📜

๓. ธาตุวิภงฺโค

๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา

๑๗๒. อภิธมฺเมจ อาคตาติ อิมสฺมึ ธาตุวิภงฺเค อภิธมฺมภาชนียปฺหปุจฺฉเกสุ, นิกฺเขปกณฺฑธมฺมหทยวิภงฺคาทีสุ จ เทสนารุฬฺหา. ยถา ปน สุตฺตนฺเต อภิธมฺเม จ อาคตา ขนฺธาทโย สุตฺตนฺเต เทสิตนิยาเมน ขนฺธวิภงฺคาทีสุ สุตฺตนฺตภาชนียวเสน วิภตฺตา, เอวมิธาปิ จกฺขุธาตาทโย สุตฺตนฺตภาชนียวเสน วิภชิตพฺพา สิยุํ. ตตฺถ ขนฺธาทีนํ สพฺพสงฺคาหโก อภิธมฺมเทสนาวิสิฏฺโ สุตฺตนฺเต อาคโต อฺโ เทเสตพฺพากาโร นตฺถีติ เต รูปกฺขนฺธาทิวเสเนว สุตฺตนฺตภาชนีเย เทสิตา, ธาตูนํ ปน โส อตฺถีติ เต ติณฺณํ ธาตุฉกฺกานํ วเสน อิธ เทสิตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สุตฺตนฺเตสฺเวว…เป… วิภตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. เตนาห อฏฺกถายํ ‘‘สพฺพา ธาตุโย ฉหิ ฉหิ ธาตูหิ สงฺขิปิตฺวา’’ติ.

กถํ ปน ฉสุ ฉสุ ธาตูสุ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สมวโรโธติ? สภาวนิสฺสยทฺวารารมฺมณสมฺปโยคสามฺโต. ตตฺถ ปมฉกฺเก ตาว ปถวีเตโชวาโยธาตุโย สภาวโต โผฏฺพฺพธาตุ. อาโปธาตุอากาสธาตุโย ธมฺมธาตุเอกเทโส. วิฺาณธาตุ สตฺตวิฺาณธาตุโย. จตุธาตุคฺคหเณน เจตฺถ ตทายตฺตวุตฺติกา นิสฺสยาปเทเสน, วิฺาณธาตุยา ทฺวารารมฺมณภาเวน วา อวสิฏฺา รูปธาตุโย สมวรุทฺธา, วิฺาณธาตุคฺคหเณน ตํสมฺปโยคโต ธมฺมธาตุเอกเทโสติ เอวํ สพฺพธาตุสมวโรโธ ทฏฺพฺโพ. ทุติเย ฉปิ ธาตุโย สภาวโต, ธมฺมายตเนกเทโส, ตํสมฺปโยคโต สตฺตวิฺาณธาตุโย, ยถารหํ เตสํ นิสฺสยทฺวารารมฺมณภาวโต อวสิฏฺธาตุโย สมวรุทฺธา. ตติยฉกฺเกปิ เอเสว นโย. เอวเมตฺถ ฉสุ ฉสุ ธาตูสุ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สมวโรโธ ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพา ธาตุโย ฉหิ ฉหิ ธาตูหิ สงฺขิปิตฺวา’’ติ.

สุฺโติ อตฺตสุฺโ, เตน สสภาวตาย จ อิธ ธาตุโวหาโรติ อาห ‘‘สุฺเ สภาวมตฺเต นิรุฬฺโห ธาตุสทฺโท’’ติ. ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโตว อากาโสติ เยหิ วิวิตฺโต, เยสฺจ ปริจฺเฉโท, เตหิ อสมฺผุฏฺตา เตสํ พฺยาปกภาเว สติ น โหตีติ อาห ‘‘จตูหิ มหาภูเตหิ อพฺยาปิตภาโว’’ติ. ปริจฺฉินฺนวุตฺตีนิ หิ ภูตานีติ.

๑๗๓. อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ นตฺถีติ ปุริมตฺถํ อสมฺภาเวนฺโต ‘‘ทฺเว เอว วา’’ติอาทินา สมุทาเยน วินา ทุติยตฺถมาห. ปจฺจตฺตํ อตฺตนิ ชาตตนฺติ ปาฏิปุคฺคลิกตํ.

ปาฏิเยกฺโก โกฏฺาโสติ วา โลมาทิอิตรโกฏฺาเสหิ อสมฺมิสฺโส วิสุํ เอโก ปถวีโกฏฺาโสติ อตฺโถ.

ปโยคนฺติ ภาวนาปโยคํ. วีริยนฺติ ภาวนานิปฺผาทกํ อุสฺสาหํ. อายูหนนฺติ ตาทิสํ เจตนํ.

ธาตุปฏิกฺกูลวณฺณมนสิการานนฺติ ธาตุมนสิการปฏิกฺกูลมนสิการวณฺณมนสิการานํ. อพฺยาปารตายาติ ‘‘อหเมตํ นิปฺผาเทมิ, มม เอสา นิปฺผาทนา’’ติ เจตนารหิตตาย. กโรนฺตีติ อาโภคปจฺจเวกฺขณานิ อุปฺปาเทนฺติ.

ลกฺขณวเสนาติ สภาววเสน. โส ปน ยสฺมา ปถวีธาตุยา กกฺขฬขรตา โหตีติ อาห ‘‘กกฺขฬํ ขริคตนฺติอาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ.

เวกนฺตกํ นาม สพฺพโลหจฺเฉทนสมตฺถํ โลหํ. ตถา หิ ตํ วิกนฺตติ ฉินฺทตีติ วิกนฺตํ, วิกนฺตเมว เวกนฺตกนฺติ วุจฺจติ. โลหสทิสนฺติ โลหาการํ โลหมลํ วิย ฆนสหิตํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตาเปตฺวา ตาฬิตํ ปน ฉินฺนํ ฉินฺนํ หุตฺวา วิสรติ, มุทุ มฏฺํ กมฺมนิยํ วา น โหติ, เตน ‘‘โลหวิชาตี’’ติ วุจฺจตีติ. ติปุตมฺพาทีหีติ ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ, สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ, ชสทตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ อารกูฏํ. ยํ ปน เกวลํ ชสทธาตุวินิคฺคตํ, ยํ ‘‘ปิตฺตล’’นฺติปิ วทนฺติ, ตํ อิธ นาธิปฺเปตํ, ยถาวุตฺตมิสฺสกเมว ปน คเหตฺวา ‘‘กิตฺติม’’นฺติ วุตฺตํ.

นิทสฺสนมตฺตนฺติ มุตฺตานํ ชาติโต อเนกเภทตฺตา วุตฺตํ. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ วราหทาํ ภุชงฺคสีสํ วลาหกูฏํ เวณุปพฺพํ มจฺฉสิโร สงฺโข สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาหีนา. วราหทาชา วราหทาวณฺณาว. ภุชงฺคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา, วฏฺฏลา จ. วลาหกชา ภาสุรา ทุพฺพิภาครูปา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิธมนฺตา ติฏฺนฺติ, เทวูปโภคา เอว โหนฺติ. เวณุปพฺพชา การผลสมานวณฺณา, น ภาสุรา, เต จ เวฬโว อมนุสฺสโคจเร เอว ปเทเส ชายนฺติ. มจฺฉสีสชา ปาีนปิฏฺิสมานวณฺณา, วฏฺฏลา, ลฆโว จ โหนฺติ ปภาวิหีนา, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมชฺเฌเยว ชายนฺติ. สงฺขชา สงฺโขรจฺฉวิวณฺณา, โกลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาว. สิปฺปิชา ปน ปภาวิเสสยุตฺตาว โหนฺติ นานาสณฺานา. เอวํ ชาติโต อฏฺวิธาสุ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกา. ภุชงฺคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกาติ วทนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘สามุทฺทิกมุตฺตาติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, สพฺพาปิ ปน มุตฺตา มุตฺตา เอวา’’ติ. พหุลโต วา อฏฺกถายํ เอตํ วุตฺตํ ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกมุตฺตา’’ติ. พหุลฺหิ โลเก สามุทฺทิกาว มุตฺตา ทิสฺสนฺติ. ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กทาจิ กาจีติ.

๑๗๔. อิธ นตฺถิ นิยโม เกวลํ ทฺรวภาวสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา.

๑๗๕. นิสิตภาเวนาติ สนฺตาปนาทิวสปฺปวตฺเตน ติขิณภาเวน. อุสฺมาการฺหิ นิสานํ อิธ นิสิตภาโว. ปากติโกติ สาภาวิโก กายุสฺมาติ อธิปฺเปโต. สทาติ สพฺพกาลํ ยาว ชีวิตินฺทฺริยํ ปวตฺตติ. เปตคฺคิ นิชฺฌามตณฺหิกเปตคฺคิ. อิธาติ พาหิรเตโชธาตุกถายํ.

๑๗๖. วายนํ พีชนํ, ตํ ปน ถามสา ปวตฺตีติ อาห ‘‘สเวคคมนวเสนา’’ติ. สมุทีรณํ อลฺลปริโสสนํ, ภูตสงฺฆาตสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโว วา.

๑๗๗. ภิตฺติจฺฉิทฺทาทิวเสน ลพฺภมานํ อชฏากาสํ นิสฺสาเยว ปริจฺเฉทากาสสฺส ปริกมฺมกรณนฺติ อาห ‘‘อชฏากาสสฺส จ กถิตต’’นฺติ.

๑๗๙. สุขทุกฺขโผฏฺพฺพสมุฏฺาปนปจฺจยภาเวนาติ อิฏฺานิฏฺโผฏฺพฺพานํ นิพฺพตฺตกภูเตน ปจฺจยภาเวน. กสฺส ปน โส ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘สรีรฏฺกอุตุสฺสา’’ติ . ปจฺจยภาเวนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. เตน หิ การณภูเตน สุขทุกฺขโผฏฺพฺพานํ ยถาวุตฺตสมตฺถตา โหตีติ. ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘ยถาพลํ สรีเรกเทสสกลสรีร’’นฺติ อิทํ อนุกฑฺฒติ. เอวนฺติ อตฺตโน ผลูปจารสิทฺเธน ผรณปฺปกาเรน. เอเตสนฺติ สุขาทีนํ. ‘‘โอฬาริกปฺปวตฺติ เอว วา ผรณ’’นฺติ อิมินา นิรุปจารํ เอเตสํ ผรณฏฺํ ทสฺเสติ. อุภยวโตติ สุขทุกฺขวโต, โสมนสฺสโทมนสฺสวโต จ, ผรณาผรณฏฺานวโต วา.

๑๘๑. เอตฺถ วุตฺตํ สงฺกปฺปนฺติ เอตสฺมึ ‘‘สงฺกปฺโป กาโม’’ติอาทิเก (มหานิ. ๑; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘) นิทฺเทสปเทเส วุตฺตํ สงฺกปฺปํ. ตตฺถ หิ กิเลสกาโมว ‘‘สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๑๓) วิย. วตฺถุกามสฺส ตถา ตถา สงฺกปฺปนโต ปริกปฺปนโต ‘‘สงฺกปฺโป’’ติ วุตฺโต, น วิตกฺโกติ อยเมตฺถ อตฺโถ วุตฺโต. ฏีกายํ ปน วิตกฺกวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โสปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺราปิ ปุริโม เอวตฺโถ อธิปฺเปโตติ เจ, สมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-สทฺโท นิรตฺถโก สิยา, ‘‘กิเลสสนฺถวสมฺภวโต’’ติ จ น วตฺตพฺพํ สิยา, ปรโต จ ‘‘พฺยาปาทวจเนน พฺยาปาทวิตกฺกํ ทสฺเสตี’’ติ วกฺขติ. กิเลสกาโม วิภตฺโต กิเลสสมฺปยุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. กามปฏิพทฺธาติ เอตฺถ กาม-สทฺเทน วตฺถุกามาปิ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา.

๑๘๒. อุภยตฺถ อุปฺปนฺโนติ สตฺเตสุ, สงฺขาเรสูติ อุภยตฺถ อุปฺปนฺโน, สตฺตากาโร, สงฺขารากาโรติ วา อารมฺมณสฺส อุภยาการคฺคหณวเสน อุปฺปนฺโน. กมฺมปถวิเสโส, กมฺมปถวินาสโก จ กมฺมปถเภโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิชฺฌาสํโยเคนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถา วิหึสาย วิหึสาวิตกฺกํ ทสฺเสตีติ โยชนา. วิหึสายาติ จ วิหึสาวจเนนาติ อตฺโถ. ยถาสมฺภวํ ปาณาติปาตาทิวเสนาติ อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานมุสาวาทเปสุฺผรุสวาจาสมฺผปฺปลาเป สงฺคณฺหาติ. สพฺพ…เป… สงฺคาหเกหิ กามเนกฺขมฺมธาตูหิ. ทฺเว ทฺเวติ พฺยาปาทวิหึสาธาตุโย, อพฺยาปาทอวิหึสาธาตุโย จ. ‘‘เอตฺถาติ ปนา’’ติอาทินา สํกิเลสโวทานานํ สงฺกรภาวสฺส อนิฏฺาปชฺชนสฺส จ ทสฺสเนน ปุริมํเยว อตฺถํ พฺยติเรกมุเขน สมฺปาเทติ.

สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา

๑๘๓. อาเวณิกตฺโถ อติสยตฺโถ จ วิเสสสทฺโท โหตีติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุคฺคลนฺตราสาธารณํ, นีลาทิสพฺพรูปสาธารณฺจา’’ติ วุตฺตํ. อสาธารณการเณนาปิ หิ นิทฺเทโส โหติ ยถา ‘‘เภริสทฺโท, ยวงฺกุโร’’ติ. อติสยการเณนปิ ยถา ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (กถา. ๓๕๕; ปฏิ. ม. ๒.๔๔). ธาตุอตฺโถ เอวาติ ‘‘ธาตุ’’อิติ อิมสฺส ธาตุสทฺทสฺเสว อตฺโถ. ธาตุวจนีโย หิ อตฺโถ อุปสคฺเคน โชตียติ.

ปุริเมน อสทิโส วิธานธารณตฺถานํ ปากโฏ เภโทติ. วิสภาคลกฺขณา วิสทิสสภาวา อวยวา ภาคา, เตสุ.

ยถาสมฺภวนฺติ กิริยามโนธาตุ อุปนิสฺสยโกฏิยา, วิปากมโนธาตุ วิปากมโนวิฺาณสฺส อนนฺตราทินาปิ, อิตรสฺส สพฺพาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาว. ธมฺมธาตุ ปน เวทนาทิกา สหชาตา สหชาตาทินา, อสหชาตา อนนฺตราทินา, อุปนิสฺสเยน อารมฺมณาทินา จ มโนวิฺาณสฺส ปจฺจโยติ เอวํ มโนธาตุธมฺมธาตูนํ มโนวิฺาณสฺส เหตุภาโว ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. ทฺวารภูตมโนปิ สุตฺเต ‘‘มโนธาตู’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทฺวารภูตมโนวเสน วา’’ติ. ตสฺสา มโนธาตุยา มโนวิฺาณสฺส เหตุภาโว ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพติ สมฺพนฺโธ.

ปุริมนเยนาติ วิเสสนํ ทุติยนยสฺส หีนตฺติกวเสเนว วิภตฺตตฺตา. นานาธาตูนฺจ จกฺขุธาตุอาทีนนฺติ สมฺพนฺโธ.

น หิ ทฺเว มโนวิฺาณธาตุโย สนฺติ อฏฺารสธาตุวิภาคทสฺสเนติ อธิปฺปาโย. ขนฺธายตนธาตินฺทฺริยานํเยว วเสน สงฺเขปาทิวิภาคทสฺสนํ เตสํ พหุลํ ปริฺเยฺยธมฺมสงฺคณฺหนโต. สจฺจเทสนา ปน อติสํขิตฺตภาวโตเยเวตฺถ พหิกตา.

นิชฺชีวสฺสาติอาทิ วิเสสโต สตฺตสุฺตาทีปนตฺถา ธาตุเทสนาติ กตฺวา วุตฺตํ. ปุริมนโย อฺเสมฺปิ กมวุตฺตีนํ ธาตูนํ สมฺภวตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺโตติ ‘‘มโนธาตุเยว วา’’ติอาทินา ทุติยนโย วุตฺโต. ตตฺถ อวิชฺชมาเนปิ ปุเรจรานุจรภาเวติ ปุเรจรานุจราภิสนฺธิยา อภาเวปิ เกวลํ อนนฺตรปุพฺพกาลอนนฺตราปรกาลตาย มโนธาตุ ปุเรจรานุจรา วิย ทฏฺพฺพาติ วุตฺตา.

‘‘อฺํ อคฺคเหตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถตายา’’ติ เอเตน วิฺาณสฺส เอกนฺตสารมฺมณตาทสฺสเนน ‘‘อารมฺมเณน วินา สยเมว นีลาทิอาภาสํ จิตฺตํ ปวตฺตตี’’ติ เอวํ ปวตฺติตํ วิฺาณวาทํ ปฏิเสเธติ.

๑๘๔. เอกนานาสนฺตานคตานนฺติ เอกสนฺตานคตานํ อภินฺนสนฺตานคตานํ ทฺวารานํ, นานาสนฺตานคตานํ ภินฺนสนฺตานคตานํ อารมฺมณานนฺติ โยชนา. เอกนานาชาติกตฺตาติ จกฺขาทิเอเกกชาติกตฺตา ทฺวารานํ, นีลาทิอเนกชาติกตฺตา อารมฺมณานํ.

จกฺขาทิ เอกมฺปิ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปาทิ ปน อเนกเมว สํหตนฺติ อิมสฺส วา อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ จกฺขุรูปาทีสุ วจนเภโท กโต. กึ ปน การณํ จกฺขาทิ เอกมฺปิ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปาทิ ปน อเนกเมวาติ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต, ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโย โหตีติ วุจฺจตีติ. ตํนิสฺสยตา จสฺส น เอกเทเสน อลฺลียนวเสน อิจฺฉิตพฺพา อรูปภาวโต, อถ โข ครุราชาทีสุ สิสฺสราชปุริสาทีนํ วิย ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย. อิตเร จ ปจฺจยา เตน เตน วิเสเสน เวทิตพฺพา. สฺวายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจา’’ติ เอกวจนนิทฺเทโส กโต.

รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ อุปฺปนฺนํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณเยว อุปการกตฺตา, ตถาปิ อเนกเมว สํหตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ปจฺจยธมฺมํ สภาวภูตํ, ปริกปฺปิตาการมตฺตํ วา วิฺาณํ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, ตทฺเสฺจ สติปิ ปจฺจยภาเว โส ตสฺส สารมฺมณสภาวโต ยํ กิฺจิ อนาลมฺพิตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถสฺส โอลุพฺภ ปวตฺติการณตาย อาลมฺพนียโต อารมฺมณํ นาม. ตสฺส ยสฺมา ยถา ยถา สภาวูปลทฺธิ วิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยลาโภ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาณํ รูปํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติ. สา จสฺส อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสเนว โหติ, นาปิ กติปยกลาปวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘รูเป จา’’ติ พหุวจเนน นิทฺทิสิ.

ยํ ปน ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา, ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑) วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ตมฺปิ ยาทิสํ รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, ตาทิสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. กีทิสํ ปน ตนฺติ? สมุทิตนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘อายตนสลฺลกฺขณวเสน จกฺขุวิฺาณาทโย สลฺลกฺขณารมฺมณา, น ทพฺยสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ, ตํ ยุตฺตเมว โหติ. น เจตฺถ สมุทายารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา สมุทายาโภคสฺเสว อภาวโต, สมุทิตา ปน วณฺณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถา สมุทิตา อารมฺมณา โหนฺติ, น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตา อนฺธา สมุทิตา ปสฺสนฺตีติ? นยิทเมกนฺติกํ วิสุํ อสมตฺถานํ สิวิกาวหนาทีสุ สมตฺถตาย ทสฺสนโต. เกสาทีนฺจ ยสฺมึ าเน ิตานํ ปจฺเจกํ วณฺณํ คเหตุํ น สกฺกา, ตสฺมึเยว าเน สมุทิตานํ ตํ คเหตุํ สกฺกาติ ภิยฺโยปิ เตสํ สํหจฺจการิตา ปริพฺยตฺตา. เอเตน กึ จกฺขุวิฺาณสฺส ปรมาณุรูปํ อารมฺมณํ, อุทาหุ ตํสมุทาโยติอาทิกา โจทนา ปฏิกฺขิตฺตา เวทิตพฺพา. ‘‘โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จา’’ติอาทีสุปิ อยเมว นโย.

เอวมฺปิอตฺโถ ลพฺภตีติ ‘‘มโนธาตุยาปี’’ติ ปิ-สทฺเทน น เกวลํ ชวนปริโยสานา มโนวิฺาณธาตุเยว สมฺปิณฺฑียติ, อถ โข ตทารมฺมณภวงฺคสงฺขาตาปิ สมฺปิณฺฑียตีติ เอวมฺปิ อตฺโถ ลพฺภติ, สมฺภวตีติ อตฺโถ. เอวํ สตีติ เอวํ อฺมโนธาตุปฺปวตฺติยา โอรํ ปวตฺตจิตฺตานํ มโนวิฺาณธาตุตาทสฺสเน สติ. สติปิ มนโส สมฺภูตภาเว มโนธาตุยา มโนวิฺาณธาตุภาวปฺปสงฺโค น โหติเยว ตํสภาวสฺเสว มโนวิฺาณธาตุภาเวน นิทฺทิฏฺตฺตา. อิทานิ ตเมวตฺถํ ‘‘ปฺจวิฺาณธาตุมโนธาตู’’ติอาทินา ปากฏตรํ กโรติ. ตพฺพิธุรสภาเวนาติ ปฺจวิฺาณธาตูหิ วิสทิสสภาเวน. อุปฺปตฺติฏฺาเนน จาติ มโนธาตุกิริยมโนวิฺาณธาตุอาทีหิ ปริจฺฉินฺเนน อุปฺปชฺชนฏฺาเนน จ. อิทานิ เอกตฺตคฺคหณํ วินาปิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปนีเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สามฺวเสนาติ สทิสตาวเสน. ตสฺสาติ ภวงฺคานนฺตรํ อุปฺปนฺนจิตฺตสฺส. อมโนวิฺาณธาตุภาวาสิทฺธิโตติ มโนธาตุภาวาสิทฺธิโต. น หิ ‘‘มโนวิฺาณธาตุยาปิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสมนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ…เป… ตชฺชา มโนวิฺาณธาตู’’ติ อิทํ วจนํ ภวงฺคานนฺตรํ อุปฺปนฺนจิตฺตสฺส มโนธาตุภาวํ สาเธติ. สิทฺเธ หิ มโนธาตุภาเว ตํ ตสฺส นิวตฺตกํ สิยาติ อธิปฺปาโย. มโนวิฺาณธาตุยา ปน อุปฺปนฺนสฺส จิตฺตสฺส มโนวิฺาณธาตุภาวทีปกํ วจนํ ตาทิสาย มโนธาตุยาปิ มโนวิฺาณธาตุภาวเมว ทีเปยฺยาติ กถํ ตสฺสา นิวตฺตกํ สิยาติ อาห ‘‘น หิ ยํ โจทียติ, ตเทว ปริหาราย โหตี’’ติ.

ยทิ เอวํ ปฺจทฺวาราวชฺชนสฺส มโนวิฺาณธาตุภาวาปตฺติ เอวาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘มโนธาตุยาปี’’ติอาทิ. ปฺจวิฺาเณหิ มโนธาตูหิ จ วิสิฏฺโ สภาโว ปฺจวิฺาณ…เป… สภาโว, ตสฺส วเสน. จุติปฏิสนฺธิภวงฺคานนฺติ ตทารมฺมณมฺปิ ภวงฺคนฺโตคธํ กตฺวา วุตฺตํ. ชวนาวสานานีติ วา ชวนารมฺมณตฺตา ตทารมฺมณมฺปิ คหิตํ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ฉทฺวาริกจิตฺเตหิ วา’’ติอาทิ.

วิสุํ กาตุํ ยุตฺตนฺติ อาวชฺชนมฺปิ ยทิปิ รูปาทิวิสยํ โหติ, ชวนํ วิย อารมฺมณรสานุภวนํ ปน น โหตีติ เอทิเส าเน วิสุํ กาตพฺพเมว. มโนจาติ -สทฺโท ‘‘มนฺจ ปฏิจฺจา’’ติอาทีสุ วิย น สมฺปิณฺฑนตฺโถ, อถ โข พฺยติเรกตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา

เหฏฺาวุตฺตนยตฺตาติ ธมฺมธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ ‘‘ปฺจปณฺณาส กามาวจรธมฺเม อารพฺภ รชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๑๕๐; ๑๖๘) ปริตฺตารมฺมณาทิภาเว ทสฺสิยมาเน ‘‘จิตฺตุปฺปาทรูปวเสน ตํ ตํ สมุทายํ เอเกกํ ธมฺมํ กตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. มูลฏี. ๑๕๐) ตทตฺถสฺส ขนฺธวิภงฺควณฺณนาทีสุ วุตฺตนยตฺตา.

ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฏฺิตา.

ธาตุวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.