📜

ปฏฺานปกรณ-มูลฏีกา

คนฺถารมฺภวณฺณนา

ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ, อิสฺสริยฏฺานาทิสกฺการทานคฺคหณํ ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปุฺโยคานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชตนฺติ, ยถาภิลาสิตฺจ วิสยํ อปฺปฏิฆาเตน คจฺฉนฺติ, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน สกฺโกนฺตีติ วา เทวา, เทวนียา วา ตํตํพฺยสนนิตฺถรณตฺถิเกหิ สรณํ ปรายณนฺติ คมนียา, อภิตฺถวนียา วา. โสภาวิเสสโยเคน กมนียาติ วา เทวา. เต ติวิธา – สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. ภควา ปน นิรติสยาย อภิฺากีฬาย, อุตฺตเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ, สปรสนฺตานสิทฺธาย ปฺจวิธมารวิชยิจฺฉานิปฺผตฺติยา, จิตฺติสฺสริยสตฺตธนาทิสมฺมาปฏิปตฺติอเวจฺจปฺปสาทสกฺการทานคฺคหณสงฺขาเตน ธมฺมสภาวปุคฺคลชฺฌาสยานุรูปานุสาสนีสงฺขาเตน จ โวหาราติสเยน, ปรมาย ปฺาสรีรปฺปภาสงฺขาตาย ชุติยา, อโนปมาย จ าณสรีรคติยา, มารวิชยสพฺพฺุคุณปรหิตนิปฺผาทเนสุ อปฺปฏิหตาย สตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ คมนียโต, อภิตฺถวนียโต, ภตฺติวเสน กมนียโต จ สพฺเพ เต เทเว เตหิ คุเณหิ อติกฺกนฺโต อติสโย วา เทโวติ เทวาติเทโว. สพฺพเทเวหิ ปูชนียตโร เทโวติ วา เทวาติเทโว, วิสุทฺธิเทวภาวํ วา สพฺพฺุคุณาลงฺการํ ปตฺตตฺตา อฺเทเวหิ อติเรกตโร วา เทโว เทวาติเทโว. เทวานนฺติ อุปปตฺติเทวานํ ตทา ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ. สกฺกาทีหิ เทเวหิ ปหาราทอสุรินฺทาทีหิ ทานเวหิปูชิโต. กายวจีสํยมสฺส สีลสฺส อินฺทฺริยสํวรสฺส จิตฺตสํยมสฺส สมาธิสฺส จ ปฏิปกฺขานํ อจฺจนฺตปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สุทฺธสํยโม.

อิสิสตฺตโมติ จตุสจฺจาวโพธคติยา อิสโยติ สงฺขฺยํ คตานํ สตํ ปสตฺถานํ อิสีนํ อติสเยน สนฺโต ปสตฺโถติ อตฺโถ. วิปสฺสีอาทโย จ อุปาทาย ภควา ‘‘สตฺตโม’’ติ วุตฺโต. ยโต วิฺาณํ ปจฺจุทาวตฺตติ, ตํ นามรูปํ สมุทยนิโรธเนน นิโรเธสีติ นามรูปนิโรธโน. อติคมฺภีรนยมณฺฑิตเทสนํ ปฏฺานํ นาม เทเสสิ ปกรณนฺติ สมฺพนฺโธ.

คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา

‘‘เก ปน เต นยา, กิฺจ ตํ ปฏฺานํ นามา’’ติ นยิทํ ปุจฺฉิตพฺพํ. กสฺมา? นิทานกถายํ ปฏฺานสมานเน อนุโลมาทีนํ นยานํ ปฏฺานสฺส จ ทสฺสิตตฺตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน หิ…เป… นามาติ หิ วุตฺต’’นฺติ ตตฺถ วุตฺตํ อฏฺกถาปาฬึ อาหริ. ตตฺถ คาถาตฺถํ อฏฺกถาธิปฺปายฺจ ปรโต วณฺณยิสฺสามาติ.

ปฏฺานนามตฺโถ ปน ติกปฏฺานาทีนํ ติกปฏฺานาทินามตฺโถ, อิมสฺส ปกรณสฺส จตุวีสติสมนฺตปฏฺานสโมธานตา เจตฺถ วตฺตพฺพา. เอวฺหิ สงฺเขปโต ปฏฺาเน าเต วิตฺถาโร สุขวิฺเยฺโย โหตีติ. ตตฺถ จ นามตฺโถ ปมํ วตฺตพฺโพติ ‘‘ตตฺถ เยสํ…เป… นามตฺโถ ตาว เอวํ เวทิตพฺโพ’’ติ วตฺวา สพฺพสาธารณสฺส ปฏฺานนามสฺเสว ตาว อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกนฏฺเน ปฏฺาน’’นฺติอาทิมาห . ป-กาโร หีติ อุปสคฺคปทํ ทสฺเสติ. โส ‘‘ปวิภตฺเตสุ ธมฺเมสุ, ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมุนฺติอาทีสุ วิย นานปฺปการตฺถํ ทีเปติ. นนุ ปกาเรหิ วิภตฺตา ปวิภตฺตาติ ป-อิติ อุปสคฺโค ปการตฺถเมว ทีเปติ, น นานปฺปการตฺถนฺติ? น, เตสํ ปการานํ นานาวิธภาวโต. อตฺถโต หิ อาปนฺนํ นานาวิธภาวํ ทสฺเสตุํ นานา-สทฺโท วุตฺโตติ. ตตฺถ เอกสฺสปิ ธมฺมสฺส เหตุอาทีหิ อเนกปจฺจยภาวโต จ เอเกกสฺส ปจฺจยสฺส อเนกธมฺมภาวโต จ นานปฺปการปจฺจยตา เวทิตพฺพา.

เหตุปจฺจยาทิวเสน วิภตฺตตฺตาติ เอเตน ธมฺมสงฺคหาทีสุ วุตฺตโต กุสลาทิวิภาคโต สาติสยวิภาคตํ ปฏฺานนามลาภสฺส การณํ ทสฺเสติ. โคฏฺาติ วชา. ปฏฺิตคาโวติ คตคาโว. อาคตฏฺานสฺมินฺติ มหาสีหนาทสุตฺตํ วทติ. ปวตฺตคมนตฺตา เอตฺถาติ วจนเสโส. อถ วา คจฺฉติ เอตฺถาติ คมนํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส นิสฺสงฺควเสน ปวตฺตสฺส คมนตฺตา คมนเทสภาวโต เอเกกํ ปฏฺานํ นามาติ อตฺโถ. ตตฺถ อฺเหิ คติมนฺเตหิ อติสยยุตฺตสฺส คติมโต คมนฏฺานภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺพฺุตฺาณสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส มหาเวคสฺส ปุริสสฺส ปปาตฏฺานํ วิย ธมฺมสงฺคณีอาทีนํ สาสงฺคคมนฏฺานภาวํ อิมสฺส จ มหาปโถ วิย นิราสงฺคคมนฏฺานภาวํ ทสฺเสนฺโต อติสยยุตฺตคมนฏฺานภาโว ปฏฺานนามลาภสฺส การณนฺติ ทสฺเสติ.

ติกานนฺติ ติกวเสน วุตฺตธมฺมานํ. สมนฺตาติ อนุโลมาทีหิ สพฺพากาเรหิปิ คตานิ จตุวีสติ โหนฺตีติ อตฺโถ. เอตสฺมึ อตฺเถ จตุวีสติสมนฺตปฏฺานานีติ ‘‘สมนฺตจตุวีสติปฏฺานานี’’ติ วตฺตพฺเพ สมนฺตสทฺทสฺส ปรโยคํ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา สมนฺตา ฉ ฉ หุตฺวาติ เอเตน อนุโลมาทิสพฺพโกฏฺาสโต ติกาทิฉฉภาวํ ทสฺเสติ. เตน สมนฺตสทฺโท ติกาทิฉฉปฏฺานวิเสสนํ โหติ, น จตุวีสติวิเสสนํ, ตสฺมา สมนฺตโต ปฏฺานานิ ตานิ จตุวีสตีติ กตฺวา ‘‘จตุวีสติสมนฺตปฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ. สมนฺตโต วา ธมฺมานุโลมาทิติกาทิปฏิจฺจวาราทิปจฺจยานุโลมาทิเหตุมูลกาทิปฺปกาเรหิ ปวตฺตานิ ปฏฺานานิ สมนฺตปฏฺานานิ, อนูเนหิ นเยหิ ปวตฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. ตานิ ปน จตุวีสติ โหนฺติ. เตเนวาห ‘‘อิเมสํ จตุวีสติยา ขุทฺทกปฏฺานสงฺขาตานํ สมนฺตปฏฺานานํ สโมธานวเสนา’’ติ.

เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ อิมินา วจเนน เหตุโน อธิปติปจฺจยาทิภูตสฺส จ คหณํ สิยาติ ตํ นิวาเรนฺโต อาห ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ. เอเตนปิ โส เอว โทโส อาปชฺชตีติ ปุนาห ‘‘เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เตน อิธ เหตุ-สทฺเทน ธมฺมคฺคหณํ น กตํ, อถ โข ธมฺมสตฺติวิเสโส คหิโตติ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ ปจฺจยสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณตํ สนฺธาย ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ, ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺต…เป… เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑) เตน เตน เหตุภาวาทิอุปกาเรน ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส อุปการตฺตํ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โย หิ ธมฺโม ยํ ธมฺมํ อปฺปจฺจกฺขาย ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ ‘‘มูลฏฺเน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโย’’ติจฺเจวมาทินา ธมฺมปฺปธานนิทฺเทเสน ธมฺมโต อฺา ธมฺมสตฺติ นาม นตฺถีติ ธมฺเมเหว ธมฺมสตฺติวิภาวนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิธาปิ วา เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ ธมฺเมเนว ธมฺมสตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ เหตุปจฺจโยติอาทิโก อุทฺเทโส กุสลาทิอุทฺเทโส วิย ธมฺมปฺปธาโน, อถ โข ธมฺมานํ อุปการปฺปธาโนติ. เอตีติ เอตสฺส อตฺโถ วตฺตตีติ, ตฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีนํ สาธารณวจนํ. เตเนวาห – ‘‘ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา’’ติ. โกจิ หิ ปจฺจโย ิติยา เอว โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, โกจิ อุปฺปตฺติยาเยว ยถา อนนฺตราทโย, โกจิ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโยติ.

อุปการกลกฺขโณติ จ ธมฺเมน ธมฺมสตฺติอุปการํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ. อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูล-สทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถติ ทฏฺพฺโพติ. หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺเตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ ปวตฺตติ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ. อาจริยานนฺติ เรวตตฺเถรํ วทติ.

‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทีหิ (อ. นิ. ๑.๖๖-๖๗) กุสลภาวสฺส โยนิโสมนสิการปฏิพทฺธตา สิทฺธา โหตีติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปฏิพทฺโธ กุสลภาโว’’ติ. เอเตเนว อกุสลาพฺยากตภาวา กุสลภาโว วิย น เหตุปฏิพทฺธาติ ทสฺสิตํ โหติ. ยํ ปเนเก มฺเยฺยุํ ‘‘อเหตุกเหตุสฺส อกุสลภาโว วิย สเหตุกเหตูนํ สภาวโตว กุสลาทิภาโว อฺเสํ ตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุปฏิพทฺโธ’’ติ, ตสฺส อุตฺตรํ วตฺตุํ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาห. อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา, ยทิ อโลโภ สภาวโต กุสโล, กุสลตฺตา อพฺยากโต น สิยา. อถ อพฺยากโต, ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส อโทสตฺตาภาโว วิย. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โส โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหนฺเตสุ ผสฺสาทีสุ สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺธกุสลาทิภาวํ ปริเยสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อฺปฏิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโตติ. ยํ วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ, สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย สมฺปยุตฺเตสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฏิพทฺโธติ สิทฺธํ โหตีติ อธิปฺปาโย.

อารภิตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – รูปายตนาทิมตฺเต ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ เอกสฺมึ อฏฺตฺวา ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ อนิยเมน สพฺพรูปายตน…เป… ธมฺมายตนานฺจ อารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา น โกจิ ธมฺโม น โหตีติ.

‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺเต ฉนฺทาทโย ธุรภูตา เชฏฺกภูตา สยํ สมฺปยุตฺตธมฺเม สาธยมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ เตสํ วเส วตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโต, เตน เต อธิปติปจฺจยา โหนฺติ. ครุกาตพฺพมฺปิ อารมฺมณํ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารานํ ปจฺจเวกฺขณอสฺสาทมคฺคผลานํ อตฺตโน วเส วตฺตยมานํ วิย ปจฺจโย โหติ, ตสฺมายํ อตฺตาธีนานํ ปติภาเวน อุปการกตา อธิปติปจฺจยตาติ ทฏฺพฺพา.

มโนวิฺาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโมติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สนฺตีรณานนฺตรํ โวฏฺพฺพนํ, จุติอนนฺตรา ปฏิสนฺธีติ ยสฺส ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส ตทนนฺตรุปฺปาทนิยโม ตํตํสหการีปจฺจยวิสิฏฺสฺส ปุริมปุริมจิตฺตสฺเสว วเสน อิชฺฌตีติ ทสฺเสติ. ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตาติ เอตฺถ ยถา รุกฺขสฺส เวเข ทินฺเน ปุปฺผิตุํ สมตฺถสฺเสว ปุปฺผนํ น โหติ, อคทเวเข ปน อปนีเต ตายเยว สมตฺถตาย ปุปฺผนํ โหติ, เอวมิธาปิ ภาวนาพเลน วาริตตฺตา สมุฏฺาปนสมตฺถสฺเสว อสมุฏฺาปนํ, ตสฺมิฺจ อปคเต ตายเยว สมตฺถตาย สมุฏฺาปนํ โหตีติ อธิปฺปาโย.

พฺยฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ, น อตฺถโตติ อุปจยสนฺตติอธิวจนนิรุตฺติปทานํ วิย สทฺทตฺถมตฺตโต นานากรณํ, น วจนียตฺถโตติ อธิปฺปาโย. เตเนว สทฺทตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปุริมปจฺฉิมานํ นิโรธุปฺปาทนฺตราภาวโต นิรนฺตรุปฺปาทนสมตฺถตา อนนฺตรปจฺจยภาโว. รูปธมฺมานํ วิย สณฺานาภาวโต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหาวฏฺานาภาวโต จ ‘‘อิทมิโต เหฏฺา อุทฺธํ ติริย’’นฺติ วิภาคาภาวา อตฺตนา เอกตฺตมิว อุปเนตฺวา สุฏฺุ อนนฺตรภาเวน อุปฺปาทนสมตฺถตา สมนนฺตรปจฺจยตา.

อุปฺปาทนสมตฺถตาติ จ อพฺยาปารตฺตา ธมฺมานํ ยสฺมึ ยทากาเร นิรุทฺเธ วตฺตมาเน วา สติ ตํตํวิเสสวนฺตา ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺส โสว อากาโร วุจฺจตีติ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมานํ ปวตฺติเมว จ อุปาทาย กาลโวหาโรติ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ อสฺสตฺตา จวนฺตสฺส ปุริมจุติปจฺฉิมปฏิสนฺธีนฺจ นิโรธุปฺปาทนิรนฺตรตาย กาลนฺตรตา นตฺถีติ ทฏฺพฺพา. น หิ เตสํ อนฺตรา อรูปธมฺมานํ ปวตฺติ อตฺถิ, ยํ อุปาทาย กาลนฺตรตา วุจฺเจยฺย, น จ รูปธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธมฺมปฺปวตฺติยา อนฺตรํ กโรติ อฺสนฺตานตฺตา. รูปารูปธมฺมสนฺตติโย หิ ทฺเว อฺมฺํ วิสทิสสภาวตฺตา อฺมฺโปการภาเวน วตฺตมานาปิ วิสุํเยว โหนฺติ. เอกสนฺตติยฺจ ปุริมปจฺฉิมานํ มชฺเฌ วตฺตมานํ ตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย อนฺตรการกํ โหติ. ตาทิสฺจ กฺจิ เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ มชฺเฌ นตฺถิ, น จ อภาโว อนฺตรการโก โหติ อภาวตฺตาเยว, ตสฺมา ชวนานนฺตรสฺส ชวนสฺส วิย, ภวงฺคานนฺตรสฺส ภวงฺคสฺส วิย จ นิรนฺตรตา สุฏฺุ จ อนนฺตรตา โหตีติ ตถา อุปฺปาทนสมตฺถตา เนวสฺานาสฺายตนจุตีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาโว เจตฺถ อนนฺตรปจฺจยาทีนํ ปากโฏติ อุปฺปาทนสมตฺถตาว วุตฺตา. ปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ปุพฺพนฺตาปรนฺตปริจฺเฉเทน คหิตานํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อลภนฺตานํ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๑๘.๕) อนนฺตราทิปจฺจยภาโว วุตฺโตติ น โส อุปฺปตฺติยํเยวาติ วิฺายติ. น หิ กุสลาทิคฺคหณํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํ อปริจฺเฉทํ, ยโต อุปฺปตฺติมตฺตสมงฺคิโนเยว จ คหณํ สิยา, เตเนว จ อตีตตฺติเก ปฏิจฺจวาราทโย น สนฺตีติ.

อุปฺปชฺชมาโนวสหุปฺปาทภาเวนาติ เอตฺถาปิ อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน ปากเฏน ิติยาปิ ปจฺจยภาวํ นิทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ, ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปน สหชาตภาเวน อุปการกตา สหชาตปจฺจยตาติ.

อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตา อฺมฺปจฺจยตา, อุปการกตา จ อฺมฺตาวเสเนว ทฏฺพฺพา, น สหชาตาทิวเสน. สหชาตาทิปจฺจโย โหนฺโตเยว หิ โกจิ อฺมฺปจฺจโย น โหติ, น จ ปุเรชาตปจฺฉาชาตภาเวหิ อุปการกสฺส อุปการกา วตฺถุขนฺธา อฺมฺปจฺจยา โหนฺตีติ.

ตรุอาทีนํ ปถวี วิย อธิฏฺานากาเรน ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ, จกฺขาทโย จ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อุปการกา จิตฺตกมฺมสฺส ปฏาทโย วิย นิสฺสยากาเรน ขนฺธาทโย ตํตํนิสฺสยานํ ขนฺธาทีนํ.

ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโตติ ยํ กิฺจิ การณํ นิสฺสโยติ วทติ. ตตฺถ โย ภุโส, ตํ อุปนิสฺสโยติ นิทฺธาเรติ.

ปกโตติ เอตฺถ -กาโร อุปสคฺโค, โส อตฺตโน ผลสฺส อุปฺปาทเน สมตฺถภาเวน สุฏฺุกตตํ ทีเปติ. ตถา จ กตํ อตฺตโน สนฺตาเน กตํ โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน สนฺตาเน’’ติ. กรณฺจ ทุวิธํ นิปฺผาทนํ อุปเสวนฺจาติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิปฺผาทิโต วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปเสวิโต วาติ เอเตน กายอลฺลียาปนวเสน อุปโภคูปเสวนํ วิชานนาทิวเสน อารมฺมณูปเสวนฺจ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน อนาคตานมฺปิ จกฺขุสมฺปทาทีนํ อารมฺมณูปเสวเนน ยถาปฏิเสวิตานํ ปกตูปนิสฺสยตา วุตฺตา โหติ.

ยถา ปจฺฉาชาเตน วินา สนฺตานาวิจฺเฉทเหตุภาวํ อคจฺฉนฺตานํ ธมฺมานํ เย ปจฺฉาชาตากาเรน อุปการกา, เตสํ สา วิปฺปยุตฺตาการาทีหิ วิสิฏฺา อุปการกตา ปจฺฉาชาตปจฺจยตา, ตถา นิสฺสยารมฺมณาการาทีหิ วิสิฏฺา ปุเรชาตภาเวน วินา อุปการกภาวํ อคจฺฉนฺตานํ วตฺถารมฺมณานํ ปุเรชาตากาเรน อุปการกตา ปุเรชาตปจฺจยตา, เอวํ สพฺพตฺถ ปจฺจยานํ ปจฺจยนฺตราการวิสิฏฺา อุปการกตา โยเชตพฺพา.

คิชฺฌโปตกสรีรานํอาหาราสาเจตนา วิยาติ เอเตน มโนสฺเจตนาหารวเสน ปวตฺตมาเนหิ อรูปธมฺเมหิ รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภิตภาวํ ทสฺเสติ. เตเนว ‘‘อาหาราสา วิยา’’ติ อวตฺวา เจตนาคหณํ กโรติ.

กุสลาทิภาเวน อตฺตนา สทิสสฺส ปโยเคน กรณียสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ปวตฺตนํ อาเสวนฏฺโ, อตฺตสทิสสภาวตาปาทนํ วาสนํ วา. คนฺถาทีสุ ปุริมาปุริมาภิโยโค วิยาติ ปุริมา ปุริมา อาเสวนา วิยาติ อธิปฺปาโย.

จิตฺตปฺปโยโค จิตฺตกิริยา, อายูหนนฺติ อตฺโถ. ยถา หิ กายวจีปโยโค วิฺตฺติ, เอวํ จิตฺตปฺปโยโค เจตนา. สา ตาย อุปฺปนฺนกิริยตาวิสิฏฺเ สนฺตาเน เสสปจฺจยสมาคเม ปวตฺตมานานํ วิปากกฏตฺตารูปานมฺปิ เตเนว กิริยภาเวน อุปการิกา โหติ. ตสฺส หิ กิริยภาวสฺส ปวตฺตตฺตา เตสํ ปวตฺติ, น อฺถาติ. สหชาตานํ ปน เตน อุปการิกาติ กึ วตฺตพฺพนฺติ.

นิรุสฺสาหสนฺตภาเวนาติ เอเตน สอุสฺสาเหหิ วิปากธมฺมธมฺเมหิ กุสลากุสเลหิ สารมฺมณาทิภาเวน สทิสวิปากภาวํ ทสฺเสติ. โส หิ วิปากานํ ปโยเคน อสาเธตพฺพตาย ปโยเคน อฺถา วา เสสปจฺจเยสุ สิทฺเธสุ กมฺมสฺส กฏตฺตาเยว สิทฺธิโต นิรุสฺสาโห สนฺตภาโว โหติ, น กิเลสวูปสมสนฺตภาโว, ตถาสนฺตสภาวโตเยว ภวงฺคาทโย ทุวิฺเยฺยา. ปฺจทฺวาเรปิ หิ ชวนปฺปวตฺติยา รูปาทีนํ คหิตตา วิฺายติ, อภินิปาตสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณมตฺตา ปน วิปากา ทุวิฺเยฺยาเยว. นิรุสฺสาหสนฺตภาวายาติ นิรุสฺสาหสนฺตภาวตฺถาย. เอเตน ตปฺปจฺจยวตํ อวิปากานมฺปิ วิปากานุกุลํ ปวตฺตึ ทสฺเสติ.

สติปิ ชนกตฺเต อุปตฺถมฺภกตฺตํ อาหารานํ ปธานกิจฺจนฺติ อาห ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อุปตฺถมฺภกตฺตฺหิ สติปิ ชนกตฺเต อรูปีนํ อาหารานํ อาหารชรูปสมุฏฺาปกรูปาหารสฺส จ โหติ, อสติปิ จตุสมุฏฺานิกรูปูปตฺถมฺภกรูปาหารสฺส, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกตฺเต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํ. ชนยมาโนปิ หิ อาหาโร อวิจฺเฉทวเสน อุปตฺถมฺภยมาโนเยว ชเนตีติ อุปตฺถมฺภนภาโว อาหารภาโวติ.

อธิปติยฏฺเนาติ เอตฺถ น อธิปติปจฺจยธมฺมานํ วิย ปวตฺตินิวารเก อภิภวิตฺวา ปวตฺตเนน ครุภาโว อธิปติยฏฺโ, อถ โข ทสฺสนาทิกิจฺเจสุ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ชีวเน ชีวนฺเตหิ สุขิตาทิภาเว สุขิตาทีหิ อธิโมกฺขปคฺคหุปฏฺานาวิกฺเขปชานเนสุ อนฺาตฺสฺสามีติ ปวตฺติยํ อาชานเน อฺาตาวีภาเว จ สทฺธาทิสหชาเตหีติ เอวํ ตํตํกิจฺเจสุ จกฺขาทิปจฺจเยหิ จกฺขาทีนํ อนุวตฺตนียตา. เตสุ เตสุ หิ กิจฺเจสุ จกฺขาทีนํ อิสฺสริยํ ตปฺปจฺจยานฺจ ตทนุวตฺตเนน ตตฺถ ปวตฺตีติ. อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ ปน ยทิปิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา อตฺถิ, สา ปน น ปจฺจยภาวโต. ยถา หิ ชีวิตาหารา เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เต เตสํ อนุปาลกอุปตฺถมฺภกา อตฺถิ, อวิคตปจฺจยภูตา จ โหนฺติ, น เอวํ อิตฺถิปุริสภาวา ลิงฺคาทีนํ เกนจิ ปกาเรน อุปการกา โหนฺติ, เกวลํ ปน ยถาสเกเหว ปจฺจเยหิ ปวตฺตมานานํ ลิงฺคาทีนํ ยถา อิตฺถาทิคฺคหณสฺส ปจฺจยภาโว โหติ, ตโต อฺเนากาเรน ตํสหิตสนฺตาเน อปฺปวตฺติโต ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา อินฺทฺริยตา จ เตสํ วุจฺจติ, ตสฺมา น เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว วุตฺโต. จกฺขาทโย อรูปธมฺมานํเยวาติ เอตฺถ สุขทุกฺขินฺทฺริยานิปิ จกฺขาทิคฺคหเณน คหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ.

ลกฺขณารมฺมณูปนิชฺฌานภูตานํ วิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนาทิวเสน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ, จินฺตนํ วา วิตกฺกาทีนํเยว สาธารโณ พฺยาปาโร อุปนิชฺฌายนฏฺโ. เปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวยนฺติ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยทฺวยํ เปตฺวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วตฺวา ‘‘สตฺตฌานงฺคานี’’ติ วจเนน อฌานงฺคานํ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ นิวตฺตนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอเตเนว สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ? เวทนาเภเทสุ ปฺจสุ สุขทุกฺขทฺวยสฺส เอกนฺเตน อฌานงฺคตฺตทสฺสนตฺถํ ฌานงฺคฏฺาเน นิทฺทิฏฺตฺตา. สติปิ วา ฌานงฺคโวหาเร เวทนาเภททฺวยสฺส เอกนฺเตน ฌานปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ. อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ ปน ยทิปิ ฌานปจฺจยตฺตาภาโว อตฺถิ, ฌานปจฺจยภาโว ปน น นตฺถีติ ‘‘สพฺพานิปิ สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอตฺถ คหณํ กตํ. ตตฺถ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วจนํ สพฺพกุสลาทิเภทสงฺคณฺหนตฺถํ, น ปน สพฺพจิตฺตุปฺปาทคตสงฺคณฺหนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ยโต ตโต วาติ สมฺมา วา มิจฺฉา วาติ อตฺโถ. เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา อเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตีติ อิทํ อเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺติ, น สเหตุกจิตฺเตสูติ สเหตุกจิตฺเตสุ อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น อเหตุกจิตฺเตสุ ลาภาภาวทสฺสนตฺถนฺติ. เอวํ อตฺเถ คยฺหมาเน อเหตุกจิตฺเตสุ กตฺถจิ กสฺสจิ ลาโภ น วาริโตติ เอตฺตกเมว วิฺาเยยฺย, น สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุ ฌานปจฺจยสฺเสว อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ กตนฺติ. อเหตุกจิตฺเตสุ วา ลาภาภาวทสฺสนตฺเถ ปน อิมสฺมึ วจเน สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุ ฌานปจฺจยสฺส ลาภาภาโว อาปชฺชติ, ตสฺมา เยน อลาเภน ธมฺมสงฺคณิยํ มโนธาตุอาทีนํ สงฺคหสุฺตวาเรสุ ฌานํ น อุทฺธฏํ , ตํ อลาภํ สนฺธาย เอส ฌานปจฺจยสฺสปิ อเหตุกจิตฺเตสุ อลาโภ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ยถา หิ สเหตุเกสุ วิตกฺกาทีนํ สหชาเต สํกฑฺฒิตฺวา เอกตฺตคตภาวกรณํ อุปนิชฺฌายนพฺยาปาโร พลวา, น ตถา อเหตุกจิตฺเตสุ โหติ. อิมสฺมึ ปน ปกรเณ ทุพฺพลมฺปิ อุปนิชฺฌายนํ ยทิปิ กิฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิ, เตน อุปการกตา โหตีติ สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุปิ ฌานปจฺจโย วุตฺโตว, ตสฺมา เย เอวํ ปนฺติ ‘‘น เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ยถาสงฺขฺยํ ทฺวิปฺจวิฺาณอเหตุกจิตฺเตสุ ลพฺภนฺตี’’ติ, เตสํ โส ปาโ สุนฺทรตโร, อิมสฺส ปกรณสฺสายํ อตฺถวณฺณนา, น ธมฺมสงฺคณิยาติ.

สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตตาย เอกีภาโวปคเมน วิย อุปการกตา สมฺปยุตฺตปจฺจยตา.

ยุตฺตานมฺปิ สตํ วิปฺปยุตฺตภาเวน นานตฺตูปคเมน อุปการกตา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. น หิ วตฺถุสหชาตปจฺฉาชาตวเสน อยุตฺตานํ รูปาทีนํ อารมฺมณาทิภาเวน อุปการกานํ วิปฺปยุตฺตานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา อตฺถีติ. รูปานํ ปน รูเปหิ สติปิ อวินิพฺโภเค วิปฺปโยโคเยว นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. วุตฺตฺหิ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓).

ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณนาติ ปจฺจุปฺปนฺนสภาเวน. เตน ‘‘อตฺถิ เม ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ (ปารา. ๓๘), ‘‘อตฺเถกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน’’ติ (ปุ. ป. มาติกา ๔.๒๔) จ เอวมาทีสุ วุตฺตํ นิพฺพตฺตอุปลพฺภมานตาลกฺขณํ อตฺถิภาวํ นิวาเรติ. สติปิ ชนกตฺเต อุปตฺถมฺภกปฺปธานา อตฺถิภาเวน อุปการกตาติ อาห ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อิทฺจ อุปตฺถมฺภกตฺตํ วตฺถารมฺมณสหชาตาทีนํ สาธารณํ อตฺถิภาเวน อุปการกตฺตํ ทฏฺพฺพํ.

อารมฺมเณ ผุสนาทิวเสน วตฺตมานานํ ผสฺสาทีนํ อเนเกสํ สหภาโว นตฺถีติ เอกสฺมึ ผสฺสาทิสมุทาเย สติ ทุติโย น โหติ, อสติ ปน โหติ, เตน นตฺถิภาเวน อุปการกตา นตฺถิปจฺจยตา. สติปิ ปุริมตรจิตฺตานํ นตฺถิภาเว น ตานิ นตฺถิภาเวน อุปการกานิ, อนนฺตรเมว ปน อตฺตโน อตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ อลภมานานํ นตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ ททมานํ วิย อุปการกํ โหตีติ ‘‘ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกตา’’ติ อาห.

เอตฺถ จ อภาวมตฺเตน อุปการกตา โอกาสทานํ นตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน อปฺปวตฺตมานานํ สภาววิคเมน อุปการกตา วิคตปจฺจยตา, นตฺถิตา จ นิโรธานนฺตรสุฺตา, วิคตตา นิโรธปฺปตฺตตา, อยเมเตสํ วิเสโส, ตถา อตฺถิตาย สสภาวโต อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน นิโรธสฺส อปฺปตฺติยา อุปการกตา อวิคตปจฺจยตาติ ปจฺจยภาววิเสโส ธมฺมาวิเสเสปิ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานฺหิ สตฺติวิเสสํ สพฺพํ ยาถาวโต อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ตถาคเตน จตุวีสติปจฺจยวิเสสา วุตฺตาติ ภควติ สทฺธาย ‘‘เอวํวิเสสา เอเต ธมฺมา’’ติ สุตมยาณํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺตาภาวนามเยหิ ตทภิสมยาย โยโค กาตพฺโพ.

จตูสุ ขนฺเธสุ เอกสฺสปิ อสงฺคหิตตฺตาภาวโต นามธมฺเมกเทสตา อนนฺตราทีนํ นตฺถีติ ‘‘นามธมฺมาวา’’ติ วตฺวา น เกวลํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว ภชนฺตานํ จตุนฺนํเยว ขนฺธานํ นามตา, อถ โข นิพฺพานฺจ นามเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิพฺพานสฺส อสงฺคหิตตฺตา’’ติอาทิมาห. ปุเรชาตปจฺจโย รูเปกเทโสติ เอตฺถ เอกเทสวจเนน รูปรูปโต อฺํ วชฺเชติ, รูปรูปํ ปน กุสลตฺติเก อนาคตมฺปิ ปุเรชาตปจฺจยภาเวน อฺตฺถ อาคตเมว. วุตฺตฺหิ ‘‘อนิทสฺสนอปฺปฏิโฆ ธมฺโม อนิทสฺสนอปฺปฏิฆสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย – อารมฺมณปุเรชาตํ, วตฺถุปุเรชาตํ. อารมฺมณปุเรชาตํ วตฺถุํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ อาโปธาตุํ กพฬีการํ อาหารํ อนิจฺจโต…เป… โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๓๙).

ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจยนิทฺเทโส

๑. เหตุปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. โย เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโ, โส เอวํ เวทิตพฺโพติ เอเตน เหตุสงฺขาตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส เหตุสมฺปยุตฺตกตํสมุฏฺานรูปสงฺขาตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจยภาโว เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโติ. โย ปน เหตุภาเวน ยถาวุตฺโต ปจฺจยธมฺโม ยถาวุตฺตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจโย โหติ, โส เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสติ. อุภยถาปิ เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโติ ทสฺสิตํ โหติ. เอส นโย เสสปจฺจเยสุปิ. อุปการกตา ปน ธมฺมสภาโว เอว, น ธมฺมโต อฺา อตฺถีติ. ตถา ตถา อุปการกํ ตํ ตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต หิ ภควา ตํ ตํ อุปการกตํ ทสฺเสตีติ.

เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ ปโม เหตุ-สทฺโท ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ปจฺจยนิทฺเทโส. เตน เอตสฺส เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจยตาติ ทสฺเสติ. ทุติโย ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสนํ. เตน น เยสํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, อถ โข เหตุนา สมฺปยุตฺตานเมวาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สาเปกฺขตฺตา ทุติเย เหตุสทฺเท อวิชฺชมาเนปิ อฺสฺส อเปกฺขิตพฺพสฺส อนิทฺทิฏฺตฺตา อตฺตนาว สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ? นายํ เอกนฺโต. เหตุสทฺโท หิ ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺเถว พฺยาวโฏ ยทา คยฺหติ , ตทา สมฺปยุตฺตวิเสสนํ น โหตีติ สมฺปยุตฺตา อวิสิฏฺา เย เกจิ คหิตา ภเวยฺยุนฺติ เอวํ สมฺปยุตฺตสทฺเทน อตฺตนิ เอว พฺยาวเฏน เหตุสทฺเทน วิเสสเนน วินา เยสํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตานํ คหณํ โหตีติ ตํ สนฺธาย ‘‘อถาปิ…เป… อตฺโถ ภเวยฺยา’’ติ อาห. นนุ ยถา ‘‘อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕), ‘‘อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๖) จ วุตฺเต ทุติเยน อาหารคฺคหเณน อินฺทฺริยคฺคหเณน จ วินาปิ อาหารินฺทฺริยสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ สิยาติ? น, อาหารินฺทฺริยาสมฺปยุตฺตสฺส อภาวโต. วชฺเชตพฺพาภาวโต หิ ตตฺถ ทุติยอาหารินฺทฺริยคฺคหเณ อสติปิ ตํสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺตีติ ตํ น กตํ, อิธ ปน วชฺเชตพฺพํ อตฺถีติ วตฺตพฺพํ ทุติยํ เหตุคฺคหณนฺติ.

เอวมฺปิ เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ โส เอว สมฺปยุตฺตกเหตูติ วิเสสนสฺส อกตตฺตา โย โกจิ เหตุ ยสฺส กสฺสจิ เหตุสมฺปยุตฺตกสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺสฺเสว เหตุสฺส ปุน สมฺปยุตฺตวิเสสนภาเวน วุตฺตตฺตา, เอตทตฺถเมว จ วินาปิ ทุติเยน เหตุสทฺเทน เหตุสมฺปยุตฺตภาเว สิทฺเธปิ ตสฺส คหณํ กตํ. อถ วา อสติ ทุติเย เหตุสทฺเท เหตุสมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, น ปน เหตูนนฺติ เอวมฺปิ คหณํ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โส วุตฺโต, เตน เหตุสมฺปยุตฺตภาวํ เย ลภนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ เหตูนํ อฺเสมฺปิ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ ทสฺสิตํ โหติ. ยสฺมา ปน เหตุฌานมคฺคา ปติฏฺามตฺตาทิภาเวน นิรเปกฺขา, น อาหารินฺทฺริยา วิย สาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เอเตสฺเวว ทุติยํ เหตาทิคฺคหณํ กตํ. อาหารินฺทฺริยา ปน อาหริตพฺพอิสิตพฺพาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เต วินาปิ ทุติเยน อาหารินฺทฺริยคฺคหเณน อตฺตนา เอว อาหริตพฺเพ จ อิสิตพฺเพ จ อาหารินฺทฺริยภูเต อฺเ จ สมฺปยุตฺตเก ปริจฺฉินฺทนฺตีติ ตํ ตตฺถ น กตํ, อิธ จ ทุติเยน เหตุคฺคหเณน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุนา ปจฺจยภูเตเนว สมฺปยุตฺตานํ เหตูนํ อฺเสฺจ ปริจฺฉินฺนตฺตา ปุน วิเสสนกิจฺจํ นตฺถีติ ปฺหาวาเร ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๑) ทุติยํ เหตุคฺคหณํ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

นิทฺทิสิตพฺพสฺสอปากฏตฺตาติ ตํ-สทฺโท ปุริมวจนาเปกฺโข วุตฺตสฺเสว นิทฺเทโส ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) ปุริมวจเนน นิทฺทิสิตพฺเพ ปากฏีภูเต เอว ปวตฺตติ. เอตฺถ จ ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ เหตุสทฺโท ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ พฺยาวโฏ สมฺปยุตฺตสทฺเทน วิย ตํ-สทฺเทนปิ อนเปกฺขนีโย อฺโ จ โกจิ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสโก วุตฺโต นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ จ น วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.

‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อิมินา ปน ปจฺจยุปฺปนฺนวจเนน อสมตฺเตน ปจฺจยุปฺปนฺนวจนนฺตราเปกฺเขน ปุพฺเพ วุตฺเตน ตํ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพํ ปากฏีกตํ, เตน ‘‘ตํสมุฏฺานาน’’นฺติ เอตฺถ ตํคหณํ กตนฺติ. กึ ปน ตสฺมึ เหตุสมฺปยุตฺตกสทฺเท ตํ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพํ ปากฏีภูตนฺติ? เยหิ เหตูหิ สมฺปยุตฺตา ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกา’’ติ วุตฺตา, เต เหตู เจว สมฺปยุตฺตกวิเสสนภูตา ตพฺพิเสสิตา จ เหตุสมฺปยุตฺตกา. เตนาห ‘‘เต เหตู เจวา’’ติอาทิ. อฺถา ‘‘เต เหตู เจวา’’ติ เอตสฺส ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺเน เหตุสทฺเทน สมฺพนฺเธ สติ ยถา อิธ เตเนว ตํ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพา ปากฏา, เอวํ ปุพฺเพปิ ภวิตุํ อรหนฺตีติ ‘‘นิทฺทิสิตพฺพสฺส อปากฏตฺตา ‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’นฺติ น วุตฺต’’นฺติ อิทํ น ยุชฺเชยฺยาติ. ทุวิธมฺปิ วา เหตุคฺคหณํ อปเนตฺวา ตํสทฺทวจนียตํ โจเทติ ปริหรติ จ. ตํสมุฏฺานานนฺติ จ เหตุสมุฏฺานานนฺติ ยุตฺตํ. เหตู หิ ปจฺจยาติ.

จิตฺตชรูปํ อชนยมานาปีติ ปิ-สทฺเทน ชนยมานาปิ. ยทิ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ วจเนน ปฏิสนฺธิกฺขเณ กฏตฺตารูปสฺส อคฺคหณโต ตํ น วุตฺตํ, สหชาตปจฺจยวิภงฺเค จิตฺตเจตสิกานํ ตสฺส กฏตฺตารูปสฺส ปจฺจยภาโว น วุตฺโต ภเวยฺย. ยทิ จ ตตฺถ จิตฺตสมุฏฺานานํ ปจฺจยภาเวน ตํสมานลกฺขณานํ กฏตฺตารูปานมฺปิ ปจฺจยภาโว นิทสฺสิโต, เอวมิธาปิ ภวิตพฺพํ. ‘‘จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ ปน อวตฺวา ‘‘ตํสมุฏฺานาน’’นฺติ วจนํ จิตฺตสมุฏฺานานํ สพฺพจิตฺตเจตสิกสมุฏฺานตาทสฺสนตฺถํ. เอวํปกาเรน หิ ตํสมุฏฺานวจเนน ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตํ สมุฏฺานวจนํ วิเสสิตํ โหติ. นนุ ‘‘จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ วจเนน จิตฺตสมุฏฺานานํ จิตฺตเจตสิกสมุฏฺานตา วุตฺตาติ? น วุตฺตา. จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยภาโว เอว หิ ตตฺถ วุตฺโตติ.

จิตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตายาติ เอเตเนว เหตุอาทิปฏิพทฺธตฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ยฺจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, ยฺจ ปกปฺเปติ, ยฺจ อนุเสติ, อารมฺมณเมตํ โหติ, วิฺาณสฺส ิติยา อารมฺมเณ สติ ปติฏฺา วิฺาณสฺส โหติ, ตสฺมึ ปติฏฺิเต วิฺาเณ วิรุฬฺเห นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๙) อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต ปฏิสนฺธินามรูปสฺส วิฺาณปจฺจยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘ตสฺมึ ปติฏฺิเต’’ติอาทิ.

ปุริมตรสิทฺธาย ปถวิยา พีชปติฏฺานํ วิย ปุริมตรสิทฺเธ กมฺเม ตนฺนิพฺพตฺตสฺเสว วิฺาณพีชสฺส ปติฏฺานํ กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปฺปตฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห – ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีช’’นฺติ. กสฺส ปน ตํ เขตฺตํ พีชฺจาติ? นามรูปงฺกุรสฺส.

อยฺจ ปนตฺโถติ ปฏิสนฺธิยํ กมฺมชรูปานํ จิตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตา. โอกาสวเสเนวาติ นามรูโปกาสวเสเนว. โส หิ ตสฺส อตฺถสฺส โอกาโสติ. วตฺถุรูปมตฺตมฺปีติ วทนฺโต วตฺถุรูปสฺส อุปตฺถมฺภกานํ เสสรูปานมฺปิ ตทุปตฺถมฺภกภาเวเนว อรูปธมฺมานํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ, สหภวนมตฺตํ วา. ตตฺถ กายภาวาทิกลาปานํ กตฺถจิ อภาวโต กตฺถจิ อภาวาภาวโต ‘‘วตฺถุรูปมตฺตมฺปิ วินา’’ติ อาห. สสฺสามิเกติ เอตสฺเสว วิเสสนตฺถํ ‘‘สราชเก’’ติ วุตฺตํ.

ปวตฺติยํ กฏตฺตารูปาทีนํ ปจฺจยภาวปฏิพาหนโตติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เตสํ ปจฺจยภาวปฺปสงฺโคเยว นตฺถิ ‘‘เหตู สหชาตาน’’นฺติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๑) วจนโต. น หิ เยสํ เหตู สหชาตปจฺจโย น โหนฺติ, ตานิ เหตุสหชาตานิ นาม โหนฺติ. ยทิ สิยุํ, ‘‘กุสลํ ธมฺมํ สหชาโต อพฺยากโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ น เหตุปจฺจยา’’ติอาทิ จ ลพฺเภยฺย, น ปน ลพฺภติ, ตสฺมา น ตานิ เหตุสหชาตานีติ? สจฺจเมตํ, โย ปน เหตูหิ สมานกาลุปฺปตฺติมตฺตํ คเหตฺวา เหตุสหชาตภาวํ มฺเยฺย, ตสฺสายํ ปสงฺโค อตฺถีติ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ภควา ปน วจนานํ ลหุครุภาวํ น คเณติ, โพธเนยฺยานํ ปน อชฺฌาสยานุรูปโต ธมฺมสภาวํ อวิโลเมนฺโต ตถา ตถา เทสนํ นิยาเมตีติ น กตฺถจิ อกฺขรานํ พหุตา วา อปฺปตา วา โจเทตพฺพาติ.

เหตุปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อารมฺมณปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. อุปฺปชฺชนกฺขเณเยวาติ เอเตน วตฺตมานกฺขเณกเทเสน สพฺพํ วตฺตมานกฺขณํ คยฺหตีติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อุปฺปชฺชนกฺขเณเยว จกฺขุวิฺาณาทีนํ รูปาทีนิ อารมฺมณปจฺจโย, อถ โข สพฺพสฺมึ วตฺตมานกฺขเณติ. เตน อาลมฺพิยมานานมฺปิ รูปาทีนํ จกฺขุวิฺาณาทิวตฺตมานตาย ปุเร ปจฺฉา จ วิชฺชมานานํ อารมฺมณปจฺจยตฺตาภาวํ ทสฺเสติ, โก ปน วาโท อนาลมฺพิยมานานํ. น เอกโต โหนฺตีติ นีลาทีนิ สพฺพรูปานิ สห น โหนฺติ, ตถา สทฺทาทโยปีติ อตฺโถ. ‘‘ยํ ย’’นฺติ หิ วจนํ รูปาทีนิ ภินฺทตีติ. ตตฺถ ปุริเมนตฺเถน ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วจเนน อารมฺมณปจฺจยภาวลกฺขณทีปนตฺถํ ‘‘ยํ ยํ ธมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน ‘‘ยํ ย’’นฺติ วจเนน รูปาทิเภททีปนตฺถนฺติ. ‘‘ยํ ยํ วา ปนารพฺภา’’ติ เอตสฺส วณฺณนายํ ทสฺสิตสพฺพารมฺมณาทิวเสน วา อิธาปิ อตฺโถ คเหตพฺโพติ.

เอวํ วุตฺตนฺติ ยถา นทีปพฺพตานํ สนฺทนํ านฺจ ปวตฺตํ อวิรตํ อวิจฺฉินฺนนฺติ สนฺทนฺติ ติฏฺนฺตีติ วตฺตมานวจนํ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘เย เย ธมฺมา’’ติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ สพฺพสงฺคหสมุทายวเสน คหิตตฺตา เตสํ อุปฺปชฺชนํ ปวตฺตนํ อวิรตนฺติ อุปฺปชฺชนฺตีติ วตฺตมานวจนํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อิเม ปน น เหตาทิปจฺจยา สพฺเพปิ อตีตานาคตานํ โหนฺติ. น หิ อตีโต จ อนาคโต จ อตฺถิ, ยสฺเสเต ปจฺจยา สิยุํ. เอวฺจ กตฺวา อตีตตฺติเก อตีตานาคตานํ น โกจิ ปจฺจโย วุตฺโต, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วจเนน เยสํ รูปาทโย อารมฺมณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ, เต ปจฺจุปฺปนฺนาว ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. เตสุ หิ ทสฺสิเตสุ อตีตานาคเตสุ ตํตํปจฺจยา อเหสุํ ภวิสฺสนฺติ จาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ, น ปน ตํตํปจฺจยวนฺตตา. ปจฺจยวนฺโต หิ ปจฺจุปฺปนฺนาเยวาติ.

เอตฺถ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ เอกวจนนิทฺเทสํ กตฺวา ปุน ‘‘เต เต ธมฺมา’’ติ พหุวจนนิทฺเทโส ‘‘ยํ ย’’นฺติ วุตฺตสฺส อารมฺมณธมฺมสฺส อเนกภาโวปิ อตฺถีติ ทสฺสนตฺโถ. จตฺตาโร หิ ขนฺธา สเหว อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ, เต สพฺเพปิ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานมฺปิ เตสุ เอเกกํ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานํ น น โหติ, ตสฺมา เวทนาทีสุ ผสฺสาทีสุ จ เอเกกสฺสปิ อารมฺมณปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ ย’’นฺติ วุตฺตํ, สพฺเพสํ เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ อารมฺมณปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘เต เต’’ติ. ตตฺถ โย จ รูปาทิโก เอเกโกว ยํยํ-สทฺเทน วุตฺโต, เย จ อเนเก ผสฺสาทโย เอเกกวเสน ยํยํ-สทฺเทน วุตฺตา, เต สพฺเพ คเหตฺวา ‘‘เต เต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ยสฺมึ กาเล อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึ กาเล นีลาทีสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ จ เอเกกเมว อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ ย’’นฺติ วุตฺตํ, เต ปน อาลมฺพิยมานา รูปารมฺมณธมฺมา จ อเนเก, ตถา สทฺทาทิอารมฺมณธมฺมา จาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เต เต’’ติ.

นิพฺพานารมฺมณํ กามาวจรรูปาวจรกุสลสฺส อปริยาปนฺนโต กุสลวิปากสฺส กามาวจรรูปาวจรกิริยสฺส จาติ อิเมสํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหตีติ อิทํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ขนฺธปฏิพทฺธานุสฺสรณกาเล นิพฺพานมฺปิ รูปาวจรกุสลกิริยานํ อารมฺมณํ โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. เอวํ สติ ยถา ‘‘อปฺปมาณา ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๕๘) วุตฺตํ, เอวํ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ จ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ตํ วุตฺตํ. น หิ นิพฺพานํ ปุพฺเพ นิวุฏฺํ อสงฺขตตฺตา, น จ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ปุพฺเพ นิวุฏฺเสุ อปฺปมาณกฺขนฺเธสุ าเตสุ นิพฺพานชานเน น เตน ปโยชนํ อตฺถิ. ยถา หิ เจโตปริยาณํ จิตฺตํ วิภาเวนฺตเมว จิตฺตารมฺมณชานนสฺส กามาวจรสฺส ปจฺจโย โหติ, เอวมิทมฺปิ อปฺปมาณกฺขนฺเธ วิภาเวนฺตเมว ตทารมฺมณชานนสฺส กามาวจรสฺส ปจฺจโย โหตีติ. ทิฏฺนิพฺพาโนเยว จ ปุพฺเพ นิวุฏฺเ อปฺปมาณกฺขนฺเธ อนุสฺสรติ, เตน ยถาทิฏฺเมว นิพฺพานํ เตสํ ขนฺธานํ อารมฺมณนฺติ ทฏฺพฺพํ, น ปน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ตทารมฺมณวิภาวนํ กาตพฺพํ. วิภูตเมว หิ ตํ ตสฺสาติ. เอวํ อนาคตํสาเณปิ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, ตสฺมา นิพฺพานํ น กสฺสจิ รูปาวจรสฺส อารมฺมณนฺติ ‘‘จตุนฺนํ ราสีน’’นฺติ วตฺตุํ ยุตฺตํ.

อารมฺมณปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อธิปติปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. ธุรนฺติ ธุรคฺคาหํ. เชฏฺกนฺติ เสฏฺํ. ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ ปุริมฉนฺทสฺส สมานรูเปน ตทนนฺตรํ นิทฺทิฏฺเน ตํสมฺพนฺเธน ฉนฺทสทฺเทเนว ปจฺจยภูตสฺส ฉนฺทสฺส สมฺปยุตฺตกวิเสสนภาโว ทสฺสิโต โหตีติ ‘‘ฉนฺทาธิปติ สมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิตเรสุปิ.

ครุการจิตฺตีการวเสน วาติ กุสลาพฺยากตานํ ปวตฺตึ ทสฺเสติ. อลทฺธํ ลทฺธพฺพํ, ลทฺธํ อวิชหิตพฺพํ. เยน วา วินา น ภวิตพฺพํ, ตํ ลทฺธพฺพํ, ตสฺเสวตฺโถ อวิชหิตพฺพนฺติ. อนวฺาตนฺติ อวฺาตมฺปิ อโทสทสฺสิตาย อสฺสาทเนน อนวฺาตํ กตฺวา.

มิจฺฉตฺตนิยตา อปฺปนาสทิสา มหาพลา วินา อธิปตินา นุปฺปชฺชนฺตีติ ‘‘เอกนฺเตเนวา’’ติ อาห. กมฺมกิเลสาวรณภูตา จ เต สคฺคาวรณา จ มคฺคาวรณา จ ปจฺจกฺขสคฺคานํ กามาวจรเทวานมฺปิ อุปฺปชฺชิตุํ น อรหนฺติ, โก ปน วาโท รูปารูปีนนฺติ.

กามาวจราทิเภทโต ปน ติวิโธ กิริยารมฺมณาธิปติ โลภสหคตากุสลสฺเสว อารมฺมณาธิปติปจฺจโย โหตีติ อิทํ ปรสนฺตานคตานํ สารมฺมณธมฺมานํ ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมโณ ธมฺโม พหิทฺธารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตสฺส อภาวโต ‘‘พหิทฺธารมฺมโณ ธมฺโม พหิทฺธารมฺมณสฺสา’’ติ เอตฺถ จ อารมฺมณาธิปติโน อนุทฺธฏตฺตา อธิปติปจฺจยตา นตฺถีติ วิฺายมาเนปิ ‘‘พหิทฺธา ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทตี’’ติอาทิวจนํ (ปฏฺา. ๒.๒๐.๓๑) นิสฺสาย อรหโต กิริยธมฺมา ปุถุชฺชนาทีหิ ครุํ กตฺวา อสฺสาทิยนฺตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สนิทสฺสนสปฺปฏิฆา ขนฺธา’’ติอาทีสุ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๓๐) วิย ขนฺธสทฺโท รูเป เอว ภวิตุํ อรหตีติ วิจาริตเมตํ. ปุถุชฺชนาทิกาเล วา อนาคเต กิริยธมฺเม ครุํ กตฺวา อสฺสาทนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ‘‘เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺเม ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๓.๙๖) กิริยธมฺมา ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโย โหนฺเตว, เต จ ‘‘อตีตารมฺมเณ อนาคเต ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๒.๑๙.๒๓) อนาคตา เตภูมกาปิ อธิปติปจฺจโย โหนฺตีติ. อาวชฺชนกิริยสพฺภาวโต ปน อิทมฺปิ วิจาเรตพฺพํ.

อธิปติปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อนนฺตรปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. ยถา โอกาสทานวิเสสภาเวน นตฺถิวิคตา วุตฺตา, น เอวํ อนนฺตรสมนนฺตรา, เอเต ปน จิตฺตนิยามเหตุวิเสสภาเวน วุตฺตา, ตสฺมา ตํ จิตฺตนิยามเหตุวิเสสภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตู’’ติอาทินา ธาตุวเสน กุสลาทิวเสน จ นิทฺเทสมาห. ตตฺถ ‘‘มโนวิฺาณธาตุ มโนวิฺาณธาตุยา’’ติ วุตฺเต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนวิเสโส น วิฺายตีติ ‘‘ปุริมา ปุริมา ปจฺฉิมาย ปจฺฉิมายา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา จ สติ ธาตุวิเสเสน จิตฺตวิเสเส ทสฺสนํ ยํ กาตุํ อารทฺโธ, ตํ โวจฺฉิชฺเชยฺย. ‘‘มโนวิฺาณธาตุ มโนธาตุยา’’ติ อิทมฺปิ น สกฺกา วตฺตุํ นิยามาภาวโต, ‘‘มโนธาตุ จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติ จ ตเถว น สกฺกา. น หิ มโนธาตุ จกฺขุวิฺาณธาตุยาเยว อนนฺตรปจฺจโยติ นิยาโม อตฺถิ, ตสฺมา ปากฏา ปฺจวิฺาณธาตุโย อาทึ กตฺวา ยาว ธาตุวิเสสนิยาโม อตฺถิ, ตาว นิทสฺสเนน นยํ ทสฺเสตฺวา ปุน นิรวเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา’’ติอาทิมาห. สทิสกุสลานนฺติ เวทนาย วา เหตูหิ วา สทิสกุสลานํ อนุรูปกุสลานนฺติ วา อตฺโถ. เตน ภูมิภินฺนานมฺปิ ปจฺจยภาโว วุตฺโต โหติ. ภวงฺคคฺคหเณน กุสลากุสลมูลเกสุ จุติปิ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ, อพฺยากตมูลเก ตทารมฺมณมฺปิ.

กามาวจรกิริยาวชฺชนสฺสาติ กามาวจรกิริยาย อาวชฺชนสฺสาติ อาวชฺชนคฺคหเณน กามาวจรกิริยํ วิเสเสตีติ ทฏฺพฺพํ. กามาวจรวิปาโก กามาวจรกิริยราสิสฺส จ อนนฺตรปจฺจโย โหติ, โหนฺโต จ อาวชฺชนสฺเสวาติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. อาวชฺชนคฺคหเณเนว เจตฺถ โวฏฺพฺพนมฺปิ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อนนฺตรปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สหชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. ‘‘อฺมฺสฺสาติ อฺโ อฺสฺสา’’ติ โปราณปาโ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อฺมฺํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ‘‘อฺมฺ’’นฺติ อิมสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ , น อวุตฺตสฺส ‘‘อฺมฺสฺสา’’ติ อิมสฺส, น จ สมานตฺถสฺสปิ สทฺทนฺตรสฺส อตฺเถ วุตฺเต สทฺทนฺตรสฺส อตฺโถ วุตฺโต โหติ, ตสฺมา ‘‘อฺมฺนฺติ อฺโ อฺสฺสา’’ติ ปนฺติ. โอกฺกนฺตีติ ปฺจโวการปฏิสนฺธิเยว วุจฺจติ, น อิตราติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปฺจโวการภเว ปฏิสนฺธิกฺขเณ’’ติ. รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานนฺติ อิทํ ยทิปิ ปุพฺเพ ‘‘โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ, ตถาปิ น เตน ขณนฺตเร ปจฺจยภาโว รูปีนํ นิวาริโตติ ตนฺนิวารณตฺถํ วุตฺตํ. กฺจิ กาเลติ เกจิ กิสฺมิฺจิ กาเลติ วา อตฺโถ. เตน รูปิโน ธมฺมา เกจิ วตฺถุภูตา กิสฺมิฺจิ ปฏิสนฺธิกาเลติ รูปนฺตรานํ วตฺถุสฺส จ กาลนฺตเร อรูปีนํ สหชาตปจฺจยํ ปุพฺเพ อนิวาริตํ นิวาเรติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กฺจิ กาล’’นฺติ วา ‘‘กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ วา วตฺตพฺเพ วิภตฺติวิปลฺลาโส กโต. เตน หิ ‘‘กฺจี’’ติ อุปโยเคกวจนํ ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติ เอเตน สห สมฺพนฺเธน ปจฺจตฺตพหุวจนสฺส อาเทโส, ‘‘กาเล’’ติ อิมินา สมฺพนฺเธน ภุมฺเมกวจนสฺสาติ วิฺายติ. ปุริเมน จ ‘‘เอโก ขนฺโธ วตฺถุ จ ติณฺณนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติอาทินา นามสหิตสฺเสว วตฺถุสฺส ‘‘นามสฺส ปจฺจโย’’ติ วตฺตพฺพตฺเต อาปนฺเน เอเตน เกวลสฺเสว ตถา วตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ.

ตโย น อฺมฺวเสนาติ ลพฺภมาเนปิ กตฺถจิ อฺมฺสหชาตปจฺจยภาเว วจเนน อสงฺคหิตตฺตา ตสฺส เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. จตุสมุฏฺานิกสฺส รูปสฺส เอกเทสภูเต กมฺมสมุฏฺานรูเป สมุทาเยกเทสวเสน สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ, นิทฺธารเณ วา.

สหชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. นิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. นิสฺสยปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ อิทํ น ลพฺภติ. ยํ ปเนตฺถ ลพฺภติ ‘‘รูปิโน ธมฺมา เกจี’’ติ, ตตฺถ เต เอว ธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ. ‘‘วตฺถุรูปํ ปฺจโวการภเว’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เปตฺวา อารุปฺปวิปาก’’นฺติ อิทํ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ‘‘เตภูมกวิปากสฺสา’’ติ วุตฺเต ปฺจโวการภเว อนุปฺปชฺชนกํ เปตพฺพํ อชานนฺตสฺส ตสฺส ปกาเสตพฺพตฺตา.

นิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุปนิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

. เต ตโยปิ ราสโยติ อุปนิสฺสเย ตโย อเนกสงฺคาหกตาย ราสโยติ วทติ. เอตสฺมึ ปน อุปนิสฺสยนิทฺเทเส เย ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อนนฺตรูปนิสฺสยา โหนฺติ, เต เตสํ สพฺเพสํ เอกนฺเตเนว โหนฺติ, น เกสฺจิ กทาจิ, ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรูปนิสฺสโย สงฺคหิโต, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ น วุตฺตํ. เย ปน ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อารมฺมณปกตูปนิสฺสยา โหนฺติ, เต เตสํ น สพฺเพสํ เอกนฺเตน โหนฺติ, เยสํ อุปฺปตฺติปฏิพาหิกา ปจฺจยา พลวนฺโต โหนฺติ, เตสํ น โหนฺติ, อิตเรสํ โหนฺติ. ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรูปนิสฺสโย น ลพฺภติ, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ วุตฺตํ. สิทฺธานํ ปจฺจยธมฺมานํ เยหิ ปจฺจยุปฺปนฺเนหิ อกุสลาทีหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ เกสฺจีติ อยฺเจตฺถ อตฺโถ, น ปน อวิเสเสน อกุสลาทีสุ เกสฺจีติ.

ปุริมา ปุริมา กุสลา…เป… อพฺยากตานํ ธมฺมานนฺติ เยสํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ภวิตพฺพํ, เตสํ อพฺยากตานํ ปจฺฉิมานนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ รูปาพฺยากตํ อุปนิสฺสยํ ลภตีติ. กถํ? อารมฺมณานนฺตรูปนิสฺสเย ตาว น ลภติ อนารมฺมณตฺตา ปุพฺพาปรนิยเมน อปฺปวตฺติโต จ, ปกตูปนิสฺสยฺจ น ลภติ อเจตเนน รูปสนฺตาเนน ปกตสฺส อภาวโต. ยถา หิ อรูปสนฺตาเนน สทฺธาทโย นิปฺผาทิตา อุตุโภชนาทโย จ อุปเสวิตา, น เอวํ รูปสนฺตาเนน. ยสฺมิฺจ อุตุพีชาทิเก กมฺมาทิเก จ สติ รูปํ ปวตฺตติ, น ตํ เตน ปกตํ โหติ. สเจตนสฺเสว หิ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนุปโยคาทิวเสน เจตนํ ปกปฺปนํ ปกรณํ, รูปฺจ อเจตนนฺติ. ยถา จ นิรีหเกสุ ปจฺจยายตฺเตสุ ธมฺเมสุ เกสฺจิ สารมฺมณสภาวตา โหติ, เกสฺจิ น, เอวํ สปฺปกรณสภาวตา นิปฺปกรณสภาวตา จ ทฏฺพฺพา. อุตุพีชาทโย ปน องฺกุราทีนํ เตสุ อสนฺเตสุ อภาวโต เอว ปจฺจยา, น ปน อุปนิสฺสยาทิภาวโตติ. ปุริมปุริมานํเยว ปเนตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจยภาโว พาหุลฺลวเสน ปากฏวเสน จ วุตฺโต. ‘‘อนาคเต ขนฺเธ ปตฺถยมาโน ทานํ เทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๒.๑๘.๘) ปน อนาคตาปิ อุปนิสฺสยปจฺจยา โหนฺติ, เต ปุริเมหิ อารมฺมณปกตูปนิสฺสเยหิ ตํสมานลกฺขณตาย อิธ สงฺคยฺหนฺตีติ ทฏฺพฺพา.

ปุคฺคโลปิ เสนาสนมฺปีติ ปุคฺคลเสนาสนคฺคหณวเสน อุปนิสฺสยภาวํ ภชนฺเต ธมฺเม ทสฺเสติ, ปิ-สทฺเทน จีวรารฺรุกฺขปพฺพตาทิคฺคหณวเสน อุปนิสฺสยภาวํ ภชนฺเต สพฺเพ สงฺคณฺหาติ. ‘‘อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทีสุ หิ ‘‘เสนาสนํ กายิกสฺส สุขสฺสา’’ติอาทิวจเนน เสนาสนคฺคหเณน อุปนิสฺสยภาวํ ภชนฺตาว ธมฺมา อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ปุคฺคลาทีสุปิ อยํ นโย ทสฺสิโต โหตีติ. ปจฺจุปฺปนฺนาปิ อารมฺมณปกตูปนิสฺสยา ปจฺจุปฺปนฺนตาย เสนาสนสมานลกฺขณตฺตา เอตฺเถว สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. วกฺขติ หิ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ อุตุํ โภชนํ เสนาสนํ อุปนิสฺสาย ฌานํ อุปฺปาเทตี’’ติอาทินา เสนาสนสฺส ปจฺจุปฺปนฺนภาวํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนานํ อุตุอาทีนํ ปกตูปนิสฺสยภาวํ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ จกฺขุํ…เป… วตฺถุํ ปจฺจุปฺปนฺเน ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๑๘.๔) จกฺขาทีนํ อารมฺมณูปนิสฺสยภาวฺจาติ. ปจฺจุปฺปนฺนานมฺปิ จ ตาทิสานํ ปุพฺเพ ปกตตฺตา ปกตูปนิสฺสยตา ทฏฺพฺพา.

กสิณารมฺมณาทีนิ อารมฺมณเมว โหนฺติ, น อุปนิสฺสโยติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘เอกจฺจายา’’ติ อาห.

อรูปาวจรกุสลมฺปิ ยสฺมึ กสิณาทิมฺหิ ฌานํ อนุปฺปาทิตํ, ตสฺมึ อนุปฺปนฺนฌานุปฺปาทเน สพฺพสฺส จ อุปฺปนฺนฌานสฺส สมาปชฺชเน อิทฺธิวิธาทีนํ อภิฺานฺจ อุปนิสฺสโยติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘เตภูมกกุสโล จตุภูมกสฺสปิ กุสลสฺสา’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อรูปาวจรํ สทฺธํ อุปนิสฺสาย รูปาวจรํ ฌานํ วิปสฺสนํ มคฺคํ อภิฺํ สมาปตฺตึ อุปฺปาเทตี’’ติ (ปฏฺา. ๔.๑๓.๒๘๕). กามาวจรกุสลํ รูปาวจรารูปาวจรวิปากานมฺปิ ตทุปฺปาทกกุสลานํ อุปนิสฺสยภาววเสน , ปฏิสนฺธินิยามกสฺส จุติโต ปุริมชวนสฺส จ วเสน อุปนิสฺสโย, รูปาวจรกุสลํ อรูปาวจรวิปากสฺส, อรูปาวจรกุสลฺจ รูปาวจรวิปากสฺส ตทุปฺปาทกกุสลูปนิสฺสยภาเวนาติ เอวํ ปจฺเจกํ เตภูมกกุสลานํ จตุภูมกวิปากสฺส เตภูมกกิริยสฺส จ ยถาโยคํ ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ. ปาฬิยมฺปิ หิ ปกตูปนิสฺสโย นยทสฺสนมตฺเตเนว ปฺหาวาเรสุ วิสฺสชฺชิโตติ.

อิมินา ปน นเยนาติ โลกุตฺตรนิพฺพตฺตนํ อุปนิสฺสาย สิเนหุปฺปาทนเลเสนาติ อตฺโถ. โลกุตฺตรา ปน ธมฺมา อกุสลานํ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหนฺตีติ น อิทํ สารโต ทฏฺพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กามาวจราทิติเหตุกภวงฺคํ กายิกสุขาทิ จ รูปาวจราทิกุสลานํ อุปนิสฺสโย, อรูปาวจรวิปาโก รูปาวจรกุสลสฺส ตํ ปตฺเถตฺวา ตนฺนิพฺพตฺตกกุสลุปฺปาทนตฺถํ อุปฺปาทิยมานสฺส, รูปาวจรกิริยสฺส จ ปุพฺเพ นิวุฏฺาทีสุ อรูปาวจรวิปากชานนตฺถํ ฌานาภิฺาโย อุปฺปาเทนฺตสฺส อรหโต, จตุภูมกวิปากานํ ปน ตทุปฺปาทกกุสลูปนิสฺสยภาววเสน โส โส วิปาโก อุปนิสฺสโย. เตนาห ‘‘ตถา เตภูมกวิปาโก’’ติ. ยทิปิ อรหตฺตผลตฺตํ ฌานวิปสฺสนา อุปฺปาเทติ อนาคามี, น ปน เตน ตํ กทาจิ ทิฏฺปุพฺพํ ปุถุชฺชนาทีหิ โสตาปตฺติผลาทีนิ วิย, ตสฺมา ตานิ วิย เตสํ ฌานาทีนํ อิมสฺส จ อคฺคผลํ น ฌานาทีนํ อุปนิสฺสโย. อุปลทฺธปุพฺพสทิสเมว หิ อนาคตมฺปิ อุปนิสฺสโยติ. เตนาห ‘‘อุปริฏฺิมํ กุสลสฺสปี’’ติ.

กิริยอตฺถปฏิสมฺภิทาทิมฺปิ ปตฺเถตฺวา ทานาทิกุสลํ กโรนฺตสฺส เตภูมกกิริยาปิ จตุภูมกสฺสปิ กุสลสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย. โยนิโสมนสิกาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตํ อุปนิสฺสาย ราคาทิอุปฺปาทเน อกุสลสฺส, กุสลากุสลูปนิสฺสยภาวมุเขน จตุภูมกวิปากสฺส. เอวํ กิริยสฺสปิ โยเชตพฺพํ. เตนาห ‘‘กิริยสงฺขาโตปิ ปกตูปนิสฺสโย จตุภูมกานํ กุสลาทิขนฺธานํ โหติเยวา’’ติ. เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺเมสุ ปน อุตุโภชนเสนาสนานเมว ติณฺณํ ราสีนํ ปกตูปนิสฺสยภาวทสฺสนํ นยทสฺสนเมวาติ. อิมสฺมึ ปฏฺานมหาปกรเณ อาคตนเยนาติ อิทํ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อพฺยากโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ น อุปนิสฺสยปจฺจยา, กุสเล ขนฺเธ ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙๑) เอวมาทิกํ อุปนิสฺสยปฏิกฺเขปํ, อนุโลเม จ อนาคมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุตฺตนฺติกปริยาเยนาติ ‘‘วิฺาณูปนิสํ นามรูปํ, นามรูปนิสํ สฬายตน’’นฺติอาทิเกน (สํ. นิ. ๒.๒๓),

‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;

ตํ รุกฺขา อุปนิสฺสาย, วฑฺฒนฺเต เต วนปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๙). –

อาทิเกน จ.

อุปนิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปุเรชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๐. นยทสฺสนวเสน ยานิ วินา อารมฺมณปุเรชาเตน น วตฺตนฺติ, เตสํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณปุเรชาตทสฺสเนน มโนทฺวาเรปิ ยํ ยทารมฺมณปุเรชาเตน วตฺตติ, ตสฺส ตทาลมฺพิตํ สพฺพมฺปิ รูปรูปํ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ, สรูเปน ปน อทสฺสิตตฺตา ‘‘สาวเสสวเสน เทสนา กตา’’ติ อาห. จิตฺตวเสน กายํ ปริณามยโต อิทฺธิวิธาภิฺาย จ อฏฺารสสุ ยํกิฺจิ อารมฺมณปุเรชาตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

ตทารมฺมณภาวิโนติ เอตฺถ ปฏิสนฺธิภาวิโน วตฺถุปุเรชาตาภาเวน อิตรสฺสปิ อภาวา อคฺคหณํ. ภวงฺคภาวิโน ปน คหณํ กาตพฺพํ น วา กาตพฺพํ ปฏิสนฺธิยา วิย อปริพฺยตฺตสฺส อารมฺมณสฺส อารมฺมณมตฺตภาวโต, ‘‘มโนธาตูนฺจา’’ติ เอตฺถ สนฺตีรณภาวิโน มโนวิฺาณธาตุยาปิ.

ปุเรชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ปจฺฉาชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๑. ตสฺเสวาติ อิทํ กามาวจรรูปาวจรวิปากานํ นิรวเสสทสฺสิตปุเรชาตทสฺสนวเสน วุตฺตํ, รูปาวจรวิปาโก ปน อาหารสมุฏฺานสฺส น โหตีติ.

ปจฺฉาชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. อาเสวนปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๒. ปคุณตรพลวตรภาววิสิฏฺนฺติ เอเตน วิปากาพฺยากตโต วิเสเสติ.

อาเสวนปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. กมฺมปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๓. เจตนาสมฺปยุตฺตกมฺมํ อภิชฺฌาทิ กมฺมปจฺจโย น โหตีติ ‘‘เจตนากมฺมเมวา’’ติ อาห. สติปิ หิ วิปากธมฺมธมฺมตฺเต น เจตนาวชฺชา เอวํสภาวาติ. อตฺตโน ผลํ อุปฺปาเทตุํ สมตฺเถนาติ กมฺมสฺส สมตฺถตา ตสฺส กมฺมปจฺจยภาโว วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.

ปฺจโวกาเรเยว, น อฺตฺถาติ เอเตน กามาวจรเจตนา เอกโวกาเร รูปมฺปิ น ชเนตีติ ทสฺเสติ.

กมฺมปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. วิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๔. วิปากปจฺจยนิทฺเทเส เยสํ เอกนฺเตน วิปาโก วิปากปจฺจโย โหติ, เตสํ วเสน นยทสฺสนํ กตํ. น หิ อารุปฺเป ภูมิทฺวยวิปาโก รูปสฺส ปจฺจโย โหติ.

วิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. อาหารปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๕. กพฬํกริตฺวา อชฺโฌหริโตวาติ อสิตปีตาทิวตฺถูหิ สห อชฺโฌหริโตวาติ วุตฺตํ โหติ. ปาตพฺพสายิตพฺพานิปิ หิ สภาววเสน กพฬาเยว โหนฺตีติ.

เสสติสนฺตติสมุฏฺานสฺส อนุปาลโกว หุตฺวาติ เอตฺถ จิตฺตสมุฏฺานสฺส อาหารปจฺจยภาโว วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพ. น หิ จิตฺตสมุฏฺาโน กพฬีกาโร อาหาโร โนจิตฺตสมุฏฺาโน ตทุภยฺจ จิตฺตสมุฏฺานกายสฺส อาหารปจฺจโย วุตฺโต, ติวิโธปิ ปน โส โนจิตฺตสมุฏฺานกายสฺส วุตฺโตติ.

อาหารปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. อินฺทฺริยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๖. อรูปชีวิตินฺทฺริยมฺปิ สงฺคหิตนฺติ มิสฺสกตฺตา ชีวิตินฺทฺริยํ น สพฺเพน สพฺพํ วชฺชิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

อวินิพฺภุตฺตธมฺมานนฺติ เอตฺถ อยํ อธิปฺปาโย – รูปารูปานํ อฺมฺํ อวินิพฺภุตฺตโวหาโร นตฺถีติ อรูปานํ อินฺทฺริยปจฺจยภูตานิ ปจฺจยนฺตราเปกฺขานิ จกฺขาทีนิ อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ อวินิพฺภุตฺตธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจยตํ อผรนฺตานิปิ อินฺทฺริยปจฺจยา สิยุํ. โย ปน นิรเปกฺโข อินฺทฺริยปจฺจโย อวินิพฺภุตฺตธมฺมานํ โหติ, โส อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยตํ อผรนฺโต นาม นตฺถิ. ยทิ จ อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยานิ อินฺทฺริยปจฺจโย ลิงฺคาทีนํ สิยุํ, อวินิพฺภุตฺตานํ เตสมฺปิ สิยุํ. น หิ รูปํ รูปสฺส, อรูปํ วา อรูปสฺส วินิพฺภุตฺตสฺส อินฺทฺริยปจฺจโย อตฺถีติ. สติ เจวํ อิตฺถิปุริสินฺทฺริเยหิ อวินิพฺภุตฺตตฺตา กลลาทิกาเล จ ลิงฺคาทีนิ สิยุํ, เยสํ ตานิ อินฺทฺริยปจฺจยตํ ผเรยฺยุํ, น จ ผรนฺติ. ตสฺมา น เตหิ ตานิ อวินิพฺภุตฺตกานิ, อวินิพฺภุตฺตตฺตาภาวโต จ เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยตํ น ผรนฺติ. อฺเสํ ปน เยหิ ตานิ สหชาตานิ, เตสํ อพีชภาวโตเยว น ผรนฺติ, ตสฺมา อาปนฺนวินิพฺภุตฺตภาวานํ เตสํ ลิงฺคาทีนํ อวินิพฺภุตฺตานํ อฺเสฺจ สมานกลาปธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจยตาย อผรณโต ตานิ อินฺทฺริยปจฺจโย น โหนฺตีติ. เยสํ พีชภูตานิ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ, เตสํ ลิงฺคาทีนํ อปรมตฺถภาวโตติ เกจิ, เต ปน กลลาทิกาเลปิ ลิงฺคาทีนํ ตทนุรูปานํ อตฺถิตํ อิจฺฉนฺติ.

ชาติภูมิวเสน วุตฺเตสุ เภเทสุ กุสลชาติยํ รูปาวจรกุสลเมว อารุปฺเป เปตพฺพนฺติ ‘‘เปตฺวา ปน รูปาวจรกุสลํ อวเสสา กุสลากุสลา’’ติ วุตฺตํ. ปมโลกุตฺตรํ ปน โทมนสฺสยุตฺตฺจ วิสุํ เอกา ชาติ ภูมิ วา น โหตีติ อารุปฺเป อลพฺภมานมฺปิ น ปิตํ. เหตุอาทีสุปิ ‘‘ตถา อปริยาปนฺนกุสลเหตุ, ตถา อกุสลเหตู’’ติอาทีสุ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๑) เอส นโย โยเชตพฺโพ.

ิติกฺขเณติ อิทํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส สหชาตปจฺจยตฺตาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปฺปาทกฺขเณปิ ปน ตสฺส อินฺทฺริยปจฺจยตา น สกฺกา นิวาเรตุํ. วกฺขติ หิ ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ…เป… อสฺสตฺตานํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ…เป… อินฺทฺริยปจฺจยํ กมฺมปจฺจยสทิส’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖๖). น หิ อสฺสตฺตานํ อินฺทฺริยปจฺจยา อุปฺปชฺชมานสฺส รูปสฺส รูปชีวิตินฺทฺริยโต อฺโ อินฺทฺริยปจฺจโย อตฺถิ, ปฺจโวกาเร ปวตฺเต จ กฏตฺตารูปสฺส. ปฏิจฺจวาราทโย จ ฉ อุปฺปาทกฺขณเมว คเหตฺวา ปวตฺตา, เอวฺจ กตฺวา ปจฺฉาชาตปจฺจโย เอเตสุ อนุโลมโต น ติฏฺตีติ.

อินฺทฺริยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๗. ฌานปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๗. วิตกฺกวิจารปีติโสมนสฺสโทมนสฺสุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาสงฺขาตานีติ เอตฺถ ยทิปิ โสมนสฺสโทมนสฺสสงฺขาตานิ ฌานงฺคานิ นตฺถิ, สุขทุกฺขสงฺขาตานิ ปน โสมนสฺสโทมนสฺสภูตาเนว ฌานงฺคานิ, น กายิกสุขทุกฺขภูตานีติ อิมสฺส ทสฺสนตฺถํ โสมนสฺสโทมนสฺสคฺคหณํ กตํ. นนุ จ ‘‘ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺเชสู’’ติ วจเนเนว กายิกสุขทุกฺขานิ วชฺชิตานีติ สุขทุกฺขคฺคหณเมว กตฺตพฺพนฺติ? น, ฌานงฺคสุขทุกฺขานํ ฌานงฺคภาววิเสสนโต. ‘‘ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺเชสุ สุขทุกฺขุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาสงฺขาตานี’’ติ หิ วุตฺเต ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาหิ สทฺธึ กายิกสุขทุกฺขานิปิ วชฺชิตานีติ เอตฺตกเมว วิฺายติ, น ปน ยานิ สุขทุกฺขานิ ฌานงฺคานิ โหนฺติ, เตสํ ฌานงฺคภูโต สุขภาโว ทุกฺขภาโว จ วิเสสิโต, ตสฺมา โสมนสฺสโทมนสฺสภาววิสิฏฺโเยว สุขทุกฺขภาโว สุขทุกฺขานํ ฌานงฺคภาโวติ ทสฺสนตฺถํ โสมนสฺสโทมนสฺสคฺคหณํ กโรติ. เตน ‘‘ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺเชสู’’ติ วจเนน วชฺชิยมานานมฺปิ สุขทุกฺขานํ โสมนสฺสโทมนสฺสภาวาภาวโต ฌานงฺคภาวาภาโวติ ทสฺสิตํ โหติ. ยถาวชฺชิตา ปน สุขทุกฺโขเปกฺเขกคฺคตา กสฺมา วชฺชิตาติ? ยตฺถ ฌานงฺคานิ อุทฺธรียนฺติ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ, ตตฺถ จ ฌานงฺคนฺติ อนุทฺธฏตฺตา. กสฺมา ปน น อุทฺธฏาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจนฺนํ ปน วิฺาณกายาน’’นฺติอาทิมาห.

อภินิปาตมตฺตตฺตาติ เอเตน อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนมตฺตายปิ จินฺตนาปวตฺติยา อภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘เตสุ วิชฺชมานานิปิ อุเปกฺขาสุขทุกฺขานี’’ติ โปราณปาโ. ตตฺถ อุเปกฺขาสุขทุกฺเขเหว ตํสมานลกฺขณาย จิตฺเตกคฺคตายปิ ยถาวุตฺเตเนว การเณน อนุทฺธฏภาโว ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ. ปุพฺเพ ปน สตฺต องฺคานิ ทสฺเสนฺเตน จตฺตาริ องฺคานิ วชฺชิตานีติ เตสํ วชฺชเน การณํ ทสฺเสนฺเตน น สมานลกฺขเณน เลเสน ทสฺเสตพฺพํ. อฏฺกถา เหสาติ. ยทิ จ เลเสน ทสฺเสตพฺพํ, ยถาวุตฺเตสุปิ ตีสุ เอกเมว วตฺตพฺพํ สิยา, ติณฺณํ ปน วจเนน ตโต อฺสฺส ฌานงฺคนฺติ อุทฺธฏภาโว อาปชฺชติ, ยถาวุตฺตการณโต อฺเน การเณน อนุทฺธฏภาโว วา, ตสฺมา ตํโทสปริหรณตฺถํ ‘‘อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาสุขทุกฺขานี’’ติ ปนฺติ. เย ปน ‘‘ฌานงฺคภูเตหิ โสมนสฺสาทีหิ สุขทุกฺเขน อวิภูตภาเวน ปากฏตาย อินฺทฺริยกิจฺจยุตฺตตาย จ สมานานํ สุขาทีนํ ฌานงฺคนฺติ อนุทฺธฏภาเว การณํ วตฺตพฺพํ, น จิตฺเตกคฺคตายาติ สา เอตฺถ น คหิตา’’ติ วทนฺติ, เตสํ ตํ รุจิมตฺตํ. ยทิ ฌานงฺคสมานานํ ฌานงฺคนฺติ อนุทฺธฏภาเว การณํ วตฺตพฺพํ, จิตฺเตกคฺคตา เจตฺถ ฌานงฺคภูตาย วิจิกิจฺฉายุตฺตมโนธาตุอาทีสุ จิตฺเตกคฺคตาย สมานาติ ตสฺสา อนุทฺธฏภาเว การณํ วตฺตพฺพเมวาติ. เสสาเหตุเกสุปิ ฌานงฺคํ อุทฺธฏเมว อุทฺธรณฏฺาเน จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑติ อธิปฺปาโย.

ฌานปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๘. มคฺคปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๘. ปฺาวิตกฺโก สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา วีริยํ สติ สมาธิ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีวาติ อิมานิ ทฺวาทสงฺคานีติ เอตฺถ ทุวิธมฺปิ สงฺกปฺปํ วีริยํ สมาธิฺจ วิตกฺกวีริยสมาธิวจเนหิ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘อยเมว โข, อาวุโส, อฏฺงฺคิโก มิจฺฉามคฺโค อพฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ – มิจฺฉาทิฏฺิ…เป… มิจฺฉาสมาธี’’ติอาทีหิ (สํ. นิ. ๕.๑๘) สุตฺตวจเนหิ มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีเวสุปิ มคฺคงฺคโวหารสิทฺธิโต เตหิ สห ทฺวาทสงฺคานิ อิธ ลพฺภมานานิ จ อลพฺภมานานิ จ มคฺคงฺควจนสามฺเน สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตานิ. เอวฺหิ สุตฺตนฺตโวหาโรปิ ทสฺสิโต โหติ, เอวํ ปน ทสฺเสนฺเตน ‘‘มคฺคปจฺจยนิทฺเทเส มคฺคงฺคานี’’ติ เอวํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส ปาคตสฺส มคฺคงฺคสทฺทสฺส อตฺถภาเวน อิมานิ ทฺวาทสงฺคานิ น ทสฺเสตพฺพานิ. น หิ ปาฬิยํ มคฺคงฺคสทฺทสฺส มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีโวติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. เตหิ สมฺมาวาจาทีหิ ปฏิปกฺขา เจตนาธมฺมา ตปฺปฏิปกฺขภาวโตเยว ‘‘มิจฺฉามคฺคงฺคานี’’ติ สุตฺเต วุตฺตานิ, น ปน มคฺคปจฺจยภาเวน. มคฺคงฺคานิ มคฺคปจฺจยภูตานิ จ อิธ ปาฬิยํ ‘‘มคฺคงฺคานี’’ติ วุตฺตานิ, น จ อฺํ อุทฺธริตฺวา อฺสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ปริยายนิปฺปริยายมคฺคงฺคทสฺสนตฺถํ ปน อิจฺฉนฺเตน ปาฬิคตมคฺคงฺคสทฺทปติรูปโก อฺโ มคฺคงฺคสทฺโท อุภยปทตฺโถ อุทฺธริตพฺโพ ยถา ‘‘อธิกรณํ นาม จตฺตาริ อธิกรณานี’’ติ (ปารา. ๓๘๖, ๔๐๕). อิธ ปน ‘‘มคฺคปจฺจยนิทฺเทเส มคฺคงฺคานี’’ติ ปาฬิคโตเยว มคฺคงฺคสทฺโท อุทฺธโฏ, น จ อตฺถุทฺธรณวเสน ทสฺเสตฺวา อธิปฺเปตตฺถนิยมนํ กตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ มคฺคงฺคสทฺทสฺส มิจฺฉาวาจาทีนํ อตฺถภาโว มา โหตูติ ‘‘สมฺมาทิฏฺิสงฺกปฺปวาจากมฺมนฺตาชีววายามสติสมาธิมิจฺฉาทิฏฺิสงฺกปฺปวายามสมาธโยติ อิมานิ ทฺวาทสงฺคานี’’ติ ปนฺติ. นนุ เอวํ ‘‘อเหตุกจิตฺตุปฺปาทวชฺเชสู’’ติ น วตฺตพฺพํ. น หิ เตสุ สมฺมาทิฏฺิอาทโย ยถาวุตฺตา สนฺติ, เย วชฺเชตพฺพา สิยุนฺติ? น, อุปฺปตฺติฏฺานนิยมนตฺถตฺตา. อเหตุกจิตฺตุปฺปาทวชฺเชสฺเวว เอตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, นาเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสุ. ตตฺถุปฺปนฺนานิ ทฺวาทสงฺคานีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.

มคฺคปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๐. วิปฺปยุตฺตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๒๐. สมฺปโยคาสงฺกายอภาวโตติ เอเตน สมฺปโยคาสงฺกาวตฺถุภูโต อุปการกภาโว วิปฺปยุตฺตปจฺจยตาติ ทสฺเสติ.

วิปฺปยุตฺตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๑. อตฺถิปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๒๑. กุสลาทิวเสน ปฺจวิโธ อตฺถิปจฺจโย วุตฺโต, น นิพฺพานํ. โย หิ อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการโก อตฺถิภาวํ ลภิตฺวา อุปการโก โหติ, โส อตฺถิปจฺจโย โหติ. นิพฺพานฺจ นิพฺพานารมฺมณานํ น อตฺตโน อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการกํ หุตฺวา อตฺถิภาวลาเภน อุปการกํ โหติ. อุปฺปาทาทิยุตฺตานํ วา นตฺถิภาโวปการกตาวิรุทฺโธ อุปการกภาโว อตฺถิปจฺจยตาติ น นิพฺพานํ อตฺถิปจฺจโย.

สติ จ เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ เอกโต ปุเรตรํ ปจฺฉา จ อุปฺปนฺนตฺเต สหชาตาทิปจฺจยตฺตาภาวโต อาห ‘‘อาหาโร อินฺทฺริยฺจ สหชาตาทิเภทํ น ลภตี’’ติ. ตทภาโว จ เอเตสํ ธมฺมสภาววเสน ทฏฺพฺโพ.

อตฺถิปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๒-๒๓-๒๔. นตฺถิวิคตอวิคตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๒๒-๒๓. ปจฺจยลกฺขณเมวเหตฺถ นานนฺติ เอเตน นตฺถิวิคตปจฺจเยสุ อตฺถิอวิคตปจฺจเยสุ จ พฺยฺชนมตฺเตเยว นานตฺตํ, น อตฺเถติ อิทํ โย ปจฺจโยติ อตฺโถ, ตสฺมึ นานตฺตํ นตฺถิ, พฺยฺชนสงฺคหิเต ปจฺจยลกฺขณมตฺเตเยว นานตฺตนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วิฺายติ.

นตฺถิวิคตอวิคตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจยนิทฺเทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา

‘‘โลภโทสโมหาวิปากปจฺจยาปิ น โหนฺติ, เสสานํ สตฺตรสนฺนํ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจยา โหนฺตี’’ติอาทิมปาโ. เอตฺถ จ โลภโทสโมหานํ ปจฺเจกํ สตฺตรสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจยภาโว วุตฺโต, สพฺเพ เหตู สห อคฺคเหตฺวา เอกธมฺมสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ อโมหาทีนํ วิสุํ คหิตตฺตาติ โทสสฺสปิ สตฺตรสหิ ปจฺจยภาโว อาปชฺชติ, ตถา จ สติ โทสสฺสปิ ครุกรณํ ปาฬิยํ วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘อกุสโล ปน อารมฺมณาธิปติ นาม โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท วุจฺจตี’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๔) เอตฺถาปิ โลภโทสสหคตจิตฺตุปฺปาทาติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปน วุตฺตํ, ตสฺมา โทสสฺส อธิปติปจฺจยตาปิ นิวาเรตพฺพา. น จ ‘‘เสสาน’’นฺติ วจเนน อธิปติปจฺจโย นิวาริโต, อถ โข สงฺคหิโต ปุเรชาตาทีหิ ยถาวุตฺเตหิ เสสตฺตาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โทสํ โลภโมเหหิ สห อคฺคเหตฺวา วิสุฺจ อคฺคเหตฺวา ‘‘โทโส อธิปติปจฺจโยปิ น โหติ, เสสานํ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจโย โหตี’’ติ ปนฺติ. อิมินา นเยนาติ เอเตน โผฏฺพฺพายตนสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาวํ, สพฺพธมฺมานํ ยถาโยคํ เหตาทิปจฺจยภาวฺจ ทสฺเสติ. น หิ เอตํ เอกปจฺจยสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนนฺติ รูปาทีนํ ปกตูปนิสฺสยภาโว จ เอเตน ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ.

จตุนฺนํ ขนฺธานํ เภทา จกฺขุวิฺาณธาตุอาทโยติ เภทํ อนามสิตฺวา เต เอว คเหตฺวา อาห ‘‘จตูสุ ขนฺเธสู’’ติ. มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีวา เตหิ เจว กมฺมาหารปจฺจเยหิ จาติ เอกูนวีสติธาติ อิทเมวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ มิจฺฉาวาจาทโย มิจฺฉาทิฏฺิ วิย มคฺคปจฺจยา โหนฺติ เจตนาย มคฺคปจฺจยตฺตาภาวโต. ยทิ จ ภเวยฺย, ปฺหาวาเร ‘‘กมฺมปจฺจยา มคฺเค ตีณี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา มิจฺฉาวาจาทีนํ มคฺคปจฺจยภาโว น วตฺตพฺโพ. ปฏฺานสํวณฺณนา เหสา. เสสปจฺจยภาโว จ เจตนาย อเนกปจฺจยภาววจเนน วุตฺโตเยวาติ น อิทํ ปิตพฺพนฺติ น ปนฺติ. ‘‘อหิริกํ…เป… มิทฺธํ อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา’’ติอาทิมปาโ, วิจิกิจฺฉา ปน อธิปติปจฺจโย น โหตีติ ตํ ตตฺถ อปิตฺวา ‘‘วิจิกิจฺฉาอิสฺสามจฺฉริยกุกฺกุจฺจานิ ตโต อธิปติปจฺจยํ อปเนตฺวา’’ติ เอวเมตฺถ ปนฺติ.

‘‘จตฺตาริมหาภูตานิ อารมฺมณ…เป… ปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ทสธา ปจฺจยา โหนฺติ, ปุน ตถา หทยวตฺถู’’ติ ปุริมปาโ, มหาภูตานิ ปน วิปฺปยุตฺตปจฺจยา น โหนฺตีติ ‘‘ปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน นวธา ปจฺจยา โหนฺติ, วิปฺปยุตฺตปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา ทสธา วตฺถุ’’นฺติ ปนฺติ. เอตฺตกเมเวตฺถ อปุพฺพนฺติ เอตสฺมึ ปุเรชาตปจฺจเย สหชาตนิสฺสเยหิ อปุพฺพํ รูปสทฺทคนฺธรสายตนมตฺตเมวาติ อตฺโถ, อารมฺมณานิ ปเนตานิ อารมฺมณปจฺจยธมฺมานํ อเนกปจฺจยภาเว วุตฺตานีติ สพฺพาติกฺกนฺตปจฺจยาเปกฺขา เอเตสํ อปุพฺพตา นตฺถีติ. อินฺทฺริยาทีสุ อปุพฺพํ นตฺถีติ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺสปิ อรูปชีวิตินฺทฺริยโต อปุพฺพสฺส ปจฺจยภาวสฺส อภาวํ มฺมาเนน อปุพฺพตา น วุตฺตา. ตสฺส ปน ปุเรชาตปจฺจยภาวโต อปุพฺพตา. กพฬีการาหารสฺส จ ปุเรชาเตน สทฺธึ สตฺตธา ปจฺจยภาโว โยเชตพฺโพ.

อากาโรติ มูลาทิอากาโร. อตฺโถติ เตนากาเรน อุปการกตา. ‘‘เยนากาเรนา’’ติ เอตสฺส วา อตฺถวจนํ ‘‘เยนตฺเถนา’’ติ. วิปากเหตูสุเยว ลพฺภตีติ เอตฺถ อโมหวิปากเหตุสฺส อธิปติปจฺจยภาโว จ โลกุตฺตรวิปาเกเยว ลพฺภตีติ. เอวํ สพฺพตฺถ ลพฺภมานาลพฺภมานํ สลฺลกฺเขตพฺพํ. วิปฺปยุตฺตํ อปิตฺวา ‘‘ฉหากาเรหี’’ติ ปุริมปาโ, ตํ ปน ปิตฺวา ‘‘สตฺตหากาเรหี’’ติ ปนฺติ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท เหตฺถ วุจฺจติ, น จ ยํ อารมฺมณํ นิสฺสโย โหติ, ตํ วิปฺปยุตฺตํ น โหตีติ.

อนนฺตรสมนนฺตเรสุ ยํ กมฺมปจฺจโย โหติ, ตํ น อาเสวนปจฺจโย. ยฺจ อาเสวนปจฺจโย โหติ, น ตํ กมฺมปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปกตูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยวา’’ติ วุตฺตํ , กมฺมปจฺจโยปิ ปน โส โหติ, ตสฺมา ‘‘กมฺมปจฺจโย จา’’ติ ปนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ปกตูปนิสฺสโย เยภุยฺเยน ปกตูปนิสฺสโยว โหติ, โกจิ ปเนตฺถ กมฺมปจฺจโย จ โหตีติ. ‘‘อารมฺมณปุเรชาเต ปเนตฺถ อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ยทิ กฺจิ อารมฺมณภูตํ ปุเรชาตํ วุตฺตํ, อารมฺมณภูตสฺส วตฺถุสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา ลพฺภตีติ สา น ลพฺภตีติ น วตฺตพฺพา. อถ ปน วตฺถุปุเรชาตโต อฺํ วตฺถุภาวรหิตารมฺมณเมว ‘‘อารมฺมณปุเรชาต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺส นิสฺสยปจฺจยตา น ลพฺภตีติ ‘‘นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วตฺตพฺพํ. อิโต อุตฺตริปีติ ปุเรชาตโต ปรโตปีติ อตฺโถ, อิโต วา อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต วา อุตฺตริ อารมฺมณาธิปติอาทิ จ ลพฺภมานาลพฺภมานํ เวทิตพฺพนฺติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. กมฺมาทีสุ ปน ลพฺภมานาลพฺภมานํ น วกฺขตีติ ปุริโมเยเวตฺถ อตฺโถ อธิปฺเปโต.

‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อาหารปจฺจโยวา’’ติ ปุริมปาโ, อตฺถิอวิคตปจฺจโยปิ ปน โส โหติ, เตน ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อาหารปจฺจยตฺตํ อวิชหนฺโตว อตฺถิอวิคตานํ วเสน อปเรหิปิ ทฺวีหากาเรหิ อเนกปจฺจยภาวํ คจฺฉตี’’ติ ปนฺติ.

‘‘ยถานุรูปํ ฌานปจฺจเย วุตฺตานํ ทสนฺนํ เหตุอธิปตีนฺจาติ อิเมสํ วเสนา’’ติ ปุริมปาโ, ‘‘ยถานุรูปํ ฌานปจฺจเย วุตฺตานํ มคฺควชฺชานํ นวนฺนํ เหตุอธิปติฌานานฺจาติ อิเมสํ วเสนา’’ติ ปจฺฉิมปาโ, เตสุ วิจาเรตฺวา ยุตฺโต คเหตพฺโพ.

สมนนฺตรนิรุทฺธตาย อารมฺมณภาเวน จ สทิโส ปจฺจยภาโว ปจฺจยสภาคตา, วิรุทฺธปจฺจยตา ปจฺจยวิสภาคตา. ‘‘อิมินา อุปาเยนา’’ติ วจนโต เหตุอาทีนํ สหชาตานํ สหชาตภาเวน สภาคตา, สหชาตาสหชาตานํ เหตุอารมฺมณาทีนํ อฺมฺวิสภาคตาติ เอวมาทินา อุปาเยน สภาคตา วิสภาคตา โยเชตพฺพา.

ชนกาเยว, น อชนกาติ ชนกภาวปฺปธานาเยว หุตฺวา ปจฺจยา โหนฺติ, น อุปตฺถมฺภกภาวปฺปธานาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยสํ เหตุอาทโย ปจฺจยา โหนฺติ, เต เตหิ วินา เนว อุปฺปชฺชนฺติ, น จ ปวตฺตนฺตีติ เตสํ อุภยปฺปธานตา วุตฺตา. น หิ เต อนนฺตราทโย วิย ชนเนเนว ปวตฺตึ กโรนฺตีติ.

สพฺเพสํ านํ การณภาโว สพฺพฏฺานํ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ สพฺพฏฺานิกา. อุปนิสฺสยํ ภินฺทนฺเตน ตโยปิ อุปนิสฺสยา วตฺตพฺพา, อภินฺทิตฺวา วา อุปนิสฺสยคฺคหณเมว กาตพฺพํ. ตตฺถ ภินฺทนํ ปกตูปนิสฺสยสฺส รูปานํ ปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ, อารมฺมณานนฺตรูปนิสฺสยานํ ปน ปุพฺเพ อารมฺมณาธิปติอนนฺตรคฺคหเณหิ คหิตตฺตา เตสุ เอกเทเสน อนนฺตรูปนิสฺสเยน อิตรมฺปิ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ปุเรชาตปจฺฉาชาตาปิ อสพฺพฏฺานิกา อรูปรูปานฺเว ยถากฺกเมน ปจฺจยภาวโตติ เอตฺถ ปุเรชาตปจฺจโย อนนฺตราทีสุ เอว วตฺตพฺโพ ตํสมานคติกตฺตา, น จ ยุคฬภาโว ปจฺฉาชาเตน สห กถเน การณํ อสพฺพฏฺานิกทสฺสนมตฺตสฺส อธิปฺเปตตฺตาติ ตํ ตตฺถ ปิตฺวา ‘‘ปจฺฉาชาโตปิ อสพฺพฏฺานิโก รูปานํเยว ปจฺจยภาวโต’’ติ ปนฺติ.

ปจฺจยนิทฺเทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุจฺฉาวาโร

๑. ปจฺจยานุโลมวณฺณนา

เอเกกํ ติกทุกนฺติ เอเกกํ ติกํ ทุกฺจาติ อตฺโถ, น ติกทุกนฺติ.

ปจฺจยา เจวาติ เย กุสลาทิธมฺเม ปฏิจฺจาติ วุตฺตา, เต ปฏิจฺจตฺถํ ผรนฺตา กุสลาทิปจฺจยา เจวาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘เต จ โข สหชาตาวา’’ติ. เยหิ ปน เหตาทิปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ วุตฺตา, เต สหชาตาปิ โหนฺติ อสหชาตาปีติ. เอตฺถ ปฏิจฺจสหชาตวาเรหิ สมานตฺเถหิ ปฏิจฺจสหชาตาภิธาเนหิ สมานตฺถํ โพเธนฺเตน ภควตา ปจฺฉิมวาเรน ปุริมวาโร, ปุริมวาเรน จ ปจฺฉิมวาโร จ โพธิโตติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย ปจฺจยนิสฺสยวาเรสุ สํสฏฺสมฺปยุตฺตวาเรสุ จ, เอวฺจ นิรุตฺติโกสลฺลํ ชนิตํ โหตีติ.

‘‘เต เต ปน ปฺเห อุทฺธริตฺวา ปุน กุสโล เหตุ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๑) ปฺหาวารปาโติ ปมาทเลขา เอสาติ ปาฬิยํ อาคตปาเมว ปนฺติ. ปุริมวาเรสุ สหชาตนิสฺสยสมฺปยุตฺตปจฺจยภาเวหิ กุสลาทิธมฺเม นิยเมตฺวา ตสฺมึ นิยเม กุสลาทีนํ เหตุปจฺจยาทีหิ อุปฺปตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตํ, น ตตฺถ ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา เหตาทิปจฺจยภูตา’’ติ วิฺายนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘สิยา กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๕) เอวมาทีหิ สงฺคหิเต ปฏิจฺจตฺถาทิผรณกภาเว เหตาทิปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺเนสุ เหตาทิปจฺจยานํ นิจฺฉยาภาวโต ปฺหา นิชฺชฏา นิคฺคุมฺพา จ กตฺวา น วิภตฺตา, อิธ ปน ‘‘สิยา กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวมาทีหิ สงฺคหิตา เหตาทิปจฺจยภูตา กุสลาทโย ปจฺจยุปฺปนฺนา จ นิจฺฉิตา, น โกจิ ปุจฺฉาสงฺคหิโต อตฺโถ อนิจฺฉิโต นาม อตฺถีติ อาห ‘‘สพฺเพปิ เต ปฺหา นิชฺชฏา นิคฺคุมฺพา จ กตฺวา วิภตฺตา’’ติ. ปฺหา ปน อุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺชนํ สพฺพตฺถ สมานนฺติ น ตํ สนฺธาย นิชฺชฏตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.

อุปฺปตฺติยา ปฺาปิตตฺตาติ ปุจฺฉามตฺเตเนว อุปฺปตฺติยา ปิตตฺตา ปกาสิตตฺตา, นานปฺปกาเรหิ วา าปิตตฺตาติ อตฺโถ.

๒๕-๓๔. ปริกปฺปปุจฺฉาติ วิธิปุจฺฉา. กึ สิยาติ เอโส วิธิ กึ อตฺถีติ อตฺโถ. กึ สิยา, อถ น สิยาติ สมฺปุจฺฉนํ วา ปริกปฺปปุจฺฉาติ วทติ. กิมิทํ สมฺปุจฺฉนํ นาม? สเมจฺจ ปุจฺฉนํ, ‘‘กึ สุตฺตนฺตํ ปริยาปุเณยฺย, อถ อภิธมฺม’’นฺติ อฺเน สห สมฺปธารณนฺติ อตฺโถ. โย กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา, โส กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สิยาติ เอตสฺมึ อตฺเถ สติ ปจฺฉาชาตวิปากปจฺจเยสุปิ สพฺพปุจฺฉานํ ปวตฺติโต ‘‘โย กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย ปจฺฉาชาตปจฺจยา วิปากปจฺจยา, โส กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สิยา’’ติ อยมตฺโถ วิฺาเยยฺย, ตถา จ สติ ปจฺฉาชาตปจฺจยา วิปากปจฺจยาติ อุปฺปชฺชมานํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ ภวนสฺส ปุจฺฉนโต กุสลานํ เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ อนุฺาตาติ อาปชฺชติ, น จ ตํตํปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานํ กุสลาทีนํ กุสลาทิธมฺเม ปฏิจฺจ ภวนมตฺถิตา เอตฺถ ปุจฺฉิตา, อถ โข อุปฺปตฺติ, เอวฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชเน ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชตี’’ติ อุปฺปตฺติเยว วิสฺสชฺชิตาติ, ตสฺมา อยมตฺโถ สโทโสติ ‘‘อถ วา’’ติ อตฺถนฺตรวจนํ วุตฺตํ.

ตตฺถ ‘‘กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อุปฺปตฺตึ อนุชานิตฺวา ‘‘เหตุปจฺจยา สิยา เอต’’นฺติ ตสฺสา เหตุปจฺจยา ภวนปุจฺฉนํ, ‘‘อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เหตุปจฺจยา อุปฺปตฺตึ อนุชานิตฺวา ตสฺสา ‘‘สิยา เอต’’นฺติ ภวนปุจฺฉนฺจ น ยุตฺตํ. อนุฺาตฺหิ นิจฺฉิตเมวาติ. ตสฺมา อนนุชานิตฺวา ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เอวํ ยถาวุตฺตํ อุปฺปชฺชนํ กึ สิยาติ ปุจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. อุปฺปชฺเชยฺยาติ วา อิทมฺปิ สมฺปุจฺฉนเมว, กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม กึ อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยาติ อตฺโถ. สิยาติ ยถาปุจฺฉิตสฺเสว อุปฺปชฺชนสฺส สมฺภวํ ปุจฺฉติ ‘‘กึ เอวํ อุปฺปชฺชนํ สิยา สมฺภเวยฺยา’’ติ, อยํ นโย สิยาสทฺทสฺส ปจฺฉาโยชเน. ยถาาเนเยว ปน ิตา ‘‘สิยา’’ติ เอสา สามฺปุจฺฉา, ตาย ปน ปุจฺฉาย ‘‘อิทํ นาม ปุจฺฉิต’’นฺติ น วิฺายตีติ ตสฺสาเยว ปุจฺฉาย วิเสสนตฺถํ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ ปุจฺฉติ, เอวํ วิเสสิตพฺพวิเสสนภาเวน ทฺเวปิ ปุจฺฉา เอกาเยว ปุจฺฉาติ ทฏฺพฺพา.

คมนุสฺสุกฺกวจนนฺติ คมนสฺส สมานกตฺตุกปจฺฉิมกาลกิริยาเปกฺขวจนนฺติ อตฺโถ. ยทิปิ ปฏิคมนุปฺปตฺตีนํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปน สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ คหณปฺปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยายตฺตตาอตฺตปฏิลาภสงฺขาตานํ ปฏิคมนุปฺปตฺติกิริยานมฺปิ ปุริมปจฺฉิมกาลโวหาโร โหตีติ ทฏฺพฺโพ. คมนํ วา อุปฺปตฺติ เอวาติ คจฺฉนฺตสฺส ปฏิคมนํ อุปฺปชฺชนฺตสฺส ปฏิอุปฺปชฺชนํ สมานกิริยา. ปฏิกรณฺหิ ปฏิสทฺทตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘กุสลํ ธมฺม’’นฺติ อุปโยคนิทฺทิฏฺํ ปจฺจยํ อุปฺปชฺชมานํ ปฏิจฺจ ตทายตฺตุปฺปตฺติยา ปฏิคนฺตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ, เตน ปฏิจฺจาติ สหชาตปจฺจยํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สหชาตปจฺจยกรณฺหิ อุปฺปชฺชมานาภิมุขอุปฺปชฺชมานํ ปฏิคมนํ, ตํ กตฺวาติ ปฏิจฺจสทฺทสฺส อตฺโถติ.

๓๕-๓๘. ตาสุ ปาฬิยํ ทฺเวเยว ทสฺสิตาติ เหตารมฺมณทุเก ทฺวินฺนํ ปุจฺฉานํ ทสฺสิตตฺตา วุตฺตํ. เอตฺถ จ เอกมูลกาทิภาโว ปุจฺฉานํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ, ปจฺจยานํ ปน วเสน สพฺพปโม ปจฺจยนฺตเรน อโวมิสฺสกตฺตา สุทฺธิกนโย, ทุติโย อารมฺมณาทีสุ เอเกกสฺส เหตุ เอว เอกมูลกนฺติ กตฺวา เอกมูลกนโย. เอวํ เหตารมฺมณทุกาทีนํ อธิปติอาทีนํ มูลภาวโต ทุกมูลกาทโย นยา เวทิตพฺพา. เตวีสติมูลกนโย จ ตโต ปรํ มูลสฺส อภาวโต ‘‘สพฺพมูลก’’นฺติ ปาฬิยํ วุตฺโต. ตตฺถ นปุํสกนิทฺเทเสน เอก…เป… สพฺพมูลกํ ปจฺจยคมนํ ปาฬิคมนํ วาติ วิฺายติ, เอก…เป… สพฺพมูลกํ นยํ อสมฺมุยฺหนฺเตนาติ อุปโยโค วา , อิธ จ สพฺพมูลกนฺติ จ เตวีสติมูลกสฺเสว วุตฺตตฺตา ปจฺจนีเย วกฺขติ ‘‘ยถา อนุโลเม เอเกกสฺส ปทสฺส เอกมูลกํ…เป… ยาว เตวีสติมูลกํ, เอวํ ปจฺจนีเยปิ วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๔๒-๔๔).

๓๙-๔๐. ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยาติ เอตฺตาวตา อารมฺมณปจฺจยํ อาทึ กตฺวา เหตุปจฺจยปริโยสาโน เอกมูลกนโย ทสฺสิโต’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ วินเย วิย จกฺกพนฺธนวเสน ปาฬิคติ อาปชฺชติ, น เหฏฺิมโสธนวเสน. เหฏฺิมโสธนวเสน จ อิธ อภิธมฺเม ปาฬิ คตา, เอวฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชเน ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณิ, อธิปติปจฺจยา ตีณิ, อธิปติปจฺจยา เหตุยา นว, อารมฺมเณ ตีณี’’ติอาทินา เหฏฺิมํ โสเธตฺวาว ปาฬิ ปวตฺตา. โย เจตฺถ ‘‘เอกมูลกนโย’’ติ วุตฺโต, โส สุทฺธิกนโยว. โส จ วิเสสาภาวโต อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภติ. น หิ อารมฺมณาทีสุ ตสฺมึ ตสฺมึ อาทิมฺหิ ปิเตปิ ปจฺจยนฺตเรน สมฺพนฺธาภาเวน อาทิมฺหิ วุตฺตสุทฺธิกโต วิเสสตฺโถ ลพฺภติ, เตเนว วิสฺสชฺชเนปิ อารมฺมณมูลกาทีสุ สุทฺธิกนโย น ทสฺสิโตติ, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยา อารมฺมณปจฺจยา อธิปติปจฺจยา…เป… อารมฺมณปจฺจยา อวิคตปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๓๙) อยํ เหฏฺิมโสธนวเสน เอกสฺมึ อารมฺมณปจฺจเย เหตุปจฺจยาทิเก โยเชตฺวา วุตฺโต เอกมูลกนโย ทฏฺพฺโพ. ‘‘อารมฺมณปจฺจยา…เป… อวิคตปจฺจยา’’ติ วา เอกมูลเกสุ อนนฺตรปจฺจยสฺส มูลกํ อารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา เอกมูลกาทีนิ สํขิปิตฺวา สพฺพมูลกสฺสาวสาเนน อวิคตปจฺจเยน นิฏฺาปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อธิปติปจฺจยา อนนฺตรปจฺจยา สมนนฺตรปจฺจยา สหชาตปจฺจยา อฺมฺปจฺจยาติ อิทํ มูลเมว ทสฺเสตฺวา เอกมูลกาทีนํ สํขิปนํ ทฏฺพฺพํ, น สุทฺธิกทสฺสนํ, นาปิ สพฺพมูลเก กติปยปจฺจยทสฺสนํ.

๔๑. ตโต นิสฺสยาทีนิ มูลานิปิ สํขิปิตฺวา อวิคตมูลกนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิคตปจฺจยา เหตุปจฺจยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตสฺมิฺจ สุทฺธิกสฺส อทสฺสเนน อารมฺมณมูลกาทีสุ วิสุํ วิสุํ สุทฺธิกนโย น ลพฺภตีติ าปิโต โหติ. น หิ อาทิ กตฺถจิ สํเขปนฺตรคโต โหติ. อาทิอนฺเตหิ มชฺฌิมานํ ทสฺสนฺหิ สงฺเขโป, อาทิโต ปภุติ กติจิ วตฺวา คติทสฺสนํ วาติ. ทุติยจตุกฺกํ วตฺวา ‘‘วิคตปจฺจยา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ปิตํ . เตน โอสานจตุกฺกํ ทสฺเสติ. ตติยจตุกฺกโต ปภุติ วา ปฺจกมูลานิ สํขิปิตฺวา สพฺพมูลกสฺส อวสาเนน นิฏฺเปติ.

เอตฺถ จ ทุกมูลกาทีสุ ยถา เหตุอารมฺมณทุเกน สทฺธึ อวเสสา ปจฺจยา โยชิตา, เหตารมฺมณาธิปติติกาทีหิ จ อวเสสาวเสสา, เอวํ เหตุอธิปติทุกาทีหิ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีหิ จ อวเสสาวเสสา โยเชตพฺพา สิยุํ. ยทิ จ สพฺเพสํ ปจฺจยานํ มูลภาเวน โยชิตตฺตา เหตุมูลเก เหตุอธิปติอาทิทุกานํ อธิปติมูลกาทีสุ อธิปติเหตุอาทิทุเกหิ วิเสโส นตฺถิ. เต เอว หิ ปจฺจยา อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตา, ตถาปิ อารมฺมณมูลกาทีสุ อารมฺมณาธิปติทุกาทีนํ อวเสสาวเสเสหิ, เหตุมูลเก จ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีนํ อวเสสาวเสเสหิ โยชเน อตฺถิ วิเสโสติ. ยสฺมา ปน เอวํ โยชิยมาเนสุปิ สุขคฺคหณํ น โหติ, น จ ยถาวุตฺตาย โยชนาย สพฺพา สา โยชนา ปฺวตา น สกฺกา วิฺาตุํ, ตสฺมา ตถา อโยเชตฺวา อนุปุพฺเพเนว โยชนา กตาติ ทฏฺพฺพา. ธมฺมานํ เทสนาวิธาเน หิ ภควาว ปมาณนฺติ. คณนาคาถา อาทิมปาเ กาจิ วิรุทฺธา, ตสฺมา สุฏฺุ คเณตฺวา คเหตพฺพา.

‘‘ทฺวาวีสติยา ติเกสุ เอเกกํ ติกํ ทุกานํ สเตน สเตน สทฺธึ โยเชตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทุกติกปฏฺาเน เกสฺจิ โปตฺถกานํ วเสน วุตฺตํ. เกสุจิ ปน เอเกโก ทุโก ทฺวาวีสติยา ทฺวาวีสติยา ติเกหิ โยชิโต, ตฺจ คมนํ ยุตฺตํ. น หิ ตตฺถ ติกสฺส โยชนา อตฺถิ, อถ โข ติกานํ เอเกเกน ปเทน ทุกสฺสาติ. ตตฺถ ฉสฏฺิยา ติกปเทสุ เอเกเกน สํสนฺทิตฺวา ฉสฏฺิ เหตุทุกา, ตถา สเหตุกทุกาทโย จาติ ทุกานํ ฉสตาธิกานิ ฉสหสฺสานิ โหนฺติ. เตสุ เอเกกสฺมึ ปฏิจฺจวาราทโย สตฺต วารา นยา ปุจฺฉา จ สพฺพา ทุกปฏฺาเน เหตุทุเกน สมานา.

‘‘ทุกสเต เอเกกํ ทุกํ ทฺวาวีสติยา ติเกหิ สทฺธึ โยเชตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ, ตมฺปิ ติกทุกปฏฺาเน เกสฺจิ โปตฺถกานํ วเสน วุตฺตํ. วุตฺตนเยน ปน ยุตฺตคมเนสุ เอเกโก ติโก ทุกสเตน โยชิโต. ตตฺถ เหตุปทํ ปกฺขิปิตฺวา วุตฺโต เอโก กุสลตฺติโก, ตถา นเหตุปทํ…เป… อรณปทนฺติ กุสลตฺติกานํ ทฺเว สตานิ โหนฺติ, ตถา เวทนาตฺติกาทีนมฺปีติ สพฺเพสํ จตุสตาธิกานิ จตฺตาริ สหสฺสานิ โหนฺติ. เตสุ เอเกกสฺมึ วารนยปุจฺฉา ติกปฏฺาเน กุสลตฺติเกน สมานา.

‘‘ฉอนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติ วจนโต ปนาติ เอเตน อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘อนุโลมมฺหี’’ติ ‘‘ติกาทโย ฉนยา’’ติ จ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ปฏิจฺจวาราทิวเสน สตฺตวิธมฺปิ อนุโลมํ สห คเหตฺวา ‘‘ฉ อนุโลมมฺหี’’ติ วุตฺตํ, อนุโลมาทิวเสน จตุพฺพิธํ ติกปฏฺานํ สห คเหตฺวา ‘‘ติกฺจ ปฏฺานวร’’นฺติ, ตถา จตุพฺพิธานิ ทุกปฏฺานาทีนิ สห คเหตฺวา ‘‘ทุกุตฺตม’’นฺติอาทึ วตฺวา ‘‘ฉ นยา สุคมฺภีรา’’ติ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ คเหตฺวา อิมสฺมึ ปจฺจยานุโลเม สตฺตปฺปเภเท ฉปิ เอเต ปฏฺานา ปฏฺานนยา จตุปฺปเภทา ปุจฺฉาวเสน อุทฺธริตพฺพาติ. เอวฺหิ สพฺพสฺมึ ปฏฺาเน สพฺโพ ปจฺจยานุโลโม ทสฺสิโต โหตีติ. ปจฺจนียคาถาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ทุกติกปฏฺานาทีสุ วิเสสิตพฺเพหิ ติเกหิ ปฏฺานํ ติกปฏฺานํ. ทุกานํ ติกปฏฺานํ ทุกติกปฏฺานํ. ทุกวิเสสิตา วา ติกา ทุกติกา, ทุกติกานํ ปฏฺานํ ทุกติกปฏฺานนฺติ อิมินา นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทุกาทิวิเสสิตสฺส เจตฺถ ติกาทิปทสฺส ทุกาทิภาโว ทฏฺพฺโพ. ทุกปฏฺานเมว หิ ติกปทสํสนฺทนวเสน ทุกปทสํสนฺทนวเสน จ ปวตฺตํ ทุกติกปฏฺานํ ทุกทุกปฏฺานฺจ, ตถา ติกปฏฺานเมว ทุกปทสํสนฺทนวเสน ติกปทสํสนฺทนวเสน จ ปวตฺตํ ติกทุกปฏฺานํ ติกติกปฏฺานฺจาติ.

ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา

๔๒-๔๔. เตวีสติมูลกนฺติ อิทฺเจตฺถ ทุมูลกํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อิทํ ทุกมูลเก ปุจฺฉานํ มูลภูตา เตวีสติ ทุกา สมฺภวนฺตีติ ตสฺส ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ นามํ กตฺวา ยาว ยตฺตโก ปเภโท อตฺถิ, ตาว ตตฺตกํ เตวีสติมูลกํ ยถานุโลเม วิตฺถาริตํ. เอวํ ปจฺจนีเยปิ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ทุกมูลเกน ติกมูลกาทีสุ นยํ ทสฺเสตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา. ยทิ ปน ยาว เตวีสติมํ มูลํ ยถา วิตฺถาริตนฺติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต, ‘‘ยาว เตวีสติมํ มูล’’นฺตฺเวว ปาเน ภวิตพฺพํ สิยา. น หิ ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ เอตสฺส พฺยฺชนสฺส เตวีสติมํ มูลกนฺติ อยมตฺโถ สมฺภวติ. ยถา อนุโลเม ‘‘เอเกกปทสฺสา’’ติอาทินา ปน เอกมูลาทิสพฺพมูลกปริโยสานํ ตตฺถ นยทสฺสนวเสน ทสฺสิตํ เอเกกสฺส ปทสฺส วิตฺถารํ ทสฺเสตีติ สพฺพมูลกเมว เจตฺถ ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ เตวีสติยา ปจฺจยานํ อวเสสสฺส ปจฺจยสฺส มูลภาวโต ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ จ ตโต ปรํ มูลสฺส อฺสฺส อภาวโต ‘‘สพฺพมูลก’’นฺติ จ วุจฺจติ.

ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา

๔๕-๔๘. อนุโลเม วุตฺเตสุ สพฺเพสุ เอกมูลกาทีสุ เอเกกํ ปทํ ปริหาเปตฺวาติ ตตฺถ เอกมูลเก จตุวีสติ ปจฺจยปทานิ อิธ เอกมูลเก เตวีสติ, เอโก ปน ปจฺจโย มูลภาเวน ิโต อปุพฺพตาภาวโต อคณนูปโค. ตตฺถ ทุมูลเก เตวีสติ ปจฺจยปทานิ คณนูปคานิ, อิธ ทุมูลเก ทฺวาวีสตีติ เอวํ ปริหาเปตฺวาติ อตฺโถ.

อนุโลมโต ิตสฺส ปจฺจนียโต อลพฺภมานานํ สุทฺธิกปจฺจยานฺจ อลพฺภมานตํ สนฺธาย ‘‘ลพฺภมานปทาน’’นฺติ วุตฺตํ. น หิ อฺถา ปุจฺฉาวเสน โกจิ ปจฺจโย อลพฺภมาโน นาม อตฺถีติ. วิสฺสชฺชนาวเสเนว วา ปวตฺตํ อนุโลมปจฺจนียเทสนํ สนฺธาย ‘‘ลพฺภมานปทาน’’นฺติ วุตฺตํ.

อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุจฺฉาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. กุสลตฺติกํ

๑. ปฏิจฺจวารวณฺณนา

๑. ปจฺจยานุโลมํ

(๑) วิภงฺควาโร

๕๓. ยากุสลตฺติเก ลภนฺติ, น ตาเยว เวทนาตฺติกาทีสูติ ติกปทนานตฺตมตฺเตน วินา มูลาวสานวเสน สทิสตํ สนฺธาย ‘‘นตาเยวา’’ติ วุตฺตํ, น จ เกวลํ ติกนฺตเรเยว, กุสลตฺติเกปิ ปน ยา ปฏิจฺจวาเร ลภนฺติ, น ตาเยว ปจฺจยวาราทีสูติ สพฺพปุจฺฉาสมาหรณํ อิธ กตฺตพฺพเมว. ธมฺมานุโลมปจฺจนีเย จ ติกปฏฺาเน วิตกฺกตฺติกปีติตฺติกานํ วิสฺสชฺชเน สพฺพาเปตา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺตีติ เอตฺถ ปีติตฺติกคฺคหณํ น กาตพฺพํ. น หิ ตตฺถ เอกูนปฺาส ปุจฺฉา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺตีติ.

เตน สทฺธินฺติ เตน สหชาตปจฺจยภูเตน สทฺธินฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘ยาว นิโรธคมนา อุทฺธํ ปชฺชตี’’ติ จ ‘‘อุปฺปาทาทโย วา ปาปุณาตี’’ติ จ วจเนหิ ขณตฺตยสมงฺคี อุปฺปชฺชตีติ วุจฺจตีติ อนุฺาตํ วิย โหติ, อุปฺปาทกฺขณสมงฺคีเยว ปน เอวํ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

ยสฺมา ปน เอโก ขนฺโธ เอกสฺสาติอาทิ อิธ กุสลวจเนน คหิเต ขนฺเธ สนฺธาย วุตฺตํ. เวทนาตฺติกาทีสุ ปน เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ทฺวินฺนํ, ทฺเว ปฏิจฺจ เอกสฺสปิ, เหตุทุกาทีสุ จ สงฺขารกฺขนฺเธกเทสํ ปฏิจฺจ สงฺขารกฺขนฺเธกเทสสฺสปิ อุปฺปตฺติ วุตฺตาติ สห อุปฺปชฺชมานานํ สพฺเพสํ ธมฺมานํ ปจฺจโย โหนฺโต เอเกกสฺสปิ ทุกติกาทิเภทานฺจ ปจฺจโย นาม โหติเยว, ตถา ทุกาทิเภทานฺจาติ.

‘‘รูเปน สทฺธึ อนุปฺปตฺติโต อารุปฺปวิปากฺจ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปน น สพฺพสฺมึ เอตสฺมึ วจเน คเหตพฺพํ, อถ โข ‘‘จิตฺตสมุฏฺานฺจ รูป’’นฺติ เอตฺเถว. น เกวลฺจ อารุปฺปวิปาโกว, อถ โข โลกุตฺตรวิปากกิริยาพฺยากตมฺปิ อารุปฺเป อุปฺปชฺชมานํ เอตฺถ น คเหตพฺพํ. ‘‘วิปากาพฺยากตํ กิริยาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติ เอตฺถ ปน น กิฺจิ รูเปน วินา สห วา อุปฺปชฺชมานํ สเหตุกํ วิปากกิริยาพฺยากตํ อคฺคหิตํ นาม อตฺถิ. ตตฺถ ปน ยํ รูเปน สห อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานฺจ รูป’’นฺติ วุตฺตํ.

‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธา’’ติ เอตฺตเก วตฺตพฺเพ ปจฺจยภูตสฺส วตฺถุสฺส ‘‘กฏตฺตา จ รูป’’นฺติ เอตสฺมึ สามฺวจเน ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน อคฺคหิตตาปตฺตึ นิวาเรตุํ ‘‘ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถู’’ติ วุตฺตํ. ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธาติ วา วตฺถุขนฺธานํ อฺมฺปจฺจยภูตานํ ปจฺจยภาววิเสสทสฺสนตฺถํ อฺมฺาเปกฺขํ วจนทฺวยํ วุตฺตํ สามฺเน คหิตมฺปิ วิสุํ อุทฺธฏํ.

มหาภูเตปิปฏิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺตนฺติ ยํ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ กฏตฺตารูปฺจ อุปาทารูปํ อุปาทารูปคฺคหเณน วินา ‘‘ขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺส มหาภูเตปิ ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. เอตสฺมึ ปน ทสฺสเน ขนฺธปจฺจยสหิตาสหิตฺจ สพฺพํ อุปาทารูปํ อิโต ปเรสุ สหชาตปจฺจยาทีสุ สงฺคหิตนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘กฏตฺตารูปํ ปฏิสนฺธิยมฺปี’’ติ ปิ-สทฺโท วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

มหาภูเต ปฏิจฺจ อุปาทารูปนฺติ วุตฺตนเยนาติ ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ เอตฺถ อตฺถโต อยํ นโย วุตฺโตติ สนฺธายาห.

๕๔. รูปมิสฺสกา ปหายาติ ยาสุ ปุจฺฉาสุ รูเปน วินา ปจฺจยุปฺปนฺนํ น ลพฺภติ, อถ โข รูปมิสฺสกเมว ลพฺภติ, ตา ปหายาติ อธิปฺปาโย.

๕๗. ‘‘ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติ วจนโตติ คพฺภเสยฺยกปฏิสนฺธิยา ปฺจกฺขนฺธสพฺภาเวน ตาย สมานลกฺขณา สพฺพาปิ ปฺจโวการปฏิสนฺธิ โอกฺกนฺตินามกาติ สาเธติ. ปริปุณฺณธมฺมานํ วิสฺสชฺชนํ เอตฺถ อตฺถีติ ปริปุณฺณวิสฺสชฺชนา.

เอตฺถ จ ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ตโย…เป… มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓) เอตฺตาวตา ปฺจโวกาเร สพฺพํ จิตฺตกมฺมสมุฏฺานรูปํ ทสฺสิตํ. อวเสสํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘พาหิร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พาหิรนฺติ เอเตน อนินฺทฺริยพทฺธรูปํ ทสฺเสติ, ปุน อาหารสมุฏฺานํ อุตุสมุฏฺานนฺติ เอเตหิ สพฺพํ อินฺทฺริยพทฺธํ อาหารอุตุสมุฏฺานรูปํ. ตตฺถ ‘‘อุตุสมุฏฺานํ เอก’’นฺติอาทินา อสฺสตฺตานมฺปิ อุตุสมุฏฺานํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ตตฺถ ตสฺส วชฺชเน การณํ อตฺถีติ. อาทิมฺหิ ปน ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ อวิเสสวจนํ สหชาตํ อรูปมฺปิ ปจฺจยํ เหตาทิเก จ ปจฺจเย พหุตเร ลภนฺตํ จิตฺตสมุฏฺานกฏตฺตารูปทฺวยํ สห สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตํ, เอวฺจ กตฺวา ตสฺส ปริโยสาเน ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ กฏตฺตารูปํ จิตฺตสมุฏฺานสมฺพนฺธํ ตํสมานคติกํ ปฺจโวกาเร วตฺตมานเมว คหิตนฺติ อคฺคหิตํ กฏตฺตารูปํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺสตฺตานํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปาทารูปํ อิธปิ กมฺมปจฺจยวิภงฺเค วิย ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖๓) กฏตฺตารูปภาววิสิฏฺํ อุปาทารูปํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ วุตฺตสฺส อุตุสมุฏฺานสฺส ปุนวจเน ปโยชนํ อตฺถีติ.

กสฺมา ปน ยถา พาหิราทีสุ ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ อุปาทารูป’’นฺติ อวิเสเสตฺวา อุปาทารูปํ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา จิตฺตกมฺมชอุปาทารูปานิ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ เหตุปจฺจยาทีสุ สห ‘‘จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ อุปาทารูปํ อสฺสตฺตานํ…เป… กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ อธิปติปจฺจยาทีสุ วิสุํ จิตฺตสมุฏฺานรูปภาวกฏตฺตารูปภาเวหิ วิเสเสตฺวาว วุตฺตานีติ? ตตฺถ พาหิรคฺคหณาทีหิ วิย เอตฺถ มหาภูตานํ เกนจิ อวิเสสิตตฺตา. อปิจ อิทฺธิจิตฺตนิพฺพตฺตานํ กมฺมปจฺจยานฺจ อิฏฺานิฏฺานํ พาหิรรูปายตนาทีนํ จิตฺตํ กมฺมฺจ เหตาทีสุ น โกจิ ปจฺจโย, อาหารอุตุสมุฏฺานานํ ปน จิตฺตํ ปจฺฉาชาตภาเวน อุปตฺถมฺภกเมว, น ชนกํ, มหาภูตาเนว ปน เตสํ สหชาตาทิภาเวน ชนกานิ, ตสฺมา สติปิ จิตฺเตน กมฺเมน จ วินา อภาเว เหตาทิปจฺจยภูเตหิ อรูเปหิ อุปฺปชฺชมานานิ จิตฺตสมุฏฺานรูปกฏตฺตารูปภูตาเนว อุปาทารูปานิ โหนฺติ, น อฺานีติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ จิตฺตกมฺมเชสฺเวว อุปาทารูเปสุ วิเสสนํ กตํ. อฺานิ วา สมานชาติเกน รูเปน สมุฏฺานานิ ปากฏวิเสสนาเนวาติ น วิเสสนํ อรหนฺติ, เอตานิ ปน อสมานชาติเกหิ อรูเปหิ สมุฏฺิตานิ วิเสสนํ อรหนฺตีติ วิเสสิตานีติ เวทิตพฺพานิ. ยถา วา จิตฺตกมฺมานิ จิตฺตกมฺมสมุฏฺานานํ สวิเสเสน ปจฺจยภาเวน ปจฺจยา โหนฺติ สหชาตาทิปจฺจยภาวโต มูลกรณภาวโต จ, น เอวํ อุตุอาหารา ตํสมุฏฺานานนฺติ จิตฺตกมฺมชาเนว วิสุํ วิเสสนํ อรหนฺติ. อิตรานิ ปน มหาภูตวิเสเสเนว วิเสสิตานิ, อิธ อุปาทารูปวิเสสเนน มหาภูตานิ วิย. น หิ อฺตรวิเสสนํ อุภยวิเสสนํ น โหตีติ.

๕๘. อฺมฺปจฺจเย ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธาติ ขนฺธวตฺถูนํ อฺมฺปจฺจยตาทสฺสเนน ปุพฺเพ วิสุํ ปจฺจยภาเวน ทสฺสิตานํ ขนฺธานํ เอกโต ปจฺจยภาโว ทสฺสิโต โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘จตุนฺนมฺปิ ขนฺธานํ เอกโต วตฺถุนา อฺมฺปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถู’’ติ อิทํ ปน จตุนฺนมฺปิ ขนฺธานํ เอกโต ปฏิจฺจตฺถผรณตาทสฺสนตฺถํ, ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธา’’ติ วตฺถุสฺส. น เกวลฺจ ขนฺธานํ อิเธว, เหตุปจฺจยาทีสุปิ อยเมว นโย. ตตฺถ สพฺเพสํ ขนฺธานํ วิสุํ ปฏิจฺจตฺถผรณตํ ทสฺเสตฺวา ปุน ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธา’’ติ วตฺถุสฺสปิ ทสฺสิตาย ‘‘เอกํ ขนฺธฺจ วตฺถุฺจ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติอาทินา ขนฺธวตฺถูนฺจ ทสฺสิตาเยว โหตีติ ทฏฺพฺพา.

กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อพฺยากโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ อฺมฺปจฺจยา, กุสเล ขนฺเธ ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานา มหาภูตา’’ติ เอวมาทิ น วุตฺตํ, นนุ ยเทว ปฏิจฺจตฺถํ ผรติ, น เตเนว อฺมฺปจฺจเยน ภวิตพฺพํ เหตุปจฺจยาทีหิ วิย. น หิ ยํ ‘‘เอกํ ตโย ทฺเว จ ขนฺเธ ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺตํ, เต เหตุปจฺจยภูตา เอว โหนฺติ. เอส นโย อารมฺมณปจฺจยาทีสุปิ. ปจฺจยวาเร จ ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปจฺจยา กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ อฺมฺปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๕๖) วุตฺตํ, น วตฺถุ กุสลานํ อฺมฺปจฺจโย โหติ, อถ จ ปน ตํปจฺจยา ขนฺธานํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปตฺติ วุตฺตา เอว. ยทิปิ กุสลา ขนฺธา มหาภูตานํ อฺมฺปจฺจยา น โหนฺติ, ตถาปิ เต ปฏิจฺจ เตสํ อุปฺปตฺติ วตฺตพฺพา สิยาติ? น วตฺตพฺพา ขนฺธสหชาตานํ มหาภูตานํ ขนฺธานํ ปจฺจยภาวาภาวโต. อฺมฺสทฺโท หิ น เหตาทิสทฺโท วิย นิรเปกฺโข, สหชาตาทิสทฺโท วิย วา อฺตราเปกฺโข, อถ โข ยถาวุตฺเตตเรตราเปกฺโข. ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนา จ ขนฺธา มหาภูตา อิธ ยถาวุตฺตา ภเวยฺยุํ, เตสุ จ มหาภูตา ขนฺธานํ น โกจิ ปจฺจโย. ยสฺส จ สยํ ปจฺจโย, ตโต เตน ตนฺนิสฺสิเตน วา อฺมฺปจฺจเยน อุปฺปชฺชมานํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปชฺชตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ยถา ขนฺเธ ปฏิจฺจ ขนฺธา, วตฺถุํ ปจฺจยา ขนฺธา. ตสฺมา อตฺตโน ปจฺจยสฺส ปจฺจยตฺตาภาวโต ตทเปกฺขตฺตา จ อฺมฺสทฺทสฺส ขนฺเธ ปฏิจฺจ ปจฺจยา จ มหาภูตานํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปตฺติ น วุตฺตา, น อฺมฺปจฺจยา จ วุตฺตา. ขนฺธา ปน วตฺถุํ ปจฺจยา อุปฺปชฺชมานา วตฺถุสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจยา โหนฺติ, ตนฺนิสฺสิเตน จ อฺมฺปจฺจเยน อุปฺปชฺชนฺติ. ตสฺมา วตฺถุํ ปจฺจยา ขนฺธานํ กุสลาทีนํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปตฺติ วุตฺตาติ.

๕๙. สา คหิตาติ จกฺขายตนาทีนิ นิสฺสยภูตานิ ปฏิจฺจาติ น วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. นิสฺสยปจฺจยภาเวน ปน น จกฺขายตนาทีนิ อารมฺมณปจฺจยภาเวน รูปายตนาทีนิ วิย น คหิตานีติ.

๖๐. ทฺวีสุ อุปนิสฺสเยสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อารมฺมณูปนิสฺสยมฺปิ ปน เย ลภนฺติ, เตสํ วเสน อารมฺมณปจฺจยสทิสนฺติ เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติ อาห. ตตฺถ ‘‘น สพฺเพ อกุสลา อพฺยากตา อารมฺมณูปนิสฺสยํ ลภนฺตี’’ติ ปุริมปาโ. กุสลาปิ ปน มหคฺคตา เอกนฺเตน, กามาวจรา จ กทาจิ น ลภนฺตีติ ‘‘น สพฺเพ กุสลากุสลาพฺยากตา’’ติ ปนฺติ.

๖๑. ปุเรชาตปจฺจเย ยถา อฺตฺถ ปจฺจยํ อนิทฺทิสิตฺวาว เทสนา กตา, เอวํ อกตฺวา กสฺมา ‘‘วตฺถุํ ปุเรชาตปจฺจยา’’ติ วุตฺตนฺติ? นิยมสพฺภาวา. เหตุอาทีสุ หิ นิยโม นตฺถิ. น หิ เตหิ อุปฺปชฺชมานานํ อโลภาทีสุ กุสลาทีสุ รูปาทีสุ จ อยเมว ปจฺจโยติ นิยโม อตฺถิ, อิธ ปน วตฺถุ น วตฺถุธมฺเมสุ ปุเรชาตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ นิยมโต ฉพฺพิธํ วตฺถุ ปุเรชาตปจฺจโย โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ. อารมฺมณปุเรชาตมฺปิ หิ วตฺถุปุเรชาเต อวิชฺชมาเน น ลพฺภติ, เอวฺจ กตฺวา ปฏิสนฺธิวิปากสฺส นปุเรชาตปจฺจยา เอว อุปฺปตฺติ วุตฺตา, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺสปิ ตสฺส ปุเรชาตปจฺจโย น อุทฺธโฏ. ‘‘เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํ ปฏิจฺจ วิปาโก ธมฺโม อุปฺปชฺชติ ปุเรชาตปจฺจยา’’ติ เอตสฺสปิ อลาภโต ตตฺถ ‘‘ปุเรชาเต ตีณี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๓.๑๒๔) วุตฺตนฺติ.

๖๓. ตถา ปฏิสนฺธิกฺขเณ มหาภูตานนฺติ มหาภูตานํ เอกกฺขณิกนานากฺขณิกกมฺมปจฺจยวเสเนว ตทุปาทารูปานมฺปิ วทตีติ จ ทฏฺพฺพํ. กฏตฺตารูปานนฺติ ปวตฺติยํ กฏตฺตารูปานนฺติ อธิปฺปาโย.

๖๔. ยถาลาภวเสนาติ อินฺทฺริยรูเปสุ ยํ ยํ ปฏิสนฺธิยํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน.

๖๙. วิปฺปยุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานมฺปิ เกสฺจิ นิยมโต วตฺถุ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย, เกสฺจิ ขนฺธา, น จ สมานวิปฺปยุตฺตปจฺจยา เอว กุสลาทิเก ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ, อถ โข นานาวิปฺปยุตฺตปจฺจยาปิ, ตสฺมา ตํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา, ขนฺเธ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตํ. ตตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ปจฺจยุปฺปนฺโน ปจฺจยํ ปจฺจยํ กโรตีติ อิมสฺสตฺถสฺส วเสน อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. วตฺถุํ ขนฺเธ วิปฺปยุตฺตปจฺจยกรณโตติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา, วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธนฺเตนา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, ตตฺถ กุสลานํ ขนฺธานํ วตฺถุํ ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติ นตฺถีติ ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจา’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ, อิทํ ปน ปฏิจฺจสทฺเทน อโยเชตฺวา ‘‘ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนฺติ วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา’’ติ โยเชตฺวา ตสฺสตฺโถ ‘‘วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธนฺเตนา’’ติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. กึ ปน ปฏิจฺจาติ? ยํ ‘‘เอกํ ขนฺธ’’นฺติอาทิกํ ปาฬิยํ ปฏิจฺจาติ วุตฺตํ. ตเมว อตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ‘‘วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ ขนฺเธ ปฏิจฺจ ขนฺธา, วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธนฺเตนา’’ติ ปนฺติ. อนนฺตรตฺตา ปากฏสฺส อพฺยากตจิตฺตสมุฏฺานสฺเสว คหณํ มา โหตูติ ‘‘อพฺยากตจิตฺตสมุฏฺานมฺปิ กุสลากุสลจิตฺตสมุฏฺานมฺปี’’ติ อาห. อาสนฺนมฺปิ ทูรมฺปิ สพฺพนฺติ วุตฺตํ โหตีติ.

๗๑-๗๒. ‘‘อิเม วีสติ ปจฺจยาติ สํขิปิตฺวา ทสฺสิตานํ วเสเนตํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิ เอเกนปิ เทสนํ สํขิตฺตํ สํขิตฺตเมว, อาทิมฺหิ ปน ตโย ปจฺจยา วิปฺปยุตฺตปจฺจโย เอกมฺปิ ปทํ อปริหาเปตฺวา วิตฺถาริตาติ เต จตฺตาโร ปจฺฉาชาตฺจ วชฺเชตฺวา ‘‘อิเม เอกูนวีสติ ปจฺจยา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. เอตฺตกา หิ สํขิปิตฺวา ทสฺสิตาติ. เย ปน ปาฬิยํ วิตฺถาริตํ อวิตฺถาริตฺจ สพฺพํ สงฺคเหตฺวา วุตฺตนฺติ วทนฺติ, เตสํ ‘‘อิเม เตวีสติ ปจฺจยา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ. อาทิมฺหิ ปน ตโย ปจฺจเย วิตฺถาริเต วชฺเชตฺวา ยโต ปภุติ สงฺเขโป อารทฺโธ, ตโต จตุตฺถโต ปภุติ สํขิตฺตํ วิตฺถาริตฺจ สห คเหตฺวา ‘‘อิเม เตวีสติ ปจฺจยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

วิภงฺควารวณฺณนา นิฏฺิตา.

(๒) สงฺขฺยาวาโร

๗๓. ตถาปุเรชาตปจฺจเยติ ยถา อฺมฺปจฺจเย วิเสโส วิภงฺเค อตฺถิ, ตถา ปุเรชาตปจฺจเยปิ อตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘วตฺถุํ ปุเรชาตปจฺจยา’’ติ หิ ตตฺถ วิเสโส ปฏิสนฺธิอภาโว จาติ. วิปากานิ เจววีถิจิตฺตานิ จ น ลพฺภนฺตีติ เอเตน ‘‘กิริยาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิเก (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓) วิภงฺเค วิปากาพฺยากตาภาวํ กิริยาพฺยากเต จ อชวนสฺส สพฺเพน สพฺพํ อลพฺภมานตํ วิเสสํ ทสฺเสติ.

๗๔. เอกมูลเก ทสฺสิตาย เทสนาย ลพฺภมานคณนฺเว อาทายาติ อิทํ เอตสฺมึ อนุโลเม สุทฺธิกนเย ทสฺสิตคณนโต ตโต ปเรสุ นเยสุ อฺิสฺสา อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อพหุคณเนน ยุตฺตสฺส เตน สมานคณนตา จ อิมสฺมึ อนุโลเมเยว ทฏฺพฺพา. ปจฺจนีเย ปน ‘‘นเหตุปจฺจยา นารมฺมเณ เอก’’นฺติอาทึ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐๔) วกฺขตีติ.

๗๖-๗๙. เต ปน สงฺขิปิตฺวา เตวีสติมูลโกเวตฺถ ทสฺสิโตติ เอตฺถ ปจฺฉาชาตวิปากานํ ปริหีนตฺตา ‘‘ทฺวาวีสติมูลโก’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา สาเสวนสวิปากานํ วเสน. ทุวิธมฺปิ ปน ทฺวาวีสติมูลกํ สห คเหตฺวา สงฺคหิเต ตสฺมึ อุภยสพฺภาวโต ‘‘เตวีสติมูลโก’’ติ อาหาติ ทฏฺพฺพํ. อาเสวนวิปากานํ วา วิโรธาภาเว สติ ปุจฺฉาย ทสฺสิตนเยน เตวีสติมูลเกน ภวิตพฺพํ, ตสฺส จ นามํ ทฺวาวีสติมูลเก อาโรเปตฺวา ‘‘เตวีสติมูลโก’’ติ วุตฺตนฺติ อยเมตฺถ รุฬฺหี.

อารมฺมณปเท เจวาติ เอเตน เอกมูลเก อฺปทานิ วชฺเชติ. น หิ เอกมูลเก เหตาทีสุ ตโยวาติ อธิปฺปาโย. สุทฺธิกนโย ปน อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภตีติ อารมฺมณมูลเก ‘‘นวา’’ติ เอตาย อธิกคณนาย อภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘อารมฺมเณ ิเตน สพฺพตฺถ ตีเณว ปฺหา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กาตพฺพาติ วจนเสโส. ตีเณวาติ จ ตโต อุทฺธํ คณนํ นิวาเรติ, น อโธ ปฏิกฺขิปติ. เตน ‘‘วิปาเก เอก’’นฺติ คณนา น นิวาริตาติ ทฏฺพฺพา. ตีสุ เอกสฺส อนฺโตคธตาย จ ‘‘ตีเณวา’’ติ วุตฺตนฺติ. อิตีติอาทินา ‘‘สพฺพตฺถ ตีเณวา’’ติ วจเนน อตฺตโน วจนํ ทฬฺหํ กโรติ.

๘๐-๘๕. เย…เป… ตํ ทสฺเสตุนฺติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – ยทิปิ อวิคตานนฺตรํ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณี’’ติ วุตฺเตปิ อูนตรคณเนน สทฺธึ สํสนฺทเน ยา คณนา ลพฺภติ, สา ทสฺสิตา โหติ, ตถาปิ อูนตรคณเนหิ สมานคณเนหิ จ สทฺธึ สํสนฺทเน อูนตรา สมานา จ โหติ, น เอวํ อาวิกรณวเสน ทสฺสิตา โหติ, วิปลฺลาสโยชนาย ปน ตถา ทสฺเสติ. วจเนน วา หิ ลิงฺเคน วา อตฺถวิเสสาวิกรณํ โหตีติ. เตเนตํ อาวิกโรตีติ เอตฺถาปิ เอวเมว อธิปฺปาโย โยเชตพฺโพ. ปจฺจนียาทีสุปิ ปน ‘‘นารมฺมณปจฺจยา นเหตุยา เอกํ…เป… โนวิคตปจฺจยา นเหตุยา เอก’’นฺติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐๗) มูลปทํ อาทิมฺหิเยว เปตฺวา โยชนา กตา, น จ ตตฺถ เอตํ ลกฺขณํ ลพฺภติ, ตสฺมา มูลปทสฺส อาทิมฺหิ เปตฺวา โยชนเมว กโม, น จกฺกพนฺธนนฺติ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณี’’ติอาทิ โยชิตํ, น จ วิฺาเต อตฺเถ วจเนน ลิงฺเคน จ ปโยชนมตฺถีติ.

ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฏิจฺจวาโร

ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา

๘๖-๘๗. ‘‘อเหตุกํ วิปากาพฺยากตนฺติ อิทํ รูปสมุฏฺาปกวเสเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, สพฺพสงฺคาหกวเสน ปเนตํ น น สกฺกา โยเชตุํ.

๙๓. สหชาตปุเรชาตปจฺจยา สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จ สหชาตา จ เหตาทโย ปุเรชาตา จ อารมฺมณาทโย ปจฺจยา สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น หิ นปจฺฉาชาตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานา ทฺวีเหว สหชาตปุเรชาตปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ, อถ โข ปจฺฉาชาตวชฺเชหิ สพฺเพหีติ.

๙๔-๙๗. นาหารปจฺจเย เอกจฺจํ รูปเมว ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนนฺติ ยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ, โส ปจฺจโย รูปเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ปจฺจยา อุปฺปชฺชติ, โส อรูปมฺปิ โหติ ยถา กมฺมํ กฏตฺตารูปสฺส.

๙๙-๑๐๒. นมคฺคปจฺจเย ยทิปิ จิตฺตสมุฏฺานาทโย สพฺเพ รูปโกฏฺาสา ลพฺภนฺติ, ตถาปิ ยํ มคฺคปจฺจยํ ลภติ, ตสฺส ปหีนตฺตา ‘‘เอกจฺจํ รูปํปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, เอวเมว ปน นเหตุปจฺจยาทีสุปิ เอกจฺจรูปสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนตา ทฏฺพฺพา.

๑๐๗-๑๓๐. นาหารนอินฺทฺริยนฌานนมคฺคปจฺจยา สพฺพตฺถ สทิสวิสฺสชฺชนาติ อิทํ เอเตสุ มูลภาเวน ิเตสุ คณนาย สมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ. มูลานฺหิ อิธ วิสฺสชฺชนํ คณนาเยว, น สรูปทสฺสนนฺติ. นสหชาตาทิจตุกฺกํ อิธาปิ ปริหีนเมวาติ สุทฺธิกนเย วิย มูเลสุปิ ปริหีนเมวาติ อตฺโถ.

ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจยานุโลมปจฺจนียวณฺณนา

๑๓๑-๑๘๙. เหตาธิปติมคฺคปจฺจเยสุ อนุโลมโต ิเตสุ…เป… อฏฺ ปจฺจนียโต น ลพฺภนฺตีติ ติณฺณมฺปิ สาธารณานํ ปจฺจนียโต อลพฺภมานานํ สพฺเพสํ สงฺคหวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา มคฺคปจฺจเย อิตเรหิ สาธารณา สตฺเตว โยเชตพฺพา. อธิปติปจฺจเย อนุโลมโต ิเต เหตุปจฺจโยปิ ปจฺจนียโต น ลพฺภติ, โส ปน มคฺเคน อสาธารโณติ กตฺวา น วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. เยหิ วินา อรูปํ น อุปฺปชฺชติ, เต เอกนฺติกตฺตา อรูปฏฺานิกาติ อิธ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา, เตน ปุเรชาตาเสวนปจฺจยา เตหิ วินาปิ อรูปสฺส อุปฺปตฺติโต วชฺชิตา โหนฺติ. สพฺพฏฺานิกา อฺมฺอาหารินฺทฺริยา จ เตหิ วินา อรูปสฺส อนุปฺปตฺติโต สงฺคหิตาติ. อูนตรคณนานํเยว วเสนาติ ยทิ อนุโลมโต ิตา เอกกาทโย ทฺวาวีสติปริโยสานา อูนตรคณนา โหนฺติ, เตสํ วเสน ปจฺจนียโต โยชิตสฺส ตสฺส ตสฺส คณนา เวทิตพฺพา. อถ ปจฺจนียโต โยชิโต อูนตรคณโน, ตสฺส วเสน อนุโลมโต ิตสฺสปิ คณนา เวทิตพฺพาติ อตฺโถ. ‘‘อฺมฺปจฺจยา นารมฺมเณ เอก’’นฺติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๑๔๖) ปน น อิทํ ลกฺขณํ เอกนฺติกํ.

ปจฺจยานุโลมปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจยปจฺจนียานุโลมวณฺณนา

๑๙๐. สพฺพตฺเถวาติ น เกวลํ เหตุมฺหิเยว, อถ โข สพฺเพสุ ปจฺจเยสุ ปจฺจนีกโต ิเตสูติ อตฺโถ. ปุเรชาตํ อาเสวนฺจ อลภนฺตํ กฺจิ นิทสฺสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฏิสนฺธิวิปาโก ปนา’’ติอาทิมาห.

‘‘ปุเรชาตปจฺฉาชาตาเสวนวิปากวิปฺปยุตฺเตสุ ปจฺจนีกโต ิเตสุ เอกํ เปตฺวา อวเสสา อนุโลมโต ลพฺภนฺตี’’ติ อิทํ อวเสสานํ ลาภมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. น สพฺเพสํ อวเสสานํ ลาภนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิปิ หิ ปจฺฉาชาเต ปสงฺโค นตฺถิ ‘‘อนุโลมโต สพฺพตฺเถว น ลพฺภตี’’ติ อปวาทสฺส กตตฺตา, ปุเรชาโต ปน วิปฺปยุตฺเต ปจฺจนีกโต ิเต อนุโลมโต ลพฺภตีติ อิทมฺปิ อวเสสา สพฺเพติ อตฺเถ คยฺหมาเน อาปชฺเชยฺย. ยมฺปิ เกจิ ‘‘วิปฺปยุตฺตปจฺจยรหิเต อารุปฺเปปิ อารมฺมณปุเรชาตสฺส สมฺภวํ าเปตุํ เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตมฺปิ เตสํ รุจิมตฺตเมว. น หิ ยตฺถ วตฺถุปุเรชาตํ น ลพฺภติ, ตตฺถ อารมฺมณปุเรชาตภาเวน อุปการกํ โหตีติ ทสฺสิโตยํ นโยติ. ยุชฺชมานกวเสนาติ ปจฺจนีกโต ิตสฺส เปตพฺพตฺตา วุตฺตํ, ยุชฺชมานกปจฺจยุปฺปนฺนวเสน วาติ อตฺโถ. ‘‘มคฺคปจฺจเย ปจฺจนีกโต ิเต เหตุปจฺจโย อนุโลมโต น ลพฺภตี’’ติ ปุริมปาโ, อธิปติปจฺจโยปิ ปน น ลพฺภตีติ ‘‘เหตาธิปติปจฺจยา อนุโลมโต น ลพฺภนฺตี’’ติ ปนฺติ. อธิปติปจฺจเย ปจฺจนีกโต ิเต ปจฺฉาชาตโต อฺโ อนุโลมโต อลพฺภมาโน นาม นตฺถีติ น วิจาริตํ. อฺมฺเ ปจฺจนีกโต ิเต ‘‘อรูปานํเยวา’’ติ วุตฺตา นว อนุโลมโต น ลพฺภนฺติ, ตมฺปิ ปจฺจนีกโต ิเตหิ อารมฺมณปจฺจยาทีหิ สทิสตาย สุวิฺเยฺยนฺติ น วิจาริตํ ภวิสฺสตีติ.

๑๙๑-๑๙๕. ยาวอาเสวนา สพฺพํ สทิสนฺติ น อฺมฺเน ฆฏิตสฺส มูลสฺส วิตฺถาริตตฺตา ตโต ปรานิ มูลานิ สนฺธาย วุตฺตํ. เตสุ หิ อนุโลมโต โยเชตพฺพปจฺจยา จ ปฺหา จาติ สพฺพํ สทิสนฺติ.

อิมสฺมึ ปจฺจนียานุโลเมติ เอตสฺส ‘‘อิเมสมฺปิ ปกิณฺณกานํ วเสเนตฺถ คณนวาโร อสมฺโมหโต เวทิตพฺโพ’’ติ เอเตน สห สมฺพนฺโธ . ตตฺถ เอตฺถาติ เอเตสุ ปจฺจเยสูติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปจฺจนียานุโลเม ลพฺภมาเนสุ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเมสุปีติ วา โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ปิ-สทฺเทน อิมมตฺถํ ทีเปติ – น เกวลํ ปจฺจเยสฺเวว กิสฺมิฺจิ ปจฺจนีกโต ิเต เกจิ อนุโลมโต น ลพฺภนฺติ, อถ โข ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเมสุปิ โกจิ เอกจฺจํ ปจฺจยํ ลภมาโน กฺจิ ปจฺจยํ น ลภตีติ. ตตฺถ กมฺมปจฺจยํ ลภมาโน เยภุยฺเยน อินฺทฺริยปจฺจยํ ลภติ, มคฺคปจฺจยํ ลภมาโน เยภุยฺเยน เหตุปจฺจยํ, ตถา จ ฌานปจฺจยํ ลภมาโน มคฺคปจฺจยนฺติ เอเตสฺเวว ลาภาลาภา วิจาริตา. ยตฺถาติ ปฺจโวการปวตฺเต อสฺเสุ จ. รูปธมฺมาติ ยถาวุตฺตานิ กฏตฺตารูปาเนว สนฺธาย วทติ. น หิ ปฺจโวการปวตฺเต สพฺเพ รูปธมฺมา เหตาทีนิ น ลภนฺตีติ. ‘‘เหตาธิปติวิปากินฺทฺริยปจฺจเย น ลภนฺตี’’ติ ปุริมปาโ, ฌานมคฺเคปิ ปน น ลภนฺตีติ ‘‘เหตาธิปติวิปากินฺทฺริยฌานมคฺคปจฺจเย น ลภนฺตี’’ติ ปนฺติ. เย รูปธมฺมานํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตสุ อรูปฏฺานิกวชฺเชสุ เอเตเยว น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปจฺฉาชาตาหารวิปฺปยุตฺตปจฺจเยปิ หิ ปวตฺเต กฏตฺตารูปํ ลภตีติ. ลพฺภมานาลพฺภมานปจฺจยทสฺสนมตฺตฺเจตํ, น เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติอนุปฺปตฺติทสฺสนนฺติ. เอวํ อินฺทฺริยปจฺจยาลาโภ ชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺโต สิยา. ยถาวุตฺเตสุ หิ ธมฺมวเสน ปจฺฉาชาตาทิตฺตยมฺปิ อลภนฺตํ นาม กฏตฺตารูปํ นตฺถิ. โก ปน วาโท สพฺพฏฺานิกกมฺเมสุ. อินฺทฺริยํ ปน อลภนฺตํ อตฺถิ, กินฺตํ? ชีวิตินฺทฺริยนฺติ. ยทิ เอวํ อุปาทารูปานิ สนฺธาย อฺมฺปจฺจยมฺปิ น ลภนฺตีติ วตฺตพฺพํ, ตํ ปน ปากฏนฺติ น วุตฺตํ สิยา. อรูปินฺทฺริยาลาภํ วา สนฺธาย อินฺทฺริยปจฺจยาลาโภ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

๑๙๖-๑๙๗. นารมฺมณมูลเกสุ ทุกาทีสุ เหตุยา ปฺจาติ ยทิปิ ติกาทีสุ ‘‘เหตุยา ปฺจา’’ติ อิทํ นตฺถิ, ตถาปิ ทุกาทีสุ สพฺพตฺถ อนุตฺตานํ วตฺตุกาโม ‘‘ทุกาทีสู’’ติ สพฺพสงฺคหวเสน วตฺวา ตตฺถ ยํ อาทิทุเก วุตฺตํ ‘‘เหตุยา ปฺจา’’ติ, ตํ นิทฺธาเรติ. เกจิ ปน ‘‘นารมฺมณมูลเก เหตุยา ปฺจา’’ติ ปาํ วทนฺติ. ‘‘อฺมฺเ เอกนฺติ ภูตรูปเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ปุริมปาโ, วตฺถุปิ ปน ลพฺภตีติ ‘‘ภูตรูปานิ เจว วตฺถุฺจ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ปนฺติ. ติมูลเกติ อิธาปิ ทุมูลกํ ติมูลกนฺติ วทนฺติ.

๒๐๓-๒๓๓. นกมฺมมูลเกเหตุยา ตีณีติอาทีสุ เจตนาว ปจฺจยุปฺปนฺนาติ อิทํ ‘‘เหตุยา ตีณี’’ติ เอวํปกาเร เจตนามตฺตสงฺคาหเก สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาทิ-สทฺโท หิ ปการตฺโถว โหตีติ. สหชาตอฺมฺนิสฺสยาหารอตฺถิอวิคเตสุ ปน รูปมฺปิ ลพฺภตีติ.

ปจฺจยปจฺจนียานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฏิจฺจวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สหชาตวารวณฺณนา

๒๓๔-๒๔๒. กุสลํ ธมฺมํ สหชาโต, กุสลํ เอกํ ขนฺธํ สหชาโตติอาทีสุ สหชาตสทฺเทน สหชาตปจฺจยกรณํ สหชาตายตฺตภาวคมนํ วา วุตฺตนฺติ ตสฺส กรณสฺส คมนสฺส วา กุสลาทีนํ กมฺมภาวโต อุปโยควจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย ปจฺจยวาราทีสุปิ. ตตฺราปิ หิ ปจฺจยสทฺเทน จ นิสฺสยปจฺจยกรณํ นิสฺสยายตฺตภาวคมนํ วา วุตฺตํ, สํสฏฺสทฺเทน จ สมฺปยุตฺตปจฺจยกรณํ สมฺปยุตฺตายตฺตภาวคมนํ วาติ ตํกมฺมภาวโต อุปโยควจนํ กุสลาทีสุ กตนฺติ. สหชาตมฺปิ จ อุปาทารูปํ ภูตรูปสฺส ปจฺจโย น โหตีติ ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ อิมินา วจเนน ทีปิโต ปจฺจโย น โหตีติ อตฺโถ. ‘‘อุปาทารูปํ ภูตรูปสฺสา’’ติ จ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อุปาทารูปสฺสปิ หิ อุปาทารูปํ ยถาวุตฺโต ปจฺจโย น โหติ, วตฺถุวชฺชานิ รูปานิ จ อรูปานนฺติ.

สหชาตวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปจฺจยวารวณฺณนา

๒๔๓. ปจฺจยาติ เอตฺถ ปติ อโย ปจฺจโย. ปติ-สทฺโท ปติฏฺตฺถํ ทีเปติ, อย-สทฺโท คตึ, ปติฏฺาภูตา คติ นิสฺสโย ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติ, ตโต ปจฺจยา, ปจฺจยกรณโต ตทายตฺตภาวคมนโต วาติ อตฺโถ.

‘‘มหาภูเต ปจฺจยา จิตฺตสมุฏฺานํ รูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๔๕) ภูตุปาทารูปานิ สห สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน จิตฺตสมุฏฺาเน จ มหาภูเต นิสฺสาย จิตฺตสมุฏฺานํ อุปาทารูปนฺติ สยํ นิสฺสโย อหุตฺวา นิสฺสเย อุปฺปชฺชมาเนน อุปาทารูเปน นิทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๕๕. อสฺ…เป… กฏตฺตารูปํ อุปาทารูปนฺติ เอตฺถ โย ปฏิจฺจวาเร สหชาเต กมฺมอุตุชานํ, กมฺเม จ เอกนฺตาเนกนฺตกมฺมชานํ วเสน อตฺโถ วุตฺโต, โส นาธิปฺเปโต เอว ‘‘กฏตฺตารูป’’นฺติ กมฺมสมุฏฺานรูปสฺเสว สพฺพสฺส จ คหิตตฺตาติ ตํ ปหาย ยถาคหิตสฺส กฏตฺตารูปสฺส วิเสสนวเสน ‘‘อุปาทารูปสงฺขาตํ กฏตฺตารูป’’นฺติ อตฺถมาห. มหาภูเต ปน ปฏิจฺจ ปจฺจยา จ มหาภูตานํ อุปฺปตฺติ น นิวาเรตพฺพาติ อุปาทารูปคฺคหเณน กฏตฺตารูปคฺคหณํ อวิเสเสตฺวา อุปาทารูปานํ นิวตฺเตตพฺพานํ อตฺถิตาย กฏตฺตารูปคฺคหเณเนว อุปาทารูปคฺคหณสฺส วิเสสนํ ทฏฺพฺพํ.

๒๖๙-๒๗๖. ‘‘อพฺยากเตน อพฺยากตํ, กุสลํ, อกุสล’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘อพฺยากเตน กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากต’’นฺติ, ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล จ อกุสโล จ ธมฺมา กุสลสฺสาติ อนามสิตฺวา’’ติ จ ปุริมปาเ ปมาทเลขา ทฏฺพฺพา.

๒๘๖-๒๘๗. นเหตุปจฺจยา นปุเรชาเต ทฺเวติ เอตฺถ อฏฺกถายํ ‘‘อารุปฺเป ปน อเหตุกโมหสฺส อเหตุกกิริยสฺส จ วเสน ทฺเวติ วุตฺตา, นวิปฺปยุตฺเต ทฺเวติ อารุปฺเป อเหตุกากุสลกิริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ลพฺภมาเนสุ เอกเทเสน นิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อารุปฺเป ปน อเหตุกโมหสฺส อเหตุกกิริยาย อเหตุกปฏิสนฺธิยา เอกจฺจสฺส จ รูปสฺส วเสน ทฺเว วุตฺตาติ, นวิปฺปยุตฺเต ทฺเวติ อารุปฺเป อเหตุกากุสลกิริยาเอกจฺจรูปานํ วเสนาติ วุตฺตนฺติ. ‘‘โนนตฺถิโนวิคเตสุ เอกนฺติ สพฺพรูปสฺส วเสนา’’ติ วุตฺตํ, นเหตุมูลกตฺตา อิมสฺส นยสฺส เหตุปจฺจยํ ลภนฺตํ น ลพฺภตีติ ‘‘เอกจฺจสฺส รูปสฺส วเสนา’’ติ ภวิตพฺพํ. จกฺขาทิธมฺมวเสน ปน จิตฺตสมุฏฺานาทิโกฏฺาสวเสน วา สพฺพํ ลพฺภตีติ ‘‘สพฺพรูปสฺสา’’ติ วุตฺตํ สิยา.

๒๘๙-๒๙๖. อาคตานาคตนฺติ ปฺหวเสน วุตฺตํ, ลพฺภมานาลพฺภมานนฺติ อาคเต จ ปฺเห ลพฺภมานาลพฺภมานธมฺมวเสน.

ปจฺจยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. นิสฺสยวารวณฺณนา

๓๒๙-๓๓๗. ปจฺจยวาเรน นิสฺสยปจฺจยภาวนฺติ นิสฺสยวาเร วุตฺตสฺส นิสฺสยปจฺจยภาวํ นิยเมตุนฺติ อตฺโถ.

นิสฺสยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สํสฏฺวารวณฺณนา

๓๕๑-๓๖๘. สํสฏฺวาเร ปจฺจนีเย ‘‘นวิปฺปยุตฺเต ปฏิสนฺธิ นตฺถี’’ติ อิทํ วตฺถุวิรหิตาย ปฏิสนฺธิยา วิสุํ อนุทฺธรณโต วุตฺตํ. ปฏิจฺจวาราทีสุ หิ สหชาตสฺส ปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ สวตฺถุกา ปฏิสนฺธิ อุทฺธฏา, สา อิธาปิ อธิปติปุเรชาตาเสวเนสุ นกมฺมนวิปากนฌานนวิปฺปยุตฺเตสุ น ลพฺภติ, อฺเสุ จ อนุโลมโต ปจฺจนียโต จ ลพฺภมานปจฺจเยสุ ลพฺภตีติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ อุทฺธฏาติ. เสสา เตรส น ลพฺภนฺตีติ เอตฺถ ‘‘เสสา จุทฺทสา’’ติ ภวิตพฺพํ. น ฌาเน เอกนฺติ อเหตุกปฺจวิฺาณวเสนาติ ปฺจวิฺาณานํ เหตุปจฺจยวิรหิตมตฺตทสฺสนตฺถํ อเหตุกคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ, ‘‘นมคฺเค เอกนฺติ อเหตุกกิริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อเหตุกวิปากกิริยวเสนา’’ติ ภวิตพฺพํ.

๓๖๙-๓๙๑. เหฏฺาวุตฺตนเยเนวาติ ปฏิจฺจวาเร อนุโลมปจฺจนีเย วุตฺตนเยน. ‘‘นเหตุปจฺจยุปฺปนฺเนสุ อเหตุกโมโหว ฌานมคฺคปจฺจยํ ลภติ, เสสา น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, เสเสสุ ปน ปฺจวิฺาณวชฺชาเหตุกกฺขนฺธา ตํสมุฏฺานา ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา ฌานปจฺจยํ ลภนฺติ, น ปจฺจนียานุโลเม ทฺวินฺนํ ปจฺจยานํ อนุโลเมน สห โยชนา อตฺถีติ ฌานมคฺคปจฺจยํ สหิตํ ลภตีติ จ น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา ‘‘อเหตุกโมโหว มคฺคปจฺจยํ ลภตี’’ติ วตฺตพฺพํ.

สํสฏฺวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สมฺปยุตฺตวารวณฺณนา

๓๙๒-๔๐๐. สทิสํ สมฺปยุตฺตํ สํสฏฺํ โวกิณฺณฺจ สํสฏฺํ น โหตีติ อุภยํ อฺมฺาเปกฺขํ วุจฺจมานํ อฺมฺสฺส นิยามกํ โหตีติ.

สมฺปยุตฺตวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ปฺหาวารวิภงฺควณฺณนา

๔๐๑-๔๐๓. เยหิ ปจฺจเยหิ กุสโล กุสลสฺส ปจฺจโย โหติ, เต ปจฺจเย ปฏิปาฏิยา ทสฺเสตุนฺติ ยถากฺกเมน อาคตาคตปฏิปาฏิยา ทสฺเสตุนฺติ อตฺโถ. กุสโล กุสลสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, เตน กุสโล กุสลาทีนํ, อกุสโล อกุสลาทีนํ, อพฺยากโต อพฺยากตาทีนํ, กุสลาพฺยากตา กุสลาทีนนฺติอาทิโก สพฺโพ ปเภโท นิทสฺสิโต โหตีติ ยถานิทสฺสิเต สพฺเพ คเหตฺวา อาห ‘‘เต ปจฺจเย ปฏิปาฏิยา ทสฺเสตุ’’นฺติ.

๔๐๔. ทตฺวาติ เอตฺถ ทา-สทฺโท โสธนตฺโถปิ โหตีติ มนฺตฺวา อาห ‘‘วิสุทฺธํ กตฺวา’’ติ. เตสฺหิ ตํ จิตฺตนฺติ เตสนฺติ วตฺตพฺพตารหํ สกทาคามิมคฺคาทิปุเรจาริกํ ตํ โคตฺรภุจิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย . วิปสฺสนากุสลํ ปน กามาวจรเมวาติ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ภูมิโต ววตฺถเปติ. เตเนวาติ ธมฺมวเสเนว ทสฺสนโต, เทสนนฺตรตฺตาติ อธิปฺปาโย.

๔๐๕. อสฺสาทนํ สราคสฺส โสมนสฺสสฺส สโสมนสฺสสฺส ราคสฺส จ กิจฺจนฺติ อาห ‘‘อนุภวติ เจว รชฺชติ จา’’ติ. อภินนฺทนํ ปีติกิจฺจสหิตาย ตณฺหาย กิจฺจนฺติ อาห ‘‘สปฺปีติกตณฺหาวเสนา’’ติ. ทิฏฺาภินนฺทนา ทิฏฺิเยว. เอตฺถ ปน ปจฺฉิมตฺถเมว คเหตฺวา ‘‘อภินนฺทนฺตสฺส อตฺตา อตฺตนิยนฺติอาทิวเสน…เป… ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อภินนฺทนา ปน ทิฏฺาภินนฺทนาเยวาติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ภาวนาย ปหาตพฺโพ ธมฺโม ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณ…เป… ภาวนาย ปหาตพฺพํ ราคํ อสฺสาเทติ อภินนฺทตี’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๗๒) วจนโต, ตสฺมา ปุริโมปิ อตฺโถ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ทฺวีสุ ปน โสมนสฺสสหคตจิตฺเตสุ ยถาวุตฺเตน โสมนสฺเสน ราเคน จ อสฺสาเทนฺตสฺส เตสุเยว สปฺปีติกตณฺหาย จตูสุปิ ทิฏฺาภินนฺทนาย อภินนฺทนฺตสฺส จ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติปิ สกฺกา โยเชตุํ. ชาติวเสนาติ สุจิณฺณสามฺวเสนาติ อตฺโถ.

๔๐๖. ตทารมฺมณตาติ ตทารมฺมณภาเวน. วิภตฺติโลโป เหตฺถ กโตติ. ภาววนฺตโต วา อฺโ ภาโว นตฺถีติ ภาเวเนว วิปากํ วิเสเสติ, วิปาโก ตทารมฺมณภาวภูโตติ อตฺโถ. วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนวิปากานํ วิย น กามาวจรวิปากานํ นิโยคโต ววตฺถิตํ อิทฺจ กมฺมํ อารมฺมณนฺติ ตํ ลพฺภมานมฺปิ น วุตฺตํ. ตทารมฺมเณน ปน กุสลารมฺมณภาเวน สมานลกฺขณตาย กมฺมารมฺมณา ปฏิสนฺธิอาทโยปิ ทสฺสิตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. ปฏิโลมโต วา เอกนฺตริกวเสน วาติ วทนฺเตน อนุโลมโต สมาปชฺชเน เยภุยฺเยน อาสนฺนสมาปตฺติยา อารมฺมณภาโว ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ. ยถา ปน ปฏิโลมโต เอกนฺตริกวเสน จ สมาปชฺชนฺตสฺส อนาสนฺนาปิ สมาปตฺติ อารมฺมณํ โหติ, เอวํ อนุโลมโต สมาปชฺชนฺตสฺสปิ ภเวยฺยาติ. ‘‘เจโตปริยาณสฺสาติอาทีนิ ปรโต อาวชฺชนาย โยเชตพฺพานี’’ติ วตฺวา ‘‘ยา เอเตสํ อาวชฺชนา, ตสฺสา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, เอวํ สติ ‘‘อิทฺธิวิธาณสฺสา’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ปน กุสลา ขนฺธา อพฺยากตสฺส อิทฺธิวิธาณสฺส อารมฺมณํ น โหนฺตีติ ตํ น วุตฺตํ, เจโตปริยาณาทีนฺจ โหนฺตีติ ตานิ วุตฺตานิ, ตสฺมา กิริยานํ เจโตปริยาณาทีนํ ยาย กายจิ อาวชฺชนาย จ กุสลารมฺมณาย กุสลา ขนฺธา อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโยติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๔๐๗-๔๐๙. วิปฺปฏิสาราทิวเสนวาติ อาทิ-สทฺเทน อาทีนวทสฺสเนน สภาวโต จ อนิฏฺตามตฺตํ สงฺคณฺหาติ, อกฺขนฺติเภทา วา.

๔๑๐. รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺสาติอาทินา วิฺาณกาเยหิ นิยตารมฺมเณหิ อพฺยากตสฺส อพฺยากตานํ อารมฺมณปจฺจยภาวํ นิทสฺเสติ. สพฺพสฺส หิ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา เอกสฺมึ สนฺตาเน ธมฺมานํ เอกเทเสน นิทสฺสนํ กโรตีติ.

๔๑๓-๔๑๖. จตุภูมกํกุสลํ อารมฺมณาธิปติปจฺจยภาเวน ทสฺสิตํ, ปจฺจยุปฺปนฺนํ ปน กามาวจรเมว.

๔๑๗. อปุพฺพโต จิตฺตสนฺตานโต วุฏฺานํ ภวงฺคเมว, ตํ ปน มูลาคนฺตุกภวงฺคสงฺขาตํ ตทารมฺมณํ ปกติภวงฺคฺจ. อนุโลมํ เสกฺขาย ผลสมาปตฺติยาติ เอตฺถ กายจิ เสกฺขผลสมาปตฺติยา อวชฺเชตพฺพตฺตา วตฺตพฺพํ นตฺถีติ เนวสฺานาสฺายตนกุสลํ ผลสมาปตฺติยาติ อิมํ นิพฺพิเสสนํ ผลสมาปตฺตึ อุทฺธริตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ผลสมาปตฺติยาติ อนาคามิผลสมาปตฺติยา’’ติ. กามาวจรกิริยา ทุวิธสฺสปิ วุฏฺานสฺสาติ เอตฺถ กิริยานนฺตรํ ตทารมฺมณวุฏฺาเน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ วุตฺตเมว.

ตา อุโภปิ…เป… ทฺวาทสนฺนนฺติ อิทํ โสมนสฺสสหคตมโนวิฺาณธาตุวเสน วุตฺตํ, อุเปกฺขาสหคตา ปน ยถาวุตฺตานํ ทสนฺนํ วิฺาณธาตูนํ โวฏฺพฺพนกิริยสฺส มโนธาตุกิริยสฺส จาติ ทฺวาทสนฺนํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

๔๒๓. ทานาทิปุฺกิริยายตฺตา สพฺพสมฺปตฺติโย ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. น ปเนตํ เอกนฺเตน คเหตพฺพนฺติ ‘‘พลวเจตนาว ลพฺภติ, น ทุพฺพลา’’ติ เอตํ เอกนฺตํ น คเหตพฺพํ, ทฬฺหํ วา น คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กึ การณนฺติ? พลวโต ทุพฺพลสฺส วา กโตกาสสฺส อนฺตรายํ ปฏิพาหิตฺวา วิปจฺจนโต ‘‘ยํกฺจิ ยทิ วิปากํ ชเนติ, อุปนิสฺสโย น โหตี’’ติ นวตฺตพฺพตฺตา จาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กโตกาสฺหี’’ติอาทิมาห. วิปากตฺติเก ปน ปฺหาวารปจฺจนีเย ‘‘วิปากธมฺมธมฺโม วิปากสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย, กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๓.๙๓) กมฺมปจฺจยสฺส วิสุํ อุทฺธฏตฺตา, เวทนาตฺติเก จ ปฺหาวารปจฺจนีเย ‘‘นเหตุปจฺจยา นอารมฺมณปจฺจยา นอุปนิสฺสเย อฏฺา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๒.๘๗) วุตฺตตฺตา ‘‘วิปากชนกมฺปิ กิฺจิ กมฺมํ อุปนิสฺสยปจฺจโย น โหตี’’ติ สกฺกา วตฺตุนฺติ.

ตสฺมึ วา วิรุทฺโธติ ตํนิมิตฺตํ วิรุทฺโธ, วิรุทฺธนฺติ วา ปาโ. โอมานนฺติ ปรสฺส ปวตฺตโอมานํ. ราโค รฺชนวเสน ปวตฺตา กามราคตณฺหา, ‘‘อิติ เม จกฺขุํ สิยา อนาคตมทฺธานํ, อิติ รูปา’’ติ อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตปณิทหนตณฺหา ปตฺถนาติ อยเมเตสํ วิเสโส.

เตสุอฺมฺปีติ เตสุ ยํกิฺจิ ปุพฺเพ หนิตโต อฺมฺปิ ปาณํ หนตีติ อตฺโถ.

ปุนปฺปุนํ อาณาปนวเสน วาติ มาตุฆาตกมฺเมน สทิสตาย ปุพฺเพ ปวตฺตายปิ อาณตฺตเจตนาย มาตุฆาตกมฺมนามํ อาโรเปตฺวา วทนฺติ. เอส นโย ทฺวีหิ ปหาเรหีติ เอตฺถาปิ.

ยเถว หิ…เป… อุปฺปาเทติ นามาติ ราคํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทตีติ ราคํ อุปนิสฺสาย ทานวเสน สทฺธํ อุปฺปาเทตีติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วทติ. ยถา ราคํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทตีติเอวมาทิ โหติ, เอวํ ราคาทโย สทฺธาทีนํ อุปนิสฺสยปจฺจโยติ อิทมฺปิ โหตีติ ทสฺเสติ. กายิกํ สุขนฺติอาทีนํ เอกโต ทสฺสเนน วิสุํเยว น เอเตสํ ปจฺจยภาโว, อถ โข เอกโตปีติ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

๔๒๕. อุปตฺถมฺภกตฺเตน ปจฺจยตฺตาเยวาติ เอเตน อิทํ ทสฺเสติ – น ปุริมวาเรสุ วิย อิมสฺมึ ปจฺจเยน อุปฺปตฺติ วุจฺจติ, อถ โข ตสฺส ตสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตํตํปจฺจยภาโว, น จ ปจฺฉาชาตกฺขนฺธา อุปตฺถมฺภกตฺเตน ปจฺจยา น โหนฺติ, เตเนส ปจฺฉาชาตปจฺจโย อิธ อนุโลมโต อาคโตติ.

๔๒๗. เจตนา วตฺถุสฺสปิ ปจฺจโยติ อตฺตโน ปติฏฺาภูตสฺสปิ กมฺมปจฺจโยติ อธิปฺปาโย.

กสฺมา ปเนตฺถ ปจฺจยวาเร วิย นิสฺสยอตฺถิอวิคเตสุ ทุมูลกทุกาวสานา ปฺหา น อุทฺธฏาติ? อลพฺภมานตฺตา. ตตฺถ หิ ปจฺจยุปฺปนฺนปฺปธานตฺตา เทสนาย กุสโล จ อพฺยากโต จ ธมฺมา เอกโต อุปฺปชฺชมานา กุสลาพฺยากตปจฺจยา ลพฺภนฺตีติ ‘‘กุสลฺจ อพฺยากตฺจ ธมฺมํ ปจฺจยา กุสโล จ อพฺยากโต จ ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๔๖) วุตฺตํ. ยโต ตโต วา อุภยปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติมตฺตํเยว หิ ตตฺถ อธิปฺเปตํ, น อุภยสฺส อุภินฺนํ ปจฺจยภาโวติ. อิธ ปน ปจฺจยปฺปธานตฺตา เทสนาย กุสลาพฺยากตา กุสลาพฺยากตานํ อุภินฺนํ นิสฺสยาทิภูตา น ลพฺภนฺตีติ ‘‘กุสโล จ อพฺยากโต จ ธมฺมา กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จ ธมฺมสฺส นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ น วุตฺตํ.

ปฺหาวารวิภงฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺหาวารสฺส ฆฏเน อนุโลมคณนา

๔๓๙. ‘‘เอตฺถ ปน ปุเรชาตมฺปิ ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ, ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ตถา’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘ตีณี’’ติ คณนมตฺตสามฺโต.

๔๔๐. ‘‘อธิปติปจฺจเย เปตฺวา วีมํสํ เสสาธิปติโน วิสภาคา’’ติ ปุริมปาโ นิทสฺสนวเสน ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปน เหตุปจฺจยสฺส วิสภาเคน เอเกน อารมฺมเณน นิทสฺสนํ อกตฺวา อนนฺตราทีนิ วทนฺโต สพฺเพ วิสภาเค ทสฺเสติ, ตสฺมา อินฺทฺริยมคฺคปจฺจยา จ วิสภาคา ทสฺเสตพฺพาติ ‘‘อธิปตินฺทฺริยมคฺคปจฺจเยสุ เปตฺวา ปฺํ เสสา ธมฺมา วิสภาคา’’ติ ปนฺติ. ตถา ภาวาภาวโต เหตุปจฺจยภาเว สหชาตาทิปจฺจยภาวโต. นนุ ยถา อโมหวชฺชานํ เหตูนํ เหตุปจฺจยภาเว อธิปตินฺทฺริยมคฺคปจฺจยภาโว นตฺถีติ ปฺาวชฺชานํ อธิปติปจฺจยาทีนํ วิสภาคตา, เอวํ กุสลาทิเหตูนํ เหตุปจฺจยภาเว วิปากปจฺจยภาวาภาวโต เหตุวชฺชานํ วิปากานํ วิสภาคตาย ภวิตพฺพนฺติ? น ภวิตพฺพํ, อุภยปจฺจยสหิเต จิตฺตเจตสิกราสิมฺหิ เหตุปจฺจยภาเว วิปากปจฺจยตฺตาภาวาภาวโต. ยถา หิ เหตุสหชาตปจฺจยสหิตราสิมฺหิ สติปิ เหตุวชฺชสพฺภาเว เหตูนํ เหตุปจฺจยภาเว สหชาตปจฺจยตฺตาภาโว นตฺถีติ น เหตุวชฺชานํ สหชาตานํ เหตุสฺส วิสภาคตา วุตฺตา, เอวมิธาปีติ. เอส นโย วิปฺปยุตฺตปจฺจเยปิ. อปิจ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺเสว ปจฺจยา วุจฺจนฺตีติ ปจฺจยุปฺปนฺนกฺขเณ ตถา ภาวาภาววเสน สภาคตาย วุจฺจมานาย นานากฺขณวเสน วิสภาคตา ตสฺเสว น วตฺตพฺพาติ.

กุสลา วีมํสาติ อิทํ ‘‘กุสลา วีมํสาธิปตี’’ติ เอวํ วตฺตพฺพํ. น หิ อนธิปติภูตา วีมํสา อธิปติปจฺจโย โหตีติ.

๔๔๑-๔๔๓. ‘‘สเจปน วิปฺปยุตฺตปจฺจโย ปวิสติ, อิตรานิ ทฺเว ลภตี’’ติ ปุริมปาโ, ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จา’’ติ อิทํ ปน น ลพฺภตีติ ‘‘กุสโล อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต อพฺยากตสฺสาติ ทฺเว ลภตี’’ติ ปนฺติ. อูนตรคณเนสูติ เยสุ ปวิฏฺเสุ อูนตรา คณนา โหติ, เตสูติ อตฺโถ. ตีณิ ทฺเว เอกนฺติ เอวํ อูนตรคณเนสุ วา อฺมฺาทีสุ ปวิสนฺเตสุ เตสํ วเสน ติกโต อูนํ ยถาลทฺธฺจ เอกนฺติ คณนํ ลภตีติ อตฺโถ.

อวิปากานีติ อนามฏฺวิปากานีติ อตฺโถ, น วิปากเหตุรหิตานีติ.

ตตฺถ สพฺเพปิ สหชาตวิปากา เจวาติ ตตฺถ เย สหชาตา ปจฺจยุปฺปนฺนา วุตฺตา, เต สพฺเพปิ วิปากา เจว วิปากสหชาตรูปา จาติ อตฺโถ. ตํสมุฏฺานรูปา จาติ เอตฺถ ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปมฺปิ ตํสมุฏฺานคฺคหเณเนว สงฺคณฺหาตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตํสมุฏฺานรูปกฏตฺตารูปา จ ลพฺภนฺตี’’ติปิ ปนฺติ. จตุตฺเถ วิปากจิตฺตสมุฏฺานรูปเมวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘กฏตฺตารูปฺจา’’ติปิ ปน ปนฺติ.

เอวมฺปีติ ‘‘เอเตสุ ปน ฆฏเนสุ สพฺพปมานี’’ติอาทินา วุตฺตนเยนปิ. ฆฏเนสุ ปน โย โย ปจฺจโย มูลภาเวน ิโต, ตํปจฺจยธมฺมานํ นิรวเสสอูนอูนตรอูนตมลาภกฺกเมน ฆฏนา วุจฺจติ, นิรวเสสลาเภ จ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ นิรวเสสลาภกฺกเมน. ตถา อูนลาภาทีสูติ อยํ กโม เวทิตพฺโพ.

เหตุมูลกํ นิฏฺิตํ.

๔๔๕. วตฺถุวเสน สนิสฺสยํ วกฺขตีติ น อิทํ ลพฺภมานสฺสปิ วตฺถุสฺส วเสน ฆฏนนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อารมฺมณวเสเนว วา’’ติ.

๔๔๖. สหชาเตน ปน สทฺธึ อารมฺมณาธิปติ, อารมฺมณาธิปตินา จ สทฺธึ สหชาตํ น ลพฺภตีติ อิทํ ยถา สหชาตปุเรชาตา เอโก นิสฺสยปจฺจโย อตฺถิปจฺจโย จ โหนฺติ, เอวํ สหชาตารมฺมณาธิปตีนํ เอกสฺส อธิปติปจฺจยภาวสฺส อภาวโต วุตฺตํ . นิสฺสยภาโว หิ อตฺถิอวิคตภาโว จ สหชาตปุเรชาตนิสฺสยาทีนํ สมาโน, น ปเนวํ สหชาตารมฺมณาธิปติภาโว สมาโน. สหชาโต หิ อารมฺมณภาวํ อนุปคนฺตฺวา อตฺตนา สห ปวตฺตนวเสน อธิปติ โหติ, อิตโร อารมฺมณํ หุตฺวา อตฺตนิ นินฺนตากรเณน. สหชาโต จ วิชฺชมานภาเวเนว อุปการโก, อิตโร อตีตานาคโตปิ อารมฺมณภาเวเนว, ตสฺมา สหชาตารมฺมณปจฺจยา วิย ภินฺนสภาวา สหชาตารมฺมณาธิปติโนติ น เต เอกโต เอว อธิปติปจฺจยภาวํ ภชนฺติ, เตเนว ปฺหาวารวิภงฺเค จ ‘‘กุสโล จ อพฺยากโต จ ธมฺมา กุสลสฺส ธมฺมสฺส อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ น วุตฺตนฺติ.

๔๔๗-๔๕๒. สาหารกฆฏนานํ ปุรโต วีริยจิตฺตวีมํสานํ สาธารณวเสน อนาหารกามคฺคกานิ สอินฺทฺริยฆฏนานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ ‘‘อธิปติสหชาตนิสฺสยอินฺทฺริยอตฺถิอวิคตนฺติ สตฺต. อธิปติสหชาตอฺมฺนิสฺสยอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตนฺติ ตีณิ. อธิปติสหชาตนิสฺสยอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตนฺติ ตีณิ. อธิปติสหชาตนิสฺสยวิปากอินฺทฺริยอตฺถิอวิคตนฺติ เอกํ. อธิปติสหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอวิคตนฺติ เอกํ. อธิปติสหชาตนิสฺสยวิปากอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตนฺติ เอก’’นฺติ. กสฺมา ตานิ น วุตฺตานีติ? อินฺทฺริยภูตสฺส อธิปติสฺส อาหารมคฺเคหิ อฺสฺส อภาวา. จิตฺตาธิปติ หิ อาหาโร, วีริยวีมํสา จ มคฺโค โหติ, น จ อฺโ อินฺทฺริยภูโต อธิปติ อตฺถิ, ยสฺส วเสน อนาหารกามคฺคกานิ สอินฺทฺริยฆฏนานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ, ตสฺมา ตานิ อวตฺวา จิตฺตาธิปติอาทีนํ เอกนฺเตน อาหารมคฺคภาวทสฺสนตฺถํ สาหารกสมคฺคกาเนว วุตฺตานิ. เตสุ จ สมคฺคเกสุ ทฺเว ปจฺจยธมฺมา ลพฺภนฺติ, สาหารเกสุ เอโกเยวาติ สมคฺคกานิ ปุพฺเพ วตฺตพฺพานิ สิยุํ. สอินฺทฺริยกานิ ปน เยหิ อาหารมคฺเคหิ ภินฺทิตพฺพานิ , เตสํ กมวเสน ปจฺฉา วุตฺตานิ. อฏฺกถายํ ปน สทิสตฺตาติ สมคฺคกตฺเตน สมานตฺตา, อนนฺตรรูปตฺตาติ วา อตฺโถ.

๔๕๗-๔๖๐. กุสลาพฺยากโต อพฺยากตสฺสาติ จตฺตารีติ อพฺยากตสหิตสฺส กุสลสฺส ปจฺจยภาวทสฺสนวเสน กุสลมูลเกสฺเวว ทุมูลกมฺปิ อาหริตฺวา วุตฺตํ. อพฺยากเต วตฺถุรูปมฺปีติ อิทํ ‘‘กฏตฺตารูปมฺปี’’ติ เอวํ วตฺตพฺพํ. ‘‘ทุติยฆฏเน อพฺยากตวิสฺสชฺชเน รูเปสุ วตฺถุเมว ลพฺภตี’’ติ ปุริมปาโ, ภูตรูปมฺปิ ปน ลพฺภตีติ ‘‘วตฺถุฺจ ภูตรูปฺจ ลพฺภตี’’ติ ปนฺติ. ‘‘จตุตฺเถ จิตฺตสมุฏฺานรูปเมวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘จิตฺตสมุฏฺานรูปํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ กฏตฺตารูปฺจา’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. สวิปาเกสุ ปเม วิปากา เจว วิปากจิตฺตสมุฏฺานรูปฺจาติ เอตฺถ จตุตฺเถ วิปากจิตฺตสมุฏฺานเมวาติ อิธ จ กฏตฺตารูปมฺปิ วิปากจิตฺตสมุฏฺานคฺคหเณน คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘กฏตฺตารูปฺจา’’ติปิ ปน ปนฺติ. เอตฺถ ปน สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตอตฺถิ อวิคตมูลเกสุ ฆฏเนสุ เหตุกมฺมฌานมคฺเคหิ ฆฏนานิ น โยชิตานิ, ยถาวุตฺเตสุ อตฺถิอวิคตมูลวชฺเชสุ อาหาเรน, นิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวชฺเชสุ อธิปติอินฺทฺริเยหิ จ. กสฺมาติ? เตสุ หิ โยชิยมาเนสุ ตํตํจิตฺตุปฺปาเทกเทสภูตา เหตุอาทโย อรูปธมฺมาว ปจฺจยภาเวน ลพฺภนฺติ. เตน เตหิ ฆฏนานิ เหตุมูลกาทีสุ วุตฺตสทิสาเนว รูปมิสฺสกตฺตาภาเวน สุวิฺเยฺยานีติ น วุตฺตานิ. อตฺถิอวิคเตหิ ปน โยชิยมาโน อาหาโร นิสฺสยาทีหิ อธิปติอินฺทฺริยานิ จ รูปมิสฺสกานิ โหนฺตีติ อธิปตาหารินฺทฺริยมูลเกสุ วุตฺตสทิสานิปิ ฆฏนานิ อตฺถิอวิคตมูลเกสุ นิสฺสยาทิมูลเกสุ จ อาหาเรน อธิปตินฺทฺริเยหิ จ สุปากฏภาวตฺถํ โยชิตานีติ ทฏฺพฺพานีติ.

๔๖๒-๔๖๔. นิสฺสยมูลเก ‘‘ฉฏฺเ ตีณีติ กุสลาทีนิ จิตฺตสมุฏฺานสฺสา’’ติ ปุริมปาโ, จกฺขาทีนิ ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ ลพฺภนฺตีติ ‘‘อพฺยากตสฺส จกฺขายตนาทีนิ จา’’ติ ปนฺติ.

๔๖๖. อุปนิสฺสยมูลเก ปกตูปนิสฺสยวเสน วุตฺเตสุ ทฺวีสุ ปเม ‘‘โลกิยกุสลากุสลเจตนา ปจฺจยภาวโต คเหตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, โลกุตฺตราปิ ปน คเหตพฺพาว.

๔๗๓-๔๗๗. กมฺมมูลเก ปฏิสนฺธิยํ วตฺถุปีติ เอตฺถ น ปวตฺเต วิย ขนฺธาเยว ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คเหตพฺพาติ อธิปฺปาโย. วิปากาวิปากสาธารณวเสน วุตฺเตสุ จตูสุ ปเม ‘‘อรูเปน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ, กฏตฺตารูปมฺปิ ปน ลพฺภเตว. อิมสฺมึ ปน กมฺมมูลเก ‘‘กมฺมปจฺจยา อารมฺมเณ ทฺเว’’ติ, อารมฺมณมูลเก จ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา กมฺเม ทฺเว’’ติ กสฺมา น วุตฺตํ, นนุ กุสลากุสลเจตนา กมฺมารมฺมณานํ ปฏิสนฺธิยาทีนํ กมฺมปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย จ โหติ. ยถา จ อารมฺมณภูตํ วตฺถุํ อารมฺมณนิสฺสยปจฺจยภาเวน วุจฺจติ, เอวํ กมฺมมฺปิ อารมฺมณปจฺจยภาเวน วตฺตพฺพนฺติ? น, ทฺวินฺนํ ปจฺจยภาวานํ อฺมฺปฏิกฺเขปโต. ปจฺจุปฺปนฺนฺหิ วตฺถุ นิสฺสยภาวํ อปริจฺจชิตฺวา เตเนวากาเรน ตนฺนิสฺสิเตน อาลมฺพิยมานํ นิสฺสยภาเวน จ นิสฺสยปจฺจโยติ ยุตฺตํ วตฺตุํ. กมฺมํ ปน ตสฺมึ กเต ปวตฺตมานานํ กตูปจิตภาเวน กมฺมปจฺจโย โหติ, นารมฺมณากาเรน, วิสยมตฺตตาวเสน จ อารมฺมณปจฺจโย โหติ, น สนฺตานวิเสสํ กตฺวา ผลุปฺปาทนสงฺขาเตน กมฺมปจฺจยากาเรน, ตสฺมา กมฺมปจฺจยภาโว อารมฺมณปจฺจยภาวํ ปฏิกฺขิปติ, อารมฺมณปจฺจยภาโว จ กมฺมปจฺจยภาวนฺติ ‘‘กมฺมปจฺจโย หุตฺวา อารมฺมณปจฺจโย โหตี’’ติ, ‘‘อารมฺมณปจฺจโย หุตฺวา กมฺมปจฺจโย โหตี’’ติ จ น สกฺกา วตฺตุนฺติ น วุตฺตํ. เอส จ สภาโว วตฺตมานานฺจ อารมฺมณปุเรชาตานํ วตฺถุจกฺขาทีนํ, ยํ อารมฺมณปจฺจยภาเวน สห นิสฺสยาทิปจฺจยา โหนฺตีติ วตฺตพฺพตา, อตีตสฺส จ กมฺมสฺส อยํ สภาโว, ยํ อารมฺมณปจฺจยภาเวน สห กมฺมปจฺจโย โหตีติ นวตฺตพฺพตา. ยถา สหชาตปุเรชาตนิสฺสยานํ สห นิสฺสยปจฺจยภาเวน วตฺตพฺพตา สภาโว, สหชาตารมฺมณาธิปตีนฺจ สห อธิปติปจฺจยภาเวน นวตฺตพฺพตา, เอวมิธาปีติ.

๔๗๘-๔๘๓. นิราธิปติวิฺาณาหารวเสนาติ อนามฏฺาธิปติภาวสฺส วิฺาณาหารสฺส วเสนาติ อธิปฺปาโย. วตฺถุ ปริหายตีติ อฺมฺมฺปิ ลภนฺตสฺส วตฺถุสฺส วเสน สพฺพสฺส กฏตฺตารูปสฺส ปริหานํ ทสฺเสติ.

๔๘๔-๔๙๕. ‘‘ตติเย อรูปินฺทฺริยานิ รูปาน’’นฺติ วุตฺตํ, จกฺขาทีนิ จ ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ ลพฺภนฺติ. ตโต วีริยวเสน มคฺคสมฺปยุตฺตานิ ฉาติ เอตฺถ ยทิปิ วีมํสา ลพฺภติ, วีริยสฺส ปน วเสน ตํสมานคติกา วีมํสาปิ คหิตาติ ‘‘วีริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ.

๕๑๑-๕๑๔. วิปฺปยุตฺตมูลเก ‘‘ทสเม กุสลาทโย จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ วุตฺตํ, ปฏิสนฺธิยํ ปน ‘‘ขนฺธา กฏตฺตารูปานํ วตฺถุ จ ขนฺธาน’’นฺติ อิทมฺปิ ลพฺภติ. ‘‘เอกาทสเม ปฏิสนฺธิยํ วตฺถุ ขนฺธาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ วิปากปจฺจยสฺส อคฺคหิตตฺตา ยสฺส วตฺถุสฺส วเสน ฆฏนํ กตํ, ตสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ‘‘ขนฺธา จ วตฺถุสฺสา’’ติ อิทมฺปิ ปน ลพฺภเตว. ‘‘ทฺวาทสเม ปฏิสนฺธิยํ ขนฺธา กฏตฺตารูปาน’’นฺติ ปุพฺพปาโ, จิตฺตสมุฏฺานานิ ปน น วชฺเชตพฺพานีติ ‘‘ทฺวาทสเม ขนฺธา ปวตฺเต จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานฺจา’’ติ ปนฺติ.

๕๑๕-๕๑๘. อตฺถิปจฺจยมูลเก ปมฆฏเน ‘‘อรูปวตฺถารมฺมณมหาภูตอินฺทฺริยาหารานํ วเสน สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตปจฺจยา ลพฺภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อาหารินฺทฺริยปจฺจยา จา’’ติปิ ปน วตฺตพฺพํ. น หิ อินฺทฺริยาหารานํ วเสน สหชาตาทโย ลพฺภนฺตีติ. ‘‘ทุติเย ปจฺฉาชาตกพฬีการาหารา น ลพฺภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, สพฺพานิปิ ปน อลพฺภมานานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺฉาชาตกพฬีการาหารรูปชีวิตินฺทฺริยรูปาทิอารมฺมณานิ จ น ลพฺภนฺตี’’ติ ปนฺติ, ฉฏฺํ สพฺเพสํ อินฺทฺริยานํ วเสน วุตฺตํ. สตฺตเม ตโต รูปชีวิตินฺทฺริยมตฺตํ ปริหายตีติ เอวเมเตสํ วิเสโส วตฺตพฺโพ. ตโต เอกาทสเมติ เอตฺถ ตโตติ นวมโตติ อตฺโถ. เตรสเม วตฺถารมฺมณาติ เอตฺถ วตฺถุคฺคหเณน จกฺขาทิวตฺถูนิปิ คหิตานิ, ตถา จุทฺทสเม วตฺถุเมวาติ เอตฺถาปิ. ‘‘สตฺตรสเม ปน ตเทว อารมฺมณาธิปติภาเวน, อฏฺารสเมปิ ตเทว อารมฺมณูปนิสฺสยวเสนา’’ติ ปุริมปาโ, ‘‘อารมฺมณูปนิสฺสยวเสนา’’ติ อยํ ปน สตฺตรสมโต วิเสโส น โหติ, วตฺถารมฺมณานํ ปน สตฺตรสเม อฏฺารสเม จ วตฺถุสฺเสว ปจฺจยภาโว วิเสโสติ ‘‘สตฺตรสเม ปน อารมฺมณาธิปติภาเวน จกฺขาทีนิ จ, อฏฺารสเม วตฺถุสฺเสว อารมฺมณูปนิสฺสยวเสนา’’ติ ปนฺติ.

๕๑๙. สหชาตานิ วิย สหชาเตน เกนจิ เอเกน ปจฺจเยน อนิยมิตตฺตา ตานิ ปกิณฺณกานีติ วุตฺตานีติ เอตฺถ ปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยานิ สหชาเตน อฺมฺฺจ อสามฺวเสน วิปฺปกิณฺณานิ วุตฺตานิ. อารมฺมณมูลเก อนนฺตรสมนนฺตรปุเรชาตาติ เอตฺถ อุปนิสฺสโยปิ ปิตพฺโพ.

เยสุ ปากฏา หุตฺวา ปฺายนฺติ, ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘เหตุมูลกาทีน’’นฺติอาทิมาห. อโลภาทิตํตํนามวเสน ปน เหตุอารมฺมณาธิปติอาหารินฺทฺริยฌานมคฺคปจฺจยธมฺมา เอวํ ปากฏา หุตฺวา น ปฺาเยยฺยุนฺติ เต ปริจฺเฉทวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวาทเสว หิ เหตู’’ติอาทิมาห. เตน ‘‘เอตฺตกาเยว ปจฺจยธมฺมา’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา ปากโฏ หุตฺวา อปฺายมาโนปิ เตสฺเวว มคฺคิตพฺโพติ ทสฺเสติ. ตตฺถ ฉ อารมฺมณาติ เอเตน อารมฺมณาธิปติ รูปาทิอารมฺมณภาวโต สงฺคหิโตติ ตํ อคฺคเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร อธิปตโย’’ติ วุตฺตํ. เอกนฺเตน กุสลวิปากาติ อิทํ อินฺทฺริเยสุ อฺินฺทฺริยวเสน ลพฺภติ. เอกนฺเตน อกุสลวิปากาติ อิทํ ปน น สกฺกา ลทฺธุํ. ฌานงฺเคสฺวปิ หิ ทุกฺขํ อกุสลเมว วิปากสฺส อฌานงฺคตฺตา. จิตฺตฏฺิติปิ อกุสลวิปากกิริยา โหตีติ. อกุสลสฺส วิปากา อกุสลวิปากาติ เอวํ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน อินฺทฺริเยสุ ทุกฺขินฺทฺริยวเสน ลพฺเภยฺย, กุสลวิปากากุสลวิปากวิเสเสน ปน ปจฺจยโยชนา นตฺถีติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโตติ สกฺกา วตฺตุนฺติ.

ปฺหาวารสฺส ฆฏเน อนุโลมคณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจนียุทฺธารวณฺณนา

๕๒๗. เอเกน ลกฺขเณนาติ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส นเหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เหตุปจฺจยโต อฺเน ปจฺจเยน ปจฺจโยติ อตฺโถ. เหตุปจฺจยโต จ อฺเ ปจฺจยา อคฺคหิตคฺคหเณน อฏฺ โหนฺติ, เตสุ กุสโล กุสลสฺส ตีหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย, อกุสลสฺส ทฺวีหิ, เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ ปจฺจเย ปจฺจนียโต ิเต ตโต อฺเ ปจฺจยา อิเมสฺเวว อารมฺมณาทีสุ อฏฺสุ ปจฺจเยสุ ยถาโยคํ โยเชตพฺพาติ อิทเมตฺถ ลกฺขณํ เวทิตพฺพํ. เอเตสุ จ อฏฺสุ ปจฺจเยสุ ปุริมปุริเมหิ อสงฺคหิเต สงฺคเหตฺวา ปจฺฉิมปจฺฉิมา วุตฺตาติ อารมฺมณโต อฺเสํ ทฺวินฺนํ วเสน อุปนิสฺสโย, วตฺถุปุเรชาตสฺส วเสน ปุเรชาตํ, สหชาตโต อุปนิสฺสยโต จ, อฺิสฺสา เจตนาย วเสน กมฺมํ, สหชาตโต อฺสฺส กพฬีการาหารสฺส วเสน อาหาโร, สหชาตโต ปุเรชาตโต จ อฺสฺส รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส วเสน อินฺทฺริยํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาตอุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติจฺเจว (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๔, ๔๑๙, ๔๒๓) วุตฺตํ , ตทฺาภาวา น วุตฺตํ ‘‘กมฺมาหารินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณาธิปติ อารมฺมณปจฺจเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ เอวํ วตฺตพฺพํ. ยํ ปน ปริตฺตตฺติเก ปฺหาวารปจฺจนีเย ‘‘อปฺปมาโณ ธมฺโม อปฺปมาณสฺส ธมฺมสฺส สหชาตอุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๖๖, ๗๔) เอตฺถ อารมฺมณสฺส อวจนํ, ตํ ปุริเมหิ อสงฺคหิตวเสน วุตฺตานํ สงฺคหิตวิวชฺชนาภาวโต อุปนิสฺสยโต อฺารมฺมณาภาวโต จ, น ปน อารมฺมณูปนิสฺสยสฺส อารมฺมเณ อสงฺคหิตตฺตา.

อตฺถิอวิคตปจฺจยา ยทิปิ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยานํ วเสน ปฺจวิธาว, สหชาตปุเรชาตานํ ปน ปจฺฉาชาตาหารานํ ปจฺฉาชาตินฺทฺริยานฺจ สหาปิ อตฺถิอวิคตปจฺจยภาโว โหติ, น ติณฺณํ วิปฺปยุตฺตตา วิย วิสุํเยวาติ ‘‘อตฺถิอวิคเตสุ จ เอเกกสฺส วเสน ฉหิ เภเทหิ ิตา’’ติ อตฺถิอวิคตปจฺจยลกฺขเณสุ เอเกกํ สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ.

‘‘รูปินฺทฺริยปจฺจโย ปน อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต ทุวิโธ’’ติ วุตฺตํ, ตํ ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต’’ติ เอวํ วตฺตพฺพํ.

จตุวีสติยาปีติ น โสฬสนฺนํเยว, นาปิ อฏฺนฺนํเยว, อถ โข จตุวีสติยาปีติ อตฺโถ. อารมฺมณภูตานํ อธิปติอุปนิสฺสยปจฺจยานํ อุปนิสฺสเย นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตานฺจ ปุเรชาเต สงฺคโห อตฺถีติ อารมฺมณปจฺจยํ อารมฺมณปจฺจยภาเวเยว เปตฺวา ตเทกเทสสฺส เตสฺจ อุปนิสฺสยาทีสุ สงฺคหํ วตฺตุกาโม ‘‘อารมฺมณปจฺจเย อารมฺมณปจฺจโยว สงฺคหํ คจฺฉติ, น เสสา เตวีสตี’’ติ อาห. จตุตฺเถ ปุเรชาตปจฺจเยติ เอตฺถ ยถา ‘‘อุปนิสฺสยปจฺจเย อธิปติภูโต อารมฺมณปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ปุเรชาตภูโต อารมฺมณปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ, ตํ ปน ตตฺถ วุตฺตนเยน คเหตุํ สกฺกาติ กตฺวา น วุตฺตํ สิยา. อถ ปน ‘‘อารมฺมณโต อฺํ ปุเรชาตคฺคหเณน คหิต’’นฺติ น วุตฺตํ, เอวํ สติ อุปนิสฺสยคฺคหเณนปิ อารมฺมณโต อฺสฺส คหิตตาย ภวิตพฺพนฺติ ‘‘อธิปติภูโต อารมฺมณปจฺจโย อุปนิสฺสเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยาติ.

เยสุปฺเหสุ…เป… เอโกว ปจฺจโย อาคโตติ เอตฺถ อาคโตวาติ เอวํ เอวสทฺโท อาเนตฺวา โยเชตพฺโพ. เตน ทฺวาทสมจุทฺทสเมสุ ปฺเหสุ สหชาตปุเรชาเตสุ เอเกโก ปจฺจโย น อนาคโต โหติ, อถ โข อาคโตวาติ เตสุ อฺตรปฏิกฺเขเป เตปิ ปฺหา ปริหายนฺตีติ ทสฺสิตํ โหตีติ. ยสฺมึ ปน ปฺเหติ ทุติยฉฏฺปฺเหสุ เอเกกวเสน คเหตฺวา เอกวจเนน นิทฺทิสียติ. เอวนฺติ อารมฺมณอุปนิสฺสยวเสนาติ อตฺโถ. เตน ทฺวาทสมจุทฺทสเม นิวตฺเตติ. เตสุปิ หิ ทฺเว ปจฺจยา อาคตา, น ปน อารมฺมณอุปนิสฺสยวเสนาติ. อวเสสานํ วเสนาติ อวเสสานํ ลพฺภมานานํ วเสนาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ เตรสมปนฺนรสเมสุ ปจฺฉาชาเตปิ ปฏิกฺขิตฺเต อาหารินฺทฺริยานํ วเสน เต ปฺหา ลพฺภนฺติ, อถ โข สหชาตสฺเสว วเสนาติ. อิทเมว เจตฺถ ลกฺขณนฺติ อฏฺนฺนํ ปจฺจยานํ สพฺพปจฺจยสงฺคาหกตฺตํ, อุกฺกฏฺวเสน ปฺหาปริจฺเฉโท, เต เต ปจฺจเย สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตปจฺจยปริจฺเฉโท, ตสฺมึ ตสฺมึ ปจฺจเย ปฏิกฺขิตฺเต ตสฺส ตสฺส ปฺหสฺส ปริหานาปริหานีติ เอตํ สพฺพํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว ‘‘อิมินา ลกฺขเณนา’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺราติ ปเภทปริหานีสุ. ตีหิ ปจฺจเยหิ เอกูนวีสติ ปจฺจยา ทสฺสิตาติ ‘‘นเหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ลพฺภมานปจฺจเย สนฺธาย วุตฺตํ. อยํ ปน ปจฺจยุทฺธาโร สพฺพปจฺจนียสฺส สาธารณลกฺขณวเสน วุตฺโต, น ‘‘นเหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺเถว ลพฺภมานปจฺจยทสฺสนวเสน. เอวฺจ กตฺวา เหตุทุกปฺหาวารปจฺจนีเย ‘‘เหตุธมฺโม เหตุสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๔๓) วุตฺตํ, อฺถา ‘‘นเหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ลพฺภมานปจฺจยทสฺสเน ‘‘สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา อิธาปิ สพฺพลพฺภมานปจฺจยสงฺคหวเสน ปจฺจยุทฺธารสฺส วุตฺตตฺตา ตีหิ ปจฺจเยหิ วีสติ ปจฺจยา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. ยํ วุตฺตํ ‘‘ตตฺรายํ วิตฺถารกถา’’ติ, ตตฺร ปเภเท วิตฺถารกถํ วตฺวา ปริหานียํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมึ ปน ปจฺจเย…เป… เต ปรโต วกฺขามา’’ติ อาห.

๕๒๘. ตถา อกุสลาทิเกสุปิ จตูสุ ปฺเหสุ เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ เต เตเยว ปจฺจยา ทสฺสิตาติ กุสลาทิเกสุ ทสฺสิเตหิ อฺเสํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ ‘‘อกุสโล ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ เอตฺถ ทฺวีหิ ปจฺจเยหิ ตโย ปจฺจยา ทสฺสิตา, อถ โข ทฺเวเยว, อพฺยากตสฺสปิ อกุสโล อารมฺมณาธิปติปจฺจโย น โหตีติ.

๕๓๐. สหชาตปจฺจยา ปน น โหนฺติ วตฺถุมิสฺสกตฺตาติ อสหชาตปจฺจเยน วตฺถุนา สหชาตปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา เตน สทฺธึ สหชาตปจฺจยา น โหนฺตีติ ทสฺเสติ, น ปน สุทฺธานํ สหชาตปจฺจยภาวํ นิวาเรติ. วตฺถุนา ปน สทฺธึ เยน นิสฺสยาทินา ปจฺจยา โหนฺติ, ตเมว นิสฺสยาทึ วิเสเสตุํ สหชาตนฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมา เตส’’นฺติอาทิมาห.

อิมสฺมึ ปน ปจฺจยุทฺธาเร อารมฺมณอุปนิสฺสยกมฺมอตฺถิปจฺจเยสุ จตูสุ สพฺพปจฺจเย สงฺคณฺหิตฺวา กสฺมา เตสํ วเสน ปจฺจยุทฺธาโร น กโตติ? มิสฺสกามิสฺสกสฺส อตฺถิปจฺจยวิภาคสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา. น หิ ‘‘อวิภาเคน อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺเต สกฺกา วิฺาตุํ ‘‘กึ สุทฺเธน สหชาตอตฺถิปจฺจเยน ปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยอตฺถิปจฺจเยน วา, อถ สหชาตปุเรชาตมิสฺสเกน ปจฺฉาชาตาหารมิสฺสเกน ปจฺฉาชาตินฺทฺริยมิสฺสเกน วา’’ติ. อตฺถิปจฺจยวิเสเสสุ ปน สหชาตาทีสุ สรูปโต วุจฺจมาเนสุ ยตฺถ สุทฺธานํ สหชาตาทีนํ ปจฺจยภาโว, ตตฺถ ‘‘สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา สุทฺธานํ, ยตฺถ จ มิสฺสกานํ ปจฺจยภาโว, ตตฺถ ‘‘สหชาตํ ปุเรชาต’’นฺติอาทินา มิสฺสกานํ คหณโต สุวิฺเยฺยตา โหติ, ตสฺมา อตฺถิปจฺจยวิเสสทสฺสนตฺถํ สหชาตาทโย คหิตา, เตน จ สพฺพปจฺจยานํ จตูสุ ปจฺจเยสุ สงฺคโห ทสฺสิโต โหติ.

กสฺมา ปน สหชาตปุเรชาเต อคฺคเหตฺวา นิสฺสโย, ปุเรชาตปจฺฉาชาเต อคฺคเหตฺวา วิปฺปยุตฺโต วา อตฺถิปจฺจยวิเสสภาเวน น วุตฺโตติ? อวตฺตพฺพตฺตา, นิสฺสโย ตาว น วตฺตพฺโพ สหชาตปุเรชาตานํ สุทฺธานํ มิสฺสกานฺจ นิสฺสยปจฺจยภาวโต วิภชิตพฺพตาย อตฺถิปจฺจเยน อวิสิฏฺตฺตา, วิปฺปยุตฺตปจฺจโย จ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตภาวโต อตฺถิปจฺจโย วิย วิเสสิตพฺโพติ โส วิย น วตฺตพฺโพ. สหชาตปุเรชาตานฺจ มิสฺสกานํ อตฺถิปจฺจยภาโว โหติ, น วิปฺปยุตฺตภาโว. ตถา สหชาตปจฺฉาชาตานฺจ มิสฺสกานํ อตฺถิปจฺจยภาโว โหติ. วกฺขติ หิ ‘‘อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย ธมฺโม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส จ อนุปาทินฺนอนุปาทานิยสฺส จ ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย สหชาตํ ปจฺฉาชาต’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๔.๘๔), น ปน วิปฺปยุตฺตปจฺจยภาโว, ตสฺมา วิปฺปยุตฺตคฺคหเณน มิสฺสกานํ อตฺถิปจฺจยภาวสฺส อคฺคหณโต น โส อตฺถิปจฺจยวิเสโส ภวิตุํ ยุตฺโตติ ภิยฺโยปิ น วตฺตพฺโพ.

นนุ จ สหชาตปจฺจโย จ เหตุอาทีหิ วิเสสิตพฺโพติ โสปิ นิสฺสยวิปฺปยุตฺตา วิย อตฺถิปจฺจยวิเสสภาเวน น วตฺตพฺโพติ? น, วิรุทฺธปจฺจเยหิ อวิเสสิตพฺพตฺตา. นิสฺสยวิปฺปยุตฺตา หิ อตฺถิปจฺจโย วิย อุปฺปตฺติกาลวิรุทฺเธหิ ปจฺจเยหิ วิเสสิตพฺพา, น ปน สหชาโต. เหตุอาทโย หิ สหชาตา เอว, น อุปฺปตฺติกาลวิรุทฺธาติ.

ปจฺจนียุทฺธารวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจนียคณนวณฺณนา

นเหตุมูลกวณฺณนา

๕๓๒. สุทฺโธ อารมฺมณปจฺจโย ปริหายตีติ เอตฺถ สุทฺธคฺคหเณน น กิฺจิ ปโยชนํ. อารมฺมเณ หิ ปจฺจนียโต ิเต อธิปติปจฺจยาทิภูโต อารมฺมณปจฺจโย ปริหายติเยวาติ. สุทฺโธติ วา อฏฺสุ ปจฺจเยสุ เกวลํ อารมฺมณปจฺจโย ปริหายติ, น เสสาติ ทสฺเสติ. เอกาทสนฺนนฺติ สหชาเต สงฺคหํ คจฺฉนฺเตสุ ปนฺนรสสุ อฺมฺวิปากสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺเต วชฺเชตฺวา เอกาทสนฺนํ วเสน. เตติ เต สหชาเต อนฺโตคธาเยว ตสฺมึ ปฏิกฺขิตฺเต อฺเนากาเรน วิสฺสชฺชนํ น ลภนฺตีติ ทสฺเสติ, อนนฺโตคธา ปน อารมฺมณาธิปติปุเรชาตนิสฺสยาทโย อารมฺมณาทิอากาเรน ลภนฺตีติ.

กิฺจาปิ สหชาตปจฺจโยเยว นตฺถีติ ตสฺมึ ปฏิกฺขิตฺเต อิเม วารา น ลพฺเภยฺยุํ, อถ โข นิสฺสยอตฺถิอวิคตานํ วเสน เอเต ลภิตพฺพา สิยุนฺติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา ปนาติอาทินา ยทิปิ สหชาตปจฺจโย นตฺถิ , ยสฺมา ปน สหชาตปจฺจยธมฺเม ิตา เอเต น นิสฺสยาทโย น โหนฺติ, ยสฺมา จ สหชาเต ปฏิกฺขิตฺเต เย ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ, เต อิธ สหชาตปฏิกฺเขเปน ปฏิกฺขิตฺตา, ตสฺมา เตปิ วารา น ลพฺภนฺตีติ ทสฺเสติ.

เปตฺวา สหชาตปจฺจยนฺติ เอเตน นิสฺสยาทิภูตฺจ สหชาตปจฺจยํ เปตฺวาติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กุสลโต ปวตฺตมาเนสุ กุสลาพฺยากเตสุ กุสลสฺส กุสโล อฺมฺปจฺจโย โหตีติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘อฺมฺปจฺจยธมฺมวเสน ปวตฺติสพฺภาวโต’’ติ. เย ธมฺมา อฺมฺปจฺจยสงฺคหํ คตาติ เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาเวน วุจฺจมานา เย ธมฺมา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน วุจฺจมานานํ อฺมฺปจฺจโยติ สงฺคหํ คตาติ อตฺโถ. กุสโล จ กุสลสฺส อฺมฺปจฺจโยติ กตฺวา กุสลาพฺยากตานํ อฺมฺปจฺจยสงฺคหํ คเตเหว ธมฺเมหิ ปจฺจโย โหติ, สมุทายภูโต เอกเทสภูเตหีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. กุสโล ปน กุสลสฺส อฺมฺปจฺจยภูเตเหว กุสลาพฺยากตานํ สหชาตาทีหิ, น อฺถาติ อฺมฺเ ปฏิกฺขิตฺเต โส วาโร ปริหายตีติ วตฺตพฺพํ.

จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอกเทโสวาติ สหชาเต สนฺธาย วุตฺตํ. อสหชาตา หิ อาหารินฺทฺริยา รูปกฺขนฺเธกเทโสว โหนฺติ. เตติ เต วิปฺปยุตฺตปจฺจยธมฺมา.

๕๓๓. ‘‘ทุมูลกาทิวเสน ปจฺจยคณนํ ทสฺเสตุ’’นฺติ ลิขิตํ, ‘‘ปจฺจนียคณนํ ทสฺเสตุ’’นฺติ ปน วตฺตพฺพํ. ปจฺจนียวารคณนา หิ ทสฺสิตาติ.

‘‘วิปากํ ปเนตฺถ นอุปนิสฺสยปจฺจเยน สทฺธึ ฆฏิตตฺตา น ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ, วิปากสฺสปิ ปน กมฺมํ อุปนิสฺสโย อหุตฺวาปิ กมฺมปจฺจโย โหตีติ วิปากตฺติเก ทสฺสิตเมตนฺติ.

นเหตุมูลกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๓๔. สตฺต ปฺจ ตีณิ ทฺเว เอกนฺติ ปริจฺฉินฺนคณนานีติ สตฺตาทิปริจฺเฉเทหิ ปริจฺฉินฺนคณนานิ วิสฺสชฺชนานิ เหตุมูลเก ทสฺสิตานีติ อาห.

๕๓๘. นนิสฺสยปจฺจยานอุปนิสฺสยปจฺจยา นปจฺฉาชาเต ตีณีติ มูลกํ สงฺขิปิตฺวา ทสมูลเก ‘‘นปจฺฉาชาเต ตีณี’’ติ วุตฺตํ คณนํ อุทฺธรติ. ‘‘เตสุ กฏตฺตารูปฺจ อาหารสมุฏฺานฺจ ปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, ทฺวีสุ ปน วิปาโก ตติเย เตสมุฏฺานิกกาโย จ ปจฺจยุปฺปนฺโน โหติเยว.

๕๔๕. อพฺยากโต จ สหชาตอพฺยากตสฺสาติ ‘‘อรูปาพฺยากโต อรูปาพฺยากตสฺส, รูปาพฺยากโต จ รูปาพฺยากตสฺสา’’ติ เอตํ ทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตํ. รูปาพฺยากโต ปน อรูปาพฺยากตสฺส, อรูปาพฺยากโต จ รูปาพฺยากตสฺส สหชาตปจฺจโย โหนฺโต วิปฺปยุตฺตปจฺจโย โหติเยว. ‘‘อพฺยากโต สหชาตาหารินฺทฺริยวเสน อพฺยากตสฺสาติ เอวํ ปฺจา’’ติ ปน วตฺตพฺพํ.

๕๔๖. โนอตฺถิปจฺจยา นเหตุยา นวาติ เอตฺถ ‘‘เอกมูลเกกาวสานา อนนฺตรปกตูปนิสฺสยวเสน ลพฺภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อตฺถิปจฺจเย ปน ปฏิกฺขิตฺเต อฏฺสุ ปจฺจเยสุ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยานิ ปฏิกฺขิตฺตานิ, อารมฺมณอุปนิสฺสยกมฺมานิ ิตานีติ เตสํ ติณฺณํ ิตานํ วเสน ลพฺภนฺตีติ วตฺตพฺพํ. สพฺพตฺถ หิ อฏฺสุ ปจฺจเยสุ เย เย ปฏิกฺขิตฺตา, เต เต อปเนตฺวา เย เย ิตา, เตสํ วเสน เต เต วารา ลพฺภนฺตีติ อิทเมตฺถ ลกฺขณนฺติ. ยาว นิสฺสยมฺปีติ น เกวลํ นารมฺมเณเยว ตฺวา, อถ โข ยาว นิสฺสยํ, ตาว ตฺวาปิ นอุปนิสฺสเย ทฺเว กาตพฺพาติ อตฺโถ. นอุปนิสฺสยโต หิ ปุริเมสุ จ นวปิ ลพฺภนฺติ, นอุปนิสฺสเย ปน ปวตฺเต อตฺถิอารมฺมณอุปนิสฺสยปฏิกฺเขเปน สตฺต ปจฺจยา ปฏิกฺขิตฺตาติ อวสิฏฺสฺส กมฺมสฺส วเสน ทฺเวเยวาติ.

ปจฺจนียคณนวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา

๕๕๐. สทิสวาราติ อนุรูปวาราติ อตฺโถ. นอฺมฺเ ลทฺเธสุ หิ เอกาทสสุ ‘‘กุสโล กุสลสฺส อกุสโล อกุสลสฺสา’’ติ อิเม เหตุยา ลทฺเธสุ สตฺตสุ อิเมเหว ทฺวีหิ สมานา โหนฺติ, อตฺถาภาวโต ปน น อนุรูปาติ. อถ วา วจนโต อตฺถโต จ อุทฺเทสโต ยถาโยคํ นิทฺเทสโต จาติ สพฺพถา สมานตํ สนฺธาย ‘‘สทิสวารา’’ติ อาห.

๕๕๑. ปฏิสนฺธินามรูปํ สนฺธายาติ ปฏิสนฺธิยํ เหตุนามปจฺจยํ วตฺถุรูปฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนํ สนฺธาย . ตีณิ กุสลาทีนิ จิตฺตสมุฏฺานรูปสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อพฺยากโต กฏตฺตารูปสฺส จา’’ติ อิทมฺปิ วตฺตพฺพํ.

๕๕๖. อธิปติมูลเก นเหตุยา ทสาติ ทฺวินฺนมฺปิ อธิปตีนํ วเสน วุตฺตํ, นารมฺมเณ สตฺตาติ สหชาตาธิปติสฺส, นสหชาเต สตฺตาติ อารมฺมณาธิปติสฺสาติ เอวํ สพฺพตฺถ ตสฺมึ ตสฺมึ ปจฺจเย ปฏิกฺขิตฺเต ฆฏเนสุ จ ตสฺมึ ตสฺมึ ปจฺจเย ฆฏิเต มูลภาเวน ิเต ปจฺจเย เย ธมฺมา ปริหายนฺติ, เย จ ติฏฺนฺติ, เต สาธุกํ สลฺลกฺเขตฺวา เย ธมฺมา ิตา เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตสํ วเสน คณนา อุทฺธริตพฺพา. อนุโลเม วุตฺตฆฏิเต หิ มูลภาเวน เปตฺวา ฆฏิตาวเสสา ปจฺจยา ปจฺจนียโต โยชิตาติ ตตฺถ ลทฺธาเยว ปจฺจนียโต ิตปจฺจยานํ วเสน สมานา อูนา จ สกฺกา วิฺาตุนฺติ.

อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปจฺจนียานุโลมวณฺณนา

๖๓๑. อูนตรคณเนน สทฺธึ อติเรกคณนสฺสปิ คณนํ ปริหาเปตฺวาติ เอตฺถ อนุโลมโต โยชิยมาเนน ปจฺจเยน สทฺธึ ปจฺจนียโต ิตสฺส อติเรกคณนสฺสปิ คณนํ ปริหาเปตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปริหาปนคณนาย อูนตรคณเนน สทฺธึ สมานตฺตฺจ น เอกนฺติกํ. นเหตุนารมฺมณทุกสฺส หิ คณนา อธิปติปจฺจเยน โยชิยมาเนน อูนตรคณเนน สทฺธึ ปริหีนาปิ อธิปติปจฺจเย ลทฺธคณนาย น สมานา, อถ โข ตโตปิ อูนตรา โหตีติ อาห ‘‘น ปเนตํ สพฺพสํสนฺทเนสุ คจฺฉตี’’ติ.

นิสฺสเย ปจฺจนียโต ิเต สหชาเต จ อนุโลมโต อติฏฺมานานํ เหตุอาทีนํ สหชาตสฺส จ อฏฺานํ ปากฏนฺติ อปากฏเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘วตฺถุปุเรชาโต อนุโลมโต น ติฏฺตี’’ติ อาห. อาหาเร วาติอาทินา อิทํ ทสฺเสติ – สหชาเต ปจฺจนียโต ิเต อนุโลมโต อติฏฺมานา ฌานมคฺคสมฺปยุตฺตา อาหาเร วา อินฺทฺริเย วา ปจฺจนียโต ิเต ติฏฺนฺตีติ เหตุอาทโยปิ ติฏฺนฺติ. สพฺพฌานมคฺเคหิ ปน จตุกฺขนฺเธกเทสภูตานํ สมฺปยุตฺเตน จ จตุกฺขนฺธภูตานํ สพฺเพสํ เตสํ อนุโลมโต านํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ, อิตเรสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อธิปติอุปนิสฺสยาติ อารมฺมณมิสฺสานมฺปิ อนุโลมโต านํ ทสฺเสติ.

‘‘อินฺทฺริเย เอกนฺติ รูปชีวิตินฺทฺริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส จ วเสนา’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. กเมน คนฺตฺวา วิปฺปยุตฺเต ตีณีติ อิทํ ปากฏภาวตฺถํ ‘‘นวมูลกาทีสุ วิปฺปยุตฺเต ตีณี’’ติ เอวํ เกสุจิ โปตฺถเกสุ อุทฺธฏํ. อิมานิ จ ทฺเว ปจฺฉาชาตินฺทฺริยวเสนาติ อิทํ ‘‘อิมานิ จ ทฺเว ปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยวเสนา’’ติ จ วตฺตพฺพํ.

นเหตุมูลกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖๓๖. นอฺมฺปจฺจยา เหตุยา ตีณีติ กุสลาทีนิ จิตฺตสมุฏฺานานนฺติ เอตฺถ ‘‘ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานฺจา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. เหตุยา วุตฺเตหิ ตีหีติ วารสามฺเมว สนฺธาย วทติ, ตถา กมฺเม ตีณีติ เหตุยา วุตฺตาเนวาติ จ. ปจฺจเยสุ ปน สพฺพตฺถ วิเสโส สลฺลกฺเขตพฺโพ. อธิปติยา ตีณีติ นอฺมฺนเหตุนอารมฺมณปจฺจยา อธิปติยา ตีณีติ เอตานิ เหฏฺา เหตุยา วุตฺตาเนวาติ.

๖๔๔. ยถา จ เหฏฺาติ ยถา นเหตุมูลเก ยาว นวิปากา, ตาว คนฺตฺวา นาหารินฺทฺริเยสุ เอเกกเมว คหิตํ, ตถา อิธาปิ นารมฺมณมูลกาทีสุ เอเกกเมว คหิตนฺติ อธิปฺปาโย.

๖๔๘. นานากฺขณิกา กุสลากุสลเจตนา กมฺมสมุฏฺานรูปสฺสาติ เอตฺถ ‘‘วิปากาน’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ. อาหารินฺทฺริเยสุ ตีณิ สหชาตสทิสานิ รูปสฺสปิ ปจฺจยภาวโต, ฌานมคฺคาทีสุ ตีณิ เหตุสทิสานิ อรูปานํเยว ปจฺจยภาวโตติ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ. อาทิ-สทฺเทน จ ‘‘นวิปฺปยุตฺตนเหตุนารมฺมณปจฺจยา อธิปติยา ตีณี’’ติอาทีนิ (ปฏฺา. ๑.๑.๖๔๙) สงฺคณฺหาติ.

๖๕๐. ยํปนาติ ยํ ปจฺจยํ สกฏฺาเน อนุโลมโต ลภนฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา ตโต ปเรตรา ปจฺจนียโต คยฺหนฺติ, โส ปจฺจโย ปจฺฉา อนุโลมโตว โยชนํ ลภตีติ อตฺโถ. ยถา ปน นเหตุมูลกาทีสุ นาหาเร ฆฏิเต อินฺทฺริยวเสน, นินฺทฺริเย จ ฆฏิเต อาหารวเสน ปฺหลาโภ โหตีติ เตสุ อฺตรํ ปจฺจนียโต อโยเชตฺวา อนุโลมโต โยชิตํ, เอวํ โนอตฺถิโนอวิคตมูลเกสุ อุปนิสฺสเย ฆฏิเต กมฺมวเสน, กมฺเม จ ฆฏิเต อุปนิสฺสยวเสน ปฺหลาโภ โหตีติ เตสุ อฺตรํ ปจฺจนียโต อโยเชตฺวา อนุโลมโต โยชิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวเมตสฺมึ ปจฺจนียานุโลเม สพฺพานิ มูลานิ ทฺเวธา ภินฺนานิ นาหารนินฺทฺริยานิ นอุปนิสฺสยนกมฺมานิ จ ปตฺวาติ.

ปจฺจนียานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.

กุสลตฺติกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เวทนาตฺติกวณฺณนา

. เวทนารูปนิพฺพานานิ ปน ติกมุตฺตกานิ ปฏิจฺจาทินิยมํ ปจฺจยุปฺปนฺนวจนฺจ น ลภนฺติ. ปฏิจฺจวาราทีสุ ปน ฉสุ ยโต เหตุปจฺจยาทิโต ติกธมฺมานํ อุปฺปตฺติ วุตฺตา, ตตฺถ ยถานุรูปโต อารมฺมณาทิปจฺจยภาเวน ลพฺภนฺตีติ เวทิตพฺพานีติ.

๑๐. สพฺพอรูปธมฺมปริคฺคาหกา ปน สหชาตาทโย ปจฺจยาติ อิมินา กุสลตฺติเกปิ ปริหีนํ สหชาตํ รูปารูปธมฺมปริคฺคาหกตฺตา อาทิมฺหิ เปตฺวา อาทิสทฺเทน สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหกวจเนน จ ปจฺจยุปฺปนฺนวเสน สพฺพอรูปธมฺมปริคฺคาหกานํ อารมฺมณาทีนํ ปริหานึ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน กุสลตฺติกปริหีนานํ สพฺพฏฺานิกานํ จตุนฺนํ สพฺพติกาทีสุ ปริหานิ ทสฺสิตา โหติ. ปจฺฉาชาตปจฺจยฺจ วินาว อุปฺปตฺติโตติ เอเตน ปน ปจฺฉาชาตปจฺจยสฺส อนุโลเม ปริหานึ, ปจฺจนีเย จ ลาภํ ทสฺเสติ. สหชาตาทโยติ วา สหชาตมูลกา สหชาตนิพนฺธนา ปฏิจฺจาทึ ผรนฺเตหิ สหชาตธมฺเมหิ วินา ปจฺจยา อโหนฺตาติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา ปน สหชาตนิพนฺธนา สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหกา จ เย, เตว ปริหายนฺติ , น ปน โย สหชาตานิพนฺธโน สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหโก จ น โหติ, โส ปจฺฉาชาโตติ ตตฺถ การณํ วทนฺโต ‘‘สหชาตาทีหิ วินา อนุปฺปตฺติโต ปจฺฉาชาตปจฺจยฺจ วินาว อุปฺปตฺติโต’’ติ อาห. ตตฺถ สหชาตาทีหิ วินาติ สหชาตนิพนฺธเนหิ สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหเกหิ จ วินาติ อตฺโถ. อถ วา สหชาตนิพนฺธนานเมว ปริหานิ, น ปจฺฉาชาตสฺส สหชาตานิพนฺธนสฺสาติ เอตฺเถว การณํ วทนฺโต ‘‘สหชาตาทีหิ วินา อนุปฺปตฺติโต ปจฺฉาชาตปจฺจยฺจ วินาว อุปฺปตฺติโต’’ติ อาห. สหชาตนิพนฺธนาปิ ปน สพฺพอรูปธมฺมปริคฺคาหกาเยว ปริหายนฺตีติ ทสฺสิตเมตนฺติ.

๑๗. นวิปาเกปิ เอเสว นโยติ นยทสฺสนเมว กโรติ, น จ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนสามฺทสฺสนํ. สุขาย หิ อทุกฺขมสุขาย จ เวทนาย สมฺปยุตฺเต ธมฺเม ปฏิจฺจ ตาหิ เวทนาหิ สมฺปยุตฺตา อเหตุกกิริยธมฺมา วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหชาตโมโห จาติ อยฺเหตฺถ นโยติ. นวิปฺปยุตฺเต เอกนฺติ อารุปฺเป อาวชฺชนวเสน วุตฺตนฺติ อิทํ อาวชฺชนาเหตุกโมหานํ วเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๕-๓๗. อนุโลมปจฺจนีเย ยถา กุสลตฺติกํ, เอวํ คเณตพฺพนฺติ เหตุมูลกาทีนํ นยานํ เอกมูลกทฺวิมูลกาทิวเสน จ โยเชตฺวา คเหตพฺพตาสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, น คณนสามฺํ. อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโย. อเหตุกสฺส ปน จิตฺตุปฺปาทสฺสาติอาทิ นเหตุมูลกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘อเหตุกสฺส ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส โมหสฺส จา’’ติ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ. โมหสฺส จาปิ หิ อเหตุกสฺส อธิปติอภาวโต อธิปติโน นเหตุมูลเก อนุโลมโต อฏฺานนฺติ. ปริวตฺเตตฺวาปีติ นเหตุปจฺจยา นอธิปติปจฺจยา อารมฺมเณ ตีณีติ เอวํ ปุรโต ิตมฺปิ อารมฺมณาทึ ปจฺฉโต โยเชตฺวาติ อตฺโถ.

๓๙. ปฺหาวาเร โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ เอเตน ตํสมฺปยุตฺเต ทสฺเสติ. อุปนิสฺสยวิภงฺเค ‘‘สทฺธาปฺจเกสุ มานํ ชปฺเปติ ทิฏฺึ คณฺหาตีติ กตฺตพฺพํ, อวเสเสสุ น กตฺตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปาคติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ราคาทีหิ มานทิฏฺีนํ อนุปฺปตฺติโต. กุสลตฺติเกปิ หิ ราคาทีสุ ‘‘มานํ ชปฺเปติ ทิฏฺึ คณฺหาตี’’ติ ปาฬิ น วุตฺตา, ‘‘ราโค โทโส โมโห มาโน ทิฏฺิ ปตฺถนา ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส มานสฺส ทิฏฺิยา ปตฺถนาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๒.๕๓) ปน ราคาทีนํ มานทิฏฺิอุปนิสฺสยภาโว วุตฺโต. ตถา อิธาปิ ทฏฺพฺพนฺติ . ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺเตน ปน จิตฺเตน คามฆาตํ นิคมฆาตํ กโรตี’’ติ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺเตน คามนิคมวิลุปฺปนํ สนฺธาย วุตฺตํ.

๖๒. สุทฺธานนฺติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนปทานํ อนฺตฺตํ ทสฺเสติ. ปุเรชาตปจฺฉาชาตา ปเนตฺถ น วิชฺชนฺติ.น หิ ปุเรชาตา ปจฺฉาชาตา วา อรูปธมฺมา อรูปธมฺมานํ ปจฺจยา โหนฺตีติ เอตฺถ ปุเรชาตาติ อิมสฺมึ ติเก วุจฺจมานา อธิการปฺปตฺตา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตาทโยว อรูปธมฺมานํ ปุเรชาตา หุตฺวา ปจฺจยา น โหนฺติ ปุเรชาตตฺตาภาวโตติ อธิปฺปาโย, ตถา ปจฺฉาชาตตฺตาภาวโต ปจฺฉาชาตา วา หุตฺวา น โหนฺตีติ.

๖๓-๖๔. สาธิปติอโมหวเสนาติ อธิปติภาวสหิตาโมหวเสนาติ อตฺโถ.

๘๓-๘๗. นเหตุปจฺจยา…เป… นอุปนิสฺสเย อฏฺาติ นเหตุปจฺจยา นารมฺมณปจฺจยา นอุปนิสฺสเย อฏฺาติ เอวํ สงฺขิปิตฺวา อุทฺธรติ. นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยวเสน เวทิตพฺพาติ อิทํ ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺสา’’ติ เอตํ วชฺเชตฺวา อวเสเสสุ อฏฺสุปิ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยสมฺภวํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ สหชาตปจฺจโย อฏฺสุปิ ลพฺภติ, อถ โข ตีสฺเววาติ.

เวทนาตฺติกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วิปากตฺติกวณฺณนา

๑-๒๓. วิปากตฺติเก วิปากธมฺมํ ปฏิจฺจาติ วิปากํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ. สมาเสนปิ หิ โสเยวตฺโถ วุตฺโตติ ปาฬิยํ สมาสํ กตฺวา ลิขิตํ.

๒๔-๕๒. ‘‘เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํปฏิจฺจ เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺโม อุปฺปชฺชติ นวิปากปจฺจยา’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ อุปาทารูป’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘กฏตฺตารูป’’นฺติ. ตํ ขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชมานสฺส มหาภูเต ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถตฺตา น วุตฺตํ. น เหตฺถ กฏตฺตารูปสฺส ขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติ อตฺถิ, ยสฺส มหาภูเต ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติ วตฺตพฺพา สิยา. ปวตฺติยํ ปน กฏตฺตารูปํ ‘‘อสฺสตฺตานํ…เป… มหาภูเต ปฏิจฺจ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ เอเตเนว ทสฺสิตํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา อสฺสตฺตานํ รูปสมานคติกตฺตา นาหารปจฺจเย จ ปวตฺติยํ กฏตฺตารูปํ น อุทฺธฏํ. ตมฺปิ หิ อุปฺปาทกฺขเณ อาหารปจฺจเยน วินา อุปฺปชฺชตีติ อุทฺธริตพฺพํ สิยาติ.

วิปากตฺติกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อุปาทินฺนตฺติกวณฺณนา

๑๕. อุปาทินฺนตฺติเก อนุปาทินฺนอนุปาทานิยํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นาธิปติปจฺจยาติ เอเตน สยํ อธิปติภูตตฺตา อวิรหิตารมฺมณาธิปตีสุปิ อธิปติ ทุวิเธนปิ อธิปติปจฺจเยน อุปฺปชฺชตีติ น วตฺตพฺโพ, อยเมตสฺส สภาโวติ ทสฺเสติ.

๗๒. อุปาทินฺนุปาทานิโย กพฬีการาหาโร อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโยติ เอตฺถ กมฺมชานํ รูปานํ อพฺภนฺตรคตา โอชา ตสฺเสว กมฺมชกายสฺส รูปชีวิตินฺทฺริยํ วิย กฏตฺตารูปานํ อนุปาลนุปตฺถมฺภนวเสน ปจฺจโย, น ชนกวเสนาติ อยมตฺโถ อฏฺกถายํ วุตฺโต. เอตสฺมึ ปน อตฺเถ สติ อุปาทินฺนุปาทานิโย จ อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย จ ธมฺมา อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย ปจฺฉาชาตินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ‘‘อาหาร’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ, ยทิ จ กมฺมชา โอชา สกลาปรูปานเมว อาหารปจฺจโย โหติ, เอวํ สติ ‘‘อุปาทินฺนุปาทานิโย กพฬีการาหาโร อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยา, วุตฺตฺจิทํ, ตมฺปิ อนชฺโฌหฏาย สสนฺตานคตาย อุปาทินฺโนชาย อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส กายสฺส อาหารปจฺจยํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวฺจ สติ ‘‘อุปาทินฺนุปาทานิโย จ อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย จ ธมฺมา อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๔.๘๕) อยมฺปิ ปฺโห ปจฺฉาชาตาหารวเสน อุทฺธริตพฺโพ สิยา, ตสฺมา อชฺโฌหฏสฺส อุปาทินฺนาหารสฺส โลกุตฺตรกฺขเณ อภาวโต ทุมูลเกสุ ปมปฺเห ‘‘อาหาร’’นฺติ น วุตฺตํ. ทุติยปฺโห จ น อุทฺธโฏ, น อิตรสฺส อุปาทินฺนาหารสฺส กามภเว อสมฺภวาภาวโตติ อชฺโฌหฏเมว มณฺฑูกาทิสรีรคตํ อุปาทินฺนาหารํ สนฺธาย ‘‘อุปาทินฺนุปาทานิโย กพฬีการาหาโร อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส จ อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส จ กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๔.๗๔) วทนฺตานํ วาโท พลวตโร. น หิ อชฺโฌหฏมตฺตาว มณฺฑูกาทโย กุจฺฉิวิตฺถตํ น กโรนฺติ, น จ พลํ น อุปชายนฺติ, น จ รูปวิเสโส น วิฺายตีติ.

‘‘อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย ธมฺโม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส จ อนุปาทินฺนอนุปาทานิยสฺส จ ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย สหชาตํ ปจฺฉาชาต’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๔.๘๓) เอวมาทีหิ อิธ วุตฺเตหิ เอกมูลกทุกติกาวสานปฺหวิสฺสชฺชเนหิ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จ ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย สหชาต’’นฺติอาทินา อิธ ทุติยทุกาวสาเน วิย วิสฺสชฺชนํ ลพฺภตีติ วิฺายติ. สุขาวโพธนตฺถํ ปน ตตฺถ สหชาตวเสเนว วิสฺสชฺชนํ กตํ. ปจฺจนีเย ปน สหชาตสฺเสว อปฏิกฺเขเป ลาภโต, ปฏิกฺเขเป จ อลาภโต สหชาตปจฺจยวเสเนว เอกมูลกทุกาวสานา ตตฺถ อุทฺธฏา, อิธ ปเนเตหิ วิสฺสชฺชเนหิ เอโก ธมฺโม สหชาตาทีสุ อตฺถิปจฺจยวิเสเสสุ อเนเกหิปิ อเนเกสํ ธมฺมานํ เอโก อตฺถิปจฺจโย โหตีติ ทสฺสิตํ โหติ. เอโก หิ ธมฺโม เอกสฺส ธมฺมสฺส เอเกเนว อตฺถิปจฺจยวิเสเสน อตฺถิปจฺจโย โหติ, เอโก อเนเกสํ เอเกนปิ อเนเกหิปิ, ตถา อเนโก เอกสฺส, อเนโก อเนเกสํ สมานตฺเต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ, อตฺถิปจฺจยวิเสเสสุ ปน ปฺจสุ สหชาตํ ปุเรชาเตเนว สห อตฺถิปจฺจโย โหติ, อนฺธมฺมตฺเต ปจฺฉาชาเตน จ, น นานาธมฺมตฺเต.

ยทิ สิยา, ‘‘อุปาทินฺนุปาทานิโย จ อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย จ ธมฺมา อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย ปจฺฉาชาตํ อินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ ‘‘สหชาต’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ สิยา. กมฺมชานฺหิ ภูตานํ สหชาตานํ ปจฺฉาชาตานฺจ โลกุตฺตรานํ เอกกฺขเณ ลพฺภมานานมฺปิ เอโก อตฺถิปจฺจยภาโว นตฺถิ สหชาตปจฺฉาชาตานํ นานาธมฺมานํ วิรุทฺธสภาวตฺตาติ ตํ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ปจฺจนีเย จ ‘‘นอินฺทฺริเย พาวีสา’’ติ วุตฺตํ. อฺถา หิ อินฺทฺริยปฏิกฺเขเปปิ สหชาตปจฺฉาชาตวเสน ตสฺส ปฺหสฺส ลาภโต ‘‘เตวีสา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. ปุเรชาตํ สหชาเตเนว สห อตฺถิปจฺจโย โหติ, น อิตเรหิ, ตมฺปิ วตฺถุ ตํสหิตปุเรชาตเมว, น อิตรํ. กุสลตฺติเก หิ ปฺหาวาเร ‘‘นวิปฺปยุตฺตปจฺจยา อตฺถิยา ปฺจา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖๔๙) วุตฺตํ, สนิทสฺสนตฺติเก ปน ‘‘วิปฺปยุตฺเต พาวีสา’’ติ. ยํ ปน ตตฺถ อตฺถิวิภงฺเค ปจฺจยุทฺธาเร จ ติมูลเกกาวสานํ อุทฺธฏํ, ตํ วตฺถุสหิตสฺส อารมฺมณปุเรชาตสฺส สหชาเตน, สห ปจฺจยภาวโตติ ปจฺฉาชาตํ อาหารินฺทฺริเยเหว, อนฺธมฺมตฺเต จ สหชาเตน จ, อาหาโร ปจฺฉาชาตินฺทฺริเยเหว, อินฺทฺริยํ ปจฺฉาชาตาหาเรนาติ เอวเมตํ อตฺถิปจฺจยวิภาคํ สลฺลกฺเขตฺวา อนุโลเม ปจฺจนียาทีสุ จ ลพฺภมานา ปฺหา อุทฺธริตพฺพา.

อุปาทินฺนตฺติกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วิตกฺกตฺติกวณฺณนา

๒๒. วิตกฺกตฺติเก ปฏิจฺจวารานุโลเม อธิปติยา เตวีสาติ สตฺตสุ มูลเกสุ ยถากฺกมํ สตฺต ปฺจ ตีณิ เอกํ ตีณิ ตีณิ เอกนฺติ เอวํ เตวีส, อฺมฺเ อฏฺวีส สตฺต ปฺจ ปฺจ ตีณิ จตฺตาริ ตีณิ เอกนฺติ เอวํ, ปุเรชาเต เอกาทส ตีณิ จตฺตาริ ทฺเว ทุติยตติยทุมูลเกสุ เอกํ เอกนฺติ เอวํ, ตถา อาเสวเน. อฺานิ คณนานิ เหตุอารมฺมณสทิสานิ.

๓๑. ปจฺจนีเย นาธิปติปจฺจเย ปมปฺเห ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺเต ขนฺเธ ปฏิจฺจ อวิตกฺกวิจารมตฺตา อธิปตี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘วิปากํ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจา’’ติอาทินา วิสฺสชฺชนํ กตํ, น ปน อวิเสเสน. กสฺมา? วิปากวชฺชานํ อวิตกฺกวิจารมตฺตกฺขนฺธานํ เอกนฺเตน สาธิปติภาวโต . วิปากานํ ปน โลกุตฺตรานเมว สาธิปติภาโว, น อิตเรสนฺติ เต วิสุํ นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตา. โลกุตฺตรวิปากาธิปติสฺส เจตฺถ ปุริมโกฏฺาเสเยว สงฺคโห เวทิตพฺโพ.

๓๘. นาเสวนมูลเก อวิตกฺกวิจารมตฺตํ วิปาเกน สห คจฺฉนฺเตนาติ เอตํ มูลํ อวิตกฺกวิจารมตฺตอวิตกฺกวิจารปเทหิ อวิตกฺเกหิ สห โยเชนฺเตน นปุเรชาตสทิสํ ปาฬิคมนํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. สทิสตา เจตฺถ เยภุยฺเยน วิสทิสตา จ ทฏฺพฺพา. ตตฺถ หิ อารุปฺเป อวิตกฺกวิจารมตฺตํ อิธ วิปากํ อวิตกฺกวิจารมตฺตนฺติอาทิ โยเชตพฺพนฺติ อยเมตฺถ วิเสโส. อิทฺจ นาเสวนวิภงฺคานนฺตรํ ลิขิตพฺพํ, น ฌานานนฺตรํ, เกสุจิ โปตฺถเกสุ ลิขิตํ.

ปจฺจยวาเร ปมฆฏเน ปวตฺติปฏิสนฺธิโยติ ทุมูลเกสุ ปเม สตฺตสุปิ ปฺเหสุ ปวตฺติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ โยเชตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.

๔๙. ปจฺจนีเย สตฺตสุ าเนสุ สตฺต โมหา อุทฺธริตพฺพา มูลปเทสุ เอวาติ สวิตกฺกสวิจาราทิปเทสุ มูลปทเมว อวสานภาเวน เยสุ ปฺเหสุ โยชิตํ, เตสุ สตฺตสุ ปฺเหสุ สตฺต โมหา อุทฺธริตพฺพาติ อตฺโถ.

ปฺหาวารปจฺจนีเย ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺโต ธมฺโม อวิตกฺกวิจารมตฺตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณสหชาตอุปนิสฺสยกมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เกสุจิ โปตฺถเกสุ ปาโ ทิสฺสติ, อุปนิสฺสเยน ปน สงฺคหิตตฺตา ‘‘กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. อุปาทินฺนตฺติกปฺหาวารปจฺจนีเย หิ ‘‘อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย ธมฺโม อนุปาทินฺนอนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส สหชาตอุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๔.๕๘, ๖๒) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ปริตฺตตฺติกปฺหาวารปจฺจนีเย จ ‘‘มหคฺคโต ธมฺโม มหคฺคตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณสหชาตอุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๕๗, ๖๕, ๗๓) เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ. เอตฺตกเมว จ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ กมฺมํ อปฺปมาณํ มหคฺคตฺจ, ตฺจ ทุพฺพลํ น โหตีติ เอเตหิเยว วจเนหิ วิฺายตีติ.

วิตกฺกตฺติกวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ทสฺสเนนปหาตพฺพตฺติกวณฺณนา

ทสฺสเนนปหาตพฺพตฺติเก ทสฺสเนน ปหาตพฺโพ ธมฺโม ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส เอเกนปิ ปจฺจเยน ปจฺจโย น โหตีติ อิทํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค วิจาริตนเยน วิจาเรตพฺพนฺติ.

ทสฺสเนนปหาตพฺพตฺติกวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุจฺฉาคณนคาถาโย

กุสลาทิ เอกกตฺตย-มถาทิ อนฺเตน มชฺฌิมนฺเตน;

อาทิ จ มชฺเฌน ทุกา, ตโย ติเกโก จ วิฺเยฺโย.

เตสฺเวเกกํ มูลํ กตฺวา, ตํ สตฺตสตฺตกา ปุจฺฉา;

เอเกกปจฺจเย ยถา, ภวนฺติ เอกูนปฺาส.

ฉสตฺตตาธิกสตํ, สหสฺสเมกฺจ สุทฺธิเก ปุจฺฉา;

เอส จ นโยนุโลเม, ปจฺจนีเย จาติ นาฺตฺถ.

ราสิคุณิตสฺส ราสิสฺสฑฺฒํ, สห ราสิกสฺส ปิณฺโฑ โส;

ราสิสฺส วา สเหกสฺสฑฺฒํ, ปุน ราสินา คุณิตํ.

อิติ เหตุมูลกาทุก-ติกาทโย ฉจฺจ สตฺตติสตา ทฺเว;

จตุวีสเตตฺถ ปุจฺฉา, อฑฺฒุฑฺฒสหสฺสนหุตฺจ.

ตาสํ ยสฺมา สุทฺธิก-นโย น ปจฺเจกปจฺจเย ตสฺมา;

จตุวีสติคุณิตานํ, สสุทฺธิกานํ อยํ คณนา.

ลกฺขตฺตยํ ทฺวินหุตํ, ปฺจ สหสฺสานิ สตฺต จ สตานิ;

ทฺวาปฺาสา เอตา, อนุโลเม ปิณฺฑิตา ปุจฺฉา.

อนุโลมสทิสคณนา, ภวนฺติ ปุจฺฉานเย จ ปจฺจนีเย;

หาเปตฺวา ปน เสเส, นยทฺวเย สุทฺธิเก ลทฺธา.

ฉปฺปฺาส ภวนฺติ ปุจฺฉา, ฉสตสหิตฺจ ลกฺขเตรสกํ;

ปุจฺฉานเยสุ คณิตา, ปฏิจฺจวาเร จตูสฺวปิ.

สตฺตหิ คุณิตา กุสลตฺติเก ทฺวยํ, นวุติฺเจว ปฺจสตา;

จตฺตาริ สหสฺสานิ จ, ตเถกนวุเต จ ลกฺขกา.

นาทฺวาวีสติ คุณิตา, ติเกสุ สพฺเพสุ วีสติ จ โกฏิ;

ลกฺขตฺตยํ สหสฺสํ, จตุวีสติ จาปิ วิฺเยฺยา.

ติกปฏฺานํ.

เอกกปจฺจเย ปน, นว นว กตฺวา สโสฬสทฺวิสตํ;

เหตุทุกปมวาเร, ปมนเย สุทฺธิเก ปุจฺฉา.

เหตาทิมูลกนเย-สฺเวเกกสฺมึ ทุกาทิเภทยุเต;

จตุราสีติจตุสต-สหิตํ สหสฺสทฺวยํ ปุจฺฉา.

ตา จตุวีสติคุณิตา, สสุทฺธิกา เอตฺถ โหนฺติ อนุโลเม;

ทฺวตฺตึสฏฺสตาธิก-สหสฺสนวกฑฺฒลกฺขกา.

เอวํ ปจฺจนีเย ทฺเว, สุทฺธิกรหิตา จตูสฺวโต โหนฺติ;

ฉนฺนวุตฏฺสตฏฺ-ตึสสหสฺสทฺวิลกฺขกานิ.

ตา ปน สตฺตคุณา ทฺเว, สตฺตติสตทฺวยํ สหสฺสานิ;

ทฺวาสตฺตติ โหนฺติ ตโต, โสฬส ลกฺขานิ เหตุทุเก.

ตา สตคุณา ทุกสเต, สตทฺวยํ สตฺตวีสติ สหสฺสา;

ทฺวาสตฺตติลกฺขานิ จ, โสฬสโกฏิ ตโต ปุจฺฉา.

ทุกปฏฺานํ.

ทุกติกปฏฺาเน ติก-ปกฺเขโป โหติ เอกเมกทุเก;

ตสฺส ฉสฏฺิคุเณน เต, ฉสฏฺิสตํ ทุกา โหนฺติ.

เหตุทุกลทฺธปุจฺฉา, คุณิตา เตหิ จ โหนฺติ ติกปทเมว;

ทุกปฏฺาเน ปุจฺฉา, ตาสํ คณนา อยํ เยฺยา.

ทฺวาปฺาส สตานิ จ, นเวว นหุตานิ นว จ สฏฺิฺจ;

ลกฺขานิ ตีหิ สหิตํ, สตํ สหสฺสฺจ โกฏินํ.

ทุกติกปฏฺานํ.

ติกทุกปฏฺาเน ติก-เมเกกํ ทฺวิสตเภทนํ กตฺวา;

ทฺวาวีสทฺวิสตคุณา, เยฺยา กุสลตฺติเก ลทฺธา.

ปุจฺฉา อฏฺสตาธิก-จตุสหสฺสทฺวิลกฺขยุตฺตานํ;

โกฏีนํ ฉกฺกมโถ, โกฏิสหสฺสานิ จตฺตาริ.

ติกทุกปฏฺานํ.

ติกติกปฏฺาเน , เตสฏฺิวิเธเกกเภทนา ตุ ติกา;

เตหิ จ คุณิตา กุสล-ตฺติกปุจฺฉาปิ โหนฺติ ปุจฺฉา ตา.

ทฺวาทส ปฺจสตา จตุ-สฏฺิสหสฺสานิ นวุติ เจกูนา;

ลกฺขานเมกสฏฺิ, ทฺวาทสสตโกฏิโย เจว.

ติกติกปฏฺานํ.

ทฺวยหีนทฺวยสตคุโณ, เอเกโก ทุกทุเก เตหิ;

เหตุทุเก ลทฺธา สงฺขฺย-เภเทหิ จ วฑฺฒิตา ปุจฺฉา.

ฉสตยุตานิ ปฺจา-สีติสหสฺสานิ ลกฺขนวกฺจ;

เอกาทสาปิ โกฏิ, ปุน โกฏิสตานิ เตตฺตึส.

ทุกทุกปฏฺานํ.

สมฺปิณฺฑิตา ตุ ปุจฺฉา, อนุโลเม ฉพฺพิเธปิ ปฏฺาเน;

ฉตฺตึสติสตสหสฺส-ฏฺกยุตสตฺตนหุตานิ.

ลกฺขานิ ฉจฺจ จตฺตา-ลีเสว นวาถ โกฏิโย ทส จ;

สตฺตโกฏิสเตหิ จ, โกฏิสหสฺสานิ นว โหนฺติ.

ตา จตุคุณิตา ปุจฺฉา, จตุปฺปเภเท สมนฺตปฏฺาเน;

จตุจตฺตาลีสสตตฺตยํ, สหสฺสานิ เตรส จ.

สตฺตาสีติ จ ลกฺขานํ, โกฏีนฺจ สตฺตสตฺตติโย;

โหนฺติฏฺสตานิฏฺ-ตึสสตสหสฺสานิ อิติ คณนา.

ปฏฺานสฺส ปุจฺฉาคณนคาถา.

ปฏฺานปกรณ-มูลฏีกา สมตฺตา.

อิติ ภทนฺตอานนฺทาจริยเกน กตา ลีนตฺถปทวณฺณนา

อภิธมฺมสฺส มูลฏีกา สมตฺตา.