📜
๑. สีลนิทฺเทโส
สีลสรูปาทิกถา
๖. เอวํ ¶ ¶ อเนกคุณสงฺคาหเกน สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิโตปิ ปเนส วิสุทฺธิมคฺโค อติสงฺเขปเทสิโตเยว โหติ. ตสฺมา นาลํ สพฺเพสํ อุปการายาติ วิตฺถารมสฺส ทสฺเสตุํ สีลํ ตาว อารพฺภ อิทํ ปฺหากมฺมํ โหติ.
กึ สีลํ, เกนฏฺเน สีลํ, กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ, กิมานิสํสํ สีลํ, กติวิธํ เจตํ สีลํ, โก จสฺส สํกิเลโส, กึ โวทานนฺติ.
ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ. กึ สีลนฺติ ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กึ สีลนฺติ เจตนา สีลํ, เจตสิกํ สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙). ตตฺถ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนา. เจตสิกํ สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส วิรติ. อปิจ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีนิ ปชหนฺตสฺส สตฺต กมฺมปถเจตนา. เจตสิกํ สีลํ นาม ‘‘อภิชฺฌํ ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๗) อาทินา นเยน วุตฺตา อนภิชฺฌาพฺยาปาทสมฺมาทิฏฺิธมฺมา. สํวโร สีลนฺติ เอตฺถ ปฺจวิเธน สํวโร เวทิตพฺโพ ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ. ตตฺถ อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโตติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ ปาติโมกฺขสํวโร. รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตีติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓) อยํ สติสํวโร.
ยานิ ¶ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา;)
สติ เตสํ นิวารณํ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธิยฺยเรติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑);
อยํ ¶ าณสํวโร. ปจฺจยปฏิเสวนมฺปิ เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. โย ปนายํ ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสาติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน อาคโต, อยํ ขนฺติสํวโร นาม. โย จายํ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตีติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน อาคโต, อยํ วีริยสํวโร นาม. อาชีวปาริสุทฺธิปิ เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. อิติ อยํ ปฺจวิโธปิ สํวโร, ยา จ ปาปภีรุกานํ กุลปุตฺตานํ สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, สพฺพมฺเปตํ สํวรสีลนฺติ เวทิตพฺพํ. อวีติกฺกโม สีลนฺติ สมาทินฺนสีลสฺส กายิกวาจสิโก อนติกฺกโม. อิทํ ตาว กึ สีลนฺติ ปฺหสฺส วิสฺสชฺชนํ.
๗. อวเสเสสุ เกนฏฺเน สีลนฺติ สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม. สมาธานํ วา, กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อุปธารณํ วา, กุสลานํ ธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. เอตเทว เหตฺถ อตฺถทฺวยํ สทฺทลกฺขณวิทู อนุชานนฺติ. อฺเ ปน สิรฏฺโ สีลตฺโถ, สีตลฏฺโ สีลตฺโถติ เอวมาทินาปิ นเยเนตฺถ อตฺถํ วณฺณยนฺติ.
๘. อิทานิ กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ เอตฺถ –
สีลนํ ลกฺขณํ ตสฺส, ภินฺนสฺสาปิ อเนกธา;
สนิทสฺสนตฺตํ รูปสฺส, ยถา ภินฺนสฺสเนกธา.
ยถา หิ นีลปีตาทิเภเทน อเนกธา ภินฺนสฺสาปิ รูปายตนสฺส สนิทสฺสนตฺตํ ลกฺขณํ, นีลาทิเภเทน ภินฺนสฺสาปิ สนิทสฺสน ภาวานติกฺกมนโต. ตถา สีลสฺส เจตนาทิเภเทน อเนกธา ภินฺนสฺสาปิ ยเทตํ กายกมฺมาทีนํ สมาธานวเสน กุสลานฺจ ธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน วุตฺตํ สีลนํ, ตเทว ลกฺขณํ, เจตนาทิเภเทน ภินฺนสฺสาปิ สมาธานปติฏฺานภาวานติกฺกมนโต. เอวํ ลกฺขณสฺส ปนสฺส –
ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนตา ¶ , อนวชฺชคุโณ ตถา;
กิจฺจสมฺปตฺติอตฺเถน, รโส นาม ปวุจฺจติ.
ตสฺมา ¶ อิทํ สีลํ นาม กิจฺจฏฺเน รเสน ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสํ, สมฺปตฺติอตฺเถน รเสน อนวชฺชรสนฺติ เวทิตพฺพํ. ลกฺขณาทีสุ หิ กิจฺจเมว สมฺปตฺติ วา รโสติ วุจฺจติ.
โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานํ, ตยิทํ ตสฺส วิฺุหิ;
โอตฺตปฺปฺจ หิรี เจว, ปทฏฺานนฺติ วณฺณิตํ.
ตยิทํ สีลํ กายโสเจยฺยํ วจีโสเจยฺยํ มโนโสเจยฺยนฺติ (อ. นิ. ๓.๑๒๑) เอวํ วุตฺตโสเจยฺยปจฺจุปฏฺานํ, โสเจยฺยภาเวน ปจฺจุปฏฺาติ คหณภาวํ คจฺฉติ. หิโรตฺตปฺปฺจ ปนสฺส วิฺูหิ ปทฏฺานนฺติ วณฺณิตํ, อาสนฺนการณนฺติ อตฺโถ. หิโรตฺตปฺเป หิ สติ สีลํ อุปฺปชฺชติ เจว ติฏฺติ จ. อสติ เนว อุปฺปชฺชติ, น ติฏฺตีติ. เอวํ สีลสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ เวทิตพฺพานิ.
สีลานิสํสกถา
๙. กิมานิสํสํ สีลนฺติ อวิปฺปฏิสาราทิอเนกคุณปฏิลาภานิสํสํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานิ อวิปฺปฏิสารานิสํสานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑).
อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ปฺจิเม คหปตโย อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทาย. กตเม ปฺจ? อิธ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ, อยํ ปโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อยํ ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน ยฺเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ, วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต, อยํ ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ ¶ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, อยํ จตุตฺโถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ¶ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ, อยํ ปฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕).
อปเรปิ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๕) นเยน ปิยมนาปตาทโย อาสวกฺขยปริโยสานา อเนกา สีลานิสํสา วุตฺตา. เอวํ อวิปฺปฏิสาราทิอเนกคุณานิสํสํ สีลํ. อปิจ –
สาสเน กุลปุตฺตานํ, ปติฏฺา นตฺถิ ยํ วินา;
อานิสํสปริจฺเฉทํ, ตสฺส สีลสฺส โก วเท.
น คงฺคา ยมุนา จาปิ, สรภู วา สรสฺวตี;
นินฺนคา วาจิรวตี, มหี วาปิ มหานที.
สกฺกุณนฺติ วิโสเธตุํ, ตํ มลํ อิธ ปาณินํ;
วิโสธยติ สตฺตานํ, ยํ เว สีลชลํ มลํ.
น ตํ สชลทา วาตา, น จาปิ หริจนฺทนํ;
เนว หารา น มณโย, น จนฺทกิรณงฺกุรา.
สมยนฺตีธ สตฺตานํ, ปริฬาหํ สุรกฺขิตํ;
ยํ สเมติ อิทํ อริยํ, สีลํ อจฺจนฺตสีตลํ.
สีลคนฺธสโม คนฺโธ, กุโต นาม ภวิสฺสติ;
โย สมํ อนุวาเต จ, ปฏิวาเต จ วายติ.
สคฺคาโรหณโสปานํ ¶ , อฺํ สีลสมํ กุโต;
ทฺวารํ วา ปน นิพฺพาน, นครสฺส ปเวสเน.
โสภนฺเตวํ น ราชาโน, มุตฺตามณิวิภูสิตา;
ยถา โสภนฺติ ยติโน, สีลภูสนภูสิตา.
อตฺตานุวาทาทิภยํ, วิทฺธํสยติ สพฺพโส;
ชเนติ กิตฺติหาสฺจ, สีลํ สีลวตํ สทา.
คุณานํ ¶ มูลภูตสฺส, โทสานํ พลฆาติโน;
อิติ สีลสฺส วิฺเยฺยํ, อานิสํสกถามุขนฺติ.
สีลปฺปเภทกถา
๑๐. อิทานิ ยํ วุตฺตํ กติวิธํ เจตํ สีลนฺติ, ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ. สพฺพเมว ตาว อิทํ สีลํ อตฺตโน สีลนลกฺขเณน เอกวิธํ.
จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ. ตถา อาภิสมาจาริกอาทิพฺรหฺมจริยกวเสน, วิรติอวิรติวเสน, นิสฺสิตานิสฺสิตวเสน, กาลปริยนฺตอาปาณโกฏิกวเสน, สปริยนฺตาปริยนฺตวเสน, โลกิยโลกุตฺตรวเสน จ.
ติวิธํ หีนมชฺฌิมปณีตวเสน. ตถา อตฺตาธิปเตยฺยโลกาธิปเตยฺยธมฺมาธิปเตยฺยวเสน, ปรามฏฺาปรามฏฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน, วิสุทฺธาวิสุทฺธเวมติกวเสน, เสกฺขาเสกฺขเนวเสกฺขนาเสกฺขวเสน จ.
จตุพฺพิธํ หานภาคิยิติภาคิยวิเสสภาคิยนิพฺเพธภาคิยวเสน. ตถา ภิกฺขุภิกฺขุนีอนุปสมฺปนฺนคหฏฺสีลวเสน, ปกติอาจารธมฺมตาปุพฺพเหตุกสีลวเสน, ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวเสน จ.
ปฺจวิธํ ¶ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลาทิวเสน. วุตฺตมฺปิ เจตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘ปฺจ สีลานิ – ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ, อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ, ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ, อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๗). ตถา ปหานเวรมณีเจตนาสํวราวีติกฺกมวเสน.
๑๑. ตตฺถ เอกวิธโกฏฺาเส อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ทุวิธโกฏฺาเส ยํ ภควตา ‘‘อิทํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปฺตฺตสิกฺขาปทปูรณํ, ตํ จาริตฺตํ. ยํ ‘‘อิทํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตสฺส อกรณํ, ตํ วาริตฺตํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ. จรนฺติ ตสฺมึ สีเลสุ ปริปูรการิตาย ปวตฺตนฺตีติ จาริตฺตํ. วาริตํ ตายนฺติ รกฺขนฺติ เตนาติ วาริตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาวีริยสาธนํ จาริตฺตํ, สทฺธาสาธนํ วาริตฺตํ. เอวํ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ.
ทุติยทุเก ¶ อภิสมาจาโรติ อุตฺตมสมาจาโร. อภิสมาจาโร เอว อาภิสมาจาริกํ. อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตํ อาภิสมาจาริกํ, อาชีวฏฺมกโต อวเสสสีลสฺเสตํ อธิวจนํ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภาวภูตนฺติ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, อาชีวฏฺมกสีลสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ มคฺคสฺส อาทิภาวภูตํ, ปุพฺพภาเคเยว ปริโสเธตพฺพโต. เตนาห – ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑). ยานิ วา สิกฺขาปทานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานีติ วุตฺตานิ, อิทํ อาภิสมาจาริกสีลํ. เสสํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ. อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ วา อาทิพฺรหฺมจริยกํ. ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริกํ. ตสฺส สมฺปตฺติยา อาทิพฺรหฺมจริยกํ สมฺปชฺชติ. เตเนวาห – ‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ อปริปูเรตฺวา อาทิพฺรหฺมจริยกํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑). เอวํ อาภิสมาจาริกอาทิพฺรหฺมจริยกวเสน ทุวิธํ.
ตติยทุเก ปาณาติปาตาทีหิ เวรมณิมตฺตํ วิรติสีลํ. เสสํ เจตนาทิ อวิรติสีลนฺติ เอวํ วิรติอวิรติวเสน ทุวิธํ.
จตุตฺถทุเก นิสฺสโยติ ทฺเว นิสฺสยา ตณฺหานิสฺสโย จ ทิฏฺินิสฺสโย จ. ตตฺถ ยํ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖; อ. นิ. ๕.๒๐๖; ๗.๕๐) เอวํ ¶ ภวสมฺปตฺตึ อากงฺขมาเนน ปวตฺติตํ, อิทํ ตณฺหานิสฺสิตํ. ยํ ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ เอวํ สุทฺธิทิฏฺิยา ปวตฺติตํ, อิทํ ทิฏฺินิสฺสิตํ. ยํ ปน โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ ตสฺเสว สมฺภารภูตํ, อิทํ อนิสฺสิตนฺติ เอวํ นิสฺสิตานิสฺสิตวเสน ทุวิธํ.
ปฺจมทุเก กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา สมาทินฺนํ สีลํ กาลปริยนฺตํ. ยาวชีวํ สมาทิยิตฺวา ตเถว ปวตฺติตํ อาปาณโกฏิกนฺติ เอวํ กาลปริยนฺตอาปาณโกฏิกวเสน ทุวิธํ.
ฉฏฺทุเก ลาภยสาติองฺคชีวิตวเสน ทิฏฺปริยนฺตํ สปริยนฺตํ นาม. วิปรีตํ อปริยนฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กตมํ ตํ สีลํ สปริยนฺตํ? อตฺถิ สีลํ ลาภปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ ยสปริยนฺตํ, อตฺถิ ¶ สีลํ าติปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ องฺคปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ ชีวิตปริยนฺตํ. กตมํ ตํ สีลํ ลาภปริยนฺตํ? อิเธกจฺโจ ลาภเหตุ ลาภปจฺจยา ลาภการณา ยถาสมาทินฺนํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมติ, อิทํ ตํ สีลํ ลาภปริยนฺต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๘). เอเตเนว อุปาเยน อิตรานิปิ วิตฺถาเรตพฺพานิ. อปริยนฺตวิสฺสชฺชเนปิ วุตฺตํ ‘‘กตมํ ตํ สีลํ น ลาภปริยนฺตํ? อิเธกจฺโจ ลาภเหตุ ลาภปจฺจยา ลาภการณา ยถาสมาทินฺนํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, กึ โส วีติกฺกมิสฺสติ, อิทํ ตํ สีลํ น ลาภปริยนฺต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๘). เอเตเนวุปาเยน อิตรานิปิ วิตฺถาเรตพฺพานิ. เอวํ สปริยนฺตาปริยนฺตวเสน ทุวิธํ.
สตฺตมทุเก สพฺพมฺปิ สาสวํ สีลํ โลกิยํ. อนาสวํ โลกุตฺตรํ. ตตฺถ โลกิยํ ภววิเสสาวหํ โหติ ภวนิสฺสรณสฺส จ สมฺภาโร. ยถาห – ‘‘วินโย สํวรตฺถาย, สํวโร อวิปฺปฏิสารตฺถาย, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย, วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย, เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา, เอตทตฺถา อุปนิสา, เอตทตฺถํ โสตาวธานํ, ยทิทํ อนุปาทาจิตฺตสฺส วิโมกฺโข’’ติ (ปริ. ๓๖๖). โลกุตฺตรํ ภวนิสฺสรณาวหํ โหติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ภูมีติ เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธํ.
๑๒. ติเกสุ ¶ ปมตฺติเก หีเนน ฉนฺเทน จิตฺเตน วีริเยน วีมํสาย วา ปวตฺติตํ หีนํ. มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ. ปณีเตหิ ปณีตํ. ยสกามตาย วา สมาทินฺนํ หีนํ. ปฺุผลกามตาย มชฺฌิมํ. กตฺตพฺพเมวิทนฺติ อริยภาวํ นิสฺสาย สมาทินฺนํ ปณีตํ. ‘‘อหมสฺมิ สีลสมฺปนฺโน, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’’ติ เอวํ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ วา หีนํ. อนุปกฺกิลิฏฺํ โลกิยํ สีลํ มชฺฌิมํ. โลกุตฺตรํ ปณีตํ. ตณฺหาวเสน วา ภวโภคตฺถาย ปวตฺติตํ หีนํ. อตฺตโน วิโมกฺขตฺถาย ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ. สพฺพสตฺตานํ วิโมกฺขตฺถาย ปวตฺติตํ ปารมิตาสีลํ ปณีตนฺติ เอวํ หีนมชฺฌิมปณีตวเสน ติวิธํ.
ทุติยตฺติเก ¶ อตฺตโน อนนุรูปํ ปชหิตุกาเมน อตฺตครุนา อตฺตนิคารเวน ปวตฺติตํ อตฺตาธิปเตยฺยํ. โลกาปวาทํ ปริหริตุกาเมน โลกครุนา โลเก คารเวน ปวตฺติตํ โลกาธิปเตยฺยํ. ธมฺมมหตฺตํ ปูเชตุกาเมน ธมฺมครุนา ธมฺมคารเวน ปวตฺติตํ ธมฺมาธิปเตยฺยนฺติ เอวํ อตฺตาธิปเตยฺยาทิวเสน ติวิธํ.
ตติยตฺติเก ยํ ทุเกสุ นิสฺสิตนฺติ วุตฺตํ, ตํ ตณฺหาทิฏฺีหิ ปรามฏฺตฺตา ปรามฏฺํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺส มคฺคสมฺภารภูตํ เสกฺขานฺจ มคฺคสมฺปยุตฺตํ อปรามฏฺํ. เสกฺขาเสกฺขานํ ผลสมฺปยุตฺตํ ปฏิปฺปสฺสทฺธนฺติ เอวํ ปรามฏฺาทิวเสน ติวิธํ.
จตุตฺถตฺติเก ยํ อาปตฺตึ อนาปชฺชนฺเตน ปูริตํ, อาปชฺชิตฺวา วา ปุน กตปฏิกมฺมํ, ตํ วิสุทฺธํ. อาปตฺตึ อาปนฺนสฺส อกตปฏิกมฺมํ อวิสุทฺธํ. วตฺถุมฺหิ วา อาปตฺติยา วา อชฺฌาจาเร วา เวมติกสฺส สีลํ เวมติกสีลํ นาม. ตตฺถ โยคินา อวิสุทฺธสีลํ วิโสเธตพฺพํ, เวมติเก วตฺถุชฺฌาจารํ อกตฺวา วิมติ ปฏิวิเนตพฺพา ‘‘อิจฺจสฺส ผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ วิสุทฺธาทิวเสน ติวิธํ.
ปฺจมตฺติเก จตูหิ อริยมคฺเคหิ ตีหิ จ สามฺผเลหิ สมฺปยุตฺตํ สีลํ เสกฺขํ. อรหตฺตผลสมฺปยุตฺตํ อเสกฺขํ. เสสํ เนวเสกฺขนาเสกฺขนฺติ เอวํ เสกฺขาทิวเสน ติวิธํ.
ปฏิสมฺภิทายํ ปน ยสฺมา โลเก เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปกติปิ สีลนฺติ วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย ¶ ‘‘อยํ สุขสีโล, อยํ ทุกฺขสีโล, อยํ กลหสีโล, อยํ มณฺฑนสีโล’’ติ ภณนฺติ, ตสฺมา เตน ปริยาเยน ‘‘ตีณิ สีลานิ, กุสลสีลํ อกุสลสีลํ อพฺยากตสีลนฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙). เอวํ กุสลาทิวเสนปิ ติวิธนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อกุสลํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตสฺส สีลสฺส ลกฺขณาทีสุ เอเกนปิ น สเมตีติ อิธ น อุปนีตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนวสฺส ติวิธตา เวทิตพฺพา.
โยธ เสวติ ทุสฺสีเล, สีลวนฺเต น เสวติ;
วตฺถุวีติกฺกเม โทสํ, น ปสฺสติ อวิทฺทสุ.
มิจฺฉาสงฺกปฺปพหุโล ¶ , อินฺทฺริยานิ น รกฺขติ;
เอวรูปสฺส เว สีลํ, ชายเต หานภาคิยํ.
โย ปนตฺตมโน โหติ, สีลสมฺปตฺติยา อิธ;
กมฺมฏฺานานุโยคมฺหิ, น อุปฺปาเทติ มานสํ.
ตุฏฺสฺส สีลมตฺเตน, อฆฏนฺตสฺส อุตฺตริ;
ตสฺส ตํ ิติภาคิยํ, สีลํ ภวติ ภิกฺขุโน.
สมฺปนฺนสีโล ฆฏติ, สมาธตฺถาย โย ปน;
วิเสสภาคิยํ สีลํ, โหติ เอตสฺส ภิกฺขุโน.
อตุฏฺโ สีลมตฺเตน, นิพฺพิทํ โยนุยฺุชติ;
โหติ นิพฺเพธภาคิยํ, สีลเมตสฺส ภิกฺขุโนติ.
เอวํ หานภาคิยาทิวเสน จตุพฺพิธํ.
ทุติยจตุกฺเก ¶ ภิกฺขู อารพฺภ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ, ยานิ จ เนสํ ภิกฺขุนีนํ ปฺตฺติโต รกฺขิตพฺพานิ, อิทํ ภิกฺขุสีลํ. ภิกฺขุนิโย อารพฺภ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ, ยานิ จ ตาสํ ภิกฺขูนํ ปฺตฺติโต รกฺขิตพฺพานิ, อิทํ ภิกฺขุนิสีลํ. สามเณรสามเณรีนํ ทสสีลานิ อนุปสมฺปนฺนสีลํ. อุปาสกอุปาสิกานํ นิจฺจสีลวเสน ปฺจสิกฺขาปทานิ, สติ วา อุสฺสาเห ทส, อุโปสถงฺควเสน อฏฺาติ อิทํ คหฏฺสีลนฺติ เอวํ ภิกฺขุสีลาทิวเสน จตุพฺพิธํ.
ตติยจตุกฺเก อุตฺตรกุรุกานํ มนุสฺสานํ อวีติกฺกโม ปกติสีลํ. กุลเทสปาสณฺฑานํ อตฺตโน อตฺตโน มริยาทาจาริตฺตํ อาจารสีลํ. ‘‘ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ น โพธิสตฺตมาตุ ปุริเสสุ มานสํ อุปฺปชฺชิ กามคุณูปสํหิต’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ โพธิสตฺตมาตุสีลํ ธมฺมตาสีลํ. มหากสฺสปาทีนํ ปน สุทฺธสตฺตานํ, โพธิสตฺตสฺส จ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ สีลํ ปุพฺพเหตุกสีลนฺติ เอวํ ปกติสีลาทิวเสน จตุพฺพิธํ.
จตุตฺถจตุกฺเก ยํ ภควตา ‘‘อิธ ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย ¶ สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๑.๑๙๓) วํ วุตฺตํ สีลํ, อิทํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ นาม. ยํ ปน ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี, ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี…เป… มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๒, ๔๑๑; ที. นิ. ๑.๒๑๓; อ. นิ. ๔.๑๙๘) วุตฺตํ, อิทํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ยา ปน อาชีวเหตุปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วีติกฺกมสฺส, ‘‘กุหนา ลปนา เนมิตฺติกตา นิปฺเปสิกตา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา’’ติ เอวมาทีนฺจ ปาปธมฺมานํ วเสน ปวตฺตา มิจฺฉาชีวา วิรติ, อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ, ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) อาทินา นเยน วุตฺโต ปฏิสงฺขานปริสุทฺโธ จตุปจฺจยปริโภโค ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ นาม.
ปาติโมกฺขสํวรสีลํ
๑๔. ตตฺรายํ ¶ อาทิโต ปฏฺาย อนุปุพฺพปทวณฺณนาย สทฺธึ วินิจฺฉยกถา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภิกฺขูติ สํสาเร ภยํ อิกฺขณตาย วา ภินฺนปฏธราทิตาย วา เอวํ ลทฺธโวหาโร สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุตฺโต. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ เอตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมจยติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหิ, ตสฺมา ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ. สํวรณํ สํวโร, กายิกวาจสิกสฺส อวีติกฺกมสฺเสตํ นามํ. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร. เตน ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต, อุปคโต สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. วิหรตีติ อิริยติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติอาทีนมตฺโถ ปาฬิยํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ อตฺถิ อาจาโร, อตฺถิ อนาจาโร;
ตตฺถ ¶ กตโม อนาจาโร? กายิโก วีติกฺกโม วาจสิโก วีติกฺกโม กายิกวาจสิโก วีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ อนาจาโร. สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยํ อนาจาโร. อิเธกจฺโจ เวฬุทาเนน วา ปตฺตทาเนน วา ปุปฺผผลสินานทนฺตกฏฺทาเนน วา จาฏุกมฺยตาย วา มุคฺคสูปฺยตาย วา ปาริภฏฺยตาย วา ชงฺฆเปสนิเกน วา อฺตรฺตเรน วา พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ วุจฺจติ อนาจาโร.
ตตฺถ กตโม อาจาโร? กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ อาจาโร. สพฺโพปิ สีลสํวโร อาจาโร. อิเธกจฺโจ น เวฬุทาเนน วา น ปตฺตน ปุปฺผน ผลน สินานน ทนฺตกฏฺทาเนน วา น จาฏุกมฺยตาย วา น มุคฺคสูปฺยตาย วา น ปาริภฏฺยตาย วา น ชงฺฆเปสนิเกน วา น อฺตรฺตเรน วา พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโร.
โคจโรติ อตฺถิ โคจโร อตฺถิ อโคจโร.
ตตฺถ ¶ กตโม อโคจโร? อิเธกจฺโจ เวสิยาโคจโร วา โหติ วิธวา, ถุลฺลกุมาริกา, ปณฺฑก, ภิกฺขุนี, ปานาคารโคจโร วา โหติ, สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน, ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อกฺโกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตกามานิ อผาสุกกามานิ อโยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ, อยํ วุจฺจติ อโคจโร.
ตตฺถ กตโม โคจโร? อิเธกจฺโจ น เวสิยาโคจโร วา โหติ…เป… น ปานาคารโคจโร วา โหติ, อสํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ…เป… ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน, ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ สทฺธานิ ปสนฺนานิ โอปานภูตานิ กาสาวปชฺโชตานิ อิสิวาตปฏิวาตานิ อตฺถกามานิ…เป… โยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ…เป… อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ, อยํ วุจฺจติ โคจโร. อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน อุเปโต ¶ โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ (วิภ. ๕๑๑).
อปิ เจตฺถ อิมินาปิ นเยน อาจารโคจรา เวทิตพฺพา. ทุวิโธ หิ อนาจาโร กายิโก วาจสิโก จ. ตตฺถ กตโม กายิโก อนาจาโร? อิเธกจฺโจ สงฺฆคโตปิ อจิตฺตีการกโต เถเร ภิกฺขู ฆฏฺฏยนฺโตปิ ติฏฺติ, ฆฏฺฏยนฺโตปิ นิสีทติ, ปุรโตปิ ติฏฺติ, ปุรโตปิ นิสีทติ, อุจฺเจปิ อาสเน นิสีทติ, สสีสมฺปิ ปารุปิตฺวา นิสีทติ, ิตโกปิ ภณติ, พาหาวิกฺเขปโกปิ ภณติ, เถรานํ ภิกฺขูนํ อนุปาหนานํ จงฺกมนฺตานํ สอุปาหโน จงฺกมติ, นีเจ จงฺกเม จงฺกมนฺตานํ อุจฺเจ จงฺกเม จงฺกมติ, ฉมาย จงฺกมนฺตานํ จงฺกเม จงฺกมติ, เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺชาปิ ติฏฺติ, อนุปขชฺชาปิ นิสีทติ, นเวปิ ภิกฺขู อาสเนน ปฏิพาหติ, ชนฺตาฆเรปิ เถเร ภิกฺขู อนาปุจฺฉา กฏฺํ ปกฺขิปติ, ทฺวารํ ปิทหติ, อุทกติตฺเถปิ เถเร ภิกฺขู ฆฏฺฏยนฺโตปิ โอตรติ, ปุรโตปิ โอตรติ, ฆฏฺฏยนฺโตปิ นฺหายติ, ปุรโตปิ นฺหายติ, ฆฏฺฏยนฺโตปิ อุตฺตรติ, ปุรโตปิ อุตฺตรติ, อนฺตรฆรํ ปวิสนฺโตปิ เถเร ภิกฺขู ฆฏฺฏยนฺโตปิ คจฺฉติ, ปุรโตปิ คจฺฉติ, โวกฺกมฺม จ เถรานํ ภิกฺขูนํ ปุรโต ปุรโต คจฺฉติ, ยานิปิ ตานิ โหนฺติ กุลานํ โอวรกานิ คูฬฺหานิ จ ปฏิจฺฉนฺนานิ จ ยตฺถ กุลิตฺถิโย ¶ กุลกุมาริโย นิสีทนฺติ, ตตฺถปิ สหสา ปวิสติ, กุมารกสฺสปิ สีสํ ปรามสติ, อยํ วุจฺจติ กายิโก อนาจาโร.
ตตฺถ กตโม วาจสิโก อนาจาโร? อิเธกจฺโจ สงฺฆคโตปิ อจิตฺตีการกโต เถเร ภิกฺขู อนาปุจฺฉา ธมฺมํ ภณติ. ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, ิตโกปิ ภณติ, พาหาวิกฺเขปโกปิ ภณติ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโปิ อิตฺถึ วา กุมารึ วา เอวมาห – ‘‘อิตฺถนฺนาเม อิตฺถํโคตฺเต กึ อตฺถิ, ยาคุ อตฺถิ, ภตฺตํ อตฺถิ, ขาทนียํ อตฺถิ, กึ ปิวิสฺสาม, กึ ขาทิสฺสาม, กึ ภฺุชิสฺสาม. กึ วา เม ทสฺสถา’’ติ วิปฺปลปติ, อยํ วุจฺจติ วาจสิโก อนาจาโร (มหานิ. ๘๗). ปฏิปกฺขวเสน ปนสฺส อาจาโร เวทิตพฺโพ.
อปิจ ¶ ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยมนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ อารทฺธวีริโย อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโร. เอวํ ตาว อาจาโร เวทิตพฺโพ.
โคจโร ปน ติวิโธ อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติ. ตตฺถ กตโม อุปนิสฺสยโคจโร? ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ. ยสฺส วา ปน อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร.
กตโม อารกฺขโคจโร? อิธ ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สุสํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ วุจฺจติ อารกฺขโคจโร.
กตโม อุปนิพนฺธโคจโร? จตฺตาโร สติปฏฺานา ยตฺถ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ¶ – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย? ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒), อยํ วุจฺจติ อุปนิพนฺธโคจโร. อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน อุเปโต…เป… สมนฺนาคโต. เตนปิ วุจฺจติ อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ.
อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อณุปฺปมาเณสุ อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทาย สิกฺขติ. เอตฺถ จ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ เอตฺตาวตา ¶ จ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ทสฺสิตํ. ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติอาทิ ปน สพฺพํ ยถาปฏิปนฺนสฺส ตํ สีลํ สมฺปชฺชติ, ตํ ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อินฺทฺริยสํวรสีลํ
๑๕. ยํ ปเนตํ ตทนนฺตรํ ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติอาทินา นเยน ทสฺสิตํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ, ตตฺถ โสติ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิโต ภิกฺขุ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ การณวเสน จกฺขูติ ลทฺธโวหาเรน รูปทสฺสนสมตฺเถน จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวา. โปราณา ปนาหุ ‘‘จกฺขุ รูปํ น ปสฺสติ, อจิตฺตกตฺตา, จิตฺตํ น ปสฺสติ, อจกฺขุกตฺตา, ทฺวารารมฺมณสงฺฆฏฺเฏ ปน จกฺขุปสาทวตฺถุเกน จิตฺเตน ปสฺสติ. อีทิสี ปเนสา ‘ธนุนา วิชฺฌตี’ติอาทีสุ วิย สสมฺภารกถา นาม โหติ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวาติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ’’ติ. น นิมิตฺตคฺคาหีติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตํ วา สุภนิมิตฺตาทิกํ วา กิเลสวตฺถุภูตํ นิมิตฺตํ น คณฺหาติ, ทิฏฺมตฺเตเยว สณฺาติ. นานุพฺยฺชนคฺคาหีติ กิเลสานํ อนุอนุพฺยฺชนโต ปากฏภาวกรณโต อนุพฺยฺชนนฺติ ลทฺธโวหารํ หตฺถปาทสิตหสิตกถิตวิโลกิตาทิเภทํ อาการํ น คณฺหาติ, ยํ ตตฺถ ภูตํ, ตเทว คณฺหาติ, เจติยปพฺพตวาสี มหาติสฺสตฺเถโร วิย.
เถรํ กิร เจติยปพฺพตา อนุราธปุรํ ปิณฺฑจารตฺถาย อาคจฺฉนฺตํ อฺตรา กุลสุณฺหา สามิเกน สทฺธึ ภณฺฑิตฺวา สุมณฺฑิตปสาธิตา เทวกฺา วิย กาลสฺเสว อนุราธปุรโต นิกฺขมิตฺวา ¶ าติฆรํ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา วิปลฺลตฺถจิตฺตา มหาหสิตํ หสิ. เถโร กิเมตนฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺสา ทนฺตฏฺิเก อสุภสฺํ ปฏิลภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตสฺสา ทนฺตฏฺิกํ ทิสฺวา, ปุพฺพสฺํ อนุสฺสริ;
ตตฺเถว โส ิโต เถโร, อรหตฺตํ อปาปุณี’’ติ.
สามิโกปิ ¶ โข ปนสฺสา อนุมคฺคํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา ‘‘กิฺจิ, ภนฺเต, อิตฺถึ ปสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ เถโร อาห –
‘‘นาภิชานามิ อิตฺถี วา, ปุริโส วา อิโต คโต;
อปิจ อฏฺิสงฺฆาโฏ, คจฺฉเตส มหาปเถ’’ติ.
ยตฺวาธิกรณเมนนฺติอาทิมฺหิ ยํการณา ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ เอตํ ปุคฺคลํ สติกวาเฏน จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ อปิหิตจกฺขุทฺวารํ หุตฺวา วิหรนฺตํ เอเต อภิชฺฌาทโย ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ อนุพนฺเธยฺยุํ. ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชตีติ ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส สติกวาเฏน ปิทหนตฺถาย ปฏิปชฺชติ. เอวํ ปฏิปชฺชนฺโตเยว จ รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตีติปิ วุจฺจติ. ตตฺถ กิฺจาปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ. ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ. ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ. ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ.
ตตฺราปิ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ. ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วา มุฏฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อสํวโร โหติ. เอวํ โหนฺโต ปน โส จกฺขุนฺทฺริเย อสํวโรติ วุจฺจติ. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺมึ สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ ¶ . ยถา กึ? ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวารโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา โหนฺติ, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรน หิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉนฺติ, ตํ กเรยฺยุํ, เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ.
ตสฺมึ ¶ ปน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ. ยถา กึ? ยถา นครทฺวาเรสุ สํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆราทโย อสํวุตา โหนฺติ, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ, เอวเมว ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ. ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโรติ วุตฺโต.
โสเตน สทฺทํ สุตฺวาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวมิทํ สงฺเขปโต รูปาทีสุ กิเลสานุพนฺธนิมิตฺตาทิคฺคาหปริวชฺชนลกฺขณํ อินฺทฺริยสํวรสีลนฺติ เวทิตพฺพํ.
อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ
๑๖. อิทานิ อินฺทฺริยสํวรสีลานนฺตรํ วุตฺเต อาชีวปาริสุทฺธิสีเล อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานนฺติ ยานิ ตานิ ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ‘โย เต วิหาเร วสติ โส ภิกฺขุ อรหา’ติ ภณติ, ปฏิวิชานนฺตสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อคิลานา อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, อาปตฺติ ปาฏิเทสนียสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ ¶ , อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๘๗) เอวํ ปฺตฺตานิ ฉ สิกฺขาปทานิ, อิเมสํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ.
กุหนาติอาทีสุ อยํ ปาฬิ, ‘‘ตตฺถ กตมา กุหนา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยา ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตน วา สามนฺตชปฺปิเตน วา อิริยาปถสฺส วา อฏฺปนา ปนา สณฺปนา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ กุหนา.
‘‘ตตฺถ ¶ กตมา ลปนา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยา ปเรสํ อาลปนา ลปนา สลฺลปนา อุลฺลปนา สมุลฺลปนา อุนฺนหนา สมุนฺนหนา อุกฺกาจนา สมุกฺกาจนา อนุปฺปิยภาณิตา จาฏุกมฺยตา มุคฺคสูปฺยตา ปาริภฏฺยตา, อยํ วุจฺจติ ลปนา.
‘‘ตตฺถ กตมา เนมิตฺติกตา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยํ ปเรสํ นิมิตฺตํ นิมิตฺตกมฺมํ โอภาโส โอภาสกมฺมํ สามนฺตชปฺปา ปริกถา, อยํ วุจฺจติ เนมิตฺติกตา.
‘‘ตตฺถ กตมา นิปฺเปสิกตา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยา ปเรสํ อกฺโกสนา วมฺภนา ครหนา อุกฺเขปนา สมุกฺเขปนา ขิปนา สํขิปนา ปาปนา สมฺปาปนา อวณฺณหาริกา ปรปิฏฺิมํสิกตา, อยํ วุจฺจติ นิปฺเปสิกตา.
‘‘ตตฺถ กตมา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อิโต ลทฺธํ อามิสํ อมุตฺร หรติ, อมุตฺร วา ลทฺธํ อามิสํ อิธ อาหรติ. ยา เอวรูปา อามิเสน อามิสสฺส เอฏฺิ คเวฏฺิ ปริเยฏฺิ เอสนา คเวสนา ปริเยสนา, อยํ วุจฺจติ ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา’’ติ (วิภ. ๘๖๒-๘๖๕).
๑๗. อิมิสฺสา ปน ปาฬิยา เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. กุหนนิทฺเทเส ตาว ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺสาติ ลาภฺจ สกฺการฺจ กิตฺติสทฺทฺจ สนฺนิสฺสิตสฺส, ปตฺถยนฺตสฺสาติ ¶ อตฺโถ. ปาปิจฺฉสฺสาติ อสนฺตคุณทีปนกามสฺส. อิจฺฉาปกตสฺสาติ อิจฺฉาย อปกตสฺส, อุปทฺทุตสฺสาติ อตฺโถ.
อิโต ปรํ ยสฺมา ปจฺจยปฏิเสวนสามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตวเสน มหานิทฺเทเส ติวิธํ กุหนวตฺถุ อาคตํ. ตสฺมา ติวิธมฺเปตํ ทสฺเสตุํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตน วาติ เอวมาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จีวราทีหิ นิมนฺติตสฺส ตทตฺถิกสฺเสว สโต ปาปิจฺฉตํ นิสฺสาย ปฏิกฺขิปเนน, เต จ คหปติเก อตฺตนิ สุปฺปติฏฺิตสทฺเธ ตฺวา ปุน เตสํ ‘‘อโห อยฺโย อปฺปิจฺโฉ น กิฺจิ ปฏิคฺคณฺหิตุํ อิจฺฉติ, สุลทฺธํ วต โน อสฺส สเจ อปฺปมตฺตกมฺปิ กิฺจิ ปฏิคฺคณฺเหยฺยา’’ติ นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ปณีตานิ จีวราทีนิ ¶ อุปเนนฺตานํ ตทนุคฺคหกามตํเยว อาวิกตฺวา ปฏิคฺคหเณน จ ตโต ปภุติ อปิ สกฏภาเรหิ อุปนามนเหตุภูตํ วิมฺหาปนํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ มหานิทฺเทเส –
‘‘กตมํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถุ? อิธ คหปติกา ภิกฺขุํ นิมนฺเตนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ. โส ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อตฺถิโก จีวร…เป… ปริกฺขารานํ ภิยฺโยกมฺยตํ อุปาทาย จีวรํ ปจฺจกฺขาติ. ปิณฺฑปาตํ…เป… เสนาสนํ. คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปจฺจกฺขาติ. โส เอวมาห – ‘กึ สมณสฺส มหคฺเฆน จีวเรน, เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ สุสานา วา สงฺการกูฏา วา ปาปณิกา วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรยฺย. กึ สมณสฺส มหคฺเฆน ปิณฺฑปาเตน เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ อฺุฉาจริยาย ปิณฺฑิยาโลเปน ชีวิกํ กปฺเปยฺย. กึ สมณสฺส มหคฺเฆน เสนาสเนน, เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ รุกฺขมูลิโก วา อสฺส อพฺโภกาสิโก วา. กึ สมณสฺส มหคฺเฆน คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ ปูติมุตฺเตน วา หริฏกีขณฺเฑน วา โอสธํ กเรยฺยา’ติ. ตทุปาทาย ลูขํ จีวรํ ธาเรติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชติ, ลูขํ เสนาสนํ ปฏิเสวติ, ลูขํ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปฏิเสวติ, ตเมนํ คหปติกา เอวํ ชานนฺติ ‘อยํ สมโณ อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อารทฺธวีริโย ธุตวาโท’ติ. ภิยฺโย ภิยฺโย นิมนฺเตนฺติ จีวร…เป… ปริกฺขาเรหิ. โส เอวมาห – ‘ติณฺณํ สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวติ. สทฺธาย สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ¶ ปสวติ. เทยฺยธมฺมสฺส…เป… ทกฺขิเณยฺยานํ สมฺมุขีภาวาสทฺโธกุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวติ. ตุมฺหากฺเจวายํ สทฺธา อตฺถิ, เทยฺยธมฺโม จ สํวิชฺชติ, อหฺจ ปฏิคฺคาหโก, สเจหํ น ปฏิคฺคเหสฺสามิ, เอวํ ตุมฺเห ปฺุเน ปริพาหิรา ภวิสฺสนฺติ, น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ. อปิจ ตุมฺหากํเยว อนุกมฺปาย ปฏิคฺคณฺหามี’ติ. ตทุปาทาย พหุมฺปิ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาติ. พหุมฺปิ ปิณฺฑปาตํ…เป… เภสชฺชปริกฺขารํ ปฏิคฺคณฺหาติ ¶ . ยา เอวรูปา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อิทํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถู’’ติ (มหานิ. ๘๗).
ปาปิจฺฉสฺเสว ปน สโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคมปริทีปนวาจาย ตถา ตถา วิมฺหาปนํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ยถาห –
‘‘กตมํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถุ? อิเธกจฺโจ ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต สมฺภาวนาธิปฺปาโย ‘เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวสฺสตี’ติ อริยธมฺมสนฺนิสฺสิตํ วาจํ ภาสติ ‘โย เอวรูปํ จีวรํ ธาเรติ, โส สมโณ มเหสกฺโข’ติ ภณติ. ‘โย เอวรูปํ ปตฺตํ โลหถาลกํ. ธมฺมกรณํ ปริสฺสาวนํ กฺุจิกํ, กายพนฺธนํ อุปาหนํ ธาเรติ, โส สมโณ มเหสกฺโข’ติ ภณติ. ยสฺส เอวรูโป อุปชฺฌาโย อาจริโย สมานุปชฺฌายโก, สมานาจริยโก มิตฺโต สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต สหาโย. โย เอวรูเป วิหาเร วสติ อฑฺฒโยเค ปาสาเท หมฺมิเย คุหายํ เลเณ กุฏิยา กูฏาคาเร อฏฺเฏ มาเฬ อุทฺทณฺเฑ อุปฏฺานสาลายํ มณฺฑเป รุกฺขมูเล วสติ, โส สมโณ มเหสกฺโข’ติ ภณติ. อถ วา ‘โกรชิกโกรชิโก ภากุฏิกภากุฏิโก กุหกกุหโก ลปกลปโก มุขสมฺภาวิโก, อยํ สมโณ อิมาสํ เอวรูปานํ สนฺตานํ วิหารสมาปตฺตีนํ ลาภี’ติ ตาทิสํ คมฺภีรํ คูฬฺหํ นิปุณํ ปฏิจฺฉนฺนํ โลกุตฺตรํ สฺุตาปฏิสํยุตฺตํ กถํ กเถสิ. ยา เอวรูปา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อิทํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถู’’ติ (มหานิ. ๘๗).
ปาปิจฺฉสฺเสว ปน สโต สมฺภาวนาธิปฺปายกเตน อิริยาปเถน วิมฺหาปนํ อิริยาปถสนฺนิสฺสิตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘กตมํ อิริยาปถสงฺขาตํ กุหนวตฺถุ. อิเธกจฺโจ ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต สมฺภาวนาธิปฺปาโย ‘เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวสฺสตี’ติ คมนํ สณฺเปติ ¶ , านํ ¶ สณฺเปติ, นิสชฺชํ สณฺเปติ, สยนํ สณฺเปติ, ปณิธาย คจฺฉติ, ปณิธาย ติฏฺติ, ปณิธาย นิสีทติ, ปณิธาย เสยฺยํ กปฺเปติ, สมาหิโต วิย คจฺฉติ, สมาหิโต วิย ติฏฺติ, นิสีทติ, เสยฺยํ กปฺเปติ, อาปาถกชฺฌายี จ โหติ, ยา เอวรูปา อิริยาปถสฺส อฏฺปนา ปนา สณฺปนา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อิทํ วุจฺจติ อิริยาปถสงฺขาตํ กุหนวตฺถู’’ติ (มหานิ. ๘๗).
ตตฺถ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตนาติ ปจฺจยปฏิเสวนนฺติ เอวํ สงฺขาเตน ปจฺจยปฏิเสวเนน วา สงฺขาเตน. สามนฺตชปฺปิเตนาติ สมีปภณิเตน. อิริยาปถสฺส วาติ จตุอิริยาปถสฺส. อฏฺปนาติอาทิ ปนา, อาทเรน วา ปนา. ปนาติ ปนากาโร. สณฺปนาติ อภิสงฺขรณา, ปาสาทิกภาวกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภากุฏิกาติ ปธานปุริมฏฺิตภาวทสฺสเนน ภากุฏิกรณํ, มุขสงฺโกโจติ วุตฺตํ โหติ. ภากุฏิกรณํ สีลมสฺสาติ ภากุฏิโก. ภากุฏิกสฺส ภาโว ภากุฏิยํ. กุหนาติ วิมฺหาปนา. กุหสฺส อายนา กุหายนา. กุหิตสฺส ภาโว กุหิตตฺตนฺติ.
ลปนานิทฺเทเส อาลปนาติ วิหารํ อาคเต มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถาย โภนฺโต อาคตา, กึ ภิกฺขู นิมนฺติตุํ, ยทิ เอวํ คจฺฉถ เร, อหํ ปจฺฉโต ปตฺตํ คเหตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ เอวํ อาทิโตว ลปนา. อถ วา อตฺตานํ อุปเนตฺวา ‘‘อหํ ติสฺโส, มยิ ราชา ปสนฺโน, มยิ อสุโก จ อสุโก จ ราชมหามตฺโต ปสนฺโน’’ติ เอวํ อตฺตุปนายิกา ลปนา อาลปนา. ลปนาติ ปุฏฺสฺส สโต วุตฺตปฺปการเมว ลปนํ. สลฺลปนาติ คหปติกานํ อุกฺกณฺเน ภีตสฺส โอกาสํ ทตฺวา ทตฺวา สุฏฺุ ลปนา. อุลฺลปนาติ มหากุฏุมฺพิโก มหานาวิโก มหาทานปตีติ เอวํ อุทฺธํ กตฺวา ลปนา. สมุลฺลปนาติ สพฺพโตภาเคน อุทฺธํ กตฺวา ลปนา.
อุนฺนหนาติ ‘‘อุปาสกา ปุพฺเพ อีทิเส กาเล นวทานํ เทถ, อิทานิ กึ น เทถา’’ติ เอวํ ยาว ‘‘ทสฺสาม, ภนฺเต, โอกาสํ น ลภามา’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตาว อุทฺธํ อุทฺธํ นหนา, เวนาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อุจฺฉุหตฺถํ ¶ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาภตํ อุปาสกา’’ติ ปุจฺฉติ. อุจฺฉุเขตฺตโต, ภนฺเตติ. กึ ตตฺถ อุจฺฉุ มธุรนฺติ. ขาทิตฺวา, ภนฺเต, ชานิตพฺพนฺติ. ‘‘น, อุปาสก, ภิกฺขุสฺส อุจฺฉุํ เทถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ. ยา เอวรูปา นิพฺเพเนฺตสฺสาปิ เวนกถา, สา อุนฺนหนา. สพฺพโตภาเคน ปุนปฺปุนํ อุนฺนหนา สมุนฺนหนา.
อุกฺกาจนาติ ¶ ‘‘เอตํ กุลํ มํเยว ชานาติ. สเจ เอตฺถ เทยฺยธมฺโม อุปฺปชฺชติ, มยฺหเมว เทตี’’ติ เอวํ อุกฺขิปิตฺวา กาจนา อุกฺกาจนา, อุทฺทีปนาติ วุตฺตํ โหติ. เตลกนฺทริกวตฺถุ เจตฺถ วตฺตพฺพํ. สพฺพโตภาเคน ปน ปุนปฺปุนํ อุกฺกาจนา สมุกฺกาจนา.
อนุปฺปิยภาณิตาติ สจฺจานุรูปํ ธมฺมานุรูปํ วา อนปโลเกตฺวา ปุนปฺปุนํ ปิยภณนเมว. จาฏุกมฺยตาติ นีจวุตฺติตา อตฺตานํ เหฏฺโต เหฏฺโต เปตฺวา วตฺตนํ. มุคฺคสูปฺยตาติ มุคฺคสูปสทิสตา. ยถา หิ มุคฺเคสุ ปจฺจมาเนสุ โกจิเทว น ปจฺจติ, อวเสสา ปจฺจนฺติ, เอวํ ยสฺส ปุคฺคลสฺส วจเน กิฺจิเทว สจฺจํ โหติ, เสสํ อลีกํ, อยํ ปุคฺคโล มุคฺคสูปฺโยติ วุจฺจติ. ตสฺส ภาโว มุคฺคสูปฺยตา. ปาริภฏฺยตาติ ปาริภฏฺยภาโว. โย หิ กุลทารเก ธาติ วิย องฺเกน วา ขนฺเธน วา ปริภฏติ, ธาเรตีติ อตฺโถ. ตสฺส ปริภฏสฺส กมฺมํ ปาริภฏฺยุํ. ปาริภฏฺยสฺส ภาโว ปาริภฏฺยตาติ.
เนมิตฺติกตานิทฺเทเส นิมิตฺตนฺติ ยํกิฺจิ ปเรสํ ปจฺจยทานสฺาชนกํ กายวจีกมฺมํ. นิมิตฺตกมฺมนฺติ ขาทนียํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ ขาทนียํ ลภิตฺถา’’ติอาทินา นเยน นิมิตฺตกรณํ. โอภาโสติ ปจฺจยปฏิสํยุตฺตกถา. โอภาสกมฺมนฺติ วจฺฉปาลเก ทิสฺวา ‘‘กึ อิเม วจฺฉา ขีรโควจฺฉา อุทาหุ ตกฺกโควจฺฉา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ขีรโควจฺฉา, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น ขีรโควจฺฉา, ยทิ ขีรโควจฺฉา สิยุํ, ภิกฺขูปิ ขีรํ ลเภยฺยุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน เตสํ ทารกานํ มาตาปิตูนํ นิเวเทตฺวา ขีรทาปนาทิกํ โอภาสกรณํ. สามนฺตชปฺปาติ สมีปํ กตฺวา ชปฺปนํ. กุลูปกภิกฺขุ วตฺถุ เจตฺถ วตฺตพฺพํ.
กุลูปโก ¶ กิร ภิกฺขุ ภฺุชิตุกาโม เคหํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. ตํ ทิสฺวา อทาตุกามา ฆรณี ‘‘ตณฺฑุลา นตฺถี’’ติ ภณนฺตี ตณฺฑุเล อาหริตุกามา วิย ปฏิวิสฺสกฆรํ คตา. ภิกฺขุปิ อนฺโตคพฺภํ ปวิสิตฺวา โอโลเกนฺโต กวาฏโกเณ อุจฺฉุํ, ภาชเน คุฬํ, ปิฏเก โลณมจฺฉผาเล, กุมฺภิยํ ตณฺฑุเล, ฆเฏ ฆตํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา นิสีทิ. ฆรณี ‘‘ตณฺฑุเล นาลตฺถ’’นฺติ อาคตา. ภิกฺขุ ‘‘อุปาสิเก ‘อชฺช ภิกฺขา น สมฺปชฺชิสฺสตี’ติ ปฏิกจฺเจว นิมิตฺตํ อทฺทส’’นฺติ อาห. กึ, ภนฺเตติ. กวาฏโกเณ นิกฺขิตฺตํ อุจฺฉุํ วิย สปฺปํ อทฺทสํ, ‘ตํ ปหริสฺสามี’ติ โอโลเกนฺโต ภาชเน ปิตํ คุฬปิณฺฑํ วิย ปาสาณํ, เลฑฺฑุเกน ปหเฏน สปฺเปน กตํ ปิฏเก นิกฺขิตฺตโลณมจฺฉผาลสทิสํ ผณํ, ตสฺส ตํ เลฑฺฑุํ ฑํสิตุกามสฺส ¶ กุมฺภิยา ตณฺฑุลสทิเส ทนฺเต, อถสฺส กุปิตสฺส ฆเฏ ปกฺขิตฺตฆตสทิสํ มุขโต นิกฺขมนฺตํ วิสมิสฺสกํ เขฬนฺติ. สา ‘‘น สกฺกา มุณฺฑกํ วฺเจตุ’’นฺติ อุจฺฉุํ ทตฺวา โอทนํ ปจิตฺวา ฆตคุฬมจฺเฉหิ สทฺธึ สพฺพํ อทาสีติ. เอวํ สมีปํ กตฺวา ชปฺปนํ สามนฺตชปฺปาติ เวทิตพฺพํ. ปริกถาติ ยถา ตํ ลภติ ตสฺส ปริวตฺเตตฺวา กถนนฺติ.
นิปฺเปสิกตานิทฺเทเส อกฺโกสนาติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนํ. วมฺภนาติ ปริภวิตฺวา กถนํ. ครหณาติ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโนติอาทินา นเยน โทสาโรปนา. อุกฺเขปนาติ มา เอตํ เอตฺถ กเถถาติ วาจาย อุกฺขิปนํ. สพฺพโตภาเคน สวตฺถุกํ สเหตุกํ กตฺวา อุกฺเขปนา สมุกฺเขปนา. อถ วา อเทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโห ทานปตี’’ติ เอวํ อุกฺขิปนํ อุกฺเขปนา. มหาทานปตีติ เอวํ สุฏฺุ อุกฺเขปนา สมุกฺเขปนา. ขิปนาติ กึ อิมสฺส ชีวิตํ พีชโภชิโนติ เอวํ อุปฺปณฺฑนา. สํขิปนาติ กึ อิมํ อทายโกติ ภณถ, โย นิจฺจกาลํ สพฺเพสมฺปิ นตฺถีติ วจนํ เทตีติ สุฏฺุตรํ อุปฺปณฺฑนา. ปาปนาติ อทายกตฺตสฺส อวณฺณสฺส วา ปาปนํ. สพฺพโตภาเคน ปาปนา สมฺปาปนา. อวณฺณหาริกาติ เอวํ เม อวณฺณภยาปิ ทสฺสตีติ เคหโต เคหํ คามโต คามํ ชนปทโต ชนปทํ อวณฺณหรณํ. ปรปิฏฺิมํสิกตาติ ปุรโต มธุรํ ภณิตฺวา ปรมฺมุเข อวณฺณภาสิตา. เอสา หิ อภิมุขํ โอโลเกตุํ ¶ อสกฺโกนฺตสฺส ปรมฺมุขานํ ปิฏฺิมํสํ ขาทนมิว โหติ, ตสฺมา ปรปิฏฺิมํสิกตาติ วุตฺตา. อยํ วุจฺจติ นิปฺเปสิกตาติ อยํ ยสฺมา เวฬุเปสิกาย วิย อพฺภงฺคํ ปรสฺส คุณํ นิปฺเปเสติ นิปฺุฉติ, ยสฺมา วา คนฺธชาตํ นิปิสิตฺวา คนฺธมคฺคนา วิย ปรคุเณ นิปิสิตฺวา วิจุณฺเณตฺวา เอสา ลาภมคฺคนา โหติ, ตสฺมา นิปฺเปสิกตาติ วุจฺจตีติ.
ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตานิทฺเทเส นิชิคีสนตาติ มคฺคนา. อิโต ลทฺธนฺติ อิมมฺหา เคหา ลทฺธํ. อมุตฺราติ อมุกมฺหิ เคเห. เอฏฺีติ อิจฺฉนา. คเวฏฺีติ มคฺคนา. ปริเยฏฺีติ ปุนปฺปุนํ มคฺคนา. อาทิโต ปฏฺาย ลทฺธํ ลทฺธํ ภิกฺขํ ตตฺร ตตฺร กุลทารกานํ ทตฺวา อนฺเต ขีรยาคุํ ลภิตฺวา คตภิกฺขุวตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ. เอสนาติอาทีนิ เอฏฺิอาทีนเมว เววจนานิ, ตสฺมา เอฏฺีติ เอสนา. คเวฏฺีติ คเวสนา, ปริเยฏฺีติ ปริเยสนา. อิจฺเจวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. อยํ กุหนาทีนํ อตฺโถ.
อิทานิ เอวมาทีนฺจ ปาปธมฺมานนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ¶ สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภฺุชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ, องฺคํ, นิมิตฺตํ, อุปฺปาตํ, สุปินํ, ลกฺขณํ, มูสิกจฺฉินฺนํ, อคฺคิโหมํ, ทพฺพิโหม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๑) อาทินา นเยน พฺรหฺมชาเล วุตฺตานํ อเนเกสํ ปาปธมฺมานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. อิติ ยฺวายํ อิเมสํ อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วีติกฺกมวเสน, อิเมสฺจ ‘‘กุหนา ลปนา เนมิตฺติกตา นิปฺเปสิกตา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา’’ติ เอวมาทีนํ ปาปธมฺมานํ วเสน ปวตฺโต มิจฺฉาชีโว, ยา ตสฺมา สพฺพปฺปการาปิ มิจฺฉาชีวา วิรติ, อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ. เอตํ อาคมฺม ชีวนฺตีติ อาชีโว. โก โส, ปจฺจยปริเยสนวายาโม. ปาริสุทฺธีติ ปริสุทฺธตา. อาชีวสฺส ปาริสุทฺธิ อาชีวปาริสุทฺธิ.
ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ
๑๘. ยํ ปเนตํ ตทนนฺตรํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ วุตฺตํ, ตตฺถ ปฏิสงฺขา โยนิโสติ อุปาเยน ปเถน ปฏิสงฺขาย ตฺวา, ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อตฺโถ ¶ . เอตฺถ จ สีตสฺส ปฏิฆาตายาติอาทินา นเยน วุตฺตปจฺจเวกฺขณเมว ‘‘โยนิโส ปฏิสงฺขา’’ติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จีวรนฺติ อนฺตรวาสกาทีสุ ยํกิฺจิ. ปฏิเสวตีติ ปริภฺุชติ, นิวาเสติ วา ปารุปติ วา. ยาวเทวาติ ปโยชนาวธิปริจฺเฉทนิยมวจนํ, เอตฺตกเมว หิ โยคิโน จีวรปฏิเสวเน ปโยชนํ ยทิทํ สีตสฺส ปฏิฆาตายาติอาทิ, น อิโต ภิยฺโย. สีตสฺสาติ อชฺฌตฺตธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธาอุตุปริณามนวเสน วา อุปฺปนฺนสฺส ยสฺส กสฺสจิ สีตสฺส. ปฏิฆาตายาติ ปฏิหนนตฺถํ. ยถา สรีเร อาพาธํ น อุปฺปาเทติ, เอวํ ตสฺส วิโนทนตฺถํ. สีตพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา สีตสฺส ปฏิฆาตาย จีวรํ ปฏิเสวิตพฺพนฺติ ภควา อนฺุาสิ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เกวลฺเหตฺถ อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปสฺส. ตสฺส วนทาหาทีสุ สมฺภโว เวทิตพฺโพ. ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานนฺติ เอตฺถ ปน ฑํสาติ ฑํสนมกฺขิกา, อนฺธมกฺขิกาติปิ วุจฺจนฺติ. มกสา มกสา เอว. วาตาติ สรชอรชาทิเภทา. อาตโปติ สูริยาตโป. สรีสปาติ เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉนฺติ ทีฆชาติกา สปฺปาทโย, เตสํ ทฏฺสมฺผสฺโส จ ผุฏฺสมฺผสฺโส จาติ ทุวิโธ สมฺผสฺโส, โสปิ จีวรํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนํ น พาธติ, ตสฺมา ตาทิเสสุ าเนสุ เตสํ ปฏิฆาตตฺถาย ปฏิเสวติ. ยาวเทวาติ ปุน เอตสฺส วจนํ นิยตปโยชนาวธิปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ ¶ , หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนฺหิ นิยตปโยชนํ, อิตรานิ กทาจิ กทาจิ โหนฺติ. ตตฺถ หิริโกปีนนฺติ ตํ ตํ สมฺพาธฏฺานํ. ยสฺมึ ยสฺมิฺหิ องฺเค วิวริยมาเน หิรี กุปฺปติ วินสฺสติ, ตํ ตํ หิรึ โกปนโต หิริโกปีนนฺติ วุจฺจติ. ตสฺส จ หิริโกปีนสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถนฺติ หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนตฺถํ. หิริโกปีนํ ปฏิจฺฉาทนตฺถนฺติปิ ปาโ.
ปิณฺฑปาตนฺติ ยํกิฺจิ อาหารํ. โย หิ โกจิ อาหาโร ภิกฺขุโน ปิณฺโฑลฺเยน ปตฺเต ปติตตฺตา ปิณฺฑปาโตติ วุจฺจติ. ปิณฺฑานํ วา ปาโต ปิณฺฑปาโต, ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธานํ ภิกฺขานํ สนฺนิปาโต สมูโหติ วุตฺตํ โหติ. เนว ทวายาติ น คามทารกาทโย วิย ทวตฺถํ, กีฬานิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. น มทายาติ น มุฏฺิกมลฺลาทโย วิย มทตฺถํ, พลมทนิมิตฺตํ โปริสมทนิมิตฺตฺจาติ วุตฺตํ โหติ. น มณฺฑนายาติ น อนฺเตปุริกเวสิยาทโย ¶ วิย มณฺฑนตฺถํ, องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. น วิภูสนายาติ น นฏนจฺจกาทโย วิย วิภูสนตฺถํ, ปสนฺนจฺฉวิวณฺณตานิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ เนว ทวายาติ เอตํ โมหูปนิสฺสยปฺปหานตฺถํ วุตฺตํ. น มทายาติ เอตํ โทสูปนิสฺสยปฺปหานตฺถํ. น มณฺฑนาย น วิภูสนายาติ เอตํ ราคูปนิสฺสยปฺปหานตฺถํ. เนว ทวาย น มทายาติ เจตํ อตฺตโน สํโยชนุปฺปตฺติปฏิเสธนตฺถํ. น มณฺฑนาย น วิภูสนายาติ เอตํ ปรสฺสปิ สํโยชนุปฺปตฺติปฏิเสธนตฺถํ. จตูหิปิ เจเตหิ อโยนิโส ปฏิปตฺติยา กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส จ ปหานํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยาวเทวาติ วุตฺตตฺถเมว. อิมสฺส กายสฺสาติ เอตสฺส จตุมหาภูติกสฺส รูปกายสฺส. ิติยาติ ปพนฺธฏฺิตตฺถํ. ยาปนายาติ ปวตฺติยา อวิจฺเฉทตฺถํ, จิรกาลฏฺิตตฺถํ วา. ฆรูปตฺถมฺภมิว หิ ชิณฺณฆรสามิโก, อกฺขพฺภฺชนมิว จ สากฏิโก กายสฺส ิตตฺถํ ยาปนตฺถฺเจส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ, น ทวมทมณฺฑนวิภูสนตฺถํ. อปิจ ิตีติ ชีวิตินฺทฺริยสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนายาติ เอตฺตาวตา เอตสฺส กายสฺส ชีวิตินฺทฺริยปวตฺตาปนตฺถนฺติปิ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. วิหึสูปรติยาติ วิหึสา นาม ชิฆจฺฉา อาพาธฏฺเน. ตสฺสา อุปรมตฺถมฺเปส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ, วณาเลปนมิว อุณฺหสีตาทีสุ ตปฺปฏิการํ วิย จ. พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ สกลสาสนพฺรหฺมจริยสฺส จ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส จ อนุคฺคหตฺถํ. อยฺหิ ปิณฺฑปาตปฏิเสวนปจฺจยา กายพลํ นิสฺสาย สิกฺขตฺตยานุโยควเสน ¶ ภวกนฺตารนิตฺถรณตฺถํ ปฏิปชฺชนฺโต พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิเสวติ, กนฺตารนิตฺถรณตฺถิกา ปุตฺตมํสํ (สํ. นิ. ๒.๖๓) วิย, นทีนิตฺถรณตฺถิกา กุลฺลํ (ม. นิ. ๑.๒๔๐) วิย, สมุทฺทนิตฺถรณตฺถิกา นาวมิว จ.
อิติปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ เอตํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิเสวเนน ปุราณฺจ ชิฆจฺฉาเวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ อปริมิตโภชนปจฺจยํ อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺรวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกพฺราหฺมณานํ อฺตโร วิย น อุปฺปาเทสฺสามีติปิ ปฏิเสวติ, เภสชฺชมิว คิลาโน. อถ วา ยา อธุนา อสปฺปายาปริมิตโภชนํ นิสฺสาย ปุราณกมฺมปจฺจยวเสน อุปฺปชฺชนโต ปุราณเวทนาติ ¶ วุจฺจติ. สปฺปายปริมิตโภชเนน ตสฺสา ปจฺจยํ วินาเสนฺโต ตํ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ. ยา จายํ อธุนา กตํ อยุตฺตปริโภคกมฺมูปจยํ นิสฺสาย อายตึ อุปฺปชฺชนโต นวเวทนาติ วุจฺจติ. ยุตฺตปริโภควเสน ตสฺสา มูลํ อนิพฺพตฺเตนฺโต ตํ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺตาวตา ยุตฺตปริโภคสงฺคโห อตฺตกิลมถานุโยคปฺปหานํ ธมฺมิกสุขาปริจฺจาโค จ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.
ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ปริมิตปริโภเคน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกสฺส อิริยาปถภฺชกสฺส วา ปริสฺสยสฺส อภาวโต จิรกาลคมนสงฺขาตา ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อิมสฺส ปจฺจยายตฺตวุตฺติโน กายสฺสาติปิ ปฏิเสวติ, ยาปฺยโรคี วิย ตปฺปจฺจยํ. อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยุตฺตปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภคปริวชฺชเนน อนวชฺชตา, ปริมิตปริโภเคน ผาสุวิหาโร. อสปฺปายาปริมิตปริโภคปจฺจยา อรติตนฺทีวิชมฺภิตา. วิฺูครหาทิโทสาภาเวน วา อนวชฺชตา, สปฺปายปริมิตโภชนปจฺจยา กายพลสมฺภเวน ผาสุวิหาโร. ยาวทตฺถอุทราวเทหกโภชนปริวชฺชเนน วา เสยฺยสุขปสฺสสุขมิทฺธสุขานํ ปหานโต อนวชฺชตา, จตุปฺจาโลปมตฺตอูนโภชเนน จตุอิริยาปถโยคฺยภาวปฏิปาทนโต ผาสุวิหาโร จ เม ภวิสฺสตีติปิ ปฏิเสวติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
เอตฺตาวตา ¶ จ ปโยชนปริคฺคโห มชฺฌิมา จ ปฏิปทา ทีปิตา โหตีติ เวทิตพฺพา.
เสนาสนนฺติ เสนฺจ อาสนฺจ. ยตฺถ ยตฺถ หิ เสติ วิหาเร วา อฑฺฒโยคาทิมฺหิ วา, ตํ เสนํ. ยตฺถ ยตฺถ อาสติ นิสีทติ, ตํ อาสนํ. ตํ เอกโต กตฺวา เสนาสนนฺติ วุจฺจติ. อุตุปริสฺสยวิโนทนปฏิสลฺลานารามตฺถนฺติ ปริสหนฏฺเน อุตุเยว อุตุปริสฺสโย. อุตุปริสฺสยสฺส ¶ วิโนทนตฺถฺจ ปฏิสลฺลานารามตฺถฺจ. โย สรีราพาธจิตฺตวิกฺเขปกโร อสปฺปาโย อุตุ เสนาสนปฏิเสวเนน วิโนเทตพฺโพ โหติ, ตสฺส วิโนทนตฺถํ เอกีภาวสุขตฺถฺจาติ วุตฺตํ โหติ. กามฺจ สีตปฏิฆาตาทินาว อุตุปริสฺสยวิโนทนํ วุตฺตเมว. ยถา ปน จีวรปฏิเสวเน หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนํ นิยตปโยชนํ, อิตรานิ กทาจิ กทาจิ ภวนฺตีติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ นิยตํ อุตุปริสฺสยวิโนทนํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา อยํ วุตฺตปฺปกาโร อุตุ อุตุเยว. ปริสฺสโย ปน ทุวิโธ ปากฏปริสฺสโย จ, ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย จ (มหานิ. ๕). ตตฺถ ปากฏปริสฺสโย สีหพฺยคฺฆาทโย. ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย ราคโทสาทโย. เย ยตฺถ อปริคุตฺติยา จ อสปฺปายรูปทสฺสนาทินา จ อาพาธํ น กโรนฺติ, ตํ เสนาสนํ เอวํ ชานิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิเสวนฺโต ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส เสนาสนํ อุตุปริสฺสยวิโนทนตฺถํ ปฏิเสวตีติ เวทิตพฺโพ.
คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ เอตฺถ โรคสฺส ปฏิอยนฏฺเน ปจฺจโย, ปจฺจนีกคมนฏฺเนาติ อตฺโถ. ยสฺส กสฺสจิ สปฺปายสฺเสตํ อธิวจนํ. ภิสกฺกสฺส กมฺมํ เตน อนฺุาตตฺตาติ เภสชฺชํ. คิลานปจฺจโยว เภสชฺชํ คิลานปจฺจยเภสชฺชํ, ยํกิฺจิ คิลานสฺส สปฺปายํ ภิสกฺกกมฺมํ เตลมธุผาณิตาทีติ วุตฺตํ โหติ. ปริกฺขาโรติ ปน ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) อาทีสุ ปริวาโร วุจฺจติ. ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) อาทีสุ อลงฺกาโร. ‘‘เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙๑-๑๙๒) อาทีสุ สมฺภาโร. อิธ ปน สมฺภาโรปิ ปริวาโรปิ วฏฺฏติ. ตฺหิ คิลานปจฺจยเภสชฺชํ ชีวิตสฺส ปริวาโรปิ โหติ, ชีวิตนาสกาพาธุปฺปตฺติยา อนฺตรํ อทตฺวา รกฺขณโต สมฺภาโรปิ. ยถา จิรํ ปวตฺตติ, เอวมสฺส การณภาวโต, ตสฺมา ปริกฺขาโรติ วุจฺจติ. เอวํ คิลานปจฺจยเภสชฺชฺจ ตํ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร. ตํ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ. คิลานสฺส ยํกิฺจิ สปฺปายํ ภิสกฺกานฺุาตํ เตลมธุผาณิตาทิ ¶ ชีวิตปริกฺขารนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺปนฺนานนฺติ ¶ ชาตานํ ภูตานํ นิพฺพตฺตานํ. เวยฺยาพาธิกานนฺติ เอตฺถ พฺยาพาโธติ ธาตุกฺโขโภ, ตํสมุฏฺานา จ กุฏฺคณฺฑปีฬกาทโย. พฺยาพาธโต อุปฺปนฺนตฺตา เวยฺยาพาธิกา. เวทนานนฺติ ทุกฺขเวทนา อกุสลวิปากเวทนา. ตาสํ เวยฺยาพาธิกานํ เวทนานํ. อพฺยาพชฺฌปรมตายาติ นิทฺทุกฺขปรมตาย. ยาว ตํ ทุกฺขํ สพฺพํ ปหีนํ โหติ ตาวาติ อตฺโถ.
เอวมิทํ สงฺเขปโต ปฏิสงฺขา โยนิโส ปจฺจยปริโภคลกฺขณํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ เวทิตพฺพํ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ – จีวราทโย หิ ยสฺมา เต ปฏิจฺจ นิสฺสาย ปริภฺุชมานา ปาณิโน อยนฺติ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ปจฺจยาติ วุจฺจนฺติ. เต ปจฺจเย สนฺนิสฺสิตนฺติ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ.
จตุปาริสุทฺธิสมฺปาทนวิธิ
๑๙. เอวเมตสฺมึ จตุพฺพิเธ สีเล สทฺธาย ปาติโมกฺขสํวโร สมฺปาเทตพฺโพ. สทฺธาสาธโน หิ โส, สาวกวิสยาตีตตฺตา สิกฺขาปทปฺตฺติยา. สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนปฏิกฺเขโป เจตฺถ นิทสฺสนํ. ตสฺมา ยถา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ อนวเสสํ สทฺธาย สมาทิยิตฺวา ชีวิเตปิ อเปกฺขํ อกโรนฺเตน สาธุกํ สมฺปาเทตพฺพํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘กิกีว อณฺฑํ จมรีว วาลธึ,
ปิยํว ปุตฺตํ นยนํว เอกกํ;
ตเถว สีลํ อนุรกฺขมานกา,
สุเปสลา โหถ สทา สคารวา’’ติ.
อปรมฺปิ วุตฺตํ – ‘‘เอวเมว โข ปหาราท ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๙). อิมสฺมึ จ ปนตฺเถ อฏวิยํ โจเรหิ พทฺธเถรานํ วตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ.
มหาวตฺตนิอฏวิยํ กิร เถรํ โจรา กาฬวลฺลีหิ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. เถโร ยถานิปนฺโนว ¶ สตฺตทิวสานิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามิผลํ ปาปุณิตฺวา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.
อปรมฺปิ ¶ เถรํ ตมฺพปณฺณิทีเป ปูติลตาย พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. โส วนทาเห อาคจฺฉนฺเต วลฺลึ อจฺฉินฺทิตฺวาว วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ. ทีฆภาณกอภยตฺเถโร ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาคจฺฉนฺโต ทิสฺวา เถรสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา เจติยํ การาเปสิ. ตสฺมา อฺโปิ สทฺโธ กุลปุตฺโต –
ปาติโมกฺขํ วิโสเธนฺโต, อปฺเปว ชีวิตํ ชเห;
ปฺตฺตํ โลกนาเถน, น ภินฺเท สีลสํวรํ.
ยถา จ ปาติโมกฺขสํวโร สทฺธาย, เอวํ สติยา อินฺทฺริยสํวโร สมฺปาเทตพฺโพ. สติสาธโน หิ โส, สติยา อธิฏฺิตานํ อินฺทฺริยานํ อภิชฺฌาทีหิ อนนฺวาสฺสวนียโต. ตสฺมา ‘‘วรํ, ภิกฺขเว, ตตฺตาย อโยสลากาย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย จกฺขุนฺทฺริยํ สมฺปลิมฏฺํ, น ตฺเวว จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโห’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) อาทินา นเยน อาทิตฺตปริยายํ สมนุสฺสริตฺวา รูปาทีสุ วิสเยสุ จกฺขุทฺวาราทิปวตฺตสฺส วิฺาณสฺส อภิชฺฌาทีหิ อนฺวาสฺสวนียํ นิมิตฺตาทิคฺคาหํ อสมฺมุฏฺาย สติยา นิเสเธนฺเตน เอส สาธุกํ สมฺปาเทตพฺโพ. เอวํ อสมฺปาทิเต หิ เอตสฺมึ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ อนทฺธนิยํ โหติ อจิรฏฺิติกํ, อสํวิหิตสาขาปริวารมิว สสฺสํ. หฺเต จายํ กิเลสโจเรหิ, วิวฏทฺวาโร วิย คาโม ปรสฺส หารีหิ. จิตฺตฺจสฺส ราโค สมติวิชฺฌติ, ทุจฺฉนฺนมคารํ วุฏฺิ วิย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘รูเปสุ สทฺเทสุ อโถ รเสสุ,
คนฺเธสุ ผสฺเสสุ จ รกฺข อินฺทฺริยํ;
เอเต หิ ทฺวารา วิวฏา อรกฺขิตา,
หนนฺติ คามํว ปรสฺส หาริโน’’.
‘‘ยถา ¶ อคารํ ทุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี สมติวิชฺฌติ;
เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค สมติวิชฺฌตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓);
สมฺปาทิเต ปน ตสฺมึ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ อทฺธนิยํ โหติ จิรฏฺิติกํ, สุสํวิหิตสาขาปริวารมิว สสฺสํ. น หฺเต จายํ กิเลสโจเรหิ ¶ , สุสํวุตทฺวาโร วิย คาโม ปรสฺส หารีหิ. น จสฺส จิตฺตํ ราโค สมติวิชฺฌติ, สุจฺฉนฺนมคารํ วุฏฺิ วิย. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘รูเปสุ สทฺเทสุ อโถ รเสสุ,
คนฺเธสุ ผสฺเสสุ จ รกฺข อินฺทฺริยํ;
เอเต หิ ทฺวารา ปิหิตา สุสํวุตา,
น หนฺติ คามํว ปรสฺส หาริโน’’.
‘‘ยถา อคารํ สุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี น สมติวิชฺฌติ;
เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค น สมติวิชฺฌตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๔);
อยํ ปน อติอุกฺกฏฺเทสนา.
จิตฺตํ นาเมตํ ลหุปริวตฺตํ, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ ราคํ อสุภมนสิกาเรน วิโนเทตฺวา อินฺทฺริยสํวโร สมฺปาเทตพฺโพ, อธุนาปพฺพชิเตน วงฺคีสตฺเถเรน วิย.
เถรสฺส กิร อธุนาปพฺพชิตสฺส ปิณฺฑาย จรโต เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ. ตโต อานนฺทตฺเถรํ อาห –
‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ;
สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒; เถรคา. ๑๒๓๒);
เถโร ¶ อาห –
‘‘สฺาย วิปริเยสา, จิตฺตํ เต ปริฑยฺหติ;
นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ, สุภํ ราคูปสฺหิตํ;
อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒; เถรคา. ๑๒๓๓-๑๒๓๔);
‘‘สงฺขาเร ปรโต ปสฺส, ทุกฺขโต โน จ อตฺตโต;
นิพฺพาเปหิ มหาราคํ, มา ฑยฺหิตฺโถ ปุนปฺปุน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒);
เถโร ราคํ วิโนเทตฺวา ปิณฺฑาย จริ. อปิจ อินฺทฺริยสํวรปูรเกน ภิกฺขุนา กุรณฺฑกมหาเลณวาสินา จิตฺตคุตฺตตฺเถเรน วิย โจรกมหาวิหารวาสินา มหามิตฺตตฺเถเรน วิย จ ภวิตพฺพํ. กุรณฺฑกมหาเลเณ กิร สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ อภินิกฺขมนจิตฺตกมฺมํ มโนรมํ อโหสิ, สมฺพหุลา ภิกฺขู เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา จิตฺตกมฺมํ ทิสฺวา ‘‘มโนรมํ, ภนฺเต ¶ , จิตฺตกมฺม’’นฺติ อาหํสุ. เถโร อาห ‘‘อติเรกสฏฺิ เม, อาวุโส, วสฺสานิ เลเณ วสนฺตสฺส จิตฺตกมฺมํ อตฺถีติปิ น ชานามิ, อชฺช ทานิ จกฺขุมนฺเต นิสฺสาย าต’’นฺติ. เถเรน กิร เอตฺตกํ อทฺธานํ วสนฺเตน จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา เลณํ น อุลฺโลกิตปุพฺพํ. เลณทฺวาเร จสฺส มหานาครุกฺโขปิ อโหสิ. โสปิ เถเรน อุทฺธํ น อุลฺโลกิตปุพฺโพ. อนุสํวจฺฉรํ ภูมิยํ เกสรนิปาตํ ทิสฺวาวสฺส ปุปฺผิตภาวํ ชานาติ.
ราชา เถรสฺส คุณสมฺปตฺตึ สุตฺวา วนฺทิตุกาโม ติกฺขตฺตุํ เปเสตฺวา อนาคจฺฉนฺเต เถเร ตสฺมึ คาเม ตรุณปุตฺตานํ อิตฺถีนํ ถเน พนฺธาเปตฺวา ลฺชาเปสิ ‘‘ตาว ทารกา ถฺํ มา ลภึสุ, ยาว เถโร น อาคจฺฉตี’’ติ. เถโร ทารกานํ อนุกมฺปาย มหาคามํ อคมาสิ. ราชา สุตฺวา ‘‘คจฺฉถ ภเณ, เถรํ ปเวเสถ สีลานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ อนฺเตปุรํ อภิหราเปตฺวา วนฺทิตฺวา โภเชตฺวา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, โอกาโส นตฺถิ, สฺเว สีลานิ คณฺหิสฺสามีติ เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา โถกํ อนุคนฺตฺวา เทวิยา สทฺธึ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. เถโร ราชา วา วนฺทตุ เทวี วา, ‘‘สุขี โหตุ, มหาราชา’’ติ วทติ. เอวํ สตฺตทิวสา คตา. ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห รฺเปิ ¶ วนฺทมาเน เทวิยาปิ วนฺทมานาย ‘‘สุขี โหตุ, มหาราช’’อิจฺเจว วทถาติ. เถโร ‘‘นาหํ, อาวุโส, ราชาติ วา เทวีติ วา ววตฺถานํ กโรมี’’ติ วตฺวา สตฺตาหาติกฺกเมน ‘‘เถรสฺส อิธ วาโส ทุกฺโข’’ติ รฺา วิสฺสชฺชิโต กุรณฺฑกมหาเลณํ คนฺตฺวา รตฺติภาเค จงฺกมํ อารูหิ. นาครุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺส กมฺมฏฺานํ อติปริสุทฺธํ ปากฏํ อโหสิ. เถโร ‘‘กึ นุ เม อชฺช กมฺมฏฺานํ อติวิย ปกาสตี’’ติ อตฺตมโน มชฺฌิมยามสมนนฺตรํ สกลํ ปพฺพตํ อุนฺนาทยนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมา อฺโปิ อตฺตตฺถกาโม กุลปุตฺโต –
มกฺกโฏว อรฺมฺหิ, วเน ภนฺตมิโค วิย;
พาโล วิย จ อุตฺรสฺโต, น ภเว โลลโลจโน.
อโธ ขิเปยฺย จกฺขูนิ, ยุคมตฺตทโส สิยา;
วนมกฺกฏโลลสฺส, น จิตฺตสฺส วสํ วเช.
มหามิตฺตตฺเถรสฺสาปิ ¶ มาตุ วิสคณฺฑกโรโค อุปฺปชฺชิ, ธีตาปิสฺสา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา โหติ. สา ตํ อาห – ‘‘คจฺฉ อยฺเย, ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มม อผาสุกภาวํ อาโรเจตฺวา เภสชฺชมาหรา’’ติ. สา คนฺตฺวา อาโรเจสิ. เถโร อาห – ‘‘นาหํ มูลเภสชฺชาทีนิ สํหริตฺวา เภสชฺชํ ปจิตุํ ชานามิ, อปิจ เต เภสชฺชํ อาจิกฺขิสฺสํ – ‘‘อหํ ยโต ปพฺพชิโต, ตโต ปฏฺาย น มยา โลภสหคเตน จิตฺเตน อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา วิสภาครูปํ โอโลกิตปุพฺพํ, อิมินา สจฺจวจเนน มาตุยา เม ผาสุ โหตุ, คจฺฉ อิทํ วตฺวา อุปาสิกาย สรีรํ ปริมชฺชา’’ติ. สา คนฺตฺวา อิมมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตถา อกาสิ. อุปาสิกาย ตํขณํเยว คณฺโฑ เผณปิณฺโฑ วิย วิลียิตฺวา อนฺตรธายิ, สา อุฏฺหิตฺวา ‘‘สเจ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธเรยฺย, กสฺมา มม ปุตฺตสทิสสฺส ภิกฺขุโน ชาลวิจิตฺเรน หตฺเถน สีสํ น ปรามเสยฺยา’’ติ อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตสฺมา –
กุลปุตฺตมานิ อฺโปิ, ปพฺพชิตฺวาน สาสเน;
มิตฺตตฺเถโรว ติฏฺเยฺย, วเร อินฺทฺริยสํวเร.
ยถา ¶ ปน อินฺทฺริยสํวโร สติยา, ตถา วีริเยน อาชีวปาริสุทฺธิ สมฺปาเทตพฺพา. วีริยสาธนา หิ สา, สมฺมารทฺธวีริยสฺส มิจฺฉาชีวปฺปหานสมฺภวโต. ตสฺมา อเนสนํ อปฺปติรูปํ ปหาย วีริเยน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ สมฺมา เอสนาหิ เอสา สมฺปาเทตพฺพา ปริสุทฺธุปฺปาเทเยว ปจฺจเย ปฏิเสวมาเนน อปริสุทฺธุปฺปาเท อาสีวิเส วิย ปริวชฺชยตา. ตตฺถ อปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส สงฺฆโต, คณโต, ธมฺมเทสนาทีหิ จสฺส คุเณหิ ปสนฺนานํ คิหีนํ สนฺติกา อุปฺปนฺนา ปจฺจยา ปริสุทฺธุปฺปาทา นาม. ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ ปน อติปริสุทฺธุปฺปาทาเยว. ปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ ธุตคุเณ จสฺส ปสนฺนานํ สนฺติกา ธุตงฺคนิยมานุโลเมน อุปฺปนฺนา ปริสุทฺธุปฺปาทา นาม. เอกพฺยาธิวูปสมตฺถฺจสฺส ปูติหริฏกีจตุมธุเรสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘จตุมธุรํ อฺเปิ สพฺรหฺมจาริโน ปริภฺุชิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา หริฏกีขณฺฑเมว ปริภฺุชมานสฺส ธุตงฺคสมาทานํ ปติรูปํ โหติ. เอส หิ ‘‘อุตฺตมอริยวํสิโก ภิกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เย ปเนเต จีวราทโย ปจฺจยา, เตสุ ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน อาชีวํ ปริโสเธนฺตสฺส ¶ จีวเร จ ปิณฺฑปาเต จ นิมิตฺโตภาสปริกถาวิฺตฺติโย น วฏฺฏนฺติ. เสนาสเน ปน อปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส นิมิตฺโตภาสปริกถา วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ นิมิตฺตํ นาม เสนาสนตฺถํ ภูมิปริกมฺมาทีนิ กโรนฺตสฺส ‘‘กึ, ภนฺเต, กริยติ, โก การาเปตี’’ติ คิหีหิ วุตฺเต ‘‘น โกจิ’’ติ ปฏิวจนํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ นิมิตฺตกมฺมํ. โอภาโส นาม ‘‘อุปาสกา ตุมฺเห กุหึ วสถา’’ติ. ปาสาเท, ภนฺเตติ. ‘‘ภิกฺขูนํ ปน อุปาสกา ปาสาโท น วฏฺฏตี’’ติ วจนํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ โอภาสกมฺมํ. ปริกถา นาม ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส เสนาสนํ สมฺพาธ’’นฺติ วจนํ, ยา วา ปนฺาปิ เอวรูปา ปริยายกถา. เภสชฺเช สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตถา อุปฺปนฺนํ ปน เภสชฺชํ โรเค วูปสนฺเต ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ.
ตตฺถ วินยธรา ‘‘ภควตา ทฺวารํ ทินฺนํ, ตสฺมา วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. สุตฺตนฺติกา ปน ‘‘กิฺจาปิ อาปตฺติ น โหติ, อาชีวํ ปน โกเปติ, ตสฺมา น วฏฺฏติ’’จฺเจว วทนฺติ.
โย ปน ภควตา อนฺุาตาปิ นิมิตฺโตภาสปริกถาวิฺตฺติโย อกโรนฺโต อปฺปิจฺฉตาทิคุเณเยว นิสฺสาย ชีวิตกฺขเยปิ ปจฺจุปฏฺิเต อฺตฺเรว โอภาสาทีหิ อุปฺปนฺนปจฺจเย ปฏิเสวติ, เอส ‘‘ปรมสลฺเลขวุตฺตี’’ติ วุจฺจติ, เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต.
โส กิรายสฺมา เอกสฺมึ สมเย ปวิเวกํ พฺรูหยมาโน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ อฺตรสฺมึ ¶ อรฺเ วิหรติ, อถสฺส เอกสฺมึ ทิวเส อุทรวาตาพาโธ อุปฺปชฺชิตฺวา อติทุกฺขํ ชเนสิ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร สายนฺหสมเย ตสฺสายสฺมโต อุปฏฺานํ คโต เถรํ นิปนฺนํ ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปุพฺเพ เต, อาวุโส, เกน ผาสุ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร อาห, ‘‘คิหิกาเล เม, อาวุโส, มาตา สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ โยเชตฺวา อสมฺภินฺนขีรปายาสํ อทาสิ, เตน เม ผาสุ อโหสี’’ติ. โสปิ อายสฺมา ‘‘โหตุ, อาวุโส, สเจ มยฺหํ วา ตุยฺหํ วา ปฺุํ อตฺถิ, อปฺเปว นาม สฺเว ลภิสฺสามา’’ติ อาห.
อิมํ ปน เนสํ กถาสลฺลาปํ จงฺกมนโกฏิยํ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา สุตฺวา ‘‘สฺเว อยฺยสฺส ปายาสํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ตาวเทว เถรสฺส อุปฏฺากกุลํ ¶ คนฺตฺวา เชฏฺปุตฺตสฺส สรีรํ อาวิสิตฺวา ปีฬํ ชเนสิ. อถสฺส ติกิจฺฉานิมิตฺตํ สนฺนิปติเต าตเก อาห – ‘‘สเจ สฺเว เถรสฺส เอวรูปํ นาม ปายาสํ ปฏิยาเทถ, ตํ มฺุจิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘ตยา อวุตฺเตปิ มยํ เถรานํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทมา’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส ตถารูปํ ปายาสํ ปฏิยาทิยึสุ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปาโตว อาคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, ยาว อหํ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา คามํ ปาวิสิ. เต มนุสฺสา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตปฺปการสฺส ปายาสสฺส ปูเรตฺวา อทํสุ. เถโร คมนาการํ ทสฺเสสิ. เต ‘‘ภฺุชถ – ภนฺเต, ตุมฺเห, อปรมฺปิ ทสฺสามา’’ติ เถรํ โภเชตฺวา ปุน ปตฺตปูรํ อทํสุ. เถโร คนฺตฺวา ‘‘หนฺทาวุโส สาริปุตฺต, ปริภฺุชา’’ติ อุปนาเมสิ. เถโรปิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อติมนาโป ปายาโส, กถํ นุ โข อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตนฺโต ตสฺส อุปฺปตฺติมูลํ ทิสฺวา อาห – ‘‘อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อปริโภคารโห ปิณฺฑปาโต’’ติ. โสปายสฺมา ‘‘มาทิเสน นาม อาภตํ ปิณฺฑปาตํ น ปริภฺุชตี’’ติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา เอกวจเนเนว ปตฺตํ มุขวฏฺฏิยํ คเหตฺวา เอกมนฺเต นิกุชฺเชสิ. ปายาสสฺส สห ภูมิยํ ปติฏฺานา เถรสฺส อาพาโธ อนฺตรธายิ, ตโต ปฏฺาย ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ น ปุน อุปฺปชฺชิ. ตโต มหาโมคฺคลฺลานํ อาห – ‘‘อาวุโส, วจีวิฺตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน ปายาโส อนฺเตสุ นิกฺขมิตฺวา ภูมิยํ จรนฺเตสุปิ ปริภฺุชิตุํ อยุตฺตรูโป’’ติ. อิมฺจ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘วจีวิฺตฺติวิปฺผารา, อุปฺปนฺนํ มธุปายสํ;
สเจ ภุตฺโต ภเวยฺยาหํ, สาชีโว ครหิโต มม.
‘‘ยทิปิ ¶ เม อนฺตคุณํ, นิกฺขมิตฺวา พหิ จเร;
เนว ภินฺเทยฺยํ อาชีวํ, จชมาโนปิ ชีวิตํ.
‘‘อาราเธมิ สกํ จิตฺตํ, วิวชฺเชมิ อเนสนํ;
นาหํ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺํ, กาหามิ จ อเนสน’’นฺติ.
จิรคุมฺพวาสิกอมฺพขาทกมหาติสฺสตฺเถรวตฺถุปิ เจตฺถ กเถตพฺพํ. เอวํ สพฺพถาปิ.
‘‘อเนสนาย ¶ จิตฺตมฺปิ, อชเนตฺวา วิจกฺขโณ;
อาชีวํ ปริโสเธยฺย, สทฺธาปพฺพชิโต ยตี’’ติ.
ยถา จ วีริเยน อาชีวปาริสุทฺธิ, ตถา ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปฺาย สมฺปาเทตพฺพํ. ปฺาสาธนํ หิ ตํ, ปฺวโต ปจฺจเยสุ อาทีนวานิสํสทสฺสนสมตฺถภาวโต. ตสฺมา ปหาย ปจฺจยเคธํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺเน ปจฺจเย ยถาวุตฺเตน วิธินา ปฺาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺเตน สมฺปาเทตพฺพํ.
ตตฺถ ทุวิธํ ปจฺจเวกฺขณํ ปจฺจยานํ ปฏิลาภกาเล, ปริโภคกาเล จ. ปฏิลาภกาเลปิ หิ ธาตุวเสน วา ปฏิกูลวเสน วา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปิตานิ จีวราทีนิ ตโต อุตฺตริ ปริภฺุชนฺตสฺส อนวชฺโชว ปริโภโค, ปริโภคกาเลปิ. ตตฺรายํ สนฺนิฏฺานกโร วินิจฺฉโย –
จตฺตาโร หิ ปริโภคา เถยฺยปริโภโค, อิณปริโภโค, ทายชฺชปริโภโค, สามิปริโภโคติ. ตตฺร สงฺฆมชฺเฌปิ นิสีทิตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นาม. สีลวโต อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภโค อิณปริโภโค นาม. ตสฺมา จีวรํ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ปิณฺฑปาโต อาโลเป อาโลเป, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยามมชฺฌิมยามปจฺฉิมยาเมสุ. สจสฺส อปจฺจเวกฺขโตว อรุณํ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺติ. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. เภสชฺชสฺส ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ สติปจฺจยตาว วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ปฏิคฺคหเณ สตึ กตฺวา ¶ ปริโภเค อกโรนฺตสฺเสว อาปตฺติ, ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติ.
จตุพฺพิธา หิ สุทฺธิ เทสนาสุทฺธิ, สํวรสุทฺธิ, ปริเยฏฺิสุทฺธิ, ปจฺจเวกฺขณสุทฺธีติ. ตตฺถ เทสนาสุทฺธิ นาม ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. ตฺหิ เทสนาย สุชฺฌนโต เทสนาสุทฺธีติ วุจฺจติ. สํวรสุทฺธิ นาม อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ตฺหิ ‘‘น ปุน เอวํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตาธิฏฺานสํวเรเนว สุชฺฌนโต สํวรสุทฺธีติ วุจฺจติ. ปริเยฏฺิสุทฺธิ นาม อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ตฺหิ อเนสนํ ปหาย ธมฺเมน สเมน ปจฺจเย อุปฺปาเทนฺตสฺส ปริเยสนาย สุทฺธตฺตา ปริเยฏฺิสุทฺธีติ ¶ วุจฺจติ. ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ นาม ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ. ตฺหิ วุตฺตปฺปกาเรน ปจฺจเวกฺขเณน สุชฺฌนโต ปจฺจเวกฺขณสุทฺธีติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ.
สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปจฺจยปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม. เต หิ ภควโต ปุตฺตา, ตสฺมา ปิตุสนฺตกานํ ปจฺจยานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ. กึปเนเต ภควโต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, อุทาหุ คิหีนํ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตีติ. คิหีหิ ทินฺนาปิ ภควตา อนฺุาตตฺตา ภควโต สนฺตกา โหนฺติ, ตสฺมา ภควโต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตีติ เวทิตพฺพา. ธมฺมทายาทสุตฺตฺเจตฺถ สาธกํ.
ขีณาสวานํ ปริโภโค สามิปริโภโค นาม. เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภฺุชนฺติ.
อิเมสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภโค จ ทายชฺชปริโภโค จ สพฺเพสํ วฏฺฏติ. อิณปริโภโค น วฏฺฏติ. เถยฺยปริโภเค กถาเยว นตฺถิ. โย ปนายํ สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อาณณฺยปริโภโค วา โหติ, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉติ. สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา เสกฺโขตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. อิเมสุ ปน ปริโภเคสุ ยสฺมา สามิปริโภโค อคฺโค, ตสฺมา ตํ ปตฺถยมาเนน ภิกฺขุนา วุตฺตปฺปการาย ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺเตน ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ สมฺปาเทตพฺพํ. เอวํ กโรนฺโต หิ กิจฺจการี โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ปิณฺฑํ ¶ วิหารํ สยนาสนฺจ,
อาปฺจ สงฺฆาฏิรชูปวาหนํ;
สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตํ,
สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโก.
‘‘ตสฺมา ¶ หิ ปิณฺเฑ สยนาสเน จ,
อาเป จ สงฺฆาฏิรชูปวาหเน;
เอเตสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต,
ภิกฺขุ ยถา โปกฺขเร วาริพินฺทุ. (สุ. นิ. ๓๙๓-๓๙๔);
‘‘กาเลน ลทฺธา ปรโต อนุคฺคหา,
ขชฺเชสุ โภชฺเชสุ จ สายเนสุ จ;
มตฺตํ ส ชฺา สตตํ อุปฏฺิโต,
วณสฺส อาเลปนรูหเน ยถา.
‘‘กนฺตาเร ปุตฺตมํสํว, อกฺขสฺสพฺภฺชนํ ยถา;
เอวํ อาหาเร อาหารํ, ยาปนตฺถมมุจฺฉิโต’’ติ.
อิมสฺส จ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ปริปูรการิตาย ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตสามเณรสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ. โส หิ สมฺมา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชิ. ยถาห –
‘‘อุปชฺฌาโย มํ ภฺุชมานํ, สาลิกูรํ สุนิพฺพุตํ;
มา เหว ตฺวํ สามเณร, ชิวฺหํ ฌาเปสิ อสฺโต.
‘‘อุปชฺฌายสฺส วโจ สุตฺวา, สํเวคมลภึ ตทา;
เอกาสเน นิสีทิตฺวา, อรหตฺตํ อปาปุณึ.
‘‘โสหํ ¶ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;
สพฺพาสวปริกฺขีโณ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ.
‘‘ตสฺมา อฺโปิ ทุกฺขสฺส, ปตฺถยนฺโต ปริกฺขยํ;
โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ปฏิเสเวถ ปจฺจเย’’ติ.
เอวํ ปาติโมกฺขสํวรสีลาทิวเสน จตุพฺพิธํ.
ปมสีลปฺจกํ
๒๐. ปฺจวิธโกฏฺาสสฺส ปมปฺจเก อนุปสมฺปนฺนสีลาทิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘กตมํ ¶ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ? อนุปสมฺปนฺนานํ ปริยนฺตสิกฺขาปทานํ, อิทํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ? อุปสมฺปนฺนานํ อปริยนฺตสิกฺขาปทานํ, อิทํ อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ? ปุถุชฺชนกลฺยาณกานํ กุสลธมฺเม ยุตฺตานํ เสกฺขปริยนฺเต ปริปูรการีนํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํ ปริจฺจตฺตชีวิตานํ, อิทํ ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ? สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ, อิทํ อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีลํ? ตถาคตสาวกานํ ขีณาสวานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ, อิทํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๗).
ตตฺถ อนุปสมฺปนฺนานํ สีลํ คณนวเสน สปริยนฺตตฺตา ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลนฺติ เวทิตพฺพํ. อุปสมฺปนฺนานํ –
‘‘นว โกฏิสหสฺสานิ, อสีติสตโกฏิโย;
ปฺาสสตสหสฺสานิ, ฉตฺตึสา จ ปุนาปเร.
‘‘เอเต ¶ สํวรวินยา, สมฺพุทฺเธน ปกาสิตา;
เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฏฺา, สิกฺขา วินยสํวเร’’ติ. –
เอวํ คณนวเสน สปริยนฺตมฺปิ อนวเสสวเสน สมาทานภาวฺจ ลาภยสาติองฺคชีวิตวเสน อทิฏฺปริยนฺตภาวฺจ สนฺธาย อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลนฺติ วุตฺตํ, จิรคุมฺพวาสิกอมฺพขาทกมหาติสฺสตฺเถรสฺส สีลมิว. ตถา หิ โส อายสฺมา –
‘‘ธนํ จเช องฺควรสฺส เหตุ, องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน;
องฺคํ ธนํ ชีวิตฺจาปิ สพฺพํ, จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต’’ติ. –
อิมํ สปฺปุริสานุสฺสตึ อวิชหนฺโต ชีวิตสํสเยปิ สิกฺขาปทํ อวีติกฺกมฺม ตเทว อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ นิสฺสาย อุปาสกสฺส ปิฏฺิคโตว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยถาห –
‘‘น ปิตา นปิ เต มาตา, น าติ นปิ พนฺธโว;
กโรเตตาทิสํ กิจฺจํ, สีลวนฺตสฺส การณา.
สํเวคํ ¶ ชนยิตฺวาน, สมฺมสิตฺวาน โยนิโส;
ตสฺส ปิฏฺิคโต สนฺโต, อรหตฺตํ อปาปุณี’’ติ.
ปุถุชฺชนกลฺยาณกานํ สีลํ อุปสมฺปทโต ปฏฺาย สุโธตชาติมณิ วิย สุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย จ อติปริสุทฺธตฺตา จิตฺตุปฺปาทมตฺตเกนปิ มเลน วิรหิตํ อรหตฺตสฺเสว ปทฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ปริปุณฺณปาริสุทฺธีติ วุจฺจติ, มหาสงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถรานํ วิย.
มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรํ กิร อติกฺกนฺตสฏฺิวสฺสํ มรณมฺเจ นิปนฺนํ ภิกฺขุสงฺโฆ โลกุตฺตราธิคมํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘นตฺถิ เม โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. อถสฺส อุปฏฺาโก ทหรภิกฺขุ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปรินิพฺพุตาติ สมนฺตา ทฺวาทสโยชนา มนุสฺสา สนฺนิปติตา, ตุมฺหากํ ปุถุชฺชนกาลกิริยาย มหาชนสฺส วิปฺปฏิสาโร ภวิสฺสตี’’ติ. อาวุโส, อหํ ‘‘เมตฺเตยฺยํ ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ น วิปสฺสนํ ปฏฺเปสึ. เตน หิ มํ นิสีทาเปตฺวา ¶ โอกาสํ กโรหีติ. โส เถรํ นิสีทาเปตฺวา พหิ นิกฺขนฺโต. เถโร ตสฺส สห นิกฺขมนาว อรหตฺตํ ปตฺวา อจฺฉริกาย สฺํ อทาสิ. สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เอวรูเป มรณกาเล โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตนฺตา ทุกฺกรํ กริตฺถา’’ติ. นาวุโส เอตํ ทุกฺกรํ, อปิจ โว ทุกฺกรํ อาจิกฺขิสฺสามิ – ‘‘อหํ, อาวุโส, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อสติยา อฺาณปกตํ กมฺมํ นาม น ปสฺสามี’’ติ. ภาคิเนยฺโยปิสฺส ปฺาสวสฺสกาเล เอวเมว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
‘‘อปฺปสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ อสมาหิโต;
อุภเยน นํ ครหนฺติ, สีลโต จ สุเตน จ.
‘‘อปฺปสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ สุสมาหิโต;
สีลโต นํ ปสํสนฺติ, ตสฺส สมฺปชฺชเต สุตํ.
‘‘พหุสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ อสมาหิโต;
สีลโต นํ ครหนฺติ, นาสฺส สมฺปชฺชเต สุตํ.
‘‘พหุสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุภเยน นํ ปสํสนฺติ, สีลโต จ สุเตน จ.
‘‘พหุสฺสุตํ ¶ ธมฺมธรํ, สปฺปฺํ พุทฺธสาวกํ;
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;
เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. (อ. นิ. ๔.๖);
เสกฺขานํ ปน สีลํ ทิฏฺิวเสน อปรามฏฺตฺตา, ปุถุชฺชนานํ วา ปน ราควเสน อปรามฏฺสีลํ อปรามฏฺปาริสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ, กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สีลํ วิย. โส หิ อายสฺมา ตถารูปํ สีลํ นิสฺสาย อรหตฺเต ปติฏฺาตุกาโม เวริเก อาห –
‘‘อุโภ ¶ ปาทานิ ภินฺทิตฺวา, สฺเปสฺสามิ โว อหํ;
อฏฺฏิยามิ หรายามิ, สราคมรณํ อห’’นฺติ.
‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, สมฺมสิตฺวาน โยนิโส;
สมฺปตฺเต อรุณุคฺคมฺหิ, อรหตฺตํ อปาปุณิ’’นฺติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓);
อฺตโรปิ มหาเถโร พาฬฺหคิลาโน สหตฺถา อาหารมฺปิ ปริภฺุชิตุํ อสกฺโกนฺโต สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺโน สมฺปริวตฺตติ, ตํ ทิสฺวา อฺตโร ทหโร ‘‘อโห ทุกฺขา ชีวิตสงฺขารา’’ติ อาห. ตเมนํ มหาเถโร อาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, อิทานิ มิยฺยมาโน สคฺคสมฺปตฺตึ ลภิสฺสามิ, นตฺถิ เม เอตฺถ สํสโย, อิมํ ปน สีลํ ภินฺทิตฺวา ลทฺธสมฺปตฺติ นาม สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ปฏิลทฺธคิหิภาวสทิสี’’ติ วตฺวา ‘‘สีเลเนว สทฺธึ มริสฺสามี’’ติ ตตฺเถว นิปนฺโน ตเมว โรคํ สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –
‘‘ผุฏฺสฺส เม อฺตเรน พฺยาธินา,
โรเคน พาฬฺหํ ทุขิตสฺส รุปฺปโต;
ปริสุสฺสติ ขิปฺปมิทํ กเฬวรํ,
ปุปฺผํ ยถา ปํสุนิ อาตเป กตํ.
‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;
นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.
‘‘ธิรตฺถุ ¶ มํ อาตุรํ ปูติกายํ, ทุคฺคนฺธิยํ อสุจิ พฺยาธิธมฺมํ;
ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ.
อรหนฺตาทีนํ ปน สีลํ สพฺพทรถปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ปริสุทฺธตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิอาทิวเสน ปฺจวิธํ.
ทุติยสีลปฺจกํ
ทุติยปฺจเก ¶ ปาณาติปาตาทีนํ ปหานาทิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘ปฺจ สีลานิ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีลํ, เวรมณี สีลํ, เจตนา สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีลํ. อทินฺนาทานสฺส, กาเมสุมิจฺฉาจารสฺส, มุสาวาทสฺส, ปิสุณาย วาจาย, ผรุสาย วาจาย, สมฺผปฺปลาปสฺส, อภิชฺฌาย, พฺยาปาทสฺส, มิจฺฉาทิฏฺิยา, เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทสฺส, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทสฺส, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธสฺส, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจสฺส, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉาย, าเณน อวิชฺชาย, ปาโมชฺเชน อรติยา, ปเมน ฌาเนน นีวรณานํ, ทุติเยน ฌาเนน วิตกฺกวิจารานํ, ตติเยน ฌาเนน ปีติยา, จตุตฺเถน ฌาเนน สุขทุกฺขานํ, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาย ปฏิฆสฺาย นานตฺตสฺาย, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺาย, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา วิฺาณฺจายตนสฺาย, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺาย, อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺาย, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทิยา, วิราคานุปสฺสนาย ราคสฺส, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยสฺส, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานสฺส, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺาย, วยานุปสฺสนาย อายูหนสฺส, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺาย, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตสฺส, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธิยา, สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสสฺส, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสสฺส, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสสฺส, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสสฺส, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขาย, วิวฏฺฏนานุปสฺสนาย สฺโคาภินิเวสสฺส, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺานํ ¶ กิเลสานํ, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริกานํ กิเลสานํ, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคตานํ กิเลสานํ, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ปหานํ สีลํ, เวรมณี, เจตนา, สํวโร, อวีติกฺกโม สีลํ. เอวรูปานิ สีลานิ จิตฺตสฺส อวิปฺปฏิสาราย สํวตฺตนฺติ, ปาโมชฺชาย สํวตฺตนฺติ, ปีติยา สํวตฺตนฺติ, ปสฺสทฺธิยา สํวตฺตนฺติ, โสมนสฺสาย สํวตฺตนฺติ, อาเสวนาย สํวตฺตนฺติ, ภาวนาย สํวตฺตนฺติ, พหุลีกมฺมาย สํวตฺตนฺติ, อลงฺการาย สํวตฺตนฺติ, ปริกฺขาราย สํวตฺตนฺติ, ปริวาราย สํวตฺตนฺติ, ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติ, เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย ¶ นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๑).
เอตฺถ จ ปหานนฺติ โกจิ ธมฺโม นาม นตฺถิ อฺตฺร วุตฺตปฺปการานํ ปาณาติปาตาทีนํ อนุปฺปาทมตฺตโต. ยสฺมา ปน ตํ ตํ ปหานํ ตสฺส ตสฺส กุสลธมฺมสฺส ปติฏฺานฏฺเน อุปธารณํ โหติ, วิกมฺปาภาวกรเณน จ สมาทานํ. ตสฺมา ปุพฺเพ วุตฺเตเนว อุปธารณสมาธานสงฺขาเตน สีลนฏฺเน สีลนฺติ วุตฺตํ. อิตเร จตฺตาโร ธมฺมา ตโต ตโต เวรมณิวเสน, ตสฺส ตสฺส สํวรวเสน, ตทุภยสมฺปยุตฺตเจตนาวเสน, ตํ ตํ อวีติกฺกมนฺตสฺส อวีติกฺกมนวเสน จ เจตโส ปวตฺติสพฺภาวํ สนฺธาย วุตฺตา. สีลฏฺโ ปน เตสํ ปุพฺเพ ปกาสิโตเยวาติ. เอวํ ปหานสีลาทิวเสน ปฺจวิธํ.
เอตฺตาวตา จ กึ สีลํ? เกนฏฺเน สีลํ? กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ? กิมานิสํสํ สีลํ? กติวิธํ เจตํ สีลนฺติ? อิเมสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนํ นิฏฺิตํ.
สีลสํกิเลสโวทานํ
๒๑. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘โก จสฺส สํกิเลโส, กึ โวทาน’’นฺติ. ตตฺร วทาม – ขณฺฑาทิภาโว สีลสฺส สํกิเลโส, อขณฺฑาทิภาโว โวทานํ. โส ปน ขณฺฑาทิภาโว ลาภยสาทิเหตุเกน เภเทน จ สตฺตวิธเมถุนสํโยเคน จ สงฺคหิโต.
ตถา หิ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม ¶ โหติ. ยสฺส ปน เวมชฺเฌ ภินฺนํ, ตสฺส มชฺเฌ ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ. ยสฺส ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยา วา กุจฺฉิยา วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรสรีรวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติ. ยสฺส อนฺตรนฺตรา ภินฺนานิ, ตสฺส อนฺตรนฺตรา วิสภาควณฺณพินฺทุวิจิตฺรา คาวี วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. เอวํ ตาว ลาภาทิเหตุเกน เภเทน ขณฺฑาทิภาโว โหติ.
เอวํ ¶ สตฺตวิธเมถุนสํโยควเสน. วุตฺตฺหิ ภควตา –
‘‘อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สมฺมา พฺรหฺมจารี ปฏิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนํ นฺหาปนํ สมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ, อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปิ. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ สํยุตฺโต เมถุเนน สํโยเคน, น ปริมุจฺจติ ชาติยา. ชราย มรเณน…เป… น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… ปฏิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํ ทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. นปิ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ…เป… สาทิยติ. อปิจ โข มาตุคาเมน สทฺธึ สฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํ ทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. นปิ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ…เป… สาทิยติ. นปิ มาตุคาเมน สทฺธึ สฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ. อปิจ โข มาตุคามสฺส จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิชฺฌายติ เปกฺขติ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส… นปิ มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส…เป… เปกฺขติ. อปิจ โข มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฏฺฏา วา ติโรปาการา วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา โรทนฺติยา วา, โส ตทสฺสาเทติ…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส… นปิ มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส…เป… โรทนฺติยา ¶ วา. อปิจ โข ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ, ตานิ อนุสฺสรติ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน…เป… นปิ มาตุคามสฺส…เป… นปิ ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ, ตานิ อนุสฺสรติ. อปิจ โข ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน…เป… นปิ ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา…เป… ปริจารยมานํ. อปิจ โข อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ. โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๐).
เอวํ ลาภาทิเหตุเกน เภเทน จ สตฺตวิธเมถุนสํโยเคน จ ขณฺฑาทิภาโว สงฺคหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อขณฺฑาทิภาโว ปน สพฺพโส สิกฺขาปทานํ อเภเทน, ภินฺนานฺจ สปฺปฏิกมฺมานํ ปฏิกมฺมกรเณน, สตฺตวิธเมถุนสํโยคาภาเวน จ, อปราย ¶ จ ‘‘โกโธ อุปนาโห มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเถยฺยํ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโท ปมาโท’’ติอาทีนํ ปาปธมฺมานํ อนุปฺปตฺติยา, อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาสลฺเลขตาทีนฺจ คุณานํ อุปฺปตฺติยา สงฺคหิโต.
ยานิ หิ สีลานิ ลาภาทีนมฺปิ อตฺถาย อภินฺนานิ, ปมาทโทเสน วา ภินฺนานิปิ ปฏิกมฺมกตานิ ¶ , เมถุนสํโยเคหิ วา โกธุปนาหาทีหิ วา ปาปธมฺเมหิ อนุปหตานิ, ตานิ สพฺพโส อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานีติ วุจฺจนฺติ. ตานิเยว ภุชิสฺสภาวกรณโต จ ภุชิสฺสานิ, วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปสตฺถานิ, ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา อปรามฏฺานิ, อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานิ จ โหนฺติ. ตสฺมา เนสํ เอส ‘อขณฺฑาทิภาโว โวทาน’นฺติ เวทิตพฺโพ.
ตํ ปเนตํ โวทานํ ทฺวีหากาเรหิ สมฺปชฺชติ สีลวิปตฺติยา จ อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนน. ตตฺถ ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๙; อ. นิ. ๕.๒๑๓) เอวมาทิสุตฺตนเยน สีลวิปตฺติยา อาทีนโว ทฏฺพฺโพ.
อปิจ ทุสฺสีโล ปุคฺคโล ทุสฺสีลฺยเหตุ อมนาโป โหติ เทวมนุสฺสานํ, อนนุสาสนีโย สพฺรหฺมจารีนํ, ทุกฺขิโต ทุสฺสีลฺยครหาสุ, วิปฺปฏิสารี สีลวตํ ปสํสาสุ, ตาย จ ปน ทุสฺสีลฺยตาย สาณสาฏโก วิย ทุพฺพณฺโณ โหติ. เย โข ปนสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ทีฆรตฺตํ อปายทุกฺขาวหนโต ทุกฺขสมฺผสฺโส. เยสํ เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ, เตสํ นมหปฺผลกรณโต อปฺปคฺโฆ. อเนกวสฺสคณิกคูถกูโป วิย ทุพฺพิโสธโน. ฉวาลาตมิว อุภโต ปริพาหิโร. ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานนฺโตปิ อภิกฺขุเยว โคคณํ อนุพนฺธคทฺรโภ วิย. สตตุพฺพิคฺโค สพฺพเวริกปุริโส วิย. อสํวาสารโห มตกเฬวรํ วิย. สุตาทิคุณยุตฺโตปิ สพฺรหฺมจารีนํ อปูชารโห สุสานคฺคิ วิย พฺราหฺมณานํ. อภพฺโพ วิเสสาธิคเม อนฺโธ วิย รูปทสฺสเน. นิราโส สทฺธมฺเม จณฺฑาลกุมารโก วิย รชฺเช. สุขิโตสฺมีติ มฺมาโนปิ ทุกฺขิโตว อคฺคิกฺขนฺธปริยาเย วุตฺตทุกฺขภาคิตาย.
ทุสฺสีลานฺหิ ¶ ปฺจกามคุณปริโภควนฺทนมานนาทิสุขสฺสาทคธิตจิตฺตานํ ตปฺปจฺจยํ อนุสฺสรณมตฺเตนาปิ หทยสนฺตาปํ ชนยิตฺวา อุณฺหโลหิตุคฺคารปฺปวตฺตนสมตฺถํ อติกฏุกํ ทุกฺขํ ทสฺเสนฺโต สพฺพากาเรน ปจฺจกฺขกมฺมวิปาโก ภควา อาห –
‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูต’นฺติ? เอวํ, ภนฺเตติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ อมุํ ¶ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา, ยํ ขตฺติยกฺํ วา พฺราหฺมณกฺํ วา คหปติกฺํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วาติ. เอตเทว, ภนฺเต, วรํ ยํ ขตฺติยกฺํ วา…เป… อุปนิปชฺเชยฺย วา. ทุกฺขํ เหตํ, ภนฺเต, ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ…เป… อุปนิปชฺเชยฺย วาติ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส อสุจิสงฺกสฺสรสมาจารสฺส ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺส อสฺสมณสฺส สมณปฏิฺสฺส อพฺรหฺมจาริสฺส พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส อนฺโตปูติกสฺส อวสฺสุตสฺส กสมฺพุชาตสฺส ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ…เป… อุปนิปชฺเชยฺย วา. ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานํ หิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น ตฺเวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๗.๗๒).
เอวํ อคฺคิกฺขนฺธุปมาย อิตฺถิปฏิพทฺธปฺจกามคุณปริโภคปจฺจยํ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา เอเตเนว อุปาเยน –
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ทฬฺหาย วาฬรชฺชุยา อุโภ ชงฺฆา เวเตฺวา ฆํเสยฺย, สา ฉวึ ฉินฺเทยฺย, ฉวึ เฉตฺวา จมฺมํ ฉินฺเทยฺย, จมฺมํ เฉตฺวา มํสํ ฉินฺเทยฺย, มํสํ เฉตฺวา นฺหารุํ ฉินฺเทยฺย, นฺหารุํ เฉตฺวา อฏฺึ ฉินฺเทยฺย, อฏฺึ เฉตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺเยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ ¶ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อภิวาทนํ สาทิเยยฺยา’’ติ จ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ติณฺหาย สตฺติยา เตลโธตาย ปจฺโจรสฺมึ ปหเรยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อฺชลิกมฺมํ สาทิเยยฺยา’’ติ จ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ตตฺเตน อโยปฏฺเฏน อาทิตฺเตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน กายํ สมฺปลิเวเยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ ¶ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ จีวรํ ปริภฺุเชยฺยา’’ติ จ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ตตฺเตน อโยสงฺกุนา อาทิตฺเตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน มุขํ วิวริตฺวา ตตฺตํ โลหคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ มุเข ปกฺขิเปยฺย, ตํ ตสฺส โอฏฺมฺปิ ฑเหยฺย, มุขมฺปิ, ชิวฺหมฺปิ, กณฺมฺปิ, อุทรมฺปิ ฑเหยฺย, อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคํ นิกฺขเมยฺย, ยํ วา ขตฺติย… พฺราหฺมณ… คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุเชยฺยา’’ติ จ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา ตตฺตํ อโยมฺจํ วา อโยปีํ วา อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อภินิสีทาเปยฺย วา อภินิปชฺชาเปยฺย วา, ยํ วา ขตฺติย… พฺราหฺมณ… คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ มฺจปีํ ปริภฺุเชยฺยา’’ติ จ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย อโยกุมฺภิยา ปกฺขิเปยฺย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย ¶ , โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺเฉยฺย, สกิมฺปิ อโธ คจฺเฉยฺย, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺเฉยฺย, ยํ วา ขตฺติย… พฺราหฺมณ… คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ วิหารํ ปริภฺุเชยฺยา’’ติ จาติ (อ. นิ. ๗.๗๒).
อิมาหิ วาฬรชฺชุติณฺหสตฺติอโยปฏฺฏอโยคุฬอโยมฺจอโยปีอโยกุมฺภีอุปมาหิ อภิวาทนอฺชลิกมฺมจีวรปิณฺฑปาตมฺจปีวิหารปริโภคปจฺจยํ ทุกฺขํ ทสฺเสสิ. ตสฺมา –
อคฺคิกฺขนฺธาลิงฺคนทุกฺขาธิกทุกฺขกฏุกผลํ;
อวิชหโต กามสุขํ, สุขํ กุโต ภินฺนสีลสฺส.
อภิวาทนสาทิยเน ¶ , กึ นาม สุขํ วิปนฺนสีลสฺส;
ทฬฺหวาฬรชฺชุฆํสนทุกฺขาธิกทุกฺขภาคิสฺส.
สทฺธานมฺชลิกมฺมสาทิยเน กึ สุขํ อสีลสฺส;
สตฺติปฺปหารทุกฺขาธิมตฺตทุกฺขสฺส ยํเหตุ.
จีวรปริโภคสุขํ, กึ นาม อสํยตสฺส;
เยน จิรํ อนุภวิตพฺโพ, นิรเย ชลิตอโยปฏฺฏสมฺผสฺโส.
มธุโรปิ ปิณฺฑปาโต, หลาหลวิสูปโม อสีลสฺส;
อาทิตฺตา คิลิตพฺพา, อโยคุฬา เยน จิรรตฺตํ.
สุขสมฺมโตปิ ทุกฺโข, อสีลิโน มฺจปีปริโภโค;
ยํ พาธิสฺสนฺติ จิรํ, ชลิตอโยมฺจปีานิ.
ทุสฺสีลสฺส วิหาเร, สทฺธาเทยฺยมฺหิ กา นิวาส รติ;
ชลิเตสุ นิวสิตพฺพํ, เยน อโยกุมฺภิมชฺเฌสุ.
สงฺกสรสมาจาโร, กสมฺพุชาโต อวสฺสุโต ปาโป;
อนฺโตปูตีติ จ ยํ, นินฺทนฺโต อาห โลกครุ.
ธี ชีวิตํ อสฺตสฺส, ตสฺส สมณชนเวสธาริสฺส;
อสฺสมณสฺส อุปหตํ, ขตมตฺตานํ วหนฺตสฺส.
คูถํ ¶ วิย กุณปํ วิย, มณฺฑนกามา วิวชฺชยนฺตีธ;
ยํ นาม สีลวนฺโต, สนฺโต กึ ชีวิตํ ตสฺส.
สพฺพภเยหิ ¶ อมุตฺโต, มุตฺโต สพฺเพหิ อธิคมสุเขหิ;
สุปิหิตสคฺคทฺวาโร, อปายมคฺคํ สมารูฬฺโห.
กรุณาย วตฺถุภูโต, การุณิกชนสฺส นาม โก อฺโ;
ทุสฺสีลสโม ทุสฺสี, ลตาย อิติ พหุวิธา โทสาติ.
เอวมาทินา ปจฺจเวกฺขเณน สีลวิปตฺติยํ อาทีนวทสฺสนํ วุตฺตปฺปการวิปรีตโต สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสทสฺสนฺจ เวทิตพฺพํ. อปิจ –
ตสฺส ปาสาทิกํ โหติ, ปตฺตจีวรธารณํ;
ปพฺพชฺชา สผลา ตสฺส, ยสฺส สีลํ สุนิมฺมลํ.
อตฺตานุวาทาทิภยํ, สุทฺธสีลสฺส ภิกฺขุโน;
อนฺธการํ วิย รวึ, หทยํ นาวคาหติ.
สีลสมฺปตฺติยา ภิกฺขุ, โสภมาโน ตโปวเน;
ปภาสมฺปตฺติยา จนฺโท, คคเน วิย โสภติ.
กายคนฺโธปิ ปาโมชฺชํ, สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน;
กโรติ อปิ เทวานํ, สีลคนฺเธ กถาว กา.
สพฺเพสํ คนฺธชาตานํ, สมฺปตฺตึ อภิภุยฺยติ;
อวิฆาตี ทิสา สพฺพา, สีลคนฺโธ ปวายติ.
อปฺปกาปิ กตา การา, สีลวนฺเต มหปฺผลา;
โหนฺตีติ สีลวา โหติ, ปูชาสกฺการภาชนํ.
สีลวนฺตํ น พาธนฺติ, อาสวา ทิฏฺธมฺมิกา;
สมฺปรายิกทุกฺขานํ, มูลํ ขนติ สีลวา.
ยา มนุสฺเสสุ สมฺปตฺติ, ยา จ เทเวสุ สมฺปทา;
น สา สมฺปนฺนสีลสฺส, อิจฺฉโต โหติ ทุลฺลภา.
อจฺจนฺตสนฺตา ¶ ปน ยา, อยํ นิพฺพานสมฺปทา;
มโน สมฺปนฺนสีลสฺส, ตเมว อนุธาวติ.
สพฺพสมฺปตฺติมูลมฺหิ ¶ , สีลมฺหิ อิติ ปณฺฑิโต;
อเนกาการโวการํ, อานิสํสํ วิภาวเยติ.
เอวฺหิ วิภาวยโต สีลวิปตฺติโต อุพฺพิชฺชิตฺวา สีลสมฺปตฺตินินฺนํ มานสํ โหติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตํ อิมํ สีลวิปตฺติยา อาทีนวํ อิมฺจ สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสํ ทิสฺวา สพฺพาทเรน สีลํ โวทาเปตพฺพนฺติ.
เอตฺตาวตา จ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ อิมิสฺสา คาถาย สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิเต วิสุทฺธิมคฺเค สีลํ ตาว ปริทีปิตํ โหติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
สีลนิทฺเทโส นาม ปโม ปริจฺเฉโท.