📜

๙. กมฺมฏฺานปริจฺเฉทวณฺณนา

. อิโต ปจฺจยนิทฺเทสโต ปรํ นีวรณานํ สมนฏฺเน สมถสงฺขาตานํ, อนิจฺจาทิวิวิธาการโต ทสฺสนฏฺเน วิปสฺสนาสงฺขาตานฺจ ทฺวินฺนํ ภาวนานํ ทุวิธมฺปิ กมฺมฏฺานํ ทุวิธภาวนากมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตาย กมฺมฏฺานภูตมารมฺมณํ อุตฺตรุตฺตรโยคกมฺมสฺส ปทฏฺานตาย กมฺมฏฺานภูตํ ภาวนาวีถิฺจ ยถากฺกมํ สมถวิปสฺสนานุกฺกเมน ปวกฺขามีติ โยชนา.

สมถกมฺมฏฺานํ

จริตเภทวณฺณนา

. ราโค ว จริตา ปกตีติ ราคจริตา. เอวํ โทสจริตาทโยปิ. จริตสงฺคโหติ มูลจริตวเสน ปุคฺคลสงฺคโห, สํสคฺควเสน ปน เตสฏฺิ จริตา โหนฺติ. วุตฺตฺหิ –

‘‘ราคาทิเก ติเก สตฺต, สตฺต สทฺธาทิเก ติเก;

เอกทฺวิติกมูลมฺหิ, มิสฺสโต สตฺตสตฺตก’’นฺติ.

เอตฺถ หิ ราคจริตา โทสจริตา โมหจริตา ราคโทสจริตา ราคโมหจริตา โทสโมหจริตา ราคโทสโมหจริตาติ เอวํ ราคาทิเก ติเก สตฺตกเมกํ. ตถา สทฺธาจริตา พุทฺธิจริตา วิตกฺกจริตา สทฺธาพุทฺธิจริตา สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกจริตา พุทฺธิวิตกฺกจริตา สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกจริตาติ สทฺธาทิเกปิ ติเก เอกนฺติ เอวํ ทฺเว ติเก อมิสฺเสตฺวา จุทฺทส จริตา โหนฺติ. ราคาทิติเก ปน เอกทฺวิติกมูลวเสน สทฺธาทิติเกน สห โยชิเต ราคสทฺธาจริตา ราคพุทฺธิจริตา ราควิตกฺกจริตา ราคสทฺธาพุทฺธิจริตา ราคสทฺธาวิตกฺกจริตา ราคพุทฺธิวิตกฺกจริตา ราคสทฺธาพุทฺธิวิตกฺกจริตาติ ราคมูลนเย เอกํ สตฺตกํ, ตถา ‘‘โทสสทฺธาจริตา โทสพุทฺธิจริตา โทสวิตกฺกจริตา’’ตฺยาทินา โทสมูลนเยปิ เอกํ, ‘‘โมหสทฺธาจริตา’’ตฺยาทินา โมหมูลนเยปิ เอกนฺติ เอวํ เอกมูลนเย สตฺตกตฺตยํ โหติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ทฺวิมูลกนเยปิ ‘‘ราคโทสสทฺธาจริตา ราคโทสพุทฺธิจริตา ราคโทสวิตกฺกจริตา’’ตฺยาทินา สตฺตกตฺตยํ. ติมูลกนเย ปน ‘‘ราคโทสโมหสทฺธาจริตา’’ตฺยาทินา เอกํ สตฺตกนฺติ เอวํ มิสฺสโต สตฺตสตฺตกวเสน เอกูนปฺาส จริตา โหนฺติ. อิติ อิมา เอกูนปฺาส, ปุริมา จ จุทฺทสาติ เตสฏฺิ จริตา ทฏฺพฺพา. เกจิ ปน ทิฏฺิยา สทฺธึ ‘‘จตุสฏฺี’’ติ วณฺเณนฺติ.

จริตเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภาวนาเภทวณฺณนา

. ภาวนาย ปฏิสงฺขารกมฺมภูตา, อาทิกมฺมภูตา วา ปุพฺพภาคภาวนา ปริกมฺมภาวนา นาม. นีวรณวิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย โคตฺรภูปริโยสานา กามาวจรภาวนา อุปจารภาวนา นาม. อปฺปนาย สมีปจาริตฺตา คามูปจาราทโย วิย. มหคฺคตภาวปฺปตฺตา อปฺปนาภาวนา นาม อปฺปนาสงฺขาตวิตกฺกปมุขตฺตา . สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ อารมฺมเณ อปฺเปนฺโต วิย ปวตฺตตีติ วิตกฺโก อปฺปนา. ตถา หิ โส ‘‘อปฺปนา พฺยปฺปนา’’ติ (ธ. ส. ๗) นิทฺทิฏฺโ. ตปฺปมุขตาวเสน ปน สพฺเพปิ มหคฺคตานุตฺตรฌานธมฺมา ‘‘อปฺปนา’’ติ วุจฺจนฺติ.

ภาวนาเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิมิตฺตเภทวณฺณนา

. ปริกมฺมสฺส นิมิตฺตํ อารมฺมณตฺตาติ ปริกมฺมนิมิตฺตํ, กสิณมณฺฑลาทิ. ตเทว จกฺขุนา ทิฏฺํ วิย มนสา อุคฺคเหตพฺพํ นิมิตฺตํ, อุคฺคณฺหนฺตสฺส วา นิมิตฺตนฺติ อุคฺคหนิมิตฺตํ. ตปฺปฏิภาคํ วณฺณาทิกสิณโทสรหิตํ นิมิตฺตํ อุปจารปฺปนานํ อารมฺมณตฺตาติ ปฏิภาคนิมิตฺตํ.

. ปถวีเยว กสิณํ เอกเทเส อฏฺตฺวา อนนฺตสฺส ผริตพฺพตาย สกลฏฺเนาติ ปถวีกสิณํ, กสิณมณฺฑลํ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ, ตทารมฺมณฺจ ฌานํ ‘ปถวีกสิณ’นฺติ วุจฺจติ. ตถา อาโปกสิณาทีสุปิ. ตตฺถ ปถวาทีนิ จตฺตาริ ภูตกสิณานิ. นีลาทีนิ จตฺตาริ วณฺณกสิณานิ, ปริจฺฉินฺนากาโส อากาสกสิณํ, จนฺทาทิอาโลโก อาโลกกสิณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

. อุทฺธํ ธุมาตํ สูนํ ฉวสรีรํ อุทฺธุมาตํ, ตเทว กุจฺฉิตฏฺเนอุทฺธุมาตกํ. เอวํ เสเสสุปิ. เสตรตฺตาทินา วิมิสฺสิตํ เยภุยฺเยน นีลวณฺณํ ฉวสรีรํ วินีลกํ วิเสสโต นีลกนฺติ กตฺวา. วิสฺสวนฺตปุพฺพกํ วิปุพฺพกํ. มชฺเฌ ทฺวิธา ฉินฺนํ วิจฺฉิทฺทกํ. โสณสิงฺคาลาทีหิ วิวิธากาเรน ขายิตํ วิกฺขายิตกํ. โสณสิงฺคาลาทีหิ วิวิเธนากาเรน ขณฺฑิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ขิตฺตํ วิกฺขิตฺตกํ. กากปทาทิอากาเรน สตฺเถน หนิตฺวา วิวิธํ ขิตฺตํ หตวิกฺขิตฺตกํ. โลหิตปคฺฆรณกํ โลหิตกํ. กิมิกุลปคฺฆรณกํ ปุฬวกํ. อนฺตมโส เอกมฺปิ อฏฺิ อฏฺิกํ.

. อนุ อนุ สรณํ อนุสฺสติ, อรหตาทิพุทฺธคุณารมฺมณา อนุสฺสติ พุทฺธานุสฺสติ. สฺวากฺขาตตาทิธมฺมคุณารมฺมณา อนุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ. สุปฺปฏิปนฺนตาทิสํฆคุณารมฺมณา อนุสฺสติ สํฆานุสฺสติ. อขณฺฑตาทินา สุปริสุทฺธสฺส อตฺตโน สีลคุณสฺส อนุสฺสรณํ สีลานุสฺสติ. วิคตมลมจฺเฉรตาทิวเสน อตฺตโน จาคานุสฺสรณํ จาคานุสฺสติ. ‘‘เยหิ สทฺธาทีหิ สมนฺนาคตา เทวา เทวตฺตํ คตา, ตาทิสา คุณา มยิ สนฺตี’’ติ เอวํ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน สทฺธาทิคุณานุสฺสรณํ เทวตานุสฺสติ. สพฺพทุกฺขูปสมภูตสฺส นิพฺพานสฺส คุณานุสฺสรณํ อุปสมานุสฺสติ. ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทภูตสฺส มรณสฺส อนุสฺสรณํ มรณานุสฺสติ. เกสาทิกายโกฏฺาเส คตา ปวตฺตา สติ กายคตาสติ. อานฺจ อปานฺจ อานาปานํ, อสฺสาสปสฺสาสา, ตทารมฺมณา สติ อานาปานสฺสติ.

. มิชฺชติ สินิยฺหตีติ เมตฺตา, มิตฺเตสุ ภวาติ วา เมตฺตา, สา สตฺตานํ หิตสุขูปสํหรณลกฺขณา. ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา กรุณา. ปรสมฺปตฺติปโมทลกฺขณา มุทิตา. อิฏฺานิฏฺเสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา อุเปกฺขา. อปฺปมาณสตฺตารมฺมณตฺตา อปฺปมฺา. อุตฺตมวิหารภาวโต, อุตฺตมานํ วา วิหารภาวโต พฺรหฺมวิหาโร.

๑๐. คมนปริเยสนปริโภคาทิปจฺจเวกฺขณวเสน กพฬีการาหาเร ปฏิกูลนฺติ ปวตฺตา สฺา อาหาเร ปฏิกูลสฺา.

๑๑. ปถวีธาตุอาทีนํ จตุนฺนํ ธาตูนํ สลกฺขณโต เกสาทิสสมฺภาราทิโต จ ววตฺถานํ จตุธาตุววตฺถานํ.

๑๒. อรูเป อารมฺมเณ ปวตฺตา อารุปฺปา.

นิมิตฺตเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สปฺปายเภทวณฺณนา

๑๓. อิทานิ ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส จริตานุกูลกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘จริตาสุ ปนา’’ตฺยาทิมาห. ราโค ว จริตํ ปกติ เอตสฺสาติ ราคจริโต, ราคพหุโล ปุคฺคโล, ราคสฺส อุชุวิปจฺจนีกภาวโต อสุภกมฺมฏฺานํ ตสฺส สปฺปายํ. อานาปานํ โมหจริตสฺส, วิตกฺกจริตสฺส จ สปฺปายํ พุทฺธิวิสยภาเวน โมหปฺปฏิปกฺขตฺตา, วิตกฺกสนฺธาวนสฺส นิวารกตฺตา จ. ฉ พุทฺธานุสฺสติอาทโย สทฺธาจริตสฺส สปฺปายา สทฺธาวุทฺธิเหตุภาวโต.

๑๗. มรณอุปสมสฺาววตฺถานานิ พุทฺธิจริตสฺส สปฺปายานิ คมฺภีรภาวโต พุทฺธิยา เอว วิสยตฺตา.

๑๘. เสสานีติ จตุพฺพิธภูตกสิณอากาสอาโลกกสิณอารุปฺปจตุกฺกวเสน ทสวิธานิ. ตตฺถาปีติ เตสุ ทสสุ กมฺมฏฺาเนสุ. ปุถุลํ โมหจริตสฺส สปฺปายํ สมฺพาเธ โอกาเส จิตฺตสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย สมฺมุยฺหนโต. ขุทฺทกํ วิตกฺกจริตสฺส สปฺปายํ มหนฺตารมฺมณสฺส วิตกฺกสนฺธาวนปจฺจยตฺตา. อุชุวิปจฺจนีกโต เจว อติสปฺปายตาย เจตํ วุตฺตํ. ราคาทีนํ ปน อวิกฺขมฺภิกา, สทฺธาทีนํ วา อนุปการิกา กสิณาทิภาวนา นาม นตฺถิ.

สปฺปายเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภาวนาเภทวณฺณนา

๑๙. สพฺพตฺถาปีติ จตฺตาลีสกมฺมฏฺาเนสุปิ นตฺถิ อปฺปนา, พุทฺธคุณาทีนํ ปรมตฺถภาวโต, อเนกวิธตฺตา, เอกสฺสปิ คมฺภีรภาวโต จ. พุทฺธานุสฺสติอาทีสุ ทสสุ กมฺมฏฺาเนสุ อปฺปนาวเสน สมาธิสฺส ปติฏฺาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อปฺปนาภาวํ อปฺปตฺวา สมาธิ อุปจารภาเวน ปติฏฺาติ. โลกุตฺตรสมาธิ, ปน ทุติยจตุตฺถารุปฺปสมาธิ จ สภาวธมฺเมปิ ภาวนาวิเสสวเสน อปฺปนํ ปาปุณาติ. วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมวเสน หิ โลกุตฺตโร อปฺปนํ ปาปุณาติ. อารมฺมณสมติกฺกมภาวนาวเสน อารุปฺปสมาธิ. อปฺปนาปฺปตฺตสฺเสว หิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิโน อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตํ โหติ.

๒๑. ปฺจปิ ฌานานิ เอเตสมตฺถิ, ตตฺถ นิยุตฺตานีติ วา ปฺจกชฺฌานิกานิ.

๒๒. อสุภภาวนาย ปฏิกูลารมฺมณตฺตา จณฺฑโสตาย นทิยา อริตฺตพเลน นาวา วิย วิตกฺกพเลเนว ตตฺถ จิตฺตํ ปวตฺตตีติ อสุภกมฺมฏฺาเน อวิตกฺกชฺฌานาสมฺภวโต ‘‘ปมชฺฌานิกา’’ติ วุตฺตํ.

๒๓. เมตฺตากรุณามุทิตานํ โทมนสฺสสหคตพฺยาปาทวิหึสานภิรตีนํ ปหายกตฺตา โทมนสฺสปฺปฏิปกฺเขน โสมนสฺเสเนว สหคตตา ยุตฺตาติ ‘‘เมตฺตาทโย ตโย จตุกฺกชฺฌานิกา’’ติ วุตฺตา.

๒๔. ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ, ทุกฺขา มุจฺจนฺตุ, ลทฺธสุขสมฺปตฺติโต มา วิคจฺฉนฺตู’’ติ เมตฺตาทิวสปฺปวตฺตพฺยาปารตฺตยํ ปหาย กมฺมสฺสกตาทสฺสเนน สตฺเตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺตภาวนานิพฺพตฺตาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย พลวตรตฺตา อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส สุขสหคตาสมฺภวโต ‘‘อุเปกฺขา ปฺจมชฺฌานิกา’’ติ วุตฺตา.

ภาวนาเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

โคจรเภทวณฺณนา

๒๖. ยถารหนฺติ ตํตํอารมฺมณานุรูปโต. กสฺสจิ อารมฺมณสฺส อปริพฺยตฺตตาย ‘‘ปริยาเยนา’’ติ วุตฺตํ.

๒๗. กสิณาสุภโกฏฺาสานาปานสฺสตีสฺเวว หิ ปริพฺยตฺตนิมิตฺตสมฺภโวติ.

๒๘. ปถวีมณฺฑลาทีสุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาติ อาทิมฺหิ ตาว จตุปาริสุทฺธิสีลํ วิโสเธตฺวา ทสวิธํ ปลิโพธํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปิยครุภาวนียาทิคุณสมนฺนาคตํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อฏฺารสวิธํ อนนุรูปวิหารํ ปหาย ปฺจงฺคสมนฺนาคเต อนุรูปวิหาเร วิหรนฺตสฺส เกสนขหรณาทิขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉทํ กตฺวา กสิณมณฺฑลาทีนิ ปุรโต กตฺวา อานาปานโกฏฺาสาทีสุ จิตฺตํ เปตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘ปถวี ปถวี’’ตฺยาทินา ตํตํภาวนานุกฺกเมน ปถวีกสิณาทีสุ ตํตทารมฺมเณสุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺส. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน ภาวนา วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๕๔ อาทโย) คเหตพฺพา. ทุวิธมฺปิ หิ ภาวนาวิธานํ อิธ อาจริเยน อติสงฺเขปโต วุตฺตํ, ตทตฺถทสฺสนตฺถฺจ วิตฺถารนเย อาหริยมาเน อติปฺปปฺโจ สิยาติ มยมฺปิ ตํ น วิตฺถาเรสฺสาม. ยทา ปน ตํ นิมิตฺตํ จิตฺเตน สมุคฺคหิตนฺติ เอวํ ปวตฺตานุปุพฺพภาวนาวเสน ยทา ตํ ปริกมฺมนิมิตฺตํ จิตฺเตน สมฺมา อุคฺคหิตํ โหติ. มโนทฺวารสฺส อาปาถมาคตนฺติ จกฺขุํ นิมฺมีเลตฺวา, อฺตฺถ คนฺตฺวา วา มนสิ กโรนฺตสฺส กสิณมณฺฑลสทิสเมว หุตฺวา มโนทฺวาริกชวนานํ อาปาถํ อาคตํ โหติ.

๒๙. สมาธิยตีติ วิเสสโต จิตฺเตกคฺคตาปตฺติยา สมาหิตา โหติ.

๓๐. จิตฺตสมาธานวเสน ปุคฺคโลปิ สมาหิโตเยวาติ วุตฺตํ ‘‘ตถา สมาหิตสฺสา’’ติ. ตปฺปฏิภาคนฺติ อุคฺคหนิมิตฺตสทิสํ, ตโตเยว หิ ตํ ‘‘ปฏิภาคนิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน อุคฺคหนิมิตฺตโต อติปริสุทฺธํ โหติ. วตฺถุธมฺมวิมุจฺจิตนฺติ ปรมตฺถธมฺมโต วิมุตฺตํ, วตฺถุธมฺมโต วา กสิณมณฺฑลคตกสิณโทสโต วินิมุตฺตํ. ภาวนาย นิพฺพตฺตตฺตา ภาวนามยํ. สมปฺปิตนฺติ สุฏฺุ อปฺปิตํ.

๓๑. ตโต ปฏฺายาติ ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย.

๓๓. ปฺจสุ ฌานงฺเคสุ เอเกการมฺมเณ อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ จตุปฺจชวนกติปยภวงฺคโต ปรํ อคนฺตฺวา อปราปรํ ฌานงฺคาวชฺชนสมตฺถตา อาวชฺชนวสิตา นาม. สมาปชฺชิตุกามตานนฺตรํ กติปยภวงฺคโต ปรํ อคนฺตฺวา อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ สมาปชฺชิตุํ สมตฺถตา สมาปชฺชนวสิตา นาม. เสตุ วิย สีฆโสตาย นทิยา โอฆํ ภวงฺคเวคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ ฌานํ เปตุํ สมตฺถตา ภวงฺคปาตโต รกฺขณโยคฺยตา อธิฏฺานวสิตา นาม. ยถา ปริจฺฉินฺนกาลํ อนติกฺกมิตฺวา ฌานโต วุฏฺานสมตฺถตา วุฏฺานวสิตา นาม. อถ วา ยถาปริจฺฉินฺนกาลโต อุทฺธํ คนฺตุํ อทตฺวา ปนสมตฺถตา อธิฏฺานวสิตา นาม. ยถาปริจฺฉินฺนกาลโต อนฺโต อวุฏฺหิตฺวา ยถากาลวเสเนว วุฏฺานสมตฺถตา วุฏฺานวสิตา นามาติ อลมติปฺปปฺเจน. ปจฺจเวกฺขณวสิตา ปน อาวชฺชนวสิตาย เอว สิทฺธา. อาวชฺชนานนฺตรชวนาเนว หิ ปจฺจเวกฺขณชวนานิ นาม. วิตกฺกาทิโอฬาริกงฺคํ ปหานายาติ ทุติยชฺฌานาทีหิ วิตกฺกาทิโอฬาริกงฺคานํ ฌานกฺขเณ อนุปฺปาทาย. ปทหโตติ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส. ตสฺส ปน อุปจารภาวนา นิปฺผนฺนา นาม โหติ วิตกฺกาทีสุ นิกนฺติวิกฺขมฺภนโต ปฏฺายาติ ทฏฺพฺพํ. ยถารหนฺติ ตํตํฌานิกกสิณาทิอารมฺมณานุรูปํ.

๓๖. อากาสกสิณสฺส อุคฺฆาเฏตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํ ‘‘อากาสวชฺชิเตสู’’ติ. กสิณนฺติ กสิณปฏิภาคนิมิตฺตํ. อุคฺฆาเฏตฺวาติ อมนสิการวเสน อุทฺธริตฺวา. อนนฺตวเสน ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ ‘‘อนนฺตํ อากาสํ, อนนฺตํ อากาส’’นฺติ อากาสํ อารพฺภ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส, น ปน เกวลํ ‘‘อนนฺตํ อนนฺต’’นฺติ. เอวํ วิฺาณฺจายตเนปิ. ‘‘อนนฺต’’นฺติ อวตฺวาปิ ‘‘อากาโส อากาโส (วิสุทฺธิ. ๑.๒๗๖), วิฺาณํ วิฺาณ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๘๑) มนสิ กาตุํ วฏฺฏตีติ อาจริยา.

๓๙. ‘‘สนฺตเมตํ, ปณีตเมต’’นฺติ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ อภาวมตฺตารมฺมณตาย ‘‘เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีต’’นฺติ ภาเวนฺตสฺส.

๔๐. อวเสเสสุ จาติ กสิณาทีหิ สห อปฺปนาวหกมฺมฏฺานโต อวเสเสสุ พุทฺธานุสฺสติอาทีสุ อฏฺสุ , สฺาววตฺถาเนสุ จาติ ทสสุ กมฺมฏฺาเนสุ. ปริกมฺมํ กตฺวาติ ‘‘โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ตฺยาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๔) วุตฺตวิธาเนน ปริกมฺมํ กตฺวา. สาธุกมุคฺคหิเตติ พุทฺธาทิคุณนินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาวเสน สุฏฺุ อุคฺคหิเต. ปริกมฺมฺจ สมาธิยตีติ ปริกมฺมภาวนา สมาหิตา นิปฺผชฺชติ. อุปจาโร จ สมฺปชฺชตีติ นีวรณานิ วิกฺขมฺเภนฺโต อุปจารสมาธิ จ อุปฺปชฺชติ.

๔๑. อภิฺาวเสนปวตฺตมานนฺติ อภิวิเสสโต ชานนฏฺเน อภิฺาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธาทิปฺจโลกิยาภิฺาวเสน ปวตฺตมานํ, อภิฺาปาทกปฺจมชฺฌานา วุฏฺหิตฺวาติ กสิณานุโลมาทีหิ จุทฺทสหากาเรหิ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๕) จิตฺตํ ปริทเมตฺวา อภินีหารกฺขมํ กตฺวา อุเปกฺเขกคฺคตาโยคโต อนุรูปตฺตา จ รูปาวจรปฺจมชฺฌานเมว อภิฺานํ ปาทกํ ปติฏฺาภูตํ ปถวาทิกสิณารมฺมณํ ปฺจมชฺฌานํ, ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย. อธิฏฺเยฺยาทิกมาวชฺเชตฺวาติ อิทฺธิวิธาณสฺส ปริกมฺมกาเล อธิฏฺาตพฺพํ วิกุพฺพนียํ สตาทิกํ โกมารรูปาทิกํ, ทิพฺพโสตสฺส ปริกมฺมกาเล ถูลสุขุมเภทํ สทฺทํ, เจโตปริยาณสฺส ปริกมฺมกาเล ปรสฺส หทยงฺคตวณฺณทสฺสเนน สราคาทิเภทํ จิตฺตํ, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ปริกมฺมสมเย ปุริมภเวสุ จุติจิตฺตาทิเภทํ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธํ, ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺมสมเย โอภาสผริตฏฺานคตํ รูปํ วา อาวชฺเชตฺวา.

ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ ‘‘สตํ โหมิ, สหสฺสํ โหมี’’ตฺยาทินา ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส. รูปาทีสูติ ปริกมฺมวิสยภูเตสุ รูปปาทกชฺฌานสทฺทปรจิตฺตปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธาทิเภเทสุ อารมฺมเณสุ. เอตฺถ หิ อิทฺธิวิธาณสฺส ตาว ปาทกชฺฌานํ, กาโย, รูปาทิอธิฏฺาเน รูปาทีนิ จาติ ฉ อารมฺมณานิ . ตตฺถ ปาทกชฺฌานํ อตีตเมว, กาโย ปจฺจุปฺปนฺโน, อิตรํ ปจฺจุปฺปนฺนมนาคตํ วา. ทิพฺพโสตสฺส ปน สทฺโทเยว, โส จ โข ปจฺจุปฺปนฺโน. ปรจิตฺตวิชานนาย ปน อตีเต สตฺตทิวเสสุ, อนาคเต สตฺตทิวเสสุ จ ปวตฺตํ ปริตฺตาทีสุ ยํ กิฺจิ ติกาลิกํ จิตฺตเมว อารมฺมณํ โหตีติ มหาอฏฺกถาจริยา (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๖; ธ. ส. อฏฺ. ๑๔๓๔).

สงฺคหการา ปน ‘‘จตฺตาโรปิ ขนฺธา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๔๓๔) วทนฺติ, กถํ ปนสฺสา ปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตารมฺมณตา, นนุ จ อาวชฺชนาย คหิตเมว อิทฺธิจิตฺตสฺส อารมฺมณํ โหติ, อาวชฺชนาย จ ปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตมารมฺมณํ กตฺวา นิรุชฺฌมานาย ตํสมกาลเมว ปรสฺส จิตฺตมฺปิ นิรุชฺฌตีติ อาวชฺชนชวนานํ กาลวเสน เอการมฺมณตา น สิยา, มคฺคผลวีถิโต อฺตฺถ อาวชฺชนชวนานํ กถฺจ นานารมฺมณตา น อธิปฺเปตาติ? อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๖; ธ. ส. อฏฺ. ๑๔๓๔) ตาว สนฺตติอทฺธาปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา โยชิตา. อานนฺทาจริโย (ธ. ส. มูลฏี. ๑๔๓๔ โถก วิสทิสํ) ปน ภณติ ‘‘ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ปจฺจุปฺปนฺนาทิวิภาคํ อกตฺวา เกวลํ ‘อิมสฺส จิตฺตํ ชานามิ’จฺเจว ปริกมฺมํ กตฺวา ปุนปิ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อวิเสเสเนว จิตฺตํ อาวชฺเชตฺวา ติณฺณํ, จตุนฺนํ วา ปริกมฺมานํ อนนฺตรํ เจโตปริยาเณน ปรสฺส จิตฺตํ ปฏิวิชฺฌติ รูปํ วิย ทิพฺพจกฺขุนา. ปจฺฉา กามาวจรจิตฺเตน สราคาทิววตฺถานมฺปิ กโรติ นีลาทิววตฺถานํ วิย. ตานิ จ สพฺพานิ อภิมุขีภูตจิตฺตารมฺมณาเนว, อนิฏฺเ จ าเน นานารมฺมณตาโทโส นตฺถิ อภินฺนาการปฺปวตฺติโต’’ติ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธา, ขนฺธปฺปฏิพทฺธานิ จ นามโคตฺตานิ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ โหติ, ทิพฺพจกฺขุสฺส ปน รูปเมว ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ อยเมเตสํ อารมฺมณวิภาโค. ยถารหมปฺเปตีติ ตํตํปริกมฺมานุรูปโต อปฺเปติ.

๔๒. อิทานิ อารมฺมณานํ เภเทน อภิฺาเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทฺธิวิธา’’ตฺยาทิมาห. อธิฏฺานาทิ อิทฺธิปฺปเภโท เอติสฺสาติ อิทฺธิวิธา. ทิพฺพานํ โสตสทิสตาย, ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตาย จ ทิพฺพฺจ ตํ โสตฺจาติ ทิพฺพโสตํ. ปเรสํ จิตฺตํ วิฺายติ เอตายาติ ปรจิตฺตวิชานนา. อตฺตโน สนฺตาเน นิวุตฺถวเสน เจว โคจรนิวาสวเสน จ ปุพฺเพ อตีตภเวสุ ขนฺธาทีนํ อนุสฺสรณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ. วุตฺตนเยน ทิพฺพฺจ ตํ จกฺขุ จาติ ทิพฺพจกฺขุ. ‘จุตูปปาตาณ’นฺติ ปน ทิพฺพจกฺขุเมว วุจฺจติ. ยถากมฺมูปคาณอนาคตํสาณานิปิ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว อิชฺฌนฺติ. น หิ เตสํ วิสุํ ปริกมฺมํ อตฺถิ. ตตฺถ อนาคตํสาณสฺส ตาว อนาคเต สตฺตทิวสโต ปรํ ปวตฺตนกํ จิตฺตเจตสิกํ ทุติยทิวสโต ปฏฺาย ปวตฺตนกฺจ ยํ กิฺจิ อารมฺมณํ โหติ. ตฺหิ สวิสเย สพฺพฺุตฺาณคติกนฺติ. ยถา กมฺมูปคาณสฺส ปน กุสลากุสลสงฺขาตา เจตนา, จตฺตาโรปิ วา ขนฺธา อารมฺมณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

โคจรวเสน เภโท โคจรเภโท.

โคจรเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมถกมฺมฏฺานวณฺณนา นิฏฺิตา.

วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ

วิสุทฺธิเภทวณฺณนา

๔๓. อนิจฺจาทิวเสน วิวิธากาเรน ปสฺสตีติ วิปสฺสนา, อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา ภาวนาปฺา. ตสฺสา กมฺมฏฺานํ, สาเยว วา กมฺมฏฺานนฺติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ. ตสฺมึ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน สตฺตวิเธน วิสุทฺธิสงฺคโหติ สมฺพนฺโธ.

๔๔. อนิจฺจตาเยว ลกฺขณํ ลกฺขิตพฺพํ, ลกฺขียติ อเนนาติ วา อนิจฺจลกฺขณํ. อุทยวยปฏิปีฬนสงฺขาตทุกฺขภาโว ว ลกฺขณนฺติ ทุกฺขลกฺขณํ. ปรปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน อภาโว อนตฺตตา, ตเทว ลกฺขณนฺติ อนตฺตลกฺขณํ.

๔๕. ติณฺณํ ลกฺขณานํ อนุ อนุ ปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา.

๔๖. ขนฺธาทีนํ กลาปโต สมฺมสนวสปฺปวตฺตํ าณํ สมฺมสนาณํ. อุปฺปาทภงฺคานุปสฺสนาวสปฺปวตฺตาณํ อุทยพฺพยาณํ. อุทยํ มุจฺจิตฺวา วเย ปวตฺตํ าณํ ภงฺคาณํ. สงฺขารานํ ภยโต อนุปสฺสนาวเสน ปวตฺตํ าณํ ภยาณํ, ทิฏฺภยานํ อาทีนวโต เปกฺขณวเสน ปวตฺตํ าณํ อาทีนวาณํ, ทิฏฺาทีนเวสุ นิพฺพินฺทนวสปฺปวตฺตํ าณํ นิพฺพิทาาณํ. นิพฺพินฺทิตฺวา สงฺขาเรหิ มุจฺจิตุกมฺยตาวเสน ปวตฺตํ าณํ มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ. มุจฺจนสฺส อุปายสมฺปฏิปาทนตฺถํ ปุน สงฺขารานํ ปริคฺคหวสปฺปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขาาณํ. ปฏิสงฺขาตธมฺเมสุ ภยนนฺทีวิวชฺชนวเสน อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ าณํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ. ปุริมานํ นวนฺนํ กิจฺจนิปฺผตฺติยา, อุปริ จ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อนุกูลํ าณํ อนุโลมาณํ.

๔๗. อตฺตสุฺตาย สุฺโต. สํโยชนาทีหิ วิมุจฺจนฏฺเน วิโมกฺโข. นิจฺจนิมิตฺตาทิโน อภาวโต อนิมิตฺโต. ปณิหิตสฺส ตณฺหาปณิธิสฺส อภาวโต อปฺปณิหิโต.

๔๙. โย นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขติ อปายาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ, ตเทว กายทุจฺจริตาทีหิ สํวรณโต สํวโร, สมาธาโนปธารณฏฺเน สีลฺจาติ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ รูปาทีสุ สํวรณวเสน ปวตฺตํ สีลํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ. มิจฺฉาชีว วิวชฺชเนน อาชีวสฺส ปริสุทฺธิวสปฺปวตฺตํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ปจฺจเย สนฺนิสฺสิตํ เตสํ อิทมตฺถิกตาย ปจฺจเวกฺขณสีลํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ. จตุพฺพิธตฺตา เทสนาสํวรปริเยฏฺิปจฺจเวกฺขณวเสน, ปริสุทฺธตฺตา จ จตุปาริสุทฺธิสีลํ นาม.

๕๐. จิตฺตวิสุทฺธิ นาม จิตฺตสฺส วินีวรณภาวาปาทนวเสน วิโสธนโต, จิตฺตสีเสน นิทฺทิฏฺตฺตา, วิสุทฺธตฺตา จาติ วา กตฺวา.

๕๑. ‘‘ธมฺมานํ สามฺสภาโว ลกฺขณํ, กิจฺจสมฺปตฺติโย รโส, อุปฏฺานากาโร, ผลฺจ ปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ เอวํ วุตฺตานํ ลกฺขณาทีนํ ‘‘ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส, กกฺขฬลกฺขณา ปถวี’’ตฺยาทินา วิตฺถารโต, ‘‘นมนลกฺขณํ นามํ, รุปฺปนลกฺขณํ รูป’’นฺตฺยาทินา สงฺเขปโต จ ปริคฺคโห ปจฺจตฺตลกฺขณาทิวเสน ปริจฺฉิชฺช คหณํ ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ ทิฏฺิวิสุทฺธิ นาม ‘‘นามรูปโต อตฺตา นตฺถี’’ติ ทสฺสนโต ทิฏฺิ จ อตฺตทิฏฺิมลวิโสธนโต วิสุทฺธิ จาติ กตฺวา.

๕๒. ปจฺจยปริคฺคโหติ นามฺจ รูปฺจ ปฏิสนฺธิยํ ตาว อวิชฺชาตณฺหาอุปาทานกมฺมเหตุวเสน นิพฺพตฺตติ. ปวตฺติยฺจ รูปํ กมฺมจิตฺตอุตุอาหารปจฺจยวเสน, นามฺจ จกฺขุรูปาทินิสฺสยารมฺมณาทิปจฺจยวเสน, วิเสสโต จ โยนิโสมนสิการาทิจตุจกฺกสมฺปตฺติยา กุสลํ, ตพฺพิปริยาเยน อกุสลํ, กุสลากุสลวเสน วิปาโก ภวงฺคาทิวเสน อาวชฺชนํ, ขีณาสวสนฺตานวเสน กิริยชวนํ, อาวชฺชนฺจ อุปฺปชฺชตีติ เอวํ สาธารณาสาธารณวเสน ตีสุ อทฺธาสุ นามรูปปฺปวตฺติยา ปจฺจกฺขาทิสิทฺธสฺส กมฺมาทิปจฺจยสฺส ปริคฺคณฺหนํ สมุทยสจฺจสฺส ววตฺถานํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ นาม ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺตฺยาทิกาย (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวิธาย, ‘‘สตฺถริกงฺขตี’’ตฺยาทิกาย (ธ. ส. ๑๑๒๓; วิภ. ๙๑๕) อฏฺวิธาย จ กงฺขาย วิตรณโต อติกฺกมนโต กงฺขาวิตรณา, อเหตุกวิสมเหตุทิฏฺิมลวิโสธนโต วิสุทฺธิ จาติ กตฺวา.

๕๓. ตโต ปจฺจยปริคฺคหโต ปรํ ตถาปริคฺคหิเตสุ ปจฺจตฺตลกฺขณาทิววตฺถานวเสน, ปจฺจยววตฺถานวเสน จ ปริคฺคหิเตสุ โลกุตฺตรวชฺเชสุ ติภูมิปริยาปนฺเนสุ นามรูเปสุ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ ขนฺธาทินยมารพฺภ ปฺจกฺขนฺธฉทฺวารฉฬารมฺมณฉทฺวารปฺปวตฺตธมฺมาทิวเสน อาคตํ ขนฺธาทินยํ อารพฺภ กลาปวเสน ปิณฺฑวเสน สงฺขิปิตฺวา ยํ อตีเต ชาตํ รูปํ, ตํ อตีเตว นิรุทฺธํ. ยํ อนาคเต ภาวิ รูปํ, ตมฺปิ ตตฺเถว นิรุชฺฌิสฺสติ. ยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตํ อนาคตํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตถา อชฺฌตฺตพหิทฺธสุขุมโอฬาริกหีนปณีตรูปาทโย. ตสฺมา ‘‘อนิจฺจํ อตฺตาทิวเสน น อิจฺจํ อนุปคนฺตพฺพํ ขยฏฺเน ขยคมนโต, ทุกฺขํ ภยฏฺเน ภยกรตฺตา, อนตฺตา อสารกฏฺเน อตฺตสาราทิอภาเวนา’’ติ จ ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจํ…เป… มโน. รูปํ…เป… ธมฺมา. จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ตฺยาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) อตีตาทิอทฺธาวเสน, อตีตาทิสนฺตานวเสน, อตีตาทิขณวเสน จ สมฺมสนาเณน หุตฺวาอภาวอุทยพฺพยปฏิปีฬนอวสวตฺตนาการสงฺขาตลกฺขณตฺตยสมฺมสนวสปฺปวตฺเตน กลาปสมฺมสนาเณน ลกฺขณตฺตยํ สมฺมสนฺตสฺส ปริมชฺชนฺตสฺส.

สมฺมสนาเณ ปน อุปฺปนฺเน ปุน เตสฺเวว สงฺขาเรสุ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหากมฺมอาหารสมุทยา รูปสมุทโย, ตถา อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ, ตณฺหากมฺมอาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) เอวํ รูปกฺขนฺเธ เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺเธสุปิ อาหารํ อปเนตฺวา ‘‘ผสฺสสมุทยา ผสฺสนิโรธา’’ติ จ เอวํ ผสฺสํ ปกฺขิปิตฺวา, วิฺาณกฺขนฺเธ ‘‘นามรูปสมุทยา นามรูปนิโรธา’’ติ นามรูปํ ปกฺขิปิตฺวา ปจฺจยสมุทยวเสน, ปจฺจยนิโรธวเสน จ, ปจฺจเย อนามสิตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนกฺขนฺเธสุ นิพฺพตฺติลกฺขณมตฺตสฺส, วิปริณามลกฺขณมตฺตสฺส จ ทสฺสเนน ขณวเสน จาติ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปจฺจยวเสน จตุธา, ขณวเสน เอกธา จาติ ปฺจธา อุทยํ, ปฺจธา วยนฺติ ทสทสอุทยพฺพยทสฺสนวเสน สมปฺาสากาเรหิ อุทยพฺพยาเณน อุทยพฺพยํ สมนุปสฺสนฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส โยคิโน วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺาโน สรีรโต นิจฺฉรณกอาโลกสงฺขาโต โอภาโส, วิปสฺสนาจิตฺตสหชาตา ขุทฺทิกาทิปฺจวิธา (ธ. ส. อฏฺ. ๑ ธมฺมุทฺเทสวาร ฌานงฺคราสิวณฺณนา) ปีติ, ตถา กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา กายจิตฺตวเสน ทุวิธา ปสฺสทฺธิ, พลวสทฺธินฺทฺริยสงฺขาโต อธิโมกฺโข, สมฺมปฺปธานกิจฺจสาธโก วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสงฺขาโต ปคฺคโห, อติปณีตํ สุขํ, อินฺทวิสฺสฏฺวชิรสทิสํ ติลกฺขณวิปสฺสนาภูตํ าณํ, สติปฏฺานภูตา จิรกตาทิอนุสฺสรณสมตฺถา อุปฏฺานสงฺขาตา สติ, สมปฺปวตฺตวิปสฺสนาสหชาตา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคภูตา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา, มโนทฺวาเร อาวชฺฌนุเปกฺขา จาติ ทุวิธาปิ อุเปกฺขา, โอภาสาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป โอภาโส อุปฺปนฺนปุพฺโพ’’ตฺยาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๓) นเยน ตตฺถ อาลยํ กุรุมานา สุขุมตณฺหา รูปนิกนฺติจาติ โอภาสาทีสุ ทสสุ วิปสฺสนุปกฺกิเลเสสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูปา โอภาสาทโย อุปฺปนฺนปุพฺพา อทฺธา มคฺคปฺปตฺโตสฺมิ, ผลปฺปตฺโตสฺมี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๓) อคฺคเหตฺวา ‘‘อิเม โอภาสาทโย ตณฺหาทิฏฺิมานวตฺถุตาย น มคฺโค, อถ โข วิปสฺสนุปกฺกิเลสา เอว, ตพฺพินิมุตฺตํ ปน วีถิปฏิปนฺนํ วิปสฺสนาาณํ มคฺโค’’ติ เอวํ มคฺคามคฺคลกฺขณสฺส ววตฺถานํ นิจฺฉยนํ มคฺคามคฺคสฺส ชานนโต, ทสฺสนโต, อมคฺเค มคฺคสฺาย วิโสธนโต จ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.

๕๔. ยาวานุโลมาติ ยาว สจฺจานุโลมาณา. นว วิปสฺสนาาณานีติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๗ อาทโย) ขนฺธานํ อุทยฺจ วยฺจ ชานนกํ อุทยพฺพยาณํ, อุทยํ มุฺจิตฺวา ภงฺคมตฺตานุเปกฺขกํ ภงฺคาณํ, ภงฺควเสน อุปฏฺิตานํ สีหาทีนํ วิย ภายิตพฺพาการานุเปกฺขกํ ภยาณํ, ตถานุเปกฺขิตานํ อาทิตฺตฆรสฺส วิย อาทีนวาการานุเปกฺขกํ อาทีนวาณํ, ทิฏฺาทีนเวสุ นิพฺพินฺทนวเสน ปวตฺตํ นิพฺพิทาาณํ, ชาลาทิโต มจฺฉาทิกา วิย เตหิ เตภูมกธมฺเมหิ มุจฺจิตุกามตาวเสน ปวตฺตํ มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ, มุจฺจนุปายสมฺปาทนตฺถํ ทิฏฺาทีนเวสุปิ สมุทฺทสกุณี วิย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนวสปฺปตฺตํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ, จตฺตภริโย ปุริโส วิย ทิฏฺาทีนเวสุ เตสุ สงฺขาเรสุ อุเปกฺขนาการปฺปวตฺตํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ, อนิจฺจาทิลกฺขณวิปสฺสนตาย เหฏฺา ปวตฺตานํ อฏฺนฺนํ วิปสฺสนาาณานํ, อุทฺธํ มคฺคกฺขเณ อธิคนฺตพฺพานํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมานฺจ อนุโลมโต มคฺควีถิยํ โคตฺรภุโต ปุพฺเพ ปวตฺตํ สจฺจานุโลมิกาณสงฺขาตํ นวมํ อนุโลมาณนฺติ อิมานิ นว าณานิ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา ปฏิปทาภาวโต ติลกฺขณชานนฏฺเน, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน, ปฏิปกฺขโต วิสุทฺธตฺตา จ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.

๕๕. วิปสฺสนาย ปริปาโก วิปสฺสนาปริปาโก, สงฺขารุเปกฺขาาณํ. ตํ อาคมฺม ปฏิจฺจ. อิทานิ อปฺปนาอุปฺปชฺชิสฺสตีติ ‘‘อิทานิ อปฺปนาสงฺขาโต โลกุตฺตรมคฺโค อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพกฺขเณ. ยํ กิฺจีติ สงฺขารุเปกฺขาย คหิเตสุ ตีสุ เอกํ ยํ กิฺจิ.

๕๖. วิปสฺสนาย มตฺถกปฺปตฺติยา สิขาปฺปตฺตา. อนุโลมาณสหิตตาย สานุโลมา. สา เอว สงฺขาเรสุ อุทาสีนตฺตา สงฺขารุเปกฺขา. ยถานุรูปํ อปายาทิโต, สงฺขารนิมิตฺตโต จ วุฏฺหนโต วุฏฺานสงฺขาตํ มคฺคํ คจฺฉตีติ วุฏฺานคามินี.

๕๗. อภิสมฺโภนฺตนฺติ ปาปุณนฺตํ.

๕๘. ปริชานนฺโตติ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อูนาธิก’’นฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺโต. สจฺฉิกโรนฺโตติ อารมฺมณกรณวเสน ปจฺจกฺขํ กโรนฺโต. มคฺคสจฺจํ ภาวนาวเสนาติ มคฺคสจฺจสงฺขาตสฺส สมฺปยุตฺตมคฺคสงฺขาตสฺส จตุตฺถสจฺจสฺส สหชาตาทิปจฺจโย หุตฺวา วฑฺฒนวเสน. เอกสฺเสว าณสฺส จตุกิจฺจสาธนํ ปทีปาทีนํ วฏฺฏิทาหาทิจตุกิจฺจทสฺสนโต, ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสตี’’ตฺยาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐; วิสุทฺธิ. ๒.๘๓๙) อาคมโต จ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ.

๕๙. ทฺเว ตีณิ ผลจิตฺตานิ ปวตฺติตฺวาติ มคฺคุปฺปตฺติยา อนุรูปโต ทฺเว วา ตีณิ วา ผลจิตฺตานิ อปนีตคฺคิมฺหิ าเน อุณฺหตฺตนิพฺพาปนตฺถาย ฆเฏหิ อภิสิฺจมานมุทกํ วิย สมุจฺฉินฺนกิเลเสปิ สนฺตาเน ทรถปฏิปฺปสฺสมฺภกานิ หุตฺวา ปวตฺติตฺวา, เตสํ ปวตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจเวกฺขณาณานีติ มคฺคผลาทิวิสยานิ กามาวจราณานิ, ยานิ สนฺธาย ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตี’’ติ (มหาว. ๒๓) วุตฺตํ.

๖๐. อิทานิ ปจฺจเวกฺขณาย ภูมึ ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคํ ผลฺจา’’ตฺยาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อิมินาว วตาหํ มคฺเคน อาคโต’’ติ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ. ตโต ‘‘อยํ นาม เม อานิสํโส ลทฺโธ’’ติ ตสฺส ผลํ, ตโต ‘‘อยํ นาม เม ธมฺโม อารมฺมณโต สจฺฉิกโต’’ติ นิพฺพานฺจ ปณฺฑิโต ปจฺจเวกฺขติ. ตโต ‘‘อิเม นาม เม กิเลสา ปหีนา’’ติ ปหีเน กิเลเส, ‘‘อิเม นาม อวสิฏฺา’’ติ อวสิฏฺกิเลเส ปจฺจเวกฺขติ วา, น วา. โกจิ เสกฺโข ปจฺจเวกฺขติ, โกจิ น ปจฺจเวกฺขติ. ตตฺถ กามจาโรตฺยธิปฺปาโย. ตถา หิ มหานาโม สกฺโก ‘‘โก สุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗๕; วิสุทฺธิ. ๒.๘๑๒) อปฺปหีเน กิเลเส ปุจฺฉิ. อรหโต ปน อวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณํ นตฺถิ สพฺพกิเลสานํ ปหีนตฺตา, ตสฺมา ติณฺณํ เสกฺขานํ ปนฺนรส อรหโต จตฺตารีติ เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานีติ ทฏฺพฺพํ.

ฉพฺพิสุทฺธิกเมนาติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๖๒ อาทโย) สีลจิตฺตวิสุทฺธีนํ วเสน มูลภูตานํ ทฺวินฺนํ, ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทีนํ วเสน สรีรภูตานํ จตุนฺนนฺติ เอตาสํ ฉนฺนํ วิสุทฺธีนํ กเมน. จตุนฺนํ สจฺจานํ ชานนตา, ปจฺจกฺขกรณโต, กิเลสมเลหิ วิสุทฺธตฺตา จ าณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.

เอตฺถาติ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน.

วิสุทฺธิเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

วิโมกฺขเภทวณฺณนา

๖๑. ตตฺถ ตสฺมึ อุทฺเทเส. สงฺขาเรสุ ‘‘โย อตฺตาภินิเวโส กมฺมสฺส การโก ผลสฺส จ เวทโก เอโส เม อตฺตา’’ติ เอวํ อภินิเวโส ทฬฺหคฺคาโห, ตํ มุฺจนฺตี ‘‘อนตฺตา’’ติ ปวตฺตา อนุปสฺสนาว อตฺตสุฺตาการานุปสฺสนโต สุฺตานุปสฺสนา นาม วิโมกฺขมุขํ ปฏิปกฺขโต วิมุตฺติวเสน วิโมกฺขสงฺขาตสฺส โลกุตฺตรํ มคฺคผลสฺส ทฺวารํ โหติ.

๖๒. สงฺขาเรสุ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ ปวตฺตา อนุปสฺสนา อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๔๙; ปฏิ. ม. ๑.๒๓๖; วิภ. ๙๓๙) ปวตฺตํ สฺาจิตฺตทิฏฺิวิปลฺลาสสงฺขาตํ วิปลฺลาสนิมิตฺตํ มุฺจนฺตี ปชหนฺตี วิปลฺลาสนิมิตฺตรหิตาการานุปสฺสนโต อนิมิตฺตานุปสฺสนา นาม วิโมกฺขมุขํ โหตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๓. ‘‘ทุกฺข’’นฺติ ปวตฺตานุปสฺสนา สงฺขาเรสุ ‘‘เอตํ มม, เอตํ สุข’’นฺตฺยาทินา นเยน ปวตฺตํ กามภวตณฺหาสงฺขาตํ ตณฺหาปณิธึ ตณฺหาปตฺถนํ มุฺจนฺตี ทุกฺขาการทสฺสเนน ปริจฺจชนฺตี ปณิธิรหิตาการานุปสฺสนโต อปฺปณิหิตานุปสฺสนา นาม.

๖๔. ตสฺมาติ ยสฺมา เอตาสํ ติสฺสนฺนํ เอตานิ ตีณิ นามานิ, ตสฺมา ยทิ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อนตฺตโต วิปสฺสติ. มคฺโค สุฺโต นาม วิโมกฺโข โหติ อาคมนวเสน ลทฺธนามตฺตา.

๖๖. วิปสฺสนาคมนวเสนาติ วิปสฺสนาสงฺขาตาคมนวเสน. อาคจฺฉติ เอเตน มคฺโค, ผลฺจาติ วิปสฺสนามคฺโค อิธ อาคมนํ นาม.

๖๗. ยถาวุตฺตนเยนาติ ปุพฺเพ วุตฺตอนตฺตานุปสฺสนาทิวเสน. ยถาสกํ ผลมุปฺปชฺชมานมฺปีติ ยถาลทฺธมคฺคสฺส ผลภูตํ อตฺตโน อตฺตโน ผลํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ มคฺคาคมนวเสน อลภิตฺวา วิปสฺสนาคมนวเสเนว ตีณิ นามานิ ลภติ ผลสมาปตฺติกาเล ตทา มคฺคปฺปวตฺตาภาเวน ตสฺส ทฺวารภาวาโยคโต. อารมฺมณวเสนาติ สพฺพสงฺขารสุฺตตฺตา, สงฺขารนิมิตฺตรหิตตฺตา, ตณฺหาปณิธิรหิตตฺตา จ สุฺตอนิมิตฺตอปฺปณิหิตนามวนฺตํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา ตสฺส วเสน. สรสวเสนาติ ราคาทิสุฺตตฺตา, รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณรหิตตฺตา, กิเลสปณิธิรหิตตฺตา อตฺตโน คุณวเสน. สพฺพตฺถาติ มคฺควีถิยํ, ผลสมาปตฺติวีถิยฺจ. สพฺเพสมฺปีติ มคฺคสฺส, ผลสฺสปิ.

วิโมกฺขเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุคฺคลเภทวณฺณนา

๖๘. สตฺตกฺขตฺตุํ สตฺตสุ วาเรสุ กามสุคติยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณํ ปรมํ เอตสฺสาติ สตฺตกฺขตฺตุปรโม น ปน อฏฺมาทิกามภวคามีตฺยธิปฺปาโย. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๙; สุ. นิ. ๒๓๒; เนตฺติ. ๑๑๕). รูปารูปสุคติภวํ ปน สตฺตวารโต ปรมฺปิ คจฺฉตีติ อาจริยา.

๖๙. ราคโทสโมหานนฺติ โมหคฺคหณํ ราคโทเสกฏฺโมหํ สนฺธายาติ ทฏฺพฺพํ.

๗๐. ขีณา จตฺตาโร อาสวา เอตสฺสาติ ขีณาสโว. ทกฺขิณารเหสุ อคฺคตฺตา อคฺคทกฺขิเณยฺโย.

ปุคฺคลเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมาปตฺติเภทวณฺณนา

๗๒. สพฺเพสมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ อริยปุคฺคลานํ.

๗๓. จิตฺตเจตสิกานํ อปฺปวตฺติสงฺขาตสฺส นิโรธสฺส สมาปตฺติ นิโรธสมาปตฺติ, ทิฏฺเว ธมฺเม จิตฺตนิโรธํ ปตฺวา วิหรณํ. อนาคามีนฺจาติ กามรูปภวฏฺานํ อฏฺสมาปตฺติลาภีนเมว อนาคามีนํ, ตถา ขีณาสวานฺจ. ตตฺถาติ นิโรธสมาปตฺติยํ. ยาว อากิฺจฺายตนํ คนฺตฺวาติ เอวํ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนทฺธภาวาปาทนวเสน ยาว อากิฺจฺายตนํ, ตาว คนฺตฺวา. อธิฏฺเยฺยาทิกนฺติ กายปฏิพทฺธํ เปตฺวา วิสุํ วิสุํ ปิตจีวราทิปริกฺขารเคหาทีนํ อคฺคิอาทินา อวินาสนาธิฏฺานํ, สํฆปฏิมานนสตฺถุปกฺโกสนานํ ปุเรตรํ วุฏฺานํ, สตฺตาหพฺภนฺตเร อายุสงฺขารปฺปวตฺติโอโลกนนฺติ จตุพฺพิธํ อธิฏฺานาทิกํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา.

สมาปตฺติเภทวณฺณนา นิฏฺิตา.

วิปสฺสนากมฺมฏฺานวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุยฺโยชนวณฺณนา

๗๕. ปฏิปตฺติรสสฺสาทนฺติ ฌานสุขผลสุขาทิเภทํ สมถวิปสฺสนาปฏิปตฺติรสสฺสาทํ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา นาม อภิธมฺมตฺถสงฺคหวณฺณนาย

กมฺมฏฺานปริจฺเฉทวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนวณฺณนา

(ก) จาริตฺเตน กุลาจาเรน โสภิเต วิสาลกุเล อุทโย นิพฺพตฺติ ยสฺส, เตน, กมฺมาทิวิสยาย สทฺธาย อภิวุทฺโธ ปริสุทฺโธ จ ทานสีลาทิคุณานํ อุทโย ยสฺส, เตน, นมฺปวฺหเยน นมฺปนามเกน, ปรานุกมฺปํ สาสเน สุโขตรณปริปาจนลกฺขณํ ปรานุคฺคหํ, ปณิธาย ปตฺเถตฺวา ยํ ปกรณํ ปตฺถิตํ อภิยาจิตํ, ตํ เอตฺตาวตา ปรินิฏฺิตนฺติ โยชนา.

(ข) เตน ปกรณปฺปสุเตน วิปุเลน ปุฺเน ปฺาวทาเตน อริยมคฺคปฺาปริสุทฺเธน สีลาทิคุเณน โสภิตา. ตโตเยว ลชฺชิโน ภิกฺขู, ธฺานํ อธิวาสภูตํ, อุทิโตทิตํ อจฺจนฺตปฺปสิทฺธํ, มูลโสมํ นาม วิหารํ, ปุฺวิภวสฺส อุทยสงฺขาตาย มงฺคลตฺถาย อายุกนฺตํ มฺนฺตุ, ตตฺถ นิวาสิโน ภิกฺขู อีทิสา โหนฺตูตฺยธิปฺปาโย.

นิคมนวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จายํ อภิธมฺมตฺถวิภาวินี นาม.

อภิธมฺมตฺถสงฺคหฏีกา.

นิคมนกถา

. รมฺเม ปุลตฺถินคเร นคราธิราเช,

รฺา ปรกฺกมภุเชน มหาภุเชน;

การาปิเต วสติ เชตวเน วิหาเร;

โย รมฺมหมฺมิยวรูปวนาภิราเม.

. สมฺปนฺนสีลทมสํยมโตสิเตหิ,

สมฺมานิโต วสิคเณหิ คุณากเรหิ;

ปตฺโต มุนินฺทวจนาทิสุ เนกคนฺถ-

ชาเตสุ จาจริยตํ มหิตํ วิทูหิ.

. าณานุภาวมิห ยสฺส จ สูจยนฺตี,

สํวณฺณนา จ วินยฏฺกถาทิกานํ;

สารตฺถทีปนิมุขา มธุรตฺถสาร-

สนฺทีปเนน สุชนํ ปริโตสยนฺตี.

. ตสฺสานุกมฺปมวลมฺพิย สาริปุตฺต-

ตฺเถรสฺส ถามคตสารคุณากรสฺส;

โย เนกคนฺถวิสยํ ปฏุตํ อลตฺถํ,

ตสฺเสส าณวิภโว วิภเวกเหตุ.

. โสหเมตสฺส สํสุทฺธ-วายามสฺสานุภาวโต.

อทฺธาสาสนทายาโท, เหสฺสํ เมตฺเตยฺยสตฺถุโน.

. โชตยนฺตํ ตทา ตสฺส, สาสนํ สุทฺธมานสํ.

ปสฺเสยฺยํ สกฺกเรยฺยฺจ, ครุํ เม สาริสมฺภวํ.

. ทิเนหิ จตุวีเสหิ, ฏีกายํ นิฏฺิตา ยถา.

ตถา กลฺยาณสงฺกปฺปา, สีฆํ สิชฺฌนฺตุ ปาณินนฺติ.

อิติ ภทนฺตสาริปุตฺตมหาเถรสฺส สิสฺเสน รจิตา

อภิธมฺมตฺถวิภาวินี นาม

อภิธมฺมตฺถสงฺคหฏีกา นิฏฺิตา.