📜

๑๘. อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๑๗๐-๒. อิทานิ ยสฺมา เอวํ อภิฺาวเสน อธิคตานิสํสาย ถิรตราย สมาธิภาวนาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ปฺา ภาเวตพฺพา โหติ. เอวฺหิ สา สพฺพากาเรน ถิรตรา สิขปฺปตฺตา จ โหติ, ตสฺมา ตสฺสา ภาวนานยวิภาวนตฺถมารภนฺโต อาห ‘‘สมาธึ ปนา’’ติอาทิ . กา ปฺาติ สรูปปุจฺฉา. โก จตฺโถติ อิมิสฺสา โก อตฺโถ. ปฺาติ ปทํ กํ อภิเธยฺยตฺถํ นิสฺสาย วตฺตตีติ อธิปฺปาโย.

๑๑๗๓-๔. ปฺา วิปสฺสนาปฺาติ อิธาธิปฺเปตเมว ปฺํ ทสฺเสติ, อฺตฺถ ปน พหุวิโธ ปฺาปเภโท โหติ. ปุฺจิตฺตสมายุตาติ กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา. เอตฺถ จ ปุฺ-คฺคหเณน ทุวิธมฺปิ อพฺยากตํ นิวตฺเตติ, ตถา ‘‘อตฺถิ สํกิลิฏฺา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวาทํ ปฏิเสเธติ. วิปสฺสนา-คฺคหเณน กมฺมสฺสกตาทิวสปฺปวตฺตํ เสสกุสลปฺํ. ชานนา วา ปการโตติ วุตฺเต ‘‘กิมิทํ ปการโต ชานนํ นามา’’ติ อนุโยคํ มนสิ นิธาย สฺชานนวิชานนาการวิสิฏฺํ นานปฺปการโต ชานนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สฺาวิฺาณปฺานํ, โก วิเสโส กิมนฺตร’’นฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนมาห ‘‘สฺาวิฺาณปฺาน’’นฺติอาทินา. ชานนตฺเต สเมปิ จาติ วิสยวิชานนากาเร สมาเนปิ.

๑๑๗๕. สฺชานนมตฺตํวาติ ‘‘นีลปีต’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ วิชฺชมานํ, อวิชฺชมานํ วา สฺานิมิตฺตํ กตฺวา ชานนํ. ตถา เหสา ปุน สฺชานนปจฺจยกรณรสา. มตฺต-สทฺเทน วิเสสนิวตฺติอตฺเถน วิชานนปฺปชานนากาเร นิวตฺเตติ, เอว-กาเรน กทาจิปิ อิมิสฺสา เต วิเสสา น สนฺติเยวาติ อวธาเรติ. เตนาห ‘‘ลกฺขณปฺปฏิเวธ’’นฺติอาทิ. ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ลกฺขณปฏิเวธํ กาตุํ เนว สกฺโกติ, วิฺาณกิจฺจมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, สฺา กุโต ปฺากิจฺจํ กเรยฺยาติ ลกฺขณปฏิเวธํ กาตุํ น สกฺโกติจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘มคฺคํ ปาเปตุํ น สกฺโกตี’’ติ.

๑๑๗๖. วิฺาณํ ปน อารมฺมเณ ปวตฺตมานํ น ตตฺถ สฺา วิย นีลปีตาทิกสฺส สฺชานนวเสเนว ปวตฺตติ, อถ โข ตํ ตตฺถ อนิจฺจตาทิวิเสสํ, อฺฺจ ตาทิสํ วิเสสํ ชานนฺตเมว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘วิฺาณํ ปนา’’ติอาทิ. กถํ ปน วิฺาณํ ลกฺขณปฏิเวธํ กโรตีติ? ปฺาย ทสฺสิตมคฺเคน. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย หิ อเนกวารํ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตมานาย ปคุณภาวโต ปริจยวเสน าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ วิปสฺสนา สมฺภวติ, ยถา ตํ ปคุณสฺส คนฺถสฺส สชฺฌายเน ายาคตาปิ วารา น วิฺายนฺติ. ลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุนฺติ จ ลกฺขณานํ อารมฺมณกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏิวิชฺฌนํ.

๑๑๗๗. อุสฺสกฺกิตฺวาติ ๒๒๐ อุทยพฺพยาทิาณปฏิปาฏิยา อารภิตฺวา มคฺคํ ปาเปตุเมว ตํ วิฺาณํ น สกฺโกติ อสมฺโพธสภาวตฺตา. วุตฺตนยนฺติ วิฺาเณ วุตฺตนยํ. สา หิ อารมฺมณฺจ ชานาติ, ลกฺขณฺจ ปฏิวิชฺฌติ. อตฺตโน ปน อนฺสาธารเณน อานุภาเวน มคฺคํ ปาเปตุฺจ สกฺโกติ. พาลคามิกเหรฺิกานํ กหาปณชานนมิว จ เนสํ อารมฺมณชานนํ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ เหรฺิกผลเก ปิตํ กหาปณราสึ เอโก อสฺชาตโวหารพุทฺธิ พาลทารโก, เอโก คามิกปุริโส, เอโก เหรฺิโกติ ตีสุ ชเนสุ ปสฺสมาเนสุ พาลทารโก กหาปณานํ จิตฺตวิจิตฺตทีฆรสฺสจตุรสฺสปริมณฺฑลภาวมตฺตเมว ชานาติ, ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคาวหํ รตนสมฺมต’’นฺติ น ชานาติ. คามิกปุริโส ตทุภยํ ชานาติ, ‘‘อยํ เฉโก มหาสาโร, อยํ กูโฏ, อยํ อฑฺฒสาโร, อยํ ปาทสาโร’’ติอาทิกํ ปน วิภาคํ น ชานาติ. เหรฺิโก สพฺเพปิ เต ปกาเร ชานาติ, ชานนฺโต จ โอโลเกตฺวาปิ ชานาติ, อาโกฏิตสทฺทํ สุตฺวาปิ ชานาติ, คนฺธํ ฆายิตฺวาปิ รสํ สายิตฺวาปิ หตฺเถน ธารยิตฺวาปิ ‘‘อสุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา ปพฺพเต วา นทีตีเร วา กโต’’ติปิ ‘‘อสุกอาจริเยน กโต’’ติปิ ชานาติ. ตตฺถ สฺา อสฺชาตโวหารพุทฺธิโน พาลทารกสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย วิภาคํ อกตฺวา ปิณฺฑวเสเนว อารมฺมณํ คณฺหาติ นีลาทิวเสน อารมฺมณสฺส อุปฏฺานาการคฺคหณโต, วิฺาณํ คามิกปุริสสฺส กหาปณทสฺสนมิว เอกจฺจวิเสสคฺคหณสมตฺถตาย, ปฺา อนวเสสคฺคหณสมตฺถตาย เหรฺิกสฺส กหาปณทสฺสนมิว ทฏฺพฺพาติ.

๑๑๗๘-๘๐. สภาวปฏิเวธนนฺติ สโก ภาโว, สมาโน วา ภาโว สภาโว, ตสฺส ปฏิเวธนํ าตปริฺาตีรณปริฺาวเสน สภาวสามฺลกฺขณปฏิเวธนํ. ฆฏปฏาทิปฏิจฺฉาทกสฺส พาหิรนฺธการสฺส ทีปาโลโก วิย ยถาวุตฺตธมฺมสภาวปฏิจฺฉาทกสฺส วิทฺธํสนรสา. อุปฺปชฺชมาโนเยว หิ าณาโลโก หทยนฺธการํ วิธเมนฺโต อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘สมฺโมหนนฺธการสฺส, วิทฺธํสนรสา มตา’’ติ. ตโตเยว สพฺพธมฺเมสุ อสมฺมุยฺหนากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, การณภูตา วา สยํ ผลภูตํ อสมฺโมหํ ปจฺจุปติฏฺาเปตีติ อาห ‘‘อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา’’ติ. วิปสฺสนาปฺาย อิธาธิปฺเปตตฺตา สมาธิ ตสฺสา ปทฏฺานํ. ตถา หิ ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑; อ. นิ. ๑๑.๒) สุตฺตปทนฺติ อาห ‘‘สมาธาสนฺนการณา’’ติ.

๑๑๘๑-๒. ธมฺมสภาวปฏิเวโธ นาม ปฺาย อาเวณิโก สภาโว, น เตนสฺสา โกจิ วิภาโค ลพฺภตีติ อาห ‘‘ลกฺขเณเนกธา วุตฺตา’’ติ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก วุจฺจติ วฏฺฏํ, ตปฺปริยาปนฺนตาย โลเก นิยุตฺตา, ตตฺถ วา วิทิตาติ โลกิกา. ตตฺถ อปริยาปนฺนตฺตา อโลกิกา. กตมา ปเนตฺถ โลกิยา, กตมา โลกุตฺตรา จาติ อาห ‘‘โลกิเยนา’’ติอาทิ. โลกิยกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ มคฺคสมฺปยุตฺตา โลกิเยน มคฺเคน ยุตฺตา. วิเสสโต ปน ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิวิสุทฺธิจตุกฺกสงฺคหิตมคฺคสํยุตฺตา สมุทาเย ปวตฺตา ปฺา ตเทกเทเสสุปิ ปวตฺตตีติ มคฺค-คฺคหณํ กตํ, ปจฺเจกมฺปิ วา สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ มคฺคสมฺาติ กตฺวา. โลกโต อุตฺตรา อุตฺติณฺณาติ โลกุตฺตรา. โลกุตฺตราปิ หิ มคฺคสมฺปยุตฺตา ภาเวตพฺพา, วิปสฺสนาปริโยสาเน ลพฺภเตวาติ โลกุตฺตร-คฺคหณํ น วิรุชฺฌติ. เตนาห ‘‘โลกุตฺตเรนา’’ติอาทิ. สุตมยาทิโตติอาทิคฺคหเณน ภาวนามยํ สงฺคณฺหาติ.

๑๑๘๓-๕. อตฺตโนว จินฺตายาติ ตสฺส ตสฺส อนวชฺชสฺส อตฺถสฺส สาธเน ปโรปเทเสน วินา อตฺตโน อุปายจินฺตาวเสเนว . ภูริปฺเนาติ มหาปฺเน, ปตฺถฏตาย ปถวีสมานปฺเน วาติ อตฺโถ. ปรโต ปน สุตฺวานาติ ปรโต อุปเทสํ สุตฺวา. สุเตเนว จ นิปฺผนฺนาติ อนฺโตคตเหตฺวตฺถมิทํ วิเสสนํ, สุเตเนว นิปฺผนฺนตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘นิปฺผนฺนตฺตา สุเตน วา’’ติ วา ปาโ. ยถา วาปิ ตถา วาติ ปรโต สุตฺวา วา อสุตฺวา วา. อปฺปนาปตฺตาติ อิทํ สิขาปตฺตํ ภาวนามยํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, น ปน อปฺปนาปตฺตาว ภาวนามยาติ. ติสฺโสปิ ปเนตา ปฺา ปาฬิวเสน เอวํ เวทิตพฺพา –

‘‘ตตฺถ กตมา จินฺตามยา ปฺา? โยควิหิเตสุ วา กมฺมายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา สิปฺปายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา วิชฺชาาเนสุ กมฺมสฺสกตํ วา สจฺจานุโลมิกํ วา รูปํ อนิจฺจนฺติ วา, เวทนา, สฺา, สงฺขารา, วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ วา, ยํ เอวรูปํ อนุโลมิกํ ขนฺตึ ทิฏฺึ รุจึ มุทึ เปกฺขํ ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ ปรโต อสุตฺวา ปฏิลภติ, อยํ วุจฺจติ จินฺตามยา ปฺา. ตตฺถ กตมา สุตมยา ปฺา…เป… สุตฺวา ปฏิลภติ, อยํ วุจฺจติ สุตมยา ปฺา. สพฺพาปิ สมาปนฺนสฺส ปฺา ภาวนามยา ปฺา’’ติ (วิภ. ๗๖๘).

เอตฺถ จ กิฺจาปิ กมฺมายตนาทิวเสน จินฺตามยสุตมยปฺา มหคฺคตโลกุตฺตรวเสน ภาวนามยปฺา จ วุตฺตา, อิธ ปน อนฺติมภวิกานํ ทฺวินฺนํ โพธิสตฺตานเมว ลพฺภมานา จินฺตามยภูตา สจฺจานุโลมิกา ปฺา, ปูริตปารมีนํ อวเสสมหาปฺานํ ลพฺภมานา สุตมยา สจฺจานุโลมิกา ปฺา, โลกุตฺตรปฺปนาปตฺตาปิ ภาวนามยปฺาว อธิปฺเปตา.

๑๑๘๖. ปฏิสมฺภิทาจตุกฺกสฺสาติ อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิภานสงฺขาตสฺส ปฏิสมฺภิทาจตุกฺกสฺส วเสน. นนุ เจตฺถ วิปสฺสนาปฺา อธิปฺเปตา, กสฺมา ปฏิสมฺภิทา อาหฏาติ? วิปสฺสกานํ าณปาฏวตฺถํ ปฺาปฺปเภเท นิทฺทิสิยมาเน ปฏิสมฺภิทาปฺาปิ วตฺตุกามตาย, ปฏิสมฺภิทาปฺาย วา วิปสฺสนาผลภูตตฺตา โลกิยโลกุตฺตรปฺาธิกาเร วา โลกุตฺตรปฺาย สห ปาปุณิตพฺพํ ปฏิสมฺภิทาปฺมฺปิ วตฺตุกามตาย อิเธว วุตฺตาติ. อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ าณนฺติ ‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺเม าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘) เอวมาคตํ อตฺถาทีสุ ตีสุ ปเภทคตํ าณตฺตยํ. ตีสุปีติ ยถาวุตฺเตสุ ตีสุปิ ปฏิสมฺภิทาาเณสุ โคจรกิจฺจลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานภูมิอาทิวเสน เต อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานีติ เอวํ ปเภทคตํ าณํ, ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณวเสน วา ตีสุ าเณสุ าณํ. ปฏิสมฺภิทารมฺมณมฺปิ หิ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา โหติ. เตเนว จ สุตฺตนฺตภาชนียปาฬิยํ ‘‘าเณสุ าณ’’นฺติ, อฏฺกถาย จ ‘‘สพฺพตฺถกาณํ อารมฺมณํ กตฺวา าณํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปเภทคตํ าณ’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) อวิเสเสน วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา มหคฺคตปฏิสมฺภิทาาณสฺส อภาเวปิ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปริตฺตารมฺมณา, ติสฺโส ปฏิสมฺภิทา สิยา ปริตฺตารมฺมณา, สิยา มหคฺคตารมฺมณา, สิยา อปฺปมาณารมฺมณาติ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย มหคฺคตารมฺมณตาปิ ปฺหาปุจฺฉกปาฬิยํ วุตฺตา.

อภิธมฺมภาชนีเย ปน –

‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา, ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ. เย วา ปน ตสฺมึ สมเย อฺเปิ อตฺถิ อรูปิโน ธมฺมา, อิเม ธมฺมา กุสลา. เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ยาย นิรุตฺติยา เตสํ ธมฺมานํ ปฺตฺติ โหติ, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. เยน าเณน ตานิ าณานิ ชานาติ ‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’ติ, เตสุ าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๕) –

จิตฺตุปฺปาทกฺกเมน เทสนาย ปวตฺตตฺตา สาวเสโส ปาโ กโต. จิตฺตุปฺปาทสงฺคหิเต อตฺเถ อเสเสตฺวา เทสนา หิ อภิธมฺมภาชนีเย ปวตฺตา, น สพฺพเยฺเยติ ยถาทสฺสิตวิสยวจนวเสน ‘‘เยน าเณน ตานิ าณานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ, น ตํ อฺารมฺมณตํ ปฏิเสเธติ เทสนาย อตปฺปรภาวโต. เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ นิพฺพาเน, อนาคเตปิ อตฺถปฏิสมฺภิทา สิยา น วตฺตพฺพา อตีตารมฺมณาติปิ อนาคตารมฺมณาติปิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาติปีติ อตฺถปฏิสมฺภิทาย นิพฺพานารมฺมณตา วุตฺตา. เอตฺถ จ อตฺโถติ สงฺเขปโต เหตุผลสฺเสตํ อธิวจนํ. เหตุผลฺหิ ยสฺมา เหตุอนุสาเรน อรียติ อธิคมียติ สมฺปาปุณียติ, ตสฺมา อตฺโถติ วุจฺจติ. ธมฺโมติปิ สงฺเขปโต ปจฺจยสฺเสตํ อธิวจนํ. โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ ทหติ ปวตฺเตติ, สมฺปาปุณิตุํ วา ธาเรติ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ. นิรุตฺตีติ สตฺตานํ มูลภาสาภูตา มาคธิกภาสา, ยาย พุทฺธานํ เทสนา โหติ. ปฏิภานนฺติ เหฏฺา วุตฺตํ าณตฺตยเมว. วุตฺตฺเหตํ อภิธมฺเม ‘‘ทุกฺเข าณํ…เป… ตสฺส วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิ.

๑๑๘๗. ยสฺมา ปนายํ สงฺเขปตฺโถว, ปเภทวเสน จ วุจฺจมาโน ปากโฏ โหติ, ตสฺมา ตํ สงฺคเหตฺวา ปเภทโตว อตฺถาทิเก ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนนฺติ ยํ กิฺจิ เหตาทิปจฺจยโต สมุปฺปนฺนํ. ตํ ปน ‘‘อิทํ อิโต นิพฺพตฺต’’นฺติ เอวํ เหตุอนุสาเรน วิฺายมานเมว อิธ อธิปฺเปตํ, ตถา กุสลากุสลผลภูตา วิปากา อพฺยาปารสนฺติวเสน วิฺายมานา, เสสา อพฺยาปารภูตา กิริยา ธมฺมา อวิปากสนฺติวเสน, อสงฺขตํ นิสฺสรณภูโต นิโรโธ นิพฺพุติสนฺติวเสน, พุทฺธวจนตฺถภูโต ขนฺธาทิปรมตฺถธมฺโม อิมาย อยํ ทีปิโตติ เอวํ ปาฬิอนุสาเรน วิฺายมาโนว อตฺถสมฺํ ลภตีติ อาห ‘‘ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เหตุผลํ, ภาสิตตฺโถ จ สกสกเหตุปฏิพทฺโธ, ภาสิตปฏิพทฺโธ จ วิฺายตีติ ปริยายโต, เสสํ สกสกภาววเสเนว วิฺายตีติ นิปฺปริยายโตว อตฺโถ นาม. ตตฺถ ปริยายตฺโถ สุตฺตนฺตภาชนียวเสน วุตฺโต, นิปฺปริยายตฺโถ อภิธมฺมภาชนียวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. ภาสิตนฺติ ปาฬิธมฺมมาห. เสสํ อตฺถปฺจเกสุ วุตฺตนเยน ยถารหํ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ จ นิพฺพานํ ปตฺตพฺโพ อตฺโถ, ภาสิตตฺโถ าเปตพฺโพ อตฺโถ, อิตโร นิพฺพตฺเตตพฺโพ อตฺโถติ ติวิโธ โหติ อตฺโถ. มคฺโค สมฺปาปโก เหตุ, ภาสิตํ าปโก เหตุ, อิตรํ นิพฺพตฺตโก เหตูติ เอวํ ติวิโธ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กิริยาธมฺมานฺเจตฺถ อวิปากตาย ธมฺมภาโว น วุตฺโต. ยทิ เอวํ วิปากา น โหนฺตีติ อตฺถภาโว น วตฺตพฺโพ? น, ปจฺจยุปฺปนฺนภาวโต. เอวํ สติ กุสลากุสลานมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา อตฺถภาโว อาปชฺชติ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. วิปากสฺส ปน ปธานเหตุตาย ปากฏภาวโต ธมฺมภาโว เอว เตสํ วุตฺโต, กิริยานํ ปจฺจยภาวา ธมฺมภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. กมฺมผลสมฺพนฺธสฺส ปน เหตุภาวาภาวโต ธมฺมภาโว น ยุตฺโตติ. อปิจ ‘‘อยํ อิมสฺส ปจฺจโย, อยํ ปจฺจยุปฺปนฺโน’’ติ เอวํ เภทมกตฺวา เกวลํ กุสลากุสเล วิปากกิริยธมฺเม จ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ธมฺมตฺถปฏิสมฺภิทา น โหนฺตีติ เตสํ อตฺถธมฺมตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๑๘๙. สภาวนิรุตฺตีติ อวิปรีตนิรุตฺติ, อวิปรีตนิรุตฺตีติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส โพธเน สพฺพกาลํ ปฏินิยตสมฺพนฺโธ อพฺยภิจารโวหาโร มาคธภาสาติ วุตฺตํ โหติ. สา หิ สพฺพกาลํ ปฏินิยตสมฺพนฺโธ, อิตรา ภาสา ปน กาลนฺตเรน ปริวตฺตนฺติ. อตฺถโต ปเนสา นามปฺตฺตีติ อาจริยา. ยถาหุ –

‘‘นิรุตฺติ มาคธา ภาสา, อตฺถโต นามสมฺมุตี’’ติ.

อปเร ปน – ยทิ สภาวนิรุตฺติ ปฺตฺติสภาวา, เอวํ สติ ปฺตฺติ อภิลปิตพฺพา, น วจนนฺติ อาปชฺชติ, เอวฺจ สติ ‘‘ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ อิทํ น สกฺกา วตฺตุํ, อภิลปิตพฺโพติ อภิลาโป. น หิ วจนโต อฺํ อภิลปิตพฺพํ อุจฺจาเรตพฺพํ อตฺถิ, อถ ผสฺสาทิวจเนหิ โพเธตพฺพํ อภิลปิตพฺพํ, เอวฺจ สติ อตฺถธมฺมานมฺปิ โพเธตพฺพตฺตา เตสมฺปิ นิรุตฺติภาโว อาปชฺชติ, อปิจ อฏฺกถายํ ‘‘ผสฺโสติ จ สภาวนิรุตฺติ, ผสฺสา ผสฺสนฺติ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) วจนโต วิฺตฺติวิการสหิโต สทฺโท นิรุตฺตีติ ทสฺสิตเมว, ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, เอวมยํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปฺตฺติอารมฺมณา’’ติ อฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) วุตฺตตฺตา นิรุตฺติสทฺทารมฺมณาย โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต มโนทฺวาเร นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปวตฺตติ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปริตฺตารมฺมณา’’ติ วจนํ อุปปนฺนํ โหตีติ วทนฺติ. อาจริยโชติปาลตฺเถราทโย ปนาหุ – ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ วจนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ สทฺทํ คเหตฺวา ปจฺฉาชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวฺจ สติ อฺสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณ อฺํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณนฺติ วุตฺตนฺติ อาปชฺชติ, ยถา ปน ทิพฺพโสตาณํ มนุสฺสาทิสทฺทเภทนิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ตํตํสทฺทวิภาวกํ, เอวํ สภาวาสภาวนิรุตฺตินิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนสภาวนิรุตฺติสทฺทารมฺมณํ ตํวิภาวกํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ วุจฺจมาเน น โกจิ ปาฬิวิโรโธ, ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ จ ปจฺจุปฺปนฺนสทฺทารมฺมณปจฺจเวกฺขณํ ปวตฺเตนฺตสฺสาติ น น สกฺกา วตฺตุํ. ตมฺปิ หิ าณํ สภาวนิรุตฺตึ วิภาเวนฺตเมว ตํตํสทฺทปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ ตํตํปเภทนิจฺฉยสฺส เหตุภาวโต นิรุตฺตึ ภินฺทนฺตํ ปฏิวิชฺฌนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ จ ปเภทคตมฺปิ โหตีติ.

๑๑๙๐. ติวิธนฺติ อิทํ เหฏฺา วิภาวิตนยเมวาติ. ปจฺจเวกฺขโตติ อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานีติ อสมฺโมหวเสน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. นนุ จ ตีณิ าณานิปิ อตฺถธมฺมสภาวํ นาติวตฺตนฺตีติ าเณสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา จ โหติ, กสฺมา ปน ‘‘เตสุ…เป… มต’’นฺติ วิสุํ วุตฺตนฺติ? สารมฺมเณสุ ตีสุ าเณสุ ปวตฺตาณสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยฺหิ าณารมฺมณํ าณํ ตสฺส อารมฺมณมฺปิ อสมฺโมหวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตเมว ปวตฺตติ, ตํ อิธ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา นาม. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ. าณมตฺตารมฺมณํ ปน าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทาเยว. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อยํ ปฏิสมฺภิทา สารมฺมเณสุ าเณสุ ปวตฺตติ, อารมฺมณานํ ปน ปเภทํ เหฏฺา าณตฺตยเมว วิภาเวติ. ยถา กึ? ยถา ธมฺมเทสนาย อสมตฺโถ พหุสฺสุโต กิฺจาปิ ธมฺมกถิเกน กเถตพฺพํ ธมฺมํ ชานาติ, เทสนา ปน ธมฺมกถิกสฺเสว วิสโยติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อิมาสุ ปน ปจฺฉิมานํ ติสฺสนฺนํ เสขาเสขมคฺคกฺขเณ อสมฺโมหวเสน ปฏิเวโธ โหติ, อตฺถปฏิสมฺภิทาย อารมฺมณกรณวเสนปิ. ตถา หิ สา มคฺคผลสภาวาปิ โหติ. เอวฺจ กตฺวา สา โลกิยโลกุตฺตรา, เสสา ติสฺโส โลกิยาว. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ลาโภ ตาสมสมฺโมหา, เสขาเสขปถกฺขเณ;

อตฺถปฺา ยถาลมฺพา, สา ทฺวิธาฺา ตุ สาสวา’’ติ.

๑๑๙๑. อิมา ปน จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปฺจหิ อากาเรหิ วิสทภาวํ คจฺฉนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริยตฺตี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปริยตฺติ นาม พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ, ปาฬิอฏฺกถาสุ คณฺิปทอตฺถปทวินิจฺฉยกถา ปริปุจฺฉา ปริโต สพฺพโต าตุํ ปุจฺฉาติ กตฺวา. สวนํ สกฺกจฺจํ อฏฺึ กตฺวา โสตวิฺาณวเสน คหณํ, อธิคโม มคฺคุปฺปตฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อธิคโม นาม อรหตฺตมคฺคุปฺปตฺตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) วุตฺตํ. ตํ เสขภูมิยํ ปเภทคมนํ อปฺปวิสยํ, อเสขภูมิยํ พหุวิสยนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. สาติสยํ วา อธิคมนํ สนฺธาเยว วุตฺตํ. เสเขน ปตฺตานมฺปิ หิ อิมาสํ อรหตฺตปฺปตฺติยา วิสทภาวาธิคโมติ. ปุพฺพโยโค วิย ปน อรหตฺตปฺปตฺติ อรหโตปิ ปฏิสมฺภิทาวิสทตาย ปจฺจโย น น โหตีติ ปฺจนฺนมฺปิ ยถาโยคํ เสกฺขาเสกฺขปฏิสมฺภิทาวิสทตาย การณตา โยเชตพฺพา. ปุพฺพโยโค นาม ปุพฺพพุทฺธานํ สาสเน คตปจฺจาคติกภาเวน ยาว อนุโลมโคตฺรภุสมีปํ, ตาว วิปสฺสนาภิโยโค. อธิคมปุพฺพโยคา เจตฺถ อนุปฺปนฺนํ อุปฺปาเทนฺติ, อุปฺปนฺนฺจ วิสทํ กโรนฺติ, เสสานิ ปน สุวิสทภาวสฺเสว ปจฺจยาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๑๙๒-๔. เอวํ เอกวิธาทิวเสน ปฺาย ปเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภาวนาวิธานํ วิภาเวตุํ ‘‘กถํ ภาเวตพฺพา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยสฺมา อิมาย ปฺาย ขนฺธาทโย ธมฺมา ภูมิ, สีลวิสุทฺธิ เจว จิตฺตวิสุทฺธิ จาติ อิมา ทฺเว วิสุทฺธิโย มูลํ, ทิฏฺิวิสุทฺธิ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ าณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย สรีรํ, ตสฺมา เตสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา มูลภูตา ทฺเว วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา สรีรภูตา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ขนฺธาทีสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. ขนฺธาทีสูติ ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภเทสุ. ภูมิภูเตสุ จาติ ลกฺขณาทิคฺคหณวเสน าณสฺส ปวตฺติฏฺานภูเตสุ. สีลํ จิตฺตวิสุทฺธินฺติ มูลภูตํ สีลวิสุทฺธึ, จิตฺตวิสุทฺธิฺจ. สติ หิ สีลวิสุทฺธิยํ, จิตฺตวิสุทฺธิยฺจ อยํ ปฺา มูลชาตา นาม โหติ, นาสตีติ. ทิฏฺิวิสุทฺธาทโย ปฺจาติ อุปพฺรูเหตพฺพตฺตา สรีรภูตา ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทโย ปฺจ. อิมิสฺสา หิ ปฺาย สนฺตานวเสน ปวตฺตมานาย ปาทปาณิสีสฏฺานิยา ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทโย อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย อวยเวน สมุทายูปลกฺขณนเยน สรีรนฺติ เวทิตพฺพา. ตาย ปฺายาติ อุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน ขนฺธาทีสุ ธมฺเมสุ ปวตฺตปฺาย. ชนนาทิโตติ ชาติชรามรณาทีหิ.

๑๑๙๕-๖. ‘‘ภาเวตพฺพา’’ติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ขนฺธาทิภูมีสุ สีลวิสุทฺธิจิตฺตวิสุทฺธิสงฺขาเตหิ มูเลหิ สุปฺปติฏฺิเตน ปฺจวิสุทฺธิสงฺขาตสรีรสฺส วฑฺฒเนเนว ปฺาวฑฺฒนา นาม โหติ, ตสฺมา วิปสฺสนาปฺาย ภูมิภูเตสุ ขนฺธาทีสุ เอกเทสทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ ขนฺเธสุ. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานํ. อตีตานาคตาทิกนฺติอาทินา ปน ตเทว เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ. อาทิ-คฺคหเณน ปจฺจุปฺปนฺนสฺส คหณํ.

๑๑๙๗-๑๒๐๐. หีนนฺติอาทีสุ อกุสลกมฺมสมุฏฺานตาย หีนํ, กุสลกมฺมสมุฏฺานตาย ปณีตํ. อกุสลวิปากุปฺปตฺติเหตุภูตตาย วา หีนํ, วิปริยาเยน ปณีตํ. ทุปฺปริคฺคหภูตสุขุมรูปาทิวเสน ทูรํ, อิตรวเสน สนฺติกนฺติอาทินา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวาติ อตีตาทิวิภาคภินฺนํ สพฺพํ ตํ รูปราสิวเสน พุทฺธิยา เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘มหาอุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย ‘‘ราสฏฺเน รูปกฺขนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. สุตฺเตปิ หิ วุตฺตํ ‘‘ตเทกชฺฌํ อภิสํยูหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวา’’ติ. เวทนากฺขนฺโธติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอเกเกสุ ปน เวทนาทีสุ ‘‘สมุทฺโท มยา ทิฏฺโ’’ติอาทีสุ วิย สมุทายโวหารสฺส อวยเวปิ ทิสฺสนโต ขนฺธ-สทฺโท รุฬฺหีวเสน ปวตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ตํ กิฺจิ เวทยิตลกฺขณนฺติ สมฺพนฺโธ. เวทนากฺขนฺโธเยว เวทนากฺขนฺธตา. เวทนาย อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๒.๔๙๗ อาทโย) คเหตพฺพา. อภิสงฺขารลกฺขณนฺติ สงฺขารกฺขนฺธสฺส เจตนาปธานตาย เอวํ วุตฺตํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมเณ ราสิกรณลกฺขณํ สมฺปิณฺฑนลกฺขณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ‘‘สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) วุตฺตตฺตา ยถา อตฺตโน ผลสงฺขตํ สมฺมเทว นิปฺผนฺนํ โหติ, เอวํ อภิสงฺขรณสภาวนฺติ อตฺโถ. อยํ ปน กุสลากุสลเจตนาย วเสน วฏฺฏติ.

๑๒๐๒-๕. เอวํ วิปสฺสนาปฺาย ภูมิภูเต ธมฺเม เอกเทสโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ สีลจิตฺตวิสุทฺธีนํ เหฏฺา วุตฺตตฺตา ตา อวตฺวา อิทํ ปฺาภาวนาย อาทิภูตํ ทิฏฺิวิสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร จ มหาภูตา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตํ สมฺปาเทตุกาเมน จ โยคาวจเรน จตุธาตุววตฺถานวเสน วา ทฺวาทสายตนวเสน วา ปฺจกฺขนฺธวเสน วา อุภินฺนํ สงฺเขปโกฏฺาสานํ วเสน วา ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน วา นามรูปสฺส ววตฺถาเปตพฺพภาเวปิ เตน เตน มุเขน ววตฺถานปฺปกาสนสฺส อติปปฺจาวหตฺตา ยถาธิคตกฺขนฺธวเสเนว อิธ ววตฺถานํ ทสฺสิตํ. เอกาสีติยา จิตฺเตนาติ เอกาสีติยา โลกิยจิตฺเตน. โลกุตฺตรจิตฺตานิ ปน เนว สุกฺขวิปสฺสกสฺส, น สมถยานิกสฺส ปริคฺคหํ คจฺฉนฺติ อนธิคตตฺตา. จตฺตาโรรูปิโน ขนฺเธติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺเธ. สีตุณฺหาทิวิโรธิปจฺจยสมวาเย วิการาปชฺชนโต รูปํ รุปฺปนลกฺขณํ. อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต นามํ นมนลกฺขณํ. ปริคณฺหตีติ ปริจฺเฉทการิกาย ปฺาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหาติ.

๑๒๐๖-๙. ตาลสฺส กนฺทํ ตุ ยมกนฺติ ทฺวีหิ พีเชหิ นิพฺพตฺติตํ เอกีภูตํ ยมกตาลกนฺทํ. ตฺหิ ยมกํ ภินฺนสนฺตานมฺปิ อภินฺนํ วิย อุปฏฺาติ, เอวํ รูปารูปธมฺมาติ. นามฺจ รูปฺจาติ เอเตเนว ตสฺส ทุวิธภาเว สิทฺเธ ‘‘ทฺวิธา ววตฺถเปตี’’ติ อิทํ นามรูปวินิมุตฺตสฺส อฺสฺส อภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนวาห ‘‘นามโต รูปโต’’ติอาทิ. นามรูปมตฺตตาย อวินิจฺฉิตตฺตา, สนฺตานาทิฆนเภทสฺส จ อกตตฺตา อภินิเวเสน วินา สมูเหกตฺตคฺคหณวเสน ‘‘สตฺโต’’ติ ปวตฺโต สมฺโมโห สตฺตสมฺโมโห, ตสฺส ฆาตตฺถํ วิกฺขมฺภนตฺถํ. พหุสุตฺตวเสนาติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา อิธ ทสฺสิตานํ, อฺเสฺจ ‘‘รูปฺจ หิทํ, มหาลิ, อตฺตา อภวิสฺส , นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) เอวมาทีนํ สมฺพหุลานํ สุตฺตนฺตานํ วเสน. นฺติ ตํ นามรูปํ.

๑๒๑๐-๒. องฺคสมฺภาราติ องฺคสมฺภารเหตุ ตนฺนิมิตฺตํ อมุฺจิตฺวา สติ เอว ตสฺมินฺติ อตฺโถ. สทฺโทติ โวหาโร. ขนฺเธสูติ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สนฺเตสุ เต อมุฺจิตฺวาว สตฺโตติ สมฺมุติ โวหาโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อกฺขจกฺกปฺชรอีสาทีสุ องฺคสมฺภาเรสุ เอเกนากาเรน เอกชฺฌํ ราสิ หุตฺวา สณฺิเตสุ ‘‘รโถ’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต ปน เอเกกสฺมึ องฺเค อุปปริกฺขิยมาเน รโถ นาม นตฺถิ, เอวเมว อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาเตสุ รูปารูปธมฺเมสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมาเนสุ ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘ปุคฺคโล’’ติ วา ‘‘ชีโว’’ติ วา โวหารมตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน เอเกกสฺมึ ธมฺเม อุปปริกฺขิยมาเน ‘‘อสฺมี’’ติ วา ‘‘อห’’นฺติ วา คาหสฺส วตฺถุภูโต สตฺโต นาม นตฺถิ, เกวลํ นามรูปมตฺตเมว อตฺถีติ. เอวํ ปสฺสโต หิ ทสฺสนํ ยถาภูตทสฺสนํ นาม โหติ, ยํ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วุจฺจติ. สเจ โกจิ สตฺโต นาม นตฺถิ, กถฺจรหิ นามรูปมตฺเต คมนาทิอตฺถกิจฺจสิทฺธตา โหตีติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ยถาปี’’ติอาทิ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา ทารุมยํ ยนฺตํ นิชฺชีวํ ชีววิรหิตํ อพฺภนฺตเร วตฺตมานสฺส ชีวสฺส อภาวโต ตโตเยว นิรีหกํ นิพฺยาปารํ, อถ จ ปน ทารุรชฺชุสมาโยเค ปจฺจยวิเสสวเสน ตํ ทารุยนฺตํ คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ, สชีวํ สพฺยาปารํ วิย คมนาทิกิจฺจํ สาเธนฺตมิว ขายติ, ตถา อิทํ นามรูปมฺปิ กิฺจาปิ นิชฺชีวํ นิรีหกฺจ, อถ จ ปน อฺมฺสงฺขตปจฺจยวิเสสสฺส สมาโยเค สชีวํ สพฺยาปารํ คจฺฉนฺตํ ติฏฺนฺตฺจ ขายตีติ.

๑๒๑๓. สจฺจโตติ ภูตโต, ปรมตฺถโตติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ นามรูปํ อภิสงฺขตํ ยนฺตมิว สุฺํ ชีวาทินา. ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตํ อิทํ นามรูปํ ยนฺตมิว สุฺนฺติ วา สมฺพนฺโธ. ทุกฺขสฺส ปุฺโชติ นิจฺจาตุรตาย ทุกฺขสฺส ราสิ. ติณกฏฺสาทิโสติ อตฺตสุฺตาย ติณกฏฺสโม.

๑๒๑๕. ยมกนฺติ ยุคฬํ. โส จ ยมกภาโว อฺมฺนิสฺสิตภาเวนาติ อาห ‘‘อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา’’ติ. ตโต เอว เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ อุโภ ภิชฺชนฺติ. น หิ กทาจิ ปฺจโวการภเว มรณวเสน รูเป นิรุชฺฌนฺเต อรูปํ อนิรุชฺฌนฺตํ, อรูเป วา นิรุชฺฌนฺเต รูปํ อนิรุชฺฌนฺตํ อตฺถิ. เอกโวการภวจตุโวการภเวสุ ปน เตสํ อฺมฺํ อนิสฺสาย ปวตฺติยา การณํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ. โส ปนายํ ภงฺโค ปจฺจยวเสเนว, ปจฺจยนิโรเธเนว นามรูปนิโรโธติ อตฺโถ. ปจฺจยาติ ปจฺจยภูตา, อฺมฺสฺส ปจฺจยา โหนฺตาปิ เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ อุโภ ภิชฺชนฺติเยวาติ อตฺโถ.

๑๒๑๖-๙. นิตฺเตชนฺติ เตชหีนํ อานุภาววิรหิตํ. ยตฺถ ปน ตํ นิตฺเตชํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น พฺยาหรตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น หิ อฺถา สทฺทหนุสฺสาหนาทีสุ นามํ นิตฺเตชนฺติ สกฺกา วตฺตุํ, นาปิ รูปํ สนฺธารณาพนฺธนาทีสุ. เตเนว หิ ‘‘ตถา รูปมฺปิ นิตฺเตช’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภุฺชามีติ…เป… น วิชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๒๒๐-๑. นามํ นิสฺสายาติอาทินา พฺยติเรกวเสนปิ นามรูปานํ นิตฺเตชตํเยว วิภาเวติ . รูปฺหิ คมนาทิกิริยาสุ นามํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, นามํ ทสฺสนาทิกิริยาสุ รูปํ นิสฺสาย. อฺมฺํ สนฺนิสฺสาย จสฺส อตฺตกิจฺจสิทฺธิปิ ปจฺเจกํ อสมตฺถตํ วิภาเวติ. ตถา หิ นามรูปสฺส อตฺตสุฺตา, นิพฺยาปารตา จ สุฏฺุตรํ ปากฏา โหนฺตีติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถานํ สมุทิตภาเว สติ สมตฺถตา โหติ อสามคฺคิยํ อเหตูนํ สามคฺคิยมฺปิ อเหตุกภาวาปตฺติโต. น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สมุทิตํ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ โจทนํ หทเย กตฺวา อาห ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิ. อุปมายปิ หิ อสิทฺโธ อตฺโถ สาเธตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมายปิ อิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๘; อ. นิ. ๘.๘; ๑๐.๙๕; ชา. ๒.๑๙.๒๔). อยํ ปเนตฺถ ชจฺจนฺธปีสปฺปีนํ อุปมา – ยถา ชจฺจนฺโธ จ ปีสปฺปี จ ทิสา ปกฺกมิตุกามา อสฺสุ. ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ เอวมาห ‘‘อหํ โข, ภเณ, สกฺโกมิ ปาเทหิ ปาทกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม จกฺขูนิ, เยหิ สมํ วิสมํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. ปีสปฺปี ชจฺจนฺธํ เอวมาห ‘‘อหํ โข, ภเณ, สกฺโกมิ จกฺขุนา จกฺขุกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม ปาทา, เยหิ อภิกฺกเมยฺยํ ปฏิกฺกเมยฺยํ วา’’ติ. โส ตุฏฺหฏฺโ ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ อํสกูฏํ อาโรเปสิ, ปีสปฺปี ชจฺจนฺธสฺส อํสกูเฏ นิสีทิตฺวา เอวมาห ‘‘วามํ มุฺจ, ทกฺขิณํ คณฺห, ทกฺขิณํ มุฺจ, วามํ คณฺหา’’ติ. ตตฺถ ชจฺจนฺโธปิ นิตฺเตโช ทุพฺพโล น สเกน พเลน คจฺฉติ, ตเถว ปีสปฺปี น สเกน พเลน คจฺฉติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย คมนํ น ปวตฺตติ, เอวเมว นามมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ, รูปมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย อุปฺปตฺติ วา ปวตฺติ วา น โหตีติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘น สเกน พเลน ชายเร,

โนปิ สเกน พเลน ติฏฺเร;

ปรธมฺมวสานุวตฺติโน,

ชายเร สงฺขตา อตฺตทุพฺพลา.

‘‘ปรปจฺจยโต จ ชายเร, ปรอารมฺมณโต สมุฏฺิตา;

อารมฺมณปจฺจเยหิ จ, ปรธมฺเมหิ จิเม ปภาวิตา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๗๗);

๑๒๒๒-๓. อิทานิ นาวายนฺติกูปมายปิ นามรูปานํ อวสวตฺติตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิคาถาทฺวยํ วุตฺตํ. ตตฺถ นิสฺสายาติ ปติฏฺาย. ยนฺตีติ คจฺฉนฺติ. มนุสฺเส นิสฺสายาติ เนตุภูเต นิยามกกมฺมกราทิมนุสฺเส อปสฺสาย. น หิ เตสํ อรณคฺคหณลงฺการสณฺาปนอุทกสิฺจนาทิกิริยาย วินา นาวา อิจฺฉิตเทสํ ปาปุณาติ, ยถา ปน อุโภปิ อฺมฺํ นิสฺสาย อณฺณเว คจฺฉนฺติ, เอวํ นามฺจ รูปฺจ อุโภ อฺมฺํ นิสฺสิตา ปวตฺตนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๑๒๒๔. สตฺตสฺํ วิโนเทตฺวาติ ยถาวุตฺตนเยหิ อนาทิกาลภาวิตํ ขนฺธปฺจเก สตฺตคฺคาหํ วิกฺขมฺเภตฺวา. นาม…เป… วุจฺจตีติ ‘‘อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นามํ, น อิโต ภิยฺโย. อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ จ เอวํ สพฺพากาเรน เตสํ ลกฺขณสลฺลกฺขณมุเขน ตมตฺถภาวทสฺสนํ เอตํ อตฺตทิฏฺิมลวิโสธนโต ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วุจฺจติ พุทฺธาทีหีติ อตฺโถ. น เกวลฺเจตํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเยว วุจฺจติ, นามรูปววตฺถาปนนฺติปิ เอตสฺเสว อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. ชาติอาทิโตติ ชาติชราพฺยาธิอาทิโต ทุกฺขโต. ยถาห ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, พฺยาธิปิ ทุกฺโข, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺขํ, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ (มหาว. ๑๔; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐). อนฺตทฺวยนฺติ สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตทฺวยํ. อถ วา สตฺตสฺส อจฺจนฺตํ อตฺถิภาวสงฺขาตํ, ตสฺส นตฺถิภาวสงฺขาตฺจ อนฺตทฺวยํ. ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโต หิ สตฺโต อตฺถีติ วชฺชิตพฺพเมว, โลกสงฺเกตโตว อุปลพฺภนโต นตฺถีติปิ วชฺชิตพฺพเมวาติ. สุฏฺุตรํ ปริสุทฺธํ กโรตีติ สมฺพนฺโธ. ทิฏฺิคตานิ มลานีติ ทิฏฺิคตสงฺขาตานิ มลานิ. อเสสํ นิสฺเสสโต นาสํ วินาสํ วิกฺขมฺภนํ อุเปนฺติ. ตถา เหตํ ทิฏฺิมลวิโสธนโต ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วุจฺจติ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.