📜
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
๑. ปรมนิปุณวิจิตฺตนยสมนฺนาคตํ ¶ สกสมยสมยนฺตรคหนวิคฺคาหณสมตฺถํ สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนํ ปกรณมิทมารภนฺโตยมาจริโย ปมํ ตาว รตนตฺตยปฺปณามกรเณน อนฺตรายนิวารณฺเจว ปฺาปาฏวฺจ ปตฺเถติ. รตนตฺตยปฺปณาโม หิ อตฺถโต ปณามกิริยาภินิปฺผาทิกา กุสลเจตนา. สา จ วนฺทเนยฺยวนฺทกานํ เขตฺตชฺฌาสยสมฺปทาหิ ทิฏฺธมฺมเวทนียภูตา ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส อนุพลปฺปทานวเสน ตนฺนิพฺพตฺติตวิปากสนฺตติยา อนฺตรายกรานิ อุปปีฬกอุปจฺเฉทกกมฺมานิ ปฏิพาหิตฺวา ตนฺนิทานานํ ยถาธิปฺเปตสิทฺธิวิพนฺธกานํ โรคาทิอนฺตรายานมปฺปวตฺตึ สาเธติ, ราคาทิมลวิกฺขาลเนน จ จิตฺตสนฺตานํ ปริโสเธตฺวา ตนฺนิสฺสิตาย ปฺาย ยถาธิปฺเปตสิทฺธิสมฺปาทกํ ติกฺขวิสทภาวมาวหติ. กิฺจิ อาจิณฺณเมตํ ปณฺฑิตานํ, ยทิทํ คนฺถสมารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณํ, ตสฺมา สปฺปุริสาจารานุรกฺขณตฺถฺจ อาทิมฺหิ รตนตฺตยวนฺทนา อารทฺธาติ เอวมาทินา อฺานิปิ พหูนิ ปโยชนานิ นิทฺธาเรตพฺพานิ. ตานิ ปน ตตฺถ ตตฺถ พหุธา วิตฺถาริตานีติ ตํ ปปฺจปริสฺสมํ เปตฺวา ยถานุปฺปตฺตเมว ตาว วณฺณยิสฺสาม.
เอตฺถ จ รตนตฺตยปฺปณามํ กตฺตุกาโม ตถาคตมูลกตฺตา เสสรตนานํ ปมํ ตาว ตถาคตสฺส ¶ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามมารภนฺโต อาห ‘‘อนนฺตกรุณาปฺ’’นฺติอาทิ. โถมนาปุพฺพงฺคเมน หิ ปณาเมน สตฺถุ คุณาติสยโยโค, ตโต จสฺส อนุตฺตรวนฺทนียภาโว, เตน จ อตฺตโน วนฺทนาย เขตฺตงฺคตภาโว, เขตฺตงฺคตาย จ วนฺทนาย ยถาธิปฺเปตนิปฺผตฺติยา เหตุภาโว จ ทสฺสิโต โหติ.
ตตฺถ ¶ วนฺทิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส. ตสฺส ปน โอสานคาถายํ ‘‘ปวกฺขามี’’ติ อิมินา อปรกาลกิริยาวจเนน สห สมฺพนฺโธ. พุทฺธนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. ‘‘อนนฺตกรุณาปฺ’’นฺติอาทิกํ ปน ตพฺพิเสสนํ. ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. กิรียติ ทุกฺขิเตสุ ปสารียตีติ วา กรุณา. อถ วา กโรตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ ชนยตีติ อตฺโถ. กิณาตีติ วา กรุณา, ปรสฺส ทุกฺขํ ปจฺจยเวกลฺลกรณโต หึสตีติ อตฺโถ. ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. กรุณา จ ปฺา จ กรุณาปฺา, นตฺถิ เอตาสํ อนฺโตติ อนนฺตา, อนนฺตา กรุณาปฺา เอตสฺสาติ อนนฺตกรุณาปฺโ, ตํ อนนฺตกรุณาปฺํ.
เอตฺถ จ อุปฺปาทวยนฺตตาวเสน เจว สนฺตติปริโยสานวเสน จ สติปิ ภควโต กรุณาปฺานํ สปริยนฺตภาเว อนนฺตารมฺมเณสุ ปวตฺตนโต อนนฺตตา เวทิตพฺพา. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ สพฺพสตฺตานํ ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺตา อนฺสาธารณา มหากรุณา กฺจิ สตฺตํ อวชฺเชตฺวา สพฺเพสุ สตฺเตสุ นิรวเสเสน ปวตฺตติ, ตถา สพฺพธมฺมสภาวโพธนสมตฺถา สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตา ปฺาปิ สกลเยฺยธมฺเมสุ อนวเสสโต ปวตฺตติ, ตสฺมา อนนฺตารมฺมณปฺปวตฺตกรุณาาณวนฺตตาย อนนฺตกรุณาปฺโ ภควา. กรุณาปฺาคฺคหเณน เจตฺถ ภควโต สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. ตถา หิ กรุณาคฺคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต สกลโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตาติ.
อปิจ ¶ สพฺพพุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ, ปฺา ปริโยสานํ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถาย กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรสมฺมาสมฺโพธิยา อธิคเมน สกลพุทฺธคุเณ ปฏิลภิ. อิติ ¶ สกลพุทฺธคุณานํ ตนฺนิทานภาวโต กรุณา สพฺพพุทฺธคุณานมาทิ, สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานสฺส ปน มคฺคาณสฺส ปฏิลภนโต อุตฺตริกรณียาภาวโต ปฺา ปริโยสานํ. อาทิปริโยสานทสฺสเนน จ สกลพุทฺธคุณา นยโต ทสฺสิตา โหนฺติ. นยคฺคาโห เอว หิ สพฺพพุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, อิตรถา ตาทิสสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺสปิ วจนปถาตีตํ ตถาคตคุณํ อนุปทํ วณฺเณนฺโต โก นาม ปริโยสานมาหริตุํ สกฺกุเณยฺยาติ.
เอวํ กรุณาปฺามุเขน สงฺเขปโต สกลพุทฺธคุเณหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวาปิ ปุน อตฺตโน พุทฺธคุณสํกิตฺตเน อติตฺตาภาเวน เจว ปเรสฺจ ปสาทพาหุลฺลชนนตฺถํ ตทนฺโตคเธปิ วิสิฏฺคุเณ ปธานภาเวน นีหริตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตถาคต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ตถาคต’’นฺติ ตถา อาคตตาทีหิ อฏฺหิ การเณหิ ตถาคตํ. วุตฺตฺเหตํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๒ นิทานกถา; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) –
‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต, ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโต’’ติ.
‘‘กถํ ¶ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, กึ วุตฺตํ โหติ? มนุสฺสตฺตาทิอฏฺงฺคสมนฺนาคเตน เยน อภินีหาเรน เต ภควนฺโต อาคตา, เตเนว จ อภินีหาเรน อยมฺปิ ภควา อาคโต, ยถา จ เต ภควนฺโต สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา ปฺจมหาปริจฺจาคาทีนิ สมฺปาเทตฺวา อาคตา, ยถา จ เต สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโตติ เอวํ ตาว ตถา อาคโต’’ติ ตถาคโต. (๑)
‘‘กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา เต ภควนฺโต สตฺตปทวีติหาเรน คตา, ยถา วา เต สมถวิปสฺสนามคฺเคหิ ตํ ตํ อกุสลปกฺขํ วิธมิตฺวา คตา, ตถา อยมฺปิ ภควา คโต, เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต. (๒)
‘‘กถํ ¶ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ยสฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ยํ สภาวสรสลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ, ตฺเจส ตถลกฺขณํ อาคโต ยาถาวโต อธิคโต, ตสฺมา ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต คมนตฺถานํ พุชฺฌนตฺถสมฺภวโต. ตถา หิ วทนฺติ ‘เย คติอตฺถา, เต พุชฺฌนตฺถา. เย พุชฺฌนตฺถา, เต คติอตฺถา’ติ. (๓)
‘‘กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ยสฺมา ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมต’นฺติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) ‘อวิชฺชาย สงฺขารานํ ¶ ปจฺจยฏฺโ สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ’ติอาทิวจนโต จ ตถธมฺมสงฺขาเต สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาเท ยาถาวโต อาคโต อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต. (๔)
‘‘กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยสฺมา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ ฉทฺวารคฺคหิเต อารมฺมเณ อวิปรีตเมว ปสฺสติ ชานาติ, ตฺวา จ ปเนวํ ‘กตมํ ตํ รูปายตนํ, ยํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายา’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖ อาทโย) ตถเมส อวิปรีตํ วิภชติ ทสฺเสติ, ตสฺมา ตถํ อาคจฺฉติ ปสฺสติ ชานาติ, ตํ วา อาคมยติ ทสฺเสตีติ ตถาคโตติ เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. (๕)
‘‘กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยสฺมา เอส อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ราคมทาทินิมฺมถนวเสน เอกสทิสเมว ธมฺมํ ตถํ อวิตถํ ภาสติ, ตสฺมา ตถํ คทติ, ตโถ อวิปรีโต อาคโทวจนเมตสฺสาติ วา ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ วุตฺโตติ เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต. (๖)
‘‘กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควา หิ ‘ยถา วาที ตถา การี’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓; จูฬนิ. โปสาลมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๓) วจนโต อตฺตโน วาจาย อนุรูปเมว กโรติ, ตสฺมา ยถา วาจา, ตถา กาโยปิ คโต ปวตฺโต อิมสฺสาติ ตถาคโตติ เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต. (๗)
‘‘กถํ ¶ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? ยสฺมา ปเนส อนุปมาย สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณสมฺปทาย ¶ สมนฺนาคตตฺตา สเทวกํ โลกํ อภิภุยฺย ปวตฺตติ, ตสฺมา อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิยาติ อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป สพฺพปรปฺปวาทิโน, สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต ยถาวุตฺโต อคโท เอตสฺสาติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ทีฆาคมสํวณฺณนาทีสุ คเหตพฺโพ. อาห เจตฺถ –
‘‘ยเถว โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๒ นิทานกถา);
‘‘ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,
สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;
มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.
‘‘ตถฺจ ธาตฺวายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
‘‘ตถานิ ¶ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเยฺเยน ¶ ยโต วิภาวิตา,
ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.
‘‘อนนฺตเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
‘‘ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; ที. นิ. ฏี. ๑.๗);
เกนจิ คุเณน อตฺตโน วิสิฏฺสฺส กสฺสจิ อภาวโต นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ภควโต หิ อวีจิโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคํ ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ น โกจิ เกนจิ คุเณน สมสโมปิ อตฺถิ, กุโต ปน อุตฺตริตโร. ยถาห –
‘‘รูเป สีเล สมาธิมฺหิ, ปฺาย จ อสาทิโส;
วิมุตฺติยา สมสโม, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน’’ติ.
วินฺทิตฺวาติ ตีหิ วนฺทนาหิ ตนฺนินฺนตาทิวเสน นมสฺสิตฺวา. กายวจีมโนทฺวารวเสน หิ ติสฺโส วนฺทนา. ยถาห ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วนฺทนา กาเยน วนฺทติ, วจสา วนฺทติ, มนสา วนฺทตี’’ติ. ตตฺถ พุทฺธาทิคุณารมฺมณา กามาวจรกุสลกิริยานมฺตรา เจตนา กายวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา กายทฺวารปฺปวตฺติวเสน อุปฺปนฺนา กายวนฺทนาติ วุจฺจติ, สาเยว วจีวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา วจีทฺวารปฺปวตฺติวเสน อุปฺปนฺนา วจีวนฺทนาติ, อุภยวิฺตฺติโย ปน อสมุฏฺาเปตฺวา เกวลํ ¶ มโนทฺวารปฺปวตฺติวเสน อุปฺปนฺนา มโนวนฺทนาติ. สิรสาติ อุตฺตมงฺเคน กรณภูเตน. อพุชฺฌิ, โพเธตีติ วา พุทฺโธ. อยฺหิ จตุสจฺจธมฺเม สยมฺปิ อพุชฺฌิ, ปเรปิ โพเธติ ¶ , ตสฺมา พุชฺฌนโพธนฏฺเน ‘‘พุทฺโธ’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒). อถ วา พุธ-สทฺทสฺส ชาครณวิกสนตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต อพุชฺฌิ สวาสนสมฺโมหนิทฺทาย อจฺจนฺตํ วิคโต, พุทฺธิยา วิกสิตวาติ วา พุทฺโธ. ภควา หิ วตฺถุสภาวทสฺสนวิพนฺธิกาย อวิชฺชาสงฺขาตาย นิทฺทาย อริยมคฺคาเณน สห วาสนาย สมุจฺฉินฺนตฺตา ตโต อจฺจนฺตํ วิคโต. ปรมรุจิรสิริโสภคฺคสมาคเมน วิกสิตมิว ปทุมํ อปริมิตคุณคณาลงฺกตสพฺพฺุตฺาณสมาคเมน วิกสิโต วิกาสมนุปฺปตฺโต, ตสฺมา ชาครณวิกสนตฺถวเสนปิ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วุจฺจติ.
เอตฺตาวตา จ ทฺวีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา กตา โหติ อตฺตหิตสมฺปตฺติโต, ปรหิตปฏิปตฺติโต จ. ตาสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคโม สวาสนสกลสํกิเลสานมจฺจนฺตปฺปหานํ อนุปาทิเสสนิพฺพานาธิคโม จ, ปรหิตปฏิปตฺติ ปน อาสยปฺปโยควเสน ทุวิธํ ปรหิตสมีหนํ. ตตฺถ ธมฺมเทสนาย อภาชเนสุ เทวทตฺตาทีสุ วิโรธิสตฺเตสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยตา อปริปากคตินฺทฺริยานํ อินฺทฺริยปริปากกาลาคมนฺจ อาสโย นาม. ตทฺสตฺตานํ ปน ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส ยานตฺตยมุเขน สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนา ปโยโค นาม. ทุวิธาสุ ปเนตาสุ ปรหิตปฏิปตฺตีสุ, ติวิธาสุ จ อตฺตหิตสมฺปตฺตีสุ อนนฺตกรุณา-วจเนน, ตถา อาคตฏฺเน จ ตถาคต-สทฺเทน อาสยวเสน ปรหิตปฏิปตฺติ ทสฺสิตา, โพธนฏฺเน พุทฺธ-สทฺเทน, ตถทสฺสนฏฺเน ¶ จ ตถาคตฏฺเน จ ตถาคตสทฺเทน ปโยควเสน, อนนฺตปฺา-วจเนน, าณคติทีปเกน ตถาคต-สทฺเทน, พุชฺฌนชาครณวิกสนฏฺเน จ พุทฺธ-สทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อนุตฺตรวจเนน จ อตฺตหิตปรหิตสมฺปตฺติ ปกาสิตาติ เวทิตพฺพา.
อปิจ เหตุผลสตฺตูปการสมฺปทาวเสน ตีหากาเรหิปิ ภควโต โถมนา ปวตฺตตีติ ตํวเสนเปตฺถ โถมนา ทฏฺพฺพา. ตตฺถ เหตุสมฺปทา นาม มหากรุณาสมาโยโค, โพธิสมฺภารสมฺภรณฺจ ตมฺมูลกตฺตา สกลพุทฺธคุณานํ. ผลสมฺปทา ปน จตุพฺพิธา าณสมฺปทา, ปหานสมฺปทา, อานุภาวสมฺปทา, รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานํ สพฺพฺุตฺาณํ, ตมฺมูลกานิ จ ทสพลาทิาณานิ าณสมฺปทา นาม. อคฺคมคฺคภาวนาย สพฺพกิเลสานํ สห วาสนาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ ¶ ปหานสมฺปทา. อจินฺเตยฺยาปริมิตานํ สพฺพโลกหิตานํ นิปฺผาทเน, สเทวกโลกาภิภวเน จ อาธิปจฺจํ อานุภาวสมฺปทา. สกลโลกนยนาภิเสกภูตา ปน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตา อตฺตภาวสมฺปตฺติ รูปกายสมฺปทา นาม. สตฺตูปกาโร เหฏฺา วุตฺตปรหิตปฏิปตฺติวเสเนว เวทิตพฺโพ. อิมาสุ ปน อนนฺตกรุณา-วจเนน, ตถา อาคตฏฺเน จ ตถาคต-สทฺเทน เหตุสมฺปทา ทสฺสิตา. ผลสมฺปทาสุ าณสมฺปทา เจว ปหานสมฺปทา จ อนนฺตปฺา-วจเนน, อภิสมยปริทีปเกน ตถาคตสทฺเทน, พุชฺฌนชาครณวิกสนฏฺเน, จ พุทฺธ-สทฺเทน ทสฺสิตา, อานุภาวสมฺปทาปิ อภิภวนฏฺเน ตถาคต-สทฺเทน, อนุตฺตร-วจเนน จ วิภาวิตา, รูปกายสมฺปทา ปน รูปคฺคปฺปตฺติทีปเกน อนุตฺตร-สทฺเทน ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ¶ พุทฺธรตนสฺส โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กตฺวา อิทานิ เสสรตนานมฺปิ ปณามมารภนฺโต อาห ‘‘ธมฺมํ สาธุคณมฺปิ จา’’ติ. ภควโต โถมเนน จ สฺวากฺขาตตาทโย ธมฺมคุณา, สุปฺปฏิปนฺนตาทโย สงฺฆคุณา จ ทสฺสิตา โหนฺติ ตปฺปภวสฺส อนฺถาภาวโตติ น เตสํ วิสุํ โถมนา กตา. อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ปุคฺคเล ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ อปายทุกฺเขสุ เจว วฏฺฏทุกฺเขสุ จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม, โส จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ, จตุนฺนฺจ สามฺผลานํ, นิพฺพานสฺส, ปริยตฺติธมฺมสฺส จ วเสน ทสวิโธ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ,
ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ,
ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ หิ กามราคาทิเภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ เอเตนาติ ‘‘ราควิราโค’’ติ มคฺโค กถิโต. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย, อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส จ โสกสฺส ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา ‘‘อเนชมโสก’’นฺติ ผลํ กถิตํ. เกนจิ ปจฺจเยน อสงฺขตตฺตา ‘‘ธมฺมมสงฺขต’’นฺติ นิพฺพานํ วุตฺตํ. อวิโรธทีปนโต ปน อตฺถพฺยฺชนสฺส สมฺปนฺนตาย, ปกฏฺคุณวิภาวนโต สุฏฺุ วิภชิตตฺตา จ ‘‘อปฺปฏิกูล’’นฺติอาทินา สพฺโพปิ ปริยตฺติธมฺโม กถิโต. ตตฺถ อริยมคฺคนิพฺพานานิ นิปฺปริยาเยเนว อปายาทิโต ธารณโต ธมฺโม, ผลปริยตฺติโย ¶ ปน ปริยาเยน. ตถา เหตฺถ ธารณํ นาม อปายาทินิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนํ. อิติ อริยมคฺคสฺส กิเลสสมุจฺเฉทกตาย, นิพฺพานสฺส จ อาลมฺพณภาเวน ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายปิ อุภินฺนมฺปิ ¶ นิปฺปริยายโต ลพฺภติ. อิตเรสุ ปน อริยผลสฺส มคฺเคน สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ปฏิปสฺสทฺธกิจฺจตาย, มคฺคานุกูลปฺปวตฺติโต ปริยตฺติธมฺมสฺส จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภินฺนมฺปิ ปริยายโตว ลพฺภตีติ.
อตฺตหิตปรหิตํ สาเธนฺตีติ สาธู, เตสํ คโณ สมุทาโยติ สาธุคโณ, สาธุ จายํ คโณ จาติ วา สาธุคโณ, สาธุโน วา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อายตฺโต คโณ ตสฺส โอรสปุตฺตภาวโตติ สาธุคโณ. โส ปน จตุนฺนํ อริยมคฺคสมงฺคีนํ, จตุนฺนฺจ ผลสมงฺคีนํ วเสน อฏฺวิโธ อริยสงฺโฆ, ตํ สาธุคณํ. ปิจาติ นิปาตสมุทาโย, เอโก วา นิปาโต, ติณฺณํ รตนานํ วนฺทนกิริยาย สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เกจิ ‘‘คโณ’’ติ อิธ ปกรณโตว อริยคณปุคฺคโลว ลพฺภตีติ สาธูติ ภาวนปุํสกวเสน ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ อิมินา สห โยเชนฺติ, ตทา ปน สาธูติ ภยลาภาทิวิรเหน สกฺกจฺจํ อาทรนฺติ อตฺโถ.
๒. เอวํ ปกรณารมฺเภ ยถาธิปฺเปตํ รตนตฺตยปฺปณามํ กตฺวา อิทานิ ยตฺถ ปาฏวตฺถาย อิทํ ปกรณํ ปฏฺปียติ, ตํ สทฺธึ เทสกเทสปฏิคฺคาหกสมฺปตฺตีหิ วิภาเวตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปณฺฑุกมฺพลนามายา’’ติอาทิ. ตตฺถ เทวราชสฺส ปณฺฑุกมฺพลนามาย สิลาย วิมเล สีตเล ตเล นิสินฺโน อตุลวิกฺกโม เทวเทเวหิ ปูชิโต เทวเทโว เทวปุรกฺขโต เทวานํ เทวโลกสฺมึ ยํ ธมฺมํ เทเสสีติ สมฺพนฺโธ.
อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ปณฺฑุกมฺพลสริกฺขวณฺณตาย ‘‘ปณฺฑุกมฺพล’’นฺติ นามํ สมฺา เอติสฺสาติ ปณฺฑุกมฺพลนามา. สา หิ สกฺกสฺส ตาทิสปฺุานุภาเวน นิพฺพตฺตา ปณฺฑุกมฺพลชยสุมนปุปฺผสมาเนน วณฺเณน สพฺพกาลํ วิโรจติ ¶ , ปมาณโต ปน สฏฺิโยชนายามา, ปฺาสโยชนวิตฺถารา, ปนฺนรสโยชนุพฺเพธา จ โหติ. สิลายาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ตุลาย สมฺมิโต ตุลฺโย, น ตุลฺโย อตุลฺโย, อตุลฺโย วิกฺกโม พลํ เอตสฺสาติ อตุลฺยวิกฺกโม. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ ปรมปารมิตานุภาวสํสิทฺเธน หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ พเลหิ สมปฺปมาเณน กายพเลน, อปฺปมาเณน จ าณพเลน น กสฺสจิ เทวพฺรหฺมาทีสุ อฺตรสฺส พลตุลนาย อุปเนตพฺพํ อตฺถิ ¶ . อถ วา อนฺสาธารณตฺตา อตุลฺโย ปรกฺกมสงฺขาโต อปริมาณคุณวิเสสาวเหน อนฺสาธารเณน สมฺมปฺปธาเนน สมนฺนาคตตฺตา วา อตุลฺโย สมฺมปฺปธานสงฺขาโต วิกฺกโม อิมสฺสาติ อตุลฺยวิกฺกโม. ‘‘อตุลฺยวิกฺกโม’’ติ จ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน ย-การโลปํ กตฺวา ‘‘อตุลวิกฺกโม’’ติ วุตฺตํ. อถ วา สมฺมิตตฺเถ อ-การปจฺจยสฺสาปิ สมฺภวโต อตุโล วิกฺกโม อสฺสาติ ‘‘อตุลวิกฺกโม’’ติ วุตฺตํ.
ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจกามคุณาทีหิ กีฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน พาหิรพฺภนฺตริเก ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ, อิสฺสริยธนาทิสกฺการทานคฺคหณํ, ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปฺุาณานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชเตนฺติ, ยถาธิปฺเปตฺจ วิสยํ อปฺปฏิฆาเตน คจฺฉนฺติ, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน จ สกฺโกนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา เทวนียา ตํตํพฺยสนนิตฺถรณตฺถิเกหิ ‘‘สรณํ ปรายณ’’นฺติ คมนียา, อภิตฺถวนียา โสภาวิเสสโยเคน กมนียาติ วา เทวา, เต ติวิธา – สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม มหาสมฺมตาทโย ขตฺติยา. อุปปตฺติเทวา นาม ¶ จาตุมหาราชิเก อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม ขีณาสวา. อิธ ปน อุปปตฺติเทวา ทฏฺพฺพา. โน จ โข เตปิ อวิเสเสน, เปตฺวา ปน ยามาทิเก จาตุมหาราชิกตาวตึสวาสิโนว อธิปฺเปตา. เตสํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺชนโต ราชา, เทวานํ ราชา อิสฺสโร เทวราชา, ตสฺส เทวราชสฺส, ‘‘สกฺกสฺส เทวรฺโ’’ติ อธิปฺปาโย. น หิ อฺเสํ เทวโลเกสุ นิสินฺโน ภควา อภิธมฺมปิฏกํ เทเสสีติ.
๓. ยนฺติ อนิยมนิทฺเทโส, ตสฺส ปน ‘‘ตตฺถา’’ติ อิมินา นิยมนํ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตานํ ติณฺณมฺปิ เทวานํ อุตฺตโม เทโว เตหิ สพฺเพหิ อธิกตรํ กีฬนาทิโยคโตติ เทวเทโว, ภควา. โส หิ นิรติสยาย อภิฺากีฬาย อุตฺตเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ สปรสนฺตานสิทฺธาย ปฺจวิธมารวิชยิจฺฉานิพฺพตฺติยา จิตฺติสฺสริยสตฺตธนาทิสมฺมาปฏิปตฺติอเวจฺจปฺปสาทสกฺการทานคฺคหณสงฺขาเตน, ยถาปราธยถานุโลมยถาธมฺมานุสาสนสงฺขาเตน จ โวหาราติสเยน ปรมาย ปฺาย จ สรีรปฺปภาสงฺขาตาย ชุติยา อนุปมาย าณสรีรคติยา มารวิชยสพฺพฺุตฺาณปรหิตนิปฺผาทเนสุ อปฺปฏิหตาย สตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สเทวเกน วา โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ คมนียโต, อภิตฺถวนียโต, ภตฺติวเสน กมนียโต จ สพฺเพ เต เทเว เตหิ เตหิ คุเณหิ อภิภุยฺย ิโตติ สพฺพเทเวหิ ปูชนียตโร เทโว ¶ , วิสุทฺธิเทวภาวสงฺขาตสฺส วา สพฺพฺุคุณาลงฺการสฺส อธิคตตฺตา อฺเสฺจ เทวานํ อติสเยน เทโวติ เทวเทโว. เทวานนฺติ ตทา ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬาธิวาสีนํ มาตุเทวปุตฺตปฺปมุขานํ อุปปตฺติเทวานํ. วิสุทฺธิเทวานมฺเปตฺถ คหณนฺติ วทนฺติ. เต ปน อุปปตฺติเทเวสฺเวว สงฺคหิตา มนุสฺสอรหนฺตานํ ตตฺถ อภาวโต ¶ . เทวเทเวหีติ วิสุทฺธิเทเวหิ. วิสุทฺธิเทวา หิ วุตฺตนเยน อิตรเทเวหิ สาติสยํ กีฬนาทิโยคโต อิธ ‘‘เทวเทวา’’ติ อธิปฺเปตา, เตหิ. ปูชิโตติ ปูชิตพฺโพ, ปูชิตุํ อรโหติ อตฺโถ. เอเตน วิสุทฺธิเทเวสุปิ ภควโต อคฺคปุคฺคลตํ ทีเปติ. เทเสสีติ มธุรกรวีกสทฺทสทิสํ พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺโต ปกาเสสิ. เทวโลกสฺมินฺติ ตาวตึสเทวโลเก. สภาวสามฺลกฺขณํ ธาเรตีติ ธมฺโม, กุสลาทิเภโท อภิธมฺโม, อิธ ปน ตปฺปกาสกํ อภิธมฺมปิฏกํ ‘‘ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปิฏกุตฺตเม’’ติ. เทวปุรกฺขโตติ ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิทิพฺพพฺรหฺเมหิ ปุรกฺขโต, ปริวาริโตติ อตฺโถ.
นนุ จ ‘‘เทวาน’’นฺติ วจเนเนว เทวปุรกฺขตภาโว สิทฺโธติ กึ ‘‘เทวปุรกฺขโต’’ติ วจเนน? นายํ โทโส. ภควา หิ กทาจิ จูฬปนฺถกตฺเถราทีนํ วิย ปรมฺมุเขปิ นิสีทิตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา สตฺตานํ สมฺมุเข นิสินฺนํ วิย ทสฺเสนฺโต ธมฺมํ เทเสติ, กทาจิปิ ปารายนิกพฺราหฺมณาทีนํ วิย สมฺมุเขปิ นิสีทิตฺวา อฺเหิ จ ปริวุโต อฺเสมฺปิ ธมฺมํ เทเสติ, อิธ ปน น ตถา, เทเวหิเยว ปริวุโต เทวานํ เทเสตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เทวปุรกฺขโต’’ติปิ วตฺตพฺพเมวาติ.
๔. เอวเมตสฺมึ ปกรเณ คารวชนนตฺถํ เตน สมฺปาเทตพฺพปาฏววิสยํ อภิธมฺมปิฏกํ เทสกาทิสมฺปตฺตีหิ สห วิภาเวตฺวา อิทานิ ยถาธิปฺเปตปกรณารมฺภปโยชนาภิธานาภิเธยฺยโสตุชนสมุสฺสาหนกรณปฺปการานิ จ วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ปาฏวตฺถายา’’ติ อิมินา ปกรณารมฺภปโยชนํ วุตฺตํ. ‘‘อภิธมฺมาวตาร’’นฺติ อิมินา อภิธานาภิเธยฺยานิ. ‘‘มธุร’’นฺติอาทีหิ ปกรณํ วิเสเสติ. ‘‘สมาเสนา’’ติ จ อิมินา โสตุชนสมุสฺสาหนกรณปฺปการานีติ ¶ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อห’’นฺติ กตฺตุภูตํ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ตถา หิ โย ปโร น โหติ, โส นิยกชฺฌตฺตสงฺขาโต อตฺตา ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจติ.
ปฏุโน ภาโว ปาฏวํ, ตํเยว อตฺโถ ปโยชนฏฺเนาติ ปาฏวตฺโถ, ตทตฺถาย. ตํ สนฺธาย วิวิธนยคฺคหณสมตฺถสฺส ¶ สุตมยาณสฺส อุปฺปาทนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. สํสาเร ภยํ อิกฺขนฺติ, ภินฺทนฺติ วา ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขู, เตสํ. ปิฏกฺจ ตํ อุตฺตมฺจาติ ปิฏกุตฺตมํ, ตสฺมึ ปิฏกุตฺตเม, อภิธมฺมปิฏเกติ อธิปฺปาโย. ตฺหิ ปริยตฺติภาชนตฺถโต ปิฏกํ, ตีสุ ปิฏเกสุ วิสิฏฺภาวโต อุตฺตมฺจาติ ปิฏกุตฺตมํ. ตตฺถ ปริยตฺติภาชนตฺถโตติ ปริยตฺติอตฺเถน เจว ภาชนตฺเถน จ. ตถา หิ ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปริยตฺติ ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏก’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) ยํ กิฺจิ ภาชนมฺปิ. ตสฺมา อิทมฺปิ ปริยาปุณิตพฺพฏฺเน ปริยตฺติ, อภิธมฺมตฺถานมาธารณตฺเถน ภาชนฺจาติ ปริยตฺติภาชนตฺถโต ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. เตเนวาหุ –
‘‘ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู,
ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;
เตน สโมธาเนตฺวา,
ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา);
วิสิฏฺภาโว ปนสฺส โลกโวหารมติกฺกมฺม ยถาสภาววเสน เทสนโต, วิสิฏฺธมฺมกฺขนฺธวิภาวนโต จ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ ‘‘สตฺโต ปุคฺคโล ภิกฺขู’’ติอาทิกํ โลกโวหารมติกฺกมฺม ‘‘ขนฺธธาตุอายตน’’นฺติอาทินา ยถาธมฺมวเสเนว พาหุลฺลเทสนา ปวตฺตา, น อิตเรสุ วิย ¶ ยถาวุตฺตโวหารวเสน, ยโต อิทํ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติ. สพฺพสงฺขตธมฺมวิสิฏฺโ เจตฺถ ปฺากฺขนฺโธ วิเสสโต วิภาวิโต, ตสฺมา ติณฺณมฺปิ ปิฏกานํ พุทฺธวจนภาเวปิ ยถาสภาวานติกฺกมเทสนาทิโต อิทเมว ตีสุ ปิฏเกสุ วิสิฏฺนฺติ ยุตฺตํ. อปิจ ธมฺมาติเรกธมฺมวิเสสภาวโต จสฺส วิสิฏฺภาโว เวทิตพฺโพ. อภิธมฺเม หิ นิปฺปเทสโต ขนฺธายตนาทิธมฺมานํ วิภตฺตตฺตา อิตรทฺวยโต อติเรกตรา, วิสิฏฺา จ ปาฬิ โหติ, ตสฺมา อติเรกสฺส, วิสิฏฺสฺส จ ปาฬิธมฺมสฺส วเสน อิทเมว ตีสุ ปิฏเกสุ อุตฺตมนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ยถาวุตฺตวิสิฏฺภาวโยคโตเยว เจตํ ‘‘อภิธมฺมปิฏก’’นฺติ วุจฺจติ อภิ-สทฺทสฺส วิสิฏฺภาวโชตนโต ¶ . อปิจ วุฑฺฒิมนฺตาทิธมฺมานํ เอตฺถ วุตฺตตฺตา เจตํ อภิธมฺมปิฏกํ. ยถาหุ โปราณา –
‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;
วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา);
ตถา เหตฺถ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ, เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๖๐ อาทโย) วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา, ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขิตพฺพตฺตา สลกฺขณาปิ ‘‘เสกฺขา ธมฺมา อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน ปูชิตา ปูชารหาปิ ‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิ ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา อปฺปมาณา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๒, ทุกมาติกา ๙๙), อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน อธิกา วิสิฏฺาปิ ธมฺมา วุตฺตา, ตสฺมา อภิ-สทฺทสฺส วุฑฺฒิอาทิอตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต ‘‘วุฑฺฒิมนฺโต ธมฺมา เอตฺถา’’ติอาทินา นิพฺพจเนน อิทํ ปิฏกํ ¶ ‘‘อภิธมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. อภิธมฺมํ โอตรนฺติ อเนนาติ อภิธมฺมาวตารํ นาม ปกรณํ. อิมินา ปนสฺส อตฺถานุคตมภิธานํ ทสฺเสติ. ตุ-สทฺโท ปทปูรเณ. อาจริเยน หิ คาถาปทปูรณตฺถํ เยภุยฺเยน ตตฺถ ตตฺถ นิปาตา วุจฺจนฺติ. ยตฺถ ปน เนสํ ปโยชนวิเสโส ทิสฺสติ, ตตฺเถว ตมตฺถํ วกฺขาม. มธุรนฺติ นิปฺปริยายโต มธุร-สทฺโทยํ ชิวฺหาวิฺเยฺเย รสวิเสเส วตฺตติ, อิธ ปน อิฏฺภาวสามฺเน อตฺถพฺยฺชนสมฺปตฺติ มธุรสทฺเทน วุตฺตา. ภวติ หิ ตํสทิสสฺส ตํ-สทฺเทนาภิธานํ ยถา ‘‘อคฺคิมาณโว’’ติ. เตน ปน มธุเรน โยคโต อิทมฺปิ มธุรํ ยถา นีลคุณโยคโต นีลุปฺปลนฺติ. นิปุณคมฺภีราย พฺยฺชนสมฺปตฺติยา เจว อตฺถสมฺปตฺติยา จ อภิธมฺมวิสยํ มตึ วฑฺเฒตีติ มติวฑฺฒนํ. อถ วา พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ‘‘มธุร’’นฺติ วุตฺตํ, อตฺถสมฺปตฺติยา ‘‘มติวฑฺฒน’’นฺติ.
๕. ตาฬนฺติ กฺุจิกํ, กฺุจิกาสทิสนฺติ อตฺโถ. มุยฺหนฺติ เตนาติ โมโห, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํ, โมโหเยว อภิธมฺมมหาปุรํ ปวิสนฺตานํ ปเวสนนิวารณตฺตา กวาฏภูโตติ ¶ โมหกวาฏํ, ตสฺส. วิฆาเฏติ, วิฆาฏียติ อเนนาติ วา วิฆาฏนํ. นนุ จ อวิชฺชากวาฏํ ปฺาย อุคฺฆาฏียติ. สา หิ ตสฺสา อุชุวิปจฺจนีกภูตาติ? สจฺจํ, อิทมฺปิ ตสฺสา การณภาเวน ‘‘โมหกวาฏวิฆาฏนกร’’นฺติ วุตฺตํ. การณการณมฺปิ หิ การณวเสน วุจฺจติ ยถา ‘‘โจเรหิ คาโม ทฑฺโฒ, ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ.
๖. สุทุตฺตรนฺติ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธสงฺขาตจตุคมฺภีรภาวปฏิสํยุตฺตตาย มนฺทพุทฺธีหิ ตริตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อติทุตฺตรํ, เตเนว เจทํ มโหทธิสมานตฺตา ‘‘มโหทธี’’ติ วุตฺตํ. มหณฺณโวปิ หิ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร น สกฺกา อฺตฺร สิเนรุปพฺพตราชโต เกนจิ ปติฏฺํ ลทฺธุํ, เอวมิทมฺปิ จตุคมฺภีรตาปฏิสํยุตฺตํ อฺตฺร ตถาคตา ¶ น เกนจิ ปติฏฺํ ลทฺธุํ สกฺกาติ. ตรนฺตานนฺติ อตฺถคฺคหณวเสน อุตฺตริตุกามานํ. เอตฺถ จ ‘‘ตรํวา’’ติ อธิการวเสน วตฺตพฺพํ, วกฺขมานํ วา อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตรนฺตานนฺติ ปรตีรสมฺปาปุณนตฺถํ อุตฺตรนฺตานํ. ตรํวาติ อุฬุมฺปํ วิย, ตํสมานนฺติ อตฺโถ. มกรา นาม มจฺฉชาติกา, เตสํ อากโร นิวาสภูมีติ มกรากโร, ตํ.
๗. อภิธมฺเม นิยุตฺตา อาภิธมฺมิกา, เตสํ. หตฺถสารํ วิยาติ หตฺถสารํ. ยถา หิ มนุสฺสานํ พหูสุ รตนาทีสุ วิชฺชมาเนสุปิ อาปทาสุ จ สุขปริโภคตฺถํ หตฺเถ กยิรมานํ สารรตนาทิกํ ‘‘หตฺถสาร’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ สติปิ มหนฺเต อภิธมฺมปิฏเก ตสฺส สพฺพโส วิตฺติณฺณตาย ปริหริตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตทตฺถสารสมฺปิณฺฑนวเสน กยิรมานํ อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ สุขปริหรณตฺถาย สมฺปชฺชตีติ หตฺถสารสทิสตฺตา ‘‘หตฺถสาร’’นฺติ วุตฺตํ. ปวกฺขามีติ ปกาเรน กเถสฺสามิ, อนาคตวจนฺเจตํ, วตฺตมานสมีปตฺตา วา อนาคเต วตฺตมานูปจารโต วตฺตมานวจนํ, ปฏิฺานนฺตรเมว วกฺขตีติ. อตฺถวเสน ปกาเรน กเถนฺโตปิ สทฺทวเสน สงฺขิปิตฺวา กเถสฺสามีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สมาเสนา’’ติ. สมสนํ สํขิปนํ สมาโส, เตน สมาเสน, น พฺยาสวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา จ ปโยชนาภิธานาภิเธยฺยโสตุชนสมุสฺสาหนกรณปฺปการานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา โสตุชนสมุสฺสาหนํ นาม เตสํ สกฺกจฺจสวเน นิยฺุชนํ, ตสฺมา เต ตตฺถ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ. สกฺกจฺจสวนปฏิพทฺธา หิ สมฺมาปฏิปตฺตีติ. ตตฺถ ตนฺติ ตํ มยา วกฺขมานํ อภิธมฺมาวตารํ สุณาถ นิสามยถ. สมาหิตา สมฺมา อาหิตา, อวิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อตฺโถ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.