📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
อภิธมฺมปิฏเก
วิภงฺค-มูลฏีกา
๑. ขนฺธวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
จตุสจฺจทโสติ ¶ ¶ จตฺตาริ สจฺจานิ สมาหฏานิ จตุสจฺจํ, จตุสจฺจํ ปสฺสีติ จตุสจฺจทโส. สติปิ สาวกานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ จตุสจฺจทสฺสนภาเว อนฺปุพฺพกตฺตา ภควโต จตุสจฺจทสฺสนสฺส ตตฺถ จ สพฺพฺุตาย ทสพเลสุ จ วสีภาวสฺส ปตฺติโต ปรสนฺตาเนสุ จ ปสาริตภาเวน สุปากฏตฺตา ภควาว วิเสเสน ‘‘จตุสจฺจทโส’’ติ โถมนํ อรหตีติ ¶ . นาถตีติ นาโถ, เวเนยฺยานํ หิตสุขํ อาสีสติ ปตฺเถติ, ปรสนฺตานคตํ วา กิเลสพฺยสนํ อุปตาเปติ, ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อตฺตสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๗) วา ตํ ตํ หิตปฏิปตฺตึ ยาจตีติ อตฺโถ. ปรเมน จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต, สพฺพสตฺเต วา คุเณหิ อีสติ อภิภวตีติ ปรมิสฺสโร ภควา ‘‘นาโถ’’ติ วุจฺจติ. ‘‘สทฺธมฺเม คารวํ กตฺวา กริสฺสามี’’ติ โสตพฺพภาเว การณํ วตฺวา ปุน สวเน นิโยเชนฺโต อาห ‘‘ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ. ‘‘โปราณฏฺกถานยํ วิคาหิตฺวา กริสฺสามี’’ติ วา เอเตน สกฺกจฺจสวเน จ การณํ วตฺวา ตตฺถ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘สทฺธมฺเม คารวํ กตฺวา ตํ สุณาถา’’ติ.
เอตฺถ ¶ จ ‘‘จตุสจฺจทโส’’ติ วจนํ โถมนเมว จตุปฺปเภทาย เทสนาย สมานคณนทสฺสนคุเณน, ‘‘อฏฺารสหิ พุทฺธธมฺเมหิ อุเปโต’’ติ จ อฏฺารสปฺปเภทาย เทสนาย สมานคณนคุเณหีติ ทฏฺพฺพํ. ยถาวุตฺเตน วา นิรติสเยน จตุสจฺจทสฺสเนน ภควา จตุธา ธมฺมสงฺคณึ เทเสตุํ สมตฺโถ อโหสิ, อฏฺารสพุทฺธธมฺมสมนฺนาคเมน อฏฺารสธา วิภงฺคนฺติ ยถาวุตฺตเทสนาสมตฺถตาสมฺปาทกคุณนิทสฺสนเมตํ ‘‘จตุสจฺจทโส อุเปโต พุทฺธธมฺเมหิ อฏฺารสหี’’ติ. เตน ยถาวุตฺตาย เทสนาย สพฺพฺุภาสิตตฺตา อวิปรีตตํ ทสฺเสนฺโต ตตฺถ สตฺเต อุคฺคหาทีสุ นิโยเชติ, นิฏฺานคมนฺจ อตฺตโน วายามํ ทสฺเสนฺโต อฏฺกถาสวเน จ อาทรํ อุปฺปาทยติ, ยถาวุตฺตคุณรหิเตน อสพฺพฺุนา เทเสตุํ อสกฺกุเณยฺยตํ ธมฺมสงฺคณีวิภงฺคปฺปกรณานํ ทสฺเสนฺโต ตตฺถ ตทฏฺกถาย จ สาติสยํ คารวํ ชนยติ, พุทฺธาทีนฺจ รตนานํ สมฺมาสมฺพุทฺธตาทิคุเณ วิภาเวติ.
ตตฺถ จตฺตาริ สจฺจานิ ปากฏาเนว, อฏฺารส ปน พุทฺธธมฺมา เอวํ เวทิตพฺพา – ‘‘อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส…เป… ปจฺจุปฺปนฺนํเส…เป… อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตํ, สพฺพํ วจีกมฺมํ…เป. … สพฺพํ มโนกมฺมํ…เป… อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ ธมฺมเทสนาย, นตฺถิ วีริยสฺส, นตฺถิ สมาธิสฺส, นตฺถิ ปฺาย, นตฺถิ วิมุตฺติยา หานิ. อิเมหิ ทฺวาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ อผุฏํ, นตฺถิ เวคายิตตฺตํ, นตฺถิ อพฺยาวฏมโน, นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขา’’ติ.
ตตฺถ ¶ นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิ. นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถิ. นตฺถิ อผุฏนฺติ าเณน อผุสิตํ นตฺถิ. นตฺถิ เวคายิตตฺตนฺติ ตุริตกิริยา นตฺถิ. นตฺถิ อพฺยาวฏมโนติ นิรตฺถโก จิตฺตสมุทาจาโร นตฺถิ. นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ อฺาณุเปกฺขา นตฺถิ. กตฺถจิ ปน ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ อลิขิตฺวา ‘‘นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส, นตฺถิ สตฺติยา’’ติ ลิขนฺติ.
๑. ธมฺมสงฺคเห ธมฺเม กุสลาทิเก ติกทุเกหิ สงฺคเหตฺวา เต เอว ธมฺเม สุตฺตนฺเต ขนฺธาทิวเสน วุตฺเต วิภชิตุํ วิภงฺคปฺปกรณํ วุตฺตํ. ตตฺถ ¶ สงฺเขเปน วุตฺตานํ ขนฺธาทีนํ วิภชนํ วิภงฺโค. โส โส วิภงฺโค ปกโต อธิกโต ยสฺสา ปาฬิยา, สา ‘‘วิภงฺคปฺปกรณ’’นฺติ วุจฺจติ. อธิกโตติ จ วตฺตพฺพภาเวน ปริคฺคหิโตติ อตฺโถ. ตตฺถ วิภงฺคปฺปกรณสฺส อาทิภูเต ขนฺธวิภงฺเค ‘‘ปฺจกฺขนฺธา รูปกฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ อิทํ สุตฺตนฺตภาชนียํ นาม. นนุ น เอตฺตกเมว สุตฺตนฺตภาชนียนฺติ? สจฺจํ, อิติ-สทฺเทน ปน อาทิ-สทฺทตฺถโชตเกน ปการตฺถโชตเกน วา สพฺพํ สุตฺตนฺตภาชนียํ สงฺคเหตฺวา วิฺาณกฺขนฺโธติ เอวมาทิ เอวํปการํ วา อิทํ สุตฺตนฺตภาชนียนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา เอกเทเสน สมุทายํ นิทสฺเสติ ปพฺพตสมุทฺทาทินิทสฺสโก วิย. ตตฺถ นิพฺพานวชฺชานํ สพฺพธมฺมานํ สงฺคาหกตฺตา สพฺพสงฺคาหเกหิ จ อายตนาทีหิ อปฺปกตรปทตฺตา ขนฺธานํ ขนฺธวิภงฺโค อาทิมฺหิ วุตฺโต.
น ตโต เหฏฺาติ รูปาทีนํ เวทยิตาทิสภาวตฺตาภาวา ยสฺมึ สภาเว อตีตาทโย ราสี กตฺวา วตฺตพฺพา, ตสฺส รุปฺปนาทิโต อฺสฺสาภาวา จ เหฏฺา คณเนสุ สงฺขตธมฺมานํ อนิฏฺานํ สาวเสสภาวํ, น เหฏฺา คณนมตฺตาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ฉฏฺสฺส ปน ขนฺธสฺส อภาวา ‘‘น อุทฺธ’’นฺติ อาห. น หิ สวิภาคธมฺเมหิ นิสฺสฏสฺส อตีตาทิภาวรหิตสฺส เอกสฺส นิพฺพานสฺส ราสฏฺโ อตฺถีติ. ‘‘ราสิมฺหี’’ติ สทฺทตฺถสหิตํ ขนฺธ-สทฺทสฺส วิสยํ ทสฺเสติ. ‘‘คุเณ ปณฺณตฺติยํ รุฬฺหิย’’นฺติ วิสยเมว ขนฺธ-สทฺทสฺส ทสฺเสติ, น สทฺทตฺถํ. โลกิยโลกุตฺตรเภทฺหิ สีลาทิคุณํ นิปฺปเทเสน คเหตฺวา ปวตฺตมาโน ขนฺธ-สทฺโท สีลาทิคุณวิสิฏฺํ ราสฏฺํ ทีเปตีติ. เกจิ ปน ‘‘คุณฏฺโ เอตฺถ ขนฺธฏฺโ’’ติ วทนฺติ. ทารุกฺขนฺโธติ เอตฺถ ปน น ขนฺธ-สทฺโท ปฺตฺติ-สทฺทสฺส อตฺเถ วตฺตติ, ตาทิเส ปน ปุถุลายเต ทารุมฺหิ ทารุกฺขนฺโธติ ปฺตฺติ โหตีติ ปฺตฺติยํ นิปตตีติ วุตฺตํ. ตถา เอกสฺมิมฺปิ วิฺาเณ ¶ ปวตฺโต วิฺาณกฺขนฺโธติ ขนฺธ-สทฺโท น รุฬฺหี-สทฺทสฺส อตฺถํ วทติ, สมุทาเย ปน นิรุฬฺโห ขนฺธ-สทฺโท ตเทกเทเส ปวตฺตมาโน ตาย เอว รุฬฺหิยา ปวตฺตตีติ ขนฺธ-สทฺโท รุฬฺหิยํ นิปตตีติ วุตฺตํ.
ราสิโต คุณโตติ สพฺพตฺถ นิสฺสกฺกวจนํ วิสยสฺเสว ขนฺธ-สทฺทปฺปวตฺติยา การณภาวํ สนฺธาย กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ราสิโต’’ติ อิมมตฺถํ สทฺทตฺถวเสนปิ ¶ นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหิ ขนฺธฏฺโ นาม ปิณฺฑฏฺโ’’ติอาทิมาห. โกฏฺาสฏฺเ ขนฺธฏฺเ ฉฏฺเนปิ ขนฺเธน ภวิตพฺพํ. นิพฺพานมฺปิ หิ ฉฏฺโ โกฏฺาโสติ. ตสฺมา ‘‘ขนฺธฏฺโ นาม ราสฏฺโ’’ติ ยุตฺตํ. เยสํ วา อตีตาทิวเสน เภโท อตฺถิ, เตสํ รุปฺปนาทิลกฺขณวเสน ตํตํโกฏฺาสตา วุจฺจตีติ เภทรหิตสฺส นิพฺพานสฺส โกฏฺาสฏฺเน จ ขนฺธภาโว น วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
เอตฺตาวตาติ อุทฺเทสมตฺเตนาติ อตฺโถ. จตฺตาโร จ มหาภูตา…เป… รูปนฺติ เอวํ วิภตฺโต. กตฺถาติ เจ? เอกาทสสุ โอกาเสสุ. อิติ-สทฺเทน นิทสฺสนตฺเถน สพฺโพ วิภชนนโย ทสฺสิโต. อิทฺจ วิภชนํ โอฬาริกาทีสุ จกฺขายตนนฺติอาทิวิภชนฺจ ยถาสมฺภวํ เอกาทสสุ โอกาเสสุ โยเชตพฺพํ, เอวํ เวทนากฺขนฺธาทีสุปิ. วิฺาณกฺขนฺโธ ปน เอกาทโสกาเสสุ ปุริเม โอกาสปฺจเก ‘‘จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณ’’นฺติ ฉวิฺาณกายวิเสเสน วิภตฺโต, น ตตฺถ มโนธาตุ มโนวิฺาณธาตูติ วิภชนํ อตฺถิ. ตํ ปน ทฺวยํ มโนวิฺาณนฺติ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ อฏฺกถายํ ‘‘มโนธาตุ มโนวิฺาณธาตู’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ปาฬินเยน ปฺจสุ ขนฺเธสุ ธมฺมปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา ปุน อฺเน ปกาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ขนฺธนิทฺเทเส.
๑. รูปกฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา
๒. ยํ กิฺจีติ เอตฺถ ยนฺติ สามฺเน อนิยมนิทสฺสนํ, กิฺจีติ ปการนฺตรเภทํ อามสิตฺวา อนิยมนิทสฺสนํ. อุภเยนปิ อตีตํ วา…เป… สนฺติเก วา อปฺปํ วา พหุํ วา ยาทิสํ วา ตาทิสํ วา ยํ กิฺจีติ นปุํสกนิทฺเทสารหํ สพฺพํ พฺยาเปตฺวา สงฺคณฺหาตีติ อฺเสุปิ ¶ นปุํสกนิทฺเทสารเหสุ ปสงฺคํ ทิสฺวา ตสฺส อธิปฺเปตตฺถํ อติจฺจ ปวตฺติโต อติปฺปสงฺคสฺส นิยมนตฺถํ ‘‘รูป’’นฺติ อาห. ยํกิฺจีติ สนิปาตํ ยํ-สทฺทํ กึ-สทฺทฺจ อนิยเมกตฺถทีปนวเสน เอกํ ปทนฺติ คเหตฺวา ‘‘ปททฺวเยนปี’’ติ วุตฺตํ.
กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปํ วเทถาติ ตุมฺเหปิ รูปํ รูปนฺติ วเทถ, ตํ เกน การเณน วเทถาติ อตฺโถ, อถ วา เกน การเณน รูปํ, ตํ การณํ ¶ วเทถาติ อตฺโถ. อเถเตสุ ภิกฺขูสุ ตุณฺหีภูเตสุ ภควา อาห ‘‘รุปฺปตีติ โข’’ติอาทิ.
ภิชฺชตีติ สีตาทิสนฺนิปาเต วิสทิสสนฺตานุปฺปตฺติทสฺสนโต ปุริมสนฺตานสฺส เภทํ สนฺธายาห. เภโท จ วิสทิสตาวิการาปตฺตีติ ภิชฺชตีติ วิการํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ. วิการาปตฺติ จ สีตาทิสนฺนิปาเต วิสทิสรูปุปฺปตฺติเยว. อรูปกฺขนฺธานํ ปน อติลหุปริวตฺติโต ยถา รูปธมฺมานํ ิติกฺขเณ สีตาทีหิ สมาคโม โหติ, เยน ตตฺถ อุตุโน ิติปฺปตฺตสฺส ปุริมสทิสสนฺตานุปฺปาทนสมตฺถตา น โหติ อาหาราทิกสฺส วา, เอวํ อฺเหิ สมาคโม นตฺถิ. สงฺฆฏฺฏเนน จ วิการาปตฺติยํ รุปฺปน-สทฺโท นิรุฬฺโห, ตสฺมา อรูปธมฺมานํ สงฺฆฏฺฏนวิรหิตตฺตา รูปธมฺมานํ วิย ปากฏสฺส วิการสฺส อภาวโต จ ‘‘รุปฺปนฺตี’’ติ ‘‘รุปฺปนลกฺขณา’’ติ จ น วุจฺจนฺติ. ชิฆจฺฉาปิปาสาหิ รุปฺปนฺจ อุทรคฺคิสนฺนิปาเตน โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ กุปฺปตีติ เอเตน กตฺตุอตฺเถ รูปปทสิทฺธึ ทสฺเสติ, ฆฏฺฏียติ ปีฬียตีติ เอเตหิ กมฺมตฺเถ. โกปาทิกิริยาเยว หิ รุปฺปนกิริยาติ. โส ปน กตฺตุภูโต กมฺมภูโต จ อตฺโถ ภิชฺชมาโน โหตีติ อิมสฺสตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘ภิชฺชตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อถ วา รุปฺปตีติ รูปนฺติ กมฺมกตฺตุตฺเถ รูปปทสิทฺธิ วุตฺตา. วิกาโร หิ รุปฺปนนฺติ. เตเนว ‘‘ภิชฺชตีติ อตฺโถ’’ติ กมฺมกตฺตุตฺเถน ภิชฺชติ-สทฺเทน อตฺถํ ทสฺเสติ. ยํ ปน รุปฺปติ ภิชฺชติ, ตํ ยสฺมา กุปฺปติ ฆฏฺฏียติ ปีฬียติ, ตสฺมา เอเตหิ จ ปเทหิ ปทตฺโถ ปากโฏ กโตติ. ‘‘เกนฏฺเนา’’ติ ปุจฺฉาสภาควเสน ‘‘รุปฺปนฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ. น เกวลํ สทฺทตฺโถเยว รุปฺปนํ, ตสฺส ปนตฺถสฺส ลกฺขณฺจ โหตีติ อตฺถลกฺขณวเสน ‘‘รุปฺปนลกฺขเณน รูปนฺติปิ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห.
ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา มุจฺจิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานํ เฉทนวเสน วา ฉิชฺชิตฺวา. อจฺจนฺตขาเรน สีโตทเกนาติ อติสีตภาวเมว สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยา. น หิ ตํ ¶ กปฺปสณฺานํ อุทกํ สมฺปตฺติกรํ ปถวีสนฺธารกํ กปฺปวินาสอุทกํ วิย ขารํ ภวิตุํ อรหติ. ตถา หิ สติ ปถวี วิลีเยยฺยาติ. อวีจิมหานิรเยติ สอุสฺสทํ อวีจินิรยํ วุตฺตํ. เตเนว ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เปตฺติ…เป… น โหนฺตีติ เอวํวิธาปิ สตฺตา อตฺถีติ อธิปฺปาโย เอวํวิธาเยว โหนฺตีติ นิยมาภาวโต. เอวํ กาลกฺชิกาทีสุปีติ. สรนฺตา คจฺฉนฺตีติ สรีสป-สทฺทสฺส อตฺถํ วทติ.
อภิสฺูหิตฺวาติ ¶ เอตฺถ สมูหํ กตฺวาติปิ อตฺโถ. เอเตน สพฺพํ รูปํ…เป… ทสฺสิตํ โหตีติ เอเตน รูปกฺขนฺธ-สทฺทสฺส สมานาธิกรณสมาสภาวํ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘น หิ รูปโต…เป… อตฺถี’’ติ.
๓. ปกฺขิปิตฺวาติ เอตฺถ เอกาทโสกาเสสุ รูปํ ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. น หิ ตตฺถ มาติกํเยว ปกฺขิปิตฺวา มาติกา ปิตา, อถ โข ปกรณปฺปตฺตํ รูปนฺติ.
อปโร นโย…เป… เอตฺเถว คณนํ คตนฺติ เอเตน อตีตํเสนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนนฺติ ทสฺเสติ. เยน ปกาเรน คณนํ คตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร จ มหาภูตา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ สติ มหาภูตุปาทายรูปภาโว อตีตโกฏฺาเส คณนสฺส การณนฺติ อาปชฺชติ. น หิ อตีตํสานํ เวทนาทีนํ นิวตฺตนตฺถํ อิทํ วจนํ ‘‘ยํ รูป’’นฺติ เอเตเนว เตสํ นิวตฺติตตฺตา, นาปิ รูปสฺส อฺปฺปการนิวตฺตนตฺถํ สพฺพปฺปการสฺส ตตฺถ คณิตตฺตา, น จ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนาการนิวตฺตนตฺถํ อตีตํสวจเนน ตํนิวตฺตนโตติ. อถ ปน ยํ อตีตํเสน คณิตํ, ตํ จตฺตาโร จ…เป… รูปนฺติ เอวํ คณิตนฺติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต, เอวํ สติ คณนนฺตรทสฺสนํ อิทํ สิยา, น อตีตํเสน คณิตปฺปการทสฺสนํ, ตํทสฺสเน ปน สติ ภูตุปาทายรูปปฺปกาเรน อตีตํเส คณิตํ ตํสภาวตฺตาติ อาปนฺนเมว โหติ, น จ เอวํสภาวตา อตีตํเส คณิตตาย การณํ ภวิตุํ อรหติ เอวํสภาวสฺเสว ปจฺจุปฺปนฺนานาคเตสุ คณิตตฺตา สุขาทิสภาวสฺส จ อตีตํเส คณิตตฺตา, ตสฺมา ปุริมนโย เอว ยุตฺโต. อชฺฌตฺตพหิทฺธานิทฺเทเสสุปิ ตาทิโส เอวตฺโถ ลพฺภตีติ.
สุตฺตนฺตปริยายโตติ ปริยายเทสนตฺตา สุตฺตสฺส วุตฺตํ. อภิธมฺมนิทฺเทสโตติ นิปฺปริยายเทสนตฺตา อภิธมฺมสฺส นิจฺฉเยน เทโส นิทฺเทโสติ กตฺวา วุตฺตํ. กิฺจาปีติอาทีสุ อยมธิปฺปาโย ¶ – สุตฺตนฺตภาชนียตฺตา ยถา ‘‘อตีตํ นนฺวาคเมยฺยา’’ติอาทีสุ อทฺธานวเสน อตีตาทิภาโวว วุตฺโต, ตถา อิธาปิ นิทฺทิสิตพฺโพ (ม. นิ. ๓.๒๗๒, ๒๗๕; อป. เถร ๒.๕๕.๒๔๔) สิยา. เอวํ สนฺเตปิ สุตฺตนฺตภาชนียมฺปิ อภิธมฺมเทสนาเยว สุตฺตนฺเต วุตฺตธมฺเม วิจินิตฺวา วิภชนวเสน ปวตฺตาติ อภิธมฺมนิทฺเทเสเนว อตีตาทิภาโว นิทฺทิฏฺโติ.
อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสนาติ ¶ เอตฺถ จุติปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺเน กาเล อทฺธา-สทฺโท วตฺตตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิสุตฺตวเสน (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) วิฺายติ. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อทฺธา. กตเม ตโย? อตีโต อทฺธา, อนาคโต อทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา’’ติ (อิติวุ. ๖๓; ที. นิ. ๓.๓๐๕) เอตฺถ ปน ปรมตฺถโต ปริจฺฉิชฺชมาโน อทฺธา นิรุตฺติปถสุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๓.๖๒) ขณปริจฺฉินฺโน ยุตฺโต. ตตฺถ หิ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, รูปํ ชาตํ ปาตุภูตํ, ‘อตฺถี’ติ ตสฺส สงฺขา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) วิชฺชมานสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตา ตโต ปุพฺเพ ปจฺฉา จ อตีตานาคตตา วุตฺตาติ. เยภุยฺเยน ปน จุติปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺโน (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๓) สุตฺเตสุ อตีตาทิโก อทฺธา วุตฺโตติ โส เอว อิธาปิ ‘‘อทฺธาวเสนา’’ติ วุตฺโต. สีตํ สีตสฺส สภาโค, ตถา อุณฺหํ อุณฺหสฺส. ยํ ปน สีตํ อุณฺหํ วา สรีเร สนฺนิปติตํ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อนูนํ อนธิกํ เอกาการํ, ตํ เอโก อุตูติ วุจฺจติ. สภาคอุตุโน อเนกนฺตสภาวโต เอกคหณํ กตํ, เอวํ อาหาเรปิ. เอกวีถิเอกชวนสมุฏฺานนฺติ ปฺจฉฏฺทฺวารวเสน วุตฺตํ. สนฺตติสมยกถา วิปสฺสกานํ อุปการตฺถาย อฏฺกถาสุ กถิตา.
นิฏฺิตเหตุปจฺจยกิจฺจํ, นิฏฺิตเหตุกิจฺจมนิฏฺิตปจฺจยกิจฺจํ, อุภยกิจฺจมสมฺปตฺตํ, สกิจฺจกฺขเณ ปจฺจุปฺปนฺนํ. ชนโก เหตุ, อุปตฺถมฺภโก ปจฺจโย, เตสํ อุปฺปาทนํ อุปตฺถมฺภนฺจ กิจฺจํ. ยถา พีชสฺส องฺกุรุปฺปาทนํ ปถวีอาทีนฺจ ตทุปตฺถมฺภนํ กมฺมสฺส กฏตฺตารูปวิปากุปฺปาทนํ อาหาราทีนํ ตทุปตฺถมฺภนํ, เอวํ เอเกกสฺส กลาปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส จ ชนกานํ กมฺมานนฺตราทิปจฺจยภูตานํ อุปตฺถมฺภกานฺจ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตานํ กิจฺจํ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อุปฺปาทกฺขเณ เหตุกิจฺจํ ทฏฺพฺพํ, ตีสุปิ ขเณสุ ปจฺจยกิจฺจํ. ปถวีอาทีนํ สนฺธารณาทิกํ ผสฺสาทีนํ ผุสนาทิกฺจ อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจํ สกิจฺจํ, ตสฺส กรณกฺขโณ สกิจฺจกฺขโณ. สห วา กิจฺเจน สกิจฺจํ, ยสฺมึ ขเณ สกิจฺจํ รูปํ วา อรูปํ วา โหติ, โส สกิจฺจกฺขโณ, ตสฺมึ ขเณ ปจฺจุปฺปนฺนํ.
๖. เอตฺตกเมวาติ ¶ ‘‘เตสํ เตส’’นฺติ อิมินา อาเมฑิตวจเนน อภิพฺยาปนตฺเถน วุตฺตตฺถเมว. ‘‘อปรสฺส อปรสฺสา’’ติ ทีปนํ อปรทีปนํ. ปริเยสตูติ ¶ เอเตน ปริเยสนาย อนิฏฺนามนิวตฺตนสฺส อการณภาวํ ทสฺเสติ. กมฺมโทเสน หิ จิตฺตวิปลฺลาสโทเสน จ คูถภกฺขปาณาทโย อุมฺมตฺตกาทโย จ ปริเยเสยฺยุํ ทิฏฺิวิปลฺลาเสน จ โยนกาทโย น อารมฺมณสฺส ปริเยสิตพฺพสภาวตฺตา, อปริเยสิตพฺพสภาวตฺตา ปน เอตสฺส อนิฏฺมิจฺเจว นามนฺติ อตฺโถ.
สมฺปตฺติวิรหโตติ รูปาทีนํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติภเว กุสลกมฺมผลตา สมิทฺธโสภนตา จ สมฺปตฺติ, ตพฺพิรหโตติ อตฺโถ. ตโต เอว ตํ น ปริเยสิตพฺพนฺติ. โสภนานิ จ กานิจิ หตฺถิรูปาทีนิ อกุสลกมฺมนิพฺพตฺตานิ น เตสํเยว หตฺถิอาทีนํ สุขสฺส เหตุภาวํ คจฺฉนฺตีติ เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘อกนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส ตสฺเสว หิ สตฺตสฺส อตฺตนา กเตน กุสเลน นิพฺพตฺตํ สุขสฺส ปจฺจโย โหติ, อกุสเลน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขสฺส. ตสฺมา กมฺมชานํ อิฏฺานิฏฺตา กมฺมการกสตฺตสฺส วเสน โยชนารหา สิยา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กุสลกมฺมชํ อนิฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ อิทเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อกุสลกมฺมชํ อิฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ. เตน อกุสลกมฺมชมฺปิ โสภนํ ปรสตฺตานํ อิฏฺนฺติ อนฺุาตํ ภวิสฺสติ. กุสลกมฺมชํ ปน สพฺเพสํ อิฏฺเมวาติ วทนฺติ. ติรจฺฉานคตานํ ปน เกสฺจิ มนุสฺสรูปํ อมนาปํ, ยโต เต ทิสฺวาว ปลายนฺติ. มนุสฺสา จ เทวตารูปํ ทิสฺวา ภายนฺติ, เตสมฺปิ วิปากวิฺาณํ ตํ รูปํ อารพฺภ กุสลวิปากํ อุปฺปชฺชติ, ตาทิสสฺส ปน ปฺุสฺส อภาวา น เตสํ ตตฺถ อภิรติ โหตีติ อธิปฺปาโย. กุสลกมฺมชสฺส ปน อนิฏฺสฺสาภาโว วิย อกุสลกมฺมชสฺส โสภนสฺส อิฏฺสฺส อภาโว วตฺตพฺโพ. หตฺถิอาทีนมฺปิ หิ อกุสลกมฺมชํ มนุสฺสานํ อกุสลวิปากสฺเสว อารมฺมณํ, กุสลกมฺมชํ ปน ปวตฺเต สมุฏฺิตํ กุสลวิปากสฺส. อิฏฺารมฺมเณน ปน โวมิสฺสกตฺตา อปฺปกํ อกุสลกมฺมชํ พหุลํ อกุสลวิปากุปฺปตฺติยา การณํ น ภวิสฺสตีติ สกฺกา วตฺตุนฺติ. วิปากํ ปน กตฺถจิ น สกฺกา วฺเจตุนฺติ วิปากวเสน อิฏฺานิฏฺารมฺมณววตฺถานํ สุฏฺุ วุตฺตํ. ตสฺมา ตํ อนุคนฺตฺวา สพฺพตฺถ อิฏฺานิฏฺตา โยเชตพฺพา.
อนิฏฺา ปฺจ กามคุณาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘จกฺขุวิฺเยฺยานิ รูปานิ อิฏฺานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖; ๒.๑๕๕; ๓.๑๙๐; สํ. นิ. ๕.๓๐) เอวมาทินา อิฏฺาเนว รูปาทีนิ ‘‘กามคุณา’’ติ วุตฺตานีติ? กามคุณสทิเสสุ ¶ กามคุณโวหารโต, สทิสตา จ รูปาทิภาโวเยว ¶ , น อิฏฺตา. ‘‘อนิฏฺา’’ติ วา วจเนน อกามคุณตา ทสฺสิตาติ กามคุณวิสภาคา รูปาทโย ‘‘กามคุณา’’ติ วุตฺตา อสิเว ‘‘สิวา’’ติ โวหาโร วิย. สพฺพานิ วา อิฏฺานิฏฺานิ รูปาทีนิ ตณฺหาวตฺถุภาวโต กามคุณาเยว. วุตฺตฺหิ ‘‘รูปา โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓). อติสเยน ปน กามนียตฺตา สุตฺเตสุ ‘‘กามคุณา’’ติ อิฏฺานิ รูปาทีนิ วุตฺตานีติ.
ทฺวีสุปิ หีนปณีตปเทสุ ‘‘อกุสลกมฺมชวเสน กุสลกมฺมชวเสนา’’ติ วจนํ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตาน’’นฺติ สตฺตวเสน นิยเมตฺวา วิภชิตตฺตา, อยฺจตฺโถ ‘‘เตสํ เตส’’นฺติ อวยวโยเค สามิวจนํ กตฺวา วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. สตฺตสนฺตานปริยาปนฺเนสุ กมฺมชํ วิสิฏฺนฺติ ‘‘กมฺมชวเสนา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ ปน เตหิ เตหีติ เอตสฺมึ อตฺเถ เตสํ เตสนฺติ สามิวจนํ, วิสยวิสยีสมฺพนฺเธ วา, น กมฺมชวเสเนว รูปาทีนิ วิภตฺตานิ, สพฺเพสํ ปน อินฺทฺริยพทฺธานํ วเสน วิภตฺตานีติ วิฺายนฺติ. เอตฺถ จ ปากเฏหิ รูปาทีหิ นโย ทสฺสิโตติ จกฺขาทีสุปิ หีนปณีตตา โยเชตพฺพา.
มนาปปริยนฺตนฺติ มนาปํ ปริยนฺตํ มริยาทาภูตํ ปฺจสุ กามคุเณสุ วทามีติ อตฺโถ. กึ การณนฺติ? ยสฺมา เต เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เอกจฺจสฺส อมนาปา, ยสฺส เยว มนาปา, ตสฺส เตว ปรมา, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยวเสน กามคุณานํ ปรมตา โหติ, น เตสํเยว สภาวโต.
เอวนฺติ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺตนเยน. เอกสฺมึเยว อสฺสาทนกุชฺฌนโต อารมฺมณสภาวสฺเสว อิฏฺานิฏฺาภาวโต อนิฏฺํ ‘‘อิฏฺ’’นฺติ คหณโต จ, อิฏฺํ ‘‘อนิฏฺ’’นฺติ คหณโต จ อิฏฺานิฏฺํ นาม ปาฏิเยกฺกํ ปฏิวิภตฺตํ นตฺถีติ อตฺโถ. สฺาวิปลฺลาเสน จาติอาทินา นิพฺพาเน วิย อฺเสุ อารมฺมเณสุ สฺาวิปลฺลาเสน อิฏฺานิฏฺคฺคหณํ โหติ. ปิตฺตุมฺมตฺตาทีนํ ขีรสกฺกราทีสุ โทสุสฺสทสมุฏฺิตสฺาวิปลฺลาสวเสน ติตฺตคฺคหณํ วิยาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย มนาปปริยนฺตตา วุตฺตาติ ทสฺเสติ.
วิภตฺตํ ¶ อตฺถีติ จ ววตฺถิตํ อตฺถีติ อตฺโถ, อฏฺกถาจริเยหิ วิภตฺตํ ปกาสิตนฺติ วา. ตฺจ มชฺฌิมกสตฺตสฺส วเสน ววตฺถิตํ ปกาสิตฺจ, อฺเสฺจ วิปลฺลาสวเสน อิทํ อิฏฺํ ¶ อนิฏฺฺจ โหตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ววตฺถิตสฺส ปนิฏฺานิฏฺสฺส อนิฏฺํ อิฏฺนฺติ จ คหเณ น เกวลํ สฺาวิปลฺลาโสว การณํ, ธาตุกฺโขภวเสน อินฺทฺริยวิการาปตฺติอาทินา กุสลากุสลวิปากุปฺปตฺติเหตุภาโวปีติ สกฺกา วตฺตุํ. ตถา หิ สีตุทกํ ฆมฺมาภิตตฺตานํ กุสลวิปากสฺส กายวิฺาณสฺส เหตุ โหติ, สีตาภิภูตานํ อกุสลวิปากสฺส. ตูลปิจุสมฺผสฺโส วเณ ทุกฺโข นิวเณ สุโข, มุทุตรุณหตฺถสมฺพาหนฺจ สุขํ อุปฺปาเทติ, เตเนว หตฺเถน ปหรณํ ทุกฺขํ, ตสฺมา วิปากวเสน อารมฺมณววตฺถานํ ยุตฺตํ.
กิฺจาปีติอาทินา สติปิ สฺาวิปลฺลาเส พุทฺธรูปทสฺสนาทีสุ กุสลวิปากสฺเสว คูถทสฺสนาทีสุ จ อกุสลวิปากสฺส อุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต เตน วิปาเกน อารมฺมณสฺส อิฏฺานิฏฺตํ ทสฺเสติ. วิชฺชมาเนปิ สฺาวิปลฺลาเส อารมฺมเณน วิปากนิยมทสฺสนํ อารมฺมณนิยมทสฺสนตฺถเมว กตนฺติ.
อปิจ ทฺวารวเสนปีติอาทินา ทฺวารนฺตเร ทุกฺขสฺส สุขสฺส จ ปจฺจยภูตสฺส ทฺวารนฺตเร สุขทุกฺขวิปากุปฺปาทนโต วิปาเกน อารมฺมณนิยมทสฺสเนน เอกสฺมึเยว จ ทฺวาเร สมานสฺเสว มณิรตนาทิโผฏฺพฺพสฺส สณิกํ ผุสเน โปถเน จ สุขทุกฺขุปฺปาทนโต วิปากวเสน อิฏฺานิฏฺตา ทสฺสิตาติ วิฺายติ.
เหฏฺิมนโยติ มชฺฌิมกสตฺตสฺส วิปากสฺส จ วเสน ววตฺถิตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ อฺุาต’’นฺติ (วิภ. ๖) จ อาทินา วุตฺตนโย. สมฺมุติมนาปนฺติ มชฺฌิมกสตฺตสฺส วิปากสฺส จ วเสน สมฺมตํ ววตฺถิตํ มนาปํ, ตํ ปน สภาเวเนว ววตฺถิตนฺติ อภินฺทิตพฺพโตว น ภินฺทตีติ อธิปฺปาโย. สฺาวิปลฺลาเสน เนรยิกาทีหิปิ ปุคฺคเลหิ มนาปนฺติ คหิตํ ปุคฺคลมนาปํ ‘‘ตํ ตํ วา ปนา’’ติอาทินา ภินฺทติ. เวมานิกเปตรูปมฺปิ อกุสลกมฺมชตฺตา กมฺมการณาทิทุกฺขวตฺถุภาวโต จ ‘‘มนุสฺสรูปโต หีน’’นฺติ วุตฺตํ.
๗. โอฬาริกรูปานํ ¶ วตฺถารมฺมณปฏิฆาตวเสน สุปริคฺคหิตตา, สุขุมานํ ตถา อภาวโต ทุปฺปริคฺคหิตตา จ โยเชตพฺพา. ทุปฺปริคฺคหฏฺเเนว ลกฺขณทุปฺปฏิวิชฺฌนตา ทฏฺพฺพา. ทสวิธนฺติ ‘‘ทูเร’’ติ อวุตฺตสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วุตฺตมฺปิ ปน โอกาสโต ทูเร โหติเยว.
เหฏฺิมนโยติ ¶ ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ…เป… อิทํ วุจฺจติ รูปํ สนฺติเก’’ติ (วิภ. ๗) เอวํ ลกฺขณโต ทฺวาทสหตฺถวเสน ววตฺถิตโอกาสโต จ ทสฺเสตฺวา นิยฺยาติตนโย. โส ลกฺขโณกาสวเสน ทูรสนฺติเกน สห คเหตฺวา นิยฺยาติตตฺตา ภินฺทมาโน มิสฺสกํ กโรนฺโต คโต. อถ วา ภินฺทมาโนติ สรูปทสฺสเนน ลกฺขณโต เยวาปนเกน โอกาสโตติ เอวํ ลกฺขณโต โอกาสโต จ วิสุํ กโรนฺโต คโตติ อตฺโถ. อถ วา ลกฺขณโต สนฺติกทูรานํ โอกาสโต ทูรสนฺติกภาวกรเณน สนฺติกภาวํ ภินฺทิตฺวา ทูรภาวํ, ทูรภาวฺจ ภินฺทิตฺวา สนฺติกภาวํ กโรนฺโต ปวตฺโตติ ‘‘ภินฺทมาโน คโต’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปนาติ ‘‘ตํ ตํ วา ปน รูปํ อุปาทาย อุปาทายา’’ติ อิธ ปุริมนเยน ลกฺขณโต ทูรํ โอกาสโต สนฺติกภาวกรเณน น ภินฺทติ ภควา, น จ โอกาสทูรโต วิสุํ กรเณน, นาปิ โอกาสทูเรน โวมิสฺสกกรเณนาติ อตฺโถ. กึ ปน กโรตีติ? โอกาสโต ทูรเมว ภินฺทติ. เอตฺถ ปน น ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ติธา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น หิ โอกาสโต ทูรํ ลกฺขณโต สนฺติกํ กโรติ, ลกฺขณโต วา วิสุํ เตน วา โวมิสฺสกนฺติ. โอกาสโต ทูรสฺส ปน โอกาสโตว สนฺติกภาวกรณํ อิธ ‘‘เภทน’’นฺติ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน น ลกฺขณโต ทูรํ ภินฺทตีติ เอตฺถาปิ วา น ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ติธา เภทสฺส อกรณํ วุตฺตํ, ลกฺขณโต สนฺติกทูรานํ ปน ลกฺขณโต อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกภาโว นตฺถีติ ลกฺขณโต ทูรสฺส ลกฺขณโตว สนฺติกภาวากรณํ ลกฺขณโต ทูรสฺส อเภทนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปุริมนโย วิย อยํ นโย น โหตีติ เอตฺตกเมว หิ เอตฺถ ทสฺเสตีติ ภินฺทมาโนติ เอตฺถ จ อฺถา เภทนํ วุตฺตํ, เภทนํ อิธ จ อฺถา วุตฺตนฺติ.
รูปกฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เวทนากฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา
๘. จกฺขาทโย ¶ ปสาทา โอฬาริกมโนมยตฺตภาวปริยาปนฺนา กายโวหารํ อรหนฺตีติ ตพฺพตฺถุกา อทุกฺขมสุขา ‘‘กายิกา’’ติ ปริยาเยน วุตฺตา, น กายปสาทวตฺถุกตฺตา. น หิ จกฺขาทโย กายปสาทา โหนฺตีติ. สนฺตติวเสน ขณาทิวเสน จาติ เอตฺถ อทฺธาสมยวเสน อตีตาทิภาวสฺส ¶ อวจนํ สุขาทิวเสน ภินฺนาย อตีตาทิภาววจนโต. น หิ สุขาเยว อทฺธาวเสน สมยวเสน จ อตีตาทิกา โหติ, ตถา ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา จ กายิกเจตสิกาทิภาเวน ภินฺนา. เตน เวทนาสมุทโย อทฺธาสมยวเสน อตีตาทิภาเวน วตฺตพฺพตํ อรหติ สมุทายสฺส เตหิ ปริจฺฉินฺทิตพฺพตฺตา, เวทเนกเทสา ปน เอตฺถ คหิตาติ เต สนฺตติขเณหิ ปริจฺเฉทํ อรหนฺติ ตตฺถ ตถาปริจฺฉินฺทิตพฺพานํ คหิตตฺตาติ. เอกสนฺตติยํ ปน สุขาทิอเนกเภทสพฺภาเวน เตสุ โย เภโท ปริจฺฉินฺทิตพฺพภาเวน คหิโต, ตสฺส เอกปฺปการสฺส ปากฏสฺส ปริจฺเฉทิกา ตํสหิตทฺวาราลมฺพนปฺปวตฺตา, อวิจฺเฉเทน ตทุปฺปาทเกกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ สนฺตติ ภวิตุํ อรหตีติ ตสฺส เภทนฺตรํ อนามสิตฺวา ปริจฺเฉทกภาเวน คหณํ กตํ. ลหุปริวตฺติโน วา ธมฺมา ปริวตฺตเนเนว ปริจฺเฉทํ อรหนฺตีติ สนฺตติขณวเสน ปริจฺเฉโท วุตฺโต. ปุพฺพนฺตาปรนฺตมชฺฌคตาติ เอเตน เหตุปจฺจยกิจฺจวเสน วุตฺตนยํ ทสฺเสติ.
๑๑. กิเลสคฺคิสมฺปโยคโต สทรถา. เอเตน สภาวโต โอฬาริกตํ ทสฺเสติ, ทุกฺขวิปากฏฺเนาติ เอเตน โอฬาริกวิปากนิปฺผาทเนน กิจฺจโต. กมฺมเวคกฺขิตฺตา กมฺมปฏิพทฺธภูตา จ กายกมฺมาทิพฺยาปารวิรหโต นิรุสฺสาหา วิปากา, สอุสฺสาหา จ กิริยา อวิปากา. สวิปากา จ สคพฺภา วิย โอฬาริกาติ ตพฺพิปกฺขโต อวิปากา สุขุมาติ วุตฺตา.
อสาตฏฺเนาติ อมธุรฏฺเน. เตน สาตปฏิปกฺขํ อนิฏฺสภาวํ ทสฺเสติ. ทุกฺขฏฺเนาติ ทุกฺขมฏฺเน. เตน ทุกฺขานํ สนฺตาปนกิจฺจํ ทสฺเสติ. ‘‘ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา, สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๘; สํ. นิ. ๔.๒๖๗) วจนโต อทุกฺขมสุขา ผรณสภาววิรหโต อสนฺตานํ กามราคปฏิฆานุสยานํ ¶ อนุสยนสฺส อฏฺานตฺตา สนฺตา, สุเข นิกนฺตึ ปริยาทาย อธิคนฺตพฺพตฺตา ปธานภาวํ นีตาติ ปณีตาติ. ตถา อนธิคนฺตพฺพา จ กามาวจรชาติอาทิสงฺกรํ อกตฺวา สมานชาติยํ าณสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตาทิเก สมานเภเท สุขโต ปณีตาติ โยเชตพฺพา. อุปพฺรูหิตานํ ธาตูนํ ปจฺจยภาเวน สุขา โขเภติ วิพาธิตานํ ปจฺจยภาเวน ทุกฺขา จ. อุภยมฺปิ กายํ พฺยาเปนฺตํ วิย อุปฺปชฺชตีติ ผรติ. มทยมานนฺติ มทํ กโรนฺตํ. ฉาทยมานนฺติ อิจฺฉํ อุปฺปาเทนฺตํ, อวตฺถรมานํ วา. ฆมฺมาภิตตฺตสฺส สีโตทกฆเฏน อาสิตฺตสฺส ยถา กาโย อุปพฺรูหิโต โหติ, เอวํ สุขสมงฺคิโนปีติ กตฺวา ‘‘อาสิฺจมานํ วิยา’’ติ วุตฺตํ. เอกตฺตนิมิตฺเตเยวาติ ปถวีกสิณาทิเก ¶ เอกสภาเว เอว นิมิตฺเต. จรตีติ นานาวชฺชเน ชวเน เวทนา วิย วิปฺผนฺทนรหิตตฺตา สุขุมา.
อธิปฺปาเย อกุสลตาย อโกวิโท. กุสลตฺติเก…เป… อาคตตฺตาติ ‘‘กุสลากุสลา เวทนา โอฬาริกา, อพฺยากตา เวทนา สุขุมา’’ติ เอวํ อาคตตฺตา. ภูมนฺตรเภเท ทสฺเสตุํ ‘‘ยมฺปี’’ติอาทิ อารทฺธํ. อิมินา นีหาเรนาติ เอเตน ‘‘กามาวจรสุขโต กามาวจรุเปกฺขา สุขุมา’’ติอาทินา สภาวาทิเภเทน จ โอฬาริกสุขุมภาวํ ตตฺร ตตฺเรว กเถนฺโต น ภินฺทตีติ นยํ ทสฺเสติ.
โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา, ตสฺมา เอกนฺตปณีเต หีนปณีตานํ อุทฺธฏตฺตา เอวเมว เอกนฺตหีเน จ ยถาสมฺภวํ หีนปณีตตา อุทฺธริตพฺพาติ อนฺุาตํ โหตีติ อุภยตฺถ ตทุทฺธรเณ น กุกฺกุจฺจายิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อกุสลานํ กุสลาทีหิ สุขุมตฺตาภาวโต ปาฬิยา อาคตสฺส อปริวตฺตนียภาเวน ‘‘เหฏฺิมนโย น โอโลเกตพฺโพ’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ, ตํตํวาปนวเสน กถเนปิ ปริวตฺตนํ นตฺถีติ น ปริวตฺตนํ สนฺธาย ‘‘เหฏฺิมนโย น โอโลเกตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ, เหฏฺิมนยสฺส ปน วุตฺตตฺตา อวุตฺตนยํ คเหตฺวา ‘‘ตํ ตํ วา ปนา’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตนฺติ ‘‘เหฏฺิมนโย น โอโลเกตพฺโพ’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺโพ. พหุวิปากา อกุสลา โทสุสฺสนฺนตาย โอฬาริกา, ตถา อปฺปวิปากา กุสลา. มนฺทโทสตฺตา อปฺปวิปากา อกุสลา สุขุมา, ตถา พหุวิปากา กุสลา จ. โอฬาริกสุขุมนิกนฺติวตฺถุภาวโต กามาวจราทีนํ โอฬาริกสุขุมตา ¶ . สาปีติ ภาวนามยาย เภทเนน ทานมยสีลมยานฺจ ปจฺเจกํ เภทนํ นยโต ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. สาปีติ วา ติวิธาปีติ โยเชตพฺพํ.
๑๓. ชาติอาทิวเสน อสมานโกฏฺาสตา วิสภาคฏฺโ. ทุกฺขวิปากตาทิวเสน อสทิสกิจฺจตา, อสทิสสภาวตา วา วิสํสฏฺโ, น อสมฺปโยโค. ยทิ สิยา, ทูรวิปริยาเยน สนฺติกํ โหตีติ สํสฏฺฏฺเน สนฺติกตา อาปชฺชติ, น จ เวทนาย เวทนาสมฺปโยโค อตฺถิ. สนฺติกปทวณฺณนาย จ ‘‘สภาคฏฺเน สริกฺขฏฺเน จา’’ติ วกฺขตีติ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
น ¶ ทูรโต สนฺติกํ อุทฺธริตพฺพนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, กึ ยถา สนฺติกโต อกุสลโต อกุสลา ทูเรติ อุทฺธรียติ, ตถา ตโต ทูรโต กุสลโต กุสลา สนฺติเกติ อุทฺธริตุํ น สกฺกาติ? น สกฺกา. ตถา หิ สติ กุสลา กุสลาย สนฺติเกติ กตฺวา สนฺติกโต สนฺติกตา เอว อุทฺธริตา สิยา, ตถา จ สติ สนฺติกสนฺติกตรตาวจนเมว อาปชฺชติ, อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกตาว อิธ วุจฺจติ, ตสฺมา ทูรโต ทูรุทฺธรณํ วิย สนฺติกโต สนฺติกุทฺธรณฺจ น สกฺกา กาตุํ ทูรทูรตรตาย วิย สนฺติกสนฺติกตรตาย จ อนธิปฺเปตตฺตา. อถ ปน วเทยฺย ‘‘น กุสลา กุสลาย เอว สนฺติเกติ อุทฺธริตพฺพา, อถ โข ยโต สา ทูเร, ตสฺสา อกุสลายา’’ติ, ตฺจ นตฺถิ. น หิ อกุสลาย กุสลา กทาจิ สนฺติเก อตฺถีติ. อถาปิ วเทยฺย ‘‘ยา อกุสลา กุสลาย สนฺติเก, สา ตโต ทูรโต กุสลโต อุทฺธริตพฺพา’’ติ, ตทปิ นตฺถิ. น หิ กุสเล อกุสลา อตฺถิ, ยา ตโต สนฺติเกติ อุทฺธริเยยฺย, ตสฺมา อิธ วุตฺตสฺส ทูรสฺส ทูรโต อจฺจนฺตวิสภาคตฺตา ทูเร สนฺติกํ นตฺถีติ น สกฺกา ทูรโต สนฺติกํ อุทฺธริตุํ, สนฺติเก ปนิธ วุตฺเต ภินฺเน ตตฺเถว ทูรํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘สนฺติกโต ปน ทูรํ อุทฺธริตพฺพ’’นฺติ.
อุปาทายุปาทาย ทูรโต จ สนฺติกํ น สกฺกา อุทฺธริตุํ. โลภสหคตาย โทสสหคตา ทูเร โลภสหคตา สนฺติเกติ หิ วุจฺจมาเน สนฺติกโตว สนฺติกํ อุทฺธริตํ โหติ. ตถา โทสสหคตาย โลภสหคตา ทูเร โทสสหคตา สนฺติเกติ เอตฺถาปิ ¶ สภาคโต สภาคนฺตรสฺส อุทฺธฏตฺตา, น จ สกฺกา ‘‘โลภสหคตาย โทสสหคตา ทูเร สา เอว จ สนฺติเก’’ติ วตฺตุํ โทสสหคตาย สนฺติกภาวสฺส อการณตฺตา, ตสฺมา วิสภาคตา เภทํ อคฺคเหตฺวา น ปวตฺตตีติ สภาคาพฺยาปกตฺตา ทูรตาย ทูรโต สนฺติกุทฺธรณํ น สกฺกา กาตุํ. น หิ โทสสหคตา อกุสลสภาคํ สพฺพํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตตีติ. สภาคตา ปน เภทํ อนฺโตคธํ กตฺวา ปวตฺตตีติ วิสภาคพฺยาปกตฺตา สนฺติกตาย สนฺติกโต ทูรุทฺธรณํ สกฺกา กาตุํ. อกุสลตา หิ โลภสหคตาทิสพฺพวิสภาคพฺยาปิกาติ. เตนาห ‘‘น ทูรโต สนฺติกํ อุทฺธริตพฺพ’’นฺติอาทิ.
เวทนากฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สฺากฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา
๑๗. จกฺขุสมฺผสฺสชา ¶ สฺาติ เอตฺถ ยทิปิ วตฺถุโต ผสฺสสฺส นามํ ผสฺสโต จ สฺาย, วตฺถุวิสิฏฺผสฺเสน ปน วิสิฏฺสฺา วตฺถุนา จ วิสิฏฺา โหติ ผสฺสสฺส วิย ตสฺสาปิ ตพฺพตฺถุกตฺตาติ ‘‘วตฺถุโต นาม’’นฺติ วุตฺตํ. ปฏิฆสมฺผสฺสชา สฺาติ เอตฺถาปิ ยถา ผสฺโส วตฺถารมฺมณปฏิฆฏฺฏเนน อุปฺปนฺโน, ตถา ตโต ชาตสฺาปีติ ‘‘วตฺถารมฺมณโต นาม’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ปฏิฆโช สมฺผสฺโส, ปฏิฆวิฺเยฺโย วา สมฺผสฺโส ปฏิฆสมฺผสฺโสติ อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิฺเยฺยภาเว วจนํ อธิกิจฺจ ปวตฺตา, วจนาธีนา วา อรูปกฺขนฺธา, อธิวจนํ วา เอเตสํ ปกาสนํ อตฺถีติ ‘‘อธิวจนา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตโตโช สมฺผสฺโส อธิวจนสมฺผสฺโส, สมฺผสฺโสเยว วา ยถาวุตฺเตหิ อตฺเถหิ อธิวจโน จ สมฺผสฺโส จาติ อธิวจนสมฺผสฺโส, อธิวจนวิฺเยฺโย วา สมฺผสฺโส อธิวจนสมฺผสฺโส, ตโต ตสฺมึ วา ชาตา อธิวจนสมฺผสฺสชา. ปฺจทฺวาริกสมฺผสฺเสปิ ยถาวุตฺโต อตฺโถ สมฺภวตีติ เตน ปริยาเยน ตโตชาปิ สฺา ‘‘อธิวจนสมฺผสฺสชา’’ติ วุตฺตา. ยถา ปน อฺปฺปการาสมฺภวโต มโนสมฺผสฺสชา นิปฺปริยาเยน ‘‘อธิวจนสมฺผสฺสชา’’ติ วุจฺจติ, น เอวํ อยํ ปฏิฆสมฺผสฺสชา อาเวณิกปฺปการนฺตรสมฺภวโตติ อธิปฺปาโย.
ยทิ ¶ เอวํ จตฺตาโร ขนฺธาปิ ยถาวุตฺตสมฺผสฺสโต ชาตตฺตา ‘‘อธิวจนสมฺผสฺสชา’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตา, สฺาว กสฺมา เอวํ วุตฺตาติ? ติณฺณํ ขนฺธานํ อตฺถวเสน อตฺตโน ปตฺตมฺปิ นามํ ยตฺถ ปวตฺตมาโน อธิวจนสมฺผสฺสช-สทฺโท นิรุฬฺหตาย ธมฺมาภิลาโป โหติ, ตสฺสา สฺาย เอว อาโรเปตฺวา สยํ นิวตฺตนํ โหติ. เตนาห ‘‘ตโย หิ อรูปิโน ขนฺธา’’ติอาทิ. อถ วา สฺาย ปฏิฆสมฺผสฺสชาติ อฺมฺปิ วิสิฏฺํ นามํ อตฺถีติ อธิวจนสมฺผสฺสชานามํ ติณฺณํเยว ขนฺธานํ ภวิตุํ อรหติ. เต ปน อตฺตโน นามํ สฺาย ทตฺวา นิวตฺตาติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘ตโย หิ อรูปิโน ขนฺธา’’ติอาทิ. ปฺจทฺวาริกสฺา โอโลเกตฺวาปิ ชานิตุํ สกฺกาติ อิทํ เตน เตนาธิปฺปาเยน หตฺถวิการาทิกรเณ ตทธิปฺปายวิชานนนิมิตฺตภูตา วิฺตฺติ วิย รชฺชิตฺวา โอโลกนาทีสุ รตฺตตาทิวิชานนนิมิตฺตํ โอโลกนํ จกฺขุวิฺาณวิสยสมาคเม ปากฏํ โหตีติ ตํสมฺปยุตฺตาย สฺายปิ ตถาปากฏภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ.
รชฺชิตฺวา ¶ โอโลกนาทิวเสน ปากฏา ชวนปฺปวตฺตา ภวิตุํ อรหตีติ เอติสฺสา อาสงฺกาย นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปสาทวตฺถุกา เอวา’’ติ อาห. อฺํ จินฺเตนฺตนฺติ ยํ ปุพฺเพ เตน จินฺติตํ าตํ, ตโต อฺํ จินฺเตนฺตนฺติ อตฺโถ.
สฺากฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สงฺขารกฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา
๒๐. เหฏฺิมโกฏิยาติ เอตฺถ ภุมฺมนิทฺเทโสว. ตตฺถ หิ ปธานํ ทสฺสิตนฺติ. ยทิ เอวํ อุปริมโกฏิยา ตํ น ทสฺสิตนฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อุปริมโกฏิคตภาเวน วินา เหฏฺิมโกฏิคตภาวาภาวโต. เหฏฺิมโกฏิ หิ สพฺพพฺยาปิกาติ. ทุติเย กรณนิทฺเทโส, เหฏฺิมโกฏิยา อาคตาติ สมฺพนฺโธ. ปุริเมปิ วา ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตฺจ ปธานสงฺขารทสฺสนวเสนาติ สมฺพนฺธกรเณน กรณนิทฺเทโสว. ตํสมฺปยุตฺตา สงฺขาราติ เอกูนปฺาสปฺปเภเท สงฺขาเร อาห. คหิตาว โหนฺติ ตปฺปฏิพทฺธตฺตา.
สงฺขารกฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
สมุคฺคม-สทฺโท ¶ สฺชาติยํ อาทิอุปฺปตฺติยํ นิรุฬฺโห. ตํตํปจฺจยสมาโยเค หิ ปุริมภวสงฺขาตา ปุริมนฺตโต อุทฺธงฺคมนํ สมุคฺคโม, สนฺธิยํ วา ปฏิสนฺธิยํ อุคฺคโม สมุคฺคโม. โส ปน ยตฺถ ปฺจกฺขนฺธา ปริปุณฺณา สมุคฺคจฺฉนฺติ, ตตฺเถว ทสฺสิโต. เอเตน นเยน อปริปุณฺณขนฺธสมุคฺคโม เอกโวการจตุโวกาเรสุ สกฺกา วิฺาตุนฺติ. อถ วา ยถาธิคตานํ ปฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ สห อุคฺคโม อุปฺปตฺติ สมุคฺคโม. เอตสฺมึ อตฺเถ วิกลุปฺปตฺติ อสงฺคหิตา โหติ. หิมวนฺตปฺปเทเส ชาติมนฺตเอฬกโลมํ ชาติอุณฺณา. สปฺปิมณฺฑพินฺทูติ เอวํ เอตฺถาปิ พินฺทุ-สทฺโท ¶ โยเชตพฺโพ. เอวํวณฺณปฺปฏิภาคนฺติ เอวํวณฺณํ เอวํสณฺานฺจ. ปฏิภชนํ วา ปฏิภาโค, สทิสตาภชนํ สทิสตาปตฺตีติ อตฺโถ. เอวํวิโธ วณฺณปฺปฏิภาโค เอตสฺสาติ เอวํวณฺณปฺปฏิภาคํ.
สนฺตติสีสานีติ สนฺตติมูลานิ, สนฺตติโกฏฺาสา วา. อเนกินฺทฺริยสมาหารภาวโต หิ ปธานงฺคํ ‘‘สีส’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ วตฺถุทสกาทิโกฏฺาสา อเนกรูปสมุทายภูตา ‘‘สีสานี’’ติ วุตฺตานีติ.
ปฺจกฺขนฺธา ปริปุณฺณา โหนฺตีติ คณนาปาริปูรึ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตสฺส ตสฺส ขนฺธสฺส ปริปุณฺณตํ. กมฺมสมุฏฺานปเวณิยา วุตฺตตฺตา ‘‘อุตุจิตฺตาหารชปเวณี จ เอตฺตกํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา โหตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพา สิยา, ตํ ปน ‘‘ปุพฺพาปรโต’’ติ เอตฺถ วกฺขตีติ อกเถตฺวา กมฺมชปเวณี จ น สพฺพา วุตฺตาติ อวุตฺตํ ทสฺเสตุํ โอปปาติกสมุคฺคโม นาม ทสฺสิโต. เอวํ…เป… ปฺจกฺขนฺธา ปริปุณฺณา โหนฺตีติ ปริปุณฺณายตนานํ วเสน นโย ทสฺสิโต, อปริปุณฺณายตนานํ ปน กามาวจรานํ รูปาวจรานํ ปริหีนายตนสฺส วเสน สนฺตติสีสหานิ เวทิตพฺพา.
ปุพฺพาปรโตติ อยํ วิจารณา น ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุปฺปตฺติยํ, อถ โข เตสํ รูปสมุฏฺาปเนติ ทฏฺพฺพา. ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวํ ปนา’’ติอาทิ. อปจฺฉาอปุเร อุปฺปนฺเนสูติ เอเตน สํสยการณํ ทสฺเสติ. สหุปฺปนฺเนสุ หิ อิทเมว ปมํ รูปํ สมุฏฺาเปติ, อิทํ ปจฺฉาติ อทสฺสิตํ น สกฺกา วิฺาตุํ. เอตฺถ จ ‘‘ปุพฺพาปรโต’’ติ เอติสฺสา วิจารณาย วตฺถุภาเวน ปฏิสนฺธิยํ อุปฺปนฺนา ปวตฺตา ปฺจกฺขนฺธา คหิตา. ตตฺถ จ นิทฺธารเณ ¶ ภุมฺมนิทฺเทโสติ ‘‘รูปํ ปมํ รูปํ สมุฏฺาเปตี’’ติ อาห. อฺถา ภาเวนภาวลกฺขณตฺเถ ภุมฺมนิทฺเทเส สติ รูปสฺส รูปสมุฏฺาปนกฺขเณ กมฺมสฺสปิ รูปสมุฏฺานํ วทนฺตีติ อุภยนฺติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. รูปารูปสนฺตติฺจ คเหตฺวา อยํ วิจารณา ปวตฺตาติ ‘‘รูปํ ปมํ รูปํ สมุฏฺาเปตี’’ติ วุตฺตํ. อฺถา ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอว วิชฺชมาเน คเหตฺวา วิจารณาย กริยมานาย อรูปสฺส รูปสมุฏฺาปนเมว นตฺถีติ ปุพฺพาปรสมุฏฺาปนวิจารณาว อิธ น อุปปชฺชตีติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. วตฺถุ อุปฺปาทกฺขเณ ทุพฺพลํ โหตีติ สพฺพรูปานํ อุปฺปาทกฺขเณ ทุพฺพลตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตทา หิ ตํ ปจฺฉาชาตปจฺจยรหิตํ อาหาราทีหิ จ อนุปตฺถทฺธนฺติ ‘‘ทุพฺพล’’นฺติ วุตฺตํ. กมฺมเวคกฺขิตฺตตฺตาติ ¶ อิทํ สติปิ ภวงฺคสฺส กมฺมชภาเว สายํ วิปากสนฺตติ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปุริมภวงฺคสมุฏฺาปกโต อฺเน กมฺมุนา ขิตฺตา วิย อปฺปติฏฺิตา, ตโต ปรฺจ สมานสนฺตติยํ อนนฺตรปจฺจยํ ปุเรชาตปจฺจยฺจ ลภิตฺวา ปติฏฺิตาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ปเวณี ฆฏิยตีติ จกฺขาทิวตฺถุสนฺตติ เอกสฺมึ วิชฺชมาเน เอว อฺสฺส นิโรธุปฺปตฺติวเสน ฆฏิยติ, น จุติปฏิสนฺธินิสฺสยวตฺถูนํ วิย วิจฺเฉทปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. องฺคโตติ ฌานงฺคโต. ฌานงฺคานิ หิ จิตฺเตน สห รูปสมุฏฺาปกานิ, เตสํ อนุพลทายกานิ มคฺคงฺคาทีนิ เตสุ วิชฺชมาเนสุ วิเสสรูปปฺปวตฺติทสฺสนโต. อถ วา ยานิ จิตฺตงฺคานิ เจตนาทีนิ จิตฺตสฺส รูปสมุฏฺาปเน องฺคภาวํ สหายภาวํ คจฺฉนฺติ, เตสํ พลทายเกหิ ฌานงฺคาทีหิ อปริหีนนฺติ อตฺโถ. ตโต ปริหีนตฺตา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ รูปํ น สมุฏฺาเปนฺตีติ. โย ปน วเทยฺย ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สหชาตวตฺถุ ตสฺส ิติกฺขเณ จ ภงฺคกฺขเณ จ ปุเรชาตนฺติ กตฺวา ปจฺจยเวกลฺลาภาวโต ตสฺมึ ขณทฺวเย รูปํ สมุฏฺาเปตู’’ติ, ตํ นิวาเรนฺโต อาห ‘‘ยทิ หิ จิตฺต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ิติภงฺคกฺขเณสุปิ เตสํ ธมฺมานํ วตฺถุ ปุเรชาตํ น โหตีติ น วตฺตพฺพเมเวตนฺติ อนุชานิ, ตตฺถาปิ โทสํ ทสฺเสติ. ยทิ ตทา รูปํ สมุฏฺาเปยฺย, ตว มเตน ปฏิสนฺธิจิตฺตมฺปิ สมุฏฺาเปยฺย, ตทา ปน รูปุปฺปาทนเมว นตฺถิ. ยทา จ รูปุปฺปาทนํ, ตทา อุปฺปาทกฺขเณ ตว มเตนปิ ปจฺจยเวกลฺลเมว ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปุเรชาตนิสฺสยาภาวโต, ตสฺมา ปฏิสนฺธิจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. อุปฺปาทกฺขเณ อฏฺ รูปานิ คเหตฺวา ¶ อุฏฺหติ. กสฺมา? อรูปธมฺมานํ อนนฺตราทิปจฺจยวเสน สเวคานํ ปริปุณฺณพลานเมว อุปฺปตฺติโต.
อวิสยตายาติ อคตปุพฺพสฺส คามสฺส อาคนฺตุกสฺส อวิสยภาวโต. อปฺปหุตตายาติ ตตฺถ ตสฺส อนิสฺสรภาวโต. จิตฺตสมุฏฺาน…เป… ิตานีติ อิทํ เยหากาเรหิ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ จิตฺตเจตสิกา ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ สพฺเพหิ ปฏิสนฺธิยํ จิตฺตเจตสิกา สมตึสกมฺมชรูปานํ ยถาสมฺภวํ ปจฺจยา โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
วฏฺฏมูลนฺติ ตณฺหา อวิชฺชา วุจฺจติ. จุติจิตฺเตน อุปฺปชฺชมานํ รูปํ ตโต ปุริมตเรหิ อุปฺปชฺชมานํ วิย น ภวนฺตเร อุปฺปชฺชตีติ วฏฺฏมูลสฺส วูปสนฺตตฺตา อนุปฺปตฺติ วิจาเรตพฺพา.
รูปสฺส ¶ นตฺถิตายาติ รูปานํ นิสฺสรณตฺตา อรูปสฺส, วิราควเสน ปหีนตฺตา อุปฺปาเทตพฺพสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. รูโปกาเส วา รูปํ อตฺถีติ กตฺวา รูปปจฺจยานํ รูปุปฺปาทนํ โหติ, อรูปํ ปน รูปสฺส โอกาโส น โหตีติ ยสฺมึ รูเป สติ จิตฺตํ อฺํ รูปํ อุปฺปาเทยฺย, ตเทว ตตฺถ นตฺถีติ อตฺโถ. ปุริมรูปสฺสปิ หิ ปจฺจยภาโว อตฺถิ ปุตฺตสฺส ปิติสทิสตาทสฺสนโตติ.
อุตุ ปน ปมํ รูปํ สมุฏฺาเปติ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขเณ สมุฏฺาปนโตติ อธิปฺปาโย. อุตุ นาม เจส ทนฺธนิโรโธติอาทิ อุตุสฺส านกฺขเณ อุปฺปาทเน การณทสฺสนตฺถํ อรูปานํ อุปฺปาทกาลทสฺสนตฺถฺจ วุตฺตํ. ทนฺธนิโรธตฺตา หิ โส ิติกฺขเณ พลวาติ ตทา รูปํ สมุฏฺาเปติ, ตสฺมึ ธรนฺเต เอว ขิปฺปนิโรธตฺตา โสฬสสุ จิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ ปฏิสนฺธิอนนฺตรํ จิตฺตํ อุตุนา สมุฏฺิเต รูเป ปุน สมุฏฺาเปตีติ อธิปฺปาโย. ตสฺมึ ธรนฺเต เอว โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺตีติ เอเตน ปน วจเนน ยทิ อุปฺปาทนิโรธกฺขณา ธรมานกฺขเณ เอว คหิตา, ‘‘โสฬสจิตฺตกฺขณายุกํ รูป’’นฺติ วุตฺตํ โหติ, อถุปฺปาทกฺขณํ อคฺคเหตฺวา นิโรธกฺขโณว คหิโต, ‘‘สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุก’’นฺติ, สเจ นิโรธกฺขณํ อคฺคเหตฺวา อุปฺปาทกฺขโณ คหิโต, ‘‘อธิกโสฬสจิตฺตกฺขณายุก’’นฺติ, ยทิ ปน อุปฺปาทนิโรธกฺขณา ธรมานกฺขเณ น คหิตา, ‘‘อธิกสตฺตรสจิตฺตกฺขณายุก’’นฺติ. ยสฺมา ปน ‘‘เตสุ ปฏิสนฺธิอนนฺตร’’นฺติ ¶ ปฏิสนฺธิปิ ตสฺส ธรมานกฺขเณ อุปฺปนฺเนสุ คหิตา, ตสฺมา อุปฺปาทกฺขโณ ธรมานกฺขเณ คหิโตติ นิโรธกฺขเณ อคฺคหิเต อธิกโสฬสจิตฺตกฺขณายุกตา วกฺขมานา, คหิเต วา โสฬสจิตฺตกฺขณายุกตา อธิปฺเปตาติ เวทิตพฺพา.
โอชา ขราติ สวตฺถุกํ โอชํ สนฺธายาห. สภาวโต สุขุมาย หิ โอชาย วตฺถุวเสน อตฺถิ โอฬาริกสุขุมตาติ.
จิตฺตฺเจวาติ จิตฺตสฺส ปุพฺพงฺคมตาย วุตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตกาปิ ปน รูปสมุฏฺาปกา โหนฺตีติ. ยถาห ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๑). จิตฺตนฺติ วา จิตฺตุปฺปาทํ คณฺหาติ, น กมฺมเจตนํ วิย เอกธมฺมเมว อวิชฺชมานํ. กมฺมสมุฏฺานฺจ ตํสมฺปยุตฺเตหิปิ สมุฏฺิตํ โหตูติ เจ? น, เตหิ สมุฏฺิตภาวสฺส อวุตฺตตฺตา, อวจนฺจ เตสํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยภาวาภาวโต.
อทฺธานปริจฺเฉทโตติ ¶ กาลปริจฺเฉทโต. ตตฺถ ‘‘สตฺตรส จิตฺตกฺขณา รูปสฺส อทฺธา, รูปสฺส สตฺตรสโม ภาโค อรูปสฺสา’’ติ เอโส อทฺธานปริจฺเฉโท อธิปฺเปโต. ปฏิสนฺธิกฺขเณติ อิทํ นยทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ตโต ปรมฺปิ รูปารูปานํ สหุปฺปตฺติสพฺภาวโต, น ปเนตํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ อสหุปฺปตฺติอภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติภงฺคกฺขเณสุปิ รูปุปฺปตฺตึ สยเมว วกฺขตีติ. ผลปฺปตฺตนิทสฺสเนน จ รูปารูปานํ อสมานกาลตํ นิทสฺเสติ, น สหุปฺปาทํ ตทตฺถํ อนารทฺธตฺตา. สหุปฺปาเทน ปน อสมานกาลตา สุขทีปนา โหตีติ ตํทีปนตฺถเมว สหุปฺปาทคฺคหณํ.
ยทิ เอวํ รูปารูปานํ อสมานทฺธตฺตา อรูปํ โอหาย รูปสฺส ปวตฺติ อาปชฺชตีติ เอตสฺสา นิวารณตฺถมาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. เอกปฺปมาณาวาติ นิรนฺตรํ ปวตฺตมาเนสุ รูปารูปธมฺเมสุ นิจฺฉิทฺเทสุ อรูปรหิตํ รูปํ, รูปรหิตํ วา อรูปํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ. อยฺจ กถา ปฺจโวกาเร กมฺมชรูปปฺปวตฺตึ นิพฺพานปฏิภาคนิโรธสมาปตฺติรหิตํ สนฺธาย กตาติ ทฏฺพฺพา. ปเท ปทนฺติ อตฺตโน ปเท เอว ปทํ นิกฺขิปนฺโต วิย ลหุํ ลหุํ อกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. อโนหายาติ ยาว จุติ, ตาว ¶ อวิชหิตฺวา, จุติกฺขเณ ปน สเหว นิรุชฺฌนฺตีติ. ยสฺมิฺจทฺธาเน อฺมฺํ อโนหาย ปวตฺติ, โส จ ปฏิสนฺธิจุติปริจฺฉินฺโน อุกฺกํสโต เอเตสํ อทฺธาติ. เอวนฺติ เอเตน ปุพฺเพ วุตฺตํ อวกํสโต อทฺธาปการํ อิมฺจ สงฺคณฺหาตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอกุปฺปาทนานานิโรธโตติ เอตํ ทฺวยมปิ สห คเหตฺวา รูปารูปานํ ‘‘เอกุปฺปาทนานานิโรธโต’’ติ เอโก ทฏฺพฺพากาโร วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. เอวํ อิโต ปเรสุปิ. ปจฺฉิมกมฺมชํ เปตฺวาติ ตสฺส จุติจิตฺเตน สห นิรุชฺฌนโต นานานิโรโธ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ตสฺส ปน เอกุปฺปาโทปิ นตฺถิ เหฏฺา โสฬสเก ปจฺฉิมสฺส ภงฺคกฺขเณ อุปฺปตฺติวจนโต. ยทิ ปน ยสฺส เอกุปฺปาทนานานิโรธา ทฺเวปิ น สนฺติ, ตํ เปตพฺพํ. สพฺพมฺปิ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ เปตพฺพํ สิยา, ปจฺฉิมกมฺมชสฺส ปน อุปฺปตฺติโต ปรโต จิตฺเตสุ ปวตฺตมาเนสุ กมฺมชรูปสฺส อนุปฺปตฺติโต วชฺเชตพฺพํ คเหตพฺพฺจ ตทา นตฺถีติ ‘‘ปจฺฉิมกมฺมชํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตโต ปุพฺเพ ปน อฏฺจตฺตาลีสกมฺมชรูปปเวณี อตฺถีติ ตตฺถ ยํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ, ตํ อฺสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌตีติ ‘‘เอกุปฺปาทนานานิโรธ’’นฺติ คเหตฺวา ิติภงฺคกฺขเณสุ อุปฺปนฺนรูปานิ วชฺเชตฺวา เอวํ เอกุปฺปาทนานานิโรธโต เวทิตพฺพาติ โยชนา ¶ กตาติ ทฏฺพฺพา. ตฺหิ รูปํ อรูเปน, อรูปฺจ เตน เอกุปฺปาทนานานิโรธนฺติ. ตตฺถ สงฺขลิกสฺส วิย สมฺพนฺโธ ปเวณีติ กตฺวา อฏฺจตฺตาลีสกมฺมชิยวจนํ กตํ, อฺถา เอกูนปฺาสกมฺมชิยวจนํ กตฺตพฺพํ สิยา.
นานุปฺปาท…เป… ปจฺฉิมกมฺมเชน ทีเปตพฺพาติ เตน สุทีปนตฺตา วุตฺตํ. เอเตน หิ นเยน สกฺกา ตโต ปุพฺเพปิ เอกสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนรูปํ อฺสฺสปิ ภงฺคกฺขเณ เอว นิรุชฺฌตีติ ตํ อรูเปน, อรูปฺจ เตน นานุปฺปาทํ เอกนิโรธนฺติ วิฺาตุนฺติ. อุภยตฺถาปิ ปน อฺสฺส จิตฺตสฺส ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ รูปํ อฺสฺส ิติกฺขเณ, ตสฺส ิติกฺขเณ อุปฺปชฺชิตฺวา ิติกฺขเณ เอว นิรุชฺฌนกํ อรูปฺจ น สงฺคหิตํ, ตํ ‘‘นานุปฺปาทโต นานานิโรธโต’’ติ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. จตุสนฺตติกรูเปน หิ นานุปฺปาทนานานิโรธตาทีปนา เอตฺถ ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนสฺส ทสฺสิตตฺตา อทสฺสิตสฺส วเสน นยทสฺสนํ โหตีติ. สมตึสกมฺมชรูเปสุ เอว ิตสฺสปิ คพฺเภ คตสฺส มรณํ อตฺถีติ เตสํ เอว วเสน ปจฺฉิมกมฺปิ โยชิตํ. อมรา นาม ภเวยฺยุํ, กสฺมา? ยถา ฉนฺนํ วตฺถูนํ ปวตฺติ ¶ , เอวํ ตทุปฺปาทกกมฺเมเนว ภวงฺคาทีนฺจ ตพฺพตฺถุกานํ ปวตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ. น หิ ตํ การณํ อตฺถิ, เยน ตํ กมฺมเชสุ เอกจฺจํ ปวตฺเตยฺย, เอกจฺจํ น ปวตฺเตยฺยาติ. ตสฺมา อายุอุสฺมาวิฺาณาทีนํ ชีวิตสงฺขารานํ อนูนตฺตา วุตฺตํ ‘‘อมรา นาม ภเวยฺยุ’’นฺติ.
‘‘อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฺสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌติ, ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฺสฺส ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฺสฺส ภงฺคกฺขเณ นิรุชฺฌตี’’ติ อิทํ อฏฺกถายํ อาคตตฺตา วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อตฺตโน ปนาธิปฺปายํ อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นิโรธกฺขเณ, ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนฺจ อุปฺปาทกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ ิติกฺขเณ นิรุชฺฌตีติ ทีเปติเยว. เอวฺจ กตฺวา อทฺธานปริจฺเฉเท ‘‘ตํ ปน สตฺตรสเมน จิตฺเตน สทฺธึ นิรุชฺฌตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๖ ปกิณฺณกกถา) วุตฺตํ. อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌติ, กสฺมา? จตุสมุฏฺานิกรูปสฺสปิ สมานายุกตาย ภวิตพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยถา ปน เอเตหิ โยชิตํ, ตถา รูปสฺส เอกุปฺปาทนานานิโรธตา นานุปฺปาเทกนิโรธตา จ นตฺถิเยว.
ยา ปน เอเตหิ รูปสฺส สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตา วุตฺตา, ยา จ อฏฺกถายํ ตติยภาคาธิกโสฬสจิตฺตกฺขณายุกตา, สา ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) อตีตารมฺมณาย ¶ จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ ปฏิสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตาวตา เอกาทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ, ตถา ปฺจทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ, อถาวเสสปฺจจิตฺตเอกจิตฺตกฺขณายุเก ตสฺมึ เยวารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ ทสฺสิเตน โสฬสจิตฺตกฺขณายุกภาเวน วิรุชฺฌติ. น หิ สกฺกา ‘‘ิติกฺขเณ เอว รูปํ อาปาถมาคจฺฉตี’’ติ วตฺตุํ. ตถา หิ สติ น รูปสฺส เอกาทส วา ปฺจทเสว วา จิตฺตกฺขณา อตีตา, อถ โข อติเรกเอกาทสปฺจทสจิตฺตกฺขณา. ตสฺมา ยทิปิ ปฺจทฺวาเร ิติปฺปตฺตเมว รูปํ ปสาทํ ฆฏฺเฏตีติ ยุชฺเชยฺย, มโนทฺวาเร ปน อุปฺปาทกฺขเณปิ อาปาถมาคจฺฉตีติ อิจฺฉิตพฺพเมตํ. น หิ มโนทฺวาเร อตีตาทีสุ กิฺจิ อาปาถํ นาคจฺฉตีติ. มโนทฺวาเร จ เอวํ วุตฺตํ ‘‘เอกาทส จิตฺตกฺขณา อตีตา, อถาวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗).
โย เจตฺถ จิตฺตสฺส ิติกฺขโณ วุตฺโต, โส จ อตฺถิ นตฺถีติ วิจาเรตพฺโพ. จิตฺตยมเก (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๑๐๒) หิ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุปฺปชฺชมานนฺติ? ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ, โน ¶ จ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ. ตถา ‘‘นุปฺปชฺชมานํ นุปฺปนฺนนฺติ? ภงฺคกฺขเณ นุปฺปชฺชมานํ, โน จ นุปฺปนฺน’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ. เอวํ ‘‘น นิรุทฺธํ น นิรุชฺฌมานํ, น นิรุชฺฌมานํ น นิรุทฺธ’’นฺติ เอเตสํ ปริปุณฺณวิสฺสชฺชเน ‘‘อุปฺปาทกฺขเณ อนาคตฺจา’’ติ วตฺวา ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ, อติกฺกนฺตกาลวาเร จ ‘‘ภงฺคกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ วีติกฺกนฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ ิติกฺขณาภาวํ จิตฺตสฺส ทีเปติ. สุตฺเตสุปิ หิ ‘‘ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ ตสฺเสว (สํ. นิ. ๓.๓๘; อ. นิ. ๓.๔๗) เอกสฺส อฺถตฺตาภาวโต ‘‘ยสฺสา อฺถตฺตํ ปฺายติ, สา สนฺตติิตี’’ติ น น สกฺกา วตฺตุนฺติ, วิชฺชมานํ วา ขณทฺวยสมงฺคึ ิตนฺติ.
โย เจตฺถ จิตฺตนิโรธกฺขเณ รูปุปฺปาโท วุตฺโต, โส จ วิจาเรตพฺโพ ‘‘ยสฺส วา ปน สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ? โนติ วุตฺต’’นฺติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๓๖). โย จ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ รูปนิโรโธ วุตฺโต, โส จ วิจาเรตพฺโพ ‘‘ยสฺส กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส อพฺยากตา ธมฺมา นิรุชฺฌนฺตีติ? โนติอาทิ (ยม. ๓.ธมฺมยมก.๑๖๓) วุตฺต’’นฺติ. น จ จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว สนฺธาย ปฏิกฺเขโป กโตติ สกฺกา วตฺตุํ ¶ จิตฺตสมุฏฺานรูปาธิการสฺส อภาวา, อพฺยากตสทฺทสฺส จ จิตฺตสมุฏฺานรูเปสฺเวว อปฺปวตฺติโต. ยทิ สงฺขารยมเก กายสงฺขารสฺส จิตฺตสงฺขาเรน สหุปฺปาเทกนิโรธวจนโต อพฺยากต-สทฺเทน จิตฺตสมุฏฺานเมเวตฺถ คหิตนฺติ การณํ วเทยฺย, ตมฺปิ อการณํ. น หิ เตน วจเนน อฺรูปานํ จิตฺเตน สหุปฺปาทสหนิโรธปฏิกฺเขโป กโต, นาปิ นานุปฺปาทนานานิโรธานุชานนํ, เนว จิตฺตสมุฏฺานโต อฺสฺส อพฺยากตภาวนิวารณฺจ กตํ, ตสฺมา ตถา อปฺปฏิกฺขิตฺตานานฺุาตานิวาริตาพฺยากตภาวานํ สหุปฺปาทสหนิโรธาทิกานํ กมฺมชาทีนํ เอเตน จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิโรโธ ปฏิกฺขิตฺโตติ น สกฺกา กมฺมชาทีนํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิโรธํ วตฺตุํ. ยมกปาฬิอนุสฺสรเณ จ สติ อุปฺปาทานนฺตรํ จิตฺตสฺส ภิชฺชมานตาติ ตสฺมึ ขเณ จิตฺตํ น จ รูปํ สมุฏฺาเปติ วินสฺสมานตฺตา, นาปิ จ อฺสฺส รูปสมุฏฺาปกสฺส สหายภาวํ คจฺฉตีติ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สหุปฺปนฺโน อุตุ ตทนนฺตรสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ รูปํ สมุฏฺาเปยฺย. เอวฺจ สติ รูปารูปานํ อาทิมฺหิ สห รูปสมุฏฺาปนโต ปุพฺพาปรโตติ อิทมฺปิ นตฺถิ, อติลหุปริวตฺตฺจ ¶ จิตฺตนฺติ เยน สหุปฺปชฺชติ, ตํ จิตฺตกฺขเณ รูปํ อุปฺปชฺชมานเมวาติ สกฺกา วตฺตุํ. เตเนว หิ ตํ ปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อจิตฺตสมุฏฺานานํ อตฺตนา สห อุปฺปชฺชมานานํ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ, ตทนนฺตรฺจ ตํ ิติปฺปตฺตนฺติ ตทนนฺตรํ จิตฺตํ ตสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจโย โหติ, น สหชาตปจฺจโยติ. ยทิ เอวํ ‘‘ยสฺส กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วจีสงฺขาโร นิรุชฺฌตีติ? โน’’ติ (ยม. ๒.สงฺขารยมก.๑๒๘), วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, จิตฺตนิโรธกฺขเณ รูปุปฺปาทารมฺภาภาวโตติ. นิปฺปริยาเยน หิ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เอว รูปํ อุปฺปชฺชมานํ โหติ, จิตฺตกฺขเณ ปน อวีติวตฺเต ตํ อตฺตโน รูปสมุฏฺาปนปุเรชาตปจฺจยกิจฺจํ น กโรติ, อรูปฺจ ตสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจโย น โหตีติ ิติปฺปตฺติวิเสสาลาภํ สนฺธาย ปริยาเยน อิทํ วุตฺตนฺติ.
ตโต ปรํ ปนาติ เอตสฺส ‘‘เอตฺถ ปน ยเทต’’นฺติอาทิกายปิ สงฺคหกถาย นิฏฺิตาย ปุริมกถาย สนฺนิฏฺานโต ‘‘ตโต ปฏฺาย กมฺมชรูปปเวณี น ปวตฺตตี’’ติ เอเตน สห สมฺพนฺโธติ จุติโต ปรนฺติ อตฺโถ.
รูปํ ปน รูเปน สหาติอาทินา ยถา อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตถา เอกุปฺปาเทกนิโรธตา รูปานํ อรูเปหิ, อรูปานํ รูเปหิ จ นตฺถีติ กตฺวา รูปานํ รูเปเหว, อรูปานฺจ อรูเปหิ โยชิตา.
สรีรสฺส ¶ รูปํ อวยวภูตนฺติ อตฺโถ, ฆนภูโต ปฺุชภาโว ฆนปฺุชภาโว, น ติลมุคฺคาทิปฺุชา วิย สิถิลสมฺพนฺธนานํ ปฺุโชติ อตฺโถ. เอกุปฺปาทาทิตาติ ยถาวุตฺเต ตโย ปกาเร อาห.
เหฏฺาติ รูปกณฺฑวณฺณนายํ. ปรินิปฺผนฺนาว โหนฺตีติ วิการรูปาทีนฺจ รูปกณฺฑวณฺณนายํ ปรินิปฺผนฺนตาปริยาโย วุตฺโตติ กตฺวา วุตฺตํ. ปรินิปฺผนฺนนิปฺผนฺนานํ โก วิเสโสติ? ปุพฺพนฺตาปรนฺตปริจฺฉินฺโน ปจฺจเยหิ นิปฺผาทิโต ติลกฺขณาหโต สภาวธมฺโม ปรินิปฺผนฺโน, นิปฺผนฺโน ปน อสภาวธมฺโมปิ โหติ นามคฺคหณสมาปชฺชนาทิวเสน นิปฺผาทิยมาโนติ. นิโรธสมาปตฺติ ปนาติ เอเตน สพฺพมฺปิ อุปาทาปฺตฺตึ ตเทกเทเสน ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กมาทิวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
ทสฺสเนน ¶ ปหาตพฺพาติอาทินา ปมํ ปหาตพฺพา ปมํ วุตฺตา, ทุติยํ ปหาตพฺพา ทุติยนฺติ อยํ ปหานกฺกโม. อนุปุพฺพปณีตา ภูมิโย อนุปุพฺเพน ววตฺถิตาติ ตาสํ วเสน เทสนาย ภูมิกฺกโม. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิโก (สํ. นิ. ๕.๓๗๒, ๓๘๒, ๓๘๓; วิภ. ๓๕๕) เอกกฺขเณปิ สติปฏฺานาทิสมฺภวโต เทสนากฺกโมว. ทานกถาทโย อนุปุพฺพุกฺกํสโต กถิตา, อุปฺปตฺติอาทิววตฺถานาภาวโต ปน ทานาทีนํ อิธ เทสนากฺกมวจนํ. เทสนากฺกโมติ จ ยถาวุตฺตววตฺถานาภาวโต อเนเกสํ วจนานํ สห ปวตฺติยา อสมฺภวโต เยน เกนจิ ปุพฺพาปริเยน เทเสตพฺพตฺตา เตน เตนาธิปฺปาเยน เทสนามตฺตสฺเสว กโม วุจฺจติ. อเภเทน หีติ รูปาทีนํ เภทํ อกตฺวา ปิณฺฑคฺคหเณนาติ อตฺโถ. จกฺขุอาทีนมฺปิ วิสยภูตนฺติ เอกเทเสน รูปกฺขนฺธํ สมุทายภูตํ วทติ. เอวนฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ) ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑-๒) จ วจนโต วิฺาณํ อธิปติ.
รูปกฺขนฺเธ ¶ ‘‘สาสวํ อุปาทานิย’’นฺติ วจนํ อนาสวานํ ธมฺมานํ สพฺภาวโต รูปกฺขนฺธสฺส ตํสภาวตานิวตฺตนตฺถํ, น อนาสวรูปนิวตฺตนตฺถนฺติ. อนาสวาว ขนฺเธสุ วุตฺตาติ เอตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท ทฏฺพฺโพ, อนาสวา ขนฺเธสฺเวว วุตฺตาติ อตฺโถ.
สพฺพสงฺขตานํ สภาเคน เอกชฺฌํ สงฺคโห สพฺพสงฺขตสภาเคกสงฺคโห. สภาคสภาเคน หิ สงฺคยฺหมานา สพฺพสงฺขตา ผสฺสาทโย ปฺจกฺขนฺธา โหนฺติ. ตตฺถ รุปฺปนาทิสามฺเน สมานโกฏฺาสา ‘‘สภาคา’’ติ เวทิตพฺพา. เตสุ สงฺขตาภิสงฺขรณกิจฺจํ อายูหนรสาย เจตนาย พลวนฺติ สา ‘‘สงฺขารกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตา, อฺเ จ รุปฺปนาทิวิเสสลกฺขณรหิตา ผสฺสาทโย สงฺขตาภิสงฺขรณสามฺเนาติ ทฏฺพฺพา. ผุสนาทโย ปน สภาวา วิสุํ ขนฺธ-สทฺทวจนียา น โหนฺตีติ ธมฺมสภาววิฺุนา ตถาคเตน ผสฺสขนฺธาทโย น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพาติ. ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตวาทา สสฺสตํ โลกฺจ ปฺเปนฺติ อตฺตานฺจ, สพฺเพ เต อิเมเยว ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ นิสฺสาย ปฏิจฺจ, เอเตสํ วา อฺตร’’นฺติอาทีนฺจ สุตฺตานํ วเสน อตฺตตฺตนิยคาหวตฺถุสฺส เอตปรมตา ทฏฺพฺพา, เอเตน จ วกฺขมานสุตฺตวเสน จ ขนฺเธ เอว นิสฺสาย ¶ ปริตฺตารมฺมณาทิวเสน น วตฺตพฺพา จ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, ขนฺธนิพฺพานวชฺชสฺส สภาวธมฺมสฺส อภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. อฺเสฺจ ขนฺธ-สทฺทวจนียานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ สพฺภาวโต น ปฺเจวาติ เอตํ โจทนํ นิวตฺเตตุมาห ‘‘อฺเสฺจ ตทวโรธโต’’ติ.
ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขตาวเสน เวทนาย อาพาธกตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ราคาทิสมฺปยุตฺตสฺส วิปริณามาทิทุกฺขสฺส อิตฺถิปุริสาทิอาการคฺคาหิกา ตํตํสงฺกปฺปมูลภูตา สฺา สมุฏฺานํ. โรคสฺส ปิตฺตาทีนิ วิย อาสนฺนการณํ สมุฏฺานํ, อุตุโภชนเวสมาทีนิ วิย มูลการณํ นิทานํ. ‘‘จิตฺตสฺสงฺคภูตา เจตสิกา’’ติ จิตฺตํ คิลานูปมํ วุตฺตํ, สุขสฺาทิวเสน เวทนาการณาย เหตุภาวโต เวทนาโภชนสฺส ฉาทาปนโต จ สฺา อปราธูปมา พฺยฺชนูปมา จ, ‘‘ปฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกาติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ อาสิวิสูปเม (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วธกาติ วุตฺตา, ‘‘ภาโรติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ ภารสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๒๒) ภาราติ, ‘‘อตีตํปาหํ อทฺธานํ รูเปน ขชฺชึ, เสยฺยถาปาหํ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺเนน รูเปน ขชฺชามิ, อหฺเจว โข ปน อนาคตํ รูปํ อภินนฺเทยฺยํ, อนาคเตนปาหํ รูเปน ขชฺเชยฺยํ. เสยฺยถาเปตรหิ ขชฺชามี’’ติอาทินา ขชฺชนียปริยาเยน (สํ. นิ. ๓.๗๙) ขาทกาติ ¶ , ‘‘โส อนิจฺจํ รูปํ ‘อนิจฺจํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทินา ยมกสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๘๕) อนิจฺจาทิกาติ. ยทิปิ อิมสฺมึ วิภงฺเค อวิเสเสน ขนฺธา วุตฺตา, พาหุลฺเลน ปน อุปาทานกฺขนฺธานํ ตทนฺโตคธานํ ทฏฺพฺพตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาติ.
เทสิตาทิจฺจพนฺธุนาติ เทสิตํ อาทิจฺจพนฺธุนา, เทสิตานิ วา. คาถาสุขตฺถํ อนุนาสิกโลโป, นิการโลโป วา กโต.
คเหตุํ น สกฺกาติ นิจฺจาทิวเสน คเหตุํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ.
รูเปน สณฺาเนน ผลกสทิโส ทิสฺสมาโน ขรภาวาภาวา ผลกกิจฺจํ น กโรตีติ ‘‘น สกฺกา ตํ คเหตฺวา ผลกํ วา อาสนํ วา กาตุ’’นฺติ อาห. น ตถา ติฏฺตีติ นิจฺจาทิกา น โหตีติ อตฺโถ, ตณฺหาทิฏฺีหิ วา นิจฺจาทิคฺคหณวเสน อุปฺปาทาทิอนนฺตรํ ภิชฺชนโต คหิตาการา หุตฺวา น ติฏฺตีติ อตฺโถ. โกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยาติ อิทํ ¶ น คณนปริจฺเฉททสฺสนํ, พหุภาวทสฺสนเมว ปเนตํ ทฏฺพฺพํ. อุทกชลฺลกนฺติ อุทกลสิกํ. ยถา อุทกตเล พินฺทุนิปาตชนิโต วาโต อุทกชลฺลกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฏํ กตฺวา ปุปฺผุฬํ นาม กโรติ, เอวํ วตฺถุมฺหิ อารมฺมณาปาถคมนชนิโต ผสฺโส อนุปจฺฉินฺนํ กิเลสชลฺลํ สหการีปจฺจยนฺตรภาเวน สงฺกฑฺฒิตฺวา เวทนํ นาม กโรติ. อิทฺจ กิเลเสหิ มูลการณภูเตหิ อารมฺมณสฺสาทนภูเตหิ จ นิพฺพตฺตํ วฏฺฏคตเวทนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วา จตฺตาโร ปจฺจยา วุตฺตา, อูเนหิปิ ปน อุปฺปชฺชเตว.
นานาลกฺขโณติ วณฺณคนฺธรสผสฺสาทีหิ นานาสภาโว. มายาย ทสฺสิตํ รูปํ ‘‘มายา’’ติ อาห. ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา อสุภาทิสภาวา เอว กิเลสาสุจิวตฺถุภาวาทิโตติ อสุภาทิโต ทฏฺพฺพา เอว. ตถาปิ กตฺถจิ โกจิ วิเสโส สุขคฺคหณีโย โหตีติ อาห ‘‘วิเสสโต จา’’ติอาทิ. ตตฺถ จตฺตาโร สติปฏฺานา จตุวิปลฺลาสปฺปหานกราติ เตสํ โคจรภาเวน รูปกฺขนฺธาทีสุ อสุภาทิวเสน ทฏฺพฺพตา วุตฺตา.
ขนฺเธหิ น วิหฺติ ปริวิทิตสภาวตฺตา. วิปสฺสโกปิ หิ เตสํ วิปตฺติยํ น ทุกฺขมาปชฺชติ, ขีณาสเวสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เต หิ อายติมฺปิ ขนฺเธหิ น พาธียนฺตีติ ¶ . กพฬีการาหารํ ปริชานาตีติ ‘‘อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๖-๕๗) วุตฺตตฺตา อชฺฌตฺติกรูเป ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ตสฺส สมุทยภูเต กพฬีการาหาเรปิ ฉนฺทราคํ ปชหตีติ อตฺโถ, อยํ ปหานปริฺา. อชฺฌตฺติกรูปํ ปน ปริคฺคณฺหนฺโต ตสฺส ปจฺจยภูตํ กพฬีการาหารมฺปิ ปริคฺคณฺหาตีติ าตปริฺา. ตสฺส จ อุทยวยานุปสฺสี โหตีติ ตีรณปริฺา จ โยเชตพฺพา. กามราคภูตํ อภิชฺฌํ สนฺธาย ‘‘อภิชฺฌากายคนฺถ’’นฺติ อาห. อสุภานุปสฺสนาย หิ กามราคปฺปหานํ โหตีติ. กามราคมุเขน วา สพฺพโลภปฺปหานํ วทติ. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ วุตฺตตฺตา อาหารปริชานเน วุตฺตนเยน ผสฺสปริชานนฺจ โยเชตพฺพํ.
สุขตฺถเมว ภวปตฺถนา โหตีติ เวทนาย ตณฺหํ ปชหนฺโต ภโวฆํ อุตฺตรติ. สพฺพํ เวทนํ ทุกฺขโต ปสฺสนฺโต อตฺตโน ปเรน อปุพฺพํ ทุกฺขํ อุปฺปาทิตํ, สุขํ ¶ วา วินาสิตํ น ปสฺสติ, ตโต ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทิอาฆาตวตฺถุปฺปหานโต พฺยาปาทกายคนฺถํ ภินฺทติ. ‘‘สุขพหุเล สุคติภเว สุทฺธี’’ติ คเหตฺวา โคสีลโควตาทีหิ สุทฺธึ ปรามสนฺโต สุขปตฺถนาวเสเนว ปรามสตีติ เวทนาย ตณฺหํ ปชหนฺโต สีลพฺพตุปาทานํ น อุปาทิยติ. มโนสฺเจตนา สงฺขารกฺขนฺโธว, สฺา ปน ตํสมฺปยุตฺตาติ สฺาสงฺขาเร อนตฺตโต ปสฺสนฺโต มโนสฺเจตนาย ฉนฺทราคํ ปชหติ เอว, ตฺจ ปริคฺคณฺหาติ ตีเรติ จาติ ‘‘สฺํ สงฺขาเร…เป… ปริชานาตี’’ติ วุตฺตํ.
อวิชฺชาย วิฺาเณ ฆนคฺคหณํ โหตีติ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ตํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อวิชฺโชฆํ อุตฺตรติ. โมหพเลเนว สีลพฺพตปรามาสํ โหตีติ ตํ ปชหนฺโต สีลพฺพตปรามาสกายคนฺถํ ภินฺทติ.
‘‘ยฺจ โข เอตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ จิตฺตํ อิติปิ มโน อิติปิ วิฺาณํ อิติปิ, ตตฺราสฺสุตวา ปุถุชฺชโน นาลํ นิพฺพินฺทิตุํ, นาลํ วิรชฺชิตุํ, นาลํ วิมุจฺจิตุํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทีฆรตฺตํเหตํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๑) –
วจนโต ¶ วิฺาณํ นิจฺจโต ปสฺสนฺโต ทิฏฺุปาทานํ อุปาทิยตีติ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต ตํ น อุปาทิยตีติ.
กมาทิวินิจฺฉยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๓๔. เอวํ ยา เอกวิธาทินา วุตฺตเวทนานํ ภูมิวเสน ชานิตพฺพตา, ตํ วตฺวา ปุน สมฺปยุตฺตโต ทสฺสิตตาทิชานิตพฺพปฺปการํ วตฺตุมาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. อฏฺวิเธน ตตฺถาติ ตตฺถ-สทฺทสฺส สตฺตวิธเภเทเนว โยชนา ฉพฺพิธเภเทน โยชนาย สติ อฏฺวิธตฺตาภาวโต.
ปูรณตฺถเมว วุตฺโตติ ทสวิธตาปูรณตฺถเมว วุตฺโต, น นววิธเภเท วิย นยทานตฺถํ. กสฺมา? ตตฺถ นยสฺส ทินฺนตฺตา. ภินฺทิตพฺพสฺส หิ เภทนํ นยทานํ, ตฺจ ตตฺถ กตนฺติ. ยถา จ กุสลตฺติโก, เอวํ ‘‘กายสมฺผสฺสชา ¶ เวทนา อตฺถิ สุขา, อตฺถิ ทุกฺขา’’ติ อิทมฺปิ ปูรณตฺถเมวาติ ทีปิตํ โหติ อฏฺวิธเภเท นยสฺส ทินฺนตฺตา.
ปุพฺเพ คหิตโต อฺสฺส คหณํ วฑฺฒนํ คหณวฑฺฒนวเสน, น ปุริมคหิเต ิเต อฺุปจยวเสน. วฑฺฒน-สทฺโท วา เฉทนตฺโถ เกสวฑฺฒนาทีสุ วิยาติ ปุพฺเพ คหิตสฺส อคฺคหณํ ฉินฺทนํ วฑฺฒนํ, ทุกติกานํ อุภเยสํ วฑฺฒนํ อุภยวฑฺฒนํ, อุภยโต วา ปวตฺตํ วฑฺฒนํ อุภยวฑฺฒนํ, ตเทว อุภโตวฑฺฒนกํ, เตน นยนีหรณํ อุภโตวฑฺฒนกนีหาโร. วฑฺฒนกนโย วา วฑฺฒนกนีหาโร, อุภยโต ปวตฺโต วฑฺฒนกนีหาโร อุภโตวฑฺฒนกนีหาโร. ตตฺถ ทุกมูลกติกมูลกอุภโตวฑฺฒนเกสุ ทุวิธติวิธเภทานํเยว หิ วิเสโส. อฺเ เภทา อวิสิฏฺา, ตถาปิ ปฺาปฺปเภทชนนตฺถํ ธมฺมวิตกฺเกน าติวิตกฺกาทินิรตฺถกวิตกฺกนิวารณตฺถํ อิมฺจ ปาฬึ วิตกฺเกนฺตสฺส ธมฺมุปสํหิตปาโมชฺชชนนตฺถํ เอเกกสฺส วารสฺส คหิตสฺส นิยฺยานมุขภาวโต จ ทุวิธติวิธเภทนานตฺตวเสน อิตเรปิ เภทา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา อฺมฺาเปกฺเขสุ ¶ เอกสฺส วิเสเสน อิตเรสมฺปิ วิสิฏฺภาวโต. น เกวลํ เอกวิโธว, อถ โข ทุวิโธ จ. น จ เอกทุวิโธว, อถ โข ติวิโธปิ. นาปิ เอก…เป… นววิโธว, อถ โข ทสวิโธปีติ หิ เอวฺจ เต เภทา อฺมฺาเปกฺขา, ตสฺมา เอโก เภโท วิสิฏฺโ อตฺตนา อเปกฺขิยมาเน, อตฺตานฺจ อเปกฺขมาเน อฺเภเท วิเสเสตีติ ตสฺส วเสน เตปิ วตฺตพฺพตํ อรหนฺตีติ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
สตฺตวิเธนาติอาทโย อฺปฺปเภทนิรเปกฺขา เกวลํ พหุปฺปการตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตาติ สพฺเพหิ เตหิ ปกาเรหิ ‘‘พหุวิเธน เวทนากฺขนฺธํ ทสฺเสสี’’ติ วุตฺตํ. มหาวิสโย ราชา วิย สวิสเย ภควาปิ มหาวิสยตาย อปฺปฏิหโต ยถา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ตถา เทเสตุํ สกฺโกติ สพฺพฺุตานาวรณาณโยคโตติ อตฺโถ. ทุเก วตฺวา ติกา วุตฺตาติ ติกา ทุเกสุ ปกฺขิตฺตาติ ยุตฺตํ, ทุกา ปน กถํ ติเกสุ ปกฺขิตฺตาติ? ปรโต วุตฺเตปิ ตสฺมึ ตสฺมึ ติเก อเปกฺขกาเปกฺขิตพฺพวเสน ทุกานํ โยชิตตฺตา.
กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนวเสน ลพฺภตีติ วุตฺตํ, อาวชฺชนา ปน จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา น โหติ. น หิ สมานวีถิยํ ปจฺฉิโม ธมฺโม ปุริมสฺส ¶ โกจิ ปจฺจโย โหติ. เย จ วทนฺติ ‘‘อาวชฺชนเวทนาว จกฺขุสงฺฆฏฺฏนาย อุปฺปนฺนตฺตา เอวํ วุตฺตา’’ติ, ตฺจ น ยุตฺตํ. น หิ ‘‘จกฺขุรูปปฏิฆาโต จกฺขุสมฺผสฺโส’’ติ กตฺถจิ สุตฺเต วา อฏฺกถายํ วา วุตฺตํ. ยทิ โส จ จกฺขุสมฺผสฺโส สิยา, จกฺขุวิฺาณสหชาตาปิ เวทนา จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยาติ สา อิธ อฏฺกถายํ น วชฺเชตพฺพา สิยา. ปาฬิยฺจ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา เวทนา อตฺถิ อพฺยากตา’’ติ เอตฺถ สงฺคหิตตฺตา ปุน ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยาติ. อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย – อาวชฺชนเวทนํ วินา จกฺขุสมฺผสฺสสฺส อุปฺปตฺติ นตฺถีติ ตทุปฺปาทิกา สา ตปฺปโยชนตฺตา ปริยาเยน จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยาติ วตฺตุํ ยุตฺตาติ, นิปฺปริยาเยน ปน จกฺขุสมฺผสฺสสฺส ปรโตว เวทนา ลพฺภนฺติ.
จตุตฺตึสจิตฺตุปฺปาทวเสนาติ เอตฺถ รูปารูปาวจรานํ อคฺคหณํ เตสํ สยเมว มโนทฺวารภูตตฺตา. สพฺพภวงฺคมโน หิ มโนทฺวารํ, จุติปฏิสนฺธิโย จ ตโต อนฺาติ. อิมสฺมึ ปน จตุวีสติวิธเภเท จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยาทิกุสลาทีนํ สมานวีถิยํ ลพฺภมานตา อฏฺกถายํ วุตฺตา, ปาฬิยํ ปน เอกูนวีสติจตุวีสติกา สงฺขิปิตฺวา อาคตาติ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา ¶ เวทนากฺขนฺโธ อตฺถิ อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย อสํกิลิฏฺอสํกิเลสิโก อวิตกฺกอวิจาโร’’ติอาทินา นานาวีถิคตานํ ลพฺภมานตาย วุตฺตตฺตา กุสลตฺติกสฺสปิ นานาวีถิยํ ลพฺภมานตา โยเชตพฺพา. อฏฺกถายํ ปน สมานวีถิยํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยาทิกตา เอกนฺติกาติ กตฺวา เอตฺถ ลพฺภมานตา ทสฺสิตา, น ปน อสมานวีถิยํ ลพฺภมานตา ปฏิกฺขิตฺตา. เตเนว ‘‘ตานิ สตฺตวิธาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ตฺวา กเถตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ อาห. น หิ สมานวีถิยํเยว อุปนิสฺสยโกฏิสมติกฺกมภาวนาหิ ลพฺภมานตา โหติ. ติธาปิ จ ลพฺภมานตํ สนฺธาย ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ ตฺวา กเถตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุจฺจติ.
เอตานีติ ยถาทสฺสิตานิ กุสลาทีนิ จิตฺตานิ วทติ, เวทนานิทฺเทเสปิ จ เอตสฺมึ ปุพฺพงฺคมสฺส จิตฺตสฺส วเสน กเถตุํ สุขนฺติ จิตฺตสมฺพนฺโธ กโต. เตเนว ปน จิตฺตานิ สตฺตวิธเภเท ติกภูมิวเสน, จตุวีสติวิธเภเท ทฺวารติกวเสน, ตึสวิธเภเท ทฺวารภูมิวเสน, พหุวิธเภเท ทฺวารติกภูมิวเสน ทีปิตานีติ ‘‘เตสุ ยตฺถ ¶ กตฺถจิ ตฺวา กเถตุํ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ. กุสลาทีนํ ทีปนา กามาวจราทิภูมิวเสน กาตพฺพา, ตา จ ภูมิโย ตึสวิธเภเท สยเมวาคตา, น จ สตฺตวิธเภเท วิย ทฺวารํ อนามฏฺํ, อติพฺยตฺตา จ เอตฺถ สมานาสมานวีถีสุ ลพฺภมานตาติ ตึสวิเธ…เป… สุขทีปนานิ โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา ปน ตึสวิธสฺมึเยว ตฺวา ทีปยึสุ, นนุ ทฺวารติกภูมีนํ อามฏฺตฺตา พหุวิธเภเท ตฺวา ทีเปตพฺพานีติ? น, ทีเปตพฺพฏฺานาติกฺกมโต. สตฺตวิธเภโท หิ ทฺวารสฺส อนามฏฺตฺตา ทีปนาย อฏฺานํ, จตุวีสติวิธเภเท อามฏฺทฺวารติกา น ภูมิโย อเปกฺขิตฺวา ปิตา, ตึสวิธเภเท อามฏฺทฺวารภูมิโย วุตฺตา. เย จ ปิตา, เต เจตฺถ ติกา อเปกฺขิตพฺพรหิตา เกวลํ ภูมีหิ สห ทีเปตพฺพาว. เตเนทํ ทีปนาย านํ, ตทติกฺกเม ปน านาติกฺกโม โหตีติ.
อุปนิสฺสยโกฏิยาติ เอตฺถ ‘‘สทฺธํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) นานาวีถิยํ ปกตูปนิสฺสโย วุตฺโตติ เอกวีถิยํ กุสลาทีนํ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ตทภาเว อภาวโต ชาติ วิย ชรามรณสฺส อุปนิสฺสยเลเสน ปจฺจโยติ วตฺตุํ ยุชฺเชยฺย, อิธ ปน ‘‘กสิณรูปทสฺสนเหตุอุปฺปนฺนา ปริกมฺมาทิเวทนา จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา’’ติ วกฺขติ, ตสฺมา นานาวีถิยํ คตานิ เอตานิ จิตฺตานิ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา ลพฺภมานานีติ น อุปนิสฺสยเลโส อุปนิสฺสยโกฏิ, พลวพลวานํ ปน ปริกมฺมาทีนํ อุปนิสฺสยานํ สพฺเพสํ อาทิภูโต ¶ อุปนิสฺสโย อุปนิสฺสยโกฏิ. ‘‘วาลโกฏิ น ปฺายตี’’ติอาทีสุ วิย หิ อาทิ, อวยโว วา โกฏิ. กสิณรูปทสฺสนโต ปภุติ จ กามาวจรกุสลาทีนํ เวทนานํ อุปนิสฺสโย ปวตฺโตติ ตํ ทสฺสนํ อุปนิสฺสยโกฏิ. ปริกมฺมาทีนิ วิย วา น พลวอุปนิสฺสโย ทสฺสนนฺติ ตสฺส อุปนิสฺสยนฺตภาเวน อุปนิสฺสยโกฏิตา วุตฺตา. ฆานาทิทฺวาเรสุ ตีสุ อุปนิสฺสยโกฏิยา ลพฺภมานตฺตาภาวํ วทนฺโต อิธ สมานวีถิ น คหิตาติ ทีเปติ. ทสฺสนสวนานิ วิย หิ กสิณปริกมฺมาทีนํ ฆายนาทีนิ อุปนิสฺสยา น โหนฺตีติ ตทลาโภ ทีปิโตติ. ยทิปิ วาโยกสิณํ ผุสิตฺวาปิ คเหตพฺพํ, ปุริเมน ปน สวเนน วินา ตํ ผุสนํ สยเมว มูลุปนิสฺสโย เยภุยฺเยน น โหตีติ ตสฺส อุปนิสฺสยโกฏิตา น วุตฺตา.
อชฺฌาสเยน ¶ สมฺปตฺติคโต อชฺฌาสยสมฺปนฺโน, สมฺปนฺนชฺฌาสโยติ วุตฺตํ โหติ. วตฺตปฺปฏิวตฺตนฺติ ขุทฺทกฺเจว มหนฺตฺจ วตฺตํ, ปุพฺเพ วา กตํ วตฺตํ, ปจฺฉา กตํ ปฏิวตฺตํ. เอวํ จกฺขุวิฺาณนฺติ อาทิมฺหิ อุปฺปนฺนํ อาห, ตโต ปรํ อุปฺปนฺนานิปิ ปน กสิณรูปทสฺสนกลฺยาณมิตฺตทสฺสนสํเวควตฺถุทสฺสนาทีนิ อุปนิสฺสยปจฺจยา โหนฺติเยวาติ. เตน ตทุปนิสฺสยํ จกฺขุวิฺาณํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
ยถาภูตสภาวาทสฺสนํ อสมเปกฺขนา. ‘‘อสฺมี’’ติ รูปาทีสุ วินิพนฺธสฺส. สภาวนฺตรามสนวเสน ปรามฏฺสฺส, ปรามฏฺวโตติ อตฺโถ. อารมฺมณาธิคหณวเสน อนุ อนุ อุปฺปชฺชนธมฺมตาย ถิรภาวกิเลสสฺส ถามคตสฺส, อปฺปหีนกามราคาทิกสฺส วา. ปริคฺคเห ิโตติ วีมํสาย ิโต. เอตฺถ จ อสมเปกฺขนายาติอาทินา โมหาทีนํ กิจฺเจน ปากเฏน เตสํ อุปฺปตฺติวเสน วิจารณา ทฏฺพฺพา. รูปทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสสมติกฺกมวเสน ปวตฺตา รูปทสฺสนเหตุกา โหตีติ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา นาม ชาตา’’ติ อาห. เอตฺถ จ จกฺขุสมฺผสฺสสฺส จตุภูมิกเวทนาย อุปนิสฺสยภาโว เอว ปการนฺตเรน กถิโต, ตถา ‘‘ภาวนาวเสนา’’ติ เอตฺถ จ.
กลาปสมฺมสเนน ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิกาย วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา อาทิมฺหิ รูปารมฺมณปริคฺคเหน รูปารมฺมณํ สมฺมสิตฺวา, ตํมูลกํ วา สพฺพํ สมฺมสนํ อาทิภูเต รูปารมฺมเณ ปวตฺตตีติ กตฺวา อาห ‘‘รูปารมฺมณํ สมฺมสิตฺวา’’ติ. เอตฺถ จ ¶ นามรูปปริคฺคหาทิ สพฺพํ สมฺมสนํ ภาวนาติ เวทิตพฺพา. รูปารมฺมณํ สมฺมสิตฺวาติ จ ยถาวุตฺตจกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณภูตํ รูปารมฺมณํ วุตฺตํ, น ยํ กิฺจิ. อารมฺมเณน หิ จกฺขุสมฺผสฺสํ ทสฺเสตีติ. เอวํ ‘‘รูปารมฺมเณ อุปฺปนฺนํ กิเลส’’นฺติ เอตฺถาปิ เวทิตพฺพํ.
อิทํ โผฏฺพฺพํ กึนิสฺสิตนฺติ จกฺขุทฺวาเร วิย โยชนาย ยถาสมฺภวํ อาโปธาตุยา อฺมฺสฺส จ วเสน มหาภูตนิสฺสิตตา โยเชตพฺพา.
ชาติ…เป… พลวปจฺจโย โหตีติ ยถาวุตฺตานํ ภยโต ทิสฺสมานานํ ชาติอาทีนํ พลวปจฺจยภาเวน เตสํ ภยโต ทสฺสเนน สหชาตสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส, ตสฺส วา ทสฺสนสฺส ทฺวารภูตสฺส ภวงฺคมโนสมฺผสฺสสฺส พลวปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ.
ธมฺมารมฺมเณติ ¶ น ปุพฺเพ วุตฺเต ชาติอาทิอารมฺมเณว, อถ โข สพฺพสฺมึ ราคาทิวตฺถุภูเต ธมฺมารมฺมเณ. วตฺถุนิสฺสิตนฺติ เอตฺถ เวทนาทิสงฺขาตสฺส ธมฺมารมฺมเณกเทสสฺส ปริคฺคหมุเขน ธมฺมารมฺมณปริคฺคหํ ทสฺเสติ.
มโนสมฺผสฺโสติ วิฺาณํ สมฺผสฺสสฺส การณภาเวน คหิตํ, ตเทว อตฺตโน ผลสฺเสว ผลภาเวน วตฺตุํ น ยุตฺตํ การณผลสงฺกรภาเวน โสตูนํ สมฺโมหชนกตฺตาติ อาห ‘‘น หิ สกฺกา วิฺาณํ มโนสมฺผสฺสชนฺติ นิทฺทิสิตุ’’นฺติ, น ปน วิฺาณสฺส มโนสมฺผสฺเสน สหชาตภาวสฺส อภาวา. ยสฺมา วา ยถา ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๐, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๔.๖๐) วจนโต อินฺทฺริยวิสยา วิย วิฺาณมฺปิ ผสฺสสฺส วิเสสปจฺจโย, น ตถา ผสฺโส วิฺาณสฺส, ตสฺมา อินฺทฺริยวิสยา วิย วิฺาณมฺปิ จกฺขุสมฺผสฺสชาทิวจนํ น อรหตีติ จกฺขุสมฺผสฺสชาทิภาโว น กโตติ เวทิตพฺโพ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา
๑๕๐. จิตฺตุปฺปาทรูปวเสน ¶ ตํ ตํ สมุทายํ เอเกกํ ธมฺมํ กตฺวา ‘‘ปฺจปณฺณาส กามาวจรธมฺเม’’ติ อาห. รชฺชนฺตสฺสาติอาทีสุ ราคาทโย ฉสุ ทฺวาเรสุ สีลาทโย จ ปฺจ สํวรา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, สมฺมสนํ ปน มโนทฺวาเร เอว. รูปารูปาวจรธมฺเมสุ อภิชฺฌาโทมนสฺสาทิอุปฺปตฺติ อตฺถีติ ตโต สติสํวโร าณวีริยสํวรา จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพา. ปริคฺคหวจเนน สมฺมสนปจฺจเวกฺขณานิ สงฺคณฺหาติ. เตเยวาติ จตฺตาโร ขนฺธา วุตฺตา.
สมาเน เทสิตพฺเพ เทสนามตฺตสฺส ปริวฏฺฏนํ ปริวฏฺโฏ. ตีสุปิ ปริวฏฺเฏสุ กตฺถจิ กิฺจิ อูนํ อธิกํ วา นตฺถีติ กตฺวา อาห ‘‘เอโกว ปริจฺเฉโท’’ติ.
ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขนฺธวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.