📜

๒๐. วีสติมวคฺโค

๑. อสฺจิจฺจกถาวณฺณนา

๘๕๗-๘๖๒. อิทานิ อสฺจิจฺจกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘อานนฺตริยวตฺถูนิ นาม ครูนิ ภาริยานิ, ตสฺมา อสฺจิจฺจาปิ เตสุ วตฺถูสุ วิโกปิเตสุ อานนฺตริโก โหตี’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ เอกจฺจานํ อุตฺตราปถกานํ; เต สนฺธาย อสฺจิจฺจาติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ลทฺธิวเสน ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยสฺมา อานนฺตริยกมฺมํ นาม กมฺมปถปฺปตฺตํ. ยทิ จ อสฺจิจฺจ กมฺมปถเภโท สิยา, อวเสสา ปาณาติปาตาทโยปิ อสฺจิจฺจ ภเวยฺยุ’’นฺติ โจทนตฺถํ อสฺจิจฺจปาณํ หนฺตฺวาติอาทิมาห. อิตโร ตถารูปาย ลทฺธิยา อภาเวน ปฏิกฺขิปติ. เสสํ ยถาปาฬิเมว นิยฺยาติ. น วตฺตพฺพํ มาตุฆาตโกติ ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, โรคปฏิการาทิกาเล อสฺจิจฺจ ฆาตํ สนฺธาย ปฏิฺา สกวาทิสฺส. นนุ มาตา ชีวิตา โวโรปิตาติ ปฺเหปิ อสฺจิจฺจ โวโรปิตํ สนฺธาย ปฏิฺา สกวาทิสฺเสว. เอวํ อธิปฺปายํ ปน อคฺคเหตฺวา หฺจีติ ลทฺธิปติฏฺาปนํ อิตรสฺส. ตํ อโยนิโส ปติฏฺาปิตตฺตา อปฺปติฏฺิตเมว. ปิตุฆาตกาทีสุปิ เอเสว นโย. สงฺฆเภทเก ปน ธมฺมสฺึ สนฺธาย สงฺฆเภโท อานนฺตริโกติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ‘‘สงฺฆํ สมคฺคํ เภตฺวาน, กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจตี’’ติ วจนํ อโยนิโส คเหตฺวา ปฏิฺา ปรวาทิสฺส. ปุน สพฺเพติ ปุฏฺโ สกปกฺเข ธมฺมสฺึ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, ปรปกฺเข ธมฺมสฺึ สนฺธาย ปฏิชานาติ. ธมฺมสฺีติ ปฺหทฺวเยปิ เอเสว นโย. นนุ วุตฺตํ ภควตาติ สุตฺตํ เอกนฺเตเนว ธมฺมวาทิสฺส อานนฺตริกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อาปายิโก เนรยิโกติ คาถายปิ อธมฺมวาทีเยว อธิปฺเปโต. อิตโร ปน อธิปฺปายํ อคฺคเหตฺวา ลทฺธึ ปติฏฺเปติ. สา อโยนิโส ปติฏฺาปิตตฺตา อปฺปติฏฺิตาเยวาติ.

อสฺจิจฺจกถาวณฺณนา.

๒. าณกถาวณฺณนา

๘๖๓-๘๖๕. อิทานิ าณกถา นาม โหติ. ตตฺถ ทุวิธํ าณํ – โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ. โลกิยํ สมาปตฺติาณมฺปิ โหติ ทานาทิวเสน ปวตฺตํ กมฺมสฺสกตาณมฺปิ; โลกุตฺตรํ สจฺจปริจฺเฉทกํ มคฺคาณมฺปิ ผลาณมฺปิ. อิมํ ปน วิภาคํ อกตฺวา ‘‘สจฺจปริจฺเฉทกเมว าณํ น อิตรํ, ตสฺมา นตฺถิ ปุถุชฺชนสฺส าณ’’นฺติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ เหตุวาทานํ, เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. ปฺาติอาทิ าณเววจนทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตเนตํ ทีเปติ – ยทิ ตสฺส าณํ นตฺถิ, ปฺาทโยปิ นตฺถิ. อถ ปฺาทโย อตฺถิ, าณมฺปิ อตฺถิ. กสฺมา? ปฺาทีนํ าณโต อนฺตฺตาติ. ปมํ ฌานนฺติอาทิ สมาปตฺติาณสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ทานํ ทเทยฺยาติอาทิ กมฺมสฺสกตาณสฺส. ทุกฺขํ ปริชานาตีติ โลกุตฺตรมคฺคาณเมว ทีเปติ, น จ โลกุตฺตรเมว าณนฺติ.

าณกถาวณฺณนา.

๓. นิรยปาลกถาวณฺณนา

๘๖๖. อิทานิ นิรยปาลกถา นาม โหติ. ตตฺถ ‘‘นิรเย เนรยิกกมฺมาเนว นิรยปาลรูปวเสน วเธนฺติ, นตฺถิ นิรยปาลา นาม สตฺตา’’ติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยทิ ตตฺถ นิรยปาลา น สิยุํ, กมฺมการณาปิ น ภเวยฺยุํ. การณิเกสุ หิ สติ การณา’’ติ โจเทตุํ นตฺถิ นิรเยสูติอาทิมาห.

๘๖๗-๘๖๘. อตฺถิ มนุสฺเสสูติ ปจฺจกฺเขน าปนตฺถํ. ยถา หิ มนุสฺเสสุ สติ การณิเกสุ การณา, เอวํ ตตฺถาปีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. อตฺถิ นิรเยสูติ ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. น เวสฺสภู โนปิ จ เปตฺติราชาติ ปรวาทินา สกสมยโต สุตฺตํ อาภตํ. ตํ ปน สาสนาวจริกนฺติ สกวาทินา อนุฺาตํ. ตตฺถ เวสฺสภูติ เอโก เทโว. เปตฺติราชาติ เปตฺติวิสเย เปตมหิทฺธิโก. โสมาทโย ปากฏา เอว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตฺตโน กมฺเมหิ อิโต ปณุนฺนํ ปรโลกํ ปตฺตํ ปุริสํ น เอเต เวสฺสภูอาทโย หนนฺติ. เยหิ ปน โส กมฺเมหิ ตตฺถ ปณุนฺโน, ตานิ สกานิ กมฺมานิเยว นํ ตตฺถ หนนฺตีติ กมฺมสฺสกตํ ทีเปติ, น นิรยปาลานํ อภาวํ. สกวาทินา ปน ตเมนํ, ภิกฺขเวติ อาภตานิ สุตฺตปทานิ นีตตฺถาเนวาติ.

นิรยปาลกถาวณฺณนา.

๔. ติรจฺฉานกถาวณฺณนา

๘๖๙-๘๗๑. อิทานิ ติรจฺฉานกถา นาม โหติ. ตตฺถ เทเวสุ เอราวณาทโย เทวปุตฺตา หตฺถิวณฺณํ อสฺสวณฺณํ วิกุพฺพนฺติ, นตฺถิ ตตฺถ ติรจฺฉานคตา. เยสํ ปน ติรจฺฉานวณฺณิโน เทวปุตฺเต ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ เทเวสุ ติรจฺฉานคตา’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ อนฺธกานํ ; เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘ยทิ เทวโยนิยํ ติรจฺฉานคตา สิยุํ, ติรจฺฉานโยนิยมฺปิ เทวา สิยุ’’นฺติ โจเทตุํ อตฺถิ ติรจฺฉานคเตสูติอาทิมาห. กีฏาติอาทิ เยสํ โส อภาวํ อิจฺฉติ, เต ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เอราวโณติ ปฺเห ตสฺส อตฺถิตาย ปฏิฺา สกวาทิสฺส , น ติรจฺฉานคตสฺส. หตฺถิพนฺธาติอาทิ ‘‘ยทิ ตตฺถ หตฺถิอาทโย สิยุํ, หตฺถิพนฺธาทโยปิ สิยุ’’นฺติ โจทนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ ยาวสิกาติ ยวสฺส ทายกา. การณิกาติ หตฺถาจริยาทโย, เยหิ เต นานาวิธํ การณํ กเรยฺยุํ. ภตฺตการกาติ หตฺถิอาทีนํ ภตฺตรนฺธกา. น เหวนฺติ ตถา อนิจฺฉนฺโต ปฏิกฺขิปตีติ.

ติรจฺฉานกถาวณฺณนา.

๕. มคฺคกถาวณฺณนา

๘๗๒-๘๗๕. อิทานิ มคฺคกถา นาม โหติ. ตตฺถ เยสํ ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๓๑) อิทฺเจว สุตฺตํ สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวานฺจ จิตฺตวิปฺปยุตฺตตํ นิสฺสาย ‘‘นิปฺปริยาเยน ปฺจงฺคิโกว มคฺโค’’ติ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ มหิสาสกานํ, เต สนฺธาย ปฺจงฺคิโกติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. สมฺมาวาจา มคฺคงฺคํ, สา จ น มคฺโคติอาทิ ปรสมยวเสน วุตฺตํ. ปรสมยสฺมิฺหิ สมฺมาวาจาทโย มคฺคงฺคนฺติ อาคตา. รูปตฺตา ปน มคฺโค น โหตีติ วณฺณิตา. สมฺมาทิฏฺิ มคฺคงฺคนฺติอาทิ มคฺคงฺคสฺส อมคฺคตา นาม นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปุพฺเพว โข ปนสฺสาติ สุตฺเต ปริสุทฺธสีลสฺส มคฺคภาวนา นาม โหติ, น อิตรสฺสาติ อาคมนิยปฏิปทาย วิสุทฺธิภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ, น อิเมหิ วินา ปฺจงฺคิกภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนวาห ‘‘เอวมสฺสายํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉตี’’ติ. สกวาทินา อาภตสุตฺตํ นีตตฺถเมวาติ.

มคฺคกถาวณฺณนา.

๖. าณกถาวณฺณนา

๘๗๖-๘๗๗. อิทานิ าณกถา นาม โหติ. ตตฺถ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ทฺวาทสาการาณํ สนฺธาย ‘‘ทฺวาทสวตฺถุกํ าณํ โลกุตฺตร’’นฺติ เยสํ ลทฺธิ, เสยฺยถาปิ ปุพฺพเสลิยานํ, เต สนฺธาย ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺส. อถ นํ ‘‘สเจ ตํ ทฺวาทสวตฺถุกํ, ทฺวาทสหิ มคฺคาเณหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ โจเทตุํ ทฺวาทสาติอาทิมาห. อิตโร มคฺคสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, เอเกกสฺมึ สจฺเจ สจฺจาณกิจฺจาณกตาณานํ วเสน าณนานตฺตํ สนฺธาย ปฏิชานาติ. ทฺวาทส โสตาปตฺติมคฺคาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. นนุ วุตฺตํ ภควตาติ สุตฺตํ สทฺธึ ปุพฺพภาคปรภาเคหิ าณนานตฺตํ ทีเปติ, น อริยมคฺคสฺส ทฺวาทส าณตํ. ตสฺมา อสาธกนฺติ.

าณกถาวณฺณนา.

วีสติโม วคฺโค.

จตุตฺถปณฺณาสโก สมตฺโต.