📜

๑๒. ทฺวาทสมวคฺโค

๑. สํวโร กมฺมนฺติกถาวณฺณนา

๖๓๐-๖๓๒. อิทานิ สํวโร กมฺมนฺติกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหติ, น นิมิตฺตคฺคาหี โหตี’’ติ สุตฺตํ นิสฺสาย ‘‘สํวโรปิ อสํวโรปิ กมฺม’’นฺติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ มหาสํฆิกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส.

อถ นํ ยา สกสมเย เจตนา ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตา ยถา สา กายวจีมโนทฺวาเรสุ ปวตฺตมานา กายกมฺมาทินามํ ลภติ, ตถา ‘‘ยทิ เต สํวโร กมฺมํ, โสปิ จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ปวตฺตมาโน จกฺขุกมฺมาทินามํ ลเภยฺยา’’ติ โจเทตุํ จกฺขุนฺทฺริยสํวโร จกฺขุกมฺมนฺติอาทิมาห. อิตโร ตาทิสํ สุตฺตปทํ อปสฺสนฺโต จตูสุ ทฺวาเรสุ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปฺจเม กายทฺวาเร ปสาทกายํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, วิฺตฺติกายํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. โส หิ ปสาทกายมฺปิ วิฺตฺติกายมฺปิ กายินฺทฺริยนฺตฺเวว อิจฺฉติ. มโนทฺวาเรปิ วิปากทฺวารํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, กมฺมทฺวารํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. อสํวเรปิ เอเสว นโย. ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติ สุตฺตํ เตสุ ทฺวาเรสุ สํวราสํวรเมว ทีเปติ, น ตสฺส กมฺมภาวํ, ตสฺมา อสาธกนฺติ.

สํวโร กมฺมนฺติกถาวณฺณนา.

๒. กมฺมกถาวณฺณนา

๖๓๓-๖๓๕. อิทานิ กมฺมกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สฺเจตนิกานํ กมฺมาน’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๑๗) สุตฺตปทํ นิสฺสาย ‘‘สพฺพํ กมฺมํ สวิปาก’’นฺติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ มหาสํฆิกานํ; เตสํ ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) สตฺถารา อวิเสเสน เจตนา ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตา; สา จ กุสลากุสลาว สวิปากา, อพฺยากตา อวิปากาติ อิมํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ สพฺพํ กมฺมนฺติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. ปุน สพฺพา เจตนาติ ปฺเหสุ อพฺยากตํ สนฺธาย ปฏิกฺเขโป, กุสลากุสเล สนฺธาย ปฏิฺา เวทิตพฺพา . วิปากาพฺยากตาติอาทิ สวิปากาวิปากเจตนํ สรูเปน ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว’’ติ สุตฺตํ สติ ปจฺจเย ทิฏฺธมฺมาทีสุ วิปากปฏิสํเวทนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา อสาธกนฺติ.

กมฺมกถาวณฺณนา.

๓. สทฺโท วิปาโกติกถาวณฺณนา

๖๓๖-๖๓๗. อิทานิ สทฺโท วิปาโกติกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘โส ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา วิปุลตฺตา พฺรหฺมสฺสโร โหตี’’ติอาทีนิ (ที. นิ. ๓.๒๓๖) อโยนิโส คเหตฺวา ‘‘สทฺโท วิปาโก’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ มหาสํฆิกานํ; เตสํ ‘‘กมฺมสมุฏฺานา อรูปธมฺมาว วิปากาติ นามํ ลภนฺติ. รูปธมฺเมสุ ปนายํ โวหาโร นตฺถี’’ติ ทสฺเสตุํ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. สุขเวทนีโยติอาทิ ‘‘วิปาโก นาม เอวรูโป โหตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘โส ตสฺส กมฺมสฺสา’’ติ สุตฺตํ ลกฺขณปฏิลาภทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. มหาปุริโส หิ กมฺมสฺส กตตฺตา สุจิปริวาโรปิ โหติ, น จ ปริวาโร วิปาโก, ตสฺมา อสาธกเมตนฺติ.

สทฺโท วิปาโกติกถาวณฺณนา.

๔. สฬายตนกถาวณฺณนา

๖๓๘-๖๔๐. อิทานิ สฬายตนกถา นาม โหติ. ตตฺถ ยสฺมา สฬายตนํ กมฺมสฺส กตตฺตา อุปฺปนฺนํ, ตสฺมา ‘‘วิปาโก’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ มหาสํฆิกานํ; เต สนฺธาย จกฺขายตนํ วิปาโกติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. สฬายตนํ วิปาโกติ เอตฺถ มนายตนํ สิยา วิปาโก. เสสานิ เกวลํ กมฺมสมุฏฺานานิ, น วิปาโก. ตสฺมา อสาธกเมตนฺติ.

สฬายตนกถาวณฺณนา.

๕. สตฺตกฺขตฺตุปรมกถาวณฺณนา

๕๔๑-๕๔๕. อิทานิ สตฺตกฺขตฺตุปรมกถา นาม โหติ, ตตฺถ ยสฺมา ‘‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม ปุคฺคโล สตฺตกฺขตฺตุปรมตาย นิยโต’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อุตฺตราปถกานํ; เตสํ เปตฺวา ‘‘อริยมคฺคํ อฺโ ตสฺส นิยโม นตฺถิ, เยน โส สตฺตกฺขตฺตุปรมตาย นิยโต ภเวยฺยา’’ติ อิมํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส.

มาตา ชีวิตาติอาทีสุ อยมธิปฺปาโย – ทฺเว นิยามา สมฺมตฺตนิยาโม จ มิจฺฉตฺตนิยาโม จ. สมฺมตฺตนิยาโม อริยมคฺโค. โส อวินิปาตธมฺมตฺเจว ผลุปฺปตฺติฺจ นิยเมติ. มิจฺฉตฺตนิยาโม อานนฺตริยกมฺมํ. ตํ อนนฺตรา นิรยูปปตฺตึ นิยเมติ. ตตฺถ สตฺตกฺขตฺตุปรโม โสตาปตฺติมคฺเคน อวินิปาตธมฺมตาย จ ผลุปฺปตฺติยา จ นิยมิโต. เสสมคฺคนิยาโม ปนสฺส นตฺถิ อนธิคตตฺตา, อานนฺตริยมฺปิ กาตุํ โส อภพฺโพ. ตฺวํ ปนสฺส นิยามํ อิจฺฉสิ, เตน ตํ วทาม – ‘‘กึ เต โส อิมินา มิจฺฉตฺตนิยาเมน นิยมิโต’’ติ.

อภพฺโพ อนฺตราติ ปฺเหสุ อานนฺตริยาภาวํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. อตฺถิ โส นิยาโมติ ปฺเห สตฺตกฺขตฺตุปรมตาย นิยามํ อปสฺสนฺโต ปฏิกฺขิปติ. อตฺถิ เต สติปฏฺานาติอาทิ นิยามสงฺขาเต มคฺคธมฺเม ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตสฺส ปน ปุน ปมมคฺคานุปฺปตฺติโต เตปิ นตฺถิ, ตสฺมา ปฏิกฺขิปติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. นนุ โส สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ เอตฺถ ภควา ‘‘อยํ ปุคฺคโล เอตฺตเก ภเว สนฺธาวิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อยํ เอตฺตเก’’ติ อตฺตโน าณพเลน พฺยากโรติ, น ภวนิยามํ นาม กิฺจิ เตน สตฺตกฺขตฺตุปรโม, โกลํโกโล, เอกพีชี วาติ วุตฺตํ, ตสฺมา อสาธกเมตนฺติ.

สตฺตกฺขตฺตุปรมกถาวณฺณนา.

๖๔๖-๖๔๗. โกลํโกลเอกพีชิกถาโยปิ อิมินาวุปาเยน เวทิตพฺพา.

โกลํโกลเอกพีชิกถาวณฺณนา.

๘. ชีวิตาโวโรปนกถาวณฺณนา

๖๔๘-๖๔๙. อิทานิ ชีวิตาโวโรปนกถา นาม โหติ. ตตฺถ ยสฺมา โทสสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาณาติปาโต โหติ, โทโส จ ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส อปฺปหีโน, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺิสมฺปนฺโน สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ ปุพฺพเสลิยาปรเสลิยานํ; เต สนฺธาย ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. สฺจิจฺจ มาตรนฺติอาทิปฺเหสุ ปน ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส’’ติ สุตฺตภเยน ปฏิกฺขิปติ. สตฺถริ อคารโวติอาทิ สตฺถาราทีสุ สคารวสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกมาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อิตโร ปน อกุสลวเสน ตสฺส อคารโว นาม นตฺถีติ ปฏิกฺขิปิตฺวา สคารวภาวฺจ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุน อคารโวติ ปุฏฺโ เตสุ เตสุ กิจฺเจสุ ปสุตตาย วิกฺขิตฺตานํ อสติยา อมนสิกาเรน เจติเย อภิวาทนปทกฺขิณกรณาภาวํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. ปุน โอหเทยฺยาติอาทินา นเยน ปุฏฺโ ตาทิสาย กิริยาย สฺจิจฺจ อกรณโต ปฏิกฺขิปติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ชีวิตาโวโรปนกถาวณฺณนา.

๙. ทุคฺคติกถาวณฺณนา

๖๕๐-๖๕๒. อิทานิ ทุคฺคติกถา นาม โหติ. ตตฺถ เย ทุคฺคติฺจ ทุคฺคติสตฺตานํ รูปาทิอารมฺมณํ ตณฺหฺจาติ อุภยมฺปิ ทุคฺคตีติ คเหตฺวา ปุน ตถา อวิภชิตฺวา อวิเสเสเนว ‘‘ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส ปหีนา ทุคฺคตี’’ติ วทนฺติ, เสยฺยถาปิ อุตฺตราปถกา; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อาปายิเก รูเป รชฺเชยฺยาติอาทิ ปรวาทิโน ลทฺธิยา ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส ทุคฺคติ อปฺปหีนา, ตสฺส วเสน โจเทตุํ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. นิรยํ อุปปชฺเชยฺยาติอาทิ ทุคฺคติปหานเมว ทุคฺคติคามินิตณฺหาปหานํ วา ทีเปติ, น ทุคฺคติสตฺตานํ รูปาทิอารมฺมณาย ตณฺหาย ปหานํ, ตสฺมา อสาธกนฺติ.

ทุคฺคติกถาวณฺณนา.

๖๕๓. สตฺตมภวิกกถายปิ เอเสว นโยติ.

ทฺวาทสโม วคฺโค.