📜
๒๓. เตวีสติโม ปริจฺเฉโท
กิเลสปฺปหานกถาวณฺณนา
๑๓๗๕. อิทานิ ¶ อิมิสฺสาเยว จตุตฺถาณาย าณทสฺสนวิสุทฺธิยา อานุภาววิชานนตฺถํ เยน เย ธมฺมา ปหาตพฺพา, เตสํ ปหานฺจ อภิสมยกาเล ปริฺาทิกิจฺจานิ จ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเตสุ เยน เย ธมฺมา’’ติอาทิ อารทฺธํ ¶ . เย ธมฺมาติ เย สํกิเลสธมฺมา. สํโยชนาทีสุ ขนฺเธหิ ขนฺธานํ, ผเลน กมฺมสฺส, ทุกฺเขน วา สตฺตานํ สํโยชนฏฺเน พนฺธนฏฺเน สํโยชนานิ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิพาธนฏฺเน, อุปตาปนฏฺเน, สํกิลิฏฺตาย จ กิเลสา. อภินิเวสาทิวเสน มิจฺฉาวิปรีตํ ปวตฺตนโต มิจฺฉาสภาวาติ มิจฺฉตฺตา. โลเก ธมฺมา, โลกปริยาปนฺนา ธมฺมา, โลกปฺปวตฺติยํ สติ อนุปรมธมฺมตฺตา วาติ โลกธมฺมา. มจฺเฉรสฺส ภาโว, กมฺมํ วาติ มจฺฉริยํ. วิปรีตฏฺเน วิปลฺลาสา. นามกายสฺส จ รูปกายสฺส จ คนฺถนโต คนฺถา. อริเยหิ อคนฺตพฺพา, อยุตฺตา คตีติ วา อคติ. อาสวนฺตีติ อาสวา, อาภวคฺคโต สพฺพโมกาสโลกํ, อาโคตฺรภุโต สพฺเพ ธมฺเม พฺยาเปตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ, อาสวนฺติ สํสารทุกฺขนฺติ วา อาสวา, จกฺขาทีหิ วา สํวราสํวรทฺวาเรหิ สตฺตสนฺตาเน อาสวนฺติ วณโต ยูสานิ สนฺทนฺติ วิยาติ อาสวา, อาสวนฺติ วา เอเตหิ จิตฺตานิ วิสเยสูติ อาสวา. สํสารมหาสาครปฺปตฺติหนนโต โอฆา วิยาติ โอฆา. เหฏฺา วุตฺตนเยน โยชนโต โยคา. นิวาเรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรคุณวิเสสาธิคมนฺติ นีวรณานิ. อนิจฺจาทิธมฺมสภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อสภาวโต อามสนฺตีติ ปรามาสา. มณฺฑูกํ ปนฺนโค วิย อารมฺมณํ ภุสํ อาทิยนฺตีติ อุปาทานานิ. อปฺปหีนภาเวน สตฺตสนฺตาเน อนุเสนฺติ มูสิกวิสํ วิย อนุรูปการณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อนุสยา. จิตฺตสฺส มลีนภาวกรณฏฺเน มลา. อกุสลกมฺมานิ จ ตานิ ทุคฺคตีนํ ปถา จาติ อกุสลกมฺมปถา. อิธ ปน กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ ตํสภาวโต คหณํ ทฏฺพฺพํ. จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ เอตฺถาติ จิตฺตุปฺปาโท, เจตสิกราสิ, อกุสโล จ โส จิตฺตุปฺปาโท จาติ อกุสลจิตฺตุปฺปาโท.
กามภวโต ¶ อุปริโกฏฺาสภาวโต ตติยมคฺคปฺปตฺติยา อุทฺธํ ภชิตพฺพโต, เสวิตพฺพโต จาติ ¶ อุทฺธมฺภาคา, รูปารูปภวา, เตสํ หิตานิ ตตฺถุปฺปชฺชนขนฺธาทิโยชนโตติ อุทฺธมฺภาคิยานิ, ตานิเยว สํโยชนานีติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ. รูปารูปภวโต เหฏฺิมโกฏฺาสภาวโต ตตฺถุปฺปาทกิเลสานํ อปฺปหีนภาเวน ตติยมคฺคปฺปตฺติยา เหฏฺา ภชิตพฺพโต วา อโธภาคา, กามภวา, เตสํ หิตานิ สํโยชนานีติ อโธภาคิยสํโยชนานีติ.
อิเมสุ ปน ทสสุ รูปภวสํโยชนํ, อรูปภวสํโยชนํ, กามภวสํโยชนฺจ อตฺถโต โลโภว, สกฺกายทิฏฺิสีลพฺพตปรามาสาปิ ทิฏฺิเยว, ตสฺมา ธมฺมโต สตฺต สํโยชนานิ.
มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสมาธีติ ตถา ปวตฺตานํ วิตกฺกวีริยสมาธีนมธิวจนํ. มิจฺฉาวาจาทโย ตโย ตถา ปวตฺตา เจตนา. มิจฺฉาสติ ปน จิตฺตุปฺปาโท. มิจฺฉาาณํ ตถา ปวตฺโต โมโห. มิจฺฉาวิมุตฺติ โลกถูปิกาทีสุ โมกฺโขติ ปวตฺตมิจฺฉาคาโห.
การณูปจาเรนาติ ลาภเหตุโก ลาโภ, อลาภเหตุโก อลาโภติอาทินา การิยสฺส การณวเสน อุปจรเณน. โลกธมฺมคฺคหณนฺติ โลกธมฺมคฺคหเณน คหณํ.
อาวาเส มจฺฉริยํ, อาวาสเหตุกํ วา มจฺฉริยนฺติ อาวาสมจฺฉริยํ. เอวํ กุลมจฺฉริยาทีนิปิ. ตตฺถ อาวาโสติ วิหาราทิ. กุลนฺติ อุปฏฺากกุลํ, าติกุลฺจ. ลาโภติ ปจฺจยลาโภเยว. วณฺโณติ สรีรวณฺโณ จ คุณวณฺโณ จ. ธมฺโมติ อาคโม, อธิคโม จ.
‘‘ตโย’’ติ ¶ วตฺถุํ อภินฺทิตฺวา วุตฺตํ, ภินฺทิตฺวา จ ปน วุจฺจมาเน ทฺวาทส โหนฺติ.
อภิสชฺชนูปนยฺหนวเสน ปวตฺตนโต อภิชฺฌาพฺยาปาทานํ กายคนฺถตา ทฏฺพฺพา. ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ เอวํ อวตฺถุมฺหิ ปวตฺโต อภินิเวโส อิทํสจฺจาภินิเวโส. สีลพฺพตปรามาสอิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถา เจตฺถ อตฺถโต ทิฏฺิเยว, ตสฺมา ธมฺมโต ตโย กายคนฺถา.
‘‘ฉนฺทโทสโมหภยานี’’ติ ¶ อคติการณตฺตา วุตฺตํ, ฉนฺทาทีหิ ปน อกตฺตพฺพกรณํ, กตฺตพฺพากรณฺจ อคติ นาม.
อาสเวสุ กามราคภวราคา อตฺถโต โลโภติ ธมฺมโต ตโย อาสวา.
เตสเมวาติ กามราคาทีนเมว. เต หิ โอโฆ วิย อตฺตนิ ปติเต อปายสมุทฺทํ ปาเปนฺติ, สํสารทุกฺขโต จ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทนฺติ, ขนฺธาทีนิ จ ขนฺธาทีหิ โยเชนฺติ.
กามุปาทานาทีนีติ กามุปาทานทิฏฺุปาทานสีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานานิ. ทิฏฺุปาทานาทีนิ เจตฺถ ตถา ปวตฺตา ทิฏฺิเยว, กามุปาทานํ โลโภติ ธมฺมโต ทฺเว อุปาทานานิ.
สตฺตานุสยาติ เอตฺถ ยทิ อปฺปหีนฏฺเน สตฺตสนฺตาเน อนุเสนฺตีติ อนุสยา. กสฺมา สตฺเตว วุตฺตา, นนุ อฺเสมฺปิ กิเลสานํ อปฺปหีนภาโว วิชฺชตีติ? น มยํ อปฺปหีนมตฺเตน อนุสยํ วทาม, กินฺตุ อปฺปหีนภาเวน ถามคตกิเลสา อนุสยาติ, ถามคมนฺจ เนสํ อฺเหิ อสาธารโณ สภาโว ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ธมฺมสภาวเวทินา ตถาคเตน อิเมเยว อนุสยา วุตฺตา, กามราโคเยว อนุสโย กามราคานุสโย. เอวํ ¶ เสเสสุปิ. อปเร ปน ‘‘กามราคสฺส อนุสโย’’ติอาทินิพฺพจนํ วตฺวา กามราคาทีนํ พีชภูตา อตฺตภาวสฺส กิเลสสมฺภูตา กิเลสุปฺปาทนสตฺติ อนุสยาติ วณฺเณนฺติ, เตสํ มตปฏิกฺเขโป อิธ ปปฺจาวหตฺตา อนาหโฏ.
ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาโณติ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. ปรภณฺเฑ ตถาสฺิโน ตทาทายกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. อสทฺธมฺมกามตาย กายทฺวารปฺปวตฺตา อคนฺตพฺพฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร. อภูตํ วตฺถุํ ภูตโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถา วิฺาปนปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ปน ปรสฺส อตฺถเภทกโรว กมฺมปโถ, อิตโร กมฺมเมว. สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปรเภทนกามตาย, อตฺตปิยกมฺยตาย วา ปรเภทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณวาจา. สาปิ ทฺวีสุ ภินฺเนสุเยว กมฺมปโถ. ปรมมฺมจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสวาจา. อนตฺถวิฺาปนปฺปโยคสมุฏฺาปิกา ¶ สํกิลิฏฺเจตนา สมฺผปฺปลาโป นาม. โส ปน ปเรหิ คหิเตเยว กมฺมปโถ โหติ. ‘‘อโห วเตทํ มม โหตู’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา อภิชฺฌา. ‘‘อโห วตายํ สตฺโต วินสฺเสยฺยา’’ติ เอวํ มโนปโทสลกฺขโณ พฺยาปาโท. ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา มิจฺฉาทิฏฺิ. เอตฺถ จ นตฺถิกอเหตุกอกิริยทิฏฺีหิเยว กมฺมปถเภโท.
อิเมสุ จ ปาณาติปาตาทิ ติวิธํ กายกมฺมเมว. ตํ กายวจีทฺวาเรสุเยว อุปฺปชฺชติ, น มโนทฺวาเร. ตถา มุสาวาทาทิ ¶ จตุพฺพิธํ วจีกมฺมเมว. อภิชฺฌาทิกํ ปน ติวิธํ มโนกมฺมเมว. ตํ ตีสุปิ ทฺวาเรสุ ปวตฺตติ. ทฺวารนฺตเรสุปิ ปวตฺตมานสฺส สกสกนามาปริจฺจาโค วุตฺโตเยว. ธมฺมโต เจตฺถ อาทิโต สตฺต เจตนาสภาวา, อิตเร ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. มหาสาวชฺชอปฺปสาวชฺชปฺปโยคาทิเภโท ปน ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
เอตานีติ อิมานิ มคฺคาณานิ. ยถาสมฺภวนฺติ ตํตํมคฺคานุรูปํ.
อปายํ คจฺฉนฺติ เอเตหีติ อปายคมนียา. เสสาติ น อปายคมนียา. โอฬาริกาติ ตติยมคฺเคน ปหาตพฺพาวตฺถํ อุปาทาย โอฬาริกา. เตนาห ‘‘สุขุมา ตติยมคฺคาณวชฺฌา’’ติ. สุขุมา กามราคปฏิฆาติ สมฺพนฺโธ. จตุตฺถมคฺคาณวชฺฌา เอวาติ อวธารเณน ปมมคฺคาทิวชฺฌตํ นิวตฺเตติ. น หิ รูปราคาทีนํ อปายคามินิยาวตฺถาปิ อตฺถิ, ยโต เต ปมาณวชฺฌาปิ สิยุนฺติ.
ยตฺถ ยตฺถ ปน เอว-สทฺเทน อวธารณํ อกตฺวา ยํ ยํ ทุติยาณวชฺฌนฺติ วา ตติยาณวชฺฌนฺติ วา จตุตฺถาณวชฺฌนฺติ วา วกฺขติ, ตตฺถ ตตฺถ โส โส ปุริมาเณหิ หตาปายคมนียาทิภาโวว หุตฺวา อุปริาณวชฺโฌ โหตีติ เวทิตพฺโพ. เตน โลภ…เป… จตุตฺถาณวชฺฌานีติ เอตฺถ โลภาทโย เหฏฺิมมคฺควชฺฌาปิ โหนฺเตว.
ยเสติ ปริวาเร.
ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาจิตฺตวิปลฺลาสาติ สมฺพนฺโธ.
อคติโย ¶ ปมมคฺคาณวชฺฌาติ กิฺจาปิ ฉนฺทาทโย ตณฺหาทิสภาวา อุปริมคฺควชฺฌา, ตถาปิ ตมฺมูลกสฺส อกตฺตพฺพกรณสฺส, กตฺตพฺพากรณสฺส จ อปายคมนียตาย ปมมคฺคาณวชฺฌา.
กตากตกุสลากุสลวิสยํ ¶ ยํ วิปฺปฏิสารภูตํ กุกฺกุจฺจํ, ตํ อิธ ตติยาณวชฺฌํ วุตฺตํ. ยํ ปน ‘‘กุกฺกุจฺจปกตตาย อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ กุกฺกุจฺจํ, ตํ สนฺธาย ‘‘กุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉา โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๑๗๖) ธมฺมสงฺคณีอฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวินฺนํ วจนานํ อยํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อฺเสุปิ เอทิเสสุ าเนสุ อธิปฺปาโยว ปริเยสิตพฺโพ, น วิโรธโต ปจฺเจตพฺพํ. โอฬาริกานวเสสปฺปหานํ วา สนฺธาย กุกฺกุจฺจสฺส ปมตติยาณวชฺฌตา วุตฺตา. ยํ ปน อรหโต อุปฺปชฺชมานํ ‘‘ภควตา ปฏิกฺขิตฺตํ อนุวสิตฺวา อนุวสิตฺวา อาวสถปิณฺฑํ ภฺุชิตุนฺติ กุกฺกุจฺจายนฺโต น ปฏิคฺคเหสี’’ติ (ปาจิ. ๒๐๔) อาคตํ กุกฺกุจฺจํ, น ตํ นีวรณํ. น หิ นีวรณํ อรหโต อุปฺปชฺชติ, นีวรณปติรูปกํ ปน กปฺปตีติ วีมํสนภูตํ วินยกุกฺกุจฺจํ นาม, ตํ ตถาปวตฺตจิตฺตุปฺปาโทว.
กามราคปฏิฆานุสยา อนุสหคตา ตติยาณวชฺฌา, โอฬาริกานํ ปน ทุติยาณวชฺฌตา เหฏฺา วุตฺตนยาว.
อกุสลจิตฺตุปฺปาท-คฺคหเณน เจตฺถ มกฺขปลาสมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภาทีนํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ.
๑๓๗๖. เตน เตนาติ เตน เตน ฆาตเกน สทฺธึ. กึ ปเนตานิ เอเต ธมฺเม ฆาเตนฺตานิ อตีตานาคเต ฆาเตนฺติ, อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺเนติ. กึ ปเนตฺถ, ยทิ ตาว อตีตานาคเต, อผโล วายาโม อาปชฺชติ. กสฺมา? ปหาตพฺพานํ ตทา นตฺถิตาย. อถ ปจฺจุปฺปนฺเน, ตถาปิ อผโล วายาเมน สทฺธึ ปหาตพฺพานํ อตฺถิตาย. อถาปิ กถฺจิ ปหานํ สิยา, สํกิเลสิกา มคฺคภาวนา อาปชฺชติ ¶ ปหาตพฺพปฺปหายกานํ สหาวฏฺานโต? สจฺจเมตํ, เย ปน มคฺเคน อสมุคฺฆาฏิตตฺตา การณลาเภ สติ อวสฺสํ อุปฺปชฺชนารหา กิเลสา, เต อตฺตโน อุปฺปตฺติยา อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตานิ เอตานิ เต อนาคเต ฆาเตนฺติ นาม.
๑๓๗๗-๘๒. ปริฺาทีนิ ¶ กิจฺจานีติ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน จตฺตาริ กิจฺจานิ. วุตฺตานีติ ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๙), ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) จ วุตฺตานิ. สจฺจาภิสมเยติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนกฺขเณ.
ยถาสภาวโตติ อวิปรีตสภาเวน. ‘‘ชานิตพฺพานี’’ติ วตฺวา กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ, กถํ นาม เอเกกสฺส าณสฺส เอกกฺขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สมฺภวนฺติ. น หิ ตาทิสํ กิฺจิ โลเก ทิฏฺํ อตฺถิ, น จ วจนํ ลพฺภตีติ โจทนํ มนสิ นิธาย เตสํ ชานนวิธึ อุปมาวเสน ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ปทีโป หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิทํเสตีติ ทสฺเสติ. ปริยาทิยตีติ เขเปติ.
๑๓๘๓-๔. ปริฺาภิสมเยนาติ อนวเสสโต ปริจฺฉิชฺช ชานนสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน. อภิสเมตีติ อสมฺโมหวเสน ปฏิวิชฺฌติ. ปหานาภิสมเยเนวาติ สมุจฺเฉทปฺปหานสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อสมฺโมหโตว อภิสเมติ. ภาวนาวิธินาติ สหชาตาทิปจฺจยตาวเสน ภาวนาภิสมยวิธินา. มคฺคาณฺหิ สมฺมาสงฺกปฺปาทิวเสน มคฺคปุพฺพภาคภาวนาสมฺภูเตน อริยมคฺคภาวนาสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อภิสเมตีติ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌติ. ตฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ สมฺโมหํ วิทฺธํเสนฺตํ อตฺตนิปิ สมฺโมหํ วิทฺธํเสติเยว. นิโรธนฺติ ¶ นิพฺพานํ. สจฺฉิกโรตีติ ปจฺจกฺขกรณวเสน ปฏิวิชฺฌติ. ‘‘นิโรธํ สจฺฉิกโรตี’’ติ นิโรธสจฺจเมกํ อารมฺมณปฏิเวเธน จตฺตาริปิ สจฺจานิ อสมฺโมหปฏิเวเธน มคฺคาณํ ปฏิวิชฺฌติ.
เอวํ ยุตฺติวเสน วิภาวิตํ เอกปฏิเวธํ อาคเมนปิ สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มคฺคสมงฺคิสฺส าณนฺติ หิ ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธมฺปิ, ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกสจฺจทสฺสนสมงฺคิโน อฺสจฺจทสฺสนสมงฺคิภาววิจารณายํ ตมตฺถํ สาเธตุํ อายสฺมตา ควมฺปติตฺเถเรน วุตฺตํ. อฺถา กมาภิสมเย สติ ปุริมทิฏฺสฺส ปุน อทสฺสนโต สมุทยาทิปสฺสโต ทุกฺขาทิทสฺสนํ ปุน อวตฺตพฺพํ สิยา. อิทานิ ปเนตฺถ อุปมาสํสนฺทนํ กโรนฺโต อาห ‘‘ปทีโป’’ติอาทิ. นิสฺสยาภาวเหตุตาย ทุกฺขปริฺาย วฏฺฏิชฺฌาปนสทิสตา, ปฏิปกฺขวิทฺธํสนตาย สมุทยปฺปหานสฺส อนฺธการวินาสนสทิสตา, าณาโลกปริพฺรูหนตาย มคฺคภาวนาย ¶ อาโลกวิทํสนสทิสตา, เตน เตน มคฺเคน ยถา ยถา นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยา, ตถา ตถา กิเลสสฺเนหปริยาทานํ โหตีติ นิโรธสจฺฉิกิริยาย สฺเนหปริยาทานสทิสตา การณูปจาเรน วุตฺตา.
๑๓๘๕-๖. อปรายปิ อุปมาย ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุคฺคจฺฉนฺโต’’ติอาทิ. โอภาเสตีติ ปกาเสติ. ปฏิหฺตีติ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ. เอตฺถาปิ ยถา สูริโย รูปคตานิ โอภาเสติ, เอวํ มคฺคาณํ ทุกฺขํ ปริชานาติ. ยถา อนฺธการํ วินาเสติ, เอวํ สมุทยํ ปชหติ. ยถา อาโลกํ ทสฺเสติ, เอวํ สหชาตาทิปจฺจยตาย มคฺคํ ภาเวติ ¶ . ยถา สีตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, เอวํ สพฺพกิเลสทรถปริฬาหปฏิปฺปสฺสทฺธิภูตํ นิโรธํ สจฺฉิกโรตีติ อุปมาสํสนฺทนํ ทฏฺพฺพํ.
๑๓๘๘. อปฺเปตีติ ปปฺโปติ. ทุกฺขปริฺาย สกฺกายตีรสมติกฺกมภาวโต โอริมตีรปฺปชหนสทิสตา, มคฺคภาวนาย สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมวหนตาย ภณฺฑวหนสทิสตา, เอตฺตาวตา ปฺาภาวนาย นานากิเลสวิทฺธํสนวสปฺปวตฺโต อานิสํโส ทสฺสิโต โหตีติ.
อริยผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโยปิ ปนสฺสา อานิสํสาติ ทฏฺพฺพํ. ตา ปน สงฺเขปโต เอวํ ทฏฺพฺพา – ‘‘อริยผลสมาปตฺตี’’ติ หิ จตุนฺนมฺปิ ผลฏฺานํ อตฺตโน อตฺตโน อริยผลสฺส ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิโรเธ อปฺปนา. จตฺตาโรปิ หิ อริยปุคฺคลา สกํ สกํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อนาคามิอรหนฺโตว สมาปชฺชนฺติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตายา’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ อตฺตนา ปฏิลทฺธสมาปตฺติสมาปชฺชเน สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตาย กาตพฺพาภาวโต. สพฺพโส อสมุจฺฉินฺนกิเลสสฺส หิ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชนํ ลพฺภติ, กิมงฺคํ ปน สมุจฺฉินฺเนกจฺจกิเลสานํ อริยานํ. อุปริมา ปน เหฏฺิมํ ปุพฺเพ ปฏิลทฺธมฺปิ น สมาปชฺชนฺติ ปุคฺคลนฺตรภาวํ อุปคตตฺตา. สมุคฺฆาฏิตกมฺมกิเลสนิโรธเนน หิ ปุถุชฺชเนหิ วิย โสตาปนฺนสฺส, โสตาปนฺนาทีหิ สกทาคามิอาทีนํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ อตฺถิ, อนนฺตรผลตฺตา จ โลกุตฺตรกุสลานํ เหฏฺิมโต อุปริโม ภวนฺตรคโต วิย โหตีติ ตสฺส ตสฺส อริยสฺส ตํ ตํ ผลํ ภวงฺคสทิสํ โหติ, ตสฺมา ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ¶ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา นตฺถิ อุปริมสฺส เหฏฺิมผลสมาปตฺติยา ¶ สมาปชฺชนํ, เหฏฺิโม ปน อุปริมํ น สมาปชฺชติ อนธิคตตฺตาติ จตฺตาโรปิ ปุคฺคลา สกสกผลเมว สมาปชฺชนฺติ. ตํ ปน สมาปชฺชิตุกาเมน อริยสาวเกน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขารา วิปสฺสิตพฺพา. ตสฺส ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺส สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรํ ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตํ อปฺเปติ. ผลสมาปตฺตินินฺนจิตฺตตาย เจตฺถ เสขสฺส ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. อฺโ เอว หิ วิปสฺสนาจาโร อริยมคฺคาวโห, อฺโ ผลสมาปตฺติอาวโห.
ตถา หิ อริยมคฺควีถิยํ อนุโลมาณานิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ ถูลถูลโลภกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ ปทาลเนน โลกิยาเณสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตานิ มคฺคานุกูลานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ, ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ตานิ เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา กิเลสวิกฺขมฺภเน นิรุสฺสุกฺกานิ เกวลํ อริยานํ ผลสมาปตฺติสุขสมงฺคิภาวสฺส ปริกมฺมปฺปตฺตานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ น เตสํ กุโตจิ วุฏฺานสมฺภโว. ยโต เนสํ ปจฺฉิโม สงฺขารนิมิตฺตโต วุฏฺหิตฺวา มคฺคสฺส อนนฺตรปจฺจโย ภเวยฺย, เตเนว จ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจยภูตํ าณํ สงฺขารารมฺมณเมว โหติ, น นิพฺพานารมฺมณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน จสฺสา ปพนฺธวเสน ปวตฺติปริจฺฉินฺนกาลาปคเม ภวงฺควเสน ตโต วุฏฺานฺจ เวทิตพฺพํ.
นิโรธสมาปตฺติ ปน ตติยจตุตฺถผลฏฺานํ อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อปฺปวตฺติ. อนาคามิอรหนฺโตเยว หิ กามจฺฉนฺทาทิสมุจฺฉินฺทเนน สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตาย สมถผลสมนฺนาคตตฺตา นิโรธํ สมาปชฺชนฺติ. ตถา เหตํ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนนฺธภาวปฺปวตฺตนวเสน ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตสฺเสว สมฺภวติ, ตสฺมา ตํ สมาปชฺชิตุกาเมน ¶ อนาคามินา, ขีณาสเวน วา อฏฺสมาปตฺติลาภินา รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขารา อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสิตพฺพา, ตโต ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ อากาสานฺจายตนํ วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว ตตฺถ สงฺขารา สมฺมสิตพฺพา, อถ อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย นานาพทฺธาวิโกปนํ สงฺฆปฏิมานนํ สตฺถุปกฺโกสนํ อทฺธานปริจฺเฉโทติ จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ.
ตตฺถ ¶ สรีรโต วิสํยุตฺตา มฺจปีาทโย สตฺตาหพฺภนฺตเร ยถา น นสฺสนฺติ, ตถา อธิฏฺานํ นานาพทฺธาวิโกปนํ. สรีรสํยุตฺเต วิสุํ อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. สงฺโฆ ปน ตฺติกมฺมาทีสุ กิฺจิเทว กมฺมํ กตฺตุกาโม ‘‘ยาว มํ น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปุพฺพาโภคกรณํ สงฺฆปฏิมานนํ. สตฺถา จ ‘‘สิกฺขาปทปฺาปนาทีสุ ยาว มํ น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปุพฺพาโภคกรณํ สตฺถุปกฺโกสนํ. สตฺตาหพฺภนฺตเร อตฺตโน อายุสงฺขารสฺส ปวตฺตนสมตฺถตาวโลกนํ อทฺธานปริจฺเฉโท. เอวํ กตปุพฺพกิจฺเจน เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตพฺพํ. อเถกํ วา ทฺเว วา จิตฺตวาเร อติกฺกมิตฺวา อจิตฺตโก โหติ, นิโรธํ ผุสติ, ตโต ยถาปริจฺเฉทํ ตติยจตุตฺถผลานํ อฺตเรน นิโรธา วุฏฺหิสฺสตีติ. เอวมยํ ทุวิธา สมาปตฺติ โลกุตฺตรปฺาย อานิสํโส.
๑๓๙๒-๔. สเทวกโลกโต อุตฺติณฺเณน, อุตฺตริตเรน วาติ โลกุตฺตเรน สมฺมาสมฺพุทฺเธน. ปฺาย ภาวนนฺติ สมฺพนฺโธ. หิตภาวนนฺติ อิธโลกปรโลกหิตวิภาวนํ อิมํ ปฺาภาวนํ. สุขสํหิตนฺติ สินิทฺธจฺฉายุทกวนฺตตาทินา สุขสหิตํ. หิตนฺติ โยคกมฺมสฺส หิตํ ¶ . อุตฺตมนฺติ อุคฺคตตมํ, อจฺจุคฺคตํ พลวนฺตมฺปีติ อธิปฺปาโย. อวิคฺคหกมฺปทนฺติ วิคฺคหฺจ กมฺปฺจ น เทตีติ อวิคฺคหกมฺปทนฺติ อตฺโถ.
อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม
อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย
กิเลสปฺปหานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.