📜

๓. นิกฺเขปกณฺฑํ

ติกนิกฺเขปกถาวณฺณนา

๙๘๕. สพฺเพสนฺติ จิตฺตุปฺปาทวเสน รูปาสงฺขตวเสน จ ภินฺนานํ สพฺเพสํ ผสฺสาทิจกฺขาทิปทภาชนนเยน วิตฺถาริโต. ตตฺถ ปน อสงฺขตสฺส เภทาภาวโต อสงฺขตา ธาตูตฺเวว ปทภาชนํ ทฏฺพฺพํ. เยวาปนกานํ ปน สุขุมุปาทายรูปสฺส จ อินฺทฺริยวิการปริจฺเฉทลกฺขณรูปุปตฺถมฺภกภาวรหิตสฺส หทยวตฺถุสฺส ปทุทฺธาเรน อิธ นิทฺเทสานรหตฺตา นิทฺเทโส น กโตติ ทฏฺพฺโพ. น หิ ตถาคตสฺส ธมฺเมสุ อาจริยมุฏฺิ อตฺถีติ. นิกฺขิปิตฺวาติ วิตฺถารเทสนํ เปตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ, วิตฺถารเทสนํ อนฺโตคธํ กตฺวาติ วา. คาถาตฺโถ นิทาเน วุตฺโต เอว.

มูลวเสน ปจฺจยภาโว เหตุปจฺจยตฺโถ. ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโว, โส เอว ‘‘ชนโก’’ติ วิเสสิโต. สมุฏฺาติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ, ตสฺส วิเสสนํ นิพฺพตฺตกนฺติ. สพฺพานิ วา เอตานิ ปริยายวจนานิ. อตฺถวเสนาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ กุสลมูลานํ เหตุภาวโต ธมฺมวเสนาติ ยุตฺตนฺติ? สจฺจเมตํ, อโลภาทีนํ ปน ติณฺณํ สมานสฺส มูลฏฺสฺส วเสน ทสฺสิตตํ สนฺธาย ‘‘อตฺถวเสนา’’ติ วุตฺตํ. อิมินา ธมฺโมติ ภาโว, อตฺโถติ ธมฺมกิจฺจํ อธิปฺเปตนฺติ วิฺายติ. ‘‘อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๓.๓๔) ตานิ กุสลมูลานิ สมุฏฺานํ เอตสฺสาติปิ ตํสมุฏฺานํ. ตํ ปน เตหิ สมุฏฺิตํ โหตีติ ‘‘อโลภาทีหิ สมุฏฺิต’’นฺติ อาห. เต กุสลมูลตํสมฺปยุตฺตา สมุฏฺานํ เอตสฺสาติปิ อตฺโถ สมฺภวติ. เอตฺถ ปน เจตนํ เปตฺวา อฺเ ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ สมุฏฺานภาเว วตฺตพฺพา. ตตฺถ มูเลหิ อตฺตโน ปจฺจยโต กุสเล ปริยาทิยติ, ขนฺเธหิ สภาวโต , กมฺเมหิ อฺสฺส นิพฺพตฺตนกิจฺจโต. มูเลหิ จ กุสลานํ อนวชฺชตาย เหตุํ ทสฺเสติ, ขนฺเธหิ ตํสมฺปโยคกตํ อนวชฺชสภาวํ, กมฺเมหิ สุขวิปากตํ. มูเลหิ วา นิทานสมฺปตฺติยา อาทิกลฺยาณตํ, ขนฺเธหิ สภาวสมฺปตฺติยา มชฺเฌกลฺยาณตํ, กมฺเมหิ นิพฺพตฺติสมฺปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาณตํ.

๙๘๖. ตํ…เป… อุทฺธํ อกุสลํ นาม นตฺถีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตโมโห อตฺถีติ? สจฺจเมตํ, เตน ปน วินา ตํสมฺปยุตฺตตา นตฺถีติ ตํสมฺปยุตฺเตสุ คหิเตสุ โมโห คหิโต เอวาติ กตฺวา ‘‘ตโต อุทฺธํ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ อฺตฺถ อภาวา. เอกสฺมึ ิตํ เอกฏฺํ, สหชภาเวน เอกฏฺํ สหเชกฏฺํ. ปหาตพฺพนฺติ ปหานํ, ปหานภาเวน เอกฏฺํ ปหาเนกฏฺํ. เยน หิ ยํ สห ปหาตพฺพํ, เตน ตํ เอกสฺมึ ปุคฺคเล ิตํ โหติ, เอกสฺมึ สมุจฺฉินฺเน อสมุจฺฉินฺเน จ อิตรสฺส สมุจฺฉินฺนตาย อสมุจฺฉินฺนตาย จ วเสน อฺมฺาวิรหิตโต.

๙๘๗. ตีณิ ลกฺขณานีติ อนิจฺจทุกฺขอนตฺตตา. นามกสิณสตฺตปฺตฺติโย ติสฺโส ปฺตฺติโย. ปรมตฺเถ อมุฺจิตฺวา โวหริยมานา วิหารมฺจาทิกา อุปาทาปฺตฺติ สตฺตปฺตฺติคฺคหเณน คหิตาติ เวทิตพฺพา, เอตานิ จ ลกฺขณาทีนิ เหฏฺา ทฺวีสุ กณฺเฑสุ วิฺตฺติอาทีนิ วิย น วุตฺตานิ, น จ สภาวธมฺมาติ กตฺวา น ลพฺภนฺตีติ วุตฺตานิ. น หิ โกจิ สภาโว กุสลตฺติกาสงฺคหิโตติ วตฺตุํ ยุตฺตนฺติ.

๙๘๘. สุขภูมีติ กามาวจราทโยปิ ยุชฺชนฺติ. สุขสหคตา หิ กามาวจราทิภูมิ สุขภูมิ. กามาวจราทิภูมีติ จ กามาวจราทิตาย ธมฺมา เอว วุจฺจนฺตีติ กามาวจราทิจิตฺตุปฺปาเทสูติ อตฺถโต วิฺายติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สุขภูมิย’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา เอว วิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘กามาวจเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภูมิ-สทฺโท จ อภิธมฺเม กามาวจราทีสุ นิรุฬฺโหติ ‘‘จตูสุ ภูมีสุ กุสล’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๘๔) อฺภูมิคฺคหณํ น โหตีติ. ปาฬิโต จาติ ‘‘วิสิฏฺานํ ปากาติ วิปากา’’ติอาทิวจนตฺถวิภาวเนน ปาฬิโต. ‘‘วิปกฺกภาวมาปนฺนานํ อรูปธมฺมานเมตํ อธิวจน’’นฺติอาทินา ภาสิตตฺถวิภาวเนน อตฺถโต จ. นามปริจฺเฉทาทีหิ ติกทุกานํ ววตฺถานทสฺสเนน วา ปาฬิโต, ตทตฺถวิฺาปเนน อตฺถโต.

๙๙๑. สาลิผลนฺติ สาลิปากมาห.

๙๙๔. อมฺหากํ มาตุลตฺเถโรติ ปุคฺคลารมฺมณสฺสปิ อุปาทานสฺส อุปาทานกฺขนฺธา เอว ปจฺจโย, น โลกุตฺตรา, โก ปน วาโท ขนฺธารมฺมณสฺส. เตนาห ‘‘อคฺคหิตานี’’ติ.

๙๙๘. ยถา อุปาทาเนหิ อคฺคเหตพฺพา อนุปาทานิยา, เอวํ สํกิเลเสหิ อคฺคเหตพฺพา อสํกิเลสิกาติ กตฺวา ‘‘อสํ…เป… เอเสว นโย’’ติ อาห.

๑๐๐๖. ทิฏฺิยา คหิโต อตฺตา น วิชฺชติ. เยสุ ปน วิปลฺลตฺถคาโห, เต อุปาทานกฺขนฺธาว วิชฺชนฺติ. ตสฺมา ยสฺมึ อวิชฺชมานนิจฺจาทิวิปริยาสาการคหณํ อตฺถิ, โสว อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสงฺขาโต กาโย. ตตฺถ นิจฺจาทิอาการสฺส อวิชฺชมานตาทสฺสนตฺถํ รุปฺปนาทิสภาวสฺเสว จ วิชฺชมานตาทสฺสนตฺถํ วิชฺชมาโน กาโยติ วิเสเสตฺวา วุตฺโต, โลกุตฺตรา ปน น กทาจิ อวิชฺชมานากาเรน คยฺหนฺตีติ น อิทํ วิเสสนํ อรหนฺติ. สกฺกาเย ทิฏฺิ, สตี วา กาเย ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ. อตฺตนา คหิตาการสฺส อวิชฺชมานตาย สยเมว สตี, น ตาย คหิโต อตฺตา อตฺตนิยํ วาติ อตฺโถ. อยํ ปนตฺโถ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺโต, ปุริโม เอว ปน ปธาโน. ทุติเย หิ ทิฏฺิยา วตฺถุ อวิเสสิตํ โหติ. กาโยติ หิ ขนฺธปฺจเก วุจฺจมาเน โลกุตฺตราปนยนํ นตฺถิ. น หิ โลกุตฺตเรสุ กาย-สทฺโท น วตฺตติ. กายปสฺสทฺธิอาทีสุ หิ โลกุตฺตเรสุ กาย-สทฺโทปิ โลกุตฺตรกฺขนฺธวาจโกติ. สีเลนาติ สุทฺธิยา อเหตุภูเตน สีเลน. คหิตสมาทานนฺติ อุปฺปาทิตปรามาโสว. โส หิ สมาทิยนฺติ เอเตน กุกฺกุรสีลวตาทีนีติ ‘‘สมาทาน’’นฺติ วุตฺโต. ตตฺถ อวีติกฺกมนียตาย สีลํ, ภตฺติวเสน สตตํ จริตพฺพตาย วตํ ทฏฺพฺพํ.

๑๐๐๗. อิเธว ติฏฺมานสฺสาติ อิมิสฺสาเยว อินฺทสาลคุหายํ ติฏฺมานสฺส. วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. อตฺถปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉา. กุสเลหิ สห โจทนาปริหรณวเสน วินิจฺฉยกรณํ วินิจฺฉโย. พหูนํ นานปฺปการานํ สกฺกายทิฏฺีนํ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ ชนิตาติ วา ปุถุชฺชนา. อวิฆาตเมว วา ชน-สทฺโท วทติ. ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกาติ เอตฺถ ปุถู ชนา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาติ วจนตฺโถ. ปุถุ…เป… อวุฏฺิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถาติ ชนา, คติโย. ปุถู ชนา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโย. เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนา. อภิสงฺขรณาทิอตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปา. เต เอว สพฺเพปิ วา กิเลสา ปริฬาหา. ปุถุ ปฺจสุกามคุเณสูติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ‘‘ราโค เคโธ’’ติ เอวมาทิโก. ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. ปุถูสุ วา ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอตฺโถ เอว ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. ปลิพุทฺธาติ สมฺพทฺธา อุปทฺทุตา วา. อสฺสุตวาติ เอเตน อนฺธตา วุตฺตาติ ‘‘อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต’’ติ อาห.

อนเยติ อวฑฺฒิยํ. สพฺพตฺถ นิรุตฺติลกฺขเณน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อเนเกสุ จ กปฺปสตสหสฺเสสุ กตํ ชานนฺติ, ปากฏฺจ กโรนฺติ อุปการํ สติชนนอามิสปฏิคฺคหณาทินา ปจฺเจกสมฺพุทฺธา, ตเถว ทุกฺขิตสฺส สกฺกจฺจํ กาตพฺพํ กโรนฺติ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อสงฺขฺเยยฺยอปฺปเมยฺเยสุปิ กตํ อุปการํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยฺจ ชานาติ, ปากฏฺจ กโรติ, สีโห วิย จ ชวํ สพฺพตฺถ สกฺกจฺจเมว ธมฺมเทสนํ กโรติ. อริยภาโวติ เยหิ โยคโต อริยา วุจฺจนฺติ, เต มคฺคผลธมฺมา ทฏฺพฺพา. อริยกรธมฺมา อนิจฺจทสฺสนาทโย, วิปสฺสิยมานา วา อนิจฺจาทโย.

โสตานีติ ตณฺหาทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตอวิชฺชาโสตานิ. ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมี’’ติ วตฺวา ‘‘ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ วจเนน โสตานํ สํวโร ปิทหนํ สมุจฺเฉทาณนฺติ วิฺายติ. ขนฺตีติ อธิวาสนา, สา จ ตถาปวตฺตา ขนฺธา. ปฺาติ เอเก, อโทโส เอว วา. กายทุจฺจริตาทีนนฺติ ทุสฺสีลฺยสงฺขาตานํ กายวจีทุจฺจริตานํ มุฏฺสฺสจฺจสงฺขาตสฺส ปมาทสฺส อภิชฺฌาโทมนสฺสานํ ปาปกานํ อกฺขนฺติอฺาณโกสชฺชานฺจ. อนุเปกฺขา สงฺขาเรหิ อวิวฏฺฏนํ, สาลยตาติ อตฺโถ. ธมฺมฏฺิติยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปฏิโลมภาโว สสฺสตุจฺเฉทคาโห, ตปฺปฏิจฺฉาทกโมโห วา. นิพฺพาเน ปฏิโลมภาโว สงฺขาเรสุ รติ, นิพฺพานปฏิจฺฉาทโก โมโห วา. สงฺขารนิมิตฺตคฺคาโหติ ยาทิสสฺส กิเลสสฺส อปฺปหีนตฺตา วิปสฺสนา สงฺขารนิมิตฺตํ น มุฺจติ, โส กิเลโส ทฏฺพฺโพ. สงฺขารนิมิตฺตคฺคหณสฺส อติกฺกมนํ วา ปหานํ.

จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ยํ ปหานนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา. เกน ปน ปหานนฺติ? อริยมคฺเคเหวาติ วิฺายมาโน อยมตฺโถ เตสํ ภาวิตตฺตา อปฺปวตฺติวจเนน. สมุทยปกฺขิกสฺสาติ เอตฺถ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตุสจฺจาภิสมยาติ กตฺวา เตหิ ปหาตพฺเพน เตน เตน สมุทเยน สห ปหาตพฺพตฺตา สมุทยสภาคตฺตา จ สจฺจวิภงฺเค จ สพฺพกิเลสานํ สมุทยภาวสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘สมุทยปกฺขิกา’’ติ ทิฏฺิอาทโย วุจฺจนฺติ. กายวาจาจิตฺตานํ วิรูปปฺปวตฺติยา นยนํ อปยาปนํ, กายทุจฺจริตาทีนํ วินาสนยนํ วา วินโย, เตสํ วา ชิมฺหปฺปวตฺตึ วิจฺฉินฺทิตฺวา อุชุกนยนํ วินยนํ. เอเสเสติ เอโส โส เอว, อตฺถโต อนฺโติ อตฺโถ. ตชฺชาเตติ อตฺถโต ตํสภาโวว. สปฺปุริโส อริยสภาโว, อริโย จ สปฺปุริสภาโวติ อตฺโถ.

อทฺวยนฺติ ทฺวยตารหิตํ, วณฺณเมว ‘‘อจฺจี’’ติ คเหตฺวา อจฺจึ วา ‘‘วณฺโณ เอวา’’ติ เตสํ เอกตฺตํ ปสฺสนฺโต วิย ยถาตกฺกิตํ อตฺตานํ ‘‘รูป’’นฺติ, ยถาทิฏฺํ วา รูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา เตสํ เอกตฺตํ ปสฺสนฺโต ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ อิมิสฺสา ปวตฺติยา อภาเวปิ รูเป อตฺตคฺคหณํ ปวตฺตมานํ อจฺจิยํ วณฺณคฺคหณํ วิย. อุปมาโย จ อนฺตฺตาทิคฺคหณนิทสฺสนวเสเนว วุตฺตา, น วณฺณาทีนํ วิย อตฺตโน วิชฺชมานตฺตสฺส, อตฺตโน วิย วา วณฺณาทีนํ อวิชฺชมานตฺตสฺส ทสฺสนตฺถํ.

๑๐๐๘. สรีรนิปฺผตฺติยาติ สรีรปาริปูริยา. นิจฺเฉตุํ อสกฺโกนฺโต วิจินนฺโต กิจฺฉตีติ วิจิกิจฺฉา. อิทปฺปจฺจยานํ ภาโวติ ชาติอาทิสภาวเมว อาห, ชาติอาทีนํ วา ชรามรณาทิอุปฺปาทนสมตฺถตํ. สา ปน ชาติอาทิวินิมุตฺตา นตฺถีติ เตสํเยวาธิวจนํ โหติ ‘‘อิทปฺปจฺจยตา’’ติ.

๑๐๐๙. อิธ อนาคตกิเลสา ‘‘ตเทกฏฺา กิเลสา’’ติ วุจฺจนฺตีติ เต ทสฺเสตุํ ‘‘อิมิสฺสา จ ปาฬิยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. สหเชกฏฺวเสนาติ ตตฺถ อุปฺปนฺนทิฏฺิยา สหเชกฏฺวเสนาติ อตฺถโต วิฺายติ. ตํสมฺปยุตฺโตติ เตหิ สํโยชนกิเลเสหิ สมฺปยุตฺโตติปิ อตฺโถ ยุชฺชติ. ตถา เต สํโยชนกิเลสา สมุฏฺานํ เอตสฺสาติ ตํสมุฏฺานนฺติ วา. สํโยชนรหิเตหิ จ ปน กิเลเสหิ สมฺปยุตฺตานํ สมุฏฺิตานฺจ สพฺภาวโต กิเลเสเหว โยชนา กตา.

๑๐๑๑. สํโยชนาทีนํ วิยาติ สํโยชนตเทกฏฺกิเลสาทีนํ ยถาวุตฺตานํ วิย. เตหีติ ทสฺสนภาวนามคฺเคหิ. อภิสงฺขารวิฺาณํ กุสลากุสลํ, นามรูปฺจ วิปากนฺติ กตฺวา ‘‘กุสลาทีนมฺปิ ปหานํ อนุฺาต’’นฺติ อาห.

๑๐๑๓. เหตูเจวาติ ‘‘ปหาตพฺพเหตุกา’’ติ เอตสฺมึ สมาสปเท เอกเทเสน สมาสปทตฺถํ วทติ. เอตฺถ จ ปุริมนเยน ‘‘อิเม ธมฺมา ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกา’’ติ อิเมเยว ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกา, น อิโต อฺเติ อยํ นิยโม ปฺายติ, น อิเม ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกาเยวาติ. ตสฺมา อิเมสํ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกภาโว อนิยโต วิจิกิจฺฉาสหคตโมหสฺส อเหตุกตฺตาติ ปุริมนโย วิวรณียตฺถวา โหติ. ตสฺมา ปุริมนเยน ธมฺมโต ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุเก นิกฺขิปิตฺวา อตฺถโต นิกฺขิปิตุํ ทุติยนโย วุตฺโต.

๑๐๒๙. มหคฺคตา วา อิทฺธิวิธาทโย. อปฺปมาณารมฺมณา มหคฺคตา เจโตปริยปุพฺเพนิวาสานาคตํสาณสมฺปยุตฺตา.

๑๐๓๕. อนนฺตเร นิยุตฺตานิ, อนนฺตรผลปฺปโยชนานิ, อนนฺตรผลกรณสีลานิ วา อานนฺตริกานิ. ตานิ ปน ปฏิปกฺเขน อนิวารณียผลตฺตา อนฺตรายรหิตานีติ ‘‘อนนฺตราเยน ผลทายกานี’’ติ วุตฺตํ. อนนฺตรายานิ วา อานนฺตริกานีติ นิรุตฺติวเสน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. เอกสฺมิมฺปีติ ปิ-สทฺเทน อเนกสฺมิมฺปิ อายูหิเต วตฺตพฺพเมวนตฺถีติ ทสฺเสติ. น จ เตสํ อฺมฺปฏิพาหกตฺตํ อตฺถิ อปฺปฏิปกฺขตฺตา, อปฺปฏิปกฺขตา จ สมานผลตฺตา อนุพลปฺปทานโต จ. ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) เอวมาทิโก อเหตุกวาโท. ‘‘กโรโต โข การยโต ฉินฺทโต เฉทาปยโต…เป… กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอวมาทิโก อกิริยวาโท. ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๒.๙๔; ๓.๙๑) เอวมาทิโก นตฺถิกวาโท. เอเตสุ ปุริมวาโท พนฺธโมกฺขานํ เหตุํ ปฏิเสเธติ, ทุติโย กมฺมํ, ตติโย วิปากนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส. ตฺหีติ อเหตุกาทินิยตมิจฺฉาทิฏฺึ, น ปน นิยตภาวํ อปฺปตฺตํ.

๑๐๓๙. ปจฺจยฏฺเนาติ มคฺคปจฺจยสงฺขาเตน สมฺปโยควิสิฏฺเน ปจฺจยภาเวนาติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ มคฺคงฺคานํ ปนํ มคฺคปจฺจยภาวรหิเต มคฺคเหตุเก ทสฺเสตุํ, เตน มคฺคเหตุเก อสงฺกรโต ววตฺถเปติ. สเจ ปน โกจิ วเทยฺย ‘‘เอเกกํ องฺคํ เปตฺวา ตํตํสมฺปยุตฺตานํ มคฺคเหตุกภาเวปิ ‘มคฺคงฺคานิ เปตฺวา’ติ อิทํ วจนํ ยุชฺชตี’’ติ. เอวฺหิ สติ ตติยนเย วิย อิธาปิ ‘‘เปตฺวา’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยา, วุตฺตฺเจตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนวตฺโถ เวทิตพฺโพ. มคฺคงฺคามคฺคงฺคานฺหิ สมฺปยุตฺตานํ วิเสสทสฺสนตฺโถ อยํ นโยติ. เสสมคฺคงฺคานํ ปุพฺเพ ปิตานนฺติ อธิปฺปาโย. ผสฺสาทีนฺหิ ปุริมนเยปิ มคฺคเหตุกตา สิทฺธาติ.

สมฺมาทิฏฺิยา ทุติยนเยปิ ปิตาย ตติยนเย สเหตุกภาโว ทสฺสิโต. กถํ ทสฺสิโต, นนุ อริยมคฺคสมงฺคิสฺส ‘‘อโลโภ อโทโส อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) อวตฺวา ‘‘อโลโภ อโทโส อโมโห อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ วิสุํ สมฺมาทิฏฺิอาทิเก มคฺคเหตู ทสฺเสตฺวา ‘‘ตํสมฺปยุตฺโต…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) วิสุํ มคฺคเหตุกานํ ทสฺสิตตฺตา ‘‘มคฺคเหตูสุ อโมโห’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) วุตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา มคฺคเหตุกตา น ทสฺสิตา สิยา? โน น ทสฺสิตา. ยถา หิ ตีณิ สํโยชนานิ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตเทกฏฺโ โลโภ โทโส โมโห, อิเม ธมฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตู’’ติ (ธ. ส. ๑๐๑๗) วิสุํ ปหาตพฺพเหตู นิยเมตฺวา ‘‘ตเทกฏฺา จ กิเลสา’’ติอาทิวจเนน (ธ. ส. ๑๐๑๗) โลภโทสโมหา จ อฺมฺสหเชกฏฺา อฺมฺสมฺปยุตฺตา สงฺขารกฺขนฺธภูตา จ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกาติ ทสฺสิตา โหนฺติ, เอวมิธาปิ ‘‘อโลภาทโย อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ นิคมิตาปิ อฺมฺสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธภาวโต ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธวจเนน ‘‘มคฺคเหตุกา’’ติ ทสฺสิตา เอวาติ สิทฺธํ โหติ, สมฺมาทิฏฺิยาปิ อโมโหติ วุตฺตาย มคฺคเหตุกภาวทสฺสนํ. สเจ ปน โย ทุติยนเย มคฺโค เจว เหตุ จาติ วุตฺโต, ตโต อฺสฺเสว อฺเน อสาธารเณน ปริยาเยน มคฺคเหตุภาวํ ทสฺเสตฺวา ตํสมฺปโยคโต สมฺมาทิฏฺิยา มคฺคเหตุกภาวทสฺสนตฺโถ ตติยนโย สิยา. ‘‘อริยมคฺคสมงฺคิสฺส อโลโภ อโทโส อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ปน ‘‘มคฺคเหตู’’ติ อิมินา อฺเน สาธารเณน ปริยาเยน เยสํ มคฺคเหตุภาโว สมฺภวติ, เต สพฺเพ ‘‘มคฺคเหตู’’ติ ทสฺเสตฺวา ตํสมฺปยุตฺตานํ เตสํ อฺเสฺจ มคฺคเหตุกภาวทสฺสนตฺโถ ตติยนโย, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘อโมโห’’ติปิ วุตฺตํ. น หิ โส มคฺคเหตุ น โหตีติ. อิเม ปน ตโยปิ นยา อตฺถวิเสสวเสน นิกฺขิตฺตตฺตา อตฺถโต นิกฺเขปา ทฏฺพฺพา. อถ วา สรูเปน วจนํ ธมฺมโต นิกฺเขโป, อตฺเถน อตฺถโตติ เอวมฺปิ โยชนา สมฺภวติ. ตตฺถ ทุติยตติยนยา สรูปโต เหตุเหตุมนฺตุทสฺสนวเสน ธมฺมโต นิกฺเขโป. ปมนโย ตถาอทสฺสนโต อตฺเถน จ มคฺคงฺคตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุเหตุมนฺตุภาวาวคมนโต อตฺถโต นิกฺเขโปติ.

๑๐๔๐. ยสฺมึ สภาวธมฺเม นินฺนโปณปพฺภารภาเวน จิตฺตํ ปวตฺตติ, โส ตสฺส อารมฺมณาธิปติ เวทิตพฺโพ. เจโตปริยาเณน ชานิตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน เตน ปจฺจเวกฺขมาโนติ วุตฺโต. เอตฺถาปีติ เอตสฺมิมฺปิ อฏฺกถาวจเน, เอตฺถ วา ปฏฺาเน มคฺคาทีนิ เปตฺวา อฺเสํ อธิปติปจฺจยภาวสฺส อวจเนเนว ปฏิกฺเขปปาฬิยํ. อยเมวตฺโถติ อตฺตโน มคฺคผลํ เปตฺวาติ อตฺโถ. วีมํสาธิปเตยฺยนฺติ ปธาเนน อธิปตินา สหชาตาธิปติ นิทสฺสิโต, ตยิทํ นยทสฺสนมตฺตเมว โหตีติ อฺโปิ เอวํปกาโร สหชาโต มคฺคาธิปติ นิทสฺสิโต โหติ, ตสฺมา วีริยาธิปเตยฺยนฺติ จ โยเชตพฺพํ. อิทมฺปิ หิ อตฺถโต วุตฺตเมวาติ.

๑๐๔๑. อตฺตโน สภาโว อตฺตภาโว. ลทฺโธกาสสฺส กมฺมสฺส วิปาโก กปฺปสหสฺสาติกฺกเม อุปฺปชฺชติ อเนกกปฺปสหสฺสายุกานํ สตฺตานํ, กปฺปสหสฺสาติกฺกเมปิ วา ลทฺโธกาสํ ยํ ภวิสฺสติ, ตทปิ ลทฺโธกาสเมวาติ อตฺตโน วิปากํ สนฺธาย วุจฺจติ. นตฺถิ นาม น โหตีติ อนุปฺปนฺโน นาม น โหตีติ อธิปฺปาโย. อุปฺปาทีสุ อนฺโตคธตฺตา ‘‘อุปฺปาทิโน ธมฺมา’’ติ เอเตน วจเนน วุจฺจตีติ กตฺวา อาห ‘‘อุปฺปาทิโน ธมฺมา นาม ชาโต’’ติ. อรูปสงฺขาโต อตฺตาติ อรูปภวงฺคํ อาห. ตตฺถ อากาสานฺจายตนสฺาทิมโย อตฺตาติ หิ อตฺถโต โวหาโร ปวตฺโตติ.

ยทิ ปน อายู…เป… สพฺพํ วิปากํ ทเทยฺย, อลทฺโธกาสฺจ วิปากํ เทตีติ กตฺวา วิปกฺกวิปากฺจ ทเทยฺย, ตโต เอกสฺเสว กมฺมสฺส สพฺพวิปาเกน ภวิตพฺพนฺติ อฺสฺส กมฺมสฺส โอกาโส น ภเวยฺย นิรตฺถกตฺตา , อุปฺปตฺติยาเยว โอกาโส น ภเวยฺย, อุปฺปนฺนสฺส วา ผลทาเน. อถ วา อลทฺโธกาสสฺส วิปากทาเน ปจฺจยนฺตรรหิตสฺสปิ วิปากทานํ อาปนฺนนฺติ อวิชฺชาตณฺหาทิปจฺจยนฺตรเขปกสฺส อฺสฺส อปจยคามิกมฺมสฺส กมฺมกฺขยกรสฺส โอกาโส น ภเวยฺย. ภาวิเตปิ มคฺเค อวิชฺชาทิปจฺจยนฺตรรหิตสฺส จ กมฺมสฺส วิปจฺจนโต สมตฺถตา น สิยาติ อตฺโถ. สพฺพทา วา วิปากปฺปวตฺติยา เอว ภวิตพฺพตฺตา วิปากโต อฺสฺส ปวตฺติโอกาโส น ภเวยฺย. ตํ ปนาติ อายูหิตํ กมฺมํ. อิทํ ปน ธุววิปากสฺส วิปาเกน อธุววิปากสฺสปิ ลทฺโธกาสสฺส วิปากํ อุปฺปาทีติ ทสฺเสตุํ อารทฺธนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺ สมาปตฺติโย จ พลววิรเห อคฺคมคฺคภาวนาวิรเห จ อปฺปหีนสภาวโต ธุวํ วิปจฺจนฺตีติ ธุววิปากาติ วุตฺตา. อายูหิตกมฺเม วุจฺจมาเน อนุปฺปนฺนํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ยํ อายูหิตํ ภวิสฺสติ, ตตฺถาปิ อายูหิต-สทฺทปฺปวตฺติสพฺภาวา.

๑๐๕๐. อุปาทินฺนาติ เอตฺถ น อุเปเตน อาทินฺนาติ อยมตฺโถ, อุปสทฺโท ปน อุปสคฺคมตฺตเมว, ตสฺมา อุปาทานารมฺมณา อุปาทาเนหิ, อฺเ จ อนภินิเวเสน ‘‘อหํ มคฺคํ ภาวยึ, มม มคฺโค อุปฺปนฺโน’’ติอาทิเกน คหเณน อาทินฺนา อิจฺเจว อุปาทินฺนา. อุปาทินฺน-สทฺเทน วา อมคฺคผลธมฺมาเยว วุตฺตา, อิตเรหิ มคฺคผลธมฺมา จาติ เวทิตพฺพํ.

ติกนิกฺเขปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุกนิกฺเขปกถาวณฺณนา

๑๐๖๒. เมตฺตายนวเสนาติ เมตฺตาผรณวเสน. ‘‘เมตฺตยนวเสนา’’ติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เมตฺตา, เมทนํ วา เมตฺตายนํ, ตฺจ สิเนหวเสน. อนุทยตีติ อนุทาติ วตฺตพฺเพ ‘‘อนุทฺทา’’ติ ท-การาคมนํ กตฺวา วุตฺตํ. อนุทฺทายนากาโรติ อนุรกฺขณากาโร. รกฺขณฺหิ ทายนา. อนุทฺทายิตสฺสาติ อนุทฺทาย อยิตสฺส. ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทึ สุณนฺตสฺส สวเน, อนิจฺจาทิโต สมฺมสนฺตสฺส สมฺมสเน, มคฺเคเนตฺถ สมฺโมหํ วิทฺธํเสนฺตสฺส ปฏิเวเธ, ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขเณติ จตูสุ กาเลสุ ทุกฺเข าณํ วตฺตติ.

๑๐๖๕. จิตฺตสฺส สํรฺชนํ จิตฺตสฺส สาราโค. คิชฺฌนฺตีติ อภิกงฺขนฺติ. สฺชํนฺตีติ พนฺธนฺติ. ลคฺคนฏฺเนาติ สํวรณฏฺเน, โอลมฺพนฏฺเน วา. ตสฺส ตสฺเสว ภวสฺสาติ กามภวาทิสงฺขาตสฺส วิปากกฏตฺตารูปสฺส อภินิพฺพตฺติอตฺถํ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยภาววเสน ปริกฑฺฒติ. จิตฺตมสฺส ภวนฺตเร วิธาวติ นิพฺพตฺตติ. ตณฺหาวิปฺผนฺทิตนิเวโส อฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิภาเวน ตณฺหาปวตฺติเยว.

สริตานีติ ราควเสน อลฺลานิ. ตํสมฺปยุตฺตปีติวเสน สินิทฺธานิ สิเนหิตานิ. วิสตาติ วิตฺถตา. รูปาทีสุ เตภูมกธมฺเมสุ พฺยาปนวเสน วิสฏา. ปุริมวจนเมว ต-การสฺส ฏ-การํ กตฺวา วุตฺตํ. วิสาลาติ วิปุลา. วิสกฺกตีติ ปริสปฺปติ, สหติ วา. รตฺโต หิ ราควตฺถุนา ปาเทน ตาลิยมาโนปิ สหตีติ. โอสกฺกนํ, วิปฺผนฺทนํ วา วิสกฺกนนฺติ วทนฺติ . อนิจฺจาทึ นิจฺจาทิโต คณฺหนฺตี วิสํวาทิกา โหติ. วิสํหรตีติ ตถา ตถา กาเมสุ อานิสํสํ ปสฺสนฺตี วิวิเธหากาเรหิ เนกฺขมฺมาภิมุขปฺปวตฺติโต จิตฺตํ สํหรติ สงฺขิปติ. วิสํ วา ทุกฺขํ, ตํ หรติ วหตีติ อตฺโถ. ทุกฺขนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส เหตุภาวโต วิสมูลา, วิสํ วา ทุกฺขเวทนามูลํ เอติสฺสาติ วิสมูลา. ทุกฺขสมุทยตฺตา วิสํ ผลํ เอติสฺสาติ วิสผลา. ตณฺหาย รูปาทิกสฺส ทุกฺขสฺเสว ปริโภโค โหติ, น อมตสฺสาติ สา ‘‘วิสปริโภคา’’ติ วุตฺตา. สพฺพตฺถ นิรุตฺติวเสน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. โย ปเนตฺถ ปธาโน อตฺโถ, ตํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘วิสตา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ มนุสฺสภาวเทวาทิภาวภูตํ.

ปณิธานกวเสนาติ จิตฺตสฺส รูปาทีสุ ปนกวเสน. อฺโปิ พนฺธุ ตณฺหาย เอว โหติ, โส ปน อพนฺธุปิ โหติ. ตณฺหา ปน นิจฺจสนฺนิสฺสิตาติ ‘‘ปาฏิเยกฺโก พนฺธู’’ติ วุตฺตา. อสนโตติ พฺยาปนโต ภุฺชนโต จ. ตทุภยํ ทสฺเสติ ‘‘อชฺโฌตฺถรณโต’’ติอาทินา. อาสีสนวเสนาติ อิจฺฉนวเสน. อฺเนากาเรนาติ ชปฺปนาชปฺปิตตฺตานํ ชปฺปาย อนฺตฺตทสฺสนากาเรน. จิตฺตํ ปริยุฏฺาตีติ จิตฺตํ มูสติ. มารปาโสติ มาเรน คหิตตาย ราโค มารปาโส.

๑๐๖๖. สงฺขาเรสุ อุปฺปนฺโน กมฺมปถเภทํ น กโรตีติ เอเตน สตฺเตสุ อุปฺปนฺโน อฏฺานโกโป กโรตีติ วิฺายติ. ‘‘อตฺถํ เม นาจริ , น จรติ, น จริสฺสติ, ปิยสฺส เม มนาปสฺส อตฺถํ นาจริ, น จรติ, น จริสฺสติ, อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อนตฺถํ นาจริ, น จรติ, น จริสฺสตี’’ติ อุปฺปชฺชมาโนปิ หิ โกโป อวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺนตฺตา อฏฺานโกโป เอว ภวิตุํ ยุตฺโต. อาฆาเตนฺโตติ หนนฺโต. ปุนรุตฺติโทโส ปฏิเสธิโตติ โทส-ปทสฺส ปฏิวิโรธ-ปทสฺส จ ทฺวิกฺขตฺตุํ อาคตตฺตา วุตฺตํ. ปฏิฆสฺส วา วิเสสนตฺถํ ปุพฺเพ ‘‘ปฏิวิโรโธ’’ติ, ปโทสาทิวิเสสนตฺถํ ‘‘โทโส’’ติ จ วุตฺตํ, ทุสฺสนาทิวิเสสนตฺถํ ปจฺฉา ‘‘โทโส’’ติ, วิโรธวิเสสนตฺถฺจ ‘‘ปฏิวิโรโธ’’ติ วุตฺตนฺติ นตฺถิ ปุนรุตฺติโทโส.

๑๐๙๑. อนิทฺธาริตปริจฺเฉเท ธมฺมานํ อตฺถิตามตฺตทีปเก มาติกุทฺเทเส อปริจฺเฉเทน พหุวจเนน อุทฺเทโส กโตติ พหุวจเนเนว ปุจฺฉติ – ‘‘กตเม ธมฺมา อปฺปจฺจยา’’ติ. สภาวสงฺขาปริจฺเฉทาทิวเสน หิ ธมฺเม อชานนฺตสฺส วเสน อุทฺเทโส ปุจฺฉา จ กรียตีติ. ตสฺมา ปริจฺเฉทํ อกตฺวา อุทฺทิฏฺา ปุจฺฉิตา จ. อิเมติ อสงฺขตธาตุโต อุทฺธํ นตฺถีติ ทีปนตฺถํ เอกมฺปิ ตํ นิทฺทิสิตฺวา พหุวจเนเนว นิคมนํ กตํ นิทฺเทสโต ปุพฺเพ โพธเนยฺยสฺส อชานนกาลํ อุปาทาย.

๑๑๐๑. กึ ปน นตฺถิ, กึ เตน น วุตฺตาติ โยชนา กาตพฺพา. อิทเมว มโนวิฺเยฺยนฺติ นิยมาภาโว ววตฺถานาภาโว. จกฺขุวิฺาณาทิวิฺเยฺยเมว จกฺขาทิวิฺเยฺยนฺติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ มโนวิฺาณวิฺเยฺเยนปิ มโนวิฺเยฺเยน ภวิตพฺพนฺติ กตฺวา อฏฺกถาย ‘‘กึ ปน มโนวิฺาเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เกหิจิ วิฺเยฺยา เกหิจิ อวิฺเยฺยาติ อิทํ กามาวจรํ มโนวิฺาณํ อารมฺมณาทิวเสน ภินฺทิตฺวา โยเชตพฺพํ. รูปาวจราทิอารมฺมเณน หิ กามาวจรมโนวิฺาเณน รูปราคาทิสมฺปยุตฺเตน จ กามาวจรธมฺมา น วิฺเยฺยา, อิตเรน จ วิฺเยฺยา. เอวํ กามาวจรานเมว อารมฺมณานํ เกสฺจิ สทฺทาทีนํ รูปารมฺมณาทีหิ อวิฺเยฺยตา วิฺเยฺยตา จ โยเชตพฺพา, ตถา ทฺวารเภทวเสน. อถ วา โสมนสฺสสหคตสนฺตีรณํ อิฏฺารมฺมณเมวาติ อิตรํ เตน น วิฺเยฺยํ. เอวํ อุเปกฺขาสหคเต กุสลวิปาเก อกุสลวิปาเก จาติ สพฺพตฺถ ยถาโยคํ โยเชตพฺพํ. รูปาวจราทโย กามาวจรวิปากาทีหิ อวิฺเยฺยา, เกจิเทว วิฺเยฺยา อรูปาวจเรหีติ โยเชตพฺพํ อนุวตฺตมานตฺตา. นิพฺพาเนน อวิฺเยฺยตฺตาติ ‘‘เกหิจิ อวิฺเยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส อตฺถสมฺภวมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น นิพฺพานสฺส อนุวตฺตมานมโนวิฺาณภาวโต.

๑๑๐๒. ปฺจกามคุณิกราโคติ อุกฺกฏฺวเสน วุตฺตํ. ภวาสวํ เปตฺวา สพฺโพ โลโภ กามาสโวติ ยุตฺตํ สิยา. สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค ภวทิฏฺิสมฺปยุตฺตตฺตา ‘‘ภวาสโว’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺโต. ภวาสโว ปน ‘‘ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺเตสุ เอว อุปฺปชฺชตี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺโต. โสปิ ราโค กามาสโว ภวิตุํ ยุตฺโต. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกทุกฺขานํ การณภูตา กามาสวาทโยปิ ทฺวิธา วุตฺตา.

๑๑๐๓. กามาสวนิทฺเทเส จ กาเมสูติ กามราคทิฏฺิราคาทิอารมฺมณภูเตสุ เตภูมเกสุ วตฺถุกาเมสูติ อตฺโถ สมฺภวติ. ตตฺถ หิ อุปฺปชฺชมานา สา ตณฺหา สพฺพาปิ น กามจฺฉนฺทาทินามํ น ลภตีติ. กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท อกุสเลปิ อุปฺปชฺชติ, น ปน ธมฺมจฺฉนฺโท.

๑๑๐๕. อฺํ ชีวนฺติ คหณํ ยทิปิ อุปาทานกฺขนฺเธสฺเวว ปวตฺตติ, รูเป…เป… วิฺาเณ วา ปน น ปติฏฺาติ. ตโต อฺํ กตฺวา ชีวํ คณฺหาตีติ สสฺสตทิฏฺิ โหตีติ. พฺรหฺมาทึ เอกจฺจํ อตฺตานํ ‘‘โหตี’’ติ นิจฺจโต อฺฺจ ‘‘น โหตี’’ติ อนิจฺจโต คณฺหนฺตสฺส ‘‘โหติ จ น จ โหตี’’ติ เอกจฺจสสฺสตทิฏฺิ. ‘‘โหตี’’ติ จ ปุฏฺเ ‘‘เนวา’’ติ, ‘‘น โหตี’’ติ จ ปุฏฺเ ‘‘น’’อิติ สพฺพตฺถ ปฏิกฺขิปนฺตสฺส อมราวิกฺเขปทิฏฺิ, อมรา อนุปจฺเฉทา, อมรมจฺฉสทิสี วา วิกฺเขปทิฏฺีติ อตฺโถ.

ปฺจกามคุณิโก ราโค กามาสโวติ วุตฺโตติ กตฺวา พฺรหฺมานํ วิมานาทีสุ ราคสฺส ทิฏฺิราคสฺส จ กามาสวภาวํ ปฏิกฺขิปติ. ยทิ ปน โลโภ กามาสวภวาสววินิมุตฺโต อตฺถิ, โส ยทา ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺเตสุ อุปฺปชฺชติ, ตทา เตน สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโว อาสววิปฺปยุตฺโตติ โทมนสฺสวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตสฺส วิย ตสฺสปิ อาสววิปฺปยุตฺตตา วตฺตพฺพา สิยา ‘‘จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺเตสุ โลภสหคเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปนฺโน โมโห สิยา อาสวสมฺปยุตฺโต สิยา อาสววิปฺปยุตฺโต’’ติ. ‘‘กามาสโว อฏฺสุ โลภสหคเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชตี’’ติ, ‘‘กามาสวํ ปฏิจฺจ ทิฏฺาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๑) จ วจนโต ทิฏฺิสหคโต ราโค กามาสโว น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ. กิเลสปฏิปาฏิยาปิ อาหริตุํ วฏฺฏตีติ อาสวานํ วจนํ ปหาตพฺพทสฺสนตฺถนฺติ กตฺวา เต ปหาเน อาหริยมานา ปหาตพฺพานมฺปิ เตสํ กิเลสานํ อุทฺเทสกฺกเมน อาหริตุํ วฏฺฏนฺติ ปชหนกานํ มคฺคานมฺปีติ อตฺโถ.

๑๑๒๑. ปมกมานภาชนีเยติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ มานสฺส นิทฺเทเส. ตตฺถ หิ ‘‘เอกจฺโจ ชาติยา วา โคตฺเตน วา โกลปุตฺติเยน วา วณฺณโปกฺขรตาย วา ธเนน วา อชฺเฌเนน วา กมฺมายตเนน วา สิปฺปายตเนน วา วิชฺชาฏฺาเนน วา สุเตน วา ปฏิภาเนน วา อฺตรฺตเรน วา วตฺถุนา มานํ ชปฺเปติ, โย เอวรูโป มาโน มฺนา…เป… เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๖๖) เสยฺยสฺส สทิสสฺส หีนสฺส จ ปวตฺตมาโน ปุคฺคลวิเสสํ อนามสิตฺวา เสยฺยมาโน วิภตฺโตติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘เอโก มาโน ติณฺณํ ชนานํ อุปฺปชฺชตีติ กถิโต’’ติ อาห. น เกวลฺจายํ ปมกมานภาชนีเย เอว เอวํ กถิโต, ทุติยกตติยกมานภาชนีเยปิ กถิโต เอวาติ นิทสฺสนมตฺถํ เอตํ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปุคฺคเล อนิสฺสาย วุตฺตานํ ติณฺณมฺปิ มานานํ ภาชนียํ ‘‘ปมกมานภาชนีเย’’ติ อาห. เสยฺยสฺส ‘‘เสยฺโยหมสฺมีติ มาโน’’ติอาทีนฺหิ ปุคฺคลํ อามสิตฺวา วุตฺตานํ นวนฺนํ มานานํ ภาชนียํ ทุติยกมานภาชนียํ โหติ, ตสฺส มานราสิสฺส ปุคฺคลํ อนามสิตฺวา วุตฺตมานราสิโต ทุติยตติยกตฺตาติ, อถาปิ จ ยถาวุตฺเต ทุติยกมานภาชนีเย ‘‘เอเกกสฺส ตโย ตโย มานา อุปฺปชฺชนฺตีติ กถิต’’นฺติ อิธ วุตฺตาย อตฺถวณฺณนาย สมานทสฺสนตฺถํ ‘‘ปมกมานภาชนีเย’’ติ วุตฺตํ. โส เอว มาโน อิธาคโตติ ตตฺถ กถิโต เอว อตฺโถ ยุชฺชตีติ อธิปฺปาโย. มานกรณวเสนาติ ‘‘เสยฺโย’’ติอาทิกิจฺจกรณวเสน. อปราปเร อุปาทายาติ อิทํ ปุริมปุริมา มานา อปราปเร อุปนิสฺสยภาเวน เต อุปฺปาเทนฺตา อจฺจุคฺคจฺฉนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. เกตุกมฺยตาจิตฺตํ อจฺจุคฺคตภาวํ คจฺฉตีติ กตฺวา จิตฺเตเนว วิเสสิตํ.

๑๑๒๖. อกฺขมนภาวปฺปกาสนํ ขิยฺยนํ. มเนน ปิยกรณนฺติ เอวํปการํ ปูชนํ มานนนฺติ วุจฺจตีติ อตฺโถ. อิสฺสากรณวเสนาติ ลาภาทิอกฺขมนกิจฺจวเสน.

๑๑๒๗. อริยสาวกาติ วจนํ ‘‘อริยสาวกานํเยว ปฏิเวโธ อตฺถิ, เต จ ตํ น มจฺฉรายนฺตี’’ติ ปฏิเวธธมฺเม มจฺฉริยาภาวทสฺสนตฺถํ. คนฺโถติ ปาฬิ. กถามคฺโคติ อฏฺกถาปพนฺโธ. ธมฺมนฺตรนฺติ กุสลาทิธมฺมํ ภินฺทิตฺวา อกุสลาทึ อตฺตโน โลลตาย ตถาคตภาสิตํ ติตฺถิยภาสิตํ วา กโรนฺโต อาโลเลสฺสติ. อตฺตานํ อาวิกตฺวาติ อตฺตานํ อฺถา สนฺตํ อฺถา ปเวทยิตฺวา. โย ปนาติ ติตฺถิโย คหฏฺโ วา อตฺตโน สมยสฺส สโทสภาวํ ทฏฺุํ อนิจฺฉนฺโต อฺาเณน อภินิเวเสน วา.

พฺยาปิตุมนิจฺโฉติ วิวิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว เววิจฺฉํ. อนาทโรติ มจฺฉริเยน ทาเน อาทรรหิโต. กฏจฺฉุนา คาโห ภตฺตสฺส กฏจฺฉุคฺคาโห, กฏจฺฉุคฺคาโห วิย กฏจฺฉุคฺคาโห. ยถา หิ กฏจฺฉุคฺคาโห ยถาวุตฺเต ภตฺเต น สํปสารยติ, เอวํ มจฺฉริยมฺปิ อาวาสาทีสูติ. คยฺหติ เอเตนาติ วา คาโห, กฏจฺฉุ เอว คาโห กฏจฺฉุคฺคาโห. โส ยถา สงฺกุฏิตคฺโค น สํปสารยติ, เอวํ มจฺฉริยมฺปีติ. อาวริตฺวา คหิตํ อคฺคหิตํ, ตสฺส ภาโว อคฺคหิตตฺตํ, มจฺฉริยํ. ‘‘อาวาสาทิ ปเรหิ สาธารณมสาธารณํ วา มยฺเหว โหตู’’ติ ปวตฺติวเสน อตฺตสมฺปตฺติคฺคหณลกฺขณตา, ‘‘มา อฺสฺสา’’ติ ปวตฺติวเสน อตฺตสมฺปตฺตินิคูหณลกฺขณตา จ โยเชตพฺพา. ยํ ปน ‘‘ปรสนฺตกํ คณฺหิตุกาโม’’ติ วุตฺตํ, ตํ มจฺฉริยสฺส ปรสนฺตกโลภสฺส อุปนิสฺสยภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ หิ ตํ มจฺฉริยปฺปวตฺติทสฺสนํ, ปรสมฺปตฺติคฺคหณลกฺขณตา จ วตฺตพฺพา สิยาติ.

๑๑๔๐. อภิชฺฌากามราคานํ วิเสโส อาสวทฺวยเอกาสวภาโว สิยา, นอภิชฺฌาย โนอาสวภาโว จาติ โนอาสวโลภสฺส สพฺภาโว วิจาเรตพฺโพ. น หิ อตฺถิ ‘‘อาสโว จ โนอาสโว จ ธมฺมา อาสวสฺส ธมฺมสฺส อาสวสฺส จ โนอาสวสฺส จ ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ สตฺตโม จ นวโม จ ปฺโห. คณนาย จ ‘‘เหตุยา สตฺตา’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘นวา’’ติ. ทิฏฺิสมฺปยุตฺเต ปน โลเภ โนอาสเว วิชฺชมาเน สตฺตมนวมาปิ ปฺหวิสฺสชฺชนํ ลเภยฺยุํ, คณนา จ ‘‘เหตุยา นวา’’ติ วตฺตพฺพา สิยา. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเต จ โลเภ โนอาสเว วิชฺชมาเน ปุพฺเพ ทสฺสิโต โทโสติ.

๑๑๕๙. กามจฺฉนฺทนีวรณนิทฺเทเส กาเมสูติ เตภูมเกสุ สาสเวสุ สพฺเพสุ วตฺถุกาเมสุ. สพฺโพ หิ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณํ. เตเนว ตสฺส อารุปฺเป อุปฺปตฺติ วุตฺตา ‘‘นีวรณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ นีวรโณ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ น ปุเรชาตปจฺจยา. อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณํ. อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณ’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๘.๑).

๑๑๖๒. อิริยาปถิกจิตฺตนฺติ อิริยาปถูปตฺถมฺภกํ อฏฺปฺาสวิธํ จิตฺตํ. ตตฺถ ปน พลวถินมิทฺธสหคตํ จิตฺตํ ‘‘อิริยาปถํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. โอลียตีติ โอลมฺพติ.

๑๑๖๓. โอนยฺหตีติ ฉาเทติ, อวตฺถรติ วา. นานารมฺมเณสุ ปวตฺตินิวารเณน, วิปฺผาริกตานิวารเณเนว วา อนฺโตสโมโรโธ. เอกจฺจานนฺติ สิรีสาทิรุกฺขานํ. รูปกาเยเนว สิยุํ, เตน สุขปฺปฏิสํเวทนนิพฺพานสจฺฉิกิริยานํ รูปตาปตฺติ สิยาติ อธิปฺปาโย. ตสฺมาติ ‘‘กายสฺสา’’ติ วจนสฺส รูปตฺตาสาธกตฺตา. น หิ นามกาโย สุปตีติ อิทํ ถินมิทฺธสมุฏฺิตรูเปหิ รูปกายสฺส ครุภาวปฺปตฺตํ องฺคปจฺจงฺคาทีนํ สํสีทนํ โสปฺปนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ, น ชาครณจิตฺตรหิตํ ภวงฺคสนฺตตินฺติ. ตสฺส ผลตฺตาติ ผลูปจาเรน อินฺทฺริยํ วิย มิทฺธํ ทสฺเสตุํ มิทฺธสฺส ผลตฺตา อินฺทฺริยนิทฺเทเส วิย ลิงฺคาทีนิ มิทฺธนิทฺเทเสปิ โสปฺปาทีนิ วุตฺตานีติ อตฺโถ.

รูปกายสฺส อนฺโตสโมโรโธ นตฺถีติ โส นามกาเย วุตฺโตติ วิฺายติ. เตน สห วุตฺตา โอนาหปริโยนาหา จ. รูปกายสฺส วา วิปฺผาริกาวิปฺผาริกภาโว นาม อตฺตโน สภาเวน นตฺถิ, นามกายสฺส นามกาเย วิปฺผาริเก ลหุโก, อวิปฺผาริเก ครุโกติ อวิปฺผาริกภาเวน โอนาหนาทิ นามกายสฺเสว โหตีติ โอนาหนาทโยปิ นามกาเย วิฺายนฺติ. เตนาห ‘‘น หิ รูปํ นามกายสฺส โอนาโห…เป… โหตี’’ติ. อาวรณภาโว วิย หิ โอนาหนาทิภาโวปิ นามกายสฺเสว โหตีติ. อิตโร อธิปฺปายํ อชานนฺโต เมฆาทีหิ รูเปหิ รูปานํ โอนาหนาทึ ปสฺสนฺโต ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาห. ยทิ เอวนฺติ ยทิ รูปสฺส โอนาหนาทิตา สิทฺธา, อรูปสฺส น สิยา , เสตุพนฺธาทีสุ รูปสฺส อาวรณํ ทิฏฺนฺติ อาวรณมฺปิ อรูปสฺส น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

สุราเมรยปานํ อกุสลนฺติ กตฺวา ยุตฺโต ตสฺส อุปกฺกิเลสภาโว, สุรา…เป… ปมาทฏฺานานุโยคสฺส จ อกุสลตฺตา ปฺาย ทุพฺพลีกรณภาโว ยุตฺโต, ตถาปิ ปรสฺส อธิปฺปายํ อนุชานิตฺวา สุราเมรยสฺส อุปกฺกิเลสตา ปฺาย ทุพฺพลีกรณตา จ อุปกฺกิเลสานํ ปฺาย ทุพฺพลีกรณานฺจ ปจฺจยตฺตา ผลโวหาเรน วุตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น, ปจฺจยนิทฺเทสโต’’ติ. เอวเมว โขติ ยถา ชาตรูปสฺส อโย โลหํ ติปุ สีสํ สชฺชนฺติ ปฺจุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ ชาตรูปํ น เจว มุทุ โหติ, น จ กมฺมนิยํ, น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ, น จ สมฺมา อุเปติ กมฺมาย, เอวเมว. ปจฺจยนิทฺเทสโตติ อุปกฺกิเลสปฺาทุพฺพลีกรณานํ ปจฺจยภาวนิทฺเทสโต, ปจฺจเย ผลนิทฺเทสโตติ อตฺโถ. สยเมว กิเลโส อุปกฺกิเลสนิทฺเทเสสุ นิทฺทิฏฺโติ อธิปฺปาโย.

นีวรณํ หุตฺวาว นีวรณสมฺปยุตฺเต ทสฺสิยมาเน น นีวรณตาทสฺสนตฺโถ อารมฺโภ, อถ โข สิทฺธนีวรณภาวสฺส นีวรณสมฺปยุตฺตตาทสฺสนตฺโถติ ยถาลาภวเสน จ อสมฺปยุตฺตสฺส วจนํ น ยุชฺชติ. ยถา หิ ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ สิปฺปิสมฺพุกาทีสุ ยถาลาภสมฺภวํ ตํ ทฺวยํ วุตฺตํ, น เอวํ ‘‘ถินมิทฺธนีวรณํ สมฺปยุตฺตมฺปิ อสมฺปยุตฺตมฺปี’’ติ วจนํ อตฺถิ, ยํ ยถาลาภํ สมฺภเวยฺยาติ. จิตฺตชสฺสาสมฺภววจนโตติ ‘‘จตฺตตฺตา’’ติอาทิวจนสฺส ฌานกฺขเณ จิตฺตชสฺส ถินมิทฺธสฺส อสมฺภววจนภาวโตติ อตฺโถ, ‘‘จตฺตตฺตา’’ติอาทิวจเนน วา อสมฺภวสฺส วจนโต ปกาสนโตติ อตฺโถ.

กาเมสุ โข ปน…เป… สุทิฏฺโติ อิมินา กามาทีนเว อฺาณสฺส ปหานมาห. ตํ ตตฺถปหานนฺติ ตํ ตตฺถ รูเป ปหานนฺติ ปหานํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘ต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ วินยนนฺติ วา อตฺโถ. เตน รูปสฺส อปฺปหาตพฺพตฺตเมว ทสฺเสติ, น ปน ‘‘ฉ ธมฺเม ปหายา’’ติอาทีสุ มิทฺธสฺส อปฺปหาตพฺพตาทสฺสนโต อฺโ ปกาโร วุตฺโต. น ยถา…เป… วุตฺตนฺติ ฉ ธมฺมา ปฺจ นีวรณานิ จ ยถา ปหาตพฺพาเนว โหนฺตานิ ‘‘ปหาตพฺพานี’’ติ วุตฺตานิ, น เอวํ รูปํ ปหาตพฺพเมว โหนฺตํ ‘‘ปหาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ.

อฺเหิ จ สุตฺเตหีติ วุตฺตสุตฺตานํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาห. กุสลปฺปวตฺตึ อาวรนฺตีติ อาวรณา. นีวาเรนฺตีติ นีวรณา. จิตฺตํ อภิภวนฺตา อาโรหนฺตีติ เจตโส อชฺฌารุหา. อาวรณาทิกิจฺจฺจ อรูปสฺเสว ยุชฺชติ, ตถา อนฺธกรณาทิกิจฺจํ. ตตฺถ จตูสุ ปเทสุ ปุริมปุริมสฺส ปจฺฉิมปจฺฉิโม อตฺโถ. สํสารทุกฺขํ วิฆาโต, ตํชนกตาย วิฆาตปกฺขิกํ. เจตโส ปริยุฏฺานํ อโยนิโสมนสิการโต อุปฺปตฺติ อกุสลราสิภาโว จ อรูปสฺเสว โหตีติ อรูปเมว มิทฺธํ.

๑๑๖๖. คณโภชนาทิอกปฺปิยโภชนํ กปฺปิยสฺี ภุฺชิตฺวา ปุน ชานิตฺวา โกจิ วิปฺปฏิสารี โหติ, อนวชฺชฺจ ภิกฺขุทสฺสนเจติยวนฺทนาทึ วชฺชสฺี อกตฺวา กตฺวา จ โกจิ อสฺสทฺโธ วิปฺปฏิสารี โหติ. วตฺถุนฺติ มูลํ. เอวรูปนฺติ มูลวเสน เอวํปการนฺติ อตฺโถ. กุกฺกุจฺจปทํ เยวาปนเกสุ ‘‘กุจฺฉิตํ กตํ กุกตํ, ตสฺส ภาโว’’ติ วุตฺตตฺถเมว. กุกฺกุจฺจายนากาโรติ กุกฺกุจฺจภาวนากาโร กุกฺกุจฺจกรณากาโร กุกฺกุจฺจคมนากาโร วา. เอเตน กุกฺกุจฺจํ กิริยภาเวน ทสฺเสติ. ‘‘กปฺปติ น กปฺปตี’’ติ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาโทว วินยกุกฺกุจฺจํ.

๑๑๗๖. จิตฺตวิกฺขิปนกิจฺจสามฺเน อุทฺธจฺจํ กุกฺกุจฺจฺจ สห วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กามจฺฉนฺทสฺส อนาคามิมคฺเคน ปหานํ อุกฺกฏฺนีวรณวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิ หิ โลโภ โนนีวรโณ สิยา, ‘‘โนนีวรโณ ธมฺโม นีวรณสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา, น เจตํ วุตฺตํ. คณนาย จ ‘‘เหตุยา จตฺตารี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘นวา’’ติ. ตสฺมา สพฺโพ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณนฺติ อรหตฺตมคฺเคนสฺส ปหานวจนํ ยุตฺตํ.

๑๒๑๙. กาโม จาติ กิเลสกาโม จ. ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยตีติ ปุริมทิฏฺึ ‘‘สสฺสโต’’ติ คณฺหนฺตี อุปาทิยติ, ปุริมทิฏฺิอากาเรเนว วา อุปฺปชฺชมานา อุตฺตรทิฏฺิ เตเนว ปุริมทิฏฺึ ทฬฺหํ กโรนฺตี ตํ อุปาทิยตีติ วุตฺตํ. โคสีลโควตาทีนีติ ตถาภูตํ ทิฏฺิมาห. อภินิเวสโตติ อภินิเวสภาวโต, อภินิวิสนโต วา. อตฺตวาทมตฺตเมวาติ อตฺตสฺส อภาวา ‘‘อตฺตา’’ติ อิทํ วจนมตฺตเมว. อุปาทิยนฺติ ทฬฺหํ คณฺหนฺติ. กถํ? อตฺตาติ. อตฺตาติ หิ อภินิวิสนฺตา วจนเมว ทฬฺหํ กตฺวา คณฺหนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ อตฺตวาทมตฺตเมว อุปาทิยนฺตีติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตวาทมตฺต’’นฺติ วา วาจาวตฺถุมตฺตมาห. วาจาวตฺถุมตฺตเมว หิ ‘‘อตฺตา’’ติ อุปาทิยนฺติ อตฺถสฺส อภาวาติ.

๑๒๒๑. ทินฺนนฺติ ทานมาห, ตํ อผลตฺตา รูปํ วิย ทานํ นาม น โหตีติ ปฏิกฺขิปติ. มหาวิชิตยฺสทิโส ยฺโ มหายาโค. อามนฺเตตฺวา หวนํ ทานํ อาหุนํ, ปาหุนานํ อติถีนํ อติถิกิริยา ปาหุนํ, อาวาหาทีสุ มงฺคลตฺถํ ทานํ มงฺคลกิริยา. ปรโลเก ิโต อิมํ โลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาตีติ อิมํ โลกํ อเวกฺขิตฺวา ปรโลโก, ปรฺจ อเวกฺขิตฺวา อยํ โลโก โหติ คนฺตพฺพโต อาคนฺตพฺพโต จาติ ปรโลกโต อิธาคมนสฺส อภาวา ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโต จิตฺเตน ปรโลเก ิโต อิมํ โลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. น หิ อยํ ทิฏฺิ ปรโลเก นิพฺพตฺตสฺเสว โหตีติ. อิธโลเก ิโตติ เอตฺถาปิ อยเมว นโย. อยํ วา เอตฺถ อตฺโถ ‘‘สํสรณปฺปเทโส อิธโลโก จ ปรโลโก จ นาม โกจิ นตฺถิ สํสรณสฺส อภาวา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโต’’ติ. ปุริมภวโต ปจฺฉิมภเว อุปปตนํ อุปปาโต, โส เยสํ สีลํ, เต โอปปาติกา. เต ปน จวนกา อุปปชฺชนกา โหนฺตีติ กตฺวา อาห ‘‘จวนกอุปปชฺชนกสตฺตา นตฺถีติ คณฺหาตี’’ติ. อนุโลมปฺปฏิปทนฺติ นิพฺพานานุกูลํ สีลาทิปฺปฏิปทํ.

๑๒๓๖. นิปฺปเทสโตว คหิโตติ อิมินา ยํ อาสวโคจฺฉเก พฺรหฺมานํ กปฺปรุกฺขาทีสุ ราคสฺส จ ทิฏฺิราคสฺส จ อสงฺคหเณน นีวรณโคจฺฉเก จ กามจฺฉนฺทสฺส อนาคามิมคฺเคน ปหาตพฺพตาทสฺสเนน สปฺปเทสตฺตํ วุตฺตํ, ตํ นิวาริตํ โหติ. อรหตฺตมคฺเคนาติ วจเนน จตูหิ มคฺเคหิ ปหาตพฺพตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปุริเมหิ อตนุกตา โมหาทโย อรหตฺตมคฺเคน ปหียนฺตีติ.

๑๒๘๗. นิรติอตฺเถนาติ ปีติวิรเหน, พลวนิกนฺติวิรเหน วา. น หิ ทุกฺขาย เวทนาย รชฺชนฺตีติ. อว-สทฺเทน อวคาหตฺโถ อโธอตฺโถ จาติ ทฺวิธา อว-สทฺทสฺส อตฺโถ วุตฺโต.

๑๓๐๑. วิจิกิจฺฉาสหคโต โมหรโณ ปหาเนกฏฺเน ทิฏฺิสมฺปยุตฺเตน ราครเณน สรโณ, อุทฺธจฺจสหคโต รูปราคอรูปราคสงฺขาเตน. อรณวิภงฺคสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๓๓๓) ปน ‘‘โย กามปฏิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยโค หีโน คมฺโม โปถุชฺชนิโก อนริโย อนตฺถสํหิโต, สทุกฺโข เอโส ธมฺโม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห มิจฺฉาปฏิปทา. ตสฺมา เอโส ธมฺโม สรโณ’’ติอาทิวจนโต ผลภูตทุกฺขอุปฆาตอุปายาสปริฬาหสภาวภูโต มิจฺฉาปฏิปทาภาโวว ‘‘สรโณ’’ติ วิฺายตีติ เตหิ สพฺพากุสลานํ สรณตา สิทฺธา โหตีติ.

สุตฺตนฺติกทุกนิกฺเขปกถาวณฺณนา

๑๓๐๓. วิเวจิตตฺตาติ วิสุํ กตตฺตา ปกาสิตตฺตา. อเสเสตฺวา เขเปตีติ วชิรํ อตฺตนา ปติตฏฺานํ อเสเสตฺวา เขเปติ ปุน อปากติกตาอาปาทเนน.

๑๓๑๑. ตปฺปตีติ วิปฺปฏิสารี โหติ, อนุโสจติ วา.

๑๓๑๓. อหนฺติ อิติ-สทฺทปเรน อหํ-สทฺเทน เหตุภูเตน โย อตฺโถ วิฺายติ, โส สํกถียติ, อุทีรียตีติ อตฺโถ. อฺถา หิ วุจฺจมานสฺส วจเนน ปกาสิยมานสฺส ปทตฺถสฺส สงฺขาทิภาเว สพฺเพสํ กุสลาทิธมฺมานํ อธิวจนาทิตา สิยาติ. ภาโวติ สตฺตเววจนนฺติ ภณนฺติ, ธาตุยา วา เอตํ อธิวจนํ. ทตฺโตติ เอตฺตาวตา สตฺตปฺตฺตึ ทสฺเสตฺวา อฺมฺปิ อุปาทาปฺตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มฺโจ’’ติอาทิมาห. อหนฺติ จ ปวตฺตํ อธิวจนํ วทนฺเตน สุณนฺเตน จ ปุพฺเพ คหิตสฺเน อตฺถปฺปกาสนภาเวน วิฺายติ. น หิ ตสฺมึ อวิฺาเต ตทตฺถวิชานนํ อตฺถีติ วิเสเสน อธิวจนํ ‘‘ายตีติ สมฺา’’ติ วุตฺตํ. เอตสฺสตฺถสฺส อหนฺติ อิทํ อธิวจนนฺติ เอวํ วา สฺาคหณวเสน ายติ สมฺายติ ปากฏา โหตีติ สมฺา. ปฺาปียตีติ อหนฺติ อิทํ เอตสฺส อธิวจนนฺติ เอวํ ปียตีติ อตฺโถ. โวหรียตีติ วุจฺจติ. อุทฺเธยฺยนฺติ อุทฺธริตพฺพํ. อปิ นามสหสฺสโตติ อเนเกหิปิ นามสหสฺเสหีติ อตฺโถ. สยเมว อุปปตนสีลํ นามํ ‘‘โอปปาติกนาม’’นฺติ วุจฺจติ.

กรียตีติ กมฺมํ, นามเมว กมฺมํ นามกมฺมํ. ตถา นามเธยฺยํ. กรณปนสทฺทาปิ หิ กมฺมตฺถา โหนฺตีติ. อถ กรณตฺถา, กรียติ จ ปียติ จ เอเตน อตฺโถ เอวํนาโมติ ปฺาปียตีติ กรณํ ปนฺจ นาม โหติ. อถ ภาวตฺถา, าปนมตฺตเมว กรณํ ปนนฺติ จ วุตฺตํ. นามนิรุตฺติ นามพฺยฺชนนฺติ นามมิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. น หิ ปถวีสงฺขาตํ อตฺถปฺปการมตฺตํ นิวทติ พฺยฺชยติ วา ปถวีติ นามํ นิวทติ พฺยฺชยติ วา, ตสฺมา อนามสฺส นิรุตฺติพฺยฺชนภาวนิวารณตฺถํ ‘‘นามนิรุตฺติ นามพฺยฺชน’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ นามาภิลาโปติ เอตฺถาปิ นโย. เอตฺถ ปน สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโรติ จตูหิ ปเทหิ ปฺาปิตพฺพโต ปฺตฺติ วุตฺตา, อิตเรหิ ปฺาปนโต.

ตตฺถ จ ‘‘ปุริมา อุปาทาปฺตฺติ อุปฺปาทวยกิจฺจรหิตา โลกสงฺเกตสิทฺธา, ปจฺฉิมา นามปฺตฺติ, ยาย ปุริมา ปฺตฺติ รูปาทโย จ โสตทฺวารวิฺาณสนฺตานานนฺตรมุปฺปนฺเนน คหิตปุพฺพสงฺเกเตน มโนทฺวารวิฺาณสนฺตาเนน คหิตาย ปฺาปียนฺตี’’ติ อาจริยา วทนฺติ. เอตสฺมึ ปน อิมิสฺสา ปาฬิยา อฏฺกถาย จ อตฺเถ สติ ยํ วุตฺตํ มาติกายํ ‘‘วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺตา อธิวจนา นาม, สเหตุกํ กตฺวา วุจฺจมานา อภิลาปา นิรุตฺติ นาม, ปกาเรน าปนโต ปฺตฺติ นามา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๐๑-๑๐๘), เตน วิโรโธ สิยา. น หิ อุปฺปาทวยกิจฺจรหิตสฺส วจนมตฺตํ อธิการํ กตฺวา ปวตฺติ อตฺถิ อุปฺปาทาทิสหิตสฺเสว ปวตฺติสพฺภาวโต, น จ วจนวจนตฺถวิมุตฺตสฺส นามสฺส นิทฺธาเรตฺวา สเหตุกํ กตฺวา วุจฺจมานตา อตฺถิ, นาปิ อนิทฺธาริตสภาวสฺส ปทตฺถสฺส เตน เตน ปกาเรน าปนํ อตฺถีติ.

ทุวิธา จายํ ปฺตฺติ ยถาวุตฺตปฺปการาติ อฏฺกถาวจนฺจ น ทิสฺสติ, อฏฺกถายํ ปน วิชฺชมานปฺตฺติอาทโย ฉ ปฺตฺติโยว วุตฺตา. ตตฺถ ‘‘รูปํ เวทนา’’ติอาทิกา วิชฺชมานปฺตฺติ. ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทิกา อวิชฺชมานปฺตฺติ. ‘‘เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติอาทิกา วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานปฺตฺติ. ‘‘อิตฺถิสทฺโท ปุริสสทฺโท’’ติอาทิกา อวิชฺชมาเนน วิชฺชมานปฺตฺติ. ‘‘จกฺขุวิฺาณํ โสตวิฺาณ’’นฺติอาทิกา วิชฺชมาเนน วิชฺชมานปฺตฺติ. ‘‘ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกุมาโร’’ติอาทิกา อวิชฺชมาเนน อวิชฺชมานปฺตฺติ. น เจตฺถ ยถาวุตฺตปฺปการา ทุวิธา ปฺตฺติ วุตฺตาติ สกฺกา วิฺาตุํ. วิชฺชมานสฺส หิ สงฺขา…เป… อภิลาโป วิชฺชมานปฺตฺติ. อวิชฺชมานสฺส จ สงฺขาทิกา อวิชฺชมานปฺตฺติ. เตสํเยว วิเสสนวิเสสิตพฺพภาเวน ปวตฺตา สงฺขาทโย อิตราติ.

อวิชฺชมานปฺตฺติวจเนน ปฺาปิตพฺพา อุปาทาปฺตฺติ, ตสฺสา ปฺาปนภูตา นามปฺตฺติ จ วุตฺตา, อิตเรหิ นามปฺตฺติเยว ยถาวุตฺตาติ เจ? น, อสิทฺธตฺตา. สติ หิ อุชุเก ปุริเม ปาฬิอนุคเต อตฺเถ อยมตฺโถ อิมาย อฏฺกถาย วุตฺโตติ อสิทฺธเมตํ. ยทิ จ สตฺตรถฆฏาทิทิสากาลกสิณอชฏากาสกสิณุคฺฆาฏิมากาสอากิฺจฺายตนวิสยนิโรธสมาปตฺติอาทิปฺปการา อุปาทาปฺตฺติ อวิชฺชมานปฺตฺติ, เอเตเนว วจเนน ตสฺสา อวิชฺชมานตา วุตฺตาติ น สา อตฺถีติ วตฺตพฺพา. ยถา จ ปฺาปิตพฺพโต อวิชฺชมานานํ สตฺตาทีนํ อวิชฺชมานปฺตฺติภาโว, เอวํ รูปาทีนํ วิชฺชมานานํ ปฺเปตพฺพโต วิชฺชมานปฺตฺติภาโว อาปชฺชติ. ตโต ‘‘สพฺเพ ธมฺมา ปฺตฺตี’’ติ ปฺตฺติปเถหิ อวิสิฏฺโ ปฺตฺติธมฺมนิทฺเทโส วตฺตพฺโพ สิยา. อถาปิ ปฺาปิตพฺพปฺาปนวิเสสทสฺสนตฺโถ สงฺขาทินิทฺเทโส, ตถาปิ ‘‘เอกธมฺโม สพฺพธมฺเมสุ นิปตติ, สพฺพธมฺมา เอกธมฺมสฺมึ นิปตนฺตี’’ติอาทินา ปฺาปิตพฺพานํ ปฺตฺติปถภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา ปฺาปิตพฺพานํ ปฺตฺติภาเว ปฺตฺติปถา ปฺตฺติสทฺเทเนว วุตฺตาติ ปฺตฺติปถปทํ น วตฺตพฺพํ สิยา, นาปิ สกฺกา ปฺาปิตพฺพปฺาปนวิเสสทสฺสนตฺโถ สงฺขาทินิทฺเทโสติ วตฺตุํ สงฺขาทิสทฺทานํ สมานตฺถตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘มรเณนปิ ตํ ปหียติ, ยํ ปุริโส มมิทนฺติ มฺตี’’ติ (มหานิ. ๔๑) เอตฺถ ‘‘ปุริโสติ สงฺขา สมฺา…เป… อภิลาโป’’ติ (มหานิ. ๔๑). ตถา ‘‘มาคณฺฑิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํ สงฺขา สมฺา’’ติอาทิ (มหานิ. ๗๓). น จ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ สงฺเกตคฺคหณํ ‘‘รูปํ ติสฺโส’’ติอาทิวจนคฺคหณฺจ มุฺจิตฺวา อฺสฺส อสิทฺธสภาวสฺส อตฺถปฺาปเน สมตฺถตา สมฺภวติ, เตสฺจ อสมตฺถตา. ยทิ หิ เตสํ วินา ปฺตฺติยา อตฺถปฺาปเน อสมตฺถตา สิยา, ปฺตฺติปฺาปเน จ อสมตฺถตาติ ตสฺสา อฺา ปฺตฺติ วตฺตพฺพา สิยา, ตสฺสา ตสฺสาติ อนวตฺถานํ, ตโต อตฺถวิชานนเมว น สิยา, นาปิ สงฺเกตคฺคหณํ สงฺเกตสฺส ปฺตฺติภาเว ‘‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ’’ติ วา, ‘‘อิมสฺสตฺถสฺส อิทํ วจนํ โชตก’’นฺติ วา. สฺุปฺปาทมตฺเต ปน สงฺเกตคฺคหเณ วจนสฺส วจนตฺถวินิมุตฺตสฺส กปฺปเน ปโยชนํ นตฺถิ. ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต โวหาโร โลกิเย โสเต ปฏิหฺติ’’ (กถา. ๓๔๗), ‘‘อภิชานาสิ โน ตฺวํ อานนฺท อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ นามเธยฺยํ สุตํ ยทิทํ ชนวสโภ’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๘๐), ‘‘นามฺจ สาเวติ โกณฺฑฺโ อหํ ภควา’’ติอาทีหิ (สํ. นิ. ๑.๒๑๗) จ ปฺตฺติยา วจนภาโว สิทฺโธ. ตสฺมา ปาฬิยา อฏฺกถาย จ อวิรุทฺโธ อตฺโถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพ.

ยทิ สตฺตาทโย อวิชฺชมานปฺตฺติ น โหนฺติ, กา ปน อวิชฺชมานปฺตฺติ นามาติ? ปกาสิโต อยมตฺโถ ‘‘อวิชฺชมานานํ สตฺตาทีนํ สงฺขา…เป… อภิลาโป อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. สตฺตาทีนฺจ อวิชฺชมานตฺตา อตฺถิตา เนว วตฺตพฺพา, เย จ วเทยฺยุํ ‘‘รูปาทีนิ วิย อวิชฺชมานตฺตา อวิชฺชมานตา วุตฺตา, น นตฺถิภาวโต’’ติ, อยฺจ วาโท เหวตฺถิกถาย ปฏิสิทฺโธ, น จ รูปํ เวทนา น โหตีติ อวิชฺชมานํ นาม โหติ. เอวํ สตฺตาทโยปิ ยทิ อตฺถิ, รูปาทโย น โหนฺตีติ อวิชฺชมานาติ น วตฺตพฺพา. ยสฺมา ปน เยสุ รูปาทีสุ จกฺขาทีสุ จ ตถา ตถา ปวตฺตมาเนสุ ‘‘สตฺโต อิตฺถี รโถ ฆโฏ’’ติอาทิกา วิจิตฺตสฺา อุปฺปชฺชติ, สฺานุโลมานิ จ อธิวจนานิ, เตหิ รูปจกฺขาทีหิ อฺโ สตฺตรถาทิสฺาวลมฺพิโต วจนตฺโถ วิชฺชมาโน น โหติ, ตสฺมา สตฺตรถาทิอภิลาปา ‘‘อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, น จ เต ‘‘มุสา’’ติ วุจฺจนฺติ โลกสมฺาวเสน ปวตฺตตฺตา. ตโต เอว เต อภิลาปา ‘‘สมฺมุติสจฺจ’’นฺติ วุจฺจนฺติ. โส จ วจนตฺโถ สยํ อวิชฺชมาโนปิ วิชฺชมานสฺส วจนสฺเสว วเสน ปฺตฺติโวหารํ ลภติ, ‘‘สมฺมุติสจฺจ’’นฺติ จ วุจฺจติ ยถาคหิตสฺาวเสน ปวตฺตวจนตฺถภาวโต. ‘‘สมฺมุติาณํ สจฺจารมฺมณเมว, นาฺารมฺมณ’’นฺติ (กถา. ๔๓๔) กถาย จ ‘‘ปถวีกสิณาทิ จีวราทิ จ สมฺมุติสจฺจมฺหี’’ติ อิมินาว อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ วิฺายติ. ยสฺมา รูปาทีสุ สนฺตาเนน ปวตฺตมาเนสุ เอกตฺตคฺคหณวเสน เต อมุฺจิตฺวา ปวตฺตํ สตฺตาทิคฺคหณํ จกฺขุวิฺาณาทีนิ วิย รูปาทีสุ เตสุ ขนฺเธสุ จกฺขาทีสุ จ อสนฺตํ อวิชฺชมานํ สตฺตรถาทึ คณฺหาติ, ตสฺมา ตํ ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวน น วตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ. ตถา ยํ ขนฺธสมูหสนฺตานํ เอกตฺเตน คหิตํ อุปาทาย ‘‘กลฺยาณมิตฺโต ปาปมิตฺโต ปุคฺคโล’’ติ คหณํ ปฺตฺติ จ ปวตฺตติ, ตํ ตทุปาทานภูตํ ปุคฺคลสฺาย เสวมานสฺส กุสลากุสลานํ อุปฺปตฺติ โหตีติ ‘‘ปุคฺคโลปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙) วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ปุคฺคโล นาม โกจิ ภาโว นตฺถิ, ตสฺมา ยถา อาโปธาตุอาทีนิ จิตฺเตน วิเวเจตฺวา ปถวีธาตุ อุปลพฺภติ, น เอวํ รูปาทโย ขนฺเธ วิเวเจตฺวา ปุคฺคโล อุปลพฺภติ. ปฏิเสธิตา จ ปุคฺคลกถาย ปุคฺคลทิฏฺิ. วชิราย จ ภิกฺขุนิยา วุตฺตํ –

‘‘กํ นุ สตฺโตติ ปจฺเจสิ, มาร ทิฏฺิคตํ นุ เต;

สุทฺธสงฺขารปุฺโชยํ, นยิธ สตฺตุปลพฺภตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑; มหานิ. ๑๘๖; กถา. ๒๓๓);

สตฺโตติ ปน วจนสฺส ปฺตฺติยา ปวตฺตึ ทสฺเสตุํ สา เอวมาห –

‘‘ยถาปิ องฺคสมฺภารา, โหติ สทฺโท รโถ อิติ;

เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ, โหติ สตฺโตติ สมฺมุตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑; มหานิ. ๑๘๖; กถา. ๒๓๓);

ยทิ ปุคฺคโล น วิชฺชติ, กถํ ปุคฺคลคฺคหณสฺส สารมฺมณตา สิยาติ? อวิชฺชมานสฺสปิ อารมฺมณสฺส คหณโต. อวิชฺชมานมฺปิ หิ ปริกปฺปิตํ โลกสฺาตํ วา วิชฺชมานํ วา สภาวภูตํ อารมฺมณํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชนโต สารมฺมณตา วุตฺตา. สารมฺมณาติ หิ วจนํ จิตฺตเจตสิกานํ อารมฺมเณน วินา อปฺปวตฺติฺเว ทีเปติ, น เตหิ คหิตสฺส อารมฺมณสฺส วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตํ วาติ. อยํ สงฺขตาสงฺขตวินิมุตฺตสฺส อตฺถิตาปฏิเสธํ สพฺพถา อนุวตฺตนฺตานํ วินิจฺฉโย.

๑๓๑๖. นามกรณฏฺเนาติ อฺํ อนเปกฺขิตฺวา สยเมว อตฺตโน นามกรณสภาวโตติ อตฺโถ. ยฺหิ ปรสฺส นามํ กโรติ, ตสฺส จ ตทเปกฺขตฺตา อฺาเปกฺขํ นามกรณนฺติ นามกรณสภาวตา น โหติ. ตสฺมา มหาชนสฺส าตีนํ คุณานฺจ สามฺนามาทิการกานํ นามภาโว นาปชฺชติ. ยสฺส จ อฺเหิ นามํ กรียติ, ตสฺส จ นามกรณสภาวตา นตฺถีติ นตฺถิเยว นามภาโว, เวทนาทีนํ ปน สภาวสิทฺธตฺตา เวทนาทินามสฺส นามกรณสภาวโต นามตา วุตฺตา. ปถวีอาทินิทสฺสเนน นามสฺส สภาวสิทฺธตํเยว นิทสฺเสติ, น นามภาวสามฺํ, นิรุฬฺหตฺตา ปน นามสทฺโท อรูปธมฺเมสุ เอว วุตฺโต, น ปถวีอาทีสูติ น เตสํ นามภาโว. มาติกาย จ ปถวีอาทีนํ นามตานาปตฺติ วุตฺตาว. น หิ ปถวีอาทินามํ วิชหิตฺวา เกสาทินาเมหิ รูปธมฺมานํ วิย เวทนาทินามํ วิชหิตฺวา อฺเน นาเมน อรูปธมฺมานํ โวหริตพฺเพน ปิณฺฑากาเรน ปวตฺติ อตฺถีติ.

อถ วา รูปธมฺมา จกฺขาทโย รูปาทโย จ เตสํ ปกาสกปกาสิตพฺพภาวโต วินา นาเมน ปากฏา โหนฺติ, น เอวํ อรูปธมฺมาติ อธิวจนสมฺผสฺโส วิย นามายตฺตคหณียภาเวน ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตา, ปฏิฆสมฺผสฺโสปิ น จกฺขาทีนิ วิย นาเมน วินา ปากโฏติ ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺโต. อรูปตาย วา อฺนามสภาคตฺตา สงฺคหิโตยํ, อฺผสฺสสภาคตฺตา วา. วจนตฺโถปิ หิ ‘‘รูปยตีติ รูปํ, นามยตีติ นาม’’นฺติ อิธ ปจฺฉิมปุริมานํ สมฺภวติ. รูปยตีติ วินาปิ นาเมน อตฺตานํ ปกาสยตีติ อตฺโถ, นามยตีติ นาเมน วินา อปากฏภาวโต อตฺตโน ปกาสกํ นามํ กโรตีติ อตฺโถ. อารมฺมณาธิปติปจฺจยตายาติ สติปิ รูปสฺส อารมฺมณาธิปติปจฺจยภาเว น ปรมสฺสาสภูตํ นิพฺพานํ วิย สาติสยํ ตํนามนสภาเวน ปจฺจโยติ นิพฺพานเมว ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตํ.

๑๓๑๘. วฏฺฏมูลสมุทาจารทสฺสนตฺถนฺติ สตฺตานํ วฏฺฏมูลสมุทาจาโร นาม อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จ, ตํทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ สมุทาจรตีติ สมุทาจาโร, วฏฺฏมูลเมว สมุทาจาโร วฏฺฏมูลสมุทาจาโร, วฏฺฏมูลทสฺสเนน วฏฺฏมูลานํ ปวตฺติ ทสฺสิตา โหตีติ วฏฺฏมูลานํ สมุทาจารสฺส ทสฺสนตฺถนฺติปิ อตฺโถ.

๑๓๒๐. เอเกกสฺมิฺจ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คหณวิเสสํ อุปาทาย ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ. เอกํ วา ขนฺธํ อตฺตโต คเหตฺวา อฺํ อตฺตโน อุปโภคภูโต โลโกติ คณฺหนฺตสฺส อตฺตโน อตฺตานํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปรสฺส อตฺตานํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส วา วเสน ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ. ตํ ภวิสฺสตีติ ตํ ทฺวิธาปิ คหิตํ ขนฺธปฺจกํ ภวิสฺสตีติ นิวิฏฺา ปรามสนฺตีติ อตฺโถ.

๑๓๓๒. สห สิกฺขิตพฺโพ ธมฺโม สหธมฺโม, ตตฺถ ภวํ สหธมฺมิกํ. กมฺมตฺเถ วตฺตมานโต โทวจสฺสสทฺทโต อาย-สทฺทํ อนฺตฺถํ กตฺวา ‘‘โทวจสฺสาย’’นฺติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทุพฺพจสฺส กมฺม’’นฺติ อาห. โทวจสฺสสฺส วา อยนํ ปวตฺติ โทวจสฺสายํ. วจนสฺส ปฏิวิรุทฺธวจนํ ปฏาณิกคหณํ. คุเณหิ ครูสุ คารเวน วสนํ ครุวาโส. ชาติอาทีหิ เชฏฺเกสุ ปฏิสฺสุณิตพฺเพสุ วสนํ สเชฏฺกวาโส. โอตฺตปฺปิตพฺพา วา ครุโน. หิริยิตพฺพา เชฏฺกา. ยาย เจตนาย ทุพฺพโจ โหติ, สา โทวจสฺสตา ภวิตุํ อรหตีติ ‘‘สงฺขารกฺขนฺโธเยวา’’ติ อาห.

๑๓๓๓. ทุ-สทฺเทน ยุตฺตํ นามํ ทุนฺนามํ. อนุปสงฺกมนฺตสฺสปิ อนุสิกฺขนํ เสวนาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ภชนาติ อุปสงฺกมนา’’ติ อาห. สพฺพโตภาเคนาติ กายวาจาจิตฺเตหิ อาวิ เจว รโห จ.

๑๓๓๖. วินโยติ วิภงฺคขนฺธกา วุตฺตา. วตฺถุวีติกฺกมโต ปุพฺเพ ปรโต จ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต นาม น โหตีติ สห วตฺถุนา อาปตฺตึ ปริจฺฉินฺทติ. เตนาห ‘‘สห วตฺถุนา…เป… อาปตฺติกุสลตา นามา’’ติ. สห กมฺมวาจายาติ อพฺภานติณวตฺถารกกมฺมวาจาย ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ’’นฺติอาทิกาย จ. สเหว หิ กมฺมวาจาย อาปตฺติวุฏฺานฺจ ปริจฺฉินฺทตีติ. อาปตฺติยา วา การณํ วตฺถุ, วุฏฺานสฺส การณํ กมฺมวาจาติ การเณน สห ผลสฺส ชานนวเสน ‘‘สห วตฺถุนา สห กมฺมวาจายา’’ติ วุตฺตํ.

๑๓๓๘. อยเมวตฺโถ สห ปริกมฺเมนาติ เอตฺถ วุตฺโต. วุฏฺานกปฺายาติ วุฏฺานสฺส การณภูตาย ปริกมฺมปฺาย.

๑๓๔๐. ธาตุวิสยา สพฺพาปิ ปฺา ธาตุกุสลตา, ตเทกเทสา มนสิการกุสลตาติ อธิปฺปาเยน ปุริมปเทปิ อุคฺคหมนสิการชานนปฺา วุตฺตา. ปุริมปเท วา วาจุคฺคตาย ธาตุปาฬิยา มนสิกรณํ ‘‘มนสิกาโร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อุคฺคณฺหนฺตี มนสิกโรนฺตี ธาตุปาฬิยา อตฺถํ สุณนฺตี คนฺถโต จ อตฺถโต จ ธาเรนฺตี ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นามา’’ติอาทินา สภาวโต อฏฺารเสวาติ คณนโต จ ปริจฺเฉทํ ชานนฺตี จ ปฺา อุคฺคหปฺาทิกา วุตฺตา. ปจฺฉิมปเท ปฺจวิธาปิ สา ปฺา อุคฺคโหติ ตโต จ ปวตฺโต อนิจฺจาทิมนสิกาโร ‘‘อุคฺคหมนสิกาโร’’ติ วุตฺโต, ตสฺส ชานนํ ปวตฺตนเมว, ยถา ปวตฺตํ วา อุคฺคหํ, เอวเมว ปวตฺโต อุคฺคโหติ ชานนํ อุคฺคหชานนํ. มนสิกาโรปิ ‘‘เอวํ ปวตฺเตตพฺโพ เอวฺจ ปวตฺโต’’ติ ชานนํ มนสิการชานนํ. ตทุภยมฺปิ มนสิการโกสลฺลนฺติ วุตฺตํ. อุคฺคโหปิ หิ มนสิการสมฺปโยคโต มนสิการนิรุตฺตึ ลทฺธุํ ยุตฺโตติ โย จ มนสิ กาตพฺโพ, โย จ มนสิกรณุปาโย, สพฺโพ โส มนสิกาโรติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ. ตตฺถ จ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตาติ.

๑๓๔๒. ตีสุปิ วา…เป… วฏฺฏตีติ ตสฺสา จ อุคฺคหาทิภาโว วุตฺโต. สมฺมสนํ ปฺา , สา มคฺคสมฺปยุตฺตา อนิจฺจาทิสมฺมสนกิจฺจํ สาเธติ นิจฺจสฺาทิปชหนโต. มนสิกาโร สมฺมสนสมฺปยุตฺโต ตเถว อนิจฺจาทิมนสิการกิจฺจํ มคฺคสมฺปยุตฺโต สาเธติ. เตนาห ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติ. อิมินา ปน ปจฺจเยน อิทํ โหตีติ เอวํ อวิชฺชาทีนํ สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภาวชานนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลตาติ ทสฺเสติ.

๑๓๔๔. อมฺพพีชาทีนิ อนุปาทินฺนกทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ. โสตวิฺาณาทีนํ วิสภาคา อนนุรูปา อนุปฺปาทกาเยว จกฺขาทโย ‘‘วิสภาคปจฺจยา’’ติ วุตฺตา, เตหิ อนุปฺปชฺชมานาเนว จ โสตวิฺาณาทีนิ ‘‘วิสภาคปจฺจยสมุปฺปนฺนธมฺมา’’ติ. โสตวิฺาเณน วา วิสภาคสฺส จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโยติ วิสภาคปจฺจโย, จกฺขายตนสฺส วิสภาเคน โสตายตเนน ปจฺจเยน สมุปฺปนฺโน วิสภาคปจฺจยสมุปฺปนฺโน.

๑๓๔๖. อชฺชวนิทฺเทเส อชฺชโว อชฺชวตาติ อุชุตา อุชุกตา อิจฺเจว วุตฺตํ โหตีติ อชฺชวมทฺทวนิทฺเทเสสุ อุชุกตามุทุตานิทฺเทเสหิ วิเสสํ มทฺทวนิทฺเทเส วุตฺตํ ‘‘นีจจิตฺตตา’’ติปทมาห. ตตฺถ ‘‘นีจจิตฺตตา มุทุตา’’ติ ปุน มุทุตาวจนํ นีจจิตฺตตาย วิเสสนตฺถํ. โอมาโนปิ หิ นีจจิตฺตตา โหติ, น ปน มุทุตาติ.

๑๓๔๘. ปเรสํ ทุกฺกฏํ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาเสนฺติ. จิตฺตสฺส สกมนตาติ จิตฺตสฺส อพฺยาปนฺโน สโก มโนภาโวติ อตฺโถ. จิตฺตนฺติ วา จิตฺตปฺปพนฺธํ เอกตฺเตน คเหตฺวา ตสฺส อนฺตรา อุปฺปนฺเนน ปีติสหคตมเนน สกมนตฺตํ อาห. อตฺตมโน วา ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อตฺตมนตา. สา น สตฺตสฺสาติ ปุคฺคลทิฏฺินิวารณตฺตํ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

๑๓๔๙. กายวาจาหิ กตฺตพฺพสฺส อกรเณน อสาทิยิตพฺพสฺส สาทิยเนน จ มนสาปิ อาจรติ เอว, อินฺทฺริยสํวราทิเภทนวเสน วา เอตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๓๕๐. สโทสวเณ รุกฺเข นิยฺยาสปิณฺฑิโย, อหิจฺฉตฺตกานิ วา อุฏฺิตานิ ‘‘อณฺฑกานี’’ติ วทนฺติ. เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฏฺิตา จุณฺณปิณฺฑิโย คณฺิโย วา ‘‘อณฺฑกานี’’ติ เวทิตพฺพา. ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา วิย ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฏฺพฺพา. โกเธน นิพฺพตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตา. ปุเร สํวฑฺฒนารี โปรี, สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรี. ตตฺถาติ ‘‘ภาสิตา โหตี’’ติ วุตฺตาย กิริยายาติปิ โยชนา สมฺภวติ, ตตฺถ วาจายาติ วา. สณฺหวาจตาติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตยมานํ เจตนํ ทสฺเสติ.

๑๓๕๑. อามิสาลาเภน ยํ ฉิทฺทํ โหติ, ตํ อามิสาลาเภน ‘‘ฉิทฺท’’นฺติ วุตฺตํ. ทฺเวเยว หีติ ยถาวุตฺตานิ อามิสธมฺมาลาเภหิ ปวตฺตมานานิ ฉิทฺทานิ อาห. คมนสภาเคนาติ คมนมคฺคสฺส อนุจฺฉวิกทิสาภาเคน. สงฺคหปกฺเข ตฺวาติ สงฺคหํ กโรมิจฺเจว กเถตพฺพํ, น ลาภสกฺการกามตาทีหีติ อตฺโถ. อวสฺสํ กาตพฺพํ กิจฺจํ, อิตรํ กรณียํ. อพฺภานโต อฺํ อาปตฺติวุฏฺานํ ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ.

๑๓๕๒. สสมฺภารกถาติ ทสฺสนสฺส การณสหิตาติ อตฺโถ, สสมฺภารสฺส วา ทสฺสนสฺส กถา สสมฺภารกถา. ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตูติ วตฺวา ปุน ‘‘ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส สติกวาเฏน ปิทหนตฺถายา’’ติ วุตฺตํ, น อสํวรสฺสาติ. ตทิทํ ยํ จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ อภิชฺฌาทิอนฺวาสฺสวนํ ทสฺสิตํ, ตํ อสํวุตจกฺขุนฺทฺริยสฺเสว เหตุปวตฺตํ ทสฺสิตนฺติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ยตฺวาธิกรณนฺติ หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณาติ อตฺโถ. กสฺส จ การณาติ? อสํวุตสฺส. กิฺจ อสํวุตํ? ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ อนฺวาสฺสวนฺติ ตทุปลกฺขิตํ, ตสฺส สํวรายาติ อยมตฺถโยชนา.

ชวนกฺขเณ ปน ทุสฺสีลฺยํ วาติอาทิ ปุน อวจนตฺถํ อิเธว สพฺพํ วุตฺตนฺติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. น หิ ปฺจทฺวาเร กายวจีทุจฺจริตสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ อตฺถีติ. ยถา กินฺติอาทินา นครทฺวาเร อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ฆราทีนํ อสํวุตตา วิย ชวเน อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ทฺวาราทีนํ อสํวุตตาติ เอวํ อฺเสํ สํวเร, อฺเสํ สํวุตตาสามฺเมว นิทสฺเสติ, น ปุพฺพาปรสามฺํ อนฺโต พหิ สามฺํ วา. สติ วา ทฺวารภวงฺคาทิเก ปุน อุปฺปชฺชมานํ ชวนํ พาหิรํ วิย กตฺวา นครทฺวารสมานํ วุตฺตํ, อิตรฺจ อนฺโตนครทฺวารสมานํ. ชวเน วา อสํวเร อุปฺปนฺเน ตโต ปรํ ทฺวารภวงฺคาทีนํ อสํวรเหตุภาวาปตฺติโต นครทฺวารสทิเสน ชวเนน ปวิสิตฺวา ทุสฺสีลฺยาทิโจรานํ ทฺวารภวงฺคาทิมูสนํ กุสลภณฺฑวินาสนํ กถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๑๓๕๓. อิมินา อาหาเรน นิตฺถรณตฺเถน อตฺถิกภาโว อิทมตฺถิกตา. อาหารปริโภเค อสนฺตุสฺสนาติ อาหารปริโภคกฺขเณ ปวตฺตา อสนฺตุสฺสนา, ทวตฺถาทิอภิลาโสติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อสนฺตุฏฺิตา โลโภ, อมตฺตฺุตา อปฺปฏิสงฺขา จ โมโหติ อิเม ทฺเว ธมฺมา ‘‘โภชเน อมตฺตฺุตา’’ติ เวทิตพฺพา.

๑๓๕๕. ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา ปวตฺตมาโนว มานมโท. อสทฺธมฺมเสวนาสมตฺถตํ นิสฺสาย ปวตฺโต มาโน, ราโค เอว วา ปุริสมโท. สกฺกรสปฺปิขีราทีนิ โยเชตฺวา พหลปกฺกํ โภชนํ ปิณฺฑรสโภชนํ, พหลปกฺกํ วา มํสรสาทิโภชนํ. มนฺทนฺติ อปฺปํ. ิติยาติ ิตตฺถํ. ตทตฺถฺจ ภุฺชนฺโต ยสฺมา ‘‘กายํ เปสฺสามี’’ติ ภุฺชติ, ตสฺมา ‘‘ปนตฺถายา’’ติ วุตฺตํ. อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกาติ อิทํ ขุทาย วิเสสนํ ยสฺสา อปฺปวตฺติ โภชเนน กาตพฺพา, ตสฺสา ทสฺสนตฺถํ. สกลํ สาสนนฺติ ปาฬิธมฺมมฺปิ สพฺพกุสเลปิ สงฺคณฺหาติ. อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา, ภุตฺตปจฺจยา น อุปฺปชฺชนกเวทนาติ เอตาสํ โก วิเสโส? ปุริมา ยถาปวตฺตา ชิฆจฺฉานิมิตฺตา เวทนา. สา หิ อภุฺชนฺตสฺส ภิยฺโย ปวตฺตนวเสน อุปฺปชฺชตีติ. ปจฺฉิมาปิ ขุทานิมิตฺตาว องฺคทาหสูลาทิเวทนา อปฺปวตฺตา. สา หิ ภุตฺตปจฺจยา ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนาว น อุปฺปชฺชิสฺสติ. วิหึสานิมิตฺตตา เจตาสํ วิหึสาย วิเสโส.

ยาตฺราติ ยาปนา วุตฺตา, ปุพฺเพปิ ‘‘ยาปนายา’’ติ วุตฺตํ, โก เอตฺถ วิเสโส? ปุพฺเพ ‘‘ยาปนายาติ ชีวิตินฺทฺริยยาปนตฺถายา’’ติ วุตฺตํ, อิธ ปน จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อวิจฺเฉทสงฺขาตา ยาปนา ยาตฺราติ อยเมตฺถ วิเสโส . ทายกเทยฺยธมฺมานํ อตฺตโน จ ปมาณํ อชานิตฺวา ปฏิคฺคหณํ, สทฺธาเทยฺยวินิปาตนตฺถํ วา ปฏิคฺคหณํ อธมฺมิกปฏิคฺคหณํ, เยน วา อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย. อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อธมฺเมน ปริโภโค. อนวชฺเช อนินฺทิตพฺเพ ปจฺจเย สาวชฺชํ สนินฺทํ ปริโภเคน อตฺตานํ กโรติ. อนวชฺชตา จ ภวิสฺสตีติ อตฺตโน ปกติอคฺคิพลาทึ ชานิตฺวา ‘‘เอวํ เม อครหิตพฺพตา จ ภวิสฺสตี’’ติ ปมาณยุตฺตํ อาหาเรตีติ อตฺโถ.

สุโข อิริยาปถวิหาโร ผาสุวิหาโร. เอตฺตกฺหิ ภุฺชิตฺวา…เป… ปวตฺตนฺตีติ อิริยาปถานํ สุขปฺปวตฺติยา การณภูตํ ภุฺชนํ ปิวนฺจ อิริยาปเถหิ การณภาเวน คหิตตฺตา เตหิ สาธิตํ วิย วุตฺตํ. ‘‘อภุตฺวา อุทกํ ปิเว’’ติ ลิขนฺติ, ‘‘ภุตฺวานา’’ติ ปน ปาโ. ปุนปิ หิ อปฺปสฺเสว อนุชานนวเสน –

‘‘กปฺปิยํ ตํ เจ ฉาเทติ, จีวรํ อิทมตฺถิกํ;

อลํ ผาสุวิหาราย.

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส, ชณฺณุเก นาภิวสฺสติ;

อลํ ผาสุวิหารายา’’ติ. (เถรคา. ๙๘๔-๙๘๕) –

อาห.

โภชนานิสํโสติ ยถาวุตฺเตหิ อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส โภชนสฺส อครหิตพฺพตา สุขวิหาโร จ อานิสํโสติ อตฺโถ. ยุตฺตสฺส นิทฺโทสสฺส โภชนสฺส ปริมาณสฺส จ วเสน ชานนํ ยุตฺตปมาณชานนํ นาม.

๑๓๕๖. วินาสํ ปตฺติยา นฏฺา, ปฏิปกฺเขหิ อภิภูตตฺตา มุฏฺา จ สติ ยสฺส, โส นฏฺมุฏฺสฺสติ, ตสฺส ภาโว นฏฺมุฏฺสฺสติตา.

๑๓๖๘. วิสุทฺธิปฺปตฺตนฺติ มคฺคผลสีลํ วุจฺจติ. โลกุตฺตรธมฺมาวาติ โลกุตฺตรสติอาทิธมฺมาว. สีลสมฺปทา ปน รูปารูปาวจรา นตฺถีติ สมฺภวโต โยเชตพฺพา.

๑๓๗๓. โภคูปกรเณหิ สโภโค. จตุนฺนํ สจฺจานํ อนุโลมนฺติ จตุสจฺจปฺปฏิเวธสฺส อนุโลมนฺติ อตฺโถ. ‘‘สจฺจาน’’นฺติ หิ ปฏิวิชฺฌิตพฺเพหิ ปฏิเวโธ วุตฺโต, จตุสจฺจปฺปฏิเวธสฺส วา อุปนิสฺสยภูตํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพานํ จตุนฺนํ สจฺจานํ อนุโลมนฺติ วุตฺตํ.

๑๓๗๘. ‘‘มม ฆรํ ธุรํ กตฺวา ภิกฺขํ ปวิสถา’’ติ ทิยฺยมานํ ธุรภตฺตนฺติ วทนฺติ. นิจฺจภตฺตาทิ วา อฺเปิ อาณาเปตฺวา สยํ ธุรํ หุตฺวา ทินฺนํ ธุรภตฺตํ.

๑๓๗๙. ปฏิวาเสตินามาติ นิวตฺเตติ นาม โอสกฺเกติ นาม.

๑๓๘๐. ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธาติ ปุริมชาตีสุ สนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อาห. ขนฺธปฏิพทฺธนฺติ วตฺถาภรณยานคามชนปทาทิ. ขยสมเยติ มคฺคกฺขณํ อาห.

๑๓๘๑. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ อนิคฺคหิตปกฺขนฺทนสงฺขาเตน ยถาสุขํ ปวตฺตนฏฺเน.

๑๓๘๒. ขีณานํ อนฺโต อวสานํ นิฏฺิตภาโว ขีณนฺโต, ขีณานํ วา อาทิกาโล, ตสฺมึ ขีณนฺเต. เอส นโย นิรุทฺธนฺเตติอาทีสุ.

ทุกนิกฺเขปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิกฺเขปกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.