📜
๖. รูปปริจฺเฉทวณฺณนา
๑. เอวํ ¶ ¶ ตาว จิตฺตเจตสิกวเสน ทุวิธํ อภิธมฺมตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ รูปํ, ตทนนฺตรฺจ นิพฺพานํ ทสฺเสตุมารภนฺโต อาห ‘‘เอตฺตาวตา’’ตฺยาทิ. สปฺปเภทปฺปวตฺติกา อุทฺเทสนิทฺเทสปฏินิทฺเทสวเสน ตีหิ ปริจฺเฉเทหิ วุตฺตปฺปเภทวนฺโต, ปวตฺติปฏิสนฺธิวเสน ทฺวีหิ ปริจฺเฉเทหิ วุตฺตปฺปวตฺติวนฺโต จ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เอตฺตาวตา ปฺจหิ ปริจฺเฉเทหิ วิภตฺตา หิ ยสฺมา, อิทานิ ยถานุปฺปตฺตํ รูปํ ปวุจฺจตีติ โยชนา.
๒. อิทานิ ยถาปฏิฺาตรูปวิภาคตฺถํ มาติกํ เปตุํ ‘‘สมุทฺเทสา’’ตฺยาทิ วุตฺตํ. สงฺเขปโต อุทฺทิสนํ สมุทฺเทโส. เอกวิธาทิวเสน วิภชนํ วิภาโค, สมุฏฺาติ เอตสฺมา ผลนฺติ สมุฏฺานํ, กมฺมาทโย รูปชนกปจฺจยา. จกฺขุทสกาทโย กลาปา. ปวตฺติกฺกมโต เจติ ภวกาลสตฺตเภเทน รูปานํ อุปฺปตฺติกฺกมโต.
รูปสมุทฺเทสวณฺณนา
๓. อุปาทินฺนานุปาทินฺนสนฺตาเนสุ สสมฺภารธาตุวเสน มหนฺตา หุตฺวา ภูตา ปาตุภูตาติ มหาภูตา (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔). อถวา อเนกวิธอพฺภุตวิเสสทสฺสเนน, อเนกาภูตทสฺสเนน วา มหนฺตานิ อพฺภุตานิ, อภูตานิ วา เอเตสูติ มหาภูตา, มายาการาทโย. เตหิ สมานา สยํ อนีลาทิสภาวาเนว นีลาทิอุปาทายรูปทสฺสนาทิโตติ มหาภูตา. มนาปวณฺณสณฺานาทีหิ วา สตฺตานํ วฺจิกา ยกฺขินิอาทโย วิย มนาปอิตฺถิปุริสรูปทสฺสนาทินา สตฺตานํ วฺจกตฺตา มหนฺตานิ อภูตานิ เอเตสูติ มหาภูตา. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘มหนฺตา ¶ ปาตุภูตาติ, มหาภูตสมาติ วา;
วฺจกตฺตา อภูเตน, ‘มหาภูตา’ติ สมฺมตา’’ติ. (อภิธ. ๖๒๖);
อถ วา มหนฺตปาตุภาวโต มหนฺตานิ ภวนฺติ เอเตสุ อุปาทารูปานิ, ภูตานิ จาติ มหาภูตานิ. มหาภูเต อุปาทาย ปวตฺตํ รูปํ อุปาทายรูปํ. ยทิ เอวํ ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ตโต ¶ มหาภูตา’’ตฺยาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓) เอเกกมหาภูตา เสสมหาภูตานํ นิสฺสยา โหนฺตีติ เตสมฺปิ อุปาทายรูปตาปสงฺโคติ? นยิทเมวํ อุปาทาเยว ปวตฺตรูปานํ ตํสมฺาสิทฺธิโต. ยฺหิ มหาภูเต อุปาทิยติ, สยฺจ อฺเหิ อุปาทียติ. น ตํ อุปาทายรูปํ. ยํ ปน อุปาทียเตว, น เกนจิ อุปาทียติ, ตเทว อุปาทายรูปนฺติ นตฺถิ ภูตานํ ตพฺโพหารปฺปสงฺโค. อปิจ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูปนฺติ อุปาทายรูปลกฺขณนฺติ นตฺถิ ตโย อุปาทาย ปวตฺตานํ อุปาทายรูปตาติ.
๔. ปถนฏฺเน ปถวี, ตรุปพฺพตาทีนํ ปกติปถวี วิย สหชาตรูปานํ ปติฏฺานภาเวน ปกฺขายติ, อุปฏฺาตีติ วุตฺตํ โหติ, ปถวี เอว ธาตุ สลกฺขณธารณาทิโต นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน สรีรเสลาวยวธาตุสทิสตฺตา จาติ ปถวีธาตุ. อาเปติ สหชาตรูปานิ ปตฺถรติ, อาปายติ วา พฺรูเหติ วฑฺเฒตีติ อาโป. เตเชติ ปริปาเจติ, นิเสติ วา ติกฺขภาเวน เสสภูตตฺตยํ อุสฺมาเปตีติ เตโช. วายติ เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน ภูตสงฺฆาตํ ปาเปตีติ วาโย. จตสฺโสปิ ปเนตา ยถากฺกมํ กถินตฺตทวตฺตอุณฺหตฺตวิตฺถมฺภนตฺตลกฺขณาติ ทฏฺพฺพํ.
๕. จกฺขาทีนํ วจนตฺโถ เหฏฺา กถิโตว. ปสาทรูปํ นาม จตุนฺนํ มหาภูตานํ ปสนฺนภาวเหตุกตฺตา. ตํ ¶ ปน ยถากฺกมํ ทฏฺุกามตาโสตุกามตาฆายิตุกามตาสายิตุกามตาผุสิตุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขณํ. ตตฺถ จกฺขุ ตาว มชฺเฌ กณฺหมณฺฑลสฺส อูกาสิรปฺปมาเณ อภิมุเข ิตานํ สรีรสณฺานุปฺปตฺติปเทเส เตลมิว ปิจุปฏลานิ สตฺตกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา ธารณนหาปนมณฺฑนพีชนกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตีหิ วิย ขตฺติยกุมาโร สนฺธารณพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ อายุนา ปริปาลิยมานํ วณฺณาทีหิ ปริวาริตํ ยถาโยคํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถุทฺวารภาวํ สเธนฺตํ ปวตฺตติ, อิตรํ ‘‘สสมฺภารจกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เอวํ โสตาทโยปิ ยถากฺกมํ โสตพิลพฺภนฺตเร องฺคุลิเวธนาการํ อุปจิตตนุตมฺพโลมํ, นาสิกพฺภนฺตเร อชปทสณฺานํ, ชิวฺหามชฺเฌ อุปฺปลทลคฺคสณฺานํ ปเทสํ อภิพฺยาเปตฺวา ปวตฺตนฺติ, อิตรํ ปน เปตฺวา กมฺมชเตชสฺส ปติฏฺานฏฺานํ เกสคฺคโลมคฺคนขคฺคสุกฺขจมฺมานิ จ อวเสสํ สกลสรีรํ ผริตฺวา ปวตฺตติ. เอวํ สนฺเตปิ อิตเรหิ ตสฺส สงฺกโร น โหติ ภินฺนนิสฺสยลกฺขณตฺตา. เอกนิสฺสยานิปิ หิ รูปรสาทีนิ ลกฺขณเภทโต อสํกิณฺณาติ กึ ปน ภินฺนนิสฺสยา ปสาทา.
๖. อาโปธาตุยา ¶ สุขุมภาเวน ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํ ‘‘อาโปธาตุ วิวชฺชิตํ ภูตตฺตยสงฺขาต’’นฺติ. กิฺจาปิ หิ สีตตา ผุสิตฺวา คยฺหติ, สา ปน เตโชเยว. มนฺเท หิ อุณฺหตฺเต สีตพุทฺธิ สีตตาสงฺขาตสฺส กสฺสจิ คุณสฺส อภาวโต. ตยิทํ สีตพุทฺธิยา อนวฏฺิตภาวโต วิฺายติ ปาราปาเร วิย. ตถา หิ ฆมฺมกาเล อาตเป ตฺวา ฉายํ ปวิฏฺานํ สีตพุทฺธิ โหติ, ตตฺเถว จิรกาลํ ิตานํ อุณฺหพุทฺธิ. ยทิ จ อาโปธาตุ สีตตา สิยา, อุณฺหภาเวน สห เอกสฺมึ กลาเป ¶ อุปลพฺเภยฺย, น เจวํ อุปลพฺภติ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘น อาโปธาตุ สีตตา’’ติ. เย ปน ‘‘ทวตา อาโปธาตุ, สา จ ผุสิตฺวา คยฺหตี’’ติ วทนฺติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘ทวตา นาม ผุสิตฺวา คยฺหตีติ อิทํ อายสฺมนฺตานํ อภิมานมตฺตํ สณฺาเน วิยา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘ทวตาสหวุตฺตีนิ, ตีณิ ภูตานิ สมฺผุสํ;
ทวตํ สมฺผุสามีติ, โลโกยมภิมฺติ.
‘‘ภูเต ผุสิตฺวา สณฺานํ, มนสา คณฺหโต ยถา;
ปจฺจกฺขโต ผุสามีติ, วิฺเยฺยา ทวตา ตถา’’ติ.
โคจรรูปํ นาม ปฺจวิฺาณวิสยภาวโต. คาโว อินฺทฺริยานิ จรนฺติ เอตฺถาติ โคจรนฺติ หิ อารมฺมณสฺเสตํ นามํ. ตํ ปเนตํ ปฺจวิธมฺปิ ยถากฺกมํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ โคจรภาวลกฺขณํ, จกฺขาทิปฏิหนนลกฺขณํ วา.
๗. อิตฺถิยา ภาโว อิตฺถตฺตํ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๒). ปุริสสฺส ภาโว ปุริสตฺตํ. ตตฺถ อิตฺถิลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปเหตุภาวลกฺขณํ อิตฺถตฺตํ, ปุริสลิงฺคาทิเหตุภาวลกฺขณํ ปุริสตฺตํ. ตตฺถ อิตฺถีนํ องฺคชาตํ อิตฺถิลิงฺคํ. สราธิปฺปายา อิตฺถินิมิตฺตํ ‘‘อิตฺถี’’ติ สฺชานนสฺส ปจฺจยภาวโต. อวิสทานคมนนิสชฺชาทิ อิตฺถิกุตฺตํ. อิตฺถิสณฺานํ อิตฺถากปฺโป. ปุริสลิงฺคาทีนิปิ วุตฺตนเยน ทฏฺพฺพานิ. อฏฺกถายํ ปน อฺถา อิตฺถิลิงฺคาทีนิ วณฺณิตานิ. ตํ ปน เอวํ สงฺคเหตฺวา วทนฺติ –
‘‘ลิงฺคํ ¶ หตฺถาทิสณฺานํ, นิมิตฺตํ มิหิตาทิกํ;
กุตฺตํ สุปฺปาทินา กีฬา, อากปฺโป คมนาทิก’’นฺติ.
ภาวรูปํ นาม ภวติ เอเตน อิตฺถาทิอภิธานํ, พุทฺธิ จาติ กตฺวา. ตํ ปเนตํ กายินฺทฺริยํ วิย สกลสรีรํ ผริตฺวา ติฏฺติ.
๘. หทยเมว ¶ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยตฺตา วตฺถุ จาติ หทยวตฺถุ. ตถา หิ ตํ ธาตุทฺวยนิสฺสยภาวลกฺขณํ, ตฺจ หทยโกสพฺภนฺตเร อฑฺฒปสตมตฺตํ โลหิตํ นิสฺสาย ปวตฺตติ. รูปกณฺเฑ อวุตฺตสฺสปิ ปเนตสฺส อาคมโต, ยุตฺติโต จ อตฺถิภาโว ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ, ตํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ ‘‘ยํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) เอวมาคตํ ปฏฺานวจนํ อาคโม. ยุตฺติ ปเนวํ ทฏฺพฺพา –
‘‘นิปฺผนฺนภูติกาธารา, ทฺเว ธาตู กามรูปินํ;
รูปานุพนฺธวุตฺติตฺตา, จกฺขุวิฺาณาทโย วิย.
‘‘จกฺขาทินิสฺสิตาเนตา, ตสฺสฺาธารภาวโต;
นาปิ รูปาทิเก เตสํ, พหิทฺธาปิ ปวตฺติโต.
‘‘น จาปิ ชีวิตํ ตสฺส, กิจฺจนฺตรนิยุตฺติโต;
น จ ภาวทฺวยํ ตสฺมึ, อสนฺเตปิ ปวตฺติโต.
‘‘ตสฺมา ตทฺํ วตฺถุ ตํ, ภูติกนฺติ วิชานิยํ;
วตฺถาลมฺพทุกานนฺตุ, เทสนาเภทโต อิทํ;
ธมฺมสงฺคณิปาสฺมึ, น อกฺขาตํ มเหสินา’’ติ.
๙. ชีวนฺติ เตนาติ ชีวิตํ, ตเทว กมฺมชรูปปริปาลเน อาธิปจฺจโยคโต อินฺทฺริยนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. ตถา เหตํ กมฺมชรูปปริปาลนลกฺขณํ. ยถาสกํ ขณมตฺตฏฺายีนมฺปิ หิ สหชาตานํ ¶ ปวตฺติเหตุภาเวเนว อนุปาลกํ. น หิ เตสํ กมฺมํเยว ิติการณํ โหติ อาหารชาทีนํ อาหาราทิ วิย กมฺมสฺส ตงฺขณาภาวโต. อิทํ ปน สห ปาจนคฺคินา อนวเสสอุปาทินฺนกายํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ.
๑๐. กพฬํ ¶ กตฺวา อชฺโฌหรียตีติ กพฬีกาโร อาหาโร, อิทฺจ สวตฺถุกํ กตฺวา อาหารํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เสนฺทฺริยกาโยปตฺถมฺภนเหตุภูตา ปน องฺคมงฺคานุสารี รสหรสงฺขาตา อชฺโฌหริตพฺพาหารสิเนหภูตา โอชา อิธ อาหารรูปํ นาม. ตถา เหตํ เสนฺทฺริยกาโยปตฺถมฺภนเหตุภาวลกฺขณํ, โอชฏฺมกรูปาหรณลกฺขณํ วา.
๑๑. กกฺขฬตฺตาทินา อตฺตโน อตฺตโน สภาเวน อุปลพฺภนโต สภาวรูปํ นาม. อุปฺปาทาทีหิ, อนิจฺจตาทีหิ วา ลกฺขเณหิ สหิตนฺติ สลกฺขณํ. ปริจฺเฉทาทิภาวํ วินา อตฺตโน สภาเวเนว กมฺมาทีหิ ปจฺจเยหิ นิปฺผนฺนตฺตา นิปฺผรูปํ นาม. รุปฺปนสภาโว รูปํ, เตน ยุตฺตมฺปิ รูปํ, ยถา ‘‘อริสโส, นีลุปฺปล’’นฺติ, สฺวายํ รูป-สทฺโท รุฬฺหิยา อตํสภาเวปิ ปวตฺตตีติ อปเรน รูป-สทฺเทน วิเสเสตฺวา ‘‘รูปรูป’’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ. ปริจฺเฉทาทิภาวํ อติกฺกมิตฺวา สภาเวเนว อุปลพฺภนโต ลกฺขณตฺตยาโรปเนน สมฺมสิตุํ อรหตฺตา สมฺมสนรูปํ.
๑๒. น กสฺสตีติ อกาโส. อกาโสเยว อากาโส, นิชฺชีวฏฺเน ธาตุ จาติ อากาสธาตุ. จกฺขุทสกาทิเอเกกกลาปคตรูปานํ กลาปนฺตเรหิ อสํกิณฺณภาวาปาทนวเสน ปริจฺเฉทกํ, เตหิ วา ปริจฺฉิชฺชมานํ, เตสํ ปริจฺเฉทมตฺตํ วา รูปํ ปริจฺเฉทรูปํ. ตฺหิ ตํ ตํ รูปกลาปํ ปริจฺฉินฺทนฺตํ วิย โหติ. วิชฺชมาเนปิ จ กลาปนฺตรภูเตหิ กลาปนฺตรภูตานํ สมฺผุฏฺภาเว ตํตํรูปวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโส. เยสฺจ โส ปริจฺเฉโท, เตหิ สยํ อสมฺผุฏฺโเยว. อฺถา ปริจฺฉินฺนตา น สิยา เตสํ รูปานํ พฺยาปีภาวาปตฺติโต. อพฺยาปิตา ¶ หิ อสมฺผุฏฺตา. เตนาห ภควา ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗).
๑๓. จลมานกาเยน อธิปฺปายํ วิฺาเปติ, สยฺจ เตน วิฺายตีติ กายวิฺตฺติ. สวิฺาณกสทฺทสงฺขาตวาจาย อธิปฺปายํ วิฺาเปติ, สยฺจ ตาย วิฺายตีติ วจีวิฺตฺติ. ตตฺถ อภิกฺกมาทิชนกจิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุยา สหชาตรูปสนฺถมฺภนสนฺธารณจลิเตสุ ¶ สหการีการณภูโต ผนฺทมานกายผนฺทนตํเหตุกวาโยธาตุวินิมุตฺโต มหนฺตํ ปาสาณํ อุกฺขิปนฺตสฺส สพฺพถาเมน คหณกาเล อุสฺสาหนวิกาโร วิย รูปกายสฺส ปริผนฺทนปจฺจยภาเวน อุปลพฺภมาโน วิกาโร กายวิฺตฺติ. สา หิ ผนฺทมานกาเยน อธิปฺปายํ วิฺาเปติ. น หิ วิฺตฺติวิการรหิเตสุ รุกฺขจลนาทีสุ ‘‘อิทเมส กาเรตี’’ติ อธิปฺปายคฺคหณํ ทิฏฺนฺติ. หตฺถจลนาทีสุ จ ผนฺทมานกายคฺคหณานนฺตรํ อวิฺายมานนฺตเรหิ มโนทฺวารชวเนหิ คยฺหมานตฺตา สยฺจ กาเยน วิฺายติ.
กถํ ปน วิฺตฺติวเสน หตฺถจลนาทโย โหนฺตีติ? วุจฺจเต – เอกาวชฺชนวีถิยํ สตฺตสุ ชวเนสุ สตฺตมชวนสมุฏฺานวาโยธาตุ วิฺตฺติวิการสหิตาว ปมชวนาทิสมุฏฺานาหิ วาโยธาตูหิ ลทฺโธปตฺถมฺภา เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยติ จิตฺตชํ, ปุริมชวนาทิสมฺภูตา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตกรา ตสฺส อุปการาย โหนฺตีติ. ยถา หิ สตฺตหิ ยุเคหิ อากฑฺฒิตพฺพสกเฏ สตฺตมยุคยุตฺตาเยว โคณา เหฏฺา ฉสุ ยุเคสุ ยุตฺตโคเณหิ ลทฺธูปตฺถมฺภา สกฏํ จาเลนฺติ, ปมยุคาทิยุตฺตา ปน อุปตฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตเมว สาเธนฺตา เตสํ อุปการาย โหนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
เทสนฺตรุปฺปตฺติเยว ¶ เจตฺถ จลนํ อุปฺปนฺนเทสโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ธมฺมานํ สงฺกมนาภาวโต. อิตรถา เนสํ อพฺยาปารกตา, ขณิกตา จ น สิยา. เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโวติ จ ยถา อตฺตนา สหชรูปานิ เหฏฺิมชวนสมุฏฺิตรูเปหิ ปติฏฺิตฏฺานโต อฺตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ เตหิ สห ตตฺถ อุปฺปตฺติเยวาติ ทฏฺพฺพํ, เอตฺถ ปน จิตฺตเช จลิเต ตํสมฺพนฺเธน อิตรมฺปิ จลติ นทีโสเต ปกฺขิตฺตสุกฺขโคมยปิณฺฑํ วิย. ตถา จลยิตุํ อสกฺโกนฺติ โยปิ ปมชวนาทิสมุฏฺานวาโยธาตุโย วิฺตฺติวิการสหิตาเยว เยน ทิสาภาเคน อยํ อภิกฺกมาทีนิ ปวตฺเตตุกาโม, ตทภิมุขภาววิการสมฺภวโต. เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตํ วกฺขติ. วจีเภทกรจิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุยา อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานคตอุปาทินฺนรูเปหิ สห ฆฏฺฏนปจฺจยภูโต เอโก วิกาโร วจีวิฺตฺติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ กายวิฺตฺติยํ วุตฺตนเยน ทฏฺพฺพํ.
อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ‘‘ผนฺทมานกายคฺคหณานนฺตร’’นฺติ วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘สุยฺยมานสทฺทสวนานนฺตร’’นฺติ โยเชตพฺพํ. อิธ จ สนฺถมฺภนาทีนํ อภาวโต สตฺตมชวนสมุฏฺิตาตฺยาทินโย ¶ น ลพฺภติ. ฆฏฺฏเนน หิ สทฺธึเยว สทฺโท อุปฺปชฺชติ. ฆฏฺฏนฺจ ปมชวนาทีสุปิ ลพฺภเตว. เอตฺถ จ ยถา อุสฺสาเปตฺวา พทฺธโคสีสตาลปณฺณาทิรูปานิ ทิสฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา โคสีสาทีนํ อุทกสหจาริตปฺปการํ สฺาณํ คเหตฺวา อุทกคฺคหณํ โหติ, เอวํ วิปฺผนฺทมานสมุจฺจาริยมานกายสทฺเท คเหตฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธูปนิสฺสยาย สาธิปฺปายวิการคฺคหณํ โหตีติ อยํ ทฺวินฺนํ สาธารณา อุปมา.
๑๔. ลหุภาโว ¶ ลหุตา. มุทุภาโว มุทุตา. กมฺมฺภาโว กมฺมฺตา. ยถากฺกมฺเจตา อโรคิโน วิย รูปานํ อครุตา สุปริมทฺทิตจมฺมสฺส วิย อกถินตา สุธนฺตสุวณฺณสฺส วิย สรีรกิริยานํ อนุกูลภาโวติ ทฏฺพฺพํ. อฺมฺํ อวิชหนฺตสฺสปิ หิ ลหุตาทิตฺตยสฺส ตํตํวิการาธิกรูเปหิ นานตฺตํ วุจฺจติ, ทนฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฺปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺาโน หิ รูปวิกาโร ลหุตา. ถทฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฺปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺาโน มุทุตา. สรีรกิริยานํ อนนุกูลภาวกรธาตุกฺโขภปฺปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺาโน กมฺมฺตาติ.
๑๕. อุปจยนํ อุปจโย, ปมจโยตฺยตฺโถ ‘‘อุปฺตฺต’’นฺตฺยาทีสุ วิย อุป-สทฺทสฺส ปมตฺถโชตนโต. สนฺตาโน สนฺตติ, ปพนฺโธตฺยตฺโถ. ตตฺถ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว จกฺขาทิทสกานํ อุปฺปตฺติ, เอตฺถนฺตเร รูปุปฺปาโท อุปจโย นาม. ตโต ปรํ สนฺตติ นาม. ยถาสกํ ขณมตฺตฏฺายีนํ รูปานํ นิโรธาภิมุขภาววเสน ชีรณํ ชรา, สาเยว ชรตา, นิจฺจธุวภาเวน น อิจฺจํ อนุปคนฺตพฺพนฺติ อนิจฺจํ, ตสฺส ภาโว อนิจฺจตา, รูปปริเภโท. ลกฺขณรูปํ นาม ธมฺมานํ ตํตํอวตฺถาวเสน ลกฺขณเหตุตฺตา.
๑๖. ชาติรูปเมวาติ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย รูปานํ ขเณ ขเณ อุปฺปตฺติภาวโต ชาติสงฺขาตํ รูปุปฺปตฺติภาเวน จตุสนฺตติรูปปฺปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา รูปสมฺมตฺจ ชาติรูปเมว อุปจยสนฺตติภาเวน ปวุจฺจติ ปมุปรินิจฺจตฺตสงฺขาตปฺปวตฺติอาการเภทโต เวเนยฺยวเสน ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. ๖๔๒) วิภชิตฺวา วุตฺตตฺตา. เอวฺจ กตฺวา ตาสํ นิทฺเทเส อตฺถโต อเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย อายตนานํ อาจโย, โส รูปสฺส อุปจโย. โย รูปสฺส อุปจโย, สา ¶ รูปสฺส สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. ๖๔๑-๖๔๒) วุตฺตํ. เอกาทสวิธมฺปีติ สภาคสงฺคหวเสน เอกาทสปฺปการมฺปิ.
๑๗. จตฺตาโร ¶ ภูตา, ปฺจ ปสาทา, จตฺตาโร วิสยา, ทุวิโธ ภาโว, หทยรูปมิจฺจปิ อิทํ ชีวิตาหารรูเปหิ ทฺวีหิ สห อฏฺารสวิธํ, ตถา ปริจฺเฉโท จ ทุวิธา วิฺตฺติ, ติวิโธ วิกาโร, จตุพฺพิธํ ลกฺขณนฺติ รูปานํ ปริจฺเฉทวิการาทิภาวํ วินา วิสุํ ปจฺจเยหิ อนิพฺพตฺตตฺตา อิเม อนิปฺผนฺนา ทส เจติ อฏฺวีสติวิธํ ภเว.
รูปสมุทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
รูปวิภาควณฺณนา
๑๘. อิทานิ ยถาอุทฺทิฏฺรูปานํ เอกวิธาทินยทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺพฺจ ปเนต’’นฺตฺยาทิ วุตฺตํ. สมฺปยุตฺตสฺส อโลภาทิเหตุโน อภาวา อเหตุกํ. ยถาสกํ ปจฺจยวนฺตตาย สปฺปจฺจยํ. อตฺตานํ อารพฺภ ปวตฺเตหิ กามาสวาทีหิ สหิตตฺตา สาสวํ. ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตตฺตา สงฺขตํ. อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาเต โลเก นิยุตฺตตาย โลกิยํ. กามตณฺหาย อวจริตตฺตา กามาวจรํ. อรูปธมฺมานํ วิย กสฺสจิ อารมฺมณสฺส อคฺคหณโต นาสฺส อารมฺมณนฺติ อนารมฺมณํ. ตทงฺคาทิวเสน ปหาตพฺพตาภาวโต อปฺปหาตพฺพํ. อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘อพฺยากต’’นฺตฺยาทิกํ สพฺพํ เอกวิธนยํ สงฺคณฺหาติ.
๑๙. อชฺฌตฺติกรูปํ อตฺตภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา. กามํ อฺเปิ หิ อชฺฌตฺตสมฺภูตา อตฺถิ, รุฬฺหีวเสน ปน จกฺขาทิกํเยว อชฺฌตฺติกํ. อถ วา ‘‘ยทิ มยํ น โหม, ตฺวํ กฏฺกลิงฺครูปโม ภวิสฺสสี’’ติ วทนฺตา วิย อตฺตภาวสฺส ¶ สาติสยํ อุปการตฺตา จกฺขาทีเนว วิเสสโต อชฺฌตฺติกานิ นาม. อตฺตสงฺขาตํ วา จิตฺตํ อธิกิจฺจ ตสฺส ทฺวารภาเวน ปวตฺตตีติ อชฺฌตฺตํ, ตเทว อชฺฌตฺติกํ. ตโต พหิภูตตฺตา อิตรํ เตวีสติวิธํ พาหิรรูปํ.
๒๐. อิตรํ พาวีสติวิธํ อวตฺถุรูปํ.
๒๒. อฏฺวิธมฺปิ ¶ อินฺทฺริยรูปํ ปฺจวิฺาเณสุ ลิงฺคาทีสุ สหชรูปปริปาลเน จ อาธิปจฺจโยคโต. ปสาทรูปสฺส หิ ปฺจวิธสฺส จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาธิปจฺจํ อตฺตโน ปฏุมนฺทาทิภาเวน เตสมฺปิ ปฏุมนฺทาทิภาวาปาทนโต. ภาวทฺวยสฺสาปิ อิตฺถิลิงฺคาทีสุ อาธิปจฺจํ ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานานมฺปิ เตสํ เยภุยฺเยน สภาวกสนฺตาเนเยว ตํตทากาเรน อุปฺปชฺชนโต, น ปน อินฺทฺริยปจฺจยภาวโต. ชีวิตสฺส จ กมฺมชปริปาลเน อาธิปจฺจํ เตสํ ยถาสกํ ขณฏฺานสฺส ชีวิตินฺทฺริยปฺปฏิพทฺธตฺตา. สยฺจ อตฺตนา ปิตธมฺมสมฺพนฺเธเนว ปวตฺตติ นาวิโก วิย.
๒๓. วิสยวิสยิภาวปฺปตฺติวเสน ถูลตฺตา โอฬาริกรูปํ. ตโตเยว คหณสฺส สุกรตฺตา สนฺติเกรูปํ อาสนฺนรูปํ นาม. โย สยํ, นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ, อสมฺปตฺตานฺจ ปฏิมุขภาโว อฺมฺปตนํ, โส ปฏิโฆ วิยาติ ปฏิโฆ. ยถา หิ ปฏิฆาเต สติ ทุพฺพลสฺส จลนํ โหติ, เอวํ อฺมฺํ ปฏิมุขภาเว สติ อรูปสภาวตฺตา ทุพฺพลสฺส ภวงฺคสฺส จลนํ โหติ. ปฏิโฆ ยสฺส อตฺถิ ตํ สปฺปฏิฆํ. ตตฺถ สยํ สมฺปตฺติ โผฏฺพฺพสฺส, นิสฺสยวเสน สมฺปตฺติ ฆานชิวฺหากายคนฺธรสานํ, อุภยถาปิ อสมฺปตฺติ จกฺขุโสตรูปสทฺทานนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิตรํ โสฬสวิธํ โอฬาริกตาทิสภาวาภาวโต สุขุมรูปาทิกํ.
๒๔. กมฺมโต ¶ ชาตํ อฏฺารสวิธํ อุปาทินฺนรูปํ ตณฺหาทิฏฺีหิ อุเปเตน กมฺมุนา อตฺตโน ผลภาเวน อาทินฺนตฺตา คหิตตฺตา. อิตรํ อคฺคหิตคฺคหเณนทสวิธํ อนุปาทินฺนรูปํ.
๒๕. ทฏฺพฺพภาวสงฺขาเตน นิทสฺสเนน สห วตฺตตีติ สนิทสฺสนํ. จกฺขุวิฺาณโคจรภาโว หิ นิทสฺสนนฺติ วุจฺจติ ตสฺส จ รูปายตนโต อนฺตฺเตปิ อฺเหิ ธมฺเมหิ ตํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา วตฺตุํ วฏฺฏตีติ สห นิทสฺสเนน สนิทสฺสนนฺติ. ธมฺมภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร วิเสโส, โส อฺโ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุตฺโต. เอวฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหติ.
๒๖. อสมฺปตฺตวเสนาติ อตฺตานํ อสมฺปตฺตสฺส โคจรสฺส วเสน, อตฺตนา วิสยปฺปเทสํ วา อสมฺปตฺตวเสน. จกฺขุโสตานิ หิ รูปสทฺเทหิ อสมฺปตฺตานิ, สยํ วา ตานิ อสมฺปตฺตาเนว อารมฺมณํ คณฺหนฺติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘จกฺขุโสตํ ¶ ปเนเตสุ, โหตาสมฺปตฺตคาหกํ;
วิฺาณุปฺปตฺติเหตุตฺตา, สนฺตราธิกโคจเร.
‘‘ตถา หิ ทูรเทสฏฺํ, ผลิกาทิติโรหิตํ;
มหนฺตฺจ นคาทีนํ, วณฺณํ จกฺขุ อุทิกฺขติ.
‘‘อากาสาทิคโต กุจฺฉิ-จมฺมานนฺตริโกปิ จ;
มหนฺโต จ ฆณฺฏาทีนํ, สทฺโท โสตสฺส โคจโร.
‘‘คนฺตฺวา วิสยเทสํ ตํ, ผริตฺวา คณฺหตีติ เจ;
อธิฏฺานวิธาเนปิ, ตสฺส โส โคจโร สิยา.
‘‘ภูตปฺปพนฺธโต โส เจ, ยาติ อินฺทฺริยสนฺนิธึ;
กมฺมจิตฺโตชสมฺภูโต, วณฺโณ สทฺโท จ จิตฺตโช.
‘‘น เตสํ โคจรา โหนฺติ, น หิ สมฺโภนฺติ เต พหิ;
วุตฺตา จ อวิเสเสน, ปาเ ตํวิสยาว เต.
‘‘ยทิ ¶ เจตํ ทฺวยํ อตฺตสมีปํเยว คณฺหติ;
อกฺขิวณฺณํ ตถา มูลํ, ปสฺเสยฺย ภมุกสฺส จ.
‘‘ทิสาเทสววตฺถานํ, สทฺทสฺส น ภเวยฺย จ;
สิยา จ สรเวธิสฺส, สกณฺเณ สรปาตน’’นฺติ.
โคจรคฺคาหิกรูปํ วิฺาณาธิฏฺิตํ หุตฺวา ตํตํโคจรคฺคหณสภาวตฺตา. อิตรํ เตวีสติวิธํ อโคจรคฺคาหิกรูปํ โคจรคฺคหณาภาวโต.
๒๗. วณฺณิตพฺโพ ทฏฺพฺโพติ วณฺโณ. อตฺตโน อุทยานนฺตรํ รูปํ ชเนตีติ โอชา. อวินิพฺโภครูปํ ¶ กตฺถจิปิ อฺมฺํ วินิภฺุชนสฺส วิสุํ วิสุํ ปวตฺติยา อภาวโต. รูปโลเก คนฺธาทีนํ อภาววาทิมตมฺปิ หิ ตตฺถ ตตฺถ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗; วิภ. อนุฏี. ๒๒๗) อาจริเยหิ ปฏิกฺขิตฺตเมว.
๒๘. อิจฺเจวนฺติ เอตฺถปิ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน อิธ อนาคตมฺปิ สพฺพํ ทุกติกาทิเภทํ สงฺคณฺหาติ.
รูปวิภาควณฺณนา นิฏฺิตา.
รูปสมุฏฺานนยวณฺณนา
๒๙. กานิ ปน ตานิ กมฺมาทีนิ, กถํ, กตฺถ, กทา จ รูปสมุฏฺานานีติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ตฺยาทิ. ปฏิสนฺธิมุปาทายาติ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขณํ อุปาทาย. ขเณ ขเณติ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ, นิรนฺตรเมวาติ วุตฺตํ โหติ. อปเร ปน จิตฺตสฺส ิติกฺขณํ (วิภ. มูลฏี. ๒๐ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา), ภงฺคกฺขเณ จ รูปุปฺปาทํ (วิภ. มูลฏี. ๒๐ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา) ปฏิเสเธนฺติ. ตตฺถ กิฺจาปิ ิติกฺขณาภาเว เตสํ อุปปตฺติ เจว ตตฺถ วตฺตพฺพฺจ เหฏฺา กถิตเมว, อิธาปิ ¶ ปน ภงฺคกฺขเณ รูปุปฺปาทาภาเว อุปปตฺติยา ตตฺถ วตฺตพฺเพน จ สห สุขคฺคหณตฺถํ สงฺคเหตฺวา วุจฺจติ –
‘‘อุปฺปนฺนุปฺปชฺชมานนฺติ, วิภงฺเค เอวมาทินํ;
ภงฺคกฺขณสฺมึ อุปฺปนฺนํ, โน จ อุปฺปชฺชมานกํ.
‘‘อุปฺปชฺชมานมุปฺปาเท, อุปฺปนฺนฺจาติอาทินา;
ภงฺคุปฺปาทาว อกฺขาตา, น จิตฺตสฺส ิติกฺขโณ.
‘‘‘อุปฺปาโท ¶ จ วโย เจว, อฺถตฺตํ ิตสฺส จ;
ปฺายตี’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗) วุตฺตตฺตา, ิติ อตฺถีติ เจ มตํ.
‘‘อฺถตฺตสฺส เอกสฺมึ, ธมฺเม อนุปลทฺธิโต;
ปฺาณวจนา เจว, ปพนฺธฏฺิติ ตตฺถปิ.
‘‘วุตฺตา ตสฺมา น จิตฺตสฺส, ิติ ทิสฺสติ ปาฬิยํ;
อภิธมฺเม อภาโวปิ, นิเสโธเยว สพฺพถา.
‘‘ยทา สมุทโย ยสฺส, นิรุชฺฌติ ตทาสฺส กึ;
ทุกฺขมุปฺปชฺชตีตฺเยตฺถ, ปฺเห โนติ นิเสธโต.
‘‘รูปุปฺปาโท น ภงฺคสฺมึ, ตสฺมา สพฺเพปิ ปจฺจยา;
อุปฺปาเทเยว จิตฺตสฺส, รูปเหตูติ เกจน.
‘‘วุจฺจเต ตตฺถ เอกสฺมึ, ธมฺเมเยว ยถา มตา;
อุปฺปาทาวตฺถโต ภินฺนา, ภงฺคาวตฺถา ตเถว ตุ.
‘‘ภงฺคสฺสาภิมุขาวตฺถา, อิจฺฉิตพฺพา อยํ ิติ;
นยทสฺสนโต เอสา, วิภงฺเค น ตุ เทสิตา.
‘‘ลกฺขณํ สงฺขตสฺเสว, วตฺตุมุปฺปาทอาทินํ;
เทสิตตฺตา น ตตฺถาปิ, ปพนฺธสฺส ิตีริตา.
‘‘อุปสคฺคสฺส ธาตูนมตฺเถเยว ปวตฺติโต;
ปฺายตีติ เจตสฺส, อตฺโถ วิฺายเต อิติ.
‘‘ภงฺเค ¶ ¶ รูปสฺส นุปฺปาโท, จิตฺตชานํ วเสน วา;
อารุปฺปํวาภิสนฺธาย, ภาสิโต ยมกสฺส หิ.
‘‘สภาโวยํ ยถาลาภ-โยชนาติ ตโต นหิ;
น จิตฺตฏฺิติ ภงฺเค จ, น รูปสฺส อสมฺภโว’’ติ.
๓๑. รูปวิราคภาวนานิพฺพตฺตตฺตา เหตุโน ตพฺพิธุรตาย, อโนกาสตาย จ อรูปวิปากา, รูปชนเน วิเสสปจฺจเยหิ ฌานงฺเคหิ สมฺปโยคาภาวโต ทฺวิปฺจวิฺาณานิ จาติ จุทฺทส จิตฺตานิ รูปํ น สมุฏฺาเปนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อารุปฺปวิปากทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิต’’นฺติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, ปน จุติจิตฺตฺจ เอกูนวีสติ ภวงฺคสฺเสว อนฺโตคธตฺตา จิตฺตนฺตรํ น โหตีติ น ตสฺส วชฺชนํ กตํ. กิฺจาปิ น กตํ, ปจฺฉาชาตปจฺจยรหิตํ, ปน อาหาราทีหิ จ อนุปตฺถทฺธํ ทุพฺพลวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตตฺตา, อตฺตโน จ อาคนฺตุกตาย กมฺมชรูเปหิ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ านํ คเหตฺวา ิตตฺตา จ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ รูปสมุฏฺาปกํ น โหติ. จุติจิตฺเต ปน อฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๓๖; วิภ. อฏฺ. ๒๖ ปกิณฺณกกถา) ตาว ‘‘วูปสนฺตวฏฺฏมูลสฺมึ สนฺตาเน สาติสยํ สนฺตวุตฺติตาย ขีณาสวสฺเสว จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตี’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๖๓๖) วุตฺตํ. อานนฺทาจริยาทโย ปน ‘‘สพฺเพสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตี’’ติ วทนฺติ. วินิจฺฉโย ปน เนสํ สงฺเขปโต มูลฏีกาทีสุ, วิตฺถารโต จ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยํ วุตฺตนเยน ทฏฺพฺโพ. ปมภวงฺคมุปาทายาติ ปฏิสนฺธิยา อนนฺตรนิพฺพตฺตปมภวงฺคโต ปฏฺาย. ชายนฺตเมว สมุฏฺาเปติ, น ปน ิตํ, ภิชฺชมานํ วา อนนฺตราทิปจฺจยลาเภน อุปฺปาทกฺขเณเยว ชนกสามตฺถิยโยคโต.
๓๒. อิริยาย กายิกกิริยาย ปวตฺติปถภาวโต อิริยาปโถ, คมนาทิ, อตฺถโต ตทวตฺถา รูปปฺปวตฺติ. ตมฺปิ ¶ สนฺธาเรติ ยถาปวตฺตํ อุปตฺถมฺเภติ. ยถา หิ วีถิจิตฺเตหิ อพฺโพกิณฺเณ ภวงฺเค ปวตฺตมาเน องฺคานิ โอสีทนฺติ, น เอวเมเตสุ ทฺวตฺตึสวิเธสุ, วกฺขมาเนสุ จ ฉพฺพีสติยา ชาครณจิตฺเตสุ ปวตฺตมาเนสุ. ตทา ปน องฺคานิ อุปตฺถทฺธานิ ยถาปวตฺตอิริยาปถภาเวเนว ปวตฺตนฺติ.
๓๓. วิฺตฺติมฺปิ สมุฏฺาเปนฺติ, น เกวลํ รูปิริยาปถาเนว. อวิเสสวจเนปิ ปเนตฺถ มโนทฺวารปฺปวตฺตาเนว ¶ โวฏฺพฺพนชวนานิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกานิ, ตถา หาสชนกานิ จ ปฺจทฺวารปฺปวตฺตานํ ปริทุพฺพลภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. กามฺเจตฺถ รูปวินิมุตฺโต อิริยาปโถ, วิฺตฺติ วา นตฺถิ, ตถาปิ น สพฺพํ รูปสมุฏฺาปกํ จิตฺตํ อิริยาปถูปตฺถมฺภกํ, วิฺตฺติวิการชนกฺจ โหติ. ยํ ปน จิตฺตํ วิฺตฺติชนกํ, ตํ เอกํสโต อิริยาปถูปตฺถมฺภกํ อิริยาปถสฺส วิฺตฺติยา สห อวินาภาวโต. อิริยาปถูปตฺถมฺภกฺจ รูปชนกนฺติ อิมสฺส วิเสสทสฺสนตฺถํ รูปโต อิริยาปถวิฺตฺตีนํ วิสุํ คหณํ.
๓๔. เตรสาติ กุสลโต จตฺตาริ, อกุสลโต จตฺตาริ, กิริยโต ปฺจาติ เตรส. เตสุ หิ ปุถุชฺชนา อฏฺหิ กุสลากุสเลหิ หสนฺติ, เสกฺขา ทิฏฺิสหคตวชฺชิเตหิ, อเสกฺขา ปน ปฺจหิ กิริยจิตฺเตหิ, ตตฺถาปิ พุทฺธา จตูหิ สเหตุกกิริยจิตฺเตเหว หสนฺติ, น อเหตุเกน ‘‘อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตาณํ ปตฺวา อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตี’’ติ วจนโต (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕). น หิ วิจารณปฺารหิตสฺส หสิตุปฺปาทสฺส พุทฺธานํ ปวตฺติ ยุตฺตาติ วทนฺติ. หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปน ปวตฺติยมานมฺปิ เตสํ สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาสอนาคตํสสพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยวาติ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ ¶ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๖๘) ‘‘เตสํ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ หาสยมานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา น ตสฺส พุทฺธานํ ปวตฺติ สกฺกา นิวาเรตุํ.
๓๕. ปจฺฉาชาตาทิปจฺจยูปตฺถมฺภลาเภน ิติกฺขเณเยว อุตุโอชานํ พลวภาโวติ วุตฺตํ ‘‘เตโชธาตุ ิติปฺปตฺตา’’ตฺยาทิ.
๓๗. ตตฺถ หทยอินฺทฺริยรูปานิ นว กมฺมโตเยว ชาตตฺตา กมฺมชาเนว. ยฺหิ ชาตํ, ชายติ, ชายิสฺสติ จ, ตํ ‘‘กมฺมช’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ทุทฺธนฺติ.
๔๐. ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยาเปกฺขตฺตา ลหุตาทิตฺตยํ กมฺมชํ น โหติ, อิตรถา สพฺพทาภาวีหิ ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘ลหุตาทิตฺตยํ อุตุจิตฺตาหาเรหิ สมฺโภตี’’ติ.
๔๓. เอกนฺตกมฺมชานิ ¶ นว, จตุเชสุ กมฺมชานิ นวาติ อฏฺารส กมฺมชานิ, ปฺจวิการรูปสทฺทอวินิพฺโภครูปอากาสวเสน ปนฺนรส จิตฺตชานิ, สทฺโท, ลหุตาทิตฺตยํ, อวินิพฺโภคากาสรูปานิ นวาติ เตรส อุตุชานิ, ลหุตาทิตฺตยอวินิพฺโภคากาสวเสน ทฺวาทส อาหารชานิ.
๔๔. เกวลํ ชายมานาทิรูปานํ ชายมานปริปจฺจมานภิชฺชมานรูปานํ สภาวตฺตา สภาวมตฺตํ วินา อตฺตโน ชาติอาทิลกฺขณาภาวโต ลกฺขณานิ เกหิจิ ปจฺจเยหิ น ชายนฺตีติ ปกาสิตํ. อุปฺปาทาทิยุตฺตานฺหิ จกฺขาทีนํ ชาติอาทีนิ ลกฺขณานิ วิชฺชนฺติ, น เอวํ ชาติอาทีนํ. ยทิ เตสมฺปิ ชาติอาทีนิ สิยุํ, เอวํ อนวตฺถานเมว อาปชฺเชยฺย. ยํ ปน ‘‘รูปายตนํ…เป… กพฬีกาโร อาหาโร. อิเม ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานา’’ตฺยาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๐๑) ชาติยา กุโตจิชาตตฺตํ อนฺุาตํ ¶ , ตมฺปิ รูปชนกปจฺจยานํ รูปุปฺปาทนํ ปติ อนุปรตพฺยาปารานํ ปจฺจยภาวูปคมนกฺขเณ ชายมานธมฺมวิการภาเวน อุปลพฺภมานตํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ. ยมฺปิ ‘‘ชาติ, ภิกฺขเว, อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา. ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ วจนํ (สํ. นิ. ๒.๒๐), ตตฺถาปิ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ลกฺขณภาวโตติ อยเมตฺถาภิสนฺธิ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ปาเ กุโตจิ ชาตตฺตํ, ชาติยา ปริยายโต;
สงฺขตานํ สภาวตฺตา, ตีสุ สงฺขตโตทิตา’’ติ.
รูปสมุฏฺานนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
กลาปโยชนาวณฺณนา
๔๕. ยสฺมา ปเนตานิ รูปานิ กมฺมาทิโต อุปฺปชฺชมานานิปิ น เอเกกํ สมุฏฺหนฺติ, อถ โข ปิณฺฑโตว. ตสฺมา ปิณฺฑานํ คณนปริจฺเฉทํ, สรูปฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกุปฺปาทา’’ตฺยาทิ วุตฺตํ ¶ . สหวุตฺติโนติ วิสุํ วิสุํ กลาปคตรูปวเสน สหวุตฺติโน, น สพฺพกลาปานํ อฺมฺํ สหุปฺปตฺติวเสน.
๔๖. ทส ปริมาณา อสฺสาติ ทสกํ, สมุทายสฺเสตํ นามํ, จกฺขุนา อุปลกฺขิตํ, ตปฺปธานํ วา ทสกํ จกฺขุทสกํ. เอวํ เสเสสุปิ.
๔๗. วจีวิฺตฺติคฺคหเณน สทฺโทปิ สงฺคหิโต โหติ ตสฺสา ตทวินาภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วจีวิฺตฺติทสก’’นฺติ.
๕๐. กึ ¶ ปเนเต เอกวีสติ กลาปา สพฺเพปิ สพฺพตฺถ โหนฺติ, อุทาหุ เกจิ กตฺถจีติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ตฺยาทิ.
กลาปโยชนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
รูปปวตฺติกฺกมวณฺณนา
๕๒. อิทานิ เนสํ สมฺภววเสน, ปวตฺติปฏิสนฺธิวเสน, โยนิวเสน จ ปวตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพานิปิ ปเนตานี’’ตฺยาทิ วุตฺตํ. ยถารหนฺติ สภาวกปริปุณฺณายตนานํ อนุรูปโต.
๕๓. กมลกุหรคพฺภมลาทิสํเสทฏฺาเนสุ ชาตา สํเสทชา. อุปปาโต เนสํ อตฺถีติ โอปปาติกา, อุกฺกํสคติปริจฺเฉทวเสน เจตฺถ วิสิฏฺอุปปาโต คหิโต ยถา ‘‘อภิรูปสฺส กฺา ทาตพฺพา’’ติ. สตฺต ทสกานิ ปาตุภวนฺติ ปริปุณฺณายตนภาเวน อุปลพฺภนโต. กทาจิ น ลพฺภนฺติ ชจฺจนฺธชจฺจพธิรชจฺจาฆานนปุํสกอาทิกปฺปิกานํ วเสน. ตตฺถ สุคติยํ มหานุภาเวน กมฺมุนา นิพฺพตฺตมานานํ โอปปาติกานํ อินฺทฺริยเวกลฺลาโยคโต จกฺขุโสตฆานาลาโภ สํเสทชานํ, ภาวาลาโภ ปมกปฺปิกโอปปาติกานํ วเสนปิ. ทุคฺคติยํ ปน จกฺขุโสตภาวาลาโภ ทฺวินฺนมฺปิ วเสน, ฆานาลาโภ สํเสทชานเมว วเสน, น โอปปาติกานํ ¶ วเสนาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ธมฺมหทยวิภงฺเค ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทส, กสฺสจิ อปรานิปิ ทส, กสฺสจิ นว, กสฺสจิ สตฺตา’’ติ (วิภ. ๑๐๐๗) วจนโต ปริปุณฺณินฺทฺริยสฺส โอปปาติกสฺส สทฺทายตนวชฺชิตานิ เอกาทสายตนานิ วุตฺตานิ. อนฺธสฺส จกฺขายตนวชฺชิตานิ ¶ ทส, ตถา พธิรสฺส โสตายตนวชฺชิตานิ, อนฺธพธิรสฺส ตทุภยวชฺชิตานิ นว, คพฺภเสยฺยกสฺส จกฺขุโสตฆานชิวฺหาสทฺทายตนวชฺชิตานิสตฺตายตนานิ วุตฺตานิ. ยทิ ปน อฆานโกปิ โอปปาติโก สิยา, อนฺธพธิราฆานกานํ วเสน ติกฺขตฺตุํ ทส, อนฺธพธิรอนฺธาฆานกพธิราฆานกานํ วเสน ติกฺขตฺตุํ นว, อนฺธพธิราฆานกสฺส วเสน จ อฏฺ อายตนานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ, น ปเนวํ วุตฺตานิ. ตสฺมา นตฺถิ โอปปาติกสฺส ฆานเวกลฺลนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ ยมกฏฺกถายํ ‘‘อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, กสฺสจิ อฏฺายตนานีติ วเทยฺยา’’ติ (ยม. อฏฺ. อายตนยมก. ๑๘-๒๑).
สํเสทชานํ ปน ฆานาภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ’’ตฺยาทิปาฬิยา (วิภ. ๑๐๐๗) โอปปาติกโยนิเมว สนฺธาย, สตฺตายตนคฺคหณสฺส จ อฺเสํ อสมฺภวโต คพฺภเสยฺยกเมว สนฺธาย วุตฺตตฺตา. ยํ ปน ‘‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’’ติ อฏฺกถาวจนํ, ตมฺปิ ปริปุณฺณายตนํเยว สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคหวเสน วุตฺตํ. อปเร ปน ยมเก ฆานชิวฺหานํ สหจาริตา วุตฺตาติ อชิวฺหสฺส อสมฺภวโต อฆานกสฺสปิ อภาวเมว วณฺเณนฺติ, ตตฺถาปิ ยถา จกฺขุโสตานิ รูปภเว ฆานชิวฺหาหิ วินา ปวตฺตนฺติ, น เอวํ ฆานชิวฺหา อฺมฺํ วินา ปวตฺตนฺติ ทฺวินฺนมฺปิ รูปภเว อนุปฺปชฺชนโตติ เอวํ วิสุํ วิสุํ กามภเว อปฺปวตฺติวเสน เตสํ สหจาริตา วุตฺตาติ น น สกฺกา วตฺตุนฺติ.
๕๔. คพฺเภ มาตุกุจฺฉิยํ เสนฺตีติ คพฺภเสยฺยกา, เตเยว รูปาทีสุ สตฺตตาย สตฺตาติ คพฺภเสยฺยกสตฺตา. เอเต ¶ อณฺฑชชลาพุชา. ตีณิ ทสกานิ ปาตุภวนฺติ, ยานิ ‘‘กลลรูป’’นฺติ วุจฺจนฺติ, ปริปิณฺฑิตานิ จ ตานิ ชาติอุณฺณาย เอกสฺส อํสุโน ปสนฺนติลเตเล ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏสฺส ปคฺฆริตฺวา อคฺเค ิตพินฺทุมตฺตานิ อจฺฉานิ วิปฺปสนฺนานิ. กทาจิ น ลพฺภติ อภาวกสตฺตานํ วเสน. ตโต ปรนฺติ ปฏิสนฺธิโต ปรํ. ปวตฺติกาเลติ สตฺตเม สตฺตาเห, ฏีกาการมเตน เอกาทสเม สตฺตาเห วา. กเมนาติ จกฺขุทสกปาตุภาวโต สตฺตาหาติกฺกเมน โสตทสกํ ¶ , ตโต สตฺตาหาติกฺกเมน ฆานทสกํ, ตโต สตฺตาหาติกฺกเมน ชิวฺหาทสกนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน. อฏฺกถายมฺปิ หิ อยมตฺโถ ทสฺสิโตว.
๕๕. ิติกาลนฺติ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกาลํ. ปฏิสนฺธิจิตฺตสหชาตา หิ อุตุ านปฺปตฺตา ตสฺส ิติกฺขเณ สุทฺธฏฺกํ สมุฏฺาเปติ, ตทา อุปฺปนฺนา ภงฺคกฺขเณตฺยาทินา อนุกฺกเมน อุตุ รูปํ ชเนติ. โอชาผรณมุปาทายาติ คพฺภเสยฺยกสฺส มาตุ อชฺโฌหฏาหารโต สํเสทโชปปาติกานฺจ มุขคตเสมฺหาทิโต โอชาย รสหรณีอนุสาเรน สรีเร ผรณกาลโต ปฏฺาย.
๕๖. จุติจิตฺตํ อุปริมํ เอตสฺสาติ จุติจิตฺโตปริ. กมฺมชรูปานิ น อุปฺปชฺชนฺติ ตทุปฺปตฺติยํ มรณาภาวโต. กมฺมชรูปวิจฺเฉเท หิ ‘‘มโต’’ติ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘อายุ อุสฺมา จ วิฺาณํ, ยทา กายํ ชหนฺติมํ;
อปวิทฺโธ ตทา เสติ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๓.๙๕ โถกํ วิสทิสํ);
ปุเรตรนฺติ สตฺตรสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณ. ตโตปรํ จิตฺตชาหารชรูปฺจ โวจฺฉิชฺชตีติ อชีวกสนฺตาเน เตสํ อุปฺปตฺติยา ¶ อภาวโต ยถานิพฺพตฺตํ จิตฺตชํ, อาหารชฺจ ตโต ปรํ กิฺจิ กาลํ ปวตฺติตฺวา นิรุชฺฌติ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘จิตฺตชรูปํ จุติจิตฺตโต ปุเรตรเมว โวจฺฉิชฺชตี’’ติ วณฺเณนฺติ.
๕๘. รูปโลเก ฆานชิวฺหากายานํ อภาเว การณํ วุตฺตเมว. ภาวทฺวยํ ปน พหลกามราคูปนิสฺสยตฺตา พฺรหฺมานฺจ ตทภาวโต ตตฺถ น ปวตฺตติ. อาหารชกลาปานิ จ น ลพฺภนฺติ อชฺโฌหฏาหาราภาเวน สรีรคตสฺสปิ อาหารสฺส รูปสมุฏฺาปนาภาวโต. พาหิรฺหิ อุตุํ, อาหารฺจ อุปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุตุอาหารา รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ. ชีวิตนวกนฺติ กายาภาวโต กายทสกฏฺานิยํ ชีวิตนวกํ.
๕๙. อติริจฺฉติ เสสพฺรหฺมานํ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ อุปลภิตพฺพรูปโต อวสิฏฺํ โหติ ¶ , มรณกาเล ปน พฺรหฺมานํ สรีรนิกฺเขปาภาวโต สพฺเพสมฺปิ ติสมุฏฺานานิ, ทฺวิสมุฏฺานานิ จ สเหว นิรุชฺฌนฺติ.
๖๑. รูเปสุ เตวีสติ ฆานชิวฺหากายภาวทฺวยวเสน ปฺจนฺนํ อภาวโต. เกจิ ปน ‘‘ลหุตาทิตฺตยมฺปิ เตสุ นตฺถิ ทนฺธตฺตกราทิธาตุกฺโขภาภาวโต’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ. น หิ วูปสเมตพฺพาเปกฺขา ตพฺพิโรธิธมฺมปฺปวตฺติ ตถา สติ สเหตุกกิริยจิตฺเตสุ ลหุตาทีนํ อภาวปฺปสงฺคโต. ‘‘สทฺโท วิกาโร’’ตฺยาทิ สพฺเพสมฺปิ สาธารณวเสน วุตฺตํ.
รูปปวตฺติกฺกมวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิพฺพานเภทวณฺณนา
๖๒. เอตฺตาวตา ¶ จิตฺตเจตสิกรูปานิ วิภาคโต นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ นิพฺพานํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘นิพฺพานํ ปนา’’ตฺยาทิ. ‘‘จตุมคฺคาเณน สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติ อิมินา นิพฺพานสฺส ตํตํอริยปุคฺคลานํ ปจฺจกฺขสิทฺธตํ ทสฺเสติ. ‘‘มคฺคผลานมารมฺมณภูต’’นฺติ อิมินา กลฺยาณปุถุชฺชนานํ อนุมานสิทฺธตํ. สงฺขตธมฺมารมฺมณฺหิ, ปฺตฺตารมฺมณํ วา าณํ กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสมฺภเน อสมตฺถํ, อตฺถิ จ โลเก กิเลสสมุจฺเฉทาทิ. ตสฺมา อตฺถิ สงฺขตสมฺมุติธมฺมวิปรีโต กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธิกรานํ มคฺคผลานํ อารมฺมณภูโต นิพฺพานํ นาม เอโก ธมฺโมติ สิทฺธํ. ปจฺจกฺขานุมานสิทฺธตาสนฺทสฺสเนน จ อภาวมตฺตํ นิพฺพานนฺติ วิปฺปฏิปนฺนานํ วาทํ นิเสเธตีติ อลมติปฺปปฺเจน. ขนฺธาทิเภเท เตภูมกธมฺเม เหฏฺุปริยวเสน วินนโต สํสิพฺพนโต วานสงฺขาตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตตฺตา วิสยาติกฺกมวเสน อตีตตฺตา.
๖๓. สภาวโตติ อตฺตโน สนฺติลกฺขเณน. อุปาทียติ กามุปาทาทีหีติ อุปาทิ, ปฺจกฺขนฺธสฺเสตํ อธิวจนํ, อุปาทิเยว เสโส กิเลเสหีติ อุปาทิเสโส, เตน สห วตฺตตีติ สอุปาทิเสสา ¶ , สา เอว นิพฺพานธาตูติ สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ. การณปริยาเยนาติ สอุปาทิเสสาทิวเสน ปฺาปเน การณภูตสฺส อุปาทิเสส ภาวาภาวสฺส เลเสน.
๖๔. อารมฺมณโต, สมฺปโยคโต จ ราคโทสโมเหหิ สฺุตฺตา สฺุํ, สฺุเมว สฺุตํ, ตถา ราคาทินิมิตฺตรหิตตฺตา อนิมิตฺตํ. ราคาทิปณิธิรหิตตฺตา อปฺปณิหิตํ. สพฺพสงฺขาเรหิ วา สฺุตฺตา สฺุตํ. สพฺพสงฺขารนิมิตฺตาภาวโต ¶ อนิมิตฺตํ. ตณฺหาปณิธิยา อภาวโต อปฺปณิหิตํ.
๖๕. จวนาภาวโต อจฺจุตํ. อนฺตสฺส ปริโยสานสฺส อติกฺกนฺตตฺตา อจฺจนฺตํ. ปจฺจเยหิ อสงฺขตตฺตา อสงฺขตํ. อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส อภาวโต, สหธมฺเมน วตฺตพฺพสฺส อุตฺตรสฺส วา อภาวโต อนุตฺตรํ. วานโต ตณฺหาโต มุตฺตตฺตา สพฺพโส อปคตตฺตา วานมุตฺตา. มหนฺเต สีลกฺขนฺธาทิเก เอสนฺติ คเวสนฺตีติ มเหสโย. ‘‘อิติ จิตฺต’’นฺตฺยาทิ ฉหิ ปริจฺเฉเทหิ วิภตฺตานํ จิตฺตาทีนํ นิคมนํ.
นิพฺพานเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา นาม อภิธมฺมตฺถสงฺคหวณฺณนาย
รูปปริจฺเฉทวณฺณนา นิฏฺิตา.