📜
๙. พฺรหฺมวิหารนิทฺเทโส
เมตฺตาภาวนากถา
๒๔๐. อนุสฺสติกมฺมฏฺานานนฺตรํ ¶ ¶ อุทฺทิฏฺเสุ ปน เมตฺตา, กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาติ อิเมสุ จตูสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ เมตฺตํ ภาเวตุกาเมน ตาว อาทิกมฺมิเกน โยคาวจเรน อุปจฺฉินฺนปลิโพเธน คหิตกมฺมฏฺาเนน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ภตฺตสมฺมทํ ปฏิวิโนเทตฺวา วิวิตฺเต ปเทเส สุปฺตฺเต อาสเน สุขนิสินฺเนน อาทิโต ตาว โทเส อาทีนโว, ขนฺติยฺจ อานิสํโส ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ.
กสฺมา? อิมาย หิ ภาวนาย โทโส ปหาตพฺโพ, ขนฺติ อธิคนฺตพฺพา. น จ สกฺกา กิฺจิ อทิฏฺาทีนวํ ปหาตุํ, อวิทิตานิสํสํ วา อธิคนฺตุํ. ตสฺมา ‘‘ทุฏฺโ โข, อาวุโส, โทเสน อภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต ปาณมฺปิ หนตี’’ติอาทีนํ (อ. นิ. ๓.๗๒) วเสน โทเส อาทีนโว ทฏฺพฺโพ.
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา, นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา’’; (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๔);
‘‘ขนฺติพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ’’. (ธ. ป. ๓๙๙; สุ. นิ. ๖๒๘);
‘‘ขนฺตา ภิยฺโย น วิชฺชตี’’ติอาทีนํ (สํ. นิ. ๑.๒๕๐) วเสน ขนฺติยํ อานิสํโส เวทิตพฺโพ.
อเถวํ ทิฏฺาทีนวโต โทสโต จิตฺตํ วิเวจนตฺถาย, วิทิตานิสํสาย จ ขนฺติยา สํโยชนตฺถาย ¶ เมตฺตาภาวนา อารภิตพฺพา. อารภนฺเตน จ อาทิโตว ปุคฺคลเภโท ชานิตพฺโพ ‘‘อิเมสุ ปุคฺคเลสุ เมตฺตา ปมํ น ภาเวตพฺพา, อิเมสุ เนว ภาเวตพฺพา’’ติ.
อยฺหิ เมตฺตา อปฺปิยปุคฺคเล, อติปฺปิยสหายเก, มชฺฌตฺเต, เวรีปุคฺคเลติ อิเมสุ จตูสุ ปมํ น ภาเวตพฺพา. ลิงฺควิสภาเค โอธิโส น ภาเวตพฺพา. กาลกเต น ภาเวตพฺพาว. กึการณา อปฺปิยาทีสุ ปมํ น ภาเวตพฺพา? อปฺปิยํ หิ ปิยฏฺาเน เปนฺโต กิลมติ. อติปฺปิยสหายกํ มชฺฌตฺตฏฺาเน เปนฺโต กิลมติ, อปฺปมตฺตเกปิ จสฺส ทุกฺเข อุปฺปนฺเน อาโรทนาการปฺปตฺโต วิย โหติ. มชฺฌตฺตํ ¶ ครุฏฺาเน จ ปิยฏฺาเน จ เปนฺโต กิลมติ. เวริมนุสฺสรโต โกโธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อปฺปิยาทีสุ ปมํ น ภาเวตพฺพา.
ลิงฺควิสภาเค ปน ตเมว อารพฺภ โอธิโส ภาเวนฺตสฺส ราโค อุปฺปชฺชติ. อฺตโร กิร อมจฺจปุตฺโต กุลูปกตฺเถรํ ปุจฺฉิ ‘‘ภนฺเต, กสฺส เมตฺตา ภาเวตพฺพา’’ติ? เถโร ‘‘ปิยปุคฺคเล’’ติ อาห. ตสฺส อตฺตโน ภริยา ปิยา โหติ. โส ตสฺสา เมตฺตํ ภาเวนฺโต สพฺพรตฺตึ ภิตฺติยุทฺธมกาสิ. ตสฺมา ลิงฺควิสภาเค โอธิโส น ภาเวตพฺพา.
กาลกเต ปน ภาเวนฺโต เนว อปฺปนํ, น อุปจารํ ปาปุณาติ. อฺตโร กิร ทหรภิกฺขุ อาจริยํ อารพฺภ เมตฺตํ อารภิ. ตสฺส เมตฺตา นปฺปวตฺตติ. โส มหาเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปคุณาว เม เมตฺตาฌานสมาปตฺติ, น จ นํ สมาปชฺชิตุํ สกฺโกมิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘นิมิตฺตํ, อาวุโส, คเวสาหี’’ติ อาห. โส คเวสนฺโต อาจริยสฺส มตภาวํ ตฺวา อฺํ อารพฺภ เมตฺตายนฺโต สมาปตฺตึ อปฺเปสิ. ตสฺมา กาลกเต น ภาเวตพฺพาว.
๒๔๑. สพฺพปมํ ปน ‘‘อหํ สุขิโต โหมิ นิทฺทุกฺโข’’ติ วา, ‘‘อเวโร อพฺยาปชฺโช อนีโฆ สุขี อตฺตานํ ปริหรามี’’ติ วา เอวํ ปุนปฺปุนํ อตฺตนิเยว ภาเวตพฺพา.
เอวํ สนฺเต ยํ วิภงฺเค (วิภ. ๖๔๓) วุตฺตํ –
‘‘กถฺจ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ? เสยฺยถาปิ ¶ นาม เอกํ ปุคฺคลํ ปิยํ มนาปํ ทิสฺวา เมตฺตาเยยฺย, เอวเมว สพฺเพ สตฺเต เมตฺตาย ผรตี’’ติ.
‘‘ยฺจ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๒.๒๒) –
‘‘กตเมหิ ปฺจหากาเรหิ อโนธิโสผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ ภาเวตพฺพา, สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ’’ อพฺยาปชฺชา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ. สพฺเพ ปาณา… สพฺเพ ภูตา… สพฺเพ ปุคฺคลา… สพฺเพ อตฺตภาวปริยาปนฺนา อเวรา อพฺยาปชฺชา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’’ติอาทิ –
วุตฺตํ. ยฺจ เมตฺตสุตฺเต (ขุ. ปา. ๙.๓; สุ. นิ. ๑๔๕) –
‘‘สุขิโนว ¶ เขมิโน โหนฺตุ,
สพฺพสตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา’’ติอาทิ. –
วุตฺตํ, ตํ วิรุชฺฌติ. น หิ ตตฺถ อตฺตนิ ภาวนา วุตฺตาติ เจ. ตฺจ น วิรุชฺฌติ. กสฺมา? ตฺหิ อปฺปนาวเสน วุตฺตํ. อิทํ สกฺขิภาววเสน.
สเจปิ หิ วสฺสสตํ วสฺสสหสฺสํ วา ‘‘อหํ สุขิโต โหมี’’ติอาทินา นเยน อตฺตนิ เมตฺตํ ภาเวติ, เนวสฺส อปฺปนา อุปฺปชฺชติ. ‘‘อหํ สุขิโต โหมี’’ติ ภาวยโต ปน ยถา อหํ สุขกาโม ทุกฺขปฏิกฺกูโล ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม จ, เอวํ อฺเปิ สตฺตาติ อตฺตานํ สกฺขึ กตฺวา อฺสตฺเตสุ หิตสุขกามตา อุปฺปชฺชติ. ภควตาปิ –
‘‘สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา,
เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ;
เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ,
ตสฺมา น หึเส ปรมตฺตกาโม’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๑๙; อุทา. ๔๑); –
วทตา ¶ อยํ นโย ทสฺสิโต.
๒๔๒. ตสฺมา สกฺขิภาวตฺถํ ปมํ อตฺตานํ เมตฺตาย ผริตฺวา ตทนนฺตรํ สุขปฺปวตฺตนตฺถํ ยฺวายํ ปิโย มนาโป ครุ ภาวนีโย อาจริโย วา อาจริยมตฺโต วา อุปชฺฌาโย วา อุปชฺฌายมตฺโต วา ตสฺส ทานปิยวจนาทีนิ ปิยมนาปตฺตการณานิ สีลสุตาทีนิ ครุภาวนียตฺตการณานิ จ อนุสฺสริตฺวา ‘‘เอส สปฺปุริโส สุขี โหตุ นิทฺทุกฺโข’’ติอาทินา นเยน เมตฺตา ภาเวตพฺพา.
เอวรูเป จ ปุคฺคเล กามํ อปฺปนา สมฺปชฺชติ, อิมินา ปน ภิกฺขุนา ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อนาปชฺชิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กตฺตุกาเมน ตทนนฺตรํ อติปฺปิยสหายเก, อติปฺปิยสหายกโต มชฺฌตฺเต, มชฺฌตฺตโต เวรีปุคฺคเล เมตฺตา ภาเวตพฺพา. ภาเวนฺเตน จ เอเกกสฺมึ โกฏฺาเส มุทุํ กมฺมนิยํ จิตฺตํ กตฺวา ตทนนฺตเร ตทนนฺตเร อุปสํหริตพฺพํ.
ยสฺส ¶ ปน เวรีปุคฺคโล วา นตฺถิ, มหาปุริสชาติกตฺตา วา อนตฺถํ กโรนฺเตปิ ปเร เวรีสฺาว นุปฺปชฺชติ, เตน ‘‘มชฺฌตฺเต เม เมตฺตจิตฺตํ กมฺมนิยํ ชาตํ, อิทานิ นํ เวริมฺหิ อุปสํหรามี’’ติ พฺยาปาโรว น กาตพฺโพ. ยสฺส ปน อตฺถิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘มชฺฌตฺตโต เวรีปุคฺคเล เมตฺตา ภาเวตพฺพา’’ติ.
๒๔๓. สเจ ปนสฺส เวริมฺหิ จิตฺตมุปสํหรโต เตน กตาปราธานุสฺสรเณน ปฏิฆมุปฺปชฺชติ, อถาเนน ปุริมปุคฺคเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปุนปฺปุนํ เมตฺตํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺหิตฺวา ปุนปฺปุนํ ตํ ปุคฺคลํ เมตฺตายนฺเตน ปฏิฆํ วิโนเทตพฺพํ. สเจ เอวมฺปิ วายมโต น นิพฺพาติ, อถ –
กกจูปมโอวาท-อาทีนํ อนุสารโต;
ปฏิฆสฺส ปหานาย, ฆฏิตพฺพํ ปุนปฺปุนํ.
ตฺจ โข อิมินา อากาเรน อตฺตานํ โอวทนฺเตเนว ‘‘อเร กุชฺฌนปุริส, นนุ วุตฺตํ ภควตา –
‘อุภโตทณฺฑเกน ¶ เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปโทเสยฺย. น เม โส เตน สาสนกโร’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) จ,
‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธมปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมตี’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๘); –
‘‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ อโห วตายํ ทุพฺพณฺโณ อสฺสาติ. ตํ กิสฺสเหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติ. โกธนายํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กิฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน, อถ โข โส ทุพฺพณฺโณว โหติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ¶ ปโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ อโหวตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยาติ…เป… น ปจุรตฺโถ อสฺสาติ…เป… น โภควา อสฺสาติ…เป… น ยสวา อสฺสาติ…เป… น มิตฺตวา อสฺสาติ…เป… น กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุคติคมเนน นนฺทติ. โกธนายํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน วาจาย มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโต’ติ (อ. นิ. ๗.๖๔) จ,
‘‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, ฉวาลาตํ อุภโตปทิตฺตํ มชฺเฌ คูถคตํ เนว คาเม กฏฺตฺถํ ผรติ, น อรฺเ กฏฺตฺถํ ผรติ. ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามี’ติ จ,
‘‘โส ทานิ ตฺวํ เอวํ กุชฺฌนฺโต น เจว ภควโต สาสนกโร ภวิสฺสสิ, ปฏิกุชฺฌนฺโต จ กุทฺธปุริสโตปิ ปาปิโย หุตฺวา น ทุชฺชยํ สงฺคามํ เชสฺสสิ, สปตฺตกรเณ จ ธมฺเม อตฺตาว อตฺตโน กริสฺสสิ, ฉวาลาตูปโม จ ภวิสฺสสี’’ติ.
๒๔๔. ตสฺเสวํ ฆฏยโต วายมโต สเจ ตํ ปฏิฆํ วูปสมฺมติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ วูปสมฺมติ, อถ โย โย ธมฺโม ตสฺส ปุคฺคลสฺส วูปสนฺโต โหติ ปริสุทฺโธ, อนุสฺสริยมาโน ปสาทํ อาวหติ, ตํ ตํ อนุสฺสริตฺวา อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ.
เอกจฺจสฺส หิ กายสมาจาโรว อุปสนฺโต โหติ. อุปสนฺตภาโว จสฺส พหุํ วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺตสฺส สพฺพชเนน ายติ. วจีสมาจารมโนสมาจารา ปน อวูปสนฺตา โหนฺติ. ตสฺส เต อจินฺเตตฺวา กายสมาจารวูปสโมเยว อนุสฺสริตพฺโพ.
เอกจฺจสฺส ¶ วจีสมาจาโรว อุปสนฺโต โหติ. อุปสนฺตภาโว จสฺส สพฺพชเนน ายติ. โส หิ ปกติยา จ ปฏิสนฺถารกุสโล โหติ สขิโล สุขสมฺภาโส สมฺโมทโก อุตฺตานมุโข ปุพฺพภาสี มธุเรน สเรน ธมฺมํ โอสาเรติ, ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ ธมฺมกถํ กเถติ. กายสมาจารมโนสมาจารา ปน อวูปสนฺตา โหนฺติ, ตสฺส เต อจินฺเตตฺวา วจีสมาจารวูปสโมเยว อนุสฺสริตพฺโพ.
เอกจฺจสฺส มโนสมาจาโรว อุปสนฺโต โหติ, อุปสนฺตภาโว จสฺส เจติยวนฺทนาทีสุ สพฺพชนสฺส ปากโฏ โหติ. โย หิ อวูปสนฺตจิตฺโต โหติ, โส เจติยํ วา โพธึ วา เถเร วา วนฺทมาโน น สกฺกจฺจํ วนฺทติ, ธมฺมสฺสวนมณฺฑเป วิกฺขิตฺตจิตฺโต วา ปจลายนฺโต วา นิสีทติ. อุปสนฺตจิตฺโต ปน โอกปฺเปตฺวา วนฺทติ, โอหิตโสโต อฏฺึกตฺวา กาเยน วา วาจาย วา จิตฺตปฺปสาทํ กโรนฺโต ธมฺมํ สุณาติ. อิติ เอกจฺจสฺส มโนสมาจาโรว อุปสนฺโต โหติ, กายวจีสมาจารา อวูปสนฺตา โหนฺติ, ตสฺส เต อจินฺเตตฺวา มโนสมาจารวูปสโมเยว อนุสฺสริตพฺโพ.
เอกจฺจสฺส ¶ ปน อิเมสุ ตีสุ ธมฺเมสุ เอโกปิ อวูปสนฺโต โหติ, ตสฺมึ ปุคฺคเล ‘‘กิฺจาปิ เอส อิทานิ มนุสฺสโลเก จรติ, อถ โข กติปาหสฺส อจฺจเยน อฏฺมหานิรยโสฬสอุสฺสทนิรยปริปูรโก ภวิสฺสตี’’ติ การฺุํ อุปฏฺเปตพฺพํ. การฺุมฺปิ หิ ปฏิจฺจ อาฆาโต วูปสมฺมติ.
เอกจฺจสฺส ตโยปิเม ธมฺมา วูปสนฺตา โหนฺติ, ตสฺส ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อนุสฺสริตพฺพํ. ตาทิเส หิ ปุคฺคเล น ทุกฺกรา โหติ เมตฺตาภาวนาติ.
อิมสฺส จ อตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ – ‘‘ปฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฏิวินยา. ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิโนเทตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๒) อิทํ ปฺจกนิปาเต อาฆาตปฏิวินยสุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
๒๔๕. สเจ ปนสฺส เอวมฺปิ วายมโต อาฆาโต อุปฺปชฺชติเยว, อถาเนน เอวํ อตฺตา โอวทิตพฺโพ –
‘‘อตฺตโน ¶ วิสเย ทุกฺขํ, กตํ เต ยทิ เวรินา;
กึ ตสฺสาวิสเย ทุกฺขํ, สจิตฺเต กตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘พหูปการํ หิตฺวาน, าติวคฺคํ รุทมฺมุขํ;
มหานตฺถกรํ โกธํ, สปตฺตํ น ชหาสิ กึ.
‘‘ยานิ รกฺขสิ สีลานิ, เตสํ มูลนิกนฺตนํ;
โกธํ นามุปฬาเลสิ, โก ตยา สทิโส ชโฬ.
‘‘กตํ อนริยํ กมฺมํ, ปเรน อิติ กุชฺฌสิ;
กึ นุ ตฺวํ ตาทิสํเยว, โย สยํ กตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘โทเสตุกาโม ¶ ยทิ ตํ, อมนาปํ ปโร กริ;
โทสุปฺปาเทน ตสฺเสว, กึ ปูเรสิ มโนรถํ.
‘‘ทุกฺขํ ตสฺส จ นาม ตฺวํ, กุทฺโธ กาหสิ วา นวา;
อตฺตานํ ปนิทาเนว, โกธทุกฺเขน พาธสิ.
‘‘โกธํ วา อหิตํ มคฺคํ, อารูฬฺหา ยทิ เวริโน;
กสฺมา ตุวมฺปิ กุชฺฌนฺโต, เตสํเยวานุสิกฺขสิ.
‘‘ยํ โทสํ ตว นิสฺสาย, สตฺตุนา อปฺปิยํ กตํ;
ตเมว โทสํ ฉินฺทสฺสุ, กิมฏฺาเน วิหฺสิ.
‘‘ขณิกตฺตา จ ธมฺมานํ, เยหิ ขนฺเธหิ เต กตํ;
อมนาปํ นิรุทฺธา เต, กสฺส ทานีธ กุชฺฌสิ.
‘‘ทุกฺขํ กโรติ โย ยสฺส, ตํ วินา กสฺส โส กเร;
สยมฺปิ ทุกฺขเหตุตฺต, มิติ กึ ตสฺส กุชฺฌสี’’ติ.
๒๔๖. สเจ ปนสฺส เอวํ อตฺตานํ โอวทโตปิ ปฏิฆํ เนว วูปสมฺมติ, อถาเนน อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. ตตฺถ อตฺตโน ตาว เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา ‘‘อมฺโภ ตฺวํ ตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ? นนุ ตเวว เจตํ โทสนิทานํ กมฺมํ อนตฺถาย สํวตฺติสฺสติ? กมฺมสฺสโก หิ ตฺวํ กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสสิ, ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสสิ, อิทฺจ เต กมฺมํ เนว สมฺมาสมฺโพธึ ¶ , น ปจฺเจกโพธึ, น สาวกภูมึ, น พฺรหฺมตฺตสกฺกตฺตจกฺกวตฺติปเทสราชาทิสมฺปตฺตีนํ อฺตรํ สมฺปตฺตึ สาเธตุํ สมตฺถํ, อถ โข สาสนโต จาเวตฺวา วิฆาสาทาทิภาวสฺส เจว เนรยิกาทิทุกฺขวิเสสานฺจ เต สํวตฺตนิกมิทํ กมฺมํ. โส ตฺวํ อิทํ กโรนฺโต อุโภหิ หตฺเถหิ วีตจฺจิเต วา องฺคาเร, คูถํ วา คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกาโม ปุริโส วิย อตฺตานเมว ปมํ ทหสิ เจว ทุคฺคนฺธฺจ กโรสี’’ติ.
เอวํ ¶ อตฺตโน กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปรสฺสปิ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา ‘‘เอโสปิ ตว กุชฺฌิตฺวา กึ กริสฺสติ? นนุ เอตสฺเสเวตํ อนตฺถาย สํวตฺติสฺสติ? กมฺมสฺสโก หิ อยมายสฺมา กมฺมทายาโท…เป… ยํ กมฺมํ กริสฺสติ, ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสติ. อิทฺจสฺส กมฺมํ เนว สมฺมาสมฺโพธึ, น ปจฺเจกโพธึ, น สาวกภูมึ, น พฺรหฺมตฺตสกฺกตฺตจกฺกวตฺติปเทสราชาทิสมฺปตฺตีนํ อฺตรํ สมฺปตฺตึ สาเธตุํ สมตฺถํ, อถ โข สาสนโต จาเวตฺวา วิฆาสาทาทิภาวสฺส เจว เนรยิกาทิทุกฺขวิเสสานฺจสฺส สํวตฺตนิกมิทํ กมฺมํ. สฺวายํ อิทํ กโรนฺโต ปฏิวาเต ตฺวา ปรํ รเชน โอกิริตุกาโม ปุริโส วิย อตฺตานํเยว โอกิรติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ,
สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ,
สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๕; สุ. นิ. ๖๖๗);
๒๔๗. สเจ ปนสฺส เอวํ กมฺมสฺสกตมฺปิ ปจฺจเวกฺขโต เนว วูปสมฺมติ, อถาเนน สตฺถุ ปุพฺพจริยคุณา อนุสฺสริตพฺพา.
ตตฺรายํ ปจฺจเวกฺขณานโย – อมฺโภ ปพฺพชิต, นนุ เต สตฺถา ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตปิ สมาโน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูรยมาโน ตตฺถ ตตฺถ วธเกสุปิ ปจฺจตฺถิเกสุ จิตฺตํ นปฺปทูเสสิ. เสยฺยถิทํ, สีลวชาตเก ตาว อตฺตโน เทวิยา ปทุฏฺเน ปาปอมจฺเจน อานีตสฺส ปฏิรฺโ ติโยชนสตํ ¶ รชฺชํ คณฺหนฺตสฺส นิเสธนตฺถาย อุฏฺิตานํ อมจฺจานํ อาวุธมฺปิ ฉุปิตุํ น อทาสิ. ปุน สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน อามกสุสาเน คลปฺปมาณํ ภูมึ ขณิตฺวา นิขฺมาโน จิตฺตปฺปโทสมตฺตมฺปิ อกตฺวา กุณปขาทนตฺถํ อาคตานํ สิงฺคาลานํ ปํสุวิยูหนํ นิสฺสาย ปุริสการํ กตฺวา ปฏิลทฺธชีวิโต ยกฺขานุภาเวน อตฺตโน สิริคพฺภํ โอรุยฺห สิริสยเน สยิตํ ปจฺจตฺถิกํ ทิสฺวา โกปํ อกตฺวาว อฺมฺํ สปถํ กตฺวา ตํ มิตฺตฏฺาเน ปยิตฺวา อาห –
‘‘อาสีเสเถว ¶ ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหมตฺตานํ, ยถา อิจฺฉึ ตถา อหู’’ติ. (ชา. ๑.๑.๕๑);
ขนฺติวาทีชาตเก ทุมฺเมเธน กาสิรฺา ‘‘กึวาที ตฺวํ สมณา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ขนฺติวาที นามาห’’นฺติ วุตฺเต สกณฺฏกาหิ กสาหิ ตาเฬตฺวา หตฺถปาเทสุ ฉิชฺชมาเนสุ โกปมตฺตมฺปิ นากาสิ.
อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มหลฺลโก ปพฺพชฺชูปคโต เอวํ กเรยฺย. จูฬธมฺมปาลชาตเก ปน อุตฺตานเสยฺยโกปิ สมาโน –
‘‘จนฺทนรสานุลิตฺตา, พาหา ฉิชฺชนฺติ ธมฺมปาลสฺส;
ทายาทสฺส ปถพฺยา, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๔๙);
เอวํ วิปฺปลปมานาย มาตุยา ปิตรา มหาปตาเปน นาม รฺา วํสกฬีเรสุ วิย จตูสุ หตฺถปาเทสุ เฉทาปิเตสุ ตาวตาปิ สนฺตุฏฺึ อนาปชฺชิตฺวา สีสมสฺส ฉินฺทถาติ อาณตฺเต ‘‘อยํ ทานิ เต จิตฺตปริคฺคณฺหนกาโล, อิทานิ อมฺโภ ธมฺมปาล, สีสจฺเฉทาณาปเก ปิตริ, สีสจฺเฉทเก ปุริเส, ปริเทวมานาย มาตริ, อตฺตนิ จาติ อิเมสุ จตูสุ สมจิตฺโต โหหี’’ติ ทฬฺหํ สมาทานมธิฏฺาย ปทุฏฺาการมตฺตมฺปิ นากาสิ.
อิทฺจาปิ อนจฺฉริยเมว, ยํ มนุสฺสภูโต เอวมกาสิ. ติรจฺฉานภูโตปิ ปน ฉทฺทนฺโต นาม วารโณ หุตฺวา วิสปฺปิเตน สลฺเลน นาภิยํ วิทฺโธปิ ตาว อนตฺถการิมฺหิ ลุทฺทเก จิตฺตํ นปฺปทูเสสิ. ยถาห –
‘‘สมปฺปิโต ¶ ปุถุสลฺเลน นาโค,
อทุฏฺจิตฺโต ลุทฺทกํ อชฺฌภาสิ;
กิมตฺถยํ กิสฺส วา สมฺม เหตุ,
มมํ วธี กสฺส วายํ ปโยโค’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๑๒๔);
เอวํ ¶ วตฺวา จ กาสิรฺโ มเหสิยา ตว ทนฺตานมตฺถาย เปสิโตมฺหิ ภทนฺเตติ วุตฺเต ตสฺสา มโนรถํ ปูเรนฺโต ฉพฺพณฺณรสฺมินิจฺฉรณสมุชฺชลิตจารุโสเภ อตฺตโน ทนฺเต เฉตฺวา อทาสิ.
มหากปิ หุตฺวา อตฺตนาเยว ปพฺพตปปาตโต อุทฺธริเตน ปุริเสน –
‘‘ภกฺโข อยํ มนุสฺสานํ, ยเถวฺเ วเน มิคา;
ยํนูนิมํ วธิตฺวาน, ฉาโต ขาเทยฺย วานรํ.
‘‘อาหิโตว คมิสฺสามิ, มํสมาทาย สมฺพลํ;
กนฺตารํ นิตฺถริสฺสามิ, ปาเถยฺยํ เม ภวิสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๒๐๕-๒๐๖); –
เอวํ จินฺเตตฺวา สิลํ อุกฺขิปิตฺวา มตฺถเก สมฺปทาลิเต อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ ตํ ปุริสํ อุทิกฺขมาโน –
‘‘มา อยฺโยสิ เม ภทนฺเต, ตฺวํ นาเมตาทิสํ กริ;
ตฺวํ โขสิ นาม ทีฆาวุ, อฺํ วาเรตุมรหสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๒๐๙); –
วตฺวา ตสฺมึ ปุริเส จิตฺตํ อปฺปทูเสตฺวา อตฺตโน จ ทุกฺขํ อจินฺเตตฺวา ตเมว ปุริสํ เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปสิ.
ภูริทตฺโต นาม นาคราชา หุตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย วมฺมิกมุทฺธนิ สยมาโน กปฺปุฏฺานคฺคิสทิเสน โอสเธน สกลสรีเร สิฺจิยมาโนปิ เปฬาย ปกฺขิปิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กีฬาปิยมาโนปิ ตสฺมึ พฺราหฺมเณ มโนปโทสมตฺตมฺปิ น อกาสิ. ยถาห –
‘‘เปฬาย ปกฺขิปนฺเตปิ, มทฺทนฺเตปิ จ ปาณินา;
อลมฺปาเน น กุปฺปามิ, สีลขณฺฑภยา มมา’’ติ. (จริยา. ๒.๑๖);
จมฺเปยฺโยปิ ¶ ¶ นาคราชา หุตฺวา อหิตุณฺฑิเกน วิเหิยมาโน มโนปโทสมตฺตมฺปิ นุปฺปาเทสิ. ยถาห –
‘‘ตทาปิ มํ ธมฺมจารึ, อุปวุตฺถอุโปสถํ;
อหิตุณฺฑิโก คเหตฺวาน, ราชทฺวารมฺหิ กีฬติ.
‘‘ยํ โส วณฺณํ จินฺตยติ, นีลํ ปีตํ ว โลหิตํ;
ตสฺส จิตฺตานุวตฺตนฺโต, โหมิ จินฺติตสนฺนิโภ.
‘‘ถลํ กเรยฺยํ อุทกํ, อุทกมฺปิ ถลํ กเร;
ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺยํ, ขเณน ฉาริกํ กเร.
‘‘ยทิ จิตฺตวสี เหสฺสํ, ปริหายิสฺสามิ สีลโต;
สีเลน ปริหีนสฺส, อุตฺตมตฺโถ น สิชฺฌตี’’ติ. (จริยา. ๒.๒๑-๒๔);
สงฺขปาลนาคราชา หุตฺวา ติขิณาหิ สตฺตีหิ อฏฺสุ าเนสุ โอวิชฺฌิตฺวา ปหารมุเขหิ สกณฺฏกา ลตาโย ปเวเสตฺวา นาสาย ทฬฺหํ รชฺชุํ ปกฺขิปิตฺวา โสฬสหิ โภชปุตฺเตหิ กาเชนาทาย วยฺหมาโน ธรณีตเล ฆํสิยมานสรีโร มหนฺตํ ทุกฺขํ ปจฺจนุโภนฺโต กุชฺฌิตฺวา โอโลกิตมตฺเตเนว สพฺเพ โภชปุตฺเต ภสฺมํ กาตุํ สมตฺโถปิ สมาโน จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา ปทุฏฺาการมตฺตมฺปิ น อกาสิ.
ยถาห –
‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสิฺจฬาร,
อุโปสถํ นิจฺจมุปาวสามิ;
อถาคมุํ โสฬส โภชปุตฺตา,
รชฺชุํ คเหตฺวาน ทฬฺหฺจ ปาสํ.
‘‘เภตฺวาน ¶ นาสํ อติกสฺส รชฺชุํ,
นยึสุ มํ สมฺปริคยฺห ลุทฺทา;
เอตาทิสํ ทุกฺขมหํ ติติกฺขํ,
อุโปสถํ อปฺปฏิโกปยนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๘๐-๑๘๑);
น ¶ เกวลฺจ เอตาเนว, อฺานิปิ มาตุโปสกชาตกาทีสุ อเนกานิ อจฺฉริยานิ อกาสิ. ตสฺส เต อิทานิ สพฺพฺุตํ ปตฺตํ สเทวโลเก เกนจิ อปฺปฏิสมขนฺติคุณํ ตํ ภควนฺตํ สตฺถารํ อปทิสโต ปฏิฆจิตฺตํ นาม อุปฺปาเทตุํ อติวิย อยุตฺตํ อปฺปติรูปนฺติ.
๒๔๘. สเจ ปนสฺส เอวํ สตฺถุ ปุพฺพจริตคุณํ ปจฺจเวกฺขโตปิ ทีฆรตฺตํ กิเลสานํ ทาสพฺยํ อุปคตสฺส เนว ตํ ปฏิฆํ วูปสมฺมติ, อถาเนน อนมตคฺคิยานิ ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ. ตตฺร หิ วุตฺตํ –
‘‘น โส, ภิกฺขเว, สตฺโต สุลภรูโป, โย น มาตาภูตปุพฺโพ, โย น ปิตาภูตปุพฺโพ, โย น ภาตา, โย น ภคินี, โย น ปุตฺโต, โย น ธีตาภูตปุพฺพา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๓๗-๑๔๒).
ตสฺมา ตสฺมึ ปุคฺคเล เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, ‘‘อยํ กิร เม อตีเต มาตา หุตฺวา ทสมาเส กุจฺฉิยา ปริหริตฺวา มุตฺตกรีสเขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ หริจนฺทนํ วิย อชิคุจฺฉมานา อปเนตฺวา อุเร นจฺจาเปนฺตี องฺเคน ปริหรมานา โปเสสิ, ปิตา หุตฺวา อชปถสงฺกุปถาทีนิ คนฺตฺวา วาณิชฺชํ ปโยชยมาโน มยฺหมตฺถาย ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา อุภโตพฺยูฬฺเห สงฺคาเม ปวิสิตฺวา นาวาย มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตฺวา อฺานิ จ ทุกฺกรานิ กริตฺวา ‘ปุตฺตเก โปเสสฺสามี’ติ เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ธนํ สํหริตฺวา มํ โปเสสิ. ภาตา, ภคินี, ปุตฺโต, ธีตา จ หุตฺวาปิ อิทฺจิทฺจุปการํ อกาสีติ ตตฺร เม นปฺปติรูปํ มนํ ปทูเสตุ’’นฺติ.
๒๔๙. สเจ ปน เอวมฺปิ จิตฺตํ นิพฺพาเปตุํ น สกฺโกติเยว, อถาเนน เอวํ เมตฺตานิสํสา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา – ‘‘อมฺโภ ปพฺพชิต, นนุ วุตฺตํ ภควตา –
‘เมตฺตาย ¶ โข, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา ¶ . กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตา รกฺขนฺติ, นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ, ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ, มุขวณฺโณ ปสีทติ, อสมฺมูฬฺโห กาลงฺกโรติ, อุตฺตริมปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหตี’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๕).
‘‘สเจ ตฺวํ อิทํ จิตฺตํ น นิพฺพาเปสฺสสิ, อิเมหิ อานิสํเสหิ ปริพาหิโร ภวิสฺสสี’’ติ.
๒๕๐. เอวมฺปิ นิพฺพาเปตุํ อสกฺโกนฺเตน ปน ธาตุวินิพฺโภโค กาตพฺโพ. กถํ? ‘‘อมฺโภ ปพฺพชิต, ตฺวํ เอตสฺส กุชฺฌมาโน กสฺส กุชฺฌสิ? กึ เกสานํ กุชฺฌสิ, อุทาหุ โลมานํ, นขานํ…เป… มุตฺตสฺส กุชฺฌสิ? อถ วา ปน เกสาทีสุ ปถวีธาตุยา กุชฺฌสิ, อาโปธาตุยา, เตโชธาตุยา, วาโยธาตุยา กุชฺฌสิ? เย วา ปฺจกฺขนฺเธ ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย อุปาทาย อยมายสฺมา อิตฺถนฺนาโมติ วุจฺจติ, เตสุ กึ รูปกฺขนฺธสฺส กุชฺฌสิ, อุทาหุ เวทนา สฺา สงฺขารวิฺาณกฺขนฺธสฺส กุชฺฌสิ? กึ วา จกฺขายตนสฺส กุชฺฌสิ, กึ รูปายตนสฺส กุชฺฌสิ…เป… กึ มนายตนสฺส กุชฺฌสิ, กึ ธมฺมายตนสฺส กุชฺฌสิ? กึ วา จกฺขุธาตุยา กุชฺฌสิ, กึ รูปธาตุยา, กึ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… กึ มโนธาตุยา, กึ ธมฺมธาตุยา, กึ มโนวิฺาณธาตุยา’’ติ? เอวฺหิ ธาตุวินิพฺโภคํ กโรโต อารคฺเค สาสปสฺส วิย อากาเส จิตฺตกมฺมสฺส วิย จ โกธสฺส ปติฏฺานฏฺานํ น โหติ.
๒๕๑. ธาตุวินิพฺโภคํ ปน กาตุํ อสกฺโกนฺเตน ทานสํวิภาโค กาตพฺโพ. อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ทาตพฺพํ, ปรสฺส สนฺตกํ อตฺตนา คเหตพฺพํ. สเจ ปน ปโร ภินฺนาชีโว โหติ อปริโภคารหปริกฺขาโร, อตฺตโน สนฺตกเมว ทาตพฺพํ. ตสฺเสวํ กโรโต เอกนฺเตเนว ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต วูปสมฺมติ. อิตรสฺส จ อตีตชาติโต ปฏฺาย อนุพนฺโธปิ โกโธ ตงฺขณฺเว วูปสมฺมติ, จิตฺตลปพฺพตวิหาเร ติกฺขตฺตุํ วุฏฺาปิตเสนาสเนน ปิณฺฑปาติกตฺเถเรน ‘‘อยํ ¶ , ภนฺเต, อฏฺกหาปณคฺฆนโก ปตฺโต มม มาตรา อุปาสิกาย ทินฺโน ธมฺมิยลาโภ, มหาอุปาสิกาย ¶ ปฺุลาภํ กโรถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ ปตฺตํ ลทฺธมหาเถรสฺส วิย. เอวํ มหานุภาวเมตํ ทานํ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อทนฺตทมนํ ทานํ, ทานํ สพฺพตฺถสาธกํ;
ทาเนน ปิยวาจาย, อุนฺนมนฺติ นมนฺติ จา’’ติ.
๒๕๒. ตสฺเสวํ เวรีปุคฺคเล วูปสนฺตปฏิฆสฺส ยถา ปิยาติปฺปิยสหายกมชฺฌตฺเตสุ, เอวํ ตสฺมิมฺปิ เมตฺตาวเสน จิตฺตํ ปวตฺตติ. อถาเนน ปุนปฺปุนํ เมตฺตายนฺเตน อตฺตนิ ปิยปุคฺคเล มชฺฌตฺเต เวรีปุคฺคเลติ จตูสุ ชเนสุ สมจิตฺตตํ สมฺปาเทนฺเตน สีมาสมฺเภโท กาตพฺโพ. ตสฺสิทํ ลกฺขณํ, สเจ อิมสฺมึ ปุคฺคเล ปิยมชฺฌตฺตเวรีหิ สทฺธึ อตฺตจตุตฺเถ เอกสฺมึ ปเทเส นิสินฺเน โจรา อาคนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอกํ ภิกฺขุํ อมฺหากํ เทถา’’ติ วตฺวา ‘‘กึ การณา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตํ มาเรตฺวา คลโลหิตํ คเหตฺวา พลิกรณตฺถายา’’ติ วเทยฺยุํ, ตตฺร เจโส ภิกฺขุ ‘‘อสุกํ วา อสุกํ วา คณฺหนฺตู’’ติ จินฺเตยฺย, อกโตว โหติ สีมาสมฺเภโท. สเจปิ ‘‘มํ คณฺหนฺตุ, มา อิเม ตโย’’ติปิ จินฺเตยฺย, อกโตว โหติ สีมาสมฺเภโท. กสฺมา? ยสฺส ยสฺส หิ คหณมิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อหิเตสี โหติ, อิตเรสํเยว หิเตสี โหติ.
ยทา ปน จตุนฺนํ ชนานมนฺตเร เอกมฺปิ โจรานํ ทาตพฺพํ น ปสฺสติ, อตฺตนิ จ เตสุ จ ตีสุ ชเนสุ สมเมว จิตฺตํ ปวตฺเตติ, กโต โหติ สีมาสมฺเภโท. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อตฺตนิ หิตมชฺฌตฺเต, อหิเต จ จตุพฺพิเธ;
ยทา ปสฺสติ นานตฺตํ, หิตจิตฺโตว ปาณินํ.
‘‘น นิกามลาภี เมตฺตาย, กุสลีติ ปวุจฺจติ;
ยทา จตสฺโส สีมาโย, สมฺภินฺนา โหนฺติ ภิกฺขุโน.
‘‘สมํ ผรติ เมตฺตาย, สพฺพโลกํ สเทวกํ;
มหาวิเสโส ปุริเมน, ยสฺส สีมา น ายตี’’ติ.
๒๕๓. เอวํ ¶ ¶ สีมาสมฺเภทสมกาลเมว จ อิมินา ภิกฺขุนา นิมิตฺตฺจ อุปจารฺจ ลทฺธํ โหติ. สีมาสมฺเภเท ปน กเต ตเมว นิมิตฺตํ อาเสวนฺโต ภาเวนฺโต พหุลีกโรนฺโต อปฺปกสิเรเนว ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนว อปฺปนํ ปาปุณาติ.
เอตฺตาวตาเนน อธิคตํ โหติ ปฺจงฺควิปฺปหีนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนํ ปมชฺฌานํ เมตฺตาสหคตํ. อธิคเต จ ตสฺมึ ตเทว นิมิตฺตํ อาเสวนฺโต ภาเวนฺโต พหุลีกโรนฺโต อนุปุพฺเพน จตุกฺกนเย ทุติยตติยชฺฌานานิ, ปฺจกนเย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานานิ จ ปาปุณาติ.
โส หิ ปมชฺฌานาทีนํ อฺตรวเสน เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ. ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ (วิภ. ๖๔๒; ที. นิ. ๑.๕๕๖). ปมชฺฌานาทิวเสน อปฺปนาปฺปตฺตจิตฺตสฺเสว หิ อยํ วิกุพฺพนา สมฺปชฺชติ.
๒๕๔. เอตฺถ จ เมตฺตาสหคเตนาติ เมตฺตาย สมนฺนาคเตน. เจตสาติ จิตฺเตน. เอกํ ทิสนฺติ เอกเมกิสฺสา ทิสาย ปมปริคฺคหิตํ สตฺตํ อุปาทาย เอกทิสาปริยาปนฺนสตฺตผรณวเสน วุตฺตํ. ผริตฺวาติ ผุสิตฺวา อารมฺมณํ กตฺวา. วิหรตีติ พฺรหฺมวิหาราธิฏฺิตํ อิริยาปถวิหารํ ปวตฺเตติ. ตถา ทุติยนฺติ ยถา ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ ยํกิฺจิ เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตเถว ตทนนฺตรํ ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถฺจาติ อตฺโถ. อิติ อุทฺธนฺติ เอเตเนว นเยน อุปริมํ ทิสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อโธ ติริยนฺติ อโธทิสมฺปิ ติริยํทิสมฺปิ เอวเมว. ตตฺถ จ อโธติ เหฏฺา. ติริยนฺติ อนุทิสาสุ. เอวํ สพฺพทิสาสุ อสฺสมณฺฑเล อสฺสมิว เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ สาเรติปิ ปจฺจาสาเรติปีติ. เอตฺตาวตา เอกํ ทิสํ ปริคฺคเหตฺวา โอธิโส เมตฺตาผรณํ ทสฺสิตํ.
สพฺพธีติอาทิ ปน อโนธิโส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพธีติ สพฺพตฺถ. สพฺพตฺตตายาติ สพฺเพสุ หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺมิตฺตสปตฺตมชฺฌตฺตาทิปฺปเภเทสุ อตฺตตาย ¶ . ‘‘อยํ ปรสตฺโต’’ติ วิภาคํ อกตฺวา อตฺตสมตายาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา สพฺพตฺตตายาติ สพฺเพน จิตฺตภาเคน อีสกมฺปิ ¶ พหิ อวิกฺขิปมาโนติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพสตฺตวนฺตํ, สพฺพสตฺตยุตฺตนฺติ อตฺโถ. โลกนฺติ สตฺตโลกํ. วิปุเลนาติเอวมาทิปริยายทสฺสนโต ปเนตฺถ ปุน เมตฺตาสหคเตนาติ วุตฺตํ. ยสฺมา วา เอตฺถ โอธิโส ผรเณ วิย ปุน ตถาสทฺโท อิติสทฺโท วา น วุตฺโต, ตสฺมา ปุน เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ วุตฺตํ. นิคมวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. วิปุเลนาติ เอตฺถ จ ผรณวเสน วิปุลตา ทฏฺพฺพา. ภูมิวเสน ปน เอตํ มหคฺคตํ ปคุณวเสน จ อปฺปมาณสตฺตารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํ, พฺยาปาทปจฺจตฺถิกปฺปหาเนน อเวรํ, โทมนสฺสปฺปหานโต อพฺยาปชฺชํ, นิทฺทุกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยํ เมตฺตาสหคเตน เจตสาติอาทินา นเยน วุตฺตาย วิกุพฺพนาย อตฺโถ.
๒๕๕. ยถา จายํ อปฺปนาปฺปตฺตจิตฺตสฺเสว วิกุพฺพนา สมฺปชฺชติ, ตถา ยมฺปิ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๒.๒๒) ‘‘ปฺจหากาเรหิ อโนธิโสผรณา เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, สตฺตหากาเรหิ โอธิโสผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ทสหากาเรหิ ทิสาผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อปฺปนาปฺปตฺตจิตฺตสฺเสว สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ จ สพฺเพ สตฺตา อเวรา อพฺยาปชฺชา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ, สพฺเพ ปาณา, สพฺเพ ภูตา, สพฺเพ ปุคฺคลา, สพฺเพ อตฺตภาวปริยาปนฺนา อเวรา…เป… ปริหรนฺตูติ อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ อโนธิโสผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ เวทิตพฺพา.
สพฺพา อิตฺถิโย อเวรา…เป… อตฺตานํ ปริหรนฺตุ, สพฺเพ ปุริสา, สพฺเพ อริยา, สพฺเพ อนริยา, สพฺเพ เทวา, สพฺเพ มนุสฺสา, สพฺเพ วินิปาติกา อเวรา…เป… ปริหรนฺตูติ อิเมหิ สตฺตหากาเรหิ โอธิโสผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ เวทิตพฺพา.
สพฺเพ ปุรตฺถิมาย ทิสาย สตฺตา อเวรา…เป… อตฺตานํ ปริหรนฺตุ. สพฺเพ ปจฺฉิมาย ทิสาย, สพฺเพ อุตฺตราย ทิสาย, สพฺเพ ทกฺขิณาย ทิสาย, สพฺเพ ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, สพฺเพ ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, สพฺเพ ¶ อุตฺตราย อนุทิสาย, สพฺเพ ทกฺขิณาย อนุทิสาย, สพฺเพ เหฏฺิมาย ทิสาย, สพฺเพ อุปริมาย ทิสาย สตฺตา อเวรา…เป… ปริหรนฺตุ. สพฺเพ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนา, อเวรา…เป… ปริหรนฺตุ. สพฺพา ปุรตฺถิมาย ทิสาย อิตฺถิโย, สพฺเพ ปุริสา, อริยา, อนริยา, เทวา, มนุสฺสา, วินิปาติกา ¶ อเวรา…เป… ปริหรนฺตุ. สพฺพา ปจฺฉิมาย ทิสาย, อุตฺตราย, ทกฺขิณาย, ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย, อุตฺตราย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, เหฏฺิมาย ทิสาย, อุปริมาย ทิสาย อิตฺถิโย…เป… วินิปาติกา อเวรา อพฺยาปชฺชา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ อิเมหิ ทสหากาเรหิ ทิสาผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ เวทิตพฺพา.
๒๕๖. ตตฺถ สพฺเพติ อนวเสสปริยาทานเมตํ. สตฺตาติ รูปาทีสุ ขนฺเธสุ ฉนฺทราเคน สตฺตา วิสตฺตาติ สตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘รูเป โข, ราธ, โย ฉนฺโท โย ราโค ยา นนฺที ยา ตณฺหา, ตตฺร สตฺโต, ตตฺร วิสตฺโต, ตสฺมา สตฺโตติ วุจฺจติ… เวทนาย… สฺาย… สงฺขาเรสุ… วิฺาเณ โย ฉนฺโท โย ราโค ยา นนฺที ยา ตณฺหา, ตตฺร สตฺโต, ตตฺร วิสตฺโต, ตสฺมา สตฺโตติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๖๑).
รุฬฺหีสทฺเทน ปน วีตราเคสุปิ อยํ โวหาโร วตฺตติเยว, วิลีวมเยปิ พีชนิวิเสเส ตาลวณฺฏโวหาโร วิย. อกฺขรจินฺตกา ปน อตฺถํ อวิจาเรตฺวา นามมตฺตเมตนฺติ อิจฺฉนฺติ. เยปิ อตฺถํ วิจาเรนฺติ, เต สตฺวโยเคน สตฺตาติ อิจฺฉนฺติ.
ปาณนตาย ปาณา, อสฺสาสปสฺสาสายตฺตวุตฺติตายาติ อตฺโถ. ภูตตฺตา ภูตา, สํภูตตฺตา อภินิพฺพตฺตตฺตาติ อตฺโถ. ปุนฺติ วุจฺจติ นิรโย. ตสฺมึ คลนฺตีติ ปุคฺคลา, คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อตฺตภาโว วุจฺจติ สรีรํ. ขนฺธปฺจกเมว วา, ตมุปาทาย ปฺตฺติมตฺตสมฺภวโต. ตสฺมึ อตฺตภาเว ปริยาปนฺนาติ อตฺตภาวปริยาปนฺนา. ปริยาปนฺนาติ ปริจฺฉินฺนา, อนฺโตคธาติ อตฺโถ.
ยถา ¶ จ สตฺตาติ วจนํ, เอวํ เสสานิปิ รุฬฺหีวเสน อาโรเปตฺวา สพฺพาเนตานิ สพฺพสตฺตเววจนานีติ เวทิตพฺพานิ. กามฺจ อฺานิปิ สพฺเพ ชนฺตู สพฺเพ ชีวาติอาทีนิ สพฺพสตฺตเววจนานิ อตฺถิ, ปากฏวเสน ปน อิมาเนว ปฺจ คเหตฺวา ‘‘ปฺจหากาเรหิ อโนธิโสผรณา เมตฺตา เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุตฺตํ.
เย ปน สตฺตา ปาณาติอาทีนํ น เกวลํ วจนมตฺตโตว, อถ โข อตฺถโตปิ นานตฺตเมว ¶ อิจฺเฉยฺยุํ, เตสํ อโนธิโสผรณา วิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตถา อตฺถํ อคเหตฺวา อิเมสุ ปฺจสุ อากาเรสุ อฺตรวเสน อโนธิโส เมตฺตา ผริตพฺพา.
๒๕๗. เอตฺถ จ สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตูติ อยเมกา อปฺปนา. อพฺยาปชฺชา โหนฺตูติ อยเมกา อปฺปนา. อพฺยาปชฺชาติ พฺยาปาทรหิตา. อนีฆา โหนฺตูติ อยเมกา อปฺปนา. อนีฆาติ นิทฺทุกฺขา. สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ อยเมกา อปฺปนา. ตสฺมา อิเมสุปิ ปเทสุ ยํ ยํ ปากฏํ โหติ, ตสฺส ตสฺส วเสน เมตฺตา ผริตพฺพา. อิติ ปฺจสุ อากาเรสุ จตุนฺนํ อปฺปนานํ วเสน อโนธิโสผรเณ วีสติ อปฺปนา โหนฺติ.
โอธิโสผรเณ ปน สตฺตสุ อากาเรสุ จตุนฺนํ วเสน อฏฺวีสติ. เอตฺถ จ อิตฺถิโย ปุริสาติ ลิงฺควเสน วุตฺตํ. อริยา อนริยาติ อริยปุถุชฺชนวเสน. เทวา มนุสฺสา วินิปาติกาติ อุปปตฺติวเสน.
ทิสาผรเณ ปน สพฺเพ ปุรตฺถิมาย ทิสาย สตฺตาติอาทินา นเยน เอกเมกิสฺสา ทิสาย วีสติ วีสติ กตฺวา ทฺเวสตานิ, สพฺพา ปุรตฺถิมาย ทิสาย อิตฺถิโยติอาทินา นเยน เอกเมกิสฺสา ทิสาย อฏฺวีสติ อฏฺวีสติ กตฺวา อสีติ ทฺเวสตานีติ จตฺตาริ สตานิ อสีติ จ อปฺปนา. อิติ สพฺพานิปิ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตานิ อฏฺวีสาธิกานิ ปฺจ อปฺปนาสตานีติ.
อิติ เอตาสุ อปฺปนาสุ ยสฺส กสฺสจิ วเสน เมตฺตํ เจโตวิมุตฺตึ ภาเวตฺวา อยํ โยคาวจโร ‘‘สุขํ สุปตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺเต เอกาทสานิสํเส ปฏิลภติ.
๒๕๘. ตตฺถ ¶ สุขํ สุปตีติ ยถา เสสา ชนา สมฺปริวตฺตมานา กากจฺฉมานา ทุกฺขํ สุปนฺติ, เอวํ อสุปิตฺวา สุขํ สุปติ. นิทฺทํ โอกฺกนฺโตปิ สมาปตฺตึ สมาปนฺโน วิย โหติ.
สุขํ ปฏิพุชฺฌตีติ ยถา อฺเ นิตฺถุนนฺตา วิชมฺภนฺตา สมฺปริวตฺตนฺตา ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌนฺติ, เอวํ อปฺปฏิพุชฺฌิตฺวา วิกสมานมิว ปทุมํ สุขํ นิพฺพิการํ ปฏิพุชฺฌติ.
น ¶ ปาปกํ สุปินํ ปสฺสตีติ สุปินํ ปสฺสนฺโตปิ ภทฺทกเมว สุปินํ ปสฺสติ, เจติยํ วนฺทนฺโต วิย ปูชํ กโรนฺโต วิย ธมฺมํ สุณนฺโต วิย จ โหติ. ยถา ปน อฺเ อตฺตานํ โจเรหิ สมฺปริวาริตํ วิย วาเฬหิ อุปทฺทุตํ วิย ปปาเต ปตนฺตํ วิย จ ปสฺสนฺติ, เอวํ ปาปกํ สุปินํ น ปสฺสติ.
มนุสฺสานํ ปิโย โหตีติ อุเร อามุตฺตมุตฺตาหาโร วิย สีเส ปิฬนฺธมาลา วิย จ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ มนาโป.
อมนุสฺสานํ ปิโย โหตีติ ยเถว มนุสฺสานํ, เอวํ อมนุสฺสานมฺปิ ปิโย โหติ วิสาขตฺเถโร วิย.
โส กิร ปาฏลิปุตฺเต กุฏุมฺพิโย อโหสิ. โส ตตฺเถว วสมาโน อสฺโสสิ ‘‘ตมฺพปณฺณิทีโป กิร เจติยมาลาลงฺกโต กาสาวปชฺโชโต อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเนเยว เอตฺถ สกฺกา นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา อุตุสปฺปายํ เสนาสนสปฺปายํ ปุคฺคลสปฺปายํ ธมฺมสฺสวนสปฺปายนฺติ สพฺพเมตฺถ สุลภ’’นฺติ.
โส อตฺตโน โภคกฺขนฺธํ ปุตฺตทารสฺส นิยฺยาเทตฺวา ทุสฺสนฺเต พทฺเธน เอกกหาปเณเนว ฆรา นิกฺขมิตฺวา สมุทฺทตีเร นาวํ อุทิกฺขมาโน เอกมาสํ วสิ. โส โวหารกุสลตาย อิมสฺมึ าเน ภณฺฑํ กิณิตฺวา อสุกสฺมึ วิกฺกิณนฺโต ธมฺมิกาย วณิชฺชาย เตเนวนฺตรมาเสน สหสฺสํ อภิสํหริ. อนุปุพฺเพน มหาวิหารํ อาคนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ.
โส ¶ ปพฺพาชนตฺถาย สีมํ นีโต ตํ สหสฺสตฺถวิกํ โอวฏฺฏิกนฺตเรน ภูมิยํ ปาเตสิ. ‘‘กิเมต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘กหาปณสหสฺสํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘อุปาสก, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา วิจาเรตุํ, อิทาเนเวตํ วิจาเรหี’’ติ วุตฺเต ‘‘วิสาขสฺส ปพฺพชฺชฏฺานมาคตา มา ริตฺตหตฺถา คมึสู’’ติ มฺุจิตฺวา สีมามาฬเก วิปฺปกิริตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน.
โส ปฺจวสฺโส หุตฺวา ทฺเวมาติกา ปคุณา กตฺวา ปวาเรตฺวา อตฺตโน สปฺปายํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ เอเกกสฺมึ วิหาเร จตฺตาโร มาเส กตฺวา สมปฺปวตฺตวาสํ วสมาโน จริ. เอวํ จรมาโน –
วนนฺตเร ิโต เถโร, วิสาโข คชฺชมานโก;
อตฺตโน คุณเมสนฺโต, อิมมตฺถํ อภาสถ.
‘‘ยาวตา อุปสมฺปนฺโน, ยาวตา อิธ อาคโต;
เอตฺถนฺตเร ขลิตํ นตฺถิ, อโห ลาภา เต มาริสา’’ติ.
โส จิตฺตลปพฺพตวิหารํ คจฺฉนฺโต ทฺเวธา ปถํ ปตฺวา ‘‘อยํ นุ โข มคฺโค อุทาหุ อย’’นฺติ จินฺตยนฺโต อฏฺาสิ. อถสฺส ปพฺพเต อธิวตฺถา เทวตา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วตฺวา ทสฺเสติ. โส จิตฺตลปพฺพตวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺถ จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา ปจฺจูเส คมิสฺสามีติ จินฺเตตฺวา นิปชฺชิ. จงฺกมสีเส มณิลรุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา โสปานผลเก นิสีทิตฺวา ปโรทิ.
เถโร ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ, ภนฺเต, มณิลิยาติ. กิสฺส โรทสีติ? ตุมฺหากํ คมนํ ปฏิจฺจาติ. มยิ อิธ วสนฺเต ตุมฺหากํ โก คุโณติ? ตุมฺเหสุ, ภนฺเต, อิธ วสนฺเตสุ อมนุสฺสา อฺมฺํ เมตฺตํ ปฏิลภนฺติ, เต ทานิ ตุมฺเหสุ คเตสุ กลหํ กริสฺสนฺติ, ทุฏฺุลฺลมฺปิ กถยิสฺสนฺตีติ. เถโร ‘‘สเจ มยิ อิธ วสนฺเต ตุมฺหากํ ผาสุวิหาโร โหติ, สุนฺทร’’นฺติ วตฺวา อฺเปิ จตฺตาโร มาเส ตตฺเถว วสิตฺวา ปุน ตเถว คมนจิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. เทวตาปิ ปุน ตเถว ปโรทิ. เอเตเนวุปาเยน เถโร ตตฺเถว วสิตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายีติ เอวํ เมตฺตาวิหารี ภิกฺขุ อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ.
เทวตา รกฺขนฺตีติ ปุตฺตมิว มาตาปิตโร เทวตา รกฺขนฺติ.
นาสฺส ¶ อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมตีติ เมตฺตาวิหาริสฺส กาเย อุตฺตราย อุปาสิกาย วิย อคฺคิ วา, สํยุตฺตภาณกจูฬสิวตฺเถรสฺเสว วิสํ วา, สํกิจฺจสามเณรสฺเสว สตฺถํ วา น กมติ, น ปวิสติ. นาสฺส กายํ วิโกเปตีติ วุตฺตํ โหติ. เธนุวตฺถุมฺปิ เจตฺถ กถยนฺติ ¶ . เอกา กิร เธนุ วจฺฉกสฺส ขีรธารํ มฺุจมานา อฏฺาสิ. เอโก ลุทฺทโก ตํ วิชฺฌิสฺสามีติ หตฺเถน สมฺปริวตฺเตตฺวา ทีฆทณฺฑสตฺตึ มฺุจิ. สา ตสฺสา สรีรํ อาหจฺจ ตาลปณฺณํ วิย ปวฏฺฏมานา คตา, เนว อุปจารพเลน, น อปฺปนาพเลน, เกวลํ วจฺฉเก พลวปิยจิตฺตตาย. เอวํ มหานุภาวา เมตฺตาติ.
ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยตีติ เมตฺตาวิหาริโน ขิปฺปเมว จิตฺตํ สมาธิยติ, นตฺถิ ตสฺส ทนฺธายิตตฺตํ.
มุขวณฺโณ วิปฺปสีทตีติ พนฺธนา ปวุตฺตํ ตาลปกฺกํ วิย จสฺส วิปฺปสนฺนวณฺณํ มุขํ โหติ.
อสมฺมูฬฺโห กาลงฺกโรตีติ เมตฺตาวิหาริโน สมฺโมหมรณํ นาม นตฺถิ, อสมฺมูฬฺโหว นิทฺทํ โอกฺกมนฺโต วิย กาลํ กโรติ.
อุตฺตริมปฺปฏิวิชฺฌนฺโตติ เมตฺตาสมาปตฺติโต อุตฺตรึ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต อิโต จวิตฺวา สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย พฺรหฺมโลกมุปปชฺชตีติ.
อยํ เมตฺตาภาวนายํ วิตฺถารกถา.
กรุณาภาวนากถา
๒๕๙. กรุณํ ภาเวตุกาเมน ปน นิกฺกรุณตาย อาทีนวํ กรุณาย จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กรุณาภาวนา อารภิตพฺพา. ตฺจ ปน อารภนฺเตน ปมํ ปิยปุคฺคลาทีสุ น อารภิตพฺพา. ปิโย หิ ปิยฏฺาเนเยว ติฏฺติ. อติปฺปิยสหายโก อติปฺปิยสหายกฏฺาเนเยว. มชฺฌตฺโต มชฺฌตฺตฏฺาเนเยว. อปฺปิโย อปฺปิยฏฺาเนเยว. เวรี เวริฏฺาเนเยว ติฏฺติ. ลิงฺควิสภาคกาลกตา อเขตฺตเมว.
‘‘กถฺจ ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ? เสยฺยถาปิ นาม เอกํ ปุคฺคลํ ทุคฺคตํ ทุรูเปตํ ทิสฺวา กรุณาเยยฺย, เอวเมว ¶ สพฺพสตฺเต กรุณาย ผรตี’’ติ ¶ วิภงฺเค (วิภ. ๖๕๓) ปน วุตฺตตฺตา สพฺพปมํ ตาว กิฺจิเทว กรุณายิตพฺพรูปํ ปรมกิจฺฉปฺปตฺตํ ทุคฺคตํ ทุรูเปตํ กปณปุริสํ ฉินฺนาหารํ กปาลํ ปุรโต เปตฺวา อนาถสาลาย นิสินฺนํ หตฺถปาเทหิ ปคฺฆรนฺตกิมิคณํ อฏฺฏสฺสรํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กิจฺฉํ วตายํ สตฺโต อาปนฺโน, อปฺเปว นาม อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺเจยฺยา’’ติ กรุณา ปวตฺเตตพฺพา. ตํ อลภนฺเตน สุขิโตปิ ปาปการี ปุคฺคโล วชฺเฌน อุปเมตฺวา กรุณายิตพฺโพ.
กถํ? เสยฺยถาปิ สห ภณฺเฑน คหิตโจรํ ‘‘วเธถ น’’นฺติ รฺโ อาณาย ราชปุริสา พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก ปหารสตานิ เทนฺตา อาฆาตนํ เนนฺติ. ตสฺส มนุสฺสา ขาทนียมฺปิ โภชนียมฺปิ มาลาคนฺธวิเลปนตมฺพุลานิปิ เทนฺติ. กิฺจาปิ โส ตานิ ขาทนฺโต เจว ปริภฺุชนฺโต จ สุขิโต โภคสมปฺปิโต วิย คจฺฉติ, อถ โข ตํ เนว โกจิ ‘‘สุขิโต อยํ มหาโภโค’’ติ มฺติ, อฺทตฺถุ ‘‘อยํ วราโก อิทานิ มริสฺสติ, ยํ ยเทว หิ อยํ ปทํ นิกฺขิปติ, เตน เตน สนฺติเก มรณสฺส โหตี’’ติ ตํ ชโน กรุณายติ. เอวเมว กรุณากมฺมฏฺานิเกน ภิกฺขุนา สุขิโตปิ ปุคฺคโล เอวํ กรุณายิตพฺโพ ‘‘อยํ วราโก กิฺจาปิ อิทานิ สุขิโต สุสชฺชิโต โภเค ปริภฺุชติ, อถ โข ตีสุ ทฺวาเรสุ เอเกนาปิ กตสฺส กลฺยาณกมฺมสฺส อภาวา อิทานิ อปาเยสุ อนปฺปกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทิสฺสตี’’ติ.
เอวํ ตํ ปุคฺคลํ กรุณายิตฺวา ตโต ปรํ เอเตเนว อุปาเยน ปิยปุคฺคเล, ตโต มชฺฌตฺเต, ตโต เวริมฺหีติ อนุกฺกเมน กรุณา ปวตฺเตตพฺพา. สเจ ปนสฺส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวริมฺหิ ปฏิฆํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เมตฺตาย วุตฺตนเยเนว วูปสเมตพฺพํ. โยปิ เจตฺถ กตกุสโล โหติ, ตมฺปิ าติโรคโภคพฺยสนาทีนํ อฺตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา เตสํ อภาเวปิ วฏฺฏทุกฺขํ อนติกฺกนฺตตฺตา ‘‘ทุกฺขิโตว อย’’นฺติ เอวํ สพฺพถาปิ กรุณายิตฺวา วุตฺตนเยเนว อตฺตนิ ปิยปุคฺคเล มชฺฌตฺเต เวริมฺหีติ จตูสุ ชเนสุ สีมาสมฺเภทํ กตฺวา ¶ ตํ นิมิตฺตํ อาเสวนฺเตน ภาเวนฺเตน พหุลีกโรนฺเตน เมตฺตาย วุตฺตนเยเนว ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน อปฺปนา วฑฺเฒตพฺพา.
องฺคุตฺตรฏฺกถายํ ปน ปมํ เวริปุคฺคโล กรุณายิตพฺโพ, ตสฺมึ จิตฺตํ มุทุํ กตฺวา ทุคฺคโต, ตโต ปิยปุคฺคโล, ตโต อตฺตาติ อยํ กโม วุตฺโต, โส ‘‘ทุคฺคตํ ทุรูเปต’’นฺติ ปาฬิยา ¶ น สเมติ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ ภาวนมารภิตฺวา สีมาสมฺเภทํ กตฺวา อปฺปนา วฑฺเฒตพฺพา. ตโต ปรํ ‘‘ปฺจหากาเรหิ อโนธิโสผรณา สตฺตหากาเรหิ โอธิโสผรณา ทสหากาเรหิ ทิสาผรณา’’ติ อยํ วิกุพฺพนา, ‘‘สุขํ สุปตี’’ติอาทโย อานิสํสา จ เมตฺตายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
อยํ กรุณาภาวนาย วิตฺถารกถา.
มุทิตาภาวนากถา
๒๖๐. มุทิตาภาวนํ อารภนฺเตนาปิ น ปมํ ปิยปุคฺคลาทีสุ อารภิตพฺพา. น หิ ปิโย ปิยภาวมตฺเตเนว มุทิตาย ปทฏฺานํ โหติ, ปเคว มชฺฌตฺตเวริโน. ลิงฺควิสภาคกาลกตา อเขตฺตเมว.
อติปฺปิยสหายโก ปน สิยา ปทฏฺานํ, โย อฏฺกถายํ โสณฺฑสหาโยติ วุตฺโต. โส หิ มุทิตมุทิโตว โหติ, ปมํ หสิตฺวา ปจฺฉา กเถติ, ตสฺมา โส วา ปมํ มุทิตาย ผริตพฺโพ. ปิยปุคฺคลํ วา สุขิตํ สชฺชิตํ โมทมานํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา ‘‘โมทติ วตายํ สตฺโต, อโห สาธุ อโห สุฏฺู’’ติ มุทิตา อุปฺปาเทตพฺพา. อิมเมว หิ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ วิภงฺเค (วิภ. ๖๖๓) วุตฺตํ ‘‘กถฺจ ภิกฺขุ มุทิตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ? เสยฺยถาปิ นาม เอกํ ปุคฺคลํ ปิยํ มนาปํ ทิสฺวา มุทิโต อสฺส, เอวเมว สพฺพสตฺเต มุทิตาย ผรตี’’ติ.
สเจปิสฺส โส โสณฺฑสหาโย วา ปิยปุคฺคโล วา อตีเต สุขิโต อโหสิ, สมฺปติ ปน ทุคฺคโต ทุรูเปโต, อตีตเมว จสฺส สุขิตภาวํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘เอส อตีเต เอวํ มหาโภโค มหาปริวาโร นิจฺจปฺปมุทิโต อโหสี’’ติ ตเมวสฺส มุทิตาการํ คเหตฺวา มุทิตา อุปฺปาเทตพฺพา ‘‘อนาคเต วา ปน ปุน ตํ สมฺปตฺตึ ลภิตฺวา ¶ หตฺถิกฺขนฺธอสฺสปิฏฺิสุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริสฺสตี’’ติ อนาคตมฺปิสฺส มุทิตาการํ คเหตฺวา มุทิตา อุปฺปาเทตพฺพา.
เอวํ ปิยปุคฺคเล มุทิตํ อุปฺปาเทตฺวา อถ มชฺฌตฺเต ตโต เวริมฺหีติ อนุกฺกเมน มุทิตา ปวตฺเตตพฺพา. อปฺปนา วฑฺเฒตพฺพา. สเจ ปนสฺส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวริมฺหิ ปฏิฆํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ¶ เมตฺตายํ วุตฺตนเยเนว วูปสเมตฺวา ‘‘อิเมสุ จ ตีสุ อตฺตนิ จา’’ติ จตูสุ ชเนสุ สมจิตฺตตาย สีมาสมฺเภทํ กตฺวา ตํ นิมิตฺตํ อาเสวนฺเตน ภาเวนฺเตน พหุลีกโรนฺเตน เมตฺตายํ วุตฺตนเยเนว ติกจตุกฺกชฺฌานวเสเนว อปฺปนา วฑฺเฒตพฺพา. ตโต ปรํ ‘‘ปฺจหากาเรหิ อโนธิโสผรณา สตฺตหากาเรหิ โอธิโสผรณา ทสหากาเรหิ ทิสาผรณา’’ติ อยํ วิกุพฺพนา, ‘‘สุขํ สุปตี’’ติอาทโย อานิสํสา จ เมตฺตายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
อยํ มุทิตาภาวนาย วิตฺถารกถา.
อุเปกฺขาภาวนากถา
๒๖๑. อุเปกฺขาภาวนํ ภาเวตุกาเมน ปน เมตฺตาทีสุ ปฏิลทฺธติกจตุกฺกชฺฌาเนน ปคุณตติยชฺฌานา วุฏฺาย ‘‘สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทิวเสน สตฺตเกลายนมนสิการยุตฺตตฺตา, ปฏิฆานุนยสมีปจาริตฺตา, โสมนสฺสโยเคน โอฬาริกตฺตา จ ปุริมาสุ อาทีนวํ, สนฺตสภาวตฺตา อุเปกฺขาย อานิสํสฺจ ทิสฺวา ยฺวาสฺส ปกติมชฺฌตฺโต ปุคฺคโล, ตํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา อุเปกฺขา อุปฺปาเทตพฺพา. ตโต ปิยปุคฺคลาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กถฺจ ภิกฺขุ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ? เสยฺยถาปิ นาม เอกํ ปุคฺคลํ เนว มนาปํ น อมนาปํ ทิสฺวา อุเปกฺขโก อสฺส, เอวเมว สพฺเพ สตฺเต อุเปกฺขาย ผรตี’’ติ (วิภ. ๖๗๓).
ตสฺมา วุตฺตนเยน มชฺฌตฺตปุคฺคเล อุเปกฺขํ อุปฺปาเทตฺวา อถ ปิยปุคฺคเล, ตโต โสณฺฑสหายเก, ตโต เวริมฺหีติ เอวํ ‘‘อิเมสุ จ ตีสุ อตฺตนิ จา’’ติ สพฺพตฺถ มชฺฌตฺตวเสน สีมาสมฺเภทํ กตฺวา ตํ นิมิตฺตํ อาเสวิตพฺพํ ภาเวตพฺพํ พหุลีกาตพฺพํ. ตสฺเสวํ กโรโต ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนว จตุตฺถชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ.
กึ ¶ ปเนตํ ปถวีกสิณาทีสุ อุปฺปนฺนตติยชฺฌานสฺสาปิ อุปฺปชฺชตีติ? นุปฺปชฺชติ. กสฺมา? อารมฺมณวิสภาคตาย. เมตฺตาทีสุ อุปฺปนฺนตติยชฺฌานสฺเสว ปน อุปฺปชฺชติ, อารมฺมณสภาคตายาติ. ตโต ปรํ ปน วิกุพฺพนา จ อานิสํสปฏิลาโภ จ เมตฺตายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
อยํ ¶ อุเปกฺขาภาวนาย วิตฺถารกถา.
ปกิณฺณกกถา
พฺรหฺมุตฺตเมน กถิเต, พฺรหฺมวิหาเร อิเม อิติ วิทิตฺวา;
ภิยฺโย เอเตสุ อยํ, ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยา.
เอตาสุ หิ เมตฺตากรุณามุทิตาอุเปกฺขาสุ อตฺถโต ตาว เมชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อตฺโถ. มิตฺเต วา ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตีติปิ เมตฺตา. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ หทยกมฺปนํ กโรตีติ กรุณา. กิณาติ วา ปรทุกฺขํ หึสติ วินาเสตีติ กรุณา. กิริยติ วา ทุกฺขิเตสุ ผรณวเสน ปสาริยตีติ กรุณา. โมทนฺติ ตาย ตํสมงฺคิโน, สยํ วา โมทติ, โมทนมตฺตเมว วา ตนฺติ มุทิตา. ‘‘อเวรา โหนฺตู’’ติอาทิพฺยาปารปฺปหาเนน มชฺฌตฺตภาวูปคมเนน จ อุเปกฺขตีติ อุเปกฺขา.
๒๖๓. ลกฺขณาทิโต ปเนตฺถ หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหสมฺภโว วิปตฺติ. ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา กรุณา, ปรทุกฺขาสหนรสา, อวิหึสาปจฺจุปฏฺานา, ทุกฺขาภิภูตานํ อนาถภาวทสฺสนปทฏฺานา. วิหึสูปสโม ตสฺสา สมฺปตฺติ, โสกสมฺภโว วิปตฺติ. ปโมทนลกฺขณา มุทิตา, อนิสฺสายนรสา, อรติวิฆาตปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ สมฺปตฺติทสฺสนปทฏฺานา. อรติวูปสโม ตสฺสา สมฺปตฺติ, ปหาสสมฺภโว วิปตฺติ. สตฺเตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา อุเปกฺขา, สตฺเตสุ สมภาวทสฺสนรสา, ปฏิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฏฺานา, ‘‘กมฺมสฺสกา สตฺตา, เต กสฺส ¶ รุจิยา สุขิตา วา ภวิสฺสนฺติ, ทุกฺขโต วา มุจฺจิสฺสนฺติ, ปตฺตสมฺปตฺติโต วา น ปริหายิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺตกมฺมสฺสกตาทสฺสนปทฏฺานา. ปฏิฆานุนยวูปสโม ตสฺสา สมฺปตฺติ, เคหสิตาย อฺาณุเปกฺขาย สมฺภโว วิปตฺติ.
๒๖๔. จตุนฺนมฺปิ ปเนเตสํ พฺรหฺมวิหารานํ วิปสฺสนาสุขฺเจว ภวสมฺปตฺติ จ สาธารณปฺปโยชนํ ¶ . พฺยาปาทาทิปฏิฆาโต อาเวณิกํ. พฺยาปาทปฏิฆาตปฺปโยชนา เหตฺถ เมตฺตา. วิหึสาอรติราคปฏิฆาตปฺปโยชนา อิตรา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส ยทิทํ เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, วิเหสาย ยทิทํ กรุณา เจโตวิมุตฺติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, อรติยา ยทิทํ มุทิตา เจโตวิมุตฺติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, ราคสฺส ยทิทํ อุเปกฺขา เจโตวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๖; อ. นิ. ๖.๑๓).
๒๖๕. เอเกกสฺส เจตฺถ อาสนฺนทูรวเสน ทฺเว ทฺเว ปจฺจตฺถิกา. เมตฺตาพฺรหฺมวิหารสฺส หิ สมีปจาโร วิย ปุริสสฺส สปตฺโต คุณทสฺสนสภาคตาย ราโค อาสนฺนปจฺจตฺถิโก, โส ลหุํ โอตารํ ลภติ, ตสฺมา ตโต สุฏฺุ เมตฺตา รกฺขิตพฺพา. ปพฺพตาทิคหนนิสฺสิโต วิย ปุริสสฺส สปตฺโต สภาควิสภาคตาย พฺยาปาโท ทูรปจฺจตฺถิโก, ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน เมตฺตายิตพฺพํ. เมตฺตายิสฺสติ จ นาม, โกปฺจ กริสฺสตีติ อฏฺานเมตํ.
กรุณาพฺรหฺมวิหารสฺส ‘‘จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฏิสํยุตฺตานํ อปฺปฏิลาภํ วา อปฺปฏิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุพฺเพ วา ปฏิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสํ, ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โทมนสฺส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๗) นเยน อาคตํ เคหสิตํ โทมนสฺสํ วิปตฺติทสฺสนสภาคตาย อาสนฺนปจฺจตฺถิกํ. สภาควิสภาคตาย วิหึสา ทูรปจฺจตฺถิกา ¶ . ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน กรุณายิตพฺพํ. กรุณฺจ นาม กริสฺสติ, ปาณิอาทีหิ จ วิเหิสฺสตีติ อฏฺานเมตํ.
มุทิตาพฺรหฺมวิหารสฺส ‘‘จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปานํ อิฏฺานํ…เป… โลกามิสปฏิสํยุตฺตานํ ปฏิลาภํ วา ปฏิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุพฺเพ วา ปฏิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํ, ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โสมนสฺส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๖) นเยน อาคตํ เคหสิตํ โสมนสฺสํ สมฺปตฺติทสฺสนสภาคตาย อาสนฺนปจฺจตฺถิกํ, สภาควิสภาคตาย อรติ ทูรปจฺจตฺถิกา. ตสฺมา ตโต ¶ นิพฺภเยน มุทิตา ภาเวตพฺพา. มุทิโต จ นาม ภวิสฺสติ, ปนฺตเสนาสเนสุ จ อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ วา อุกฺกณฺิสฺสตีติ อฏฺานเมตํ.
อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส ปน ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺส อโนธิชินสฺส อวิปากชินสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา นาติวตฺตติ. ตสฺมา สา อุเปกฺขา เคหสิตาติ วุจฺจตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๘) นเยน อาคตา เคหสิตา อฺาณุเปกฺขา โทสคุณาวิจารณวเสน สภาคตฺตา อาสนฺนปจฺจตฺถิกา. สภาควิสภาคตาย ราคปฏิฆา ทูรปจฺจตฺถิกา. ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน อุเปกฺขิตพฺพํ. อุเปกฺขิสฺสติ จ นาม, รชฺชิสฺสติ จ ปฏิหฺิสฺสติ จาติ อฏฺานเมตํ.
๒๖๖. สพฺเพสมฺปิ จ เอเตสํ กตฺตุกามตา ฉนฺโท อาทิ, นีวรณาทิวิกฺขมฺภนํ มชฺฌํ, อปฺปนา ปริโยสานํ. ปฺตฺติธมฺมวเสน เอโก วา สตฺโต อเนเก วา สตฺตา อารมฺมณํ. อุปจาเร วา อปฺปนาย วา ปตฺตาย อารมฺมณวฑฺฒนํ.
ตตฺรายํ วฑฺฒนกฺกโม, ยถา หิ กุสโล กสฺสโก กสิตพฺพฏฺานํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กสติ, เอวํ ปมเมว เอกมาวาสํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตตฺถ สตฺเตสุ อิมสฺมึ อาวาเส สตฺตา อเวรา โหนฺตูติอาทินา นเยน เมตฺตา ภาเวตพฺพา. ตตฺถ จิตฺตํ มุทุํ กมฺมนิยํ กตฺวา ทฺเว อาวาสา ปริจฺฉินฺทิตพฺพา. ตโต อนุกฺกเมน ตโย, จตฺตาโร, ปฺจ, ฉ, สตฺต, อฏฺ, นว, ทส, เอกา รจฺฉา, อุปฑฺฒคาโม, คาโม, ชนปโท, รชฺชํ, เอกา ทิสาติ เอวํ ยาว เอกํ จกฺกวาฬํ, ตโต วา ปน ภิยฺโย ตตฺถ ตตฺถ สตฺเตสุ เมตฺตา ¶ ภาเวตพฺพา. ตถา กรุณาทโยติ อยเมตฺถ อารมฺมณวฑฺฒนกฺกโม.
๒๖๗. ยถา ปน กสิณานํ นิสฺสนฺโท อารุปฺปา, สมาธินิสฺสนฺโท เนวสฺานาสฺายตนํ, วิปสฺสนานิสฺสนฺโท ผลสมาปตฺติ, สมถวิปสฺสนานิสฺสนฺโท นิโรธสมาปตฺติ, เอวํ ปุริมพฺรหฺมวิหารตฺตยนิสฺสนฺโท เอตฺถ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโร. ยถา หิ ถมฺเภ อนุสฺสาเปตฺวา ตุลาสงฺฆาฏํ อนาโรเปตฺวา น สกฺกา อากาเส กูฏโคปานสิโย เปตุํ, เอวํ ปุริเมสุ ตติยชฺฌานํ วินา น สกฺกา จตุตฺถํ ภาเวตุนฺติ.
๒๖๘. เอตฺถ ¶ สิยา, กสฺมา ปเนตา เมตฺตากรุณามุทิตาอุเปกฺขา พฺรหฺมวิหาราติ วุจฺจนฺติ? กสฺมา จ จตสฺโสว? โก จ เอตาสํ กโม, อภิธมฺเม จ กสฺมา อปฺปมฺาติ วุตฺตาติ? วุจฺจเต, เสฏฺฏฺเน ตาว นิทฺโทสภาเวน เจตฺถ พฺรหฺมวิหารตา เวทิตพฺพา. สตฺเตสุ สมฺมาปฏิปตฺติภาเวน หิ เสฏฺา เอเต วิหารา. ยถา จ พฺรหฺมาโน นิทฺโทสจิตฺตา วิหรนฺติ, เอวํ เอเตหิ สมฺปยุตฺตา โยคิโน พฺรหฺมสมา หุตฺวา วิหรนฺตีติ เสฏฺฏฺเน นิทฺโทสภาเวน จ พฺรหฺมวิหาราติ วุจฺจนฺติ.
๒๖๙. กสฺมา จ จตสฺโสวาติอาทิ ปฺหสฺส ปน อิทํ วิสฺสชฺชนํ.
วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตสฺโส,
หิตาทิอาการวสา ปนาสํ;
กโม ปวตฺตนฺติ จ อปฺปมาเณ,
ตา โคจเร เยน ตทปฺปมฺา.
เอตาสุ หิ ยสฺมา เมตฺตา พฺยาปาทพหุลสฺส, กรุณา วิเหสาพหุลสฺส, มุทิตา อรติพหุลสฺส, อุเปกฺขา ราคพหุลสฺส วิสุทฺธิมคฺโค. ยสฺมา จ หิตูปสํหารอหิตาปนยนสมฺปตฺติโมทนอนาโภควเสน จตุพฺพิโธเยว สตฺเตสุ มนสิกาโร. ยสฺมา จ ยถา มาตา ทหรคิลานโยพฺพนปฺปตฺตสกิจฺจปสุเตสุ จตูสุ ปุตฺเตสุ ทหรสฺส อภิวุฑฺฒิกามา โหติ, คิลานสฺส เคลฺาปนยนกามา, โยพฺพนปฺปตฺตสฺส โยพฺพนสมฺปตฺติยา จิรฏฺิติกามา, สกกิจฺจปสุตสฺส กิสฺมิฺจิ ปริยาเย อพฺยาวฏา โหติ, ตถา อปฺปมฺาวิหาริเกนาปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตาทิวเสน ภวิตพฺพํ. ตสฺมา อิโต วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตสฺโสว อปฺปมฺา.
ยสฺมา ¶ จตสฺโสเปตา ภาเวตุกาเมน ปมํ หิตาการปฺปวตฺติวเสน สตฺเตสุ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา จ เมตฺตา. ตโต เอวํ ปตฺถิตหิตานํ สตฺตานํ ทุกฺขาภิภวํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สมฺภาเวตฺวา วา ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติวเสน, ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา จ กรุณา. อเถวํ ปตฺถิตหิตานํ ปตฺถิตทุกฺขาปคมานฺจ เนสํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา สมฺปตฺติปโมทนวเสน, ปโมทนลกฺขณา จ มุทิตา. ตโต ปรํ ปน กตฺตพฺพาภาวโต อชฺฌุเปกฺขกตฺตสงฺขาเตน มชฺฌตฺตากาเรน ปฏิปชฺชิตพฺพํ, มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา จ อุเปกฺขา ¶ . ตสฺมา อิโต หิตาทิอาการวสา ปนาสํ ปมํ เมตฺตา วุตฺตา, อถ กรุณา มุทิตา อุเปกฺขาติ อยํ กโม เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ปน สพฺพาเปตา อปฺปมาเณ โคจเร ปวตฺตนฺติ. อปฺปมาณา หิ สตฺตา เอตาสํ โคจรภูตา. เอกสตฺตสฺสาปิ จ เอตฺตเก ปเทเส เมตฺตาทโย ภาเวตพฺพาติ เอวํ ปมาณํ อคเหตฺวา สกลผรณวเสเนว ปวตฺตาติ. เตน วุตฺตํ –
วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตสฺโส,
หิตาทิอาการวสา ปนาสํ;
กโม ปวตฺตนฺติ จ อปฺปมาเณ,
ตา โคจเร เยน ตทปฺปมฺาติ.
๒๗๐. เอวํ อปฺปมาณโคจรตาย เอกลกฺขณาสุ จาปิ เอตาสุ ปุริมา ติสฺโส ติกจตุกฺกชฺฌานิกาว โหนฺติ. กสฺมา? โสมนสฺสาวิปฺปโยคโต. กสฺมา ปนายํ โสมนสฺเสน อวิปฺปโยโคติ? โทมนสฺสสมุฏฺิตานํ พฺยาปาทาทีนํ นิสฺสรณตฺตา. ปจฺฉิมา ปน อวเสสเอกชฺฌานิกาว. กสฺมา? อุเปกฺขาเวทนาสมฺปโยคโต. น หิ สตฺเตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺตา พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา อุเปกฺขาเวทนํ วินา วตฺตตีติ.
๒๗๑. โย ปเนวํ วเทยฺย ‘‘ยสฺมา ภควตา อฏฺกนิปาเต จตูสุปิ อปฺปมฺาสุ อวิเสเสน วุตฺตํ ‘ตโต ตฺวํ ภิกฺขุ อิมํ สมาธึ สวิตกฺกมฺปิ สวิจารํ ภาเวยฺยาสิ, อวิตกฺกมฺปิ วิจารมตฺตํ ภาเวยฺยาสิ, อวิตกฺกมฺปิ อวิจารํ ภาเวยฺยาสิ, สปฺปีติกมฺปิ ภาเวยฺยาสิ, นิปฺปีติกมฺปิ ภาเวยฺยาสิ, สาตสหคตมฺปิ ภาเวยฺยาสิ, อุเปกฺขาสหคตมฺปิ ภาเวยฺยาสี’ติ (อ. นิ. ๘.๖๓), ตสฺมา ¶ จตสฺโส อปฺปมฺา จตุกฺกปฺจกชฺฌานิกา’’ติ. โส มาเหวนฺติสฺส วจนีโย. เอวฺหิ สติ กายานุปสฺสนาทโยปิ จตุกฺกปฺจกชฺฌานิกา สิยุํ, เวทนาทีสุ จ ปมชฺฌานมฺปิ นตฺถิ, ปเคว ทุติยาทีนิ. ตสฺมา พฺยฺชนจฺฉายามตฺตํ คเหตฺวา มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, คมฺภีรํ หิ พุทฺธวจนํ, ตํ อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา อธิปฺปายโต คเหตพฺพํ.
๒๗๒. อยฺหิ ¶ ตตฺราธิปฺปาโย – ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตุ, ยมหํ ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหเรยฺย’’นฺติ เอวํ อายาจิตธมฺมเทสนํ กิร ตํ ภิกฺขุํ ยสฺมา โส ปุพฺเพปิ ธมฺมํ สุตฺวา ตตฺเถว วสติ, น สมณธมฺมํ กาตุํ คจฺฉติ, ตสฺมา นํ ภควา ‘‘เอวเมว ปนิเธกจฺเจ โมฆปุริสา มมฺเว อชฺเฌสนฺติ, ธมฺเม จ ภาสิเต มมฺเว อนุพนฺธิตพฺพํ มฺนฺตี’’ติ อปสาเทตฺวา ปุน ยสฺมา โส อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน, ตสฺมา นํ โอวทนฺโต อาห – ‘‘ตสฺมาติห เต ภิกฺขุ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ, อชฺฌตฺตํ เม จิตฺตํ ิตํ ภวิสฺสติ สุสณฺิตํ, น จุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสนฺตีติ. เอวฺหิ เต ภิกฺขุ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
อิมินา ปนสฺส โอวาเทน นิยกชฺฌตฺตวเสน จิตฺเตกคฺคตามตฺโต มูลสมาธิ วุตฺโต. ตโต ‘‘เอตฺตเกเนว สนฺตุฏฺึ อนาปชฺชิตฺวา เอวํ โส เอว สมาธิ วฑฺเฒตพฺโพ’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต โข เต ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ ิตํ โหติ สุสณฺิตํ, น จุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. ตโต เต ภิกฺขุ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ เมตฺตา เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา ภวิสฺสติ พหุลีกตา ยานิกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาติ. เอวฺหิ เต ภิกฺขุ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวมสฺส เมตฺตาวเสน ภาวนํ วตฺวา ปุน ‘‘ยโต โข เต ภิกฺขุ อยํ สมาธิ เอวํ ภาวิโต โหติ พหุลีกโต, ตโต ตฺวํ ภิกฺขุ อิมํ มูลสมาธึ สวิตกฺกมฺปิ สวิจารํ ภาเวยฺยาสิ…เป… อุเปกฺขาสหคตมฺปิ ภาเวยฺยาสี’’ติ วุตฺตํ.
ตสฺสตฺโถ – ยทา เต ภิกฺขุ อยํ มูลสมาธิ เอวํ เมตฺตาวเสน ภาวิโต โหติ, ตทา ตฺวํ ตาวตเกนาปิ ตุฏฺึ อนาปชฺชิตฺวาว อิมํ มูลสมาธึ ¶ อฺเสุปิ อารมฺมเณสุ จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ ปาปยมาโน สวิตกฺกมฺปิ สวิจารนฺติอาทินา นเยน ภาเวยฺยาสีติ.
เอวํ วตฺวา จ ปุน กรุณาทิอวเสสพฺรหฺมวิหารปุพฺพงฺคมมฺปิสฺส อฺเสุ อารมฺมเณสุ จตุกฺกปฺจกชฺฌานวเสน ภาวนํ กเรยฺยาสีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยโต โข เต ภิกฺขุ อยํ สมาธิ เอวํ ภาวิโต โหติ พหุลีกโต. ตโต เต ภิกฺขุ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ กรุณา เม เจโตวิมุตฺตี’’ติอาทิมาห.
เอวํ เมตฺตาทิปุพฺพงฺคมํ จตุกฺกปฺจกชฺฌานวเสน ภาวนํ ทสฺเสตฺวา ปุน กายานุปสฺสนาทิปุพฺพงฺคมํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต โข เต ภิกฺขุ อยํ สมาธิ เอวํ ภาวิโต โหติ พหุลีกโต, ตโต เต ภิกฺขุ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ กาเย กายานุปสฺสี วิหริสฺสามี’’ติ อาทึ วตฺวา ‘‘ยโต โข เต ภิกฺขุ อยํ สมาธิ เอวํ ภาวิโต ภวิสฺสติ สุภาวิโต, ตโต ตฺวํ ภิกฺขุ เยน เยเนว คคฺฆสิ, ผาสฺุเว คคฺฆสิ, ยตฺถ ยตฺเถว สฺสสิ, ผาสฺุเว สฺสสิ, ยตฺถ ยตฺเถว นิสีทิสฺสสิ, ผาสฺุเว นิสีทิสฺสสิ, ยตฺถ ยตฺเถว เสยฺยํ กปฺเปสฺสสิ, ผาสฺุเว เสยฺยํ กปฺเปสฺสสี’’ติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. ตสฺมา ติกจตุกฺกชฺฌานิกาว เมตฺตาทโย, อุเปกฺขา ปน อวเสสเอกชฺฌานิกาวาติ เวทิตพฺพา. ตเถว จ อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๕๑ อาทโย; วิภ. ๖๗๓ อาทโย) วิภตฺตาติ.
๒๗๓. เอวํ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน เจว อวเสสเอกชฺฌานวเสน จ ทฺวิธา ิตานมฺปิ เอตาสํ สุภปรมาทิวเสน อฺมฺํ อสทิโส อานุภาววิเสโส เวทิตพฺโพ. หลิทฺทวสนสุตฺตสฺมึ หิ เอตา สุภปรมาทิภาเวน วิเสเสตฺวา วุตฺตา. ยถาห – ‘‘สุภปรมาหํ, ภิกฺขเว, เมตฺตํ เจโตวิมุตฺตึ วทามิ. อากาสานฺจายตนปรมาหํ, ภิกฺขเว, กรุณํ เจโตวิมุตฺตึ วทามิ. วิฺาณฺจายตนปรมาหํ, ภิกฺขเว, มุทิตํ เจโตวิมุตฺตึ วทามิ. อากิฺจฺายตนปรมาหํ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขํ เจโตวิมุตฺตึ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๕).
กสฺมา ¶ ปเนตา เอวํ วุตฺตาติ? ตสฺส ตสฺส อุปนิสฺสยตฺตา. เมตฺตาวิหาริสฺส หิ สตฺตา อปฺปฏิกฺกูลา โหนฺติ. อถสฺส อปฺปฏิกฺกูลปริจยา อปฺปฏิกฺกูเลสุ ปริสุทฺธวณฺเณสุ นีลาทีสุ จิตฺตํ อุปสํหรโต อปฺปกสิเรเนว ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ. อิติ เมตฺตา สุภวิโมกฺขสฺส อุปนิสฺสโย โหติ, น ตโต ปรํ, ตสฺมา สุภปรมาติ วุตฺตา.
กรุณาวิหาริสฺส ปน ทณฺฑาภิฆาตาทิรูปนิมิตฺตํ ปตฺตทุกฺขํ สมนุปสฺสนฺตสฺส กรุณาย ปวตฺติสมฺภวโต รูเป อาทีนโว ปริวิทิโต โหติ. อถสฺส ปริวิทิตรูปาทีนวตฺตา ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรํ อุคฺฆาเฏตฺวา รูปนิสฺสรเณ อากาเส จิตฺตํ อุปสํหรโต อปฺปกสิเรเนว ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ. อิติ กรุณา อากาสานฺจายตนสฺส อุปนิสฺสโย โหติ, น ตโต ปรํ, ตสฺมา อากาสานฺจายตนปรมาติ วุตฺตา.
มุทิตาวิหาริสฺส ปน เตน เตน ปาโมชฺชการเณน อุปฺปนฺนปาโมชฺชสตฺตานํ วิฺาณํ สมนุปสฺสนฺตสฺส มุทิตาย ปวตฺติสมฺภวโต วิฺาณคฺคหณปริจิตํ จิตฺตํ โหติ. อถสฺส อนุกฺกมาธิคตํ ¶ อากาสานฺจายตนํ อติกฺกมฺม อากาสนิมิตฺตโคจเร วิฺาเณ จิตฺตํ อุปสํหรโต อปฺปกสิเรเนว ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มุทิตา วิฺาณฺจายตนสฺส อุปนิสฺสโย โหติ, น ตโต ปรํ, ตสฺมา วิฺาณฺจายตนปรมาติ วุตฺตา.
อุเปกฺขาวิหาริสฺส ปน ‘‘สตฺตา สุขิตา วา โหนฺตุ ทุกฺขโต วา วิมุจฺจนฺตุ, สมฺปตฺตสุขโต วา มา วิมุจฺจนฺตู’’ติ อาโภคาภาวโต สุขทุกฺขาทิปรมตฺถคาหวิมุขภาวโต อวิชฺชมานคฺคหณทุกฺขํ จิตฺตํ โหติ. อถสฺส ปรมตฺถคาหโต วิมุขภาวปริจิตจิตฺตสฺส ปรมตฺถโต อวิชฺชมานคฺคหณทุกฺขจิตฺตสฺส จ อนุกฺกมาธิคตํ วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม สภาวโต อวิชฺชมาเน ปรมตฺถภูตสฺส วิฺาณสฺส อภาเว จิตฺตํ อุปสํหรโต อปฺปกสิเรเนว ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ. อิติ อุเปกฺขา อากิฺจฺายตนสฺส อุปนิสฺสโย โหติ, น ตโต ปรํ, ตสฺมา อากิฺจฺายตนปรมาติ วุตฺตาติ.
๒๗๔. เอวํ สุภปรมาทิวเสน เอตาสํ อานุภาวํ วิทิตฺวา ปุน สพฺพาเปตา ทานาทีนํ สพฺพกลฺยาณธมฺมานํ ปริปูริกาติ เวทิตพฺพา. สตฺเตสุ ¶ หิ หิตชฺฌาสยตาย สตฺตานํ ทุกฺขาสหนตาย, ปตฺตสมฺปตฺติวิเสสานํ จิรฏฺิติกามตาย, สพฺพสตฺเตสุ จ ปกฺขปาตาภาเวน สมปฺปวตฺตจิตฺตา มหาสตฺตา ‘‘อิมสฺส ทาตพฺพํ, อิมสฺส น ทาตพฺพ’’นฺติ วิภาคํ อกตฺวา สพฺพสตฺตานํ สุขนิทานํ ทานํ เทนฺติ. เตสํ อุปฆาตํ ปริวชฺชยนฺตา สีลํ สมาทิยนฺติ. สีลปริปูรณตฺถํ เนกฺขมฺมํ ภชนฺติ. สตฺตานํ หิตาหิเตสุ อสมฺโมหตฺถาย ปฺํ ปริโยทเปนฺติ. สตฺตานํ หิตสุขตฺถาย นิจฺจํ วีริยมารภนฺติ. อุตฺตมวีริยวเสน วีรภาวํ ปตฺตาปิ จ สตฺตานํ นานปฺปการกํ อปราธํ ขมนฺติ. ‘‘อิทํ โว ทสฺสาม กริสฺสามา’’ติ กตํ ปฏิฺํ น วิสํวาเทนฺติ. เตสํ หิตสุขาย อวิจลาธิฏฺานา โหนฺติ. เตสุ อวิจลาย เมตฺตาย ปุพฺพการิโน โหนฺติ. อุเปกฺขาย ปจฺจุปการํ นาสีสนฺตีติ เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา ยาว ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสพุทฺธธมฺมปฺปเภเท สพฺเพปิ กลฺยาณธมฺเม ปริปูเรนฺตีติ เอวํ ทานาทิสพฺพกลฺยาณธมฺมปริปูริกา เอตาว โหนฺตีติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
สมาธิภาวนาธิกาเร
พฺรหฺมวิหารนิทฺเทโส นาม
นวโม ปริจฺเฉโท.