📜
๑๙. เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท
กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา
๑๒๒๗. อนนฺตรํ ¶ นิทฺทิฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิยา วิสยภาเวน ทสฺสิตตฺตา ‘‘เอตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น ตทฺโต วิเสสนตฺถํ ตทฺสฺส จ อภาวโต. อชฺฌตฺตํ วา หิ วิปสฺสนาภินิเวโส โหตุ พหิทฺธา วา, อตฺถสิทฺธิยํ ปน ลกฺขณโต สพฺพมฺปิ นามรูปํ อนวเสสโต ปริคฺคหิตเมว โหตีติ. ชานิตฺวา เหตุปจฺจเยติ เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหิตฺวา, เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหนเหตูติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจยปริคฺคหณเหตุ หิสฺส อทฺธตฺตเย กงฺขาวิตรณํ โหตีติ. วิตริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา, วิกฺขมฺเภตฺวาติ อตฺโถ. ตํ ปน าณํ ตถาวิคตํ วสิภาวปฺปตฺตํ ฌานํ วิย โยคิโน สนฺตาเน ปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ิต’’นฺติ.
๑๒๒๙-๓๐. นามรูปสฺส…เป… อาวชฺชิตฺวาติ ยถา นาม กุสโล ภิสกฺโก โรคํ ทิสฺวา ตสฺส สมุฏฺานํ ปริเยสติ, ยถา วา ปน อนุกมฺปโก ปุริโส กุมารํ อุตฺตานเสยฺยํ ¶ รถิกาย นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อยํ ปุตฺตโก’’ติ ตสฺส มาตาปิตโร อาวชฺชติ, เอวเมวํ นามรูปสฺส โก เหตุ, โก วา ปจฺจโย ภเว. น ตาเวตํ อเหตุกํ สพฺพตฺถ, สพฺพทา, สพฺเพสฺจ เอกสทิสภาวาปตฺติโต, น อิสฺสราทิเหตุกํ นามรูปโต อุทฺธํ อิสฺสราทีนํ อภาวโต. เยปิ นามรูปมตฺตเมว อิสฺสราทโยติ วทนฺติ เตสํ อิสฺสราทิสงฺขาตนามรูปสฺส อเหตุภาวาปตฺติโต, ตสฺมา ภวิตพฺพมสฺส เหตุปจฺจเยหิ, ‘‘โก นุ โข’’ติ นามรูปสฺส เหตุปจฺจเย อาวชฺชิตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ ตาว กตฺวา อิมสฺส นามรูปสฺส เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหนฺเตน โอฬาริกตฺตา, สุปากฏตฺตา จ รูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ ปมํ ตสฺส ปจฺจยปริคฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปกายสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห อเหตุวิสมเหตุวาทนิวตฺติยา โหติ, เอวํ นิพฺพิทาวิราคาวหภาเวน ตตฺถ ตตฺถ อภิรตินิวตฺติยาปิ อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ ทฺวตฺตึสาการวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๑๒๓๒-๓. อวิชฺชา…เป… มโตติ อวิชฺชา ตณฺหา อุปาทานํ กมฺมนฺติ อิทํ จตุพฺพิธํ ¶ ธมฺมชาตํ เอตสฺส ยถาวุตฺตสฺส รูปกายสฺส เหตุ, จตุพฺพิโธ อาหาโร ปจฺจโยติ อตฺโถ. กสฺมา ปน ปุริมํ เหตุ, อิตโร ปจฺจโยติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘ชนโก’’ติอาทึ วตฺวา ตํ โลกวเสน สมตฺเถตุํ ‘‘เหตฺวงฺกุรสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชนโกติ, อนุปาลโกติ จ อนฺโตคตเหตฺวตฺถมิทํ วิเสสนํ, ชนกตฺตา, อนุปาลกตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ชนกตฺตาติ นิพฺพตฺตกตฺตา. อิมินา พีชํ วิย องฺกุรสฺส อวิชฺชาทโย รูปกายสฺส อสาธารณการณตาย เหตูติ ทสฺสิตํ. อนุปาลกตฺตาติ อุปตฺถมฺภกตฺตา. อิมินา ปน องฺกุรสฺส ปถวีสลิลาทโย ¶ วิย อาหาโร สาธารณการณตาย ปจฺจโยติ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๑๒๓๔-๗. อิติเม…เป… คตาติ เอวเมเต อวิชฺชาทโย ปฺจ ธมฺมา ยถารหํ เหตุภาวํ, ปจฺจยภาวฺจ คตา. มาตาว อุปนิสฺสยาติ อวิชฺชา ภเวสุ วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนภาเวน, ตณฺหา ปตฺถนาภาเวน, อุปาทานํ ทฬฺหคฺคาหภาเวนาติ เอวํ สงฺขารภวานํ เหตุภูตา ชนกสหายตาย ภวนิกนฺติตํสหชาตอาสนฺนการณตฺตา อภิสงฺขาริกา, อปสฺสยภูตา วาติ มาตา วิย อุปนิสฺสยา โหนฺติ. ยถา ปิตุชนิตสุกฺเก ปุตฺตสฺส อุปฺปตฺตีติ ปิตา ชนโก, เอวํ กมฺมํ สตฺตสฺส อุปฺปาทกตฺตา ชนกนฺติ อาห. ยถา ธาตี ชาตสฺส กุมารสฺส วฑฺฒิตา สนฺธาริกา, เอวํ อาหาโร อุปฺปนฺนสฺส กายสฺส พฺรูเหตา, สนฺธารโก จาติ วุตฺตํ ‘‘ธาตี…เป… ภเว’’ติ. กามฺเจตฺถ อวิชฺชาทโย นามกายสฺสาปิ ปจฺจโย, ปการนฺตเรน ปน ตสฺส ปากฏํ ปจฺจยปริคฺคหวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขฺุจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขฺุจาติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน จกฺขุวิฺาณสฺส อาวชฺชนาทึ อชฺฌตฺตํ สพฺพํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. รูปมาโลกเมว จาติ ปน จ-สทฺเทน ยถา พาหิรรูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, ยถา จ อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโย, เอวํ อฺมฺปิ พาหิรํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. ปฏิจฺจาติ ปจฺจยภูตํ ลทฺธาติ อตฺโถ. เตน จกฺขุสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน, รูปาโลกานฺจ ยถาสมฺภวํ อารมฺมณอุปนิสฺสยปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน, อิตเรสฺจ สทฺทสงฺคหิตานํ อนนฺตราทิสหชาตาทิวเสน ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. อาทิ-สทฺเทน ผสฺสาทีนํ วิย สห ปจฺจเยหิ โสตวิฺาณาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. เอวํ สมฺมสนูปคํ สพฺพํ นามํ สห ปจฺจเยน สงฺคหิตํ โหติ. เตนาห ‘‘นามกายสฺส ปจฺจยํ ปริคณฺหตี’’ติ.
๑๒๓๘-๔๐. ทิสฺวานาติ ¶ เอตรหิ ปวตฺตึ ทิสฺวา. ตเถวิทนฺติ อิมินา น เกวลํ สปฺปจฺจยตามตฺตเมว ¶ ปจฺจามฏฺํ, อถ โข ยาทิเสหิ เอตรหิ ปวตฺตติ, ตาทิเสหิ อวิชฺชาทิปจฺจเยเหว อตีเตปิ ปวตฺติตฺถาติ ปจฺจยสหิตตาปิ ปจฺจามฏฺาติ ทฏฺพฺพํ. ปุพฺพนฺเตติ อตีตขนฺธปฺปพนฺธโกฏฺาเส. ปฺจธาคตาติ –
‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ อหมตีตมทฺธานํ, กึ นุ โข อโหสึ อหมตีตมทฺธานํ, กถํ นุ โข อโหสึ อหมตีตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) –
ปฺจหิ อากาเรหิ อาคตา, ปวตฺตา วา. อปรนฺเตติ อนาคเต ขนฺธปฺปพนฺธโกฏฺาเส. ปฺจธา สมุทีริตาติ –
‘‘ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ อหมนาคตมทฺธานํ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ อหมนาคตมทฺธานํ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ อหมนาคตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) –
เอวํ ปฺจธา กถิตา.
๑๒๔๑. ปจฺจุปฺปนฺเนปิ อทฺธาเนติ เอตรหิ ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา จุติปริยนฺเต อทฺธาเนปิ. อทฺธาน-คฺคหเณน เจตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนขนฺธโกฏฺาสเมว วทติ. น หิ ตพฺพินิมุตฺโต อฺโ โกจิ กาโล นาม อตฺถีติ. ฉพฺพิธา ปริกิตฺติตาติ –
‘‘อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี จ ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) –
เอวํ ¶ ฉพฺพิธา วุตฺตา. ‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺสา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๒๙-๑๓๐) วิย ปเทเสปิ ¶ สพฺพ-สทฺทสฺส ปวตฺตนโต ‘‘สพฺพา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘อนวเสสา’’ติ วุตฺตํ. นตฺถิ เอติสฺสา อวเสโส อวสิฏฺโติ อนวเสสา, โสฬสวิธาปิ เจสา เอกกงฺขาวเสนาปิ อนวสิฏฺา หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปหิยฺยตีติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหิยฺยติ. กามํ นามรูปมตฺตํ วินา สตฺตสฺส อทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิยาว ปจฺจุปฺปนฺเน กงฺขา ปหีนา, อตีตานาคเต กงฺขานํ ปหาเนน ปน ปจฺจุปฺปนฺเน กงฺขาย อติสยปฺปหานํ ทสฺเสตุํ อิเธว สา วุตฺตา. อถ วา ปจฺจุปฺปนฺเน นิสฺสตฺตนามรูปสฺส ปจฺจเยสุ ปวตฺตกงฺขาย อิเธว ตีรณโต สา อิธ วุตฺตา. วณฺณภณนํ วา เอตํ อิธ ปจฺจุปฺปนฺนกงฺขาย ปหานวจนํ ยถา ตํ โสตาปตฺติมคฺคาทีสุ ปหีนานมฺปิ จ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาติอาทินา อนาคามิมคฺคาทีสุ วจนนฺติ.
๑๒๔๒. กมฺมวิปากานํ วเสนาปีติ ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนํ สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา, อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเร กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา, อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา…เป… เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยาติ เอวํ วุตฺตานํ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏานํ วเสน. กิเลสวฏฺโฏปิ เจตฺถ กมฺมสหายตาย กมฺมวฏฺเฏเนว สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺพํ.
๑๒๔๓. ทิฏฺธมฺมเวทนียนฺติ เอตฺถ ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ¶ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. อุปปชฺชาปราปริยาโหสิกมฺมวสา ปนาติ อุปปชฺชเวทนียอปราปริยเวทนียอโหสิกมฺมวเสน. อุตฺตรปทโลปวเสน หิ ‘‘อุปปชฺชาปราปริย’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนภวโต อนนฺตรํ อุปปชฺชิตฺวา เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํ. อปเร อปเร ทิฏฺธมฺมโต อฺสฺมึ อฺสฺมึ ยตฺถกตฺถจิ อตฺตภาเว เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อปราปริยเวทนียํ. อโหสิ เอว กมฺมํ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ, อตฺถิ, ภวิสฺสติ จาติ เอวํ วตฺตพฺพกมฺมํ อโหสิกมฺมํ.
ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวปฺปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปมชวนเจตนา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ¶ ผลทายินี ทิฏฺธมฺมเวทนียา นาม. สา หิ วุตฺตากาเรน พลวติ ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการานุปการวสปฺปวตฺติยา, อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ, โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ อเหตุกผลํ เทติ, สเหตุกผลทาเน ปน ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนมฺปิ อาปชฺเชยฺย. ตถา อสกฺโกนฺตนฺติ กมฺมสฺส วิปากทานํ นาม อุปธิปฺปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตํ. อโหสิกมฺมํ…เป… วิปาโกติ เอตฺถ ‘‘อโหสิ กมฺม’’นฺติ ปทํ วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺพํ ‘‘อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก, อโหสิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก, อโหสิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔). ตตฺถ สกสกกาลาติกฺกนฺตสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส, ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส จ วเสน ปุริมํ วุตฺตํ. ตฺหิ กมฺมสฺส ¶ , วิปากกาลสฺส จ อตีตตฺตา ตถา วตฺตพฺพตฺตํ ลภติ, ทุติยํ อนาคเต อรหตฺตํ ปาปุณนฺตสฺส ปุริมภเวสุ กตํ อทินฺนวิปากํ อปราปริยเวทนียํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตติยํ ปน อนนฺตรภเว กตํ อุปปชฺชเวทนียํ, อรหโต อตีตภเวสุ กตํ อปราปริยเวทนียฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘เอกเมว อตีตํ กมฺมํ อทฺธตฺตเย วิปากาภาวํ สนฺธาย ติธา วิภชิตฺวา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.
อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกา. กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ. สา หิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา, ปฏิสนฺธิยา อนนฺตรปจฺจยภาวิโน วิปากสนฺตานสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวน วา ตถา อภิสงฺขตา สมานา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียํ นาม. เยภุยฺยวุตฺติยา เจตฺถ ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจเวกฺขณวสิตาทิปวตฺติยํ ปน ปฺจมาทิกาปิ โหติ. วิปากํ เทตีติ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺติวิปากํ เทติ, อทินฺนปฏิสนฺธิกํ ปน ปวตฺติวิปากํ เทตีติ นตฺถิ. จุติอนนฺตรฺหิ อุปปชฺชเวทนียสฺส โอกาโสติ อาจริยา. ปฏิสนฺธิยา ปน ทินฺนาย ชาติสเตปิ ปวตฺติวิปากํ เทติ. เตนาห ภควา ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). อุภินฺน…เป… เทตีติ ยถาวุตฺตการณวิรหโต ทิฏฺธมฺมูปปชฺชเวทนียภาวํ อสมฺปตฺตา ปฺจ เจตนา วิปากทานสภาวสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา ยทา โอกาสํ ลภติ, ตทา ปฏิสนฺธิวิปากํ, ปวตฺติวิปากํ วา เทติ. สติ สํสารปฺปวตฺติยาติ อิมินา ¶ อสติ สํสารปฺปวตฺติยํ อโหสิกมฺมปกฺเข ติฏฺติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ ทีเปติ.
๑๒๔๔. เอวํ ¶ ตาว วิปากทานกาลวเสน จตุพฺพิธํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิปากทานปริยายโต, กิจฺจโต จ จตุพฺพิธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ครุก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ครุกนฺติ มหาสาวชฺชํ, มหานุภาวฺจ อฺเน กมฺเมน ปฏิพาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยกมฺมํ. พหุลนฺติ อภิณฺหโส กตํ, เอกวารํ กตฺวาปิ อภิณฺหสมาเสวิตฺจ. อาสนฺนนฺติ มรณาสนฺนกาเล อนุสฺสริตํ, ตทา กตฺจ. กฏตฺตากมฺมนฺติ ครุกาทิภาวํ อสมฺปตฺตํ กตมตฺตโตเยว กมฺมนฺติ วตฺตพฺพกมฺมํ. ตตฺถ กุสลํ วา โหตุ อกุสลํ วา, ครุกาครุเกสุ ยํ ครุกํ มาตุฆาตกาทิกมฺมํ วา มหคฺคตกมฺมํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. ตถา พหุลาพหุเลสุ ยํ พหุลํ สุสีลฺยํ ทุสฺสีลฺยํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. ทูราสนฺเนสุ ยํ อาสนฺนํ มรณกาเล อนุสฺสริตํ, เตเนว อุปปชฺชติ. อาสนฺนกาเล กเต จ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ. กฏตฺตา ปน กมฺมํ ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวนํ ปุริมานํ อภาเว ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ. อิติ ครุกํ สพฺพปมํ วิปจฺจติ. ตถา หิ ตํ ‘‘ครุก’’นฺติ วุตฺตํ. ครุเก อสติ พหุลีกตํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อาสนฺนํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ กฏตฺตากมฺมนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิปจฺจตี’’ติ.
๑๒๔๕. ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน วิปากสนฺตานสฺส นิพฺพตฺตกํ ชนกํ. สุขทุกฺขสนฺตานสฺส, นามรูปปฺปพนฺธสฺส วา จิรตรปฺปตฺติเหตุภูตํ อุปตฺถมฺภกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภติ, อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. สุขทุกฺเข ปวตฺตมาเน พวฺหาพาธตาทิปจฺจยูปนิปาตเนน สณิกํ สณิกํ ตสฺส วิพาธกํ อุปปีฬกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทตี’’ติ. ตถา ปฏิปกฺขกมฺมวิปากสฺส อปฺปวตฺติกรณวเสน อุปจฺเฉทกํ ปฏิพาหกํ อุปฆาตกํ. เตนาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ.
รูปฺจ ¶ อรูปวิปากกฺขนฺโธ จาติ รูปารูปวิปากกฺขนฺโธ, กมฺมชรูปสฺสาปิ วิปากปริยาโย อตฺถีติ ‘‘รูปารูปวิปากกฺขนฺเธ’’ติ วุตฺตํ. อฺเน กมฺเมนาติ กุสเลน วา อกุสเลน วา อฺเน กมฺเมน กตฺตุภูเตน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา วิปาเก ชนิเต. เตนาห ‘‘ชนิเต วิปาเก’’ติ. ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย ‘‘ชนิเต วิปาเก’’ติ วทนฺติ. อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขํ ¶ อุปตฺถมฺเภตีติ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ กุสลํ สมานํ อฺเนปิ กุสลกมฺเมน อุปฺปชฺชมานกํ สุขํ ตสฺส ปฏิปกฺขวิพาธนวเสน อุปตฺถมฺเภติ. อกุสลํ อฺเน อกุสลกมฺเมน อุปปชฺชมานํ ทุกฺขํ ตเถว อุปตฺถมฺเภติ. เอวฺจ อุปตฺถมฺเภนฺตํ ตํ ทีฆกาลํ ปวตฺเตติ นามาติ อาห ‘‘อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขํ ปีเฬตีติ อุปปีฬกํ อกุสลํ สมานํ สุขิตสฺส โรคาทิอนฺตรายการณสมฺปาทกภาเวน สุขสนฺตานํ อุปจฺฉินฺทนฺตํ ปีเฬติ, กุสลฺจ โรคาทินา ทุกฺขิตสฺส เภสชฺชาทิสุขาทิการณสมฺปาทกภาเวน ทุกฺขสนฺตานํ วิจฺฉินฺทนฺตํ ปีเฬติ. เกจิ ปน ‘‘สุขทุกฺขสฺส การณํ อสมฺปาเทนฺตมฺปิ ปฏิสนฺธิทายกกมฺมสฺส ปวตฺติวิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยํ วิปากทายกกมฺมํ อุปปีฬกกมฺม’’นฺติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปน ปฏิสนฺธิทายกเมว ชนกกมฺมนฺติ วุตฺตํ สิยา.
อปิจ อุปฆาตเกน สห อิมสฺส วิเสสภาโว อาปชฺชติ, ตํ ปฏิสนฺธิวิปากสฺส ปฏิพาหกนฺติ เจ? ตํ น, อวิเสเสน วุตฺตตฺตาติ. ‘‘ทุพฺพลํ กมฺมํ ฆาเตตฺวา’’ติ วุตฺเต ‘‘นนุ ตสฺส ปุพฺเพเยว สิทฺธตฺตา, นิรุทฺธตฺตา จ กถมิทํ ตทุปฆาตกํ โหตี’’ติ อาปนฺนํ โจทนํ สนฺธาย กมฺมสฺส ฆาตนํ นาม ตสฺส วิปากปฏิพาหนเมวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ. ตํปฏิพาหนฺจ อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติยา โอกาสกรณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ. วิปจฺจนาย กโตกาสํ กมฺมํ ¶ วิปกฺกเมว นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ…เป… อุปฺปนฺนํ นาม โหตี’’ติ.
อุปปีฬกํ อฺสฺส วิปากํ อุปจฺฉินฺทติ, น สยํ อตฺตโน วิปากํ เทติ, อุปฆาตกํ ปน ทุพฺพลกมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วิปากํ อุปฺปาเทตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. เกจิ ปน อาจริยา อปเรนาปิ นเยน ชนกาทิกมฺมํ อิจฺฉนฺติ. กถํ? ยสฺมึ กมฺเม กเต ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธกวิจฺเฉทกปจฺจยานุปฺปตฺติยา, อุปพฺรูหกปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกานุภาวานุรูปํ ปริโปสกจิรตรปฺปพนฺธา โหนฺติ, ตํ อุปตฺถมฺภกํ. ชนเกน นิพฺพตฺติตํ กุสลผลํ, อกุสลผลํ วา เยน ปจฺจนีกภูเตน โรคธาตุวิสมตาทินิมิตฺตตาย พาธียติ, ตํ อุปปีฬกํ. เยน ปน กมฺมุนา ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปฺปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลวิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา อุปหฺติ วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกนฺติ.
เอตฺถ ¶ จ เกจิ อปฺปาพาธทีฆายุกตาสํวตฺตนวเสน ทุติยสฺส กุสลภาวํ, พวฺหาพาธอปฺปายุกตาสํวตฺตนวเสน ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ อกุสลภาวฺจ วณฺเณนฺติ, ภูริทตฺตาทีนํ ปน นาคาทีนํ, อิโต อนุปฺปทินฺนยาปนกเปตานฺจ อปาเยสุ อกุสลวิปากสฺส อุปตฺถมฺภนูปปีฬนูปฆาตกานิ กมฺมานิ สนฺตีติ จตุนฺนมฺปิ กุสลากุสลภาโว น วิรุชฺฌติ. กิฺจาปิ กมฺมานํ กมฺมนฺตรฺเจว วิปากนฺตรฺจ พุทฺธานํ กมฺมวิปากาณสฺเสว ยาถาวสรสโต ปากฏํ โหติ. พุทฺธาเวณิกฺเหตํ อสาธารณํ สาวเกหิ, วิปสฺสเกน ปน เอกเทสโต ชานิตพฺพํ. น หิ สพฺเพน สพฺพํ อชานนฺตสฺส ปจฺจยปริคฺคโห ปริปูรติ, ตสฺมา ตาทิสํ ปริคฺคหํ สนฺธาย ‘‘อิติ อิม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยาทิเสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจุปฺปนฺเน อทฺธาเน ¶ นามรูปสฺส ปวตฺติ, ตาทิเสเหว อิตรสฺมิมฺปิ อทฺธทฺวเยติ เอวํ ยถา อตีตานาคเต นยํ เนติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา อิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อทฺธตฺตเยปิ กิริยากิริยาผลมตฺตตาทสฺสนปรตฺตา โจทนาย. อิตี กมฺมฺเจวาติอาทินา วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. ตสฺเสวํ…เป… ปหิยฺยตีติ ตสฺเสวํ สมนุปสฺสโต ยา สา ปุพฺพนฺตาทโย อารพฺภ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา นเยน ปวตฺตา วิจิกิจฺฉา ปหิยฺยติ.
๑๒๔๖-๘. ปหีนาย ปน ตาย สพฺพภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ เหตุผลสมฺพนฺธวเสเนว ปวตฺตนามรูปมตฺตเมว ขายติ. เตเนวาห ‘‘เหตุผลสฺส สมฺพนฺธวเสเนวา’’ติอาทิ. การณสามคฺคิยํ ทานาทีหิ สาธิตกิริยาย ปวตฺตมานาย การณมตฺเต กตฺตุโวหาโรติ อาห ‘‘การณโต อุทฺธํ การณํ น จ ปสฺสตี’’ติ. ปาก…เป… ปฏิเวทกํ น ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. ปากปฏิเวทกนฺติ วิปากวินฺทกํ. เอวํ อปสฺสนฺโต ปน การเณ สติ การโกติ, วิปากปฺปวตฺติยา สติ ปฏิสํเวทโกติ สมฺามตฺเตเนว ปณฺฑิตา โวหรนฺติ. อิจฺเจวํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. สุทฺธธมฺมาติ เกนจิ สตฺเตน วา ปุคฺคเลน วา อมิสฺสธมฺมา. เอเวตนฺติ เอวํวิธํ เอตํ ทสฺสนํ สมฺมทสฺสนํ, อวิปรีตทสฺสนนฺติ อตฺโถ.
๑๒๔๙. พีชรุกฺขาทิกานํ วาติ ยถา พีชโต รุกฺโข, รุกฺขโต พีชนฺติ เอวํ การณปรมฺปรคเวสเน อนาทิกาลิกตฺตา พีชรุกฺขสนฺตานสฺส ปุพฺพา โกฏิ นตฺถิ, เอวํ กมฺมปจฺจยา วิปาโก, วิปากปจฺจยา กมฺมนฺติ ปริเยสเน อนาทิกาลิกตฺตา กมฺมวิปากสนฺตานสฺส ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ, อณฺฑโต กุกฺกุฏี, ปุนปิ กุกฺกุฏิยา อณฺฑ’’นฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ.
๑๒๕๐-๓. อนาคเตปิ ¶ ¶ สํสาเรติ ยถา อตีเต, เอวํ อนาคเตปิ อทฺธาเน ขนฺธานํ ปฏิปาฏีติอาทินา วุตฺตสํสาเร สติ. อปฺปวตฺติ น ทิสฺสตีติ กมฺมโต วิปาโก ภวิสฺสติ, วิปากโต กมฺมนฺติ อนาคเต การิยปรมฺปราย คเวสิยมานาย อปริกฺขีณสํโยชนสฺส กมฺมวิปากานํ อปฺปวตฺตนํ น ทิสฺสติ, ปวตฺตติ เอวาติ อตฺโถ. เหตุผลสมฺพนฺธวเสน ปวตฺตมาเน สํสาเร ‘‘ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ วจเนน การเณ อาทิสฺส อภาโว วุตฺโต, ‘‘อปฺปวตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ วจเนน ผลสฺส อวสานาภาโว วุตฺโตติ. เอตมตฺถนฺติ ‘‘กมฺมสฺส การโก นตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ. อสยํวสีติ น สยํวสิโน, มิจฺฉาภินิเวสปรวสาติ อตฺโถ. อฺมฺวิโรธิโนติ อิตรีตรวิรุทฺธา ทิฏฺิโย วา ทิฏฺิยา วา อฺมฺเน สห วิโรธิโน. คมฺภีราณโคจรตาย คมฺภีรํ. ตถา นิปุณํ. สตฺตสฺุตาย, อฺมฺสภาวสฺุตาย จ สฺุํ. ปจฺจยนฺติ นามรูปสฺส ปจฺจยํ, ตปฺปจฺจยปฏิเวเธเนว จ สพฺพํ ปฏิวิทฺธํ โหตีติ.
๑๒๕๔-๖. กมฺมํ นตฺถิ วิปากมฺหีติ กุฏฺฏาทีสุ รชาทิ วิย วิปาเก สนฺติฏฺมานํ กมฺมํ นตฺถิ. ปาโก กมฺเม น วิชฺชตีติ ตถา กมฺเม สนฺติฏฺมาโน วิปาโก นตฺถิ. ยถาวุตฺตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา น สูริเย’’ติอาทิ วุตฺตํ. มณิมฺหีติ สูริยกนฺตมณิมฺหิ. น เตสํ พหิ โส อตฺถีติ เต มฺุจิตฺวา เตหิ พหิ โส อคฺคิ นตฺถิ. สมฺภาเรหีติ สมงฺคีภูเตหิ อาตปาทีหิ ตีหิ การเณหิ. น อนฺโต กมฺมสฺสาติอาทิ อตฺถโต เหฏฺา วุตฺตมฺปิ อุปมานิคมนตฺถํ ปุนปิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๒๕๗-๘. ยทิ เหตุ, ผลฺจ อฺมฺรหิตํ, กถํ เหตุโต ผลํ นิพฺพตฺตตีติ อาห ‘‘กมฺมฺจ โข อุปาทายา’’ติ. น เกวลํ กมฺมผลเมว สฺุํ กตฺตุรหิตํ, สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ การกรหิตนฺติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘น เหตฺถ เทโว’’ติอาทิคาถา วุตฺตา. เหตุสมฺภารปจฺจยาติ เอเกน เหตุนา เอกสฺส, อเนกสฺส วา ผลสฺส อนิพฺพตฺติโต เหตุสมูหนิมิตฺตํ, สมฺภาโรติ วา ปจฺจยาธิวจนนฺติ เหตุปจฺจยนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ.
๑๒๕๙. อทฺธาสุ ตริตฺวา กงฺขนฺติ ตีสุ อทฺธาสุ โสฬสวิธํ กงฺขํ วิตริตฺวา. น เกวลเมตํ โสฬสวิธเมว กงฺขํ วิตรติ, อถ โข ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ธ. ส. ๑๑๒๓; วิภ. ๙๑๕) อฏฺวิธํ กงฺขมฺปิ ปชหติ. ตถา เหตฺถ พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ สิกฺขาติ ¶ กงฺขาย โคจรภูตา โลกิยา ธมฺมา อธิปฺเปตา. น หิ โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ กิเลสา ปวตฺติตุํ สกฺโกนฺติ. ปุพฺพนฺโตติ อตีตา ขนฺธายตนธาตุโย, อปรนฺโตติ อนาคตา, ปุพฺพนฺตาปรนฺโตติ ตทุภยํ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ตทุภยภาคยุตฺตตฺตา. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมคฺคหเณน คหิโต อฏฺโม กงฺขาวิสโย นามรูปมตฺตํ, อิทปฺปจฺจยตา-คฺคหเณน ปน ตสฺส ปจฺจโย คหิโต, ตสฺมา โสฬสวตฺถุกาย ปหีนาย อฏฺวตฺถุกา กงฺขา อปฺปติฏฺาว โหตีติ. เอตาสฺจ ปหาเนน ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิปิ วิกฺขมฺภนฺติ ทิฏฺเกฏฺตฺตา วิจิกิจฺฉาย. ยถา หิ ทิฏฺิ สมุจฺฉิชฺชมานา วิจิกิจฺฉาย สทฺธึเยว สมุจฺฉิชฺชติ, เอวํ วิจิกิจฺฉา วิกฺขมฺภิยมานา ทิฏฺิยา สทฺธึเยว วิกฺขมฺภียติ. อตฺตาภินิเวสูปนิสฺสยา หิ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) โสฬสวตฺถุกา กงฺขา, สา เอว จ ปุพฺพนฺตาทิวตฺถุภาเวน วุตฺตา, อตฺตาภินิเวสวตฺถุกานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ, พุทฺธาทิวตฺถุกา จ ตเทกฏฺาติ. อุฏฺิตนฺติ อุปฺปชฺชิตฺวา ิตํ.
๑๒๖๐-๒. กงฺขาวิตรณํ ¶ นามาติ ยถาวุตฺตกงฺขาวิตรณโต กงฺขาวิตรณํ นาม. น เกวลํ กงฺขาวิตรณํ นาม, ธมฺมฏฺิติาณนฺติปิ ยถาภูตาณนฺติปิ สมฺมาทสฺสนนฺติปิ อิทํ สมุทีริตํ. เอตฺถ จ ธรียนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหีติ ธมฺมา, ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ิติ, ธมฺมานํ ิติ ธมฺมฏฺิติ, ปจฺจยธมฺมา. อถ วา ธมฺโมติ การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑) วิย, ธมฺมสฺส ิติสภาโว, ธมฺมโต จ อฺโ สภาโว นตฺถีติ ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาโว, ธมฺมฏฺิติยํ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ. สงฺขารานํ ยถาภูตํ อนิจฺจตาทิ ยถาภูตํ, ตตฺถ าณนฺติ ยถาภูตาณํ. สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทสฺสนํ. ลทฺธปฺปติฏฺโติ สาสเน ปติฏฺา นาม อริยมคฺโค. อยํ ปน ตํ อนธิคโตปิ ตทธิคมุปายปฏิปตฺติยํ ิตตฺตา ลทฺธปฺปติฏฺโ วิย โหตีติ ‘‘ลทฺธปฺปติฏฺโ’’ติ วุตฺโต. ตโตเยว จูฬโก โสตาปนฺโน, โลกิยาหิ สีลสมาธิปฺาหิ สมนฺนาคตตฺตา อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต โสตาปนฺโน วิย นิยโต, สุคติปรายโณ จ โหตีติ จูฬโสตาปนฺโน. โสตาปนฺโน หิ ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ. อถ วา ลทฺธปฺปติฏฺโ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสมธิคเมน. สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสเนน หิ สมฺมทฺทิตทิฏฺิกณฺฏโก วินิทฺธุตอเหตุกวิสมเหตุวาโท ยถาสกปจฺจเยเหว ธมฺมปฺปวตฺตึ ตฺวา สาสเน ปติฏฺิตสทฺโธ ลทฺธปฺปติฏฺโ นาม โหตีติ. นามรูปววตฺถาเนน ทุกฺขสจฺจํ, ธมฺมฏฺิติาเณน สมุทยสจฺจํ, ตสฺเสว อปรภาเค อนิจฺจโต มนสิการาทิวิธินา มคฺคสจฺจฺจ อภิฺาย ปวตฺติยา ทุกฺขภาวํ ทิสฺวา ตสฺส อปฺปวตฺเต นิโรเธ ¶ เอกํเสเนว นินฺนชฺฌาสยตาย โลกิเยเนว าเณน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อธิคตตฺตา อปาเยสุ อภพฺพุปฺปตฺติโก, โสตาปนฺนภูมิยฺจ ภพฺพุปฺปตฺติโก โหตีติ จูฬโสตาปนฺโน นามาติ วุตฺตํ ‘‘โสตาปนฺโน ¶ หิ จูฬโก’’ติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ มหานิสํสเมตํ าณํ, ตสฺมา สปฺโ อตฺตโน หิตานุเปกฺขนปฺาย สมนฺนาคโต. เตนาห ‘‘อตฺถกาโม’’ติ.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.