📜
๔. จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท
เอกวิธาทินิทฺเทสวณฺณนา
๑๒๘-๓๐. วิชานนสภาวโตติ อารมฺมณวิชานนสภาวตฺตา. นนุ จ เหฏฺา สารมฺมณโต เอกวิธภาโว วุตฺโตติ? สจฺจํ วุตฺโต, โส ปน เจตสิกานฺจ สาธารโณติ อิธ ตพฺพิวชฺชนตฺถํ วิชานนลกฺขณตาว วุตฺตา. สงฺเขปคณนวเสน จ สเหตุกานํ เอกสตฺตติวิธตา วุตฺตา. เหตุวาทินาติ กุสลากุสลาพฺยากตเหตูนํ พฺยากรณกุสเลน ¶ . อถ วา ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา ¶ , เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาหา’’ติ (อป. เถร ๑.๑.๒๘๖; มหาว. ๖๐) วจนโต ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ตํตํปจฺจยวาทินา.
๑๓๑-๔. สวตฺถุกาวตฺถุกโตติ เอกนฺเตน สพฺพวตฺถุนิสฺสิตภาวโต เจว ตทภาวโต จ. เกจิ ปน หทยวตฺถุวเสน สวตฺถุกาวตฺถุกตํ วณฺเณนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ สวตฺถุกนิทฺเทเส ‘‘สพฺโพ กามวิปาโก’’ติ ปสาทนิสฺสิตานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา. อุภยวเสนาติ สวตฺถุกาวตฺถุกวเสน. กานิจิ หิ จิตฺตานิ เอกนฺเตน สวตฺถุกานิ, กานิจิ อวตฺถุกาเนว, กานิจิ อุภยสภาวานิ. ตถา เจว นิทฺทิสติ ‘‘สพฺโพ กามวิปาโก จา’’ติอาทิ.
สพฺโพ กามวิปาโก จาติ สเหตุกาเหตุกภินฺโน สพฺโพ เตวีสติวิโธ กามาวจรวิปาโก จ. อาทิมคฺโคติ โสตาปตฺติมคฺโค. โส หิ สพฺพโลกุตฺตเรสุ อาทิโต อุปฺปชฺชนโต, อฏฺสุ อริยปุคฺคเลสุ อาทิปุคฺคลสฺส สมฺพนฺธีติ วา ‘‘อาทิมคฺโค’’ติ วุจฺจติ. วินา วตฺถุนฺติ สกสกวตฺถุํ วินา นุปฺปชฺชนฺติ. เตเนว เหตานิ อรูปภเว นุปฺปชฺชนฺติ ตตฺถ วตฺถูนํ อภาวโต. ‘‘นุปฺปชฺชนฺติ วินา วตฺถุ’’นฺติ จ อิทํ อนฺโตภาวิตการณตฺถํ กตฺวา วุตฺตํ. เตน ยสฺมา วตฺถุํ วินา นุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา เอกนฺเตน สวตฺถุกาติ วุตฺตํ โหติ.
เอกนฺเตน อวตฺถุกา อรูปภเวเยว ปฏิสนฺธาทิวเสน ปวตฺตนโต. กถํ ปน รูปสนฺนิสฺสเยน วินา ตตฺถ อรูปํ ปวตฺตติ, กสฺมา น ปวตฺตติ ปฺจโวกาเรติ? ตถา อทสฺสนโต. ยทิ เอวํ กพฬีการาหาเรนปิ วินา รูปธาตุยํ รูเปน ปวตฺติตพฺพํ, กึ การณา? กามธาตุยํ ตถา อทสฺสนโต. อปิ ตุ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส ปวตฺติการณํ ¶ รูเป อวิคตตณฺหํ, ตสฺส สห รูเปน ปวตฺติ. ยสฺส ปน นิพฺพตฺติการณํ รูเป วิคตตณฺหํ, ตสฺส วินา รูเปน ปวตฺติ การณสฺส ตํวิมุขตายาติ รูปสนฺนิสฺสเยน วินา ตตฺถ อรูปํ ปวตฺตติ. ทฺเวจตฺตาลีส เสสานีติ มโนทฺวาราวชฺชนํ กุสลกิริยาวเสน โสฬส กามาวจรานิ, ตเถว อฏฺ อรูปาวจรานิ, ปมมคฺควชฺชานิ สตฺต โลกุตฺตรานิ, ปฏิฆทฺวยวชฺชิตทสอกุสลานิ เจติ ทฺเวจตฺตาลีส วุตฺตาวเสสจิตฺตานิ.
๑๓๕-๗. รูปาทีสุ เอเกกเมว อารมฺมณํ อิมสฺสาติ เอเกการมฺมณํ. ตสฺส ตสฺส อารมฺมณสฺส อาปาถคตกาเล ตํตํวิชานนวเสน ปฺจปิ อารมฺมณานิ อิมสฺสาติ ปฺจารมฺมณํ. เอวมฺปีติ ¶ น เกวลํ สวตฺถุกาทิวเสเนว, อถ โข เอเกการมฺมณาทิโตปิ. อภิฺาวชฺชิตานํ สพฺพมหคฺคตานมฺปิ ธมฺมารมฺมณภาเวน เอการมฺมณตฺตา อาห ‘‘สพฺพํ มหคฺคต’’นฺติ. ปณฺณตฺตารมฺมณโต เอการมฺมณนฺติ เกจิ. ตํ อรูปาวจรทุติยจตุตฺถชฺฌานานิ ปตฺวา น ยุชฺชติ เตสํ มหคฺคตารมฺมณตฺตา. อภิฺาทฺวยสฺส ฉฬารมฺมณิกภาเวน, ตสฺส จ รูปาวจรปฺจมชฺฌานโต อภินฺนตฺตา ตํ ปหาย ‘‘เตจตฺตาลีสา’’ติ วุตฺตํ.
๑๔๑. ปฺุวิปากกิริยโต กาเม ทฺวาทสาติ สมฺพนฺโธ. ธาติ นิปาตมตฺตํ. ปฺุวิปากกฺริยโตติ าณวิปฺปยุตฺตกุสลวิปากกิริยโต.
๑๔๓-๙. อิริยาย กายิกาย กิริยาย ปวตฺติปถภาวโต อิริยาปโถ, คมนาทิ. อตฺถโต ตทวตฺถา รูปปฺปวตฺติ. กามฺเจตฺถ รูปวินิมุตฺโต อิริยาปโถ, วิฺตฺติ วา นตฺถิ, ตถาปิ สพฺพํ รูปสมุฏฺาปกจิตฺตํ อิริยาปถุปตฺถมฺภกํ, วิฺตฺติวิการุปฺปาทนฺจ โหติ. ยํ ปน จิตฺตํ วิฺตฺติชนกํ ¶ , ตํ เอกํสโต อิตรทฺวยสฺส ชนกํ อวินาภาวโต, ตถา อิริยาปถุปตฺถมฺภกํ รูปสฺสาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปีริยาปถวิฺตฺติ-ชนกาชนกาทิโต’’ติ อิริยาปถวิฺตฺตีนํ วิสุํ คหณํ. ชนกาชนกาทิโตติ ติณฺณมฺปิ ชนกโต, กสฺสจิปิ อชนกโต, ทฺวินฺนํ เอกสฺส จ ชนกโต. กานิจิ หิ จิตฺตานิ รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ, อิริยาปถํ กปฺเปนฺติ, วิฺตฺตึ ชนยนฺติ. กานิจิ รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ, อิริยาปถํ กปฺเปนฺติ, วิฺตฺตึ น ชนยนฺติ. กานิจิ รูปเมว สมุฏฺาเปนฺติ, อิตรทฺวยํ น กโรนฺติ. กานิจิ ตีณิ น กโรนฺเตว. ตถา เจว ทสฺเสติ ‘‘ทฺวาทสากุสลา’’ติอาทิ. เอวฺจาปิ หิ ตํ จิตฺตนฺติ น เกวลํ อเหตุกาทิโตว, เอวํ รูปาทิชนกาทิโตปิ ตํ จตุพฺพิธํ. ‘‘เอวฺจาทิมฺหิ ต’’นฺติปิ ลิขนฺติ. ตสฺส ปน อาทิมฺหิ นิกฺขิตฺตํ จิตฺตํ เอวฺจ จตุพฺพิธนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. ตตฺถาติ เตสุ รูปชนกาทีสุ. ทส กิริยาติ มโนธาตุวชฺชา ทส กิริยา.
สมุฏฺาเปนฺติ รูปานีติ อตฺตโน อุปฺปาทกฺขเณเยว อตฺตนา ชเนตพฺพรูปานิ สมุฏฺาเปนฺติ. กปฺเปนฺตีติ สนฺนาเมนฺติ. ยถาปวตฺตํ อิริยาปถํ อุปตฺถมฺเภนฺติ. ยถา หิ อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺชมาเนหิ วีถิจิตฺเตหิ อพฺโพกิณฺเณ ภวงฺเค ปวตฺตมาเน องฺคานิ โอสีทนฺติ, ปเวธนฺตา วิย โหนฺติ, น เอวํ ทฺวตฺตึสวิเธสุ วกฺขมาเนสุ จ ฉพฺพีสติวิเธสุ ชาครณจิตฺเตสุ ปวตฺตมาเนสุ. ตทา ปน องฺคานิ ¶ อุปตฺถทฺธานิ ยถาปวตฺตอิริยาปถภาเวเนว ปวตฺตนฺติ. ชนยนฺติ จ วิฺตฺตินฺติ มโนทฺวาเร ปวตฺตา เอว วิฺตฺตึ ชนยนฺติ, น ปน ปฺจทฺวาเร ปวตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
ทฺวิปฺจวิฺาณานํ ฌานงฺคโยคาภาเวน รูปาชนกตฺตา อาห ‘‘ทฺเวปฺจวิฺาณา’’ติ. ฌานงฺคานิ หิ จิตฺเตน สห รูปสมุฏฺาปกานิ, เตสํ อนุพลปฺปทายกานิ มคฺคงฺคาทีนิ เตสุ ¶ วิชฺชมาเนสุ สวิเสสํ รูปปฺปวตฺติทสฺสนโต. อรูปวิปากา ปน รูปวิราคภาวนาย นิพฺพตฺตตฺตา เหตุโน ตํวิมุขตาย รูปํ น สมุฏฺาเปนฺตีติ อาห ‘‘วิปากา จ อรูปิสู’’ติ.
๑๕๐. สพฺเพสํ สนฺธิจิตฺตนฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ. ตฺหิ วตฺถุทุพฺพลตาย, อปฺปติฏฺิตตาย, ปจฺจยเวกลฺลโต, อาคนฺตุกตาย จ รูปํ น สมุฏฺาเปติ. ตถา หิ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สหชาตํ วตฺถุ ปจฺฉาชาตปจฺจยรหิตํ, อาหาราทีหิ จ อนุปตฺถทฺธํ ทุพฺพลํ, ตสฺส จ ทุพฺพลตฺตา ตนฺนิสฺสิตวิฺาณมฺปิ ทุพฺพลนฺติ. ยถา จ ปปาเต ปติโต อฺสฺส นิสฺสโย ภวิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ ตมฺปิ ภินฺนสนฺตติยํ กมฺมกฺขิตฺตตาย ปปาเต ปติตํ วิย อปฺปติฏฺิตํ น รูปสมุฏฺาปเน อุสฺสหติ จ วตฺถุโน จ อตฺตนา สห อปจฺฉา อปุเร อุปฺปชฺชมานตฺตา ปุเรชาตปจฺจยสฺส อลาภโต. ยถา ปน อาคนฺตุโก ปุริโส อคตปุพฺพํ เทสํ คโต อฺเสํ ‘‘เอถ โภ อนฺโตคาเม โว อนฺนปานคนฺธมาลาทีนิ ทสฺสามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ อตฺตโน อวิสยตาย, อปฺปหุตาย จ, เอวเมวํ ปฏิสนฺธิจิตฺตมฺปิ อาคนฺตุกนฺติ. เอวํ วตฺถุทุพฺพลตาทีหิ การเณหิ รูปํ น สมุฏฺาเปติ. อปิจ อาหารินฺทฺริยาทิวเสน เยหากาเรหิ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ จิตฺตเจตสิกา ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ สพฺเพหิ ปฏิสนฺธิยํ จิตฺตเจตสิกา สมตึสกมฺมชรูปานํ ยถาโยคํ ปจฺจยา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปฏฺาเน –
‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อาหารา สมฺปยุตฺตานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๙).
ตสฺมา ¶ สมตึสกมฺมชรูปานิ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ านํ คเหตฺวา ิตานีติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตีติ เวทิตพฺพํ.
จุติจิตฺตฺจารหโตติ เอตฺถ ขีณาสวสฺส จุติจิตฺตํ อุปสนฺตวฏฺฏมูลสฺมึ สนฺตาเน สาติสยํ สนฺตวุตฺติตาย ¶ รูปํ น สมุฏฺาเปติ, อนาคามิอาทีนํ ตทภาวโตติ วทนฺติ. ฏีกากาโร ปน อานนฺทาจริโย ภณติ –
‘‘กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, รูปาวจเร, อรูปาวจเร ปจฺฉิมภวิกานํ, เย จ รูปาวจรํ, อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ จวนฺตานํ, เตสํ วจีสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสติ, โน จ เตสํ กายสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสตีติ วจนโต อฺเสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตี’’ติ.
อาจริยสฺส หิ อยมธิปฺปาโย – ‘‘กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺสา’’ติ เอเตน อวิเสเสน กามาวจรสตฺตานํ จุติจิตฺตสฺส, ‘‘เย จ รูปาวจรํ…เป… นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ อิมินา กามภวโต จวิตฺวา รูปารูปภวูปปชฺชนกานํ กามาวจรจุติจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปาทกฺขณโต อุทฺธํ วจีสงฺขารสฺส นิโรธํ วตฺวา กายสงฺขารสฺส ตทภาววจนโต จุติจิตฺตสฺส กายสงฺขาราสมุฏฺาปนํ สิทฺธํ. ยทคฺเคน จ ตํ กายสงฺขารํ น สมุฏฺาเปติ, ตทคฺเคน ตํ เสสรูปมฺปิ น ชเนติ. น หิ รูปสมุฏฺาปกสฺส คพฺภคตตาทิวิพนฺธาภาเว กายสงฺขาราสมุฏฺาปเน การณํ อตฺถิ. น จ ยุตฺตํ จุติโต อุทฺธํ จิตฺตสมุฏฺานฺจสฺส รูปํ ปวตฺตตีติ, นาปิ ‘‘จุติจิตฺตํ รูปํ สมุฏฺาเปตี’’ติ ปาฬิ อตฺถิ, น จาปิ วฏฺฏมูลานุปสโม จุติจิตฺตสฺส รูปุปฺปาทเน ¶ การณํ จุติจิตฺเตน น อุปฺปนฺนานมฺปิ ตโต ปุริมตเรหิ อุปฺปนฺนานํ วิย ภวนฺตเร อนุปฺปชฺชนโต, ตสฺมา สพฺเพสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตีติ. ยทิ กายสงฺขารสมุฏฺาปนเมว รูปชนนารหภาวํ สาเธติ, ตทา จตุตฺถชฺฌาเน กถนฺติ? นายํ โทโส, ตสฺส ภาวนาพเลน สาติสยํ สนฺตวุตฺติตาย กายสงฺขาราสมุฏฺาปเนปิ มรณาสนฺนจิตฺตานํ วิย ปริทุพฺพลตฺตาภาวโต รูปสมุฏฺาปเน วิพนฺโธ นตฺถีติ. กุโต ปน ปฏฺาย จิตฺตชรูปํ นุปฺปชฺชตีติ? ยโต ปฏฺาย กายสงฺขาเร นุปฺปชฺชติ. กทา จ กายสงฺขาโร นุปฺปชฺชตีติ? จุติโต ปุพฺเพ ทฺวตฺตึสมจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย นุปฺปชฺชติ, เตตฺตึสมจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนํ ปจฺฉิมโสฬสกโต ปุเรตรเมว นิรุชฺฌตีติ วทนฺติ. ‘‘ยสฺส กายสงฺขาโร น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตสงฺขาโร น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๒.สงฺขารยมก.๑๑๓) ปฺเห ‘‘ปจฺฉิมจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ กายสงฺขาโร จ น นิรุชฺฌติ, จิตฺตสงฺขาโร จ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปจฺฉิมจิตฺตสฺเสว วชฺชิตตฺตา จุติโต ทุติยตติยจิตฺเตนาปิ สห นิรุชฺฌตีติ อปเร. ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา กามาวจรานํ ¶ ปจฺฉิมจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘ยสฺสา’’ติ กามาวจรจุติจิตฺตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูตํ จิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ตสฺส อุปฺปาทโตปิ อุทฺธํ กายสงฺขาราภาววจเนน เหฏฺิมโกฏิยา จุติโต ตติยจิตฺเตเนว สห นิรุชฺฌติ. ทุติยจิตฺตํ น ปาปุณาตีติ เอเก.
๑๕๑-๗. เอกํ ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ านานิ อิมสฺสาติ เอกทฺวิติจตุฏฺานํ, เอกทฺวิติจตุฏฺานตฺตาติ อตฺโถ. านนฺติ จ อิธ กิจฺจมธิปฺเปตํ. ตฺหิ ติฏฺนฺติ เอตฺถ ธมฺมา อวฏฺิตา วิย โหนฺตีติ ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ. มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุาณจกฺขุพุทฺธจกฺขุสมนฺตจกฺขุวเสน ปฺจ นิมฺมลานิ โลจนานิ อิมสฺสาติ ปฺจนิมฺมลโลจโน.
นิปฺปปฺเจนาติ ¶ ราคาทิปปฺจรหิเตน. ราคาทโย หิ สํสาเร ปปฺจนโต ‘‘ปปฺจา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อาวชฺชเน ปฏิจฺฉเน าเน มโนธาตุตฺติกนฺติ สมฺพนฺโธ, กิริยามโนธาตุ อาวชฺชนฏฺาเน, วิปากทฺวยํ สมฺปฏิจฺฉนฏฺาเนติ อตฺโถ.
‘‘โสมนสฺสยุตฺตสนฺตีรณํ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณํ สิยา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สนฺตีรณ’’นฺติ อธิการโตว ลพฺภตีติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ ‘‘โสมนสฺสยุต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.
พลวารมฺมเณ สตีติ ตทารมฺมณกิจฺจสฺส พลวารมฺมเณเยว ลพฺภนโต วุตฺตํ, น อิมสฺเสว อาเวณิกภาเวน สพฺเพสมฺปิ ตทารมฺมณานํ พลวารมฺมเณเยว อุปฺปชฺชนโต. โวฏฺพฺพนนฺติ กิริยามโนวิฺาณธาตุสงฺขาตํ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ จิตฺตํ.
๑๕๘-๙. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสํ กามรูปารูปภวิกสตฺตานํ. อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – ปฺจทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ เกสฺจิเทว สตฺตานํ อรูปภเว สพฺพโส ปฺจทฺวาริกจิตฺตปฺปวตฺติยา, รูปภเว จ ทฺวารตฺตยปฺปวตฺติยา อภาวโต. มโนทฺวาเร อาวชฺชนกิจฺจํ ปน สพฺเพสเมว สจิตฺตกสตฺตานํ กโรตีติ. ทฺวิฏฺานิกํ นาม โหตีติ ยถาวุตฺตฏฺานทฺวยวนฺตตาย ทฺวิฏฺานิกจิตฺตํ นาม โหติ. เกจิ ปน ‘‘โสมนสฺสสหคตสนฺตีรณํ กามสุคติยํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ ¶ , ตสฺมา ตํ ปฺจฏฺานิก’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปฏฺาเน ตถา อทีปิตตฺตา. ตตฺถ หิ –
‘‘อุเปกฺขาสหคตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อุเปกฺขาสหคโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นเหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ (ปฏฺา. ๒.๗.๘) ‘‘อเหตุกํ อุเปกฺขาสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา ¶ , อเหตุกปฏิสนฺธิกฺขเณ อุเปกฺขาสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา’’ติ (ปฏฺา. ๒.๗.๘) –
เอวํ อุเปกฺขาสหคต-ปทสฺส ปวตฺติปฏิสนฺธิวเสน ปฏิจฺจนโย อุทฺธโฏ. ปีติสหคตสุขสหคต-ปทานํ ปน –
‘‘ปีติสหคตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ ปีติสหคโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นเหตุปจฺจยา. อเหตุกํ ปีติสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา. สุขสหคตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สุขสหคโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นเหตุปจฺจยา. อเหตุกํ สุขสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา’’ติ (ปฏฺา. ๒.๗.๖) –
เอวํ ปวตฺติวเสเนว อุทฺธโฏ, น ‘‘อเหตุกปฏิสนฺธิกฺขเณ’’ติอาทินา ปฏิสนฺธิวเสน, ตสฺมา ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ อภาวเมว ทีเปตีติ น ตสฺส ปฏิสนฺธิทานํ อตฺถีติ ทฺวิฏฺานิกตาว วุตฺตาติ. เต มหคฺคตวิปากา นวาติ สมฺพนฺโธ.
๑๖๒. ฉทฺวารา เอว ฉทฺวาริกา. อถ วา ฉทฺวาริเกสูติ ฉทฺวาริกจิตฺเตสูติ อตฺโถ.
๑๖๔-๖. ‘‘ปฺจกิจฺจ’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตานเมว นิคมนํ. เสสนฺติ อฏฺสฏฺิวิธํ จิตฺตํ. เอกกิจฺจโยคโต, เอกํ กิจฺจมสฺสาติ วา เอกํ, เอกเมว เอกกํ. สพฺพจิตฺตานํ กิจฺจวเสน นิทฺเทสฏฺาเนเยว กิจฺจานํ ปฏิปาฏิมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ภวงฺคาวชฺชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย จุติปริโยสานํ วตฺตพฺพนฺติ? สจฺจํ, จุติปฏิสนฺธีนํ ปน ปากฏตฺตา ¶ ตถา ¶ น วุตฺตํ. ภวสฺส หิ ปฏิสนฺธิ อาทิ, จุติ ปริโยสานนฺติ ปากฏเมว, ตสฺมา ปากฏฏฺานํ ปหาย อปากฏฏฺานโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ภวงฺคเมว อาทิโต วุตฺตํ. ตทารมฺมณํ ปน กิฺจาปิ อปากฏํ, อถ โข อเนกนฺติกํ กิสฺมิฺจิ ภเว กตฺถจิ ชวนวีถิยํ อลพฺภนโตติ เอกนฺตลพฺภมานปริทีปนตฺถํ ตํ น วุตฺตํ. อถ วา ตทารมฺมณจิตฺตมฺปิ เยภุยฺเยน ภวงฺคนามํ ลพฺภตีติ ปุริมชวนวีถิยํ ตทารมฺมณํ ปจฺฉิมชวนวีถิยา อาวชฺชนสฺส ปุเรจรภูตํ ภวงฺค-คฺคหเณเนว สงฺคหิตนฺติ วิสุํ น วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปฺจทฺวาเรสุ ปวตฺติวเสน ปฺจวิธตาย ทสฺสนตฺถํ ‘ภวงฺคาวชฺชน’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตตฺถ ปน อปฺปวตฺตมานานํ เกสฺจิ สพฺภาวโต ตํ น ยุชฺชติ, ฉทฺวารปฺปวตฺติวเสน ฉพฺพิธตฺตนยทสฺสนตฺถนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา เจตฺถ ‘‘ภวงฺคาวชฺชน’’นฺติอาทินา จกฺขุทฺวาเร วุตฺตํ, เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ ทสฺสนาทึ อปเนตฺวา สวนาทึ ปกฺขิปิตฺวา กิจฺจปฺปวตฺติ โยเชตพฺพา. มโนทฺวาเร ปน –
‘‘ภวงฺคํ ปมํ โหติ, ตโต อาวชฺชนํ มตํ;
ทุติยํ ตมติกฺกมฺม, ชวนํ ตติยํ สิยา’’ติ. –
โยชนา ทฏฺพฺพา. ฉนฺนํ วิฺาณานนฺติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปฺจนฺนํ, มโนวิฺาณสฺส จ. สตฺตวิฺาณธาตูนนฺติ จกฺขุวิฺาณธาตาทีนํ ปฺจนฺนํ, มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุทฺวยสฺสาติ สตฺตนฺนํ วิฺาณธาตูนํ.
๑๖๙-๗๑. ปฺจาภิฺาวิวชฺชิตนฺติ –
‘‘อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสโต, ปรจิตฺตวิชานนา;
ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ, ทิพฺพจกฺขูติ ปฺจธา’’ติ. –
เอวมาคตาหิ ปฺจหิ อภิฺาหิ ยุตฺเตน รูปาวจรปฺจมชฺฌานจิตฺเตน วชฺชิตํ. ทิพฺพโสตาทีนํ เอเกการมฺมณตฺเตปิ ปฺจนฺนมฺปิ อภิฺานํ เอกสฺเสว จิตฺตสฺส อวตฺถาเภทภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปฺจาภิฺาวิวชฺชิต’’นฺติ ¶ . เกจิ ปน ‘‘อิธ เอกนฺเตน ธมฺมารมฺมณิกจิตฺตานเมว วจนโต ¶ ปรจิตฺตวิชานนํ วชฺเชตฺวา อนาคตํสาเณน สห ปฺจาภิฺานํ ปฏิกฺเขโป’’ติ วทนฺติ.
ทฺวิปฺจวิฺาณานํ, มโนธาตุตฺตยสฺส จ ปริจฺจาเคน เอกจตฺตาลีส โหนฺตีติ อาห ‘‘จตฺตาลีสํ ตเถกก’’นฺติ. อภิฺานิ จาติ จ-สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, โส ‘‘จตฺตาลีสํ ตเถกก’’นฺติ อิมสฺสานนฺตรํ ทฏฺพฺโพ, เตน ปน อภิฺาจิตฺตทฺวยํ สงฺคณฺหาติ. อถ วา อภิฺา นาม เหฏฺา เอเกการมฺมณิเกสุ วุตฺตสฺส ปฺจมชฺฌานสฺเสว อวตฺถาวิเสโสติ อภิฺาจิตฺตานํ ฉฬารมฺมณิเกสุ อคฺคหณนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๗๒-๓. ติธา กตฺวาติ ติธา กรณเหตุ. เหตฺวตฺโถ หิ อยํ ตฺวา-สทฺโท ยถา ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ. ‘‘ปฺุาปฺุวเสนา’’ติอาทินา ชาติภูมิเหตุเวทนาทิวเสน ยาว ฉสตฺตติวิโธ เภโท, ตาว มโนวิฺาณธาตุํ ภินฺทิตฺวา ตํวเสน จิตฺตวิภาคทสฺสนตฺถํ นยทานํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๑๗๕. ติธา กตฺวาติ ปมํ วิปากทฺวยกิริยาเภทโต, ทุติยํ กุสลากุสลาทิโตติ เอวํ ธาตุทฺวยํ ปจฺเจกํ ติธา กตฺวา.
๑๘๐. ภูมิ…เป… วิภาวเยติ ตึสภูมีนํ นานตฺตวเสน ปวตฺติโต ตึสวิธํ, ตตฺเถว ตึสปุคฺคลานํ นานตฺตวเสน ปวตฺติโต จ ตึสวิธนฺติอาทินา อิทํ ยถานิทฺทิฏฺจิตฺตํ พหุธา โหตีติ จ วิภาเวยฺยาติ อตฺโถ.
๑๘๑. อิธาติ ¶ อิมสฺมึ สาสเน. หตฺถคตามลกา วิย โหนฺตีติ ยถา หตฺถคตํ อามลกํ จกฺขุมโต สุปากฏํ โหติ, เอวมิมสฺส มติมโต ภิกฺขุโน อภิธมฺมปิฏกคตา อตฺถา สุปากฏา โหนฺติ, อาวชฺชิตาวชฺชิตกฺขเณ สุวิสทาว ปฺายนฺตีติ อตฺโถ.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
เอกวิธาทินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.