📜
๙. กมฺมฏฺานปริจฺเฉโท
๑. สมถวิปสฺสนานํ, ภาวนานมิโต ปรํ.
กมฺมฏฺานํ ปวกฺขามิ, ทุวิธมฺปิ ยถากฺกมํ.
สมถกมฺมฏฺานํ
๒. ตตฺถ สมถสงฺคเห ตาว ทส กสิณานิ, ทส อสุภา, ทส อนุสฺสติโย, จตสฺโส อปฺปมฺาโย, เอกา สฺา, เอกํ ววตฺถานํ, จตฺตาโร อารุปฺปา เจติ สตฺตวิเธน สมถกมฺมฏฺานสงฺคโห.
จริตเภโท
๓. ราคจริตา ¶ ¶ โทสจริตา โมหจริตา สทฺธาจริตา พุทฺธิจริตา วิตกฺกจริตา เจติ ฉพฺพิเธน จริตสงฺคโห.
ภาวนาเภโท
๔. ปริกมฺมภาวนา อุปจารภาวนา อปฺปนาภาวนา เจติ ติสฺโส ภาวนา.
นิมิตฺตเภโท
๕. ปริกมฺมนิมิตฺตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ ปฏิภาคนิมิตฺตฺเจติ ตีณิ นิมิตฺตานิ จ เวทิตพฺพานิ.
๖. กถํ? ปถวีกสิณํ อาโปกสิณํ เตโชกสิณํ วาโยกสิณํ นีลกสิณํ ปีตกสิณํ โลหิตกสิณํ โอทาตกสิณํ อากาสกสิณํ อาโลกกสิณฺเจติ อิมานิ ทส กสิณานิ นาม.
๗. อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกํ วิจฺฉิทฺทกํ วิกฺขายิตกํ วิกฺขิตฺตกํ หตวิกฺขิตฺตกํ โลหิตกํ ปุฬวกํ อฏฺิกฺเจติ อิเม ทส อสุภา นาม.
๘. พุทฺธานุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ สํฆานุสฺสติ สีลานุสฺสติ จาคานุสฺสติ เทวตานุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ มรณานุสฺสติ กายคตาสติ อานาปานสฺสติ เจติ อิมา ทส อนุสฺสติโย นาม.
๙. เมตฺตา กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา เจติ อิมา จตสฺโส อปฺปมฺาโย นาม, พฺรหฺมวิหาโรติ จ ปวุจฺจติ.
๑๐. อาหาเรปฏิกูลสฺา เอกา สฺา นาม.
๑๑. จตุธาตุววตฺถานํ ¶ เอกํ ววตฺถานํ นาม.
๑๒. อากาสานฺจายตนาทโย ¶ จตฺตาโร อารุปฺปา นามาติ สพฺพถาปิ สมถนิทฺเทเส จตฺตาลีส กมฺมฏฺานานิ ภวนฺติ.
สปฺปายเภโท
๑๓. จริตาสุ ปน ทส อสุภา กายคตาสติสงฺขาตา โกฏฺาสภาวนา จ ราคจริตสฺส สปฺปายา.
๑๔. จตสฺโส อปฺปมฺาโย นีลาทีนิ จ จตฺตาริ กสิณานิ โทสจริตสฺส.
๑๕. อานาปานํ โมหจริตสฺส วิตกฺกจริตสฺส จ,
๑๖. พุทฺธานุสฺสติอาทโย ฉ สทฺธาจริตสฺส.
๑๗. มรณอุปสมสฺาววตฺถานานิ พุทฺธิจริตสฺส.
๑๘. เสสานิ ปน สพฺพานิปิ กมฺมฏฺานานิ สพฺเพสมฺปิ สปฺปายานิ, ตตฺถาปิ กสิเณสุ ปุถุลํ โมหจริตสฺส, ขุทฺทกํ วิตกฺกจริตสฺเสวาติ.
อยเมตฺถ สปฺปายเภโท.
ภาวนาเภโท
๑๙. ภาวนาสุ สพฺพตฺถาปิ ปริกมฺมภาวนา ลพฺภเตว, พุทฺธานุสฺสติอาทีสุ อฏฺสุ สฺาววตฺถาเนสุ จาติ ทสสุกมฺมฏฺาเนสุ อุปจารภาวนาว สมฺปชฺชติ, นตฺถิ อปฺปนา.
๒๐. เสเสสุ ปน สมตึสกมฺมฏฺาเนสุ อปฺปนาภาวนาปิ สมฺปชฺชติ.
๒๑. ตตฺถาปิ ¶ ทส กสิณานิ อานาปานฺจ ปฺจกชฺฌานิกานิ.
๒๒. ทส ¶ อสุภา กายคตาสติ จ ปมชฺฌานิกา.
๒๓. เมตฺตาทโย ตโย จตุกฺกชฺฌานิกา.
๒๔. อุเปกฺขา ปฺจมชฺฌานิกาติ ฉพฺพีสติ รูปาวจรชฺฌานิกานิ กมฺมฏฺานานิ.
๒๕. จตฺตาโร ปน อารุปฺปา อารุปฺปชฺฌานิกาติ.
อยเมตฺถ ภาวนาเภโท.
โคจรเภโท
๒๖. นิมิตฺเตสุ ปน ปริกมฺมนิมิตฺตํ อุคฺคหนิมิตฺตฺจ สพฺพตฺถาปิ ยถารหํ ปริยาเยน ลพฺภนฺเตว.
๒๗. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน กสิณาสุภโกฏฺาสอานาปาเนสฺเวว ลพฺภติ, ตตฺถ หิ ปฏิภาคนิมิตฺตมารพฺภ อุปจารสมาธิ อปฺปนาสมาธิ จ ปวตฺตนฺติ.
๒๘. กถํ? อาทิกมฺมิกสฺส หิ ปถวีมณฺฑลาทีสุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺส ตมารมฺมณํ ปริกมฺมนิมิตฺตนฺติ ปวุจฺจติ, สา จ ภาวนา ปริกมฺมภาวนา นาม.
๒๙. ยทา ปน ตํ นิมิตฺตํ จิตฺเตน สมุคฺคหิตํ โหติ, จกฺขุนา ปสฺสนฺตสฺเสว มโนทฺวารสฺส อาปาถมาคตํ, ตทา ตเมวารมฺมณํ อุคฺคหนิมิตฺตํ นาม, สา จ ภาวนา สมาธิยติ.
๓๐. ตถา สมาหิตสฺส ปเนตสฺส ตโต ปรํ ตสฺมึ อุคฺคหนิมิตฺเต ปริกมฺมสมาธินา ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส ยทา ตปฺปฏิภาคํ วตฺถุธมฺมวิมุจฺจิตํ ปฺตฺติสงฺขาตํ ภาวนามยมารมฺมณํ จิตฺเต สนฺนิสนฺนํ สมปฺปิตํ โหติ, ตทา ตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ สมุปฺปนฺนนฺติ ปวุจฺจติ.
๓๑. ตโต ¶ ปฏฺาย ปริปนฺถวิปฺปหีนา กามาวจรสมาธิสงฺขาตา อุปจารภาวนา นิปฺผนฺนา นาม โหติ.
๓๒. ตโต ¶ ปรํ ตเมว ปริภาคนิมิตฺตํ อุปจารสมาธินา สมาเสวนฺตสฺส รูปาวจรปมชฺฌานมปฺเปติ.
๓๓. ตโต ปรํ ตเมว ปมชฺฌานํ อาวชฺชนํ สมาปชฺชนํ อธิฏฺานํ วุฏฺานํ ปจฺจเวกฺขณา เจติ อิมาหิ ปฺจหิ วสิตาหิ วสีภูตํ กตฺวา วิตกฺกาทิกโมฬาริกงฺคํ ปหานาย วิจาราทิสุขุมงฺคุปตฺติยา ปทหโต ยถากฺกมํ ทุติยชฺฌานาทโย ยถารหมปฺเปนฺติ.
๓๔. อิจฺเจวํ ปถวีกสิณาทีสุ ทฺวาวีสติกมฺมฏฺาเนสุ ปฏิภาคนิมิตฺตมุปลพฺภติ.
๓๕. อวเสเสสุ ปน อปฺปมฺา สตฺตปฺตฺติยํ ปวตฺตนฺติ.
๓๖. อากาสวชฺชิตกสิเณสุ ปน ยํ กิฺจิ กสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา ลทฺธมากาสํ อนนฺตวเสน ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส ปมารุปฺปมปฺเปติ.
๓๗. ตเมว ปมารุปฺปวิฺาณํ อนนฺตวเสน ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส ทุติยารุปฺปมปฺเปติ.
๓๘. ตเมว ปมารุปฺปวิฺาณาภาวํ ปน ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส ตติยารุปฺปมปฺเปติ.
๓๙. ตติยารุปฺปํ ‘‘สนฺตเมตํ, ปณีตเมต’’นฺติ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส จตุตฺถารุปฺปมปฺเปติ.
๔๐. อวเสเสสุ จ ทสสุ กมฺมฏฺาเนสุ พุทฺธคุณาทิกมารมฺมณมารพฺภ ปริกมฺมํ กตฺวา ตสฺมึ นิมิตฺเต สาธุกมุคฺคหิเต ตตฺเถว ปริกมฺมฺจ สมาธิยติ, อุปจาโร จ สมฺปชฺชติ.
๔๑. อภิฺาวเสน ¶ ปวตฺตมานํ ปน รูปาวจรปฺจมชฺฌานํ อภิฺาปาทกปฺจมชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา อธิฏฺเยฺยาทิกมาวชฺเชตฺวา ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ยถารหมปฺเปติ.
๔๒. อภิฺา ¶ จ นาม –
อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสตํ, ปรจิตฺตวิชานนา;
ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ, ทิพฺพจกฺขูติ ปฺจธา.
อยเมตฺถ โคจรเภโท.
นิฏฺิโต จ สมถกมฺมฏฺานนโย.
วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ
วิสุทฺธิเภโท
๔๓. วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน ปน สีลวิสุทฺธิ จิตฺตวิสุทฺธิ ทิฏฺิวิสุทฺธิ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ าณทสฺสนวิสุทฺธิ เจติ สตฺตวิเธน วิสุทฺธิสงฺคโห.
๔๔. อนิจฺจลกฺขณํ ทุกฺขลกฺขณํ อนตฺตลกฺขณฺเจติ ตีณิ ลกฺขณานิ.
๔๕. อนิจฺจานุปสฺสนา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา เจติ ติสฺโส อนุปสฺสนา.
๔๖. สมฺมสนาณํ อุทยพฺพยาณํ ภงฺคาณํ ภยาณํ อาทีนวาณํ นิพฺพิทาาณํ มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ ปฏิสงฺขาาณํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ อนุโลมาณฺเจติ ทส วิปสฺสนาาณานิ.
๔๗. สฺุโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโข เจติ ตโย วิโมกฺขา.
๔๘. สฺุตานุปสฺสนา ¶ อนิมิตฺตานุปสฺสนา อปฺปณิหิตานุปสฺสานา เจติ ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ จ เวทิตพฺพานิ.
๔๙. กถํ ¶ ? ปาติโมกฺขสํวรสีลํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลฺเจติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ สีลวิสุทฺธิ นาม.
๕๐. อุปจารสมาธิ อปฺปนาสมาธิ เจติ ทุวิโธปิ สมาธิ จิตฺตวิสุทฺธิ นาม.
๕๑. ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน นามรูป ปริคฺคโห ทิฏฺิวิสุทฺธิ นาม.
๕๒. เตสเมว จ นามรูปานํ ปจฺจยปริคฺคโห กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ นาม.
๕๓. ตโต ปรํ ปน ตถาปริคฺคหิเตสุ สปฺปจฺจเยสุ เตภูมกสงฺขาเรสุ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ ขนฺธาทินยมารพฺภ กลาปวเสน สงฺขิปิตฺวา ‘‘อนิจฺจํ ขยฏฺเน, ทุกฺขํ ภยฏฺเน, อนตฺตา อสารกฏฺเนา’’ติ อทฺธานวเสน สนฺตติวเสน ขณวเสน วา สมฺมสนาเณน ลกฺขณตฺตยํ สมฺมสนฺตสฺส เตสฺเวว ปจฺจยวเสน ขณวเสน จ อุทยพฺพยาเณน อุทยพฺพยํ สมนุปสฺสนฺตสฺส จ –
‘‘โอภาโส ปีติ ปสฺสทฺธิ, อธิโมกฺโข จ ปคฺคโห;
สุขํ าณมุปฏฺานมุเปกฺขา จ นิกนฺติ เจ’’ติ. –
โอภาสาทิวิปสฺสนุปกฺกิเลสปริปนฺถปริคฺคหวเสน มคฺคามคฺคลกฺขณววตฺถานํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.
๕๔. ตถา ปริปนฺถวิมุตฺตสฺส ปน ตสฺส อุทยพฺพยาณโต ปฏฺาย ยา วานุโลมา ติลกฺขณํ วิปสฺสนาปรมฺปราย ปฏิปชฺชนฺตสฺส นว วิปสฺสนาาณานิ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.
๕๕. ตสฺเสวํ ปฏิปชฺชนฺตสฺส ¶ ปน วิปสฺสนาปริปากมาคมฺม ‘‘อิทานิ อปฺปนา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ภวงฺคํ โวจฺฉิชฺชิตฺวา อุปฺปนฺนมโนทฺวาราวชฺชนานนฺตรํ ทฺเว ตีณิ วิปสฺสนาจิตฺตานิ ยํ กิฺจิ อนิจฺจาทิลกฺขณมารพฺภ ปริกมฺโมปจารานุโลมนาเมน ปวตฺตนฺติ.
๕๖. ยา ¶ สิขาปฺปตฺตา, สา สานุโลมา สงฺขารุเปกฺขา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาติ จ ปวุจฺจติ.
๕๗. ตโต ปรํ โคตฺรภุจิตฺตํ นิพฺพานมาลมฺพิตฺวา ปุถุชฺชนโคตฺตมภิภวนฺตํ, อริยโคตฺตมภิสมฺโภนฺตฺจ ปวตฺตติ.
๕๘. ตสฺสานนฺตรเมว มคฺโค ทุกฺขสจฺจํ ปริชานนฺโต สมุทยสจฺจํ ปชหนฺโต, นิโรธสจฺจํ สจฺฉิกโรนฺโต, มคฺคสจฺจํ ภาวนาวเสน อปฺปนาวีถิโมตรติ.
๕๙. ตโต ปรํ ทฺเว ตีณิ ผลจิตฺตานิ ปวตฺติตฺวา ภวงฺคปาโตว โหติ, ปุน ภวงฺคํ โวจฺฉินฺทิตฺวา ปจฺจเวกฺขณาณานิ ปวตฺตนฺติ.
๖๐. มคฺคํ ผลฺจ นิพฺพานํ, ปจฺจเวกฺขติ ปณฺฑิโต.
หีเน กิเลเส เสเส จ, ปจฺจเวกฺขติ วาน วา.
ฉพฺพิสุทฺธิกเมเนวํ, ภาเวตพฺโพ จตุพฺพิโธ;
าณทสฺสนวิสุทฺธิ, นาม มคฺโค ปวุจฺจติ.
อยเมตฺถ วิสุทฺธิเภโท.
วิโมกฺขเภโท
๖๑. ตตฺถ อนตฺตานุปสฺสนา อตฺตาภินิเวสํ มฺุจนฺตี สฺุตานุปสฺสนา นาม วิโมกฺขมุขํ โหติ.
๖๒. อนิจฺจานุปสฺสนา ¶ วิปลฺลาสนิมิตฺตํ มฺุจนฺตี อนิมิตฺตานุปสฺสนา นาม.
๖๓. ทุกฺขานุปสฺสนา ¶ ตณฺหาปณิธึ มฺุจนฺตี อปฺปณิหิตานุปสฺสนา นาม.
๖๔. ตสฺมา ยทิ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อนตฺตโต วิปสฺสติ, สฺุโต วิโมกฺโข นาม โหติ มคฺโค.
๖๕. ยทิ อนิจฺจโต วิปสฺสติ, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข นาม.
๖๖. ยทิ ทุกฺขโต วิปสฺสติ, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโข นามาติ จ มคฺโค วิปสฺสนาคมนวเสน ตีณิ นามานิ ลภติ, ตถา ผลฺจ มคฺคาคมนวเสน มคฺควีถิยํ.
๖๗. ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ยถาวุตฺตนเยน วิปสฺสนฺตานํ ยถาสกผลมุปฺปชฺชมานมฺปิ วิปสฺสนาคมนวเสเนว สฺุตาทิวิโมกฺโขติ จ ปวุจฺจติ, อารมฺมณวเสน ปน สรสวเสน จ นามตฺตยํ สพฺพตฺถ สพฺเพสมฺปิ สมเมว จ.
อยเมตฺถ วิโมกฺขเภโท.
ปุคฺคลเภโท
๖๘. เอตฺถ ปน โสตาปตฺติมคฺคํ ภาเวตฺวา ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาปหาเนน ปหีนาปายคมโน สตฺตกฺขตฺตุปรโม โสตาปนฺโน นาม โหติ.
๖๙. สกทาคามิมคฺคํ ภาเวตฺวา ราคโทสโมหานํ ตนุกรตฺตา สกทาคามี นาม โหติ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา.
๗๐. อนาคามิมคฺคํ ¶ ภาเวตฺวา กามราคพฺยาปาทานมนวเสสปฺปหาเนน อนาคามี นาม โหติ อนาคนฺตฺวา อิตฺถตฺตํ.
๗๑. อรหตฺตมคฺคํ ภาเวตฺวา อนวเสสกิเลสปฺปหาเนน อรหา นาม โหติ ขีณาสโว โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโยติ.
อยเมตฺถ ปุคฺคลเภโท.
สมาปตฺติเภโท
๗๒. ผลสมาปตฺติวีถิยํ ¶ ปเนตฺถ สพฺเพสมฺปิ ยถาสกผลวเสน สาธารณาว.
๗๓. นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนํ ปน อนาคามีนฺเจว อรหนฺตานฺจ ลพฺภติ, ตตฺถ ยถากฺกมํ ปมชฺฌานาทิมหคฺคตสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ คเต สงฺขารธมฺเม ตตฺถ ตตฺเถว วิปสฺสนฺโต ยาว อากิฺจฺายตนํ คนฺตฺวา ตโต ปรํ อธิฏฺเยฺยาทิกํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ อปฺปนาชวนานํ ปรโต โวจฺฉิชฺชติ จิตฺตสนฺตติ, ตโต นิโรธสมาปนฺโน นาม โหติ.
๗๔. วุฏฺานกาเล ปน อนาคามิโน อนาคามิผลจิตฺตํ, อรหโต อรหตฺตผลจิตฺตํ เอกวารเมว ปวตฺติตฺวา ภวงฺคปาโต โหติ, ตโต ปรํ ปจฺจเวกฺขณาณํ ปวตฺตติ.
อยเมตฺถ สมาปตฺติเภโท.
นิฏฺิโต จ วิปสฺสนากมฺมฏฺานนโย.
อุยฺโยชนํ
๗๕. ภาเวตพฺพํ ¶ ปนิจฺเจวํ, ภาวนาทฺวยมุตฺตมํ.
ปฏิปตฺติรสสฺสาทํ, ปตฺถยนฺเตน สาสเนติ.
อิติ อภิธมฺมตฺถสงฺคเห กมฺมฏฺานสงฺคหวิภาโค นาม
นวโม ปริจฺเฉโท.
นิคมนํ
(ก) จาริตฺตโสภิตวิสาลกุโลทเยน ¶ ,
สทฺธาภิวุฑฺฒปริสุทฺธคุโณทเยน;
นมฺปวฺหเยน ปณิธาย ปรานุกมฺปํ,
ยํ ปตฺถิตํ ปกรณํ ปรินิฏฺิตํ ตํ.
(ข) ปฺุเน เตน วิปุเลน ตุ มูลโสมํ;
ธฺาธิวาสมุทิโตทิตมายุกนฺตํ;
ปฺาวทาตคุณโสภิตลชฺชิภิกฺขู,
มฺนฺตุ ปฺุวิภโวทยมงฺคลาย.
อิติ อนุรุทฺธาจริเยน รจิตํ
อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ นาม ปกรณํ.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
อภิธมฺมตฺถวิภาวินีฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
(ก) วิสุทฺธกรุณาาณํ ¶ ¶ , พุทฺธํ สมฺพุทฺธปูชิตํ;
ธมฺมํ สทฺธมฺมสมฺภูตํ, นตฺวา สํฆํ นิรงฺคณํ.
(ข) สาริปุตฺตํ มหาเถรํ, ปริยตฺติวิสารทํ;
วนฺทิตฺวา สิรสา ธีรํ, ครุํ คารวภาชนํ.
(ค) วณฺณยิสฺสํ สมาเสน, อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ;
อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ, ปรํ ปีติวิวฑฺฒนํ.
(ฆ) โปราเณหิ ¶ อเนกาปิ, กตา ยา ปน วณฺณนา;
น ตาหิ สกฺกา สพฺพตฺถ, อตฺโถ วิฺาตเว อิธ.
(ง) ตสฺมา ลีนปทาเนตฺถ, สาธิปฺปายมหาปยํ;
วิภาเวนฺโต สมาเสน, รจยิสฺสามิ วณฺณนนฺติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
๑. ปรมวิจิตฺตนยสมนฺนาคตํ สกสมยสมยนฺตรคหนวิคฺคาหณสมตฺถํ สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนํ ปกรณมิทมารภนฺโตยมาจริโย ปมํ ตาว รตนตฺตยปณามาภิเธยฺย กรณปฺปการปกรณาภิธานปโยชนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺตฺยาทิมาห.
เอตฺถ ¶ หิ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธ…เป… อภิวาทิยา’’ติ อิมินา รตนตฺตยปณาโม วุตฺโต, อภิธมฺมตฺถสงฺคห’’นฺติ เอเตน อภิเธยฺยกรณปฺปการปกรณาภิธานานิ อภิธมฺมตฺถานํ อิธ สงฺคเหตพฺพภาวทสฺสเนน เตสํ อิมินา สมุทิเตน ปฏิปาเทตพฺพภาวทีปนโต, เอกตฺถ สงฺคยฺห กถนาการทีปนโต, อตฺถานุคตสมฺาปริทีปนโต จ. ปโยชนํ ปน สงฺคหปเทน สามตฺถิยโต ทสฺสิตเมว อภิธมฺมตฺถานํ เอกตฺถ สงฺคเห สติ ตทุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน เตสํ สรูปาวโพธสฺส, ตมฺมูลิกาย จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถสิทฺธิยา อนายาเสน สํสิชฺฌนโต.
ตตฺถ รตนตฺตยปณามปฺปโยชนํ ตาว พหุธา ปปฺเจนฺติ อาจริยา, วิเสสโต ปน อนฺตรายนิวารณํ ปจฺจาสีสนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ สงฺคหกาเรหิ ‘‘ตสฺสานุภาเวน หตนฺตราโย’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา). รตนตฺตยปณาโม หิ อตฺถโต ปณามกิริยาภินิปฺผาทิกา กุสลเจตนา, สา จ วนฺทเนยฺยวนฺทกานํ เขตฺตชฺฌาสยสมฺปทาหิ ทิฏฺธมฺมเวทนียภูตา ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส อนุพลปฺปทานวเสน ตนฺนิพฺพตฺติตวิปากสนฺตติยา อนฺตรายกรานิ อุปปีฬกอุปจฺเฉทกกมฺมานิ ปฏิพาหิตฺวา ตนฺนิทานานํ ยถาธิปฺเปตสิทฺธิวิพนฺธกานํ โรคาทิอนฺตรายานมปฺปวตฺตึ สาเธติ. ตสฺมา ปกรณารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถารทฺธปกรณสฺส อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถฺเจว โสตูนฺจ วนฺทนาปุพฺพงฺคมาย ปฏิปตฺติยา อนนฺตราเยน อุคฺคหณธารณาทิสํสิชฺฌนตฺถฺจ. อภิเธยฺยกถนํ ปน วิทิตาภิเธยฺยสฺเสว คนฺถสฺส วิฺูหิ อุคฺคหณาทิวเสน ¶ ปฏิปชฺชิตพฺพภาวโต. กรณปฺปการปฺปโยชนสนฺทสฺสนานิ จ โสตุชนสมุสฺสาหชนนตฺถํ. อภิธานกถนํ ปน โวหารสุขตฺถนฺติ อยเมตฺถ สมุทายตฺโถ. อยํ ปน อวยวตฺโถ ¶ – สสทฺธมฺมคณุตฺตมํ อตุลํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาทิย อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ ภาสิสฺสนฺติ สมฺพนฺโธ.
ตตฺถ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺเม อภิสมฺพุทฺโธติ สมฺมา สมฺพุทฺโธ, ภควา. โส หิ สงฺขตาสงฺขตเภทํ สกลมฺปิ ธมฺมชาตํ ยาถาวสรสลกฺขณปฏิเวธวเสน สมฺมา สยํ วิจิโตปจิตปารมิตาสมฺภูเตน สยมฺภูาเณน สามํ พุชฺฌิ อฺาสิ. ยถาห ‘‘สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; ธ. ป. ๓๕๓), อถ วา พุธธาตุสฺส ชาครณวิกสนตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต สมฺมา สามฺจ ปฏิพุทฺโธ อนฺปฏิโพธิโต หุตฺวา สยเมว สวาสนสมฺโมหนิทฺทาย อจฺจนฺตํ วิคโต, ทินกรกิรณสมาคเมน ปรมรุจิรสิริโสภคฺคปฺปตฺติยา วิกสิตมิว ปทุมํ อคฺคมคฺคาณสมาคเมน อปริมิตคุณคณาลงฺกตสพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติยา สมฺมา สยเมว วิกสิโต วิกาสมนุปฺปตฺโตตฺยตฺโถ. ยถาวุตฺตวจนตฺถโยเคปิ สมฺมาสมฺพุทฺธสทฺทสฺส ภควติ สมฺาวเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘อตุล’’นฺติ อิมินา วิเสเสติ. ตุลาย สมฺมิโต ตุลฺโย, โสเยว ตุโล ยการโลปวเสน. อถ วา สมฺมิตตฺเถ อการปจฺจยวเสน ตุลาย สมฺมิโต ตุโล, น ตุโล อตุโล, สีลาทีหิ คุเณหิ เกนจิ อสทิโส, นตฺถิ เอตสฺส วา ตุโล สทิโสติ อตุโล สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลภาวโต. ยถาห ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐).
เอตฺตาวตา จ เหตุผลสตฺตูปการสมฺปทาวเสน ตีหากาเรหิ ภควโต โถมนา กตา โหติ. ตตฺถ เหตุสมฺปทา นาม มหากรุณาสมาโยโค โพธิสมฺภารสมฺภรณฺจ ¶ . ผลสมฺปทา ปน าณปหานอานุภาวรูปกายสมฺปทาวเสน จตุพฺพิธา. ตตฺถ สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, ตมฺมูลกานิ จ ทสพลาทิาณานิ าณสมฺปทา. สวาสนสกลสํกิเลสานมจฺจนฺตมนุปฺปาทธมฺมตาปาทนํ ปหานสมฺปทา. ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน อาธิปจฺจํ อานุภาวสมฺปทา. สกลโลกนยนาภิเสกภูตา ปน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตา อตฺตภาวสมฺปตฺติ รูปกายสมฺปทา นาม. สตฺตูปกาโร ปน อาสยปโยควเสน ทุวิโธ. ตตฺถ เทวทตฺตาทีสุ วิโรธิสตฺเตสุปิ ¶ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยตา, อปริปากคตินฺทฺริยานํ อินฺทฺริยปริปากกาลาคมนฺจ อาสโย นาม. ตทฺสตฺตานํ ปน ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส ยานตฺตยมุเขน สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนา ปโยโค นาม.
ตตฺถ ปุริมา ทฺเว ผลสมฺปทา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ อิมินา ทสฺสิตา, อิตรา ปน ทฺเว, ตถา สตฺตูปการสมฺปทา จ ‘‘อตุล’’นฺติ เอเตน, ตทุปายภูตา ปน เหตุสมฺปทา ทฺวีหิปิ สามตฺถิยโต ทสฺสิตา ตถาวิธเหตุพฺยติเรเกน ตทุภยสมฺปตฺตีนมสมฺภวโต, อเหตุกตฺเต จ สพฺพตฺถ ตาสํ สมฺภวปฺปสงฺคโต.
ตเทวํ ติวิธาวตฺถาสงฺคหิตโถมนาปุพฺพงฺคมํ พุทฺธรตนํ วนฺทิตฺวา อิทานิ เสสรตนานมฺปิ ปณามมารภนฺโต อาห ‘‘สสทฺธมฺมคณุตฺตม’’นฺติ. คุณีภูตานมฺปิ หิ ธมฺมสํฆานํ อภิวาเทตพฺพภาโว สหโยเคน วิฺายติ ยถา ‘‘สปุตฺตทาโร อาคโตติ ปุตฺตทารสฺสาปิ อาคมน’’นฺติ.
ตตฺถ อตฺตานํ ธาเรนฺเต จตูสุ อปาเยสุ, วฏฺฏทุกฺเขสุ จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม, จตุมคฺคผลนิพฺพานวเสน นววิโธ, ปริยตฺติยา สห ทสวิโธ วา ธมฺโม. ธารณฺจ ปเนตสฺส อปายาทินิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนํ, ตํ อริยมคฺคสฺส กิเลสสมุจฺเฉทกภาวโต, นิพฺพานสฺส จ ¶ อารมฺมณภาเวน ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตาย นิปฺปริยายโต ลพฺภติ, ผลสฺส ปน กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน มคฺคานุกูลปฺปวตฺติโต, ปริยตฺติยา จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภินฺนมฺปิ ปริยายโตติ ทฏฺพฺพํ. สตํ สปฺปุริสานํ อริยปุคฺคลานํ, สนฺโต วา สํวิชฺชมาโน น ติตฺถิยปริกปฺปิโต อตฺตา วิย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโน สนฺโต วา ปสตฺโถ สฺวากฺขาตตาทิคุณโยคโต น พาหิรกธมฺโม วิย เอกนฺตนินฺทิโต ธมฺโมติ สทฺธมฺโม, คโณ จ โส อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ สมูหภาวโต อุตฺตโม จ สุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสสโยคโต, คณานํ, คเณสุ วา เทวมนุสฺสาทิ สมูเหสุ อุตฺตโม ยถาวุตฺตคุณวเสนาติ คณุตฺตโม, สห สทฺธมฺเมน, คณุตฺตเมน จาติ สสทฺธมฺมคณุตฺตโม, ตํ สสทฺธมฺมคณุตฺตมํ.
อภิวาทิยาติ วิเสสโต วนฺทิตฺวา, ภยลาภกุลาจาราทิวิรเหน สกฺกจฺจํ อาทเรน กายวจีมโนทฺวาเรหิ วนฺทิตฺวาตฺยตฺโถ. ภาสิสฺสนฺติ กเถสฺสามิ. นิพฺพตฺติตปรมตฺถภาเวน อภิ วิสิฏฺา ¶ ธมฺมา เอตฺถาติอาทินา อภิธมฺโม, ธมฺมสงฺคณีอาทิสตฺตปกรณํ อภิธมฺมปิฏกํ, ตตฺถ วุตฺตา อตฺถา อภิธมฺมตฺถา, เต สงฺคยฺหนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ.
ปรมตฺถธมฺมวณฺณนา
๒. เอวํ ตาว ยถาธิปฺเปตปฺปโยชนนิมิตฺตํ รตนตฺตยปณามาทิกํ วิธาย อิทานิ เยสํ อภิธมฺมตฺถานํ สงฺคหณวเสน อิทํ ปกรณํ ปฏฺปียติ, เต ตาว สงฺเขปโต อุทฺทิสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถ วุตฺตา’’ตฺยาทิ. ตตฺถ ตสฺมึ อภิธมฺเม สพฺพถา กุสลาทิวเสน, ขนฺธาทิวเสน จ วุตฺตา อภิธมฺมตฺถา ปรมตฺถโต สมฺมุตึ เปตฺวา นิพฺพตฺติตปรมตฺถวเสน จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธ, เจตสิกํ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ, รูปํ ¶ ภูตุปาทายเภทภินฺโน รูปกฺขนฺโธ, นิพฺพานํ มคฺคผลานมารมฺมณภูโต อสงฺขตธมฺโมติ เอวํ จตุธา จตูหากาเรหิ ิตาติ โยชนา. ตตฺถ ปรโม อุตฺตโม อวิปรีโต อตฺโถ, ปรมสฺส วา อุตฺตมสฺส าณสฺส อตฺโถ โคจโรติ ปรมตฺโถ.
จินฺเตตีติ จิตฺตํ, อารมฺมณํ วิชานาตีติ อตฺโถ. ยถาห ‘‘วิสยวิชานนลกฺขณํ จิตฺต’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ ธมฺมุเทสวารผสฺสปฺจมกราสิวณฺณนา). สติปิ หิ นิสฺสยสมนนฺตราทิปจฺจเยน วินา อารมฺมเณน จิตฺตมุปฺปชฺชตีติ ตสฺส ตํลกฺขณตา วุตฺตา, เอเตน นิรารมฺมณวาทิมตํ ปฏิกฺขิตฺตํ โหติ. จินฺเตนฺติ วา เอเตน กรณภูเตน สมฺปยุตฺตธมฺมาติ จิตฺตํ. อถ วา จินฺตนมตฺตํ จิตฺตํ. ยถาปจฺจยํ หิ ปวตฺติมตฺตเมว ยทิทํ สภาวธมฺโม นาม. เอวฺจ กตฺวา สพฺเพสมฺปิ ปรมตฺถธมฺมานํ ภาวสาธนเมว นิปฺปริยายโต ลพฺภติ, กตฺตุกรณวเสน ปน นิพฺพจนํ ปริยายกถาติ ทฏฺพฺพํ. สกสกกิจฺเจสุ หิ ธมฺมานํ อตฺตปฺปธานตาสมาโรปเนน กตฺตุภาโว จ, ตทนุกูลภาเวน สหชาตธมฺมสมูเห กตฺตุภาวสมาโรปเนน ปฏิปาเทตพฺพธมฺมสฺส กรณตฺตฺจ ปริยายโตว ลพฺภติ, ตถานิทสฺสนํ ปน ธมฺมสภาววินิมุตฺตสฺส กตฺตาทิโน อภาวปริทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. วิจิตฺตกรณาทิโตปิ จิตฺตสทฺทตฺถํ ปปฺเจนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺคโห –
‘‘วิจิตฺตกรณา จิตฺตํ, อตฺตโน จิตฺตตาย วา;
จิตํ กมฺมกิเลเสหิ, จิตํ ตายติ วา ตถา;
จิโนติ อตฺตสนฺตานํ, วิจิตฺตารมฺมณนฺติ จา’’ติ.
เจตสิ ¶ ภวํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ เจตสิกํ. น หิ ตํ จิตฺเตน วินา อารมฺมณคฺคหณสมตฺถํ อสติ จิตฺเต สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปชฺชนโต, จิตฺตํ ปน เกนจิ เจตสิเกน วินาปิ ¶ อารมฺมเณ ปวตฺตตีติ ตํ เจตสิกเมว จิตฺตายตฺตวุตฺติกํ นาม. เตนาห ภควา ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑-๒), เอเตน สุขาทีนํ อเจตนตฺตนิจฺจตฺตาทโย วิปฺปฏิปตฺติโยปิ ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ. เจตสิ นิยุตฺตํ วา เจตสิกํ.
รุปฺปตีติ รูปํ, สีตุณฺหาทิวิโรธิปจฺจเยหิ วิการมาปชฺชติ, อาปาทียตีติ วา อตฺโถ. เตนาห ภควา ‘‘สีเตนปิ รุปฺปติ, อุณฺเหนปิ รุปฺปตี’’ตฺยาทิ (สํ. นิ. ๓.๗๙), รุปฺปนฺเจตฺถ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติเยว. ยทิ เอวํ อรูปธมฺมานมฺปิ รูปโวหาโร อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ สีตาทิคฺคหณสามตฺถิยโต วิภูตตรสฺเสว รุปฺปนสฺสาธิปฺเปตตฺตา. อิตรถา หิ ‘‘รุปฺปตี’’ติ อวิเสสวจเนเนว ปริยตฺตนฺติ กึ สีตาทิคฺคหเณน, ตํ ปน สีตาทินา ผุฏฺสฺส รุปฺปนํ วิภูตตรํ, ตสฺมา ตเทเวตฺถาธิปฺเปตนฺติ าปนตฺถํ สีตาทิคฺคหณํ กตํ. ยทิ เอวํ กถํ พฺรหฺมโลเก รูปโวหาโร, น หิ ตตฺถ อุปฆาตกา สีตาทโย อตฺถีติ? กิฺจาปิ อุปฆาตกา นตฺถิ, อนุคฺคาหกา ปน อตฺถิ, ตสฺมา ตํวเสเนตฺถ รุปฺปนํ สมฺภวตีติ, อถ วา ตํสภาวานติวตฺตนโต ตตฺถ รูปโวหาโรติ อลมติปฺปปฺเจน.
ภวาภวํ วินนโต สํสิพฺพนโต วานสงฺขาตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตํ, นิพฺพาติ วา เอเตน ราคคฺคิอาทิโกติ นิพฺพานํ.