📜

๕. ปฺจมวคฺโค

๑. วิมุตฺติกถาวณฺณนา

๔๑๘. อิทานิ วิมุตฺติกถา นาม โหติ. ตตฺถ วิปสฺสนา, มคฺโค, ผลํ, ปจฺจเวกฺขณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ วิมุตฺติาณนฺติ นามํ. เตสุ วิปสฺสนาาณํ นิจฺจนิมิตฺตาทีหิ วิมุตฺตตฺตา, ตทงฺควิมุตฺติภาเวน วา วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติาณํ. มคฺโค สมุจฺเฉทวิมุตฺติ, ผลํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, ปจฺจเวกฺขณาณํ ปน วิมุตฺตึ ชานาตีติ วิมุตฺติาณํ. เอวํ จตุพฺพิเธ วิมุตฺติาเณ นิปฺปริยาเยน ผลาณเมว วิมุตฺติ. เสสานิ ‘‘วิมุตฺตานี’’ติ วา ‘‘อวิมุตฺตานี’’ติ วา น วตฺตพฺพานิ. ตสฺมา ‘‘อิทํ นาม วิมุตฺติาณํ วิมุตฺต’’นฺติ อวตฺวา อวิเสเสเนว ‘‘วิมุตฺติาณํ วิมุตฺต’’นฺติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา ปรวาทิสฺส. ปุน ยํกิฺจีติ ปุฏฺโ ปจฺจเวกฺขณาทีนิ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ. ปฏิปนฺนสฺสาติ ปุฏฺโ มคฺคาณสฺส อนาสวตํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. ยสฺมา ปน ตํ โสตาปนฺนสฺส ผเล ิตสฺส าณํ น โหติ, ตสฺมา วิมุตฺตํ นาม น โหตีติ โจทนตฺถํ ปุน สกวาที โสตาปนฺนสฺสาติอาทิมาห. อิมินา อุปาเยน สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

วิมุตฺติกถาวณฺณนา.

๒. อเสขาณกถาวณฺณนา

๔๒๑. อิทานิ อเสขกถา นาม โหติ. ตตฺถ ยสฺมา อานนฺทตฺเถราทโย เสขา ‘‘อุฬาโร ภควา’’ติอาทินา นเยน อเสเข ชานนฺติ, ตสฺมา ‘‘เสขสฺส อเสขาณํ อตฺถี’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อุตฺตราปถกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. ชานาติ ปสฺสตีติ อิทํ อตฺตนา อธิคตสฺส ชานนวเสน วุตฺตํ. โคตฺรภุโนติอาทิ เหฏฺิมาย ภูมิยํ ิตสฺส อุปรูปริาณสฺส อภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. นนุ อายสฺมา อานนฺโท เสโข ‘‘อุฬาโร ภควา’’ติ ชานาตีติ ปรวาที อเสเข ภควติ ปวตฺตตฺตา ตํ อเสขาณนฺติ อิจฺฉติ, น ปเนตํ อเสขํ. ตสฺมา เอวํ ปติฏฺาปิตาปิ ลทฺธิ อปฺปติฏฺาปิตาว โหตีติ.

อเสขาณกถาวณฺณนา.

๓. วิปรีตกถาวณฺณนา

๔๒๔. อิทานิ วิปรีตกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘ยฺวายํ ปถวีกสิเณ ปถวีสฺี สมาปชฺชติ, ตสฺส ตํ าณํ วิปรีตาณ’’นฺติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ, เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. ปถวึ นิสฺสาย อุปฺปนฺนนิมิตฺตฺหิ น ปถวีเยว, ตตฺร จายํ ปถวีสฺี. ตสฺมา วิปรีตาณนฺติ อยเมตสฺส อธิปฺปาโย. ตโต สกวาที ‘‘ลกฺขณปถวีปิ สสมฺภารปถวีปิ นิมิตฺตปถวีปิ ปถวีเทวตาปิ สพฺพา ปถวีเยว, ตาสุ ปถวีติ าณํ วิปรีตํ น โหติ. อนิจฺเจ นิจฺจนฺติอาทิวิปริเยโส ปน วิปรีตาณํ นาม. กึ เต อิทํ เอเตสุ อฺตร’’นฺติ โจเทตุํ อนิจฺเจ นิจฺจนฺติอาทิมาห. อิตโร วิปลฺลาสลกฺขณาภาวํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, ปถวีนิมิตฺตํ สนฺธาย ปฏิชานาติ.

กุสลนฺติ เสกฺขปุถุชฺชนานํ าณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺถิ อรหโตติ ปฺเหสุปิ วิปลฺลาสลกฺขณาภาเวน ปฏิกฺขิปติ. ปถวีนิมิตฺตํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. สพฺเพว ปถวีติ สพฺพํ ตํ ปถวีกสิณํ ลกฺขณปถวีเยว โหตีติ ปุจฺฉติ. สกวาที ตถา อภาวโต ปฏิกฺขิปติ. นนุ ปถวี อตฺถิ, อตฺถิ จ โกจิ ปถวึ ปถวิโต สมาปชฺชตีติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส . ตสฺสตฺโถ – นนุ นิมิตฺตปถวี อตฺถิ, อตฺถิ จ โกจิ ตํ ปถวึ ปถวิโตเยว สมาปชฺชติ, น อาปโต วา เตชโต วาติ. ปถวี อตฺถีติอาทิ ‘‘ยทิ ยํ ยถา อตฺถิ, ตํ ตถา สมาปชฺชนฺตสฺส าณํ วิปรีตํ โหติ, นิพฺพานํ อตฺถิ, ตมฺปิ สมาปชฺชนฺตสฺส สพฺพวิปริเยสสมุคฺฆาตนํ มคฺคาณมฺปิ เต วิปรีตํ โหตู’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ.

วิปรีตกถาวณฺณนา.

๔. นิยามกถาวณฺณนา

๔๒๘-๔๓๑. อิทานิ นิยามกถา นาม โหติ. ตตฺถ โย ปุคฺคโล สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสติ, ตํ ‘‘ภพฺโพ เอส ธมฺมํ อภิสเมตุ’’นฺติ ยสฺมา ภควา ชานาติ, ตสฺมา ‘‘อนิยตสฺส ปุถุชฺชนสฺเสว สโต ปุคฺคลสฺส นิยามคมนาย าณํ อตฺถี’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ อุตฺตราปถกานํ; เต สนฺธาย อนิยตสฺสาติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส. ตตฺถ นิยามคมนายาติ นิยาโม วุจฺจติ มคฺโค, มคฺคคมนาย มคฺโคกฺกมนายาติ อตฺโถ. ยํ ปนสฺส าณํ ทิสฺวา ภควา ‘‘ภพฺโพ อย’’นฺติ ชานาติ, ตํ สนฺธาย ปฏิฺา ปรวาทิสฺส.

อถสฺส สกวาที อยุตฺตวาทิตํ ทีเปตุํ นิยตสฺสาติ วิปรีตานุโยคมาห. ตตฺถ ปมปฺเห มคฺเคน นิยตสฺส อนิยามคมนาย าณํ นาม นตฺถีติ ปฏิกฺขิปติ. ทุติเย นตฺถิภาเวน ปฏิชานาติ. ตติเย อนิยตสฺส นตฺถีติ ปุฏฺตฺตา ลทฺธิวิโรเธน ปฏิกฺขิปติ. ปุน ปมปฺหเมว จตุตฺถํ กตฺวา นิยตสฺส นิยามคมนาทิวเสน ตโย ปฺหา กตา. เตสุ ปเม ยสฺมา อาทิมคฺเคน นิยตสฺส ปุน ตทตฺถาย าณํ นตฺถิ, ตสฺมา ปฏิกฺขิปติ. ทุติเย นตฺถิภาเวเนว ปฏิชานาติ. ตติเย ลทฺธิวิโรเธเนว ปฏิกฺขิปติ. ปุน ปมปฺหํ อฏฺมํ กตฺวา อนิยตสฺส อนิยามคมนาทิวเสน ตโย ปฺหา กตา. เตสํ อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ปุน ปมปฺหเมว ทฺวาทสมํ กตฺวา ตํมูลกา อตฺถิ นิยาโมติอาทโย ปฺหา กตา. ตตฺถ ยสฺมา นิยามคมนาย าณํ นาม มคฺคาณเมว โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย อตฺถิ นิยาโมติ วุตฺตํ. อิตโร ปน นิยาโมติ วุตฺเต ปฏิกฺขิปติ, าณนฺติ วุตฺเต ปฏิชานาติ. สติปฏฺานาทีสุปิ เอเสว นโย. ปจฺจนีกํ อุตฺตานตฺถเมว. โคตฺรภุโนติอาทิ เยน ยํ อปฺปตฺตํ, ตสฺส ตํ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ภควา ชานาตีติ อตฺตโน าณพเลน ชานาติ, น ตสฺส นิยามคมนาณสพฺภาวโต. ตสฺมา อิมินา การเณน ปติฏฺิตาปิสฺส ลทฺธิ อปฺปติฏฺิตาเยวาติ.

นิยามกถาวณฺณนา.

๕. ปฏิสมฺภิทากถาวณฺณนา

๔๓๒-๔๓๓. อิทานิ ปฏิสมฺภิทากถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ‘‘ยํกิฺจิ อริยานํ าณํ, สพฺพํ โลกุตฺตรเมวา’’ติ คเหตฺวา ‘‘สพฺพํ าณํ ปฏิสมฺภิทา’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. สมฺมุติาณปฺเหสุ ปถวีกสิณสมฺมุติยํ สมาปตฺติาณํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, นิรุตฺติาณํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. เย เกจิ สมฺมุตินฺติ ปฺเห ปุถุชฺชเน สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ. เจโตปริยายปฺเหสุ ปุถุชฺชนสฺส าณํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, อริยสฺส าณํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. สพฺพา ปฺาติปฺเหสุ กสิณสมาปตฺติปฺหํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, โลกุตฺตรํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. ปถวีกสิณสมาปตฺตินฺติอาทิ ‘‘ยา เอเตสุ เอตฺตเกสุ าเนสุ ปฺา, กึ สพฺพา สา ปฏิสมฺภิทา’’ติ ปุจฺฉนตฺถํ วุตฺตํ. เตนหิ สพฺพํ าณนฺติ ยสฺมา สพฺพา โลกุตฺตรปฺา ปฏิสมฺภิทา , ตสฺมา สพฺพนฺติ วจนํ สามฺผเลน สทฺธึ ปติฏฺาเปตีติ.

ปฏิสมฺภิทากถาวณฺณนา.

๖. สมฺมุติาณกถาวณฺณนา

๔๓๔-๔๓๕. อิทานิ สมฺมุติาณกถา นาม โหติ. ตตฺถ สมฺมุติสจฺจํ ปรมตฺถสจฺจนฺติ ทฺเว สจฺจานิ. เย ปน เอวํ วิภาคํ อกตฺวา สจฺจนฺติ วจนสามฺเน สมฺมุติาณมฺปิ ‘‘สจฺจารมฺมณเมวา’’ติ วทนฺติ, เสยฺยถาปิ อนฺธกา; เต อยุตฺตวาทิโนติ เตสํ วาทวิโสธนตฺถํ อยํ กถา อารทฺธา. ตตฺถ น วตฺตพฺพนฺติ ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, ปรมตฺถสจฺจํ สนฺธาย ปฏิฺา สกวาทิสฺส. สมฺมุติสจฺจมฺหีติ สมฺมุตึ อนุปวิฏฺเ สจฺจมฺหิ. ปจฺจตฺเต วา ภุมฺมวจนํ, สมฺมุติสจฺจนฺติ อตฺโถ. สมฺมุติาณํ สจฺจารมฺมณฺเวาติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. ตโต นํ ‘‘ยทิ ตํ อวิเสเสน สจฺจารมฺมณฺเว, เตน าเณน ทุกฺขปริฺาทีนิ กเรยฺยา’’ติ โจเทตุํ เตน าเณนาติอาทิมาห.

สมฺมุติาณกถาวณฺณนา.

๗. จิตฺตารมฺมณกถาวณฺณนา

๔๓๖-๔๓๘. อิทานิ จิตฺตารมฺมณกถา นาม โหติ. ตตฺถ เจโตปริยาเย าณนฺติ วจนมตฺตเมว คเหตฺวา ‘‘ตํ าณํ จิตฺตารมฺมณเมวา’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถสฺส ‘‘โย สราคาทิวเสน จิตฺตํ ชานาติ, ตสฺส ราคาทโยปิ อารมฺมณา โหนฺติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ ตํ จิตฺตารมฺมณฺเวา’’ติ โจทนตฺถํ นนุ อตฺถิ โกจีติอาทิ อารทฺธํ. ผสฺสารมฺมเณติ ผสฺสสงฺขาเต อารมฺมเณ. เวทนารมฺมเณติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปุน ผสฺสารมฺมเณ าณํ น วตฺตพฺพนฺติ ปุฏฺโ ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ มนสิกโรโต ผสฺโสวารมฺมณํ โหตีติ ปฏิชานาติ. กึ ปเนตํ ผสฺสปริยาเย าณนฺติ ปุฏฺโ ปน ตาทิสสฺส สุตฺตปทสฺส อภาวา ปฏิกฺขิปติ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อิทานิ ยํ นิสฺสาย ลทฺธิ, ตเทว ทสฺเสตฺวา ลทฺธึ ปติฏฺาเปตุํ นนุ เจโตปริยาเย าณนฺติอาทิมาห. สา ปเนสา วจนมตฺตาภินิเวเสน ปติฏฺาปิตาปิ อปฺปติฏฺาปิตาว โหตีติ.

จิตฺตารมฺมณกถาวณฺณนา.

๘. อนาคตาณกถาวณฺณนา

๔๓๙-๔๔๐. อิทานิ อนาคตาณกถา นาม โหติ. ตตฺถ อนาคตํ นาม อนฺตรมฺปิ อตฺถิ, อนนฺตรมฺปิ. เตสุ อนนฺตเร เอกนฺเตเนว าณํ นตฺถิ. ยถา จ อนนฺตเร, ตถา เอกวีถิเอกชวนปริยาปนฺเนปิ. ตตฺถ เย สพฺพสฺมิมฺปิ อนาคเต าณํ อิจฺฉนฺติ, เสยฺยถาปิ อนฺธกา; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยํ เต อนาคเต าณํ, กึ เตน อนนฺตรํ อนาคตํ มูลาทิวเสน ชานาตี’’ติ โจเทตุํ อนาคตํ มูลโตติอาทิมาห. ตตฺถ มูลโตติอาทีนิ สพฺพานิ การณเววจนาเนว. การณฺหิ ยํ อตฺตโน ผลํ กโรติ, ตํ ตตฺถ มูลยติ ปติฏฺาตีติ มูลํ. ตโต จ ตํ หิโนติ ปวตฺตยตีติ เหตุ. ตเทว ตํ นิเทติ ‘‘หนฺท นํ คณฺหถา’’ติ. นิยฺยาเตติ วิยาติ นิทานํ. ตโต ตํ สมฺภวตีติ สมฺภโว. ปภวตีติ ปภโว. ตตฺถ จ ตํ สมุฏฺาติ, ตํ วา นํ สมุฏฺาเปตีติ สมุฏฺานํ. ตเทว นํ อาหรตีติ อาหาโร. ตฺจสฺส อปริจฺจชิตพฺพฏฺเน อารมฺมณํ. ตเทว เจตํ ปฏิจฺจ เอตีติ ปจฺจโย. ตโต นํ สมุเทตีติ สมุทโยติ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน อนนฺตรํ จิตฺตํ เอเตหากาเรหิ น สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา น เหวนฺติ ปฏิกฺขิปติ. อนาคตํ เหตุปจฺจยตนฺติ ยา อนนฺตรานาคเต จิตฺเต เหตุปจฺจยตา, ตํ ชานาติ. เย ตตฺถ ธมฺมา เหตุปจฺจยา โหนฺติ, เต ชานาตีติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. โคตฺรภุโนติอาทิ ยสฺมึ อนาคเต าณํ น อุปฺปชฺชติ, ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ปาฏลิปุตฺตสฺสาติ สุตฺตํ ยสฺมึ อนาคเต าณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ อาหฏํ. ยสฺมา ปเนตํ น สพฺพสฺมึ อนาคเต าณสฺส สาธกํ; ตสฺมา อนาหฏเมวาติ.

อนาคตาณกถาวณฺณนา.

๙. ปฏุปฺปนฺนาณกถาวณฺณนา

๔๔๑-๔๔๒. อิทานิ ปฏุปฺปนฺนาณกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจโต ทิฏฺเสุ ตมฺปิ าณํ อนิจฺจโต ทิฏฺํ โหตี’’ติ วจนํ นิสฺสาย ‘‘อวิเสเสน สพฺพสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺเน าณํ อตฺถี’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย ปฏุปฺปนฺเนติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยทิ อวิเสเสน ปฏุปฺปนฺเน าณํ อตฺถิ, ขณปจฺจุปฺปนฺเนปิ เตน ภวิตพฺพํ. เอวํ สนฺเต ทฺวินฺนํ าณานํ เอกโต อภาวา เตเนว าเณน ตํ ชานิตพฺพํ โหตี’’ติ โจทนตฺถํ เตนาติ อนุโยโค สกวาทิสฺส. ตตฺถ ปมปฺเห เตเนว ตํ ชานิตุํ น สกฺกาติ ปฏิกฺเขโป อิตรสฺส. ทุติยปฺเห สนฺตตึ สนฺธาย ปฏิฺา ตสฺเสว. ปฏิปาฏิโต ภงฺคํ ปสฺสนฺโต ภงฺคานุปสฺสเนเนว ภงฺคานุปสฺสนาาณํ ปสฺสตีติ อธิปฺปาโย. เตน าเณน ตํ าณํ ชานาตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เตน ผสฺเสน ตํ ผสฺสนฺติอาทีนิสฺส เลโสกาสนิวารณตฺถํ วุตฺตานิ . ยํ ปเนเตน ลทฺธิปติฏฺาปนตฺถํ นนุ สพฺพสงฺขาเรติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นยโต ตํ าณํ ทิฏฺํ โหติ, น อารมฺมณโตติ อธิปฺปาเยน ปฏิฺา สกวาทิสฺส. ตสฺมา เอวํ ปติฏฺิตาปิสฺส ลทฺธิ อปฺปติฏฺิตาว โหติ.

ปฏุปฺปนฺนาณกถาวณฺณนา.

๑๐. ผลาณกถาวณฺณนา

๔๔๓-๔๔๔. อิทานิ ผเล าณกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘พุทฺธาปิ สตฺตานํ อริยผลปฺปตฺติยา ธมฺมํ เทเสนฺติ สาวกาปิ, อิติ อิมินา สามฺเน พุทฺธานํ วิย สาวกานมฺปิ เตน เตน สตฺเตน ปตฺตพฺเพ ผเล าณํ อตฺถี’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย สาวกสฺสาติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยทิ สาวกสฺส ผเล าณํ อตฺถิ, ยถา พุทฺธา สมาเนปิ โสตาปตฺติผเล อตฺตโน าณพเลน ‘อยํ เอกพีชี, อยํ โกลํโกโล, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’ติ ผลสฺสกตํ ปฺเปนฺติ, กึ เต เอวํ สาวโกปี’’ติ โจเทตุํ สาวโก ผลสฺส กตํ ปฺเปตีติ อาห. อิตโร ปฏิกฺขิปติ.

อตฺถิ สาวกสฺส ผลปโรปริยตฺตีติอาทิ ผเล าณสฺส อตฺถิตาย ปจฺจยปุจฺฉนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – พุทฺธานํ ‘‘อิทํ ผลํ ปรํ, อิทํ โอปร’’นฺติ เอวํ ผลานํ อุจฺจาวจภาวชานนสงฺขาตา ผเล ปโรปริยตฺติ นาม อตฺถิ. ตถา อินฺทฺริยปุคฺคลปโรปริยตฺติโย, ตาสํ อตฺถิตาย ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส เตสํ เตสํ อินฺทฺริยานํ วเสน ตํ ตํ ผลํ ชานนฺติ, กึ เต สาวกสฺสาปิ เอตา ปโรปริยตฺติโย อตฺถีติ.

อตฺถิ สาวกสฺส ขนฺธปฺตฺตีติอาทีนิปิ ‘‘ยทิ เต สาวกสฺส พุทฺธานํ วิย ผเล าณํ อตฺถิ, อิมา หิ ปิสฺส ปฺตฺตีหิ ภวิตพฺพํ. กิมสฺส ตา อตฺถิ, สกฺโกติ โส เอตา ปฺตฺติโย อตฺตโน พเลน ชานิตุํ วา ปฺเปตุํ วา’’ติ โจทนตฺถํ วุตฺตานิ. สาวโก ชิโนติอาทิ ‘‘ยทิ สาวกสฺส พุทฺธานํ วิย ผเล าณํ อตฺถิ, เอวํ สนฺเต สฺเวว ชิโน’’ติ โจทนตฺถํ วุตฺตํ. สาวโก อนุปฺปนฺนสฺสาติ ปฺเหปิ อยเมว นโย. อฺาณีติ ปฺเห อวิชฺชาสงฺขาตสฺส อฺาณสฺส วิหตตฺตา ปฏิกฺขิตฺโต, น ปนสฺส พุทฺธานํ วิย ผเล าณํ อตฺถิ. ตสฺมา อปฺปติฏฺิโตว ปรวาทีวาโทติ.

ผลาณกถาวณฺณนา.

ปฺจโม วคฺโค.

มหาปณฺณาสโก สมตฺโต.