📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วิสุทฺธิมคฺโค
(ทุติโย ภาโค)
๑๒. อิทฺธิวิธนิทฺเทโส
อภิฺากถา
๓๖๕. อิทานิ ¶ ¶ ยาสํ โลกิกาภิฺานํ วเสน อยํ สมาธิภาวนา อภิฺานิสํสาติ วุตฺตา, ตา อภิฺา สมฺปาเทตุํ ยสฺมา ปถวีกสิณาทีสุ อธิคตจตุตฺถชฺฌาเนน โยคินา โยโค กาตพฺโพ. เอวฺหิสฺส สา สมาธิภาวนา อธิคตานิสํสา เจว ภวิสฺสติ ถิรตรา จ, โส อธิคตานิสํสาย ถิรตราย สมาธิภาวนาย สมนฺนาคโต สุเขเนว ปฺาภาวนํ สมฺปาเทสฺสติ. ตสฺมา อภิฺากถํ ตาว อารภิสฺสาม.
ภควตา หิ อธิคตจตุตฺถชฺฌานสมาธีนํ กุลปุตฺตานํ สมาธิภาวนานิสํสทสฺสนตฺถฺเจว อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตธมฺมเทสนตฺถฺจ ¶ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อิทฺธิวิธาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘) นเยน อิทฺธิวิธํ, ทิพฺพโสตธาตุาณํ, เจโตปริยาณํ, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, สตฺตานํ จุตูปปาเต าณนฺติ ปฺจ โลกิกาภิฺา วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตีติอาทิกํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กาตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา โอทาตกสิณปริยนฺเตสุ อฏฺสุ กสิเณสุ อฏฺ อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา –
กสิณานุโลมโต, กสิณปฏิโลมโต, กสิณานุโลมปฏิโลมโต, ฌานานุโลมโต, ฌานปฏิโลมโต, ฌานานุโลมปฏิโลมโต, ฌานุกฺกนฺติกโต, กสิณุกฺกนฺติกโต, ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต, องฺคสงฺกนฺติโต, อารมฺมณสงฺกนฺติโต, องฺคารมฺมณสงฺกนฺติโต, องฺคววตฺถาปนโต, อารมฺมณววตฺถาปนโตติ.
อิเมหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ ปริทเมตพฺพํ.
๓๖๖. กตมํ ปเนตฺถ กสิณานุโลมํ…เป… กตมํ อารมฺมณววตฺถาปนนฺติ. อิธ ภิกฺขุ ปถวีกสิเณ ฌานํ สมาปชฺชติ, ตโต อาโปกสิเณติ เอวํ ปฏิปาฏิยา อฏฺสุ กสิเณสุ สตกฺขตฺตุมฺปิ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ สมาปชฺชติ, อิทํ กสิณานุโลมํ นาม.
โอทาตกสิณโต ปน ปฏฺาย ตเถว ปฏิโลมกฺกเมน สมาปชฺชนํ กสิณปฏิโลมํ นาม.
ปถวีกสิณโต ปฏฺาย ยาว โอทาตกสิณํ, โอทาตกสิณโตปิ ปฏฺาย ยาว ปถวีกสิณนฺติ เอวํ อนุโลมปฏิโลมวเสน ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ กสิณานุโลมปฏิโลมํ นาม.
ปมชฺฌานโต ปน ปฏฺาย ปฏิปาฏิยา ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ, ตาว ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ ฌานานุโลมํ นาม.
เนวสฺานาสฺายตนโต ¶ ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานํ, ตาว ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ ฌานปฏิโลมํ นาม.
ปมชฺฌานโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ, เนวสฺานาสฺายตนโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานนฺติ เอวํ อนุโลมปฏิโลมวเสน ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ ฌานานุโลมปฏิโลมํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปน ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว ตติยํ สมาปชฺชติ, ตโต ตเทว อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ตโต อากิฺจฺายตนนฺติ ¶ เอวํ กสิณํ อนุกฺกมิตฺวา ฌานสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ ฌานุกฺกนฺติกํ นาม. เอวํ อาโปกสิณาทิมูลิกาปิ โยชนา กาตพฺพา.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ตเทว เตโชกสิเณ, ตโต นีลกสิเณ, ตโต โลหิตกสิเณติ อิมินา นเยน ฌานํ อนุกฺกมิตฺวา กสิณสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ กสิณุกฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต เตโชกสิเณ ตติยํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนนฺติ อิมินา นเยน ฌานสฺส เจว กสิณสฺส จ อุกฺกมนํ ฌานกสิณุกฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปน ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว อิตเรสมฺปิ สมาปชฺชนํ องฺคสงฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเทว อาโปกสิเณ…เป… ตเทว โอทาตกสิเณติ เอวํ สพฺพกสิเณสุ เอกสฺเสว ฌานสฺส สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อาโปกสิเณ ทุติยํ, เตโชกสิเณ ตติยํ, วาโยกสิเณ จตุตฺถํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ปีตกสิณโต วิฺาณฺจายตนํ ¶ , โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนํ, โอทาตกสิณโต เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ เอกนฺตริกวเสน องฺคานฺจ อารมฺมณานฺจ สงฺกมนํ องฺคารมฺมณสงฺกนฺติกํ นาม.
ปมํ ฌานํ ปน ปฺจงฺคิกนฺติ ววตฺถเปตฺวา ทุติยํ ติวงฺคิกํ, ตติยํ ทุวงฺคิกํ, ตถา จตุตฺถํ อากาสานฺจายตนํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ ฌานงฺคมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ องฺคววตฺถาปนํ นาม.
ตถา อิทํ ปถวีกสิณนฺติ ววตฺถเปตฺวา อิทํ อาโปกสิณํ…เป… อิทํ โอทาตกสิณนฺติ เอวํ อารมฺมณมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ อารมฺมณววตฺถาปนํ นาม ¶ . องฺคารมฺมณววตฺถาปนมฺปิ เอเก อิจฺฉนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา อทฺธา ตํ ภาวนามุขํ น โหติ.
๓๖๗. อิเมหิ ปน จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ อปริทเมตฺวา ปุพฺเพ อภาวิตภาวโน อาทิกมฺมิโก โยคาวจโร อิทฺธิวิกุพฺพนํ สมฺปาเทสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. อาทิกมฺมิกสฺส หิ กสิณปริกมฺมมฺปิ ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. กตกสิณปริกมฺมสฺส นิมิตฺตุปฺปาทนํ ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. อุปฺปนฺเน นิมิตฺเต ตํ วฑฺเฒตฺวา อปฺปนาธิคโม ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. อธิคตปฺปนสฺส จุทฺทสหากาเรหิ จิตฺตปริทมนํ ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. จุทฺทสหากาเรหิ ปริทมิตจิตฺตสฺสาปิ อิทฺธิวิกุพฺพนํ นาม ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. วิกุพฺพนปฺปตฺตสฺสาปิ ขิปฺปนิสนฺติภาโว นาม ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว ขิปฺปนิสนฺตี โหติ. เถรมฺพตฺถเล มหาโรหณคุตฺตตฺเถรสฺส คิลานุปฏฺานํ อาคเตสุ ตึสมตฺเตสุ อิทฺธิมนฺตสหสฺเสสุ อุปสมฺปทาย อฏฺวสฺสิโก รกฺขิตตฺเถโร วิย. ตสฺสานุภาโว ปถวีกสิณนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๗๘ อาทโย) วุตฺโตเยว. ตํ ปนสฺสานุภาวํ ทิสฺวา เถโร อาห ‘‘อาวุโส, สเจ รกฺขิโต นาภวิสฺส สพฺเพ ครหปฺปตฺตา อสฺสาม ‘นาคราชานํ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’ติ. ตสฺมา อตฺตนา คเหตฺวา วิจริตพฺพํ อาวุธํ นาม มลํ โสเธตฺวาว คเหตฺวา วิจริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เต เถรสฺส โอวาเท ตฺวา ตึสสหสฺสาปิ ภิกฺขู ขิปฺปนิสนฺติโน อเหสุํ.
ขิปฺปนิสนฺติยาปิ ¶ จ สติ ปรสฺส ปติฏฺาภาโว ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว โหติ, คิริภณฺฑวาหนปูชาย มาเรน องฺคารวสฺเส ปวตฺติเต อากาเส ปถวึ มาเปตฺวา องฺคารวสฺสปริตฺตารโก เถโร วิย.
พลวปุพฺพโยคานํ ปน พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวกาทีนํ วินาปิ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน ภาวนานุกฺกเมน อรหตฺตปฏิลาเภเนว อิทฺจ อิทฺธิวิกุพฺพนํ อฺเ ¶ จ ปฏิสมฺภิทาทิเภทา คุณา อิชฺฌนฺติ. ตสฺมา ยถา ปิฬนฺธนวิกตึ กตฺตุกาโม สุวณฺณกาโร อคฺคิธมนาทีหิ สุวณฺณํ มุทุํ กมฺมฺํ กตฺวาว กโรติ, ยถา จ ภาชนวิกตึ กตฺตุกาโม กุมฺภกาโร มตฺติกํ สุปริมทฺทิตํ มุทุํ กตฺวา กโรติ, เอวเมว อาทิกมฺมิเกน อิเมหิ จุทฺทสหากาเรหิ จิตฺตํ ปริทเมตฺวา ฉนฺทสีสจิตฺตสีสวีริยสีสวีมํสาสีสสมาปชฺชนวเสน เจว อาวชฺชนาทิวสีภาววเสน จ มุทุํ กมฺมฺํ กตฺวา อิทฺธิวิธาย โยโค กรณีโย. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺเนน ปน กสิเณสุ จตุตฺถชฺฌานมตฺเต จิณฺณวสินาปิ กาตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปเนตฺถ โยโค กาตพฺโพ, ตํ วิธึ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิมาห.
๓๖๘. ตตฺรายํ ปาฬินยานุสาเรเนว วินิจฺฉยกถา. ตตฺถ โสติ โส อธิคตจตุตฺถชฺฌาโน โยคี. เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ. อิมินา ปมชฺฌานาธิคมาทินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฏิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิเตติ อิมินา จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. จิตฺเตติ รูปาวจรจิตฺเต. ปริสุทฺเธติอาทีสุ ปน อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ. ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติ. สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตน วิหตราคาทิองฺคณตฺตา อนงฺคเณ. อนงฺคณตฺตาเยว วิคตูปกฺกิเลเส. องฺคเณน หิ ตํ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสติ. สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสีภาวปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วเส วตฺตมานํ หิ จิตฺตํ มุทุนฺติ วุจฺจติ. มุทุตฺตาเยว จ กมฺมนิเย, กมฺมกฺขเม กมฺมโยคฺเคติ วุตฺตํ โหติ. มุทุํ หิ จิตฺตํ กมฺมนิยํ โหติ สุทนฺตมิว สุวณฺณํ, ตฺจ อุภยมฺปิ สุภาวิตตฺตาเยวาติ. ยถาห ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทฺุจ โหติ กมฺมนิยฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๒๒).
เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ิตตฺตา ิเต. ิตตฺตาเยว อาเนฺชปฺปตฺเต, อจเล นิริฺชเนติ วุตฺตํ โหติ. มุทุกมฺมฺภาเวน วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต. สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนฺชปฺปตฺเต ¶ . สทฺธาปริคฺคหิตํ หิ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเยน น อิฺชติ. วีริยปริคฺคหิตํ โกสชฺเชน น อิฺชติ. สติปริคฺคหิตํ ปมาเทน น อิฺชติ. สมาธิปริคฺคหิตํ อุทฺธจฺเจน น อิฺชติ ¶ . ปฺาปริคฺคหิตํ อวิชฺชาย น อิฺชติ. โอภาสคตํ กิเลสนฺธกาเรน น อิฺชติ. อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ ปริคฺคหิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ. เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย.
อปโร นโย, จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. นีวรณทูรภาเวน ปริสุทฺเธ. วิตกฺกาทิสมติกฺกเมน ปริโยทาเต. ฌานปฏิลาภปจฺจยานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณ. อภิชฺฌาทีนํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสานํ วิคเมน วิคตูปกฺกิเลเส. อุภยมฺปิ เจตํ อนงฺคณสุตฺตวตฺถสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ. วสิปฺปตฺติยา มุทุภูเต. อิทฺธิปาทภาวูปคเมน กมฺมนิเย. ภาวนาปาริปูริยา ปณีตภาวูปคเมน ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต. ยถา อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ, เอวํ ิเตติ อตฺโถ. เอวมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย ปาทกํ ปทฏฺานภูตนฺติ.
ทสอิทฺธิกถา
๓๖๙. อิทฺธิวิธาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตีติ เอตฺถ อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ, นิปฺผตฺติอตฺเถน ปฏิลาภฏฺเน จาติ วุตฺตํ โหติ. ยฺหิ นิปฺผชฺชติ ปฏิลพฺภติ จ, ตํ อิชฺฌตีติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจตํ สมิชฺฌตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๒). ตถา ‘‘เนกฺขมฺมํ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, ปฏิหรตีติ ปาฏิหาริยํ. อรหตฺตมคฺโค อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, ปฏิหรตีติ ปาฏิหาริย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๒).
อปโร นโย, อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ. อุปายสมฺปทาเยตมธิวจนํ. อุปายสมฺปทา หิ อิชฺฌติ อธิปฺเปตผลปฺปสวนโต. ยถาห – ‘‘อยํ โข จิตฺโต คหปติ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, สเจ ปณิทหิสฺสติ ‘อนาคตมทฺธานํ ราชา อสฺสํ จกฺกวตฺตี’ติ, ตสฺส โข อยํ อิชฺฌิสฺสติ สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๕๒).
อปโร นโย, เอตาย สตฺตา อิชฺฌนฺตีติ อิทฺธิ. อิชฺฌนฺตีติ อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ ¶ วุตฺตํ โหติ. สา ทสวิธา. ยถาห ‘‘กติ อิทฺธิโยติ ทส อิทฺธิโย’’. ปุน จปรํ อาห ‘‘กตมา ทส อิทฺธิโย ¶ ? อธิฏฺานา อิทฺธิ, วิกุพฺพนา อิทฺธิ, มโนมยา อิทฺธิ, าณวิปฺผารา อิทฺธิ, สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อริยา อิทฺธิ, กมฺมวิปากชา อิทฺธิ, ปฺุวโต อิทฺธิ, วิชฺชามยา อิทฺธิ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙).
๓๗๐. ตตฺถ ‘‘ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ. สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘พหุโก โหมี’’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐) เอวํ วิภชิตฺวา ทสฺสิตา อิทฺธิ อธิฏฺานวเสน นิปฺผนฺนตฺตา อธิฏฺานา อิทฺธิ นาม.
๓๗๑. ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ นาควณฺณํ วา…เป… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวํ อาคตา อิทฺธิ ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตตฺตา วิกุพฺพนา อิทฺธิ นาม.
๓๗๒. ‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๔) อิมินา นเยน อาคตา อิทฺธิ สรีรพฺภนฺตเร อฺสฺเสว มโนมยสฺส สรีรสฺส นิปฺผตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา มโนมยา อิทฺธิ นาม.
๓๗๓. าณุปฺปตฺติโต ปน ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา ตํขเณ วา าณานุภาวนิพฺพตฺโต วิเสโส าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาย ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ าณวิปฺผารา อิทฺธิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ าณวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต พากฺกุลสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต ภูตปาลสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๕).
ตตฺถ อายสฺมา พากฺกุโล ทหโรว มงฺคลทิวเส นทิยา นฺหาปิยมาโน ธาติยา ปมาเทน โสเต ปติโต. ตเมนํ มจฺโฉ คิลิตฺวา พาราณสีติตฺถํ อคมาสิ. ตตฺร ตํ มจฺฉพนฺโธ คเหตฺวา เสฏฺิภริยาย วิกฺกิณิ. สา มจฺเฉ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา อหเมว นํ ปจิสฺสามีติ ผาเลนฺตี มจฺฉกุจฺฉิยํ สุวณฺณพิมฺพํ วิย ทารกํ ทิสฺวา ปุตฺโต เม ลทฺโธติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ. อิติ มจฺฉกุจฺฉิยํ อโรคภาโว อายสฺมโต พากฺกุลสฺส ¶ ปจฺฉิมภวิกสฺส เตน อตฺตภาเวน ปฏิลภิตพฺพอรหตฺตมคฺคาณานุภาเวน ¶ นิพฺพตฺตตฺตา าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. วตฺถุ ปน วิตฺถาเรน กเถตพฺพํ.
สํกิจฺจตฺเถรสฺส ปน คพฺภคตสฺเสว มาตา กาลมกาสิ. ตสฺสา จิตกํ อาโรเปตฺวา สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฌาปิยมานาย ทารโก สูลโกฏิยา อกฺขิกูเฏ ปหารํ ลภิตฺวา สทฺทํ อกาสิ. ตโต ทารโก ชีวตีติ โอตาเรตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา ทารกํ อยฺยิกาย อทํสุ. โส ตาย ปฏิชคฺคิโต วุทฺธิมนฺวาย ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิติ วุตฺตนเยเนว ทารุจิตกาย อโรคภาโว อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม.
ภูตปาลทารกสฺส ปน ปิตา ราชคเห ทลิทฺทมนุสฺโส. โส ทารูนํ อตฺถาย สกเฏน อฏวึ คนฺตฺวา ทารุภารํ กตฺวา สายํ นครทฺวารสมีปํ ปตฺโต. อถสฺส โคณา ยุคํ โอสฺสชฺชิตฺวา นครํ ปวิสึสุ. โส สกฏมูเล ปุตฺตกํ นิสีทาเปตฺวา โคณานํ อนุปทํ คจฺฉนฺโต นครเมว ปาวิสิ. ตสฺส อนิกฺขนฺตสฺเสว ทฺวารํ ปิหิตํ. ทารกสฺส วาฬยกฺขานุจริเตปิ พหินคเร ติยามรตฺตึ อโรคภาโว วุตฺตนเยเนว าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. วตฺถุ ปน วิตฺถาเรตพฺพํ.
๓๗๔. สมาธิโต ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา ตํขเณ วา สมถานุภาวนิพฺพตฺโต วิเสโส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปมชฺฌาเนน นีวรณานํ ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺาย ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อายสฺมโต สฺชีวสฺส, อายสฺมโต ขาณุโกณฺฑฺสฺส, อุตฺตราย อุปาสิกาย, สามาวติยา อุปาสิกาย สมาธิวิปฺผารา อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๖).
ตตฺถ ยทา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ กโปตกนฺทรายํ วิหรโต ชุณฺหาย รตฺติยา นโวโรปิเตหิ เกเสหิ อชฺโฌกาเส นิสินฺนสฺส เอโก ทุฏฺยกฺโข สหายเกน ยกฺเขน วาริยมาโนปิ สีเส ปหารมทาสิ. ยสฺส เมฆสฺส วิย คชฺชโต ¶ สทฺโท อโหสิ. ตทา เถโร ตสฺส ปหรณสมเย สมาปตฺตึ อปฺเปสิ. อถสฺส เตน ปหาเรน น โกจิ อาพาโธ อโหสิ ¶ . อยํ ตสฺสายสฺมโต สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วตฺถุ ปน อุทาเน (อุทา. ๓๔) อาคตเมว.
สฺชีวตฺเถรํ ปน นิโรธสมาปนฺนํ กาลกโตติ สลฺลกฺเขตฺวา โคปาลกาทโย ติณกฏฺโคมยานิ สงฺกฑฺเฒตฺวา อคฺคึ อทํสุ. เถรสฺส จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ นชฺฌายิตฺถ. อยมสฺส อนุปุพฺพสมาปตฺติวเสน ปวตฺตสมถานุภาวนิพฺพตฺตตฺตา สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วตฺถุ ปน สุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๐๗) อาคตเมว.
ขาณุโกณฺฑฺตฺเถโร ปน ปกติยาว สมาปตฺติพหุโล. โส อฺตรสฺมึ อรฺเ รตฺตึ สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิ. ปฺจสตา โจรา ภณฺฑกํ เถเนตฺวา คจฺฉนฺตา ‘‘อิทานิ อมฺหากํ อนุปถํ อาคจฺฉนฺตา นตฺถี’’ติ วิสฺสมิตุกามา ภณฺฑกํ โอโรปยมานา ‘‘ขาณุโก อย’’นฺติ มฺมานา เถรสฺเสว อุปริ สพฺพภณฺฑกานิ เปสุํ. เตสํ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉนฺตานํ ปมํ ปิตภณฺฑกสฺส คหณกาเล กาลปริจฺเฉทวเสน เถโร วุฏฺาสิ. เต เถรสฺส จลนาการํ ทิสฺวา ภีตา วิรวึสุ. เถโร ‘‘มา ภายิตฺถ อุปาสกา, ภิกฺขุ อห’’นฺติ อาห. เต อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เถรคเตน ปสาเทน ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑). อยเมตฺถ ปฺจหิ ภณฺฑกสเตหิ อชฺโฌตฺถฏสฺส เถรสฺส อาพาธาภาโว สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ.
อุตฺตรา ปน อุปาสิกา ปุณฺณเสฏฺิสฺส ธีตา. ตสฺสา สิริมา นาม คณิกา อิสฺสาปกตา ตตฺตเตลกฏาหํ สีเส อาสิฺจิ. อุตฺตรา ตํขณฺเว เมตฺตํ สมาปชฺชิ. เตลํ โปกฺขรปตฺตโต อุทกพินฺทุ วิย วิวฏฺฏมานํ อคมาสิ. อยมสฺสา สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วตฺถุ ปน วิตฺถาเรตพฺพํ.
สามาวตี นาม อุเทนสฺส รฺโ อคฺคมเหสี. มาคณฺฑิยพฺราหฺมโณ อตฺตโน ธีตาย อคฺคมเหสิฏฺานํ ปตฺถยมาโน ตสฺสา วีณาย อาสีวิสํ ¶ ปกฺขิปาเปตฺวา ราชานํ อาห ‘‘มหาราช, สามาวตี ตํ มาเรตุกามา วีณาย อาสีวิสํ คเหตฺวา ปริหรตี’’ติ. ราชา ตํ ทิสฺวา กุปิโต สามาวตึ วธิสฺสามีติ ธนุํ อาโรเปตฺวา วิสปีตํ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิ. สามาวตี สปริวารา ราชานํ เมตฺตาย ผริ. ราชา เนว สรํ ขิปิตุํ น โอโรเปตุํ สกฺโกนฺโต เวธมาโน อฏฺาสิ. ตโต นํ เทวี อาห ‘‘กึ, มหาราช, กิลมสี’’ติ? ‘‘อาม กิลมามี’’ติ. ‘‘เตน ¶ หิ ธนุํ โอโรเปหี’’ติ. สโร รฺโ ปาทมูเลเยว ปติ. ตโต นํ เทวี ‘‘มหาราช, อปฺปทุฏฺสฺส นปฺปทุสฺสิตพฺพ’’นฺติ โอวทิ. อิติ รฺโ สรํ มฺุจิตุํ อวิสหนภาโว สามาวติยา อุปาสิกาย สมาธิวิปฺผารา อิทฺธีติ.
๓๗๕. ปฏิกฺกูลาทีสุ อปฺปฏิกฺกูลสฺิวิหาราทิกา ปน อริยา อิทฺธิ นาม. ยถาห – ‘‘กตมา อริยา อิทฺธิ? อิธ – ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกฺกูเล อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฏิกฺกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ…เป… อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๗). อยฺหิ เจโตวสิปฺปตฺตานํ อริยานํเยว สมฺภวโต อริยา อิทฺธีติ วุจฺจติ.
เอตาย หิ สมนฺนาคโต ขีณาสโว ภิกฺขุ ปฏิกฺกูเล อนิฏฺเ วตฺถุสฺมึ เมตฺตาผรณํ วา ธาตุมนสิการํ วา กโรนฺโต อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. อปฺปฏิกฺกูเล อิฏฺเ วตฺถุสฺมึ อสุภผรณํ วา อนิจฺจนฺติ มนสิการํ วา กโรนฺโต ปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. ตถา ปฏิกฺกูลาปฏิกฺกูเลสุ ตเทว เมตฺตาผรณํ วา ธาตุมนสิการํ วา กโรนฺโต อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. อปฺปฏิกฺกูลปฏิกฺกูเลสุ จ ตเทว อสุภผรณํ วา อนิจฺจนฺติ มนสิการํ วา กโรนฺโต ปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหตีติอาทินา นเยน วุตฺตํ ปน ฉฬงฺคุเปกฺขํ ปวตฺตยมาโน ปฏิกฺกูเล จ อปฺปฏิกฺกูเล จ ตทุภยํ อภินิวชฺชิตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. ปฏิสมฺภิทายฺหิ ‘‘กถํ ปฏิกฺกูเล อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ? อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ เมตฺตาย วา ผรติ ธาตุโส วา อุปสํหรตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๗) นเยน อยเมว อตฺโถ วิภตฺโต. อยํ เจโตวสิปฺปตฺตานํ อริยานํเยว สมฺภวโต อริยา อิทฺธีติ วุจฺจติ.
๓๗๖. ปกฺขีอาทีนํ ปน ¶ เวหาสคมนาทิกา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ นาม. ยถาห – ‘‘กตมา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ? สพฺเพสํ ปกฺขีนํ สพฺเพสํ เทวานํ เอกจฺจานํ มนุสฺสานํ เอกจฺจานฺจ วินิปาติกานํ อยํ กมฺมวิปากชา อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘). เอตฺถ หิ สพฺเพสํ ปกฺขีนํ ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา วินาเยว อากาเสน คมนํ. ตถา สพฺเพสํ เทวานํ ปมกปฺปิกานฺจ เอกจฺจานํ มนุสฺสานํ. ตถา ปิยงฺกรมาตา (สํ. นิ. ๑.๒๔๐) ยกฺขินี ¶ อุตฺตรมาตา ผุสฺสมิตฺตา ธมฺมคุตฺตาติ เอวมาทีนํ เอกจฺจานํ วินิปาติกานํ อากาเสน คมนํ กมฺมวิปากชา อิทฺธีติ.
๓๗๗. จกฺกวตฺติอาทีนํ เวหาสคมนาทิกา ปน ปฺุวโต อิทฺธิ นาม. ยถาห ‘‘กตมา ปฺุวโต อิทฺธิ? ราชา จกฺกวตฺตี เวหาสํ คจฺฉติ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย อนฺตมโส อสฺสพนฺธโคพนฺธปุริเส อุปาทาย. โชติกสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. ชฏิลกสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. โฆสิตสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. ปฺจนฺนํ มหาปฺุานํ ปฺุวโต อิทฺธี’’ติ. สงฺเขปโต ปน ปริปากํ คเต ปฺุสมฺภาเร อิชฺฌนกวิเสโส ปฺุวโต อิทฺธิ.
เอตฺถ จ โชติกสฺส คหปติสฺส ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณิปาสาโท อุฏฺหิ. จตุสฏฺิ จ กปฺปรุกฺขาติ อยมสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. ชฏิลกสฺส อสีติหตฺโถ สุวณฺณปพฺพโต นิพฺพตฺติ. โฆสิตสฺส สตฺตสุ าเนสุ มารณตฺถาย อุปกฺกเม กเตปิ อโรคภาโว ปฺุวโต อิทฺธิ. เมณฺฑกสฺส เอกกรีสมตฺเต ปเทเส สตฺตรตนมยานํ เมณฺฑกานํ ปาตุภาโว ปฺุวโต อิทฺธิ. ปฺจ มหาปฺุา นาม เมณฺฑกเสฏฺิ, ตสฺส ภริยา จนฺทปทุมสิรี, ปุตฺโต ธนฺจยเสฏฺิ, สุณิสา สุมนเทวี, ทาโส ปุณฺโณ นามาติ. เตสุ เสฏฺิสฺส สีสํ นฺหาตสฺส อากาสํ อุลฺโลกนกาเล อฑฺฒเตฬสโกฏฺสหสฺสานิ อากาสโต รตฺตสาลีนํ ปูเรนฺติ. ภริยาย นาฬิโกทนมตฺตมฺปิ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิเก ปริวิสมานาย ภตฺตํ น ขียติ. ปุตฺตสฺส สหสฺสตฺถวิกํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิกานมฺปิ เทนฺตสฺส กหาปณา น ขียนฺติ. สุณิสาย เอกํ ¶ วีหิตุมฺพํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิกานมฺปิ ภาชยมานาย ธฺํ น ขียติ. ทาสสฺส เอเกน นงฺคเลน กสโต อิโต สตฺต อิโต สตฺตาติ จุทฺทส มคฺคา โหนฺติ. อยํ เนสํ ปฺุวโต อิทฺธิ.
๓๗๘. วิชฺชาธราทีนํ เวหาสคมนาทิกา ปน วิชฺชามยา อิทฺธิ. ยถาห ‘‘กตมา วิชฺชามยา อิทฺธิ? วิชฺชาธรา วิชฺชํ ปริชปิตฺวา เวหาสํ คจฺฉนฺติ. อากาเส อนฺตลิกฺเข หตฺถิมฺปิ ทสฺเสนฺติ…เป… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘).
๓๗๙. เตน เตน ปน สมฺมาปโยเคน ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส อิชฺฌนํ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ. ยถาห – ‘‘เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทสฺส ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ ตตฺถ ¶ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘). เอตฺถ จ ปฏิปตฺติสงฺขาตสฺเสว สมฺมาปโยคสฺส ทีปนวเสน ปุริมปาฬิสทิสาว ปาฬิ อาคตา. อฏฺกถายํ ปน สกฏพฺยูหาทิกรณวเสน ยํกิฺจิ สิปฺปกมฺมํ ยํกิฺจิ เวชฺชกมฺมํ ติณฺณํ เพทานํ อุคฺคหณํ ติณฺณํ ปิฏกานํ อุคฺคหณํ อนฺตมโส กสนวปนาทีนิ อุปาทาย ตํ ตํ กมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺตวิเสโส ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธีติ อาคตา. (๑๐)
อิติ อิมาสุ ทสสุ อิทฺธีสุ อิทฺธิวิธายาติ อิมสฺมึ ปเท อธิฏฺานา อิทฺธิเยว อาคตา. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิกุพฺพนามโนมยาอิทฺธิโยปิ อิจฺฉิตพฺพา เอว.
๓๘๐. อิทฺธิวิธายาติ อิทฺธิโกฏฺาสาย, อิทฺธิวิกปฺปาย วา. จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตีติ โส ภิกฺขุ วุตฺตปฺปการวเสน ตสฺมึ จิตฺเต อภิฺาปาทเก ชาเต อิทฺธิวิธาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ อภินีหรติ กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อิทฺธิวิธาภิมุขํ เปเสติ. อภินินฺนาเมตีติ อธิคนฺตพฺพอิทฺธิโปณํ อิทฺธิปพฺภารํ กโรติ. โสติ โส เอวํ กตจิตฺตาภินีหาโร ภิกฺขุ. อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ. อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฏฺาสํ. ปจฺจนุโภตีติ ปจฺจนุภวติ, ผุสติ ¶ สจฺฉิกโรติ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. อิทานิสฺส อเนกวิหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอโกปิ หุตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอโกปิ หุตฺวาติ อิทฺธิกรณโต ปุพฺเพ ปกติยา เอโกปิ หุตฺวา. พหุธา โหตีติ พหูนํ สนฺติเก จงฺกมิตุกาโม วา สชฺฌายํ วา กตฺตุกาโม ปฺหํ วา ปุจฺฉิตุกาโม หุตฺวา สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ โหติ. กถํ ปนายเมวํ โหติ? อิทฺธิยา จตสฺโส ภูมิโย จตฺตาโร ปาทา อฏฺ ปทานิ โสฬส จ มูลานิ สมฺปาเทตฺวา าเณน อธิฏฺหนฺโต.
๓๘๑. ตตฺถ จตสฺโส ภูมิโยติ จตฺตาริ ฌานานิ เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา ‘‘อิทฺธิยา กตมา จตสฺโส ภูมิโย? วิเวกชภูมิ ปมํ ฌานํ, ปีติสุขภูมิ ทุติยํ ฌานํ, อุเปกฺขาสุขภูมิ ตติยํ ฌานํ, อทุกฺขมสุขภูมิ จตุตฺถํ ฌานํ. อิทฺธิยา อิมา จตสฺโส ภูมิโย อิทฺธิลาภาย อิทฺธิปฏิลาภาย อิทฺธิวิกุพฺพนตาย อิทฺธิวิสวิตาย อิทฺธิวสิตาย อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙). เอตฺถ จ ปุริมานิ ตีณิ ฌานานิ ยสฺมา ปีติผรเณน จ สุขผรเณน จ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ¶ ลหุมุทุกมฺมฺกาโย อิทฺธึ ปาปุณาติ, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน อิทฺธิลาภาย สํวตฺตนโต สมฺภารภูมิโยติ เวทิตพฺพานิ. จตุตฺถชฺฌานํ ปน อิทฺธิลาภาย ปกติภูมิเยว.
๓๘๒. จตฺตาโร ปาทาติ จตฺตาโร อิทฺธิปาทา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิทฺธิยา กตเม จตฺตาโร ปาทา? อิธ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ. วีริย… จิตฺต… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ. อิทฺธิยา อิเม จตฺตาโร ปาทา อิทฺธิลาภาย…เป… อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙). เอตฺถ จ ฉนฺทเหตุโก ฉนฺทาธิโก วา สมาธิ ฉนฺทสมาธิ. กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ อธิปตึ กริตฺวา ปฏิลทฺธสมาธิสฺเสตํ อธิวจนํ. ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขารา. จตุกิจฺจสาธกสฺส สมฺมปฺปธานวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. สมนฺนาคตนฺติ ฉนฺทสมาธินา จ ปธานสงฺขาเรหิ จ อุเปตํ. อิทฺธิปาทนฺติ นิปฺผตฺติปริยาเยน วา อิชฺฌนฏฺเน, อิชฺฌนฺติ เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิมินา วา ปริยาเยน อิทฺธีติ สงฺขํ คตานํ อภิฺาจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารานํ ¶ อธิฏฺานฏฺเน ปาทภูตํ เสสจิตฺตเจตสิกราสินฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิทฺธิปาโทติ ตถาภูตสฺส เวทนากฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๔๓๔).
อถ วา ปชฺชเต อเนนาติ ปาโท. ปาปุณียตีติ อตฺโถ. อิทฺธิยา ปาโท อิทฺธิปาโท. ฉนฺทาทีนเมตํ อธิวจนํ. ยถาห – ‘‘ฉนฺทฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิสฺสาย ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธิ. โส อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ…เป… ปทหติ, อิเม วุจฺจนฺติ ปธานสงฺขารา. อิติ อยฺจ ฉนฺโท อยฺจ ฉนฺทสมาธิ อิเม จ ปธานสงฺขารา, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคโต อิทฺธิปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๕.๘๒๕). เอวํ เสสิทฺธิปาเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๘๓. อฏฺ ปทานีติ ฉนฺทาทีนิ อฏฺ เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิทฺธิยา กตมานิ อฏฺ ปทานิ? ฉนฺทฺเจ ภิกฺขุ นิสฺสาย ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ. ฉนฺโท น สมาธิ, สมาธิ น ฉนฺโท. อฺโ ฉนฺโท, อฺโ สมาธิ. วีริยฺเจ ภิกฺขุ… จิตฺตฺเจ ภิกฺขุ… วีมํสฺเจ ภิกฺขุ นิสฺสาย ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ. วีมํสา น สมาธิ, สมาธิ น วีมํสา. อฺา วีมํสา, อฺโ สมาธิ. อิทฺธิยา อิมานิ อฏฺ ปทานิ อิทฺธิลาภาย…เป… อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙). เอตฺถ หิ อิทฺธิมุปฺปาเทตุกามตาฉนฺโท ¶ สมาธินา เอกโต นิยุตฺโตว อิทฺธิลาภาย สํวตฺตติ; ตถา วีริยาทโย. ตสฺมา อิมานิ อฏฺ ปทานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ.
๓๘๔. โสฬส มูลานีติ โสฬสหิ อากาเรหิ อาเนฺชตา จิตฺตสฺส เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อิทฺธิยา กติ มูลานิ? โสฬส มูลานิ – อโนนตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนุนฺนตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนภินตํ จิตฺตํ ราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนปนตํ จิตฺตํ พฺยาปาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนิสฺสิตํ จิตฺตํ ทิฏฺิยา น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อปฺปฏิพทฺธํ จิตฺตํ ฉนฺทราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วิปฺปมุตฺตํ จิตฺตํ กามราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วิสํยุตฺตํ จิตฺตํ กิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ กิเลสมริยาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, เอกตฺตคตํ จิตฺตํ นานตฺตกิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, สทฺธาย ปริคฺคหิตํ ¶ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วีริเยน ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, สติยา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปมาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, สมาธินา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, ปฺาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อวิชฺชาย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, โอภาสคตํ จิตฺตํ อวิชฺชนฺธกาเร น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อิทฺธิยา อิมานิ โสฬส มูลานิ อิทฺธิลาภาย…เป… อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙).
กามฺจ เอส อตฺโถ เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติอาทินาปิ สิทฺโธเยว, ปมชฺฌานาทีนํ ปน อิทฺธิยา ภูมิปาทปทมูลภาวทสฺสนตฺถํ ปุน วุตฺโต. ปุริโม จ สุตฺเตสุ อาคตนโย. อยํ ปฏิสมฺภิทายํ. อิติ อุภยตฺถ อสมฺโมหตฺถมฺปิ ปุน วุตฺโต.
๓๘๕. าเณน อธิฏฺหนฺโตติ สฺวายเมเต อิทฺธิยา ภูมิปาทปทภูเต ธมฺเม สมฺปาเทตฺวา อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สเจ สตํ อิจฺฉติ ‘‘สตํ โหมิ สตํ โหมี’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาติ, อธิฏฺานจิตฺเตน สเหว สตํ โหติ. สหสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย. สเจ เอวํ น อิชฺฌติ ปุน ปริกมฺมํ กตฺวา ทุติยมฺปิ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาตพฺพํ. สํยุตฺตฏฺกถายํ หิ เอกวารํ ทฺเววารํ สมาปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ นิมิตฺตารมฺมณํ. ปริกมฺมจิตฺตานิ สตารมฺมณานิ วา สหสฺสารมฺมณานิ วา, ตานิ จ โข วณฺณวเสน, โน ปณฺณตฺติวเสน. อธิฏฺานจิตฺตมฺปิ ตเถว สตารมฺมณํ ¶ วา สหสฺสารมฺมณํ วา. ตํ ปุพฺเพ วุตฺตํ อปฺปนาจิตฺตมิว โคตฺรภุอนนฺตรํ เอกเมว อุปฺปชฺชติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกํ.
๓๘๖. ยมฺปิ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตํ ‘‘ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา, อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘พหุโก โหมี’ติ, พหุโก โหติ, ยถา อายสฺมา จูฬปนฺถโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐). ตตฺราปิ อาวชฺชตีติ ปริกมฺมวเสเนว วุตฺตํ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาตีติ อภิฺาาณวเสน วุตฺตํ. ตสฺมา พหุกํ อาวชฺชติ, ตโต เตสมฺปิ ปริกมฺมจิตฺตานํ อวสาเน สมาปชฺชติ, สมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา ปุน พหุโก โหมีติ อาวชฺชิตฺวา ตโต ปรํ ปวตฺตานํ ติณฺณํ จตุนฺนํ วา ปุพฺพภาคจิตฺตานํ อนนฺตรา อุปฺปนฺเนน สนฺนิฏฺาปนวเสน อธิฏฺานนฺติ ¶ ลทฺธนาเมน เอเกเนว อภิฺาาเณน อธิฏฺาตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ยถา อายสฺมา จูฬปนฺถโก’’ติ, ตํ พหุธาภาวสฺส กายสกฺขิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตํ ปน วตฺถุนา ทีเปตพฺพํ. เต กิร ทฺเวภาตโร ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถกาติ นามํ ลภึสุ. เตสํ เชฏฺโ มหาปนฺถโก, โส ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหา หุตฺวา จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชตฺวา –
ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเขติ. (อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ คาถํ อทาสิ. โส ตํ จตูหิ มาเสหิ ปคุณํ กาตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ เถโร อภพฺโพ ตฺวํ สาสเนติ วิหารโต นีหริ. ตสฺมิฺจ กาเล เถโร ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. ชีวโก เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, ภควตา สทฺธึ ปฺจภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา อมฺหากํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. เถโรปิ เปตฺวา จูฬปนฺถกํ เสสานํ อธิวาเสมีติ อธิวาเสสิ.
จูฬปนฺถโก ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา โรทติ. ภควา ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา กสฺมา โรทสีติ อาห. โส ตํ ปวตฺติมาจิกฺขิ. ภควา น สชฺฌายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต มม ¶ สาสเน อภพฺโพ นาม โหติ, มา โสจิ ภิกฺขูติ ตํ พาหายํ คเหตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา อิทฺธิยา ปิโลติกขณฺฑํ อภินิมฺมินิตฺวา อทาสิ, หนฺท ภิกฺขุ อิมํ ปริมชฺชนฺโต รโชหรณํ รโชหรณนฺติ ปุนปฺปุนํ สชฺฌายํ กโรหีติ. ตสฺส ตถา กโรโต ตํ กาฬวณฺณํ อโหสิ. โส ปริสุทฺธํ วตฺถํ, นตฺเถตฺถ โทโส, อตฺตภาวสฺส ปนายํ โทโสติ สฺํ ปฏิลภิตฺวา ปฺจสุ ขนฺเธสุ าณํ โอตาเรตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนุโลมโต โคตฺรภุสมีปํ ปาเปสิ. อถสฺส ภควา โอภาสคาถา อภาสิ –
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ปณฺฑิตา,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โทโส ¶ …เป….
‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ปณฺฑิตา,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน’’ติ. (มหานิ. ๒๐๙);
ตสฺส คาถาปริโยสาเน จตุปฏิสมฺภิทาฉฬภิฺาปริวารา นว โลกุตฺตรธมฺมา หตฺถคตาว อเหสุํ.
สตฺถา ทุติยทิวเส ชีวกสฺส เคหํ อคมาสิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ ทกฺขิโณทกาวสาเน ยาคุยา ทิยฺยมานาย หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. ชีวโก กึ ภนฺเตติ ปุจฺฉิ. วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถีติ. โส ปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, อยฺยํ คเหตฺวา สีฆํ เอหี’’ติ. วิหารโต นิกฺขนฺเต ปน ภควติ,
สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ ¶ , นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;
นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนาติ. (เถรคา. ๕๖๓);
อถ โส ปุริโส คนฺตฺวา กาสาเวหิ เอกปชฺโชตํ อารามํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ภิกฺขูหิ ภริโต ภนฺเต อาราโม, นาหํ ชานามิ กตโม โส อยฺโยติ อาห. ตโต นํ ภควา อาห ‘‘คจฺฉ ยํ ปมํ ปสฺสสิ, ตํ จีวรกณฺเณ คเหตฺวา ‘สตฺถา ตํ อามนฺเตตี’ติ วตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตํ คนฺตฺวา เถรสฺเสว จีวรกณฺเณ อคฺคเหสิ. ตาวเทว สพฺเพปิ นิมฺมิตา อนฺตรธายึสุ. เถโร ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา มุขโธวนาทิสรีรกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา ปตฺตาสเน นิสีทิ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยถา อายสฺมา จูฬปนฺถโก’’ติ.
ตตฺร เย เต พหู นิมฺมิตา เต อนิยเมตฺวา นิมฺมิตตฺตา อิทฺธิมตา สทิสาว โหนฺติ. านนิสชฺชาทีสุ วา ภาสิตตุณฺหีภาวาทีสุ วา ยํ ยํ อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว กโรนฺติ. สเจ ปน นานาวณฺเณ กาตุกาโม โหติ, เกจิ ปมวเย, เกจิ มชฺฌิมวเย, เกจิ ปจฺฉิมวเย, ตถา ¶ ทีฆเกเส, อุปฑฺฒมุณฺเฑ, มุณฺเฑ, มิสฺสเกเส, อุปฑฺฒรตฺตจีวเร, ปณฺฑุกจีวเร, ปทภาณธมฺมกถาสรภฺปฺหปุจฺฉนปฺหวิสฺสชฺชนรชนปจนจีวรสิพฺพนโธวนาทีนิ กโรนฺเต อปเรปิ วา นานปฺปการเก กาตุกาโม โหติ, เตน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย เอตฺตกา ภิกฺขู ปมวยา โหนฺตูติอาทินา นเยน ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาตพฺพํ. อธิฏฺานจิตฺเตน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการาเยว โหนฺตีติ. เอส นโย พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตีติอาทีสุ.
อยํ ปน วิเสโส, อิมินา ภิกฺขุนา เอวํ พหุภาวํ นิมฺมินิตฺวา ปุน ‘‘เอโกว หุตฺวา จงฺกมิสฺสามิ, สชฺฌายํ กริสฺสามิ, ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วา, ‘‘อยํ วิหาโร อปฺปภิกฺขุโก, สเจ เกจิ อาคมิสฺสนฺติ ‘กุโต อิเม เอตฺตกา เอกสทิสา ภิกฺขู, อทฺธา เถรสฺส เอส อานุภาโว’ติ มํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ อปฺปิจฺฉตาย วา อนฺตราว ‘‘เอโก โหมี’’ติ อิจฺฉนฺเตน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘เอโก โหมี’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘เอโก โหมี’’ติ อธิฏฺาตพฺพํ. อธิฏฺานจิตฺเตน สทฺธึเยว เอโก โหติ. เอวํ อกโรนฺโต ปน ยถา ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สยเมว เอโก โหติ.
๓๘๗. อาวิภาวํ ติโรภาวนฺติ เอตฺถ อาวิภาวํ กโรติ ติโรภาวํ กโรตีติ อยมตฺโถ ¶ . อิทเมว หิ สนฺธาย ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตํ ‘‘อาวิภาวนฺติ เกนจิ อนาวฏํ โหติ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ วิวฏํ ปากฏํ. ติโรภาวนฺติ เกนจิ อาวฏํ โหติ ปฏิจฺฉนฺนํ ปิหิตํ ปฏิกุชฺชิต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑). ตตฺรายํ อิทฺธิมา อาวิภาวํ กาตุกาโม อนฺธการํ วา อาโลกํ กโรติ, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวฏํ, อนาปาถํ วา อาปาถํ กโรติ. กถํ? อยฺหิ ยถา ปฏิจฺฉนฺโนปิ ทูเร ิโตปิ วา ทิสฺสติ, เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา กาตุกาโม ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย อิทํ อนฺธการฏฺานํ อาโลกชาตํ โหตูติ วา, อิทํ ปฏิจฺฉนฺนํ วิวฏํ โหตูติ วา, อิทํ อนาปาถํ อาปาถํ โหตูติ วา อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาติ, สห อธิฏฺานจิตฺเตน ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. ปเร ทูเร ิตาปิ ปสฺสนฺติ. สยมฺปิ ปสฺสิตุกาโม ปสฺสติ.
๓๘๘. เอตํ ¶ ปน ปาฏิหาริยํ เกน กตปุพฺพนฺติ? ภควตา. ภควา หิ จูฬสุภทฺทาย นิมนฺติโต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิเตหิ ปฺจหิ กูฏาคารสเตหิ สาวตฺถิโต สตฺตโยชนพฺภนฺตรํ สาเกตํ คจฺฉนฺโต ยถา สาเกตนครวาสิโน สาวตฺถิวาสิเก, สาวตฺถิวาสิโน จ สาเกตวาสิเก ปสฺสนฺติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. นครมชฺเฌ จ โอตริตฺวา ปถวึ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ยาว อวีจึ อากาสฺจ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกํ ทสฺเสสิ.
เทโวโรหเณนปิ จ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. ภควา กิร ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา จตุราสีติปาณสหสฺสานิ พนฺธนา ปโมเจตฺวา อตีตา พุทฺธา ยมกปาฏิหาริยาวสาเน กุหึ คตาติ อาวชฺชิตฺวา ตาวตึสภวนํ คตาติ อทฺทส. อเถเกน ปาเทน ปถวีตลํ อกฺกมิตฺวา ทุติยํ ยุคนฺธรปพฺพเต ปติฏฺเปตฺวา ปุน ปุริมปาทํ อุทฺธริตฺวา สิเนรุมตฺถกํ อกฺกมิตฺวา ตตฺถ ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล วสฺสํ อุปคนฺตฺวา สนฺนิปติตานํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ อาทิโต ปฏฺาย อภิธมฺมกถํ อารภิ. ภิกฺขาจารเวลาย นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. โส ธมฺมํ เทเสติ. ภควา นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรูสุ ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อโนตตฺตทหตีเร ปริภฺุชติ. สาริปุตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทติ. ภควา อชฺช เอตฺตกํ ธมฺมํ เทเสสินฺติ เถรสฺส นยํ เทติ. เอวํ ตโย มาเส อพฺโพจฺฉินฺนํ อภิธมฺมกถํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา อสีติโกฏิเทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
ยมกปาฏิหาริเย สนฺนิปติตาปิ ทฺวาทสโยชนา ปริสา ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวาว คมิสฺสามาติ ¶ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา อฏฺาสิ. ตํ จูฬอนาถปิณฺฑิกเสฏฺิเยว สพฺพปจฺจเยหิ อุปฏฺาสิ. มนุสฺสา กุหึ ภควาติ ชานนตฺถาย อนุรุทฺธตฺเถรํ ยาจึสุ. เถโร อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา อทฺทส ทิพฺเพน จกฺขุนา ตตฺถ วสฺสูปคตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาโรเจสิ.
เต ภควโต วนฺทนตฺถาย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ ยาจึสุ. เถโร ปริสมชฺเฌเยว มหาปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา สิเนรุปพฺพตํ นิพฺพิชฺฌิตฺวา ตถาคตปาทมูเล ¶ ภควโต ปาเท วนฺทมาโนว อุมฺมุชฺชิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘ชมฺพุทีปวาสิโน, ภนฺเต, ภควโต ปาเท วนฺทิตฺวา ปสฺสิตฺวาว คมิสฺสามาติ วทนฺตี’’ติ. ภควา อาห ‘‘กุหึ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, เอตรหิ เชฏฺภาตา ธมฺมเสนาปตี’’ติ? ‘‘สงฺกสฺสนคเร ภนฺเต’’ติ. ‘‘โมคฺคลฺลาน, มํ ทฏฺุกามา สฺเว สงฺกสฺสนครํ อาคจฺฉนฺตุ, อหํ สฺเว มหาปวารณปุณฺณมาสีอุโปสถทิวเส สงฺกสฺสนคเร โอตริสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ทสพลํ วนฺทิตฺวา อาคตมคฺเคเนว โอรุยฺห มนุสฺสานํ สนฺติกํ สมฺปาปุณิ. คมนาคมนกาเล จ ยถา นํ มนุสฺสา ปสฺสนฺติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. อิทํ ตาเวตฺถ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อาวิภาวปาฏิหาริยํ อกาสิ.
โส เอวํ อาคโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ทูรนฺติ สฺํ อกตฺวา กตปาตราสาว นิกฺขมถา’’ติ อาห. ภควา สกฺกสฺส เทวรฺโ อาโรเจสิ ‘‘มหาราช, สฺเว มนุสฺสโลกํ คจฺฉามี’’ติ. เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อาณาเปสิ ‘‘ตาต, สฺเว ภควา มนุสฺสโลกํ คนฺตุกาโม, ติสฺโส โสปานปนฺติโย มาเปหิ เอกํ กนกมยํ, เอกํ รชตมยํ, เอกํ มณิมย’’นฺติ. โส ตถา อกาสิ. ภควา ทุติยทิวเส สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา ปุรตฺถิมโลกธาตุํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ วิวฏานิ หุตฺวา เอกงฺคณํ วิย ปกาสึสุ. ยถา จ ปุรตฺถิเมน, เอวํ ปจฺฉิเมนปิ อุตฺตเรนปิ ทกฺขิเณนปิ สพฺพํ วิวฏมทฺทส. เหฏฺาปิ ยาว อวีจิ, อุปริ ยาว อกนิฏฺภวนํ, ตาว อทฺทส.
ตํ ทิวสํ กิร โลกวิวรณํ นาม อโหสิ. มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสนฺติ, เทวาปิ มนุสฺเส. ตตฺถ เนว มนุสฺสา อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺติ, น เทวา อโธ โอโลเกนฺติ, สพฺเพ สมฺมุขาว อฺมฺํ ปสฺสนฺติ. ภควา มชฺเฌ มณิมเยน โสปาเนน โอตรติ, ฉกามาวจรเทวา วามปสฺเส กนกมเยน, สุทฺธาวาสา จ มหาพฺรหฺมา จ ทกฺขิณปสฺเส รชตมเยน. เทวราชา ปตฺตจีวรํ อคฺคเหสิ, มหาพฺรหฺมา ติโยชนิกํ เสตจฺฉตฺตํ, สุยาโม วาฬพีชนึ, ปฺจสิโข คนฺธพฺพปุตฺโต ¶ ติคาวุตมตฺตํ เพฬุวปณฺฑุวีณํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส ปูชํ กโรนฺโต โอตรติ. ตํทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา พุทฺธภาวาย ปิหํ อนุปฺปาเทตฺวา ิตสตฺโต นาม นตฺถิ. อิทเมตฺถ ภควา อาวิภาวปาฏิหาริยํ อกาสิ.
อปิจ ¶ ตมฺพปณฺณิทีเป ตลงฺครวาสี ธมฺมทินฺนตฺเถโรปิ ติสฺสมหาวิหาเร เจติยงฺคณสฺมึ นิสีทิตฺวา ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ อปณฺณกสุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๑๖) กเถนฺโต เหฏฺามุขํ พีชนึ อกาสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ. ตโต อุปริมุขํ อกาสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณํ อโหสิ. เถโร นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา สคฺคสุเขน จ ปโลเภตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามี อนาคามี อรหนฺโตติ.
๓๘๙. ติโรภาวํ กาตุกาโม ปน อาโลกํ วา อนฺธการํ กโรติ, อปฺปฏิจฺฉนฺนํ วา ปฏิจฺฉนฺนํ, อาปาถํ วา อนาปาถํ กโรติ. กถํ? อยฺหิ ยถา อปฺปฏิจฺฉนฺโนปิ สมีเป ิโตปิ วา น ทิสฺสติ, เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา กาตุกาโม ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อิทํ อาโลกฏฺานํ อนฺธการํ โหตู’’ติ วา, ‘‘อิทํ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหตู’’ติ วา, ‘‘อิทํ อาปาถํ อนาปาถํ โหตู’’ติ วา อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาติ. สห อธิฏฺานจิตฺเตน ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. ปเร สมีเป ิตาปิ น ปสฺสนฺติ. สยมฺปิ อปสฺสิตุกาโม น ปสฺสติ.
๓๙๐. เอตํ ปน ปาฏิหาริยํ เกน กตปุพฺพนฺติ? ภควตา. ภควา หิ ยสํ กุลปุตฺตํ สมีเป นิสินฺนํเยว ยถา นํ ปิตา น ปสฺสติ, เอวมกาสิ. ตถา วีสโยชนสตํ มหากปฺปินสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตํ อนาคามิผเล, อมจฺจสหสฺสฺจสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, ตสฺส อนุมคฺคํ อาคตา สหสฺสิตฺถิปริวารา อโนชาเทวี อาคนฺตฺวา สมีเป นิสินฺนาปิ ยถา สปริสํ ราชานํ น ปสฺสติ, ตถา กตฺวา ‘‘อปิ, ภนฺเต, ราชานํ ปสฺสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน เต ราชานํ คเวสิตุํ วรํ, อุทาหุ อตฺตาน’’นฺติ? ‘‘อตฺตานํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา นิสินฺนาย ตสฺสา ตถา ธมฺมํ เทเสสิ, ยถา สา สทฺธึ อิตฺถิสหสฺเสน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, อมจฺจา อนาคามิผเล, ราชา อรหตฺเตติ. อปิจ ตมฺพปณฺณิทีปํ ¶ ¶ อาคตทิวเส ยถา อตฺตนา สทฺธึ อาคเต อวเสเส ราชา น ปสฺสติ, เอวํ กโรนฺเตน มหินฺทตฺเถเรนาปิ อิทํ กตเมว (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา).
๓๙๑. อปิจ สพฺพมฺปิ ปากฏํ ปาฏิหาริยํ อาวิภาวํ นาม. อปากฏปาฏิหาริยํ ติโรภาวํ นาม. ตตฺถ ปากฏปาฏิหาริเย อิทฺธิปิ ปฺายติ อิทฺธิมาปิ. ตํ ยมกปาฏิหาริเยน ทีเปตพฺพํ. ตตฺร หิ ‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ. อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) เอวํ อุภยํ ปฺายิตฺถ. อปากฏปาฏิหาริเย อิทฺธิเยว ปฺายติ, น อิทฺธิมา. ตํ มหกสุตฺเตน (สํ. นิ. ๔.๓๔๖) จ พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺเตน (ม. นิ. ๑.๕๐๑ อาทโย) จ ทีเปตพฺพํ. ตตฺร หิ อายสฺมโต จ มหกสฺส, ภควโต จ อิทฺธิเยว ปฺายิตฺถ, น อิทฺธิมา.
ยถาห –
‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข จิตฺโต คหปติ อายสฺมนฺตํ มหกํ เอตทโวจ ‘สาธุ เม, ภนฺเต, อยฺโย มหโก อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตู’ติ. เตน หิ ตฺวํ คหปติ อาฬินฺเท อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ติณกลาปํ โอกาเสหีติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข จิตฺโต คหปติ อายสฺมโต มหกสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อาฬินฺเท อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ติณกลาปํ โอกาเสสิ. อถ โข อายสฺมา มหโก วิหารํ ปวิสิตฺวา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา ตาลจฺฉิคฺคเฬน จ อคฺคฬนฺตริกาย จ อจฺจิ นิกฺขมิตฺวา ติณานิ ฌาเปสิ, อุตฺตราสงฺคํ น ฌาเปสี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๖).
ยถา จาห –
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสึ ‘เอตฺตาวตา พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ สทฺทฺจ เม โสสฺสนฺติ, น จ มํ ทกฺขิสฺสนฺตี’ติ อนฺตรหิโต อิมํ คาถํ อภาสึ –
‘ภเว ¶ ¶ วาหํ ภยํ ทิสฺวา, ภวฺจ วิภเวสินํ;
ภวํ นาภิวทึ กิฺจิ, นนฺทิฺจ น อุปาทิยิ’’’นฺติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๔);
๓๙๒. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเสติ เอตฺถ ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ, กุฏฺฏสฺส ปรภาคนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย อิตเรสุ. กุฏฺโฏติ จ เคหภิตฺติยา เอตมธิวจนํ. ปากาโรติ เคหวิหารคามาทีนํ ปริกฺเขปปากาโร. ปพฺพโตติ ปํสุปพฺพโต วา ปาสาณปพฺพโต วา. อสชฺชมาโนติ อลคฺคมาโน. เสยฺยถาปิ อากาเสติ อากาเส วิย. เอวํ คนฺตุกาเมน ปน อากาสกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย กุฏฺฏํ วา ปาการํ วา สิเนรุจกฺกวาเฬสุปิ อฺตรํ ปพฺพตํ วา อาวชฺชิตฺวา กตปริกมฺเมน อากาโส โหตูติ อธิฏฺาตพฺโพ. อากาโสเยว โหติ. อโธ โอตริตุกามสฺส, อุทฺธํ วา อาโรหิตุกามสฺส สุสิโร โหติ, วินิวิชฺฌิตฺวา คนฺตุกามสฺส ฉิทฺโท. โส ตตฺถ อสชฺชมาโน คจฺฉติ.
ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปเนตฺถาห – ‘‘อากาสกสิณสมาปชฺชนํ, อาวุโส, กิมตฺถิยํ, กึ หตฺถิอสฺสาทีนิ อภินิมฺมินิตุกาโม หตฺถิอสฺสาทิ กสิณานิ สมาปชฺชติ, นนุ ยตฺถ กตฺถจิ กสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺสมาปตฺติวสีภาโวเยว ปมาณํ. ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตเทว โหตี’’ติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ปาฬิยา, ภนฺเต, อากาสกสิณํเยว อาคตํ, ตสฺมา อวสฺสเมตํ วตฺตพฺพ’’นฺติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘ปกติยา อากาสกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘อากาโส โหตู’ติ. อากาโส โหติ. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต เกนจิ อนาวเฏ อปริกฺขิตฺเต อสชฺชมานา คจฺฉนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
สเจ ¶ ปนสฺส ภิกฺขุโน อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรา ปพฺพโต วา รุกฺโข วา อุฏฺเติ, กึ ปุน สมาปชฺชิตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ? โทโส นตฺถิ. ปุน สมาปชฺชิตฺวา อธิฏฺานํ หิ ¶ อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก นิสฺสยคฺคหณสทิสํ โหติ. อิมินา จ ปน ภิกฺขุนา อากาโส โหตูติ อธิฏฺิตตฺตา อากาโส โหติเยว. ปุริมาธิฏฺานพเลเนว จสฺส อนฺตรา อฺโ ปพฺพโต วา รุกฺโข วา อุตุมโย อุฏฺหิสฺสตีติ อฏฺานเมเวตํ. อฺเน อิทฺธิมตา นิมฺมิเต ปน ปมนิมฺมานํ พลวํ โหติ. อิตเรน ตสฺส อุทฺธํ วา อโธ วา คนฺตพฺพํ.
๓๙๓. ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชนฺติ เอตฺถ อุมฺมุชฺชนฺติ อุฏฺานํ วุจฺจติ. นิมุชฺชนฺติ สํสีทนํ. อุมฺมุชฺชฺจ นิมุชฺชฺจ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ. เอวํ กาตุกาเมน อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย เอตฺตเก าเน ปถวี อุทกํ โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาตพฺพํ. สห อธิฏฺาเนน ยถา ปริจฺฉินฺเน าเน ปถวี อุทกเมว โหติ. โส ตตฺถ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘ปกติยา อาโปกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ. ปถวึ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘อุทกํ โหตู’ติ. อุทกํ โหติ. โส ปถวิยา อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต อุทเก อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต ปถวิยา อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ, เสยฺยถาปิ อุทเก’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
น เกวลฺจ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชเมว, นฺหานปานมุขโธวนภณฺฑกโธวนาทีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ กโรติ. น เกวลฺจ อุทกเมว, สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีสุปิ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อิทฺจิทฺจ เอตฺตกํ โหตูติ อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺส ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. อุทฺธริตฺวา ภาชนคตํ กโรนฺตสฺส สปฺปิ สปฺปิเมว โหติ. เตลาทีนิ เตลาทีนิเยว. อุทกํ อุทกเมว. โส ตตฺถ เตมิตุกาโมว เตเมติ, น เตมิตุกาโม น เตเมติ. ตสฺเสว จ สา ปถวี อุทกํ โหติ เสสชนสฺส ปถวีเยว. ตตฺถ มนุสฺสา ปตฺติกาปิ คจฺฉนฺติ, ยานาทีหิปิ คจฺฉนฺติ, กสิกมฺมาทีนิปิ กโรนฺติเยว. สเจ ปนายํ เตสมฺปิ อุทกํ โหตูติ ¶ อิจฺฉติ, โหติเยว. ปริจฺฉินฺนกาลํ ปน อติกฺกมิตฺวา ยํ ปกติยา ฆฏตฬากาทีสุ อุทกํ, ตํ เปตฺวา อวเสสํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ ปถวีเยว โหติ.
๓๙๔. อุทเกปิ อภิชฺชมาเนติ เอตฺถ ยํ อุทกํ อกฺกมิตฺวา สํสีทติ, ตํ ภิชฺชมานนฺติ ¶ วุจฺจติ. วิปรีตํ อภิชฺชมานํ. เอวํ คนฺตุกาเมน ปน ปถวีกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย เอตฺตเก าเน อุทกํ ปถวี โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาตพฺพํ. สห อธิฏฺาเนน ยถา ปริจฺฉินฺนฏฺาเน อุทกํ ปถวีเยว โหติ. โส ตตฺถ คจฺฉติ, ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘ปกติยา ปถวีกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ. อุทกํ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘ปถวี โหตู’ติ. ปถวี โหติ. โส อภิชฺชมาเน อุทเก คจฺฉติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต อภิชฺชมานาย ปถวิยา คจฺฉนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อภิชฺชมาเน อุทเก คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ ปถวิย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
น เกวลฺจ คจฺฉติ, ยํ ยํ อิริยาปถํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ กโรติ. น เกวลฺจ ปถวิเมว กโรติ, มณิสุวณฺณปพฺพตรุกฺขาทีสุปิ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ วุตฺตนเยเนว อาวชฺชิตฺวา อธิฏฺาติ, ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. ตสฺเสว จ ตํ อุทกํ ปถวี โหติ, เสสชนสฺส อุทกเมว, มจฺฉกจฺฉปา จ อุทกกากาทโย จ ยถารุจิ วิจรนฺติ. สเจ ปนายํ อฺเสมฺปิ มนุสฺสานํ ตํ ปถวึ กาตุํ อิจฺฉติ, กโรติเยว. ปริจฺฉินฺนกาลาติกฺกเมน ปน อุทกเมว โหติ.
๓๙๕. ปลฺลงฺเกน กมตีติ ปลฺลงฺเกน คจฺฉติ. ปกฺขี สกุโณติ ปกฺเขหิ ยุตฺตสกุโณ. เอวํ กาตุกาเมน ปน ปถวีกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สเจ นิสินฺโน คนฺตุมิจฺฉติ, ปลฺลงฺกปฺปมาณํ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาตพฺพํ. สเจ นิปนฺโน คนฺตุกาโม โหติ มฺจปฺปมาณํ, สเจ ปทสา คนฺตุกาโม โหติ มคฺคปฺปมาณนฺติ เอวํ ยถานุรูปํ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วุตฺตนเยเนว ปถวี โหตูติ อธิฏฺาตพฺพํ, สห อธิฏฺาเนน ปถวีเยว โหติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘อากาเสปิ ¶ ปลฺลงฺเกน กมติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณติ. ปกติยา ปถวีกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ, อากาสํ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘ปถวี โหตู’ติ. ปถวี โหติ. โส อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมติปิ ติฏฺติปิ ¶ นิสีทติปิ เสยฺยมฺปิ กปฺเปติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต ปถวิยํ จงฺกมนฺติปิ…เป… เสยฺยมฺปิ กปฺเปนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมติปิ…เป… เสยฺยมฺปิ กปฺเปตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
อากาเส คนฺตุกาเมน จ ภิกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุลาภินาปิ ภวิตพฺพํ. กสฺมา? อนฺตเร อุตุสมุฏฺานา วา ปพฺพตรุกฺขาทโย โหนฺติ, นาคสุปณฺณาทโย วา อุสูยนฺตา มาเปนฺติ, เนสํ ทสฺสนตฺถํ. เต ปน ทิสฺวา กึ กาตพฺพนฺติ? ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อากาโส โหตูติ ปริกมฺมํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. เถโร ปนาห ‘‘สมาปตฺติสมาปชฺชนํ, อาวุโส, กิมตฺถิยํ, นนุ สมาหิตเมวสฺส จิตฺตํ, เตน ยํ ยํ านํ อากาโส โหตูติ อธิฏฺาติ, อากาโสเยว โหตี’’ติ. กิฺจาปิ เอวมาห, อถ โข ติโรกุฏฺฏปาริหาริเย วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
อปิจ โอกาเส โอโรหณตฺถมฺปิ อิมินา ทิพฺพจกฺขุลาภินา ภวิตพฺพํ, อยฺหิ สเจ อโนกาเส นฺหานติตฺเถ วา คามทฺวาเร วา โอโรหติ. มหาชนสฺส ปากโฏ โหติ. ตสฺมา ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา อโนกาสํ วชฺเชตฺวา โอกาเส โอตรตีติ.
๓๙๖. อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชตีติ เอตฺถ จนฺทิมสูริยานํ ทฺวาจตฺตาลีสโยชนสหสฺสสฺส อุปริ จรเณน มหิทฺธิกตา, ตีสุ ทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน มหานุภาวตา เวทิตพฺพา. เอวํ อุปริ จรณอาโลกกรเณหิ วา มหิทฺธิเก เตเนว มหานุภาเว. ปรามสตีติ ปริคฺคณฺหติ เอกเทเส วา ฉุปติ. ปริมชฺชตีติ สมนฺตโต อาทาสตลํ วิย ปริมชฺชติ. อยํ ปนสฺส อิทฺธิ อภิฺาปาทกชฺฌานวเสเนว อิชฺฌติ, นตฺเถตฺถ กสิณสมาปตฺตินิยโม. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘อิเมปิ ¶ จนฺทิมสูริเย…เป… ปริมชฺชตีติ อิธ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต จนฺทิมสูริเย อาวชฺชติ, อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘หตฺถปาเส โหตู’ติ. หตฺถปาเส โหติ. โส นิสินฺนโก วา นิปนฺนโก วา จนฺทิมสูริเย ปาณินา อามสติ ปรามสติ ปริมชฺชติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต กิฺจิเทว รูปคตํ หตฺถปาเส ¶ อามสนฺติ ปรามสนฺติ ปริมชฺชนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา…เป… ปริมชฺชตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๒).
สฺวายํ ยทิ อิจฺฉติ คนฺตฺวา ปรามสิตุํ, คนฺตฺวา ปรามสติ, ยทิ ปน อิเธว นิสินฺนโก วา นิปนฺนโก วา ปรามสิตุกาโม โหติ, หตฺถปาเส โหตูติ อธิฏฺาติ, อธิฏฺานพเลน วณฺฏา มุตฺตตาลผลํ วิย อาคนฺตฺวา หตฺถปาเส ิเต วา ปรามสติ, หตฺถํ วา วฑฺเฒตฺวา. วฑฺเฒนฺตสฺส ปน กึ อุปาทิณฺณกํ วฑฺฒติ, อนุปาทิณฺณกนฺติ? อุปาทิณฺณกํ นิสฺสาย อนุปาทิณฺณกํ วฑฺฒติ.
ตตฺถ ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร อาห ‘‘กึ ปนาวุโส, อุปาทิณฺณกํ ขุทฺทกมฺปิ มหนฺตมฺปิ น โหติ, นนุ ยทา ภิกฺขุ ตาลจฺฉิทฺทาทีหิ นิกฺขมติ, ตทา อุปาทิณฺณกํ ขุทฺทกํ โหติ. ยทา มหนฺตํ อตฺตภาวํ กโรติ, ตทา มหนฺตํ โหติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิยา’’ติ.
นนฺโทปนนฺทนาคทมนกถา
เอกสฺมึ กิร สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อมฺหากํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา ปกฺกมิ. ภควา อธิวาเสตฺวา ตํทิวสาวเสสํ รตฺติภาคฺจ วีตินาเมตฺวา ปจฺจูสสมเย ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสิ. อถสฺส นนฺโทปนนฺโท นาม นาคราชา าณมุเข อาปาถมาคจฺฉิ. ภควา ‘‘อยํ นาคราชา มยฺหํ าณมุเข อาปาถมาคจฺฉิ, อตฺถิ นุ โข อสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ มิจฺฉาทิฏฺิโก ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺโนติ ทิสฺวา โก นุ โข อิมํ มิจฺฉาทิฏฺิโต วิเวเจยฺยา’’ติ อาวชฺเชนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อทฺทส.
ตโต ¶ ปภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อาโรเจหิ ตถาคโต เทวจาริกํ คจฺฉตี’’ติ. ตํ ทิวสฺจ นนฺโทปนนฺทสฺส อาปานภูมึ สชฺชยึสุ. โส ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก ทิพฺเพน เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน ติวิธนาฏเกหิ เจว นาคปริสาย จ ปริวุโต ทิพฺพภาชเนสุ อุปฏฺาปิตํ อนฺนปานวิธึ โอโลกยมาโน นิสินฺโน โหติ. อถ ภควา ยถา นาคราชา ปสฺสติ, ตถา กตฺวา ตสฺส วิตานมตฺถเกเนว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ตาวตึสเทวโลกาภิมุโข ปายาสิ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน นนฺโทปนนฺทสฺส นาคราชสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิเม หิ นาม มุณฺฑกา สมณกา อมฺหากํ อุปรูปริภวเนน เทวานํ ตาวตึสานํ ภวนํ ปวิสนฺติปิ นิกฺขมนฺติปิ, น ทานิ อิโต ปฏฺาย อิเมสํ อมฺหากํ มตฺถเก ปาทปํสุํ โอกิรนฺตานํ คนฺตุํ ทสฺสามี’’ติ อุฏฺาย สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ตาวตึสภวนํ อวกุชฺเชน ผเณน คเหตฺวา อทสฺสนํ คเมสิ.
อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘ปุพฺเพ, ภนฺเต, อิมสฺมึ ปเทเส ิโต สิเนรุํ ปสฺสามิ, สิเนรุปริภณฺฑํ ปสฺสามิ, ตาวตึสํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริ ธชํ ปสฺสามิ. โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย, ยํ เอตรหิ เนว สิเนรุํ ปสฺสามิ…เป… น เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริ ธชํ ปสฺสามี’’ติ. ‘‘อยํ, รฏฺปาล, นนฺโทปนนฺโท นาม นาคราชา ตุมฺหากํ กุปิโต สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผเณน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺธการํ กตฺวา ิโต’’ติ. ‘‘ทเมมิ นํ, ภนฺเต’’ติ. น ภควา อนุชานิ. อถ โข อายสฺมา ภทฺทิโย อายสฺมา ราหุโลติ อนุกฺกเมน สพฺเพปิ ภิกฺขู อุฏฺหึสุ. น ภควา อนุชานิ.
อวสาเน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทเมมิ น’’นฺติ อาห. ‘‘ทเมหิ โมคฺคลฺลานา’’ติ ภควา อนุชานิ. เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มหนฺตํ นาคราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา นนฺโทปนนฺทํ จุทฺทสกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตสฺส ผณมตฺถเก อตฺตโน ผณํ เปตฺวา สิเนรุนา ¶ สทฺธึ อภินิปฺปีเฬสิ. นาคราชา ปธูมายิ. เถโรปิ น ตุยฺหํเยว สรีเร ธูโม อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถีติ ปธูมายิ. นาคราชสฺส ธูโม เถรํ น พาธติ. เถรสฺส ปน ธูโม นาคราชานํ พาธติ. ตโต นาคราชา ปชฺชลิ. เถโรปิ น ตุยฺหํเยว สรีเร อคฺคิ อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถีติ ปชฺชลิ. นาคราชสฺส เตโช เถรํ น พาธติ. เถรสฺส ปน เตโช นาคราชานํ พาธติ. นาคราชา อยํ มํ สิเนรุนา อภินิปฺปีเฬตฺวา ธูมายติ เจว ปชฺชลติ จาติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ ตฺวํ โกสี’’ติ ปฏิปุจฺฉิ. ‘‘อหํ โข, นนฺท, โมคฺคลฺลาโน’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อตฺตโน ภิกฺขุภาเวน ติฏฺาหี’’ติ.
เถโร ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ตสฺส ทกฺขิณกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา วามกณฺณโสเตน นิกฺขมิ ¶ , วามกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณกณฺณโสเตน นิกฺขมิ, ตถา ทกฺขิณนาสโสเตน ปวิสิตฺวา วามนาสโสเตน นิกฺขมิ, วามนาสโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณนาสโสเตน นิกฺขมิ. ตโต นาคราชา มุขํ วิวริ. เถโร มุเขน ปวิสิตฺวา อนฺโตกุจฺฉิยํ ปาจีเนน จ ปจฺฉิเมน จ จงฺกมติ. ภควา ‘‘โมคฺคลฺลาน, มนสิกโรหิ มหิทฺธิโก เอส นาโค’’ติ อาห. เถโร ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, ติฏฺตุ, ภนฺเต, นนฺโทปนนฺโท, อหํ นนฺโทปนนฺทสทิสานํ นาคราชานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สตสหสฺสมฺปิ ทเมยฺย’’นฺติ อาห.
นาคราชา จินฺเตสิ ‘‘ปวิสนฺโต ตาว เม น ทิฏฺโ, นิกฺขมนกาเล ทานิ นํ ทานฺตเร ปกฺขิปิตฺวา สงฺขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขม ภนฺเต, มา มํ อนฺโตกุจฺฉิยํ อปราปรํ จงฺกมนฺโต พาธยิตฺถาติ อาห. เถโร นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. นาคราชา อยํ โสติ ทิสฺวา นาสวาตํ วิสฺสชฺชิ. เถโร จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. โลมกูปมฺปิสฺส วาโต จาเลตุํ นาสกฺขิ. อวเสสา ภิกฺขู กิร อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริยานิ กาตุํ สกฺกุเณยฺยุํ, อิมํ ปน านํ ปตฺวา เอวํ ขิปฺปนิสนฺติโน หุตฺวา สมาปชฺชิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตีติ เตสํ ภควา นาคราชทมนํ นานุชานิ.
นาคราชา ¶ ‘‘อหํ อิมสฺส สมณสฺส นาสวาเตน โลมกูปมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึ, มหิทฺธิโก สมโณ’’ติ จินฺเตสิ. เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สุปณฺณรูปํ อภินิมฺมินิตฺวา สุปณฺณวาตํ ทสฺเสนฺโต นาคราชานํ อนุพนฺธิ. นาคราชา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วทนฺโต เถรสฺส ปาเท วนฺทิ. เถโร ‘‘สตฺถา, นนฺท, อาคโต, เอหิ คมิสฺสามา’’ติ นาคราชานํ ทมยิตฺวา นิพฺพิสํ กตฺวา คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. นาคราชา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ อาห. ภควา ‘‘สุขี โหหิ, นาคราชา’’ติ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส นิเวสนํ อคมาสิ.
อนาถปิณฺฑิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, อติทิวา อาคตตฺถา’’ติ อาห. โมคฺคลฺลานสฺส จ นนฺโทปนนฺทสฺส จ สงฺคาโม อโหสีติ. กสฺส, ภนฺเต, ชโย, กสฺส ปราชโยติ. โมคฺคลฺลานสฺส ชโย, นนฺทสฺส ปราชโยติ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา สตฺตาหํ ¶ เอกปฏิปาฏิยา ภตฺตํ, สตฺตาหํ เถรสฺส สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มหาสกฺการํ อกาสิ. อิติ อิมํ อิมสฺมึ นนฺโทปนนฺททมเน กตํ มหนฺตํ อตฺตภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ยทา มหนฺตํ อตฺตภาวํ กโรติ, ตทา มหนฺตํ โหติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิยา’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ ภิกฺขู อุปาทิณฺณกํ นิสฺสาย อนุปาทิณฺณกเมว วฑฺฒตีติ อาหํสุ. อยเมว เจตฺถ ยุตฺติ.
โส เอวํ กตฺวา น เกวลํ จนฺทิมสูริเย ปรามสติ. สเจ อิจฺฉติ ปาทกถลิกํ กตฺวา ปาเท เปติ, ปีํ กตฺวา นิสีทติ, มฺจํ กตฺวา นิปชฺชติ, อปสฺเสนผลกํ กตฺวา อปสฺสยติ. ยถา จ เอโก, เอวํ อปโรปิ. อเนเกสุปิ หิ ภิกฺขุสตสหสฺเสสุ เอวํ กโรนฺเตสุ เตสฺจ เอกเมกสฺส ตเถว อิชฺฌติ. จนฺทิมสูริยานฺจ คมนมฺปิ อาโลกกรณมฺปิ ตเถว โหติ. ยถา หิ ปาติสหสฺเสสุ อุทกปูเรสุ สพฺพปาตีสุ จ จนฺทมณฺฑลานิ ทิสฺสนฺติ. ปากติกเมว จ จนฺทสฺส คมนํ อาโลกกรณฺจ โหติ. ตถูปมเมตํ ปาฏิหาริยํ.
๓๙๗. ยาว พฺรหฺมโลกาปีติ พฺรหฺมโลกมฺปิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา. กาเยน วสํ วตฺเตตีติ ตตฺถ พฺรหฺมโลเก กาเยน อตฺตโน วสํ วตฺเตติ. ตสฺสตฺโถ ปาฬึ อนุคนฺตฺวา เวทิตพฺโพ. อยฺเหตฺถ ปาฬิ –
‘‘ยาว ¶ พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตตีติ. สเจ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม โหติ, ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาติ สนฺติเก โหตูติ, สนฺติเก โหติ. สนฺติเกปิ ทูเร อธิฏฺาติ ทูเร โหตูติ, ทูเร โหติ. พหุกมฺปิ โถกนฺติ อธิฏฺาติ โถกํ โหตูติ, โถกํ โหติ. โถกมฺปิ พหุกนฺติ อธิฏฺาติ พหุกํ โหตูติ, พหุกํ โหติ. ทิพฺเพน จกฺขุนา ตสฺส พฺรหฺมุโน รูปํ ปสฺสติ. ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตสฺส พฺรหฺมุโน สทฺทํ สุณาติ. เจโตปริยาเณน ตสฺส พฺรหฺมุโน จิตฺตํ ปชานาติ. สเจ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม โหติ, กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมติ, กายวเสน จิตฺตํ อธิฏฺาติ, กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมตฺวา กายวเสน จิตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ. สเจ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม โหติ, จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมติ, จิตฺตวเสน ¶ กายํ อธิฏฺาติ. จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมตฺวา จิตฺตวเสน กายํ อธิฏฺหิตฺวา สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ. โส ตสฺส พฺรหฺมุโน ปุรโต รูปํ อภินิมฺมินาติ มโนมยํ สพฺพงฺคปฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. สเจ โส อิทฺธิมา จงฺกมติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ จงฺกมติ. สเจ โส อิทฺธิมา ติฏฺติ, นิสีทติ, เสยฺยํ กปฺเปติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปติ. สเจ โส อิทฺธิมา ธูมายติ, ปชฺชลติ, ธมฺมํ ภาสติ, ปฺหํ ปุจฺฉติ, ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ. สเจ โส อิทฺธิมา เตน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สนฺติฏฺติ, สลฺลปติ, สากจฺฉํ สมาปชฺชติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ เตน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สนฺติฏฺติ, สลฺลปติ, สากจฺฉํ สมาปชฺชติ. ยํ ยเทว หิ โส อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว นิมฺมิโต กโรตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๒).
ตตฺถ ¶ ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาตีติ ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ทูเร เทวโลกํ วา พฺรหฺมโลกํ วา อาวชฺชติ สนฺติเก โหตูติ. อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ สนฺติเก โหตูติ, สนฺติเก โหติ. เอส นโย เสสปเทสุปิ.
ตตฺถ โก ทูรํ คเหตฺวา สนฺติกํ อกาสีติ? ภควา. ภควา หิ ยมกปาฏิหาริยาวสาเน เทวโลกํ คจฺฉนฺโต ยุคนฺธรฺจ สิเนรฺุจ สนฺติเก กตฺวา ปถวีตลโต เอกปาทํ ยุคนฺธเร ปติฏฺเปตฺวา ทุติยํ สิเนรุมตฺถเก เปสิ. อฺโ โก อกาสิ? มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร. เถโร หิ สาวตฺถิโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิกฺขนฺตํ ทฺวาทสโยชนิกํ ปริสํ ตึสโยชนํ สงฺกสฺสนครมคฺคํ สงฺขิปิตฺวา ตงฺขณฺเว สมฺปาเปสิ.
อปิจ ตมฺพปณฺณิทีเป จูฬสมุทฺทตฺเถโรปิ อกาสิ. ทุพฺภิกฺขสมเย กิร เถรสฺส สนฺติกํ ปาโตว สตฺต ภิกฺขุสตานิ อาคมํสุ. เถโร ‘‘มหา ภิกฺขุสงฺโฆ กุหึ ภิกฺขาจาโร ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต สกลตมฺพปณฺณิทีเป อทิสฺวา ‘‘ปรตีเร ปาฏลิปุตฺเต ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ภิกฺขู ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ‘‘เอถาวุโส, ภิกฺขาจารํ คมิสฺสามา’’ติ ปถวึ สงฺขิปิตฺวา ปาฏลิปุตฺตํ คโต. ภิกฺขู ‘‘กตรํ, ภนฺเต, อิมํ นคร’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ปาฏลิปุตฺตํ, อาวุโสติ. ปาฏลิปุตฺตํ นาม ทูเร ภนฺเตติ. อาวุโส, มหลฺลกตฺเถรา นาม ทูเรปิ คเหตฺวา สนฺติเก กโรนฺตีติ. มหาสมุทฺโท กุหึ, ภนฺเตติ? นนุ, อาวุโส, อนฺตรา เอกํ นีลมาติกํ อติกฺกมิตฺวา ¶ อาคตตฺถาติ? อาม, ภนฺเต. มหาสมุทฺโท ปน มหนฺโตติ. อาวุโส, มหลฺลกตฺเถรา นาม มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกํ กโรนฺตีติ.
ยถา จายํ, เอวํ ติสฺสทตฺตตฺเถโรปิ สายนฺหสมเย นฺหายิตฺวา กตุตฺตราสงฺโค มหาโพธึ วนฺทิสฺสามีติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน สนฺติเก อกาสิ.
สนฺติกํ ปน คเหตฺวา โก ทูรมกาสีติ? ภควา. ภควา หิ อตฺตโน จ องฺคุลิมาลสฺส (ม. นิ. ๒.๓๔๘) จ อนฺตรํ สนฺติกมฺปิ ทูรมกาสีติ.
อถ โก พหุกํ โถกํ อกาสีติ? มหากสฺสปตฺเถโร. ราชคเห กิร นกฺขตฺตทิวเส ปฺจสตา กุมาริโย จนฺทปูเว คเหตฺวา นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย คจฺฉนฺติโย ภควนฺตํ ทิสฺวา กิฺจิ นาทํสุ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ปน เถรํ ทิสฺวา อมฺหากํ เถโร เอติ ปูวํ ทสฺสามาติ สพฺพา ปูเว ¶ คเหตฺวา เถรํ อุปสงฺกมึสุ. เถโร ปตฺตํ นีหริตฺวา สพฺพํ เอกปตฺตปูรมตฺตมกาสิ. ภควา เถรํ อาคมยมาโน ปุรโต นิสีทิ. เถโร อาหริตฺวา ภควโต อทาสิ.
อิลฺลิสเสฏฺิวตฺถุสฺมึ ปน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร โถกํ พหุกมกาสิ, กากวลิยวตฺถุสฺมิฺจ ภควา. มหากสฺสปตฺเถโร กิร สตฺตาหํ สมาปตฺติยา วีตินาเมตฺวา ทลิทฺทสงฺคหํ กโรนฺโต กากวลิยสฺส นาม ทุคฺคตมนุสฺสสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. ตสฺส ชายา เถรํ ทิสฺวา ปติโน ปกฺกํ อโลณมฺพิลยาคุํ ปตฺเต อากิริ. เถโร ตํ คเหตฺวา ภควโต หตฺเถ เปสิ. ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส ปโหนกํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เอกปตฺเตน อาภตา สพฺเพสํ ปโหสิ. กากวลิโยปิ สตฺตเม ทิวเส เสฏฺิฏฺานํ อลตฺถาติ.
น เกวลฺจ โถกสฺส พหุกรณํ, มธุรํ อมธุรํ, อมธุรํ มธุรนฺติอาทีสุปิ ยํ ยํ อิจฺฉติ, สพฺพํ อิทฺธิมโต อิชฺฌติ. ตถา หิ มหาอนุฬตฺเถโร นาม สมฺพหุเล ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา สุกฺขภตฺตเมว ลภิตฺวา คงฺคาตีเร นิสีทิตฺวา ปริภฺุชมาเน ทิสฺวา คงฺคาย อุทกํ สปฺปิมณฺฑนฺติ อธิฏฺหิตฺวา สามเณรานํ สฺํ อทาสิ. เต ถาลเกหิ อาหริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ. สพฺเพ มธุเรน สปฺปิมณฺเฑน ภฺุชึสูติ.
ทิพฺเพน ¶ จกฺขุนาติ อิเธว ิโต อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ตสฺส พฺรหฺมุโน รูปํ ปสฺสติ. อิเธว จ ิโต สพฺพํ ตสฺส ภาสโต สทฺทํ สุณาติ. จิตฺตํ ปชานาติ. กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมตีติ กรชกายสฺส วเสน จิตฺตํ ปริณาเมติ. ปาทกชฺฌานจิตฺตํ คเหตฺวา กาเย อาโรเปติ. กายานุคติกํ กโรติ ทนฺธคมนํ. กายคมนํ หิ ทนฺธํ โหติ. สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตีติ ปาทกชฺฌานารมฺมเณน อิทฺธิจิตฺเตน สหชาตํ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมติ ปวิสติ ผสฺเสติ สมฺปาปุณาติ. สุขสฺา นาม อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตสฺา. อุเปกฺขา หิ สนฺตํ สุขนฺติ วุตฺตา. สาเยว จ สฺา นีวรเณหิ เจว วิตกฺกาทีหิ ปจฺจนีเกหิ จ วิมุตฺตตฺตา ลหุสฺาติปิ เวทิตพฺพา. ตํ โอกฺกนฺตสฺส ปนสฺส กรชกาโยปิ ตูลปิจุ วิย สลฺลหุโก โหติ. โส เอวํ วายุกฺขิตฺตตูลปิจุนา ¶ วิย สลฺลหุเกน ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ. เอวํ คจฺฉนฺโต จ สเจ อิจฺฉติ ปถวีกสิณวเสน อากาเส มคฺคํ นิมฺมินิตฺวา ปทสา คจฺฉติ. สเจ อิจฺฉติ วาโยกสิณวเสน วายุํ อธิฏฺหิตฺวา ตูลปิจุ วิย วายุนา คจฺฉติ. อปิจ คนฺตุกามตา เอว เอตฺถ ปมาณํ. ‘‘สติ หิ คนฺตุกามตาย’’ เอวํ กตจิตฺตาธิฏฺาโน อธิฏฺานเวคุกฺขิตฺโตว โส อิสฺสาสขิตฺตสโร วิย ทิสฺสมาโน คจฺฉติ.
จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมตีติ กายํ คเหตฺวา จิตฺเต อาโรเปติ. จิตฺตานุคติกํ กโรติ สีฆคมนํ. จิตฺตคมนํ หิ สีฆํ โหติ. สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตีติ รูปกายารมฺมเณน อิทฺธิจิตฺเตน สหชาตํ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตีติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิทํ ปน จิตฺตคมนเมว โหติ. เอวํ อทิสฺสมาเนน กาเยน คจฺฉนฺโต ปนายํ กึ ตสฺส อธิฏฺานจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ คจฺฉติ, อุทาหุ ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ วาติ วุตฺเต ตีสุปิ ขเณสุ คจฺฉตีติ เถโร อาห. กึ ปน โส สยํ คจฺฉติ นิมฺมิตํ เปเสตีติ. ยถารุจิ กโรติ. อิธ ปนสฺส สยํ คมนเมว อาคตํ.
มโนมยนฺติ อธิฏฺานมเนน นิมฺมิตตฺตา มโนมยํ. อหีนินฺทฺริยนฺติ อิทํ จกฺขุโสตาทีนํ สณฺานวเสน วุตฺตํ. นิมฺมิตรูเป ปน ปสาโท นาม นตฺถิ. สเจ อิทฺธิมา จงฺกมติ นิมฺมิโตปิ ตตฺถ จงฺกมตีติอาทิ สพฺพํ สาวกนิมฺมิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. พุทฺธนิมฺมิโต ปน ยํ ยํ ภควา กโรติ, ตํ ตมฺปิ กโรติ. ภควโต รุจิวเสน อฺมฺปิ กโรตีติ. เอตฺถ จ ยํ โส อิทฺธิมา อิเธว ิโต ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุณาติ, เจโตปริยาเณน ¶ จิตฺตํ ปชานาติ, น เอตฺตาวตา กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยมฺปิ โส อิเธว ิโต เตน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สนฺติฏฺติ สลฺลปติ สากจฺฉํ สมาปชฺชติ, เอตฺตาวตาปิ น กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยมฺปิสฺส ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาตีติอาทิกํ อธิฏฺานํ, เอตฺตาวตาปิ น กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยมฺปิ โส ทิสฺสมาเนน วา อทิสฺสมาเนน วา กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ, เอตฺตาวตาปิ น กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยฺจ โข โส ตสฺส พฺรหฺมุโน ปุรโต รูปํ อภินิมฺมินาตีติอาทินา นเยน ¶ วุตฺตวิธานํ อาปชฺชติ, เอตฺตาวตา กาเยน วสํ วตฺเตติ นามํ. เสสํ ปเนตฺถ กาเยน วสํ วตฺตนาย ปุพฺพภาคทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อยํ ตาว อธิฏฺานา อิทฺธิ.
๓๙๘. วิกุพฺพนาย ปน มโนมยาย จ อิทํ นานากรณํ. วิกุพฺพนํ ตาว กโรนฺเตน ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ, นาควณฺณํ วา ทสฺเสติ, สุปณฺณวณฺณํ วา ทสฺเสติ, อสุรวณฺณํ วา ทสฺเสติ, อินฺทวณฺณํ วา ทสฺเสติ, เทววณฺณํ วา ทสฺเสติ, พฺรหฺมวณฺณํ วา ทสฺเสติ, สมุทฺทวณฺณํ วา ทสฺเสติ, ปพฺพตวณฺณํ วา ทสฺเสติ, สีหวณฺณํ วา ทสฺเสติ, พฺยคฺฆวณฺณํ วา ทสฺเสติ, ทีปิวณฺณํ วา ทสฺเสติ, หตฺถิมฺปิ ทสฺเสติ, อสฺสมฺปิ ทสฺเสติ, รถมฺปิ ทสฺเสติ, ปตฺติมฺปิ ทสฺเสติ, วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวํ วุตฺเตสุ กุมารกวณฺณาทีสุ ยํ ยํ อากงฺขติ, ตํ ตํ อธิฏฺาตพฺพํ. อธิฏฺหนฺเตน จ ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรารมฺมณโต อภิฺาปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย อตฺตโน กุมารกวณฺโณ อาวชฺชิตพฺโพ. อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมาวสาเน ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย เอวรูโป นาม กุมารโก โหมีติ อธิฏฺาตพฺพํ. สห อธิฏฺานจิตฺเตน กุมารโก โหติ เทวทตฺโต วิย (จูฬว. ๓๓๓). เอส นโย สพฺพตฺถ.
หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตีติอาทิ ปเนตฺถ พหิทฺธาปิ หตฺถิอาทิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หตฺถี โหมีติ อนธิฏฺหิตฺวา หตฺถี โหตูติ อธิฏฺาตพฺพํ, อสฺสาทีสุปิ เอเสว นโยติ. อยํ วิกุพฺพนา อิทฺธิ.
๓๙๙. มโนมยํ กาตุกาโม ปน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย กายํ ตาว อาวชฺชิตฺวา วุตฺตนเยเนว สุสิโร โหตูติ อธิฏฺาติ, สุสิโร โหติ. อถสฺส อพฺภนฺตเร อฺํ กายํ อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาติ, ตสฺส อพฺภนฺตเร อฺโ กาโย โหตูติ. โส ตํ มฺุชมฺหา อีสิกํ วิย โกสิยา อสึ วิย กรณฺฑาย อหึ วิย จ อพฺพาหติ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. เสยฺยถาปิ ปุริโส มฺุชมฺหา อีสิกํ ปวาเหยฺย, ตสฺส เอวมสฺส อยํ มฺุโช อยํ อีสิกา ¶ , อฺโ มฺุโช อฺา อีสิกา, มฺุชมฺหาตฺเวว อีสิกา ปวาฬฺหา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๓.๑๔). เอตฺถ จ ยถา อีสิกาทโย มฺุชาทีหิ สทิสา โหนฺติ, เอวํ มโนมยรูปํ อิทฺธิมตาสทิสเมว โหตีติ ทสฺสนตฺถํ เอตา อุปมา วุตฺตาติ. อยํ มโนมยา อิทฺธิ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
อิทฺธิวิธนิทฺเทโส นาม
ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท.