📜
๘. อฏฺโม ปริจฺเฉโท
ปกิณฺณกนิทฺเทสวณฺณนา
๔๗๕-๖. อิทานิ ยถาวุตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ จิตฺตานํ ปากฏภาวตฺถํ –
‘‘สุตฺตํ โทวาริโก เจว,
คามิลฺโล อมฺพโคฬิโย;
ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปี จ,
อุปนิสฺสยมตฺถโส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) –
อฏฺกถาย อาคตมาติกาย วเสน ปกิณฺณกนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ มนสนฺติ จิตฺตานํ. ‘‘มานส’’นฺติปิ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ปนฺถมกฺกฏโกติ ปาณกปฏงฺคาทีนํ ¶ สฺจรณฏฺาเน ชาลํ ปสาเรตฺวา เตสํ มคฺครกฺขณโต ‘‘ปนฺถมกฺกฏโก’’ติ ลทฺธนาโม อุณฺณนาภิ. ทิสาสุ ปน ปฺจสูติ อุปเมตพฺพานํ ปฺจปสาทานํ วเสน วุตฺตํ. ตตฺถาติ มคฺเค, ตตฺถ ชาลมชฺเฌติ วา สมฺพนฺโธ. สุตฺตํ ปสาเรตฺวาติ ชาลพนฺธนมาห.
๔๗๘-๘๐. นฺติ รุธิรมาห. ทิสาสุ ทุติยาทีสุ สุตฺเต…เป… ฆฏฺฏิเตติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ปสาทา ปฺจ ทฏฺพฺพา’’ติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ ¶ . จิตฺตํ…เป… วิยาติ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตมานจิตฺตํ ชาลมชฺเฌ นิปนฺนมกฺกฏโก วิย ทฏฺพฺพํ.
๔๘๒-๕. ปสาทฆฏฺฏนนฺติ ปสาเท ฆฏฺฏิตํ. ภวงฺคาวฏฺฏนนฺติ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏนฺตํ. ธมฺมโต อฺา กาจิ กิริยา นาม นตฺถีติ ธมฺมเมว จลเนน สห อุปเมติ. สุตฺตานุสารํวาติ สุตฺตานุสาเรน คมนํ วิย. ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนโต ตสฺส ปวตฺติ ยูสปาเนน สทฺธึ อุปเมตฺวา วุตฺตา. วตฺถุํเยวาติ ยถา ปุริมจิตฺตานิ หทยวตฺถุนิสฺสิตานิ ปสาทวตฺถุํ อนุคตานิ อฺารมฺมณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ ภวงฺคํ. ตํ ปน วตฺถารมฺมณนฺตรรหิตํ เกวลํ หทยวตฺถุเมว นิสฺสาย ปวตฺตตีติ ทีเปติ. ปริวตฺตนนฺติ ปุน ภวงฺคภาเวน ปริวตฺตนํ. ภวงฺคาวชฺชนาทีนํ ธมฺมโต เภเทปิ สนฺตติวเสน เอกตฺตํ คเหตฺวา เอเกเนว มกฺกฏเกน อุปมาสํสนฺทนํ วุตฺตํ.
๔๘๖-๙๐. อุปมา เอว โอปมฺมํ. ตโต ปสาทวตฺถุโต จิตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ทีปิตํ อิมินา โอปมฺเมน. เอเกการมฺมณนฺติ รูปาทีสุ ปฺจสุ เอเกกํ อารมฺมณํ. สพฺพโสติ สพฺเพสุ จกฺขาทีสุ ยตฺถ กตฺถจีติ อตฺโถ. อิทานิ เอเกการมฺมณสฺส ทฺวีสุ ทฺวีสุ อาปาถคมนํ ปกาเสตุํ ‘‘รูปํ จกฺขุปสาทมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เข อากาเส คจฺฉตีติ ขโค, ปกฺขิ. สาขิโนติ รุกฺขสฺส.
๔๙๒-๓. รูปสฺสาติ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ, ตสฺส ปน ฆฏฺฏนํ, อาปาถคมนมฺปิ จาติ ทฺวีหิ สห สมฺพนฺโธ. ปสาทสฺสาติ กมฺมตฺเถ สามิวจนํ, อตฺถโต อาปาถคมนมฺปิ จาติ สมฺพนฺโธ. อารมฺมณวเสน, อาปาถํ อาคจฺฉนฺตสฺสปิ ปสาทฆฏฺฏเนน จ ภวงฺคจลนสฺส ปจฺจยภาเวน อาปาถํ วิย อุปคมนนฺติ อตฺโถ.
๔๙๔-๕. ตโตติ ¶ ภวงฺคจลนโต ปรํ, กุสลํ ชวนํ จิตฺตนฺติ กามาวจรกุสลชวนจิตฺตํ ¶ . อกุสลเมว วาติ วา-สทฺเทน กิริยาพฺยากตจิตฺตมฺปิ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ สิยา – โก ปเนตํ ชวนํ กุสลตาย วา อกุสลตาย วา นิยเมตีติ? โยนิโสมนสิกาโร เจว อโยนิโสมนสิกาโร จ. ยสฺส หิ จตุจกฺกสมฺปทาวเสน โยนิโสมนสิกาโร ปวตฺตติ, อาวชฺชนํ, โวฏฺพฺพนฺจ โยนิโสว อาวฏฺเฏติ, ววตฺถาเปติ จ, ตสฺส อกุสลุปฺปตฺติ นตฺถิ. ยสฺส ปน วุตฺตวิปริยาเยน อโยนิโสมนสิกาโร จ โหติ, อาวชฺชนํ, โวฏฺพฺพนฺจ อโยนิโส จ อาวฏฺเฏติ, ววตฺถาเปติ จ, ตสฺส กุสลชวนุปฺปตฺติ นตฺถิ, ตสฺมา โยนิโสมนสิกาโร กุสลตาย, อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลตาย จ นิยเมตีติ ทฏฺพฺพํ. กิริยาชวนํ ปน อรหตฺตเมว นิยเมติ. เกจิ ปน ‘‘กิริยาชวนํ ปน มนสิกาโร จ นิยเมติ. ยถา หิ อาวชฺชนํ กุสลากุสลานํ วิสุํ วิสุํ ปจฺจโย โหติ, เอวํ กิริยาชวนสฺสาปี’’ติ วทนฺติ.
๔๙๗. โทวาริโกปมาทีนีติ เอตฺถ เอโก ราชา สยนคโต นิทฺทายติ, ตสฺส ปริจารโก ปาเท ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ, พธิรโทวาริโก ทฺวาเร ิโต, ตโย ปฏิหารา สยนสฺส, ทฺวารสฺส จ มชฺเฌ ปฏิปาฏิยา ิตา. อเถโก ปจฺจนฺตวาสี มนุสฺโส ปณฺณาการํ อาทาย ทฺวารํ อาโกเฏสิ, พธิรโทวาริโก สทฺทํ น สุณาติ, ปาทปริมชฺชโก สฺํ อกาสิ, ตาย สฺาย ทฺวารํ วิวริตฺวา ปสฺสิ, ปมปฏิหาโร ปณฺณาการํ คเหตฺวา ทุติยสฺส อทาสิ, ทุติโย ตติยสฺส, ตติโย รฺโ, ราชา ปริภฺุชิ. ตตฺถ ราชา วิย ชวนํ ทฏฺพฺพํ, ปาทปริมชฺชโก วิย อาวชฺชนํ, พธิรโทวาริโก วิย จกฺขุวิฺาณํ, ตโย ปฏิหารา ¶ วิย สมฺปฏิจฺฉนาทีนิ ตีณิ วีถิจิตฺตานิ, ปจฺจนฺตวาสิโน ปณฺณาการํ อาทาย ทฺวาราโกฏนํ วิย อารมฺมณสฺส ปสาทฆฏฺฏนํ, ปาทปริมชฺชเกน สฺาย ทินฺนกาโล วิย กิริยามโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฏฺฏิตกาโล, เตน ทินฺนสฺาย พธิรโทวาริกสฺส ทฺวารวิวรกาโล วิย จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมเณ ทสฺสนกิจฺจสาธนกาโล, ปมปฏิหาเรน ปณฺณาการสฺส คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉิตกาโล, ปเมน ทุติยสฺส ทินฺนกาโล วิย วิปากมโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีริตกาโล, ทุติเยน ตติยสฺส ทินฺนกาโล วิย กิริยามโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโล, ตติเยน รฺโ ทินฺนกาโล วิย โวฏฺพฺพเนน ชวนสฺส นิยฺยาติตกาโล, รฺโ ปริโภคกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนกาโลติ อยํ โทวาริโกปมา.
‘‘อิทํ ¶ ปน โอปมฺมํ กึ ทีเปตี’’ติอาทิ อุจฺฉุยนฺตูปมาย วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. สมฺพหุลา คามทารกา อนฺตรวีถิยํ ปํสุํ กีฬนฺติ, ตตฺเถกสฺส หตฺเถ กหาปโณ ปฏิหฺิ. โส ‘‘มยฺหํ หตฺเถ ปฏิหตํ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาห. อเถโก ‘‘ปณฺฑรํ เอต’’นฺติ อาห. อปโร สห ปํสุนา คาฬฺหํ คณฺหิ. อฺโ ‘‘ปุถุลํ จตุรสฺสํ เอต’’นฺติ อาห. อปโร ‘‘กหาปโณ เอโส’’ติ อาห. อถ อาหริตฺวา มาตุ อทํสุ, สา กมฺเม อุปเนสิ. ตตฺถ สมฺพหุลานํ ทารกานํ อนฺตรวีถิยํ กีฬนฺตานํ สนฺนิสินฺนกาโล วิย จิตฺตปฺปวตฺติ ทฏฺพฺพา, กหาปณสฺส หตฺเถ ปฏิหตกาโล วิย อารมฺมเณน ปสาทสฺส ฆฏฺฏิตกาโล, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ วุตฺตกาโล วิย ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กิริยามโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฏฺฏิตกาโล, ‘‘ปณฺฑรํ เอต’’นฺติ วุตฺตกาโล วิย จกฺขุวิฺาเณน ทสฺสนกิจฺจสฺส ¶ สาธิตกาโล, สห ปํสุนา คาฬฺหํ คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉิตกาโล, ‘‘ปุถุลํ จตุรสฺสํ เอต’’นฺติ วุตฺตกาโล วิย วิปากมโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีริตกาโล, ‘‘กหาปโณ เอโส’’ติ วุตฺตกาโล วิย กิริยามโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโล, มาตรา กมฺเม อุปนีตกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนํ เวทิตพฺพนฺติ อยํ คามทารโกปมา.
อิทํ โอปมฺมํ กึ ทีเปติ? กิริยามโนธาตุ อทิสฺวาว ภวงฺคํ อาวฏฺเฏติ, วิปากมโนธาตุ อทิสฺวาว สมฺปฏิจฺฉติ, วิปากมโนวิฺาณธาตุ อทิสฺวาว สนฺตีเรติ, กิริยามโนวิฺาณธาตุ อทิสฺวาว ววตฺถาเปติ, ชวนํ อทิสฺวาว อารมฺมณรสํ อนุภวติ, เอกนฺเตน ปน จกฺขุวิฺาณเมว ทสฺสนกิจฺจํ สาเธตีติ ทีเปติ. ชจฺจนฺธปีสปฺปีอุปมา อุปริ อาคมิสฺสติ.
๔๙๘-๕๐๙. เอตฺตกา อุปมา สงฺคเหตฺวา ‘‘โทวาริโกปมาทีนี’’ติ วตฺวา ‘‘อุปนิสฺสยมตฺถโส’’ติ เอตฺถ อุปนิสฺสยภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘อสมฺเภเทนา’’ติอาทิมาห. อสมฺเภเทนาติ อวินฏฺภาเวน, วาตปิตฺตาทีหิ อนุปหตภาเวน จ. วาตปิตฺตาทิอุปหตมฺปิ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจยภาวานุปคมนโต สมฺภินฺนเมว นาม โหติ, ปฺจินฺทฺริยานํ อตฺถิกฺขเณเยว นิสฺสยภาวูปคมนโต ขณวเสน อสมฺเภโทปิ ยุชฺชติ. เอส นโย โสตปสาทาทีสุปิ. รูปาปาถคเมนาติ ทูเร ิตสฺส ผลิกาทีหิ อนฺตริตสฺส จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติยา ปจฺจโย ภวิตุํ โยคฺยเทเส อวฏฺิตวเสน รูปสฺส อาปาถคมเนน. เอวฺจ ¶ กตฺวา ทูเร ิตํ, ปรมฺมุเข ิตมฺปิ ทิพฺพจกฺขุสฺส อาปาถคตเมว ¶ นาม โหติ. อาโลกนิสฺสเยนาปีติ รูปาวภาสนสมตฺถอาโลกสงฺขาตนิสฺสเยน. อาโลเก สติ สมฺภโว เจตฺถ อาโลกนิสฺสยตา, น อาโลกสฺส นิสฺสยปจฺจยตฺตา. มนกฺกาโรว เหตุ มนกฺการเหตุ, เตน สห วตฺตตีติ สมนกฺการเหตุ. เตน อาโลกนิสฺสิตํ ทสฺเสติ. สเมเตหีติ สํยุตฺเตหิ เอกีภูเตหิ, น เอกสฺสปิ วิรเหนาติ อตฺโถ.
อากาสนิสฺสเยนาติ กณฺณจฺฉิทฺทสงฺขาตอากาสนิสฺสเยน. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘น หิ ปิหิตกณฺณจฺฉิทฺทสฺส โสตวิฺาณํ ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. พาหิรากาสมฺปิ ปน อิจฺฉิตเมว. ตถา หิ อวิวเร เคเห นิสีทิตฺวา วุจฺจมานานํ พหิ ิตา น สุณนฺติ. วาโยสนฺนิสฺสเยนาติ นาสิกจฺฉิทฺทํ ปวิสนวายุสนฺนิสฺสเยน. อาโปสนฺนิสฺสเยนาติ เขฬสงฺขาตอาโปสนฺนิสฺสเยน. ปถวีสนฺนิสฺสเยนาติ กายปสาทวตฺถุสฺส ปถวีธาตุสนฺนิสฺสเยน. มโนวิฺาณนฺติ ชวนมโนวิฺาณํ.
๕๑๐-๑๑. มโน…เป… เวทิตพฺพนฺติ ‘‘อสมฺเภทา มนสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ มโน ภวงฺคจิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน จุติวเสน นิรุทฺธมฺปิ กิริยามยจิตฺตสฺส ปจฺจยภาวํ อนุปคนฺตฺวา เกวลํ ภวงฺคปฺปวตฺติวเสน มนฺทถามคตํ หุตฺวา ปวตฺตนมฺปิ สมฺภินฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. นายํ สพฺพตฺถ คจฺฉตีติ จตุโวกาเร อลพฺภนโต. เตนาห ‘‘ภวํ ตุ ปฺจโวการ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ โวกาโร เอตฺถาติ ปฺจโวกาโร. โหติ หิ ภินฺนาธิกรณมฺปิ อฺปทตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ. อถ วา ยถาปจฺจยํ ปฺจหิ ขนฺเธหิ โวกรียตีติ ปฺจโวกาโร. ‘‘อตฺถโต’’ติ เอวมาทิกํ ปทํ จกฺขาทีนิ ทสฺสนาทิกิจฺจานีติ เอตฺตกเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น อฺํ กิฺจิ วิเสสนนฺติ น ตตฺถ วินิจฺฉโย วุตฺโต.
๕๑๒-๔. สพฺพานีติ ¶ กามาวจราทิเภทํ อนามสิตฺวา สพฺพานิ. กมฺมนฺติ ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกา อุปปชฺชเวทนียภูตา, อปราปริยเวทนียภูตา วา เจตนา. กมฺมนิมิตฺตนฺติ ยํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา อายูหนกาเล กมฺมํ อายูหติ, ตํ ทานูปกรณาทิกํ, ปาณฆาโตปกรณาทิกฺจ. คตินิมิตฺตนฺติ ภวนฺตรมุปปชฺชิตพฺพภวปริยาปนฺนวณฺณายตนํ, ตํ ปน สุคติยํ มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตนฺตสฺส รตฺตกมฺพลสทิสมาตุกุจฺฉิวณฺณวเสน, เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตสฺส อุยฺยานกปฺปรุกฺขวณฺณวเสน, ทุคฺคติยํ นิพฺพตฺตนฺตสฺส ¶ อคฺคิชาลาทิวณฺณวเสน, เปตติรจฺฉานโยนีสุ เปตติรจฺฉานานํ นิพทฺธสฺจรณฏฺานปริยาปนฺนตาวณฺณวเสน จ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ติวิธ’’นฺติ อิทํ ยถาสมฺภววเสน วุตฺตํ, รูปารูปสมฺพนฺธีนํ ปน กมฺมนิมิตฺตเมว อารมฺมณํ โหติ. ตถา หิ มหคฺคตวิปากานิ เอกนฺเตน กมฺมสทิสารมฺมณานิ วุตฺตานิ.
ปจฺจุปฺปนฺนมตีตํ วาติ ขณวเสน ปจฺจุปฺปนฺนมตีตํ วา. ตตฺถ คตินิมิตฺตํ เอกนฺเตน ปจฺจุปฺปนฺนเมว, กมฺมนิมิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนมตีตํ วา, กมฺมํ ปน อตีตเมว. อนาคตารมฺมณํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตํ วิย อนาปาถคตตฺตา, อตีตกมฺมกมฺมนิมิตฺตํ วิย อนนุภูตตฺตา จ วิภูตํ หุตฺวา โนปติฏฺาตีติ อติสนฺตภาเวน ปวตฺตมานา ปฏิสนฺธิ ตํ อารพฺภ ปวตฺติตุํ น สกฺโกตีติ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ อนาคต’’นฺติ. มหคฺคตปฏิสนฺธีนํ เอกนฺเตน กมฺมสทิสารมฺมณภาเวน กมฺมสฺส วิย อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณตฺตา น ตาสํ วิสุํ อารมฺมณํ อุทฺธฏํ. ตตฺถ ทุติยจตุตฺถารูปปฏิสนฺธีนํ อตีตเมว อารมฺมณํ อิตราสํ นวตฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๕๑๗-๒๐. มหาวิปากานํ ปฏิสนฺธาทิจตุกิจฺจวเสเนว ปวตฺตนโต รูปารูปภเว ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ตํตํวิปากสฺเสว ปวตฺติโต, ตทารมฺมณสฺส จ อภาเวน ตตฺถ น ลพฺภตีติ อาห ‘‘มหาปากา…เป… ทฺวเย’’ติ. อนิฏฺรูปานํ ¶ พฺรหฺมโลเก อสมฺภเวปิ ตตฺถ ตฺวา อิธ อนิฏฺารมฺมณํ ปสฺสนฺตานํ อกุสลวิปากานิ น อุปฺปชฺชนฺตีติ น วตฺตพฺพนฺติ รูปภเวปิ สนฺตีรณตฺตยํ วุตฺตํ. อภิธมฺมตฺถสงฺคหสจฺจสงฺเขปาทีสุปิ หิ อิมินาว อธิปฺปาเยน รูปโลเก อกุสลวิปากปฺปวตฺติ ทสฺสิตา. อปเร ปน ‘‘กามภเว สนฺตีรณตฺตยํ, รูปภเว สนฺตีรณทฺวยนฺติ ยถาลาภวเสน โยเชตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
กทาจิปีติ ปริตฺตารมฺมเณสุ ปริตฺตชวนานํ อุปฺปาเทปิ. ‘‘พีชสฺสาภาวโต’’ติ รูปารูปภวทฺวเย ตทารมฺมณาภาวสฺส การณํ วตฺวา ตเมว ปกาเสตุํ ‘‘ปฏิสนฺธิพีช’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิเยว พีชภูตนฺติ ปฏิสนฺธิพีชํ. ตสฺสาติ ตทารมฺมณสฺส.
๕๒๑. ยทิ เอวํ จกฺขุวิฺาณาทีนมฺปิ กามาวจรปฏิสนฺธิพีชตฺตา ตตฺถ อภาโว อาปชฺชตีติ โจเทนฺโต อาห ‘‘จกฺขุวิฺาณาทีน’’นฺติอาทิ. อินฺทฺริยานนฺติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถุทฺวารภูตานํ จกฺขาทีนมินฺทฺริยานํ. ปวตฺตานุภาวโตติ เตสํ ตตฺถ อตฺถิตานุภาวโต ¶ . อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – จกฺขุโสตวิฺาณานํ วตฺถุภูตานิ จกฺขุโสตินฺทฺริยานิ ตตฺถ ปวตฺตนฺตีติ เตสํ ปวตฺติอานุภาวโต จกฺขุโสตวิฺาณานิ ปวตฺตนฺติ. สติ จ เตสํ ปวตฺติยํ วีถิจิตฺตุปฺปาโท นิยโตติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วิย สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานมฺปิ ตตฺถ สมฺภโว สิทฺโธติ.
๕๒๓-๔. อกามาวจรธมฺเมติ กามาวจรธมฺมโต อฺเ มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺเม. นานุพนฺธตีติ นานุวตฺตติ. ชนกํ…เป… อนุพนฺธตีติ ยถา นาม เคหโต นิกฺขมิตฺวา พหิ คนฺตุกาโม ตรุณทารโก อตฺตโน ชนกํ ปิตรํ วา อฺํ วา ปิตุสทิสํ หิตกามํ าตึ องฺคุลิยํ คเหตฺวา อนุพนฺธติ, น อฺํ ราชปุริสาทึ, ตถา เอตมฺปิ ¶ ภวงฺคารมฺมณโต พหิ นิกฺขมิตุกามสภาคตาย อตฺตโน ชนกํ ปมกุสลาทิกํ สทิสํ วา ทุติยกุสลาทิกามาวจรชวนเมว อนุพนฺธติ, น อฺํ มหคฺคตํ โลกุตฺตรนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. กุสลากุสลาทินฺติ อาทิ-คฺคหเณน กิริยาพฺยากตํ สงฺคณฺหาติ. อานนฺทาจริโย ปน ปฏฺาเน ‘‘กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๙๘) วิปากธมฺมธมฺมานเมวานนฺตรํ ตทารมฺมณํ วุตฺตํ. วิปฺผารวนฺตฺหิ ชวนํ นาวํ วิย นทีโสโต ภวงฺคํ อนุพนฺธติ, น ปน ฉฬงฺคุเปกฺขาวโต สนฺตวุตฺตึ กิริยาชวนํ ปณฺณปุฏํ วิย นทีโสโตติ กิริยาชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ น อิจฺฉติ, อาจริยโชติปาลตฺเถราทโย ปน ‘‘ลพฺภมานสฺสปิ เกนจิ อธิปฺปาเยน กตฺถจิ อวจนํ ทิสฺสติ, ยถา ตํ ธมฺมสงฺคเห อกุสลนิทฺเทเส ลพฺภมาโนปิ อธิปติ น วุตฺโต, ตสฺมา ยทิ อพฺยากตานนฺตรมฺปิ ตทารมฺมณํ วุจฺเจยฺย, ตทา โวฏฺพฺพนานนฺตรมฺปิ ตสฺส ปวตฺตึ มฺเยฺยุนฺติ กิริยาชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ น วุตฺตํ, น ปน อลพฺภนโต. ยฺเจตฺถ ปณฺณปุฏํ นิทสฺสิตํ, ตํ นิทสฺสิตพฺเพน สมานํ น โหติ, นาวาปณฺณปุฏานฺหิ นทีโสตสฺส อาวฏฺฏนํ คติ จ วิสทิสีติ นาวายํ นทีโสตสฺส อนุพนฺธนํ, ปณฺณปุฏสฺส อนนุพนฺธนฺจ ยุชฺชติ, อิธ ปน กิริยาชวเนตรชวนานํ ภวงฺคโสตสฺส อาวฏฺฏนํ คติ จ สทิสีติ เอตสฺส อนนุพนฺธนํ, อิตรสฺส อนุพนฺธนฺจ น ยุชฺชติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมว ต’’นฺติ วทนฺติ.
๕๒๕-๖. ยถา เจตํ มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺเม นานุวตฺตติ, ตถา ยทา เอเต กามาวจรธมฺมาปิ มหคฺคตานุตฺตรธมฺมารมฺมณา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, ตทา เตปิ นานุพนฺธตีติ อาห ‘‘กามาวจรธมฺมาปี’’ติอาทิ. มหคฺคตา-คฺคหเณน เจตฺถ โลกุตฺตรานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เต จาปีติ ¶ จ-สทฺเทน ¶ โลกุตฺตรารมฺมณานํ คหณํ. กสฺมา นานุพนฺธตีติ อาห ‘‘ปริตฺตารมฺมณตฺตา’’ติอาทิ. ปริตฺตารมฺมณตฺตาติ เหฏฺา วุตฺตนเยน กามาวจรวิปากานํ เอกนฺเตน ปริตฺตารมฺมณตฺตา. ตถาปริจิตตฺตาติ ยถา ชวนํ, เอวํ อปริจิตตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา หิ โส ปิตรํ, ปิตุสทิสํ วา กฺจิ อนุพนฺธนฺโต ตรุณทารโก ฆรทฺวารนฺตรวีถิจตุกฺกาทิมฺหิ ปริจิเตเยว เทเส อนุคจฺฉติ, น อรฺํ วา รกฺขสภูมึ วา คจฺฉนฺตํ, เอวํ กามาวจรธมฺเม อนุพนฺธนฺตมฺปิ ปริตฺตมฺหิ ปริจิเตเยว เทเส ปวตฺตมาเน เต ธมฺเม อนุพนฺธติ, น มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตมาเนปิ.
๕๒๗-๓๒. อิทานิ กึ อิมาย ยุตฺติกถาย, อฏฺกถาปมาณโต เจตํ คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กึ เตนา’’ติอาทิ. ชวเนติ กามาวจรชวเน. ตทารมฺมณจิตฺตานิ ‘‘ตทารมฺมณ’’นฺติ ลทฺธนามานิ จิตฺตานิ ตทารมฺมณภาวํ น คณฺหนฺติ, ตทารมฺมณภาเวน น ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา นามโคตฺตํ อารพฺภ ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณํ ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ น คณฺหนฺติ น ลพฺภนฺตีติ อตฺโถ. รูปารูปภเวสุ วาติ วา-สทฺเทน ‘‘ชวเน ชวิเตปิ ตทารมฺมณํ น คณฺหนฺตี’’ติ อากฑฺฒติ. ปณฺณตฺตึ อารพฺภาติ กามภเวปิ ปณฺณตฺตึ อารพฺภ. ลกฺขณารมฺมณายาติ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยารมฺมณาย, พลววิปสฺสนายาติ อตฺโถ. ‘‘ตีณิ ลกฺขณานิ, ติสฺโส จ ปฺตฺติโย กุสลตฺติเก น ลพฺภนฺตี’’ติ อฏฺกถาย วุตฺตตฺตา ติณฺณํ ลกฺขณานํ ธมฺมโต อภาเวน ตํ อารพฺภ ปวตฺตาย วิปสฺสนาย ตทารมฺมณานิ น ลพฺภนฺติ. ปฏฺาเน ปน ‘‘เสขา วา ปุถุชฺชนา วา กุสลํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺติ, กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๖) วจนโต ขนฺธารมฺมณิกวิปสฺสนาย ตทารมฺมณํ ¶ ลพฺภตีติ ทฏฺพฺพํ. มิจฺฉตฺตนิยเตสูติ ‘‘กตเม ธมฺมา มิจฺฉตฺตนิยตา? จตฺตาโร ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๒๖) เอวมาคเตสุ มิจฺฉาคาหวเสน ปวตฺเตสุ ธมฺเมสุ ชวนํ หุตฺวา ชวิเตสุ. กสฺมา ปน เตสุ ชวิเตสุ ตทารมฺมณํ น ลพฺภตีติ? กามาวจรวิปากานฺหิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ วิย ‘‘อตฺตา โอจฺฉิชฺชตี’’ติอาทินา อตฺตปริกปฺปนาวเสน อปฺปวตฺตนโต นิยตมิจฺฉาทิฏฺิวสปฺปวตฺเตสุ เตสุ ชวิเตสุ ตทนนฺตรํ ตทารมฺมณานิ น อุปฺปชฺชนฺติ, อนิยตมิจฺฉาทิฏฺิวสปฺปวตฺเตสุ ปน ชวิเตสุ ตทารมฺมณํ นุปฺปชฺชตีติ นตฺถิ. อถ วา มิจฺฉตฺตนิยเตสูติ มิจฺฉาภาวนิยตสภาเวสุ ตํวิสเยสูติ อตฺโถ. มิจฺฉตฺตนิยตธมฺมานํ ธมฺมสภาวํ อคฺคเหตฺวา มิจฺฉตฺตนิยตสภาวสฺเสว คหณโต, ตสฺส จ วิปากานํ อวิภูตตฺตา มิจฺฉตฺตนิยตสภาเว อารพฺภ ¶ ตทารมฺมณา น ลพฺภนฺติ. ปิ-สทฺเทน สมฺมตฺตนิยเตสุปีติ สมฺปิณฺเฑติ, ‘‘โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภา’’ติ วา เอเตน สิทฺธตฺตา น เตสํ วิสุํ อุทฺธรณํ กตํ. อฏฺกถายํ ปน มิจฺฉตฺตนิยตสมฺมตฺตนิยตานํ อฺมฺปฏิปกฺขภาเวน พลวภาวโต ตทารมฺมณสฺส อวตฺถุภาวทสฺสนตฺถํ มิจฺฉตฺตนิยตานนฺตรํ สมฺมตฺตนิยตาปิ อุทฺธฏา. มิจฺฉตฺตนิยตสภาวสฺส วิย ปฏิสมฺภิทาสภาวสฺสปิ กามาวจรวิปากานํ อวิภูตภาเวน ปฏิสมฺภิทาาณานิ อารพฺภ ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณํ น ลพฺภตีติ อาห ‘‘ปฏิสมฺภิทาาณานี’’ติอาทิ. มโนทฺวาเรปีติ น เกวลํ ปฺจทฺวาเรสุเยว, อถ โข มโนทฺวาเรปิ. สพฺเพสนฺติ อเหตุกทุเหตุกาทีนํ สพฺเพสํ. อนุปุพฺพโตติ เหฏฺา วุตฺตอนุกฺกมโต.
๕๓๓. น วิชฺชตีติ มโนทฺวารสฺส อปฺปฏิฆภาเวน น วิชฺชติ. ภวงฺคโตติ ภวงฺคสนฺตานโต, ตสฺส อารมฺมณโต ¶ วา. วุฏฺานนฺติ ภวงฺคสนฺตาเน, ตสฺสารมฺมเณ วา สติ ตสฺส วุฏฺานํ.
๕๓๕-๖. สตฺต สตฺตาติ เอเกกสฺส สตฺต สตฺตาติ กตฺวา. ปาปปากาติ อกุสลวิปากา. ‘‘ทฺวาทสาปฺุจิตฺตาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘ปาปปากา’’ติ วจนํ ‘‘ตตฺริทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณ’’นฺติอาทีสุ วิย สฺาสทฺทวเสน วุตฺตํ. เอวํ ปวตฺติยํ อกุสลวิปากานํ ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิสนฺธิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกาทสวิธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุทฺธจฺจเจตนาย ปวตฺติวิปากทานมตฺตํ วินา ปฏิสนฺธิทานาภาวโต อาห ‘‘หิตฺวา อุทฺธจฺจมานส’’นฺติ. กึ ปเนตฺถ การณํ, อธิโมกฺขวิรเหน สพฺพทุพฺพลมฺปิ วิจิกิจฺฉาสหคตํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ, อธิโมกฺขสภาวโต ตโต พลวตรมฺปิ อุทฺธจฺจสหคตํ นากฑฺฒตีติ? ปฏิสนฺธิทานสภาวาภาวโต. ‘‘พลวํ อากฑฺฒติ, ทุพฺพลํ นากฑฺฒตี’’ติ หิ อยํ วิจารณา ปฏิสนฺธิทานสภาเวสุเยว. ยสฺส ปน ปฏิสนฺธิทานสภาโว เอว นตฺถิ, น ตสฺส พลวภาโว ปฏิสนฺธิอากฑฺฒเน การณนฺติ.
กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ ‘‘อุทฺธจฺจสหคตสฺส ปฏิสนฺธิทานสภาโว นตฺถี’’ติ? ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ อนาคตตฺตา. ติวิธา หิ อกุสลา ทสฺสเนนปหาตพฺพา, ภาวนายปหาตพฺพา, สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพาติ. ตตฺถ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺตุปฺปาทา ทสฺสเนนปหาตพฺพา นาม. ยถาห ‘‘กตเม ธมฺมา ทสฺสเนนปหาตพฺพา? จตฺตาโร ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา ¶ วิจิกิจฺฉาสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๘). เต หิ ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ ลทฺธนาเมน โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปหาตพฺพตฺตา ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ติ วุจฺจนฺติ. อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท ¶ ภาวนายปหาตพฺโพ นาม. ยถาห ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนายปหาตพฺพา? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ. โส หิ อคฺคมคฺเคน ปหาตพฺพตฺตา ‘‘ภาวนายปหาตพฺโพ’’ติ วุตฺโต. อุปริมคฺคตฺตยฺหิ ปมมคฺเคน ทิฏฺสฺมึเยว ภาวนาวเสน อุปฺปชฺชติ, น อทิฏฺปุพฺพํ กิฺจิ ปสฺสติ, ตสฺมา ‘‘ภาวนา’’ติ วุจฺจติ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา ปน สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพา นาม. ยถาห ‘‘จตฺตาโร ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทา ทฺเว โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา. อิเม ธมฺมา สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๙). เต หิ อปายนิพฺพตฺตกาวตฺถาย ปมมคฺเคน, เสสาวตฺถาย อุปริมคฺเคหิ ปหียมานตฺตา สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพา นาม. ตตฺถ สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพมฺปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพสามฺเน อิธ ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ตฺเวว โวหรนฺติ. ยทิ จ อุทฺธจฺจสหคตํ ปฏิสนฺธึ ทเทยฺย, ตทา อกุสลปฏิสนฺธิยา สุคติยํ อสมฺภวโต อปาเยสฺเวว ทเทยฺย, อปายคมนียฺจ เอกนฺเตน ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา, อิตรถา อปายคมนียสฺส อปฺปหีนตฺตา เสขานํ อปายุปฺปตฺติ อาปชฺชติ, น จ ปเนตํ ยุตฺตํ, ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต (ขุ. ปา. ๖.๑๑; สุ. นิ. ๒๓๔), อวินิปาตธมฺโม’’ติอาทิวจเนหิ สห วิรุชฺฌนโต, สติ จ ปเนตสฺส ทสฺสเนนปหาตพฺพภาเว ‘‘สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ปเนตํ วุตฺตนฺติ. อถ สิยา ‘‘อปายคมนีโย ราโค โทโส โมโห ตเทกฏฺา จ กิเลสา’’ติ เอวํ ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ วุตฺตตฺตา อุทฺธจฺจสหคตสฺสาปิ ตตฺถ สงฺคโห สกฺกา กาตุนฺติ? ตํ น, ตสฺส นิยามโต ภาวนายปหาตพฺพภาเวน วุตฺตตฺตาติ ¶ ตสฺมา ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ อวจนเมว ปฏิสนฺธิทานาภาวํ สาเธตีติ.
นนุ จ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค –
‘‘ยสฺมึ สมเย อกุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตํ, รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา อกุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๓๑) –
เอวํ ¶ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วิปาโกปิ อุทฺธโฏติ กถมสฺส ปฏิสนฺธิทานาภาโว สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพติ? น อิทํ ปฏิสนฺธิทานํ สนฺธาย อุทฺธฏํ, อถ โข ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย. ปฏฺาเน ปน –
‘‘สหชาตา ทสฺสเนนปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย, นานกฺขณิกา ทสฺสเนนปหาตพฺพา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๙) –
ทสฺสเนนปหาตพฺพเจตนาย เอว สหชาตนานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาวํ อุทฺธริตฺวาว ‘‘สหชาตา ภาวนายปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ภาวนายปหาตพฺพเจตนาย สหชาตกมฺมปจฺจยภาโวว อุทฺธโฏ, น ปน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว. ตถา ปจฺจนียนเยปิ –
‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺโพ ธมฺโม เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาต… อุปนิสฺสย…เป… ปจฺฉาชาต… กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๙๘) –
ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺเสว ¶ กมฺมปจฺจยภาวํ อุทฺธริตฺวา –
‘‘ภาวนายปหาตพฺโพ ธมฺโม เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาต… อุปนิสฺสย… ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๙๙) –
ภาวนายปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาโวว วุตฺโต, น ปน กมฺมปจฺจยภาโว, น จ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยํ วินา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนํ อตฺถิ, ตสฺมา นตฺถิ ตสฺส สพฺพถาปิ ปฏิสนฺธิทานํ. ปวตฺติวิปากํ ปนสฺส น สกฺกา นิวาเรตุํ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค อุทฺธจฺจสหคตานมฺปิ วิปากสฺส อุทฺธฏตฺตา, นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยสฺส จ ปฏิสนฺธิวิปากเมว สนฺธาย อนุทฺธฏตฺตา. เอวฺจ ปน กตฺวา ยเทเก อาจริยา วทนฺติ ‘‘อุทฺธจฺจเจตนา อุภยวิปากมฺปิ ¶ น เทติ ปฏฺาเน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยสฺส อนุทฺธฏตฺตา’’ติ, ตํ เตสํ อภินิเวสมตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
ยทิ จ เต วเทยฺยุํ – ยถา ‘‘วิปากธมฺมธมฺมา’’ติ เอตฺถ วิปาก-สทฺเทน วิปาการหตา วุจฺจติ, เอวํ อิธาปิ อุทฺธจฺจสหคตานํ วิปาการหตํ สนฺธาย ‘‘เตสํ วิปาเก าณ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา สทฺธินฺทฺริยวินิมุตฺตสฺส อธิมุจฺจนฏฺสฺส อภาเวปิ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมุจฺจนสตฺติวิเสสํ คเหตฺวา สทฺธินฺทฺริยธมฺโม อธิมุจฺจนฏฺโ อตฺโถติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ธมฺมวินิมุตฺตสฺส วิปาการหภาวสฺส อภาเวปิ ธมฺมานเมว วิปาการหสามตฺถิยํ คเหตฺวา ตสฺส อตฺถิภาโว วุตฺโต. ยทิ จ เต ปวตฺติวิปากํ ทเทยฺยุํ, ยถา –
‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ธมฺโม ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺส ธมฺมสฺส กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย, นานกฺขณิกา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๒.๕๗) –
ปวตฺติวิปากสฺสปิ ¶ วเสน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจโย วุตฺโต, เอวเมตฺถาปิ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพ สิยา. น หิ ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ อตฺถีติ ตสฺมา ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ อภาวเมว ทีเปติ. อปิจ ยทิ อุทฺธจฺจสหคตสฺส ปวตฺติวิปากทานํ อธิปฺเปตํ สิยา, ตทา ‘‘อนุปาทินฺนุปาทานิโย ธมฺโม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส น กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ปฏิเสโธ น กาตพฺโพ สิยา. น หิ เปตฺวา อุทฺธจฺจํ อฺโ โกจิ อนุปาทินฺนุปาทานิโย ธมฺโม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺโถ อตฺถีติ, ตยิทเมเตสํ อภิลาปมตฺตํ. ตถา หิ ยํ ตาว วุตฺตํ ‘‘วิปาการหภาวํ คเหตฺวา เตสํ วิปาเกติ วุตฺต’’นฺติ, ตเทว ตสฺส วิปากสพฺภาวํ ทีเปติ. น หิ วิปาการหภาเว สติ อภิฺาทีนํ วิย ตสฺส อวิปากตาย การณํ อตฺถีติ. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยสฺส อวจนํ วิปากภาวํ ทีเปตี’’ติ, ตมฺปิ น สุนฺทรํ, ลพฺภมานสฺสาปิ กตฺถจิ เกนจิ อธิปฺปาเยน อวจนโต. ตถา หิ ธมฺมสงฺคณิยํ ลพฺภมานมฺปิ หทยวตฺถุ น วุตฺตํ. ตสฺมา ยทิ ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วุจฺเจยฺย, ตทา ปฏิสนฺธิวิปากทานมฺปิสฺส มฺเยฺยุนฺติ ลพฺภมานสฺสปิ ปวตฺติวิปากสฺส วเสน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโตติ. ยํ ปน อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส อุปาทินฺนุปาทานิยํ ปติ กมฺมปจฺจยปฏิกฺเขปวจนํ, ตํ อภิฺากุสลาทิเก สนฺธายาติ น เอตฺตาวตา อุทฺธจฺจสหคตสฺส ¶ ปวตฺติวิปากทานํ สพฺพถาปิ ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกาติ. ยมฺปิ อฏฺกถายํ ‘‘ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวมุทฺธจฺจเจตนาปิ ‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’นฺติ เอตฺถ อปเนตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อุทฺธจฺจเจตนาย ตตฺถ นิทฺทิสิยมานาย ยถา อิตรา ปฏิสนฺธิปวตฺติวเสน ทุวิธสฺสปิ วิปากวิฺาณสฺส ปจฺจโย, เอวมุทฺธจฺจเจตนาปีติ คณฺเหยฺยุนฺติ วุตฺตํ, น ตสฺส ปวตฺติวิปากาภาวโตติ.
อาจริยพุทฺธมิตฺตาทโย ¶ ปน อุทฺธจฺจสหคตํ ทฺวิธา วิภชิตฺวา เอกสฺส อุภยวิปากทานํ, เอกสฺส สพฺพถาปิ วิปากาภาวํ วณฺเณนฺติ. เตสฺหิ อยํ วินิจฺฉโย – อตฺถิ อุทฺธจฺจํ ภาวนายปหาตพฺพมฺปิ, อตฺถิ นภาวนายปหาตพฺพมฺปิ. เตสุ ภาวนายปหาตพฺพํ เสขสนฺตานปฺปวตฺตํ, อิตรํ ปุถุชฺชนสนฺตานปฺปวตฺตํ. ผลทานฺจ ปุถุชฺชนสนฺตาเน ปวตฺตสฺเสว, เนตรสฺส. ตถา หิ ทสฺสนภาวนานํ อภาเวปิ เยสํ ปุถุชฺชนานํ, เสขานฺจ ทสฺสนภาวนาหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทุปฺปตฺติกาเล ตาหิ ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา อกุสลา ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา, ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. ปุถุชฺชนานํ ปน ภาวนาย อภาวโต ภาวนายปหาตพฺพจินฺตา นตฺถิ, เตน เตสํ ปวตฺตมานา เต ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยาปิ ‘‘ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ น วุจฺจนฺติ. ยทิ วุจฺเจยฺยุํ, ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกสฺจิ เกจิ กทาจิ อารมฺมณารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจยา ภเวยฺยุํ. สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนฺหิ เกสฺจิ สกฺกายทิฏฺาทโย เกจิ อตีตาทีสุ กิสฺมิฺจิ กาเล อารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสเยหิ ปจฺจยา โหนฺตีติ นตฺถิ, น จ ปฏฺาเน ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา นตฺถิ ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานานมกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยาโย. ยทิ ตตฺถ อวจนเมว ปมาณํ, เอวํ สติ เสขสนฺตานปวตฺตานมฺปิ อกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยาโย นตฺถีติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, เสขสนฺตานปฺปวตฺตานํ ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา. เตเนว จ กิฺจิ กตฺวา เสขานํ ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ อกุสลานํ ปหีนภาเวน อสฺสาทนาภินนฺทนานํ วตฺถูนิ น โหนฺติ. ปหีนตาย เอว โสมนสฺสสฺส เหตุภูตา, อวิกฺเขปเหตุภูตา จ น โทมนสฺสํ, อุทฺธจฺจฺจ อุปฺปาเทนฺตีติ น เตสํ อารมฺมณารมฺมณาธิปติปกตูปนิสฺสยภาวํ ¶ คจฺฉนฺติ. น หิ ปหีนกิเลเส อุปนิสฺสาย อริยา ราคโทสวิกฺเขเป อุปฺปาเทนฺติ. วุตฺตฺจ ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ, น ปจฺเจติ, น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต, สกทาคามิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… สุคโต’’ติ. ปุถุชฺชนานํ ปน ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ¶ ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยา น โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุํ, ‘‘ทิฏฺึ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ, วิจิกิจฺฉํ อารพฺภ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๗) ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ อุทฺธจฺจารมฺมณภาวสฺส วุตฺตตฺตา. เอตฺถ หิ อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุปิ ลพฺภมานเจตสิกํ อุทฺธจฺจํ. เอวฺจ กตฺวา อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘ทิฏฺึ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ, ตสฺมา เสขสนฺตานปฺปวตฺตานมกุสลานํ ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยตฺตาภาวโต ปุถุชฺชนานํ สนฺตาเนว ทสฺสเนนปหาตพฺพานมกุสลานํ ปจฺจยา น โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ปฏฺาเน ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ ภาวนายปหาตพฺพสฺส อารมฺมณารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจยตฺตานุทฺธรณํ เสขสนฺตานปฺปวตฺตานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยายภาวํ สาเธติ, ปุถุชฺชนสนฺตาเนเยว นทสฺสเนนปหาตพฺพานมกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยายภาวํ น สาเธติ, ตสฺมา ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพานํ อตีตาทิภาเวน นวตฺตพฺพตฺเตปิ ยาทิสานํ ตาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพา, เต ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา ¶ ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ทสฺสนมคฺคาเปกฺขาย ตทปฺปวตฺติยมฺปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพา นาม. เสเขสุ ปวตฺตมานา ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ตทปฺปวตฺติยมฺปิ ตทเปกฺขาย ภาวนายปหาตพฺพา นาม. ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยา ปน ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา เหฏฺา วุตฺตนเยน เนวทสฺสเนนปหาตพฺพา นภาวนายปหาตพฺพา, เตสุ ภาวนายปหาตพฺพา สหายวิรหโต วิปากํ น ชเนนฺติ. ตถา หิ เตสํ ทสฺสเนนปหาตพฺพสงฺขาตํ สหการีการณํ สหายภูตํ นตฺถีติ ภาวนายปหาตพฺพเจตนาย นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโต. อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ ปน ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปชฺชมานานํ สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ, อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส จ สํโยชนตฺตยตเทกฏฺกิเลสานํ อนุปจฺฉินฺนตาย อปริกฺขีณสหายานํ วิปากุปฺปาทนํ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุนฺติ อุทฺธจฺจสหคตธมฺมานํ วิปาโก วิภงฺเค วุตฺโตติ.
ยทิ เอวํ, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ อกุสลานํ ‘‘เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อปฺปหาตพฺพสภาวานํ กุสลาทีนํ ‘‘เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา’’ติ วุตฺตตฺตา, อปฺปหาตพฺพวิรุทฺธสภาวตฺตา จ อกุสลานํ ¶ . ยทิ เอวํ เต อิมสฺมึ ติเก นวตฺตพฺพาติ วตฺตพฺพา อาปชฺชนฺตีติ? นาปชฺชนฺติ, จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ ทสฺสิตานํ ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา. ยถา หิ อุปฺปนฺนตฺติเก ธมฺมวเสน สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ สงฺคหิตตฺตา กาลวเสน อสงฺคหิตาปิ อตีตา ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ น ¶ วุตฺตา จิตฺตุปฺปาทานุรูเปน สงฺคหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา, เอวํ อิธาปิ จิตฺตุปฺปาทภาเวน สงฺคหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ น วุตฺตา. สพฺเพน สพฺพฺหิ ธมฺมวเสน อสงฺคหิตสฺส ติกทุเกสุ นวตฺตพฺพตาปตฺติ. ยตฺถ หิ จิตฺตุปฺปาโท โกจิ นิโยคโต นวตฺตพฺโพ อตฺถิ, ตตฺถ เตสํ จตุตฺโถ โกฏฺาโส อตฺถีติ ยถาวุตฺตปเทสุ วิย ตตฺถาปิ ภินฺทิตฺวา ภาเชตพฺเพ จิตฺตุปฺปาเท ภินฺทิตฺวา ภาเชติ ‘‘สิยา นวตฺตพฺพาปริตฺตารมฺมณา’’ติอาทินา, ตทภาวา อุปฺปนฺนตฺติเก, อิธ จ ตถา น วุตฺตนฺติ.
อถ วา ยถา สปฺปฏิเฆหิ สมานสภาวตฺตา รูปธาตุยํ ‘‘ตโย มหาภูตา สปฺปฏิฆา’’ติ วุตฺตา, ยถาห ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูต’’นฺติ, เอวํ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานา ภาวนายปหาตพฺพสมานสภาวา ‘‘ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ วุจฺเจยฺยุนฺติ นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺโค. เอวฺจ สติ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานาปิ ภาวนายปหาตพฺพา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุปนิสฺสยปจฺจโย, ราโค จ ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโยติ อยมตฺโถ ลทฺโธ โหติ. เตเนว หิ –
‘‘ภาวนายปหาตพฺโพ ธมฺโม ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย, อารมฺมณูปนิสฺสโย, ปกตูปนิสฺสโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๔) –
อิมิสฺสา นิทฺเทเส ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ อุปนิสฺสยปจฺจยภาวีธมฺเม นิทฺทิสนฺเตน ภควตา –
‘‘ปกตูปนิสฺสโย – ปตฺถนํ อุปนิสฺสาย ปาณํ หนติ…เป… สงฺฆํ ภินฺทติ, ภาวนายปหาตพฺโพ ราโค โทโส โมโห มาโน ปตฺถนา ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส มานสฺส ทิฏฺิยา ปตฺถนาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย ¶ . สกภณฺเฑ ฉนฺทราโค ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคสฺส อุป…เป… สกปริคฺคเห ฉนฺทราโค ปรปริคฺคเห ฉนฺทราคสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๔) –
ปุถุชฺชนสนฺตาเน ¶ ปตฺถนาทโย นิทฺทิฏฺา.
เอวมฺปิ ยถา อโผฏฺพฺพตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา น ปรมตฺถโต สปฺปฏิฆา, เอวํ อเปกฺขิตพฺพภาวนารหิตา ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ปน ปรมตฺถโต ภาวนาย ปหาตพฺพาติ ภาวนายปหาตพฺพานํ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยตา น วุตฺตา, น จ ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตา. เย หิ ทสฺสเนนปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา, น เต ทสฺสนโต อุทฺธํ ปวตฺตนฺติ. ทสฺสเนนปหาตพฺพปจฺจยสฺสาปิ ปน อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น ตสฺส โกจิ ภาโว ทสฺสเนน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโตติ ตสฺส เอกนฺตภาวนายปหาตพฺพตา วุตฺตา, ตสฺมา อุทฺธจฺจภาเวน เอกสภาวสฺเสว ตสฺส สติ สหาเย วิปากุปฺปาทนวจนํ, อสติ จ วิปากานุปฺปาทนวจนํ น วิรุชฺฌติ. ตยิทํ สพฺพเมเตสํ อาจริยานํ อโหปุริสิการมตฺตํ. กสฺมา? อุทฺธจฺจสหคตสฺส เอกนฺตภาวนายปหาตพฺพภาเวน วุตฺตตฺตา. เอวฺหิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนายปหาตพฺพา. อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๖). ยทิ จ อุทฺธจฺจสหคตํ นภาวนายปหาตพฺพํ อภวิสฺส, ยถา อตีตารมฺมณตฺติเก ‘‘นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๓๓) วตฺวา วิภชฺช วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘‘นิโยคา ภาวนายปหาตพฺพา นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺธจฺจสหคโต สิยา ภาวนายปหาตพฺโพ สิยา นวตฺตพฺโพ ‘ทสฺสเนนปหาตพฺโพ’ติปิ ‘ภาวนายปหาตพฺโพ’ติปี’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา ¶ , น จ ตถา วุตฺตํ. ยา จ ‘‘ตมตฺถํ ปฏิปาเทนฺเตหิ ยทิ วุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา ยุตฺติ วุตฺตา, สาปิ อยุตฺติ. กสฺมา? ทสฺสเนนปหาตพฺพารมฺมณานํ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจานํ เตน เตน ปหาตพฺพภาววเสน อิจฺฉิตตฺตา. ยฺจ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส อุทฺธจฺจสฺส อนุทฺธรณํ การณวเสน วุตฺตํ, ตมฺปิ อการณํ อฺตฺถาปิ สาวเสสปาานํ ทสฺสนโต. ตถา หิ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส, อนาคโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอเตสํ วิภงฺเค เจโตปริยาณคฺคหณํ กตฺวา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺโน ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค ลพฺภมานมฺปิ เจโตปริยาณํ น คหิตํ. ยมฺปิ ภาวนายปหาตพฺพสฺส วิปากทานมฺหิ ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺส สหายภาวูปคมนํ วุตฺตํ, ตมฺปิ วิจาเรตพฺพํ – กึ อวิชฺชาทิ วิย ทานสีลาทีนํ อุปปตฺติยํเยว วิปากทานสามตฺถิยา านวเสน ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ สหการีการณํ โหติ, อุทาหุ กิเลโส วิย กมฺมสฺส ปฏิสนฺธิทานมฺหีติ ¶ ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว ปุริโม นโย, เสขสนฺตาเน ภาวนายปหาตพฺพสฺส อกิริยาภาโว อาปชฺชติ, ปหีนาวิชฺชามานตณฺหานุสยสฺมึ สนฺตาเน ทานาทิ วิย สหายเวกลฺเลน อวิปากสภาวตํ อาปนฺนตฺตา. อถ ทุติโย, ภาวนายปหาตพฺพตฺเตน อภิมตสฺสาปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพภาโว อาปชฺชติ, ปฏิสนฺธิทาเน สติ อปายคมนียสภาวานติวตฺตนโต, ตสฺมา อมฺเหหิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิปากทานํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, น เยสํ เกสฺจิ วจนํ. ปฏฺานานุสารีหิ ภวิตพฺพนฺติ.
๕๓๗-๘. ยนฺติ ยํ อาวชฺชนทฺวยํ. กรณมตฺตตฺตาติ กรณมตฺตเมว เปตฺวา ผลทานาภาวโต. วาตปุปฺผสมนฺติ โมฆปุปฺผสมํ, ยถา ตํ ปมสฺชาตํ อจฺฉินฺนมูเลปิ รุกฺเข ¶ นิพฺพตฺตํ ปุริเมหิ อทินฺนผลตฺตา ผลนิพฺพตฺตกํ น โหติ, เอวมิทํ อนุปจฺฉินฺนภวมูเลปิ สนฺตาเน นิพฺพตฺตํ อนาเสวนภาเวน ผลทายกํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ชวนตฺตํ ตุ สมฺปตฺตนฺติ อฏฺารสวิธํ ขีณาสวาเวณิกํ วิฺาณมาห. กิจฺจสาธนโตติ ภวตณฺหามูลสฺส อโวจฺฉินฺนภาเว สติ กุสลากุสลกมฺมกิจฺจสฺส สาธนโต, ทานาทิตํตํกิจฺจสาธนวเสน วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา หิ ฉินฺนมูลสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผํ ปุปฺผนมตฺตํ เปตฺวา อผลเมว โหติ, เอวเมตมฺปิ ตํตํกิจฺจสาธนมตฺตํ เปตฺวา สมุจฺฉินฺนภวตณฺหามูเล สนฺตาเน ปวตฺตนโต อผลเมวาติ.
๕๓๙-๔๐. ปฏิจฺจาติ เหตุธมฺมสฺส ปฏิมุขํ คนฺตฺวา ตํ อปจฺจกฺขาย. เอตีติ ปวตฺตติ, ติฏฺติ อุปฺปชฺชติ วาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอตี’’ติ หิ อิทํ อุปฺปตฺติฏฺิตีนํ สาธารณวเสน ปวตฺติปริทีปกํ. เตเนวาห ‘‘ิติยุปฺปตฺติยาปิ วา’’ติ. เอกจฺโจ หิ ปจฺจโย ิติยา เอว อุปการโก โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, เอกจฺโจ อุปฺปตฺติยา เอว ยถา อนนฺตราทิโก, เอกจฺโจ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโย. เอวํ ปจฺจย-สทฺทสฺส วจนตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปจฺจยลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โย ธมฺโม’’ติอาทิ. โยติ เหตุธมฺโม. ยสฺสาติ ยสฺส ผลธมฺมสฺส. ิติยุปฺปตฺติยาปิ วาติ ิติตฺถํ, อุปฺปตฺติตฺถํ วา. ิติยาติ วา ิติกฺขเณ, อุปฺปตฺติยาติ อุปฺปาทกฺขเณ. ยสฺส ธมฺมสฺส อุปกาโร, ยสฺส ธมฺมสฺส ิติยุปฺปตฺติยาติ วา สมฺพนฺโธ. ‘‘อุปกาโร’’ติ อิมินา ธมฺเมน ธมฺมสตฺติอุปการกํ ทสฺเสติ. ‘‘สมฺภโว’’ติอาทิ ปจฺจยสฺเสว ปริยายทสฺสนํ. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว. ตถา ปภโว. หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ. อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูล-สทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ . หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺเตน มูเลน ¶ วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ, วุทฺธึ วิรุฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ การณํ. ปจฺจโย มโตติ ปจฺจโยว ‘‘สมฺภโว’’ติอาทิโต มโต. อตฺถโต เอเต สมานา, พฺยฺชนมตฺตํเยว เนสํ นานตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๕๔๑-๕. เอวํ ปฏฺาเน อาคตสพฺพปจฺจยานํ สาธารณวเสน อตฺถํ วตฺวา อิธาธิปฺเปตสฺส เหตุปจฺจยสฺเสว สรูปํ ทสฺเสตุํ ‘‘โลภาทิ ปน โย ธมฺโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. มูลฏฺเนาติ สมฺปยุตฺตานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนสงฺขาตมูลฏฺเน. ฉเฬวาติ มูลฏฺเนูปการกภาวสฺส เตสเมว อาเวณิกภาเวน เอเต ฉเฬว. ชาติโตติ กุสลากุสลาพฺยากตชาติโต. นวธาติ ตโย กุสลเหตู, ตโย อกุสลเหตู, ตโย อพฺยากตเหตูติ นวธา. ธมฺมานํ…เป… สาธโกติ ยถา สาลิวีหิพีชาทีนิ สาลิวีหิอาทิภาวสฺส สาธกานิ, มณิอาทิปภาวตฺถูนฺจ นีลาทิวณฺณานิ นีลาทิมณิปภาย สาธกานิ, เอวํ เหตุปจฺจโย ยถารหํ อตฺตโน สมฺปยุตฺตานํ กุสลาทิตฺตสาธโกติ กุสลากุสลาพฺยากตธมฺมานํ ยถากฺกมํ กุสลากุสลาพฺยากตภาวสาธโก มูลฏฺโติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเก อาจริยาติ เรวตาจริยํ, ตสฺส สิสฺสานุสิสฺเส จ สนฺธายาห. อถ วา ครุมฺหิ พหุวจนมฺปิ ยุชฺชตีติ เรวตาจริยเมว สนฺธาย ‘‘เอเก อาจริยา’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ สนฺเตติ ยทิ มูลฏฺโ กุสลาทิภาวสาธโก, เอวํ สติ. ยถา จิตฺตํ จิตฺตชรูปานํ ปจฺจโย โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปีติ อาห ‘‘ตํสมุฏฺานรูปิสู’’ติ, เหตุสมุฏฺานรูเปสูติ อตฺโถ. เนว สมฺปชฺชตีติ น สิชฺฌติ, ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ¶ ปจฺจโย’’ติ วุตฺโต เหตุปจฺจยภาโว น สมฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถา กุสลากุสลา เหตู ตํสมุฏฺานรูปสฺส กุสลาทิภาวาย น ปริยตฺตา, เอวํ อพฺยากโตปิ เหตุ ตํสมุฏฺานสฺส รูปสฺส อพฺยากตภาวาย น ปริยตฺโต. สภาเวน หิ ตํ อพฺยากตนฺติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ยทิ กุสลาทิภาวํ น สาเธนฺติ, ปจฺจยาปิ น โหนฺตีติ วเทยฺยาติ อาห ‘‘น เตส’’นฺติอาทิ. ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑) วจนโต เต อโลภาทโย เตสํ รูปานํ ปจฺจยา น น โหนฺติ, ภวนฺเตวาติ อตฺโถ.
๕๔๖-๗. น ¶ คนฺตพฺโพติ น ปจฺเจตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ กุสลาทิเหตุโย อตฺตโน วิย อตฺตเหตุกานํ ธมฺมานํ กุสลาทิภาวํ สาเธนฺติ, กุสลากุสลเหตุปจฺจยสมฺภูตา รูปธมฺมาปิ เต วิย กุสลาทโย สิยุํ, เหตุโย วา รูปานํ ปจฺจยา น สิยุํ, น จ ปเนตํ อุภยมฺปิ อตฺถิ, ตสฺมา กุสลาทีนํ กุสลาทิภาวสาธโก มูลฏฺโติ น วิฺาตพฺพนฺติ. อปิจ ยทิ เหตุปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, ตทา อพฺยากตภาโวปิ ตปฺปฏิพทฺโธ สิยา, อเหตุกานํ อพฺยากตภาโว น สิชฺฌติ. ยทิ จ เหตุปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, เหตูนมฺปิ กุสลาทิภาโว อปฺปฏิพทฺโธ สิยา. อถ เตสมฺปิ เสสเหตุปฏิพทฺโธ, เอวมฺปิ โมมูหจิตฺตสมฺปยุตฺตสฺส เหตุโน อกุสลภาโว น สิชฺเฌยฺย. อถ ตสฺส โส อฺเหตุโก สิยา, เอวํ สติ เสสเหตูนมฺปิ ตํเหตุโกว สิยา. ยถา จ เสสเหตูนํ, เอวํ อวเสสสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ตํเหตุโกว สิยา. อถ สิยา เหตูนํ สภาวโตว กุสลาทิภาโว, สมฺปยุตฺตานํ ปน ¶ เหตุปฏิพทฺโธติ, เอวํ สติ อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา. ยทิ หิ โส สภาวโต กุสโล, ตํสภาวตฺตา อพฺยากโต น สิยา. อถ อพฺยากโต, ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส อโทสตฺตาภาโว วิย. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหนฺเตสุ สทฺธาทีสุ สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺธํ กุสลาทิภาวํ ปริเยสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อฺปฏิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโต. สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย เหตุสมฺปยุตฺตธมฺเมสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฏิพทฺโธติ. เตเนวาห –
‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑.๖๗).
สมยฺุนาติ อาภิธมฺมิกมตเวทินา. สุปฺปติฏฺิตภาวสฺส สาธเนนาติ อตฺตเหตุกานํ ธมฺมานํ สมฺมา ปติฏฺิตภาวสฺส ถิรภาวสฺส สาธเนน. ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรุฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฏฺิตา, อเหตุกา ติลพีชาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฏฺิตาติ.
๕๔๘. สพฺพโสติ กามาวจราทิสพฺพภาเคน.
๕๕๐-๑. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ¶ จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ อภาวโต อตฺตนา สมฺปยุตฺตานํ, กฏตฺตารูปานเมว จ ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘อตฺตนา…เป… ชาตาน’’นฺติ. กมฺมสฺส กตตฺตา เอว จ อุปจิตตฺตา จ น อิสฺสราทิเหตุโน สมฺภูตานิ รูปานิ กฏตฺตารูปานิ, กมฺมสมุฏฺานรูปานีติ อตฺโถ ¶ , กฏตฺตารูปาเนว ชาตานิ ภูตานิ นิพฺพตฺตานีติ กฏตฺตารูปชาตานิ. ตเถวาติ ยถา ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานํ, เอวนฺติ อตฺโถ. จิตฺตชานฺจาติ จ-สทฺเทน ‘‘อตฺตนา สมฺปยุตฺตาน’’นฺติ อากฑฺฒติ.
๕๕๓. โลกุตฺตรวิปากานํ ปฏิสนฺธิวเสน อปฺปวตฺตนโต นตฺถิ กมฺมสมุฏฺานสฺส ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘จิตฺตชาน’’นฺติอาทิ.
๕๕๕. เหตุปจฺจยสมฺภโวติ เหตุปจฺจยสมฺภูตธมฺโม, เหตุปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ สมฺภวากาโร วา. สฺชาตสุขเหตุนาติ สฺชาตาเณน, สมฺปชฺเนาติ อตฺโถ. าณฺหิ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิวจนโต สุขํ เหตุ เอตสฺสาติ,
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ,
โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร,
ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) –
อาทิวจนโต สุขสฺส เหตูติ วา ‘‘สุขเหตู’’ติ วุจฺจติ.
๕๕๖. โลกสฺส อธิปติ โลกาธิปติ, สกลโลกนายเกนาติ อตฺโถ. อตฺตาธีนานํ ปติโนติ อธิปตี. ฉนฺทํ ตุ เชฏฺกํ กตฺวาติ ‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตุปฺปาเท ฉนฺโท เชฏฺกภูโต สมฺปยุตฺตธมฺเม วเส วตฺตมาโน หุตฺวา ปวตฺตติ, สมฺปยุตฺตธมฺมา จ ตสฺส วเส ปวตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโตติ อาห ‘‘ฉนฺทํ ตุ เชฏฺกํ กตฺวา’’ติอาทิ. กตฺวา ธุรนฺติ สหชาตปุพฺพงฺคมวเสน ¶ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ฉนฺทาธิปติ นาม โส วา จิตฺตุปฺปาโท ฉนฺทาธิปติ นาม ‘‘ฉนฺโท ¶ อธิปติ อิมสฺสา’’ติ กตฺวา. เอเสวาติ ‘‘จิตฺตํ ธุรํ กตฺวา…เป… กาลสฺมึ จิตฺตาธิปติ นามา’’ติอาทินา ยถาวุตฺโตว นโย. เสเสสูติ จิตฺตาทีสุ. เอตฺถ จ ‘‘ฉนฺทํ…เป… กาลสฺมิ’’นฺติอาทินา กาลสฺส นิยมิตตฺตา จตฺตาโรเปเต เอกกฺขเณ อธิปตี น โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ปฏฺาเน ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๓) จตุนฺนมฺปิ อธิปตีนํ ปจฺจยภาโว วิสุํ วิสุํเยว อุทฺธโฏ. ยทิ หิ เต เอกกฺขเณเยว อธิปติปจฺจยา สิยุํ, ตทา ยถา เหตุปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา อวิเสเสน วุตฺตํ มูลฏฺเน อุปการกภาวสฺส วิชฺชมาเนน ทฺวินฺนํ, ติณฺณมฺปิ เหตูนํ เอกกฺขเณ ปจฺจยภาวูปคมนโต, เอวํ เอกกฺขเณเยว พหูนํ เชฏฺกภาเว สติ อธิปติปจฺจยนิทฺเทเสปิ ‘‘อธิปตี อธิปติสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา วตฺตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ปน เอวํ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา จตฺตาโรว วิเสเสตฺวา วุตฺตา, ตสฺมา เอเกกธมฺโมเยว เอกกฺขเณ อธิปติปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เชฏฺฏฺเนาติ ปมุขภาเวน.
โสภนา มติ, โสภนํ วา มตํ เอเตสํ อตฺถีติ สุมติโน, สมฺมาทิฏฺิกาติ อตฺโถ, เตสํ มตึ วิโพเธติ ปโพเธตีติ สุมติมติวิโพธนํ. กุจฺฉิตา มติ, กุจฺฉิตํ วา มตํ เอเตสนฺติ กุมติโน, มิจฺฉาทิฏฺิกา, เตสํ มติภูตา มติภาเวน ปริกปฺปิตตฺตาติ กุมติมติ, มิจฺฉาทิฏฺิ, สาเยว อินฺธนสทิสตาย อินฺธนํ ตสฺส ปาวกํ อคฺคิ วิยาติ กุมติ…เป… ปาวกํ. อติมธุรนฺติ นิปุณคมฺภีเรน อตฺถรเสน ¶ เจว สุวิมลสขิเลน พฺยฺชนรเสน จ มธุรํ. อเวทีติ โอคาเหตฺวา ชานาติ. โย โยติ เถรนวมชฺฌิเมสุ โย โกจิ. ชินวจนํ สกลํ อเวทีติ เตปิฏกสฺสปิ สกลชินวจนสฺส คหณสมตฺถตาปฏิลาเภน ตํ อวคจฺฉติ.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
ปกิณฺณกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.