📜

๑. ปโม ปริจฺเฉโท

จิตฺตนิทฺเทโส

กามาวจรกุสลวณฺณนา

. เอวํ ตาว รตนตฺตยปฺปณามาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยถารทฺธปฺปกรณสฺส อตฺถสรีรภูตมภิธมฺมํ สงฺเขปโต อุทฺทิสนฺโต อาห ‘‘จิตฺตํ เจตสิก’’นฺติอาทิ. ตตฺถ จิตฺตสทฺทสฺส ตาว วจนตฺถํ สยเมว อนนฺตรํ วิปฺเจติ. ‘‘เจตสิก’’นฺติอาทีสุ ปน อวิปฺปโยคีภาเวน เจตสิ จิตฺเต นิยุตฺตํ, ตตฺถ วา ภวํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ เจตสิกํ, เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺเสตํ อธิวจนํ. รุปฺปติ, รูปียตีติ วา รูปํ, สีตุณฺหาทีหิ วิการมาปชฺชติ, อาปาทียตีติ อตฺโถ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ, จตุวีสติอุปาทารูปานฺจ วเสน อฏฺวีสติวิธสฺส รูปกฺขนฺธสฺเสตํ อธิวจนํ. ภวาภวํ วินนโต สํสิพฺพนโต วานํ วุจฺจติ ตณฺหา, น วิชฺชติ สา เอตฺถ, ตโต วา นิกฺขนฺตํ เอตนฺติ นิพฺพานํ, อมตํ อสงฺขตํ วตฺถุ. อิติ-สทฺโท นิทสฺสเน. นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตริตโรติ นิรุตฺตโร. อถ วา จตุเวสารชฺชวิหารตฺตา นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตรํ ปจฺจนีกวจนนฺติ นิรุตฺตโร. าณปฺปหานอนฺตรายนิยฺยานิเกสุ หิ สเทวเก โลเก น โกจิ สตฺถุ สหธมฺมิกํ อุตฺตรํ วจนํ กเถตุํ สมตฺโถ อตฺถีติ. ตตฺร ภควา อุตฺราสาภาวโต วิสารโทว โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธาติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต อิเม อาสวา อปริกฺขีณาติ ตตฺร วต มํ…เป… วิหรามิ.

‘‘เย จ โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายาติ ตตฺร วต มํ…เป… วิหรามิ.

‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ ตตฺร วต มํ…เป… วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐).

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปกาเสตีติ จตุสจฺจปฺปกาสโน. ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺควเสน หิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห, ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๓). ตตฺถ เตภูมกา ธมฺมา อเนกุปทฺทวาธิฏฺานตาย ธุวสุภาทิวิรเหน, กุจฺฉิตตุจฺฉฏฺเน จ ทุกฺขํ นาม. กมฺมาทิวิเสสปจฺจยสมวาเย ทุกฺขุปฺปตฺติการณภาเวน ตณฺหา สมุทโย นาม ‘‘สเมจฺจ อุเทติ ทุกฺขํ อิมสฺมา’’ติ กตฺวา. ทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรโธ นิพฺพานํ. ตํ ปน ทุกฺขนิโรธํ อาลมฺพณกรณวเสน คมนโต ปาปุณนโต, ตทธิคมาย ปฏิปทาภาวโต จาติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ โลกุตฺตรมคฺโค วุจฺจติ. สจฺจฏฺโ ปน เตสํ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาวโต เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ‘‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. เอตฺถ ปน จตุนฺนํ อริยผลานํ, อริยมคฺคสมฺปยุตฺตานฺจ สจฺจวินิสฺสฏภาเวปิ อิธ มคฺคนิพฺพานปฺปกาสนตาวจเนเนว ตปฺปกาสนตฺถมฺปิ วุตฺตํ โหติ, อนาสวภาเวน เอกลกฺขณตฺตา ตํตํเหตุกวิสยภาวโต จาติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺถ จ ‘‘นิรุตฺตโร จตุสจฺจปฺปกาสโน’’ติ อิเมหิ ภควโต จิตฺตาทิจตุพฺพิธธมฺมเทสนานุกูลคุณวิเสสํ ทสฺเสติ อตถาวิธสฺส ตํเทสนาสามตฺถิยาโยคโต. อถ วา ‘‘นิรุตฺตโร’’ติ วจเนน จตุพฺพิธธมฺมสฺส อนฺถตฺตํ ทีเปติ. ‘‘จตุสจฺจปฺปกาสโน’’ติ ปน อิมินา เย เต ธมฺมา ภควตา วิเนยฺยปริปาจนตฺถํ เทสิตา, น เต อิธ อธิปฺเปตา. เย ปน ปริปาจิเตหิ เตหิ อภิสเมตพฺพวเสน ทุกฺขาทโย จตุพฺพิธา วุตฺตา, เตเยว อุทฺทิสิตพฺพตฺเถน อธิปฺเปตาติ ทสฺเสติ.

เอวํ สงฺเขปโต จตฺตาโร ธมฺเม อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ อุทฺเทโส นาม นิทฺเทสตฺถาย โหตีติ ยถาอุทฺทิฏฺธมฺเม นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ จิตฺต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ จิตฺตาทีสุ ธมฺเมสุ. วิสยวิชานนํ จิตฺตนฺติ ยํ วิสยสงฺขาตสฺส อารมฺมณสฺส วิชานนํ อุปลทฺธิ, ตํ จิตฺตนฺติ อตฺโถ. อิมินา ปน จิตฺตสฺส อารมฺมณปฏิพทฺธวุตฺติตํ, อนิจฺจตํ, อการกตฺจ ทีเปติ. ‘‘วิสยวิชานน’’นฺติ หิ อารมฺมเณน จิตฺตํ อุปลกฺเขนฺโต ตสฺส ตทายตฺตวุตฺติตํ, ตํทีปเนน จ ตทภิมุขกาเลเยว อุปฺปตฺติทีปนโต อนิจฺจภาวฺจ ทีเปติ. ภาวนิทฺเทเสน ปน วิชานนมตฺตทีปนโต อการกภาวํ. ยถาปจฺจยฺหิ ปวตฺติมตฺตเมเวตํ, ยทิทํ สภาวธมฺโม นามาติ. เอวฺจ กตฺวา สพฺเพสมฺปิ จิตฺตเจตสิกธมฺมานํ ภาวสาธนเมว นิปฺปริยายโต ลพฺภติ. ยํ ปน ‘‘จินฺเตตีติ จิตฺตํ, เตน จิตฺตํ วิจรตีติ วิจาโร’’ติอาทินา กตฺตุกรณวเสน นิพฺพจนํ วุจฺจติ, ตํ ปริยายกถนนฺติ เวทิตพฺพํ. สกสกกิจฺเจสุ หิ ธมฺมานํ อตฺตปฺปธานตาสมาโรปเนน กตฺตุภาโว, ตทนุกูลภาเวน ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมูเห กตฺตุภาวสมาโรปเนน กรณตฺตฺจ ปริยายโตว ลพฺภตีติ. ตถา นิทสฺสนํ ปน ธมฺมสภาวโต อฺสฺส กตฺตาทิโน อภาวปริทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

‘‘วิสยวิชานน’’นฺติ จ เอเตน จิตฺตสฺส อารมฺมณูปลทฺธิลกฺขณตา วุตฺตาติ อิทานิสฺส รสาทีนิ วุจฺจนฺติ. ปุพฺพงฺคมรสฺหิ จิตฺตํ สนฺธานปจฺจุปฏฺานํ นามรูปปทฏฺานํ. ทฺวารํ ปตฺวา ตทารมฺมณฺหิ วิภาวนฏฺเน จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ ปุเรจาริกํ. ตถา หิ จกฺขุทฺวาเรน ทฏฺพฺพํ รูปารมฺมณํ จิตฺเตเนว ชานาติ…เป… มโนทฺวาเรน วิฺาตพฺพํ ธมฺมารมฺมณํ จิตฺเตเนว ชานาติ. ยถา หิ นครคุตฺติโก นครมชฺเฌ สิงฺฆาฏเก นิสีทิตฺวา ‘‘อยํ เนวาสิโก, อยํ อาคนฺตุโก’’ติ อาคตาคตํ ชนํ อุปธาเรติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา ทฺวารํ ปตฺวา ตทารมฺมณํ วิภาวนฏฺเน ปุเรจาริกนฺติ ปุพฺพงฺคมรสํ. ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อุปฺปชฺชมานํ ปุริมํ ปุริมํ นิรนฺตรํ กตฺวา สนฺทหมานมิว อุปฏฺาติ, คหณภาวํ คจฺฉตีติ สนฺธานปจฺจุปฏฺานํ. ปฺจโวกาเร ปนสฺส นิยมโต นามรูปํ, จตุโวการภเว นามเมว ปทฏฺานนฺติ นามรูปปทฏฺานฺจ โหติ. นานตฺตํ ปน ลกฺขณาทีนํ อุปริ วกฺขมานนเยน เวทิตพฺพํ. วกฺขติ หิ รูปปริจฺเฉเท

‘‘สามฺํ วา สภาโว วา, ธมฺมานํ ลกฺขณํ มตํ;

กิจฺจํ วา ตสฺส สมฺปตฺติ, รโสติ ปริทีปิโต.

‘‘ผลํ วา ปจฺจุปฏฺานํ, อุปฏฺานนโยปิ วา;

อาสนฺนการณํ ยํ ตุ, ตํ ปทฏฺานสฺิต’’นฺติ. (อภิธ. ๖๓๓-๖๓๔);

ยตฺถ ยตฺถ ปน ลกฺขณาทีนิ วุจฺจนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อิมินาว นเยน เตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.

วจนตฺถวิชานเนน วิทิตจิตฺตสามฺสฺส อุตฺตริ จิตฺตวิภาโค วุจฺจมาโน โสเภยฺยาติ วจนตฺถวิชานนเมว ตาว อาทิมฺหิ ยุตฺตตรนฺติ ตํ ตาว กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉติ ‘‘ตสฺส ปน โก วจนตฺโถ’’ติ. ปฺจวิธา หิ ปุจฺฉา – (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๔๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ. ตตฺถ ยํ อฺาตํ อทิฏฺํ, ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ปฺหากรณํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นาม. ยํ ปน าตํ ทิฏฺํ, ตสฺส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหากรณํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา นาม. ปกติยา ปน สํสยปกฺขนฺทนสฺส อตฺตโน สํสยสมุคฺฆาฏนตฺถํ ปฺหากรณํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา นาม. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๗๙; มหาว. ๒๑) อนุมติคฺคหณตฺถํ ปฺหากรณํ อนุมติปุจฺฉา นาม. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๓; สํ. นิ. ๕.๔๐๒-๔๐๔) ปน ตํตํธมฺมานํ เทสนาธิปฺปาเยน ปฺหากรณํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา นาม.

ตาสุ ปุริมา ติสฺโส อาจริยานํ น สมฺภวนฺติ. น หิ เต คนฺถกรณตฺถาย อารภิตฺวา อิทานิ อทิฏฺํ โชเตนฺติ, ทิฏฺํ สํสนฺเทนฺติ, สํสยํ วา ปกฺขนฺทนฺติ ตพฺพิโสธนปุพฺพกเมว คนฺถกรเณ อภินิเวสนโต. อิตรา ปน ทฺเว สมฺภวนฺติ. ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อปิจ โจทนํ สมุฏฺาเปนฺตา อาจริยา อฺํ โจทกํ ปริกปฺเปตฺวา ตสฺส วจนวเสน สมุฏฺาเปนฺตีติ ตํวเสเนตฺถ อทิฏฺโชตนาวิมติจฺเฉทนาปุจฺฉาปิ ลพฺภนฺเตวาติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺสาติ ตสฺส จิตฺต-สทฺทสฺส. จิตฺเต หิ อธิคเต ตสฺส วาจโก สทฺโทปิ สหจริยโต อธิคโตว โหตีติ ตสฺส อิธ ต-สทฺเทน ปริคฺคโห. เกจิ ปน ‘‘ตสฺส จิตฺตสฺสา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ‘‘ตสฺส โก วจนตฺโถ’’ติ อิมินา น สเมติ. น หิ จิตฺตสฺส ‘‘โก วจนตฺโถ’’ติ ปุจฺฉา สมฺภวตีติ.

อิทานิ ยถาปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘วุจฺจเต’’ติ ตาว ปฏิฺํ กตฺวา ‘‘สพฺพสงฺคาหกวเสนา’’ติอาทินา วิสฺสชฺชนมารทฺธํ. ตตฺถ สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ เหฏฺิมนฺตโต จกฺขุวิฺาณาทโย อุปาทาย สพฺเพสํ อารมฺมณวิชานนสภาวตฺตา เตสํ สพฺเพสเมว สงฺคาหกวเสน, น ปน วกฺขมานนิพฺพจเนสุ วิย ยถาลาภวเสนาติ อตฺโถ. จินฺเตตีติ วิชานาติ. จินฺเตนฺติ เตน โคจรนฺติ วา จิตฺตํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ กตฺตุตาสมาโรปเนน หิสฺส กรณภาโว ลพฺภติ. สพฺพสงฺคาหกวเสน ตาว อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยถาลาภวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตสนฺตานํ วา จิโนตีติปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพจิตฺตสาธารณตฺตา หิ จิตฺต-สทฺทสฺส ยตฺถ ยตฺถ ยถา ยถา อตฺโถ ลพฺภติ, ตตฺถ ตตฺถ ตถา ตถา คเหตพฺโพ. ยสฺส ปน จิตฺตสฺส ยถาวุตฺตอตฺถวิเสโส น ลพฺภติ, ตํ รุฬฺหีวเสน จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถา กิลฺชาทีหิ กตมฺปิ ตาลปณฺเณหิ กตสริกฺขกตาย รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘ตาลวณฺฏ’’นฺตฺเวว วุจฺจตีติ. อตฺตสนฺตานนฺติ สกสนฺตานํ, ชวนสนฺตานนฺติ อตฺโถ. อตฺต-สทฺทสฺส หิ ปรปจฺจนีกวจนตฺตา อตฺตโน สนฺตาโนติ สทิสวเสน อุปฺปชฺชมาโน ชวนสนฺตาโน วุจฺจติ. ตํ จิโนติ ราสึ กโรตีติ อยมตฺโถ สาเสวนกานํ ชวนจิตฺตานํ วเสน ทฏฺพฺโพ. ตานิ หิ ปุเรชาตานิ ปจฺฉาชาตานํ อาเสวนปจฺจยา หุตฺวา อตฺตโน ชวนสนฺตานสฺส ปคุณพลวภาวกรเณน ตํ จินนฺติ นาม. วา-สทฺโท อสพฺพสงฺคาหกตฺถวิกปฺปเน. ปิ-สทฺโท กิริยาสมฺปิณฺฑนตฺเถ. อถ วา ‘‘สพฺพสงฺคาหกวเสนา’’ติ อิมสฺส อิธาปิ สมฺพนฺโธ โหตีติ อิทมฺปิ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตนฺติ คยฺหมาเน อตฺตสนฺตานนฺติ วิฺาณวจนสฺส อตฺต-สทฺทสฺส สกตฺถวุตฺติตฺตาเยว ตํวเสน จิตฺตสนฺตานนฺติ อตฺโถ. อนนฺตราทิปจฺจยวเสน หิ จิตฺตสนฺตานสฺส อพฺโพจฺฉินฺนปฺปวตฺติกรณโต สพฺพเมว จิตฺตชาตํ จิตฺตสนฺตานํ จิโนติ นาม. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วา-สทฺโท กิริยาวิกปฺปนตฺโถ. ปิ-สทฺโท ‘‘จิตฺต’’นฺติ อิมสฺส อากฑฺฒนตฺโถติ ทฏฺพฺพํ. ปุริมปกฺเข ปน จิตฺตนฺติ อธิการโตว คเหตพฺพํ.

. วิจิตฺตํ กโรติ, วิจิตฺตสฺส วา กรณนฺติ วิจิตฺตกรณํ, ตโต วิจิตฺตกรณา, วิจิตฺตจิตฺตกมฺมาทีนํ กรณโตติ อตฺโถ. โลกสฺมิฺหิ ยํ กิฺจิ จิตฺตกมฺมาทิเภทํ วิจิตฺตํ สิปฺปชาตํ, สพฺพํ ตํ จิตฺเตเนว จินฺเตตฺวา กรียตีติ. เตนาห ภควา – ‘‘ทิฏฺํ โว, ภิกฺขเว , จรณํ นาม จิตฺตนฺติ? เอวํ, ภนฺเต. ตมฺปิ โข, ภิกฺขเว, จรณํ นาม จิตฺตํ จิตฺเตเนว จินฺติต’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐). สฺวายมตฺโถ สวิฺตฺติกานํ พาตฺตึสจิตฺตานมุปลพฺภติ. สาสวกุสลากุสลํ วา วิจิตฺตคติอาทิกรณโต วา วิจิตฺตกรณฏฺเน จิตฺตํ. นนุ จ วิจิตฺตคติอาทโย กมฺมวเสน นิปฺผชฺชนฺติ. ยถาห –

‘‘กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ คติยา นานากรณํ ปฺายติ อปทา ทฺวิปทา จตุปฺปทา พหุปฺปทา รูปิโน อรูปิโน สฺิโน อสฺิโน เนวสฺีนาสฺิโน, กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ อุปปตฺติยา นานากรณํ ปฺายติ อุจฺจนีจตา หีนปณีตตา สุคตทุคฺคตตา, กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ อตฺตภาเว นานากรณํ ปฺายติ สุวณฺณทุพฺพณฺณตา สุชาตทุชฺชาตตา สุสณฺิตทุสฺสณฺิตตา, กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ โลกธมฺเม นานากรณํ ปฺายติ ลาภาลาเภ ยสายเส นินฺทาปสํสายํ สุขทุกฺเข’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑).

ตสฺมา กมฺมเภทนิพฺพตฺตตฺตา คติอาทีนํ จิตฺตตา. กมฺมนฺติ จ เจตสิกธมฺมภูตา เจตนา, อภิชฺฌาทโย จ วุจฺจนฺติ, น จิตฺตนฺติ. กถํ จิตฺตสฺส วิจิตฺตคติอาทิกรณนฺติ? วุจฺจเต – กมฺมสฺส จิตฺตสนฺนิสฺสิตตฺตา ตนฺนิปฺผาทิตมฺปิ จิตฺเตเนว กตํ โหติ, ยถา ราชโยเธน ปราชิโต สตฺตุรฺา ชิโตติ วุจฺจติ. วิจิตฺตํ กรณมสฺสาติ วา วิจิตฺตกรณํ. ตโต เอกฏฺานิกวชฺชิตฺหิ จิตฺตํ ปจฺเจกํ ปฏิสนฺธาทิวิจิตฺตกิริยวนฺตตาย, สพฺพเมว วา จิตฺตํ อาวชฺชนาทิอฺมฺวิสทิสกิริยวนฺตตาย วิจิตฺตกรณํ ยุตฺตนฺติ. สพฺพวิกปฺเปสุปิ ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติอาทีสุ วิย อุตฺตรปทโลโป จิตฺตปริยาเยน จ วิจิตฺต-สทฺเทน วา วิคฺคโห วิ-สทฺทโลโป วา ทฏฺพฺโพ. อถ วา ‘‘วิจิตฺตกรณา’’ติ อิทํ จิตฺตวิจิตฺตภาวสฺส าปกเหตุนิทสฺสนํ. เตน ยสฺมา อิทํ วิจิตฺตกรณํ, ตสฺมา ตสฺส วิจิตฺตสฺส นิปฺผาทกํ สยมฺปิ ตเถว วิจิตฺตนฺติ วิฺาตพฺพนฺติ เอวํ กรณวิจิตฺตตาย วิจิตฺตตฺตา จิตฺตนฺติ อตฺโถ. เปตฺวา ตํ กรณวิจิตฺตตาย วิจิตฺตภาวํ อตฺตโน เอว ชาติภูมิสมฺปโยคาทิวเสน วิจิตฺตตาย จิตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺตโน จิตฺตตาย วา’’ติ. ตตฺถ ยสฺมา อฺเทว กุสลํ, อฺํ อกุสลํ, อฺํ อพฺยากตํ, อฺํ กามาวจรํ, อฺํ รูปาวจราทิเภทํ, อฺํ สราคํ, อฺํ วีตราคํ, อฺํ สโทสํ, อฺํ วีตโทสํ, อฺํ สโมหํ, อฺํ วีตโมหํ, อฺํ รูปารมฺมณํ, อฺํ สทฺทาทิอารมฺมณํ, รูปารมฺมเณสุ จ อฺํ นีลารมฺมณํ, อฺํ ปีตาทิอารมฺมณํ. เอวํ สทฺทารมฺมณาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ. สพฺเพสุ เจว เตสุ อฺํ หีนํ, อฺํ มชฺฌิมํ, อฺํ ปณีตํ, หีนาทีสุ จ อฺํ ฉนฺทาธิปเตยฺยํ, อฺํ จิตฺตาธิปเตยฺยํ, อฺํ วีริยาธิปเตยฺยํ, อฺํ วีมํสาธิปเตยฺยนฺติ เอวมาทินา ชาติภูมิสมฺปยุตฺตอารมฺมณหีนมชฺฌิมปณีตอธิปติอาทีนํ วเสน วิจิตฺตมเนกปฺปการํ, ตสฺมา อิมาย อตฺตวิจิตฺตตาย วา จิตฺตนฺติ วุจฺจตีติ.

กามฺเจตฺถ เอกเมว จิตฺตํ เอวํ วิจิตฺตํ นาม น โหติ, วิจิตฺตานํ ปน อนฺโตคธตฺตา เอเตสุ ยํ กิฺจิ เอกมฺปิ วิจิตฺตตาย จิตฺตนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ สมุทายโวหาเรน อวยวสฺสาปิ โวหริยมานตฺตา ยถา ปพฺพตนทีสมุทฺทาทีนเมกเทสา ทิฏฺา ปพฺพตาทโย ทิฏฺาติ, ยถา จ เอเกกจิตฺตสมฺปยุตฺตาปิ เวทนาทโย ราสฏฺเน ขนฺธโวหาเรน ‘‘เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ’’ติอาทินา วุจฺจนฺติ. อปิเจตฺถ วิปากวิฺาณํ กมฺมกิเลเสหิ จิตนฺติ จิตฺตํ, ตํ กิเลสสหาเยน กมฺมุนา ผลภาเวน นิพฺพตฺติตํ เตหิ จิตํ นาม โหติ. โหตุ ตาวิทํ โลกิยวิปากํ สนฺธาย, โลกุตฺตรํ ปน ปตฺวา กถนฺติ? วุจฺจเต – ‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา, ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ…เป… ตสฺมึ สมเย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา อริยมคฺคเจตนายปิ อวิชฺชูปนิสฺสยภาวสฺส ปกาสิตตฺตา โลกุตฺตรกุสลสฺสาปิ อนุสยา อุปนิสฺสยา โหนฺตีติ ตนฺนิพฺพตฺติตสฺส วิปากสฺส กมฺมกิเลสสฺจิตตาปริยาโย ลพฺภตีติ. จิตํ ตายตีติ วา จิตฺตํ. กมฺมาทิสฺจิโตปิ หิ อตฺตภาโว วิฺาณูปรเม มโตติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘อายุ อุสฺมา จ วิฺาณํ, ยทา กายํ ชหนฺติมํ;

อปฺปวิทฺโธ ตทา เสติ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๓.๙๕);

โส ปนายํ จิตฺต-สทฺโท กิฺจาปิ อเนกตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘จิตฺโต จ คหปตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๓๓; ๔.๑๗๖) ปฺตฺติยํ อาคโต. ‘‘สพฺโพ โลโก ปรจิตฺเตน อจิตฺโต’’ติอาทีสุ วิฺาเณ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ, เอวํ จิตฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) วิจิตฺเต, นานปฺปกาเรติ อตฺโถ. ‘‘จรณํ นาม จิตฺต’’นฺติอาทีสุ จิตฺตกมฺมเก. อิธ ปน จตุพฺพิธธมฺเม นิทฺเทสโต ปกรณวเสน ยถาวุตฺตวจนตฺถยุตฺโต วิฺาณวจโนว ทฏฺพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปฺตฺติยมฺปี’’ติอาทิ . ปฺาปียติ เอตายาติ ปฺตฺติ, ตสฺสํ นามปฺตฺติยนฺติ อตฺโถ. จิตฺโตติ หิ เอกสฺส คหปติโน นามํ. ปิ-สทฺโท วกฺขมานสมฺปิณฺฑนตฺโถ. วิฺาเณติ สวิปากาวิปากเภเท จิตฺเต. ตฺหิ วิชานนฏฺเน ‘‘วิฺาณ’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘วิชานาตีติ โข, ภิกฺขเว, วิฺาณํ, ตสฺมา วิฺาณนฺติ วุจฺจตี’’ติ. จิตฺตสมฺมุตีติ จิตฺตโวหาโร. ทฏฺพฺพาติ วิฺาตพฺพา. อิธาติ อิมสฺมึ จตุพฺพิธธมฺมนิทฺเทสฏฺาเน. วิฺุนาติ วิชานตา, อาภิธมฺมิเกนาติ อตฺโถ.

วิภาควนฺตานํ ธมฺมานํ สภาววิภาวนํ วิภาเคน วินา น โหตีติ จิตฺตสฺส วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘สารมฺมณโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อาลมฺพนฺติ ตํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺตีติ อารมฺมณํ, ปจฺจโย, โคจโร จ. ตถา หิ ‘‘ลภติ มาโร อารมฺมณํ, ลภติ มาโร โอตาร’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปจฺจโย ‘‘อารมฺมณ’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘นิมิตฺตํ อสฺสาสปสฺสาสา, อนารมฺมณเมกจิตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๙) โคจโร. อิธ ปน อุภยมฺปิ วฏฺฏติ สพฺพสฺเสว จิตฺตสฺส สปฺปจฺจยสโคจรตฺตา. สห อารมฺมเณน วตฺตติ ตทวินาภาวโตติ สารมฺมณํ. ภาวปฺปธานนิทฺเทสวเสน เจตฺถ สารมฺมณภาโว สารมฺมณ-สทฺเทน วุตฺโต ยถา ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ (ขุ. ปา. ๖.๓). จกฺขุ สุฺํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๕) รตนอตฺตตฺตนิยาทิภาโว รตนาทีหิ สทฺเทหีติ, ตโต สารมฺมณภาวโตติ อตฺโถ. เอวมฺตฺถาปิ ยถานุรูปํ ทฏฺพฺพํ. เอกวิธนฺติ เอกปฺปการํ, เอกโกฏฺาสนฺติ อตฺโถ.

สวิปากาวิปากโตติ วิปากุปฺปาทนสภาวสฺส วิชฺชมานาวิชฺชมานภาวโต. วิปาก-สทฺโท หิ ทฺวีสุ อตฺเถสุ ปวตฺตติ. กตฺถจิ วิปกฺกภาวมาปนฺเนสุ อรูปธมฺเมสุ, กตฺถจิ วิปากุปฺปาทนสภาเว . ตถา เหส ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) วิปกฺกภาวมาปนฺเนสุ อรูปธมฺเมสุ ปวตฺตติ. ‘‘วิปากธมฺมธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) วิปากุปฺปาทนสภาเว. อิธ ปน วิปากุปฺปาทนสภาโว ทฏฺพฺโพ. อิตรถา หิ อภิฺากุสลาทีนํ สวิปาก-ปเท อสงฺคหิตภาวาปตฺติ สิยา. ตถา หิ ยทิ วิปกฺกภาวมาปนฺนา เอว ธมฺมา อิธ คหิตา สิยุํ, เต ยสฺส สนฺติ, ตํ สวิปากมิตรมวิปากนฺติ อภิฺากุสลสฺส เจว กทาจิ อวิปากสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิกมฺมสฺส ภาวนายปหาตพฺพากุสลสฺส จ วิปากุปฺปตฺติยา อภาวโต อวิปาก-ปทสงฺคโห สิยา, เอวฺจ สติ ‘‘อวิปากํ อพฺยากต’’นฺติ วกฺขมานตฺตา เนสํ อพฺยากตภาโว อาปชฺชติ, น เจตมิฏฺํ กุสลากุสลนิทฺเทเสเยว เตสํ นิทฺเทสโต. วิปากุปฺปาทนสภาเว ปน คหิเต ตํสภาโว นาม อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชมานตณฺหานุสยสฺมึ สนฺตาเน สพฺยาปารปฺปวตฺติ เอวาติ ตสฺสา เตสุปิ อตฺถิตาย อสติปิ วิปากุปฺปาทเน สวิปาก-ปทสงฺคโห สิทฺโธติ น โกจิ อิฏฺวิฆาโต อาปชฺชติ. เยน ปน การเณน อภิฺากุสลาทิกมวิปากํ, โย เจตฺถ วตฺตพฺโพ วินิจฺฉโย, ตํ สพฺพํ ตสฺส ตสฺส อาคตฏฺาเนเยว ทสฺสยิสฺสาม.

กตมํ ปเนตฺถ สวิปากํ, กตมมวิปากนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ สวิปาก’’นฺติอาทิ. อพฺยากตนฺติ วิปากกิริยาวเสน ทุวิธมพฺยากตํ. เตสุ วิปากจิตฺตํ ตาว อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ วิย นิรุสฺสาหตฺตา วิปากุปฺปาทเน อสมตฺถํ. กิริยจิตฺเตสุ จ ยเทตํ ขีณาสวสนฺตาเนเยว นิยตมฏฺารสวิธํ วิฺาณํ, ตํ อุปจฺฉินฺนภวมูลาย สนฺตติยํ ปวตฺตตีติ สมุจฺฉินฺนมูลาย ลตาย ปุปฺผํ วิย ผลทายี น โหติ. อาวชฺชนทฺวยํ ปน อนุปจฺฉินฺนภวมูเลปิ สนฺตาเน ปวตฺตมานํ อนาเสวนภาเวน ทุพฺพลตฺตา โมฆปุปฺผมิว พีชภาเว อสมตฺถํ อผลเมว. อิติ สพฺพเมตํ อพฺยากตํ วิปาการหตาภาวโต อวิปากนฺติ วุตฺตํ ‘‘อวิปากํ อพฺยากต’’นฺติ. ชายนฺติ เอตฺถ อสทิสาปิ สทิสาการาติ ชาติ, สมานากาโร, กุสลากุสลาพฺยากตานํ ชาติ กุสลากุสลาพฺยากตชาติ, ตสฺสา เภทโต ติวิธํ กุสลํ อกุสลํ อพฺยากตนฺติ. วจนตฺถปุจฺฉาย ปโยชนํ วุตฺตเมว.

๑๐. ‘‘กุจฺฉิตาน’’นฺติอาทิ วิสฺสชฺชนํ. ตตฺถ กุจฺฉิตานนฺติ นินฺทิตานํ, อสุจิ วิย นาคริเกหิ วิฺูหิ ครหิตพฺพานํ ปาปธมฺมานนฺติ อตฺโถ. สลนโตติ หึสนโต, อปนยนโต วา. กุสลฺหิ ยถานุรูปํ ตทงฺคาทิวเสน อกุสลธมฺเม ปชหนฺตํ เต หึสติ, อปนยตีติ วา วุจฺจติ. อถ วา สลนโต สํวรณโต, ปิทหนโตติ อตฺโถ. กุสลธมฺมวเสน หิ อกุสลปฺปวตฺตินิวารเณน, อปฺปวตฺติธมฺมตาปาทเนน จ มนจฺฉฏฺเสุ ทฺวาเรสุ อปฺปวตฺติยา สํวุตา ปิหิตา โหนฺติ. กุสานนฺติ ราคาทิอสุจิสมฺปโยเคน นานาวิธทุกฺขเหตุตาย จ กุจฺฉิเตนากาเรน อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน สยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ กุสา, ปาปธมฺมา. อถ วา กุจฺฉิตานํ ปาณาติปาตาทีนํ สาวชฺชธมฺมานํ สานโต นิสานโต เตชนโต กุสา, โทสโลภาทโย. โทสาทีนฺหิ วเสน เจตนาย ติกฺขภาวปฺปตฺติยา ปาณาติปาตาทีนํ มหาสาวชฺชตาติ. เตสํ ลวเนน ฉินฺทเนน ยถานุรูปํ ปชหเนนาติ อตฺโถ. กุเสนาติ กุจฺฉิตานํ สานโต ตนุกรณโต, โอสานกรณโต วา ‘‘กุสา’’ติ ลทฺธนาเมน าเณน. ลาตพฺพตฺตาติ อาทาตพฺพตฺตา, สหชาตอุปนิสฺสยภาเวน สนฺตาเน ปวตฺเตตพฺพตฺตา. าณฺหิ ติเหตุกกุสลํ สหชาตภาเวน เจว อุปนิสฺสยภาเวน จ, ทุเหตุกกุสลํ อุปนิสฺสยภาเวเนว สนฺตาเน ปวตฺเตติ. เอวฺจ กตฺวา โกสลฺลสมฺภูตฏฺโ กุสลฏฺโติ สพฺพกุสลานํ สาธารณวเสน อตฺโถ วุจฺจติ. อถ วา กุเสนาติ ชาติสทฺทตาย เอกวจนนิทฺเทโส, กุเสหีติ ปน อตฺโถ. ปุฺกิริยาวเสน หิ ปวตฺตานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ยถาวุตฺตนเยน ‘‘กุสานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตหิ ลาตพฺพตฺตา วุตฺตนเยน ปวตฺเตตพฺพตฺตา. อปิเจตฺถ –

‘‘กุโส วิย ลุนาตีติ, กุสา วิย ลุนาติ วา;

กุสลํ กุํ สเลตีติ, ลุนาติ กุสมิจฺจปี’’ติ.

ตตฺถ ยถา กุโส คหิโต อุภยภาคคตํ หตฺถปเทสํ ลุนาติ, เอวมิทมฺปิ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนวเสน อุภยภาคคตํ กิเลสปกฺขํ ลุนาติ ฉินฺทติ, เสยฺยถาปิ – ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อุปฺปนฺนานํ…เป… ปหานายา’’ติ อาคตํ สมฺมปฺปธานํ. ตสฺมา กุโส วิย ลุนาตีติ กุสลํ. กุสา วิย ลุนาตีติ เอตฺถ ‘‘กุ’’อิติ ภูมิ วุจฺจติ, ธมฺมานํ อธิฏฺานภาเวน ตํสทิสตาย อิธ รูปารูปกฺขนฺโธ วุตฺโต. อตฺตโน นิสฺสยภูตสฺส ตสฺส เอตรหิ, อายติฺจ อนุทหนโต วินาสนโต กุํ สายนฺตีติ กุสา, ราคาทโย, เต วิย อตฺตโน นิสฺสยํ ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. ปโยคสมฺปาทิตา หิ กุสลธมฺมา อจฺจนฺตเมว รูปารูปธมฺเม อปฺปวตฺติกรเณน สมุจฺฉินฺทนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปาปนโตติ. วุตฺตนเยน ปน ‘‘กุ’’นฺติ ลทฺธนามสฺส รูปารูปกฺขนฺธสฺส สลนโต อปนยนโต กุํ สเลตีติ กุสลํ. กุสํ ลุนาตีติ ปน กุจฺฉิตา เอตฺถ สยนฺตีติ กุโส, กาโย, ตํ ลุนาติ ยถาวุตฺตวเสเนวาติ กุสลํ.

๑๑. อิทานิ กุสล-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารทสฺสนตฺถมาห ‘‘เฉเก กุสล-สทฺโทย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ (ม. นิ. ๒.๘๗), กุสลานจฺจคีตสฺส, สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๙๔) เฉเก ทิฏฺโ, เฉกปริยาโย ปวีณตฺโถติ อตฺโถ. ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙) อาโรคฺเย. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร กุสโล? โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๖๑) จ ‘‘อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) จ เอวมาทีสุ อนวชฺเช. ‘‘กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ วฑฺฒติ (ที. นิ. ๓.๘๐), กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑) จ อาทีสุ อิฏฺวิปาเก. อนวชฺชาทิเกติ อนวชฺชอิฏฺวิปาเก, ‘‘อนวชฺชาทิเก’’ติ จ อตฺตนา วกฺขมานลกฺขณสฺส อนุรูปตฺตา วุตฺตํ, น ปน อาโรคฺยตฺถสฺส อสมฺภวโต. กิเลสโรคสฺส หิ อภาวโต กุสลํ อาโรคฺยํ โหติ.

วชฺชา ราคาทโย, เต ยสฺส น สนฺติ, ตํ อนวชฺชํ, อิฏฺโ วิปาโก จตุกฺขนฺธสงฺขาโต ยสฺส, ตํ อิฏฺวิปากํ, อิฏฺวิปากตา จสฺส ตํสภาววนฺตตาย ทฏฺพฺพา, น ตสฺส อวสฺสํ อิฏฺวิปากสมฺภวโตเยว, ลกฺขียติ อเนนาติ ลกฺขณํ, อนวชฺชฺจ ตํ อิฏฺวิปากฺจาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากํ. ตํ ลกฺขณมสฺสาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ.

นนุ จ กุสลเมว อนวชฺชอิฏฺวิปากํ, วุตฺตนิยาเมน ปน อนวชฺชอิฏฺวิปากโต อฺํ กุสลํ สิยา. น หิ สยเมว อตฺตโน ลกฺขณนฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ? นายํ โทโส ปริฺาตาปริฺาตวจนตฺถภาวเภเท เอกสฺสาปิ ลกฺขิตพฺพลกฺขณภาวปริกปฺปนโต. ‘‘อนวชฺชอิฏฺวิปาก’’นฺติ หิ ปริฺาตวจนตฺถํ. ‘‘กุสล’’นฺติ อปริฺาตวจนตฺถํ. เอวฺจ เยน สภาเวน ปริฺาตวจนตฺถสฺส สทฺทสฺส อตฺโถ โหติ, เยน จ อปริฺาตวจนตฺถสฺส, เตสํ ปริฺาตาปริฺาตวจนตฺถสภาวานํ เภเทน ตํสมงฺคิสฺส กุสลสฺส เอกสฺสาปิ เภโท ปริกปฺปียติ ยถา ‘‘ปุเร ภวํ ปฏุ อาสิ, ปฏุตโร เอตรหี’’ติ คุณเภเทน, วตฺถุเภเทน จ ปริกปฺปียติ, ตสฺมา ปริฺาตวจนตฺถภาเวน ลกฺขณํ, อปริฺาตวจนตฺถภาเวน ลกฺขิตพฺพนฺติ เอวํ ปริกปฺปิตเภเท ปริคฺคยฺหมาเน น โกจิ โทโส อาปชฺชติ.

อถ วา ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, อนวชฺชอิฏฺวิปากฺจ ตํ ลกฺขณฺจาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ, ยํ อนวชฺชอิฏฺวิปากํ หุตฺวา ลกฺขียติ, ตํ กุสลนฺติ อตฺโถ. อถ วา อนวชฺช-สทฺเทน อนวชฺชภาโว วุตฺโต, อิฏฺวิปากสทฺเทน อิฏฺวิปากภาโว, ตสฺมา อนวชฺโช จ อิฏฺวิปาโก จ อนวชฺชอิฏฺวิปากํ, ตํ ลกฺขณเมตสฺสาติ กรณตฺเถ, กมฺมตฺเถ วา ลกฺขณ-สทฺเทน อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณนฺติ อนวชฺชอิฏฺวิปากสภาววนฺตํ, อนวชฺชอิฏฺวิปากภาเวน ลกฺขิตพฺพํ วาติ อตฺโถ. กึ ปเนตฺถ การณํ ปททฺวยปริคฺคเหน, นนุ เอเกเนว ปเทน อธิปฺเปตตฺถสิทฺธิ สิยา. กิฺจาปิ หิ ‘‘อนวชฺชลกฺขณ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) วิย วชฺชรหิตตฺตา อพฺยากตสฺสาปิ ปสงฺโค สิยาติ อิฏฺวิปาก-ปทํ วตฺตพฺพเมว, ‘‘อิฏฺวิปากลกฺขณ’’นฺติ ปน วุตฺเต อิตรํ น วตฺตพฺพํ อพฺยากตสฺส วิปาการหภาเวน อิฏฺวิปากตาปสงฺคภาวโต? สจฺจเมตํ, อนวชฺช-ปเทน กุสลสฺส ปวตฺติสุขตํ, อิฏฺวิปาก-ปเทน จ วิปากสุขตํ ทสฺเสตุํ ปททฺวยํ วุตฺตํ. อนวชฺชปทฺหิ อตฺตโน ปวตฺติสภาววเสน ลกฺขณวจนํ, อิตรํ กาลนฺตเร วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาวเสนาติ. อถ วา กุสลสฺส อตฺถวิสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ปุริมปทํ วุตฺตํ, ปริสุทฺธวิปากตํ ทสฺเสตุํ ปจฺฉิมํ. ปุริมํ วา กุสลสฺส อกุสลสภาวโต นิวตฺตนํ, ปจฺฉิมํ อพฺยากตสภาวโตติ อลมติปปฺเจน. เอตฺถ จ ‘‘อนวชฺช…เป… ลกฺขณ’’นฺติ วจเนน กุสลสฺส สามฺลกฺขณํ วุตฺตํ อนวชฺชอิฏฺวิปากสภาวสฺส กุสลชาติยา สาธารณตฺตา. อกุสลาทีนมสาธารณภาเวน สภาวลกฺขณํ วาติ ทฏฺพฺพํ.

อกุสลวิทฺธํสนรสนฺติ ยถานุรูปํ อกุสลปฺปชหนกิจฺจํ. กุสลฺหิ ปริตฺตมหคฺคตโลกุตฺตรเภทภินฺนํ ยถากฺกมํ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานวเสน อกุสลปกฺขํ ปชหติ. อถ ตทงฺคาทิปฺปหานานํ กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – ทานาทิปุฺกิริยวตฺถุคเตน เตน เตน กุสลงฺเคน ตสฺส ตสฺส มจฺเฉราทิอกุสลงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ, ตํ ทีปาโลเกน อนฺธการวิทฺธํสนํ วิย ทฏฺพฺพํ, กามาวจรกุสลานํ ปริตฺตานุภาวตาย เตหิ อตฺตโน ิติกฺขเณ วิทฺธํสิตานมกุสลานํ ตทปคเม สติ ปุน อาคเมน โวตฺถรณโต. เตสํ เตสํ นีวรณธมฺมานํ วิกฺขมฺภนสงฺขาตํ ปวตฺตินิวารณวเสน ปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, ตํ ฆฏปฺปหาเรน ชลตเล เสวาลวิยูหนํ วิย ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ พลวตา ฆฏปฺปหาเรน ทูรีกตํ เสวาลํ ตสฺมึ อปนีเตปิ ตํปหารเวเคน สหสา น โอตฺถรติ, เอวเมว อุปจารปฺปนาเภเทน ฌาเนน วิกฺขมฺภิตา กามจฺฉนฺทาทโย ตทปฺปวตฺติกาเลปิ ตสฺส พเลน สหสา น โอตฺถรนฺตีติ. อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนสงฺขาตํ สมฺมา อุจฺเฉทวเสน ปหานํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ตํ ปน อสนิสมฺปาเตน รุกฺขาทีนํ สมูลวิทฺธํสนํ วิย ทฏฺพฺพํ. น หิ อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺนกิเลสา อนุสยมตฺตเกนาปิ สนฺตาเน ปวตฺตนฺติ. ยถา ปน เอกวารปฺปวตฺเตนปิ อินฺทคฺคินา สห มูเลหิ วิทฺธํสิตา รุกฺขาทโย น ปุน วิรุหนฺติ, เอวเมวํ เอกจิตฺตกฺขณิเกนปิ เตน อตฺตโน อุปฺปาทมตฺเตเนว อนุสยมตฺตฏฺายิโนปิ กิเลสา สพฺเพน สพฺพํ วิทฺธํสิตาเยว โหนฺติ.

โวทานํ วิสุทฺธิ, สํกิเลสมลวิมุตฺตีติ อตฺโถ, ตถา หุตฺวา ปจฺจุปฏฺานมสฺสาติ โวทานปจฺจุปฏฺานํ, ปริสุทฺธากาเรน โยคิโน าณสฺส อุปฏฺาตีติ วุตฺตํ โหติ.

เอวํ กุสลสฺส วชฺชรหิตอิฏฺวิปากสภาเวหิ ลกฺขณํ, กิจฺจอุปฏฺานาการวเสน จ รสปจฺจุปฏฺานานิ วตฺวา ปุน วชฺชปฏิปกฺขภาววเสน จ ลกฺขณํ, สมฺปตฺติผลวเสน จ รสาทิกํ ทสฺเสตุํ ‘‘วชฺชปฏิปกฺขตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วชฺชานํ ปฏิปกฺขภาโว วชฺชปฏิปกฺขตฺตํ, ตโต. เอเตน ‘‘อนวชฺชลกฺขณ’’นฺติ เอตฺถ อ-กาโร ปฏิปกฺขตฺโถติ ทสฺเสติ, เตน ปนสฺส อพฺยากตโต นิวตฺตนํ กตํ. อิตรถา หิ นาสฺส วชฺชํ, วชฺชโต อฺํ วา อนวชฺชนฺติ อพฺยากตสฺสาปิ ตํลกฺขณตาปสงฺโค สิยา. ‘‘วชฺชปฏิปกฺขตฺตา’’ติ ปน วุตฺเต ยสฺมา กุสลากุสลานเมว ปหายกปฺปหาตพฺพภาเวน อาโลกนฺธการานํ วิย อฺมฺํ อุชุวิปจฺจนีกภาโว, ตสฺมา กุสลเมว วชฺชปฏิปกฺขตฺตา อนวชฺชลกฺขณํ, น อฺนฺติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โวทานภาวรสนฺติ โวทานภาวสมฺปตฺติกํ, กิเลสมเลหิ อสํกิลิฏฺภาเวน สมฺปชฺชนกนฺติ อตฺโถ. ปจฺจุปฏฺาปียติ อุปนียติ การเณน, อตฺตโน วา การณํ ปฏิจฺจ, ตปฺปฏิพทฺธภาเวน ปฏิมุขํ วา อุปฏฺาตีติ ปจฺจุปฏฺานํ, อิฏฺโ วิปาโก ปจฺจุปฏฺานมสฺสาติ อิฏฺวิปากปจฺจุปฏฺานํ.

อสติ โยนิโสมนสิกาเร กุสลสฺส อนุปฺปชฺชนโต, สติ จ ตสฺมึ อุปฺปชฺชนโต ตสฺส โส อาสนฺนการณนฺติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปทฏฺาน’’นฺติ. ตตฺถ โยนิโส ปเถน อุปาเยน มนสิกาโร โยนิโสมนสิกาโร, อตฺถโต ปน สานุสยสนฺตานวโต ฉนฺนํ ทฺวารานมาปาถคเตสฺวารมฺมเณสุ ปติรูปเทสวาสาทิสมฺปตฺติยา กุสลธมฺมานํ ปจฺจยภาเวน ภวงฺคํ อาวฏฺเฏตฺวา อุปฺปนฺนมาวชฺชนํ โยนิโสมนสิกาโร นาม. วุตฺตปฏิปกฺขวเสน อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทฏฺพฺโพ. ยํ ปน นิรนุสยสนฺตานสมงฺคิสฺส กิริยจิตฺตานํ ปจฺจยภาเวน อุปฺปนฺนํ, ตํ เปตฺวา นิรวชฺชธมฺมํ สาวชฺชธมฺมสฺส กสฺสจิ ปจฺจยภาวานุปคมนโต โยนิโสมนสิการปกฺขํ วา ภเชยฺย. ขีณาสวสนฺตานคตตฺตา โยนิโสอโยนิโสภาวมนเปกฺขิตฺวา อาปาถคตารมฺมเณสุ อุปฺปตฺติมตฺตํ วินา น กสฺสจิ กุสลากุสลภาวสฺส ปจฺจโย โหตีติ ตทุภยวเสน นวตฺตพฺพตฺตา อพฺยากตมนสิกาโรติ วา สงฺขํ คจฺเฉยฺยาติ.

สาวชฺชานิฏฺวิปากลกฺขณมกุสลนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘วชฺชา ราคาทโย, เต ยสฺส สนฺติ, ตํ สาวชฺชํ, อนิฏฺโ วิปาโก ยสฺส, ตํ อนิฏฺวิปาก’’นฺติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน ปฏิปกฺขโยชนา ทฏฺพฺพา. รสาทิโต ปเนตํ อนตฺถชนนรสํ, สํกิเลสปจฺจุปฏฺานํ. อถ วา คารยฺหภาวโต สาวชฺชลกฺขณเมว, สํกิเลสภาวรสํ, อนิฏฺวิปากปจฺจุปฏฺานํ, อโยนิโสมนสิการปทฏฺานํ. วจนตฺถโต ปน น กุสลนฺติ อกุสลํ, กุสลปฏิปกฺขนฺติ อตฺโถ. ปฏิปกฺขตฺเถ หิ อยํ อกาโร, น ปน อฺตฺเถ, นาปิ อภาเว. อิตรถา หิ ติกํ น สิยา, ทุกํ, จตุกฺกํ วา อาปชฺเชยฺย. ตถา หิ ยทิ กุสลโต อฺมกุสลํ สิยา , ตทา อพฺยากตสฺสาปิ ตโต อฺภาเวน อกุสล-สทฺทสงฺคโหติ กุสลากุสลชาติเภทโต ทุวิธนฺติ ทุกํ วตฺตพฺพํ. ยทิ จ กุสลาภาโว อกุสลํ, เตน น กาจิ ชาติ คยฺหตีติ กุสลาพฺยากตชาติเภทโต ทุกเมว วตฺตพฺพํ. อถ สิยา ‘‘อภาโวปิ วิสุํ คเหตพฺโพ’’ติ, เอวํ สติ ตสฺส ชาติยา อภาวโต ชาติ-สทฺเทน สห สมฺพนฺโธ น สิยา. วิชฺชมานสฺส หิ ชาติ นาม โหติ. ยเถว วา กุสลสฺส อภาโว, เอวํ อพฺยากตสฺสาปิ อภาโว อตฺถีติ อนพฺยากตชาติปิ วตฺตพฺพาติ จตุกฺกํ อาปชฺเชยฺย. น เจตมิฏฺํ กุสลาทิวเสน ติวิธชาติยา เอว อิจฺฉิตตฺตา, ปาฬิยฺจ ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ ติกวเสเนว วุตฺตตฺตา ‘‘กุสลปฏิปกฺข’’นฺติ ปน วุจฺจมาเน มิตฺตปฏิปกฺโข อมิตฺโต วิย, โลภปฏิปกฺโข อโลโภ วิย จ ยํ ธมฺมชาตํ กุสลสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตํ, ตํ อกุสลนฺติ ตสฺส วเสน ติกํ อุปปนฺนํ โหติ, อุชุวิปจฺจนีกตา จสฺส สาวชฺชานิฏฺวิปากตฺตา, เตน ปหาตพฺพภาวโต จ เวทิตพฺพา, น ปน กุสลวินาสนโต. น หิ อกุสเลน กุสลํ ปหียติ, มหาพลตฺตา ปน กุสลเมว ตํ ปชหติ. กุสลฺหิ มหาพลํ, อกุสลํ ทุพฺพลํ. เตเนวาห ‘‘อพลา นํ พลียนฺติ, มทฺทนฺเตนํ ปริสฺสยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๖), ตสฺมา กุสลเมว ยถาวุตฺตนเยน อกุสลสฺส ปหายกํ, นากุสลํ อิตรสฺสาติ เวทิตพฺพํ.

ตทุภย…เป… อพฺยากตนฺติ ยํ ธมฺมชาตํ กุสลํ วิย น อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ, นาปิ อกุสลํ วิย สาวชฺชานิฏฺวิปากลกฺขณํ, อถ โข อวิปากตฺตา ตทุภยวิปรีตลกฺขณํ, ตํ อพฺยากตนฺติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘ตทุภยวิปรีตลกฺขณ’’นฺติ วุตฺเต สุขทุกฺขเวทนานํ วิปรีตา อุเปกฺขาเวทนา วิย อิฏฺานิฏฺวิปากานํ วิปรีโต อฺโ โกจิ วิปาโก ยสฺส อตฺถิ, ตํ อพฺยากตนฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ตถา อสมฺภวโต. ยถา หิ อาโลกนฺธการานํ วิปรีโต อฺโ โกจิ นตฺถิ, เอวมิฏฺานิฏฺวิปากานํ วิปรีโต น โกจิ วิปาโก อตฺถีติ. อถ วา ตํ-สทฺโท อิธ อิฏฺานิฏฺวิปากนิรเปกฺขํ กุสลากุสลมตฺตเมว ปจฺจามสตีติ กุสลากุสลานํ สวิปากตฺตา ตทุภยวิปรีตลกฺขณํ, ตํ อวิปากลกฺขณนฺติ อตฺโถติ อลเมตฺถ อนุโยเคน. กุสลากุสลภาเวน น พฺยากตนฺติ อพฺยากตํ. กุสลากุสลฺหิ วตฺวา อพฺยากตสฺส วุตฺตตฺตา กุสลากุสลภาเวเนว อวุตฺตตฺตาติ วิฺายติ, น ปการนฺตเรน. ตถา อวจนฺจ ตสฺส ตทุภยวิปรีตลกฺขณตฺตาเยว, น ปน อวตฺตพฺพตฺตามตฺเตนาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา วิ-สทฺโท วิโรธิวจโน. อา-สทฺโท อภิมุขภาวปฺปกาสโน, ตสฺมา อตฺตโน ปจฺจเยหิ อฺมฺํ วิโรธาภิมุขตํ กตํ ลกฺขณวิโรธโต ปหายกปฺปหาตพฺพภาวโต วาติ พฺยากตํ, กุสลากุสลํ. ตโต อฺํ อพฺยากตํ. ตฺหิ ลกฺขณโต อฺมฺํ กุสลากุสลํ วิย น ตสฺส วิรุทฺธํ. น หิ อวิปากตํ อนิฏฺวิปากตา วิย, อิฏฺวิปากตาย อิฏฺวิปากตา วิย จ อนิฏฺวิปากตาย อิฏฺานิฏฺวิปากตาหิ วิรุชฺฌติ, น จาปิ อพฺยากตํ กุสลากุสเลสุ กิฺจิ ปชหติ, น จ เกนจิ ปหาตพฺพนฺติ. ‘‘ตทุภยวิปรีตลกฺขณมพฺยากต’’นฺติ วิฺายมาเน อโหสิ กมฺมํ, นาโหสิ กมฺมวิปาโก, นตฺถิ กมฺมวิปาโก, น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโกติ อิมินา ติเกน สงฺคหิตสฺส คติอุปธิกาลปฺปโยควิปตฺตีหิ อวิปากสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิกมฺมสฺส ภาวนายปหาตพฺพสฺส อกุสลสฺส จ อภิฺากุสลสฺส จ วิปากุปฺปาทนาภาวโต ‘‘สิยา นุ โข อพฺยากตภาโว วา’’ติ กทาจิ โกจิ จินฺเตยฺยาติ ตนฺนิวารณตฺถมาห ‘‘อวิปาการหํ วา’’ติ, วิปากํ ทาตุํ นารหติ ตตฺถ สามตฺถิยาภาวโตติ อวิปาการหํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทิฏฺธมฺมเวทนียาทโย ตาว ปจฺจยเวกลฺลาทีหิ การเณหิ อวิปากา, สเจ ปเนเต ตพฺพิทูรา อสฺสุ, ตทา วิปากทาเน สมตฺถตาย วิปาการหาเยว, ตํ ปน น ตถา, อถ โข เยน เกนจิ อากาเรน วิปากทาเน อสมตฺถตาเยว วิปาการหํ น โหติ, ตํ อพฺยากตํ นามาติ.

อิทานิ เอวํ ติกวเสน นิทฺทิฏฺเสุ กุสลาทีสุ ปมํ ตาว กุสลจิตฺตํ วิภชนฺโต ‘‘ตตฺถ กุสลจิตฺต’’นฺติอาทินา ตสฺส คณนปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. เอกวีสติวิธนฺติ อฏฺ กามาวจรานิ , ปฺจ รูปาวจรานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรานิ, จตฺตาริ โลกุตฺตรานีติ เอวํ สงฺเขปโต เอกวีสติวิธํ. ภูมิโต จตุพฺพิธนฺติ กามรูปารูปโลกุตฺตรภูมิสงฺขาตานํ จตุนฺนํ ภูมีนํ วเสน ตตฺถ ปวตฺตมานํ จิตฺตมฺปิ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิ, านํ, อวตฺถา จ. อวตฺถาปิ หิ อวตฺถวนฺตานํ ปวตฺติฏฺานํ วิย คยฺหติ. เอวฺหิ เนสํ สุขคฺคหณํ โหติ. อวตฺถาติ เจตฺถ ธมฺมานํ กามตณฺหาทีหิ ปริจฺฉินฺนาปริจฺฉินฺนภาโว. ตตฺถ ปุริมา ติสฺโส ภูมิโย อุภยวเสน เวทิตพฺพา, อิตรา อวตฺถาวเสเนว. น หิ โลกุตฺตรธมฺมานํ กามภวาทิโต อฺํ านมุปลพฺภตีติ.

อฺตฺถ ปวตฺตมานสฺสาปิ วกฺขมานนเยน กามภูมิปริยาปนฺนตฺตา ภูมิโต เอกวิธนฺติ. สวตฺถุกาวตฺถุกเภทโตติ จกฺขาทีนิ ปฺจ, หทยฺจาติ ฉ วตฺถูนิ. กุสลสฺส ปน จกฺขาทินิสฺสิตตฺตาภาวโต หทยวตฺถุ อิธ วตฺถูติ อธิปฺเปตํ. เตน สหิตํ เอกนฺเตน ตนฺนิสฺสิตปฺปวตฺติโตติ สวตฺถุกํ, กามรูปธาตุยํ ปวตฺตมานวิฺาณํ. ตตฺถ หิ อรูปสฺส รูปปฏิพนฺธปฺปวตฺติ, อรูปธาตุยํ ปน รูปาภาวโต วตฺถุวิรหิตเมว ปวตฺตตีติ ตตฺถ ปวตฺตมานํ อวตฺถุกํ. หีน…เป… ติวิธนฺติ เอตฺถ ปจฺจยโต, ผลโต จ มชฺฌิมปณีเตหิ นิหีนํ, เตสํ วา คุเณหิ ปริหีนนฺติ หีนํ, อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตนฺติ ปณีตํ, อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ภวํ มชฺฌิมํ. ตตฺถ หีเนน ฉนฺเทน จิตฺเตน วีริเยน วีมํสาย วา ปวตฺติตํ หีนํ, มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, ปณีเตหิ ปณีตํ. ฉนฺทาทีนํ ปน หีนาทิภาโว อธิมุตฺติวเสน ทฏฺพฺโพ. หีนาธิมุตฺติวเสน หิ เนสํ หีนตา, ปณีตาธิมุตฺติวเสน ปณีตตา, ตทุภยเวมชฺฌวเสน มชฺฌิมตา. ยสกามตาย วา กตํ กุสลํ หีนํ, ปุฺผลกามตาย มชฺฌิมํ, ‘‘ปุฺํ นาเมตํ สาธูหิ กตฺตพฺพเมวา’’ติ เอวํ อริยภาวํ นิสฺสาย กตํ ปณีตํ. ‘‘อหมสฺมิ ทานปติ, อิเม ปนฺเ ทานทาสาทโย’’ติอาทินา อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนาหิ อุปกฺกิลิฏฺํ ปวตฺติตํ วา หีนํ, ตถา อนุปกฺกิลิฏฺํ มชฺฌิมํ, มคฺคผลปทฏฺานํ ปณีตํ. ภวโภคสมฺปตฺตินิมิตฺตํ วา กตํ หีนํ, สาวกปจฺเจกโพธิปารมิตาวเสน อตฺตโน วิโมกฺขตฺถาย กตํ มชฺฌิมํ, สมฺมาสมฺโพธิปารมิตาวเสน สพฺเพสํ วิโมกฺขตฺถาย กตํ ปณีตนฺติ.

โสมนสฺสุ…เป… เภทโตติ เภท-สทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ ‘‘โสมนสฺสุเปกฺขาเภทโต าณเภทโต ปโยคเภทโต’’ติ. ตตฺถ ปโยคเภทโตติ สงฺขารเภทโตติ อตฺโถ. นนุ จ โสมนสฺสุเปกฺขาเภโท ตาว ยุตฺโต เตสํ ภินฺนสภาวตฺตา. าณปฺปโยคเภโท ปน กถนฺติ? วุจฺจเต – าณปฺปโยคกโต เภโท าณปฺปโยคเภโท เตสํ ภาวาภาวมุปาทาย ปวตฺตตฺตา. อิทานิ ตเมว โสมนสฺสุเปกฺขาทิเภทํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โสมนสฺสสหคต’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ เสยฺยถิทนฺติ ตํ กตมํ, ตํ กถนฺติ วา อตฺโถ.

โสภนํ มโน, โสภนํ วา มโน เอตสฺสาติ สุมโน, ตสฺส ภาโว โสมนสฺสํ, มานสิกสุขเวทนาเยตํ อธิวจนํ, โสมนสฺเสน อุปฺปาทโต ยาว นิโรธา สหคตํ ปวตฺตํ สํสฏฺํ สมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อถ วา โสมนสฺเสน สห เอกุปฺปาทาทิภาวํ คตนฺติ โสมนสฺสสหคตํ. ชานาติ ยถาสภาวํ ปฏิวิชฺฌตีติ าณํ, เตน สมํ เอกุปฺปาทาทีหิ ปกาเรหิ ยุตฺตนฺติ าณสมฺปยุตฺตํ. นาสฺส สงฺขาโร อตฺถีติ อสงฺขารํ, อสงฺขารเมว อสงฺขาริกํ. สห สงฺขาเรน ปวตฺตมานํ สสงฺขารํ, ตเทว สสงฺขาริกํ. สงฺขาโรติ เจตฺถ อตฺตโน, ปรสฺส วา ปุพฺพปฺปโยโค ‘‘สงฺขโรติ ติกฺขภาวสงฺขาเตน มณฺฑนวิเสเสน สชฺเชติ, สงฺขรียติ วา สชฺชียติ จิตฺตํ เอเตนา’’ติ กตฺวา. ตตฺถ ทานาทิปุฺกรณกาเล มจฺเฉรมลถินมิทฺธาทีหิ อุปกฺกิเลเสหิ สํสีทมาเน จิตฺเต อุปกฺกิเลสวูปสมวเสน, จิตฺตสฺส จ อุสฺสาหชนนวเสน ตีสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺโต สมฺมาวายาโม อตฺตโน ปโยโค นาม. กุสลกรเณ นิรุสฺสาหสฺส ปน ‘‘อมฺโภ, สปฺปุริส, กุสลกรณํ นาม ปณฺฑิเตหิ อาเสวิตมคฺโค, ตตฺถ ตยาปิ ปฏิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺข, ตฺหิ เต อตฺถาย หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติอาทินา กุสลกรณตฺถาย อุสฺสาหชนนวเสน ปเรสํ กายวจีทฺวาเรสุ ปวตฺตา อาณตฺติ ปรปฺปโยโค นาม. เตสุ ปน ปุริโม ปุพฺพภาคปฺปวตฺตจิตฺตสนฺตาเน, ปจฺฉิโม ปเรสํ จิตฺตสนฺตาเนเยว สมฺภวตีติ ตนฺนิพฺพตฺติโต จิตฺตสฺส ติกฺขภาวสงฺขาโต วิเสโส อิธ อุปจารโต สงฺขาโรติ เวทิตพฺโพ. เตนาหุ อาจริยา –

‘‘ปุพฺพปฺปโยคสมฺภูโต, วิเสโส จิตฺตสมฺภวี;

สงฺขาโร อิติ สงฺขาร-สภาวฺูหิ กิตฺติโต’’ติ.

อถ วา ‘‘สสงฺขาริกมสงฺขาริก’’นฺติ จ เอตํ เกวลํ สงฺขารสฺส ภาวาภาวมตฺตาเปกฺขาย วุตฺตํ, น ตสฺส สหปฺปวตฺติสพฺภาวาภาวโตติ ภินฺนสนฺตานปฺปวตฺติโนปิ สงฺขารสฺส อิทมตฺถิตาย ตํวเสน นิพฺพตฺตํ จิตฺตํ สงฺขาโร อสฺส อตฺถีติ สสงฺขาริกํ สห-สทฺทสฺส วิชฺชมานตฺถปริทีปนโต ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ วิย. ตพฺพิปรีตํ ปน ตทภาวโต ยถาวุตฺตวเสเนว อสงฺขาริกํ. อถ วา สงฺขรณํ, สงฺขรียติ วา เอเตน อาคนฺตุกสมฺภูเตน จิตฺตสํสีทนสภาวาปนยนวเสเนว สชฺชียติ, สงฺขโรติ วา ตํ ยถาวุตฺตวเสเนวาติ สงฺขาโรติ อุชุกเมว ปุพฺพปฺปโยคชนิโต ติกฺขภาโว วุจฺจติ, ตทภาวโต อสงฺขาริกํ, สภาวติกฺขนฺติ อตฺโถ. ตํสหคตาย สสงฺขาริกํ, อถ วา มจฺเฉรมลาทีหิ สงฺขรียตีติ สงฺขาโร, จิตฺตสฺส สํสีทนสภาโว, โส ยสฺส นตฺถีติ อสงฺขาริกํ, อิตรํ สสงฺขาริกํ. ปณีตอุตุโภชนาทิโก วา พลวปจฺจโย สงฺขาโร ‘‘สงฺขโรติ จิตฺตํ ติกฺขภาเวน, สงฺขรียติ วา ตํ เอเตนา’’ติ กตฺวา. อ-การสฺส วุฑฺฒตฺถวุตฺติตาย วุฑฺฒิปฺปตฺโต สงฺขาโร อสฺสาติ อสงฺขาริกํ, พลวปจฺจยวนฺตนฺติ อตฺโถ. วุฑฺฒิปริทีปเกน ปน อ-กาเรน อวิเสสิตตฺตา สสงฺขาริกํ สปฺปจฺจยํ ทุพฺพลปจฺจยนฺติ อธิปฺปาโย. าเณน วิปฺปยุตฺตํ วิรหิตนฺติ าณวิปฺปยุตฺตํ.

อุเปกฺขตีติ อุเปกฺขา, เวทิยมานาปิ อารมฺมณํ อชฺฌุเปกฺขติ, มชฺฌตฺตาการสณฺิติยาติ อตฺโถ. อถ วา อิฏฺเ, อนิฏฺเ จ อารมฺมเณ ปกฺขปาตาภาเวน อุปปตฺติโต ยุตฺติโต อิกฺขติ อนุภวตีติ อุเปกฺขา. อถ วา อุเปตา สุขทุกฺขานํ อวิรุทฺธา อิกฺขา อนุภวนนฺติ อุเปกฺขา. อวิรุทฺธตฺตาเยว เหสา เตสํ อนนฺตรมฺปิ ปวตฺตติ. สุขทุกฺขเวทนา ปน วิสุํ วิสุํ วิรุทฺธสภาวตฺตา นาฺมฺํ อนนฺตรํ ปวตฺตนฺติ . เตเนว หิ ปฏฺาเน โสมนสฺสสฺส อนนฺตรํ โทมนสฺสสฺส, โทมนสฺสสฺส อนนฺตรํ โสมนสฺสสฺส จ อุปฺปตฺติ ปฏิสิทฺธา. อยฺจ อตฺโถ โลภสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตเวทนายปิ ลพฺภติ, ปุริมา ปน ทฺเว น ตถา. น หิ โลภสหคตาทีนํ มชฺฌตฺตากาเรน อชฺฌุเปกฺขนํ, อุปปตฺติโต อิกฺขนํ วา อตฺถีติ. อุเปกฺขาสหคตนฺติ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

นนุ จ อฺเปิ ผสฺสาทโย สมฺปยุตฺตธมฺมา อตฺถีติ โสมนสฺสาทีนํ วเสเนว ปน อฏฺวิธตา กสฺมา คหิตาติ? เภทกรภาวโต. ผสฺสาทีนฺหิ สพฺพจิตฺตสาธารณตฺตา, สทฺธาทีนฺจ สพฺพกุสลสาธารณตฺตา น เตหิ จิตฺตสฺส วิภาโค, โสมนสฺสาทโย ปน กตฺถจิ จิตฺเต โหนฺติ, กตฺถจิ น โหนฺตีติ ปากโฏว เตหิ จิตฺตสฺส วิภาโคติ. กสฺมา ปเนเต กตฺถจิ จิตฺเต โหนฺติ, กตฺถจิ น โหนฺตีติ? การณสฺส สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวโต. กึ ปน เนสํ การณนฺติ? วุจฺจเต – ตตฺถ โสมนสฺสสหคตภาโว ตาว อารมฺมณวเสน โหติ. อิฏฺารมฺมณสฺมิฺหิ โสมนสฺสสหคตจิตฺตมุปฺปชฺชติ. นนุ จ อิฏฺารมฺมณํ โลภสฺส วตฺถุ รชฺชนียตฺตาติ กถํ ตตฺถ กุสลํ อุปฺปชฺชตีติ? นยิทเมกนฺติกํ อิฏฺเปิ อารมฺมเณ นิยมิตาทิวเสน กุสลสฺส อุปฺปชฺชนโต. ยสฺส หิ ‘‘กุสลเมว มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ กุสลกรเณเยว จิตฺตํ นิยมิตํ โหติ, อกุสลปฺปวตฺติโตว นิวตฺเตตฺวา กุสลกรเณเยว ปริณามิตํ, อภิณฺหกรเณน จ กุสลํ สมุทาจิณฺณํ, ปฏิรูปเทสวาสสทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยปุพฺเพกตปุฺตาสงฺขาตจตุจกฺกูปนิสฺสยวเสน, โยนิโส จ อาโภโค ปวตฺตติ, ตสฺส อิฏฺเปิ อารมฺมเณ อโลภสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตมุปฺปชฺชติ, น โลภสมฺปยุตฺตํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘นิยามปริณาเมหิ , สมุทาจิณฺณตาย จ;

าณปุพฺพงฺคมาโภคา, อิฏฺเปิ กุสลํ สิยา’’ติ.

อปิจ สทฺธาพหุลตาทีหิ จ การเณหิ จิตฺตสฺส โสมนสฺสสหคตตา เวทิตพฺพา. อสฺสทฺธานํ, หิ มิจฺฉาทิฏฺิกานฺจ เอกนฺตมิฏฺารมฺมณภูตํ ตถาคตรูปมฺปิ ทิสฺวา โสมนสฺสํ น อุปฺปชฺชติ. เย จ กุสลปฺปวตฺติยํ อานิสํสํ น ปสฺสนฺติ, เตสํ ปเรหิ อุสฺสาหิตานํ กุสลํ กโรนฺตานมฺปิ โสมนสฺสํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา สทฺธาพหุลตา วิสุทฺธิทิฏฺิตา อานิสํสทสฺสาวิตาติ อิเมหิปิ การเณหิ จิตฺตสฺส โสมนสฺสสหคตตา โหติ.

อปิจ เย เต เอกาทส ธมฺมา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ. เสยฺยถิทํ – พุทฺธานุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ สํฆานุสฺสติ สีลานุสฺสติ จาคานุสฺสติ เทวตานุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ ลูขปุคฺคลปริวชฺชนํ สินิทฺธปุคฺคลเสวนา ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณา ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิปิ การเณหิ จิตฺตสฺส โสมนสฺสสหคตภาโว เวทิตพฺโพ. พุทฺธาทิคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺส หิ ยาว อุปจารุปฺปาทา สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชติ. ตถา ทีฆรตฺตํ อกฺขณฺฑตาทิวเสน อตฺตนา รกฺขิตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, คิหิโน ทสสีลํ ปฺจสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, ทุพฺภิกฺขภยาทีสุ ปณีตํ โภชนํ สพฺรหฺมจารีนํ ทตฺวา ‘‘เอวํนาม ทานํ อทาสิ’’นฺติ อตฺตโนจาคํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, คิหิโนปิ ตถารูเป กาเล สีลวนฺตานํ ทินฺนทานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, เยหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา เทวา เทวตฺตํ คตา, ตถารูปานํ คุณานํ อตฺตนิ อตฺถิตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, สมถวิปสฺสนาหิ วิกฺขมฺภิตกิเลเส สฏฺิปิ สตฺตติปิ วสฺสานิ อสมุทาจรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห มยฺหํ กิเลสา น สมุทาจรนฺตี’’ติ จินฺเตนฺตสฺส, เจติยทสฺสนเถรทสฺสเนสุ อสกฺกจฺจกิริยาย สํสุจิตลูขภาเวน พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน คทฺรภปิฏฺเ รชสทิเส ลูขปุคฺคเล ปริวชฺชนฺตสฺส, พุทฺธาทีสุ ปสาทพหุเล มุทุจิตฺเต สินิทฺธปุคฺคเล ปฏิเสวนฺตสฺส, รตนตฺตยคุณปริทีปเก ปสาทนียสุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, านนิสชฺชาทีสุปิ ปีติอุปฺปาทนตฺถํ ตนฺนินฺนตาทิวเสน ปวตฺเตนฺตสฺส เยภุยฺเยน ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติยา จ โสมนสฺเสน สห อวินาภาวโต ตทุปฺปตฺติยา ตสฺสาปิ อุปฺปตฺติ นิยตาติ เอวํ ปีติการณานิปิ โสมนสฺสการณานีติ ทฏฺพฺพานิ. กิฺจ – อคมฺภีรปกติตา, โสมนสฺสปฏิสนฺธิกตาติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ โสมนสฺสสหคตตา โหติ. โย หิ อคมฺภีรปกติโก โหติ, อปฺปมตฺตเกปิ หิโตปกรเณ ตุสฺสติ, โย จ โสมนสฺสปฏิสนฺธิโก อปฺปสนฺเนสุ อารมฺมเณสุปิ อปฺปฏิกฺกูลทสฺสาวี, ตสฺส เยภุยฺเยน โสมนสฺสสหคตจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยถาวุตฺตานํ ปน โสมนสฺสการณานมภาเวน มชฺฌตฺตารมฺมณตาย จ อุเปกฺขาสหคตตา เวทิตพฺพา.

าณสมฺปยุตฺตสฺส ปน กมฺมโต อุปปตฺติโต อินฺทฺริยปริปากโต กิเลสทูรีภาวโตติ อิเมหิ การเณหิ โหติ. โย หิ ปเรสํ หิตชฺฌาสเยน ธมฺมํ เทเสติ หีนุกฺกฏฺาทีนิ จ นฬการมุทฺทาคณนาทีนิ สิปฺปายตนานิ, วฑฺฒกีกสิวาณิชฺชาทีนิ จ กมฺมายตนานิ, วิสหรณาทีนิ จ วิชฺชายตนานีติ เอวํ นิรวชฺชสิปฺปายตนาทีนิ สิกฺขาเปติ, สยํ วา สิกฺขติ, ธมฺมกถิกสฺส สกฺการํ กตฺวา ธมฺมํ กถาเปติ, ‘‘อายตึ ปฺวา ภวิสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา นานปฺปการํ ปุฺกมฺมํ กโรติ, ตสฺเสวํ นานปฺปการํ ปฺาสํวตฺตนิกกมฺมํ สมฺปาเทนฺตสฺส ตํ กมฺมํ อุปนิสฺสาย อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อพฺยาปชฺเช โลเก อุปฺปนฺนสฺส อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ตสฺส ตตฺถ สุขิโน ธมฺมปทานิ ปิลวนฺติ, ทนฺโธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท, อถ โส สตฺโต ขิปฺปเมว วิเสสภาคี โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๑).

ตถา ปฺาทสกํ สมฺปตฺตสฺส อินฺทฺริยปริปากํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. เยน ปน สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ กิเลสา วิกฺขมฺภิตา, ตสฺส กิเลสทูรีภาวํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานํ จิตฺตํ าณสมฺปยุตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –

‘‘โยคา เว ชายเต ภูริ, อโยคา ภูริสงฺขโย’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๒).

อปิจ เย เต ธมฺมา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ. เสยฺยถิทํ – ปริปุจฺฉกตา วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ การเณหิ าณสมฺปยุตฺตภาโว โหติ. ตถา หิ โย ปฺวนฺเต อุปสงฺกมฺม ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคสมถวิปสฺสนาทีนํ ปริปุจฺฉาพหุโล โหติ, ตสฺส ตํวเสน อุปฺปนฺนํ สุตมยาณํ อาทึ กตฺวา อุปฺปชฺชมานํ จิตฺตํ าณสหคตํ โหติ. เยน ปน นขเกสจีวรเสนาสนาทีนิ อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถูนิ ปุพฺเพ อวิสทานิ เฉทนมลหรณาทินา วิสทานิ กตานิ, ตสฺเสวํ วิสทวตฺถุกสฺส อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ วิสทํ าณํ โหติ ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลกาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. ยสฺส จ สทฺธินฺทฺริยาทีสุ อฺตรํ พลวํ โหติ, อิตรานิ มนฺทานิ, ตโต ตานิ สกสกกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา โส ตสฺส โพชฺฌงฺควิภงฺเค อาคตนเยน เตน เตน อากาเรน สมตฺตํ ปฏิปาเทติ, ตสฺเสวํ อินฺทฺริยานํ สมตฺตํ ปฏิปาเทนฺตสฺส วิปสฺสนาาณาทีนํ วเสน จิตฺตํ าณสหคตํ โหติ. โย ปน ทุปฺปฺปุคฺคเล ปริวชฺเชติ, ปฺวนฺตปุคฺคเล วา ปยิรุปาสติ, ขนฺธาทีสุ โอคาฬฺหํ ภควโต คมฺภีราณจริยํ วา ปจฺจเวกฺขติ, านนิสชฺชาทีสุ ตทธิมุตฺตจิตฺโต วา วิหรติ, อิเมสมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. อปิจ พุทฺธาทิคุณานุสฺสรเณนปิ จิตฺตํ าณสหคตํ โหติ. ยถาห –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).

เอวํ พุทฺธานุสฺสติอาทโยปิ ราคาทิมลวิโสธเนน าณุปฺปตฺติเหตุกาเยวาติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ – ติเหตุกปฏิสนฺธิกตา าณุปฺปตฺติการณํ. ปฏิสนฺธิปฺา หิ อาทิโต ปฏฺาย ภวงฺคสนฺตติวเสน พหุลํ ปวตฺตมานา สนฺตานปริภาวเนน าณุปฺปตฺติยา สวิเสสอุปนิสฺสโย โหติ. อสงฺขาริกตฺตํ ปน สปฺปายอุตุโภชนอาวาสาทิปจฺจเยหิ โหตีติ. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘อิฏฺารมฺมณตา สทฺธาพาหุลฺยํ ทิฏฺิสุทฺธิ จ;

ผลทสฺสาวิตา เจว, ปีติโพชฺฌงฺคเหตุโย.

‘‘เอกาทส ตถา ธมฺมา, อคมฺภีรสภาวตา;

โสมนสฺสยุตฺตา สนฺธิ, อิจฺเจเต สุขเหตุโย.

‘‘อภาโว สุขเหตูนํ, มชฺฌตฺตารมฺมณนฺติ จ;

อุเปกฺขุปฺปตฺติเหตุ จ, เอวํ เยฺยา วิภาวินา.

‘‘กมฺมูปปตฺติโต เจว, ตถา อินฺทฺริยปากโต;

กิเลสูปสมา ธมฺม-วิจยสฺส จ เหตุหิ.

‘‘สตฺตธมฺเมหิ พุทฺธาทิ-คุณานุสฺสรเณน จ;

สปฺปฺสนฺธิโต เจว, จิตฺตํ าณยุตํ สิยา.

‘‘อุตุโภชนอาวาส-สปฺปายาทีหิ เหตุหิ;

อสงฺขาริกภาโวปิ, วิฺาตพฺโพ วิภาวินา’’ติ.

เอวํ เวทนาาณปฺปโยคเภทโต อฏฺวิธํ กามาวจรจิตฺตํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘อิทํ…เป… นามา’’ติ.

๑๒. เยน ปนตฺเถน อิทํ ‘‘กามาวจร’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ทานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺทานโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อุทฺทานโตติ อุทฺเทสโต, สงฺเขปโตติ อตฺโถ. กิฺจาปิ อวสิฏฺกิเลสาทโย วิย กิเลสกาโมปิ อสฺสาเทตพฺพตาย วตฺถุกาเม สงฺคหิโต าณํ วิย เยฺเยติ สงฺเขปโต เอโกเยว กาโม สิยา, ตถาปิ กิเลสกาโม วตฺถุกามภาวํ คจฺฉนฺโต กามนียฏฺเน คจฺฉติ, น กามนวเสน. กามนวเสน จ ปน กิเลสกาโมว โหติ, น ปน วตฺถุกาโมติ อาห ‘‘กฺเลสวตฺถุวสา’’ติอาทิ. โก ปเนตฺถ วตฺถุกาโม, โก กิเลสกาโมติ โจทนํ มนสิ นิธาย ‘‘ฉนฺโท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม, สงฺกปฺโป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม’’ติ (มหานิ. ๑) เอวํ นิทฺเทสปาฬิยํ อาคตา นิทฺทิฏฺา กามตณฺหาว อิธ กิเลสกาโม. วตฺถุกาโมติ จ ‘‘มนาปิกา รูปา…เป… มนาปิกา โผฏฺพฺพา…เป… สพฺเพปิ กามาวจรา ธมฺมา…เป… สพฺเพปิ รูปาวจรา…เป… สพฺเพปิ อรูปาวจรา…เป… กามา’’ติ (มหานิ. ๑) ตตฺเถว นิทฺทิฏฺา สวิฺาณาวิฺาณปฺปเภทา เตภูมกธมฺมาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กิเลโส…เป… วฏฺฏก’’นฺติ. ‘‘ฉนฺทราโควา’’ติ อวธารเณน กิเลสภาเวน นิรุฬฺเหสุ โลภโทสโมหาทีสุ ทสสุ โทสโมหาทโย นว กิเลเส ปฏิกฺขิปติ. กามรูปารูปตณฺหาย วตฺถุ ปติฏฺานํ, การณภูตนฺติ วา วตฺถุ.

๑๓. กถํ ปน กิเลสกาโม นาม, กถฺจ วตฺถุกาโมติ อาห ‘‘กิเลสกาโม’’ติอาทิ. กาเมตีติ วตฺถุกามํ ปตฺเถติ. กามียตีติ กิเลสกาเมน ปตฺถียติ. อิติ-สทฺโท ‘‘ตสฺมา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ. -สทฺโท เอว-การตฺเถ, เตน ยสฺมา กิเลสกาโม กาเมตีติ กาโม, วตฺถุกาโม จ กามียตีติ, ตสฺมา เอว กิเลสกาโม, วตฺถุกาโม จาติ ทุวิโธปิ เอส กาโม การกทฺวเย กตฺตริ, กมฺมนิ จ สิชฺฌติ, กตฺตุภาวํ, กมฺมภาวฺจ ปจฺจนุโภตีติ อตฺโถ. อถ วา ทุวิโธติ ทฺวินฺนํ กามานํ วาจกโต ทุวิโธ. ‘‘กาโม’’ติ อยํ สทฺโท การกทฺวเย สิชฺฌติ ยถาวุตฺตการกยุคเฬ นิปฺผชฺชติ, กตฺตริ, กมฺมนิ จ ‘‘กาโม’’ติ ปทสมฺภโว โหตีติ อตฺโถ. โว-กาโร ปน นิปาตมตฺตํ ‘‘เอวํ โว กาลามา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) วิย. อถ วา โวการกทฺวเยติ ขนฺธทฺวเยติ อตฺโถ. กิเลสกาโม หิ สงฺขารสภาวตฺตา สงฺขารกฺขนฺเธ, วตฺถุกาโม จ วกฺขมานนเยน ปฺจกามคุณภูโต รูปสภาวตฺตา รูปกฺขนฺเธติ เอวํ ทุวิโธเปส กาโม ขนฺธทฺวเย สิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ, อนฺโตภาวํ คจฺฉตีติ.

๑๔. สมฺปชฺชนานิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ วเสน วิสยวิสยีภาเวน อฺมฺํ สโมสรณวเสน, สมฺปาปุณนวเสนาติ อตฺโถ. อิมินา ปน อิทํ ทีเปติ – ยตฺถ ทุวิโธปิ กาโม วิสยวิสยีภาเวน สหิโต ปวตฺตติ, โสเยว เอกาทสวิโธ ปเทโส กามาวจรสฺิโต . ยตฺถ ปน รูปารูปธาตุยํ เกวลํ วตฺถุกาโมว ปวตฺตติ, น โส ปเทโส กามาวจโร นามาติ. นนุ จ ทุวิโธปิ สหิโต รูปารูปธาตูสุ ปวตฺตติ, รูปารูปาวจรธมฺมานํ วตฺถุกามตฺตา, ตทารมฺมณภูตานฺจ รูปารูปตณฺหานํ ตํโยเคน กิเลสกามภาวสิทฺธิโตติ? นยิทเมวํ โอรมฺภาคิยภูตสฺส พหลกิเลสสฺเสว กามราคสฺส อิธ กิเลสกามภาเวน อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘อุทฺทานโต ทุเว กามา’’ติ สพฺเพ กาเม อุทฺทิสิตฺวาปิ หิ ‘‘ปเทโส จตุปายาน’’นฺติอาทินา วิสยนิยมเนน ‘‘ทุวิโธปิ อย’’นฺติ เอตฺถ กาเมกเทสภูโต นีวรณาวตฺถาย กถิโต กามราโค กิเลสกามภาเวน, ตพฺพตฺถุกาเยว ธมฺมา วตฺถุกามภาเวน คหิตา, น รูปารูปตณฺหา, ตพฺพตฺถุกธมฺมา จาติ าปียติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ วกฺขมานา สสตฺถาวจรูปมา อุปปนฺนา โหติ, ยถาวุตฺตานเมว กามานํ อิธ อธิปฺเปตตฺตา รูปารูปธาตูสุ วิมานกปฺปรุกฺขวตฺถาลงฺการปริตฺตกุสลาทิเภเทสุ กามาวจรธมฺเมสุ ปวตฺโต ฉนฺทราโค กิเลสกาโม นาม น โหติ, น จ ตพฺพตฺถุภูตํ วิมานกปฺปรุกฺขาทิปริตฺตธมฺมชาตํ วตฺถุกาโม นามาติ สิทฺธํ. เตเนวาห ‘‘กาโม วา กามสฺา วา พฺรหฺมโลเก น วิชฺชตี’’ติ. กามาวจรสตฺตสนฺตานคตตณฺหาย วิสยภาเว สติ ปน ตํโยเคน รูปารูปธาตูสุปิ ปวตฺตมาโน ปริตฺตธมฺโม วตฺถุกาโมเยวาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา นิทฺเทเส อาคตนเยน นิรวเสโส กิเลสกาโม กามตณฺหาภวตณฺหาวิภวตณฺหานิโรธตณฺหาปเภโท อิธ ปวตฺตติ. วตฺถุกาเมสุปิ อปฺปกํ รูปารูปวิปากมตฺตํ เปตฺวา สพฺโพเยว อิธ ปวตฺตตีติ อนวเสสปฺปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘กาโมยํ ทุวิโธปิ จา’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, เตสุ ปน พหลกิเลสกามภูโต พหลกามราโค จ ตพฺพตฺถุกา ปฺจ กามคุณา จ อิธ คหิตาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สมฺปตฺตีนํ วเสนา’’ติ วุตฺตํ. สมฺปชฺชนวเสน, สมิชฺฌนวเสนาติ อตฺโถ. อวจรตีติ ปวตฺตติ. อิติ-สทฺโท เหตุมฺหิ, ยสฺมา ทุวิโธปิ อยํ กาโม อวจรติ, ตสฺมา กาโม เอตฺถ อวจรตีติ กามาวจรสฺิโตติ อตฺโถ.

๑๕. สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปุฺสมฺมตา อยา เยภุยฺเยน อเปตาติ อปายา. นิรยาทิวเสน จตฺตาโร อปายา จตุปายา. ฉนฺนนฺติ จาตุมหาราชิกตาวตึสยามาตุสิตานิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติสงฺขาตานํ ฉนฺนํ เทวโลกานํ. เมรุปาทวาสิโน ปน อสุรา ตาวตึเสสุเยว สงฺคยฺหนฺตีติ น เตหิ สทฺธึ สตฺตนฺนนฺติ วุตฺตํ. มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสตาย อุกฺกฏฺคุณจิตฺตตายาติ อตฺโถ, เต ปน นิปฺปริยายโต ชมฺพุทีปวาสิโน เวทิตพฺพา. ยถาห –

‘‘ตีหิ , ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑).

เตหิ ปน สมานรูปาทิตาย สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ ‘‘มนุสฺสา’’อิจฺเจว ปฺายึสุ. โลกิยา ปน มนุโน อปจฺจภาเวเนว ‘‘มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ . เอกาทสวิโธติ จตุราปาเยสุ ติรจฺฉานเปตฺติวิสยานํ วิสุํ ปริจฺฉินฺนสฺส โอกาสสฺส อภาเวปิ ยตฺถ เต อรฺสมุทฺทปพฺพตปาทาทิเก นิพทฺธวาสํ วสนฺติ, ตาทิสสฺส านสฺส คหิตตฺตา เอกาทสวิโธ.

๑๖. นนุ เจตฺถ อฺเสมฺปิ ธมฺมานํ ปวตฺติสมฺภวโต กามสฺเสว อวจรณวเสน กถํ นามลาโภติ อาห ‘‘อสฺสาภิลกฺขิตตฺตา’’ติอาทิ. ตตฺถ อสฺสาติ อิมสฺส ทุวิธสฺส กามสฺส. อภิลกฺขิตตฺตาติ เอกาทสวิเธ ปเทเส ปากฏตฺตา. อถ วา อสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมา อเนน ทุวิเธน กาเมน เอกาทสวิธสฺส ปเทสสฺส อภิลกฺขิตตฺตา, ปฺาปิตตฺตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปโยคตฺเถ สามิวจนวเสน อสฺส เอกาทสวิธสฺส ปเทสสฺส เตน ทุวิเธน อภิลกฺขิตตฺตาติ อตฺโถ. สห สตฺเถหีติ สสตฺถา, ยตฺถ เต อวจรนฺติ, โส สสตฺถาวจโร, ปเทโส. โส วิย. ยถา หิ ยสฺมึ ปเทเส สสตฺถา ปุริสา อวจรนฺติ, โส วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ ทฺวิปทจตุปฺปทาทีสุ อวจรนฺเตสุ เตสํ ตตฺถ ปากฏตฺตา, เตหิ วา อภิลกฺขิตตฺตา ‘‘สสตฺถาวจโร’’ตฺเวว ปฺายติ, เอวํ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ รูปาวจราทีสุ อวจรนฺเตสุ อภิลกฺขณวเสน อยํ ปเทโส ‘‘กามาวจโร’’ตฺเวว สฺิโตติ. เอส นโย รูปารูปาวจเรสุ.

๑๗-๘. นนุ จ จิตฺตํ กามาวจรนฺติ วุตฺตํ, ยถาวุตฺตนเยน ปน ปเทสสฺส คหิตตฺตา กถํ ตตฺถ อวจรนฺตํ กามาวจรํ นามาติ อาห ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ. โส อยํ กามาวจโร ‘‘กาโม’’ติ สฺิโตติ สมฺพนฺโธ. รูปภโว รูปนฺติ ยถา รูปภโว รูปํ. อวุตฺโตปิ หิ ยถาสทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิฏฺานโต ลพฺภติ. ยถา ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติ เอตฺถ ‘‘รูปภวูปปตฺติยา’’ติ วตฺตพฺเพ รูปภโว ‘‘รูป’’นฺติ สฺิโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ. กถํ ปเนส เอวํ สฺิโตติ อาห ‘‘อุตฺตรสฺสา’’ติอาทิ. อถ วา ยถา อุตฺตรสฺส ปทสฺส โลปํ กตฺวา อุทีริโต เอส รูปภโว ‘‘รูป’’นฺติ สฺิโต, เอวํ สฺวายํ กามาวจโร กาโมติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมึ กาเมติ ตสฺมึ อุตฺตรปทโลปวเสน กามสฺิเต ปเทเส. อิทนฺติ อิทํ อฏฺวิธํ จิตฺตํ. อธิการวเสน ปน ตสฺส คหเณปิ สพฺเพสเมว ปริตฺตจิตฺตานมยมตฺโถ ลพฺภติ สพฺเพสมฺปิ กาเม อวจรณโต. สทาติ สพฺพกาลํ, พาหุลฺเยนาติ อธิปฺปาโย. อิมินา ปน อิทํ ทีเปติ – ยถา สงฺคาเม เยภุยฺเยน อวจรนฺโต ‘‘สงฺคามาวจโร’’ติ ลทฺธนาโม หตฺถี อฺตฺถ อวจรนฺโตปิ พาหุลฺลปฺปวตฺติวเสน ‘‘สงฺคามาวจโร’’ตฺเวว ปฺายติ, เอวมิทํ อฺตฺถ อวจรนฺตมฺปิ กามโลเก พาหุลฺลวุตฺติโต ‘‘กามาวจร’’มิจฺเจว วุตฺตนฺติ. เตน ปน นนุ เจตํ รูปารูปภเวสุปิ อวจรณโต รูปาวจราทินามมฺปิ ลเภยฺยาติ อิทํ โจทนํ ปริหรติ. โหติ เจตฺถ –

‘‘กาเมวจรตีตฺเยตํ, กามาวจรสฺิตํ;

เสเส อวจรนฺตมฺปิ, สงฺคามาวจโร ยถา’’ติ.

อิติ-สทฺโท เหตุมฺหิ. -สทฺโท วตฺตพฺพนฺตรสมุจฺจเย. เตน ยสฺมา อุตฺตรปทโลเปน กามาวจโร ‘‘กาโม’’ติ สฺิโต, ยสฺมา จ ตสฺมึ กาเม อิทํ จิตฺตํ สทา อวจรติ, ตสฺมา ‘‘กามาวจร’’มิจฺเจว กถิตํ, น ปน กามาวจราวจรํ, นาปิ รูปารูปาวจรนฺติ วาติ อธิปฺปาโย. กามฆาตินาติ เทสนาาเณน วิเนยฺยสนฺตานคตสฺส กิเลสกามสฺส หนนสีเลน สมฺมาสมฺพุทฺเธน.

๑๙. ปฏิสนฺธึ…เป… อวจารยตีติ วาติ อถ วา ยสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปนฺนมฺปิ กาเม ภเวเยว ปฏิสนฺธึ อวจารยติ, ตสฺมา อิทํ กาเม อวจารยตีติ ‘‘กามาวจร’’นฺติ กถิตํ จา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ อุตฺตรปทโลปวเสน ปทสมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วินาปิ อุตฺตรปทโลปํ กามาวจร-สทฺทสฺส สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริยาปนฺนนฺติ ตตฺร วา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺราติ ตสฺมึ กามภเว. ปริยาปนฺนนฺติ อนฺโตคธํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย –

‘‘กตเม ธมฺมา กามาวจรา? เหฏฺโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเว อนฺโตกริตฺวา ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา รูปํ เวทนา สฺา สงฺขารา วิฺาณํ. อิเม ธมฺมา กามาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๘๗) –

วุตฺตตฺตา ยถา มนุสฺสิตฺถิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺโตปิ ติรจฺฉานคติโก ติรจฺฉานโยนิยเมว ปริยาปนฺนตฺตา ‘‘ติรจฺฉาโน’’ตฺเวว วุจฺจติ, เอวมิทํ รูปารูปภเวสุ อุปฺปนฺนมฺปิ กามภวปริยาปนฺนตฺตา ‘‘กามาวจร’’มิจฺเจว กถิตนฺติ. ตปฺปริยาปนฺนตา จสฺส อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสนินฺนาย กามตณฺหาย วิสยภาวโตติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน นิกฺเขปกณฺเฑปิ ‘‘‘เอตฺถาวจรา’ติ วจนํ อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสาย กามตณฺหาย วิสยภาวํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. ปทสมฺภโว ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺโพ – กามตณฺหา กาโม, โส เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสน อวจรตีติ กามาวจรนฺติ. นนุ เจตฺถ กตมา กามตณฺหา, ยา กามาวจรธมฺมารมฺมณา ตณฺหา. กตเม กามาวจรธมฺมา, เย กามตณฺหาวิสยาติ เอวํ อิตรีตรนิสฺสยตาโทโส อาปชฺชตีติ ? นาปชฺชติ, อวีจิอาทิเอกาทโสกาสนินฺนตาย ยํกิฺจิ ตณฺหํ กามตณฺหาภาเวน คเหตฺวา ตํสภาวาย ตณฺหาย วิสยภาเวน กามาวจรธมฺมานํ อุปลกฺเขตพฺพภาวโต. อถ วา กิเลสวตฺถุวเสน ทุวิโธปิ กาโม ยถารหํ สหชาตวเสน เอตฺถ อวจรตีติ กามาวจรํ, อารมฺมณกรณวเสน วา ทุวิเธปิ กาเม เอตํ อวจรตีติ กามาวจรํ. อถ วา มฺจนิสฺสิตเกสุ อุกฺกุฏฺึ กโรนฺเตสุ นิสฺสยนิสฺสิตานํ อเภทสฺส พุทฺธิยา คหิตตฺตา นิสฺสิตเกสุ นิสฺสยูปจารวเสน ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ วุจฺจติ, เอวเมตมฺปิ กามาวจรภเว ปวตฺตนวเสน ตนฺนิสฺสิตตฺตา นิสฺสยโวหาเรน ‘‘กามาวจร’’นฺติ วุจฺจติ. โหติ เจตฺถ –

‘‘กาโมวจรตีตฺเยตฺถ, กาเมวจรตีติ วา;

านูปจารโต วาปิ, ตํ กามาวจรํ ภเว’’ติ.

๒๐. ปุชฺชผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตสนฺตานํ ปุนนโต จ ปุฺานิ, กตฺตพฺพตาย กิริยา, เตสํ เตสํ อานิสํสานํ วตฺถุตาย วตฺถูนิ จาติ ปุฺกิริยวตฺถูนิ. คณนโต ทสปริมาณตฺตา ทส จ ตานิ ปุฺกิริยวตฺถูนิ จาติ ทส ปุฺกิริยวตฺถูนิ, เตสํ วเสนาติ ทสปุฺกฺริยวตฺถุวเสน, ทสปุฺกิริยวตฺถุภาเวน ตํมยํ หุตฺวาติ อตฺโถ. เอว-กาเรน ปน รูปารูปโลกุตฺตรํ วิย น เกวลํ ภาวนาวเสเนวาติ ทสฺเสติ. อถ วา ทสปุฺกิริยวตฺถุวเสเนว ปวตฺตติ, น ปน ปเรหิ ปริกปฺปิตปรปสํสาทิปุฺกิริยวตฺถุวเสนาติ เอว-สทฺเทน อวธารณํ. ยโต วกฺขติ ‘‘สพฺพานุสฺสติปุฺฺจา’’ติอาทิ.

๒๑. กานิ ปน ตานิ ทสปุฺกิริยวตฺถูนิ, เยสํ วเสน อิทํ อฏฺวิธํ จิตฺตํ ปวตฺตตีติ วุตฺตนฺติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธาย ตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ สีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ . ตตฺถ ทิยฺยติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนา. อิธ ปน จิตฺตาธิการวเสน ตํสมฺปยุตฺตํ คเหตพฺพํ. ตถา ‘‘สีลา’’ทีสุปิ. สีลตีติ สีลํ, กายวจีกมฺมานิ สมาทหตีติ อตฺโถ. สุสิลฺยวเสน หิ กายกมฺมาทีนิ อวิปฺปกิณฺณานิ สมฺปติ, อายติฺจ หิตสุขาวหานิ สมฺมา ปิตานิ สมาหิตานิ โหนฺติ, สีลยติ อุปธาเรตีติ วา สีลํ. อุปธารณํ ปเนตฺถ กุสลานํ อธิฏฺานภาโว. ภาเวติ กุสลธมฺเม อาเสวติ วฑฺเฒติ เอตายาติ ภาวนา. อตฺตโน สนฺตาเน นิปฺผนฺนา ปตฺติ ทิยฺยติ เอเตนาติ ปตฺติทานํ. ตํตํกิจฺจกรเณ พฺยาวฏสฺส ภาโว เวยฺยาวจฺจํ. เทเสติ เอตายาติ เทสนา. ปตฺตึ อนุโมทติ เอเตนาติ ปตฺตานุโมโท. ปุพฺพปทโลเปน ปน ‘‘อนุโมโท’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺิยา อุชุภาโว ทิฏฺิชุตฺตํ, สมฺมาทิฏฺิยา อุชุกรณนฺติ อตฺโถ. อตฺตโน, ปรสฺส วา หิตชฺฌาสยวเสน สมฺมา สุณนฺติ เอตายาติ สํสุติ. ปูชาวเสน อปจายติ สามีจึ กโรติ เอเตนาติ อปจาโย. ปุฺกิริยวตฺถูนํ ปเภโท ปุฺกิริยวตฺถุปฺปเภโท. มชฺฌปทโลปวเสน ปน ‘‘ปุฺวตฺถุปฺปเภโท’’ติ วุตฺตํ ยถา อาชฺยุตฺโต รโถ ‘‘อาชฺรโถ’’ติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทวิจาโร.

อยํ ปน วินิจฺฉโย – ตตฺถ เสขปุถุชฺชนานํ ปรํ อุทฺทิสฺส ปูชานุคฺคหกามตาย อตฺตโน วิชฺชมานวตฺถุปริจฺจชนวเสน ปวตฺตา เจตนา ทานมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ขีณาสวานมฺปิ ตถา ปวตฺตา ทานเมว, สา ปน ปุฺกิริยา นาม น โหตีติ น อิธ อธิปฺเปตา. ปุชฺชผลนิพฺพตฺตนโต, หิ อตฺตสนฺตานํ ปุนนโต จ ปุฺํ, น จ ขีณาสวสนฺตาเน ปวตฺตา ผลนิพฺพตฺติกา โหติ, น จ ตํ ปุนาติ วิสุทฺธสนฺตานปฺปวตฺตตฺตาติ. เอวํ เสเสสุปิ.

ยา ปน นิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิวเสน ปฺจสีลํ อฏฺสีลํ ทสสีลํ สมาทิยนฺตสฺส, อสมาทิยนฺตสฺสปิ กุลจาริตฺตวเสน สมฺปตฺตกายทุจฺจริตาทีหิ วิรมนฺตสฺส, อุปสมฺปทมาฬเก สํวรํ สมาทิยนฺตสฺส, ปาติโมกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส, อาปาถคตวิสเยสุ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ถเกนฺตสฺส , จีวราทิเก จ ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, กุหนาทิวตฺถุโต อาชีวํ ปริโสเธนฺตสฺส ปวตฺตา เจตนา, อยํ สีลมยปุฺกิริยวตฺถุนาม. เอตฺถาห – ‘‘ทานํ นาเมตํ มยฺหํ กุลวํโส กุลจาริตฺต’’นฺติ เอวํ จาริตฺตสีเล ตฺวา เทนฺตสฺส ปวตฺตา ทานมยปุฺกิริยวตฺถุ กึ, อุทาหุ สีลมยนฺติ? สีลมยเมว จาริตฺตสีลภาวโต. เทยฺยธมฺมปริจฺจาควเสน ปวตฺตาปิ เหสา ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส อปรภาเค เจตนาย จ ตถา ปวตฺตตฺตา สีลมยเมว ปุฺกิริยวตฺถุ, น ทานมยํ. ปูชานุคฺคหกามตาย หิ ทินฺนํ ทานมยนฺติ.

‘‘จกฺขุ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปน จกฺขาทิเก ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สมฺมสนฺตสฺส ปวตฺตา โคตฺรภุโวทานปริโยสานา วิปสฺสนาเจตนา, กสิณาทีสุ อารมฺมเณสุ อปฺปนํ อปฺปตฺตา โคตฺรภุปริโยสานา ปริกมฺมเจตนา จาติ อยํ ภาวนามยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. อปฺปนาปฺปตฺตาปิ ภาวนาเยว, สา ปน น กามาวจราติ อิธ น คหิตา. นิรวชฺชวิชฺชายตนกมฺมายตนสิปฺปายตนานํ สิกฺขนเจตนาปิ ภาวนามเยเยว สโมธานํ คจฺฉตีติ อาจริยา. ยา เจตฺถ เทยฺยธมฺมํ ขยโต วยโต สมฺมสิตฺวา ททโต ปวตฺตา, สาปิ ปุพฺเพ วิย อุภยภาเค เจตนานํ ตถา ปวตฺตตฺตา ภาวนามยปุฺกิริยวตฺถุเยวาติ เวทิตพฺพํ.

ทานาทิกํ ยํ กิฺจิ สุจริตกมฺมํ กตฺวา ‘‘อสุกสฺส จ นาม ปตฺติ โหตุ, สพฺพสตฺตานํ วา โหตู’’ติ เอวํ อตฺตนา กตสฺส ปเรหิ สาธารณภาวํ ปจฺจาสีสนวเสน ปวตฺตา ปตฺติทานมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. กึ ปเนวํ ปตฺตึ ททโต ปุฺกฺขโย โหตีติ? น โหติ, ยถา ปน เอกํ ทีปํ ชาเลตฺวา ตโต ทีปสหสฺสํ ชาเลนฺตสฺส ปมทีโป ขีโณติ น วตฺตพฺโพ, ปุริมาโลเกน ปน สทฺธึ ปจฺฉิมาโลกสฺส เอกีภาเว อติมหาว โหติ, เอวเมว ปตฺตึ ททโต ปริหานิ นาม น โหติ, วุฑฺฒิเยว ปน โหตีติ ทฏฺพฺพา. กถํ ปเนสา ทินฺนา นาม โหตีติ? ‘‘อิทํ เม ปุฺกมฺมํ สพฺพสตฺตานํ, อสุกสฺส วา ปริณมตู’’ติ เอวํ ปุพฺพภาเค, ปจฺฉาปิ วา วจีเภทํ กโรนฺเตน มนสา เอว วา จินฺเตนฺเตน ทินฺนา นาม โหติ. เกจิ ปน ‘‘ยํ มยา กตํ สุจริตํ, ตสฺส ผลํ ‘ทมฺมี’ติ วุตฺเตปิ ปตฺติ ทินฺนาว โหตี’’ติ วทนฺติ. กุสลกมฺมาธิการตฺตา ปน ปเรหิ จ กมฺมสฺเสว อนุโมทิตพฺพตฺตา กมฺมเมว ทาตพฺพํ, อนุโมเทนฺเตนปิ กมฺมเมว อนุโมทิตพฺพนฺติ อิทเมตฺถ อาจริยานํ สนฺนิฏฺานํ.

จีวราทีสุ ปจฺจาสารหิตสฺส อสํกิลิฏฺเน อชฺฌาสเยน สมณพฺราหฺมณานํ วตฺตปฏิวตฺตกรณวเสน, คิลานุปฏฺานวเสน จ ปวตฺตา เวยฺยาวจฺจมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม.

อามิสกิฺจกฺขาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส อตฺตโน ปคุณํ ธมฺมํ วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา เทเสนฺตสฺส, ตเถว นิรวชฺชวิชฺชายตนาทิกํ อุปทิสนฺตสฺส จ ปวตฺตา เทสนามยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ปเรหิ กตํ ยํ กิฺจิ สุจริตกมฺมํ ทินฺนมทินฺนมฺปิ วา อิสฺสามจฺเฉรมลํ ปหาย ‘‘สาธุ สุฏฺู’’ติ อนุโมทนฺตสฺส ปวตฺตา อนุโมทนปุฺกิริยวตฺถุ นาม, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา กมฺมสฺสกตาาณวเสน ทิฏฺึ อุชุํ กโรนฺตสฺส ปวตฺตา ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ยทิ เอวํ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยตา น ลพฺภตีติ? โน น ลพฺภติ ปุริมปจฺฉิมเจตนานมฺปิ ตํตํปุฺกิริยาสฺเวว สงฺคณฺหนโต. ตถา หิ วกฺขติ –

‘‘ปุริมา มุฺจนา เจว, ปรา ติสฺโสปิ เจตนา;

โหติ ทานมยํ ปุฺํ, เอวํ เสเสสุ ทีปเย’’ติ.

ตสฺมา กิฺจาปิ อุชุกรณเวลายํ าณสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ โหติ, ปุริมปจฺฉาภาเค ปน าณวิปฺปยุตฺตมฺปิ โหตีติ ตสฺสาปิ ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยภาโว อุปฺปชฺชติ.

อปเร ปนาหุ – วิฺาณปฺาณวเสน ทสฺสนํ ทิฏฺิ, จิตฺตํ ปฺา จ. ทิฏฺิยา อุชุภาโว ทิฏฺิชุตฺตํ. กึ ตํ? กุสลฺจ วิฺาณํ กมฺมสฺสกตาาณาทิ จ สมฺมาทสฺสนํ. ตตฺถ กุสลวิฺาเณน าณุปฺปาเทปิ อตฺตโน สุจริตานุสฺสรณปรคุณปสํสาสรณคมนานํ สงฺคโห, กมฺมสฺสกตาาเณน กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยาติ. ทานาทิสมฺปยุตฺตํ ปน าณํ ทานาทีสฺเวว อนฺโตคธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอวมิมํ ธมฺมํ สุตฺวา ตตฺถ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺโต โลกิยโลกุตฺตรคุณวิเสสํ อธิคมิสฺสามิ, พหุสฺสุโต วา หุตฺวา ปเร ธมฺมเทสนาย อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺตโน, ปเรสํ วา วิมุตฺตายตนสีเสน สทฺธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปวตฺตา สวนมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. นิรวชฺชวิชฺชายตนาทิสวนเจตนาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหติ. ปูชารเห, ครุฏฺานิเย, มหลฺลเก จ ทิสฺวา อาสนา วุฏฺหนฺตสฺส ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณมคฺคทานอภิวาทนอฺชลิกมฺมกรณอาสนปุปฺผคนฺธาทิอภิหารํ กโรนฺตสฺส จ ปวตฺตา พหุมานเจตนา อปจิติสหคตปุฺกิริยวตฺถุ นาม. เวยฺยาวจฺจาปจายนานฺหิ อยํ วิเสโส – วยสา, คุเณน จ เชฏฺานํ, คิลานานฺจ ตํตํกิจฺจกรณํ เวยฺยาวจฺจํ, สามีจิกิริยา อปจายนนฺติ.

๒๒-๓. เอวํ อฏฺกถาย อาคตนเยน ทสปุฺกิริยวตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สุตฺเต อาคตนเยน ทานํ สีลํ ภาวนาติ ตีณิเยว ทสฺเสตุํ เตสุ อิตเรสมฺปิ สงฺคหํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘คจฺฉนฺติ สงฺคห’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปตฺติทานานุโมทนา ทาเน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ตํสภาวตฺตา. ทานมฺปิ หิ อิสฺสามจฺเฉรานํ ปฏิปกฺขํ, เอเตปิ, ตสฺมา สมานปฏิปกฺขตาย ทาเนน สห เอกลกฺขณตฺตา เอเต ทานมยปุฺกิริยวตฺถุมฺหิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เวยฺยาวจฺจาปจายนา สีลมเย ปุฺเ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ จาริตฺตสีลสภาวตฺตา. เทสนาสวนทิฏฺิอุชุกา ปน กุสลธมฺมาเสวนโต ภาวนโต ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เกจิ ปน ‘‘เทเสนฺโต, สุณนฺโต จ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌ เทเสติ, สุณาติ จ, ตานิ จ เทสนาสวนานิ ปฏิเวธเมว อาหรนฺตีติ เทสนาสวนํ ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. ธมฺมทานภาวโต ‘‘เทสนา ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติปิ สกฺกา วตฺตุํ. ตถา ทิฏฺิชุกมฺมํ สพฺพตฺถาปิ สพฺเพสํ นิยมนลกฺขณตฺตาติ. ทานาทีสุ หิ ยํ กิฺจิ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยาว วิโสธิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมํ ปน สพฺเพสํ นิยมนลกฺขณ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) วุตฺตํ. มหาสํฆิยา ปน อภยคิริวาสิโน จ ทิฏฺิชุกมฺมํ วิสุํ ปุฺกิริยภาเวน น คณฺหนฺติ. ตถา หิ เต ทานํ สีลํ ภาวนา สํสุติ เทสนานุสฺสติโมทนํ เวยฺยาวจฺจปูชาสรณปฺปตฺติปสํสา จาติ อตฺตนา กตปุฺานุสฺสรณํ พุทฺธาทีสุ สรณคมนํ ปรคุณปสํสาติ อิมานิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา ทิฏฺิชุกมฺมํ อคฺคเหตฺวา ทฺวาทส ปุฺกิริยวตฺถูนิ ปฺาเปนฺติ. ปุน ตีเณวาติ ปมํ ทสาปิ สมานา ปุน สงฺเขปโต ตีเณว สมฺโภนฺติ.

๒๔. อิทานิ ปเรหิ นิทฺทิสิยมานานํ ปุฺานุสฺสรณาทีนํ อตฺตนา นิทฺทิฏฺเสฺเวว สโมธานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพานุสฺสติปุฺฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพสฺเสว อตฺตนา กตสุจริตสฺส อนุสฺสรณํ สพฺพานุสฺสติปุฺํ นาม. ปสํสาติ ปเรหิ กตาย ปุฺกิริยาย, สมฺมาปฏิปตฺติยา จ วิปฺปสนฺนจิตฺเตน ปสํสนํ, สนฺตุสฺสนนฺติ อตฺโถ. สรณตฺตยนฺติ เอตฺถ สรนฺติ หึสนฺตีติ สรณานิ, พุทฺธาทีนิ ตีณิ รตนานิ. ตานิ หิ สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุคฺคติปริกฺกิเลสํ หึสนฺติ วินาเสนฺติ. ตโย อวยวา อสฺสาติ ตยํ, ตีหิ อวยเวหิ ยุตฺตสมุทายสฺเสตํ อธิวจนํ, สรณานํ ตยํ สรณตฺตยํ, ตีณิ สรณานีติ วุตฺตํ โหติ. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถีติ. อิธ ปน สรณตฺตยคฺคหเณน อุปจารโต, อุตฺตรปทโลปโต วา สรณคมนํ อธิปฺเปตํ. น หิ สรณตฺตยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม โหติ. อตฺถโต ปเนตํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สํโฆ’’ติอาทินา พุทฺธาทีสุ ปสาทปฏิลาภวเสน ปวตฺตา เจตนา ทิฏฺิชุกมฺมสฺมึ สงฺคหํ ยนฺติ ตํวเสเนว เตสํ อิชฺฌโต. น หิ วิปรีตทิฏฺิกสฺส อิมานิ ตีณิ สมฺภวนฺติ, ตสฺมา เต เอกนฺเตน ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยวตฺถุสฺมึ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, น วิสุํ ปุฺกิริยภาเวน คเหตพฺพาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘นตฺถิ สํสโย’’ติ. ทิฏฺิชุกมฺมสฺส ภาวนามยสงฺคเหปิ สงฺเขปนเยน ภาวนามเย สงฺคยฺหนฺติ, วิตฺถารนเยน ปน ‘‘กตฺถ นุ โข’’ติ สํสโย สิยาติ อิเมสํ ภาวนามยสงฺคโห น วุตฺโต. ทิฏฺิชุกมฺมสฺส วา สพฺเพสํ มหปฺผลภาวนิยามกตฺเตน มูลภูตตฺตา ตสฺส ปธานภาวํ ทสฺเสตุํ วิสุํ ตตฺถ สงฺคยฺหนฺตีติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘สงฺคณฺหนฺโต สงฺคณฺหาติ, คณฺหนฺโต ‘มุฺจตี’ติ วจนโต สรณคมนสฺส สีลสมาทาเน วิย คหณํ สมฺภวตีติ สีลมเย สงฺคยฺหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สรณคมนํ ปณิปาตภาวโต อปจิติสหคเต สงฺคยฺหตี’’ติ เกจิ.

๒๕. อิทานิ ยถาวุตฺตปุฺกิริยวตฺถูนํ ปุริมปจฺฉิมภาควเสน ปวตฺตมานาปิ เจตนา ตตฺถ ตตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุริมา มุฺจนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปุริมาติ ทานตฺถาย เทยฺยธมฺมํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปาเทนฺตสฺส, อุปฺปนฺนํ ‘‘ปริจฺจชิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺส, ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสนฺตสฺส จ ยาว วตฺถุโน ปฏิคฺคาหกสฺส หตฺเถ วิสฺสชฺชนํ, ปริณามนํ วา, ตาว ปวตฺตา ปุพฺพภาคเจตนา. ปฏิคฺคาหกสฺส ปน หตฺเถ วิสฺสชฺชนเจตนา, ปริณามนเจตนา วา มุฺจนเจตนา นาม. สาเยว นิคฺคหีตโลเปน ‘‘มุจนา’’ติ วุตฺตา. ‘‘มุฺจนา’’อิติเยว วา ปาโ. ปราติ อตฺตนา วิสฺสฏฺวตฺถุมฺหิ อาลยํ อกตฺวา ‘‘สาธุ สุฏฺุ อคฺคํ ทานํ เม ทินฺน’’นฺติ โสมนสฺสจิตฺเตน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อปรภาคเจตนา. ติสฺโสปิ เจตนาติ อิติ อยฺจ ปุริมา เจตนา, อยฺจ มุฺจนเจตนา, อยฺจ อปรเจตนาติ ติสฺโสปิ เจตนา เอกโต หุตฺวา ทานมยํ ปุฺํ โหติ, ทานมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม โหตีติ อตฺโถ. ‘‘ปุฺ’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘โหตี’’ติ เอกวจนนิทฺเทโส. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ เสเสสุปิ อติทิสนฺโต อาห ‘‘เอวํ เสเสสุ ทีปเย’’ติ. เสเสสูติ สีลาทีสุ ปุฺกิริยวตฺถูสุ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน ‘‘สีลํ ‘รกฺขิสฺสามี’ติ จินฺเตนฺตสฺส, ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ปวตฺตา ปุริมเจตนา, สีลํ สมาทิยนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส, สีลํ ปริปูเรนฺตสฺส อุปฺปนฺนา มชฺฌิมเจตนา, ‘ปูริตํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อปรเจตนาติ เอวํ ติสฺโสปิ เจตนา เอกโต หุตฺวา สีลมยปุฺกิริยวตฺถุ นามา’’ติอาทินา ทีปเย, ปกาเสยฺยาติ อตฺโถ. นนุ จ อตฺตนา กตปุฺานุสฺสรณเจตนา ทิฏฺิชุกมฺมสงฺคหิตา, อยฺจ อปรเจตนา สาเยวาติ กถมสฺสา ตตฺถ สงฺคโหติ? นายํ โทโส, วิสยเภเทน อุภินฺนมฺปิ วิเสสสพฺภาวโต. ปุฺานุสฺสรณฺหิ อตฺตนา กตปุฺวิสยเมว. อยํ ปน ตพฺพตฺถุวิสยาติ ปากโฏเยว ทฺวินฺนํ วิเสโสติ.

เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ ‘‘ทสปุฺกิริยวตฺถุวเสเนว ปวตฺตตี’’ติ, ตตฺถ ทสปุฺกิริยวตฺถูนิ สรูปโต, สงฺคหโต จ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตถาปวตฺตมานสฺส จสฺส ปาเฏกฺกํ ปวตฺตาการวิสยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อยนฺติ วกฺขมานนิทสฺสนํ. ทาตพฺโพ ธมฺโม เทยฺยธมฺโม, อนฺนาทิทสวิธํ วตฺถุ. วุตฺตฺหิ –

‘‘อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ, มาลาคนฺธวิเลปนํ;

เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํ, ทานวตฺถู ทสาวิเม’’ติ.

ปฏิคฺคาหโก อาทิ เยสํ เทสกาลมิตฺตาทีนํ เต ปฏิคฺคาหกาทโย, เทยฺยธมฺมสฺส, ปฏิคฺคาหกาทีนฺจ สมฺปตฺติ สมฺปนฺนตา เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺติ. ตตฺถ เทยฺยธมฺมสฺส ปณีตมนาปภาโว ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนภาโว เทยฺยธมฺมสมฺปตฺติ. ปฏิคฺคาหกานํ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาโว ปฏิคฺคาหกสมฺปตฺติ. ทุลฺลภอนฺนปานาทิโก เทโส เทสสมฺปตฺติ. ตาทิโสว กาโล กาลสมฺปตฺติ. ทุลฺลภอนฺนปานาทิเก หิ เทเส, กาเล วา ทินฺนํ อชฺฌาสยสฺส พลวตาย มหปฺผลํ, โสมนสฺสเหตุกฺจ โหติ, ตสฺมา เต ทานสฺส สมฺปตฺติวเสน วุตฺตา. มิตฺตสมฺปตฺติ ปน กลฺยาณมิตฺตภาโว. กลฺยาณมิตฺตฺหิ นิสฺสาย ทานาทีสุ จิตฺตํ โอทคฺยปฺปตฺตํ โหติ. ปริจาริกสมฺปตฺติ ปน อนาณตฺติยาปิ ตํตํกิจฺจสมฺปาทเน อปฺปมตฺตสฺส ปริจาริกชนสฺส ปฏิลาโภ. อฺํ วา โสมนสฺสเหตุนฺติ สทฺธาพหุลตาวิสุทฺธิทิฏฺิตาทิเภทํ อฺํ โสมนสฺสการณํ วา. อาคมฺมาติ อุปาคมฺม, ปฏิจฺจาติ อตฺโถ. หฏฺปหฏฺโติ โสมนสฺสวเสน หฏฺโ เจว ปหฏฺโ จ. อุภเยนปิ อธิกโสมนสฺสํ วุตฺตํ. อตฺถิ…เป… ปวตฺตนฺติ ‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา, เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๑) เอวํ ปวตฺตํ ทสวิธํ สมฺมาทิฏฺิวตฺถุวเสน เจว ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยาทีนํ วเสน จ ปวตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน หิ น เกวลํ นวนฺนํเยว สมฺมาทิฏฺิวตฺถูนํ คหณํ, อถ โข ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยานมฺปิ สงฺคโห. สมฺมา าเยน ปวตฺตา ทิฏฺิ, ปสตฺถา วา ทิฏฺีติ สมฺมาทิฏฺิ, ตํ. ปุรกฺขตฺวาติ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ตฺจ โข สหชาตปุพฺพงฺคมวเสน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑-๒) วิย สมฺปโยคสฺส อธิปฺเปตตฺตา.

อนุสฺสาหิโตติ โลภมจฺฉริยาทิวเสน ปุฺกิริยาย สงฺโกจํ อนาปชฺชนโต อตฺตนา, ปเรน วา เกนจิ อนุสฺสาหิโต หุตฺวา. สภาวโต หิ ปุฺปฺปวตฺติทสฺสนมิทํ. ปเรหีติ ปน ปรปากฏุสฺสาหทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ปมนฺติ เทสนากฺกเมน, อิธ นิทฺทิฏฺกฺกเมน วา ปมํ. มหากุสลจิตฺตนฺติ โสมนสฺสสหคตตาทิองฺคปาริปูริยา มหนฺตํ กุสลจิตฺตํ. อถ วา ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตานํ ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนโต มหนฺตํ ปูชิตํ กุสลจิตฺตนฺติ มหากุสลจิตฺตํ. สพฺเพสมฺปิ หิ สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ ปฏิสนฺธิ เมตฺตาปุพฺพงฺคมสฺส ติเหตุกโสมนสฺสมยสฺส อสงฺขาริกจิตฺตสฺส วิปาโกติ วุตฺตํ. เอตฺถ ‘‘เทยฺยธมฺม…เป… หฏฺปหฏฺโ’’ติ เอตฺตาวตา อิมสฺส โสมนสฺสสหคตภาวมาห, ‘‘สมฺมาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา’’ติ าณสมฺปยุตฺตภาวํ, ‘‘อนุสฺสาหิโต’’ติ ปน อิมินา อสงฺขาริกภาวนฺติ ทฏฺพฺพํ.

วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตึ, อฺํ วา โสมนสฺสการณํ อาคมฺมา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน. อุสฺสาหิโตติ เทยฺยธมฺเม สาเปกฺขาทิตาย, สีลสมฺปทาทีสุ อนธิมุตฺตตาทีหิ จ ปุฺกิริยาย สงฺโกจาปชฺชนโต อตฺตนา, ปเรน วา เกนจิ อุสฺสาหิโต. ปเรหีติ ปน วุตฺตนยเมว. กโรติ ทานาทีนิ ปุฺานีติ สมฺพนฺโธ. ตเมวาติ โสมนสฺสสหคตาทินา ตํสทิสตาย วุตฺตํ. โหติ หิ ตํสทิเสปิ ตํโวหาโร ยถา จ ‘‘สาเยว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติ. เอตฺถ ปน ‘‘อุสฺสาหิโต’’ติ อิมินา สสงฺขาริกตํ ทสฺเสติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ อิมสฺมึ สสงฺขาริกสทฺทาภิเธยฺเย, อุสฺสาหิตพฺพจิตฺตสงฺขาเต อตฺเถ ตํวิสเยติ อตฺโถ. ปุพฺพปฺปโยคสฺสาติ ปุฺกิริยาย สงฺโกเจ ชายมาเน ตโต วิเวเจตฺวา สมุสฺสาหนวเสน ปวตฺตสฺส จิตฺตปฺปโยคสฺส. ปุพฺพ-คฺคหณํ ปเนตฺถ ตถาปวตฺตปุพฺพาภิสงฺขารวเสน โส ปโยโค โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, น ตสฺส ปุพฺพกาลิกตายาติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

ปฏิปตฺติทสฺสเนนาติ ภิกฺขู ทิสฺวา เทยฺยธมฺมปริจฺจชนวนฺทนาทิปฏิปตฺติทสฺสเนน. พลนฺติ อนนฺตีติ พาลา, อสฺสาสิตปสฺสาสิตมตฺเตเนว ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. พาลาเยว พาลกา. เต ปน อิธ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา อภาเวน อสฺชาตพุทฺธิโน ทารกา. ปากฏวเสน เจตฺถ พาลก-คฺคหณํ. สหสา กรณาทิกาเล ปน อิตเรสมฺปิ าณวิปฺปยุตฺตํ โหตีติ. โสมนสฺสํ ชาตํ เอเตสนฺติ โสมนสฺสชาตา, ชาตโสมนสฺสาติ อตฺโถ. สหสาติ สีฆํ สีฆํ ทาตุกามตาย อุปฺปตฺติสมกาลเมว.

เอตฺถ จ ‘‘ปฏิปตฺติทสฺสเนนา’’ติ อิมินา ปเรสํ ปโยคาภาวมาห, ‘‘ชาตปริจยา’’ติ อตฺตโน ปโยคาภาวํ. อุภเยนาปิ อิมสฺส อสงฺขาริกภาวํ ทีเปติ. ‘‘พาลกา, สหสา’’ติ จ อิเมหิ าณวิปฺปยุตฺตภาวมาห, ‘‘ภิกฺขู…เป… ชาตา’’ติ โสมนสฺสสหคตภาวํ. อถ วา ‘‘ปฏิปตฺติ…เป… ปริจยา’’ติ อิมินา อสงฺขาริกภาวสฺส ‘‘พาลกา ภิกฺขู…เป… ชาตา’’ติ จ อิเมหิ าณวิปฺปยุตฺตโสมนสฺสสหคตภาวสฺส จ ทีปิตตฺตา ‘‘สหสา’’ติ วจเนน ยถาวุตฺตเมว าณวิปฺปยุตฺตอสงฺขาริกภาวํ ปกาเสติ. เอวํ สติ ปฏิโลมโต โสมนสฺสสหคตาทิภาโว ทสฺสิโต โหติ. อนุโลมโต ปน ‘‘โสมนสฺสชาตา’’ติ อิมินา โสมนสฺสสหคตภาวํ, สหสา-คฺคหเณน าณวิปฺปยุตฺตาสงฺขาริกภาวํ ทีเปติ. ‘‘ปฏิปตฺติ…เป… ทิสฺวา’’ติ เอตฺตาวตา ปน โสมนสฺสสหคตาทิภาวสฺส การณํ วุตฺตนฺติ. เตติ เต าตกา, เต พาลกาติ วา อตฺโถ. ‘‘โสมนสฺสเหตูนํ อภาวํ อาคมฺมา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. มชฺฌตฺตารมฺมณํ ตถารูเป เจโตภิสงฺขาราทโยปิ หิ อุเปกฺขาสหคตตาย การณเมวาติ. จิตฺตสฺส โสมนสฺสาภาเว ปุคฺคลสฺสปิ โสมนสฺสรหิตตา โหตีติ ‘‘จตูสุปิ…เป… โหนฺตี’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา วุตฺตํ, โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ ปุฺํ กโรนฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.

อิเมสุ ปน อฏฺสุ วิฺาเณสุ โสมนสฺสสหคตโต อุเปกฺขาสหคตํ พลวตรํ, าณวิปฺปยุตฺตโต าณสมฺปยุตฺตํ, สสงฺขาริกโต อสงฺขาริกํ สทิสํ พลวตรํ. วิสทิสํ ปน เวทนาาณปฺปโยควเสน พลวํ, ทุพฺพลฺจ โหติ. โสมนสฺสสหคตติเหตุกอสงฺขาริกโต หิ อุเปกฺขาสหคตติเหตุกสสงฺขาริกํ พลวตรํ, อุเปกฺขาสหคตทุเหตุกอสงฺขาริกโต โสมนสฺสสหคตติเหตุกอสงฺขาริกํ พลวตรํ. อิติ จตุตฺถจิตฺตโต ตติยจิตฺตํ พลวตรํ, ตโต อฏฺมจิตฺตํ, ตโต สตฺตมจิตฺตํ, ตโต ทุติยจิตฺตํ, ตโต ปมจิตฺตํ, ตโต ฉฏฺจิตฺตํ, ตโต ปฺจมจิตฺตนฺติ เอวมิเมสํ พลวพลวตรภาโว เวทิตพฺโพ.

๒๖. เอวํ ปาฬิยํ อาคตนเยน เวทนาาณปฺปโยคเภทโต อฏฺวิธตํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ อฏฺกถายํ อาคตปุฺกิริยาทีนํ วเสนปิ ปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทส ปุฺกฺริยาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ฉนฺนํ อารมฺมณานํ, จตุนฺนํ อธิปตีนํ, ติณฺณํ กมฺมานํ, หีนาทิเภทสฺส จ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตเนวาหุ –

‘‘กเมน ปุฺวตฺถูหิ, โคจราธิปตีหิ จ;

กมฺมหีนาทิโต จาปิ, คเณยฺย นยโกวิโท’’ติ.

๒๗. อิทานิ ตถาปวตฺตมานสฺส ตสฺส โย โย เตสํ เตสํ วเสน ลพฺภมาโน คณนปริจฺเฉโท, ตํ สมฺปิณฺฑิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตรส สหสฺสานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺเถวํ คณนา เวทิตพฺพา – อิมานิ ตาว อฏฺ วิฺาณานิ ทสนฺนํ ปุฺกิริยวตฺถูนํ วเสน ปวตฺตนโต ปจฺเจกํ ทส ทสาติ กตฺวา อสีติ จิตฺตานิ โหนฺติ, ตานิ จ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตนโต ฉคฺคุณิตานิ สาสีติกานิ จตฺตาริ สตานิ โหนฺติ, ตานิ จตุนฺนํ อธิปตีนํ สหโยควเสน จตุคฺคุณิตานิ สหสฺสํ, วีสาธิกานิ จ นว สตานิ โหนฺติ, ตานิ จ กายวจีมโนสงฺขาตานํ ติณฺณํ กมฺมานํ วเสน ติคุณิตานิ สสฏฺิสตฺตสตาธิกานิ ปฺจ สหสฺสานิ โหนฺติ, ตานิ จ หีนมชฺฌิมปณีตเภทโต ติคุณิตานิ สาสีติกทฺวิสตาธิกานิ สตฺตรส สหสฺสานิ โหนฺตีติ. นนุ จ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺตานํ วีมํสาธิปติสหโยคาภาวโต อธิปติวเสน สหสฺสํ, สาสีติกานิ จ ฉ สตานิ โหนฺตีติ ตานิ กมฺมาทีนํ วเสน สมฺปิณฺฑิตานิ วีสสตาธิกานิ ปนฺนรส สหสฺสานิ ภวนฺตีติ? สจฺจเมตํ, โสตปติตวเสน ปน ตํ อนาทิยิตฺวา อธิปติคณนา คหิตาติ น ตสฺส วเสน คณนหานิ กตาติ ทฏฺพฺพํ.

นนุ จ ‘‘สวิปากํ กุสล’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปน กถํ, กุหึ, กึ ผลตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ. ยสฺมา ติเหตุกํ กุสลํ ติเหตุกํ วา ทุเหตุกํ วา ปฏิสนฺธึ เทติ , นาเหตุกํ ปฏิสนฺธึ เทติ. ยทา จ ติเหตุกํ ปฏิสนฺธึ ชเนติ, ตทา ปวตฺเต โสฬส วิปากานิ อภินิปฺผาเทติ. ยทา ทฺวิเหตุกํ, ตทา ทฺวาทส. ทุเหตุกํ ปน ทุเหตุกมเหตุกฺจ ปฏิสนฺธึ ชเนติ, น ติเหตุกํ. ยทา จ ทุเหตุกํ ชเนติ, ตทา ปวตฺติยํ ทฺวาทส. ยทา อเหตุกํ, ตทา อฏฺ. เย ปน อาคมนโต วิปากสฺส สงฺขารเภทมิจฺฉนฺติ, เตสํ มเตน ติเหตุกํ ทฺวาทส, ทส วา วิปจฺจติ, ทุเหตุกํ ทส, อฏฺ วา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยถานุรูป’’นฺติ. นานาวิธสมฺปตฺติฏฺานภาวโต โสภนา, คนฺตพฺพโต คติ จาติ สุคติ, กามาวจรภโวว สุคติ กามาวจรสุคติ. ตสฺสํ กามาวจรสุคติยํ. ภวโภคสมฺปตฺตินฺติ เอตฺถ จ ภวตีติ ภโว, อุปปตฺติภวสงฺขาตานํ วิปากกฺขนฺธกฏตฺตารูปานเมตํ คหณํ, ภุฺชิตพฺพโต โภโค, ปวตฺติยํ ปฏิลภิตพฺพสมฺปตฺติ, ภโวติ วา ปฏิสนฺธิ, โภโค เสสวิปากกฏตฺตารูเปหิ สห ปวตฺติยํ ปฏิลภิตพฺพา สมฺปตฺติ, ภโว จ โภโค จ ภวโภโค, เตเยว สมฺปนฺนภาวโต สมฺปตฺติ, เตสํ วา สมฺปตฺติ ภวโภคสมฺปตฺติ, ตํ อภินิปฺผาเทติ, ชนกวเสน จ อุปนิสฺสยวเสน จ สาเธตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ภวโภคสมฺปตฺตีนํ นิรวเสสโต ลพฺภมานฏฺานํ สนฺธาย ‘‘กามาวจรสุคติย’’นฺติ วุตฺตํ. สเหตุกวิปากวชฺชํ ปน ปวตฺติวิปากกฏตฺตารูปสภาวํ ภวสมฺปตฺตึ, เอกจฺจโภคสมฺปตฺติฺจ, โภคสมฺปทเมว วา อวิเสเสน สุคติยํ ทุคฺคติยมฺปิ อภินิปฺผาเทติเยว. นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ หิสฺส เทวสมฺปตฺติสทิสํ มนุฺํ โภคชาตํ, ตพฺพิสยานิ จ วิปากจิตฺตานิ, สุวณฺณตาสุสฺสรตาทิ จ ตํ สพฺพํ กามาวจรกุสลสฺเสว ผลํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺผลํ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ อกุสลสฺส อิฏฺโ กนฺโต วิปาโก สํวิชฺชตี’’ติ.

กามาวจรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

รูปาวจรกุสลวณฺณนา

อิทานิ ยสฺมา กามาวจรกุสลานนฺตรํ อุทฺทิฏฺสฺส รูปาวจรกุสลสฺส นิทฺเทสาวกาโส อนุปฺปตฺโต, ตสฺมา ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อิตเรสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อิตเรสูติ ยถาวุตฺตกามาวจรกุสลโต อิตเรสุ, รูปาวจราทีสูติ อตฺโถ. สวตฺถุกโต เอกวิธํ เอกนฺเตน วตฺถุสนฺนิสฺสิตตฺตา . น หิ อรูปธาตุยํ รูปาวจรธมฺมา ลพฺภนฺติ รูปวิราคภาวนาย นิพฺพตฺตตฺตา ปุน รูปาวจรชฺฌานสมาปตฺติยา อภาวโต.

หีนมชฺฌิมปณีตเภทโตติ เอตฺถ ปุพฺเพ วิย อธิปตีนํ หีนาทิภาเวหิ ฌานสฺส หีนาทิภาโว โยเชตพฺโพ. อถ วา ปฏิลทฺธมตฺตมนาเสวิตํ หีนํ ปริทุพฺพลภาวโต, นาติสุภาวิตํ อปริปุณฺณวสิภาวํ มชฺฌิมํ, อติวิย สุภาวิตํ ปน สพฺพโส ปริปุณฺณวสิภาวํ ปณีตํ. ตถา อุฬารปุฺผลกามตาวเสน ปวตฺติตํ หีนํ, โลกิยาภิฺตฺถาย ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, วิเวกกามตาย อริยภาเว ิเตน ปวตฺติตํ ปณีตํ. อตฺตหิตาย วา ปวตฺติตํ หีนํ, เกวลํ อโลภชฺฌาสเยน ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, ปรหิตาย ปวตฺติตํ ปณีตํ. วฏฺฏชฺฌาสเยน วา ปวตฺติตํ หีนํ, วิเวกชฺฌาสเยน ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, วิวฏฺฏชฺฌาสเยน โลกุตฺตรปาทกตฺถํ ปวตฺติตํ ปณีตํ.

ปฏิปทาทิเภทโตติ ทุกฺขปฏิปทาทนฺธาภิฺาทีนํ ปฏิปทาภิฺานํ เภเทน. ปฏิปทาวจเนเนว วา ตทวินาภาวโต อภิฺาปิ ลพฺภติ. ตถา เหตฺถ ปฏิปทาจตุกฺกนฺติ โวหรนฺตีติ อาทิ-สทฺเทน อธิปติอาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา ปฏิปทาทิเภทโตติ ปฏิปทาเภทโต, อธิปติเภทโต, อารมฺมณเภทโต, หานภาคิยาทิเภทโตติ อตฺโถ. ตตฺถ ปฏิปทาเภทโต ตาว ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ทุกฺขปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺํ, สุขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, สุขปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺนฺติ เอวํ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ทุกฺขา ปฏิปทา อสฺสาติ ทุกฺขปฏิปทํ. ทนฺธา อภิฺา อสฺสาติ ทนฺธาภิฺํ. เอส นโย ‘‘ทุกฺขปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺ’’นฺติอาทีสุปิ.

ตตฺถ อปฺปหีนนีวรณสฺส, อวิกฺขมฺภิตฌานนิกนฺติกสฺส จ าณกิจฺจสฺส อปริพฺยตฺตตาย ปรินิฏฺิตสกลปุพฺพกิจฺจสฺส ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ วา ‘‘อาโป อาโป’’ติ วา เอวํ ปวตฺตปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย ยาว ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส อุปจารุปฺปตฺติยา นีวรณปฺปหานํ, นิกนฺติวิกฺขมฺภนฺจ โหติ, ตาว ปวตฺตา ปุพฺพภาคภาวนา ปฏิปทา นาม ‘‘ปฏิปชฺชติ ฌานํ เอตายา’’ติ กตฺวา. ปหีนนีวรณสฺส, ปน วิกฺขมฺภิตฌานนิกนฺติกสฺส จ าณกิจฺจสฺส ปริพฺยตฺตภาวโต อุปจารชฺฌานํ อาทึ กตฺวา ยาว อปฺปนาย อุปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺตา ปฺา ปุพฺพภาคปฺาย วิสิฏฺภาวโต อภิฺา นาม, ตสฺมา โย อาทิโต กิเลเส ฌานนิกนฺติฺจ วิกฺขมฺเภนฺโต ทุกฺเขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺโต วิกฺขมฺเภติ, วิกฺขมฺภิตกิเลสฌานนิกนฺติ จ อปฺปนาปริวาสํ วสนฺโต จิเรน องฺคปาตุภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺส ทุกฺขปฏิปทํ, ทนฺธาภิฺฺจ ฌานํ โหติ. โย ปน สสงฺขาเรน กิเลสาทิเก วิกฺขมฺเภตฺวา น จิเรน องฺคปาตุภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺส ทุกฺขปฏิปทํ, ขิปฺปาภิฺฺจ. โย กิเลสาทิเก วิกฺขมฺเภนฺโต สุเขน อกิลมนฺโต วิกฺขมฺเภติ, อปฺปนาปริวาสํ ปน จิรายติ, ตสฺส สุขปฏิปทํ, ทนฺธาภิฺํ. โย ปน สุเขเนว กิเลสาทิเก วิกฺขมฺเภตฺวา สีฆเมว อปฺปนํ ปาปุณาติ, ตสฺส สุขปฏิปทํ, ขิปฺปาภิฺนฺติ เวทิตพฺพํ.

โส ปนายํ ปฏิปทาภิฺานํ เภโท กิเลสินฺทฺริยาธิการวเสน เวทิตพฺโพ. ยสฺส หิ ราคาทโย กิเลสา ติพฺพา โหนฺติ, สทฺธาปฺจมกานิ จ อินฺทฺริยานิ มุทูนิ. โย จ สมถวิปสฺสนาสุ อกตาธิกาโร, ตสฺส ปวตฺตฌานํ ทุกฺขปฏิปทํ, ทนฺธาภิฺฺจ โหติ. ตสฺส หิ กิเลสสมุทาจารติพฺพตาย นีวรณวิกฺขมฺภนสฺส กิจฺเฉน กสิเรน สมิชฺฌนโต ปฏิปทา ทุกฺขา อสุขา, ตสฺเสว สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ มุทุตาย อภิฺาปิ ทนฺธา มนฺทา อสีฆปฺปวตฺตินี โหติ. ภวนฺตเร วา สมเถ อกตาธิการตฺตา ปฏิปทา ทุกฺขา, วิปสฺสนาย อกตาธิการตฺตา อภิฺาปิ ทนฺธา. โย ปน วุตฺตวิปรีโต โหติ, ตสฺส กิเลสานํ อติพฺพสมุทาจารตาย, อินฺทฺริยานฺจ ติขีณตาย สมถวิปสฺสนาสุ กตาธิการตาย ยถากฺกมํ สุขปฏิปทา, ขิปฺปาภิฺา จ โหติ. ภวนฺตเร กตปริจยสฺส หิ ยถา ปคุณํ กตฺวา วิสฺสฏฺคนฺโถ อปฺปมตฺตเกน ปโยเคน สุปฺปวตฺติ วาจุคฺคโต จ โหติ, เอวํ ภาวนา อปฺปกสิเรเนว อิชฺฌตีติ. สฺวายํ อกโต, กโต จ อธิกาโร สมถนิสฺสิโต ปฏิปทายํ วุตฺโต สมาธิปฺปธานตฺตา ปฏิปทาย. วิปสฺสนานิสฺสิโต อภิฺาย าณปฺปธานตฺตา อปฺปนายาติ ทฏฺพฺพํ.

โย ปน ติพฺพกิเลโส ติกฺขินฺทฺริโย วิปสฺสนายเมว วา กตาธิกาโร โหติ, ตสฺส วุตฺตนเยน ทุกฺขา ปฏิปทา, ขิปฺปา ปน อภิฺา โหติ, ตพฺพิปรีตสฺส สุขปฏิปทา ทนฺธาภิฺาติ. ตสฺมา กิเลสานํ ติพฺพมนฺทภาวโต, อินฺทฺริยานํ ติขิณมุทุภาวโต, ปุพฺพปริจยสฺส จ สมฺภวาสมฺภววเสนาติ เอวํ กิเลสินฺทฺริยาธิการวเสน อิมาสํ เภโท เวทิตพฺโพ.

อปิจ ยานิ ปรโต สปฺปายาสปฺปายานิ, ปลิโพธุปจฺเฉทาทีนิ ปุพฺพกิจฺจานิ, อปฺปนาโกสลฺลานิ จ อาคมิสฺสนฺติ, เตสุ โย อุปจาราธิคมโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ อสปฺปายเสวี โหติ, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา, ทนฺธา จ อภิฺา โหติ. อุภยตฺถ สปฺปายเสวิโน สุขา ปฏิปทา, ขิปฺปา จ อภิฺา. โย ปน ตโต ปุพฺพภาเค อสปฺปายํ เสวิตฺวา อปรภาเค สปฺปายเสวี โหติ, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา, ขิปฺปา อภิฺา. ตพฺพิปรีตสฺส สุขา ปฏิปทา, ทนฺธา อภิฺา จ เวทิตพฺพา.

ตถา ปลิโพธุปจฺเฉทาทิปุพฺพกิจฺจํ อสมฺปาเทตฺวา ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส สปริปนฺถตาย ทุกฺขา ปฏิปทา, วิปริยาเยน อปริปนฺถตาย สุขา. อปฺปนาโกสลฺลานิ อสมฺปาเทนฺตสฺส าณสฺส อวิสทตาย ทนฺธา อภิฺา โหติ, สมฺปาเทนฺตสฺส วิปริยายโต ขิปฺปา อภิฺาติ. กิฺจ – ตณฺหาวิชฺชาติภวนวเสน เอตาสํ เภโท เวทิตพฺโพ. ตณฺหาภิภูตสฺส หิ ทุกฺขา ปฏิปทา โหติ ตสฺสา สมาธิสฺส อุชุปฏิปกฺขตฺตา สมถปฏิปทาย ปริปนฺถกภาวโต, อนภิภูตสฺส ตทภาวโต สุขา. อวิชฺชาภิภูตสฺส จ ตสฺสา ปฺาย อุชุปฏิปกฺขภาวโต ทนฺธา อภิฺา, อิตรสฺส ขิปฺปา อภิฺาติ. โส ปนายํ ปฏิปทาเภโท เกวลํ สมถภาวนาวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานสฺส, มคฺคาธิคมวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานสฺส ปน นตฺถิ ทุกฺขปฏิปทาทิเภโท. เกจิ ปน มคฺควเสเนว ตสฺส ปฏิปทาทิเภทํ วณฺเณนฺติ ‘‘มคฺคสฺส หิ ทุกฺขปฏิปทาทิภาเว ตสฺมึ ทุกฺขปฏิปทาทิก’’นฺติ.

อธิปติเภทาทีสุ ปน ฉนฺทาธิปเตยฺยํ จิตฺตาธิปเตยฺยํ วีริยาธิปเตยฺยํ วีมํสาธิปเตยฺยนฺติ เอวํ อธิปติเภทโต, ปริตฺตํ ปริตฺตารมฺมณํ, ปริตฺตํ อปฺปมาณารมฺมณํ, อปฺปมาณํ ปริตฺตารมฺมณํ , อปฺปมาณํ อปฺปมาณารมฺมณนฺติ เอวํ อารมฺมณเภทโต, หานภาคิยํ ิติภาคิยํ วิเสสภาคิยํ นิพฺเพธภาคิยนฺติ เอวํ หานภาคิยาทิเภทโต จ จตุพฺพิธตา เวทิตพฺพา. ตตฺถ ‘‘ฉนฺทวโต เจ ฌานํ นิพฺพตฺติสฺสติ, มยฺหมฺปิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ เอวํ ฉนฺทํ ธุรํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ ฉนฺทาธิปเตยฺยํ. เอส นโย ‘‘จิตฺตาธิปเตยฺยา’’ทีสุปิ. อปฺปคุณํ ปน อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสกฺโกนฺตํ ปริตฺตํ, สุปฺปสราวมตฺเตสุ อวฑฺฒิตารมฺมเณสุ นิพฺพตฺตํ ปริตฺตารมฺมณํ. วุตฺตปฏิปกฺขโต ปน ยถากฺกมํ อปฺปมาณารมฺมณาทีนิ เวทิตพฺพานิ. หานภาคิยาทิวิเสสํ สยเมว วกฺขติ.

ฌานงฺคโยคเภทโตติ กตฺถจิ ปฺจ ฌานงฺคานิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ ทฺเว , กตฺถจิ อปรานิ ทฺเวติ เอวํ ฌานงฺคานํ สมฺปโยคเภทโต. นนุ เจตฺถ กามาวจรกุสเล วิย สงฺขารเภโท กสฺมา น คหิโต. อิทมฺปิ หิ เกวลํ สมถานุโยควเสน ปฏิลทฺธํ สสงฺขารํ, มคฺคาธิคมวเสน ปฏิลทฺธมสงฺขารํ, ตสฺมา ‘‘ฌานงฺคสงฺขารโยคเภทโต ทสวิธ’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? นยิทเมวํ, มคฺคาธิคมวเสน สตฺติโต ปฏิลทฺธสฺสาปิ อปรภาเค ปริกมฺมวเสเนว อุปฺปชฺชนโต, ตสฺมา สพฺพสฺสปิ ฌานสฺส ปริกมฺมสงฺขาตปุพฺพาภิสงฺขาเรน วินา เกวลํ อธิการวเสน อนุปฺปชฺชนโต ‘‘อสงฺขาร’’นฺติปิ วตฺตุํ น สกฺกา, อธิกาเรน จ วินา เกวลํ ปริกมฺมาภิสงฺขาเรเนว อนุปฺปชฺชนโต ‘‘สสงฺขาร’’นฺติปิ วตฺตุํ น สกฺกาติ ฌานงฺคโยคเภทโต ปฺจวิธตา จ วุตฺตาติ.

กามจฺฉนฺโท พฺยาปาโท ถินมิทฺธํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ วิจิกิจฺฉาติ อิมานิ ปฺจ นีวรณานิ วิปฺปหีนานิ เอตสฺสาติ กามจฺฉนฺท…เป… วิปฺปหีนํ. ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ เอตฺถ อาหิต-สทฺทสฺส วิย วิปฺปหีน-สทฺทสฺเสตฺถ ปรวจนํ ทฏฺพฺพํ. กามจฺฉนฺทาทีหิ วา วิปฺปหีนํ วิสํยุตฺตํ เตสํ ปหายกภาเวนาติ กามจฺฉนฺท…เป… วิปฺปหีนํ. ตตฺถ กาเมตีติ กาโม, ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท จาติ กามจฺฉนฺโท, พหลกามราคสฺเสตํ อธิวจนํ. พฺยาปาทาทีนมตฺถํ วกฺขติ. ยสฺมา กามจฺฉนฺทาทีสุ อปฺปหีเนสุ ฌานํ นุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตานิสฺส ปหานงฺคานีติ เวทิตพฺพานิ. นนุ อฺเปิ อกุสลา ธมฺมา อิมินา ฌาเนน ปหียนฺติ, อถ กสฺมา ปฺเจว ปหานงฺควเสน วุตฺตานีติ? วิเสเสน ฌานนฺตรายกรตฺตา. กามจฺฉนฺทวเสน หิ นานาวิสยปโลภิตํ จิตฺตํ น เอกตฺตารมฺมเณ สมาธิยติ. กามจฺฉนฺทาภิภูตํ วา นานาวิสยสมุปพฺยูฬฺหาย กามธาตุยา ปหานปฏิปทํ น ปฏิปชฺชติ, พฺยาปาเทน จ อารมฺมเณ ปฏิหฺมานํ น สมาหิตํ ปวตฺตติ, ถินมิทฺธาภิภูตํ อกมฺมฺํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรตํ อวูปสนฺตเมว หุตฺวา ปริพฺภมติ, วิจิกิจฺฉาอุปหตํ ฌานาธิคมปฏิปทํ นาโรหติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ นุ โข, น นุ โข, ปถวี ปถวี’’ติอาทินา ปวตฺตมนสิกาเรน ‘‘ฌานํ สิยา นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉนฺตสฺส ฌานาธิคมปฏิปทาย อสํสิชฺฌนโต. ยโต วกฺขติ –

‘‘ภาคี อสฺสมหํ อทฺธา, อิมาย ปฏิปตฺติยา;

ปวิเวกสุขสฺสาติ, กตฺวา อุสฺสาหมุตฺตม’’นฺติ.

ตสฺมา สมาธิอาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกภาเวน วิเสเสน ฌานาธิคมสฺส อนฺตรายกรณโต เอตาเนว ปหานงฺคานีติ วุตฺตานิ. โหติ เจตฺถ –

‘‘ปจฺจนีกา ยโต ปฺจ, สมาธาทีนเมตฺถ หิ;

ฌานนฺตรายิกา ตสฺมา, ปหานงฺเค นิยามิตา’’ติ.

เอวมิทํ ปหานงฺควเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺควเสน ทสฺเสตุํ ‘‘วิตกฺก…เป… สมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ วิตกฺกาทโย วจนตฺถลกฺขณาทิวเสน อุปริ อาคมิสฺสนฺติ. ยสฺมา ปน อิเมสุ อุปฺปนฺเนสุ ฌานํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ, เตนสฺส อิมานิ สมฺปโยคงฺคานีติ เวทิตพฺพานิ, ตสฺมา น เอเตหิ สมนฺนาคตํ อฺเทว ฌานํ นาม อตฺถีติ คเหตพฺพํ. ยถา ปน เนมิอาทิองฺคสมุทาเย รถาทิโวหาโร โหติ, เอวํ ฌานงฺคสมุทาเย ฌานโวหาโร. วุตฺตมฺปิ เหตํ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ วิตกฺโก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๖๙). กสฺมา ปน อฺเสุปิ ผสฺสาทีสุ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ วิชฺชมาเนสุ อิมานิเยว ปฺจ ฌานงฺควเสน วุตฺตานีติ? วุจฺจเต – อุปนิชฺฌานกิจฺจวนฺตตาย, กามจฺฉนฺทาทีนํ อุชุปฏิปกฺขภาวโต จ. วิตกฺโก หิ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปติ, วิจาโร อนุพนฺธติ. เอวํ ฌานาธิคมสฺส วิเสสปจฺจยภูเตหิ เตหิ อวิกฺเขปาย สมาทหิตปโยคสฺส เจตโส ปโยคสมฺปตฺติสมุฏฺานา ปีติ ปีณนํ, สุขฺจ อุปพฺรูหนํ กโรติ. อถ นํ สสมฺปยุตฺตธมฺมํ เอเตหิ อภินิโรปนานุพนฺธนปีณนอุปพฺรูหเนหิ อนุคฺคหิตา เอกคฺคตา สมาธานกิจฺเจน อตฺตานํ อนุวตฺตาเปนฺตี เอกตฺตารมฺมเณ สมํ, สมฺมา จ อาธิยติ, อินฺทฺริยสมตาวเสน สมํ, ปฏิปกฺขธมฺมานํ ทูรีภาเวน ลีนุทฺธจฺจาภาเวน สมฺมา จ เปตีติ เอวเมเตสเมว อุปนิชฺฌานกิจฺจํ อาเวณิกํ. กามจฺฉนฺทาทิปฏิปกฺขภาเวน ปน สยเมว วกฺขติ. เอวํ อุปนิชฺฌานกิจฺจวนฺตตาย, กามจฺฉนฺทาทีนํ อุชุปฏิปกฺขภาวโต จ อิเมเยว ปฺจ ฌานงฺคภาเวน ววตฺถิตาติ. ยถาหุ –

‘‘อุปนิชฺฌานกิจฺจตฺตา, กามาทิปฏิปกฺขโต;

สนฺเตสุปิ จ อฺเสุ, ปฺเจว ฌานสฺิตา’’ติ.

เทสนากฺกมโต, มหคฺคตธมฺเมสุ ปมํ อธิคนฺตพฺพโต จ ปมํ, ปมํ สมาปชฺชิตพฺพนฺติปิ ปมนฺติ วทนฺติ. ตํ ปน น เอกนฺตลกฺขณํ ฌานปฏิโลมาทิวเสน สมาปชฺชเน อสมฺภวโต.

ปุริมปจฺฉิมจิตฺเตสุ อุปฺปชฺชมานสฺสาปิ อปฺปนากฺขเณ อนุปฺปชฺชนโต วิตกฺโก วิปฺปหีโน เอตสฺส, ตโต วา เอตํ วิปฺปหีนนฺติ วิตกฺกวิปฺปหีนํ. ภาวนาย หิ ปหีนตฺตา วิตกฺโก ฌานกฺขเณ นุปฺปชฺชติ. อสํกิลิฏฺสภาวตฺตา ปน อุปจารภาวนาย จ ตํ ปหาตุํ อสมตฺถภาวโต ปุริมภาเค, ปจฺฉาภาเค จ อปจฺจนีกจิตฺตปฺปวตฺติโต อุปฺปชฺชติเยวาติ.

นนุ จ ‘‘อสํกิลิฏฺสภาวตฺตา’’ติ วุตฺตํ, อถ กถํ ฌาเนน เอส ปหียติ? น หิ กุสเลหิ อสํกิลิฏฺธมฺมสฺส ปหานํ อตฺถิ ราคาทิสํกิลิฏฺานํ ปาปธมฺมานเมตสฺส อุชุปฏิปกฺขภาวโตติ? วุจฺจเต – อสํกิลิฏฺสภาวสฺสาปิ เอตสฺส โอฬาริกตาย ทุพฺพลภาวโต ฌานกฺขเณ อนุปฺปตฺติสภาวาปาทนตฺถํ ตตฺถ นิกนฺติวิกฺขมฺภนวเสน ทุติยชฺฌานภาวนา โหตีติ ตสฺสา พเลน ตํ ฌานกฺขเณ อนุปฺปชฺชนฺตํ นิกนฺติวิกฺขมฺภนวเสน วา วิกฺขมฺภิตํ ปหีนํ นาม โหติ. ยทิ เอวํ อุปจาเรนปิ นิกนฺติ วิกฺขมฺภียตีติ ตตฺถปิสฺส ปหานํ สิยา, ยถา ปมชฺฌานสฺส อุปจาเร นีวรณานีติ? นยิทเมวํ, นีวรณปฺปหานสฺส วิย วิตกฺการมฺมณิกนิกนฺติ วิกฺขมฺภนสฺส อุปจาเรน สาติสยํ อนิปฺผชฺชนโต. สาติสยฺหิ ตตฺถ นิกนฺติปฺปหานํ อปฺปนาย เอว โหติ, ตสฺมา ยทโวจุมฺหา ‘‘อุปจารภาวนาย จ ตํ ปหาตุํ อสมตฺถภาวโต’’ติ, ตํ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วิจารวิปฺปหีน’’นฺติอาทีสุปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ทุติยชฺฌาเนเยว ปหีนสฺส วิตกฺกสฺส อิธ อปฺปวตฺติมตฺตทสฺสนตฺถํ ‘‘วิตกฺกวิจารวิปฺปหีน’’นฺติ วิตกฺก-คฺคหณํ กตํ. เอวํ ‘‘วิตกฺกวิจารปีติวิปฺปหีน’’นฺติอาทีสุปิ.

ยถาสมฺภวนฺติ ปถวีกสิณาทีสุ ยํ ยํ อารมฺมณํ ยสฺส ยสฺส สมฺภวติ, ตทนติกฺกมโต. กสิณานาปาเนสุ หิ ปฺเจว ฌานานิ ปวตฺตนฺติ, อสุภกายคตาสตีสุ ปมชฺฌานํ, อนุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเรสุ ปฺจมชฺฌานวชฺชานิ, อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเร ปฺจมชฺฌานนฺติ.

ปถวีกสิณาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-คฺคหเณน เกวลํ อาโปกสิณาทีนเมว, อถ โข อสุภาทีนมฺปิ อปฺปนาวหกมฺมฏฺานานํ สงฺคโหติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ อภิภายตนวิโมกฺขฌานานิ ปวตฺตาการมตฺตโต ภินฺนานิ, อารมฺมณโต ปน กสิณายตนาเนว โหนฺตีติ กสิณายตนฌาเนเหว ตานิ สงฺคหิตานิ. ‘‘ยถาสมฺภวํ…เป… อเนกวิธ’’นฺติ วา วจเนน รูปาวจรชฺฌาเน สพฺโพปิ ลพฺภมานกเภโท สงฺคหิโตติ อภิภายตนวิโมกฺขฌานานิ วิสุํ น วุตฺตานิ, ตานิ ปน สรูปโต เอวํ เวทิตพฺพานิ.

ตตฺถ าณุตฺตรสฺส โยคาวจรสฺส ปถวีกสิณาทิอารมฺมณํ อภิภวิตฺวา ‘‘น เมตฺถ อปฺปนานิพฺพตฺตเน ภาโร’’ติ ปฏิปนฺนสฺส นิมิตฺตุปฺปตฺติโต อุทฺธํ ทุติยตติยวีถิยํ, จตุตฺถปฺจมวีถิยํ วา ปฏิลทฺธํ ฌานํ อภิภายตนํ นาม. ตฺหิ อารมฺมณํ อภิภวตีติ อภิภู, โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานตาย, มนายตนธมฺมายตนปริยาปนฺนตาย วา อายตนนฺติ อภิภายตนํ, อภิภวิตพฺพํ วา อภิภู, อาลมฺพณํ, ตํ อายตนมสฺสาติ อภิภายตนํ. อถ วา อาลมฺพณาภิภวนโตเยว อภิภู, ปริกมฺมํ, าณํ วา, ตํ อายตนํ การณมสฺสาติ อภิภายตนํ. ปริกมฺมํ, าณํ วา อาลมฺพณํ อภิภวิตฺวา ปวตฺตมานํ อุปจารุปฺปตฺติโต ปฺจมวีถิมนติกฺกมิตฺวา อปฺปนํ นิพฺพตฺเตติ. ปฺจมวีถิโต ปรํ นิพฺพตฺตํ ปน อภิภวิตุกามตาย นิพฺพตฺติตมฺปิ อภิภายตนํ นาม น โหติ. สามฺคติยา ปน กสิณายตนเมว โหติ. อิมเมว หิ สีฆตรปฺปวตฺตึ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘ตานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) วุตฺตํ. นนุ จ อฏฺกถายํ ยถารุตวเสเนว อตฺโถ กสฺมา น คยฺหติ. ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนวา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) หิ วุตฺตตฺตา นิมิตฺตุปฺปตฺติยา สหุปฺปนฺนํ ฌานมภิภายตนนฺติ วิฺายตีติ? นยิทเมวํ, นิมิตฺตุปฺปาเทน สห อปฺปนาย อสมฺภวโต. นิมิตฺตุปฺปาโทติ หิ อิธ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ ตทารมฺมณสฺส วา อุปจารชฺฌานสฺส, กึ ตาว ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติยา สห อปฺปนาย นิพฺพตฺติ อุปจารชฺฌาเน อสติ ตสฺสา อสมฺภวโต, นาปิ อุปจารชฺฌาเนน สห เอกวีถิยํ นิพฺพตฺติ ตสฺสา อุปจารภาวนาปพนฺธเสวิตพฺพภาเวน ตทา อสมฺภวโต, ตสฺมา นาติจิรายนปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ สมีปิมฺหิ สมีปการียูปจาเรน อฏฺกถายํ ตถา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิ นิมิตฺตุปฺปตฺติโต นาติจิรปฺปวตฺตมภิภายตนํ, กถํ ตสฺส ทนฺธาภิฺาขิปฺปาภิฺาเภโท ปาฬิยํ วุตฺโตติ? วุจฺจเต – จตุตฺถปฺจมชวนวีถิยํ อุปฺปนฺนํ จิรกาลนิพฺพตฺติตาย ทนฺธาภิฺํ, ทุติยตติยวีถิยํ อุปฺปนฺนํ ตพฺพิปรีตลกฺขณตาย ขิปฺปาภิฺนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อภิภายตนํ นาม วสิภาวปฺปตฺตเมว, เนตร’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, วสิภาวปฺปตฺติยา นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ทูรตรภาเวน ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตตี’’ติ อฏฺกถาวจเนน สห วิรุชฺฌนโต.

อปิจ วสิภาวปฺปตฺตํ ฌานํ อภิภวนการณนิรเปกฺขํ วสิภาวพเลเนว สกฺกจฺจํ สมาปชฺชิตุํ น สกฺกาติ น ตํ อภิภายตนํ นาม โหติ, ตสฺมา อปฺปตฺตวสิภาวา ปมุปฺปนฺนาเยว อภิภายตนนฺติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘อปฺปมาณํ ปริตฺตารมฺมณํ, อปฺปมาณํ อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ (ธ. ส. ๒๑๒-๒๑๓) อภิภายตนเทสนายํ วุตฺตํ. วสิภาวปฺปตฺตฺหิ ฌานํ อปฺปมาณนฺติ วุจฺจติ. อิทฺจ อุปฺปนฺนมตฺตตฺตา ปริตฺตเมวาติ? นายํ โทโส. ปมํ อภิภายตนวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานํ ปจฺฉา วสิภาวปฺปตฺตมฺปิ อภิภายตนนามเมว ลภตีติ วสิภาวปฺปตฺตมภิภายตนํ อปฺปมาณํ, อิตรํ ปริตฺตํ.

อถ วา วสิภาวปฺปตฺตํ อปฺปมาณนฺติ อุกฺกํสคติปริคฺคหวเสน วุจฺจติ. ตํ ปน ยํ พลวตรํ, ตํ อปฺปมาณนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส อุปลกฺขณํ กตฺวา วทนฺติ. พลวภาวนิพนฺธนํ อปฺปมาณตฺตํ. พลวภาโว จ ปมอปฺปนาวารโต ปจฺฉิมปจฺฉิมอปฺปนาวารานํ พลวตาย อวสิตาปตฺเตปิ ฌาเน สมฺภวตีติ พลวนฺตํ อปฺปมาณํ, อิตรํ ปริตฺตนฺติ เอวํ อวสิตาปตฺเตปิ ฌาเน อปฺปมาณาทิภาโว เวทิตพฺโพ. อถ วา อปฺปนาย พลวภาโว นาม อุปจารสฺส พลวตาย สติ โหติ. อุปจารฺจ ตํ พลวํ, ยํ สหสา อปฺปนํ อุปฺปาเทตุํ สกฺกุเณยฺย, ตสฺมา ขิปฺปาภิฺานํ ทฺวินฺนํ อภิภายตนฌานานํ อุปจารวีถิยา อนนฺตรํ ทุติยวีถิยํ อุปฺปนฺนํ อุปจารชฺฌานสฺส พลวตาย สยมฺปิ พลวตรนฺติ อปฺปมาณํ นาม โหติ. ทุติยวีถิมติกฺกมิตฺวา ตติยวีถิยํ อุปฺปนฺนํ ตทิตรสภาวตาย ปริตฺตํ. ตถา ทนฺธาภิฺานํ จตุตฺถวีถิยํ อุปฺปนฺนํ อปฺปมาณํ. ปฺจมวีถิยํ อุปฺปนฺนํ ปริตฺตนฺติ. อถ วา ยตฺถ กตฺถจิ อปฺปนาวีถิยํ ปฺจมํ อุปฺปชฺชนกอปฺปนาโต จตุตฺถํ อุปฺปชฺชมานาย พลวภาโวติ ตํวเสนาเปตฺถ ปริตฺตอปฺปมาณตา เวทิตพฺพา.

ตํ ปเนตํ คณนโต อฏฺวิธํ โหติ. ยถาห –

‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสฺี โหติ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามิ. นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ, ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามิ. ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ. โลหิตานิ โลหิตวณฺณานิ โลหิตนิทสฺสนานิ โลหิตนิภาสานิ. โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสฺี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๓; ๓.๓๓๘; ม. นิ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. ๑.๔๒๗-๔๓๔; ๘.๖๕).

ตตฺถ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อลาภิตาย วา อนตฺถิกตาย วา อชฺฌตฺเตสุ เกสาทีสุ ปริกมฺมอปฺปนาสฺาวิรหิโต. พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธา อฏฺสุ กสิเณสุ, จตูสุ ภูตกสิเณสุ เอว วา กตปริกมฺมกตาย ปริกมฺมวเสน เจว อปฺปนาวเสน จ ตานิ พหิทฺธา อฏฺ, จตฺตาริ วา กสิณรูปานิ ปสฺสติ. ปริตฺตานีติ อมหนฺตานิ. อภิภุยฺยาติ ยถา มหคฺฆโส สมฺปนฺนคหณิโก ปุริโส กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา ‘‘กึ เอตฺถ ภุฺชิตพฺพํ ภตฺตํ อตฺถี’’ติ สงฺกฑฺฒิตฺวา สพฺพํ เอกกพฬเมว กโรติ, เอวเมว าณุตฺตริโก ปุคฺคโล วิสทาโณ ‘‘กึ เอตฺถ ปริตฺตเก อารมฺมเณ สมาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิ, นายํ มม ภาโร’’ติ ตานิ รูปานิ ปริกมฺเมน, าเณน วา อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ. เหฏฺา วุตฺตนเยน สีฆํ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตติ. ‘‘ชานามิ ปสฺสามี’’ติ อิมินา ปนสฺส ปุพฺพาโภโค กถิโต, ตทาคมนโต จ อนฺโตสมาปตฺติยํ จิตฺตาภิสงฺขาโร. อิตรถา อเนน อาโภคมตฺเต กถิเต เตน สาธิตพฺพํ ฌานํ น วุตฺตํ โหติ, อภิภายตนเทสนาวายํ ฌานวิสยาติ. อาคมฏฺกถาสุ ปน สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตมภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺตมาโภคํ สนฺธาย –

‘‘อิมินา ปนสฺส อาโภโค กถิโต. โส จ โข สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส, น อนฺโตสมาปตฺติย’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๘.๖๕) วุตฺตํ.

ทุติเย สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานิ. ปริสุทฺธานิ หิ นีลาทีนิ สุวณฺณานิ, อปริสุทฺธานิ ทุพฺพณฺณานีติ อิธ อธิปฺเปตานิ.

ตติเย อปฺปมาณานีติ วุทฺธิปฺปมาณานิ วิปุลานิ ขลมณฺฑลาทีนิ. วฑฺฒนวเสน ปเนตฺถ อปฺปมาณตา น คหิตา กสิณวฑฺฒนสฺส อิธ อสมฺภวโต. กสิณสฺส หิ ทฺเว วฑฺฒนภูมิโย อุปจารภูมิ, อปฺปนาภูมิ วา. ตตฺถ น ตาว อิธ อุปจารภูมิยํ วฑฺฒนํ สมฺภวติ. นิมิตฺตุปฺปตฺติยา สมกาลํ วิย อุปฺปชฺชมาเน ฌาเน กุโต ตสฺส โอกาโสติ, นาปิ อปฺปนาภูมิยํ. วฑฺฒิตสฺส ปมุปฺปนฺนฌานารมฺมณตา น ยุชฺชติ, ตสฺมา สภาวมหนฺตาเนว อาลมฺพณานิ อิธ อปฺปมาณานีติ อธิปฺเปตานิ. เกจิ ปน ‘‘วฑฺฒิตวเสเนว อปฺปมาณานีติ คเหตฺวา ปมํ อภิภวนิจฺฉาย อภาเวน วฑฺเฒตฺวา ปจฺฉา อภิภวนิจฺฉาย สติ อภิภวนากาเรน ปวตฺโต ตสฺมึ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตตีติ อปฺปนํ ปฏิลภิตฺวา วฑฺฒิตนิมิตฺเตสุ อิทํ อภิภายตนํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.

จตุตฺเถ อภิภุยฺยาติ อภิภวิตฺวา. ยถา นาม สมฺปนฺนคหณิโก มหคฺฆโส ปุริโส เอกํ ภตฺตวฑฺฒิตกํ ลภิตฺวา ‘‘‘อฺโปิ โหตุ, อฺโปิ โหตู’ติ กึ เอส มยฺหํ กริสฺสตี’’ติ น ตํ มหนฺตโต ปสฺสติ, เอวเมว าณุตฺตโร วิสทาโณ ปุคฺคโล ‘‘‘กึ เอตฺถ สมาปชฺชิตพฺพํ, นยิทํ อปฺปมาณ’นฺติ มยฺหํ จิตฺเตกคฺคตากรเณ ภาโร’’ติ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ. วุตฺตนเยเนว อปฺปนํ นิพฺพตฺเตติ.

ปฺจเม นีลานิ…เป… นีลนิภาสานีติ เอตานิ ปริยายนามานีติ ตตฺถ ‘‘นีลานี’’ติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ. เอตฺตเกเยว ปน วุตฺเต ตํโยคโต ตพฺโพหาเรน คุณยุตฺเตปิ ปสงฺโค สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ ‘‘นีลวณฺณานี’’ติ วณฺณวเสน วุตฺตํ. เอวมฺปิ หิ พหุพฺพีหิวเสน คุโณปิ ปสงฺโค โหตีติ ‘‘นีลนิทสฺสนานี’’ติ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ . นิทสฺสิตพฺพฺหิ นิทสฺสนํ, จกฺขุนา ทฏฺพฺพํ รูปํ. ตโต เสตาทินิวารณตฺถํ นีล-สทฺเทน สห สมาโส กโตติ อปฺายมานจีวรานิ อสมฺภินฺนวณฺณานิ เอกนีลาเนว หุตฺวา ทิสฺสมานานีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นีลนิภาสานี’’ติ อิทํ ปน โอภาสวเสน วุตฺตํ, นีโลภาสานิ นีลปฺปภายุตฺตานีติ อตฺโถ. เอเตน เตสํ สุวิสุทฺธตฺตํ ทสฺเสติ. ‘ปีตานี’’ติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฏฺสุ เจเตสุ ปุริมํ อภิภวนากาเรน วณฺณาโภครหิตานิ อฏฺปิ กสิณานิ ปริตฺตานิ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตติยํ ตถา อปฺปมาณานิ. ทุติยจตุตฺถานิเยว ทฺเว วณฺณาโภคสหิตานิ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ, น ปน วณฺณกสิณวเสน อุปฺปนฺนํ ตสฺส วิสุํ วกฺขมานตฺตา.

ปฺจมาทีนิ ปน เตสุ กตาธิกาเร สนฺธาย สุวิสุทฺธวณฺณวเสเนว เทสิตานิ. น หิ เตสํ อภิภวนสฺส ปริตฺตตา, อปฺปมาณตา วา การณํ, อถ โข สุวิสุทฺธนีลาทิภาโว. ตตฺถ หิ เต กตาธิการาติ. นนุ จ อาคมฏฺกถาสุ ‘‘สุวณฺณานิ วา โหนฺตุ ทุพฺพณฺณานิ วา, ปริตฺตอปฺปมาณวเสเนว อิมานิ อภิภายตนานิ เทสิตานี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๘.๖๕) วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ตํ ปน อาคเม อภิภายตนานํ อฺถา อาคตตฺตา วุตฺตํ. ตตฺถ หิ –

‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๓; ๓.๓๓๘; ม. นิ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. ๑.๔๒๗-๔๓๔; ๘.๖๕) –

เอวํ จตฺตาริเยว อภิภายตนานิ อาคตานิ, ตสฺมา ตทฏฺกถาสุ วณฺณาโภเค วิชฺชมาเน อวิชฺชมาเนปิ ปริตฺตอปฺปมาณตาวเสเนว อิเมสํ เทสิตภาโว วุตฺโต. ปริตฺตอปฺปมาณตา หิ อิเมสุ จตูสุ อภิภวนสฺส การณํ วณฺณาโภเค วิชฺชมาเน อวิชฺชมาเนปีติ. นนุ จ สพฺพตฺถ ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วจนโต วณฺณาโภคสหิตานิเยว ตตฺถ คหิตานีติ? ตํ น, วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ สพฺพานิ ปริตฺตานิ เอกโต กตฺวา ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา ‘‘อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ. ยทิ เอวํ กถํ วิสิฏฺานํ วณฺณาโภครหิตานํ, สหิตานฺจ เอกชฺฌํ มนสิกาโร, น เอกชฺฌํ, วิสุํเยว เตสํ มนสิกาโร. ยทิ เอวํ วิสุํ กถเมกตฺตนฺติ? ปริตฺตภาวสามฺโต. ยทิ เอวํ สุวณฺณทุพฺพณฺณ-คฺคหณมติริจฺจติ อวสิฏฺโติ? นาติริจฺจติ ปริยายเทสนาภาวโต. อตฺถิ หิ เอส ปริยาโย, ยทิทํ วณฺณาโภคชนิตาชนิตํ วิเสสํ อคฺคเหตฺวา ปริตฺตภาวสามฺเน เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺยา’’ติ วตฺวา ปุน ตทนฺโตคธเมว ปเภทํ วิเนยฺยวเสน ทสฺเสตุํ ตานิ จ กทาจิ วณฺณวเสน อาวชฺชิตานิ โหนฺติ, ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ วตฺตพฺพตาย วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ วิสุํ มนสิ กตฺวา อุภยตฺถาปิ วณฺณาโภครหิตปริตฺตาภิภวเน, ตํสหิตปริตฺตาภิภวเน จ ปริตฺตาภิภวนสามฺํ คเหตฺวา เอกตฺตํ กตนฺติ. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ วิสุํ วุตฺตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถาภิภวนวิเสโสติ. โหตุ ตาว, เอวํ สุตฺตาภิธมฺมปาวิเสสโต อฏฺกถาย ปาเภเท ปน โก อธิปฺปาโยติ? วุจฺจเต – สุตฺตนฺเต หิ ปมวิโมกฺขํ ทฺเวธา ภินฺทิตฺวา ปมทุติยอภิภายตนานิ วุตฺตานิ, ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย วิชฺชตีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อภิภายตนทฺวยํ วุตฺตํ.

ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต, อิธ ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ. สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ วิโมกฺขเทสนาย วุตฺตานิ, ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ สุตฺเต อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ. อวสฺสฺเจตํ เอว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, น สมฺปฏิจฺฉนฺเตหิ สุตฺตาภิธมฺมปาเภเท อฺํ การณํ วตฺตพฺพํ. อถ กิเมตฺถ วตฺตพฺพํ, นนุ อฏฺกถายเมว ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานี’ติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วุตฺตนฺติ? น ตํ ตสฺส การณวจนํ, อถ โข กตฺถจิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส จ การณวจนํ. เตเนว หิ ตตฺถ วา อิธ วา ‘‘พหิทฺธา รูปานิเยว อภิภวิตพฺพานี’’ติ ตตฺเถว วุตฺตํ, อนภิภวนียตา จ อชฺฌตฺตรูปานํ พหิทฺธา รูปานิ วิย อวิภูตตฺตา. น หิ สุฏฺุ วิภูตภาวมนฺตเรน าณุตฺตรานํ อารมฺมณาภิภวนํ สมฺภวตีติ. นนุ จ อฏฺกถายํ ปาทฺวยวิเสสสฺส เทสนาวิลาโส การณภาเวน วุตฺโตติ? สจฺจํ วุตฺโต, โส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสเนว เวทิตพฺโพ . เทสนาวิลาโส หิ นาม วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิชฺชมานสฺเสว ปริยายสฺส วิภาวนํ, น ยสฺส กสฺสจีติ. เอวํ ตาว อภิภายตนํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ วิโมกฺโขติ ปฏิลทฺธชฺฌานสฺส ฌานํ สมาปชฺชิตุกามตาวสปฺปวตฺตชวนวีถิสมนนฺตรเมว ปิตุองฺเก วิสฺสฏฺองฺคปจฺจงฺคสฺส วิย ทารกสฺส อารมฺมเณ นิราสงฺกเมว หุตฺวา ปมกปฺปนา วิย จ ลหุํ อวุฏฺหิตฺวา อนฺตมโส จตุปฺจจิตฺตกฺขณโต อโนสกฺกิตฺวา อารมฺมเณ อภิรติวเสน ปวตฺตสฺส วสิภาวปฺปตฺตสฺส ฌานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ กสิณายตนวเสน วา อภิภายตนวเสน วา อุปฺปนฺนํ ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตฺตา, อารมฺมเณ อธิมุตฺตตาย จ ‘‘วิโมกฺโข’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ

‘‘เกนฏฺเน ปน วิโมกฺโข เวทิตพฺโพติ? อธิมุจฺจนฏฺเน. โก อยํ อธิมุจฺจนฏฺโ นาม? ปจฺจนีกธมฺเมหิ จ สุฏฺุ วิมุจฺจนฏฺโ, อารมฺมเณ จ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺโ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๔๘).

ยทิ วสิภาวปฺปตฺตเมว วิโมกฺโข, กถมสฺส อารมฺมณจตุกฺเก ปริตฺตตา ปาฬิยํ วุตฺตา. อวสิตาปตฺตฺหิ ฌานํ ปริตฺตนฺติ วุจฺจตีติ? นายํ โทโส, ปริปุณฺณวสิภาวปฺปตฺตํ สนฺธาย อปริปุณฺณวสิภาวปฺปตฺตสฺส ปริตฺตภาเวน ตตฺถ อธิปฺเปตตฺตา, ตสฺมา วสิภาวปฺปตฺตเมว ฌานํ วิโมกฺโข นาม, น อิตรํ. อิตรํ ปน ยทิ กสิณายตนวเสน อุปฺปนฺนํ, กสิณายตนํ. อถ อภิภายตนวเสน, อภิภายตนเมวาติ. เกจิ ปน ‘‘ปมอปฺปนาโต ปจฺฉิมปจฺฉิมาย ปฏิปกฺขโต สุฏฺุ วิมุตฺตตฺตา กสิณายตนวเสน, อภิภายตนวเสน จ อุปฺปนฺนํ ปมกปฺปนํ เปตฺวา เสสํ วิโมกฺโขเยวา’’ติ วทนฺติ.

ตํ ปเนตํ คณนโต ติวิธํ. ยถาห –

‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๔; ๓.๓๓๙; ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙).

ตตฺถ รูปีติ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ อุปฺปาทิตํ รูปชฺฌานํ รูปํ, ตทสฺส อตฺถีติ รูปี. รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธาปิ นีลกสิณาทิรูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสติ. อิมินา อชฺฌตฺตพหิทฺธวตฺถุเกสุ กสิเณสุ ฌานปฏิลาโภ ทสฺสิโต. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อชฺฌตฺตํ นรูปสฺี, อตฺตโน เกสาทีสุ อนุปฺปาทิตรูปาวจรชฺฌาโนติ อตฺโถ. อิมินา พหิทฺธา ปริกมฺมํ กตฺวา พหิทฺธาว ปฏิลทฺธชฺฌานตา ทสฺสิตา. ‘‘สุภ’’นฺติ อิมินา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ฌานานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ กิฺจาปิ อนฺโตอปฺปนายํ ‘‘สุภ’’นฺติ อาโภโค นตฺถิ, โย ปน สุวิสุทฺธํ สุภกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา วิหรติ, โส ยสฺมา ‘‘สุภ’’นฺติ อธิมุจฺจนวเสน ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺชิตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยาทีนิ, ตสฺมา เอวํ เทสนา กตาติ. ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปน ‘‘อิธ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) พฺรหฺมวิหารวเสน สุภวิโมกฺโข วุตฺโต. ธมฺมสงฺคณิยํ ปน พฺรหฺมวิหารานํ วิสุํเยว อาคตตฺตา ตํ นยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สุนีลกาทิวเสเนว สุภวิโมกฺโข อฏฺกถายํ อนุฺาโตติ อิธาปิ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ววตฺถานํ กตนฺติ เอวํ ตาว วิโมกฺขฌานํ เวทิตพฺพํ.

ยถานุรูปนฺติ หีนาทิอนุรูปํ. ปมชฺฌานฺหิ หีนํ กปฺปสฺส ตติยภาคายุเก พฺรหฺมปาริสชฺเช อุปปตฺตึ นิปฺผาเทติ, มชฺฌิมํ อุปฑฺฒกปฺปายุเก พฺรหฺมปุโรหิเต, ปณีตํ เอกกปฺปายุเก มหาพฺรหฺเม. ตถา ทุติยชฺฌานํ, ตติยชฺฌานฺจ หีนํ ทฺวิกปฺปายุเก ปริตฺตาเภ, มชฺฌิมํ จตุกปฺปายุเก อปฺปมาณาเภ, ปณีตํ อฏฺกปฺปายุเก อาภสฺสเร. จตุตฺถชฺฌานํ หีนํ โสฬสกปฺปายุเก ปริตฺตาสุเภ, มชฺฌิมํ ทฺวตฺตึสกปฺปายุเก อปฺปมาณสุเภ, ปณีตํ จตุสฏฺิกปฺปายุเก สุภกิณฺเห. ปฺจมชฺฌานํ ปน ติวิธมฺปิ ปฺจกปฺปสตายุเก เวหปฺผเล อุปปตฺตึ นิปฺผาเทติ, ตเทว ติตฺถิเยหิ สฺาวิราควเสน ภาวิตํ ปฺจกปฺปสตายุเกเยว อสฺสตฺเต. อนาคามีหิ ปน ปุถุชฺชนาทิกาเล ปจฺฉาปิ ภาวิตํ สทฺธาทิอินฺทฺริยาธิมุตฺตตานุกฺกเมน ยถากฺกมํ สหสฺสทฺวิสหสฺสจตุสหสฺสอฏฺสหสฺสโสฬสสหสฺสกปฺปายุเกสุ อวิหาอตปฺปาสุทสฺสาสุทสฺสีอกนิฏฺนามเกสุ ปฺจสุทฺธาวาเสสุ อุปปตฺตึ นิปฺผาเทตีติ เอวเมตํ ยถานุรูปํ โสฬสรูปาวจรพฺรหฺมโลกูปปตฺตินิปฺผาทกนฺติ อาห ‘‘ยถานุรูปํ…เป… โหตี’’ติ.

ยสฺมา ปน รูปภเวปิ ปวตฺติยํ ลภิตพฺพา อุปโภคสมฺปตฺติ กามาวจรสฺเสว ผลํ, ตสฺมา อิธ ‘‘ภวโภคสมฺปตฺตึ นิปฺผาเทตี’’ติ อวตฺวา อุปปตฺตินิปฺผาทนเมว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ทุติยชฺฌานภูมึ อุปาทาย สพฺพตฺถ ปริปุณฺณสฺส มหากปฺปสฺส วเสน ปริจฺเฉโท ทฏฺพฺโพ, ปมชฺฌานภูมิยํ ปน อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสน. น หิ ตตฺถ อิตรวเสน ปริจฺเฉโท สมฺภวติ เอกกปฺเปปิ อวินาสาภาเวน มหากปฺปสฺส จตุตฺถภาเคเยว ตสฺส สณฺหนโต.

รูปาวจรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

อรูปาวจรกุสลวณฺณนา

อิทานิ อรูปาวจรกุสลสฺส นิทฺเทสาวกาโส อนุปฺปตฺโตติ ตนฺนิทฺเทสตฺถมาห ‘‘เสเสสุ ปนา’’ติอาทิ. อากาสกสิณวชฺชิตสฺส ยสฺส กสฺสจิ กสิณสฺส อุคฺฆาฏนโต ลทฺธมากาสํ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ. ตตฺถ ปวตฺตํ วิฺาณนฺติ อากาสานฺจายตนมาห. ตฺหิ ทุติยารุปฺปสฺส อารมฺมณํ โหติ. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, รูปนิมิตฺตทณฺฑาทานสมฺภวทสฺสนาทินา สพฺเพน รูปธมฺเมสุ, ปถวีกสิณาทิรูปนิมิตฺเตสุ ตทารมฺมณชฺฌาเนสุ จ โทสทสฺสนากาเรน, เตสุ เอว วา รูปนิมิตฺเตสุ นิกนฺติปฺปหานอสมาปชฺชิตุกามตาทินา อากาเรนาติ อตฺโถ. อถ วา สพฺพโสติ สพฺพาสํ, กุสลาทิเภเทน อนวเสสานนฺติ อตฺโถ. รูปสฺานนฺติ สฺาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานานฺเจว ตทารมฺมณานฺจ. รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย. ตทารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ ปุริมปทโลเปน ‘‘เทเวน ทตฺโตติ, พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย, ตสฺมา อิธ รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตสฺา รูปสฺาติ คหิตา, สฺาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํ. ‘‘รูป’’นฺติ สฺา อสฺสาติ รูปสฺํ, รูปนามวนฺตนฺติ อตฺโถ. ตํคหิเตน ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ นามนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘รูปสฺาน’’นฺติ หิ สรูเปกเสสวเสน นิทฺเทโส กโต. สมติกฺกมาติ วิราคา, นิโรธา จ. กึ วุตฺตํ โหติ? เอตาสํ กุสลวิปากกิริยาวเสน ปฺจทสนฺนํ ฌานสงฺขาตานํ รูปสฺานํ, เอเตสฺจ ปถวีกสิณาทิวเสน นวนฺนํ อารมฺมณสงฺขาตานํ รูปสฺานํ อนวเสสานํ สพฺพากาเรน จ, เตสุ เอว วา นิกนฺติปฺปหานอสมาปชฺชิตุกามตาทินา อากาเรน วิราคา, นิโรธา จ ชิคุจฺฉนโต เจว ตปฺปฏิพนฺธฉนฺทราควิกฺขมฺภนโต จ นิพฺพตฺตํ อากาสานฺจายตนสฺาย สหคตํ อรูปาวจรกุสลจิตฺตํ. น หิ สกฺกา สพฺพโส อนติกฺกนฺตรูปสฺเน ตํ นิพฺพตฺเตตุนฺติ.

น เกวลํ เอตาสํเยว สมติกฺกมนโต อิทํ นิพฺพตฺตํ, อถ โข ปฏิฆสฺาทีนมตฺถงฺคมาทิโตปีติ อาห ‘‘ปฏิฆสฺาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ, รูปาทีนฺจ อารมฺมณานํ ปฏิฆาเตน อฺมฺสโมธานสงฺขาเตน ปฏิหนเนน อุปฺปนฺนา สฺา ปฏิฆสฺา, รูปสฺาทิทฺวิปฺจสฺานเมตํ อธิวจนํ. ยถาห –

‘‘ตตฺถ กตมา ปฏิฆสฺา? รูปสฺา สทฺทสฺา คนฺธสฺา รสสฺา โผฏฺพฺพสฺา, อิมา วุจฺจนฺติ ปฏิฆสฺาโย’’ติ (วิภ. ๖๐๓).

ตาสํ กุสลากุสลวิปากภูตานํ อตฺถงฺคมา ปหานา อสมุปฺปาทา อปฺปวตฺติกรเณนาติ วุตฺตํ โหติ. นนุ จ เอตา รูปาวจรชฺฌานสมาปนฺนสฺสาปิ น สนฺติ. น หิ ปมชฺฌานาทิสมาปนฺนกาเล ปฺจทฺวารวเสน จิตฺตํ ปวตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, ยถา ปน ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ เอตฺถ ปสํสาวเสน อฺตฺถ ปหีนานมฺปิ สุขทุกฺขานํ จตุตฺถชฺฌาเน, ‘‘สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ ปหานา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิมคฺคํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ เอตฺถ ปมมคฺเคเยว ปหีนานํ สกฺกายทิฏฺาทีนํ ทุติยมคฺเค จ วจนํ, เอวเมว อิมสฺมึ ฌาเน ปฏิปชฺชนกานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ อิมสฺส ฌานสฺส ปสํสาวเสน เอตาสํ เอตฺถ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา กิฺจาปิ ตา รูปาวจรสมาปนฺนสฺสาปิ น สนฺติ, น ปน ปหีนตฺตา น สนฺติ. กิฺจรหิ ปจฺจยาภาเวน. น หิ รูปาวจรภาวนา รูปวิราคาย สํวตฺตติ, รูปายตฺตา เอว ตาสํ ปวตฺตีติ. อรูปภาวนา ปน รูปวิราคาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘ตา เอตฺถ ปหีนา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ตถา หิ เอตาสํ อิโต ปุพฺเพ อปฺปหีนตฺตาเยว ‘‘ปมชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส สทฺโท กณฺฏโก’’ติ วุตฺโต ภควตา. อิธ จ ปหีนตฺตา เอว อรูปสมาปตฺตีนํ อาเนฺชาภิสงฺขารวจนาทีหิ, ‘‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อรูปา’’ติอาทินา จ อาเนฺชตา, สนฺตวิโมกฺขตา จ วุตฺตา.

นานตฺตสฺานนฺติ นานตฺเต โคจเร ปวตฺตานํ, นานตฺตานํ วา สฺานํ, วุตฺตาวเสสานํ จตุจตฺตาลีสกามาวจรสฺานนฺติ อตฺโถ. เอตา เอว หิ –

‘‘ตตฺถ กตมา นานตฺตสฺา? อสมาปนฺนสฺส มโนธาตุสมงฺคิสฺส วา มโนวิฺาณธาตุสมงฺคิสฺส วา สฺา สฺชานนา สฺชานิตตฺตํ, อิมา วุจฺจนฺติ นานตฺตสฺาโย’’ติ (วิภ. ๖๐๔) –

เอวํ วิภงฺเค วิภชิตฺวา วุตฺตา. ตา ปน ยสฺมา รูปสทฺทาทิเภเท นานตฺเต นานาสภาเว อารมฺมเณ ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา จ อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, ทฺวาทส อกุสลสฺา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสฺา, ทฺเว อกุสลวิปากสฺา, เอกาทส กามาวจรกิริยสฺาติ เอวํ จตุจตฺตาลีสปฺปเภทา นานาสภาวา, อฺมฺํ อสทิสา, ตสฺมา ‘‘นานตฺตสฺา’’ติ วุจฺจนฺติ. อมนสิการาติ สพฺพโส อนาวชฺชนา อสมนฺนาหารา อปจฺจเวกฺขณเหตุ ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคจิตฺตสฺส อนฺโต อกรณา เปตฺวา กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ นานารมฺมเณ จิตฺตสฺส อสงฺขรณโตติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา หิ นานตฺตสฺามนสิการเหตูนํ รูปธมฺมานํ สมติกฺกโมปิ วุตฺโต, รูปชฺฌาเน ปน ตทภาวโต ‘‘นานตฺตสฺานํ อมนสิการา’’ติ น วุตฺตํ. อถ สมติกฺกมาทีนํ กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – ยสฺมา รูปสฺา, ปฏิฆสฺา จ อิมินา ฌาเนน นิพฺพตฺติตภเวปิ น วิชฺชนฺติ, อรูปสฺาย ภาวนาย อภาเว จุติโต อุทฺธํ อุปฺปตฺติรหานํ รูปสฺาปฏิฆสฺานํ ยาว อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติ, ตาว อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิยมานตฺตา, ปเคว ปน อิมํ ฌานํ สมาปนฺนกาเล, ตสฺมา ‘‘สมติกฺกมา, อตฺถงฺคมา’’ติ อุภยถาปิ ตาสํ อภาโวเยว ทสฺสิโต. นานตฺตสฺาสุ ปน ยา ตสฺมึ ภเว น อุปฺปชฺชนฺติ เอกนฺตรูปนิสฺสิตตฺตา, ตา อโนกาสตาย น อุปฺปชฺชนฺติ, น อรูปภาวนาย นิวาริตตฺตา, อนิวาริตตฺตา จ กาจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ตาสํ อมนสิกาโร อนาวชฺชนํ อปจฺจเวกฺขณํ ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคมนสฺส อนฺโต อกรณํ อปฺปเวสนํ วุตฺตํ. ตตฺร ปวตฺตมานานมฺปิ หิ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ตาสํ อมนสิกาโรเยว อิตรถา ฌานสมาปตฺติยา อภาวโต. อิติ สงฺเขปโต ‘‘รูปสฺานํ สมติกฺกมา’’ติ อิมินา สพฺพรูปาวจรธมฺมานํ ปหานํ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา’’ติ สพฺเพสํ กามาวจรจิตฺตเจตสิกานํ ปหานํ, อมนสิกาโร จ วุตฺโต, ตีหิ ปเนเตหิ สมาธิสฺส ถิรภาโว กถิโตติ.

อากาสานฺจายตนสฺาสหคตนฺติ เอตฺถ ปน นาสฺส อนฺโตติ อนนฺตํ, อนนฺตํ อากาสํ อากาสานนฺตํ, กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ, อนนฺตตา ปน อุปฺปาทวยนฺตาภาวโต อนนฺตมนสิการวเสน วา เวทิตพฺพา. น หิ เอตสฺส อุปฺปาทนฺโต, วยนฺโต วา ปฺายติ อสภาวธมฺมตฺตา. สภาวธมฺโม หิ อหุตฺวา สมฺภวนโต, หุตฺวา จ วินสฺสนโต อุปฺปาทวยนฺตปริจฺฉินฺโน, เนตโร. น จ ปเนตํ มนสิ กโรนฺโต โยคาวจโร ตสฺส ปริจฺเฉทสงฺขาตมนฺตํ คณฺหาติ, อถ โข รูปวิเวกมตฺตสฺเสว คหเณน อนนฺตผรณากาเรเนว มนสิการํ ปวตฺเตติ, ตสฺมา อุปฺปาทวยนฺตวิรหโต มนสิการวเสน วา เอตมนนฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนนฺตากาส’’นฺติ จ วตฺตพฺเพ อนนฺต-สทฺทสฺส ปรนิปาตวเสน ‘‘อากาสานนฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อากาสานนฺตเมว อากาสานฺจํ สํโยคปรสฺส ต-การสฺส จ-การํ กตฺวา, ตเทว อายตนํ สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส ฌานสฺส อารมฺมณภาวโต อธิฏฺานฏฺเน เทวายตนํ วิยาติ อากาสานฺจายตนํ, ตสฺมึ อปฺปนาปตฺตา สฺา อากาสานฺจายตนสฺา, ตาย สหคตํ วิฺาณํ อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ. อถ วา อากาสานฺจํ อายตนมสฺสา สสมฺปยุตฺตธมฺมาย สฺายาติ อากาสานฺจายตนา, สาเยว สฺา, ตาย ฌานํ สหคตนฺติ อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ.

วิฺาณ…เป… สหคตนฺติ ยเทตํ ปมารุปฺปวิฺาณํ, ตํสภาวธมฺมตฺตา อุปฺปาทาทิอนฺตวนฺตมฺปิ อารมฺมณกรณวเสน อนนฺตากาเส ผรณโต อตฺตานํ อารพฺภ อนฺตสฺส อคฺคหณวเสน ปวตฺตมนสิการโต วา อนนฺตํ วิฺาณนฺติ วิฺาณานนฺตํ, ‘‘วิฺาณานฺจ’’นฺติ วตฺตพฺเพ วิฺาณฺจ-สทฺโท ตทตฺเถ นิรูฬฺโห อา-การ น-การโลโปติ วา กตฺวา ‘‘วิฺาณฺจ’’มิจฺเจว วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ –

‘‘วิฺาณานนฺตมิจฺเจวํ, วตฺตพฺพํ ปนิทํ สิยา’’ติ.

อถ วา ทุติยารุปฺปวิฺาเณน อฺจิตพฺพํ อารมฺมณวเสน ปาปุณิตพฺพนฺติ วิฺาณฺจํ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

อากิฺจฺา…เป… สหคตนฺติ นาสฺส ปมารุปฺปวิฺาณสฺส กิฺจนนฺติ อกิฺจนํ, อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ อวสิฏฺํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. สติ หิ ภงฺคมตฺเตปิ ตสฺส สกิฺจนตา สิยา. อกิฺจนสฺส ภาโว อากิฺจฺํ, อากาสานฺจายตนวิฺาณาภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เนวสฺา…เป… สหคตนฺติ เหฏฺิมฌาเนสุ วิย โอฬาริกาย สฺาย อภาวโต เนวสฺส สฺา อตฺถีติ เนวสฺํ, สุขุมาย จ สฺาย อตฺถิตาย นาสฺส สฺา นตฺถีติ นาสฺํ, เนวสฺฺจ ตํ นาสฺฺเจติ เนวสฺานาสฺํ, จตุตฺถารุปฺปชฺฌานํ. ยทิ เอวํ ‘‘เนวสฺนาสฺ’’นฺติ วตฺตพฺพํ? สจฺจเมตํ. วจนโสภนตฺถํ ปน ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. อถ วา เนวสฺส สฺา นาสฺาติ เอวํ เอกชฺฌํ พหุพฺพีหิสมาสวเสน ‘‘เนวสฺานาสฺ’’นฺติ วุตฺตํ. เนวสฺานาสฺฺจ ตํ อายตนฺจ มนายตนธมฺมายตนปริยาปนฺนตฺตาติ เนวสฺานาสฺายตนํ, เตน สมฺปยุตฺตํ สฺาสหคตํ เนวสฺานาสฺายตนสฺาสหคตํ. อถ วา สฺาเยว ปฏุสฺากิจฺจกรเณ อสมตฺถตาย เนวสฺา, อุณฺโหทเก เตโชธาตุ วิย สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา นาสฺาติ เนวสฺานาสฺา, สา เอว เสสธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจยตาย, อธิฏฺานฏฺเน ธมฺมายตนปริยาปนฺนตาย เอว วา อายตนนฺติ เนวสฺานาสฺายตนํ, เนวสฺานาสฺายตนภูตาย สฺาย สหคตนฺติ เนวสฺานาสฺายตนสฺาสหคตํ.

ยถานุรูปํ…เป… นิปฺผาทกนฺติ ‘‘ปมารุปฺปภูมิยา ปมํ, ทุติยารุปฺปภูมิยา ทุติย’’นฺติอาทินา อตฺตโน อนุรูปวเสน จตูสุ อรูปภูมีสุ อุปปตฺติสาธกํ. ตาสุ ปน ปมา วีสติสหสฺสกปฺปายุกา โหติ, ทุติยา จตฺตาลีสสหสฺสกปฺปายุกา, ตติยา สฏฺิสหสฺสกปฺปายุกา, จตุตฺถา ปน จตุราสีติสหสฺสกปฺปายุกาติ เวทิตพฺพํ.

อรูปาวจรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา

เอวํ ติวิธมฺปิ โลกิยกุสลํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ โลกุตฺตรกุสลํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘อิตรํปนา’’ติอาทิ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก, โส ติวิโธ – สงฺขารโลโก สตฺตโลโก ภาชนโลโกติ. ตโต อิทํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ. จตฺตาโรปิ หิ มคฺคา อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตสงฺขารโลกโต อุตฺตรนฺติ อนาสวภาเวน. สตฺตโลเกสุ จ โสตาปตฺติมคฺโค อนริยโลกโต อุตฺตรติ, สกทาคามิมคฺโค โสตาปนฺนโลกโต, อนาคามิมคฺโค สกทาคามิโลกโต, อรหตฺตมคฺโค อนาคามิโลกโต อุตฺตรติ. ภาชนโลเกสุ ปน ปมมคฺโค อปายโลกโต อุตฺตรติ, สกทาคามิมคฺโค กามโลเกกเทสโต, อนาคามิมคฺโค สกลกามโลกโต, อรหตฺตมคฺโค รูปารูปโลกโต อุตฺตรติ. อิติ จตุพฺพิธมฺปิ มคฺคจิตฺตํ ติวิธโลกโต อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ, กุจฺฉิตสลนาทิโต ปน กุสลํ, จินฺตนาทิโต จิตฺตฺจาติ โลกุตฺตรกุสลจิตฺตํ. ผลํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณตฺตา โลกุตฺตรํ, อุภยมฺปิ วา สห นิพฺพาเนน อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตโลกโต อุตฺตรํ วิสิฏฺตรนฺติ โลกุตฺตรํ. ยถาห ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).

นิยตานิยตวตฺถุกเภทโตติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ปรโตโฆสปจฺจเยน วินา อนุปฺปชฺชนโต อรูปภเว สมฺภโว นตฺถีติ ตํ นิยตวตฺถุกํ, อิตรํ ปน สตฺตวิธมฺปิ ปรโตโฆสํ วินาปิ วิปสฺสนาพเลเนว นิปฺผชฺชนโต ตตฺถาปิ สมฺภวตีติ อนิยตวตฺถุกํ.

ตีหิ…เป… ติวิธนฺติ โลกุตฺตรวิโมกฺขานํ ทฺวารภาวโต วิโมกฺขมุขสงฺขาตาหิ สุฺตานุปสฺสนาทีหิ ตีหิ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาหิ ปตฺตพฺพโต อิทํ โลกุตฺตรกุสลํ ติวิธํ สุฺตํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ. กตเม ปน เต โลกุตฺตรวิโมกฺขาติ? นว โลกุตฺตรธมฺมา. ยถาห ‘‘จตฺตาโร จ อริยมคฺคา จตฺตาริ จ สามฺผลานิ นิพฺพานฺจ, อยํ อนาสโว วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๓). อิมานิ หิ สํกิเลสธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตฺตา วิโมกฺขา นาม. ตานิ ปน ปจฺเจกํ สุฺโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ ติวิธานิ. ยถาห ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, วิโมกฺขา – สุฺโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙). อิธ ปน กุสลาธิการตฺตา จตุมคฺคสงฺขาตาเยว โลกุตฺตรธมฺมา อธิปฺเปตา.

สุฺตาทินามลาโภ จ เนสํ อาคมนโต, สคุณโต, อารมฺมณโต จ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อาคจฺฉติ มคฺโค, ผลฺจ เอเตนาติ อาคมนํ. ตฺหิ ทุวิธํ มคฺคาคมนํ, ผลาคมนฺจ. เตสุ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา มคฺคาคมนํ, อริยมคฺโค ผลาคมนํ. ตตฺถ มคฺคสฺส อาคตฏฺาเน มคฺคาคมนํ คเหตพฺพํ, ผลสฺส อาคตฏฺาเน ผลาคมนํ. อิธ ปน มคฺคสฺส อาคตตฺตา มคฺคาคมนํ คหิตนฺติ. ตโต อาคมนโต. สคุณโตติ สภาวโต. อารมฺมณโตติ อารมฺมณธมฺมโต.

โย หิ สพฺพสงฺขารานํ อนตฺตลกฺขณปฏิเวธวสปฺปวตฺตาย อนตฺตานุปสฺสนาย วเสน มคฺคํ ปฏิลภติ, ตสฺส สา อนุปสฺสนา อสุฺตฺตกรานํ อตฺตาภินิเวสปจฺจยานํ ทิฏฺเกฏฺกิเลสานํ วิกฺขมฺภิตภาเวน เตภูมกธมฺมานํ อตฺตสุฺตาย ยาถาวโต คหณโต สุฺตานุปสฺสนา นาม โหติ. ตาย ปน ปฏิลทฺธมคฺโค สุฺตาย อาคตตฺตา สุฺโต นาม. เตนาห ‘‘อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต สุฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).

โย ปน สพฺพสงฺขารานํ อนิจฺจลกฺขณปฏิเวธวสปฺปวตฺตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย มคฺคํ ปฏิลภติ, ตสฺส สา อนุปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตาทิคาหกรานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา ธุวภาวูปฏฺานสงฺขาตนิจฺจนิมิตฺตาทิโน อคฺคหณโต อนิมิตฺตานุปสฺสนา นาม. ตาย ปน ลทฺธมคฺโค อนิมิตฺตาย อาคตตฺตา อนิมิตฺโต นาม. เตนาห ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).

โย ปน สพฺพสงฺขารานํ ทุกฺขลกฺขณปฏิเวธวสปฺปวตฺตาย ทุกฺขานุปสฺสนาย วเสน มคฺคํ ปฏิลภติ, ตสฺส สา อนุปสฺสนา ตณฺหาปณิธานสฺส วิกฺขมฺภเนน ปณิธิวิรหิตตฺตา อปฺปณิหิตานุปสฺสนา นาม. ตาย ปน ลทฺธมคฺโค อปฺปณิหิตาย อาคตตฺตา อปฺปณิหิโต นาม. เตนาห ‘‘ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตี’’ติ. อยํ ตาวสฺส อาคมนวเสน นามลาโภ.

อตฺตโน ปน ราคาทีหิ สุฺตตฺตา, นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิตตฺตา, ตณฺหาปณิธิอภาวโต จ สคุณโต, ราคาทิสุฺสฺเสว, นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิตสฺส, ปณิธิวิปฺปมุตฺตสฺส จ นิพฺพานสฺส อารมฺมณกรณโต อารมฺมณโต จ สุฺตาทิวิโมกฺโข นาม โหตีติ เอวมสฺส สคุณารมฺมเณหิ นามลาโภ ทฏฺพฺโพ. โส จ โข สุตฺตนฺตปริยาเยเนว, โน อภิธมฺมปริยาเยน. สุตฺตนฺตกถา หิ ปริยายเทสนา, อิตรา นิปฺปริยายเทสนา, ตสฺมา สคุณารมฺมณโต นามสฺส สพฺพสาธารณภาเวน อววตฺถานกรตฺตา ปริยายภาวโต สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ลาโภ, อาคมนโต ปน อภิธมฺมปริยาเยนปิ ววตฺถานกรภาเวน นิปฺปริยายตฺตา. เตเนว หิ อาจริเยน ‘‘ตีหิ วิโมกฺขมุเขหิ ปตฺตพฺพโต ติวิธ’’นฺติ วิโมกฺขมุขเมว ธุรํ กตฺวา วุตฺตํ, น ‘‘สุฺตาทินามโต ติวิธ’’นฺติ. อนิมิตฺตนามํ ปเนตฺถ อาคมนโตปิ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ลพฺภติ อภิธมฺเม มคฺคํ ปติ อนิมิตฺตนามสฺส อนุทฺธตตฺตา. อนุทฺธฏตฺตํ ปน น อนุทฺธริตพฺพตามตฺเตน, อถ โข นิปฺปริยายโต ตสฺส มคฺเค อลพฺภนโต. กิฺจาปิ หิ อยํ วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏนฺตี ปวตฺตติ, สงฺขารนิมิตฺตสฺส ปน อนิสฺสชฺชนโต น นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ ลภติ. ยํ ปเนตํ สุตฺเต –

‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๓๔๔) –

มคฺคสฺส อนิมิตฺตภาววจนํ, ตํ ยถาวุตฺตปริยายวเสน ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. อภิธมฺเม ปน ยา สยมฺปิ นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ น ลภติ, สา กถํ มคฺคสฺส ตํ ทเทยฺยาติ มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ น อุทฺธฏํ. ยทิ เอวํ สุฺตนาเมนปิ อิทํ สมานํ. อนตฺตานุปสฺสนาปิ หิ กิฺจาปิ ปุคฺคลสุฺตํ คณฺหาติ, ธมฺมสุฺตํ ปน น คณฺหาตีติ สยํ นิปฺปริยาเยน สุฺตานุปสฺสนา นาม น โหตีติ สุฺตนามมฺปิ มคฺคสฺส น ทเทยฺย. อถ ปุคฺคลสุฺตาคฺคหณมตฺเตน สยํ สุฺตานุปสฺสนา หุตฺวา มคฺคสฺส ตํ ทเทยฺย, อนิจฺจานุปสฺสนาปิ สงฺขารนิมิตฺตสฺส คหเณปิ นิจฺจนิมิตฺตาทิอุคฺฆาฏนโต สยํ อนิมิตฺตานุปสฺสนา หุตฺวา มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ ทเทยฺยาติ? น อิทเมวํ, นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฏเนน อนิมิตฺตภาวสฺส นิปฺปริยาเยน มคฺเค อลพฺภนโต นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฏนสฺสปิ ปริยายภาวโต. นนุ อิทมฺปิ สพฺพตฺถ สมานํ. สุฺตอปฺปณิหิตภาโวปิ หิ นิปฺปริยาเยน อมคฺเค น ลพฺภติ ปุคฺคลสุฺตคฺคหณสฺส, ปณิธิโสสนสฺส จ อุชุกํ มคฺเคเนว นิปฺผชฺชนโต, ตสฺมา สุฺตานุปสฺสนาปิ อปฺปณิหิตานุปสฺสนาปิ ปริยาเยเนว ตํ ตํ นามํ ลภนฺตีติ มคฺคสฺส นิปฺปริยายโต นามํ น เทนฺตีติ? น, ตโต ลทฺธอริยมคฺคสฺส นิปฺปริยายโต สมฺปยุตฺตธมฺมวเสเนว สุฺตอปฺปณิหิตนามสมฺภวโต. กถํ? เปตฺวา พุทฺธุปฺปาทํ สรภงฺคสตฺถาราทิกาเลปิ ทุพฺพิชานียภาเวน สุขุมสฺส อนตฺตลกฺขณสฺส ปฺาย เอว โคจรภาวโต อนตฺตานุปสฺสนาย อนุปสฺสนโต มคฺคกฺขเณ ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘อนตฺตโต มนสิกโรโต ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๑).

ตฺจ ปน สยํ อตฺตาภินิเวสสมุคฺฆาฏนโต, อริยมคฺคปริยาปนฺนตฺตา จ นิปฺปริยายโตว สุฺตนามํ ลภติ. ทุกฺขานุปสฺสนาย สมาธิวิปจฺจนีกสฺส ปณิธิสงฺขาตราคสฺส โสสนโต ตสฺสา วเสน อนุปสฺสนฺตสฺส มคฺคกฺขเณ สมาธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘ทุกฺขโต มนสิกโรโต สมาธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ. ตฺจ ปน สยํ ปณิธิโสสนโต, อริยมคฺคปริยาปนฺนตฺตา จ นิปฺปริยายโตว อปฺปณิหิตนามํ ลภติ. สพฺพสงฺขารานํ ปน อนิจฺจภาวํ อาคมนโต สุตฺวา ปจฺฉา สยํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสโต ‘‘อนิจฺจเมว วต โส ภควา ‘อนิจฺจ’นฺติ อาหา’’ติ ภควติ สทฺธาพาหุลฺลปฏิลาภโต อนิจฺจานุปสฺสนาย มนสิกโรโต มคฺคกฺขเณ สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ. ตํ ปน สยํ สงฺขารนิมิตฺตโต วุฏฺหนฺตมฺปิ อริยมคฺคปริยาปนฺนํ น โหตีติ นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ น ลภติ, ตสฺมา ยถา กายกมฺมาธิกํ จิตฺตํ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สุฺตสงฺขาตปฺินฺทฺริยาธิมตฺโต มคฺโค สุฺตนามํ ลภติ, อปฺปณิหิตสงฺขาตสมาธินฺทฺริยาธิมตฺโต อปฺปณิหิตนามํ, สทฺธินฺทฺริยาธิมตฺโต ปน สทฺธาย อนิมิตฺตนามาลาภโต สยมฺปิ ตํ น ลภติ. ยทิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน สุฺตาทินามาลาโภ, อถ กถํ ‘‘อาคมนโต’’ติ วุตฺตํ? สจฺจํ, อาคมนโต อธิมตฺตสฺส ปน อินฺทฺริยสฺส วเสน ลทฺธนามมฺปิ อาคมนโตว ลทฺธํ โหติ.

อถ วา อภิธมฺมปริยาเยนปิ สุฺตภาโว นาม ปุคฺคลสุฺตาเยวาติ ปุคฺคลสุฺตคฺคาหิตาย อนตฺตานุปสฺสนาย สุฺตนามํ นิปฺปริยายโตว ลพฺภติ. ปณิธิ นาม ราคาทิกา เอวาติ ราคาทิโสสิตาย ทุกฺขานุปสฺสนาย อปฺปณิหิตนามมฺปิ นิปฺปริยายโตว ลพฺภติ.

นิมิตฺตนฺติ ปน เปตฺวา สุตฺตนฺตปริยายํ อภิธมฺมปริยาเยน สงฺขารนิมิตฺตํ โหตีติ สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหิตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย อนิมิตฺตนามํ นิปฺปริยายโต น ลพฺภติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต สุฺตอปฺปณิหิตนามิกานํ อนตฺตทุกฺขานุปสฺสนานํ วเสน ปฏิลทฺธมคฺโค อาคมนโต สุฺตอปฺปณิหิตนามํ ลภติ, อนิมิตฺตนามํ ปน ปริยายโตว ลภติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิมิตฺตนามํ ปเนตฺถ อาคมนโตปิ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ลพฺภติ อภิธมฺเม มคฺคํ ปติ อนิมิตฺตนามสฺส อนุทฺธฏตฺตา’’ติ. อิติ อิเมสํ ติณฺณํ วิโมกฺขานํ ปเวสนทฺวารภาวโต สุฺตานุปสฺสนาทินามิกา อนตฺตานุปสฺสนาทิกา ติสฺโส อนุกฺกเมน พลวภาวํ ปตฺวา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาภูตา ตีณิ วิโมกฺขมุขานีติ เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ตีณิ โข ปนิมานิ วิโมกฺขมุขานิ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺติ, สพฺพสงฺขาเร ปริจฺเฉทปริวฏุมโต สมนุปสฺสนตาย อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, สพฺพสงฺขาเรสุ มโนสมุตฺเตชนตาย อปฺปณิหิตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, สพฺพธมฺเม ปรโต สมนุปสฺสนตาย สุฺตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, อิมานิ ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๙).

เอตฺถ หิ ปริจฺเฉทปริวฏุมโตติ อุทยพฺพยวเสน ปริจฺเฉทโต เจว ปริวฏุมโต จ. อนิจฺจานุปสฺสนา หิ ‘‘อุทยโต ปุพฺเพ สงฺขารา นตฺถี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ คตึ สมนฺเนสมานา วยโต ปรํ น คจฺฉนฺติ, เอตฺเถว อนฺตรธายนฺตีติ ปริวฏุมโต ปริยนฺตโต สมนุปสฺสติ. สมนุปสฺสนตายาติ สมฺมเทว อนุปสฺสนตาย สํวตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. มโนสมุตฺเตชนตายาติ จิตฺตสํเวชนตาย. ทุกฺขานุปสฺสเนน หิ สงฺขาเรสุ จิตฺตํ สํวิชฺชติ. ปรโต สมนุปสฺสนตายาติ ‘‘นาหํ, น มม’’นฺติ เอวํ อนตฺตโต สมนุปสฺสนตาย. อิติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ ติณฺณํ วเสน วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. เตเนว จ ตทนนฺตเร ปฺหาวิสฺสชฺชเน –

‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต ขยโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ, ทุกฺขโต มนสิกโรโต ภยโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ, อนตฺตโต มนสิกโรโต สุฺโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๙) –

วุตฺตํ. นนุ เจตฺถ อภิธมฺมาวตารสฺส ภาสมานตฺตา อภิธมฺมปริยาเยเนว วิโมกฺขมุขานิ จ ววตฺถเปตุํ ยุตฺตนฺติ? สจฺจํ, อนิจฺจานุปสฺสนายปิ ปน มคฺควุฏฺานํ โหตีติ ปกาสนตฺถํ สุตฺตนฺตปริยาเยนปิ เอกํ ววตฺถานํ กตํ, ตถา วุฏฺิโต ปน มคฺโค อภิธมฺมปริยาเยน สุทฺธิกปฏิปทายเมว สงฺคยฺหตีติ ทฏฺพฺพํ.

จตุมคฺคโยคเภทโตติ โสตาปตฺติอาทีหิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปโยคปฺปเภทโต. อริยมคฺคานํ ปน สมฺมาทิฏฺาทิอฏฺงฺคสภาวตฺตา, เตสฺจ สพฺพโลกุตฺตเร อตฺถิตาย ภงฺควเสน อเภเทปิ อินฺทฺริยานํ อปาฏวปาฏวตรตมภาเวน สจฺฉิกิริยาวิเสสโต กิเลสานํ ปหานเภโท โหตีติ ตํวเสน จตุพฺพิธตา ทฏฺพฺพา. เตเนวาห ‘‘สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉา’’ติอาทิ. สติ วิชฺชมาเน ปฺจกฺขนฺธสงฺขาเต กาเย ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, สยํ วา ตตฺถ สติ ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, ปฺจสุ ขนฺเธสุ อตฺตตฺตนิยาภินิเวสวเสน ปวตฺตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. สา ปน เอเกกสฺมึ ขนฺเธ จตุธา อภินิเวสนวเสน วีสติวิธา โหติ. ตถา หิ โกจิ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ ‘‘ยํ รูปํ, โส อตฺตา, โย อตฺตา, ตํ รูปํ, ยถา ทีปสฺส วณฺโณเยว อจฺจิ, อจฺจิเยว วณฺโณ’’ติ. รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, ฉายาวนฺตํ วิย รุกฺขํ. อตฺตนิ วา รูปํ, ปุปฺเผ วิย คนฺธํ. รูปสฺมึ วา อตฺตานํ, สมุคฺเค วิย มณิ. เอวํ เวทนาทีสุปิ ‘‘เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. ตตฺถ โย ปฺจวิโธ อพฺยติริตฺตอตฺตาภินิเวโส, สา อุจฺเฉททิฏฺิ. โย ปน ปนฺนรสวิโธ พฺยติริตฺตอตฺตาภินิเวโส, สา สสฺสตทิฏฺีติ เวทิตพฺพํ.

สภาวํ วิจินนฺโต ตาย กิจฺฉติ กิลมตีติ วิจิกิจฺฉา, ติกิจฺฉิตุํ ทุกฺกรตาย วา วิคตา จิกิจฺฉา าณปติกาโร อิมิสฺสาติ วิจิกิจฺฉา. สา ปน –

‘‘สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย, ปุพฺพนฺเต, อปรนฺเต, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต, อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘ โถกํ. วิสทิสํ) –

เอวํ พุทฺธาทีสุ กงฺขาวเสน อฏฺวตฺถุกา,

‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ, กึ นุ โข อโหสึ, กถํ นุ โข อโหสึ , กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธานํ , น นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธานํ, เอตรหิ วา ปน ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหติ, อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) –

เอวํ ปุพฺพนฺตาทโย อารพฺภ ปวตฺติวเสน โสฬสวตฺถุกา จ นิทฺทิฏฺา.

ตตฺถ สตฺถริ กงฺขนฺโต ตสฺส รูปกายธมฺมกายานํ วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ, ธมฺเม กงฺขนฺโต ตสฺส สฺวากฺขาตทฺวากฺขาตภาเว กงฺขติ, สงฺเฆ กงฺขนฺโต ตสฺส สุปฺปฏิปนฺนวิปฺปฏิปนฺนตาทิภาเว กงฺขติ, สิกฺขาย กงฺขนฺโต ตสฺสา สุปฺตฺตทุปฺปฺตฺตภาวํ กงฺขติ, ปุพฺพนฺเต กงฺขนฺโต สสฺสตาการํ, อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ, อปรนฺเต กงฺขนฺโต สสฺสตาการํ, อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน อุปฺปตฺตึ, อนุปฺปตฺติฺจ กงฺขติ, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต กงฺขนฺโต ปจฺจุปฺปนฺเน อตฺตโน อตฺถิภาวํ, นตฺถิภาวฺจ กงฺขติ. ปจฺจุปฺปนฺโน หิ อทฺธา ปุพฺพภาคาปรภาคโกฏฺาสวนฺตตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโต’’ติ วุจฺจติ, ยุตฺตํ ปน ตํ อารพฺภ กงฺขาชนนนฺติ? ยุตฺตํ, อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน. ตสฺมา โส ยํ กิฺจิ กงฺขติเยว. เตเนว จ โสฬสวตฺถุกวิจิกิจฺฉานิทฺเทเส ‘‘เอตรหิ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาจริยา ปน ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโตติ อตีตานาคเต เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตทุภยมารพฺภ กงฺขนฺโต ปุพฺพนฺตาปรนฺเต กงฺขตี’’ติปิ วทนฺติ. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขนฺโต ปน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ, สงฺขาราทีนฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุเหตุสมุปฺปนฺนภาวสฺส สพฺภาวาสพฺภาวํ กงฺขตีติ เอวํ ตาว อฏฺวตฺถุกกงฺขาย ปวตฺติ เวทิตพฺพา.

โสฬสวตฺถุกา ปน ‘‘อโหสึ นุ โข…เป… น นุ โข อโหสิ’’นฺติ กงฺขนฺโต วุตฺตนเยเนว อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานาวิชฺชมานตํ กงฺขติ. กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคุปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณาทีสุ คหฏฺาทีสุ เทวาทีสุ อฺตโร นุ โข’’ติ กงฺขติ. กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกาฬาทีนฺจ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. อิสฺสรนิมฺมานาทีนิ นิสฺสาย ‘‘เกน นุ โข ปกาเรน อโหสิ’’นฺติ นิพฺพตฺตนาการโต กงฺขตีติ วทนฺติ. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา นุ โข มนุสฺโส อโหสิ’’นฺติ อตฺตโน อปราปรํ ปวตฺตึ กงฺขติ. ภวิสฺสามิ นุ โข, น นุ โขติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานาวิชฺชมานตํ กงฺขติ. ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสามี’’ติอาทิ วุตฺตนยเมว. อหํ นุ โขสฺมิ, น นุ โขสฺมีติ อิทานิ อตฺตโน อตฺถิภาวํ, นตฺถิภาวฺจ กงฺขติ. ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติยาทิโกว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยาทิภาวํ กงฺขติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. กถํ นุ โขสฺมีติ ‘‘อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถี’’ติ คเหตฺวา ตสฺส ทีฆาทิภาวํ กงฺขติ. ปจฺจุปฺปนฺนํ ปน อตฺตโน สรีรสณฺานํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. กุโต อาคโต, กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคตคตฏฺานานิ กงฺขตีติ เวทิตพฺพํ.

สีลฺจ วตฺจ สีลพฺพตํ, ตตฺถ โคสีลาทิอสุทฺธิมคฺโค สมาทานวเสน สีลํ, อวีติกฺกมวเสน วตํ. อุภยถาปิ วา สีลํ, ตโปกมฺมภาเวน คหิตตฺตา วตํ. ควาทิปกติภาวโต อตฺตโน วา ควาทิภาวาธิฏฺานํ สีลํ, ‘‘คจฺฉนฺโต ภกฺเขติ, ติฏฺนฺโต มุตฺเตตี’’ติอาทินา ควาทิกิริยาย กรณํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมสโต วา นิวตฺติ สีลํ, ตํสมาทานวโต เวสโภชนกิจฺจจรณาทิวิเสสปฏิปตฺติ วตํ. สภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อามสนํ คหณนฺติ ปรามาโส, สีลพฺพตสฺส ปรามาโส สีลพฺพตปรามาโส. อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธิ, สีลพฺพเตน สุทฺธีติ เอวํ อสุทฺธิมคฺเค ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปวตฺตสฺส มิจฺฉาภินิเวสสฺเสตํ อธิวจนํ. สกฺกายทิฏฺิ จ วิจิกิจฺฉา จ สีลพฺพตปรามาโส จาติ สกฺกาย…เป… ปรามาโส, เตเยว กมฺมวิปาเกสุ, วฏฺฏสฺมึ วา สตฺเต สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานิ, เตสํ ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทีหิ ตทงฺควเสน ปหีนานํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน อจฺจนฺตสมุจฺเฉทปฺปหานํ กโรตีติ สกฺกา…เป…ปฺปหานกรํ.

นิพฺพานํ ปติ สวนโต สนฺทนโต โสโต วุจฺจติ อริโย อฏฺงฺคิกมคฺโค, ตสฺส อาทิโต ปชฺชนํ โสตาปตฺติ, นิพฺพานํ มคฺคติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉตีติ วา มคฺโค, โสตาปตฺติ เอว มคฺโค โสตาปตฺติมคฺโค. อถ วา โสตํ อาทิโต ปชฺชติ อธิคจฺฉตีติ โสตาปตฺติ, ปโม อริยปุคฺคโล, ตสฺส มคฺโค โสตาปตฺติมคฺโค, สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ, เตน สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ โสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ.

รชฺชติ อภิสชฺชตีติ ราโค, โส อิธ ปฺจกามวิสยา, กามภววิสยา จ ตณฺหา. ทุสฺสตีติ โทโส, ทสวิธอาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน พฺยาปาโท. มุยฺหตีติ โมโห, ทุกฺขาทีสุ อฏฺสุ อฺาณํ. เอเตสํ กิเลสานํ ตนุตฺตํ ตนุภาวํ กโรตีติ ราค…เป… ตนุตฺตกรํ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ตนุตฺตํ อภิณฺหานุปฺปตฺติโต, ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ วิรฬาการา หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อุปฺปชฺชนฺตาปิ มทฺทนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา นุปฺปชฺชนฺติ. ทฺวีหิ ปน มคฺเคหิ ปหีนตฺตา มนฺทมนฺทา ตนุกตนุกา อุปฺปชฺชนฺติ. เกจิ ปน สกทาคามิสฺส กิเลสา จิเรน อุปฺปชฺชนฺตาปิ พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา หิสฺส ปุตฺตธีตโร ทิสฺสนฺตีติ วทนฺติ. ตํ อการณํ, วตฺถุปฏิเสวเนน วินาปิ คพฺภคฺคหณสพฺภาวโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ทฺวีหิ การเณหิ เนสํ ตนุภาโว เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปเนตฺถ โมหสฺส ตนุภาโว วุตฺโต, นนุ ตติยมคฺควชฺฌานเมว อิมินา ตนุตฺตกรณํ วตฺตพฺพํ, อิตรถา เหฏฺา ตีหิปิ มคฺเคหิ อุปริมคฺควชฺฌกิเลสานํ พหลาพหลาวตฺถาย ปหียมานตฺตา อิธ สพฺเพสเมว อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ตนุภาโว วตฺตพฺโพ, เตเนว จ ปาฬิยมฺปิ ‘‘กามราคพฺยาปาทานํ ตนุภาวาย ทุติยาย ภูมิยา ปตฺติยา’’ติ วุตฺตนฺติ. สจฺจเมตํ, สุตฺเต ปน อุปริมคฺควชฺฌานํ ตนุภาวปริยายํ คเหตฺวา ‘‘ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหตี’’ติ เหตุตฺตยตนุภาวสฺส อาคตตฺตา อิธาปิ ตทนุโลเมน วุตฺตํ. ‘‘กามราคพฺยาปาทาน’’มิจฺเจว วา ปาโ. ตถา หิ เอตฺเถว อุปริ ทุติยมคฺคาณนิทฺเทเส ‘‘พฺยาปาทกามราคานํ, ตนุภาวํ ตุ สาธย’’นฺติ (อภิธ. ๑๓๕๓) วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิวเสน สกิเทว อิมํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉตีติ สกทาคามี, ตสฺส มคฺโค สกทาคามิมคฺโค. กิฺจาปิ หิ มคฺคฏฺสฺส ปฏิสนฺธิวเสน อาคมนาสมฺภวโต ผลฏฺโเยว สกทาคามี นาม โหติ, ตสฺส ปน อาคมนภูโต มคฺโค มคฺคนฺตราวจฺเฉทนตฺถํ ตทายตฺตภาวูปนยเนน สกทาคามิมคฺโคติ วุจฺจติ, ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ สกทาคามิมคฺคจิตฺตํ.

ปฺจสุ กามคุเณสุ, กามภเว จ ราโค กามราโค. พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตนฺติ พฺยาปาโท. ปฏิสนฺธิวเสน อิมํ กามธาตุํ น อาคจฺฉตีติ อนาคามี. รูปภเว ฉนฺทราโค รูปราโค. อรูปภเว ฉนฺทราโค อรูปราโค. มาโน อิธ อรหตฺตาธิคมํ ปฏิจฺจ อุณฺณติมตฺตํ. อุทฺธจฺจมฺปิ ‘‘โก เม ภาโร กิเลสสมุจฺเฉทเน’’ติ เอวมาการปฺปวตฺตํ จิตฺตสฺส อวูปสมมตฺตํ. อวิชฺชาปิ อสุเข สุขสฺาวิปลฺลาโส. อารกตฺตา กิเลเสหิ, มิจฺฉาปฏิปนฺเนหิ วา, ราคาทิอรีนํ, สํสารจกฺกสฺส อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, รโหปิ ปาปากรเณน ปาปกรเณ รหสฺส อภาวา, รหิตพฺพโต ชหิตพฺพโต ‘‘รหา’’ติ ลทฺธนามานํ วา ปาปธมฺมานํ อภาวโต, สาธูหิ อรหิตพฺพโต อปริจฺจชิตพฺพโต, รหสงฺขาตสฺส วา คมนสฺส สํสาเร อภาวโต อรหา, อฏฺโม อริยปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อรหตฺตํ, อคฺคผลสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ ‘‘อรหา’’ติ อภิธานสฺส, พุทฺธิยา จ ปวตฺตินิพนฺธนตฺตา อรหโต ภาโวติ กตฺวา ‘‘อรหตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺส อาคมนภูโต มคฺโค อรหตฺตมคฺโค, ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ อรหตฺตมคฺคจิตฺตํ.

ฌานงฺคโยคเภทโตติ รูปาวจรํ วิย ปฺจหิ ฌานงฺเคหิ สมฺปโยคเภทโต. กถํ ปนสฺส เภโทติ? เอตฺถ ตาว อฏฺกถาวาโท, ตโย จ เถรวาทาติ จตฺตาโร วาทา โหนฺติ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ตาว ‘‘สงฺขารุเปกฺขาภาวํ ปตฺวา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนามคฺคสฺส ฌานงฺคํ นิยเมตี’’ติ วุตฺตํ. ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ปน ‘‘มคฺคาสนฺนวิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ ปาทกชฺฌานํ นิยเมตี’’ติ อาห. โมรวาปิวาสิมหาทตฺตตฺเถโร ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺติ. ยฺหิ ฌานํ สมฺมสิตฺวา วุฏฺาติ, ตํสทิโสว โหตี’’ติ อาห. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปน ‘‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมติ, ‘อโห วต ปฺจงฺคิกํ, จตุรงฺคิกํ วา มคฺคํ ปาปุเณยฺย’นฺติอาทินา ยถา ยถาสฺส อชฺฌาสโย โหติ, ตถา ตถา มคฺโค โหตี’’ติ อาห.

ยสฺมา ปน อฏฺกถาวาโท ปมาณํ, ตโย จ เถรา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา, ตสฺมา จตฺตาโรปิ วาทา อฺมฺํ อปฺปฏิพาหนวเสน เอวํ เวทิตพฺพา. กถํ? กามาวจรธมฺเม ตาว สมฺมสิตฺวา สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมคฺโคปิ สมาปตฺติลาภิโน ฌานํ ปาทกํ อกตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโคปิ วิปสฺสนานิยาเมน ปมชฺฌานิกาว โหนฺติ. สเจ ปน กิฺจิ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิโต โหติ, ตสฺส วเสน องฺคปริณาโม โหตีติ ตํตํฌานสทิโส โหติ. ยสฺมา ปเนตฺถ กามาวจรกฺขนฺเธ อารพฺภ ปวตฺตา วิปสฺสนา กามาวจรธมฺเมสุ จ มหคฺคตธมฺเมสุ วิย ภาวนาวิเสสโต ฌานงฺควิเสโส นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺโต ทุติยตฺเถรวาโท อิมํ วาทํ น ปวิสติ. ฌานธมฺเม สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโค สเจ ปาทกชฺฌานํ นตฺถิ, สมฺมสิตชฺฌานนิยาเมน ตํตํฌานิโก โหติ. สเจ ปมชฺฌานโต วุฏฺาย ทุติยาทิฌาเน สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิโต, ปุคฺคลชฺฌาสยนิยาเมน ทฺวีสุ อฺตรชฺฌานสทิโส โหติ. สเจ ปน ปุคฺคลสฺส ตถาวิโธ อชฺฌาสโย นตฺถิ, ตทา กถนฺติ? เอตฺถ ตาว เกจิ ‘‘นานาวชฺชนวีถิยเมว นิวตฺตมานปาทกชฺฌานโต เอกาวชฺชนวีถิยํ โคตฺรภุภาวํ ปตฺวา นิวตฺตมานาย วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธาเยว พลวนฺโต, ตสฺมา สมฺมสิตกฺขนฺธนิยาเมน ตํสทิโส มคฺโค โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวฺจ สติ ‘‘ปาทกชฺฌานนิยาเมน โหตี’’ติ เอวํ ปวตฺโต ปมตฺเถรวาโท ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย กามาวจรกฺขนฺเธ สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคเมว สนฺธาย ติฏฺตีติ.

อปเร ปน ‘‘ปาทกชฺฌานํ มคฺคสฺส มูลการณวเสน ปจฺจโย โหติ อาสนฺนการณวเสนปิ, สมฺมสิตกฺขนฺธา ปน มูลการณวเสเนว ปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา สมฺมสิตกฺขนฺธโต ปาทกชฺฌานเมว พลวตรนฺติ ปาทกชฺฌานสทิโส มคฺโค โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปน ‘‘สมฺมสิตกฺขนฺธนิยาเมนา’’ติ เอวํ ปวตฺโต ทุติยตฺเถรวาโท สมาปตฺตึ ปาทกํ อกตฺวา เกวลํ ฌานธมฺเมเยว สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคเมว สนฺธาย ติฏฺติ. ยสฺมา ปน เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานโต อุปรูปริฌานํ พลปฺปตฺตํ โหติ, ตสฺมา เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานโต วุฏฺาย อุปรูปริฌานธมฺเม วิปสฺสโต อุปฺปนฺนมคฺโค ปาทกชฺฌานํ อนเปกฺขิตฺวา สมฺมสิตชฺฌานวเสน ตํตํฌานิโก โหติ. อุปรูปริฌานโต ปน วุฏฺาย เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานธมฺเม สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโค สมฺมสิตชฺฌานํ อนเปกฺขิตฺวา ปาทกชฺฌานสทิโส โหตีติ อิทเมตฺถ สารตรํ. เอวฺหิ สติ ทฺวินฺนมฺปิ เถรานํ วาทา นิปฺปเทสวิสยา สมผลา โหนฺติ.

ตติยตฺเถรวาโท เจตฺถ ปาทกชฺฌานํ, สมฺมสิตชฺฌานํ วา วินา อชฺฌาสยมตฺเตเนว น อิชฺฌติ. ตีสุปิ วาเทสุ เปตฺวา เสสฌานงฺคปริณามํ เวทนาปริณาโม วิปสฺสนานิยาเมเนว โหติ. ตโยปิ เถรวาทา วิปสฺสนานิยาเมน วินา น โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ เวทนาปิ ฌานงฺคเมว, ตสฺมา ตายปิ ปาทกชฺฌานนิยาเมเนว ภวิตพฺพนฺติ? ตํ น, เวทนายปิ ปาทกชฺฌานนิยาเมน ปริณาเม สติ วิปสฺสนานิยามํ อนเปกฺขิตฺวา ปาทกชฺฌานนิยาเมเนว มคฺคกฺขเณ เสสฌานงฺคานิ ปริณามฏฺาเนเยว เวทนายปิ ปริณาโม ภเวยฺย, ตถา ปน อหุตฺวา เอกาวชฺชนวีถิยา อาทิโตว ปริณามนโต มคฺควุฏฺานวีถิยา อาสนฺนตรปฺปวตฺตาย วิปสฺสนาย วเสน เวทนานิยาโม โหติ.

อถ วา ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานานํ สมฺภเว เตสุ อนุปฺปนฺนา เวทนา วิปสฺสนาย น โหตีติ ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานนิยาเมน ปริณมตีติปิ น สกฺกา วตฺตุํ. เอตฺถ สิยา – ยตฺถ ตาว ปาทกชฺฌานํ อตฺถิ, ตตฺถ ตํ นิยเมติ. ยตฺถ ปน ติกจตุกฺกปาทกชฺฌานํ นตฺถิ, ตสฺมึ อรูปภเว กึ นิยเมตีติ? ตตฺถาปิ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติ. โย หิ ภิกฺขุ อฏฺสมาปตฺติลาภี ปมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา อรูปภเว นิพฺพตฺโต ปมชฺฌานิกาย โสตาปตฺติผลสมาปตฺติยา วุฏฺาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุปริ ตีณิ มคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺส ตานิ ปมชฺฌานิกาเนว โหนฺติ. ทุติยชฺฌานิกาทีสุปิ เอเสว นโย. อรูเปปิ หิ โลกุตฺตรํ ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปชฺชตีติ เอวเมตฺถ เอเกกสฺส โลกุตฺตรกุสลสฺส ฌานงฺคโยคเภโท เวทิตพฺโพติ.

มคฺคา…เป… นิปฺผาเทตีติ เตภูมกกุสลํ วิย ปฏิสนฺธิปฺปวตฺตีสุ อวิปจฺจวนฺตมฺปิ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปสฺส ผลสฺส นิปฺผาทเนน ตํตํผลปฺปตฺเต โสตาปนฺโน สกทาคามี อนาคามี อรหาติ สามฺโต จตฺตาโร อริยปุคฺคเล อภินิปฺผาเทตีติ. วิเสสโต ปน สตฺตกฺขตฺตุปรมตาทิเก อเนเกปิ โสตาปนฺนาทโย นิปฺผาเทติ.

โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุภูมกกุสลวณฺณนา

๒๘. เอวํ จตุภูมกกุสลจิตฺตํ สรูปโต นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘กาเม อฏฺเวา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาเมติ กามภเว. ตถา ‘‘รูเป’’ติอาทีสุ.

๒๙. กุสลากุสลาปคเตนาติ กุสลากุสลกมฺมโต อปคเตน. อคฺคมคฺคสฺส หิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย อรหโต สพฺพานิ กุสลากุสลกมฺมานิ ปหีนานิ นาม โหนฺติ ปจฺจยเวกลฺเลน ปฏิสนฺธิทาเน อสมตฺถภาวโต. ยโต จ อริยมคฺคาณํ ‘‘กมฺมกฺขยกร’’นฺติ วุจฺจติ. อถ วา อเหตุอปจฺจยวิสุชฺฌนสฺส อภาวโต กิเลสสมุจฺเฉทเกน มคฺคกุสเลน อกุสเลหิ อปคเตน. กุสเล กุสเลนาติ กุจฺฉิตานํ สลนาทีหิ กุสลสงฺขาตาย ปฏิปตฺติยํ เทสนุปฺปาทนาทีสุ เฉเกน. มุนินาติ อุภยโลกมุนนเกน อคฺคผลาเณน, สพฺพฺุตฺาเณน วา สมนฺนาคตตฺตา มุนินา. เตนาห –

‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.

วสินาติ ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสิภาเวน สมนฺนาคตตฺตา, ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิสพฺภาวโต จ วสิภูเตน วสิภาวูปคตินฺทฺริเยน.

จตุภูมกกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

อกุสลวณฺณนา

เอตฺตาวตา จ ยํ ‘‘กุสลากุสลาพฺยากตชาติเภทโต ติวิธ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตํ กุสลํ, ตํ สรูปโต นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรุทฺทิฏฺํ อกุสลํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘อกุสลํ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘ภูมิโต เอกวิธ’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กามาวจรเมวา’’ติ. นิกายนฺตริกา ปน รูปารูปาวจรมฺปิ อกุสลํ อิจฺฉนฺตีติ เตสํ มตินิเสธนตฺถํ อวธารณํ กตํ. มหคฺคตภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺตมฺปิ เหตํ ตตฺถ รูปธาตุยํ ปวตฺติวิปากํ เทนฺตมฺปิ เอกนฺเตน กามาวจรเมวาติ. กุโต ปเนส นิยโมติ? กามตณฺหาวิสยภาวโต. กามตณฺหาวิสยตา หิ กามาวจรภาวสฺส การณํ ยถา รูปารูปตณฺหาวิสยตา รูปารูปภาวสฺส. เอกํเสน เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. อิตรถา พฺยาปิตลกฺขณํ น สิยา. ยทิ หิ อาลมฺพิตพฺพธมฺมวเสน ภูมิววตฺถานํ กเรยฺย, เอวํ สติ อนารมฺมณานํ สงฺคโห น สิยา. อถ วิปากทานวเสน, เอวมฺปิ อวิปากานํ สงฺคโห น สิยา, ตสฺมา อาลมฺพณธมฺมวเสเนว ปริยาปนฺนานํ สา กาตพฺพา. อปริยาปนฺนานํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณตาย โลกุตฺตรตา, อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรตา จ เวทิตพฺพาติ.

โทมนสฺสสฺส อนีวรณาวตฺถาย อภาเวน ตํสหคตจิตฺตุปฺปาโท กามภูมิยํเยว ปวตฺตตีติ โส นิยตวตฺถุโก, อิตเร อรูปภูมิยมฺปิ ปวตฺตนโต อนิยตวตฺถุกาติ อาห ‘‘นิยตา…เป… ทุวิธ’’นฺติ. วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตานํ โมเหกเหตุกตฺตา, อิตเรสมฺปิ โลภโมหโทสโมหวเสน ทฺวิเหตุกตฺตา อาห ‘‘เอกเหตุกทุเหตุกโต’’ติ. อาทิโต เอกาทสนฺนํ อกุสลจิตฺตานํ ปฏิสนฺธิชนนโต, อุทฺธจฺจสหคตสฺส ตทภาวโต อาห ‘‘ปฏิสนฺธิชนกาชนกโต’’ติ. อุทฺธจฺจสหคตฺหิ ปวตฺติวิปากํ เทนฺตมฺปิ ปฏิสนฺธึ นากฑฺฒติ. ยโต วกฺขติ –

‘‘เอกาทสวิธานํ ตุ, หิตฺวา อุทฺธจฺจมานสํ;

เอกาทสวิธา เจว, ภวนฺติ ปฏิสนฺธิโย’’ติ. (อภิธ. ๕๓๖);

เยน ปน การเณน ตํ ปฏิสนฺธึ นากฑฺฒติ, ตํ ปฏิสนฺธิวินิจฺฉยกถาหิ อิมิสฺสา คาถาย วณฺณนาปเทเสเยว วกฺขาม . ตีหิ เวทนาหีติ สุขทุกฺโขเปกฺขาสงฺขาตาหิ ตีหิ เวทนาหิ. ยถาห – ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, เวทนา. กตมา ติสฺโส? สุขา ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๙). ยํ ปน กตฺถจิ สุตฺเต ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, เวทนา สุขา ทุกฺขา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖๗) วจนํ, ตํ กุสลปกฺขิกํ อุเปกฺขํ สุเข, อกุสลปกฺขิกฺจ ทุกฺเข ปกฺขิปิตฺวา ปริยาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สุปฺปติฏฺิตภาวการณตฺตา มูลมิวาติ มูลํ, โลโภ มูลํ เอตสฺสาติ โลภมูลํ. กิฺจาปิ หิ โมโหปิ โลภมูเลสุ อตฺถิ, โส ปน สพฺพากุสลสาธารณตฺตา ววตฺถานกโร น โหตีติ อสาธารณธมฺมวเสน ‘‘โลภมูล’’นฺตฺเวว วุตฺตํ ยถา ‘‘เภริสทฺโท ยวงฺกุโร’’ติ. ตถา ‘‘โทสมูล’’นฺติ เอตฺถาปิ. มูลนฺตรวิรหโต โมโห เอว มูลํ อิมสฺส, นาฺนฺติ โมหมูลํ.

มิจฺฉาวเสน ทสฺสนํ ทิฏฺิ, ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ ยถา ‘‘อากาสคตํ ถามคต’’นฺติ. อถ วา วิปริเยสคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา คตเมว, น เอตฺถ คนฺตพฺพวตฺถุ ตถาสภาวนฺติ ทิฏฺิคตํ, ทฺวาสฏฺิยา วา ทิฏฺีสุ อนฺโตคธนฺติ ทิฏฺิคตํ, เตน สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตนฺติ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตํ.

‘‘ยทา หี’’ติอาทิ โลภมูลจิตฺตานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ. มิจฺฉาทิฏฺินฺติ อุจฺเฉททิฏฺิอาทึ มิจฺฉาทิฏฺึ. ตาย หิ วิปลฺลตฺตจิตฺตา ตาว โกธวิสโย, ยาว อินฺทฺริยโคจโรติ ปรโลกํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นตฺถิ กาเมสุ อาทีนโว’’ติ คณฺหนฺติ. อาทิ-สทฺเทน –

‘‘เอส ปนฺโถวิตโถ เทวยาเน,

เยน ยนฺติ ปุตฺตวนฺโต วิโสกา;

ตํ ปสฺสนฺติ ปสโว ปกฺขิโน จ,

เตน เต มาตริปิ มิถุนํ จรนฺตี’’ติ. –

อาทินา นเยน ปุตฺตมุขทสฺสนํ สคฺคโมกฺขมคฺโคติ เอวมาทิกํ มิจฺฉาทิฏฺึ สงฺคณฺหาติ. กาเม วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน ‘‘พฺราหฺมณานํ สุวณฺณหรณเมว อทินฺนาทาเน สาวชฺชํ, อิตรํ อนวชฺชํ, คุรูนํ, คุนฺนํ, อตฺตโน ชีวิตสฺส, วิวาหสฺส จ อตฺถาย มุสาวาโท อนวชฺโช, อิตโร สาวชฺโช, คุรุอาทีนํ อตฺถาย เปสุฺกรณํ อนวชฺชํ, อิตรํ สาวชฺชํ, ภารตยุทฺธสีตาหรณาทิกถา ปาปวูปสมาย โหตี’’ติ เอวมาทิเก มิจฺฉาคาเห สงฺคณฺหาติ. ทิฏฺมงฺคลาทีนีติ ทิฏฺสุตมุตมงฺคลานิ. สารโต ปจฺเจตีติ วุฑฺฒิยา ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน อคฺคเหตฺวา ‘‘อิทเมว วุฑฺฒิการณ’’นฺติ เอวํ สารวเสน คณฺหาติ. สภาวติกฺเขเนวาติ โลภสฺส, มิจฺฉาภินิเวสสฺส วา วเสน สรเสเนว ติขิเณน กุรุเรน. มนฺเทนาติ ทนฺเธน อติขิเณน. ตาทิสํ ปน อตฺตโน, ปรสฺส วา สมุสฺสาหเนน ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมุสฺสาหิเตนา’’ติ. ปรสฺส ภณฺฑํ วา หรตีติ วา-สทฺเทน ตถาปวตฺตนกมุสาวาทาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. กามานํ วาติ อนุภุยฺยมานานํ กามคุณานํ. วา-สทฺเทน ปรสนฺตกสฺส อยถาธิปฺเปตตาย ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ คหณาทิกํ สงฺคณฺหาติ.

สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน เภทาภาวโต โทสมูลํ อสงฺขาริกสสงฺขาริกเภทโต ทุวิธํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ? อสาธารณธมฺเมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส อุปลกฺขณตฺถํ. ปาณสฺส อตีว, อติกฺกมิตฺวา วา ปาตนํ ปาณาติปาโต. อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานมุสาวาทเปสุฺผรุสสมฺผปฺปลาปพฺยาปาเท สงฺคณฺหาติ. ทสอกุสลกมฺมปเถสุ หิ กาเมสุมิจฺฉาจารอภิชฺฌามิจฺฉาทิฏฺิสงฺขาตา ตโยว กมฺมปถา อิมินา น สิชฺฌนฺติ. สภาวติกฺขํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ จิตฺตํ อสงฺขารเมว โหติ, อิตรํ สสงฺขารนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ติกฺขมนฺทปฺปวตฺติกาเล’’ติ. มนฺทํ ปน หุตฺวา ปวตฺตมานํ เอกํเสน สสงฺขารเมวาติ น สกฺกาว วิฺาตุํ. ยํ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ปวตฺตติ, ตํ มนฺทเมว โหตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

โมหมูลํ จิตฺตํ มูลนฺตรวิรหโต อติมูฬฺหํ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโยคโต จฺจลฺจาติ อุเปกฺขาสหคตเมว โหติ, น ตสฺส กทาจิปิ สภาวติกฺขตา อตฺถิ. อารมฺมเณ หิ สํสปฺปนวเสน, วิกฺขิปนวเสน จ ปวตฺตมานสฺส จิตฺตทฺวยสฺส กึ ตาทิเส กิจฺเจ สภาวติกฺขตาย, อุสฺสาเหตพฺพตาย วา ภวิตพฺพํ, ตสฺมา น ตตฺถ สงฺขารเภโท อตฺถิ. นนุ จ อุทฺธจฺจํ สพฺพากุสลสาธารณํ, กสฺมา ปน เอตเมว เตน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจสหคต’’นฺติ. วิเสสโต พลวภาวโต. อิทฺหิ เอตสฺมึ จิตฺเต พลวํ, ตสฺมา สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ปธานํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมว เตน วิเสสิตพฺพํ. เตเนว หิ ปาฬิยํ เสสากุสเลสุ อุทฺธจฺจํ เยวาปนกวเสน อาคตํ, อิธ ปน สรูปโตเยว นิทฺทิฏฺํ. เอวํ อสาธารณปฺปธานธมฺมวเสน โมหมูลํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตนฺติ ทุวิธํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อสนฺนิฏฺานํ สํสโย, วิกฺเขโป อวูปสโม, ภนฺตตาติ อตฺโถ. ตตฺถ วิจิกิจฺฉาสหคตสฺส อสนฺนิฏฺานกาเล, อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิกฺเขปกาเล จ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.

ยถานุรูปนฺติ ปฏิสนฺธิชนกาชนกสฺส, กมฺมปถภาวปฺปตฺตาปตฺตสฺส จ อนุรูปโต. อถ วา ยถานุรูปนฺติ โย ยสฺส เหตุ, ตทนุรูปโต. เยภุยฺเยน หิ โลภมูลเกน ขุปฺปิปาสาทินิรนฺตรเปตวิสเย อุปฺปชฺชนฺติ, โทสมูลเกน โทโส วิย จณฺฑชาตตาย ตํสริกฺขเก นิรเย, โมหมูลเกน นิจฺจสมฺมูฬฺหาย ติรจฺฉานโยนิยํ, ตสฺมา โลภาทิเหตุอนุรูปโต ตตฺถ ตตฺถ อปาเย อุปปตฺตึ นิปฺผาเทตีติ อาห ‘‘ยถานุรูปํ…เป…อุปปตฺติยา’’ติ . อกุสลวิปากานํ ทุกฺขปฺปธานตาย ‘‘ทุกฺขวิเสสสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

๓๑. อปาเปน อลามเกน ปาปาปาปปฺปหีเนน ปาปาปาเปสุ มานเสสุ ยํ ปาปมานสํ วุตฺตํ, ปาปาปาเปสุ ปุคฺคเลสุ อปาเปน ปาปาปาปปฺปหีเนน ยํ ปาปมานสํ วุตฺตนฺติ วา สมฺพนฺโธ. อถ วา ปาปาปาเปสุ มานเสสุ ปาเปน ปาปมานเสน ปาปวเสน ปาปาปาปปฺปหีเนน ยํ ปาปมานสํ วุตฺตนฺติ โยชนา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – อสมฺมาสมฺพุทฺเธน ตาว ธมฺมสภาวสฺส ทุพฺพิชานียตฺตา กุสลมฺปิ อกุสลโต, อกุสลมฺปิ กุสลโต วุจฺเจยฺย, ภควโต ปน สห วาสนาหิ วิทฺธํสิตากุสลสฺส กมฺมกฺขยกราเณน ปจฺจยเวกลฺลโต วิทฺธํสิตกุสลกมฺมสฺส จ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต เอกนฺเตเนว อกุสลเทสนา อกุสลธมฺมวเสเนวาติ.

อกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

อพฺยากตวณฺณนา

อฺมฺวิสิฏฺานํ กุสลากุสลานํ ปากนฺติ วิปากํ, วิปกฺกภาวมาปนฺนานมรูปธมฺมานเมตมธิวจนํ. ยถา หิ โลเก สาลิพีชาทีนํ ผลานิ ตํสทิสานิ นิพฺพตฺตานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น มูลงฺกุรปตฺตทณฺฑนฬาทีนิ, เอวํ กุสลากุสลานํ ผลานิ อรูปธมฺมภาเวน, สารมฺมณภาเวน จ ตํสทิสานิ วิปกฺกภาวมาปนฺนานีติ วิปากนิรุตฺตึ ลภนฺติ, น ปน กมฺมาภินิพฺพตฺตาปิ รูปธมฺมา กมฺมวิสทิสตฺตา. วิปากเมว จิตฺตํ วิปากจิตฺตํ. กรณมตฺตํ กิริยา ผลทานาสมฺภวโต. เยน ปน การเณน ตสฺส ผลทานํ น สมฺภวติ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. กิริยา เอว จิตฺตํ กิริยจิตฺตํ. วิปากสฺส กามาวจราทิภาโว กุสเล วุตฺตนเยน ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺโพ. อโลภาทิสมฺปยุตฺตเหตูหิ สห วตฺตนโต สเหตุกํ. ตทภาวโต อเหตุกํ. นิพฺพตฺตกเหตุวเสน สิชฺฌมานมฺปิ เหตํ สมฺปยุตฺตเหตุวเสเนว ‘‘สเหตุกมเหตุก’’นฺติ วุจฺจติ, อิตรถา ววตฺถานาภาวโต.

สกกุสลํ วิยาติ อตฺตโน ชนกํ กามาวจรกุสลํ วิย. ชนกชนิตพฺพสมฺพนฺธวเสน หิ ตํ ตํ กุสลํ ตสฺส ตสฺส วิปากสฺส สกํ นามํ โหติ.

‘‘สกกุสลํ วิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ปวตฺตาการอารมฺมณาทิโต จสฺส ตํสทิสตา อาปชฺเชยฺยาติ ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ. ฉสุ อารมฺมเณสูติ ปริตฺตาทิอตีตาทิอชฺฌตฺตาทิเภเทสุ ฉสุ รูปาทิอารมฺมเณสุ. ภวนฺตรปฏิสนฺธานโต ปฏิสนฺธิ. อวิจฺเฉทปฺปวตฺติเหตุภาเวน ภวสฺส องฺคนฺติ ภวงฺคํ. นิพฺพตฺติตภวโต ปริคฺตาย จุติเหตุตาย จุติ. ปริตฺตธมฺมปริยาปนฺเนสูติ กามาวจรธมฺมปริยาปนฺเนสุ. กามาวจรธมฺมา หิ กิเลสวิกฺขมฺภนาทีสุ อสมตฺถภาเวน ปริตฺตานุภาวตาย, โอฬาริกาหิ วา กามตณฺหาทีหิ ปริโต คหิตตฺตา ‘‘ปริตฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิปากสฺส สงฺกปฺเปตฺวา อารมฺมณคฺคหณาภาวโต กมฺมานุรูปเมว ปวตฺตตีติ ปริตฺตกมฺมวิปาโก ปริตฺตารมฺมเณเยว ปวตฺติตุมรหติ, น มหคฺคตอปฺปมาณารมฺมเณติ วุตฺตํ ‘‘ปริตฺตธมฺมปริยาปนฺเนสู’’ติ. ยทิ เอวํ มหคฺคตวิปาโกปิ มหคฺคตารมฺมเณเยว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, สฺายตฺตารมฺมณสฺส สมาธิปฺปธานสฺส กมฺมสฺส อปฺปนาปตฺตสฺส ตาทิเสเนว วิปาเกน ภวิตพฺพตฺตา. วณฺณลกฺขณาทิกฺหิ อคฺคเหตฺวา โลกสฺานุโรเธเนว คหิเต ปถวาทิเก ปริกมฺมสฺาย สมุปฺปาทิตํ ปฏิภาคนิมิตฺตสงฺขาตมารมฺมณํ สฺาวสํ สฺายตฺตํ โหติ, ตสฺมา ตทารมฺมณสฺส สมาธิปฺปธานสฺส อปฺปนาปตฺตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สมาธิปฺปธานอปฺปนาปตฺเตหิ วิย สฺายตฺตารมฺมณตาย นิพฺพิเสเสเนว ภวิตพฺพํ. ปริตฺตวิปาโก ปน มหคฺคตอปฺปมาณปฺตฺตารมฺมณกมฺมนิพฺพตฺโตปิ โหติ, โส ปรโต อาคมิสฺสติ.

มุขนิมิตฺตํ วิยาติ มุขํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนนิมิตฺตํ วิย. ยถา หิ ตํ นิรีหํ อปรํ มุขนิมิตฺตํ อุปฺปาเทตุํ, อฺํ วา กิฺจิ อตฺตโน พเลน กาตุํ น สกฺโกติ, เอวเมตมฺปิ วิปากุปฺปาทนาทีสุ น อุสฺสหติ. เตนาห ‘‘นิรุสฺสาห’’นฺติ. อุสฺสาโหติ เจตฺถ อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานานุสยสฺมึ สนฺตาเน วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาสงฺขาโต, อาเสวนปจฺจยภาวสงฺขาโต, วิฺตฺติชนกตาสงฺขาโต จ พฺยาปาโร. โส วิปาเก นตฺถิ กมฺมเวคุกฺขิตฺตตฺตา ปติตํ วิย หุตฺวา ปวตฺตมานสฺส ตสฺส เอกนฺเตน ทุพฺพลภาวโตติ ตํ นิรุสฺสาหํ.

วิปจฺจนฏฺานนฺติ วิปจฺจนวเสน ปวตฺตนฏฺานํ, ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติตทารมฺมณวเสน จตุกิจฺจานเมเตสํ ปวตฺติโอกาโสติ อตฺโถ. ตตฺถ จุติภวงฺคานํ อนฺตราฬํ ปฏิสนฺธิกิจฺจานํ านํ, ปฏิสนฺธิอาวชฺชนานํ, ตทารมฺมณาวชฺชนานํ, ชวนาวชฺชนานํ, โวฏฺพฺพนาวชฺชนานฺจ อนฺตราฬํ ภวงฺคกิจฺจานํ านํ, ตทารมฺมณปฏิสนฺธีนํ, ชวนปฏิสนฺธีนํ, ภวงฺคปฏิสนฺธีนํ วา อนฺตราฬํ จุติกิจฺจานํ านํ, ชวนภวงฺคานํ อนฺตราฬํ ตทารมฺมณกิจฺจานํ านนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปเนตํ านํ ธมฺมานํ ตํตํกิจฺจวเสน ปากฏํ โหติ, ตสฺมา านํ เวทิตพฺพนฺติ านํ อุทฺธริตฺวา ปากฏกิจฺจวเสเนว ตํ ปกาเสตุํ ‘‘อิมานิหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา กิจฺจมฺปิ กิจฺจวนฺตานํ ปวตฺติฏฺานภาเวน คยฺหตีติ านนฺติปิ กิจฺจเมว อุทฺธฏนฺติ ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิมานิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๓๒. อณฺฑชชลาพุชโยนิสมฺภวานํ มนุสฺสานํ, วินิปาติกาสุรานฺจ อเหตุกปฏิสนฺธิยาปิ สพฺภาวโต อาห ‘‘ทุเหตุกติเหตูน’’นฺติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสมฺปยุตฺตา ทฺเว อโลภาทโย เหตู เยสํ เต ทุเหตุกา. เอส นโย ติเหตุเกสุปิ. ตตฺถ ทุเหตุกานํ าณวิปฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ, ติเหตุกานํ าณสมฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ ปฏิสนฺธิโย โหนฺติ, ตถา ภวงฺคจุติโยปิ. เยน เยน หิ จิตฺเตน ปฏิสนฺธิ โหติ, ตํ ตเทว ภวงฺคจุติวเสนปิ ปวตฺตติ. ตทารมฺมณํ ปน อวิเสเสน ทฏฺพฺพํ ทุเหตุกานมฺปิ ติเหตุกตทารมฺมณสฺส อิจฺฉิตตฺตา. นนุ เจตํ อสมเปกฺขิตาภิธานํ อาจริเยเนว อิมสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา. ตถา หิ วกฺขติ –

‘‘อเหตุปฏิสนฺธิสฺส, น ตทารมฺมณํ ภเว;

ทุเหตุกํ ติเหตุํ วา, ทุเหตุปฏิสนฺธิโน’’ติ. (อภิธ. ๔๔๓);

นยิทมสมเปกฺขิตาภิธานํ ปฏิสนฺธิชนกกมฺมํ สนฺธาย ตตฺถ ปฏิสิทฺธตฺตา. เยน หิ กมฺเมน ยา ปฏิสนฺธิ อาทินฺนา, น ตํ ตโต อธิกตรํ ตทารมฺมณํ ปวตฺเต อภินิปฺผาเทติ. ยํ ปน อฺมฺปิ กิฺจิ กมฺมํ ตทาลทฺธาวกาสํ สิยา, น ตํ ตตฺถ ตโต อธิกตรมฺปิ วิปากํ น นิพฺพตฺเตตีติ อตฺถิ. ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๑๐๒) หิ ปฏฺานวจเนน อเหตุกสฺสาปิ นานากมฺเมน สุคติยํ สเหตุกตทารมฺมณมนุฺาตํ. เตนาหุ อาจริยา –

‘‘โหติ อฺเน กมฺเมน, สเหตุกํ อเหตุน’’นฺติ.

ยถา จ อเหตุกสฺส สเหตุกํ, เอวํ ทุเหตุกสฺส ติเหตุกมฺปิ อิจฺฉนฺติ. อาจริยโชติปาลตฺเถโร ปน ‘‘สเหตุก’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อเหตุกานมฺปิ ติเหตุกตทารมฺมณํ อิจฺฉติ. วุตฺตฺหิ เตน ‘‘สเหตุก’’นฺติ อวิเสโสปเทเสน ทุเหตุกํ, ติเหตุกฺจ คเหตพฺพํ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ‘‘อเหตุกสฺสาปิ ติเหตุกตทารมฺมณมภิหิตํ, ยฺจรหิ อตฺถสมาเส อเหตุกานํ ติเหตุกผลานิ เทตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถํ? โส เอว ปุจฺฉิตพฺโพ, โย ตสฺส กตฺตาติ. อปเร ปน ‘‘มูลสนฺธิยา ชฬตฺตา ตสฺส ติเหตุกตทาลมฺพณํ น ลพฺภติเยวา’’ติ วทนฺติ.

๓๓-๔. ตโตติ ปฏิสนฺธิโต ปรํ, ทุติยจิตฺตโต ปฏฺาย. สติปิ อนฺตรนฺตรา วีถิจิตฺตุปฺปาเท ตทวสาเน อุปฺปชฺชมานสฺส ยาวตายุกํ อนิวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘ยาวตายุก’’นฺติ. พลวารมฺมเณติ อติมหนฺตวิภูตารมฺมเณ. ปฺจทฺวาเร หิ อติมหนฺตารมฺมเณ มโนทฺวาเร วิภูตารมฺมเณ ตทารมฺมณมุปฺปชฺชติ, น อฺเสุ. เอการมฺมณปฺปวตฺติยา ปฏิสนฺธาทีนํ ติณฺณมฺปิ เอกฏฺาเน ทสฺสนตฺถํ อุทฺเทเส ตทารมฺมณสฺส อวสานกรณํ, อิธ ปน ปวตฺติกฺกมวเสน จุติยา อวสานกรณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๓๕-๖. กมฺมทฺวารนฺติ กายวจีกมฺมทฺวารสฺส ชนกวเสน น ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กาโยติ กายวิฺตฺติ. กมฺมนฺติ ตํสมุฏฺาปิกา เจตนา, กาเยน กตํ กมฺมํ กายกมฺมํ. กิฺจาปิ หิ กาโย กมฺมสฺส จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ, ตถาปิ ตํสมุฏฺานสฺส ตสฺส สพฺภาเวเยว กายกมฺมาทิโวหาโรติ ตํ เตน กตนฺติ วุจฺจติ. กายกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานภูตํ ทฺวารํ กายกมฺมทฺวารํ. ยทิ เอวํ กมฺมทฺวารววตฺถานํ น สิยา . กายทฺวาเรน หิ สิทฺธํ กมฺมํ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน ‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กายกมฺมทฺวาร) วจนโต วจีทฺวาเรปิ สิชฺฌตีติ ทฺวาเรน กมฺมววตฺถานํ น สิยา, ตถา วจีกมฺมํ กายทฺวาเรปิ สิชฺฌตีติ กมฺเมน ทฺวารววตฺถานมฺปิ น สิยาติ? ตํ น, ตพฺพหุลวุตฺติยา เจว เยภุยฺเยน วุตฺติยา จ ววตฺถิตตฺตา. กายกมฺมฺหิ กายทฺวาเรเยว พหุลํ ปวตฺตติ, อปฺปํ วจีทฺวาเร, ตสฺมา กายทฺวาเร พหุลปฺปวตฺตนโต เอตสฺส กายกมฺมภาโว สิทฺโธ วนจรกาทีนํ วนจรกาทิภาโว วิย. ตถา กายกมฺมเมว เยภุยฺเยน กายทฺวาเร ปวตฺตติ, น อิตรํ, ตสฺมา กายกมฺมสฺส เยภุยฺเยน เอตฺเถว ปวตฺติโต อสฺส กายกมฺมทฺวารภาโว สิทฺโธ พฺราหฺมณคามาทีนํ พฺราหฺมณคามาทิภาโว วิยาติ เนตฺถ กมฺมทฺวารววตฺถาเน โกจิ วิพนฺโธติ. วจีกมฺมทฺวาเรปิ เอส ปพนฺโธ ยถาสมฺภวํ ทฏฺพฺโพ.

มโนกมฺมทฺวารํ ปน สยํ มโนเยว สมานํ อตฺตนา สหคตเจตนาอนภิชฺฌาทิกมฺมานํ ปวตฺติทฺวารภาเวน มโนทฺวารสงฺขํ ลภตีติ น ตํ จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติทฺวารวเสน คณฺหาติ. น หิ สยํ อตฺตโตว ปวตฺตติ. ยทิ ปน จิตฺตสมฺปยุตฺตา กมฺมทฺวารภาเวน อธิปฺเปตา, ตทา เตสํ กมฺมทฺวารภาโว มนสฺมึ น อุปจารียตีติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ จิตฺตาธิปติภาโว จิตฺเต วิยาติ จิตฺตํ ‘‘มโนกมฺมทฺวาร’’นฺติ วุจฺจติ. สภาวโต ปน กมฺมทฺวารํ นาม สมฺปยุตฺตธมฺมาเยวาติ จิตฺตํ ตโต ปวตฺตนโต มโนกมฺมทฺวารวเสน ปวตฺตติ. อนนฺตรปจฺจยภูตสฺส ปน มโนกมฺมทฺวารภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อิธ ปน ‘‘อวิฺตฺติชนตฺตา’’ติ วจเนน กายวจีกมฺมทฺวารวเสเนว อปฺปวตฺติยา สาธิตตฺตา มโนกมฺมทฺวารํ น คหิตเมว. น หิ ‘‘อวิฺตฺติชนตฺตา’’ติ การณํ มโนกมฺมทฺวารวเสนปิ อปฺปวตฺตึ สาเธติ. อถ วา ‘‘อวิปากสภาวโต’’ติ วจเนน มโนกมฺมทฺวารวเสนปิ อปฺปวตฺติ สาธิตา โหติ. ‘‘กมฺมทฺวาร’’นฺติ เอตฺถ กมฺมคฺคหเนน นานกฺขณิกกมฺมสฺส อธิปฺเปตตฺตา ตสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. อิติ อิเมสุ กายวจีกมฺมทฺวารสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ, มโนกมฺมทฺวาเรน สห ตีสุ เอว วา ยถา กุสลํ ปวตฺตติ, น เอวํ วิปาโก, ยถา จ กุสลํ กายวจีมโนกมฺมสฺส อายูหนวเสน ทานาทิปุฺกิริยวตฺถุวเสน ปวตฺตติ, น เอวมยํ. อยํ ปน เนว กายวจีกมฺมทฺวาเรสุ ปวตฺตติ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตาภาวโต, น กมฺมวเสน, มโนกมฺมทฺวารวเสนาปิ จ ปวตฺตติ วิปากุปฺปาทนภาวาภาวโต, น ปุฺกิริยวเสน ปวตฺตติ ทานาทิวเสน อปฺปวตฺตนโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมทฺวารฺจ…เป… โน สมา’’ติ วุตฺตํ. เอวนฺติ ทานาทิวเสน.

๓๗. ‘‘ปริตฺตารมฺมณตฺตา’’ติอาทิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน วิเสสทสฺสนํ. ยสฺมา เอเต ปริตฺตารมฺมณา, กรุณามุทิตา จ ปฺตฺตารมฺมณา สตฺตปฺตฺติยํ ปวตฺตนโต, ตสฺมา ทฺวินฺนมาลมฺพณานํ เอกจิตฺตสฺส วิสยภาวานนุคมนโต น เตสุ กรุณามุทิตา กทาจิปิ ชายนฺตีติ อยเมตฺถ ปมคาถาย อธิปฺปาโย.

๓๘. ทุติยคาถาย ปน หิ-สทฺโท ยสฺมาติ อิมสฺส อตฺเถ. ยสฺมา ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลา’’ติ (วิภ. ๗๑๕) วุตฺตา, ตสฺมาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภควตา หิ สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลา’’ติ (วิภ. ๗๑๕) เอวํ ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทีนํ ปฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ กุสลภาโว วุตฺโต, เต จ วิรติสภาวา เอว อาทิโต ติณฺณํ สิกฺขาปทานํ, ปจฺฉิมสฺส จ สมฺมากมฺมนฺเต, อิตรสฺส สมฺมาวาจายํ, ปฺจนฺนมฺปิ มิจฺฉาชีวเหตุกปฺจทุจฺจริตโต วิรมณวเสน ปวตฺตานํ สมฺมาอาชีเว จ อนฺโตภาวโต, ตสฺมา ตา เอกนฺตกุสลภูตานํ กทาจิ อพฺยากเต ลภนฺติ, อิตรถา สทฺธาสติอาทโย วิย ‘‘สิยา กุสลา, สิยา อพฺยากตา’’ติ วุจฺเจยฺยุนฺติ. ยทิ เอวํ โลกุตฺตรผเลสุ อฏฺ, สตฺต วา มคฺคงฺคา น ลพฺภนฺตีติ? โน น ลพฺภนฺติ โลกิยวิรตีนเมว ตตฺถ เอกนฺตกุสลภาวสฺส วุตฺตตฺตา, โลกุตฺตรวิรติโย ปน ผลสฺส มคฺคปฏิพิมฺพภูตตฺตา มคฺคสทิสโต อฏฺงฺคิกตาย, สตฺตงฺคิกตาย จ ภวิตพฺพนฺติ น จ เอกนฺตกุสลภาเวน ววตฺถาเปตุํ ยุตฺตา. เอวฺจ กตฺวา อุปริ โลกุตฺตรผเลสุปิ อฏฺงฺคิกตาทิเภโท มคฺโค อุทฺธโฏติ.

๓๙. ‘‘ตถาธิปติโน’’ติอาทิ อธิปติวเสน วิเสสทสฺสนํ. สพฺเพสมฺปิ หิ เตภูมกกุสลานํ อฺโ อายูหนกาโล, อฺโ วิปจฺจนกาโล, ตสฺมา น ตานิ อตฺตโน วิปาเกหิ อธิปตึ คาหาเปตุํ สกฺโกนฺตีติ น เต ฉนฺทาทีนิ ธุรํ กตฺวา ปวตฺตนฺติ. โลกุตฺตรกุสลานิ จ ปน อายูหนกาลสฺส, วิปจฺจนกาลสฺส จ อนฺตราภาวโต อตฺตโน ฉนฺทาทีนํ พลสฺส อวูปสนฺตกาเลเยว วิปากํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ อนนฺตรปจฺจยา หุตฺวา วิปาเกหิ อธิปตึ คาหาเปตุํ สกฺโกนฺตีติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ โลกุตฺตรวิปากานํ อธิปติโยคํ วกฺขติ.

๔๐. ยสฺมา โมรวาปิวาสิมหาทตฺตตฺเถเรน วิปากานํ อาคมนโต อสงฺขาริกสสงฺขาริกภาโว อิจฺฉิโต, ติปิฏกจูฬนาคตฺเถเรน ปจฺจยโต, ตสฺมา อุภินฺนมฺปิ มติทสฺสนตฺถมาห ‘‘อสงฺขารสสงฺขารวิธาน’’นฺติอาทิ. ปุริมตฺเถโร หิ ยถา มุเข จลิเต อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ จลติ , เอวํ อสงฺขาริกสฺส กุสลสฺส วิปาโก อสงฺขาริโก, สสงฺขาริกสฺส วิปาโก สสงฺขาริโกติ อาห, ตสฺมา ตสฺส มติทสฺสนตฺถํ ‘‘อสงฺขาร…เป… ปุฺโต’’ติ วุตฺตํ. ทุติยตฺเถโร ปน อสงฺขาริกาทีสุ เยน เกนจิปิ จิตฺเตน กมฺเม อายูหิเต อาสนฺนมรณสฺส อตฺตโน, ปเรสํ วา ปโยเคน วินา อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตปจฺจุปฏฺาเน ปฏิสนฺธิ อุปฺปชฺชมานา อสงฺขาริกา. ยสฺส กสฺสจิ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กมฺมาทิปจฺจุปฏฺาเน สสงฺขาริกา. ตถา ภวงฺคจุติโยปิ. ตทารมฺมณฺจ ปณีตาปณีตอุตุโภชนาทิปจฺจยวเสน, อนนฺตรนิรุทฺธกุสลากุสลสฺส วเสน วา อสงฺขารสสงฺขารนฺติ เอวํ ปจฺจยโต อสงฺขาริกาทิวิธานตมาห, ตสฺมา ตสฺส มติทสฺสนตฺถํ ‘‘เยฺยํ ปจฺจยโต เจวา’’ติ วุตฺตํ. อิทเมว จ ปน อาจริยา ปสํสนฺติ.

๔๑-๒. หีนาทีนํ วิปากตฺตาติ อธิปติโยคาภาเวปิ หีนมชฺฌิมปณีตานํ กุสลานํ วิปากตฺตา. เอเตน อาคมนโต หีนาทิภาวํ วิภาเวติ. วิเนยฺยสนฺตานคตกิเลสมลวิธมเนน ตสฺส ปุนนโต ปุฺโ วาโท วจีโฆโส เอตสฺส, วุตฺตนเยเนว ปุฺํ วทตีติ วา ปุฺวาที, เตน ปุฺวาทินา. ‘‘เอกนฺเตน สวตฺถุก’’นฺติ วุตฺเตปิ รูปโลเก ปวตฺติ อนิวาริตาติ อาห ‘‘กามโลกสฺมิ’’นฺติ . ‘‘น ปนฺตฺถ ชายเต’’ติ อิมินา ปน พฺยติเรกโต ลทฺธมตฺถํ ทสฺเสตีติ.

เอวํ ตาว สเหตุกวิปาเก นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ อเหตุเก นิทฺทิสิตุํ ‘‘อเหตุกวิปากจิตฺตํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา ปน สเหตุกสฺส กมฺมสฺส อเหตุกวิปาโก โหตีติ? วุจฺจเต – จกฺขุวิฺาณาทีนํ ตาว ปฺจนฺนํ อารมฺมณาภินิปาตมตฺตตฺตา อโลภาทิสมฺปโยโค น สมฺภวติ, ตถา มนฺทตรกิจฺเจสุ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรเณสูติ เอวํ เหตูนํ อุปฺปตฺติยา อสมฺภวโต จ เนสํ อเหตุกตา ทฏฺพฺพา. อุเปกฺขาทิโยเค ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ ตาว จตุนฺนํ อิฏฺารมฺมเณปิ ปวตฺตมานานํ วตฺถารมฺมณสงฺฆฏฺฏนาย ทุพฺพลภาวโต อุเปกฺขาสหคตตา, กายวิฺาณสฺส จ ตาย พลวภาวโต สุขสหคตตา โหติ. สมฺปฏิจฺฉนํ ปน อารมฺมณฆฏฺฏนโยคฺยภาเวน โอฬาริกตฺตา, จตุจิตฺตกฺขณาตีตวเสน จิรชาตตฺตา จ ทุพฺพลมตฺตโน นิสฺสเยน สห อสมานชาติกฺจ จกฺขาทิวตฺถุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺเนหิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ลทฺธานนฺตรปจฺจยตาย, อปุพฺพนิสฺสยตาย จ อารมฺมณรสสฺสาเท ทุพฺพลนฺติ อิฏฺาทีสุ อารมฺมเณสุ อุเปกฺขาสหคตเมว. สนฺตีรณํ ปน วุตฺตวิปรีตโต อิฏฺารมฺมเณ สุขสหคตํ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อุเปกฺขาสหคตนฺติ ทฏฺพฺพํ. มโนวิฺาณธาตุ วิย วิสิฏฺมนนกิจฺจาภาวโต มโนมตฺตา นิสฺสตฺตนิชฺชีวาทิอตฺเถหิ ธาตุ จาติ มโนธาตุ. สา หิ สติปิ วิฺาณภาเว มโนวิฺาณโต สมฺภวสฺส วิสิฏฺมนนกิจฺจสฺส อกรณโต มนนมตฺตาเยว โหติ. วุตฺตลกฺขณวิปรีตโต ปน มโน จ ตํ วิฺาณฺจาติ มโนวิฺาณํ, ตเทว ยถาวุตฺตฏฺเน ธาตูติ มโนวิฺาณธาตุ.

วิฺาณปฺจกํ นิยตารมฺมณํ ยถากฺกมํ รูปาทิเอเกกสฺเสว อารมฺมณกรณโต. เสสตฺตยมนิยตารมฺมณํ ปฺจารมฺมณิกฉฬารมฺมณิกภาวโต.

ทฏฺพฺพตาย ทิฏฺํ, รูปายตนํ. โสตพฺพตาย สุตํ, สทฺทายตนํ. มุนิตพฺพตาย มุตํ, สมฺปตฺตสฺเสว คเหตพฺพตายาติ อตฺโถ, คนฺธาทิตฺตยสฺเสตํ นามํ. จกฺขาทีหิ วินา เกวลํ มนสา เอว วิชานิตพฺพตาย วิฺาตํ, ธมฺมายตนํ. อนามฏฺกาลวิเสสวจนตฺตา จ เนสํ อตีตานาคตาปิ รูปาทโย ทิฏฺาทิสทฺเทหิ วุจฺจนฺติ. เตเนว หิ ‘‘ทฏฺพฺพตายา’’ติอาทินา กาลสามฺเน เนสํ นิพฺพจนํ วุตฺตํ. ทิฏฺํ อารมฺมณํ ยสฺส ตํ ทิฏฺารมฺมณํ. เอวํ สุตารมฺมณาทีสุ.

จกฺขุโต ปวตฺตนฺติ จกฺขุทฺวารโตว ปวตฺตํ สพฺพวากฺยานํ อวธารณผลตฺตา. เตน มโนธาตุอาทีนํ จกฺขุวิฺาณภาโว นิวาริโต โหติ เตสํ ทฺวารนฺตรโตปิ ปวตฺติสมฺภวโต. อถ วา ‘‘จกฺขุโต ปวตฺต’’นฺติ อิทํ สฺชาติปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, น สฺจรณปฺปวตฺตึ, ตสฺมา ยถา กุณฺฑมุขโต อุทกํ สฺจรณวเสน ปวตฺตติ, น เอวํ ปวตฺตมิธ คหิตํ. ยถา ปน จนฺทกนฺตปาสาณโต อุทกํ สฺชาติวเสน ปวตฺตติ, เอวํ ปวตฺตเมว จกฺขุโต ปวตฺตนฺติ คหิตํ. ยถา จ กึ? ยถา กุจฺฉิโต สมุฏฺิตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทิ มุขโต สนฺทนฺตมฺปิ ‘‘มุขสฺสโว’’ติ น วุจฺจติ, มุขโตเยว ปน สมุฏฺหิตฺวา ตโต สวนฺตํ เขฬํ ‘‘มุขสฺสโว’’ติ วุจฺจติ, เอวํ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโต สมุฏฺหิตฺวา จกฺขุโต ปวตฺตมานํ จกฺขุวิฺาณํ นาม น โหติ. จกฺขุโตเยว ปน สมุฏฺหิตฺวา ตโต ปวตฺตมานํ จกฺขุวิฺาณํ นามาติ. โย ปน อิมมตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา พฺยฺชนมตฺตสฺเสว อภินิวิสิตฺวา ตํทฺวารปฺปวตฺตานํ เสสานมฺปิ จกฺขุวิฺาณภาวํ มฺเยฺย, ตํ นิวาเรตุํ ปการนฺตเรนปิ วิคฺคหํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขุมฺหิ สนฺนิสฺสิต’’นฺติ. ยถา จกฺขุโต ปวตฺตํ, จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ วา วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ, เอวํ โสตวิฺาณาทีสุปิ ‘‘โสตโต ปวตฺตํ, โสตสฺมึ สนฺนิสฺสิตํ วา วิฺาณํ โสตวิฺาณ’’นฺติอาทินา โยชนํ อติทิสนฺโต อาห ‘‘ตถา โสตวิฺาณาทีนี’’ติ.

จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ หุตฺวา รูปสฺส วิชานนลกฺขณเมตสฺสาติ จกฺขุสนฺนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ. ตตฺถ จกฺขุสนฺนิสฺสิตวจเนน ทิพฺพจกฺขาทิกํ อฺํ รูปารมฺมณํ วิฺาณํ นิวตฺเตติ . วิชานน-คฺคหเณน จกฺขุสนฺนิสฺสิเต ผสฺสาทิธมฺเม นิวตฺเตติ. จกฺขุรูป-คฺคหเณน นิสฺสยโต, อารมฺมณโต จ จิตฺตํ วิภาเวติ อุภยาธีนวุตฺติกตฺตา. ยทิ หิ จกฺขุ นาม น สิยา, อนฺธาปิ รูปํ ปสฺเสยฺยุํ, น จ ปสฺสนฺติ. ยทิ จ นีลาทิรูปํ นาม น สิยา, เทสาทินิยเมน น ภวิตพฺพํ, อตฺเถว จ นิยโม. เอกนฺตสารมฺมณตา จ จิตฺตสฺส วุตฺตาติ อารมฺมเณน วินา นีลาทิอาภาสํ จิตฺตํ ปวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺโต วาโท มิจฺฉาวาโทติ คเหตพฺโพ. เตนาห ภควา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕). เอตฺถ สิยา – กึ ปเนตํ จกฺขุ, รูปฺจ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหนฺตํ เอกเมว ปจฺจโย โหติ, อุทาหุ อเนกนฺติ? จกฺขุ ตาว เอกมฺปิ, รูปํ ปน อเนกเมว สงฺคตํ. กึ การณํ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต. ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโยติ วุตฺตํ, สฺวายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ อุปฺปนฺนํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณเยว อุปการกตฺตา, ตถาปิ อเนกเมว สงฺคตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ตํ อารมฺมณํ ตสฺส ยถา ตถา อุปลพฺภนียวเสเนว อารมฺมณปจฺจยภาโว, วิฺาณสฺส จ อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ. อมุเมว หิ วิเสสํ วิภาเวตุํ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) ปาฬิยํ วจนเภโท กโตติ. เอวํ โสตวิฺาเณปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. ฆานวิฺาณาทีนํ ปน สมฺปตฺตคฺคาหตาย อตฺตโน นิสฺสเยน สห อลฺลีนสฺเสว คหณโต เอกกลาปคตมฺปิ คนฺธาทิกํ เตสํ อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย โหติ.

รูปมตฺตารมฺมณรสนฺติ รูปายตนมตฺตสฺเสว อารมฺมณกรณรสํ. มตฺต-สทฺเทน ยถา อารมฺมณนฺตรํ นิวตฺเตติ, เอวํ รูปายตเนปิ ลพฺภมาเน เอกจฺเจ วิเสเส นิวตฺเตติ. น หิ จกฺขุวิฺาณํ วณฺณมตฺตโต อฺํ กิฺจิ นีลาทิวิเสสํ ตตฺถ คเหตุํ สกฺโกติ. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชมานํ รูปารมฺมเณ เอว อุปฺปชฺชนโต ตทภิมุขภาเวน คณฺหาตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อตฺตโน อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ สมนนฺตรวิคตา อรูปธมฺมา ปวตฺติโอกาสทาเนน อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ อุปการกา, นิสฺสยารมฺมณา ธมฺมา วิย อาสนฺนการณาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปารมฺมณาย กิริยามโนธาตุยา อปคมปทฏฺาน’’นฺติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กิริยามโนธาตุยา อารมฺมณเภทโต ภินฺนสภาวตฺตา อาห ‘‘กิริยามโนธาตูน’’นฺติ. จกฺขุวิฺาณาทีหิ คหิตํ รูปาทิอารมฺมณํ ตทนนฺตรเมว อปริปตนฺตํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉนฺตํ คณฺหนฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาทิสมฺปฏิจฺฉนรส’’นฺติ. ตถาภาเวน สมฺปฏิจฺฉนภาเวน ปจฺจุปฏฺาตีติ ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ.

ฉสุ อารมฺมเณสุ กทาจิ ปฺจนฺนํ ชจฺจนฺธาทิวเสน ตโตปิ อูนานํ, พฺรหฺมโลเก จ ทฺวินฺนเมว วิชานนสภาวาปิ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา วุตฺตา ตํสภาวานติวตฺตนโต, ฉสฺเวว วา อิตเรสํ อารมฺมณานํ อนฺโตคธตฺตา. สนฺตีรณาทิรสาติ ยถาสมฺภวํ สนฺตีรณตทารมฺมณาทิกิจฺจา, สนฺตีรณตทารมฺมณปฏิสนฺธิภวงฺคจุติกิจฺจาติ อธิปฺปาโย. ‘‘หทยวตฺถุปทฏฺานา’’ติ อิทํ อิมาสํ ทฺวินฺนํ มโนวิฺาณธาตูนํ อนิพทฺธฏฺานตาย นิพทฺธการณํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. วุตฺตนเยน ปน ‘‘ตํตํอนนฺตราตีตวิฺาณาปคมปทฏฺาน’’นฺติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. อเหตุกจิตฺตานํ วิสุํ วิสุํ ลกฺขณาทิกสฺส ทสฺสิตตฺตา ปริเสสโต สเหตุกจิตฺตานํ เอกสทิสเมว ลกฺขณาทิกนฺติ วิฺายติ. ตํ ปน เหฏฺา วิภาวิตเมว.

อิทานิ อิมาสํ อารมฺมณาทิโต เภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกนฺตมิฏฺารมฺมเณติ เอกนฺเตเนว อิฏฺารมฺมเณ, อติอิฏฺารมฺมเณติ อตฺโถ. ปฺจสุ าเนสูติ สเหตุกวิปากานํ วุตฺเตสุ จตูสุ, สมฺปฏิจฺฉนโวฏฺพฺพนานํ อนฺตราฬสงฺขาตสนฺตีรณฏฺาเน จาติ ปฺจสุ าเนสุ, ปฺจสุ กิจฺเจสูติ วา อตฺโถ. กิฺจาปิ โสมนสฺสปฏิสนฺธิกสฺส โทมนสฺสชวนาวสาเน ตทารมฺมณสมฺภเว อสติ ยํ กิฺจิ ปริจิตปุพฺพํ ปริตฺตารมฺมณมารพฺภ อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณมุปฺปชฺชตีติ อิจฺฉิตํ, ตถา ปน อุปฺปชฺชมานสฺส กทาจิเยว สมฺภวโต เยภุยฺยปฺปวตฺตึ คเหตฺวา ฉ านานิ อวตฺวา ปฺเจว วุตฺตานิ. อถ วา ตํ อุปฺปชฺชมานํ ตทารมฺมณฏฺาเนเยว นิพฺพตฺตตีติ ตํวเสเนว ตสฺสาปิ านํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อจกฺขุสํวตฺตนิกกมฺมนิพฺพตฺตตาย ชาติยา อนฺโธ ชจฺจนฺโธ. กิฺจาปิ หิ ชาติกฺขเณ อณฺฑชชลาพุชานํ สพฺเพสมฺปิ จกฺขุ นตฺถิ, ยสฺส ภาวาภาวโต อนฺธานนฺธวิจารณา ภเวยฺย, ตถาปิ จกฺขุสฺส อุปฺปชฺชมานารหกาเลปิ จกฺขุวิปตฺติวิพนฺธเกน กมฺมุนา ปฏิหตสามตฺถิเยน ปฏิสนฺธิทายเกน อิตเรนาปิ วา กมฺเมน ตสฺส อนุปาทิยมานตฺตา สตฺโต ‘‘ชจฺจนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. อถ วา ชจฺจนฺโธติ ปสูติยํเยว อนฺโธ, มาตุกุจฺฉิยํเยว อนฺโธ หุตฺวา นิกฺขนฺโตติ อตฺโถ. เตน ทุเหตุกติเหตุกานํ มาตุกุจฺฉิคตกาเลปิ จกฺขุสฺส อวิปชฺชนํ สิทฺธํ โหติ, เอวํ ชาติพธิราทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. ชจฺจชโฬติ ชาติยา อฺาณโก . กิฺจาปิ ทุเหตุกปฏิสนฺธิโกปิ ชาติยํ อฺาณโก, ตสฺส ปน ปวตฺติยํ ปฺา สมฺภวตีติ วุตฺตนเยน เยภุยฺยโต ปวตฺติยมฺปิ ปฺายาสมฺภวโต ชจฺจชโฬ เวทิตพฺโพ. ชจฺจุมฺมตฺตโก สุราเมรยปานาทิอุมฺมตฺตกภาวสํวตฺตนิกกมฺมปริภาวิเตน กมฺเมน คหิตปฏิสนฺธิโก. ปณฺฑโกติ ปรทารคมนาทิกมฺมปริภาวิเตน กมฺมุนา คหิตปฏิสนฺธิโก. โส ปฺจวิโธ อาสิตฺตปณฺฑโก อุสูยปณฺฑโก ปกฺขปณฺฑโก โอปกฺกมิกปณฺฑโก นปุํสกปณฺฑโกติ. อิธ ปน โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส สเหตุกสฺสาปิ ภาวโต, นปุํสกสฺส จ วิสุํ คหณโต ตโย ปณฺฑกา อธิปฺเปตา. อาทิ-สทฺเทน ชาติมูคชาติปงฺคุลมมฺมนาทีนํ สงฺคโห. เกจิ ปน ‘‘เอกจฺเจ อเหตุกปฏิสนฺธิกา อวิกลินฺทฺริยา หุตฺวา โถกํ วิจารณปกติกาปิ โหนฺติ, ตสฺมา ตาทิสานมฺปิ อิธ อาทิ-สทฺเทน สงฺคโห’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ชจฺจนฺธาทีนเมว อยํ ปฏิสนฺธีติ น คเหตพฺพา. ชจฺจนฺธาทโย ปน อิมินา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ คเหตพฺพํ.

๔๓. ติเหตุกปุฺสฺสาติ ติเหตุกสฺสปิ อุกฺกฏฺปุฺสฺส. ทุเหตุกมฺมสฺส ปน สพฺพถาปิ โสฬสนฺนํ วิปากานํ อสมฺภวโต ตปฺปฏิกฺเขปปรตฺตา เจตนาย ‘‘ติเหตุกปุฺสฺสา’’ติ อวิเสสโต วุตฺตํ.

กามาวจรวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

รูปาวจรารูปาวจรวิปากวณฺณนา

มหคฺคตวิปากานํ ตํตํกุสลาคมนวเสเนว ฌานงฺคหานิ, น ปน ภาวนาวิเสเสนาติ เตสํ ปหานงฺคานิ อนุทฺธฏานิ. อุปปตฺติยนฺติ อุปปตฺติภเว.

อรูปาวจรวิปากจิตฺตานิ วุจฺจนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๔. กุสลานุคตํ กตฺวาติ กุสลานุรูปํ กุสลสทิสํ กตฺวา. ยถา กามาวจรวิปากํ กุสลโต วิสทิสมฺปิ กตฺวา วิภตฺตํ, เอวมกตฺวา กุสลสทิสเมว กตฺวาติ อตฺถํ วทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน กุสลานนฺตรํ กตฺวา มหคฺคตวิปากานํ ภาชิตปาฬึ สนฺธาย ‘‘กุสลานุคตํ กตฺวา ภาชิต’’นฺติ วุตฺตํ. ปาฬิยฺหิ –

‘‘กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๓๑) –

กามาวจรวิปากํ วิภชิตฺวา มหคฺคตวิปากํ วิภชนฺเตน –

‘‘กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? ยสฺมึ สมเย รูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ, วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา กุสลา, ตสฺเสว รูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ…เป… อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ (ธ. ส. ๔๙๘).

เอวํ กุสลํ อุทฺทิสิตฺวา ตทนนฺตรํ กตฺวา มหคฺคตํ วิปากํ วิภตฺตํ, ตสฺมา ยถา กามาวจรวิปากํ, เอวํ อวิภชิตฺวา อิทํ กุสลานนฺตรํ กตฺวา วิภตฺตนฺติ อิมมตฺถํ โชเตตุํ อฏฺกถายํ ‘‘กุสลานุคตํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิมินาปิ จ อาจริเยน ปริหารมุเขน วกฺขมานอตฺถวิเสสวจนิจฺฉาย ตตฺถ วุตฺตนเยเนว โจทนา กตา. เอวฺหิ สติ กุสลานนฺตรํเยว ผลํ อุปฺปชฺชตีติ าปนํ สุฏฺูปปนฺนํ โหตีติ อยเมตฺถ อมฺหากํ อาจริยสฺส มคฺโค.

มหคฺคตนฺติ มหคฺคตวิปากํ. ตฺหิ อิธ อธิคตํ. กามา…เป… ยโตติ ยสฺมา กามาวจรกุสลํ อสมานผลํ โหติ ติเหตุกสฺส ทุเหตุกาเหตุกวิปากานํ, ทุเหตุกสฺส จ อเหตุกวิปากานมฺปิ ชนนโต, น เอวมิทํ, อิทํ ปน เอกนฺเตเนว สทิสวิปากชนนโต สมานผลเมว, ตสฺมาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘กุสล’’นฺติ อวุตฺเตปิ กามาวจรปุฺํวาติ อุปมิตตฺตา อุปเมยฺยสฺสปิ กุสลภาโว วิฺายติ. กสฺมา ปเนตํ สทิสวิปากํ, น กามาวจรํ วิย วิสทิสวิปากมฺปีติ? วุจฺจเต – กามาวจรปุฺฺหิ อาจินนฺโต รูปตณฺหาทินานาวตฺถุกกามตณฺหูปนิสฺสยโต อาจินติ, ตสฺมา ตทูปนิสฺสยกุสลํ ตทนุรูปโต นานาวตฺถุกํ วิปากํ ชเนติ. มหคฺคตํ ปน อาจินนฺโต เอกวตฺถุกาเยว ภวตณฺหาย วเสน อาจินตีติ ตทนุรูปโต ตํ นานาวตฺถุํ อชเนตฺวา เอกวตฺถุเมว ชเนตีติ.

๔๕-๖. สพฺพถาติ ธมฺมโต อารมฺมณโต ปฏิปทาทิโต จ. ตถา หิ เย ผสฺสาทโย กุสเล จ ลพฺภนฺติ, เต วิปาเกปิ ลพฺภนฺติ, ยสฺมิฺจ อารมฺมเณ กุสลํ ปวตฺตติ, ตตฺเถว อิทํ วิปากมฺปิ. ยาว ปฏิปทาทโย กุสลสฺส ลพฺภนฺติ, ตาว อิมสฺส วิปากสฺสปีติ. กามํ ยสฺส กสฺสจิ ฉายา ตํตํวตฺถุสทิสาว, มหนฺตสฺส ปน กุสลวิปากสฺส มหนฺตาหิเยว อุปมาหิ ภวิตพฺพนฺติ ‘‘คชาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปเร อปเร อตฺตภาเว ภวํ เวทนมสฺสาติ อปราปริยเวทนํ. ยทิ อปราปริยเวทนํ น โหติ, กถฺจรหิ อิมสฺส ผลุปฺปตฺตีติ อาห ‘‘ฌานา อปริหีนสฺสา’’ติอาทิ.

๔๗. กุสลานนฺตรนฺติ กุสลภวานนฺตรํ. ยสฺมิฺหิ ภเว ตํ กุสลํ กตํ, โส อิธ กุสล-สทฺเทน อุปจารโต คหิโต กมฺมานนฺตรํเยว ผลสฺส อสมฺภวโต. น หิ ตํ โลกุตฺตรกุสลํ วิย อนนฺตรผลนิปฺผาทกํ, อถ โข เอกจฺจกามาวจรกุสลํ วิย อปราปริยเวทนํ อหุตฺวา สติปิ อเนเกเยว กามาวจรกมฺเม มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ ตมชฺโฌตฺถริตฺวา อตฺตโนเยว วิปากทาเนน เอกนฺเตน อนนฺตรภเวเยว ผลํ นิพฺพตฺเตติ. นนุ จ อปริหีนชฺฌานสฺเสว กสฺสจิ นิกนฺติวเสน กามภเว ปฏิสนฺธิ โหติ. ตถา หิ ติสฺสมหาพฺรหฺมา อุปริพฺรหฺมโลกูปปตฺติยา ภาวิตมคฺโค ภิกฺขูหิ ยาจิโต ตโต จวิตฺวา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสีติ วุตฺตนฺติ ตํ กถนฺติ? นิกนฺติพเลเนว ฌานํ ปริหายตีติ ตโต ปริหีนชฺฌาโน นิพฺพตฺตตีติ วทนฺติ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘อนีวรณาวตฺถาย นิกนฺติยา ฌานสฺส ปริหานิ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา’’ติ วตฺวา ‘‘สติปิ มหคฺคตกมฺมุโน วิปากํ ปฏิพาหนสมตฺถสฺเสว ปริตฺตกมฺมสฺส อภาเว ‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’ติ (อ. นิ. ๘.๓๕) วจนโต กามภเว เจโตปณิธิ มหคฺคตกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา ปริตฺตกมฺมุโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ. เอตสฺสาติ อิมสฺสตฺถสฺส าปนตฺถนฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๘-๙. เอวํ อวิเสเสน กุสลสทิสตํ อติทิสิตฺวา อิทานิ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิปทากฺกโมเจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา หิ ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนฺตสฺส ตํ ฌานํ ตํปฏิปทเมว โหติ, เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อปริหีเน ตสฺส ตสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตมาโน ตํตํปฏิปโทว ภวิตุํ อรหติ. ฉนฺทาธิปเตยฺยาทิภาโว ปน ตสฺมึ ขเณ วิชฺชมานานํ ฉนฺทาทีนํ อธิปติปจฺจยภาเวน โหติ, น อาคมนวเสน. ตถา หิ เอกเมว ฌานํ นานกฺขเณสุ นานาธิปเตยฺยํ โหติ, ตสฺมา วิปากสฺส อาคมนวเสน ฉนฺทาธิปเตยฺยาทิตา น คหิตา. เตนาห ‘‘อภาโวธิปตีน’’นฺติ. ตทภาวโตว สรสโต ตสฺส หีนาทิตา น สมฺภวตีติ สาปิ ฌานาคมนโตว วุตฺตา.

รูปาวจรารูปาวจรวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

โลกุตฺตรวิปากวณฺณนา

มคฺคจิตฺตสฺส วิย ผลจิตฺตสฺส มคฺคโยคโต เภทาภาเวน ‘‘จตุมคฺคโยคโต’’ติ อวตฺวา ‘‘จตุมคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตผลตฺตา’’ติ วุตฺตํ, จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปยุตฺตกุสลจิตฺตสฺส ผลตฺตา จตุพฺพิธสามฺผลสมฺปยุตฺตจิตฺตภาวโตติ อตฺโถ. โสตาปตฺติมคฺคสฺส ผลํ จิตฺตํ โสตาปตฺติมคฺคผลจิตฺตํ. เอวํ เสเสสุ. มคฺควีถิยํ ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา ผลสมาปตฺติยา อปริจฺฉินฺนปริมาณํ ปวตฺตมานมฺปิ ทฺวีสฺเวว าเนสุ ปวตฺติยา ทุวิธเมว โหตีติ อาห ‘‘มคฺควีถิผลสมาปตฺติวเสน ปวตฺติโต ทุวิธ’’นฺติ.

๕๐-๑. มคฺคสฺสานนฺตเร ผเล ลพฺภนฺติ มคฺคาคมนโตติ อธิปฺปาโย. มคฺโค หิ อาคมนโต ‘‘สุฺโต’’ติ ลทฺธนาโม สคุณาลมฺพณวเสน อนิมิตฺตอปฺปณิหิตนามมฺปิ ลภตีติ ผลสฺส นามตฺตยมฺปิ เทติ, ตถา อาคมนโต อปฺปณิหิโต มคฺโค สคุณารมฺมณวเสน อนิมิตฺตสุฺตอปฺปณิหิตนามโกติ ผลสฺส นามตฺตยมฺปิ เทติ. เอวฺจ กตฺวา อภิธมฺเม เอเกกสฺส ผลสฺส ตีณิ ตีณิ นามานิ วุตฺตานิ. นนุ จ อภิธมฺเม ‘‘สคุณารมฺมณโต นามํ อนธิปฺเปต’’นฺติ วุตฺตํ? สจฺจํ วุตฺตํ, ตํ ปน นามลาภํ สนฺธาย, น นามทานํ. ตตฺถ หิ ววตฺถานกรตฺตาภาวโต ตถา อนธิปฺเปตํ, น อลพฺภนโต. อิธ ปน เอเกกสฺส ผลํ นามตฺตยมฺปิ ลภตีติ ววตฺถานปฺปโยชนาภาวโต สคุณารมฺมเณหิ ลทฺธนามทานสฺส อธิปฺเปตตฺตา ติวิธมฺปิ นามํ เทติ. เอกนฺเตน เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา วิปสฺสนาปิ วิปสฺสโต ลทฺธนามมคฺคสฺส ตํ น ทเทยฺยาติ. ปรภาคสฺมินฺติ อปรภาเค. วฬฺชนผเลสูติ สมาปชฺชนวเสน อนุภวิตพฺพผเลสุ. ‘‘วฬฺชนผเลสุ นา’’ติ มคฺคาคมนํ สนฺธาย ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาวเสเนวา’’ติอาทิ. วฬฺชนผลฺหิ วิสุํ วิปสฺสนาวเสเนว นิพฺพตฺตตีติ ตสฺส ตํวเสน นามลาโภ. ยทิ เอวํ มคฺคสฺส วิย อนิมิตฺตนามลาโภ น สิยา? ตํ น, ยถา มคฺคานนฺตรสฺส ผลสฺส วิย วฬฺชนกผลสมาปตฺติยาปิ มคฺคาคมนโต จ ฌานปฏิปทาเภโท โหติ, เอวํ อนิมิตฺตนามมฺปิ ลพฺภตีติ.

๕๒-๓. โหนฺติ สาธิปตีเนวาติ เอตฺถ การณํ วุตฺตเมว. มคฺคภาเวนาติ โสฬสหิ อากาเรหิ จตุสจฺจปฏิเวธกมคฺคภาเวน, กิเลสมารณวเสน คมนสงฺขาเตน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิตพฺพภาวสงฺขาเตน วา มคฺคภาเวน. ผลํ…เป… วุจฺจตีติ สยํ ผลภาวมฺปิ มคฺคสฺส ผลตฺตา, ตํสทิสตาย วา ตมุปาทาย มคฺโคติ วุจฺจติ ‘‘มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺน’’นฺติอาทีสูติ อธิปฺปาโย.

โลกุตฺตรวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

อกุสลวิปากวณฺณนา

ยถา อติอิฏฺเ อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภทสมฺภวโต กุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ ทุวิธา โหติ โสมนสฺสสหคตา, อุเปกฺขาสหคตาติ, เอวํ อติอนิฏฺเ อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภโท นตฺถีติ อกุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ เอกวิธาวาติ ‘‘สตฺตากุสลวิปากานี’’ติ วุตฺตํ. สติ หิ ตตฺถ เวทนาเภเท อติอนิฏฺเ โทมนสฺเสน ภวิตพฺพํ, น จ ปฏิเฆน วินา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ. กายวิฺาณสฺส ทุกฺขสหคตา กุสลวิปาเก วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา. เอตฺถ จ อกุสลวิปาเกสุ ลพฺภมานทุกฺขํ วิย นาติกฏุกาปิ อุเปกฺขา เอกนฺตนิหีนสฺส อกุสลสฺส วิปากภาวโต ทุกฺขสภาวตฺตา หีนา เอว. น หิ อกุสลสฺส วิปาโก อทุกฺโข โหติ, อุเปกฺขาภาโว ปนสฺส พลวตา พาธิยมานสฺส ปฏิปหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ทุพฺพลปุริสสฺส เตน กริยมานพาธสฺส อุเปกฺขนา วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิมานิ…เป… จิตฺตานีติ อิมานิ สตฺต เอเกกสฺส อกุสลสฺส วิปากจิตฺตานิ, น ปน กุสลวิปาเก วิย ติเหตุกาทิปุฺวิเสเสน. อุทฺธจฺจสหคตสฺสปิ หิ ปวตฺติยํ สตฺเตว วิปากา ลพฺภนฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ ยถา กุสลวิปากํ สเหตุกมฺปิ อุทฺธฏํ, น เอวํ อกุสลวิปากนฺติ? เหตูนํ อสมฺภวโต. โลภาทีนฺหิ เอกนฺตสาวชฺชตาย อโยนิโสมนสิการเหตุกานํ นตฺถิ วิปากภาโว, อโลภาทีนมฺปิ เอกนฺตมนวชฺชสภาวานํ วา การณสฺส ตพฺพิทูรตาย นตฺเถว อกุสลวิปากภาโว. น หิ อโลภาทีนํ ปฏิปกฺขโลภาทโย เต อภินิปฺผาเทนฺติ, ตสฺมา อิทํ สพฺพถา สเหตุปฺปวตฺติยา อสมฺภวโต อเหตุกเมวาติ.

กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺเตสูติ เอตฺถ อตีตภเว อายูหิตํ อปราปริยเวทนียํ, อุปปชฺชเวทนียํ วา กมฺมํ กมฺมํ นาม . กมฺมกรณกาเล เจตนาย คหิตมารมฺมณํ กมฺมนิมิตฺตํ นาม. อุปปชฺชิตพฺพภวปริยาปนฺโน นรกาทีสุ อคฺคิชาลาทิวณฺโณ คตินิมิตฺตํ นาม.

๕๔. อิเมติ อกุสลวิปากา. เตสํ อนิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺตวิสเยสุ ปวตฺติวจเนน ตพฺพิปริยาเยน กุสลวิปากานํ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตวิสเยสุ ปวตฺติ อตฺถโต อาปนฺนาติ สา วิสุํ น วุตฺตา. สุขาทิตฺตยยุตฺตาติ สุขโสมนสฺสุเปกฺขายุตฺตา.

‘‘เอว’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตวิปากานํ นิคมนํ.

อกุสลวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

วิปากจิตฺตวณฺณนา

๕๕. ปากสฺส อสุรกฺานํ คพฺภปริปากสฺส สาสนโต วินาสนโต, ปากสงฺขาตสฺส วา อสุรสฺส วินาสนโต ปากสาสโน วุจฺจติ สกฺโก เทวราชา, เตน ปูชิโต ปากสาสนปูชิโต. ปากํ วา ปริปกฺกํ สาสนเมเตสูติ ปากสาสนา, ขีณาสวา, เตหิ ปูชิโตติ ปากสาสนปูชิโต.

วิปากจิตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทานาทิวเสนาติ ปวตฺตาการมตฺตโต ทานาทิวเสน, น ปน ปุฺกิริยวตฺถุวเสน ขีณาสวสนฺตานคตสฺส ปุฺกิริยภาวาภาวโตติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

อาวชฺชตีติ อาวชฺชนํ, อาภุฺชติ โอโณเชติ ปริณาเมติ วาเรตีติ วา อตฺโถ. ตฺหิ อาปาถคตํ อารมฺมณํ ปมมาภุฺชติ, จกฺขุวิฺาณาทีนิ วีถิจิตฺตานิ อาปาถคตารมฺมณาภิมุขํ โอโณเชติ, จิตฺตสนฺตานํ วา ปุริมาการโต อฺถา ปริณาเมติ, อนุปฺปพนฺธโต ปวตฺตนกํ ภวงฺคจิตฺตสนฺตานํ ปรโต ปวตฺติตุํ อทตฺวา อาปาถคตํ วา อารมฺมณํ อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา วาเรติ. หสิตํ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปาทียติ วา เอเตนาติ หสิตุปฺปาทํ, ตเทว จิตฺตนฺติ หสิตุปฺปาทจิตฺตํ. โวฏฺเปตีติ โวฏฺพฺพนํ. กสฺมา ปเนตฺถ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานิ อุเปกฺขาสหคตานิ, หสิตุปฺปาทฺจ โสมนสฺสสหคตนฺติ? วุจฺจเต – อาวชฺชนํ ตาว อปุพฺพารมฺมเณ สกิเทว จ ปวตฺตมานสนฺตติวิจฺเฉทวเสน ปวตฺตนโต, ทุพฺพลภวงฺคปจฺจยํ วา สพฺพถา วิสยรสมนุภวิตุํ น สกฺโกตีติ อิฏฺาทีสุ สพฺพตฺถ อุเปกฺขายุตฺตเมว โหติ. โวฏฺพฺพนฺจ วุตฺตวิปริยาเยน เวทนาเภทารหมฺปิ สมานํ วิปากปฺปพนฺธํ วิจฺฉินฺทิตฺวา วิสทิสจิตฺตปฺปพนฺธสฺส นิพฺพตฺตนโต สนฺตติปริณามเนเยว กิจฺจนฺตเร พฺยาวฏตฺตา วิปากํ วิย อารมฺมณรสสฺสาเท อสมตฺถเมวาติ สพฺพตฺถ อุเปกฺขาสหคตเมว. หสิตุปฺปาทํ ปน วุตฺตวิปรีตโต ปริหีนวิปลฺลาสานํ ขีณาสวานํ สนฺตาเน อิฏฺารมฺมเณเยว อุปฺปชฺชนโต สพฺพถา โสมนสฺสสหคตเมวาติ.

ลกฺขณาทิโต ปเนตาสุ ปุริมํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปุเรจรํ รูปาทิวิชานนลกฺขณํ, อาวชฺชนรสํ , ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ, ภวงฺควิจฺเฉทปทฏฺานํ. ทุติยํ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณํ, อรหตํ อโนฬาริเกสุ วตฺถูสุ หสิตุปฺปาทรสํ, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ, เอกนฺตโต หทยวตฺถุปทฏฺานํ. ตติยมฺปิ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณํ, ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนาวชฺชนรสํ, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ, อเหตุกวิปากมโนวิฺาณธาตุภวงฺคานํ อฺตราปคมปทฏฺานนฺติ.

ภวงฺคํ อาวฏฺฏยมานาติ ภวงฺคสนฺตานํ อาวฏฺฏยนฺตี วิย. สาธารณาติ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สาธารณา. อสาธารณาติ อเสกฺขานํเยว อาเวณิกา. เตนาห ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติ. ฉสุ ทฺวาเรสุ…เป…อารมฺมเณสูติ จกฺขาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ, ปธานสารุปฺปฏฺานาทิคเตสุ ฉสุ รูปาทิอารมฺมเณสุ. ปธานสารุปฺปฺหิ านํ ทิสฺวา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถาย ‘‘สารุปฺปมิทํ านํ มยา ลทฺธ’’นฺติ ตุสนฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมเณ, ภณฺฑภาชนฏฺาเน มหาสทฺทํ สุตฺวา ‘‘เอวรูปา โลลุปฺปตณฺหา เม ปหีนา’’ติ ตุสนฺตสฺส โสตทฺวาเร สทฺทารมฺมเณ, คนฺเธหิ วา ปุปฺเผหิ วา เจติยปูชนกาเล ‘‘เอวรูเปน วต สุคนฺเธน ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ตุสนฺตสฺส ฆานทฺวาเร คนฺธารมฺมเณ, รสสมฺปนฺนํ ปิณฺฑปาตํ สพฺรหฺมจารีหิ สห ภาเชตฺวา ปริภุฺชนกาเล ‘‘สารณียธมฺโม วต เม ปูริโต’’ติ ตุสนฺตสฺส ชิวฺหาทฺวาเร รสารมฺมเณ, อาภิสมาจาริกวตฺตปูรณกาเล ‘‘กาเยน วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรมี’’ติ ตุสนฺตสฺส กายทฺวาเร โผฏฺพฺพารมฺมเณติ เอวํ ปฺจทฺวาเรสุ ปฺจารมฺมเณสุ ปวตฺตติ.

มโนทฺวาเร ปน ยถาวุตฺเตสฺเวว ปฺจสุ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณสุ ฆฏิการสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วิย ภควโต ปุพฺเพนิวาสาเณน ปริฺาเต อตีตารมฺมเณ, ‘‘อฏฺิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๖ เทวทตฺตวตฺถุ) อาคตฏฺานาทีสุ วิย อนาคตํสาเณน ปริจฺฉินฺเน อนาคตารมฺมเณ จาติ เอวํ ฉสฺเววารมฺมเณสุ หสิตํ อุปฺปาเทตีติ เวทิตพฺพํ. นนุ จ อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตาทีสุ อปฺปฏิหตาณํ วตฺวา ‘‘อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺต’’นฺติ วจนโต วิจารณปฺารหิตาย เอตาย กถํ ภควโต อุปฺปตฺติ ยุชฺเชยฺยาติ? หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปวตฺติยมานมฺปิ ภควโต สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาสอนาคตํสสพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยว, เอวํ ปน าณานุปริวตฺติภาเว สติ น โกจิ ปาฬิวิโรโธ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘เตสํ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺเจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา อฺสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส อเหตุกจิตฺตสฺส ภควโต อุปฺปตฺติ น ยุชฺเชยฺย. น หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส ตํสมุฏฺิตาย วิฺตฺติยา กายกมฺมาทิภาวํ อาปชฺชนภาโว วิพนฺธตีติ. เอวฺจ กตฺวา ปฺจทฺวาเร อิมินา จิตฺเตน โสมนสฺสุปฺปาทนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, น หาสุปฺปาทนํ ปฺจทฺวาริกจิตฺตานํ อวิฺตฺติชนกตฺตา. มโนทฺวาเร ปน หาสุปฺปาทนํ. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ปฺจทฺวาเร ‘‘โสมนสฺสิโต โหตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๖๘) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, มโนทฺวาเร จ ‘‘หาสยมาน’’นฺติ. อิธ ปน ‘‘หสิตุปฺปาทกิจฺจา’’ติ อวิเสสวจนํ ปฺจทฺวาเร โสมนสฺสกรณวเสน ปวตฺตสฺสปิ มโนทฺวาเร หาสชนนสฺส ปจฺจยภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. หสิตุปฺปาทกิจฺจาติ หสิตสฺเสว อุปฺปาทนกิจฺจา. เตเนว หิ ตํ ‘‘หสิตุปฺปาท’’นฺติ วุจฺจติ, น ปน อฺเสํ หสิตุปฺปาทจิตฺตานํ อภาวโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กุสลโต จตูหี’’ติอาทิ.

ฉ อสาธารณาณานีติ อาสยานุสยาณํ, อินฺทฺริยปโรปริยาณํ, ยมกปาฏิหาริยาณํ, มหากรุณาสมาปตฺติาณํ, สพฺพฺุตฺาณํ, อนาวรณาณนฺติ อิมานิ ฉ ปจฺเจกพุทฺธาทีหิ อสาธารณานิ าณานิ. นนุ จ สพฺพฺุตฺาณเมว อนาวรณาณํ, อิตรถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ อสพฺพฺุตสาวรณาณตา จ อาปชฺเชยฺย, ตถา หิ ยทิ สพฺพฺุตฺาณโต อฺมนาวรณาณํ สิยา, ตสฺส สาวรณตฺตา สาวรเณ จ วิสเย สภาวปฏิเวธาภาวโต สพฺพฺุภาวํ น สิชฺเฌยฺย, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเวน ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสมฺภวโต อนาวรณภาโวปิ น สิยาติ? สจฺจเมตํ, เอกเมว ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตฺตา สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺควารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ เอวํ วิสยปวตฺติเภเทน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ทฺเวธา วุตฺตนฺติ. ยถาห –

‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙).

อิธ ตฺวาติ หสิตสฺส อุปฺปาทนโต หสิตสฺส อุปฺปาทนนฺติ วุตฺตจิตฺตสฺส อาคตฏฺาเน ตฺวา. ปริคฺคณฺหิตพฺพานีติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตพฺพานิ. กิฺจาปิ รูปาวจรกิริยานํ ฌานงฺคปฺปหานํ วิปาเก วิย อาคมนโต อหุตฺวา กุสเล วิย ภาวนาวิเสเสน ปวตฺตาการมตฺตํว โหติ, ปมชฺฌานสฺส ปน ปหานงฺคสมฺภวาภาวโต เอกสฺส วเสเนว นิทฺทิสิตุํ เสสานมฺปิ ปหานงฺคํ อวตฺวา สมฺปโยคงฺคเมว เตสุ ทสฺสิตนฺติ.

๕๗. ยสฺมา ปน ภาวนาวเสน ปวตฺตาการมตฺตํ วินา ภาวนาย กาตพฺพสฺส นีวรณปฺปหานาทิกิจฺจสฺส อภาวโต อุชุกํ ภาวนา นาม น โหติ, ตสฺมา ‘‘ภาวนาการวสปฺปวตฺตานี’’ติ อาการ-คฺคหณํ กตนฺติ.

๕๘-๙. นฺติ ตํ ยถาวุตฺตรูปารูปสมาปตฺตึ. สมาปนฺนา สเจ กฺริยาติ เอตฺถ กิฺจาปิ สา เอว สมาปตฺติ สมาปชฺชิตุํ น สกฺกา, นิรุทฺธานํ อนุปฺปนฺนโต, ปฏิลทฺธสมาปตฺติกสฺเสว สมาปชฺชิตุกามตาย สทฺธึเยว สมาปชฺชนโต, ปมชฺฌานาทิกเมว ปฏิลภิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิกํ สมาปชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต จ, ปุพฺเพ ปฏิลทฺธสมาปตฺติสทิสํ ปุน สมาปชฺชนโต ปุถุชฺชนกาลสฺมึ อภินิพฺพตฺติตสมาปตฺติสทิสา เอตฺถ สา เอว ตถา วุตฺตา.

๖๑. เอกจิตฺตกฺขณตฺตาติ เอกจิตฺตกฺขเณเยว ปวตฺตนโต. ยทิ หิ โส ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺเชยฺย, ตทาสฺส อรหโต อุปฺปตฺติยา กิริยภาโว อิจฺฉิตพฺโพ สิยา. สกึเยว ปน ปวตฺตติ จตุสจฺจปฏิเวธกิจฺจสฺส เอกวาเรเนว ปรินิฏฺานโต, ตกฺกิจฺเจน จ วินา ตสฺส อนุปลพฺภนียตฺตา. เตนาห – ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๑๙), ตสฺมา นตฺถิ โลกุตฺตรํ กิริยจิตฺตนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.

๖๒. กฺริยา…เป… เทสโกติ ยา อาปตฺติโย กายวาจาหิ อกาตพฺพํ กตฺวา อาปชฺชติ, ตา กิริยา, ยา ปน อาปตฺติโย กายวาจาหิ กาตพฺพํ อกโรนฺโต อาปชฺชติ, ตา อกิริยา, กิริยา จ อกิริยา จาติ กิริยากิริยา, กิริยากิริยา จ ตา อาปชฺชิตพฺพโต อาปตฺติโย จาติ กิริยากิริยาปตฺติโย, ตาสํ วิภาคํ เทเสตีติ กิริยา…เป… เทสโก. อถ วา กิริยาฌานภูตา สมาปตฺติโย กิริยาปตฺติโย, กุสลภูตา ปน สมาปตฺติโย อกิริยาปตฺติโย, ตาสํ วิภาคํ เทเสตีติ กฺริยา…เป… เทสโก. ยํ กิริยากิริยํ จิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ปฺจนฺนํ มารานํ ชิตตฺตา ชิโน. หิตาหิตานนฺติ อตฺถานตฺถานํ. สาติ โส ชิโน. กฺริยากฺริยารโตติ สพฺพสตฺตานํ หิตสฺส กรเณ, อหิตสฺส จ อกรเณ นิรโต. อถ วา เอกนฺตมิฏฺวิปากตฺตา หิตาติ กุสลานเมตํ อธิวจนํ . ตปฺปฏิปกฺขตฺตา อหิตาติ อกุสลานเมตํ อธิวจนํ. ยถากฺกมํ เตสํ กิริยายํ, อกิริยายฺจ รโตติ หิตาหิตานํ…เป… รโต. อถ วา หิตาหิตาติ กุสลากุสลา เอว, เตสํ กิริยากิริยามตฺตมวิปากภาวํ กาตุํ อิจฺฉตีติ หิตาหิตานํ…เป… รโต. อถ วา หิตาหิตานํ ปุคฺคลานํ สกิริยากิริยาย อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจสฺส อิธโลกปรโลกนิปฺผาทนสฺส กรเณ รโต อภิรโตติ หิตาหิตานํ…เป… รโต.

๖๔-๖. สพฺเพ โลกุตฺตเร อฏฺ กตฺวา เย เอกูนนวุติ จิตฺตุปฺปาทา วุตฺตา, ตานิ จิตฺตานิ มยา นิทฺทิฏฺานีติ สมฺพนฺโธ. ปาฏวํ อตฺเถนฺติ ปตฺเถนฺติ, ปาฏวสงฺขาโต วา อตฺโถ เอเตสนฺติ ปาฏวตฺถิโน. อุคฺคเหตพฺโพติ สวนปฏิปุจฺฉาวเสน อุคฺคหิตพฺโพ, อุคฺคณฺหิตฺวา ปน น เกวลํ อุคฺคหณมตฺเตเยว าตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จินฺเตตพฺโพ ปุนปฺปุน’’นฺติ, น หิ สกฺกา อุคฺคหณมตฺเตเนเวตฺถ สพฺพถา สนฺนิฏฺานํ คนฺตุนฺติ อธิปฺปาโย. อภิธมฺมมโหทธินฺติ ธมฺมสงฺคณีอาทิสตฺตปฺปกรณวเสน ิตมภิธมฺมปิฏกมหณฺณวํ, ขนฺธายตนาทิวเสน ิตํ ปรมตฺถมหณฺณวํ วา. ตรนฺตีติ อตฺถคฺคหณวเสน อุตฺตรนฺติ, สุตมยาณมูลเกน วา ภาวนาาเณน โอตรนฺตีติ อตฺโถ. อิมํ โลกนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนภวํ. ปรํ โลกนฺติ อนาคตภวํ. ตรนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. อิธ โลกสฺมิฺหิ ฉนฺทราคปฺปหานวเสน อิมํ โลกํ ตรนฺติ, อายตึ ภวูปปาทกสฺส กมฺมสฺส กมฺมกฺขยกราเณน วินาสนโต ปรโลกํ ตรนฺติ, อนุปาทาปรินิพฺพานวเสน ปรินิพฺพายนฺตีติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

จิตฺตนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.