📜
๒. อายตนวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
๑๕๔. อสาธารณโตติ ¶ ¶ อาเวณิกโต. ตํ เนสํ อสาธารณภาวํ วิปกฺขวเสน ปติฏฺาเปตุํ สาธารณํ อุทาหรณวเสน ทสฺเสติ ‘‘อายตนสทฺทตฺโถ วิยา’’ติ. อถ วา จกฺขาทิอตฺโถ เอว จกฺขาทิสทฺทวิเสสิโต อายตนตฺโถติ ตํ ตาทิสํ อายตนตฺถํ สนฺธายาห ‘‘อายตนสทฺทตฺโถ วิย อสาธารณโต’’ติ.
ยทิ วิสยสฺสาทนตฺโถ จกฺขุ-สทฺโท, โสตาทีนมฺปิ อยํ สมฺา สิยาติ อติปฺปสงฺคํ ปริหรนฺโต ‘‘สติปี’’ติอาทิมาห. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป จกฺขตีติ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขติ, อาจิกฺขนฺตํ วิย, วิภาเวนฺตํ วิย วา โหตีติ อตฺโถ. รูปมิว จกฺขุวิฺเยฺยํ วิย สวิคฺคหมิว สพิมฺพกํ วิย วณฺณวาจโก รูป-สทฺโท อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘วิตฺถารณํ วา รูปสทฺทสฺส อตฺโถ’’ติ.
วจนเมวาติ สวิฺตฺติกสทฺทเมว. คมียตีติ อุปนียติ. อชฺโฌหรณสฺส รสคฺคหณมูลตาวจเนน รสสฺส ปรมฺปราย ชีวิตเหตุตํ ทสฺเสติ. รสนิมิตฺตฺหิ รสคฺคหณํ, รสคฺคหณนิมิตฺตํ อชฺโฌหรณํ, ตํนิมิตฺตํ ชีวิตนฺติ. รสคฺคหณมูลตา จ อชฺโฌหรณสฺส เยภุยฺยโต เวทิตพฺพา. ทิสฺสติ อปทิสฺสติ เอเตน ผลนฺติ เทโส, เหตูติ อาห ‘‘อุปฺปตฺติเทโสติ อุปฺปตฺติการณ’’นฺติ. ตถาติ จกฺขายตนาทิปฺปกาเรน. มโนโคจรภูตาติ มนโส เอว โคจรภูตา. สามฺลกฺขเณเนวาติ อนุภวนาทิวิเสสลกฺขณํ อคฺคเหตฺวา ธมฺมภาวสงฺขาตสาธารณลกฺขเณเนว ¶ . เอกายตนตฺตํ อุปเนตฺวา วุตฺตา ทฺวาทส เอกสภาวตฺตา ภินฺทิตฺวา วจเน ปโยชนาภาวา. ทฺวาราลมฺพนวิภาคทสฺสนตฺถา หิ อายตนเทสนาติ.
ปุพฺพนฺตโตติ ปุริมภาคโต ปากภาวโต. ปากภาโว หิ สภาวธมฺมานํ ปุพฺพนฺโต, วิทฺธํสาภาโว อปรนฺโต.
นิวาสฏฺานาทีสุ อายตน-สทฺโท น อายตนตฺถาทีสุ วิย ปทตฺถวิวรณมุเขน ปวตฺโต, อถ โข ตสฺมึ ตสฺมึ เทวฆราทิเก นิรุฬฺหตาย เอวมตฺโถติ อาห ‘‘รุฬฺหิวเสน อายตนสทฺทสฺสตฺถํ วตฺตุ’’นฺติ. มโนติ ทฺวารภูตมโน ¶ . นิสฺสยภาโวติ เอตฺถ นิสฺสยสทิโส นิสฺสโย, สทิสตา จ ผลสฺส ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย ทฏฺพฺพา. วจนียตฺโถ ภาวตฺโถ.
ตาวตฺวโตติ ตตฺตกโต. อูนโจทนาติ ทฺวาทสโต อูนานิ กสฺมา น วุตฺตานีติ โจทนา. ยทิ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อสาธารณํ ธมฺมชาตํ ธมฺมายตนํ, เอวํ สนฺเต จกฺขาทีนมฺปิ ธมฺมายตนภาโว สิยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สติปี’’ติอาทิ. ทฺวารารมฺมณภาเวหีติ น อารมฺมณภาเวเนว อสาธารณํ, อถ โข ทฺวารารมฺมณภาเวหิ อสาธารณํ สมฺภวตีติ วจนเสโส.
เยภุยฺยสหุปฺปตฺติอาทีหีติ เยภุยฺเยน จกฺขายตนาทีนิ กสฺสจิ กทาจิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ. ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ตสฺมา อายตนานํ อุปฺปตฺติกฺกโม ตาว น ยุชฺชติ, น ปหานกฺกโม กุสลาพฺยากตานํ อปฺปหาตพฺพโต, น ปฏิปตฺติกฺกโม อกุสลานํ, เอกจฺจอพฺยากตานฺจ อปฺปฏิปชฺชนียโต, น ภูมิกฺกโม อฑฺเฒกาทสนฺนํ อายตนานํ เอกนฺตกามาวจรตฺตา, อิตเรสํ จตุภูมิปริยาปนฺนตฺตา, เอกจฺจสฺส โลกุตฺตรภาวโต จ. เอวํ อุปฺปตฺติกฺกมาทิอยุตฺติโยชนา เวทิตพฺพา. เยสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตภาวสฺส ปฺาปนา, เต ‘‘มยฺหํ จกฺขุ’’นฺติอาทินา อธิกสิเนหวตฺถุภูตา จกฺขาทโย ยถา อชฺฌตฺติกตาย, เอวํ ทสฺสนาทิกิจฺจกรอินฺทฺริยตา จ ปธานาติ อาห ‘‘อชฺฌตฺติกภาเวน, วิสยิภาเวน จา’’ติ. ฆานาทิกฺกเมนาติ ฆานํ ชิวฺหา กาโยติ อิมินา กเมน.
ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา วา จกฺขาทีนิ ปมํ วุตฺตานิ, มโน ปน กิฺจิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ ¶ , กิฺจิ ยาวนวตฺตพฺพารมฺมณนฺติ ปจฺฉา วุตฺตํ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณสุปิ อุปาทารูปารมฺมณานิ จตฺตาริ ปมํ วุตฺตานิ, ตโต ภูตรูปารมฺมณํ. อุปาทารูปารมฺมเณสุปิ ทูรตเร ทูเร, สีฆตรํ สีฆฺจ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนทีปนตฺถํ จกฺขาทีนํ เทสนากฺกโม. จกฺขุโสตทฺวยฺหิ ทูรโคจรนฺติ ปมํ วุตฺตํ. ตตฺราปิ จกฺขุ ทูรตรโคจรนฺติ สพฺพปมํ วุตฺตํ. ปสฺสนฺโตปิ หิ ทูรตเร นทิโสตํ น ตสฺส สทฺทํ สุณาติ. ฆานชิวฺหาสุปิ ฆานํ สีฆตรวุตฺตีติ ¶ ปมํ วุตฺตํ. ปุรโต ปิตมตฺตสฺส หิ โภชนสฺส คนฺโธ คยฺหตีติ. ยถาานํ วา เตสํ เทสนากฺกโม. อิมสฺมิฺหิ สรีเร สพฺพุปริ จกฺขุสฺส อธิฏฺานํ, ตสฺส อโธ โสตสฺส, ตสฺส อโธ ฆานสฺส, ตสฺส อโธ ชิวฺหาย, ตถา กายสฺส เยภุยฺเยน, มโน ปน อรูปีภาวโต สพฺพปจฺฉา วุตฺโต. ตํตํโคจรตฺตา ตสฺส ตสฺสานนฺตรํ พาหิรายตนานิ วุตฺตานีติ วุตฺโตวายมตฺโถติ เอวมฺปิ อิเมสํ กโม เวทิตพฺโพ.
ตโตติ หทยวตฺถุเภทโต. ยฺหิ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย เอกํ มโนวิฺาณํ ปวตฺตติ, น ตเทว นิสฺสาย อฺํ ปวตฺตติ. นิทฺเทสวเสนาติ สงฺเขปวิตฺถารนิทฺเทสวเสน. โยเชตพฺพํ ‘‘กุสลสมุฏฺานํ กุสลสมุฏฺานสฺส สภาค’’นฺติอาทินา.
สภาโวติ วิสยิวิสยภาโว, ตทภินิพฺพตฺติยฺจ โยคฺยตา. การณสมตฺถตาติ การณภูตา สมตฺถตา ปจฺจยภาโว. ทฺวาราทิภาโวติ ทฺวารารมฺมเณ ทฺวารวุตฺติภาโว. อิมสฺมึ อตฺเถติ อนนฺตรํ วุตฺตอตฺเถ. ยสฺมาติ ยาย ธมฺมตาย เยน ทฺวาราทิภาเวน การณภูเตน. สมฺภวนวิเสสนนฺติ กิริยาย ปรามสนมาห. ยํ สมฺภวนํ, ธมฺมตาเวสาติ อตฺโถ. ริตฺตกาเนวาติ ธุวาทิภาวริตฺตกาเนว. วิสมาทีสุ อชฺฌาสโย เอเตสนฺติ วิสมาทิอชฺฌาสยานิ, วิสมาทิอชฺฌาสยานิ วิย โหนฺตีติ วิสมาทิอชฺฌาสยานิ, จกฺขาทีนิ. วิสมภาว…เป… วนภาเวหีติ วิสมภาวาทิสนฺนิสฺสิตอหิอาทิสทิสุปาทินฺนธมฺเมหิ จกฺขาทีหิ, วนสนฺนิสฺสิตมกฺกฏสทิเสน จิตฺเตน จ อภิรมิตตฺตา. วนภาโวติ หิ วนชฺฌาสโยติ อตฺโถ.
ปุริมนฺตวิวิตฺตตาติ ปุพฺพภาควิรโห. อุปฺปาทโต ปุริมโกฏฺาโส หิ อิธ ปุริมนฺโต. อปรนฺเตติ อปรภาเค, ภงฺคโต อุทฺธนฺติ อตฺโถ. อุทยพฺพยปริจฺฉินฺโน หิ สภาวธมฺโม. ยํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ ‘‘อนิธานคตา ภคฺคา, ปฺุโช นตฺถิ อนาคเต’’ติ (มหานิ. ๑๐). สทา อภาโวติ น สทา อภาวปติฏฺาปนํ สพฺพกาลมฺปิ นตฺถีติ, อถ โข อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนตฺตา สทาภาวปฏิกฺเขโปติ อาห ‘‘อนิจฺจลกฺขณ’’นฺติ. สภาววิชหนนฺติ ภงฺคปฺปตฺติมาห ¶ . วิปริวตฺตนํ อุปฺปาทชราวตฺถาหิ สนฺตานํ วินา น วิการาปตฺตีติ อาห ‘‘สนฺตานวิการาปตฺติ วา’’ติ.
ชาติธมฺมตาทีหีติ ชาติชราพฺยาธิมรณาทิสภาวตาหิ. อนิฏฺตาติ น อิฏฺตา, ทุกฺขตาติ อตฺโถ. ปุริมํ สามฺลกฺขณนฺติ ‘‘ปฏิปีฬนฏฺเนา’’ติ ปุพฺเพ สามฺโต วุตฺตํ ทุกฺขลกฺขณํ. ปจฺจยวเสน ทุกฺขนากาเรน ปวตฺตมานานํ สภาวธมฺมานํ ทุกฺขนํ ปุคฺคลสฺเสว วเสน ทุกฺขมตาติ อาห ‘‘ปุคฺคลสฺส ปีฬนโต ทุกฺขม’’นฺติ. ทุกฺขวจนนฺติ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ สตฺถุ วจนํ.
‘‘นตฺถิ เอตสฺส วสวตฺตโก’’ติ อิมินา นตฺถิ เอตสฺส อตฺตาติ อนตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ, ‘‘นาปิ อิทํ วสวตฺตก’’นฺติ อิมินา ปน น อตฺตาติ อนตฺตาติ. อตฺตโนติ นิยกชฺฌตฺตํ สนฺธาย วทติ. ปรสฺมินฺติ ตโต อฺสฺมึ. ปรสฺส จ อตฺตนีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตํ เอตสฺส นตฺถีติ ตํ ยถาวุตฺตปรปริกปฺปิตํ วสวตฺตกํ เอตสฺส จกฺขาทิโน นตฺถิ, เอเตน จตุโกฏิกสฺุตาย สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘สฺุํ ตํ เตน วสวตฺตนากาเรนา’’ติ อิมินา อุภยถาปิ อวสวตฺตนฏฺเ ทสฺสิตพฺเพ ตตฺถ ตาว เอกํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปรสฺสา’’ติอาทึ วตฺวา ปุน ‘‘อถ วา’’ติอาทินา อิตรํ ทสฺเสติ. สามิ เอว สามิโก, น สามิโก อสฺสามิโกติ เอวํ อตฺเถ คยฺหมาเน ‘‘อสฺสามิกโต’’ติ ปทสฺส สฺุวิเสสนตาย ปโยชนํ นตฺถิ. กามการิยนฺติ ยถากามกรณียํ. อวสวตฺตนตฺถํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสติ สมาสทฺวยตฺถสงฺคหโต.
สสนฺตาเน ธมฺมานํ วิสทิสุปฺปตฺติ อิธ ภาวสงฺกนฺติคมนํ นามาติ อาห ‘‘สนฺตติยํ ภาวนฺตรุปฺปตฺติเยวา’’ติ. ตถา วิสทิสุปฺปตฺติยํ ปุริมาการวิคโม ปกติภาววิชหนนฺติ อาห ‘‘สนฺตติยา ยถาปวตฺตาการวิชหน’’นฺติ. ภวตีติ วา ภาโว, อวตฺถาวิเสโส, ตสฺส สงฺกมนํ ภาวสงฺกนฺติ. สภาวธมฺโม หิ อุปฺปาทกฺขณํ ิติกฺขณฺจ ปตฺวา ภิชฺชตีติ อุปฺปาทาวตฺถาย ชราวตฺถํ, ตโต ภงฺคาวตฺถํ สงฺกมตีติ วุจฺจติ. ตถา สงฺกมโต จ อตฺตลาภกฺขณโต อุทฺธํ ชรามรเณหิ ตํสภาวปริจฺจาโค ปกติภาววิชหนนฺติ ขณวเสน เจตํ โยเชตพฺพํ. ปุพฺพาปรวเสนาติ ¶ จ ขณานํ ปุพฺพาปรวเสนาติ อตฺโถ สมฺภวติ. เอกตฺถตฺตาติ ¶ สมานาธิกรณตฺตา, น ปน วิเสสนวิเสสิตพฺพภาวานํ เอกตฺตา. ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อนิจฺจํ จกฺขุ’’นฺติปิ วุตฺตเมว โหตีติ ‘‘ยํ จกฺขุ, ตํ อนิจฺจํ, ยํ อนิจฺจํ, ตํ จกฺขุ’’นฺติ อาปนฺนเมวาติ อาห ‘‘อนิจฺจานํ เสสธมฺมานมฺปิ จกฺขุภาโว อาปชฺชตี’’ติ.
เตหิ จ อนิจฺจทุกฺขลกฺขเณหิ จ อนตฺตลกฺขณเมว วิเสเสน ทสฺสิตํ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๕, ๔๕, ๗๖, ๘๕; ๒.๔.๑, ๒; ปฏิ. ม. ๒.๑๐) วิย. โทสลกฺขณาการนิทสฺสนตฺโถติ โทสสฺส ลกฺขิตพฺพาการนิทสฺสนตฺโถ. เอวํ ทุกฺเขนาติ เอวํ นานปฺปกาเรน อกฺขิโรคาทิทุกฺเขน อาพาธตาย. อนตฺตลกฺขณทีปกานนฺติ อนตฺตตาปฺาปนสฺส โชตกานํ อุปายภูตานํ. น หิ ฆฏเภทกณฺฏกเวธาทิวเสน ลพฺภมานา อนิจฺจทุกฺขตา สตฺตานํ เอกนฺตโต อนตฺตตาธิคมเหตู โหนฺติ. ปจฺจยปฏิพทฺธตาอภิณฺหสมฺปฏิปีฬนาทิวเสน ปน ลพฺภมานา โหนฺติ. ตถา หิ จกฺขาทีนิ กมฺมาทิมหาภูตาทิปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺตีนิ, ตโต เอว อหุตฺวา สมฺภวนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตีติ อนิจฺจานิ, อภิณฺหสมฺปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขานิ, เอวํภูตานิ จ อวสวตฺตนโต อนตฺตกานีติ ปริคฺคเห ิเตหิ สมุปจิตาณสมฺภาเรหิ ปสฺสิตุํ สกฺกา.
กถํ ปเนเตสํ หุตฺวา อภาโว ชานิตพฺโพติ? ขเณ ขเณ อฺถตฺตทสฺสนโต. ตํ กถํ ายตีติ? ยุตฺติโต. กา ปเนตฺถ ยุตฺตีติ? วิเสสคฺคหณํ. ยทิ จกฺขาทีนํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ น สิยา, พหิปจฺจยเภเท ยทิทํ ปจฺฉา วิเสสคฺคหณํ, ตํ น สิยา. ยสฺส หิ ตาทิสํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ นตฺถิ, ตสฺส อสติ พหิปจฺจยวิเสเส กถํ ปจฺฉา วิเสสคฺคหณํ ภเวยฺย, ภวติ จ วิเสสคฺคหณํ. ตสฺมา อตฺถิ เนสํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ ยํ สณิกํ สณิกํ วฑฺเฒนฺตํ ปจฺฉา ปากฏตรํ ชายตีติ. ตถา หิ สรีรสฺส ตาว อานาปานานํ อนวตฺถานโต ปริสฺสมโต จ วิเสสคฺคหณํ. อนวตฺถิตา หิ อสฺสาสปสฺสาสา วาตา วาเรน วาเรน ปวตฺตนโต. ยทิ หิ อสฺสสิเต วา ปสฺสสฺสิเต วา สรีรสฺส โกจิ ปจฺฉา วิเสโส น สิยา, น เนสํ ¶ โกจิ เภโท สิยา, ทิฏฺโ จ โส. ตสฺมา อสฺสสิตํ สรีรํ อฺถา โหนฺตํ กเมน ตาทิสํ อวตฺถํ ปาปุณาติ. ยา ปสฺสาสสฺส ปจฺจโย โหติ, ปสฺสสิเต จ ปุน ตเถว อสฺสาสสฺส ปจฺจโย โหตีติ อานาปานานํ อนวตฺถานโตปิ สรีรสฺส วิเสสคฺคหณํ ¶ อฺถตฺตสิทฺธิ. ตถา ปริสฺสโมปิ อสติ วิเสเส ปจฺฉา สรีรสฺส น สิยา, เยนายํ อิริยาปถนฺตราทีนิ เสวเนน ปริสฺสมวิโนทนํ กโรติ.
อถ วา รูปาทิเภทโตปิ วิเสสคฺคหณํ. รูปคนฺธรสผสฺสาทีนฺหิ วิเสเสน โย สรีเร อนินฺทฺริยพทฺเธสุ จ ขีรูทกวตฺถปุปฺผผโลสธิธฺาทีนํ ปจฺฉา วิเสโส คยฺหติ, โส อสติ พหิปจฺจยวิเสเส เนสํ ชราทิอวตฺถาสุ วณฺณพลาทิเภโท, รสวีริยวิปากานุภาวเภโท จ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ วินา กถมุปลพฺเภยฺย. ยํ ปน ตํ ธมฺมตารูปํ สิลาทิ, ตตฺถ กถนฺติ? ตสฺสาปิ สีตุณฺหสมฺผสฺสเภทโต อตฺเถว วิเสสคฺคหณํ. ตํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ วินา น ยุชฺชตีติ. สติ จ รูปาทิเภเท สิทฺโธว ตํนิสฺสยมหาภูตเภโทปิ. น หิ นิสฺสยมหาภูตเภเทน วินา นิสฺสิตเภโท สมฺภวตีติ. เอวํ ตาว รูปธมฺมานํ วิเสสคฺคหณโต ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ, ตโต จ หุตฺวา อภาวสิทฺธิ.
อรูปธมฺมานํ ปน อารมฺมณาทิเภเทน วิเสสคฺคหณํ. ยตฺถ ยตฺถ หิ อารมฺมเณ อรูปธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว เต ภิชฺชนฺติ, น อฺํ สงฺกมนฺติ, อารมฺมณธมฺมา จ ยถาสกํ ขณโต อุทฺธํ น ติฏฺนฺตีติ. สฺวายมตฺโถ ปทีปาทิอุทาหรเณน เวทิตพฺโพ. อฺเ เอว หิ ขเณ ขเณ รูปาทโย ปทีปชาลาย, ตถา ขีรธาราทีสุ ปตนฺตีสุ, วายุมฺหิ จ ปหรนฺเต สมฺผสฺสานิ. ยถา เจเตสํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ, กิมงฺคํ ปน จิตฺตเจตสิกานํ. กิฺจ สทฺทเภทโต, สทฺทวิเสสโตปิ ตนฺนิมิตฺตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ, ตโต วิเสสคฺคหณํ. ปคุณฺหิ คนฺถํ สีฆํ ปริวตฺเตนฺตสฺส จิตฺตสมุฏฺานานํ สทฺทานํ ¶ เภโท ทิฏฺโ. น หิ การณเภเทน วินา ผลเภโท อตฺถิ. ยถา ตํ วาทิตสทฺทานํ, เอวํ อารมฺมณเภเทน อรูปธมฺมานํ วิเสสคฺคหณํ. เตเนว เนสํ ขเณ ขเณ อฺถตฺตํ เวทิตพฺพํ. ชาติภูมิสมฺปยุตฺตธมฺมเภเทน วิเสสคฺคหเณปิ เอเสว นโย. เอวํ รูปารูปธมฺมานํ วิเสสคฺคหณโต ขเณ ขเณ อฺถตฺตสิทฺธิ. ยโต หุตฺวา อภาวโต จกฺขาทีนิ อนิจฺจานีติ สิทฺธานิ, อนิจฺจตฺตา เอว อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนโต ทุกฺขานิ, ตโต จ อวสวตฺตนโต อนตฺตกานิ. เตนาห ภควา ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕, ๔๕, ๗๖, ๘๕; ๒.๔.๑, ๒; ปฏิ. ม. ๒.๑๐).
นิรนฺตรํ ¶ ปวตฺตมานสฺสาติ อภิณฺหสทฺทตฺถํ วิเสเสตฺวา วทติ. ธาตุมตฺตตายาติ ธาตุมตฺตภาเวน. สมูหโตติ สสมฺภารจกฺขาทิปิณฺฑโต. ‘‘จกฺขาทีน’’นฺติ อิทํ ‘‘สมูหโต’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา สมฺพนฺเธ สามิวจนํ, ‘‘วินิพฺภุชน’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กมฺมตฺเถติ เวทิตพฺพํ. จตฺตาริปิ ฆนานีติ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนานิ. ปวตฺตรูปาทิคฺคหณโตติ รุปฺปนาทิวเสน ปวตฺตฺจ ตํ รูปาทิคฺคหณฺจาติ ปวตฺตรูปาทิคฺคหณํ, ตโตติ โยเชตพฺพํ. อนิจฺจาทิคฺคหณสฺส สพฺภาวาติ รูปเวทนาทิาณโต ภินฺนสฺส อนิจฺจาทิาณสฺส ลพฺภมานตฺตา. เตน สติปิ รูปาทิอตฺถานํ อนิจฺจาทิภาเว รุปฺปนาทิภาวโต อนิจฺจาทิภาวสฺส เภทมาห. อิทานิ ตเมว เภทํ าตตีรณปริฺาวิสยตาย ปากฏํ กาตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิมาห. นาติธาวิตุนฺติ อิธ ลกฺขณลกฺขณวนฺตา ภินฺนา วุตฺตา. ตตฺถ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย ขนฺธารมฺมณตาวจเนน อภินฺนาติ อฺมฺวิโรธาปาทเนน อติธาวิตุํ น ยุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? วุตฺตํ ‘‘เต ปนาการา’’ติอาทิ. อธิปฺปาโยปิ เจตฺถ ลกฺขณานํ รูปาทิอาการมตฺตตาวิภาวนนฺติ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ หิ สงฺขาเร สภาวโต สลฺลกฺเขนฺโตเยว ลกฺขณานิ จ สลฺลกฺเขตีติ. ยถา อนิจฺจาทิโต อนิจฺจตาทีนํ วุตฺตนเยน เภโท, เอวํ อนิจฺจตาทีนมฺปิ สติปิ ลกฺขณภาวสามฺเ นานาาณโคจรตาย, นานาปฏิปกฺขตาย, นานินฺทฺริยาธิกตาย จ วิโมกฺขมุขตฺตยภูตานํ อฺมฺเภโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิจฺจนฺติ จ คณฺหนฺโต’’ติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๑๕๕. ปจฺจยยุคฬวเสนาติ ¶ อชฺฌตฺติกพาหิรปจฺจยทฺวยวเสน. อชฺฌตฺติกพาหิรวเสน อพฺโพการโตติ อชฺฌตฺติกวเสน เจว พาหิรวเสน จ อสงฺกรโต.
๑๖๗. วิสงฺขารนินฺนสฺสาติ นิพฺพานโปณสฺส. วินิมุตฺตสงฺขารสฺสาติ สมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีหิ สมุเขน, ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน จ สุฏฺุ วินิมุตฺตสงฺขารสฺส ปรมสฺสาสภาเวน, คติภาเวน จ ปติฏฺานภูเต. ‘‘นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ (ปฏิ. ๓๓๙) หิ ¶ วุตฺตํ. ิติภาเวนาติ จ ปาโ. ตํสจฺฉิกรณาภาเวติ ตสฺส นิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณาภาเว. นีโตติ ปาปิโต, ปกาสิโตติ อตฺโถ.
จุณฺณิตนฺติ เภทิตํ. ตฺวเมว กึ น ชานาสีติ กึ ตฺวํ น ชานาสิเยวาติ อตฺโถ. ‘‘กึ ตฺวํ เอกํ นานํ ชานาสิ, กึ ตฺวํ น ชานาสิ เอวา’’ติ เอวํ วิกฺเขปํ กโรนฺตํ ปรวาทึ ‘‘นนุ าเต’’ติอาทินา สกวาที นิพนฺธติ. วิภชิตฺวาติ ‘‘ราคาทีนํ ขีณนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ ภาวตฺถํ วิภชิตฺวา. ราคาทีนํ ขยา น โหนฺตีติ โยชนา. สสภาวตา จ นิพฺพานสฺส อาปนฺนา โหตีติ สมฺพนฺโธ.
นิพฺพานารมฺมณกรเณน การณภูเตน. เหตุอตฺเถ หิ อิทํ กรณวจนํ. กิเลสกฺขยมตฺตตํ วา นิพฺพานสฺส อิจฺฉโต กิเลสกฺขเยน ภวิตพฺพนฺติ โยชนา.
เอวํ กิเลสกฺขยมตฺเต นิพฺพาเน เขเปตพฺพา กิเลสา พหุวิธา นานปฺปการา, มคฺโค จ โอธิโส กิเลเส เขเปติ. สฺวายํ ‘‘กตมํ กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา กตเม กิเลเส เขเปตี’’ติ ปุริมปุจฺฉาทฺวยเมว วทติ. ตเทวาติ ยํ ‘‘อวิชฺชาตณฺหานํ กิฺจิ เอกเทสมตฺตมฺปี’’ติ วุตฺตํ, ตเทว.
เอตฺถ จ ยายํ ‘‘กิเลสกฺขโยว นิพฺพาน’’นฺติ นิพฺพานสฺส อภาวตาโจทนา, ตตฺรายํ อาคมโต ยุตฺติโต จสฺส ภาวาภาววิภาวนา. ตฺหิ ภควตา –
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ (อุทา. ๗๓; อิติวุ. ๔๓).
‘‘อตฺถิ ¶ , ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป น เตโช น วาโย’’ติ (อุทา. ๗๑) –
จ อาทินา, ตถา –
‘‘คมฺภีโร ¶ ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗-๘) –
‘‘อสงฺขตฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิฺจ ปฏิปทํ, อนตํ, อนาสวํ, สจฺจํ, ปารํ, นิปุณํ, สุทุทฺทสํ, อชชฺชรํ, ธุวํ, อปโลกิตํ, อนิทสฺสนํ, นิปฺปปฺจํ, สนฺตํ, อมตํ, ปณีตํ, สิวํ, เขมํ, ตณฺหากฺขยํ, อจฺฉริยํ, อพฺภุตํ, อนีติกํ, อนีติกธมฺมํ, นิพฺพานํ, อพฺยาพชฺฌํ, วิราคํ, สุทฺธึ, มุตฺตึ, อนาลยํ, ทีปํ, เลณํ, ตาณํ, สรณํ, ปรายณฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ปรายณคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๗๗) –
เอวมาทีหิ จ สุตฺตปเทหิ ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗), สพฺพฺจ รูปํ อสงฺขตา จ ธาตู’’ติอาทีหิ (ธ. ส. ๑๑๙๒, ๑๑๙๘, ๑๒๐๐) อภิธมฺมปเทเสหิ จ ปรมตฺถภาเวเนว เทสิตํ. น หิ สภาววิรหิตสฺส อภาวมตฺตสฺส คมฺภีราสงฺขตาทิภาโว อพฺยากตธมฺมาทิภาโว จ ยุตฺโต, วุตฺโต จ โส. ตสฺมา น อภาวมตฺตํ นิพฺพานํ.
อปิ จายํ อภาววาที เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพ – ยทิ กิเลสาภาโว นิพฺพานํ, สฺวายมภาโว เอโก วา สิยา อเนโก วา? ยทิ เอโก, เอเกเนว มคฺเคน กโต สจฺฉิกโต จ โหตีติ อุปริมานํ มคฺคานํ นิรตฺถกตา อาปชฺชติ. น หิ เอกํ อเนเกหิ กมฺมปฺปวตฺเตหิ สาเธตพฺพํ ทิฏฺํ. อถ สิยา เอโกว โส กิเลสาภาโว, น ปน มคฺเคหิ กาตพฺโพ, อถ โข สจฺฉิกาตพฺโพติ. เอวํ สติ สุฏฺุตรํ มคฺคสฺส นิรตฺถกตา อาปชฺชติ กิเลสานํ อปฺปหานโต. อกโรนฺโต จ มคฺโค กิเลสาภาวํ ตสฺส สจฺฉิกิริยาย ¶ กมตฺถํ สาเธยฺย, อถ มคฺคานํ สํโยชนตฺตยปฺปหานาทิปฏินิยตกิจฺจตาย ปหายกวิภาเคน กิเลสาภาวเภโท, เอวํ สติ วินา สภาวเภทํ พหุภาโว นตฺถีติ พหุภาวตาปเทเสนสฺส สสภาวตา อาปนฺนา. อถาปิ สิยา ‘‘เยสํ อภาโว, เตสํ พหุภาเวน พหุภาโวปจาโร’’ติ, เอวํ สติ เยสํ อภาโว, เตสํ สภาวตาย สสภาโวปจาโรปิ สิยา. ตถา เตสํ กิเลสสงฺขตาทิตาย กิเลสสงฺขตาทิภาวา จ สิยุํ, น เจตํ ยุตฺตนฺติ น เตสํ พหุภาโวปจาโร ยุตฺโต. เอกภาโวปิ ¶ จสฺส อสภาวตาย เอว วตฺตุํ น สกฺกาติ เจ? น, อภาวสามฺโต, อภาวสามฺเน อเภทสมฺาย เอกตฺตนิทฺเทโส. สติ จ เอกตฺเต ปุพฺเพ วุตฺตโทสานติวตฺติ.
พหุภาเว จ สสภาวตา สิทฺธา. ยทิปิ สิยา ยถา พหุภาโว สสภาวตํ, เอวํ สามฺเน สสภาวตา พหุภาวํ น พฺยภิจเรยฺยาติ สสภาวปกฺเขปิ นิพฺพานสฺส พหุภาโว อาปชฺชตีติ? ตํ น, กสฺมา? ตถา สามฺาเภทโต. น หิ เอวํ วตฺตุํ ลพฺภา ยถา ขรภาโว สสภาวตํ น พฺยภิจรติ, เอวํ สสภาวตาปิ ขรภาวํ น พฺยภิจเรยฺยาติ. เอวฺหิ สติ ตทฺสพฺพธมฺมาภาวปฺปสงฺโค สิยา, ตสฺมา พหุภาโว สสภาวตาเปกฺโข, น สสภาวตา พหุภาวาเปกฺขาติ น สสภาวสฺส นิพฺพานสฺส พหุภาวาปตฺติ. ‘‘เอกฺหิ สจฺจํ น ทุตียมตฺถิ (สุ. นิ. ๘๙๐; มหานิ. ๑๑๙), เอกา นิฏฺา น ปุถุนิฏฺา’’ติอาทิวจนโต.
อปิ เจตฺถ กิเลสาภาโว นาม ราคาทีนํ สมุจฺเฉโท อจฺจนฺตปฺปหานํ อนุปฺปาทนิโรโธ. ตสฺส จ เอกตฺเต เอเกเนว มคฺเคน สาเธตพฺพตา กิจฺจวิเสสาภาวโตติ ทสฺสนาทิมคฺควิภาโค น สิยา. อิจฺฉิโต จ โส โอธิโสว กิเลสานํ ปหาตพฺพตฺตา. โส จ มคฺควิภาโค สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ นาติติกฺขติกฺขติกฺขตรติกฺขตมภาเวน เอกสฺมิมฺปิ สมุจฺเฉทปฺปหานโยคฺยภาเว ¶ สจฺฉิกิริยาวิเสเสน โหตีติ นิพฺพานสฺส สสภาวตายเยว ยุตฺโต. อภาโว ปน กิเลสานํ มคฺเคน กาตพฺโพ สิยา ‘‘มา มคฺคสฺส นิรตฺถกตา อโหสี’’ติ, น สจฺฉิกาตพฺโพ. โก หิ ตสฺส สภาโว, โย เตน สจฺฉิกริเยยฺย. โส จ กิเลสาภาโว เอเกเนว มคฺเคน สาเธตพฺโพ สิยา, น จตูหิ ‘‘มา จตุภาวนิพฺพานตาปตฺติ, นิพฺพานวิเสสาปตฺติ จ อโหสี’’ติ. ตโต ทสฺสนาทิมคฺควิภาโค น สิยาติ สพฺพํ อาวตฺตติ.
ยทิ จ อภาโว ภาวสฺส สิยาติ ตสฺส ภาวธมฺมตา อิจฺฉิตา, เอวํ สติ ยถา สงฺขตธมฺมสฺส ตสฺส ชรามรณาทีนํ วิย สงฺขตธมฺมตาปิ อาปนฺนา, เอวํ พหูนํ กิเลสานํ ธมฺมสฺส ตสฺส พหุภาวาทิปฺปสงฺโคปิ ทุนฺนิวาโรติ อตํสภาวสฺส อสงฺขตสฺเสกสฺส สสภาวสฺส นิพฺพานภาโว เวทิตพฺโพ.
ยทิ ¶ เอวํ กสฺมา ‘‘ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๕, ๓๓๐) วุตฺตนฺติ? ขเยน อธิคนฺตพฺพตฺตา. ขโย หิ อริยมคฺโค. ยถาห ‘‘ขเย าณํ, อนุปฺปาเท าณ’’นฺติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒). เตน ราคาทิกฺขยปริยาเยน อริยมคฺเคน อธิคนฺตพฺพโต ‘‘ปรมตฺถํ คมฺภีรํ นิปุณํ ทุทฺทสํ ทุรนุโพธํ นิพฺพานํ ราคาทิกฺขโย’’ติ วุตฺตํ. ราคาทิปฺปหานมุเขน วา ตถา ปตฺตพฺพโต, ยถา อฺตฺถาปิ วุตฺตํ ‘‘มทนิมฺมทฺทโน ปิปาสวินโย’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
อปิจ ยถา ปริฺเยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ รูปานฺจ ปฏิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปฺายติ, เอวํ สสภาวานํ สพฺเพสมฺปิ สงฺขตธมฺมานํ ปฏิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํ. ยฺจ ตนฺนิสฺสรณํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. กิฺจ ภิยฺโย – สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วิปสฺสนาาณํ อปิ อนุโลมาณํ กิเลเส ตทงฺควเสน ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน ¶ ปชหิตุํ สกฺโกติ. ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปมชฺฌานาทีสุ าณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน. อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส, สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ าณสฺส กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุจฺเฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคาณสฺส ตทุภยวิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ (อุทา. ๗๓; อิติวุ. ๔๓) อิทํ นิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวโชตกํ วจนํ อวิปรีตตฺถํ ภควตา ภาสิตตฺตา. ยฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํ ยถา ตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙; เถรคา. ๖๗๖-๖๗๘; เนตฺติ. ๕), ตถา นิพฺพาน-สทฺโท กตฺถจิ วิสเย ยถาภูตปรมตฺถวิสโย อุปจารวุตฺติสพฺภาวโต เสยฺยถาปิ สีห-สทฺโท. อถ วา อตฺเถว ปรมตฺถโต อสงฺขตา ธาตุ อิตรตพฺพิปรีตวิมุตฺติสภาวตฺตา เสยฺยถาปิ ‘‘ปถวีธาตุ เวทนา จา’’ติ เอวมาทีหิ นเยหิ ยุตฺติโตปิ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาโว เวทิตพฺโพ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา
๑๖๘. กิฺจีติ ¶ กิฺจิ อารมฺมณํ. อาลมฺพนโตติ อารมฺมณกรณโต.
ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฏฺิตา.
อายตนวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.