📜
๘. สมฺมปฺปธานวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
๓๙๐. อิทานิ ¶ ¶ ¶ ตทนนฺตเร สมฺมปฺปธานวิภงฺเค จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. เตน น ตโต เหฏฺา น อุทฺธนฺติ สมฺมปฺปธานปริจฺเฉทํ ทีเปติ. สมฺมปฺปธานาติ การณปฺปธานา อุปายปฺปธานา โยนิโสปธานา. อิธ ภิกฺขูติ อิมสฺมึ สาสเน ปฏิปนฺนโก ภิกฺขุ. อนุปฺปนฺนานนฺติ อนิพฺพตฺตานํ. ปาปกานนฺติ ลามกานํ. อกุสลานํ ธมฺมานนฺติ อโกสลฺลสมฺภูตานํ ธมฺมานํ. อนุปฺปาทายาติ น อุปฺปาทนตฺถาย. ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตาสงฺขาตํ กุสลจฺฉนฺทํ ชเนติ อุปฺปาเทติ. วายมตีติ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรติ. วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกํ วีริยํ กโรติ. จิตฺตํ ปคฺคณฺหาตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิปติ. ปทหตีติ ปธานวีริยํ กโรติ. ปฏิปาฏิยา ปเนตานิ จตฺตาริปิ ปทานิ อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิ.
อุปฺปนฺนานํ ปาปกานนฺติ อนุปฺปนฺนนฺติ อวตฺตพฺพตํ อาปนฺนานํ ปาปธมฺมานํ. ปหานายาติ ปชหนตฺถาย. อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานนฺติ อนิพฺพตฺตานํ โกสลฺลสมฺภูตานํ ธมฺมานํ. อุปฺปาทายาติ อุปฺปาทนตฺถาย. อุปฺปนฺนานนฺติ นิพฺพตฺตานํ. ิติยาติ ิตตฺถาย. อสมฺโมสายาติ อนสฺสนตฺถํ. ภิยฺโยภาวายาติ ปุนปฺปุนํ ภาวาย. เวปุลฺลายาติ ¶ วิปุลภาวาย. ภาวนายาติ วฑฺฒิยา. ปาริปูริยาติ ปริปูรณตฺถาย. อยํ ตาว จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ อุทฺเทสวารวเสน เอกปทิโก อตฺถุทฺธาโร.
๓๙๑. อิทานิ ปฏิปาฏิยา ตานิ ปทานิ ภาเชตฺวา ทสฺเสตุํ กถฺจ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานนฺติอาทินา ¶ นเยน นิทฺเทสวาโร อารทฺโธ. ตตฺถ ยํ เหฏฺา ธมฺมสงฺคเห อาคตสทิสํ, ตํ ตสฺส วณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน ตสฺมึ อนาคตํ, ตตฺถ ฉนฺทนิทฺเทเส ตาว โย ฉนฺโทติ โย ฉนฺทนิยวเสน ฉนฺโท. ฉนฺทิกตาติ ฉนฺทิกภาโว, ฉนฺทกรณากาโร วา. กตฺตุกมฺยตาติ กตฺตุกามตา. กุสโลติ เฉโก. ธมฺมจฺฉนฺโทติ สภาวจฺฉนฺโท. อยฺหิ ฉนฺโท นาม ตณฺหาฉนฺโท, ทิฏฺิฉนฺโท, วีริยฉนฺโท, ธมฺมจฺฉนฺโทติ พหุวิโธ นานปฺปการโก. เตสุ ¶ ธมฺมจฺฉนฺโทติ อิมสฺมึ าเน กตฺตุกมฺยตากุสลธมฺมจฺฉนฺโท อธิปฺเปโต.
อิมํ ฉนฺทํ ชเนตีติ ฉนฺทํ กุรุมาโนว ฉนฺทํ ชเนติ นาม. สฺชเนตีติ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺฒิตํ. อุฏฺเปตีติ ฉนฺทํ กุรุมาโนว ตํ อุฏฺเปติ นาม. สมุฏฺเปตีติ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺฒิตํ. นิพฺพตฺเตตีติ ฉนฺทํ กุรุมาโนว ตํ นิพฺพตฺเตติ นาม. อภินิพฺพตฺเตตีติ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺฒิตํ. อปิจ ฉนฺทํ กโรนฺโตว ฉนฺทํ ชเนติ นาม. ตเมว สตตํ กโรนฺโต สฺชเนติ นาม. เกนจิเทว อนฺตราเยน ปติตํ ปุน อุกฺขิปนฺโต อุฏฺเปติ นาม. ปพนฺธฏฺิตึ ปาเปนฺโต สมุฏฺเปติ นาม. ตํ ปากฏํ กโรนฺโต นิพฺพตฺเตติ นาม. อโนสกฺกนตาย อลีนวุตฺติตาย อโนลีนวุตฺติตาย อภิมุขภาเวน นิพฺพตฺเตนฺโต อภินิพฺพตฺเตติ นาม.
๓๙๔. วีริยนิทฺเทเส วีริยํ กโรนฺโตว วีริยํ อารภติ นาม. ทุติยปทํ อุปสคฺเคน วฑฺฒิตํ. วีริยํ ¶ กโรนฺโตเยว จ อาเสวติ ภาเวติ นาม. ปุนปฺปุนํ กโรนฺโต วหุลีกโรติ. อาทิโตว กโรนฺโต อารภติ. ปุนปฺปุนํ กโรนฺโต สมารภติ. ภาวนาวเสน ภชนฺโต อาเสวติ. วฑฺเฒนฺโต ภาเวติ. สพฺพกิจฺเจสุ ตเทว พหุลีกโรนฺโต พหุลีกโรตีติ เวทิตพฺโพ.
๓๙๕. จิตฺตปคฺคหนิทฺเทเส วีริยปคฺคเหน โยเชนฺโต จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, อุกฺขิปตีติ อตฺโถ. ปุนปฺปุนํ ปคฺคณฺหนฺโต สมฺปคฺคณฺหาติ. เอวํ สมฺปคฺคหิตํ ยถา น ปตติ ตถา นํ วีริยุปตฺถมฺเภน อุปตฺถมฺเภนฺโต อุปตฺถมฺเภติ. อุปตฺถมฺภิตมฺปิ ถิรภาวตฺถาย ปุนปฺปุนํ อุปตฺถมฺเภนฺโต ปจฺจุปตฺถมฺเภติ นาม.
๔๐๖. ิติยาติปทสฺส นิทฺเทเส สพฺเพสมฺปิ อสมฺโมสาทีนํ ิติเววจนภาวํ ทสฺเสตุํ ยา ิติ โส อสมฺโมโสติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ เหฏฺิมํ เหฏฺิมํ ปทํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทสฺส ¶ อตฺโถ, อุปริมํ อุปริมํ ปทํ เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส อตฺโถติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ. อยํ ตาว ปาฬิวณฺณนา.
อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉยกถา. อยฺหิ สมฺมปฺปธานกถา นาม ทุวิธา – โลกิยา โลกุตฺตรา จ. ตตฺถ โลกิยา สพฺพปุพฺพภาเค โหติ. สา ¶ กสฺสปสํยุตฺตปริยาเยน โลกิยมคฺคกฺขเณ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘จตฺตาโร เม, อาวุโส, สมฺมปฺปธานา. กตเม จตฺตาโร?
อิธาวุโส, ภิกฺขุ ‘อนุปฺปนฺนา เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ; ‘อุปฺปนฺนา เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหียมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ; ‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา อนุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ. ‘อุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๕).
เอตฺถ จ ‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา’ติ สมถวิปสฺสนา เจว มคฺโค จ. อุปฺปนฺนา ¶ กุสลา นาม สมถวิปสฺสนาว. มคฺโค ปน สกึ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌมาโน อนตฺถาย สํวตฺตนโก นาม นตฺถิ. โส หิ ผลสฺส ปจฺจยํ ทตฺวาว นิรุชฺฌติ. ปุริมสฺมึ วา สมถวิปสฺสนาว คเหตพฺพาติ วุตฺตํ, ตํ ปน น ยุตฺตํ.
ตตฺถ ‘‘อุปฺปนฺนา สมถวิปสฺสนา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺตนฺตี’’ติ อตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ขีณาสวตฺเถโร ‘มหาเจติยฺจ มหาโพธิฺจ วนฺทิสฺสามี’ติ สมาปตฺติลาภินา ภณฺฑคาหกสามเณเรน สทฺธึ ชนปทโต มหาวิหารํ อาคนฺตฺวา วิหารปริเวณํ ปาวิสิ; สายนฺหสมเย มหาภิกฺขุสงฺเฆ เจติยํ วนฺทมาเน เจติยํ วนฺทนตฺถาย น นิกฺขมิ. กสฺมา? ขีณาสวานฺหิ ตีสุ รตเนสุ มหนฺตํ คารวํ โหติ. ตสฺมา ภิกฺขุสงฺเฆ วนฺทิตฺวา ปฏิกฺกนฺเต มนุสฺสานํ สายมาสภุตฺตเวลาย สามเณรมฺปิ อชานาเปตฺวา ‘เจติยํ วนฺทิสฺสามี’ติ เอกโกว นิกฺขมิ. สามเณโร ‘กึ นุ โข เถโร อเวลาย เอกโกว คจฺฉติ, ชานิสฺสามี’ติ อุปชฺฌายสฺส ปทานุปทิโกว นิกฺขมิ. เถโร อนาวชฺชเนน ตสฺส อาคมนํ ¶ อชานนฺโต ทกฺขิณทฺวาเรน มหาเจติยงฺคณํ อารุฬฺโห. สามเณโรปิ อนุปทํเยว อารุฬฺโห.
มหาเถโร ¶ มหาเจติยํ อุลฺโลเกตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา หฏฺปหฏฺโ มหาเจติยํ วนฺทติ. สามเณโร เถรสฺส วนฺทนาการํ ทิสฺวา ‘อุปชฺฌาโย เม อติวิย ปสนฺนจิตฺโต วนฺทติ; กึ นุ โข ปุปฺผานิ ลภิตฺวา ปูชํ กเรยฺยา’ติ จินฺเตสิ. เถเร วนฺทิตฺวา อุฏฺาย สิรสิ อฺชลึ เปตฺวา มหาเจติยํ อุลฺโลเกตฺวา ิเต สามเณโร อุกฺกาสิตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปสิ. เถโร ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตุมฺหากํ เจติยํ วนฺทนกาเล, ภนฺเต; อติวิย ปสนฺนา เจติยํ วนฺทิตฺถ; กินฺนุ โข ปุปฺผานิ ลภิตฺวา ปูเชยฺยาถา’’ติ? ‘‘อาม, สามเณร, อิมสฺมึ เจติเย วิย อฺตฺร เอตฺตกํ ธาตุนิธานํ นาม นตฺถิ. เอวรูปํ อสทิสํ มหาถูปํ ปุปฺผานิ ลภิตฺวา โก น ปูเชยฺยา’’ติ? ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อธิวาเสถ, อาหริสฺสามี’’ติ ตาวเทว ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา ปริสฺสาวนํ ปูเรตฺวา มหาเถเร ¶ ทกฺขิณมุขโต ปจฺฉิมมุเข อสมฺปตฺเตเยว อาคนฺตฺวา ปุปฺผปริสฺสาวนํ หตฺเถ เปตฺวา ‘‘ปูเชถ ภนฺเต’’ติ อาห. เถโร ‘‘อติมนฺทานิ โน, สามเณร, ปุปฺผานี’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉถ, ภนฺเต, ภควโต คุเณ อาวชฺเชตฺวา ปูเชถา’’ติ.
เถโร ปจฺฉิมมุขนิสฺสิเตน โสปาเนน อารุยฺห กุจฺฉิเวทิกาภูมิยํ ปุปฺผปูชํ กาตุํ อารทฺโธ. เวทิกาภูมิ ปริปุณฺณา; ปุปฺผานิ ปติตฺวา ทุติยภูมิยํ ชณฺณุปฺปมาเณน โอธินา ปูรยึสุ. ตโต โอตริตฺวา ปาทปิฏฺิกปนฺตึ ปูเชสิ; สาปิ ปริปูริ; ปริปุณฺณภาวํ ตฺวา เหฏฺิมตเล วิกิรนฺโต อคมาสิ; สพฺพํ เจติยงฺคณํ ปริปูริ; ตสฺมึ ปริปุณฺเณ ‘‘สามเณร, ปุปฺผานิ น ขียนฺตี’’ติ อาห. ‘‘ปริสฺสาวนํ, ภนฺเต, อโธมุขํ กโรถา’’ติ. อโธมุขํ กตฺวา จาเลสิ. ตทา ปุปฺผานิ ขีณานิ. เถโร ปริสฺสาวนํ สามเณรสฺส ทตฺวา สทฺธึ หตฺถิปากาเรน เจติยํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ปริเวณํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘ยาว มหิทฺธิโก วตายํ สามเณโร; สกฺขิสฺสติ นุ โข อิมํ อิทฺธานุภาวํ รกฺขิตุนฺติ? ตโต ‘น สกฺขิสฺสตี’ติ ทิสฺวา สามเณรํ อาห – ‘‘สามเณร, ตฺวํ อิทานิ มหิทฺธิโก; เอวรูปํ ปน อิทฺธึ นาเสตฺวา ปจฺฉิมกาเล ¶ กาณเปสการิยา หตฺเถน มทฺทิตํกฺชิยํ ปิวิสฺสสี’’ติ. ทหรกภาวสฺส นาเมส โทโส ยํ โส อุปชฺฌายสฺส กถาย สํเวเชตฺวา ‘กมฺมฏฺานํ ¶ เม, ภนฺเต, อาจิกฺขถา’ติ น ยาจิ; ‘อมฺหากํ อุปชฺฌาโย กึ วทตี’ติ ตํ ปน อสุณนฺโต วิย อคมาสิ.
เถโร มหาเจติยฺจ มหาโพธิฺจ วนฺทิตฺวา สามเณรํ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา อนุปุพฺเพน กุเฏฬิติสฺสมหาวิหารํ อคมาสิ. สามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปทานุปทิโก หุตฺวา ภิกฺขาจารํ น คจฺฉติ. ‘‘กตรํ คามํ ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปน ‘อิทานิ เม อุปชฺฌาโย คามทฺวารํ สมฺปตฺโต ภวิสฺสตี’ติ ตฺวา อตฺตโน จ อุปชฺฌายสฺส จ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ¶ ปิณฺฑาย ปวิสติ. เถโร สพฺพกาลํ โอวทติ – ‘‘สามเณร, มา เอวมกาสิ; ปุถุชฺชนิทฺธิ นาม จลา อนิพทฺธา; อสปฺปายํ รูปาทิอารมฺมณํ ลภิตฺวา อปฺปมตฺตเกเนว ภิชฺชติ; สนฺตาย สมาปตฺติยา ปริหีนา พฺรหฺมจริยวาเส สนฺถมฺภิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. สามเณโร ‘กึ กเถติ มยฺหํ อุปชฺฌาโย’ติ โสตุํ น อิจฺฉติ, ตเถว กโรติ. เถโร อนุปุพฺเพน เจติยวนฺทนํ กโรนฺโต กมฺมุเปนฺทวิหารํ นาม คโต. ตตฺถ วสนฺเตปิ เถเร สามเณโร ตเถว กโรติ.
อเถกทิวสํ เอกา เปสการธีตา อภิรูปา ปมวเย ิตา กมฺมุเปนฺทคามโต นิกฺขมิตฺวา ปทุมสฺสรํ โอรุยฺห คายมานา ปุปฺผานิ ภฺชติ. ตสฺมึ สมเย สามเณโร ปทุมสฺสรมตฺถเกน คจฺฉติ คจฺฉนฺโต ปน, สกฺกรลสิกาย กาณมกฺขิกา วิย, ตสฺสา คีตสทฺเท พชฺฌิ; ตาวเทว อิทฺธิ อนฺตรหิตา, ฉินฺนปกฺโข กาโก วิย อโหสิ. สนฺตสมาปตฺติพเลน ปน ตตฺเถว อุทกปิฏฺเ อปติตฺวา สิมฺพลิตูลํ วิย ปตมานํ อนุปุพฺเพน ปทุมสฺสรตีเร อฏฺาสิ. โส เวเคน คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา นิวตฺติ. มหาเถโร ‘ปเคเวตํ มยา ทิฏฺํ, นิวาริยมาโนปิ น นิวตฺติสฺสตี’ติ กิฺจิ อวตฺวา ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
สามเณโร คนฺตฺวา ปทุมสฺสรตีเร อฏฺาสิ ตสฺสา ปจฺจุตฺตรณํ อาคมยมาโน. สาปิ สามเณรํ อากาเสน คจฺฉนฺตฺจ ปุนาคนฺตฺวา ิตฺจ ทิสฺวา ‘อทฺธา ¶ เอส มํ นิสฺสาย อุกฺกณฺิโต’ติ ตฺวา ‘ปฏิกฺกม สามเณรา’ติ อาห. โสปิ ปฏิปกฺกมิ. อิตรา ปจฺจุตฺตริตฺวา สาฏกํ นิวาเสตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘กึ, ภนฺเต’ติ ปุจฺฉิ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา พหูหิ การเณหิ ฆราวาเส อาทีนวํ พฺรหฺมจริยวาเส อานิสํสฺจ ทสฺเสตฺวา โอวทมานาปิ ¶ ตสฺส อุกฺกณฺํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺตี ‘อยํ มม การณา เอวรูปาย อิทฺธิยา ปริหีโน; น ทานิ ยุตฺตํ ปริจฺจชิตุ’นฺติ. ‘อิเธว ติฏฺา’ติ วตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา มาตาปิตูนํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เตปิ อาคนฺตฺวา นานปฺปการํ โอวทมานา วจนํ อคฺคณฺหนฺตํ อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ อมฺเห อุจฺจากุลาติ มา สลฺลกฺเขสิ. มยํ เปสการา. สกฺขิสฺสสิ เปสการกมฺมํ กาตุ’’นฺติ? สามเณโร อาห – ‘‘อุปาสก, คิหีภูโต นาม เปสการกมฺมํ วา กเรยฺย นฬการกมฺมํ วา, กึ อิมินา, มา สาฏกมตฺเต โลภํ กโรถา’’ติ ¶ . เปสการโก อุทเร พทฺธสาฏกํ ทตฺวา ฆรํ เนตฺวา ธีตรํ อทาสิ.
โส เปสการกมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวา เปสกาเรหิ สทฺธึ สาลาย กมฺมํ กโรติ. อฺเสํ อิตฺถิโย ปาโตว ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา อาหรึสุ. ตสฺส ภริยา น ตาว อาคจฺฉติ. โส อิตเรสุ กมฺมํ วิสฺสชฺเชตฺวา ภฺุชมาเนสุ ตสรํ วฏฺเฏนฺโต นิสีทิ. สา ปจฺฉา อาคมาสิ. อถ นํ โส ‘อติจิเรน อาคตาสี’ติ ตชฺเชสิ. มาตุคาโม จ นาม อปิ จกฺกวตฺติราชานํ อตฺตนิ ปฏิพทฺธจิตฺตํ ตฺวา ทาสํ วิย สลฺลกฺเขติ. ตสฺมา สา เอวมาห – ‘‘อฺเสํ ฆเร ทารุปณฺณโลณาทีนิ สนฺนิหิตานิ; พาหิรโต อาหริตฺวา ทายกา เปสการกาปิ อตฺถิ. อหํ ปน เอกิกา; ตฺวมฺปิ ‘มยฺหํ ฆเร อิทํ อตฺถิ, อิทํ นตฺถี’ติ น ชานาสิ. สเจ อิจฺฉสิ ภฺุช, โน เจ อิจฺฉสิ มา ภฺุชา’’ติ. โส ‘น เกวลํ อุสฺสูเร ภตฺตํ อาหรสิ, วาจายปิ มํ ฆฏฺเฏสี’ติ กุชฺฌิตฺวา อฺํ ปหรณํ อปสฺสนฺโต ตเมว ตสรทณฺฑกํ ตสรโต ลฺุจิตฺวา ขิปิ. สา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อีสกํ ปริวตฺติ. ตสรทณฺฑกสฺส จ โกฏิ นาม ติขิณา โหติ. สา ตสฺสา ปริวตฺตมานาย อกฺขิโกฏิยํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. สา อุโภหิ หตฺเถหิ เวเคน อกฺขึ อคฺคเหสิ. ภินฺนฏฺานโต โลหิตํ ปคฺฆรติ.
โส ¶ ตสฺมึ กาเล อุปชฺฌายสฺส วจนํ อนุสฺสริ ‘อิทํ สนฺธาย มํ อุปชฺฌาโย ‘‘อนาคเต กาเล กาณเปสการิยา หตฺเถน มทฺทิตํ กฺชิยํ ปิวิสฺสสี’’ติ อาห. อิทํ เถเรน ทิฏฺํ ภวิสฺสติ. อโห ทีฆทสฺสี อยฺโย’ติ มหาสทฺเทน โรทิตุํ อารภิ. ตเมนํ อฺเ ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โรทิ; อกฺขิ นาม ภินฺนํ น สกฺกา โรทเนน ปฏิปากติกํ กาตุ’’นฺติ อาหํสุ. โส ‘‘นาหํ เอตมตฺถํ โรทามิ; อปิจ โข อิทํ สนฺธาย โรทามี’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ ปฏิปาฏิยา กเถสิ. เอวํ อุปฺปนฺนา สมถวิปสฺสนา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺตนฺติ.
อปรมฺปิ ¶ วตฺถุ – ตึสมตฺตา ภิกฺขู กลฺยาณิยํ มหาเจติยํ วนฺทิตฺวา อฏวิมคฺเคน มหามคฺคํ โอตรมานา อนฺตรามคฺเค ฌามกฺเขตฺเต กมฺมํ กตฺวา อาคจฺฉนฺตํ เอกํ มนุสฺสํ อทฺทสํสุ. ตสฺส สรีรํ มสิมกฺขิตํ โหติ, มสิมกฺขิตเมว จ เอกํ กาสาวํ กจฺฉํ ปีเฬตฺวา นิวตฺถํ. โอโลกิยมาโน ฌามขาณุโก วิย ขายติ. โส ทิวสภาเค ¶ กมฺมํ กตฺวา อุปฑฺฒฌายมานานํ ทารูนํ กลาปํ อุกฺขิปิตฺวา ปิฏฺิยํ วิปฺปกิณฺเณหิ เกเสหิ กุมฺมคฺเคน อาคนฺตฺวา ภิกฺขูนํ สมฺมุเข อฏฺาสิ. สามเณรา ทิสฺวา อฺมฺํ โอโลกยมานา ‘‘อาวุโส, ตุยฺหํ ปิตา, ตุยฺหํ มหาปิตา, ตุยฺหํ มาตุโล’’ติ หสมานา คนฺตฺวา ‘‘โก นาโมสิ ตฺวํ, อุปาสกา’’ติ นามํ ปุจฺฉึสุ. โส นามํ ปุจฺฉิโต วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ทารุกลาปํ ฉฑฺเฑตฺวา วตฺถํ สํวิธาย นิวาเสตฺวา มหาเถเร วนฺทิตฺวา ‘‘ติฏฺถ ตาว, ภนฺเต’’ติ อาห. มหาเถรา อฏฺํสุ.
ทหรสามเณรา อาคนฺตฺวา มหาเถรานํ สมฺมุขาปิ ปริหาสํ กโรนฺติ. อุปาสโก อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห มํ ปสฺสิตฺวา ปริหสถ; เอตฺตเกเนว มตฺถกํ ปตฺตมฺหาติ สลฺลกฺเขถ. อหมฺปิ ปุพฺเพ ตุมฺหาทิโสว สมโณ อโหสึ. ตุมฺหากํ ปน จิตฺเตกคฺคตามตฺตมฺปิ นตฺถิ. อหํ อิมสฺมึ สาสเน มหิทฺธิโก มหานุภาโว อโหสึ; อากาสํ คเหตฺวา ปถวึ กโรมิ, ปถวึ อากาสํ; ทูรํ คณฺหิตฺวา สนฺติกํ กโรมิ, สนฺติกํ ทูรํ; จกฺกวาฬสหสฺสํ ขเณน วินิวิชฺฌามิ. หตฺเถ เม ปสฺสถ; อิทานิ ปน มกฺกฏหตฺถสทิสา. อหํ อิเมเหว หตฺเถหิ อิธ นิสินฺโนว จนฺทิมสูริเย ปรามสึ. อิเมสํเยว ปาทานํ จนฺทิมสูริเย ปาทกถลิกํ กตฺวา นิสีทึ. เอวรูปา เม อิทฺธิ ปมาเทน อนฺตรหิตา. ตุมฺเห มา ปมชฺชิตฺถ. ปมาเทน หิ เอวรูปํ ¶ พฺยสนํ ปาปุณนฺติ. อปฺปมตฺตา วิหรนฺตา ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กโรนฺติ. ตสฺมา ตุมฺเห มฺเว อารมฺมณํ กริตฺวา อปฺปมตฺตา โหถ, ภนฺเต’’ติ ตชฺเชตฺวา โอวาทมทาสิ. เต ตสฺส กเถนฺตสฺเสว สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา วิปสฺสมานา ตึส ชนา ตตฺเถว อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ. เอวมฺปิ อุปฺปนฺนา สมถวิปสฺสนา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพา. อยํ ตาว โลกิยสมฺมปฺปธานกถาย วินิจฺฉโย.
โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปเนตํ เอกเมว วีริยํ จตุกิจฺจสาธนวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติ. ตตฺถ อนุปฺปนฺนานนฺติ อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา อนุปฺปนฺนานํ; อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา นาม นตฺถิ. อนุปฺปนฺนา ปน อุปฺปชฺชมานาปิ เอเตเยว อุปฺปชฺชนฺติ ¶ , ปหียมานาปิ เอเตเยว ปหียนฺติ.
ตตฺถ ¶ เอกจฺจสฺส วตฺตวเสน กิเลสา น สมุทาจรนฺติ. เอกจฺจสฺส คนฺถธุตงฺคสมาธิวิปสฺสนา นวกมฺมิกานํ อฺตรวเสน. กถํ? เอกจฺโจ หิ วตฺตสมฺปนฺโน โหติ. ตสฺส ทฺวาสีติขุทฺทกวตฺตานิ (จูฬว. ๒๔๓ อาทโย), จุทฺทส มหาวตฺตานิ (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย), เจติยงฺคณโพธิยงฺคณปานียมาฬอุโปสถาคารอาคนฺตุกคมิกวตฺตานิ จ กโรนฺตสฺเสว กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ปนสฺส วตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ภินฺนวตฺตสฺส วิจรโต อโยนิโสมนสิการฺเจว สติโวสฺสคฺคฺจ อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นาม.
เอกจฺโจ คนฺถยุตฺโต โหติ; เอกมฺปิ นิกายํ คณฺหาติ, ทฺเวปิ, ตโยปิ, จตฺตาโรปิ, ปฺจปิ. ตสฺเสว เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อตฺถวเสน ปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสน คณฺหนฺตสฺส สชฺฌายนฺตสฺส จินฺเตนฺตสฺส วาเจนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ปกาเสนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ปนสฺส คนฺถกมฺมํ ปหาย กุสีตสฺส วิจรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นาม.
เอกจฺโจ ปน ธุตงฺคธโร โหติ, เตรส ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตติ. ตสฺส ธุตงฺคคุเณ ปริหรนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ¶ ปนสฺส ธุตงฺคานิ วิสฺสชฺเชตฺวา พาหุลฺลาย อาวฏฺฏสฺส วิจรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นาม.
เอกจฺโจ ปน อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี โหติ. ตสฺส ปมชฺฌานาทีสุ อาวชฺชนวสีอาทีนํ วเสน วิหรนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ปนสฺส ปริหีนชฺฌานสฺส วา วิสฺสฏฺชฺฌานสฺส วา ภสฺสาทีสุ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ นาม.
เอกจฺโจ ปน วิปสฺสโก โหติ; สตฺตสุ วา วิปสฺสนาสุ อฏฺารสสุ ¶ วา มหาวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. ตสฺเสวํ วิหรโต กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ปนสฺส วิปสฺสนากมฺมํ ปหาย กายทฬฺหีพหุลสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค ¶ อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ นาม.
เอกจฺโจ ปน นวกมฺมิโก โหติ, อุโปสถาคารโภชนสาลาทีนิ กโรติ. ตสฺส เตสํ อุปกรณานิ จินฺเตนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ปนสฺส นวกมฺเม นิฏฺิเต วา วิสฺสฏฺเ วา อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ นาม.
เอกจฺโจ ปน พฺรหฺมโลกา อาคโต สุทฺธสตฺโต โหติ. ตสฺส อนาเสวนาย กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติ; อปรภาเค ปนสฺส ลทฺธาเสวนสฺส อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ นาม. เอวํ ตาว อสมุจารวเสน อนุปฺปนฺนตา เวทิตพฺพา.
กถํ อนนุภูตารมฺมณวเสน? อิเธกจฺโจ อนนุภูตปุพฺพํ มนาปิยาทิเภทํ อารมฺมณํ ลภติ. ตสฺส ตตฺถ อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม ราคาทโย กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ อนนุภูตารมฺมณวเสน ¶ อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นาม. โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกเมว วีริยํ.
เย จ เอวํ อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เต ยถา เนว อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ เนสํ อนุปฺปาทกิจฺจํ อุปฺปนฺนานฺจ ปหานกิจฺจํ สาเธติ. ตสฺมา อุปฺปนฺนานํ ปาปกานนฺติ เอตฺถ ปน จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ – วตฺตมานุปฺปนฺนํ, ภุตฺวา วิคตุปฺปนฺนํ, โอกาสกตุปฺปนฺนํ, ภูมิลทฺธุปฺปนฺนนฺติ. ตตฺถ เย กิเลสา วิชฺชมานา อุปฺปาทาทิสมงฺคิโน – อิทํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ นาม. กมฺเม ปน ชวิเต อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธวิปาโก ภุตฺวา วิคตํ นาม. กมฺมํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ ภุตฺวา วิคตํ นาม. ตทุภยมฺปิ ภุตฺวา วิคตุปฺปนฺนนฺติ สงฺขํ คจฺฉติ. กุสลากุสลกมฺมํ อฺสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ. เอวํ ¶ กเต โอกาเส วิปาโก อุปฺปชฺชมาโน โอกาสกรณโต ปฏฺาย อุปฺปนฺโนติ วุจฺจติ. อิทํ โอกาสกตุปฺปนฺนํ นาม.
ปฺจกฺขนฺธา ¶ ปน วิปสฺสนาย ภูมิ นาม. เต อตีตาทิเภทา โหนฺติ. เตสุ อนุสยิตกิเลสา ปน อตีตา วา อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วาติ น วตฺตพฺพา. อตีตกฺขนฺเธสุ อนุสยิตาปิ หิ อปฺปหีนาว โหนฺติ. อนาคตกฺขนฺเธสุ, ปจฺจุปฺปนฺนกฺขนฺเธสุ อนุสยิตาปิ อปฺปหีนาว โหนฺติ. อิทํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม. เตนาหุ โปราณา – ‘‘ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ อสมุคฺฆาติตา กิเลสา ภูมิลทฺธุปฺปนฺนาติ สงฺขํ คจฺฉนฺตี’’ติ.
อปรมฺปิ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ – สมุทาจารุปฺปนฺนํ, อารมฺมณาธิคหิตุปฺปนฺนํ, อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ, อสมุคฺธาติตุปฺปนฺนนฺติ. ตตฺถ สมฺปติ วตฺตมานํเยว ‘สมุทาจารุปฺปนฺนํ’ นาม. สกึ จกฺขูนิ อุมฺมีเลตฺวา อารมฺมเณ นิมิตฺเต คหิเต อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ กิเลสา นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อารมฺมณสฺส อธิคหิตตฺตา. ยถา กึ? ยถา ขีรรุกฺขสฺส กุาริยา อาหตาหตฏฺาเน ขีรํ น นิกฺขมิสฺสตีติ น วตฺตพฺพํ, เอวํ. อิทํ ‘อารมฺมณาธิคหิตุปฺปนฺนํ’ นาม. สมาปตฺติยา อวิกฺขมฺภิตกิเลสา ปน อิมสฺมึ นาม าเน นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อวิกฺขมฺภิตตฺตา. ยถา กึ? ยถา สเจ ขีรรุกฺขํ กุาริยา อาหเนยฺยุํ, ‘อิมสฺมึ นาม าเน ขีรํ น นิกฺขเมยฺยา’ติ ¶ น วตฺตพฺพํ, เอวํ. อิทํ ‘อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ’ นาม. มคฺเคน อสมุคฺฆาติตกิเลสา ปน ภวคฺเค นิพฺพตฺตสฺสาปิ นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อิทํ ‘อสมุคฺฆาติตุปฺปนฺนํ’ นาม.
อิเมสุ อุปฺปนฺเนสุ วตฺตมานุปฺปนฺนํ, ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺนํ, โอกาสกตุปฺปนฺนํ, สมุทาจารุปฺปนฺนนฺติ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ น มคฺควชฺฌํ; ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ, อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนํ, อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ, อสมุคฺฆาติตุปฺปนฺนนฺติ จตุพฺพิธํ มคฺควชฺฌํ. มคฺโค หิ อุปฺปชฺชมาโน เอเต กิเลเส ปชหติ. โส เย กิเลเส ปชหติ, เต อตีตา วา อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วาติ น วตฺตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘หฺจิ อตีเต กิเลเส ปชหติ, เตน หิ ขีณํ เขเปติ, นิรุทฺธํ ¶ นิโรเธติ, วิคตํ วิคเมติ, อตฺถงฺคตํ อตฺถํ คเมติ, อตีตํ ยํ นตฺถิ ตํ ปชหติ. หฺจิ อนาคเต กิเลเส ปชหติ, เตน หิ อชาตํ ปชหติ, อนิพฺพตฺตํ อนุปฺปนฺนํ อปาตุภูตํ ปชหติ, อนาคตํ ยํ นตฺถิ ตํ ปชหติ. หฺจิ ปจฺจุปฺปนฺเน กิเลเส ปชหติ, เตน หิ รตฺโต ราคํ ปชหติ, ทุฏฺโ โทสํ, มูฬฺโห โมหํ, วินิพทฺโธ มานํ, ปรามฏฺโ ทิฏฺึ, วิกฺเขปคโต ¶ อุทฺธจฺจํ, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉํ, ถามคโต อนุสยํ ปชหติ; กณฺหสุกฺกธมฺมา ยุคนทฺธา สมเมว วตฺตนฺติ; สํกิเลสิกา มคฺคภาวนา โหติ…เป… เตน หิ นตฺถิ มคฺคภาวนา, นตฺถิ ผลสจฺฉิกิริยา, นตฺถิ กิเลสปฺปหานํ, นตฺถิ ธมฺมาภิสมโย’ติ. ‘อตฺถิ มคฺคภาวนา…เป… อตฺถิ ธมฺมาภิสมโย’ติ. ยถา กถํ วิย? เสยฺยถาปิ ตรุโณ รุกฺโข…เป… อปาตุภูตาเนว น ปาตุภวนฺติ’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๒๑).
อิติ ปาฬิยํ อชาตผลรุกฺโข อาคโต; ชาตผลรุกฺเขน ปน ทีเปตพฺพํ. ยถา หิ สผโล ตรุณอมฺพรุกฺโข. ตสฺส ผลานิ มนุสฺสา ปริภฺุเชยฺยุํ, เสสานิ ปาเตตฺวา ปจฺฉิโย ปูเรยฺยุํ. อถฺโ ปุริโส ตํ ผรสุนา ฉินฺเทยฺย. เตนสฺส เนว อตีตานิ ผลานิ นาสิตานิ โหนฺติ, น อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานิ จ นาสิตานิ; อตีตานิ หิ มนุสฺเสหิ ปริภุตฺตานิ, อนาคตานิ อนิพฺพตฺตานิ น สกฺกา นาเสตุํ ¶ . ยสฺมึ ปน สมเย โส ฉินฺโน ตทา ผลานิเยว นตฺถีติ ปจฺจุปฺปนฺนานิปิ อนาสิตานิ. สเจ ปน รุกฺโข อจฺฉินฺโน อสฺส, อถสฺส ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ อาคมฺม ยานิ ผลานิ นิพฺพตฺเตยฺยุํ, ตานิ นาสิตานิ โหนฺติ. ตานิ หิ อชาตาเนว น ชายนฺติ, อนิพฺพตฺตาเนว น นิพฺพตฺตนฺติ, อปาตุภูตาเนว น ปาตุภวนฺติ. เอวเมว มคฺโค นาปิ อตีตาทิเภเท กิเลเส ปชหติ, นาปิ น ปชหติ. เยสฺหิ กิเลสานํ มคฺเคน ขนฺเธสุ อปริฺาเตสุ อุปฺปตฺติ สิยา, มคฺเคน อุปฺปชฺชิตฺวา ขนฺธานํ ปริฺาตตฺตา เต กิเลสา อชาตาว น ชายนฺติ, อนิพฺพตฺตาว น นิพฺพตฺตนฺติ, อปาตุภูตาว น ปาตุภวนฺติ. ตรุณปุตฺตาย อิตฺถิยา ปุน อวิชายนตฺถํ พฺยาธิตานํ ¶ โรควูปสมตฺถํ ปีตเภสชฺเชหิ จาปิ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. เอวํ มคฺโค เย กิเลเส ปชหติ, เต อตีตา วา อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วาติ น วตฺตพฺพา. น จ มคฺโค กิเลเส น ปชหติ. เย ปน มคฺโค กิเลเส ปชหติ, เต สนฺธาย ‘อุปฺปนฺนานํ ปาปกาน’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
น เกวลฺจ มคฺโค กิเลเสเยว ปชหติ, กิเลสานํ ปน อปฺปหีนตฺตา เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อุปาทินฺนกฺขนฺธา, เตปิ ปชหติเยว. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธน สตฺต ภเว เปตฺวา อนมตคฺเค สํสาเร เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ เอตฺเถเต นิรุชฺฌนฺตี’’ติ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖) วิตฺถาโร. อิติ มคฺโค อุปาทินฺนโต อนุปาทินฺนโต จ วุฏฺาติ. ภววเสน ปน โสตาปตฺติมคฺโค อปายภวโต วุฏฺาติ ¶ . สกทาคามิมคฺโค สุคติภเวกเทสโต; อนาคามิมคฺโค สุคติกามภวโต; วุฏฺาติ อรหตฺตมคฺโค รูปารูปภวโต วุฏฺาติ, สพฺพภเวหิ วุฏฺาติเยวาติปิ วทนฺติ.
อถ มคฺคกฺขเณ กถํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย ภาวนา โหติ? กถํ วา อุปฺปนฺนานํ ิติยาติ? มคฺคปฺปวตฺติยา เอว. มคฺโค หิ ปวตฺตมาโน ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา อนุปฺปนฺโน นาม วุจฺจติ. อนาคตปุพฺพฺหิ านํ คนฺตฺวา อนนุภูตปุพฺพํ วา อารมฺมณํ อนุภวิตฺวา วตฺตาโร ภวนฺติ – ‘อนาคตฏฺานํ อาคตมฺห, อนนุภูตํ อารมฺมณํ อนุภวามา’ติ. ยา จสฺส ปวตฺติ, อยเมว ิติ นามาติ ิติยา ภาเวตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอวเมตสฺส ภิกฺขุโน อิทํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ วีริยํ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทายา’’ติอาทีนิ ¶ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. อยํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ สมฺมปฺปธานกถา. เอวเมตฺถ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สมฺมปฺปธานา นิทฺทิฏฺาติ.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๔๐๘. อภิธมฺมภาชนีเย สพฺพานิปิ สมฺมปฺปธานานิ ธมฺมสงฺคณิยํ วิภตฺตสฺส เทสนานยสฺส มุขมตฺตเมว ทสฺเสนฺเตน นิทฺทิฏฺานิ. ตตฺถ นยเภโท เวทิตพฺโพ. กถํ? ปมสมฺมปฺปธาเน ¶ ตาว โสตาปตฺติมคฺเค ฌานาภินิเวเส สุทฺธิกปฏิปทา, สุทฺธิกสฺุตา, สฺุตปฏิปทา, สุทฺธิกอปฺปณิหิตา, อปฺปณิหิตปฏิปทาติ อิเมสุ ปฺจสุ าเนสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกปฺจกนยานํ วเสน ทส นยา โหนฺติ. เอวํ เสเสสุปีติ วีสติยา อภินิเวเสสุ ทฺเว นยสตานิ. ตานิ จตูหิ อธิปตีหิ จตุคฺคุณิตานิ อฏฺ. อิติ สุทฺธิกานิ ทฺเว สาธิปตีนิ อฏฺาติ สพฺพมฺปิ นยสหสฺสํ โหติ. ตถาทุติยสมฺมปฺปธานาทีสุ สุทฺธิกสมฺมปฺปธาเน จาติ โสตาปตฺติมคฺเค ปฺจนยสหสฺสานิ. ยถา จ โสตาปตฺติมคฺเค, เอวํ เสสมคฺเคสุปีติ กุสลวเสเนว วีสติ นยสหสฺสานิ. วิปาเก ปน สมฺมปฺปธาเนหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ ¶ นตฺถีติ วิปากวาโร น คหิโตติ. สมฺมปฺปธานานิ ปเนตฺถ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตราเนว กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา.
๓. ปฺหาปุจฺฉกวณฺณนา
๔๒๗. ปฺหาปุจฺฉเก ปาฬิอนุสาเรเนว สมฺมปฺปธานานํ กุสลาทิภาโว เวทิตพฺโพ. อารมฺมณตฺติเกสุ ปน สพฺพานิปิ เอตานิ อปฺปมาณํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺติโต อปฺปมาณารมฺมณาเนว, น มคฺคารมฺมณานิ; สหชาตเหตุวเสน ปน มคฺคเหตุกานิ; วีมํสํ เชฏฺกํ กตฺวา มคฺคภาวนากาเล ¶ มคฺคาธิปตีนิ; ฉนฺทจิตฺตเชฏฺิกาย มคฺคภาวนาย น วตฺตพฺพานิ มคฺคาธิปตีนีติ; วีริยเชฏฺิกาย ปน อฺสฺส วีริยสฺส อภาวา น วตฺตพฺพานิ มคฺคาธิปตีนีติ วา น มคฺคาธิปตีนีติ วา; อตีตาทีสุ เอการมฺมณภาเวนปิ น วตฺตพฺพานิ; นิพฺพานสฺส ปน พหิทฺธาธมฺมตฺตา พหิทฺธารมฺมณานิ นาม โหนฺตีติ. เอวเมตสฺมึ ปฺหาปุจฺฉเก นิพฺพตฺติตโลกุตฺตราเนว สมฺมปฺปธานานิ กถิตานิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน หิ สุตฺตนฺตภาชนียสฺมึเยว โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สมฺมปฺปธานา กถิตา; อภิธมฺมภาชนียปฺหาปุจฺฉเกสุ ปน โลกุตฺตราเยวาติ. เอวมยํ สมฺมปฺปธานวิภงฺโคปิ เตปริวฏฺฏํ นีหริตฺวาว ภาเชตฺวา ทสฺสิโตติ.
สมฺโมหวิโนทนิยา วิภงฺคฏฺกถาย
สมฺมปฺปธานวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.