📜
๖. ฉฏฺวคฺโค
๑. นิยามกถาวณฺณนา
๔๔๕-๔๔๗. อิทานิ ¶ ¶ นิยามกถา นาม โหติ. ตตฺถ นิยาโมติ ‘‘ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ (ปุ. ป. ๑๓) วจนโต อริยมคฺโค วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตสฺมึ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธปิ ปุคฺคโล อนิยโต นาม น โหติ, ตสฺมา ‘‘โส นิยาโม นิจฺจฏฺเน อสงฺขโต’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. ตโต ‘‘ยทิ โส อสงฺขโต, เอวรูเปน เตน ภวิตพฺพ’’นฺติ ทีเปนฺโต นิพฺพานนฺติอาทิมาห. สํสนฺทนปุจฺฉา อุตฺตานตฺถาเยว.
อตฺถิ ¶ เกจีติอาทิ นิยามสฺส สงฺขตภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ. มคฺโค อสงฺขโตติปฺเห ตสฺส อุปฺปาทนิโรธภาวโต ปฏิกฺขิปตีติ. นิยาโม สงฺขโตติปฺเห นิรุทฺเธปิ มคฺเค นิยามสฺส อตฺถิตํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ. โสตาปตฺตินิยาโมติอาทิปฺเหสุปิ อนุโลมโต จ ปฏิโลมโต จ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปฺจ อสงฺขตานีติ ปุฏฺโ ปฺจนฺนํ อสงฺขตานํ อาคตฏฺานํ อปสฺสนฺโต ปฏิกฺขิปติ. ทุติยํ ปุฏฺโ จตุนฺนํ สมฺมตฺตนิยามานํ นิยามวจนโต นิพฺพานสฺส จ อสงฺขตภาวโต ปฏิชานาติ. มิจฺฉตฺตนิยามปฺโห นิยามวจนมตฺเตน อสงฺขตตาย อยุตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺโตติ.
นิยามกถาวณฺณนา.
๒. ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาวณฺณนา
๔๔๘. อิทานิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ นิทานวคฺเค ‘‘อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ¶ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๒.๒๐) ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อสงฺขโต’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ ปุพฺพเสลิยานฺจ มหิสาสกานฺจ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส.
๔๔๙. อวิชฺชา ¶ อสงฺขตาติ อาทโย ปฺหา อวิชฺชาทีนํเยว ปฏิจฺจสมุปฺปาทภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. เยน ปนตฺเถน ตตฺถ เอเกกํ องฺคํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วุจฺจติ, โส ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค วุตฺโตเยว.
๔๕๑. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ยา ตตฺถ ธมฺมฏฺิตตาติอาทิ เยน สุตฺเตน ลทฺธิ ปติฏฺาปิตา, ตสฺเสว อตฺถทสฺสเนน ลทฺธิภินฺทนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยา อยํ เหฏฺา ‘‘ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา’’ติ วุตฺตา น สา อฺตฺร อวิชฺชาทีหิ วิสุํ เอกา อตฺถิ. อวิชฺชาทีนํ ปน ปจฺจยานํเยเวตํ นามํ. อุปฺปนฺเนปิ หิ ตถาคเต อนุปฺปนฺเนปิ อวิชฺชาโต สงฺขารา สมฺภวนฺติ, สงฺขาราทีหิ จ วิฺาณาทีนิ, ตสฺมา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ ¶ ยา เอตสฺมึ ปเท สงฺขารธมฺมานํ การณฏฺเน ิตตาติ ธมฺมฏฺิตตา. เตสํเยว จ ธมฺมานํ การณฏฺเเนว นิยามตาติ ธมฺมนิยามตาติ อวิชฺชา วุจฺจติ. สา จ อสงฺขตา, นิพฺพานฺจ อสงฺขตนฺติ ปุจฺฉติ. ปรวาที ลทฺธิวเสน ปฏิชานิตฺวา ปุน ทฺเว อสงฺขตานีติ ปุฏฺโ สุตฺตาภาเวน ปฏิกฺขิปิตฺวา ลทฺธิวเสเนว ปฏิชานาติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เหฏฺา วุตฺตสทิสํ ปน ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาวณฺณนา.
๓. สจฺจกถาวณฺณนา
๔๕๒-๔๕๔. อิทานิ สจฺจกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) สุตฺตํ นิสฺสาย ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ นิจฺจานิ อสงฺขตานี’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ ปุพฺพเสลิยานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อยฺหิสฺส อธิปฺปาโย – ทุกฺขสมุทยมคฺเคสุ วตฺถุสจฺจํ สงฺขตํ, ลกฺขณสจฺจํ ¶ อสงฺขตํ. นิโรเธ วตฺถุสจฺจํ นาม นตฺถิ อสงฺขตเมว ตนฺติ. ตสฺมา อามนฺตาติ อาห. ตํ ปนสฺส ลทฺธิมตฺตเมว. โส หิ ทุกฺขํ วตฺถุสจฺจํ อิจฺฉติ, ตถา สมุทยํ มคฺคฺจ. ยานิ ปน เนสํ พาธนปภวนิยฺยานิกลกฺขณานิ, ตานิ ลกฺขณสจฺจํ นามาติ, น จ พาธนลกฺขณาทีหิ อฺานิ ทุกฺขาทีนิ นาม อตฺถีติ. ตาณานีติอาทีสุ อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ทุกฺขสจฺจนฺติ ¶ ปฺเห ลทฺธิวเสน ลกฺขณํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. ทุกฺขนฺติ ปฺเห วตฺถุํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ. อิโต ปรํ สุทฺธิกปฺหา จ สํสนฺทนปฺหา จ สพฺเพ ปาฬิอนุสาเรเนว เวทิตพฺพา. อวสาเน ลทฺธิปติฏฺาปนตฺถํ อาหฏสุตฺตํ อตฺถสฺส มิจฺฉา คหิตตฺตา อนาหฏสทิสเมวาติ.
สจฺจกถาวณฺณนา.
๔. อารุปฺปกถาวณฺณนา
๔๕๕-๔๕๖. อิทานิ ¶ อารุปฺปกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ‘‘จตฺตาโร อารุปฺปา อาเนฺชา’’ติ วจนํ นิสฺสาย ‘‘สพฺเพปิ เต ธมฺมา อสงฺขตา’’ติ ลทฺธิ, เต สนฺธาย อากาสานฺจายตนนฺติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ. สาธกสุตฺตมฺปิ อตฺถํ อชานิตฺวา อาหฏตฺตา อนาหฏสทิสเมวาติ.
อารุปฺปกถาวณฺณนา.
๕. นิโรธสมาปตฺติกถาวณฺณนา
๔๕๗-๔๕๙. อิทานิ นิโรธสมาปตฺติกถา นาม โหติ. ตตฺถ นิโรธสมาปตฺตีติ จตุนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติ. ยสฺมา ปน สา กริยมานา กริยติ, สมาปชฺชิยมานา สมาปชฺชิยติ, ตสฺมา นิปฺผนฺนาติ วุจฺจติ. สงฺขตาสงฺขตลกฺขณานํ ปน ¶ อภาเวน น วตฺตพฺพา ‘‘สงฺขตาติ วา อสงฺขตา’’ติ วา. ตตฺถ เยสํ ‘‘ยสฺมา สงฺขตา น โหติ, ตสฺมา อสงฺขตา’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานฺเจว อุตฺตราปถกานฺจ; เต สนฺธาย นิโรธสมาปตฺตีติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อุปฺปาเทนฺตีติอาทิ สมาปชฺชนปฏิลาภวเสเนว วุตฺตํ. ยถา ปน รูปาทโย อสงฺขตธมฺเม อุปฺปาเทนฺติ; น ตถา ตํ เกจิ อุปฺปาเทนฺติ นาม. นิโรธา โวทานํ วุฏฺานนฺติ ผลสมาปตฺติ เวทิตพฺพา. อสงฺขตา ปน ตํ ¶ นตฺถิเยว, ตสฺมา ปฏิกฺขิปติ. เตน หีติ ยสฺมา สงฺขตา น โหติ, ตสฺมา อสงฺขตาติ ลทฺธิ. อิทํ ปน อสงฺขตภาเว การณํ น โหตีติ วุตฺตมฺปิ อวุตฺตสทิสเมวาติ.
นิโรธสมาปตฺติกถาวณฺณนา.
๖. อากาสกถาวณฺณนา
๔๖๐-๔๖๒. อิทานิ อากาสกถา นาม โหติ. ตตฺถ ติวิโธ อากาโส – ปริจฺเฉทากาโส ¶ , กสิณุคฺฆาฏิมากาโส, อชฏากาโส. ‘‘ตุจฺฉากาโส’’ติปิ ตสฺเสว นามํ. เตสุ ปริจฺเฉทากาโส สงฺขโต, อิตเร ทฺเว ปฺตฺติมตฺตา. เยสํ ปน ‘‘ทุวิโธปิ ยสฺมา สงฺขโต น โหติ, ตสฺมา อสงฺขโต’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อุตฺตราปถกานํ มหิสาสกานฺจ; เต สนฺธาย อากาโสติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อากาสกถาวณฺณนา.
๗. อากาโส สนิทสฺสโนติกถาวณฺณนา
๔๖๓-๔๖๔. อิทานิ อากาโส สนิทสฺสโนติกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ตาฬจฺฉิทฺทาทีสุ าณปฺปวตฺตึ นิสฺสาย ‘‘สพฺโพปิ อชฏากาโส ¶ สนิทสฺสโน’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ ¶ ; เต สนฺธาย อากาโส สนิทสฺสโนติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยทิ สนิทสฺสโน, เอวํวิโธ ภเวยฺยา’’ติ โจทนตฺถํ รูปนฺติอาทิ วุตฺตํ. จกฺขฺุจ ปฏิจฺจาติปฺเหสุ เอวรูปสฺส สุตฺตสฺส อภาเวน ปฏิกฺขิปิตฺวา ตุลนฺตริกาทีนํ อุปลทฺธึ นิสฺสาย ปฏิชานาติ. ทฺวินฺนํ รุกฺขานํ อนฺตรนฺติ เอตฺถ รุกฺขรูปํ จกฺขุนา ทิสฺวา อนฺตเร รูปาภาวโต อากาสนฺติ มโนทฺวารวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, น จกฺขุวิฺาณํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา อสาธกเมตนฺติ.
อากาโส สนิทสฺสโนติกถาวณฺณนา.
๑๐. ปถวีธาตุสนิทสฺสนาติอาทิกถาวณฺณนา
๔๖๕-๔๗๐. อิทานิ ¶ ปถวีธาตุ สนิทสฺสนาติอาทิกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ปาสาณอุทกชาลรุกฺขจลนานฺเจว ปฺจินฺทฺริยปติฏฺโกาสานฺจ วณฺณายตนํ กายวิฺตฺติกาเล หตฺถปาทาทิรูปฺจ ทิสฺวา ‘‘ปถวีธาตุอาทโย สนิทสฺสนา’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย สพฺพกถาสุ อาทิปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. เสสํ สพฺพตฺถ ปาฬิอนุสาเรน เจว เหฏฺา วุตฺตนเยน จ เวทิตพฺพนฺติ. ปถวีธาตุ สนิทสฺสนาติ อาทึ กตฺวา กายกมฺมํ สนิทสฺสนนฺติ ปริโยสานกถา นิฏฺิตา.
ฉฏฺโ วคฺโค.