📜
๒๐. วีสติโม ปริจฺเฉโท
มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา
๑๒๖๓. อิทานิ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺาย มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิยา นิทฺเทสกฺกโม อนุปฺปตฺโต, สา ปน ยสฺมา โอภาสาทิอุปกฺกิเลสสมฺภเว สติ โหติ, โอภาสาทโย จ อุทยพฺพยาเณ สมฺภวนฺติ, อุทยพฺพยาณฺจ ติลกฺขณวิปสฺสนาย สติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จ กลาปสมฺมสนํ อาทิ. ตฺหิ อตีตาทิเภทภินฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถานวเสน ปวตฺตนโต อาทิกมฺมิกสฺส สุกรสมฺมสนํ, ตสฺมา ปมํ ตตฺเถว อภิโยคํ กโรนฺเตน กมโต ตํ สมฺปาเทตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กลาปสมฺมสเนเนวา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อถ วา ทฺวินฺนํ วิสุทฺธีนมนฺตเร กลาปสมฺมสนํ โหติ, ตฺจ โข ทฺวีสุ เอกาย วิสุทฺธิยา สงฺคเหตพฺพํ, มคฺคามคฺคาณสฺส จ อาทิภูตตฺตา ตตฺเถวสฺส สงฺคโห ยุตฺโตติ เอตฺเถว นํ สงฺคหิตุกามตาย วุตฺตํ ‘‘กลาปสมฺมสเนเนวา’’ติอาทิ. เกจิ ปน กลาปสมฺมสนํ นาม เอกวิสุทฺธิยมฺปิ น อนฺโตคธนฺติ ตํ อนามสิตฺวาว วิปสฺสนาจารํ วณฺเณนฺติ. กลาปสมฺมสเนเนวาติ อตีตาทิเภทภินฺนานํ ¶ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถานวเสน กลาปโต, กลาปานํ วา สมฺมสเนน มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิปสฺสนาย โยโค กรณีโย. อถ วา ¶ ภุมฺมตฺเถ กรณนิทฺเทสวเสน กลาปสมฺมสเน โยโค กรณีโยติ อตฺโถ. ‘‘กลาปสมฺมสเนเนว โยโค กรณีโย’’ติ วตฺวาปิ ตํ ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๒.๖๙๒) คเหตพฺพนฺติ คนฺถวิตฺถารปริหารตฺถํ อิธ น ทสฺสิตนฺติ.
๑๒๖๔. ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสาติ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนสฺส, ขณปจฺจุปฺปนฺนสฺส วา. อาทิโต ปน ขณปจฺจุปฺปนฺนสฺส อุทยวยํ ทุปฺปริคฺคหํ, ตสฺมา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปมํ อุทยพฺพยานุปสฺสนํ กาตพฺพํ. นิพฺพตฺตีติ ทฺวินฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ วเสน ปมาภินิพฺพตฺติ จ ขณนิพฺพตฺติ จ. วิปริณาโมติ วินาโส.
๑๒๖๕. อนุปสฺสนาปิ าณนฺติ ยา อุทยสฺส จ วยสฺส จ อนุปสฺสนา, สา าณนฺติ วราเณน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตํ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘กถํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณํ? ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย. วิปริณามลกฺขณํ วโย. อนุปสฺสนา าณํ. ชาตา เวทนา…เป… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ… ชาตํ จกฺขุํ…เป… ชาโต ภโว ปจฺจุปฺปนฺโน, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย. วิปริณามลกฺขณํ วโย. อนุปสฺสนา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๙).
เอตฺถ ปน อุทยทสฺสนํ ยาวเทว ขยทสฺสนนฺติ วยทสฺสนสฺส ปธานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา’’ติ วตฺวา ตํ ปน วยทสฺสนํ อุทยทสฺสนปุพฺพกนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณ’’นฺติ.
๑๒๖๖-๘. ปุพฺเพ ¶ อุปฺปตฺติโตติ ชนนโต ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. นิจโย ราสิ วา นตฺถิ, ยโต อาคจฺเฉยฺย อุปฺปชฺชมานํ อลทฺธตฺตภาวสฺส สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชมานตฺตา. เตนาห ‘‘ตถา อุปฺปชฺชโต’’ติอาทิ. ยถา อนาคเต อทฺธาเน อิเม ธมฺมา สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ, เอวํ อตีเตปิ อทฺธานนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา นิรุชฺฌมานสฺสา’’ติอาทึ วตฺวา อวิชฺชมานานํเยว รูปารูปธมฺมานํ เหตุปจฺจยสมวาเย อุปฺปาโท, อุปฺปชฺชิตฺวา จ สพฺพโส อภาวูปคโมติ อิมมตฺถํ สมุทายคตํ ตเทกเทสภูตาย อุปมาย วิภาเวตุํ อิมสฺมึ าเน อฏฺกถาย ¶ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๒๓) วีณูปมา อาคตา. สา อิธาปิ อาหริตฺวา วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาเยน ‘‘เอตฺถ วีณูปมา’’ติอาทิมาห. เอตสฺสตฺถสฺสาติ อวิชฺชมานานํเยว อุปฺปาโท, อุปฺปนฺนานฺจ ปรโต อภาโวติ อิมสฺส อตฺถสฺส ปกาสเน. วีณูปมาติ วีณาวเสน อาคตา อุปมา. สา ปเนวํ ทฏฺพฺพา – ยถา วีณาย วาทิยมานาย อุปฺปนฺนสฺส สทฺทสฺส เนว อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ สนฺนิจโย อตฺถิ, น อุปฺปชฺชมาโน สนฺนิจยโต อาคโต. น นิรุชฺฌมานสฺส ทิสาวิทิสาคมนํ อตฺถิ, น นิรุทฺโธ กตฺถจิ สนฺนิจิโต ติฏฺติ, อถ โข วีณฺจ วีณวาทนฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิเวติ, เอวํ สพฺเพปิ รูปารูปธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตีติ.
๑๒๖๙-๗๐. เอวํ สงฺเขปโต อุทยพฺพยมนสิการวิธึ ทสฺเสตฺวา ปุน ยานิ เอตสฺเสว อุทยพฺพยาณสฺส วิภงฺเค ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, ‘‘ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺมสมุทยา…เป… ¶ อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, ‘‘ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺมนิโรธา…เป… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ตถา ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, ‘‘ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺมสมุทยา…เป… ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโต เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ‘‘อวิชฺชานิโรธา…เป… ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺมนิโรธา…เป… ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ, เวทนากฺขนฺธสฺส วิย สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธานํ ¶ . อยํ ปน วิเสโส – วิฺาณกฺขนฺธสฺส ผสฺสฏฺาเน ‘‘นามรูปสมุทยา นามรูปนิโรธา’’ติ.
เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส อุทยพฺพยทสฺสเน ทส ทส กตฺวา สมปฺาส ลกฺขณานิ วุตฺตานิ, เตสํ วเสนปิ ‘‘เอวมฺปิ รูปสมุทโย, เอวมฺปิ รูปวโย, เอวมฺปิ รูปํ อุเทติ, เอวมฺปิ รูปํ เวตี’’ติ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ วิตฺถาเรน จ มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺเสว าณสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา ¶ , อตฺถิภาวาติ อตฺโถ. นิโรธวิรุทฺโธ หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาโว โหติ, ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมึ ภเว รูปสมุทโย รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺทสงฺคหิเตสุ ‘‘ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย, กมฺมสมุทยา รูปสมุทโย, อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ จ, ตถา วยทสฺสเน ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ, ตณฺหานิโรธา… กมฺมนิโรธา… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ จ อาทีสุ อวิชฺชาทีหิ ตีหิ อตีตกาลิกานิ เตสํ สหการีการณภูตานิ อุปาทานาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพํ.
ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการาหารสฺส พลวตาย โส เอว คหิโต ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ. ตสฺมึ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามฺเน อุตุจิตฺตานิปิ คหิตาเนว โหนฺตีติ จตุสมุฏฺานิกรูปสฺส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อวิชฺชาตณฺหูปนิสฺสยสหิเตเนว กมฺมุนา รูปกายสฺส นิพฺพตฺติ, อสติ จ อวิชฺชูปนิสฺสยาย ภวนิกนฺติยา ชาติยา อสมฺภโวเยวาติ. ยถา รูปสฺส อวิชฺชาตณฺหูปนิสฺสยตา, เอวํ เวทนาทีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อาหาโร ปน อุปฺปนฺนสฺส รูปสฺส โปสโก กพฬีการาหารสฺส อธิปฺเปตตฺตา, กามํ ยถาธิฏฺานตฺตา วา เทสนาย. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน วา อาหารคฺคหณํ. อวิชฺชานิโรธาติ อคฺคมคฺคาเณน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส รูปสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโต. ‘‘ตณฺหานิโรธา กมฺมนิโรโธ’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาเว. รูปนิโรโธติ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อภาโว โหตีติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ ¶ . อยํ ปน วิเสโส – ‘‘ผุฏฺโ เวเทติ, ผุฏฺโ สฺชานาติ, ผุฏฺโ เจเตตีติ (สํ. นิ. ๔.๙๓), ผสฺสปจฺจยา เวทนา, จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา, สฺา เจตนา’’ติ วจนโต ผสฺโส เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธานํ ปวตฺติปจฺจโย, ตนฺนิโรธา จ เตสํ นิโรโธ, มหาปทานมหานิทานสุตฺเตสุ ¶ , อภิธมฺเม จ อฺมฺปจฺจยวาเร ‘‘นามรูปปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๕๗, ๙๗; กถา. ๗๑๙) วจนโต นามรูปํ วิฺาณสฺส ปวตฺติปจฺจโย, ตนฺนิโรธา จ ตสฺส นิโรโธติ วุตฺตํ ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติอาทิ.
๑๒๗๑. ทส ทสาติ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยทสฺสเน อวิชฺชา ตณฺหา กมฺมํ อาหาโรติ อิเมสํ ปจฺจยานํ อตฺถิตาสงฺขตลกฺขณานิ เจว รูปสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณฺจาติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ, วยทสฺสเน อวิชฺชาทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อนุปฺปาทนิโรโธ, รูปสฺส ขณนิโรโธ จาติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานีติ รูปกฺขนฺธสฺส ทส ลกฺขณานิ, ตถา เวทนากฺขนฺธาทีนํ จตุนฺนํ จตฺตาลีส ลกฺขณานีติ เอวํ สมปฺาส ลกฺขณานิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปฺาส ลกฺขณานี’’ติ. ลกฺขณฏฺโ ปน เตสํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อตฺถิตา, อนุปฺปาทนิโรโธ จาติ อฏฺ ลกฺขียติ เอเตหิ รูปาทีนํ อุทโย จ วโย จาติ ลกฺขณานิ. จตุนฺนฺหิ ปจฺจยานํ อตฺถิตาหิ รูปาทิอุทโย ลกฺขียติ, อนุปฺปาทนิโรธอจฺจนฺตนิโรเธหิ วโย, นิพฺพตฺติวิปริณามานิ ปน สงฺขตลกฺขณาเนวาติ. ธมฺเม สมนุปสฺสตีติ รูปาทิเก ธมฺเม อุทยพฺพยวนฺเต สมนุปสฺสติ. เอตฺถ จ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘อรูปกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยทสฺสนํ อทฺธาสนฺตติวเสน, น ขณวเสนา’’ติ, เตสํ มเตน ขณโต อุทยพฺพยทสฺสนเมว น สิยา. อปเร ปนาหุ ‘‘ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสเนน อตีตาทิวิภาคํ อนามสิตฺวา สพฺพสาธารณโต ¶ อวิชฺชาทิปจฺจยา เวทนาย สมฺภวํ ลพฺภมานตํ ปสฺสติ, น อุปฺปาทํ. อวิชฺชาทิอภาเว จ ตสฺสา อสมฺภวํ อลพฺภมานตํ ปสฺสติ, น ภงฺคกฺขณโต. อุทยพฺพยสฺส ทสฺสเน ปจฺจุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทํ, ภงฺคฺจ ปสฺสตี’’ติ, ตํ อยุตฺตํ. สนฺตติวเสน หิ รูปารูปธมฺเม อุทยพฺพยโต มนสิ กโรนฺตสฺส อนุกฺกเมน ภาวนาย พลปฺปตฺตกาเล าณสฺส ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ขณโต อุทยพฺพยา อุปฏฺหนฺตีติ.
๑๒๗๒-๕. อยฺหิ ปมํ ปจฺจยโต อุทยพฺพยํ มนสิ กโรนฺโต ปจฺฉา อวิชฺชาทิเก ปจฺจยธมฺเม วิสฺสชฺเชตฺวา อุทยพฺพยวนฺเต ขนฺเธ คเหตฺวา เตสํ ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสนมุเขน ขณโตปิ อุทยพฺพยํ มนสิ กโรติ. ตสฺส ยทา าณํ ติกฺขํ วิสทํ หุตฺวา ปวตฺตติ, ตทา รูปารูปธมฺมา ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนฺตา, ภิชฺชนฺตา จ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ รูปุทโย โหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวํ รูปุทโยติ เอวํ วุตฺตนเยน อวิชฺชาสมุทยา…เป… ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺม…เป… อาหารสมุทยาปิ รูปสฺส สมฺภโว ¶ . เอวมสฺส วโยติ เอวํ วุตฺตนเยเนว อวิชฺชานิโรธา…เป… ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺม…เป… อาหารนิโรธา รูปสฺส วโย อนุปฺปาโทติ อยํ ปจฺจยโต วิตฺถาเรน มนสิกาโร. อุเทติ เอวํ รูปมฺปีติ เอวํ สมุทยโต กมฺมสมุฏฺานรูปมฺปิ อาหารอุตุจิตฺตสมุฏฺานรูปมฺปิ อุเทติ อุปฺปชฺชติ นิพฺพตฺตติ. เอวํ รูปํ ตุ เวตีติ กมฺมสมุฏฺานรูปมฺปิ อาหารอุตุจิตฺตสมุฏฺานรูปมฺปิ เอวํ เวติ นิรุชฺฌตีติ อยํ ขณโต วิตฺถาเรน มนสิกาโร. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ ปจฺจยโตเปตฺถ ขณโต อุทยพฺพย’’นฺติ. สพฺพธมฺมา ปากฏา โหนฺตีติ อิติ อิเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺติ. ยถา ปจฺจุปฺปนฺเน, เอวํ อตีตานาคเตปีติ นยวเสน อตีตาทิธมฺมานํ ทฺเวธา อุทยพฺพยํ ปสฺสโต สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณเภทา ¶ ปากฏา โหนฺติ. ตสฺเสวํ ปากฏีภูตสพฺพธมฺมสภาวสฺส ‘‘เอวํ กิร นามิเม ธมฺมา อนุปฺปนฺนปุพฺพา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ นิจฺจนวาว หุตฺวา สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ. น เกวลฺจ นิจฺจนวาว, อุทเก ทณฺฑเกน กตเลขา วิย, อารคฺเค ปิตสาสโป วิย, วิชฺชุสฺจาโร วิย จ ปริตฺตกาลฏฺายิโน อุปฏฺหนฺติ. เตนาห ‘‘อุทเก ทณฺฑราชีวา’’ติอาทิ. อุทเก ทณฺฑราชิอาทโยว กิฺจาปิ อุตฺตรุตฺตริ อติปริตฺตฏฺายิภาวนิทสฺสนตฺถํ ทสฺสิตา, ตถาปิ ทนฺธนิโรธา เอว นิทสฺสิตา, ตโตปิ ลหุตรนิโรธตฺตา สงฺขารานํ. ตถา หิ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปริมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พทฺธขุรธาราสนฺนิปาตโตปิ สีฆตโร รูปนิโรโธ วุตฺโต, ปเคว อรูปธมฺมานํ. น เกวลํ ปริตฺตตรกาลฏฺายิโนว อุปฏฺหนฺติ, อถ โข อสาราปิ ขายนฺตีติ อาห ‘‘กทลี’’ติอาทิ. ตตฺถ มณฺฑลากาเรน อาวิชฺฌิยมานํ อลาตเมว อลาตจกฺกํ. มนฺโตสธปฺปภาวิตา อินฺทชาลาทิกา มายา.
๑๒๗๖-๗. เอตฺตาวตาติ ยฺวายํ กลาปสมฺมสนนิโยชนโต ปฏฺาย ยาว อุทยพฺพยปฏิเวธาย ภาวนา วิธิ อารทฺโธ, เอตฺตาวตา ภาวนาวิธาเนน กลาปสมฺมสนมฺปิ อุทยพฺพยาณุปฺปาทสฺเสว ปริกมฺมนฺติ. อุทยพฺพยทสฺสนํ าณนฺติ สมฺพนฺโธ. ลกฺขณานิ จ…เป… ิตนฺติ วยธมฺมเมว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ วยํ อุเปตีติ อิมินา อากาเรน สมปฺาส ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ. อธุนา อุปฺปนฺนํ น ตาว พลปฺปตฺตนฺติ อาห ‘‘ตรุณ’’นฺติ. กลาปสมฺมสนาทิวเสน ปวตฺตสมฺมสนํ นิปฺปริยาเยน วิปสฺสนาสมฺํ ลภติ. อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน ปวตฺตเมว ลภตีติ อาห ‘‘ยสฺส จา’’ติอาทิ.
๑๒๗๘-๘๐. อถสฺส ¶ อิมาย ตรุณวิปสฺสนาย วิปสฺสนฺตสฺส ทส วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ¶ ‘‘วิปสฺสนายา’’ติอาทิ. เอตายาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาสงฺขาตาย ตรุณวิปสฺสนาย, น ภงฺคานุปสฺสนาทิสงฺขาตาย ตรุณวิปสฺสนาย, นาปิ นิพฺพิทานุปสฺสนาทิสงฺขาตาย พลววิปสฺสนายาติ อตฺโถ. น หิ ตทา วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺตีติ. วิปสฺสกสฺสาติ จ วิปสฺสกสฺเสวาติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. เตเนว วกฺขติ ‘‘สมฺปตฺตปฏิเวธสฺสา’’ติอาทิ. ทิฏฺิคฺคาหาทิวตฺถุภาเวน วิปสฺสนํ อุปกฺกิเลสนฺตีติ อุปกฺกิเลสา. สมฺปตฺโต จตุสจฺจผลปฏิเวโธ เยน โส สมฺปตฺตปฏิเวโธ, โส จ โสตาปนฺนาทีนํ อฺตโร โหตีติ อาห ‘‘โสตาปนฺนาทิโน’’ติ. อปิจาติ อยํ วกฺขมานสมุจฺจยตฺโถ. อิทฺจ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน วุตฺตํ พลววิปสฺสนาปตฺตสฺสาปิ อนุปฺปชฺชนโต. สมฺปตฺตปฏิเวธสฺสาติ วา พลวิปสฺสนาปตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. โสปิ หิ ปฏิเวธปฺปตฺติยา อาสนฺนารหเทเส ิตตฺตา สมฺปตฺตปฏิเวโธ นาม โหติ. เอวฺจ สติ อปิจาติ วุตฺตสมุจฺจยตฺโถ โหติ. อถ วา อปิ-สทฺโท วุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. เตน นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานํ สงฺคณฺหาติ. วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อนฺตรา โวสานํ อาปนฺนสฺสาปิ วิปสฺสนุปกฺกิเลสา น อุปฺปชฺชนฺติ. วิปฺปฏิปนฺนสฺสาติ สีลวิปตฺติอาทิวเสน ยถา ตถา วิปฺปฏิปนฺนกสฺส, ครหิตพฺพปฏิปนฺนสฺสาติ อตฺโถ. อถ วา วิปฺปฏิปนฺนสฺสาติ วิปสฺสนาภาวนาสงฺขาตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อภาเวน วิรหิตปฏิปตฺติกสฺส.
๑๒๘๑. วิปสฺสนาปฏิปตฺติเยว หิ สสมฺภารา ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺติ, ตทฺา วิปฺปฏิปตฺติ, เตเนวสฺส วิสุทฺธิปกฺเข ‘‘สมฺมาว ปฏิปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. สา จ นิกฺขิตฺตธุรสฺสาปิ โหตีติ อิมสฺมึ ปกฺเข นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺาโนปิ อิมินาว สงฺคหิโต โหตีติ. สมฺมาว ปฏิปนฺนสฺสาติ เหฏฺา วุตฺตวิธาเนน สมฺมา เอว ปฏิปนฺนสฺส, น วิปฺปฏิปนฺนสฺส วา นิกฺขิตฺตธุรสฺส ¶ วา. ยุตฺตโยคสฺสาติ ยุตฺเตน โยเคน, าเณน วา ภาวนมนุยฺุชนสีลสฺส. สา ปน ยุตฺตโยคิตา สมถวเสนาปิ โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถมาห ‘‘สทา วิปสฺสกสฺเสวา’’ติ. อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถาปิ เอว-กาโร สมฺพนฺธิตพฺโพ, เตน น นุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อฺถา มคฺคามคฺคาณสฺเสว อสมฺภวโต. กิราติ อนุสฺสุติยํ. สา ปเนสา อนุสฺสุติ ปาฬิวเสเนว อาคตาติ ทฏฺพฺพํ. ยถาห –
‘‘กถํ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหิตํ มานสํ โหติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต โอภาโส อุปฺปชฺชติ ¶ , โอภาโส ธมฺโมติ โอภาสํ อาวชฺเชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ, เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต…เป… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตถา อนิจฺจโต มนสิกโรโต าณํ อุปฺปชฺชติ…เป… ปีติ ปสฺสทฺธิ สุขํ อธิโมกฺโข ปคฺคโห อุปฏฺานํ อุเปกฺขา นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, นิกนฺติ ธมฺโมติ นิกนฺตึ อาวชฺเชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ, เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต…เป… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๖).
๑๒๘๒. อิทานิ เตสํ โอภาสาทีนํ สรูปวิภาวนตฺถํ เตสุ อุปฺปนฺเนสุ วิปสฺสนาย อุปกฺกิลิสฺสนาการฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสนายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนาย โอภาโสติ วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺิตํ, สสนฺตติปติตอุตุสมุฏฺานฺจ ภาสุรํ รูปํ. ตตฺถ วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺานํ โยคิโน สรีรฏฺเมว ปภสฺสรํ หุตฺวา ติฏฺติ, อิตรํ สรีรํ มฺุจิตฺวา าณานุภาวานุรูปํ ¶ สมนฺตโต ผรติ, ตํ ตสฺเสว ปฺายติ, เตน ผุฏฺโกาเส รูปคตมฺปิ ปสฺสติ. ปสฺสนฺโต จ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสติ, อุทาหุ มโนวิฺาเณนาติ วีมํสิตพฺพเมตนฺติ วทนฺติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ทิพฺพจกฺขุลาภิโน วิย ตํ มโนวิฺาณวิฺเยฺยเมวาติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๗๓๓) วุตฺตํ.
๑๒๘๓-๔. มคฺคปฺปตฺโต ผลปฺปตฺโต, อหมสฺมีติ คณฺหตีติ ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป โอภาโส อุปฺปนฺนปุพฺโพ, อทฺธา อริยมคฺคํ ปตฺโตสฺมิ, ผลํ สจฺฉากาสิ’’นฺติ อมคฺคํเยว ‘‘มคฺโค’’ติ คณฺหาติ. ตสฺเสวํ ปน คณฺหโตติ ตสฺส อมคฺคํเยว ‘‘มคฺโค’’ติ คณฺหนฺตสฺส. วิปสฺสนาวีถีติ ปฏิปาฏิยา ปวตฺตมานา วิปสฺสนาว อุกฺกนฺตา นาม โหติ, โยคิโน ‘‘มคฺคํ ปตฺโตสฺมี’’ติ อธิมาเนน วิสฺสฏฺตฺตา. วิปสฺสนาวีถินฺติปิ ปาโ, ตสฺเสวํ คณฺหโต วิปสฺสนา ตโตเยว วีถึ อุกฺกนฺตา นาม โหตีติ อตฺโถ. โอภาสเมว โส ภิกฺขุ, อสฺสาเทนฺโต นิสีทตีติ โส ภิกฺขุ อตฺตนา อารทฺธํ วิปสฺสนํ วิสฺสชฺเชตฺวา โอภาสเมว โลภวเสน วา ทิฏฺิวเสน วา อสฺสาเทนฺโต นิสีทติ. โส โข ปนายํ โอภาโส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปลฺลงฺกฏฺานมตฺตเมว โอภาเสนฺโต อุปฺปชฺชติ, กสฺสจิ อนฺโตคพฺภํ, กสฺสจิ พหิคพฺภํ, กสฺสจิ สกลวิหารํ คาวุตํ อฑฺฒโยชนํ โยชนํ ทฺวิโยชนํ ติโยชนํ, กสฺสจิ ปถวีตลโต ¶ ปฏฺาย ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา เอกาโลกํ กุรุมาโน, ยถา สมุทฺทมฺหิ โยชนมตฺเต มจฺฉกจฺฉปา ปฺายนฺติ, เอวํ อุปฺปชฺชนฺติ. ภควโต ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอภาเสนฺโต อุทปาทิ.
๑๒๘๕. วิปสฺสนาปีตีติ วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปีติ. ขุทฺทิกาทิกา เหฏฺา วณฺณิตาเยว, อยฺจ ปฺจวิธา ปีติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาย ¶ วีถิปฏิปนฺนาย อนุกฺกเมน อุปฺปชฺชติ. มตฺถกปฺปตฺเตน ปน อุทยพฺพยาเณน สทฺธึ ผรณาปีติเยว โหติ. อุปจารปฺปนกฺขณโต อฺทาปิ หิ ผรณาปีติ โหติเยวาติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สกลสรีรํ ปูรยมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๔; ธ. ส. อฏฺ. ๑.ธมฺมุทฺเทสวาร ฌานงฺคราสิวณฺณนา).
๑๒๘๖-๗. โยคิโน…เป… โหนฺติ หีติ ยสฺสายํ ปสฺสทฺธิ อุปฺปนฺนา, ตสฺส โยคิโน รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺนสฺส กายจิตฺตานิ ปสฺสทฺธาเนว โหนฺติ, เนว ทรโถ โหตีติ อตฺโถ. ปสฺสทฺธิอาทีนิ ฉ ยุคฬานิ อฺมฺโยคีนีติ ปสฺสทฺธิยา อุปฺปนฺนาย อิตราปิ อุปฺปนฺนาเยว โหนฺตีติ กิจฺจทสฺสนมุเขน ตา สพฺพาปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ลหูนิ จา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ กาย-คฺคหเณน รูปกายสฺสาปิ คหณํ เวทิตพฺพํ, น เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺเสว. กายปสฺสทฺธิอาทโย หิ รูปกายสฺสาปิ ทรถาทินิมฺมทฺทกาติ. กมฺมฺาเนว โหนฺตีติ น เกวลํ กมฺมฺาเนว สุวิสทานิ อุชุกานิเยว โหนฺติ, อวินาภาวิตาย ปน ตทุภยํ วิสุํ น วุตฺตํ. กายจิตฺตานํ ปสฺสทฺธาทิภาโว จ เตสํ อปสฺสทฺธาทิเหตุภูตานํ อุทฺธจฺจาทิถินมิทฺธาทิทิฏฺิมานาทิเสสนีวรณาทิอสฺสทฺธิยาทิมายาสาเยฺยาทิสํกิเลสธมฺมานํ วิทฺธํสนวเสเนว ตทา วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺตนโต.
๑๒๘๘-๙๐. มนุสฺสานํ อยนฺติ มานุสี, มนุสฺสโยคฺยกามสุขรติ. ตาทิเสหิ มนุสฺสวิเสเสหิ อนุภวิตพฺพตานติวตฺตนโต ทิพฺพรติปิ สงฺคหิตา, มานุสีสทิสตาย, กามสุขภาเวน ทิพฺพา รติ วา มานุสี, ตสฺสา อติกฺกนฺตตาย น มานุสีติ อมานุสี, ตํ อมานุสึ. สฺุาคารนฺติ ยํ กิฺจิ วิวิตฺตํ เสนาสนํ, วิปสฺสนํ เอว วา, สาปิ หิ ¶ นิจฺจภาวาทิสฺุตาย, โยคิโน สุขสนฺนิสฺสยตาย จ ‘‘สฺุาคาร’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. จิตฺตสฺส อนุปสมกรานํ กิเลสานํ วิคเมน สนฺตจิตฺตสฺส สํสาเร ภยสฺส อิกฺขเนน ภิกฺขุโน สมฺมา ¶ าเยน รูปารูปธมฺมานํ อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน เต วิปสฺสโต สมฺมสโต สมฺมารทฺธวิปสฺสนานํ มนุสฺสานํ วิสยตาย อมานุสี วิปสฺสนาปีติสุขสฺิตา รติ โหตีติ อยเมตฺถ คาถาย สงฺเขปตฺโถ. ทุติยคาถา ปน อุทยพฺพยาณเมว สนฺธาย วุตฺตา. ตตฺถ ยโต ยโตติ รูปโต, อรูปโต วา.
๑๒๙๑. าณาทโยติ าณสทฺธาทโย สตฺต. วุตฺตนเยนาติ ‘‘าณนฺติ วิปสฺสนาาณํ, สทฺธาติ วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺตา สทฺธา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน วิปสฺสนาวเสเนว เยฺยา. ตตฺถ าณํ รูปารูปธมฺเม อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ตุลยนฺตสฺส ตีเรนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว อวิคตเวคํ ติขิณํ สูรํ อติวิสทํ อุปฺปชฺชติ. ตถา หิ เตน โยคี ‘‘มคฺคํ ปตฺโตสฺมี’’ติ มฺติ. สทฺธาติ กิเลสกาลุสิยาปคเมน จิตฺตเจตสิกานํ อติสยปสาทภูตา พลวตี สทฺธา, น ปน กมฺมผลํ, รตนตฺตยํ วา สทฺทหนวเสน ปวตฺตา. สติปิ สูปฏฺิตา อจลา ปพฺพตราชสทิสา อุปฺปชฺชติ. อิมิสฺสา จ อุปฺปนฺนาย โส ยํ ยํ านํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ตํ านมสฺส อนุปวิสิตฺวา โอกฺขนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปริภณฺฑภูตสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อุปฏฺหนฺเต ปรโลกวิสยตฺตา วณฺณายตนวิสยมตีตนฺติ ทิพฺพจกฺขุโน ปรโลโก วิย สติยา อุปฏฺาติ. สุขํ ปน สกลสรีรํ อภิสนฺทมานํ อติปณีตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมิฺหิ อุปฺปนฺเน ตํสมุฏฺิเตหิ อติปณีเตหิ รูเปหิ สพฺโพ กาโย ปริผุโฏ, ปริพฺรูหิโต จ โหติ. อุเปกฺขา ปน วิปสฺสนุเปกฺขา ¶ เจว อาวชฺชนุเปกฺขา จ. ตตฺถ วิจินิตวิจยตฺตา สงฺขารานํ วิจินเน มชฺฌตฺตภาเวน ิตา วิปสฺสนุเปกฺขา. สา ปน อตฺถโต ตถาปวตฺตา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว. มโนทฺวาราวชฺชนจิตฺตสมฺปยุตฺตา เวทนา อาวชฺชเน อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺติยา อาวชฺชนุเปกฺขาติ วุจฺจติ. ทุวิธา ปเนสา ตทา อุปฺปชฺชติ. ตถา หิ ตสฺมึ สมเย สพฺพสงฺขารานํ อุทยพฺพเย มชฺฌตฺตภูตา วิปสฺสนุเปกฺขา พลวตี อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร อาวชฺชนุเปกฺขาปิ. สา หิสฺส ตํ ตํ านํ อาวชฺชนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว, ปตฺตปุเฏ ปกฺขนฺทตตฺตนาราโจ วิย จ สูรา ติขิณา หุตฺวา ปวตฺตติ. วีริยมฺปิ อสิถิลมนจฺจารทฺธํ สมฺปยุตฺตธมฺเม กิเลสปกฺขโต โกสชฺชปกฺขโต ปคฺคณฺหนฺตํ สุปคฺคหิตมุปฺปชฺชติ, นิกนฺติ จ โอภาสาทิปฏิมณฺฑิตาย วิปสฺสนาย อาลยํ กุรุมานา ภาวนาย สาติสยปฺปวตฺติยา สุขุมา สนฺตาการา อุปฺปชฺชติ. ยา กิเลโสติ ปริคฺคหิตุมฺปิ น ยุตฺตา. ยถา จ โอภาเส, เอวํ เอเตสุปิ อฺสฺมึ อุปฺปนฺเน โยคาวจโร ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูปา ปีติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, เอวรูปา ปสฺสทฺธิ าณํ สทฺธา สติ สุขํ อุเปกฺขา วีริยํ นิกนฺติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, อทฺธา มคฺคผลปฺปตฺโตสฺมี’’ติ คณฺหาติ, ตสฺเสวํ คณฺหโต วิปสฺสนา วีถิอุกฺกนฺตา นาม โหติ. โส เตเยว ¶ อสฺสาเทนฺโต นิสีทติ. อิเม จ ปน วิปสฺสนุปกฺกิเลสา เยภุยฺเยน สมถวิปสฺสนาลาภิโน อุปฺปชฺชนฺติ. โส สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ อสมุทาจารโต ‘‘อรหา อห’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตีติ.
๑๒๙๒-๓. อุปกฺเลสสฺส วตฺถุโตติ นิปฺปริยายโต ทิฏฺิมานตณฺหา อิธ อุปกฺกิเลสา เตสํ วตฺถุโต อุปฺปตฺติฏฺานตาย, น สภาวโต อกุสลตฺตา. ยถา ปน โอภาสาทโย, เอวํ นิกนฺติปิ ทิฏฺิคฺคาหาทีนํ านํ โหตีติ ¶ วตฺถุภาโวปิสฺสา ยุชฺชเตว. ตํตมาวชฺชมานสฺส, ภาวนา ปริหายตีติ ตํ ตํ โอภาสาทิกํ อาวชฺชมานสฺส ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ‘‘มม โอภาโส’’ติอาทิคฺคาหํ ปวตฺเตนฺตสฺส ภาวนา วีถึ โอกฺกมิตฺวา ปริวฏฺฏติ. อปฺปํ สุตเมตสฺสาติ อปฺปสฺสุโต.
๑๒๙๔-๗. พหุสฺสุโต ปน โอภาสาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘อยํ โข เม โอภาโส อุปฺปนฺโน, โส โข ปนายํ อนิจฺโจ สงฺขโต ปฏิจฺจสมุปฺปนฺโน ขยธมฺโม วยธมฺโม วิราคธมฺโม นิโรธธมฺโม’’ติ วา, สเจ โอภาโส อตฺตา ภเวยฺย, อตฺตาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺย, อนตฺตา จ ปนายํ อตฺตาติ คหิโต, ตสฺมา ‘‘โส อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺโจ, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺโข’’ติอาทินา สมนุปสฺสติ, โส เอวํ สมนุปสฺสนฺโต อุปกฺกิเลสชฏํ วิชเฏตฺวา โอภาสาทโย ธมฺมา น มคฺโค, อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตํ ปน วีถิปฏิปนฺนํ วิปสฺสนาาณํ มคฺโคติ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ววตฺถเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺโพภาสาทโย’’ติอาทิ. มคฺคามคฺเคสุ าณนฺติ มคฺคามคฺคาณํ, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตํ โหติ. มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิปตฺติยา จ เตน โยคินา ติณฺณํ สจฺจานฺจ ววตฺถานํ กตํ โหติ. กถํ? ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ตาว นามรูปววตฺถาปเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา ปจฺจยปริคฺคเหน สมุทยสจฺจสฺส ววตฺถานํ. อภิธมฺมนยสฺมิฺหิ สพฺพกิเลสา, กมฺมฺจ สมุทยสจฺจํ, อิมิสฺสํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิยํ สมฺมา มคฺคสฺส อวธารเณน มคฺคสจฺจํ. ตทุปายภูตสฺส หิ มคฺคสฺส อวธารเณน ตํ อวธาริตเมวาติ เอวํ โลกิเยเนว ตาว าเณน ติณฺณํ สจฺจานํ ววตฺถานํ กตํ โหติ.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.