📜
๑๐. อารุปฺปนิทฺเทโส
ปมารุปฺปวณฺณนา
๒๗๕. พฺรหฺมวิหารานนฺตรํ ¶ ¶ อุทฺทิฏฺเสุ ปน จตูสุ อารุปฺเปสุ อากาสานฺจายตนํ ตาว ภาเวตุกาโม ‘‘ทิสฺสนฺเต โข ปน รูปาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทา, นตฺถิ โข ปเนตํ สพฺพโส อารุปฺเปติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย รูปานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๐๓) วจนโต เอเตสํ ทณฺฑาทานาทีนฺเจว จกฺขุโสตโรคาทีนฺจ อาพาธสหสฺสานํ วเสน กรชรูเป อาทีนวํ ทิสฺวา ตสฺส สมติกฺกมาย เปตฺวา ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ นวสุ ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรสฺมึ จตุตฺถชฺฌานํ อุปฺปาเทติ.
ตสฺส กิฺจาปิ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานวเสน กรชรูปํ อติกฺกนฺตํ โหติ, อถ โข กสิณรูปมฺปิ ยสฺมา ตปฺปฏิภาคเมว, ตสฺมา ตมฺปิ สมติกฺกมิตุกาโม โหติ. กถํ? ยถา อหิภีรุโก ปุริโส อรฺเ สปฺเปน อนุพทฺโธ เวเคน ปลายิตฺวา ปลาตฏฺาเน เลขาจิตฺตํ ตาลปณฺณํ วา วลฺลึ วา รชฺชุํ วา ผลิตาย วา ปน ปถวิยา ผลิตนฺตรํ ทิสฺวา ภายเตว อุตฺตสเตว, เนว นํ ทกฺขิตุกาโม โหติ. ยถา จ อนตฺถการินา เวริปุริเสน สทฺธึ เอกคาเม วสมาโน ปุริโส เตน วธพนฺธเคหฌาปนาทีหิ อุปทฺทุโต อฺํ คามํ วสนตฺถาย คนฺตฺวา ตตฺราปิ เวรินา สมานรูปสทฺทสมุทาจารํ ปุริสํ ทิสฺวา ภายเตว อุตฺตสเตว, เนว นํ ทกฺขิตุกาโม โหติ.
ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – เตสํ หิ ปุริสานํ อหินา เวรินา วา อุปทฺทุตกาโล วิย ภิกฺขุโน อารมฺมณวเสน กรชรูปสมงฺคิกาโล. เตสํ เวเคน ปลายนอฺคามคมนานิ วิย ภิกฺขุโน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานวเสน กรชรูปสมติกฺกมนกาโล. เตสํ ปลาตฏฺาเน จ อฺคาเม ¶ จ เลขาจิตฺตตาลปณฺณาทีนิ เจว เวริสทิสํ ปุริสฺจ ทิสฺวา ภยสนฺตาสอทสฺสนกามตา วิย ภิกฺขุโน กสิณรูปมฺปิ ตปฺปฏิภาคเมว อิทนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ตมฺปิ สมติกฺกมิตุกามตา. สูกราภิหตสุนขปิสาจภีรุกาทิกาปิ เจตฺถ อุปมา เวทิตพฺพา.
๒๗๖. เอวํ ¶ โส ตสฺมา จตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตา กสิณรูปา นิพฺพิชฺช ปกฺกมิตุกาโม ปฺจหากาเรหิ จิณฺณวสี หุตฺวา ปคุณรูปาวจรจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ตสฺมึ ฌาเน ‘‘อิมํ มยา นิพฺพิณฺณํ รูปํ อารมฺมณํ กโรตี’’ติ จ, ‘‘อาสนฺนโสมนสฺสปจฺจตฺถิก’’นฺติ จ, ‘‘สนฺตวิโมกฺขโต โอฬาริก’’นฺติ จ อาทีนวํ ปสฺสติ. องฺโคฬาริกตา ปเนตฺถ นตฺถิ. ยเถว เหตํ รูปํ ทุวงฺคิกํ, เอวํ อารุปฺปานิปีติ.
โส ตตฺถ เอวํ อาทีนวํ ทิสฺวา นิกนฺตึ ปริยาทาย อากาสานฺจายตนํ สนฺตโต อนนฺตโต มนสิกริตฺวา จกฺกวาฬปริยนฺตํ วา ยตฺตกํ อิจฺฉติ ตตฺตกํ วา กสิณํ ปตฺถริตฺวา เตน ผุฏฺโกาสํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ วา, ‘‘อนนฺโต อากาโส’’ติ วา มนสิกโรนฺโต อุคฺฆาเฏติ กสิณํ. อุคฺฆาเฏนฺโต หิ เนว กิลฺชํ วิย สํเวลฺเลติ, น กปาลโต ปูวํ วิย อุทฺธรติ, เกวลํ ปน ตํ เนว อาวชฺเชติ, น มนสิ กโรติ, น ปจฺจเวกฺขติ, อนาวชฺเชนฺโต อมนสิกโรนฺโต อปจฺจเวกฺขนฺโต จ อฺทตฺถุ เตน ผุฏฺโกาสํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ มนสิกโรนฺโต กสิณํ อุคฺฆาเฏติ นาม. กสิณมฺปิ อุคฺฆาฏิยมานํ เนว อุพฺพฏฺฏติ น วิวฏฺฏติ, เกวลํ อิมสฺส อมนสิการฺจ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ มนสิการฺจ ปฏิจฺจ อุคฺฆาฏิตํ นาม โหติ, กสิณุคฺฆาฏิมากาสมตฺตํ ปฺายติ. กสิณุคฺฆาฏิมากาสนฺติ วา กสิณผุฏฺโกาโสติ วา กสิณวิวิตฺตากาสนฺติ วา สพฺพเมตํ เอกเมว.
โส ตํ กสิณุคฺฆาฏิมากาสนิมิตฺตํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ ปุนปฺปุนํ อาวชฺเชติ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กโรติ. ตสฺเสวํ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชยโต ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กโรโต นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, สติ สนฺติฏฺติ, อุปจาเรน จิตฺตํ สมาธิยติ. โส ตํ นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ อาเสวติ, ภาเวติ, พหุลีกโรติ. ตสฺเสวํ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชยโต มนสิกโรโต ปถวีกสิณาทีสุ รูปาวจรจิตฺตํ วิย อากาเส อากาสานฺจายตนจิตฺตํ อปฺเปติ. อิธาปิ หิ ปุริมภาเค ¶ ตีณิ จตฺตาริ วา ชวนานิ กามาวจรานิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตาเนว โหนฺติ. จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อรูปาวจรํ. เสสํ ปถวีกสิเณ วุตฺตนยเมว.
อยํ ¶ ปน วิเสโส, เอวํ อุปฺปนฺเน อรูปาวจรจิตฺเต โส ภิกฺขุ ยถา นาม ยานปฺปุโตฬิ กุมฺภิมุขาทีนํ อฺตรํ นีลปิโลติกาย วา ปีตโลหิโตทาตาทีนํ วา อฺตราย ปิโลติกาย พนฺธิตฺวา เปกฺขมาโน ปุริโส วาตเวเคน วา อฺเน วา เกนจิ อปนีตาย ปิโลติกาย อากาสํเยว เปกฺขมาโน ติฏฺเยฺย, เอวเมว ปุพฺเพ กสิณมณฺฑลํ ฌานจกฺขุนา เปกฺขมาโน วิหริตฺวา ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ อิมินา ปริกมฺมมนสิกาเรน สหสา อปนีเต ตสฺมึ นิมิตฺเต อากาสฺเว เปกฺขมาโน วิหรติ. เอตฺตาวตา เจส ‘‘สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ วุจฺจติ (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๒.๑๒๙).
๒๗๗. ตตฺถ สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, สพฺพาสํ วา อนวเสสานนฺติ อตฺโถ. รูปสฺานนฺติ สฺาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานานฺเจว ตทารมฺมณานฺจ. รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ รูปนฺติ วุจฺจติ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๒๙), ตสฺส อารมฺมณมฺปิ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๗๓), ตสฺมา อิธ รูเป สฺา รูปสฺาติ เอวํ สฺาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานสฺเสตํ อธิวจนํ. รูปํ สฺา อสฺสาติ รูปสฺํ. รูปํ อสฺส นามนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. สมติกฺกมาติ วิราคา นิโรธา จ. กึ วุตฺตํ โหติ? เอตาสํ กุสลวิปากกิริยวเสน ปฺจทสนฺนํ ฌานสงฺขาตานํ รูปสฺานํ, เอเตสฺจ ปถวีกสิณาทิวเสน นวนฺนํ อารมฺมณสงฺขาตานํ รูปสฺานํ สพฺพากาเรน อนวเสสานํ วา วิราคา จ นิโรธา จ วิราคเหตฺุเจว นิโรธเหตฺุจ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. น หิ สกฺกา สพฺพโส อนติกฺกนฺตรูปสฺเน เอตํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุนฺติ.
ตตฺถ ยสฺมา อารมฺมเณ อวิรตฺตสฺส สฺาสมติกฺกโม น โหติ, สมติกฺกนฺตาสุ จ สฺาสุ อารมฺมณํ สมติกฺกนฺตเมว โหติ. ตสฺมา อารมฺมณสมติกฺกมํ อวตฺวา ‘‘ตตฺถ กตมา รูปสฺา ¶ ? รูปาวจรสมาปตฺตึ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาริสฺส วา สฺา สฺชานนา สฺชานิตตฺตํ ¶ , อิมา วุจฺจนฺติ รูปสฺาโย. อิมา รูปสฺาโย อติกฺกนฺโต โหติ วีติกฺกนฺโต สมติกฺกนฺโต. เตน วุจฺจติ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา’’ติ (วิภ. ๖๐๒) เอวํ วิภงฺเค สฺานํเยว สมติกฺกโม วุตฺโต. ยสฺมา ปน อารมฺมณสมติกฺกเมน ปตฺตพฺพา เอตา สมาปตฺติโย, น เอกสฺมิฺเว อารมฺมเณ ปมชฺฌานาทีนิ วิย. ตสฺมา อยํ อารมฺมณสมติกฺกมวเสนาปิ อตฺถวณฺณนา กตาติ เวทิตพฺพา.
๒๗๘. ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมาติ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ รูปาทีนํ อารมฺมณานฺจ ปฏิฆาเตน สมุปฺปนฺนา สฺา ปฏิฆสฺา. รูปสฺาทีนํ เอตมธิวจนํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมา ปฏิฆสฺา? รูปสฺา สทฺทสฺา คนฺธสฺา รสสฺา โผฏฺพฺพสฺา, อิมา วุจฺจนฺติ ปฏิฆสฺาโย’’ติ (วิภ. ๖๐๓). ตาสํ กุสลวิปากานํ ปฺจนฺนํ, อกุสลวิปากานํ ปฺจนฺนนฺติ สพฺพโส ทสนฺนมฺปิ ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา ปหานา อสมุปฺปาทา อปฺปวตฺตึ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
กามฺเจตา ปมชฺฌานาทีนิ สมาปนฺนสฺสาปิ น สนฺติ. น หิ ตสฺมึ สมเย ปฺจทฺวารวเสน จิตฺตํ ปวตฺตติ. เอวํ สนฺเตปิ อฺตฺถ ปหีนานํ สุขทุกฺขานํ จตุตฺถชฺฌาเน วิย, สกฺกายทิฏฺาทีนํ ตติยมคฺเค วิย จ อิมสฺมึ ฌาเน อุสฺสาหชนนตฺถํ อิมสฺส ฌานสฺส ปสํสาวเสน เอตาสเมตฺถ วจนํ เวทิตพฺพํ.
อถ วา กิฺจาปิ ตา รูปาวจรํ สมาปนฺนสฺสาปิ น สนฺติ, อถ โข น ปหีนตฺตา น สนฺติ. น หิ รูปวิราคาย รูปาวจรภาวนา สํวตฺตติ, รูปายตฺตา จ เอตาสํ ปวตฺติ. อยํ ปน ภาวนา รูปวิราคาย สํวตฺตติ. ตสฺมา ตา เอตฺถ ปหีนาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. น เกวลฺจ วตฺตุํ, เอกํเสเนว เอวํ ธาเรตุมฺปิ วฏฺฏติ. ตาสฺหิ อิโต ปุพฺเพ อปฺปหีนตฺตาเยว ปมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส สทฺโท ‘‘กณฺฏโก’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๗๒) วุตฺโต ภควตา. อิธ จ ปหีนตฺตาเยว อรูปสมาปตฺตีนํ อาเนฺชตา (วิภ. ๒๒๖) สนฺตวิโมกฺขตา (ม. นิ. ๑.๖๖) จ วุตฺตา. อาฬาโร จ กาลาโม อรูปสมาปนฺโน ปฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกมนฺตานิ เนว อทฺทส, น ปน สทฺทํ อสฺโสสีติ (ที. นิ. ๒.๑๙๒).
๒๗๙. นานตฺตสฺานํ ¶ ¶ อมนสิการาติ นานตฺเต วา โคจเร ปวตฺตานํ สฺานํ, นานตฺตานํ วา สฺานํ. ยสฺมา หิ เอตา ‘‘ตตฺถ กตมา นานตฺตสฺา? อสมาปนฺนสฺส มโนธาตุสมงฺคิสฺส วา มโนวิฺาณธาตุสมงฺคิสฺส วา สฺา สฺชานนา สฺชานิตตฺตํ, อิมา วุจฺจนฺติ นานตฺตสฺาโย’’ติ เอวํ วิภงฺเค (วิภ. ๖๐๔) วิภชิตฺวา วุตฺตา อิธ อธิปฺเปตา อสมาปนฺนสฺส มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุสงฺคหิตา สฺา รูปสทฺทาทิเภเท นานตฺเต นานาสภาเว โคจเร ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา เจตา อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, ทฺวาทสากุสลสฺา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสฺา, ทฺเว อกุสลวิปากสฺา, เอกาทส กามาวจรกิริยสฺาติ เอวํ จตุจตฺตาลีสมฺปิ สฺา นานตฺตา นานาสภาวา อฺมฺํ อสทิสา, ตสฺมา นานตฺตสฺาติ วุตฺตา. ตาสํ สพฺพโส นานตฺตสฺานํ อมนสิการา อนาวชฺชนา อสมนฺนาหารา อปจฺจเวกฺขณา. ยสฺมา ตา นาวชฺเชติ, น มนสิ กโรติ, น ปจฺจเวกฺขติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ.
ยสฺมา เจตฺถ ปุริมา รูปสฺา ปฏิฆสฺา จ อิมินา ฌาเนน นิพฺพตฺเต ภเวปิ น วิชฺชนฺติ. ปเคว ตสฺมึ ภเว อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณกาเล, ตสฺมา ตาสํ สมติกฺกมา อตฺถงฺคมาติ ทฺเวธาปิ อภาโวเยว วุตฺโต. นานตฺตสฺาสุ ปน ยสฺมา อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, นว กิริยสฺา, ทสากุสลสฺาติ อิมา สตฺตวีสติสฺา อิมินา ฌาเนน นิพฺพตฺเต ภเว วิชฺชนฺติ, ตสฺมา ตาสํ อมนสิการาติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺราปิ หิ อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺโต ตาสํ อมนสิการาเยว อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตา ปน มนสิกโรนฺโต อสมาปนฺโน โหตีติ.
สงฺเขปโต เจตฺถ รูปสฺานํ สมติกฺกมาติ อิมินา สพฺพรูปาวจรธมฺมานํ ปหานํ วุตฺตํ. ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการาติ อิมินา สพฺเพสํ กามาวจรจิตฺตเจตสิกานํ ปหานฺจ อมนสิกาโร จ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
๒๘๐. อนนฺโต อากาโสติ เอตฺถ นาสฺส อุปฺปาทนฺโต วา วยนฺโต วา ปฺายตีติ อนนฺโต. อากาโสติ กสิณุคฺฆาฏิมากาโส วุจฺจติ. มนสิการวเสนาปิ เจตฺถ อนนฺตตา เวทิตพฺพา. เตเนว ¶ วิภงฺเค วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึ อากาเส จิตฺตํ เปติ, สณฺเปติ, อนนฺตํ ผรติ, เตน วุจฺจติ อนนฺโต อากาโส’’ติ (วิภ. ๖๐๕).
อากาสานฺจายตนํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอตฺถ ปน นาสฺส อนฺโตติ อนนฺตํ, อากาสํ อนนฺตํ อากาสานนฺตํ, อากาสานนฺตเมว อากาสานฺจํ, ตํ อากาสานฺจํ อธิฏฺานฏฺเน อายตนมสฺส สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส ฌานสฺส เทวานํ เทวายตนมิวาติ อากาสานฺจายตนํ.
อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ตมากาสานฺจายตนํ ปตฺวา นิปฺผาเทตฺวา ตทนุรูเปน อิริยาปถวิหาเรน วิหรตีติ.
อยํ อากาสานฺจายตนกมฺมฏฺาเน วิตฺถารกถา.
วิฺาณฺจายตนกถา
๒๘๑. วิฺาณฺจายตนํ ภาเวตุกาเมน ปน ปฺจหากาเรหิ อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยํ จิณฺณวสีภาเวน ‘‘อาสนฺนรูปาวจรชฺฌานปจฺจตฺถิกา อยํ สมาปตฺติ, โน จ วิฺาณฺจายตนมิว สนฺตา’’ติ อากาสานฺจายตเน อาทีนวํ ทิสฺวา ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทาย วิฺาณฺจายตนํ สนฺตโต มนสิกริตฺวา ตํ อากาสํ ผริตฺวา ปวตฺตวิฺาณํ ‘‘วิฺาณํ วิฺาณ’’นฺติ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ, มนสิกาตพฺพํ, ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กาตพฺพํ. ‘‘อนนฺตํ อนนฺต’’นฺติ ปน น มนสิกาตพฺพํ.
ตสฺเสวํ ตสฺมึ นิมิตฺเต ปุนปฺปุนํ จิตฺตํ จาเรนฺตสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, สติ สนฺติฏฺติ, อุปจาเรน จิตฺตํ สมาธิยติ. โส ตํ นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ อาเสวติ, ภาเวติ, พหุลีกโรติ. ตสฺเสวํ กโรโต อากาเส อากาสานฺจายตนํ วิย อากาสผุเฏ วิฺาเณ วิฺาณฺจายตนจิตฺตํ อปฺเปติ. อปฺปนานโย ปเนตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา เจส ‘‘สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม อนนฺตํ วิฺาณนฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๒.๑๒๙) วุจฺจติ.
๒๘๒. ตตฺถ สพฺพโสติ อิทํ วุตฺตนยเมว. อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺมาติ เอตฺถ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ฌานมฺปิ อากาสานฺจายตนํ, อารมฺมณมฺปิ ¶ . อารมฺมณมฺปิ หิ ปุริมนเยเนว อากาสานฺจฺจ ตํ ปมสฺส อารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณตฺตา เทวานํ เทวายตนํ วิย อธิฏฺานฏฺเน ¶ อายตนฺจาติ อากาสานฺจายตนํ. ตถา อากาสานฺจฺจ ตํ ตสฺส ฌานสฺส สฺชาติเหตุตฺตา ‘‘กมฺโพชา อสฺสานํ อายตน’’นฺติอาทีนิ วิย สฺชาติเทสฏฺเน อายตนฺจาติปิ อากาสานฺจายตนํ. เอวเมตํ ฌานฺจ อารมฺมณฺจาติ อุภยมฺปิ อปฺปวตฺติกรเณน จ อมนสิกรเณน จ สมติกฺกมิตฺวาว ยสฺมา อิทํ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพํ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อนนฺตํ วิฺาณนฺติ ตํเยว อนนฺโต อากาโสติ เอวํ ผริตฺวา ปวตฺตวิฺาณํ ‘‘อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ เอวํ มนสิกโรนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. มนสิการวเสน วา อนนฺตํ. โส หิ ตมากาสารมฺมณํ วิฺาณํ อนวเสสโต มนสิกโรนฺโต ‘‘อนนฺต’’นฺติ มนสิ กโรติ. ยํ ปน วิภงฺเค วุตฺตํ ‘‘อนนฺตํ วิฺาณนฺติ, ตํเยว อากาสํ วิฺาเณน ผุฏํ มนสิ กโรติ, อนนฺตํ ผรติ, เตน วุจฺจติ อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ (วิภ. ๖๑๐).
ตตฺถ วิฺาเณนาติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ อฏฺกถาจริยา ตสฺส อตฺถํ วณฺณยนฺติ, อนนฺตํ ผรติ ตฺเว อากาสํ ผุฏํ วิฺาณํ มนสิ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.
วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอตฺถ ปน นาสฺส อนฺโตติ อนนฺตํ. อนนฺตเมว อานฺจํ. วิฺาณํ อานฺจํ วิฺาณานฺจนฺติ อวตฺวา วิฺาณฺจนฺติ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ รูฬฺหีสทฺโท. ตํ วิฺาณฺจํ อธิฏฺานฏฺเน อายตนมสฺส สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส ฌานสฺส เทวานํ เทวายตนมิวาติ วิฺาณฺจายตนํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
อยํ วิฺาณฺจายตนกมฺมฏฺาเน วิตฺถารกถา.
อากิฺจฺายตนกถา
๒๘๓. อากิฺจฺายตนํ ภาเวตุกาเมน ปน ปฺจหากาเรหิ วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยํ จิณฺณวสีภาเวน ‘‘อาสนฺนอากาสานฺจายตนปจฺจตฺถิกา อยํ สมาปตฺติ, โน จ อากิฺจฺายตนมิว สนฺตา’’ติ วิฺาณฺจายตเน ¶ อาทีนวํ ทิสฺวา ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทาย ¶ อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิกริตฺวา ตสฺเสว วิฺาณฺจายตนารมฺมณภูตสฺส อากาสานฺจายตนวิฺาณสฺส อภาโว สฺุตา วิวิตฺตากาโร มนสิกาตพฺโพ. กถํ? ตํ วิฺาณํ อมนสิกริตฺวา ‘‘นตฺถิ นตฺถี’’ติ วา, ‘‘สฺุํ สฺุ’’นฺติ วา, ‘‘วิวิตฺตํ วิวิตฺต’’นฺติ วา ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ, มนสิกาตพฺพํ, ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กาตพฺพํ.
ตสฺเสวํ ตสฺมึ นิมิตฺเต จิตฺตํ จาเรนฺตสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, สติ สนฺติฏฺติ, อุปจาเรน จิตฺตํ สมาธิยติ. โส ตํ นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ อาเสวติ, ภาเวติ, พหุลีกโรติ. ตสฺเสวํ กโรโต อากาเส ผุเฏ มหคฺคตวิฺาเณ วิฺาณฺจายตนํ วิย ตสฺเสว อากาสํ ผริตฺวา ปวตฺตสฺส มหคฺคตวิฺาณสฺส สฺุวิวิตฺตนตฺถิภาเว อากิฺจฺายตนจิตฺตํ อปฺเปติ. เอตฺถาปิ จ อปฺปนานโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อยํ ปน วิเสโส, ตสฺมึ หิ อปฺปนาจิตฺเต อุปฺปนฺเน โส ภิกฺขุ ยถา นาม ปุริโส มณฺฑลมาฬาทีสุ เกนจิเทว กรณีเยน สนฺนิปติตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา กตฺถจิ คนฺตฺวา สนฺนิปาตกิจฺจาวสาเนว อุฏฺาย ปกฺกนฺเตสุ ภิกฺขูสุ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ปุน ตํ านํ โอโลเกนฺโต สฺุเมว ปสฺสติ, วิวิตฺตเมว ปสฺสติ. นาสฺส เอวํ โหติ ‘‘เอตฺตกา นาม ภิกฺขู กาลงฺกตา วา ทิสาปกฺกนฺตา วา’’ติ, อถ โข สฺุมิทํ วิวิตฺตนฺติ นตฺถิภาวเมว ปสฺสติ, เอวเมว ปุพฺเพ อากาเส ปวตฺติตวิฺาณํ วิฺาณฺจายตนชฺฌานจกฺขุนา ปสฺสนฺโต วิหริตฺวา ‘‘นตฺถิ นตฺถี’’ติอาทินา ปริกมฺมมนสิกาเรน อนฺตรหิเต ตสฺมึ วิฺาเณ ตสฺส อปคมสงฺขาตํ อภาวเมว ปสฺสนฺโต วิหรติ. เอตฺตาวตา เจส ‘‘สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม นตฺถิ กิฺจีติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๒.๑๒๙) วุจฺจติ.
๒๘๔. อิธาปิ สพฺพโสติ อิทํ วุตฺตนยเมว. วิฺาณฺจายตนนฺติ เอตฺถาปิ จ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ฌานมฺปิ วิฺาณฺจายตนํ อารมฺมณมฺปิ. อารมฺมณมฺปิ หิ ปุริมนเยเนว วิฺาณฺจฺจ ตํ ทุติยสฺส อารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณตฺตา เทวานํ เทวายตนํ วิย อธิฏฺานฏฺเน อายตนฺจาติ วิฺาณฺจายตนํ ¶ . ตถา วิฺาณฺจฺจ ตํ ตสฺเสว ฌานสฺส สฺชาติเหตุตฺตา ‘‘กมฺโพชา อสฺสานํ อายตน’’นฺติอาทีนิ วิย สฺชาติเทสฏฺเน อายตนฺจาติปิ ¶ วิฺาณฺจายตนํ. เอวเมตํ ฌานฺจ อารมฺมณฺจาติ อุภยมฺปิ อปฺปวตฺติกรเณน จ อมนสิกรเณน จ สมติกฺกมิตฺวาว ยสฺมา อิทํ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพํ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ เอกชฺฌํ กตฺวา วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺมาติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
นตฺถิ กิฺจีติ นตฺถิ นตฺถิ, สฺุํ สฺุํ, วิวิตฺตํ วิวิตฺตนฺติ เอวํ มนสิกโรนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ยมฺปิ วิภงฺเค วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ กิฺจีติ ตฺเว วิฺาณํ อภาเวติ วิภาเวติ อนฺตรธาเปติ นตฺถิ กิฺจีติ ปสฺสติ, เตน วุจฺจติ นตฺถิ กิฺจี’’ติ, ตํ กิฺจาปิ ขยโต สมฺมสนํ วิย วุตฺตํ, อถ ขฺวสฺส เอวเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตฺหิ วิฺาณํ อนาวชฺเชนฺโต อมนสิกโรนฺโต อปจฺจเวกฺขนฺโต เกวลมสฺส นตฺถิภาวํ สฺุภาวํ วิวิตฺตภาวเมว มนสิกโรนฺโต อภาเวติ วิภาเวติ อนฺตรธาเปตีติ วุจฺจติ, น อฺถาติ.
อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอตฺถ ปน นาสฺส กิฺจนนฺติ อกิฺจนํ, อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ อสฺส อวสิฏฺํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. อกิฺจนสฺส ภาโว อากิฺจฺํ, อากาสานฺจายตนวิฺาณาปคมสฺเสตํ อธิวจนํ. ตํ อากิฺจฺํ อธิฏฺานฏฺเน อายตนมสฺส ฌานสฺส เทวานํ เทวายตนมิวาติ อากิฺจฺายตนํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
อยํ อากิฺจฺายตนกมฺมฏฺาเน วิตฺถารกถา.
เนวสฺานาสฺายตนกถา
๒๘๕. เนวสฺานาสฺายตนํ ภาเวตุกาเมน ปน ปฺจหากาเรหิ อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยํ จิณฺณวสีภาเวน ‘‘อาสนฺนวิฺาณฺจายตนปจฺจตฺถิกา อยํ สมาปตฺติ, โน จ เนวสฺานาสฺายตนํ วิย สนฺตา’’ติ วา ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ, สฺา สลฺลํ, เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีตํ ยทิทํ เนวสฺานาสฺา’’ติ วา เอวํ อากิฺจฺายตเน อาทีนวํ, อุปริ อานิสํสฺจ ทิสฺวา อากิฺจฺายตเน นิกนฺตึ ปริยาทาย เนวสฺานาสฺายตนํ สนฺตโต มนสิกริตฺวา ‘‘สาว อภาวํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺติตา อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ ¶ สนฺตา สนฺตา’’ติ ¶ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพา, มนสิกาตพฺพา, ปจฺจเวกฺขิตพฺพา, ตกฺกาหตา วิตกฺกาหตา กาตพฺพา.
ตสฺเสวํ ตสฺมึ นิมิตฺเต ปุนปฺปุนํ มานสํ จาเรนฺตสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, สติ สนฺติฏฺติ, อุปจาเรน จิตฺตํ สมาธิยติ. โส ตํ นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ อาเสวติ, ภาเวติ, พหุลีกโรติ. ตสฺเสวํ กโรโต วิฺาณาปคเม อากิฺจฺายตนํ วิย อากิฺจฺายตนสมาปตฺติสงฺขาเตสุ จตูสุ ขนฺเธสุ เนวสฺานาสฺายตนจิตฺตํ อปฺเปติ. อปฺปนานโย ปเนตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา เจส ‘‘สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๒.๑๒๙) วุจฺจติ.
๒๘๖. อิธาปิ สพฺพโสติ อิทํ วุตฺตนยเมว. อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺมาติ เอตฺถาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ฌานมฺปิ อากิฺจฺายตนํ อารมฺมณมฺปิ. อารมฺมณมฺปิ หิ ปุริมนเยเนว อากิฺจฺฺจ ตํ ตติยสฺส อารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณตฺตา เทวานํ เทวายตนํ วิย อธิฏฺานฏฺเน อายตนฺจาติ อากิฺจฺายตนํ. ตถา อากิฺจฺฺจ ตํ ตสฺเสว ฌานสฺส สฺชาติเหตุตฺตา กมฺโพชา อสฺสานํ อายตนนฺติอาทีนิ วิย สฺชาติเทสฏฺเน อายตนฺจาติปิ อากิฺจฺายตนํ. เอวเมตํ ฌานฺจ อารมฺมณฺจาติ อุภยมฺปิ อปฺปวตฺติกรเณน จ อมนสิกรเณน จ สมติกฺกมิตฺวาว ยสฺมา อิทํ เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพํ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ เอกชฺฌํ กตฺวา อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺมาติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอตฺถ ปน ยาย สฺาย ภาวโต ตํ เนวสฺานาสฺายตนนฺติ วุจฺจติ. ยถา ปฏิปนฺนสฺส สา สฺา โหติ, ตํ ตาว ทสฺเสตุํ วิภงฺเค ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ อุทฺธริตฺวา ‘‘ตฺเว อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวติ, เตน วุจฺจติ เนวสฺีนาสฺี’’ติ (วิภ. ๖๑๙) วุตฺตํ. ตตฺถ สนฺตโต มนสิ กโรตีติ ‘‘สนฺตา วตายํ สมาปตฺติ, ยตฺร หิ นาม นตฺถิภาวมฺปิ อารมฺมณํ กริตฺวา สฺสตี’’ติ เอวํ สนฺตารมฺมณตาย ตํ สนฺตาติ มนสิ กโรติ.
สนฺตโต ¶ เจ มนสิ กโรติ, กถํ สมติกฺกโม โหตีติ? อสมาปชฺชิตุกามตาย. โส หิ ¶ กิฺจาปิ ตํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, อถ ขฺวสฺส ‘‘อหเมตํ อาวชฺชิสฺสามิ, สมาปชฺชิสฺสามิ, อธิฏฺหิสฺสามิ, วุฏฺหิสฺสามิ, ปจฺจเวกฺขิสฺสามี’’ติ เอส อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร น โหติ. กสฺมา? อากิฺจฺายตนโต เนวสฺานาสฺายตนสฺส สนฺตตรปณีตตรตาย.
ยถา หิ ราชา มหจฺจ ราชานุภาเวน หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครวีถิยํ วิจรนฺโต ทนฺตการาทโย สิปฺปิเก เอกํ วตฺถํ ทฬฺหํ นิวาเสตฺวา เอเกน สีสํ เวเตฺวา ทนฺตจุณฺณาทีหิ สโมกิณฺณคตฺเต อเนกานิ ทนฺตวิกติอาทีนิ สิปฺปานิ กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห วต เร เฉกา อาจริยา อีทิสานิปิ นาม สิปฺปานิ กริสฺสนฺตี’’ติ เอวํ เตสํ เฉกตาย ตุสฺสติ, น จสฺส เอวํ โหติ ‘‘อโห วตาหํ รชฺชํ ปหาย เอวรูโป สิปฺปิโก ภเวยฺย’’นฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? รชฺชสิริยา มหานิสํสตาย. โส สิปฺปิโน สมติกฺกมิตฺวาว คจฺฉติ. เอวเมว เอส กิฺจาปิ ตํ สมาปตฺตึ สนฺตโต มนสิ กโรติ, อถ ขฺวสฺส ‘‘อหเมตํ สมาปตฺตึ อาวชฺชิสฺสามิ, สมาปชฺชิสฺสามิ, อธิฏฺหิสฺสามิ, วุฏฺหิสฺสามิ, ปจฺจเวกฺขิสฺสามี’’ติ เนว เอส อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร โหติ.
โส ตํ สนฺตโต มนสิกโรนฺโต ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตํ ปรมสุขุมํ อปฺปนาปฺปตฺตํ สฺํ ปาปุณาติ, ยาย เนวสฺีนาสฺี นาม โหติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตีติ วุจฺจติ. สงฺขาราวเสสสมาปตฺตินฺติ อจฺจนฺตสุขุมภาวปฺปตฺตสงฺขารํ จตุตฺถารุปฺปสมาปตฺตึ.
๒๘๗. อิทานิ ยํ ตํ เอวมธิคตาย สฺาย วเสน เนวสฺานาสฺายตนนฺติ วุจฺจติ, ตํ อตฺถโต ทสฺเสตุํ ‘‘เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาริสฺส วา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา’’ติ (วิภ. ๖๒๐) วุตฺตํ. เตสุ อิธ สมาปนฺนสฺส จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา อธิปฺเปตา. วจนตฺโถ ปเนตฺถ โอฬาริกาย สฺาย อภาวโต สุขุมาย จ ภาวโต เนวสฺส สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส ฌานสฺส สฺา นาสฺนฺติ เนวสฺานาสฺํ. เนวสฺานาสฺฺจ ตํ ¶ มนายตนธมฺมายตนปริยาปนฺนตฺตา อายตนฺจาติ เนวสฺานาสฺายตนํ. อถ วา ยายเมตฺถ สฺา, สา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถตาย เนวสฺา, สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน วิชฺชมานตฺตา นาสฺาติ เนวสฺานาสฺา ¶ . เนวสฺานาสฺา จ สา เสสธมฺมานํ อธิฏฺานฏฺเน อายตนฺจาติ เนวสฺานาสฺายตนํ.
น เกวลฺเจตฺถ สฺาว เอทิสี, อถ โข เวทนาปิ เนวเวทนานาเวทนา, จิตฺตมฺปิ เนวจิตฺตํนาจิตฺตํ, ผสฺโสปิ เนวผสฺโสนาผสฺโส. เอส นโย เสสสมฺปยุตฺตธมฺเมสุ. สฺาสีเสน ปนายํ เทสนา กตาติ เวทิตพฺพา. ปตฺตมกฺขนเตลปฺปภุตีหิ จ อุปมาหิ เอส อตฺโถ วิภาเวตพฺโพ.
สามเณโร กิร เตเลน ปตฺตํ มกฺเขตฺวา เปสิ, ตํ ยาคุปานกาเล เถโร ปตฺตมาหราติ อาห. โส ‘‘ปตฺเต เตลมตฺถิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ตโต ‘‘อาหร, สามเณร, เตลํ, นาฬึ ปูเรสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, เตล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ยถา อนฺโตวุตฺถตฺตา ยาคุยา สทฺธึ อกปฺปิยฏฺเน ‘‘เตลมตฺถี’’ติ โหติ. นาฬิปูรณาทีนํ วเสน ‘‘นตฺถี’’ติ โหติ. เอวํ สาปิ สฺา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถตาย เนวสฺา, สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน วิชฺชมานตฺตา นาสฺา โหติ.
กึ ปเนตฺถ สฺากิจฺจนฺติ? อารมฺมณสฺชานนฺเจว วิปสฺสนาย จ วิสยภาวํ อุปคนฺตฺวา นิพฺพิทาชนนํ. ทหนกิจฺจมิว หิ สุโขทเก เตโชธาตุ สฺชานนกิจฺจํ เปสา ปฏุํ กาตุํ น สกฺโกติ. เสสสมาปตฺตีสุ สฺา วิย วิปสฺสนาย วิสยภาวํ อุปคนฺตฺวา นิพฺพิทาชนนมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ. อฺเสุ หิ ขนฺเธสุ อกตาภินิเวโส ภิกฺขุ เนวสฺานาสฺายตนกฺขนฺเธ สมฺมสิตฺวา นิพฺพิทํ ปตฺตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ อปิจ อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปกติวิปสฺสโก ปน มหาปฺโ สาริปุตฺตสทิโสว สกฺกุเณยฺย. โสปิ ‘‘เอวํ กิริเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๕) เอวํ กลาปสมฺมสนวเสเนว, โน อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน. เอวํ สุขุมตฺตํ คตา เอสา สมาปตฺติ.
ยถา ¶ จ ปตฺตมกฺขนเตลูปมาย, เอวํ มคฺคุทกูปมายปิ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. มคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส กิร เถรสฺส ปุรโต คจฺฉนฺโต สามเณโร โถกํ อุทกํ ทิสฺวา ‘‘อุทกํ, ภนฺเต, อุปาหนา โอมฺุจถา’’ติ อาห. ตโต เถเรน ‘‘สเจ อุทกมตฺถิ, อาหร นฺหานสาฏิกํ, นฺหายิสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ตตฺถ ยถา อุปาหนเตมนมตฺตฏฺเน ‘‘อุทกมตฺถี’’ติ ¶ โหติ, นฺหายนฏฺเน ‘‘นตฺถี’’ติ โหติ. เอวมฺปิ สา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถตาย เนวสฺา, สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน วิชฺชมานตฺตา นาสฺา โหติ.
น เกวลฺจ เอตาเหว, อฺาหิปิ อนุรูปาหิ อุปมาหิ เอส อตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ อิทํ วุตฺตนยเมวาติ.
อยํ เนวสฺานาสฺายตนกมฺมฏฺาเน วิตฺถารกถา.
ปกิณฺณกกถา
๒๘๘. อสทิสรูโป นาโถ, อารุปฺปํ ยํ จตุพฺพิธํ อาห.
ตํ อิติ ตฺวา ตสฺมึ, ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยา.
อารมฺมณาติกฺกมโต, จตสฺโสปิ ภวนฺติมา;
องฺคาติกฺกมเมตาสํ, น อิจฺฉนฺติ วิภาวิโน.
เอตาสุ หิ รูปนิมิตฺตาติกฺกมโต ปมา, อากาสาติกฺกมโต ทุติยา, อากาเส ปวตฺติตวิฺาณาติกฺกมโต ตติยา. อากาเส ปวตฺติตวิฺาณสฺส อปคมาติกฺกมโต จตุตฺถีติ สพฺพถา อารมฺมณาติกฺกมโต จตสฺโสปิ ภวนฺติมา อารุปฺปสมาปตฺติโยติ เวทิตพฺพา. องฺคาติกฺกมํ ปน เอตาสํ น อิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา. น หิ รูปาวจรสมาปตฺตีสุ วิย เอตาสุ องฺคาติกฺกโม อตฺถิ. สพฺพาสุปิ หิ เอตาสุ อุเปกฺขา, จิตฺเตกคฺคตาติ ทฺเว เอว ฌานงฺคานิ โหนฺติ.
สุปฺปณีตตรา โหนฺติ, ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา อิธ;
อุปมา ตตฺถ วิฺเยฺยา, ปาสาทตลสาฏิกา.
ยถา ¶ ¶ หิ จตุภูมิกสฺส ปาสาทสฺส เหฏฺิมตเล ทิพฺพนจฺจคีตวาทิตสุรภิคนฺธมาลาโภชนสยนจฺฉาทนาทิวเสน ปณีตา ปฺจกามคุณา ปจฺจุปฏฺิตา อสฺสุ. ทุติเย ตโต ปณีตตรา. ตติเย ตโต ปณีตตรา. จตุตฺเถ สพฺพปณีตตรา. ตตฺถ กิฺจาปิ ตานิ จตฺตาริปิ ปาสาทตลาเนว, นตฺถิ เนสํ ปาสาทตลภาเวน วิเสโส. ปฺจกามคุณสมิทฺธวิเสเสน ปน เหฏฺิมโต เหฏฺิมโต อุปริมํ อุปริมํ ปณีตตรํ โหติ.
ยถา จ เอกาย อิตฺถิยา กนฺติตถูลสณฺหสณฺหตรสณฺหตมสุตฺตานํ จตุปลติปลทฺวิปลเอกปลสาฏิกา อสฺสุ อายาเมน จ วิตฺถาเรน จ สมปฺปมาณา. ตตฺถ กิฺจาปิ ตา สาฏิกา จตสฺโสปิ อายามโต จ วิตฺถารโต จ สมปฺปมาณา, นตฺถิ ตาสํ ปมาณโต วิเสโส. สุขสมฺผสฺสสุขุมภาวมหคฺฆภาเวหิ ปน ปุริมาย ปุริมาย ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา ปณีตตรา โหนฺติ, เอวเมว กิฺจาปิ จตูสุ เอตาสุ อุเปกฺขา, จิตฺเตกคฺคตาติ เอตานิ ทฺเวเยว องฺคานิ โหนฺติ, อถ โข ภาวนาวิเสเสน เตสํ องฺคานิ ปณีตปณีตตรภาเวน สุปฺปณีตตรา โหนฺติ ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา อิธาติ เวทิตพฺพา.
๒๙๑. เอวํ อนุปุพฺเพน ปณีตปณีตา เจตา –
อสุจิมฺหิ มณฺฑเป ลคฺโค, เอโก ตนฺนิสฺสิโต ปโร;
อฺโ พหิ อนิสฺสาย, ตํ ตํ นิสฺสาย จาปโร.
ิโต จตูหิ เอเตหิ, ปุริเสหิ ยถากฺกมํ;
สมานตาย าตพฺพา, จตสฺโสปิ วิภาวินา.
ตตฺรายมตฺถโยชนา – อสุจิมฺหิ กิร เทเส เอโก มณฺฑโป, อเถโก ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ อสุจึ ชิคุจฺฉมาโน ตํ มณฺฑปํ หตฺเถหิ อาลมฺพิตฺวา ตตฺถ ลคฺโค ลคฺคิโต วิย อฏฺาสิ. อถาปโร อาคนฺตฺวา ตํ มณฺฑเป ลคฺคํ ปุริสํ นิสฺสิโต. อถฺโ อาคนฺตฺวา จินฺเตสิ ‘‘โย เอส มณฺฑปลคฺโค, โย จ ตนฺนิสฺสิโต, อุโภเปเต ทุฏฺิตา. ธุโว ¶ จ เนสํ มณฺฑปปปาเต ปาโต, หนฺทาหํ พหิเยว ติฏฺามี’’ติ. โส ตนฺนิสฺสิตํ อนิสฺสาย พหิเยว อฏฺาสิ. อถาปโร อาคนฺตฺวา มณฺฑปลคฺคสฺส จ ตนฺนิสฺสิตสฺส จ อเขมภาวํ จินฺเตตฺวา พหิฏฺิตฺจ สุฏฺิโตติ มนฺตฺวา ¶ ตํ นิสฺสาย อฏฺาสิ. ตตฺถ อสุจิมฺหิ เทเส มณฺฑโป วิย กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ ทฏฺพฺพํ, อสุจิชิคุจฺฉาย มณฺฑปลคฺโค ปุริโส วิย รูปนิมิตฺตชิคุจฺฉาย อากาสารมฺมณํ อากาสานฺจายตนํ, มณฺฑปลคฺคํ ปุริสํ นิสฺสิโต วิย อากาสารมฺมณํ อากาสานฺจายตนํ อารพฺภ ปวตฺตํ วิฺาณฺจายตนํ, เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อเขมภาวํ จินฺเตตฺวา อนิสฺสาย ตํ มณฺฑปลคฺคํ พหิฏฺิโต วิย อากาสานฺจายตนํ อารมฺมณํ อกตฺวา ตทภาวารมฺมณํ อากิฺจฺายตนํ, มณฺฑปลคฺคสฺส ตนฺนิสฺสิตสฺส จ อเขมตํ จินฺเตตฺวา พหิฏฺิตฺจ สุฏฺิโตติ มนฺตฺวา ตํ นิสฺสาย ิโต วิย วิฺาณาภาวสงฺขาเต พหิปเทเส ิตํ อากิฺจฺายตนํ อารพฺภ ปวตฺตํ เนวสฺานาสฺายตนํ ทฏฺพฺพํ.
อารมฺมณํ กโรเตว, อฺาภาเวน ตํ อิทํ;
ทิฏฺโทสมฺปิ ราชานํ, วุตฺติเหตุ ชโน ยถา.
อิทฺหิ เนวสฺานาสฺายตนํ ‘‘อาสนฺนวิฺาณฺจายตนปจฺจตฺถิกา อยํ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ ทิฏฺโทสมฺปิ ตํ อากิฺจฺายตนํ อฺสฺส อารมฺมณสฺส อภาวา อารมฺมณํ กโรเตว. ยถา กึ? ทิฏฺโทสมฺปิ ราชานํ วุตฺติเหตุ ยถา ชโน. ยถา หิ อสํยตํ ผรุสกายวจีมโนสมาจารํ กฺจิ สพฺพทิสมฺปตึ ราชานํ ‘‘ผรุสสมาจาโร อย’’นฺติ เอวํ ทิฏฺโทสมฺปิ อฺตฺถ วุตฺตึ อลภมาโน ชโน วุตฺติเหตุ นิสฺสาย วตฺตติ, เอวํ ทิฏฺโทสมฺปิ ตํ อากิฺจฺายตนํ อฺํ อารมฺมณํ อลภมานมิทํ เนวสฺานาสฺายตนํ อารมฺมณํ กโรเตว.
อารุฬฺโห ทีฆนิสฺเสณึ, ยถา นิสฺเสณิพาหุกํ;
ปพฺพตคฺคฺจ อารุฬฺโห, ยถา ปพฺพตมตฺถกํ.
ยถา ¶ ¶ วา คิริมารูฬฺโห, อตฺตโนเยว ชณฺณุกํ;
โอลุพฺภติ ตเถเวตํ, ฌานโมลุพฺภ วตฺตตีติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
สมาธิภาวนาธิกาเร
อารุปฺปนิทฺเทโส นาม
ทสโม ปริจฺเฉโท.