺกจตุกฺกภาวํ น อิจฺฉสิ, ปทานํ สมฺพนฺเธน ภวิตพฺพํ ยถาวุตฺตนเยน, โส จ สมานวิภตฺตีนํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ สมฺพนฺโธ เอกตฺถตฺเต สติ ยุชฺเชยฺย, ตฺวํ ปน นานตฺถตํ วทสีติ ปทานฺจ เต อสมฺพนฺโธ อาปชฺชติ, เนว นาปชฺชตีติ. นิยมนตฺโถ จ-สทฺโท. ปุพฺพาปร…เป… นิปฺปโยชนานิ นาม โหนฺตีติ ฉกฺกจตุกฺกภาวํ อนิจฺฉนฺตสฺส, นานตฺถตํ ปน อิจฺฉนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย. อวสฺสฺจ สมฺพนฺโธ อิจฺฉิตพฺโพ ปุพฺพาปรวิโรธาปตฺติโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาปิ เจสา’’ติอาทิมาห. ปุจฺฉา หิ ปทวิปลฺลาสกรเณน ¶ ธมฺมา เอว กุสลาติ กุสลธมฺม-สทฺทานํ อิธ อุทฺทิฏฺานํ เอกตฺถตํ ทีเปติ, ตว จ นานตฺถตํ วทนฺตสฺส เนว หิ ธมฺมา กุสลาติ กตฺวา ตายปิ ปุจฺฉาย วิโรโธ อาปชฺชติ, วุจฺจติ จ ตถา สา ปุจฺฉาติ น นานตฺถตา ยุชฺชติ.
อปโร นโยติ ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีนํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ เอกตฺถตฺตเมว ติณฺณํ ธมฺมสทฺทานํ เอกตฺถนานตฺถตฺเตหิ โจเทติ. ติณฺณํ ธมฺมานํ เอกตฺตาติอาทิมฺหิ ยถา ตีหิ อินฺท-สทฺเทหิ วุจฺจมานานํ อินฺทตฺถานํ อินฺทภาเวน เอกตฺตา ตโต อนฺเสํ สกฺกปุรินฺททสหสฺสกฺขสทฺทตฺถานํ เอกตฺตํ, เอวํ ติณฺณํ ธมฺม-สทฺทตฺถานํ ธมฺมภาเวน เอกตฺตา ตโต อนฺเสํ กุสลากุสลาพฺยากต-สทฺทตฺถานํ เอกตฺตํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ. ธมฺโม นาม ภาโวติ สภาวธารณาทินา อตฺเถน ธมฺโมติ วุตฺโต, โส จ สภาวสฺเสว โหติ, นาสภาวสฺสาติ อิมินา อธิปฺปาเยน วทติ. โหตุ ภาโว, ตโต กินฺติ? ยทิ ติณฺณํ ธมฺมสทฺทานํ นานตฺถตา, ตีสุ ธมฺเมสุ โย โกจิ เอโก ธมฺโม ภาโว, ตโต อนฺํ กุสลํ อกุสลํ อพฺยากตํ วา เอเกกเมว ภาโว. ภาวภูตา ปน ธมฺมา อฺเ ทฺเว อภาวา โหนฺตีติ เตหิ อนฺเ กุสลาทีสุ ทฺเว เย เกจิ อภาวา. โยปิ จ โส เอโก ธมฺโม ภาโวติ คหิโต, โสปิ สมานรูเปสุ ตีสุ ธมฺมสทฺเทสุ อยเมว ภาวตฺโถ โหตีติ นิยมสฺส อภาวา อฺสฺส ภาวตฺถตฺเต สติ อภาโว โหตีติ ตโต อนฺสฺสปิ อภาวตฺตํ อาปนฺนนฺติ กุสลาทีนํ สพฺเพสมฺปิ อภาวตฺตาปตฺติ โหติ. น หิ อินฺทสฺส อมนุสฺสตฺเต ตโต อนฺเสํ สกฺกาทีนํ มนุสฺสตฺตํ อตฺถีติ.
นนุ ¶ เอวมปิ เอกสฺส ภาวตฺตํ วินา อฺเสํ อภาวตฺตํ น สกฺกา วตฺตุํ, ตตฺถ จ เอเกเนว ภาเวน ภวิตพฺพนฺติ นิยมาภาวโต ติณฺณมฺปิ ภาวตฺเต สิทฺเธ เตหิ อนฺเสํ กุสลาทีนมฺปิ ภาวตฺตํ สิทฺธํ โหตีติ? น โหติ ติณฺณํ ธมฺม-สทฺทานํ นานตฺถภาวสฺส อนฺุาตตฺตา. น หิ ติณฺณํ ภาวตฺเต นานตฺถตา อตฺถิ, อนฺุาตา จ สา ตยาติ. นนุ ติณฺณํ ธมฺมานํ อภาวตฺเตปิ นานตฺถตา น สิยาติ? มา โหตุ นานตฺถตา, ตว ปน นานตฺถตํ ปฏิชานนฺตสฺส ‘‘เอโส โทโส’’ติ วทามิ, น ปน มยา นานตฺถตา เอกตฺถตา วา อนฺุาตาติ กุโต เม วิโรโธ สิยาติ. อถ วา อภาวตฺตํ อาปนฺเนหิ ธมฺเมหิ อนฺเ กุสลาทโยปิ อภาวา เอว สิยุนฺติ อิทํ วจนํ อนิยเมน เย เกจิ ทฺเว ธมฺมา อภาวตฺตํ อาปนฺนา, เตหิ อนฺเสํ กุสลาทีสุ เยสํ เกสฺจิ ทฺวินฺนํ กุสลาทีนํ อภาวตฺตาปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ เอกสฺส ภาวตฺตา. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เตหิ จ อฺโ กุสลปโรปิ อภาโว สิยา’’ติ, ตํ อนิยมทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น สพฺเพสํ อภาวสาธนตฺถํ. อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ อกุสลปรสฺส วา อพฺยากตปรสฺส วา ธมฺมสฺส ภาวตฺเต สติ เตหิ อฺโ กุสลปโรปิ อภาโว สิยาติ.
สพฺพเมตํ อการณนฺติ เอตฺถ การณํ นาม ยุตฺติ. กุสลกุสลสทฺทานํ วิย เอกนฺตเอกตฺถตํ, กุสลรูปจกฺขุม-สทฺทานํ วิย เอกนฺตนานตฺถตฺจ วิกปฺเปตฺวา ยายํ ปุนรุตฺติ ฉกฺกจตุกฺกาปตฺติ อสมฺพนฺธวิโรธาภาวาปตฺติ โทสาโรปนยุตฺติ วุตฺตา, สพฺพา สา อยุตฺติ, ตถา เอกตฺถนานตฺถตาภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. ยา ยา อนุมติ ยถานุมติ อนุมติยา อนุมติยา โวหารสิทฺธิโต. อนุมติยา อนุรูปํ วา ยถานุมติ, ยถา อนุมติ ปวตฺตา, ตถา ตทนุรูปํ โวหารสิทฺธิโตติ อตฺโถ. อนุมติ หิ วิเสสนวิเสสิตพฺพาภาวโต อจฺจนฺตมภินฺเนสุ กตฺถจิ กิริยาคุณาทิปริคฺคหวิเสเสน อวิวฏสทฺทตฺถวิวรณตฺถํ ปวตฺตา ยถา ‘‘สกฺโก อินฺโท ปุรินฺทโท’’ติ. กตฺถจิ อจฺจนฺตํ ภินฺเนสุ ยถา ‘‘ธโว ขทิโร ปลาโส จ อานียนฺตู’’ติ. กตฺถจิ วิเสสนวิเสสิตพฺพภาวโต เภทาเภทวนฺเตสุ เสยฺยถาปิ ‘‘นีลุปฺปลํ ปณฺฑิตปุริโส’’ติ, ตาย ตาย อนุมติยา ตทนุรูปฺจ เต เต โวหารา สิทฺธา. ตสฺมา อิหาปิ กุสลธมฺม-สทฺทานํ วิเสสนวิเสสิตพฺพภาวโต วิเสสตฺถสามฺตฺถปริคฺคเหน สมาเน อตฺเถ เภทาเภทยุตฺเต ปวตฺติ อนุมตาติ ¶ ตาย ตาย อนุมติยา ตทนุรูปฺจ สิทฺโธ เอโส โวหาโร. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สพฺพเมตํ อการณ’’นฺติ.
อตฺตโน อตฺตโน อตฺถวิเสสํ ตสฺส ทีเปนฺตีติ อตฺตนา ปริคฺคหิตํ อตฺตนา วุจฺจมานํ อนวชฺชสุขวิปากาทิกุสลาทิภาวํ ธมฺม-สทฺทสฺส ทีเปนฺติ ตทตฺถสฺส ตพฺภาวทีปนวเสนาติ อธิปฺปาโย. น หิ ธมฺม-สทฺโท กุสลาทิภาโว โหตีติ. อิมินาวาติ ‘‘ธมฺม-สทฺโท ปริยตฺติอาทีสุ ทิสฺสตี’’ติอาทินา ‘‘อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตี’’ติอาทินา จ นเยน. โส หิ สพฺพตฺถ สมาโน, น กุสล-สทฺโท อาโรคฺยาทีสุ ทิสฺสตีติ ‘‘กุจฺฉิเต สลยนฺตี’’ติอาทิโก, โส จ วิเสสนโย ‘‘อิโต ปรํ วิเสสมตฺตเมว วกฺขามา’’ติ เอเตน อปนีโตติ ทฏฺพฺโพ. น หิ กุสลาทิวิเสสํ คเหตฺวา ปวตฺตา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตาติอาทโย วิเสสาติ.
๒. สุขสฺส จ ปหานาติ เอตฺถ สุขินฺทฺริยํ ‘‘สุข’’นฺติ วุตฺตํ, ตฺจ สุขเวทนาว โหตีติ ¶ ‘‘สุขเวทนายํ ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, เวทนา สุขา เวทนา’’ติเอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๙ อาทโย) สุข-สทฺโท วิย สุขเวทนาสทฺเทน สมานตฺถตฺตา. อยฺหิ สุขินฺทฺริยตฺโถ สุข-สทฺโท กายสุขนํ กายานุคฺคหํ สาตวิเสสํ คเหตฺวา ปวตฺโต, น ปน สุขา เวทนา ‘‘ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา (ม. นิ. ๑.๔๐๙), โย สุขํ ทุกฺขโต’’ติเอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓) สุข-สทฺโท วิย สาตสามฺํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ. ยสฺมึ สติ สุขเหตูนํ ปวตฺติ, ตํ สุขมูลํ. พุทฺธุปฺปาเท จ กามสมติกฺกมาทิเก วิราเค จ สติ สุขเหตูนํ ปฺุปสฺสทฺธิอาทีนํ ปวตฺติ โหตีติ ตํ ‘‘สุขมูลํ สุข’’นฺติ วุตฺตํ. สุขสฺส จ อารมฺมณตฺตา ‘‘รูปํ สุข’’นฺติ วุตฺตํ. ปฺุานีติ ยทิทํ วจนํ, ตํ สุขสฺส จ อธิวจนํ อิฏฺวิปากสฺส อธิวจนํ ตทตฺถสฺส อิฏฺวิปากวิปจฺจนโตติ อตฺโถ. สุขปจฺจยานํ รูปาทีนํ อิฏฺานํ านํ โอกาโส สคฺคา นนฺทนฺจาติ ‘‘สุขา สคฺคา สุขํ นนฺทน’’นฺติ วุตฺตํ. ทิฏฺธมฺเมติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว. สุขวิหาราติ ปมชฺฌานวิหาราที. นีวรณาทิพฺยาพาธรหิตตฺตา ‘‘อพฺยาพชฺฌา’’ติ วุตฺตา. สพฺพสงฺขารทุกฺขนิพฺพาปนโต ตํนิโรธตฺตา วา ‘‘นิพฺพานํ สุข’’นฺติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, สุขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติ อทุกฺขมสุเข. ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, ¶ เวทนา วุตฺตา ปริยาเยน สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖๗) สุโขเปกฺขาสุ จ อิฏฺาสูติ เอวมาทีสุ ปวตฺติ สงฺคหิตา.
ทุกฺขวตฺถูติ ทุกฺขสฺส โอกาโส. อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานมฺปิ หิ ตํ ทุกฺขํ ชาติอาทีสุ วิชฺชมาเนสุ ตพฺพตฺถุกํ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. ทุกฺขปจฺจเยติ ทุกฺขเหตุมฺหิ, ทุกฺขสฺส ชนเกติ อตฺโถ. ทุกฺขปจฺจยฏฺาเนติ ทุกฺขชนกกมฺมสฺส สหายภูตานํ อนิฏฺรูปาทิปจฺจยานํ าเน. ปจฺจยสทฺโท หิ ชนเก ชนกสหาเย จ ปวตฺตตีติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๑๕, ๔๕-๔๖, ๗๖) สงฺขารทุกฺขาทีสุ ปวตฺติ ทฏฺพฺพา. สมฺปยุตฺเต วตฺถฺุจ กรชกายํ สุขยติ ลทฺธสฺสาเท อนุคฺคหิเต กโรตีติ สุขา. สุขาติ เวทนาสทฺทมเปกฺขิตฺวา สุขภาวมตฺตสฺส อปฺปกาสเนน นปุํสกลิงฺคตา น กตา. สภาวโต สงฺกปฺปโต จ ยํ อิฏฺํ, ตทนุภวนํ อิฏฺาการานุภวนํ วา อิฏฺานุภวนํ.
สมนฺติ อวิสมํ. สมา เอกีภาวูปคตา วิย ยุตฺตา, สมํ วา สห ยุตฺตาติ โยเชตพฺพํ. เอกุปฺปาทาติ เอโก สมาโน อุปฺปาโท เอเตสนฺติ เอกุปฺปาทา, สมานปจฺจเยหิ สหุปฺปตฺติกาติ ¶ อตฺโถ. สหุปฺปตฺติกานํ รูปารูปานฺจ อฺมฺสมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘เอกนิโรธา’’ติ วุตฺตํ, เย สมานุปฺปาทา สมานนิโรธา จ, เต สมฺปยุตฺตาติ รูปารูปานํ อฺมฺสมฺปโยโค นิวาริโต โหติ. เอวมปิ อวินิพฺโภครูปานํ อฺมฺสมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘เอกวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ, เย เอกุปฺปาทา เอกนิโรธา เอกวตฺถุกา จ, เต สมฺปยุตฺตาติ. เอวมปิ อวินิพฺโภครูเปสุ เอกํ มหาภูตํ เสสมหาภูโตปาทารูปานํ นิสฺสยปจฺจโย โหตีติ เตน ตานิ เอกวตฺถุกานีติ, จกฺขาทินิสฺสยภูตานิ วา ภูตานิ เอกํ วตฺถุ เอเตสุ สนฺนิสฺสิตนฺติ เอกวตฺถุกานีติ กปฺเปนฺตสฺส เตสํ สมฺปยุตฺตตาปตฺติ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ ‘‘เอการมฺมณา’’ติ วุตฺตํ, เย เอกุปฺปาทา…เป… เอการมฺมณา จ โหนฺติ, เต สมฺปยุตฺตาติ. ปฏิโลมโต วา เอการมฺมณาติ วุตฺเต เอกวีถิยฺจ ปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนานํ นานาวีถิยํ ปรสนฺตาเน จ เอกสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชมานานํ ภินฺนวตฺถุกานํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘เอกวตฺถุกา’’ติ วุตฺตํ, เย เอกวตฺถุกา หุตฺวา เอการมฺมณา, เต สมฺปยุตฺตาติ. เอวมปิ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณาทีนํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘เอกนิโรธา’’ติ วุตฺตํ, เย เอกนิโรธา ¶ หุตฺวา เอกวตฺถุกา เอการมฺมณา, เต สมฺปยุตฺตาติ. กึ ปน นานุปฺปาทาปิ เอวํ ติวิธลกฺขณา โหนฺติ, อถ เอกุปฺปาทา เอวาติ วิจารณาย เอกุปฺปาทา เอว เอวํ ติวิธลกฺขณา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอกุปฺปาทา’’ติ วุตฺตํ.
๓. วิปกฺกภาวมาปนฺนานํ อรูปธมฺมานนฺติ ยถา สาลิพีชาทีนํ ผลานิ ตํสทิสานิ นิพฺพตฺตานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น มูลงฺกุรปตฺตขนฺธนาฬานิ, เอวํ กุสลากุสลานํ ผลานิ อรูปธมฺมภาเวน สารมฺมณภาเวน สุกฺกกณฺหาทิภาเวน จ ตํสทิสานิ วิปกฺกภาวมาปนฺนานีติ วิปากนิรุตฺตึ ลภนฺติ, น รูปธมฺมา กมฺมนิพฺพตฺตาปิ กมฺมาสทิสาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ชาติชราสภาวาติ ชายนชีรณสภาวา. วิปากปกติกาติ วิปจฺจนปกติกา. วิปจฺจนสภาวตา จ อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานสนฺตาเน สพฺยาปารตา, เตน อภิฺาทิกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพาทิอกุสลานฺจ วิปากานุปฺปาทเนปิ วิปากธมฺมตา สิทฺธา โหติ. วิปกฺกภาวนฺติ เจตฺถ ภาว-สทฺเทน สภาโว เอว วุตฺโต. ตํ ยถาวุตฺตํ วิปกฺกสภาวํ ทุติยสฺส วุตฺตํ วิปจฺจนสภาวฺจ คเหตฺวา ‘‘อุภยสภาวปฏิกฺเขปวเสนา’’ติ อาห.
๔. อุเปเตน อาทินฺนา อุปาทินฺนา. กึ ปน ตํ อุเปตํ, เกน จ อุเปตํ, กถฺจ อุเปตํ, เก จ เตน อาทินฺนาติ? สติ จ โลกุตฺตรานํ เกสฺจิ อารมฺมณภาเว ตนฺนิวตฺตนตฺถํ อุเปตสทฺทสมฺพนฺธินา ¶ อุปย-สทฺเทน วุจฺจมานาหิ จตุพฺพิธุปาทานภูตาหิ ตณฺหาทิฏฺีหิ อุเปตํ, เตหิ จ อารมฺมณกรณวเสน อุเปตํ, น สมนฺนาคมวเสน. สติ จ สพฺพเตภูมกธมฺมานํ อุปาทานารมฺมณตฺเต เยหิ วิปากกฏตฺตารูปานิ อมฺเหหิ นิพฺพตฺตตฺตา อมฺหากํ เอตานิ ผลานีติ คณฺหนฺเตหิ วิย อาทินฺนานิ, ตานิ เตภูมกกมฺมานิ กมฺมภาเวน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา อุเปตนฺติ อิธ คหิตานิ. เตหิ จ นิพฺพตฺตานิ วิปากกฏตฺตารูปานิ อุปาทินฺนา ธมฺมาติ สพฺพเมตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมณกรณวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยฺจ อตฺถนโย ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ, น วจนานุปุพฺเพนาติ. เอตฺถาห – ยทิ อารมฺมณกรณวเสน ตณฺหาทิฏฺีหิ อุเปเตน อาทินฺนา อุปาทินฺนา, สพฺพเตภูมกธมฺมา จ ตณฺหาทีนํ อารมฺมณา โหนฺติ, น จ อุเปตสทฺโท กมฺเม เอว นิรุฬฺโห, เตน กมฺมสฺเสว คหเณ การณํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพเตภูมกธมฺมปจฺจยุปฺปนฺนานํ ¶ อวิชฺชาทิเหตูหิ นิพฺพตฺตานํ สงฺขาราทิผลานํ อุปาทินฺนตฺตํ อาปชฺชติ เตสมฺปิ เตหิผลภาเวน คหิตตฺตา. อุป-สทฺเทน จ อุเปตตามตฺตํ โชติตํ, น อารมฺมณกรณํ สมนฺนาคมนิวตฺตกํ, อาทินฺน-สทฺเทน จ คหิตตามตฺตํ วุตฺตํ, น กมฺมสมุฏฺานตาวิเสโส. ตสฺมา สพฺพปจฺจยุปฺปนฺนานํ อุปาทินฺนตฺตํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ โพธเนยฺยชฺฌาสยวเสน เทสนาปวตฺติโต. เยสฺหิ โพธนตฺถํ ‘‘อุปาทินฺนา’’ติ เอตํ วุตฺตํ, เต เตเนว วจเนน ยถาวุตฺตปฺปกาเร ธมฺเม พุชฺฌึสุ, เอตรหิ ปน ตาวตา พุชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺเตน สุตฺวา ตทตฺโถ เวทิตพฺโพติ เอสา อตฺถวิภาวนา กตา ‘‘กมฺมุนา’’ติ.
อยํ ปน อปโร อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – อุป-สทฺโท อุเปตํ ทีเปติ. อยฺหิ อุป-สทฺโท สมาเส ปยุชฺชมาโน ‘‘อติมาลา’’ติอาทีสุ อติ-สทฺโท วิย อติกฺกมนํ สสาธนํ อุปคมนํ สสาธนํ วทติ, อุปคมนฺจ อุปาทานอุปโย, เตน อุปคตํ อุเปตํ. กึ ปน ตนฺติ? ยํ อสติ อุปาทาเน น โหติ, ตํ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ เอวํ วุตฺตํ เตภูมกกมฺมํ ปจฺจยภาเวน ปุริมชาตุปฺปนฺเนน อุปาทาเนน อุปคตตฺตา ‘‘อุเปต’’นฺติ วุจฺจติ. น หิ โกจิ อนุปคฺคมฺม อนิจฺฉนฺโต กมฺมํ กโรตีติ. เตน อุเปเตน กมฺมุนา ปุนพฺภวสฺส อาทานํ โหติ. กมฺมุนา หิ สาสเวน สตฺตา อาทิยนฺติ ปุนพฺภวํ, ตสฺมา อาทาตพฺพภาเวน ปากโฏ ปุนพฺภโว. โส จ อุปปตฺติภโว เตภูมกวิปากกฏตฺตารูปสงฺคโห ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ เอตฺถ ชาติวจเน สมวรุทฺโธติ อุปาทินฺนวจเนน อุปปตฺติภโว วุจฺจติ, อุปปตฺติภโว จ เตภูมกวิปากกฏตฺตารูปานีติ ธาตุกถายํ ปกาสิตเมตํ. ตสฺมา อุเปเตน อาทินฺนาติ เต เอว ธมฺมา วุจฺจนฺตีติ สิทฺโธ อยมตฺโถติ. อุปาทินฺน-สทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อุปาทานิย-สทฺทสฺส ¶ วิสุํ อุปาทินฺนสทฺทานเปกฺขํ อตฺถํ วตฺตุํ ‘‘อารมฺมณภาวํ อุปคนฺตฺวา’’ติอาทิมาห. ตสฺมา เอว อวิเสเสตฺวา ‘‘อุปาทานสฺส อารมฺมณปจฺจยภูตานเมตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ ปน อุปาทานิยํ อุปาทินฺนํ อนุปาทินฺนนฺติ ทุวิธํ. ตสฺมา ตํ วิเสสเนน ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปาทินฺนา จ เต อุปาทานิยา จา’’ติอาทิมาห.
๕. สํกิเลโสติ ทส กิเลสวตฺถูนิ วุจฺจนฺติ. สํกิลิฏฺาติ เตหิ วิพาธิตา อุปตาปิตา จ. เต ปน ยสฺมา สํกิเลสสมฺปยุตฺตา เอกุปฺปาทาทีหิ นินฺนานตฺตา เอกีภาวมิว คตา วิสาทีหิ วิย สปฺปิอาทโย วิทูสิตา ¶ มลีนา วิพาธิตา อุปตาปิตา จ นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘สํกิเลเสน สมนฺนาคตา สํกิลิฏฺา’’ติ. สํกิเลสํ อรหนฺตีติ สํกิเลสสฺส อารมฺมณภาเวน ตํ ลทฺธุํ อรหนฺตีติ อตฺโถ. อารมฺมณภาวานติกฺกมนโตติ เอเตน สํกิเลสานติกฺกมนเมว ทสฺเสติ, วตฺถยุคิกสุงฺกสาลิกสทฺทานํ วิย สํกิเลสิก-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๖. สห วิตกฺเกน โหนฺตีติ วจนเสโส โยเชตพฺโพ อวุจฺจมานสฺสปิ ภวติ-อตฺถสฺส วิฺายมานตฺตา. มตฺตาติ ปมาณวาจกํ เอกํ ปทนฺติ คเหตฺวา ‘‘วิจาโรว มตฺตา เอเตส’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. อฺตฺถ อวิปฺปโยคีสุ วิตกฺกวิจาเรสุ วิจาโรว เอเตสํ มตฺตา, ตโต อุทฺธํ วิตกฺเกน สมฺปโยคํ น คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อยมปโร อตฺโถ – มตฺต-สทฺโท วิเสสนิวตฺติอตฺโถ. สวิตกฺกสวิจารา ธมฺมา หิ วิตกฺกวิสิฏฺเน วิจาเรน สวิจารา, เอเต ปน วิจารมตฺเตน วิตกฺกสงฺขาตวิเสสรหิเตน, ตสฺมา ‘‘วิจารมตฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ, วิจารมตฺตวนฺโตติ อตฺโถ. วิจารมตฺตวจเนน อวิตกฺกตฺเต สิทฺเธ อวิตกฺกานํ อฺเสมฺปิ อตฺถิภาวโชตนตฺถํ อวิตกฺกวจนํ. อวิตกฺกา หิ วิจารมตฺตา จ สนฺติ อวิจารา จาติ นิวตฺเตตพฺพา คเหตพฺพา จ โหนฺติ, เตสุ อวุจฺจมาเนสุ นิวตฺเตตพฺพคเหตพฺพสฺส อทสฺสิตตฺตา วิจารมตฺตาวอวิตกฺกาติ อาปชฺเชยฺยาติ. วิเสสนวิเสสิตพฺพภาโว ปน ยถากามํ โหตีติ สามฺเน อวิตกฺกภาเวน สห วิจารมตฺตตาย ธมฺมวิเสสนภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา’’ติ ปทานุกฺกโม กโต.
อถ วา สวิจารา ทุวิธา สวิตกฺกา อวิตกฺกา จ, เตสุ อวิตกฺเก นิวตฺเตตุํ อาทิปทํ วุตฺตํ. อวิจารา จ ทุวิธา สวิตกฺกา อวิตกฺกา จ, เตสุ สวิตกฺเก นิวตฺเตตุํ ตติยปทํ ¶ วุตฺตํ. เย ปน ทฺวีหิปิ นิวตฺติตา อวิตกฺกา สวิตกฺกา จ สวิจารา อวิจารา จ, เตสุ อฺตรทสฺสนํ วา กตฺตพฺพํ สิยา อุภยทสฺสนํ วา. อุภยทสฺสเน กริยมาเน ยทิ ‘‘สวิตกฺกสวิจารา’’ติ วุจฺเจยฺย, อาทิปทตฺถตาว อาปชฺชติ. อถ ‘‘อวิตกฺกอวิจารา’’ติ วุจฺเจยฺย, อนฺตปทตฺถตา. อถ ปน ‘‘อวิตกฺกสวิจารา สวิตกฺกอวิจารา’’ติ วุจฺเจยฺย, อชฺฌตฺตพหิทฺธานํ วิย อตฺถนฺตราภาโว วา สงฺกรโทโส วา เอกสฺเสว สวิตกฺกาวิตกฺกตาสวิจาราวิจารตาวิโรโธ วา อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา ¶ อฺตรทสฺสเนน อิตรมฺปิ ปกาเสตุํ อวิตกฺกวจเนน ทฺวิปฺปกาเรสุ วตฺตพฺเพสุ สวิตกฺกอวิจาเร นิวตฺเตตฺวา อวิตกฺกสวิจาเร ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา’’ติ. อถ วา วิตกฺกาภาเวน เอเต วิจารมตฺตา, น วิจารโต อฺสฺส กสฺสจิ ธมฺมสฺส อภาวาติ ทสฺเสตุํ อวิตกฺกวจเนน วิจารมตฺตา วิเสสิตา.
๗. อุเปกฺขตีติ เวทยมานาปิ มชฺฌตฺตเวทนา สุขากาเร ทุกฺขากาเร จ อุทาสินา โหตีติ อตฺโถ. อถ วา อุเปตา ยุตฺตา สุขทุกฺขานํ อวิรุทฺธา อิกฺขา อนุภวนํ อุเปกฺขา. วิเสสทสฺสนวเสนาติ นานตฺตทสฺสนวเสน. ยทิ หิ ปีติสหคตา เอว สุขสหคตา สิยุํ, ‘‘ปีติสหคตา’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา ‘‘สุขสหคตา’’ติ อิทํ น วตฺตพฺพํ สิยา, ‘‘สุขสหคตา’’ติ วา วุจฺจมาเน ‘‘ปีติสหคตา’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตโต ติกํ ปูเรนฺเตน ทุกฺขสหคตปทํ วตฺตพฺพํ สิยา, เอวฺจ สติ ‘‘เวทนาตฺติโก เอวาย’’นฺติ วุตฺตวจนํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘ปีติสหคตา’’ติ วตฺวา ‘‘สุขสหคตา’’ติ วทนฺโต ปีติวิปฺปยุตฺตมฺปิ สุขํ อตฺถีติ ตติยชฺฌานกายวิฺาณสมฺปยุตฺตํ สุขํ สปฺปีติกสุขโต ภินฺนํ กตฺวา ทสฺเสตีติ อธิปฺปาโย. อถ วา ปีติสุขานํ ทุพฺพิฺเยฺยนานตฺตานํ นานตฺตทสฺสนตฺถํ อยํ ติโก วุตฺโต. ‘‘ปีติสหคตา’’ติ เอตฺถ หิ สุเขกเทโส สงฺคหิโต, น ปีติ. ‘‘สุขสหคตา’’ติ เอตฺถ ปีติ สงฺคหิตา, น สุขํ. ปีติวิปฺปยุตฺตสุขสหคตา จ ปุริเมน อสงฺคหิตา ปจฺฉิเมน สงฺคหิตาติ สิทฺโธ ปีติสุขานํ วิเสโสติ.
๘. นิพฺพานํ ทสฺสนโตติ นิพฺพานารมฺมณตํ สนฺธายาห. อถ วา ธมฺมจกฺขุ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตเนน ภาวนาภาวํ อปฺปตฺตํ ทสฺสนํ นาม, ธมฺมจกฺขุ จ ปริฺาทิกิจฺจกรเณน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนํ ตทติสโย, ตสฺมา นตฺเถตฺถ โคตฺรภุสฺส ทสฺสนภาวาปตฺตีติ. อุภยปฏิกฺเขปวเสนาติ ทฺวีหิ ปเทหิ วุตฺตธมฺมปฏิกฺเขปวเสน, น ปหายกปฏิกฺเขปวเสน. ตถา ¶ หิ สติ ทสฺสนภาวนาหิ อฺโ สมุจฺเฉทวเสน ปหายโก อตฺถิ, เตน ปหาตพฺพา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพาติ อยมตฺโถ อาปชฺชติ, น จ อฺโ ปหายโก อตฺถิ อฺเหิ วิกฺขมฺภิตานฺจ ปุนปฺปวตฺติสพฺภาวา, นาปิ ปหาตพฺพา ตติยปเทน สงฺคยฺหนฺติ, กินฺตุ ¶ อปฺปหาตพฺพา เอวาติ. ตสฺมา ปหาตพฺพปทํ ปจฺเจกํ โยเชตฺวา เนว ทสฺสเนน ปหาตพฺพา น ภาวนาย ปหาตพฺพาติ ทสฺสเนน ภาวนาย ปหาตพฺเพหิ อฺเ คหิตาติ เวทิตพฺพา.
๙. เอวมตฺถํ อคฺคเหตฺวาติ อตฺถายุตฺติโต จ สทฺทายุตฺติโต จ อคฺคเหตพฺพตํ ทสฺเสติ. ทสฺสนภาวนาหิ อปฺปหาตพฺพเหตุมตฺเตสุ หิ คยฺหมาเนสุ อเหตุกา อสงฺคหิตาติ ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส อปริปุณฺณตฺตา อตฺถายุตฺติ, ปหาตพฺพสทฺทสฺส นิจฺจสาเปกฺขตฺเต จ สติ น สมฺพนฺธีสทฺทโต ปหายกโต อฺํ ปฏิเสธํ อเปกฺขมานสฺส เหตุสทฺเทน สมาโส อุปปชฺชตีติ สทฺทายุตฺติ จ เวทิตพฺพา. เอวมตฺโถ คเหตพฺโพติ ปหาตพฺพ-สทฺทํ ปฏิเสเธน อโยเชตฺวา เยสํ อฺปทตฺเถ สมาโส, ตพฺพิเสสนํ อตฺถีติ อิทํ ปฏิเสเธน โยเชตฺวา ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺโพ เหตุ เอเตสํ เนวตฺถีติ อตฺโถ คเหตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ สติ ยถาธิปฺเปตตฺโถ สพฺโพ สงฺคหิโตติ. อตฺถายุตฺติ มา โหตุ, สทฺโท ปน อิธาปิ น ยุตฺโต. เอกนฺตโยคีนํ อตฺถิ-สทฺทเมว หิ อเปกฺขมานานํ อุภินฺนํ ปหาตพฺพเหตุ-สทฺทานํ สมาโส ยุตฺโต, น ปฏิเสธํ อเปกฺขมานานนฺติ, ตสฺมา คเหตพฺพตฺถทสฺสนมตฺตํ เอตํ กตํ, สทฺโท ปน ยถา ยุชฺชติ, ตถา โยเชตพฺโพ. เอวํ ปน ยุชฺชติ – ปหาตพฺโพ เหตุ เอเตสํ อตฺถีติ ปหาตพฺพเหตุกา. เกน ปหาตพฺโพติ? ทสฺสเนน ภาวนาย จ. ตยิทํ ปหาตพฺพเหตุกปทํ ทสฺสนภาวนาปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยเชตฺวา เตหิ ยุตฺเตน เย ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกา เนว โหนฺติ, ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกา จ น โหนฺตีติ ปฏิเสธฺจ วิสุํ วิสุํ โยเชตฺวา เต เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาติ วุจฺจนฺติ. เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมวจนํ วิย หิ ปุริมปททฺวยสงฺคหิตธมฺมปฏิเสธเนน ตทฺธมฺมนิทสฺสนเมตํ โหติ, น อเหตุกปทํ วิย เหตุวิรหปฺปกาสเนนาติ. เอวฺจ กตฺวา ทฺเว ปฏิเสธา ยุตฺตา โหนฺติ.
เหตุเยว หิ เตสํ นตฺถิ, โย ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺโพ สิยาติ ปุริมสฺมิฺหิ อตฺเถ เหตูนํ ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพตา ปฏิกฺขิตฺตา, ปฏิกฺเขโป จ ปหาตพฺพาสงฺกาสพฺภาเว โหติ, ปหาตพฺพาสงฺกา จ เหตุมฺหิ สติ สิยา, เตสํ ปน อเหตุกานํ เหตุเยว นตฺถิ, โย ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺโพ สิยา, ตทภาวา ปหาตพฺพาสงฺกา ¶ นตฺถีติ ตํนิวารณตฺโถ ปฏิกฺเขโป น สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘เนวทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺโพ เหตุ เอเตส’’นฺติ เอวํ อเหตุกานํ คหณํ น ¶ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา อิตรถา หิ อเหตุกานํ อคฺคหณํ ภเวยฺยาติ อตฺถสฺส ปากฏตฺตา น การณสาธนีโย เอโสติ คเหตพฺพตฺถสฺเสว การณํ วทนฺโต ‘‘เหตุเยว หิ เตสํ นตฺถี’’ติอาทิมาห. เตสฺหิ เนวทสฺสเนน น ภาวนายปหาตพฺพเหตุกปทวจนียานํ โย ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺโพ สิยา, โส เอวํปกาโร เหตุ นตฺถิ. เต หิ อเนกปฺปการา สเหตุกา อเหตุกา จาติ, ตสฺมา เนวทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺโพ เหตุ เอเตสํ อตฺถีติ อยมตฺโถ คเหตพฺโพติ อตฺโถ.
๑๐. ตํ อารมฺมณํ กตฺวาติ อิทํ จตุกิจฺจสาธนวเสน อารมฺมณกรณํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺถา โคตฺรภุผลปจฺจเวกฺขณาทีนมฺปิ อปจยคามิตา อาปชฺเชยฺยาติ. อถ วา เหตุภาเวน อปจยํ นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อปจยคามิโน. นิพฺพานสฺส หิ อนิพฺพตฺตนิยตฺเตปิ สมุทยปฺปหานสมุทยนิโรธานํ อธิคมอธิคนฺตพฺพภาวโต เหตุเหตุผลภาโว มคฺคนิพฺพานานํ ยุชฺชติ. ยถาห ‘‘ทุกฺขนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙). อตฺโถติ หิ เหตุผลํ. ธมฺโมติ เหตูติ. ปุริมปจฺฉิมานํ ปุริเม สสมฺปยุตฺตา วุตฺตา, ปจฺฉิเม เกวลา. ปุริเม วิย ปน ปจฺฉิเม อตฺเถปิ อริยมคฺคสีเสน สพฺพโลกุตฺตรกุสลจิตฺตุปฺปาทา คเหตพฺพา. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป ‘‘อาจยํ คามิโน’’ติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลโป กโตติ ทฏฺพฺโพ. อาจินนฺตีติ วา อาจยา, อาจยา หุตฺวา คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๑. สตฺต ปน เสกฺขา สิกฺขนสีลาติ เสกฺขา, เตสํ อิเมติ เสกฺขา, อฺาสาธารณา มคฺคผลตฺตยธมฺมา. สยเมว สิกฺขนฺตีติ สิกฺขนสีลานเมตํ นิทสฺสนํ. เย หิ ธมฺมา สิกฺขนฺติ, เต สิกฺขนสีลา โหนฺตีติ. อกฺขรตฺโถ ปน สิกฺขา เอเตสํ สีลนฺติ เสกฺขาติ. น เสกฺขาติ ยตฺถ เสกฺขภาวาสงฺกา อตฺถิ, ตตฺถายํ ปฏิเสโธติ โลกิยนิพฺพาเนสุ ¶ อเสกฺขภาวานาปตฺติ ทฏฺพฺพา. สีลสมาธิปฺาสงฺขาตา หิ สิกฺขา อตฺตโน ปฏิปกฺขกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตา ปริสุทฺธา อุปกฺกิเลสานํ อารมฺมณภาวมฺปิ อนุปคมนโต เอตา สิกฺขาติ วตฺตุํ ยุตฺตา อฏฺสุ มคฺคผเลสุ วิชฺชนฺติ, ตสฺมา จตุมคฺคเหฏฺิมผลตฺตยธมฺมา วิย อรหตฺตผลธมฺมาปิ ตาสุ สิกฺขาสุ ชาตาติ จ, ตํสิกฺขาสมงฺคิโน อรหโต อิตเรสํ วิย เสกฺขตฺเต สติ เสกฺขสฺส เอเตติ จ, สิกฺขา สีลํ เอเตสนฺติ จ เสกฺขาติ อาสงฺกิตพฺพา สิยุนฺติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘อเสกฺขา’’ติ ¶ ยถาวุตฺตเสกฺขภาวปฏิเสโธ กโต. อรหตฺตผเล หิ ปวตฺตมานา สิกฺขา ปรินิฏฺิตสิกฺขากิจฺจตฺตา น สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺติ, เกวลํ สิกฺขาผลภาเวเนว ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ตา น สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, นาปิ ตํสมงฺคิโน เสกฺขวจนํ, น จ ตํสมฺปยุตฺตา สิกฺขนสีลาติ สิกฺขาสุ ชาตาติอาทิอตฺเถหิ อคฺคผลธมฺมา เสกฺขา น โหนฺติ, เหฏฺิมผเลสุ ปน สิกฺขา สกทาคามิมคฺควิปสฺสนาทีนํ อุปนิสฺสยภาวโต สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺตีติ สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, ตํสมงฺคิโน จ เสกฺขวจนํ, ตํสมฺปยุตฺตา จ สิกฺขนสีลวุตฺตีติ ตตฺถ ธมฺมา ยถาวุตฺเตหิ อตฺเถหิ เสกฺขา โหนฺติ เอว.
เสกฺขาติ วา อปริโยสิตสิกฺขา ทสฺสิตา. อนนฺตรเมว ‘‘อเสกฺขา’’ติ วจนํ ปริโยสิตสิกฺขานํ ทสฺสนนฺติ น โลกิยนิพฺพานานํ อเสกฺขตาปตฺติ. วุทฺธิปฺปตฺตา วา เสกฺขาติ เอตสฺมึ อตฺเถ เสกฺขธมฺเมสุ เอว เกสฺจิ วุทฺธิปฺปตฺตานํ อเสกฺขตา อาปชฺชติ, เตน อรหตฺตมคฺคธมฺมา วุทฺธิปฺปตฺตา จ ยถาวุตฺเตหิ จ อตฺเถหิ เสกฺขาติ กตฺวา อเสกฺขา อาปนฺนาติ? น, ตํสทิเสสุ ตพฺโพหารา. อรหตฺตมคฺคโต หิ นินฺนานากรณํ อรหตฺตผลํ เปตฺวา ปริฺาทิกิจฺจกรณํ วิปากภาวฺจ, ตสฺมา เต เอว เสกฺขา ธมฺมา อรหตฺตผลภาวํ อาปนฺนาติ สกฺกา วตฺตุํ, กุสลสุขโต จ วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรนฺติ วุทฺธิปฺปตฺตา จ เต ธมฺมา โหนฺตีติ อเสกฺขาติ วุจฺจนฺตีติ.
๑๒. กิเลสวิกฺขมฺภนาสมตฺถตาทีหิ ปริตฺตา. ‘‘กิเลส…เป… ตายา’’ติ อตฺถตฺตยมฺปิ กุสเลสุ ยุชฺชติ, วิปากกิริเยสุ ทีฆสนฺตานตาว. ปมาณกเรหิ วา โอฬาริเกหิ กามตณฺหาทีหิ ปริจฺฉินฺนา ปริตฺตา. เตหิ อปริจฺฉินฺนตฺตา สุขุเมหิ รูปตณฺหาทีหิ ปริจฺฉินฺนา ปมาณมหตฺตํ คตาติ มหคฺคตา. อปริจฺฉินฺนา อปฺปมาณา.
๑๔. อตปฺปกฏฺเนาติ ¶ ทิวสมฺปิ ปจฺจเวกฺขิยมานา โลกุตฺตรธมฺมา ติตฺตึ น ชเนนฺติ สมาปชฺชิยมานาปิ ผลธมฺมาติ.
๑๕. มาตุฆาตาทีสุ ปวตฺตมานาปิ หิตสุขํ อิจฺฉนฺตาว ปวตฺตนฺตีติ เต ธมฺมา หิตสุขาวหา เม ภวิสฺสนฺตีติ อาสีสิตา โหนฺติ, ตถา อสุภาสุขานิจฺจานตฺเตสุ สุภาทิวิปริยาสทฬฺหตาย อานนฺตริยกมฺมนิยตมิจฺฉาทิฏฺีสุ ปวตฺติ โหตีติ เต ธมฺมา อสุภาทีสุ ¶ สุภาทิวิปรีตปฺปวตฺติกา โหนฺติ. มิจฺฉาสภาวาติ มุสาสภาวา. อเนเกสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ ยํ ตตฺถ พลวํ, ตํ วิปจฺจติ, น อิตรานีติ เอกนฺตวิปากชนกตาย นิยตตา น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘วิปากทาเน สตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขนฺธเภทานนฺตรนฺติ จุติอนนฺตรํ. จุติ หิ มรณนิทฺเทเส (วิภ. ๑๙๓) ‘‘ขนฺธานํ เภโท’’ติ วุตฺตาติ. เอเตน วจเนน สติ ผลทาเน จุติอนนฺตโร เอว, น อฺโ เอเตสํ ผลกาโลติ ผลกาลนิยเมเนว นิยตตา วุตฺตา โหติ, น ผลทานนิยเมนาติ นิยตผลกาลานํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ ทิฏฺธมฺมเวทนียานมฺปิ นิยตตา อาปชฺชติ, ตสฺมา วิปากธมฺมธมฺมานํ ปจฺจยนฺตรวิกลตาทีหิ อวิปจฺจมานานมฺปิ อตฺตโน สภาเวน วิปากธมฺมตา วิย พลวตา อานนฺตริเยน วิปาเก ทินฺเน อวิปจฺจมานานมฺปิ อานนฺตริยานํ ผลทาเน นิยตสภาวา อานนฺตริยสภาวา จ ปวตฺตีติ อตฺตโน สภาเวน ผลทานนิยเมเนว นิยตตา อานนฺตริยตา จ เวทิตพฺพา. อวสฺสฺจ นิยตสภาวา อานนฺตริยสภาวา จ เตสํ ปวตฺตีติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ อฺสฺส พลวโต อานนฺตริยสฺส อภาเว จุติอนนฺตรํ เอกนฺเตน ผลทานโต.
นนุ เอวํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ อฺสฺมึ วิปากทายเก อสติ จุติอนนฺตรเมว เอกนฺเตน ผลทานโต อานนฺตริยสภาวา นิยตสภาวา จ ปวตฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อสมานชาติเกน เจโตปณิธิวเสน อุปฆาตเกน จ นิวตฺเตตพฺพวิปากตฺตา อนนฺตเรกนฺตผลทายกตฺตาภาวา, น ปน อานนฺตริยกานํ ปมชฺฌานาทีนํ ทุติยชฺฌานาทีนิ วิย อสมานชาติกํ ผลนิวตฺตกํ อตฺถิ สพฺพานนฺตริยกานํ อวีจิผลตฺตา, น จ เหฏฺุปปตฺตึ อิจฺฉโต สีลวโต เจโตปณิธิ วิย อุปรูปปตฺติชนกกมฺมผลํ อานนฺตริยกผลํ นิวตฺเตตุํ สมตฺโถ ¶ เจโตปณิธิ อตฺถิ อนิจฺฉนฺตสฺเสว อวีจิปาตนโต, น จ อานนฺตริยโกปฆาตกํ กิฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, ตสฺมา เตสํเยว อนนฺตเรกนฺตวิปากชนกสภาวา ปวตฺตีติ.
อเนกานิ จ อานนฺตริยกานิ กตานิ เอกนฺเต วิปาเก สนฺนิยตตฺตา อุปรตาวิปจฺจนสภาวาสงฺกตฺตา นิจฺฉิตานิ สภาวโต นิยตาเนว. จุติอนนฺตรํ ปน ผลํ อนนฺตรํ นาม ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ อนนฺตรปฺปโยชนานิ จาติ สภาวโต อานนฺตริยกาเนว จ โหนฺติ. เตสุ ปน สมานสภาเวสุ เอเกน วิปาเก ทินฺเน อิตรานิ ¶ อตฺตนา กตฺตพฺพสฺส กิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา น ทุติยํ ตติยมฺปิ จ ปฏิสนฺธึ กโรนฺติ, น สมตฺถตาวิฆาตตฺตาติ นตฺถิ เตสํ นิยตานนฺตริยตานิวตฺตีติ. น หิ สมานสภาวํ สมานสภาวสฺส สมตฺถตํ วิหนตีติ. เอกสฺส ปน อฺานิปิ อุปตฺถมฺภกานิ โหนฺตีติ ทฏฺพฺพานีติ. สมฺมา สภาวาติ สจฺจสภาวา.
๑๖. ปริปุณฺณมคฺคกิจฺจตฺตา จตฺตาโร อริยมคฺคาว อิธ ‘‘มคฺคา’’ติ วุตฺตา. ปจฺจยฏฺเนาติ มคฺคปจฺจยฏฺเน. นิกฺเขปกณฺเฑปิ หิ เย มคฺคปจฺจยํ ลภนฺติ, น ปน สยํ มคฺคปจฺจยภาวํ คจฺฉนฺติ, เต มคฺคเหตุกาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อริยมคฺคสมงฺคิสฺส มคฺคงฺคานิ เปตฺวา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๐๓๙) วุตฺตํ. โย ปน ตตฺเถว ‘‘อริยมคฺคสมงฺคิสฺส อโลโภ อโทโส อโมโห, อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ อาทินโย วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคสมฺปยุตฺตา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อริยมคฺคสมงฺคิสฺส สมฺมาทิฏฺิ มคฺโค เจว เหตุ จา’’ติอาทินา ปน วุตฺตนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺมาทิฏฺิ สย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปน อสงฺคหิตสงฺคณฺหนวเสน ปฏิปาฏิยา ตโย นยา วุตฺตา, เหตุพหุตาวเสน ตติโย นโย อิธ ทุติโย วุตฺโต.
อภิภวิตฺวา ปวตฺตนฏฺเนาติ สหชาตาธิปติปิ ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน เชฏฺกภาเว ปวตฺตมาโน สหชาเต อตฺตโน วเส อนุวตฺตยมาโน เต อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ, อารมฺมณาธิปติปิ ตทารมฺมเณ ธมฺเม ตเถว อตฺตานํ อนุวตฺตยมาโน เต ธมฺเม อภิภวิตฺวา อารมฺมณภาเวน ปวตฺตติ, น ปจฺจุปฺปนฺนภาเวน, ตสฺมา อธิปติทฺวยมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘มคฺโค อธิปติ เอเตส’’นฺติ อยฺจ อตฺโถ นิกฺเขปกณฺเฑ อุทาหรณวเสน ¶ อาคตํ อตฺถนยํ คเหตฺวา วุตฺโต. ยสฺมา ปน ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๒.๑๖.๑๑) ‘‘มคฺคาธิปตึ ธมฺมํ ปฏิจฺจ มคฺคาธิปติ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นาธิปติปจฺจยา, มคฺคาธิปตี ขนฺเธ ปฏิจฺจ มคฺคาธิปติ อธิปตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา มคฺโค อธิปติ มคฺคาธิปตีติ อยมฺปิ อตฺโถ ปาฬิยํ สรูเปกเสสวเสน สมานสทฺทตฺถวเสน วา สงฺคหิโตติ เวทิตพฺโพ.
๑๗. อนุปฺปนฺนาติ เอเตน สพฺโพ อุปฺปนฺนภาโว ปฏิสิทฺโธ, น อุปฺปนฺนธมฺมภาโว เอวาติ เตน อุปฺปนฺนา วิคตา อตีตาปิ น สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ยทิ หิ สงฺคหิตา สิยุํ, ‘‘อนุปฺปนฺโน ธมฺโม อุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติเอวมาทิ วุจฺเจยฺย, น ตุ วุตฺตนฺติ. อนาคตานิ วิปากกฏตฺตารูปานิ อตีเต อนาคเต วา กมฺเม ปุริมนิปฺผนฺเน เอว อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ ¶ , นานิปฺผนฺเนติ ปรินิฏฺิตการเณกเทสาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ตานิ ‘‘อวสฺสํ อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อุปฺปาทิโน ธมฺมา’’ติ วุจฺจนฺติ.
๑๘. อตฺตโน สภาวนฺติ กกฺขฬผุสนาทิสภาวํ.
๒๐. เอวํ ปวตฺตมานาติ เอวํ จกฺขาทิภาเวน ผุสนาทิภาเวน จ เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาวเสน ปวตฺตมานา. อตฺตานํ อธิ อชฺฌตฺตาติ อธิ-สทฺโท สมาสวิสเย อธิการตฺถํ ปวตฺติอตฺถฺจ คเหตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา. เตนาติ ยสฺส ฌานา วุฏฺหิตฺวา อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา อชฺฌตฺตพหิทฺธา จ สฺุตํ อาเนฺชฺจ มนสิกโรโต อชฺฌตฺตสฺุตาทีสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺติ นาธิมุจฺจติ, โย จ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน, เตน ภิกฺขุนา. ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเตติ ปมชฺฌานาทิสมาธินิมิตฺเต. อชฺฌตฺตเมวาติ ฌานโคจเร กสิณาทิมฺหิ. จิตฺตํ สณฺเปตพฺพนฺติ ปมชฺฌานาทิจิตฺตํ สณฺเปตพฺพํ. อชฺฌตฺตรโตติ โคจรชฺฌตฺเต นิพฺพาเน รโต, สมาธิโคจเร กมฺมฏฺาเน วา รโต. ‘‘สมาหิโต เอโก สนฺตุสิโต ตมาหุ ภิกฺขุ’’นฺติ (ธ. ป. ๓๖๒) คาถาเสโส.
อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนนฺติ เอตฺถ ฌานํ สกสนฺตติปริยาปนฺนตฺตา ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตตฺโถ อชฺฌตฺต-สทฺโท โหติ. อชฺฌตฺตนฺติ สกสนฺตตินิยกํ. อชฺฌตฺเต ภวา อชฺฌตฺติกาติ นิยกชฺฌตฺเตสุปิ อพฺภนฺตรา จกฺขาทโย วุจฺจนฺติ. เอตฺถ ปน อชฺฌตฺติก-สทฺโท จกฺขาทีสุ ปวตฺตมาโน ทสฺสิโต ¶ , น อชฺฌตฺตสทฺโท, อตฺถิ จ อชฺฌตฺตอชฺฌตฺติกสทฺทานํ พหิทฺธาพาหิร-สทฺทานํ วิย วิเสโส. อชฺฌตฺติกสทฺโท หิ สปรสนฺตานิเกสุ สพฺเพสุ จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ พาหิร-สทฺโท วิย ปวตฺตติ, อชฺฌตฺต-สทฺโท ปน สกสนฺตานิเกสฺเวว จกฺขุรูปาทีสุ ตโต อฺเสฺเวว พหิทฺธา-สทฺโท วิย ปวตฺตตีติ ตสฺมา สทฺทโต อตฺถโต จ อสมานตฺตา น อิทเมตฺถ อุทาหรณํ ยุตฺตนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ – อชฺฌตฺเต ภวา อชฺฌตฺติกาติ อยฺหิ วจนตฺโถ. ยฺจ อชฺฌตฺเต ภวํ, เตน อชฺฌตฺเตเนว ภวิตพฺพํ, เตน ตํวาจกสฺส อชฺฌตฺต-สทฺทสฺส อชฺฌตฺติก-สทฺทสฺส จ สมานตฺถตา. อุภินฺนมฺปิ สทฺทานํ สมานตฺถภาวโต อชฺฌตฺตชฺฌตฺเต ปวตฺตมาเน อชฺฌตฺติก-สทฺเท อชฺฌตฺต-สทฺโท ตตฺถ ปวตฺโตติ สกฺกา วตฺตุนฺติ.
อยํ ¶ โข ปนานนฺท, วิหาโรติ วิหารสฺุตาสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๘๗) สงฺคณิการามตาย รูปาทิรติยา จ อาทีนวํ วตฺวา ตปฺปฏิปกฺขวิหารทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อชฺฌตฺตํ สฺุตนฺติ วิสยภูตํ อิสฺสริยฏฺานภูตํ สฺุตํ, สฺุตาผลสมาปตฺตินฺติ อตฺโถ. จิตฺติสฺสรา หิ พุทฺธา ภควนฺโต ธมฺมํ เทเสนฺตาปิ ยํ มุหุตฺตํ ตุณฺหี ภวิตพฺพํ โหติ, ตํ มุหุตฺตํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ, ปเคว อฺสฺมึ กาเล, ตสฺมา สพฺพตฺถาปิ อิสฺสริยานํ พหุลํ ผลสมาปตฺติยํ อิสฺสริยสฺส ปวตฺตนโต ผลสมาปตฺติ ‘‘อิสฺสริยฏฺาน’’นฺติ วุตฺตา. อรหตฺตผลาธิคเมน วา ตถาคตานํ อิสฺสริยํ นิพฺพตฺตํ ตํชนเกเนว มคฺเคนาติ ตํ เตสํ อิสฺสริยฏฺานํ. วิสโย จ อนฺตฺถภาโวว ยถา ‘‘อากาเส สกุณา อุทเก มจฺฉา’’ติ, พุทฺธา จ อฺตฺถ ทิสฺสมานาปิ วิเวกปพฺภารตาย ผลสมาปตฺตินินฺนาว, เตน ตสฺสา ตสฺสา กิริยาย อนนฺตรํ ผลสมาปตฺติยํเยว ภวนฺตีติ สา เตสํ วิสโย, ตพฺพิสยตา จ สจฺจกสุตฺเตน (ม. นิ. ๑.๓๖๔ อาทโย) ทีเปตพฺพา.
๒๒. เยสํ ทฏฺพฺพภาโว อตฺถิ, เต สนิทสฺสนา. จกฺขุวิฺาณโคจรภาโวว ทฏฺพฺพภาโว, ตสฺส รูปายตนา อนฺตฺเตปิ อฺเหิ ธมฺเมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา ‘‘สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสนา’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมสภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร สภาโว, โส อฺโ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุตฺโต ¶ . เอวฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. สยฺจ นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ อสมฺปตฺตานฺจ ปฏิมุขภาโว อฺมฺปตนํ ปฏิหนนภาโว, เยน พฺยาปาราทิวิการปจฺจยนฺตรสหิเตสุ จกฺขาทีนํ วิสเยสุ วิการุปฺปตฺติ.
ติกมาติกาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.