📜

๔. วีถิปริจฺเฉทวณฺณนา

. อิจฺเจวํ ยถาวุตฺตนเยน จิตฺตุปฺปาทานํ จตุนฺนํ ขนฺธานํ อุตฺตรํ เวทนาสงฺคหาทิวิภาคโต อุตฺตมํ ปเภทสงฺคหํ กตฺวา ปุน กามาวจราทีนํ ติณฺณํ ภูมีนํ, ทฺวิเหตุกาทิปุคฺคลานฺจ เภเทน ลกฺขิตํ ‘‘อิทํ เอตฺตเกหิ ปรํ, อิมสฺส อนนฺตรํ เอตฺตกานิ จิตฺตานี’’ติ เอวํ ปุพฺพาปรจิตฺเตหิ นิยามิตํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ จิตฺตุปฺปาทานํ ปวตฺติสงฺคหํ นาม ตนฺนามกํ สงฺคหํ ยถาสมฺภวโต สมาเสน ปวกฺขามีติ โยชนา.

. วตฺถุทฺวารารมฺมณสงฺคหา เหฏฺา กถิตาปิ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปวตฺติสงฺคหํ ทสฺเสตุํ ปุน นิกฺขิตฺตา.

. วิสยานํ ทฺวาเรสุ, วิสเยสุ จ จิตฺตานํ ปวตฺติ วิสยปฺปวตฺติ.

. ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ ฉกฺเกสุ.

วีถิฉกฺกวณฺณนา

. ‘‘จกฺขุทฺวาเร ปวตฺตา วีถิ จิตฺตปรมฺปรา จกฺขุทฺวารวีถี’’ตฺยาทินา ทฺวารวเสน, ‘‘จกฺขุวิฺาณสมฺพนฺธินี วีถิ เตน สห เอการมฺมณเอกทฺวาริกตาย สหจรณภาวโต จกฺขุวิฺาณวีถี’’ตฺยาทินา วิฺาณวเสน วา วีถีนํ นาม โยชนา กาตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวารวีถี’’ตฺยาทิ วุตฺตํ.

วีถิฉกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.

วีถิเภทวณฺณนา

. ‘‘อติมหนฺต’’นฺตฺยาทีสุ เอกจิตฺตกฺขณาตีตํ หุตฺวา อาปาถาคตํ โสฬสจิตฺตกฺขณายุกํ อติมหนฺตํ นาม. ทฺวิติจิตฺตกฺขณาตีตํ หุตฺวา ปนฺนรสจุทฺทสจิตฺตกฺขณายุกํ มหนฺตํ นาม. จตุจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย ยาว นวจิตฺตกฺขณาตีตํ หุตฺวา เตรสจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย ยาว อฏฺจิตฺตกฺขณายุตํ ปริตฺตํ นาม. ทสจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย ยาว ปนฺนรสจิตฺตกฺขณาตีตํ หุตฺวา สตฺตจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย ยาว ทฺวิจิตฺตกฺขณายุกํ อติปริตฺตํ นาม. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ ‘‘เอกจิตฺตกฺขณาตีตานี’’ตฺยาทิ. วิภูตํ ปากฏํ. อวิภูตํ อปากฏํ.

วีถิเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจทฺวารวีถิวณฺณนา

. กถนฺติ เกน ปกาเรน อติมหนฺตาทิวเสน วิสยววตฺถานนฺติ ปุจฺฉิตฺวา จิตฺตกฺขณวเสน ตํ ปกาเสตุํ ‘‘อุปฺปาทิตี’’ตฺยาทิ อารทฺธํ. อุปฺปชฺชนํ อุปฺปาโท, อตฺตปฏิลาโภ. ภฺชนํ ภงฺโค, สรูปวินาโส. อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ภงฺคาภิมุขปฺปวตฺติ ิติ นาม. เกจิ ปน จิตฺตสฺส ิติกฺขณํ ปฏิเสเธนฺติ. อยฺหิ เนสํ อธิปฺปาโย – จิตฺตยมเก (วิภ. มูลฏี. ๒๐ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา; ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๑, ๑๐๒) ‘‘อุปฺปนฺนํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ เอวมาทิปทานํ วิภงฺเค ‘‘ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ , โน จ อุปฺปชฺชมานํ, อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนฺเจว อุปฺปชฺชมานฺจา’’ตฺยาทินา (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๑, ๑๐๒) ภงฺคุปฺปาทาว กถิตา, น ิติกฺขโณ. ยทิ จ จิตฺตสฺส ิติกฺขโณปิ อตฺถิ, ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. อถ มตํ ‘‘อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตีติ (อ. นิ. ๓.๔๗) สุตฺตนฺตปาโต ิติกฺขโณ อตฺถี’’ติ, ตตฺถปิ เอกสฺมึ ธมฺเม อฺถตฺตสฺส อนุปฺปชฺชนโต, ปฺาณวจนโต จ ปพนฺธิติเยว อธิปฺเปตา, น จ ขณิติ, น จ อภิธมฺเม ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ อตฺถิ, ตสฺมา ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ อภาวเมว ทีเปตีติ. ตตฺถ วุจฺจเต ยเถว หิ เอกธมฺมาธารภาเวปิ อุปฺปาทภงฺคานํ อฺโ อุปฺปาทกฺขโณ, อฺโ ภงฺคกฺขโณติ อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนา ภงฺคาวตฺถา อิจฺฉิตา. อิตรถา หิ ‘‘อฺโเยว ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, อฺโ นิรุชฺฌตี’’ติ อาปชฺเชยฺย, เอวเมว อุปฺปาทภงฺคาวตฺถาหิ ภินฺนา ภงฺคาภิมุขาวตฺถาปิ อิจฺฉิตพฺพา, สา ิติ นาม. ปาฬิยํ ปน เวเนยฺยชฺฌาสยานุโรธโต นยทสฺสนวเสน สา น วุตฺตา. อภิธมฺมเทสนาปิ หิ กทาจิ เวเนยฺยชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺตติ, ยถา รูปสฺส อุปฺปาโท อุปจโย สนฺตตีติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา เทสิโต, สุตฺเต จ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ เอวํ สงฺขตธมฺมสฺเสว ลกฺขณทสฺสนตฺถํ อุปฺปาทาทีนํ วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปพนฺธสฺส ปฺตฺติสภาวสฺส อสงฺขตสฺส ิติ ตตฺถ วุตฺตาติ วิฺาตุํ. อุปสคฺคสฺส จ ธาตฺวตฺเถเยว ปวตฺตนโต ‘‘ปฺายตี’’ติ เอตสฺส วิฺายตีติ อตฺโถ. ตสฺมา น เอตฺตาวตา จิตฺตสฺส ิติกฺขโณ ปฏิพาหิตุํ ยุตฺโตติ สุวุตฺตเมตํ ‘‘อุปฺปาทิติภงฺควเสนา’’ติ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อฏฺกถายมฺปิ ‘‘เอเกกสฺส อุปฺปาทิติภงฺควเสน ตโย ตโย ขณา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๖ ปกิณฺณกกถา).

. อรูปํ ลหุปริณามํ, รูปํ ครุปริณามํ คาหกคาเหตพฺพภาวสฺส ตํตํขณวเสน อุปฺปชฺชนโตติ อาห ‘‘ตานี’’ตฺยาทิ. ตานีติ ตาทิสานิ. สตฺตรสนฺนํ จิตฺตานํ ขณานิ วิย ขณานิ สตฺตรสจิตฺตกฺขณานิ, ตานิ จิตฺตกฺขณานิ สตฺตรสาติ วา สมฺพนฺโธ. วิสุํ วิสุํ ปน เอกปฺาส จิตฺตกฺขณานิ โหนฺติ. รูปธมฺมานนฺติ วิฺตฺติลกฺขณรูปวชฺชานํ รูปธมฺมานํ. วิฺตฺติทฺวยฺหิ เอกจิตฺตกฺขณายุกํ. ตถา หิ ตํ จิตฺตานุปริวตฺติธมฺเมสุ วุตฺตํ. ลกฺขณรูเปสุ จ ชาติ เจว อนิจฺจตา จ จิตฺตสฺส อุปฺปาทภงฺคกฺขเณหิ สมานายุกา, ชรตา ปน เอกูนปฺาสจิตฺตกฺขณายุกา. เอวฺจ กตฺวา วทนฺติ –

‘‘ตํ สตฺตรสจิตฺตายุ, วินา วิฺตฺติลกฺขณ’’นฺติ (ส. ส. ๖๐);

เกจิ (วิภ. มูลฏี. ๒๐) ปน ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทฏฺกถายํ ‘เอตฺตาวตา เอกาทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ, อถาวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๒๓; วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) วจนโต โสฬสจิตฺตกฺขณานิ รูปธมฺมานมายู. อุปฺปชฺชมานเมว หิ รูปํ ภวงฺคจลนสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ วทนฺติ, ตยิทมสารํ ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สหุปฺปนฺนํ กมฺมชรูปํ ตโต ปฏฺาย สตฺตรสเมน สทฺธึ นิรุชฺฌติ, ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฏฺารสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌตี’’ตฺยาทินา (วิภ. อฏฺ. ๒๖ ปกิณฺณกกถา) อฏฺกถายเมว สตฺตรสจิตฺตกฺขณสฺส อาคตตฺตา. ยตฺถ ปน โสฬสจิตฺตกฺขณาเนว ปฺายนฺติ, ตตฺถ จิตฺตปฺปวตฺติยา ปจฺจยภาวโยคฺยกฺขณวเสน นโย นีโต. เหฏฺิมโกฏิยา หิ เอกจิตฺตกฺขณมฺปิ อติกฺกนฺตสฺเสว รูปสฺส อาปาถาคมนสามตฺถิยนฺติ อลมติวิตฺถาเรน.

๑๐. เอกจิตฺตสฺส ขณํ วิย ขณํ เอกจิตฺตกฺขณํ, ตํ อตีตํ เอเตสํ, เอตานิ วา ตํ อตีตานีติ เอกจิตฺตกฺขณาตีตานิ. อาปาถมาคจฺฉนฺตีติ รูปสทฺทารมฺมณานิ สกสกฏฺาเน ตฺวาว โคจรภาวํ คจฺฉนฺตีติ อาโภคานุรูปํ อเนกกลาปคตานิ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เสสานิ ปน ฆานาทินิสฺสเยสุ อลฺลีนาเนว วิฺาณุปฺปตฺติการณานีติ เอเกกกลาปคตานิปิ. เอเกกกลาปคตาปิ หิ ปสาทา วิฺาณสฺส อาธารภาวํ คจฺฉนฺติ, เต ปน ภวงฺคจลนสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺเคน สทฺธึ อุปฺปนฺนา. ‘‘อาวชฺชเนน สทฺธึ อุปฺปนฺนา’’ติ อปเร.

ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺเค จลิเตติ วิสทิสวิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวสงฺขาตภวงฺคจลนวเสน ปุริมคฺคหิตารมฺมณสฺมึเยว ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺเค ปวตฺเต. ปฺจสุ หิ ปสาเทสุ โยคฺยเทสาวตฺถานวเสน อารมฺมเณ ฆฏฺฏิเต ปสาทฆฏฺฏนานุภาเวน ภวงฺคสนฺตติ โวจฺฉิชฺชมานา สหสา อโนจฺฉิชฺชิตฺวา ยถา เวเคน ธาวนฺโต าตุกาโมปิ ปุริโส เอกทฺวิปทวาเร อติกฺกมิตฺวาว ติฏฺติ, เอวํ ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวาว โอจฺฉิชฺชติ. ตตฺถ ปมจิตฺตํ ภวงฺคสนฺตตึ จาเลนฺตํ วิย อุปฺปชฺชตีติ ภวงฺคจลนํ, ทุติยํ ตสฺส โอจฺฉิชฺชนากาเรน อุปฺปชฺชนโต ภวงฺคุปจฺเฉโทติ โวหรนฺติ. อิธ ปน อวิเสเสน วุตฺตํ ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺเค จลิเต’’ติ.

นนุ จ รูปาทินา ปสาเท ฆฏฺฏิเต ตนฺนิสฺสิตสฺเสว จลนํ ยุตฺตํ, กถํ ปน หทยวตฺถุนิสฺสิตสฺส ภวงฺคสฺสาติ? สนฺตติวเสน เอกาพทฺธตฺตา. ยถา หิ เภริยา เอกสฺมึ ตเล ิตสกฺขราย มกฺขิกาย นิสินฺนาย อปรสฺมึ ตเล ทณฺฑาทินา ปหเฏ อนุกฺกเมน เภริจมฺมวรตฺตาทีนํ จลเนน สกฺขราย จลิตาย มกฺขิกาย อุปฺปติตฺวา คมนํ โหติ, เอวเมว รูปาทินา ปสาเท ฆฏฺฏิเต ตนฺนิสฺสเยสุ มหาภูเตสุ จลิเตสุ อนุกฺกเมน ตํสมฺพนฺธานํ เสสรูปานมฺปิ จลเนน หทยวตฺถุมฺหิ จลิเต ตนฺนิสฺสิตสฺส ภวงฺคสฺส จลนากาเรน ปวตฺติ โหติ. วุตฺตฺจ –

‘‘ฆฏฺฏิเต อฺวตฺถุมฺหิ, อฺนิสฺสิตกมฺปนํ;

เอกาพทฺเธน โหตีติ, สกฺขโรปมยา วเท’’ติ. (ส. ส. ๑๗๖);

ภวงฺคโสตนฺติ ภวงฺคปฺปวาหํ. อาวชฺชนฺตนฺติ ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ วทนฺตํ วิย อาโภคํ กุรุมานํ. ปสฺสนฺตนฺติ ปจฺจกฺขโต เปกฺขนฺตํ. นนุ จ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; อ. นิ. ๓.๖๒; วิภ. ๕๑๗) วจนโต จกฺขุนฺทฺริยเมว ทสฺสนกิจฺจํ สาเทติ, น วิฺาณนฺติ? นยิทเมวํ, รูปสฺส อนฺธภาเวน รูปทสฺสเน อสมตฺถภาวโต. ยทิ จ ตํ รูปํ ปสฺสติ, ตถา สติ อฺวิฺาณสมงฺคิโนปิ รูปทสฺสนปฺปสงฺโค สิยา. ยทิ เอวํ วิฺาณสฺส ตํ กิจฺจํ สาเธติ, วิฺาณสฺส อปฺปฏิพนฺธตฺตา อนฺตริตรูปสฺสปิ ทสฺสนํ สิยา. โหตุ อนฺตริตสฺสปิ ทสฺสนํ, ยสฺส ผลิกาทิติโรหิตสฺส อาโลกปฏิพนฺโธ นตฺถิ, ยสฺส ปน กุฏฺฏาทิอนฺตริตสฺส อโลกปฏิพนฺโธ อตฺถิ. ตตฺถ ปจฺจยาภาวโต วิฺาณํ นุปฺปชฺชตีติ น ตสฺส จกฺขุวิฺาเณน คหณํ โหติ. ‘‘จกฺขุนา’’ติ ปเนตฺถ เตน ทฺวาเรน กรณภูเตนาติ อธิปฺปาโย. อถ วา นิสฺสิตกิริยา นิสฺสยปฺปฏิพทฺธา วุตฺตา ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ.

สมฺปฏิจฺฉนฺตนฺติ ตเมว รูปํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ วิย. สนฺตีรยมานนฺติ ตเมว รูปํ วีมํสนฺตํ วิย. ววตฺถเปนฺตนฺติ ตเมว รูปํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขนฺตํ วิย. โยนิโสมนสิการาทิวเสน ลทฺโธ ปจฺจโย เอเตนาติ ลทฺธปจฺจยํ. ยํ กิฺจิ ชวนนฺติ สมฺพนฺโธ. มุจฺฉามรณาสนฺนกาเลสุ จ ฉปฺปฺจปิ ชวนานิ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ. ชวนานุพนฺธานีติ ปฏิโสตคามินาวํ นทีโสโต วิย กิฺจิ กาลํ ชวนํ อนุคตานิ. ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ อารมฺมณเมเตสนฺติ ตทารมฺมณานิ ‘‘พฺรหฺมสฺสโร’’ตฺยาทีสุ วิย มชฺเฌปทโลปวเสน, ตทารมฺมณานิ จ ตานิ ปากานิ จาติ ตทารมฺมณปากานิ. ยถารหนฺติ อารมฺมณชวนสตฺตานุรูปํ. ตถา ปวตฺตึ ปน สยเมว ปกาสยิสฺสติ, ภวงฺคปาโตติ วีถิจิตฺตวเสน อปฺปวตฺติตฺวา จิตฺตสฺส ภวงฺคปาโต วิย, ภวงฺควเสน อุปฺปตฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ วีถิจิตฺตปฺปวตฺติยา สุขคฺคหณตฺถํ อมฺโพปมาทิกํ อาหรนฺติ, ตตฺริทํ อมฺโพปมามตฺตํ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) – เอโก กิร ปุริโส ผลิตมฺพรุกฺขมูเล สสีสํ ปารุปิตฺวา นิทฺทายนฺโต อาสนฺเน ปติตสฺส เอกสฺส อมฺพผลสฺส สทฺเทน ปพุชฺฌิตฺวา สีสโต วตฺถํ อปเนตฺวา จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา ทิสฺวา จ ตํ คเหตฺวา มทฺทิตฺวา อุปสิงฺฆิตฺวา ปกฺกภาวํ ตฺวา ปริภุฺชิตฺวา มุขคตํ สห เสมฺเหน อชฺโฌหริตฺวา ปุน ตตฺเถว นิทฺทายติ. ตตฺถ ปุริสสฺส นิทฺทายนกาโล วิย ภวงฺคกาโล, ผลสฺส ปติตกาโล วิย อารมฺมณสฺส ปสาทฆฏฺฏนกาโล, ตสฺส สทฺเทน ปพุทฺธกาโล วิย อาวชฺชนกาโล, อุมฺมีเลตฺวา โอโลกิตกาโล วิย จกฺขุวิฺาณปฺปวตฺติกาโล, คหิตกาโล วิย สมฺปฏิจฺฉนกาโล, มทฺทนกาโล วิย สนฺตีรณกาโล, อุปสิงฺฆนกาโล วิย โวฏฺพฺพนกาโล, ปริโภคกาโล วิย ชวนกาโล, มุขคตํ สห เสมฺเหน อชฺโฌหรณกาโล วิย ตทารมฺมณกาโล, ปุน นิทฺทายนกาโล วิย ปุน ภวงฺคกาโล.

อิมาย จ อุปมาย กึ ทีปิตํ โหติ? อารมฺมณสฺส ปสาทฆฏฺฏนเมว กิจฺจํ, อาวชฺชนสฺส วิสยาภุชนเมว, จกฺขุวิฺาณสฺส ทสฺสนมตฺตเมว, สมฺปฏิจฺฉนาทีนฺจ ปฏิคฺคณฺหนาทิมตฺตเมว , ชวนสฺเสว ปน อารมฺมณรสานุภวนํ, ตทารมฺมณสฺส จ เตน อนุภูตสฺเสว อนุภวนนฺติ เอวํ กิจฺจวเสน ธมฺมานํ อฺมฺํ อสํกิณฺณตา ทีปิตา โหติ. เอวํ ปวตฺตมานํ ปน จิตฺตํ ‘‘อาวชฺชนํ นาม หุตฺวา ภวงฺคานนฺตรํ โหติ, ตฺวํ ทสฺสนาทีสุ อฺตรํ หุตฺวา อาวชฺชนานนฺตร’’นฺตฺยาทินา นิยุฺชเก การเก อสติปิ อุตุพีชนิยามาทิ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) วิย จิตฺตนิยามวเสเนว ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ.

๑๑. เอตฺตาวตา สตฺตรส จิตฺตกฺขณานิ ปริปูเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๒. อปฺปโหนฺตาตีตกนฺติ อปฺปโหนฺตํ หุตฺวา อตีตํ. นตฺถิ ตทารมฺมณุปฺปาโทติ จุทฺทสจิตฺตกฺขณายุเก ตาว อารมฺมณสฺส นิรุทฺธตฺตาว ตทารมฺมณํ นุปฺปชฺชติ. น หิ เอกวีถิยํ เกสุจิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณสุ กานิจิ อตีตารมฺมณานิ โหนฺติ. ปนฺนรสจิตฺตกฺขณายุเกสุปิ ชวนุปฺปตฺติโต ปรํ เอกเมว จิตฺตกฺขณํ อวสิฏฺนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ตทารมฺมณุปฺปตฺติยา อปฺปโหนกภาวโต นตฺถิ ทุติยตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺตีติ ปมมฺปิ นุปฺปชฺชติ. ทฺวิกฺขตฺตุเมว หิ ตทารมฺมณุปฺปตฺติ ปาฬิยํ นิยมิตา จิตฺตปฺปวตฺติคณนายํ สพฺพวาเรสุ ‘‘ตทารมฺมณานิ ทฺเว’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) ทฺวินฺนเมว จิตฺตวารานํ อาคตตฺตา. ยํ ปน ปรมตฺถวินิจฺฉเย วุตฺตํ –

‘‘สกึ ทฺเว วา ตทาลมฺพํ, สกิมาวชฺชนาทโย’’ติ (ปรม. วิ. ๑๑๖), ตํ มชฺฌิมภาณกมตานุสาเรน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน มชฺฌิมภาณกานํ วาโท เหฏฺา วุตฺตปาฬิยา อสํสนฺทนโต สมฺโมหวิโนทนียํ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) ปฏิกฺขิตฺโตว, ตสฺมา อาจริเยนปิ อตฺตนา อนธิปฺเปตตฺตาเยว อิธ เจว นามรูปปริจฺเฉเท จ สกึ ตทารมฺมณุปฺปตฺติ น วุตฺตา.

๑๓. โวฏฺพฺพนุปฺปาทโต ปรํ ฉจิตฺตกฺขณาวสิฏฺายุกมฺปิ อารมฺมณํ อปฺปายุกภาเวน ปริทุพฺพลตฺตา ชวนุปฺปตฺติยา ปจฺจโย น โหติ. ชวนฺหิ อุปฺปชฺชมานํ นิยเมน สตฺตจิตฺตกฺขณายุเกเยว อุปฺปชฺชตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ชวนมฺปิ อนุปฺปชฺชิตฺวา’’ติ. เหตุมฺหิ จายํ ตฺวาปจฺจโย, ชวนสฺสปิ อนุปฺปตฺติยาติ อตฺโถ. อิตรถา หิ อปรกาลกิริยาย สมานกตฺตุกตา น ลพฺภตีติ. ทฺวตฺติกฺขตฺตุนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา. เกจิ ปน ‘‘ติกฺขตฺตุ’นฺติ อิทํ วจนสิลิฏฺตามตฺตปฺปโยชน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปน เตสํ อภินิเวสมตฺตํ. น หิ ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ โวฏฺพฺพนเมว ปริวตฺตตี’’ติ วุตฺเตปิ วจนสฺส อสิลิฏฺภาโว อตฺถิ, น จ ติกฺขตฺตุํ ปวตฺติยา พาธกํ กิฺจิ วจนํ อฏฺกถาทีสุ อตฺถิ. เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สีหฬสํวณฺณนาการาปิ ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา’’อิจฺเจว วณฺเณนฺติ. โวฏฺพฺพนเมว ปริวตฺตตีติ โวฏฺพฺพนเมว ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชติ. ตํ ปน อปฺปตฺวา อนฺตรา จกฺขุวิฺาณาทีสุ ตฺวา จิตฺตปฺปวตฺติยา นิวตฺตนํ นตฺถิ.

อานนฺทาจริโย ปเนตฺถ (ธ. ส. มูลฏี. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถาวณฺณนา) ‘‘อาวชฺชนา กุสลากุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) อาวชฺชนาย กุสลากุสลานํ อนนฺตรปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา โวฏฺพฺพนาวชฺชนานฺจ อตฺถนฺตราภาวโต สติ อุปฺปตฺติยํ โวฏฺพฺพนํ กามาวจรกุสลากุสลกิริยชวนานํ เอกนฺตโต อนนฺตรปจฺจยภาเวเนว ปวตฺเตยฺย, โน อฺถาติ มุจฺฉากาลาทีสุ มนฺทีภูตเวคตาย ชวนปาริปูริยา ปริตฺตารมฺมณํ นิยมิตพฺพํ, น โวฏฺพฺพนสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ปวตฺติยาติ ทีเปติ. กิฺจาปิ เอวํ ทีเปติ, ติเหตุกวิปากานิ ปน อนนฺตรปจฺจยภาเวน วุตฺตาเนว. ขีณาสวานํ จุติวเสน ปวตฺตานิ น กสฺสจิ อนนฺตรปจฺจยภาวํ คจฺฉนฺตีติ ตานิ วิย โวฏฺพฺพนมฺปิ ปจฺจยเวกลฺลโต กุสลากุสลาทีนํ อนนฺตรปจฺจโย น โหตีติ น น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา อฏฺกถาสุ อาคตนเยเนเวตฺถ ปริตฺตารมฺมณํ นิยมิตนฺติ.

๑๔. นตฺถิวีถิจิตฺตุปฺปาโท อุปริมโกฏิยา สตฺตจิตฺตกฺขณายุกสฺสปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โวฏฺพฺพนุปฺปตฺติยา อปฺปโหนกภาวโต วีถิจิตฺตานํ อุปฺปาโท นตฺถิ, ภวงฺคปาโตว โหตีติ อธิปฺปาโย. ภวงฺคจลนเมวาติ อวธารณผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘นตฺถิ วีถิจิตฺตุปฺปาโท’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘นตฺถิ ภวงฺคุปจฺเฉโท’’ติ อวธารณผลํ ทสฺเสนฺติ, ตํ ปน วีถิจิตฺตุปฺปาทาภาววจเนเนว สิทฺธํ. สติ หิ วีถิจิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคํ อุปจฺฉิชฺชติ. ภวงฺคุปจฺเฉทนาเมน ปน เหฏฺาปิ วิสุํ อวุตฺตตฺตา อิธ อวิเสเสน วุตฺตํ.

๑๕. สพฺพโส วีถิจิตฺตุปฺปตฺติยา อภาวโต ปจฺฉิมวาโรวิธโมฆวารวเสน วุตฺโต, อฺตฺถ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) ปน ทุติยตติยวาราปิ ตทารมฺมณชวเนหิ สุฺตฺตา ‘‘โมฆวารา’’ติ วุตฺตา. อารมฺมณภูตาติ วิสยภูตา, ปจฺจยภูตา จ. ปจฺจโยปิ หิ ‘‘อารมฺมณ’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘น ลจฺฉติ มาโร โอตารํ, น ลจฺฉติ มาโร อารมฺมณ’’นฺตฺยาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) วิย. เตเนเวตฺถ โมฆวารสฺสปิ อารมฺมณภูตา วิสยปฺปวตฺตีติ สิทฺธํ. อติปริตฺตารมฺมณฺหิ โมฆวารปฺาปนสฺส ปจฺจโย โหติ. อิตรถา หิ ภวงฺคจลนสฺส สกสกโคจเรเยว ปวตฺตนโต ปจฺฉิมวารสฺส อติปริตฺตารมฺมเณ ปวตฺติ นตฺถีติ ‘‘จตุนฺนํ วารานํ อารมฺมณภูตา’’ติ วจนํ ทุรุปปาทนํ สิยาติ.

๑๖. ปฺจทฺวาเร ยถารหํ ตํตํทฺวารานุรูปํ, ตํตํปจฺจยานุรูปํ, ตํตํอารมฺมณาทิอนุรูปฺจ อุปฺปชฺชมานานิ วีถิจิตฺตานิ อาวชฺชนทสฺสนาทิสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนชวนตทารมฺมณวเสน อวิเสสโต สตฺเตว โหนฺติ. จิตฺตุปฺปาทา จิตฺตานํ วิสุํ วิสุํ อุปฺปตฺติวเสน อุปฺปชฺชมานจิตฺตานิเยว วา จตุทฺทส อาวชฺชนาทิปฺจกสตฺตชวนตทารมฺมณทฺวยวเสน. วิตฺถารา ปน จตุปฺาส สพฺเพสเมว กามาวจรานํ ยถาสมฺภวํ ตตฺถ อุปฺปชฺชนโต,

เอตฺถาติ วิสยปฺปวตฺติสงฺคเห.

ปฺจทฺวารวีถิวณฺณนา นิฏฺิตา.

มโนทฺวารวีถิ

ปริตฺตชวนวารวณฺณนา

๑๗. มโนทฺวาริกจิตฺตานํ อตีตานาคตมฺปิ อารมฺมณํ โหตีติ เตสํ อติมหนฺตาทิวเสน วิสยววตฺถานํ กาตุํ น สกฺกาติ วิภูตาวิภูตวเสเนเวตํ นิยเมตุํ ‘‘ยทิ วิภูตมารมฺมณ’’นฺตฺยาทิ วุตฺตํ.

๑๙. เอตฺถาติ มโนทฺวาเร. เอกจตฺตาลีส ปฺจทฺวาราเวณิกานํ ทฺวิปฺจวิฺาณมโนธาตุตฺตยวเสน เตรสจิตฺตานํ ตตฺถ อปฺปวตฺตนโต.

ปริตฺตชวนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

อปฺปนาชวนวารวณฺณนา

๒๐. วิภูตาวิภูตเภโท นตฺถิ อารมฺมณสฺส วิภูตกาเลเยว อปฺปนาสมฺภวโต.

๒๑. ตตฺถ หิ ฉพฺพีสติมหคฺคตโลกุตฺตรชวเนสุ ยํ กิฺจิ ชวนํ อปฺปนาวีถิโมตรตีติ สมฺพนฺโธ. ปริกมฺโมปจารานุโลมโคตฺรภุนาเมน ยถากฺกมํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเทติ โยชนา. ปมจิตฺตฺหิ อปฺปนาย ปริกมฺมตฺตา ปฏิสงฺขารกภูตตฺตา ปริกมฺมํ. ทุติยํ สมีปจาริตฺตา อุปจารํ. นาจฺจาสนฺโนปิ หิ นาติทูรปฺปวตฺติ สมีปจารี นาม โหติ, อปฺปนํ อุเปจฺจ จรตีติ วา อุปจารํ. ตติยํ ปุพฺพภาเค ปริกมฺมานํ, อุปริอปฺปนาย จ อนุกูลตฺตา อนุโลมํ. จตุตฺถํ ปริตฺตโคตฺตสฺส, ปุถุชฺชนโคตฺตสฺส จ อภิภวนโต, มหคฺคตโคตฺตสฺส, โลกุตฺตรโคตฺตสฺส จ ภาวนโต วฑฺฒนโต โคตฺรภุ, อิมานิ จตฺตาริ นามานิ จตุกฺขตฺตุํ ปวตฺติยํ อนวเสสโต ลพฺภนฺติ, ติกฺขตฺตุํ ปวตฺติยํ ปน อุปจารานุโลมโคตฺรภุนาเมเนว ลพฺภนฺติ. อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๐๔) ปน ปุริมานํ ติณฺณํ , ทฺวินฺนํ วา อวิเสเสนปิ ปริกมฺมาทินามํ วุตฺตํ, จตุกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุเมว วา ปฺจมํ, จตุตฺถํ วา อุปฺปชฺชิตพฺพอปฺปนานุรูปโตติ อธิปฺปาโย. ปริกมฺมาทินามานํ อนวเสสโต ลพฺภมานวารทสฺสนตฺถํ ‘‘จตุกฺขตฺตุ’’นฺติ อาทิโต วุตฺตํ, คณนปฏิปาฏิวเสน ปน ‘‘ปฺจมํ วา’’ติ โอสาเน วุตฺตํ.

ยถารหนฺติ ขิปฺปาภิฺทนฺธาภิฺานุรูปํ. ขิปฺปาภิฺสฺส หิ ติกฺขตฺตุํ ปวตฺตกามาวจรชวนานนฺตรํ จตุตฺถํ อปฺปนาจิตฺตมุปฺปชฺชติ. ทนฺธาภิฺสฺส จตุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวนานนฺตรํ ปฺจมํ อปฺปนา อุปฺปชฺชติ, ยสฺมา ปน อลทฺธาเสวนํ อนุโลมํ โคตฺรภุํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, ลทฺธาเสวนมฺปิ จ ฉฏฺํ สตฺตมํ ภวงฺคสฺส อาสนฺนภาเวน ปปาตาสนฺนปุริโส วิย อปฺปนาวเสน ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา จตุตฺถโต โอรํ, ปฺจมโต ปรํ วา อปฺปนา น โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ยถาภินีหารวเสนาติ รูปารูปโลกุตฺตรมคฺคผลานุรูปสมถวิปสฺสนาภาวนาจิตฺตาภินีหรณานุรูปโต, อปฺปนาย วีถิ อปฺปนาวีถิ. ‘‘ตโต ปรํ ภวงฺคปาโตว โหตี’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา โอติณฺณอปฺปนาโต ปรํ ภวงฺคปาโตว โหติ, น มคฺคานนฺตรํ ผลจิตฺตํ, สมาปตฺติวีถิยฺจ ฌานผลจิตฺตานิ ปุนปฺปุนนฺติ คณฺเหยฺยุนฺติ ปุน ‘‘อปฺปนาวสาเน’’ติ วุตฺตํ. นิกายนฺตริยา กิร โลกิยปฺปนาสุ ปมกปฺปนาโต ปรํ สตฺตมชวนปูรณตฺถํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ กามาวจรชวนานมฺปิ ปวตฺตึ วณฺเณนฺตีติ เตสํ มตินิเสธนตฺถํ ‘‘ภวงฺคปาโตวา’’ติ สาวธารณํ วุตฺตํ.

๒๒. ตตฺถาติ เตสุ อฏฺาณสมฺปยุตฺตกามาวจรชวเนสุ, เตสุ จ ฉพฺพีสติมหคฺคตโลกุตฺตรชวเนสุ. ตตฺถาติ วา ตสฺมึ อปฺปนาวาเร. โสมนสฺสสหคตชวนานนฺตรนฺติ โสมนสฺสสหคตานํ จตุนฺนํ กุสลกิริยชวนานํ อนนฺตรํ. โสมนสฺสสหคตาวาติ จตุกฺกชฺฌานสฺส, สุกฺขวิปสฺสกาทีนํ มคฺคผลสฺส จ วเสน โสมนสฺสสหคตาว, น ปน อุเปกฺขาสหคตา ภินฺนเวทนานํ อฺมฺํ อาเสวนปจฺจยภาวสฺส อนุทฺธฏตฺตา. ปาฏิกงฺขิตพฺพาติ ปสํสิตพฺพา, อิจฺฉิตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถาปีติ ตสฺมึ เอกเวทนชวนวาเรปิ. กุสลชวนานนฺตรนฺติ จตุพฺพิธาณสมฺปยุตฺตกุสลชวนานนฺตรํ กุสลชวนมปฺเปติ, น กิริยชวนํ ภินฺนสนฺตาเน นิพฺพตฺตนโต. เหฏฺิมฺจ ผลตฺตยมปฺเปติ สมาปตฺติวีถิยนฺตฺยธิปฺปาโย.

๒๓. สุขปุฺมฺหา โสมนสฺสสหคตติเหตุกกุสลทฺวยโต ปรํ อคฺคผลวิปากกิริยวชฺชิตโลกิยโลกุตฺตรจตุกฺกชฺฌานชวนวเสน ทฺวตฺตึส, อุเปกฺขกา ติเหตุกกุสลทฺวยโต ปรํ ตเถว ปฺจมชฺฌานานิ ทฺวาทส, สุขิตกฺริยโต ติเหตุกทฺวยโต ปรํ กิริยชฺฌานจตุกฺกสฺส, อคฺคผลจตุกฺกสฺส จ วเสน อฏฺ, อุเปกฺขกา ติเหตุกทฺวยโต ปรํ อุเปกฺขาสหคตรูปารูปกิริยปฺจกสฺส, อคฺคผลสฺส จ วเสน อปฺปนา สมฺโภนฺติ.

๒๔. เอตฺถาติ วีถิสงฺคหาธิกาเร.

อปฺปนาชวนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

มโนทฺวารวีถิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อปฺปนาชวนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตทารมฺมณนิยมวณฺณนา

๒๕. สพฺพตฺถาปีติ ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรปิ.

๒๖. อิฏฺเติ อิฏฺมชฺฌตฺเต. อติอิฏฺารมฺมณฺหิ วิสุํ วกฺขติ. กุสลวิปากานิ ปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณานีติ สมฺพนฺโธ. อิฏฺมชฺฌตฺเต สนฺตีรณตทารมฺมณานิ อุเปกฺขาสหคตาเนวาติ อาห ‘‘อติอิฏฺเ ปน โสมนสฺสสหคตาเนวา’’ติ. วิปากสฺส หิ กมฺมานุภาวโต ปวตฺตมานสฺส อาทาเส มุขนิมิตฺตํ วิย นิพฺพิกปฺปตาย ปกปฺเปตฺวา คหณาภาวโต ยถารมฺมณเมว เวทนาโยโค โหติ, กุสลากุสลานํ ปน อปฺปหีนวิปลฺลาเสสุ สนฺตาเนสุ ปวตฺติยา อติอิฏฺเปิ อิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺาการโต, อนิฏฺเปิ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตาการโต คหณํ โหติ. ตถา หิ อสฺสทฺธาทีนํ พุทฺธาทีสุ อติอิฏฺารมฺมเณสุปิ อุเปกฺขาชวนํ โหติ, ติตฺถิยาทีนฺจ โทมนสฺสชวนํ, คมฺภีรปกติกาทีนฺจ ปฏิกฺกูลารมฺมเณ อุเปกฺขาชวนํ, สุนขาทีนฺจ ตตฺถ โสมนสฺสชวนํ, ปุริมปจฺฉาภาคปฺปวตฺตานิ ปน วิปากานิ ยถาวตฺถุกาเนว . อปิจ อสุจิทสฺสเน สุมนายมานานํ สุนขาทีนนฺติ. จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปน อติอิฏฺานิฏฺเสุ ปวตฺตมานานมฺปิ อุเปกฺขาสหคตภาเว การณํ เหฏฺา กถิตเมว.

๒๗. ตตฺถาปีติ ตทารมฺมเณสุปิ. โสมนสฺสสหคตกิริยชวนาวสาเนติ สเหตุกาเหตุกสุขสหคตกิริยปฺจกาวสาเน. ขีณาสวานํ จิตฺตวิปลฺลาสาภาเวน กิริยชวนานิปิ ยถารมฺมณเมว ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘โสมนสฺสสหคตกิริยชวนาวสาเน’’ตฺยาทิ. เกจิ ปน อาจริยา ‘‘ปฏฺาเน (ธ. ส. มูลฏี. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถาวณฺณนา) ‘กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๙๘) กุสลากุสลานเมวานนฺตรํ ตทารมฺมณํ วุตฺตนฺติ นตฺถิ กิริยชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณุปฺปาโท’’ติ วทนฺติ. ตตฺถ วุจฺจเต – ยทิ อพฺยากตานนฺตรมฺปิ ตทารมฺมณํ วุจฺเจยฺย. ปริตฺตารมฺมเณ โวฏฺพฺพนานนฺตรมฺปิ ตสฺส ปวตฺตึ มฺเยฺยุนฺติ กิริยชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ น วุตฺตํ, น ปน อลพฺภนโต. ลพฺภมานสฺสปิ หิ เกนจิ อธิปฺปาเยน กตฺถจิ อวจนํ ทิสฺสติ, ยถา ตํ ธมฺมสงฺคเห ลพฺภมานมฺปิ หทยวตฺถุ เทสนาเภทปริหารตฺถํ น วุตฺตนฺติ.

๒๘. โทมนสฺส…เป… อุเปกฺขาสหคตาเนว ภวนฺติ, น โสมนสฺสสหคตานิ อฺมฺํ วิรุทฺธสภาวตฺตา. เตเนว หิ ปฏฺาเน โทมนสฺสานนฺตรํ โสมนสฺสํ, ตทนนฺตรฺจ โทมนสฺสํ อนุทฺธฏํ. ตถา หิ ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ธมฺโม สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ตฺยาทินา (ปฏฺา. ๑.๒.๔๕) สุขทุกฺขเวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมฺมา อตฺตโน อตฺตโน สมานเวทนาสมฺปยุตฺตานํ อทุกฺขมสุขเวทนาย สมฺปยุตฺตกานฺจ อนนฺตรปจฺจยภาเวน ทฺวีสุ ทฺวีสุ วาเรสุ วุตฺตา, อทุกฺขมสุขเวทนาย สมฺปยุตฺตกา ปน สมานเวทนาสมฺปยุตฺตานํ, อิตรเวทนาทฺวยสมฺปยุตฺตานฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจยภาเวน ตีสุ วาเรสูติ เอวํ เวทนาตฺติเก สตฺเตว อนนฺตรปจฺจยวารา วุตฺตา. ยทิ จ โทมนสฺสานนฺตรํ โสมนสฺสํ, โสมนสฺสานนฺตรํ วา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺเชยฺย, สุขทุกฺขเวทนาสมฺปยุตฺตานมฺปิ อฺมฺํ อนนฺตรปจฺจยวเสน ทฺเว วาเร วฑฺเฒตฺวา นว วารา วตฺตพฺพา สิยุํ, น ปเนวํ วุตฺตา. ตสฺมา น เตสํ ตทนนฺตรํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. เอตฺถ จ ‘‘โสมนสฺสสหคตกิริยชวนาวสาเน’’ตฺยาทินา อยมฺปิ นิยโม อนุฺาโต –

‘‘ปริตฺตกุสลาโทส-ปาปสาตกฺริยาชวา ;

ปฺจสฺเวกํ ตทาลมฺพํ, สุขิเตสุ ยถารหํ.

‘‘ปาปากามสุภา เจว, โสเปกฺขา จ กฺริยาชวา;

โสเปกฺเขสุ ตทาลมฺพํ, ฉสฺเวกมนุรูปโต’’ติ.

อยฺหิ ชวเนน ตทารมฺมณนิยโม อพฺยภิจารี. ‘‘าณสมฺปยุตฺตชวนโต าณสมฺปยุตฺตตทารมฺมณ’’นฺตฺยาทินยปฺปวตฺโต ปน อเนกนฺติโก. เยภุยฺเยน หิ อกุสลชวเนสุ ปริจิตสฺส กทาจิ กุสลชวเนสุ ชวิเตสุ, กุสลชวเนสุ วา ปริจิตสฺส กทาจิ อกุสลชวเนสุ ชวิเตสุ อกุสลานนฺตรํ ปวตฺตปริจเยน ติเหตุกชวนโตปิ ปรํ อเหตุกตทารมฺมณํ โหติ, ตถา กุสลานนฺตรํ ปวตฺตปริจเยน อกุสลชวนโต ปรํ ติเหตุกตทารมฺมณมฺปิ, ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกกมฺมโต ปน อฺกมฺเมน ตทารมฺมณปฺปวตฺติยํ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตถา จ วุตฺตํ ปฏฺาเน ‘‘อเหตุเก ขนฺเธ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺติ, กุสลากุสเล นิรุทฺเธ อเหตุโก วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชติ, กุสลากุสเล นิรุทฺเธ สเหตุโก วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๙๘).

ตสฺมาติ ยสฺมา โทมนสฺสชวนาวสาเน อุเปกฺขาสหคตาเนว โหนฺติ. ตสฺมา โทมนสฺสสหคตชวนาวสาเน อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํ อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. ‘โสมนสฺสปฏิสนฺธิกสฺสา’ติ อิมินาว ภวงฺคปาตาภาโว ทีปิโตว โหติ โทมนสฺสานนฺตรํ โสมนสฺสาภาวโตติ ตํ อวตฺวา ตทารมฺมณาภาวเมว ปริกปฺเปนฺโต อาห ‘‘ยทิ ตทารมฺมณสมฺภโว นตฺถี’’ติ. โสมนสฺสปฏิสนฺธิกสฺส ติตฺถิยาทิโน พุทฺธาทิอติอิฏฺารมฺมเณ ปิ ปฏิหตจิตฺตสฺส โทมนสฺสชวเน ชวิเต วุตฺตนเยน โสมนสฺสตทารมฺมณสฺส อติอิฏฺารมฺมเณ จ อุเปกฺขาสหคตตทารมฺมณสฺส อนุปฺปชฺชนโต, เกนจิ วา อสปฺปาเยน ปริหีนโลกิยชฺฌานํ อารพฺภ ‘‘ปณีตธมฺโม เม นฏฺโ’’ติ วิปฺปฏิสารํ ชเนนฺตสฺส โทมนสฺสชวเน สติ อกามาวจรารมฺมเณ ตทารมฺมณาภาวโต ยทิ ตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺติสมฺภโว นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

ปริจิตปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ ปริจิตํ, ตสฺมึ ภเว เยภุยฺเยน คหิตปุพฺพํ. อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํอุปฺปชฺชติ นิราวชฺชนมฺปิ. ยถา ตํ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ผลจิตฺตนฺตฺยธิปฺปาโย. ยถาหุ –

‘‘นิราวชฺชํ กถํ จิตฺตํ, โหติ เนตฺหิ สมฺมตํ;

นิยโม น วินาวชฺชํ, นิโรธา ผลทสฺสนา’’ติ.

เกน ปน กิจฺเจน อิทํ จิตฺตํ ปวตฺตตีติ? ตทารมฺมณกิจฺเจน ตาว น ปวตฺตติ ชวนารมฺมณสฺส อคฺคหณโต, นาปิ สนฺตีรณกิจฺเจน ยถาสมฺปฏิจฺฉิตสฺส สนฺตีรณวเสน อปฺปวตฺตนโต, ปฏิสนฺธิจุตีสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ปาริเสสโต ปน ภวสฺส องฺคภาวโต ภวงฺคกิจฺเจนาติ ยุตฺตํ สิยา. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ (ธ. ส. อนุฏี. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถาวณฺณนา) หิ อยมตฺโถ ทสฺสิโตว. ยํ ปน ปฏิสนฺธิภวงฺคานํ ธมฺมโต, อารมฺมณโต จ สมานตํ วกฺขติ, ตํ เยภุยฺยโตติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อิทเมกํ านํ วชฺเชตฺวา ปฏิสนฺธิภวงฺคานํ วิสทิสตา อตฺถิ. ตมนนฺตริตฺวาติ ตํ อตฺตโน อนนฺตรํ อพฺยวหิตํ กตฺวา, ตทนนฺตรนฺตฺยตฺโถ.

๒๙. กามาวจร…เป… อิจฺฉนฺตีติ เอตฺถ กามาวจรชวนาวสาเนเยว ตทารมฺมณํ อิจฺฉนฺติ กามตณฺหานิทานกมฺมนิพฺพตฺตตฺตา. น หิ ตํ กามตณฺหาเหตุเกน กมฺมุนา ชนิตํ อตํสภาวสฺส รูปารูปาวจรโลกุตฺตรชวนสฺส อนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ. กึการณา? อชนกตฺตา, ชนกสมานตฺตาภาวโต จ. ยถา หิ เคหโต พหิ นิกฺขมิตุกาโม พาลโก ชนกํ, ตํสทิสํ วา องฺคุลิยํ คเหตฺวา นิกฺขมติ, นาฺํ ราชปุริสาทึ, เอวํ ภวงฺควิสยโต อฺตฺถ ปวตฺตมานํ ตทารมฺมณํ ชนกํ กามาวจรกุสลากุสลํ, ตํสทิสํ วา กามาวจรกิริยชวนํ อนุพนฺธติ, น ปน ตสฺส วิสทิสานิ มหคฺคตโลกุตฺตรชวนานิ. ตถา กามาวจรสตฺตานเมว ตทารมฺมณํ อิจฺฉนฺติ, น พฺรหฺมานํ ตทารมฺมณูปนิสฺสยสฺส กามาวจรปฏิสนฺธิพีชสฺสาภาวโต. ตถา กามาวจรธมฺเมสฺเวว อารมฺมณภูเตสุ อิจฺฉนฺติ. น อิตเรสุ อปริจิตตฺตา. ยถา หิ โส พาลโก ชนกํ, ตํสทิสํ วา อนุคจฺฉนฺโตปิ อรฺาทิอปริจิตฏฺานํ คจฺฉนฺตํ อนนุพนฺธิตฺวา ปมุขงฺคณาทิมฺหิ ปริจิตฏฺาเนเยว อนุพนฺธติ, เอวมิทมฺปิ รูปาวจราทิอปริจิตารมฺมณํ อารพฺภ ปวตฺตนฺตํ นานุพนฺธติ. อปิจ กามตณฺหายตฺตกมฺมชนิตตฺตาปิ เอตํ กามตณฺหารมฺมเณสุ ปริตฺตธมฺเมสฺเวว ปวตฺตตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘ชนกํ ตํสมานํ วา, ชวนํ อนุพนฺธติ;

น ตุ อฺํ ตทาลมฺพํ, พาลทารกลีลยา.

‘‘พีชสฺสาภาวโต นตฺถิ, พฺรหฺมานมฺปิ อิมสฺส หิ;

ปฏิสนฺธิมโน พีชํ, กามาวจรสฺิตํ.

‘‘าเน ปริจิเตเยว, ตํ อิทํ พาลโก วิย;

อนุยาตีติ นาฺตฺถ, โหติ ตณฺหาวเสน วา’’ติ.

นนุ จ ‘‘กามาวจรปฏิสนฺธิพีชาภาวโต’’ติ วุตฺตํ, ตถา จ จกฺขุวิฺาณาทีนมฺปิ อภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อินฺทฺริยปฺปวตฺติอานุภาวโต, ทฺวารวีถิเภเท จิตฺตนิยมโต จ.

ตทารมฺมณนิยมวณฺณนา นิฏฺิตา.

ชวนนิยมวณฺณนา

๓๒. มนฺทปฺปวตฺติยนฺติ มรณาสนฺนกาเล วตฺถุทุพฺพลตาย มนฺทีภูตเวคตฺตา มนฺทํ หุตฺวา ปวตฺติยํ. มรณกาลาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน มุจฺฉากาลํ สงฺคณฺหาติ.

๓๓. ภควโต…เป… วทนฺตีติ ภควโต ยมกปาฏิหาริยกาลาทีสุ อุทกกฺขนฺธอคฺคิกฺขนฺธปฺปวตฺตนาทิอตฺถํ วิสุํ วิสุํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ฌานธมฺเม วิสุํ วิสุํ อาวชฺเชนฺตสฺส อาวชฺชนวสิตาย มตฺถกปฺปตฺติยา อาวชฺชนตปฺปโรว จิตฺตาภินีหาโร โหตีติ ยถาวชฺชิตฌานงฺคารมฺมณานิ จตฺตาริ, ปฺจวา ปจฺจเวกฺขณชวนจิตฺตานิ ปวตฺตนฺตีติ วทนฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๗๘) อฏฺกถาจริยา. ‘‘ภควโต’’ติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ อฺเสมฺปิ ธมฺมเสนาปติอาทีนํ เอวรูเป อจฺจายิกกาเล อปริปุณฺณชวนานํ ปวตฺตนโต. ตถา จ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘อยฺจ มตฺถกปฺปตฺตา วสิตา ภควโต ยมกปาฏิหาริยกาเล อฺเสํ วา เอวรูเป กาเล’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๗๘). ‘‘จตฺตาริ ปฺจ วา’’ติ จ ปเนตํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยวเสน คเหตพฺพนฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (วิสุทฺธิ. มหา. ๑.๗๘) วุตฺตํ, ตสฺมา ภควโต จตฺตาริ, อฺเสํ ปฺจปีติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ.

๓๔. อาทิกมฺมิกสฺสาติ อาทิโต กตโยคกมฺมสฺส. ปมํ นิพฺพตฺตา อปฺปนา ปมกปฺปนา. อภิฺาชวนานมฺปิ ‘‘ปมกปฺปนายา’’ติ อธิกาโร สิยาติ อาห ‘‘สพฺพทาปี’’ติ, ปมุปฺปตฺติกาเล, จิณฺณวสีกาเล จ ปฺจาภิฺาชวนานิ เอกวารเมว ชวนฺตีตฺยตฺโถ.

๓๕. มคฺคาเยว อุปฺปชฺชนโต มคฺคุปฺปาทา. ยถารหนฺติ ปฺจมํ วา จตุตฺถํ วา อุปฺปนฺนมคฺคานุรูปํ. สตฺตชวนปรมตฺตา หิ เอกาวชฺชนวีถิยา จตุตฺถํ อุปฺปนฺนมคฺคโต ปรํ ตีติ ผลจิตฺตานิ, ปฺจมํ อุปฺปนฺนมคฺคโต ปรํ ทฺเว วา โหนฺติ.

๓๖. นิโรธสมาปตฺติกาเลติ นิโรธสฺส ปุพฺพภาเค. จตุตฺถารุปฺปชวนนฺติ กุสลกิริยานํ อฺตรํ เนวสฺานาสฺายตนชวนํ. อนาคามิขีณาสวาเยว นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ, น โสตาปนฺนสกทามิโนติ วุตฺตํ ‘‘อนาคามิผลํ วา อรหตฺตผลํ วา’’ติ. วิภตฺติวิปลฺลาโส เจตฺถ ทฏฺพฺโพ ‘‘อนาคามิผเล วา อรหตฺตผเล วา’’ติ. เตนาห ‘‘นิรุทฺเธ’’ติ. ยถารหนฺติ ตํตํปุคฺคลานุรูปํ.

๓๘. สพฺพตฺถาปิ สมาปตฺติวีถิยนฺติ สกลายปิ ฌานสมาปตฺติวีถิยํ, ผลสมาปตฺติวีถิยฺจ.

๓๙. ปริตฺตานิ ชวนานิ สตฺตกฺขตฺตุํ มตานิ อุกฺกํสโกฏิยา. มคฺคาภิฺา ปน สกึ เอกวารเมว มตา. อวเสสานิ อภิฺามคฺควชฺชิตานิ มหคฺคตโลกุตฺตรชวนานิ พหูนิปิ ลพฺภนฺติ สมาปตฺติวีถิยํ อโหรตฺตมฺปิ ปวตฺตนโต. อปิ-สทฺเทน โลกิยชฺฌานานิ ปมกปฺปนายํ, อนฺติมผลทฺวยฺจ นิโรธานนฺตรํ เอกวารํ, ผลจิตฺตานิ มคฺคานนฺตรํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุมฺปีติ สมฺปิณฺเฑติ.

ชวนนิยมวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุคฺคลเภทวณฺณนา

๔๐. อิทานิ ทุเหตุกาเหตุกาปายิกาเหตุกติเหตุกวเสน จตุพฺพิธานํ ปุถุชฺชนานํ, มคฺคฏฺผลฏฺวเสน อฏฺวิธานํ อริยานนฺติ ทฺวาทสนฺนํ ปุคฺคลานํ อุปฺปชฺชนกวีถิจิตฺตปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ปมํ ตาว เตสํ วชฺชิตพฺพจิตฺตานิ ทสฺเสตุมาห ‘‘ทุเหตุกานมเหตุกานฺจา’’ตฺยาทิ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสหคตาโลภาโทสวเสน ทฺเว เหตู อิเมสนฺติ ทฺวิเหตุกา. ตาทิสานํ เหตูนํ อภาวโต อเหตุกา. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. อปฺปนาชวนานิ น ลพฺภนฺติ วิปากาวรณสพฺภาวโต. ทฺวิเหตุกาเหตุกปฏิสนฺธิ หิ ‘‘วิปากาวรณ’’นฺติ วุจฺจติ. อปฺปนาชวนาภาวโตเยว อรหตฺตํ นตฺถีติ กิริยชวนานิ น ลพฺภนฺติ.

๔๑. ‘‘สเหตุกํ (ปฏฺา. ๓.๑.๑๐๒) ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ปาโต อเหตุกานมฺปิ นานากมฺเมน ทฺวิเหตุกตทารมฺมณํ สมฺภวติ, ทฺวิเหตุกานํ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. มูลสนฺธิยา ปน ชฬภาวโต อุภินฺนมฺปิ นตฺถิ ติเหตุกตทารมฺมณนฺติ อาห ‘‘ตถา าณสมฺปยุตฺตวิปากานิ จา’’ติ. อาจริยโชติปาลตฺเถเรน ปน ‘‘สเหตุกํ ภวงฺค’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อเหตุกานมฺปิ ติเหตุกตทารมฺมณํ วตฺวา อิธ าณสมฺปยุตฺตวิปากาภาววจนสฺส ปริหาสวเสน ‘‘โส เอว ปุจฺฉิตพฺโพ, โย ตสฺส กตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปน ปริหาสวเสน วุตฺตมฺปิ อาจริยํ ปุจฺฉิตฺวาว วิชานนตฺถํ วุตฺตวจนํ วิย ิตํ. ตถา หิ อาจริเยเนเวตฺถ การณํ ปรมตฺถวินิจฺฉเย วุตฺตํ –

‘‘าณปากา น วตฺตนฺติ, ชฬตฺตา มูลสนฺธิยา’’ติ; (ปรม. วิ. ๒๗๑);

อปเร ปน ‘‘ยถา อเหตุกานํ สเหตุกตทารมฺมณํ โหติ, เอวํ ทฺวิเหตุกานํ ติเหตุกตทารมฺมณมฺปี’’ติ วณฺเณนฺติ, เตสํ มตานุโรเธน จ อิธาปิ าณสมฺปยุตฺตวิปากปฏิกฺเขโป อเหตุเกเยว สนฺธายาติ วทนฺติ. ตตฺถ ปน ปมาณปาาภาวโต อาจริเยน อุภินฺนมฺปิ สาธารณวเสน าณสมฺปยุตฺตวิปากาภาเว การณํ วตฺวา สมกเมว จิตฺตปริจฺเฉทสฺส ทสฺสิตตฺตา เตสํ วจนํ วีมํสิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. อเหตุกาเปกฺขาย เจตฺถ ‘‘สุคติย’’นฺติ วจนํ, ตํ ปน อตฺถโต อนุฺาตทฺวิเหตุกวิปากานํ ตตฺเถว สมฺภวทสฺสนปรํ. เตนาห ‘‘ทุคฺคติยํ ปนา’’ตฺยาทิ.

๔๓. ติเหตุเกสูติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสหคตาโลภาโทสาโมหวเสน ติเหตุเกสุ ปุถุชฺชาทีสู นววิธปุคฺคเลสุ.

๔๕. ทิฏฺี…เป… เสกฺขานนฺติ สิกฺขาย อปริปูรการิตาย สิกฺขนสีลตาย ‘‘เสกฺขา’’ติ ลทฺธนามานํ โสตาปนฺนสกทาคามีนํ ปุคฺคลานํ ปมมคฺเคเนว สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ ปหีนตฺตา ตํสหคตชวนานิ เจว -สทฺเทน อากฑฺฒิตานิ ขีณาสวาเวณิกานิ กิริยชวนานิ จ น ลพฺภนฺติ.

๔๖. ปฏิฆชวนานิ จาติ โทมนสฺสชวนานิ เจว ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิจิกิจฺฉาสหคตกิริยชวนานิ จ.

๔๗. โลกุตฺตร…เป… สมุปฺปชฺชนฺตีติ จตุนฺนํ มคฺคานํ เอกจิตฺตกฺขณิกภาเวน ปุคฺคลนฺตเรสุ อสมฺภวโต, เหฏฺิมเหฏฺิมานฺจ อุปรูปริสมาปตฺติยา อนธิคตตฺตา, อุปรูปริปุคฺคลานฺจ อสมุคฺฆาฏิตกมฺมกิเลสนิโรเธน ปุถุชฺชเนหิ วิย โสตาปนฺนานํ โสตาปนฺนาทีหิ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา จ อฏฺปิ โลกุตฺตรชวนานิ ยถาสกํ มคฺคผลฏฺานํ อริยานเมว สมุปฺปชฺชนฺติ.

๔๘. อิทานิ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ ยถาปฏิกฺขิตฺตชวนานิ วชฺเชตฺวา ปาริเสสโต ลพฺภมานชวนานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อเสกฺขาน’’นฺตฺยาทิ วุตฺตํ. ติวิธสิกฺขาย ปริปูรการิภาวโต อเสกฺขานํ ขีณาสวานํ เตตฺตึสวิธกุสลากุสลสฺส, เหฏฺิมผลตฺตยสฺส, วีถิมุตฺตานฺจ นวมหคฺคตวิปากานํ วเสน ปฺจจตฺตาลีสวชฺชิตานิ เสสานิ เตวีสติกอามาวจรวิปากวีสติกิริยอรหตฺตผลวเสน จตุจตฺตาลีส วีถิจิตฺตานิ สมฺภวา ยถาลาภํ กามภเว ิตานํ วเสน อุทฺทิเส.

เสกฺขานํ อฏฺารสกิริยชวนทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสหคตปฺจกอคฺคผลมหคฺคตวิปากวเสน เตตฺตึส วชฺเชตฺวา เตวีสติกามาวจรวิปากอาวชฺชนทฺวยเอกวีสติกุสลสตฺตากุสลเหฏฺิมผลตฺตยวเสน ฉปฺปฺาส วีถิจิตฺตานิ ยถาสมฺภวํ อุทฺทิเส อวิเสสโต. วิเสสโต ปน โสตาปนฺนสกทาคามีนํ เอกปฺาส, อนาคามีนํ เอกูนปฺาส, อวเสสานํ จตุนฺนํ ปุถุชฺชนานํ อฏฺารสกิริยชวนสพฺพโลกุตฺตรมหคฺคตวิปากวเสน ปฺจตึส วชฺเชตฺวา อวเสสานิ กามาวจรวิปากอาวชฺชนทฺวยโลกิยกุสลากุสลวเสน จตุปฺาส วีถิจิตฺตานิ ยถาสมฺภวโต อุทฺทิเส อวิเสสโต. วิเสสโต ปน ติเหตุกานํ จตุปฺาเสว ลพฺภนฺติ, ทฺวิเหตุกาเหตุกานํ าณสมฺปยุตฺตวิปากอปฺปนาชวนวชฺชิตานิ เอกจตฺตาลีส, อาปายิกานํ ตาเนว ทฺวิเหตุกวิปากวชฺชิตานิ สตฺตตึส วีถิจิตฺตานีติ ทฏฺพฺพํ.

ปุคฺคลานํ วเสน จิตฺตปฺปวตฺติเภโท ปุคฺคลเภโท.

ปุคฺคลเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภูมิวิภาควณฺณนา

๔๙. สพฺพานิปิ วีถิจิตฺตานิ อุปลพฺภนฺติ ฉนฺนํ ทฺวารานํ, สพฺเพสฺจ ปุคฺคลานํ ตตฺถ สมฺภวโต. ยถารหนฺติ ตํตํภวานุรูปํ, ตํตํปุคฺคลานุรูปฺจ.

๕๒.  ตฺยาทินา ฆานวิฺาณาทีนมฺปิ ปฏิกฺเขโป เหสฺสตีติ รูปาวจรภูมิยํ ปฏิฆชวนตทารมฺมณาเนว ปฏิกฺขิตฺตานิ. สพฺพตฺถาปีติ กามภเว, รูปภเว, อรูปภเว จ.

๕๔. กามภเว ยถารหํ วีถิมุตฺตวชฺชานิ อสีติ วีถิจิตฺตานิ, รูปภเว ปฏิฆทฺวยอฏฺตทารมฺมณฆานาทิวิฺาณฉกฺกวีถิมุตฺตกวเสน ปฺจวีสติ วชฺเชตฺวา เสสานิ อาวชฺชนทฺวยนวอเหตุกวิปากเตปฺาสชวนวเสน จตุสฏฺิ, อรูเป ภเว เตวีสติกามาวจรวิปากปมมคฺคปฺจทสรูปาวจรปฏิฆทฺวยอารุปฺปวิปากกิริยมโนธาตุหสนวเสน สตฺตจตฺตาลีส วชฺเชตฺวา เสสานิ ฉพฺพีสติ ปริตฺตชวนอฏฺอารุปฺปชวนสตฺตโลกุตฺตรชวนมโนทฺวาราวชฺชนวเสน ทฺเวจตฺตาลีส จิตฺตานิ ลพฺภเร อุปลพฺภนฺติ.

เกจิ ปน ‘‘รูปภเว อนิฏฺารมฺมณาภาวโต อิธาคตานํเยว พฺรหฺมานํ อกุสลวิปากสมฺภโวติ ตานิ ปริหาเปตฺวา ปฺจปริตฺตวิปาเกหิ สทฺธึ รูปภเว สฏฺิเยว วีถิจิตฺตานี’’ติ วทนฺติ. อิธ ปน ตตฺถ ตฺวาปิ อิมํ โลกํ ปสฺสนฺตานํ อนิฏฺารมฺมณสฺส อสมฺภโว น สกฺกา วตฺตุนฺติ เตหิ สทฺธึเยว ตตฺถ จตุสฏฺิ วุตฺตานิ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ธมฺมานุสารณิยํ ‘‘ยทา พฺรหฺมาโน กามาวจรํ อนิฏฺารมฺมณํ อาลมฺพนฺติ, ตทา ตํ สุคติยมฺปิ อกุสลวิปากจกฺขุโสตวิฺาณมโนธาตุสนฺตีรณานํ อุปฺปตฺติ สมฺภวตี’’ติ.

ภูมิวเสน วิภาโค ภูมิวิภาโค.

ภูมิวิภาควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๕. ยถาสมฺภวนฺติ ตํตํทฺวาเรสุ, ตํตํภเวสุ วา สมฺภวานุรูปโต. ยาวตายุกนฺติ ปฏิสนฺธิโต ปรํ ภวนิกนฺติวเสน ปวตฺตมโนทฺวาริกจิตฺตวีถิโต ปฏฺาย จุติจิตฺตาวสานํ , ตโต ปุพฺเพ ปวตฺตภวงฺคาวสานํ วา อพฺโพจฺฉินฺนา อสติ นิโรธสมาปตฺติยนฺติ อธิปฺปาโย.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา นาม อภิธมฺมตฺถสงฺคหวณฺณนาย

วีถิปริจฺเฉทวณฺณนา นิฏฺิตา.