📜
๑๐. ทสโม ปริจฺเฉโท
รูปวิภาควณฺณนา
๖๒๒. อาทิมฺหีติ ¶ ¶ อุทฺเทสคาถายํ. อิทานีติ จิตฺตเจตสิกวิภาวนานนฺตรํ. วิภาวนนฺติ นิทฺเทสปฏินิทฺเทสวเสน สรูปโต ปกาสนํ.
๖๒๓. รุปฺปตีติ สีตุณฺหาทีหิ วิการมาปชฺชติ, อาปาทียตีติ วา อตฺโถ. วิการาปตฺติ จ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิธาเน วิสทิสุปฺปตฺติเยว. น หิ ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ิตธมฺมานํ อฺเน เกนจิ วิการาปาทนํ สกฺกา กาตุํ, ตสฺมา ปุริมุปฺปนฺนรูปสนฺตติ วิย อหุตฺวา ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานานํ วิสภาคปจฺจยสมวาเยน วิสทิสุปฺปตฺติเยว อิธ ‘‘รุปฺปน’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา สงฺฆิยานํ วิปริณามวาโท ปจฺจกฺขโต โหติ. นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรา. วิภูตตรา เหตฺถ วิสทิสุปฺปตฺติ อธิปฺเปตา อุกฺกฏฺคติวเสน ยถา ‘‘อภิรูปสฺส กฺา ทาตพฺพา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘).
กุโต เอตํ วิฺายตีติ เจ? สีตาทิคฺคหณโต. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปํ วเทถ, รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจติ. เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุณฺเหนปิ รุปฺปติ, ชิฆจฺฉายปิ รุปฺปติ, ปิปาสายปิ รุปฺปติ, ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺเสนปิ รุปฺปติ, รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙).
เอตฺถ หิ สีตาทิคฺคหณํ สีตาทินา ผุฏฺสฺส รุปฺปนํ วิภูตตรํ, ตสฺมา ตเทเวตฺถ คหิตนฺติ าปนตฺถํ. อิตรถา รุปฺปตีติ สามฺวจเนเนว สิทฺเธ สีตาทิคฺคหณํ นิรตฺถกํ สิยาติ.
ยทิ ¶ ¶ เอวํ, กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมฺา? น หิ ตตฺถ อุปฆาตโก สีตาทิผสฺสวิเสโส ลพฺภตีติ? สจฺจํ, ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต. อรุปฺปนสฺสาปิ หิ รุปฺปนสภาวานติวตฺตนโต รูปสมฺา โหติ. ยถา อทุทฺธมฺปิ ขีรํ ตํสภาวานติวตฺตนโต ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ วุจฺจตีติ. อถ วา กิฺจาปิ ตตฺถ อุปฆาตโก สีตาทิผสฺสวิเสโส นตฺถิ, อนุคฺคาหโก ปน อตฺถิ. ตถา หิ พฺรหฺมานํ อุตุชรูปํ อตฺถิ, ตสฺมา อตฺเถว ตตฺถ รุปฺปนนฺติ น โกจิ ตตฺถ รูปสมฺาย วิพนฺโธติ.
รูปยตีติ วาติ สยํ วิชฺชมานเมว อตฺตโน สนฺตานํ วิการมาปาทยตีติ อตฺโถ. อิติ ปุริมวิคฺคเหน วิการุปฺปตฺติ ‘‘รุปฺปน’’นฺติ ทีปิตํ. อิมินา ปน วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิชฺชมานสฺเสว โย อตฺตโน สนฺตาเน วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปนนฺติ ทีปิตํ โหติ. อิมสฺมึ ปกฺเข อรูปสฺส รูปสมฺาปสงฺโค เอว นตฺถิ. นิรุทฺธเมว หิ ตํ อนนฺตราทิปจฺจเยหิ อรูปํ อุปฺปาเทติ, น วิชฺชมานนฺติ. ฆฏฺฏเน วิการาปตฺติยํ รูป-สทฺทสฺส รุฬฺหี, ตสฺมา อรูปธมฺมานํ ฆฏฺฏนาภาวโต น เตสุ รูปสมฺาติ เกจิ. ปฏิฆาโต รุปฺปนนฺติ อปเร, เตสํ มเตน กิฺจาปิ สปฺปฏิฆรูปานเมว รูปสมฺาปสงฺโค, อถ โข อวยวโวหาเรน สมุทาโยปิ โวหรียตีติ สพฺพเมว รูปํ รูปสมฺํ ลภติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘รูปยตีติ วณฺณายตนวเสน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตฺหิ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ รูปยติ, หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ. ตยิทํ อุปริ วณฺณายตนนิทฺเทเส วิสุํเยว วุจฺจตีติ น ตสฺส อิธ สํวณฺณเน ปโยชนํ อตฺถิ. สุรูโปติ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาทีหิ อลงฺกตตฺตา โสภนรูปกาโย, สภาวตฺโถ วา รูป-สทฺโท ‘‘ยํ โลเก ¶ ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๔) วิย, ตสฺมา สุรูโปติ โสภนสภาโว, เตน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิอสาธารณคุณวิเสสสมาโยคทีปนโต สตฺถุ ธมฺมกายสมฺปตฺติยาปิ โสภนตา ทสฺสิตา โหติ.
๖๒๔. ภูโตปาทายเภทโตติ เอตฺถ ตทธีนวุตฺติตาย ภวติ เอตฺถ อุปาทารูปนฺติ ภูตํ. อถ วา มหาภูตาเยว อิธ ปุริมปทโลปวเสน ภูต-สทฺเทน วุตฺตา. เตนาห ‘‘จตุพฺพิธา มหาภูตา’’ติ. ภูตานิ อุปาทิยเตว, น ปน สยํ เตหิ อฺเหิ วา อุปาทิยตีติ อุปาทายํ. เอวฺจ กตฺวา จตุนฺนํ มหาภูตานํ อฺมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตมานานมฺปิ อุปาทายรูปตาปสงฺโค นตฺถิ. น หิ เต เกวลํ อฺมฺํ อุปาทิยนฺเตว, อถ โข สยํ อุปาทายรูเปหิ ¶ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อุปาทาย-สทฺทคฺคหณสามตฺถิยโต น มหาภูตานํ อุปาทายรูปตาปสงฺโคติ. อถ วา ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) วจนโต จตุมหาภูตสนฺนิสฺสิตตาว อุปาทายรูปลกฺขณํ, น ภูตตฺตยาทิสนฺนิสฺสิตตาปีติ น เตสํ อุปาทายรูปตาติ. ภูตฺจ อุปาทายฺจ ภูโตปาทายํ, เตสํ วเสน เภทโตติ ภูโตปาทายเภทโต. ภูตสทฺทสฺส อุภยลิงฺคตฺตา อาห ‘‘มหาภูตา’’ติ. อุปาทาติ อุปาทายรูปานิ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติอาทีสุ วิย เอตฺถ ย-การโลโป ทฏฺพฺโพ.
๖๒๕. กตเม ปน จตฺตาโร มหาภูตา, กถฺจ เต มหาภูตสฺิตา, กานิ จ อุปาทายรูปานิ, กถฺจ ตานิ ‘‘อุปาทายรูปานี’’ติ วุจฺจนฺตีติ อิทํ โจทนํ หทเย กตฺวา กเมน โสเธนฺโต อาห ‘‘ปถวีธาตู’’ติอาทิ. จตฺตาโรเมติ ¶ จตฺตาโร อิเม. มหา จ โส ภูโต จาติ มหาภูโต, เตน มหาภูเตน สเทวเก โลเก มหนฺตภาเวน ปาตุภูเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ อตฺโถ. อถ วา –
‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ,
สพฺพาเนว สหตฺตนา;
โย จ กาลฆโส ภูโต,
ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๙๐) –
อาทีสุ วิย ภูต-สทฺทสฺส สตฺเตสุ, ขีณาสเวสุ จ ปวตฺตนโต มหาภูเตนาติ มหตา สตฺเตน, มหาขีณาสเวนาติ วา อตฺโถ. ขีณาสโวปิ หิ ปริกฺขีณปฏิสนฺธิกตฺตา ภูโตเยว น ภวติ, น จ ภวิสฺสตีติ ภูโตติ วุจฺจติ.
๖๒๖. มหนฺตา ปาตุภูตาติ อุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ อนุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ สสมฺภารธาตุวเสน มหนฺตา หุตฺวา ภูตา ชาตา นิพฺพตฺตาติ อตฺโถ. เตสํ อนุปาทินฺนกสนฺตาเน –
‘‘ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔) –
อาทินา ¶ นเยน มหนฺตปาตุภูตตา วุตฺตา. อุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ อเนกโยชนสติกมจฺฉกจฺฉปติคาวุตปฺปมาณเทวทานวาทิสรีรวเสน ทฏฺพฺพา. วุตฺตมฺปิ เหตํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท โยชนสติกาปิ อตฺตภาวา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๘.๒๐; จูฬว. ๓๘๕; อุทา. ๔๕).
มหาภูตสมาติ ¶ อเนกพฺภุตวิเสสทสฺสเนน, อเนกภูตทสฺสเนน จ มหนฺตา ภูตา, มหนฺตานิ อพฺภุตานิ วา เอเตสูติ มหาภูตา, มายาการา, ยกฺขาทโย วา ชาติวเสเนว มหนฺตา ภูตาติ มหาภูตา, เตหิ เอเต สมาติ มหาภูตสมา. เอเต หิ ยถา มายาการา อมณึ เอว อุทกํ มณึ กตฺวา ทสฺเสนฺติ, อสุวณฺณํเยว เลฑฺฑุอาทิกํ สุวณฺณํ กตฺวา ทสฺเสนฺติ, ยถา จ สยํ เนว ยกฺขา น ปกฺขิโน สมานา ยกฺขาทิภาวมฺปิ ทสฺเสนฺติ, เอวเมวํ สยํ อนีลาเนว หุตฺวา นีลํ อุปาทายรูปํ ทสฺเสนฺติ, สยํ อปีตาเยว…เป… สยํ อโนทาตาเยว หุตฺวา โอทาตํ อุปาทายรูปํ ทสฺเสนฺตีติ มายาการมหาภูตสามฺโต มหาภูตา.
ยถา จ ยกฺขา มหาภูตา ยํ คณฺหนฺติ, เนวสฺส อนฺโตสรีเร านํ อุปลพฺภติ, น สรีรโต พหิ, น จ ตสฺส องฺคมงฺคํ นิสฺสาย น ติฏฺนฺติ. ยทิ หิ สรีรสฺส อนฺโต ิตา, สกลสรีเร พฺยาปนํ น สิยา. อถ พหิ ิตา, ยกฺขคฺคหิตเกน กตกุสลากุสลํ ยกฺขสฺส น สิยา. ยทิ จสฺส องฺคมงฺคํ นิสฺสาย น ิตา, ยกฺขคฺคหิตเก ปหเฏ ยกฺขสฺส ทุกฺขเวทนุปฺปตฺติ น สิยา, น จ สรีเร ราชิอุฏฺานํ ภเวยฺย. ยสฺมา ปเนตํ สพฺพํ อตฺถิ, ตสฺมา เต อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานา, เอวเมเตปิ น อฺมฺสฺส อนฺโต น พหิ ิตา อุปลพฺภนฺติ, น จ อฺมฺํ นิสฺสาย น ติฏฺนฺติ. ยทิ หิ เต อฺมฺสฺส อนฺโต ิตา, น สกสกกิจฺจกรา สิยุํ อฺมฺํ อนุปเวสนโต. อถ อฺมฺโต พหิ ิตา, วินิพฺภุตฺตา สิยุํ, ตถา จ สติ อวินิพฺภุตฺตวาโท ปริหาเยยฺย, ตสฺมา อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานาติ. ยกฺขมหาภูตสมานตาย มหาภูตสมา. อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานาปิ เจเต ปติฏฺานาทินา ยถาสกกิจฺจวิเสเสน เสสานํ ติณฺณํ อุปการกา โหนฺตา สหชาตาทินา ¶ ปจฺจเยน ปจฺจโย หุตฺวา อฺมฺํ นิสฺสาเยว ติฏฺนฺติ.
วฺจกตฺตา อภูเตนาติ ยกฺขินีอาทโย วิย อภูเตน อตจฺเฉน มนาปวณฺณสณฺานาทินา สตฺตานํ วฺจกตฺตา มหนฺตานิ อภูตานิ เอเตสูติ มหาภูตาติ สมฺมตา ¶ . ยถา หิ ยกฺขินีอาทโย มนาเปหิ กาฬสามาทิวณฺเณหิ, ปุถุลปีวรกิสาทิสณฺาเนหิ, หตฺถภมุอาทิวิกฺเขเปหิ จ อตฺตโน ภยานกภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา สตฺเต วฺเจนฺติ, อตฺตโน วสํ เนนฺติ, เอวเมเตปิ อิตฺถิปุริสาทีสุ มนาเปน ฉวิวณฺเณน, มนาเปน องฺคปจฺจงฺคสณฺาเนน, มนาเปน จ หตฺถปาทองฺคุลิภมุกวิกฺเขเปน อตฺตโน กกฺขฬตฺตาทิสรีรลกฺขณํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา พาลชนํ วฺเจนฺติ, อตฺตโน สภาวํ ทฏฺุํ น เทนฺตา ตํ อตฺตโน วสํ เนนฺติ.
๖๒๗-๓๐. จกฺขุโสตนฺติอาทีสุ รูปเมว รูปตา. หทยฺจ ตํ วตฺถุ จ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนนฺติ หทยวตฺถุ, หทยสฺส วา วิฺาณสฺส วตฺถูติ หทยวตฺถุ, ปุริมปทโลเปน ปน ‘‘วตฺถุ’’นฺติ วุตฺตํ. กพฬีกาโร อาหาโรเยว อาหารตา. กิฺจาปิ ธมฺมสงฺคณิยํ รูปนิทฺเทเส กพฬีกาโร อาหาโร โอสาเน อุทฺทิฏฺโ, อิธ ปน นิปฺผนฺนรูปานํ เอกฏฺาเน ทสฺสนตฺถํ หทยวตฺถุอนนฺตรํ อุทฺทิฏฺโติ. ลหุตา อาทิ ยาสํ มุทุตากมฺมฺตานนฺติ ลหุตาทโย, ตาสํ ตยํ ลหุตาทิตฺตยํ, ตตฺถ ลหุภาโว ลหุตา, ตถา มุทุตาปิ. กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว กมฺมฺตา. ลหุตาทีนํ สยํ อนิปฺผนฺนตฺตา นิปฺผนฺนรูปวิการภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปสฺสา’’ติ วิเสสนํ กตํ. จตุวีสตีติ คณนปริจฺเฉโท, พลวรูปาทีนํ นิเสธนตฺโถ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ ¶ . นิสฺสายาติ นิสฺสาย เอว, น ปน นิสฺสยวเสนปิ. จตูหิ อุปาทาเนหิ นิมุตฺตตาย นิกฺขนฺตํ อุปาทานโต มานสํ เอตสฺสาติ นิรุปาทานมานโส.
๖๓๑-๒. ปตฺถฏตฺตาติ ปุถุตฺตา, เตน ปุถุภาวโต ปุถวี, ปุถวี เอว ปถวีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิ ทีปิตา โหติ. อยํ ปน สมฺภารปถวิยา วเสน ยุชฺชติ. สา หิ ปุถุภูตา ปตฺถฏาติ. ลกฺขณปถวิยา วเสน ปน ปถนฏฺเน ปถวี, สหชรูปานํ ปติฏฺาภาเวน ปกฺขายติ อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ปุริโมปิ วา อตฺโถ ลกฺขณปถวิยา วเสน ลพฺภติ. วายนโตติ สมุทีรณโต, เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน ภูตสงฺฆาฏสฺส ปาปนโตติ อตฺโถ. เตเชติ ปริปาเจติ, นิเสติ วา, ติกฺขภาเวน เสสภูตตฺตยํ อุสฺมาเปตีติ อตฺโถ. คาถาพนฺธวเสน เจตฺถ อิติ-สทฺทโลปโต ‘‘เตเชติ’’จฺเจว วุตฺตํ. เอวํ ‘‘อาเปตี’’ติ เอตฺถาปิ. ตสฺมา เตเชตีติ เตโช, อาเปตีติ อาโปติ วุตฺตํ โหติ. อาเปติ ปาลนาติ อนุปาเลตพฺพรูปปริโยสานํ อาเปติ ปตฺถรติ. ตถา เหตํ ‘‘อาพนฺธนกิจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. อาปียตีติ อาโป. โสสียติ ปิวียตีติ ¶ อตฺโถติ เกจิ. อยํ ปนตฺโถ สสมฺภาราเป ยุชฺชตีติ วทนฺติ, ลกฺขณาเปปิ ยุชฺชเตว. โสปิ หิ ผรุสปาจนวิโสสนากาเรน เสสภูตตฺตเยน ปียมาโน วิย ปวตฺตตีติ. อาปายตีติ วา อาโป, พฺรูเหติ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. ตถา เหส ปริพฺรูหนรโส. เตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ภูโตปาทายเภทานํ รูปานํ. วกฺขามีติ กเถสฺสามิ. กึ การณาติ อาห ‘‘ลกฺขณาทีสู’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ลกฺขณาทีสุ าเตสุ ธมฺมา อาวิ ภวิสฺสนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปรโต อาวิภาวเหตูติ อตฺโถ.
๖๓๓-๔. กานิ ¶ ปน ตานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ นาม, เยสุ าเตสุ ธมฺมา อาวิ ภวิสฺสนฺตีติ อิมํ โจทนํ โสเธตุํ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ สรูปโต กเถนฺโต อาห ‘‘สามฺํ วา’’ติอาทิ. สามฺํ สาธารโณ อนิจฺจาทิโก. สภาโว กกฺขฬาทิผุสนาทิโก อสาธารณภาโว. กิจฺจนฺติ สนฺธารณาทิกิจฺจํ. สมฺปตฺตีติ สมฺปนฺนภาโว. ‘‘สุรโส คนฺธพฺโพ’’ติอาทีสุ หิ คนฺธพฺพสมฺปตฺติยา รส-สทฺเทน วุจฺจมานตฺตา สมฺปตฺติ รโสติ. ผลนฺติ สหชาตนานกฺขณิกวเสน ิตํ ผลํ. อุปฏฺานนโยติ คเหตพฺพภาเวน าณสฺส อุปฏฺานากาโร. อาสนฺนการณนฺติ ปธานการณํ.
ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, กกฺขฬตฺตํ ลกฺขณเมติสฺสาติ กกฺขฬตฺตลกฺขณา. นนุ จ กกฺขฬตฺตเมว ปถวีธาตูติ? สจฺจเมตํ. ตถา หิ วิฺาตาวิฺาตสทฺทตฺถตาวเสน อสมฺภินฺเนปิ ธมฺเม กปฺปนาสิทฺเธน เภเทน เอวํ นิทฺเทโส กโต. เอวฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. อถ วา ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, กกฺขฬา หุตฺวา ลกฺขิยมานา ธาตุ กกฺขฬตฺตลกฺขณาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสาสุปิ เอเสว นโย. ปติฏฺานรสาติ สหชาตธมฺมานํ ปติฏฺานภาวกิจฺจา. อสหชาตานมฺปิ สนฺตติวเสน ปติฏฺานภาโว โหเตว. ตโต เอว เนสํ สมฺปฏิจฺฉนากาเรน าณสฺส ปจฺจุปฏฺาตีติ สมฺปฏิจฺฉนปจฺจุปฏฺานา. อิมินา กิจฺจวเสเนเวตฺถ ‘‘ปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ ทสฺเสติ. ปทฏฺานํ ปเนตฺถ จตุนฺนมฺปิ เอกโต กตฺวา วกฺขติ.
ปคฺฆรณลกฺขณาติ ทฺรวตาภาวโต วิสฺสนฺทนลกฺขณา. พฺรูหนรสาติ สหชาตธมฺมานํ มิลาตภาวูปคมนํ อทตฺวา วฑฺฒนกิจฺจา. ตถา หิ สา เตสํ ปีณิตภาวํ ทสฺเสตีติ วุจฺจติ. สงฺคหปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรกอุทกํ ¶ วิย นหานิยจุณฺณสฺส สหชาตธมฺมานํ วิปฺปกิริตุํ ¶ อทตฺวา สมฺปิณฺฑนวเสน สงฺคณฺหนปจฺจุปฏฺานา. ปริปาจนรสาติ ปริณตภาวกรณรสา. มทฺทวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรคฺคิ วิย ชตุโลหาทีนํ สหชาตธมฺมานํ มุทุภาวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานา. วิตฺถมฺภนลกฺขณาติ ปูรณลกฺขณา. สมุทีรณรสาติ กมฺปนรสา. อภินีหาโร ภูตตฺตยสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโว, นีหรณํ วา พีชโต องฺกุราทิกสฺส วิย. เอเกกา…เป… ตพฺพาติ ปถวีธาตุ อาปาทิภูตตฺตยปทฏฺานา, อาโปธาตุ ปถวีเตชาทิภูตตฺตยปทฏฺานาติ เอวํ เอเกกา ธาตุ อวสิฏฺภูตตฺตยปทฏฺานา.
อาโรหปริณาหวเสน หิ มชฺฌิเม อิมสฺมึ สรีเร ปริคฺคยฺหมานา ปรมาณุเภทสฺจุณฺณา สุขุมรชภูตา ปถวีธาตุ โทณมตฺตา สิยา. สา จ ตโต อุปฑฺฒปฺปมาณาย อาโปธาตุยา ยถา น วิกิรติ, เอวํ อาพนฺธนวเสน สงฺคหิตา. ยถา ปน ปคฺฆรณสภาวาย อาโปธาตุยา วเสน กิลินฺนภาวํ ปิจฺฉลภาวํ นาปชฺชติ, เอวํ เตโชธาตุยา อนุปาลิตา. ยถา ปน ตสฺสา วเสน น วิกิรียติ, เอวํ วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภิตา สงฺฆาตภาวํ ปาปิตา. เอวํ สุขุมรชภูตาปิ อาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ อาโปเตโชวาโยธาตูหิ ลทฺธปจฺจยา สิเนเหน เตมิตา, เตชสา ปริปกฺกา, วายุนา วิตฺถมฺภิตา ปิฏฺจุณฺณานิ วิย น อิโต จิโต จ วิกิรียติ วิทฺธํสียติ, อวิกิริยมานา อวิทฺธํสิยมานา นานปฺปการกํ อิตฺถิปุริสลิงฺคาทิภาววิภาคํ อุปคจฺฉติ, อณุถูลทีฆรสฺสถิรกถินาทิภาวฺจ ปกาเสติ.
ยูสคตา อาพนฺธนาการภูตา ปเนตฺถ อาโปธาตุ ปถวีปติฏฺิตา เตชานุปาลิตา วาโยวิตฺถมฺภิตา น คฬติ ¶ , น ปคฺฆรติ, น ปริสฺสวติ. เอวํ ตีหิ ธาตูหิ อนุปาลิตา อปคฺฆรมานา อปริสฺสวมานา ปิณฺฑิตภาวํ ทสฺเสติ. เอสา หิ อนุพฺรูหนรสา.
อสิตปีตาทิปริปาจิตา เจตฺถ อุสุมาการภูตา อุณฺหตฺตลกฺขณา เตโชธาตุ ปถวีปติฏฺิตา อาโปสงฺคหิตา วาโยวิตฺถมฺภิตา อิมํ กายํ ปริปาเจติ, วณฺณสมฺปตฺติฺจสฺส อาวหติ. สา หิ ยถานุภุตฺตสฺส อาหารสฺส สมฺมา ปริณามเนน รสาทิสมฺปตฺติยา เหตุภาวํ คจฺฉนฺตี อิมํ กายํ ปริปาเจติ, วณฺณสมฺปตฺติฺจ อาวหติ. กมฺมูปนิสฺสยาย หิ จิตฺตปสาทเหตุกาย จ สรีเร วณฺณสมฺปทาย เตโชธาตุ วิเสสปจฺจโย, ปเคว อุตุอาหารสมุฏฺานาย รูปสมฺปตฺติยาติ. ตาย จ ปน ปริปาจิโต อยํ กาโย น ปูติภาวํ คจฺฉติ.
องฺคมงฺคานุสฏา ¶ เจตฺถ สมุทีรณวิตฺถมฺภนลกฺขณา วาโยธาตุ ปถวีธาตุยา อตฺตนิ ปติฏฺาปียติ. ยถา สหชาตธมฺเมหิ วิสุํ น โหติ, เอวํ อาโปธาตุยา สงฺคยฺหติ. ยถา สหชาตธมฺมา น ปริสฺสวนฺติ, เอวํ เตโชธาตุยา อนุปาลียติ. สา เอวํ ตีหิ ธาตูหิ ยถารหํ อนุปาลิยมานา อิมํ กายํ วิตฺถมฺเภติ. ตาย ปน วิตฺถมฺภิโต อยํ กาโย น ปริปตติ, อุชุกํ ติฏฺติ, อิจฺเจวํ เอเกกาย ธาตุยา ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ วเสเนว ปวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘เอเกกา เจตฺถ เสสภูตตฺตยปทฏฺานาติ เวทิตพฺพา’’ติ.
เอวํ ภูตรูปานํ สทฺธึ วจนตฺเถหิ ลกฺขณาทโย ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปาทายรูปานิ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขตี’’ติอาทิ. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ จกฺขติ-สทฺทสฺส วิภาวนตฺถตาปิ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิภาเวตีติ อตฺโถ’’ติ. จกฺขตีติ ปน วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย, อภิพฺยตฺตํ วทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. อถ ¶ วา จกฺขตีติ วิฺาณาธิฏฺิตํ รูปํ อสฺสาเทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. จกฺขตีติ หิ อยํ สทฺโท ‘‘มธุํ จกฺขติ, พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติอาทีสุ วิย อสฺสาทตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมุทิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๙). วกฺขติ จ ‘‘รูเปสุ อาวิฺฉนรส’’นฺติ. ยทิ เอวํ ‘‘โสตํ โข, มาคณฺฑิย, สทฺทาราม’’นฺติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๒.๒๐๙) โสตาทีนมฺปิ สทฺทาทิอสฺสาทกภาโว อตฺถีติ เตสมฺปิ จกฺขุสทฺทาภิเธยฺยตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ เอส จกฺขุ-สทฺโท โลจเนเยว ปทุมาทีสุ ปงฺกชาทิสทฺทา วิยาติ.
๖๓๕-๖. จกฺขุรูปสฺส นิทฺเทสปฺปกรเณปิ จกฺขุ-สทฺทสามฺโต อาคตํ สพฺพมฺปิ จกฺขุํ ปเภทโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ จกฺขุนิทฺเทเส. ปฺามํสปฺปเภทโตติ ปฺาจกฺขุ มํสจกฺขูติ เอวํ ปฺามํสานํ วเสน ปเภทโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ ทุวิเธ จกฺขุมฺหิ. ปฺาเยว ปฺามยํ. นามโตติ นาเมหิ ปฺจวิธนฺติ สมฺพนฺโธ. กตเมหิ นาเมหีติ อาห ‘‘พุทฺธธมฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ พุทฺธธมฺมสมนฺเตหีติ พุทฺธจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ นาเมหิ. าณทิพฺเพหีติ าณจกฺขุ ทิพฺพจกฺขูติ จ นาเมหิ. ยถานุกฺกมโตติ ยถาวุตฺตอนุกฺกมโต. นานตฺตนฺติ เภทํ. เมติ มยฺหํ สนฺติกา, มยฺหํ วจนโตติ วา อตฺโถ. นิโพธถ ชานาถ.
๖๓๗. ตตฺถ ¶ ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘๓) อาคตํ พุทฺธจกฺขุ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อาสยานุสเย’’ติอาทิ. ตตฺถ อาสยานุสเยติ สตฺตานํ อาสเย เจว อนุสเย จ, ตสฺมึ ปวตฺตนฺติ อตฺโถ ¶ . ตตฺถ อาคนฺตฺวา เสติ จิตฺตํ เอตฺถาติ อาสโย. พฺยคฺฆาสโย วิย. ยถา หิ พฺยคฺโฆ โคจรตฺถาย ปกฺกนฺโตปิ ปุน อาคนฺตฺวา วนคหเนเยว สยติ, เตเนว จ ตํ ตสฺส อาสโยติ วุจฺจติ, เอวํ อฺตฺถาปิ ปวตฺตํ จิตฺตํ อาคนฺตฺวา ยตฺถ สยติ, ตํ ตสฺส อาสโยติ เวทิตพฺพํ. โส ปน สสฺสตทสฺสนาทิวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสฺิต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. มหา. ๑.๑๓๖; ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๑. ปมมหาสงฺคีติวณฺณนา; วิ. วิ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา)
อนุสยกถา อุปริ อาคมิสฺสติ. อินฺทฺริยานํ ปโรปเรติ สทฺธาปฺจมกานํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาเว. ติกฺขฺหิ อินฺทฺริยํ อุกฺกฏฺคตตฺตา ปรํ, มุทุ อปรํ อนุกฺกฏฺคตตฺตา. อิทํ ปน พุทฺธจกฺขุ ฉสุ อสาธารณาเณสุ ปุริมทฺวยนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๖๓๘. เหฏฺา…เป… สฺิตนฺติ ‘‘ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ เอวํ วุตฺตํ เหฏฺา ตีสุ มคฺเคสุ าณํ ธมฺมจกฺขุนฺติ สฺิตํ. าณํ สพฺพฺุตา ปนาติ สพฺพฺุภาวสงฺขาตํ าณํ. ตฺหิ สพฺพฺูติ อภิธานสฺส, พุทฺธิยา จ ปวตฺตินิมิตฺตตาย สพฺพฺุภาโว นาม โหติ. เยฺยํ สมนฺตจกฺขุนฺติ ขนฺธาทิวเสน สมนฺตโต สพฺพโส ทสฺสนฏฺเน สมนฺตจกฺขุนฺติ เยฺยํ. เตเนวาห –
‘‘น ตสฺส อทฺทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ,
อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;
สพฺพํ ¶ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เยฺยํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ. (จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕);
๖๓๙. ยํ จกฺขุํ อุทปาทีติ อาคตนฺติ ยํ าณํ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, าณํ ¶ อุทปาที’’ติ (มหาว. ๑๕) เอวํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเตสุ อาคตํ, จตูสุ สจฺเจสุ เตปริวฏฺฏวเสน ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺยํ ปริฺาต’’นฺติ เอวมาทินา ทฺวาทสวิเธน อากาเรน ปวตฺตํ, อิทํ าณจกฺขุ. ยา ปน ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘๔) อาคตา ปฺจมชฺฌานสงฺขาตอภิฺาจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปฺา, อยํ ทิพฺพจกฺขูติ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺาจิตฺตชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ปมตติยาณานิ กามาวจรานิเยว. จตุตฺถมฺปิ ปน ปุริมทฺวยมิว กามาวจรนฺติ อานนฺทาจริเยน วุตฺตํ. าณจกฺขุํ สหอริยมคฺควิปสฺสนาาณนฺติปิ ยุชฺชตีติ อปเร. อคฺคมคฺเคน สห วิปสฺสนาปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ปน ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ.
๖๔๐-๔. เอวํ ปฺาจกฺขุสฺส ปเภทํ ทสฺเสตฺวา ปุน มํสจกฺขุสฺสาปิ ปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘มํสจกฺขุปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สสมฺภารปสาทโตติ สสมฺภารจกฺขุ ปสาทจกฺขูติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วเสน สมฺภรียติ เอเตหีติ สมฺภารา, อวยวา. เต ปน อุปตฺถมฺภกภูตา จตุสมุฏฺานิกรูปสนฺตติโย ทฏฺพฺพา. สห สมฺภาเรหีติ สสมฺภารํ. สสมฺภารฺจ นาม มํสปิณฺโฑ ปวุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อกฺขิกูปฏฺินา เหฏฺาติ เหฏฺาคตอกฺขิกูปสฺส อฏฺินา ปริจฺฉินฺโนติ สมฺพนฺโธ. อุทฺธนฺติ อกฺขิกูปโต อุทฺธํ. อุภโต อกฺขิโกฏีหีติ อกฺขิกูปสฺส อุภยภาเค อกฺขิโกฏีหิ. มตฺถลุงฺเคน อนฺตโตติ อกฺขิกูปสฺส อพฺภนฺตเร ิเตน มตฺถลุงฺเคน. นฺหารุสุตฺเตน อาพนฺโธติ นหารุรชฺชูหิ อนฺโต มตฺถลุงฺเคน สห อาพนฺโธ. สกโลปิ จ โลโกติ สกโลปิ พาลปุถุชฺชนโลโก. ยนฺติ ยํ มํสปิณฺฑํ. กมลสฺส ทลํ วิยาติ ปุถุลวิปุลนีลตาย นีลุปฺปลทลํ วิย. ชานาตีติ คณฺหาติ. จกฺขุ นาม น ตํ โหตีติ ตถา คยฺหมานํ ตํ จกฺขุ นาม น โหติ. กิฺจรหิ ตนฺติ อาห ¶ ‘‘วตฺถุ ตสฺสาติ วุจฺจตี’’ติ. ตสฺสาติ ตสฺส ยถาธิปฺเปตสฺส ปรมตฺถจกฺขุโน. อิทํ ปนาติ นิคมนํ.
๖๔๕-๗. ตํ ¶ ปน สสมฺภารจกฺขุ เยหิ สมฺภาเรหิ สมฺภรียติ, เต สรูปโต, คณนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘วณฺโณ คนฺโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภาโวติ อิตฺถิยา อิตฺถิภาโว, ปุริสสฺส ปุมฺภาโวติ ลพฺภมานกภาโว. สมฺภโวติ อาโปธาตุเมว สมฺภวภูตมาห. สณฺานนฺติ จ เตน เตนากาเรน สนฺนิวิฏฺเสุ มหาภูเตสุ ตํตํสณฺานวเสน วิฺายมานํ วณฺณายตนมาห. อาโปธาตุวณฺณายตเนหิ จ อนตฺถนฺตรภูตานมฺปิ สมฺภวสณฺานานํ วิสุํ วจนํ ตถาภูตานํ, อตถาภูตานฺจ อาปาทีนํ ยถาวุตฺตมํสปิณฺเฑ วิชฺชมานตฺตา. อาโปธาตุวณฺณายตนานฺหิ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานํ อวตฺถาวิเสโส สมฺภโว สณฺานฺจาติ. ทเสเตติ จตสฺโส ธาตุโย, ตนฺนิสฺสิตา วณฺณาทโย จาติ อิเม ทส. จตุสมุฏฺานาติ อนฺโตคตเหตฺวตฺถมิทํ วิเสสนํ, จตุสมุฏฺานิกตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.
๖๔๘. จกฺขุ…เป… ชีวิตเมว จาติ อิมานิ เอกนฺตกมฺมสมุฏฺานานิ, ปุริมานิ จ จตุสมุฏฺานานีติ จตฺตาลีสฺจ จตฺตาริ จ รูปานิ ภวนฺติ, จตุจตฺตาลีส รูปานิ โหนฺตีติ อตฺโถ.
๖๔๙-๕๒. อิเมสํ ปน รูปานํ วเสนาติ ยถาวุตฺตานํ สงฺเขปโต จุทฺทสนฺนํ, วิตฺถารโต จตุจตฺตาลีสานฺจ รูปานํ วเสน. ปริปิณฺฑิตนฺติ สมนฺตโต ปิณฺฑิตํ. ยตฺถ เสตมฺปิ อตฺถิ, กณฺหมฺปิ โลหิตมฺปิ ปถวีปิ อาโปปิ เตโชปิ วาโยปิ, อิทํ ปน เสมฺหุสฺสทตฺตา เสตํ โหติ, ปิตฺตุสฺสทตฺตา ¶ กณฺหํ, รุหิรุสฺสทตฺตา โลหิตกํ, ปถวุสฺสทตฺตา ปตฺถินํ โหติ, อาปุสฺสทตฺตา ปคฺฆรติ, เตชุสฺสทตฺตา ปริฑยฺหติ, วายุสฺสทตฺตา สมฺภมติ. อิทํ สมฺภารวนฺตตาย สมฺภารจกฺขูติ ปณฺฑิเตหิ พุทฺธาทีหิ ปกาสิตํ ปริทีปิตํ. เอตฺถ สิโตติ เอตํ สสมฺภารจกฺขุํ นิสฺสิโต ตทายตฺตภูโต. เตนาห ‘‘เอตฺถ ปฏิพทฺโธ’’ติ. จตุนฺนํ ปน ภูตานํ ปสาโทติ จตุนฺนํ ภูตานํ ปสนฺนตาสภาโว ปสาโท, ‘‘เสเตน มณฺฑเลนสฺสา’’ติ ปาโ ยุชฺชติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘เสเต ตุ มณฺฑเล ตสฺสา’’ติ ลิขนฺติ. กณฺหมณฺฑลมชฺเฌติ อิธาปิ ‘‘กณฺหมณฺฑลสฺส มชฺเฌ’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘จตุตฺถทู’’ติอาทีสุ วิย ฉนฺทานุรกฺขณตฺถํ วิภตฺติโลปํ กตฺวา ‘‘กณฺหมณฺฑลมชฺเฌ’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อตฺโถ จ โยชนา จ สุฏฺุ อุปปนฺนา โหนฺติ. อฏฺกถายมฺปิ หิ ‘‘เสตมณฺฑลปริกฺขิตฺตสฺส กณฺหมณฺฑลสฺส มชฺเฌ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๖) วุตฺตํ. อปเร ปน ยถาิตวเสเนว ปาํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพโส ปริกฺขิตฺตสฺส ตสฺส สสมฺภารสฺส ¶ จกฺขุโน มชฺเฌ เสตมณฺฑเล กณฺหมณฺฑเล มชฺเฌ’’ติ โยเชนฺติ. ทิฏฺมณฺฑเลติ อภิมุเข ิตานํ สรีรสณฺานุปฺปตฺติเทสภูเต ทิฏฺมณฺฑเล.
๖๕๓-๕. สนฺธารณา…เป… หุตฺวานาติ สนฺธารณนหาปนมณฺฑนพีชนกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตีหิ ขตฺติยกุมาโร วิย สนฺธารณาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ อตฺตนิสฺสยภูตาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ หุตฺวา. อุตุจิตฺตาทินาติ ตีหิ สนฺตติสมุฏฺาปเกหิ อุตุจิตฺตาหาเรหิ. เอตฺถ จ กลาปนฺตรคตา อุตุอาหารา อธิปฺเปตาติ วทนฺติ. อายุนา กตปาลนนฺติ จตุธาตุนิสฺสิเตเนว ชีวิตินฺทฺริเยน รกฺขิยมานํ. ตถา เหตํ กมฺมชรูปปริปาลนลกฺขณํ. วณฺณคนฺธรสาทีหีติ อาทิ-คฺคหเณน โอชํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วณฺณคนฺธรโสชาหี’’ติ ¶ วา ปาโ. วตฺถุทฺวารฺจ สาธยนฺติ ยถาโยคํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ. จกฺขุวิฺาณสฺส หิ นิสฺสยภาวโต วตฺถุภาวํ, ปวตฺติมุขภาวโต ทฺวารภาวฺจ สาเธติ. สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปน ตทารมฺมณาวสานานํ อฺนิสฺสิตตฺตา ทฺวารภาวเมว สาเธติ, น วตฺถุภาวํ. อูกาสิรสมาเนน ปมาเณนาติ อูกาสิรสมาเนน ปเทสปฺปมาเณน ลกฺขิตํ หุตฺวา อูกาสิรสมานปฺปมาเณ าเนติ วา อตฺโถ. ติฏฺตีติ สตฺต อกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา สตฺตสุ ปิจุปฏเลสุ อาสิตฺตเตลํ วิย ติฏฺติ. เอวฺจ กตฺวา จกฺขุสฺส อเนกกลาปคตตา สิทฺธา โหติ. อุปทฺทวานํ ปฏลนิรากรเณปิ หิ จกฺขุ วิชฺชเตวาติ. ยถา จ จกฺขุ, เอวมิมสฺส นิสฺสยภูตา จตสฺโส ธาตุโย, อายุวณฺณาทีนิ จ สตฺต อกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา ิตาเนว อวินิพฺโภควุตฺติตฺตาติ คเหตพฺพํ.
๖๕๖. วุตฺตนฺติ ธมฺมเสนาปตินา วุตฺตํ. รูปานิ มนุปสฺสตีติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร ‘‘อฺมฺํ สมณมจโล’’ติอาทีสุ วิย. อถ วา มนูติ มจฺโจติ อตฺโถ. กิฺจาปิ จกฺขุ รูปํ น ปสฺสติ, กิฺจรหิ ตนฺนิสฺสิตํ วิฺาณเมว. ตถา หิ ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติอาทีสุ วิย นิสฺสิตกิริยํ นิสฺสเย วิย กตฺวา โวหารสมฺภวโต ‘‘จกฺขุปสาเทน ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อาจริยโชติปาลตฺเถเรนาปิ หิ อิมินาว อธิปฺปาเยน อิทํ วุตฺตํ. อิทเมตฺถ สนฺนิฏฺานํ, กึ จกฺขุ รูปํ ปสฺสติ, อุทาหุ วิฺาณนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ จกฺขุ ปสฺเสยฺย, อฺวิฺาณสมงฺคิโนปิ จกฺขุ ปสฺเสยฺย. อถ วิฺาณํ, กุฏฺฏาทิอนฺตริตมฺปิ ปสฺเสยฺย ตสฺส อปฺปฏิฆาตตฺตา? นายํ โทโส. ยสฺส ‘‘จกฺขุ ปสฺสตี’’ติ มตํ, ตสฺสาปิ น สพฺพํ จกฺขุ ปสฺสติ, อถ โข วิฺาณาธิฏฺิตเมว. ยสฺส ปน วิฺาณํ ปสฺสตีติ ¶ มตํ, ตสฺสาปิ น สพฺพํ วิฺาณํ ¶ ปสฺสติ, อถ โข จกฺขุนิสฺสิตเมว, ตฺจ อนฺตริเต นุปฺปชฺชติ. ยตฺถ อาโลกสฺส กุฏฺฏาทีหิ วินิพนฺโธ, ยตฺถ ปน โส นตฺถิ ผลิกอพฺภปฏลาทิมฺหิ, ตตฺถ อนฺตริเตปิ อุปฺปชฺชติ เอว, ตสฺมา ตํ อนุปฺปนฺนตฺตา อนฺตริตํ น ปสฺสติ. อิทเมว จ สนฺนิฏฺานํ, ยํ โข จกฺขุวิฺาณํ ปสฺสตีติ. ตฺหิ ทสฺสนกิจฺจํ. ยทิ เอวํ กถํ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ. เตน ทฺวาเรน กรณภูเตนาติ อยเมตฺถ อภิสนฺธิ. อถ วา นิสฺสิตกิริยา นิสฺสยสฺส ปวุจฺจติ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. อูกาสิรสมูปมนฺติ อูกาสิรสมานูปมํ, อูกาสิรปฺปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจสฺส ปติฏฺาโนกาสวเสน วุตฺตํ, น ปน อตฺตโน ปมาณวเสน. ตฺหิ ปรมาณุปริยนฺเตน ปมาเณน อติสุขุมเมวาติ. อูกาสิรปฺปมาเณ ปน ปเทเส อิทํ ปวตฺตติ. น เกวลฺจ อิทเมว, สพฺพานิปิ สพฺพฏฺานิกรูปานิ ตตฺถ ปวตฺตนฺเตว. อิทฺจ ตตฺถ นิพฺพตฺตนฺตํ ตํ ปเทสํ ปูเรตฺวา เอว นิพฺพตฺตติ. เอกูนปณฺณาสกลาปวเสน จ สเหว ปวตฺตติ, สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตฺตา รูปานํ, เอเกกสฺส จ จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ กมฺมชรูปานํ อุปฺปชฺชมานตฺตา.
๖๕๗. สุณาตีติ โสตนฺติ เอตฺถ กึ โสตํ สุณาติ, อุทาหุ วิฺาณนฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยน ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. ตนุตมฺพโลมาจิเตติ สสมฺภารโสตพิลสฺส อนฺโต สุขุเมหิ ตมฺพวณฺณโลเมหิ สฺจิเต. องฺคุลิเวธกสณฺาเน ปเทเสติ องฺคุลิมุทฺทิกาสณฺานมํสยุตฺเต ปเทเส. วุตฺตปฺปการาหีติ สนฺธารณาทิกิจฺจาหิ. อายุนา ปริปาลิยมานนฺติ เอตฺถ วณฺณาทีหิ ปริวาริตนฺติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ติฏฺตีติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตํ ปเทสํ ปูเรตฺวา ติฏฺติ. เสสํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ฆายตีติ คนฺโธปาทานํ กโรติ. สายตีติ รสํ วินฺทติ. ชีวิตมวฺหายตีติ เอตฺถ รสคฺคหณมูลกตฺตา อชฺโฌหรณสฺส ชีวิตนิมิตฺตํ อชฺโฌหรณรโส ชีวิตํ, ตํ ¶ อวฺหายติ ตสฺมึ นินฺนตาย อวฺหายนฺตมิว โหติ. อุปฺปลทลคฺคสณฺาเน ปเทเสติ มชฺเฌ ฉินฺนสฺส อุปฺปลทลสฺส อคฺคภาคสณฺาเน ปเทเส. มลานนฺติ กิเลสาทิมลานฺเจว มลวิสยานฺจ สาสวธมฺมานํ อนุตฺตริยภาวํ คจฺฉนฺเตสุ กามราคนิทานกมฺมชนิเตสุ กามราคสฺส จ วิเสสปจฺจเยสุ ฆานชิวฺหากาเยสุ กายสฺส วิเสสโต สาสวปจฺจยตฺตา โสเยว เตสํ อาโยติ วุจฺจติ. เตน หิ โผฏฺพฺพสุขํ อสฺสาเทนฺตา สตฺตา เมถุนมฺปิ เสวนฺติ. อถ วา กายินฺทฺริยวตฺถุกา จตฺตาโร ขนฺธา พลวกามราคาทิเหตุภาวโต วิเสสโต มลา, เตสมยํ อาโย เหตูติ กาโยติ วุตฺโต. อิมสฺมึ กาเยติ อิมสฺมึ สสมฺภารกาเย. โสปิ หิ กุจฺฉิตานํ เกสาทิมลานํ อายภาวโต กาโยติ วุจฺจติ. ยาวตา อุปาทินฺนกํ อตฺถีติ อิมินา เกสคฺคนขคฺคาทีสุ ¶ กายปสาทสฺส อภาวมาห. กปฺปาสปฏเล สฺเนโห วิยาติ อิมินาสฺส นิรนฺตรภาวํ. อิเม จ ปน จกฺขาทโย รูปาทิโคจรนินฺนตาย วมฺมิกอุทกอากาสคามสิวถิกาสงฺขาตโคจรนินฺนตาย อหิสุํสุมารปกฺขิกุกฺกุรสิคาลา วิย ทฏฺพฺพา. วิสมชฺฌาสยตาย หิ จกฺขุ วมฺมิกจฺฉิทฺทาภิรตสปฺโป วิย, พิลชฺฌาสยตาย โสตํ อุทกพิลาภิรตสุํสุมาโร วิย, อากาสชฺฌาสยตาย ฆานํ อชฏากาสาภิรตปกฺขิ วิย, คามชฺฌาสยตาย ชิวฺหา คามาภิรตกุกฺกุโร วิย, อุปาทินฺนกชฺฌาสยตาย กาโย อามกสุสานาภิรตสิคาโล วิยาติ. วิสมชฺฌาสยตายาติ จกฺขุสฺส วิสมชฺฌาสยํ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตา. จกฺขุมโต วา ปุคฺคลสฺส อชฺฌาสยวเสน จกฺขุ วิสมชฺฌาสยํ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ทฏฺุ…เป… ลกฺขณนฺติ เอตฺถ ทฏฺุํ กาเมตีติ ทฏฺุกาโม ตสฺส ภาโว ทฏฺุกามตา, รูปตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. สา ¶ ปน อนาคเต จกฺขาทีสุ อาทีนวปฏิจฺฉาทิกาวิชฺชามูลปตฺถนาสภาวา ปากฏา อปากฏาติ ทุวิธา. ตตฺถ ยา อยํ ‘‘อีทิสํ อีทิสฺจ สุขุมตมวิสยคฺคหณสมตฺถํ จกฺขุ โหตู’’ติ เอวํ กมฺมายูหนโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา วา อุปฺปนฺนา ปากฏา. อินฺทฺริยวิเสสํ ปน อนามสิตฺวา อวิเสเสน ปริปุณฺณายตนภวสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา, อปตฺเถตฺวา วา ตตฺถ อวิคตตณฺหาวเสน กมฺมํ กโรนฺตสฺส อปฺปหีนภาเวน อนุสยิตา อปิ กมฺมสามตฺถิยวิจิตฺตเหตุภูตา อปากฏา. สา ทุวิธาปิ นิทานํ อุปนิสฺสโย ยสฺส ตํ ทฏฺุกามตานิทานํ, ตเทว กมฺมํ, ตํ สมุฏฺานเมเตสนฺติ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานานิ, เอวํวิธานํ ภูตานํ ปสาโท ทฏฺุกามตา…เป… ปสาโท, ตํ ลกฺขณมสฺส, ตถา หุตฺวา ลกฺขียตีติ วา ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปสาทลกฺขณํ.
เอตฺถ จ คพฺภเสยฺยกานํ ทินฺนปฏิสนฺธิกํ, อฺํ วา กมฺมํ จกฺขาทีนิ นิพฺพตฺเตติ. โอปปาติกานํ ปน ปฏิสนฺธิกฺขเณว ปริปุณฺณายตนานํ นิพฺพตฺตมานานํ ปฏิสนฺธิชนกเมว กมฺมํ ปริปุณฺณสกลมตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตตีติ คเหตพฺพํ. กถํ ปน เอกกมฺมุนา นิพฺพตฺตมานานํ จกฺขาทีนํ วิเสโสติ? การณสฺส ภินฺนตฺตา. ตํตํภวปตฺถนาภูตา หิ ตณฺหา ตํตํภวปริยาปนฺนายตนาภิลาสตาย สยํ วิจิตฺตรูปา อุปนิสฺสยภาเวน ตํตํภวนิพฺพตฺตกกมฺมสฺสปิ วิจิตฺตเภทตํ วิทหติ. ยโต ตทาหิตวิเสสํ ตถาวิธสมตฺถตาโยเคน อเนกรูปาปนฺนํ วิย อเนกวิสิฏฺสภาวํ ผลํ นิพฺพตฺเตติ, น เจตฺถ สมตฺถตาสมตฺถตาสภาวโต อฺา ¶ เวทิตพฺพา. การณวิเสเสน อาหิตวิเสสสฺส วิสิฏฺผลนิปฺผาทนสมตฺถตาภาวโต เอกสฺเสว กมฺมสฺส โสฬสาทิวิปากนิพฺพตฺตนเหตุภาเวน จ อยมตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ. โลเกปิ เอกสฺเสว สาลิพีชสฺส ปริปุณฺณาปริปุณฺณตณฺฑุลผลนิพฺพตฺติเหตุตา ¶ ทิสฺสเตว. กึ วา เอตาย ยุตฺติจินฺตาย, น จินฺติตพฺพเมเวตํ. ยโต กมฺมผลํ จกฺขาทีนิ, กมฺมวิปาโก จ สพฺพโส พุทฺธานํเยว าณสฺส วิสโย, น อฺเสํ อตกฺกาวจรตฺตา. เตเนว ภควตา ‘‘กมฺมวิปาโก อจินฺเตยฺโย, น จินฺเตตพฺโพ, โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติอาทีนวํ (อ. นิ. ๔.๗๗) ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิตฺตํ.
รูเปสุ อาวิฺฉนรสนฺติ อาวิฺฉนํ ปุคฺคลสฺส, อาวชฺชนาทิวิฺาณสฺส วา ตนฺนินฺนภาวปฺปตฺติยา เหตุภาโว. อาธารภาวปจฺจุปฏฺานนฺติ นิสฺสยปจฺจยภาวโต. อาโลกาทิสนฺนิสฺสเยน กทาจิ อุปฺปชฺชมานานมฺปิ หิ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชนกาเล จกฺขุํ นิสฺสาย เอว อุปฺปชฺชตีติ. เอตฺถาห – จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติสมเย สมฺภวนฺเตสุ มนฺทามนฺทมชฺฌิมายุเกสุ เอกูนปณฺณาสจกฺขูสุ กตมํ จกฺขุวิฺาณสฺส อาธารภาวํ ปจฺจนุโภตีติ? วุจฺจเต –
‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ทุติยภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ตติยภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ, อิมินา นเยน ยาวตายุกํ จิตฺตปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๐) –
มคฺคามคฺคาณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน เอกจิตฺตกฺขณาตีตํ จกฺขุ รูเป ฆฏฺฏิตฺวา วิฺาณสฺส นิสฺสโย โหติ, ตสฺมา ทฺวีสุ ภวงฺคจลเนสุ ปุริมสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺคจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนนฺติ อยมตฺโถ อิธ สีหฬสํวณฺณนายํ, วิสุทฺธิมคฺคสฺส สีหฬสํวณฺณนายฺจ วุตฺโต.
ตฬากคามมูลวาสิทาานาคตฺเถเรน ปน ‘‘อาวชฺชเนน, ตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺเคน วา สห อุปฺปนฺนํ จกฺขุ’’นฺติ ¶ วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ. เอวฺหิ สติ อฺสฺมึ ฆฏฺฏิเต อฺํ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสโย โหตีติ วุตฺตํ โหติ, เอวฺจ ภวงฺคจลนโต เหฏฺา ตติยจตุตฺเถหิ ยาว เตรสมจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนมฺปิ นิสฺสโย โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น เจตํ วตฺตพฺพํ, ตติยจตุตฺถจิตฺตโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ เกสฺจิ วีถิจิตฺตานํ ทฺวารภาวํ น คจฺฉติ นิรุทฺธตฺตา ¶ , มโนทฺวารสฺส นิรุทฺธสฺเสว ทฺวารภาวสฺส ทสฺสนโต. ยทิ สิยา ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ วตฺถุํ นิสฺสาย ทุติยภวงฺคํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิวจนโต ‘‘เอกจิตฺตกฺขณาตีตเมว นิสฺสโยติ อธิปฺเปต’’นฺติ อิทมฺปิ เอกจิตฺตกฺขณาตีตํ นิสฺสโยติ ยุชฺชตีติ, เอวํ สติ ‘‘ตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺเคน วา’’ติ วจนํ ยุชฺเชยฺย, เตน หิ ‘‘จิตฺตกฺขณทฺวยาตีตมฺปิ นิสฺสโย’’ติ ปฏิฺาตํ สิยา, ตสฺมา นายํ เถรสฺส อธิปฺปาโยติ ทิสฺสติ. ‘‘เอกจิตฺตกฺขณาติกฺกโม’’ติ จ อนตีเตกจิตฺตกฺขณสฺส ทุพฺพลตาย เอกจิตฺตกฺขณาติกฺกเมน ตสฺส พลวภาวทีปนตฺถํ วุจฺจติ, น ปน ทฺวิติจตุจิตฺตกฺขณาตีตานํ นิสฺสยภาวาภาวโต. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘สมฺปฏิจฺฉนาทีนิ จุติอาสนฺนานิ ตทุทฺธํ กมฺมชรูปสฺส อนุปฺปตฺติโต เอกสฺมึเยว หทยวตฺถุสฺมึ วตฺตนฺตี’’ติ, ตสฺมา ตํ เถรสฺส มโนรถเมวาติ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ.
สหชาเตสุ พหูสุ ปสาเทสุ กึ เอโก นิสฺสโย โหติ, อุทาหุ สพฺเพเยวาติ? นนุ วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ, กตมํ ปน ตนฺติ? ยํ ตตฺถ วิสทํ หุตฺวา รูปาภิฆฏฺฏนารหํ. วิสุทฺธิมคฺคสีหฬสํวณฺณนายํ ปน ‘‘สพฺเพเยว นิสฺสยา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ ‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’นฺติ เอตฺถ ‘รูเป จา’ติ วจนํ วิย ‘จกฺขูนี’ติปิ พหุวจนํ กตฺตพฺพนฺติ ¶ อนุโยคํ กตฺวา ตํวิโสธนตฺถํ ‘สสมฺภารจกฺขุทฺวยนิสฺสิตํ ปสาททฺวยํ นิสฺสาย เอกเมว วิฺาณํ อุปฺปชฺชตีติ คณฺเหยฺยุ’นฺติ อิมํ วิปฺปฏิปตฺตึ นิรากโรนฺเตน ภควตา พหุวจนมกตฺวา ‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’ติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) วิย สามฺวเสน เอกวจนํ กต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ตเทว สีหฬสํวณฺณนาวจนํ อนิจฺฉนฺเตน ‘‘เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมว ปจฺจยภาววิเสสโต’’ติ วุตฺตํ. ตถา เจว อมฺเหหิปิ เหฏฺา วิภาวิตนฺติ. เยสํ ภูตานมยํ ปสาโท, เตเยว อิมสฺส อาสนฺนการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ทฏฺุ…เป… ปทฏฺาน’’นฺติ. โสตปสาทาทีนมฺปิ ลกฺขณาทินิทฺเทเส วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ โยเชตพฺโพ.
๖๕๘. เกจีติ มหาสงฺฆิเยสุ เอกจฺเจ. จกฺขาทีสุ เตชาทิอธิกตา นาม ตนฺนิสฺสยภูตานํ ตทธิกตายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตชาธิกาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เตชาธิกานนฺติ ปมาณวเสน จตุนฺนํ ธาตูนํ สมานภาเวปิ กิจฺจวเสน เตโชธาตุอธิกานํ. เอวํ เสเสสุปิ. อากาส ¶ …เป… เสสกาติ อากาสาธิกานํ ภูตานํ ปสาโท โสตํ, วายุอธิกานํ ฆานํ, โตยาธิกานํ ชิวฺหา, โผฏฺพฺพสงฺขาตปถวาธิกานํ กาโยติ อตฺโถ.
๖๕๙. เอวํ ปน วทนฺตานํ กึ อุตฺตรนฺติ อาห ‘‘เต ปนา’’ติอาทิ. สุตฺตํ อาหรถาติ น ตุมฺหากํ วจนมตฺเตเนว อยมตฺโถ สกฺกา สทฺธาตุํ, ตสฺส ปน ปริทีปกํ สุตฺตมาหรถ. สุตฺเต หิ อาหเฏ ตสฺส เนยฺยตฺถตํ นีตตฺถตํ วิจาเรตฺวา ยทิ ตสฺส วเสน อยมตฺโถ ปฺาเยถ ¶ , คณฺเหยฺยาม นนฺติ อธิปฺปาโย. สุตฺตเมว…เป… กิฺจิปีติ อิโต จิโต จ สุตฺตํ คเวสมานาปิ อทฺธา เอกนฺเตน กิฺจิปิ เอกคาถาปทมตฺตมฺปิ ตทตฺถปริทีปกํ สุตฺตํ น ทกฺขิสฺสนฺเตว เตปิฏเก พุทฺธวจเน ตาทิสสฺเสว สุตฺตนฺตสฺส อภาวโต.
๖๖๐. กิฺจาปิ สุตฺตนฺตวเสน อยมตฺโถ น ทิสฺสติ, ยุตฺติโต ปน ทิสฺสตีติ เจ, ตมฺปิ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิเสเส สตี’’ติอาทิ. ภูตานฺหิ วิเสเส สติ ปสาโท กถํ ภเว, เนว ภเวยฺย, น จ ภเวยฺย, กึ การณนฺติ อาห ‘‘สมานานฺหิ ภูตานํ, ปสาโท ปริทีปิโต’’ติ. ยสฺมา สมานานเมว ภูตานํ ปสาโท โปราเณหิ ปริทีปิโต, น วิสมานานํ. ปถวีธาตุอธิกกลาปสฺส หิ กกฺขฬตฺตา, อาโปธาตุอธิกกลาปสฺส วิสฺสนฺทนโต, เตโชธาตุอธิกกลาปสฺส ปริคฺคยฺหมานตฺตา, วาโยธาตุอธิกกลาปสฺส จ วิสฺสรณโต น เตสุ ปสาโท ปติฏฺาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เตสํ กิจฺจโต สมานานํเยว ปสาโท อุปฺปชฺเชยฺย, น วิสมานานนฺติ.
๖๖๑-๒. ยทิ เอวํ กถํ ปสาทานํ วิเสสตาติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ยสฺมา วุตฺตปฺปกาเรน ปสาทวตฺถุกานํ ภูตานํ วิเสเสน น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เอเตสํ ปสาทนิสฺสยภูตานํ อิทมูนํ, อิทมธิกนฺติ เอตํ วิเสสปริกปฺปนํ สพฺพโส สพฺพากาเรน ปหาย เยฺยา กมฺมวิเสเสน ปสาทานํ วิเสสตา. ยถา อวิเสเสปิ ภูตานํ รูปานํ รสาทโย อฺมฺวิสทิสา โหนฺติ, เอวํ จกฺขาทโยปิ ภูตวิเสสาภาเวปิ อฺมฺวิสทิสา โหนฺติ. โส ปนายํ วิสิฏฺภาโว กมฺมวิเสเสน วิฺาตพฺโพ. เอกมฺปิ หิ กมฺมํ ปฺจายตนิกตฺตภาวปตฺถนานิปฺผนฺนํ จกฺขาทิวิเสสเหตุตาย อฺมฺสฺส อสาธารณวิสิฏฺํ ¶ สามตฺถิยวิเสสโต. น หิ เยน วิเสเสน จกฺขุสฺส ปจฺจโย, เตเนว โสตสฺส โหติ อินฺทฺริยนฺตรภาวปฺปตฺติโต. ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ มหคฺคตา เจตนา กฏตฺตารูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วจนโต ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิชฺชมานานํ ¶ สพฺเพสํเยว กฏตฺตารูปานํ เอกา เจตนา กมฺมปจฺจโย โหตีติ วิฺายติ. นานาเจตนาย หิ ตทา อินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ สติ ปริตฺเตน จ มหคฺคเตน จ กมฺเมน กฏตฺตารูปํ อาปชฺเชยฺย, น เจกา ปฏิสนฺธิ อเนกกมฺมนิพฺพตฺตา โหตีติ สิทฺธเมเกน กมฺเมน อเนกินฺทฺริยุปฺปตฺติ โหตีติ. ‘‘น หิ ภูตวิเสเสน, โหติ เตสํ วิเสสตา’’ติ อิทํ นิคมนวเสน วุตฺตํ.
๖๖๓. เอวํ กมฺมวิเสสโต วิสิฏฺเสุ จ เอเตสุ อารมฺมณคฺคหเณปิ อยํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปตฺตคาหกนฺติ อสมฺปตฺตคฺคาหกํ อตฺตโน นิสฺสเยน สห อนลฺลียนนิสฺสเย เอว รูปาทิวิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. เกจิ ปน ตมฺปิ ‘‘สมฺปตฺตคฺคาหกเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ สานฺตเร อธิเก จ วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. ยทิ หิ จกฺขุโสตานิ สมฺปตฺตวิสยเมว คณฺหนฺติ, จกฺขุปสาทโต วิจฺฉินฺนเทเส ิเตสุ ตารกาทีสุ นิสฺสยวเสน จ ปมาณโต อธิเกสุ จนฺทมณฺฑลาทีสุ รูปายตเนสุ โสตปสาทโต จ วิจฺฉินฺนเทสสมฺภูเตสุ อุทรจมฺมสนฺธิจมฺมาทิอนฺตริเตสุ กุจฺฉิสทฺทสนฺธิสทฺทาทีสุ ปุถุเลสุ จ สมุทฺทสทฺทาทีสุ สทฺทายตเนสุ วิฺาณุปฺปตฺติ น สิยา สมฺปตฺตคฺคาหกานํ กายินฺทฺริยาทีนํ ตถา อทสฺสนโต.
เอตฺถ จ วเทยฺย – อธิฏฺานโต พหินฺทฺริยสฺส ปวตฺติ โหตีติ สมฺปตฺตวิสยเมว ยตฺตกํ วิสยํ, ตตฺตกํ วิสยํ คหณาการํ ผริตฺวา คณฺหาติ, ตสฺมา อสิทฺธเมตํ ‘‘สานฺตเร ¶ อธิเก จ วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต’’ติ? ตํ น, อธิฏฺานโต พหิ อินฺทฺริยุปฺปตฺติยา เอว อภาวา. อธิฏฺานเทเส เอว หิ อินฺทฺริยํ ปวตฺตติ ตตฺถ กิจฺจาทิปฺปโยคทสฺสนโต. สติ จ เอตสฺส พหิ ปวตฺติยํ อธิฏฺาเน ปิหิเตปิ วิสยคฺคหณํ สิยา, ตสฺมา อธิฏฺานเทเส ิตานํเยว จกฺขุโสตานํ อสมฺปตฺตวิสยสฺเสว คหณโต นาสิทฺธเมตํ ‘‘สานฺตเร อธิเก จ วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต’’ติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘สพฺพโคจรโยเคปิ, ทิฏฺํ รูปรเวสุ ยํ;
วิจฺฉินฺนปุถุวิฺาณํ, สมฺปตฺตคฺคาหพาธก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – สพฺเพสํ จกฺขาทีนํ โคจเรน รูปาทินา โยเค เอกการิยสาธกตฺตา สมฺพนฺเธ ฆฏฺฏเน ¶ วา สมาเน สติ รูปรเวสุ รูปสทฺทายตเนสุ วิสยภูเตสุ จกฺขาทิโต ทูรภาเวน เจว เกนจิ อนนฺตริตภาเวน จ วิจฺฉินฺเนสุ ปมาณโต ปุถุเลสุ จ วิสเยสุ อุปฺปชฺชมานํ ยํ วิฺาณํ, ตํ จกฺขุโสตานํ สมฺปตฺตคฺคาหสฺส สมฺปตฺตคฺคหณสฺส พาธกนฺติ.
อปิจ ยทิ จกฺขุ สมฺปตฺตคฺคาหกํ สิยา, อตฺตโน มณฺฑเล ิตํ วณฺณมฺปิ ปสฺเสยฺย. ตถา อกฺขิปุเฏ อฺชนํ ปขุมมูเล อกฺขิวณฺณํ ปขุมมูเล ฆฏฺฏิยมานํ อฺชนสลากมฺปิ ปสฺเสยฺย, น จ ปเนตํ ทิสฺสติ, ตสฺมา ตนฺนิสฺสเย เทเส ิตเมว วิสยํ คณฺหาติ. โสตายตนมฺปิ ยทิ สมฺปตฺตคฺคาหกํ อภวิสฺส, จิตฺตสมุฏฺานํ สทฺทายตนํ โสตวิฺาณสฺส กทาจิปิ อารมฺมณปจฺจโย น สิยา. น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. ปฏฺาเน จ ‘‘สทฺทายตนํ โสตวิฺาณธาตุยา อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) อวิเสเสเนว สทฺทสฺส โสตวิฺาณารมฺมณภาโว วุตฺโต ¶ . กิฺจ ยทิ โสตํ สมฺปตฺตคฺคาหกํ สิยา, อตฺตโน วิสยปเทเสเยว คเหตพฺพโต คนฺธสฺส วิย สทฺทสฺสาปิ ทิสาเทสววตฺถานํ น สิยา. เอวฺจ สทฺทานุสาเรน กณฺฑํ ปาเตนฺตสฺส สทฺทเวธิโน อตฺตโน กณฺณพิเลเยว สรปาตนํ สิยา, ตสฺมา ยตฺถ อุปฺปนฺโน สทฺโท, ตตฺเถว ิโต โสตปเถ อาปาถมาคจฺฉติ.
ยทิ เอวํ กถํ ทูเร ิเตหิ รชกาทิสทฺทา จิเรน สุยฺยนฺติ. อสมฺปตฺตคฺคาหกตฺเต หิ ทูราสนฺนเทสวตฺตีนํ สมกเมว สวเนน ภวิตพฺพนฺติ? นยิทเมวํ ทูราสนฺนานํ ยถาปากเฏ สทฺเท คหณวิเสสโต. ยถา หิ ทูราสนฺนานํ วจนสทฺเท ยถาปากเฏว คหณวิเสสโต อกฺขรวิเสสนํ คหณํ, อคฺคหณฺจ โหติ, เอวํ รชกาทิสทฺเทปิ อาสนฺนสฺส อาทิโต ปภุติ ยาว อวสานา กเมน ปากฏีภูเต, ทูรสฺส จ อวสาเน, มชฺเฌ วา ปิณฺฑวเสน ปวตฺติปากฏีภูเต ยถาปากฏํ นิจฺฉยคฺคาหกานํ โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต ปวตฺตานํ มโนทฺวาริกชวนานํ คหณวิเสสโต ลหุกํ สุโต, จิเรน สุโตติ อภิมาโน โหติ. โสตวิฺาณปฺปวตฺติ ปน อุภยตฺถ สมานา สทฺทสฺส อุปฺปนฺนเทเส ิตสฺส อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณเยว โสตาปาถคมนโต. ยทิ สทฺทสฺส ภูตปรมฺปราย สมนฺตโต ปวตฺติ นตฺถิ, กถํ ปฏิโฆสุปฺปตฺตีติ? ทูเร ิโตปิ สทฺโท อฺตฺถ ปฏิโฆสุปฺปตฺติยา, ภาชนาทิจลนสฺส จ ปจฺจโย โหติ อโยกนฺโต วิย อโยจลนสฺสาติ ทฏฺพฺพํ.
เสสํ…เป… คาหกนฺติ ยํ ปน อวเสสํ ฆานชิวฺหากายสงฺขาตํ ปสาทตฺตยํ, ตํ สมฺปตฺตคฺคาหกํ ¶ โหติ นิสฺสยวเสน เจว สยฺจ อตฺตโน นิสฺสเย อลฺลีเนเยว วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. คนฺธรสานํ นิสฺสเยสุ ฆานชิวฺหานิสฺสเยหิ สห อลฺลีนาเยว คนฺธรสา วิฺายนฺติ ¶ . โผฏฺพฺพฺจ ภูตตฺตยรูปํ กายนิสฺสเยน อลฺลีนเมว วิฺายตีติ.
วณฺณวิการมาปชฺชมานนฺติ โทสาทีหิ การเณหิ อมนาปวณฺณสฺส อุปฺปตฺติวเสน วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ. หทยงฺคตภาวนฺติ จิตฺตคตํ อชฺฌาสยํ. ปกาเสตีติ รูปมิว ปกาสํ กโรติ, สวิคฺคหมิว ทสฺเสตีติ อตฺโถ. อเนกตฺถตฺตา หิ ธาตูนํ ปกาสนตฺโถ เอว รูป-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. ตํ ปน รูปนฺติ สมฺพนฺโธ. จกฺขุมฺหิ, จกฺขุสฺส วา ปฏิหนนํ ลกฺขณเมตสฺสาติ จกฺขุปฏิหนนลกฺขณํ. เอวํ โสตปฏิหนนลกฺขณนฺติอาทีสุปิ. ปฏิหนนฺเจตฺถ วิสยวิสยีนํ อฺมฺาภิมุขภาโว โยคฺยเทสาวฏฺานํ ปฏิฆาโต วิยาติ กตฺวา. ยถา ปฏิฆาเต สติ ทุพฺพลสฺส จลนํ โหติ, เอวํ วิสยาภิมุขภาเว สติ วิสยิโน ตํสมฺพนฺธสฺส จ วตฺถุรูปสฺส, ตนฺนิสฺสิตสฺส จ ภวงฺคสฺส จลนํ โหติ. โส รูปสฺส จกฺขุมฺหิ, จกฺขุสฺส วา รูเป โหติ. เตนาห ‘‘ยมฺหิ จกฺขุมฺหิ อนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ ปฏิหฺิ วา, ยํ จกฺขุ อนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ รูปมฺหิ สนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ ปฏิหฺิ วา’’ติ (ธ. ส. ๕๙๗) จ อาทิ. วิสยภาโว อารมฺมณปจฺจยตา. โคจรภาวปจฺจุปฏฺานนฺติ เอตฺถ อนฺถาภาโว วิสยตา, ตพฺพหุลตา โคจรภาโวติ อยํ วิสยโคจรานํ วิเสโส. สทฺทายตีติ อุทาหรียติ, สเกหิ วา ปจฺจเยหิ โสตวิฺเยฺยภาวํ อุปนียตีติ อตฺโถ. อตฺตานํ คนฺธยตีติ สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธนฺติ วา อตฺตานํ ปกาเสติ. เตนาห ‘‘สูจยตี’’ติ.
๖๖๔. อิตฺถิยา เอว อินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ. ยถา จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ปุริสสฺสปิ โหนฺติ, นยิทํ ตถา. อิทํ ปน นิยเมน อิตฺถิยา เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘อิตฺถินฺทฺริย’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํ ปุริสินฺทฺริเยปิ. อิตฺถิยา ภาโว, อิตฺถีติ ภวติ เอเตน จิตฺตํ ¶ , อภิธานํ วาติ อิตฺถิภาโว. ปฏิสนฺธิสมุฏฺิโตติ ปฏิสนฺธิยํเยว สมุฏฺิโต, ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห เอกกฺขเณ สมุฏฺิโต. เอเตน เปตฺวา ลิงฺคปริวตฺตนํ จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ วิย อิมสฺส อปาตุภาวมาห. ยฺเจตํ อิตฺถิลิงฺคาทีติ ยํ ปเนตํ อินฺทฺริยผลภูตํ อิตฺถิลิงฺคาทิ. อาทิ-คฺคหเณน อิตฺถินิมิตฺตอิตฺถิกุตฺตอิตฺถากปฺปานํ สงฺคโห. ตตฺถ วิสทอวิสทหตฺถปาทาทิตา สณฺานํ อิตฺถิลิงฺคํ. อิตฺถีนฺหิ หตฺถปาทคีวาอุรอาทิสณฺานํ น ปุริสานํ วิย โหติ. ตถา หิ ¶ ตาสํ เหฏฺิมกาโย วิสโท, อุปริมกาโย อวิสโท, หตฺถปาทา ขุทฺทกา, มุขํ ขุทฺทกํ, ถนมํสา อวิสทา, ตา นิมฺมสฺสุทาิกา. เกสพนฺธวตฺถคฺคหณฺจ อิตฺถินิมิตฺตํ. ทหรกาเลปิ สุปฺปกมุสลกาทีหิ กีฬา มกจิวาเกน สุตฺตกนฺตนนฺติ จ เอวมาทิ อิตฺถิกุตฺตํ, อิตฺถิกิริยาติ อตฺโถ. อวิสทฏฺานคมนาทิอากาโร อิตฺถากปฺโป. ปุริสมฺปิ หิ อวิสทํ ทิสฺวา มาตุคาโม วิย ติฏฺติ นิปชฺชติ นิสีทติ ขาทติ ภฺุชตีติ วทนฺติ. อิทํ ปน อิตฺถิลิงฺคาทิปริทีปนํ อกุสลนฺติ วตฺวา อฺถาปิ วณฺเณนฺติ อาจริยา. กถํ? โยนิปเทโส อิตฺถิลิงฺคํ, สราธิปฺปายา อิตฺถินิมิตฺตํ, อวิสทฏฺานคมนาทโย อิตฺถิกุตฺตํ, อิตฺถิสณฺานํ อิตฺถากปฺโปติ. เอตฺถ จ อธิปฺปาโย นาม ปุริสสฺมึ เมถุนตณฺหา. สา หิ ตาสํ นิจฺจํ พลวตรา ปวตฺตติ, อโต สาปิ อิตฺถีติ สฺชานนสฺส นิมิตฺตตาย ‘‘อิตฺถินิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. กิฺจาปิ อิตฺถีติ สฺาณสฺส นิมิตฺตตาย กุตฺตากปฺปานมฺปิ นิมิตฺเตเยว อนฺโตคธตา, ตถาปิ เตสํ วิสุํ คหณโต สราธิปฺปายา เอว นิมิตฺตภาเวน อธิปฺเปตา.
๖๖๕. กึ ปเนตํ อิตฺถิลิงฺคาทิ อิตฺถินฺทฺริยํ วิย ปฏิสนฺธิสมุฏฺิตํ โหตีติ อาห ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺเจวา’’ติอาทิ. กิฺจาปิ หิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ยถาสกํ กมฺมาทินา ปจฺจเยน สมุฏฺหนฺติ ¶ , เยภุยฺเยน ปน อิตฺถินฺทฺริยสหิเตเยว สนฺตาเน ตํตทาการา หุตฺวา สมฺภวนฺติ, อิตรตฺถ จ น ภวนฺตีติ เตสํ ตพฺภาวภาวิตํ อุปาทาย ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺเจว ชายนฺตี’’ติ วุตฺตานิ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ ‘‘อิตฺถิ…เป… การณภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อีทิเสเนว การณภาวสงฺขาเตน อธิปติภาเวน ตสฺส อินฺทฺริยตา วุตฺตา อินฺทฺริยสหิเต สนฺตาเน อิตฺถิลิงฺคาทิอาการรูปปจฺจยานํ อฺถา อนุปฺปาทนโต, น ปน อินฺทฺริยาทิปจฺจยสมฺภวโต. ตถา เหตํ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย เอกกลาปคตานํ อาหาโร วิย กลาปนฺตรรูปานํ อุปตฺถมฺภกมนุปาลกํ วา น โหติ. เอวฺจ กตฺวา ชีวิตินฺทฺริยอาหารานํ วิย อิมสฺส อินฺทฺริยปจฺจยตา, อตฺถิอวิคตปจฺจยตา จ ปาฬิยํ น วุตฺตา. ยสฺมา ปจฺจยนฺตราธีนานิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ, ตสฺมา ยตฺถสฺส อาธิปจฺจํ, ตํสทิเสสุ มตจิตฺตกตรูเปสุปิ ตํสณฺานตา ทิสฺสติ. ยสฺมา ปเนเต อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ชายนฺตาปิ คพฺภเสยฺยกานํ ปฏิสนฺธิยํ น สมุฏฺหนฺติ, ปวตฺเตเยว สมุฏฺหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘ปวตฺเต…เป… ปฏิสนฺธิย’’นฺติ.
๖๖๖-๗. สํเสทชโอปปาติกานํ ปน กิฺจิ อิตฺถินฺทฺริเยน สห ปฏิสนฺธิยเมว นิพฺพตฺตติ. น จาติ จ-กาโร วจนียนฺตรสมุจฺจเย. ‘‘กิฺจา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ¶ ลิงฺคาทิอากาเรสุ รูเปสุ รูปายตนํ จกฺขุวิฺเยฺยํ, ตสฺมา อาห ‘‘อิตฺถิลิงฺคาทโย จกฺขุวิฺเยฺยา โหนฺตี’’ติ. ยสฺมา ปน ตโต อฺานิ ยถาโยคํ โสตวิฺเยฺยานิ เจว มโนวิฺเยฺยานิ จ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น วา’’ติ. ยถาวุตฺโต ปปฺโจ ปุริสินฺทฺริเยปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพติ อติเทสํ กโรนฺโต อาห ‘‘เอเสวา’’ติอาทิ. เสเสปีติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต อิโต เสเสสุ สพฺเพสุปีติ กทาจิ โกจิ จินฺเตยฺยาติ อาห ‘‘ปุริสินฺทฺริเย’’ติ ¶ . ปมกปฺปานนฺติ ปมกปฺปิกนรานํ. เตสฺหิ อาภสฺสรโลกโต จวิตฺวา อิธูปปนฺนานํ ทีฆสฺส กาลสฺส อจฺจเยน โอฬาริกํ อาหารํ อาหรตํ มุตฺตกรีเสสุ สฺชาเตสุ เตสํ นิกฺขมนตฺถาย วณมุขานิ ภิชฺชนฺติ, ปุริสสฺส ปุริสภาโว, อิตฺถิยา จ อิตฺถิภาโว ปาตุรโหสิ. ตถา หิ ปุริมตฺตภาเวสุ ปวตฺตอุปจารฌานานุภาเวน ยาว สตฺตสนฺตาเน กามราควิกฺขมฺภนเวโค น ปฏิปสฺสมฺภติ, น ตาว พลวกามราคูปนิสฺสยานิ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ ปาตุรเหสุํ. ยทา ปนสฺส วิจฺฉินฺนตาย พลวกามราโค ลทฺธาวสโร อโหสิ, ตทา ตทูปนิสฺสยานิ ตานิ สตฺตานํ สนฺตาเน สฺชายนฺติ.
๖๖๘. ปรโตติ ปมกปฺปโต อปรภาเค. ปวตฺเต…เป… ปริวตฺตตีติ ยถา ตํ โสเรยฺยกเสฏฺิปุตฺตสฺส วิยาติ อธิปฺปาโย. อปิ-สทฺเทน ปมปาราชิกายํ วินีตวตฺถุปาฬิยํ อาคตภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา วิย จ ปฏิสนฺธิยํ สมุฏฺิตสฺสปิ ปวตฺเต ปริวตฺตนํ ทีเปติ. ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภูตํ โหติ. เตน โข ปน สมเยน อฺตริสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุริสลิงฺคํ ปาตุภูตํ โหตี’’ติ (ปารา. ๖๙).
ยสฺส ปน ปฏิสนฺธิยํ ทฺวีสุ เอกมฺปิ น สมุฏฺิตํ, โส อภาวโก นาม, ตสฺส ปวตฺติยมฺปิ อินฺทฺริยุปฺปตฺติ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
๖๖๙. กึ ปเนตสฺส อุภยสฺสปิ นิพฺพตฺติยา, วินาสนสฺส จ การณํ, ยโต อิทํ สมุฏฺาติ, ปริวตฺตตีติ จ วุจฺจตีติ อิมํ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘มหตา ปาปกมฺเมนา’’ติอาทิ. ตตฺถ มหตาติ ปรทาริกกมฺมาทินา มหาพเลน. ปาปกมฺเมน ¶ อุปนิสฺสยภูเตน ¶ . มหตา กุสเลเนวาติ อิทํ สุคตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุคฺคติยํ ปน อุภยมฺปิ อกุสลกมฺเมเนว ชายติ.
๖๗๐. อินฺทฺริเย วินฏฺเ เอกนฺเตเนว ลิงฺคมฺปิ วินสฺสเตวาติ อาห ‘‘อิตฺถิลิงฺคํ วินสฺสตี’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ – อิเมสุ ทฺวีสุ ปุริสินฺทฺริยํ อุตฺตมํ, อิตฺถินฺทฺริยํ หีนํ, ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ มหนฺเตน อกุสเลน กมฺเมน โหติ, สมุฏฺานํ มหนฺเตน กุสลกมฺเมน, อิตฺถินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ ทุพฺพลากุสเลน, สมุฏฺานมฺปิ ทุพฺพลกุสเลน, ทุคฺคติยํ ปน อุภยสฺสาปิ อนฺตรธานํ, สมุฏฺานฺจ อกุสเลเนว โหตีติ. ยทิ สุคติยํ อิตฺถินฺทฺริยมฺปิ กุสเลเนว นิพฺพตฺตติ, กถฺจรหิ ‘‘ปรทาริกกมฺมํ กตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา เตเนว ปาปกมฺเมน ปฺจสตกฺขตฺตุํ มนุสฺสโลเก อิตฺถี หุตฺวา นิพฺพตฺตตี’’ติอาทิวจนนฺติ? นายํ วิโรโธ นิสฺสนฺทผลวเสน วุตฺตตฺตา. ตถา หิ ปฏิสนฺธิยํ ตาว ปุริสินฺทฺริยนิพฺพตฺตนารหมฺปิ กมฺมํ กทาจิ ปรทาริกาทินา พลวปาปกมฺเมน ปฏิพาหิตสามตฺถิยํ อสฺส, ตทา อตฺตโน ปุริสินฺทฺริยนิพฺพตฺตเน อสมตฺถตาย อิตฺถินฺทฺริยเมว นิพฺพตฺเตติ. ปวตฺติยํ ปน อตฺตโน พลวภาเวน อิตฺถินฺทฺริยูปนิสฺสยํ ปรทาริกมกุสลกมฺมํ ปฏิพาหิตฺวา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ปุริสินฺทฺริยํ สมุฏฺาเปนฺตํ กทาจิ ลทฺธสามคฺคิตาสฺชาตพลวิเสเสน ปรทาริกาทินา กมฺเมน ปฏิพาหิตสามตฺถิยํ ภเวยฺย, ตทา อตฺตโน ทุพฺพลตาย ปุริสินฺทฺริยํ น นิพฺพตฺเตติ ¶ , อิตฺถินฺทฺริยเมว นิพฺพตฺเตติ. เอวํ ปรทาริกาทิกมฺมูปนิสฺสเยน อิตฺถินฺทฺริยสฺส นิพฺพตฺตนโต ตํ เตน นิพฺพตฺติตํ กตฺวา วุจฺจติ.
๖๗๑-๒. ยทา ปน ตํ กมฺมํ ปุน สามคฺคิปฏิลาภโต, ปริกฺขีณปาปกมฺมตาย วา พลวปฺปตฺตํ อภวิสฺส, ตทา ทินฺนเวธํ วิย รุกฺขํ ตทปคเม อตฺตโน พลานุรูปํ ปุริสินฺทฺริยํ นิพฺพตฺเตติ, อิตฺถินฺทฺริยํ ปน อตฺตโน การณาภาวโต นุปฺปชฺชติ. อุภยสฺส ปน นิพฺพตฺติยมฺปิ วิสทิสินฺทฺริยนิพฺพตฺตนโต ปุเร สตฺตรสมจิตฺตสฺส ิติกาลมุปาทาย ตํตํสมุฏฺาปกกมฺมํ ตํ ตํ อินฺทฺริยํ น ชเนติ. สตฺตรสมจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนํ วิสทิสินฺทฺริยุปฺปตฺติโต ปุริมจิตฺเตน สห นิรุชฺฌติ. ยทิ หิ สตฺตรสมจิตฺตุปฺปาทโต ปรมฺปิ อุปฺปชฺเชยฺย, อิตรํ นุปฺปชฺชติ เอกสฺมึ สนฺตาเน ทฺวินฺนํ สหุปฺปตฺติยา อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘ยสฺส วา ปน ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) อิมสฺมึ ปฺเห ‘‘โน’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) ปฏิกฺเขโป กโตติ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ ‘‘อุภโตพฺยฺชนสฺสาปี’’ติอาทิ ¶ . เอกสฺมิฺจ นิรุทฺเธ ตปฺปฏิพทฺธานิ ลิงฺคาทีนิ กติปยทิวเสหิ นิรุชฺฌนฺติ, เตสุ นิรุทฺเธสุ อิตรานิ อนุกฺกเมน ชายนฺตีติ อาจริยา. อิตฺถินิมิตฺตุปฺปาทกกมฺมโต, ปุริสนิมิตฺตุปฺปาทกกมฺมโต วาติ อุภโต ทุวิธํ พฺยฺชนมสฺสาติ อุภโตพฺยฺชโน. ตสฺสาปีติ ยสฺส ทุวิธํ พฺยฺชนมตฺถิ, ตสฺสาปิ เอกเมว อินฺทฺริยํ สิยา, กึ ปน อิตรสฺสาติ ทสฺเสติ.
นนุ จ ทุวิเธ พฺยฺชเน สติ อินฺทฺริยทฺวเยนาปิ ภวิตพฺพํ, พฺยฺชนฺหิ ตํ ตํ อินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ชายตีติ? สจฺจํ ชายติ, เอตฺถาปิ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถินิมิตฺตเมว ยาวชีวํ ปวตฺตติ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนสฺส ปุริสินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ปุริสนิมิตฺตเมว, อิตรํ ปน น ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยเหตุโต ชายติ. ตํ ปน เยน การเณน โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ อนุโยคํ กตฺวา ‘‘น จาภาโว’’ติอาทินา โสธนํ ตุ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตติ เอกสฺมึเยว อินฺทฺริเย สติ. อภาโว จาติ ยํ ปฏิจฺจ ชายติ, ตสฺส อภาวโต ปุริสอุภโตพฺยฺชนสฺส อิตฺถิพฺยฺชนาภาโว, อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนสฺส ปุริสพฺยฺชนาภาโวติ อตฺโถ ¶ . น จาภาโว สิยาติ เนว ทุติยพฺยฺชนสฺส อภาโว สิยา. น ตํ พฺยฺชนการณนฺติ ตํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ น โหติ. กสฺมา? สทา อภาวโต. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถิพฺยฺชนํ ปฏิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติ, ตถา อิตรสฺส อิตรํ. ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยฺชนทฺวยํ ติฏฺเยฺย, น ปน ติฏฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘น ตสฺส ตํ พฺยฺชนการณ’’นฺติ. กิฺจรหิ การณนฺติ เจ? อาห ‘‘ตสฺสา…เป… การณ’’นฺติ. ตตฺถ กมฺมสหายนฺติ ปุริมภวสิทฺธสฺส อินฺทฺริยนิพฺพตฺตกกมฺมสฺส สหายํ. ราคจิตฺตนฺติ อิตฺถิยา ปุริสสฺมึ, ปุริสสฺส อิตฺถิยํ วา อุปฺปนฺนํ เมถุนราคจิตฺตํ. ตสฺมิฺหิ อุปฺปนฺเน ตํ ปากฏํ โหติ, ตสฺมึ ปฏิปฺปสฺสทฺเธ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ. ยสฺมา ปนิมสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยมฺปิ ปรํ อุทฺทิสฺส คพฺภํ คณฺหาติ, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปรมฺปิ คณฺหาเปติ. โส หิ อิตฺถินฺทฺริยวนฺตตาย สยํ คณฺหาติ, ปเรสุ อุปกฺกมกรณโต ปรํ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปเรสุ อุปกฺกมกรณโต ปรํ คพฺภํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน ปุริสินฺทฺริยวนฺตตาย คพฺภํ น คณฺหาติ.
ยสฺมา อิตฺถินฺทฺริเย สติ อิตฺถิลิงฺคาทโย โหนฺติ, เตสุ จ สนฺเตสุ อิตฺถีติ ปกาโส โหติ, ตสฺมา ¶ ตํ ตสฺส ปกาสนการณนฺติ อาห ‘‘อิตฺถีติ ปกาสนรส’’นฺติ. ทุวิธมฺปิ ปเนตํ อินฺทฺริยํ กายปสาโท วิย สกลสรีรพฺยาปกเมว, น จสฺส กายปสาเทน สงฺกโร ลกฺขณเภทโต, นิสฺสยเภทโต จ.
๖๗๓. สหชรูปปริปาลนลกฺขณนฺติ ยถา อตฺตนา สหชาตรูปานิ ตีสุ ขเณสุ ปวตฺตนฺติ, เอวํ อนุปาลนลกฺขณํ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส เอกนฺตกมฺมชตฺตา สหชคฺคหเณเนว อนุปาเลตพฺพานมฺปิ ¶ กมฺมชภาโวว สิทฺโธติ กมฺมชคฺคหณํ น กตํ. ยถาสกํ ขณตฺตยมตฺตฏฺายีนมฺปิ กมฺมชรูปานํ ปวตฺติเหตุภาเวเนว ตํ อนุปาลกํ. เตนาห ‘‘เตสํ ปวตฺตนรส’’นฺติ. ปวตฺตนฺเจตฺถ วุตฺตนเยน เตสํ ยาปนํ ปนํ ิติเหตุกตา. น หิ กมฺมชานํ กมฺมเมว ิติเหตุ ภวิตุํ สกฺโกติ อาหารชาทีนํ อาหาราทิ วิย. กึ การณํ? ตงฺขณาภาวโต. กมฺมฺหิ นิรุทฺธํ รูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโต ตํสมุฏฺานรูปานิ มตปิติกา วิย ปุตฺตา จูฬปิตุอาทินิสฺสเยน อฺนิสฺสเยเนว ปวตฺตนฺติ, อฺฺจ เตสํ ยาปนสมตฺถํ นตฺถิ อฺตฺร ชีวิตินฺทฺริเยนาติ ตเทว เตสํ ปวตฺตนรสํ. อาหารชาทโย ปน ธรมานกปิติกา วิย ปุตฺตา อฺนิรเปกฺขา สกสกปจฺจยวเสเนว ปวตฺตนฺติ. อาหาราทโย หิ อตฺตโน อตฺถิกฺขเณเยว รูปานิ สมุฏฺาเปตฺวา เตสํ ิติปวตฺติยาว ติฏฺนฺติ, ตโต ตํสมุฏฺานานิ ชีวิตินฺทฺริยนิรเปกฺขานิ. เสสานิปิ ตํตํปจฺจยวเสเนว ติฏฺนฺตีติ น อฺํ ปนการณํ ปจฺจาสีสนฺติ. กมฺมสมุฏฺานมฺปิ เจตํ อุปฺปาทโต ปฏฺาเยว อนุปาลกํ. ยาเปตพฺพานิ ปวตฺเตตพฺพานิ สหชาตภูตานิ ปทฏฺานเมตสฺสาติ ยาเปตพฺพภูตปทฏฺานํ.
๖๗๔. มโนวิฺาณธาตูติ เปตฺวา อรูปาวจรวิปากมโนวิฺาณธาตุํ อวเสสา มโนวิฺาณธาตุ. เตนาห ‘‘ปฺจโวกาเร’’ติ. ปฺจโวกาเร มโนธาตุ, มโนวิฺาณธาตุโย จ ยํ รูปํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺติ, ตํ ‘‘วตฺถู’’ติ ปวุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. ปฺจโวกาเรติ จ วิเสสนํ มโนวิฺาณธาตุวเสน กตํ, มโนธาตุ ปน จตุโวการภเว นตฺเถว. ปาฬิยํ อนาคตสฺสาปิ หทยวตฺถุโน อาคมโต, ยุตฺติโต จ อตฺถิภาโว วิฺาตพฺโพ. ตตฺถ อาคโม ตาว –
‘‘ยํ ¶ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ ปวตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) –
เอวมาทิ ¶ ปฏฺานวจนํ. ยุตฺติ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ธาตุทฺวยํ ปฺจโวการภเว รูปปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา. ยํ ยฺหิ รูปปฏิพทฺธวุตฺติ, ตํ ตํ นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ทิสฺสติ ยถา จกฺขุวิฺาณธาตุ. ตตฺถ น ตาว รูปายตนาทีนํ, โอชาย จ ตนฺนิสฺสยตา ยุชฺชติ อินฺทฺริยปฏิพทฺธโต พหิปิ เตสํ ปวตฺติทสฺสนโต, นาปิ อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยานํ ตทุภยวิรหิเต อภาวกสนฺตาเนปิ ธาตุทฺวยทสฺสนโต. ชีวิตินฺทฺริยสฺสาปิ สหชปริปาลนลกฺขณกิจฺจนฺตรํ วิชฺชตีติ น ตนฺนิสฺสยตา ยุชฺชติ. ตฺหิ กิจฺจนฺตเร ปสุตํ น อิมาสํ นิสฺสโย ภวิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ปาริเสสโต เตสํ นิสฺสโย หทยวตฺถุ นาม อตฺถีติ วิฺาตพฺพํ. โหตุ ตาว ธาตุทฺวยนิสฺสโย วตฺถุ, อุปาทายรูปฺจ, ตํ ปเนตํ กมฺมสมุฏฺานํ ปฏินิยตกิจฺจํ หทยปฺปเทเส ิตเมกนฺติ ทฏฺพฺพํ. กถเมตํ วิฺายตีติ? วุจฺจเต – วตฺถุรูปภาวโต กมฺมสมุฏฺานํ จกฺขุ วิย. ยฺหิ วิฺาณสฺส วตฺถุภูตํ รูปํ, ตํ กมฺมสมุฏฺานํ ยถา จกฺขุปสาโท, ตโต เอว ปฏินิยตกิจฺจํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา กิฺจิ จินฺเตนฺตสฺส หทยปฺปเทสสฺส ขิชฺชนโต ตตฺเถทํ ติฏฺตีติ วิฺายติ. ยถาหุ อาจริยา –
‘‘กมฺมชํ วตฺถุภาวา ตํ, จกฺขุํว นิยตกฺริยํ;
จินฺตาย จ อุโรเขทา, ตตฺร ติฏฺนฺติ วิชานิย’’นฺติ.
ยทิ ¶ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยภูตํ หทยวตฺถุ นาม อตฺถิ, กสฺมา ปเนตํ รูปกณฺเฑ น วุตฺตํ. น หิ ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ อตฺถีติ? โน นตฺถิ การณนฺตรสมฺภวโต. กึ ปน ตํ การณํ? เทสนาเภโท. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิฺาณํ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสิตํ ปฺจโวการภเวเยว ตนฺนิสฺสยตฺตา, เอกนฺเตน นิสฺสิตวเสเนว จ วตฺถุเทสนา ปวตฺตา. ‘‘อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ, อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส น วตฺถู’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๘๔) จกฺขุวิฺาณาทีหิ นิสฺสิเตหิ วิเสสิตตฺตา. ยมฺปิ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสยํ ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุ น ตทนุคุณา อารมฺมณทุกาทโย สมฺภวนฺติ. น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ วตฺถารมฺมณทุกา ภินฺนคติกา สิยุํ, น เอกรสา เทสนา ภเวยฺย, เอกรสฺจ เทสนํ เทเสตุํ ตตฺถ ภควโต อชฺฌาสโย, ตสฺมา ตตฺถ หทยวตฺถุ ¶ น วุตฺตํ, น อลพฺภมานตฺตา. เอสา หิ ภควโต ปกติ, ยํ เอกรเสเนว เทสนํ เทเสตุํ ลพฺภมานสฺสาปิ กสฺสจิ อคฺคหณํ. ตถา หิ นิกฺเขปกณฺเฑปิ จิตฺตุปฺปาทวิภาเคน อวุจฺจมานตฺตา อวิตกฺกาวิจารปทวิสชฺชเน วิตกฺโก วิจาโร จาติ วตฺตุํ น สกฺกาติ อวิตกฺกวิจารมตฺตปทวิสชฺชเน ลพฺภมาโนปิ วิตกฺโก น อุทฺธโฏ, อฺถา ‘‘วิตกฺโก จา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. นิสฺสยภาวโต อุปริ อาโรเปตฺวา วหนฺตํ วิย ปจฺจุปฏฺาตีติ อุพฺพาหนปจฺจุปฏฺานํ.
๖๗๕. จตูสุ อาหาเรสุ อิธ รูปาธิการโต กพฬีกาโร อาหาโร คเหตพฺโพติ อาห ‘‘อาหารตาติ กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ. ตตฺถ กพฬํ กรียตีติ ¶ กพฬีกาโร. อาหรียตีติ อาหาโร, กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหรียตีติ อตฺโถ. อิทฺจ สวตฺถุกํ กตฺวา อาหารํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กพฬีการาหารสฺส ปน โอชา อิธ อาหาโร นาม. เตนาห ‘‘ยาย โอชายา’’ติอาทิ. โส จ รูปาหรณสภาโว อุปตฺถมฺภนพลกโร องฺคมงฺคานุสารีรสาหรณภูโต ภูตนิสฺสิโต เอโก วิเสโส. พาหิราหารปจฺจยํ ปฏิลภิตฺวา เอว อชฺฌตฺติกาหาโร รูปํ อุปฺปาเทตีติ อยํ อชฺฌตฺติกาหารสฺส อุปนิสฺสยภาเวนาปิ รูปํ อาหรตีติ อาห ‘‘โอชฏฺมกํ รูปํ อาหรตี’’ติ. โอชา อฏฺมี ยสฺส ตํ โอชฏฺมกํ. ยาย โอชายาติ อตฺตโน อุทยานนฺตรํ รูปชนนโต โอชาสงฺขาตาย โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุคตาย ยาย ผรณโอชาย. ยตฺถ ยตฺถาติ ยมฺหิ ยมฺหิ ชนปเท, นคราทีสุ จ. ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ ปวุจฺจติ ตพฺพตฺถุกตฺตาติ อธิปฺปาโย.
๖๗๖. กึ ปน วตฺถุโน กิจฺจํ, กึ โอชายาติ เจ? ปริสฺสยหรณํ วตฺถุสฺส กิจฺจํ, ปาลนํ โอชายาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนฺนปานาทิก’’นฺติอาทิ. อคฺคึ หรติ กมฺมชนฺติ กมฺมชเตชํ คณฺหาติ. อนฺโตกุจฺฉิยฺหิ โอทนาทิวตฺถุสฺมึ อสติ กมฺมชเตโช อุฏฺหิตฺวา อุทรปฏลสงฺขาตมุปาทินฺนรูปํ คณฺหาติ, ‘‘ฉาโตมฺหิ, อาหารํ เม เทถา’’ติ วทาเปติ, ภุตฺตกาเล อุทรปฏลํ มฺุจิตฺวา อนุปาทินฺนกวตฺถุํ คณฺหาติ, อถ สตฺโต เอกคฺโค โหติ. ยถา หิ ฉายารกฺขโส ฉายาปวิฏฺํ ทิสฺวา คเหตฺวา เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา อตฺตโน ภวเน โมทนฺโต ฉาตกาเล อาคนฺตฺวา สีเส ทํสติ, โส ทฏฺตฺตา วิรวติ, ตํ วิรวํ สุตฺวา สเจ อฺเปิ มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, โส อาคตาคเต คเหตฺวา ขาทิตฺวา สกภวเน โมทติ ¶ , เอวํ ยํ ยํ อนฺนปานาทิกํ วตฺถุ, ตํ ตํ กมฺมชเตโช คเหตฺวา ชีราเปตฺวา ปุน อุทรปฏลํ คณฺหาติ, ตสฺมา อนฺนปานาทิกํ ¶ วตฺถุ อตฺตโน อุทรปฏลํ ปวิฏฺกาเล อุปาทินฺนกายํ คเหตฺวา ิตํ ตโต โมเจตฺวา อตฺตานํ คณฺหาปนวเสน ตํ อตฺตโน สนฺติกํ หรติ. เกวลนฺติ โอชาวิยุตฺตํ วตฺถุ ชีวิตํ กมฺมชภูตํ ตํ ปาเลตุํ น สกฺโกติ.
๖๗๗. โอชา…เป… ปาจกนฺติ โอชา ชีวิตํ ปาเลตุํ สกฺโกติ, กมฺมชํ เตชํ หริตุํ น สกฺโกติ อามาสยสฺส อปุณฺณโตติ อธิปฺปาโย. อุปตฺถมฺภนปจฺจุปฏฺาโนติ โอชฏฺมกรูปหรณวเสเนว อิมสฺส กายสฺส อุปตฺถมฺภนวเสน ปจฺจุปฏฺาติ. กาเยนาติ รูปกาเยน. อตฺตโน ภาวนฺติ อตฺตโน อธิปฺปายํ. วิฺาเปนฺตานนฺติ ปเรสํ สฺาเปนฺตานํ. กายคฺคหณานุสาเรนาติ ผนฺทมานกายคตวณฺณสฺส คหณภูตานํ จกฺขุทฺวาริกชวนานนฺตรปฺปวตฺตานํ นิจฺฉยคฺคหณสงฺขาตานํ มโนทฺวาริกชวนานํ อนุสฺสรเณน เตสํ อนนฺตรนฺติ อตฺโถ. ปฺจทฺวาเร หิ รูปาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต ยถาปจฺจยํ กุสลากุสลชวเน อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺเณ มโนทฺวาริกชวนํ ตเทวารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน ตสฺมึเยว ทฺวาเร วิสยํ ววตฺถาเปตฺวา ชวนํ ภวงฺคํ โอตรติ, ตสฺมา จกฺขุทฺวาริกชวนานนฺตรปฺปวตฺตานํ ทฺวินฺนํ ชวนวารานมนนฺตรํ ตติยวาเร ปวตฺตาย มโนทฺวารชวนวีถิยา เอว คหิตาย เอตาย กรณภูตาย จตุตฺถวาเร มโนทฺวาเร ชวเนเนว ภาโว วิฺายติ. เอเตน วิฺตฺติ-สทฺทสฺส กรณสาธนตา วุตฺตา. สยํ วาติอาทินา ปน กมฺมสาธนตฺตมาห.
เอวํ วิฺตฺติ-สทฺทสฺส การกทฺวเย สมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กาย-สทฺเทน สห กมฺมธารยสมาสํ ทสฺเสตุํ, ‘‘กาโย’’ติ โวหารสฺส วิฺตฺติยมฺปิ จ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘กาเยน ¶ สํวโร’’ติอาทิสุตฺตมาห. กายวิปฺผนฺทเนน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตาติ วิปฺผนฺทมานกาเยน กรณภูเตน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุภาวโต กาเยน วิฺตฺตีติปิ กายวิฺตฺตีติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – วิฺตฺติยา กายวิปฺผนฺทนสฺส เหตุภาวโต ตํเหตุกํ กายวิปฺผนฺทนสงฺขาตํ กายํ คเหตฺวา อธิปฺปายชานนโต วิฺตฺติ อธิปฺปายวิฺาปนสฺส การณภาเวน คยฺหตีติ กาเยน อธิปฺปายํ วิฺาเปตีติ. ตถา กายวิปฺผนฺทนํ คเหตฺวา ตสฺส การณเมตฺถ อตฺถีติ วิฺตฺติยา คยฺหมานตฺตา สยฺจ กาเยน วิฺายติ, ตสฺมา กาเยน วิฺตฺตีติปิ กายวิฺตฺตีติ.
๖๗๘. จิตฺตชานิลธาตุยาติ อภิกฺกมาทิปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุยา. อาการวิการตาติ ¶ อาการภูโต วิกาโร. กสฺส ปน สา อาการวิการตาติ? สามตฺถิยโต วาโยธาตุอธิกานํ จิตฺตชมหาภูตานํ. กึ ตํ สามตฺถิยํ? จลนเหตุตา, จิตฺตชตา, อุปาทายรูปตา จ. อถ วา จิตฺตชานิลธาตุยา เอกา อาการวิการตาติ สมฺพนฺโธ. น เกวลฺหิ สามิวจนํ จลนสมฺพนฺธาเปกฺขาย เอว, อถ โข อาการวิการสมฺพนฺธาเปกฺขายปีติ.
ยทิ เอวํ, กถํ วิฺตฺติยา อุปาทายรูปตฺตํ. ‘‘จิตฺตชานิลธาตุยา’’ติ หิ วจเนน วาโยธาตุยาว อาการวิการตา วิฺตฺติ อาปชฺชติ, น จ เอกภูตนิสฺสิตํ อุปาทายรูปํ นาม อตฺถิ ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) วจนโตติ? นายํ โทโส, จตุนฺนํ วิการตา จตูสุ เอกสฺสปิ โหติ จตุสาธารณธนํ วิย. อนิลธาตุอธิกกลาโป วา อิธ ‘‘อนิลธาตู’’ติ วุจฺจติ, ตทธิเก ตํโวหารโต ¶ ยถา สมฺภารธาตุยา อธิกภาเวน ปถวีโวหาโร, ตสฺมา วาโยธาตุอธิกานํ จิตฺตชมหาภูตานํ เอกา อาการวิการตา กายวิฺตฺตีติ น โกจิ วิโรโธ. อธิกตา จสฺสา สามตฺถิยโต ทฏฺพฺพา, น ปมาณโต. อิตรถา หิ เตสํ อวินิพฺโภควุตฺติตา น ยุชฺเชยฺย. อธิกตา หิ อตฺตโน อธิกวเสน อิตเรหิ วินิพฺโภคปฺปวตฺติโต โหติ. สามตฺถิยาธิกฺจ การณานุการิตาย. การณฺหิ อภิกฺกมาทิปวตฺตกํ จิตฺตํ, ตํ จลนาธิปฺปายสภาวํ ตโต สมุฏฺิเต กลาเป อนุกโรนฺเต วาโยธาตุยา เอว อธิกตฺตํ ยุตฺตนฺติ. เกจิ ปน ‘‘วาโยธาตุยา เอว อาการวิการตา’’ติ คณฺหนฺติ, เตสํ มเตน อุปาทารูปตฺตํ ทุรูปปนฺนํ. น หิ เอกสฺส วิกาโร จตุนฺนํ อุปาทารูปนฺติ สกฺกา วตฺตุํ.
กีทิสี ปนายํ วิการตาติ อาห ‘‘สหชาตสฺส รูปสฺส จลเน เหตู’’ติ. ตตฺถ สหชาตสฺสาติ อตฺตนา สหชาตสฺส. ยสฺมา อุตุจิตฺตาหารชานํ จลนํ จิตฺตชรูปสมฺพนฺเธเนว โหติ, นทีโสตจลเนน ตตฺถ ปกฺขิตฺตสุกฺขโคมยปิณฺฑาทีนํ วิย. วิฺตฺติวเสน ปน จิตฺตชานเมว จลนํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สหชาตสฺสา’’ติ. รูปสฺสาติ รูปกายสฺส. จลเนติ สนฺถมฺภนสนฺธารณจลนสงฺขาเต จลิตภาเว. สนฺถมฺภนาทิกมฺปิ หิ จลนาภิมุขตาย จลนนฺติ ยุชฺชติ. เหตูติ เหตุภูตา สหการีการณภูตา. เอตฺตาวตา จ กึ วุตฺตํ โหติ? กายวิฺตฺติ นาม เนว ผนฺทมานรูปกาโย, น จ ผนฺทมานา วาโยธาตุ, อถ โข มหนฺตํ ปาสาณํ อุกฺขิปนฺตสฺส สพฺพถาเมน คหณกาเล สรีรสฺส อุสฺสาหนวิกาโร วิย รูปกายสฺส ปริปฺผนฺทนปจฺจยภาเวน ลพฺภมาโน เอโก อาการวิกาโร กายวิฺตฺติ นามาติ วุตฺตํ โหติ.
นนุ ¶ ¶ จ ผนฺทมานวณฺณาทิวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ, ตสฺส วณฺณคฺคหณานนฺตรํ คหณํ โหตีติ กถเมตํ วิฺายตีติ? อธิปฺปายคฺคหณโต. น หิ วิฺตฺติวิการรหิเตสุ รุกฺขจลนาทีสุ อธิปฺปายคฺคหณํ ทิฏฺํ, หตฺถจลนาทีสุ ปน ทิฏฺํ, ตสฺมา ผนฺทมานวณฺณาทิวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ อธิปฺปายสฺส วิฺาปโกติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ เอกนฺเตน. าปโก จ เหตุ สยํ คหิโตเยว อตฺตโน าเปตพฺพมตฺถํ าเปติ, น วิชฺชมานมตฺเตนาติ. าเปตพฺพวณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิการคฺคหณมฺปิ อนุมานโต สิทฺธํ. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘วิสยตฺตมนาปนฺนา,
สทฺทา เนวตฺถโพธกา;
น สตฺตามตฺตโต อตฺเถ,
เต อฺาตา ปกาสกา’’ติ.
ยทิ วิการคฺคหณเมว การณมธิปฺปายคฺคหณสฺส, กสฺมา อคฺคหิตสงฺเกตานํ อธิปฺปายคฺคหณํ น โหตีติ? น เกวลํ วิการคฺคหณเมว อธิปฺปายสฺส คหณสฺส การณํ, อถ โข ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคฺคหณฺจ อิมสฺส อุปนิสฺสโยติ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ อรฺเ อุทกติตฺเถ อุสฺสาเปตฺวา ปิตโคสีสาทีนิ อุทกนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารชวนวีถิยา โคสีสาทีนํ อุทกสหจารีปการสฺาณาการํ คเหตฺวา ‘‘อุทกเมตฺถ อตฺถี’’ติ ชานนํ, เอวํ ผนฺทมานวณฺณํ คเหตฺวา ตทนนฺตปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา ปุริมคฺคหิตสมฺพนฺธูปนิสฺสยสหิตาย สาธิปฺปายวิการคฺคหณํ โหตีติ.
๖๘๑-๒. สหชรูปจลนสฺส วิฺตฺติวิการสหิตาย วาโยธาตุยา เหตุภาโว ยุตฺโต, กึ สพฺพา เอว วาโยธาตุ ¶ สหชรูปํ จาเลตีติ อิมํ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ลภิตฺวา ปนุปตฺถมฺภ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุปตฺถมฺเภตีติ อุปตฺถมฺภํ, อุปตฺถมฺภกปจฺจยนฺติ อตฺโถ. เอกาวชฺชนวีถิยนฺติ มโนทฺวาริกชวนวีถึ สนฺธายาห ปฺจทฺวาริกวีถิยา วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตาภาวโต. เหฏฺาหิ ฉหิ จ จิตฺเตหีติ สตฺตสุ ชวเนสุ เหฏฺิเมหิ ฉหิ ชวเนหิ สมุฏฺิตํ วาโยธาตุํ อุปตฺถมฺภํ ลภิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. เกจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘วาโยธาตุสมุฏฺิต’’นฺติ ปาํ ทิสฺวา อุปตฺถมฺภนฺติ ภาวสาธนวเสน คเหตฺวา เหฏฺา ฉหิ จิตฺเตหิ อุปฺปนฺนวาโยธาตุสมุฏฺิตํ ¶ อุปตฺถมฺภํ ลภิตฺวาติ โยเชนฺติ. วิฺตฺติสหิตตฺตนาติ สยํ วิฺตฺติสหิตา อตฺตนา สหชาตํ จิตฺตชรูปํ เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยติ, น อิตราติ อตฺโถ.
อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย – ยถา นาม สตฺตหิ ยุเคหิ อากฑฺฒิตพฺพสกเฏ สตฺตมยุคยุตฺตา เอว โคณา เหฏฺา ฉสุ ยุเคสุ ยุตฺตโคเณหิ ลทฺธุปตฺถมฺภา สกฏํ จาเลนฺติ, ปมยุคาทิยุตฺตา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตเมว สาเธนฺตา เตสํ อุปตฺถมฺภกา โหนฺติ, เอวเมวํ สตฺตมชวนสมุฏฺิตา วาโยธาตุ เหฏฺา ฉหิ ชวเนหิ สมุฏฺิตวาโยธาตุโต ลทฺธุปตฺถมฺภา จิตฺตชรูปํ จาเลติ. ปมชวนาทิสมุฏฺิตา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตํ สาเธนฺตา ตสฺส อุปตฺถมฺภกา โหนฺติ, เทสนฺตรุปฺปตฺติเยว เจตฺถ จลนํ อุปฺปนฺนเทสโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ธมฺมานํ จลนาภาวโต, อิตรถา ธมฺมานํ อพฺยาปารตา, ขณิกตา จ น สิยา. กถํ ปนสฺส สหชรูปานํ เทสนฺตรุปฺปตฺติยา เหตุภาโวติ? ยถา อตฺตนา สหชรูปานิ เหฏฺิมชวนาทิสมุฏฺิตรูเปหิ ปติฏฺิตฏฺานโต อฺตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ เตหิ สห ตตฺถ อุปฺปตฺติเยวสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโวติ ทฏฺพฺพํ.
อถ ¶ ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิฺตฺติคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา วิฺตฺติสหิตาติ สตฺตมชวนสมุฏฺิตาย เอว จ วิเสสิตตฺตา จลนาการสหิตาเยว วาโยธาตุ วิการสหิตาติ? นยิทเมวํ เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยิตุมสกฺโกนฺติโยปิ สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตกรเณน ปมชวนาทิสมุฏฺานวาโยธาตุโยปิ วิฺตฺติวิการสหิตา เอว. เยน ทิสาภาเคน คนฺตฺวา อภิกฺกมาทีนิ ปวตฺเตตุกาโม ตทภิมุขภาววิการสมฺภวโต. อธิปฺปายสหภาวินฺหิ วิการํ วิฺตฺติมาจิกฺขนฺติ. เตเนว หิ ภควตา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ กายวิฺตฺติ? ยา กุสลจิตฺตสฺส วา…เป… อพฺยากตจิตฺตสฺส วา อภิกฺกมนฺตสฺส วา…เป… ปสาเรนฺตสฺส วา กายสฺส ถมฺภนา สนฺถมฺภนา สนฺถมฺภิตตฺตํ วิฺตฺติ วิฺาปนา วิฺาปิตตฺตํ. อิทํ ตํ รูปํ กายวิฺตฺตี’’ติ (ธ. ส. ๗๒๐) สนฺถมฺภนสนฺธารณานมฺปิ ปจฺจยภาวากาโร กายวิฺตฺตีติ วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตาวจนํ สุฏฺุ อุปปนฺนํ โหติ.
๖๘๓-๔. จิตฺตชาตาย ปถวีธาตุยา อุปาทินฺนกฆฏฺฏเน ปจฺจโย โย อาการวิกาโร, อยํ วจีวิฺตฺติ วิฺเยฺยาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ จิตฺตชาตายาติ วจีเภทปฺปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานาย ¶ . อุปาทินฺนกฆฏฺฏเนติ อุปาทินฺนกกลาปสงฺขาตสฺส อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานสฺส ฆฏฺฏนสฺิเต กิจฺเจ ฆฏฺฏนสฺสาติ อตฺโถ. ปจฺจโยติ ตสฺส สหการีการณภูโต. เอโก อาการวิกาโรติ ฆฏฺฏิยมานอุปาทินฺนรูปโต, ฆฏฺฏนฺติ ยา ปถวีธาตุโต จ วินิวฏฺโฏ ปถวีธาตุยา อุปาทินฺนฆฏฺฏนปจฺจยสภาวรูโป เอโก อาการวิการวิเสโสติ อตฺโถ. ปถวิธาตุยาติ สามิวจนํ ‘‘อุภยสมฺพนฺธาเปกฺข’’นฺติอาทิ กายวิฺตฺติยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรํ ¶ คยฺหติ, เอวมิธ สุยฺยมานสทฺทสวนานนฺตรนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิทฺจ สนฺถมฺภนาทีนํ อภาเวน ฆฏฺฏเนน สทฺธึเยว สทฺทสฺส อุปฺปชฺชนโต ‘‘ลภิตฺวา ปนุปตฺถมฺภ’’นฺติอาทินโย น ลพฺภติ. ฆฏฺฏนฺหิ ปมชวนาทีสุปิ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘สทฺทวสา’’ติ. อถ ฆฏฺฏนจลนานํ โก วิเสโสติ? ฆฏฺฏนํ ปจฺจยวิเสเสน ภูตกลาปานํ อฺมฺํ อาสนฺนตรุปฺปาทตา, จลนํ เอกสฺสาปิ เทสนฺตรุปฺปาทนปรมฺปรตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. โคสีสาทิอุปมาเปตฺถ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา. สาวาติ สา เอว สหสทฺทา วิฺตฺติ. สกฺยกุลินฺทุนาติ สุปริสุทฺธคคนตลสฺส สกฺกราชกุลสฺส อวภาสกฏฺเน ตสฺส นิสากรภูเตน. อถ วา อินฺทติ ปรมิสฺสริยํ กโรตีติ อินฺทุ. อินฺทุ-สทฺทสฺส อุตฺตมวาจกตฺตา สกฺกกุลุตฺตเมนาติ อตฺโถ.
๖๘๕. อถ วิฺตฺติ ตาว สหสทฺทาว, สทฺโท ปน จิตฺตโช อวิฺตฺติโก อตฺถีติ เจ? นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สทฺโท น จิตฺตโช’’ติอาทิ. วิฺตฺติฆฏฺฏนนฺติ วิฺตฺติปจฺจยํ ปถวีธาตุยา ฆฏฺฏนํ. ธาตุสงฺฆฏฺฏเนเนวาติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. ยสฺมา ธาตุสงฺฆฏฺฏเนเนว สทฺโท ชายติ, น เตน วินา, ตสฺมาติ อตฺโถ. อเนน จ เย วทนฺติ ‘‘วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท น โสตวิฺเยฺโยติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จิตฺตสมุฏฺาโน วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท วิฺตฺติยา วินาปิ อุปฺปชฺชติ. ‘ยา ตาย วาจาย วิฺตฺติ วิฺาปนา’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) หิ วจนโต อโสตวิฺเยฺเยน สทฺเทน สห วิฺตฺติ น อุปฺปชฺชติ, ตโตว จิตฺตโชปิ สทฺทนวโก อตฺถี’’ติ, เตสํ วาทํ ปฏิกฺขิปติ. มหาอฏฺกถาวาโทปิ หิ สทฺโทว โหติ, น โสตวิฺเยฺโยติ วิรุทฺธเมตนฺติ มฺมาเนหิ สงฺคหกาเรหิ ปฏิกฺขิตฺโตว. อานนฺทาจริโย ปน มหาอฏฺกถาวาทํ ¶ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาว ตตฺถ อธิปฺปายํ วณฺเณติ. กถํ? ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกรวิตกฺกสมุฏฺิตํ วิฺตฺติสหชเมว สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตี’’ติ สุตฺเต, ปฏฺาเน จ โอฬาริกํ สทฺทํ สนฺธาย โสตวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยภาโว ¶ วุตฺโตติ อิมินา อธิปฺปาเยน วิตกฺกวิปฺผารสทฺทสฺส อโสตวิฺเยฺยตา วุตฺตาติ.
๖๘๖-๗. วิฺาปนโตติ วจีโฆเสน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตา. สยํ วิฺเยฺยโตติ คหณานุสาเรน วจีโฆเสน วา เหตุนา สยํ วิฺเยฺยตฺตา. ตสฺสาติ วิฺตฺติสทฺทสฺส. สมฺภโว การกทฺวเยติ วิฺาปยตีติ วิฺตฺติ, วิฺายตีติ วิฺตฺตีติ เอวํ เหตุมฺหิ, กมฺมนิ วา ตสฺส สมฺภโว นิพฺพตฺติ โหตีติ อตฺโถ. กึ ปเนตํ วิฺตฺติทฺวยํ จิตฺตสมุฏฺานํ, อุทาหุ กมฺมาทิสมุฏฺานนฺติ อาห ‘‘น วิฺตฺติทฺวย’’นฺติอาทิ. อฏฺ รูปานิ วิยาติ สกสกกลาปคตอฏฺรูปานิ วิย, วิฺตฺติทฺวยสฺส เอกโต วุจฺจมานตฺตา กายวิฺตฺติสหชกลาเป สทฺโท น ลพฺภตีติ วจีวิฺตฺติกลาเป ลพฺภมานมฺปิ ตํ หิตฺวา ‘‘อฏฺ’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
ยถาวุตฺตวิการคฺคหณมุเขน ‘‘อยํ อิทํ นาม กาตุกาโม’’ติ ตํสมงฺคิโน อธิปฺปาโย วิฺายตีติ อาห ‘‘อธิปฺปายปฺปกาสนรสา’’ติ. กายวิปฺผนฺทนเหตุภูตาย วาโยธาตุยา วิการตฺตา ตสฺสา กายวิปฺผนฺทนสฺส เหตุภาวากาเรน ปจฺจุปฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘กาย…เป… ปจฺจุปฏฺานา’’ติ. วาโยธาตุยา กิจฺจาธิกตาย อาห ‘‘จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุปทฏฺานา’’ติ. วจีโฆสสฺส เหตุภาวปจฺจุปฏฺานาติ วุตฺตนเยเนว วจีโฆสสงฺขาตสฺส จิตฺตชสทฺทสฺส เหตุภาวปจฺจุปฏฺานา.
เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ฆฏฺฏเน ปจฺจโยติ วุตฺตตฺตา ฆฏฺฏนานนฺตรํ สทฺทสฺส อุปฺปตฺติ โหตีติ คเหตฺวา จิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุ อุปาทินฺนฆฏฺฏนมตฺตํ ¶ กโรติ, ฆฏฺฏิตกฺขเณ อุตุสมุฏฺาโนว สทฺโท อุปฺปชฺชติ, โส ปน จิตฺตปจฺจยตฺตา ปริยาเยน จิตฺตสมุฏฺาโนติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. เตสํ มเตน จิตฺตชสทฺโทเยว น ลพฺภติ, ตสฺมา เอวํ อคฺคเหตฺวา อุทกตาปนกาเล อนฺโตอุทเกเยว อุปฺปชฺชนกสทฺโท วิย อุปาทินฺเน ฆฏฺเฏตฺวา อุปฺปชฺชมานจิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุยา อุปฺปตฺติสมกาลเมว ตสฺมึ กลาเป นวมํ หุตฺวา อนฺโตเยว ภูติกสทฺโท อุปฺปชฺชตีติ คเหตพฺพํ, ตสฺมา จิตฺตสมุฏฺานสทฺโทปิ วจีวิฺตฺติวเสเนว อุปฺปชฺชติ, อจฺฉราปหรณาทิสทฺโท ปน วจีวิฺตฺติยา อภาวโต จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺาโนเยวาติ.
๖๘๘. วิคฺคหาภาวโต ¶ น กสฺสติ, กสิตุํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกตีติ อกาโส, โสเยว อากาโสติ อาห ‘‘น กสฺสตีติ อากาโส’’ติ, โก ปเนโสติ อาห ‘‘รูปานํ วิวโร’’ติ, กณฺณจฺฉิทฺทาทิรูปานํ อนฺตรนฺติ อตฺโถ. อเนน อชฏากาสมาห. โย…เป… ปริจฺเฉโทติ ปน อิมินา อิธาธิปฺเปตมากาสํ, โส ปน รุฬฺหีวเสน อากาโสติ ปวุจฺจติ.
รูปานิ ปริจฺฉินฺทติ, สยํ วา เตหิ ปริจฺฉิชฺชติ, เตสํ วา ปริจฺเฉทมตฺตนฺติ รูปปริจฺเฉโท, ตํ ลกฺขณเมตสฺสาติ รูปปริจฺเฉทลกฺขโณ. อยฺหิ ตํ ตํ รูปกลาปํ ปริจฺฉินฺทนฺโต วิย โหติ. เตนาห ‘‘รูปปริยนฺตปฺปกาสนรโส’’ติ. ‘‘อยํ รูปานํ เหฏฺิโม ปริยนฺโต, อยํ อุปริโม’’ติ เอวํ วิภาวนกิจฺโจติ อตฺโถ. อตฺถโต ปน ยสฺมา รูปานํ ปริจฺเฉทมตฺตํ หุตฺวา คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘รูปมริยาทปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. เอตฺถาห – กึ ปเนส รูเป ปริจฺฉินฺทนฺโต จตุสมุฏฺานกลาปโต ปริจฺฉินฺทติ, อถ เอกสมุฏฺานพหุกลาปโต, อุทาหุ เอเกกสมุฏฺานเอเกกกลาปโต, เอเกกรูปโต วาติ? เอเกกสมุฏฺานเอเกกกลาปโตติ ทฏฺพฺพํ.
ยทิ ¶ หิ จตุสมุฏฺานกลาปโต, เอกสมุฏฺานพหุกลาปโต วา ปริจฺฉินฺทติ, เอวํ สติ สมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺาโน วา ปริจฺฉินฺเทยฺย, เอกกลาปคตรูปานํ วิย นานากลาปคตรูปานมฺปิ อวินิพฺโภควุตฺติตา วา อาปชฺเชยฺย. อถ วา เอเกกรูปโต ปริจฺฉินฺทติ, เอวํ สติ เอเกกกลาปคตรูปานมฺปิ นานากลาปคตรูปานํ วิย อฺมฺวินิพฺโภควุตฺติตาปสงฺโค สิยา, อุภยมฺปิ ปเนตํ อนิฏฺํ, ตสฺมา เอเกกสมุฏฺานเอเกกกลาปโต ปริจฺฉินฺทตีติ ทฏฺพฺพํ.
อสมฺผุฏฺภาวฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺาโน วาติ อสมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺาโน วา ฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺาโน วาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตเหว อสมฺผุฏฺภาเวน ปจฺจุปฏฺานโต อสมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺาโน. กิฺจาปิ หิ กลาปนฺตรภูตา กลาปนฺตรภูเตหิ สมฺผุฏฺาว เอกฆนปิณฺฑภาเวน ปวตฺตตฺตา, ตถาปิ ธมฺมโต อฺมฺํ วิวิตฺตตฺตา อสํกิณฺณา เอว. เตสํ ยา วิวิตฺตตา อฺมฺํ อสํกิณฺณตา, อยํ ปริจฺเฉโท. ภูตนฺตเรหิ วิย เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อิตรถา ปริจฺฉินฺนตา น สิยา เตสํ ภูตานํ พฺยาปิภาวาปตฺติโต. อพฺยาปิภาโว หิ อสมฺผุฏฺตา. เตนาห ภควา อิมสฺส นิทฺเทเส ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗).
อถ ¶ วา กลาปนฺตรภูตานํ อฺมฺํ อสํกิณฺณภาเวน ปจฺจุปฏฺานโต อสมฺผุฏฺตาปจฺจุปฏฺานภาโว วุตฺโต, กณฺณจฺฉิทฺทมุขวิวราทิวเสน ฉิทฺทวิวรภาวสฺส ปจฺจุปฏฺานโต ฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺานตา วุตฺตา. รูปปริจฺเฉเท หิ สติ ฉิทฺทวิวรภาโว โหติ. เยสํ รูปานํ ปริจฺเฉโท, ตตฺเถว เตสํ ¶ ปริจฺเฉทภาเวน ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘ปริจฺฉินฺนรูปปทฏฺาโน’’ติ.
๖๘๙-๙๑. รูปสฺสลหุตาทิตฺตยนิทฺเทเสติ รูปสฺสลหุตา รูปสฺสมุทุตา รูปสฺสกมฺมฺตาติ อิมสฺส รูปลหุตาทิตฺตยสฺส นิทฺเทเส สมฺปตฺเต อิทํ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. เหฏฺา วุตฺตนเยเนวาติ อรูปสฺส ลหุตาทีสุ ‘‘กายลหุภาโว กายลหุตา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว ‘‘รูปสฺส ลหุภาโว ลหุตา’’ติอาทินา รูปสมฺพนฺธีภาเวน รูปวิการาปิ วิฺาตพฺพา. รูปสฺส ลหุภาโว ลหุตา, สา รูปสฺส ครุภาววูปสมลกฺขณา, ครุภาวนิมฺมทฺทนรสา, อทนฺธตาปจฺจุปฏฺานา, ลหุรูปปทฏฺานา. รูปสฺส มุทุภาโว มุทุตา, สา รูปสฺส ถทฺธภาววูปสมลกฺขณา, ถทฺธภาวนิมฺมทฺทนรสา, สพฺพกิริยาสุ อวิโรธิตาปจฺจุปฏฺานา, มุทุรูปปทฏฺานา. รูปสฺส กมฺมฺภาโว กมฺมฺตา, สา รูปสฺส อกมฺมฺภาววูปสมลกฺขณา, อกมฺมฺภาวนิมฺมทฺทนรสา, สรีรกิริยาสุ อนุกูลภาวปจฺจุปฏฺานา, กมฺมฺรูปปทฏฺานาติ. อตฺโถ ปเนตฺถ ตตฺถ ตตฺถ อมฺเหหิ วุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพ. อิมา ปน ติสฺโส รูปานํ วิการภาวโต ‘‘รูปวิการา’’ติ วุจฺจนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ติสฺโส…เป… วิภาวินา’’ติ วุตฺตํ.
ยถากฺกมํ ปเนตา รูปสฺส ทนฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานา, ถทฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานา, รูปานํ สรีรกิริยาสุ อนนุกูลภาวกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ธาตุกฺโขโภติ วาตปิตฺตเสมฺหปโกโป, รสาทิธาตูนํ วา วิการาวตฺถา, ทฺวิธา วุตฺตาปิ อตฺถโต ปถวีธาตุอาทีนํเยว วิกาโรติ ทฏฺพฺพํ. ปฏิปกฺขปจฺจยา สปฺปายอุตุอาหาราวิกฺขิตฺตจิตฺตตา, สา จ ตํตํวิการสฺส วิเสสปจฺจยภาวโต วุตฺตา, อวิเสเสน ปน สพฺเพสํ ปจฺจยา, ตถา ¶ หิ เต กทาจิปิ อฺมฺํ น วิชหนฺติ. ตถา อวิชหนฺตานํ ปน ทุพฺพิชานียํ นานตฺตนฺติ ตํปกาสนตฺถํ ‘‘เอตาส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กมโตว นิทสฺสนนฺติ สมฺพนฺโธ. ลหุตาย หิ อโรคี นิทสฺสนํ, มุทุตาย มทฺทิตจมฺมํ, กมฺมฺตาย สุธนฺตสุวณฺณํ.
นนุ เจตฺถ อโรคิโน ตาว นิทสฺสนํ ยุตฺตํ ตสฺส อินฺทฺริยพทฺธสนฺตานตฺตา, สุปริมทฺทิตจมฺมสุธนฺตสุวณฺณานํ ¶ ปน กถํ. น หิ อนินฺทฺริยพทฺธรูปสนฺตาเน ลหุตาทีนิ สมฺภวนฺติ ตถา ธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยาภาวโต? สจฺจํ, มุทุกมฺมฺสทิสรูปนิทสฺสนมตฺตเมตํ, น ปน ตตฺถ อิธาธิปฺเปตมุทุตากมฺมฺตาสภาวโต. ยทิ เอวํ, กถํ ตูลปิจุอาทีสุ ลหุภาวาทิกนฺติ? น ตตฺถ ปรมตฺถโต ลหุภาวาทิกํ อตฺถิ, ครุภาวาทิเหตูนํ ปน อภาวโต ตตฺถ ลหุภาวาทิโวหาโร.
กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกติ เอกนฺเตน ตาสํ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยาเปกฺขตฺตา, อิตรถา สพฺพทาภาวินีหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพํ สิยาติ. อทนฺธตาลกฺขณาติ อครุภาวลกฺขณา. ครุภาวสฺส วิโนทนํ ขิปนํ อปนยนํ กิจฺจเมติสฺสาติ ครุภาววิโนทนรสา. กิฺจาปิ หิ อยํ รูปานํ ครุภาวํ วิโนเทตุํ น สกฺโกติ, ครุรูปปฏิปกฺขานํ ปน อทนฺธรูปานํ วิการตฺตา ‘‘ชาติ นํ อุปฺปาเทตี’’ติอาทีสุ วิย ปริยาเยน ครุภาวํ วิโนเทติ นาม. ตสฺสฺหิ วิชฺชมานายํ อุปฺปนฺนรูปานํ อครุภาโวเยวาติ. เอส นโย มุทุตากมฺมฺตาสุ. เจตสิกลหุตาทโย ปน อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจนีกานํ ตํตํอกุสลธมฺมานํ วิทฺธํสกภาเวน ปวตฺตนฺตีติ วิการมตฺตภาวโต นิปฺปริยาเยเนว ตาสํ ตํกิจฺจตา ลพฺภตีติ ทฏฺพฺพํ. ลหุปริวตฺติตปจฺจุปฏฺานาติ อทนฺธสฺส อโรคีปุริสสฺส อปราปรํ สงฺกนฺติ ปริวตฺตนํ วิย อทนฺธปริวตฺตนํ หุตฺวา ปจฺจุปฏฺานาติ อตฺโถ. ยสฺส รูปสฺส ลหุตา, ตตฺเถว ¶ วิการภาเวน อุปลพฺภนโต ลหุรูปปทฏฺานา. เอวมิตราสุปิ. อถทฺธตาติ อกถินตา. อตฺตโน มุทุภาเวเนว สพฺพกิริยาสุ อวิรุทฺธา หุตฺวา ปจฺจุปฏฺาตีติ อวิโรธิตาปจฺจุปฏฺานา. มุทุ หิ กตฺถจิ น วิรุชฺฌติ. ตีสุปิ าเนสุ ปฏิปกฺขตฺเถ อ-กาโร. ทนฺธตาทิเหตูนํ ปฏิปกฺขสมุฏฺานตฺตา ลหุตาทีนนฺติ เกจิ. อปเร ปน สตฺตาปฏิเสเธติ วทนฺติ. สรีเรน กตฺตพฺพกิริยานํ อนุกูลตาสงฺขาโต กมฺมฺภาโว ลกฺขณเมติสฺสาติ สรีรกิริยานุกูลกมฺมฺภาวลกฺขณา. อกมฺมฺํ ทุพฺพลํ นาม โหตีติ กมฺมฺตา อทุพฺพลภาวปจฺจุปฏฺานา วุตฺตา.
๖๙๒. รูปานมาจโย โยติอาทีสุ โย นิปฺผนฺนรูปานํ อาทิโต จโย, ยถาปจฺจยํ ตโต ตโต อาคตสฺส วิย จโยติ วา อาจยสงฺขาโต รูปานํ ปมุปฺปาโท วฑฺฒิ จ, โส อุปจโยติ อุทฺเทเส วุตฺโต ‘‘อุปฺตฺตํ อุปสิตฺต’’นฺติอาทีสุ วิย อุป-สทฺทสฺส ปมูปริอตฺถทสฺสนโต. ยา ปน เตสํเยว รูปานํ อนุปฺปพนฺธตา อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติ, สา สนฺตตีติ ปวุจฺจติ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ หิ รูปุปฺปตฺติอาทิจยภาวโต อาจโย นาม, ตโต ปรํ ยาว ¶ สตฺตรสมจิตฺตุปฺปาทา วฑฺฒิภาวโต อุปจโย นาม. ตทา หิ รูปสฺส กมฺมจิตฺตอุตูหิ จโยเยว, น หานิ. อถ วา ยาว อาหารสมุฏฺาน รูปุปฺปาโท, จกฺขาทิอุปฺปาโท วา, ตาว อุปจโย นาม, ตโต ปรํ ปน จุติปริโยสานํ สนฺตติ นาม. เอวฺจ กตฺวา –
‘‘โย อายตนานํ อาจโย, โส รูปสฺส อุปจโย. โย รูปสฺส อุปจโย, สา รูปสฺส สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. ๖๔๑-๖๔๒) –
เอวํ ¶ อุปจยสนฺตตีนํ อตฺถโต นานตฺตาภาวทีปนตฺถํ วุตฺตาย ปาฬิยา อฏฺกถายํ –
‘‘อาจโย นาม นิพฺพตฺติ, อุปจโย นาม วฑฺฒิ, สนฺตติ นาม ปวตฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘นทีตีเร ขตกูปสฺมิฺหิ อุทกุคฺคมนกาโล วิย อาจโย นิพฺพตฺติ, ปริปุณฺณกาโล วิย อุปจโย วฑฺฒิ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คมนกาโล วิย สนฺตติ ปวตฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑; วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๔) –
อุปมา วุตฺตา. ‘‘รูปานมาจโย’’ติ เจตฺถ พหุวจนนิทฺเทเสน อุปฺปาโท นาม อุปฺปชฺชมานานํ วิกาโร. วิการตฺเต จ สติ อตฺตโน วิการวนฺตธมฺมเภทภินฺนตฺตา เอกกฺขเณปิ อุปฺปชฺชมานานํ พหูนมฺปิ รูปานํ วิสุํ วิสุํเยว อุปฺปาทวิการภาโว, น ปิณฺฑสฺเสวาติ ทีปิตํ โหติ. น เกวลฺจ รูปานเมว อุปฺปตฺติ อีทิสี, อถ โข อรูปธมฺมานมฺปิ อุปฺปาโท รูปารูปธมฺมานํ ชรตา, อนิจฺจตา, รูปสฺส ลหุมุทุกมฺมฺตา จาติ ทฏฺพฺพํ.
๖๙๓. ชาติรูปนฺติ ทีปิตํ อฏฺกถาสุ อุภยสฺสปิ รูปุปฺปาทสภาวตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ, กสฺมา วิภชฺช วุตฺตํ? ภควตา ตเถว เทสิตตฺตา. ภควตาปิ กสฺมา ตถา เทสิตนฺติ อาห ‘‘วุตฺตมาการนานตฺตา’’ติอาทิ. อาการนานตฺตํ เหฏฺา วิภาวิตเมว. อกฺขรสฺส ปมุปฺปตฺติ อุปจโย, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติ สนฺตติ. เอวํ ติสมุฏฺานรูปานมฺปิ ทฏฺพฺพนฺติ เอวํ เตสํ อาการนานตฺตํ วณฺเณนฺติ. เวเนยฺยานํ วเสน วาติ ตทา กิร โสตูนํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, อยํ ชาติ สพฺเพสํ ธมฺมานํ ปภโว, สยํ ปน น กุโตจิ ชายติ, ยถา ตํ ‘‘ปกติวาทีนํ ปกตี’’ติ. เตสํ มิจฺฉาคาหํ วิธเมนฺโต ‘‘ชาติ นาม น อฺา, อุปจยสนฺตติวเสน ิตา รูปุปฺปตฺติเยว ¶ ปน ตถา วุจฺจติ, สา จ ยสฺส อุปฺปาโท ¶ , ตสฺส ปจฺจเยเหว ชาตปริยายํ ลพฺภตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ อุปจโย สนฺตตีติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา เทเสตีติ อาจริยา.
ปุพฺพนฺตโต ปุพฺพโกฏฺาสโต, อนาคตภาวโตติ อตฺโถ. อุปฺปชฺชมาเน รูปธมฺเม อุปฺปาโท อนาคตกฺขณโต อุมฺมุชฺชาเปนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชาปนรโส’’ติ. ‘‘อิเม รูปธมฺมา สมฺปฏิจฺฉถ เน’’ติ นิยฺยาเตนฺโต วิย คยฺหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิยฺยาตนปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. ปริปุณฺณภาวปจฺจุปฏฺานตา อุปริ จโย อุปจโยติ อิมสฺส อตฺถสฺส วเสน เวทิตพฺพา. ยถา อุปฺปาทกฺขณปฺปตฺตํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ อาทิกมฺเม ตปฺปจฺจยวเสน, เอวํ อุปฺปาทกฺขณคตํ อุปจิตํ นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปจิตรูปปทฏฺาโน’’ติ.
ปวตฺติลกฺขณาติ อนุปฺปพนฺธโต อุปฺปตฺติวเสน ปวตฺตมานรูปานํ ปวตฺตนนฺติ ลกฺขิตพฺพา. อนุปฺปพนฺธนรสาติ ปุพฺพาปรวเสน อนุปฺปพนฺธนกิจฺจา. อสติ หิ อุปฺปาเท ปุพฺพาปรวเสน อนุปฺปพนฺโธ น สิยา. อนุปฺปพนฺธรสตฺตาเยว อนุปจฺเฉทวเสน คเหตพฺพโต อาห ‘‘อนุปจฺเฉทปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ปุพฺพาปรวเสน ฆฏิตรูเปสุ อุปลพฺภนโต วุตฺตํ ‘‘อนุปฺปพนฺธรูปปทฏฺานา’’ติ.
๖๙๔. ชีรณนฺติ ชิณฺณภาโว, อภินวภาวหานีติ อตฺโถ.
ปากฏา รูปธมฺเมสุ ขณฺฑิจฺจาทิภาเวน ทนฺตาทีสุ วิการทสฺสนโต, อิตรา ตทภาวโต อปากฏา. กามํ รูปธมฺมานมฺปิ ขณิกชรา ปฏิจฺฉนฺนา เอว, ยา ‘‘อวีจิชรา’’ติ วา วุจฺจติ. อรูปธมฺมานํ ปน ชราย สุฏฺุ ปฏิจฺฉนฺนภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ปากฏา รูปธมฺเมสู’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. ขณฺฑิจฺจาทิวิกาโร ปน ขณิกชราย นตฺถิ. รูปปริปาโก รูปธมฺมานํ ชิณฺณตา, ชรํ ปตฺตสฺส ภงฺโค อวสฺสํภาวีติ วุตฺตํ ¶ ‘‘อุปนยนรสา’’ติ, ภงฺคูปนยนกิจฺจาติ อตฺโถ. สภาวานปคเมปีติกกฺขฬตฺตาทิสภาวานปคเมปิ, ิติกฺขเณ หิ ชรา นาม, น จ ตทา ธมฺมสภาวํ วิชหติ. นวภาโว อุปฺปาทาวตฺถา, ตสฺสา อปคมภาเวน คยฺหตีติ อาห ‘‘นวภาวาปคมปจฺจุปฏฺานา’’ติ. วีหิปุราณภาโว วิยาติ วีหิภาวานปคเมปิ อภินวภาวาปคมนกโร วีหิปุราณภาโว วิย. วีหิปุราณภาโว สพฺพาวตฺถานิ อปเนติ, อยํ ปน เกวลํ อุปฺปาทาวตฺถเมว อปเนติ. ปริโต สพฺพโต ภิชฺชนนฺติ ลกฺขิตพฺพาติ ปริเภทลกฺขณา ¶ . นิจฺจํ นาม ธุวํ, รูปํ ปน ขณภงฺคิตาย น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, ตสฺส ภาโว อนิจฺจตา. สา ปน ิติปฺปตฺตรูปํ ิติยเมว วินาสนภาเวน สํสีเทนฺตี วิย โหตีติ สํสีทนรสา. ยสฺมา จ สา ภงฺคภาวโต ขยวยากาเรเนว คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ขยวยภาวปจฺจุปฏฺานา’’ติ. อนุกฺกเมน วินาโส ขโย นาม, ทีปวฏฺฏิกาย สห เตลสฺส วิย สห นิโรโธ วโยติ วทนฺติ.
๖๙๖-๗. สโมธานโตติ ราสิโต. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. มิทฺธรูปสฺส วทนสีลา, มิทฺธวาโท วา เอเตสนฺติ มิทฺธวาทิโน. มิทฺธรูปํ นามาติ อุตุจิตฺตาหารวเสน ติสมุฏฺานํ มิทฺธํ นาม รูปํ. เต ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. กถํ ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ อาห ‘‘มุนีสี’’ติอาทิ. นตฺถิ นีวรณาติ โสตาปตฺติมคฺเคน วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส, อนาคามิมคฺเคน กามจฺฉนฺทพฺยาปาทกุกฺกุจฺจนีวรณานํ, อรหตฺตมคฺเคน ถินมิทฺธนีวรณานฺจ ปหีนตฺตา. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิ มิทฺธํ รูปํ สิยา, อปฺปหาตพฺพํ ภเวยฺย. รูปกฺขนฺโธ อภิฺเยฺโย ปริฺเยฺโย น ปหาตพฺโพ น ภาเวตพฺโพ น สจฺฉิกาตพฺโพ. ‘‘กตเม ธมฺมา เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา. จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ, จตูสุ ภูมีสุ ¶ วิปาโก, ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ, รูปฺจ นิพฺพานฺจ, อิเม ธมฺมา เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๗) วจเนน รูปธมฺมานํ ปหานาภาวโต. เอวฺจ สติ ตสฺส นีวรณภาโว วิรุชฺเฌยฺย นีวรณานํ ปหาตพฺพตฺตา. น หิ นีวรณานํ อปฺปหาตพฺพตฺเต –
‘‘ยา เม กงฺขา ปุเร อาสิ, ตํ เม อกฺขาสิ จกฺขุมา;
อทฺธา มุนีสิ สมฺพุทฺโธ, นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๔๖) –
นีวรณปฺปหาเนน ภควโต โถมนํ ยุชฺเชยฺย. ยทิ สิยา, ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถาติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๒๔๗; สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔) รูปสฺส ปหาตพฺพตาปิ ปฺายตีติ? ตํ น, ตพฺพิสยฉนฺทราคปฺปหานสฺส ตตฺถ อธิปฺเปตตฺตา. เตนาห ภควา ‘‘โย, ภิกฺขเว, รูเป ฉนฺทราควินโย, ตํ ตตฺถ ปหาน’’นฺติ. น จ ปเนตํ น สกฺกา วตฺตุํ เอตฺถาปิ ‘‘ตพฺพิสยฉนฺทราคปฺปหานวเสเนว วุตฺต’’นฺติ สาธกวจนภาวโต, กามจฺฉนฺทาทีนํ ตตฺถ ปหานสฺส อนธิปฺเปตตฺตา จ, ตสฺมา ‘‘นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติอาทิวจเนหิ วิรุชฺฌนโต น มิทฺธํ รูปนฺติ.
ยทิ ¶ ปน ปโร ทฬฺหมูฬฺหคฺคาหิตาย ตํวิสยฉนฺทราคปฺปหานวเสเนว นีวรณปฺปหานํ อธิปฺเปตนฺติ สกวาทํ โอฑฺเฑยฺย, ตสฺส ตนฺนิเสธนตฺถํ ปุน ถินมิทฺธนีวรณสฺส อวิชฺชานีวรเณน สห สมฺปโยควจนฺจ อาหรนฺโต อาห ‘‘ถินมิทฺธนีวรณ’’นฺติอาทิ. ถินมิทฺธนีวรณฺเจว อวิชฺชานีวรณฺจ นีวรเณน สมฺปยุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓) วจนโต อรูปธมฺมานเมว อฺมฺสฺส สมฺปโยโค ลพฺภติ, น รูปธมฺมานํ อฺมฺํ อรูเปน วา, ตสฺมา ยทิ มิทฺธํ รูปํ สิยา, น ตํ สมฺปโยควจนมรหตีติ. อถ สิยา – ยถาลาภวจนเมตฺถ สกฺกา ¶ วิฺาตุํ, ‘‘สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๙) วิย. ยถา หิ ‘‘สกฺขรกถลิกํ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปี’’ติอาทีสุ สกฺขรกถลิกสฺส จรณาโยคโต มจฺฉคุมฺพาเปกฺขาย จรณํ, อุภยาเปกฺขาย านนฺติ เอวํ ยถาลาโภ โยชียติ, เอวมิธาปิ ถินาเปกฺขาย สมฺปโยควจนํ, อุภยาเปกฺขาย นีวรณวจนนฺติ? ตมฺปิ น, รูปภาวสฺเสว อสิทฺธตฺตา. สิทฺเธ หิ รูปภาเว อสมฺภวโต ยถาลาภโยชนา ยุชฺเชยฺยาติ. เอตฺตเกเนว มิทฺธสฺส อรูปภาเว สิทฺเธปิ ยถา ทฺวิกฺขตฺตุํ พนฺธํ สุพนฺธํ โหติ, เอวมเนกสุตฺตสาธิตํ อปฺปธํสิยํ โหตีติ ปฏฺานปฺปกรเณ ‘‘นีวรณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ…เป… ปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อรูเป…เป… อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) วุตฺตํ อรูปภวุปฺปตฺติมฺปิ อาหรนฺโต อาห ‘‘มหาปกรณปฏฺาเน’’ติอาทิ. ฌานนิกนฺติอาทีนมฺปิ ธมฺมโต โลภาทิภาวโต กามจฺฉนฺทนีวรณาทีหิ อภินฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘กามจฺฉนฺทนีวรณ’’นฺติอาทิ.
เอตฺถ สิยา – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาวรณา นีวรณา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๕๑) ถินมิทฺธสฺส นีวรณภาเวน เอกโต อาคตตฺตา อิธาปิ ‘‘ถินมิทฺธนีวรณ’’นฺติ เอกโต วุตฺตํ, ถินเมว จ ปน อรูปภเว อุปฺปชฺชติ ถินมิทฺธนฺติ? ตยิทมสารํ, กุกฺกุจฺจสฺส น คหิตตฺตา. ยทิ หิ เอกโต คหิตมตฺเตเนว อิธาปิ เอกโต คหณํ สิยา, กุกฺกุจฺจสฺสปิ ตตฺถ เอกโต วุตฺตสฺส อิธ คหณํ สมฺภเวยฺย, น จ ปเนวํ อตฺถิ อุทฺธจฺจนีวรณนฺตฺเวว วุตฺตตฺตา, ตสฺมา น ตสฺส อรูปภวุปฺปตฺตึ สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เกวโล หายํ, ภิกฺขเว, อกุสลราสิ, ยทิทํ ปฺจ นีวรณา (อ. นิ. ๕.๕๒), อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย, วิคตถินมิทฺโธติ ตสฺส ถินมิทฺธสฺส จตฺตตฺตา ¶ วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฏินิสฺสฏฺตฺตา, เตน วุจฺจติ วิคตถินมิทฺโธติ, อิทํ จิตฺตํ อิมมฺหา ถินมิทฺธมฺหา ¶ โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติ วา’’ติ (วิภ. ๕๕๑) เอวมาทึ ปาฬึ สงฺคณฺหาติ.
ยทิปิ สิยา ทุวิธํ มิทฺธํ รูปํ, อรูปฺจ. ตตฺถ ยํ อรูปํ, ตํ นีวรเณสุ เทสิตํ, น รูปนฺติ? ตมฺปิ น, วิเสสวจนาภาวโต. น หิ วิเสเสตฺวา มิทฺธํ นีวรเณสุ เทสิตํ ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, ถินํ, ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ มิทฺธํ, ตทปิ นีวรณํ, ถินมิทฺธํ นีวรณนฺติ อิติ หิทํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา, ตสฺมา มิทฺธสฺส ทุวิธตํ ปริกปฺเปตฺวาปิ น สกฺกา นีวรณภาวํ นิวตฺเตตุํ. สกฺกา หิ วตฺตุํ ยํ ตํ อรูปโต อฺํ มิทฺธํ ปริกปฺปิตํ, ตมฺปิ นีวรณํ มิทฺธสภาวตฺตา อิตรํ นีวรณํ วิยาติ. ยทิ มิทฺธสฺส รูปภาวํ น สมฺปฏิจฺฉถ, กถํ ภควโต นิทฺทา โหติ, นนุ มิทฺธสฺส ‘‘นิทฺทา ปจลายิกา’’ติอาทินา วิภงฺเค วุตฺตตฺตา นิทฺทาภาโว สิทฺโธติ? นยิทเมวํ, อิตฺถิลิงฺคาทีสุ วิย นิทฺทาเหตุโน มิทฺธสฺส นิทฺทาภาเวน วิภตฺตตฺตา. เอวมฺปิ นิทฺทาเหตุโน มิทฺธสฺส อภาวโต กถํ ภควโต นิทฺทาติ เจ? สา ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ อคฺคิเวสฺสน…เป… ทิวา สุปิตา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๓๘๗) น นิทฺทา ภควโต มิทฺเธน, อถ โข สรีรเคลฺเน, ตฺจ ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๒; สํ. นิ. ๔.๒๔๓) วจนโต. น เจตฺถ เอวมวธารณํ ทฏฺพฺพํ ‘‘มิทฺธเมว นิทฺทาเหตู’’ติ, ตสฺมา อฺโปิ อตฺถิ นิทฺทาเหตุ. โก ปน โสติ? สรีรเคลฺํ, ตสฺมา น ภควโต นิทฺทา มิทฺธเหตุกาติ ทฏฺพฺพํ.
๖๙๘. วิสุํ วิสุํ อภาวํ ทสฺเสตฺวาติ วาโยธาตุอาทิโต วิสุํ วิสุํ นตฺถิภาวํ ทสฺเสตฺวา. กถํ ปน โส ทสฺสิตพฺโพติ ¶ อาห ‘‘วาโยธาตุยา’’ติอาทิ. ตตฺถ กายพลํ นาม อตฺถโต วาโยธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโส ตสฺสา วิปฺผารภาวโต. ยโต พาลานํ พลนฺติ วทนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วาโยธาตุยา คหิตาย พลรูปํ คหิตเมวา’’ติ. สมฺภโว กามธาตุยํ เอกจฺจสตฺตานํ อินฺทฺริยปริปากปจฺจโย อาโปธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโสติ อาห ‘‘อาโปธาตุยา สมฺภวรูป’’นฺติ. คหิตาย คหิตเมวาติ สมฺพนฺโธ. อุปจยสนฺตติวินิมุตฺโต รูปุปฺปาโท นตฺถิ, อุปฺปาทาวตฺถาย จ อฺา ชาติ นาม นตฺเถวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปจยสนฺตตีหิ ชาติรูป’’นฺติ. กมฺมสมุฏฺานสฺสปิ โรคสฺส วิสภาคปจฺจยสมุปฺปนฺโน ธาตุกฺโขโภ อาสนฺนการณํ ¶ , ปเคว อิตรสฺส. โส อตฺถโต รูปธมฺมานํ ปากาวตฺถา ิติภงฺคกฺขเณสุ เอว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘ชรตาอนิจฺจตาทีหิ โรครูปํ คหิต’’นฺติ.
๖๙๙-๗๐๔. รูปานิ สมุฏฺหนฺติ ชายนฺติ เอเตหีติ รูปสมุฏฺานานิ. กานิ ปน ตานีติ อาห ‘‘อุตุจิตฺตาหารกมฺมานี’’ติ.
อาหาโร รูปเหตุโยติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปกฺขิปิตพฺโพ, กมฺมํ, อุตุ จ จิตฺตฺจ อาหาโรติ อิเม รูปเหตุโยติ. รูปเหตุโยติ จ รูปสฺส ชนกปจฺจยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เอเตเหวา’’ติอาทิ. เอกเมกํเยว สมุฏฺานํ เอเตสนฺติ เอกสมุฏฺานา. นนุ เอกโต เอว ปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, รูปชนกปจฺจเยสุ เอกโตติ อยเมตฺถ อภิสนฺธิ. อฏฺินฺทฺริยานีติ จกฺขาทีนิ ปฺจ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยํ, ชีวิตฺจาติ อฏฺินฺทฺริยานิ. กายวจีวิฺตฺติวเสน วิฺตฺติทฺวยํ.
ทฺวีหีติ ¶ โกจิ จิตฺเตน, โกจิ อุตุนา จาติ เอวํ ทฺวีหิ. น หิ เอกสฺเสว ทฺเว เอกกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺติ. เอวํ เสเสสุปิ. อุตุอาหาร…เป… กตนฺติ เอเกกํ อุตุนา, อาหาเรน, จิตฺเตน จาติ ตีหิ กตํ. จตสฺโส จาปิ ธาตุโยติ จตฺตาริ มหาภูตานิ. ตานิ หิ นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน ธาตูติ วุจฺจนฺติ. กมฺมาทีหิ จตูหิ ภวนฺตีติ จตุพฺภวา. ทฺเวติ ชรตา อนิจฺจตา.
๗๐๕-๖. อิทานิ มิสฺสกสมุฏฺานานิปิ คเหตฺวา ตํตํปจฺจยชาตานํ คณนปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฏฺินฺทฺริยานิ วตฺถุ สุทฺธฏฺกํ สนฺตตฺยูปจยากาสาติ วีสติ กมฺมชา. วิฺตฺติทฺวยํ สทฺโท ลหุตาทิตฺตยํ สุทฺธฏฺกาทโย เอกาทสาติ สตฺตรส เจตสา ชายเร, จิตฺตชาติ อตฺโถ. สทฺโท ลหุตาทิตฺตยํ สุทฺธฏฺกาทโย เอกาทสาติ ทสปฺเจว ปนฺนรส อุตุนา ชายเร. ลหุตาทิตฺตยํ สุทฺธฏฺกาทโย เอกาทสาติ จุทฺทส อาหารโต. ชรตาอนิจฺจตาหิ เต อฏฺสฏฺิ จ โหนฺเตวาติ สมฺพนฺโธ.
๗๐๗-๘. ‘‘ชรตา…เป… สมุฏฺิตา’’ติ วตฺวา ปุน ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชาตสฺส ปากเภทตฺตาติ ชรตาย ชาตธมฺมสฺส ปากตฺตา, อนิจฺจตาย ¶ จ เภทตฺตาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ชรตาอนิจฺจตา นาม อุปฺปนฺนธมฺมสฺส โหนฺติ, โน อุปฺปชฺชมานสฺส. ยทิ หิ อุปฺปชฺชมานสฺส สิยุํ, ตทา ตาสมฺปิ ชายมานตฺตปริยาโย ยุชฺเชยฺย. อุปฺปนฺนธมฺมสฺส ปน ชาติโต ปรํ อิมาสํ สมฺภวโต น ชายนฺตีติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ. ยทิ ปน โกจิ เตสมฺปิ ชาตภาเว โก วิโรโธติ ปฏิปชฺเชยฺย, ตสฺส ตํ ทุคฺคาหํ วิธเมนฺโต อาห ‘‘ชาเยยฺยุ’’นฺติอาทิ. โหนฺตุ นาม เตสมฺปิ ปากเภทา ¶ , ตทาปิ โก วิโรโธติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ปาโก น ปริปจฺจตีติ สมฺพนฺโธ, เอเตน น ภิชฺชตีติ ทีปิตํ โหติ. ปกฺกสฺส หิ ภงฺโค นิยโต. เภโท วา น จ ภิชฺชตีติ เอตฺถาปิ ปากภาโวปิ วุตฺโตว. น หิ อปกฺกํ ภิชฺชตีติ, อฺถา อุปฺปาทภงฺคานํ อนฺตฺตปฺปสงฺคโต. นตฺถิ ตนฺติ ปากเภทานํ ปจฺจนํ ภิชฺชนํ นตฺถีติ วุตฺตเมวตฺถํ สงฺขิปิตฺวา อาห.
เอตฺตาวตา จ กึ วุตฺตํ โหติ? ยทิ ชรตาอนิจฺจตา เกนจิ ปจฺจเยน ชาเยยฺยุํ, ตทา อุปฺปนฺนสฺส นาม ชราย, ภงฺเคน จ ภวิตพฺพนฺติ เตสํ ชรตาอนิจฺจตาปิ สิยุํ, น จ ปเนตา อุปลพฺภนฺติ. กสฺมา? ยสฺมา น ชรตา อฺชราย ชีรติ, ภิชฺชติ วา, น จ ภงฺโค อฺเน ภงฺเคน ภิชฺชติ, ชีรติ วา, อิตรถา สาปิ ชรา อปราย ชราย, ภงฺเคน จ ชีรติ, ภิชฺชติ, โส จ ภงฺโค อฺาย ชราย, อฺเน ภงฺเคน ชีรติ, ภิชฺชตีติ อนวฏฺานปฺปสงฺคโตติ วุตฺตํ โหติ.
๗๐๙-๑๐. ‘‘ชาตสฺสา’’ติอาทิ นิคมนํ. อถ วา อุตฺตริ วตฺตพฺพโจทนาย ผลปนํ. ‘‘สิยา กตฺถจี’’ติอาทิ ปรมตาสงฺกนํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ‘‘ชรตาอนิจฺจตาทฺวยํ น ปจฺจติ, น ภิชฺชติ วา’’ติ อธิกาเร. รูปสฺสูปจโยตีติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ‘‘รูปสฺส อุปจโย สนฺตตี’’ติ วจเนนาติ อตฺโถ. เอวํ ปาโกปิ ปจฺจตุ, เภโทปิ ปริภิชฺชตูติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา กมฺมาทีหิ อุปฺปชฺชนกรูปนิทฺเทเส ‘‘กตมํ ตํ รูปํ อุปาทินฺนํ? จกฺขายตนํ…เป… กายายตนํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ อตฺถิ รูปํ กมฺมสฺส กตตฺตา รูปายตนํ…เป… โผฏฺพฺพายตนํ อากาสธาตุ รูปสฺส อุปจโย รูปสฺส สนฺตติ กพฬีกาโร อาหาโร’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๕๒) อุปจยสนฺตตีนํ นิทฺทิฏฺตฺตา ชาติ ¶ ชายตีติ ทีปิตํ โหติ ตสฺสา อปรชาติยา อภาเวปิ. เอวํ ชราภงฺคานํ อปรชราภงฺคาภาเวปิ ชีรณํ, ภิชฺชนฺจ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา ชาติยาปิ เภทนา ตทวตฺถาเยวาติ.
๗๑๑. ‘‘น ¶ เจวา’’ติอาทิ ยถาสงฺกิตปรมตสฺส ปฏิกฺขิปนํ. ยทิ ชายตีติ น วิฺาตพฺพํ, เอวฺจ สติ นิทฺเทเส กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชายมานสฺสา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อสติปิ ชาติยา ชายมานตฺเต ชายมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติภาวโต ตสฺสา ตปฺปจฺจยภาวโวหาโร อนุมโตติ ตตฺถ วุตฺตา, น ปน ปรมตฺถโต ชายมานตฺตา. ชายมานสฺส หิ อภินิพฺพตฺติมตฺตํ ชาติ, ตสฺมา อสิทฺเธน อสิทฺธสาธนเมตนฺติ.
๗๑๒-๗. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา ปุนปิ ปรมตาสงฺกํ กตฺวา ปฏิกฺขิปติ. ตตฺถ เยสํ ธมฺมานํ ยา ชาติ, สา ตปฺปจฺจยตฺตโวหารํ, อภินิพฺพตฺติสมฺมุติฺจ ลภเตวาติ สมฺพนฺโธ. ตถาติ ยถา ลภเตว, ตถา. ยํตํ-สทฺทา หิ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธา. เตสํ ธมฺมานํ ปจฺจยา เอติสฺสาติ ตปฺปจฺจยา, ตสฺสา ภาโว ตปฺปจฺจยตฺตํ, ตปฺปจฺจยตฺเตน ปวตฺโต โวหาโร ตปฺปจฺจยตฺตโวหาโร, ตํ กมฺมปจฺจยภาวาทิโวหารนฺติ อตฺโถ. อภินิพฺพตฺติสมฺมุตินฺติ อภินิพฺพตฺตติ ชายตีติ เอวํ อภินิพฺพตฺติวเสน ปวตฺตสมฺมุตึ. กมฺมาทิสมฺภวนฺติ กมฺมาทิจตุปจฺจยสมุฏฺานํ. ชนกานํ ปจฺจยานํ อานุภาวกฺขณุปฺปาเท อภาวโตติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – เย เต รูปานํ ชนกปจฺจยา, เตสํ ตทุปฺปาทนํ ปติ อนุปรตพฺยาปารานํ โย โส ปจฺจยูปลกฺขณิโย กิจฺจานุภาวกฺขโณ, ตทา ชายมานานํ ธมฺมานํ วิการภาเวน ลพฺภมานตํ สนฺธาย วิเนยฺยปุคฺคลวเสน ชาติยา ปจฺจยโต ชาตตฺตํ อนฺุาตํ ตโต ปุเร ¶ , ปจฺฉา จ อนุปลพฺภมานตฺตา, เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชาติยา ปน ลพฺภตี’’ติ. ชราภงฺคานํ ปน ปจฺจยานุภาวกฺขณโต อุตฺตริ ิติภงฺคกฺขเณสุ ลพฺภมานตฺตา น เอวํ อนฺุาตุํ สกฺกาติ, ชาติยา ปน ลพฺภติ โส โวหาโรติ อธิปฺปาโย. ตปฺปจฺจยตฺตโวหารนฺติอาทิคาถาทฺวยํ นิคมนวเสน วุตฺตํ.
๗๑๘-๙. อถ กึ อิมาย คีวากณฺฑูยาย, นนุ วุตฺตํ ภควตา สุตฺตนฺเต ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐), ตสฺมา กถเมตํ วุจฺจติ, ชรตา อนิจฺจตา เจว น เกหิจิ สมุฏฺิตาติ โย วเทยฺย, ตสฺส วิตกฺกํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตุํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา น วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สา หิ ปริยายเทสนา’’ติ. ปริยายเทสนตฺตเมว วิภาเวตุํ ‘‘อนิจฺจาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตถา-สทฺเทน ‘‘สงฺขตาน’’นฺติ สงฺคณฺหาติ.
๗๒๐-๓. อนิจฺจํ ¶ สงฺขตฺจาติ จ-สทฺเทน ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ สงฺคณฺหาติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อนิจฺจสงฺขตธมฺมานํ ชรามรณตฺตา เตสุ สนฺเตสุ โหติ, อสนฺเตสุ น โหติ. น หิ อชาตํ ปริปจฺจติ, ภิชฺชติ วา, ตสฺมา ตํ ชาติปจฺจยตํ สนฺธาย ‘‘ชรามรณํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ตโตเยว จ อนิจฺจ’’นฺติ ปริยาเยน สุตฺเต อาคตํ. ยถา วิฺตฺติอาทีนํ นิปฺปริยายโต จิตฺตสมุฏฺานตาภาเวปิ จิตฺตชานํ วิการตฺตา จิตฺตสมุฏฺานภาโวติ. วิฺตฺติโย วิยาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ลหุตาทีนมฺปิ จิตฺตชาทิภาวสฺส ปริยาเยเนว อิจฺฉิตตฺตา. นิปฺปริยาเยน อฏฺารเสว นิปฺผนฺนรูปานิ กมฺมาทิสมุฏฺานานีติ. ตยนฺติ ชาติชราภงฺคสงฺขาตานํ ลกฺขณรูปตฺตยํ.
ขํปุปฺผํวาติ ¶ อากาสกุสุมํ วิย. ยถา อากาสกุสุมํ สพฺพโส อชาตตฺตา นตฺถิ, เอวมิทมฺปิ นตฺถีติ อตฺโถ. นิจฺจํ วาสงฺขตํ วิยาติ ยถา อสงฺขตํ นิพฺพานํ เกนจิ อสงฺขตตฺตา นิจฺจํ ธุวํ, เอวมิทมฺปิ เกนจิ อสงฺขตตฺตา นิจฺจํ สสฺสตํ วาติ อตฺโถ. โนภยํ ปนิทนฺติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ ขํปุปฺผํ วิย โน นตฺถิ, น จ นิพฺพานํ วิย อสงฺขตํ วาติ อตฺโถ. นิสฺสยายตฺตวุตฺติโตติ ชายมานปริปจฺจมานภิชฺชมานานํ ชาติอาทิมตฺตภาเวน ชายมานาทินิสฺสยปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา. ตเมว นิสฺสยายตฺตวุตฺติตํ สมตฺเถตุํ ‘‘ภาเว ปถวิยาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ปถวีอาทีนํ นิสฺสยานํ ภาเว ชาติอาทิตฺตยํ ปฺายติ, ตสฺมา โน นตฺถิ, ยสฺมา จ เตสํ อภาเว น ปฺายติ, ตสฺมา น นิจฺจนฺติ อิมเมว จ อภินิเวสํ นิเสเธตุํ ภควตา ชาติยา จตุชตฺตํ, ชรามรณสฺส จ อนิจฺจาทิปริยาโย วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
๗๒๔-๕. นิปฺผนฺนานิ นามาติ ‘‘รูปสฺส ปริจฺเฉโท, รูปสฺส วิกาโร, รูปสฺส ลกฺขณ’’นฺติอาทินา ปริจฺเฉทาทิภาวํ อติกฺกมิตฺวา อตฺตโน กกฺขฬตฺตาทินา สภาเวน ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺพตฺตา, อปริยาเยเนว กมฺมาทิปจฺจเยหิ นิปฺผนฺนตฺตา วา นิปฺผนฺนานิ นาม. ตพฺพิปรีตโต อนิปฺผนฺนา.
เสสกา อนิปฺผนฺนาติ สุตฺวา ปโร อนิฏฺํ อาปาเทนฺโต อาห ‘‘ยทิ โหนฺตี’’ติอาทิ. ‘‘เตสเมวา’’ติอาทินา ปน ตํ ปฏิกฺขิปติ. กายวิกาโร กายวิฺตฺติ นาม, วจีวิกาโร วจีวิฺตฺติ นาม, ฉิทฺทํ วิวรํ อากาสธาตุ นาม, ลหุภาโว ลหุตา นาม, มุทุภาโว มุทุตา นาม ¶ , กมฺมฺภาโว กมฺมฺตา นาม, นิพฺพตฺติ อุปจโย นาม, ปวตฺติ สนฺตติ นาม, ชีรณากาโร ชรตา นาม, หุตฺวา อภาวากาโร อนิจฺจตา นามาติ เอวํ เตสํเยว อฏฺารสนฺนํ นิปฺผนฺนรูปานํ ¶ วิการภูตตฺตา นิปฺผนฺนา เจว สงฺขตา จ, เตสํเยว จ รูปานํ วิการตฺตา เต อสงฺขตา นาม กถํ ภเวยฺยุํ, นิปฺผนฺนา เจว สงฺขตาติ สมฺพนฺธํ กตฺวา ยทิ อนิปฺผนฺนรูปานํ นิสฺสยภูตา นิปฺผนฺนรูปา สงฺขตา, เตสํ ปน วิการภูตา กถํ อสงฺขตา นาม โหนฺตีติ อตฺถํ วณฺเณนฺติ. เตสํ อธิปฺปาเยน นิปฺผนฺนา เจวาติ ว-กาโร อาคมสิทฺโธติ ทฏฺพฺพํ.
๗๒๖-๗. อิตฺถิภาโว…เป… วณฺณิตาติ ผลปนํ. ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติอาทิ โจทนา. ‘‘อฺํ ปนา’’ติอาทิ ปริหาโร. ตตฺถ จกฺขุกายปสาทานํ, เอกตฺตํ อุปปชฺชตีติ จกฺขุปสาเท กายปสาทภาวสฺส, กายปสาเท จกฺขุปสาทภาวสฺส สพฺภาวโต ปุริมสฺส โผฏฺพฺพาวภาสนํ, อิตรสฺส จ รูปาวภาสนํ โหตีติ จกฺขุกายปสาทานํ เอกีภาโว ภเวยฺยาติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. โสตกายปสาทาทีนมฺปิ หิ วุตฺตนเยน เอกตฺตํเยวาติ.
๗๒๘-๓๐. อฺํ ปน อฺสฺมึ น จตฺถีติ เปตฺวา อฺมฺาวินิพฺโภควเสน ปวตฺตึ อฺํ รูปํ อฺสฺมึ รูเป ปรมตฺถโต เนวตฺถิ ภินฺนนิสฺสยภาเวน กลาปนฺตรคตตฺตา. จกฺขุปสาโท หิ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺิตภูตนิสฺสิโต, กายปสาโท ผุสิตุกามตานิทานกมฺมชภูตนิสฺสิโต. อสงฺกรนฺติ อสํกิณฺณํ. ยทิ เอวํ, น สพฺพตฺถ กายายตนาทิกนฺติ? ตมฺปิ นตฺถิ ปรมตฺถโต. วินิพฺภุชิตฺวา หิ เนสํ นานากรณํ ปฺาเปตุํ น สกฺกา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺมฺาวินิพฺโภควเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺมฺา…เป… ปวตฺติโตติ อฺมฺํ สนฺตานโต อวินิพฺภุชฺชนวเสน อวิสํสฏฺวเสน ปวตฺตนโต. อวินิพฺโภครูปวเสนาติ ปน อตฺโถ น โหติ. น หิ จกฺขุกายปสาทานํ เอกกลาปคตอวินิพฺโภครูปา านนฺตรํ วตฺตุํ สกฺกาติ ¶ . ยถา รูปรสาทีนํ วิเวเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อฺมฺพฺยาปิตา วุจฺจติ, น จ ปรมตฺถโต รูเป รโส อตฺถิ. ยทิ สิยา, รูปคฺคหเณเนว รสคฺคหณํ คจฺเฉยฺย. เอวํ กายายตนาทีนมฺปิ ปรมตฺถโต น สพฺพตฺถ อตฺถิตา, ‘‘อิทํ เอตฺถ, อิทํ เอตฺถา’’ติ านนฺตรํ ปน สมยฺุนา เกนจิ น สกฺกา วตฺตุนฺติ. อตฺถิ กายปสาโทตีติ อิติสทฺโท ‘‘ตสฺมา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติ. เอวมุทีริตนฺติ สพฺพฏฺานิกนฺติ เอวมุทีริตํ.
๗๓๑-๒. ลกฺขณาทิวเสนาปีติ ยถาวุตฺตลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสนาปิ. ธชานํ ¶ …เป… คตาติ ปฺจวณฺณานํ นีลาทิปฺจวณฺณสุตฺตมยานํ เอกเมกสฺส วา เอเกกวณฺณวเสน ธชานํ ฉายา เตสํ อุปมตํ อุปมาภาวํ คตา สมฺปตฺตาติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ฉายา อุปมา เอเตสนฺติ ฉายาอุปมา, ฉายาอุปมานํ ภาโว ฉายาอุปมตา, ตํ คตา เอเต ธมฺมา’’ติ วทนฺติ. ตํ ปน เตหิ ‘‘ฉายาอุปมตํ คตา’’ติ เอตฺถ พหุพฺพีหิวเสเนว รสฺสตฺตนฺติ มฺมาเนหิ วุตฺตํ ภเวยฺย. คาถาพนฺธตฺถํ ปน รสฺสตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘จตุตฺถทู’’ติอาทีสุ หิ วิภตฺติโลปมฺปิ กตฺวา ทสฺเสนฺโต อาจริโย น อีทิเสสุ าเนสุ พฺยฺชเน อาทรํ ชเนติ. ยํ ปน ‘‘เตส’’นฺติ เหฏฺาปทํ, ‘‘ธมฺมาน’’นฺติ อุปริปทํ วา สมฺพนฺธิตุํ อนิจฺฉนฺเตหิ วุจฺจติ ตตฺถ ‘‘นานตฺตํ สมุปาคต’’นฺติ. ตํ เอตฺถ อกามาปิ สมฺพนฺธิตพฺพเมว. น หิ นานตฺตํ สมุปาคตํ เตสนฺติ นาเปกฺขตีติ. อถาปิ ตตฺถ ‘‘นานตฺตํ สมุปาคตา’’ติ ปาํ ปริกปฺเปยฺยุํ, โหตุ ตาว โปตฺถเกสุ อทิสฺสมานมฺปิ ปาํ ปริกปฺเปตฺวา เตสํ ตุฏฺิ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา ปฺจวณฺณานํ ธชานํ เอกโต กตฺวา อุสฺสาปิตานํ กิฺจาปิ ฉายา เอกาพทฺธา วิย โหติ, อฺมฺํ ปน อสมฺมิสฺสาว, เอวเมว อิเม สพฺพฏฺานิกรูปา ¶ กิฺจาปิ เอกาพทฺธา วิย โหนฺติ, ลกฺขณโต ปน อฺมฺํ ภินฺนสภาวา อสมฺมิสฺสาเยว. เอกกลาปฏฺาปิ หิ ลกฺขณโต ภินฺนสภาวา, กึ ปน นานากลาปฏฺาติ.
๗๓๓. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โลเก นิยุตฺตํ, วิทิตนฺติ วา โลกิกํ, ตสฺส ภาโว โลกิกตฺตํ. หิโนติ ปติฏฺหติ สมฺปยุตฺตธมฺมราสิ เอเตนาติ เหตุ, มูลฏฺเน อุปการโก โลภาทิโก จ อโลภาทิโก จ, ตาทิโส เหตุ น โหตีติ นเหตุ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ สงฺขตํ อภิสงฺขตนฺติ สงฺขตํ. อาภวคฺคา, อาโคตฺรภุ วา สวนฺตีติ อาสวา, สห อาสเวหีติ สาสวํ, อาสเวหิ อาลมฺพิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปจฺจยายตฺตวุตฺติโตติ อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจยาธีนปฺปวตฺติตาย สปฺปจฺจยตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. นิทสฺสนมตฺตเมตํ. กามาวจรตฺตา อเหตุกตฺตา เหตุวิปฺปยุตฺตตฺตา สํโยชนิยตฺตา คนฺถนิยตฺตา อุปาทานิยตฺตา โอฆนิยตฺตา โยคนิยตฺตา นีวรณิยตฺตา สํกิเลสิกตฺตา ปรามฏฺตฺตา อเจตสิกตฺตา จิตฺตวิปฺปยุตฺตตฺตา น รูปาวจรตฺตา น อรูปาวจรตฺตา น อปริยาปนฺนตฺตา อนิยฺยานิกตฺตา อนิจฺจตฺตาติ เอวมาทินาปิ การเณน เอกวิธเมวาติ.
๗๓๔-๘. เอวํ เอกวิธนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตทุวิธตาทินยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺติกพหิทฺธา’’ติอาทินา อชฺฌตฺติกทุกาทโย อารทฺธา. ตตฺถ อชฺฌตฺติกทุเก ตาว อาหิโต ¶ อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว, ตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตา, อินฺทฺริยพทฺธธมฺมา, เตสุ ภวานิ, อตฺตนิ วา ภวานิ อชฺฌตฺติกานิ. กามํ อฺเปิ อชฺฌตฺตสมฺภูตา อตฺถิ, รุฬฺหีวเสน ปน จกฺขาทีเนว ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อถ วา ‘‘ยทิ มยํ น โหม, ตฺวํ กฏฺกลิงฺครูปโม ภวิสฺสสี’’ติ วทนฺตา ¶ วิย อตฺตภาวสฺส สาติสยํ อุปการกานีติ ตาเนว วิเสสโต อชฺฌตฺติกนามํ ลภนฺติ. อินฺทฺริยานินฺทฺริยาติ อาธิปจฺจฏฺเน อินฺทฺริยานิ, เสสํ ตทภาวโต อนินฺทฺริยํ. ตตฺถ จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนํ จกฺขุวิฺาณาทีสุ อธิปเตยฺยํ เตสํ ปฏุมนฺทภาวาทิอนุวตฺตนโต, อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยทฺวยสฺส อิตฺถิลิงฺคาทิเหตุภาเว, ชีวิตินฺทฺริยสฺส จ สหชรูปานุปาลเนติ ทฏฺพฺพํ. วิสยวิสยีภาวโต ฆฏฺฏนวเสน คเหตพฺพตฺตา โอฬาริกํ, ตพฺพิปรีตตฺตา สุขุมํ. อุปาทินฺนนฺติ กมฺมุนา คหิตํ. กมฺมนิพฺพตฺตฺหิ ‘‘มเมตํ ผล’’นฺติ เตน กมฺมุนา คหิตํ วิย โหติ.
เอกาทส…เป… สปฺปฏิฆนฺติ จกฺขุวิฺาณาวิฺเยฺยตฺตา สนิทสฺสนตฺตาภาวโต อนิทสฺสนํ, อฺมฺํ ปตนวเสน ปน ปฏิฆสพฺภาวโต สปฺปฏิฆํ, อุภยปฏิกฺเขเปน อนิทสฺสนอปฺปฏิฆํ. กมฺมโต ชาตนฺติ เอตฺถ ยํ เอกนฺตโต กมฺมสมุฏฺานํ อฏฺินฺทฺริยานิ, วตฺถุ จาติ นววิธํ รูปํ. ยฺจ เอกาทสวิเธ จตุสมุฏฺาเน กมฺมสมุฏฺานํ เอกาทสวิธเมว รูปนฺติ เอวํ วีสติวิธมฺปิ กมฺมโต อุปฺปชฺชนโต กมฺมชํ. ยฺหิ ชาตํ, ยฺจ ชายติ, ยฺจ ชายิสฺสติ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘กมฺมช’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. กมฺมโต อฺํ อกมฺมํ, อกมฺมโต ชาตํ อกมฺมชํ. อฺตฺเถ หิ อยํ อ-กาโร. เตนาห ‘‘ตทฺปจฺจยาชาต’’นฺติ. กมฺมโต อฺปจฺจยโต ชาตํ, อุตุจิตฺตาหารชนฺติ อตฺโถ. จิตฺตชตฺติกาทีนิ วุตฺตานุสาเรน โยเชตุํ สกฺกาติ น ทสฺสิตานิ.
ทิฏฺจตุกฺเก ทฏฺพฺพนฺติ ทิฏฺํ. ยํ รูปายตนํ อทกฺขิ, ยฺจ ทกฺขิสฺสติ, ยฺจ ทกฺขติ, ยฺจ ปสฺเสยฺย, ตํ สพฺพํ ทิฏฺํ นาม ตํสภาวานติวตฺตนโต ยถา ‘‘อิฏฺ’’นฺติ. เอส นโย สุตาทีสุปิ. ทิฏฺํ นาม รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. สุตํ นาม สทฺทายตนํ โสตวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. มุตํ นาม คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนตฺตยํ มุตฺวา ปตฺวา คเหตพฺพโต ¶ , ปสาเทน สห สมฺพนฺธนโต วา. ตถา เหตํ สมฺปตฺตคฺคาหกวิสยํ วุตฺตํ. วิฺาตํ นาม อวเสสํ เกวลํ มโนวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา.
ทฺวารฺเจว ¶ วตฺถุ จาติ อตฺตนิสฺสิตานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ, อฺนิสฺสิตานํ สมฺปฏิจฺฉนาทีนฺจ ปวตฺติมุขภาวโต ทฺวารฺเจว อตฺตนิสฺสิตานํ อาธารภาวโต วตฺถุ จ. ทฺวารเมว หุตฺวา น วตฺถูติ เกวลํ กมฺมทฺวารภาวโต ทฺวารเมว, ตนฺนิสฺสิตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวโต น วตฺถุ. วตฺถุเมว หุตฺวา น ทฺวารนฺติ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยภาวโต วตฺถุเมว, จกฺขาทโย วิย สปรนิสฺสิตานํ ปวตฺติทฺวาราภาวโต น ทฺวารํ. เสสํ เอกวีสติวิธํ รูปํ วุตฺตวิปริยายโต เนว ทฺวารํ น วตฺถุ จ. จตุตฺถจตุกฺเกติ วตฺถุจตุกฺเก. ตติยปทนฺติ ‘‘วตฺถุเมว หุตฺวา เนวินฺทฺริย’’นฺติ ปทํ.
๗๓๙-๔๐. ปุน ปฺจวิธนฺติ สมฺพนฺโธ. จตุชนฺติ ปกาสิตํ จตูหิเยว สมุฏฺานโต.
จกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยํ รูปายตนํ เตน คเหตพฺพโต, น ปน จกฺขุวิฺาเณเนว วิฺเยฺยโต. ตถา เหตํ อาวชฺชนาทีหิ เจว มโนทฺวาริกชวเนหิ จ วิฺายตีติ. เอส นโย โสตวิฺเยฺยาทีสุปิ. มโนวิฺาณวิฺเยฺยํ ปน เกวลํ มโนวิฺาเณเนว วิฺาตพฺพํ. น หิ รูปาทิโต อฺตฺถ จกฺขุวิฺาณาทีนิ ปวตฺตนฺติ.
ฉวตฺถุอวตฺถุเภทโตติ ฉนฺนํ วตฺถูนํ, อวตฺถุสฺส จ เภทโต. มโนธาตุวิฺเยฺยํ รูปาทิปฺจกํ.
มนายตนสฺส อรูปตฺตา, ธมฺมายตนสฺส จ เอกเทสโต รูปตฺตา อาห ‘‘อายตนเภทโต เอกาทสวิธ’’นฺติ.
๗๔๓-๕. อรูปภเว ¶ รูปุปฺปตฺติยา อภาวโต, อสฺีภวสฺส จ รูปภวปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘กามรูปภวทฺวเย’’ติ. ภุมฺมวชฺเชสูติ ภุมฺมเทวานํ วชฺชนํ โยนิวิภาคํ ปตฺวา เตสํ มนุสฺสสทิสตฺตา. ปุริมา ติสฺโสติ อณฺฑชชลาพุชสํเสทชโยนิโย. ตา หิ ยถาวุตฺตปฺปเภเทสุ น ลพฺภนฺติ, ตาสฺจ ปฏิกฺเขเปน ปจฺฉิมา โอปปาติกโยนิ อนฺุาตาติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหตีติ. ตตฺถ นิรเยติ อุสฺสทานมฺปิ คหณโต อวีจิมหานิรเย กีฏปาณกานมฺปิ สรีรํ ปจฺฉา วฑฺฒนกํ หุตฺวาว นิพฺพตฺตติ, นิชฺฌามตณฺหิกเปตานํ นิจฺจาตุรตาย กามสฺส อภาวโต คพฺภคฺคหณํ น โหติ, ตสฺมา อณฺฑชชลาพุชโยนิโย ตตฺถ น ¶ สนฺติ, อาทิตฺตตฺตา กุจฺฉิยํ คพฺภํ น ปติฏฺาตีติ เกจิ. นิพฺพตฺตมานานฺจ ปาปกมฺมานุภาเวน มหาทุกฺขสฺส ปตฺตพฺพตาย มหนฺเตเนว สรีเรน ภวิตพฺพนฺติ สํเสทชโยนิปิ เตสํ น โหติ, อคฺคิชาลาย สนฺตปฺปมานสรีรตฺตา เตสํ นิพฺพตฺตกาเล อลฺลฏฺาเน ปุปฺผาทีสุ สมฺภวาภาวโต สํเสทชตา นตฺเถวาติปิ วทนฺติ. เตน เตสํ โอปปาติกาว โยนีติ อาห ‘‘นิชฺฌามตณฺหิเก’’ติ. อถ สํเสทชโอปปาติกโยนีนํ โก วิเสโสติ? สํเสทโช ตาว ขุทฺทกสรีโร หุตฺวา ปทุมคพฺภาทึ นิสฺสาย นิพฺพตฺโต กเมน วฑฺฒติ. อิตโร ปน ยตฺถ ยตฺถ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณสรีโรว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺโค ปาตุรโหสิ.
เสเส คติตฺตเยติ เปตฺวา เทวคตึ, นิรยคติฺจ อวเสสมนุสฺสเปตติรจฺฉานสฺิเต คติตฺตเย. มนุสฺเสสุ หิ เกจิ อณฺฑชาปิ โหนฺติ กุนฺตปุตฺตทฺเวภาติกตฺเถรา วิย, เกจิ สํเสทชาปิ โหนฺติ ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตโปกฺขรสาติพฺราหฺมณาทโย วิย, เกจิ โอปปาติกาปิ ¶ โหนฺติ อมฺพปาลิคณิกาทโย วิย. นิชฺฌามตณฺหิกาวเสสเปตา ปน สพฺพจตุปฺปทปกฺขิชาติทีฆชาติอาทโย สพฺเพปิ ติรจฺฉานา จ จตุโยนิกาวาติ.
๗๔๖-๗. คพฺเภ มาตุกุจฺฉิยํ เสตีติ คพฺภเสยฺยโก, โสเยว รูปาทีสุ สตฺตตาย คพฺภเสยฺยกสตฺโต. ตสฺส คพฺภเสยฺยกสตฺตสฺส. ตึส รูปานีติ กายภาววตฺถุทสกวเสน สมตึส กมฺมชรูปานิเยว. ตทา หิ เนว จิตฺตชรูปมตฺถิ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส รูปสมุฏฺาปกตฺตาภาวโต, นาปิ อุตุชํ ปุริมุปฺปนฺนอุตุโน อภาวา. อุตุ หิ านปฺปตฺตํ รูปํ สมุฏฺาเปติ, น จ อาหารชํ ตสฺมึ กาเย อชฺโฌหฏสฺส อภาวโต, ตสฺมา กมฺมสมุฏฺานานิเยว ตึส รูปานิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นิพฺพตฺตนฺติ, ยานี ‘‘กลลรูป’’นฺติ ปวุจฺจนฺติ, ปริปิณฺฑิตานิ จ ตานิ ชาติอุณฺณาย เอกสฺส อํสุโน ปสนฺนติลเตเล ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏสฺส ปคฺฆริตฺวา อคฺเค ิตพินฺทุมตฺตานิ อจฺฉานิ วิปฺปสนฺนานิ ปสนฺนเตลพินฺทุสมานานิ โหนฺติ. ยถาหุ –
‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ,
สปฺปิมณฺโฑ อนาวิโล;
เอวํ วณฺณปฏิภาคํ,
กลลนฺติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิภ. อฏฺ. ๒๖);
สภาวสฺเสวาติ ¶ อวธารเณน อภาวกสฺส ภาวทสกาภาวโต ตึสรูปานํ อสมฺภวํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘อภาว…เป… กายวตฺถุวเสน ตู’’ติ. อภาวคพฺภเสยฺยานนฺติ อิมินา อภาวโอปปาติกานํ น เอวนฺติ ทสฺเสตีติ เกจิ. ปุพฺเพ สภาวกคพฺภเสยฺยกสฺส ปน วตฺวา ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภาวคพฺภเสยฺยกสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปุพฺเพ คพฺภเสยฺยก-คฺคหเณน อณฺฑชานมฺปิ คหเณ อิธ ¶ วิสุํ วจนํ โคพลีพทฺทายวเสนาติ ทฏฺพฺพํ, น ปน เตสํ อภาวกภาวนิวตฺตนตฺถนฺติ. อิตรถา หิ วีสติรูปานํ วจนํ วิรุชฺฌติ. อภาวกภาโว ปเนตฺถ อณฺฑชานํ ปกรณโต ทฏฺพฺโพ. น หิ คพฺภเสยฺยก-สทฺเทน สมาสภูตํ อภาว-สทฺทํ อิธ อาเนตุํ สกฺกาติ.
๗๔๘. คหิตาคหเณเนตฺถ, เอกาทส ภวนฺติ เตติ เอกสฺมึ กลาเป คหิตรูปานํ อปรกลาเป อคฺคหณวเสน สุทฺธฏฺกํ, ชีวิตํ, กายปสาโท, วตฺถุรูปนฺติ อภาวกสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอกาทส รูปานิ ภวนฺติ, สภาวกสฺส ปน ทฺวีสุ ภาเวสุ เอเกน สห ทฺวาทส รูปานิ โหนฺติ. เอเสว จ นโยติ วุตฺเตสุ, วกฺขมาเนสุ จ ปฏิสนฺธิกฺขณิกกลาเปสุ อคฺคหิตคฺคหเณน รูปคฺคหเณ นโย เอเสว เยฺโย.
๗๔๙. นนุ จ ‘‘สพฺเพสุ ทสเกสู’’ติ วุตฺตํ, กถํ ปน เต ทสกา ชานิตพฺพาติ อาห ‘‘ชีวิเตนา’’ติอาทิ. สุทฺธกมฏฺกนฺติ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ตนฺนิสฺสิตา จ วณฺณคนฺธรสโอชาติ อิทํ ชีวิตาทินา อสมฺมิสฺสํ สุทฺธฏฺกํ. อิมานิเยว หิ อฏฺ กตฺถจิ อวินิพฺโภควเสนปิ ปวตฺติโต อวินิพฺโภครูปานิ อวกํสโต เอโก กลาโปติ จ วุจฺจติ. อาจริยโชติปาลตฺเถเรน ปน ‘‘นิปฺผนฺนานิปฺผนฺนวเสน ทส รูปานิ อวินิพฺโภควุตฺติกานิ เอโก กลาโป’’ติ วตฺวา ปุน ตํสมตฺถนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ –
‘‘อวินิพฺโภควุตฺตีนิ, จตุชาเนกลกฺขณา;
นิปฺผนฺนานฏฺ วา เตสุ, หิตฺวาน กายลกฺขเณ’’ติ.
๗๕๐. กายทสกนฺติ กาโย ทสโม เอตฺถาติ กายทสกํ, อสาธารเณน วา กาเยน ลกฺขิตํ ทสกํ กายทสกํ. เอส นโย จกฺขุทสกาทีสุ. ปริยาปุฏํ าตํ, กถิตนฺติ วา อตฺโถ.
๗๕๒-๓. กามาวจรเทเวสุ ¶ ¶ สพฺพกาลํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ สตฺตติยา รูปานํ ลพฺภนโต วุตฺตํ ‘‘นิจฺจํ รูปานิ สตฺตตี’’ติ. น หิ เต กทาจิปิ วิกลินฺทฺริยา, อภาวกา วา โหนฺติ. ‘‘มนุสฺเสสุ โอปปาติกสตฺตาน’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺเตปิ อาทิกปฺปิกานํ ภาวทสกสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ อภาวโต เตสํ สฏฺิ รูปานีติ เวทิตพฺพํ. ชีวิตนวกมฺปิ โอปปาติกานํ, สํเสทชานฺจ กามาวจรสตฺตานํ ปวตฺเตเยว โหติ ตสฺส ปาจกคฺคินา สหวุตฺติตฺตา, ตสฺส จ อชฺโฌหฏาหารสนฺนิสฺสเยน สมฺภวโต. สํเสทชานมฺปิ ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคานํ นิพฺพตฺตนโต โอปปาติเกหิ วิเสโส นตฺถีติ เตสํ วิสุํ อคฺคหณํ. วิภงฺเคปิ หิ –
‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๙) –
อิมสฺส นิทฺเทเส ‘‘โอปปาติกสตฺตาน’’นฺติอาทินา โอปปาติก-คฺคหณเมว กตํ, น สํเสทช-คฺคหณํ. ตฺจ ปริปุณฺณายตนานํ สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคณฺหนโต. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’’ติ. ปธานาย วา โยนิยา สพฺพปริปุณฺณายตนโยนึ ทสฺเสตุํ ‘‘โอปปาติกสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ.
๗๕๔-๕. จกฺขุโสตวตฺถุวสาติ จกฺขุทสกโสตทสกวตฺถุทสกวสา. อานนฺทาจริโย ปเนตฺถ ‘‘รูปธาตุยํ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สห จกฺขุโสตวตฺถุสตฺตกานํ ชีวิตฉกฺกสฺสาติ จตุนฺนํ กลาปานํ วเสน สตฺตวีสติ ¶ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ คนฺธรสาหารานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ วตฺวา ปุน ตํ สมตฺเถนฺโต ‘‘ปาฬิยฺหิ ‘รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ เปตฺวา อสฺสตฺตานํ เทวานํ ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ปฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’ติ (วิภ. ๑๐๑๕) วุตฺตํ. ตถา ‘รูปธาตุยา ฉ อายตนานิ นว ธาตุโย’ติ (วิภ. ๙๙๔) สพฺพสงฺคาหกวเสน ตตฺถ วิชฺชมานายตนธาตุโย ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ ฆานายตนาทีนํ วิย คนฺธายตนาทีนฺจ ตตฺถ ภาโว ปฏิกฺขิตฺโต ‘อตฺถิ ตตฺถ ฆานายตนนฺติ? อามนฺตา. อตฺถิ ตตฺถ คนฺธายตนนฺติ? น เหวํ วตฺตพฺเพ’ติอาทินา (กถา. ๕๒๐). น จ อโผฏฺพฺพายตนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ วิย อคนฺธรสายตนานํ คนฺธรสานํ ตตฺถ ภาโว สกฺกา วตฺตุํ ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตาวินิมุตฺตสฺส ปถวีอาทิสภาวสฺส วิย คนฺธรสายตนภาววินิมุตฺตสฺส คนฺธรสภาวสฺส ¶ อภาวา. ยทิ จ ฆานสมฺผสฺสาทีนํ การณภาโว นตฺถีติ ตานิ อายตนานีติ น วุจฺเจยฺยุํ, ธาตุสทฺโท ปน นิสฺสตฺตนิชฺชีววิภาวโกติ คนฺธธาตุรสธาตูติ อวจเน การณํ นตฺถิ. ธมฺมสภาโว จ เนสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพ สภาวธารณาทิลกฺขณโต อฺสฺส อภาวา. ธมฺมานฺจ อายตนภาโว เอกนฺตโต ยมเก วุตฺโต ‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๓), ตสฺมา เตสํ คนฺธรสายตนภาวาภาเวปิ โกจิ อายตนภาโว วตฺตพฺโพ. ยทิ จ โผฏฺพฺพภาวโต อฺโ ปถวีอาทิภาโว วิย คนฺธรสภาวโต อฺโ เตสํ โกจิ สภาโว สิยา, เตสํ ธมฺมายตนสงฺคโห. คนฺธรสภาเว, ปน อายตนภาเว จ สติ คนฺโธ จ โส อายตนฺจ คนฺธายตนํ, รโส จ โส อายตนฺจ รสายตนนฺติ อิทมาปนฺนเมวาติ คนฺธรสายตนภาโว จ น สกฺกา นิวาเรตุํ, ‘ตโย อาหารา’ติ ¶ (วิภ. ๑๐๑๕) วจนโต กพฬีการาหารสฺส ตตฺถ อภาโว วิฺายติ, ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา คนฺธรโสชา หิตฺวา รูปคณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ธมฺมตา น วิโลมตา โหตี’’ติ วทติ.
อาจริยโชติปาลธมฺมปาลตฺเถรา ปน ตํ ปฏิกฺขิปนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ เตหิ ‘‘รูปาวจรสตฺตานํ ฆานชิวฺหายตนาภาวโต วิชฺชมานาปิ คนฺธรสา อายตนกิจฺจํ น กโรนฺตี’’ติ, เต อนามสิตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ ‘‘ฉ อายตนานี’’ติ (วิภ. ๙๙๓-๙๙๔) จ อาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตโย อาหารา’’ติ จ อชฺโฌหริตพฺพสฺส อาหารสฺส อภาเวน โอชฏฺมกรูปสมุฏฺาปนสงฺขาตสฺส อาหารกิจฺจสฺส อกรณโต, น สพฺเพน สพฺพํ คนฺธรสานํ, โอชาย จ อภาวโต. อิติ วิสยิโน กิจฺจสฺส อภาเวน วิสโย กิจฺจภาวธมฺโม น วุตฺโต. ยสฺมิฺหิ ภเว วิสยี นตฺถิ, ตสฺมึ ตํเหตุโก นิปฺปริยาเยน วิสยสฺส อายตนภาโว นตฺถีติ วิชฺชมานสฺสาปิ อวจนํ, ยถา ตตฺเถว รูปภเว ปถวีเตโชวาโยธาตูนํ โผฏฺพฺพายตนภาเวน. ยสฺส ปน ยตฺถ วจนํ, ตสฺส ตตฺถ วิสยีสพฺภาวเหตุโก นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว วุตฺโต, ยถา ตตฺเถว รูปายตนสฺส. ยทิ วิสยีสพฺภาวเหตุโก วิสยสฺส นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว, กถมสฺสตฺตานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺติ. อสฺสตฺตานฺหิ จกฺขายตนํ นตฺถิ. อถ ตทภาเวน รูปายตนํ อฺเสํ อวิสโยติ? นายํ วิโรโธ. เยน อธิปฺปาเยน รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธายตนาทีนํ อวจนํ, เตน น รูปายตนสฺสาปิ อวจนนฺติ อสฺีนํ เอกํ อายตนํ น วตฺตพฺพํ. ยถาสกฺหิ อินฺทฺริยโคจรภาวาเปกฺขาย เยสํ นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว อตฺถิ, เตสุ ¶ นิทฺทิสิยมาเนสุ ¶ ตทภาวโต รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธาทิเก วิสุํ อายตนภาเวน อวตฺวา ธมฺมสภาวานติวตฺตนโต, มโนวิฺาณสฺส จ วิสยภาวูปคมนโต ธมฺมายตนนฺโตคเธ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. เอตทตฺถฺหิ ธมฺมายตนนฺติ สามฺโต นามกรณํ ปิฏฺิวฏฺฏกานิ วา ตานิ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ วุตฺตํ. เยน จ ปน อธิปฺปาเยน อสฺีนํ รูปายตนํ วุตฺตํ, เตน สฺีนํ, อสฺีนมฺปิ คนฺธายตนาทีนํ วิสุํ คหณํ กาตพฺพนฺติ อิมสฺส นยสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อสฺสตฺตานํ เทวานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๗) วุตฺตํ.
อสติปิ หิ ตตฺถ อตฺตโน อินฺทฺริเยสุ รูปสฺส วณฺณายตนสภาวาติกฺกโม นตฺเถวาติ ตํ รูปายตนนฺตฺเวว วุจฺจติ. อิมินา จ นยทสฺสเนน คนฺธาทีนิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา สฺีนํ อฏฺ อายตนานิ, อสฺีนํ ปฺจาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา รูปโลเก ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปถวีอาทีนํ พฺรหฺมูนํ วจีโฆโส เอว จ น สิยา. น หิ ปฏิฆฏฺฏนนิฆํสนมนฺตเรน สทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, น จ ผุสนสภาวานํ กตฺถจิ อผุสนสภาวตา สกฺกา วิฺาตุํ, โผฏฺพฺพายตนสฺส จ ภูตตฺตยสฺส อภาเว รูปภเว รูปายตนาทีนมฺปิ สมฺภโว เอว น สิยา, ตสฺมา ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตายปิ ปถวีอาทีนํ ตตฺถ กายินฺทฺริยาภาเวน เตสํ โผฏฺพฺพภาโว น วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา รูปธาตุยํ เตสํ สปฺปฏิฆตาวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. วุตฺตฺหิ ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ…เป… ทฺเว มหาภูตา’’ติอาทิ.
ปฏิโฆ จ นาม ภูตตฺตยสฺส กายปสาทํ ปติ ตนฺนิสฺสยภูตฆฏฺฏนํ ทฺวาเรน อภิมุขภาโว, อิธ ปน ตํสภาวตา, โส จ ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาโว ฆฏฺฏนาย ¶ อภาวโต นตฺถิ. ยทิ ตตฺถ อสติปิ วิสยิมฺหิ รูปายตนมฺปิ คเหตฺวา ‘‘ทฺเว อายตนานี’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา คนฺธายตนาทีนิ คเหตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ น วุตฺตนฺติ? นยทสฺสนวเสน เทสนา ปวตฺตาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อถ วา ตตฺถ รูปายตนสฺเสว วจนํ กทาจิ อฺภูมิกานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ สนฺธาย, น ปน อิตเรสํ อภาวโต, นาปิ ปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อายตนภาวาภาวโต.
อสฺีนฺหิ รูปายตนํ สมานตลวาสีนํ เวหปฺผลานํ, อุปริภูมิกานฺจ สุทฺธาวาสานํ ปสาทสฺส ¶ วิสยภาวํ คจฺฉติ, น ปน คนฺธรสาติ เตสํเยว ตตฺถ อวจนํ ยุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ นิปฺปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อตฺถิภาวํ ปริชานนฺตํ สนฺธาย ปฏิเสโธ กโต. ยทิปิ เจตํ วจนํ ตตฺถ คนฺธายตนาทีนํ อภาววิภาวนํ น โหติ, อตฺถิภาวทีปนมฺปิ ปน อฺวจนํ นตฺเถวาติ? นยิทเมวํ อฏฺกถาสุ ตตฺถ เตสํ อตฺถิภาวสฺส นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตตฺตา. ยฺหิ อฏฺกถาวจนํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ, ตํ ปาฬิ วิย ปมาณภูตํ อวิครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา อาคตตฺตา. ตตฺถ สิยา ‘‘ยํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ อฏฺกถาวจนํ, ตํ ปมาณํ, อิทํ ปน วิรุชฺฌตี’’ติ? นยิทเมวํ, ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา ปฏิปาทิตตฺตา. จกฺขาทีนํ อายตนานํ, ตนฺนิสฺสยานฺจ วิฺาณานํ สตฺตสฺุตาสนฺทสฺสนตฺถํ ภควโต ธาตุเทสนาติ อายตนภาเวน วุตฺตานํเยว ธาตุภาวทีปนโต ธาตุภาวสฺสาปิ เตสํ อวจนํ ยุชฺชติ เอว, ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา จกฺขุทสกาทิวเสน อิธ รูปคณนา กตาติ น เอตฺถ ธมฺมตาวิโลมนาสงฺกาย โอกาโสติ เวทิตพฺพนฺติ.
๗๕๖. ชจฺจนฺธพธิราติ ¶ ฉนฺทานุรกฺขณตฺถํ ทีฆกรณํ. น หิ ชจฺจนฺธพธิรอฆานรหิเต นปุํสเก วตฺถุกายชิวฺหาทสกวเสน อิธ ตึสาติ ยุชฺชติ, อิทฺจ ‘‘โอปปาติกสฺส ชจฺจนฺธพธิรฆานรหิเต นปุํสเก ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อฏฺกถาวาทํ คเหตฺวา วุตฺตํ. อานนฺทาจริโย ปน ตํ ‘‘ปาฬิยา น สเมตี’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปติ. ตถา จาห ‘‘เนตํ ปาฬิยา สเมตี’’ติ. น หิ ปาฬิยํ กามาวจรานํ สํเสทโชปปาติกานํ อฆานกานํ อุปฺปตฺติ วุตฺตา.
ธมฺมหทยวิภงฺเค หิ –
‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๙) –
วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ. ยทิ หิ อฆานกสฺสาปิ อุปปตฺติ สิยา, ติกฺขตฺตุํ ‘‘ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ติกฺขตฺตฺุจ ‘‘นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, น เจตํ วุตฺตํ. ยมเก จ ฆานชิวฺหานํ สหปฺปวตฺติ วุตฺตาติ ตํ อุปปริกฺขิตฺวา ¶ คเหตพฺพนฺติ. อยฺเหตฺถ อาจริยสฺส อธิปฺปาโย – ธมฺมหทยวิภงฺคปาฬิยฺหิ ‘‘เอกาทสา’’ติ ปริปุณฺณายตนสฺส สทฺทายตนวชฺชานิ เอกาทสายตนานิ วุตฺตานิ, ‘‘กสฺสจิ ทสายตนานี’’ติ อนฺธสฺส จกฺขายตนวชฺชานิ, ‘‘อปรานิ ทสายตนานี’’ติ พธิรสฺส โสตายตนวชฺชานิ, ‘‘นวายตนานี’’ติ อนฺธพธิรสฺส จกฺขุโสตวชฺชานิ, ‘‘สตฺตายตนานี’’ติ คพฺภเสยฺยกสฺส รูปคนฺธรสกายโผฏฺพฺพมนธมฺมายตนวเสน วุตฺตํ. ยทิ จกฺขุโสตฆานวิกโลปิ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส อฏฺเวายตนานิ ¶ วตฺตพฺพานิ สิยุํ, น จ วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, ตสฺมา นตฺเถว จกฺขุโสตฆานวิกโล. สติ อฆานกอุปปตฺติยํ ปุนปิ ‘‘กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา จ สติ ยถา อนฺธพธิรสฺส วเสน ‘‘กสฺสจิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอกวารํ วุตฺตํ, เอวํ อนฺธาฆานกสฺส, พธิราฆานกสฺส จ วเสน ‘‘กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. กามภเว อชิวฺหสฺส สตฺตสฺสาภาวโต, ฆานชิวฺหายตนานํ สหปฺปวตฺติวจนโต จ ตตฺเถว กามธาตุยํ อฆานกสฺสาสมฺภโวติ.
โชติปาลตฺเถราทโย ปน ‘‘สํเสทชสฺส ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึสรูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ, น โอปปาติกสฺส. ธมฺมหทยวิภงฺคปาฬิยฺจ ‘อุปปตฺติกฺขเณ’ติ วุตฺตตฺตา โอปปาติกสฺเสว วเสน นโย นีโต. ยมกฏฺกถายฺจ วุตฺตํ ‘กามธาตุยํ อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ วเทยฺยา’ติ, ยมฺปิ ธมฺมหทยวิภงฺเค ‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติอาทีนํ นิทฺเทเส ‘โอปปาติกานํ เปตาน’นฺติอาทินา โอปปาติก-คฺคหณเมว กตํ, น ปน สํเสทช-คฺคหณํ, ตํ ปริปุณฺณายตนานํเยว สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคหวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’ติ, ปธานาย วา โยนิยา สพฺพํ ปริปุณฺณายตนํ โยนึ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘โอปปาติกาน’นฺติ วุตฺตนฺติ จ, ตสฺมา น โกจิ ปาฬิวิโรโธ’’ติ วทนฺติ.
อปเร ปนาหุ – ‘‘กามธาตุยํ อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ ¶ วเทยฺยาติ อิทํ มนุสฺเสสุ สํเสทโชปปาติกานํ วเสน วุตฺตํ, เต ปริปุณฺณายตนาว ¶ . เกสฺจิ ปน อฆานกกีฏานํ อตฺถิภาวโต อปาเยสุ สํเสทโชปปาติเก สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํ อานนฺทาจริยาทีนํ มเตน ปฏิกฺเขปารหเมวาติ.
๗๕๗-๘. อุกฺกํสสฺสาวกํสสฺส อนฺตเรติ ‘‘สตฺตตี’’ติ วุตฺตอุกฺกํสปริจฺเฉทสฺส, ‘‘ตึสา’’ติ วุตฺตอวกํสปริจฺเฉทสฺส จ มชฺเฌ. อนุรูปโต…เป… วิภาวินาติ ชาติอนฺธสฺส สฏฺิ รูปานิ จกฺขุทสกาภาวโต, ตถา พธิรสฺส โสตทสกาภาวโต, อนฺธพธิรสฺส ปน ปณฺณาส จกฺขุโสตทสกาภาวโตติอาทินา นเยน อฺมฺาเปกฺขาย ปริปุณฺณา ปริปุณฺณานํ รูปานํ ปาณีนํ วเสน รูปานํ สมุปฺปตฺติ วิฺาตพฺพาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมวาติ.
๗๕๙-๖๐. เอวํ ตีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธิยํ รูปปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปวตฺติยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตวีสติ รูปานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามาวจรสตฺตสฺส หิ ปริปุณฺณายตนสฺส อสติ อนฺธพธิราทิปสาทวิฆาเต ยาว มรณจิตฺตสฺส เหฏฺา สตฺตรสมจิตฺตํ, ตาว สตฺตวีสติ รูปานิ ปวตฺตนฺติ. อปริปุณฺณายตนสฺส ปน ชจฺจนฺธาทิกสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยน รูปานํ หายนวฑฺฒนานิ เวทิตพฺพานิ. นนุ อฏฺวีสติเยว รูปานิ กามภเว ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อปฺปวตฺตนโต’’ติอาทิ.
ฆานํ…เป… น วิชฺชเรติ กามวิราคภาวนาวเสน คนฺธาทิคฺคาหเกสุ ปสาเทสุ วิรตฺตา โหนฺตีติ ฆานาทิตฺตยํ นตฺถิ. จกฺขุโสเตสุ ปน อนุตฺตรทสฺสนาทิอตฺถํ วิรตฺตา น โหนฺตีติ ตานิ เตสํ อุปฺปชฺชนฺติ. ภาวทฺวยํ กามราคูปนิสฺสยตฺตา น อุปฺปชฺชติ. เกจิ ปน ‘‘ลหุตาทิตฺตยมฺปิ รูปภเว ¶ นตฺถิ ทนฺธตฺตกราทิธาตุกฺโขภาภาวโต. สติ หิ ตาทิเส ธาตุกฺโขเภ ตปฺปฏิปกฺเขหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ อการณํ. น หิ วูปสเมตพฺพปจฺจนีกาเปกฺโข ตพฺพิโรธิธมฺมุปฺปาโท. ตถา สติ สเหตุกกิริยจิตฺตุปฺปาเทสุ กายลหุตาทีนํ อภาโว เอว สิยา, ตสฺมา ปฺเจว รูปานิ สฺีพฺรหฺมานํ น อุปฺปชฺชนฺติ, อวเสสานิ เตวีสติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อสฺีพฺรหฺมานํ ปน ปฺจ ปสาทรูปานิ, ภาวทฺวยํ, หทยวตฺถุ, วิฺตฺติทฺวยํ, ลหุตาทิตฺตยนฺติ เตรส รูปานิ วชฺเชตฺวา อวเสสานิ ปนฺนรส อุปฺปชฺชนฺติ.
๗๖๑. จตุสนฺตตีติ ¶ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ วเสน จตุสนฺตติรูปานิ. รูเป โหนฺติ ติสนฺตตีติ พฺรหฺมานํ อนาหารภาเวน อาหารชรูปานํ อภาวโต ติสฺโส สนฺตติโย. ทฺวิสนฺตตีติ จิตฺตชาหารชานํ อภาวโต ทฺเว สนฺตติโย. พหิทฺธา เอกสนฺตตีติ กมฺมชาทีนํ ติสฺสนฺนมฺปิ อภาวโต อุตุชสนฺตติเยว.
๗๖๒-๔. เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ รูปานํ คณนปริจฺเฉทํ วตฺวา อิทานิ ตตฺถ เนสํ อุปฺปตฺติกฺกมํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ นิพฺพตฺตมาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สพฺเพสนฺติ กามรูปภวิกานํ สพฺพสตฺตานํ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปนาติ เอตฺถ ทสกตฺตยํ โหตีติ ปาเสโส. เตนาห ‘‘ยเถวา’’ติอาทิ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทสกตฺตยํ เหฏฺา วุตฺตมฺปิ ‘‘ตฺจ โข สนฺธิจิตฺตสฺสา’’ติอาทิกํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ปุน วุตฺตํ. จิตฺตสฺส ตีสุ ขเณสุ กมฺมชรูปานํ สมุปฺปตฺติโต อาห ‘‘ตเถวา’’ติอาทิ. ตึส ตึเสวาติ ตึส ตึเสว กมฺมชรูปานิ.
อานนฺทาจริโย ปน ‘‘จิตฺตสฺส ิติกฺขณเมว นตฺถิ, ภงฺคกฺขเณ จ รูปุปฺปาโท นตฺถีติ จตุสมุฏฺานิกานิปิ รูปานิ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว โหนฺตี’’ติ อาห. วุตฺตฺหิ เตน ¶ – โย เจตฺถ จิตฺตสฺส ิติกฺขโณ วุตฺโต, โส จ อตฺถิ นตฺถีติ วิจาเรตพฺโพ. จิตฺตยมเก หิ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๑) เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ โน จ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๑) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ. ตถา’’น อุปฺปชฺชมานํ น อุปฺปนฺน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ภงฺคกฺขเณ น อุปฺปชฺชมานํ โน จ น อุปฺปนฺน’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ. เอวํ ‘‘น นิรุทฺธํ น นิรุชฺฌมาน’’นฺติ เอเตสํ ปริปุณฺณวิสฺสชฺชเน ‘‘อุปฺปาทกฺขเณ อนาคตฺจา’’ติ วตฺวา ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ, อติกฺกนฺตกาลวาเร จ ‘‘ภงฺคกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ วีติกฺกนฺต’’นฺติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๓) วตฺวา ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ ิติกฺขณาภาวํ จิตฺตสฺส ทีเปติ. สุตฺเตปิ หิ ‘‘ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗) ตสฺเสว เอกสฺส อฺถตฺตาภาวโต ยสฺสา อฺถตฺตํ ปฺายติ, สา สนฺตติฏฺิตีติ น น สกฺกา วตฺตุํ. วิชฺชมานํ ตํขณทฺวยสมงฺคี ิตนฺติ. โย เจตฺถ จิตฺตสฺส นิโรธกฺขเณ รูปุปฺปาโท วุตฺโต, โส จ วิจาเรตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘ยสฺส วา ปน สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๓๖) วุตฺตนฺติ, น ¶ จ จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว สนฺธาย ปฏิกฺเขโป กโตติ สกฺกา วิฺาตุํ จิตฺตสมุฏฺานรูปาธิการสฺส อภาวาติ.
อาจริยสฺส หิ อยมธิปฺปาโย – อุปฺปนฺนอุปฺปชฺชมานวาราทีสุ ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ ‘‘จิตฺตสฺส ิติกฺขณํ นาม นตฺถี’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. น หิ ยถาธมฺมสาสเน อภิธมฺเม ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ ทิสฺสติ. น เกวลํ อภิธมฺเม อวจนเมว จิตฺตสฺส ิติกฺขณภาวโชตกํ, อปิจ โข ‘‘ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ เอวมาคตา สุตฺตนฺตปาฬิปิ. อฺถตฺตํ นาม ปุพฺพาปรวิเสโส. อปิจ ยถา ภูโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, กึ ตถา ภูโตว ภิชฺชติ, อุทาหุ ¶ อฺถา ภูโต. ยทิ ตถา ภูโตว ภิชฺชติ, น ชรตาย สมฺภโว. อฺถา ภูโต, อฺโ เอว โสติ สพฺพถาปิ ิติกฺขณสฺส อภาโวเยว. ยทิ จ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ รูปํ อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ ทุกฺขสจฺจนฺติ กตฺวา ‘‘โน’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, วุตฺตฺจ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘จิตฺตสฺส นิโรธกฺขเณ รูปุปฺปาโท นตฺถี’’ติ.
อาจริยโชติปาลธมฺมปาลตฺเถรานํ ปเนตํ นกฺขมติ. เตหิ ‘‘เอกธมฺมาธารภาเวปิ อุปฺปาทนิโรธานํ อฺโ อุปฺปาทกฺขโณ, อฺโ นิโรธกฺขโณ. อุปฺปาทาวตฺถฺหิ อุปาทาย อุปฺปาทกฺขโณ, นิโรธาวตฺถํ อุปาทาย นิโรธกฺขโณ. อุปฺปาทาวตฺถาย จ ภินฺนา นิโรธาวตฺถาติ เอกสฺมึเยว จ สภาวธมฺเม ยถา อิจฺฉิตพฺพา, อฺถา อฺโเยว ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, อฺโ นิรุชฺฌตีติ อาปชฺเชยฺย, เอวํ นิโรธาวตฺถาย วิย นิโรธาภิมุขาวตฺถายปิ ภวิตพฺพํ, สา ิติ ชรตา จา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ.
ยทิ เอวํ, กสฺมา ปาฬิยํ ิติกฺขโณ น วุตฺโตติ? วิเนยฺยชฺฌาสยานุโรเธน นยทสฺสนวเสน ปาฬิคตีติ เวทิตพฺพาติ. อภิธมฺมเทสนาปิ หิ กทาจิ วิเนยฺยชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺตติ, ยถา รูปสฺส อุปฺปาโท ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ภินฺทิตฺวา เทสิโต. เหตุสมฺปยุตฺตทุกาทิเทสนา เจตฺถ นิทสฺสิตพฺพา. ‘‘ยสฺส วา ปนา’’ติอาทิปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน จ อรูปโลกํ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ วา สนฺธาย ‘‘โน’’ติ สกฺกา วตฺตุํ. อยฺหิ ยมกเทสนาย ปกติ, ยทิทํ ยถาสมฺภวโยชนาติ. อถ วา ปจฺจาสตฺติาเยน ยํ สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌติ, เตน ยํ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปาเทตพฺพํ จิตฺตเจตสิกตปฺปฏิพทฺธรูปสงฺขาตํ, ตสฺส ¶ ตทา อุปฺปตฺติ นตฺถีติ ‘‘โน’’ติ วิสฺสชฺชนํ, น สพฺพสฺส วจนโต, ตสฺมา น ¶ สกฺกา จิตฺตสฺส ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ จ รูปุปฺปาทนํ ปฏิกฺขิปิตุนฺติ วทนฺติ.
อุตุชรูปานิ ปน ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขณโต ปฏฺาย อฏฺกนวกวเสน อุปฺปชฺชนฺติ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ หิ อุปฺปนฺนานํ กมฺมชรูปานํ อพฺภนฺตเร สหุปฺปาทเอกนิโรธเตโชธาตุ านํ ปตฺวา ตสฺส ิติกฺขเณ อฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปติ, ตตฺถ อุปฺปนฺนา เตโชธาตุ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ, ตตฺถ อุปฺปนฺนา ปมภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ เอวมาทินา อฏฺกํ, กทาจิ สทฺทปาตุภาวกาเล เตน สห สทฺทนวกฺจ อุปฺปชฺชติ. จิตฺตชรูปานิ จ ปฏิสนฺธิโต อนนฺตรํ ปมภวงฺคโต ปฏฺาย รูปชนกจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขเณ อฏฺกวเสน, สทฺทปาตุภาวาทิกาเล สทฺทนวกาทิวเสน จ ปวตฺตนฺติ. อาหารชานิ ปน เอกสฺส, ทฺวินฺนํ วา สตฺตาหานํ อติกฺกเมน นิพฺพตฺตนฺติ. นนุ จ อชฺโฌหฏาหารปจฺจเยน อาหาโร รูปํ สมุฏฺาเปติ, คพฺเภ สยนฺตสฺส จ กุโต อชฺโฌหรณาหาโรติ? สมาติโต. มาตรา หิ ภุตฺตํ กุจฺฉิคตสฺส สรีเร อพฺภฺชนํ วิย อาหารกิจฺจํ กโรติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยฺจสฺส ภฺุชตี มาตา,
อนฺนํ ปานฺจ โภชนํ;
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ,
มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๕);
ตสฺมา มาตรา อชฺโฌหฏาหาเรน อนุคฺคหิเต สรีเร อพฺภนฺตริกา โอชา ลทฺธปฺปจฺจยา รูปํ สมุฏฺาเปติ, จกฺขุโสตฆานชิวฺหาทสกา ปน ปฺจปสาทาวตฺถํ อติกฺกมฺม ปจฺฉา สตฺตเม สตฺตาเห อุปฺปชฺชนฺติ, ‘‘เอกาทสเม สตฺตาเห’’ติ (ยม. มูลฏี. อายตนยมก ๒๒-๒๕๔) อานนฺทาจริโย อโวจ. อยเมตฺถ คพฺภเสยฺยกานํ รูปปฺปวตฺตินโย.
โอปปาติกานมฺปิ ¶ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ กมฺมสมุฏฺานานิ สตฺตติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตเถวสฺส ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ จ สตฺตติ สตฺตตีติอาทินา วุตฺตนเยน อุกฺกํสาวกํสโต กามภวิกสตฺตานํ, รูปีพฺรหฺมานฺจ ยถาวุตฺตนเยเนว ยถานุรูปํ กมฺมสมุฏฺานานํ, อุตุสมุฏฺานานฺจ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อาหารชรูปํ ปน กามาวจรานํ สพฺพปมํ ¶ อตฺตโน มุขคตเขฬํ อชฺโฌหรณกาเล อุปฺปชฺชติ. สฺีพฺรหฺมานํ ตํ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ. อสฺีนฺจ จิตฺตชาหารชานิ นตฺเถวาติ อยํ วิเสโส. เอวํ อุปฺปชฺชมาเนสุ จ ปเนเตสุ รูเปสุ ยํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ, ตํ อตฺตนา สหุปฺปนฺนจิตฺตํ อาทึ กตฺวา สตฺตรสมจิตฺตสฺส นิโรธกฺขเณ นิรุชฺฌติ, ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฏฺารสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌติ, ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อิมสฺส ิติกฺขเณ นิรุชฺฌตีติ เอวํ อุปฺปชฺชนฺตํ, นิรุชฺฌนฺตฺจ ยาว มรณจิตฺตสฺส เหฏฺา สตฺตรสมจิตฺตํ, ตาว ยถารหํ จตุสนฺตติอาทิวเสน ปวตฺตตีติ. อาสนฺนมรณสฺส ปน จุติโต สตฺตรสมจิตฺตสฺส ิติกฺขณมาทึ กตฺวา กมฺมชรูปํ น สมุฏฺาติ. ยทิ สมุฏฺาติ, มรณํ น สิยา อนุปจฺฉินฺนตฺตา กมฺมชรูปานํ. กมฺมชรูปสมุจฺเฉเท หิ ‘‘มโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ –
‘‘อายุ อุสฺมา จ วิฺาณํ, ยทา กายํ ชหนฺติมํ;
อปวิทฺโธ ตทา เสติ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๓.๙๕);
สตฺตรสเมน สห อุปฺปนฺนฺจ ตํ จุติจิตฺเตน สห นิรุชฺฌติ, อปรฺจ น อุปฺปชฺชติ. อายุกฺขยา, กมฺมกฺขยา, อุภยกฺขยา, อุปกฺกเมน วา กสฺสจีติ เอวํ กมฺมชรูปสฺเสว หิ มรณํ โหติ สติปิ อาหารเช, อฏฺกถามเตน จิตฺตเช จ. ตมฺปิ อปคตชีวสฺส น อุปฺปชฺชติ. อุตุชรูปํ ปน ปวตฺตติ เอว. ตถา สํเสทชานํ, โอปปาติกานํ ปน สรีรนิกฺเขปาภาวโต ตมฺปิ น ปวตฺตติ.
๗๖๕-๖. อุปฺปาทวยวนฺตตาย ¶ นิจฺโจ ธุโว น โหตีติ อนิจฺโจ, นิจฺจขณิกตาย วา น อิจฺโจ สสฺสตาทิวเสน อนุปคนฺตพฺโพติ อนิจฺโจ. อยฺหิ วินาโส ชนกปจฺจยโต อฺเหตุนิรเปกฺขตาย นิจฺจขณิโกว โหติ. ธุวสารวิรหิตตฺตา อทฺธุโว. อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา. อุทยวยปฏิปีฬเนน, ทุกฺขวตฺถุตาย จ ทุกฺขานํ ขนฺโธ สมูโหติ ทุกฺขกฺขนฺโธ. เอวํวิโธ ปน สุเขหิ อสมฺมิสฺโสเยวาติ อาห ‘‘เกวโล’’ติ. กสฺสจิปิ วา รูปสฺส สุขสภาวสฺส อภาวโต สกโลปิ ทุกฺขกฺขนฺโธติ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขกฺขนฺโธ จ เกวโล’’ติ. ปจฺจยยาปนิยตาย จ โรคมูลตาย จ โรคโต. โส หิ ยถารหํ ปจฺจเยหิ ยาเปตพฺพตาย ยาปฺยโรโค วิยาติ โรคโต ทฏฺพฺโพ. ยาปฺยพฺยาธิ หิ โรโค, อิตโร อาพาโธ, มูลพฺยาธิ วิย เจส อนุพทฺธพฺยาธีนํ กิเลสโรคาทีนํ มูลภาวโต โรคโต ทฏฺพฺโพ. ทุกฺขตาสูลโยคิตาย, กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย ¶ , อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปภินฺนตาย จ คณฺฑโต. โส หิ ทุกฺขทุกฺขตา สงฺขารทุกฺขตา วิปริณามทุกฺขตาติ ติวิธทุกฺขตาสงฺขาเตน รุชฺชเนน ยุตฺตตาย, ยถารหมารมฺมณวเสน จ สมนฺนาคมวเสน จ ราคาทิกิเลสาสุจิวิสฺสนฺทนโต, อหุตฺวา สมฺภวนโต, อุปฺปตฺติยา อุทฺธุมาตตฺตา ชราภงฺเคหิ จ ยถากฺกมํ ปริปกฺกปภินฺนภาวโต คณฺฑสทิโสติ คณฺฑโต ทฏฺพฺโพ. อวสวตฺตนตาย, อวิเธยฺยตาย จ ปรโต. ยถา หิ ปโร ปตนฺโต ปรสฺส วสํ น คจฺฉติ, เอวเมตํ สุภสุขาทิภาเวน วเส วตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อวสวตฺตนโต ‘‘มา ชีรถ, มา มรถา’’ติอาทินา วิธาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อวิเธยฺยภาวโต ปรโต ทฏฺพฺพํ. พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนโต, อาพฺยาสนโต จ ปโลกโต. อิทํ พฺยาธิอาทีหิ ปกาเรหิ ¶ ภิชฺชนโต, วินสฺสนโต, เอเตหิ เอว วา อาพฺยาสนโต พฺยสนตฺถสฺส โลก-สทฺทสฺส ปวิสิฏฺสฺส อาพฺยาสนตฺถตาย ปโลกโต ทฏฺพฺพํ. ฉนฺทนฺติ รชฺชนวเสน ปวตฺตํ ฉนฺทํ.
๗๖๗. ธมฺมเสนาปตินาติ ธมฺมเสนาย ปติ นายโกติ ธมฺมเสนาปติ, สาริปุตฺตตฺเถโร, เตน. หิตสงฺขาโต อตฺโถ เอตสฺสาติ หิตตฺถิ, เตน. สกฺกจฺจาติ อุคฺคหณธารณาทีสุ อตนฺทิโต หุตฺวา.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
รูปวิภาควณฺณนา นิฏฺิตา.