📜

๑๓. เตรสโม ปริจฺเฉโท

การกปฏิเวธวณฺณนา

นิทฺทิฏฺาติ อุทฺเทสนิทฺเทสาทิวเสน ทสฺสิตา. กุสลาทโยติ กุสลากุสลา. เอเตสํ ปน น นิทฺทิฏฺโติ สมฺพนฺโธ . ปุพฺเพ ‘‘การโก’’ติ วจนํ วิย ‘‘เวทโก’’ติ อวุตฺเตปิ ‘‘อตฺตา การโก เวทโก’’ติ อตฺตโน ลทฺธิตาย ‘‘ตสฺส หิ การกสฺส เวทกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. กุสลากุสลานมภาโวปิ สิยา, อิตรถา อเหตุกโทสาปตฺติโตติ อธิปฺปาโย. เตสํ กุสลากุสลานํ อายตฺตา วุตฺติ เอเตสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติโน. เตสนฺติ กุสลากุสลาทีนํ. ตสฺมาติ การกาภาเว กุสลากุสลานํ, ตพฺพิปากานฺจ อภาวโต. นิรตฺถิกาติ เทเสตฺวาปิ โพเธตพฺพาภาวโต นิรตฺถิกา. ‘‘นายํ นิรตฺถิกา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สาตฺถิกา’’ติ วจนํ ปน ปรสฺส ทฬฺหคฺคาหตฺถํ. โลเกปิ หิ เอวํ โวหารํ โวหรนฺติ, เอวเมว ภวติ, นาฺถาติอาทิ. ตตฺถาติ การกาภาเวปิ อตฺตา อตฺถีติ คหเณ. อนุโรโธติ อนุกูลปกฺขปาโตติ อตฺโถ. อิธาติ การกาภาเวปิ กุสลาทโย อตฺถีติ คหเณ. วิโรโธติ ปฏิโฆ.

เอวํ การกาภาเวปิ กุสลาทีนํ สพฺภาวํ ยุตฺติโต สาเธตฺวา อิทานิ โลกสิทฺเธน นิทสฺสเนน สาเธตุํ ‘‘อถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถาปีติ การกาภาเวปิ. ปถวิ-คฺคหเณน ปถโวชํ ทสฺเสติ. ตถา อาป-คฺคหเณน อาโปชํ. เตโชติ สีตุณฺหวเสน ทุวิธา เตโชธาตุ. อุตูติ เหมนฺตาทิอุตุ. อาทิ-คฺคหเณน พีชาทิเก สงฺคณฺหาติ. ชนกปจฺจโย เหตุ, อนุปาลนกปจฺจโย ปจฺจโย นามาติ อาห ‘‘เหตุปจฺจยสามคฺคิยา’’ติ. ‘‘ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, ปจฺจโย อนุปาลนโก’’ติ หิ วุตฺตํ.

เอวํ การกาภาเวปิ กุสลากุสลปฺปวตฺตึ สาเธตฺวา อิทานิ ปรปริกปฺปิตํ อตฺตานเมว ตาว ปฏิกฺขิปิตุํ ‘‘อถาปิ เจตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. กามํ ปฺาปริพาหิรทิฏฺิยา เอว อตฺตา ปริกปฺปียติ, ปโร ปน ‘‘ปฺาย ปริกปฺเปมี’’ติ มฺตีติ ตสฺส ลทฺธิวเสน ‘‘ปฺาย ปริกปฺปิโต’’ติ วุตฺตํ. ตํ อุปปริกฺขิสฺสาม ตาวาติ ติฏฺตุ ตาว เจสา การกาภาเวปิ กุสลาทีนํ ภาวาภาววิจารณา ปมํ ตเมว อตฺตานํ อุปปริกฺขิสฺสามาติ อตฺโถ. โทสเมตฺถ วตฺตุกาโม ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาเยน ปฏิฺํ อทตฺวาว ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กิฺเจตฺถา’’ติ. สเจตโน วา อุทาหุ อเจตโน วาติ เอตฺถ โก โทโสติ อตฺโถ. อิตโร อุภยถาปิ โทโสเยว. ยฺหิ อเจตนํ อตฺตานํ, น ตํ การกํ, เวทกฺจ, ยถา ตํ ปาการตรุอาทโย. ‘‘อเจตโนวายํ อตฺตา’’ติ อนุมาเนน การกเวทกตฺตาภาวสิทฺธิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ อเจตโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนฺโติ อวินิพฺโภควเสน อนฺโ. อิตรถา ‘‘สเจตโน’’ติ วจนเมว น อุปปชฺเชยฺย. สหภาวี นาม อฺโ น โหตีติ. อตฺตโนปิ นาโส สิยาติ อวินิพฺโภควุตฺติรูเปสุ เอกสฺส นาเส อิตรสฺสาปิ วินาโส วิย. เจตนายปิ นาโส น ภวติ อวินิพฺโภครูเปสุ เอกสฺส อวินาเส อิตรสฺสาปิ อวินาโส วิยาติ อธิปฺปาโย.

‘‘เจตนาย อนฺตฺตา’’ติ การณํ วตฺวา ตเมว สมตฺเถตุํ ‘‘เจตนตฺตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตโน อนาเส สติ เจตนายปิ วินาโส น ภวตี’’ติ สุตฺวาปิ ปรสฺส นิรุตฺตรภาโว, เจตนาย นาเส วิเสสการณาภาวโตติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อถ เจตนายเยวา’’ติอาทิ. อตฺตาว นสฺสตุ, ติฏฺตุ เจตนา. โก หิ วิเสสการณาภาเว อตฺตนิ อนุโรโธ, เจตนาย วิโรโธติ อธิปฺปาโย. ปฏิฺา หีนาติ ปุพฺเพ ทินฺนปฏิฺา ปริหีนา. อถ น ภวติ, ‘‘ปฏิฺา หีนา’’ติ ยทิ อตฺตโน วินาเส เจตนาย อวินาโส น ภวติ. เจตนตฺตานํ อนฺภาเวน เจตนาย นาเส อตฺตโนปิ วินาสปฺปสงฺคโต อตฺตา น นสฺสตีติ ตว ปฏิฺา หีนา. วุตฺตปฺปการโต วิปรีตํ วาติ ยถาวุตฺตปฺปการโต วิปรีตํ. เจตนาย วินาเสปิ อตฺตา น นสฺสติ, อตฺตโน ปน อวินาเสปิ เจตนา นสฺสตีติ เอวํ วา ตว อธิปฺปาโย สิยาติ อตฺโถ. อตฺตา นสฺสตุ, เจตนา ติฏฺตุ อฺภาเว อุภินฺนํ สมานโยคกฺขมตาย ภวิตพฺพโตติ อธิปฺปาโย. ปฏิฺาหีโน ภวสีติ เจตนาเยว นสฺสติ, อตฺตา น นสฺสติ ปฏิฺาย หีโน ภวสิ.

อิธาติ อฺตฺถ ปกฺเข. ลกฺขณกตนฺติ อฺมฺวิสทิเสหิ ภินฺนลกฺขเณหิ กตํ. เทสนฺตรกตนฺติ ภินฺนเทสกตํ. ชาโต เวทียติ ายตีติ ชาตเวโท, อคฺคิสฺเสตํ อธิวจนํ. ฑยฺหมาเนติ อุทฺธเน ปกฺขิปิตฺวา ปจฺจมาเน. เอโก ปวตฺติปเทโส อิเมสนฺติ เอกเทสา, เตสํ ภาโวติ เอกเทสตฺตํ.

อวินิพฺโภคโตติ ลกฺขณโต เภเทปิ านวเสน อวินิพฺภุชฺชนโต อวิสํสฏฺตฺตา ‘‘เอกเทสตฺเต’’ติอิมสฺเสว เววจนวเสน ‘‘อวินิพฺโภคภาเวปี’’ติ วุตฺตํ. ตํ อยุตฺตนฺติ ตํ ‘‘อุภินฺนํ เอกเทสตา นตฺถี’’ติ อิมินา สห น ยุชฺชติ. ปฏิฺา หีนาติ ยทิ ปุพฺพปฏิฺา ปมาณํ, อยํ ปฏิฺา หีนา. ยทิ วา ปน อยํ ปมาณํ, อิตรา หีนาติ อตฺโถ. อถ วา เจตนาย อตฺตโน ปเทสวเสน นานตฺเต อตฺตโน อเจตนตฺตภาวปฺปตฺติโต ‘‘สเจตโน อตฺตา’’ติ เหฏฺา ตยา ทินฺนปฏิฺา ปริหีนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

อเจตโน อตฺตาติ อตฺตา อเจตโนติ กตฺวา. ปุพฺเพ วุตฺตโทสโตติ ‘‘ยทิ อเจตโน สิยา’’ติอาทินา อาทิโต วุตฺตโทสโต. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ อุปปริกฺขิยมาเน วิมทฺทนสโห โหติ, ตสฺมา.

๗๗๙. ยทิเอวนฺติ ยทิ ปรมตฺถโต กุสลากุสลานํ การโก, ตพฺพิปากานฺจ เวทโก นตฺถิ, เอวํ สนฺเต อถ กสฺมา ภควตา วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ.

สนฺธาวตีติ สํสรติ. อตฺตนา กตกุสลากุสลกมฺมปจฺจยตฺตา วิปากภูตํ สุขทุกฺขมฺปิ อตฺตนา กตเมว นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สุขทุกฺขํ สยํกต’’นฺติ.

๗๘๐. สํสารมาปนฺโนติ –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙) –

เอวํ วุตฺตขนฺธปฏิปาฏิอาทิวสปฺปวตฺตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ปฏิปนฺโน. ทุกฺขมสฺส มหพฺภยนฺติ อสฺส สํสาราปนฺนสฺส สตฺตสฺส ชาติอาทิทุกฺขํ มหพฺภยํ มหาภยสํวตฺตนกนฺติ อตฺโถ. โอปปาติโกติ อุปฺปชฺชมาโน.

๗๘๑. ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธาติ รูปาทโย ปฺจกฺขนฺธา ภารภูตา, สีเส นิกฺขิตฺตภารสทิสาติ วุตฺตํ โหติ. ภารหาโร จ ปุคฺคโล ตสฺส ปฺจกฺขนฺธภารสฺส หารโก. ภาราทานนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน ปฺจกฺขนฺธภารคฺคหณํ. ภารนิกฺเขปนนฺติ ปุน อคฺคเหตพฺพตาปาทเนน อนุปาทาปรินิพฺพานวเสน ภารสฺส นิกฺขิปนํ.

๗๘๒. นฺติ กุสลากุสลกมฺมํ. สกนฺติ อายตฺตํ.

๗๘๓. เอกสฺส ปุคฺคลสฺสาติ สมฺพนฺโธ. เอเกน กปฺเปนาติ เอกสฺมึ กปฺเป.

๗๘๔. อสฺสทฺโธติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถํ.

‘‘ตฺจ โข สมฺมุติวเสน, น ปรมตฺถโต’’ติ วตฺวา ตเทว ปติฏฺาเปตุํ ‘‘นนุ ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘กึ นุ สตฺโต’’ติ คาถา วชิราย เถริยา วุตฺตาปิ ภควโต อธิปฺปายวเสเนว วุตฺตตฺตา ภควตา วุตฺตา นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ภควตา อิทมฺปิ วุตฺต’’นฺติ.

๗๘๕. กึ นุ สตฺโตติ ปจฺเจสีติ รูปเวทนาทีสุ กึ นาม สตฺโต ปุคฺคโลติ คณฺหาสิ.

๗๘๖. องฺคสมฺภาราติ จกฺกาทิอวยวสมฺภาเรสุ, จกฺกาทิอวยวานํ สโมธาเนวาติ อตฺโถ. สทฺโทติ โวหาโร.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ ปรมตฺถโต สตฺตสฺส อภาโว ภควตา วุตฺโต, ตสฺมา. น วจนมตฺตเมว อาลมฺพิตพฺพํ อธิปฺปายํ ปหายาติ อตฺโถ. ทฬฺหมูฬฺโหว หุตฺวา คณฺหาตีติ ทฬฺหมูฬฺหคฺคาหี, การเณ ทสฺสิเตปิ อปริจฺจชนวเสน คหณํ ทฬฺหคฺคหณํ. การณสฺเสว ทฏฺุมสมตฺถตาวเสน คหณํ มูฬฺหคฺคหณํ. ตาทิเสน น ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น จ…เป… ภวิตพฺพ’’นฺติ. สุตฺตปทานนฺติ เนยฺยตฺถนีตตฺถวเสน อุภยถา ิตานํ สุตฺตนฺตานํ.

ทฺเว สจฺจานิ วุตฺตานิ ตถา ตถา วิเนตพฺพานํ ปุคฺคลานํ วเสนาติ อธิปฺปาโย. เยสฺหิ สมฺมุติเทสนาย วิเสสาธิคโม โหติ, เตสํ สมฺมุติสจฺจวเสน เทเสติ. เยสฺจ ปรมตฺถเทสนาย, เตสํ ปรมตฺถวเสน เทเสติ. เทสภาสากุสโล วิย อาจริโย ตํตํเทสวาสิมาณวานํ ตาย ตาย ภาสาย. สมฺมุติสจฺจํ ปรมตฺถสจฺจฺจาติ เอตฺถ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว’’ติเอวมาทิ ปรมตฺถโต อวิชฺชมานมฺปิ โลเก กตสงฺเกตวเสน ตถตฺตา สมฺมุติสจฺจํ . ขนฺธธาตุอายตนานิ สติปฏฺานาติเอวมาทิ ปรมตฺถวเสเนว ตถตฺถา ปรมตฺถสจฺจํ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –

‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณํ;

ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณํ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๓๙-๔๔๓);

‘‘ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;

สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.

๗๘๗-๘. โย โส อิมํ คนฺถํ อจฺจนฺตํ สตตมฺปิ จินฺเตติ, ตสฺส ตโต สิทฺธา ปรมา ปฺา เวปุลฺลภาวํ คจฺฉติ. อธึ จิตฺตสนฺตาปํ นีหรติ อปเนตีติ อธินีหรํ. วิมติยา วิจิกิจฺฉาย, โมหสฺส วา วินาสํ กโรติ อุปนิสฺสยภาวโตติ วิมติวินาสกรํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปทาย มนวฑฺฒนโต ปิยกรํ. วิกสตีติ ทิพฺพติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน, อภิธมฺเม วา.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

การกปฏิเวธวณฺณนา นิฏฺิตา.