📜

๑๖. าณวิภงฺโค

๑. เอกกมาติกาทิวณฺณนา

๗๕๑. อิทานิ ตทนนฺตเร าณวิภงฺเค เอกวิเธน าณวตฺถูติอาทินา นเยน ปมํ เอกวิธาทีหิ ทสวิธปริโยสาเนหิ ทสหิ ปริจฺเฉเทหิ มาติกํ เปตฺวา นิกฺขิตฺตปทานุกฺกเมน นิทฺเทโส กโต.

ตตฺถ เอกวิเธนาติ เอกปฺปกาเรน, เอกโกฏฺาเสน วา. าณวตฺถูติ เอตฺถ ปน าณฺจ ตํ วตฺถุ จ นานปฺปการานํ สมฺปตฺตีนนฺติ าณวตฺถุ; โอกาสฏฺเน าณสฺส วตฺถูติปิ าณวตฺถุ. อิธ ปน ปุริเมเนวตฺเถน าณวตฺถุ เวทิตพฺพํ. เตเนว เอกวิธปริจฺเฉทาวสาเน ‘‘ยาถาวกวตฺถุวิภาวนา ปฺา – เอวํ เอกวิเธน าณวตฺถู’’ติ วุตฺตํ. ปฺจ วิฺาณาติ จกฺขุวิฺาณาทีนิ ปฺจ. น เหตูติอาทีนิ เหฏฺา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑.๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. สงฺเขปโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ นิทฺเทสวาเร อาวิ ภวิสฺสติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ทุกมาติกาทิปเทสุปิ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ ตตฺเถว อาวิ ภวิสฺสติ. นิกฺเขปปริจฺเฉทมตฺตํ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ หิ ‘‘น เหตุ อเหตุกา’’ติอาทีหิ ตาว ธมฺมสงฺคหมาติกาวเสน, ‘‘อนิจฺจา ชราภิภูตา’’ติอาทีหิ อมาติกาวเสนาติ สงฺเขปโต ทุวิเธหิ ปเภทโต อฏฺสตฺตติยา ปเทหิ เอกกมาติกา นิกฺขิตฺตา.

ทุกานุรูเปหิ ปน ปฺจตึสาย ทุเกหิ ทุกมาติกา นิกฺขิตฺตา.

ติกานุรูเปหิ ‘‘จินฺตามยา ปฺา’’ติอาทีหิ จตูหิ พาหิรตฺติเกหิ, ‘‘วิปากา ปฺา’’ติอาทีหิ อนิยมิตปฺาวเสน วุตฺเตหิ จุทฺทสหิ มาติกาติเกหิ, วิตกฺกตฺติเก ปมปเทน นิยมิตปฺาวเสน วุตฺเตหิ เตรสหิ, ทุติยปเทน นิยมิตปฺาวเสน วุตฺเตหิ สตฺตหิ, ตติยปเทน นิยมิตปฺาวเสน วุตฺเตหิ ทฺวาทสหิ, ปีติตฺติเก จ ปมปเทน นิยมิตปฺาวเสน วุตฺเตหิ เตรสหิ, ตถา ทุติยปเทน, ตติยปเทน นิยมิตปฺาวเสน วุตฺเตหิ ทฺวาทสหีติ อฏฺาสีติยา ติเกหิ ติกมาติกา นิกฺขิตฺตา.

จตุกฺกมาติกา ปน ‘กมฺมสฺสกตาณ’นฺติอาทีหิ เอกวีสติยา จตุกฺเกหิ, ปฺจกมาติกา ทฺวีหิ ปฺจเกหิ, ฉกฺกมาติกา เอเกน ฉกฺเกน, สตฺตกมาติกา ‘‘สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนี’’ติ เอวํ สงฺเขปโต วุตฺเตหิ เอกาทสหิ สตฺตเกหิ, อฏฺกมาติกา เอเกน อฏฺเกน, นวกมาติกา เอเกน นวเกน.

๑๐. ทสกมาติกาวณฺณนา

๗๖๐. ทสกมาติกา ‘‘ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติอาทินา เอเกเนว ทสเกน นิกฺขิตฺตา. ตตฺถ ทสาติ คณนปริจฺเฉโท. ตถาคตสฺสาติ ยถา วิปสฺสีอาทโย ปุพฺพกา อิสโย อาคตา ตถา อาคตสฺส; ยถา จ เต คตา ตถา คตสฺส. ตถาคตพลานีติ อฺเหิ อสาธารณานิ ตถาคตสฺเสว พลานิ; ยถา วา ปุพฺพพุทฺธานํ พลานิ ปุฺุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานิ ตถา อาคตพลานีติปิ อตฺโถ. ตตฺถ ทุวิธํ ตถาคตสฺส พลํ – กายพลฺจ าณพลฺจ. เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;

คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสาติ. –

อิมานิ หิ ทส หตฺถิกุลานิ.

ตตฺถ ‘กาฬาวก’นฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฏฺพฺพํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ ตํ เอกสฺส กาฬาวกหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ ตํ เอกสฺส คงฺเคยสฺส. ยํ ทสนฺนํ คงฺเคยฺยานํ ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺส. ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ ตํ เอกสฺส เหมวตสฺส. ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺส. ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺส. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส. นารายนสงฺขาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ. ตเทตํ ปกติหตฺถีนํ คณนาย หตฺถิโกฏิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ.

าณพลํ ปน อิธ ตาว ปาฬิยํ อาคตเมว ทสพลาณํ. มหาสีหนาเท (ม. นิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) ทสพลาณํ, จตุเวสารชฺชาณํ, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ, สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๒.๓๓-๓๔) อาคตานิ เตสตฺตติ าณานิ, สตฺตสตฺตติ าณานีติ เอวํ อฺานิปิ อเนกานิ าณสหสฺสานิ – เอตํ าณพลํ นาม. อิธาปิ าณพลเมว อธิปฺเปตํ าณฺหิ อกมฺปิยฏฺเน อุปตฺถมฺภกฏฺเน จ พลนฺติ วุตฺตํ.

เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโตติ เยหิ ทสหิ าณพเลหิ อุเปโต สมุเปโต. อาสภํ านนฺติ เสฏฺฏฺานํ อุตฺตมฏฺานํ; อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ านนฺติ อตฺโถ. อปิ จ ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ; วชสตเชฏฺโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฏฺโก วสโภ; สพฺพควเสฏฺโ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสทฺเทหิปิ อกมฺปนีโย นิสโภ. โส อิธ อุสโภติ อธิปฺเปโต. อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ. านนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฏฺานํ. อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํ. ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฏฺปริสปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิตฺเตน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ. เอวํ ติฏฺมาโน จ ตํ อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, อุปคจฺฉติ, น ปจฺจกฺขาติ, อตฺตนิ อาโรเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาสภํ านํ ปฏิชานาตี’’ติ.

ปริสาสูติ อฏฺสุ ปริสาสุ. สีหนาทํ นทตีติ เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติ. อยมตฺโถ สีหนาทสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ. ยถา วา สีโห สหนโต จ หนนโต จ สีโหติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต โลกธมฺมานํ สหนโต ปรปฺปวาทานฺจ หนนโต สีโหติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ สีหนาทํ. ตตฺถ ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฏฺสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส ‘‘อิติ รูป’’นฺติอาทินา นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ.

พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฏฺํ อุตฺตมํ วิสุทฺธํ. จกฺกสทฺโท จ ปนายํ –

สมฺปตฺติยํ ลกฺขเณ จ, รถงฺเค อิริยาปเถ;

ทาเน รตนธมฺมูร, จกฺกาทีสุ จ ทิสฺสติ;

ธมฺมจกฺเก อิธ มโต, ตฺจ ทฺเวธา วิภาวเย.

‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๑) หิ อยํ สมฺปตฺติยํ ทิสฺสติ. ‘‘เหฏฺา ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕) เอตฺถ ลกฺขเณ. ‘‘จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๑) เอตฺถ รถงฺเค. ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ อิริยาปเถ. ‘‘ททํ ภุฺช มา จ ปมาโท, จกฺกํ ปวตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) เอตฺถ ทาเน. ‘‘ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสี’’ติ เอตฺถ รตนจกฺเก. ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒) เอตฺถ ธมฺมจกฺเก. ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) เอตฺถ อุรจกฺเก. ‘‘ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอตฺถ ปหรณจกฺเก. ‘‘อสนิวิจกฺก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๖๑; สํ. นิ. ๒.๑๖๒) เอตฺถ อสนิมณฺฑเล. อิธ ปนายํ ธมฺมจกฺเก มโต.

ตํ ปน ธมฺมจกฺกํ ทุวิธํ โหติ – ปฏิเวธาณฺจ เทสนาาณฺจ. ตตฺถ ปฺาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฏิเวธาณํ; กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาาณํ. ตตฺถ ปฏิเวธาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ อภินิกฺขมนโต ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ , ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม; ตุสิตภวนโต วา ยาว มหาโพธิปลฺลงฺเก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม; ทีปงฺกรพฺยากรณโต ปฏฺาย วา ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ , ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. เทสนาาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ ยาว อฺาโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นาม. เตสุ ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาาณํ โลกิยํ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อฺเหิ อสาธารณํ พุทฺธานํเยว โอรสาณํ.

อิทานิ เยหิ ทสหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ยานิ อาทิโตว ‘‘ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ นิกฺขิตฺตานิ, ตานิ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ กตมานิ ทส? อิธ ตถาคโต านฺจ านโตติอาทิมาห. ตตฺถ านฺจ านโตติ การณฺจ การณโต. การณฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฏฺติ ตทายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จ, ตสฺมา านนฺติ วุจฺจติ. ตํ ภควา ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย ตํ ตํ าน’’นฺติ จ ‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย ตํ ตํ อฏฺาน’นฺติ จ ปชานนฺโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปีติ เยน าเณน. อิทมฺปิ ตถาคตสฺสาติ อิทมฺปิ านาฏฺานาณํ ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ นาม โหตีติ อตฺโถ. เอวํ สพฺพปเทสุ โยชนา เวทิตพฺพา.

กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ; กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํ. านโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จ. ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส านํ, กมฺมํ เหตุ.

สพฺพตฺถ คามินินฺติ สพฺพคติคามินิฺจ อคติคามินิฺจ. ปฏิปทนฺติ มคฺคํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ ‘อิมสฺส เจตนา นิรยคามินี ภวิสฺสติ, อิมสฺส ติรจฺฉานโยนิคามินี’ติ อิมินา นเยน เอกวตฺถุสฺมิมฺปิ กุสลากุสลเจตนาสงฺขาตานํ ปฏิปตฺตีนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปชานาติ.

อเนกธาตุนฺติ จกฺขุธาตุอาทีหิ กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํ. นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตาย นานปฺปการธาตุํ. โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฏิวิชฺฌติ.

นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํ.

ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํ. ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต ปเรสํ หีนสตฺตานํ; เอกตฺถเมว วา เอตํ ปททฺวยํ เวเนยฺยวเสน ปน ทฺเวธา วุตฺตํ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวฺจ อปรภาวฺจ วุฑฺฒิฺจ หานิฺจาติ อตฺโถ.

ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํ. สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํ. โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํ. วุฏฺานนฺติ เยน การเณน ฌานาทีหิ วุฏฺหนฺติ, ตํ การณํ.

ปุพฺเพนิวาสานุสฺสตินฺติ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธานุสฺสรณํ.

จุตูปปาตนฺติ จุติฺจ อุปปาตฺจ.

อาสวานํ ขยนฺติ กามาสวาทีนํ ขยสงฺขาตํ อาสวนิโรธํ นิพฺพานํ.

อิมานีติ ยานิ เหฏฺา ‘‘ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ อโวจ, อิมานิ ตานีติ อปฺปนํ กโรตีติ. เอวเมตฺถ อนุปุพฺพปทวณฺณนํ ตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตถาคโต ปมํเยว านาฏฺานาเณน เวเนยฺยสตฺตานํ อาสวกฺขยาธิคมสฺส เจว อนธิคมสฺส จ านาฏฺานภูตํ กิเลสาวรณาภาวํ ปสฺสติ, โลกิยสมฺมาทิฏฺิานทสฺสนโต นิยตมิจฺฉาทิฏฺิานาภาวทสฺสนโต จ. อถ เนสํ กมฺมวิปากาเณน วิปากาวรณาภาวํ ปสฺสติ , ติเหตุกปฏิสนฺธิทสฺสนโต. สพฺพตฺถคามินีปฏิปทาาเณน กมฺมาวรณาภาวํ ปสฺสติ, อานนฺตริยกมฺมาภาวทสฺสนโต. เอวํ อนาวรณานํ อเนกธาตุนานาธาตุาเณน อนุกูลธมฺมเทสนตฺถํ จริยาวิเสสํ ปสฺสติ, ธาตุเวมตฺตทสฺสนโต. อถ เนสํ นานาธิมุตฺติกตาาเณน อธิมุตฺตึ ปสฺสติ, ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ อธิมุตฺติวเสน ธมฺมเทสนตฺถํ. อเถวํ ทิฏฺาธิมุตฺตีนํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ธมฺมํ เทเสตุํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ปสฺสติ, สทฺธาทีนํ ติกฺขมุทุภาวทสฺสนโต. เอวํ ปริฺาตินฺทฺริยปโรปริยตฺตาปิ ปเนเต สเจ ทูเร โหนฺติ, อถ ฌานาทิปริฺาเณน ฌานาทีสุ วสีภูตตฺตา อิทฺธิวิเสเสน ขิปฺปํ อุปคจฺฉติ. อุปคนฺตฺวา จ เนสํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ปุพฺพชาติภาวนํ, ทิพฺพจกฺขานุภาวโต ปตฺตพฺเพน เจโตปริยาเณน สมฺปตฺติจิตฺตวิเสสํ ปสฺสนฺโต อาสวกฺขยาณานุภาเวน อาสวกฺขยคามินิยา ปฏิปทาย วิคตสมฺโมหตฺตา อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสติ. ตสฺมา อิมินา อนุกฺกเมน อิมานิ ทสพลานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. อยํ ตาว มาติกาย อตฺถวณฺณนา.

(๑.) เอกกนิทฺเทสวณฺณนา

๗๖๑. อิทานิ ยถานิกฺขิตฺตาย มาติกาย ‘‘ปฺจวิฺาณา น เหตุเมวา’’ติอาทินา นเยน อารทฺเธ นิทฺเทสวาเร น เหตุเมวาติ สาธารณเหตุปฏิกฺเขปนิทฺเทโส. ตตฺถ ‘‘เหตุเหตุ, ปจฺจยเหตุ, อุตฺตมเหตุ, สาธารณเหตูติ จตุพฺพิโธ เหตู’’ติอาทินา นเยน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ รูปกณฺเฑ ‘‘สพฺพํ รูปํ น เหตุเมวา’’ติอาทีนํ อตฺถวณฺณนายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๔) วุตฺตเมว. อเหตุกเมวาติอาทีสุ พฺยฺชนสนฺธิวเสน มกาโร เวทิตพฺโพ; อเหตุกา เอวาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อปิจ ‘‘เหตู ธมฺมา นเหตู ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑) ธมฺมโกฏฺาเสสุ ปฺจวิฺาณานิ เหตู ธมฺมาติ วา สเหตุกา ธมฺมาติ วา น โหนฺติ. เอกนฺเตน ปน น เหตูเยว, อเหตุกา เยวาติ อิมานิปิ นเยเนตฺถ สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อพฺยากตเมวาติ ปทํ วิปากาพฺยากตวเสน วุตฺตํ. สารมฺมณเมวาติ โอลุพฺภารมฺมณวเสน. ปจฺจยารมฺมณํ โอลุพฺภารมฺมณนฺติ หิ ทุวิธํ อารมฺมณํ. อิมสฺมึ ปน าเน โอลุพฺภารมฺมณเมว ธุรํ, ปจฺจยารมฺมณมฺปิ ลพฺภติเยว. อเจตสิกเมวาติ ปทํ จิตฺตํ, รูปํ, นิพฺพานนฺติ ตีสุ อเจตสิเกสุ จิตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ. โน อปริยาปนฺนเมวาติ คติปริยาปนฺนจุติปริยาปนฺนสํสารวฏฺฏภวปริยาปนฺนภาวโต ปริยาปนฺนา เอว, โน อปริยาปนฺนา. โลกโต วฏฺฏโต น นิยฺยนฺตีติ อนิยฺยานิกา. อุปฺปนฺนํ มโนวิฺาณวิฺเยฺยเมวาติ รูปกณฺเฑ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปจฺจุปฺปนฺนาเนว รูปาทีนิ อารพฺภ ปวตฺติโต อตีตาทิวิสยํ มโนวิฺาณมฺปิ ปฺจวิฺาณโสตปติตเมว กตฺวา ‘‘อุปปนฺนํ ฉหิ วิฺาเณหิ วิฺเยฺย’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) วุตฺตํ. ปฺจวิฺาณา ปน ยสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนาปิ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณา น โหนฺติ, มโนวิฺาณสฺเสว โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘มโนวิฺาณวิฺเยฺยเมวา’’ติ วุตฺตํ. อนิจฺจเมวาติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจาเยว. ชราภิภูตเมวาติ ชราย อภิภูตตฺตา ชราภิภูตา เอว.

๗๖๒. อุปฺปนฺนวตฺถุกา อุปฺปนฺนารมฺมณาติ อนาคตปฏิกฺเขโป. น หิ เต อนาคเตสุ วตฺถารมฺมเณสุ อุปฺปชฺชนฺติ.

ปุเรชาตวตฺถุกา ปุเรชาตารมฺมณาติ สหุปฺปตฺติปฏิกฺเขโป. น หิ เต สหุปฺปนฺนํ วตฺถุํ วา อารมฺมณํ วา ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนฺติ, สยํ ปน ปจฺฉาชาตา หุตฺวา ปุเรชาเตสุ วตฺถารมฺมเณสุ อุปฺปชฺชนฺติ.

อชฺฌตฺติกวตฺถุกาติ อชฺฌตฺตชฺฌตฺตวเสน วุตฺตํ. ตานิ หิ อชฺฌตฺติเก ปฺจ ปสาเท วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ. พาหิรารมฺมณาติ พาหิรรูปาทิอารมฺมณา. ตตฺถ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – ปฺจวิฺาณา หิ ปสาทวตฺถุกตฺตา อชฺฌตฺติกา อชฺฌตฺติกวตฺถุกา, มโนวิฺาณํ หทยรูปํ วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกาเล อชฺฌตฺติกํ พาหิรวตฺถุกํ, ปฺจวิฺาณสมฺปยุตฺตา ตโย ขนฺธา พาหิรา อชฺฌตฺติกวตฺถุกา , มโนวิฺาณสมฺปยุตฺตา ตโย ขนฺธา หทยรูปํ วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกาเล พาหิรา พาหิรวตฺถุกา.

อสมฺภินฺนวตฺถุกาติ อนิรุทฺธวตฺถุกา. น หิ เต นิรุทฺธํ อตีตํ วตฺถุํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนฺติ. อสมฺภินฺนารมฺมณตายปิ เอเสว นโย.

อฺํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ จ อารมฺมณฺจาติอาทีสุ จกฺขุวิฺาณสฺส หิ อฺํ วตฺถุ, อฺํ อารมฺมณํ. อฺํ โสตวิฺาณาทีนํ. จกฺขุวิฺาณํ โสตปสาทาทีสุ อฺตรํ วตฺถุํ, สทฺทาทีสุ วา อฺตรํ อารมฺมณํ กตฺวา กปฺปโต กปฺปํ คนฺตฺวาปิ น อุปฺปชฺชติ; จกฺขุปสาทเมว ปน วตฺถุํ กตฺวา รูปฺจ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ. เอวมสฺส วตฺถุปิ ทฺวารมฺปิ อารมฺมณมฺปิ นิพทฺธํ, อฺํ วตฺถุํ วา ทฺวารํ วา อารมฺมณํ วา น สงฺกมติ, นิพทฺธวตฺถุ นิพทฺธทฺวารํ นิพทฺธารมฺมณเมว หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย.

๗๖๓. อฺมฺสฺส โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภนฺตีติ เอตฺถ อฺมฺสฺส จกฺขุ โสตสฺส, โสตํ วา จกฺขุสฺสาติ เอวํ เอกํ เอกสฺส โคจรวิสยํ น ปจฺจนุโภตีติ อตฺโถ. สเจ หิ นีลาทิเภทํ รูปารมฺมณํ สโมธาเนตฺวา โสตินฺทฺริยสฺส อุปเนยฺย ‘อิงฺฆ ตาว นํ ววตฺถาเปหิ วิภาเวหิ – กึ นาเมตํ อารมฺมณ’นฺติ, จกฺขุวิฺาณํ วินาปิ มุเขน อตฺตโน ธมฺมตาย เอวํ วเทยฺย – ‘อเร อนฺธพาล, วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ ปริธาวมาโน อฺตฺร มยา กุหึ เอตสฺส ชานนกํ ลภิสฺสสิ; อาหร นํ จกฺขุปสาเท อุปเนหิ; อหเมตํ อารมฺมณํ ชานิสฺสามิ – ยทิ วา นีลํ ยทิ วา ปีตกํ. น หิ เอโส อฺสฺส วิสโย; มยฺหเมเวโส วิสโย’ติ. เสสวิฺาเณสุปิ เอเสว นโย. เอวเมเต อฺมฺสฺส โคจรวิสยํ น ปจฺจนุโภนฺติ นาม.

๗๖๔. สมนฺนาหรนฺตสฺสาติ อาวชฺชเนเนว สมนฺนาหรนฺตสฺส.

มนสิกโรนฺตสฺสาติ อาวชฺชเนเนว มนสิกโรนฺตสฺส. เอตานิ หิ จิตฺตานิ อาวชฺชเนน สมนฺนาหฏกาเล มนสิกตกาเลเยว จ อุปฺปชฺชนฺติ.

น อพฺโพกิณฺณาติ อฺเน วิฺาเณน อพฺโพกิณฺณา นิรนฺตราว นุปฺปชฺชนฺติ. เอเตน เตสํ อนนฺตรตา ปฏิกฺขิตฺตา.

๗๖๕. น อปุพฺพํ อจริมนฺติ เอเตน สพฺเพสมฺปิ สหุปฺปตฺติ ปฏิกฺขิตฺตา. อฺมฺสฺส สมนนฺตราติ เอเตน สมนนฺตรตา ปฏิกฺขิตฺตา.

๗๖๖. อาวฏฺฏนา วาติอาทีนิ จตฺตาริปิ อาวชฺชนสฺเสว นามานิ. ตฺหิ ภวงฺคสฺส อาวฏฺฏนโต อาวฏฺฏนา, ตสฺเสว อาภุชนโต อาโภโค, รูปาทีนํ สมนฺนาหรณโต สมนฺนาหาโร, เตสํเยว มนสิกรณโต มนสิกาโรติ วุจฺจติ. เอวเมตฺถ สงฺเขปโต ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ อาวชฺชนฏฺาเน ตฺวา อาวชฺชนาทิกิจฺจํ กาตุํ สมตฺถภาโว ปฏิกฺขิตฺโต.

น กฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาตีติ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑-๒) เอวํ วุตฺตํ เอกมฺปิ กุสลํ วา อกุสลํ วา น ปฏิวิชานาติ.

อฺตฺรอภินิปาตมตฺตาติ เปตฺวา รูปาทีนํ อภินิปาตมตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สุปณฺฑิโตปิ ปุริโส, เปตฺวา อาปาถคตานิ รูปาทีนิ, อฺํ กุสลากุสเลสุ เอกธมฺมมฺปิ ปฺจหิ วิฺาเณหิ น ปฏิวิชานาติ. จกฺขุวิฺาณํ ปเนตฺถ ทสฺสนมตฺตเมว โหติ. โสตวิฺาณาทีนิ สวนฆายนสายนผุสนมตฺตาเนว. ทสฺสนาทิมตฺตโต ปน มุตฺตา อฺา เอเตสํ กุสลาทิปฏิวิฺตฺติ นาม นตฺถิ.

มโนธาตุยาปีติ สมฺปฏิจฺฉนมโนธาตุยาปิ. สมฺปิณฺฑนตฺโถ เจตฺถ ปิกาโร. ตสฺมา มโนธาตุยาปิ ตโต ปราหิ มโนวิฺาณธาตูหิปีติ สพฺเพหิปิ ปฺจทฺวาริกวิฺาเณหิ น กฺจิ กุสลากุสลํ ธมฺมํ ปฏิวิชานาตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

น กฺจิ อิริยาปถํ กปฺเปตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. น หิ ปฺจทฺวาริกวิฺาเณหิ คมนาทีสุ กฺจิ อิริยาปถํ กปฺเปติ, น กายกมฺมํ น วจีกมฺมํ ปฏฺเปติ, น กุสลากุสลํ ธมฺมํ สมาทิยติ, น สมาธึ สมาปชฺชติ โลกิยํ วา โลกุตฺตรํ วา, น สมาธิโต วุฏฺาติ โลกิยา วา โลกุตฺตรา วา, น ภวโต จวติ, น ภวนฺตเร อุปปชฺชติ. สพฺพมฺปิ เหตํ กุสลากุสลธมฺมปฏิวิชานนาทิวจนปริโยสานํ กิจฺจํ มโนทฺวาริกจิตฺเตเนว โหติ, น ปฺจทฺวาริเกนาติ สพฺพสฺสาเปตสฺส กิจฺจสฺส กรเณ สหชวนกานิ วีถิจิตฺตานิ ปฏิกฺขิตฺตานิ. ยถา เจเตสํ เอตานิ กิจฺจานิ นตฺถิ, เอวํ นิยาโมกฺกมนาทีนิปิ. น หิ ปฺจทฺวาริกชวเนน มิจฺฉตฺตนิยามํ โอกฺกมติ, น สมฺมตฺตนิยามํ; น เจตํ ชวนํ นามโคตฺตมารพฺภ ชวติ, น กสิณาทิปณฺณตฺตึ; น ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ปวตฺตติ, น วุฏฺานคามินีพลววิปสฺสนาวเสน; น รูปารูปธมฺเม อารพฺภ ชวติ, น นิพฺพานํ; น เจเตน สทฺธึ ปฏิสมฺภิทาาณํ อุปฺปชฺชติ, น อภิฺาาณํ, น สาวกปารมีาณํ, น ปจฺเจกโพธิาณํ, น สพฺพฺุตาณํ. สพฺโพปิ ปเนส ปเภโท มโนทฺวาริกชวเนเยว ลพฺภติ.

น สุปติ น ปฏิพุชฺฌติ น สุปินํ ปสฺสตีติ สพฺเพนาปิ จ ปฺจทฺวาริกจิตฺเตน เนว นิทฺทํ โอกฺกมติ, น นิทฺทายติ, น ปฏิพุชฺฌติ, น กิฺจ สุปินํ ปสฺสตีติ อิเมสุ ตีสุ าเนสุ สห ชวเนน วีถิจิตฺตํ ปฏิกฺขิตฺตํ.

นิทฺทายนฺตสฺส หิ มหาวฏฺฏึ ชาเลตฺวา ทีเป จกฺขุสมีเป อุปนีเต ปมํ จกฺขุทฺวาริกํ อาวชฺชนํ ภวงฺคํ น อาวฏฺเฏติ, มโนทฺวาริกเมว อาวฏฺเฏติ. อถ ชวนํ ชวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. ทุติยวาเร จกฺขุทฺวาริกํ อาวชฺชนํ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏติ. ตโต จกฺขุวิฺาณาทีนิ ชวนปริโยสานานิ ปวตฺตนฺติ. ตทนนฺตรํ ภวงฺคํ ปวตฺตติ. ตติยวาเร มโนทฺวาริกอาวชฺชเนน ภวงฺเค อาวฏฺฏิเต มโนทฺวาริกชวนํ ชวติ. เตน จิตฺเตน ตฺวา ‘กึ อยํ อิมสฺมึ าเน อาโลโก’ติ ชานาติ.

ตถา นิทฺทายนฺตสฺส กณฺณสมีเป ตูริเยสุ ปคฺคหิเตสุ, ฆานสมีเป สุคนฺเธสุ วา ทุคฺคนฺเธสุ วา ปุปฺเผสุ อุปนีเตสุ, มุเข สปฺปิมฺหิ วา ผาณิเต วา ปกฺขิตฺเต, ปิฏฺิยํ ปาณินา ปหาเร ทินฺเน ปมํ โสตทฺวาริกาทีนิ อาวชฺชนานิ ภวงฺคํ น อาวฏฺเฏนฺติ, มโนทฺวาริกเมว อาวฏฺเฏติ. อถ ชวนํ ชวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. ทุติยวาเร โสตทฺวาริกาทีนิ อาวชฺชนานิ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏนฺติ. ตโต โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณาทีนิ ชวนปริโยสานานิ ปวตฺตนฺติ. ตทนนฺตรํ ภวงฺคํ ปวตฺตติ. ตติยวาเร มโนทฺวาริกอาวชฺชเนน ภวงฺเค อาวฏฺฏิเต มโนทฺวาริกชวนํ ชวติ. เตน จิตฺเตน ตฺวา ‘กึ อยํ อิมสฺมึ าเน สทฺโท – สงฺขสทฺโท, เภริสทฺโท’ติ วา ‘กึ อยํ อิมสฺมึ าเน คนฺโธ – มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ’ติ วา ‘กึ อิทํ มยฺหํ มุเข ปกฺขิตฺตรสํ – สปฺปีติ วา ผาณิต’นฺติ วา ‘เกนมฺหิ ปิฏฺิยํ ปหโต, อติถทฺโธ เม ปหาโร’ติ วา วตฺตาโร โหนฺติ. เอวํ มโนทฺวาริกชวเนเนว ปฏิพุชฺฌติ, น ปฺจทฺวาริเกน. สุปินมฺปิ เตเนว ปสฺสติ, น ปฺจทฺวาริเกน.

ตฺจ ปเนตํ สุปินํ ปสฺสนฺโต จตูหิ การเณหิ ปสฺสติ – ธาตุกฺโขภโต วา อนุภูตปุพฺพโต วา เทวโตปสํหารโต วา ปุพฺพนิมิตฺตโต วาติ. ตตฺถ ปิตฺตาทีนํ โขภกรณปจฺจยโยเคน ขุภิตธาตุโก ‘ธาตุกฺโขภโต’ สุปินํ ปสฺสติ. ปสฺสนฺโต จ นานาวิธํ สุปินํ ปสฺสติ – ปพฺพตา ปตนฺโต วิย, อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย, วาฬมิคหตฺถิโจราทีหิ อนุพทฺโธ วิย จ โหติ. ‘อนุภูตปุพฺพโต’ ปสฺสนฺโต ปุพฺเพ อนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ปสฺสติ. ‘เทวโตปสํหารโต’ ปสฺสนฺตสฺส เทวตา อตฺถกามตาย วา อนตฺถกามตาย วา อตฺถาย วา อนตฺถาย วา นานาวิธานิ อารมฺมณานิ อุปสํหรนฺติ. โส ตาสํ เทวตานํ อานุภาเวน ตานิ อารมฺมณานิ ปสฺสติ. ปุพฺพนิมิตฺตโต ปสฺสนฺโต ปุฺาปุฺวเสน อุปฺปชฺชิตุกามสฺส อตฺถสฺส วา อนตฺถสฺส วา ปุพฺพนิมิตฺตภูตํ สุปินํ ปสฺสติ โพธิสตฺตมาตา วิย ปุตฺตปฏิลาภนิมิตฺตํ, โพธิสตฺโต วิย ปฺจ มหาสุปิเน (อ. นิ. ๕.๑๙๖), โกสลราชา วิย จ โสฬส สุปิเนติ (ชา. ๑.๑.๔๑).

ตตฺถ ยํ ธาตุกฺโขภโต อนุภูตปุพฺพโต จ สุปินํ ปสฺสติ, น ตํ สจฺจํ โหติ. ยํ เทวโตปสํหารโต ปสฺสติ, ตํ สจฺจํ วา โหติ อลิกํ วา. กุทฺธา หิ เทวตา อุปาเยน วินาเสตุกามา วิปรีตมฺปิ กตฺวา ทสฺเสนฺติ. ตตฺริทํ วตฺถุ – โรหเณ กิร นาคมหาวิหาเร มหาเถโร ภิกฺขุสงฺฆํ อนปโลเกตฺวาว เอกํ นาครุกฺขํ ฉินฺทาเปสิ. รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา เถรสฺส กุทฺธา ปมเมว นํ ปโลเภตฺวา ปจฺฉา ‘อิโต เต สตฺตทิวสมตฺถเก อุปฏฺาโก ราชา มริสฺสตี’ติ สุปิเน อาโรเจสิ. เถโร นํ กถํ อาหริตฺวา ราโชโรธานํ อาจิกฺขิ. ตา เอกปฺปหาเรเนว มหาวิรวํ วิรวึสุ. ราชา ‘กึ เอต’นฺติ ปุจฺฉิ. ตา ‘เอวํ เถเรน วุตฺต’นฺติ อาโรจยึสุ. ราชา ทิวเส คณาเปตฺวา สตฺตาเห วีติวตฺเต กุชฺฌิตฺวา เถรสฺส หตฺถปาเท ฉินฺทาเปสิ.

ยํ ปน ปุพฺพนิมิตฺตโต ปสฺสติ ตํ เอกนฺตสจฺจเมว โหติ. เอเตสฺจ จตุนฺนํ มูลการณานํ สํสคฺคเภทโตปิ สุปินเภโท โหติเยว. ตฺจ ปเนตํ จตุพฺพิธํ สุปินํ เสกฺขปุถุชฺชนาว ปสฺสนฺติ อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา; อเสกฺขา น ปสฺสนฺติ ปหีนวิปลฺลาสตฺตา.

กึ ปน ตํ ปสฺสนฺโต สุตฺโต ปสฺสติ, ปฏิพุทฺโธ? อุทาหุ เนว สุตฺโต ปสฺสติ น ปฏิพุทฺโธติ? กิฺเจตฺถ ยทิ ตาว สุตฺโต ปสฺสติ, อภิธมฺมวิโรโธ อาปชฺชติ. ภวงฺคจิตฺเตน หิ สุปติ. ตฺจ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ ราคาทิสมฺปยุตฺตํ วา น โหติ. สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส จ อีทิสานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อถ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, วินยวิโรโธ อาปชฺชติ. ยฺหิ ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, ตํ สพฺโพหาริกจิตฺเตน ปสฺสติ. สพฺโพหาริกจิตฺเตน จ กเต วีติกฺกเม อนาปตฺติ นาม นตฺถิ. สุปินํ ปสฺสนฺเตน ปน กเต วีติกฺกเม เอกนฺตํ อนาปตฺติ เอว. อถ เนว สุตฺโต น ปฏิพุทฺโธ ปสฺสติ, น สุปินํ นาม ปสฺสติ. เอวฺหิ สติ สุปินสฺส อภาโวว อาปชฺชติ? น อภาโว . กสฺมา? ยสฺมา กปิมิทฺธปเรโต ปสฺสติ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘กปิมิทฺธปเรโต โข, มหาราช, สุปินํ ปสฺสตี’’ติ (มิ. ป. ๕.๓.๕). ‘กปิมิทฺธปเรโต’ติ มกฺกฏนิทฺทาย ยุตฺโต. ยถา หิ มกฺกฏสฺส นิทฺทา ลหุปริวตฺตา โหติ, เอวํ ยา นิทฺทา ปุนปฺปุนํ กุสลาทิจิตฺตโวกิณฺณตฺตา ลหุปริวตฺตา; ยสฺสา ปวตฺติยํ ปุนปฺปุนํ ภวงฺคโต อุตฺตรณํ โหติ, ตาย ยุตฺโต สุปินํ ปสฺสติ. เตนายํ สุปิโน กุสโลปิ โหติ อกุสโลปิ อพฺยากโตปิ ๓๘๖. ตตฺถ สุปินนฺเต เจติยวนฺทนธมฺมสฺสวนธมฺมเทสนาทีนิ กโรนฺตสฺส กุสโล, ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺตสฺส อกุสโล, ทฺวีหิ อนฺเตหิ มุตฺโต อาวชฺชนตทารมฺมณกฺขเณ อพฺยากโตติ เวทิตพฺโพ. สุปิเนเนว ‘ทิฏฺํ วิย เม, สุตํ วิย เม’ติ กถนกาเลปิ อพฺยากโตเยว.

กึ ปน สุปิเน กตํ กุสลากุสลํ กมฺมํ สวิปากํ อวิปากนฺติ? สวิปากํ; ทุพฺพลตฺตา ปน ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ น สกฺโกติ, ทินฺนาย อฺกมฺเมน ปฏิสนฺธิยา ปวตฺเต เวทนียํ โหติ.

เอวํ ยาถาวกวตฺถุวิภาวนา ปฺาติ ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ น เหตฺวฏฺโ ยาถาวฏฺโ. ตํ ยาถาวฏฺํ วตฺถุํ วิภาเวตีติ ยาถาวกวตฺถุวิภาวนา. ตถา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ อเหตุกฏฺโ, ชราภิภูตฏฺโ, น สุปินํ ปสฺสนฏฺโ, ยาถาวฏฺโ. ตํ ยาถาวฏฺํ วตฺถุํ วิภาเวตีติ ยาถาวกวตฺถุวิภาวนา. อิติ ยา เหฏฺา ‘‘ยาถาวกวตฺถุวิภาวนา ปฺา’’ติ มาติกาย นิกฺขิตฺตา, สา เอวํ ยาถาวกวตฺถุวิภาวนา ปฺาติ เวทิตพฺพา. ตสฺสา เอว จ วเสน เอวํ เอกวิเธน าณวตฺถูติ เอวํ เอเกกโกฏฺาเสน าณคณนา เอเกน วา อากาเรน าณปริจฺเฉโท โหติ.

เอกกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๒.) ทุกนิทฺเทสวณฺณนา

๗๖๗. ทุวิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส จตูสุ ภูมีสุ กุสเลติ เสกฺขปุถุชฺชนานํ จตุภูมกกุสลปฺา. ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค วุตฺเตสุ ปฺจสุ อตฺเถสุ อตฺตโน อตฺตโน ภูมิปริยาปนฺนํ วิปากสงฺขาตํ อตฺถํ ชาเปติ ชเนติ ปวตฺเตตีติ อตฺถชาปิกา. อรหโต อภิฺํ อุปฺปาเทนฺตสฺส สมาปตฺตึ อุปฺปาเทนฺตสฺส กิริยาพฺยากเตติ อภิฺาย เจว สมาปตฺติยา จ ปริกมฺมสมเย กามาวจรกิริยปฺา. สา หิ อภิฺาสมาปตฺติปเภทํ กิริยสงฺขาตํ อตฺถํ ชาเปติ ชเนติ ปวตฺเตตีติ อตฺถชาปิกา ปฺาติ วุตฺตา. อยํ ปน อปโรปิ ปาฬิมุตฺตโก อฏฺกถานโย – ยาปิ หิ ปุริมา กามาวจรกิริยา ปจฺฉิมาย กามาวจรกิริยาย อนนฺตราทิวเสน ปจฺจโย โหติ, สาปิ ตํ กิริยตฺถํ ชาเปตีติ อตฺถชาปิกา ปฺา นาม. รูปาวจรารูปาวจเรสุปิ เอเสว นโย.

ทุติยปทนิทฺเทเส จตูสุ ภูมีสุ วิปาเกติ กามาวจรวิปาเก ปฺา สหชาตาทิปจฺจยวเสน กามาวจรวิปากตฺถํ ชาเปตฺวา ิตาติ ชาปิตตฺถา. รูปาวจราทิวิปากปฺาสุปิ เอเสว นโย. สพฺพาปิ วา เอสา อตฺตโน อตฺตโน การเณหิ ชาปิตา ชนิตา ปวตฺติตา สยมฺปิ อตฺถภูตาติปิ ชาปิตตฺถา. อรหโต อุปฺปนฺนาย อภิฺาย อุปฺปนฺนาย สมาปตฺติยาติ วุตฺตกิริยปฺายปิ เอเสว นโย. อยํ ปน อปโรปิ ปาฬิมุตฺตโก อฏฺกถานโย – กามาวจรกิริยปฺาปิ หิ สหชาตาทิวเสน กามาวจรกิริยสงฺขาตํ อตฺถํ ชาเปตฺวา ิตาติ ชาปิตตฺถา. รูปาวจรารูปาวจรกิริยปฺาสุปิ เอเสว นโย. สพฺพาปิ วา เอสา อตฺตโน อตฺตโน การเณหิ ชาปิตา ชนิตา ปวตฺติตา สยฺจ อตฺถภูตาติปิ ชาปิตตฺถา. เสสเมตฺถ สพฺพํ ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ วุตฺตนยตฺตา ปากฏเมวาติ.

ทุกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๓.) ติกนิทฺเทสวณฺณนา

๗๖๘. ติวิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส โยควิหิเตสูติ โยโค วุจฺจติ ปฺา; ปฺาวิหิเตสุ ปฺาปริณามิเตสูติ อตฺโถ. กมฺมายตเนสูติ เอตฺถ กมฺมเมว กมฺมายตนํ; อถ วา กมฺมฺจ ตํ อายตนฺจ อาชีวาทีนนฺติปิ กมฺมายตนํ. สิปฺปายตเนสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ทุวิธํ กมฺมํ – หีนฺจ อุกฺกฏฺฺจ. ตตฺถ หีนํ นาม วฑฺฒกีกมฺมํ, ปุปฺผฉฑฺฑกกมฺมนฺติ เอวมาทิ. อุกฺกฏฺํ นาม กสิ, วณิชฺชา, โครกฺขนฺติ เอวมาทิ. สิปฺปมฺปิ ทุวิธํ หีนฺจ อุกฺกฏฺฺจ. ตตฺถ หีนํ สิปฺปํ นาม นฬการสิปฺปํ, เปสการสิปฺปํ, กุมฺภการสิปฺปํ, จมฺมการสิปฺปํ, นฺหาปิตสิปฺปนฺติ เอวมาทิ. อุกฺกฏฺํ นาม สิปฺปํ มุทฺทา, คณนา, เลขฺจาติ เอวมาทิ วิชฺชาว วิชฺชาฏฺานํ. ตํ ธมฺมิกเมว คหิตํ. นาคมณฺฑลปริตฺตสทิสํ, ผุธมนกมนฺตสทิสํ, สาลากิยํ , สลฺลกตฺติยนฺติอาทีนิ ปน เวชฺชสตฺถานิ ‘‘อิจฺฉามหํ, อาจริย, สิปฺปํ สิกฺขิตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๒๙) สิปฺปายตเน ปวิฏฺตฺตา น คหิตานิ.

ตตฺถ เอโก ปณฺฑิโต มนุสฺสานํ ผาสุวิหารตฺถาย อตฺตโน จ ธมฺมตาย เคหปาสาทยานนาวาทีนิ อุปฺปาเทติ. โส หิ ‘อิเม มนุสฺสา วสนฏฺาเนน วินา ทุกฺขิตา’ติ หิตกิริยาย ตฺวา ทีฆจตุรสฺสาทิเภทํ เคหํ อุปฺปาเทติ, สีตุณฺหปฏิฆาตตฺถาย เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิเภเท ปาสาเท กโรติ, ‘ยาเน อสติ อนุสฺจรณํ นาม ทุกฺข’นฺติ ชงฺฆากิลมถปฏิวิโนทนตฺถาย วยฺหสกฏสนฺทมานิกาทีนิ อุปฺปาเทติ, ‘นาวาย อสติ สมุทฺทาทีสุ สฺจาโร นาม นตฺถี’ติ นานปฺปการํ นาวํ อุปฺปาเทติ. โส สพฺพมฺเปตํ เนว อฺเหิ กยิรมานํ ปสฺสติ, น กตํ อุคฺคณฺหาติ, น กเถนฺตานํ สุณาติ, อตฺตโน ปน ธมฺมตาย จินฺตาย กโรติ. ปฺวตา หิ อตฺตโน ธมฺมตาย กตมฺปิ อฺเหิ อุคฺคณฺหิตฺวา กโรนฺเตหิ กตสทิสเมว โหติ. อยํ ตาว หีนกมฺเม นโย.

อุกฺกฏฺกมฺเมปิ ‘กสิกมฺเม อสติ มนุสฺสานํ ชีวิตํ น ปวตฺตตี’ติ เอโก ปณฺฑิโต มนุสฺสานํ ผาสุวิหารตฺถาย ยุคนงฺคลาทีนิ กสิภณฺฑานิ อุปฺปาเทติ; ตถา นานปฺปการํ วาณิชกมฺมํ โครกฺขฺจ อุปฺปาเทติ. โส สพฺพมฺเปตํ เนว อฺเหิ กริยมานํ ปสฺสติ…เป… กตสทิสเมว โหติ. อยํ อุกฺกฏฺกมฺเม นโย.

ทุวิเธปิ ปน สิปฺปายตเน เอโก ปณฺฑิโต มนุสฺสานํ ผาสุวิหารตฺถาย นฬการสิปฺปาทีนิ หีนสิปฺปานิ, หตฺถมุทฺทาย คณนสงฺขาตํ มุทฺทํ, อจฺฉินฺนกสงฺขาตํ คณนํ, มาติกาปฺปเภทกาทิเภทฺจ เลขํ อุปฺปาเทติ. โส สพฺพมฺเปตํ เนว อฺเหิ กริยมานํ ปสฺสติ…เป… กตสทิสเมว โหติ. อยํ สิปฺปายตเน นโย.

เอกจฺโจ ปน ปณฺฑิโต อมนุสฺสสรีสปาทีหิ อุปทฺทุตานํ มนุสฺสานํ ติกิจฺฉนตฺถาย ธมฺมิกานิ นาคมณฺฑลมนฺตาทีนิ วิชฺชาฏฺานานิ อุปฺปาเทติ, ตานิ เนว อฺเหิ กริยมานานิ ปสฺสติ, น กตานิ อุคฺคณฺหาติ, น กเถนฺตานํ สุณาติ, อตฺตโน ปน ธมฺมตาย จินฺตาย กโรติ. ปฺวตา หิ อตฺตโน ธมฺมตาย กตมฺปิ อฺเหิ อุคฺคณฺหิตฺวา กโรนฺเตหิ กตสทิสเมว โหติ.

กมฺมสฺสกตํวาติ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนาณํ. สจฺจานุโลมิกํ วาติ วิปสฺสนาาณํ. ตฺหิ จตุนฺนํ สจฺจานํ อนุโลมนโต สจฺจานุโลมิกนฺติ วุจฺจติ. อิทานิสฺส ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ รูปํ อนิจฺจนฺติ วาติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ อนิจฺจลกฺขณเมว อาคตํ, น ทุกฺขลกฺขณอนตฺตลกฺขณานิ, อตฺถวเสน ปน อาคตาเนวาติ ทฏฺพฺพานิ – ยฺหิ อนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตาติ.

ยํ เอวรูปินฺติ ยํ เอวํ เหฏฺา นิทฺทิฏฺสภาวํ อนุโลมิกํ. ขนฺตินฺติอาทีนิ สพฺพานิ ปฺาเววจนาเนว. สา หิ เหฏฺา วุตฺตานํ กมฺมายตนาทีนํ ปฺจนฺนํ การณานํ อปจฺจนีกทสฺสเนน อนุโลเมตีติ อนุโลมิกา. ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย อนุโลเมติ, มคฺคสจฺจสฺส อนุโลเมติ, ปรมตฺถสจฺจสฺส นิพฺพานสฺส อนุโลมนโต อนุโลเมตีติปิ อนุโลมิกา. สพฺพานิปิ เอตานิ การณานิ ขมติ สหติ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ ขนฺติ, ปสฺสตีติ ทิฏฺิ, โรเจตีติ รุจิ, มุทตีติ มุทิ, เปกฺขตีติ เปกฺขา. สพฺเพปิสฺสา เต กมฺมายตนาทโย ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, วิเสสโต จ ปฺจกฺขนฺธสงฺขาตา ธมฺมา ปุนปฺปุนํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตวเสน นิชฺฌายมานา ตํ นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ ธมฺมนิชฺฌานขนฺตี.

ปรโต อสฺสุตฺวา ปฏิลภตีติ อฺสฺส อุปเทสวจนํ อสฺสุตฺวา สยเมว จินฺเตนฺโต ปฏิลภติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ จินฺตามยา ปฺา นาม วุจฺจติ. สา ปเนสา น เยสํ เกสฺจิ อุปฺปชฺชติ, อภิฺาตานํ ปน มหาสตฺตานเมว อุปฺปชฺชติ. ตตฺถาปิ สจฺจานุโลมิกาณํ ทฺวินฺนํเยว โพธิสตฺตานํ อุปฺปชฺชติ. เสสปฺา สพฺเพสมฺปิ ปูริตปารมีนํ มหาปฺานํ อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพา.

ปรโตสุตฺวา ปฏิลภตีติ เอตฺถ กมฺมายตนาทีนิ ปเรน กริยมานานิ วา กตานิ วา ทิสฺวาปิ ยสฺส กสฺสจิ กถยมานสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคเหตฺวาปิ ปฏิลทฺธา สพฺพา ปรโต สุตฺวาเยว ปฏิลทฺธา นามาติ เวทิตพฺพา.

สมาปนฺนสฺสาติ สมาปตฺติสมงฺคิสฺส; อนฺโตสมาปตฺติยํ ปวตฺตา ปฺา ภาวนามยา นามาติ อตฺโถ.

๗๖๙. ทานํอารพฺภาติ ทานํ ปฏิจฺจ; ทานเจตนาปจฺจยาติ อตฺโถ. ทานาธิคจฺฉาติ ทานํ อธิคจฺฉนฺตสฺส; ปาปุณนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ยา อุปฺปชฺชตีติ ยา เอวํ ทานเจตนาสมฺปยุตฺตา ปฺา อุปฺปชฺชติ, อยํ ทานมยา ปฺา นาม. สา ปเนสา ‘ทานํ ทสฺสามี’ติ จินฺเตนฺตสฺส, ทานํ เทนฺตสฺส, ทานํ ทตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปุพฺพเจตนา, มุฺจเจตนา, อปรเจตนาติ ติวิเธน อุปฺปชฺชติ.

สีลํ อารพฺภ สีลาธิคจฺฉาติ อิธาปิ สีลเจตนาสมฺปยุตฺตาว สีลมยา ปฺาติ อธิปฺเปตา. อยมฺปิ ‘สีลํ ปูเรสฺสามี’ติ จินฺเตนฺตสฺส, สีลํ ปูเรนฺตสฺส, สีลํ ปูเรตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปุพฺพเจตนา, มุฺจเจตนา, อปรเจตนาติ ติวิเธเนว อุปฺปชฺชติ. ภาวนามยา เหฏฺา วุตฺตาเยว.

๗๗๐. อธิสีลปฺาทีสุ สีลาทีนิ ทุวิเธน เวทิตพฺพานิ – สีลํ, อธิสีลํ; จิตฺตํ, อธิจิตฺตํ; ปฺา, อธิปฺาติ. ตตฺถ ‘‘อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐; อ. นิ. ๓.๑๓๗) อิมาย ตนฺติยา สงฺคหิตวเสน ปฺจปิ สีลานิ ทสปิ สีลานิ สีลํ นาม. ตฺหิ ตถาคเต อุปฺปนฺเนปิ อนุปฺปนฺเนปิ โหติ. อนุปฺปนฺเน เก ปฺาเปนฺตีติ? ตาปสปริพฺพาชกา, สพฺพฺุโพธิสตฺตา, จกฺกวตฺติราชาโน จ ปฺาเปนฺติ. อุปฺปนฺเน สมฺมาสมฺพุทฺเธ ภิกฺขุสงฺโฆ, ภิกฺขุนีสงฺโฆ, อุปาสกา, อุปาสิกาโย จ ปฺาเปนฺติ. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปน สพฺพสีเลหิ อธิกํ อุปฺปนฺเนเยว ตถาคเต อุปฺปชฺชติ, โน อนุปฺปนฺเน. สพฺพฺุพุทฺธาเยว จ นํ ปฺาเปนฺติ. ‘‘อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ วีติกฺกเม อิทํ นาม โหตี’’ติ ปฺาปนฺหิ อฺเสํ อวิสโย, พุทฺธานํเยว เอส วิสโย, พุทฺธานํ พลํ. อิติ ยสฺมา ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ, ตสฺมา ตํ อธิสีลปฺํ ทสฺเสตุํ ปาติโมกฺขสํวรํ สํวรนฺตสฺสาติอาทิ วุตฺตํ.

เหฏฺา วุตฺตาย เอว ปน ตนฺติยา สงฺคหิตวเสน วฏฺฏปาทิกา อฏฺ สมาปตฺติโย จิตฺตํ นาม. ตฺหิ ตถาคเต อุปฺปนฺเนปิ โหติ อนุปฺปนฺเนปิ. อนุปฺปนฺเน เก นิพฺพตฺเตนฺตีติ? ตาปสปริพฺพาชกา เจว สพฺพฺุโพธิสตฺตา จ จกฺกวตฺติราชาโน จ. อุปฺปนฺเน ภควติ วิเสสตฺถิกา ภิกฺขุอาทโยปิ นิพฺพตฺเตนฺติเยว. วิปสฺสนาปาทิกา ปน อฏฺ สมาปตฺติโย สพฺพจิตฺเตหิ อธิกา, อุปฺปนฺเนเยว ตถาคเต อุปฺปชฺชนฺติ, โน อนุปฺปนฺเน. สพฺพฺุพุทฺธา เอว จ เอตา ปฺาเปนฺติ . อิติ ยสฺมา อฏฺ สมาปตฺติโย อธิจิตฺตํ, ตสฺมา อธิจิตฺตปฺํ ทสฺเสตุํ รูปาวจรารูปาวจรสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตสฺสาติอาทิ วุตฺตํ.

เหฏฺา วุตฺตาย เอว ปน ตนฺติยา สงฺคหิตวเสน กมฺมสฺสกตาณํ ปฺา นาม. ตฺหิ ตถาคเต อุปฺปนฺเนปิ โหติ อนุปฺปนฺเนปิ. อนุปฺปนฺเน เวลามทานเวสฺสนฺตรทานาทิวเสน อุปฺปชฺชติ; อุปฺปนฺเน เตน าเณน มหาทานํ ปวตฺเตนฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ. มคฺคผลปฺา ปน สพฺพปฺาหิ อธิกา, อุปฺปนฺเนเยว ตถาคเต วิตฺถาริกา หุตฺวา ปวตฺตติ, โน อนุปฺปนฺเน. อิติ ยสฺมา มคฺคผลปฺา อธิปฺา, ตสฺมา อติเรกปฺาย ปฺํ ทสฺเสตุํ จตูสุ มคฺเคสูติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ สิยา – สีลํ, อธิสีลํ; จิตฺตํ, อธิจิตฺตํ; ปฺา, อธิปฺาติ อิเมสุ ฉสุ โกฏฺาเสสุ วิปสฺสนา ปฺา กตรสนฺนิสฺสิตาติ? อธิปฺาสนฺนิสฺสิตา. ตสฺมา ยถา โอมกตรปฺปมาณํ ฉตฺตํ วา ธชํ วา อุปาทาย อติเรกปฺปมาณํ อติฉตฺตํ อติธโชติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ ปฺจสีลํ ทสสีลํ อุปาทาย ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ‘อธิสีลํ’ นาม; วฏฺฏปาทิกา อฏฺ สมาปตฺติโย อุปาทาย วิปสฺสนาปาทิกา อฏฺ สมาปตฺติโย ‘อธิจิตฺตํ’ นาม, กมฺมสฺสกตปฺํ อุปาทาย วิปสฺสนาปฺา จ มคฺคปฺา จ ผลปฺา จ ‘อธิปฺา’ นามาติ เวทิตพฺพา.

๗๗๑. อายโกสลฺลาทินิทฺเทเส ยสฺมา อาโยติ วุฑฺฒิ, สา อนตฺถหานิโต อตฺถุปฺปตฺติโต จ ทุวิธา; อปาโยติ อวุฑฺฒิ, สาปิ อตฺถหานิโต อนตฺถุปฺปตฺติโต จ ทุวิธา; ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ อิเม ธมฺเม มนสิกโรโตติอาทิ วุตฺตํ. อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปตฺติปฺปหาเนสุ กุสลธมฺมานฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีสุ ปฺา – อิทํ อายโกสลฺลํ นาม วุจฺจติ. ยา ปเนสา กุสลธมฺมานํ อนุปฺปชฺชนนิรุชฺฌเนสุ อกุสลธมฺมานฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีสุ ปฺา – อิทํ อปายโกสลฺลํ นามาติ อตฺโถ. อายโกสลฺลํ ตาว ปฺา โหตุ; อปายโกสลฺลํ กถํ ปฺา นาม ชาตาติ? ปฺวาเยว หิ ‘มยฺหํ เอวํ มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติ อุปฺปนฺนา จ นิรุชฺฌนฺติ; อนุปฺปนฺนา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตี’ติ ปชานาติ. โส เอวํ ตฺวา อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปชฺชิตุํ น เทติ, อุปฺปนฺเน ปชหติ; อนุปฺปนฺเน กุสเล อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ภาวนาปาริปูรึ ปาเปติ. เอวํ อปายโกสลฺลมฺปิ ปฺา เอวาติ เวทิตพฺพํ. สพฺพาปิ ตตฺรูปายา ปฺา อุปายโกสลฺลนฺติ อิทํ ปน อจฺจายิกกิจฺเจ วา ภเย วา อุปฺปนฺเน ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถํ านุปฺปตฺติยการณชานนวเสเนว เวทิตพฺพํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ติกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๔.) จตุกฺกนิทฺเทสวณฺณนา

๗๙๓. จตุพฺพิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส อตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีสุ ทินฺนปจฺจยา ผลํ อตฺถีติ อิมินา อุปาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทํ วุจฺจตีติ ยํ าณํ ‘อิทํ กมฺมํ สกํ, อิทํ โน สก’นฺติ ชานาติ – อิทํ กมฺมสฺสกตาณํ นาม วุจฺจตีติ อตฺโถ. ตตฺถ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ, จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ, ติวิธํ มโนทุจฺจริตนฺติ อิทํ น สกกมฺมํ นาม. ตีสุ ทฺวาเรสุ ทสวิธมฺปิ สุจริตํ สกกมฺมํ นาม. อตฺตโน วาปิ โหตุ ปรสฺส วา สพฺพมฺปิ อกุสลํ น สกกมฺมํ นาม. กสฺมา? อตฺถภฺชนโต อนตฺถชนนโต จ. อตฺตโน วา โหตุ ปรสฺส วา สพฺพมฺปิ กุสลํ สกกมฺมํ นาม. กสฺมา? อนตฺถภฺชนโต อตฺถชนนโต จ. เอวํ ชานนสมตฺเถ อิมสฺมึ กมฺมสฺสกตาเณ ตฺวา พหุํ ทานํ ทตฺวา สีลํ ปูเรตฺวา อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา สุเขน สุขํ สมฺปตฺติยา สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา นิพฺพานํ ปตฺตานํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. ยถา หิ สธโน ปุริโส ปฺจสุ สกฏสเตสุ สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ เจว โลณติลตณฺฑุลาทีนิ จ อาโรเปตฺวา กนฺตารมคฺคํ ปฏิปนฺโน เกนจิเทว กรณีเยน อตฺเถ อุปฺปนฺเน สพฺเพสํ อุปกรณานํ คหิตตฺตา น จินฺเตติ, น ปริตสฺสติ, สุเขเนว เขมนฺตํ ปาปุณาติ; เอวเมว อิมสฺมิมฺปิ กมฺมสฺสกตาเณ ตฺวา พหุํ ทานํ ทตฺวา…เป… นิพฺพานํ ปตฺตานํ คณนปโถ นตฺถิ. เปตฺวา สจฺจานุโลมิกํ าณนฺติ มคฺคสจฺจสฺส ปรมตฺถสจฺจสฺส จ อนุโลมนโต สจฺจานุโลมิกนฺติ ลทฺธนามํ วิปสฺสนาาณํ เปตฺวา อวเสสา สพฺพาปิ สาสวา กุสลา ปฺา กมฺมสฺสกตาณเมวาติ อตฺโถ.

๗๙๔. มคฺคสมงฺคิสฺสาณํ ทุกฺเขเปตํ าณนฺติ เอตฺถ เอกเมว มคฺคาณํ จตูสุ สจฺเจสุ เอกปฏิเวธวเสน จตูสุ าเนสุ สงฺคหิตํ.

๗๙๖. ธมฺเม าณนฺติ เอตฺถ มคฺคปฺา ตาว จตุนฺนํ สจฺจานํ เอกปฏิเวธวเสน ธมฺเม าณํ นาม โหตุ; ผลปฺา กถํ ธมฺเม าณํ นามาติ? นิโรธสจฺจวเสน. ทุวิธาปิ เหสา ปฺา อปรปฺปจฺจเย อตฺถปจฺจกฺเข อริยสจฺจธมฺเม กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ ปวตฺตตฺตา ธมฺเม าณนฺติ เวทิตพฺพา. โส อิมินา ธมฺเมนาติ เอตฺถ มคฺคาณํ ธมฺมโคจรตฺตา โคจรโวหาเรน ธมฺโมติ วุตฺตํ, อุปโยคตฺเถ วา กรณวจนํ; อิมํ ธมฺมํ าเตนาติ อตฺโถ; จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา ิเตน มคฺคาเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ทิฏฺเนาติ ทสฺสเนน; ธมฺมํ ปสฺสิตฺวา ิเตนาติ อตฺโถ. ปตฺเตนาติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปตฺวา ิตตฺตา ธมฺมํ ปตฺเตน. วิทิเตนาติ มคฺคาเณน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิทิตานิ ปากฏานิ กตานิ. ตสฺมา ตํ ธมฺมํ วิทิตํ นาม โหติ. เตน วิทิตธมฺเมน. ปริโยคาฬฺเหนาติ จตุสจฺจธมฺมํ ปริโยคาเหตฺวา ิเตน. นยํ เนตีติ อตีเต จ อนาคเต จ นยํ เนติ หรติ เปเสติ. อิทํ ปน น มคฺคาณสฺส กิจฺจํ, ปจฺจเวกฺขณาณสฺส กิจฺจํ. สตฺถารา ปน มคฺคาณํ อตีตานาคเต นยํ นยนสทิสํ กตํ. กสฺมา? มคฺคมูลกตฺตา. ภาวิตมคฺคสฺส หิ ปจฺจเวกฺขณา นาม โหติ. ตสฺมา สตฺถา มคฺคาณเมว นยํ นยนสทิสํ อกาสิ. อปิจ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยเทตํ อิมินา จตุสจฺจโคจรํ มคฺคาณํ อธิคตํ, เตน าเณน การณภูเตน อตีตานาคเต ปจฺจเวกฺขณาณสงฺขาตํ นยํ เนติ.

อิทานิ ยถา เตน นยํ เนติ, ตํ อาการํ ทสฺเสตุํ เย หิ เกจิ อตีตมทฺธานนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อพฺภฺํสูติ ชานึสุ ปฏิวิชฺฌึสุ. อิมฺเวาติ ยํ ทุกฺขํ อตีเต อพฺภฺํสุ, ยฺจ อนาคเต อภิชานิสฺสนฺติ, น ตฺเว อิมํ; สริกฺขฏฺเน ปน เอวํ วุตฺตํ. อตีเตปิ หิ เปตฺวา ตณฺหํ เตภูมกกฺขนฺเธเยว ทุกฺขสจฺจนฺติ ปฏิวิชฺฌึสุ, ตณฺหํเยว สมุทยสจฺจนฺติ นิพฺพานเมว นิโรธสจฺจนฺติ อริยมคฺคเมว มคฺคสจฺจนฺติ ปฏิวิชฺฌึสุ, อนาคเตปิ เอวเมว ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺติ, เอตรหิปิ เอวเมว ปฏิวิชฺฌนฺตีติ สริกฺขฏฺเน ‘‘อิมฺเวา’’ติ วุตฺตํ. อิทํ วุจฺจติ อนฺวเย าณนฺติ อิทํ อนุคมนาณํ นยนาณํ การณาณนฺติ วุจฺจติ.

ปริเยาณนฺติ จิตฺตปริจฺเฉทาณํ. ปรสตฺตานนฺติ เปตฺวา อตฺตานํ เสสสตฺตานํ. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาตีติ อตฺตโน จิตฺเตน เตสํ จิตฺตํ สราคาทิวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา นานปฺปการโต ชานาติ. สราคํ วาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา สติปฏฺานวิภงฺเค วุตฺตเมว. อยํ ปน วิเสโส – อิธ อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ วา จิตฺตนฺติ เอตฺถ โลกุตฺตรมฺปิ ลพฺภติ. อวิปสฺสนูปคมฺปิ หิ ปรจิตฺตาณสฺส วิสโย โหติเยว.

อวเสสา ปฺาติ ธมฺเม าณาทิกา ติสฺโส ปฺา เปตฺวา เสสา สพฺพาปิ ปฺา าณนฺติ สมฺมตตฺตา สมฺมุติาณํ นาม โหติ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ สมฺมุติมฺหิ าณนฺติ สมฺมุติาณํ.

๗๙๗. กามาวจรกุสเล ปฺาติ อยฺหิ เอกนฺเตน วฏฺฏสฺมึ จุติปฏิสนฺธึ อาจินเตว, ตสฺมา ‘‘อาจยาย โน อปจยายา’’ติ วุตฺตา. โลกุตฺตรมคฺคปฺา ปน ยสฺมา จุติปฏิสนฺธึ อปจินเตว, ตสฺมา ‘‘อปจยาย โน อาจยายา’’ติ วุตฺตา. รูปาวจรารูปาวจรปฺา จุติปฏิสนฺธิมฺปิ อาจินติ, วิกฺขมฺภนวเสน กิเลเส เจว กิเลสมูลเก จ ธมฺเม อปจินติ, ตสฺมา ‘‘อาจยาย เจว อปจยาย จา’’ติ วุตฺตา. เสสา เนว จุติปฏิสนฺธึ อาจินติ น อปจินติ, ตสฺมา ‘‘เนว อาจยาย โน อปจยายา’’ติ วุตฺตา.

๗๙๘. น จ อภิฺาโย ปฏิวิชฺฌตีติ อิทํ ปมชฺฌานปฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. สา หิสฺส กามวิเวเกน ปตฺตพฺพตฺตา กิเลสนิพฺพิทาย สํวตฺตติ. ตาย เจส กาเมสุ วีตราโค โหติ, อภิฺาปาทกภาวํ ปน อปฺปตฺตตาย เนว ปฺจ อภิฺาโย ปฏิวิชฺฌติ, นิมิตฺตารมฺมณตฺตา น สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. เอวมยํ ปฺา นิพฺพิทาย โหติ โน ปฏิเวธาย. สฺเววาติ ปมชฺฌานํ ปตฺวา ิโต. กาเมสุ วีตราโค สมาโนติ ตถา วิกฺขมฺภิตานํเยว กามานํ วเสน วีตราโค. อภิฺาโย ปฏิวิชฺฌตีติ ปฺจ อภิฺาโย ปฏิวิชฺฌติ. อิทํ จตุตฺถชฺฌานปฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. จตุตฺถชฺฌานปฺา หิ อภิฺาปาทกภาเวนาปิ ปฺจ อภิฺาโย ปฏิวิชฺฌติ, อภิฺาภาวปฺปตฺติยาปิ ปฏิวิชฺฌติ เอว. ตสฺมา สา ปฏิเวธาย โหติ. ปมชฺฌานปฺาย เอว ปน กิเลเสสุปิ นิพฺพินฺทตฺตา โน นิพฺพิทาย. ยา ปนายํ ทุติยตติยชฺฌานปฺา, สา กตรโกฏฺาสํ ภชตีติ? โสมนสฺสวเสน ปมชฺฌานมฺปิ ภชติ, อวิตกฺกวเสน จตุตฺถชฺฌานมฺปิ. เอวเมสา ปมชฺฌานสนฺนิสฺสิตา วา จตุตฺถชฺฌานสนฺนิสฺสิตา วา กาตพฺพา. นิพฺพิทายเจว ปฏิเวธาย จาติ มคฺคปฺา สพฺพสฺมิมฺปิ วฏฺเฏ นิพฺพินฺทนโต นิพฺพิทาย, ฉฏฺํ อภิฺํ ปฏิวิชฺฌนโต ปฏิเวธาย จ โหติ.

๗๙๙. ปมสฺส ฌานสฺส ลาภีติอาทีสุ ยฺวายํ อปฺปคุณสฺส ปมชฺฌานสฺส ลาภี. ตํ ตโต วุฏฺิตํ อารมฺมณวเสน กามสหคตา หุตฺวา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ ตุทนฺติ โจเทนฺติ. ตสฺส กามานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน สา ปมชฺฌานปฺา หายติ ปริหายติ; ตสฺมา หานภาคินีติ วุตฺตา. ตทนุธมฺมตาติ ตทนุรูปสภาวา. สติ สนฺติฏฺตีติ อิทํ มิจฺฉาสตึ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมฺมาสตึ. ยสฺส หิ ปมชฺฌานานุรูปสภาวา ปมชฺฌานํ สนฺตโต ปณีตโต ทิสฺวา อสฺสาทยมานา อภินนฺทมานา นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส นิกนฺติวเสน สา ปมชฺฌานปฺา เนว หายติ, น วฑฺฒติ, ิติโกฏฺาสิกา โหติ. เตน วุตฺตํ ิติภาคินี ปฺาติ. อวิตกฺกสหคตาติ อวิตกฺกํ ทุติยชฺฌานํ สนฺตโต ปณีตโต มนสิกโรโต อารมฺมณวเสน อวิตกฺกสหคตา. สมุทาจรนฺตีติ ปคุณโต ปมชฺฌานโต วุฏฺิตํ ทุติยชฺฌานาธิคมตฺถาย ตุทนฺติ โจเทนฺติ. ตสฺส อุปริ ทุติยชฺฌานานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน สา ปมชฺฌานปฺา วิเสสภูตสฺส ทุติยชฺฌานสฺส อุปฺปตฺติฏฺานตาย วิเสสภาคินีติ วุตฺตา. นิพฺพิทาสหคตาติ ตเมว ปมชฺฌานโต วุฏฺิตํ นิพฺพิทาสงฺขาเตน วิปสฺสนาาเณน สหคตา. วิปสฺสนาาณฺหิ ฌานงฺคเภเท วตฺตนฺเต นิพฺพินฺทติ อุกฺกณฺติ, ตสฺมา นิพฺพิทาติ วุจฺจติ. สมุทาจรนฺตีติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยตฺถาย ตุทนฺติ โจเทนฺติ. วิราคูปสฺหิตาติ วิราคสงฺขาเตน นิพฺพาเนน อุปสํหิตา. วิปสฺสนาาณมฺหิ สกฺกา อิมินา มคฺเคน วิราคํ นิพฺพานํ สจฺฉิกาตุนฺติ ปวตฺติโต ‘‘วิราคูปสฺหิต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํสมฺปยุตฺตา สฺามนสิการาปิ วิราคูปสฺหิตา เอว นาม. ตสฺส เตสํ สฺามนสิการานํ วเสน สา ปมชฺฌานปฺา อริยมคฺคปฏิเวธสฺส ปทฏฺานตาย นิพฺเพธภาคินีติ วุตฺตา. เอวํ จตูสุ าเนสุ ปมชฺฌานปฺาว กถิตา. ทุติยชฺฌานปฺาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๘๐๑. กิจฺเฉน กสิเรน สมาธึ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ โลกุตฺตรสมาธึ อุปฺปาเทนฺตสฺส ปุพฺพภาเค อาคมนกาเล กิจฺเฉน กสิเรน ทุกฺเขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺตสฺส กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา อาคตสฺส. ทนฺธํ ตณฺานํ อภิชานนฺตสฺสาติ วิกฺขมฺภิเตสุ กิเลเสสุ วิปสฺสนาปริวาเส จิรํ วสิตฺวา ตํ โลกุตฺตรสมาธิสงฺขาตํ านํ ทนฺธํ สณิกํ อภิชานนฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส , ปาปุณนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ วุจฺจตีติ ยา เอสา เอวํ อุปฺปชฺชติ, อยํ กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทาย ทุกฺขตฺตา, วิปสฺสนาปริวาสปฺาย จ ทนฺธตฺตา มคฺคกาเล เอกจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนาปิ ปฺา อาคมนวเสน ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นามาติ วุจฺจติ. อุปริ ตีสุ ปเทสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๘๐๒. สมาธิสฺส น นิกามลาภิสฺสาติ โย สมาธิสฺส น นิกามลาภี โหติ, โส ตสฺส น นิกามลาภี นาม. ยสฺส สมาธิ อุปรูปริ สมาปชฺชนตฺถาย อุสฺสกฺกิตุํ ปจฺจโย น โหติ, ตสฺส อปฺปคุณชฺฌานลาภิสฺสาติ อตฺโถ. อารมฺมณํ โถกํ ผรนฺตสฺสาติ ปริตฺเต สุปฺปมตฺเต วา สราวมตฺเต วา อารมฺมเณ ปริกมฺมํ กตฺวา ตตฺเถว อปฺปนํ ปตฺวา ตํ อวฑฺฒิตํ โถกเมว อารมฺมณํ ผรนฺตสฺสาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. นนิกามลาภีปฏิปกฺขโต หิ ปคุณชฺฌานลาภี เอตฺถ นิกามลาภีติ วุตฺโต. อวฑฺฒิตารมฺมณปฏิปกฺขโต จ วฑฺฒิตารมฺมณํ วิปุลนฺติ วุตฺตํ. เสสํ ตาทิสเมว.

ชรามรเณเปตําณนฺติ นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา จตุนฺนํ สจฺจานํ เอกปฏิเวธวเสน เอตํ วุตฺตํ.

ชรามรณํ อารพฺภาติอาทีนิ ปน เอเกกํ วตฺถุํ อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปุพฺพภาเค สจฺจววตฺถาปนวเสน วุตฺตานิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

จตุกฺกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๕.) ปฺจกนิทฺเทสวณฺณนา

๘๐๔. ปฺจวิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส ปีติผรณตาทีสุ ปีตึ ผรมานา อุปฺปชฺชตีติ ทฺวีสุ ฌาเนสุ ปฺา ปีติผรณตา นาม. สุขํ ผรมานา อุปฺปชฺชตีติ ตีสุ ฌาเนสุ ปฺา สุขผรณตา นาม. ปเรสํ เจโตผรมานา อุปฺปชฺชตีติ เจโตปริยปฺา เจโตผรณตา นาม. อาโลกํ ผรมานา อุปฺปชฺชตีติ ทิพฺพจกฺขุปฺา อาโลกผรณตา นาม. ปจฺจเวกฺขณาณํ ปจฺจเวกฺขณานิมิตฺตํ นาม. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ทฺวีสุ ฌาเนสุ ปฺา ปีติผรณตา’’ติอาทิ. ตตฺถ จ ปีติผรณตา สุขผรณตา ทฺเว ปาทา วิย, เจโตผรณตา อาโลกผรณตา ทฺเว หตฺถา วิย, อภิฺาปาทกชฺฌานํ มชฺฌิมกาโย วิย, ปจฺจเวกฺขณานิมิตฺตํ สีสํ วิย. อิติ ภควา ปฺจงฺคิกํ สมฺมาสมาธึ องฺคปจฺจงฺคสมฺปนฺนํ ปุริสํ วิย กตฺวา ทสฺเสสิ. อยํ ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธีติ อยํ หตฺถปาทสีสสทิเสหิ ปฺจหิ องฺเคหิ ยุตฺโต สมฺมาสมาธีติ ปาทกชฺฌานสมาธึ กเถสิ.

อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจวาติอาทีสุ อรหตฺตผลสมาธิ อธิปฺเปโต. โส หิ อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ สุขตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนสุโข. ปุริโม ปุริโม ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส สมาธิสุขสฺส ปจฺจยตฺตา อายตึ สุขวิปาโก. สนฺตํ สุขุมํ ผลจิตฺตํ ปณีตํ มธุรรูปํ สมุฏฺาเปติ. ผลสมาปตฺติยา วุฏฺิตสฺส หิ สพฺพกายานุคตํ สุขสมฺผสฺสํ โผฏฺพฺพํ ปฏิจฺจ สุขสหคตํ กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ. อิมินาปิ ปริยาเยน อายตึ สุขวิปาโก. กิเลเสหิ อารกตฺตา อริโย. กามามิสวฏฺฏามิสโลกามิสานํ อภาวา นิรามิโส. พุทฺธาทีหิ มหาปุริเสหิ เสวิตตฺตา อกาปุริสเสวิโต. องฺคสนฺตตาย อารมฺมณสนฺตตาย สพฺพกิเลสทรถสนฺตตาย จ สนฺโต. อตปฺปนียฏฺเน ปณีโต. กิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ลทฺธตฺตา กิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธิภาวสฺส วา ลทฺธตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺโธ. ปฏิปฺปสฺสทฺธํ ปฏิปฺปสฺสทฺธีติ หิ อิทํ อตฺถโต เอกํ. ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลเสน วา อรหตา ลทฺธตฺตาปิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺโธ. เอโกทิภาเวน อธิคตตฺตา เอโกทิภาวเมว วา อธิคตตฺตา เอโกทิภาวาธิคโต. อปฺปคุณสาสวสมาธิ วิย สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน จิตฺเตน ปจฺจนีกธมฺเม นิคฺคยฺห กิเลเส วาเรตฺวา อนธิคตตฺตา น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต. ตฺจ สมาธึ สมาปชฺชนฺโต ตโต วา วุฏฺหนฺโต สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตา สโตว สมาปชฺชติ สโตว วุฏฺหติ. ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน วา สโต สมาปชฺชติ สโต วุฏฺหติ. ตสฺมา ยเทตฺถ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมานสฺส ปจฺจตฺตํเยว อปรปฺปจฺจยํ าณํ อุปฺปชฺชติ – ตํ เอกมงฺคํ. เอส นโย เสเสสุปิ. เอวมิเมหิ ปฺจหิ ปจฺจเวกฺขณาเณหิ อยํ สมาธิ ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ นาม วุตฺโตติ.

ปฺจกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๖.) ฉกฺกนิทฺเทสวณฺณนา

๘๐๕. ฉพฺพิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส อิทฺธิวิเธ าณนฺติ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทินยปฺปวตฺเต (ที. นิ. ๑.๔๘๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) อิทฺธิวิเธ าณํ. อิมินา อวิตกฺกาวิจารา อุเปกฺขาสหคตา รูปาวจรา พหุธาภาวาทิสาธิกา เอกจิตฺตกฺขณิกา อปฺปนาปฺาว กถิตา. โสตธาตุวิสุทฺธิยา าณนฺติ ทูรสนฺติกาทิเภทสทฺทารมฺมณาย ทิพฺพโสตธาตุยา าณํ. อิมินาปิ อวิตกฺกาวิจารา อุเปกฺขาสหคตา รูปาวจรา ปกติโสตวิสยาตีตสทฺทารมฺมณา เอกจิตฺตกฺขณิกา อปฺปนาปฺาว กถิตา. ปรจิตฺเตาณนฺติ ปรสตฺตานํ จิตฺตปริจฺเฉเท าณํ. อิมินาปิ ยถาวุตฺตปฺปการา ปเรสํ สราคาทิจิตฺตารมฺมณา เอกจิตฺตกฺขณิกา อปฺปนาปฺาว กถิตา. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติยา าณนฺติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติสมฺปยุตฺตํ าณํ. อิมินาปิ ยถาวุตฺตปฺปการา ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธานุสฺสรณสติสมฺปยุตฺตา เอกจิตฺตกฺขณิกา อปฺปนาปฺาว กถิตา. สตฺตานํ จุตูปปาเต าณนฺติ สตฺตานํ จุติยฺจ อุปปาเต จ าณํ. อิมินาปิ ยถาวุตฺตปฺปการา จวนกอุปปชฺชนกานํ สตฺตานํ วณฺณธาตุอารมฺมณา เอกจิตฺตกฺขณิกา อปฺปนาปฺาว กถิตา. อาสวานํ ขเย าณนฺติ สจฺจปริจฺเฉทชานนาณํ. อิทํ โลกุตฺตรเมว. เสสานิ โลกิยานีติ.

ฉกฺกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๗.) สตฺตกนิทฺเทสาทิวณฺณนา

๘๐๖. สตฺตวิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติอาทินา นเยน ปวตฺตินิวตฺติวเสน เอกาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ เอเกกสฺมึ กาลตฺตยเภทโต ปจฺจเวกฺขณาณํ วตฺวา ปุน ‘‘ยมฺปิสฺส ตํ ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ เอวํ ตเทว าณํ สงฺเขปโต ขยธมฺมตาทีหิ ปกาเรหิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ าณทฺวยํ ปจฺจุปฺปนฺนทฺธานวเสน วุตฺตํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานนฺติ เอวํ อตีเต าณทฺวยํ, อนาคเต าณทฺวยนฺติ ฉ. ตานิ ธมฺมฏฺิติาเณน สทฺธึ สตฺต. ตตฺถ ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ปจฺจยาการาณํ. ปจฺจยากาโร หิ ธมฺมานํ ปวตฺติฏฺิติการณตฺตา ธมฺมฏฺิตีติ วุจฺจติ; ตตฺถ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ. เอตสฺเสว ฉพฺพิธสฺส าณสฺเสตํ อธิวจนํ. เอวํ เอเกกสฺมึ องฺเค อิมานิ สตฺต สตฺต กตฺวา เอกาทสสุ องฺเคสุ สตฺตสตฺตติ โหนฺติ. ตตฺถ ขยธมฺมนฺติ ขยคมนสภาวํ. วยธมฺมนฺติ วยคมนสภาวํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนสภาวํ. นิโรธธมฺมนฺติ นิรุชฺฌนสภาวํ. อิมินา กึ กถิตํ? อปรวิปสฺสนาย ปุริมวิปสฺสนาสมฺมสนํ กถิตํ. เตน กึ กถิตํ โหติ? สตฺตกฺขตฺตุํ วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนา กถิตา. ปมาเณน หิ สพฺพสงฺขาเร อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตาติ ทิสฺวา ตํ าณํ ทุติเยน ทฏฺุํ วฏฺฏติ, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน, จตุตฺถํ ปฺจเมน, ปฺจมํ ฉฏฺเน, ฉฏฺํ สตฺตเมน. เอวํ สตฺต วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนา กถิตา โหนฺตีติ.

สตฺตกนิทฺเทสวณฺณนา.

๘๐๗. อฏฺวิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส โสตาปตฺติมคฺเค ปฺาติ โสตาปตฺติมคฺคมฺหิ ปฺา. อิมินา สมฺปยุตฺตปฺาว กถิตา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ.

อฏฺกนิทฺเทสวณฺณนา.

๘๐๘. นววิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสูติ อนุปุพฺพวิหารสงฺขาตาสุ สมาปตฺตีสุ. ตาสํ อนุปุพฺเพน อนุปฏิปาฏิยา วิหาริตพฺพฏฺเน อนุปุพฺพวิหารตา, สมาปชฺชิตพฺพฏฺเน สมาปตฺติตา ทฏฺพฺพา. ตตฺถ ปมชฺฌานสมาปตฺติยา ปฺาติอาทโย อฏฺ สมฺปยุตฺตปฺา เวทิตพฺพา . นวมา ปจฺจเวกฺขณปฺา. สา หิ นิโรธสมาปตฺตึ สนฺตโต ปณีตโต ปจฺจเวกฺขมานสฺส ปวตฺตติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฏฺิตสฺส ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ.

นวกนิทฺเทสวณฺณนา.

(๑๐.) ทสกนิทฺเทสวณฺณนา

ปมพลนิทฺเทโส

๘๐๙. ทสวิเธน าณวตฺถุนิทฺเทเส อฏฺานนฺติ เหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฏิกฺเขโป. อุภเยนาปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. การณฺหิ ตทายตฺตวุตฺติตาย อตฺตโน ผลสฺส านนฺติ จ อวกาโสติ จ วุจฺจติ. นฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน โสตาปนฺโน อริยสาวโก. กฺจิสงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ กฺจิ เอกํ สงฺขารมฺปิ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ นิจฺโจติ คณฺเหยฺย. เนตํ านํ วิชฺชตีติ เอตํ การณํ นตฺถิ, น อุปลพฺภติ. ยํ ปุถุชฺชโนติ เยน การเณน ปุถุชฺชโน. านเมตํ วิชฺชตีติ เอตํ การณํ อตฺถิ; สสฺสตทิฏฺิยา หิ โส เตภูมเกสุ สงฺขาเรสุ กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต คณฺเหยฺยาติ อตฺโถ. จตุตฺถภูมกสงฺขาโร ปน เตชุสฺสทตฺตา ทิวสํ สนฺตตฺโต อโยคุโฬ วิย มกฺขิกานํ ทิฏฺิยา วา อฺเสํ วา อกุสลานํ อารมฺมณํ น โหติ. อิมินา นเยน กฺจิ สงฺขารํ สุขโตติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรมฺมรณา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๑) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหาภิภูโต ปริฬาหวูปสมตฺถํ, มตฺตหตฺถีปริตาสิโต วิย, สุจิกาโม โปกฺขพฺราหฺมโณ คูถํ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเท กสิณาทิปณฺณตฺติสงฺคหตฺถํ สงฺขารนฺติ อวตฺวา กฺจิ ธมฺมนฺติ วุตฺตํ. อิธาปิ อริยสาวกสฺส จตุภูมกวเสน ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ, ปุถุชฺชนสฺส เตภูมกวเสน; สพฺพวาเรสุ วา อริยสาวกสฺสาปิ เตภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท วฏฺฏติ. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเติ. ปุถุชฺชโน หิ ยํ ยํ นิจฺจํ สุขํ อตฺตาติ คณฺหาติ, ตํ ตํ อริยสาวโก อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ คณฺหนฺโต คาหํ วินิเวเติ.

มาตรนฺติอาทีสุ ชนิกาว มาตา. มนุสฺสภูโตว ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานํ. สเจปิ ภวนฺตรคตํ อริยสาวกํ อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺตมฺปิ โกจิ เอวํ วเทยฺย – ‘อิมํ กุนฺถกิปิลฺลิกํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา สกลจกฺกวาฬคพฺเภ จกฺกวตฺติรชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’ติ, เนว โส ตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อถ วาปิ นํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘สเจ อิมํ น ฆาเตสฺสสิ, สีสํ เต ฉินฺทิสฺสามา’ติ, สีสเมวสฺส ฉินฺเทยฺยุํ, เนว โส ตํ ฆาเตยฺย. ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ อริยสาวกสฺส จ พลทีปนตฺถเมตํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – สาวชฺโช ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ปุถุชฺชโน มาตุฆาตาทีนิปิ อานนฺตริยานิ กริสฺสติ. มหาพโล อริยสาวโก; โส เอตานิ กมฺมานิ น กโรตีติ.

ปทุฏฺเน จิตฺเตนาติ โทสสมฺปยุตฺเตน วธกจิตฺเตน. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ ปฺจหิ การเณหิ สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปฺจหุปาลิ, อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ – กมฺเมน, อุทฺเทเสน, โวหรนฺโต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘).

ตตฺถ ‘กมฺเมนา’ติ อปโลกนาทีสุ จตูสุ กมฺเมสุ อฺตเรน กมฺเมน. ‘อุทฺเทเสนา’ติ ปฺจสุ ปาติโมกฺขุทฺเทเสสุ อฺตเรน อุทฺเทเสน. ‘โวหรนฺโต’ติ กถยนฺโต, ตาหิ ตาหิ อุปฺปตฺตีหิ ‘อธมฺมํ ธมฺโม’ติอาทีนิ อฏฺารส เภทกรวตฺถูนิ ทีเปนฺโต. ‘อนุสฺสาวเนนา’ติ ‘นนุ ตุมฺเห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ พหุสฺสุตภาวฺจ! มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ คาเหยฺยาติ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ ตุมฺหากํ น ยุตฺตํ. กึ มยฺหํ อวีจิ นีลุปฺปลวนํ วิย สีตโล? กิมหํ อปายโต น ภายามี’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนน . ‘สลากคฺคาเหนา’ติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถมฺเภตฺวา อนิวตฺตนธมฺเม กตฺวา ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหน. เอตฺถ จ กมฺมเมว อุทฺเทโส วา ปมาณํ โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคา. อฏฺารสวตฺถุทีปนวเสน หิ โวหรนฺเตน ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ อภินฺโนว โหติ สงฺโฆ. ยทา ปน เอวํ จตฺตาโร วา อติเรกา วา สลากํ คาเหตฺวา อาเวณิกํ กมฺมํ วา อุทฺเทสํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ.

เอวํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชติ. เอตฺตาวตา มาตุฆาตาทีนิ ปฺจ อานนฺตริยกมฺมานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ, ยานิ ปุถุชฺชโน กโรติ, น อริยสาวโก. เตสํ อาวิภาวตฺถํ –

กมฺมโต ทฺวารโต เจว, กปฺปฏฺิติยโต ตถา;

ปากสาธารณาทีหิ, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

ตตฺถ ‘กมฺมโต’ ตาว – เอตฺถ หิ มนุสฺสภูตสฺเสว มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา อปิ ปริวตฺตลิงฺคํ ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ โหติ. ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิสฺสามี’ติ สกลจกฺกวาฬํ มหาเจติยปฺปมาเณหิ กฺจนถูเปหิ ปูเรตฺวาปิ, สกลจกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา นิสินฺนภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวาปิ, พุทฺธสฺส ภควโต สงฺฆาฏิกณฺณํ อมุฺจิตฺวาว วิจริตฺวาปิ, กายสฺส เภทา นิรยเมว อุปปชฺชติ. โย ปน สยํ มนุสฺสภูโต ติรจฺฉานภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา, สยํ วา ติรจฺฉานภูโต มนุสฺสภูตํ, ติรจฺฉานภูโตเยว วา ติรจฺฉานภูตํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ น โหติ, กมฺมํ ปน ภาริยํ โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ. มนุสฺสชาติกานํ ปน วเสน อยํ ปฺโห กถิโต.

เอตฺถ เอฬกจตุกฺกํ, สงฺคามจตุกฺกํ, โจรจตุกฺกฺจ กเถตพฺพํ. ‘เอฬกํ มาเรมี’ติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺโส มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ. เอฬกาภิสนฺธินา ปน มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ. มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. ยถา จ มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอตานิ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ. มนุสฺสอรหนฺตเมว จ มาเรตฺวา อานนฺตริยํ ผุสติ, น ยกฺขภูตํ; กมฺมํ ปน ภาริยํ อานนฺตริยสทิสเมว. มนุสฺสอรหนฺตสฺส จ ปุถุชฺชนกาเลเยว สตฺถปฺปหาเร วา วิเส วา ทินฺเนปิ ยทิ โส อรหตฺตํ ปตฺวา เตเนว มรติ, อรหนฺตฆาโต โหติเยว. ยํ ปน ปุถุชฺชนกาเล ทินฺนํ ทานํ อรหตฺตํ ปตฺวา ปริภุฺชติ, ปุถุชฺชนสฺเสว ตํ ทินฺนํ โหติ. เสสอริยปุคฺคเล มาเรนฺตสฺส อานนฺตริยํ นตฺถิ, กมฺมํ ปน ภาริยํ อานนฺตริยสทิสเมว.

โลหิตุปฺปาเท ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน จมฺมจฺเฉทํ กตฺวา โลหิตปคฺฆรณํ นาม นตฺถิ. สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ. เทวทตฺเตน ปฏิวิทฺธสิลาโต ภิชฺชิตฺวา คตา สกลิกาปิ ตถาคตสฺส ปาทนฺตํ ปหริ. ผรสุนา ปหโฏ วิย ปาโท อนฺโตโลหิโตเยว อโหสิ. ตถา กโรนฺตสฺส อานนฺตริยํ โหติ. ชีวโก ปน ตถาคตสฺส รุจิยา สตฺถเกน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ตมฺหา านา ทุฏฺโลหิตํ นีหริตฺวา ผาสุกมกาสิ. ตถา กโรนฺตสฺส ปุฺกมฺมเมว โหติ.

อถ เย จ ปรินิพฺพุเต ตถาคเต เจติยํ ภินฺทนฺติ, โพธึ ฉินฺทนฺติ, ธาตุมฺหิ อุปกฺกมนฺติ, เตสํ กึ โหตีติ? ภาริยํ กมฺมํ โหติ อานนฺตริยสทิสํ. สธาตุกํ ปน ถูปํ วา ปฏิมํ วา พาธยมานํ โพธิสาขฺจ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. สเจปิ ตตฺถ นิลีนา สกุณา เจติเย วจฺจํ ปาเตนฺติ, ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว. ปริโภคเจติยโต หิ สรีรเจติยํ มหนฺตตรํ. เจติยวตฺถุํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺตํ โพธิมูลมฺปิ ฉินฺทิตฺวา หริตุํ วฏฺฏติ. ยา ปน โพธิสาขา โพธิฆรํ พาธติ, ตํ เคหรกฺขณตฺถํ ฉินฺทิตุํ น ลพฺภติ. โพธิอตฺถฺหิ เคหํ, น เคหตฺถาย โพธิ. อาสนฆเรปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ ปน อาสนฆเร ธาตุ นิหิตา โหติ, ตสฺส รกฺขณตฺถาย โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. โพธิชคฺคนตฺถํ โอโชหรณสาขํ วา ปูติฏฺานํ วา ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว; สรีรปฏิชคฺคเน วิย ปุฺมฺปิ โหติ.

สงฺฆเภเท สีมฏฺกสงฺเฆ อสนฺนิปติเต วิสุํ ปริสํ คเหตฺวา กตโวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหสฺส กมฺมํ วา กโรนฺตสฺส อุทฺเทสํ วา อุทฺทิสนฺตสฺส เภโท จ โหติ อานนฺตริยกมฺมฺจ. สมคฺคสฺาย ปน วฏฺฏติ. สมคฺคสฺาย หิ กโรนฺตสฺส เนว เภโท โหติ น อานนฺตริยกมฺมํ. ตถา นวโต อูนปริสายํ. สพฺพนฺติเมน ปน ปริจฺเฉเทน นวนฺนํ ชนานํ โย สงฺฆํ ภินฺทติ, ตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติ. อนุวตฺตกานํ อธมฺมวาทีนํ มหาสาวชฺชํ กมฺมํ; ธมฺมวาทิโน อนวชฺชา. ตตฺถ นวนฺนเมว สงฺฆเภเท อิทํ สุตฺตํ – ‘‘เอกโต, อุปาลิ, จตฺตาโร โหนฺติ, เอกโต จตฺตาโร, นวโม อนุสฺสาเวติ สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิทํ คณฺหถ, อิทํ โรเจถา’ติ. เอวํ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จ. นวนฺนํ วา, อุปาลิ, อติเรกนวนฺนํ วา สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จา’’ติ (จูฬว. ๓๕๑).

เอเตสุ จ ปน ปฺจสุ สงฺฆเภโท วจีกมฺมํ, เสสานิ กายกมฺมานีติ. เอวํ กมฺมโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

‘ทฺวารโต’ติ สพฺพาเนว เจตานิ กายทฺวารโตปิ วจีทฺวารโตปิ สมุฏฺหนฺติ. ปุริมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ อาณตฺติกวิชฺชามยปโยควเสน วจีทฺวารโต สมุฏฺหิตฺวาปิ กายทฺวารเมว ปูเรนฺติ. สงฺฆเภโท หตฺถมุทฺทาย เภทํ กโรนฺตสฺส กายทฺวารโต สมุฏฺหิตฺวาปิ วจีทฺวารเมว ปูเรตีติ. เอวเมตฺถ ทฺวารโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

‘กปฺปฏฺิติยโต’ติ สงฺฆเภโทเยว เจตฺถ กปฺปฏฺิติโย. สณฺหนฺเต หิ กปฺเป กปฺปเวมชฺเฌ วา สงฺฆเภทํ กตฺวา กปฺปวินาเสเยว มุจฺจติ. สเจปิ หิ ‘สฺเว กปฺโป วินสฺสิสฺสตี’ติ อชฺช สงฺฆเภทํ กโรติ, สฺเวเยว มุจฺจติ, เอกทิวสเมว นิรเย ปจฺจติ. เอวํ กรณํ ปน นตฺถิ. เสสานิ จตฺตาริ กมฺมานิ อานนฺตริยาเนว โหนฺติ, น กปฺปฏฺิติยานีติ. เอวเมตฺถ กปฺปฏฺิติยโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

‘ปากโต’ติ เยน จ ปฺจเปตานิ กมฺมานิ กตานิ โหนฺติ, ตสฺส สงฺฆเภโทเยว ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ. เสสานิ ‘‘อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติ เอวมาทีสุ สงฺขํ คจฺฉนฺติ. สงฺฆเภทาภาเว โลหิตุปฺปาโท, ตทภาเว อรหนฺตฆาโต, ตทภาเว สเจ ปิตา สีลวา โหติ, มาตา ทุสฺสีลา โน วา ตถา สีลวตี, ปิตุฆาโต ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ. สเจ มาตา มาตุฆาโต. ทฺวีสุปิ สีเลน วา ทุสฺสีเลน วา สมาเนสุ มาตุฆาโตว ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ; มาตา หิ ทุกฺกรการิณี พหูปการา จ ปุตฺตานนฺติ. เอวเมตฺถ ปากโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

‘สาธารณาทีหี’ติ ปุริมานิ จตฺตาริ สพฺเพสมฺปิ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารณานิ. สงฺฆเภโท ปน ‘‘น โข, อุปาลิ, ภิกฺขุนี สงฺฆํ ภินฺทติ, น สิกฺขมานา, น สามเณโร, น สามเณรี, น อุปาสโก, น อุปาสิกา สงฺฆํ ภินฺทติ. ภิกฺขุ โข, อุปาลิ, ปกตตฺโต สมานสํวาสโก สมานสีมายํ ิโต สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๑) วจนโต วุตฺตปฺปการสฺส ภิกฺขุโนว โหติ, น อฺสฺส; ตสฺมา อสาธารโณ. อาทิสทฺเทน สพฺเพเปเต ทุกฺขเวทนาสหคตา โทสโมหสมฺปยุตฺตา จาติ เอวเมตฺถ สาธารณาทีหิปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

อฺํ สตฺถารนฺติ ‘อยํ เม สตฺถา สตฺถุกิจฺจํ กาตุํ สมตฺโถ’ติ ภวนฺตเรปิ อฺํ ติตฺถกรํ ‘อยํ เม สตฺถา’ติ เอวํ คณฺเหยฺย – เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. อฏฺมํ ภวํ นิพฺพตฺเตยฺยาติ สพฺพมนฺทปฺโปิ สตฺตมํ ภวํ อติกฺกมิตฺวา อฏฺมํ นิพฺพตฺเตยฺย – เนตํ านํ วิชฺชติ . อุตฺตมโกฏิยา หิ สตฺตมํ ภวํ สนฺธาเยเวส ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’ติ วุตฺโต. กึ ปน ตํ นิยาเมติ? กึ ปุพฺพเหตุ นิยาเมติ อุทาหุ ปฏิลทฺธมคฺโค อุทาหุ อุปริ ตโย มคฺคาติ? สมฺมาสมฺพุทฺเธน คหิตํ นามมตฺตเมตํ. ปุคฺคโล ปน นิยโต นาม นตฺถิ. ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยาเมตี’’ติ วุตฺเต หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ อุปนิสฺสโย วุตฺโต โหติ, ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสยาภาโว อาปชฺชติ. อิจฺจสฺส อเหตุ อปฺปจฺจยา นิพฺพตฺตึ ปาปุณาติ. ‘‘ปฏิลทฺธมคฺโค นิยาเมตี’’ติ วุตฺเต อุปริ ตโย มคฺคา อกิจฺจกา โหนฺติ, ปมมคฺโคว สกิจฺจโก, ปมมคฺเคเนว กิเลเส เขเปตฺวา ปรินิพฺพายิตพฺพํ โหติ. ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา นิยาเมนฺตี’’ติ วุตฺเต ปมมคฺโค อกิจฺจโก โหติ, อุปริ ตโย มคฺคาว สกิจฺจกา, ปมมคฺคํ อนิพฺพตฺเตตฺวา อุปริ ตโย มคฺคา นิพฺพตฺเตตพฺพา โหนฺติ, ปมมคฺเคน จ อนุปฺปชฺชิตฺวาว กิเลสา เขเปตพฺพา โหนฺติ. ตสฺมา น อฺโ โกจิ นิยาเมติ, อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนาว นิยาเมติ. สเจ หิ เตสํ วิปสฺสนา ติกฺขา สูรา หุตฺวา วหติ, เอกํเยว ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพาติ. ตโต มนฺทตรปฺโ ทุติเย วา ตติเย วา จตุตฺเถ วา ปฺจเม วา ฉฏฺเ วา ภเว อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพาติ. สพฺพมนฺทปฺโ สตฺตมํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อฏฺเม ภเว ปฏิสนฺธิ น โหติ. อิติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน คหิตํ นามมตฺตเมตํ. สตฺถา หิ พุทฺธตุลาย ตุเลตฺวา สพฺพฺุตาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘อยํ ปุคฺคโล สพฺพมหาปฺโ ติกฺขวิปสฺสโก เอกเมว ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’ติ ‘เอกพีชี’ติ นามํ อกาสิ; ‘อยํ ปุคฺคโล ทุติยํ, ตติยํ, จตุตฺถํ, ปฺจมํ, ฉฏฺํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’ติ ‘โกลํโกโล’ติ นามํ อกาสิ; ‘อยํ ปุคฺคโล สตฺตมํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’ติ ‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม’ติ นามํ อกาสิ.

โกจิ ปน ปุคฺคโล สตฺตนฺนํ ภวานํ นิยโต นาม นตฺถิ. อริยสาวโก ปน เยน เกนจิปิ อากาเรน มนฺทปฺโ สมาโน อฏฺมํ ภวํ อปฺปตฺวา อนฺตราว ปรินิพฺพาติ. สกฺกสทิโสปิ วฏฺฏาภิรโต สตฺตมํเยว ภวํ คจฺฉติ. สตฺตเม ภเว สพฺพกาเรน ปมาทวิหาริโนปิ วิปสฺสนาาณํ ปริปากํ คจฺฉติ. อปฺปมตฺตเกปิ อารมฺมเณ นิพฺพินฺทิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาติ. สเจปิ หิสฺส สตฺตเม ภเว นิทฺทํ วา โอกฺกมนฺตสฺส, ปรมฺมุขํ วา คจฺฉนฺตสฺส, ปจฺฉโต ตฺวา ติขิเณน อสินา โกจิเทว สีสํ ปาเตยฺย, อุทเก วา โอสาเทตฺวา มาเรยฺย, อสนิ วา ปนสฺส สีเส ปเตยฺย, เอวรูเปปิ กาเล สปฺปฏิสนฺธิกา กาลํกิริยา นาม น โหติ, อรหตฺตํ ปตฺวาว ปรินิพฺพาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฏฺมํ ภวํ นิพฺพตฺเตยฺย – เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.

เอกิสฺสา โลกธาตุยาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา. ตีณิ หิ เขตฺตานิ – ชาติเขตฺตํ, อาณาเขตฺตํ, วิสยกฺเขตฺตนฺติ. ตตฺถ ‘ชาติกฺเขตฺตํ’ นาม ทสสหสฺสิโลกธาตุ. สา หิ ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนกาเล, นิกฺขมนกาเล, สมฺโพธิกาเล, ธมฺมจกฺกปวตฺตเน, อายุสงฺขารโวสฺสชฺชเน, ปรินิพฺพาเน จ กมฺปติ. โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ ปน ‘อาณาเขตฺตํ’ นาม. อาฏานาฏิยโมรปริตฺตธชคฺคปริตฺตรตนปริตฺตาทีนฺหิ เอตฺถ อาณา วตฺตติ. ‘วิสยเขตฺตสฺส’ ปน ปริมาณํ นตฺถิ. พุทฺธานฺหิ ‘‘ยาวตกํ าณํ ตาวตกํ เยฺยํ, ยาวตกํ เยฺยํ ตาวตกํ าณํ , าณปริยนฺติกํ เยฺยํ, เยฺยปริยนฺติกํ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต อวิสโย นาม นตฺถิ.

อิเมสุ ปน ตีสุ เขตฺเตสุ, เปตฺวา อิมํ จกฺกวาฬํ, อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ สุตฺตํ นตฺถิ, น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถิ. ตีณิ ปิฏกานิ – วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกนฺติ. ติสฺโส สงฺคีติโย – มหากสฺสปตฺเถรสฺส สงฺคีติ, ยสตฺเถรสฺส สงฺคีติ, โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สงฺคีตีติ. อิมา ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺเห เตปิฏเก พุทฺธวจเน อิมํ จกฺกวาฬํ มุฺจิตฺวา อฺตฺถ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ สุตฺตํ นตฺถิ, นุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถิ.

อปุพฺพํ อจริมนฺติ อปุเร อปจฺฉา; เอกโต นุปฺปชฺชนฺติ, ปุเร วา ปจฺฉา วา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ โพธิปลฺลงฺเก ‘‘โพธึ อปฺปตฺวา น อุฏฺหิสฺสามี’’ติ นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย ยาว มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหณํ ตาว ปุพฺเพนฺติ น เวทิตพฺพํ. โพธิสตฺตสฺส หิ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปเนเนว ชาติกฺเขตฺตปริคฺคโห กโต, อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ นิวาริตา โหติ. ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย จ ยาว สาสปมตฺตาปิ ธาตุโย ติฏฺนฺติ ตาว ปจฺฉาติ น เวทิตพฺพํ. ธาตูสุ หิ ิตาสุ พุทฺธา ิตาว โหนฺติ. ตสฺมา เอตฺถนฺตเร อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ นิวาริตาว โหติ, ธาตุปรินิพฺพาเน ปน ชาเต อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น นิวาริตา.

ตีณิหิ อนฺตรธานานิ นาม – ปริยตฺติอนฺตรธานํ, ปฏิเวธอนฺตรธานํ, ปฏิปตฺติอนฺตรธานนฺติ. ตตฺถ ‘ปริยตฺตี’ติ ตีณิ ปิฏกานิ; ‘ปฏิเวโธ’ติ สจฺจปฏิเวโธ; ‘ปฏิปตฺตี’ติ ปฏิปทา. ตตฺถ ปฏิเวโธ จ ปฏิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล ปฏิเวธกรา ภิกฺขู พหู โหนฺติ; ‘เอส ภิกฺขุ ปุถุชฺชโน’ติ องฺคุลึ ปสาเรตฺวา ทสฺเสตพฺโพ โหติ. อิมสฺมึเยว ทีเป เอกวารํ กิร ปุถุชฺชนภิกฺขุ นาม นาโหสิ. ปฏิปตฺติปูรกาปิ กทาจิ พหู โหนฺติ, กทาจิ อปฺปา. อิติ ปฏิเวโธ จ ปฏิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิ.

สาสนฏฺิติยา ปน ปริยตฺติเยว ปมาณํ. ปณฺฑิโต หิ เตปิฏกํ สุตฺวา ทฺเวปิ ปูเรติ. ยถา อมฺหากํ โพธิสตฺโต อาฬารสฺส สนฺติเก ปฺจาภิฺา สตฺต จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส ‘น ชานามี’ติ อาห; ตโต อุทกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธิคตวิเสสํ สํสนฺเทตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสฺส ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ; โส อาจิกฺขิ; ตสฺส วจนสมนนฺตรเมว มหาสตฺโต ตํ สมฺปาเทสิ; เอวเมว ปฺวา ภิกฺขุ ปริยตฺตึ สุตฺวา ทฺเวปิ ปูเรติ. ตสฺมา ปริยตฺติยา ิตาย สาสนํ ิตํ โหติ. ยทา ปน สา อนฺตรธายติ ตทา ปมํ อภิธมฺมปิฏกํ นสฺสติ. ตตฺถ ปฏฺานํ สพฺพปมํ อนฺตรธายติ. อนุกฺกเมน ปจฺฉา ธมฺมสงฺคโห. ตสฺมึ อนฺตรหิเต อิตเรสุ ทฺวีสุ ปิฏเกสุ ิเตสุ สาสนํ ิตเมว โหติ.

ตตฺถ สุตฺตนฺตปิฏเก อนฺตรธายมาเน ปมํ องฺคุตฺตรนิกาโย เอกาทสกโต ปฏฺาย ยาว เอกกา อนฺตรธายติ. ตทนนฺตรํ สํยุตฺตนิกาโย จกฺกเปยฺยาลโต ปฏฺาย ยาว โอฆตรณา อนฺตรธายติ. ตทนนฺตรํ มชฺฌิมนิกาโย อินฺทฺริยภาวนโต ปฏฺาย ยาว มูลปริยายา อนฺตรธายติ. ตทนนฺตรํ ทีฆนิกาโย ทสุตฺตรโต ปฏฺาย ยาว พฺรหฺมชาลา อนฺตรธายติ. เอกิสฺสาปิ ทฺวินฺนมฺปิ คาถานํ ปุจฺฉา อทฺธานํ คจฺฉติ; สาสนํ ธาเรตุํ น สกฺโกติ สภิยปุจฺฉา (สุ. นิ. ๕๑๕ อาทโย) วิย อาฬวกปุจฺฉา (สุ. นิ. ๑๘๓ อาทโย; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) วิย จ. เอตา กิร กสฺสปพุทฺธกาลิกา อนฺตรา สาสนํ ธาเรตุํ นาสกฺขึสุ.

ทฺวีสุ ปน ปิฏเกสุ อนฺตรหิเตสุปิ วินยปิฏเก ิเต สาสนํ ติฏฺติ. ปริวารขนฺธเกสุ อนฺตรหิเตสุ อุภโตวิภงฺเค ิเต ิตเมว โหติ. อุภโตวิภงฺเค อนฺตรหิเต มาติกาย ิตายปิ ิตเมว โหติ. มาติกาย อนฺตรหิตาย ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ิตาสุ สาสนํ ติฏฺติ. ลิงฺคํ อทฺธานํ คจฺฉติ. เสตวตฺถสมณวํโส ปน กสฺสปพุทฺธกาลโต ปฏฺาย สาสนํ ธาเรตุํ นาสกฺขิ. ปจฺฉิมกสฺส ปน สจฺจปฏิเวธโต ปจฺฉิมกสฺส สีลเภทโต จ ปฏฺาย สาสนํ โอสกฺกิตํ นาม โหติ. ตโต ปฏฺาย อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น วาริตา.

ตีณิปรินิพฺพานานิ นาม – กิเลสปรินิพฺพานํ, ขนฺธปรินิพฺพานํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติ. ตตฺถ ‘กิเลสปรินิพฺพานํ’ โพธิปลฺลงฺเก อโหสิ, ‘ขนฺธปรินิพฺพานํ’ กุสินารายํ, ‘ธาตุปรินิพฺพานํ’ อนาคเต ภวิสฺสติ. สาสนสฺส กิร โอสกฺกนกาเล อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป ธาตุโย สนฺนิปติตฺวา มหาเจติยํ คมิสฺสนฺติ, มหาเจติยโต นาคทีเป ราชายตนเจติยํ, ตโต มหาโพธิปลฺลงฺกํ คมิสฺสนฺติ. นาคภวนโตปิ เทวโลกโตปิ พฺรหฺมโลกโตปิ ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺกเมว คมิสฺสนฺติ. สาสปมตฺตาปิ ธาตุ น อนฺตรา นสฺสิสฺสติ. สพฺพา ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺเก ราสิภูตา สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกฆนา หุตฺวา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชสฺสนฺติ. ตา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริสฺสนฺติ. ตโต ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช สตฺถา ปรินิพฺพาติ, อชฺช สาสนํ โอสกฺกติ, ปจฺฉิมทสฺสนํ ทานิ อิทํ อมฺหาก’’นฺติ ทสพลสฺส ปรินิพฺพุตทิวสโต มหนฺตตรํ การุฺํ กริสฺสนฺติ. เปตฺวา อนาคามิขีณาสเว อวเสสา สกภาเวน สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. ธาตูสุ เตโชธาตุ อุฏฺหิตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคจฺฉิสฺสติ. สาสปมตฺตายปิ ธาตุยา สติ เอกชาลาว ภวิสฺสติ; ธาตูสุ ปริยาทานํ คตาสุ ปจฺฉิชฺชิสฺสติ. เอวํ มหนฺตํ อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา ธาตูสุ อนฺตรหิตาสุ สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ. ยาว เอวํ น อนฺตรธายติ ตาว อจริมํ นาม โหติ. เอวํ อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุํ – เนตํ านํ วิชฺชติ.

กสฺมา ปน อปุพฺพํ อจริมํ น อุปฺปชฺชนฺตีติ? อนจฺฉริยตฺตา. พุทฺธา หิ อจฺฉริยมนุสฺสา, ยถาห – ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุสฺโส. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๒). ยทิ จ ทฺเว วา จตฺตาโร วา อฏฺ วา โสฬส วา เอกโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ, น อจฺฉริยา ภเวยฺยุํ. เอกสฺมิฺหิ วิหาเร ทฺวินฺนํ เจติยานมฺปิ ลาภสกฺกาโร อุฬาโร น โหติ, ภิกฺขูปิ พหุตาย น อจฺฉริยา ชาตา, เอวํ พุทฺธาปิ ภเวยฺยุํ; ตสฺมา นุปฺปชฺชนฺติ. เทสนาย จ วิเสสาภาวโต. ยฺหิ สติปฏฺานาทิเภทํ ธมฺมํ เอโก เทเสติ, อฺเน อุปฺปชฺชิตฺวาปิ โสว เทเสตพฺโพ สิยา. ตโต อนจฺฉริโย สิยา. เอกสฺมึ ปน ธมฺมํ เทเสนฺเต เทสนาปิ อจฺฉริยา โหติ. วิวาทภาวโต จ. พหูสุ จ พุทฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุ พหูนํ อาจริยานํ อนฺเตวาสิกา วิย ‘อมฺหากํ พุทฺโธ ปาสาทิโก, อมฺหากํ พุทฺโธ มธุรสฺสโร ลาภี ปุฺวา’ติ วิวเทยฺยุํ; ตสฺมาปิ เอวํ นุปฺปชฺชนฺติ.

อปิเจตํ การณํ มิลินฺทรฺา ปุฏฺเน นาคเสนตฺเถเรน วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (มิ. ป. ๕.๑.๑) –

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา – ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุํ – เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๗๗; ม. นิ. ๓.๑๒๙). เทเสนฺตา จ, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพปิ ตถาคตา สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม เทเสนฺติ, กถยมานา จ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ กเถนฺติ, สิกฺขาเปนฺตา จ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขาเปนฺติ, อนุสาสมานา จ อปฺปมาทปฏิปตฺติยํ อนุสาสนฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพสมฺปิ ตถาคตานํ เอกา เทสนา เอกา กถา เอกา สิกฺขา เอกานุสิฏฺิ, เกน การเณน ทฺเว ตถาคตา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติ? เอเกนปิ ตาว พุทฺธุปฺปาเทน อยํ โลโก โอภาสชาโต. ยทิ ทุติโย พุทฺโธ ภเวยฺย, ทฺวินฺนํ ปภาย อยํ โลโก ภิยฺโยโส มตฺตาย โอภาสชาโต ภเวยฺย. โอวทนฺตา จ ทฺเว ตถาคตา สุขํ โอวเทยฺยุํ, อนุสาสมานา จ สุขํ อนุสาเสยฺยุํ. ตตฺถ เม การณํ ทสฺเสหิ ยถาหํ นิสฺสํสโย ภเวยฺย’’นฺติ.

‘‘อยํ, มหาราช, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ. ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย.

‘‘ยถา, มหาราช, นาวา เอกปุริสสนฺธารณี ภเวยฺย, เอกสฺมึ ปุริเส อภิรูฬฺเห สา นาวา สมุปาทิกา ภเวยฺย. อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ตาทิโส อายุนา วณฺเณน วเยน ปมาเณน กิสถูเลน สพฺพงฺคปจฺจงฺเคน. โส ตํ นาวํ อภิรูเหยฺย. อปินุ สา, มหาราช, นาวา ทฺวินฺนมฺปิ ธาเรยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย, โอสีเทยฺย อุทเก’’ติ . ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ. ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย…เป… น านมุปคจฺเฉยฺย.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส ยาวทตฺถํ โภชนํ ภุฺเชยฺย ฉาเทนฺตํ ยาวกณฺมภิปูรยิตฺวา. โส ตโต ปีณิโต ปริปุณฺโณ นิรนฺตโร ตนฺทีคโต อโนนมิตทณฺฑชาโต ปุนเทว ตตฺตกํ โภชนํ ภุฺเชยฺย. อปินุ โข โส, มหาราช, ปุริโส สุขิโต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สกึ ภุตฺโตว มเรยฺยา’’ติ. เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี…เป… น านมุปคจฺเฉยฺยา’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, อติธมฺมภาเรน ปถวี จลตี’’ติ? ‘‘อิธ, มหาราช, ทฺเว สกฏา รตนปริปูริตา ภเวยฺยุํ ยาวสฺมา มุขสมา. เอก สกฏโต รตนํ คเหตฺวา เอกมฺหิ สกเฏ อากิเรยฺยุํ. อปินุ ตํ, มหาราช, สกฏํ ทฺวินฺนมฺปิ สกฏานํ รตนํ ธาเรยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, นาภิปิ ตสฺส จเลยฺย, อราปิ ตสฺส ภิชฺเชยฺยุํ, เนมิปิ ตสฺส โอปเตยฺย, อกฺโขปิ ตสฺส ภิชฺเชยฺยา’’ติ. ‘‘กินฺนุ โข, มหาราช, อติรตนภาเรน สกฏํ ภิชฺชตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อติธมฺมภาเรน ปถวี จลตีติ.

‘‘อปิจ, มหาราช, อิมํ การณํ พุทฺธพลปริทีปนาย โอสาริตํ. อฺมฺปิ ตตฺถ ปติรูปํ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติ. ยทิ, มหาราช, ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ปริสาย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย – ‘ตุมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ พุทฺโธ’ติ อุภโตปกฺขชาตา ภเวยฺยุํ. ยถา, มหาราช, ทฺวินฺนํ พลวามจฺจานํ ปริสาย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย – ‘ตุมฺหากํ อมจฺโจ, อมฺหากํ อมจฺโจ’ติ อุภโตปกฺขชาตา โหนฺติ; เอวเมว โข, มหาราช, ยทิ ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ ปริสาย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย – ‘ตุมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ พุทฺโธ’ติ อุภโตปกฺขชาตา ภเวยฺยุํ. อิทํ ตาว มหาราช เอกํ การณํ เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติ.

‘‘อปรมฺปิ อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติ. ยทิ, มหาราช, ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปชฺเชยฺยุํ ‘อคฺโค พุทฺโธ’ติ ยํ วจนํ ตํ มิจฺฉา ภเวยฺย, ‘เชฏฺโ พุทฺโธ’ติ ‘เสฏฺโ พุทฺโธ’ติ ‘วิสิฏฺโ พุทฺโธ’ติ ‘อุตฺตโม พุทฺโธ’ติ ‘ปวโร พุทฺโธ’ติ ‘อสโม พุทฺโธ’ติ ‘อสมสโม พุทฺโธ’ติ ‘อปฺปฏิสโม พุทฺโธ’ติ ‘อปฺปฏิภาคี พุทฺโธ’ติ ‘อปฺปฏิปุคฺคโล พุทฺโธ’ติ ยํ วจนํ ตํ มิจฺฉา ภเวยฺย. อิทมฺปิ โข ตฺวํ, มหาราช, การณํ ตถโต สมฺปฏิจฺฉ เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติ.

‘‘อปิจ, มหาราช, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สภาวปกติ เอสา ยํ เอโกเยว พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชติ. กสฺมา การณา? มหนฺตตฺตา สพฺพฺุพุทฺธคุณานํ. อฺมฺปิ, มหาราช, ยํ โลเก มหนฺตํ ตํ เอกํเยว โหติ. ปถวี, มหาราช, มหนฺตา, สา เอกาเยว; สาคโร มหนฺโต, โส เอโกเยว; สิเนรุ คิริราชา มหนฺโต, โส เอโกเยว; อากาโส มหนฺโต, โส เอโกเยว; สกฺโก มหนฺโต, โส เอโกเยว; มหาพฺรหฺมา มหนฺโต, โส เอโกเยว; ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ มหนฺโต, โส เอโกเยว โลกสฺมึ. ยตฺถ เต อุปฺปชฺชนฺติ ตตฺถ อฺเสํ โอกาโส น โหติ. ตสฺมา, มหาราช, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอโกเยว โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ.

‘‘สุกถิโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห โอปมฺเมหิ การเณหี’’ติ (มิ. ป. ๕.๑.๑).

เอกิสฺสาโลกธาตุยาติ เอกสฺมึ จกฺกวาเฬ. เหฏฺา อิมินาว ปเทน ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ คหิตานิ. ตานิปิ เอกจกฺกวาเฬเนว ปริจฺฉินฺทิตุํ วฏฺฏนฺติ. พุทฺธา หิ อุปฺปชฺชมานา อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชนฺติ; อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปน วาริเต อิโต อฺเสุ จกฺกวาเฬสุ น อุปฺปชฺชนฺตีติ วาริตเมว โหติ. อปุพฺพํ อจริมนฺติ เอตฺถ จกฺกรตนปาตุภาวโต ปุพฺเพ ปุพฺพํ, ตสฺเสว อนฺตรธานโต ปจฺฉา จริมํ. ตตฺถ ทฺวิธา จกฺกรตนสฺส อนฺตรธานํ โหติ – จกฺกวตฺติโน กาลกิริยาย วา ปพฺพชฺชาย วา. อนฺตรธายมานฺจ ปน ตํ กาลกิริยโต วา ปพฺพชฺชโต วา สตฺตเม ทิวเส อนฺตรธายติ. ตโต ปรํ จกฺกวตฺติโน ปาตุภาโว อวาริโต. กสฺมา ปน เอกจกฺกวาเฬ ทฺเว จกฺกวตฺติโน นุปฺปชฺชนฺตีติ? วิวาทุปจฺเฉทโต อนจฺฉริยภาวโต จกฺกรตนสฺส มหานุภาวโต จ. ทฺวีสุ หิ อุปฺปชฺชนฺเตสุ ‘อมฺหากํ ราชา มหนฺโต, อมฺหากํ ราชา มหนฺโต’ติ วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย. ‘เอกสฺมึ ทีเป จกฺกวตฺตี, เอกสฺมึ ทีเป จกฺกวตฺตี’ติ จ อนจฺฉริโย ภเวยฺย. โย จายํ จกฺกรตนสฺส ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ อิสฺสริยานุปฺปทานสมตฺโถ มหานุภาโว, โส ปริหาเยยฺย. อิติ วิวาทุปจฺเฉทโต อนจฺฉริยภาวโต จกฺกรตนสฺส มหานุภาวโต จ น เอกจกฺกวาเฬ ทฺเว อุปฺปชฺชนฺติ.

ยํ อิตฺโถ อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธติ เอตฺถ ติฏฺตุ ตาว สพฺพฺุคุเณ นิพฺพตฺเตตฺวา โลกตฺตารณสมตฺโถ พุทฺธภาโว, ปณิธานมตฺตมฺปิ อิตฺถิยา น สมฺปชฺชติ.

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙);

อิมานิ หิ ปณิธานสมฺปตฺติการณานิ. อิติ ปณิธานมฺปิ สมฺปาเทตุํ อสมตฺถาย อิตฺถิยา กุโต พุทฺธภาโวติ ‘‘อฏฺานเมตํ, อนวกาโส ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วุตฺตํ. สพฺพาการปริปูโร วา ปุฺุสฺสโย สพฺพาการปริปูรเมว อตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตตีติ ปุริโสว อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ.

ยํอิตฺถี ราชา อสฺส จกฺกวตฺตีติอาทีสุปิ ยสฺมา อิตฺถิยา โกโสหิตวตฺถคุยฺหาทีนํ อภาเวน ลกฺขณานิ น ปริปูเรนฺติ, อิตฺถิรตนภาเวน สตฺตรตนสมงฺคิตา น สมฺปชฺชติ, สพฺพมนุสฺเสหิ จ อธิโก อตฺตภาโว น โหติ, ตสฺมา ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส ยํ อิตฺถี ราชา อสฺส จกฺกวตฺตี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ สกฺกตฺตาทีนิปิ ตีณิ านานิ อุตฺตมานิ, อิตฺถิลิงฺคฺจ หีนํ , ตสฺมา ตสฺสา สกฺกตฺตาทีนิปิ ปฏิสิทฺธานิ. นนุ จ ยถา อิตฺถิลิงฺคํ เอวํ ปุริสลิงฺคมฺปิ พฺรหฺมโลเก นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ยํ ปุริโส พฺรหฺมตฺตํ กาเรยฺย – านเมตํ วิชฺชตี’’ติปิ น วตฺตพฺพํ สิยาติ? โน น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อิธ ปุริสสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตนโต. พฺรหฺมตฺตนฺติ หิ มหาพฺรหฺมตฺตํ อธิปฺเปตํ. อิตฺถี จ อิธ ฌานํ ภาเวตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมปาริสชฺชานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ, น มหาพฺรหฺมานํ. ปุริโส ปน ตตฺถ น อุปฺปชฺชตีติ น วตฺตพฺโพ. สมาเนปิ เจตฺถ อุภยลิงฺคาภาเว ปุริสสณฺานาว พฺรหฺมาโน, น อิตฺถิสณฺานา. ตสฺมา สุวุตฺตเมเวตํ.

กายทุจฺจริตสฺสาติอาทีสุ ยถา นิมฺพพีชโกสาตกีพีชาทีนิ มธุรํ ผลํ น นิพฺพตฺเตนฺติ, อสาตํ อมธุรเมว นิพฺพตฺเตนฺติ, เอวํ กายทุจฺจริตาทีนิ มธุรํ วิปากํ น นิพฺพตฺเตนฺติ, อมธุรเมว นิพฺพตฺเตนฺติ. ยถา จ อุจฺฉุพีชสาลิพีชาทีนิ มธุรํ สาธุรสเมว ผลํ นิพฺพตฺเตนฺติ, น อสาตํ กฏุกํ, เอวํ กายสุจริตาทีนิ มธุรเมว วิปากํ นิพฺพตฺเตนฺติ, น อมธุรํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ;

กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกนฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๖);

ตสฺมา ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ กายทุจฺจริตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

กายทุจฺจริตสมงฺคีติอาทีสุ สมงฺคีติ ปฺจวิธา สมงฺคิตา – อายูหนสมงฺคิตา, เจตนาสมงฺคิตา, กมฺมสมงฺคิตา, วิปากสมงฺคิตา, อุปฏฺานสมงฺคิตาติ. ตตฺถ กุสลากุสลกมฺมายูหนกฺขเณ ‘อายูหนสมงฺคิตา’ วุจฺจติ. ตถา ‘เจตนาสมงฺคิตา’. ยาว ปน อรหตฺตํ น ปาปุณนฺติ ตาว สพฺเพปิ สตฺตา ปุพฺเพ อุปจิตํ วิปาการหํ กมฺมํ สนฺธาย กมฺมสมงฺคิโนติ วุจฺจนฺติ – เอสา ‘กมฺมสมงฺคิตา’. ‘วิปากสมงฺคิตา’ ปน วิปากกฺขเณเยว เวทิตพฺพา. ยาว ปน สตฺตา อรหตฺตํ น ปาปุณนฺติ ตาว เตสํ ตโต ตโต จวิตฺวา นิรเย ตาว อุปฺปชฺชมานานํ อคฺคิชาลโลหกุมฺภีอาทีหิ อุปฏฺานากาเรหิ นิรโย, คพฺภเสยฺยกตฺตํ อาปชฺชมานานํ มาตุกุจฺฉิ, เทเวสุ อุปฺปชฺชมานานํ กปฺปรุกฺขวิมานาทีหิ อุปฏฺานากาเรหิ เทวโลโกติ เอวํ อุปปตฺตินิมิตฺตํ อุปฏฺาติ. อิติ เนสํ อิมินา อุปฺปตฺตินิมิตฺตูปฏฺาเนน อปริมุตฺตตฺตา ‘อุปฏฺานสมงฺคิตา’ นาม. สาว จลติ, เสสา นิจฺจลา. นิรเย หิ อุปฏฺิเตปิ เทวโลโก อุปฏฺาติ; เทวโลเก อุปฏฺิเตปิ นิรโย อุปฏฺาติ; มนุสฺสโลเก อุปฏฺิเตปิ ติรจฺฉานโยนิ อุปฏฺาติ; ติรจฺฉานโยนิยา จ อุปฏฺิตายปิ มนุสฺสโลโก อุปฏฺาติเยว.

ตตฺริทํ วตฺถุ – โสณคิริปาเท กิร อเจลวิหาเร โสณตฺเถโร นาม เอโก ธมฺมกถิโก. ตสฺส ปิตา สุนขวาชิโก นาม ลุทฺทโก อโหสิ. เถโร ตํ ปฏิพาหนฺโตปิ สํวเร เปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘มา นสฺสิ วราโก’ติ มหลฺลกกาเล อกามกํ ปพฺพาเชสิ. ตสฺส คิลานเสยฺยาย นิปนฺนสฺส นิรโย อุปฏฺาสิ. โสณคิริปาทโต มหนฺตา มหนฺตา สุนขา อาคนฺตฺวา ขาทิตุกามา วิย สมฺปริวาเรสุํ. โส มหาภยภีโต ‘‘วาเรหิ, ตาต โสณ! วาเรหิ, ตาต โสณา’’ติ อาห. ‘‘กึ มหาเถรา’’ติ? ‘‘น ปสฺสสิ, ตาตา’’ติ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. โสณตฺเถโร ‘กถฺหิ นาม มาทิสสฺส ปิตา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, ปติฏฺาหมสฺส ภวิสฺสามี’ติ สามเณเรหิ นานาปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา เจติยงฺคณโพธิยงฺคเณสุ มาลาสนฺถารปูชฺจ อาสนปูชฺจ กาเรตฺวา ปิตรํ มฺเจน เจติยงฺคณํ หริตฺวา มฺเจ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘อยํ เม, มหาเถร, ปูชา ตุมฺหากํ อตฺถาย กตา; ‘อยํ เม, ภควา, ทุคฺคตปณฺณากาโร’ติ วตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา จิตฺตํ ปสาเทหี’’ติ อาห. โส มหาเถโร ปูชํ ทิสฺวา ตถากโรนฺโต จิตฺตํ ปสาเทสิ. ตาวเทวสฺส เทวโลโก อุปฏฺาสิ, นนฺทวนจิตฺตลตาวนมิสฺสกวนผารุสกวนวิมานานิ เจว เทวนาฏกานิ จ ปริวาเรตฺวา ิตานิ วิย อเหสุํ. โส ‘‘อเปถ, โสณ! อเปถ, โสณา’’ติ อาห. ‘‘กิมิทํ, มหาเถรา’’ติ? ‘‘เอตา เต, ตาต, มาตโร อาคจฺฉนฺตี’’ติ. ‘เถโร สคฺโค อุปฏฺิโต มหาเถรสฺสา’ติ จินฺเตสิ . เอวํ อุปฏฺานสมงฺคิตา จลตีติ เวทิตพฺพา. เอตาสุ สมงฺคิตาสุ อิธ อายูหนเจตนากมฺมสมงฺคิตาวเสน ‘‘กายทุจฺจริตสมงฺคี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ปมพลนิทฺเทสวณฺณนา.

ทุติยพลนิทฺเทโส

๘๑๐. ทุติยพลนิทฺเทเส คติสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานีติ คติสมฺปตฺติยา ปฏิพาหิตานิ นิวาริตานิ ปฏิเสธิตานิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ คติสมฺปตฺตีติ สมฺปนฺนา คติ เทวโลโก จ มนุสฺสโลโก จ. คติวิปตฺตีติ วิปนฺนา คติ จตฺตาโร อปายา. อุปธิสมฺปตฺตีติ อตฺตภาวสมิทฺธิ. อุปธิวิปตฺตีติ หีนอตฺตภาวตา. กาลสมฺปตฺตีติ สุราชสุมนุสฺสกาลสงฺขาโต สมฺปนฺนกาโล. กาลวิปตฺตีติ ทุราชทุมนุสฺสกาลสงฺขาโต วิปนฺนกาโล. ปโยคสมฺปตฺตีติ สมฺมาปโยโค. ปโยควิปตฺตีติ มิจฺฉาปโยโค.

ตตฺถ เอกจฺจสฺส พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ คติวิปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน คติสมฺปตฺติยํ เทเวสุ วา มนุสฺเสสุ วา นิพฺพตฺโต. ตาทิเส จ าเน อกุสลสฺส วาโร นตฺถิ, เอกนฺตํ กุสลสฺเสว วาโรติ. เอวมสฺส ตานิ กมฺมานิ คติสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ อุปธิวิปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน อุปธิสมฺปตฺติยํ ิโต สุสณฺิตงฺคปจฺจงฺโค อภิรูโป ทสฺสนีโย พฺรหฺมวจฺฉสทิโส. สเจปิ ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ทาสชาโต โหติ ‘เอวรูโป อตฺตภาโว กิลิฏฺกมฺมสฺส นานุจฺฉวิโก’ติ หตฺถิเมณฺฑอสฺสพนฺธกโคปาลกกมฺมาทีนิ ตํ น กาเรนฺติ; สุขุมวตฺถานิ นิวาสาเปตฺวา ภณฺฑาคาริกฏฺานาทีสุ เปนฺติ. สเจ อิตฺถี โหติ, หตฺถิภตฺตปจนาทีนิ น กาเรนฺติ; วตฺถาลงฺการํ ทตฺวา สยนปาลิกํ วา นํ กโรนฺติ, โสมเทวิ วิย วลฺลภฏฺาเน วา เปนฺติ. ภาติกราชกาเล กิร โคมํสขาทเก พหุชเน คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. เต ‘ทณฺฑํ ทาตุํ สกฺโกถา’ติ ปุฏฺา ‘น สกฺโกมา’ติ วทึสุ. อถ เน ราชงฺคเณ โสธเก อกํสุ. เตสํ เอกา ธีตา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา. ตํ ทิสฺวา ราชา อนฺเตปุรํ อภิเนตฺวา วลฺลภฏฺาเน เปสิ. เสสาตกาปิ ตสฺสา อานุภาเวน สุขํ ชีวึสุ. ตาทิสสฺมิฺหิ อตฺตภาเว ปาปกมฺมานิปิ วิปากํ ทาตุํ น สกฺโกนฺติ. เอวํ อุปธิสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

เอกสฺส พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ กาลวิปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน ปมกปฺปิกานํ วา จกฺกวตฺติรฺโ วา พุทฺธานํ วา อุปฺปตฺติสมเย สุราชสุมนุสฺสกาเล นิพฺพตฺโต. ตาทิเส จ กาเล นิพฺพตฺตสฺส อกุสลสฺส วิปากํ ทาตุํ โอกาโส นตฺถิ, เอกนฺตํ กุสลสฺเสว โอกาโสติ. เอวํ กาลสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ ปโยควิปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน ปโยคสมฺปตฺติยํ ิโต ปาณาติปาตาทีหิ วิรโต กายวจีมโนสุจริตานิ ปูเรติ. ตาทิเส าเน อกุสลสฺส วิปจฺจโนกาโส นตฺถิ, เอกนฺตํ กุสลสฺเสว โอกาโสติ. เอวํ ปโยคสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ คติสมฺปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปเนเกน ปาปกมฺเมน คติวิปตฺติยํเยว นิพฺพตฺโต. ตตฺถสฺส ตานิ กมฺมานิ อุปคนฺตฺวา วาเรน วาเรน วิปากํ เทนฺติ – กาเลน นิรเย นิพฺพตฺตาเปนฺติ, กาเลน ติรจฺฉานโยนิยํ, กาเลน เปตฺติวิสเย, กาเลน อสุรกาเย, ทีเฆนาปิ อทฺธุนา อปายโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทนฺติ. เอวํ คติสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ คติวิปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ อุปธิสมฺปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ . โส ปน เอเกน ปาปกมฺเมน อุปธิวิปตฺติยํเยว ปติฏฺิโต ทุพฺพณฺโณ ทุรูโป ทุสฺสณฺิโต พีภจฺโฉ ปิสาจสทิโส. โส สเจ ทาสิยา กุจฺฉิยํ ทาสชาโต ‘อิมานิ เอตสฺส อนุจฺฉวิกานี’ติ สพฺพานิ นํ กิลิฏฺกมฺมานิ กาเรนฺติ อนฺตมโส ปุปฺผฉฑฺฑกกมฺมํ อุปาทาย. สเจ อิตฺถี โหติ ‘อิมานิ เอติสฺสา อนุจฺฉวิกานี’ติ สพฺพานิ นํ หตฺถิภตฺตปจนาทีนิ กิลิฏฺกมฺมานิ กาเรนฺติ. กุลเคเห ชาตมฺปิ พลึ สาธยมานา ราชปุริสา ‘เคหทาสี’ติ สฺํ กตฺวา พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺติ, โกตลวาปีคาเม มหากุฏุมฺพิกสฺส ฆรณี วิย. เอวํ อุปธิสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ อุปธิวิปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ กาลสมฺปตฺติยํ นิพฺพาตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน ปาปกมฺเมน กาลวิปตฺติยํ ทุราชทุมนุสฺสกาเล กสเฏ นิโรเช ทสวสฺสายุกกาเล นิพฺพตฺโต, ยทา ปฺจ โครสา ปจฺฉิชฺชนฺติ, กุทฺรูสกํ อคฺคโภชนํ โหติ. กิฺจาปิ มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺโต, มิคปสุสริกฺขชีวิโก ปน โหติ. เอวรูเป กาเล กุสลสฺส วิปจฺจโนกาโส นตฺถิ, เอกนฺตํ อกุสลสฺเสว โหติ. เอวํ กาลสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ กาลวิปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ ปาปกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ ปโยคสมฺปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน ปโยควิปตฺติยํ ิโต ปาณาติปาตาทีนิ ทส อกุสลกมฺมานิ กโรติ. ตเมนํ สโหฑฺฒํ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสนฺติ. ราชา พหูกมฺมการณานิ กาเรตฺวา ฆาตาเปติ. เอวํ ปโยคสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ ปโยควิปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ. เอวํ จตูหิ สมฺปตฺตีหิ ปฏิพาหิตํ ปาปกมฺมํ วิปากํ อทตฺวา จตสฺโส วิปตฺติโย อาคมฺม เทติ.

ยถา หิ โกจิเทว ปุริโส เกนจิเทว กมฺเมน ราชานํ อาราเธยฺย. อถสฺส ราชา านนฺตรํ ทตฺวา ชนปทํ ทเทยฺย. โส ตํ สมฺมา ปริภุฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต มกฺกเฏน คหิตภตฺตปุฏํ วิย ภินฺเทยฺย; ยสฺส ยํ ยานํ วา วาหนํ วา ทาสํ วา ทาสึ วา อารามํ วา วตฺถุํ วา สมฺปนฺนรูปํ ปสฺสติ, สพฺพํ พลกฺกาเรน คณฺเหยฺย. มนุสฺสา ‘ราชวลฺลโภ’ติ กิฺจิ วตฺตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ. โส อฺสฺส วลฺลภตรสฺส ราชมหามตฺตสฺส วิรุชฺเฌยฺย. โส ตํ คเหตฺวา สุโปถิตํ โปถาเปตฺวา ภูมึ ปิฏฺิยา ฆํสาเปนฺโต นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘อสุโก นาม เต , เทว, ชนปทํ ภินฺทตี’ติ คณฺหาเปยฺย. ราชา พนฺธนาคาเร พนฺธาเปตฺวา ‘อสุเกน นาม กสฺส กึ อวหฏ’นฺติ นคเร เภรึ จราเปยฺย. มนุสฺสา อาคนฺตฺวา ‘มยฺหํ อิทํ คหิตํ, มยฺหํ อิทํ คหิต’นฺติ วิรวสหสฺสํ อุฏฺาเปยฺยุํ. ราชา ภิยฺโยโส มตฺตาย กุทฺโธ นานปฺปกาเรน ตํ พนฺธนาคาเร กิลเมตฺวา ฆาตาเปตฺวา ‘คจฺฉถ นํ สุสาเน ฉฑฺเฑตฺวา สงฺขลิกา อาหรถา’ติ วเทยฺย. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

ตสฺส หิ ปุริสสฺส หิ เกนจิเทว กมฺเมน ราชานํ อาราเธตฺวา านนฺตรํ ลทฺธกาโล วิย ปุถุชฺชนสฺสาปิ เกนจิเทว ปุฺกมฺเมน สคฺเค นิพฺพตฺตกาโล. ตสฺมึ ชนปทํ ภินฺทิตฺวา มนุสฺสานํ สนฺตกํ คณฺหนฺเต กสฺสจิ กิฺจิ วตฺตุํ อวิสหนกาโล วิย อิมสฺมิมฺปิ สคฺเค นิพฺพตฺเต อกุสลสฺส วิปจฺจโนกาสํ อลภนกาโล. ตสฺส เอกทิวสํ เอกสฺมึ ราชวลฺลภตเร วิรชฺฌิตฺวา เตน กุทฺเธน นํ โปถาเปตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา พนฺธนาคาเร พนฺธาปิตกาโล วิย อิมสฺส สคฺคโต จวิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตกาโล. มนุสฺสานํ ‘มยฺหํ อิทํ คหิตํ, มยฺหํ อิทํ คหิต’นฺติ วิรวกาโล วิย ตสฺมึ นิรเย นิพฺพตฺเต สพฺพากุสลกมฺมานํ สนฺนิปติตฺวา คหณกาโล. สุสาเน ฉฑฺเฑตฺวา สงฺขลิกานํ อาหรณกาโล วิย เอเกกสฺมึ กมฺเม ขีเณ อิตรสฺส อิตรสฺส วิปาเกน นิรยโต สีสํ อนุกฺขิปิตฺวา สกลกปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจนกาโล. กปฺปฏฺิติกกมฺมฺหิ กตฺวา เอกกปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจนกสตฺตา เนว เอโก, น ทฺเว, น สตํ, น สหสฺสํ. เอวํ ปจฺจนกสตฺตา กิร คณนปถํ วีติวตฺตา.

อตฺเถกจฺจานิ กลฺยาณานิ กมฺมสมาทานานิ คติวิปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติอาทีสุปิ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. อิเธกจฺจสฺส พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ คติสมฺปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยุํ. โส ปน เอเกน ปาปกมฺเมน คติวิปตฺติยํ นิรเย วา อสุรกาเย วา นิพฺพตฺโต. ตาทิเส จ าเน กุสลํ วิปากํ ทาตุํ น สกฺโกติ, เอกนฺตํ อกุสลเมว สกฺโกตีติ. เอวมสฺส ตานิ กมฺมานิ คติวิปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ อุปธิสมฺปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน ปาปกมฺเมน อุปธิวิปตฺติยํ ปติฏฺิโต ทุพฺพณฺโณ โหติ ปิสาจสทิโส. โส สเจปิ ราชกุเล นิพฺพตฺโต ปิตุอจฺจเยน ‘กึ อิมสฺส นิสฺสิรีกสฺส รชฺเชนา’ติ รชฺชํ น ลภติ. เสนาปติเคหาทีสุ นิพฺพตฺโตปิ เสนาปติฏฺานาทีนิ น ลภติ.

อิมสฺส ปนตฺถสฺสาวิภาวตฺถํ ทีปราชวตฺถุ กเถตพฺพํ – ราชา กิร ปุตฺเต ชาเต เทวิยา ปสีทิตฺวา วรํ อทาสิ. สา วรํ คเหตฺวา เปสิ. กุมาโร สตฺตฏฺวสฺสกาเลว ราชงฺคเณ กุกฺกุเฏ ยุชฺฌาเปสิ. เอโก กุกฺกุโฏ อุปฺปติตฺวา กุมารสฺส อกฺขีนิ ภินฺทิ. กุมารมาตา เทวี ปุตฺตสฺส ปนฺนรสโสฬสวสฺสกาเล ‘รชฺชํ วาเรสฺสามี’ติ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ กุมารสฺส ชาตกาเล วโร ทินฺโน. มยา โส คเหตฺวา ปิโต; อิทานิ นํ คณฺหามี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวิ, คณฺหาหี’’ติ. ‘‘มยา, เทว, ตุมฺหากํ สนฺติกา กิฺจิ อลทฺธํ นาม นตฺถิ . อิทานิ ปน มม ปุตฺตสฺส รชฺชํ วาเรมี’’ติ. ‘‘เทวิ, ตว ปุตฺโต องฺควิกโล. น สกฺกา ตสฺส รชฺชํ ทาตุ’’นฺติ . ‘‘ตุมฺเห มยฺหํ รุจฺจนกวรํ อทาตุํ อสกฺโกนฺตา กสฺมา วรํ อทตฺถา’’ติ? ราชา อติวิย นิปฺปีฬิยมาโน ‘‘น สกฺกา ตุยฺหํ ปุตฺตสฺส สกลลงฺกาทีเป รชฺชํ ทาตุํ; นาคทีเป ปน ฉตฺตํ อสฺสาเปตฺวา วสตู’’ติ นาคทีปํ เปเสสิ. โส ทีปราชา นาม อโหสิ. สเจ จกฺขุวิกโล นาภวิสฺสา ติโยชนสติเก สกลตมฺพปณฺณิทีเป สพฺพสมฺปตฺติปริวารํ รชฺชํ อลภิสฺสา. เอวํ อุปธิวิปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ กาลสมฺปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน ปาปกมฺเมน กาลวิปตฺติยํ ทุราชทุมนุสฺสกาเล กสเฏ นิโรเช อปฺปายุเก คติโกฏิเก นิพฺพตฺโต. ตาทิเส จ กาเล กลฺยาณกมฺมํ วิปากํ ทาตุํ น สกฺโกตีติ. เอวํ กาลวิปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ ปโยคสมฺปตฺติยํ ิตสฺส วิปจฺเจยฺยุํ. อยํ ปน ปโยควิปตฺติยํ ิโต ปาณํ หนฺติ…เป… สพฺพํ ทุสฺสีลฺยํ ปูเรติ. ตถา เตน สทฺธึ สมชาติกานิปิ กุลานิ อาวาหวิวาหํ น กโรนฺติ; ‘อิตฺถิธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต อยํ ปาปปุริโส’ติ อารกา ปริวชฺเชนฺติ. กลฺยาณกมฺมานิ วิปจฺจิตุํ น สกฺโกนฺติ. เอวํ ปโยควิปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ. เอวํ จตสฺโส สมฺปตฺติโย อาคมฺม วิปากทายกํ กลฺยาณกมฺมํ จตูหิ วิปตฺตีหิ ปฏิพาหิตตฺตา น วิปจฺจติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ คติวิปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน คติสมฺปตฺติยํเยว นิพฺพตฺโต. ตตฺถสฺส ตานิ กมฺมานิ อุปคนฺตฺวา วาเรน วาเรน วิปากํ เทนฺติ – กาเลน มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตาเปนฺติ, กาเลน เทวโลเก. เอวํ คติวิปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ คติมมฺปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ อุปธิวิปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน อุปธิสมฺปตฺติยํเยว ปติฏฺิโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก พฺรหฺมวจฺฉสทิโส. ตสฺส อุปธิสมฺปตฺติยํ ิตตฺตา กลฺยาณกมฺมานิ วิปากํ เทนฺติ. สเจ ราชกุเล นิพฺพตฺตติ อฺเสุ เชฏฺกภาติเกสุ สนฺเตสุปิ ‘เอตสฺส อตฺตภาโว สมิทฺโธ, เอตสฺส ฉตฺเต อุสฺสาปิเต โลกสฺส ผาสุ ภวิสฺสตี’ติ ตเมว รชฺเช อภิสิฺจนฺติ. อุปราชเคหาทีสุ นิพฺพตฺโต ปิตุอจฺจเยน โอปรชฺชํ, เสนาปติฏฺานํ, ภณฺฑาคาริกฏฺานํ, เสฏฺิฏฺานํ ลภติ. เอวํ อุปธิวิปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ อุปธิสมฺปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ กาลวิปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน กาลสมฺปตฺติยํ นิพฺพตฺโต สุราชสุมนุสฺสกาเล. ตาทิสาย กาลสมิทฺธิยา นิพฺพตฺตสฺส กลฺยาณกมฺมํ วิปากํ เทติ.

ตตฺริทํ มหาโสณตฺเถรสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ – พฺราหฺมณติสฺสภเย กิร จิตฺตลปพฺพเต ทฺวาทส ภิกฺขุสหสฺสานึ ปฏิวสนฺติ. ตถา ติสฺสมหาวิหาเร. ทฺวีสุปิ มหาวิหาเรสุ ติณฺณํ วสฺสานํ วฏฺฏํ เอกรตฺตเมว มหามูสิกาโย ขาทิตฺวา ถุสมตฺตเมว เปสุํ. จิตฺตลปพฺพเต ภิกฺขุสงฺโฆ ‘ติสฺสมหาวิหาเร วฏฺฏํ วตฺติสฺสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’ติ วิหารโต นิกฺขมิ. ติสฺสมหาวิหาเรปิ ภิกฺขุสงฺโฆ ‘จิตฺตลปพฺพเต วฏฺฏํ วตฺติสฺสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’ติ วิหารโต นิกฺขมิ. อุภโตปิ เอกิสฺสา คมฺภีรกนฺทราย ตีเร สมาคตา ปุจฺฉิตฺวา วฏฺฏสฺส ขีณภาวํ ตฺวา ‘ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสามา’ติ จตุวีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ คมฺภีรกนฺทรวนํ ปวิสิตฺวา นิสีทิตฺวา นิสินฺนนีหาเรเนว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายึสุ. ปจฺฉา ภเย วูปสนฺเต ภิกฺขุสงฺโฆ สกฺกํ เทวราชานํ คเหตฺวา ธาตุโย สํหริตฺวา เจติยํ อกาสิ.

พฺราหฺมณติสฺสโจโรปิ ชนปทํ วิทฺธํเสสิ. สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา มนฺเตตฺวา ‘‘โจรํ ปฏิพาหตู’’ติ สกฺกสนฺติกํ อฏฺ เถเร เปเสสิ. สกฺโก เทวราชา ‘‘มยา, ภนฺเต, อุปฺปนฺโน โจโร น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ. สงฺโฆ ปรสมุทฺทํ คจฺฉตุ. อหํ สมุทฺทารกฺขํ กริสฺสามี’’ติ. สงฺโฆ สพฺพทิสาหิ นาคทีปํ คนฺตฺวา ชมฺพุโกลปฏฺฏเน ติภูมิกํ มหาอุฬุมฺปํ พนฺธาเปสิ. เอกา ภูมิกา อุทเก โอสีทิ. เอกิสฺสา ภิกฺขุสงฺโฆ นิสินฺโน. เอกิสฺสา ปตฺตจีวรานิ ปยึสุ. สํยุตฺตภาณกจูฬสีวตฺเถโร, อิสิทตฺตตฺเถโร, มหาโสณตฺเถโรติ ตโย เถรา ตาสํ ปริสานํ ปาโมกฺขา. เตสุ ทฺเว เถรา มหาโสณตฺเถรํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส มหาโสณ, อภิรุห มหาอุฬุมฺป’’นฺติ. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาวุโส, อุทเก มรณมฺปิ ถเล มรณมฺปิ เอกเมว . น มยํ คมิสฺสาม. ตํ นิสฺสาย ปน อนาคเต สาสนสฺส ปเวณี สฺสติ. คจฺฉ ตฺวํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, ตุมฺเหสุ อคจฺฉนฺเตสุ คมิสฺสามี’’ติ ยาวตติยํ กเถตฺวาปิ เถรํ อาโรเปตุํ อสกฺโกนฺตา นิวตฺตึสุ.

อถ จูฬสีวตฺเถโร อิสิทตฺตตฺเถรํ อาห – ‘‘อาวุโส อิสิทตฺต, อนาคเต มหาโสณตฺเถรํ นิสฺสาย สาสนปเวณี สฺสติ; มา โข ตํ หตฺถโต วิสฺสชฺเชหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ มหาเจติยํ วนฺทิสฺสามี’’ติ ทฺเว เถเร อนุสาสิตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺโต มหาวิหารํ สมฺปาปุณิ. ตสฺมึ สมเย มหาวิหาโร สุฺโ. เจติยงฺคเณ เอรณฺฑา ชาตา. เจติยํ คจฺเฉหิ ปริวาริตํ, เสวาเลน ปริโยนทฺธํ. เถโร ธรมานกพุทฺธสฺส นิปจฺจาการํ ทสฺเสนฺโต วิย มหาเจติยํ วนฺทิตฺวา ปจฺฉิมทิสาย สาลํ ปวิสิตฺวา โอโลเกนฺโต ‘เอวรูปสฺส นาม ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตสฺส สรีรธาตุเจติยฏฺานํ อนาถํ ชาต’นฺติ จินฺตยมาโน นิสีทิ.

อถ อวิทูเร รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา อทฺธิกมนุสฺสรูเปน ตณฺฑุลนาฬิฺจ คุฬปิณฺฑฺจ อาทาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กตฺถ คจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ทกฺขิณทิสํ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ตตฺเถว คนฺตุกาโม, สห คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ ทุพฺพโล; ตว คติยา คนฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ; ตฺวํ ปุรโต คจฺฉ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ตุมฺหากํ คติยา คมิสฺสามี’’ติ เถรสฺส ปตฺตจีวรํ อคฺคเหสิ. ติสฺสวาปิปาฬึ อารุฬฺหกาเล จ ปตฺตํ อาหราเปตฺวา ปานกํ กตฺวา อทาสิ. เถรสฺส ปีตมตฺเตเยว พลมตฺตา สณฺาติ. เทวตา ปถวึ สงฺขิปิตฺวา เวณุนทีสนฺติเก เอกํ ฉฑฺฑิตวิหารํ ปตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ.

ปุนทิวเส เถเรน มุเข โธวิตมตฺเต ยาคุํ ปจิตฺวา อทาสิ; ยาคุํ ปีตสฺส ภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ. เถโร ‘‘ตุยฺหํ เปหิ, อุปาสกา’’ติ ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิ. ‘‘อหํ น ทูรํ คมิสฺสามี’’ติ เทวตา เถรสฺเสว ปตฺเต ภตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เถรสฺส ปตฺตจีวรมาทาย มคฺคํ ปฏิปนฺนา ปถวึ สงฺขิปิตฺวา ชชฺชรนทีสนฺติกํ เนตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอตํ ปณฺณขาทกมนุสฺสานํ วสนฏฺานํ, ธูโม ปฺายติ. อหํ ปุรโต คมิสฺสามี’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ภวนํ อคมาสิ. เถโร สพฺพมฺปิ ภยกาลํ ปณฺณขาทกมนุสฺเส นิสฺสาย วสิ.

อิสิทตฺตตฺเถโรปิ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺโต อฬชนปทํ สมฺปาปุณิ. ตตฺถ มนุสฺสา นาติปกฺกานิ มธุกผลานิ ภินฺทิตฺวา อฏฺึ อาทาย ตจํ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. เถโร ‘‘อาวุโส มหาโสณ, ภิกฺขาหาโร ปฺายตี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ อาหราเปตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ นีหริตฺวา อฏฺาสิ. ตรุณทารกา เถรํ ิตํ ทิสฺวา ‘อิมินา โกจิ อตฺโถ ภวิสฺสตี’ติ วาลุกํ ปุฺฉิตฺวา มธุกผลตฺตจํ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อทํสุ; เถรา ปริภุฺชึสุ. สตฺตาหมตฺตํ โสเยว อาหาโร อโหสิ.

อนุปุพฺเพน โจริยสฺสรํ สมฺปาปุณึสุ. มนุสฺสา กุมุทานิ คเหตฺวา กุมุทนาเล ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. เถโร ‘‘อาวุโส มหาโสณ, ภิกฺขาหาโร ปฺายตี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ อาหราเปตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ นีหริตฺวา อฏฺาสิ. คามทารกา กุมุทนาเล โสเธตฺวา ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อทํสุ; เถรา ปริภุฺชึสุ. สตฺตาหมตฺตํ โสว อาหาโร อโหสิ.

อนุปุพฺเพน จรนฺตา ปณฺณขาทกมนุสฺสานํ วสนฏฺาเน เอกํ คามทฺวารํ สมฺปาปุณึสุ. ตตฺถ เอกิสฺสา ทาริกาย มาตาปิตโร อรฺํ คจฺฉนฺตา ‘‘สเจ โกจิ อยฺโย อาคจฺฉติ, กตฺถจิ คนฺตุํ มา อทาสิ; อยฺยสฺส วสนฏฺานํ อาจิกฺเขยฺยาสิ, อมฺมา’’ติ อาหํสุ. สา เถเร ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปสิ. เคเห ธฺชาติ นาม นตฺถิ. วาสึ ปน คเหตฺวา คุฺชโจจรุกฺขตฺตจํ คุฺชลตาปตฺเตหิ สทฺธึ เอกโต โกฏฺเฏตฺวา ตโย ปิณฺเฑ กตฺวา เอกํ อิสิทตฺตตฺเถรสฺส เอกํ มหาโสณตฺเถรสฺส ปตฺเต เปตฺวา ‘อติเรกปิณฺฑํ อิสิทตฺตตฺเถรสฺส ปตฺเต เปสฺสามี’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. หตฺโถ ปริวตฺติตฺวา มหาโสณตฺเถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. อิสิทตฺตตฺเถโร ‘พฺราหฺมณติสฺสภเย คุฺชโจจปิณฺเฑ วิปากทายกกมฺมํ เทสกาลสมฺปทาย กีวปมาณํ วิปากํ ทสฺสตี’ติ อาห. เต ตํ ปริภุฺชิตฺวา วสนฏฺานํ อคมํสุ. สาปิ อรฺโต อาคตานํ มาตาปิตูนํ อาจิกฺขิ ‘‘ทฺเว เถรา อาคตา. เตสํ เม วสนฏฺานํ อาจิกฺขิต’’นฺติ. เต อุโภปิ เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ยํ มยํ ลภาม, เตน ตุมฺเห ปฏิชคฺคิสฺสาม; อิเธว วสถา’’ติ ปฏิฺํ คณฺหึสุ. เถราปิ สพฺพภยกาลํ เต อุปนิสฺสาย วสึสุ.

พฺราหฺมณติสฺสโจเร มเต ปิตุมหาราชา ฉตฺตํ อุสฺสาเปสิ. ‘ภยํ วูปสนฺตํ, ชนปโท สมฺปุณฺโณ’ติ สุตฺวา ปรสมุทฺทโต ภิกฺขุสงฺโฆ นาวาย มหาติตฺถปฏฺฏเน โอรุยฺห ‘มหาโสณตฺเถโร กหํ วสตี’ติ ปุจฺฉิตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เถโร ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร กาลกคาเม มณฺฑลารามวิหารํ สมฺปาปุณิ. ตสฺมึ สมเย กาลกคาเม สตฺตมตฺตานิ กุลสตานิ ปฏิวสนฺติ. รตฺติภาเค เทวตา อาหิณฺฑิตฺวา ‘‘มหาโสณตฺเถโร ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร มณฺฑลารามวิหารํ ปตฺโต. เอเกโก นวหตฺถสาฏเกน สทฺธึ เอเกกกหาปณคฺฆนกํ ปิณฺฑปาตํ เทตู’’ติ มนุสฺเส อโวจุํ. ปุนทิวเส จ เถรา กาลกคามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มนุสฺสา นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ อทํสุ. มณฺฑลารามวาสี ติสฺสภูติตฺเถโร สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา นิสีทิ. เอโก มหาอุปาสโก ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มหาโสณตฺเถโร นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิ. เตน สมเยน เถโร นวโก โหติ ปริยนฺเต นิสินฺโน. เถโร หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘มหาโสโณ นาม เอส, อุปาสกา’’ติ อาห. อุปาสโก ตํ วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คณฺหาติ. เถโร น เทติ. ติสฺสภูติตฺเถโร ‘‘อาวุโส โสณ, ยถา ตฺวํ น ชานาสิ, มยมฺปิ เอวเมว น ชานาม; ปุฺวนฺตานํ เทวตา ปริปาเจนฺติ; ปตฺตํ เทหิ, สพฺรหฺมจารีนํ สงฺคหํ กโรหี’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อทาสิ. มหาอุปาสโก ปตฺตํ อาทาย คนฺตฺวา กหาปณคฺฆนกสฺส ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา นวหตฺถสาฏกํ อาธารกํ กตฺวา อาหริตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปสิ; อปโรปิ อุปาสโก เถรสฺสาติ สตฺต สาฏกสตานิ สตฺต จ ปิณฺฑปาตสตานิ เถรสฺเสว อทํสุ.

เถโร ภิกฺขุสงฺฆสฺส สํวิภาคํ กตฺวา อนุปุพฺเพน มหาวิหารํ ปาปุณิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา มหาโพธึ วนฺทิตฺวา มหาเจติยํ วนฺทิตฺวา ถูปาราเม ิโต จีวรํ ปารุปิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ทฺวารโต ยาว วฬฺชนกสาลา เอตสฺมึ อนฺตเร สฏฺิกหาปณคฺฆนกํ ปิณฺฑปาตํ ลภิ. ตโต ปฏฺาย ปน สกฺการสฺส ปมาณํ นตฺถิ. เอวํ กาลวิปตฺติยํ มธุกผลตฺตโจปิ กุมุทนาฬิปิ ทุลฺลภา ชาตา. กาลสมฺปตฺติยํ เอวรูโป มหาลาโภ อุทปาทิ.

วตฺตพฺพกนิคฺโรธตฺเถรสฺสาปิ สามเณรกาเล พฺราหฺมณติสฺสภยํ อุทปาทิ. สามเณโร จ อุปชฺฌาโย จสฺส ปรสมุทฺทํ นาคมึสุ; ‘ปณฺณขาทกมนุสฺเส อุปนิสฺสาย วสิสฺสามา’ติ ปจฺจนฺตาภิมุขา อเหสุํ. สามเณโร สตฺตาหมตฺตํ อนาหาโร หุตฺวา เอกสฺมึ คามฏฺาเน ตาลรุกฺเข ตาลปกฺกํ ทิสฺวา อุปชฺฌายํ อาห – ‘‘ภนฺเต, โถกํ อาคเมถ; ตาลปกฺกํ ปาเตสฺสามี’’ติ. ‘‘ทุพฺพโลสิ ตฺวํ, สามเณร, มา อภิรุหี’’ติ. ‘‘อภิรุหิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ ขุทฺทกวาสึ คเหตฺวา ตาลํ อารุยฺห ตาลปิณฺฑํ ฉินฺทิตุํ อารภิ. วาสิผลํ นิกฺขมิตฺวา ภูมิยํ ปติ.

เถโร จินฺเตสิ ‘‘อยํ กิลนฺโตว รุกฺขํ อารุฬฺโห; กึ นุ โข อิทานิ กริสฺสตี’’ติ สามเณโร ตาลปณฺณํ ผาเลตฺวา ผาเลตฺวา วาสิทณฺฑเก พนฺธิตฺวา ฆฏฺเฏนฺโต ฆฏฺเฏนฺโต ภูมิยํ ปาเตตฺวา ‘‘ภนฺเต, สาธุ วตสฺส สเจ วาสิผลํ เอตฺถ ปเวเสยฺยาถา’’ติ อาห. เถโร ‘อุปายสมฺปนฺโน สามเณโร’ติ วาสิผลํ ปเวเสตฺวา อทาสิ. โส วาสึ อุกฺขิปิตฺวา ตาลผลานิ ปาเตสิ. เถโร วาสึ ปาตาเปตฺวา ปวฏฺฏิตฺวา คตํ ตาลผลํ ภินฺทิตฺวา สามเณรํ โอติณฺณกาเล อาห ‘‘สามเณร, ตฺวํ ทุพฺพโล, อิทํ ตาว ขาทาหี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อขาทิเต ขาทิสฺสามี’’ติ วาสึ คเหตฺวา ตาลผลานิ ภินฺทิตฺวา ปตฺตํ นีหริตฺวา ตาลมิฺชํ ปกฺขิปิตฺวา เถรสฺส ทตฺวา สยํ ขาทิ. ยาว ตาลผลานิ อเหสุํ, ตาว ตตฺเถว วสิตฺวา ผเลสุ ขีเณสุ อนุปุพฺเพน ปณฺณขาทกมนุสฺสานํ วสนฏฺาเน เอกํ ฉฑฺฑิตวิหารํ ปวิสึสุ. สามเณโร เถรสฺส วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคิ. เถโร สามเณรสฺส โอวาทํ ทตฺวา วิหารํ ปาวิสิ. สามเณโร ‘อนายตเน นฏฺานํ อตฺตภาวานํ ปมาณํ นตฺถิ, พุทฺธานํ อุปฏฺานํ กริสฺสามี’ติ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา อปฺปหริตํ กโรติ; สตฺตาหมตฺตํ นิราหารตาย ปเวธมาโน ปติตฺวา นิปนฺนโกว ติณานิ อุทฺธรติ. เอกจฺเจ จ มนุสฺสา อรฺเ จรนฺตา มธุํ ลภิตฺวา ทารูนิ เจว สากปณฺณฺจ คเหตฺวา ติณจลนสฺาย ‘มิโค นุ โข เอโส’ติ สามเณรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ กโรสิ, สามเณรา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ติณคณฺึ คณฺหามิ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘อฺโปิ โกจิ อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา, อุปชฺฌาโย เม อนฺโตคพฺเภ’’ติ. ‘‘มหาเถรสฺส ทตฺวา ขาเทยฺยาสิ, ภนฺเต’’ติ สามเณรสฺส มธุํ ทตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘มยํ สาขาภงฺคํ กโรนฺตา คมิสฺสาม. เอตาย สฺาย เถรํ คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสิ, อยฺยา’’ติ วตฺวา อคมํสุ.

สามเณโร มธุํ คเหตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา พหิ ตฺวา ‘‘วนฺทามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. เถโร ‘สามเณโร ชิฆจฺฉาย อนุฑยฺหมาโน อาคโต ภวิสฺสตี’ติ ตุณฺหี อโหสิ. โส ปุนปิ ‘‘วนฺทามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา, สามเณร, ทุพฺพลภิกฺขูนํ สุเขน นิปชฺชิตุํ น เทสี’’ติ? ‘‘ทฺวารํ วิวริตุํ สารุปฺปํ, ภนฺเต’’ติ? เถโร อุฏฺหิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘กึ เต, สามเณร, ลทฺธํ’’ติ อาห. มนุสฺเสหิ มธุ ทินฺนํ, ขาทิตุํ สารุปฺปํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘สามเณร, เอวเมว ขาทิตุํ กิลมิสฺสาม, ปานกํ กตฺวา ปิวิสฺสามา’’ติ. สามเณโร ปานกํ กตฺวา อทาสิ. อถ นํ เถโร ‘‘มนุสฺสานํ วสนฏฺานํ ปุจฺฉสิ, สามเณรา’’ติ อาห. สยเมว อาจิกฺขึสุ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สามเณร, ปาโตว คจฺฉนฺตา กิลมิสฺสาม; อชฺเชว คมิสฺสามา’’ติ ปตฺตจีวรํ คณฺหาเปตฺวา นิกฺขมิ. เต คนฺตฺวา มนุสฺสานํ วสนฏฺานสฺส อวิทูเร นิปชฺชึสุ.

สามเณโร รตฺติภาเค จินฺเตสิ – ‘มยา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย คามนฺเต อรุณํ นาม น อุฏฺาปิตปุพฺพ’นฺติ. โส ปตฺตํ คเหตฺวา อรุณํ อุฏฺาเปตุํ อรฺํ อคมาสิ. มหาเถโร สามเณรํ นิปนฺนฏฺาเน อปสฺสนฺโต ‘มนุสฺสขาทเกหิ คหิโต ภวิสฺสตี’ติ จินฺเตสิ. สามเณโร อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตฺวา ปตฺเตน อุทกฺจ ทนฺตกฏฺฺจ คเหตฺวา อาคมิ. ‘‘สามเณร, กุหึ คโตสิ? มหลฺลกภิกฺขูนํ เต วิตกฺโก อุปฺปาทิโต; ทณฺฑกมฺมํ อาหรา’’ติ. ‘‘อาหริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. เถโร มุขํ โธวิตฺวา จีวรํ ปารุปิ. อุโภปิ มนุสฺสานํ วสนฏฺานํ อคมํสุ. มนุสฺสาปิ อตฺตโน ปริโภคํ กนฺทมูลผลปณฺณํ อทํสุ. เถโรปิ ปริภุฺชิตฺวา วิหารํ อคมาสิ. สามเณโร อุทกํ อาหริตฺวา ‘‘ปาเท โธวามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘สามเณร, ตฺวํ รตฺตึ กุหึ คโต? อมฺหากํ วิตกฺกํ อุปฺปาเทสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, คามนฺเต เม อรุณํ น อุฏฺาปิตปุพฺพํ; อรุณุฏฺาปนตฺถาย อรฺํ อคมาสิ’’นฺติ. ‘‘สามเณร, น ตุยฺหํ ทณฺฑกมฺมํ อนุจฺฉวิกํ อมฺหากเมว อนุจฺฉวิก’’นฺติ วตฺวา เถโร ตสฺมึเยว าเน วสิ; สามเณรสฺส จ สฺํ อทาสิ ‘‘มยํ ตาว มหลฺลกา; ‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’ติ น สกฺกา ชานิตุํ. ตุวํ อตฺตานํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ. เถโร กิร อนาคามี. ตํ อปรภาเค มนุสฺสขาทกา ขาทึสุ. สามเณโร อตฺตานํ รกฺขิตฺวา ภเย วูปสนฺเต ตถารูเป าเน อุปชฺฌํ คาหาเปตฺวา อุปสมฺปนฺโน พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ติปิฏกธโร หุตฺวา วตฺตพฺพกนิคฺโรธตฺเถโร นาม ชาโต.

ปิตุมหาราชา รชฺชํ ปฏิปชฺชิ. ปรสมุทฺทา อาคตาคตา ภิกฺขู ‘‘กหํ วตฺตพฺพกนิคฺโรธตฺเถโร, กหํ วตฺตพฺพกนิคฺโรธตฺเถโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. มหาภิกฺขุสงฺโฆ เถรํ ปริวาเรสิ. โส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนุปุพฺเพน มหาวิหารํ ปตฺวา มหาโพธึ มหาเจติยํ ถูปารามฺจ วนฺทิตฺวา นครํ ปายาสิ. ยาว ทกฺขิณทฺวารา คจฺฉนฺตสฺเสว นวสุ าเนสุ ติจีวรํ อุปปชฺชิ; อนฺโตนครํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย มหาสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. อิติ กาลวิปตฺติยํ ตาลผลกนฺทมูลปณฺณมฺปิ ทุลฺลภํ ชาตํ. กาลสมฺปตฺติยํ เอวรูโป มหาลาโภ อุปฺปนฺโนติ. เอวํ กาลวิปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ กาลสมฺปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ.

อปรสฺสาปิ พหูนิ กลฺยาณกมฺมานิ โหนฺติ. ตานิ ปโยควิปตฺติยํ ิตสฺส น วิปจฺเจยฺยุํ. โส ปน เอเกน กลฺยาณกมฺเมน สมฺมาปโยเค ปติฏฺิโต ตีณิ สุจริตานิ ปูเรติ, ปฺจสีลํ ทสสีลํ รกฺขติ. กาลสมฺปตฺติยํ นิพฺพตฺตสฺส ราชาโน สพฺพาลงฺการปติมณฺฑิตา ราชกฺาโย ‘เอตสฺส อนุจฺฉวิกา’ติ เปเสนฺติ, ยานวาหนมณิสุวณฺณรชตาทิเภทํ ตํ ตํ ปณฺณาการํ ‘เอตสฺส อนุจฺฉวิก’นฺติ เปเสนฺติ .

ปพฺพชฺชูปคโตปิ มหายโส โหติ มหานุภาโว. ตตฺริทํ วตฺถุ – กูฏกณฺณราชา กิร คิริคามกณฺณวาสิกํ จูฬสุธมฺมตฺเถรํ มมายติ. โส อุปฺปลวาปิยํ วสมาโน เถรํ ปกฺโกสาเปสิ. เถโร อาคนฺตฺวา มาลารามวิหาเร วสติ. ราชา เถรสฺส มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เถโร ปิยายตี’’ติ? ‘‘กนฺทํ มหาราชา’’ติ. ราชา กนฺทํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส ททมาโน มุขํ อุลฺโลเกตุํ นาสกฺขิ. โส นิกฺขมิตฺวา จ พหิปริเวเณ เทวึ ปุจฺฉิ – ‘‘กีทิโส เถโร’’ติ? ‘‘ตฺวํ ปุริโส หุตฺวา อุลฺโลเกตุํ น สกฺโกสิ; อหํ กถํ สกฺขิสฺสามิ? นาหํ ชานามิ กีทิโส’’ติ. ราชา ‘มม รฏฺเ พลิการคหปติปุตฺตํ อุลฺโลเกตุํ น วิสหามิ. มหนฺตํ วต โภ พุทฺธสาสนํ นามา’ติ อปฺโผเฏสิ. ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรมฺปิ มมายติ. ตสฺส องฺคุลิยํ เอกา ปิฬกา อุฏฺหิ. ราชา ‘เถรํ ปสฺสิสฺสามี’ติ วิหารํ คนฺตฺวา พลวเปเมน องฺคุลึ มุเขน คณฺหิ. อนฺโตมุเขเยว ปิฬกา ภินฺนา, ปุพฺพโลหิตํ อนุฏฺุภิตฺวา เถเร สิเนเหน อมตํ วิย อชฺโฌหริ. โสเยว เถโร อปรภาเค มรณมฺเจ นิปชฺชิ. ราชา คนฺตฺวา อสุจิกปลฺลกํ สีเส เปตฺวา ‘ธมฺมสกฏสฺส อกฺโข ภิชฺชติ อกฺโข ภิชฺชตี’ติ ปริเทวมาโน วิจริ. ปถวิสฺสรสฺส อสุจิกปลฺลกํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา วิจรณํ นาม กสฺส คตมคฺโค? สมฺมาปโยคสฺส คตมคฺโคติ. เอวํ ปโยควิปตฺติปฏิพาหิตตฺตา วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตานิ ปโยคสมฺปตฺตึ อาคมฺม วิปจฺจนฺตีติ ปชานาติ. เอวํ จตูหิ วิปตฺตีหิ ปฏิพาหิตํ กลฺยาณกมฺมํ วิปากํ อทตฺวา จตสฺโส สมฺปตฺติโย อาคมฺม เทติ.

ตตฺริทํ ภูตมตฺถํ กตฺวา โอปมฺมํ – เอโก กิร มหาราชา เอกสฺส อมจฺจสฺส อปฺปมตฺเตน กุชฺฌิตฺวา ตํ พนฺธนาคาเร พนฺธาเปสิ. ตสฺส าตกา รฺโ กุทฺธภาวํ ตฺวา กิฺจิ อวตฺวา จณฺฑโกเป วิคเต ราชานํ ตสฺส นิรปราธภาวํ ชานาเปสุํ. ราชา มุฺจิตฺวา ตสฺส านนฺตรํ ปฏิปากติกํ อกาสิ. อถสฺส ตโต ตโต อาคจฺฉนฺตานํ ปณฺณาการานํ ปมาณํ นาโหสิ. มนุสฺสา สมฺปฏิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ. ตตฺถ รฺโ อปฺปมตฺตเกน กุชฺฌิตฺวา ตสฺส พนฺธนาคาเร พนฺธาปิตกาโล วิย ปุถุชฺชนสฺส นิรเย นิพฺพตฺตกาโล. อถสฺส าตเกหิ ราชานํ สฺาเปตฺวา านนฺตรสฺส ปฏิปากติกกรณกาโล วิย ตสฺส สคฺเค นิพฺพตฺตกาโล. ปณฺณาการํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ อสมตฺถกาโล วิย จตสฺโส สมฺปตฺติโย อาคมฺม กลฺยาณกมฺมานํ เทวโลกโต มนุสฺสโลกํ, มนุสฺสโลกโต เทวโลกนฺติ เอวํ สุขฏฺานโต สุขฏฺานเมว เนตฺวา กปฺปสตสหสฺสมฺปิ สุขวิปากํ ทตฺวา นิพฺพานสมฺปาปนํ เวทิตพฺพํ.

เอวํ ตาว ปาฬิวเสเนว ทุติยํ พลํ ทีเปตฺวา ปุน ‘‘อโหสิ กมฺมํ อโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔) อิมินา ปฏิสมฺภิทานเยนาปิ ทีเปตพฺพํ. ตตฺถ ‘อโหสิ กมฺม’นฺติ อตีเต อายูหิตํ กมฺมํ อตีเตเยว อโหสิ. เยน ปน อตีเต วิปาโก ทินฺโน, ตํ สนฺธาย ‘อโหสิ กมฺมวิปาโก’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺธมฺมเวทนียาทีสุ ปน พหูสุปิ อายูหิเตสุ เอกํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ วิปากํ เทติ, เสสานิ อวิปากานิ. เอกํ อุปปชฺชเวทนียํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ, เสสานิ อวิปากานิ. เอเกนานนฺตริเยน นิรเย อุปปชฺชติ, เสสานิ อวิปากานิ. อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ เอกาย พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ, เสสา อวิปากา. อิทํ สนฺธาย ‘นาโหสิ กมฺมวิปาโก’ติ วุตฺตํ. โย ปน พหุมฺปิ กุสลากุสลํ กมฺมํ กตฺวา กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอตสฺส กมฺมวิปาโก ‘นาโหสิ’ นาม. ยํ อตีเต อายูหิตํ เอตรหิ วิปากํ เทติ ตํ ‘อโหสิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ ปุริมนเยเนว อวิปากตํ อาปชฺชติ ตํ ‘อโหสิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ อตีเต อายูหิตํ อนาคเต วิปากํ ทสฺสติ ตํ ‘อโหสิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ ปุริมนเยน อวิปากตํ อาปชฺชิสฺสติ ตํ ‘อโหสิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’ นาม.

ยํ เอตรหิ อายูหิตํ เอตรหิเยว วิปากํ เทติ ตํ ‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ ปุริมนเยเนว อวิปากตํ อาปชฺชติ ตํ ‘อตฺถิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ เอตรหิ อายูหิตํ อนาคเต วิปากํ ทสฺสติ ตํ ‘อตฺถิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ ปุริมนเยเนว อวิปากตํ อาปชฺชิสฺสติ ตํ ‘อตฺถิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’ นาม.

ยํ สยมฺปิ อนาคตํ, วิปาโกปิสฺส อนาคโต ตํ ‘ภวิสฺสติ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’ นาม. ยํ สยํ ภวิสฺสติ, ปุริมนเยเนว อวิปากตํ อาปชฺชิสฺสติ ตํ ‘ภวิสฺสติ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’ นาม.

อิทํ ตถาคตสฺสาติ อิทํ สพฺเพหิปิ เอเตหิ อากาเรหิ ตถาคตสฺส กมฺมนฺตรวิปากนฺตรชานนาณํ อกมฺปิยฏฺเน ทุติยพลํ เวทิตพฺพนฺติ.

ทุติยพลนิทฺเทสวณฺณนา.

ตติยพลนิทฺเทโส

๘๑๑. ตติยพลนิทฺเทเส มคฺโคติ วา ปฏิปทาติ วา กมฺมสฺเสเวตํ นามํ. นิรยคามินีติอาทีสุ นิรสฺสาทฏฺเน นิรติอตฺเถน จ นิรโย. อุทฺธํ อนุคนฺตฺวา ติริยํ อฺจิตาติ ติรจฺฉานา; ติรจฺฉานาเยว ติรจฺฉานโยนิ. เปตตาย เปตฺติ; อิโต เปจฺจ คตภาเวนาติ อตฺโถ. เปตฺติเยว เปตฺติวิสโย. มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา; มนุสฺสาว มนุสฺสโลโก. ทิพฺพนฺติ ปฺจหิ กามคุเณหิ อธิมตฺตาย วา านสมฺปตฺติยาติ เทวา; เทวาว เทวโลโก. วานํ วุจฺจติ ตณฺหา; ตํ ตตฺถ นตฺถีติ นิพฺพานํ. นิรยํ คจฺฉตีติ นิรยคามี. อิทํ มคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิปทา ปน นิรยคามินี นาม โหติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อิทํ สพฺพมฺปิ ปฏิปทํ ตถาคโต ปชานาติ.

กถํ ? สกลคามวาสิเกสุปิ หิ เอกโต เอกํ สูกรํ วา มิคํ วา ชีวิตา โวโรเปนฺเตสุ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปรสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณาว โหติ. ตํ ปน กมฺมํ เตสํ อายูหนกฺขเณเยว นานา โหติ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ. เอโก ‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิตตฺตา กโรติ. เอโก สมานจฺฉนฺโท วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหิยมาโน วิจรติ. เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ , เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’ติ ปชานาติ . นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘เอส อฏฺสุ มหานิรเยสุ นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ ปชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปาทโก, เอส พหุปฺปาทโก’ติ ปชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’ติ ปชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ ‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ น สกฺขิสฺสติ, ทุพฺพลํ ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตีติ ปชานาติ.

ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว โหติ. ตํ ปน กมฺมํ เตสํ อายูหนกฺขเณเยว ปุริมนเยน นานา โหติ. เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก’ติ ปชานาติ. เทวโลเก นิพฺพตฺตมานานมฺปิ ‘เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสุ; เอส ปน เชฏฺกเทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เอตสฺส ทุติยํ วา ตติยํ วา านนฺตรํ กโรนฺโต ปริจารโก หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ ปชานาติ. มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺตมานานมฺปิ ‘เอส ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล; เอส ปน มนุสฺเสสุ ราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เอตสฺส ทุติยํ วา ตติยํ วา านนฺตรํ กโรนฺโต ปริจารโก หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ ปชานาติ . เตสุ จ กมฺเมสุ ‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตุํ น สกฺขิสฺสติ, ทุพฺพลํ ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’ติ ปชานาติ.

ตถา วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว เยน นีหาเรน วิปสฺสนา อารทฺธา, ‘เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติ, เอส อรหตฺตํ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส อนาคามีเยว ภวิสฺสติ, เอส สกทาคามีเยว, เอส โสตาปนฺโนเยว; เอส ปน มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ น สกฺขิสฺสติ, ลกฺขณารมฺมณาย วิปสฺสนายเมว สฺสติ; เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส รูปปริคฺคเหเยว สฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถาเปสฺสติ, เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสตี’ติ ปชานาติ.

กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ ‘เอตสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, นิมิตฺตํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺขิสฺสติ; เอส ปน นิมิตฺตํ อุปฺปาเทตุํ สกฺขิสฺสติ, อปฺปนํ ปาเปตุํ น สกฺขิสฺสติ; เอส อปฺปนํ ปาเปตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’ติ ปชานาตีติ.

ตติยพลนิทฺเทสวณฺณนา.

จตุตฺถพลนิทฺเทโส

๘๑๒. จตุตฺถพลนิทฺเทเส ขนฺธนานตฺตนฺติ ‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นามา’ติ เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปชานาติ. เตสุปิ ‘เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ…เป… เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ. เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ…เป… พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ…เป… เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ…เป… เอกวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ…เป… เอกวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ…เป… พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’ติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส นานตฺตํ ปชานาติ. อายตนนานตฺตนฺติ ‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’ติ เอวํ อายตนนานตฺตํ ปชานาติ. ธาตุนานตฺตนฺติ ‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม. ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’ติ เอวํ ธาตุนานตฺตํ ปชานาติ.

ปุน อเนกธาตุนานาธาตุโลกนานตฺตนฺติ อิทํ น เกวลํ อุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺเสว นานตฺตํ ตถาคโต ปชานาติ, อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสาปิ นานตฺตํ ตถาคโต ปชานาติเยวาติ ทสฺเสตุํ คหิตํ. ปจฺเจกพุทฺธา หิ ทฺเว จ อคฺคสาวกา อุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสาปิ นานตฺตํ เอกเทสโตว ชานนฺติ โน นิปฺปเทสโต, อนุปาทินฺนกโลกสฺส ปน นานตฺตํ น ชานนฺติ. สพฺพฺุพุทฺโธ ปน ‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนาย อิมสฺส นาม รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต โหติ, อิมสฺส กาฬโก, อิมสฺส มฏฺโฏ; อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ; อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนาย อิมสฺส รุกฺขสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ นาม โหติ; อิมาย ปน ธาตุยา อุสฺสนฺนาย อิมสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผํ นีลกํ โหติ, ปีตกํ, โลหิตกํ, โอทาตํ, สุคนฺธํ , ทุคฺคนฺธํ โหติ; อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนาย ผลํ ขุทฺทกํ โหติ, มหนฺตํ, ทีฆํ, รสฺสํ, วฏฺฏํ, สุสณฺานํ, ทุสฺสณฺานํ, มฏฺํ, ผรุสํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํ, มธุรํ, ติตฺตกํ, อมฺพิลํ, กฏุกํ, กสาวํ โหติ; อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนาย อิมสฺส รุกฺขสฺส กณฺฏโก ติขิโณ โหติ, อติขิโณ, อุชุโก, กุฏิโล, ตมฺโพ, กาฬโก, นีโล, โอทาโต โหตี’ติ เอวํ อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺส นานตฺตํ ปชานาติ. สพฺพฺุพุทฺธานํเยว หิ เอตํ พลํ, น อฺเสนฺติ.

จตุตฺถพลนิทฺเทสวณฺณนา.

ปฺจมพลนิทฺเทโส

๘๑๓. ปฺจมพลนิทฺเทเส หีนาธิมุตฺติกาติ หีนชฺฌาสยา. ปณีตาธิมุตฺติกาติ กลฺยาณชฺฌาสยา. เสวนฺตีติ นิสฺสยนฺติ อลฺลียนฺติ. ภชนฺตีติ อุปสงฺกมนฺติ. ปยิรุปาสนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุปสงฺกมนฺติ. สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา น สีลวนฺโต โหนฺติ, สทฺธิวิหาริกา สีลวนฺโต โหนฺติ, เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. สเจ อาจริยุปชฺฌายา สารุปฺปภิกฺขู, อิตเร อสารุปฺปา, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส หีนาธิมุตฺติเก เอว อุปสงฺกมนฺติ.

เอวํ อุปสงฺกมนํ ปน น เกวลํ เอตรเหว, อตีตานาคเตปีติ ทสฺเสตุํ อตีตมฺปิ อทฺธานนฺติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว. อิทํ ปน ทุสฺสีลานํ ทุสฺสีลเสวนเมว, สีลวนฺตานํ สีลวนฺตเสวนเมว, ทุปฺปฺานํ ทุปฺปฺเสวนเมว, ปฺวนฺตานํ ปฺวนฺตเสวนเมว โก นิยาเมตีติ? อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมติ. สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู เอกํ คามํ คณภิกฺขาจารํ จรนฺติ. มนุสฺสา พหุภตฺตํ อาหริตฺวา ปตฺตานิ ปูเรตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ยถาสภาเคน ปริภุฺถา’’ติ ทตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ภิกฺขูปิ อาหํสุ ‘‘อาวุโส, มนุสฺสา ธาตุสํยุตฺตกมฺเม ปโยเชนฺตี’’ติ. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโรปิ นาคทีเป เจติยํ วนฺทนาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺโต เอกสฺมึ คาเม มนุสฺเสหิ นิมนฺติโต. เถเรน จ สทฺธึ เอโก อสารุปฺปภิกฺขุ อตฺถิ. ธุรวิหาเรปิ เอโก อสารุปฺปภิกฺขุ อตฺถิ. ทฺวีสุ ภิกฺขุสงฺเฆสุ คามํ โอสรนฺเตสุ เต อุโภปิ ชนา, กิฺจาปิ อาคนฺตุเกน เนวาสิโก เนวาสิเกน วา อาคนฺตุโก น ทิฏฺปุพฺโพ, เอวํ สนฺเตปิ, เอกโต หุตฺวา หสิตฺวา หสิตฺวา กถยมานา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เถโร ทิสฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน ชานิตฺวา ธาตุสํยุตฺตํ กถิต’’นฺติ อาห.

เอวํ ‘อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมตี’ติ วตฺวา ธาตุสํยุตฺเตน อยเมวตฺโถ ทีเปตพฺโพ. คิชฺฌกูฏปพฺพตสฺมิฺหิ คิลานเสยฺยาย นิปนฺโน ภควา อารกฺขณตฺถาย ปริวาเรตฺวา วสนฺเตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทีสุ เอกเมกํ อตฺตโน อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ จงฺกมนฺตํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ จงฺกมนฺต’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปฺา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๙) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ.

ปฺจมพลนิทฺเทสวณฺณนา.

ฉฏฺพลนิทฺเทโส

๘๑๔. ฉฏฺพลนิทฺเทเส อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา อาสยนฺติ นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฏฺานํ ทิฏฺิคตํ วา ยถาภูตํ าณํ วา. อนุสยนฺติ อปฺปหีนานุสยิตํ กิเลสํ. จริตนฺติ กายาทีหิ อภิสงฺขตํ กุสลากุสลํ. อธิมุตฺตนฺติ อชฺฌาสยํ. อปฺปรชกฺเขติอาทีสุ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา. ตสฺเสว มหนฺตตาย มหารชกฺขา. อุภเยนาปิ มนฺทกิเลเส มหากิเลเส จ สตฺเต ทสฺเสติ. เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยา. เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยา. เยสํ อาสยาทโย โกฏฺาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. วิปรีตา ทฺวาการา. เย กถิตการณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. วิปรีตา ทุวิฺาปยา. เย อริยมคฺคปฏิเวธสฺส อนุจฺฉวิกา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา, เต ภพฺพา. วิปรีตา อภพฺพา.

๘๑๕. เอวํ ฉฏฺพลสฺส มาติกํ เปตฺวา อิทานิ ยถาปฏิปาฏิยา ภาเชนฺโต กตโม จ สตฺตานํ อาสโยติอาทิมาห. ตตฺถ สสฺสโต โลโกติอาทีนํ อตฺโถ เหฏฺา นิกฺเขปกณฺฑวณฺณนายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๑๐๕) วุตฺโตเยว. อิติ ภวทิฏฺิสนฺนิสฺสิตา วาติ เอวํ สสฺสตทิฏฺึ วา สนฺนิสฺสิตา. สสฺสตทิฏฺิ หิ เอตฺถ ภวทิฏฺีติ วุตฺตา; อุจฺเฉททิฏฺิ จ วิภวทิฏฺีติ. สพฺพทิฏฺีนฺหิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี หิ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพปิ ทิฏฺิคติกา สตฺตา อิมาว ทฺเว ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา โหนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ทฺวยสนฺนิสฺสิโต โข ปนายํ, กจฺจาน, โลโก เยภุยฺเยน – อตฺถิตฺเจว นตฺถิตฺจา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕). เอตฺถ หิ อตฺถิตาติ สสฺสตํ, นตฺถิตาติ อุจฺเฉโท. อยํ ตาว วฏฺฏสนฺนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนสตฺตานํ อาสโย.

อิทานิ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตานํ สุทฺธสตฺตานํ อาสยํ ทสฺเสตุํ เอเต วา ปน อุโภ อนฺเต อนุปคมฺมาติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอเต วา ปนาติ เอเตเยว. อุโภ อนฺเตติ สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาเต ทฺเว อนฺเต. อนุปคมฺมาติ อนลฺลียิตฺวา. อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสูติ อิทปฺปจฺจยตาย เจว ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเมสุ จ. อนุโลมิกา ขนฺตีติ วิปสฺสนาาณํ. ยถาภูตํ วา าณนฺติ มคฺคาณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา ปฏิจฺจสมุปฺปาเท เจว ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเมสุ จ เอเต อุโภ สสฺสตุจฺเฉทอนฺเต อนุปคนฺตฺวา วิปสฺสนา ปฏิลทฺธา, ยฺจ ตโต อุตฺตริมคฺคาณํ – อยํ สตฺตานํ อาสโย, อยํ วฏฺฏสนฺนิสฺสิตานฺจ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตานฺจ สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อาสโย, อิทํ วสนฏฺานนฺติ. อยํ อาจริยานํ สมานตฺถกถา.

วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘มคฺโค นาม วาสํ วิทฺธํเสนฺโต คจฺฉติ, นนุ ตฺวํ มคฺโค วาโสติ วเทสี’ติ? โส วตฺตพฺโพ ‘ตฺวํ อริยวาสภาณโก โหสิ น โหสี’ติ? สเจ ปน ‘น โหมี’ติ วทติ, ‘อภาณกตาย น ชานาสี’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ ‘ภาณโกสฺมี’ติ วทติ, ‘สุตฺตํ อาหรา’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ อาหรติ, อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ อาหรติ สยํ อาหริตพฺพํ – ‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อริยวาสา, เย อริยา อาวสึสุ วา อาวสนฺติ วา อาวสิสฺสนฺติ วา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๙). เอตฺหิ สุตฺตํ มคฺคสฺส วาสภาวํ ทีเปติ. ตสฺมา สุกถิตเมเวตนฺติ. อิทํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานนฺโต อิเมสฺจ ทิฏฺิคตานํ วิปสฺสนาาณมคฺคาณานํ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ เอว. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ. เนกฺขมฺมํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ. พฺยาปาทํ…เป… อพฺยาปาทํ… ถินมิทฺธํ…เป… อาโลกสฺํ เนกฺขมฺมํ เสวนฺตฺเว ชานาติ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล อาโลกสฺาครุโก อาโลกสฺาสโย อาโลกสฺาธิมุตฺโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).

๘๑๖. อนุสยนิทฺเทเส กามราโค จ โส อปฺปหีนฏฺเน อนุสโย จาติ กามราคานุสโย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ยํ โลเก ปิยรูปนฺติ ยํ อิมสฺมึ โลเก ปิยชาติกํ. สาตรูปนฺติ สาตชาติกํ อสฺสาทปทฏฺานํ อิฏฺารมฺมณํ. เอตฺถ สตฺตานํ ราคานุสโย อนุเสตีติ เอตสฺมึ อิฏฺารมฺมเณ สตฺตานํ อปฺปหีนฏฺเน ราคานุสโย อนุเสติ. ยถา นาม อุทเก นิมุคฺคสฺส เหฏฺา จ อุปริ จ สมนฺตภาเค จ อุทกเมว โหติ, เอวเมว อิฏฺารมฺมเณ ราคุปฺปตฺติ นาม สตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณา. ตถา อนิฏฺารมฺมเณ ปฏิฆุปฺปตฺติ. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสูติ เอวํ อิเมสุ ทฺวีสุ กามราคปฏิฆวนฺเตสุ อิฏฺานิฏฺารมฺมณธมฺเมสุ. อวิชฺชานุปติตาติ กามราคปฏิฆสมฺปยุตฺตา หุตฺวา อารมฺมณกรณวเสน อวิชฺชา อนุปติตา. ตเทกฏฺโติ ตาย อวิชฺชาย สมฺปยุตฺเตกฏฺวเสน เอกฏฺโ. มาโน จ ทิฏฺิ จ วิจิกิจฺฉา จาติ นววิโธ มาโน, ทฺวาสฏฺิวิธา ทิฏฺิ, อฏฺวตฺถุกา จ วิจิกิจฺฉา. ภวราคานุสโย ปเนตฺถ กามราคานุสเยเนว สงฺคหิโตติ เวทิตพฺโพ.

๘๑๗. จริตนิทฺเทเส เตรส เจตนา ปุฺาภิสงฺขาโร, ทฺวาทส อปุฺาภิสงฺขาโร, จตสฺโส อาเนฺชาภิสงฺขาโร. ตตฺถ กามาวจโร ปริตฺตภูมโก, อิตโร มหาภูมโก. ตีสุปิ วา เอเตสุ โย โกจิ อปฺปวิปาโก ปริตฺตภูมโก, พหุวิปาโก มหาภูมโกติ เวทิตพฺโพ.

๘๑๘. อธิมุตฺตินิทฺเทโส เหฏฺา ปกาสิโตว. กสฺมา ปนายํ อธิมุตฺติ เหฏฺา วุตฺตาปิ ปุน คหิตาติ? อยฺหิ เหฏฺา ปาฏิเยกฺกํ พลทสฺสนวเสน คหิตา, อิธ สตฺตานํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยภาวทสฺสนตฺถํ.

๘๑๙. มหารชกฺขนิทฺเทเส อุสฺสทคตานีติ เวปุลฺลคตานิ. ปหานกฺกมวเสน เจส อุปฺปฏิปาฏิยา นิทฺเทโส กโต.

๘๒๐. อนุสฺสทคตานีติ อเวปุลฺลคตานึ. ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยนิทฺเทเส อุปนิสฺสยอินฺทฺริยานิ นาม กถิตานิ. อุปฺปฏิปาฏิยา นิทฺเทเส ปเนตฺถ ปโยชนํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

๘๒๓. ตถา ทฺวาการนิทฺเทสาทีสุ ปาปาสยาติ อกุสลาสยา. ปาปจริตาติ อปุฺาภิสงฺขารปริปูรกา. ปาปาธิมุตฺติกาติ สกฺกายาภิรตา วฏฺฏชฺฌาสยา.

๘๒๔. สฺวาการนิทฺเทเส ยสฺมา กลฺยาณโก นาม อนุสโย นตฺถิ, ตสฺมา กลฺยาณานุสยาติ น วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.

๘๒๖. ภพฺพาภพฺพนิทฺเทเส กมฺมาวรเณนาติ ปฺจวิเธน อานนฺตริยกมฺเมน. กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา. วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฏิสนฺธิยา. ยสฺมา ปน ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฏิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกปฏิสนฺธิปิ วิปากาวรณเมวาติ เวทิตพฺพา. อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธารหิตา. อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิตา. อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฏฺานํ ปวิฏฺา. ทุปฺปฺาติ ภวงฺคปฺาย ปริหีนา. ภวงฺคปฺาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปาทกํ น โหติ, โส ทุปฺปฺโเยว นาม. อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ มคฺคํ โอกฺกมิตุํ อภพฺพา.

๘๒๗. น กมฺมาวรเณนาติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิ. อิทํ ทฺวินฺนํ าณานํ ภาชนียํ – อินฺทฺริยปโรปริยตฺติาณสฺส จ อาสยานุสยาณสฺส จ. เอตฺถ หิ อาสยานุสยาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺติาณมฺปิ ภาชิตํ. อิติ อิมานิ ทฺเว าณานิ เอกโต หุตฺวา เอกํ พลาณํ นาม ชาตนฺติ.

ฉฏฺพลนิทฺเทสวณฺณนา.

สตฺตมพลนิทฺเทโส

๘๒๘. สตฺตมพลนิทฺเทเส ฌายตีติ ฌายี. จตฺตาโร ฌายีติ ฌายิโน จตฺตาโร ชนา วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ปมจตุกฺเก ตาว ปโม สมาปตฺติลาภี สมาโนเยว ‘น ลาภีมฺหี’ติ, กมฺมฏฺานํ สมานํเยว ‘น กมฺมฏฺาน’นฺติ สฺี โหติ. อยํ อปฺปคุณชฺฌานลาภีติ เวทิตพฺโพ. ทุติโย สมาปตฺติยา อลาภีเยว ‘ลาภีมฺหี’ติ, อกมฺมฏฺานํ สมานํเยว ‘กมฺมฏฺาน’นฺติ สฺี โหติ. อยํ นิทฺทาฌายี นาม. นิทฺทายิตฺวา ปฏิพุทฺโธ เอวํ มฺติ. ตติโย สมาปตฺติลาภี สมาโน ‘สมาปตฺติลาภีมฺหี’ติ, กมฺมฏฺานเมว สมานํ ‘กมฺมฏฺาน’นฺติ สฺี โหติ. อยํ ปคุณชฺฌานลาภีติ เวทิตพฺโพ. จตุตฺโถ อลาภีเยว ‘อลาภีมฺหี’ติ, อกมฺมฏฺานํเยว ‘อกมฺมฏฺาน’นฺติ สฺี โหติ. เอวเมตฺถ ทฺเว ชนา อชฺฌายิโนว ฌายีนํ อนฺโต ปวิฏฺตฺตา ฌายีติ วุตฺตา.

ทุติยจตุกฺเก สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน สมาธิปาริพนฺธิกธมฺเม วิกฺขมฺเภนฺโต ทนฺธํ สมาปชฺชติ นาม. เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร ตฺวา สหสา วุฏฺหนฺตา ขิปฺปํ วุฏฺหติ นาม. สุเขเนว ปน สมาธิปาริพนฺธิกธมฺเม โสเธนฺโต ขิปฺปํ สมาปชฺชติ นาม. ยถาปริจฺเฉเทน อวุฏฺหิตฺวา กาลํ อตินาเมตฺวา วุฏฺหนฺโต ทนฺธํ วุฏฺาติ นาม. อิตเร ทฺเวปิ อิมินาว นเยน เวทิตพฺพา. อิเม จตฺตาโรปิ ชนา สมาปตฺติลาภิโนว.

ตติยจตุกฺเก ‘อิทํ ฌานํ ปฺจงฺคิกํ, อิทํ จตุรงฺคิก’นฺติ เอวํ องฺคววตฺถานปริจฺเฉเท เฉโก สมาธิสฺมึ สมาธิกุสโล นาม. นีวรณานิ ปน วิกฺขมฺเภตฺวา จิตฺตมฺชูสาย จิตฺตํ เปตุํ อเฉโก โน สมาธิสฺมึ สมาปตฺติกุสโล นาม. อิตเรปิ ตโย อิมินาว นเยน เวทิตพฺพา. อิเมปิ จตฺตาโร สมาปตฺติลาภิโนเยว.

อิทานิ ยานิ ฌานานิ นิสฺสาย อิเม ปุคฺคลา ‘ฌายี’ นาม ชาตา, ตานิ ทสฺเสตุํ จตฺตาริ ฌานานีติอาทิมาห. ตตฺถ จตฺตาริ ฌานานิ ตโย จ วิโมกฺขา อตฺถโต เหฏฺา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายเมว (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๐, ๒๔๘) ปกาสิตา. เสสานมฺปิ วิโมกฺขฏฺโ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อปิเจตฺถ ปฏิปาฏิยา สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจนโต จ อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺโข นาม. อฏฺโม ปน สพฺพโส สฺาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคตวิโมกฺโข นาม. สมาธีสุ จตุกฺกนยปฺจกนเยสุ ปมชฺฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นาม. ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมตฺตสมาธิ นาม. จตุกฺกนเยปิ ปฺจกนเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺก อวิจารสมาธิ นาม. สมาปตฺตีสุ หิ ปฏิปาฏิยา อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ‘สมาธี’ติปิ นามํ ‘สมาปตฺตี’ติปิ. กสฺมา? จิตฺเตกคฺคตาสพฺภาวโต. นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํ.

หานภาคิโย ธมฺโมติ อปฺปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ. วิเสสภาคิโย ธมฺโมติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิอนุปกฺขนฺทนํ. โวทานมฺปิ วุฏฺานนฺติ อิมินา ปคุณโวทานํ วุฏฺานํ นาม กถิตํ. เหฏฺิมํ เหฏฺิมฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฏฺานํ โหติ. ตสฺมา โวทานมฺปิ วุฏฺานนฺติ วุตฺตํ. ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺานนฺติ อิมินา ภวงฺควุฏฺานํ นาม กถิตํ. ภวงฺเคน หิ สพฺพชฺฌาเนหิ วุฏฺานํ โหติ. นิโรธโต ปน ผลสมาปตฺติยาว วุฏฺหนฺติ. อิทํ ปาฬิมุตฺตกวุฏฺานํ นามาติ.

สตฺตมพลนิทฺเทสวณฺณนา.

อฏฺมพลาทินิทฺเทโส

๘๒๙. อฏฺมพลนิทฺเทเส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสนฺติอาทิ สพฺพมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตเมว. นวมพลนิทฺเทเสปิ ทิพฺเพน จกฺขุนาติอาทิ สพฺพํ ตตฺเถว วิตฺถาริตํ.

นวมพลนิทฺเทสวณฺณนา.

ทสมพลนิทฺเทโส

๘๓๑. ทสมพลนิทฺเทเส เจโตวิมุตฺตินฺติ ผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ ผลาณํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. อยํ ตาเวตฺถ อาจริยานํ สมานตฺถกถา. ปรวาที ปนาห – ‘‘ทสพลาณํ นาม ปาฏิเยกฺกํ นตฺถิ, สพฺพฺุตาณสฺเสวายํ ปเภโท’’ติ. ตํ น ตถา ทฏฺพฺพํ. อฺเมว หิ ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตาณํ. ทสพลาณฺหิ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ. สพฺพฺุตาณํ ปน ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ชานาติ. ทสพลาเณสุปิ หิ ปมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริจฺเฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตกรณเมว, ปฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฏฺํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธึ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฏฺมํ ปุพฺเพนิวุตฺถขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริจฺเฉทเมว. สพฺพฺุตาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพฺจ ตโต อุตฺตริตรฺจ ปชานาติ. เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติ. ตฺหิ ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกติ, มคฺโค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สกฺโกติ.

อปิจ ปรวาที เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพ – ‘‘ทสพลาณํ นาม เอตํ สวิตกฺกสวิจารํ, อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, อวิตกฺกาวิจารํ, กามาวจรํ, รูปาวจรํ, อรูปาวจรํ, โลกิยํ, โลกุตฺตร’’นฺติ? ชานนฺโต ‘‘ปฏิปาฏิยา สตฺต าณานิ สวิตกฺกสวิจารานี’’ติ วกฺขติ; ตโต ‘‘ปรานิ ทฺเว าณานิ อวิตกฺกาวิจารานี’’ติ วกฺขติ; ‘‘อาสวกฺขยาณํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกวิจาร’’นฺติ วกฺขติ. ตถา ‘‘ปฏิปาฏิยา สตฺต กามาวจรานิ, ตโต ทฺเว รูปาวจรานิ, อวสาเน เอกํ โลกุตฺตร’’นฺติ วกฺขติ; ‘‘สพฺพฺุตาณํ ปน สวิตกฺกสวิจารเมว, กามาวจรเมว, โลกิยเมวา’’ติ วกฺขติ. อิติ อฺเทว ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตาณนฺติ.

สมฺโมหวิโนทนิยา วิภงฺคฏฺกถาย

าณวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.