📜
๒. ธุตงฺคนิทฺเทโส
๒๒. อิทานิ ¶ ¶ เยหิ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาทีหิ คุเณหิ วุตฺตปฺปการสฺส สีลสฺส โวทานํ โหติ, เต คุเณ สมฺปาเทตุํ ยสฺมา สมาทินฺนสีเลน โยคินา ธุตงฺคสมาทานํ กาตพฺพํ. เอวฺหิสฺส อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาสลฺเลขปวิเวกาปจยวีริยารมฺภสุภรตาทิคุณสลิลวิกฺขาลิตมลํ สีลฺเจว สุปริสุทฺธํ ภวิสฺสติ, วตานิ จ สมฺปชฺชิสฺสนฺติ. อิติ อนวชฺชสีลพฺพตคุณปริสุทฺธสพฺพสมาจาโร โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺาย จตุตฺถสฺส ภาวนารามตาสงฺขาตสฺส อริยวํสสฺส อธิคมารโห ภวิสฺสติ. ตสฺมา ธุตงฺคกถํ อารภิสฺสาม.
ภควตา หิ ปริจฺจตฺตโลกามิสานํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํ อนุโลมปฏิปทํเยว อาราเธตุกามานํ กุลปุตฺตานํ เตรสธุตงฺคานิ อนฺุาตานิ. เสยฺยถิทํ – ปํสุกูลิกงฺคํ, เตจีวริกงฺคํ, ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ, อารฺิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, ยถาสนฺถติกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ตตฺถ –
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, สมาทานวิธานโต;
ปเภทโต เภทโต จ, ตสฺส ตสฺสานิสํสโต.
กุสลตฺติกโต เจว, ธุตาทีนํ วิภาคโต;
สมาสพฺยาสโต จาปิ, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๒๓. ตตฺถ อตฺถโตติ ตาว รถิกสุสานสงฺการกูฏาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน เตสุ เตสุ ปํสุกูลมิวาติ ปํสุกูลํ, อถ วา ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลตีติ ปํสุกูลํ, กุจฺฉิตภาวํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ลทฺธนิพฺพจนสฺส ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ ¶ , ตํ สีลมสฺสาติ ปํสุกูลิโก. ปํสุกูลิกสฺส องฺคํ ปํสุกูลิกงฺคํ. องฺคนฺติ การณํ วุจฺจติ. ตสฺมา เยน สมาทาเนน โส ปํสุกูลิโก โหติ, ตสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอเตเนว นเยน สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาตํ ติจีวรํ สีลมสฺสาติ เตจีวริโก. เตจีวริกสฺส องฺคํ เตจีวริกงฺคํ.
ภิกฺขาสงฺขาตานํ ¶ ปน อามิสปิณฺฑานํ ปาโตติ ปิณฺฑปาโต, ปเรหิ ทินฺนานํ ปิณฺฑานํ ปตฺเต นิปตนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตํ ปิณฺฑปาตํ อฺุฉติ ตํ ตํ กุลํ อุปสงฺกมนฺโต คเวสตีติ ปิณฺฑปาติโก. ปิณฺฑาย วา ปติตุํ วตเมตสฺสาติ ปิณฺฑปาตี, ปติตุนฺติ จริตุํ, ปิณฺฑปาตี เอว ปิณฺฑปาติโก. ปิณฺฑปาติกสฺส องฺคํ ปิณฺฑปาติกงฺคํ.
ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโตติ อปทานํ, อนวขณฺฑนนฺติ อตฺโถ. สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนรหิตํ อนุฆรนฺติ วุตฺตํ โหติ. สปทานํ จริตุํ อิทมสฺส สีลนฺติ สปทานจารี, สปทานจารี เอว สปทานจาริโก. ตสฺส องฺคํ สปทานจาริกงฺคํ.
เอกาสเน โภชนํ เอกาสนํ, ตํ สีลมสฺสาติ เอกาสนิโก. ตสฺส องฺคํ เอกาสนิกงฺคํ.
ทุติยภาชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา เกวลํ เอกสฺมึเยว ปตฺเต ปิณฺโฑ ปตฺตปิณฺโฑ. อิทานิ ปตฺตปิณฺฑคหเณ ปตฺตปิณฺฑสฺํ กตฺวา ปตฺตปิณฺโฑ สีลมสฺสาติ ปตฺตปิณฺฑิโก. ตสฺส องฺคํ ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ.
ขลูติ ปฏิเสธนตฺเถ นิปาโต. ปวาริเตน สตา ปจฺฉา ลทฺธํ ภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ นาม, ตสฺส ปจฺฉาภตฺตสฺส โภชนํ ปจฺฉาภตฺตโภชนํ, ตสฺมึ ปจฺฉาภตฺตโภชเน ปจฺฉาภตฺตสฺํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สีลมสฺสาติ ปจฺฉาภตฺติโก. น ปจฺฉาภตฺติโก ขลุปจฺฉาภตฺติโก. สมาทานวเสน ปฏิกฺขิตฺตาติริตฺตโภชนสฺเสตํ นามํ. อฏฺกถายํ ปน วุตฺตํ ขลูติ เอโก สกุโณ. โส มุเขน ผลํ คเหตฺวา ตสฺมึ ปติเต ปุน อฺํ น ขาทติ. ตาทิโส อยนฺติ ขลุปจฺฉาภตฺติโก. ตสฺส องฺคํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ.
อรฺเ ¶ นิวาโส สีลมสฺสาติ อารฺิโก. ตสฺส องฺคํ อารฺิกงฺคํ.
รุกฺขมูเล นิวาโส รุกฺขมูลํ, ตํ สีลมสฺสาติ รุกฺขมูลิโก. รุกฺขมูลิกสฺส องฺคํ รุกฺขมูลิกงฺคํ. อพฺโภกาสิกโสสานิกงฺเคสุปิ เอเสว นโย.
ยเทว ¶ สนฺถตํ ยถาสนฺถตํ, อิทํ ตุยฺหํ ปาปุณาตีติ เอวํ ปมํ อุทฺทิฏฺเสนาสนสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺมึ ยถาสนฺถเต วิหริตุํ สีลมสฺสาติ ยถาสนฺถติโก. ตสฺส องฺคํ ยถาสนฺถติกงฺคํ.
สยนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิสชฺชาย วิหริตุํ สีลมสฺสาติ เนสชฺชิโก. ตสฺส องฺคํ เนสชฺชิกงฺคํ.
สพฺพาเนว ปเนตานิ เตน เตน สมาทาเนน ธุตกิเลสตฺตา ธุตสฺส ภิกฺขุโน องฺคานิ, กิเลสธุนนโต วา ธุตนฺติ ลทฺธโวหารํ าณํ องฺคํ เอเตสนฺติ ธุตงฺคานิ. อถ วา ธุตานิ จ ตานิ ปฏิปกฺขนิทฺธุนนโต องฺคานิ จ ปฏิปตฺติยาติปิ ธุตงฺคานิ. เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
สพฺพาเนว ปเนตานิ สมาทานเจตนาลกฺขณานิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โย สมาทิยติ, โส ปุคฺคโล. เยน สมาทิยติ, จิตฺตเจตสิกา เอเต ธมฺมา. ยา สมาทานเจตนา, ตํ ธุตงฺคํ. ยํ ปฏิกฺขิปติ, ตํ วตฺถู’’ติ. สพฺพาเนว จ โลลุปฺปวิทฺธํสนรสานิ, นิลฺโลลุปฺปภาวปจฺจุปฏฺานานิ อปฺปิจฺฉตาทิอริยธมฺมปทฏฺานานิ. เอวเมตฺถ ลกฺขณาทีหิ เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.
สมาทานวิธานโตติอาทีสุ ปน ปฺจสุ สพฺพาเนว ธุตงฺคานิ ธรมาเน ภควติ ภควโตว สนฺติเก สมาทาตพฺพานิ. ปรินิพฺพุเต มหาสาวกสฺส สนฺติเก. ตสฺมึ อสติ ขีณาสวสฺส, อนาคามิสฺส, สกทาคามิสฺส, โสตาปนฺนสฺส, ติปิฏกสฺส, ทฺวิปิฏกสฺส, เอกปิฏกสฺส, เอกสงฺคีติกสฺส, อฏฺกถาจริยสฺส. ตสฺมึ อสติ ธุตงฺคธรสฺส, ตสฺมิมฺปิ อสติ เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก วทนฺเตน วิย ¶ สมาทาตพฺพานิ, อปิจ สยมฺปิ สมาทาตุํ วฏฺฏติ เอว. เอตฺถ จ เจติยปพฺพเต ทฺเว ภาติกตฺเถรานํ เชฏฺกภาตุ ธุตงฺคปฺปิจฺฉตาย วตฺถุ กเถตพฺพํ. อยํ ตาว สาธารณกถา.
๑. ปํสุกูลิกงฺคกถา
๒๔. อิทานิ เอเกกสฺส สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํเส วณฺณยิสฺสาม. ปํสุกูลิกงฺคํ ตาว ‘‘คหปติทานจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ ¶ อิเมสุ ทฺวีสุ วจเนสุ อฺตเรน สมาทินฺนํ โหติ. อิทํ ตาเวตฺถ สมาทานํ.
เอวํ สมาทินฺนธุตงฺเคน ปน เตน โสสานิกํ, ปาปณิกํ, รถิยโจฬํ, สงฺการโจฬํ, โสตฺถิยํ, นฺหานโจฬํ, ติตฺถโจฬํ, คตปจฺจาคตํ, อคฺคิฑฑฺฒํ, โคขายิตํ, อุปจิกาขายิตํ, อุนฺทูรขายิตํ, อนฺตจฺฉินฺนํ, ทสาจฺฉินฺนํ, ธชาหฏํ, ถูปจีวรํ, สมณจีวรํ, อาภิเสกิกํ, อิทฺธิมยํ, ปนฺถิกํ, วาตาหฏํ, เทวทตฺติยํ, สามุทฺทิยนฺติเอเตสุ อฺตรํ จีวรํ คเหตฺวา ผาเลตฺวา ทุพฺพลฏฺานํ ปหาย ถิรฏฺานานิ โธวิตฺวา จีวรํ กตฺวา โปราณํ คหปติจีวรํ อปเนตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ.
ตตฺถ โสสานิกนฺติ สุสาเน ปติตกํ. ปาปณิกนฺติ อาปณทฺวาเร ปติตกํ. รถิยโจฬนฺติ ปฺุตฺถิเกหิ วาตปานนฺตเรน รถิกาย ฉฑฺฑิตโจฬกํ. สงฺการโจฬนฺติ สงฺการฏฺาเน ฉฑฺฑิตโจฬกํ. โสตฺถิยนฺติ คพฺภมลํ ปฺุฉิตฺวา ฉฑฺฑิตวตฺถํ. ติสฺสามจฺจมาตา กิร สตคฺฆนเกน วตฺเถน คพฺภมลํ ปฺุฉาเปตฺวา ปํสุกูลิกา คณฺหิสฺสนฺตีติ ตาลเวฬิมคฺเค ฉฑฺฑาเปสิ. ภิกฺขู ชิณฺณกฏฺานตฺถเมว คณฺหนฺติ. นฺหานโจฬนฺติ ยํ ภูตเวชฺเชหิ สสีสํ นฺหาปิตา กาฬกณฺณิโจฬนฺติ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ.
ติตฺถโจฬนฺติ นฺหานติตฺเถ ฉฑฺฑิตปิโลติกา. คตปจฺจาคตนฺติ ยํ มนุสฺสา สุสานํ คนฺตฺวา ปจฺจาคตา นฺหตฺวา ฉฑฺเฑนฺติ. อคฺคิฑฑฺฒนฺติ อคฺคินา ฑฑฺฒปฺปเทสํ. ตฺหิ มนุสฺสา ฉฑฺเฑนฺติ. โคขายิตาทีนิ ปากฏาเนว. ตาทิสานิปิ หิ มนุสฺสา ฉฑฺเฑนฺติ. ธชาหฏนฺติ นาวํ อาโรหนฺตา ธชํ พนฺธิตฺวา อารูหนฺติ. ตํ เตสํ ทสฺสนาติกฺกเม คเหตุํ วฏฺฏติ. ยมฺปิ ยุทฺธภูมิยํ ธชํ พนฺธิตฺวา ปิตํ, ตํ ทฺวินฺนมฺปิ เสนานํ คตกาเล คเหตุํ วฏฺฏติ.
ถูปจีวรนฺติ ¶ วมฺมิกํ ปริกฺขิปิตฺวา พลิกมฺมํ กตํ. สมณจีวรนฺติ ภิกฺขุสนฺตกํ. อาภิเสกิกนฺติ รฺโ อภิเสกฏฺาเน ฉฑฺฑิตจีวรํ. อิทฺธิมยนฺติ เอหิภิกฺขุจีวรํ. ปนฺถิกนฺติ อนฺตรามคฺเค ปติตกํ. ยํ ปน สามิกานํ สติสมฺโมเสน ปติตํ, ตํ โถกํ รกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. วาตาหฏนฺติ วาเตน ปหริตฺวา ทูเร ปาติตํ, ตํ ปน สามิเก อปสฺสนฺเตน ¶ คเหตุํ วฏฺฏติ. เทวทตฺติยนฺติ อนุรุทฺธตฺเถรสฺส วิย เทวตาหิ ทินฺนกํ. สามุทฺทิยนฺติ สมุทฺทวีจีหิ ถเล อุสฺสาริตํ.
ยํ ปน สงฺฆสฺส เทมาติ ทินฺนํ, โจฬกภิกฺขาย วา จรมาเนหิ ลทฺธํ, น ตํ ปํสุกูลํ. ภิกฺขุทตฺติเยปิ ยํ วสฺสคฺเคน คาเหตฺวา วา ทียติ, เสนาสนจีวรํ วา โหติ, น ตํ ปํสุกูลํ. โน คาหาเปตฺวา ทินฺนเมว ปํสุกูลํ. ตตฺรปิ ยํ ทายเกหิ ภิกฺขุสฺส ปาทมูเล นิกฺขิตฺตํ, เตน ปน ภิกฺขุนา ปํสุกูลิกสฺส หตฺเถ เปตฺวา ทินฺนํ, ตํ เอกโตสุทฺธิกํ นาม. ยํ ภิกฺขุโน หตฺเถ เปตฺวา ทินฺนํ, เตน ปน ปาทมูเล ปิตํ, ตมฺปิ เอกโตสุทฺธิกํ. ยํ ภิกฺขุโนปิ ปาทมูเล ปิตํ, เตนาปิ ตเถว ทินฺนํ, ตํ อุภโตสุทฺธิกํ. ยํ หตฺเถ เปตฺวา ลทฺธํ, หตฺเถเยว ปิตํ, ตํ อนุกฺกฏฺจีวรํ นาม. อิติ อิมํ ปํสุกูลเภทํ ตฺวา ปํสุกูลิเกน จีวรํ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อิทเมตฺถ วิธานํ.
อยํ ปน ปเภโท, ตโย ปํสุกูลิกา อุกฺกฏฺโ มชฺฌิโม มุทูติ. ตตฺถ โสสานิกํเยว คณฺหนฺโต อุกฺกฏฺโ โหติ. ปพฺพชิตา คณฺหิสฺสนฺตีติ ปิตกํ คณฺหนฺโต มชฺฌิโม. ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนกํ คณฺหนฺโต มุทูติ.
เตสุ ยสฺส กสฺสจิ อตฺตโน รุจิยา คิหิทินฺนกํ สาทิตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, ‘‘ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วจนโต นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโว, ปเม อริยวํเส ปติฏฺานํ, อารกฺขทุกฺขาภาโว, อปรายตฺตวุตฺติตา, โจรภเยน อภยตา, ปริโภคตณฺหาย อภาโว, สมณสารุปฺปปริกฺขารตา, ‘‘อปฺปานิ เจว สุลภานิ จ ตานิ จ อนวชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) ภควตา สํวณฺณิตปจฺจยตา, ปาสาทิกตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ ผลนิปฺผตฺติ, สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหนํ, ปจฺฉิมาย ชนตาย ทิฏฺานุคติอาปาทนนฺติ.
มารเสนวิฆาตาย ¶ , ปํสุกูลธโร ยติ;
สนฺนทฺธกวโจ ยุทฺเธ, ขตฺติโย วิย โสภติ.
ปหาย ¶ กาสิกาทีนิ, วรวตฺถานิ ธาริตํ;
ยํ โลกครุนา โก ตํ, ปํสุกูลํ น ธารเย.
ตสฺมา หิ อตฺตโน ภิกฺขุ, ปฏิฺํ สมนุสฺสรํ;
โยคาจารานุกูลมฺหิ, ปํสุกูเล รโต สิยาติ.
อยํ ตาว ปํสุกูลิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๒. เตจีวริกงฺคกถา
๒๕. ตทนนฺตรํ ปน เตจีวริกงฺคํ ‘‘จตุตฺถกจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, เตจีวริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน เตจีวริเกน จีวรทุสฺสํ ลภิตฺวา ยาว อผาสุกภาเวน กาตุํ วา น สกฺโกติ, วิจารกํ วา น ลภติ, สูจิอาทีสุ วาสฺส กิฺจิ น สมฺปชฺชติ, ตาว นิกฺขิปิตพฺพํ. นิกฺขิตฺตปจฺจยา โทโส นตฺถิ. รชิตกาลโต ปน ปฏฺาย นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ, ธุตงฺคโจโร นาม โหติ. อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺเน รชนกาเล ปมํ อนฺตรวาสกํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา รชิตฺวา ตํ นิวาเสตฺวา อิตรํ รชิตพฺพํ. ตํ ปารุปิตฺวา สงฺฆาฏิ รชิตพฺพา. สงฺฆาฏึ ปน นิวาเสตุํ น วฏฺฏติ. อิทมสฺส คามนฺตเสนาสเน วตฺตํ. อารฺเก ปน ทฺเว เอกโต โธวิตฺวา รชิตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปน กฺจิ ทิสฺวา สกฺโกติ กาสาวํ อากฑฺฒิตฺวา อุปริกาตุํ, เอวํ อาสนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ. มชฺฌิมสฺส รชนสาลายํ รชนกาสาวํ นาม โหติ, ตํ นิวาเสตฺวา วา ปารุปิตฺวา วา รชนกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส สภาคภิกฺขูนํ จีวรานิ นิวาเสตฺวา วา ปารุปิตฺวา วา รชนกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺรฏฺกปจฺจตฺถรณมฺปิ ¶ ตสฺส วฏฺฏติ. ปริหริตุํ ปน น วฏฺฏติ. สภาคภิกฺขูนํ จีวรมฺปิ อนฺตรนฺตรา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ธุตงฺคเตจีวริกสฺส ปน จตุตฺถํ วตฺตมานํ อํสกาสาวเมว วฏฺฏติ. ตฺจ โข วิตฺถารโต วิทตฺถิ, ทีฆโต ติหตฺถเมว วฏฺฏติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ จตุตฺถกจีวรํ สาทิตกฺขเณเยว ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ¶ ปนานิสํโส, เตจีวริโก ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน. เตนสฺส ปกฺขิโน วิย สมาทาเยว คมนํ, อปฺปสมารมฺภตา, วตฺถสนฺนิธิปริวชฺชนํ, สลฺลหุกวุตฺติตา, อติเรกจีวรโลลุปฺปปฺปหานํ, กปฺปิเย มตฺตการิตาย สลฺเลขวุตฺติตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ ผลนิปฺผตฺตีติ เอวมาทโย คุณา สมฺปชฺชนฺตีติ.
อติเรกวตฺถตณฺหํ, ปหาย สนฺนิธิวิวชฺชิโต ธีโร;
สนฺโตสสุขรสฺู, ติจีวรธโร ภวติ โยคี.
ตสฺมา สปตฺตจรโณ, ปกฺขีว สจีวโรว โยคิวโร;
สุขมนุวิจริตุกาโม, จีวรนิยเม รตึ กยิราติ.
อยํ เตจีวริกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๓. ปิณฺฑปาติกงฺคกถา
๒๖. ปิณฺฑปาติกงฺคมฺปิ ‘‘อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามิ, ปิณฺฑปาติกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน ปิณฺฑปาติเกน ‘‘สงฺฆภตฺตํ, อุทฺเทสภตฺตํ, นิมนฺตนภตฺตํ, สลากภตฺตํ, ปกฺขิกํ, อุโปสถิกํ, ปาฏิปทิกํ, อาคนฺตุกภตฺตํ, คมิกภตฺตํ, คิลานภตฺตํ, คิลานุปฏฺากภตฺตํ, วิหารภตฺตํ, ธุรภตฺตํ, วารกภตฺต’’นฺติ เอตานิ จุทฺทส ภตฺตานิ น สาทิตพฺพานิ. สเจ ปน ‘‘สงฺฆภตฺตํ คณฺหถา’’ติอาทินา นเยน อวตฺวา ‘‘อมฺหากํ เคเห สงฺโฆ ภิกฺขํ คณฺหาตุ, ตุมฺเหปิ ภิกฺขํ ¶ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ทินฺนานิ โหนฺติ, ตานิ สาทิตุํ วฏฺฏนฺติ. สงฺฆโต นิรามิสสลากาปิ วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อาหฏภิกฺขํ คณฺหติ, ปตฺตทฺวาเร ตฺวา ปตฺตํ คณฺหนฺตานมฺปิ เทติ, ปฏิกฺกมนํ อาหริตฺวา ทินฺนภิกฺขมฺปิ คณฺหติ, ตํ ทิวสํ ปน นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ น คณฺหติ. มชฺฌิโม ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวาปิ คณฺหติ, สฺวาตนาย ปน นาธิวาเสติ. มุทุโกสฺวาตนายปิ ปุนทิวสายปิ ภิกฺขํ อธิวาเสติ. เต อุโภปิ เสริวิหารสุขํ น ลภนฺติ, อุกฺกฏฺโว ลภติ. เอกสฺมึ กิร ¶ คาเม อริยวํโส โหติ, อุกฺกฏฺโ อิตเร อาห – ‘‘อายามาวุโส, ธมฺมสวนายา’’ติ. เตสุ เอโก เอเกนมฺหิ, ภนฺเต, มนุสฺเสน นิสีทาปิโตติ อาห. อปโร มยา, ภนฺเต, สฺวาตนาย เอกสฺส ภิกฺขา อธิวาสิตาติ. เอวํ เต อุโภ ปริหีนา. อิตโร ปาโตว ปิณฺฑาย จริตฺวา คนฺตฺวา ธมฺมรสํ ปฏิสํเวเทสิ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ สงฺฆภตฺตาทิอติเรกลาภํ สาทิตกฺขเณว ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) วจนโต นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโว, ทุติเย อริยวํเส ปติฏฺานํ, อปรายตฺตวุตฺติตา, ‘‘อปฺปานิ เจว สุลภานิ จ ตานิ จ อนวชฺชานี’’ติ ภควตา สํวณฺณิตปจฺจยตา, โกสชฺชนิมฺมทฺทนตา, ปริสุทฺธาชีวตา, เสขิยปฏิปตฺติปูรณํ, อปรโปสิตา, ปรานุคฺคหกิริยา, มานปฺปหานํ, รสตณฺหานิวารณํ, คณโภชนปรมฺปรโภชนจาริตฺตสิกฺขาปเทหิ อนาปตฺติตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตา, สมฺมาปฏิปตฺติพฺรูหนํ, ปจฺฉิมชนตานุกมฺปนนฺติ.
ปิณฺฑิยาโลปสนฺตุฏฺโ, อปรายตฺตชีวิโก;
ปหีนาหารโลลุปฺโป, โหติ จาตุทฺทิโส ยติ.
วิโนทยติ ¶ โกสชฺชํ, อาชีวสฺส วิสุชฺฌติ;
ตสฺมา หิ นาติมฺเยฺย, ภิกฺขาจริยาย สุเมธโส.
เอวรูปสฺส หิ –
‘‘ปิณฺฑปาติกสฺส ภิกฺขุโน,
อตฺตภรสฺส อนฺโปสิโน;
เทวาปิ ปิหยนฺติ ตาทิโน,
โน เจ ลาภสิโลกนิสฺสิโต’’ติ.
อยํ ปิณฺฑปาติกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๔. สปทานจาริกงฺคกถา
๒๗. สปทานจาริกงฺคมฺปิ ¶ ‘‘โลลุปฺปจารํ ปฏิกฺขิปามิ, สปทานจาริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน สปทานจาริเกน คามทฺวาเร ตฺวา ปริสฺสยาภาโว สลฺลกฺเขตพฺโพ. ยสฺสา รจฺฉาย วา คาเม วา ปริสฺสโย โหติ, ตํ ปหาย อฺตฺถ จริตุํ วฏฺฏติ. ยสฺมึ ฆรทฺวาเร วา รจฺฉาย วา คาเม วา กิฺจิ น ลภติ, อคามสฺํ กตฺวา คนฺตพฺพํ. ยตฺถ กิฺจิ ลภติ, ตํ ปหาย คนฺตุํ น วฏฺฏติ. อิมินา จ ภิกฺขุนา กาลตรํ ปวิสิตพฺพํ, เอวฺหิ อผาสุกฏฺานํ ปหาย อฺตฺถ คนฺตุํ สกฺขิสฺสติ. สเจ ปนสฺส วิหาเร ทานํ เทนฺตา อนฺตรามคฺเค วา อาคจฺฉนฺตา มนุสฺสา ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ วฏฺฏติ. อิมินา จ มคฺคํ คจฺฉนฺเตนาปิ ภิกฺขาจารเวลายํ สมฺปตฺตคามํ อนติกฺกมิตฺวา จริตพฺพเมว. ตตฺถ อลภิตฺวา วา โถกํ ลภิตฺวา วา คามปฏิปาฏิยา จริตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ปุรโต อาหฏภิกฺขมฺปิ ปจฺฉโต อาหฏภิกฺขมฺปิ ปฏิกฺกมนํ อาหริตฺวา ทิยฺยมานมฺปิ น คณฺหติ, ปตฺตทฺวาเร ปน ปตฺตํ วิสฺสชฺเชติ ¶ . อิมสฺมิฺหิ ธุตงฺเค มหากสฺสปตฺเถเรน สทิโส นาม นตฺถิ. ตสฺสปิ ปตฺตวิสฺสฏฺฏฺานเมว ปฺายติ. มชฺฌิโม ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อาหฏมฺปิ ปฏิกฺกมนํ อาหฏมฺปิ คณฺหติ, ปตฺตทฺวาเรปิ ปตฺตํ วิสฺสชฺเชติ, น ปน ภิกฺขํ อาคมยมาโน นิสีทติ. เอวํ โส อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติกสฺส อนุโลเมติ. มุทุโก ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวา อาคเมติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ โลลุปฺปจาเร อุปฺปนฺนมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, กุเลสุ นิจฺจนวกตา, จนฺทูปมตา, กุลมจฺเฉรปฺปหานํ, สมานุกมฺปิตา, กุลูปกาทีนวาภาโว, อวฺหานานภินนฺทนา, อภิหาเรน อนตฺถิกตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
จนฺทูปโม ¶ นิจฺจนโว กุเลสุ,
อมจฺฉรี สพฺพสมานุกมฺโป;
กุลูปกาทีนววิปฺปมุตฺโต,
โหตีธ ภิกฺขุ สปทานจารี.
โลลุปฺปจารฺจ ปหาย ตสฺมา,
โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสี;
อากงฺขมาโน ภุวิ เสริจารํ,
จเรยฺย ธีโร สปทานจารนฺติ.
อยํ สปทานจาริกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๕. เอกาสนิกงฺคกถา
๒๘. เอกาสนิกงฺคมฺปิ ‘‘นานาสนโภชนํ ปฏิกฺขิปามิ, เอกาสนิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ¶ ปน เอกาสนิเกน อาสนสาลายํ นิสีทนฺเตน เถราสเน อนิสีทิตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ปติรูปํ อาสนํ สลฺลกฺเขตฺวา นิสีทิตพฺพํ. สจสฺส วิปฺปกเต โภชเน อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา อาคจฺฉติ, อุฏฺาย วตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปนาห ‘‘อาสนํ วา รกฺเขยฺย โภชนํ วา, อยฺจ วิปฺปกตโภชโน, ตสฺมา วตฺตํ กโรตุ, โภชนํ ปน มา ภฺุชตู’’ติ. อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ อปฺปํ วา โหตุ พหุ วา, ยมฺหิ โภชเน หตฺถํ โอตาเรติ, ตโต อฺํ คณฺหิตุํ น ลภติ. สเจปิ มนุสฺสา ‘‘เถเรน น กิฺจิ ภุตฺต’’นฺติ สปฺปิอาทีนิ อาหรนฺติ, เภสชฺชตฺถเมว วฏฺฏนฺติ, น อาหารตฺถํ. มชฺฌิโม ยาว ปตฺเต ภตฺตํ น ขียติ, ตาว อฺํ คณฺหิตุํ ลภติ. อยฺหิ โภชนปริยนฺติโก นาม โหติ. มุทุโก ยาว อาสนา น วุฏฺาติ ตาว ภฺุชิตุํ ลภติ. โส หิ อุทกปริยนฺติโก วา โหติ ยาว ปตฺตโธวนํ น คณฺหาติ ตาว ภฺุชนโต, อาสนปริยนฺติโก วา ยาว น วุฏฺาติ ตาว ภฺุชนโต.
อิเมสํ ¶ ปน ติณฺณมฺปิ นานาสนโภชนํ ภุตฺตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, อปฺปาพาธตา, อปฺปาตงฺกตา, ลหุฏฺานํ, พลํ, ผาสุวิหาโร, อนติริตฺตปจฺจยา อนาปตฺติ, รสตณฺหาวิโนทนํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
เอกาสนโภชเน รตํ,
น ยตึ โภชนปจฺจยา รุชา;
วิสหนฺติ รเส อโลลุโป,
ปริหาเปติ น กมฺมมตฺตโน.
อิติ ผาสุวิหารการเณ,
สุจิสลฺเลขรตูปเสวิเต;
ชนเยถ วิสุทฺธมานโส,
รติเมกาสนโภชเน ยตีติ.
อยํ เอกาสนิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๖. ปตฺตปิณฺฑิกงฺคกถา
๒๙. ปตฺตปิณฺฑิกงฺคมฺปิ ¶ ‘‘ทุติยกภาชนํ ปฏิกฺขิปามิ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน ปตฺตปิณฺฑิเกน ยาคุปานกาเล ภาชเน เปตฺวา พฺยฺชเน ลทฺเธ พฺยฺชนํ วา ปมํ ขาทิตพฺพํ, ยาคุ วา ปาตพฺพา. สเจ ปน ยาคุยํ ปกฺขิปติ, ปูติมจฺฉกาทิมฺหิ พฺยฺชเน ปกฺขิตฺเต ยาคุ ปฏิกูลา โหติ, อปฺปฏิกูลเมว จ กตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา ตถารูปํ พฺยฺชนํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. ยํ ปน มธุสกฺกราทิกํ อปฺปฏิกูลํ โหติ, ตํ ปกฺขิปิตพฺพํ. คณฺหนฺเตน จ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหิตพฺพํ. อามกสากํ หตฺเถน คเหตฺวา ขาทิตุํ วฏฺฏติ. ตถา ปน อกตฺวา ปตฺเตเยว ปกฺขิปิตพฺพํ. ทุติยกภาชนสฺส ปน ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อฺํ รุกฺขปณฺณมฺปิ น วฏฺฏตีติ อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺสฺส อฺตฺร อุจฺฉุขาทนกาลา กจวรมฺปิ ฉฑฺเฑตุํ น วฏฺฏติ. โอทนปิณฺฑมจฺฉมํสปูเวปิ ภินฺทิตฺวา ¶ ขาทิตุํ น วฏฺฏติ. มชฺฌิมสฺส เอเกน หตฺเถน ภินฺทิตฺวา ขาทิตุํ วฏฺฏติ, หตฺถโยคี นาเมส. มุทุโก ปน ปตฺตโยคี นาม โหติ, ตสฺส ยํ สกฺกา โหติ ปตฺเต ปกฺขิปิตุํ, ตํ สพฺพํ หตฺเถน วา ทนฺเตหิ วา ภินฺทิตฺวา ขาทิตุํ วฏฺฏติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ทุติยกภาชนํ สาทิตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, นานารสตณฺหาวิโนทนํ. อตฺริจฺฉตาย ปหานํ, อาหาเร ปโยชนมตฺตทสฺสิตา, ถาลกาทิปริหรณเขทาภาโว, อวิกฺขิตฺตโภชิตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
นานาภาชนวิกฺเขปํ, หิตฺวา โอกฺขิตฺตโลจโน;
ขณนฺโต วิย มูลานิ, รสตณฺหาย สุพฺพโต.
สรูปํ ¶ วิย สนฺตุฏฺึ, ธารยนฺโต สุมานโส;
ปริภฺุเชยฺย อาหารํ, โก อฺโ ปตฺตปิณฺฑิโกติ.
อยํ ปตฺตปิณฺฑิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๗. ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคกถา
๓๐. ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคมฺปิ ‘‘อติริตฺตโภชนํ ปฏิกฺขิปามิ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน ขลุปจฺฉาภตฺติเกน ปวาเรตฺวา ปุน โภชนํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา น ภฺุชิตพฺพํ. อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ยสฺมา ปมปิณฺเฑ ปวารณา นาม นตฺถิ, ตสฺมึ ปน อชฺโฌหริยมาเน อฺํ ปฏิกฺขิปโต โหติ, ตสฺมา เอวํ ปวาริโต ปมปิณฺฑํ อชฺโฌหริตฺวา ทุติยปิณฺฑํ น ภฺุชติ. มชฺฌิโม ยสฺมึ โภชเน ปวาริโต, ตเทว ภฺุชติ. มุทุโก ปน ยาว อาสนา น วุฏฺาติ ตาว ภฺุชติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ปวาริตานํ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ภุตฺตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ¶ ปนานิสํโส, อนติริตฺตโภชนาปตฺติยา ทูรภาโว, โอทริกตฺตาภาโว, นิรามิสสนฺนิธิตา, ปุน ปริเยสนาย อภาโว, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
ปริเยสนาย เขทํ, น ยาติ น กโรติ สนฺนิธึ ธีโร;
โอทริกตฺตํ ปชหติ, ขลุปจฺฉาภตฺติโก โยคี.
ตสฺมา ¶ สุคตปสตฺถํ, สนฺโตสคุณาทิวุฑฺฒิสฺชนนํ;
โทเส วิธุนิตุกาโม, ภเชยฺย โยคี ธุตงฺคมิทนฺติ.
อยํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๘. อารฺิกงฺคกถา
๓๑. อารฺิกงฺคมฺปิ ‘‘คามนฺตเสนาสนํ ปฏิกฺขิปามิ, อารฺิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน อารฺิเกน คามนฺตเสนาสนํ ปหาย อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. ตตฺถ สทฺธึ อุปจาเรน คาโมเยว คามนฺตเสนาสนํ.
คาโม นาม โย โกจิ เอกกุฏิโก วา อเนกกุฏิโก วา ปริกฺขิตฺโต วา อปริกฺขิตฺโต วา สมนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา อนฺตมโส อติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ โย โกจิ สตฺโถปิ.
คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส สเจ อนุราธปุรสฺเสว ทฺเว อินฺทขีลา โหนฺติ, อพฺภนฺตริเม อินฺทขีเล ิตสฺส ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต. ตสฺส ลกฺขณํ ยถา ตรุณมนุสฺสา อตฺตโน พลํ ทสฺเสนฺตา พาหํ ปสาเรตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปนฺติ, เอวํ ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปตนฏฺานพฺภนฺตรนฺติ วินยธรา. สุตฺตนฺติกา ปน กากนิวารณนิยเมน ขิตฺตสฺสาติ วทนฺติ. อปริกฺขิตฺตคาเม ยํ สพฺพปจฺจนฺติมสฺส ฆรสฺส ทฺวาเร ิโต มาตุคาโม ภาชเนน อุทกํ ฉฑฺเฑติ, ตสฺส ปตนฏฺานํ ฆรูปจาโร. ตโต วุตฺตนเยน เอโก เลฑฺฑุปาโต คาโม, ทุติโย คามูปจาโร.
อรฺํ ปน วินยปริยาเย ตาว ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. อภิธมฺมปริยาเย ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ ¶ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน สุตฺตนฺติกปริยาเย ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อิทํ ลกฺขณํ. ตํ อาโรปิเตน อาจริยธนุนา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ¶ อินฺทขีลโต อปริกฺขิตฺตสฺส ปมเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย ยาว วิหารปริกฺเขปา มินิตฺวา ววตฺถเปตพฺพํ.
สเจ ปน วิหาโร อปริกฺขิตฺโต โหติ, ยํ สพฺพปมํ เสนาสนํ วา ภตฺตสาลา วา ธุวสนฺนิปาตฏฺานํ วา โพธิ วา เจติยํ วา ทูเร เจปิ เสนาสนโต โหติ, ตํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา มินิตพฺพนฺติ วินยฏฺกถาสุ วุตฺตํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน วิหารสฺสปิ คามสฺเสว อุปจารํ นีหริตฺวา อุภินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺตรา มินิตพฺพนฺติ วุตฺตํ. อิทเมตฺถ ปมาณํ.
สเจปิ อาสนฺเน คาโม โหติ, วิหาเร ิเตหิ มานุสกานํ สทฺโท สุยฺยติ, ปพฺพตนทีอาทีหิ ปน อนฺตริตตฺตา น สกฺกา อุชุํ คนฺตุํ. โย ตสฺส ปกติมคฺโค โหติ, สเจปิ นาวาย สฺจริตพฺโพ, เตน มคฺเคน ปฺจธนุสติกํ คเหตพฺพํ. โย ปน อาสนฺนคามสฺส องฺคสมฺปาทนตฺถํ ตโต ตโต มคฺคํ ปิทหติ, อยํ ธุตงฺคโจโร โหติ.
สเจ ปน อารฺิกสฺส ภิกฺขุโน อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา คิลาโน โหติ, เตน อรฺเ สปฺปายํ อลภนฺเตน คามนฺตเสนาสนํ เนตฺวา อุปฏฺาตพฺโพ. กาลสฺเสว ปน นิกฺขมิตฺวา องฺคยุตฺตฏฺาเน อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. สเจ อรุณุฏฺานเวลายํ เตสํ อาพาโธ วฑฺฒติ, เตสํเยว กิจฺจํ กาตพฺพํ. น ธุตงฺคสุทฺธิเกน ภวิตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺเน สพฺพกาลํ อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. มชฺฌิโม จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส คามนฺเต วสิตุํ ลภติ. มุทุโก เหมนฺติเกปิ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ยถา ปริจฺฉินฺเน กาเล อรฺโต อาคนฺตฺวา คามนฺตเสนาสเน ธมฺมสฺสวนํ สุณนฺตานํ อรุเณ อุฏฺิเตปิ ธุตงฺคํ น ภิชฺชติ. สุตฺวา คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค อุฏฺิเตปิ น ภิชฺชติ. สเจ ปน อุฏฺิเตปิ ธมฺมกถิเก มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา คมิสฺสามาติ นิทฺทายนฺตานํ อรุณํ อุฏฺหติ, อตฺตโน วา รุจิยา คามนฺตเสนาสเน อรุณํ อุฏฺเปนฺติ, ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ¶ ปนานิสํโส, อารฺิโก ภิกฺขุ อรฺสฺํ มนสิกโรนฺโต ภพฺโพ อลทฺธํ วา ¶ สมาธึ ปฏิลทฺธุํ ลทฺธํ วา รกฺขิตุํ, สตฺถาปิสฺส อตฺตมโน โหติ. ยถาห – ‘‘เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรนา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๒; ๘.๘๖). ปนฺตเสนาสนวาสิโน จสฺส อสปฺปายรูปาทโย จิตฺตํ น วิกฺขิปนฺติ, วิคตสนฺตาโส โหติ, ชีวิตนิกนฺตึ ชหติ, ปวิเวกสุขรสํ อสฺสาเทติ, ปํสุกูลิกาทิภาโวปิ จสฺส ปติรูโป โหตีติ.
ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, ปนฺตเสนาสเน รโต;
อาราธยนฺโต นาถสฺส, วนวาเสน มานสํ.
เอโก อรฺเ นิวสํ, ยํ สุขํ ลภเต ยติ;
รสํ ตสฺส น วินฺทนฺติ, อปิ เทวา สอินฺทกา.
ปํสุกูลฺจ เอโสว, กวจํ วิย ธารยํ;
อรฺสงฺคามคโต, อวเสสธุตายุโธ.
สมตฺโถ นจิรสฺเสว, เชตุํ มารํ สวาหินึ;
ตสฺมา อรฺวาสมฺหิ, รตึ กยิราถ ปณฺฑิโตติ.
อยํ อารฺิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๙. รุกฺขมูลิกงฺคกถา
๓๒. รุกฺขมูลิกงฺคมฺปิ ‘‘ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน รุกฺขมูลิเกน สีมนฺตริกรุกฺขํ, เจติยรุกฺขํ, นิยฺยาสรุกฺขํ, ผลรุกฺขํ, วคฺคุลิรุกฺขํ, สุสิรรุกฺขํ, วิหารมชฺเฌ ิตรุกฺขนฺติ อิเม รุกฺเข วิวชฺเชตฺวา วิหารปจฺจนฺเต ิตรุกฺโข คเหตพฺโพติ อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ยถารุจิตํ รุกฺขํ คเหตฺวา ปฏิชคฺคาเปตุํ น ลภติ. ปาเทน ปณฺณสฏํ อปเนตฺวา วสิตพฺพํ. มชฺฌิโม ตํ านํ สมฺปตฺเตหิเยว ปฏิชคฺคาเปตุํ ลภติ. มุทุเกน อารามิกสมณุทฺเทเส ปกฺโกสิตฺวา โสธาเปตฺวา สมํ การาเปตฺวา ¶ วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ การาเปตฺวา ทฺวารํ ¶ โยชาเปตฺวา วสิตพฺพํ. มหทิวเส ปน รุกฺขมูลิเกน ตตฺถ อนิสีทิตฺวา อฺตฺถ ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ฉนฺเน วาสํ กปฺปิตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. ชานิตฺวา ฉนฺเน อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเตติ องฺคุตฺตรภาณกา. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาติ (มหาว. ๑๒๘) วจนโต นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโว, อปฺปานิ เจว สุลภานิ จ ตานิ จ อนวชฺชานีติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) ภควตา สํวณฺณิตปจฺจยตา, อภิณฺหํ ตรุปณฺณวิการทสฺสเนน อนิจฺจสฺาสมุฏฺาปนตา, เสนาสนมจฺเฉรกมฺมารามตานํ อภาโว, เทวตาหิ สหวาสิตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
วณฺณิโต พุทฺธเสฏฺเน, นิสฺสโยติ จ ภาสิโต;
นิวาโส ปวิวิตฺตสฺส, รุกฺขมูลสโม กุโต.
อาวาสมจฺเฉรหเร, เทวตา ปริปาลิเต;
ปวิวิตฺเต วสนฺโต หิ, รุกฺขมูลมฺหิ สุพฺพโต.
อภิรตฺตานิ นีลานิ, ปณฺฑูนิ ปติตานิ จ;
ปสฺสนฺโต ตรุปณฺณานิ, นิจฺจสฺํ ปนูทติ.
ตสฺมา หิ พุทฺธทายชฺชํ, ภาวนาภิรตาลยํ;
วิวิตฺตํ นาติมฺเยฺย, รุกฺขมูลํ วิจกฺขโณติ.
อยํ รุกฺขมูลิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๑๐. อพฺโภกาสิกงฺคกถา
๓๓. อพฺโภกาสิกงฺคมฺปิ ¶ ‘‘ฉนฺนฺจ รุกฺขมูลฺจ ปฏิกฺขิปามิ, อพฺโภกาสิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
ตสฺส ปน อพฺโภกาสิกสฺส ธมฺมสฺสวนาย วา อุโปสถตฺถาย วา อุโปสถาคารํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปวิฏฺสฺส เทโว วสฺสติ, เทเว วสฺสมาเน อนิกฺขมิตฺวา วสฺสูปรเม นิกฺขมิตพฺพํ. โภชนสาลํ วา อคฺคิสาลํ วา ปวิสิตฺวา วตฺตํ กาตุํ, โภชนสาลาย เถเร ภิกฺขู ภตฺเตน อาปุจฺฉิตุํ, อุทฺทิสนฺเตน วา อุทฺทิสาเปนฺเตน วา ฉนฺนํ ปวิสิตุํ, พหิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานิ มฺจปีาทีนิ อนฺโต ปเวเสตฺุจ วฏฺฏติ. สเจ มคฺคํ คจฺฉนฺเตน วุฑฺฒตรานํ ¶ ปริกฺขาโร คหิโต โหติ, เทเว วสฺสนฺเต มคฺคมชฺเฌ ิตํ สาลํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. สเจ น กิฺจิ คหิตํ โหติ, สาลาย สฺสามีติ เวเคน คนฺตุํ น วฏฺฏติ. ปกติคติยา คนฺตฺวา ปวิฏฺเน ปน ยาว วสฺสูปรมา ตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ. รุกฺขมูลิกสฺสาปิ เอเสว นโย.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺสฺส รุกฺขํ วา ปพฺพตํ วา เคหํ วา อุปนิสฺสาย วสิตุํ น วฏฺฏติ. อพฺโภกาเสเยว จีวรกุฏึ กตฺวา วสิตพฺพํ. มชฺฌิมสฺส รุกฺขปพฺพตเคหานิ อุปนิสฺสาย อนฺโต อปฺปวิสิตฺวา วสิตุํ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส อจฺฉนฺนมริยาทํ ปพฺภารมฺปิ สาขามณฺฑโปปิ ปีปโฏปิ เขตฺตรกฺขกาทีหิ ฉฑฺฑิตา ตตฺรฏฺกกุฏิกาปิ วฏฺฏตีติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ วาสตฺถาย ฉนฺนํ วา รุกฺขมูลํ วา ปวิฏฺกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. ชานิตฺวา ตตฺถ อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเตติ องฺคุตฺตรภาณกา. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, อาวาสปลิโพธุปจฺเฉโท, ถินมิทฺธปนูทนํ, ‘‘มิคา วิย อสงฺคจาริโน, อนิเกตา วิหรนฺติ ภิกฺขโว’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๒๔) ปสํสาย อนุรูปตา, นิสฺสงฺคตา, จาตุทฺทิสตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
อนคาริยภาวสฺส ¶ , อนุรูเป อทุลฺลเภ;
ตารามณิวิตานมฺหิ, จนฺททีปปฺปภาสิเต.
อพฺโภกาเส วสํ ภิกฺขุ, มิคภูเตน เจตสา;
ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา, ภาวนารามตํ สิโต.
ปวิเวกรสสฺสาทํ, นจิรสฺเสว วินฺทติ;
ยสฺมา ตสฺมา หิ สปฺปฺโ, อพฺโภกาสรโต สิยาติ.
อยํ อพฺโภกาสิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๑๑. โสสานิกงฺคกถา
๓๔. โสสานิกงฺคมฺปิ ¶ ‘‘น สุสานํ ปฏิกฺขิปามิ, โสสานิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน โสสานิเกน ยํ มนุสฺสา คามํ นิเวสนฺตา ‘‘อิทํ สุสาน’’นฺติ ววตฺถเปนฺติ, น ตตฺถ วสิตพฺพํ. น หิ มตสรีเร อชฺฌาปิเต ตํ สุสานํ นาม โหติ, ฌาปิตกาลโต ปน ปฏฺาย สเจปิ ทฺวาทสวสฺสานิ ฉฑฺฑิตํ, ตํ สุสานเมว.
ตสฺมึ ปน วสนฺเตน จงฺกมมณฺฑปาทีนิ กาเรตฺวา มฺจปีํ ปฺเปตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมํ วาเจนฺเตน น วสิตพฺพํ. ครุกํ หิ อิทํ ธุตงฺคํ, ตสฺมา อุปฺปนฺนปริสฺสยวิฆาตตฺถาย สงฺฆตฺเถรํ วา ราชยุตฺตกํ วา ชานาเปตฺวา อปฺปมตฺเตน วสิตพฺพํ. จงฺกมนฺเตน อทฺธกฺขิเกน อาฬาหนํ โอโลเกนฺเตน จงฺกมิตพฺพํ.
สุสานํ คจฺฉนฺเตนาปิ มหาปถา อุกฺกมฺม อุปฺปถมคฺเคน คนฺตพฺพํ. ทิวาเยว อารมฺมณํ ววตฺถเปตพฺพํ. เอวฺหิสฺส ตํ รตฺตึ ภยานกํ น ภวิสฺสติ, อมนุสฺสา รตฺตึ วิรวิตฺวา วิรวิตฺวา อาหิณฺฑนฺตาปิ น เกนจิ ปหริตพฺพา. เอกทิวสมฺปิ สุสานํ อคนฺตุํ น วฏฺฏติ. มชฺฌิมยามํ ¶ สุสาเน เขเปตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิกฺกมิตุํ วฏฺฏตีติ องฺคุตฺตรภาณกา. อมนุสฺสานํ ปิยํ ติลปิฏฺมาสภตฺตมจฺฉมํสขีรเตลคุฬาทิขชฺชโภชฺชํ น เสวิตพฺพํ. กุลเคหํ น ปวิสิตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺเน ยตฺถ ธุวฑาหธุวกุณปธุวโรทนานิ อตฺถิ, ตตฺเถว วสิตพฺพํ. มชฺฌิมสฺส ตีสุ เอกสฺมิมฺปิ สติ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส วุตฺตนเยน สุสานลกฺขณํ ปตฺตมตฺเต วฏฺฏติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ น สุสานมฺหิ วาสํ กปฺปเนน ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. สุสานํ อคตทิวเสติ องฺคุตฺตรภาณกา. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส มรณสฺสติปฏิลาโภ, อปฺปมาทวิหาริตา, อสุภนิมิตฺตาธิคโม, กามราควิโนทนํ, อภิณฺหํ กายสภาวทสฺสนํ, สํเวคพหุลตา ¶ อาโรคฺยมทาทิปฺปหานํ, ภยเภรวสหนตา, อมนุสฺสานํ ครุภาวนียตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
โสสานิกฺหิ มรณานุสติปฺปภาวา,
นิทฺทาคตมฺปิ น ผุสนฺติ ปมาทโทสา;
สมฺปสฺสโต จ กุณปานิ พหูนิ ตสฺส,
กามานุภาววสคมฺปิ น โหติ จิตฺตํ.
สํเวคเมติ วิปุลํ น มทํ อุเปติ,
สมฺมา อโถ ฆฏติ นิพฺพุติเมสมาโน;
โสสานิกงฺคมิติเนกคุณาวหตฺตา,
นิพฺพานนินฺนหทเยน นิเสวิตพฺพนฺติ.
อยํ โสสานิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๑๒. ยถาสนฺถติกงฺคกถา
๓๕. ยถาสนฺถติกงฺคมฺปิ ¶ ‘‘เสนาสนโลลุปฺปํ ปฏิกฺขิปามิ, ยถาสนฺถติกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน ยถาสนฺถติเกน ยทสฺส เสนาสนํ ‘‘อิทํ ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ คาหิตํ โหติ, เตเนว ตุฏฺพฺพํ, น อฺโ อุฏฺาเปตพฺโพ. อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ อตฺตโน ปตฺตเสนาสนํ ทูเรติ วา อจฺจาสนฺเนติ วา อมนุสฺสทีฆชาติกาทีหิ อุปทฺทุตนฺติ วา อุณฺหนฺติ วา สีตลนฺติ วา ปุจฺฉิตุํ น ลภติ. มชฺฌิโม ปุจฺฉิตุํ ลภติ. คนฺตฺวา ปน โอโลเกตุํ น ลภติ. มุทุโก คนฺตฺวา โอโลเกตฺวา สจสฺส ตํ น รุจฺจติ, อฺํ คเหตุํ ลภติ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ เสนาสนโลลุปฺเป อุปฺปนฺนมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, ‘‘ยํ ลทฺธํ เตน ตุฏฺพฺพ’’นฺติ (ชา. ๑.๑.๑๓๖; ปาจิ. ๗๙๓) วุตฺโตวาทกรณํ, สพฺรหฺมจารีนํ หิเตสิตา, หีนปณีตวิกปฺปปริจฺจาโค, อนุโรธวิโรธปฺปหานํ, อตฺริจฺฉตาย ทฺวารปิทหนํ, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.
ยํ ¶ ลทฺธํ เตน สนฺตุฏฺโ, ยถาสนฺถติโก ยติ;
นิพฺพิกปฺโป สุขํ เสติ, ติณสนฺถรเกสุปิ.
น โส รชฺชติ เสฏฺมฺหิ, หีนํ ลทฺธา น กุปฺปติ;
สพฺรหฺมจารินวเก, หิเตน อนุกมฺปติ.
ตสฺมา อริยสตาจิณฺณํ, มุนิปุงฺคววณฺณิตํ;
อนุยฺุเชถ เมธาวี, ยถาสนฺถตรามตนฺติ.
อยํ ยถาสนฺถติกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.
๑๓. เนสชฺชิกงฺคกถา
๓๖. เนสชฺชิกงฺคมฺปิ ¶ ‘‘เสยฺยํ ปฏิกฺขิปามิ, เนสชฺชิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.
เตน ปน เนสชฺชิเกน รตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ เอกํ ยามํ อุฏฺาย จงฺกมิตพฺพํ. อิริยาปเถสุ หิ นิปชฺชิตุเมว น วฏฺฏติ. อิทมสฺส วิธานํ.
ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺสฺส เนว อปสฺเสนํ, น ทุสฺสปลฺลตฺถิกา, น อาโยคปฏฺโฏ วฏฺฏติ. มชฺฌิมสฺส อิเมสุ ตีสุ ยํกิฺจิ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส อปสฺเสนมฺปิ ทุสฺสปลฺลตฺถิกาปิ อาโยคปฏฺโฏปิ พิพฺโพหนมฺปิ ปฺจงฺโคปิ สตฺตงฺโคปิ วฏฺฏติ. ปฺจงฺโค ปน ปิฏฺิอปสฺสเยน สทฺธึ กโต. สตฺตงฺโค นาม ปิฏฺิอปสฺสเยน จ อุภโตปสฺเสสุ อปสฺสเยหิ จ สทฺธึ กโต. ตํ กิร มิฬาภยตฺเถรสฺส อกํสุ. เถโร อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ.
อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ เสยฺยํ กปฺปิตมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.
อยํ ปนานิสํโส, ‘‘เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) วุตฺตสฺส เจตโส วินิพนฺธสฺส อุปจฺเฉทนํ, สพฺพกมฺมฏฺานานุโยคสปฺปายตา, ปาสาทิกอิริยาปถตา, วีริยารมฺภานุกูลตา, สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหนนฺติ.
อาภุชิตฺวาน ปลฺลงฺกํ, ปณิธาย อุชุํ ตนุํ;
นิสีทนฺโต วิกมฺเปติ, มารสฺส หทยํ ยติ.
เสยฺยสุขํ ¶ มิทฺธสุขํ, หิตฺวา อารทฺธวีริโย;
นิสชฺชาภิรโต ภิกฺขุ, โสภยนฺโต ตโปวนํ.
นิรามิสํ ปีติสุขํ, ยสฺมา สมธิคจฺฉติ;
ตสฺมา สมนุยฺุเชยฺย, ธีโร เนสชฺชิกํ วตนฺติ.
อยํ เนสชฺชิกงฺเค สมาทาน วิธานปฺปเภท เภทานิสํสวณฺณนา.
ธุตงฺคปกิณฺณกกถา
๓๗. อิทานิ ¶ –
กุสลตฺติกโต เจว, ธุตาทีนํ วิภาคโต;
สมาสพฺยาสโต จาปิ, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ. –
อิมิสฺสา คาถาย วเสน วณฺณนา โหติ.
ตตฺถ กุสลตฺติกโตติ สพฺพาเนว หิ ธุตงฺคานิ เสกฺขปุถุชฺชนขีณาสวานํ วเสน สิยา กุสลานิ, สิยา อพฺยากตานิ, นตฺถิ ธุตงฺคํ อกุสลนฺติ.
โย ปน วเทยฺย ‘‘ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อารฺิโก โหตีติ อาทิวจนโต (อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๓๒๕) อกุสลมฺปิ ธุตงฺค’’นฺติ. โส วตฺตพฺโพ – น มยํ ‘‘อกุสลจิตฺเตน อรฺเ น วสตี’’ติ วทาม. ยสฺส หิ อรฺเ นิวาโส, โส อารฺิโก. โส จ ปาปิจฺโฉ วา ภเวยฺย อปฺปิจฺโฉ วา. อิมานิ ปน เตน เตน สมาทาเนน ธุตกิเลสตฺตา ธุตสฺส ภิกฺขุโน องฺคานิ, กิเลสธุนนโต วา ธุตนฺติ ลทฺธโวหารํ าณํ องฺคเมเตสนฺติ ธุตงฺคานิ. อถ วา ธุตานิ จ ตานิ ปฏิปกฺขนิทฺธุนนโต องฺคานิ จ ปฏิปตฺติยาติปิ ธุตงฺคานีติ วุตฺตํ. น จ อกุสเลน โกจิ ธุโต นาม โหติ, ยสฺเสตานิ องฺคานิ ภเวยฺยุํ, น จ อกุสลํ กิฺจิ ธุนาติ, เยสํ ตํ องฺคนฺติกตฺวา ธุตงฺคานีติ วุจฺเจยฺยุํ. นาปิ อกุสลํ จีวรโลลุปฺปาทีนิ เจว นิทฺธุนาติ ปฏิปตฺติยา จ องฺคํ โหติ. ตสฺมา สุวุตฺตมิทํ ‘‘นตฺถิ อกุสลํ ธุตงฺค’’นฺติ.
‘‘เยสมฺปิ ¶ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ ธุตงฺคํ, เตสํ อตฺถโต ธุตงฺคเมว นตฺถิ. อสนฺตํ กสฺส ธุนนโต ธุตงฺคํ นาม ภวิสฺสติ. ธุตคุเณ สมาทาย วตฺตตีติ วจนวิโรโธปิ จ เนสํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ อยํ ตาว กุสลตฺติกโต วณฺณนา.
ธุตาทีนํ ¶ วิภาคโตติ ธุโต เวทิตพฺโพ. ธุตวาโท เวทิตพฺโพ. ธุตธมฺมา เวทิตพฺพา. ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ. กสฺส ธุตงฺคเสวนา สปฺปายาติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ธุโตติ ธุตกิเลโส วา ปุคฺคโล กิเลสธุนโน วา ธมฺโม.
ธุตวาโทติ เอตฺถ ปน อตฺถิ ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ น ธุโต ธุตวาโท, อตฺถิ เนว ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ ธุโต เจว ธุตวาโท จ.
ตตฺถ โย ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส ธุนิ, ปรํ ปน ธุตงฺเคน น โอวทติ, นานุสาสติ พากุลตฺเถโร วิย, อยํ ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา พากุโล ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน น ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส ธุนิ, เกวลํ อฺเ ธุตงฺเคน โอวทติ อนุสาสติ อุปนนฺทตฺเถโร วิย, อยํ น ธุโต ธุตวาโท. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต น ธุโต ธุตวาโท’’ติ. โย อุภยวิปนฺโน ลาฬุทายี วิย, อยํ เนว ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา ลาฬุทายี เนว ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน อุภยสมฺปนฺโน ธมฺมเสนาปติ วิย, อยํ ธุโต เจว ธุตวาโท จ. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ธุโต เจว ธุตวาโท จาติ.
ธุตธมฺมา เวทิตพฺพาติ อปฺปิจฺฉตา, สนฺตุฏฺิตา, สลฺเลขตา, ปวิเวกตา, อิทมตฺถิตาติ อิเม ธุตงฺคเจตนาย ปริวารกา ปฺจ ธมฺมา ‘‘อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๓๒๕) ธุตธมฺมา นาม, ตตฺถ อปฺปิจฺฉตา จ สนฺตุฏฺิตา จ อโลโภ. สลฺเลขตา จ ปวิเวกตา จ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ อนุปตนฺติ อโลเภ จ อโมเห จ. อิทมตฺถิตา าณเมว. ตตฺถ ¶ จ อโลเภน ปฏิกฺเขปวตฺถูสุ โลภํ, อโมเหน เตสฺเวว อาทีนวปฏิจฺฉาทกํ โมหํ ธุนาติ. อโลเภน จ อนฺุาตานํ ปฏิเสวนมุเขน ปวตฺตํ กามสุขานุโยคํ, อโมเหน ธุตงฺเคสุ อติสลฺเลขมุเขน ปวตฺตํ อตฺตกิลมถานุโยคํ ธุนาติ. ตสฺมา อิเม ธมฺมา ธุตธมฺมาติ เวทิตพฺพา.
ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานีติ เตรส ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ ปํสุกูลิกงฺคํ…เป… เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ตานิ อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ จ วุตฺตาเนว.
กสฺส ¶ ธุตงฺคเสวนา สปฺปายาติ ราคจริตสฺส เจว โมหจริตสฺส จ. กสฺมา? ธุตงฺคเสวนา หิ ทุกฺขาปฏิปทา เจว สลฺเลขวิหาโร จ. ทุกฺขาปฏิปทฺจ นิสฺสาย ราโค วูปสมฺมติ. สลฺเลขํ นิสฺสาย อปฺปมตฺตสฺส โมโห ปหียติ. อารฺิกงฺครุกฺขมูลิกงฺคปฏิเสวนา วา เอตฺถ โทสจริตสฺสาปิ สปฺปายา. ตตฺถ หิสฺส อสงฺฆฏฺฏิยมานสฺส วิหรโต โทโสปิ วูปสมฺมตีติ อยํ ธุตาทีนํ วิภาคโต วณฺณนา.
สมาสพฺยาสโตติ อิมานิ ปน ธุตงฺคานิ สมาสโต ตีณิ สีสงฺคานิ, ปฺจ อสมฺภินฺนงฺคานีติ อฏฺเว โหนฺติ. ตตฺถ สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคนฺติ อิมานิ ตีณิ สีสงฺคานิ. สปทานจาริกงฺคฺหิ รกฺขนฺโต ปิณฺฑปาติกงฺคมฺปิ รกฺขิสฺสติ. เอกาสนิกงฺคฺจ รกฺขโต ปตฺตปิณฺฑิกงฺคขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคานิปิ สุรกฺขนียานิ ภวิสฺสนฺติ. อพฺโภกาสิกงฺคํ รกฺขนฺตสฺส กึ อตฺถิ รุกฺขมูลิกงฺคยถาสนฺถติกงฺเคสุ รกฺขิตพฺพํ นาม. อิติ อิมานิ ตีณิ สีสงฺคานิ, อารฺิกงฺคํ, ปํสุกูลิกงฺคํ, เตจีวริกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคํ, โสสานิกงฺคนฺติ อิมานิ ปฺจ อสมฺภินฺนงฺคานิ จาติ อฏฺเว โหนฺติ.
ปุน ทฺเว จีวรปฏิสํยุตฺตานิ, ปฺจ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ, ปฺจ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ, เอกํ วีริยปฏิสํยุตฺตนฺติ เอวํ จตฺตาโรว โหนฺติ. ตตฺถ เนสชฺชิกงฺคํ วีริยปฏิสํยุตฺตํ. อิตรานิ ปากฏาเนว.
ปุน สพฺพาเนว นิสฺสยวเสน ทฺเว โหนฺติ ปจฺจยนิสฺสิตานิ ทฺวาทส, วีริยนิสฺสิตํ เอกนฺติ. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพวเสนปิ ทฺเวเยว โหนฺติ. ยสฺส หิ ธุตงฺคํ เสวนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ วฑฺฒติ, เตน เสวิตพฺพานิ. ยสฺส เสวโต หายติ, เตน น เสวิตพฺพานิ. ยสฺส ปน เสวโตปิ อเสวโตปิ วฑฺฒเตว, น หายติ, เตนาปิ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปนฺเตน เสวิตพฺพานิ. ยสฺสาปิ ¶ เสวโตปิ อเสวโตปิ น วฑฺฒติ, เตนาปิ เสวิตพฺพานิเยว อายตึ วาสนตฺถายาติ.
เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพวเสน ทุวิธานิปิ สพฺพาเนว เจตนาวเสน เอกวิธานิ โหนฺติ. เอกเมว หิ ธุตงฺคํ สมาทานเจตนาติ. อฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ยา เจตนา, ตํ ธุตงฺคนฺติ วทนฺตี’’ติ.
พฺยาสโต ¶ ปน ภิกฺขูนํ เตรส, ภิกฺขุนีนํ อฏฺ, สามเณรานํ ทฺวาทส, สิกฺขมานสามเณรีนํ สตฺต, อุปาสกอุปาสิกานํ ทฺเวติ ทฺวาจตฺตาลีส โหนฺติ. สเจ ปน อพฺโภกาเส อารฺิกงฺคสมฺปนฺนํ สุสานํ โหติ, เอโกปิ ภิกฺขุ เอกปฺปหาเรน สพฺพธุตงฺคานิ ปริภฺุชิตุํ สกฺโกติ. ภิกฺขุนีนํ ปน อารฺิกงฺคํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคฺจ ทฺเวปิ สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺตานิ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, โสสานิกงฺคนฺติ อิมานิ ตีณิ ทุปฺปริหารานิ. ภิกฺขุนิยา หิ ทุติยิกํ วินา วสิตุํ น วฏฺฏติ. เอวรูเป จ าเน สมานจฺฉนฺทา ทุติยิกา ทุลฺลภา. สเจปิ ลเภยฺย สํสฏฺวิหารโต น มุจฺเจยฺย. เอวํ สติ ยสฺสตฺถาย ธุตงฺคํ เสเวยฺย, สฺเววสฺสา อตฺโถ น สมฺปชฺเชยฺย. เอวํ ปริภฺุชิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปฺจ หาเปตฺวา ภิกฺขุนีนํ อฏฺเว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. ยถาวุตฺเตสุ ปน เปตฺวา เตจีวริกงฺคํ เสสานิ ทฺวาทส สามเณรานํ, สตฺต สิกฺขมานสามเณรีนํ เวทิตพฺพานิ. อุปาสกอุปาสิกานํ ปน เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคนฺติ อิมานิ ทฺเว ปติรูปานิ เจว สกฺกา จ ปริภฺุชิตุนฺติ ทฺเว ธุตงฺคานีติ เอวํ พฺยาสโต ทฺเวจตฺตาลีส โหนฺตีติ อยํ สมาสพฺยาสโต วณฺณนา.
เอตฺตาวตา จ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ อิมิสฺสา คาถาย สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิเต วิสุทฺธิมคฺเค เยหิ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาทีหิ คุเณหิ วุตฺตปฺปการสฺส สีลสฺส โวทานํ โหติ, เตสํ สมฺปาทนตฺถํ สมาทาตพฺพธุตงฺคกถา ภาสิตา โหติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ธุตงฺคนิทฺเทโส นาม ทุติโย ปริจฺเฉโท.