📜
๑๒. ฌานวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
มาติกาวณฺณนา
๕๐๘. ฌานสฺส ¶ ¶ ปุพฺพภาคกรณียสมฺปทา ปาติโมกฺขสํวราทิ. อสุภานุสฺสติโย โลกุตฺตรชฺฌานานิ จ อิโต พหิทฺธา นตฺถีติ สพฺพปฺปการ-คฺคหณํ กโรติ, สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภีติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑) วจเนน สมณภาวกรปุพฺพภาคกรณียสมฺปทาสมฺปนฺนสฺสปิ อภาวํ ทสฺเสติ. สิกฺขาปเทสุ นามกายาทิวเสน วุตฺเตสุ วจนานติกฺกมวเสน สิกฺขิตพฺเพสุ, อวีติกฺกมนวิรติเจตนาสงฺขาเตสุ วา สิกฺขาโกฏฺาเสสุ ปริปูรณวเสน สิกฺขิตพฺเพสุ สา สา ภิกฺขุสิกฺขาทิกา สิกฺขาปเทกเทสภูตา สิกฺขิตพฺพาติ อาห ‘‘สิกฺขาปเทสูติ อิทมสฺส สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปน’’นฺติ.
สนฺโตสาทิวเสน อิตรีตรสนฺโตสํ, ตสฺส จ วณฺณวาทิตํ, อลทฺธา จ อปริตสฺสนํ, ลทฺธา จ อคธิตปริโภคนฺติ เอเต คุเณ ทสฺเสติ. ฌานภาวนาย การโกติ ปริทีปนํ การกภาวปริทีปนํ. อรฺนฺติอาทินา เสนาสนสฺส ปเภทํ, อปฺปสทฺทนฺติอาทินา นิราทีนวตํ, ปฏิสลฺลานสารุปฺปนฺติ อานิสํสํ ทีเปตีติ อาห ‘‘เสนาสนปฺปเภเท…เป… ปริทีปน’’นฺติ.
มาติกาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวณฺณนา
๕๐๙. กมฺมตฺเถหิ ¶ ทิฏฺิ-สทฺทาทีหิ สาสนํ วุตฺตนฺติ ‘‘ทิฏฺตฺตา ทิฏฺี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สภาวฏฺเนาติ อวิปรีตฏฺเน. สิกฺขิยมาโน กายาทีนิ วิเนติ, น อฺถาติ อาห ‘‘สิกฺขิตพฺพฏฺเน วินโย’’ติ, วินโย วา สิกฺขิตพฺพานิ ¶ สิกฺขาปทานิ, ขนฺธตฺตยํ สิกฺขิตพฺพนฺติ วินโย วิยาติ วินโยติ ทสฺเสติ. สตฺถุ อนุสาสนทานภูตํ สิกฺขตฺตยนฺติ อาห ‘‘อนุสิฏฺิทานวเสนา’’ติ.
สมฺมาทิฏฺิปจฺจยตฺตาติ สมฺมาทิฏฺิยา ปจฺจยตฺตา. ติสฺโส หิ สิกฺขา สิกฺขนฺตสฺส สมฺมาทิฏฺิ ปริปูรตีติ. ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ ภิกฺขุ อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) วจนโต สมฺมาทิฏฺิปุพฺพงฺคมํ สิกฺขตฺตยํ. เอตสฺมิฺจ อตฺถทฺวเย ผลการโณปจาเรหิ สิกฺขตฺตยํ ‘‘ทิฏฺี’’ติ วุตฺตํ, กุสลธมฺเมหิ วา อตฺตโน เอกเทสภูเตหีติ อธิปฺปาโย. ภควโต วินยนกิริยตฺตา วินโย สิกฺขตฺตยํ, ตํ ปน วินยนํ ธมฺเมเนว อวิสมสภาเวน, เทสนาธมฺเมน วา ปวตฺตํ, น ทณฺฑาทินาติ ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ วุตฺตํ.
อนวชฺชธมฺมตฺถนฺติ ปรมานวชฺชนิพฺพานตฺถํ, อกุปฺปเจโตวิมุตฺติอตฺถํ วา. ธมฺเมสุ อภิฺเยฺยาทีสุ อภิชานนาทิการณํ สิกฺขตฺตยนฺติ ตํ ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิมิสฺสา อิมสฺมิ’’นฺติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานํ นิยมกรณํ โหติ, เอว-สทฺทโลโป วา กโตติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘นิยโม กโต’’ติ.
๕๑๐. ภิกฺขุโกติ อนฺตฺเถน ก-กาเรน ปทํ วฑฺฒิตนฺติ ‘‘ภิกฺขนธมฺมตายา’’ติ อตฺถมาห. ภิกฺขโกติ ปน ปาเ ภิกฺขตีติ ภิกฺขโกติ อตฺโถ. ชลฺลิกํ รชมิสฺสํ มลํ, อมิสฺสํ มลเมว. ภินฺนปฏธโรติ นิพฺพจนํ ภินฺนปฏธเร ภิกฺขุ-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตฺตา วุตฺตํ.
ยสฺส ภาเวตพฺโพ ปหาตพฺโพ จ โอธิ อวสิฏฺโ อตฺถิ, โส โอธิโส, อรหา ปน ตทภาวา โอธิรหิโตติ ‘‘อโนธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขู’’ติ วุตฺโต. โอธิ-สทฺโท วา เอกเทเส ¶ นิรุฬฺโหติ สพฺพมคฺคา สพฺพกิเลสา จ อรหตา ภาวิตา ปหีนา จ ‘‘โอธี’’ติ น วุจฺจนฺติ. ปหานาติ อิทฺจ นิพฺพจนํ เภทนปริยายวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เสกฺโขติอาทินา ¶ ภิกฺขุ-สทฺเทน วุจฺจมานํ อตฺถํ คุณวเสน ทสฺเสติ, เหฏฺา ปน ‘‘สมฺาย ปฏิฺายา’’ติ ปฺายนวเสน, ‘‘ภิกฺขตี’’ติอาทินา นิพฺพจนวเสน ทสฺสิโต.
เสกฺโข ภิกฺขูติ สตฺต เสกฺขา กถิตา, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ…เป… ภิกฺขูติ ขีณาสโวว กถิโตติ อิทํ ทฺวยํ ‘‘เสกฺโขติ ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน สทฺธึ สตฺต อริยา, ภินฺนตฺตาติ อิมินา ปน จตฺตาโร ผลฏฺา’’ติ อิมินา ทฺวเยน น สเมติ, ตทิทํ นิปฺปริยายทสฺสนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เสสฏฺาเนสุ ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย กถิตา’’ติ วุตฺตํ, นนุ ปฏิฺาย ภิกฺขุสีโลปิ วุตฺโตติ? วุตฺโต, น ปน อิธาธิปฺเปโต สพฺพปฺปการชฺฌานนิพฺพตฺตกสฺส อธิปฺเปตตฺตา.
ภควโต วจนํ อุปสมฺปทากมฺมกรณสฺส การณตฺตา านํ, ตทนุรูปํ านารหํ, อนูนตฺติอนุสฺสาวนํ อุปฺปฏิปาฏิยา จ อวุตฺตนฺติ อตฺโถ.
๕๑๑. นิปฺปริยายโต สีลํ สมาทานวิรติอวีติกฺกมนวิรติภาวโตติ อธิปฺปาโย. อนภิชฺฌาทีนิ สนฺธาย เจตสิกสีลสฺส ปริยายสีลตา วุตฺตา. นครวฑฺฒกี วตฺถุวิชฺชาจริโยติ วทนฺติ. จตุพฺพิโธ อาหาโร อสิตาทีนิ, ภกฺขิตพฺพภฺุชิตพฺพเลหิตพฺพจุพิตพฺพานิ วา.
ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต ปิหิตินฺทฺริโย โหติ ติณฺณํ สุจริตานํ อินฺทฺริยสํวราหารตฺตา, ปาติโมกฺขสํวโร วา อินฺทฺริยสํวรสฺส อุปนิสฺสโย โหติ. อิติ ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตินฺทฺริโย ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ วุตฺโต. อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘สํวุโต’’ติ เอตสฺส ปิหิตินฺทฺริโยติ อตฺถมาห. ปาติโมกฺเขน จ สํวเรน จาติ อิทํ ปาติโมกฺขโต อฺํ สีลํ กายิกอวีติกฺกมาทิคฺคหเณน คหิตนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทุติโย ปนตฺโถ ทฺวินฺนมฺปิ เอกตฺถตํ สนฺธาย วุตฺโต.
๕๑๓. สพฺพมฺปิ ¶ ทุสฺสีลฺยนฺติ อิมินา อภิชฺฌาทโย จ คหิตาติ สนฺธายาห ‘‘มนสาปิ อาจรติ เอว, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ. ตตฺถาติ กายิกวีติกฺกมาทิวเสน วุตฺเตสุ อนาจาเรสุ. ครุภณฺฑวิสฺสชฺชนมาปชฺชตีติ ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ.
อโรปิโมติ ¶ สงฺฆิกภูมิยํ อุฏฺิโต วุตฺโต. ผาติกมฺมนฺติ ครุภณฺฑนฺตรภูตํ กมฺมํ. ทณฺฑกมฺมนฺติ ยถาวุตฺตํ หตฺถกมฺมมาห. สินายนฺติ เอเตนาติ สินานํ, จุณฺณาทิ.
สจฺจาลีเกน ปิยวาที ‘‘จาฏู’’ติ วุจฺจติ, จาฏุํ อตฺตานํ อิจฺฉตีติ จาฏุกาโม, ตสฺส ภาโว จาฏุกมฺยตา. มุคฺคสูปสฺส อปฺปวิสนฏฺานํ นาม นตฺถิ สพฺพาหาเรหิ อวิรุทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. ปริภฏติ ธาเรติ, โปเสติ วาติ ปริภโฏ, อถ วา ปริวารภูโต ภโฏ เสวโก ปริภโฏ.
ภณฺฑาคาริกกมฺมํ คิหีนํ กริยมานํ วุตฺตํ. ปิณฺฑตฺถํ ปฏิปิณฺฑทานํ, ปิณฺฑํ ทตฺวา ปฏิปิณฺฑคฺคหณํ วา ปิณฺฑปฏิปิณฺฑํ. สงฺฆโภคเจติยโภคานํ อโยนิโส วิจารณํ สงฺฆุปฺปาทเจติยุปฺปาทปฏฺปนํ, อตฺตโน สนฺตเก วิย ปฏิปชฺชนนฺติ เกจิ.
๕๑๔. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, โคจโร วิยาติ โคจโร, อภิณฺหํ จริตพฺพฏฺานํ. คาโว วา จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ, เตหิ จริตพฺพฏฺานํ โคจโร. อยุตฺโต โคจโร อโคจโรติ ตทฺโ ยุตฺโต ‘‘โคจโร’’ติ วุตฺโต.
วา-สทฺโท วิธุนนตฺโถปิ โหตีติ กตฺวา อาห ‘‘วินิทฺธุตกิพฺพิสานิ วา’’ติ.
๕๑๕. อวรา ปจฺฉิมา มตฺตา เอเตสนฺติ โอรมตฺตกานิ. สํยมกรณียานีติ กายวาจาสํยมมตฺเตน กตฺตพฺพปฏิกมฺมานิ, วิกฺขิปิตพฺพานิ วา. ‘‘ปุน น เอวํ กโรมี’’ติ จิตฺเตน สํวรมตฺเตน, อินฺทฺริยสํวเรเนว วา กรณียานิ สํวรกรณียานิ. ทิวิวิหารชนปทวาสี ทิวิวิหารวาสี. มนสฺส อธิฏฺานเมว อธิฏฺานาวิกมฺมํ. เทสนา อิธ ‘‘วุฏฺานาวิกมฺม’’นฺติ อธิปฺเปตา. ตตฺถ ‘‘จิตฺตุปฺปาทกรณียานิ มนสิการปฏิพทฺธานี’’ติ วจนโต ปาติโมกฺขสํวรวิสุทฺธตฺถํ ¶ อนติกฺกมนียานิ อนาปตฺติคมนียานิ วชฺชานิ วุตฺตานีติ อาจริยสฺส อธิปฺปาโย. จตุพฺพิธสฺสาติ อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยสฺส.
๕๑๖. ‘‘อิธ ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุ เอว อธิปฺเปโตติ สนฺธาย ‘‘เสสสิกฺขา ปน อตฺถุทฺธารวเสน สิกฺขา-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนตฺถํ วุตฺตา’’ติ อาห. ภิกฺขุคฺคหณํ ¶ ปน อคฺคปริสามุเขน สพฺพชฺฌานนิพฺพตฺตกานํ จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ ทสฺสนตฺถํ กตํ. คุณโต วา ภิกฺขุ อธิปฺเปโตติ สพฺพาปิ สิกฺขา อิธาธิปฺเปตาติ ทฏฺพฺพา. สพฺเพน สิกฺขาสมาทาเนนาติ เอตฺถ เยน สมาทาเนน สพฺพาปิ สิกฺขา สมาทินฺนา โหนฺติ, ตํ เอกมฺปิ สพฺพสมาทานกิจฺจกรตฺตา สพฺพสมาทานํ นาม โหติ, อเนเกสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. สพฺเพน สิกฺขิตพฺพากาเรนาติ อวีติกฺกมเทสนาวุฏฺานวตฺตจรณาทิอากาเรน. วีติกฺกมนวเสน เสสสฺสปิ นิสฺเสสตากรณํ สนฺธาย ‘‘ภินฺนสฺสปี’’ติอาทิมาห.
๕๑๙. อาวรณีเยหิ จิตฺตปริโสธนภาวนา ชาคริยานุโยโคติ กตฺวา อาห ‘‘ภาวน’’นฺติ. สุปฺปปริคฺคาหกนฺติ ‘‘สุปฺปปริคฺคาหกํ นาม อิทํ อิโต ปุพฺเพ อิโต ปรฺจ นตฺถิ, อยเมตสฺส ปจฺจโย’’ติอาทินา ปริคฺคาหกํ.
๕๒๐-๕๒๑. ยุตฺโตติ อารมฺภมาโน. สาตจฺจํ เนปกฺกฺจ ปวตฺตยมาโน ชาคริยานุโยคํ อนุยุตฺโต โหตีติ สมฺพนฺธํ ทสฺเสติ.
๕๒๒. โลกิยายปิ…เป… อาหาติ อิทํ วิปสฺสนาภาวนาย สติปฏฺานาทโย เอกสฺมึ อารมฺมเณ สห นปฺปวตฺตนฺติ, ปวตฺตมานานิปิ อินฺทฺริยพลานิ โพชฺฌงฺเคสฺเวว อนฺโตคธานิ โหนฺติ. ปีติสมฺโพชฺฌงฺคคฺคหเณน หิ ตทุปนิสฺสยภูตํ สทฺธินฺทฺริยํ สทฺธาพลฺจ คหิตเมว โหติ ‘‘สทฺธูปนิสํ ปาโมชฺช’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๓) วุตฺตตฺตา. มคฺคงฺคานิ ปฺเจว วิปสฺสนากฺขเณ ปวตฺตนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๕๒๓. สมนฺตโต, สมฺมา, สมํ วา สาตฺถกาทิปชานนํ สมฺปชานํ, ตเทว สมฺปชฺํ. เตนาติ สติสมฺปยุตฺตตฺตา เอว อุทฺเทเส อวุตฺตาปิ สติ นิทฺเทเส ‘‘สโต’’ติ อิมินา วุตฺตาติ อธิปฺปาโย.
สาตฺถกานํ ¶ อภิกฺกมาทีนํ สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. เอวํ สปฺปายสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ ปน ภิกฺขาจารโคจเร อฺตฺถาปิ จ ปวตฺเตสุ อวิชหิเต กมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนเมว สมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ.
ทฺเว ¶ กถาติ วจนกรณากรณกถา น กถิตปุพฺพา. วจนํ กโรมิ เอว, ตสฺมา สุพฺพจตฺตา ปฏิวจนํ เทมีติ อตฺโถ.
กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ กมฺมฏฺานคฺเคเนว, กมฺมฏฺานํ ปธานํ กตฺวา เอวาติ อตฺโถ. เตน ‘‘ปตฺตมฺปิ อเจตน’’นฺติอาทินา วกฺขมานํ กมฺมฏฺานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติ เอตสฺส ‘‘ธมฺมกถา กเถตพฺพาเยวาติ วทนฺตี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ภเยติ ปรจกฺกาทิภเย.
อวเสสฏฺาเนติ ยาคุอคฺคหิตฏฺาเน. านจงฺกมนเมวาติ อธิฏฺาตพฺพิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนาทิกาเล อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชายปิ ปฏิกฺเขปวเสน.
เถโร ทารุจีริโย –
‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ. ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต มุเต วิฺาเต. ยโต โข เต, พาหิย, ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต มุเต วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน, ยโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน. ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ, ยโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ. ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๑๐) –
เอตฺตเกน อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ.
ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฏฺิตปาทปริหรณตฺถํ วา ปสฺเสน หรณํ วีติหรณนฺติ วทนฺติ. ยาว ¶ ปติฏฺิตปาโท, ตาว อาหรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ อยํ วา เอเตสํ วิเสโส. อวีจินฺติ นิรนฺตรํ.
ปมชวเนปิ…เป… น โหตีติ อิทํ ปฺจวิฺาณวีถิยํ อิตฺถิปุริโสติ รชฺชนาทีนํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานํ อโยนิโส อาวชฺชนโวฏฺพฺพนวเสน อิฏฺเ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลโภ, อนิฏฺเ จ ปฏิโฆ อุปฺปชฺชติ. มโนทฺวาเร ปน อิตฺถิปุริโสติ รชฺชนาทิ โหติ, ตสฺส ¶ ปฺจทฺวารชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพํ ภวงฺคาทิ. เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน มูลปริฺา วุตฺตา. อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปฺจทฺวารชวนสฺเสว อปุพฺพติตฺตรตาวเสน. มณิสปฺโป สีหฬทีเป วิชฺชมานา เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺติ. จลนนฺติ กมฺปนํ.
อติหรตีติ ยาว มุขา อาหรติ. วีติหรตีติ ตโต ยาว กุจฺฉิ, ตาว หรติ, กุจฺฉิคตํ วา ปสฺสโต หรติ. อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลตีติ วายุอาทีหิ อติวิโสสนํ ยถา น โหติ, ตถา ปาเลติ. อาภุชตีติ ปริเยสนชฺโฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทึ อาวชฺเชติ, วิชานาตีติ อตฺโถ. ตํตํวิชานนนิปฺผาทโกเยว หิ ปโยโค ‘‘สมฺมาปโยโค’’ติ วุตฺโตติ. อถ วา ‘‘สมฺมาปฏิปตฺติมาคมฺม อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภุชนโก นตฺถี’’ติอาทินา วิชานนํ อาภุชนํ.
อฏฺาเนติ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต อยุตฺเต าเน เขตฺตเทวายตนาทิเก. ตุมฺพโต เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนโต. ตนฺติ ฉฑฺฑิตํ อุทกํ.
คเตติ คมเนติ ปุพฺเพ อภิกฺกมปฏิกฺกมคฺคหเณน คมเนปิ ปุรโต ปจฺฉโต จ กายสฺส อติหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ, วกฺขมาโน วา เอเตสํ วิเสโส.
เอตฺตเกนาติ กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวา จตุนฺนํ อิริยาปถานํ ปวตฺตนวจนมตฺเตน โคจรสมฺปชฺํ น ปากฏํ โหตีติ อตฺโถ. เอวํ ปน สุตฺเต กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ โหตีติ จงฺกมนฏฺานนิสชฺชาสุ เอว ปวตฺเต ปริคฺคณฺหนฺตสฺส สุตฺเต ปวตฺตา อปากฏา โหนฺตีติ อตฺโถ.
กายาทิกิริยามยตฺตา ¶ อาวชฺชนกิริยาสมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นาม, ทุติยชฺฌานํ วจีสงฺขารวิรหา ‘‘ตุณฺหีภาโว’’ติ วุจฺจติ.
๕๒๖. อุปาสนฏฺานนฺติ อิสฺสาสานํ วิย อุปาสนสฺส สิกฺขาโยคกรณสฺส กมฺมฏฺานอุปาสนสฺส านนฺติ อตฺโถ. ตเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โยคปถ’’นฺติ อาหาติ. สีสํ โธวตีติ อิจฺฉาทาสพฺยา ภุชิสฺสตํ าปยติ, มิจฺฉาปฏิปนฺเนหิ วา ปกฺขิตฺตํ อยสรชํ โธวติ.
๕๒๙. วินยปริยาเยน ¶ อทินฺนาทานปาราชิเก อาคตํ. สุตฺตนฺตปริยาเยน อารฺกสิกฺขาปเท ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อาคตํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย. น หิ โส วินยปริยายิเก อรฺเ วสนโต ‘‘อารฺโก ปนฺตเสนาสโน’’ติ สุตฺเต วุตฺโตติ.
๕๓๐. ‘‘นิตุมฺพ’’นฺติปิ ‘‘นทีกฺุช’’นฺติปิ ยํ วทนฺติ, ตํ กนฺทรนฺติ อปพฺพตปเทเสปิ วิทุคฺคนทีนิวตฺตนปเทสํ กนฺทรนฺติ ทสฺเสติ.
๕๓๑. ภาเชตฺวา ทสฺสิตนฺติ เอเตน ภาเชตพฺพตํ อนฺเต นิทฺเทสสฺส การณํ ทสฺเสติ.
๕๓๓. รหสฺส กิริยา รหสฺสํ, ตํ อรหติ ตสฺส โยคฺคนฺติ ราหสฺเสยฺยกํ. วิจิตฺตา หิ ตทฺธิตาติ. รหสิ วา สาธุ รหสฺสํ, ตสฺส โยคฺคํ ราหสฺเสยฺยกํ.
๕๓๗. ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ ปริคฺคหิตนิยฺยานสภาวํ, กายาทีสุ สุฏฺุ ปวตฺติยา นิยฺยานสภาวยุตฺตนฺติ อตฺโถ. กายาทิปริคฺคหณํ าณํ วา ปริคฺคโห, ตํ-สมฺปยุตฺตตาย ปริคฺคหิตํ นิยฺยานภูตํ อุปฏฺานํ กตฺวาติ อตฺโถ.
๕๔๒-๕๔๓. วิการปฺปตฺติยาติ จิตฺตสฺส วิการาปตฺติภาเวนาติ อตฺโถ. สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ สตฺตสงฺขารคตสพฺพโกธสงฺคาหิกวเสน. สพฺพสงฺคหณฺจ สมุจฺเฉทปฺปหานสฺสปิ อธิปฺเปตตฺตา กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๕๔๖. อิทํ ¶ สนฺธายาติ ‘‘ทฺเว ธมฺมา’’ติ สนฺธาย. เอกวจเนน ‘‘ถินมิทฺธ’’นฺติ อุทฺทิสิตฺวาปิ นิทฺเทเส ‘‘สนฺตา’’ติ วจนเภโท, พหุวจนํ กตนฺติ อตฺโถ. นิโรธสนฺตตายาติ วจนํ องฺคสนฺตตาย, สภาวสนฺตตาย วา สนฺตตานิวารณตฺถํ.
๕๕๐. ถินมิทฺธวิการวิรหา ตปฺปฏิปกฺขสฺา อาโลกสฺา นาม โหติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อยํ สฺา อาโลกา โหตี’’ติ.
๕๕๓. ‘‘วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา’’ติอาทีนิ, ‘‘อาโลกา โหตี’’ติอาทีนิ จ ‘‘จตฺตตฺตาติอาทีนี’’ติ วุตฺตานิ. อาทิ-สทฺเทน วา ทฺวินฺนมฺปิ นิทฺเทสปทานิ ¶ สงฺคเหตฺวา ตตฺถ ยานิ เยสํ เววจนานิ, ตาเนว สนฺธาย ‘‘อฺมฺเววจนานี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปฏิมฺุจโตติ เอเตน สารมฺภํ อภิภวํ ทสฺเสติ. นิราวรณา หุตฺวา อาภุชติ สมฺปชานาตีติ นิราวรณาโภคา, ตํสภาวตฺตา วิวฏา.
๕๕๖. ‘‘วิกาโล นุ โข, น นุ โข’’ติ อนิจฺฉยตาย กตวตฺถุชฺฌาจารมูลโก วิปฺปฏิสาโร วตฺถุชฺฌาจาโร การณโวหาเรน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
๕๖๒. กิลิสฺสนฺตีติ กิเลเสนฺตีติ อตฺถํ วทนฺติ, สทรถภาเวน สยเมว วา กิลิสฺสนฺติ. น หิ เต อุปฺปชฺชมานา กิเลสรหิตา อุปฺปชฺชนฺตีติ.
๕๖๔. อิเธว จ วิภงฺเค ‘‘อุเปโต โหตี’’ติอาทิ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว.
๕๘๘. นิทฺเทสวเสนาติ ‘‘ตตฺถ กตมา อุเปกฺขา? ยา อุเปกฺขา’’ติอาทินิทฺเทสวเสน. ‘‘อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติอาทิ ปฏินิทฺเทสวเสนาติ วทนฺติ. ‘‘ตตฺถ กตมา…เป… อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติ เอเตน ปุคฺคโล นิทฺทิฏฺโ โหติ, ‘‘สมุเปโต’’ติอาทินา ปฏินิทฺทิฏฺโ. ยาว วา ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ ปทํ, ตาว นิทฺทิฏฺโ, ‘‘เตน วุจฺจติ อุเปกฺขโก’’ติ อิมินา ปฏินิทฺทิฏฺโติ เตสํ วเสน นิทฺเทสปฏินิทฺเทสา โยเชตพฺพา. ปกาเรนาติ อุเปกฺขาย ‘‘อุเปกฺขนา’’ติอาทิธมฺมปฺปกาเรน ‘‘อุเปโต สมุเปโต’’ติอาทิปุคฺคลปฺปกาเรน จ อุเปกฺขกสทฺทสฺส อตฺถํ เปนฺโต ปฏฺเปนฺติ. ‘‘อุเปกฺขา’’ติ เอตสฺส อตฺถสฺส ‘‘อุเปกฺขนา’’ติ การณํ. อุเปกฺขนาวเสน ¶ หิ อุเปกฺขาติ. ตถา ‘‘อุเปโต สมุเปโต’’ติ เอเตสํ ‘‘อุปาคโต สมุปาคโต’’ติ การณนฺติ เอวํ ธมฺมปุคฺคลวเสน ตสฺส ตสฺสตฺถสฺส การณํ ทสฺเสนฺตา วิวรนฺติ, ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ อิมสฺเสว วา อตฺถสฺส ‘‘อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติอาทินา การณํ ทสฺเสนฺตา. ‘‘อุเปกฺขนา อชฺฌุเปกฺขนา สมุเปโต’’ติอาทินา พฺยฺชนานํ วิภาคํ ทสฺเสนฺตา วิภชนฺติ. อุเปกฺขก-สทฺทนฺโตคธาย วา อุเปกฺขาย ตสฺเสว จ อุเปกฺขก-สทฺทสฺส วิสุํ อตฺถวจนํ ‘‘ยา อุเปกฺขา อุเปกฺขนา’’ติอาทินา, ‘‘อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติอาทินา จ ¶ พฺยฺชนวิภาโค. สพฺพถา อฺาตตา นิกุชฺฌิตภาโว, เกนจิ ปกาเรน วิฺาเตปิ นิรวเสสปริจฺฉินฺทนาภาโว คมฺภีรภาโว.
๖๐๒. อุปริภูมิปฺปตฺติยาติ อิทํ ‘‘รูปสฺานํ สมติกฺกมา’’ติ เอตฺเถว โยเชตพฺพํ. วิฺาณฺจายตนาทีนิปิ วา อากาสานฺจายตนาทีนํ อุปริภูมิโยติ สพฺพตฺถาปิ น น ยุชฺชติ.
๖๑๐. วิฺาณฺจายตนนิทฺเทเส ‘‘อนนฺตํ วิฺาณนฺติ ตํเยว อากาสํ วิฺาเณน ผุฏํ มนสิ กโรติ อนนฺตํ ผรติ, เตน วุจฺจติ อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ เอตฺถ วิฺาเณนาติ เอตํ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ, ตํเยว อากาสํ ผุฏํ วิฺาณํ มนสิ กโรตีติ กิร อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อยํ วา เอตสฺส อตฺโถ – ตํเยว อากาสํ ผุฏํ วิฺาณํ วิฺาณฺจายตนวิฺาเณน มนสิ กโรตีติ. อยํ ปนตฺโถ ยุตฺโต – ตํเยว อากาสํ วิฺาเณน ผุฏํ เตน คหิตาการํ มนสิ กโรติ, เอวํ ตํ วิฺาณํ อนนฺตํ ผรตีติ. ยฺหิ อากาสํ ปมารุปฺปสมงฺคี วิฺาเณน อนนฺตํ ผรติ, ตํ ผรณาการสหิตเมว วิฺาณํ มนสิกโรนฺโต ทุติยารุปฺปสมงฺคี อนนฺตํ ผรตีติ วุจฺจตีติ.
๖๑๕. ตํเยว วิฺาณํ อภาเวตีติ ยํ ปุพฺเพ ‘‘อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ มนสิ กตํ, ตํเยวาติ อตฺโถ. ตสฺเสว หิ อารมฺมณภูตํ ปเมน วิย รูปนิมิตฺตํ ตติเยนารุปฺเปน อภาเวตีติ.
นิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๖๒๓. อภิธมฺมภาชนีเย ¶ ปฺจกนยทสฺสเน ‘‘ปฺจ ฌานานี’’ติ จ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ปมํ ฌาน’’นฺติ จ อาทินา อุทฺธฏํ. อุทฺธฏานํเยว จตุนฺนํ ปมตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานานํ ทสฺสนโต, ทุติยสฺเสว วิเสสทสฺสนโต จ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา
๖๔๐. โลกุตฺตราปเนตฺถาติ ¶ เอเตสุ ตีสุฌาเนสุ ‘‘โลกุตฺตรา สิยา อปฺปมาณารมฺมณา’’ติ เอวํ โกฏฺาสิกา ปน มคฺคกาเล, ผลกาเล วา โลกุตฺตรภูตา เอวาติ อธิปฺปาโย. ปริจฺฉินฺนากาสกสิณาโลกกสิณานาปานพฺรหฺมวิหารจตุตฺถานิ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺเถ สงฺคหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ.
พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา มคฺคํ ภาวยึสุ, ผลํ สจฺฉิกรึสูติ, ภาเวสฺสนฺติ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ จ เหฏฺิมมคฺคผลานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กุสลโต เตรสสุ หิ จตุตฺเถสุ อยํ กถา ปวตฺตา, น จ กุสลจตุตฺเถน อรหตฺตมคฺคผลานิ ทฏฺุํ สกฺโกติ.
‘‘กิริยโต เตรสนฺน’’นฺติ เอตฺถ โลกุตฺตรจตุตฺถํ กิริยํ นตฺถีติ ‘‘ทฺวาทสนฺน’’นฺติ วตฺตพฺพํ, กุสลโต วา เตรสสุ เสกฺขผลจตุตฺถํ อนฺโตคธํ กตฺวา ‘‘กิริยโต เตรสนฺน’’นฺติ อเสกฺขจตุตฺเถน สห วทตีติ เวทิตพฺพํ. สพฺพตฺถปาทกฺเจตฺถ ขีณาสวานํ ยานิ อภิฺาทีนิ สนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ ปาทกตฺตา สพฺพตฺถปาทกนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ เตสํ วฏฺฏํ อตฺถีติ. ปริจฺฉนฺนากาสกสิณจตุตฺถาทีนิ วิย วา นวตฺตพฺพตาย สพฺพตฺถปาทกสมานตฺตา สพฺพตฺถปาทกตา ทฏฺพฺพา.
มโนสงฺขารา ¶ นาม สฺาเวทนา, จตฺตาโรปิ วา ขนฺธา. นิมิตฺตํ อารพฺภาติ เอตฺถ ‘‘นิมิตฺตํ นิพฺพานฺจา’’ติ วตฺตพฺพํ.
‘‘อชฺฌตฺโต ธมฺโม อชฺฌตฺตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๒๐.๒๘) เอตฺถ ‘‘อชฺฌตฺตา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตตฺตา น เจโตปริยาณํ วิย ยถากมฺมูปคาณํ ปรสนฺตานคตเมว ชานาติ, สสนฺตานคตมฺปิ ปน อปากฏํ รูปํ ทิพฺพจกฺขุ วิย อปากฏํ กมฺมํ วิภาเวติ. เตนาห ‘‘อตฺตโน กมฺมชานนกาเล’’ติ.
ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฌานวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.