📜
ยมกปกรณ-มูลฏีกา
คนฺถารมฺภวณฺณนา
กถาวตฺถุปกรเณน ¶ ¶ สงฺเขเปเนว เทสิเตน ธมฺเมสุ วิปรีตคฺคหณํ นิวาเรตฺวา เตสฺเวว ธมฺเมสุ ธมฺมสงฺคหาทีสุ ปกาสิเตสุ ธมฺมปุคฺคโลกาสาทินิสฺสยานํ สนฺนิฏฺานสํสยานํ วเสน นานปฺปการกโอสลฺลตฺถํ ยมกปกรณํ อารทฺธํ, ตํ สมยเทสเทสกวเสเนว ทสฺเสตฺวา สํวณฺณนากฺกมฺจสฺส อนุปฺปตฺตํ ‘‘อาคโต ภาโร อวสฺสํ วหิตพฺโพ’’ติ สํวณฺณนมสฺส ปฏิชานนฺโต อาห ‘‘สงฺเขเปเนวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยมสฺส วิสยาตีโตติ ชาติยา สติ มรณํ โหตีติ ชาติ, ปฺจ วา อุปาทานกฺขนฺธา ยมสฺส วิสโย, ตํ สมุทยปฺปหาเนน อตีโตติ อตฺโถ. ยมสฺส วา รฺโ วิสยํ มรณํ, ตสฺส อาณาปวตฺติฏฺานํ เทสํ วา อตีโต. ‘‘ฉจฺจาภิานานิ อภพฺพ กาตุ’’นฺติ (ขุ. ปา. ๖.๑๑; สุ. นิ. ๒๓๔) วุตฺตานํ ฉนฺนํ อภพฺพฏฺานานํ เทสโกติ ฉฏฺานเทสโก ¶ . อยมา เอเกกา หุตฺวา อาวตฺตา นีลา อมลา จ ตนุรุหา อสฺสาติ อยมาวตฺตนีลามลตนุรุโห.
คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. มูลยมกํ
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑. ยมกานํ วเสน เทสิตตฺตาติ อิมินา ทสสุ เอเกกสฺส ยมกสมูหสฺส ตํสมูหสฺส จ สกลสฺส ปกรณสฺส ยมกานํ วเสน ลทฺธโวหารตํ ทสฺเสติ.
กุสลากุสลมูลสงฺขาตานํ ¶ ทฺวินฺนํ อตฺถานํ วเสน อตฺถยมกนฺติ เอเตน ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต กุสลมูลา’’ติ เอตสฺเสว ยมกภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นาปชฺชติ าตุํ อิจฺฉิตานํ ทุติยปมปุจฺฉาสุ วุตฺตานํ กุสลกุสลมูลวิเสสานํ, กุสลมูลกุสลวิเสเสหิ วา าตุํ อิจฺฉิตานํ ปมทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺานปทสงฺคหิตานํ กุสลกุสลมูลานํ วเสน อตฺถยมกภาวสฺส วุตฺตตฺตา. าตุํ อิจฺฉิตานฺหิ วิเสสานํ วิเสสวนฺตาเปกฺขานํ, ตํวิเสสวตํ วา ธมฺมานฺจ วิเสสาเปกฺขานํ เอตฺถ ปธานภาโวติ เอเกกาย ปุจฺฉาย เอเกโก เอว อตฺโถ สงฺคหิโต โหตีติ. อตฺถสทฺโท เจตฺถ น ธมฺมวาจโก เหตุผลาทิวาจโก วา, อถ โข ปาฬิอตฺถวาจโก. เตเนวาห ‘‘เตสฺเว อตฺถาน’’นฺติอาทิ.
ตีณิปิ ปทานิ เอกโต กตฺวาติ อิทํ นามปทสฺส กุสลาทีนํ สงฺคาหกตฺตมตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น นิรวเสสสงฺคาหกตฺตํ. สพฺพกุสลาทิสงฺคณฺหนตฺถเมว จ นามปทสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘กุสลตฺติกมาติกาย จตูสุ ปเทสู’’ติ วุตฺตํ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๕๒. อฺมฺยมเก ¶ เย เกจิ กุสลาติ อปุจฺฉิตฺวาติ เอตฺถ ยถา ทุติยยมเก ‘‘เย เกจิ กุสลมูลา’’ติ อปุจฺฉิตฺวา ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กตา, เอวมิธาปิ ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กาตพฺพา สิยา ปุริมยมกวิสิฏฺํ อปุพฺพํ คเหตฺวา ปจฺฉิมยมกสฺส อปฺปวตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปฏิโลมปุจฺฉานุรูปภาวโต’’ติ เกจิ. ปุริมปุจฺฉาย ปน อตฺถวเสน กตาย ตทนุรูปาย ปจฺฉิมปุจฺฉาย ภวิตพฺพํ อนุโลเม วิคตสํสยสฺส ปฏิโลเม สํสยุปฺปตฺติโต. เตน น จ ปจฺฉิมปุจฺฉานุรูปาย ปุริมปุจฺฉาย ภวิตพฺพนฺติ ปุริโมเวตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต. อิมินาปิ พฺยฺชเนน ตสฺเสวตฺถสฺส สมฺภวโตติ อิทเมวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ กุสลพฺยฺชนตฺโถ เอว กุสลมูเลน เอกมูลพฺยฺชนตฺโถ, เตเนว วิสฺสชฺชนมฺปิ อสมานํ โหติ. กุสลพฺยฺชเนน หิ ¶ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘อวเสสา’’ติ อิมสฺมึ าเน ‘‘อวเสสา กุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺตพฺพํ โหติ, อิตรถา อวเสสา กุสลมูลสหชาตา ธมฺมาติ, น จ ตานิ วจนานิ สมานตฺถานิ กุสลกุสลาพฺยากตทีปนโตติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ อิมินาปิ พฺยฺชเนน ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ วุตฺตพฺยฺชนตฺถสฺเสว สมฺภวโต ทุติยยมเก วิย อปุจฺฉิตฺวา ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉา กตา. น หิ กุสลมูเลหิ วิย กุสลมูเลน เอกมูเลหิ อฺเ กุสลา สนฺติ, กุสเลหิ ปน อฺเปิ เต สนฺตีติ.
ปฏิโลมปุจฺฉาวณฺณนายํ ‘‘กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ หิ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ ภเวยฺยาติ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. ‘‘เย วา ปน กุสลมูเลน อฺมฺมูลา, สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ จ ปุจฺฉิเต ‘‘อามนฺตา’’ อิจฺเจว วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ. น หิ กุสลมูเลน อฺมฺมูเลสุ กิฺจิ เอกมูลํ น โหติ, เยน อนุโลมปุจฺฉาย วิย วิภาโค กาตพฺโพ ภเวยฺย. ยตฺถ ตีณิ กุสลมูลานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตานิ อฺมฺมูลานิ เอกมูลานิ จ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ เอเกเกน อฺมฺเกมูลตฺตา. ยตฺถ ปน ทฺเว อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตานิ อฺมฺมูลาเนว, น เอกมูลานีติ เอตสฺส คหณสฺส นิวารณตฺถํ ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพนฺติ เจ? น, ‘‘อามนฺตา’’ติ อิมินาว วิสฺสชฺชเนน ตํคหณนิวารณโต อนุโลมปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนน จ เอกโต อุปฺปชฺชมานานํ ทฺวินฺนํ ติณฺณฺจ ¶ มูลานํ อฺมฺเกมูลภาวสฺส นิจฺฉิตตฺตา. อฺมฺมูลานฺหิ สมานมูลตา เอว เอกมูลวจเนน ปุจฺฉียติ, น อฺมฺสมานมูลตา, อตฺถิ จ ทฺวินฺนํ มูลานํ สมานมูลตา. เตสุ หิ เอเกกํ อิตเรน มูเลน ตํมูเลหิ อฺเหิ สมานมูลนฺติ.
อฺมฺมูลตฺเต ปน นิจฺฉิเต เอกมูลตฺตสํสยาภาวโต ‘‘สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉา น กตาติ ทฏฺพฺพา. ‘‘อฺมฺสฺส มูลา เอเตสนฺติปิ อฺมฺมูลา, สมานตฺเถน เอกํ มูลํ เอเตสนฺติ เอกมูลา’’ติ อุภยมฺปิ วจนํ มูลยุตฺตตเมว วทติ, เตเนว จ อุภยตฺถาปิ ‘‘กุสลมูเลนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ มูลโยคสามฺเ เอกมูลตฺเต นิจฺฉิเต ตพฺพิเสโส อฺมฺมูลภาโว น นิจฺฉิโต โหตีติ อนุโลมปุจฺฉา ปวตฺตา, มูลโยควิเสเส ปน อฺมฺมูลตฺเต นิจฺฉิเต น วินา เอกมูลตฺเตน ¶ อฺมฺมูลตฺตํ อตฺถีติ มูลโยคสามฺํ เอกมูลตฺตํ นิจฺฉิตเมว โหติ, ตสฺมา ‘‘เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉํ อกตฺวา ยถา กุสลมูลวจนํ เอกมูลวจนฺจ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา ปมทุติยยมเกสุ ‘‘สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปฏิโลมปุจฺฉา กตา, เอวํ อฺมฺมูลวจนํ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา กุสลาธิการสฺส จ อนุวตฺตมานตฺตา ‘‘สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปฏิโลมปุจฺฉา กตาติ.
๕๓-๖๑. มูลนเย วุตฺเต เอว อตฺเถ กุสลมูลภาเวน มูลสฺส วิเสสเนน สมาเนน มูเลน อฺมฺสฺส จ มูเลน มูลโยคทีปเนน จาติ อิมินา ปริยายนฺตเรน ปกาเสตุํ มูลมูลนโย วุตฺโต. อฺปทตฺถสมาสนฺเตน ก-กาเรน ตีสุปิ ยมเกสุ มูลโยคเมว ทีเปตุํ มูลกนโย วุตฺโต. มูลมูลกนยวจนปริยาโย วุตฺตปฺปกาโรว.
๗๔-๘๕. อพฺโพหาริกํ กตฺวาติ น เอกมูลภาวํ ลภมาเนหิ เอกโต ลพฺภมานตฺตา สเหตุกโวหารรหิตํ กตฺวา. น วา สเหตุกทุเก วิย เอตฺถ เหตุปจฺจยโยคาโยควเสน อพฺโพหาริกํ กตํ, อถ โข สเหตุกโวหารเมว ลภติ, น อเหตุกโวหารนฺติ อพฺโพหาริกํ กตํ. เอกโต ลพฺภมานกวเสนาติ อเหตุกจิตฺตุปฺปาทนิพฺพาเนหิ เหตุปจฺจยรหิเตหิ สห ลพฺภมานกรูปวเสนาติ อตฺโถ.
๘๖-๙๗. ยสฺสํ ปาฬิยํ ‘‘อเหตุกํ นามมูเลน น เอกมูลํ, สเหตุกํ นามมูเลน เอกมูล’’นฺติ (ยม. ๑.มูลยมก.๘๗) ¶ ปาโ อาคโต, ตตฺถ ‘‘เย เกจิ นามา ธมฺมา’’ติ นามานํ นิทฺธาริตตฺตา ‘‘อเหตุกํ สเหตุก’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘นาม’’นฺติ จ อิทํ วิฺายมานเมวาติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน ‘‘อเหตุกํ นามํ, สเหตุกํ นาม’’นฺติ (ยม. ๑.มูลยมก.๘๗) จ ปาโ, ตตฺถ สุปากฏภาวตฺถํ ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตนฺติ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
มูลยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ขนฺธยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๒-๓. ขนฺธยมเก ¶ ฉสุ กาลเภเทสุ ปุคฺคลโอกาสปุคฺคโลกาสวเสน ขนฺธานํ อุปฺปาทนิโรธา เตสํ ปริฺา จ วตฺตพฺพา. เต ปน ขนฺธา ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทีหิ ปฺจหิ ปเทหิ วุจฺจนฺติ, เตสํ ทส อวยวปทานิ. ตตฺถ โย รูปาทิอวยวปทาภิหิโต ธมฺโม, กึ โส เอว สมุทายปทสฺส อตฺโถ. โย จ สมุทายปเทน วุตฺโต, โส เอว อวยวปทสฺสาติ เอตสฺมึ สํสยฏฺาเน รูปาทิอวยวปเทหิ วุตฺโต เอกเทโส สกโล วา สมุทายปทานํ อตฺโถ, สมุทายปเทหิ ปน วุตฺโต เอกนฺเตน รูปาทิอวยวปทานํ อตฺโถติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ รูปกฺขนฺโธ, รูปกฺขนฺโธ รูป’’นฺติอาทินา ปทโสธนวาโร วุตฺโต.
ปุน ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทีนํ สมาสปทานํ อุตฺตรปทตฺถปฺปธานตฺตา ปธานภูตสฺส ขนฺธปทสฺส เวทนาทิอุปปทตฺถสฺส จ สมฺภวโต ยถา ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติ เอตสฺมึ ปเท รูปาวยวปเทน วุตฺตสฺส รูปกฺขนฺธภาโว โหติ รูปสทฺทสฺส ขนฺธสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณภาวโตติ, เอวํ ตตฺถ ปธานภูเตน ขนฺธาวยวปเทน วุตฺตสฺส เวทนากฺขนฺธาทิภาโว โหติ ขนฺธปเทน เวทนาทิปทานํ สมานาธิกรณตฺตาติ ¶ เอตสฺมึ สํสยฏฺาเน ขนฺธาวยวปเทน วุตฺโต ธมฺโม โกจิ เกนจิ สมุทายปเทน วุจฺจติ, น สพฺโพ สพฺเพนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ รูปกฺขนฺโธ, ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ’’ติอาทินา ปทโสธนมูลจกฺกวาโร วุตฺโต. เอวฺจ ทสฺเสนฺเตน รูปาทิสทฺทสฺส วิเสสนภาโว, ขนฺธสทฺทสฺส วิเสสิตพฺพภาโว, วิเสสนวิเสสิตพฺพานํ สมานาธิกรณภาโว จ ทสฺสิโต โหติ.
เตเนตฺถ สํสโย โหติ – กึ ขนฺธโต อฺมฺปิ รูปํ อตฺถิ, ยโต วินิวตฺตํ รูปํ ขนฺธวิเสสนํ โหติ, สพฺเพว ขนฺธา กึ ขนฺธวิเสสนภูเตน รูเปน วิเสสิตพฺพาติ, กึ ปน ตํ ขนฺธวิเสสนภูตํ รูปนฺติ? ภูตุปาทายรูปํ ตสฺเสว คหิตตฺตา. นิทฺเทเส ‘‘ขนฺธา รูปกฺขนฺโธ’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตนฺติ. เอวํ เอตสฺมึ สํสยฏฺาเน น ขนฺธโต อฺํ รูปํ อตฺถิ, เตเนว เจเตน รูปสทฺเทน วุจฺจมานํ สุทฺเธน ขนฺธสทฺเทน วุจฺจเต, น ¶ จ สพฺเพ ขนฺธา ขนฺธวิเสสนภูเตน รูเปน วิเสสิตพฺพา, เตเนว เต วิภชิตพฺพา, เอส นโย เวทนากฺขนฺธาทีสุปีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ ขนฺโธ, ขนฺธา รูป’’นฺติอาทินา สุทฺธขนฺธวาโร วุตฺโต.
ตโต ‘‘รูปํ ขนฺโธ’’ติ เอตสฺมึ อนฺุายมาเน ‘‘น เกวลํ อยํ ขนฺธสทฺโท รูปวิเสสโนว, อถ โข เวทนาทิวิเสสโน จา’’ติ รูปสฺส ขนฺธภาวนิจฺฉยานนฺตรํ ขนฺธานํ รูปวิเสสนโยเค จ สํสโย โหติ. ตตฺถ น สพฺเพ ขนฺธา เวทนาทิวิเสสนยุตฺตา, อถ โข เกจิ เกนจิ วิเสสเนน ยฺุชนฺตีติ ทสฺเสตุํ สุทฺธขนฺธมูลจกฺกวาโร วุตฺโตติ. เอวํ เยสํ อุปฺปาทาทโย วตฺตพฺพา, เตสํ ขนฺธานํ ปณฺณตฺติโสธนวเสน ตนฺนิจฺฉยตฺถํ ปณฺณตฺติวาโร วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
จตฺตาริ จตฺตาริ จกฺกานิ พนฺธิตฺวาติ เอตฺถ จกฺกาวยวภาวโต จกฺกานีติ ยมกานิ วุตฺตานิ เอเกกขนฺธมูลานิ จตฺตาริ จตฺตาริ ยมกานิ พนฺธิตฺวาติ. อิมินา หิ เอตฺถ อตฺเถน ภวิตพฺพนฺติ. จตฺตาริ จตฺตาริ ยมกานิ ยถา เอเกกขนฺธมูลกานิ โหนฺติ, เอวํ พนฺธิตฺวาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘รูปํ รูปกฺขนฺโธ’’ติ เอวมาทิกํ มูลปทํ นาภึ กตฺวา ‘‘ขนฺธา’’ติ อิทํ เนมึ, ‘‘เวทนากฺขนฺโธ’’ติอาทีนิ อเร กตฺวา จกฺกภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ, น มณฺฑลภาเวน สมฺพชฺฌนโต. เวทนากฺขนฺธมูลกาทีสุปิ หิ เหฏฺิมํ โสเธตฺวาว ปาโ คโต, น มณฺฑลสมฺพนฺเธนาติ. เตเนว จ การเณนาติ สุทฺธขนฺธลาภมตฺตเมว คเหตฺวา ขนฺธวิเสสเน รูปาทิมฺหิ สุทฺธรูปาทิมตฺตตาย ¶ อฏฺตฺวา ขนฺธวิเสสนภาวสงฺขาตํ รูปาทิอตฺถํ ทสฺเสตุํ ขนฺธสทฺเทน สห โยเชตฺวา ‘‘ขนฺธา รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทินา นเยน ปทํ อุทฺธริตฺวา อตฺถสฺส วิภตฺตตฺตาติ อตฺโถ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๒๖. ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ…เป… รูปา โลเก…เป… จกฺขุวิฺาณํ…เป… จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป… รูปสฺา…เป… รูปสฺเจตนา…เป… รูปตณฺหา…เป… รูปวิตกฺโก…เป… รูปวิจาโร’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓) เอวํ วุตฺตํ ตณฺหาวตฺถุภูตํ ¶ เตภูมกํ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ยํ ปฺจกฺขนฺธสมุทายภูตํ ปิยรูปสาตรูปํ, ตํ เอกเทเสน รูปกฺขนฺโธ โหตีติ อาห ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปํ รูปํ น รูปกฺขนฺโธ’’ติ. ปิยสภาวตาย วา รูปกฺขนฺโธ ปิยรูเป ปวิสติ, น รุปฺปนสภาเวนาติ ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปํ รูปํ น รูปกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตํ. สฺายมเก ตาว ทิฏฺิสฺาติ ‘‘วิเสโส’’ติ วจนเสโส. ตตฺถ ทิฏฺิ เอว สฺา ทิฏฺิสฺา. ‘‘สยํ สมาทาย วตานิ ชนฺตุ, อุจฺจาวจํ คจฺฉติ สฺสตฺโต’’ติ (สุ. นิ. ๗๙๘), ‘‘สฺาวิรตฺตสฺส น สนฺติ คนฺถา’’ติ (สุ. นิ. ๘๕๓) จ เอวมาทีสุ หิ ทิฏฺิ จ ‘‘สฺา’’ติ วุตฺตาติ.
๒๘. ‘‘น ขนฺธา น เวทนากฺขนฺโธติ? อามนฺตา’’ติ เอวํ ขนฺธสทฺทปฺปวตฺติยา อภาเว เวทนากฺขนฺธสทฺทปฺปวตฺติยา จ อภาโวติ ปณฺณตฺติโสธนมตฺตเมว กโรตีติ ทฏฺพฺพํ, น อฺธมฺมสพฺภาโว เอเวตฺถ ปมาณํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘นายตนา น โสตายตนนฺติ? อามนฺตา’’ติอาทึ วกฺขตีติ.
๓๙. รูปโต อฺเ เวทนาทโยติ เอตฺถ โลกุตฺตรา เวทนาทโย ทฏฺพฺพา. เต หิ ปิยรูปา จ สาตรูปา จ น โหนฺติ ตณฺหาย อนารมฺมณตฺตาติ รูปโต อฺเ โหนฺตีติ. รูปฺจ ขนฺเธ จ ¶ เปตฺวา อวเสสาติ อิทมฺปิ เอเตหิ สทฺธึ น-สทฺทานํ อปฺปวตฺติมตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘จกฺขฺุจ อายตเน จ เปตฺวา อวเสสา น เจว จกฺขุ น จ อายตนา’’ติอาทึ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๕) วกฺขติ. น หิ ตตฺถ อวเสสคฺคหเณน คยฺหมานํ กฺจิ อตฺถิ. ยทิ สิยา, ธมฺมายตนํ สิยา. วกฺขติ หิ ‘‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๖). ตณฺหาวตฺถุ จ น ตํ สิยา. ยทิ สิยา, ปิยรูปสาตรูปภาวโต รูปํ สิยา ‘‘รูปํ ขนฺโธติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๔๐) วจนโต ขนฺโธ จาติ. อฏฺกถายํ ปน อวิชฺชมาเนปิ วิชฺชมานํ อุปาทาย อิตฺถิปุริสาทิคฺคหณสพฺภาวํ สนฺธาย อวเสสาติ เอตฺถ ปฺตฺติยา คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๕๐-๒๐๕. ปวตฺติวาเร ¶ เวทนากฺขนฺธาทิมูลกานิ ปจฺฉิเมเนว สห โยเชตฺวา ตีณิ ทฺเว เอกฺจ ยมกานิ วุตฺตานิ, น ปุริเมน. กสฺมา? อมิสฺสกกาลเภเทสุ วาเรสุ อตฺถวิเสสาภาวโต. ปุริมสฺส หิ ปจฺฉิเมน โยชิตยมกเมว ปจฺฉิมสฺส ปุริเมน โยชนาย ปุจฺฉานํ อุปฺปฏิปาฏิยา วุจฺเจยฺย, อตฺเถ ปน น โกจิ วิเสโสติ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนสุปิ วิเสโส นตฺถิ, เตน ตถา โยชนา น กตาติ. กาลเภทา ปเนตฺถ ฉ เอว วุตฺตา. อตีเตน ปจฺจุปฺปนฺโน, อนาคเตน ปจฺจุปฺปนฺโน, อนาคเตนาตีโตติ เอเต ปน ตโย ยถาทสฺสิตา มิสฺสกกาลเภทา เอว ตโย, น วิสุํ วิชฺชนฺตีติ น คหิตา. ตตฺถ ตตฺถ หิ ปฏิโลมปุจฺฉาหิ อตีเตน ปจฺจุปฺปนฺนาทโย กาลเภทา ทสฺสิตา, เตเนว จ นเยน ‘‘ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ สกฺกา โยเชตุํ. เตเนว หิ มิสฺสกกาลเภเทสุ จ น ปจฺฉิมปจฺฉิมสฺส ขนฺธสฺส ปุริมปุริเมน โยชนํ กตฺวา ยมกานิ วุตฺตานิ, อมิสฺสกกาลเภเทสุ คหิตนิยาเมน สุขคฺคหณตฺถมฺปิ ปจฺฉิมปจฺฉิเมเนว โยเชตฺวา วุตฺตานีติ.
อิมินาเยว ¶ จ ลกฺขเณนาติอาทินา เยน การเณน ‘‘ปุเรปฺโห’’ติ จ ‘‘ปจฺฉาปฺโห’’ติ จ นามํ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํ โหติ, โส ปริปูเรตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺพตฺถสงฺคณฺหนโต ปริปุณฺณปฺโห นาม. ตํวิสฺสชฺชนสฺส ปน ปุริมโกฏฺาเสน สทิสตฺถตาย ปุเรปฺโห, ปจฺฉิมโกฏฺาสสทิสตฺถตาย ‘‘ปจฺฉาปฺโห’’ติ จ นามํ วุตฺตํ. สทิสตฺถตา จ สนฺนิฏฺานสํสยปทวิเสสํ อวิจาเรตฺวา เอเกน ปเทน สงฺคหิตสฺส ขนฺธสฺส อุปฺปาทนิโรธลาภสามฺมตฺเตน ปุเรปฺเห ทฏฺพฺพา. สนฺนิฏฺานปทสงฺคหิตสฺส วา ขนฺธสฺส อนฺุาตวเสน ปุเรปฺโห วุตฺโตติ ยุตฺตํ.
สนฺนิฏฺานตฺถสฺเสว ปฏิกฺขิปนํ ปฏิกฺเขโป, สํสยตฺถนิวารณํ ปฏิเสโธติ อยํ ปฏิกฺเขปปฏิเสธานํ วิเสโส. ปาฬิปทเมว หุตฺวาติ ปุจฺฉาปาฬิยา ‘‘นุปฺปชฺชตี’’ติ ยํ ปทํ วุตฺตํ, น-การวิรหิตํ ตเทว ปทํ หุตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ อุปฺปตฺตินิโรธปฏิเสธสฺส ปฏิเสธนตฺถํ ปาฬิคติยา วิสฺสชฺชนํ อุปฺปตฺตินิโรธานเมว ปฏิเสธนตฺถํ ปฏิเสเธน วิสฺสชฺชนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
จตุนฺนํ ¶ ปฺหานํ ปฺจนฺนฺจ วิสฺสชฺชนานํ สตฺตวีสติยา าเนสุ ปกฺเขโป ตเทกเทสปกฺเขปวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ปริปุณฺณปฺโห เอว หิ สรูปทสฺสเนน จ วิสฺสชฺชนํ สตฺตวีสติยา าเนสุ ปกฺขิปิตพฺพนฺติ.
กึ นุ สกฺกา อิโต ปรนฺติ อิโต ปาฬิววตฺถานทสฺสนาทิโต อฺโ กึ นุ สกฺกา กาตุนฺติ อฺสฺส สกฺกุเณยฺยสฺส อภาวํ ทสฺเสติ.
‘‘สุทฺธาวาสานํ เตสํ ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิตฺถ เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ เอเตน สุทฺธาวาสภูมีสุ เอกภูมิยมฺปิ ทุติยา อุปปตฺติ นตฺถีติ าปิตํ โหติ. ปฏิสนฺธิโต ปภุติ หิ ยาว จุติ, ตาว ปวตฺตกมฺมชสนฺตานํ เอกตฺเตน คเหตฺวา ตสฺส อุปฺปาทนิโรธวเสน อยํ เทสนา ปวตฺตา. ตสฺมิฺหิ อพฺโพจฺฉินฺเน กุสลาทีนฺจ ปวตฺติ โหติ, โวจฺฉินฺเน จ อปฺปวตฺตีติ เตเนว จ อุปฺปาทนิโรธา ทสฺสิตา, ตสฺมา ตสฺส เอกสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิอุปฺปาทโต ยาว จุตินิโรโธ, ตาว อตีตตา นตฺถิ, น จ ตโต ปุพฺเพ ตตฺถ ปฏิสนฺธิวเสน กมฺมชสนฺตานํ อุปฺปนฺนปุพฺพนฺติ ขนฺธทฺวยมฺปิ ‘‘นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา ปน เอตาย ปาฬิยา ¶ สกเลปิ สุทฺธาวาเส ทุติยา ปฏิสนฺธิ นตฺถีติ น วิฺายตีติ? อุทฺธํโสตปาฬิสพฺภาวา. ทฺเวปิ หิ ปาฬิโย สํสนฺเทตพฺพาติ.
‘‘อสฺสตฺตานํ เตสํ ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอตฺถ ‘‘ยสฺส ยตฺถ รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน วิเสสิตา อสฺสตฺตาปิ สนฺตีติ เต เอว คเหตฺวา ‘‘อสฺสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. เตน เย สนฺนิฏฺาเนน วชฺชิตา, เต ตโต ปฺจโวการํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, น เตสํ ปุน อสฺเ อุปปตฺติปฺปสงฺโค อตฺถีติ เต สนฺธายาห – ‘‘ปจฺฉิมภวิกานํ เตสํ ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสติ เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๖๕). เอตฺถ กึ ปฺจโวการาทิภาโว วิย ปจฺฉิมภโวปิ โกจิ อตฺถิ, ยตฺถ เตสมนุปฺปตฺติ ภวิสฺสตีติ? นตฺถิ ปฺจโวการาทิภเวสฺเวว ยตฺถ วา ตตฺถ วา ิตานํ ปจฺฉิมภวิกานํ ‘‘ยสฺส ยตฺถ รูปกฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน สงฺคหิตตฺตา. เตสํ ตตฺถ อิตรานุปฺปตฺติภาวฺจ อนุชานนฺโต ‘‘เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อาหาติ.
‘‘สุทฺธาวาเส ¶ ปรินิพฺพนฺตาน’’นฺติ อิทํ สปฺปฏิสนฺธิกานํ อปฺปฏิสนฺธิกานฺจ สุทฺธาวาสานํ ตํตํภูมิยํ ขนฺธปรินิพฺพานวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสฺหิ เตสํ ตตฺถ เวทนากฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิตฺถาติ. ยถา ปน ‘‘นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ วจนํ ปจฺจุปฺปนฺเนปิ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิมฺหิ ปวตฺตติ, น เอวํ ‘‘อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ วจนํ ปจฺจุปฺปนฺเน ปวตฺตติ, อถ โข อุปฺปชฺชิตฺวา วิคเต อตีเต เอว, ตสฺมา ‘‘ปรินิพฺพนฺตานํ นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ วุตฺตํ อุปฺปนฺนสนฺตานสฺส อวิคตตฺตา. อนนฺตา โลกธาตุโยติ โอกาสสฺส อปริจฺฉินฺนตฺตา โอกาสวเสน วุจฺจมานานํ อุปฺปาทนิโรธานมฺปิ ปริจฺเฉทาภาวโต สํกิณฺณตา โหตีติ ‘‘ยตฺถ เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ สฺากฺขนฺโธ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปริฺาวารวณฺณนา
๒๐๖-๒๐๘. ปุคฺคโลกาสวาโร ¶ ลพฺภมาโนปีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ โอกาสวารสฺส อลาเภ ตสฺสปิ อลาเภน ภวิตพฺพนฺติ? น, ตตฺถ ปุคฺคลสฺเสว ปริฺาวจนโต. ปุคฺคโลกาสวาเรปิ หิ โอกาเส ปุคฺคลสฺเสว ปริฺา วุจฺจติ, น โอกาสสฺส. โอกาสวาโรปิ จ ยทิ วุจฺเจยฺย, ‘‘ยตฺถ รูปกฺขนฺธํ ปริชานาตี’’ติ โอกาเส ปุคฺคลสฺเสว ปริชานนวเสน วุจฺเจยฺย, ตสฺมา ปุคฺคโลกาสวารสฺเสว ลพฺภมานตา วุตฺตา, น โอกาสวารสฺสาติ. เตนาห – ‘‘อามนฺตา…เป… สิยา’’ติ.
เตเนวาติ ปวตฺเต จิตฺตกฺขณวเสน ติณฺณํ อทฺธานํ ลาภโต เอว, อฺถา จุติปฏิสนฺธิกฺขเณ รูปกฺขนฺธปริชานนสฺส อภาวา ‘‘โย รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ, โส เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาตี’’ติ เอตฺถ ‘‘นตฺถี’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ สิยา, ‘‘อามนฺตา’’ติ จ กตนฺติ. สนฺนิฏฺานสํสยปทสงฺคหิตานํ ปริฺานํ ปวตฺเต จิตฺตกฺขเณ เอว ลาภํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกุตฺตรมคฺคกฺขณสฺมิฺหี’’ติอาทิมาห. น ปริชานาตีติ ปฺเห ปุถุชฺชนํ สนฺธาย อามนฺตาติ วุตฺตนฺติ อิทํ ปุถุชฺชนสฺส สพฺพถา ปริฺากิจฺจสฺส อภาวโต วุตฺตํ. ‘‘อรหา รูปกฺขนฺธํ น ปริชานาติ โน จ เวทนากฺขนฺธํ น ปริชานิตฺถ, อคฺคมคฺคสมงฺคิฺจ อรหนฺตฺจ เปตฺวา อวเสสา ปุคฺคลา รูปกฺขนฺธฺจ น ปริชานนฺติ ¶ เวทนากฺขนฺธฺจ น ปริชานิตฺถา’’ติ ปน วจเนน ‘‘อคฺคมคฺคสมงฺคึ เปตฺวา อฺโ โกจิ ปริชานาตี’’ติ วตฺตพฺโพ นตฺถีติ ทสฺสิตํ โหติ, เตน ตทวเสสปุคฺคเล สนฺธาย ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ วิฺายตีติ.
ปริฺาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขนฺธยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อายตนยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑-๙. อายตนยมกาทีสุ ¶ จ ปณฺณตฺติวาเร ปทโสธนวาราทีนํ วจเน การณํ ขนฺธยมเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกาทส เอกาทส กตฺวา เตตฺตึสสตํ ยมกานี’’ติอาทินา เกสุจิ โปตฺถเกสุ คณนา ลิขิตา, สา ตถา น โหติ. ‘‘ทฺวตฺตึสสต’’นฺติอาทินา อฺตฺถ ลิขิตา.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๑๐-๑๗. วายนฏฺเนาติ ปสารณฏฺเน, ปากฏภาวฏฺเน วา. ‘‘กาโย ธมฺโม’’ติ จ วุจฺจมานํ สพฺพํ สสภาวํ อายตนเมวาติ ‘‘กาโย อายตน’’นฺติ, ‘‘ธมฺโม อายตน’’นฺติ จ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. กายวจเนน ปน ธมฺมวจเนน จ อวุจฺจมานํ กฺจิ สสภาวํ นตฺถีติ ‘‘น กาโย นายตนํ, น ธมฺโม นายตน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวาโร
๑. อุปฺปาทวารวณฺณนา
๑๘-๒๑. ปวตฺติวาเร ¶ จกฺขายตนมูลกานิ เอกาทสาติ ปฏิสนฺธิจุติวเสน อุปาทินฺนปวตฺตสฺส ¶ อุปฺปาทนิโรธวจเน เอตสฺมึ อลพฺภมานวิสฺสชฺชนมฺปิ สทฺทายตเนน สทฺธึ ยมกํ ปุจฺฉามตฺตลาเภน สงฺคณฺหิตฺวา วทตีติ ทฏฺพฺพํ. ฉสฏฺิ ยมกานีติ เอตฺถ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายรูปายตนมูลเกสุ เอเกกํ สทฺทายตนมูลกานิ ปฺจาติ เอกาทส ยมกานิ วิสฺสชฺชนวเสน หาเปตพฺพานิ. วกฺขติ หิ ‘‘สทฺทายตนสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ อนุปฺปตฺติโต เตน สทฺธึ ยมกสฺส วิสฺสชฺชนเมว นตฺถี’’ติ (ยม. อฏฺ. อายตนยมก ๑๘-๒๑).
ทุติยํ กิฺจาปิ ปเมน สทิสวิสฺสชฺชนนฺติอาทิ ปุคฺคลวารเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. โอกาสวาเร ปน อสทิสวิสฺสชฺชนตฺตา วุตฺตํ, น ตํ สพฺพตฺถ สทิสวิสฺสชฺชนนฺติ าเปตุํ ปุคฺคลวาเรปิ วิสฺสชฺชิตนฺติ. คนฺธรสโผฏฺพฺพายตเนหิ สทฺธึ ตีณิ ยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานีติ รูปาวจรสตฺเต สนฺธาย ‘‘สจกฺขุกานํ อคนฺธกาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชิตพฺพตฺตา วุตฺตํ. เตสฺหิ วิรตฺตกามกมฺมนิพฺพตฺตสฺส ปฏิสนฺธิพีชสฺส เอวํสภาวตฺตา ฆานาทีนิ คนฺธาทโย จ น สนฺตีติ. ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ จกฺขายตนมูลเกสุ ฆานายตนยมเกน สทฺธึ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ อตฺโถ. นนุ ตตฺถ ‘‘สจกฺขุกานํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตํ, อิธ ปน ฆานายตนมูลเกสุ ‘‘ยสฺส ฆานายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ชิวฺหายตนํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ นตฺถิ สทิสวิสฺสชฺชนตาติ? สจฺจํ, ยถา ปน ตตฺถ ฆานายตนยมเกน ชิวฺหากายายตนยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานิ, เอวมิธาปิ ชิวฺหากอายายตนยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานิ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺเถว สทิสวิสฺสชฺชนตา ปาฬิยํ อนารุฬฺหตาย การณนฺติ. นิทสฺสนภาเวน ปน คหิตํ จกฺขายตนมูลกานํ สทิสวิสฺสชฺชนกานํ สทิสวิสฺสชฺชนํ นิทสฺสนภาเวเนว การณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา’’ติ อาห. สทิสวิสฺสชฺชนตา เจตฺถ ฆานายตนมูลเกสุ เยภุยฺยตาย ทฏฺพฺพา. เตสุ หิ ชิวฺหากายายตนยมเกสุ ติณฺณํ ปุจฺฉานํ ‘‘อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ ¶ , ปจฺฉิมปุจฺฉาย ‘‘สกายกานํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินาติ.
อถ วา ยถา เวทนากฺขนฺธาทิมูลกานํ สฺากฺขนฺธาทิยมกานํ อมิสฺสกกาลเภเทสุ ตีสุ ‘‘อามนฺตา’’ติ ปฏิวจนวิสฺสชฺชเนน ยถาวุตฺตวจนสฺส วิสฺสชฺชนภาวานุชานนํ กตฺตพฺพนฺติ อปุพฺพสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวา วิสฺสชฺชนํ น กตํ, เอวมิธาปิ ฆานายตนมูลกํ ชิวฺหายตนยมกํ ¶ อปุพฺพสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวา ปาฬึ อนารุฬฺหนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. กายายตนยมกํ ปน ทุติยปุจฺฉาย วเสน วิสฺสชฺชิตพฺพํ สิยา, สา จ จกฺขายตนมูลเกสุ ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนา, ตสฺมา ยสฺสา ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนา กาตพฺพา, ตสฺสา ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา ตํเสสานิ ปาฬึ อนารุฬฺหานีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตถาติ อิทํ ปาฬิอนารุฬฺหตาสามฺเเนว วุตฺตํ, น การณสามฺเน. ฆานชิวฺหากายายตนานํ ปน อคพฺภเสยฺยเกสุ ปวตฺตมานานํ คพฺภเสยฺยเกสุ จ อายตนปาริปูริกาเล สหจาริตาย อวิเสสตฺตา จ อปฺปวิเสสตฺตา จ เอกสฺมึ ฆานายตนยมเก วิสฺสชฺชิเต อิตรานิ ทฺเว, ฆานายตนมูลเกสุ จ วิสฺสชฺชิเตสุ อิตรทฺวยมูลกานิ น วิสฺสชฺชียนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธินฺติ ‘‘ยสฺส รูปายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส มนายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอติสฺสา ปุจฺฉาย วุตฺเตหิ รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธินฺติ อธิปฺปาโย. รูปายตนมูลเกสุ หิ มนายตนยมเก อาทิปุจฺฉาย คนฺธรสโผฏฺพฺพยมเกสุ อาทิปุจฺฉานํ สทิสวิสฺสชฺชนตา ยมกานํ อวิสฺสชฺชเน การณภาเวน วุตฺตา. ทุติยปุจฺฉานฺหิ ปฏิวจนวิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วิสฺสชฺชนํ น กาตพฺพํ, อาทิปุจฺฉานฺจ น กาตพฺพนฺติ.
เหฏฺิเมหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ เอตฺถ คนฺธายตนมูลกานํ รสโผฏฺพฺพยมกานํ รสายตนมูลกสฺส จ โผฏฺพฺพยมกสฺส ปฏิวจนวิสฺสชฺชเนเนว ภวิตพฺพนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ น กาตพฺพนฺติ เยสํ กาตพฺพํ, เตสํ คนฺธรสโผฏฺพฺพมูลกานํ มนายตนธมฺมายตนยมกานํ จกฺขาทิปฺจายตนมูลเกหิ มนายตนธมฺมายตนยมเกหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ อตฺโถ. จกฺขายตนาทิมูลกานิ สทฺทายตนยมกานิ สทฺทายตนมูลกานิ สพฺพานิ อวิสฺสชฺชเนเนว อลพฺภมานวิสฺสชฺชนตาทสฺสเนน ¶ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘ฉสฏฺิ ยมกานิ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตี’’ติ.
ชจฺจนฺธมฺปิ ชจฺจพธิรมฺปีติ เอตฺถ จ ชจฺจพธิรคฺคหเณน ชจฺจนฺธพธิโร คหิโตติ เวทิตพฺโพ. สฆานกานํ สจกฺขุกานนฺติ ปริปุณฺณายตนเมว โอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอตฺถ เอว-สทฺทํ วุตฺตนฺติ-เอตสฺส ปรโต โยเชตฺวา ยถา ‘‘สฆานกานํ อจกฺขุกาน’’นฺติ อิทํ อปริปุณฺณายตนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เอวํ ‘‘สฆานกานํ สจกฺขุกาน’’นฺติ เอตํ. เอตํ ปน ปริปุณฺณายตนํ ¶ สนฺธาย วุตฺตเมวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตน ชจฺจพธิรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตตา น วาริตา โหตีติ.
๒๒-๒๕๔. ยตฺถ จกฺขายตนนฺติ รูปีพฺรหฺมโลกํ ปุจฺฉตีติ นิยมโต ตตฺถ จกฺขุโสตานํ สหุปฺปตฺติมตฺตํ ปสฺสนฺโต วทติ, โอกาสวาเร ปน ตสฺมึ ปุคฺคลสฺส อนามฏฺตฺตา ยตฺถ กามธาตุยํ รูปธาตุยฺจ จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ โสตายตนมฺปิ เอกนฺเตน อุปฺปชฺชตีติ ‘‘อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๒๒) วุตฺตํ.
‘‘ยสฺส วา ปน รูปายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ กสฺมา ปฏิฺาตํ, นนุ โย คพฺภเสยฺยกภาวํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, ตสฺส รูปายตนํ ปฏิสนฺธิยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, น ปน จกฺขายตนนฺติ? ยสฺส รูปายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตทวตฺถสฺส ปุคฺคลสฺส รูปายตนุปฺปาทโต อุทฺธํ จกฺขายตนสนฺตานุปฺปาทสฺส ปวตฺติยมฺปิ ภวิสฺสนฺตสฺส ปฏิฺาตพฺพตฺตา. อถ กสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน รูปายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ ปฏิฺาตํ, นนุ คพฺภเสยฺยกสฺส ปจฺฉิมภวิกสฺส อุปปชฺชนฺตสฺส เอกาทสมสตฺตาหา โอรโต ิตสฺส รูปายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ โน จ จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? ตสฺมึ ภเว ภวิสฺสนฺตสฺส อุปฺปาทสฺส อนาคตภาเวน อวจนโต. ภวนฺตเร หิ ตสฺส ตสฺส อายตนสนฺตานสฺส โย อาทิอุปฺปาโท ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ ภวิสฺสติ, โส อนาคตุปฺปาโท ตพฺภาเวน วุจฺจติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนานนฺโตคธตฺตา. น ปน โย ตสฺมึเยว ภเว ปวตฺเต ภวิสฺสติ, โส อนาคตุปฺปาทภาเวน วุจฺจติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนนฺโตคธตฺตา. อทฺธาวเสน เหตฺถ กมฺมชปวตฺตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาทิกาลเภโท อธิปฺเปโต. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๓๖๘) ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ ¶ , ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? ปจฺฉิมภวิกานํ อิตฺถีนํ อุปปชฺชนฺตีนํ, ยา จ อิตฺถิโย รูปาวจรํ อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, ยา จ อิตฺถิโย เอเตเนว ภาเวน กติจิ ภเว ทสฺเสตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, ตาสํ อุปปชฺชนฺตีนํ ตาสํ อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, โน จ ตาสํ ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ ตาสํ สพฺพาสํ ตสฺมึ ภเว ปวตฺเต ปุริสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ ลิงฺคปริวตฺตนสพฺภาวา, ภวนฺตเร ปน อาทิอุปฺปาทสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘โน จ ¶ ตาสํ ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ภวนฺตเร หิ อาทิอุปฺปาทสฺส อนาคตตฺตํ อธิปฺเปตนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กติจิ ภเว ทสฺเสตฺวา’’ติ ภวคฺคหณํ กตนฺติ.
‘‘อายตนานํ ปฏิลาโภ ชาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๘; วิภ. ๒๓๕) วจนโต ตํตํอายตนนิพฺพตฺตกกมฺเมน คหิตปฏิสนฺธิกสฺส อวสฺสํภาวีอายตนสฺส ยาว อายตนปาริปูริ, ตาว อุปฺปชฺชตีติ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน ปุจฺฉาทฺวยวิสฺสชฺชนํ สูปปนฺนํ โหติ. เอวฺจ สติ ‘‘ยสฺส วา ปน โสตายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชตีติ? ปจฺฉิมภวิกานํ ปฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ, เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ อุปปชฺชนฺตานํ เตสํ โสตายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอวมาทีสุ (ยม. ๑.อายตนยมก.๙๕) คพฺภเสยฺยกาปิ ปจฺฉิมภวิกาทโย อุปปชฺชนฺตา คหิตา โหนฺติ. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๖) ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ อิทมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. โสมนสฺสินฺทฺริยุปฺปาทกสฺส กมฺมสฺส เอกนฺเตน จกฺขุนฺทฺริยุปฺปาทนโต คพฺเภปิ ยาว จกฺขุนฺทฺริยุปฺปตฺติ, ตาว อุปฺปชฺชมานตาย ตสฺสา อภินนฺทิตพฺพตฺตา.
ยํ ปน ‘‘ยสฺส วา ปน ยตฺถ รูปายตนํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส ตตฺถ ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตีติ? กามาวจรา จวนฺตานํ, อฆานกานํ กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตานํ, รูปาวจรานํ เตสํ ตตฺถ รูปายตนํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ เตสํ ตตฺถ ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อฆานกานํ กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๗๖) วุตฺตํ, ตํ เย เอกาทสมสตฺตาหา โอรโต กาลํ กริสฺสนฺติ, เตสํ ฆานายตนานิพฺพตฺตกกมฺเมน คหิตปฏิสนฺธิกานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยสฺส ยตฺถ ฆานายตนํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส ¶ ตตฺถ รูปายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตานํ, อฆานกานํ กามาวจรา จวนฺตานํ, รูปาวจรานํ เตสํ ตตฺถ ฆานายตนํ น นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ ตตฺถ รูปายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ หิ เอตฺถ ‘‘อฆานกานํ กามาวจรา จวนฺตาน’’นฺติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๘๑) วจนํ อนุปฺปนฺเนเยว ฆานายตเน คพฺภเสยฺยกานํ จุติ อตฺถีติ ทีเปติ. น หิ กามาวจเร คพฺภเสยฺยกโต อฺโ อฆานโก อตฺถิ ธมฺมหทยวิภงฺเค (วิภ. ๙๗๘ อาทโย) ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ อวุตฺตตฺตาติ. อถ กสฺมา โอปปาติเก เอว สนฺธาย อิธ, อินฺทฺริยยมเก จ ยถาทสฺสิตาสุ ปุจฺฉาสุ ¶ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ น วิฺายตีติ? ยมเก สนฺนิฏฺาเนน คหิตตฺถสฺส เอกเทเส สํสยตฺถสมฺภเวน ปฏิวจนสฺส อกรณโต. ภินฺทิตพฺเพ หิ น ปฏิวจนวิสฺสชฺชนํ โหติ. ยทิ สิยา, ปริปุณฺณวิสฺสชฺชนเมว น สิยาติ. อถ กสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๖) อิมินา ‘‘คพฺภเสยฺยกานํ โสมนสฺสปฏิสนฺธิ นตฺถี’’ติ น วิฺายตีติ? ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺส ทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺติ? คพฺภเสยฺยกานํ สตฺตานํ สเหตุกานํ าณสมฺปยุตฺตานํ อุปปตฺติกฺขเณ ทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺติ กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ วา ปุริสินฺทฺริยํ วา ชีวิตินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ วา อุเปกฺขินฺทฺริยํ วา สทฺธินฺทฺริย’’นฺติอาทิวจนโต (วิภ. ๑๐๑๒).
นิโรธวาเร อนาคตกาลเภเท ยถา ตสฺเสว จิตฺตสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน ตสฺส อุปฺปตฺติกฺขเณ วุตฺโต, เอวํ ตสฺเสว กมฺมชสนฺตานสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน ตสฺส อุปฺปาเท วตฺตพฺโพติ สพฺพตฺถ อุปปชฺชนฺตานํ เอว โส ตถา วุตฺโต, น อุปฺปนฺนานํ. อุปฺปนฺนานํ ปน อฺสฺส อนาคตสฺส สนฺตานสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน วตฺตพฺโพ, น ตสฺเสว. ตสฺส หิ อุปฺปาทานนฺตรํ นิโรโธ อารทฺโธ นาม โหตีติ. ตสฺมา อรหตํ ปวตฺเต โสตสฺส จกฺขุสฺส จ เภเท สติปิ อนาคตกาลามสนวเสเนว ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสตายตนํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา. ยสฺส วา ปน โสตายตนํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชนทฺวยํ อุปปนฺนเมว โหตีติ. ยสฺมา จ อุปปตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ ¶ อารทฺโธ นาม โหติ, ตํนิฏฺานภาวโต ปน จุติยา นิโรธวจนํ, ตสฺมา ปวตฺเต นิรุทฺเธปิ สนฺตาเนกเทเส อนิรุทฺธํ อุปาทาย อนิฏฺิตนิโรโธติ จุติยาว ตสฺส นิโรโธติ วุจฺจติ. วกฺขติ หิ ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา’’ติ, เตเนตฺถาปิ จุตินิโรเธ เอว จ อธิปฺเปเต ยฺจ ปวตฺเต นิรุชฺฌิสฺสติ, ตฺจ นิฏฺานวเสน จุติยา เอว นิรุชฺฌิสฺสตีติ วุตฺตนฺติ ‘‘อามนฺตา’’ติ ยุตฺตํ ปฏิวจนํ. ‘‘สจกฺขุกาน’’นฺติอาทีสุ จ ‘‘ปฏิลทฺธจกฺขุกาน’’นฺติอาทินา อตฺโถ วิฺายตีติ.
‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส โสตายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตานํ, อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ จกฺขายตนํ น นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ โสตายตนํ ¶ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ เอตฺถ อารุปฺเป ปจฺฉิมภวิเก เปตฺวา สพฺเพ อุปปชฺชนฺตา, อจกฺขุกา จวนฺตา จ คหิตาติ ทฏฺพฺพา. เต หิ ทุติยโกฏฺาเสน สงฺคยฺหนฺตีติ ตทเปกฺขตฺตา สาวเสสมิทํ สพฺพวจนํ อจกฺขุกวจนฺจาติ. ‘‘อารุปฺเป ปจฺฉิมภวิกาน’’นฺติ เอตฺถ จ อรูปโต ปฺจโวการํ อคจฺฉนฺตา อนฺูปปตฺติกาปิ ‘‘อรูเป ปจฺฉิมภวิกา’’อิจฺเจว สงฺคยฺหนฺตีติ เวทิตพฺพา. เอส นโย อฺเสุปิ เอวรูเปสูติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อายตนยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ธาตุยมกํ
๑-๑๙. ลพฺภมานานนฺติ อิทํ ปวตฺติวาเร สทฺทธาตุสมฺพนฺธานํ ยมกานํ จกฺขุวิฺาณธาตาทิสมฺพนฺธานฺจ จุติปฏิสนฺธิวเสน อลพฺภมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ธาตุยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สจฺจยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๑๐-๒๖. ‘‘ทุกฺขํ ¶ ทุกฺขสจฺจนฺติ? อามนฺตา’’ติ เอตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺขทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ วิปริณามทุกฺขนฺติ ตีสุปิ ทุกฺขสทฺโท ปวตฺตติ, ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔; วิภ. ๑๙๐) ชาติอาทีสุ จ, โส ปน ทุกฺขทุกฺขโต อฺตฺถ ปวตฺตมาโน ¶ อฺนิรเปกฺโข นปฺปวตฺตติ. สุทฺธฺเจตฺถ ทุกฺขปทํ อฺนิรเปกฺขํ คเหตฺวา ปณฺณตฺติโสธนํ กโรติ, เตน นิปฺปริยายโต ทุกฺขสภาวตฺตา เอว ยํ ทุกฺขทุกฺขํ, ตสฺมึ ทุกฺขทุกฺเข เอส ทุกฺขสทฺโท, ตฺจ เอกนฺเตน ทุกฺขสจฺจเมวาติ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. สุทฺธสจฺจวาเร สจฺจวิภงฺเค วุตฺเตสุ สมุทเยสุ โกจิ ผลธมฺเมสุ นตฺถิ, น จ ผลธมฺเมสุ โกจิ นิโรโธติ วุจฺจมาโน อตฺถิ, มคฺคสทฺโท จ ผลผลงฺเคสุ มคฺคผลตฺตา ปวตฺตติ, น มคฺคกิจฺจสพฺภาวา. ปรินิฏฺิตนิยฺยานกิจฺจานิ หิ ตานิ. นิยฺยานวาจโก เจตฺถ มคฺคสทฺโท, น นิยฺยานผลวาจโก, ตสฺมา สมุทโย สจฺจํ, นิโรโธ สจฺจํ, มคฺโค สจฺจนฺติ เอเตสุปิ ‘‘อามนฺตา’’อิจฺเจว วิสฺสชฺชนํ กตํ.
อถ วา ปทโสธเนน ปเทสุ โสธิเตสุ สจฺจวิเสสนภูตา เอว ทุกฺขาทิสทฺทา อิธ คหิตาติ วิฺายนฺติ. เตสํ ปน เอกนฺเตน สจฺจวิเสสนภาวํ, สจฺจานฺจ ตพฺพิเสสนโยควิเสสํ ทีเปตุํ สุทฺธสจฺจวาโร วุตฺโตติ สจฺจวิเสสนานํ ทุกฺขาทีนํ เอกนฺตสจฺจตฺตา ‘‘ทุกฺขํ สจฺจํ…เป… มคฺโค สจฺจนฺติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ขนฺธยมกาทีสุปิ สุทฺธขนฺธาทิวาเรสุ ขนฺธาทิวิเสสนภูตานเมว รูปาทีนํ คหณํ ยุตฺตํ. อฏฺกถายํ (ยม. อฏฺ. ขนฺธยมก ๓๘) ปน ‘‘ยสฺมา ปิยรูปสาตรูปสงฺขาตํ วา รูปํ โหตุ ภูตุปาทารูปํ วา, สพฺพํ ปฺจสุ ขนฺเธสุ สงฺคหํ คจฺฉเตว, ตสฺมา อามนฺตาติ ปฏิชานาตี’’ติ วจเนน รูปาทิจกฺขาทิทุกฺขาทิคฺคหเณหิ สุทฺธขนฺธาทิวาเรสุปิ ขนฺธาทิวิเสสนโต อฺเปิ คหิตาติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหติ, เตน ตทนุรูปตาวเสน อิตโร อตฺโถ วุตฺโต.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๒๗-๑๖๔. อนฺตมโส ¶ สุทฺธาวาสานมฺปีติ อิทํ เตสํ อริยตฺตา ทุกฺขสจฺเจน อุปปชฺชเน อาสงฺกา สิยาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อิทํ ปฺจโวการวเสเนว คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ เอเตน ปน สนฺนิฏฺาเนน สพฺเพ อุปปชฺชนฺตา ปวตฺติยํ จตุโวกาเร ¶ มคฺคผลโต อฺจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน ปฺจโวกาเร จ สพฺพจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน สงฺคหิตาติ เตสฺเวว สนฺนิฏฺาเนน นิจฺฉิเตสุ เกจิ ‘‘ปวตฺเต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ เอเตน ทุกฺขสมุทเยสุ เอกโกฏฺาสปฺปวตฺติสมงฺคิโน ทสฺสียนฺติ สนฺนิฏฺาเนน คหิตสฺเสว วิภาคทสฺสนโต, เตน จตุโวการานมฺปิ คหณํ อุปปนฺนเมว. น หิ เตสุ มคฺคผลุปฺปาทสมงฺคีสุ ปสงฺคตา อตฺถิ ตํสมงฺคีนํ เตสํ สนฺนิฏฺาเนน อคฺคหิตตฺตาติ. อิทํ อิธ น คเหตพฺพนฺติ อิทํ จตุโวกาเร ผลสมาปตฺติจิตฺตํ อิธ สจฺจานํ อุปฺปาทวจเน น คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺถ จ สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ อิทํ กมฺมชปวตฺตสฺส ปมุปฺปาททสฺสเนน วุตฺตํ, อสฺสตฺตาเปตฺถ สงฺคหิตา. ปวตฺเต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อิทํ ปน สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺส ทุกฺขสจฺจุปฺปาทสฺส ตํรหิตสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตณฺหาย อุปฺปาทกฺขเณติ ตํสหิตสฺส สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺส. เตสํ ปน อสฺสตฺตานํ ปวตฺติยํ ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาโท สพฺพตฺถ น คหิโต, ตถา นิโรโธ จาติ. มคฺคสจฺจยมเกปิ เอเสว นโย. เตสํ ตสฺมึ อุปปตฺติกฺขเณ จ ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จาติ เอวเมตฺถ ขณวเสน โอกาโส เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ, เอวฺจ สติ ‘‘ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๗๑) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ปจฺฉิมโกฏฺาเส ‘‘อิตเรสํ จตุโวการํ ปฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ, ปวตฺเต จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจฺจ อุปฺปชฺชติ สมุทยสจฺจฺจ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อิทํ น ยุชฺเชยฺย. น หิ อุปปตฺติกฺขเณ จิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ. ตสฺมา อุปปตฺติกฺขณตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขณสมงฺคีนํ ปุคฺคลานํ ยสฺมึ กามาวจราทิโอกาเส สา อุปปตฺติ จิตฺตุปฺปตฺติ จ ปวตฺตมานา, ตตฺถ เตสนฺติ โอกาสวเสเนเวตฺถ ¶ ตตฺถ-สทฺทสฺส อตฺโถ ยุชฺชติ. ปุคฺคโลกาสวาโร เหส. ตตฺถ ปุคฺคลวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, โอกาโส ปน ยตฺถ เต, โส เอวาติ.
‘‘สพฺเพสํ จวนฺตานํ ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อารุปฺเป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สมุทยสจฺจฺจ นุปฺปชฺชติ ทุกฺขสจฺจฺจ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ปน ‘‘ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ จิตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา จิตฺตชรูปเมว อิธาธิปฺเปตํ, น กมฺมชาทิรูปํ จิตฺตํ อนเปกฺขิตฺวาว อุปฺปชฺชนโตติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘ยสฺส วา ¶ ปน สมุทยสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน ปน สนฺนิฏฺาเนน คหิโต ปุคฺคโล น จิตฺตํ อเปกฺขิตฺวาว คหิโต, อถ โข โย โกจิ เอวํปกาโร, ตสฺมา ‘‘ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน จ น จิตฺตาเปกฺขเมว ทุกฺขสจฺจํ วุตฺตํ, อถ โข ยํ กิฺจีติ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ยํ กิฺจิ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตีติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ. น หิ ยมเก วิภชิตพฺเพ อวิภตฺตา นาม ปุจฺฉา อตฺถีติ.
‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเตวตฺตมาเน’’ติ อิทํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ สมุทยสจฺจํ, ตํทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตสฺมึ ปน ทสฺสิเต เตน สมานคติกตฺตา ทุติยากุสลจิตฺตโต ปุริมสพฺพจิตฺตสมงฺคิโน เตเนว ทสฺสิตา โหนฺติ. เตสมฺปิ หิ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ โน จ เตสํ ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถาติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อิตเรสํ จตุโวการปฺจโวการาน’’นฺติ เอตฺถ ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสา อคฺคหิตา โหนฺติ. ยถา ‘‘ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๖๑) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๖๑) เอเตเนว อุปปตฺติจิตฺตุปฺปาทกฺขณสมงฺคิสมานคติกา ทุติยากุสลโต ปุริมสพฺพจิตฺตุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน ทสฺสิตา โหนฺตีติ น เต ‘‘อิตเรส’’นฺติ เอเตน คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘อิตเรส’’นฺติ วจนํ ปฺจโวการานํ วิเสสนตฺถํ, น จตุโวการานํ. น หิ เต ปุพฺเพ วุตฺตา วชฺเชตพฺพา สนฺติ ปฺจโวการา วิย ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสาติ. ‘‘อภิสเมตาวีนํ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจฺจ อุปฺปชฺชิตฺถ มคฺคสจฺจฺจ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๑) เอเตน สนฺนิฏฺาเนน ปุคฺคโลกาสา อฺมฺปริจฺฉินฺนา คหิตาติ ยสฺมึ โอกาเส อภิสเมตาวิโน, เต เอวํ ‘‘อภิสเมตาวีน’’นฺติ เอเตน คหิตาติ ทฏฺพฺพา ¶ . เตน เย กามาวจเร รูปาวจเร อรูปาวจเร วา อภิสเมตาวิโน รูปาวจรํ อรูปาวจรํ วา อุปปนฺนา, ยาว ตตฺถาภิสมโย อุปฺปนฺโน ภวิสฺสติ, ตาว เต เอตฺถ น คยฺหนฺติ, เต ปน ปุริมโกฏฺาเส ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเน’’ติ เอวํ ทสฺสิเตหิ สุทฺธาวาเส อนุปฺปนฺนาภิสมเยหิ สมานคติกาติ วิสุํ น ทสฺสิตา. ‘‘อนภิสเมตาวีน’’นฺติ คหิตา เย สพฺพตฺถ ตตฺถ จ อนภิสเมตาวิโน, เตสุ สุทฺธาวาสานํ คหณกาลวิเสสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเน’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๒) วุตฺตนฺติ.
ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อคฺคมคฺคํ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ เอเตน โวทานจิตฺตสมงฺคินา สมานคติกา ¶ ตโต ปุริมตรจิตฺตสมงฺคิโนปิ ยาว สพฺพนฺติมตณฺหาสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคี, ตาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. เอส นโย อฺเสุ เอวรูเปสูติ.
ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณติ อาคตฏฺาเน ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺสปิ ภงฺคกฺขณคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ, ตถา ‘‘ปวตฺเต จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ อาคตฏฺาเน จ จุติจิตฺตสฺสปิ อุปฺปาทกฺขณสฺสาติ. ‘‘ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส สมุทยสจฺจํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๑๖) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ทฺวีสุปิ โกฏฺาเสสุ ‘‘อรูเป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขเณ’’อิจฺเจว (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๑๖) วุตฺตํ, น วิเสสิตํ. กสฺมา? เอกสฺสปิ มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขณสมงฺคิโน อุภยโกฏฺาสภชนโต. ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ น นิรุชฺฌตีติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน คหิเตสุ หิ อรุเป มคฺคผลภงฺคกฺขณสมงฺคีสุ เกสฺจิ ติณฺณํ ผลานํ ทฺวินฺนฺจ มคฺคานํ ภงฺคกฺขณสมงฺคีนํ นิรนฺตรํ อนุปฺปาเทตฺวา อนฺตรนฺตรา วิปสฺสนานิกนฺตึ ภวนิกนฺตึ อุปฺปาเทตฺวา เย อุปริมคฺเค อุปฺปาเทสฺสนฺติ, เตสํ สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ เตสํเยว ปน เกสฺจิ อนฺตรา ตณฺหํ อนุปฺปาเทตฺวา อุปริมคฺคอุปฺปาเทนฺตานํ มคฺคผลภงฺคกฺขณสมงฺคีนํ สมุทยสจฺจํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ. สามฺวจเนนปิ จ ปุริมโกฏฺาเส วุจฺจมาเนน ปจฺฉิมโกฏฺาเส วกฺขมาเน วชฺเชตฺวาว คหณํ โหตีติ ทสฺสิโตยํ นโยติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปริฺาวารวณฺณนา
๑๖๕-๑๗๐. ปริฺาวาเร ¶ …เป… ติสฺโสเปตฺถ ปริฺา ลพฺภนฺตีติ เอตฺเถว วิเสสนํ ขนฺธยมกาทีสุ สพฺพขนฺธาทีนํ วิย สพฺพสจฺจานํ อปริฺเยฺยตาทสฺสนตฺถํ สจฺฉิกรณภาวนาวเสน อิมสฺส วารสฺส อปฺปวตฺติทสฺสนตฺถฺจ. ทุกฺขสฺส ปริฺตฺถํ สมุทยสฺส จ ปหานตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ ปริฺาปหานํ สจฺเจสุ ทสฺเสตุํ ทุกฺเข ตีรณปริฺา วุตฺตา, น ปหานปริฺา. สมุทเย จ ปหานปริฺา, น ตีรณปริฺา. าตปริฺา ปน สาธารณาติ อุภยตฺถ วุตฺตา. มคฺคาณฺหิ ทุกฺขสมุทยานิ วิภาเวตีติ าตปริฺา จ โหติ ¶ , ทุกฺขตีรณกิจฺจานํ นิปฺผาทนโต ตีรณปริฺา จ, สมุทยสฺส อปฺปวตฺติกรณโตว ปหานปริฺา จาติ ติสฺโสปิ ปริฺา มคฺคกฺขเณ เอว โยเชตพฺพาติ.
ปริฺาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สจฺจยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สงฺขารยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา
๑. ขนฺธาทโย วิย ปุพฺเพ อวิภตฺตา กายสงฺขาราทโยติ เตสํ อวิฺาตตฺตา ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๔๘) ตโย สงฺขาเร วิภชติ. กายสฺส สงฺขาโรติ ปเม อตฺเถ สามิอตฺเถ เอว สามิวจนํ, ทุติเย อตฺเถ กตฺตุอตฺเถ. วจิยา สงฺขาโรติ กมฺมตฺเถ สามิวจนํ. จิตฺตสฺส สงฺขาโรติ จ กตฺตุอตฺเถเยว. โส ปน กรณวจนสฺส อตฺโถติ กตฺวา ‘‘กรณตฺเถ สามิวจนํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
๒-๗. สุทฺธิกเอเกกปทวเสน อตฺถาภาวโตติ ปทโสธนตํมูลกจกฺกวาเรหิ โยปิ อตฺโถ ทสฺสิโต ทฺวีหิ ปเทหิ ลพฺภมาโน เอโก อสฺสาสปสฺสาสาทิโก, ตสฺส สุทฺธิเกหิ กายาทิปเทหิ สุทฺธิเกน ¶ จ สงฺขารปเทน อวจนียตฺตา ยถา รูปปทสฺส ขนฺเธกเทโส ขนฺธปทสฺส ขนฺธสมุทาโย ปทโสธเน ทสฺสิโต ยถาธิปฺเปโต อตฺโถ อตฺถิ, เอวํ เอเกกปทสฺส ยถาธิปฺเปตตฺถาภาวโตติ อธิปฺปาโย. กาโย กายสงฺขาโรติอาทิ ปน วตฺตพฺพํ สิยาติ ยทิ วิสุํ อทีเปตฺวา สมุทิโต กายสงฺขารสทฺโท เอกตฺถ ทีเปติ, กายสงฺขารสทฺโท กายสงฺขารตฺเถ วตฺตมาโน ขนฺธสทฺโท วิย รูปสทฺเทน กายสทฺเทน วิเสสิตพฺโพติ อธิปฺปาเยน วทติ. สุทฺธสงฺขารวาโร เหสาติ เอเตน อิมสฺส วารสฺส ปทโสธเนน ทสฺสิตานํ ยถาธิปฺเปตานเมว คหณโต เตสฺจ กายาทิปเทหิ อคฺคหิตตฺตา ‘‘กาโย กายสงฺขาโร’’ติอาทิวจนสฺส อยุตฺตึ ทสฺเสติ. อิธ ปน สงฺขารยมเก กายาทิปทานํ สงฺขารปทสฺส จ อสมานาธิกรณตฺตา ‘‘กาโย สงฺขาโร, สงฺขารา กาโย’’ติอาทิมฺหิ ¶ วุจฺจมาเน อธิปฺเปตตฺถปริจฺจาโค อนธิปฺเปตตฺถปริคฺคโห จ กโต สิยาติ สุทฺธสงฺขารตํมูลจกฺกวารา น วุตฺตา. ปทโสธนวารตํมูลจกฺกวาเรหิ ปน อสมานาธิกรเณหิ กายาทิปเทหิ สงฺขารสทฺทสฺส วิเสสนียตาย ทสฺสิตาย สํสโย โหติ ‘‘โย อตฺถนฺตรปฺปวตฺตินา กายสทฺเทน วิเสสิโต กายสงฺขาโร, เอโส อตฺถนฺตรปฺปวตฺตีหิ วจีจิตฺเตหิ วิเสสิโต อุทาหุ อฺโ’’ติ. เอวํ เสเสสุปิ. เอตฺถ เตสํ อฺตฺถ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร’’ติอาทินา อนุโลมปฏิโลมวเสน ฉ ยมกานิ วุตฺตานีติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺกถายํ ปน สุทฺธสงฺขารวารฏฺาเน วุตฺตตฺตา อยํ นโย สุทฺธสงฺขารวาโรติ วุตฺโต.
ปณฺณตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๑๙. ปวตฺติวาเร สงฺขารานํ ปุคฺคลานฺจ โอกาสตฺตา ฌานํ ภูมิ จ วิสุํ โอกาสภาเวน คหิตาติ ปุคฺคลวาเร จ โอกาสวเสน ปุคฺคลคฺคหเณน เตสํ ทฺวินฺนํ โอกาสานํ วเสน คหณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘วินา วิตกฺกวิจาเรหิ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ ทุติยตติยชฺฌาโนกาสวเสน คหิตา ปุคฺคลา วิเสเสตฺวา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา ¶ . ปุน ปมชฺฌานํ สมาปนฺนานนฺติ ฌาโนกาสวเสน ปุคฺคลํ ทสฺเสติ, กามาวจรานนฺติ ภูโมกาสวเสน. ทฺวิปฺปการานมฺปิ ปน เตสํ วิเสสนตฺถมาห ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ. เตน รูปารูปาวจเรสุ ปมชฺฌานสมาปนฺนเก กามาวจเร คพฺภคตาทิเก จ นิวตฺเตติ. กามาวจรานมฺปิ หิ คพฺภคตาทีนํ วินา อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. อฏฺกถายํ ปน เอกนฺติกตฺตา รูปารูปาวจรา นิทสฺสิตา. วินา อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปาทกฺขเณติ เอเตน ปน ทสฺสิตา ปุคฺคลา ปมชฺฌาโนกาสา กามาวจราทิโอกาสา จ อสฺสาสปสฺสาสวิรหวิสิฏฺา ทฏฺพฺพา. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ปุคฺคลวิภาโค เวทิตพฺโพ.
๒๑. ‘‘ปมชฺฌาเน กามาวจเรติ กามาวจรภูมิยํ อุปฺปนฺเน ปมชฺฌาเน’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ ¶ , เอตสฺมึ ปน อตฺเถ สติ ‘‘จตุตฺถชฺฌาเน รูปาวจเร อรูปาวจเร ตตฺถ จิตฺตสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ, โน จ ตตฺถ กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถาปิ รูปารูปาวจรภูมีสุ อุปฺปนฺเน จตุตฺถชฺฌาเนติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส จ อนิฏฺโ ภูมีนํ โอกาสภาวสฺเสว อคฺคหิตตาปตฺติโต, สพฺพจตุตฺถชฺฌานสฺส โอกาสวเสน อคฺคหิตตาปตฺติโต จ, ตสฺมา ฌานภูโมกาสานํ สงฺกรํ อกตฺวา วิสุํ เอว โอกาสภาโว โยเชตพฺโพ. ปมชฺฌาโนกาเสปิ หิ กายสงฺขาโร จ อุปฺปชฺชติ วจีสงฺขาโร จ อุปฺปชฺชติ กามาวจโรกาเส จ. ยทิปิ น สพฺพมฺหิ ปมชฺฌาเน สพฺพมฺหิ จ กามาวจเร ทฺวยํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ปน ตํทฺวยุปฺปตฺติ อตฺถีติ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิสุํ โอกาสตฺตา จ ‘‘องฺคมตฺตวเสน เจตฺถา’’ติอาทิวจนํ น วตฺตพฺพํ โหตีติ. อิมมฺหิ จ ยมเก อวิตกฺกวิจารมตฺตํ ทุติยชฺฌานํ วิจารวเสน ปมชฺฌาเน สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. มุทฺธภูตํ ทุติยชฺฌานํ คเหตฺวา อิตรํ อสงฺคหิตนฺติ วา. ยสฺสยตฺถเก ‘‘นิโรธสมาปนฺนาน’’นฺติ น ลพฺภติ. น หิ เต อสฺสตฺตา วิย โอกาเส โหนฺตีติ.
๓๗. สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเนติ เตสํ ปมโต อวิตกฺกอวิจารโต ทุติเย สวิตกฺกสวิจาเรปิ ภวนิกนฺติอาวชฺชเน วตฺตมาเน อุภยํ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ทสฺเสนฺเตน ตโต ปุริมจิตฺตกฺขเณสุปิ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ¶ ทสฺสิตเมว โหติ. ยถา ปน จิตฺตสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วจีสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺขารยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อนุสยยมกํ
ปริจฺเฉทปริจฺฉินฺนุทฺเทสวารวณฺณนา
๑. ปจฺจยปริคฺคหปริโยสานา าตปริฺาติ ปจฺจยทีปเกน มูลยมเกน าตปริฺํ ¶ , ขนฺธาทีสุ ตีรณพาหุลฺลโต ขนฺธาทิยมเกหิ ตีรณปริฺฺจ วิภาเวตฺวา อนุสยปหานนฺตา ปหานปริฺาติ ปหาตพฺพมุทฺธภูเตหิ อนุสเยหิ ปหานปริฺํ วิภาเวตุํ อนุสยยมกํ อารทฺธํ. ลพฺภมานวเสนาติ อนุสยภาเวน ลพฺภมานานํ วเสนาติ อตฺโถ. ตีหากาเรหิ อนุสยานํ คาหาปนํ เตสุ ตถา อคฺคหิเตสุ อนุสยวาราทิปาฬิยา ทุรวโพธตฺตา.
อยํ ปเนตฺถ ปุริเมสูติ เอเตสุ สานุสยวาราทีสุ ปุริเมสูติ อตฺโถ. อตฺถวิเสสาภาวโต ‘‘กามธาตุํ วา ปน อุปปชฺชนฺตสฺส กามธาตุยา จุตสฺส, รูปธาตุํ วา ปน อุปปชฺชนฺตสฺส กามธาตุยา จุตสฺสา’’ติ เอวมาทีหิ อวุจฺจมาเน กถมยํ ยมกเทสนา สิยาติ? นายํ ยมกเทสนา, ปุริมวาเรหิ ปน ยมกวเสน เทสิตานํ อนุสยานํ จุติอุปปตฺติวเสน อนุสยฏฺานปริจฺเฉททสฺสนํ. ยมกเทสนาพาหุลฺลโต ปน สพฺพวารสมุทายสฺส อนุสยยมกนฺติ นามํ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปฏิโลมปุจฺฉาปิ อตฺถวเสน ลพฺภนฺติ, อตฺถวิเสสาภาวโต ปน น วุตฺตาติ ลพฺภมานตาวเสน เอติสฺสาปิ เทสนาย ยมกเทสนตา เวทิตพฺพา.
อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ เอเตน การณลาเภ อุปฺปตฺติอรหตํ ทสฺเสติ. อปฺปหีนา หิ อนุสยา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติ. ยาว จ มคฺเคน เตสํ อนุปฺปตฺติอรหตา น กตา โหติ, ตาว ¶ เต เอวํปการา เอวาติ ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ. โส เอวํปกาโร อุปฺปชฺชติ-สทฺเทน คหิโต, น ขนฺธยมกาทีสุ วิย อุปฺปชฺชมานตา. เตเนว ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปฏิฆานุสโย อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติอาทินา อุปฺปชฺชนวาโร อนุสยวาเรน นินฺนานากรโณ วิภตฺโต. อนุรูปํ การณํ ปน ลภิตฺวา เย อุปฺปชฺชึสุ อุปฺปชฺชมานา จ, เตปิ อปฺปหีนฏฺเน ถามคตา อเหสุํ ภวนฺติ จ. อุปฺปตฺติอรหตาย เอว จ เต อุปฺปชฺชึสุ อุปฺปชฺชนฺติ จ, น จ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนโต อฺเ อุปฺปตฺติอรหา นาม อตฺถิ, ตสฺมา สพฺเพ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา กามราคาทโย ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ. อปฺปหีนฏฺเเนว หิ อนุสยา, อปฺปหีนา จ อตีตาทโย เอว, มคฺคสฺส ปน ตาทิสานํ อนุปฺปตฺติอรหตาปาทเนน อนุสยปฺปหานํ โหตีติ. อปฺปหีนากาโร นาม ธมฺมากาโร, น ธมฺโม, ธมฺโม เอว จ อุปฺปชฺชตีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘อปฺปหีนากาโร จ อุปฺปชฺชตีติ วตฺตุํ น ยุชฺชตี’’ติ. สตฺตานุสยาติ เอตฺถ ยทิ อปฺปหีนฏฺเน สนฺตาเน อนุเสนฺตีติ อนุสยา, อถ กสฺมา สตฺเตว วุตฺตา, นนุ สตฺตานุสยโต อฺเสมฺปิ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา อนุสยภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นาปชฺชติ, อปฺปหีนมตฺตสฺเสว อนุสยภาวสฺส อวุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ¶ ‘‘อนุสโยติ ปน อปฺปหีนฏฺเน ถามคตกิเลโส วุจฺจตี’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๑), ตสฺมา อปฺปหีนฏฺเน ถามคโต กิเลโสเยว อนุสโย นามาติ ยุตฺตํ. ถามคตนฺติ จ อฺเหิ อสาธารโณ สภาโว ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ธมฺมสภาวโพธินา ตถาคเตน อิเมเยว ‘‘อนุสยา’’ติ วุตฺตา. ถามคโตติ อนุสยสมงฺคีติ อตฺโถ.
อนุสยอุปฺปชฺชนวารานํ สมานคติกตฺตา ยถา ‘‘อนุเสตี’’ติ วจนํ อปฺปหีนาการทีปกํ, เอวํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ สิยาติ อุปฺปชฺชนวาเรน ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนสฺส อวุตฺตตา สกฺกา วตฺตุนฺติ เจ? ตํ น, วจนตฺถวิเสเสน ตํทฺวยสฺส วุตฺตตฺตา. ‘‘อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชตี’’ติ หิ เอตสฺมึ อตฺเถ อวิสิฏฺเปิ ‘‘อนุเสตี’’ติ วจนํ สนฺตาเน อนุสยิตตํ ถามคตภาวํ ทีเปติ. ยทิ ตเมว ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ ทีเปยฺย, กสฺสจิ วิเสสสฺส อภาวา อุปฺปชฺชนวาโร น วตฺตพฺโพ สิยา, ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ ปน อุปฺปตฺติโยคฺคํ ทีเปติ. กสฺมา? อุปฺปชฺชนวาเรน อุปฺปตฺติโยคฺคสฺส ¶ ทสฺสิตตฺตา, อนุสยสทฺทสฺส สพฺพทา วิชฺชมานานํ อปรินิปฺผนฺนสยนตฺถตาย นิวารณตฺถํ อุปฺปตฺติอรหตาย ถามคตภาวสงฺขาตสฺส ยถาธิปฺเปตสยนตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุเสนฺตีติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ยํ อุปฺปตฺติโยคฺควจนํ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย. ตมฺปิ สุวุตฺตเมว อิมินา ตนฺติปฺปมาเณนาติ สมฺพนฺโธ. ตนฺติตฺตเยนปิ หิ จิตฺตสมฺปยุตฺตตา ทีปิตา โหติ.
ปริจฺเฉทปริจฺฉินฺนุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปฺปตฺติฏฺานวารวณฺณนา
๒. กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสูติ กามาวจรภูมิยํ สุขาย จ อุเปกฺขาย จาติ อฏฺกถายํ กามธาตุคฺคหณํ ทฺวินฺนํ เวทนานํ วิเสสนภาเวน วุตฺตํ, เอวํ สติ กามธาตุยา กามราคานุสยสฺส อนุสยฏฺานตา น วุตฺตา โหติ. ทฺวีสุ ปน ราเคสุ ภวราคสฺส ตีสุ ธาตูสุ รูปารูปธาตูนํ อนุสยฏฺานตา วุตฺตาติ กามธาตุยา กามราคสฺส อนุสยฏฺานตา วตฺตพฺพา. ธาตุเวทนาสพฺพสกฺกายปริยาปนฺนวเสน ¶ หิ ติปฺปการํ อนุสยานํ อนุสยฏฺานํ วุตฺตนฺติ. ตสฺมา ตีสุ ธาตูสุ กามธาตุยา ตีสุ เวทนาสุ ทฺวีสุ เวทนาสุ เอตฺถ กามราคานุสโย อนุเสตีติ วิสุํ อนุสยฏฺานตา ธาตุยา เวทนานฺจ โยเชตพฺพา. ทฺวีสุ เวทนาสูติ อิทฺจ เวทนาสุ อนุสยมาโน กามราคานุสโย ทฺวีสฺเวว อนุเสติ, น ตีสูติ ติณฺณมฺปิ านตานิวารณตฺถเมว วุตฺตนฺติ น สพฺพาสุ ทฺวีสุ อนุสยนปฺปตฺโต อตฺถิ, เตน เวทนาวิเสสนตฺถํ น กามธาตุคฺคหเณน โกจิ อตฺโถ. ภวราคานุสยนฏฺานฺหิ อฏฺานฺจ อนุสยานํ อปริยาปนฺนํ สกฺกาเย กามราคานุสยสฺส อนุสยฏฺานํ น โหตีติ ปากฏเมตํ. ยถา จ ‘‘ทฺวีสุ เวทนาสู’’ติ วุตฺเต ปฏิฆานุสยานุสยฏฺานโต อฺา ทฺเว เวทนา คยฺหนฺติ, เอวํ ภวราคานุสยานุสยนฏฺานโต จ อฺา ตา คยฺหนฺตีติ.
เอตฺถ จ ทฺวีหิ เวทนาหิ สมฺปยุตฺเตสุ อฺเสุ จ ปิยรูปสาตรูเปสุ อิฏฺรูปาทีสุ อุปฺปชฺชมาโน กามราคานุสโย สาตสนฺตสุขคิทฺธิยา ปวตฺตตีติ ทฺวีสุ เวทนาสุ ตสฺส อนุสยนํ วุตฺตํ. อฺตฺถ อุปฺปชฺชมาโนปิ ¶ หิ โส อิมาสุ ทฺวีสุ เวทนาสุ อนุคโต หุตฺวา เสติ สุขมิจฺเจว อภิลภตีติ. เอวํ ปฏิฆานุสโย จ ทุกฺขเวทนาสมฺปยุตฺเตสุ อฺเสุ จ อปฺปิยรูปาสาตรูเปสุ อนิฏฺรูปาทีสุ อุปฺปชฺชมาโน ทุกฺขปฏิกูลโต ทุกฺขมิจฺเจว ปฏิหฺตีติ ทุกฺขเวทนเมว อนุคโต หุตฺวา เสติ, เตน ปน ตสฺมึ อนุสยนํ วุตฺตํ. เอวํ กามราคปฏิฆานํ ตีสุ เวทนาสุ อนุสยวจเนน อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺเสุ อารมฺมณปกติยา วิปรีตสฺาย จ วเสน อิฏฺาทิภาเวน คหิเตสุ กามราคปฏิฆานํ อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. ตตฺถ อุปฺปชฺชมานา หิ เต ตีสุ เวทนาสุ อนุเสนฺติ นาม. เวทนาตฺตยมุเขน วา เอตฺถ อิฏฺาทีนํ อารมฺมณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ, กามธาตุอาทิคฺคหเณน กามสฺสาทาทิวตฺถุภูตานํ กามภวาทีนํ. ตตฺถ กามราคานุสโย ภวสฺสาทวเสน อนุสยมาโน กามธาตุยา อนุเสติ, กามสุขสฺสาทวเสน อนุสยมาโน สุโขเปกฺขาเวทนาสุ. ปฏิโฆ ทุกฺขปฏิฆาตวเสเนว ปวตฺตตีติ ยตฺถ ตตฺถ ปฏิหฺมาโนปิ ทุกฺขเวทนาย เอว อนุเสติ. รูปารูปภเวสุ ปน รูปารูปาวจรธมฺเมสุ จ กามสฺสาทสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ ตตฺถ อนุสยมาโน ราโค ภวราโคอิจฺเจว เวทิตพฺโพ. ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยคฺคหเณน จ สพฺพสกฺกายปริยาปนฺนานํ คหิตตฺตา ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย นานุเสติ, ตตฺถ ทิฏฺานุสโย นานุเสตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๔๖) เอวมาทีนํ วิสฺสชฺชเนสุ ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยวินิมุตฺตํ ทิฏฺานุสยาทีนํ อนุสยฏฺานํ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาปยโต ปิหปจฺจยา ¶ อุปฺปนฺนโทมนสฺเส ปฏิฆานุสโย นานุเสติ, ตถา เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสุเปกฺขาสุ กามราเคน นานุสยิตพฺพนฺติ ตทนุสยนฏฺานโต อฺาปิ ทิฏฺานุสยานุสยนฏฺานภูตา กามาวจรเวทนา สนฺตีติ? โหนฺตุ, น ปน ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยโต อฺํ ตทนุสยนฏฺานํ อตฺถิ, ตสฺมา ตํ น วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย จ ปฏิฆานุสโย จ มานานุสโย จ นานุเสนฺติ, ตตฺถ ทิฏฺานุสโย วิจิกิจฺฉานุสโย นานุเสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๕๒) วุตฺตํ, ตสฺมา อวิเสเสน ทุกฺขํ ปฏิฆานุสยสฺส อนุสยนฏฺานนฺติ สมุทายวเสน คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา โลกิยสุโขเปกฺขา กามราคมานานุสยนฏฺานนฺติ.
อปิจ ¶ สุตฺเต ‘‘อิธาวุโส วิสาข, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ โทมนสฺสํ ปชเหยฺย’นฺติ, โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา ปฏิฆํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ปฏิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ เนกฺขมฺมสฺสิตํ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา วีริยํ กตฺวา อนาคามิมคฺเคน ปฏิฆสฺส สมุคฺฆาตนํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ ปฏิเฆเนว ปฏิฆปฺปหานํ, โทมนสฺเสน วา โทมนสฺสปฺปหานํ อตฺถีติ. ปฏิฆุปฺปตฺติรหฏฺานตาย ปน อิธ สพฺพํ ทุกฺขํ ‘‘ปฏิฆานุสยสฺส อนุสยนฏฺาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิปฺปริยายเทสนา เหสา, สา ปน ปริยายเทสนา. เอวฺจ กตฺวา ปมชฺฌานวิกฺขมฺภิตํ กามราคานุสยํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตนํ สนฺธาย ‘‘วิวิจฺเจว…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ราคํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ จตุตฺถชฺฌานวิกฺขมฺภิตํ อวิชฺชานุสยํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาตนํ สนฺธาย ‘‘สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อวิชฺชํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) วุตฺตํ. น หิ โลกิยจตุตฺถชฺฌานุเปกฺขาย อวิชฺชานุสโย สพฺพถา นานุเสตีติ สกฺกา วตฺตุํ ‘‘สพฺพสกฺกายปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสุ เอตฺถ อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๒) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา อวิชฺชานุสยสฺเสว วตฺถุ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขา, เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสฺจ ปฏิฆานุสยสฺส วตฺถุ น น โหตีติ ตตฺถาปิ ตสฺส อนุสยนํ เวทิตพฺพํ. อวตฺถุภาวโต หิ อิธ อนุสยนํ น วุจฺจติ, น สุตฺตนฺเตสุ วิย วุตฺตนเยน ตํปฏิปกฺขภาวโต ตํสมุคฺฆาตกมคฺคสฺส พลวูปนิสฺสยภาวโต จาติ.
เอตฺถ ¶ จ อารมฺมเณ อนุสยฏฺาเน สติ ภวราควชฺโช สพฺโพ โลโภ กามราคานุสโยติ น สกฺกา วตฺตุํ. ทุกฺขาย หิ เวทนาย รูปารูปธาตูสุ จ อนุสยมาเนน ทิฏฺานุสเยน สมฺปยุตฺโตปิ โลโภ โลโภ เอว, น กามราคานุสโย. ยทิ สิยา, ทิฏฺานุสยสฺส วิย เอตสฺสปิ านํ วตฺตพฺพํ สิยาติ. อถ ปน อชฺฌาสยวเสน ตนฺนินฺนตาย อนุสยนฏฺานํ วุตฺตํ. ยถา อิฏฺานํ รูปาทีนํ สุขาย จ เวทนาย อปฺปฏิลทฺธํ วา อปฺปฏิลาภโต สมนุปสฺสโต, ปฏิลทฺธปุพฺพํ วา อตีตํ นิรุทฺธํ วิคตํ ปริณตํ สมนุปสฺสโต อุปฺปชฺชมาโน ปฏิโฆ ทุกฺเข ปฏิหฺนวเสเนว ปวตฺตตีติ ทุกฺขเมว ตสฺส อนุสยนฏฺานํ วุตฺตํ, นาลมฺพิตํ, เอวํ ทุกฺขาทีสุ อภินิเวสนวเสน ¶ อุปฺปชฺชมาเนน ทิฏฺานุสเยน สมฺปยุตฺโตปิ โลโภ สุขาภิสงฺควเสเนว ปวตฺตตีติ สาตสนฺตสุขทฺวยเมวสฺส อนุสยฏฺานํ วุตฺตนฺติ ภวราควชฺชสฺส สพฺพโลภสฺส กามราคานุสยตา น วิรุชฺฌติ, เอกสฺมึเยว จ อารมฺมเณ รชฺชนฺติ ทุสฺสนฺติ จ. ตตฺถ ราโค สุขชฺฌาสโย ปฏิโฆ ทุกฺขชฺฌาสโยติ เตสํ นานานุสยฏฺานตา โหติ.
เอวฺจ กตฺวา ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย อนุเสติ, ตตฺถ ปฏิฆานุสโย อนุเสตีติ? โน’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๔) วุตฺตนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ทฺวีสุ เวทนาสุ อิฏฺารมฺมเณ จ โทมนสฺสุปฺปตฺตึ วตฺวา ‘‘โทมนสฺสมตฺตเมว ปน ตํ โหติ, น ปฏิฆานุสโย’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๒) วุตฺตตฺตา ยถา ตตฺถ ปฏิโฆ ปฏิฆานุสโย น โหติ, เอวํ ทุกฺขาทีสุ อุปฺปชฺชมาเนน ทิฏฺานุสเยน สหชาโต โลโภ กามราคานุสโย น โหติจฺเจว วิฺายตีติ. ยํ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘โทมนสฺสมตฺตเมว ปน ตํ โหติ, น ปฏิฆานุสโย’’ติ, เอตฺถ น ปฏิฆานุสโยติ นตฺถิ ปฏิฆานุสโยติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น หิ โทมนสฺสสฺส ปฏิฆานุสยภาวาสงฺกา อตฺถีติ.
เทสนา สํกิณฺณา วิย ภเวยฺยาติ ภวราคสฺสปิ กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสุ อารมฺมณกรณวเสเนว อุปฺปตฺติ วุตฺตา วิย ภเวยฺย, ตสฺมา อารมฺมณวิเสเสน วิเสสทสฺสนตฺถํ เอวํ เทสนา กตา สหชาตเวทนาวิเสสาภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อุปฺปตฺติฏฺานวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวาโร
๑. อนุสยวารวณฺณนา
๓. อนุเสติ ¶ อุปฺปชฺชตีติ ปจฺจุปฺปนฺนโวหารา ปวตฺตาวิรามวเสน เวทิตพฺพา. มคฺเคเนว หิ อนุสยานํ วิราโม วิจฺเฉโท โหติ, น ตโต ปุพฺเพติ.
๒๐. นาปิ เอกสฺมึ าเน อุปฺปชฺชนฺติ, น เอกํ ธมฺมํ อารมฺมณํ กโรนฺตีติ เอตฺถ ปุริเมน เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท อุปฺปตฺติ นิวาริตา, ปจฺฉิเมน เอกสฺมึ อารมฺมเณติ อยํ วิเสโส. ปุคฺคโลกาสวารสฺส ปฏิโลเม เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ ¶ ตสฺส ตสฺส อนุสยสฺส อนนุสยนฏฺานํ ปกติยา ปหาเนน จ เวทิตพฺพํ, ‘‘ติณฺณํ ปุคฺคลานํ ทุกฺขาย เวทนาย เตสํ ตตฺถ กามราคานุสโย นานุเสติ, โน จ เตสํ ตตฺถ ปฏิฆานุสโย นานุเสติ, เตสฺเว ปุคฺคลานํ รูปธาตุยา อรูปธาตุยา อปริยาปนฺเน เตสํ ตตฺถ กามราคานุสโย จ นานุเสติ, ปฏิฆานุสโย จ นานุเสตี’’ติ ปกติยา ทุกฺขาทีนํ กามราคาทีนํ อนนุสยฏฺานตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สพฺพตฺถ กามราคานุสโย จ นานุเสติ, ปฏิฆานุสโย จ นานุเสตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๕๖) อนุสยปฺปหาเนน. เอตฺถ ปุริมนเยน โอกาสํ อเวกฺขิตฺวา ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานานํ อนุสยานํ อนนุสยนํ วุตฺตํ, ปจฺฉิมนเยน ปุคฺคลํ อเวกฺขิตฺวา โอกาสสฺส กามธาตุอาทิกสฺส อโนกาสตาติ.
อนุสยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สานุสยวารวณฺณนา
๖๖-๑๓๑. สานุสยปชหนปริฺาวาเรสุ ‘‘สานุสโย, ปชหติ, ปริชานาตี’’ติ ปุคฺคโล วุตฺโต. ปุคฺคลสฺส จ อิมสฺมึ ภเว สานุสโยติ เอวํ ภววิเสเสน วา, อิมสฺมึ กามราคานุสเยน สานุสโย อิมสฺมึ อิตเรสุ เกนจีติ เอวํ ภวานุสยวิเสเสน วา สานุสยตานิรนุสยตาทิกา ¶ นตฺถิ. ตถา ทฺวีสุ เวทนาสุ กามราคานุสเยน สานุสโย, ทุกฺขาย เวทนาย นิรนุสโยติ อิทมฺปิ นตฺถิ. น หิ ปุคฺคลสฺส เวทนา โอกาโส, อถ โข อนุสยานนฺติ. อนุสยสฺส ปน ตสฺส ตสฺส โส โส อนุสยโนกาโส ปุคฺคลสฺส เตน เตน อนุสเยน สานุสยตาย, ตสฺส ตสฺส ปชหนปริชานนานฺจ นิมิตฺตํ โหติ, อนนุสยโนกาโส จ นิรนุสยตาทีนํ, ตสฺมา โอกาสวาเรสุ ภุมฺมนิทฺเทสํ อกตฺวา ‘‘ยโต ตโต’’ติ นิมิตฺตตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ กตํ, ปชหนปริฺาวาเรสุ อปาทานตฺเถ เอว วา. ตโต ตโต หิ โอกาสโต อปคมกรณํ วินาสนํ ปชหนํ ปริชานนฺจาติ.
ตตฺถ ยโตติ ยโต อนุสยฏฺานโต อนุโลเม, ปฏิโลเม อนนุสยฏฺานโตติ อตฺโถ. อนุสยานานุสยสฺเสว หิ นิมิตฺตาปาทานภาวทสฺสนตฺถํ ¶ ‘‘รูปธาตุยา อรูปธาตุยา ตโต มานานุสเยน สานุสโยติ (ยม.๒.อนุสยยมก.๗๗), ปชหตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๔๓) จ ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย ตโต กามราคานุสเยน นิรนุสโยติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๑๐), น ปชหตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๗๔-๑๗๖) จ เอวมาทีสุ รูปธาตุอาทโย เอว ภุมฺมนิทฺเทเสเนว นิทฺทิฏฺาติ. อฏฺกถายํ ปน จตุตฺถปฺหวิสฺสชฺชเนน สรูปโต อนุสยนฏฺานสฺส ทสฺสิตตฺตา ตทตฺเถ อาทิปฺเหปิ ‘‘ยโต’’ติ อนุสยนฏฺานํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวตฺวา ปุน ‘‘ยโต’’ติ เอตสฺส วจนตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปนฺเนน กามราคานุสเยน สานุสโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ วิย ทิสฺสติ. น หิ อุปฺปนฺเนเนว อนุสเยน สานุสโย, อุปฺปตฺติรหฏฺานตฺจ สนฺธาเยว นิสฺสกฺกวจนํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ อปริยาปนฺนานํ อนุสยุปฺปตฺติรหฏฺานตาติ ตํ ตเถว ทิสฺสติ. เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยโต อุปฺปนฺเนนาติ ยโต อุปฺปนฺเนน ภวิตพฺพํ, เตนาติ อุปฺปตฺติรหฏฺาเน นิสฺสกฺกวจนํ กตนฺติ. ตถา สพฺพธมฺเมสุ อุปฺปชฺชนเกนาติ. อุปฺปตฺติปฏิเสเธ อกเต อนุปฺปตฺติยา อนิจฺฉิตตฺตา สพฺพธมฺเมสุ อุปฺปชฺชนกภาวํ อาปนฺเนน อนุปฺปชฺชนภาวํ อปเนติ นาม. สพฺพตฺถาติ เอตสฺส ปน สพฺพฏฺานโตติ อยมตฺโถ น น สมฺภวติ. ตฺถ-การฺหิ ภุมฺมโต อฺตฺถาปิ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺตีติ.
สานุสยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปชหนวารวณฺณนา
๑๓๒-๑๙๗. ปชหนวาเร ¶ เยน กามราคานุสยาทโย สาวเสสา ปหียนฺติ, โส เต ปชหตีติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา วตฺตพฺโพ น โหติ อปชหนสพฺภาวา, ตสฺมา สนฺนิฏฺาเน นิรวเสสปฺปชหนโกเยว ปชหตีติ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘โย วา ปน มานานุสยํ ปชหติ, โส กามราคานุสยํ ปชหตีติ? โน’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๓๒) วุตฺตํ. ยสฺมา ปน สํสยปเทน ปหานกรณมตฺตเมว ปุจฺฉติ, น สนฺนิฏฺานํ กโรติ, ตสฺมา ยถาวิชฺชมานํ ปหานํ สนฺธาย ‘‘โย กามราคานุสยํ ปชหติ, โส มานานุสยํ ปชหตีติ? ตเทกฏฺํ ปชหตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิโลเม ปน ‘‘นปฺปชหตี’’ติ ปชหนาภาโว เอว สนฺนิฏฺานปเทน สํสยปเทน จ วินิจฺฉิโต ¶ ปุจฺฉิโต จ, ตสฺมา เยสํ ปชหนํ นตฺถิ นิรวเสสวเสน ปชหนกานํ, เต เปตฺวา อวเสสา อปฺปชหนสพฺภาเวเนว นปฺปชหนฺตีติ วุตฺตา, น จ ยถาวิชฺชมาเนน ปหาเนเนว วชฺชิตาติ ทฏฺพฺพาติ. ‘‘อนาคามิมคฺคสมงฺคิฺจ อฏฺมกฺจ เปตฺวา อวเสสา ปุคฺคลา กามราคานุสยฺจ นปฺปชหนฺติ วิจิกิจฺฉานุสยฺจ นปฺปชหนฺตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๖๕) เอตฺถ อฏฺกถายํ ‘‘ปุถุชฺชโน ปหานปริฺาย อภาเวน นปฺปชหติ, เสสา เตสํ อนุสยานํ ปหีนตฺตา’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๑๓๒-๑๙๗) วุตฺตํ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เกสฺจิ วิจิกิจฺฉานุสโย เกสฺจิ อุภยนฺติ เสสานํ เตสํ ปหีนตา อตฺถิ, ตถาปิ โสตาปนฺนาทีนํ วิจิกิจฺฉานุสยสฺส ปหีนตา อุภยาปชหนสฺส การณํ น โหตีติ เตสํ ปหีนตฺตา ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, อถ ปน กามราคานุสยฺจ นปฺปชหนฺตีติ อิมํ สนฺนิฏฺาเนน เตสํ ปุคฺคลานํ สงฺคหิตตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ น ตตฺถ การณํ วตฺตพฺพํ, ปุจฺฉิตสฺส ปน สํสยตฺถสฺส การณํ วตฺตพฺพํ. เอวํ สติ ‘‘เสสา ตสฺส อนุสยสฺส ปหีนตฺตา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ‘‘โย กามราคานุสยํ นปฺปชหติ, โส ทิฏฺานุสยํ วิจิกิจฺฉานุสยํ นปฺปชหตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุจฺฉิเต สทิสวิสฺสชฺชนเก ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานุสเย สนฺธาย การณสฺส วตฺตพฺพตฺตา, ตสฺมา เตสํ อนุสยานํ ปหีนตฺตาติ เตสํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานุสยานํ ปหีนตฺตา เต สํสยตฺถสงฺคหิเต อนุสเย นปฺปชหนฺตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปชหนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปหีนวารวณฺณนา
๒๖๔-๒๗๔. ปหีนวาเร ¶ ผลฏฺวเสเนว เทสนา อารทฺธาติ อนุโลมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิโลเม หิ ปุถุชฺชนวเสนปิ เทสนา คหิตาติ. ‘‘ผลฏฺวเสเนวา’’ติ จ สาธารณวจเนน มคฺคสมงฺคีนํ อคฺคหิตตํ ทีเปติ. อนุสยจฺจนฺตปฏิปกฺเขกจิตฺตกฺขณิกานฺหิ มคฺคสมงฺคีนํ น โกจิ อนุสโย อุปฺปตฺติรโห, นาปิ อนุปฺปตฺติรหตํ อาปาทิโต, ตสฺมา เต น อนุสยสานุสยปหีนอุปฺปชฺชนวาเรสุ คหิตาติ.
๒๗๕-๒๙๖. โอกาสวาเร ¶ โส โส อนุสโย อตฺตโน อตฺตโน โอกาเส เอว อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโต ปหีโน, อนาปาทิโต จ อปฺปหีโนติ ปหีนาปฺปหีนวจนานิ ตโทกาสเมว ทีเปนฺติ, ตสฺมา อโนกาเส ตทุภยาวตฺตพฺพตา วุตฺตาติ. สาธารณฏฺาเน เตน สทฺธึ ปหีโน นาม โหตีติ เตน สทฺธึ สมาโนกาเส ปหีโน นามาติ อตฺโถ, น สมานกาเล ปหีโนติ.
ปหีนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธาตุวารวณฺณนา
๓๓๒-๓๔๐. ธาตุวาเร สนฺตานํ อนุคตา หุตฺวา สยนฺตีติ ยสฺมึ สนฺตาเน อปฺปหีนา, ตํสนฺตาเน อปฺปหีนภาเวน อนุคนฺตฺวา อุปฺปตฺติอรหภาเวน สยนฺตีติ อตฺโถ. อุปฺปตฺติรหตา เอว หิ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อิธาปิ ยุตฺตาติ. เอตฺถ จ น กามธาตุอาทีนิ ฉ ปฏินิเสธวจนานิ ธาตุวิเสสนิทฺธารณานิ น โหนฺตีติ ‘‘น กามธาตุยา จุตสฺส น กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทิมฺหิ วุจฺจมาเน อิมํ นาม อุปปชฺชนฺตสฺสาติ น วิฺาเยยฺย, ตสฺมา ตํมูลิกาสุ โยชนาสุ ‘‘น กามธาตุยา จุตสฺส กามธาตุํ รูปธาตุํ อรูปธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติ ปมํ โยเชตฺวา ปุน อนุกฺกเมน ‘‘น กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทิกา โยชนา กตา. เอวฺหิ น กามธาตุอาทิปเทหิ ยถาวุตฺตธาตุโยเยว คหิตา, น กฺจีติ วิฺายติ. ยถา อนุสยวาเร ‘‘อนุเสนฺตีติ ปทสฺส อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ คหิโต’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถาปิ อุปฺปชฺชมานเมว สนฺธาย อุปฺปชฺชนฺตีติ คเหตุํ น สกฺกา ‘‘ยสฺส ¶ กามราคานุสโย อนุเสติ, ตสฺส ปฏิฆานุสโย อนุเสตีติ? อามนฺตา’’ติอาทิวจนโต. อถาปิ อปฺปหีนตํ สนฺธาย อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ ตตฺถ คหิโต, อิธาปิ โส น น ยุชฺชตีติ. ภงฺคาติ ภฺชิตพฺพา, ทฺวิธา กาตพฺพาติ อตฺโถ. นนุ น โกจิ อนุสโย ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺตสฺส อนุเสติ นานุเสติ จาติ ทฺวิธา กาตพฺพา, ตตฺเถว กสฺมา ‘‘กติ อนุสยา ภงฺคา? อนุสยา ภงฺคา นตฺถี’’ติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ กตานิ. น หิ ปการนฺตราภาเว สํสโย ยุตฺโตติ ¶ ? น น ยุตฺโต, ‘‘อนุสยา ภงฺคา นตฺถี’’ติ อวุตฺเต ภงฺคาภาวสฺส อวิฺาตตฺตาติ.
ธาตุวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนุสยยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. จิตฺตยมกํ
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑-๖๒. จิตฺตยมกวณฺณนายํ อาทิโตว ตโย สุทฺธิกมหาวารา โหนฺตีติ อิเม ตโย มหาวารา สราคาทิกุสลาทีหิ มิสฺสกา สุทฺธิกา จ, เตสุ อาทิโต สุทฺธิกา โหนฺตีติ อตฺโถ. มิสฺสเกสุ จ เอเกกสฺมึ สราคาทิมิสฺสกจิตฺเต ตโย ตโย มหาวารา, เต ตตฺถ ตตฺถ ปน วุตฺเต สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘โสฬส ปุคฺคลวารา’’ติอาทิ วุตฺตํ, น นิรนฺตรํ วุตฺเตติ. ‘‘ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติอาทินา อุปฺปาทนิโรธานํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตกาลานฺจ สํสคฺควเสน เอเกกาย ปุจฺฉาย ปวตฺตตฺตา ‘‘อุปฺปาทนิโรธกาลสมฺเภทวาโร’’ติ วุตฺโต. เอวํ เสสานมฺปิ วารานํ ตํตํนามตา ปาฬิอนุสาเรน เวทิตพฺพา.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๖๓. ตถารูปสฺเสว ¶ ขีณาสวสฺส จิตฺตํ สนฺธายาติ อิทํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิปจฺฉิมจิตฺตสมงฺคิมฺหิ ปุคฺคเล อธิปฺเปเต ตฺจ จิตฺตํ อธิปฺเปตเมว โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อรหโต ปจฺฉิมจิตฺตมฺปีติ นุปฺปชฺชติ นิรุชฺฌตีติ เอวํปการํ ภงฺคกฺขณสมงฺคิเมว สนฺธาย วุตฺตํ.
๖๕-๘๒. อุปฺปาทวารสฺส ทุติยปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ, นิโรธสมาปนฺนานํ, อสฺสตฺตานํ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ¶ เอตฺถ ‘‘จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ เอตสฺส ‘‘สพฺเพสํ จิตฺตํ ขณปจฺจุปฺปนฺนเมว หุตฺวา อุปฺปาทกฺขณํ อตีตตฺตา อุปฺปชฺชิตฺถ นามา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ เจว อุปฺปชฺชติ จาติ เอตสฺสปิ อุปฺปาทํ ปตฺตตฺตา อุปฺปชฺชิตฺถ, อนตีตตฺตา อุปฺปชฺชติ นามาติ ทฺวยเมตํ เอวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ ขณปจฺจุปฺปนฺเน ‘‘อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ อตีตโวหาโร อตฺถิ. ยทิ สิยา, ยํ วา ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘โน’’ติ อวตฺวา วิภชิตพฺพํ สิยา. ตถา ‘‘ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ เอตฺถ จ ‘‘โน’’ติ อวตฺวา ‘‘อามนฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติ ปน ภิชฺชมานจิตฺตสมงฺคี ปุคฺคโล วุตฺโต, ตสฺส อตีตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, น จ กิฺจิ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ จ อุปฺปชฺชมานจิตฺตสมงฺคี ปุคฺคโล วุตฺโต, ตสฺสปิ อตีตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตํ ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จิตฺตนฺติ หิ สามฺวจนํ เอกสฺมึ อเนกสฺมิฺจ ยถาคหิตวิเสเส ติฏฺตีติ. ‘‘ยสฺส วา ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ? จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติ เอตฺถ ยสฺส วา ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน คหิตปุคฺคลสฺเสว จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณติ เอวํ สพฺพตฺถ สนฺนิฏฺานวเสน นิยโม เวทิตพฺโพ. อุปฺปนฺนุปฺปชฺชมานวาโร นิรุทฺธนิรุชฺฌมานวาโร จ ปุคฺคลวาราทีสุ ตีสุปิ นินฺนานากรณา อุทฺทิฏฺา นิทฺทิฏฺา จ. ตตฺถ ปุคฺคลวาเร อวิเสเสน ยํ กฺจิ ตาทิสํ ปุคฺคลํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปนฺนํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ธมฺมวาเร จิตฺตเมว, ปุคฺคลธมฺมวาเร ปุคฺคลํ จิตฺตฺจาติ อยเมตฺถ วิเสโส ทฏฺพฺโพ.
๘๓. อติกฺกนฺตกาลวาเร อิมสฺส ปุคฺคลวารตฺตา ปุคฺคโล ปุจฺฉิโตติ ปุคฺคลสฺเสว วิสฺสชฺชเนน ¶ ภวิตพฺพํ. ยถา ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถาติ เอเตน น โกจิ ปุคฺคโล น คหิโต, เอวํ ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ ขณํ ขณํ วีติกฺกนฺตํ อติกฺกนฺตกาลนฺติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน น โกจิ น คหิโต. น หิ โส ปุคฺคโล อตฺถิ, ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ อตีตํ นตฺถิ, เต จ ปน นิรุชฺฌมานกฺขณาตีตจิตฺตา น น โหนฺตีติ ปโม ปฺโห ‘‘อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชิตพฺโพ สิยา, ตถา ทุติยตติยา. จตุตฺโถ ปน ‘‘ปจฺฉิมจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ ภงฺคกฺขณํ อวีติกฺกนฺตํ, โน จ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ อวีติกฺกนฺตํ, อิตเรสํ จิตฺตํ ภงฺคกฺขณฺจ อวีติกฺกนฺตํ อุปฺปาทกฺขณฺจ อวีติกฺกนฺต’’นฺติ วิสฺสชฺชิตพฺโพ ภเวยฺย, ตถา อวิสฺสชฺเชตฺวา กสฺมา สพฺพตฺถ จิตฺตเมว วิภตฺตนฺติ ¶ ? จิตฺตวเสน ปุคฺคลววตฺถานโต. ขณสฺส หิ วีติกฺกนฺตตาย อติกฺกนฺตกาลตาวจเนน วตฺตมานสฺส จ จิตฺตสฺส วเสน ปุคฺคโล อุปฺปาทกฺขณาตีตจิตฺโต วุตฺโต อตีตสฺส จ, ตตฺถ ปุริมสฺส จิตฺตํ น ภงฺคกฺขณํ วีติกฺกนฺตํ ปจฺฉิมสฺส วีติกฺกนฺตนฺติ เอวมาทิโก ปุคฺคลวิภาโค ยสฺส จิตฺตสฺส วเสน ปุคฺคลววตฺถานํ โหติ, ตสฺส จิตฺตสฺส ตํตํขณวีติกฺกมาวีติกฺกมทสฺสนวเสน ทสฺสิโต โหตีติ สพฺพวิสฺสชฺชเนสุ จิตฺตเมว วิภตฺตํ. อถ วา นยิธ ธมฺมมตฺตวิสิฏฺโ ปุคฺคโล ปุจฺฉิโต, อถ โข ปุคฺคลวิสิฏฺํ จิตฺตํ, ตสฺมา จิตฺตเมว วิสฺสชฺชิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิปิ ปุคฺคลปฺปธานา ปุจฺฉา, อถาปิ จิตฺตปฺปธานา, อุภยถาปิ ทุติยปุจฺฉาย ‘‘อามนฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตถา ปน อวตฺวา นิโรธกฺขณวีติกฺกเมน อติกฺกนฺตกาลตา น อุปฺปาทกฺขณวีติกฺกเมน อติกฺกนฺตกาลตา วิย วตฺตมานสฺส อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อตีตํ จิตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺส จิตฺตํ น อุปฺปชฺชมานนฺติ เอตฺถ อุปฺปชฺชมานํ ขณํ ขณํ วีติกฺกนฺตํ อติกฺกนฺตกาลํ ยสฺส จิตฺตํ น โหตีติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘น นิรุชฺฌมาน’’นฺติ เอตฺถาปิ.
๑๑๔-๑๑๖. มิสฺสกวาเรสุ ยสฺส สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ ปุจฺฉา, โนติ วิสฺสชฺชนฺจ อฏฺกถายํ ทสฺสิตํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ยสฺส สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส สราคํ จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มาติกาปนายํ วุตฺตตฺตา วิสฺสชฺชเนปิ ตเถว สนฺนิฏฺานสํสยตฺเถสุ สราคาทิมิสฺสกจิตฺตวเสเนว ปุจฺฉา อุทฺธริตฺวา ‘‘สราคปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสติ, อิตเรสํ สราคจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ นิรุชฺฌิสฺสติ เจว อุปฺปชฺชิสฺสติ จา’’ติ เอวมาทินา ¶ นเยน เยภุยฺเยน สุทฺธิกวารสทิสเมว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพนฺติ กตฺวา สํขิตฺตนฺติ วิฺายติ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
จิตฺตยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ธมฺมยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑-๑๖. ธมฺมยมกวณฺณนายํ ¶ กุสลาทิธมฺมานํ มาติกํ เปตฺวาติ ยถา มูลยมเก กุสลาทิธมฺมา เทสิตา, ยถา จ ขนฺธยมกาทีสุ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทินา อฺถา สงฺคเหตฺวา เทสิตา, ตถา อเทเสตฺวา ยา กุสลาทีนํ ธมฺมานํ ‘‘กุสลากุสลา ธมฺมา’’ติอาทิกา มาติกา, ตํ อิธ อาทิมฺหิ เปตฺวา เทสิตสฺสาติ อตฺโถ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๓๓-๓๔. ‘‘ยสฺส กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส อพฺยากตา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘อพฺยากตา จาติ จิตฺตสมุฏฺานรูปวเสน วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อิมสฺมึ ปน ปฺเห กมฺมสมุฏฺานาทิรูปฺจ ลพฺภติ, ตํ ปน ปฏิโลมวารสฺส วิสฺสชฺชเน สพฺเพสํ จวนฺตานํ, ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ, อารุปฺเป อกุสลานํ อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ กุสลา จ ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ อพฺยากตา จ ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถ ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานมฺปิ ¶ กมฺมสมุฏฺานาทิรูปํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อพฺยากตา จ ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว อิธาธิปฺเปตํ. กมฺมสมุฏฺานาทิรูเป น วิธานํ, นาปิ ปฏิเสโธติ เกจิ วทนฺติ, ตถา จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว สนฺธาย ‘‘ยสฺส กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส อพฺยากตา ธมฺมา นิรุชฺฌนฺตีติ? โน’’ติ (ยม. ๓.ธมฺมยมก.๑๖๓) วุตฺตนฺติ. ตํ ปเนตํ เอวํ น สกฺกา วตฺตุํ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ กมฺมสมุฏฺานรูปาทีนมฺปิ อุปฺปาทสฺส อุปฺปาทกฺขเณ จ นิโรธสฺส เอวมาทีหิ เอว ปาฬีหิ ปฏิเสธสิทฺธิโต.
เย จ วทนฺติ ‘‘ยถา ปฏิสมฺภิทามคฺเค นิโรธกถายํ ‘โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ชาตา ธมฺมา เปตฺวา จิตฺตสมุฏฺานรูปํ สพฺเพปิ วิราคา เจว โหนฺติ วิราคารมฺมณา วิราคโคจรา วิราคสมุทาคตา วิราคปติฏฺา’ติอาทีสุ ‘เปตฺวา รูป’นฺติ อวตฺวา จิตฺตปฏิพทฺธตฺตา จิตฺตชรูปานํ ¶ ‘เปตฺวา จิตฺตสมุฏฺานรูป’นฺติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ จิตฺตปฏิพทฺธตฺตา จิตฺตชรูปเมว กถิต’’นฺติ, ตฺจ ตถา น โหติ. เยสฺหิ โสตาปตฺติมคฺโค สหชาตปจฺจโย โหติ, เยสุ จ วิราคาทิอาสงฺกา โหติ, เต โสตาปตฺติมคฺคสหชาตา ธมฺมา โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ชาตา ธมฺมาติ ตตฺถ วุตฺตา. โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ชาตาติ หิ วจนํ มคฺเค ชาตตํ ทีเปติ, น จ กมฺมชาทีนิ อมคฺเค ชายมานานิ มคฺคกฺขเณ ชาตโวหารํ อรหนฺติ เตสํ ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ สหชาตปจฺจยตฺตาภาวโต, ตสฺมา มคฺคกฺขเณ ตํสหชาตธมฺเมสุ เปตพฺพํ เปตุํ ‘‘เปตฺวา จิตฺตสมุฏฺานรูป’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน กุสลาทิธมฺมา ยสฺส ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ นิรุชฺฌนฺติ จ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตสฺมิฺจ โอกาเส อพฺยากตธมฺมานํ อุปฺปาทนิโรธานํ กุสลาทิปฏิพทฺธตา อปฺปฏิพทฺธตา จ อามฏฺา, น จ กมฺมชาทิรูปํ อพฺยากตํ น โหติ, ตสฺมา สนฺนิฏฺาเนน คหิตสฺส ปุคฺคลสฺส โอกาเส วา อุปฺปาทนิโรเธสุ วิชฺชมาเนสุ อพฺยากตานํ เต เวทิตพฺพา, อวิชฺชมาเนสุ จ ปฏิเสเธตพฺพา, น จ อจิตฺตปฏิพทฺธา อพฺยากตาติ เอตฺถ น คหิตาติ สกฺกา วตฺตุํ นิโรธสมาปนฺนานํ อสฺสตฺตานฺจ อุปฺปาทนิโรธวจนโตติ.
จตุตฺถปฺเห ปวตฺเต อกุสลาพฺยากตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อิทํ ‘‘ยสฺส วา ปน อพฺยากตา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน คหิเตสุ ปฺจโวกาเร อกุสลาพฺยากตจิตฺตานํ จตุโวกาเร จ อพฺยากตจิตฺตสฺเสว อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ สพฺพตฺถ สนฺนิฏฺานวเสน วิเสโส เวทิตพฺโพ.
๗๙. ‘‘เอกาวชฺชเนน ๑๖๖ อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํ, นานาวชฺชเนนปิ ปน ตโต ปุริมตรชวนวีถีสุ อุปฺปนฺนสฺส ‘‘อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ อกุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, โน จ เตสํ กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อิทํ ลกฺขณํ ลพฺภเตว, ตสฺมา เอเตน ลกฺขเณน สมานลกฺขณํ สพฺพํ ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อคฺคมคฺคํ ปฏิลภิสฺสนฺติ, ตสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ เอเตเนว กุสลานาคตภาวปริโยสาเนน ตาย เอว สมานลกฺขณตาย ทีปิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อกุสลาตีตภาวสฺส อพฺยากตาตีตภาวสฺส จ อาทิมฺหิ ‘‘ทุติเย อกุสเล’’ติ, ‘‘ทุติเย จิตฺเต’’ติ จ วุตฺตฏฺาเน. ยถา หิ ภาวนาวาเร ภาวนาปหานานํ ปริโยสาเนน ¶ อคฺคมคฺเคน ตโต ปุริมตรานิปิ ภาวนาปหานานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ, เอวมิธาปิ ตํ ตํ เตน เตน อาทินา อนฺเตน จ ทสฺสิตนฺติ.
๑๐๐. ปฺจโวกาเร อกุสลานํ ภงฺคกฺขเณ เตสํ อกุสลา จ ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติ อพฺยากตา จ ธมฺมา นิรุชฺฌนฺตีติ วจเนน ปฏิสนฺธิจิตฺตโต โสฬสมํ, ตโต ปรมฺปิ วา ภวนิกนฺติจิตฺตํ โหติ, น ตโต โอรนฺติ วิฺายตีติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธมฺมยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อินฺทฺริยยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑. อินฺทฺริยยมเก วิภงฺเค วิย ชีวิตินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยานนฺตรํ อนิทฺทิสิตฺวา ปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ อุทฺทิฏฺํ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ. กตมานิ ตีณิ? อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๒) สุตฺเต เทสิตกฺกเมน. ปวตฺติวาเร หิ เอกนฺตํ ปวตฺติยํ เอว อุปฺปชฺชมานานํ สุขินฺทฺริยาทีนํ กมฺมชานํ อกมฺมชานฺจ อนุปาลกํ ชีวิตินฺทฺริยํ ¶ จุติปฏิสนฺธีสุ จ ปวตฺตมานานํ กมฺมชานนฺติ ตํมูลกานิ ยมกานิ จุติปฏิสนฺธิปวตฺติวเสน วตฺตพฺพานีติ เวทิตพฺพานิ. จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ปน ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ ยํ มูลกเมว น โหติ มนินฺทฺริยํ, ตํ เปตฺวา อวเสสมูลกานิ จุติอุปปตฺติวเสเนว วตฺตพฺพานิ อายตนยมเก วิย, ตสฺมา ชีวิตินฺทฺริยํ เตสํ มชฺเฌ อนุทฺทิสิตฺวา อนฺเต อุทฺทิฏฺนฺติ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๙๔. อิตฺถี อิตฺถินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ยสฺมา อิตฺถีติ โกจิ สภาโว นตฺถิ, น จ รูปาทิธมฺเม อุปาทาย อิตฺถิคฺคหณํ น โหติ, ตสฺมา อิตฺถิคฺคหณสฺส อวิชฺชมานมฺปิ ¶ วิชฺชมานมิว คเหตฺวา ปวตฺติโต ตถาคหิตสฺส วเสน ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘โน’’ติ วุตฺตํ. สุขสฺส จ เภทํ กตฺวา ‘‘สุขํ โสมนสฺส’’นฺติ, ทุกฺขสฺส จ ‘‘ทุกฺขํ โทมนสฺส’’นฺติ วจเนเนว โสมนสฺสโต อฺา สุขา เวทนา สุขํ, โทมนสฺสโต จ อฺา ทุกฺขา เวทนา ทุกฺขนฺติ อยํ วิเสโส คหิโตเยวาติ ‘‘สุขํ สุขินฺทฺริยํ ทุกฺขํ ทุกฺขินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ.
๑๔๐. สุทฺธินฺทฺริยวาเร จกฺขุ อินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุปฺาจกฺขูนิ ปฺินฺทฺริยานิ โหนฺตีติ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. อวเสสํ โสตนฺติ ตณฺหาโสตเมวาห.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒.ปวตฺติวารวณฺณนา
๑๘๖. ปวตฺติวาเร ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ. กตมานิ ฉ? จกฺขุนฺทฺริยํ…เป… กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๕) สุตฺเต วุตฺตนเยน อิธ อุทฺทิฏฺํ ¶ มนินฺทฺริยํ จุติปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ปวตฺตมาเนหิ กมฺมชากมฺมเชหิ สพฺเพหิปิ โยคํ คจฺฉติ, น จ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย อฺธมฺมนิสฺสเยน คเหตพฺพํ, ปุพฺพงฺคมตฺตาว ปธานํ, ตสฺมา กูฏํ วิย โคปานสีนํ สพฺพินฺทฺริยานํ สโมสรณฏฺานํ อนฺเต เปตฺวา โยชิตํ. ชีวิตินฺทฺริยาทิมูลเกสุ ปวตฺติฺจ คเหตฺวา คเตสุ ‘‘ยสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตานํ, ปวตฺเต สุขินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, สุขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยฺจ อุปฺปชฺชติ สุขินฺทฺริยฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา สุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริเยหิ โลกุตฺตรินฺทฺริเยหิ จ โยชนา ลพฺภติ, ตถา ‘‘ยสฺส สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทุกฺขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติอาทินา ตํมูลกา จ นยา. เตหิ ปน ปวตฺติยํเยว อุปฺปชฺชมาเนหิ โยชนา ตํมูลกา จ จุติปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ปวตฺตมาเนหิ โสมนสฺสินฺทฺริยาทีหิ โยชนาย ชีวิตินฺทฺริยมูลเกหิ จ นเยหิ ปากฏาเยวาติ กตฺวา น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
‘‘สจกฺขุกานํ ¶ วินา โสมนสฺเสนาติ อุเปกฺขาสหคตานํ จตุนฺนํ มหาวิปากปฏิสนฺธีนํ วเสน วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ โสมนสฺสวิรหิตสจกฺขุกปฏิสนฺธินิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ‘‘จตุนฺนํเยวา’’ติ นิยโม กโต, เตน ตํสมานลกฺขณา ปริตฺตวิปากรูปาวจรปฏิสนฺธิโยปิ ทสฺสิตา โหนฺติ. ตตฺถ กามาวจเรสุ โสมนสฺสปฏิสนฺธิสมานตาย มหาวิปาเกหิ จตูหิ นิทสฺสนํ กตํ, เตน ยถา สโสมนสฺสปฏิสนฺธิกา อจกฺขุกา น โหนฺติ, เอวํ อิตรมหาวิปากปฏิสนฺธิกาปีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. คพฺภเสยฺยกานฺจ อนุปฺปนฺเนสุ จกฺขาทีสุ จวนฺตานํ อเหตุกปฏิสนฺธิกตา สเหตุกปฏิสนฺธิกานํ กามาวจรานํ นิยมโต สจกฺขุกาทิภาวทสฺสเนน ทสฺสิตา โหติ. คพฺภเสยฺยเกปิ หิ สนฺธาย ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ อิทํ วจนํ ยถา ยุชฺชติ, ตถา อายตนยมเก ทสฺสิตํ. น หิ สนฺนิฏฺาเนน สงฺคหิตานํ คพฺภเสยฺยกานํ วชฺชเน การณํ อตฺถิ, ‘‘อิตฺถีนํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตีน’’นฺติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๗) จ เต เอว วุตฺตาติ.
อุเปกฺขาย อจกฺขุกานนฺติ อเหตุกปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตนฺติ เอตฺถ จ กามาวจเร โสเปกฺขอจกฺขุกปฏิสนฺธิยา ¶ ตํสมานลกฺขณํ อรูปปฏิสนฺธิฺจ นิทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. เกสุจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘อเหตุการูปปฏิสนฺธิวเสนา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส เอว เสยฺโย.
‘‘ตตฺถ หิ เอกนฺเตเนว สทฺธาสติปฺาโย นตฺถิ, สมาธิวีริยานิ ปน อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ยทิ ปน สมาธิวีริยานิ สนฺติ, ‘‘อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘สมาธิ สมาธินฺทฺริยนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๑๓) ‘‘วีริยํ วีริยินฺทฺริยนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๑๑) วจนโต. อเหตุกปฏิสนฺธิจิตฺเต จ ยถา สมาธิเลโส เอกคฺคตา อตฺถิ, น เอวํ วีริยเลโส อตฺถิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘ตตฺถ หิ เอกนฺเตเนว สทฺธาวีริยสติปฺาโย นตฺถิ, เอกคฺคตา ปน สมาธิเลโส เอว โหตี’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – ยถา อฺเสุ เกสุจิ อเหตุกจิตฺเตสุ สมาธิวีริยานิ โหนฺติ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ จ, เอวมิธ สมาธิวีริยานิ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตีติ. สมาธิวีริยินฺทฺริยานเมว อภาวํ ทสฺเสนฺโต อเหตุกนฺตรโต วิเสเสติ ¶ . ตตฺถ ‘‘สมาธิวีริยานิ ปน น โหนฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อินฺทฺริยปฺปตฺตานี’’ติ สมาธิเลสสฺส สมาธินฺทฺริยภาวํ อปฺปตฺตสฺส สพฺภาวโต วุตฺตํ, น วีริยเลสสฺส. วิเสสนฺหิ วิเสสิตพฺเพ ปวตฺตติ. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตตฺถ เอกนฺเตเนว สทฺธาวีริยสติปฺาโย นตฺถี’’ติ ปาโ, โส เอว สุนฺทรตโร.
ยาว จกฺขุนฺทฺริยํ นุปฺปชฺชติ, ตาว คพฺภคตานํ อจกฺขุกานํ ภาโว อตฺถีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘สเหตุกานํ อจกฺขุกานนฺติ คพฺภเสยฺยกวเสน เจว อรูปีวเสน จ วุตฺต’’นฺติ. คพฺภเสยฺยกาปิ ปน อวสฺสํ อุปฺปชฺชนกจกฺขุกา น ลพฺภนฺตีติ ทฏฺพฺพา. สจกฺขุกานํ าณวิปฺปยุตฺตานนฺติ กามธาตุยํ ทุเหตุกปฏิสนฺธิกานํ วเสน วุตฺตนฺติ อิธาปิ อเหตุกปฏิสนฺธิกา จ อจกฺขุกา ลพฺภนฺเตว. อิตฺถิปุริสินฺทฺริยสนฺตานานมฺปิ อุปปตฺติวเสน อุปฺปาโท, จุติวเสน นิโรโธ พาหุลฺลวเสน ทสฺสิโต. กทาจิ หิ เตสํ ปมกปฺปิกาทีนํ วิย ปวตฺติยมฺปิ อุปฺปาทนิโรธา โหนฺตีติ. เอตฺถ ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ อินฺทฺริยมูลยมเกสุ ปมปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺาเนหิ คหิเตหิ อุปปตฺติจุติวเสน คจฺฉนฺเตหิ จกฺขุนฺทฺริยาทีหิ นิยมิตตฺตา ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ ปวตฺติวเสนปิ ลพฺภมานานํ อุปปตฺติจุติวเสเนว ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺาเนหิ คหณํ เวทิตพฺพํ.
๑๙๐. รูปชีวิตินฺทฺริยํ ¶ จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกํ จุติปฏิสนฺธิวเสเนว คจฺฉติ สนฺตานุปฺปตฺตินิโรธทสฺสนโตติ อาห ‘‘ปวตฺเต โสมนสฺสวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อรูปชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เอเตสฺเจว อฺเสฺจ ปฺจินฺทฺริยานํ ยถาลาภวเสนาติ เอตฺถ เอเตสํ ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ จุติปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ, อฺเสฺจ จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ จุติปฏิสนฺธีสูติ เอวํ ยถาลาโภ ทฏฺพฺโพ. อยํ ปน เฉเทเยวาติ เอตฺถ ตสฺส ตสฺส ปริปุณฺณปฺหสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชเน วิสฺสชฺชิเต ปจฺฉิมโกฏฺาสสฺส เฉโทติ นามํ ทฏฺพฺพํ.
ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชตีติ? วินา โสมนสฺเสน อุปปชฺชนฺตานํ ปวตฺเต โสมนสฺสวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ ¶ ชีวิตินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘นิโรธสมาปนฺนานํ อสฺสตฺตาน’’นฺติ อวจนํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกตํ ทีเปติ. ตสฺส หิ อุปปตฺติยํเยว อุปฺปาโท วตฺตพฺโพติ. ‘‘วินา โสมนสฺเสน อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ เอตฺถ อสฺสตฺเต สงฺคเหตฺวา ปวตฺติวเสน เต จ นิโรธสมาปนฺนา จ น วุตฺตา, อนุปฺปาโทปิ ปเนตสฺส จุติอุปปตฺตีสฺเวว วตฺตพฺโพ, น ปวตฺเตติ. ปจฺฉิมโกฏฺาเสปิ ‘‘สพฺเพสํ จวนฺตานํ, ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชติ ชีวิตินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ‘‘สพฺเพสํ จวนฺตาน’’นฺติ เอตฺเถว อสฺสตฺเต สงฺคณฺหิตฺวา ปวตฺติวเสน เต จ นิโรธสมาปนฺนา น จ วุตฺตา. ยสฺสยตฺถเก จ นิโรธสมาปนฺนา น ทสฺเสตพฺพา น คเหตพฺพาติ อตฺโถ. น หิ ‘‘นิโรธสมาปนฺนาน’’นฺติ วจนํ ‘‘อสฺสตฺตาน’’นฺติ วจนํ วิย โอกาสทีปกํ, นาปิ ‘‘อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, สพฺเพสํ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติอาทิวจนํ วิย โสมนสฺสินฺทฺริยาทีนํ อนุปฺปาทกฺขณทีปกํ, อถ โข ปุคฺคลทีปกเมวาติ.
อตีตกาลเภเท สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถ โสมนสฺสินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถ ชีวิตินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถาติ เอตฺถ ‘‘อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตานํ, อสฺสตฺตานํ เตสํ ตตฺถ โสมนสฺสินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถ มนินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๒๗๗) เอตฺถ วิย ‘‘อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ. ยถา หิ โสมนสฺสมนินฺทฺริยานํ วเสน อุปปชฺชนฺตา ปุคฺคลา อุปปตฺติจิตฺตสมงฺคิโน โหนฺติ, น เอวํ โสมนสฺสชีวิตินฺทฺริยานํ วเสน อุปปตฺติสมงฺคิโนเยว โหนฺติ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส หิ วเสน ยาว ปมรูปชีวิตินฺทฺริยํ ธรติ, ตาว ¶ อุปปชฺชนฺตา นาม โหนฺติ. ตทา จ ทุติยจิตฺตโต ปฏฺาย ‘‘ชีวิตินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ อรูปชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธตฺตา, ตสฺมา อุภยํ อุปฺปาทกฺขเณน นิทสฺสิตํ. ยถา หิ ‘‘น นิรุชฺฌิตฺถา’’ติ อิทํ ลกฺขณํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ทฺวีสุ ขเณสุ ลพฺภมานํ สพฺพปเมน อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณน นิทสฺสิตํ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพํ.
อนาคตกาลเภเท อุปฺปชฺชิสฺสมาเน สนฺนิฏฺานํ กตฺวา อฺสฺส จ อุปฺปชฺชิสฺสมานตาว ปุจฺฉิตา. ตตฺถ ยถา ปจฺจุปฺปนฺนกาลเภเท สนฺนิฏฺานสํสยเภเทหิ อุปฺปชฺชมานสฺเสว คหิตตฺตา ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ ¶ , อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อุปปชฺชนฺตสฺเสว ปุจฺฉิตานํ อุปปตฺติยํเยว เตสํ อุปฺปาโท สมฺภวติ, น อฺตฺถ, น เอวมิธ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อุปปชฺชนฺตสฺเสว ปุจฺฉิตานํ เตสํ อุปปตฺติโต อฺตฺถ อุปฺปาโท น สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา นิโรธวาเรปิ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. น หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสติ, อปิ ปจฺฉิมภวิกสฺส อุเปกฺขาสหคตปฏิสนฺธิกสฺส. น หิ อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส จุติโต ปุพฺเพว โสมนสฺสินฺทฺริยนิโรโธ น สมฺภวตีติ. เอตฺถ หิ ปมปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺานตฺโถ ปุจฺฉิตพฺพตฺถนิสฺสโย มาทิโสว อุปปตฺติอุปฺปาทินฺทฺริยวา อุภยุปฺปาทินฺทฺริยวา อตฺโถ ปฏินิวตฺติตฺวาปิ ปุจฺฉิตพฺพตฺถสฺส นิสฺสโยติ เอวํ วิย ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺานตฺถเมว นิยเมติ, น ตตฺเถว ปุจฺฉิตพฺพํ อนาคตภาวมตฺเตน สรูปโต คหิตํ อุปฺปาทํ วา นิโรธํ วา สํสยตฺถนฺติ. ยสฺมา เจวํ สนฺนิฏฺานตฺถสฺส นิยโม โหติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๒๘๑) วุตฺตํ. เอส นโย นิโรธวาเรปิ.
ปฏิโลเม ปน ยถา อนุโลเม ‘‘อุปฺปชฺชิสฺสติ นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปฺปาทนิโรธา อนาคตา สรูปวเสน วุตฺตา, เอวํ อวุตฺตตฺตา ยถา ตตฺถ สํสยปเทน คหิตสฺส อินฺทฺริยสฺส ปวตฺติยมฺปิ อุปฺปาทนิโรธา จกฺขุนฺทฺริยาทิมูลเกสุ โยชิตา, น เอวํ โยเชตพฺพา. ยถา หิ อุปฺปาทนิโรเธ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ อุปฺปาทนิโรธา สมฺภวนฺติ โยเชตุํ, น เอวํ อนุปฺปาทานิโรเธ ¶ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ อนุปฺปาทานิโรธา สมฺภวนฺติ อภูตาภาวสฺส อภูตาภาวํ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ สมฺภวานุปฺปตฺติโต, อภูตุปฺปาทนิโรธาภาโว จ ปฏิโลเม ปุจฺฉิโต, ตสฺมาสฺส วิเสสรหิตสฺส อภูตาภาวสฺส วตฺตมานานํ อุปฺปาทสฺส วิย กาลนฺตรโยคาภาวโต ยาทิสานํ จกฺขาทีนํ อุปฺปาทนิโรธาภาเวน ปุจฺฉิตพฺพสฺส นิสฺสโย สนฺนิฏฺาเนน สนฺนิจฺฉิโต, ตนฺนิสฺสยา ตาทิสานํเยว อุปปตฺติจุติอุปฺปาทนิโรธานํ ชีวิตาทีนมฺปิ อนุปฺปาทานิโรธา สํสยปเทน ¶ ปุจฺฉิตา โหนฺตีติ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๓๐๘) จ, ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ จ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘เย อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ชีวิตินฺทฺริยอุเปกฺขินฺทฺริยาทีสุ วิย วิสฺสชฺชนนฺติ.
เย รูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ ฆานินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ, โน จ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอตฺถ เย โสเปกฺขปฏิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ, เต ‘‘เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตี’’ติ เอเตน ปจฺฉิมโกฏฺาสวจเนน ตํสมานลกฺขณตาย สงฺคหิตาติ เย โสมนสฺสปฏิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ, เต เอว วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
อฏฺกถายํ เยสุ อาทิมโปตฺถเกสุ ‘‘อตีตานาคตวาเร สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ มนินฺทฺริยฺจ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ธมฺมยมเก วิย อุปฺปาทกฺขณาติกฺกมวเสน อตฺถํ อคฺคเหตฺวา’’ติ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวาเร สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ มนินฺทฺริยฺจ นุปฺปชฺชิตฺถาติ…เป… ตสฺมึ ภเว อนุปฺปนฺนปุพฺพวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส เอว สุนฺทรตโรติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปริฺาวารวณฺณนา
๔๓๕-๔๘๒. ปริฺาวาเร ¶ โลกิยอพฺยากตมิสฺสกานิ จาติ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺเนหิ เอกนฺตปริฺเยฺเยหิ โลกิยอพฺยากเตหิ มิสฺสกตฺตา ตานิ อุปาทาย มนินฺทฺริยาทีนํ เวทนากฺขนฺธาทีนํ วิย ปริฺเยฺยตา จ วุตฺตา. ยทิ ปริฺเยฺยมิสฺสกตฺตา ปริฺเยฺยตา โหติ, กสฺมา ธมฺมยมเก ‘‘โย กุสลํ ธมฺมํ ภาเวติ, โส อพฺยากตํ ธมฺมํ ปริชานาตี’’ติอาทินา อพฺยากตปเทน โยเชตฺวา ยมกานิ น วุตฺตานีติ? ยถา ‘‘กุสลํ ภาเวมิ, อกุสลํ ปชหามี’’ติ กุสลากุสเลสุ ¶ ภาวนาปหานาภินิเวโส โหติ, ตถา ‘‘เวทนากฺขนฺโธ อนิจฺโจ, ธมฺมายตนํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ขนฺธาทีสุ ปริชานาภินิเวโส โหติ, ตตฺถ เวทนากฺขนฺธาทโย ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปริชานิตพฺพา, เต จ เวทนากฺขนฺธาทิภาวํ คเหตฺวา ปริชานิตพฺพา, น อพฺยากตภาวนฺติ.
กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺขสจฺจภาชนีเย อาคตสฺส โทมนสฺสสฺส ปหาตพฺพตาว วุตฺตา, น ปริฺเยฺยตา, นนุ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนา เวทนากฺขนฺธาทโย กุสลากุสลภาเวน อคฺคหิตา กุสลากุสลาปิ ปริฺเยฺยาติ? สจฺจํ, ยถา ปน เวทนากฺขนฺธาทิภาโว ภาเวตพฺพปหาตพฺพภาเวหิ วินาปิ โหติ, น เอวํ โทมนสฺสินฺทฺริยภาโว ปหาตพฺพภาเวน วินา โหตีติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ปหาตพฺพตาว อิธ วุตฺตา, น ปริฺเยฺยภาวสฺส อภาวโตติ ทฏฺพฺโพ. อกุสลํ เอกนฺตโต ปหาตพฺพเมวาติ เอเตน ปหาตพฺพเมว, น อปฺปหาตพฺพนฺติ อปฺปหาตพฺพเมว นิวาเรติ, น ปริฺเยฺยภาวนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฺินฺทฺริยํ ภาเวตพฺพนิฏฺํ, น ปน สจฺฉิกาตพฺพนิฏฺนฺติ ภาเวตพฺพภาโว เอว ตสฺส คหิโตติ. ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา’’ติอาทิ ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ น ปริชานาตี’’ติอาทิกสฺส ปรโต ลิขิตพฺพํ อุปฺปฏิปาฏิยา ลิขิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. จกฺขุนฺทฺริยมูลกฺหิ อติกฺกมิตฺวา โทมนสฺสินฺทฺริยมูลเก อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยํ น ปชหนฺติ โน จ อฺินฺทฺริยํ น ภาเวนฺตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๐).
เอตฺถ จ ปุถุชฺชโน, อฏฺ จ อริยาติ นว ปุคฺคลา. เตสุ ปุถุชฺชโน ภพฺพาภพฺพวเสน ทุวิโธ, โส ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ฉ ปุคฺคลา จกฺขุนฺทฺริยฺจ น ปริชานิตฺถ โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ น ปชหิตฺถา’’ติอาทีสุ จ อภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘เย ปุถุชฺชนา มคฺคํ ปฏิลภิสฺสนฺตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๙, ๕๑-๕๒) ¶ อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ปฺจ ปุคฺคลา จกฺขุนฺทฺริยฺจ ปริชานิสฺสนฺติ โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ ปชหิสฺสนฺตี’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๕๑) จ ภพฺโพ เอว ภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ น ปฏิลภิสฺสนฺตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๕๑) อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ นปฺปชหิสฺสนฺติ จกฺขุนฺทฺริยฺจ น ปริชานิสฺสนฺตี’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๕๕) จ อภพฺโพ เอว. อคฺคผลสมงฺคี จ ปมผลสมงฺคี อรหา จาติ ทุวิโธ. โสปิ ‘‘อรหา’’ติ อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยฺจ ภาวิตฺถ ¶ โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ ปชหิตฺถา’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๔) จ อภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘โย อคฺคผลํ สจฺฉิกโรตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๖) อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยํ ปชหิตฺถ, โน จ อฺาตาวินฺทฺริยํ สจฺฉิกริตฺถา’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๔) จ ปมผลสมงฺคี จ ภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘โย อคฺคผลํ สจฺฉากาสี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๓, ๔๔๖) อาคตฏฺาเนสุ อิตโรวาติ เอวํ ปุคฺคลเภทํ ตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สนฺนิฏฺาเนน คหิตปุคฺคเล นิทฺธาเรตฺวา วิสฺสชฺชนํ โยเชตพฺพนฺติ.
ปริฺาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อินฺทฺริยยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยมกปกรณ-มูลฏีกา สมตฺตา.