📜
๑๖. โสฬสโม ปริจฺเฉโท
อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา
๑๐๔๓-๗. ปรนฺติ วิสิฏฺํ กตฺวา, วิเสสโตติ อตฺโถ. จตุตฺถชฺฌานมตฺเตปีติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมตฺเตปิ, นาวสฺสํ อรูปชฺฌาเนหีติ อธิปฺปาโย. อรูปาวจรชฺฌานํ อปฺปฏิลทฺโธปิ หิ กตาธิกาโร ภิกฺขุ อภิฺา สมฺปาเทตุํ สมตฺโถ โหติ. เอตฺถ จตุตฺถชฺฌานคฺคหเณเนว เหฏฺา ตีณิ ฌานานิ คหิตานิ. เตสุ หิ อจิณฺณวสี จตุตฺถชฺฌานํ อุปฺปาเทตุมฺปิ น สกฺโกติ. อภิฺาสุ อนุโยคํ ¶ กาตุํ วฏฺฏตีติ วตฺวา ตตฺถ ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺา ¶ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิฏฺงฺคตาติ อธิคตานิสํสตาย เจว ภาวนาสุขตาย จ นิฏฺํ นิปฺผตฺตึ คตา. สมาธิภาวนาย หิ โลกิยาภิฺา อุทยผลภาเวน ปากฏา. โส อภิฺาย จ สมาธินา จ สมนฺนาคโต สุเขเนว ปฺาภาวนํ สมฺปาเทสฺสติ.
๑๐๔๘-๙. ทิพฺพานีติอาทิ โลกิยาภิฺานํ สรูปโต อุทฺทิสนํ. ทิพฺพานิ จกฺขุโสตานีติ ทิพฺพจกฺขุาณํ, ทิพฺพโสตาณฺจาติ ทสฺเสติ. อิทฺธีติ อิทฺธิวิธาณํ. อิมา ปน อภิฺาโย ปตฺตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา ยสฺมา โอทาตกสิณปริยนฺเตสุ อฏฺสุ กสิเณสุ จตุตฺถชฺฌานํ, ตพฺพเสน จ อรูปสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วา น วา กสิณานุโลมตาทีหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ ทเมตพฺพํ. น หิ เอวํ อทเมตฺวา ปุพฺเพ อภาวิตภาวโน อาทิกมฺมิโก โยคาวจโร ปฺจ อภิฺาโย นิปฺผาเทสฺสตีติ ตสฺมา ตํ จิตฺตปริทมนํ อวสฺสํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสิณานุโลมตาทีหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสิณานุโลมตาทีหีติ กสิณานุโลมตา กสิณปฏิโลมตา กสิณานุโลมปฏิโลมตา ฌานานุโลมตา ฌานปฏิโลมตา ฌานานุโลมปฏิโลมตา ฌานุกฺกนฺติกตา กสิณุกฺกนฺติกตา ฌานกสิณุกฺกนฺติกตา องฺคสงฺกนฺติกตา อารมฺมณสงฺกนฺติกตา องฺคารมฺมณสงฺกนฺติกตา องฺคววตฺถาปนตา อารมฺมณววตฺถาปนตาติ อิเมหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ.
ตตฺถ อฏฺสุ กสิเณสุ ปฏิปาฏิยา สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ สมาปชฺชนํ, ตเถว อุปฺปฏิปาฏิยา, ปฏิปาฏิอุปฺปฏิปาฏิวเสน จ สมาปชฺชนนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน กสิณานุโลมตาทโย วุตฺตา. ปมชฺฌานโต ¶ ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ, อยํ ฌานานุโลมตา นาม. เตสํ ปฏิโลมโต ฌานปฏิโลมตา นาม. อนุโลมปฏิโลมโต ฌานอนุโลมปฏิโลมตา นาม.
ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว ตติยํ สมาปชฺชติ, ตโต ตเทว อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ตโต อากิฺจฺายตนนฺติ เอวํ กสิณํ อโนกฺกมิตฺวา ฌานสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ ฌานุกฺกนฺติกตา นาม. เอวํ อาโปกสิณาทิมูลิกาปิ โยชนา กาตพฺพา. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ตเทว เตโชกสิเณ, ตโต นีลกสิเณ, ตโต โลหิตกสิเณติ ฌานํ อนุกฺกมิตฺวา กสิณสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ กสิณุกฺกนฺติกตา นาม. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา, เตโชกสิเณ ตติยํ ¶ , นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนนฺติ อิมินา นเยน ฌานสฺส เจว กสิณสฺส จ อุกฺกมนํ ฌานกสิณุกฺกนฺติกตา นาม.
ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว อิตเรสมฺปิ สมาปชฺชนํ องฺคสงฺกนฺติกตา นาม. สพฺพกสิเณสุ เอเกกสฺเสว สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติกตา นาม. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา, อาโปกสิเณ ทุติยํ, เตโชกสิเณ ตติยํ, วาโยกสิเณ จตุตฺถํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ปีตกสิณโต วิฺาณฺจายตนํ, โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนํ, โอทาตกสิณโต เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ องฺคานํ, อารมฺมณานฺจ สมติกฺกมนํ องฺคารมฺมณสงฺกนฺติกตา นาม.
ปมชฺฌานํ นาม ปฺจงฺคิกนฺติ ววตฺถเปตฺวา ทุติยํ จตุรงฺคิกํ, ตติยํ ติวงฺคิกํ, จตุตฺถํ ทุวงฺคิกํ, อากาสานฺจายตนํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนนฺติ ¶ เอวํ ฌานงฺคมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ องฺคววตฺถาปนํ นาม. ตถา ‘‘อิทํ ปถวีกสิณํ, อิทํ อาโปกสิณ’’นฺติอาทินา อารมฺมณมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ อารมฺมณววตฺถาปนํ นาม. องฺคารมฺมณววตฺถาปนมฺปิ เอเก อิจฺฉนฺตีติ. อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา อทฺธา ตํ ภาวนาสุขํ น โหติ. อิเมหิ ปน จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตปริทมนํ กาตุํ อฏฺสมาปตฺติลาภีนํ สเตสุ, สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ.
๑๐๕๐-๑. ทนฺเตติ จุทฺทสหิ อากาเรหิ ทนฺเต. สมาหิเตติ จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. สุทฺเธติ นีวรณทูรีภาเวน, ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฏาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย สมฺปาทิตสติปาริสุทฺธิยา สพฺภาเวน วา สุปริสุทฺเธ. ปริโยทาเตติ สุธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน วิย ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรหวเสน ปริโยทาเตติ วุตฺตํ โหติ. อนงฺคเณติ ‘‘มาทิสสฺส สมาธิสมฺปนฺนสฺส อีทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ ฌานปฏิลาภปจฺจยานํ ‘‘อโห วต มเมว สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’’ติอาทินยปฺปวตฺตานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณ. อนุปกฺกิเลเสติ อุปคนฺตฺวา กิลิสฺสนฏฺเน อุปกฺกิเลสสงฺขาตานํ ราคาทีนํ, ‘‘อภิชฺฌา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, พฺยาปาโท, โกโธ’’ติอาทินา อาคตานํ จิตฺตุปกฺกิเลสานํ วา วิคตตฺตา วิคตุปกฺกิเลเส. มุทุภูเตติ ปคุณภาวาปาทเนน ¶ สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสิภาวปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วสิภาวปฺปตฺตฺหิ จิตฺตํ สุปริมทฺทิตํ วิย จมฺมํ สุปริกมฺมกตา วิย จ ลาขา มุทูติ วุจฺจติ. กมฺมนีเยติ มุทุตฺตาเยว อิทฺธิปาทภาวูปคมเนน กมฺมกฺขเม, วิกุพฺพนาทิอิทฺธิกมฺมโยคฺเยติ วุตฺตํ โหติ. มุทุชาตฺหิ จิตฺตํ กมฺมกฺขมํ โหติ, สุธนฺตมิว สุวณฺณํ, อุภยมฺปิ ¶ เจตํ สุภาวิตตฺตาเยว โหติ. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทฺุจ โหติ กมฺมนิยฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๗). ิเตติ เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ นิจฺจลํ อวฏฺิเต, ภาวนาปาริปูริยา วา ปณีตภาวํ สมฺมสิตฺวา ิเต. อจเลติ ิตตฺตาเยว อกมฺเป, อาเนฺชปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. มุทุกมฺมฺภาเวหิ วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต, สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อสฺสทฺธิยาทีหิ อกมฺปนโต อจเล.
อฏฺงฺคสมฺปนฺเนติ ิติอจลตานํ วิสุํ วิสุํ อคฺคหเณน สมาหิเตติ วิสุํ เอกงฺคํ กตฺวา. ตาสํ ปน วิสุํ วิสุํ คหเณ สุวิสุทฺธตาทีนํ สมาหิตจิตฺตสฺส องฺคภูตตฺตา สมาหิเตติ อิมํ องฺคภาเวน อคฺคเหตฺวา สุวิสุทฺธตาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนตา เวทิตพฺพา. อิทฺธิวิธายาติ อิทฺธิโกฏฺาสตฺถาย, อิทฺธิปฺปเภทาย วา. อตฺถโต ปน อิทฺธิวิธา นาม เอกสฺส พหุภาวาทิอเนกวิธานปจฺจยภูตํ อภิฺาาณํ. อภินีหรตีติ อภิฺาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อภิฺาภิมุขํ เปเสติ. อิทฺธิวิกุพฺพนนฺติ เอตฺถ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, นิปฺผชฺชติ ปฏิลพฺภตีติ วุตฺตํ โหติ. ยฺหิ นิปฺผชฺชติ, ปฏิลพฺภติ จ, ตํ อิชฺฌตีติ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจตํ สมิชฺฌตี’’ติอาทิ; (สุ. นิ. ๗๗๒; มหานิ. ๑; เนตฺติ. ๕,๔๔);
อิทฺธิเยว วิกุพฺพนํ ปกติวณฺณวิชหนกิริยนฺติ อิทฺธิวิกุพฺพนํ, อิทํ อิทฺธีสุ วิกุพฺพนิทฺธิยา ปธานภาวโต วุตฺตํ, อิทฺธิ จ วิกุพฺพนฺจาติ วา อิทฺธิวิกุพฺพนํ. วิสุํ คหณมฺปิ วุตฺตการเณเนว ทฏฺพฺพํ.
๑๐๕๒-๔. ยถา ปน ตํ นิปฺผาเทตพฺพํ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺาปาทกชฺฌาน’’นฺติอาทิ ¶ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อนุปุพฺเพน จตฺตาริ ¶ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา จตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺายา’’ติ เกจิ, ตํ อยุตฺตํ. ยทิจฺฉกํ สมาปชฺชนตฺถฺหิ จิตฺตปริทมนํ, จตุตฺถชฺฌานเมว จ อภิฺาปาทกํ, น อิตรานิ. สตํ…เป… มานสนฺติ สเจ สตํ อิจฺฉติ, ‘‘สตํ โหมิ, สตํ โหมี’’ติ, สเจ สหสฺสํ อิจฺฉติ, ‘‘สหสฺสํ โหมิ, สหสฺสํ โหมี’’ติ เอวํ ปริกมฺมมานสํ กตฺวา. ‘‘ปริกมฺมมานส’’นฺติ จ ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘สตํ โหมี’’ติอาทินา ปวตฺติตกามาวจรจิตฺตํ, ปาทกชฺฌานฺจ. อภิ…เป… ปุนาติ เอตฺถ ปุพฺเพ อภิฺาปาทกชฺฌานสมาปชฺชนํ ปริกมฺมจิตฺตสฺส สมาธานตฺถํ, ปุน สมาปชฺชนํ อธิฏฺานจิตฺตสฺส พลคฺคาหตฺถํ. อธิฏฺาตีติ สตํ อาวชฺเชตฺวา ตโต ปรํ ปวตฺตานํ ติณฺณํ, จตุนฺนํ วา ปุพฺพภาคจิตฺตานํ อนนฺตรา อุปฺปนฺเนน สนฺนิฏฺาปนวเสน อธิฏฺานนฺติ ลทฺธนาเมน อภิฺาาเณน สนฺนิฏฺานํ กโรติ, สตํ นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. ‘‘อธิฏฺาน’’นฺติ หิ สพฺพตฺถ อภิฺาาณํ วุจฺจติ.
๑๐๕๕-๗. นิมิตฺตารมฺมณนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณํ. ปริกมฺมมนาเนตฺถ สตารมฺมณิกานีติ เอตฺถ เอเตสุ ปริกมฺมาธิฏฺาเนสุ ปริกมฺมมานสานิ ‘‘สตํ โหมี’’ติ ปวตฺตานิ กามาวจรมานสานิ สตารมฺมณิกานิ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส วเสน สตารมฺมณิกานิ โหนฺติ ปจฺเจกํ ‘‘สตํ โหมี’’ติ ปวตฺตนโต. สหสฺสารมฺมณาทีสุปิ เอเสว นโย. ตทาธิฏฺานจิตฺตมฺปีติ ตสฺส สตาทิกสฺส อธิฏฺานจิตฺตมฺปิ. สตารมฺมณิกตา จ ปน เนสํ วณฺณวเสน, โน สตฺตปฺตฺติวเสน. รูปฺหิ สตํ วา สหสฺสํ วา กตฺวา ทสฺเสตพฺพํ, น ปฺตฺติ. เอตฺถ จ ยทิ นีลวณฺณเมว สตํ อภินิปฺผาเทติ, วณฺณสฺส ตํตํสนฺตานวเสน นานตฺเตปิ นีลวเสน เอกตฺตา เอกเมกํ ปริกมฺมจิตฺตํ สพฺพํ นีลชาตํ อาลมฺพติ.
ยทิ ปน นานาวณฺณนานากิริยปริกมฺมจิตฺตานมฺปิ พหุภาโว โหติ, เอกเมกํ เอเกกวณฺณํ, เอเกกวณฺเณสุ จ นานากิริยํ ¶ อารมฺมณํ กโรติ. อธิฏฺานจิตฺตํ ปน วณฺณสามฺํ คเหตฺวาปิ ปริกมฺมารมฺมณํ นานาวณฺณวนฺตํ อภินิปฺผาเทติ อจินฺเตยฺยานุภาวตฺตา อิทฺธิวิสยสฺส. อปฺปนาจิตฺตํ วิยาติ วิย-คฺคหณํ อภิฺาจิตฺตสฺส, ฌานจิตฺตสฺส จ ปมุปฺปตฺติยํ สทิสภาวโต วุตฺตํ, น ตสฺส อปฺปนาภาวโต. เตเนว หิ ปุพฺเพ วุตฺตคฺคหเณน วิเสสิตนฺติ. จตุตฺถชฺฌานิกนฺติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานวนฺตํ, เตน สมฺปยุตฺตํ. ยทิ เอวํ จตุตฺถชฺฌานสฺส, อิมสฺส จ โก วิเสโสติ อาห ‘‘ปริกมฺมวิเสโสวา’’ติ. น เหตฺถ ปริกมฺมวิเสสํ ¶ วินา อฺโ วิเสโส อตฺถิ. อปฺปนาย ปุพฺพภาคปฺปวตฺตานิปิ ตีณิ จตฺตาริ ชวนานิ คหิตคฺคหเณน, อคฺคหิตคฺคหเณน วา ปริกมฺโมปจารานุโลมานิ สพฺพปจฺฉิมํ โคตฺรภุนามกนฺติอาทิ เสสํ สมานเมว. เตนาห ‘‘เสสํ ปุพฺพสมํ อิธา’’ติ. อิทฺธิวิธาณวณฺณนา.
๑๐๕๘. ทิพฺพโสตนฺติ เทวตานํ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺเธหิ ทูเรปิ อารมฺมณคฺคหณสมตฺเถหิ ทิพฺพโสตปสาเทหิ สมานตฺตา, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา, อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา ทิพฺพํ, สวนฏฺเน โสตกิจฺจกรณโต, ตํสทิสตาย จ โสตํ. อิทนฺติ ยํ อุทฺเทเส ‘‘ทิพฺพานิ จกฺขุโสตานี’’ติ (อภิธ. ๑๐๔๘) ทิพฺพโสตํ อุทฺทิฏฺํ, ตํ อิทนฺติ อตฺโถ.
๑๐๕๙-๖๔. ปมํ โอฬาริกสทฺทํ อาวชฺเชตฺวา ปจฺฉา สุขุมสทฺทสฺส อาวชฺชิตพฺพโต อาห ‘‘มหนฺโต สุขุโมปิ จา’’ติ. ปริจยกรณตฺถฺหิ ปมํ อรฺเ สีหาทีนํ สทฺเท อาทึ กตฺวา สพฺเพ โอฬาริกโต ปฏฺาย ยถานุกฺกเมน สุขุมสทฺทา อาวชฺชิตพฺพา, ตถา ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ โอฬาริกานมฺปิ สุขุมานมฺปิ สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิ ¶ กาตพฺพํ. ตสฺส เต สทฺทา ปกติจิตฺตสฺสปิ ปากฏา โหนฺติ, ปริกมฺมจิตฺตสฺส ปน อติวิย ปากฏา. ตสฺสาติ ตสฺส โยคิโน. สทฺทสฺส นิมิตฺตนฺติ โอฬาริกสฺส, สุขุมสฺส วา สทฺทสฺส ยถาวุตฺตํ อุปาทายุปาทาย ลพฺภมานโอฬาริกสุขุมาการํ. มนสิ กุพฺพโตติ ‘‘อิมิสฺสา ทิสาย อยํ สทฺโท โอฬาริโก, สุขุโม วา’’ติ เอวํ ปริกมฺมจิตฺเตน มนสิ กโรนฺตสฺส. สทฺเทสูติ เย ปริกมฺมจิตฺตสฺส วิสยภูตา โอฬาริกา, สุขุมา วา สทฺทา, เตสุ. อฺตรนฺติ ยตฺถ ปริกมฺมกรณวเสน อภิณฺหํ มนสิกาโร ปวตฺโต, ตํ เอกํ สทฺทํ. ยทิ อภิฺาจิตฺตมฺปิ ปริกมฺเมน คหิตเมว อารมฺมณํ กโรติ, โก ปน ตสฺส, อิมสฺส วา วิเสโสติ? วุจฺจเต – ปริกมฺมจิตฺตํ อสุตสฺส คหณโต สทฺทมตฺตํ คณฺหาติ, อภิฺาจิตฺตํ ปน อสุตมฺปิ คณฺหนฺตํ สวนากาเรน คหณโต อตฺถาวโพธสฺส ปจฺจยภาเวเนว คณฺหาตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. สุตโกวิทาติ ปริยตฺติยํ เฉกา.
๑๐๖๕-๖. ถามชาตนฺติ ชาตถามํ, ทฬฺหภาวปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. วฑฺเฒตพฺพํ ปาทกชฺฌานารมฺมณํ กิตฺตกนฺติ อาห ‘‘เอตฺถนฺตรคต’’นฺติอาทิ. ปาทกชฺฌานสฺส หิ อารมฺมณภูตํ ¶ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘เอตฺตกํ านํ ผรตู’’ติ มนสิ กริตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชนฺตสฺส กสิณนิมิตฺตํ ตตฺตกํ านํ ผริตฺวา ติฏฺติ. โส สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุน ปาทกชฺฌานํ อสมาปชฺชิตฺวาปิ อเนกปฺปเภเทปิ สทฺเท อาวชฺชติ สุภาวิตภาวนตฺตา. ตตฺถ อฺตรํ สทฺทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เตสุ ปจฺฉิมํ อิทฺธิจิตฺตํ โหติ. เอวํ ยตฺตกํ สทฺทํ อิจฺฉติ, ตตฺตกํ ตตฺถ คตํ อาวชฺชิตฺวา อภิฺาาเณน ชานาติ. เยน ปน เอวํ กสิณนิมิตฺตํ อวฑฺฒิตํ, เตน ปุนปิ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตพฺพเมว. โส หิ ตํ านคตสทฺทํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวาว ตโต ¶ วุฏฺาย อภิฺาจิตฺเตน สุณาติ. ตโต เอว หิ ‘‘ปาทการมฺมเณน…เป… สุณาตีติ สาสงฺกํ วทตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๔๐๐) วุตฺตํ. อิทฺธิวิธลาภี ปน เสสาภิฺลาภิโน วิย วิชฺชมานสทฺทาทิอารมฺมณมตฺตเมว อกตฺวา อาคนฺตุกรูปนิมฺมาปนโต สพฺพถาปิ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวาว ตํ นิปฺผาเทติ. เอกงฺคุลทฺวงฺคุล-คฺคหณฺเจตฺถ สุขุมสทฺทาเปกฺขาย กตํ.
๑๐๖๘. สุณนฺโตติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา สวเนน วสิกตาภิฺโ หุตฺวา ยถาวชฺชิเต สุณนฺโต. ปาฏิเยกฺกมฺปีติ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาเนปิ ยาว พฺรหฺมโลกา เอกโกลาหลํ กตฺวา อุฏฺิเต สงฺขเภรีปณวาทิสทฺเท ปจฺเจกํ วตฺถุเภเทน ววตฺถาเปตุกามตาย สติ ‘‘อยํ สงฺขสทฺโท, อยํ เภรีสทฺโท, อยํ ปณวสทฺโท’’ติอาทินา ปจฺเจกํเยว ววตฺถาเปตุํ สกฺโกติเยวาติ. ทิพฺพโสตาณวณฺณนา.
๑๐๖๙-๗๓. เจโตปริยมานสนฺติ ปริยาตีติ ปริยํ, สราคาทิวเสน ปริจฺฉิชฺช ชานาตีติ อตฺโถ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติ อตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ โหตีติ. เจตโส ปริยํ เจโตปริยํ, มนสิ ภวนฺติ มานสํ, าณํ, เจโตปริยฺจ ตํ มานสฺจาติ เจโตปริยมานสํ. ทิพฺพจกฺขุวเสเนวาติ ทิพฺพจกฺขุอุปนิสฺสเยเนว. ตฺหิ เอตสฺส อุปฺปาทเน ปริกมฺมํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว ปวตฺตติ, ตสฺมา. ทิพฺเพน จกฺขุนาติ ทิพฺพสทิสตาทีหิ ‘‘ทิพฺพจกฺขู’’ติ ลทฺธโวหาเรน ทิพฺพจกฺขุาเณน ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ. หทยนฺติ น หทยวตฺถุ, อถ โข หทยมํสเปสิ. ยํ พหิ กมลมกุฬสณฺานํ อนฺโต โกสาตกีผลสทิสนฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ นิสฺสาย อิทานิ ¶ วุจฺจมานํ โลหิตํ ติฏฺติ. หทยวตฺถุ ปน อิมํ โลหิตํ นิสฺสาย ปวตฺตติ. โลหิตํ ทิสฺวาติ โลหิตสฺส วณฺณํ ทิสฺวา. ทิพฺพจกฺขุโนปิ หิ วณฺณเมว ทิสฺสติ. เตเนว ¶ หิ ตํ จกฺขุสทิสตฺตา ‘‘จกฺขู’’ติ วุจฺจติ. ปรสฺสาติ อฺสฺส. ยถา หิ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา, เอวํ โย อตฺตา น โหติ, โส ปโร. กถํ ปน ทิพฺพจกฺขุนา โลหิตสฺส วณฺณทสฺสเนน ปรจิตฺตํ วิฺเยฺยนฺติ อาห ‘‘โสมนสฺสยุเต’’ติอาทิ. โลหิตนฺติ รตฺตํ นิคฺโรธผลสมานวณฺณํ. กาฬกนฺติ ชมฺพุสทิสวณฺณํ. ติลเตลูปมนฺติ อเนน ปสนฺนภาวมาห.
กถํ ปน จิตฺเต โสมนสฺส สหคตาทิมฺหิ สติ กมฺมชสฺส โลหิตสฺส วิวิธวณฺณภาวาปตฺตีติ? กิฺจาปิ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตภูตานิ กมฺมชาเนว, ตํ ปน โลหิตํ กมฺมชเมวาติ นตฺถิ จตุสนฺตติรูปสฺสปิ ตตฺถ ลพฺภมานตฺตา. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘อิทํ รูปํ โสมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺานํ, อิทํ โทมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺานํ, อิทํ อุเปกฺขินฺทฺริยสมุฏฺานนฺติ ปรสฺส หทยโลหิตวณฺณํ ปสฺสิตฺวา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๑) วุตฺตํ. เอวมฺปิ ยํ ตตฺถ อจิตฺตชํ, ตสฺส ยถาวุตฺตวณฺณเภเทน น ภวิตพฺพนฺติ? ภวิตพฺพํ เสสสนฺตติรูปานํ ตทนุวตฺตนโต. ยถา หิ คมนาทีสุ จิตฺตชรูปานิ อุตุชกมฺมชาหารชรูเปหิ อนุวตฺตียนฺติ, อฺถา กายสฺส เทสนฺตรปฺปตฺติเยว น สิยาติ, เอวมิธาปิ จิตฺตชรูปํ เสสสนฺตติรูเปหิ อนุวตฺตียติ, ปสาทโกธเวลาสุ จ จกฺขุสฺส วณฺณเภทาปตฺติเยว ตสฺสตฺถสฺส นิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา โสมนสฺสาทิยุตฺตจิตฺตานุรูปํ อุปฺปนฺนจิตฺตสมุฏฺานรูปวเสน เสสติสมุฏฺานรูปานมฺปิ นานาวณฺณตา โหติเยวาติ สุฏฺุ วุตฺตํ ‘‘โลหิตํ โลหิตํ สิยา’’ติอาทิ. ทิสฺวา หทยโลหิตนฺติ ปมํ ตาว อนุมานาเณน ¶ โลหิตํ ทิสฺวา. กาตพฺพํ ถามตํ คตนฺติ อุปฺปาเทตฺวา ถามภาวํ คตํ กาตพฺพํ.
เจโตปริยาณฺหิ อุปฺปาเทตุกาเมน โยคินา ทิพฺพจกฺขุลาภินา เอว สตา เหฏฺา วุตฺตนเยน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารกฺขมํ กตฺวา อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา ปรสฺส หทยมํสเปสึ นิสฺสาย วตฺตมานสฺส โลหิตสฺส วณฺณทสฺสเนน อิทานิ อิมสฺส จิตฺตํ ‘‘โสมนสฺสสหคต’’นฺติ วา ‘‘โทมนสฺสสหคต’’นฺติ วา ‘‘อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ วา นยคฺคาหวเสน ววตฺถาเปตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘อิมสฺส จิตฺตํ ชานามี’’ติ ปริกมฺมํ กาตพฺพํ. กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ตสฺเสวํ ทิพฺเพน จกฺขุนา หทยโลหิตวณฺณทสฺสนาทิวิธินา ปฏิปชฺชนฺตสฺส ‘‘อิทานิ เจโตปริยาณํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ยํ ตทา ปวตฺตตีติ ววตฺถาปิตํ จิตฺตํ, ตํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ ตีณิ จตฺตาริ วา ชวนานิ กามาวจรานิ ชวนฺติ. จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา อภิฺาจิตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกํ ¶ . ตตฺถ ยํ เตน อปฺปนาจิตฺเตน สมฺปยุตฺตํ าณํ, อิทํ เจโตปริยาณํ. ตฺหิ ยตฺถ อเนน ปริกมฺมํ กตํ, ตํ ปรสฺส จิตฺตํ ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌนฺตํ วิภาเวนฺตเมว หุตฺวา ปวตฺตติ, รูปํ วิย จ ทิพฺพจกฺขุาณํ, สทฺทํ วิย จ ทิพฺพโสตาณํ. ตโต ปรํ ปน กามาวจรจิตฺเตหิ สราคาทิววตฺถาปนํ โหติ นีลาทิววตฺถาปนํ วิย.
๑๐๗๔-๕. เอวมธิคตสฺส ปน เจโตปริยาณสฺส ถามคมนวิธานมฺปิ อธิคมวิธานสทิสเมว, ตเทเวตฺถ อาจริเยน ทสฺสิตํ. เอวํ ถามคเตติอาทิ ถามคมนานิสํสทสฺสนํ. สพฺพเมวาติ อิทํ ‘‘กามาวจรจิตฺตํ, รูปารูเปสุ ¶ มานส’’นฺติ อุภยปเทนปิ สมฺพนฺธิตพฺพํ, จตุปณฺณาสวิธํ กามาวจรจิตฺตํ, ปฺจทสรูปาวจรจิตฺตํ, ทฺวาทสอรูปาวจรจิตฺตนฺติ สพฺพเมว, ปจฺเจกํ สราคาทิปฺปเภทกํ วิชานาตีติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนสฺส วเสนายํ อภิฺากถาติ โลกุตฺตรจิตฺตํ อิธ อนุทฺธฏํ. ตมฺปิ หิ อุปริโม, สทิโส วา อริโย เหฏฺิมสฺส, สทิสสฺส จ จิตฺตํ ชานาติ, เหฏฺิโม ปน อุปริมสฺส จิตฺตํ น ชานาติ. ยถา เจตํ, เอวํ อรูปาวจรชฺฌาเน อกตาภินิเวโส ปุถุชฺชโน, เสโขปิ วา อรูปาวจรจิตฺตํ น ชานาติ. อฏฺสมาปตฺติกสฺส ปน วเสน อิธารูปาวจรจิตฺตสฺสาปิ ชานนํ วุตฺตํ. อรหา ปน อารุปฺเป อกตาภินิเวโสปิ ตปฺปฏิจฺฉาทกอวิชฺชาย วิหตตฺตา ตมฺปิ ชานาติเยว. เจโตปริยาณวณฺณนา.
๑๐๗๖-๗. ปุพฺเพ อตีตชาตีสุ นิวาสา นิวุตฺถา อตฺตโน สนฺตาเน ปวตฺตา, สปรวิฺาเณหิ โคจราเสวนาย อาเสวิตา จ ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสา. ปรวิฺาณวิฺาตาปิ หิ ปุพฺเพ นิวสึสุ เอตฺถาติ ปุพฺเพนิวาสาติ วุจฺจนฺติ, เต ปน ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ พุทฺธานํเยว วิสยา, ปุพฺเพ นิวาเสสุ สรูปวิภาวกํ าณํ ปุพฺเพนิวาสาณํ. เตน. ตทนุสฺสตีติ เตสํ ปุพฺเพนิวาสานํ อนุสฺสติ. เหฏฺา ตีสุ ฌาเนสุ ยถารหํ ปีติสุเขหิ กายจิตฺตานํ สมฺปีณนาย จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตพฺพานีติ อาห ‘‘ฌานานิ ปนา’’ติอาทิ. อฺถา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวาเยวาติ วุตฺตํ สิยา. ยาย นิสชฺชาย นิสินฺนสฺส อนุสฺสรณารมฺโภ, สา อิธ สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา.
๑๐๗๘-๘๐. ตโต ปภุติ…เป… กฺกมาติ ตสฺมึ ภเว ปุริมภวาทีสุ กตํ สพฺพมฺปิ สงฺคเหตฺวา สพฺพมาวชฺชิตพฺพนฺติอาทินา วิสุํ วิสุํ รตฺตินฺทิวาทิวเสน ทสฺเสติ. ทิวเส ¶ รตฺติยํ กตนฺติ สพฺพปจฺฉิมนิสชฺชาโต ปฏฺาย อาสนปฺาปนํ เสนาสนปฺปเวสนนฺติ ปฏิโลเมน ¶ สกลํ รตฺตินฺทิวํ กตกิจฺจํ อาวชฺชิตพฺพํ. กตมาวชฺชิตพฺพนฺติ ยํ เอตฺถนฺตเร กตกิจฺจํ, สพฺพํ ตํ ปฏิโลมกฺกเมเนว อาวชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอตฺตกํ ปน ปกติจิตฺตสฺสปิ ปากฏํ, ปริกมฺมจิตฺตสฺส ปน อติปากฏเมว. สเจ ปเนตฺถ กิฺจิ น ปากฏํ โหติ, ปุน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อาวชฺชิตพฺพํ, เอตฺตเกน ทีเป ชลิเต วิย ปากฏํ โหติ. ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนฺหิ สตฺถกสฺส วิย นิสานสิลา สติปฺานํ นิสิตภาวาวหํ, ตสฺมา ตา ตํสมาปชฺชเนน ปรมเนปกฺกปฺปตฺตา โหนฺติ. ปุริมสฺมึ ภเวติ อิมมฺหา ภวา อนนฺตเร ปุริมสฺมึ ภเว.
๑๐๘๑. นิพฺพตฺตํ นามรูปฺจาติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺตนามรูปํ. สาธุกนฺติ สุฏฺุ อปริหาเปตฺวา อาวชฺชิตพฺพํ. ปโหติ หิ อิมิสฺสา อภิฺาย กตาธิกาโร ภิกฺขุ ปมวาเรเนว ปฏิสนฺธึ อุคฺฆาเฏตฺวา จุติกฺขเณ นามรูปํ อารมฺมณํ กาตุํ, ตถา อสกฺโกนฺเตนาปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา ปาทกชฺฌานเมว ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชิตพฺพํ, ตโต จ วุฏฺาย ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ. อาวชฺชนฺเตน จ ปน ปมํ รูปํ อาวชฺชิตฺวา ปจฺฉา นามํ อาวชฺชิตพฺพนฺติ อาจริยา. อปเร ปน วิปริยาเยน วทนฺติ.
ตตฺถ ปจฺฉิมนิสชฺชาโต ปภุติ ยาว ปฏิสนฺธิโต อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาณํ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถธมฺมารมฺมณาภาวโต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นาม น โหติ, ตํ ปน ปริกมฺมาณเมว. ยทา ปนสฺส ปฏิสนฺธึ อติกฺกมฺม จุติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามรูปํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ วุตฺตนเยน อปฺปนาจิตฺตํ ¶ อุปฺปชฺชติ, เตน สมฺปยุตฺตํ าณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นาม. เตนาห ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ.
เอตฺถาห – กึ เอเกเนว อภิฺาจิตฺเตน จุติกฺขเณ ปวตฺตนามรูปํ สพฺพมฺปิ อารมฺมณํ กโรติ, อุทาหุ อฺเน อฺเนาติ. กิฺเจตฺถ ยทิ เอเกเนว, ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย อนิรูปิตรูเปน ววตฺถานํ โหติ. ยทิ จ อฺเน อฺเน, วิสุํ วิสุํ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนาทินา ภวิตพฺพนฺติ? อุภยถาปิ น โทโส. อิทฺธิวิสยสฺส หิ อจินฺเตยฺยตฺตา เอเกนปิ อภิฺาจิตฺเตน นามรูเป ปสฺสนฺโต นิรูปิตรูเปเนว ปสฺสติ, น อนิรูปิตรูเปเนว ปสฺสติ, อฺเนปิ วา ปมเมว ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สมาหิตจิตฺเตน ¶ กตปริกมฺมสฺส ปวตฺติตตฺตา ปุน สมาปชฺชนํ วินา อาวชฺชิตฺวา อารมฺมณํ กโรติเยวาติ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณวณฺณนา.
๑๐๘๖-๘. ทิพฺพจกฺขุนาติ ทิพฺพสทิสตฺตา, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลภิตพฺพตฺตา, อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา มหาชุติกตาทีหิ วา ทิพฺพํ, รูปทสฺสนฏฺเน จกฺขุมิวาติ จกฺขุ. ยถา หิ มํสจกฺขุ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย ปวตฺตติ, อิทํ ปน ตโต สาติสยํ จกฺขุกิจฺจการีติ ทิพฺพฺจ ตํ จกฺขุ จาติ ทิพฺพจกฺขุ, เตน ทิพฺพจกฺขุนา. กสิณารมฺมณนฺติ อฏฺนฺนมฺปิ กสิณานํ วเสน กสิณารมฺมณํ. อภินีหารกฺขมํ กตฺวาติ จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมเนน อฏฺงฺคสมฺปนฺนตากรเณน อภินีหารกฺขมํ ทิพฺพจกฺขุาณาภิมุขํ เปสนารหํ เปสนโยคฺยํ กตฺวา. ‘‘เตโช…เป… กสิณมฺปิ วา อาสนฺนํ กาตพฺพ’’นฺติ ปาเสโส. อาสนฺนํ กาตพฺพนฺติ ทิพฺพจกฺขุาณุปฺปตฺติยา สมีปภูตํ การณภูตํ กาตพฺพํ, ตตฺถ อุปจารชฺฌานํ ปคุณตรํ กตฺวา ¶ ตํ วฑฺเฒตฺวา อิจฺฉิตกฺขเณ อุปฏฺานโยคฺยํ กตฺวา เปตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ ทิพฺพจกฺขุนา รูปทสฺสนวิสเย. เสฏฺนฺติ ปริทีปิตนฺติ อาโลกกสิณสฺเสว ปภาวิสฺสชฺชนสภาเวน อาโลกกรเณน อิตเรหิ วิสิฏฺตฺตา วิสิฏฺนฺติ ปริทีปิตํ.
๑๐๘๙-๙๐. อุปฺปาเทตฺวาติ ปมชฺฌานนิทฺเทเส วุตฺตนเยน อุปจารชฺฌานุปฺปาทเนน อุปฺปาเทตฺวา. อุปจารชฺฌานุปฺปตฺติยา หิ สทฺธึ ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติ. ยสฺมา ปาทกชฺฌานํ วิชฺชมาเนเยว อาโลเก อปฺปนาวเสน ปวตฺติมตฺตํ วินา อตฺตโน พเลน อาโลกํ ผริตุํ น สกฺโกติ, นาปิ ยถาปตฺถฏํ ถาวรํ กาตุํ, ปริกมฺมํ ปน ตทุภยมฺปิ กาตุํ สมตฺถํ, ตสฺมา อุปจารภูมิยํเยว ตํ วฑฺเฒตพฺพนฺติ อาห ‘‘อุปจารภูมิย’’นฺติอาทิ. อุปจารภูมีติ เจตฺถ อาโลกสฺส ถาวรกรณวสปฺปวตฺตํ ปริกมฺมจิตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อปฺปนนฺติ ฌานวเสน อปฺปนํ. น หิ อกตปริกมฺมสฺส อภิฺาวเสน อปฺปนา สิชฺฌติ. เตนาห ‘‘ปาทกชฺฌานนิสฺสิต’’นฺติ. ปาทกชฺฌานนิสฺสิตนฺติ ปาทกชฺฌานารมฺมณํ โหติ, น ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺมนิสฺสิตํ ปริกมฺมารมฺมณํ โหติ, ตถา จ สติ อาโลกวฑฺฒนาภาวโต รูปทสฺสนํ น สิยาติ อธิปฺปาโย.
๑๐๙๑-๓. อนฺโต…เป… ภเวติ อนฺโตคตเมว รูปคตํ ปสฺสิตพฺพํ ภเว, น พหิทฺธา วิกฺเขปุปฺปตฺติเหตุภาวโต ¶ ปสฺสิตพฺพํ ทิพฺพจกฺขุนาติ อธิปฺปาโย. น หิ อาโลเก ผริเตปิ มํสจกฺขุสฺส อาปาถํ โหติ. ปริกมฺมสฺส วาโร หิ อติกฺกมติ ตาวเทติ อิธ ปริกมฺมํ นาม ยถาวุตฺตกสิณารมฺมณํ อุปจารชฺฌานํ, ตํ รูปคตํ ปสฺสโต น ปวตฺตติ, กสิณาโลกวเสน จ รูปคตทสฺสนํ กสิณาโลโก จ ปริกมฺมวเสนาติ ตทุภยมฺปิ ปริกมฺมสฺส ¶ อปฺปวตฺติยา น โหติ. เตนาห ‘‘อาโลโกปี’’ติอาทิ. ตสฺมึ อนฺตรหิเต รูปคตมฺปิ น จ ทิสฺสติ, รูปคตํ ปสฺสโต ปริกมฺมสฺส วาโร อติกฺกมติ, ปริกมฺมปสุตสฺส กสิณารมฺมณาณํ โหตีติ รูปคตํ ทิสฺสติ, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ.
๑๐๙๔-๙. เอวํ อนุกฺกเมนาติ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อภิณฺหํ อาโลกผรเณน. อาโลโก ถามวาติ อาโลกคโต จิรฏฺายี สิยา, ตถา จ สติ ตตฺถ สุจิรมฺปิ รูปคตํ ปสฺสเตว. เตน วุตฺตํ ‘‘อาโลโก เอตฺถา’’ติอาทิ. สฺวายมตฺโถ ติณุกฺกูปมาย วิภาเวตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติณุกฺกายา’’ติอาทิ. เอโก กิร รตฺติยํ ติณุกฺกาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ, ตสฺส สา ติณุกฺกา วิชฺฌายิ, อถสฺส สมวิสมานิ น ปฺายึสุ, โส ตํ ติณุกฺกํ ภูมิยํ ฆํสิตฺวา ปุน อุชฺชาเลสิ, สา ปชฺชลิตฺวา ปุริมาโลกโต มหนฺตรมาโลกํ อกาสิ, เอวํ ปุนปฺปุนํ วิชฺฌาตํ อุชฺชาลยโต กเมน สูริโย อุฏฺาสิ, สูริเย อุฏฺิเต ‘‘อุกฺกาย กมฺมํ นตฺถี’’ติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ทิวสมฺปิ อคมาสิ. ตตฺถ อุกฺกาโลโก วิย ปริกมฺมกาเล กสิณาโลโก, อุกฺกาย วิชฺฌาตาย สมวิสมานํ อทสฺสนํ วิย รูปคตํ ปสฺสโต ปริกมฺมสฺส วาราติกฺกเมน อาโลเก อนฺตรหิเต รูปคตานํ อทสฺสนํ, อุกฺกาย ฆํสนํ วิย ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนํ, อุกฺกาย ปุริมาโลกโต มหนฺตตราโลกกรณํ วิย ปุน ปริกมฺมํ กโรโต พลวตราโลกผรณํ, สูริยุฏฺานํ วิย ถามคตาโลกสฺส ยถาวฑฺฒิตปริจฺเฉทํ ผริตฺวา อวฏฺานํ, ติณุกฺกํ ฉฑฺเฑตฺวา ทิวสมฺปิ คมนํ วิย ปทิตฺตาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ถามคเตนาโลเกน ทิวสมฺปิ รูปทสฺสนํ. เอตฺตาวตา จ ทิพฺพจกฺขุสฺส นานาวชฺชนปริกมฺมฺเจว ทิพฺพจกฺขุาณฺจ ทสฺสิตํ, น ตสฺส อุปฺปตฺติกฺกโมติ ¶ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปาทนกฺกโมปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. ตานิ จตฺตาริ ปฺจ วาติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ. ‘‘ตีณิ จตฺตาริ วา ปนา’’ติ ปาโ.
๑๑๐๐. ตตฺถ อตฺถสาธกจิตฺตนฺติ ยทตฺถาเยส ปฏิปนฺโน, ตสฺส ตทตฺถสาธนโต อตฺถสาธกภูตํ ¶ จิตฺตํ. ตสฺมิฺหิ อุปฺปนฺเน มํสจกฺขุสฺส อนาปาถโยคฺยํ อนฺโตกุจฺฉิคตํ หทยวตฺถุนิสฺสิตํ เหฏฺาปถวีตลนิสฺสิตํ ติโรกุฏฺฏปพฺพตปาการคตํ ปรจกฺกวาฬคตนฺติ อิทํ รูปํ อาปาถํ อาคจฺฉติ, มํสจกฺขุนา ทิสฺสมานํ วิย โหติ. ตเทว เจตฺถ รูปํ สรูปโต วิภาวนสมตฺถํ จกฺขุวิฺาณํ วิย. น ปน อาวชฺชนปริกมฺมวเสน ปวตฺตานิ ปุพฺพภาคจิตฺตานิ. ตานิ หิ อารมฺมณํ กโรนฺตานิปิ น ยาถาวโต ตํ วิภาเวตฺวา ปวตฺตนฺติ อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนาทิจิตฺตานิ วิยาติ.
๑๑๐๑-๒. นนุ จ อนาคตํสาณํ ยถากมฺมูปคาณนฺติ ทฺเว อภิฺาาณานิ อตฺถิ, กสฺมา ตานิ อิธ น ทสฺสิตานีติ อาห ‘‘อนาคตํสาณสฺสา’’ติอาทิ. อิชฺฌนฺติ ทิพฺพจกฺขุนาติ วิสุํ ปริกมฺมสฺส อภาวโต ทิพฺพจกฺขุาณปฏิลาเภเนว ตสฺส ปริวารานิ หุตฺวา ปฏิลทฺธานิ โหนฺติ. ตโตเยว หิ ตานิ ตสฺส ปริภณฺฑาณานีติ วุจฺจนฺติ. ยถา หิ สิเนรุสฺส ปริวารฏฺานิยานิ ตํสิทฺธิยา สิทฺธานิ เมขลฏฺานานิ ปริภณฺฑานีติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อิมานิปิ ทิพฺพจกฺขุสิทฺธิยา สิทฺธานิ ตสฺส ปริภณฺฑานีติ เวทิตพฺพานิ.
โหตุ ตาว เอวเมตํ, จุตูปปาตาณํ ปน กึ น ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘จุตูปปาตาณมฺปี’’ติอาทิ. ทิพฺพจกฺขุาณเมว หิ จุติยํ, อุปปตฺติยฺจ รูปํ วิภาเวนฺตํ จุตูปปาเต ปวตฺตตฺตา ‘‘จุตูปปาตาณ’’นฺติ วุจฺจติ, อวเสสรูปวิภาวนกาเล ¶ ‘‘ทิพฺพจกฺขู’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปรมตฺถโต นามทฺวเยน อาคตํ เอกเมว าณํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ จุตูปปาตาณนฺติ ปน พฺยฺชนโตเยว นานนฺติ. กตฺถจิ มโนมยาณนฺติปิ วิสุํ อภิฺาาณํ อาคตํ, ตํ อตฺถโต อิทฺธิวิธาณเมว. ทิพฺพจกฺขุาณวณฺณนา.
๑๑๐๓. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. อเนน ตเรนาติ อเนน อภิธมฺมาวตารนามเกน ตเรน.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.