📜
๑๒. ฌานวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
มาติกาวณฺณนา
๕๐๘. อิทานิ ¶ ¶ ¶ ตทนนฺตเร ฌานวิภงฺเค ยา ตาว อยํ สกลสฺสาปิ สุตฺตนฺตภาชนียสฺส ปมํ มาติกา ปิตา, ตตฺถ อิธาติ วจนํ ปุพฺพภาคกรณียสมฺปทาย สมฺปนฺนสฺส สพฺพปฺปการชฺฌานนิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปนํ, อฺสาสนสฺส จ ตถาภาวปฏิเสธนํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณหิ อฺเหี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). ภิกฺขูติ เตสํ ฌานานํ นิพฺพตฺตกปุคฺคลปริทีปนํ. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ อิทมสฺส ปาติโมกฺขสํวเร ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ อิทมสฺส ตทนุรูปวิหารสมงฺคีภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ อิทมสฺส เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส อุปริ ฌานานุโยคสฺส จ อุปการธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อิทมสฺส ปาติโมกฺขโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ อิทมสฺส สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ อิทมสฺส สิกฺขาย สมงฺคีภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ อิทมสฺส สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.
อินฺทฺริเยสูติ อิทมสฺส คุตฺตทฺวารตาย ภูมิปริทีปนํ; รกฺขิตพฺโพกาสปริทีปนนฺติปิ วทนฺติ เอว. คุตฺตทฺวาโรติ อิทมสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ สํวิหิตารกฺขภาวปริทีปนํ. โภชเน มตฺตฺูติ อิทมสฺส สนฺโตสาทิคุณปริทีปนํ. ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโตติ อิทมสฺส การณภาวปริทีปนํ. สาตจฺจํ ¶ เนปกฺกนฺติ อิทมสฺส ปฺาปริคฺคหิเตน วีริเยน สาตจฺจการิตาปริทีปนํ ¶ . โพธิปกฺขิกานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโตติ อิทมสฺส ปฏิปตฺติยา นิพฺเพธภาคิยตฺตปริทีปนํ.
โส อภิกฺกนฺเต…เป… ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหตีติ อิทมสฺส สพฺพตฺถ สติสมฺปชฺสมนฺนาคตตฺตปริทีปนํ. โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตีติ อิทมสฺส อนุรูปเสนาสนปริคฺคหปริทีปนํ. อรฺํ…เป… ปฏิสลฺลานสารุปฺปนฺติ อิทมสฺส เสนาสนปฺปเภทนิราทีนวตานิสํสปริทีปนํ. โส ¶ อรฺคโต วาติ อิทมสฺส วุตฺตปฺปกาเรน เสนาสเนน ยุตฺตภาวปริทีปนํ. นิสีทตีติ อิทมสฺส โยคานุรูปอิริยาปถปริทีปนํ. ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ อิทมสฺส โยคารมฺภปริทีปนํ. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหายาติอาทิ ปนสฺส กมฺมฏฺานานุโยเคน นีวรณปฺปหานปริทีปนํ. ตสฺเสว ปหีนนีวรณสฺส วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทิ ปฏิปาฏิยา ฌานุปฺปตฺติปริทีปนํ.
อปิ จ อิธ ภิกฺขูติ อิมสฺมึ สาสเน ฌานุปฺปาทโก ภิกฺขุ. อิทานิ ยสฺมา ฌานุปฺปาทเกน ภิกฺขุนา จตฺตาริ สีลานิ โสเธตพฺพานิ, ตสฺมาสฺส ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลวิสุทฺธึ อุปทิสติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติอาทินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ อิมินา เตสํ ทฺวินฺนํ สีลานํ อนวเสสโต อาทานํ. อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโรติ อิมินา อินฺทฺริยสํวรสีลํ. โภชเน มตฺตฺูติ อิมินา ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ. ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตนฺติอาทินา สีเล ปติฏฺิตสฺส ฌานภาวนาย อุปการเก ธมฺเม. โส อภิกฺกนฺเตติอาทินา เตสํ ธมฺมานํ อปริหานาย กมฺมฏฺานสฺส จ อสมฺโมสาย สติสมฺปชฺสมาโยคํ. โส วิวิตฺตนฺติอาทินา ภาวนานุรูปเสนาสนปริคฺคหํ. โส ¶ อรฺคโต วาติอาทินา ตํ เสนาสนํ อุปคตสฺส ฌานานุรูปอิริยาปถฺเจว ฌานภาวนารมฺภฺจ. โส อภิชฺฌนฺติอาทินา ฌานภาวนารมฺเภน ฌานปจฺจนีกธมฺมปฺปหานํ. โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหายาติอาทินา เอวํ ปหีนชฺฌานปจฺจนีกธมฺมสฺส สพฺพชฺฌานานํ อุปฺปตฺติกฺกมํ อุปทิสตีติ.
มาติกาวณฺณนา.
นิทฺเทสวณฺณนา
๕๐๙. อิทานิ ¶ ยถานิกฺขิตฺตํ มาติกํ ปฏิปาฏิยา ภาเชตฺวา ทสฺเสตุํ อิธาติ อิมิสฺสา ทิฏฺิยาติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อิมิสฺสา ทิฏฺิยาติอาทีหิ ทสหิ ปเทหิ สิกฺขตฺตยสงฺขาตํ สพฺพฺุพุทฺธสาสนเมว กถิตํ. ตฺหิ พุทฺเธน ภควตา ทิฏฺตฺตา ทิฏฺีติ วุจฺจติ. ตสฺเสว ขมนวเสน ขนฺติ, รุจฺจนวเสน รุจิ, คหณวเสน อาทาโย, สภาวฏฺเน ธมฺโม, สิกฺขิตพฺพฏฺเน ¶ วินโย, ตทุภเยนาปิ ธมฺมวินโย, ปวุตฺตวเสน ปาวจนํ, เสฏฺจริยฏฺเน พฺรหฺมจริยํ, อนุสิฏฺิทานวเสน สตฺถุสาสนนฺติ วุจฺจติ. ตสฺมา อิมิสฺสา ทิฏฺิยาติอาทีสุ อิมิสฺสา พุทฺธทิฏฺิยา, อิมิสฺสา พุทฺธขนฺติยา, อิมิสฺสา พุทฺธรุจิยา, อิมสฺมึ พุทฺธอาทาเย, อิมสฺมึ พุทฺธธมฺเม, อิมสฺมึ พุทฺธวินเย.
‘‘เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ – ‘อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สํโยคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสํโยคาย, อาจยาย สํวตฺตนฺติ โน อปจยาย, อุปาทาย สํวตฺตนฺติ โน ปฏินิสฺสคฺคิยา, มหิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน อปฺปิจฺฉตาย, อสนฺตุฏฺิยา สํวตฺตนฺติ โน สนฺตุฏฺิยา, สงฺคณิกาย สํวตฺตนฺติ โน ปวิเวกาย, โกสชฺชาย สํวตฺตนฺติ โน วีริยารมฺภาย, ทุพฺภรตาย สํวตฺตนฺติ โน สุภรตายา’ติ เอกํเสน หิ, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – ‘เนโส ธมฺโม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสน’นฺติ. เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ – ‘อิเม ธมฺมา วิราคาย สํวตฺตนฺติ โน สราคาย…เป… สุภรตาย สํวตฺตนฺติ โน ทุพฺภรตายา’ติ. เอกํเสน หิ, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – ‘เอโส ธมฺโม, เอโส วินโย, เอตํ สตฺถุสาสน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๕๓; จูฬว. ๔๐๖).
เอวํ วุตฺเต อิมสฺมึ พุทฺธธมฺมวินเย ¶ , อิมสฺมึ พุทฺธปาวจเน, อิมสฺมึ พุทฺธพฺรหฺมจริเย, อิมสฺมึ พุทฺธสตฺถุสาสเนติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตํ สิกฺขาตฺตยสงฺขาตํ สกลํ สาสนํ ภควตา ทิฏฺตฺตา สมฺมาทิฏฺิปจฺจยตฺตา สมฺมาทิฏฺิปุพฺพงฺคมตฺตา จ ทิฏฺิ, ภควโต ขมนวเสน ขนฺติ, รุจฺจนวเสน รุจิ, คหณวเสน อาทาโย. อตฺตโน การกํ อปาเยสุ อปตมานํ ธาเรตีติ ธมฺโม. โสว สํกิเลสปกฺขํ วินตีติ ¶ วินโย. ธมฺโม จ โส วินโย จาติ ธมฺมวินโย. กุสลธมฺเมหิ วา อกุสลธมฺมานํ เอส วินโยติ ธมฺมวินโย. เตเนว วุตฺตํ – ‘‘เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ – ‘อิเม ธมฺมา วิราคาย สํวตฺตนฺติ โน สราคาย…เป… เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ ‘เอโส ธมฺโม, เอโส วินโย, เอตํ สตฺถุสาสน’นฺติ.
ธมฺเมน ¶ วา วินโย, น ทณฺฑาทีหีติ ธมฺมวินโย, วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทณฺเฑเนเก ทมยนฺติ, องฺกุเสหิ กสาหิ จ;
อทณฺเฑน อสตฺเถน, นาโค ทนฺโต มเหสินา’’ติ. (จูฬว. ๓๔๒; ม. นิ. ๒.๓๕๒);
ตถา –
‘‘ธมฺเมน นียมานานํ, กา อุสูยา วิชานต’’นฺติ; (มหาว. ๖๓);
ธมฺมาย วา วินโย ธมฺมวินโย. อนวชฺชธมฺมตฺถฺเหส วินโย, น ภวโภคามิสตฺถํ. เตนาห ภควา – ‘‘นยิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ชนกุหนตฺถ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๒๕) วิตฺถาโร. ปุณฺณตฺเถโรปิ อาห – ‘‘อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข, อาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๙). วิสิฏฺํ วา นยตีติ วินโย. ธมฺมโต วินโย ธมฺมวินโย. สํสารธมฺมโต หิ โสกาทิธมฺมโต วา เอส วิสิฏฺํ นิพฺพานํ นยติ. ธมฺมสฺส วา วินโย, น ติตฺถกรานนฺติ ธมฺมวินโย; ธมฺมภูโต หิ ภควา, ตสฺเสว วินโย. ยสฺมา วา ธมฺมาเยว อภิฺเยฺยา ปริฺเยฺยา ปหาตพฺพา ภาเวตพฺพา สจฺฉิกาตพฺพา จ, ตสฺมา เอส ธมฺเมสุ วินโย, น สตฺเตสุ, น ชีเวสุ จาติ ธมฺมวินโย. สาตฺถสพฺยฺชนตาทีหิ อฺเสํ วจนโต ปธานํ วจนนฺติ ปวจนํ; ปวจนเมว ปาวจนํ. สพฺพจริยาหิ วิสิฏฺจริยาภาเวน พฺรหฺมจริยํ. เทวมนุสฺสานํ ¶ สตฺถุภูตสฺส ภควโต สาสนนฺติ สตฺถุสาสนํ; สตฺถุภูตํ วา สาสนนฺติปิ สตฺถุสาสนํ. ‘‘โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) หิ ธมฺมวินโยว สตฺถาติ วุตฺโตติ เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ¶ ปน อิมสฺมึเยว สาสเน สพฺพปการชฺฌานนิพฺพตฺตโก ภิกฺขุ ทิสฺสติ, น อฺตฺร, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ ‘อิมิสฺสา’ติ จ ‘อิมสฺมิ’นฺติ จ อยํ นิยโม กโตติ เวทิตพฺโพติ. อยํ ‘อิธา’ติ มาติกาปทนิทฺเทสสฺส อตฺโถ.
๕๑๐. ภิกฺขุนิทฺเทเส สมฺายาติ ปฺตฺติยา, โวหาเรนาติ อตฺโถ. สมฺาย เอว หิ เอกจฺโจ ภิกฺขูติ ปฺายติ. ตถา หิ นิมนฺตนาทิมฺหิ ภิกฺขูสุ คณียมาเนสุ สามเณเรปิ คเหตฺวา ‘สตํ ภิกฺขู, สหสฺสํ ภิกฺขู’ติ วทนฺติ. ปฏิฺายาติ อตฺตโน ปฏิชานเนน. ปฏิฺายปิ ¶ หิ เอกจฺโจ ภิกฺขูติ ปฺายติ. ตสฺส ‘‘โก เอตฺถ อาวุโส’’ติ? ‘‘อหํ, อาวุโส, ภิกฺขู’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๙๖) สมฺภโว ทฏฺพฺโพ. อยํ ปน อานนฺทตฺเถเรน วุตฺตตฺตา ธมฺมิกา ปฏิฺา. รตฺติภาเค ปน ทุสฺสีลาปิ ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺตา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ วุตฺเต อธมฺมิกาย ปฏิฺาย อภูตตฺถาย ‘‘มยํ ภิกฺขู’’ติ วทนฺติ.
ภิกฺขตีติ ยาจติ. โย หิ โกจิ ภิกฺขติ, ภิกฺขํ เอสติ คเวสติ, โส ตํ ลภตุ วา มา วา, อถ โข ภิกฺขตีติ ภิกฺขุ. ภิกฺขโกติ พฺยฺชเนน ปทํ วฑฺฒิตํ; ภิกฺขนธมฺมตาย ภิกฺขูติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ พุทฺธาทีหิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโต นาม. โย หิ โกจิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, กสิโครกฺขาทีหิ ชีวิตกปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ. ปรปฺปฏิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมชฺเฌ กาชภตฺตํ ภฺุชมาโนปิ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ. ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ.
อคฺฆผสฺสวณฺณเภเทน ภินฺนํ ปฏํ ธาเรตีติ ภินฺนปฏธโร. ตตฺถ สตฺถกจฺเฉทเนน อคฺฆเภโท เวทิตพฺโพ. สหสฺสคฺฆนโกปิ หิ ปโฏ สตฺถเกน ขณฺฑาขณฺฑิกํ ¶ ฉินฺโน ภินฺนคฺโฆ โหติ, ปุริมคฺฆโต อุปฑฺฒมฺปิ น อคฺฆติ. สุตฺตสํสิพฺพเนน ผสฺสเภโท เวทิตพฺโพ. สุขสมฺผสฺโสปิ หิ ปโฏ สุตฺเตหิ สํสิพฺพิโต ภินฺนผสฺโส โหติ, ขรสมฺผสฺสตํ ปาปุณาติ. สูจิมลาทีหิ วณฺณเภโท เวทิตพฺโพ. สุปริสุทฺโธปิ หิ ปโฏ สูจิกมฺมโต ปฏฺาย สูจิมเลน, หตฺถเสทมลชลฺลิกาทีหิ ¶ , อวสาเน รชนกปฺปกรเณหิ จ ภินฺนวณฺโณ โหติ, ปกติวณฺณํ วิชหติ. เอวํ ตีหากาเรหิ ภินฺนปฏธารณโต ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ. คิหีวตฺถวิสภาคานํ วา กาสาวานํ ธารณมตฺเตเนว ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ.
ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ. โสตาปตฺติมคฺเคน ปฺจ กิเลเส ภินฺทตีติ ภิกฺขุ. สกทาคามิมคฺเคน จตฺตาโร, อนาคามิมคฺเคน จตฺตาโร, อรหตฺตมคฺเคน อฏฺ กิเลเส ภินฺทตีติ ภิกฺขุ. เอตฺตาวตา ¶ จตฺตาโร มคฺคฏฺา ทสฺสิตา. ภินฺนตฺตาติ อิมินา ปน จตฺตาโร ผลฏฺา. โสตาปนฺโน หิ โสตาปตฺติมคฺเคน ปฺจ กิเลเส ภินฺทิตฺวา ิโต. สกทาคามี สกทาคามิมคฺเคน จตฺตาโร, อนาคามี อนาคามิมคฺเคน จตฺตาโร, อรหา อรหตฺตมคฺเคน อฏฺ กิเลเส ภินฺทิตฺวา ิโต. เอวมยํ จตุพฺพิโธ ผลฏฺโ ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขุ นาม.
โอธิโส กิเลสานํ ปหานาติ เอตฺถ ทฺเว โอธี – มคฺโคธิ จ กิเลโสธิ จ. โอธิ นาม สีมา, มริยาทา. ตตฺถ โสตาปนฺโน มคฺโคธินา โอธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ. ตสฺส หิ จตูสุ มคฺเคสุ เอเกเนว โอธินา กิเลสา ปหีนา, น สกเลน มคฺคจตุกฺเกน. สกทาคามีอนาคามีสุปิ เอเสว นโย. โสตาปนฺโน จ กิเลโสธินาปิ โอธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ. ตสฺส หิ ปหาตพฺพกิเลเสสุ โอธินาว กิเลสา ปหีนา, น สพฺเพน สพฺพํ. อรหา ปน อโนธิโสว กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ. ตสฺส หิ มคฺคจตุกฺเกน อโนธินาว กิเลสา ปหีนา, น เอกาย มคฺคสีมาย. ปหาตพฺพกิเลเสสุ จ อโนธิโสว กิเลสา ปหีนา. เอกาปิ หิ กิเลสสีมา ิตา นาม นตฺถิ. เอวํ โส อุภยถาปิ อโนธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ.
เสกฺโขติ ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน สทฺธึ สตฺต อริยา. ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนฺตีติ เสกฺขา. เตสุ โย โกจิ เสกฺโข ภิกฺขุติ เวทิตพฺโพ. น ¶ สิกฺขตีติ อเสกฺโข. เสกฺขธมฺเม อติกฺกมฺม อคฺคผเล ิโต ตโต อุตฺตริ สิกฺขิตพฺพาภาวโต ขีณาสโว อเสกฺโขติ วุจฺจติ. อวเสโส ปุถุชฺชนภิกฺขุ ติสฺโส สิกฺขา เนว สิกฺขติ, น สิกฺขิตฺวา ิโตติ เนวเสกฺขนาเสกฺโขติ เวทิตพฺโพ.
สีลคฺคํ ¶ สมาธิคฺคํ ปฺคฺคํ วิมุตฺตคฺคนฺติ อิทํ อคฺคํ ปตฺวา ิตตฺตา อคฺโค ภิกฺขุ นาม. ภทฺโรติ อปาปโก. กลฺยาณปุถุชฺชนาทโย หิ ยาว อรหา ตาว ภทฺเรน สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน จ สมนฺนาคตตฺตา ภทฺโร ภิกฺขูติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. มณฺโฑ ภิกฺขูติ ปสนฺโน ภิกฺขุ; สปฺปิมณฺโฑ วิย อนาวิโล วิปฺปสนฺโนติ อตฺโถ. สาโรติ เตหิเยว สีลสาราทีหิ สมนฺนาคตตฺตา, นีลสมนฺนาคเมน นีโล ปโฏ วิย, สาโร ภิกฺขูติ เวทิตพฺโพ. วิคตกิเลสเผคฺคุภาวโต วา ขีณาสโวว สาโรติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ จ ‘‘ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ, โอธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ, เสกฺโข ภิกฺขู’’ติ อิเมสุ ตีสุ าเนสุ สตฺต เสกฺขา กถิตา. ‘‘ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานนฺติ ภิกฺขุ, อโนธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ, อเสกฺโข ภิกฺขุ, อคฺโค ภิกฺขุ, มณฺโฑ ภิกฺขู’’ติ อิเมสุ ปฺจสุ าเนสุ ขีณาสโวว กถิโต. ‘‘เนวเสกฺขนาเสกฺโข’’ติ เอตฺถ ปุถุชฺชโนว กถิโต. เสสฏฺาเนสุ ปุถุชฺชนกลฺยาณโก, สตฺต เสกฺขา, ขีณาสโวติ อิเม สพฺเพปิ กถิตา.
เอวํ สมฺาทีหิ ภิกฺขุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปสมฺปทาวเสน ทสฺเสตุํ สมคฺเคน สงฺเฆนาติอาทิมาห. ตตฺถ สมคฺเคน สงฺเฆนาติ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ปฺจวคฺคกรณีเย กมฺเม ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เตสํ อาคตตฺตา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทสฺส อาหฏตฺตา สมฺมุขีภูตานฺจ อปฺปฏิกฺโกสนโต เอกสฺมึ กมฺเม สมคฺคภาวํ อุปคเตน. ตฺติจตุตฺเถนาติ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ เอกาย จ ตฺติยา กาตพฺเพน. กมฺเมนาติ ธมฺมิเกน วินยกมฺเมน. อกุปฺเปนาติ ¶ วตฺถุตฺติอนุสฺสาวนสีมาปริสสมฺปตฺติสมฺปนฺนตฺตา อโกเปตพฺพตํ อปฺปฏิกฺโกสิตพฺพตํ อุปคเตน. านารเหนาติ การณารเหน สตฺถุสาสนารเหน.
อุปสมฺปนฺโน นาม อุปริภาวํ สมาปนฺโน, ปตฺโตติ อตฺโถ. ภิกฺขุภาโว หิ อุปริภาโว. ตฺเจส ยถาวุตฺเตน กมฺเมน สมาปนฺนตฺตา อุปสมฺปนฺโนติ วุจฺจติ. เอเตน ยา อิมา เอหิภิกฺขูปสมฺปทา, สรณาคมนูปสมฺปทา, โอวาทปฏิคฺคหณูปสมฺปทา, ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา, ครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทา, ทูเตนูปสมฺปทา, อฏฺวาจิกูปสมฺปทา, ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทาติ อฏฺ อุปสมฺปทา วุตฺตา, ตาสํ ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา, ทูเตนูปสมฺปทา, อฏฺวาจิกูปสมฺปทาติ อิมา ¶ ติสฺโสว ถาวรา. เสสา พุทฺเธ ธรมาเนเยว อเหสุํ. ตาสุ อุปสมฺปทาสุ อิมสฺมึ าเน อยํ ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทาว อธิปฺเปตา.
๕๑๑. ปาติโมกฺขสํวรนิทฺเทเส ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ, โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมจยติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหิ, ตสฺมา ปาติโมกฺขนฺติ วุตฺตํ. สีลํ ปติฏฺาติอาทีนิ ตสฺเสว เววจนานิ. ตตฺถ สีลนฺติ กามฺเจตํ สห กมฺมวาจาปริโยสาเนน อิชฺฌนกสฺส ¶ ปาติโมกฺขสฺส เววจนํ, เอวํ สนฺเตปิ ธมฺมโต เอตํ สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฺปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กึ สีล’’นฺติ? เจตนา สีลํ, เจตสิกํ สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙).
ตตฺถ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนา. เจตสิกํ สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส วิรติ. อปิจ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีนิ ปชหนฺตสฺส สตฺต กมฺมปถเจตนา. เจตสิกํ สีลํ นาม ‘‘อภิชฺฌํ ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรตี’’ติอาทินา นเยน สํยุตฺตมหาวคฺเค วุตฺตา อนภิชฺฌาอพฺยาปาทสมฺมาทิฏฺิธมฺมา. สํวโร สีลนฺติ เอตฺถ ปฺจวิเธน สํวโร เวทิตพฺโพ – ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร ¶ , ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ. ตสฺส นานากรณํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖) วุตฺตํ. อวีติกฺกโม สีลนฺติ สมาทิณฺณสีลสฺส กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม. เอตฺถ จ สํวรสีลํ อวีติกฺกมสีลนฺติ อิทเมว นิปฺปริยายโต สีลํ; เจตนา สีลํ เจตสิกํ สีลนฺติ ปริยายโต สีลนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา ปน ปาติโมกฺขสํวรสีเลน ภิกฺขุ สาสเน ปติฏฺาติ นาม, ตสฺมา ตํ ‘ปติฏฺา’ติ วุตฺตํ; ปติฏฺหติ วา เอตฺถ ภิกฺขุ, กุสลธมฺมา เอว วา เอตฺถ ปติฏฺหนฺตีติ ปติฏฺา. อยมตฺโถ –
‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ จ. (สํ. นิ. ๑.๒๓);
‘‘ปติฏฺา ¶ , มหาราช, สีลํ สพฺเพสํ กุสลธมฺมาน’’นฺติ จ ‘‘สีเล ปติฏฺิตสฺส โข, มหาราช, สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น ปริหายนฺตี’’ติ (มิ. ป. ๒.๑.๙) จ อาทิสุตฺตวเสน เวทิตพฺโพ.
ตเทตํ ปุพฺพุปฺปตฺติอตฺเถน อาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๒).
ยถา ¶ หิ นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปมํ นครฏฺานํ โสเธติ, ตโต อปรภาเค วีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกาทิปริจฺเฉเทน วิภชิตฺวา นครํ มาเปติ; เอวเมว โยคาวจโร อาทิโตว สีลํ วิโสเธติ, ตโต อปรภาเค สมถวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานานิ สจฺฉิกโรติ. ยถา วา ปน รชโก ปมํ ตีหิ ขาเรหิ วตฺถํ โธวิตฺวา ปริสุทฺเธ วตฺเถ ยทิจฺฉกํ รงฺคชาตํ อุปเนติ; ยถา วา ปน เฉโก จิตฺตกาโร รูปํ ลิขิตุกาโม อาทิโตว ภิตฺติปริกมฺมํ กโรติ, ตโต อปรภาเค รูปํ สมุฏฺาเปติ; เอวเมว โยคาวจโร อาทิโตว สีลํ วิโสเธตฺวา อปรภาเค สมถวิปสฺสนาทโย ธมฺเม สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘อาที’’ติ วุตฺตํ.
ตเทตํ จรณสริกฺขตาย จรณํ. จรณาติ หิ ปาทา วุจฺจนฺติ. ยถา หิ ฉินฺนจรณสฺส ปุริสสฺส ทิสํคมนาภิสงฺขาโร น ชายติ, ปริปุณฺณปาทสฺเสว ชายติ; เอวเมว ยสฺส สีลํ ภินฺนํ โหติ ขณฺฑํ อปริปุณฺณํ, ตสฺส นิพฺพานคมนาย ¶ าณคมนํ น สมฺปชฺชติ. ยสฺส ปน ตํ อภินฺนํ โหติ อกฺขณฺฑํ ปริปุณฺณํ ตสฺส นิพฺพานคมนาย าณคมนํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา สีลํ ‘‘จรณ’’นฺติ วุตฺตํ.
ตเทตํ สํยมนวเสน สํยโม, สํวรณวเสน สํวโร. อุภเยนาปิ สีลสํยโม เจว สีลสํวโร จ กถิโต. วจนตฺโถ ปเนตฺถ สํยเมติ วีติกฺกมวิปฺผนฺทนํ, ปุคฺคลํ วา สํยเมติ, วีติกฺกมวเสน ตสฺส วิปฺผนฺทิตุํ น เทตีติ สํยโม. วีติกฺกมสฺส ปเวสนทฺวารํ สํวรติ ปิทหตีติปิ สํวโร. โมกฺขนฺติ อุตฺตมํ มุขภูตํ วา. ยถา หิ สตฺตานํ จตุพฺพิโธ อาหาโร มุเขน ¶ ปวิสิตฺวา องฺคมงฺคานิ ผรติ, เอวํ โยคิโนปิ จตุภูมกกุสลํ สีลมุเขน ปวิสิตฺวา อตฺถสิทฺธึ สมฺปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โมกฺข’’นฺติ. ปมุเข สาธูติ ปาโมกฺขํ; ปุพฺพงฺคมํ เสฏฺํ ปธานนฺติ อตฺโถ. กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยาติ จตุภูมกกุสลานํ ปฏิลาภตฺถาย ปาโมกฺขํ ปุพฺพงฺคมํ เสฏฺํ ปธานนฺติ เวทิตพฺพํ.
กายิโก อวีติกฺกโมติ ติวิธํ กายสุจริตํ. วาจสิโกติ จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ. กายิกวาจสิโกติ ตทุภยํ. อิมินา อาชีวฏฺมกสีลํ ปริยาทาย ทสฺเสติ. สํวุโตติ ปิหิโต; สํวุตินฺทฺริโย ปิหิตินฺทฺริโยติ ¶ อตฺโถ. ยถา หิ สํวุตทฺวารํ เคหํ ‘‘สํวุตเคหํ ปิหิตเคห’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิธ สํวุตินฺทฺริโย ‘‘สํวุโต’’ติ วุตฺโต. ปาติโมกฺขสํวเรนาติ ปาติโมกฺเขน จ สํวเรน จ, ปาติโมกฺขสงฺขาเตน วา สํวเรน. อุเปโตติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว.
๕๑๒. อิริยตีติอาทีหิ สตฺตหิปิ ปเทหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตสฺส ภิกฺขุโน อิริยาปถวิหาโร กถิโต.
๕๑๓. อาจารโคจรนิทฺเทเส กิฺจาปิ ภควา สมณาจรํ สมณโคจรํ กเถตุกาโม ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ อตฺถิ อาจาโร, อตฺถิ อนาจาโร’’ติ ปทํ อุทฺธริ. ยถา ปน มคฺคกุสโล ปุริโส มคฺคํ อจิกฺขนฺโต ‘วามํ มฺุจ ทกฺขิณํ คณฺหา’ติ ปมํ มฺุจิตพฺพํ สภยมคฺคํ อุปฺปถมคฺคํ อาจิกฺขติ ¶ , ปจฺฉา คเหตพฺพํ เขมมคฺคํ อุชุมคฺคํ; เอวเมว มคฺคกุสลปุริสสทิโส ธมฺมราชา ปมํ ปหาตพฺพํ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺํ อนาจารํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา อาจารํ อาจิกฺขิตุกาโม ‘‘ตตฺถ กตโม อนาจาโร’’ติอาทิมาห. ปุริเสน หิ อาจิกฺขิตมคฺโค สมฺปชฺเชยฺย วา น วา, ตถาคเตน อาจิกฺขิตมคฺโค อปณฺณโก, อินฺเทน วิสฺสฏฺํ วชิรํ วิย, อวิรชฺฌนโก นิพฺพานนครํเยว สโมสรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๔).
ยสฺมา วา สสีสํ นหาเนน ปหีนเสทมลชลฺลิกสฺส ปุริสสฺส มาลาคนฺธวิเลปนาทิวิภูสนวิธานํ วิย ปหีนปาปธมฺมสฺส กลฺยาณธมฺมสมาโยโค สมฺปนฺนรูโป โหติ, ตสฺมา เสทมลชลฺลิกฺกํ วิย ปหาตพฺพํ ปมํ อนาจารํ อาจิกฺขิตฺวา, ปหีนเสทมลชลฺลิกสฺส มาลาคนฺธวิเลปนาทิวิภูสนวิธานํ ¶ วิย ปจฺฉา อาจารํ อาจิกฺขิตุกาโมปิ ตตฺถ กตโม อนาจาโรติอาทิมาห. ตตฺถ กายิโก วีติกฺกโมติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ; วาจสิโก วีติกฺกโมติ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ; กายิกวาจสิโก วีติกฺกโมติ ตทุภยํ. เอวํ อาชีวฏฺมกสีลสฺเสว วีติกฺกมํ ทสฺเสสิ.
ยสฺมา ปน น เกวลํ กายวาจาหิ เอว อนาจารํ อาจรติ, มนสาปิ อาจรติ เอว, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยํ อนาจาโร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ¶ เอกจฺจิยํ อนาจารํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต อิเธกจฺโจ เวฬุทาเนนาติอาทิมาห. ตตฺถ เวฬุทาเนนาติ ปจฺจยเหตุเกน เวฬุทาเนน. วิหาเร อุฏฺิตฺหิ อรฺโต วา อาหริตฺวา รกฺขิตโคปิตํ เวฬุํ ‘เอวํ เม ปจฺจยํ ทสฺสนฺตี’ติ อุปฏฺากานํ ทาตุํ น วฏฺฏติ. เอวฺหิ ชีวิตํ กปฺเปนฺโต อเนสนาย มิจฺฉาชีเวน ชีวติ. โส ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ ปาปุณาติ, สมฺปราเย จ อปายปริปูรโก โหติ. อตฺตโน ปุคฺคลิกเวฬุํ กุลสงฺคหตฺถาย ททนฺโต กุลทูสกทุกฺกฏมาปชฺชติ; ปรปุคฺคลิกํ เถยฺยจิตฺเตน ททมาโน ภณฺฑคฺเฆน กาเรตพฺโพ. สงฺฆิเกปิ เอเสว นโย. สเจ ปน ตํ อิสฺสรวตาย เทติ ครุภณฺฑวิสฺสชฺชนมาปชฺชติ ¶ .
กตโร ปน เวฬุ ครุภณฺฑํ โหติ, กตโร น โหตีติ? โย ตาว อโรปิโม สยํชาตโก, โส สงฺเฆน ปริจฺฉินฺนฏฺาเนเยว ครุภณฺฑํ, ตโต ปรํ น ครุภณฺฑํ; โรปิตฏฺาเน สพฺเพน สพฺพํ ครุภณฺฑํ. โส ปน ปมาเณน ปริจฺฉินฺโน เตลนาฬิปฺปมาโณปิ ครุภณฺฑํ, น ตโต เหฏฺา. ยสฺส ปน ภิกฺขุโน เตลนาฬิยา วา กตฺตรทณฺเฑน วา อตฺโถ, เตน ผาติกมฺมํ กตฺวา คเหตพฺโพ. ผาติกมฺมํ ตทคฺฆนกํ วา อติเรกํ วา วฏฺฏติ, อูนกํ น วฏฺฏติ. หตฺถกมฺมมฺปิ อุทกาหรณมตฺตํ วา อปฺปหริตกรณมตฺตํ วา น วฏฺฏติ, ตํ ถาวรํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา โปกฺขรณิโต วา ปํสุํ อุทฺธริตฺวา โสปานํ วา อตฺถราเปตฺวา วิสมฏฺานํ วา สมํ กตฺวา คเหตุํ วฏฺฏติ. ผาติกมฺมํ อกตฺวา คหิโต ตตฺถ วสนฺเตเนว ปริภฺุชิตพฺโพ; ปกฺกมนฺเตน สงฺฆิกํ กตฺวา เปตฺวา คนฺตพฺพํ. อสติยา คเหตฺวา คเตน ยตฺถ คโต สรติ, ตโต ปจฺจาหริตพฺโพ. สเจ อนฺตรา ภยํ โหติ, สมฺปตฺตวิหเร เปตฺวา คนฺตพฺพํ.
มนุสฺสา วิหารํ คนฺตฺวา เวฬุํ ยาจนฺติ. ภิกฺขู ‘สงฺฆิโก’ติ ทาตุํ น วิสหนฺติ. มนุสฺสา ปุนปฺปุนํ ยาจนฺติ วา ตชฺเชนฺติ วา. ตทา ภิกฺขูหิ ‘ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา คณฺหถา’ติ วตฺตุํ ¶ วฏฺฏติ; เวฬุทานํ นาม น โหติ. สเจ เต ทณฺฑกมฺมตฺถาย วาสิผรสุอาทีนิ วา ขาทนียโภชนียํ วา เทนฺติ, คเหตุํ น วฏฺฏติ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘ทฑฺฒเคหา มนุสฺสา คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺตา น วาเรตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.
สเจ ¶ สงฺฆสฺส เวฬุคุมฺเพ เวฬุทูสิกา อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ อโกฏฺฏาเปนฺตานํ เวฬุ นสฺสติ, กึ กาตพฺพนฺติ? ภิกฺขาจาเร มนุสฺสานํ อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ โกฏฺเฏตุํ น อิจฺฉนฺติ ‘สมภาคํ ลภิสฺสถา’ติ วตฺตพฺพา; น อิจฺฉนฺติเยว ‘ทฺเว โกฏฺาเส ลภิสฺสถา’ติ วตฺตพฺพา. เอวมฺปิ อนิจฺฉนฺเตสุ ‘นฏฺเน อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ ขเณ สติ ทณฺฑกมฺมํ กริสฺสถ, โกฏฺเฏตฺวา คณฺหถา’ติ วตฺตพฺพา; เวฬุทานํ นาม น โหติ. เวฬุคุมฺเพ อคฺคิมฺหิ อุฏฺิเตปิ, อุทเกน วุยฺหมานเวฬูสุปิ เอเสว นโย. รุกฺเขสุปิ อยเมว กถามคฺโค. รุกฺโข ปน สูจิทณฺฑกปฺปมาโณ ครุภณฺฑํ โหติ. สงฺฆิเก รุกฺเข โกฏฺฏาเปตฺวา สงฺฆํ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ สงฺฆิกํ อาวาสํ กาตุํ ¶ ลพฺภติ. วจนปถจฺเฉทนตฺถํ ปน อาปุจฺฉิตฺวาว กาตพฺโพ.
ปุคฺคลิกํ กาตุํ ลพฺภติ, น ลพฺภตีติ? น ลพฺภติ. หตฺถกมฺมสีเสน ปน เอกสฺมึ เคเห มฺจฏฺานมตฺตํ ลพฺภติ, ตีสุ เคเหสุ เอกํ เคหํ ลภติ. สเจ ทพฺภสมฺภารา ปุคฺคลิกา โหนฺติ, ภูมิ สงฺฆิกา, เอกํ เคหํ กตฺวา สมภาคํ ลภติ, ทฺวีสุ เคเหสุ เอกํ เคหํ ลภติ. สงฺฆิกรุกฺเข สงฺฆิกํ อาวาสํ พาเธนฺเต สงฺฆํ อนาปุจฺฉา หาเรตุํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? วฏฺฏติ. วจนปถจฺเฉทนตฺถํ ปน อาปุจฺฉิตฺวาว หาเรตพฺโพ. สเจ รุกฺขํ นิสฺสาย สงฺฆสฺส มหนฺโต ลาโภ โหติ, น หาเรตพฺโพ. ปุคฺคลิกรุกฺเข สงฺฆิกํ อาวาสํ พาเธนฺเต รุกฺขสามิกสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ. สเจ หริตุํ น อิจฺฉติ, เฉทาเปตฺวา หาเรตพฺโพ. ‘รุกฺขํ เม เทถา’ติ โจเทนฺตสฺส รุกฺขํ อคฺฆาเปตฺวา มูลํ ทาตพฺพํ. สงฺฆิเก รุกฺเข ปุคฺคลิกาวาสํ, ปุคฺคลิเก จ ปุคฺคลิกาวาสํ พาเธนฺเตปิ เอเสว นโย. วลฺลิยมฺปิ อยเมว กถามคฺโค. วลฺลิ ปน ยตฺถ วิกฺกายติ, ทุลฺลภา โหติ, ตตฺถ ครุภณฺฑํ. สา จ โข อุปฑฺฒพาหุปฺปมาณโต ปฏฺาย; ตโต เหฏฺา วลฺลิขณฺฑํ ครุภณฺฑํ น โหติ.
ปตฺตทานาทีสุปิ ปตฺตทาเนนาติ ปจฺจยเหตุเกน ปตฺตทาเนนาติอาทิ สพฺพํ เวฬุทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ครุภณฺฑตาย ปเนตฺถ อยํ วินิจฺฉโย. ปตฺตมฺปิ หิ ยตฺถ วิกฺกายติ, คนฺธิกาทโย ¶ คนฺธปลิเวนาทีนํ อตฺถาย คณฺหนฺติ, ตาทิเส ทุลฺลภฏฺาเนเยว ครุภณฺฑํ โหติ. เอส ตาว กึสุกปตฺตกณฺณปิฬนฺธนตาลปตฺตาทีสุ วินิจฺฉโย.
ตาลปณฺณมฺปิ ¶ อิมสฺมึเยว าเน กเถตพฺพํ. ตาลปณฺณมฺปิ หิ สยํชาเต ตาลวเน สงฺเฆน ปริจฺฉินฺนฏฺาเนเยว ครุภณฺฑํ, น ตโต ปรํ. โรปิมตาเลสุ สพฺพมฺปิ ครุภณฺฑํ. ตสฺส ปมาณํ เหฏฺิมโกฏิยา อฏฺงฺคุลปฺปมาโณปิ ริตฺตโปตฺถโก. ติณมฺปิ เอตฺเถว ปกฺขิปิตฺวา กเถตพฺพํ. ยตฺถ ปน ติณํ นตฺถิ ตตฺถ มฺุชปลาลนาฬิเกรปณฺณาทีหิปิ ฉาเทนฺติ. ตสฺมา ตานิปิ ติเณเนว สงฺคหิตานิ. อิติ มฺุชปลาลาทีสุ ยํกิฺจิ มุฏฺิปฺปมาณํ ติณํ, นาฬิเกรปณฺณาทีสุ จ เอกปณฺณมฺปิ ¶ สงฺฆสฺส ทินฺนํ วา ตตฺถชาตกํ วา พหิอาราเม สงฺฆสฺส ติณวตฺถุมฺหิ ชาตติณํ วา รกฺขิตโคปิตํ ครุภณฺฑํ โหติ. ตํ ปน สงฺฆกมฺเม จ เจติยกมฺเม จ กเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกมฺเม ทาตุํ วฏฺฏติ. เหฏฺา วุตฺตเวฬุมฺหิปิ เอเสว นโย.
ปุปฺผทาเน ‘‘เอตฺตเกสุ รุกฺเขสุ ปุปฺผานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ยาคุภตฺตวตฺเถ อุปเนนฺตุ, เอตฺตเกสุ เสนาสนปฏิสงฺขรเณ อุปเนนฺตู’’ติ เอวํ นิยมิตฏฺาเน เอว ปุปฺผานิ ครุภณฺฑานิ โหนฺติ. ปรตีเร สามเณรา ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ราสึ กโรนฺติ, ปฺจงฺคสมนฺนาคโต ปุปฺผภาชโก ภิกฺขุสงฺฆํ คเณตฺวา โกฏฺาเส กโรติ, โส สมฺปตฺตปริสาย สงฺฆํ อนาปุจฺฉิตฺวาว ทาตุํ ลภติ; อสมฺมเตน ปน อาปุจฺฉิตฺวาว ทาตพฺพํ. ภิกฺขุ ปน กสฺส ปุปฺผานิ ทาตุํ ลภติ, กสฺส น ลภตีติ? มาตาปิตูนํ เคหํ หริตฺวาปิ เคหโต ปกฺโกสาเปตฺวาปิ ‘วตฺถุปูชํ กโรถา’ติ ทาตุํ ลภติ, ปิฬนฺธนตฺถาย ทาตุํ น ลภติ; เสสาตีนํ ปน หริตฺวา น ทาตพฺพํ, ปกฺโกสาเปตฺวา ‘ปูชํ กโรถา’ติ ทาตพฺพํ; เสสชนสฺส ปูชนฏฺานํ สมฺปตฺตสฺส อปจฺจาสีสนฺเตน ทาตพฺพํ; ปุปฺผทานํ นาม น โหติ. วิหาเร พหูนิ ปุปฺผานิ ปุปฺผนฺติ. ภิกฺขุนา ปิณฺฑาย จรนฺเตน มนุสฺเส ทิสฺวา ‘วิหาเร พหูนิ ปุปฺผานิ, ปูเชถา’ติ วตฺตพฺพํ. วจนมตฺเต โทโส นตฺถิ. ‘มนุสฺสา ขาทนียโภชนียํ อาทาย อาคมิสฺสนฺตี’ติ จิตฺเตน ปน น วตฺตพฺพํ. สเจ วทติ, ขาทนียโภชนียํ น ปริภฺุชิตพฺพํ. มนุสฺสา อตฺตโน ธมฺมตาย ‘วิหาเร ปุปฺผานิ อตฺถี’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘อสุกทิวเส วิหารํ อาคมิสฺสาม, สามเณรานํ ปุปฺผานิ โอจินิตุํ มา เทถา’ติ วทนฺติ. ภิกฺขู สามเณรานํ กเถตุํ ปมุฏฺา. สามเณเรหิ ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปิตานิ. มนุสฺสา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยํ ตุมฺหากํ อสุกทิวเสเยว อาโรจยิมฺห ¶ – ‘สามเณรานํ ปุปฺผานิ โอจินิตุํ มา เทถา’ติ. กสฺมา น วารยิตฺถา’’ติ? ‘‘สติ ¶ เม ปมุฏฺา, ปุปฺผานิ โอจินิตมตฺตาเนว, ตาว น ปูชา กตา’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘คณฺหถ ปูเชถา’’ติ น วตฺตพฺพํ. สเจ วทติ, อามิสํ น ปริภฺุชิตพฺพํ.
อปโร ภิกฺขุ สามเณรานํ อาจิกฺขติ ‘‘อสุกคามวาสิโน ปุปฺผานิ มา โอจินิตฺถา’’ติ อาหํสูติ. มนุสฺสาปิ ¶ อามิสํ อาหริตฺวา ทานํ ทตฺวา วทนฺติ – ‘‘อมฺหากํ มนุสฺสา น พหุกา, สามเณเร อมฺเหหิ สห ปุปฺผานิ โอจินิตุํ อาณาเปถา’’ติ. ‘‘สามเณเรหิ ภิกฺขา ลทฺธา; เย ภิกฺขาจารํ น คจฺฉนฺติ, เต สยเมว ชานิสฺสนฺติ, อุปาสกา’’ติ วตฺตพฺพํ. เอตฺตกํ นยํ ลภิตฺวา สามเณเร ปุตฺเต วา ภาติเก วา กตฺวา ปุปฺผานิ โอจินาเปตุํ โทโส นตฺถิ; ปุปฺผทานํ นาม น โหติ.
ผลทาเน ผลมฺปิ ปุปฺผํ วิย นิยมิตเมว ครุภณฺฑํ โหติ. วิหาเร พหุกมฺหิ ผลาผเล สติ อผาสุกมนุสฺสา อาคนฺตฺวา ยาจนฺติ. ภิกฺขู ‘สงฺฆิก’นฺติ ทาตุํ น อุสฺสหนฺติ. มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ. ตตฺถ กึ กาตพฺพนฺติ? ผเลหิ วา รุกฺเขหิ วา ปริจฺฉินฺทิตฺวา กติกา กาตพฺพา – ‘อสุเกสุ จ รุกฺเขสุ เอตฺตกานิ ผลานิ คณฺหนฺตา, เอตฺตเกสุ วา รุกฺเขสุ ผลานิ คณฺหนฺตา น วาเรตพฺพา’ติ. โจรา ปน อิสฺสรา วา พลกฺกาเรน คณฺหนฺตา น วาเรตพฺพา; กุทฺธา เต สกลวิหารมฺปิ นาเสยฺยุํ. อาทีนโว ปน กเถตพฺโพติ.
สินานทาเน สินานจุณฺณานิ โกฏฺฏิตานิ น ครุภณฺฑานิ. อโกฏฺฏิโต รุกฺขตฺตโจว ครุภณฺฑํ. จุณฺณํ ปน อคิลานสฺส รชนนิปกฺกํ วฏฺฏติ. คิลานสฺส ยํกิฺจิ จุณฺณํ วฏฺฏติเยว. มตฺติกาปิ เอตฺเถว ปกฺขิปิตฺวา กเถตพฺพา. มตฺติกาปิ ยตฺถ ทุลฺลภา โหติ, ตตฺเถว ครุภณฺฑํ. สาปิ เหฏฺิมโกฏิยา ตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณาว ตโต เหฏฺา น ครุภณฺฑนฺติ.
ทนฺตกฏฺทาเน ทนฺตกฏฺํ อจฺฉินฺนกเมว ครุภณฺฑํ. เยสํ สามเณรานํ สงฺฆโต ทนฺตกฏฺวาโร ปาปุณาติ, เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ ปาฏิเยกฺกํ ทาตุํ น ลภนฺติ. เยหิ ปน ‘เอตฺตกานิ ทนฺตกฏฺานิ อาหริตพฺพานี’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วารํ คหิตานิ, เต อติเรกานิ อาจริยุปชฺฌายานํ ทาตุํ ลภนฺติ. เอเกน ภิกฺขุนา ทนฺตกฏฺมาฬกโต พหูนิ ทนฺตกฏฺานิ ¶ น คเหตพฺพานิ, เทวสิกํ เอเกกเมว คเหตพฺพํ. ปาฏิเยกฺกํ วสนฺเตนาปิ ภิกฺขุสงฺฆํ คณยิตฺวา ยตฺตกานิ ¶ อตฺตโน ปาปุณนฺติ ตตฺตกาเนว คเหตฺวา คนฺตพฺพํ; อนฺตรา อาคนฺตุเกสุ วา อาคเตสุ ¶ ทิสํ วา ปกฺกมนฺเตน อาหริตฺวา คหิตฏฺาเนเยว เปตพฺพานิ.
จาฏุกมฺยตายาติอาทีสุ จาฏุกมฺยตา วุจฺจติ อตฺตานํ ทาสํ วิย นีจฏฺาเน เปตฺวา ปรสฺส ขลิตวจนมฺปิ สณฺเปตฺวา ปิยกามตาย ปคฺคยฺหวจนํ. มุคฺคสูปฺยตายาติ มุคฺคสูปสมานาย สจฺจาลิเกน ชีวิตกปฺปนตาเยตํ อธิวจนํ. ยถา หิ มุคฺคสูเป ปจฺจนฺเต พหู มุคฺคา ปากํ คจฺฉนฺติ, โถกา น คจฺฉนฺติ; เอวเมว สจฺจาลิเกน ชีวิตกปฺปเก ปุคฺคเล พหุ อลิกํ โหติ, อปฺปกํ สจฺจํ. ยถา วา มุคฺคสูปสฺส อปฺปวิสนฏฺานํ นาม นตฺถิ, เอวเมว สจฺจาลิกวุตฺติโน ปุคฺคลสฺส อปฺปวิฏฺวาจา นาม นตฺถิ; สิงฺฆาฏกํ วิย อิจฺฉิติจฺฉิตธาราย ปติฏฺาติ. เตนสฺส สา มุสาวาทิตา มุคฺคสูปฺยตาติ วุตฺตา. ปาริภฏยตาติ ปริภฏกมฺมภาโว. ปริภฏสฺส หิ กมฺมํ ปาริภฏยํ, ตสฺส ภาโว ปาริภฏยตา; อลงฺการกรณาทีหิ ทารกกีฬาปนสฺเสตํ อธิวจนํ.
ชงฺฆเปสนิกนฺติ คามนฺตรเทสนฺตราทีสุ เตสํ เตสํ คิหีนํ สาสนปฏิสาสนหรณํ. อิทฺหิ ชงฺฆเปสนิกํ นาม อตฺตโน มาตาปิตูนํ, เย จสฺส มาตาปิตโร อุปฏฺหนฺติ, เตสํ สาสนํ คเหตฺวา กตฺถจิ คมนวเสน วฏฺฏติ. เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา อตฺตโน วา กมฺมํ กโรนฺตานํ วฑฺฒกีนมฺปิ สาสนํ หริตุํ วฏฺฏติ. มนุสฺสา ‘‘ทานํ ทสฺสาม, ปูชํ กริสฺสาม, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาจิกฺขถา’’ติ วทนฺติ; ‘‘อสุกตฺเถรสฺส นาม เทถา’’ติ ปิณฺฑปาตํ วา เภสชฺชํ วา จีวรํ วา เทนฺติ; ‘‘วิหาเร ปูชํ กโรถา’’ติ มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ วา ธชปตากาทีนิ วา นียฺยาเทนฺติ, สพฺพํ หริตุํ วฏฺฏติ; ชงฺฆเปสนิกํ นาม น โหติ. เสสานํ สาสนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ปทวาเร ปทวาเร โทโส.
อฺตรฺตเรนาติ เอเตสํ วา เวฬุทานาทีนํ อฺตรฺตเรน เวชฺชกมฺมภณฺฑาคาริกกมฺมํ ปิณฺฑปฏิปิณฺฑกมฺมํ ¶ สงฺฆุปฺปาทเจติยุปฺปาทอุปฏฺาปนกมฺมนฺติ เอวรูปานํ วา มิจฺฉาชีเวน ชีวิตกปฺปนกกมฺมานํ เยน เกนจิ. พุทฺธปฏิกุฏฺเนาติ พุทฺเธหิ ครหิเตน ปฏิสิทฺเธน. อยํ วุจฺจตีติ อยํ สพฺโพปิ อนาจาโร นาม กถียติ. อาจารนิทฺเทโส วุตฺตปฏิปกฺขนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๕๑๔. โคจรนิทฺเทเสปิ ¶ ¶ ปมํ อโคจรสฺส วจเน การณํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ โคจโรติ ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานํ โคจโร, อยุตฺตฏฺานํ อโคจโร. เวสิยา โคจโร อสฺสาติ เวสิยโคจโร; มิตฺตสนฺถววเสน อุปสงฺกมิตฏฺานนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ เวสิยา นาม รูปูปชีวินิโย เยน เกนจิเทว สุลภชฺฌาจารตามิตฺตสตฺถวสิเนหวเสน อุปสงฺกมนฺโต เวสิยาโคจโร นาม โหติ. ตสฺมา เอวํ อุปสงฺกมิตุํ น วฏฺฏติ. กึ การณา? อารกฺขวิปตฺติโต. เอวํ อุปสงฺกมนฺตสฺส หิ จิรํ รกฺขิตโคปิโตปิ สมณธมฺโม กติปาเหเนว นสฺสติ; สเจปิ น นสฺสติ ครหํ ลภติ. ทกฺขิณาวเสน ปน อุปสงฺกมนฺเตน สตึ อุปฏฺาเปตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ. วิธวา วุจฺจนฺติ มตปติกา วา ปวุตฺถปติกา วา. ถุลฺลกุมาริโยติ มหลฺลิกา อนิวิฏฺกุมาริโย. ปณฺฑกาติ โลกามิสนิสฺสิตกถาพหุลา อุสฺสนฺนกิเลสา อวูปสนฺตปริฬาหา นปุํสกา. เตสํ สพฺเพสมฺปิ อุปสงฺกมเน อาทีนโว วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ภิกฺขุนีสุปิ เอเสว นโย. อปิจ ภิกฺขู นาม อุสฺสนฺนพฺรหฺมจริยา โหนฺติ, ตถา ภิกฺขุนิโย. เต อฺมฺํ สนฺถววเสน กติปาเหเนว รกฺขิตโคปิตสมณธมฺมํ นาเสนฺติ. คิลานปุจฺฉเกน ปน คนฺตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขุนา ปุปฺผานิ ลภิตฺวา ปูชนตฺถายปิ โอวาททานตฺถายปิ คนฺตุํ วฏฺฏติเยว.
ปานาคารนฺติ สุราปานฆรํ. ตํ พฺรหฺมจริยนฺตรายกเรหิ สุราโสณฺเฑหิ อวิวิตฺตํ โหติ. ตตฺถ เตหิ สทฺธึ สห โสณฺฑวเสน ¶ อุปสงฺกมิตุํ น วฏฺฏติ; พฺรหฺมจริยนฺตราโย โหติ. สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหีติอาทีสุ ราชาโนติ อภิสิตฺตา วา โหนฺตุ อนภิสิตฺตา วา เย รชฺชํ อนุสาสนฺติ. ราชมหามตฺตาติ ราชูนํ อิสฺสริยสทิสาย มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตา. ติตฺถิยาติ วิปรีตทสฺสนา พาหิรปริพฺพาชกา. ติตฺถิยสาวกาติ ภตฺติวเสน เตสํ ปจฺจยทายกา. เอเตหิ สทฺธึ สํสคฺคชาโต โหตีติ อตฺโถ.
อนนุโลมิเกน สํสคฺเคนาติ อนนุโลมิกสํสคฺโค นาม ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ อนนุโลโม ปจฺจนีกสํสคฺโค, เยน พฺรหฺมจริยนฺตรายํ ปฺตฺติวีติกฺกมํ สลฺเลขปริหานิฺจ ปาปุณาติ, เสยฺยถิทํ – ราชราชมหามตฺเตหิ สทฺธึ สหโสกิตา, สหนนฺทิตา, สมสุขทุกฺขตา, อุปฺปนฺเนสุ ¶ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนาว โยคํ อาปชฺชนตา, ติตฺถิยติตฺถิยสาวเกหิ สทฺธึ เอกจฺฉนฺทรุจิสมาจารตา เอกจฺฉนฺทรุจิสมาจารภาวาวโห วา สิเนหพหุมานสนฺถโว. ตตฺถ ราชราชมหามตฺเตหิ ¶ สทฺธึ สํสคฺโค พฺรหฺมจริยนฺตรายํ กโรติ. อิตเรหิ ติตฺถิยสาวเกหิ เตสํ ลทฺธิคหณํ. เตสํ ปน วาทํ ภินฺทิตฺวา อตฺตโน ลทฺธึ คณฺหาเปตุํ สมตฺเถน อุปสงฺกมิตุํ วฏฺฏติ.
อิทานิ อปเรนปิ ปริยาเยน อโคจรํ ทสฺเสตุํ ยานิ วา ปน ตานิ กุลานีติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อสฺสทฺธานีติ พุทฺธาทีสุ สทฺธาวิรหิตานิ; พุทฺโธ สพฺพฺู, ธมฺโม นิยฺยานิโก, สงฺโฆ สุปฺปฏิปนฺโนติ น สทฺทหนฺติ. อปฺปสนฺนานีติ จิตฺตํ ปสนฺนํ อนาวิลํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. อกฺโกสกปริภาสกานีติ อกฺโกสกานิ เจว ปริภาสกานิ จ; ‘โจโรสิ, พาโลสิ, มูฬฺโหสิ, โอฏฺโสิ, โคโณสิ, คทฺรโภสิ, อาปายิโกสิ, เนรยิโกสิ, ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ สุคติ, ทุคฺคติเยว ปาฏิกงฺขา’ติ เอวํ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ; ‘โหตุ, อิทานิ ตํ ปหริสฺสาม, พนฺธิสฺสาม ¶ , วธิสฺสามา’ติ เอวํ ภยทสฺสเนน ปริภาสนฺติ จาติ อตฺโถ. อนตฺถกามานีติ อตฺถํ น อิจฺฉนฺติ, อนตฺถเมว อิจฺฉนฺติ. อหิตกามานีติ อหิตเมว อิจฺฉนฺติ, หิตํ น อิจฺฉนฺติ. อผาสุกกามานีติ ผาสุกํ น อิจฺฉนฺติ, อผาสุกเมว อิจฺฉนฺติ. อโยคกฺเขมกามานีติ จตูหิ โยเคหิ เขมํ นิพฺภยํ น อิจฺฉนฺติ, สภยเมว อิจฺฉนฺติ. ภิกฺขูนนฺติ เอตฺถ สามเณราปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ภิกฺขุนีนนฺติ เอตฺถ สิกฺขมานสามเณริโยปิ. สพฺเพสมฺปิ หิ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตานฺเจว สรณคตานฺจ จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ ตานิ อนตฺถกามานิเยว. ตถารูปานิ กุลานีติ เอวรูปานิ ขตฺติยกุลาทีนิ กุลานิ. เสวตีติ นิสฺสาย ชีวติ. ภชตีติ อุปสงฺกมติ. ปยิรุปาสตีติ ปุนปฺปุนํ อุปสงฺกมติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ เวสิยาทิโคจรสฺส เวสิยาทิโก, ราชาทิสํสฏฺสฺส ราชาทิโก, อสฺสทฺธกุลาทิเสวกสฺส อสฺสทฺธกุลาทิโก จาติ ติปฺปกาโรปิ อยุตฺตโคจโร อโคจโรติ เวทิตพฺโพ.
ตสฺส อิมินา ปริยาเยน อโคจรตา เวทิตพฺพา. เวสิยาทิโก ตาว ปฺจกามคุณนิสฺสยโต อโคจโรติ เวทิตพฺโพ, ยถาห – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย? ยทิทํ ปฺจ กามคุณา’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒) ราชาทิโก ฌานานุโยคสฺส อนุปนิสฺสยโต ลาภสกฺการาสนิจกฺกนิปฺผาทนโต ทิฏฺิวิปตฺติเหตุโต จ, อสฺสทฺธกุลาทิโก สทฺธาหานิจิตฺตสนฺตาสาวหนโต อโคจโรติ.
โคจรนิทฺเทเส น เวสิยโคจโรติอาทีนิ วุตฺตปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺพานิ. โอปานภูตานีติอาทีสุ ¶ ปน โอปานภูตานีติ อุทปานภูตานิ; ภิกฺขุสงฺฆสฺส, จาตุมหาปเถ ขตโปกฺขรณี วิย, ยถาสุขํ โอคาหนกฺขมานิ จิตฺตมหามตฺตสฺส เคหสทิสานิ. ตสฺส กิร เคเห กาลตฺถมฺโภ ยุตฺโตเยว ¶ . ฆรทฺวารํ สมฺปตฺตานํ ภิกฺขูนํ ปจฺจยเวกลฺลํ นาม นตฺถิ. เอกทิวสํ เภสชฺชวตฺตเมว สฏฺิ กหาปณานิ นิกฺขมนฺติ. กาสาวปชฺโชตานีติ ภิกฺขุภิกฺขุนีหิ นิวตฺถปารุตานํ กาสาวานํเยว ปภาย เอโกภาสานิ ภูตปาลเสฏฺิกุลสทิสานิ. อิสิวาตปฏิวาตานีติ เคหํ ปวิสนฺตานํ นิกฺขมนฺตานฺจ ภิกฺขุภิกฺขุนีสงฺขาตานํ อิสีนํ จีวรวาเตน เจว สมิฺชนปสารณาทิชนิตสรีรวาเตน จ ปฏิวาตานิ ปวายิตานิ วินิทฺธุตกิพฺพิสานิ วา.
๕๑๕. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวิตานิทฺเทเส อณุมตฺตานีติ อณุปฺปมาณา. วชฺชาติ โทสา. ยานิ ตานิ วชฺชานีติ ยานิ ตานิ ครหิตพฺพฏฺเน วชฺชานิ. อปฺปมตฺตกานีติ ปริตฺตมตฺตกานิ ขุทฺทกปฺปมาณานิ. โอรมตฺตกานีติ ปริตฺตโตปิ โอริมปฺปมาณตฺตา โอรมตฺตกานิ. ลหุสานีติ ลหุกานิ. ลหุสมฺมตานีติ ลหูติ สมฺมตานิ. สํยมกรณียานีติ สํยเมน กตฺตพฺพปฏิกมฺมานิ. สํวรกรณียานีติ สํวเรน กาตพฺพานิ สํวเรน กตฺตพฺพปฏิกมฺมานิ. จิตฺตุปฺปาทกรณียานีติ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน กตฺตพฺพปฏิกมฺมานิ. มนสิการปฏิพทฺธานีติ มนสา อาวชฺชิตมตฺเตเนว กตฺตพฺพปฏิกมฺมานิ. กานิ ปน ตานีติ? ทิวาวิหารวาสี สุมตฺเถโร ตาว อาห – ‘‘อนาปตฺติคมนียานิ จิตฺตุปฺปาทมตฺตกานิ ยานิ ‘น ปุน เอวรูปํ กริสฺสามี’ติ มนสา อาวชฺชิตมตฺเตเนว สุชฺฌนฺติ. อธิฏฺานาวิกมฺมํ นาเมตํ กถิต’’นฺติ. อนฺเตวาสิโก ปนสฺส ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ปนาห – ‘‘อิทํ ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺเสว ภาชนียํ. ตสฺมา สพฺพลหุกํ ทุกฺกฏทุพฺภาสิตํ อิธ วชฺชนฺติ เวทิตพฺพํ. วุฏฺานาวิกมฺมํ นาเมตํ กถิต’’นฺติ. อิติอิเมสูติ ¶ เอวํปกาเรสุ อิเมสุ. วชฺชทสฺสาวีติ วชฺชโต โทสโต ทสฺสนสีโล. ภยทสฺสาวีติ ¶ จตุพฺพิธสฺส ภยสฺส การณตฺตา ภยโต ทสฺสนสีโล. อาทีนวทสฺสาวีติ อิธ นินฺทาวหนโต, อายตึ ทุกฺขวิปากโต, อุปริคุณานํ อนฺตรายกรณโต, วิปฺปฏิสารชนนโต จ เอเตน นานปฺปกาเรน อาทีนวโต ทสฺสนสีโล.
นิสฺสรณทสฺสาวีติ ยํ ตตฺถ นิสฺสรณํ ตสฺส ทสฺสนสีโล. กึ ปเนตฺถ นิสฺสรณนฺติ? อาจริยตฺเถรวาเท ¶ ตาว ‘‘อนาปตฺติคมนียตาย สติ อธิฏฺานาวิกมฺมํ นิสฺสรณ’’นฺติ กถิตํ. อนฺเตวาสิกตฺเถรวาเท ตาว ‘‘อาปตฺติคมนียตาย สติ วุฏฺานาวิกมฺมํ นิสฺสรณ’’นฺติ กถิตํ.
ตตฺถ ตถารูโป ภิกฺขุ อณุมตฺตานิ วชฺชานิ วชฺชโต ภยโต ปสฺสติ นาม. ตํ ทสฺเสตุํ อยํ นโย กถิโต – ปรมาณุ นาม, อณุ นาม, ตชฺชารี นาม, รถเรณุ นาม, ลิกฺขา นาม, อูกา นาม, ธฺมาโส นาม, องฺคุลํ นาม, วิทตฺถิ นาม, รตนํ นาม, ยฏฺิ นาม, อุสภํ นาม, คาวุตํ นาม, โยชนํ นาม. ตตฺถ ‘ปรมาณุ’ นาม อากาสโกฏฺาสิโก มํสจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉติ, ทิพฺพจกฺขุสฺเสว อาคจฺฉติ. ‘อณุ’ นาม ภิตฺติจฺฉิทฺทตาลจฺฉิทฺเทหิ ปวิฏฺสูริยรสฺมีสุ วฏฺฏิ วฏฺฏิ หุตฺวา ปริพฺภมนฺโต ปฺายติ. ‘ตชฺชารี’ นาม โคปถมนุสฺสปถจกฺกปเถสุ ฉิชฺชิตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ อุคฺคนฺตฺวา ติฏฺติ. ‘รถเรณุ’ นาม ตตฺถ ตตฺเถว อลฺลียติ. ลิกฺขาทโย ปากฏา เอว. เอเตสุ ปน ฉตฺตึส ปรมาณโว เอกสฺส อณุโน ปมาณํ. ฉตฺตึส อณู เอกาย ตชฺชาริยา ปมาณํ. ฉตฺตึส ตชฺชาริโย เอโก รถเรณุ. ฉตฺตึส รถเรณู เอกา ลิกฺขา. สตฺต ลิกฺขา เอกา อูกา. สตฺต อูกา เอโก ธฺมาโส. สตฺตธฺมาสปฺปมาณํ เอกํ องฺคุลํ. เตนงฺคุเลน ทฺวาทสงฺคุลานิ วิทตฺถิ. ทฺเว วิทตฺถิโย รตนํ. สตฺต รตนานิ ยฏฺิ. ตาย ยฏฺิยา วีสติ ยฏฺิโย อุสภํ. อสีติ อุสภานิ คาวุตํ. จตฺตาริ คาวุตานิ โยชนํ. เตน โยชเนน อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพโธ สิเนรุปพฺพตราชา. โย ภิกฺขุ อณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตสทิสํ กตฺวา ทฏฺุํ สกฺโกติ – อยํ ภิกฺขุ อณุมตฺตานิ ¶ วชฺชานิ ภยโต ปสฺสติ นาม. โยปิ ภิกฺขุ สพฺพลหุกํ ¶ ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺตํ ปมปาราชิกสทิสํ กตฺวา ทฏฺุํ สกฺโกติ – อยํ อณุมตฺตานิ วชฺชานิ วชฺชโต ภยโต ปสฺสติ นามาติ เวทิตพฺโพ.
๕๑๖. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติปทนิทฺเทเส ภิกฺขุสิกฺขาติ ภิกฺขูหิ สิกฺขิตพฺพสิกฺขา. สา ภิกฺขุนีหิ สาธารณาปิ อสาธารณาปิ ภิกฺขุสิกฺขา เอว นาม. ภิกฺขุนีสิกฺขาติ ภิกฺขุนีหิ สิกฺขิตพฺพสิกฺขา. สาปิ ภิกฺขูหิ สาธารณาปิ อสาธารณาปิ ภิกฺขุนีสิกฺขา เอว นาม. สามเณรสิกฺขมานสามเณรีนํ สิกฺขาปิ เอตฺเถว ปวิฏฺา. อุปาสกสิกฺขาติ อุปาสเกหิ สิกฺขิตพฺพสิกฺขา. สา ปฺจสีลทสสีลวเสน วฏฺฏติ. อุปาสิกาสิกฺขาติ อุปาสิกาหิ สิกฺขิตพฺพสิกฺขา. สาปิ ปฺจสีลทสสีลวเสน วฏฺฏติ. ตตฺถ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ สิกฺขา ยาว อรหตฺตมคฺคา วฏฺฏติ. อุปาสกอุปาสิกานํ สิกฺขา ¶ ยาว อนาคามิมคฺคา. ตตฺรายํ ภิกฺขุ อตฺตนา สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปเทสุ เอว สิกฺขติ. เสสสิกฺขา ปน อตฺถุทฺธารวเสน สิกฺขาปทสฺส อตฺถทสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. อิติ อิมาสุ สิกฺขาสูติ เอวํปการาสุ เอตาสุ สิกฺขาสุ. สพฺเพน สพฺพนฺติ สพฺเพน สิกฺขาสมาทาเนน สพฺพํ สิกฺขํ. สพฺพถา สพฺพนฺติ สพฺเพน สิกฺขิตพฺพากาเรน สพฺพํ สิกฺขํ. อเสสํ นิสฺเสสนฺติ เสสาภาวโต อเสสํ; สติสมฺโมเสน ภินฺนสฺสาปิ สิกฺขาปทสฺส ปุน ปากติกกรณโต นิสฺเสสํ. สมาทาย วตฺตตีติ สมาทิยิตฺวา คเหตฺวา วตฺตติ. เตน วุจฺจตีติ เยน การเณน เอตํ สพฺพํ สิกฺขาปทํ สพฺเพน สิกฺขิตพฺพากาเรน สมาทิยิตฺวา สิกฺขติ ปูเรติ, เตน วุจฺจติ ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ.
๕๑๗-๘. อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺูติปททฺวยสฺส นิทฺเทเส กณฺหปกฺขสฺส ปมวจเน ปโยชนํ อาจารนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ กตมา อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตาติอาทีสุ ปน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ นิกฺเขปกณฺฑวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
๕๑๙. ชาคริยานุโยคนิทฺเทเส ¶ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตนฺติ เอตฺถ อฑฺฒรตฺตสงฺขาตาย รตฺติยา ปุพฺเพ ปุพฺพรตฺตํ; อิมินา ปมยามฺเจว ปจฺฉาภตฺตฺจ คณฺหาติ ¶ . รตฺติยา ปจฺฉา อปรรตฺตํ; อิมินา ปจฺฉิมยามฺเจว ปุเรภตฺตฺจ คณฺหาติ. มชฺฌิมยาโม ปนสฺส ภิกฺขุโน นิทฺทากิลมถวิโนทโนกาโสติ น คหิโต. ชาคริยานุโยคนฺติ ชาคริยสฺส อสุปนภาวสฺส อนุโยคํ. อนุยุตฺโต โหตีติ ตํ อนุโยคสงฺขาตํ อาเสวนํ ภาวนํ อนุยุตฺโต โหติ สมฺปยุตฺโต. นิทฺเทเส ปนสฺส อิธ ภิกฺขุ ทิวสนฺติ ปุพฺพณฺโห, มชฺฌนฺโห, สายนฺโหติ ตโยปิ ทิวสโกฏฺาสา คหิตา. จงฺกเมน นิสชฺชายาติ สกลมฺปิ ทิวสํ อิมินา อิริยาปถทฺวเยเนว วิหรนฺโต. จิตฺตสฺส อาวรณโต อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ ปฺจหิปิ นีวรเณหิ สพฺพากุสลธมฺเมหิ วา จิตฺตํ ปริโสเธติ. เตหิ ธมฺเมหิ วิโสเธติ ปริโมเจติ. านํ ปเนตฺถ กิฺจาปิ น คหิตํ, จงฺกมนิสชฺชาสนฺนิสฺสิตํ ปน กตฺวา คเหตพฺพเมว. ปมยามนฺติ สกลสฺมิมฺปิ ปมยาเม. มชฺฌิมยามนฺติ รตฺตินฺทิวสฺส ฉฏฺโกฏฺาสสงฺขาเต มชฺฌิมยาเม.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคีเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ อยํ กามโภคีเสยฺยา. เตสุ หิ เยภุยฺเยน ทกฺขิณปสฺเสน สยาโน นาม นตฺถิ. ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว ¶ , เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ อยํ เปตเสยฺยา; อปฺปมํสโลหิตตฺตา หิ อฏฺิสงฺฆาฏชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ. สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสยฺยํ กปฺเปติ…เป… อตฺตมโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ สีหเสยฺยา; เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ าเน ทฺเว ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ¶ ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ; ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺตสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ; สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ ‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา น สูรภาวสฺส อนุรูป’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ; อวิชหิตฺวา ิเต ปน ‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ ¶ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ปน ตถาคตเสยฺยาติ วุจฺจติ. ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม.
ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ; ยถา ปน น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุกา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปาเท ปาทํ อจฺจาธายา’’ติ. สโต สมฺปชาโนติ สติยา เจว สมฺปชานปฺาย จ สมนฺนาคโต หุตฺวา. อิมินา สุปริคฺคาหกํ สติสมฺปชฺํ กถิตํ. อุฏฺานสฺํ มนสิกริตฺวาติ อสุกเวลาย นาม อุฏฺหิสฺสามี’ติ เอวํ อุฏฺานเวลาปริจฺเฉทกํ อุฏฺานสฺํ จิตฺเต อุเปตฺวา. เอวํ กตฺวา นิปนฺโน หิ ยถาปริจฺฉินฺนกาเลเยว อุฏฺาตุํ ยุตฺโต.
๕๒๐-๕๒๑. สาตจฺจํ เนปกฺกนฺติ สตตํ ปวตฺตยิตพฺพโต สาตจฺจสงฺขาตํ วีริยฺเจว ปริปากคตตฺตา เนปกฺกสงฺขาตํ ปฺฺจ ยุตฺโต อนุยุตฺโต ปวตฺตยมาโนเยว ชาคริยานุโยคํ อนุยุตฺโต วิหรตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ วีริยํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ กถิตํ, ปฺาปิ วีริยคติกา เอว; วีริเย โลกิยมฺหิ โลกิยา, โลกุตฺตเร โลกุตฺตราติ อตฺโถ.
๕๒๒. โพธิปกฺขิยานํ ¶ ธมฺมานนฺติ จตุสจฺจโพธิสงฺขาตสฺส ¶ มคฺคาณสฺส ปกฺเข ภวานํ ธมฺมานํ. เอตฺตาวตา สพฺเพปิ สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม สมูหโต คเหตฺวา โลกิยายปิ ภาวนาย เอการมฺมเณ เอกโต ปวตฺตนสมตฺเถ โพชฺฌงฺเคเยว ทสฺเสนฺโต สตฺต โพชฺฌงฺคาติอาทิมาห. เต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาว กถิตาติ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.
๕๒๓. อภิกฺกนฺเตติอาทินิทฺเทเส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติ เอตฺถ ตาว อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ ปุรโต คมนํ. ปฏิกฺกนฺตนฺติ นิวตฺตนํ. ตทุภยมฺปิ จตูสุ อิริยาปเถสุ ¶ ลพฺภติ. คมเน ตาว ปุรโต กายํ อภิหรนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปฏินิวตฺตนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. าเนปิ ิตโกว กายํ ปุรโต โอนาเมนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉโต อปนาเมนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิสชฺชายปิ นิสินฺนโกว อาสนฺนสฺส ปุริมองฺคาภิมุโข สํสรนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉิมองฺคปฺปเทสํ ปจฺจาสํสรนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิปชฺชายปิ เอเสว นโย.
สมฺปชานการี โหตีติ สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี, สมฺปชฺสฺเสว วา การี. โส หิ อภิกฺกนฺตาทีสุ สมฺปชฺํ กโรเตว, น กตฺถจิ สมฺปชฺวิรหิโต โหติ. ตํ ปน สมฺปชฺํ ยสฺมา สติสมฺปยุตฺตเมว โหติ, เตนสฺส นิทฺเทเส ‘‘สโต สมฺปชาโน อภิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน ปฏิกฺกมตี’’ติ วุตฺตํ.
อยฺหิ อภิกฺกมนฺโต วา ปฏิกฺกมนฺโต วา น มุฏฺสฺสตี อสมฺปชาโน โหติ; สติยา ปน สมนฺนาคโต ปฺาย จ สมฺปชาโนเยว อภิกฺกมติ เจว ปฏิกฺกมติ จ; สพฺเพสุ อภิกฺกมาทีสุ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ โอตาเรติ. จตุพฺพิธฺหิ สมฺปชฺํ – สาตฺถกสมฺปชฺํ, สปฺปายสมฺปชฺํ, โคจรสมฺปชฺํ, อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ. ตตฺถ อภิกฺกมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อคนฺตฺวา ‘กินฺนุ เม เอตฺถ คเตน อตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’ติ อตฺถานตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’. ตตฺถ จ ‘อตฺโถ’ติ เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนสงฺฆทสฺสนเถรทสฺสนอสุภทสฺสนาทิวเสน ธมฺมโต วฑฺฒิ. เจติยํ วา โพธึ วา ทิสฺวาปิ หิ พุทฺธารมฺมณํ ¶ ปีตึ, สงฺฆทสฺสเนน สงฺฆารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เถเร ทิสฺวา เตสํ โอวาเท ปติฏฺาย, อสุภํ ทิสฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตสฺมา เอเตสํ ทสฺสนํ ¶ สาตฺถํ. เกจิ ปน ‘‘อามิสโตปิ วฑฺฒิ อตฺโถเยว; ตํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิปนฺนตฺตา’’ติ วทนฺติ.
ตสฺมึ ปน คมเน สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคเหตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ ‘สปฺปายสมฺปชฺํ’, เสยฺยถิทํ – เจติยทสฺสนํ ตาว สาตฺถํ. สเจ ปน เจติยสฺส มหติยา ปูชาย ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺติ ¶ , อตฺตโน วิภวานุรูปํ อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ อลงฺกตปฏิยตฺตา จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิย สฺจรนฺติ, ตตฺร จสฺส อิฏฺเ อารมฺมเณ โลโภ, อนิฏฺเ ปฏิโฆ, อสมเปกฺขเน โมโห อุปฺปชฺชติ, กายสํสคฺคาปตฺตึ วา อาปชฺชติ, ชีวิตพฺรหฺมจริยานํ วา อนฺตราโย โหติ. เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ. วุตฺตปฺปการอนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. โพธิทสฺสเนปิ เอเสว นโย. สงฺฆทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. สเจ ปน อนฺโตคาเม มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ กโรนฺเตสุ มนุสฺเสสุ วุตฺตปฺปกาเรเนว ชนสนฺนิปาโต เจว อนฺตราโย จ โหติ. เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ; อนฺตรายาภาเว สปฺปายํ โหติ. มหาปริสปริวารานํ เถรานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย.
อสุภทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. ตทตฺถทีปนตฺถฺจ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สามเณรํ คเหตฺวา ทนฺตกฏฺตฺถาย คโต. สามเณโร มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต อสุภํ ทิสฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตีณิ ผลานิ สจฺฉิกตฺวา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ทหโร ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘สามเณรา’’ติ ปกฺโกสิ. โส ‘มยา ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา สทฺธึ ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา, อฺสฺมึ ทิวเส อุปริวิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. ‘‘เอหี’’ติ จ วุตฺโต เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมินา ตาว มคฺเคน คนฺตฺวา มยา ิโตกาเส มุหุตฺตํ ปุรตฺถาภิมุโข ¶ ตฺวา โอโลเกถา’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา เตน ปตฺตวิเสสเมว ปาปุณิ. เอวํ เอกํ อสุภํ ทฺวินฺนํ ชนานํ อตฺถาย ชาตํ. เอวํ สาตฺถมฺปิ ปเนตํ ปุริสสฺส มาตุคามาสุภํ อสปฺปายํ, มาตุคามสฺส จ ปุริสาสุภํ, สภาคเมว สปฺปายนฺติ. เอวํ สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ นาม.
เอวํ ปริคฺคหิตสาตฺถสปฺปายสฺส ปน อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ อตฺตโน จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานสงฺขาตํ ¶ โคจรํ อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขาจารโคจเร ตํ คเหตฺวาว คมนํ ‘โคจรสมฺปชฺํ’ นาม. ตสฺสาวิภาวนตฺถํ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ –
อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ น หรติ ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ ปน เนว หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ หรติ จ ปจฺจาหรติ ¶ จ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตฺวา, ตถา รตฺติยา ปมยาเม มชฺฌิมยาเม เสยฺยํ กปฺเปตฺวา ปจฺฉิมยาเมปิ นิสชฺชาจงฺกเมหิ วีตินาเมตฺวา ปเคว เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ สมาทาย วตฺตติ, โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเก อุสุมํ คาหาเปนฺโต กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวา, ภิกฺขาจารเวลาย อุฏฺหิตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว ปตฺตจีวรมาทาย เสนาสนโต นิกฺขมิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา, สเจ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ โหติ ตํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว เจติยงฺคณํ ปวิสติ, อฺํ เจ กมฺมฏฺานํ โหติ โสปานมูเล ตฺวา หตฺเถน คหิตภณฺฑํ วิย ตํ เปตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา เจติยงฺคณํ อารุยฺห มหนฺตํ เจติยํ เจ, ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ, ขุทฺทกํ เจ, ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ. เจติยํ วนฺทิตฺวา โพธิยงฺคณํ ปตฺเตนาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจาการํ ทสฺเสตฺวา โพธิ วนฺทิตพฺพา.
โส เอวํ เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา ปฏิสามิตฏฺานํ คนฺตฺวา, ปฏิสามิตํ ภณฺฑกํ หตฺเถน คณฺหนฺโต ¶ วิย, นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามสมีเป กมฺมฏฺานสีเสเนว จีวรํ ปารุปิตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ. อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ‘อยฺโย โน อาคโต’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนสาลาย วา เคเห วา นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ยาว ภตฺตํ น นิฏฺาติ ตาว ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา ปุรโต นิสีทิตฺวา ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ ธมฺมํ วา โสตุกามา โหนฺติ. สเจปิ น กถาเปนฺติ ‘‘ชนสงฺคหตฺถํ ธมฺมกถา นาม กาตพฺพาเยวา’’ติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ. ธมฺมกถา หิ กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ. ตสฺมา กมฺมฏฺานสีเสเนว อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ วตฺวา นิวตฺติยมาเนหิปิ มนุสฺเสหิ อนุคโตว คามโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ เต นิวตฺเตตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชติ.
อถ ¶ นํ ปุเรตรํ นิกฺขมิตฺวา พหิคาเม กตภตฺตกิจฺจา สามเณรทหรภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรมสฺส คณฺหนฺติ. โปราณกภิกฺขู กิร ‘อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, อมฺหากํ อาจริโย’ติ น มุขํ โอโลเกตฺวา วตฺตํ กโรนฺติ, สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนว กโรนฺติ. เต ตํ ปุจฺฉนฺติ ‘‘ภนฺเต, เอเต มนุสฺสา ¶ ตุมฺหากํ กึ โหนฺติ? มาติปกฺขโต สมฺพนฺธา ปิติปกฺขโต’’ติ? ‘‘กึ ทิสฺวา ปุจฺฉถา’’ติ? ‘‘ตุมฺเหสุ เอเตสํ เปมํ พหุมาน’’นฺติ. ‘‘อาวุโส, ยํ มาตาปิตูหิปิ ทุกฺกรํ ตํ เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ กโรนฺติ. ปตฺตจีวรมฺปิ โน เอเตสํ สนฺตกเมว, เอเตสํ อานุภาเวน เนว ภเย ภยํ, น ฉาตเก ฉาตกํ ชานาม. เอทิสา นาม อมฺหากํ อุปการิโน นตฺถี’’ติ เตสํ คุเณ กเถนฺโต คจฺฉติ. อยํ วุจฺจติ ‘หรติ น ปจฺจาหรตี’ติ.
ยสฺส ปน ปเคว วุตฺตปฺปการํ วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺตสฺส กมฺมชเตโช ปชฺชลติ, อนุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อุปาทินฺนกํ คณฺหาติ, สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, กมฺมฏฺานํ วีถึ นาโรหติ, โส ปเคว ปตฺตจีวรมาทาย เวคสาว เจติยํ วนฺทิตฺวา โครูปานํ นิกฺขมนเวลายเมว คามํ ยาคุภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ยาคุํ ลภิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวติ. อถสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อชฺโฌหรณมตฺเตเนว กมฺมชเตโชธาตุ อุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อนุปาทินฺนกํ ¶ คณฺหาติ, ฆฏสเตน นฺหาโต วิย เตโชธาตุปริฬาหนิพฺพานํ ปตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน ยาคุํ ปริภฺุชิตฺวา ปตฺตฺจ มุขฺจ โธวิตฺวา อนฺตราภตฺเต กมฺมฏฺานํ มนสิกตฺวา อวเสสฏฺาเน ปิณฺฑาย จริตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา ตโต ปฏฺาย โปงฺขานุโปงฺขํ อุปฏฺหมานํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อาคจฺฉติ. อยํ วุจฺจติ ‘น หรติ ปจฺจาหรตี’ติ. เอทิสา จ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา พุทฺธสาสเน อรหตฺตํ ปตฺตา นาม คณนปถํ วีติวตฺตา. สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลาย น ตํ อาสนํ อตฺถิ, ยตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา ภิกฺขู นตฺถีติ.
โย ปมาทวิหารี โหติ นิกฺขิตฺตธุโร สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตขีลวินิพนฺธพทฺธจิตฺโต วิหรนฺโต ‘กมฺมฏฺานํ นาม อตฺถี’ติปิ สฺํ อกตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนนุโลมิเกน คิหีสํสคฺเคน สํสฏฺโ จริตฺวา จ ภฺุชิตฺวา จ ตุจฺโฉ นิกฺขมติ – อยํ วุจฺจติ ‘เนว หรติ น ปจฺจาหรตี’ติ.
โย ¶ ปนายํ ‘‘หรติ จ ปจฺจาหรติ จา’’ติ วุตฺโต, โส คตปจฺจาคติกวตฺตวเสน เวทิตพฺโพ – อตฺถกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ¶ ทสมฺปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตารีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺฏา, น ภยฏฺฏา, น อาชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา; ทุกฺขา มฺุจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา. ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถ. าเน, นิสชฺชาย, สยเน อุปฺปนฺนกิเลสํ สยเนเยว นิคฺคณฺหถา’’ติ.
เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา, อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ, ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ. โส ‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนํ วิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสกฺโกนฺโต นิสีทติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ นิสีทตีติ โส เอว นโย. อริยภูมึ ¶ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ, น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ, อุทฺธรติ เจ ปฏินิวตฺติตฺวา ปุริมปเทสฺเว เอติ, อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย. โส กิร เอกูนวีสติ วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต เอว วิหาสิ. มนุสฺสาปิ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ จ กโรนฺตา เถรํ ตถาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ, กึ นุ โข มคฺคมูฬฺโห อุทาหุ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺตจิตฺเตเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตปตฺตทิวเส จสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อาคมึสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสี มหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ – ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ. กึ โส โอภาโส’’ติ? เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ, มณิโอภาโสปี’’ติ เอวมาทิมาห. ตโต ‘‘ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเห’’ติ นิพทฺโธ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานิตฺวา อาโรเจสิ.
กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี ¶ มหานาคตฺเถโร วิย จ. โสปิ กิร คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต ‘ปมํ ¶ ตาว ภควโต มหาปธานํ ปูเชสฺสามี’ติ สตฺต วสฺสานิ านจงฺกมเมว อธิฏฺาสิ; ปุน โสฬส วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต วิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน อุทฺธเต ปาเท ปฏินิวตฺเตนฺโต คามสีมํ คนฺตฺวา ‘คาวี นุ โข, ปพฺพชิโต นุ โข’ติ อาสงฺกนียปฺปเทเส ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา กจฺฉกนฺตรโต อุทเกน ปตฺตํ โธวิตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กโรติ. กึ การณา? ‘มา เม ภิกฺขํ ทาตุํ วา วนฺทิตุํ วา อาคเต มนุสฺเส ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วจนมตฺเตนาปิ กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสี’ติ. ‘อชฺช, ภนฺเต, กติมี’ติ ทิวสํ วา ภิกฺขุคณนํ วา ปฺหํ วา ปุจฺฉิโต ปน อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจติ; สเจ ทิวสาทิปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลายํ คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวาว ¶ ยาติ.
กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ปฺาส ภิกฺขู วิย จ. เต กิร อาสาฬฺหิปุณฺณิมายํ กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อฺมฺํ นาลปิสฺสามา’’ติ. คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ, ทิวสาทีสุ ปุจฺฉิเตสุ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนฏฺานํ ทิสฺวา ชานึสุ – ‘อชฺช เอโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’ติ; เอวฺจ จินฺเตสุํ – ‘กินฺนุ โข เอเต อมฺเหเหว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ อุทาหุ อฺมฺมฺปิ? ยทิ อฺมฺมฺปิ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ; เอถ เน อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’ติ สพฺเพ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺาสาย ภิกฺขูสุ ทฺเวปิ ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต โย เตสุ จกฺขุมา ปุริโส โส อาห – ‘‘น, โภ, กลหการกานํ วสโนกาโส อีทิโส โหติ. สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณโพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สูปฏฺิตํ ปานียปริโภชนีย’’นฺติ. เต ตโตว นิวตฺตา. เตปิ ภิกฺขู อนฺโตเตมาเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.
เอวํ กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย, กลมฺพุติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตภิกฺขู วิย จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ ¶ คนฺตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ ปิณฺฑาย จรมาโน น ตุริตตุริโต วิย ชเวน คจฺฉติ, น หิ ชวนปิณฺฑปาติกธุตงฺคํ นาม กิฺจิ อตฺถิ, วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ ปน อุทกสกฏํ วิย นิจฺจโล หุตฺวา คจฺฉติ, อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ทาตุกามํ วา อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตุํ ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ คเหตฺวา อนฺโตคาเม วา พหิคาเม วา วิหารเมว วา อาคนฺตฺวา ¶ , ยถาผาสุเก ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา, กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา, อกฺขพฺภฺชนวณาเลปนปุตฺตมํสูปมวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ เนว ทวาย, น มทาย, น มณฺฑนาย, น วิภูสนาย…เป… ผาสุวิหาโร จาติ. ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา มุหุตฺตํ ¶ ภตฺตกิลมถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ยถา ปุเรภตฺตํ, เอวํ ปจฺฉาภตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานเมว มนสิกโรติ. อยํ วุจฺจติ ‘หรติ จ ปจฺจาหรติ จา’ติ.
อิมํ ปน หรณปจฺจาหรณสงฺขาตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต, ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ อถ มชฺฌิมวเย, โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ อถ ปจฺฉิมวเย, โน เจ ปจฺฉิมวเย ปาปุณาติ อถ มรณสมเย, โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ อถ เทวปุตฺโต หุตฺวา, โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ นิพฺพตฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ, โน เจ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ วา โหติ – เสยฺยถาปิ เถโร พาหิโย ทารุจีริโย, มหาปฺโ วา – เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต, มหิทฺธิโก วา – เสยฺยถาปิ เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน, ธุตงฺคธโร วา – เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโป, ทิพฺพจกฺขุโก วา – เสยฺยถาปิ เถโร อนุรุทฺโธ, วินยธโร วา – เสยฺยถาปิ เถโร อุปาลิ, ธมฺมกถิโก วา – เสยฺยถาปิ เถโร ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต, อารฺิโก วา – เสยฺยถาปิ เถโร เรวโต, พหุสฺสุโต วา – เสยฺยถาปิ เถโร อานนฺโท, สิกฺขากาโม วา – เสยฺยถาปิ เถโร ราหุโล พุทฺธปุตฺโตติ. อิติ อิมสฺมึ จตุกฺเก ยฺวายํ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ, ตสฺส โคจรสมฺปชฺํ สิขาปฺปตฺตํ โหติ.
อภิกฺกมาทีสุ ¶ ปน อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ตํ เอวํ เวทิตพฺพํ – อิธ ภิกฺขุ อภิกฺกมนฺโต วา ปฏิกฺกมนฺโต วา ยถา อนฺธพาลปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ ‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’ติ วา ‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ, ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต ‘อภิกฺกมามี’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ. อิติ จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิสงฺฆาโต อภิกฺกมติ. ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปาทุทฺธรเณ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา ¶ โหนฺติ พลวติโย; ตถา อติหรณวีติหรเณสุ. โวสฺสชฺชเน เตโชธาตุ วาโยธาตูติ ¶ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย; ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌเนสุ ตตฺถ อุทฺธรเณ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา อติหรณํ น ปาปุณนฺติ; ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุชฺฌนํ น ปาปุณนฺติ; ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพํ ปพฺพํ สนฺธิ สนฺธิ โอธิ โอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลํ วิย ปฏปฏายนฺตา ภิชฺชนฺติ. ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ? กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ? ปรมตฺถโต หิ ธาตูนํเยว คมนํ, ธาตูนํ านํ, ธาตูนํ นิสชฺชา, ธาตูนํ สยนํ, ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ โกฏฺาเส สทฺธึ รูเปหิ –
อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ;
อวีจิมนุสมฺพนฺโธ, นทีโสโตว วตฺตตีติ.
เอวํ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นามาติ.
นิฏฺิโต อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตีติปทสฺส อตฺโถ.
อาโลกิเต วิโลกิเตติ เอตฺถ ปน อาโลกิตํ นาม ปุรโต เปกฺขนํ, วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขนํ. อฺานิปิ เหฏฺา อุปริ ปจฺฉโต เปกฺขนวเสน โอโลกิตอุลฺโลกิตาปโลกิตานิ นาม ¶ โหนฺติ. ตานิ อิธ น คหิตานิ. สารุปฺปวเสน ปน อิมาเนว ทฺเว คหิตานิ. อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวาติ.
ตตฺถ ‘อาโลเกสฺสามี’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อโนโลเกตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’. ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ กายสกฺขึ กตฺวา เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ – ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต น อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห สาตฺถกสมฺปชาโน ¶ โหติ. ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา, อุตฺตรา ทิสา, ทกฺขิณา ทิสา, อุทฺธํ, อโธ, อนุทิสา อนุวิโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา ¶ นนฺโท อนุทิสํ อนุวิโลเกติ – เอวํ เม อนุทิสํ อนุวิโลกยโต…เป… สมฺปชาโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).
อปิจ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตเจติยทสฺสนาทิวเสเนว สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา.
กมฺมฏฺานสฺส ปน อวิชหนเมว ‘โคจรสมฺปชฺํ’. ตสฺมา ขนฺธธาตุอายตนกมฺมฏฺานิเกหิ อตฺตโน กมฺมฏฺานวเสเนว, กสิณาทิกมฺมฏฺานิเกหิ วา ปน กมฺมฏฺานสีเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม อาโลเกตา วา วิโลเกตา วา นตฺถิ. ‘อาโลเกสฺสามี’ติ ปน จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ. อิติ จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผารวเสน เหฏฺิมํ อกฺขิทลํ อโธ สีทติ, อุปริมํ อุทฺธํ ลงฺเฆติ. โกจิ ยนฺตเกน วิวรนฺโต นาม นตฺถิ. ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาเธนฺตํ อุปฺปชฺชตี’ติ เอวํ ปชานนํ ปเนตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺํ’ นาม.
อปิจ ¶ มูลปริฺาอาคนฺตุกตาวกาลิกภาววเสน ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. มูลปริฺาวเสน ตาว –
ภวงฺคาวชฺชนฺเจว, ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ;
สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ, ชวนํ ภวติ สตฺตมํ.
ตตฺถ ภวงฺคํ อุปปตฺติภวสฺส องฺคกิจฺจํ สาธยมานํ ปวตฺตติ; ตํ อาวตฺเตตฺวา กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา; ตนฺนิโรธา จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาธยมานํ; ตนฺนิโรธา วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ สาธยมานา; ตนฺนิโรธา วิปากมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ สาธยมานา; ตนฺนิโรธา กิริยมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา; ตนฺนิโรธา สตฺตกฺขตฺตุํ ชวนํ ชวติ. ตตฺถ ปมชวเนปิ ‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’ติ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ น โหติ; ทุติยชวเนปิ…เป… สตฺตมชวเนปิ. เอเตสุ ปน, ยุทฺธมณฺฑเล ¶ โยเธสุ วิย, เหฏฺุปริยวเสน ¶ ภิชฺชิตฺวา ปติเตสุ ‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’ติ รชฺชนาทิวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ โหติ. เอวํ ตาเวตฺถ ‘มูลปริฺาวเสน’ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
จกฺขุทฺวาเร ปน รูเป อาปาถคเต ภวงฺคจลนโต อุทฺธํ สกสกกิจฺจนิปฺผาทนวเสน อาวชฺชนาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธสุ อวสาเน ชวนํ อุปฺปชฺชติ. ตํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนานํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาคนฺตุกปุริโส วิย โหติ. ตสฺส ยถา ปรเคเห กิฺจิ ยาจิตุํ ปวิฏฺสฺส อาคนฺตุกปุริสสฺส เคหสามิเกสุปิ ตุณฺหีมาสิเนสุ อาณากรณํ น ยุตฺตํ, เอวํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาวชฺชนาทีสุปิ อรชฺชนฺเตสุ อทุสฺสนฺเตสุ อมุยฺหนฺเตสุ จ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนํ อยุตฺตนฺติ. เอวํ ‘อาคนฺตุกภาววเสน’ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ยานิ ปเนตานิ จกฺขุทฺวาเร โวฏฺพฺพนปริโยสานานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ, อฺมฺํ น ปสฺสนฺตีติ อิตฺตรานิ ตาวกาลิกานิ โหนฺติ. ตตฺถ ยถา เอกสฺมึ ฆเร สพฺเพสุ มานุสเกสุ มเตสุ อวเสสสฺส เอกกสฺส ตงฺขณํเยว มรณธมฺมสฺส น ยุตฺตา นจฺจคีตาทีสุ อภิรติ นาม, เอวเมว เอกทฺวาเร สสมฺปยุตฺเตสุ อาวชฺชนาทีสุ ¶ ตตฺถ ตตฺเถว มเตสุ อวเสสสฺส ตงฺขณํฺเว มรณธมฺมสฺส ชวนสฺสาปิ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อภิรติ นาม น ยุตฺตาติ. เอวํ ‘ตาวกาลิกภาววเสน’ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนเปตํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ หิ จกฺขุ เจว รูปานิ จ รูปกฺขนฺโธ, ทสฺสนํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺสาทิกา สงฺขารกฺขนฺโธ. เอวเมเตสํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ? โก วิโลเกติ?
ตถา จกฺขุ จกฺขายตนํ, รูปํ รูปายตนํ, ทสฺสนํ มนายตนํ, เวทนาทโย ตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมา ธมฺมายตนํ. เอวเมเตสํ จตุนฺนํ อายตนานํ สมวาเย ¶ อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ? โก วิโลเกติ?
ตถา จกฺขุ จกฺขุธาตุ, รูปํ รูปธาตุ, ทสฺสนํ จกฺขุวิฺาณธาตุ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ¶ ธมฺมา ธมฺมธาตุ. เอวเมตาสํ จตุนฺนํ ธาตูนํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ? โก วิโลเกติ?
ตถา จกฺขุ นิสฺสยปจฺจโย, รูปํ อารมฺมณปจฺจโย, อาวชฺชนํ อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตปจฺจโย, อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโย, เวทนาทโย สหชาตาทิปจฺจยา. เอวเมเตสํ ปจฺจยานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ? โก วิโลเกตีติ? เอวเมตฺถ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนาปิ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
สมิฺชิเต ปสาริเตติ ปพฺพานํ สมิฺชนปสารเณ. ตตฺถ จิตฺตวเสเนว สมิฺชนปสารณํ อกตฺวา หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณปจฺจยา อตฺถานตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ อตฺถปริคฺคณฺหนํ ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’. ตตฺถ หตฺถปาเท อติจิรํ สมิฺชิตฺวา วา ปสาเรตฺวา เอว วา ิตสฺส ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ ปริปตติ, วิเสสํ นาธิคจฺฉติ; กาเล สมิฺชนฺตสฺส กาเล ปสาเรนฺตสฺส ปน ตา เวทนา นุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ ผาตึ คจฺฉติ, วิเสสมธิคจฺฉตีติ. เอวํ ‘อตฺถานตฺถปริคฺคณฺหนํ’ เวทิตพฺพํ.
อตฺเถ ¶ ปน สติปิ สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคเหตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ ‘สปฺปายสมฺปชฺํ’.
ตตฺรายํ นโย – มหาเจติยงฺคเณ กิร ทหรภิกฺขู สชฺฌายํ คณฺหนฺติ. เตสํ ปิฏฺิปสฺเส ทหรภิกฺขุนิโย ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺเรโก ทหโร หตฺถํ ปสาเรนฺโต กายสํสคฺคํ ปตฺวา เตเนว การเณน คิหี ชาโต. อปโร ภิกฺขุ ปาทํ ปสาเรนฺโต อคฺคิมฺหิ ปสาเรสิ. อฏฺึ อาหจฺจ ปาโท ฌายิ. อปโร ภิกฺขุ วมฺมิเก ปสาเรสิ. โส อาสีวิเสน ทฏฺโ. อปโร ภิกฺขุ จีวรกุฏิทณฺฑเก ปสาเรสิ. ตํ มณิสปฺโป ฑํสิ. ตสฺมา เอวรูเป ¶ อสปฺปาเย อปสาเรตฺวา สปฺปาเย ปสาเรตพฺพํ. อิทเมตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ.
‘โคจรสมฺปชฺํ’ ปน มหาเถรวตฺถุนา ทีเปตพฺพํ – มหาเถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ กถยมาโน สหสา หตฺถํ สมิฺชิตฺวา ปุน ยถาาเน ¶ เปตฺวา สณิกํ สมิฺเชสิ. ตํ อนฺเตวาสิกา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สหสา หตฺถํ สมิฺชิตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺชิตฺถา’’ติ? ‘‘ยโต ปฏฺาย มยา, อาวุโส, กมฺมฏฺานํ มนสิกาตุํ อารทฺโธ, น เม กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา หตฺโถ สมิฺชิตปุพฺโพ. อิทานิ ปน เม ตุมฺเหหิ สทฺธึ กถยมาเนน กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา สมิฺชิโต. ตสฺมา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สมิฺเชสิ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขุนา นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เอวเมตฺถาปิ กมฺมฏฺานาวิชหนเมว ‘โคจรสมฺปชฺ’นฺติ เวทิตพฺพํ.
‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ สมิฺเชนฺโต วา ปสาเรนฺโต วา นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรน ปน, สุตฺตากฑฺฒนวเสน ทารุยนฺตสฺส หตฺถปาทจลนํ วิย, สมิฺชนปสารณํ โหตี’ติ ปริชานนํ ปเนตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺ’นฺติ เวทิตพฺพํ.
สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณติ เอตฺถ สงฺฆาฏิจีวรานํ นิวาสนปารุปนวเสน ปตฺตสฺส ภิกฺขาปฏิคฺคหณาทิวเสน ปริโภโค ‘ธารณํ’ นาม. ตตฺถ สงฺฆาฏิจีวรธารเณ ตาว นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา จ ปิณฺฑาย จรโต ‘‘อามิสลาโภ สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา นเยน ภควตา วุตฺตปฺปกาโรเยว จ อตฺโถ ‘อตฺโถ’ นาม. ตสฺส วเสน ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อุณฺหปกติกสฺส ¶ ปน ทุพฺพลสฺส จ จีวรํ สุขุมํ สปฺปายํ, สีตาลุกสฺส ฆนํ ทุปฏฺฏํ; วิปรีตํ อสปฺปายํ. ยสฺส กสฺสจิ ชิณฺณํ อสปฺปายเมว. อคฺคฬาทิทาเนน หิสฺส ตํ ปลิโพธกรํ โหติ. ตถา ปฏฺฏุณฺณทุกูลาทิเภทํ โจรานํ โลภนียจีวรํ. ตาทิสฺหิ อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกรํ ชีวิตนฺตรายกรฺจาปิ โหติ. นิปฺปริยาเยน ปน ยํ นิมิตฺตกมฺมาทิมิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ, ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ อสปฺปายํ ¶ ; วิปรีตํ สปฺปายํ. ตสฺส วเสเนตฺถ ‘สปฺปายสมฺปชฺํ’ กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ ‘โคจรสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ จีวรํ ปารุปนฺโต นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน จีวรปารุปนํ โหติ. ตตฺถ จีวรมฺปิ อเจตนํ, กาโยปิ อเจตโน. จีวรํ น ชานาติ – ‘มยา กาโย ปารุปิโต’ติ, กาโยปิ น ชานาติ – ‘อหํ จีวเรน ปารุปิโต’ติ. ธาตุโยว ธาตุสมูหํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ, ปฏปิโลติกาย โปตฺถกรูปปฏิจฺฉาทเน วิย. ตสฺมา เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ ¶ , น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสํ. นาควมฺมิกเจติยรุกฺขาทีสุ หิ เกจิ มาลาคนฺธธูปวตฺถาทีหิ สกฺการํ กโรนฺติ, เกจิ คูถมุตฺตกทฺทมทณฺฑสตฺถปฺปหาราทีหิ อสกฺการํ. น เตหิ นาควมฺมิกรุกฺขาทโย โสมนสฺสํ วา โทมนสฺสํ วา กโรนฺติ. เอวเมว เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ, น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสนฺติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
ปตฺตธารเณปิ ปตฺตํ สหสาว อคฺคเหตฺวา ‘อิมํ คเหตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโน ภิกฺขํ ลภิสฺสามี’ติ เอวํ ปตฺตคฺคหณปจฺจยา ปฏิลภิตพฺพอตฺถวเสน ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ. กิสทุพฺพลสรีรสฺส ปน ครุปตฺโต อสปฺปาโย; ยสฺส กสฺสจิ จตุปฺจคณฺิกาหโต ทุพฺพิโสธนีโย อสปฺปาโยว. ทุทฺโธตปตฺโต หิ น วฏฺฏติ; ตํ โธวนฺตสฺเสว จสฺส ปลิโพโธ โหติ. มณิวณฺณปตฺโต ปน โลภนีโยว จีวเร วุตฺตนเยเนว อสปฺปาโย. นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ปน ลทฺโธ, ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อยํ เอกนฺตาสปฺปาโยว วิปรีโต สปฺปาโย. ตสฺส วเสเนตฺถ ‘สปฺปายสมฺปชฺํ’ กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว ‘โคจรสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร ¶ อตฺตา นาม โกจิ ปตฺตํ คณฺหนฺโต นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผารวเสเนว ปน ปตฺตคฺคหณํ นาม โหติ. ตตฺถ ปตฺโตปิ อเจตโน, หตฺถาปิ อเจตนา. ปตฺโต น ชานาติ – ‘อหํ หตฺเถหิ คหิโต’ติ. หตฺถาปิ น ชานนฺติ – ‘ปตฺโต อมฺเหหิ ¶ คหิโต’ติ. ธาตุโยว ธาตุสมูหํ คณฺหนฺติ, สณฺฑาเสน อคฺคิวณฺณปตฺตคหเณ วิยาติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ยถา ฉินฺนหตฺถปาเท วณมุเขหิ ปคฺฆริตปุพฺพโลหิตกิมิกุเล นีลมกฺขิกสมฺปริกิณฺเณ อนาถสาลายํ อนาถมนุสฺเส ทิสฺวา ทยาลุกา ปุริสา เตสํ วณพนฺธปฏฺฏโจฬกานิ เจว กปาลาทีหิ จ เภสชฺชานิ อุปนาเมนฺติ. ตตฺถ โจฬกานิปิ เกสฺจิ สณฺหานิ เกสฺจิ ถูลานิ ปาปุณนฺติ. เภสชฺชกปาลกานิปิ เกสฺจิ สุสณฺานานิ เกสฺจิ ทุสฺสณฺานานิ ปาปุณนฺติ. น เต ตตฺถ สุมนา วา โหนฺติ ทุมฺมนา วา. วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว หิ โจฬเกน, เภสชฺชปริคฺคหณมตฺเตเนว จ กปาลเกน เตสํ อตฺโถ. เอวเมว โย ภิกฺขุ วณโจฬกํ วิย จีวรํ, เภสชฺชกปาลกํ วิย จ ปตฺตํ, กปาเล เภสชฺชมิว ¶ จ ปตฺเต ลทฺธภิกฺขํ สลฺลกฺเขติ – อยํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ อสมฺโมหสมฺปชฺเน อุตฺตมสมฺปชานการีติ เวทิตพฺโพ.
อสิตาทีสุ อสิเตติ ปิณฺฑปาตาทิโภชเน. ปีเตติ ยาคุอาทิปาเน. ขายิเตติ ปิฏฺขชฺชกาทิขาทเน. สายิเตติ มธุผาณิตาทิสายเน. ตตฺถ ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อฏฺวิโธปิ อตฺโถ ‘อตฺโถ’ นาม. ตสฺส วเสน ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
ลูขปณีตติตฺตมธุราทีสุ ปน เยน โภชเนน ยสฺส อผาสุ โหติ, ตํ ตสฺส อสปฺปายํ. ยํ ปน นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ปฏิลทฺธํ, ยฺจสฺส ภฺุชโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ เอกนฺตํ อสปฺปายเมว; วิปรีตํ สปฺปายํ. ตสฺส วเสเนตฺถ ‘สปฺปายสมฺปชฺํ’ กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ ‘โคจรสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภฺุชโก นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน ปตฺตปฏิคฺคหณํ นาม โหติ. จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว หตฺถสฺส ปตฺเต โอตารณํ นาม โหติ. จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปกรณํ, อาโลปอุทฺธรณํ, มุขวิวรณฺจ ¶ โหติ. น โกจิ กฺุจิกาย, น ยนฺตเกน หนุกฏฺึ วิวรติ. จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ¶ อาโลปสฺส มุเข ปนํ, อุปริทนฺตานํ มุสลกิจฺจสาธนํ, เหฏฺาทนฺตานํ อุทุกฺขลกิจฺจสาธนํ, ชิวฺหาย หตฺถกิจฺจสาธนฺจ โหติ. อิติ นํ ตตฺถ อคฺคชิวฺหาย ตนุกเขโฬ มูลชิวฺหาย พหลเขโฬ มกฺเขติ. ตํ เหฏฺาทนฺตอุทุกฺขเล ชิวฺหาหตฺถปริวตฺติตํ เขฬอุทกเตมิตํ อุปริทนฺตมุสลสฺจุณฺณิตํ โกจิ กฏจฺฉุนา วา ทพฺพิยา วา อนฺโต ปเวเสนฺโต นาม นตฺถิ; วาโยธาตุยาว ปวิสติ. ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ โกจิ ปลาลสนฺถารํ กตฺวา ธาเรนฺโต นาม นตฺถิ; วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺติ. ิตํ ิตํ โกจิ อุทฺธนํ กตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ปจนฺโต นาม นตฺถิ; เตโชธาตุยาว ปจฺจติ. ปกฺกํ ปกฺกํ โกจิ ทณฺฑเกน วา ยฏฺิยา วา พหิ นีหารโก นาม นตฺถิ; วาโยธาตุเยว นีหรติ. อิติ วาโยธาตุ อติหรติ จ วีติหรติ จ ธาเรติ จ ปริวตฺเตติ จ สฺจุณฺเณติ จ วิโสเสติ จ นีหรติ จ. ปถวีธาตุ ธาเรติ จ ปริวตฺเตติ จ สฺจุณฺเณติ จ วิโสเสติ จ นีหรติ จ. อาโปธาตุ สิเนเหติ จ อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลติ. เตโชธาตุ อนฺโตปวิฏฺํ ปริปาเจติ. อากาสธาตุ ¶ อฺชโส โหติ. วิฺาณธาตุ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคมนฺวาย อาภุชตีติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อปิจ คมนโต, ปริเยสนโต, ปริโภคโต, อาสยโต, นิธานโต, อปริปกฺกโต, ปริปกฺกโต, ผลโต, นิสฺสนฺทนโต, สมฺมกฺขนโตติ เอวํ ทสวิธปฏิกูลภาวปจฺจเวกฺขณโตเปตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ. วิตฺถารกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมคฺเค อาหารปฏิกูลสฺานิทฺเทสโต คเหตพฺพา.
อุจฺจารปสฺสาวกมฺเมติ อุจฺจารสฺส จ ปสฺสาวสฺส จ กรเณ. ตตฺถ ปกฺกกาเล อุจฺจารปสฺสาวํ อกโรนฺตสฺส สกลสรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ภมนฺติ, จิตฺตํ น เอกคฺคํ โหติ, อฺเ จ โรคา อุปฺปชฺชนฺติ; กโรนฺตสฺส ปน สพฺพํ ตํ น โหตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตสฺส วเสน ‘สาตฺถกสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อฏฺาเน อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติ โหติ, อยโส วฑฺฒติ, ชีวิตนฺตราโย โหติ; ปติรูเป าเน กโรนฺตสฺส สพฺพํ ตํ ¶ น โหตีติ อิทเมตฺถ สปฺปายํ. ตสฺส วเสน ‘สปฺปายสมฺปชฺํ’ กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว ¶ จ ‘โคจรสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ กโรนฺโต นตฺถิ. จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ โหติ. ยถา ปน ปกฺเก คณฺเฑ คณฺฑเภเทน ปุพฺพโลหิตํ อกามตาย นิกฺขมติ, ยถา จ อติภริตา อุทกภาชนา อุทกํ อกามตาย นิกฺขมติ, เอวํ ปกฺกาสยมุตฺตวตฺถีสุ สนฺนิจิตา อุจฺจารปสฺสาวา วายุเวคสมุปฺปีฬิตา อกามตายปิ นิกฺขมนฺติ. โส ปนายํ เอวํ นิกฺขมนฺโต อุจฺจารปสฺสาโว เนว ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตโน โหติ น ปรสฺส; เกวลํ ปน สรีรนิสฺสนฺโทว โหติ. ยถา กึ? ยถา อุทกตุมฺภโต ปุราณอุทกํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส เนว ตํ อตฺตโน โหติ น ปเรสํ, เกวลํ ปฏิชคฺคนมตฺตเมว โหติ, เอวนฺติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ ‘อสมฺโมหสมฺปชฺํ’ เวทิตพฺพํ.
คตาทีสุ ¶ คเตติ คมเน. ิเตติ าเน. นิสินฺเนติ นิสชฺชาย. สุตฺเตติ สยเน. ตตฺถ อภิกฺกนฺตาทีสุ วุตฺตนเยเนว สมฺปชานการิตา เวทิตพฺพา.
อยํ ปเนตฺถ อปโรปิ นโย – เอโก หิ ภิกฺขุ คจฺฉนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต คจฺฉติ. เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว คจฺฉติ. ตถา เอโก ภิกฺขุ ติฏฺนฺโต, นิสีทนฺโต, สยนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต สยติ. เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยติ.
เอตฺตเกน ปน น ปากฏํ โหตีติ จงฺกเมน ทีปยึสุ. โย หิ ภิกฺขุ จงฺกมนํ โอตริตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ิโต ปริคฺคณฺหาติ; ‘ปาจีนจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตาปิ ปาจีนจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมนเวมชฺเฌ ปวตฺตา อุโภ โกฏิโย อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมเน ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา านํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, าเน ปวตฺตา นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตา สยนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา’ติ เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว ภวงฺคํ โอตาเรติ; อุฏฺหนฺโต ¶ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อุฏฺาติ – อยํ ภิกฺขุ คตาทีสุ สมฺปชานการี นาม โหตีติ.
เอวํ ¶ ปน สุตฺเต กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ โหติ. กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ น กาตพฺพํ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ ยาว สกฺโกติ ตาว จงฺกมิตฺวา ตฺวา นิสีทิตฺวา สยมาโน เอวํ ปริคฺคเหตฺวา สยติ – ‘กาโย อเจตโน, มฺโจ อเจตโน. กาโย น ชานาติ – อหํ มฺเจ สยิโตติ. มฺโจปิ น ชานาติ – มยิ กาโย สยิโตติ. อเจตโน กาโย อเจตเน มฺเจ สยิโต’ติ. เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, ปพุชฺฌมาโน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ. อยํ สุตฺเต สมฺปชานการี นาม โหตีติ.
ชาคริเตติ ชาครเณ. ตตฺถ ‘กิริยามยปวตฺตสฺส อปฺปวตฺติยา สติ ชาคริตํ นาม น โหติ; กิริยามยปวตฺตวฬฺเช ปวตฺตนฺเต ชาคริตํ นาม โหตี’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต ภิกฺขุ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติ. อปิจ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส ชคฺคนฺโตปิ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติ.
ภาสิเตติ ¶ กถเน. ตตฺถ ‘อุปาทารูปสฺส สทฺทายตนสฺส อปฺปวตฺเต สติ ภาสิตํ นาม น โหติ; ตสฺมึ ปวตฺตนฺเต โหตี’ติ ปริคฺคาหโก ภิกฺขุ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม โหติ. วิมุตฺตายตนสีเสน ธมฺมํ เทเสนฺโตปิ พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา ปหาย ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ กถํ กเถนฺโตปิ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม โหติ.
ตุณฺหีภาเวติ อกถเน. ตตฺถ ‘อุปาทารูปสฺส สทฺทายตนสฺส ปวตฺติยํ สติ ตุณฺหีภาโว นาม นตฺถิ; อปฺปวตฺติยํ โหตี’ติ ปริคฺคาหโก ภิกฺขุ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นาม โหติ. อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺโนปิ ทุติยชฺฌานํ สมาปนฺโนปิ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการีเยว นาม โหติ.
เอตฺถ จ เอโก อิริยาปโถ ทฺวีสุ าเนสุ อาคโต. โส เหฏฺา อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติ เอตฺถ ภิกฺขาจารคามํ คจฺฉโต จ อาคจฺฉโต จ อทฺธานคมนวเสน กถิโต. คเต ิเต นิสินฺเนติ เอตฺถ วิหาเร จุณฺณิกปาทุทฺธารอิริยาปถวเสน กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
๕๒๔. ตตฺถ กตมา สตีติอาทิ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว.
๕๒๖. โส ¶ ¶ วิวิตฺตนฺติ อิมินา กึ ทสฺเสติ? เอตสฺส ภิกฺขุโน อุปาสนฏฺานํ โยคปถํ สปฺปายเสนาสนํ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ อพฺภนฺตเร เอตฺตกา คุณา อตฺถิ, ตสฺส อนุจฺฉวิโก อรฺวาโส. ยสฺส ปเนเต นตฺถิ, ตสฺส อนนุจฺฉวิโก. เอวรูปสฺส หิ อรฺวาโส กาฬมกฺกฏอจฺฉตรจฺฉทีปิมิคาทีนํ อฏวีวาสสทิโส โหติ. กสฺมา? อิจฺฉาย ตฺวา ปวิฏฺตฺตา. ตสฺส หิ อรฺวาสมูลโก โกจิ อตฺโถ นตฺถิ; อรฺวาสฺเจว อารฺเก จ ทูเสติ; สาสเน อปฺปสาทํ อุปฺปาเทติ. ยสฺส ปน อพฺภนฺตเร เอตฺตกา คุณา อตฺถิ, ตสฺเสว โส อนุจฺฉวิโก. โส หิ อรฺวาสํ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตฺวา ปรินิพฺพาติ, สกลอรฺวาสํ อุปโสเภติ, อารฺิกานํ สีสํ โธวติ, สกลสาสนํ ปสาเรติ. ตสฺมา สตฺถา เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน อุปาสนฏฺานํ โยคปถํ สปฺปายเสนาสนํ ทสฺเสนฺโต โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตีติอาทิมาห. ตตฺถ วิวิตฺตนฺติ สฺุํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ. เอตเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ตฺจ อนากิณฺณนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนากิณฺณนฺติ อสงฺกิณฺณํ อสมฺพาธํ. ตตฺถ ยสฺส เสนาสนสฺส สามนฺตา คาวุตมฺปิ อฑฺฒโยชนมฺปิ ¶ ปพฺพตคหนํ วนคหนํ นทีคหนํ โหติ, น โกจิ อเวลาย อุปสงฺกมิตุํ สกฺโกติ – อิทํ สนฺติเกปิ อนากิณฺณํ นาม. ยํ ปน อฑฺฒโยชนิกํ วา โยชนิกํ วา โหติ – อิทํ ทูรตาย เอว อนากิณฺณํ นาม โหติ.
๕๒๗. เสติ เจว อาสติ จ เอตฺถาติ เสนาสนํ. ตสฺส ปเภทํ ทสฺเสตุํ มฺโจ ปีนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มฺโจติ จตฺตาโร มฺจา – มสารโก, พุนฺทิกาพทฺโธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกติ. ตถา ปีํ. ภิสีติ ปฺจ ภิสิโย – อุณฺณาภิสิ, โจฬภิสิ, วากภิสิ, ติณภิสิ, ปณฺณภิสีติ. พิมฺโพหนนฺติ สีสุปธานํ วุตฺตํ. ตํ วิตฺถารโต วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ วฏฺฏติ, ทีฆโต มฺจวิตฺถารปฺปมาณํ. วิหาโรติ สมนฺตา ปริหารปถํ อนฺโตเยว รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ ทสฺเสตฺวา กตเสนาสนํ. อฑฺฒโยโคติ ¶ สุปณฺณวงฺกเคหํ. ปาสาโทติ ทฺเว กณฺณิกานิ คเหตฺวา กโต ทีฆปาสาโท. อฏฺโฏติ ปฏิราชาทิปฏิพาหนตฺถํ อิฏฺกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬติ โภชนสาลสทิโส มณฺฑลมาโฬ; วินยฏฺกถายํ ปน เอกกูฏสงฺคหิโต ¶ จตุรสฺสปาสาโทติ วุตฺตํ. เลณนฺติ ปพฺพตํ ขณิตฺวา วา ปพฺภารสฺส อปฺปโหนกฏฺาเน กุฏฺฏํ อุฏฺาเปตฺวา วา กตเสนาสนํ. คุหาติ ภูมิทริ วา ยตฺถ รตฺตินฺทิวํ ทีปํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตคุหา วา ภูมิคุหา วา. รุกฺขมูลนฺติ รุกฺขสฺส เหฏฺา ปริกฺขิตฺตํ วา อปริกฺขิตฺตํ วา. เวฬุคุมฺโพติ เวฬุคจฺโฉ. ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺตีติ เปตฺวา วา เอตานิ มฺจาทีนิ ยตฺถ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, ยํ เตสํ สนฺนิปาตารหฏฺานํ, สพฺพเมตํ เสนาสนํ.
๕๒๘. ภชตีติ อุเปติ. สมฺภชตีติ ตตฺถ อภิรติวเสน อนุกฺกณฺิโต สุฏฺุ อุเปติ. เสวตีติ นิวาสนวเสน เสวติ นิเสวตีติ อนุกฺกณฺมาโน สนฺนิสิโต หุตฺวา เสวติ. สํเสวตีติ เสนาสนวตฺตํ สมฺปาเทนฺโต สมฺมา เสวติ.
๕๒๙. อิทานิ ยํ ตํ วิวิตฺตนฺติ วุตฺตํ, ตสฺส ปเภทํ ทสฺเสตุํ อรฺํ รุกฺขมูลนฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อรฺนฺติ วินยปริยาเยน ตาว ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺ’’นฺติ (ปารา. ๑๒) อาคตํ. สุตฺตนฺตปริยาเยน อารฺิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกปจฺฉิม’’นฺติ (ปาจิ. ๕๗๓) อาคตํ. วินยสุตฺตนฺตา ปน อุโภปิ ปริยายเทสนา นาม. อภิธมฺโม นิปฺปริยายเทสนาติ อภิธมฺมปริยาเยน ¶ อรฺํ ทสฺเสตุํ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลาติ วุตฺตํ; อินฺทขีลโต พหิ นิกฺขมิตฺวาติ อตฺโถ.
๕๓๐. รุกฺขมูลาทีนํ ปกติยา จ สุวิฺเยฺยภาวโต รุกฺขมูลํเยว รุกฺขมูลนฺติอาทิ วุตฺตํ. อปิเจตฺถ รุกฺขมูลนฺติ ยํกิฺจิ สีตจฺฉายํ วิวิตฺตํ รุกฺขมูลํ. ปพฺพตนฺติ เสลํ. ตตฺถ หิ อุทกโสณฺฑีสุ อุทกกิจฺจํ กตฺวา ¶ สีตาย รุกฺขจฺฉายาย นิสินฺนสฺส นานาทิสาสุ ขายมานาสุ สีเตน วาเตน พีชิยมานสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. กนฺทรนฺติ กํ วุจฺจติ อุทกํ, เตน ทริตํ อุทเกน ภินฺนํ ปพฺพตปฺปเทสํ; ยํ นิตุมฺพนฺติปิ นทีกฺุชนฺติปิ วทนฺติ. ตตฺถ หิ รชตปฏฺฏสทิสา วาลิกา โหนฺติ, มตฺถเก มณิวิตานํ วิย วนคหนํ, มณิกฺขนฺธสทิสํ อุทกํ สนฺทติ. เอวรูปํ กนฺทรํ โอรุยฺห ปานียํ ปิวิตฺวา คตฺตานิ สีตํ กตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา ปํสุกูลจีวรํ ปฺเปตฺวา ¶ นิสินฺนสฺส สมณธมฺมํ กโรโต จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. คิริคุหนฺติ ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ, เอกสฺมึเยว วา อุมงฺคสทิสํ มหาวิวรํ. สุสานลกฺขณํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๔) วุตฺตํ.
๕๓๑. วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสนฺติ น วปนฺติ. เตเนวสฺส นิทฺเทเส ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา วา รุกฺขมูลาทีสุ อิทเมเวกํ ภาเชตฺวา ทสฺสิตํ, ตสฺมาสฺส นิกฺเขปปฏิปาฏิยา นิทฺเทสํ อกตฺวา สพฺพปริยนฺเต นิทฺเทโส กโตติ เวทิตพฺโพ. อพฺโภกาสนฺติ อจฺฉนฺนํ. อากงฺขมาโน ปเนตฺถ จีวรกุฏึ กตฺวา วสติ. ปลาลปฺุชนฺติ ปลาลราสิ. มหาปลาลปฺุชโต หิ ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย กโรนฺติ, คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปิ อุปริ ปลาลํ ปกฺขิปิตฺวา เหฏฺา นิสินฺนา สมณธมฺมํ กโรนฺติ; ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. วนปตฺถนิทฺเทเส สโลมหํสานนฺติ ยตฺถ ปวิฏฺสฺส โลมหํโส อุปฺปชฺชติ; เอวรูปานํ ภีสนกเสนาสนานํ. ปริยนฺตานนฺติ ทูรภาเวน ปริยนฺเต ิตานํ. น มนุสฺสูปจารานนฺติ กสนวปนวเสน มนุสฺเสหิ อุปจริตพฺพํ วนนฺตํ อติกฺกมิตฺวา ิตานํ. ทุรภิสมฺภวานนฺติ อลทฺธวิเวกสฺสาเทหิ อภิภุยฺย วสิตุํ นสกฺกุเณยฺยานํ.
๕๓๒. อปฺปสทฺทาทินิทฺเทเส อปฺปสทฺทนฺติ วจนสทฺเทน อปฺปสทฺทํ.
๕๓๓. อปฺปนิคฺโฆสนฺติ ¶ นครนิคฺโฆสสทฺเทน อปฺปนิคฺโฆสํ. ยสฺมา ¶ ปน อุภยมฺเปตํ สทฺทฏฺเน เอกํ, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ยเทว ตํ อปฺปสทฺทํ ตเทว ตํ อปฺปนิคฺโฆส’’นฺติ วุตฺตํ. วิชนวาตนฺติ อนุสฺจรณชนสฺส สรีรวาเตน วิรหิตํ. วิชนวาทนฺติปิ ปาโ; อนฺโตชนวาเทน วิรหิตนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ยํ อปฺปนิคฺโฆสํ, ตเทว ชนสฺจรเณน จ ชนวาเทน จ วิรหิตํ โหติ, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ยเทว ตํ อปฺปนิคฺโฆสํ ตเทว ตํ วิชนวาต’’นฺติ วุตฺตํ. มนุสฺสราหเสยฺยกนฺติ มนุสฺสานํ รหสฺสกิริยฏฺานิยํ. ยสฺมา ปน ตํ ชนสฺจรณรหิตํ โหติ, เตนสฺส นิทฺเทเส ‘‘ยเทว ตํ วิชนวาตํ ตเทว ตํ มนุสฺสราหเสยฺยก’’นฺติ วุตฺตํ. ปฏิสลฺลานสารุปฺปนฺติ วิเวกานุรูปํ. ยสฺมา ปน ตํ นิยเมเนว ¶ มนุสฺสราหเสยฺยกํ โหติ, ตสฺมาสฺส นิทฺเทเส ‘‘ยเทว ตํ มนุสฺสราหเสยฺยกํ ตเทว ตํ ปฏิสลฺลานสารุปฺป’’นฺติ วุตฺตํ.
๕๓๔. อรฺคตาทินิทฺเทเส อรฺํ วุตฺตเมว. ตถา รุกฺขมูลํ. อวเสสํ ปน สพฺพมฺปิ เสนาสนํ สฺุาคาเรน สงฺคหิตํ.
๕๓๕. ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ พนฺธิตฺวา. อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุํ เปตฺวา อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น ปณมนฺติ. อถสฺส ยา เตสํ ปณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา นุปฺปชฺชนฺติ. ตาสุ น อุปฺปชฺชมานาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ น ปริปตติ, วุฑฺฒึ ผาตึ อุปคจฺฉติ.
๕๓๖. อุชุโก โหติ กาโย ิโต ปณิหิโตติ อิทมฺปิ หิ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๕๓๗. ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สตึ ปยิตฺวา, มุขสมีเป วา กตฺวาติ อตฺโถ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สูปฏฺิตา นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา’’ติ. มุขนิมิตฺตนฺติ เจตฺถ อุตฺตโรฏฺสฺส เวมชฺฌปฺปเทโส ทฏฺพฺโพ, ยตฺถ นาสิกวาโต ปฏิหฺติ; อถ วา ¶ ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ, สตีติ อุปฏฺานฏฺโ; เตน วุจฺจติ ‘‘ปริมุขํ สติ’’นฺติ เอวํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔) วุตฺตนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขโป ‘‘ปริคฺคหิตนิยฺยานํ สตึ กตฺวา’’ติ.
๕๓๘. อภิชฺฌานิทฺเทโส ¶ อุตฺตานตฺโถเยว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปวณฺณนา – อภิชฺฌํ โลเก ปหายาติ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโก. ตสฺมา ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ราคํ ปหาย กามจฺฉนฺทํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
๕๓๙. วิคตาภิชฺเฌนาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนตฺตา วิคตาภิชฺเฌน, น จกฺขุวิฺาณสทิเสนาติ อตฺโถ.
๕๔๑. อภิชฺฌาย ¶ จิตฺตํ ปริโสเธตีติ อภิชฺฌาโต จิตฺตํ ปริโสเธติ; ยถา นํ สา มฺุจติ เจว, มฺุจิตฺวา จ น ปุน คณฺหาติ, เอวํ กโรตีติ อตฺโถ. นิทฺเทสปเทสุ ปนสฺส อาเสวนฺโต โสเธติ, ภาเวนฺโต วิโสเธติ, พหุลีกโรนฺโต ปริโสเธตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. โมเจตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
๕๔๒-๕๔๓. พฺยาปาทโทสํ ปหายาติอาทีนมฺปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พฺยาปชฺชติ อิมินา จิตฺตํ ปูติกุมฺมาสาทโย วิย ปกตึ ชหตีติ พฺยาปาโท. วิการปฺปตฺติยา ปทุสฺสติ, ปรํ วา ปทูเสติ วินาเสตีติ ปโทโส. อุภยเมตํ โกธสฺเสวาธิวจนํ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘โย พฺยาปาโท โส ปโทโส; โย ปโทโส โส พฺยาปาโท’’ติ. ยสฺมา เจส สพฺพสงฺคาหิกวเสน นิทฺทิฏฺโ, ตสฺมา ‘‘สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี’’ติ อวตฺวา ‘‘อพฺยาปนฺนจิตฺโต’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
๕๔๖. ถินํ จิตฺตเคลฺํ, มิทฺธํ เจตสิกเคลฺํ; ถินฺจ มิทฺธฺจ ถินมิทฺธํ. สนฺตา โหนฺตีติ อิเม ทฺเวปิ ธมฺมา นิโรธสนฺตตาย สนฺตา โหนฺตีติ. อิทํ สนฺธาเยตฺถ วจนเภโท กโต.
๕๔๙. อาโลกสฺีติ รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ทิฏฺาโลกสฺชานนสมตฺถาย วิคตนีวรณาย ปริสุทฺธาย สฺาย สมนฺนาคโต.
๕๕๐. สโต สมฺปชาโนติ สติยา จ าเณน จ สมนฺนาคโต. อิทํ อุภยํ อาโลกสฺาย อุปการกตฺตา วุตฺตํ.
๕๕๓. วิคตถินมิทฺธตาย ¶ ปน อาโลกสฺาย นิทฺเทสปเทสุ จตฺตตฺตาติอาทีนิ อฺมฺเววจนาเนว ¶ . ตตฺถ จตฺตตฺตาติ จตฺตการณา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. จตฺตตฺตาติ อิทํ ปเนตฺถ สกภาวปริจฺจชนวเสน วุตฺตํ. วนฺตตฺตาติ อิทํ ปุน อนาทิยนภาวทสฺสนวเสน. มุตฺตตฺตาติ อิทํ สนฺตติโต วินิโมจนวเสน. ปหีนตฺตาติ อิทํ มุตฺตสฺสาปิ กตฺถจิ านาภาววเสน. ปฏินิสฺสฏฺตฺตาติ อิทํ ปุพฺเพ อาทินฺนปุพฺพสฺส นิสฺสคฺคทสฺสนวเสน. ปฏิมฺุจโต วา นิสฺสฏฺตฺตา ภาวนาพเลน อภิภุยฺย ¶ นิสฺสฏฺตฺตาติ อตฺโถ. ปหีนปฏินิสฺสฏฺตฺตาติ ยถาวิกฺขมฺภนวเสเนว ปหานํ โหติ, ปุนปฺปุนํ สนฺตตึ น อชฺฌารุหติ, ตถา ปฏินิสฺสฏฺตฺตาติ. อาโลกา โหตีติ สปฺปภา โหติ. นิราวรณฏฺเน วิวฏา. นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธา. ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาตา.
๕๕๖. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ เอตฺถ อุทฺธตากาโร อุทฺธจฺจํ, อารมฺมเณ อนิจฺฉยตาย วตฺถุชฺฌาจาโร กุกฺกุจฺจํ. อิธาปิ ‘‘สนฺตา โหนฺตี’’ติ ปุริมนเยเนว วจนเภโท เวทิตพฺโพ.
๕๕๘. ติณฺณวิจิกิจฺโฉติ วิจิกิจฺฉํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา ิโต. นิทฺเทเสปิสฺส ติณฺโณติ อิทํ วิจิกิจฺฉาย อนิมุคฺคภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อุตฺติณฺโณติ อิทํ ตสฺสา อติกฺกมทสฺสนวเสน. นิตฺติณฺโณติ อิทํ ภาวนาพเลน อภิภุยฺย อุปทฺทเว ติณฺณภาวทสฺสนวเสน. ปารงฺคโตติ นิพฺพิจิกิจฺฉาภาวสงฺขาตํ วิจิกิจฺฉาปารํ คโต. ปารมนุปฺปตฺโตติ ตเทว ปารํ ภาวนานุโยเคน ปตฺโตติ. เอวมสฺส ปฏิปตฺติยา สผลตํ ทสฺเสติ.
๕๕๙. อกถํกถีติ ‘กถมิทํ กถมิท’นฺติ เอวํ ปวตฺตาย กถํกถาย วิรหิโต. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ อนวชฺชธมฺเมสุ. น กงฺขตีติ ‘อิเม นุ โข กุสลา’ติ กงฺขํ น อุปฺปาเทติ. น วิจิกิจฺฉตีติ เต ธมฺเม สภาวโต วินิจฺเฉตุํ น กิจฺฉติ, น กิลมติ. อกถํกถี โหตีติ ‘กถํ นุ โข อิเม กุสลา’ติ ¶ กถํกถาย รหิโต โหติ. นิกฺกถํกถี วิคตกถํกโถติ ตสฺเสว เววจนํ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ กถํกถาโต นิกฺขนฺโตติ นิกฺกถํกโถ. วิคตา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถ.
๕๖๒. อุปกฺกิเลเสติ อุปกฺกิเลสภูเต. เต หิ จิตฺตํ อุปคนฺตฺวา กิลิสฺสนฺติ. ตสฺมา อุปกฺกิเลสาติ วุจฺจนฺติ.
๕๖๓. ปฺาย ¶ ทุพฺพลีกรเณติ ยสฺมา อิเม นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนา อปิ อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ วา อภิฺาโย อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺติ, ตสฺมา ‘ปฺาย ทุพฺพลีกรณา’ติ วุจฺจนฺติ. ‘อนุปฺปนฺนา เจว ปฺา น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ¶ จ ปฺา นิรุชฺฌตี’ติ อิทมฺปิ หิ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสเมตฺถ สพฺพํ เหฏฺา ตตฺถ ตตฺถ ปกาสิตตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.
๕๖๔. วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทีสุปิ นิทฺเทเสสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ เหฏฺา จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๐) รูปาวจรนิทฺเทเส อิเธว จ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว. เกวลฺหิ ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานนิทฺเทเสสุปิ ยถา ตานิ ฌานานิ เหฏฺา ‘ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ, ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหตี’ติ วุตฺตานิ, เอวํ อวตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทน’’นฺติอาทิวจนโต ปริยาเยน สมฺปสาทาทีหิ สทฺธึ ตานิ องฺคานิ คเหตฺวา ‘‘ฌานนฺติ สมฺปสาโท ปีติสุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติอาทินา นเยน ตํ ตํ ฌานํ นิทฺทิฏฺนฺติ อยเมตฺถ วิเสโส.
๕๘๘. ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺตีติปทนิทฺเทเส ปน กิฺจาปิ ‘อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺตี’ติอาทีนิ สพฺพาเนว อฺมฺเววจนานิ, เอวํ สนฺเตปิ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติอาทิอุทฺเทสวเสน อาจิกฺขนฺติ, นิทฺเทสวเสน เทเสนฺติ, ปฏินิทฺเทสวเสน ปฺาเปนฺติ, เตน เตน ปกาเรน อตฺถํ เปตฺวา ปฏฺเปนฺติ, ตสฺส ตสฺสตฺถสฺส การณํ ทสฺเสนฺตา วิวรนฺติ, พฺยฺชนวิภาคํ ทสฺเสนฺตา วิภชนฺติ, นิกฺกุชฺชิตภาวํ คมฺภีรภาวฺจ นีหริตฺวา วา โสตูนํ าณสฺส ปติฏฺํ ชนยนฺตา อุตฺตานึ กโรนฺติ, สพฺเพหิปิ อิเมหิ อากาเรหิ โสตูนํ อฺาณนฺธการํ วิธเมนฺตา ปกาเสนฺตีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
สมติกฺกมนิทฺเทเสปิ ตตฺถ ตตฺถ เตหิ เตหิ ธมฺเมหิ วุฏฺิตตฺตา อติกฺกมนฺโต, อุปริภูมิปฺปตฺติยา ¶ วีติกฺกนฺโต, ตโต อปริหานิภาเวน สมติกฺกนฺโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๖๒๓. อภิธมฺมภาชนีเย ¶ เหฏฺา จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ อาคตนเยเนว ตนฺติ ปิตา. ตสฺมา ตตฺถ สพฺเพสมฺปิ กุสลวิปากกิริยวเสน นิทฺทิฏฺานํ ฌานานํ ¶ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สุทฺธิกนวกาทิเภโทปิ สพฺโพ ตตฺถ วุตฺตสทิโสเยวาติ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา.
๓. ปฺหาปุจฺฉกวณฺณนา
๖๓๘. ปฺหาปุจฺฉเก ปาฬิอนุสาเรเนว ฌานานํ กุสลาทิภาโว เวทิตพฺโพ. อารมฺมณตฺติเกสุ ปน ติณฺณํ ฌานานํ นิมิตฺตารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวน นวตฺตพฺพตา เวทิตพฺพา. โลกุตฺตรา ปเนตฺถ มคฺคกาเล ผลกาเล วา สิยา อปฺปมาณารมฺมณา. จตุตฺถํ ฌานํ สิยา ปริตฺตารมฺมณนฺติ เอตฺถ กุสลโต เตรส จตุตฺถชฺฌานานิ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ, อิทฺธิวิธจตุตฺถํ, ทิพฺพโสตาณจตุตฺถํ, เจโตปริยาณจตุตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสาณจตุตฺถํ, ทิพฺพจกฺขุาณจตุตฺถํ, ยถากมฺมูปคาณจตุตฺถํ, อนาคตํสาณจตุตฺถํ, อากาสานฺจายตนาทิจตุตฺถํ, โลกุตฺตรจตุตฺถนฺติ.
ตตฺถ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมว โหติ.
อิทฺธิวิธจตุตฺถํ จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมนฺตสฺส อทิสฺสมาเนน กาเยน ปาฏิหาริยกรเณ กายารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณํ, กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมนฺตสฺส ทิสฺสมาเนน กาเยน ปาฏิหาริยํ กตฺวา พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺตสฺส สมาปตฺติจิตฺตารมฺมณตฺตา มหคฺคตารมฺมณํ.
ทิพฺพโสตาณจตุตฺถํ สทฺทารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณํ.
เจโตปริยาณจตุตฺถํ ¶ กามาวจรจิตฺตชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปาวจรารูปาวจรจิตฺตชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, โลกุตฺตรจิตฺตชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ. เจโตปริยาณลาภี ปน ปุถุชฺชโน ปุถุชฺชนานํเยว จิตฺตํ ชานาติ, น อริยานํ. โสตาปนฺโน โสตาปนฺนสฺส เจว ปุถุชฺชนสฺส จ; สกทาคามี สกทาคามิโน เจว เหฏฺิมานฺจ ¶ ทฺวินฺนํ; อนาคามี อนาคามิโน เจว เหฏฺิมานฺจ ติณฺณํ; ขีณาสโว สพฺเพสมฺปิ ชานาติ.
ปุพฺเพนิวาสาณจตุตฺถํ ¶ กามาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปาวจรารูปาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, ‘‘อตีเต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา มคฺคํ ภาวยึสุ, ผลํ สจฺฉิกรึสู’’ติ อนุสฺสรณกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ, นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ.
ทิพฺพจกฺขุาณจตุตฺถํ วณฺณารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณํ.
ยถากมฺมูปคาณจตุตฺถํ กามาวจรกมฺมานุสฺสรณกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปาวจรารูปาวจรกมฺมานุสฺสรณกาเล มหคฺคตารมฺมณํ.
อนาคตํสาณจตุตฺถํ อนาคเต กามธาตุยา นิพฺพตฺติชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปารูปภเวสุ นิพฺพตฺติชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, ‘‘อนาคเต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา มคฺคํ ภาเวสฺสนฺติ, ผลํ สจฺฉิกริสฺสนฺตี’’ติ ชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ, ‘‘อนาคเต สงฺโข นาม ราชา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๐๘) นเยน นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ.
อากาสานฺจายตนอากิฺจฺายตนจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณํ. วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนจตุตฺถํ มหคฺคตารมฺมณํ.
โลกุตฺตรจตุตฺถํ อปฺปมาณารมฺมณํ.
กิริยโตปิ เตสํ ทฺวาทสนฺนํ ฌานานํ อิทเมว อารมฺมณวิธานํ. ตีณิ ฌานานิ นมคฺคารมฺมณาติ ¶ ปจฺจเวกฺขณาณํ วา เจโตปริยาทิาณํ วา มคฺคํ อารมฺมณํ กเรยฺย, ตีณิ ฌานานิ ตถา อปฺปวตฺติโต นมคฺคารมฺมณา, สหชาตเหตุวเสน ปน สิยา มคฺคเหตุกา; วีริยเชฏฺิกาย วา วีมํสาเชฏฺิกาย วา มคฺคภาวนาย มคฺคาธิปติโน; ฉนฺทจิตฺตเชฏฺกกาเล ผลกาเล จ นวตฺตพฺพา.
จตุตฺถํ ฌานนฺติ อิธาปิ กุสลโต เตรสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ สพฺพตฺถปาทกอิทฺธิวิธทิพฺพโสตทิพฺพจกฺขุยถากมฺมูปคาณจตุตฺถฺเจว จตุพฺพิธฺจ อารุปฺปจตุตฺถํ มคฺคารมฺมณาทิภาเวน น วตฺตพฺพํ. เจโตปริยปุพฺเพนิวาสอนาคตํสาณจตุตฺถํ ปน มคฺคารมฺมณํ ¶ โหติ. น วตฺตพฺพํ มคฺคเหตุกํ มคฺคาธิปตีติ วา; โลกุตฺตรจตุตฺถํ มคฺคารมฺมณํ น โหติ; มคฺคกาเล ปน ¶ สหชาตเหตุวเสน มคฺคเหตุกํ; วีริยวีมํสาเชฏฺิกาย มคฺคภาวนาย มคฺคาธิปติ; ฉนฺทจิตฺตเชฏฺิกาย เจว มคฺคภาวนาย ผลกาเล จ น วตฺตพฺพํ. กิริยโตปิ ทฺวาทสสุ ฌาเนสุ อยเมว นโย.
ตีณิ ฌานานิ น วตฺตพฺพาติ อตีตาทีสุ เอกธมฺมมฺปิ อารพฺภ อปฺปวตฺติโต นวตฺตพฺพาติ เวทิตพฺพา.
จตุตฺถํ ฌานนฺติ กุสลโต เตรสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมว. อิทฺธิวิธจตุตฺถํ กายวเสน จิตฺตปริณามเน สมาปตฺติจิตฺตารมฺมณตฺตา อตีตารมฺมณํ; ‘‘อนาคเต อิมานิ ปุปฺผานิ มา มิลายึสุ, ทีปา มา นิพฺพายึสุ, เอโก อคฺคิกฺขนฺโธ สมุฏฺาตุ, ปพฺพโต สมุฏฺาตู’’ติ อธิฏฺานกาเล อนาคตารมฺมณํ; จิตฺตวเสน กายปริณามนกาเล กายารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ. ทิพฺพโสตาณจตุตฺถํ สทฺทารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนารมฺมณํ. เจโตปริยาณจตุตฺถํ อตีเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธจิตฺตชานนกาเล อตีตารมฺมณํ; อนาคเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชนกจิตฺตชานนกาเล อนาคตารมฺมณํ. ‘‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อมุํ นาม วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตีติ. โส พหฺุเจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ โน อฺถา’’ติ อิมินา หิ สุตฺเตน (อ. นิ. ๓.๖๑) เจโตปริยาณสฺเสว ปวตฺติ ปกาสิตา. อทฺธานปจฺจุปฺปนฺนสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว ปจฺจุปฺปนฺนํ อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ. วิตฺถารกถา ปเนตฺถ เหฏฺาอฏฺกถากณฺฑวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ปุพฺเพนิวาสาณจตุตฺถํ ¶ อตีตกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล อตีตารมฺมณํ, นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ. ทิพฺพจกฺขุาณจตุตฺถํ วณฺณารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ. ยถากมฺมูปคาณจตุตฺถํ อตีตกมฺมเมว อารมฺมณํ กโรตีติ อตีตารมฺมณํ. อนาคตํสาณจตุตฺถํ อนาคตกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล อนาคตารมฺมณํ, นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล ¶ นวตฺตพฺพารมฺมณํ. อากาสานฺจายตนอากิฺจฺายตนจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมว. วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนจตุตฺถํ อตีตารมฺมณเมว. โลกุตฺตรจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมว. กิริยโตปิ ทฺวาทสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ เอเสว นโย.
ตีณิ ¶ ฌานานิ พหิทฺธารมฺมณาติ อชฺฌตฺตโต พหิทฺธาภูตํ นิมิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺติโต พหิทฺธารมฺมณา.
จตุตฺถํ ฌานนฺติ อิธาปิ กุสลโต เตรสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณเมว.
อิทฺธิวิธจตุตฺถํ กายวเสน จิตฺตปริณามเนปิ จิตฺตวเสน กายปริณามเนปิ อตฺตโนว กายจิตฺตารมฺมณตฺตา อชฺฌตฺตารมฺมณํ; ‘‘พหิทฺธา หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตกาเล พหิทฺธารมฺมณํ.
ทิพฺพโสตาณจตุตฺถํ อตฺตโน กุจฺฉิคตสทฺทารมฺมณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส สทฺทารมฺมณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ.
เจโตปริยาณจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณเมว.
ปุพฺเพนิวาสาณจตุตฺถํ อตฺตโน ขนฺธานุสฺสรณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส ขนฺธานฺเจว นามโคตฺตสฺส จ อนุสฺสรณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ.
ทิพฺพจกฺขุาณจตุตฺถํ อตฺตโน รูปารมฺมณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส รูปารมฺมณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ.
ยถากมฺมูปคาณจตุตฺถํ ¶ อตฺตโน กมฺมชานนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส กมฺมชานนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ.
อนาคตํสาณจตุตฺถํ อตฺตโน อนาคเต นิพฺพตฺติชานนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส ขนฺธานุสฺสรณกาเล เจว นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล จ พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ.
อากาสานฺจายตนจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณํ. อากิฺจฺายตนจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณํ. วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนจตุตฺถํ อชฺฌตฺตารมฺมณํ.
โลกุตฺตรจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณเมว. กิริยโตปิ ทฺวาทสสุ ฌาเนสุ อยเมว นโยติ.
อิมสฺมึ ¶ ¶ ปน ฌานวิภงฺเค สมฺมาสมฺพุทฺเธน สุตฺตนฺตภาชนีเยปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว ฌานานิ กถิตานิ; อภิธมฺมภาชนีเยปิ ปฺหาปุจฺฉเกปิ. ตโยปิ หิ เอเต นยา เตภูมกธมฺมมิสฺสกตฺตา เอกปริจฺเฉทา เอว. เอวมยํ ฌานวิภงฺโคปิ เตปริวฏฺฏํ นีหริตฺวาว ภาเชตฺวา ทสฺสิโตติ.
สมฺโมหวิโนทนิยา วิภงฺคฏฺกถาย
ฌานวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.