📜
๕. วีถิมุตฺตปริจฺเฉทวณฺณนา
๑. เอตฺตาวตา วีถิสงฺคหํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วีถิมุตฺตสงฺคหํ ทสฺเสตุมารภนฺโต อาห ‘‘วีถิจิตฺตวเสเนว’’นฺตฺยาทิ. เอวํ ยถาวุตฺตนเยน วีถิจิตฺตวเสน ปวตฺติยํ ปฏิสนฺธิโต อปรภาเค จุติปริโยสานํ ปวตฺติสงฺคโห นาม สงฺคโห อุทีริโต, อิทานิ ตทนนฺตรํ สนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกาเล, ตทาสนฺนตาย ตํคหเณเนว คหิตจุติกาเล จ ปวตฺติสงฺคโห วุจฺจตีติ โยชนา.
ภูมิจตุกฺกวณฺณนา
๓. ปฺุสมฺมตา ¶ อยา เยภุยฺเยน อปคโตติ อปาโย, โสเยว ภูมิ ภวนฺติ เอตฺถ สตฺตาติ อปายภูมิ. อเนกวิธสมฺปตฺติอธิฏฺานตาย โสภนา คนฺตพฺพโต อุปปชฺชิตพฺพโต คตีติ สุคติ, กามตณฺหาสหจริตา สุคติ กามสุคติ, สาเยว ภูมีติ กามสุคติภูมิ. เอวํ เสเสสุปิ.
๔. อยโต สุขโต นิคฺคโตติ นิรโย. ติโร อฺจิตาติ ติรจฺฉานา, เตสํ โยนิ ติรจฺฉานโยนิ. ยวนฺติ ตาย สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิ. สา ปน อตฺถโต ขนฺธานํ ปวตฺติวิเสโส. ปกฏฺเน สุขโต อิตา คตาติ เปตา, นิชฺฌามตณฺหิกาทิเภทานํ เปตานํ วิสโย เปตฺติวิสโย ¶ . เอตฺถ ปน ติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยคฺคหเณน ขนฺธานํเยว คหณํ เตสํ ตาทิสสฺส ปริจฺฉินฺโนกาสสฺส อภาวโต. ยตฺถ วา เต อรฺปพฺพตปาทาทิเก นิพทฺธวาสํ วสนฺติ, ตาทิสสฺส านสฺส วเสน โอกาโสปิ คเหตพฺโพ. น สุรนฺติ อิสฺสริยกีฬาทีหิ น ทิพฺพนฺตีติ อสุรา, เปตาสุรา. อิตเร ปน น สุรา สุรปฺปฏิปกฺขาติ อสุรา, อิธ จ เปตาสุรานเมว คหณํ อิตเรสํ ตาวตึเสสุ คหณสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ อาจริเยน –
‘‘ตาวตึเสสุ เทเวสุ, เวปจิตฺตาสุรา คตา’’ติ; (นาม. ปริ. ๔๓๘);
๕. สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุเณหิ อุกฺกฏฺมนตาย มโน อุสฺสนฺนํ เอเตสนฺติ มนุสฺสา. ตถา หิ ปรมสติเนปกฺกาทิปฺปตฺตา พุทฺธาทโยปิ มนุสฺสภูตาเยว. ชมฺพุทีปวาสิโน เจตฺถ นิปฺปริยายโต มนุสฺสา. เตหิ ปน สมานรูปาทิตาย สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ ‘‘มนุสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ. โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อาทิขตฺติยสฺส อปจฺจํ ปุตฺตาติ มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. มนุสฺสานํ นิวาสภูตา ภูมิ อิธ มนุสฺสา. เอวํ เสเสสุปิ.
จตูสุ มหาราเชสุ ภตฺติ เอเตสํ, จตุนฺนํ วา มหาราชานํ นิวาสฏฺานภูเต จาตุมหาราเช ภวาติ จาตุมหาราชิกา. มาเฆน มาณเวน สทฺธึ เตตฺตึส สหปฺุการิโน เอตฺถ นิพฺพตฺตาติ ตํสหจริตฏฺานํ เตตฺตึสํ, ตเทว ตาวตึสํ, ตํนิวาโส เอเตสนฺติ ตาวตึสาติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน ¶ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวตึสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉกามาวจรเทวโลกา อตฺถิ, ตสฺมา นามมตฺตเมว เอตํ ตสฺส เทวโลกสฺสาติ คเหตพฺพํ. ทุกฺขโต ยาตา อปยาตาติ ¶ ยามา. อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา ตุสํ ปีตึ อิตา คตาติ ตุสิตา. นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ อตฺตโน วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน.
๗. มหาพฺรหฺมานํ ปริจาริกตฺตา เตสํ ปริสติ ภวาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา. เตสํ ปุโรหิตฏฺาเน ิตตฺตา พฺรหฺมปุโรหิตา. เตหิ เตหิ ฌานาทีหิ คุณวิเสเสหิ พฺรูหิตา ปริวุทฺธาติ พฺรหฺมาโน, วณฺณวนฺตตาย เจว ทีฆายุกตาทีหิ จ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีหิ มหนฺตา พฺรหฺมาโนติ มหาพฺรหฺมาโน. ตโยเปเต ปณีตรตนปภาวภาสิตสมานตลวาสิโน.
๘. อุปริเมหิ ปริตฺตา อาภา เอเตสนฺติ ปริตฺตาภา. อปฺปมาณา อาภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณาภา. วลาหกโต วิชฺชุ วิย อิโต จิโต จ อาภา สรติ นิสฺสรติ เอเตสํ สปฺปีติกชฺฌานนิพฺพตฺตกฺขนฺธสนฺตานตฺตาติ อาภสฺสรา. ทณฺฑทีปิกาย วา อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ นิสฺสรตีติ อาภสฺสรา. ยถาวุตฺตาย วา ปภาย อาภาสนสีลาติ อาภสฺสรา. เอเตปิ ตโย ปณีตรตนปภาวภาสิเตกตลวาสิโน.
๙. สุภาติ เอกคฺฆนา อจลา สรีราภา วุจฺจติ, สา อุปริพฺรหฺเมหิ ปริตฺตา เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภา. อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภา. ปภาสมุทยสงฺขาเตหิ สุเภหิ กิณฺณา อากิณฺณาติ สุภกิณฺหา. ‘‘สุภากิณฺณา’’ติ จ วตฺตพฺเพ อา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ, อนฺติมณ-การสฺส จ ห-การํ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตํ. เอเตปิ ปณีตรตนปภาวภาสิเตกตลวาสิโน.
๑๐. ฌานปฺปภาวนิพฺพตฺตํ ¶ วิปุลํ ผลเมเตสนฺติ เวหปฺผลา. สฺาวิราคภาวนานิพฺพตฺตรูปสนฺตติมตฺตตฺตา นตฺถิ สฺา, ตํมุเขน วุตฺตาวเสสา อรูปกฺขนฺธา จ เอเตสนฺติ อสฺา. เตเยว สตฺตาติ อสฺสตฺตา. เอเตปิ ปณีตรตนปภาวภาสิเตกตลวาสิโน. สุทฺธานํ ¶ อนาคามิอรหนฺตานเมว อาวาสาติ สุทฺธาวาสา. อนุนยปฏิฆาภาวโต วา สุทฺโธ อาวาโส เอเตสนฺติ สุทฺธาวาสา, เตสํ นิวาสภูมิปิ สุทฺธาวาสา.
๑๑. อิเมสุ ปน ปมตลวาสิโน อปฺปเกน กาเลน อตฺตโน านํ น วิชหนฺตีติ อวิหา. ทุติยตลวาสิโน น เกนจิ ตปฺปนฺตีติ อตปฺปา. ตติยตลวาสิโน ปรมสุนฺทรรูปตฺตา สุเขน ทิสฺสนฺตีติ สุทสฺสา. จตุตฺถตลวาสิโน สุปริสุทฺธทสฺสนตฺตา สุเขน ปสฺสนฺตีติ สุทสฺสิโน. ปฺจมตลวาสิโน ปน อุกฺกฏฺสมฺปตฺติกตฺตา นตฺถิ เอเตสํ กนิฏฺภาโวติ อกนิฏฺา.
๑๒. อากาสานฺจายตเน ปวตฺตา ปมารุปฺปวิปากภูตจตุกฺขนฺธา เอว, เตหิ ปริจฺฉินฺนโอกาโส วา อากาสานฺจายตนภูมิ. เอวํ เสเสสุปิ.
๑๓. ปุถุชฺชนา, โสตาปนฺนา จ สกทาคามิโน จาปิ ปุคฺคลา สุทฺธาวาเสสุ สพฺพถา น ลพฺภนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ปุถุชฺชนาทีนฺจ ปฏิกฺเขเปน อนาคามิอรหนฺตานเมว ตตฺถ ลาโภ วุตฺโต โหติ.
๑๔. เสสฏฺาเนสูติ สุทฺธาวาสอปายอสฺิวชฺชิเตสุ เสสฏฺาเนสุ อริยา, อนริยาปิ จ ลพฺภนฺติ.
ภูมิจตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิสนฺธิจตุกฺกวณฺณนา
๑๖. โอกฺกนฺติกฺขเณติ ¶ ปฏิสนฺธิกฺขเณ.
๑๗. ชาติยา อนฺโธ ชจฺจนฺโธ. กิฺจาปิ ชาติกฺขเณ อณฺฑชชลาพุชา สพฺเพปิ อจกฺขุกาว ¶ . ตถาปิ จกฺขาทิอุปฺปชฺชนารหกาเลปิ จกฺขุปฺปตฺติวิพนฺธกกมฺมปฺปฏิพาหิตสามตฺถิเยน ทินฺนปฏิสนฺธินา, อิตเรนปิ วา กมฺเมน อนุปฺปาเทตพฺพจกฺขุโก สตฺโต ชจฺจนฺโธ นาม. อปเร ปน ‘‘ชจฺจนฺโธติ ปสูติยํเยว อนฺโธ, มาตุกุจฺฉิยํ อนฺโธ หุตฺวา นิกฺขนฺโตติ อตฺโถ, เตน ทุเหตุกติเหตุกานํ มาตุกุจฺฉิยํ จกฺขุสฺส อวิปชฺชนํ สิทฺธ’’นฺติ วทนฺติ. ชจฺจนฺธาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิคฺคหเณน ชจฺจพธิรชจฺจมูคชจฺจชฬชจฺจุมฺมตฺตกปณฺฑกอุภโตพฺยฺชนกนปุํสกมมฺมาทีนํ สงฺคโห. อปเร ปน ‘‘เอกจฺเจ อเหตุกปฏิสนฺธิกา อวิกลินฺทฺริยา หุตฺวา โถกํ วิจารณปกติกา โหนฺติ, ตาทิสานมฺปิ อาทิสทฺเทน สงฺคโห’’ติ วทนฺติ. ภุมฺมเทเว สิตา นิสฺสิตา ตคฺคติกตฺตาติ ภุมฺมสฺสิตา. สุขสมุสฺสยโต วินิปาตาติ วินิปาติกา.
๑๘. สพฺพตฺถาปิ กามสุคติยนฺติ เทวมนุสฺสวเสน สตฺตวิธายปิ กามสุคติยํ.
๒๑. เตสูติ ยถาวุตฺตปฏิสนฺธิยุตฺเตสุ ปุคฺคเลสุ, อปายาทีสุ วา. อายุปฺปมาณคณนาย นิยโม นตฺถิ เกสฺจิ จิรายุกตฺตา, เกสฺจิ จิรตรายุกตฺตา จ. ตถาจาหุ –
‘‘อาปายิกมนุสฺสายุ-
ปริจฺเฉโท น วิชฺชติ;
ตถา หิ กาโล มนฺธาตา,
ยกฺขา เกจิ จิรายุโน’’ติ. –
อปาเยสุ ¶ หิ กมฺมเมว ปมาณํ, ตตฺถ นิพฺพตฺตานํ ยาว กมฺมํ นขียติ. ตาว จวนาภาวโต, ตถา ภุมฺมเทวานํ. เตสุปิ หิ นิพฺพตฺตา เกจิ สตฺตาหาทิกาลํ ติฏฺนฺติ, เกจิ กปฺปมตฺตมฺปิ, ตถา มนุสฺสานมฺปิ กทาจิ เตสมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยายุกตฺตา กทาจิ ทสวสฺสายุกตฺตา. ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ ชีวติ, อปฺปํ วา ภิยฺโย (ที. นิ. ๒.๗; สํ. นิ. ๑.๑๔๕; อ. นิ. ๗.๗๔), ทุติยํ วสฺสสตํ น ปาปุณาตี’’ติ อิทํ ปน อชฺชตนกาลิเก สนฺธาย วุตฺตํ.
๒๒. ทิพฺพานิ ปฺจวสฺสสตานีติ มนุสฺสานํ ปฺาส วสฺสานิ เอกทินํ, ตทนุรูปโต มาสสํวจฺฉเร ¶ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทิพฺพปฺปมาณานิ ปฺจวสฺสสตานิ อายุปฺปมาณํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยานิ ปฺาส วสฺสานิ, มนุสฺสานํ ทิโน ตหึ;
ตึสรตฺติทิโว มาโส, มาสา ทฺวาทส สํวจฺฉรํ;
เตน สํวจฺฉเรนายุ, ทิพฺพํ ปฺจสตํ มต’’นฺติ.
มนุสฺสคณนายาติ มนุสฺสานํ สํวจฺฉรคณนาย. ตโต จตุคฺคุณนฺติ จาตุมหาราชิกานํ ปฺาสมานุสฺสกวสฺสปริมิตํ ทิวสํ, ทิพฺพานิ จ ปฺจวสฺสสตานิ ทิคุณํ กตฺวา ทิพฺพวสฺสสหสฺสานิ ตาวตึสานํ สมฺภวตีติ เอวํ ทิวสสํวจฺฉรทิคุณวเสน จตุคฺคุณํ, ตํ ปน ทิพฺพคณนาย วสฺสสหสฺสํ, มนุสฺสคณนาย สฏฺิวสฺสสตสหสฺสาธิกติโกฏิปฺปมาณํ โหติ. ตโต จตุคฺคุณํ ยามานนฺติ ตาวตึสานมายุปฺปมาณโต วุตฺตนเยน จตุคฺคุณํ, ทิพฺพคณนาย ทฺวิสหสฺสํ, มนุสฺสคณนาย จตฺตาลีสวสฺสสตสหสฺสาธิกา จุทฺทส วสฺสโกฏิโย โหนฺติ. ตโต จตุคฺคุณํ ตุสิตานนฺติ ทิพฺพานิ จตฺตาริ วสฺสสหสฺสานิ, มนุสฺสคณนาย สฏฺิวสฺสสตสหสฺสาธิกา สตฺตปฺาส ¶ วสฺสโกฏิโย. ตโต จตุคฺคุณํ นิมฺมานรตีนนฺติ ทิพฺพานิ อฏฺวสฺสสหสฺสานิ, มนุสฺสคณนาย ทฺเว วสฺสโกฏิสตานิ จตฺตาลีสวสฺสสตสหสฺสาธิกา ตึส วสฺสโกฏิโย จ. ตโต จตุคฺคุณํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนนฺติ ทิพฺพานิ โสฬส วสฺสสหสฺสานิ.
๒๓. มนุสฺสคณนํ ปน สยเมว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นวสตฺจา’’ตฺยาทิ. วสฺสานํ สมฺพนฺธิ นวสตํ เอกวีส โกฏิโย, ตถา สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ วสวตฺตีสุ อายุปฺปมาณนฺติ สมฺพนฺโธ.
๒๕. ทุติยชฺฌานภูมิยนฺติ จตุกฺกนยวเสน วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปวตฺติยํ, จวนกาเล จ ตถารูปเมว ภวงฺคจุติวเสน ปวตฺติตฺวา นิรุชฺฌตีติ โยชนา.
๒๙. เตสูติ ตาหิ คหิตปฏิสนฺธิเกสุ พฺรหฺเมสุ. กปฺปสฺสาติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส. น หิ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีนํ ติณฺณํ มหากปฺปวเสน อายุปริจฺเฉโท สมฺภวติ เอกกปฺเปปิ เตสํ อวินาสาภาเวน ¶ ปริปุณฺณกปฺเป อสมฺภวโต. ตถา เหส (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๙) โลโก สตฺตวาเรสุ อคฺคินา วินสฺสติ, อฏฺเม วาเร อุทเกน, ปุน สตฺตวาเรสุ อคฺคินา, อฏฺเม วาเร อุทเกนาติ เอวํ อฏฺสุ อฏฺเกสุ ปริปุณฺเณสุ ปจฺฉิเม วาเร วาเตน วินสฺสติ. ตตฺถ ปมชฺฌานตลํ อุปาทาย อคฺคินา, ทุติยตติยชฺฌานตลํ อุปาทาย อุทเกน, จตุตฺถชฺฌานตลํ อุปาทาย วาเตน วินสฺสติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สตฺต สตฺตคฺคินา วารา, อฏฺเม อฏฺเม ทกา;
จตุสฏฺิ ยทา ปุณฺณา, เอโก วายุวโร สิยา.
‘‘อคฺคินาภสฺสรา ¶ เหฏฺา, อาเปน สุภกิณฺหโต;
เวหปฺผลโต วาเตน, เอวํ โลโก วินสฺสตี’’ติ. –
ตสฺมา ติณฺณมฺปิ ปมชฺฌานตลานํ เอกกปฺเปปิ อวินาสาภาวโต สกลกปฺเป เตสํ สมฺภโว นตฺถีติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสน เตสํ อายุปริจฺเฉโท ทฏฺพฺโพ. ทุติยชฺฌานาทิตลโต ปฏฺาย ปน ปริปุณฺณสฺส มหากปฺปสฺส วเสน, น อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสน. อสงฺขฺเยยฺยกปฺโปติ จ โยชนายามวิตฺถารโต เสตสาสปราสิโต วสฺสสตวสฺสสตจฺจเยน เอเกกพีชสฺส หรเณน สาสปราสิโน ปริกฺขเยปิ อกฺขยสภาวสฺส มหากปฺปสฺส จตุตฺถภาโค. โส ปน สตฺถโรคทุพฺภิกฺขานํ อฺตรสํวฏฺเฏน พหูสุ วินาสมุปคเตสุ อวสิฏฺสตฺตสนฺตานปฺปวตฺตกุสลกมฺมานุภาเวน ทสวสฺสโต ปฏฺาย อนุกฺกเมน อสงฺขฺเยยฺยายุกปฺปมาเณสุ สตฺเตสุ ปุน อสทฺธมฺมสมาทานวเสน กเมน ปริหายิตฺวา ทสวสฺสายุเกสุ ชาเตสุ โรคาทีนํ อฺตรสํวฏฺเฏน สตฺตานํ วินาสปฺปตฺติยาว ‘‘อยเมโก อนฺตรกปฺโป’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺนสฺส อนฺตรกปฺปสฺส วเสน จตุสฏฺิอนฺตรกปฺปปฺปมาโณ โหติ, ‘‘วีสติอนฺตรกปฺปปฺปมาโณ’’ติ จ วทนฺติ.
๔๕. อากาสานฺจายตนํ อุปคจฺฉนฺตีติ อากาสานฺจายตนูปคา.
๔๙. เอกเมวาติ ภูมิโต, ชาติโต, สมฺปยุตฺตธมฺมโต, สงฺขารโต จ สมานเมว. เอกชาติยนฺติ เอกสฺมึ ภเว.
ปฏิสนฺธิจตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
กมฺมจตุกฺกวณฺณนา
๕๐. อิทานิ ¶ ¶ กมฺมจตุกฺกํ จตูหากาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘ชนก’’นฺตฺยาทิ อารทฺธํ, ชนยตีติ ชนกํ. อุปตฺถมฺเภตีติ อุปตฺถมฺภกํ. อุปคนฺตฺวา ปีเฬตีติ อุปปีฬกํ. อุปคนฺตฺวา ฆาเตตีติ อุปฆาตกํ.
ตตฺถ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ วิปากกฏตฺตารูปานํ นิพฺพตฺตกา กุสลากุสลเจตนา ชนกํ นาม. สยํ วิปากํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตมฺปิ กมฺมนฺตรสฺส จิรตรวิปากนิพฺพตฺตเน ปจฺจยภูตํ, วิปากสฺเสว วา สุขทุกฺขภูตสฺส วิจฺเฉทปจฺจยานุปฺปตฺติยา, อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกสามตฺถิยานุรูปํ จิรตรปฺปวตฺติปจฺจยภูตํ กุสลากุสลกมฺมํ อุปตฺถมฺภกํ นาม. กมฺมนฺตรชนิตวิปากสฺส พฺยาธิธาตุสมตาทินิมิตฺตวิพาธเนน จิรตรปฺปวตฺติวินิพนฺธกํ ยํ กิฺจิ กมฺมํ อุปปีฬกํ นาม. ทุพฺพลสฺส ปน กมฺมสฺส ชนกสามตฺถิยํ อุปหจฺจ วิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปาทเนน ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยํ วิปากนิพฺพตฺตกกมฺมํ อุปฆาตกํ นาม.
ชนโกปฆาตกานฺหิ อยํ วิเสโส – ชนกํ กมฺมนฺตรสฺส วิปากํ อนุปจฺฉินฺทิตฺวาว วิปากํ ชเนติ, อุปฆาตกํ อุปจฺเฉทนปุพฺพกนฺติ อิทํ ตาว อฏฺกถาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๘๗; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๓๔) สนฺนิฏฺานํ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘อุปปีฬกกมฺมํ พหฺวาพาธตาทิปจฺจโยปสํหาเรน กมฺมนฺตรสฺส วิปากํ อนฺตรนฺตรา วิพาธติ. อุปฆาตกํ ปน ตํ สพฺพโส อุปจฺฉินฺทิตฺวา อฺสฺส โอกาสํ เทติ, น ปน สยํ วิปากนิพฺพตฺตกํ. เอวฺหิ ชนกโต อิมสฺส วิเสโส สุปากโฏ’’ติ วทนฺติ. กิจฺจวเสนาติ ชนนอุปตฺถมฺภนอุปปีฬนอุปจฺเฉทนกิจฺจวเสน.
๕๑. ครุกนฺติ มหาสาวชฺชํ, มหานุภาวฺจ อฺเน กมฺเมน ปฏิพาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยกมฺมํ. อาสนฺนนฺติ มรณกาเล อนุสฺสริตํ, ตทา กตฺจ. อาจิณฺณนฺติ อภิณฺหโส กตํ ¶ , เอกวารํ กตฺวาปิ วา อภิณฺหโส สมาเสวิตํ. กฏตฺตากมฺมนฺติ ครุกาทิภาวํ อสมฺปตฺตํ กตมตฺตโตเยว กมฺมนฺติ วตฺตพฺพกมฺมํ.
ตตฺถ กุสลํ วา โหตุ อกุสลํ วา, ครุกาครุเกสุ ยํ ครุกํ อกุสลปกฺเข มาตุฆาตกาทิกมฺมํ ¶ , กุสลปกฺเข มหคฺคตกมฺมํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ สติปิ อาสนฺนาทิกมฺเม ปริตฺตํ อุทกํ โอตฺถริตฺวา คจฺฉนฺโต มโหโฆ วิย. ตถา หิ ตํ ‘‘ครุก’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อสติ ทูราสนฺเนสุ ยํ อาสนฺนํ มรณกาเล อนุสฺสริตํ, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ, อาสนฺนกาเล กเต วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตสฺมิมฺปิ อสติ อาจิณฺณานาจิณฺเณสุ จ ยํ อาจิณฺณํ สุสีลฺยํ วา, ทุสฺสีลฺยํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. กฏตฺตากมฺมํ ปน ลทฺธาเสวนํ ปุริมานํ อภาเวน ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒตีติ ครุกํ สพฺพปมํ วิปจฺจติ. ครุเก อสติ อาสนฺนํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อาจิณฺณํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ กฏตฺตากมฺมํ. เตนาห ‘‘ปากทานปริยาเยนา’’ติ, วิปากทานานุกฺกเมนาตฺยตฺโถ. อภิธมฺมาวตาราทีสุ ปน อาสนฺนโต อาจิณฺณํ ปมํ วิปจฺจนฺตํ กตฺวา วุตฺตํ. ยถา ปน โคคณปริปุณฺณสฺส วชสฺส ทฺวาเร วิวเฏ อปรภาเค ทมฺมควพลวคเวสุ สนฺเตสุปิ โย วชทฺวารสฺส อาสนฺโน โหติ, อนฺตมโส ทุพฺพลชรคฺคโวปิ, โสเยว ปมตรํ นิกฺขมติ, เอวํ ครุกโต อฺเสุ กุสลากุสเลสุ สนฺเตสุปิ มรณกาลสฺส อาสนฺนตฺตา อาสนฺนเมว ปมํ วิปากํ เทตีติ อิธ ตํ ปมํ วุตฺตํ.
๕๒. ทิฏฺธมฺโม ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพํ วิปากานุภวนวเสนาติ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. ทิฏฺธมฺมโต อนนฺตรํ อุปปชฺชิตฺวา เวทิตพฺพํ อุปปชฺชเวทนียํ. อปเร อปเร ทิฏฺธมฺมโต อฺสฺมึ ยตฺถ กตฺถจิ อตฺตภาเว เวทิตพฺพํ กมฺมํ อปราปริยเวทนียํ. อโหสิ เอว กมฺมํ ¶ , น ตสฺส วิปาโก อโหสิ, อตฺถิ, ภวิสฺสติ จาติ เอวํ วตฺตพฺพกมฺมํ อโหสิกมฺมํ.
ตตฺถ ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวปฺปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ปมชวนเจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียํ นาม. สา หิ วุตฺตปฺปกาเรน พลวชนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการานุปการวสปฺปวตฺติยา, อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ, โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ อเหตุกผลํ เทติ. อตฺถสาธิกา ปน สตฺตมชวนเจตนา สนฺนิฏฺาปกเจตนาภูตา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียํ นาม. สา จ ปฏิสนฺธึ ทตฺวาว ปวตฺติวิปากํ เทติ. ปฏิสนฺธิยา ¶ ปน อทินฺนาย ปวตฺติวิปากํ เทตีติ นตฺถิ. จุติ อนนฺตรฺหิ อุปปชฺชเวทนียสฺส โอกาโส. ปฏิสนฺธิยา ปน ทินฺนาย ชาติสเตปิ ปวตฺติวิปากํ เทตีติ อาจริยา. ยถาวุตฺตกอารณวิรหโต ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิภาวํ อสมฺปตฺตา อาทิปริโยสานเจตนานํ มชฺเฌ ปวตฺตา ปฺจ เจตนา วิปากทานสภาวสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา ยทา กทาจิ โอกาสลาเภ สติ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ วิปากํ อภินิปฺผาเทนฺตี อปราปริยเวทนิยํ นาม. สกสกกาลาตีตํ ปน ปุริมกมฺมทฺวยํ, ตติยมฺปิ จ สํสารปฺปวตฺติยา โวจฺฉินฺนาย อโหสิกมฺมํ นาม.
ปากกาลวเสนาติ ปจฺจุปฺปนฺเน, ตทนนฺตเร, ยทา กทาจีติ เอวํ ปุริมานํ ติณฺณํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน, อิตรสฺส ตํกาลาภาววเสน จ. อโหสิกมฺมสฺส หิ กาลาติกฺกมโตว ตํ โวหาโร.
๕๓. ปากานวเสนาติ ¶ ปฏิสนฺธิยา วิปจฺจนภูมิวเสน.
๕๔. อิทานิ อกุสลาทิกมฺมานํ กายกมฺมทฺวาราทิวเสน ปวตฺตึ, ตํนิทฺเทสมุเขน จ เตสํ ปาณาติปาตาทิวเสน ทสวิธาทิเภทฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ อกุสล’’นฺตฺยาทิ อารทฺธํ. กายทฺวาเร ปวตฺตํ กมฺมํ กายกมฺมํ. เอวํ วจีกมฺมาทีนิ.
๕๕. ปาณสฺส สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา อตีว ปาตนํ ปาณาติปาโต. กายวาจาหิ อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ. เมถุนวีติกฺกมสงฺขาเตสุ กาเมสุ มิจฺฉา จรณํ กาเมสุ มิจฺฉาจาโร.
ตตฺถ ปาโณติ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. ปรภณฺเฑ ตถาสฺิโน ตทาทายกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. อสทฺธมฺมเสวนวเสน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคนฺตพฺพฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร นาม. สุราปานมฺปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหตีติ วทนฺติ รสสงฺขาเตสุ กาเมสุ มิจฺฉาจารภาวโต. กายวิฺตฺติสงฺขาเต กายทฺวาเรติ กาเยน อธิปฺปายวิฺาปนโต, สยฺจ กาเยน วิฺเยฺยตฺตา กายวิฺตฺติสงฺขาเต อภิกฺกมาทิชนกจิตฺตชวาโยธาตฺวาธิกกลาปสฺส วิการภูเต สนฺถมฺภนาทีนํ สหการีการณภูเต โจปนกายภาวโต, กมฺมานํ ปวตฺติมุขภาวโต จ กายทฺวารสงฺขาเต กมฺมทฺวาเร.
กิฺจาปิ ¶ หิ ตํตํกมฺมสหคตจิตฺตุปฺปาเทเนว สา วิฺตฺติ ชนียติ. ตถาปิ ตสฺสา ตถา ปวตฺตมานาย ตํสมุฏฺาปกกมฺมสฺส กายกมฺมาทิโวหาโร โหตีติ สา ตสฺเสว ปวตฺติมุขภาเวน วตฺตุํ ลพฺภติ. ‘‘กายทฺวาเร วุตฺติโต’’ติ ¶ เอตฺตเกเยว วุตฺเต ‘‘ยทิ เอวํ กมฺมทฺวารววตฺถานํ น สิยา. กายทฺวาเร หิ ปวตฺตํ ‘กายกมฺม’นฺติ วุจฺจติ, กายกมฺมสฺส จ ปวตฺติมุขภูตํ ‘กายทฺวาร’นฺติ. ปาณาติปาตาทิกํ ปน วาจาย อาณาเปนฺตสฺส กายกมฺมํ วจีทฺวาเรปิ ปวตฺตตีติ ทฺวาเรน กมฺมววตฺถานํ น สิยา, ตถา มุสาวาทาทึ กายวิกาเรน กโรนฺตสฺส วจีกมฺมํ กายทฺวาเรปิ ปวตฺตตีติ กมฺเมน ทฺวารววตฺถานมฺปิ น สิยา’’ติ อยํ โจทนา ปจฺจุปฏฺเยฺยาติ พาหุลฺลวุตฺติยา ววตฺถานํ ทสฺเสตุํ ‘‘พาหุลฺลวุตฺติโต’’ติ วุตฺตํ. กายกมฺมฺหิ กายทฺวาเรเยว พหุลํ ปวตฺตติ, อปฺปํ วจีทฺวาเร, ตสฺมา กายทฺวาเรเยว พหุลํ ปวตฺตนโต กายกมฺมภาโว สิทฺโธ วนจรกาทีนํ วนจรกาทิภาโว วิย. ตถา กายกมฺมเมว เยภุยฺเยน กายทฺวาเร ปวตฺตติ, น อิตรานิ, ตสฺมา กายกมฺมสฺส เยภุยฺเยน เอตฺเถว ปวตฺตนโต กายกมฺมทฺวารภาโว สิทฺโธ พฺราหฺมณคามาทีนํ พฺราหฺมณคามาทิภาโว วิยาติ นตฺถิ กมฺมทฺวารววตฺถาเน โกจิ วิพนฺโธติ อยเมตฺถาธิปฺปาโย.
๕๖. มุสาติ อภูตํ วตฺถุ, ตํ ตจฺฉโต วทนฺติ เอเตนาติ มุสาวาโท. ปิสติ สามคฺคึ สฺจุณฺเณติ วิกฺขิปติ, ปิยภาวํ สฺุํ กโรตีติ วา ปิสุณา. อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ กโรติ, กกโจ วิย ขรสมฺผสฺสาติ วา ผรุสา. สํ สุขํ, หิตฺจ ผลติ วิสรติ วินาเสตีติ สมฺผํ, อตฺตโน, ปเรสฺจ อนุปการํ ยํ กิฺจิ, ตํ ปลปติ เอเตนาติ สมฺผปฺปลาโป.
ตตฺถ อภูตํ วตฺถุํ ภูตโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถา วิฺาปนปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ปรสฺส อตฺถเภทกโรว กมฺมปโถ โหติ, อิตโร ¶ กมฺมเมว. ปเรสํ เภทกามตาย, อตฺตปฺปิยกามตาย วา ปรเภทกรวจีปโยคสมุฏฺาปิกา สํกิลิฏฺเจตนา ปิสุณวาจา, สาปิ ทฺวีสุ ภินฺเนสุเยว กมฺมปโถ. ปรสฺส มมฺมจฺเฉทกรวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสวาจา. น หิ จิตฺตสณฺหตาย สติ ผรุสวาจา นาม โหติ. สีตาหรณาทิอนตฺถวิฺาปนปฺปโยคสมุฏฺาปิกา สํกิลิฏฺเจตนา สมฺผปฺปลาโป, โส ปน ปเรหิ ตสฺมึ อนตฺเถ คหิเตเยว กมฺมปโถ. วจีวิฺตฺติสงฺขาเต วจีทฺวาเรติ วาจาย อธิปฺปายํ วิฺาเปติ, สยฺจ วาจาย วิฺายตีติ วจีวิฺตฺติสงฺขาเต วจีเภทกรปฺปโยคสมุฏฺาปกจิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตฺวาธิกกลาปสฺส ¶ วิการภูเต โจปนวาจาภาวโต, กมฺมานํ ปวตฺติมุขภาวโต จ วจีทฺวารสงฺขาเต กมฺมทฺวาเร. พาหุลฺลวุตฺติโตติ อิทํ วุตฺตนยเมว.
๕๗. ปรสมฺปตฺตึ อภิมุขํ ฌายติ โลภวเสน จินฺเตตีติ อภิชฺฌา. พฺยาปชฺชติ หิตสุขํ เอเตนาติ พฺยาปาโท. มิจฺฉา วิปรีตโต ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฏฺิ.
ตตฺถ ‘‘อโห วต อิทํ มม สิยา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนํ อภิชฺฌา, สา ปรภณฺฑสฺส อตฺตโน นามเนเนว กมฺมปโถ โหติ. ‘‘อโห วตายํ สตฺโต วินสฺเสยฺยา’’ติ เอวํ มโนปโทโส พฺยาปาโท. ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺตฺยาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนํ มิจฺฉาทิฏฺิ. เอตฺถ ปน นตฺถิกอเหตุกอกิริยทิฏฺีหิเยว กมฺมปถเภโท. อิเมสํ ปน องฺคาทิววตฺถานวเสน ปปฺโจ ตตฺถ ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘; ธ. ส. อฏฺ. ๑ อกุสลกมฺมปถกถา; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) อาคตนเยน ทฏฺพฺโพ. อฺตฺราปิ วิฺตฺติยาติ กายวจีวิฺตฺตึ วินาปิ, ตํ อสมุฏฺาเปตฺวาปีตฺยตฺโถ. วิฺตฺติสมุฏฺาปกจิตฺตสมฺปยุตฺตา เจตฺถ อภิชฺฌาทโย เจตนาปกฺขิกาว โหนฺติ.
๕๘. โทสมูเลน ¶ ชายนฺตีติ สหชาตาทิปจฺจเยน โทสสงฺขาตมูเลน, โทสมูลกจิตฺเตน วา ชายนฺติ, น โลภมูลาทีหิ. หสมานาปิ หิ ราชาโน โทสจิตฺเตเนว ปาณวธํ อาณาเปนฺติ, ตถา ผรุสวาจาพฺยาปาเทสุปิ ยถารหํ ทฏฺพฺพํ. มิจฺฉาทสฺสนสฺส อภินิวิสิตพฺพวตฺถูสุ โลภปุพฺพงฺคมเมว อภินิวิสนโต อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิ จ โลภมูเลนา’’ติ. เสสานิ จตฺตาริปิ ทฺวีหิ มูเลหิ สมฺภวนฺตีติ โย ตาว อภิมตํ วตฺถุํ, อนภิมตํ วา อตฺตพนฺธุปริตฺตาณาทิปฺปโยชนํ สนฺธาย หรติ, ตสฺส อทินฺนาทานํ โลภมูเลน โหติ. เวรนิยฺยาตนตฺถํ หรนฺตสฺส โทสมูเลน. นีติปากปฺปมาณโต ทุฏฺนิคฺคหณตฺถํ ปรสนฺตกํ หรนฺตานํ ราชูนํ, พฺราหฺมณานฺจ ‘‘สพฺพมิทํ พฺราหฺมณานํ ราชูหิ ทินฺนํ, เตสํ ปน สพฺพทุพฺพลภาเวน อฺเ ปริภฺุชนฺติ, อตฺตสนฺตกเมว พฺราหฺมณา ปริภฺุชนฺตี’’ตฺยาทีนิ วตฺวา สกสฺาย เอวํ ยํ กิฺจิ หรนฺตานํ, กมฺมผลสมฺพนฺธาปวาทีนฺจ โมหมูเลน. เอวํ มุสาวาทาทีสุปิ ยถารหํ โยเชตพฺพํ.
๖๓. ฉสุ อารมฺมเณสุ ติวิธกมฺมวเสน อุปฺปชฺชมานมฺเปตํ ติวิธนิยเมน อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘ตถา ทานสีลภาวนาวเสนา’’ติ. ทสธา นิทฺทิสิยมานานํ หิ ทฺวินฺนํ, ปุน ทฺวินฺนํ, ติณฺณฺจ ¶ ยถากฺกมํ ทานาทีสุ ตีสฺเวว สงฺคโห. การณํ ปเนตฺถ ปรโต วกฺขาม. ฉฬารมฺมเณสุ ปน ติวิธกมฺมทฺวาเรสุ จ เนสํ ปวตฺติโยชนา อฏฺกถาทีสุ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๕๖-๑๕๙) อาคตนเยน คเหตพฺพา.
๖๕. ทียติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนา. เอวํ เสเสสุปิ. สีลตีติ สีลํ, กายวจีกมฺมานิ สมาทหติ, สมฺมา เปตีตฺยตฺโถ, สีลยติ วา อุปธาเรตีติ สีลํ ¶ , อุปธารณํ ปเนตฺถ กุสลานํ อธิฏฺานภาโว. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ตฺยาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒). ภาเวติ กุสเล ธมฺเม อาเสวติ วฑฺเฒติ เอตายาติ ภาวนา. อปจายติ ปูชาวเสน สามีจึ กโรติ เอเตนาติ อปจายนํ. ตํตํกิจฺจกรเณ พฺยาวฏสฺส ภาโว เวยฺยาวจฺจํ. อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตา ปตฺติ ทียติ เอเตนาติ ปตฺติทานํ. ปตฺตึ อนุโมทติ เอตายาติ ปตฺตานุโมทนา. ธมฺมํ สุณนฺติ เอเตนาติ ธมฺมสฺสวนํ. ธมฺมํ เทเสนฺติ เอตายาติ ธมฺมเทสนา. ทิฏฺิยา อุชุกรณํ ทิฏฺิชุกมฺมํ.
ตตฺถ สานุสยสนฺตานวโต ปเรสํ ปูชานุคฺคหกามตาย อตฺตโน วิชฺชมานวตฺถุปริจฺจชนวสปฺปวตฺตเจตนา ทานํ นาม, ทานวตฺถุปริเยสนวเสน, ทินฺนสฺส โสมนสฺสจิตฺเตน อนุสฺสรณวเสน จ ปวตฺตา ปุพฺพปจฺฉาภาคเจตนา เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉนฺติ. เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ ทฏฺพฺพํ. นิจฺจสีลาทิวเสน ปฺจ, อฏฺ, ทส วา สีลานิ สมาทิยนฺตสฺส, ปริปูเรนฺตสฺส, อสมาทิยิตฺวาปิ สมฺปตฺตกายวจีทุจฺจริตโต วิรมนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส, อุปสมฺปทมาฬเก สํวรํ สมาทิยนฺตสฺส, จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปริปูเรนฺตสฺส จ ปวตฺตเจตนา สีลํ นาม. จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ, ขนฺธาทีสุ จ ภูมีสุ ปริกมฺมสมฺมสนวสปฺปวตฺตา อปฺปนํ อปฺปตฺตา โคตฺรภุปริโยสานเจตนา ภาวนา นาม, นิรวชฺชวิชฺชาทิปริยาปุณนเจตนาปิ เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ.
วยสา, คุเณหิ จ เชฏฺานํ จีวราทีสุ ปจฺจาสารหิเตน อสํกิลิฏฺชฺฌาสเยน ปจฺจุฏฺานอาสนาภินีหาราทิวิธินา พหุมานกรณเจตนา อปจายนํ นาม. เตสเมว, คิลานานฺจ ยถาวุตฺตชฺฌาสเยน ตํตํกิจฺจกรณเจตนา เวยฺยาวจฺจํ นาม. อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตสฺส ปฺุสฺส ปเรหิ ¶ สาธารณภาวํ ปจฺจาสีสนเจตนา ปตฺติทานํ นาม. ปเรหิ ทินฺนสฺส, อทินฺนสฺสปิ วา ปฺุสฺส มจฺเฉรมลวินิสฺสเฏน จิตฺเตน อพฺภานุโมทนเจตนา ปตฺตานุโมทนา นาม ¶ . เอวมิมํ ธมฺมํ สุตฺวา ตตฺถ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺโต ‘‘โลกิยโลกุตฺตรคุณวิเสสสฺส ภาคี ภวิสฺสามิ, พหุสฺสุโต วา หุตฺวา ปเรสํ ธมฺมเทสนาทีหิ อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺตโน, ปเรสํ วา หิตผรณวสปฺปวตฺเตน อสํกิลิฏฺชฺฌาสเยน หิตูปเทสสวนเจตนา ธมฺมสฺสวนํ นาม, นิรวชฺชวิชฺชาทิสวนเจตนาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหติ. ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขตาย โยนิโส มนสิ กโรโต หิตูปเทสเจตนา ธมฺมเทสนา นาม, นิรวชฺชวิชฺชาทิอุปทิสนเจตนาปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉติ. ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺตฺยาทินยปฺปวตฺตสมฺมาทสฺสนวเสน ทิฏฺิยา อุชุกรณํ ทิฏฺิชุกมฺมํ นาม.
ยทิ เอวํ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส ทิฏฺิชุกมฺมปฺุกิริยภาโว น ลพฺภตีติ? โน น ลพฺภติ ปุริมปจฺฉิมเจตนานมฺปิ ตํตํปฺุกิริยาสฺเวว สงฺคณฺหนโต. กิฺจาปิ หิ อุชุกรณเวลายํ าณสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ โหติ, ปุริมปจฺฉาภาเค ปน าณวิปฺปยุตฺตมฺปิ สมฺภวตีติ ตสฺสปิ ทิฏฺิชุกมฺมภาโว อุปปชฺชตีติ อลมติปฺปปฺเจน.
อิเมสุ ปน ทสสุ ปตฺติทานานุโมทนา ทาเน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ตํสภาวตฺตา. ทานมฺปิ หิ อิสฺสามจฺเฉรานํ ปฏิปกฺขํ, เอเตปิ. ตสฺมา สมานปฺปฏิปกฺขตาย เอกลกฺขณตฺตา เต ทานมยปฺุกิริยวตฺถุมฺหิ สงฺคยฺหนฺติ. อปจายนเวยฺยาวจฺจาสีลมยปฺุเว สงฺคยฺหนฺติ จาริตฺตสีลภาวโต. เทสนาสวนทิฏฺิชุกา ปน กุสลธมฺมาเสวนภาวโต ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๓๐๕) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘เทเสนฺโต, สุณนฺโต จ เทสนานุสาเรน าณํ ¶ เปเสตฺวา ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌ ปฏิวิชฺฌ เทเสติ, สุณาติ จ, ตานิ จ เทสนาสวนานิ ปฏิเวธเมวาหรนฺตีติ เทสนาสวนาภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ วทนฺติ. ธมฺมทานสภาวโต เทสนา ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉตีติปิ สกฺกา วตฺตุํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาตี’’ติ (ธ. ป. ๓๕๔). ตถา ทิฏฺิชุกมฺมํ สพฺพตฺถาปิ สพฺเพสํ นิยมนลกฺขณตฺตา. ทานาทีสุ หิ ยํ กิฺจิ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺตฺยาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา วิโสธิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, เอวฺจ กตฺวา ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕; ธ. ส. อฏฺ. ๑๕๖-๑๕๙ ปฺุากิริยวตฺถาทิกถา) ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมํ สพฺเพสํ นิยมลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ ทานสีลภาวนาวเสน ตีสุ อิตเรสํ สงฺคณฺหนโต สงฺเขปโต ติวิธเมว ปฺุกิริยวตฺถุ โหตีติ ทฏฺพฺพํ, ตถา เจว อาจริเยน เหฏฺา ทสฺสิตํ.
๖๗. มโนกมฺมเมว ¶ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตาภาเวน กายทฺวาราทีสุ อปฺปวตฺตนโต. ตฺจ รูปาวจรกุสลํ ภาวนามยํ ทานาทิวเสน อปฺปวตฺตนโต. อปฺปนาปฺปตฺตํ ปุพฺพภาคปฺปวตฺตานํ กามาวจรภาวโต. ฌานงฺคเภเทนาติ ปฏิปทาทิเภทโต อเนกวิธตฺเตปิ องฺคาติกฺกมวเสน นิพฺพตฺตชฺฌานงฺคเภทโต ปฺจวิธํ โหติ.
๖๘. อารมฺมณเภเทนาติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ, อากาสวิสยํ มโน, ตทภาโว, ตทาลมฺพํ วิฺาณนฺติ จตุพฺพิธนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ อารมฺมณานํ เภเทน.
๖๙. เอตฺถาติ อิเมสุ ปากฏฺานวเสน จตุพฺพิเธสุ กมฺเมสุ. อุทฺธจฺจรหิตนฺติ อุทฺธจฺจสหคตเจตนารหิตํ เอกาทสวิธํ อกุสลกมฺมํ. กึ ปเนตฺถ การณํ อธิโมกฺขวิรเหน สพฺพทุพฺพลมฺปิ วิจิกิจฺฉาสหคตํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ, อธิโมกฺขสมฺปโยเคน ตโต พลวนฺตมฺปิ อุทฺธจฺจสหคตํ นากฑฺฒตีติ ¶ ? ปฏิสนฺธิทานสภาวาภาวโต. พลวํ อากฑฺฒติ, ทุพฺพลํ นากฑฺฒตีติ หิ อยํ วิจารณา ปฏิสนฺธิทานสภาเวสุเยว. ยสฺส ปน ปฏิสนฺธิทานสภาโวเยว นตฺถิ, น ตสฺส พลวภาโว ปฏิสนฺธิอากฑฺฒเน การณํ.
กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ อุทฺธจฺจสหคตสฺส ปฏิสนฺธิทานสภาโว นตฺถีติ? ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ อนาคตตฺตา. ติวิธา หิ อกุสลา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, ภาวนาย ปหาตพฺพา, สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพาติ. ตตฺถ ทิฏฺิสหคตวิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺตุปฺปาทา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา นาม ปมํ นิพฺพานทสฺสนวเสน ‘‘ทสฺสน’’นฺติ ลทฺธนาเมน โสตาปตฺติมคฺเคน ปหาตพฺพตฺตา. อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท ภาวนาย ปหาตพฺโพ นาม อคฺคมคฺเคน ปหาตพฺพตฺตา. อุปริมคฺคตฺตยฺหิ ปมมคฺเคน ทิฏฺนิพฺพาเน ภาวนาวเสน ปวตฺตนโต ‘‘ภาวนา’’ติ วุจฺจติ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา ปน สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพา เตสํ อปายนิพฺพตฺตกาวตฺถาย ปมมคฺเคน, เสสพหลาพหลาวตฺถาย อุปริมคฺเคหิ ปหียมานตฺตา. ตตฺถ สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพมฺปิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพสามฺเน อิธ ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพ’’นฺติ โวหรนฺติ.
ยทิ จ อุทฺธจฺจสหคตํ ปฏิสนฺธึ ทเทยฺย, ตทา อกุสลปฏิสนฺธิยา สุคติยํ อสมฺภวโต อปาเยสฺเวว ทเทยฺย. อปายคมนียฺจ อวสฺสํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพํ สิยา. อิตรถา ¶ อปายคมนียสฺส อปฺปหีนตฺตา เสกฺขานํ อปายุปฺปตฺติ อาปชฺชติ, น จ ปเนตํ ยุตฺตํ ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต (ขุ. ปา. ๖.๑๑; สุ. นิ. ๒๓๔), อวินิปาตธมฺโม’’ติ (ปารา. ๒๑; สํ. นิ. ๕.๙๙๘) อาทิวจเนหิ สห วิรุชฺฌนโต. สติ จ ปเนตสฺส ทสฺสเนน ปหาตพฺพภาเว ‘‘สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ปเนตํ วุตฺตนฺติ ¶ . อถ สิยา ‘‘อปายคามินิโย ราโค โทโส โมโห ตเทกฏฺา จ กิเลสา’’ติ เอวํ ทสฺสเนน ปหาตพฺเพสุ วุตฺตตฺตา อุทฺธจฺจสหคตเจตนาย ตตฺถ สงฺคโห สกฺกา วตฺตุนฺติ. ตํ น, ตสฺส เอกนฺตโต ภาวนาย ปหาตพฺพภาเวน วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๖), ตสฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺเพสุ อวจนํ อิมสฺส ปฏิสนฺธิทานาภาวํ สาเธติ. นนุ จ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค –
‘‘ยสฺมึ สมเย อกุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา, ยํ ยํ วา ปนารพฺภ ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา อกุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๓๐-๗๓๑) –
เอวํ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วิปาโกปิ อุทฺธโฏติ กถมสฺส ปฏิสนฺธิทานาภาโว สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพติ? นายํ ปฏิสนฺธิทานํ สนฺธาย อุทฺธโฏ. อถ โข ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย. ปฏฺาเน ปน –
‘‘สหชาตา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย, นานากฺขณิกา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ, กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๙) –
ทสฺสเนน ปหาตพฺพเจตนาย เอว สหชาตนานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาวํ อุทฺธริตฺวา ‘‘สหชาตา ภาวนาย ปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ¶ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๙) ภาวนาย ปหาตพฺพเจตนาย สหชาตกมฺมปจฺจยภาโวว อุทฺธโฏ, น ปน นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว, น จ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยํ วินา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนํ อตฺถิ ¶ , ตสฺมา นตฺถิ ตสฺส สพฺพถาปิ ปฏิสนฺธิทานนฺติ. ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘อุทฺธจฺจเจตนา อุภยวิปากมฺปิ น เทติ ปฏฺาเน นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาวสฺส อนุทฺธฏตฺตา’’ติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค อุทฺธจฺจสหคตานมฺปิ ปวตฺติวิปากสฺส อุทฺธฏตฺตา, ปฏฺาเน จ ปฏิสนฺธิวิปากภาวเมว สนฺธาย นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาวสฺส อนุทฺธฏตฺตา. ยทิ หิ ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วุจฺเจยฺย, ตทา ปฏิสนฺธิวิปากมฺปิสฺส มฺเยฺยุนฺติ ลพฺภมานสฺสปิ ปวตฺติวิปากสฺส วเสน นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโต, ตสฺมา น สกฺกา ตสฺส ปวตฺติวิปากํ นิวาเรตุํ. เตนาห ‘‘ปวตฺติยํ ปนา’’ตฺยาทิ. อาจริยพุทฺธมิตฺตาทโย ปน อตฺถิ อุทฺธจฺจสหคตํ ภาวนาย ปหาตพฺพมฺปิ. อตฺถิ น ภาวนาย ปหาตพฺพมฺปิ, เตสุ ภาวนาย ปหาตพฺพํ เสกฺขสนฺตานปฺปวตฺตํ, อิตรํ ปุถุชฺชนสนฺตานปฺปวตฺตํ, ผลทานฺจ ปุถุชฺชนสนฺตานปฺปวตฺตสฺเสว น อิตรสฺสาติ เอวํ อุทฺธจฺจสหคตํ ทฺวิธา วิภชิตฺวา เอกสฺส อุภยวิปากทานํ, เอกสฺส สพฺพถาปิ วิปากาภาวํ วณฺเณนฺติ. โย ปเนตฺถ เตสํ วินิจฺฉโย, ยฺจ ตสฺส นิรากรณํ, ยฺจ สพฺพถาปิ วิปากาภาววาทีนํ มตปฏิกฺเขปนํ อิธ อวุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ปรมตฺถมฺชูสาทีสุ, วิเสสโต จ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
สพฺพตฺถาปิ กามโลเกติ สุคติทุคฺคติวเสน สพฺพสฺมิมฺปิ กามโลเก. ยถารหนฺติ ทฺวารารมฺมณานุรูปํ. อปาเยสุปิ ยํ นาคสุปณฺณาทีนํ มหาสมฺปตฺติวิสยํ วิปากวิฺาณํ, ยฺจ นิรยวาสีนํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรทสฺสนาทีสุ อุปฺปชฺชติ วิปากวิฺาณํ ¶ , ตํ กุสลกมฺมสฺเสว ผลํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺวิปาโก สมฺภวติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อกุสลสฺส กมฺมสฺส อิฏฺโ กนฺโต วิปาโก สํวิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๑; อ. นิ. ๑.๒๘๔-๒๘๖; วิภ. ๘๐๙), ตสฺมา กุสลกมฺมํ อปาเยสุปิ อเหตุกวิปากานิ ชเนติ. อฺภูมิกสฺส จ กมฺมสฺส อฺภูมิกวิปากาภาวโต กามวิราคภาวนาย กามตณฺหาวิสยวิฺาณุปฺปาทนาโยคโต เอกนฺตสทิสวิปากตฺตา จ มหคฺคตานุตฺตรกุสลานํ รูปาวจรกมฺเมน อเหตุกวิปากุปฺปตฺติยา อภาวโต รูปโลเกปิ ยถารหํ รูปาทิวิสยานิ ตานิ อภินิปฺผาเทตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพตฺถาปิ กามโลเก’’ตฺยาทิ.
๗๑. เอวํ ปน วิปจฺจนฺตํ กมฺมํ โสฬสกทฺวาทสกอฏฺกวเสน ติธา วิปจฺจตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถาปิ’’ตฺยาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปีติ เอวํ วิปจฺจมาเนปิ กุสลกมฺเม. อุกฺกฏฺนฺติ กุสลปริวารลาภโต ¶ , ปจฺฉา อาเสวนปฺปวตฺติยา วา วิสิฏฺํ. ยฺหิ กมฺมํ อตฺตโน ปวตฺติกาเล ปุริมปจฺฉาภาคปฺปวตฺเตหิ กุสลกมฺเมหิ ปริวาริตํ, ปจฺฉา วา อาเสวนลาเภน สมุทาจิณฺณํ. ตํ อุกฺกฏฺํ. ยํ ปน กรณกาเล อกุสลกมฺเมหิ ปริวาริตํ, ปจฺฉา วา ‘‘ทุกฺกฏเมตํ มยา’’ติ วิปฺปฏิสารุปฺปาทเนน ปริภาวิตํ, ตํ โอมกนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปฏิสนฺธินฺติ เอกเมว ปฏิสนฺธึ. น หิ เอเกน กมฺเมน อเนกาสุ ชาตีสุ ปฏิสนฺธิ โหติ, ปวตฺติวิปาโก ปน ชาติสเตปิ ชาติสหสฺเสปิ โหติ. ยถาห ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). ยสฺมา ปเนตฺถ าณํ ชจฺจนฺธาทิวิปตฺตินิมิตฺตสฺส โมหสฺส, สพฺพากุสลสฺเสว วา ปฏิปกฺขํ, ตสฺมา ตํสมฺปยุตฺตํ กมฺมํ ชจฺจนฺธาทิวิปตฺติปจฺจยํ น โหตีติ ติเหตุกํ อติทุพฺพลมฺปิ สมานํ ¶ ทุเหตุกปฏิสนฺธิเมว อากฑฺฒติ, นาเหตุกํ. ทุเหตุกฺจ กมฺมํ าณสมฺปโยคาภาวโต าณผลุปฺปาทเน อสมตฺถํ, ยถา ตํ อโลภสมฺปโยคาภาวโต อโลภผลุปฺปาทเน อสมตฺถํ อกุสลกมฺมนฺติ ตํ อติอุกฺกฏฺมฺปิ สมานํ ทุเหตุกเมว ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ, น ติเหตุกนฺติ วุตฺตํ ‘‘ติเหตุกโมมกํ ทุเหตุกมุกฺกฏฺฺจา’’ตฺยาทิ.
เอตฺถ สิยา – ยถา ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๑) กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ติณฺณํ, นิกนฺติกฺขเณ ทฺวินฺนํ, ปฏิสนฺธิกฺขเณ ติณฺณฺจ เหตูนํ วเสน อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา าณสมฺปยุตฺตูปปตฺติ, ตถา ‘‘คติสมฺปตฺติยา าณวิปฺปยุตฺเต ฉนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๓) ชวนกฺขเณ ทฺวินฺนํ, นิกนฺติกฺขเณ ทฺวินฺนํ, ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทฺวินฺนฺจ เหตูนํ วเสน ฉนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา าณวิปฺปยุตฺตูปปตฺติ วุตฺตา, เอวํ ‘‘คติสมฺปตฺติยา าณวิปฺปยุตฺเต สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหตี’’ติ ติเหตุกกมฺเมน ทุเหตุกปฏิสนฺธิยา อวุตฺตตฺตา นตฺถิ ติเหตุกสฺส ทุเหตุกปฏิสนฺธิอากฑฺฒนนฺติ? นยิทเมวํ ทุเหตุโกมกกมฺเมน อเหตุกปฏิสนฺธิยา วิย ติเหตุโกมกกมฺเมน สามตฺถิยานุรูปโต ทุเหตุกปฏิสนฺธิยาว ทาตพฺพตฺตา, กมฺมสริกฺขกวิปากทสฺสตฺถํ ปน มหาเถเรน สาวเสโส ปาโ กโต. อิตรถา ‘‘จตุนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา’’ติ วจนาภาวโต ทุเหตุกกมฺเมน อเหตุกูปปตฺติยาปิอภาโว อาปชฺชติ, ตสฺมา ยถา สุคติยํ ชจฺจนฺธพธิราทิวิปตฺติยา อเหตุกูปปตฺตึ วชฺเชตฺวา คติสมฺปตฺติยา สเหตุกูปปตฺติทสฺสนตฺถํ ทุเหตุกูปปตฺติ เอว อุทฺธฏา, น อเหตุกูปปตฺติ, เอวํ กมฺมสริกฺขกวิปากทสฺสนตฺถํ ¶ ติเหตุกกมฺเมน ¶ ติเหตุกูปปตฺติ เอว อุทฺธฏา, น ทุเหตุกูปปตฺติ, น ปน อลพฺภนโตติ ทฏฺพฺพํ.
๗๔. เอวํ เอกาย เจตนาย โสฬส วิปากานิ เอตฺเถว ทฺวาทสกมคฺโค อเหตุกฏฺกมฺปีติ ปวตฺตสฺส ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรวาทสฺส วเสน วิปากปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอกาย เจตนาย ทฺวาทส วิปากานิ เอตฺเถว ทสกมคฺโค อเหตุกฏฺกมฺปีติ อาคตสฺส โมรวาปีวาสีมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรวาทสฺสปิ วเสน ทสฺเสตุํ อสงฺขารํ สสงฺขารวิปากานี’’ตฺยาทิ วุตฺตํ. ยถา มุเข จลิเต อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ จลติ, เอวํ อสงฺขารกุสลสฺส อสงฺขารวิปาโกว โหติ, น สสงฺขาโรติ เอวํ อาคมนโตว สงฺขารเภโทติ อยเมตฺถาธิปฺปาโย. ยสฺมา ปน วิปากสฺส สงฺขารเภโท ปจฺจยวเสน อิจฺฉิโต, น กมฺมวเสน, ตสฺมา เอส เกจิวาโท กโต.
เตสนฺติ เตสํ เอวํวาทีนํ. ยถากฺกมนฺติ ติเหตุกุกฺกฏฺาทีนํ อนุกฺกเมน. ทฺวาทส วิปากานีติ ติเหตุกุกฺกฏฺอสงฺขาริกสสงฺขาริกกมฺมสฺส วเสน ยถากฺกมํ สสงฺขาริกจตุกฺกวชฺชิตานิ, อสงฺขาริกจตุกฺกวชฺชิตานิ จ ทฺวาทส วิปากานิ, ตถา ติเหตุโกมกสฺส, ทุเหตุกุกฺกฏฺสฺส จ กมฺมสฺส วเสน ทุเหตุกสสงฺขารทฺวยวชฺชิตานิ, ทุเหตุกาสงฺขารทฺวยวชฺชิตานิ จ ทส วิปากานิ, ทุเหตุโกมกสฺส วเสน ทุเหตุกทฺวยวชฺชิตานิ จ อฏฺ วิปากานิ ยถาวุตฺตสฺส ‘‘ติเหตุกมุกฺกฏฺ’’นฺตฺยาทินา วุตฺตนยสฺส อนุสาเรน อนุสฺสรเณน ยถาสมฺภวํ ตสฺส ตสฺส สมฺภวานุรูปโต อุทฺทิเส.
๗๕. ปริโต อตฺตํ ขณฺฑิตํ วิย อปฺปานุภาวนฺติ ปริตฺตํ. ปกฏฺภาวํ นีตนฺติ ปณีตํ, อุภินฺนํ มชฺเฌ ภวํ มชฺฌิมํ. ตตฺถ ‘‘ปฏิลทฺธมตฺตํ ¶ อนาเสวิตํ ปริตฺต’’นฺติ อวิเสสโตว อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตถา ‘‘นาติสุภาวิตํ อปริปุณฺณวสีภาวํ มชฺฌิมํ. อติวิย สุภาวิตํ ปน สพฺพโส ปริปุณฺณวสีภาวํ ปณีต’’นฺติ. อาจริเยน ปเนตฺถ ปริตฺตมฺปิ อีสกํ ลทฺธาเสวนเมวาธิปฺเปตนฺติ ทิสฺสติ. ตถา หาเนน นามรูปปริจฺเฉเท –
‘‘สมานาเสวเน ¶ ลทฺเธ, วิชฺชมาเน มหพฺพเล;
อลทฺธา ตาทิสํ เหตุํ, อภิฺา น วิปจฺจตี’’ติ. (นาม. ปริ. ๔๗๔);
สมานภูมิกโตว อาเสวนลาเภน พลวภาวโต มหคฺคตธมฺมานํ วิปากทานํ วตฺวา ตทภาวโต อภิฺาย อวิปจฺจนํ วุตฺตํ. หีเนหิ ฉนฺทจิตฺตวีริยวีมํสาหิ นิพฺพตฺติตํ วา ปริตฺตํ. มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ มชฺฌิมํ. ปณีเตหิ ปณีตนฺติ อลมติปฺปปฺเจน.
๘๔. ปฺจมชฺฌานํ ภาเวตฺวาติ อภิฺาภาวํ อสมฺปตฺตํ ปฺจมชฺฌานํ ติวิธมฺปิ ภาเวตฺวา. อภิฺาภาวปฺปตฺตสฺส ปน อวิปากภาโว ‘‘อลทฺธา ตาทิส’’นฺตฺยาทินา (นาม. ปริ. ๔๗๔) อาจริเยน สาธิโต. มูลฏีกาการาทโย ปน อฺถาปิ ตํ สาเธนฺติ. ตํ ปน สงฺเขปโต, ตตฺถ ตตฺถ วิตฺถารโต จ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยํ วุตฺตนเยน ทฏฺพฺพํ. สฺาวิราคํ ภาเวตฺวาติ ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ’’ตฺยาทินา, ‘‘ธี จิตฺตํ ธิพฺพตํ จิตฺต’’นฺตฺยาทินา วา นเยน อรูปปฺปวตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน ตทภาเว จ ปณีตภาวสนฺนิฏฺาเนน วาโยกสิเณ เกสฺจิ มเตน ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณ วา ภาวนาพเลน เตน ปฏิลภิตพฺพภาเว อรูปสฺส อนิพฺพตฺติสภาวาปาทนวเสน อรูปวิราคภาวนํ ภาเวตฺวา อฺสตฺเตสุ อุปฺปชฺชนฺติ กมฺมกิริยวาทิโน ติตฺถิยา เอวาตฺยธิปฺปาโย ¶ . เต ปน เยน อิริยาปเถน อิธ มรนฺติ. เตเนว ตตฺถ นิพฺพตฺตนฺตีติ ทฏฺพฺพํ.
๘๖. อนาคามิโน ปน สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ อนาคามิโนเยว อริยา ปุถุชฺชนาทิกาเล, ปจฺฉาปิ วา ปฺจมชฺฌานํ ติวิธมฺปิ ภาเวตฺวา สทฺธาทิอินฺทฺริยเวมตฺตตานุกฺกเมน ปฺจสุ สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชนฺติ.
๘๗. ยถากฺกมํ ภาเวตฺวา ยถากฺกมํ อารุปฺเปสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ โยชนา ยถากฺกมนฺติ จ ปมารุปฺปาทิอนุกฺกเมน. สพฺพมฺปิ เจตํ ตสฺส ตสฺเสว ฌานสฺส อาเวณิกภูมิวเสน วุตฺตํ. นิกนฺติยา ปน สติ ปุถุชฺชนาทโย ยถาลทฺธชฺฌานสฺส ภูมิภูเตสุ สุทฺธาวาสวชฺชิเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตนฺติ, ตถา กามภเวปิ กามาวจรกมฺมพเลน. ‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’ติ (อ. นิ. ๘.๓๕) หิ วุตฺตํ. อนาคามิโน ปน กามราคสฺส สพฺพโส ¶ ปหีนตฺตา กามภเวสุ นิกนฺตึ น อุปฺปาเทนฺตีติ กามโลกวชฺชิเต ยถาลทฺธชฺฌานภูมิภูเต ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตนฺติ. สุทฺธาวาเสสุ หิ อนาคามิโนเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ นิยโม อตฺถิ. เต ปน อฺตฺถ น นิพฺพตฺตนฺตีติ นิยโม นตฺถิ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อาจริเยน –
‘‘สุทฺธาวาเสสฺวนาคามิ-ปุคฺคลาโวปปชฺชเร;
กามธาตุมฺหิ ชายนฺติ, อนาคามิวิวชฺชิตา’’ติ. (ปรม. วิ. ๒๐๕);
สุกฺขวิปสฺสกาปิ ปเนเต มรณกาเล เอกนฺเตเนว สมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตนฺติ สมาธิมฺหิ ปริปูรการีภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อิตฺถิโยปิ ปน อริยา วา อนริยา วา อฏฺสมาปตฺติลาภินิโย พฺรหฺมปาริสชฺเชสุเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๘๐๙; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๙ อาทโย; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๓๐) วุตฺตํ. อปิเจตฺถ เวหปฺผลอกนิฏฺจตุตฺถารุปฺปภวานํ เสฏฺภวภาวโต ¶ ตตฺถ นิพฺพตฺตา อริยา อฺตฺถ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อวเสเสสุ อุปรูปริ พฺรหฺมโลเกสุ นิพฺพตฺตา เหฏฺิมเหฏฺิเมสุ. วุตฺตฺเหตํ อาจริเยน –
‘‘เวหปฺผเล อกนิฏฺเ, ภวคฺเค จ ปติฏฺิตา;
น ปุนาฺตฺถ ชายนฺติ, สพฺเพ อริยปุคฺคลา;
พฺรหฺมโลกคตา เหฏฺา, อริยา โนปปชฺชเร’’ติ. (นาม. ปริ. ๔๕๒-๔๕๓);
กมฺมจตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
จุติปฏิสนฺธิกฺกมวณฺณนา
๘๙. ‘‘อายุกฺขเยนา’’ตฺยาทีสุ สติปิ กมฺมานุภาเว ตํตํคตีสุ ยถาปริจฺฉินฺนสฺส อายุโน ปริกฺขเยน มรณํ อายุกฺขยมรณํ. สติปิ ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺฉินฺนายุเสเส คติกาลาทิปจฺจยสามคฺคิยฺจ ¶ ตํตํภวสาธกสฺส กมฺมุโน ปรินิฏฺิตวิปากตฺตา มรณํ กมฺมกฺขยมรณํ. อายุกมฺมานํ สมกเมว ปริกฺขีณตฺตา มรณํ อุภยกฺขยมรณํ. สติปิ ตสฺมึ ทุวิเม ปุริมภวสิทฺธสฺส กสฺสจิ อุปจฺเฉทกกมฺมุโน พเลน สตฺถหรณาทีหิ อุปกฺกเมหิ อุปจฺฉิชฺชมานสนฺตานานํ, คุณมหนฺเตสุ วา กเตน เกนจิ อุปกฺกเมน อายูหิตอุปจฺเฉทกกมฺมุนา ปฏิพาหิตสามตฺถิยสฺส กมฺมสฺส ตํตํอตฺตภาวปฺปวตฺตเน อสมตฺถภาวโต ทุสิมารกลาพุราชาทีนํ วิย ตงฺขเณเยว านาจาวนวเสน ปวตฺตมรณํ อุปจฺเฉทกมรณํ นาม. อิทํ ปน เนรยิกานํ อุตฺตรกุรุวาสีนํ เกสฺจิ เทวานฺจ น โหติ. เตนาหุ –
‘‘อุปกฺกเมน วา เกสฺจุปจฺเฉทกกมฺมุนา’’ติ. (ส. ส. ๖๒);
มรณสฺส อุปฺปตฺติ ปวตฺติ มรณุปฺปตฺติ.
๙๐. มรณกาเลติ ¶ มรณาสนฺนกาเล. ยถารหนฺติ ตํตํคตีสุ อุปฺปชฺชนกสตฺตานุรูปํ, กตฺถจิ ปน อนุปฺปชฺชมานสฺส ขีณาสวสฺส ยโถปฏฺิตํ นามรูปธมฺมาทิกเมว จุติปริโยสานานํ โคจรภาวํ คจฺฉติ, น กมฺมกมฺมนิมิตฺตาทโย. อุปลทฺธปุพฺพนฺติ เจติยทสฺสนาทิวเสน ปุพฺเพ อุปลทฺธํ. อุปกรณภูตนฺติ ปุปฺผาทิวเสน อุปกรณภูตํ. อุปลภิตพฺพนฺติ อนุภวิตพฺพํ. อุปโภคภูตนฺติ อจฺฉราวิมานกปฺปรุกฺขนิรยคฺคิอาทิกํ อุปภฺุชิตพฺพํ. อจฺฉราวิมานกปฺปรุกฺขมาตุกุจฺฉิอาทิคตํ หิ รูปายตนํ สุคตินิมิตฺตํ. นิรยคฺคินิรยปาลาทิคตํ ทุคฺคตินิมิตฺตํ. คติยา นิมิตฺตํ คตินิมิตฺตํ.
กมฺมพเลนาติ ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกสฺส กุสลากุสลกมฺมสฺส อานุภาเวน. ฉนฺนํ ทฺวารานนฺติ วกฺขมานนเยน ยถาสมฺภวํ ฉนฺนํ อุปปตฺติทฺวารานํ, ยทิ กุสลกมฺมํ วิปจฺจติ, ตทา ปริสุทฺธํ กุสลจิตฺตํ ปวตฺตติ, อถ อกุสลกมฺมํ, ตทา อุปกฺกิลิฏฺํ อกุสลจิตฺตนฺติ อาห ‘‘วิปจฺจมานก…เป… กิลิฏฺํ วา’’ติ. เตนาห ภควา ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคธิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ, อนุพฺยฺชนสฺสาทคธิตํ วา, ตสฺมึ เจ สมเย กาลํ กโรติ, านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ อุปปชฺเชยฺย นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕). ตตฺโถณตํ วาติ ตสฺมึ อุปปชฺชิตพฺพภเว โอณตํ วิย, ตตฺโถณตํ เอวาติ วา ปทจฺเฉโท. ‘‘พาหุลฺเลนา’’ติ เอตฺถ อธิปฺปาโย ‘‘เยภุยฺเยน ภวนฺตเร’’ติ เอตฺถ ¶ วุตฺตนเยน ทฏฺพฺโพ. อถ วา ‘‘ยถารห’’นฺติ อิมินาว โส สกฺกา สงฺคเหตุนฺติ ‘‘พาหุลฺเลนา’’ติ อิมินา สหสา โอจฺฉิชฺชมานชีวิตานํ สณิกํ มรนฺตานํ วิย น อภิกฺขณเมวาติ ทีปิตนฺติ วิฺายติ. อภินวกรณวเสนาติ ตงฺขเณ กริยมานํ วิย อตฺตานํ อภินวกรณวเสน.
๙๑. ปจฺจาสนฺนมรณสฺสาติ ¶ เอกวีถิปฺปมาณายุกวเสน, ตโต วา กิฺจิ อธิกายุกวเสน สมาสนฺนมรณสฺส. วีถิจิตฺตาวสาเนติ ตทารมฺมณปริโยสานานํ, ชวนปริโยสานานํ วา วีถิจิตฺตานํ อวสาเน. ตตฺถ ‘‘กามภวโต จวิตฺวา ตตฺเถว อุปฺปชฺชมานานํ ตทารมฺมณปริโยสานานิ, เสสานํ ชวนปริโยสานานี’’ติ ธมฺมานุสารณิยํ วุตฺตํ. ภวงฺคกฺขเยวาติ ยทิ เอกชวนวีถิโต อธิกตรายุเสโส สิยา, ตทา ภวงฺคาวสาเน วา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. อถ เอกจิตฺตกฺขณายุเสโส สิยา, ตทา วีถิจิตฺตาวสาเน, ตฺจ อตีตกมฺมาทิวิสยเมว. ‘‘ตสฺสานนฺตรเมวา’’ติ อิมินา อนฺตราภววาทิมตํ ปฏิกฺขิปติ.
ยถารหนฺติ กมฺมกรณกาลสฺส, วิปากทานกาลสฺส จ อนุรูปวเสน. อถ วา วิปจฺจมานกกมฺมานุรูปํ อนุสยวเสน, ชวนสหชาตวเสน วา ปวตฺติอนุรูปโตตฺยตฺโถ. นนุ จ ‘‘อวิชฺชานุสยปริกฺขิตฺเตนา’’ตฺยาทิ วุตฺตํ. ชวนสหชาตานฺจ กถํ อนุสยภาโวติ? นายํ โทโส อนุสยสทิสตาย ตาสมฺปิ อนุสยโวหารภาวโต. อิตรถา อกุสลกมฺมสหชาตานํ ภวตณฺหาสหชาตานํ วา จุติอาสนฺนชวนสหชาตานฺจ สงฺคโห น สิยา. อวิชฺชาว อปฺปหีนฏฺเน อนุสยนโต ปวตฺตนโต อนุสโย, เตน ปริกฺขิตฺเตน ปริวาริเตน. ตณฺหานุสโยว มูลํ ปธานํ สหการีการณภูตํ อิมสฺสาติ ตณฺหานุสยมูลโก. สงฺขาเรนาติ กุสลากุสลกมฺเมน กมฺมสหชาตผสฺสาทิธมฺมสมุทาเยน จุติอาสนฺนชวนสหชาเตน วา, เตน ชนิยมานํ. อวิชฺชาย หิ ปฏิจฺฉนฺนาทีนววิสเย ตณฺหา นาเมติ, ขิปนกสงฺขารสมฺมตา ยถาวุตฺตสงฺขารา ขิปนฺติ, ยถาหุ –
‘‘อวิชฺชาตณฺหาสงฺขาร-สหเชหิ อปายินํ;
วิสยาทีนวจฺฉาทินมนกฺขิปเกหิ ตุ.
‘‘อปฺปหีเนหิ ¶ ¶ เสสานํ, ฉาทนํ นมนมฺปิ จ;
ขิปกา ปน สงฺขารา, กุสลาว ภวนฺติหา’’ติ. (ส. ส. ๑๖๔-๑๖๕);
สมฺปยุตฺเตหิ ปริคฺคยฺหมานนฺติ อตฺตนา สมฺปยุตฺเตหิ ผสฺสาทีหิ ธมฺเมหิ สมฺปยุตฺตปจฺจยาทินา ปริวาเรตฺวา คยฺหมานํ, สหชาตานมธิฏฺานภาเวน ปุพฺพงฺคมภูตนฺติ อตฺตนา สหชาตานํ ปติฏฺานภาเวน ปธานภูตํ. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑-๒) หิ วุตฺตํ. ภวนฺตรปฏิสนฺธานวเสนาติ ปุริมภวนฺตรสฺส, ปจฺฉิมภวนฺตรสฺส จ อฺมฺํ เอกาพทฺธํ วิย ปฏิสนฺทหนวเสน อุปฺปชฺชมานเมว ปติฏฺาติ, น อิโต คนฺตฺวาตฺยธิปฺปาโย. น หิ ปุริมภวปริยาปนฺโน โกจิ ธมฺโม ภวนฺตรํ สงฺกมติ, นาปิ ปุริมภวปริยาปนฺนเหตูหิ วินา อุปฺปชฺชติ ปฏิโฆสปทีปมุทฺทา วิยาติ อลมติปฺปปฺเจน.
๙๒. มนฺทํ หุตฺวา ปวตฺตานิ มนฺทปฺปวตฺตานิ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณสุ อาปาถคเตสุ มโนทฺวาเร คตินิมิตฺตวเสน, ปฺจทฺวาเร กมฺมนิมิตฺตวเสนาตฺยธิปฺปาโย. ปฏิสนฺธิภวงฺคานมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา ลพฺภตีติ มโนทฺวาเร ตาว ปฏิสนฺธิยา จตุนฺนํ ภวงฺคานฺจ, ปฺจทฺวาเร ปน ปฏิสนฺธิยาว ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณภาโว ลพฺภติ. ตถา หิ กสฺสจิ มโนทฺวาเร อาปาถมาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ คตินิมิตฺตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาย ตทารมฺมณปริโยสานาย จิตฺตวีถิยา อนนฺตรํ จุติจิตฺเต อุปฺปนฺเน ตทนนฺตรํ ปฺจจิตฺตกฺขณายุเก อารมฺมเณ ปวตฺตาย ปฏิสนฺธิยา จตุนฺนํ ภวงฺคานํ, ปฺจทฺวาเร จ าตกาทีหิ อุปฏฺาปิเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ วณฺณาทิเก อารพฺภ ยถารหํ ปวตฺตาย จิตฺตวีถิยา จุติจิตฺตสฺส จ อนนฺตรํ เอกจิตฺตกฺขณายุเก อารมฺมเณ ปวตฺตาย ปฏิสนฺธิยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณ ปวตฺติ อุปลพฺภตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ¶ ปน วิสุทฺธิมคฺเค(วิสุทฺธิ. ๒.๖๒๐ อาทโย) วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) วา สงฺขารปจฺจยาวิฺาณปทวณฺณนายํ วุตฺตนเยน ทฏฺพฺโพ. ฉทฺวารคฺคหิตนฺติ กมฺมนิมิตฺตํ ฉทฺวารคฺคหิตํ, คตินิมิตฺตํ ฉฏฺทฺวารคฺคหิตนฺติ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. อปเร ปน อวิเสสโต วณฺเณนฺติ. สจฺจสงฺเขเปปิ เตเนวาธิปฺปาเยน อิทํ วุตฺตํ –
‘‘ปฺจทฺวาเร สิยา สนฺธิ, วินา กมฺมํ ทฺวิโคจเร’’ติ; (ส. ส. ๑๗๓);
อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๒๔-๖๒๕; วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) ¶ ปน ‘‘คตินิมิตฺตํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตทารมฺมณาย จ ปฺจทฺวาริกปฏิสนฺธิยา อทสฺสิตตฺตา, มูลฏีกาทีสุ จ ‘‘กมฺมพเลน อุปฏฺาปิตํ วณฺณายตนํ สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส วิย ทิพฺพจกฺขุสฺส วิย จ มโนทฺวาเรเยว โคจรภาวํ คจฺฉตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๖๒๓) นิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา เตสํ วจนํ น สมฺปฏิจฺฉนฺติ อาจริยา. ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจา’’ติ เอตฺถ คตินิมิตฺตํ ตาว ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ ยุชฺชติ, กมฺมนิมิตฺตํ ปน ปฏิสนฺธิชนกกมฺมสฺเสว นิมิตฺตภูตํ อธิปฺเปตนฺติ กถํ ตสฺส จุติอาสนฺนชวเนหิ คหิตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนภาโว สมฺภวติ. น หิ ตเทว อารมฺมณุปฏฺาปกํ, ตเทว ปฏิสนฺธิชนกํ ภเวยฺย อุปจิตภาวาภาวโต อนสฺสาทิตตฺตา จ. ‘‘กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑) หิ วจนโต ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวนเมว กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ. ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๒) จ นิกนฺติกฺขเณ ทฺวินฺนํ เหตูนํ ปจฺจยาปิ สเหตุกปฏิสนฺธิยา วุตฺตตฺตากตูปจิตมฺปิ กมฺมํ ตณฺหาย อสฺสาทิตเมว วิปากํ อภินิปฺผาเทติ, ตทา จ ปฏิสนฺธิยา สมานวีถิยํ วิย ปวตฺตมานานิ จุติอาสนฺนชวนานิ กถํ ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวนานิ สิยุํ, กถฺจ ตานิ ตทา กณฺหาย ปรามฏฺานิ. อปิจ ปจฺจุปฺปนฺนํ กมฺมนิมิตฺตํ จุติอาสนฺนปฺปวตฺตานํ ปฺจทฺวาริกชวนานํ อารมฺมณํ โหติ. ‘‘ปฺจทฺวาริกกมฺมฺจ ปฏิสนฺธินิมิตฺตกํ น ¶ โหติ ปริทุพฺพลภาวโต’’ติ อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๒๐; วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) วุตฺตนฺติ สจฺจเมตํ. าตกาทีหิ อุปฏฺาปิเตสุ ปน ปุปฺผาทีสุ สนฺนิหิเตสฺเวว มรณสมฺภวโต ตตฺถ วณฺณาทิกํ อารพฺภ จุติอาสนฺนวีถิโต ปุริมภาคปฺปวตฺตานํ ปฏิสนฺธิชนนสมตฺถานํ มโนทฺวาริกชวนานํ อารมฺมณภูเตน สห สมานตฺตา ตเทกสนฺตติปติตํ จุติอาสนฺนชวนคฺคหิตมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ วณฺณาทิกํ กมฺมนิมิตฺตภาเวน วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อานนฺทาจริเยน ‘‘ปฺจทฺวาเร จ อาปาถมาคจฺฉนฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ กมฺมนิมิตฺตํ อาสนฺนกตกมฺมารมฺมณสนฺตติยํ อุปฺปนฺนํ, ตํสทิสฺจ ทฏฺพฺพ’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗; วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๖๒๓).
๙๔. ยถารหนฺติ ทุติยจตุตฺถปมตติยานํ ปฏิสนฺธีนํ อนุรูปโต.
๙๘. อารุปฺปจุติยา ปรํ เหฏฺิมารุปฺปวชฺชิตา อารุปฺปปฏิสนฺธิโย โหนฺติ อุปรูปริอรูปีนํ เหฏฺิมเหฏฺิมกมฺมสฺส อนายูหนโต, อุปจารชฺฌานสฺส ปน พลวภาวโต ตสฺส วิปากภูตา กามติเหตุกา ปฏิสนฺธิโย โหนฺติ. รูปาวจรจุติยา ปรํ อเหตุกรหิตา อุปจารชฺฌานานุภาเวเนว ¶ ทุเหตุกติเหตุกปฏิสนฺธิโย สิยุํ, กามติเหตุมฺหา จุติโต ปรํ สพฺพา เอว กามรูปารูปภวปริยาปนฺนา ยถารหํ อเหตุกาทิปฏิสนฺธิโย สิยุํ. อิตโร ทุเหตุกาเหตุกจุติโต ปรํ กาเมสฺเวว ภเวสุ ติเหตุกาทิปฏิสนฺธิโย สิยุํ.
จุติปฏิสนฺธิกฺกมวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙๙. ปฏิสนฺธิยา ¶ นิโรธสฺส อนนฺตรโต ปฏิสนฺธินิโรธานนฺตรโต. ตเทว จิตฺตนฺติ ตํสทิสตาย ตพฺโพหารปฺปวตฺตตฺตา ตเทว จิตฺตํ ยถา ‘‘ตานิเยว โอสธานี’’ติ. อสติ วีถิจิตฺตุปฺปาเทติ อนฺตรนฺตรา วีถิจิตฺตานํ อุปฺปาเท อสติ, จุติจิตฺตํ หุตฺวา นิรุชฺฌติ ตเทว จิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ.
๑๐๑. ปริวตฺตนฺตา ปวตฺตนฺติ ยาว วฏฺฏมูลสมุจฺเฉทาตฺยธิปฺปาโย.
๑๐๒. ยถา อิห ภเวปฏิสนฺธิ เจว ภวงฺคฺจ วีถิโย จ จุติ จ, ตถา ปุน ภวนฺตเร ปฏิสนฺธิภวงฺคนฺติ เอวมาทิกา อยํ จิตฺตสนฺตติ ปริวตฺตตีติ โยชนา. เกจิ ปน อิมสฺมึ ปริจฺเฉเท วีถิมุตฺตสงฺคหสฺเสว ทสฺสิตตฺตา ปฏิสนฺธิภวงฺคจุตีนเมว อิธ คหณํ ยุตฺตนฺตฺยาธิปฺปาเยน ‘‘ปฏิสนฺธิภวงฺควีถิโย’’ติ อิมสฺส ปฏิสนฺธิภวงฺคปฺปวาหาติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปวตฺติสงฺคหทสฺสนาวสาเน ตตฺถ สงฺคหิตานํ สพฺเพสเมว นิคมนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เอวฺหิ สติ ‘‘ปฏิสงฺขาย ปเนตมทฺธุว’’นฺติ เอตฺถ สพฺเพสเมว เอต-สทฺเทน ปรามสนํ สุฏฺุ อุปปนฺนํ โหติ. เอตํ ยถาวุตฺตํ วฏฺฏปวตฺตํ อทฺธุวํ อนิจฺจํ ปโลกธมฺมํ ปฏิสงฺขาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา พุธา ปณฺฑิตา จิราย จิรกาลํ สุพฺพตา หุตฺวา อจฺจุตํ ธุวํ อจวนธมฺมํ ปทํ นิพฺพานํ อธิคนฺตฺวา มคฺคผลาเณน สจฺฉิกตฺวา ตโตเยว สุฏฺุ สมุจฺฉินฺนสิเนหพนฺธนา สมํ นิรุปธิเสสนิพฺพานธาตุํ เอสฺสนฺติ ปาปุณิสฺสนฺติ.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา นาม อภิธมฺมตฺถสงฺคหวณฺณนาย
วีถิมุตฺตปริจฺเฉทวณฺณนา นิฏฺิตา.