📜
๒. อายตนวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
๑๕๔. อิทานิ ¶ ¶ ¶ ตทนนฺตเร อายตนวิภงฺคนิทฺเทเส สุตฺตนฺตภาชนียํ ตาว ทสฺเสนฺโต ทฺวาทสายตนานิ จกฺขายตนํ รูปายตนนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปาฬิมุตฺตเกน ตาว นเยน –
อตฺถลกฺขณตาวตฺว, กมสงฺเขปวิตฺถารา;
ตถา ทฏฺพฺพโต เจว, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ วิเสสโต ตาว จกฺขตีติ จกฺขุ; รูปํ อสฺสาเทติ, วิภาเวติ จาติ อตฺโถ. รูปยตีติ รูปํ; วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ อตฺโถ. สุณาตีติ โสตํ. สปฺปตีติ สทฺโท; อุทาหริยตีติ อตฺโถ. ฆายตีติ ฆานํ. คนฺธยตีติ คนฺโธ; อตฺตโน วตฺถุํ สูจยตีติ อตฺโถ. ชีวิตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหา. รสนฺติ ตํ สตฺตาติ รโส; อสฺสาเทนฺตีติ อตฺโถ. กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโยติ กาโย. อาโยติ อุปฺปตฺติเทโส. ผุสียตีติ โผฏฺพฺพํ. มนตีติ มโน. อตฺตโน ลกฺขณํ ธารยนฺตีติ ธมฺมา.
อวิเสสโต ปน อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนนฺติ เวทิตพฺพํ. จกฺขุรูปาทีสุ หิ ตํตํทฺวารารมฺมณา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เสน เสน อนุภวนาทินา กิจฺเจน อายตนฺติ อุฏฺหนฺติ ฆฏฺเฏนฺติ วายมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เต จ ปน อายภูเต ธมฺเม เอตานิ ตโนนฺติ วิตฺถาเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ อนมตคฺเค สํสาเร ปวตฺตํ อตีว อายตํ สํสารทุกฺขํ ยาว น นิวตฺตติ ตาว นยนฺเตว, ปวตฺตยนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อิติ ¶ สพฺเพปิ เม ธมฺมา อายตนโต อายานํ ตนนโต อายตสฺส จ นยนโต ‘อายตนํ อายตน’นฺติ วุจฺจนฺติ.
อปิจ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน ¶ , สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเน จ อายตนํ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ วาสุเทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฏฺานํ อายตนนฺติ วุจฺจติ ¶ . ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโร. สาสเน ปน ‘‘มโนรเม อายตเน เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๘) สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สฺชาติเทโส. ‘‘ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๒๓) การณํ.
จกฺขุรูปาทีสุ จาปิ เต เต จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา นิวสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ จกฺขาทโย เนสํ นิวาสนฏฺานํ. จกฺขาทีสุ จ เต อากิณฺณา ตํ นิสฺสิตตฺตา ตทารมฺมณตฺตา จาติ จกฺขาทโย เนสํ อากโร. จกฺขาทโย จ เนสํ สโมสรณฏฺานํ, ตตฺถ ตตฺถ วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน สโมสรณโต. จกฺขาทโย จ เนสํ สฺชาติเทโส; ตํ นิสฺสยารมฺมณภาเวน ตตฺเถว อุปฺปตฺติโต. จกฺขาทโย จ เนสํ การณํ, เตสํ อภาเว อภาวโตติ. อิติ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน, สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเนาติ อิเมหิ การเณหิ เอเต ธมฺมา ‘อายตนํ อายตน’นฺติ วุจฺจนฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺเตนตฺเถน จกฺขุ จ ตํ อายตนฺจาติ จกฺขายตนํ…เป… ธมฺมา จ เต อายตนฺจาติ ธมฺมายตนนฺติ เอวํ ตาเวตฺถ ‘อตฺถโต’ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
‘ลกฺขณโต’ติ จกฺขาทีนํ ลกฺขณโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย. ตานิ จ ปน เนสํ ลกฺขณานิ เหฏฺา รูปกณฺฑนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
‘ตาวตฺวโต’ติ ตาวภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จกฺขาทโยปิ หิ ธมฺมา เอว. เอวํ สติ ธมฺมายตนมิจฺเจว อวตฺวา กสฺมา ทฺวาทสายตนานิ วุตฺตานีติ เจ? ฉ วิฺาณกายุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโต. อิธ ฉนฺนํ วิฺาณกายานํ ทฺวารภาเวน อารมฺมณภาเวน จ ววตฺถานโต อยเมว เตสํ เภโท โหตีติ ทฺวาทส วุตฺตานิ. จกฺขุวิฺาณวีถิปริยาปนฺนสฺส หิ วิฺาณกายสฺส จกฺขายตนเมว อุปฺปตฺติทฺวารํ, รูปายตนเมว จารมฺมณํ ¶ ¶ . ตถา อิตรานิ อิตเรสํ. ฉฏฺสฺส ปน ภวงฺคมนสงฺขาโต มนายตเนกเทโสว อุปฺปตฺติทฺวารํ, อสาธารณฺจ ธมฺมายตนํ อารมฺมณนฺติ ¶ . อิติ ฉนฺนํ วิฺาณกายานํ อุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโต ทฺวาทส วุตฺตานีติ. เอวเมตฺถ ‘ตาวตฺวโต’ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
‘กมโต’ติ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺเตสุ อุปฺปตฺติกฺกมาทีสุ เทสนากฺกโมว ยุชฺชติ. อชฺฌตฺติเกสุ หิ อายตเนสุ สนิทสฺสนสปฺปฏิฆวิสยตฺตา จกฺขายตนํ ปากฏนฺติ ปมํ เทสิตํ. ตโต อนิทสฺสนสปฺปฏิฆวิสยานิ โสตายตนาทีนิ. อถ วา ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยเหตุภาเวน พหูปการตฺตา อชฺฌตฺติเกสุ จกฺขายตนโสตายตนานิ ปมํ เทสิตานิ. ตโต ฆานายตนาทีนิ ตีณิ. ปฺจนฺนมฺปิ โคจรวิสยตฺตา อนฺเต มนายตนํ. จกฺขาทีนํ ปน โคจรตฺตา ตสฺส ตสฺส อนนฺตรานิ พาหิเรสุ รูปายตนาทีนิ. อปิจ วิฺาณุปฺปตฺติการณววตฺถานโตปิ อยเมว เตสํ กโม เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ…เป… มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๔๒๑) เอวํ ‘กมโต’เปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
‘สงฺเขปวิตฺถารา’ติ สงฺเขปโต หิ มนายตนสฺส เจว ธมฺมายตเนกเทสสฺส จ นาเมน, ตทวเสสานฺจ อายตนานํ รูเปน สงฺคหิตตฺตา ทฺวาทสาปิ อายตนานิ นามรูปมตฺตเมว โหนฺติ.
วิตฺถารโต ปน อชฺฌตฺติเกสุ ตาว จกฺขายตนํ ชาติวเสน จกฺขุปสาทมตฺตเมว, ปจฺจยคตินิกายปุคฺคลเภทโต ปน อนนฺตปฺปเภทํ. ตถา โสตายตนาทีนิ จตฺตาริ. มนายตนํ เตภูมกกุสลากุสลวิปากกิริยวิฺาณเภเทน เอกาสีติปฺปเภทํ, วตฺถุปฏิปทาทิเภทโต ปน อนนฺตปฺปเภทํ. รูปคนฺธรสายตนานิ สมุฏฺานเภทโต จตุปฺปเภทานิ, สทฺทายตนํ ทฺวิปฺปเภทํ. สภาควิสภาคเภทโต ปน สพฺพานิปิ อนนฺตปฺปเภทานิ. โผฏฺพฺพายตนํ ปถวีธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุวเสน ติปฺปเภทํ, สมุฏฺานโต จตุปฺปเภทํ, สภาควิสภาคโต อเนกปฺปเภทํ. ธมฺมายตนํ เตภูมกธมฺมารมฺมณวเสน อเนกปฺปเภทนฺติ. เอวํ สงฺเขปวิตฺถารา วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
‘ทฏฺพฺพโต’ติ ¶ เอตฺถ ปน สพฺพาเนเวตานิ อายตนานิ อนาคมนโต อนิคฺคมนโต จ ทฏฺพฺพานิ. น หิ ตานิ ปุพฺเพ อุทยา กุโตจิ อาคจฺฉนฺติ, นาปิ อุทฺธํ วยา กุหิฺจิ คจฺฉนฺติ; อถ โข ปุพฺเพ อุทยา อปฺปฏิลทฺธสภาวานิ, อุทฺธํ ¶ วยา ปริภินฺนสภาวานิ, ปุพฺพนฺตาปรนฺตเวมชฺเฌ ¶ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อวสานิ ปวตฺตนฺติ. ตสฺมา อนาคมนโต อนิคฺคมนโต จ ทฏฺพฺพานิ. ตถา นิรีหโต อพฺยาปารโต จ. น หิ จกฺขุรูปาทีนํ เอวํ โหติ – ‘อโห วต อมฺหากํ สามคฺคิยา วิฺาณํ นาม อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ, น จ ตานิ วิฺาณุปฺปาทนตฺถํ ทฺวารภาเวน วตฺถุภาเวน อารมฺมณภาเวน วา อีหนฺติ, น พฺยาปารมาปชฺชนฺติ; อถ โข ธมฺมตาเวสา ยํ จกฺขุรูปาทีนํ สามคฺคิยํ จกฺขุวิฺาณาทีนิ สมฺภวนฺติ. ตสฺมา นิรีหโต อพฺยาปารโต จ ทฏฺพฺพานิ. อปิจ อชฺฌตฺติกานิ สฺุคาโม วิย ทฏฺพฺพานิ ธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตตฺตา, พาหิรานิ คามฆาตกโจรา วิย อชฺฌตฺติกานํ อภิฆาตกตฺตา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, หฺติ มนาปามนาเปหิ รูเปหีติ วิตฺถาโร. อปิจ อชฺฌตฺติกานิ ฉ ปาณกา วิย ทฏฺพฺพานิ, พาหิรานิ เตสํ โคจรา วิยาติ. เอวมฺเปตฺถ ‘ทฏฺพฺพโต’ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ.
อิทานิ เตสํ วิปสฺสิตพฺพาการํ ทสฺเสตุํ จกฺขุํ อนิจฺจนฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จกฺขุ ตาว หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ. อปเรหิปิ จตูหิ การเณหิ อนิจฺจํ – อุปฺปาทวยวนฺตโต, วิปริณามโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฏิกฺเขปโตติ.
ตเทว ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ. ยสฺมา วา เอตํ อุปฺปนฺนํ ิตึ ปาปุณาติ, ิติยํ ชราย กิลมติ, ชรํ ปตฺวา อวสฺสํ ภิชฺชติ; ตสฺมา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนโต, ทุกฺขมโต, ทุกฺขวตฺถุโต, สุขปฏิกฺเขปโตติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ ทุกฺขํ.
อวสวตฺตนฏฺเน ปน อนตฺตา. ยสฺมา วา เอตํ อุปฺปนฺนํ ิตึ มา ปาปุณาตุ, านปฺปตฺตํ มา ชิรตุ, ชรปฺปตํ มา ภิชฺชตูติ อิเมสุ ตีสุ าเนสุ กสฺสจิ วสวตฺติภาโว นตฺถิ, สฺุํ เตน วสวตฺตนากาเรน; ตสฺมา สฺุโต, อสฺสามิกโต, อกามการิยโต, อตฺตปฏิกฺเขปโตติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ อนตฺตา.
วิภวคติกโต ¶ , ปุพฺพาปรวเสน ภวสงฺกนฺติคมนโต, ปกติภาววิชหนโต จ วิปริณามธมฺมํ. อิทํ อนิจฺจเววจนเมว. รูปา อนิจฺจาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อปิเจตฺถ เปตฺวา จกฺขุํ เตภูมกธมฺมา อนิจฺจา, โน จกฺขุ. จกฺขุ ปน จกฺขุ เจว อนิจฺจฺจ. ตถา ¶ เสสธมฺมา ทุกฺขา, โน จกฺขุ. จกฺขุ ¶ ปน จกฺขุ เจว ทุกฺขฺจ. เสสธมฺมา อนตฺตา, โน จกฺขุ. จกฺขุ ปน จกฺขุ เจว อนตฺตา จาติ. รูปาทีสุปิ เอเสว นโย.
อิมสฺมึ ปน สุตฺตนฺตภาชนีเย ตถาคเตน กึ ทสฺสิตนฺติ? ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อนตฺตลกฺขณํ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ อนตฺตลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต อนิจฺเจน วา ทสฺเสติ, ทุกฺเขน วา, อนิจฺจทุกฺเขหิ วา. ตตฺถ ‘‘จกฺขุ, อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ. จกฺขุสฺส อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ. ยสฺส โข ปน อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ ‘อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ จ เวติ จา’ติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหติ. ตสฺมา ตํ น อุปปชฺชติ – จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย อิติ จกฺขุ อนตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๒). อิมสฺมึ สุตฺเต อนิจฺเจน อนตฺตลกฺขณํ ทสฺเสสิ. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา. รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺส, น ยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย; ลพฺเภถ จ รูเป – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสีติ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, รูปํ อนตฺตา ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ; น จ ลพฺภติ รูเป – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐) อิมสฺมึ สุตฺเต ทุกฺเขน อนตฺตลกฺขณํ ทสฺเสสิ. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา, ยทนตฺตา ตํ เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๕) อนิจฺจทุกฺเขหิ อนตฺตลกฺขณํ ทสฺเสสิ. กสฺมา? อนิจฺจทุกฺขานํ ปากฏตฺตา.
หตฺถโต หิ ตฏฺฏเก วา สรเก วา กิสฺมิฺจิเทว วา ปติตฺวา ภินฺเน ‘อโห อนิจฺจ’นฺติ วทนฺติ. เอวํ อนิจฺจํ ปากฏํ นาม. อตฺตภาวสฺมึ ปน คณฺฑปิฬกาทีสุ วา อุฏฺิตาสุ ขาณุกณฺฏกาทีหิ วา วิทฺธาสุ ‘อโห ทุกฺข’นฺติ วทนฺติ. เอวํ ทุกฺขํ ปากฏํ นาม. อนตฺตลกฺขณํ อปากฏํ อนฺธการํ อวิภูตํ ทุปฺปฏิวิชฺฌํ ทุทฺทีปนํ ทุปฺปฺาปนํ ¶ . อนิจฺจทุกฺขลกฺขณานิ อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ปฺายนฺติ. อนตฺตลกฺขณํ วินา พุทฺธุปฺปาทา น ปฺายติ, พุทฺธุปฺปาเทเยว ปฺายติ. มหิทฺธิกา หิ มหานุภาวา ตาปสปริพฺพาชกา สรภงฺคสตฺถาราทโยปิ ‘อนิจฺจํ ทุกฺข’นฺติ วตฺตุํ สกฺโกนฺติ, ‘อนตฺตา’ติ วตฺตุํ น สกฺโกนฺติ. สเจ หิ เต สมฺปตฺตปริสาย อนตฺตาติ วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยุํ, สมฺปตฺตปริสาย มคฺคผลปฏิเวโธ ภเวยฺย. อนตฺตลกฺขณปฺาปนฺหิ อฺสฺส กสฺสจิ อวิสโย, สพฺพฺุพุทฺธานเมว วิสโย. เอวเมตํ อนตฺตลกฺขณํ อปากฏํ. ตสฺมา สตฺถา ¶ อนตฺตลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ¶ อนิจฺเจน วา ทสฺเสสิ, ทุกฺเขน วา, อนิจฺจทุกฺเขหิ วา. อิธ ปน ตํ อนิจฺจทุกฺเขหิ ทสฺเสสีติ เวทิตพฺพํ.
อิมานิ ปน ลกฺขณานิ กิสฺส อมนสิการา อปฺปฏิเวธา, เกน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา, น อุปฏฺหนฺติ? อนิจฺจลกฺขณํ ตาว อุทยพฺพยานํ อมนสิการา อปฺปฏิเวธา, สนฺตติยา ปฏิจฺฉนฺนตฺตา, น อุปฏฺาติ. ทุกฺขลกฺขณํ อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนสฺส อมนสิการา อปฺปฏิเวธา, อิริยาปเถหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา, น อุปฏฺาติ. อนตฺตลกฺขณํ นานาธาตุวินิพฺโภคสฺส อมนสิการา อปฺปฏิเวธา, ฆเนน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา, น อุปฏฺาติ. อุทยพฺพยํ ปน ปริคฺคเหตฺวา สนฺตติยา วิโกปิตาย อนิจฺจลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนํ มนสิกตฺวา อิริยาปเถ อุคฺฆาฏิเต ทุกฺขลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. นานาธาตุโย วินิพฺภุชิตฺวา ฆนวินิพฺโภเค กเต อนตฺตลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ.
เอตฺถ จ อนิจฺจํ อนิจฺจลกฺขณํ, ทุกฺขํ ทุกฺขลกฺขณํ, อนตฺตา อนตฺตลกฺขณนฺติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนิจฺจนฺติ ขนฺธปฺจกํ. กสฺมา? อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวา, หุตฺวา อภาวโต วา; อุปฺปาทวยฺถตฺตํ อนิจฺจลกฺขณํ, หุตฺวา อภาวสงฺขาโต อาการวิกาโร วา. ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ วจนโต ปน ตเทว ขนฺธปฺจกํ ทุกฺขํ. กสฺมา? อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนโต; อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนากาโร ทุกฺขลกฺขณํ. ‘‘ยํ ¶ ทุกฺขํ ตํ อนตฺตา’’ติ ปน วจนโต ตเทว ขนฺธปฺจกํ อนตฺตา. กสฺมา? อวสวตฺตนโต; อวสวตฺตนากาโร อนตฺตลกฺขณํ. อิติ อฺเทว อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, อฺานิ อนิจฺจทุกฺขานตฺตลกฺขณานิ. ปฺจกฺขนฺธา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโยติ อิทฺหิ สพฺพมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นาม. วุตฺตปฺปการาการวิการา อนิจฺจทุกฺขานตฺตลกฺขณานีติ.
สงฺเขปโต ปเนตฺถ ทสายตนานิ กามาวจรานิ, ทฺเว เตภูมกานิ. สพฺเพสุปิ สมฺมสนจาโร กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๑๕๕. อภิธมฺมภาชนีเย ¶ ¶ ยถา เหฏฺา วิปสฺสกานํ อุปการตฺถาย ‘‘จกฺขายตนํ รูปายตน’’นฺติ ยุคลโต อายตนานิ วุตฺตานิ, ตถา อวตฺวา อชฺฌตฺติกพาหิรานํ สพฺพาการโต สภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘จกฺขายตนํ โสตายตน’’นฺติ เอวํ อชฺฌตฺติกพาหิรววตฺถานนเยน วุตฺตานิ.
๑๕๖. เตสํ นิทฺเทสวาเร ตตฺถ กตมํ จกฺขายตนนฺติอาทีนิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
๑๖๗. ยํ ปเนตํ ธมฺมายตนนิทฺเทเส ‘‘ตตฺถ กตมา อสงฺขตา ธาตุ? ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’’ติ วุตฺตํ, ตตฺรายมตฺโถ – อสงฺขตา ธาตูติ อสงฺขตสภาวํ นิพฺพานํ. ยสฺมา ปเนตํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺติ, ตสฺมา ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานตฺถกถา.
วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘ปาฏิเยกฺกํ นิพฺพานํ นาม นตฺถิ, กิเลสกฺขโยว นิพฺพาน’นฺติ. ‘สุตฺตํ อาหรา’ติ จ วุตฺเต ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพานนฺติ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตมํ นุ โข, อาวุโส, นิพฺพานนฺติ? โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย – อิทํ วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ เอตํ ชมฺพุขาทกสุตฺตํ อาหริตฺวา ‘อิมินา สุตฺเตน เวทิตพฺพํ ปาฏิเยกฺกํ นิพฺพานํ นาม นตฺถิ, กิเลสกฺขโยว นิพฺพาน’นฺติ อาห. โส วตฺตพฺโพ – ‘กึ ปน ยถา เจตํ สุตฺตํ ตถา อตฺโถ’ติ? อทฺธา วกฺขติ – ‘อาม ¶ , นตฺถิ สุตฺตโต มฺุจิตฺวา อตฺโถ’ติ. ตโต วตฺตพฺโพ – ‘อิทํ ตาว เต สุตฺตํ อาภตํ; อนนฺตรสุตฺตํ อาหรา’ติ. อนนฺตรสุตฺตํ นาม – ‘‘อรหตฺตํ อรหตฺตนฺติ, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตมํ นุ โข, อาวุโส, อรหตฺตนฺติ? โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย – อิทํ วุจฺจติ อรหตฺต’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๕) อิทํ ตสฺเสวานนฺตรํ อาภตสุตฺตํ.
อิมสฺมึ ปน นํ อาภเต อาหํสุ – ‘นิพฺพานํ นาม ธมฺมายตนปริยาปนฺโน ธมฺโม, อรหตฺตํ จตฺตาโร ขนฺธา. นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปติ ¶ นิพฺพานํ ปุจฺฉิโตปิ อรหตฺตํ ปุจฺฉิโตปิ กิเลสกฺขยเมว อาห. กึ ปน นิพฺพานฺจ อรหตฺตฺจ เอกํ อุทาหุ นาน’นฺติ? ‘เอกํ ¶ วา โหตุ นานํ วา. โก เอตฺถ ตยา อติพหุํ จุณฺณีกรณํ กโรนฺเตน อตฺโถ’? ‘น ตฺวํ เอกํ นานํ ชานาสีติ. นนุ าเต สาธุ โหตี’ติ เอวํ ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิโต วฺเจตุํ อสกฺโกนฺโต อาห – ‘ราคาทีนํ ขีณนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา อรหตฺตํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’ติ วุจฺจตีติ. ตโต นํ อาหํสุ – ‘มหากมฺมํ เต กตํ. ลฺชํ ทตฺวาปิ ตํ วทาเปนฺโต เอตเทว วทาเปยฺย. ยเถว จ เต เอตํ วิภชิตฺวา กถิตํ, เอวํ อิทมฺปิ สลฺลกฺเขหิ – นิพฺพานฺหิ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุตฺตํ. ตีณิปิ หิ เอตานิ นิพฺพานสฺเสว อธิวจนานี’ติ.
สเจ เอวํ วุตฺเต สฺตฺตึ คจฺฉติ อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ, พหุนิพฺพานตาย กาเรตพฺโพ. กถํ? เอวํ ตาว ปุจฺฉิตพฺโพ – ‘ราคกฺขโย นาม ราคสฺเสว ขโย อุทาหุ โทสโมหานมฺปิ? โทสกฺขโย นาม โทสสฺเสว ขโย อุทาหุ ราคโมหานมฺปิ? โมหกฺขโย นาม โมหสฺเสว ขโย อุทาหุ ราคโทสานมฺปี’ติ? อทฺธา วกฺขติ – ‘ราคกฺขโย นาม ราคสฺเสว ขโย, โทสกฺขโย นาม โทสสฺเสว ขโย, โมหกฺขโย นาม โมหสฺเสว ขโย’ติ.
ตโต วตฺตพฺโพ – ‘ตว วาเท ราคกฺขโย เอกํ นิพฺพานํ โหติ, โทสกฺขโย เอกํ, โมหกฺขโย เอกํ; ติณฺณํ อกุสลมูลานํ ขเย ตีณิ นิพฺพานานิ โหนฺติ, จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขเย จตฺตาริ, ปฺจนฺนํ นีวรณานํ ขเย ปฺจ, ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ ขเย ฉ, สตฺตนฺนํ อนุสยานํ ขเย สตฺต, อฏฺนฺนํ มิจฺฉตฺตานํ ขเย อฏฺ, นวนฺนํ ตณฺหามูลกธมฺมานํ ¶ ขเย นว, ทสนฺนํ สํโยชนานํ ขเย ทส, ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสสฺส ขเย ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นิพฺพานนฺติ พหูนิ นิพฺพานานิ โหนฺติ. นตฺถิ ปน เต นิพฺพานานํ ปมาณนฺติ. เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติ. ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานสฺเสว อธิวจนานีติ คณฺห’.
สเจ ¶ ปน เอวํ วุตฺเตปิ น สลฺลกฺเขติ, โอฬาริกตาย กาเรตพฺโพ. กถํ? ‘อนฺธพาลา หิ อจฺฉทีปิมิคมกฺกฏาทโยปิ กิเลสปริยุฏฺิตา วตฺถุํ ปฏิเสวนฺติ. อถ เนสํ ปฏิเสวนปริยนฺเต กิเลโส วูปสมฺมติ. ตว วาเท อจฺฉทีปิมิคมกฺกฏาทโย นิพฺพานปฺปตฺตา นาม โหนฺติ. โอฬาริกํ วต เต นิพฺพานํ ถูลํ, กณฺเณหิ ปิฬนฺธิตุํ น สกฺกาติ. เอวํ ปน ¶ อคฺคเหตฺวา นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติ. ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานสฺเสว อธิวจนานีติ คณฺห’.
สเจ ปน เอวํ วุตฺเตปิ น สลฺลกฺเขติ, โคตฺรภุนาปิ กาเรตพฺโพ. กถํ? เอวํ ตาว ปุจฺฉิตพฺโพ – ‘ตฺวํ โคตฺรภุ นาม อตฺถีติ วเทสี’ติ? ‘อาม วทามี’ติ. ‘โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสา ขีณา, ขียนฺติ, ขียิสฺสนฺตี’ติ? น ขีณา, น ขียนฺติ; อปิจ โข ขียิสฺสนฺตีติ. ‘โคตฺรภุ ปน กึ อารมฺมณํ กโรตี’ติ? ‘นิพฺพานํ’. ‘ตว โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสา น ขีณา, น ขียนฺติ; อถ โข ขียิสฺสนฺติ. ตฺวํ อขีเณสุเยว กิเลเสสุ กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ ปฺเปสิ, อปฺปหีเนสุ อนุสเยสุ อนุสยปฺปหานํ นิพฺพานํ ปฺเปสิ. ตํ เต น สเมติ. เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติ. ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานสฺเสว อธิวจนานีติ คณฺห’.
สเจ ปน เอวํ วุตฺเตปิ น สลฺลกฺเขติ, มคฺเคน กาเรตพฺโพ. กถํ? เอวํ ตาว ปุจฺฉิตพฺโพ – ‘ตฺวํ มคฺคํ นาม วเทสี’ติ? ‘อาม วเทมี’ติ. ‘มคฺคกฺขเณ กิเลสา ขีณา, ขียนฺติ, ขิยิสฺสนฺตี’ติ? ชานมาโน วกฺขติ – ‘ขีณาติ วา ขียิสฺสนฺตีติ วา วตฺตุํ น วฏฺฏติ, ขียนฺตีติ วตฺตุํ ¶ วฏฺฏตี’ติ. ‘ยทิ เอวํ, มคฺคสฺส กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ กตมํ? มคฺเคน ขียนกกิเลสา กตเม? มคฺโค กตมํ กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา กตเม กิเลเส เขเปติ? ตสฺมา มา เอวํ คณฺห. นิพฺพานํ ปน อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติ. ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานสฺเสว อธิวจนานี’ติ.
เอวํ วุตฺเต เอวมาห – ‘ตฺวํ อาคมฺม อาคมฺมาติ วเทสี’ติ? ‘อาม วเทมี’ติ. ‘อาคมฺม นามาติ อิทํ เต กุโต ลทฺธ’นฺติ? ‘สุตฺตโต ลทฺธ’นฺติ ¶ . ‘อาหร สุตฺต’นฺติ. ‘‘เอวํ อวิชฺชา จ ตณฺหา จ ตํ อาคมฺม, ตมฺหิ ขีณา, ตมฺหิ ภคฺคา, น จ กิฺจิ กทาจี’’ติ. เอวํ วุตฺเต ปรวาที ตุณฺหีภาวํ อาปนฺโนติ.
อิธาปิ ทสายตนานิ กามาวจรานิ, ทฺเว ปน จตุภูมกานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานีติ เวทิตพฺพานิ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา.
๓. ปฺหาปุจฺฉกวณฺณนา
๑๖๘. อิธาปิ ¶ ปฺหาปุจฺฉเก ยํ ลพฺภติ ยฺจ น ลพฺภติ, ตํ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ลพฺภมานวเสเนว วิสฺสชฺชนํ วุตฺตํ; น เกวลฺจ อิธ, สพฺเพสุปิ ปฺหาปุจฺฉเกสุ เอเสว นโย. อิธ ปน ทสนฺนํ อายตนานํ รูปภาเวน อพฺยากตตา เวทิตพฺพา. ทฺวินฺนํ อายตนานํ ขนฺธวิภงฺเค จตุนฺนํ ขนฺธานํ วิย กุสลาทิภาโว เวทิตพฺโพ. เกวลฺหิ จตฺตาโร ขนฺธา สปฺปจฺจยาว สงฺขตาว ธมฺมายตนํ ปน ‘‘สิยา อปฺปจฺจยํ, สิยา อสงฺขต’’นฺติ อาคตํ. อารมฺมณตฺติเกสุ จ อนารมฺมณํ สุขุมรูปสงฺขาตํ ธมฺมายตนํ น-วตฺตพฺพโกฏฺาสํ ภชติ. ตฺจ โข อนารมฺมณตฺตา น ปริตฺตาทิภาเวน นวตฺตพฺพธมฺมารมฺมณตฺตาติ อยเมตฺถ วิเสโส. เสสํ ตาทิสเมว. อิธาปิ หิ จตฺตาโร ขนฺธา วิย ทฺวายตนา ปฺจปณฺณาส กามาวจรธมฺเม อารพฺภ รชฺชนฺตสฺส ทุสฺสนฺตสฺส มุยฺหนฺตสฺส สํวรนฺตสฺส สมฺมสนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส จ ปริตฺตารมฺมณาติ สพฺพํ ขนฺเธสุ วุตฺตสทิสเมวาติ.
สมฺโมหวิโนทนิยา วิภงฺคฏฺกถาย
อายตนวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.