📜

๘. สมฺมปฺปธานวิภงฺโค

๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา

๓๙๐. การณสทฺโท ยุตฺติวาจโก ‘‘สพฺพเมตํ อการณํ วทตี’’ติอาทีสุ วิย, ตสฺมา การณปฺปธานาติ ยุตฺติปฺปธานา, อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทนาทิกิริยาย อนุรูปปฺปธานาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนุปฺปนฺนปาปกาทีนํ อนุปฺปาทาทิ อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทาทิ.

๓๙๑. ‘‘น อฺโ ธมฺโมติ ยถา ตณฺหายนมิจฺฉาภินิเวสวายมนสภาวานํ ตณฺหาทีนํ ฉนฺทปริยาโย อฺธมฺโม นาม โหติ กตฺตุกมฺยตาสงฺขาตสฺส ฉนฺทนิยสฺส เตสุ อภาวา, ธมฺมจฺฉนฺโท ปน ตํสภาวตฺตา อฺธมฺโม น โหติ. เตนาห ‘‘ธมฺมจฺฉนฺโทติ สภาวจฺฉนฺโท’’ติ.

๔๐๖. อฏฺกถายนฺติ โปราณฏฺกถายํ. วฏฺฏานตฺถสํวตฺตนโตติ สํสารทุกฺขสมฺภวโต.

น สกฺโกนฺตีติ อาห ‘‘สนฺตาย สมาปตฺติยา ปริหีนา พฺรหฺมจริยวาเส สนฺถมฺภิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ.

ตตฺถ ทุวิธายาติ โยเชตพฺพํ. อุปฺปนฺนาเยวาติ อุปฺปนฺนปุพฺพา เอว อุปฺปชฺชนฺติ สมุทาจาราทิวเสน.

สพฺพาสุ อวตฺถาสูติ ปกตตฺตาทิอวตฺถาสุ. ปกตตฺตาวตฺเถน หิ สพฺเพน สพฺพํ ตานิ น จริตพฺพานิ. อิตราวตฺเถน จ ตทวตฺถาย ตานิ ตานิเยว จริตพฺพานิ. วตฺตพฺพนฺติอาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘น เอกจฺฉนฺเน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพํ, น เอกาสเน นิสีทิตพฺพํ, น นีเจ อาสเน นิสินฺเน อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตพฺพํ, น ฉมายํ นิสินฺเน อาสเน นิสีทิตพฺพํ, น เอกจงฺกเม จงฺกมิตพฺพํ, น นีเจ จงฺกเม จงฺกมนฺเต อุจฺเจ จงฺกเม จงฺกมิตพฺพํ, น ฉมายํ จงฺกมนฺเต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ อิมานิ สงฺคณฺหาติ. เตสนฺติ ปาริวาสิกวุฑฺฒตราทีนํ วเสน. สมฺปิณฺเฑตฺวาติ สงฺกฑฺฒิตฺวา. เอเกกํ กตฺวาติ นวาปิ เอกเมกํ กตฺวา. ‘‘อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ น สาทิตพฺพํ, อาสนาภิหารํ, เสยฺยาภิหารํ, ปาโททกํ, ปาทปีํ, ปาทกถลิกํ, ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ น สาทิตพฺพ’’นฺติ อิทํ สพฺพมฺปิ อสาทิยนสามฺเน เอกํ. ทสาติ ‘‘น สีลวิปตฺติยา, น อาจารวิปตฺติยา, น ทิฏฺิวิปตฺติยา, น อาชีววิปตฺติยา, น ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เภเทตพฺพา, น คิหิทฺธโช ธาเรตพฺโพ, น ติตฺถิยทฺธโช ธาเรตพฺโพ, น ติตฺถิยา เสวิตพฺพา, ภิกฺขู เสวิตพฺพา, ภิกฺขุสิกฺขาย สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๖๐) เอวมาคตา ทส.

‘‘กมฺมฺจา’’ติ ปจฺจตฺตวเสน วุตฺตํ กมฺมํ ‘‘อวิปกฺกวิปากสฺสา’’ติ เอตฺถ ‘‘กมฺมสฺสา’’ติ สามิวจนวเสน ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. ภูตาปคตุปฺปนฺนนฺติ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิธาติ อิมิสฺสา สมฺโมหวิโนทนิยา. ‘‘เอวํ กเต โอกาเส วิปาโก…เป… อุปฺปนฺโนติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺโต วิปากเมว วทติ. ตตฺถาติ อฏฺสาลินิยํ. มคฺเคน สมุจฺฉินฺนา ถามคตา กามราคาทโย ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อนุสยิต…เป… มคฺเคน ปหาตพฺพา’’ติ.

อาหตขีรรุกฺโข วิย อารมฺมณํ, กถํ? นิมิตฺตคฺคาหวเสน. ตเมวตฺถํ วิวรติ ‘‘อธิคต’’นฺติอาทินา. ตตฺถ นิมิตฺตคฺคาหวเสน อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา ตํ อารมฺมณํ อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ กิเลสุปฺปตฺติเหตุภาเวน อุปฺปตฺติฏฺานโต อธิคตเมว นาม โหตีติ อาห ‘‘อธิคตํ นิมิตฺตคฺคาหวเสนา’’ติ, ตํ อารมฺมณํ ปาตุภูตกิเลสนฺติ อธิปฺปาโย. กิเลสุปฺปตฺตินิมิตฺตตาย อุปฺปตฺติรหํ กิเลสํ ‘‘อารมฺมณํ อนฺโตคธกิเลส’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺจ โข คาหเก ลพฺภมานํ คเหตพฺเพ อุปจริตฺวา, ยถา นิสฺสิเต ลพฺภมานํ นิสฺสเย อุปจริตฺวา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. อิทานิ อุปจารํ มุฺจิตฺวา นิปฺปริยาเยเนว อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิมิตฺตคฺคาห…เป… สทิสา’’ติ อาห. วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ‘‘ยถา กึ? สเจ ขีรรุกฺข’’นฺติอาทินา วิตฺถาเรตพฺพํ.

ติธาติ อตีตาทิวเสน ติธา. อาภโต อุปมาวเสน. อปฺปหีนตาทสฺสนตฺถมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ‘‘ติธา นวตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถมฺปี’’ติ วุตฺตเมว สมฺปิณฺเฑติ. เอวํ มคฺเคน ปหีนกิเลสา ทฏฺพฺพา มคฺเค อนุปฺปนฺเน อุปฺปตฺติรหานมฺปิ อุปฺปนฺเน สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต.

สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา

๔๒๗. วีริยเชฏฺิกายปน มคฺคภาวนาย น วตฺตพฺพานิ สมฺมปฺปธานานิ ‘‘มคฺคาธิปตีนี’’ติ วา ‘‘นมคฺคาธิปตีนี’’ติ วาติ วาติ เอตฺถ ปมสฺส วีริยนฺตราภาโว, อิตรสฺส อิตราธิปติโน, นมคฺคภูตวีริยาธิปติโน จ อภาโว นวตฺตพฺพตาย การณนฺติ อิมมตฺถมาห ‘‘มคฺคาธิปตีนี’’ติอาทินา. ตทาติ วีริยเชฏฺิกมคฺคภาวนากาเล.

ปฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมฺมปฺปธานวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.