📜

๑๘. ธมฺมหทยวิภงฺโค

๑. สพฺพสงฺคาหิกวารวณฺณนา

๙๗๘. ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทินา ขนฺธาทีนํ ธาตุสมฺภวปริยาปนฺนปาตุภาว ภูมนฺตรตีสุ ธาตูสุอุปฺปาทกทานาทิกุสล กมฺมตพฺพิปากอภิฺเยฺยาทิอารมฺมณทุกทฺวยทิฏฺาทิกุสลตฺติกาทิติกปฺจกรูปโลกิยทุกทฺวยเภทภินฺนานํ นิรวเสสโต สงฺคหิตตฺตา ทุติยวาราทีนฺจ เอตฺถ อนุปฺปเวสโต สพฺพสามฺเน วุตฺโต ปโม สพฺพสงฺคาหิกวาโร นาม, ทุติโย อุปฺปตฺตานุปฺปตฺติทสฺสนวาโร นามาติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปน ‘‘กามธาตุยา กติ ขนฺธา กติ อายตนานี’’ติอาทินา (วิภ. ๙๙๑) เตสํ อตฺถิตา เอว วุตฺตา, กิริยาวิเสสสฺส อปฺปโยโค ‘‘อตฺถิ ภวติ สํวิชฺชตี’’ติ สามฺกิริยาย วิฺเยฺยภาวโต, เตนายํ ‘‘สมฺภวาสมฺภวทสฺสนวาโร’’ติ วตฺตุํ ยุตฺโต, จตุตฺโถ จ อุปปตฺติกฺขเณ อุปฺปตฺตานุปฺปตฺติทสฺสนวาโรติ ตตฺถ ปาตุภาวาปาตุภาววจนโต.

๙๗๙. ยถาปุจฺฉนฺติ ปุจฺฉานุรูปํ อวิตถพฺยากรณํ ปเรหิ กตมฺปิ สพฺพฺุวจนํ วิฺาย กตตฺตา สพฺพฺุพฺยากรณเมว นาม โหติ, โก ปน วาโท สพฺพฺุนา เอว กเตติ อธิปฺปาโย.

๒. อุปฺปตฺตานุปฺปตฺติวารวณฺณนา

๙๙๑. กามธาตุสมฺภูตานฺจาติ อิทฺธิยา รูปธาตุคตานํ กามาวจรสตฺตานฺจาติ อตฺโถ. ฆานายตนาทีนํ อภาเวนาติ เอตฺถ ยทิ ตทภาเวน คนฺธายตนาทีนิ อายตนาทิกิจฺจํ น กโรนฺติ , อสฺสตฺเตสุ จกฺขายตนสฺส อภาเวน รูปายตนํ อายตนาทิกิจฺจํ น กเรยฺย. ตโต ‘‘อสฺสตฺตานํ เทวานํ อุปปตฺติกฺขเณ ทฺวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติอาทิวจนํ น วตฺตพฺพํ สิยา. กามาวจราทิโอกาสา ตตฺถ อุปฺปชฺชมานสตฺตานํ, ตตฺถ ปริยาปนฺนธมฺมานํ วา อธิฏฺานภาเวน ‘‘ธาตู’’ติ วุจฺจนฺติ, ตถา เยสุ กามาวจราทิสตฺตนิกาเยสุ กามาวจราทิสตฺตา อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ สตฺตานํ อุปฺปตฺติ เอตฺถาติ สตฺตุปฺปตฺตีติ วุจฺจมานา เต สตฺตนิกายา จ, น ปเนตฺถ อปริยาปนฺโนกาโส อปริยาปนฺนสตฺตนิกาโย จ อตฺถิ, โย ‘‘ธาตู’’ติ วุจฺเจยฺยาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอกาสวเสน วา สตฺตุปฺปตฺติวเสน วา อปริยาปนฺนธาตุ นาม นตฺถี’’ติ อาห. สตฺตุปฺปตฺติวเสนาติ อิมินา วา โอกาสสตฺตโลกทฺวยํ สห คเหตฺวา ตาทิสาย อปริยาปนฺนธาตุยา อภาวํ ทสฺเสติ, สตฺตภาเวน วา อุปฺปตฺติ สตฺตุปฺปตฺติ, สตฺตาวาสวเสน ตํตํภววเสน อุปฺปชฺชมานา อุปาทินฺนกกฺขนฺธา ตํตํปริยาปนฺนานํ สทิสาธิฏฺานภาเวน ธาตูติ วุจฺจนฺตีติ เอวํ อปริยาปนฺนธาตุ นตฺถีติ อตฺโถ.

๓. ปริยาปนฺนาปริยาปนฺนวารวณฺณนา

๙๙๙. ภววเสน โอกาสวเสน จ ปริจฺฉินฺนาติ ตตฺถ อฺตฺถ จ อุปฺปชฺชมานา อุปาทินฺนกกฺขนฺธา ตํตํปริยาปนฺนา สพฺเพ ทฏฺพฺพา.

๖. อุปฺปาทกกมฺมอายุปฺปมาณวาโร

(๑.) อุปฺปาทกกมฺมวณฺณนา

๑๐๒๑. ขนฺธาทีนํ ธาตุสมฺภวาทิวเสน ปเภทํ วตฺวา เย สตฺตา ธาตุปฺปเภทวนฺโต, ยฺจ เตสํ อุปฺปาทกกมฺมํ, โย จ ตสฺส วิปาโก, เตสํ วเสน ปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโย เทวา’’ติอาทิโก ฉฏฺวาโร อารทฺโธ. ขนฺธาทโย เอว หิ ธาตุตฺตยภูตเทววเสน ทานาทิกมฺมวเสน ตํตํอายุปฺปมาณปริจฺฉินฺนอุปาทินฺนกกฺขนฺธวเสน จ ภินฺนาติ. จตุโทณํ อมฺพณํ, ฉโทณนฺติ เอเก.

อุปฺปาทกกมฺมวณฺณนา นิฏฺิตา.

(๒.) อายุปฺปมาณวณฺณนา

๑๐๒๔. ตโยปิชนาติ ตโย ชนสมูหาติ อธิปฺปาโย.

๑๐๒๕. อาภาติ โสภนา ปภา.

๑๐๒๖. กฺจนปิณฺโฑ วิย สสฺสิริกา กฺจนปิณฺฑสสฺสิริกา. ตตฺถ ปน โสภนปภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ อนฺติมณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา, อถ ปน สุเภน กิณฺณา สุภกิณฺณา. ปุริมปเทสุปิ ปริตฺตํ สุภํ เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภา, อปฺปมาณํ สุภํ เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภาติ สุภ-สทฺเทน สมาโส โยเชตพฺโพ โหติ.

๑๐๒๗. อารมฺมณมนสิการา ปุพฺพภาเคน กถิตาติ ฌานกฺขเณ ตโต ปจฺฉา วา ปริตฺตาทิกสิณารมฺมณภาวนาย อาวชฺชเนน จ ฌานสฺส อารมฺมณมนสิการนานตฺตตา น โหติ, ปุพฺพภาคภาวนาย ปน ปุพฺพภาคาวชฺชเนน จ โหตีติ อตฺโถ. ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน หิ ฌานํ ปริตฺตปถวีกสิณาทีสุ ตํตทารมฺมณํ โหติ, ปุพฺพภาเคน ตํตํกสิณาวชฺชเนน ตํตํมนสิการนฺติ. ฉนฺทาทโย ปน อปฺปนากฺขเณปิ วิชฺชนฺติ. ตตฺถ ปณิธีติ น ตณฺหาปตฺถนา, อถ โข ฉนฺทปตฺถนาว ทฏฺพฺพา. อธิโมกฺโข นิจฺฉโย. อภินีหาโร จิตฺตปฺปวตฺติเยว. ยทิ ปน ภวฉนฺทภวปตฺถนาทโย ตํตํภววิเสสนิยามกา อธิปฺเปตา. ‘‘อปฺปนายปิ วฏฺฏนฺตี’’ติ เอตสฺส อปฺปนาย ปวตฺตาย ตโต ปจฺฉาปิ วฏฺฏนฺตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สฺาวิราคาทีหิ ปน วิเสสิยมานํ อารมฺมณํ ตถา ตถา ตตฺถ ปวตฺโต มนสิกาโร จ ภววิเสสนิยามโก ปุพฺพภาโคว วฏฺฏตีติ ‘‘อารมฺมณมนสิการา ปุพฺพภาเคน กถิตา’’ติ วุตฺตํ.

วิปุลา ผลาติ วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลา. สุฏฺุ ปสฺสนฺติ ปฺาจกฺขุนา มํสทิพฺพจกฺขูหิ จ.

๑๐๒๘. ‘‘ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตี โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) วจนโต ‘‘กมฺมเมวปมาณ’’นฺติ อาห, อพฺพุทาทิอายุปฺปมาณปริจฺเฉโท ปน กมฺมวเสเนว กโตติ อธิปฺปาโย.

นิลียโนกาสสฺส อภาวาติ สมานชาติเกน อจฺฉราคเณน สพฺพทา ปริวาริยมานสฺส กามคุณากิณฺณสฺส ตพฺพิรหิตฏฺานสฺส อภาวาติ อตฺโถ.

กึ นิยเมตีติ กึ ฌานํ อุปปตฺตึ นิยเมตีติ อตฺโถ. นว พฺรหฺมโลเกติ พฺรหฺมปาริสชฺชาทโย นวปิ โสเธตฺวา. มตฺถเกติ เวหปฺผเลสูติ อตฺโถ. เสฏฺภวา นามาติ ตโต ปรํ อคมนโต อุตฺตมภวาติ อธิปฺปาโย. เตเนว ภวสีสานีติ คหิตา. อิเมสุ ตีสุ าเนสูติ เวหปฺผลาทิฏฺานานิ เอว สนฺธาย วุตฺตํ. เวหปฺผลโต ปน ปุริเมสุ นวสุ นิพฺพตฺตอนาคามี อรูปธาตุํ อุปปชฺชตีติ กตฺวา ‘‘รูปธาตุยา จุตสฺส อรูปธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺส กสฺสจิ สตฺต อนุสยา อนุเสนฺติ, กสฺสจิ ปฺจ, กสฺสจิ ตโย อนุเสนฺตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓๑๑) อิทํ วุตฺตํ, น เวหปฺผลาทีสุ อุปปนฺนํ สนฺธายาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย สิยา. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘นวสุ พฺรหฺมโลเกสุ นิพฺพตฺตอริยสาวกานํ ตตฺรูปปตฺติเยว โหติ, น เหฏฺูปปตฺตี’’ติ, เอเตน เหฏฺูปปตฺติ เอว นิวาริตา, น เตสฺเวว อุปรูปริ เวหปฺผเล จ อุปปตฺติ อรูปธาตูปปตฺติ จ. ‘‘ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺโต อนาคามี นว พฺรหฺมโลเก โสเธตฺวา มตฺถเก ิโต ปรินิพฺพาตี’’ติ อิทมฺปิ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ น เตน ตสฺส มตฺถกํ อปฺปตฺตสฺส อรูปธาตุํ อุปปตฺติ นิวาริตาติ ทฏฺพฺพา.

โย วา อฺตฺถ ตตฺถ วา มคฺคํ ภาเวตฺวา จวิตฺวา ตตฺถ อุปปนฺโน อวิกฺขมฺภิตรูปราโค อริยสาวโก, ตํ สนฺธาย อยํ อฏฺกถา วุตฺตา. เตเนว ‘‘นวสุ พฺรหฺมโลเกสุ นิพฺพตฺตอริยสาวกาน’’นฺติ, ‘‘ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺโต อนาคามี’’ติ, ‘‘อิเมสุ ตีสุ าเนสุ นิพฺพตฺตอนาคามิโน’’ติ จ สพฺพตฺถ นิพฺพตฺตคฺคหณํ กตํ. ตสฺส ปน เยน ตตฺถ อุปปนฺโน, ตสฺมึ รูปราเค วิกฺขมฺภิเต ปุน ภวาภิลาโส น ภวิสฺสตีติ อรูปราคุปจฺเฉโท จ ภวิสฺสติเยว. โย ปน ปุถุชฺชโน ตตฺถ นิพฺพตฺโต อริยมคฺคํ ภาเวตฺวา อรูเปหิ วิกฺขมฺภิตรูปราโค อุปฺปนฺเน มคฺเค นิพฺพตฺตภวาทีนวทสฺสนวเสน อนิวตฺติตภวาภิลาโส, ตสฺส วเสน ยมกปาฬิ ปวตฺตาติ วา อยมตฺโถ อธิปฺเปโต สิยา.

อายุปฺปมาณวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อภิฺเยฺยาทิวารวณฺณนา

๑๐๓๐. ‘‘รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส’’ติอาทินา สามฺวิเสสลกฺขณปริคฺคาหิกา สลกฺขณปริคฺคาหิกา ทิฏฺิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโย าตปริฺา, ตโต ปรํ ยาว อนุโลมา ตีรณปริฺา, อุทยพฺพยานุปสฺสนโต ปฏฺาย ยาว มคฺคา ปหานปริฺา.

ตตฺถ ตตฺถาติ ขนฺธาทีนํ ตาว ขนฺธวิภงฺคาทีสุ ปฺหปุจฺฉกวาเร วตฺตพฺพํ วุตฺตํ, เหตุอาทีนฺจ ขนฺธาทีสุ อนฺโตคธตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ปฺหปุจฺฉกวาเร วตฺตพฺพํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

อภิฺเยฺยาทิวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

ธมฺมหทยวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ สมฺโมหวิโนทนิยา ลีนตฺถปทวณฺณนา

วิภงฺค-มูลฏีกา สมตฺตา.