📜
๖. ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺโค
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๒๒๕. ‘‘‘กึวาที ¶ ¶ ภนฺเต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’ติ? ‘วิภชฺชวาที มหาราชา’’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา) โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน วุตฺตตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกา วิภชฺชวาทิโน. เต หิ เวนยิกาทิภาวํ วิภชฺช วทนฺติ, จีวราทีนํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาวํ วา สสฺสตุจฺเฉทวาเท วา วิภชฺช วทนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีนํ ปนียานํ ปนโต ราคาทิกฺขยสฺส สสฺสตสฺส ราคาทิกายทุจฺจริตาทิอุจฺเฉทสฺส จ วจนโต, น ปน เอกํสพฺยากรณียาทโย ตโย ปฺเห อปเนตฺวา วิภชฺชพฺยากรณียเมว วทนฺตีติ. วิภชฺชวาทีนํ มณฺฑลํ สมูโห วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ, วิภชฺชวาทิโน วา ภควโต ปริสา วิภชฺชวาทิมณฺฑลนฺติปิ วทนฺติ. อาจริเยหิ วุตฺตอวิปรีตตฺถทีปเนน เต อนพฺภาจิกฺขนฺเตน. ‘‘อวิชฺชา ปฺุาเนฺชาภิสงฺขารานํ เหตุปจฺจโย โหตี’’ติอาทึ วทนฺโต กถาวตฺถุมฺหิ ปฏิกฺขิตฺเต ปุคฺคลวาทาทิเก จ วทนฺโต สกสมยํ โวกฺกมติ นาม, ตถา อโวกฺกมนฺเตน. ปรสมยํ โทสาโรปนพฺยาปารวิรเหน อนายูหนฺเตน. ‘‘อิทมฺปิ ยุตฺตํ คเหตพฺพ’’นฺติ ปรสมยํ อสมฺปิณฺเฑนฺเตนาติ เกจิ วทนฺติ.
‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติอาทึ (ม. นิ. ๑.๓๙๖) วทนฺโต สุตฺตํ ปฏิพาหติ นาม, ตถา อปฺปฏิพาหนฺเตน. ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ¶ ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๘, ๔๒๙), ‘‘สุปินนฺเต กโต วีติกฺกโม อาปตฺติกโร โหตี’’ติ จ เอวมาทึ วทนฺโต วินยํ ปฏิโลเมติ นาม, ตพฺพิปริยาเยน ตํ อนุโลเมนฺเตน. ปฏิโลเมนฺโต หิ กมฺมนฺตรํ ภินฺทนฺโต ธมฺมตฺจ วิโลเมติ. สุตฺตนฺเต วุตฺเต จตฺตาโร มหาปเทเส, อฏฺกถายฺจ วุตฺเต สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมติมหาปเทเส โอโลเกนฺเตน. ตํโอโลกเนน หิ สุตฺเต ¶ วินเย จ สนฺติฏฺติ นาติธาวติ. ธมฺมนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปาฬึ. อตฺถนฺติ ตทตฺถํ. เหตุเหตุผลานิ อิธ นาธิปฺเปตานิ. ‘‘ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปริวตฺติตฺวา ปุน ‘‘ปุพฺพนฺเต อฺาณ’’นฺติอาทีหิ อปเรหิปิ ปริยาเยหิ นิทฺทิสนฺเตน. ‘‘สงฺขารา อิมินา ปริยาเยน ภโวติ วุจฺจนฺติ, ตณฺหา อิมินา ปริยาเยน อุปาทาน’’นฺติอาทินา นิทฺทิสนฺเตนาติ วทนฺติ.
สตฺโตติ สตฺตสฺุตาติ วทนฺติ, สตฺตสฺุเสุ วา สงฺขาเรสุ สตฺตโวหาโร. ปจฺจยาการเมว จาติ ปจฺจยากาโร เอว จ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร.
ตสฺมาติ วุตฺตนเยน อตฺถวณฺณนาย กาตพฺพตฺตา ทุกฺกรตฺตา จ.
ปติฏฺํ นาธิคจฺฉามีติ ยตฺถ ิตสฺส วณฺณนา สุกรา โหติ, ตํ นยํ อตฺตโนเยว าณพเลน นาธิคจฺฉามีติ อตฺโถ. นิสฺสยํ ปน อาจิกฺขนฺโต อาห ‘‘สาสนํ ปนิท’’นฺติอาทิ. อิธ สาสนนฺติ ปาฬิธมฺมมาห, ปฏิจฺจสมุปฺปาทเมว วา. โส หิ อนุโลมปฏิโลมาทินานาเทสนานยมณฺฑิโต อพฺโพจฺฉินฺโน อชฺชาปิ ปวตฺตตีติ นิสฺสโย โหติ. ตทฏฺกถาสงฺขาโต จ ปุพฺพาจริยมคฺโคติ.
‘‘ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ อาทรชนเน กึ ปโยชนนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺถํ กตฺวา, ยถา วา น นสฺสติ, เอวํ อฏฺิคตํ วิย กโรนฺโต อฏฺึ กตฺวา. ปุพฺพกาลโต อปรกาเล ภวํ ปุพฺพาปริยํ. ปมารมฺภาทิโต ปภุติ ขเณ ขเณ าณวิเสสํ กิเลสกฺขยวิเสสฺจ ลภตีติ อตฺโถ.
กมฺมวิปากกิเลสวฏฺฏานํ มูลการณตฺตา อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อวิชฺชา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูลํ. ตตฺถ วลฺลิยา มูเล ทิฏฺเ ตโต ปภุติ วลฺลิยา หรณํ วิย ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ¶ มูเล ทิฏฺเ ตโต ปภุติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนาติ อุปมาสํสนฺทนา น กาตพฺพา. น หิ ภควโต ‘‘อิทเมว ทิฏฺํ, อิตรํ อทิฏฺ’’นฺติ วิภชนียํ อตฺถิ สพฺพสฺส ทิฏฺตฺตา. มูลโต ปภุติ ปน วลฺลิยา หรณํ วิย มูลโต ปภุติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา กตาติ อิทเมตฺถ สามฺมธิปฺเปตํ, โพธเนยฺยชฺฌาสยวเสน วา โพเธตพฺพภาเวน มูลาทิทสฺสนสามฺฺจ โยเชตพฺพํ.
ตสฺสาติ ¶ –
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, กุมาโร วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต…เป… รชนีเยหิ, โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป สารชฺชติ, อปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฏฺิตกายสตี จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส. โส ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวํ อนุโรธวิโรธํ สมาปนฺโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘) –
เอวํ วุตฺตสฺส. เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ. อภิวทโตติ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วจีเภทกรปฺปตฺตาย พลวตณฺหาย ‘‘อหํ มมา’’ติ อภิวทโต. ตโต พลวติยา โมเจตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน อชฺโฌสาย ติฏฺโต. ตโตปิ พลวตี อุปาทานภูตา ตณฺหา นนฺที. เอตฺถ จ อภินนฺทนาทินา ตณฺหา วุตฺตา, นนฺทีวจเนน ตปฺปจฺจยํ อุปาทานํ จตุพฺพิธมฺปิ นนฺทิตาตทวิปฺปโยคตาหิ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนภาเวหิ จาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทิกฺจ ตตฺเถว มหาตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๐๒-๔๐๓) วุตฺตํ.
วิปากวฏฺฏภูเต ปฏิสนฺธิปวตฺติผสฺสาทโย กมฺมสมุฏฺานฺจ โอชํ สนฺธาย ‘‘จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานา’’ติอาทิ วุตฺตํ, วฏฺฏูปตฺถมฺภกา ปน อิตเรปิ อาหารา ตณฺหาปภเว ตสฺมึ อวิชฺชมาเน น วิชฺชนฺตีติ ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏนฺติ.
ตโต ตโตติ จตุพฺพิธาสุ เทสนาสุ ตโต ตโต เทสนาโต. ายปฺปฏิเวธาย สํวตฺตตีติ าโยติ ¶ มคฺโค, โสเยว วา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘อริโย จสฺส าโย ปฺาย สุทิฏฺโ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๔๑) วจนโต. สยเมว หิ สมนฺตภทฺรกตฺตา ตถา ตถา ปฏิวิชฺฌิตพฺพตฺตา ตาย ตาย เทสนาย อตฺตโน ปฏิเวธาย สํวตฺตตีติ. สมนฺตภทฺรกตฺตํ เทสนาวิลาสปฺปตฺติ จ จตุนฺนมฺปิ เทสนานํ สมานํ การณนฺติ วิเสสการณํ ¶ วตฺตุกาโม อาห ‘‘วิเสสโต’’ติ. อสฺส ภควโต เทสนา, อสฺส วา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนาติ โยเชตพฺพํ. ปวตฺติการณวิภาโค อวิชฺชาทิโกว, การณนฺติ วา คหิตานํ ปกติอาทีนํ อวิชฺชาทีนฺจ อการณตา การณตา จ. ตตฺถ สมฺมูฬฺหา เกจิ อการณํ ‘‘การณ’’นฺติ คณฺหนฺติ, เกจิ น กิฺจิ การณํ พุชฺฌนฺตีติ เตสํ ยถาสเกหิ อนุรูเปหิ การเณหิ สงฺขาราทิปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ อนุโลมเทสนา ปวตฺตา, อิตราสํ ตทตฺถตาสมฺภเวปิ น ตาสํ ตทตฺถเมว ปวตฺติ อตฺถนฺตรสพฺภาวโต. อยํ ปน ตทตฺถา เอวาติ เอติสฺสา ตทตฺถตา วุตฺตา. ปวตฺติอาทีนวปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา อาทิ, ตโต สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ ตโต วิฺาณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถฺจ.
อนุวิโลกยโต โย สมฺโพธิโต ปุพฺพภาเค ตํตํผลปฏิเวโธ ปวตฺโต, ตทนุสาเรน ตทนุคเมน ชรามรณาทิกสฺส ชาติอาทิการณํ ยํ อธิคตํ, ตสฺส สนฺทสฺสนตฺถํ อสฺส ปฏิโลมเทสนา ปวตฺตา, อนุวิโลกยโต ปฏิโลมเทสนา ปวตฺตาติ วา สมฺพนฺโธ. เทเสนฺโตปิ หิ ภควา กิจฺฉาปนฺนํ โลกํ อนุวิโลเกตฺวา ปุพฺพภาค…เป… สนฺทสฺสนตฺถํ เทเสตีติ. อาหารตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺนทฺธา, สงฺขาราวิชฺชา อตีตทฺธาติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘ยาว อตีตํ อทฺธานํ อติหริตฺวา’’ติ, อาหารา วา ตณฺหาย ปภาเวตพฺพา อนาคโต อทฺธา, ตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺโน, สงฺขาราวิชฺชา อตีโตติ. ปจฺจกฺขํ ปน ผลํ ทสฺเสตฺวา ตํนิทานทสฺสนวเสน ผลการณปรมฺปราย ทสฺสนํ ยุชฺชตีติ อาหารา ปุริมตณฺหาย อุปฺปาทิตา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา, ตณฺหาทโย อตีโต, สงฺขาราวิชฺชา ตโตปิ อตีตตโร สํสารสฺส อนาทิภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺโตติ ยาว อตีตํ อทฺธานนฺติ ยาว อตีตตรํ อทฺธานนฺติ อตฺโถ ยุตฺโต.
อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติอาหารกา วา จตฺตาโร อาหารา –
‘‘อาหาเรตีติ อหํ น วทามิ, อาหาเรตีติ จาหํ วเทยฺยุํ, ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโห ¶ ‘โก นุ โข, ภนฺเต, อาหาเรตี’ติ. เอวํ จาหํ น วทามิ, เอวํ ปน อวทนฺตํ มํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหาโร’ติ. เอส กลฺโล ¶ ปฺโห, ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ, วิฺาณาหาโร อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) –
วจนโต ตํสมฺปยุตฺตตฺตา ผสฺสเจตนานํ ตปฺปวตฺติเหตุตฺตา จ กพฬีการาหารสฺส. เตน หิ อุปตฺถมฺภิตรูปกายสฺส, ตฺจ อิจฺฉนฺตสฺส กมฺมวิฺาณายูหนํ โหติ. โภชนฺหิ สทฺธาทีนํ ราคาทีนฺจ อุปนิสฺสโยติ วุตฺตนฺติ. ตสฺมา ‘‘เต กมฺมวฏฺฏสงฺคหิตา อาหารา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา’’ติ อิมสฺมึ ปริยาเย ปุริโมเยวตฺโถ ยุตฺโต. อตีตทฺธุโต ปภุติ ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๓) อตีเต ตโต ปรฺจ เหตุผลปฏิปาฏึ ปจฺจกฺขานํ อาหารานํ นิทานทสฺสนวเสน อาโรหิตฺวา นิวตฺตเนน วินา อพุชฺฌนฺตานํ ตํสนฺทสฺสนตฺถํ สา อยํ เทสนา ปวตฺตาติ อตฺโถ. อนาคตทฺธุโน สนฺทสฺสนตฺถนฺติ อนาคตทฺธุโน ทุปฺปฏิวิชฺฌนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ ปจฺจกฺขํ ปจฺจุปฺปนฺนํ เหตุํ ทสฺเสตฺวา เหตุผลปรมฺปราย ตสฺส สนฺทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ.
มูลการณสทฺทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘น อการณ’’นฺติ นปุํสกนิทฺเทโส กโต. อการณํ ยทิ สิยา, สุตฺตํ ปฏิพาหิตํ สิยาติ ทสฺเสนฺโต สุตฺตํ อาหรติ. วฏฺฏกถาย สีสภาโว วฏฺฏเหตุโน กมฺมสฺสปิ เหตุภาโว. ตตฺถ ภวตณฺหายปิ เหตุภูตา อวิชฺชา, ตาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ภเว ตณฺหุปฺปตฺติโตติ อวิชฺชา วิเสเสน สีสภูตาติ ‘‘มูลการณ’’นฺติ วุตฺตา. ปุริมาย โกฏิยา อปฺายมานาย อุปฺปาทวิรหโต นิจฺจตํ คณฺเหยฺยาติ อาห ‘‘เอวฺเจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจตี’’ติอาทิ. เตน อิโต ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพตา นตฺถีติ อปฺายนโต ปุริมโกฏิอปฺายนํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
อวิชฺชาตณฺหาเหตุกฺกเมน ผเลสุ วตฺตพฺเพสุ ‘‘สุคติทุคฺคติคามิโน’’ติ วจนํ สทฺทลกฺขณาวิโรธนตฺถํ. ทฺวนฺเท หิ ปูชิตสฺส ปุพฺพนิปาโตติ. สวรา กิร มํสสฺส อฏฺินา อลคฺคนตฺถํ ปุนปฺปุนํ ตาเปตฺวา โกฏฺเฏตฺวา อุณฺโหทกํ ปาเยตฺวา วิริตฺตํ สูนํ อฏฺิโต มุตฺตมํสํ คาวึ มาเรนฺติ. เตนาห ‘‘อคฺคิสนฺตาปิ’’จฺจาทิ. ตตฺถ ยถา วชฺฌา คาวี จ อวิชฺชาภิภูตตาย ยถาวุตฺตํ อุณฺโหทกปานํ อารภติ, เอวํ ปุถุชฺชโน ยถาวุตฺตํ ทุคฺคติคามิกมฺมํ. ยถา ปน สา อุณฺโหทกปาเน ¶ อาทีนวํ ทิสฺวา ¶ ตณฺหาวเสน สีตุทกปานํ อารภติ, เอวมยํ อวิชฺชาย มนฺทตฺตา ทุคฺคติคามิกมฺเม อาทีนวํ ทิสฺวา ตณฺหาวเสน สุคติคามิกมฺมํ อารภติ. ทุกฺเข หิ อวิชฺชํ ตณฺหา อนุวตฺตติ, สุเข ตณฺหํ อวิชฺชาติ.
เอวนฺติ อวิชฺชาย นิวุตตฺตา ตณฺหาย สํยุตฺตตฺตา จ. อยํ กาโยติ สวิฺาณกกาโย ขนฺธปฺจกํ, ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วจนโต ผสฺสการณฺเจตํ วุจฺจตีติ อายตนฉกฺกํ วา. สมุทาคโตติ อุปฺปนฺโน. พหิทฺธา จ นามรูปนฺติ พหิทฺธา สวิฺาณกกาโย ขนฺธปฺจกํ, สฬายตนานิ วา. อิตฺเถตนฺติ อิตฺถํ เอตํ. อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ จ ทฺวารารมฺมณภาเวน ววตฺถิตานิ ทฺวยนามานีติ อตฺโถ. ‘‘ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโสติ อฺตฺถ จกฺขุรูปาทีนิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา, อิธ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. มหาทฺวยํ นาม กิเรต’’นฺติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๙) วุตฺตํ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – อฺตฺถ ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๔๓) ‘‘จกฺขุ เจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จา’’ติ วุตฺตานิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา, อิธ ปน ‘‘อยฺเจว กาโย’’ติ จกฺขาทินิสฺสเย เสสธมฺเม จกฺขาทินิสฺสิเต เอว กตฺวา วุตฺตํ, จกฺขาทิกายํ เอกตฺเตน ‘‘อชฺฌตฺติกายตน’’นฺติ คเหตฺวา ‘‘พหิทฺธา นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ, รูปาทิอารมฺมณํ เอกตฺเตเนว พาหิรายตนนฺติ ตานิ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ ปฏิจฺจ ผสฺโส วุตฺโต, ตสฺมา มหาทฺวยํ นาเมตนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อตฺตโน จ ปรสฺส จ ปฺจหิ ขนฺเธหิ ฉหายตเนหิ จาปิ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพวา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๙) วุตฺตํ. ‘‘อยํ กาโย’’ติ หิ วุตฺตานิ สนิสฺสยานิ จกฺขาทีนิ อตฺตโน ปฺจกฺขนฺธา, ‘‘พหิทฺธา นามรูป’’นฺติ วุตฺตานิ รูปาทีนิ ปเรสํ. ตถา อยํ กาโย อตฺตโนว อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, พหิทฺธา นามรูปํ ปเรสํ พาหิรานีติ. อฺถา อชฺฌตฺติกายตนมตฺเต เอว ‘‘อยํ กาโย’’ติ วุตฺเต น อชฺฌตฺติกายตนาเนว อตฺตโน ปฺจกฺขนฺธา โหนฺตีติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺจกฺขนฺเธหิ ทีปนา น สมฺภเวยฺยาติ. สเฬวายตนานีติ สเฬว สมฺผสฺสการณานิ, เยหิ การณภูเตหิ อายตเนหิ อุปฺปนฺเนน ผสฺเสน ผุฏฺโ พาโล สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ.
อาทิ-สทฺเทน ¶ ‘‘เอเตสํ วา อฺตเรน อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ตณฺหาย ¶ สํยุตฺตสฺสา’’ติอาทิ โยเชตพฺพํ. ตสฺมิฺหิ สุตฺเต สงฺขาเร อวิชฺชาตณฺหานิสฺสิเต เอว กตฺวา กายคฺคหเณน วิฺาณนามรูปสฬายตนานิ คเหตฺวา เอตสฺมิฺจ กาเย สฬายตนานํ ผสฺสํ ตํนิสฺสิตเมว กตฺวา เวทนาย วิเสสปจฺจยภาวํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา พาลปณฺฑิตานํ อตีตทฺธาวิชฺชาตณฺหามูลโก เวทนานฺโต ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต. ปุน จ พาลปณฺฑิตานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺเตน –
‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส ยาย จ ตณฺหาย สํยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙) –
เวทนาปภวํ สาวิชฺชํ ตณฺหํ ทสฺเสตฺวา อุปาทานภเว จ ตํนิสฺสิเต กตฺวา ‘‘กายูปโค โหตี’’ติอาทินา ชาติอาทิเก ทสฺเสนฺเตน ปจฺจุปฺปนฺนเหตุสมุฏฺานโต ปภุติ อุภยมูโลว ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโต, ตพฺพิปริยาเยน จ ปณฺฑิตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนเหตุปริกฺขยโต ปภุติ อุภยมูลโก ปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ.
ทุคฺคติคามิกมฺมสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา อวิชฺชา ‘‘อวินฺทิยํ วินฺทตี’’ติ วุตฺตา, ตถา วิเสสปจฺจโย วินฺทิยสฺส น โหตีติ ‘‘วินฺทิยํ น วินฺทตี’ติ จ. อตฺตนิ นิสฺสิตานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปวตฺตนํ อุปฺปาทนํ อายตนํ. สมฺโมหภาเวเนว อนภิสมยภูตตฺตา อวิทิตํ อฺาตํ กโรติ. อนฺตวิรหิเต ชวาเปตีติ จ วณฺณาคมวิปริยายวิการวินาสธาตุอตฺถวิเสสโยเคหิ ปฺจวิธสฺส นิรุตฺติลกฺขณสฺส วเสน ตีสุปิ ปเทสุ อ-การ วิ-การ ช-กาเร คเหตฺวา อฺเสํ วณฺณานํ โลปํ กตฺวา ช-การสฺส จ ทุติยสฺส อาคมํ กตฺวา ‘‘อวิชฺชา’’ติ วุตฺตา. พฺยฺชนตฺถํ ทสฺเสตฺวา สภาวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถารมฺมณานิ ‘‘อิทํ วตฺถุ, อิทมารมฺมณ’’นฺติ อวิชฺชาย าตุํ ¶ น สกฺกาติ อวิชฺชา ตปฺปฏิจฺฉาทิกา วุตฺตา. วตฺถารมฺมณสภาวจฺฉาทนโต เอว อวิชฺชาทีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทภาวสฺส, ชรามรณาทีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนภาวสฺส จ ฉาทนโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนฉาทนํ เวทิตพฺพํ.
สงฺขาร-สทฺทคฺคหเณน ¶ อาคตา สงฺขารา สงฺขาร-สทฺเทน อาคตสงฺขารา. ยทิปิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราปิ สงฺขาร-สทฺเทน อาคตา, เต ปน อิมิสฺสา เทสนาย ปธานาติ วิสุํ วุตฺตา. ตสฺมา ‘‘ทุวิธา’’ติ เอตฺถ อภิสงฺขรณกสงฺขารํ สงฺขาร-สทฺเทนาคตํ สนฺธาย ตตฺถ วุตฺตมฺปิ วชฺเชตฺวา สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขารา โยเชตพฺพา. ‘‘สงฺขาร-สทฺเทนาคตสงฺขารา’’ติ วา สมุทาโย วุตฺโต, ตเทกเทโส จ อิธ วณฺณิตพฺพภาเวน ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ, ตสฺมา วณฺณิตพฺพสพฺพสงฺคหณวเสน ทุวิธตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ปมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโรติอาทินา วิตกฺกวิจารอสฺสาสปสฺสาสสฺาเวทนาวจีสงฺขาราทโย วุตฺตา, น อวิชฺชาสงฺขาเรสุ วุตฺตา กายสฺเจตนาทโย.
ปริตสฺสตีติ ปิปาสติ. ภวตีติ อุปปตฺติภวํ สนฺธาย วุตฺตํ, ภาวยตีติ กมฺมภวํ. จุติ ขนฺธานํ มรณนฺติ ‘‘มรนฺติ เอเตนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ทุกฺขา เวทนา อุปฺปาททุกฺขา ิติทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) วจนโต ทฺเวธา ขณติ. อายาโสติ ปริสฺสโม วิสาโท. เกวล-สทฺโท อสมฺมิสฺสวาจโก โหติ ‘‘เกวลา สาลโย’’ติ, นิรวเสสวาจโก จ ‘‘เกวลา องฺคมคธา’’ติ, ตสฺมา ทฺเวธาปิ อตฺถํ วทติ. ตตฺถ อสมฺมิสฺสสฺสาติ สุขรหิตสฺส. น หิ เอตฺถ กิฺจิ อุปฺปาทวยรหิตํ อตฺถีติ.
ตํสมฺปยุตฺเต, ปุคฺคลํ วา สมฺโมหยตีติ สมฺโมหนรสา. อารมฺมณสภาวสฺส ฉาทนํ หุตฺวา คยฺหตีติ ฉาทนปจฺจุปฏฺานา. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต อาสวปทฏฺานา. ปฏิสนฺธิชนนตฺถํ อายูหนฺติ พฺยาปารํ กโรนฺตีติ อายูหนรสา, ราสิกรณํ วา อายูหนํ. นามรูปสฺส ปุเรจาริกภาเวน ปวตฺตตีติ ปุพฺพงฺคมรสํ. ปุริมภเวน สทฺธึ ฆฏนํ หุตฺวา คยฺหตีติ ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ. วิฺาเณน สห สมฺปยุชฺชตีติ สมฺปโยครสํ. อฺมฺํ สมฺปโยคาภาวโต รูปํ วิกิรตีติ วิกิรณรสํ. เอวฺจ กตฺวา ปิสิยมานา ตณฺฑุลาทโย วิกิรนฺติ จุณฺณี ภวนฺตีติ. นามสฺส กทาจิ กุสลาทิภาโว จ อตฺถีติ ตโต ¶ วิเสสนตฺถํ ‘‘อพฺยากตปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ อาห. ‘‘อเจตนา อพฺยากตา’’ติ เอตฺถ วิย อนารมฺมณตา วา อพฺยากตตา ทฏฺพฺพา. อายตนลกฺขณนฺติ ฆฏนลกฺขณํ, อายานํ ตนนลกฺขณํ วา. ทสฺสนาทีนํ การณภาโว ทสฺสนาทิรสตา. อกุสลวิปากุเปกฺขาย อนิฏฺภาวโต ทุกฺเขน อิตราย จ อิฏฺภาวโต สุเขน สงฺคหิตตฺตา ‘‘สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติ อาห. ทุกฺขสมุทยตฺตา เหตุลกฺขณา ตณฺหา. ‘‘ตตฺรตตฺราภินนฺทินี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓, ๔๖๐; วิภ. ๒๐๓) วจนโต ¶ อภินนฺทนรสา. จิตฺตสฺส, ปุคฺคลสฺส วา รูปาทีสุ อติตฺตภาโว หุตฺวา คยฺหตีติ อติตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา. ตณฺหาทฬฺหตฺตํ หุตฺวา กามุปาทานํ, เสสานิ ทิฏฺิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานา. กมฺมุปปตฺติภววเสน ภวสฺส ลกฺขณาทโย โยเชตพฺพา.
อาทิ-สทฺเทน อนุโพธาทิภาวคฺคหณํ. ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อปฺปฏิปตฺติ, อสุภาทีสุ สุภาทิวิปลฺลาสา มิจฺฉาปฏิปตฺติ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตา วา อปฺปฏิปตฺติ, ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา มิจฺฉาปฏิปตฺติ. น อวิชฺชาย เอว ฉทฺวาริกตา ฉฬารมฺมณตา จ, อถ โข อฺเสุปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ อรูปธมฺมานนฺติ อาห ‘‘สพฺเพสุปี’’ติ. โนภยโคจรนฺติ มนายตนมาห. น หิ อรูปธมฺมานํ เทสวเสน อาสนฺนตา ทูรตา จ อตฺถิ อสณฺานตฺตา, ตสฺมา มนายตนสฺส โคจโร น มนายตนํ สมฺปตฺโต อสมฺปตฺโต วาติ วุจฺจตีติ.
โสกาทีนํ สพฺภาวา องฺคพหุตฺตปฺปสงฺเค ‘‘ทฺวาทเสวา’’ติ องฺคานํ ววตฺถานํ เวทิตพฺพํ. น หิ โสกาทโย องฺคภาเวน วุตฺตา, ผเลน ปน การณํ อวิชฺชํ มูลงฺคํ ทสฺเสตุํ เต วุตฺตาติ. ชรามรณพฺภาหตสฺส หิ พาลสฺส เต สมฺภวนฺตีติ โสกาทีนํ ชรามรณการณตา วุตฺตา. ‘‘สารีริกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๒) จ สุตฺเต ชรามรณนิมิตฺตฺจ ทุกฺขํ สงฺคหิตนฺติ ตํตํนิมิตฺตานํ สาธกภาเวน วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ชรามรเณเนว โสกาทีนํ เอกสงฺเขโป กโต, ตสฺมา เตสํ ชาติปจฺจยตา ยุชฺชติ. ชรามรณปจฺจยภาเว หิ อวิชฺชาย เอกสงฺเขโป กาตพฺโพ สิยา, ชาติปจฺจยา ปน ชรามรณํ โสกาทโย จ สมฺภวนฺตีติ. ตตฺถ ชรามรณํ เอกนฺติกํ องฺคภาเวเนว คหิตํ, โสกาทโย ¶ ปน รูปภวาทีสุ อภาวโต อเนกนฺติกา เกวลํ ปากเฏน ผเลน อวิชฺชานิทสฺสนตฺถํ คหิตา. เตน อนาคเต ชาติยา สติ ตโต ปราย ปฏิสนฺธิยา เหตุเหตุภูตา อวิชฺชา ทสฺสิตาติ ภวจกฺกสฺส อวิจฺเฉโท ทสฺสิโต โหตีติ. สุตฺตฺจ โสกาทีนํ อวิชฺชา การณนฺติ เอตสฺเสวตฺถสฺส สาธกํ ทฏฺพฺพํ, น โสกาทีนํ พาลสฺส ชรามรณนิมิตฺตตามตฺตสฺส. ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๒) หิ วจเนน อวิชฺชา โสกาทีนํ การณนฺติ ทสฺสิตา, น จ ชรามรณนิมิตฺตเมว ทุกฺขํ ทุกฺขนฺติ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อวิชฺชาปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒๖. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา ๙๒ สงฺขารา’’ติ หิ วุตฺตนฺติ เอเตน อวิชฺชาย วิเสสนภาเวน สงฺขารานฺจ ปธานภาเวน วุตฺตตฺตา สงฺขารานํ นิทฺทิสิตพฺพภาวสฺส การณํ ทสฺเสติ. ปิตา กถียติ ‘‘ทีโฆ สาโม, มิตฺโต รสฺโส, โอทาโต ทตฺโต’’ติ.
รสิตพฺโพ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สภาโว รโส, อตฺตโน รโส สรโส, ยาถาโว สรโส ยาถาวสรโส, โส เอว ลกฺขิตพฺพตฺตา ลกฺขณนฺติ ยาถาวสรสลกฺขณํ. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชา? ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒; ม. นิ. ๑.๑๐๓) สุตฺเต จตฺตาเรว วุตฺตานีติ ‘‘สุตฺตนฺติกปริยาเยนา’’ติ อาห. นิกฺเขปกณฺเฑ ปนาติอาทินา อิธ จตูสุ าเนสุ กถิตาย เอว อวิชฺชาย นิกฺเขปกณฺเฑ อฏฺสุ าเนสุ กิจฺจชาติโต ปฺจวีสติยา ปเทหิ ลกฺขณโต จ กถิตตฺตา ตทตฺถสํวณฺณนาวเสน วิภาวนํ กโรติ. อหาเปตฺวา วิภชิตพฺพวิภชนฺหิ อภิธมฺมปริยาโย.
ชายติ เอตฺถาติ ชาติ, อุปฺปตฺติฏฺานํ. ยทิปิ นิโรธมคฺเค อวิชฺชา อารมฺมณํ น กโรติ, เต ปน ชานิตุกามสฺส ตปฺปฏิจฺฉาทนวเสน อนิโรธมคฺเคสุ นิโรธมคฺคคฺคหณกอารณวเสน จ ปวตฺตมานา ตตฺถ อุปฺปชฺชตีติ วุจฺจตีติ เตสมฺปิ อวิชฺชาย อุปฺปตฺติฏฺานตา โหติ, อิตเรสํ อารมฺมณภาเวน ¶ จาติ. สงฺฆิกพลเทวโคณาทีนํ สงฺฆาฏินงฺคลาทีนิ วิย อฺเสตาทีนํ อวิชฺชาย ทุกฺขาทิวิสยานํ อนฺธตฺตกรานํ โลภาทีนํ นิวตฺตโก อฺาณาทิสภาโว ลกฺขณนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อตฺถตฺถนฺติ ผลผลํ. อาเมฑิตวจนฺหิ สพฺเพสํ อตฺถานํ วิสุํ วิสุํ ปากฏกรณภาวปฺปกาสนตฺถํ. อตฺโถ เอว วา อตฺโถ อตฺถตฺโถติ อตฺถสฺส อวิปรีตตาทสฺสนตฺถํ อตฺเถเนวตฺถํ วิเสสยติ. น หิ าณํ อนตฺถํ อตฺโถติ คณฺหาตีติ. เอวํ การณการณนฺติ เอตฺถาปิ ทฏฺพฺพํ. ตํ อาการนฺติ อตฺถตฺถาทิอาการํ. คเหตฺวาติ จิตฺเต ปเวเสตฺวา, จิตฺเตน ปุคฺคเลน วา คหิตํ กตฺวา. ปฏิวิทฺธสฺส ปุน อเวกฺขณา ปจฺจเวกฺขณา. ทุจฺจินฺติตจินฺติตาทิลกฺขณสฺส พาลสฺส ภาโว พาลฺยํ. ปชานาตีติ ปกาเรหิ ชานาติ. พลวโมหนํ ปโมโห. สมนฺตโต โมหนํ สมฺโมโห.
ทุกฺขารมฺมณตาติ ¶ ทุกฺขารมฺมณตาย, ยาย วา อวิชฺชาย ฉาเทนฺติยา ทุกฺขารมฺมณา ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา, สา เตสํ ภาโวติ ทุกฺขารมฺมณตา, อารมฺมณเมว วา อารมฺมณตา, ทุกฺขํ อารมฺมณตา เอติสฺสาติ ทุกฺขารมฺมณตา.
ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรา น สภาวโต, ตสฺมา ตทารมฺมณตา อวิชฺชา อุปฺปชฺชติ, อิตเรสํ สภาวโต คมฺภีรตฺตา ตทารมฺมณตา นุปฺปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. อปิจ โข ปนาติ มคฺคสฺส สงฺขตสภาวตฺตา ตโตปิ นิโรธสฺส คมฺภีรตรตํ ทสฺเสติ.
อวิชฺชาปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺขารปทนิทฺเทสวณฺณนา
ปุนาตีติ โสเธติ อปฺุผลโต ทุกฺขสํกิเลสโต จ, หิตสุขชฺฌาสเยน ปฺุํ กโรตีติ ตํนิปฺผาทเนน การกสฺสชฺฌาสยํ ปูเรตีติ ปฺุโ, ปูรโก ปุชฺชนิพฺพตฺตโก จ นิรุตฺติลกฺขเณน ‘‘ปฺุโ’’ติ เวทิตพฺโพ. สมาธิปจฺจนีกานํ อติทูรตาย น อิฺชติ น จลตีติ อตฺโถ. กายสฺสาติ ทฺวารสฺส สามิภาเวน นิทฺเทโส กโต.
ปฺุุปคนฺติ ¶ ภวสมฺปตฺตุปคํ. ตตฺถาติ วิภงฺคสุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๒). ตฺหิ ปธานภาเวน คหิตนฺติ. สมฺมาทิฏฺิสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๐๒) ปน ‘‘ตโยเม, อาวุโส, สงฺขารา’’ติ อาคตนฺติ. สพฺพฺุชินภาสิโต ปน อยํ, น ปจฺเจกชินภาสิโต, อิมสฺสตฺถสฺส ทีปนตฺถํ เอเตสํ สุตฺตานํ วเสน เต คหิตา. กถํ ปเนเตน คหเณนายมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ ตํทสฺสนตฺถมาห ‘‘อภิธมฺเมปิ หิ สุตฺเตปิ เอกสทิสาว ตนฺติ นิทฺทิฏฺา’’ติ. สพฺพฺุภาสิโตติ ปากเฏน สุตฺตนฺเตน สทิสตฺตา อยมฺปิ สพฺพฺุภาสิโตติ ายตีติ วุตฺตํ โหตีติ.
‘‘เตรสาปี’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ าณวิปฺปยุตฺตานํ น ภาวนามยตา ปากฏาติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห ¶ . ปถวี ปถวีติอาทิภาวนา จ กสิณปริกมฺมกรณํ มณฺฑลกรณฺจ ภาวนํ ภชาเปนฺติ.
ทานวเสน ปวตฺตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ทานํ. ตตฺถ พฺยาปารภูตา อายูหนเจตนา ทานํ อารพฺภ ทานํ อธิกิจฺจ อุปฺปชฺชตีติ วุจฺจติ, เอวํ อิตเรสุ. โสมนสฺสจิตฺเตนาติ อนุโมทนาปวตฺตินิทสฺสนมตฺตเมตํ ทฏฺพฺพํ. อุเปกฺขาสหคเตนปิ หิ อนุสฺสรติ เอวาติ.
อสริกฺขกมฺปิ สริกฺขเกน จตุตฺถชฺฌานวิปาเกน เวหปฺผลาทีสุ วินาปิ อสฺเสุ กฏตฺตารูปํ. รูปเมว สผนฺทนตฺตา ‘‘สอิฺชน’’นฺติ วุตฺตํ อิฺชนกรนีวรณาทีนํ อวิกฺขมฺภนโต, รูปตณฺหาสงฺขาตสฺส อิฺชนกสฺส การณตฺตา วา. เตเนว รูปารมฺมณํ นิมิตฺตารมฺมณฺจ สพฺพมฺปิ จตุตฺถชฺฌานํ นิปฺปริยาเยน ‘‘อนิฺชน’’นฺติ น วุจฺจตีติ. มหาตุลาย ธารยมาโน นาฬิยา มินมาโน จ สมุทายเมว ธาเรติ มินติ จ, น เอเกกํ คฺุชํ, เอเกกํ ตณฺฑุลํ วา, เอวํ ภควาปิ อปริมาณา ปมกุสลเจตนาโย สมุทายวเสเนว คเหตฺวา เอกชาติกตฺตา เอกเมว กตฺวา ทสฺเสติ. เอวํ ทุติยาทโยปีติ.
‘‘กายทฺวาเร ปวตฺตา’’ติ อวตฺวา ‘‘อาทานคฺคหณโจปนํ ปาปยมานา อุปฺปนฺนา’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ วจนวิเสสมตฺตเมว ทสฺเสติ. กายทฺวาเร ปวตฺติ เอว หิ อาทานาทิปาปนาติ. ปุริเมน วา ทฺวารสฺส อุปลกฺขณภาโว วุตฺโต, ปจฺฉิเมน เจตนาย สวิฺตฺติรูปสมุฏฺาปนํ. ตตฺถ อากฑฺฒิตฺวา คหณํ อาทานํ, สมฺปยุตฺตสฺส คหณํ คหณํ, ผนฺทนํ โจปนํ.
เอตฺถาติ ¶ กายวจีสงฺขารคฺคหเณ, กายวจีสฺเจตนาคหเณ วา. อฏฺกถายํ อภิฺาเจตนา น คหิตา วิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหตีติ. กสฺมา ปน น โหติ, นนุ สาปิ กุสลา วิปากธมฺมา จาติ? สจฺจํ, อนุปจฺฉินฺนตณฺหาวิชฺชามาเน ปน สนฺตาเน สพฺยาปารปฺปวตฺติยา ตสฺสา กุสลตา วิปากธมฺมตา จ วุตฺตา, น วิปากุปฺปาทเนน, สา ปน วิปากํ อุปฺปาทยนฺตี รูปาวจรเมว อุปฺปาเทยฺย. น หิ อฺภูมิกํ กมฺมํ อฺภูมิกํ วิปากํ อุปฺปาเทตีติ. อตฺตนา สทิสารมฺมณฺจ ติฏฺานิกํ ตํ อุปฺปาเทยฺย จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ รูปาวจรวิปากสฺส กมฺมสทิสารมฺมณสฺเสว วุตฺตตฺตา, น จ รูปาวจรวิปาโก ปริตฺตาทิอารมฺมโณ อตฺถิ, อภิฺาเจตนา จ ปริตฺตาทิอารมฺมณาว โหติ, ตสฺมา วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ ¶ วิฺายติ. กสิเณสุ จ อุปฺปาทิตสฺส จตุตฺถชฺฌานสมาธิสฺส อานิสํสภูตา อภิฺา. ยถาห ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖). ตสฺมา สมาธิผลสทิสา สา, น จ ผลํ เทตีติ ทานสีลานิสํโส ตสฺมึ ภเว ปจฺจยลาโภ วิย สาปิ วิปากํ น อุปฺปาเทติ. ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหตีติ อิทํ อุทฺธจฺจสหคเต ธมฺเม วิสุํ อุทฺธริตฺวา ‘‘เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๕) วุตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ.
อยํ ปเนตฺถ อมตคฺคปถานุคโต วินิจฺฉโย – ทสฺสนภาวนานํ อภาเวปิ เยสํ ปุถุชฺชนานํ เสกฺขานฺจ ทสฺสนภาวนาหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทุปฺปตฺติกาเล เตหิ ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา อกุสลา ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, ปุถุชฺชนานํ ปน ภาวนาย อภาวา ภาวนาย ปหาตพฺพจินฺตา นตฺถิ. เตน เตสํ ปวตฺตมานา เต ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยาปิ ‘‘ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ น วุจฺจนฺติ. ยทิ วุจฺเจยฺยุํ, ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพานํ เกสฺจิ เกจิ กทาจิ อารมฺมณารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจโย ภเวยฺยุํ, น จ ปฏฺาเน ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพานํ เกสฺจิ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตา. เสกฺขานํ ปน วิชฺชมานา ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ภาวนาย ปหาตพฺพา. เตเนว เสกฺขานํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา จตฺตตฺตา วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฏินิสฺสฏฺตฺตา อุกฺเขฏิตตฺตา สมุกฺเขฏิตตฺตา อสฺสาทิตพฺพา อภินนฺทิตพฺพา ¶ จ น โหนฺติ, ปหีนตาย เอว โสมนสฺสเหตุภูตา อวิกฺเขปเหตุภูตา จ น โทมนสฺสํ อุทฺธจฺจฺจ อุปฺปาเทนฺตีติ น เต เตสํ อารมฺมณารมฺมณาธิปติภาวํ ปกตูปนิสฺสยภาวฺจ คจฺฉนฺติ. น หิ ปหีเน อุปนิสฺสาย อริโย ราคาทิกิเลเส อุปฺปาเทติ.
วุตฺตฺจ ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉติ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… น ปจฺจาคจฺฉตี’’ติ (มหานิ. ๘๐; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗), น จ ปุถุชฺชนานํ ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา อิตเรสํ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหนฺตีติ สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ทิฏฺึ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ. วิจิกิจฺฉํ อารพฺภ วิจิกิจฺฉา ทิฏฺิ อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ อุทฺธจฺจารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา. เอตฺถ หิ อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘ทิฏฺึ ครุํ ¶ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๙) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตสฺมา ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพานํ อตีตาทิภาเวน นวตฺตพฺพตฺเตปิ ยาทิสานํ ตาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพา, เตสุ ปุถุชฺชเนสุ วตฺตมานา ทสฺสนํ อเปกฺขิตฺวา เตน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, เสกฺเขสุ วตฺตมานา ภาวนํ อเปกฺขิตฺวา ตาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ภาวนาย ปหาตพฺพา. เตสุ ภาวนาย ปหาตพฺพา สหายวิรหา วิปากํ น ชนยนฺตีติ ภาวนาย ปหาตพฺพเจตนาย นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโต, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ ปน ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปชฺชมานานํ สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส จ สํโยชนตฺตยตเทกฏฺกิเลสานํ อนุปจฺฉินฺนตาย อปริกฺขีณสหายานํ วิปากุปฺปาทนํ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุนฺติ อุทฺธจฺจสหคตธมฺมานํ วิปาโก วิภงฺเค วุตฺโตติ.
ยทิ เอวํ, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ อกุสลานํ เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อปฺปหาตพฺพานํ ‘‘เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๘) วุตฺตตฺตา, อปฺปหาตพฺพวิรุทฺธสภาวตฺตา จ อกุสลานํ. เอวมฺปิ เตสํ อิมสฺมึ ติเก นวตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ ทสฺสิตานํ ทฺวาทสอกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา. ยถา หิ ธมฺมวเสน สงฺขตธมฺมา ¶ สพฺเพ สงฺคหิตาติ อุปฺปนฺนตฺติเก กาลวเสน อสงฺคหิตาปิ อตีตา นวตฺตพฺพาติ น วุตฺตา จิตฺตุปฺปาทรูปภาเวน คหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา, เอวมิธาปิ จิตฺตุปฺปาทภาเวน คหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา นวตฺตพฺพตา น วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ยตฺถ หิ จิตฺตุปฺปาโท โกจิ นิโยคโต นวตฺตพฺโพ อตฺถิ, ตตฺถ เตสํ จตุตฺโถ โกฏฺาโส อตฺถีติ ยถาวุตฺตปเทสุ วิย ตตฺถาปิ ภินฺทิตฺวา ภชาเปตพฺเพ จิตฺตุปฺปาเท ภินฺทิตฺวา ภชาเปติ ‘‘สิยา นวตฺตพฺพา ปริตฺตารมฺมณา’’ติอาทินา. ตทภาวา อุปฺปนฺนตฺติเก อิธ จ ตถา น วุตฺตา.
อถ วา ยถา สปฺปฏิเฆหิ สมานสภาวตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา ‘‘สปฺปฏิฆา’’ติ วุตฺตา. ยถาห ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา, ทฺเว มหาภูเต ปฏิจฺจ เอกํ มหาภูต’’นฺติ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๙). เอวํ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานา ภาวนาย ปหาตพฺพสมานสภาวา ‘‘ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ วุจฺเจยฺยุนฺติ นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺโค. เอวฺจ สติ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานาปิ ภาวนาย ปหาตพฺพา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ¶ ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุปนิสฺสยปจฺจโย, ราโค จ ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโยติ อยมตฺโถ ลทฺโธ โหติ. ยถา ปน อโผฏฺพฺพตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา น ปรมตฺถโต สปฺปฏิฆา, เอวํ อเปกฺขิตพฺพภาวนารหิตา ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย น ปรมตฺถโต ภาวนาย ปหาตพฺพาติ ภาวนาย ปหาตพฺพานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยตา น วุตฺตา, น จ ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ภาวนาย ปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตา. เย หิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา, น เต ทสฺสนโต อุทฺธํ ปวตฺตนฺติ, ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยสฺสปิ ปน อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น ตสฺส โกจิ ภาโว ทสฺสเนน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโตติ ตสฺส เอกนฺตภาวนาย ปหาตพฺพตา วุตฺตา. ตสฺมา ตสฺส ตาทิสสฺเสว สติ สหาเย วิปากุปฺปาทนวจนํ, อสติ จ วิปากานุปฺปาทนวจนํ น วิรุชฺฌตีติ.
สาปิ วิฺาณปจฺจยภาเว ยทิ อปเนตพฺพา, กสฺมา ‘‘สมวีสติ เจตนา’’ติ วุตฺตนฺติ ตสฺส การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา ปน ¶ สพฺพาเปตา โหนฺตี’’ติ. ยทิ เอวํ, อภิฺาเจตนาย สห ‘‘เอกวีสตี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? น, อวจนสฺส วุตฺตการณตฺตา, ตํ ปน อิตราวจนสฺสปิ การณนฺติ สมานเจตนาวจนการณวจเนน ยํ การณํ อเปกฺขิตฺวา เอกา วุตฺตา, เตน การเณน อิตรายปิ วตฺตพฺพตํ, ยฺจ การณํ อเปกฺขิตฺวา อิตรา น วุตฺตา, เตน การเณน วุตฺตายปิ อวตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. อาเนฺชาภิสงฺขาโร จิตฺตสงฺขาโร เอวาติ เภทาภาวา ปากโฏติ น ตสฺส สํโยโค ทสฺสิโต.
สุขสฺาย คเหตฺวาติ เอเตน ตณฺหาปวตฺตึ ทสฺเสติ. ตณฺหาปริกฺขาเรติ ตณฺหาย ปริวาเร, ตณฺหาย ‘‘สุขํ สุภ’’นฺติอาทินา สงฺขเต วา อลงฺกเตติ อตฺโถ. ตณฺหา หิ ทุกฺขสฺส สมุทโยติ อชานนฺโต ‘‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ วา สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติ สงฺขาเร ปริกฺขโรตีติ. อมรณตฺถาติ คหิตา ทุกฺกรกิริยา อมรตโป, เทวภาวตฺถํ ตโป วา, ทุกฺขตฺตา วา มโร มารโก ตโป อมรตโป. ทิฏฺเ อทิฏฺ-สทฺโท วิย มเรสุ อมร-สทฺโท ทฏฺพฺโพ.
ชาติอาทิปปาตทุกฺขชนนโต มรุปปาตสทิสตา ปฺุาภิสงฺขารสฺส วุตฺตา. รมณียภาเวน ¶ จ อสฺสาทภาเวน จ คยฺหมานํ ปฺุผลํ ทีปสิขามธุลิตฺตสตฺถธาราสทิสํ, ตทตฺโถ จ ปฺุาภิสงฺขาโร ตํนิปาตเลหนสทิโส.
‘‘สุโข อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย ตรุณาย มุทุกาย โลมสาย พาหาย สมฺผสฺโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๙) สุขสฺาย พาโล วิย คูถกีฬนํ กิเลสาภิภูตตาย โกธารติอภิภูโต อสวโส มริตุกาโม วิย วิสขาทนํ กรณผลกฺขเณสุ ชิคุจฺฉนียํ ทุกฺขฺจ อปฺุาภิสงฺขารํ อารภติ. โลภสหคตสฺส วา คูถกีฬนสทิสตา, โทสสหคตสฺส วิสขาทนสทิสตา โยเชตพฺพา. กามคุณสมิทฺธิยา สภยสฺสปิ ปิสาจนครสฺส สุขวิปลฺลาสเหตุภาโว วิย อรูปวิปากานํ นิรนฺตรตาย อนุปลกฺขิยมานอุปฺปาทวยานํ, ทีฆสนฺตานตาย อคยฺหมานวิปริณามานํ, สงฺขารวิปริณามทุกฺขภูตานมฺปิ นิจฺจาทิวิปลฺลาสเหตุภาโวติ เตสํ ปิสาจนครสทิสตา, ตทภิมุขคมนสทิสตา จ อาเนฺชาภิสงฺขารสฺส โยเชตพฺพา.
ตาวาติ ¶ วตฺตพฺพนฺตราเปกฺโข นิปาโต, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโยติ อิทํ ตาว สิทฺธํ, อิทํ ปน อปรํ วตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ. อวิชฺชาปจฺจยา ปน สพฺพาเปตา โหนฺตีติ วุตฺตนฺติ อภิฺาเจตนานํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. เจโตปริยปุพฺเพนิวาสอนาคตํสาเณหิ ปเรสํ อตฺตโน จ สโมหจิตฺตชานนกาเลติ โยเชตพฺพา.
อวิชฺชาสมฺมูฬฺหตฺตาติ ภวาทีนวปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย สมฺมูฬฺหตฺตา. ราคาทีนนฺติ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโทมนสฺสานํ อวิชฺชาสมฺปยุตฺตราคาทิอสฺสาทนกาเลสุ อวิชฺชํ อารพฺภ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. ครุํ กตฺวา อสฺสาทนํ ราคทิฏฺิสมฺปยุตฺตาย เอว อวิชฺชาย โยเชตพฺพํ, อสฺสาทนฺจ ราโค, ตทวิปฺปยุตฺตา จ ทิฏฺีติ อสฺสาทนวจเนเนว ยถาวุตฺตํ อวิชฺชํ ครุํ กโรนฺตี ทิฏฺิ จ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ราคาทีหิ จ ปาฬิยํ สรูเปน วุตฺเตหิ ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารสฺส อวิชฺชารมฺมณาทิตํ ทสฺเสติ. อนวิชฺชารมฺมณสฺส ปมชวนสฺส อารมฺมณาธิปติอนนฺตราทิปจฺจยวจเนสุ อวุตฺตสฺส วุตฺตสฺส จ สพฺพสฺส สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ อาห. วุตฺตนเยนาติ สมติกฺกมภวปตฺถนาวเสน วุตฺตนเยน.
เอกการณวาโท อาปชฺชตีติ โทสปฺปสงฺโค วุตฺโต. อนิฏฺโ หิ เอกการณวาโท สพฺพสฺส สพฺพกาเล ¶ สมฺภวาปตฺติโต เอกสทิสสภาวาปตฺติโต จ. ยสฺมา ตีสุ ปกาเรสุ อวิชฺชมาเนสุ ปาริเสเสน จตุตฺเถ เอว จ วิชฺชมาเน เอกเหตุผลทีปเน อตฺโถ อตฺถิ, ตสฺมา น นุปปชฺชติ.
ยถาผสฺสํ เวทนาววตฺถานโตติ ‘‘สุขเวทนียํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๖๒), ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ…เป… ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๔๓) จ สุขเวทนียาทิจกฺขุสมฺผสฺสาทิอนุรูเปน สุขเวทนาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาเวทนาทีนํ ววตฺถานโต, สมาเนสุ จกฺขุรูปาทีสุ ผสฺสวเสน สุขาทิวิปริยายาภาวโต, สมาเนสุ จ รูปมนสิการาทีสุ จกฺขาทิสงฺฆฏฺฏนวเสน จกฺขุสมฺผสฺสชาทิวิปริยายาภาวโต, อฺปจฺจยสามฺเปิ ผสฺสวเสน สุขาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาทีนํ โอฬาริกสุขุมาทิสงฺกราภาวโต จาติ อตฺโถ. สุขาทีนํ ยถาวุตฺตสมฺผสฺสสฺส อวิปรีโต ปจฺจยภาโว ¶ เอว ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานํ, การณผลวิเสเสน วา ผลการณวิเสสนิจฺฉโย โหตีติ อุภยตฺถาปิ นิจฺฉโย ววตฺถานนฺติ วุตฺโต. กมฺมาทโยติ กมฺมาหารอุตุอาทโย อปากฏา เสมฺหปฏิกาเรน โรควูปสมโต.
‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ วจนโตติ ‘‘สํโยชนีเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓-๕๔) อิมินา สุตฺเตน ตณฺหาย สงฺขารการณภาวสฺส วุตฺตตฺตาติ อตฺโถ. ปุน ตสฺสาปิ อวิชฺชา การณนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโยติ วจนโต’’ติ อาห. ตณฺหา วา จตุรุปาทานภูตา กามภวทิฏฺาสวา จ สงฺขารสฺส การณนฺติ ปากฏาติ สุตฺตทฺวเยนปิ อวิชฺชาย สงฺขารการณภาวเมว ทสฺเสติ. อสฺสาทานุปสฺสิโนติ หิ วจเนน อาทีนวปฏิจฺฉาทนกิจฺจา อวิชฺชา ตณฺหาย การณนฺติ ทสฺสิตา โหตีติ. ยสฺมา อวิทฺวา, ตสฺมา ปฺุาภิสงฺขาราทิเก อภิสงฺขโรตีติ อวิชฺชาย สงฺขารการณภาวสฺส ปากฏตฺตา อวิทฺทสุภาโว สงฺขารการณภาเวน วุตฺโต ขีณาสวสฺส สงฺขาราภาวโต อสาธารณตฺตา จ. ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ ปฺุภวาทิอาทีนวปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ อสาธารณํ การณนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. านวิรุทฺโธติ อตฺถิตาวิรุทฺโธ. เกจิ ปน ‘‘ปฏิสนฺธิอาทีนิ านานี’’ติ วทนฺติ, เอวํ สติ ปุริมจิตฺตํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส านวิรุทฺโธ ปจฺจโยติ น อิทํ เอกนฺติกํ สิยา. ภวงฺคมฺปิ ¶ หิ ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจโย, ชวนํ ชวนสฺสาติ, น จ สิปฺปาทีนํ ปฏิสนฺธิอาทิานํ อตฺถีติ น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. กมฺมํ รูปสฺส นมนรุปฺปนวิโรธา สารมฺมณานารมฺมณวิโรธา จ สภาววิรุทฺโธ ปจฺจโย, ขีราทีนิ ทธิอาทีนํ มธุรมฺพิลรสาทิสภาววิโรธา. อวิชานนกิจฺโจ อาโลโก วิชานนกิจฺจสฺส วิฺาณสฺส, อมทนกิจฺจา จ คุฬาทโย มทนกิจฺจสฺส อาสวสฺส.
โคโลมาวิโลมานิ ทพฺพาย ปจฺจโย, ทธิอาทีนิ ภูติณกสฺส. เอตฺถ จ อวีติ รตฺตา เอฬกา วุจฺจนฺติ. วิปากาเยว เต จ น, ตสฺมา ทุกฺขวิปากายปิ ¶ อวิชฺชาย ตทวิปากานํ ปฺุาเนฺชาภิสงฺขารานํ ปจฺจยตฺตํ น น ยุชฺชตีติ อตฺโถ. ตทวิปากตฺเตปิ สาวชฺชตาย ตทวิรุทฺธานํ ตํสทิสานฺจ อปฺุาภิสงฺขารานเมว ปจฺจโย, น อิตเรสนฺติ เอตสฺส ปสงฺคสฺส นิวารณตฺถํ ‘‘วิรุทฺโธ จาวิรุทฺโธ จ, สทิสาสทิโส ตถา. ธมฺมานํ ปจฺจโย สิทฺโธ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ปากฏํ กโรนฺโต ‘‘อิติ อยํ อวิชฺชา’’ติอาทิมาห.
อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณีนํ วิย ปุพฺพาปริยววตฺถานํ นิยติ, นิยติยา, นิยติ เอว วา สงฺคติ สมาคโม นิยติสงฺคติ, ตาย ภาเวสุ ปริณตา มนุสฺสเทววิหงฺคาทิภาวํ ปตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตา. นิยติยา สงฺคติยา ภาเวน จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ จ อตฺถํ วทนฺติ. เอเตหิ จ วิกปฺปเนหิ อวิชฺชา อกุสลํ จิตฺตํ กตฺวา ปฺุาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปวตฺตตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โส เอวํ อวิชฺชายา’’ติอาทิ.
อปริณายโก พาโลติ อรหตฺตมคฺคสมฺปฏิปาทกกลฺยาณมิตฺตรหิโตติ อตฺโถ. อรหตฺตมคฺคาวสานํ วา าณํ สมวิสมํ ทสฺเสตฺวา นิพฺพานํ นยตีติ ปริณายกนฺติ วุตฺตํ, เตน รหิโต อปริณายโก. ธมฺมํ ตฺวาติ สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จตุสจฺจปฺปกาสกสุตฺตาทิธมฺมํ ตฺวา, มคฺคาเณเนว วา สพฺพธมฺมปวรํ นิพฺพานํ ตฺวา, ตํชานนายตฺตตฺตา ปน เสสสจฺจาภิสมยสฺส สมานกาลมฺปิ ตํ ปุริมกาลํ วิย กตฺวา วุตฺตํ.
สงฺขารปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิฺาณปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒๗. ยถาวุตฺตสงฺขารปจฺจยา ¶ อุปฺปชฺชมานํ ตํกมฺมนิพฺพตฺตเมว วิฺาณํ ภวิตุํ อรหตีติ ‘‘พาตฺตึส โลกิยวิปากวิฺาณานิ สงฺคหิตานิ โหนฺตี’’ติ อาห. ธาตุกถายํ (ธาตุ. ๔๖๖) ปน วิปฺปยุตฺเตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทนิทฺเทเส –
‘‘สงฺขารปจฺจยา ¶ วิฺาเณน เย ธมฺมา…เป… สฬายตนปจฺจยา ผสฺเสน, ผสฺสปจฺจยา เวทนาย เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เต ธมฺมา กติหิ ขนฺเธหิ…เป… สงฺคหิตา? เต ธมฺมา อสงฺขตํ ขนฺธโต เปตฺวา เอเกน ขนฺเธน เอกาทสหายตเนหิ เอกาทสหิ ธาตูหิ สงฺคหิตา. กติหิ อสงฺคหิตา? จตูหิ ขนฺเธหิ เอเกนายตเนน สตฺตหิ ธาตูหิ อสงฺคหิตา’’ติ –
วจนโต สพฺพวิฺาณผสฺสเวทนาปริคฺคโห กโต. ยทิ หิ เอตฺถ วิฺาณผสฺสเวทนา สปฺปเทสา สิยุํ, ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติ อิมสฺส วิย วิสฺสชฺชนํ สิยา, ตสฺมา ตตฺถ อภิธมฺมภาชนียวเสน สงฺขารปจฺจยา วิฺาณาทโย คหิตาติ เวทิตพฺพา. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา จ อภิธมฺมภาชนีเย จตุภูมกกุสลสงฺขาโร อกุสลสงฺขาโร จ วุตฺโตติ โส เอว ธาตุกถายํ คหิโตติ ทฏฺพฺโพ. ภโว ปน ธาตุกถายํ กมฺมุปปตฺติภววิเสสทสฺสนตฺถํ น อภิธมฺมภาชนียวเสน คหิโต. เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ อนุทฺธริตฺวา ‘‘กมฺมภโว’’ติอาทินาว นเยน ภโว อุทฺธโฏ. วิปากฺเหตนฺติ วิฺาณสฺส วิปากตฺตา สงฺขารปจฺจยตฺตํ สาเธติ, ตสฺส ปน สาธนตฺถํ ‘‘อุปจิตกมฺมาภาเว วิปากาภาวโต’’ติ วุตฺตนฺติ ตํ วิวรนฺโต ‘‘วิปากฺจา’’ติอาทิมาห.
เยภุยฺเยน โลภสมฺปยุตฺตชวนาวสาเนติ ชวเนน ตทารมฺมณนิยเม โสมนสฺสสหคตานนฺตรํ โสมนสฺสสหคตตทารมฺมณสฺส วุตฺตตฺตา โสมนสฺสสหคตาเนว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ปน ติเหตุกชวนาวสาเน จ กทาจิ อเหตุกํ ตทารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ อาห. สกึ วาติ ‘‘ทิรตฺตติรตฺตา’’ทีสุ วิย เวทิตพฺพํ. ทฺวิกฺขตฺตุเมว ปน อุปฺปชฺชนฺตีติ วทนฺติ. ‘‘ทิรตฺตติรตฺต’’นฺติ เอตฺถ ปน วา-สทฺทสฺส อภาวา วจนสิลิฏฺตามตฺเตน ทิรตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ยุชฺชติ, ‘‘นิรนฺตรติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา’’ติ. อิธ ปน วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ วุตฺโตติ สกึ ¶ เอว จ กทาจิ ปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘สกึ วา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว หิ สกึ ตทารมฺมณปฺปวตฺติยา วิจาเรตพฺพตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิตฺตปฺปวตฺติคณนายํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จิตฺตปฺปวตฺติคณนายนฺติ วิปากกถายํ พลวรูปาทิเก อารมฺมเณ วุตฺตํ จิตฺตปฺปวตฺติคณนํ สนฺธายาห. ตตฺถ หิ ทฺเวว ตทารมฺมณุปฺปตฺติวารา อาคตา. ชวนวิสยานุภวนฺหิ ตทารมฺมณํ ¶ อาสนฺนเภเท ตสฺมึ วิสเย เอกจิตฺตกฺขณาวสิฏฺายุเก น อุปฺปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย. อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยาติ อกุสลวิปากสฺส อปายปฏิสนฺธิ, กามาวจราทิกุสลวิปากานํ กามรูปารูปสุคติปฏิสนฺธิโย ยถากมฺมํ อนุรูปา.
ปฏิสนฺธิกถา มหาวิสยาติ กตฺวา ปวตฺติเมว ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘ปวตฺติยํ ปนา’’ติอาทิมาห. อเหตุกทฺวยาทีนํ ทฺวารนิยมานิยมาวจนํ ภวงฺคภูตานํ สยเมว ทฺวารตฺตา จุติปฏิสนฺธิภูตานฺจ ภวงฺคสงฺขาเตน อฺเน จ ทฺวาเรน อนุปฺปตฺติโต นิยตํ อนิยตํ วา ทฺวารํ เอเตสนฺติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. เอกสฺส สตฺตสฺส ปวตฺตรูปาวจรวิปาโก ปถวีกสิณาทีสุ ยสฺมึ อารมฺมเณ ปวตฺโต, ตโต อฺสฺมึ ตสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ รูปาวจรานํ นิยตารมฺมณตา วุตฺตา. ตตฺรสฺสาติ ปวตฺติยํ พาตฺตึสวิธสฺส.
อินฺทฺริยปฺปวตฺติอานุภาวโต เอว จกฺขุโสตทฺวารเภเทน, ตสฺส จ วิฺาณวีถิเภทายตฺตตฺตา วีถิเภเทน จ ภวิตพฺพํ, ตสฺมิฺจ สติ ‘‘อาวชฺชนานนฺตรํ ทสฺสนํ สวนํ วา ตทนนฺตรํ สมฺปฏิจฺฉน’’นฺติอาทินา จิตฺตนิยเมน ภวิตพฺพํ. ตถา จ สติ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานมฺปิ ภาโว สิทฺโธ โหติ, น อินฺทฺริยปฺปวตฺติอานุภาเวน ทสฺสนสวนมตฺตสฺเสว, นาปิ อินฺทฺริยานํ เอว ทสฺสนสวนกิจฺจตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทฺวารวีถิเภเท จิตฺตนิยมโต จา’’ติ. ปมกุสเลน เจ ตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ปมกุสลานนฺตรํ อุปฺปชฺชมานํ ชนกํ อนุพนฺธติ นาม, ทุติยกุสลาทิอนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานํ ชนกสทิสํ อนุพนฺธติ นาม, อกุสลานนฺตรํ อุปฺปชฺชมานฺจ กามาวจรตาย ชนกสทิสนฺติ.
เอกาทส ตทารมฺมณจิตฺตานิ…เป… ตทารมฺมณํ น คณฺหนฺตีติ ตทารมฺมณภาวตาย ‘‘ตทารมฺมณ’’นฺติ ลทฺธนามานิ ตทารมฺมณภาวํ น คณฺหนฺติ, ตทารมฺมณภาเวน นปฺปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา นามโคตฺตํ อารพฺภ ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณํ ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ น คณฺหนฺติ, นาลมฺพนฺตีติ อตฺโถ. รูปารูปธมฺเมติ รูปารูปาวจเร ธมฺเม. อิทํ ปน วตฺวา ‘‘อภิฺาาณํ ¶ อารพฺภา’’ติ วิเสสนํ ปริตฺตาทิอารมฺมณตาย กามาวจรสทิเสสุ เจว ตทารมฺมณานุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. มิจฺฉตฺตนิยตา ธมฺมา มคฺโค วิย ภาวนาย สิทฺธา มหาพลา จาติ ตตฺถ ชวเนน ปวตฺตมาเนน สานุพนฺธเนน น ภวิตพฺพนฺติ เตสุ ตทารมฺมณํ ปฏิกฺขิตฺตํ. โลกุตฺตรธมฺเม ¶ อารพฺภาติ เอเตเนว สิทฺเธ ‘‘สมฺมตฺตนิยตธมฺเมสู’’ติ วิสุํ อุทฺธรณํ สมฺมตฺตมิจฺฉตฺตนิยตธมฺมานํ อฺมฺปฏิปกฺขาติ พลวภาเวน ตทารมฺมณสฺส อวตฺถุภาวทสฺสนตฺถํ.
เอวํ ปวตฺติยํ วิฺาณปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา ปฏิสนฺธิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. เกน กตฺถาติ เกน จิตฺเตน กสฺมึ ภเว. เอกูนวีสติ ปฏิสนฺธิโย เตน เตน จิตฺเตน ปวตฺตมานา ปฏิสนฺธิกฺขเณ รูปารูปธมฺมาติ เตน เตน จิตฺเตน สา สา ตตฺถ ตตฺถ ปฏิสนฺธิ โหตีติ วุตฺตา. ตสฺสาติ จิตฺตสฺส.
อาคนฺตฺวาติ อาคตํ วิย หุตฺวา. โคปกสีวลีติ รฺโ หิตารกฺเข โคปกกุเล ชาโต สีวลินามโก. กมฺมาทิอนุสฺสรณพฺยาปารรหิตตฺตา ‘‘สมฺมูฬฺหกาลกิริยา’’ติ วุตฺตา. อพฺยาปาเรเนว หิ ตตฺถ กมฺมาทิอุปฏฺานํ โหตีติ. ‘‘ปิสิยมานาย มกฺขิกาย ปมํ กายทฺวาราวชฺชนํ ภวงฺคํ นาวฏฺเฏติ อตฺตนา จินฺติยมานสฺส กสฺสจิ อตฺถิตายา’’ติ เกจิ การณํ วทนฺติ, ตเทตํ อการณํ ภวงฺควิสยโต อฺสฺส จินฺติยมานสฺส อภาวา อฺจิตฺตปฺปวตฺตกาเล จ ภวงฺคาวฏฺฏนสฺเสว อสมฺภวโต. อิทํ ปเนตฺถ การณํ สิยา – ‘‘ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๘) วจนโต ตีสุ ชวนวาเรสุ อปฺปวตฺเตสฺเวว กมฺมาทิอุปฏฺาเนน ภวิตพฺพํ. อเนกชวนวารปฺปวตฺติยา หิ อชฺโฌลมฺพนํ อภิปฺปลมฺพนฺจ โหตีติ. ตสฺมา กายทฺวาราวชฺชนํ อนาวฏฺเฏตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนเมว กมฺมาทิอาลมฺพณํ ปมํ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏติ, ตโต โผฏฺพฺพสฺส พลวตฺตา ทุติยวาเร กายวิฺาณวีถิ ปจฺจุปฺปนฺเน โผฏฺพฺเพ ปวตฺตติ, ตโต ปุริมชวนวารคหิเตสฺเวว กมฺมาทีสุ กเมน มโนทฺวารชวนํ ชวิตฺวา มูลภวงฺคสงฺขาตํ อาคนฺตุกภวงฺคสงฺขาตํ วา ตทารมฺมณํ ภวงฺคํ โอตรติ, ตทารมฺมณาภาเว วา ภวงฺคเมว. เอตสฺมึ าเน กาลํ กโรตีติ ตทารมฺมณานนฺตเรน จุติจิตฺเตน, ตทารมฺมณาภาเว วา ภวงฺคสงฺขาเตเนว จุติจิตฺเตน จวตีติ อตฺโถ. ภวงฺคเมว หิ จุติจิตฺตํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ จุติจิตฺตํ อิธ ‘‘ภวงฺค’’นฺติ วุตฺตนฺติ. มโนทฺวารวิสโย ลหุโกติ ลหุกปจฺจุปฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรูปธมฺมานํ…เป… ลหุโก’’ติ. อรูปธมฺมสฺส ¶ หิ มโนทฺวารสฺส วิสโย ลหุกปจฺจุปฏฺาโนติ. พลวติ จ รูปธมฺมสฺส กายทฺวารสฺส ¶ วิสเย อปฺปวตฺติตฺวา มโนทฺวารวิสเย กมฺมาทิมฺหิ ปมํ จิตฺตปฺปวตฺติทสฺสเนน อรูปธมฺมานํ วิสยสฺส ลหุกตา ทีปิตาติ. รูปานํ วิสยาภาเวปิ วา ‘‘อรูปธมฺมาน’’นฺติ วจนํ เยสํ วิสโย อตฺถิ, ตํทสฺสนตฺถเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เตน ลหุกมฺมาทีสุ จิตฺตปฺปวตฺติโต ลหุคหณียตา วิสยสฺส ลหุกตา.
กมฺมาทีนํ ภูมิจิตฺตุปาทาทิวเสน วิตฺถารโต อนนฺโต ปเภโทติ ‘‘สงฺเขปโต’’ติ อาห.
อวิชฺชาตณฺหาทิกิเลเสสุ อนุปจฺฉินฺเนสฺเวว กมฺมาทิโน อุปฏฺานํ, ตฺจารพฺภ จิตฺตสนฺตานสฺส ภวนฺตรนินฺนโปณปพฺภารตา โหตีติ อาห ‘‘อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิต’’นฺติ. สนฺตาเน หิ วินามิเต ตเทกเทสภูตํ ปฏิสนฺธิจิตฺตฺจ วินามิตเมว โหติ, น จ เอกเทสวินามิตภาเวน วินา สนฺตานวินามิตตา อตฺถีติ. สพฺพตฺถ ปน ‘‘ทุคฺคติปฏิสนฺธินินฺนาย จุติยา ปุริมชวนานิ อกุสลานิ, อิตราย จ กุสลานี’’ติ นิจฺฉินนฺติ. ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคธิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ อนุพฺยฺชนสฺสาทคธิตํ วา. ตสฺมึ เจ สมเย กาลํ กโรติ, านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ อุปปชฺเชยฺย นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) วุตฺตํ. ตสฺมา อาสนฺนํ อกุสลํ ทุคฺคติยํ, กุสลฺจ สุคติยํ ปฏิสนฺธิยา อุปนิสฺสโย โหตีติ.
ราคาทิเหตุภูตํ หีนมารมฺมณนฺติ อกุสลวิปากสฺส อารมฺมณํ ภวิตุํ ยุตฺตํ อนิฏฺารมฺมณํ อาห. ตมฺปิ หิ สงฺกปฺปวเสน ราคสฺสปิ เหตุ โหตีติ. อกุสลวิปากชนกกมฺมสหชาตานํ วา ตํสทิสาสนฺนจุติชวนเจตนาสหชาตานฺจ ราคาทีนํ เหตุภาโว เอว หีนตา. ตฺหิ ปจฺฉานุตาปชนกกมฺมานมารมฺมณํ กมฺมวเสน อนิฏฺํ อกุสลวิปากสฺส อารมฺมณํ ภเวยฺย, อฺถา จ อิฏฺารมฺมเณ ปวตฺตสฺส อกุสลกมฺมสฺส วิปาโก กมฺมนิมิตฺตารมฺมโณ น ภเวยฺย. น หิ อกุสลวิปาโก อิฏฺารมฺมโณ ภวิตุมรหตีติ. ปฺจทฺวาเร จ อาปาถมาคจฺฉนฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ กมฺมนิมิตฺตํ อาสนฺนกตกมฺมารมฺมณสนฺตติยํ อุปฺปนฺนํ ตํสทิสฺจ ทฏฺพฺพํ, อฺถา ตเทว ปฏิสนฺธิอารมฺมณูปฏฺาปกํ ตเทว จ ปฏิสนฺธิชนกํ ภเวยฺย, น จ ปฏิสนฺธิยา อุปจารภูตานิ วิย ‘‘เอตสฺมึ ตยา ¶ ปวตฺติตพฺพ’’นฺติ ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณํ อนุปาเทนฺตานิ วิย ¶ จ ปวตฺตานิ จุติอาสนฺนานิ ชวนานิ ปฏิสนฺธิชนกานิ ภเวยฺยุํ. ‘‘กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑) หิ วุตฺตํ. ตทา จ ตํสมานวีถิยํ วิย ปวตฺตมานานิ กถํ กตูปจิตานิ สิยุํ, น จ อสฺสาทิตานิ ตทา, น จ โลกิยานิ โลกุตฺตรานิ วิย สมานวีถิผลานิ โหนฺติ.
‘‘ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๐๓) –
อาทินา สุตฺเต มรณกาเล สมตฺตาย สมาทินฺนาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิยา จ สหชาตเจตนาย ปฏิสนฺธิทานํ วุตฺตํ, น จ ทุพฺพเลหิ ปฺจทฺวาริกชวเนหิ มิจฺฉาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺิ วา สมตฺตา โหติ สมาทินฺนา. วกฺขติ จ –
‘‘สพฺพมฺปิ เหตํ กุสลากุสลธมฺมปฏิวิชานนาทิจวนปริโยสานํ กิจฺจํ มโนทฺวาริกจิตฺเตเนว โหติ, น ปฺจทฺวาริเกนาติ สพฺพสฺสเปตสฺส กิจฺจสฺส กรเณ สหชวนกานิ วีถิจิตฺตานิ ปฏิกฺขิตฺตานี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๖๖).
ตตฺถ หิ ‘‘น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาตีติ ‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’ติ (ธ. ป. ๑-๒) เอวํ วุตฺตํ เอกมฺปิ กุสลํ วา อกุสลํ วา น ปฏิวิชานาตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๖๖) จ วุตฺตํ. เยสํ ปฏิวิภาวนปฺปวตฺติยา สุขํ วา ทุกฺขํ วา อนฺเวติ, เตสํ สา ปวตฺติ ปฺจทฺวาเร ปฏิกฺขิตฺตา, กุสลากุสลกมฺมสมาทานฺจ ตาทิสเมวาติ. ตทารมฺมณานนฺตรํ ปน จวนํ, ตทนนฺตรา จ อุปปตฺติ มโนทฺวาริกา เอว โหติ, น สหชวนกวีถิจิตฺเต ปริยาปนฺนาติ อิมินา อธิปฺปาเยน อิธ ปฺจทฺวาริกตทารมฺมณานนฺตรํ จุติ, ตทนนฺตรํ ปฏิสนฺธิ จ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ อวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก รูปาทิมฺหิ อุปฺปนฺนํ ปฏิสนฺธึ สนฺธาเยว ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ อุปปตฺติจิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ, อวเสเสกจิตฺตกฺขณายุเก จ อุปฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ ¶ อุปปตฺติจิตฺตํ อตีตารมฺมณสฺส ¶ ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๙.๒๘) วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สุทฺธาย วาติ มหคฺคตกมฺมนิมิตฺตารมฺมณาย ชวนวีถิยา ตทารมฺมณรหิตายาติ อตฺโถ. สา ปน ชวนวีถิ มหคฺคตวิปากสฺส อุปจาโร วิย ทฏฺพฺพา. เกจิ ปน ตํ วีถึ มหคฺคตาวสานํ วทนฺติ. อตีตารมฺมณา เอกาทสวิธา, นวตฺตพฺพารมฺมณา สตฺตวิธา.
เอเตนานุสาเรน อารุปฺปจุติยาปิ อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ เวทิตพฺพาติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘ปถวีกสิณชฺฌานาทิวเสน ปฏิลทฺธมหคฺคตสุคติยํ ิตสฺสา’’ติ เอวมาทิเก เอว นเย อยมฺปิ ปฏิสนฺธิ อวรุทฺธาติ? น, ตตฺถ รูปาวจรจุติอนนฺตราย เอว ปฏิสนฺธิยา วุตฺตตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘ปถวีกสิณาทิกํ วา นิมิตฺตํ มหคฺคตจิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ. จกฺขุโสตานํ วา’’ติอาทิเกน รูปาวจรจุติยา เอว อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ วุตฺตาติ วิฺายติ. อถาปิ ยถาสมฺภวโยชนาย อยมฺปิ ปฏิสนฺธิ ตตฺเถว อวรุทฺธา, อรูปาวจรจุติอนนฺตรา ปน รูปาวจรปฏิสนฺธิ นตฺถิ, อรูปาวจเร จ อุปรูปริจุติยา เหฏฺิมา เหฏฺิมา ปฏิสนฺธีติ จตุตฺถารุปฺปจุติยา นวตฺตพฺพารมฺมณา ปฏิสนฺธิ นตฺถิ. เตน ตโต ตตฺเถว อตีตารมฺมณา กามาวจเร จ อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ อิตราหิ จ ยถาสมฺภวํ อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณา อารุปฺปปฏิสนฺธิ, อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา จ กามาวจรปฏิสนฺธิ โยเชตพฺพาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ วิสุํ อุทฺธรณํ กตํ.
เอวํ อารมฺมณวเสน เอกวิธาย กามาวจรสุคติจุติยา ทุวิธา ทุคฺคติปฏิสนฺธิ, ทุคฺคติจุติยา ทุวิธา สุคติปฏิสนฺธิ, กามาวจรสุคติจุติยา ทฺวิเอกทฺวิปฺปการานํ กามรูปารุปฺปานํ วเสน ปฺจวิธา สุคติปฏิสนฺธิ, รูปาวจรจุติยา จ ตเถว ปฺจวิธา, ทุวิธาย อารุปฺปจุติยา ปจฺเจกํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ กามารุปฺปานํ วเสน อฏฺวิธา จ ปฏิสนฺธิ ทสฺสิตา, ทุคฺคติจุติยา ปน เอกวิธาย ทุคฺคติปฏิสนฺธิ ทุวิธา น ทสฺสิตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุคฺคติยํ ิตสฺส ปนา’’ติอาทิมาห. ยถาวุตฺตา ปน –
ทฺวิทฺวิปฺจปฺปการา จ, ปฺจาฏฺทุวิธาปิ จ;
จตุวีสติ สพฺพาปิ, ตา โหนฺติ ปฏิสนฺธิโย.
‘‘กามาวจรสฺส ¶ ¶ กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๓๑, ๔๕๕, ๔๙๘) นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว ทสฺสิตปฺปกาโรติ อุปนิสฺสยปจฺจยภาวเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห.
อาทินา สหาติอาทินา วิมิสฺสวิฺาเณน สห. โอมโต ทฺเว วา ตโย วา ทสกา อุปฺปชฺชนฺตีติ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน วุตฺตํ. อฺตฺถ หิ อเนเก กลาปา สห อุปฺปชฺชนฺติ. พฺรหฺมตฺตภาเวปิ หิ อเนกคาวุตปฺปมาเณ อเนเก กลาปา สหุปฺปชฺชนฺตีติ ตึสโต อธิกาเนว รูปานิ โหนฺติ คนฺธรสาหารานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา จกฺขุโสตวตฺถุสตฺตกชีวิตฉกฺกภาเวปิ เตสํ พหุตฺตา. อฏฺกถายํ ปน ตตฺถปิ จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ ชีวิตนวกสฺส จ อุปฺปตฺติ วุตฺตา, ปาฬิยํ ปน ‘‘รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ เปตฺวา อสฺสตฺตานํ เทวานํ ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ปฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตถา ‘‘รูปธาตุยา ฉ อายตนานิ นว ธาตุโย’’ติ สพฺพสงฺคหวเสน ตตฺถ วิชฺชมานายตนธาตุโย ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ ฆานายตนาทีนํ วิย คนฺธายตนาทีนฺจ ตตฺถ ภาโว ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘อตฺถิ ตตฺถ ฆานายตนนฺติ? อามนฺตา, อตฺถิ ตตฺถ คนฺธายตนนฺติ? น เหวํ วตฺตพฺเพ’’ติอาทินา (กถา. ๕๑๙), น จ อโผฏฺพฺพายตนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ วิย อคนฺธรสายตนานํ คนฺธรสานํ ตตฺถ ภาโว สกฺกา วตฺตุํ ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาวินิมุตฺตสฺส ปถวีอาทิสภาวสฺส วิย คนฺธรสภาววินิมุตฺตสฺส คนฺธรสสภาวสฺส อภาวา.
ยทิ จ ฆานสมฺผสฺสาทีนํ การณภาโว นตฺถีติ อายตนานีติ เตน วุจฺเจยฺยุํ, ธาตุ-สทฺโท ปน นิสฺสตฺตนิชฺชีววาจโกติ คนฺธธาตุรสธาตูติ อวจเน นตฺถิ การณํ, ธมฺมภาโว จ เตสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพ สภาวธารณาทิลกฺขณโต อฺสฺส อภาวา, ธมฺมานฺจ อายตนภาโว เอกนฺตโต ยมเก (ยม. ๑. อายตนยมก.๑๓) วุตฺโต ‘‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’’ติ. ตสฺมา เตสํ คนฺธรสายตนภาวาภาเวปิ โกจิ อายตนสภาโว วตฺตพฺโพ. ยทิ จ โผฏฺพฺพภาวโต อฺโ ปถวีธาตุอาทิภาโว วิย คนฺธรสภาวโต อฺโ เตสํ โกจิ สภาโว สิยา, เตสํ ธมฺมายตเน สงฺคโห. คนฺธรสภาเว ปน อายตนภาเว จ สติ คนฺโธ จ โส อายตนฺจ คนฺธายตนํ, รโส ¶ จ โส อายตนฺจ รสายตนนฺติ อิทมาปนฺนเมวาติ คนฺธรสายตนภาโว จ น สกฺกา นิวาเรตุํ, ‘‘ตโย อาหารา’’ติ (วิภ. ๙๙๓) จ วจนโต ¶ กพฬีการาหารสฺส ตตฺถ อภาโว วิฺายติ. ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา รูปคณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ธมฺมตา น วิโลมิตา โหตีติ.
ชาติอุณฺณายาติ คพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตอุณฺณายาติปิ วทนฺติ. สมฺภวเภโทติ อตฺถิตาเภโท. นิชฺฌามตณฺหิกา กิร นิจฺจํ ทุกฺขาตุรตาย กามํ เสวิตฺวา คพฺภํ น คณฺหนฺติ.
รูปีพฺรหฺเมสุ ตาว โอปปาติกโยนิเกสูติ โอปปาติกโยนิเกหิ รูปีพฺรหฺเม นิทฺธาเรติ. ‘‘สํเสทโชปปาตีสุ อวกํสโต ตึสา’’ติ เอตํ วิวรนฺโต อาห ‘‘อวกํสโต ปนา’’ติอาทิ, ตํ ปเนตํ ปาฬิยา น สเมติ. น หิ ปาฬิยํ กามาวจรานํ สํเสทโชปปาติกานํ อฆานกานํ อุปปตฺติ วุตฺตา. ธมฺมหทยวิภงฺเค (วิภ. ๑๐๐๗) หิ –
‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ –
วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ. ตถา ‘‘ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ สิยา, อฆานกอุปปตฺติยา วิชฺชมานาย ติกฺขตฺตฺุจ ‘‘นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, น จ ตํ วุตฺตํ. เอวํ ธาตุปาตุภาวาทิปฺเหสุ ยมเกปิ ฆานชิวฺหากายานํ สหจาริตา วุตฺตาติ.
จุติปฏิสนฺธีนํ ขนฺธาทีหิ อฺมฺํ สมานตา อเภโท, อสมานตา เภโท. นยมุขมตฺตํ ทสฺเสตฺวา วุตฺตํ อวุตฺตฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหิตฺวา อาห ‘‘อยํ ตาว อรูปภูมีสุเยว นโย’’ติ. รูปารูปาวจรานํ อุปจารสฺส พลวตาย ตโต จวิตฺวา ทุคฺคติยํ อุปปตฺติ นตฺถีติ ‘‘เอกจฺจสุคติจุติยา’’ติ อาห. เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธีติ เอตฺถ เอกจฺจคฺคหณสฺส ปโยชนํ มคฺคิตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย สิยา – นานตฺตกายนานตฺตสฺีสุ วุตฺตา เอกจฺเจ วินิปาติกา ติเหตุกาทิปฏิสนฺธิกา, เตสํ ตํ ปฏิสนฺธึ วินิปาตภาเวน ทุคฺคติปฏิสนฺธีติ คเหตฺวา สพฺพสุคติจุติยาว สา ¶ ปฏิสนฺธิ โหติ, น เอกจฺจสุคติจุติยา เอวาติ ตํนิวตฺตนตฺถํ เอกจฺจทุคฺคติคฺคหณํ กตํ. อปายปฏิสนฺธิ เอว หิ เอกจฺจสุคติจุติยา โหติ, น ¶ สพฺพสุคติจุติยา. อถ วา ทุคฺคติปฏิสนฺธิ ทุวิธา เอกจฺจสุคติจุติยา อนนฺตรา ทุคฺคติจุติยา จาติ. ตตฺถ ปจฺฉิมํ วชฺเชตฺวา ปุริมํ เอว คณฺหิตุํ อาห ‘‘เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติ. อเหตุกจุติยา สเหตุกปฏิสนฺธีติ ทุเหตุกา ติเหตุกา จ โยเชตพฺพา. มณฺฑูกเทวปุตฺตาทีนํ วิย หิ อเหตุกจุติยา ติเหตุกปฏิสนฺธิปิ โหตีติ.
ตสฺส ตสฺส วิปรีตโต จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพนฺติ ‘‘เอกจฺจสุคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติอาทีสุ เภทวิเสเสสุ ‘‘เอกจฺจทุคฺคติจุติยา เอกจฺจสุคติปฏิสนฺธี’’ติอาทินา ยํ ยํ ยุชฺชติ, ตํ ตํ โยเชตพฺพนฺติ อตฺโถ. ยุชฺชมานมตฺตาเปกฺขนวเสน นปุํสกนิทฺเทโส กโต, โยเชตพฺพนฺติ วา ภาวตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณาติอาทีสุ ปน วิปรีตโยชนา น กาตพฺพา. น หิ มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณาย จุติยา อรูปภูมีสุ อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณา ปฏิสนฺธิ อตฺถิ. จตุกฺขนฺธาย อรูปจุติยา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรปฏิสนฺธีติ เอตสฺส วิปริยาโย สยเมว โยชิโต. อตีตารมฺมณจุติยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธีติ เอตสฺส จ วิปริยาโย นตฺถิ เอวาติ. เภทวิเสโส เอว จ เอวํ วิตฺถาเรน ทสฺสิโต, อเภทวิเสโส ปน เอเกกสฺมึ เภเท ตตฺถ ตตฺเถว จุติปฏิสนฺธิโยชนาวเสน โยเชตพฺโพ ‘‘ปฺจกฺขนฺธาย กามาวจราย ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรา…เป… อวิตกฺกอวิจาราย อวิตกฺกอวิจารา’’ติ, จตุกฺขนฺธาย ปน จตุกฺขนฺธา สยเมว โยชิตา. เอเตเนว นเยน สกฺกา าตุนฺติ ปฺจกฺขนฺธาทีสุ อเภทวิเสโส น ทสฺสิโตติ. ตโต เหตุํ วินาติ ตตฺถ เหตุํ วินา.
องฺคปจฺจงฺคสนฺธีนํ พนฺธนานิ องฺคปจฺจงฺคสนฺธิพนฺธนานิ, เตสํ เฉทกานํ. นิรุทฺเธสุ จกฺขาทีสูติ อติมนฺทภาวูปคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปฺจทฺวาริกวิฺาณานนฺตรมฺปิ หิ ปุพฺเพ จุติ ทสฺสิตา. ยมเก จ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๒๐) –
‘‘ยสฺส ¶ จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส มนายตนํ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา. ยสฺส วา ปน มนายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌตีติ? สจิตฺตกานํ อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนํ นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ. สจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนฺจ นิรุชฺฌติ, จกฺขายตนฺจ นิรุชฺฌตี’’ติ –
อาทินา ¶ จกฺขายตนาทีนํ จุติจิตฺเตน สห นิโรโธ วุตฺโตติ. ลทฺโธ อวเสโส อวิชฺชาทิโก วิฺาณสฺส ปจฺจโย เอเตนาติ ลทฺธาวเสสปจฺจโย, สงฺขาโร. อวิชฺชาปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ตสฺมึ กมฺมาทิวิสเย ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อารมฺมณภาเวน อุปฺปตฺติฏฺานภูเต ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา เอว ปุริมุปฺปนฺนาย จ สนฺตติยา ปริณตตฺตา ปฏิสนฺธิฏฺานาภิมุขํ วิฺาณํ นินฺนโปณปพฺภารํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘ตณฺหา นาเมตี’’ติ. สหชาตสงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหชาตเจตนา, สพฺเพปิ วา ผสฺสาทโย. ตสฺมึ ปฏิสนฺธิฏฺาเน กมฺมาทิวิสเย วิฺาณํ ขิปนฺติ, ขิปนฺตา วิย ตสฺมึ วิสเย ปฏิสนฺธิวเสน วิฺาณปติฏฺานสฺส เหตุภาเวน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ.
ตนฺติ ตํ วิฺาณํ, จุติปฏิสนฺธิตทาสนฺนวิฺาณานํ สนฺตติวเสน วิฺาณนฺติ อุปนีเตกตฺตํ. ตณฺหาย นามิยมานํ…เป… ปวตฺตตีติ นมนขิปนปุริมนิสฺสยชหนาปรนิสฺสยสฺสาทนนิสฺสยรหิตปวตฺตนานิ สนฺตติวเสน ตสฺเสเวกสฺส วิฺาณสฺส โหนฺติ, น อฺสฺสาติ ทสฺเสติ. สนฺตติวเสนาติ จ วทนฺโต ‘‘ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๙๖) อิทฺจ มิจฺฉาคาหํ ปฏิกฺขิปติ. สติ หิ นานตฺตนเย สนฺตติวเสน เอกตฺตนโย โหตีติ. โอริมตีรรุกฺขวินิพทฺธรชฺชุ วิย ปุริมภวตฺตภาววินิพนฺธํ กมฺมาทิอารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ, ปุริโส วิย วิฺาณํ, ตสฺส มาติกาติกฺกมนิจฺฉา วิย ตณฺหา, อติกฺกมนปโยโค วิย ขิปนกสงฺขารา. ยถา จ โส ปุริโส ปรตีเร ปติฏฺหมาโน ปรตีรรุกฺขวินิพทฺธํ กิฺจิ อสฺสาทยมาโน อนสฺสาทยมาโน วา เกวลํ ปถวิยํ สพลปโยเคเหว ปติฏฺาติ, เอวมิทมฺปิ ภวนฺตรตฺตภาววินิพทฺธํ หทยวตฺถุนิสฺสยํ ปฺจโวการภเว อสฺสาทยมานํ จตุโวการภเว อนสฺสาทยมานํ วา เกวลํ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺเมเหว ปวตฺตติ. ตตฺถ อสฺสาทยมานนฺติ ปาปุณนฺตํ, ปฏิลภมานนฺติ อตฺโถ.
ภวนฺตราทิปฏิสนฺธานโตติ ¶ ภวนฺตรสฺส อาทิสมฺพนฺธนโต, ภวนฺตราทโย วา ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสนฺตรา, เตสํ ปฏิสนฺธานโตติ อตฺโถ. กมฺมนฺติ ปฏิสนฺธิชนกํ กมฺมํ. สงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหคตา ขิปนกสงฺขารา.
สทฺทาทิเหตุกาติ เอตฺถ ปฏิโฆโส สทฺทเหตุโก, ปทีโป ปทีปนฺตราทิเหตุโก, มุทฺทา ลฺฉนเหตุกา, ฉายา อาทาสาทิคตมุขาทิเหตุกา. อฺตฺร อคนฺตฺวา โหนฺตีติ สทฺทาทิปจฺจยเทสํ ¶ อคนฺตฺวา สทฺทาทิเหตุกา โหนฺติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา, เอวมิทมฺปิ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ น เหตุเทสํ คนฺตฺวา ตํเหตุกํ โหติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา, ตสฺมา น อิทํ เหตุเทสโต ปุริมภวโต อาคตํ ปฏิโฆสาทโย วิย สทฺทาทิเทสโต, นาปิ ตตฺถ เหตุนา วินา อุปฺปนฺนํ สทฺทาทีหิ วินา ปฏิโฆสาทโย วิยาติ อตฺโถ. อถ วา อฺตฺร อคนฺตฺวา โหนฺตีติ ปุพฺเพ ปจฺจยเทเส สนฺนิหิตา หุตฺวา ตโต อฺตฺร คนฺตฺวา ตปฺปจฺจยา น โหนฺติ อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อภาวา, นาปิ สทฺทาทิปจฺจยา น โหนฺติ, เอวมิทมฺปีติ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. เอส นโยติ พีชงฺกุราทีสุ สพฺพเหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ ยถาสมฺภวํ โยชนา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อิธาปิ หิ เหตุเหตุสมุปฺปนฺนวิฺาณานํ เอกนฺตเมกตฺเต สติ น มนุสฺสคติโก เทวคติภูโต สิยา, เอกนฺตนานตฺเต น กมฺมวโต ผลํ สิยา. ตโต ‘‘รตฺตสฺส พีชํ, รตฺตสฺส ผล’’นฺติอาทิกสฺส วิย ‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสี’’ติอาทิกสฺส (สํ. นิ. ๑.๑๐๗) โวหารสฺส โลโป สิยา, ตสฺมา เอตฺถ สนฺตานพนฺเธ สติ เหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ น เอกนฺตเมว เอกตา วา นานตา วา อุปคนฺตพฺพา. เอตฺถ จ เอกนฺตเอกตาปฏิเสเธน ‘‘สยํกตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติ อิมํ ทิฏฺึ นิวาเรติ, เอกนฺตนานตาปฏิเสเธน ‘‘ปรํกตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติ, เหตุเหตุสมุปฺปนฺนภาววจเนน ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ. เอตฺถาติ เอกสนฺตาเน.
จตุมธุรอลตฺตกรสาทิภาวนา อมฺพมาตุลุงฺคาทิพีชานํ อภิสงฺขาโร. เอตฺถ พีชํ วิย กมฺมวา สตฺโต, อภิสงฺขาโร วิย กมฺมํ, พีชสฺส องฺกุราทิปฺปพนฺโธ วิย สตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณาทิปฺปพนฺโธ, ตตฺถุปฺปนฺนสฺส มธุรสฺส รตฺตเกสรสฺส วา ผลสฺส วา ตสฺเสว พีชสฺส, ตโต เอว จ อภิสงฺขารโต ภาโว วิย กมฺมการกสฺเสว สตฺตสฺส, ตํกมฺมโต เอว ¶ จ ผลสฺส ภาโว เวทิตพฺโพ. พาลสรีเร กตํ วิชฺชาปริยาปุณนํ สิปฺปสิกฺขนํ โอสธปฺปโยโค จ น วุฑฺฒสรีรํ คจฺฉนฺติ. อถ จ ตํนิมิตฺตํ วิชฺชาปาฏวํ สิปฺปชานนํ อนามยตา จ วุฑฺฒสรีเร โหติ, น จ ตํ อฺสฺส โหติ ตํสนฺตติปริยาปนฺเน เอว วุฑฺฒสรีเร อุปฺปชฺชนโต, น จ ยถาปยุตฺเตน วิชฺชาปริยาปุณนาทินา วินา อฺโต โหติ ตทภาเว อภาวโต. เอวมิธาปิ สนฺตาเน ยํ ผลํ, เอตํ นาฺสฺส, น จ อฺโตติ โยเชตพฺพํ. น อฺโตติ เอเตน จ สงฺขาราภาเว ผลาภาวเมว ทสฺเสติ, นาฺปจฺจยนิวารณํ กโรติ.
ยมฺปิ วุตฺตํ, ตตฺถ วทามาติ วจนเสโส. ตตฺถ วา อุปภฺุชเก อสติ สิทฺธา ภฺุชกสมฺมุตีติ สมฺพนฺโธ. ผลตีติ สมฺมุติ ผลติสมฺมุติ.
เอวํ ¶ สนฺเตปีติ อสงฺกนฺติปาตุภาเว, ตตฺถ จ ยถาวุตฺตโทสปริหรเณ สติ สิทฺเธติ อตฺโถ. ปวตฺติโต ปุพฺเพติ กมฺมายูหนกฺขณโต ปุพฺเพ. ปจฺฉา จาติ วิปจฺจนปวตฺติโต ปจฺฉา จ. อวิปกฺกวิปากา กตตฺตา เจ ปจฺจยา, วิปกฺกวิปากานมฺปิ กตตฺตํ สมานนฺติ เตสมฺปิ ผลาวหตา สิยาติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อาห ‘‘น จ นิจฺจํ ผลาวหา’’ติ. น วิชฺชมานตฺตา วา อวิชฺชมานตฺตา วาติ เอเตน วิชฺชมานตฺตํ อวิชฺชมานตฺตฺจ นิสฺสาย วุตฺตโทเสว ปริหรติ.
ตสฺสา ปาฏิโภคกิริยาย, ภณฺฑกีณนกิริยาย, อิณคหณาทิกิริยาย วา กรณมตฺตํ ตํกิริยากรณมตฺตํ. ตเทว ตทตฺถนิยฺยาตเน ปฏิภณฺฑทาเน อิณทาเน จ ปจฺจโย โหติ, อผลิตนิยฺยาตนาทิผลนฺติ อตฺโถ.
อวิเสเสนาติ ‘‘ติเหตุโก ติเหตุกสฺสา’’ติอาทิกํ เภทํ อกตฺวาว สามฺโต, ปิณฺฑวเสนาติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจโย พลวกมฺมสฺส วเสน โยเชตพฺโพ. ‘‘ทุพฺพลฺหิ อุปนิสฺสยปจฺจโย น โหตี’’ติ วกฺขมานเมเวตํ ปฏฺานวณฺณนายนฺติ. อวิเสเสนาติ สพฺพปฺุาภิสงฺขารํ สห สงฺคณฺหาติ. ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโทติ เอตฺถ อุทฺธจฺจสหคตา กสฺมา คหิตาติ วิจาเรตพฺพเมตํ. เอกสฺส วิฺาณสฺส ตเถว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเตติ เอกสฺเสว ปจฺจยภาวนิยโม ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเต. ปวตฺเต หิ สตฺตนฺนมฺปิ ปจฺจโยติ อธิปฺปาโย. ‘‘ตถา กามาวจรเทวโลเกปิ อนิฏฺา รูปาทโย นตฺถี’’ติ ¶ วุตฺตํ, เทวานํ ปน ปุพฺพนิมิตฺตปาตุภาวกาเล มิลาตมาลาทีนํ อนิฏฺตา กถํ น สิยา.
สฺเวว ทฺวีสุ ภเวสูติ เอตฺถ เอกูนตึสเจตนาเภทมฺปิ จิตฺตสงฺขารํ จิตฺตสงฺขารภาเวน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา ‘‘สฺเววา’’ติ วุตฺตํ. ตเทกเทโส ปน กามาวจรจิตฺตสงฺขาโรว เตรสนฺนํ นวนฺนฺจ ปจฺจโย ทฏฺพฺโพ. เอกเทสปจฺจยภาเวน หิ สมุทาโย วุตฺโตติ.
ยตฺถ จ วิตฺถารปฺปกาสนํ กตํ, ตโต ภวโต ปฏฺาย มุขมตฺตปฺปกาสนํ กาตุกาโม อาห ‘‘อาทิโต ปฏฺายา’’ติ. เตน ‘‘ทฺวีสุ ภเวสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตติยชฺฌานภูมิวเสนาติ เอเตน เอกตฺตกายเอกตฺตสฺีสามฺเน จตุตฺถชฺฌานภูมิ จ อสฺารุปฺปวชฺชา คหิตาติ เวทิตพฺพา. ยถาสมฺภวนฺติ เอกวีสติยา กามาวจรรูปาวจรกุสลวิปาเกสุ จุทฺทสนฺนํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ, สตฺตนฺนํ ปวตฺเต เอว. อยํ ยถาสมฺภโว.
จตุนฺนํ ¶ วิฺาณานนฺติ ภวาทโย อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, จตูสุ อนฺโตคธานํ ปน ติณฺณํ วิฺาณานํ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ จ ปจฺจยภาโว โยเชตพฺโพ, อวิฺาณเก สตฺตาวาเส สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณ อวิชฺชมาเนปิ ตสฺส สงฺขารเหตุกตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. เอตสฺมิฺจ มุขมตฺตปฺปกาสเน ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ ทุคฺคติอาทีสุ ปวตฺติยํ กุสลวิปากาทิวิฺาณานํ ปจฺจยภาโว ภเวสุ วุตฺตนเยเนว วิฺายตีติ น วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
วิฺาณปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
นามรูปปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒๘. สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ นามรูปเทสนาวิเสโส เทสนาเภโท. ตโย ขนฺธาติ เอตํ ยทิปิ ปาฬิยํ นตฺถิ, อตฺถโต ปน วุตฺตเมว โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อณฺฑชานฺจ อภาวกานนฺติ โยเชตพฺพํ. สนฺตติสีสานีติ กลาปสนฺตานมูลานิ. ยทิปิ วิการรูปานิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ น สนฺติ, ลกฺขณปริจฺเฉทรูปานิ ¶ ปน สนฺตีติ ตานิ อปรินิปฺผนฺนานิ ปรมตฺถโต วิวชฺเชนฺโต อาห ‘‘รูปรูปโต’’ติ.
กามภเว ปน ยสฺมา เสสโอปปาติกานนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ กามภเว ‘‘โอปปาติกา’’ติ วุตฺตา น สนฺติ, เยน เสสคฺคหณํ สาตฺถกํ ภเวยฺย, อณฺฑชคพฺภเสยฺยเกหิ ปน โอปปาติกสํเสทชา เสสา โหนฺตีติ เสสคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา พฺรหฺมกายิกาทิเกหิ โอปปาติเกหิ วุตฺเตหิ เสเส สนฺธาย ‘‘เสสโอปปาติกาน’’นฺติ อาห. เต ปน อรูปิโนปิ สนฺตีติ ‘‘กามภเว’’ติ วุตฺตํ, อปริปุณฺณายตนานํ ปน นามรูปํ ยถาสมฺภวํ รูปมิสฺสกวิฺาณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน สกฺกา ธมฺมคณนาโต วิฺาตุนฺติ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อวกํสโต ทฺเว อฏฺกาเนว อุตุจิตฺตสมุฏฺานานิ โหนฺตีติ สสทฺทกาลํ สนฺธาย ‘‘อุกฺกํสโต ทฺวินฺนํ นวกาน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺเพติ ขนฺธวิภงฺเคติ วทนฺติ. ตตฺถ หิ ‘‘เอเกกจิตฺตกฺขเณ ¶ ติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ วุตฺตํ. อิเธว วา วุตฺตํ สนฺตติทฺวยาทิกํ สตฺตกปริโยสานํ สนฺธายาห ‘‘ปุพฺเพ วุตฺตํ กมฺมสมุฏฺานํ สตฺตติวิธ’’นฺติ, ตํ ปนุปฺปชฺชมานํ เอเกกจิตฺตกฺขเณ ติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชตีติ อิมินาธิปฺปาเยน วุตฺตํ ‘‘เอเกกจิตฺตกฺขเณ ติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ. จตุทฺทิสา ววตฺถาปิตาติ อฺมฺสํสฏฺสีสา มูเลน จตูสุ ทิสาสุ ววตฺถาปิตา อฺมฺํ อาลิงฺเคตฺวา ิตา ภินฺนวาหนิกา วิย.
ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยนฺติ รูปาชนกกมฺมชํ ปฺจวิฺาณปฺปวตฺติกาลํ สหชาตวิฺาณปจฺจยฺจ สนฺธายาห. ตทา หิ ตโต นามเมว โหตีติ, กมฺมวิฺาณปจฺจยา ปน สทาปิ อุภยํ โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ, ปจฺฉาชาตวิฺาณปจฺจยา จ รูปํ อุปตฺถทฺธํ โหตีติ. อสฺเสูติอาทิ กมฺมวิฺาณปจฺจยํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยนฺติ ภวงฺคาทิชนกกมฺมโต อฺเน รูปุปฺปตฺติกาลํ นิโรธสมาปตฺติกาลํ ภวงฺคาทิอุปฺปตฺติกาลโต อฺกาลฺจ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ยุตฺตํ. ภวงฺคาทิอุปฺปตฺติกาเล หิ ตํชนเกเนว กมฺมุนา อุปฺปชฺชมานํ รูปํ, โส จ วิปาโก กมฺมวิฺาณปจฺจโย โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ. สหชาตวิฺาณปจฺจยานเปกฺขมฺปิ หิ ปวตฺติยํ กมฺเมน ปวตฺตมานํ รูปํ นามฺจ น กมฺมวิฺาณานเปกฺขํ โหตีติ. สพฺพตฺถาติ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ. สหชาตวิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, กมฺมวิฺาณปจฺจยา จ นามรูปฺจ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. นามฺจ ¶ รูปฺจ นามรูปฺจ นามรูปนฺติ เอตฺถ นามรูป-สทฺโท อตฺตโน เอกเทเสน นาม-สทฺเทน นาม-สทฺทสฺส สรูโป, รูป-สทฺเทน จ รูป-สทฺทสฺส, ตสฺมา ‘‘สรูปานํ เอกเสโส’’ติ นามรูป-สทฺทสฺส านํ อิตเรสฺจ นามรูป-สทฺทานํ อทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ.
วิปากโต อฺํ อวิปากํ. ยโต ทฺวิธา มตํ, ตโต ยุตฺตเมว อิทนฺติ โยเชตพฺพํ. กุสลาทิจิตฺตกฺขเณติ อาทิ-สทฺเทน อกุสลกิริยจิตฺตกฺขเณ วิย วิปากจิตฺตกฺขเณปิ วิปากาชนกกมฺมสมุฏฺานํ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิปากจิตฺตกฺขเณ ปน อภิสงฺขารวิฺาณปจฺจยา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อุภยฺจ อุปลพฺภตีติ ตาทิสวิปากจิตฺตกฺขณวชฺชนตฺถํ ‘‘กุสลาทิจิตฺตกฺขเณ’’ติ วุตฺตํ.
สุตฺตนฺติกปริยาเยนาติ ปฏฺาเน รูปานํ อุปนิสฺสยปจฺจยสฺส อวุตฺตตฺตา วุตฺตํ, สุตฺตนฺเต ปน ‘‘ยสฺมึ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, โส ตสฺส อุปนิสฺสโย นิทานํ เหตุ ปภโว’’ติ ¶ กตฺวา ‘‘วิฺาณูปนิสํ นามรูป’’นฺติ รูปสฺส จ วิฺาณูปนิสฺสยตา วุตฺตา. วนปตฺถปริยาเย จ วนสณฺฑคามนิคมนครชนปทปุคฺคลูปนิสฺสโย อิริยาปถวิหาโร, ตโต จ จีวราทีนํ ชีวิตปริกฺขารานํ กสิเรน จ อปฺปกสิเรน จ สมุทาคมนํ วุตฺตํ, น จ วนสณฺฑาทโย อารมฺมณูปนิสฺสยาทิภาวํ อิริยาปถานํ จีวราทิสมุทาคมนสฺส จ ภชนฺติ, ตสฺมา วินา อภาโว เอว จ สุตฺตนฺตปริยายโต อุปนิสฺสยภาโว ทฏฺพฺโพ. นามสฺส อภิสงฺขารวิฺาณํ กมฺมารมฺมณปฏิสนฺธิอาทิกาเล อารมฺมณปจฺจโยว โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ รูปสฺเสว สุตฺตนฺติกปริยายโต เอกธา ปจฺจยภาโว วุตฺโต. สสํสยสฺส หิ รูปสฺส ตํปจฺจโย โหตีติ วุตฺเต นามสฺส โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ.
ปวตฺตสฺส ปากฏตฺตา อปากฏํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กถํ ปเนต’’นฺติอาทินา. สุตฺตโต นามํ, ยุตฺติโต รูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตีติ ชานิตพฺพํ. ยุตฺติโต สาเธตฺวา สุตฺเตน ตํ ทฬฺหํ กโรนฺโต ‘‘กมฺมสมุฏฺานสฺสปิ หี’’ติอาทิมาห. จิตฺตสมุฏฺานสฺเสวาติ จิตฺตสมุฏฺานสฺส วิย. ยสฺมา นามรูปเมว ปวตฺตมานํ ทิสฺสติ, ตสฺมา ตเทว วทนฺเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ. สฺุตาปกาสนฺหิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ อธิปฺปาโย. นามรูปมตฺตตาวจเนเนว วา ปวตฺติยา ทุกฺขสจฺจมตฺตตา วุตฺตา, ทุกฺขสจฺจปฺปกาสเนน จ ตสฺส สมุทโย, ตสฺส จ ¶ นิโรโธ, นิโรธคามี จ มคฺโค ปกาสิโต เอว โหติ. อเหตุกสฺส ทุกฺขสฺส เหตุนิโรธา, อนิรุชฺฌนกสฺส จ อภาวา, นิโรธสฺส จ อุปาเยน วินา อนธิคนฺตพฺพตฺตาติ จตุสจฺจปฺปกาสนํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ โยเชตพฺพํ.
นามรูปปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
สฬายตนปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒๙. นิยมโตติ จ อิทํ จตุนฺนํ ภูตานํ, ฉนฺนํ วตฺถูนํ, ชีวิตสฺส จ ยถาสมฺภวํ สหชาตนิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยาทินา เอกนฺเตน สฬายตนสฺส ปวตฺตมานสฺส ปจฺจยภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. รูปายตนาทีนํ ปน สหชาตนิสฺสยานุปาลนภาโว นตฺถีติ อคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. อารมฺมณารมฺมณปุเรชาตาทิภาโว ¶ จ เตสํ น สนฺตติปริยาปนฺนานเมว, น จ จกฺขาทีนํ วิย เอกปฺปกาเรเนวาติ อนิยมโต ปจฺจยภาโว. นิยมโต…เป… ชีวิตินฺทฺริยนฺติ เอวนฺติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน วา รูปายตนาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอตฺถ ยทิปิ ฉฏฺายตนสฬายตน-สทฺทานํ สทฺทโต สรูปตา นตฺถิ, อตฺถโต ปน สฬายตเนกเทโสว ฉฏฺายตนนฺติ เอกเทสสรูปตา อตฺถีติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ เวทิตพฺโพ. อตฺถโตปิ หิ สรูปานํ เอกเทสสรูเปกเสสํ อิจฺฉนฺติ ‘‘วงฺโก จ กุฏิโล จ กุฏิลา’’ติ, ตสฺมา อตฺถโต เอกเทสสรูปานฺจ เอกเสเสน ภวิตพฺพนฺติ.
อถ วา ฉฏฺายตนฺจ มนายตนฺจ ฉฏฺายตนนฺติ วา, มนายตนนฺติ วา, ฉฏฺายตนฺจ ฉฏฺายตนฺจ ฉฏฺายตนนฺติ วา, มนายตนฺจ มนายตนฺจ มนายตนนฺติ วา เอกเสสํ กตฺวา จกฺขาทีหิ สห ‘‘สฬายตน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตเมว เอกเสสํ นามมตฺตปจฺจยสฺส, นามรูปปจฺจยสฺส จ มนายตนสฺส วเสน กตํ อตฺถโต ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอวํ กเตกเสสสฺสา’’ติ. ยถาวุตฺโตปิ หิ เอกเสโส อตฺถโต ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจาติ เอวํ กโต นาม โหตีติ. สพฺพตฺถ จ เอกเสเส กเต เอกวจนนิทฺเทโส ¶ กเตกเสสานํ สฬายตนาทิสทฺทวจนียตาสามฺวเสน กโตติ ทฏฺพฺโพ. อพฺยากตวาเร วกฺขตีติ กิฺจาปิ อกุสลวาเร กุสลวาเร จ ‘‘นามปจฺจยา ฉฏฺายตน’’นฺติ วุตฺตํ, สุตฺตนฺตภาชนีเย ปน วิปากฉฏฺายตนเมว คหิตนฺติ อธิปฺปาเยน อพฺยากตวารเมว สาธกภาเวน อุทาหฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปจฺจยนเย ปน ‘‘ฉฏฺา โหติ ตํ อวกํสโต’’ติอาทินา อวิปากสฺสปิ ปจฺจโย อุทฺธโฏ, โส นิรวเสสํ วตฺตุกามตาย อุทฺธโฏติ เวทิตพฺโพ. อิธ สงฺคหิตนฺติ อิธ เอกเสสนเยน สงฺคหิตํ, ตตฺถ อพฺยากตวาเร โลกิยวิปากภาชนีเย วิภตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
เนยฺยนฺติ เยฺยํ. อุกฺกํสาวกํโสติ เอตฺถ สตฺตธา ปจฺจยภาวโต อุกฺกํโส อฏฺธา ปจฺจยภาโว, ตโต ปน นวธา ตโต วา ทสธาติ อยํ อุกฺกํโส, อวกํโส ปน ทสธา ปจฺจยภาวโต นวธา ปจฺจยภาโว, ตโต อฏฺธา, ตโต สตฺตธาติ เอวํ เวทิตพฺโพ, น ปน สตฺตธา ปจฺจยภาวโต เอว ทฺเวปิ อุกฺกํสาวกํสา โยเชตพฺพา ตโต อวกํสาภาวโตติ.
หทยวตฺถุโน สหายํ หุตฺวาติ เอเตน อรูเป วิย อสหายํ นามํ น โหติ, หทยวตฺถุ จ ¶ นาเมน สห ฉฏฺายตนสฺส ปจฺจโย โหตีติ เอตฺตกเมว ทสฺเสติ, น ปน ยถา หทยวตฺถุ ปจฺจโย โหติ, ตถา นามมฺปีติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. วตฺถุ หิ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย โหติ, น นามํ, นามฺจ วิปากเหตาทิปจฺจโย โหติ, น วตฺถูติ. ปวตฺเต อรูปธมฺมา กมฺมชรูปสฺส ิติปฺปตฺตสฺเสว ปจฺจยา โหนฺติ, น อุปฺปชฺชมานสฺสาติ วิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตา จ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตาทโย เอว จกฺขาทีนํ โยเชตพฺพา.
อวเสสมนายตนสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ปฺจกฺขนฺธภเว ปนา’’ติ เอตสฺส อนุวตฺตมานตฺตา ปฺจโวการภเว เอว ปวตฺตมานํ ปฺจวิฺาเณหิ อวเสสมนายตนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นามรูปสฺส สหชาตาทิสาธารณปจฺจยภาโว สมฺปยุตฺตาทิอสาธารณปจฺจยภาโว จ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ.
สฬายตนปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ผสฺสปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๓๐. ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ¶ ผสฺโส’’ติ อภิธมฺมภาชนียปาฬิ อารุปฺปํ สนฺธาย วุตฺตาติ ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโสติ ปาฬิอนุสารโต’’ติ อาห. อชฺฌตฺตนฺติ สสนฺตติปริยาปนฺนเมว คณฺหาติ. ตฺหิ สสนฺตติปริยาปนฺนกมฺมนิพฺพตฺตํ ตาทิสสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปาทีนิ ปน พหิทฺธา อนุปาทินฺนานิ จ ผสฺสสฺส อารมฺมณํ โหนฺติ, น ตานิ จกฺขาทีนิ วิย สสนฺตติปริยาปนฺนกมฺมกิเลสนิมิตฺตปวตฺติภาเวน ผสฺสสฺส ปจฺจโยติ ปมาจริยวาเท น คหิตานิ, ทุติยาจริยวาเท ปน ยถา ตถา วา ปจฺจยภาเว สติ น สกฺกา วชฺเชตุนฺติ คหิตานีติ.
ยทิ สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺภเวยฺย, ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ เอกสฺส วจนํ ยุชฺเชยฺย. อถาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา สมฺภเวยฺยุํ, ตถาปิ สพฺพายตเนหิ สพฺพผสฺสสมฺภวโต อายตนเภเทน ผสฺสเภโท นตฺถีติ ตทเภทวเสน เอกสฺส วจนํ ยุชฺเชยฺย, ตถา ปน อสมฺภวโต น ยุตฺตนฺติ โจเทติ ‘‘น สพฺพายตเนหี’’ติอาทินา. อฺสฺสปิ วา อสมฺภวนฺตสฺส ¶ วิธานสฺส โพธนตฺถเมว ‘‘นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภตี’’ติ อิทเมว ปน เอกผสฺสวจนสฺส อยุตฺตทีปกํ การณนฺติ เวทิตพฺพํ. นิทสฺสนวเสน วา เอตํ วุตฺตํ, นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา สมฺโภนฺติ, เอวํ น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภติ, ตสฺมา เอกสฺส วจนํ อยุตฺตนฺติ. ปริหารํ ปน อเนกายตเนหิ เอกผสฺสสฺส สมฺภวโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริทํ วิสฺสชฺชน’’นฺติอาทิมาห. เอโกปิ อเนกายตนปฺปภโว เอโกปเนกายตนปฺปภโว. ฉธาปจฺจยตฺเต ปฺจวิภาวเยติ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา. ตถา จาติ ปจฺจุปฺปนฺนานิ รูปาทีนิ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ รูปรูปํ สนฺธาย วุตฺตํ. อารมฺมณปจฺจยมตฺเตนาติ ตํ สพฺพํ อปจฺจุปฺปนฺนํ อฺฺจ ธมฺมายตนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ผสฺสปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
เวทนาปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๓๑. ‘‘เสสาน’’นฺติ ¶ เอตฺถ สมฺปฏิจฺฉนสฺส จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปฺจ ยทิปิ อนนฺตราทีหิปิ ปจฺจยา โหนฺติ, อนนฺตราทีนํ ปน อุปนิสฺสเย อนฺโตคธตฺตา สนฺตีรณตทารมฺมณานฺจ สาธารณสฺส ตสฺส วเสน ‘‘เอกธา’’ติ วุตฺตํ.
เตภูมกวิปากเวทนานมฺปิ สหชาตมโนสมฺผสฺสสงฺขาโต โส ผสฺโส อฏฺธา ปจฺจโย โหตีติ โยเชตพฺพํ. ปจฺจยํ อนุปาทินฺนมฺปิ เกจิ อิจฺฉนฺตีติ ‘‘ยา ปนา’’ติอาทินา มโนทฺวาราวชฺชนผสฺสสฺส ปจฺจยภาโว วุตฺโต, ตฺจ มุขมตฺตทสฺสนตฺถํ ทฏฺพฺพํ. เอเตน นเยน สพฺพสฺส อนนฺตรสฺส อนานนฺตรสฺส จ ผสฺสสฺส ตสฺสา ตสฺสา วิปากเวทนาย อุปนิสฺสยตา โยเชตพฺพาติ.
เวทนาปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตณฺหาปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๓๒. มมตฺเตนาติ ¶ สมฺปิยายมาเนน, อสฺสาทนตณฺหายาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุตฺโต วิย เวทนา ทฏฺพฺพา, ขีราทโย วิย เวทนาย ปจฺจยภูตา รูปาทโย, ขีราทิทายิกา ธาติ วิย รูปาทิฉฬารมฺมณทายกา จิตฺตการาทโย ฉ. ตตฺถ เวชฺโช รสายโนชาวเสน ตทุปตฺถมฺภิตชีวิตวเสน จ ธมฺมารมฺมณสฺส ทายโกติ ทฏฺพฺโพ. อารมฺมณปจฺจโย อุปฺปชฺชมานสฺส อารมฺมณมตฺตเมว โหติ, น อุปนิสฺสโย วิย อุปฺปาทโกติ อุปฺปาทกสฺส อุปนิสฺสยสฺเสว วเสน ‘‘เอกธาวา’’ติ วุตฺตํ. อุปนิสฺสเยน วา อารมฺมณูปนิสฺสโย สงฺคหิโต, เตน จ อารมฺมณภาเวน ตํสภาโว อฺโปิ อารมฺมณภาโว ทีปิโต โหตีติ อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจยภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา วาติอาทินา น เกวลํ วิปากสุขเวทนา เอว, ติสฺโสปิ ปน เวทนา วิปากา วิเสเสน ตณฺหาย อุปนิสฺสยปจฺจโย, อวิเสเสน อิตรา จาติ ทสฺเสติ. อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตาติ ตสฺมา สาปิ ภิยฺโย อิจฺฉนวเสน ตณฺหาย อุปนิสฺสโยติ อธิปฺปาโย ¶ . อุเปกฺขา ปน อกุสลวิปากภูตา อนิฏฺตฺตา ทุกฺเข อวโรเธตพฺพา, อิตรา อิฏฺตฺตา สุเขติ สา ทุกฺขํ วิย สุขํ วิย จ อุปนิสฺสโย โหตีติ สกฺกา วตฺตุนฺติ. ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ วจเนน สพฺพสฺส เวทนาวโต ปจฺจยสฺส อตฺถิตาย ตณฺหุปฺปตฺติปฺปสงฺเค ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘เวทนาปจฺจยา จาปี’’ติอาทิ.
นนุ ‘‘อนุสยสหายา เวทนา ตณฺหาย ปจฺจโย โหตี’’ติ วจนสฺส อภาวา อติปฺปสงฺคนิวตฺตนํ น สกฺกา กาตุนฺติ? น, วฏฺฏกถาย ปวตฺตตฺตา. วฏฺฏสฺส หิ อนุสยวิรเห อภาวโต อนุสยสหิตาเยว ปจฺจโยติ อตฺถโต วุตฺตเมตํ โหตีติ. อถ วา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติ อนุวตฺตมานตฺตา อนุสยสหิตาว ปจฺจโยติ วิฺายติ. ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ จ เอตฺถ เวทนาปจฺจยา เอว ตณฺหา, น เวทนาย วินาติ อยํ นิยโม วิฺายติ, น เวทนาปจฺจยา ตณฺหา โหติ เอวาติ, ตสฺมา อติปฺปสงฺโค นตฺถิ เอวาติ.
วุสีมโตติ วุสิตวโต, วุสิตพฺรหฺมจริยวาสสฺสาติ อตฺโถ. วุสฺสตีติ วา ‘‘วุสี’’ติ มคฺโค ¶ วุจฺจติ, โส เอตสฺส วุตฺโถ อตฺถีติ วุสีมา. อคฺคผลํ วา ปรินิฏฺิตวาสตฺตา ‘‘วุสี’’ติ วุจฺจติ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ วุสีมา.
ตณฺหาปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาทานปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๓๓. สสฺสโต อตฺตาติ อิทํ ปุริมทิฏฺึ อุปาทิยมานํ อุตฺตรทิฏฺึ นิทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยถา หิ เอสา ทิฏฺิ ทฬฺหีกรณวเสน ปุริมํ อุตฺตรา อุปาทิยติ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาปีติ. อตฺตคฺคหณํ ปน อตฺตวาทุปาทานนฺติ น อิทํ ทิฏฺุปาทานทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. โลโก จาติ วา อตฺตคฺคหณวินิมุตฺตํ คหณํ ทิฏฺุปาทานภูตํ อิธ ปุริมทิฏฺิอุตฺตรทิฏฺิวจเนหิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเร ปน สงฺเขปโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ, สงฺเขปโต ทิฏฺิมตฺตเมว, วิตฺถารโต ปนา’’ติ เอวํ ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารโต สงฺเขปํ วิตฺถารฺจ นิทฺธาเรตีติ. ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเรติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ ทฏฺพฺพํ.
ปกติอณุอาทีนํ ¶ สสฺสตคาหปุพฺพงฺคโม, สรีรสฺส อุจฺเฉทคฺคาหปุพฺพงฺคโม จ เตสํ สามิภูโต โกจิ สสฺสโต อุจฺฉิชฺชมาโน วา อตฺตา อตฺถีติ อตฺตคฺคาโห กทาจิ โหตีติ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. เยภุยฺเยน ปมํ อตฺตวาทุปาทานนฺติอาทินา วา สมฺพนฺโธ.
ยทิปิ ภวราคชวนวีถิ สพฺพปมํ ปวตฺตติ คหิตปฺปฏิสนฺธิกสฺส ภวนิกนฺติยา ปวตฺติตพฺพตฺตา, โส ปน ภวราโค ตณฺหาทฬฺหตฺตํ น โหตีติ มฺมาโน น กามุปาทานสฺส ปมุปฺปตฺติมาห. ตณฺหา กามุปาทานนฺติ ปน วิภาคสฺส อกรเณ สพฺพาปิ ตณฺหา กามุปาทานนฺติ, กรเณปิ กามราคโต อฺาปิ ตณฺหา ทฬฺหภาวํ ปตฺตา กามุปาทานนฺติ ตสฺส อรหตฺตมคฺควชฺฌตา วุตฺตา.
อุปฺปตฺติฏฺานภูตา จิตฺตุปฺปาทา วิสโย. ปฺจุปาทานกฺขนฺธา อาลโย, ตตฺถ รมตีติ อาลยรามา ¶ , ปชา. เตเนว สา อาลยรามตา จ สกสนฺตาเน ปรสนฺตาเน จ ปากฏา โหตีติ. อุปนิสฺสยวจเนน อารมฺมณานนฺตรปกตูปนิสฺสยา วุตฺตาติ อนนฺตรปจฺจยาทีนมฺปิ สงฺคโห กโต โหติ.
อุปาทานปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภวปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๓๔. ผลโวหาเรน กมฺมภโว ภโวติ วุตฺโตติ อุปปตฺติภวนิพฺพจนเมว ทฺวยสฺสปิ สาธารณํ กตฺวา วทนฺโต อาห ‘‘ภวตีติ ภโว’’ติ. ภวํ คจฺฉตีติ นิปฺผาทนผลวเสน อตฺตโน ปวตฺติกาเล ภวาภิมุขํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ, นิพฺพตฺตนเมว วา เอตฺถ คมนํ อธิปฺเปตํ.
สฺาวตํ ภโว สฺาภโวติ เอตฺถ วนฺตุ-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ, ตสฺส วา อตฺเถ อการํ กตฺวา ‘‘สฺภโว’’ติปิ ปาโ. โวกิรียติ ปสารียติ วิตฺถารียตีติ โวกาโร, โวกิรณํ วา โวกาโร, โส เอกสฺมึ ปวตฺตตฺตา เอโก โวกาโรติ วุตฺโต, ปเทสปสฏุปฺปตฺตีติ อตฺโถ.
เจตนาสมฺปยุตฺตา ¶ วา…เป… สงฺคหิตาติ อาจยคามิตาย กมฺมสงฺขาตตํ ทสฺเสตฺวา กมฺมภเว สงฺคหิตภาวํ ปริยาเยน วทติ, นิปฺปริยาเยน ปน เจตนาว กมฺมภโว. วุตฺตฺหิ ‘‘กมฺมภโว ตีหิ ขนฺเธหิ เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา สมฺปยุตฺโต, เอเกน ขนฺเธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุตฺโต’’ติ (ธาตุ. ๒๔๔). อุปปตฺติภโว ตีหิปิ ติเกหิ วุตฺตา อุปปตฺติกฺขนฺธาว. ยถาห ‘‘อุปปตฺติภโว กามภโว สฺาภโว ปฺจโวการภโว ปฺจหิ ขนฺเธหิ เอกาทสหายตเนหิ สตฺตรสหิ ธาตูหิ สงฺคหิโต’’ติอาทิ (ธาตุ. ๖๗). ยทิ หิ อนุปาทินฺนกานมฺปิ คหณํ สิยา, ‘‘ทฺวาทสหายตเนหิ อฏฺารสหิ ธาตูหี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ.
สงฺขารภวานํ ธมฺมเภทโต น สงฺขารา เอว ปุน วุตฺตาติ ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจน’’นฺติ เอตํ น ¶ ยุตฺตนฺติ เจ? น, ภเวกเทสภาเวน สงฺขารานํ ภโวติ ปุน วุตฺตตฺตา. ปเรน วา ธมฺมวิเสสํ อคเณตฺวา ปุนวจนํ โจทิตนฺติ โจทกาภิลาสวเสน ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจน’’นฺติ วุตฺตํ.
กามภวาทินิพฺพตฺตนกสฺส กมฺมสฺส กามภวาทิภาโว ผลโวหาเรน อฏฺกถายํ วุตฺโต. อนฺโตคเธ วิสุํ อคเณตฺวา อพฺภนฺตรคเต เอว กตฺวา กามภวาทิเก กมฺมุปปตฺติภววเสน ทุคุเณ กตฺวา อาห ‘‘ฉ ภวา’’ติ.
อวิเสเสนาติ อุปาทานเภทํ อกตฺวาติ อตฺโถ. อุปาทานเภทากรเณเนว จ ทฺวาทสปฺปเภทสฺส สงฺคหวเสน สงฺคหโต ‘‘ฉ ภวา’’ติ วุตฺตํ.
โคสีเลน กุกฺกุรสีเลน จ สมตฺเตน สมาทินฺเนน คุนฺนํ กุกฺกุรานฺจ สหพฺยตา วุตฺตาติ สีลพฺพตุปาทานวโต ฌานภาวนา น อิชฺฌตีติ มฺมานา เตน รูปารูปภวา น โหนฺตีติ เกจิ วทนฺติ, วกฺขมาเนน ปน ปกาเรน ปจฺจยภาวโต ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ อาห. อสุทฺธิมคฺเค จ สุทฺธิมคฺคปรามสนํ สีลพฺพตุปาทานนฺติ สุทฺธิมคฺคปรามสเนน รูปารูปาวจรชฺฌานานํ นิพฺพตฺตนํ น ยุชฺชตีติ. ปุราณภารตสีตาหรณปสุพนฺธวิธิอาทิสวนํ อสทฺธมฺมสวนํ. อาทิ-สทฺเทน อสปฺปุริสูปนิสฺสยํ ปุพฺเพ ¶ จ อกตปฺุตํ อตฺตมิจฺฉาปณิธิตฺจ สงฺคณฺหาติ. ตทนฺโตคธา เอวาติ ตสฺมึ ทุจฺจริตนิพฺพตฺเต สุจริตนิพฺพตฺเต จ กามภเว อนฺโตคธา เอวาติ อตฺโถ.
อนฺโตคธาติ จ สฺาภวปฺจโวการภวานํ เอกเทเสน อนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ. น หิ เต นิรวเสสา กามภเว อนฺโตคธาติ. สปฺปเภทสฺสาติ สุคติทุคฺคติมนุสฺสาทิปฺปเภทวโต. กเมน จ อวตฺวา สีลพฺพตุปาทานสฺส อนฺเต ภวปจฺจยภาววจนํ อตฺตวาทุปาทานํ วิย อภิณฺหํ อสมุทาจรณโต อตฺตวาทุปาทานนิมิตฺตตฺตา จ.
เหตุปจฺจยปฺปเภเทหีติ เอตฺถ มคฺคปจฺจโย จ วตฺตพฺโพ. ทิฏฺุปาทานาทีนิ หิ มคฺคปจฺจยา โหนฺตีติ.
ภวปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชาติชรามรณาทิปทนิทฺเทสวณฺณนา
๒๓๕. อุปปตฺติภวุปฺปตฺติเยว ¶ ชาตีติ อาห ‘‘น อุปปตฺติภโว’’ติ. ชายมานสฺส ปน ชาติ ชาตีติ อุปปตฺติภโวปิ อสติ อภาวา ชาติยา ปจฺจโยติ สกฺกา วตฺตุํ. ชายมานรูปปทฏฺานตาปิ หิ รูปชาติยา วุตฺตา ‘‘อุปจิตรูปปทฏฺาโน (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑) อุปจโย, อนุปฺปพนฺธรูปปทฏฺานา สนฺตตี’’ติ.
ขนฺธานํ ชาตานํ อฺุาตตานฺุาตตาจ หีนปณีตตา. อาทิ-สทฺเทน สุวณฺณทุพฺพณฺณาทิวิเสสํ สงฺคณฺหาติ. อชฺฌตฺตสนฺตานคตโต อฺสฺส วิเสสการกสฺส การณสฺส อภาวา ‘‘อชฺฌตฺตสนฺตาเน’’ติ อาห.
เตน เตนาติ าติพฺยสนาทินา ชรามรณโต อฺเน ทุกฺขธมฺเมน. อุปนิสฺสยโกฏิยาติ อุปนิสฺสยํเสน, อุปนิสฺสยเลเสนาติ อตฺโถ. โย หิ ปฏฺาเน อนาคโต สติ ภาวา อสติ จ อภาวา สุตฺตนฺติกปริยาเยน อุปนิสฺสโย, โส ‘‘อุปนิสฺสยโกฏี’’ติ วุจฺจติ.
ชาติชรามรณาทิปทนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภวจกฺกกถาวณฺณนา
๒๔๒. สมิตนฺติ ¶ สงฺคตํ, อพฺโพจฺฉินฺนนฺติ อตฺโถ. กามยานสฺสาติ กามยมานสฺส, กาโม ยานํ เอตสฺสาติ วา กามยาโน, ตสฺส กามยานสฺส. รุปฺปตีติ โสเกน รุปฺปติ.
ปริยุฏฺานตาย ติฏฺนสีโล ปริยุฏฺานฏฺายี. ‘‘ปริยุฏฺฏฺายิโน’’ติ วา ปาโ, ตตฺถ ปริยุฏฺาตีติ ปริยุฏฺํ, ทิฏฺิปริยุฏฺํ, เตน ติฏฺตีติ ปริยุฏฺฏฺายีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานีติ ‘‘มาลา มิลายนฺติ, วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย เววณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน นาภิรมตี’’ติ (อิติวุ. ๘๓) วุตฺตานิ ปฺจ มรณปุพฺพนิมิตฺตานีติ อตฺโถ. ตานิ หิ ทิสฺวา กมฺมนิพฺพตฺตกฺขนฺธสงฺขาเต อุปปตฺติภเว ภวฉนฺทพเลน ¶ เทวานํ พลวโสโก อุปฺปชฺชตีติ. พาโลติ อวิทฺวา. เตน อวิชฺชาย การณภาวํ ทสฺเสติ. ติวิธนฺติ ตสฺสารุปฺปกถาสวนกมฺมการณาทสฺสนมรณกาลกมฺโมปฏฺานนิทานํ โสกาทิทุกฺขํ. อาสเว สาเธนฺตีติ อาสเว คเมนฺติ โพเธนฺตีติ อตฺโถ.
เอวํ สตีติ อวิทิตาทิตาย อนาทิภาเว สติ. อาทิมตฺตกถนนฺติอาทิ เอตสฺส อตฺถีติ อาทิมํ, ภวจกฺกํ. ตสฺส ภาโว อาทิมตฺตํ, ตสฺส กถนํ อาทิมตฺตกถนํ. วิเสสนิวตฺติอตฺโถ วา มตฺต-สทฺโท, สติ อนาทิภาเว อวิชฺชา อาทิมฺหิ มชฺเฌ ปริโยสาเน จ สพฺพตฺถ สิยาติ อาทิมตฺตาย อวิชฺชาย กถนํ วิรุชฺฌตีติ อตฺโถ. อวิชฺชาคฺคหเณนาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทเนน กถเนน, อปฺปหาเนน วา, อตฺตโน สนฺตาเน สนฺนิหิตภาวกรเณนาติ อตฺโถ. กมฺมาทีนีติ กมฺมวิปากวฏฺฏานิ. วฏฺฏการณภาเวน ปธานตฺตา ‘‘ปธานธมฺโม’’ติ อวิชฺชา กถิตา. วทตีติ วโท. เวเทติ, เวทิยตีติ วา เวเทยฺโย, สุขาทึ อนุภวติ, สพฺพวิสเย วา ชานาติ, ‘‘สุขิโต’’ติอาทินา อตฺตนา ปเรหิ จ ชานาติ ายติ จาติ อตฺโถ. พฺรหฺมาทินา วา อตฺตนา วาติ วา-สทฺโท จ-สทฺทตฺโถ. เตนาห ‘‘การกเวทกรหิต’’นฺติ จ-สทฺทตฺถสมาสํ.
ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุนฺติ อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสวิธานํ สฺุตาย สฺุํ, จตุพฺพิธมฺปิ วา สฺุตํ เอกํ กตฺวา ทฺวาทสงฺคตาย ทฺวาทสวิธาติ ตาย ทฺวาทสวิธาย สฺุตาย สฺุนฺติ อตฺโถ.
ปุพฺพนฺตาหรณโตติ ¶ ปุพฺพนฺตโต ปจฺจุปฺปนฺนวิปากสฺส อาหรณโต ปริจฺฉินฺนเวทนาวสานํ เอตํ ภวจกฺกนฺติ อตฺโถ. ภวจกฺเกกเทโสปิ หิ ภวจกฺกนฺติ วุจฺจติ. เวทนา วา ตณฺหาสหายาย อวิชฺชาย ปจฺจโย โหตีติ เวทนาโต อวิชฺชา, ตโต สงฺขาราติ สมฺพชฺฌนโต เวทนาวสานํ ภวจกฺกนฺติ ยุตฺตเมตํ, เอวํ ตณฺหามูลเก จ โยเชตพฺพํ. ทฺวินฺนมฺปิ หิ อฺมฺํ อนุปฺปเวโส โหตีติ. อวิชฺชา ธมฺมสภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิปรีตาภินิเวสํ กโรนฺตี ทิฏฺิจริเต สํสาเร นยติ, เตสํ วา สํสารํ สงฺขาราทิปวตฺตึ นยติ ปวตฺเตตีติ ‘‘สํสารนายิกา’’ติ วุตฺตา. ผลุปฺปตฺติยาติ กตฺตุนิทฺเทโส. วิฺาณาทิปจฺจุปฺปนฺนผลุปฺปตฺติ หิ อิธ ทิฏฺา, อทิฏฺานฺจ ปุริมภเว อตฺตโน เหตูนํ อวิชฺชาสงฺขารานํ ผลํ อชเนตฺวา อนุปจฺฉิชฺชนํ ปกาเสติ. อถ วา ปุริมภวจกฺกํ ทุติเยน สมฺพนฺธํ วุตฺตนฺติ เวทนาสงฺขาตสฺส ผลสฺส อุปฺปตฺติยา ตณฺหาทีนํ เหตูนํ อนุปจฺเฉทํ ปกาเสติ, ตสฺมา ผลุปฺปตฺติยา การณภูตาย ปมสฺส ภวจกฺกสฺส เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโตติ อตฺโถ. สงฺขาราทีนเมว วา ผลานํ อุปฺปตฺติยา ¶ อวิชฺชาทีนํ เหตูนํ ผลํ อชเนตฺวา อนุปจฺเฉทเมว, วิฺาณาทิเหตูนํ วา สงฺขาราทีนํ อนุพนฺธนเมว ปกาเสติ ปมํ ภวจกฺกํ, น ทุติยํ วิย ปริโยสานมฺปีติ ‘‘ผลุปฺปตฺติยา เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ เอตฺถ อปริปุณฺณายตนกลลรูปํ วตฺวา ตโต อุทฺธํ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ สฬายตนปฺปวตฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อนุปุพฺพปวตฺติทีปนโต’’ติ. ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ เอตฺถ น อายตนานํ กเมน อุปฺปตฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สหุปฺปตฺติทีปนโต’’ติ.
เหตุอาทิปุพฺพกา ตโย สนฺธี เอตสฺสาติ เหตุผลเหตุปุพฺพกติสนฺธิ, ภวจกฺกํ. เหตุผลเหตุผลวเสน จตุปฺปเภโท องฺคานํ สงฺคโห เอตสฺสาติ จตุเภทสงฺคหํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺคเห อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา. กิเลสกมฺมวิปากา วิปากกิเลสกมฺเมหิ สมฺพนฺธา หุตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวตฺตนฺตีติ เตสุ วฏฺฏนามํ อาโรเปตฺวา ‘‘ติวฏฺฏ’’นฺติ วุตฺตํ, วฏฺเฏกเทสตฺตา วา ‘‘วฏฺฏานี’’ติ วุตฺตานิ.
สนฺธีนํ อาทิปริโยสานววตฺถิตาติ สนฺธีนํ ปุพฺพาปรววตฺถิตาติ อตฺโถ.
‘‘ยา ¶ กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, เจตนาสมฺปยุตฺตา อายูหนสงฺขารา’’ติ อิทํ อิมิสฺสา ธมฺมฏฺิติาณภาชนีเย วุตฺตาย ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา (ปฏิ. ม. ๑.๔๗) วเสน วุตฺตํ. เอตฺถ หิ ‘‘เจตนา ภโว’’ติ อาคตาติ. ภวนิทฺเทเส ปน ‘‘สาตฺถโต’’ติ เอตฺถ ‘‘เจตนาว สงฺขารา, ภโว ปน เจตนาสมฺปยุตฺตาปี’’ติ วิภงฺคปาฬิยา วเสน ทสฺสิตํ. ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทินา หิ สงฺขารานํ เจตนาภาโว วิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๒๒๖) วุตฺโตติ. ตตฺถ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยํ ‘‘เจตนาสมฺปยุตฺตา วิปากธมฺมตฺตา สวิปาเกน อายูหนสงฺขาเตน สงฺขตาภิสงฺขรณกิจฺเจน สงฺขารา’’ติ วุตฺตา. วิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๒๓๔) ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ ภวสฺส ปจฺจยภาเวน ภวคามิภาวโต กมฺมสํสฏฺสหายตาย กมฺมภาวโต จ อุปปตฺติภวํ ภาเวนฺตีติ ภโวติ วุตฺตา, อุปปตฺติภวภาวนกิจฺจํ ปน เจตนาย สาติสยนฺติ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยํ เจตนา ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา, ภวาภิสงฺขรณกิจฺจํ เจตนาย สาติสยนฺติ วิภงฺคปาฬิยํ ‘‘กุสลา เจตนา’’ติอาทินา เจตนา ‘‘สงฺขารา’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา เตน เตน ปริยาเยน อุภยํ อุภยตฺถ วตฺตุํ ยุตฺตนฺติ นตฺเถตฺถ วิโรโธ ¶ . คหณนฺติ กามุปาทานํ กิจฺเจนาห. ปรามสนนฺติ อิตรานิ. อายูหนาวสาเนติ ตีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺตสฺส อายูหนสฺส อวสาเน.
ทฺวีสุ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺเต อายูหนสงฺขาเร ‘‘ตสฺส ปุพฺพภาคา’’ติ อาห, ตติเย วุตฺเต ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ. ทหรสฺส จิตฺตปฺปวตฺติ ภวงฺคพหุลา เยภุยฺเยน ภวนฺตรชนกกมฺมายูหนสมตฺถา น โหตีติ ‘‘อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนาน’’นฺติ วุตฺตํ. กมฺมกรณกาเล สมฺโมโหติ เอเตน กมฺมสฺส ปจฺจยภูตํ สมฺโมหํ ทสฺเสติ, น กมฺมสมฺปยุตฺตเมว.
กมฺมาเนว วิปากํ สมฺภรนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ กมฺมสมฺภารา, กมฺมํ วา สงฺขารภวา, ตทุปการกานิ อวิชฺชาตณฺหุปาทานานิ กมฺมสมฺภารา, ปฏิสนฺธิทายโก วา ภโว กมฺมํ, ตทุปการกา ยถาวุตฺตอายูหนสงฺขารา อวิชฺชาทโย จ กมฺมสมฺภาราติ กมฺมฺจ กมฺมสมฺภารา จ กมฺมสมฺภาราติ เอกเสสํ กตฺวา ‘‘กมฺมสมฺภารา’’ติ อาห. ทส ธมฺมา กมฺมนฺติ อวิชฺชาทโยปิ กมฺมสหายตาย กมฺมสริกฺขกา ตทุปการกา จาติ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตา.
สงฺขิปฺปนฺติ ¶ เอตฺถ อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, กมฺมํ วิปาโก จ. กมฺมํ วิปาโกติ เอวํ สงฺขิปียตีติ วา สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. สงฺเขปภาวสามฺเน ปน เอกวจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สงฺเขปสทฺโท วา ภาคาธิวจนนฺติ กมฺมภาโค กมฺมสงฺเขโป.
เอวํ สมุปฺปนฺนนฺติ กมฺมโต วิปาโก. ตตฺถาปิ อวิชฺชาโต สงฺขาราติ เอวํ สมุปฺปนฺนํ, ติสนฺธิอาทิวเสน วา สมุปฺปนฺนํ อิทํ ภวจกฺกนฺติ อตฺโถ. อิตฺตรนฺติ คมนธมฺมํ, วินสฺสธมฺมนฺติ อตฺโถ. เตน อุปฺปาทวยวนฺตตาทีปเกน อนิจฺจ-สทฺเทน วิการาปตฺติทีปเกน จล-สทฺเทน จ อทีปิตํ กาลนฺตรฏฺายิตาปฏิกฺเขปํ ทีเปติ, อธุวนฺติ เอเตน ถิรภาวปฏิกฺเขปํ นิสฺสารตํ. เหตู เอว สมฺภารา เหตุสมฺภารา. ‘‘านโส เหตุโส’’ติ เอตฺถ เอวํ วุตฺตํ วา านํ, อฺมฺปิ ตสฺส ตสฺส สาธารณํ การณํ สมฺภาโร, อสาธารณํ เหตุ. เอวนฺติ เอวํ เหตุโต ธมฺมมตฺตสมฺภเว เหตุนิโรธา จ วฏฺฏุปจฺเฉเท ธมฺเม จ ตํนิโรธาย เทสิเต สตีติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยํ อิธ พฺรหฺมจริยิธ. สตฺเต จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท เอวํ พฺรหฺมจริยฺจ วิชฺชติ, สสฺสตุจฺเฉทา จ น โหนฺตีติ สมุจฺจยตฺโถ. เอวฺหิ ¶ เหตุอายตฺเต ธมฺมมตฺตสมฺภเว สตฺโต นุปลพฺภติ, ตสฺมิฺจ อุปลพฺภนฺเต สสฺสโต อุจฺเฉโท วา สิยา, นุปลพฺภนฺเต ตสฺมึ เนวุจฺเฉโท น สสฺสตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
สจฺจปฺปภวโตติ สจฺจโต, สจฺจานํ วา ปภวโต. กุสลากุสลํ กมฺมนฺติ วฏฺฏกถาย วตฺตมานตฺตา สาสวนฺติ วิฺายติ. อวิเสเสนาติ เจตนา เจตนาสมฺปยุตฺตกาติ วิเสสํ อกตฺวา สพฺพมฺปิ ตํ กุสลากุสลํ กมฺมํ ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ‘‘ตณฺหา จ…เป… อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา’’ติ หิ เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตวิเสสํ อกตฺวา วุตฺตนฺติ, อริยสจฺจวิเสสํ วา อกตฺวา สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ.
วตฺถูสูติ อารมฺมเณสุ, จกฺขาทีสุ วา ปฏิจฺฉาเทตพฺเพสุ วตฺถูสุ. โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตาติ เตสํ การณตฺตา, เตหิ สิทฺธาย อวิชฺชาย สหิเตหิ สงฺขาเรหิ ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวายาติ อธิปฺปาโย. จุติจิตฺตํ วา ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อนนฺตรปจฺจโย โหตีติ ‘‘ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวายา’’ติ วุตฺตํ ¶ . ตํ ปน จุติจิตฺตํ อวิชฺชาสงฺขารรหิตํ ภวนฺตรสฺส ปจฺจโย น โหตีติ ตสฺส สหายทสฺสนตฺถมาห ‘‘โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตา’’ติ. ทฺวิธาติ อตฺตโนเยว สรเสน ธมฺมนฺตรปจฺจยภาเวน จาติ ทฺวิธา.
อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ เอเตน สงฺขารานํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาทสฺสเนน ‘‘โก นุ โข อภิสงฺขโรตีติ เอส โน กลฺโล ปฺโห’’ติ ทสฺเสติ. เตเนตํ การกทสฺสนนิวารณนฺติ. เอวมาทิทสฺสนนิวารณนฺติ เอเตน ‘‘โสจติ ปริเทวติ ทุกฺขิโต’’ติอาทิทสฺสนนิวารณมาห. โสกาทโยปิ หิ ปจฺจยายตฺตา อวสวตฺติโนติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสก…เป… สมฺภวนฺตี’’ติ เอเตน วุตฺตนฺติ.
คณฺฑเภทปีฬกา วิยาติ คณฺฑเภทนตฺถํ ปจฺจมาเน คณฺเฑ ตสฺสปิ อุปริ ชายมานขุทฺทกปีฬกา วิย, คณฺฑสฺส วา อเนกธาเภเท ปีฬกา วิย. คณฺฑวิการา สูนตาสราคปุพฺพคหณาทโย.
ปฏลาภิภูตจกฺขุโก รูปานิ น ปสฺสติ, กิฺจิปิ ปสฺสนฺโต จ วิปรีตํ ปสฺสติ, เอวํ อวิชฺชาภิภูโต ทุกฺขาทีนิ น ปฏิปชฺชติ น ปสฺสติ, มิจฺฉา วา ปฏิปชฺชตีติ ปฏลํ วิย อวิชฺชา ¶ , กิมินา วิย อตฺตนา กตตฺตา วฏฺฏสฺส อตฺตโนเยว ปริพฺภมนการณตฺตา จ โกสปฺปเทสา วิย สงฺขารา, สงฺขารปริคฺคหํ วินา ปติฏฺํ อลภมานํ วิฺาณํ ปริณายกปริคฺคหํ วินา ปติฏฺํ อลภมาโน ราชกุมาโร วิยาติ ปริคฺคเหน วินา ปติฏฺาลาโภ เอตฺถ สามฺํ. อุปปตฺตินิมิตฺตนฺติ กมฺมาทิอารมฺมณมาห. ปริกปฺปนโตติ อารมฺมณกรณโต, สมฺปยุตฺเตน วา วิตกฺเกน วิตกฺกนโต. เทวมนุสฺสมิควิหงฺคาทิวิวิธปฺปการตาย มายา วิย นามรูปํ, ปติฏฺาวิเสเสน วุฑฺฒิวิเสสาปตฺติโต วนปฺปคุมฺโพ วิย สฬายตนํ. อายตนานํ วิสยิวิสยภูตานํ อฺมฺาภิมุขภาวโต อายตนฆฏฺฏนโต. เอตฺถ จ สงฺขาราทีนํ โกสปฺปเทสปริณายกาทีหิ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สทิสตาย ทฺเว ทฺเว อุปมา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
คมฺภีโร เอว หุตฺวา โอภาสติ ปกาสติ ทิสฺสตีติ คมฺภีราวภาโส. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปฺปพนฺโธติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ. ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา ¶ อฺโต โหตี’’ติ หิ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ วุตฺโต. อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปปาตุภาโวติ อตฺโถ.
อนุโลมปฏิโลมโตติ อิธ ปน ปจฺจยุปฺปาทา ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปาทสงฺขาตํ อนุโลมํ, นิโรธา นิโรธสงฺขาตํ ปฏิโลมฺจาห. อาทิโต ปน อนฺตคมนํ อนุโลมํ, อนฺตโต จ อาทิคมนํ ปฏิโลมมาหาติ. ‘‘อิเม จตฺตาโร อาหารา กึนิทานา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๑๑) เวมชฺฌโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย, ‘‘จกฺขุํ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐) อนุโลมเทสนาย จ ทฺวิสนฺธิติสงฺเขปํ, ‘‘สํโยชนีเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๓-๕๔) เอกสนฺธิทฺวิสงฺเขปํ.
อวิชฺชาทีนํ สภาโว ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธ. วุตฺตฺหิ ‘‘เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว ปฏิเวโธ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). อปฺุาภิสงฺขาเรกเทโส สราโค, อฺโ วิราโค, ราคสฺส วา อปฏิปกฺขภาวโต ¶ ราคปฺปวฑฺฒโก สพฺโพปิ อปฺุาภิสงฺขาโร สราโค, อิตโร ปฏิปกฺขภาวโต วิราโค. ‘‘ทีฆรตฺตฺเหตํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อตฺตปรามาสสฺส วิฺาณํ วิสิฏฺํ วตฺถุ วุตฺตนฺติ วิฺาณสฺส สฺุตฏฺโ คมฺภีโร, อตฺตา วิชานาติ สํสรตีติ สพฺยาปารตาสงฺกนฺติอภินิเวสพลวตาย อพฺยาปารฏฺอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺา จ คมฺภีรา, นามสฺส รูเปน, รูปสฺส จ นาเมน อสมฺปโยคโต วินิพฺโภโค, นามสฺส นาเมน อวินิพฺโภโค โยเชตพฺโพ. เอกุปฺปาเทกนิโรเธหิ อวินิพฺโภเค อธิปฺเปเต รูปสฺส จ รูเปน ลพฺภติ. อถ วา เอกจตุโวการภเวสุ นามรูปานํ อสหวตฺตนโต อฺมฺวินิพฺโภโค, ปฺจโวการภเว สหวตฺตนโต อวินิพฺโภโค จ เวทิตพฺโพ.
อธิปติยฏฺโ ¶ นาม อินฺทฺริยปจฺจยภาโว. ‘‘โลโกเปโส ทฺวาราเปสา เขตฺตมฺเปต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๙๘-๕๙๙) วุตฺตา โลกาทิอตฺถา จกฺขาทีสุ ปฺจสุ โยเชตพฺพา. มนายตนสฺสปิ ลุชฺชนโต มโนสมฺผสฺสาทีนํ ทฺวารเขตฺตภาวโต จ เอเต อตฺถา สมฺภวนฺเตว. อาปาถคตานํ รูปาทีนํ ปกาสนโยคฺยตาลกฺขณํ โอภาสนํ จกฺขาทีนํ วิสยิภาโว, มนายตนสฺส วิชานนํ. สงฺฆฏฺฏนฏฺโ วิเสเสน จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ปฺจนฺนํ, อิตเร ฉนฺนมฺปิ โยเชตพฺพา. ผุสนฺจ ผสฺสสฺส สภาโว, สงฺฆฏฺฏนํ รโส, อิตเร อุปฏฺานาการา. อารมฺมณรสานุภวนฏฺโ รสวเสน วุตฺโต, เวทยิตฏฺโ ลกฺขณวเสน. อตฺตา เวทยตีติ อภินิเวสสฺส พลวตาย นิชฺชีวฏฺโ เวทนาย คมฺภีโร. นิชฺชีวาย เวทนาย เวทยิตํ นิชฺชีวเวทยิตํ, นิชฺชีวเวทยิตเมว อตฺโถ นิชฺชีวเวทยิตฏฺโ.
อาทานฏฺโ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมาโน, คหณฏฺโ กามุปาทานสฺส, อิตเรสํ ติณฺณํ อภินิเวสาทิอตฺโถ. ‘‘ทิฏฺิกนฺตาโร’’ติ หิ วจนโต ทิฏฺีนํ ทุรติกฺกมนฏฺโปีติ. ทฬฺหคหณตฺตา วา จตุนฺนมฺปิ ทุรติกฺกมนฏฺโ โยเชตพฺโพ. โยนิคติิตินิวาเสสุขิปนนฺติ สมาเส ภุมฺมวจนสฺส อโลโป ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา เตน อายูหนาภิสงฺขรณปทานํ สมาโส โหติ. ชรามรณงฺคํ มรณปฺปธานนฺติ มรณฏฺา เอว ขยาทโย คมฺภีรา ทสฺสิตา. นวนวานฺหิ ปริกฺขเยน ขณฺฑิจฺจาทิปริปกฺกปฺปวตฺติ ชราติ, ขยฏฺโ วา ชราย วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. นวภาวาปคโม หิ ขโยติ วตฺตุํ ยุตฺโตติ. วิปริณามฏฺโ ทฺวินฺนมฺปิ. สนฺตติวเสน วา ชราย ขยวยภาโว, สมฺมุติขณิกวเสน มรณสฺส เภทวิปริณามตา โยเชตพฺพา.
อตฺถนยาติ ¶ อตฺถานํ นยา. อวิชฺชาทิอตฺเถหิ เอกตฺตาที เสน ภาเวน นียนฺติ คมฺเมนฺตีติ เอกตฺตาทโย เตสํ นยาติ วุตฺตา. นียนฺตีติ หิ นยาติ. อตฺถา เอว วา เอกตฺตาทิภาเวน นียมานา ายมานา ‘‘อตฺถนยา’’ติ วุตฺตา. นียนฺติ เอเตหีติ วา นยา, เอกตฺตาทีหิ จ อตฺถา ‘‘เอก’’นฺติอาทินา นียนฺติ, ตสฺมา เอกตฺตาทโย อตฺถานํ นยาติ อตฺถนยา. สนฺตานานุปจฺเฉเทน พีชํ รุกฺขภาวํ ปตฺตํ รุกฺขภาเวน ปวตฺตนฺติ เอกตฺเตน วุจฺจตีติ สนฺตานานุปจฺเฉโท เอกตฺตํ, เอวมิธาปิ อวิชฺชาทีนํ สนฺตานานุปจฺเฉโท เอกตฺตนฺติ ทสฺเสติ.
ภินฺนสนฺตานสฺเสวาติ ¶ สมฺพนฺธรหิตสฺส นานตฺตสฺส คหณโต สตฺตนฺตโร อุจฺฉินฺโน สตฺตนฺตโร อุปฺปนฺโนติ คณฺหนฺโต อุจฺเฉททิฏฺิมุปาทิยติ.
ยโต กุโตจีติ ยทิ อฺสฺมา อฺสฺสุปฺปตฺติ สิยา, วาลิกโต เตลสฺส, อุจฺฉุโต ขีรสฺส กสฺมา อุปฺปตฺติ น สิยา, ตสฺมา น โกจิ กสฺสจิ เหตุ อตฺถีติ อเหตุกทิฏฺึ, อวิชฺชมาเนปิ เหตุมฺหิ นิยตตาย ติลคาวีสุกฺกโสณิตาทีหิ เตลขีรสรีราทีนิ ปวตฺตนฺตีติ นิยติวาทฺจ อุปาทิยตีติ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
กสฺมา? ยสฺมา อิทฺหิ ภวจกฺกํ อปทาเลตฺวา สํสารภยมตีโต น โกจิ สุปินนฺตเรปิ อตฺถีติ สมฺพนฺโธ. ทุรภิยานนฺติ ทุรติกฺกมํ. อสนิวิจกฺกมิวาติ อสนิมณฺฑลมิว. ตฺหิ นิมฺมถนเมว, นานิมฺมถนํ ปวตฺตมานํ อตฺถิ, เอวํ ภวจกฺกมฺปิ เอกนฺตํ ทุกฺขุปฺปาทนโต ‘‘นิจฺจนิมฺมถน’’นฺติ วุตฺตํ.
าณาสินา อปทาเลตฺวา สํสารภยํ อตีโต นตฺถีติ เอตสฺส สาธกํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ. ตนฺตูนํ อากุลกํ ตนฺตากุลกํ, ตนฺตากุลกมิว ชาตา ตนฺตากุลกชาตา, กิเลสกมฺมวิปาเกหิ อตีว ชฏิตาติ อตฺโถ. คุณาย สกุณิยา นีฑํ คุณาคุณฺฑิกํ. วฑฺฒิอภาวโต อปายํ ทุกฺขคติภาวโต ทุคฺคตึ สุขสมุสฺสยโต วินิปาตตฺตา วินิปาตฺจ จตุพฺพิธํ อปายํ, ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏี’’ติอาทินา วุตฺตํ สํสารฺจ นาติวตฺตติ. สํสาโร เอว วา สพฺโพ อิธ วฑฺฒิอปคมาทีหิ อตฺเถหิ อปายาทินามโก วุตฺโต เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธภาวโต.
ภวจกฺกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
๒๔๓. ปถวีอากาสา ¶ วิย ปฏิจฺจสมุปฺปาโท มหาปตฺถฏวิตฺถาริตานํ อตฺถานํ ปริกปฺปวเสน กถิโต. ตฺหิ อปตฺถฏํ อวิตฺถตฺจ ปถวึ อากาสฺจ ปตฺถรนฺโต วิตฺถารยนฺโต วิย จ เอเกกจิตฺตาวรุทฺธํ อกตฺวา ¶ สพฺพสตฺตสพฺพจิตฺตสาธารณวเสน ปตฺถฏวิตฺถตํ กตฺวา สุตฺตนฺตภาชนีเยน ภควา ทสฺเสติ. ตตฺถ นานาจิตฺตวเสนาติ อสหชาตานํ สหชาตานฺจ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ นานาจิตฺตคตานํ ทสฺสิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. นว มูลปทานิ เอเตสนฺติ นวมูลปทา, นยา. ‘‘เอเกเกน นเยน จตุนฺนํ จตุนฺนํ วารานํ สงฺคหิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, เอตฺถ ‘‘เอเกเกน จตุกฺเกนา’’ติ วตฺตพฺพํ. นยจตุกฺกวารา หิ เอตฺถ ววตฺถิตา ทสฺสิตานํ จตุกฺกานํ นยภาวาติ.
๑. ปจฺจยจตุกฺกวณฺณนา
อวิชฺชํ องฺคํ อคฺคเหตฺวา ตโต ปรํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร’’ติอาทีนิ ปจฺจยสหิตานิ ปจฺจยุปฺปนฺนานิ องฺคภาเวน วุตฺตานีติ อาห ‘‘น, ตสฺส อนงฺคตฺตา’’ติ. เอวฺจ กตฺวา นิทฺเทเส (วิภ. ๒๒๖) ‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา’’ติ อวิชฺชํ วิสุํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ตตฺถ กตโม อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร’’ติอาทินา ตํตํปจฺจยวนฺโต สงฺขาราทโย วิสฺสชฺชิตาติ. ตีสุ ปกาเรสุ ปมปมวาโร ทุติยวาราทีสุ ปวิสนฺโต ปจฺจยวิเสสาทิสพฺพนานตฺตสาธารณตฺตา เต วารวิเสเส คณฺหาตีติ ‘‘สพฺพสงฺคาหโก’’ติ วุตฺโต. ปมวาโร เอว หิ น เกวลํ ฉฏฺายตนเมว, อถ โข นามฺจ ผสฺสสฺส ปจฺจโย, นามํ วา น เกวลํ ฉฏฺายตนสฺเสว, อถ โข ผสฺสสฺสาปีติ ปจฺจยวิเสสทสฺสนตฺถํ, เยน อตฺถวิเสเสน มหานิทานสุตฺตเทสนา ปวตฺตา, ตํทสฺสนตฺถฺจ ฉฏฺายตนงฺคํ ปริหาเปตฺวา วุตฺโตติ ตสฺส ทุติยวาเร จ ปเวโส วุตฺโต, น สพฺพงฺคสโมโรธโต.
ยตฺถาติ วารจตุกฺเก เอเกกวาเร จ. อฺถาติ สุตฺตนฺตภาชนียโต อฺถา สงฺขาโรติ วุตฺตํ. อวุตฺตนฺติ ‘‘รูปํ สฬายตน’’นฺติ, เตสุปิ จ วาเรสุ จตูสุปิ โสกาทโย อวุตฺตา สุตฺตนฺตภาชนีเยสุ วุตฺตา. ตตฺถ จ วุตฺตเมว อิธ ‘‘ฉฏฺายตน’’นฺติ อฺถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพฏฺานสาธารณโตติ ¶ วุตฺตนเยน สพฺพวารสาธารณโต, สพฺพวิฺาณปวตฺติฏฺานภวสาธารณโต วา. วินา อภาเวน วิฺาณสฺส ขนฺธตฺตยมฺปิ สมานํ ผลํ ปจฺจโย จาติ อาห ‘‘อวิเสเสนา’’ติ. ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; สํ. นิ. ๒.๔๓) วจนโต ปน วิฺาณํ ผสฺสสฺส วิเสสปจฺจโยติ ตสฺส ผสฺโส วิสิฏฺํ ผลํ, สติปิ ปจฺจยสมฺปยุตฺตานํ อาหารปจฺจยภาเว มโนสฺเจตนาย วิฺาณาหรณํ วิสิฏฺํ กิจฺจนฺติ สงฺขาโร จสฺส วิสิฏฺโ ปจฺจโย. อจิตฺตกฺขณมตฺตานีติ ¶ จิตฺตกฺขณปฺปมาณรหิตานิ. ตสฺสตฺโถติ ตสฺส วุตฺตสฺส อวิชฺชาทิกสฺส อตฺโถ สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
เหตุกาทีนีติ เอตฺถ ยสฺมึ จตุกฺเก เหตุก-สทฺโท วุตฺโต, ตํ เหตุก-สทฺทสหจริตตฺตา ‘‘เหตุก’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เหตุ-สทฺโท คติสูจโก อวิคตตา จ วิคตตานิวารณวเสน คติ เอว โหตีติ เหตุกจตุกฺกํ อวิคตปจฺจยวเสน วุตฺตนฺติ วุตฺตํ.
ติธา จตุธา ปฺจธา วาติ วา-สทฺโท ‘‘ฉธา วา’’ติปิ วิกปฺเปตีติ ทฏฺพฺโพ. สมาธิ หิ สาธารเณหิ ตีหิ ฌานินฺทฺริยมคฺคปจฺจเยหิ จ ปจฺจโยติ. อุปาทานํ ภวสฺส มคฺคปจฺจเยน จาติ สตฺตธาติ กามุปาทานวชฺชานํ วเสน วทติ. กามุปาทานํ ปน ยถา ภวสฺส ปจฺจโย โหติ, โส ปกาโร ตณฺหายํ วุตฺโต เอวาติ น วุตฺโต.
อิมสฺมึ จตุกฺเก สหชาตปจฺจเยน ปจฺจยา โหนฺตีติ วจนวเสนาติ อธิปฺปาโย. อตฺโถ หิ น กตฺถจิ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ยถาสเกหิ ปจฺจโย น โหติ, สหชาตปจฺจยวเสเนว ปน อิมสฺส จตุกฺกสฺส วุตฺตตฺตา โสเยเวตฺถ โหตีติ วทนฺติ. ปมวาโรติ ปมจตุกฺโกติ เอวํ วตฺตพฺพํ. ภวาทีนํ ตถา อภาวนฺติ ยทิ สหชาตปจฺจยวเสเนว ปมจตุกฺโก วุตฺโต, ภโว ชาติยา, ชาติ จ มรณสฺส สหชาตปจฺจโย น โหตีติ ยถา อวิคตจตุกฺกาทีสุ ‘‘ภวปจฺจยา ชาติ ภวเหตุกา’’ติอาทิ น วุตฺตํ ภวาทีนํ อวิคตาทิปจฺจยตาย อภาวโต, เอวมิธาปิ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา. ปจฺจยวจนเมว หิ เตสํ สหชาตสูจกํ อาปนฺนํ อวิคตจตุกฺกาทีสุ วิย อิธ ปจฺจยวิเสสสูจกสฺส วจนนฺตรสฺส อภาวา, น จ ตํ น วุตฺตํ, น จ ภวาทโย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา น สหชาตปจฺจยวเสเนวายํ จตุกฺโก วุตฺโต. เสสปจฺจยานฺจ สมฺภวนฺติ อิทํ ‘‘ภวาทีน’’นฺติ เอเตน ¶ สห อโยเชตฺวา สามฺเน อวิชฺชาทีนํ สหชาเตน สห เสสปจฺจยภาวานฺจ สมฺภวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ปจฺจยวิเสสสูจกสฺส วจนนฺตรสฺส อภาวา สหชาตโต อฺเ ปจฺจยภาวา อวิชฺชาทีนํ น สมฺภวนฺตีติ สหชาตปจฺจยวเสเนวายํ จตุกฺโก ¶ อารทฺโธติ วุจฺเจยฺย, น จ เต น สมฺภวนฺติ, ตสฺมา นายํ ตถา อารทฺโธติ.
‘‘มหานิทานสุตฺตนฺเต เอกาทสงฺคิโก ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปน ‘‘นามรูปปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามปจฺจยา ผสฺโส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๙๗) ทฺวิกฺขตฺตุํ อาคเต นามรูเป เอกธา คหิเต นวงฺคิโก, ทฺวิธา คหิเต ทสงฺคิโก วุตฺโต, อฺตฺถ ปน วุตฺเตสุ อวิชฺชาสงฺขาเรสุ อทฺธตฺตยทสฺสนตฺถํ โยชิยมาเนสุ เอกาทสงฺคิโก โหตีติ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. มหานิทานสุตฺตนฺตเทสนาย ปริคฺคหตฺถนฺติ ตตฺถ หิ จกฺขายตนาทีนิ วิย รูเป ฉฏฺายตนฺจ นาเม อนฺโตคธํ กตฺวา ผสฺสสฺส นิรวเสสรูปปจฺจยํ วิย นิรวเสสนามปจฺจยฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘นามรูปปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ตตฺถ ทสฺสิตวิเสสทสฺสเนน ตํเทสนาปริคฺคหตฺถํ เอกจิตฺตกฺขณิเก ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ฉฏฺายตนํ นามนฺโตคธํ กตฺวา ‘‘นามปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ.
รูปปฺปวตฺติเทสํ สนฺธาย เทสิตตฺตา ‘‘อิมสฺสา’’ติ วจนเสโส, น ปุริมานนฺติ, เตเนว ‘‘อยฺหี’’ติอาทิมาห.
โยนิวเสน โอปปาติกานนฺติ เจตฺถ สํเสทชโยนิกาปิ ปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. ปธานาย วา โยนิยา สพฺพปริปุณฺณายตนโยนึ ทสฺเสตุํ ‘‘โอปปาติกาน’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ สงฺคหนิทสฺสนวเสเนว หิ ธมฺมหทยวิภงฺเคปิ (วิภ. ๑๐๐๙) ‘‘โอปปาติกานํ เปตาน’’นฺติอาทินา โอปปาติกคฺคหณเมว กตํ, น สํเสทชคฺคหณนฺติ. เอกจิตฺตกฺขเณ ฉหายตเนหิ ผสฺสสฺส ปวตฺติ นตฺถิ, น เจกสฺส อกุสลผสฺสสฺส ฉฏฺายตนวชฺชํ อายตนํ สมานกฺขเณ ปวตฺตมานํ ปจฺจยภูตํ อตฺถิ, อารมฺมณปจฺจโย เจตฺถ ปวตฺตโก น โหตีติ น คยฺหติ, ตสฺมา ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยสฺมา ปเนโส’’ติอาทิมาห.
ปุริมโยนิทฺวเย สมฺภวนฺตมฺปิ เกสฺจิ สฬายตนํ กลลาทิกาเล น สมฺภวตีติ ‘‘สทา อสมฺภวโต’’ติ ¶ อาห. ปจฺฉิมโยนิทฺวเย ปน เยสํ ¶ สมฺภวติ, เตสํ สทา สมฺภวตีติ. อิโตติ อิมสฺมา จตุกฺกโต, นยโต วา, โย วิเสโส.
ปจฺจยจตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เหตุจตุกฺกวณฺณนา
๒๔๔. ชาติกฺขณมตฺเต เอว อภาวโตติ ตโต อุทฺธํ ภาวโตติ อตฺโถ. อวิคตปจฺจยนิยมาภาวโต ภเว อุปาทานเหตุกคฺคหณํ น กตํ, อภาวโต อวิคตปจฺจยสฺส ชาติอาทีสุ ภวเหตุกาทิคฺคหณํ น กตนฺติ โยเชตพฺพํ. ยถา ปน ยาว วตฺถุ, ตาว อนุปลพฺภมานสฺส วิฺาณสฺส วตฺถุ อวิคตปจฺจโย โหติ วิฺาณโต อุทฺธํ ปวตฺตนกมฺปิ, เอวํ อุปาทานํ ภวสงฺคหิตานํ ชาติอาทีนํ, ภโว จ ชาติยา อวิคตปจฺจโย สิยา. อถ น สิยา, สงฺขารกฺขนฺเธ ชาติอาทีนํ สงฺคหิตตฺตา วิฺาณํ นามสฺส, นามฺจ อตกฺขณิกสมฺภวา ฉฏฺายตนสฺส อวิคตปจฺจโย น สิยาติ อิธ วิย ตตฺถาปิ เหตุกคฺคหณํ น กตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา ยาว อุปาทานํ, ตาว ชาติอาทีนํ อนุปลพฺโภ, ชาติกฺขณมตฺเต เอว ภวสฺส อภาโว จ การณนฺติ น สกฺกา กาตุํ. สงฺขตลกฺขณานํ ปน ชาติอาทีนํ อสภาวธมฺมานํ ภเวน สงฺคหิตตฺตา อสภาวธมฺมสฺส จ ปรมตฺถโต ภวนฺตรสฺส อภาวโต เหตุอาทิปจฺจยา น สนฺตีติ ภวสฺส อุปาทานํ น นิยเมน อวิคตปจฺจโย, ภโว ปน ชาติยา, ชาติ ชรามรณสฺส เนว อวิคตปจฺจโยติ อวิคตปจฺจยนิยมาภาวโต อภาวโต จ อวิคตปจฺจยสฺส ภวาทีสุ เหตุกคฺคหณํ น กตนฺติ ยุตฺตํ.
นนุ เอวํ ‘‘นามํ วิฺาณเหตุกํ ฉฏฺายตนํ นามเหตุก’’นฺติ วจนํ น วตฺตพฺพํ. น หิ นามสงฺคหิตานํ ชาติอาทีนํ อวิคตปจฺจโย อฺสฺส อวิคตปจฺจยภาโว จ อตฺถิ อสภาวธมฺมตฺตาติ? น, เตสํ นาเมน อสงฺคหิตตฺตา. นมนกิจฺจปริจฺฉินฺนฺหิ นามํ, ตฺจ กิจฺจํ สภาวธมฺมานเมว โหตีติ สภาวธมฺมภูตา เอว ตโย ขนฺธา ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตา, ตสฺมา ตตฺถ เหตุกคฺคหณํ ยุตฺตํ, อิธ ปน ภวตีติ ภโว, น จ ชาติอาทีนิ น ภวนฺติ ‘‘ภวปจฺจยา ¶ ชาติ สมฺภวติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ สมฺภวตี’’ติ โยชนโต ¶ , ตสฺมา สงฺขรณโต สงฺขาเร วิย ภวนโต ภเว ชาติอาทีนิ สงฺคหิตานีติ นิยมาภาวาภาเวหิ ยถาวุตฺเตหิ เหตุกคฺคหณํ น กตนฺติ.
เกจิ ปนาติอาทินา เรวตตฺเถรมตํ วทติ. อรูปกฺขนฺธา หิ อิธ ภโวติ อาคตา. วุตฺตฺหิ ‘‘ตตฺถ กตโม อุปาทานปจฺจยา ภโว, เปตฺวา อุปาทานํ เวทนากฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๒๔๙).
‘‘วตฺตพฺพปเทสาภาวโต’’ติ วุตฺตํ, สติปิ ปน ปเทเส อุปาทานํ วิย สภาวานิ ชาติอาทีนิ น โหนฺตีติ เปตพฺพสฺส ภาวนฺตรสฺส อภาวโต เอว ปนํ น กาตพฺพนฺติ ยุตฺตํ. ชายมานานํ ปน ชาติ, ชาตานฺจ ชรามรณนฺติ ‘‘ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ (วิภ. ๒๒๕) วุตฺตํ. ยถา ปน ‘‘นามปจฺจยา ผสฺโสติ ตตฺถ กตมํ นามํ? เปตฺวา ผสฺสํ เวทนากฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ. อิทํ วุจฺจติ นาม’’นฺติ (วิภ. ๒๕๙), ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติ อตฺถิ นามํ อตฺถิ รูปํ. ตตฺถ กตมํ นามํ? เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ. อิทํ วุจฺจติ นามํ. ตตฺถ กตมํ รูปํ? จตฺตาโร มหาภูตา ยฺจ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ มโนวิฺาณธาตุ วตฺตติ, อิทํ วุจฺจติ รูป’’นฺติ (วิภ. ๒๖๑) จ ยํ นามรูปฺจ ผสฺสสฺส สฬายตนสฺส ปจฺจโย, ตสฺส วตฺตพฺพปเทโส นิทฺทิฏฺโ, เอวํ โย ภโว ชาติยา ปจฺจโย, ตสฺสปิ เปตพฺพคเหตพฺพวิเสเส สติ น สกฺกา วตฺตพฺพปเทโส นตฺถีติ วตฺตุนฺติ.
เหตุจตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อฺมฺจตุกฺกวณฺณนา
๒๔๖. นิปฺปเทสตฺตา ภเวน อุปาทานํ สงฺคหิตนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปาทานสฺส วิสุํ ิตสฺส อภาวา ‘‘ภวปจฺจยาปิ อุปาทาน’’นฺติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา ปน ภโว ¶ นิปฺปเทโส’’ติอาทิมาห. เอวํ สติ ‘‘นามปจฺจยาปิ วิฺาณ’’นฺติ น วตฺตพฺพํ สิยา, นามํ ปน ปจฺจยุปฺปนฺนภูตํ ปจฺจยภูตฺจ สปฺปเทสเมว คหิตนฺติ อธิปฺปาโย. ยถา ปน ‘‘นามปจฺจยา ฉฏฺายตนํ, นามปจฺจยา ผสฺโส’’ติอาทีสุ (วิภ. ๑๕๐-๑๕๔) ปจฺจยุปฺปนฺนํ เปตฺวา นามํ ¶ คหิตํ, เอวํ ‘‘ภวปจฺจยาปิ อุปาทาน’’นฺติ อิธาปิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ เปตฺวา ภวสฺส คหณํ น น สกฺกา กาตุํ, ตสฺมา อุปาทานสฺส อวิคตปจฺจยนิยมาภาโว วิย อฺมฺปจฺจยนิยมาภาโว ภเว ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อตฺถีติ ‘‘ภวปจฺจยาปิ อุปาทาน’’นฺติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อฺมฺปจฺจโยติ เจตฺถ สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตอตฺถิปจฺจโย อธิปฺเปโต สิยา. ‘‘นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณ’’นฺติ หิ วุตฺตํ, น จ วตฺถุ อกุสลวิฺาณสฺส อฺมฺปจฺจโย โหติ, ปุเรชาตวิปฺปยุตฺโต ปน โหตีติ. ตถา ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยาปิ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ, น จ ฉฏฺายตนํ จกฺขายตนุปจยาทีนํ จิตฺตสมุฏฺานรูปสฺส จ อฺมฺปจฺจโย โหติ, ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺโต ปน โหตีติ.
อฺมฺจตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺขาราทิมูลกนยมาติกาวณฺณนา
๒๔๗. ‘‘อปุพฺพสฺส อฺสฺส อวิชฺชาปจฺจยสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวโต ภวมูลกนโย น วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา อวิชฺชา’’ติอาทิกา ฉฏฺายตนาทิมูลกา จ น วตฺตพฺพา สิยุํ. ‘‘นามปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ เอตฺถ หิ อวิชฺชาปจฺจยา สพฺเพ จตฺตาโร ขนฺธา นามนฺติ วุตฺตาติ. ตตฺถายํ อธิปฺปาโย สิยา – นามวิเสสานํ ฉฏฺายตนาทีนํ อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพติ ฉฏฺายตนาทิมูลกา วุตฺตา. ยเทว ปน นามํ อวิชฺชาย ปจฺจโย, ตเทว ภวปจฺจยา อวิชฺชาติ เอตฺถาปิ วุจฺเจยฺย, น วตฺตพฺพวิเสโส โกจิ, ตสฺมา อปุพฺพาภาวโต น วุตฺโตติ. ภวคฺคหเณน จ อิธ อวิชฺชาย ปจฺจยภูตา สภาวธมฺมา คณฺเหยฺยํอุ, น ชาติอาทีนีติ อปุพฺพาภาวโต น วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา อวิชฺชาติปิ ¶ วุตฺตํ สิยา’’ติ วุตฺตํ, ยถา ปน ‘‘นามปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วุตฺเต ‘‘ผสฺสปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วุตฺตํ น โหติ ปจฺจยุปฺปนฺนํ เปตฺวา ปจฺจยสฺส คหณโต, เอวมิธาปิ น สิยา, ตสฺมา ภวนวเสน สภาวธมฺมาสภาวธมฺเมสุ สามฺเน ปวตฺโต ภว-สทฺโทติ น โส อวิชฺชาย ปจฺจโยติ สกฺกา วตฺตุํ. เตน ภวมูลกนโย น วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
‘‘อุปาทานปจฺจยา ¶ ภโว’’ติ เอตฺถ วิย ภเวกเทเส วิสุํ ปุพฺเพ อคฺคหิเต ภว-สทฺโท ปจฺจยโสธนตฺถํ อาทิโต วุจฺจมาโน นิรวเสสโพธโก โหติ, น นาม-สทฺโท. เอวํสภาวา หิ เอตา นิรุตฺติโยติ อิมินาวา อธิปฺปาเยน ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา อวิชฺชาติปิ วุตฺตํ สิยา’’ติ อาหาติ ทฏฺพฺพํ, อิมินาว อธิปฺปาเยน ‘‘ภวสฺส นิปฺปเทสตฺตา ภวปจฺจยาปิ อุปาทานนฺติ น วุตฺต’’นฺติ อยมตฺโถ อฺมฺปจฺจยวาเร วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ปจฺฉินฺนตฺตาติ เอเตน ชาติชรามรณานํ อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว อนฺุาโต วิย โหติ. ชายมานานํ ปน ชาติ, น ชาติยา ชายมานา, ชียมานมียมานฺจ ชรามรณํ, น ชรามรณสฺส ชียมานมียมานาติ ชาติอาทีนิ เอกจิตฺตกฺขเณ น อวิชฺชาย ปจฺจโย โหนฺติ, ตสฺมา อสมฺภวโต เอว ตมฺมูลกา นยา น คหิตา, ปจฺเฉโทปิ ปน อตฺถีติ ‘‘ตตฺถ ปจฺฉินฺนตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห.
มาติกาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อกุสลนิทฺเทสวณฺณนา
๒๔๘-๒๔๙. อุปาทานสฺส อุปาทานปจฺจยตฺตํ อาปชฺเชยฺยาติ นนุ นายํ โทโส. กามุปาทานฺหิ ทิฏฺุปาทานสฺส, ตฺจ อิตรสฺส ปจฺจโย โหตีติ? สจฺจํ, กามุปาทานสฺส ปน ตณฺหาคหเณน คหิตตฺตา นาเม วิย วิเสสปจฺจยตฺตาภาวา จ อุปาทานคฺคหเณน ตณฺหาปจฺจยา ภวสฺส จ ปจฺจยภูตา ทิฏฺิ เอว คหิตาติ อยํ โทโส วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา จ อุปาทานฏฺาเน ปจฺจยุปฺปนฺนํ ปจฺจโย จ เอกเมว, ตสฺมา ‘‘นามปจฺจยา ผสฺโส, นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ เอเตสํ นิทฺเทเสสุ วิย ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ เอตสฺส นิทฺเทเส ปจฺจโย วิสุํ ¶ น วิภตฺโต. สติปิ วา ภวสฺส ปจฺจยภาเวน กามุปาทานสฺสปิ คหเณ ‘‘เปตฺวา อุปาทาน’’นฺติ อวุจฺจมาเน กามุปาทานํ กามุปาทานสฺส, ทิฏฺิ จ ทิฏฺิยา ปจฺจโยติ อาปชฺเชยฺยาติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตานิวารณตฺถํ ‘‘เปตฺวา อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ.
๒๕๒. จกฺขายตนาทิอุปตฺถมฺภกสฺส ¶ จิตฺตสมุฏฺานรูปสฺส ชนกํ วิฺาณํ จกฺขายตนุปจยาทีนํ ปจฺจโยติ วุตฺตํ ตทชนกมฺปีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ยสฺส จิตฺตสมุฏฺานรูปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตาสมฺปิ หีติ อุตุอาหารชสนฺตตีนมฺปิ หิ อุปตฺถมฺภกสมุฏฺาปนปจฺฉาชาตปจฺจยวเสน วิฺาณํ ปจฺจโย โหติ เอวาติ อตฺโถ.
๒๕๔. ยถานุรูปนฺติ มหาภูตสงฺขาตํ ปฺจนฺนํ สหชาตาทิปจฺจโย, วตฺถุสงฺขาตํ ฉฏฺสฺส ปุเรชาตาทิปจฺจโย, นามํ ปฺจนฺนํ ปจฺฉาชาตาทิปจฺจโย, ฉฏฺสฺส สหชาตาทิปจฺจโยติ เอสา ยถานุรูปตา.
๒๖๔. ยสฺสาติ ยสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส นามสฺส วิฺาณสฺส สมฺปยุตฺตปจฺจยภาโว โหตีติ โยเชตพฺพํ.
๒๗๒. ‘‘ผสฺสปจฺจยาปิ นาม’’นฺติ ผสฺสปจฺจยภาเวน วตฺตพฺพสฺเสว นามสฺส อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺเนน ปวตฺติ ทสฺสิตาติ ‘‘เปตฺวา ผสฺส’’นฺติ ปุน วจเน โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ น วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถาปี’’ติอาทิมาห.
๒๘๐. ยสฺมา อธิโมกฺโขปิ นตฺถิ, ตสฺมา อุปาทานฏฺานํ ปริหีนเมวาติ สมฺพนฺโธ. พลวกิเลเสน ปน ปทปูรณสฺส การณํ ตณฺหาย อภาโว โทมนสฺสสหคเตสุ วุตฺโต เอวาติ ตสฺส เตน สมฺพนฺโธ โยเชตพฺโพ. สพฺพตฺถาติ ตติยจิตฺตาทีสุ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อธิโมกฺโข’’ติอาทิมฺหิ วิสฺสชฺชนเมว วิเสสํ ทสฺเสตฺวา ปาฬิ สํขิตฺตา. เหฏฺาติ จิตฺตุปฺปาทกณฺฑาทีสุ.
อกุสลนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
กุสลาพฺยากตนิทฺเทสวณฺณนา
๒๙๒. ปสาโทติ ¶ สทฺธา.
๓๐๖. ‘‘อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๓.๓๔) สพฺยาปารานิ กุสลมูลานิ สงฺขารานํ นิทานานิ โหนฺติ, น กมฺมเวคกฺขิตฺเตสุ ¶ วิปาเกสุ อโลภาทิสหคตกมฺมปฏิพิมฺพภูตา วิย ปวตฺตมานา อโลภาทโยติ ปฺจวิฺาเณสุ วิย นิทานรหิตตา โสตปติตตาติ ทฏฺพฺพา. กิริยธมฺมา กิริยมตฺตตฺตา กมฺมนิทานรหิตาอิจฺเจว ปริหีนาวิชฺชาฏฺานา เวทิตพฺพา.
ตติยจตุตฺถวารา อสมฺภวโต เอวาติ กสฺมา วุตฺตํ, กึ จกฺขุวิฺาณาทีนิ จกฺขายตนุปจยาทีนํ ปจฺฉาชาตปจฺจยา น โหนฺตีติ? โหนฺติ, ตทุปตฺถมฺภกสฺส ปน จิตฺตสมุฏฺานสฺส อสมุฏฺาปนํ สนฺธาย ‘‘อสมฺภวโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สหชาตปจฺฉาชาตวิฺาณสฺส ปน วเสน ตทาปิ วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, ปจฺฉาชาตสหชาตนามสฺส สหชาตปุเรชาตภูตจกฺขาทิรูปสฺส จ วเสน นามรูปปจฺจยา สฬายตนฺจ ลพฺภตีติ ตติยจตุตฺถวารา น น สมฺภวนฺตีติ.
กุสลาพฺยากตนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อวิชฺชามูลกกุสลนิทฺเทสวณฺณนา
๓๓๔. สมฺโมหวเสนาติ กุสลผเล อนิจฺจาทิตาย สภเย สาทุรสวิสรุกฺขพีชสทิเส ตํนิพฺพตฺตกกุสเล จ อนาทีนวทสฺสิตาวเสน. สมติกฺกมตฺถํ ภาวนา สมติกฺกมภาวนา, ตทงฺควิกฺขมฺภนวเสน สมติกฺกมภูตา วา ภาวนา สมติกฺกมภาวนา.
ตถา อิธ น ลพฺภนฺตีติ อวิชฺชาย เอว สงฺขารานํ อวิคตาทิปจฺจยตฺตาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, วิฺาณาทีนํ ปน สงฺขาราทโย อวิคตาทิปจฺจยา โหนฺตีติ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร, สงฺขารปจฺจยา ¶ วิฺาณํ สงฺขารเหตุกนฺติอาทินา โยชนา น น สกฺกา กาตุนฺติ อวิคตจตุกฺกาทีนิปิ น อิธ ลพฺภนฺติ. วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ วิฺาณสมฺปยุตฺตํ นามนฺติอาทินา หิ ยถาลาภโยชนาย นโย ทสฺสิโตติ.
อวิชฺชามูลกกุสลนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
กุสลมูลกวิปากนิทฺเทสวณฺณนา
๓๔๓. ‘‘นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเย ¶ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, กึ กุสลมูลํ อกุสลมูลฺจ กมฺมปจฺจโย โหตีติ? น โหติ, กมฺมปจฺจยภูตาย ปน เจตนาย สํสฏฺํ กมฺมํ วิย ปจฺจโย โหติ. เตน เอกีภาวมิว คตตฺตาติ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยถา กุสลากุสลมูเลหิ วินา กมฺมํ วิปากํ น ชเนตีติ ตานิ วิปากสฺส ปริยาเยน อุปนิสฺสโยติ วุตฺตานิ, เอวํ กมฺเมน เอกีภูตานิ สํสฏฺานิ หุตฺวา กมฺมชานํ ปจฺจยา โหนฺตีติ ปริยาเยน เตสํ กมฺมปจฺจยตา วุตฺตา. เอสาติ เอส กุสลมูลปจฺจโย อกุสลมูลปจฺจโย จาติ โยเชตพฺพํ.
กุสลากุสลวิปากานํ วิย กิริยานํ อุปฺปาทกานิ อวิชฺชากุสลากุสลมูลานิ จ น โหนฺตีติ อาห ‘‘อุปนิสฺสยตํ น ลภนฺตี’’ติ. มนสิกาโรปิ ชวนวีถิปฏิปาทกมตฺตตฺตา กุสลากุสลานิ วิย อวิชฺชํ อุปนิสฺสยํ น กโรติ, อวิชฺชูปนิสฺสยานํ ปน ปวตฺติอตฺถํ ภวงฺคาวฏฺฏนมตฺตํ โหติ, ปหีนาวิชฺชานฺจ กิริยานํ อวิชฺชา เนวุปฺปาทิกา, อารมฺมณมตฺตเมว ปน โหติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓), ‘‘วิปากธมฺมธมฺโม เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๓.๑๐๓) จ เอวมาทีสุ กิริยานํ อกุสลา อุปนิสฺสยปจฺจยภาเวน น อุทฺธฏาติ. อปิจ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตสฺส วเสน อวิชฺชามูลโก กุสลนโย วุตฺโต, ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอตสฺส วเสน กุสลากุสลมูลโก ¶ วิปากนโย, กิริยานํ ปน เนว สงฺขารคฺคหเณน, น จ วิฺาณคฺคหเณน คหณํ คจฺฉตีติ ตํมูลโก กิริยานโย น ลพฺภตีติ น วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
อเนกเภทโตติ อวิชฺชาทีนํ มูลปทานํ เอกจิตฺตกฺขณิกานํ กิริยนฺเต ปมนเย สหชาตาทิอเนกปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา เตสํ ปจฺจยานํ วเสน นวาทิมูลปทานํ นยานํ วเสน, อเนกปฺปการโต จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสนาติ วา อธิปฺปาโย. กุสลากุสลานํ ปน วิปาเก จาติ เอตฺถ กุสลากุสเลสุ กุสลากุสลานํ วิปาเก จาติ วตฺตพฺพํ. ปุริมปจฺฉิเมสุ หิ นเยสุ ยถา ปจฺจยากาโร วุตฺโต, ตํทสฺสนตฺถํ ¶ ‘‘อเนกเภทโต เอกธาวา’’ติ วุตฺตํ, น จ ปจฺฉิมนเย กุสเล อเนกเภทโต ปจฺจยากาโร วุตฺโต, อถ โข ‘‘เอกธาวา’’ติ. เอกธาวาติ จ มูลปเทกปจฺจยตาวเสน, เอกสฺเสว วา นยสฺส วเสน เอกปฺปกาเรนาติ อตฺโถ, ปมจตุกฺกสฺเสว วเสนาติ วา อธิปฺปาโย. ธมฺมปจฺจยเภเทติ อวิชฺชาทีนํ ธมฺมานํ ปจฺจยภาวเภเท ชรามรณาทีนํ ธมฺมานํ ชาติอาทิปจฺจยเภเท, ตํตํจิตฺตุปฺปาทสมยปริจฺฉินฺนานํ วา ผสฺสาทีนํ ธมฺมานํ เอกกฺขณิกาวิชฺชาทิปจฺจยเภเท. ปริยตฺติอาทีนํ กโม ปริยตฺติ…เป… ปฏิปตฺติกฺกโม. ปจฺจยากาเร หิ ปาฬิปริยาปุณนตทตฺถสวนปาฬิอตฺถจินฺตนานิ ‘‘ชรามรณํ อนิจฺจํ สงฺขตํ…เป… นิโรธธมฺม’’นฺติอาทินา ภาวนาปฏิปตฺติ จ กเมน กาตพฺพาติ กม-คฺคหณํ กโรติ. ตโตติ าณปฺปเภทชนกโต กมโต. อฺํ กรณียตรํ นตฺถิ. ตทายตฺตา หิ ทุกฺขนฺตกิริยาติ.
กุสลมูลกวิปากนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.