📜
๑๗. ปฺาภูมินิทฺเทโส
ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา
๕๗๐. อิทานิ ¶ ¶ ‘‘ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภทา ธมฺมา ภูมี’’ติ เอวํ วุตฺเตสุ อิมิสฺสา ปฺาย ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ ยสฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทเจว, อาทิสทฺเทน สงฺคหิตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา จ อวเสสา โหนฺติ, ตสฺมา เตสํ วณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต.
ตตฺถ อวิชฺชาทโย ตาว ธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท? อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑).
ชรามรณาทโย ปน ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา? ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมํ. ชาติ, ภิกฺขเว…เป… ภโว… อุปาทานํ… ตณฺหา… เวทนา… ผสฺโส… สฬายตนํ… นามรูปํ… วิฺาณํ… สงฺขารา… อวิชฺชา, ภิกฺขเว, อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ¶ ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐).
๕๗๑. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ปจฺจยธมฺมา เวทิตพฺพา. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺตธมฺมา. กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ ¶ เจ? ภควโต วจเนน. ภควตา หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมเทสนาสุตฺเต –
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท? ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณํ, อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา อิทปฺปจฺจยตา. ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ, อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ, ปสฺสถาติ จาห. ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณํ. ภวปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชาติ…เป… อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขารา อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ…เป… อุตฺตานีกโรติ ปสฺสถาติ จาห. อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขารา. อิติ โข, ภิกฺขเว, ยา ตตฺร ตถตา อวิตถตา อนฺถตา อิทปฺปจฺจยตา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐).
๕๗๒. เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสนฺเตน ตถตาทีหิ เววจเนหิ ปจฺจยธมฺมาว ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วุตฺตา. ตสฺมา ชรามรณาทีนํ ธมฺมานํ ปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ทุกฺขานุพนฺธนรโส, กุมฺมคฺคปจฺจุปฏฺาโนติ เวทิตพฺโพ.
โส ปนายํ เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺภวโต ตถตาติ, สามคฺคึ อุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโต นิพฺพตฺตธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต อวิตถตาติ, อฺธมฺมปจฺจเยหิ อฺธมฺมานุปฺปตฺติโต อนฺถตาติ, ยถาวุตฺตานํ เอเตสํ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยโต วา ปจฺจยสมูหโต วา อิทปฺปจฺจยตาติ วุตฺโต.
๕๗๓. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา. อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตา. ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพํ.
๕๗๔. เกจิ ¶ ปน ปฏิจฺจ สมฺมา จ ติตฺถิยปริกปฺปิตปกติปุริสาทิการณนิรเปกฺโข อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวํ อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วทนฺติ ¶ , ตํ น ยุชฺชติ. กสฺมา? สุตฺตาภาวโต, สุตฺตวิโรธโต, คมฺภีรนยาสมฺภวโต, สทฺทเภทโต จ. ‘‘อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ หิ สุตฺตํ นตฺถิ. ตํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ จ วทนฺตสฺส ปเทสวิหารสุตฺตวิโรโธ อาปชฺชติ. กถํ? ภควโต หิ ‘‘อถ โข ภควา รตฺติยา ปมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ (มหาว. ๑) อาทิวจนโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาโร ปมาภิสมฺพุทฺธวิหาโร, ปเทสวิหาโร จ ตสฺเสกเทสวิหาโร. ยถาห ‘‘เยน สฺวาหํ, ภิกฺขเว, วิหาเรน ปมาภิสมฺพุทฺโธ วิหรามิ, ตสฺส ปเทเสน วิหาสิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑). ตตฺร จ ปจฺจยาการทสฺสเนน วิหาสิ, น อุปฺปาทมตฺตทสฺสเนนาติ. ยถาห ‘‘โส เอวํ ปชานามิ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยาปิ เวทยิตํ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยาปิ เวทยิตํ มิจฺฉาสงฺกปฺปปจฺจยาปิ เวทยิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. เอวํ อุปฺปาทมตฺตํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วทนฺตสฺส ปเทสวิหารสุตฺตวิโรโธ อาปชฺชติ. ตถา กจฺจานสุตฺตวิโรโธ.
กจฺจานสุตฺเตปิ หิ ‘‘โลกสมุทยํ โข, กจฺจาน, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต ยา โลเก นตฺถิตา, สา น โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕) อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโท โลกปจฺจยโต ‘‘โลกสมุทโย’’ติ อุจฺเฉททิฏฺิสมุคฺฆาตตฺถํ ปกาสิโต, น อุปฺปาทมตฺตํ. น หิ อุปฺปาทมตฺตทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา สมุคฺฆาโต โหติ. ปจฺจยานุปรมทสฺสเนน ปน โหติ. ปจฺจยานุปรเม ผลานุปรมโตติ. เอวํ อุปฺปาทมตฺตํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วทนฺตสฺส กจฺจานสุตฺตวิโรโธปิ อาปชฺชติ.
คมฺภีรนยาสมฺภวโตติ วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐). คมฺภีรตฺตฺจ นาม จตุพฺพิธํ, ตํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม. ตํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถิ. จตุพฺพิธนยปฏิมณฺฑิตฺเจตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วณฺณยนฺติ, ตมฺปิ นยจตุกฺกํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถีติ คมฺภีรนยาสมฺภวโตปิ น อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท.
๕๗๕. สทฺทเภทโตติ ปฏิจฺจสทฺโท จ ปนายํ สมาเน กตฺตริ ปุพฺพกาเล ปยุชฺชมาโน อตฺถสิทฺธิกโร ¶ โหติ. เสยฺยถิทํ, ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๔๓). อิธ ปน ภาวสาธเนน อุปฺปาทสทฺเทน ¶ สทฺธึ ปยุชฺชมาโน สมานสฺส กตฺตุ อภาวโต สทฺทเภทํ คจฺฉติ, น จ กิฺจิ อตฺถํ สาเธตีติ สทฺทเภทโตปิ น อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ.
ตตฺถ สิยา – ‘‘โหติ-สทฺเทน สทฺธึ โยชยิสฺสาม ‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท โหตี’ติ’’, ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? โยคาภาวโต เจว, อุปฺปาทสฺส จ อุปฺปาทปตฺติโทสโต. ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท…เป… อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑). อิเมสุ หิ ปเทสุ เอเกนปิ สทฺธึ โหติ-สทฺโท โยคํ น คจฺฉติ, น จ อุปฺปาโท โหติ. สเจ ภเวยฺย, อุปฺปาทสฺสาปิ อุปฺปาโท ปาปุเณยฺยาติ.
๕๗๖. เยปิ มฺนฺติ ‘‘อิทปฺปจฺจยานํ ภาโว อิทปฺปจฺจยตา, ภาโว จ นาม โย อากาโร อวิชฺชาทีนํ สงฺขาราทิปาตุภาเว เหตุ, โส. ตสฺมิฺจ สงฺขารวิกาเร ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺา’’ติ, เตสํ ตํ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อวิชฺชาทีนํ เหตุวจนโต. ภควตา หิ ‘‘ตสฺมาติห, อานนฺท, เอเสว เหตุ, เอตํ นิทานํ, เอส สมุทโย, เอส ปจฺจโย ชรามรณสฺส ยทิทํ ชาติ…เป… สงฺขารานํ, ยทิทํ อวิชฺชา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๘ อาทโย) เอวํ อวิชฺชาทโยว เหตูติ วุตฺตา, น เตสํ วิกาโร. ตสฺมา ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ปจฺจยธมฺมา เวทิตพฺพา’’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, ตํ สมฺมา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๕๗๗. ยา ปเนตฺถ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ อิมาย พฺยฺชนจฺฉายาย อุปฺปาโทเยวายํ วุตฺโตติ สฺา อุปฺปชฺชติ, สา อิมสฺส ปทสฺส เอวมตฺถํ คเหตฺวา วูปสเมตพฺพา. ภควตา หิ,
ทฺเวธา ตโต ปวตฺเต, ธมฺมสมูเห ยโต อิทํ วจนํ;
ตปฺปจฺจโย ตโตยํ, ผโลปจาเรน อิติ วุตฺโต.
โย หิ อยํ ปจฺจยตาย ปวตฺโต ธมฺมสมูโห, ตตฺถ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิทํ วจนํ ทฺวิธา อิจฺฉนฺติ. โส หิ ยสฺมา ปตียมาโน หิตาย สุขาย จ สํวตฺตติ, ตสฺมา ปจฺเจตุมรหนฺติ ¶ นํ ปณฺฑิตาติ ปฏิจฺโจ. อุปฺปชฺชมาโน จ สห สมฺมา จ อุปฺปชฺชติ, น เอเกกโต, นาปิ อเหตุโตติ สมุปฺปาโท. เอวํ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ¶ . อปิจ สห อุปฺปชฺชตีติ สมุปฺปาโท, ปจฺจยสามคฺคึ ปน ปฏิจฺจ อปจฺจกฺขายาติ เอวมฺปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ตสฺส จายํ เหตุสมูโห ปจฺจโยติ ตปฺปจฺจยตฺตา อยมฺปิ, ยถา โลเก เสมฺหสฺส ปจฺจโย คุโฬ เสมฺโห คุโฬติ วุจฺจติ, ยถา จ สาสเน สุขปฺปจฺจโย พุทฺธานํ อุปฺปาโท ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท’’ติ วุจฺจติ, ตถา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อิจฺเจว ผลโวหาเรน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ปฏิมุขมิโตติ วุตฺโต, เหตุสมูโห อยํ ปฏิจฺโจติ;
สหิเต อุปฺปาเทติ จ, อิติ วุตฺโต โส สมุปฺปาโท.
โย หิ เอส สงฺขาราทีนํ ปาตุภาวาย อวิชฺชาทิเอเกกเหตุสีเสน นิทฺทิฏฺโ เหตุสมูโห, โส สาธารณผลนิปฺผาทกฏฺเน อเวกลฺลฏฺเน จ สามคฺคิองฺคานํ อฺมฺเน ปฏิมุขํ อิโต คโตติ กตฺวา ปฏิจฺโจติ วุจฺจติ. สฺวายํ สหิเตเยว อฺมฺํ อวินิพฺโภควุตฺติธมฺเม อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโทติปิ วุตฺโต. เอวมฺปิ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท.
ปจฺจยตา อฺโฺํ, ปฏิจฺจ ยสฺมา สมํ สห จ ธมฺเม;
อยมุปฺปาเทติ ตโตปิ, เอวมิธ ภาสิตา มุนินา.
อวิชฺชาทิสีเสน นิทฺทิฏฺปจฺจเยสุ หิ เย ปจฺจยา ยํ สงฺขาราทิกํ ธมฺมํ อุปฺปาเทนฺติ, น เต อฺมฺํ อปฏิจฺจ อฺมฺเวกลฺเล สติ อุปฺปาเทตุํ สมตฺถาติ. ตสฺมา ปฏิจฺจ สมํ สห จ น เอเกกเทสํ, นาปิ ปุพฺพาปรภาเวน อยํ ปจฺจยตา ธมฺเม อุปฺปาเทตีติ อตฺถานุสารโวหารกุสเลน มุนินา เอวมิธ ภาสิตา, ปฏิจฺจสมุปฺปาโทตฺเวว ภาสิตาติ อตฺโถ.
๕๘๐. เอวํ ¶ ภาสมาเนน จ,
ปุริเมน สสฺสตาทีน, มภาโว ปจฺฉิเมน จ ปเทน;
อุจฺเฉทาทิวิฆาโต, ทฺวเยน ปริทีปิโต าโย.
ปุริเมนาติ ¶ ปจฺจยสามคฺคิปริทีปเกน ปฏิจฺจปเทน ปวตฺติธมฺมานํ ปจฺจยสามคฺคิยํ อายตฺตวุตฺติตฺตา สสฺสตาเหตุวิสมเหตุวสวตฺติวาทปฺปเภทานํ สสฺสตาทีนํ อภาโว ปริทีปิโต โหติ? กึ หิ สสฺสตานํ, อเหตุอาทิวเสน วา ปวตฺตานํ ปจฺจยสามคฺคิยาติ? ปจฺฉิเมน จ ปเทนาติ ธมฺมานํ อุปฺปาทปริทีปเกน สมุปฺปาทปเทน ปจฺจยสามคฺคิยํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺติโต วิหตา อุจฺเฉทนตฺถิกอกิริยวาทาติ อุจฺเฉทาทิวิฆาโต ปริทีปิโต โหติ. ปุริมปุริมปจฺจยวเสน หิ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมาเนสุ ธมฺเมสุ กุโต อุจฺเฉโท, นตฺถิกากิริยวาทา จาติ. ทฺวเยนาติ สกเลน ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจเนน ตสฺสา ตสฺสา ปจฺจยสามคฺคิยา สนฺตตึ อวิจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สมฺภวโต มชฺฌิมา ปฏิปทา, ‘‘โส กโรติ โส ปฏิสํเวเทติ, อฺโ กโรติ อฺโ ปฏิสํเวเทตี’’ติ วาทปฺปหานํ, ชนปทนิรุตฺติยา อนภินิเวโส, สมฺาย อนติธาวนนฺติ อยํ าโย ปริทีปิโต โหตีติ อยํ ตาว ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วจนมตฺตสฺส อตฺโถ.
๕๘๑. ยา ปนายํ ภควตา ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสนฺเตน ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน นิกฺขิตฺตา ตนฺติ, ตสฺสา อตฺถสํวณฺณนํ กโรนฺเตน วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ โอตริตฺวา อาจริเย อนพฺภาจิกฺขนฺเตน สกสมยํ อโวกฺกมนฺเตน ปรสมยํ อนายูหนฺเตน สุตฺตํ อปฺปฏิพาหนฺเตน วินยํ อนุโลเมนฺเตน มหาปเทเส โอโลเกนฺเตน ธมฺมํ ทีเปนฺเตน อตฺถํ สงฺคาเหนฺเตน ตเมวตฺถํ ปุนราวตฺเตตฺวา อปเรหิปิ ปริยายนฺตเรหิ นิทฺทิสนฺเตน จ ยสฺมา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพา โหติ, ปกติยาปิ จ ทุกฺกราว ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส อตฺถสํวณฺณนา. ยถาหุ โปราณา –
‘‘สจฺจํ สตฺโต ปฏิสนฺธิ, ปจฺจยาการเมว จ;
ทุทฺทสา จตุโร ธมฺมา, เทเสตุํ จ สุทุกฺกรา’’ติ.
ตสฺมา ¶ อฺตฺร อาคมาธิคมปฺปตฺเตหิ น สุกรา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺสตฺถวณฺณนาติ ปริตุลยิตฺวา,
วตฺตุกาโม ¶ อหํ อชฺช, ปจฺจยาการวณฺณนํ;
ปติฏฺํ นาธิคจฺฉามิ, อชฺโฌคาฬฺโหว สาครํ.
สาสนํ ปนิทํ นานา, เทสนานยมณฺฑิตํ;
ปุพฺพาจริยมคฺโค จ, อพฺโพจฺฉินฺโน ปวตฺตติ.
ยสฺมา ตสฺมา ตทุภยํ, สนฺนิสฺสายตฺถวณฺณนํ;
อารภิสฺสามิ เอตสฺส, ตํ สุณาถ สมาหิตา.
วุตฺตฺเหตํ ปุพฺพาจริเยหิ –
‘‘โย โกจิ มํ อฏฺิกตฺวา สุเณยฺย,
ลเภถ ปุพฺพาปริยํ วิเสสํ;
ลทฺธาน ปุพฺพาปริยํ วิเสสํ,
อทสฺสนํ มจฺจุราชสฺส คจฺเฉ’’ติ.
๕๘๒. อิติ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทีสุ หิ อาทิโตเยว ตาว,
เทสนาเภทโต อตฺถ, ลกฺขเณกวิธาทิโต. องฺคานฺจ ววตฺถานา, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ เทสนาเภทโตติ ภควโต หิ วลฺลิหารกานํ จตุนฺนํ ปุริสานํ วลฺลิคหณํ วิย อาทิโต วา มชฺฌโต วา ปฏฺาย ยาว ปริโยสานํ, ตถา ปริโยสานโต วา มชฺฌโต วา ปฏฺาย ยาว อาทีติ จตุพฺพิธา ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา.
ยถา หิ วลฺลิหารเกสุ จตูสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา มูลเมว ปมํ ปสฺสติ, โส ตํ มูเล ¶ เฉตฺวา สพฺพํ อากฑฺฒิตฺวา อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๒; สํ. นิ. ๒.๒) อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานาปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสติ.
ยถา ปน เตสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา มชฺฌํ ปมํ ปสฺสติ, โส มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา อุปริภาคฺเว อากฑฺฒิตฺวา อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘ตสฺส ตํ เวทนํ อภินนฺทโต อภิวทโต อชฺโฌสาย ติฏฺโต ¶ อุปฺปชฺชติ นนฺที. ยา เวทนาสุ นนฺที, ตทุปาทานํ. ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๙; สํ. นิ. ๓.๕) มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานาปิ เทเสติ.
ยถา จ เตสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา อคฺคํ ปมํ ปสฺสติ, โส อคฺเค คเหตฺวา อคฺคานุสาเรน ยาว มูลา สพฺพํ อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ชาติปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ชรามรณํ โน วา กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? ชาติปจฺจยา, ภนฺเต, ชรามรณํ. เอวํ โน เอตฺถ โหติ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ. ภวปจฺจยา ชาติ…เป… อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, อวิชฺชาปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, สงฺขารา โน วา กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๓) ปริโยสานโต ปฏฺาย ยาว อาทิโตปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสติ.
ยถา ปเนเตสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา มชฺฌเมว ปมํ ปสฺสติ, โส มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา เหฏฺา โอตรนฺโต ยาว มูลา อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหารา กินฺนิทานา, กึสมุทยา, กึชาติกา, กึปภวา? อิเม จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานา, ตณฺหาสมุทยา, ตณฺหาชาติกา, ตณฺหาปภวา. ตณฺหา กินฺนิทานา… เวทนา… ผสฺโส… สฬายตนํ… นามรูปํ… วิฺาณํ… สงฺขารา กินฺนิทานา…เป… สงฺขารา อวิชฺชานิทานา…เป… อวิชฺชาปภวา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๑) มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว อาทิโต เทเสติ.
๕๘๓. กสฺมา ปเนวํ เทเสตีติ? ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส สมนฺตภทฺทกตฺตา สยฺจ เทสนาวิลาสปฺปตฺตตฺตา. สมนฺตภทฺทโก หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ตโต ตโต ายปฏิเวธาย สํวตฺตติเยว ¶ . เทสนาวิลาสปฺปตฺโต จ ภควา จตุเวสารชฺชปฏิสมฺภิทาโยเคน จตุพฺพิธคมฺภีรภาวปฺปตฺติยา จ. โส เทสนาวิลาสปฺปตฺตตฺตา นานานเยเหว ธมฺมํ เทเสติ.
วิเสสโต ปนสฺส ยา อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนา, สา ปวตฺติการณวิภาคสํมูฬฺหํ เวเนยฺยชนํ สมนุปสฺสโต ยถาสเกหิ การเณหิ ปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถฺจ ปวตฺตาติ วิฺาตพฺพา. ยา ปริโยสานโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนา, สา ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก ¶ อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔) นเยน กิจฺฉาปนฺนํ โลกํ อนุวิโลกยโต ปุพฺพภาคปฏิเวธานุสาเรน ตสฺส ตสฺส ชรามรณาทิกสฺส ทุกฺขสฺส อตฺตนา อธิคตการณสนฺทสฺสนตฺถํ. ยา มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว อาทิ ปวตฺตา, สา อาหารนิทานววตฺถาปนานุสาเรน ยาว อตีตํ อทฺธานํ อติหริตฺวา ปุน อตีตทฺธโต ปภุติ เหตุผลปฏิปาฏิสนฺทสฺสนตฺถํ. ยา ปน มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานํ ปวตฺตา, สา ปจฺจุปฺปนฺเน อทฺธาเน อนาคตทฺธเหตุสมุฏฺานโต ปภุติ อนาคตทฺธสนฺทสฺสนตฺถํ. ตาสุ ยา ปวตฺติการณสมฺมูฬฺหสฺส เวเนยฺยชนสฺส ยถาสเกหิ การเณหิ ปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถฺจ อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนา วุตฺตา, สา อิธ นิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา.
๕๘๔. กสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชา อาทิโต วุตฺตา, กึ ปกติวาทีนํ ปกติ วิย อวิชฺชาปิ อการณํ มูลการณํ โลกสฺสาติ? น อการณํ. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) หิ อวิชฺชาย การณํ วุตฺตํ. อตฺถิ ปน ปริยาโย เยน มูลการณํ สิยา, โก ปน โสติ? วฏฺฏกถาย สีสภาโว.
ภควา หิ วฏฺฏกถํ กเถนฺโต ทฺเว ธมฺเม สีสํ กตฺวา กเถติ, อวิชฺชํ วา. ยถาห – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย ‘อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ, เอวฺเจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ, อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). ภวตณฺหํ วา. ยถาห – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวตณฺหาย ‘อิโต ปุพฺเพ ภวตณฺหา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ, เอวฺเจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ, อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา ภวตณฺหา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒).
๕๘๕. กสฺมา ¶ ปน ภควา วฏฺฏกถํ กเถนฺโต อิเม ทฺเว ธมฺเม สีสํ กตฺวา กเถตีติ? สุคติทุคฺคติคามิโน กมฺมสฺส วิเสสเหตุภูตตฺตา. ทุคฺคติคามิโน หิ กมฺมสฺส วิเสสเหตุ อวิชฺชา. กสฺมา? ยสฺมา อวิชฺชาภิภูโต ปุถุชฺชโน อคฺคิสนฺตาปลคุฬาภิฆาตปริสฺสมาภิภูตา วชฺฌคาวี ตาย ปริสฺสมาตุรตาย นิรสฺสาทมฺปิ อตฺตโน อนตฺถาวหมฺปิ จ อุณฺโหทกปานํ ¶ วิย กิเลสสนฺตาปโต นิรสฺสาทมฺปิ ทุคฺคตินิปาตนโต จ อตฺตโน อนตฺถาวหมฺปิ ปาณาติปาตาทึ อเนกปฺปการํ ทุคฺคติคามิกมฺมํ อารภติ. สุคติคามิโน ปน กมฺมสฺส วิเสสเหตุ ภวตณฺหา. กสฺมา? ยสฺมา ภวตณฺหาภิภูโต ปุถุชฺชโน สา วุตฺตปฺปการา คาวี สีตูทกตณฺหาย สอสฺสาทํ อตฺตโน ปริสฺสมวิโนทนฺจ สีตูทกปานํ วิย กิเลสสนฺตาปวิรหโต สอสฺสาทํ สุคติสมฺปาปเนน อตฺตโน ทุคฺคติทุกฺขปริสฺสมวิโนทนฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิอาทึ อเนกปฺปการํ สุคติคามิกมฺมํ อารภติ.
๕๘๖. เอเตสุ ปน วฏฺฏกถาย สีสภูเตสุ ธมฺเมสุ กตฺถจิ ภควา เอกธมฺมมูลิกํ เทสนํ เทเสติ. เสยฺยถิทํ, ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชูปนิสา สงฺขารา, สงฺขารูปนิสํ วิฺาณ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๒๓). ตถา ‘‘อุปาทานิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๕๒). กตฺถจิ อุภยมูลิกมฺปิ. เสยฺยถิทํ, ‘‘อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, พาลสฺส ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส เอวมยํ กาโย สมุทาคโต. อิติ อยฺเจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูปํ อิตฺเถตํ ทฺวยํ. ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโส สเฬวายตนานิ, เยหิ ผุฏฺโ พาโล สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๙). ตาสุ เทสนาสุ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ อยมิธ อวิชฺชาวเสน เอกธมฺมมูลิกา เทสนาติ เวทิตพฺพา. เอวํ ตาเวตฺถ เทสนาเภทโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๘๗. อตฺถโตติ อวิชฺชาทีนํ ปทานํ อตฺถโต. เสยฺยถิทํ, ปูเรตุํ อยุตฺตฏฺเน กายทุจฺจริตาทิ อวินฺทิยํ นาม, อลทฺธพฺพนฺติ อตฺโถ. ตํ อวินฺทิยํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. ตพฺพิปรีตโต กายสุจริตาทิ วินฺทิยํ นาม, ตํ วินฺทิยํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา. ขนฺธานํ ราสฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สฺุฏฺํ, อินฺทฺริยานํ อธิปติยฏฺํ, สจฺจานํ ตถฏฺํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา. ทุกฺขาทีนํ ปีฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา. อนฺตวิรหิเต สํสาเร สพฺพโยนิคติภววิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ สตฺเต ชวาเปตีติ ¶ อวิชฺชา. ปรมตฺถโต อวิชฺชมาเนสุ อิตฺถิปุริสาทีสุ ชวติ, วิชฺชมาเนสุปิ ขนฺธาทีสุ น ชวตีติ อวิชฺชา. อปิจ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ¶ วตฺถารมฺมณานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานฺจ ธมฺมานํ ฉาทนโตปิ อวิชฺชา.
ยํ ปฏิจฺจ ผลเมติ, โส ปจฺจโย. ปฏิจฺจาติ น วินา อปจฺจกฺขตฺวาติ อตฺโถ. เอตีติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ อตฺโถ. อปิจ อุปการกฏฺโ ปจฺจยฏฺโ. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย. ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา.
สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ สงฺขารา. อปิจ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขาราติ ทุวิธา สงฺขารา. ตตฺถ ปฺุาปฺุาเนฺชาภิสงฺขารา ตโย, กายวจีจิตฺตสงฺขารา ตโยติ อิเม ฉ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา. เต สพฺเพปิ โลกิยกุสลากุสลเจตนามตฺตเมว โหนฺติ.
สงฺขตสงฺขาโร, อภิสงฺขตสงฺขาโร, อภิสงฺขรณกสงฺขาโร, ปโยคาภิสงฺขาโรติ อิเม ปน จตฺตาโร สงฺขาร-สทฺเทน อาคตสงฺขารา. ตตฺถ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) วุตฺตา สพฺเพปิ สปฺปจฺจยา ธมฺมา สงฺขตสงฺขารา นาม. กมฺมนิพฺพตฺตา เตภูมกา รูปารูปธมฺมา อภิสงฺขตสงฺขาราติ อฏฺกถาสุ วุตฺตา, เตปิ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๒๑; ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. วิสุํ ปน เนสํ อาคตฏฺานํ น ปฺายติ. เตภูมิกกุสลากุสลเจตนา ปน อภิสงฺขรณกสงฺขาโรติ วุจฺจติ, ตสฺส ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปฺฺุเจว สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) อาคตฏฺานํ ปฺายติ. กายิกเจตสิกํ ปน วีริยํ ปโยคาภิสงฺขาโรติ วุจฺจติ, โส ‘‘ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ, ตาวติกา คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๕) อาคโต.
น เกวลฺจ เอเตเยว, อฺเปิ ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน ปมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโร, ตโต กายสงฺขาโร, ตโต จิตฺตสงฺขาโร’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๔) นเยน สงฺขาร-สทฺเทน อาคตา อเนเก สงฺขารา. เตสุ นตฺถิ โส สงฺขาโร, โย สงฺขตสงฺขาเรหิ สงฺคหํ น คจฺเฉยฺย, อิโต ปรํ สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติอาทีสุ วุตฺตํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อวุตฺเต ¶ ¶ ปน วิชานาตีติ วิฺาณํ. นมตีติ นามํ. รุปฺปตีติ รูปํ. อาเย ตโนติ อายตฺจ นยตีติ อายตนํ. ผุสตีติ ผสฺโส. เวทยตีติ เวทนา. ปริตสฺสตีติ ตณฺหา. อุปาทิยตีติ อุปาทานํ. ภวติ ภาวยติ จาติ ภโว. ชนนํ ชาติ. ชิรณํ ชรา. มรนฺติ เอเตนาติ มรณํ. โสจนํ โสโก. ปริเทวนํ ปริเทโว. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ. อุปฺปาทฏฺิติวเสน วา ทฺวิธา ขณตีติปิ ทุกฺขํ. ทุมฺมนภาโว โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส.
สมฺภวนฺตีติ อภินิพฺพตฺตนฺติ. น เกวลฺจ โสกาทีเหว, อถ โข สพฺพปเทหิ สมฺภวนฺติ-สทฺทสฺส โยชนา กาตพฺพา. อิตรถา หิ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ วุตฺเต กึ กโรนฺตีติ น ปฺาเยยฺย, สมฺภวนฺตีติ ปน โยชนาย สติ อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย. ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ กตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
เอวนฺติ นิทฺทิฏฺนยนิทสฺสนํ. เตน อวิชฺชาทีเหว การเณหิ, น อิสฺสรนิมฺมานาทีหีติ ทสฺเสติ. เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส. เกวลสฺสาติ อสมฺมิสฺสสฺส, สกลสฺส วา. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขสมูหสฺส, น สตฺตสฺส, น สุขสุภาทีนํ. สมุทโยติ นิพฺพตฺติ. โหตีติ สมฺภวติ. เอวเมตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๘๘. ลกฺขณาทิโตติ อวิชฺชาทีนํ ลกฺขณาทิโต. เสยฺยถิทํ – อฺาณลกฺขณา อวิชฺชา, สมฺโมหนรสา, ฉาทนปจฺจุปฏฺานา, อาสวปทฏฺานา. อภิสงฺขรณลกฺขณา สงฺขารา, อายูหนรสา, เจตนาปจฺจุปฏฺานา, อวิชฺชาปทฏฺานา. วิชานนลกฺขณํ วิฺาณํ, ปุพฺพงฺคมรสํ, ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ, สงฺขารปทฏฺานํ, วตฺถารมฺมณปทฏฺานํ วา. นมนลกฺขณํ นามํ, สมฺปโยครสํ, อวินิพฺโภคปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, วิกิรณรสํ, อพฺยากตปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. อายตนลกฺขณํ สฬายตนํ, ทสฺสนาทิรสํ, วตฺถุทฺวารภาวปจฺจุปฏฺานํ, นามรูปปทฏฺานํ. ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส, สงฺฆฏฺฏนรโส, สงฺคติปจฺจุปฏฺาโน, สฬายตนปทฏฺาโน. อนุภวนลกฺขณา เวทนา, วิสยรสสมฺโภครสา, สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา, ผสฺสปทฏฺานา. เหตุลกฺขณา ตณฺหา, อภินนฺทนรสา, อติตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา, เวทนาปทฏฺานา. คหณลกฺขณํ ¶ อุปาทานํ, อมฺุจนรสํ, ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานํ, ตณฺหาปทฏฺานํ. กมฺมกมฺมผลลกฺขโณ ภโว, ภาวนภวนรโส, กุสลากุสลาพฺยากตปจฺจุปฏฺาโน ¶ , อุปาทานปทฏฺาโน. ชาติอาทีนํ ลกฺขณาทีนิ สจฺจนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ ลกฺขณาทิโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๘๙. เอกวิธาทิโตติ เอตฺถ อวิชฺชา อฺาณาทสฺสนโมหาทิภาวโต เอกวิธา. อปฺปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺติโต ทุวิธา. ตถา สสงฺขาราสงฺขารโต. เวทนตฺตยสมฺปโยคโต ติวิธา. จตุสจฺจปฏิเวธโต จตุพฺพิธา. คติปฺจกาทีนวจฺฉาทนโต ปฺจวิธา. ทฺวารารมฺมณโต ปน สพฺเพสุปิ อรูปธมฺเมสุ ฉพฺพิธตา เวทิตพฺพา.
สงฺขารา สาสววิปากธมฺมธมฺมาทิภาวโต เอกวิธา. กุสลากุสลโต ทุวิธา. ตถา ปริตฺตมหคฺคตหีนมชฺฌิมมิจฺฉตฺตนิยตานิยตโต. ติวิธา ปฺุาภิสงฺขาราทิภาวโต. จตุพฺพิธา จตุโยนิสํวตฺตนโต. ปฺจวิธา ปฺจคติคามิโต.
วิฺาณํ โลกิยวิปากาทิภาวโต เอกวิธํ. สเหตุกาเหตุกาทิโต ทุวิธํ. ภวตฺตยปริยาปนฺนโต, เวทนตฺตยสมฺปโยคโต, อเหตุกทฺวิเหตุกติเหตุกโต จ ติวิธํ. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธํ, ปฺจวิธฺจ.
นามรูปํ วิฺาณสนฺนิสฺสยโต กมฺมปจฺจยโต จ เอกวิธํ. สารมฺมณนารมฺมณโต ทุวิธํ. อตีตาทิโต ติวิธํ. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธํ, ปฺจวิธฺจ.
สฬายตนํ สฺชาติสโมสรณฏฺานโต เอกวิธํ. ภูตปฺปสาทวิฺาณาทิโต ทุวิธํ. สมฺปตฺตาสมฺปตฺตโนภยโคจรโต ติวิธํ. โยนิคติปริยาปนฺนโต จตุพฺพิธํ ปฺจวิธฺจาติ อิมินา นเยน ผสฺสาทีนมฺปิ เอกวิธาทิภาโว เวทิตพฺโพติ เอวเมตฺถ เอกวิธาทิโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๙๐. องฺคานฺจ ววตฺถานาติ โสกาทโย เจตฺถ ภวจกฺกสฺส อวิจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ชรามรณพฺภาหตสฺส หิ พาลสฺส เต สมฺภวนฺติ. ยถาห ¶ – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน สารีริกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหมาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๒). ยาว จ เตสํ ปวตฺติ, ตาว อวิชฺชายาติ ปุนปิ ¶ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ สมฺพนฺธเมว โหติ ภวจกฺกํ. ตสฺมา เตสํ ชรามรเณเนว เอกสงฺเขปํ กตฺวา ทฺวาทเสว ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานีติ เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ องฺคานํ ววตฺถานโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
อยํ ตาเวตฺถ สงฺเขปกถา.
อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทกถา
๕๖๑. อยํ ปน วิตฺถารนโย – อวิชฺชาติ สุตฺตนฺตปริยาเยน ทุกฺขาทีสุ จตูสุ าเนสุ อฺาณํ, อภิธมฺมปริยาเยน ปุพฺพนฺตาทีหิ สทฺธึ อฏฺสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา, ทุกฺเข อฺาณํ…เป… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณํ, ปุพฺพนฺเต อฺาณํ, อปรนฺเต, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต, อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อฺาณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๐๖). ตตฺถ กิฺจาปิ เปตฺวา โลกุตฺตรํ สจฺจทฺวยํ เสสฏฺาเนสุ อารมฺมณวเสน อวิชฺชา อุปฺปชฺชติ, เอวํ สนฺเตปิ ปฏิจฺฉาทนวเสเนว อิธ อธิปฺเปตา. สา หิ อุปฺปนฺนา ทุกฺขสจฺจํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ติฏฺติ, ยาถาวสรสลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, ตถา สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ, ปุพฺพนฺตสงฺขาตํ อตีตํ ขนฺธปฺจกํ, อปรนฺตสงฺขาตํ อนาคตํ ขนฺธปฺจกํ, ปุพฺพนฺตาปรนฺตสงฺขาตํ ตทุภยํ, อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมสงฺขาตํ อิทปฺปจฺจยตฺเจว ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเม จ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ติฏฺติ. ‘‘อยํ อวิชฺชา, อิเม สงฺขารา’’ติ เอวํ ยาถาวสรสลกฺขณเมตฺถ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ. ตสฺมา ทุกฺเข อฺาณํ…เป… อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อฺาณนฺติ วุจฺจติ.
๕๙๒. สงฺขาราติ ปฺุาทโย ตโย กายสงฺขาราทโย ตโยติ เอวํ ปุพฺเพ สงฺเขปโต วุตฺตา ฉ, วิตฺถารโต ปเนตฺถ ปฺุาภิสงฺขาโร ทานสีลาทิวเสน ปวตฺตา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา เจว ภาวนาวเสน ปวตฺตา ปฺจ รูปาวจรกุสลเจตนา จาติ เตรส เจตนา โหนฺติ. อปฺุาภิสงฺขาโร ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตา ทฺวาทส อกุสลเจตนา ¶ . อาเนฺชาภิสงฺขาโร ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา จตสฺโส อรูปาวจรกุสลเจตนา จาติ ตโยปิ สงฺขารา เอกูนตึส เจตนา โหนฺติ.
อิตเรสุ ¶ ปน ตีสุ กายสฺเจตนา กายสงฺขาโร, วจีสฺเจตนา วจีสงฺขาโร, มโนสฺเจตนา จิตฺตสงฺขาโร. อยํ ติโก กมฺมายูหนกฺขเณ ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ ทฺวารโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. กายวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา หิ กายทฺวารโต ปวตฺตา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา, ทฺวาทส อกุสลเจตนาติ สมวีสติ เจตนา กายสงฺขาโร นาม. ตา เอว วจีวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา วจีทฺวารโต ปวตฺตา วจีสงฺขาโร นาม. อภิฺาเจตนา ปเนตฺถ ปรโต วิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหตีติ น คหิตา. ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหติ. ตสฺมา สาปิ วิฺาณสฺส ปจฺจยภาเว อปเนตพฺพา, อวิชฺชาปจฺจยา ปน สพฺพาเปตา โหนฺติ. อุโภปิ วิฺตฺติโย อสมุฏฺาเปตฺวา มโนทฺวาเร อุปฺปนฺนา ปน สพฺพาปิ เอกูนตึสติ เจตนา จิตฺตสงฺขาโรติ. อิติ อยํ ติโก ปุริมตฺติกเมว ปวิสตีติ อตฺถโต ปฺุาภิสงฺขาราทีนํเยว วเสน อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ.
๕๙๓. ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘อิเม สงฺขารา อวิชฺชา ปจฺจยา โหนฺตี’’ติ? อวิชฺชาภาเว ภาวโต. ยสฺส หิ ทุกฺขาทีสุ อวิชฺชาสงฺขาตํ อฺาณํ อปฺปหีนํ โหติ, โส ทุกฺเข ตาว ปุพฺพนฺตาทีสุ จ อฺาเณน สํสารทุกฺขํ สุขสฺาย คเหตฺวา ตสฺเสว เหตุภูเต ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภติ. สมุทเย อฺาเณน ทุกฺขเหตุภูเตปิ ตณฺหาปริกฺขาเร สงฺขาเร สุขเหตุโต มฺมาโน อารภติ. นิโรเธ ปน มคฺเค จ อฺาเณน ทุกฺขสฺส อนิโรธภูเตปิ คติวิเสเส ทุกฺขนิโรธสฺี หุตฺวา นิโรธสฺส จ อมคฺคภูเตสุปิ ยฺามรตปาทีสุ นิโรธมคฺคสฺี หุตฺวา ทุกฺขนิโรธํ ปตฺถยมาโน ยฺามรตปาทิมุเขน ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภติ.
อปิจ โส ตาย จตูสุ สจฺเจสุ อปฺปหีนาวิชฺชตาย วิเสสโต ชาติชราโรคมรณาทิอเนกาทีนวโวกิณฺณมฺปิ ปฺุผลสงฺขาตํ ทุกฺขํ ทุกฺขโต อชานนฺโต ตสฺส อธิคมาย กายวจีจิตฺตสงฺขารเภทํ ปฺุาภิสงฺขารํ ¶ อารภติ เทวจฺฉรกามโก วิย มรุปฺปปาตํ. สุขสมฺมตสฺสาปิ จ ตสฺส ปฺุผลสฺส อนฺเต มหาปริฬาหชนิกํ วิปริณามทุกฺขตํ อปฺปสฺสาทตฺจ อปสฺสนฺโตปิ ตปฺปจฺจยํ วุตฺตปฺปการเมว ปฺุาภิสงฺขารํ อารภติ สลโภ วิย ทีปสิขาภินิปาตํ, มธุพินฺทุคิทฺโธ วิย จ มธุลิตฺตสตฺถธาราเลหนํ. กามุปเสวนาทีสุ จ สวิปาเกสุ อาทีนวํ อปสฺสนฺโต สุขสฺาย เจว กิเลสาภิภูตตาย จ ทฺวารตฺตยปฺปวตฺตมฺปิ อปฺุาภิสงฺขารํ อารภติ, พาโล วิย คูถกีฬนํ, มริตุกาโม วิย จ วิสขาทนํ. อารุปฺปวิปาเกสุ ¶ จาปิ สงฺขารวิปริณามทุกฺขตํ อนวพุชฺฌมาโน สสฺสตาทิวิปลฺลาเสน จิตฺตสงฺขารภูตํ อาเนฺชาภิสงฺขารํ อารภติ, ทิสามูฬฺโห วิย ปิสาจนคราภิมุขมคฺคคมนํ.
เอวํ ยสฺมา อวิชฺชาภาวโตว สงฺขารภาโว, น อภาวโต. ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘อิเม สงฺขารา อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺตี’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรติ, อปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรติ, อาเนฺชาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรติ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา เนว ปฺุาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติ.
ปฏฺานปจฺจยกถา
๕๙๔. เอตฺถาห – คณฺหาม ตาว เอตํ อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโยติ, อิทํ ปน วตฺตพฺพํ กตเมสํ สงฺขารานํ กถํ ปจฺจโย โหตีติ? ตตฺริทํ วุจฺจติ, ภควตา หิ ‘‘เหตุปจฺจโย, อารมฺมณปจฺจโย, อธิปติปจฺจโย, อนนฺตรปจฺจโย, สมนนฺตรปจฺจโย, สหชาตปจฺจโย, อฺมฺปจฺจโย, นิสฺสยปจฺจโย, อุปนิสฺสยปจฺจโย, ปุเรชาตปจฺจโย, ปจฺฉาชาตปจฺจโย, อาเสวนปจฺจโย, กมฺมปจฺจโย, วิปากปจฺจโย, อาหารปจฺจโย, อินฺทฺริยปจฺจโย, ฌานปจฺจโย, มคฺคปจฺจโย, สมฺปยุตฺตปจฺจโย, วิปฺปยุตฺตปจฺจโย, อตฺถิปจฺจโย, นตฺถิปจฺจโย, วิคตปจฺจโย, อวิคตปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.ปจฺจยุทฺเทส) จตุวีสติ ปจฺจยา วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ เหตุปจฺจโย, เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย, เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติ. อารมฺมณปจฺจยาทีสุปิ เอเสว นโย.
๕๙๕. ตตฺถ เหตูติ วจนาวยวการณมูลานเมตํ อธิวจนํ. ‘‘ปฏิฺา, เหตู’’ติอาทีสุ หิ โลเก วจนาวยโว เหตูติ วุจฺจติ. สาสเน ปน ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๖๐) การณํ. ‘‘ตโย กุสลเหตู, ตโย อกุสลเหตู’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๕๙) มูลํ เหตูติ วุจฺจติ, ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. ปจฺจโยติ เอตฺถ ปน อยํ วจนตฺโถ, ปฏิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย. อปจฺจกฺขาย นํ วตฺตตีติ อตฺโถ. โย หิ ธมฺโม ยํ ธมฺมํ อปจฺจกฺขาย ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ¶ ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติ. ลกฺขณโต ปน อุปการกลกฺขโณ ปจฺจโย. โย หิ ธมฺโม ยสฺส ธมฺมสฺส ิติยา วา อุปฺปตฺติยา วา อุปการโก โหติ, โส ตสฺส ปจฺจโยติ วุจฺจติ. ปจฺจโย, เหตุ, การณํ, นิทานํ, สมฺภโว, ปภโวติอาทิ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนโต นานํ. อิติ มูลฏฺเน เหตุ, อุปการกฏฺเน ปจฺจโยติ สงฺเขปโต มูลฏฺเน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโย.
โส สาลิอาทีนํ สาลิพีชาทีนิ วิย, มณิปภาทีนํ วิย จ มณิวณฺณาทโย กุสลาทีนํ กุสลาทิภาวสาธโกติ อาจริยานํ อธิปฺปาโย. เอวํ สนฺเต ปน ตํสมุฏฺานรูเปสุ เหตุปจฺจยตา น สมฺปชฺชติ. น หิ โส เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธติ, น จ ปจฺจโย น โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑). อเหตุกจิตฺตานฺจ วินา เอเตน อพฺยากตภาโว สิทฺโธ, สเหตุกานมฺปิ จ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น สมฺปยุตฺตเหตุปฏิพทฺโธ. ยทิ จ สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว สิยา, สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺโธ อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา สมฺปยุตฺเตสุ, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา ปริเยสิตพฺพา.
กุสลาทิภาวสาธนวเสน ¶ ปน เหตูนํ มูลฏฺํ อคเหตฺวา สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนวเสน คยฺหมาเน น กิฺจิ วิรุชฺฌติ. ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรูฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฏฺิตา, อเหตุกา ติลพีชกาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฏฺิตา. อิติ มูลฏฺเน อุปการโกติ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
๕๙๖. ตโต ปเรสุ อารมฺมณภาเวน อุปการโก ธมฺโม อารมฺมณปจฺจโย. โส ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) อารภิตฺวาปิ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภ เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) โอสาปิตตฺตา น โกจิ ธมฺโม น โหติ. ยถา หิ ทุพฺพโล ปุริโส ทณฺฑํ วา รชฺชุํ วา อาลมฺพิตฺวาว อุฏฺหติ เจว ติฏฺติ จ, เอวํ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา รูปาทิอารมฺมณํ อารพฺเภว อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฏฺนฺติ จ. ตสฺมา สพฺเพปิ จิตฺตเจตสิกานํ อารมฺมณภูตา ธมฺมา อารมฺมณปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.
๕๙๗. เชฏฺกฏฺเน ¶ อุปการโก ธมฺโม อธิปติปจฺจโย, โส สหชาตารมฺมณวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๓.๓) ฉนฺทวีริยจิตฺตวีมํสาสงฺขาตา จตฺตาโร ธมฺมา อธิปติปจฺจโยติ เวทิตพฺพา, โน จ โข เอกโต. ยทา หิ ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ เชฏฺกํ กตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตทา ฉนฺโทว อธิปติ, น อิตเร. เอส นโย เสเสสุปิ.
ยํ ปน ธมฺมํ ครุํ กตฺวา อรูปธมฺมา ปวตฺตนฺติ, โส เนสํ อารมฺมณาธิปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ ครุํ กตฺวา เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๓).
๕๙๘. อนนฺตรภาเวน อุปการโก ธมฺโม อนนฺตรปจฺจโย. สมนนฺตรภาเวน อุปการโก ธมฺโม สมนนฺตรปจฺจโย. อิทฺจ ปจฺจยทฺวยํ ¶ พหุธา ปปฺจยนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สาโร, โย หิ เอส จกฺขุวิฺาณานนฺตรา มโนธาตุ, มโนธาตุอนนฺตรา มโนวิฺาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโม, โส ยสฺมา ปุริมปุริมจิตฺตวเสเนว อิชฺฌติ, น อฺถา, ตสฺมา อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรํ อนุรูปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อุปฺปาทนสมตฺโถ ธมฺโม อนนฺตรปจฺจโย. เตเนวาห – ‘‘อนนฺตรปจฺจโยติ จกฺขุวิฺาณธาตุ ตํสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔). โย อนนฺตรปจฺจโย, สฺเวว สมนนฺตรปจฺจโย. พฺยฺชนมตฺตเมว เหตฺถ นานํ, อุปจยสนฺตตีสุ วิย อธิวจนนิรุตฺติทุกาทีสุ วิย จ. อตฺถโต ปน นานํ นตฺถิ.
ยมฺปิ ‘‘อตฺถานนฺตรตาย อนนฺตรปจฺจโย, กาลานนฺตรตาย สมนนฺตรปจฺจโย’’ติ อาจริยานํ มตํ, ตํ ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนกุสลํ ผลสมาปตฺติยา สมนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทีหิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๘) วิรุชฺฌติ. ยมฺปิ ตตฺถ วทนฺติ ‘‘ธมฺมานํ สมุฏฺาปนสมตฺถตา น ปริหายติ, ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตา ธมฺมา สมนนฺตรา นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ตมฺปิ กาลานนฺตรตาย อภาวเมว สาเธติ. ภาวนาพเลน หิ ตตฺถ กาลานนฺตรตา นตฺถีติ, มยมฺปิ เอตเทว วทาม. ยสฺมา จ กาลานนฺตรตา นตฺถิ, ตสฺมา สมนนฺตรปจฺจยตา น ยุชฺชติ. กาลานนฺตรตาย หิ เตสํ สมนนฺตรปจฺจโย โหตีติ ลทฺธิ. ตสฺมา ¶ อภินิเวสํ อกตฺวา พฺยฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ, น อตฺถโต. กถํ? นตฺถิ เอเตสํ อนฺตรนฺติ หิ อนนฺตรา. สณฺานาภาวโต สุฏฺุ อนนฺตราติ สมนนฺตรา.
๕๙๙. อุปฺปชฺชมาโนว สห อุปฺปาทนภาเวน อุปการโก ธมฺโม สหชาตปจฺจโย ปกาสสฺส ปทีโป วิย. โส อรูปกฺขนฺธาทิวเสน ฉพฺพิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. จตฺตาโร มหาภูตา อฺมฺํ, โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺํ, จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ, มหาภูตา อุปาทารูปานํ, รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิฺจิกาเล สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, กิฺจิกาเล น สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖). อิทํ หทยวตฺถุเมว สนฺธาย วุตฺตํ.
๖๐๐. อฺมฺํ ¶ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนภาเวน อุปการโก ธมฺโม อฺมฺปจฺจโย อฺมฺูปตฺถมฺภกํ ติทณฺฑกํ วิย. โส อรูปกฺขนฺธาทิวเสน ติวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺปจฺจเยน ปจฺจโย. จตฺตาโร มหาภูตา โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๗).
๖๐๑. อธิฏฺานากาเรน นิสฺสยากาเรน จ อุปการโก ธมฺโม นิสฺสยปจฺจโย ตรุจิตฺตกมฺมาทีนํ ปถวีปฏาทโย วิย. โส ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ สหชาเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ฉฏฺโ ปเนตฺถ โกฏฺาโส ‘‘จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายายตนํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) เอวํ วิภตฺโต.
๖๐๒. อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เอตฺถ ปน อยํ ตาว วจนตฺโถ, ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโต น ปฏิกฺขิตฺโตติ นิสฺสโย. ยถา ปน ภุโส อายาโส อุปายาโส, เอวํ ภุโส นิสฺสโย อุปนิสฺสโย, พลวการณสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺมา พลวการณภาเวน อุปการโก ธมฺโม อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
โส ¶ อารมฺมณูปนิสฺสโย อนนฺตรูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยติ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ ‘‘ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ตํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ปุพฺเพ สุจิณฺณานิ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ฌานา วุฏฺหิตฺวา ฌานํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, เสกฺขา โคตฺรภุํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ, โวทานํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ. เสกฺขา มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) เอวมาทินา นเยน อารมฺมณูปนิสฺสโย ตาว อารมฺมณาธิปตินา สทฺธึ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต. ตตฺถ ยํ อารมฺมณํ ครุํกตฺวา จิตฺตเจตสิกา อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นิยมโต เตสุ อารมฺมเณสุ พลวารมฺมณํ โหติ. อิติ ครุกตฺตพฺพมตฺตฏฺเน ¶ อารมฺมณาธิปติ, พลวการณฏฺเน อารมฺมณูปนิสฺสโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
อนนฺตรูปนิสฺสโยปิ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ขนฺธา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ขนฺธานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๙) นเยน อนนฺตรปจฺจเยน สทฺธึ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต. มาติกานิกฺเขเป ปน เนสํ ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตุ ตํสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔) นเยน อนนฺตรสฺส, ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๙) นเยน อุปนิสฺสยสฺส อาคตตฺตา นิกฺเขเป วิเสโส อตฺถิ. โสปิ อตฺถโต เอกีภาวเมว คจฺฉติ. เอวํ สนฺเตปิ อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรา อนุรูปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺตนสมตฺถตาย อนนฺตรตา, ปุริมจิตฺตสฺส ปจฺฉิมจิตฺตุปฺปาทเน พลวตาย อนนฺตรูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพา. ยถา หิ เหตุปจฺจยาทีสุ กิฺจิ ธมฺมํ วินาปิ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, น เอวํ อนนฺตรจิตฺตํ วินา จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ นาม อตฺถิ. ตสฺมา พลวปจฺจโย โหติ. อิติ อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรา อนุรูปจิตฺตุปฺปาทนวเสน อนนฺตรปจฺจโย, พลวการณวเสน อนนฺตรูปนิสฺสโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ปกตูปนิสฺสโย ปน ปกโต อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย. ปกโต นาม อตฺตโน สนฺตาเน นิปฺผาทิโต วา สทฺธาสีลาทิ อุปเสวิโต วา อุตุโภชนาทิ. ปกติยา เอว วา อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย, อารมฺมณานนฺตเรหิ อสมฺมิสฺโสติ อตฺโถ. ตสฺส ปกตูปนิสฺสโย ‘‘สทฺธํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ฌานํ อุปฺปาเทติ, วิปสฺสนํ ¶ อุปฺปาเทติ, มคฺคํ อุปฺปาเทติ, อภิฺํ อุปฺปาเทติ, สมาปตฺตึ อุปฺปาเทติ. สีลํ, สุตํ, จาคํ, ปฺํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ…เป… สมาปตฺตึ อุปฺปาเทติ. สทฺธา, สีลํ, สุตํ, จาโค, ปฺา สทฺธาย, สีลสฺส, สุตสฺส, จาคสฺส, ปฺาย, อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) นเยน อเนกปฺปการโต ปเภโท เวทิตพฺโพ. อิติ อิเม สทฺธาทโย ปกตา เจว พลวการณฏฺเน อุปนิสฺสยา จาติ ปกตูปนิสฺสโยติ.
๖๐๓. ปมตรํ ¶ อุปฺปชฺชิตฺวา วตฺตมานภาเวน อุปการโก ธมฺโม ปุเรชาตปจฺจโย. โส ปฺจทฺวาเร วตฺถารมฺมณหทยวตฺถุวเสน เอกาทสวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. โสต…เป… ฆาน, ชิวฺหา, กายายตนํ, รูป, สทฺท, คนฺธ, รส, โผฏฺพฺพายตนํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. รูป, สทฺท, คนฺธ, รส, โผฏฺพฺพายตนํ มโนธาตุยา. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. มโนวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ กิฺจิกาเล ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. กิฺจิกาเล น ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐).
๖๐๔. ปุเรชาตานํ รูปธมฺมานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตน อุปการโก อรูปธมฺโม ปจฺฉาชาตปจฺจโย คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสาเจตนา วิย. เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑).
๖๐๕. อาเสวนฏฺเน อนนฺตรานํ ปคุณพลวภาวาย อุปการโก ธมฺโม อาเสวนปจฺจโย คนฺถาทีสุ ปุริมปุริมาภิโยโค วิย. โส กุสลากุสลกิริยชวนวเสน ติวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย. ปุริมา ปุริมา อกุสลา…เป… กิริยาพฺยากตา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กิริยาพฺยากตานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๒).
๖๐๖. จิตฺตปโยคสงฺขาเตน กิริยภาเวน อุปการโก ธมฺโม กมฺมปจฺจโย. โส นานกฺขณิกาย เจว กุสลากุสลเจตนาย สหชาตาย จ สพฺพายปิ เจตนาย วเสน ทุวิโธ โหติ ¶ . ยถาห – ‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย. เจตนา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๓).
๖๐๗. นิรุสฺสาหสนฺตภาเวน ¶ นิรุสฺสาหสนฺตภาวาย อุปการโก วิปากธมฺโม วิปากปจฺจโย. โส ปวตฺเต ตํสมุฏฺานานํ, ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตา จ รูปานํ, สพฺพตฺถ จ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปจฺจโย โหติ. ยถาห –‘‘วิปากาพฺยากโต เอโก ขนฺโธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฏฺานานฺจ รูปานํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย…เป… ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากโต เอโก ขนฺโธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ. ตโย ขนฺธา เอกสฺส ขนฺธสฺส. ทฺเว ขนฺธา ทฺวินฺนํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย. ขนฺธา วตฺถุสฺส วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.
๖๐๘. รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกฏฺเน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา อาหารปจฺจโย. ยถาห –‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย. อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๙) วุตฺตํ.
๖๐๙. อธิปติยฏฺเน อุปการกา อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยวชฺชา วีสตินฺทฺริยา อินฺทฺริยปจฺจโย. ตตฺถ จกฺขุนฺทฺริยาทโย อรูปธมฺมานํเยว, เสสา รูปารูปานํ ปจฺจยา โหนฺติ. ยถาห – ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายินฺทฺริยํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย. รูปชีวิตินฺทฺริยํ กฏตฺตารูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย. อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๖). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๐) วุตฺตํ.
๖๑๐. อุปนิชฺฌายนฏฺเน อุปการกานิ เปตฺวา ทฺวิปฺจวิฺาเณ สุขทุกฺขเวทนาทฺวยํ สพฺพานิปิ ¶ กุสลาทิเภทานิ สตฺต ฌานงฺคานิ ฌานปจฺจโย. ยถาห –‘‘ฌานงฺคานิ ฌานสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ¶ ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๗). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตานิ ฌานงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๑) วุตฺตํ.
๖๑๑. ยโต ตโต วา นิยฺยานฏฺเน อุปการกานิ กุสลาทิเภทานิ ทฺวาทส มคฺคงฺคานิ มคฺคปจฺจโย. ยถาห – ‘‘มคฺคงฺคานิ มคฺคสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ มคฺคปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๘). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตานิ มคฺคงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ มคฺคปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๒) วุตฺตํ. เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ทฺวิปฺจวิฺาณาเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๖๑๒. เอกวตฺถุกเอการมฺมณเอกุปฺปาเทกนิโรธสงฺขาเตน สมฺปยุตฺตภาเวน อุปการกา อรูปธมฺมา สมฺปยุตฺตปจฺจโย. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ สมฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๙).
๖๑๓. เอกวตฺถุกาทิภาวานุปคเมน อุปการกา รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ, อรูปิโนปิ รูปีนํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย. โส สหชาตปจฺฉาชาตปุเรชาตวเสน ติวิโธ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย. ปจฺฉาชาตา กุสลา ขนฺธา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔). อพฺยากตปทสฺส ปน สหชาตวิภงฺเค ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา ขนฺธา กฏตฺตารูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย. ขนฺธา วตฺถุสฺส. วตฺถุ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔) วุตฺตํ. ปุเรชาตํ ปน จกฺขุนฺทฺริยาทิวตฺถุวเสเนว เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘ปุเรชาตํ จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส…เป… กายายตนํ กายวิฺาณสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย. วตฺถุ วิปากาพฺยากตานํ กิริยาพฺยากตานํ ขนฺธานํ…เป… วตฺถุ กุสลานํ ขนฺธานํ…เป… วตฺถุ อกุสลานํ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔).
๖๑๔. ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณน ¶ อตฺถิภาเวน ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อุปตฺถมฺภกตฺเตน อุปการโก ธมฺโม อตฺถิปจฺจโย. ตสฺส อรูปกฺขนฺธมหาภูตนามรูปจิตฺตเจตสิกมหาภูตอายตนวตฺถุวเสน สตฺตธา มาติกา ¶ นิกฺขิตฺตา. ยถาห –‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย, จตฺตาโร มหาภูตา, โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺํ. จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ. มหาภูตา อุปาทารูปานํ. จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… กายายตนํ…เป… รูปายตนํ…เป… โผฏฺพฺพายตนํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย. รูปายตนํ…เป… โผฏฺพฺพายตนํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๑).
ปฺหาวาเร ปน สหชาตํ ปุเรชาตํ ปจฺฉาชาตํ อาหารํ อินฺทฺริยนฺติปิ นิกฺขิปิตฺวา สหชาเต ตาว ‘‘เอโก ขนฺโธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๕) นเยน นิทฺเทโส กโต, ปุเรชาเต ปุเรชาตานํ จกฺขาทีนํ วเสน นิทฺเทโส กโต. ปจฺฉาชาเต ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยวเสน นิทฺเทโส กโต. อาหารินฺทฺริเยสุ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย. รูปชีวิตินฺทฺริยํ กฏตฺตารูปานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๕) เอวํ นิทฺเทโส กโตติ.
๖๑๕. อตฺตโน อนนฺตรา อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกา สมนนฺตรนิรุทฺธา อรูปธมฺมา นตฺถิปจฺจโย. ยถาห –‘‘สมนนฺตรนิรุทฺธา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปฏุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ นตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.
เต เอว วิคตภาเวน อุปการกตฺตา วิคตปจฺจโย. ยถาห – ‘‘สมนนฺตรวิคตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปฏุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ วิคตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.
อตฺถิ ปจฺจยธมฺมา เอว จ อวิคตภาเวน อุปการกตฺตา อวิคตปจฺจโยติ เวทิตพฺพา. เทสนาวิลาเสน ¶ ปน ตถา วิเนตพฺพเวเนยฺยวเสน วา อยํ ทุโก วุตฺโต, อเหตุกทุกํ วตฺวาปิ เหตุวิปฺปยุตฺตทุโก วิยาติ.
อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทวิตฺถารกถา
๖๑๖. เอวมิเมสุ ¶ จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ อยํ อวิชฺชา,
ปจฺจโย โหติ ปฺุานํ, ทุวิธาเนกธา ปน;
ปเรสํ ปจฺฉิมานํ สา, เอกธา ปจฺจโย มตาติ.
ตตฺถ ปฺุานํ ทุวิธาติ อารมฺมณปจฺจเยน จ อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺเวธา ปจฺจโย โหติ. สา หิ อวิชฺชํ ขยโต วยโต สมฺมสนกาเล กามาวจรานํ ปฺุาภิสงฺขารานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. อภิฺาจิตฺเตน สโมหจิตฺตํ ชานนกาเล รูปาวจรานํ. อวิชฺชาสมติกฺกมตฺถาย ปน ทานาทีนิ เจว กามาวจรปฺุกิริยวตฺถูนิ ปูเรนฺตสฺส, รูปาวจรชฺฌานานิ จ อุปฺปาเทนฺตสฺส ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. ตถา อวิชฺชาสมฺมูฬฺหตฺตา กามภวรูปภวสมฺปตฺติโย ปตฺเถตฺวา ตาเนว ปฺุานิ กโรนฺตสฺส.
อเนกธา ปน ปเรสนฺติ อปฺุาภิสงฺขารานํ อเนกธา ปจฺจโย โหติ. กถํ? เอสา หิ อวิชฺชํ อารพฺภ ราคาทีนํ อุปฺปชฺชนกาเล อารมฺมณปจฺจเยน, ครุํกตฺวา อสฺสาทนกาเล อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสเยหิ, อวิชฺชาสมฺมูฬฺหสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺตสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน, ทุติยชวนาทีนํ อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยาเสวนนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ, ยํกิฺจิ อกุสลํ กโรนฺตสฺส เหตุ สหชาต อฺมฺ นิสฺสย สมฺปยุตฺต อตฺถิ อวิคตปจฺจเยหีติ อเนกธา ปจฺจโย โหติ.
ปจฺฉิมานํ สา เอกธา ปจฺจโย มตาติ อาเนฺชาภิสงฺขารานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว เอกธา ปจฺจโย มตา. โส ปนสฺสา อุปนิสฺสยภาโว ปฺุาภิสงฺขาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
๖๑๗. เอตฺถาห – กึ ปนายเมกาว อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย, อุทาหุ อฺเปิ ปจฺจยา ¶ สนฺตีติ? กึ ปเนตฺถ, ยทิ ตาว เอกาว, เอกการณวาโท อาปชฺชติ. อถฺเปิ สนฺติ, ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอกการณนิทฺเทโส นุปปชฺชตีติ? น นุปปชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา –
เอกํ น เอกโต อิธ, นาเนกมเนกโตปิ โน เอกํ;
ผลมตฺถิ อตฺถิ ปน เอก-เหตุผลทีปเน อตฺโถ.
เอกโต ¶ หิ การณโต น อิธ กิฺจิ เอกํ ผลมตฺถิ, น อเนกํ. นาปิ อเนเกหิ การเณหิ เอกํ. อเนเกหิ ปน การเณหิ อเนกเมว โหติ. ตถา หิ อเนเกหิ อุตุปถวีพีชสลิลสงฺขาเตหิ การเณหิ อเนกเมว รูปคนฺธรสาทิกํ องฺกุรสงฺขาตํ ผลํ อุปฺปชฺชมานํ ทิสฺสติ. ยํ ปเนตํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอเกกเหตุผลทีปนํ กตํ, ตตฺถ อตฺโถ อตฺถิ, ปโยชนํ วิชฺชติ.
ภควา หิ กตฺถจิ ปธานตฺตา, กตฺถจิ ปากฏตฺตา, กตฺถจิ อสาธารณตฺตา เทสนาวิลาสสฺส จ เวเนยฺยานฺจ อนุรูปโต เอกเมว เหตุํ วา ผลํ วา ทีเปติ. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ ปธานตฺตา เอกเมว เหตุผลมาห. ผสฺโส หิ เวทนาย ปธานเหตุ ยถาผสฺสํ เวทนา ววตฺถานโต. เวทนา จ ผสฺสสฺส ปธานผลํ ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานโต. ‘‘เสมฺหสมุฏฺานา อาพาธา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๐) ปากฏตฺตา เอกํ เหตุมาห. ปากโฏ หิ เอตฺถ เสมฺโห, น กมฺมาทโย. ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อโยนิโสมนสิการมูลกา’’ติ อสาธารณตฺตา เอกํ เหตุมาห. อสาธารโณ หิ อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลานํ, สาธารณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ. ตสฺมา อยมิธ อวิชฺชา วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ วตฺถารมฺมณสหชาตธมฺมาทีสุ สงฺขารการเณสุ ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) จ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๔) จ วจนโต อฺเสมฺปิ ตณฺหาทีนํ สงฺขารเหตูนํ เหตูติ ปธานตฺตา, ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตี’’ติ ปากฏตฺตา, อสาธารณตฺตา จ สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ เวทิตพฺพา. เอเตเนว จ เอเกกเหตุผลทีปนปริหารวจเนน สพฺพตฺถ เอเกกเหตุผลทีปเน ปโยชนํ เวทิตพฺพนฺติ.
๖๑๘. เอตฺถาห ¶ – เอวํ สนฺเตปิ เอกนฺตานิฏฺผลาย สาวชฺชาย อวิชฺชาย กถํ ปฺุาเนฺชาภิสงฺขารปจฺจยตฺตํ ยุชฺชติ? น หิ นิมฺพพีชโต อุจฺฉุ อุปฺปชฺชตีติ. กถํ น ยุชฺชิสฺสติ? โลกสฺมิฺหิ –
วิรุทฺโธ ¶ จาวิรุทฺโธ จ, สทิสาสทิโส ตถา;
ธมฺมานํ ปจฺจโย สิทฺโธ, วิปากา เอว เต จ น.
ธมฺมานํ หิ านสภาวกิจฺจาทิวิรุทฺโธ จาวิรุทฺโธ จ ปจฺจโย โลเก สิทฺโธ. ปุริมจิตฺตํ หิ อปรจิตฺตสฺส านวิรุทฺโธ ปจฺจโย, ปุริมสิปฺปาทิสิกฺขา จ ปจฺฉา ปวตฺตมานานํ สิปฺปาทิกิริยานํ. กมฺมํ รูปสฺส สภาววิรุทฺโธ ปจฺจโย, ขีราทีนิ จ ทธิอาทีนํ. อาโลโก จกฺขุวิฺาณสฺส กิจฺจวิรุทฺโธ, คุฬาทโย จ อาสวาทีนํ. จกฺขุรูปาทโย ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ านาวิรุทฺธา ปจฺจยา. ปุริมชวนาทโย ปจฺฉิมชวนาทีนํ สภาวาวิรุทฺธา กิจฺจาวิรุทฺธา จ.
ยถา จ วิรุทฺธาวิรุทฺธา ปจฺจยา สิทฺธา, เอวํ สทิสาสทิสาปิ. สทิสเมว หิ อุตุอาหารสงฺขาตํ รูปํ รูปสฺส ปจฺจโย, สาลิพีชาทีนิ จ สาลิผลาทีนํ. อสทิสมฺปิ รูปํ อรูปสฺส, อรูปฺจ รูปสฺส ปจฺจโย โหติ, โคโลมาวิโลม-วิสาณ-ทธิติลปิฏฺาทีนิ จ ทุพฺพา-สรภูติณกาทีนํ. เยสฺจ ธมฺมานํ เต วิรุทฺธาวิรุทฺธสทิสาสทิสปจฺจยา, น เต ธมฺมา เตสํ ธมฺมานํ วิปากา เอว.
อิติ อยํ อวิชฺชา วิปากวเสน เอกนฺตานิฏฺผลา, สภาววเสน จ สาวชฺชาปิ สมานา สพฺเพสมฺปิ เอเตสํ ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ ยถานุรูปํ านกิจฺจสภาววิรุทฺธาวิรุทฺธปจฺจยวเสน, สทิสาสทิสปจฺจยวเสน จ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพา. โส จสฺสา ปจฺจยภาโว ‘‘ยสฺส หิ ทุกฺขาทีสุ อวิชฺชาสงฺขาตํ อฺาณํ อปฺปหีนํ โหติ, โส ทุกฺเข ตาว ปุพฺพนฺตาทีสุ จ อฺาเณน สํสารทุกฺขํ สุขสฺาย คเหตฺวา ตสฺส เหตุภูเต ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต เอว.
๖๑๙. อปิจ อยํ อฺโปิ ปริยาโย –
จุตูปปาเต ¶ สํสาเร, สงฺขารานฺจ ลกฺขเณ;
โย ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน-ธมฺเมสุ จ วิมุยฺหติ.
อภิสงฺขโรติ โส เอเต, สงฺขาเร ติวิเธ ยโต;
อวิชฺชา ปจฺจโย เตสํ, ติวิธานมฺปยํ ตโตติ.
กถํ ¶ ปน โย เอเตสุ วิมุยฺหติ, โส ติวิเธเปเต สงฺขาเร กโรตีติ เจ. จุติยา ตาว วิมูฬฺโห ‘‘สพฺพตฺถ ขนฺธานํ เภโท มรณ’’นฺติ จุตึ อคณฺหนฺโต ‘‘สตฺโต มรติ, สตฺตสฺส เทหนฺตรสงฺกมน’’นฺติอาทีนิ วิกปฺเปติ.
อุปปาเต วิมูฬฺโห ‘‘สพฺพตฺถ ขนฺธานํ ปาตุภาโว ชาตี’’ติ อุปปาตํ อคณฺหนฺโต ‘‘สตฺโต อุปปชฺชติ, สตฺตสฺส นวสรีรปาตุภาโว’’ติอาทีนิ วิกปฺเปติ.
สํสาเร วิมูฬฺโห โย เอส,
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
เอวํ วณฺณิโต สํสาโร, ตํ เอวํ อคณฺหนฺโต ‘‘อยํ สตฺโต อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ คจฺฉติ, ปรสฺมา โลกา อิมํ โลกํ อาคจฺฉตี’’ติอาทีนิ วิกปฺเปติ.
สงฺขารานํ ลกฺขเณ วิมูฬฺโห สงฺขารานํ สภาวลกฺขณํ สามฺลกฺขณฺจ อคณฺหนฺโต สงฺขาเร อตฺตโต อตฺตนิยโต ธุวโต สุขโต สุภโต วิกปฺเปติ.
ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเมสุ วิมูฬฺโห อวิชฺชาทีหิ สงฺขาราทีนํ ปวตฺตึ อคณฺหนฺโต ‘‘อตฺตา ชานาติ วา น ชานาติ วา, โส เอว กโรติ จ กาเรติ จ. โส ปฏิสนฺธิยํ อุปปชฺชติ, ตสฺส อณุอิสฺสราทโย กลลาทิภาเวน สรีรํ สณฺเปนฺโต อินฺทฺริยานิ สมฺปาเทนฺติ. โส อินฺทฺริยสมฺปนฺโน ผุสติ, เวทิยติ, ตณฺหียติ, อุปาทิยติ, ฆฏิยติ. โส ปุน ภวนฺตเร ภวตี’’ติ ¶ วา, ‘‘สพฺเพ สตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) วา วิกปฺเปติ.
โส อวิชฺชาย อนฺธีกโต เอวํ วิกปฺเปนฺโต ยถา นาม อนฺโธ ปถวิยํ วิจรนฺโต มคฺคมฺปิ อมคฺคมฺปิ ถลมฺปิ นินฺนมฺปิ สมมฺปิ วิสมมฺปิ ปฏิปชฺชติ, เอวํ ปฺุมฺปิ อปฺุมฺปิ อาเนฺชาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตีติ.
เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ยถาปิ ¶ นาม ชจฺจนฺโธ, นโร อปริณายโก;
เอกทา ยาติ มคฺเคน, อุมฺมคฺเคนาปิ เอกทา.
‘‘สํสาเร สํสรํ พาโล, ตถา อปริณายโก;
กโรติ เอกทา ปฺุํ, อปฺุมปิ เอกทา.
‘‘ยทา จ ตฺวา โส ธมฺมํ, สจฺจานิ อภิสเมสฺสติ;
ตทา อวิชฺชูปสมา, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ.
อยํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
สงฺขารปจฺจยาวิฺาณปทวิตฺถารกถา
๖๒๐. สงฺขารปจฺจยา วิฺาณปเท – วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณาทิ ฉพฺพิธํ. ตตฺถ จกฺขุวิฺาณํ กุสลวิปากํ อกุสลวิปากนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตถา โสตฆานชิวฺหากอายวิฺาณานิ. มโนวิฺาณํ กุสลากุสลวิปากา ทฺเว มโนธาตุโย, ติสฺโส อเหตุกมโนวิฺาณธาตุโย, อฏฺ สเหตุกานิ กามาวจรวิปากจิตฺตานิ, ปฺจ รูปาวจรานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรานีติ พาวีสติวิธํ โหติ. อิติ อิเมหิ ฉหิ วิฺาเณหิ สพฺพานิปิ พาตฺตึส โลกิยวิปากวิฺาณานิ ¶ สงฺคหิตานิ โหนฺติ. โลกุตฺตรานิ ปน วฏฺฏกถาย น ยุชฺชนฺตีติ น คหิตานิ.
ตตฺถ สิยา ‘‘กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ อิทํ วุตฺตปฺปการํ วิฺาณํ สงฺขารปจฺจยา โหตี’’ติ? อุปจิตกมฺมาภาเว วิปากาภาวโต. วิปากํ เหตํ, วิปากฺจ น อุปจิตกมฺมาภาเว อุปฺปชฺชติ. ยทิ อุปฺปชฺเชยฺย สพฺเพสํ สพฺพวิปากานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, น จ อุปฺปชฺชนฺตีติ ชานิตพฺพเมตํ สงฺขารปจฺจยา อิทํ วิฺาณํ โหตีติ.
กตรสงฺขารปจฺจยา กตรํ วิฺาณนฺติ เจ. กามาวจรปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา ตาว กุสลวิปากานิ ปฺจ จกฺขุวิฺาณาทีนิ, มโนวิฺาเณ เอกา มโนธาตุ, ทฺเว มโนวิฺาณธาตุโย, อฏฺ กามาวจรมหาวิปากานีติ โสฬส. ยถาห –
‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายวิฺาณํ ¶ … วิปากา มโนธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ. โสมนสฺสสหคตา มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ. อุเปกฺขาสหคตา มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ. โสมนสฺสสหคตา าณสมฺปยุตฺตา. โสมนสฺสสหคตา าณสมฺปยุตฺตา สสงฺขาเรน. โสมนสฺสสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา. โสมนสฺสสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา สสงฺขาเรน. อุเปกฺขาสหคตา าณสมฺปยุตฺตา. อุเปกฺขาสหคตา าณสมฺปยุตฺตา สสงฺขาเรน. อุเปกฺขาสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา. อุเปกฺขาสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา สสงฺขาเรนา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑, ๔๙๘).
รูปาวจรปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา ปน ปฺจ รูปาวจรวิปากานิ. ยถาห –
‘‘ตสฺเสว รูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ วิวิจฺเจว กาเมหิ ปมํ ฌานํ…เป… ปฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๔๙๙). เอวํ ปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา เอกวีสติวิธํ วิฺาณํ โหติ.
อปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา ¶ ปน อกุสลวิปากานิ ปฺจ จกฺขุวิฺาณาทีนิ, เอกา มโนธาตุ, เอกา มโนวิฺาณธาตูติ เอวํ สตฺตวิธํ วิฺาณํ โหติ. ยถาห –
‘‘อกุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายวิฺาณํ… วิปากา มโนธาตุ วิปากา มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา โหตี’’ติ (ธ. ส. ๕๕๖).
อาเนฺชาภิสงฺขารปจฺจยา ปน จตฺตาริ อรูปวิปากานีติ เอวํ จตุพฺพิธํ วิฺาณํ โหติ. ยถาห –
‘‘ตสฺเสว อรูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ…เป… วิฺาณฺจา…เป… อากิฺจฺา…เป… เนวสฺานาสฺายตนสหคตํ สุขสฺส จ ทุกฺขสฺส จ ปหานา จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๕๐๑).
๖๒๑. เอวํ ¶ ยํ สงฺขารปจฺจยา ยํ วิฺาณํ โหติ, ตํ ตฺวา อิทานิสฺส เอวํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา – สพฺพเมว หิ อิทํ ปวตฺติปฏิสนฺธิวเสน ทฺเวธา ปวตฺตติ. ตตฺถ ทฺเว ปฺจวิฺาณานิ, ทฺเว มโนธาตุโย, โสมนสฺสสหคตา อเหตุกมโนวิฺาณธาตูติ อิมานิ เตรส ปฺจโวการภเว ปวตฺติยฺเว ปวตฺตนฺติ. เสสานิ เอกูนวีสติ ตีสุ ภเวสุ ยถานุรูปํ ปวตฺติยมฺปิ ปฏิสนฺธิยมฺปิ ปวตฺตนฺติ.
กถํ? กุสลวิปากานิ ตาว จกฺขุวิฺาณาทีนิ ปฺจ กุสลวิปาเกน อกุสลวิปาเกน วา นิพฺพตฺตสฺส ยถากฺกมํ ปริปากํ อุปคตินฺทฺริยสฺส จกฺขาทีนํ อาปาถคตํ อิฏฺํ อิฏฺมชฺฌตฺตํ วา รูปาทิอารมฺมณํ อารพฺภ จกฺขาทิปสาทํ นิสฺสาย ทสฺสนสวนฆายนสายนผุสนกิจฺจํ สาธยมานานิ ปวตฺตนฺติ. ตถา อกุสลวิปากานิ ปฺจ. เกวลฺหิ เตสํ อนิฏฺํ อนิฏฺมชฺฌตฺตํ วา อารมฺมณํ โหติ. อยเมว วิเสโส. ทสปิ เจตานิ นิยตทฺวารารมฺมณวตฺถุฏฺานานิ นิยตกิจฺจาเนว จ ภวนฺติ.
ตโต ¶ กุสลวิปากานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อนนฺตรา กุสลวิปากา มโนธาตุ เตสํเยว อารมฺมณํ อารพฺภ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ สาธยมานา ปวตฺตติ. ตถา อกุสลวิปากานํ อนนฺตรา อกุสลวิปากา. อิทฺจ ปน ทฺวยํ อนิยตทฺวารารมฺมณํ นิยตวตฺถุฏฺานํ นิยตกิจฺจฺจ โหติ.
โสมนสฺสสหคตา ปน อเหตุกมโนวิฺาณธาตุ กุสลวิปากมโนธาตุยา อนนฺตรา ตสฺสา เอว อารมฺมณํ อารพฺภ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย สนฺตีรณกิจฺจํ สาธยมานา ฉสุ ทฺวาเรสุ พลวารมฺมเณ กามาวจรสตฺตานํ เยภุยฺเยน โลภสมฺปยุตฺตชวนาวสาเน ภวงฺควีถึ ปจฺฉินฺทิตฺวา ชวเนน คหิตารมฺมเณ ตทารมฺมณวเสน จ สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ปวตฺตตีติ มชฺฌิมฏฺกถายํ วุตฺตํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ตทารมฺมเณ ทฺเว จิตฺตวารา อาคตา. อิทํ ปน จิตฺตํ ตทารมฺมณนฺติ จ ปิฏฺิภวงฺคนฺติ จาติ ทฺเว นามานิ ลภติ. อนิยตทฺวารารมฺมณํ นิยตวตฺถุกํ อนิยตฏฺานกิจฺจฺจ โหตีติ. เอวํ ตาว เตรส ปฺจโวการภเว ปวตฺติยฺเว ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
เสเสสุ ¶ เอกูนวีสติยา น กิฺจิ อตฺตโน อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยา น ปวตฺตติ. ปวตฺติยํ ปน กุสลากุสลวิปากา ตาว ทฺเว อเหตุกมโนวิฺาณธาตุโย ปฺจทฺวาเร กุสลากุสลวิปากมโนธาตูนํ อนนฺตรา สนฺตีรณกิจฺจํ, ฉสุ ทฺวาเรสุ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ตทารมฺมณกิจฺจํ, อตฺตนา ทินฺนปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อสติ ภวงฺคุปจฺเฉทเก จิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคกิจฺจํ, อนฺเต จุติกิจฺจฺจาติ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาธยมานา นิยตวตฺถุกา อนิยตทฺวารารมฺมณฏฺานกิจฺจา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
อฏฺ กามาวจรสเหตุกจิตฺตานิ วุตฺตนเยเนว ฉสุ ทฺวาเรสุ ตทารมฺมณกิจฺจํ, อตฺตนา ทินฺนปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อสติ ภวงฺคุปจฺเฉทเก จิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคกิจฺจํ, อนฺเต จุติกิจฺจฺจาติ ตีณิ กิจฺจานิ สาธยมานานิ นิยตวตฺถุกานิ อนิยตทฺวารารมฺมณฏฺานกิจฺจานิ หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
ปฺจ รูปาวจรานิ จตฺตาริ จ อารุปฺปานิ อตฺตนา ทินฺนปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อสติ ภวงฺคุปจฺเฉทเก จิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคกิจฺจํ, อนฺเต จุติกิจฺจฺจาติ กิจฺจทฺวยํ สาธยมานานิ ปวตฺตนฺติ ¶ . เตสุ รูปาวจรานิ นิยตวตฺถารมฺมณานิ อนิยตฏฺานกิจฺจานิ, อิตรานิ นิยตวตฺถุกานิ นิยตารมฺมณานิ อนิยตฏฺานกิจฺจานิ หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ตาว พาตฺตึสวิธมฺปิ วิฺาณํ ปวตฺติยํ สงฺขารปจฺจยา ปวตฺตติ. ตตฺราสฺส เต เต สงฺขารา กมฺมปจฺจเยน จ อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจยา โหนฺติ.
๖๒๒. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘เสเสสุ เอกูนวีสติยา น กิฺจิ อตฺตโน อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยา น ปวตฺตตี’’ติ, ตํ อติสํขิตฺตตฺตา ทุพฺพิชานํ. เตนสฺส วิตฺถารนยทสฺสนตฺถํ วุจฺจติ – กติ ปฏิสนฺธิโย, กติ ปฏิสนฺธิจิตฺตานิ, เกน กตฺถ ปฏิสนฺธิ โหติ, กึ ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณนฺติ?
อสฺปฏิสนฺธิยา สทฺธึ วีสติ ปฏิสนฺธิโย. วุตฺตปฺปการาเนว เอกูนวีสติ ปฏิสนฺธิจิตฺตานิ. ตตฺถ อกุสลวิปากาย อเหตุกมโนวิฺาณธาตุยา อปาเยสุ ปฏิสนฺธิ โหติ. กุสลวิปากาย มนุสฺสโลเก ชจฺจนฺธชาติพธิรชาติอุมฺมตฺตกชาติเอฬมูคนปุํสกาทีนํ. อฏฺหิ สเหตุกกามาวจรวิปาเกหิ กามาวจรเทเวสุ เจว มนุสฺเสสุ จ ปฺุวนฺตานํ ปฏิสนฺธิ โหติ. ปฺจหิ รูปาวจรวิปาเกหิ รูปีพฺรหฺมโลเก. จตูหิ อรูปาวจรวิปาเกหิ อรูปโลเกติ. เยน จ ยตฺถ ปฏิสนฺธิ โหติ ¶ , สา เอว ตสฺส อนุรูปา ปฏิสนฺธิ นาม. สงฺเขปโต ปน ปฏิสนฺธิยา ตีณิ อารมฺมณานิ โหนฺติ อตีตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นวตฺตพฺพฺจ. อสฺา ปฏิสนฺธิ อนารมฺมณาติ.
ตตฺถ วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนปฏิสนฺธีนํ อตีตเมว อารมฺมณํ. ทสนฺนํ กามาวจรานํ อตีตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา. เสสานํ นวตฺตพฺพเมว. เอวํ ตีสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตมานา ปน ปฏิสนฺธิ ยสฺมา อตีตารมฺมณสฺส วา นวตฺตพฺพารมฺมณสฺส วา จุติจิตฺตสฺส อนนฺตรเมว ปวตฺตติ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ ปน จุติจิตฺตํ นาม นตฺถิ. ตสฺมา ทฺวีสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ตีสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณาย ปฏิสนฺธิยา สุคติทุคฺคติวเสน ปวตฺตนากาโร เวทิตพฺโพ.
๖๒๓. เสยฺยถิทํ – กามาวจรสุคติยํ ตาว ิตสฺส ปาปกมฺมิโน ปุคฺคลสฺส ‘‘ตานิสฺส ตสฺมึ สมเย โอลมฺพนฺตี’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๓.๒๔๘) มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ¶ ยถูปจิตํ ปาปกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ. ตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาย ตทารมฺมณปริโยสานาย ชวนวีถิยา อนนฺตรํ ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธ ตเทว อาปาถคตํ กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารพฺภ อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิตํ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา อตีตารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส มรณสมเย วุตฺตปฺปการกมฺมวเสน นรกาทีสุ อคฺคิชาลวณฺณาทิกํ ทุคฺคตินิมิตฺตํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ตสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺเค อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ ตํ อารมฺมณํ อารพฺภ เอกํ อาวชฺชนํ, มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานีติ ตีณิ วีถิจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ. เอตฺตาวตา เอกาทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ. อถสฺส อวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก ตสฺมิฺเว อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส ¶ มรณสมเย ปฺจนฺนํ ทฺวารานํ อฺตรสฺมึ ราคาทิเหตุภูตํ หีนมารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ. ตสฺส ยถากฺกเมน อุปฺปนฺเน โวฏฺพฺพนาวสาเน มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานิ จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ. เอตฺตาวตา จ ทฺเว ภวงฺคานิ, อาวชฺชนํ, ทสฺสนํ, สมฺปฏิจฺฉนํ, สนฺตีรณํ, โวฏฺพฺพนํ, ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานิ, เอกํ จุติจิตฺตนฺติ ปฺจทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ. อถาวเสสเอกจิตฺตกฺขณายุเก ตสฺมิฺเว อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยมฺปิ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ. เอส ตาว อตีตารมฺมณาย สุคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย ทุคฺคติปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโร.
๖๒๔. ทุคฺคติยํ ิตสฺส ปน อุปจิตานวชฺชกมฺมสฺส วุตฺตนเยเนว ตํ อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉตีติ กณฺหปกฺเข สุกฺกปกฺขํ เปตฺวา สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ อตีตารมฺมณาย ทุคฺคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย สุคติปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโร.
๖๒๕. สุคติยํ ¶ ิตสฺส ปน อุปจิตานวชฺชกมฺมสฺส ‘‘ตานิสฺส ตสฺมึ สมเย โอลมฺพนฺตี’’ติอาทิวจนโต มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ยถูปจิตํ อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ. ตฺจ โข อุปจิตกามาวจรานวชฺชกมฺมสฺเสว. อุปจิตมหคฺคตกมฺมสฺส ปน กมฺมนิมิตฺตเมว อาปาถมาคจฺฉติ. ตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาย ตทารมฺมณปริโยสานาย สุทฺธาย วา ชวนวีถิยา อนนฺตรํ ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธ ตเมว อาปาถคตํ กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารพฺภ อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิตํ สุคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา อตีตารมฺมณา วา นวตฺตพฺพารมฺมณา วา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส มรณสมเย กามาวจรอนวชฺชกมฺมวเสน มนุสฺสโลเก มาตุกุจฺฉิวณฺณสงฺขาตํ วา เทวโลเก อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขาทิวณฺณสงฺขาตํ วา สุคตินิมิตฺตํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ตสฺส ทุคฺคตินิมิตฺเต ¶ ทสฺสิตานุกฺกเมเนว จุติจิตฺตานนฺตรํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส มรณสมเย าตกา ‘‘อยํ ตาต ตวตฺถาย พุทฺธปูชา กรียติ จิตฺตํ ปสาเทหี’’ติ วตฺวา ปุปฺผทามปฏากาทิวเสน รูปารมฺมณํ วา, ธมฺมสฺสวนตูริยปูชาทิวเสน สทฺทารมฺมณํ วา, ธูมวาสคนฺธาทิวเสน คนฺธารมฺมณํ วา, ‘‘อิทํ ตาต สายสฺสุ ตวตฺถาย ทาตพฺพเทยฺยธมฺม’’นฺติ วตฺวา มธุผาณิตาทิวเสน รสารมฺมณํ วา, ‘‘อิทํ ตาต ผุสสฺสุ ตวตฺถาย ทาตพฺพเทยฺยธมฺม’’นฺติ วตฺวา จีนปฏฺฏโสมารปฏฺฏาทิวเสน โผฏฺพฺพารมฺมณํ วา ปฺจทฺวาเร อุปสํหรนฺติ, ตสฺส ตสฺมึ อาปาถคเต รูปาทิอารมฺมเณ ยถากฺกเมน อุปฺปนฺนโวฏฺพฺพนาวสาเน มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานิ จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ, ตทวสาเน ตสฺมิฺเว เอกจิตฺตกฺขณฏฺิติเก อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยมฺปิ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
๖๒๖. อปรสฺส ปน ปถวีกสิณชฺฌานาทิวเสน ปฏิลทฺธมหคฺคตสฺส สุคติยํ ิตสฺส มรณสมเย กามาวจรกุสลกมฺม-กมฺมนิมิตฺต-คตินิมิตฺตานํ วา อฺตรํ, ปถวีกสิณาทิกํ วา นิมิตฺตํ, มหคฺคตจิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, จกฺขุโสตานํ วา อฺตรสฺมึ กุสลุปฺปตฺติเหตุภูตํ ¶ ปณีตมารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตสฺส ยถากฺกเมน อุปฺปนฺนโวฏฺพฺพนาวสาเน มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺติ. มหคฺคตคติกานํ ปน ตทารมฺมณํ นตฺถิ, ตสฺมา ชวนานนฺตรํเยว ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺสาวสาเน กามาวจรมหคฺคตสุคตีนํ อฺตรสุคติปริยาปนฺนํ ยถูปฏฺิเตสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ นวตฺตพฺพารมฺมณาย สุคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนนวตฺตพฺพารมฺมณานํ อฺตรารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
เอเตนานุสาเรน อารุปฺปจุติยาปิ อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ เวทิตพฺพา. อยํ อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณาย สุคติจุติยา อนนฺตรา อตีตนวตฺตพฺพปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย ปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโร.
๖๒๗. ทุคฺคติยํ ¶ ิตสฺส ปน ปาปกมฺมิโน วุตฺตนเยเนว ตํ กมฺมํ กมฺมนิมิตฺตํ คตินิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร. ปฺจทฺวาเร วา ปน อกุสลุปฺปตฺติ เหตุภูตํ อารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, อถสฺส ยถากฺกเมน จุติจิตฺตาวสาเน ทุคฺคติปริยาปนฺนํ เตสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย ทุคฺคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย ปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโรติ. เอตฺตาวตา เอกูนวีสติวิธสฺสาปิ วิฺาณสฺส ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺติ ทีปิตา โหติ.
ปวตฺตมานํ สนฺธิมฺหิ, ทฺเวธา กมฺเมน วตฺตติ;
มิสฺสาทีหิ จ เภเทหิ, เภทสฺส ทุวิธาทิโก.
อิทฺหิ เอกูนวีสติวิธมฺปิ วิปากวิฺาณํ ปฏิสนฺธิมฺหิ ปวตฺตมานา ทฺเวธา กมฺเมน วตฺตติ. ยถาสกฺหิ เอกสฺส ชนกกมฺมํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจโย โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓). เอวํ วตฺตมานสฺส ปนสฺส มิสฺสาทีหิ เภเทหิ ทุวิธาทิโกปิ เภโท เวทิตพฺโพ.
เสยฺยถิทํ ¶ – อิทฺหิ ปฏิสนฺธิวเสน เอกธา ปวตฺตมานมฺปิ รูเปน สห มิสฺสามิสฺสเภทโต ทุวิธํ. กามรูปารูปภวเภทโต ติวิธํ. อณฺฑชชลาพุช-สํเสทช-โอปปาติกโยนิวเสน จตุพฺพิธํ. คติวเสน ปฺจวิธํ. วิฺาณฏฺิติวเสน สตฺตวิธํ. สตฺตาวาสวเสน อฏฺวิธํ โหติ.
มิสฺสํ ทฺวิธา ภาวเภทา, สภาวํ ตตฺถ จ ทฺวิธา;
ทฺเว วา ตโย วา ทสกา, โอมโต อาทินา สห.
มิสฺสํ ทฺวิธา ภาวเภทาติ ยํ เหตํ เอตฺถ อฺตฺร อรูปภวา รูปมิสฺสํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ รูปภเว อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยสงฺขาเตน ภาเวน วินา อุปฺปตฺติโต. กามภเว อฺตฺร ชาติปณฺฑกปฏิสนฺธิยา ภาเวน สห อุปฺปตฺติโต ส-ภาวํ, อ-ภาวนฺติ ทุวิธํ โหติ.
สภาวํ ¶ ตตฺถ จ ทฺวิธาติ ตตฺถาปิ จ ยํ ส-ภาวํ, ตํ อิตฺถิปุริสภาวานํ อฺตเรน สห อุปฺปตฺติโต ทุวิธเมว โหติ.
ทฺเว วา ตโย วา ทสกา โอมโต อาทินา สหาติ ยํ เหตเมตฺถ ‘‘มิสฺสํ อมิสฺส’’นฺติ ทุเก อาทิภูตํ รูปมิสฺสํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, เตน สห วตฺถุกายทสกวเสน ทฺเว วา, วตฺถุกายภาวทสกวเสน ตโย วา ทสกา โอมโต อุปฺปชฺชนฺติ, นตฺถิ อิโต ปรํ รูปปริหานีติ. ตํ ปเนตํ เอวํ โอมกปริมาณํ อุปฺปชฺชมานํ อณฺฑชชลาพุชนามิกาสุ ทฺวีสุ โยนีสุ ชาติอุณฺณาย เอเกน อํสุนา อุทฺธฏสปฺปิมณฺฑปฺปมาณํ กลลนฺติ ลทฺธสงฺขํ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ โยนีนํ คติวเสน สมฺภวเภโท เวทิตพฺโพ.
นิรเย ภุมฺมวชฺเชสุ, เทเวสุ จ น โยนิโย;
ติสฺโส ปุริมิกา โหนฺติ, จตสฺโสปิ คติตฺตเย.
ตตฺถ ¶ เทเวสุ จาติ จสทฺเทน ยถา นิรเย จ ภุมฺมวชฺเชสุ จ เทเวสุ, เอวํ นิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ จ ปุริมิกา ติสฺโส โยนิโย น สนฺตีติ เวทิตพฺพา. โอปปาติกา เอว หิ เต โหนฺติ. เสเส ปน ติรจฺฉานเปตฺติวิสยมนุสฺสสงฺขาเต คติตฺตเย ปุพฺเพ วชฺชิตภุมฺมเทเวสุ จ จตสฺโสปิ โยนิโย โหนฺติ. ตตฺถ,
ตึส นว เจว รูปีสุ, สตฺตติ อุกฺกํสโตถ รูปานิ;
สํเสทุปปาตโยนิสุ, อถ วา อวกํสโต ตึส.
รูปีพฺรหฺเมสุ ตาว โอปปาติกโยนิเกสุ จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ ชีวิตนวกสฺส จาติ จตุนฺนํ กลาปานํ วเสน ตึส จ นว จ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สห รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. รูปี พฺรหฺเม ปน เปตฺวา อฺเสุ สํเสทชโอปปาติกโยนิเกสุ อุกฺกํสโต จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวตฺถุภาวทสกานํ วเสน สตฺตติ, ตานิ จ นิจฺจํ เทเวสุ. ตตฺถ วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา จตสฺโส จาปิ ธาตุโย จกฺขุปสาโท ชีวิตนฺติ อยํ ทสรูปปริมาโณ รูปปฺุโช จกฺขุทสโก นาม. เอวํ เสสา เวทิตพฺพา ¶ . อวกํสโต ปน ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อุกฺกํสาวกํสานํ ปน อนฺตเร อนุรูปโต วิกปฺโป เวทิตพฺโพ.
ขนฺธารมฺมณคติเหตุ-เวทนาปีติวิตกฺกวิจาเรหิ;
เภทาเภทวิเสโส, จุติสนฺธีนํ ปริฺเยฺโย.
ยา เหสา มิสฺสามิสฺสโต ทุวิธา ปฏิสนฺธิ, ยา จสฺสา อตีตานนฺตรา จุติ, ตาสํ อิเมหิ ขนฺธาทีหิ เภทาเภทวิเสโส าตพฺโพติ อตฺโถ.
กถํ? กทาจิ หิ จตุกฺขนฺธาย อารุปฺปจุติยา อนนฺตรา จตุกฺขนฺธาว อารมฺมณโตปิ อภินฺนา ปฏิสนฺธิ โหติ. กทาจิ อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา. อยํ ตาว อรูปภูมีสุเยว นโย. กทาจิ ปน จตุกฺขนฺธาย อรูปจุติยา อนนฺตรา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรปฏิสนฺธิ ¶ . กทาจิ ปฺจกฺขนฺธาย กามาวจรจุติยา รูปาวจรจุติยา วา อนนฺตรา จตุกฺขนฺธา อรูปปฏิสนฺธิ. เอวํ อตีตารมฺมณาย จุติยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ. เอกจฺจสุคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธิ. อเหตุกจุติยา สเหตุกปฏิสนฺธิ. ทุเหตุกจุติยา ติเหตุกปฏิสนฺธิ. อุเปกฺขาสหคตจุติยา โสมนสฺสสหคตปฏิสนฺธิ. อปฺปีติกจุติยา สปฺปีติกปฏิสนฺธิ. อวิตกฺกจุติยา สวิตกฺกปฏิสนฺธิ. อวิจารจุติยา สวิจารปฏิสนฺธิ. อวิตกฺกาวิจารจุติยา สวิตกฺกสวิจารปฏิสนฺธีติ ตสฺส ตสฺส วิปรีตโต จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพํ.
ลทฺธปจฺจยมิติ ธมฺมมตฺตเมตํ ภวนฺตรมุเปติ;
นาสฺส ตโต สงฺกนฺติ, น ตโต เหตุํ วินา โหติ.
อิติ เหตํ ลทฺธปจฺจยํ รูปารูปธมฺมมตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ ภวนฺตรมุเปตีติ วุจฺจติ, น สตฺโต, น ชีโว. ตสฺส จ นาปิ อตีตภวโต อิธ สงฺกนฺติ อตฺถิ. นาปิ ตโต เหตุํ วินา อิธ ปาตุภาโว. ตยิทํ ปากเฏน มนุสฺสจุติปฏิสนฺธิกฺกเมน ปกาสยิสฺสาม.
อตีตภวสฺมึ ¶ หิ สรเสน อุปกฺกเมน วา สมาสนฺนมรณสฺส อสยฺหานํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคสนฺธิพนฺธนจฺเฉทกานํ มารณนฺติกเวทนาสตฺถานํ สนฺนิปาตํ อสหนฺตสฺส อาตเป ปกฺขิตฺตหริตตาลปณฺณมิว กเมน อุปสุสฺสมาเน สรีเร นิรุทฺเธสุ จกฺขาทีสุ อินฺทฺริเยสุ หทยวตฺถุมตฺเต ปติฏฺิเตสุ กายินฺทฺริยมนินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริเยสุ ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ ครุกสมาเสวิตาสนฺนปุพฺพกตานํ อฺตรํ ลทฺธาวเสสปจฺจยสงฺขารสงฺขาตํ กมฺมํ, ตทุปฏฺาปิตํ วา กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตสงฺขาตํ วิสยํ อารพฺภ ปวตฺตติ. ตเทวํ ปวตฺตมานํ ตณฺหาวิชฺชานํ อปฺปหีนตฺตา อวิชฺชาปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ตสฺมึ วิสเย ตณฺหา นาเมติ, สหชาตสงฺขารา ขิปนฺติ. ตํ สนฺตติวเสน ตณฺหาย นามิยมานํ สงฺขาเรหิ ขิปฺปมานํ โอริมตีรรุกฺขวินิพทฺธรชฺชุมาลมฺพิตฺวา มาติกาติกฺกมโก วิย ปุริมฺจ นิสฺสยํ ชหติ, อปรฺจ กมฺมสมุฏฺาปิตํ นิสฺสยํ อสฺสาทยมานํ วา อนสฺสาทยมานํ วา อารมฺมณาทีหิเยว ปจฺจเยหิ ปวตฺตตีติ.
เอตฺถ จ ปุริมํ จวนโต จุติ. ปจฺฉิมํ ภวนฺตราทิปฏิสนฺธานโต ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ ¶ . ตเทตํ นาปิ ปุริมภวา อิธาคตํ, นาปิ ตโต กมฺมสงฺขารนติวิสยาทิเหตุํ วินา ปาตุภูตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สิยุํ นิทสฺสนาเนตฺถ, ปฏิโฆสาทิกา อถ;
สนฺตานพนฺธโต นตฺถิ, เอกตา นาปิ นานตา.
เอตฺถ เจตสฺส วิฺาณสฺส ปุริมภวโต อิธ อนาคมเน, อตีตภวปริยาปนฺนเหตูติ จ อุปฺปาเท ปฏิโฆส-ปทีป-มุทฺทา-ปฏิพิมฺพปฺปการา ธมฺมา นิทสฺสนานิ สิยุํ. ยถา หิ ปฏิโฆส-ปทีป-มุทฺทา-ฉายา สทฺทาทิเหตุกา โหนฺติ อฺตฺร อคนฺตฺวา เอวเมวํ อิทํ จิตฺตํ.
เอตฺถ จ สนฺตานพนฺธโต นตฺถิ เอกตา นาปิ นานตา. ยทิ หิ สนฺตานพนฺเธ สติ เอกนฺตเมกตา ภเวยฺย, น ขีรโต ทธิ สมฺภูตํ สิยา. อถาปิ เอกนฺตนานตา ภเวยฺย, น ขีรสฺสาธีโน ทธิ สิยา. เอส นโย สพฺพเหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ. เอวฺจ สติ สพฺพโลกโวหารโลโป ¶ สิยา, โส จ อนิฏฺโ. ตสฺมา เอตฺถ น เอกนฺตเมกตา วา นานตา วา อุปคนฺตพฺพาติ.
๖๓๔. เอตฺถาห – นนุ เอวํ อสงฺกนฺติปาตุภาเว สติ เย อิมสฺมึ มนุสฺสตฺตภาเว ขนฺธา, เตสํ นิรุทฺธตฺตา, ผลปจฺจยสฺส จ กมฺมสฺส ตตฺถ อคมนโต อฺสฺส อฺโต จ ตํ ผลํ สิยา, อุปภฺุชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยา, ตสฺมา น สุนฺทรมิทํ วิธานนฺติ. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
สนฺตาเน ยํ ผลํ เอตํ, นาฺสฺส น จ อฺโต;
พีชานํ อภิสงฺขาโร, เอตสฺสตฺถสฺส สาธโก.
เอกสนฺตานสฺมึ หิ ผลํ อุปฺปชฺชมานํ ตตฺถ เอกนฺตเอกตฺตนานตฺตานํ ปฏิสิทฺธตฺตา อฺสฺสาติ วา อฺโตติ วา น โหติ. เอตสฺส จ ปนตฺถสฺส พีชานํ อภิสงฺขาโร สาธโก. อมฺพพีชาทีนํ หิ อภิสงฺขาเรสุ กเตสุ ตสฺส พีชสฺส สนฺตาเน ลทฺธปจฺจโย กาลนฺตเร ผลวิเสโส อุปฺปชฺชมาโน น อฺพีชานํ, นาปิ อฺาภิสงฺขารปจฺจยา อุปฺปชฺชติ ¶ , น จ ตานิ พีชานิ, เต อภิสงฺขารา วา ผลฏฺานํ ปาปุณนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. วิชฺชาสิปฺโปสธาทีหิ จาปิ พาลสรีเร อุปยุตฺเตหิ กาลนฺตเร วุฑฺฒสรีราทีสุ ผลเทหิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อุปภฺุชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยา’’ติ, ตตฺถ,
ผลสฺสุปฺปตฺติยา เอว, สิทฺธา ภฺุชกสมฺมุติ;
ผลุปฺปาเทน รุกฺขสฺส, ยถา ผลติ สมฺมุติ.
ยถา หิ รุกฺขสงฺขาตานํ ธมฺมานํ เอกเทสภูตสฺส รุกฺขผลสฺส อุปฺปตฺติยา เอว รุกฺโข ผลตีติ วา ผลิโตติ วา วุจฺจติ, ตถา เทวมนุสฺสสงฺขาตานํ ขนฺธานํ เอกเทสภูตสฺส อุปโภคสงฺขาตสฺส สุขทุกฺขผลสฺส อุปฺปาเทเนว เทโว, มนุสฺโส วา อุปภฺุชตีติ วา, สุขิโต, ทุกฺขิโตติ วา วุจฺจติ. ตสฺมา น เอตฺถ อฺเน อุปภฺุชเกน นาม โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ.
๖๓๕. โยปิ ¶ วเทยฺย ‘‘เอวํ สนฺเตปิ เอเต สงฺขารา วิชฺชมานา วา ผลสฺส ปจฺจยา สิยุํ, อวิชฺชมานา วา, ยทิ จ วิชฺชมานา ปวตฺติกฺขเณเยว เนสํ วิปาเกน ภวิตพฺพํ, อถ อวิชฺชมานา ปวตฺติโต ปุพฺเพ ปจฺฉา จ นิจฺจํ ผลาวหา สิยุ’’นฺติ, โส เอวํ วตฺตพฺโพ –
กตตฺตา ปจฺจยา เอเต, น จ นิจฺจํ ผลาวหา;
ปาฏิโภคาทิกํ ตตฺถ, เวทิตพฺพํ นิทสฺสนํ.
กตตฺตาเยว หิ สงฺขารา อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, น วิชฺชมานตฺตา, อวิชฺชมานตฺตา วา. ยถาห – ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๓๑). ยถารหสฺส จ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา หุตฺวา น ปุน ผลาวหา โหนฺติ วิปากตฺตา. เอตสฺส จตฺถสฺส วิภาวเน อิทํ ปาฏิโภคาทิกํ นิทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ โลเก โย กสฺสจิ อตฺถสฺส นิยฺยาตนตฺถํ ปาฏิโภโค โหติ, ภณฺฑํ วา กิณาติ, อิณํ วา คณฺหาติ, ตสฺส ตํ กิริยากรณมตฺตเมว ตทตฺถนิยฺยาตนาทิมฺหิ ¶ ปจฺจโย โหติ, น กิริยาย วิชฺชมานตฺตํ, อวิชฺชมานตฺตํ วา, น จ ตทตฺถนิยฺยาตนาทิโต ปรมฺปิ ธารโกว โหติ. กสฺมา? นิยฺยาตนาทีนํ กตตฺตา. เอวํ กตตฺตาว สงฺขาราปิ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, น จ ยถารหํ ผลทานโต ปรมฺปิ ผลาวหา โหนฺตีติ. เอตฺตาวตา มิสฺสามิสฺสวเสน ทฺเวธาปิ วตฺตมานสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส สงฺขารปจฺจยา ปวตฺติ ทีปิตา โหติ.
๖๓๖. อิทานิ สพฺเพสฺเวว เตสุ พาตฺตึสวิปากวิฺาเณสุ สมฺโมหวิฆาตตฺถํ,
ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ, วเสเนเต ภวาทิสุ;
วิชานิตพฺพา สงฺขารา, ยถา เยสฺจ ปจฺจยา.
ตตฺถ ตโย ภวา, จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว สตฺตาวาสาติ เอเต ภวาทโย นาม. เอเตสุ ภวาทีสุ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ เอเต เยสํ วิปากวิฺาณานํ ปจฺจยา, ยถา จ ปจฺจยา โหนฺติ, ตถา วิชานิตพฺพาติ อตฺโถ.
ตตฺถ ¶ ปฺุาภิสงฺขาเร ตาว กามาวจรอฏฺเจตนาเภโท ปฺุาภิสงฺขาโร อวิเสเสน กามภเว สุคติยํ นวนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ปฏิสนฺธิยํ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺเวธา ปจฺจโย. รูปาวจรปฺจกุสลเจตนาเภโท ปฺุาภิสงฺขาโร รูปภเว ปฏิสนฺธิยํ เอว ปฺจนฺนํ.
วุตฺตปฺปเภทกามาวจโร ปน กามภเว สุคติยํ อุเปกฺขาสหคตาเหตุมโนวิฺาณธาตุวชฺชานํ สตฺตนฺนํ ปริตฺตวิปากวิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ทฺเวธา ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. สฺเวว รูปภเว ปฺจนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. กามภเว ปน ทุคฺคติยํ อฏฺนฺนมฺปิ ปริตฺตวิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. ตตฺถ นิรเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส นรกจาริกาทีสุ อิฏฺารมฺมณสมาโยเค โส ปจฺจโย โหติ, ติรจฺฉาเนสุ ปน เปตมหิทฺธิเกสุ จ อิฏฺารมฺมณํ ลพฺภติเยว.
สฺเวว กามภเว สุคติยํ โสฬสนฺนมฺปิ กุสลวิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต จ ¶ ปฏิสนฺธิยฺจ. อวิเสเสน ปน ปฺุาภิสงฺขาโร รูปภเว ทสนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต จ ปฏิสนฺธิยฺจ.
ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโท อปฺุาภิสงฺขาโร กามภเว ทุคฺคติยํ เอกสฺส วิฺาณสฺส ตเถว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเต. ฉนฺนํ ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. สตฺตนฺนมฺปิ อกุสลวิปากวิฺาณานํ ปวตฺเต จ ปฏิสนฺธิยฺจ.
กามภเว ปน สุคติยํ เตสํเยว สตฺตนฺนํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. รูปภเว จตุนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. โส จ โข กามาวจเร อนิฏฺรูปทสฺสนสทฺทสวนวเสน, พฺรหฺมโลเก ปน อนิฏฺรูปาทโย นาม นตฺถิ. ตถา กามาวจรเทวโลเกปิ.
อาเนฺชาภิสงฺขาโร อรูปภเว จตุนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต จ ปฏิสนฺธิยฺจ.
เอวํ ¶ ตาว ภเวสุ ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ วเสน เอเต สงฺขารา เยสํ ปจฺจยา, ยถา จ ปจฺจยา โหนฺติ, ตถา วิชานิตพฺพา. เอเตเนว นเยน โยนิอาทีสุปิ เวทิตพฺพา.
๖๓๗. ตตฺริทํ อาทิโต ปฏฺาย มุขมตฺตปกาสนํ – อิเมสุ หิ สงฺขาเรสุ ยสฺมา ปฺุาภิสงฺขาโร ตาว ทฺวีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา สพฺพมตฺตโน วิปากํ ชเนติ. ตถา อณฺฑชาทีสุ จตูสุ โยนีสุ, เทวมนุสฺสสงฺขาตาสุ ทฺวีสุ คตีสุ, นานตฺตกายนานตฺตสฺีนานตฺตกายเอกตฺตสฺี-เอกตฺตกายนานตฺตสฺี-เอกตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาตาสุ จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ. อสฺสตฺตาวาเส ปเนส รูปมตฺตเมวาภิสงฺขโรตีติ จตูสุเยว สตฺตาวาเสสุ จ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา สพฺพมตฺตโน วิปากํ ชเนติ. ตสฺมา เอส เอเตสุ ทฺวีสุ ภเวสุ, จตูสุ โยนีสุ, ทฺวีสุ คตีสุ, จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, จตูสุ สตฺตาวาเสสุ จ เอกวีสติยา วิปากวิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย โหติ ยถาสมฺภวํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ.
อปฺุาภิสงฺขาโร ปน ยสฺมา เอกสฺมึเยว กามภเว จตูสุ โยนีสุ, อวเสสาสุ ตีสุ คตีสุ ¶ , นานตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาตาย เอกิสฺสา วิฺาณฏฺิติยา, ตาทิเสเยว จ เอกสฺมึ สตฺตาวาเส ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ, ตสฺมา เอส เอกสฺมึ ภเว, จตูสุ โยนีสุ, ตีสุ คตีสุ, เอกิสฺสา วิฺาณฏฺิติยา, เอกมฺหิ จ สตฺตาวาเส สตฺตนฺนํ วิปากวิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ.
อาเนฺชาภิสงฺขาโร ปน ยสฺมา เอกสฺมึเยว อรูปภเว, เอกิสฺสา โอปปาติกโยนิยา, เอกิสฺสา เทวคติยา, อากาสานฺจายตนาทิกาสุ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, อากาสานฺจายตนาทิเกสุ จ จตูสุ สตฺตาวาเสสุ ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ, ตสฺมา เอส เอกสฺมึ ภเว, เอกิสฺสา โยนิยา, เอกิสฺสา คติยา, ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, จตูสุ สตฺตาวาเสสุ จตุนฺนํ วิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย โหติ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จาติ. เอวํ,
ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ ¶ , วเสเนเต ภวาทิสุ;
วิชานิตพฺพา สงฺขารา, ยถา เยสฺจ ปจฺจยาติ.
อยํ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
วิฺาณปจฺจยานามรูปปทวิตฺถารกถา
๖๓๘. วิฺาณปจฺจยา นามรูปปเท –
วิภาคา นามรูปานํ, ภวาทีสุ ปวตฺติโต;
สงฺคหา ปจฺจยนยา, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
วิภาคา นามรูปานนฺติ เอตฺถ หิ นามนฺติ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต เวทนาทโย ตโย ขนฺธา, รูปนฺติ จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ. เตสํ วิภาโค ขนฺธนิทฺเทเส วุตฺโตเยวาติ. เอวํ ตาเวตฺถ วิภาคา นามรูปานํ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ภวาทีสุ ปวตฺติโตติ เอตฺถ จ นามํ เอกํ สตฺตาวาสํ เปตฺวา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติเสสสตฺตาวาเสสุ ¶ ปวตฺตติ, รูปํ ทฺวีสุ ภเวสุ, จตูสุ โยนีสุ, ปฺจสุ คตีสุ, ปุริมาสุ จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, ปฺจสุ สตฺตาวาเสสุ ปวตฺตติ.
เอวํ ปวตฺตมาเน จ เอตสฺมึ นามรูเป ยสฺมา อภาวกคพฺภเสยฺยกานํ อณฺฑชานฺจ ปฏิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุกายทสกวเสน รูปโต ทฺเวสนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, ตสฺมา เตสํ วิตฺถาเรน รูปรูปโต วีสติ ธมฺมา, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต เตวีสติ ธมฺมา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพา. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน เอกสนฺตติสีสโต นว รูปธมฺเม อปเนตฺวา จุทฺทส. สภาวกานํ ภาวทสกํ ปกฺขิปิตฺวา เตตฺตึส, เตสมฺปิ อคฺคหิตคฺคหเณน สนฺตติสีสทฺวยโต อฏฺารส รูปธมฺเม อปเนตฺวา ปนฺนรส.
ยสฺมา จ โอปปาติกสตฺเตสุ พฺรหฺมกายิกาทีนํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ, ชีวิตินฺทฺริยนวกสฺส จ วเสน รูปโต จตฺตาริ สนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, ตสฺมา เตสํ วิตฺถาเรน รูปรูปโต เอกูนจตฺตาลีส ธมฺมา, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ ¶ เอเต พาจตฺตาลีส ธมฺมา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพา. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน สนฺตติสีสตฺตยโต สตฺตวีสติ ธมฺเม อปเนตฺวา ปนฺนรส.
กามภเว ปน ยสฺมา เสสโอปปาติกานํ, สํเสทชานํ วา สภาวกปริปุณฺณายตนานํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ รูปโต สตฺต สนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, ตสฺมา เตสํ วิตฺถาเรน รูปรูปโต สตฺตติ ธมฺมา, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต เตสตฺตติ ธมฺมา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพา. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน รูปสนฺตติสีสฉกฺกโต จตุปฺาส ธมฺเม อปเนตฺวา เอกูนวีสติ. เอส อุกฺกํโส. อวกํเสน ปน ตํตํรูปสนฺตติสีสวิกลานํ ตสฺส ตสฺส วเสน หาเปตฺวา หาเปตฺวา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ ปฏิสนฺธิยํ วิฺาณปจฺจยา นามรูปสงฺขา เวทิตพฺพา.
อรูปีนํ ปน ตโยว อรูปิโน ขนฺธา. อสฺีนํ รูปโต ชีวิตินฺทฺริยนวกเมวาติ. เอส ตาว ปฏิสนฺธิยํ นโย.
ปวตฺเต ปน สพฺพตฺถ รูปปฺปวตฺติเทเส ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขเณ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห ปวตฺตอุตุโต ¶ อุตุสมุฏฺานํ สุทฺธฏฺกํ ปาตุภวติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปน รูปํ น สมุฏฺาเปติ. ตฺหิ ยถา ปปาเต ปติตปุริโส ปรสฺส ปจฺจโย โหตุํ น สกฺโกติ, เอวํ วตฺถุทุพฺพลตาย ทุพฺพลตฺตา รูปํ สมุฏฺาเปตุํ น สกฺโกติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตโต ปน อุทฺธํ ปมภวงฺคโต ปภุติ จิตฺตสมุฏฺานํ สุทฺธฏฺกํ, สทฺทปาตุภาวกาเล ปฏิสนฺธิกฺขณโต อุทฺธํ ปวตฺตอุตุโต เจว จิตฺตโต จ สทฺทนวกํ, เย ปน กพฬีการาหารูปชีวิโน คพฺภเสยฺยกสตฺตา, เตสํ,
‘‘ยฺจสฺส ภฺุชติ มาตา, อนฺนํ ปานฺจ โภชนํ;
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติ. –
วจนโต มาตรา อชฺโฌหริตาหาเรน อนุคเต สรีเร, โอปปาติกานํ สพฺพปมํ อตฺตโน มุขคตํ เขฬํ อชฺโฌหรณกาเล อาหารสมุฏฺานํ สุทฺธฏฺกนฺติ อิทํ อาหารสมุฏฺานสฺส สุทฺธฏฺกสฺส, อุตุจิตฺตสมุฏฺานานฺจ อุกฺกํสโต ทฺวินฺนํ นวกานํ วเสน ฉพฺพีสติวิธํ, ปุพฺเพ เอเกกจิตฺตกฺขเณ ¶ ติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชมานํ วุตฺตํ กมฺมสมุฏฺานฺจ สตฺตติวิธนฺติ ฉนฺนวุติวิธํ รูปํ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ สมาสโต นวนวุติ ธมฺมา. ยสฺมา วา สทฺโท อนิยโต กทาจิเทว ปาตุภาวโต, ตสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ อปเนตฺวา อิเม สตฺตนวุติ ธมฺมา ยถาสมฺภวํ สพฺพสตฺตานํ วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพํ. เตสํ หิ สุตฺตานมฺปิ ปมตฺตานมฺปิ ขาทนฺตานมฺปิ ปิวนฺตานมฺปิ ทิวา จ รตฺติฺจ เอเต วิฺาณปจฺจยา ปวตฺตนฺติ. ตฺจ เนสํ วิฺาณปจฺจยภาวํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม.
ยมฺปเนตเมตฺถ กมฺมชรูปํ, ตํ ภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ สพฺพปมํ ปติฏฺหนฺตมฺปิ ติสมุฏฺานิกรูเปน อนุปตฺถทฺธํ น สกฺโกติ สณฺาตุํ, นาปิ ติสมุฏฺานิกํ เตน อนุปตฺถทฺธํ. อถ โข วาตพฺภาหตาปิ จตุทฺทิสา ววตฺถาปิตา นฬกลาปิโย วิย, อูมิเวคพฺภาหตาปิ มหาสมุทฺเท กตฺถจิ ลทฺธปติฏฺา ภินฺนวาหนิกา วิย จ อฺมฺุปตฺถทฺธาเนเวตานิ อปตมานานิ สณฺหิตฺวา เอกมฺปิ วสฺสํ ทฺเวปิ วสฺสานิ…เป… วสฺสสตมฺปิ ยาว เตสํ สตฺตานํ อายุกฺขโย วา ปฺุกฺขโย วา, ตาว ปวตฺตนฺตีติ. เอวํ ภวาทีสุ ปวตฺติโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๓๙. สงฺคหาติ เอตฺถ จ ยํ อารุปฺเป ปวตฺติปฏิสนฺธีสุ, ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยํ วิฺาณปจฺจยา ¶ นามเมว, ยฺจ อสฺเสุ สพฺพตฺถ, ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยํ วิฺาณปจฺจยา รูปเมว, ยฺจ ปฺจโวการภเว สพฺพตฺถ วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, ตํ สพฺพํ นามฺจ รูปฺจ นามรูปฺจ นามรูปนฺติ เอวํ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน สงฺคเหตฺวา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพํ.
อสฺเสุ วิฺาณาภาวา อยุตฺตนฺติ เจ, นายุตฺตํ. อิทมฺปิ,
นามรูปสฺส ยํ เหตุ, วิฺาณํ ตํ ทฺวิธา มตํ;
วิปากมวิปากฺจ, ยุตฺตเมว ยโต อิทํ.
ยฺหิ นามรูปสฺส เหตุ วิฺาณํ, ตํ วิปากาวิปากเภทโต ทฺเวธา มตํ. อิทฺจ อสฺสตฺเตสุ กมฺมสมุฏฺานตฺตา ปฺจโวการภเว ปวตฺตอภิสงฺขารวิฺาณปจฺจยา รูปํ. ตถา ปฺจโวกาเร ปวตฺติยํ กุสลาทิจิตฺตกฺขเณ กมฺมสมุฏฺานนฺติ ยุตฺตเมว อิทํ. เอวํ สงฺคหโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๐. ปจฺจยนยาติ ¶ เอตฺถ หิ,
นามสฺส ปากวิฺาณํ, นวธา โหติ ปจฺจโย;
วตฺถุรูปสฺส นวธา, เสสรูปสฺส อฏฺธา.
อภิสงฺขารวิฺาณํ, โหติ รูปสฺส เอกธา;
ตทฺํ ปน วิฺาณํ, ตสฺส ตสฺส ยถารหํ.
ยฺเหตํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺติยํ วา วิปากสงฺขาตํ นามํ, ตสฺส รูปมิสฺสสฺส วา อมิสฺสสฺส วา ปฏิสนฺธิกํ วา อฺํ วา วิปากวิฺาณํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตวิปากาหารินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติ.
วตฺถุรูปสฺส ปฏิสนฺธิยํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากาหารินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ¶ นวธา ปจฺจโย โหติ. เปตฺวา ปน วตฺถุรูปํ เสสรูปสฺส อิเมสุ นวสุ อฺมฺปจฺจยํ อปเนตฺวา เสเสหิ อฏฺหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ.
อภิสงฺขารวิฺาณํ ปน อสฺสตฺตรูปสฺส วา ปฺจโวการภเว วา กมฺมชสฺส รูปสฺส สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. อวเสสํ ปมภวงฺคโต ปภุติ สพฺพมฺปิ วิฺาณํ ตสฺส ตสฺส นามรูปสฺส ยถารหํ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ. วิตฺถารโต ปน ตสฺส ปจฺจยนเย ทสฺสิยมาเน สพฺพาปิ ปฏฺานกถา วิตฺถาเรตพฺพา โหตีติ น นํ อารภาม.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘ปฏิสนฺธินามรูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตี’’ติ? สุตฺตโต ยุตฺติโต จ. สุตฺเต หิ ‘‘จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๖๒) นเยน พหุธา เวทนาทีนํ วิฺาณปจฺจยตา สิทฺธา. ยุตฺติโต ปน,
จิตฺตเชน หิ รูเปน, อิธ ทิฏฺเน สิชฺฌติ;
อทิฏฺสฺสาปิ รูปสฺส, วิฺาณํ ปจฺจโย อิติ.
จิตฺเต หิ ปสนฺเน อปฺปสนฺเน วา ตทนุรูปานิ รูปานิ อุปฺปชฺชมานานิ ทิฏฺานิ. ทิฏฺเน จ อทิฏฺสฺส อนุมานํ โหตีติ อิมินา อิธ ทิฏฺเน จิตฺตชรูเปน อทิฏฺสฺสาปิ ปฏิสนฺธิรูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโย โหตีติ ชานิตพฺพเมตํ. กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ ¶ หิ ตสฺส จิตฺตสมุฏฺานสฺเสว วิฺาณปจฺจยตา ปฏฺาเน อาคตาติ. เอวํ ปจฺจยนยโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ.
อยํ ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
นามรูปปจฺจยาสฬายตนปทวิตฺถารกถา
นามํ ขนฺธตฺตยํ รูปํ, ภูตวตฺถาทิกํ มตํ;
กเตกเสสํ ตํ ตสฺส, ตาทิสสฺเสว ปจฺจโย.
ยฺเหตํ ¶ สฬายตนสฺเสว ปจฺจยภูตํ นามรูปํ, ตตฺถ นามนฺติ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ, รูปํ ปน สสนฺตติปริยาปนฺนํ นิยมโต จตฺตาริ ภูตานิ ฉ วตฺถูนิ ชีวิตินฺทฺริยนฺติ เอวํ ภูตวตฺถาทิกํ มตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน นามฺจ รูปฺจ นามรูปฺจ นามรูปนฺติ เอวํ กเตกเสสํ ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอวํ กเตกเสสสฺเสว สฬายตนสฺส ปจฺจโยติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? ยสฺมา อารุปฺเป นามเมว ปจฺจโย, ตฺจ ฉฏฺายตนสฺเสว น อฺสฺส. ‘‘นามปจฺจยา ฉฏฺายตน’’นฺติ (วิภ. ๓๒๒) หิ วิภงฺเค วุตฺตํ.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘นามรูปํ สฬายตนสฺส ปจฺจโย’’ติ? นามรูปภาเว ภาวโต. ตสฺส ตสฺส หิ นามสฺส รูปสฺส จ ภาเว ตํ ตํ อายตนํ โหติ, น อฺถา. สา ปนสฺส ตพฺภาวภาวิตา ปจฺจยนยสฺมึ เยว อาวิภวิสฺสติ. ตสฺมา,
ปฏิสนฺธิยา ปวตฺเต วา, โหติ ยํ ยสฺส ปจฺจโย;
ยถา จ ปจฺจโย โหติ, ตถา เนยฺยํ วิภาวินา.
ตตฺรายมตฺถทีปนา –
นามเมว หิ อารุปฺเป, ปฏิสนฺธิปวตฺติสุ;
ปจฺจโย สตฺตธา ฉธา, โหติ ตํ อวกํสโต.
กถํ? ปฏิสนฺธิยํ ตาว อวกํสโต สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตวิปากอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ สตฺตธา นามํ ฉฏฺายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ ¶ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
ปวตฺเตปิ วิปากํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย โหติ, อิตรํ ปน อวกํสโต วุตฺตปฺปกาเรสุ ปจฺจเยสุ วิปากปจฺจยวชฺเชหิ ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
อฺสฺมิมฺปิ ¶ ภเว นามํ, ตเถว ปฏิสนฺธิยํ;
ฉฏฺสฺส อิตเรสํ ตํ, ฉหากาเรหิ ปจฺจโย.
อารุปฺปโต หิ อฺสฺมิมฺปิ ปฺจโวการภเว ตํ วิปากนามํ หทยวตฺถุโน สหายํ หุตฺวา ฉฏฺสฺส มนายตนสฺส ยถา อารุปฺเป วุตฺตํ, ตเถว อวกํสโต สตฺตธา ปจฺจโย โหติ. อิตเรสํ ปน ตํ ปฺจนฺนํ จกฺขายตนาทีนํ จตุมหาภูตสหายํ หุตฺวา สหชาตนิสฺสยวิปากวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉหากาเรหิ ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
ปวตฺเตปิ ตถา โหติ, ปากํ ปากสฺส ปจฺจโย;
อปากํ อวิปากสฺส, ฉธา ฉฏฺสฺส ปจฺจโย.
ปวตฺเตปิ หิ ปฺจโวการภเว ยถา ปฏิสนฺธิยํ, ตเถว วิปากนามํ วิปากสฺส ฉฏฺายตนสฺส อวกํสโต สตฺตธา ปจฺจโย โหติ. อวิปากํ ปน อวิปากสฺส ฉฏฺสฺส อวกํสโตว ตโต วิปากปจฺจยํ อปเนตฺวา ฉธา ปจฺจโย โหติ. วุตฺตนเยเนว ปเนตฺถ อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
ตตฺเถว เสสปฺจนฺนํ, วิปากํ ปจฺจโย ภเว;
จตุธา อวิปากมฺปิ, เอวเมว ปกาสิตํ.
ตตฺเถว หิ ปวตฺเต เสสานํ จกฺขายตนาทีนํ ปฺจนฺนํ จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกํ อิตรมฺปิ วิปากนามํ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ จตุธา ปจฺจโย โหติ. ยถา จ วิปากํ, อวิปากมฺปิ เอวเมว ปกาสิตํ. ตสฺมา กุสลาทิเภทมฺปิ เตสํ จตุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ¶ ตาว นามเมว ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต วา ยสฺส ยสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, ยถา จ ปจฺจโย โหติ, ตถา เวทิตพฺพํ.
รูปํ ปเนตฺถ อารุปฺเป, ภเว ภวติ ปจฺจโย;
น เอกายตนสฺสาปิ, ปฺจกฺขนฺธภเว ปน.
รูปโต ¶ สนฺธิยํ วตฺถุ, ฉธา ฉฏฺสฺส ปจฺจโย;
ภูตานิ จตุธา โหนฺติ, ปฺจนฺนํ อวิเสสโต.
รูปโต หิ ปฏิสนฺธิยํ วตฺถุรูปํ ฉฏฺสฺส มนายตนสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ฉธา ปจฺจโย โหติ. จตฺตาริ ปน ภูตานิ อวิเสสโต ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ ยํ ยํ อายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส วเสน ปฺจนฺนมฺปิ จกฺขายตนาทีนํ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ จตุธา ปจฺจยา โหนฺติ.
ติธา ชีวิตเมเตสํ, อาหาโร จ ปวตฺติยํ;
ตาเนว ฉธา ฉฏฺสฺส, วตฺถุ ตสฺเสว ปฺจธา.
เอเตสํ ปน จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ อตฺถิ อวิคตอินฺทฺริยวเสน รูปชีวิตํ ติธา ปจฺจโย โหติ. อาหาโร จ อตฺถิอวิคตาหารวเสน ติวิธา ปจฺจโย โหติ, โส จ โข เย สตฺตา อาหารูปชีวิโน, เตสํ อาหารานุคเต กาเย ปวตฺติยํเยว, โน ปฏิสนฺธิยํ. ตานิ ปน ปฺจ จกฺขายตนาทีนิ ฉฏฺสฺส จกฺขุ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณสงฺขาตสฺส มนายตนสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉหากาเรหิ ปจฺจยา โหนฺติ ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. เปตฺวา ปน ปฺจวิฺาณานิ ตสฺเสว อวเสสมนายตนสฺส วตฺถุรูปํ นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ปฺจธา ปจฺจโย โหติ ปวตฺเตเยว, โน ปฏิสนฺธิยํ. เอวํ รูปเมว ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต วา ยสฺส ยสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, ยถา จ ปจฺจโย โหติ, ตถา เวทิตพฺพํ.
นามรูปํ ปนุภยํ, โหติ ยํ ยสฺส ปจฺจโย;
ยถา จ ตมฺปิ สพฺพตฺถ, วิฺาตพฺพํ วิภาวินา.
เสยฺยถิทํ ¶ . ปฏิสนฺธิยํ ตาว ปฺจโวการภเว ขนฺธตฺตยวตฺถุรูปสงฺขาตํ นามรูปํ ฉฏฺายตนสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจยาทีหิ ปจฺจโย โหตีติ. อิทเมตฺถ มุขมตฺตํ. วุตฺตนยานุสาเรน ปน สกฺกา สพฺพํ โยเชตุนฺติ น เอตฺถ วิตฺถาโร ทสฺสิโตติ.
อยํ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
สฬายตนปจฺจยาผสฺสปทวิตฺถารกถา
๖๔๒. สฬายตนปจฺจยา ¶ ผสฺสปเท –
สเฬว ผสฺสา สงฺเขปา, จกฺขุสมฺผสฺสอาทโย;
วิฺาณมิว พาตฺตึส, วิตฺถาเรน ภวนฺติ เต.
สงฺเขเปน หิ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ จกฺขุสมฺผสฺโส, โสตสมฺผสฺโส, ฆานสมฺผสฺโส, ชิวฺหาสมฺผสฺโส, กายสมฺผสฺโส, มโนสมฺผสฺโสติ อิเม จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ เอว ผสฺสา ภวนฺติ. วิตฺถาเรน ปน จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปฺจ กุสลวิปากา, ปฺจ อกุสลวิปากาติ ทส, เสสา พาวีสติ-โลกิยวิปากวิฺาณสมฺปยุตฺตา จ พาวีสตีติ เอวํ สพฺเพปิ สงฺขารปจฺจยา วุตฺตวิฺาณมิว พาตฺตึส โหนฺติ.
ยํ ปเนตสฺส พาตฺตึสวิธสฺสาปิ ผสฺสสฺส ปจฺจโย สฬายตนํ, ตตฺถ,
ฉฏฺเน สห อชฺฌตฺตํ, จกฺขาทึ พาหิเรหิปิ;
สฬายตนมิจฺฉนฺติ, ฉหิ สทฺธึ วิจกฺขณา.
ตตฺถ เย ตาว ‘‘อุปาทิณฺณกปวตฺติกถา อย’’นฺติ สกสนฺตติปริยาปนฺนเมว ปจฺจยํ ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ ทีเปนฺติ, เต ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ (วิภ. ๓๒๒) ปาฬิอนุสารโต อารุปฺเป ฉฏฺายตนฺจ, อฺตฺถ สพฺพสงฺคหโต สฬายตนฺจ ผสฺสสฺส ปจฺจโยติ เอกเทสสรูเปกเสสํ กตฺวา ฉฏฺเน สห อชฺฌตฺตํ จกฺขาทึ สฬายตนนฺติ อิจฺฉนฺติ. ตฺหิ ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
เย ปน ปจฺจยุปฺปนฺนเมว เอกสนฺตติปริยาปนฺนํ ทีเปนฺติ, ปจฺจยํ ปน ภินฺนสนฺตานมฺปิ, เต ยํ ยํ อายตนํ ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ, ตํ สพฺพมฺปิ ¶ ทีเปนฺตา พาหิรมฺปิ ปริคฺคเหตฺวา ตเทว ฉฏฺเน สห อชฺฌตฺตํ พาหิเรหิปิ รูปายตนาทีหิ สทฺธึ สฬายตนนฺติ อิจฺฉนฺติ. ตมฺปิ หิ ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอเตสํ เอกเสเส กเต สฬายตนนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
เอตฺถาห ¶ – น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภติ, นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา, อยฺจ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ เอโกว วุตฺโต, โส กสฺมาติ. ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ – สจฺจเมตํ, สพฺเพหิ เอโก, เอกมฺหา วา สพฺเพ น สมฺโภนฺติ, สมฺโภติ ปน อเนเกหิ เอโก. ยถา จกฺขุสมฺผสฺโส จกฺขายตนา รูปายตนา จกฺขุวิฺาณสงฺขาตา มนายตนา อวเสสสมฺปยุตฺตธมฺมายตนา จาติ เอวํ สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตพฺพํ. ตสฺมา เอว หิ,
เอโกปเนกายตนปฺปภโว อิติ ทีปิโต;
ผสฺโสยํ เอกวจนนิทฺเทเสนีธ ตาทินา.
เอกวจนนิทฺเทเสนาติ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ อิมินา เอกวจนนิทฺเทเสน อเนเกหิ อายตเนหิ เอโก ผสฺโส โหตีติ ตาทินา ทีปิโตติ อตฺโถ. อายตเนสุ ปน,
ฉธา ปฺจ ตโต เอกํ, นวธา พาหิรานิ ฉ;
ยถาสมฺภวเมตสฺส, ปจฺจยตฺเต วิภาวเย.
ตตฺรายํ วิภาวนา – จกฺขายตนาทีนิ ตาว ปฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทิเภทโต ปฺจวิธสฺส ผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉธา ปจฺจยา โหนฺติ. ตโต ปรํ เอกํ วิปากมนายตนํ อเนกเภทสฺส วิปากมโนสมฺผสฺสสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากาหารอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน นวธา ปจฺจโย โหติ. พาหิเรสุ ปน รูปายตนํ จกฺขุสมฺผสฺสสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน จตุธา ปจฺจโย โหติ. ตถา สทฺทายตนาทีนิ โสตสมฺผสฺสาทีนํ. มโนสมฺผสฺสสฺส ปน ตานิ จ ธมฺมายตนฺจ ตถา จ ¶ อารมฺมณปจฺจยมตฺเตเนว จาติ เอวํ พาหิรานิ ฉ ยถาสมฺภวเมตสฺส ปจฺจยตฺเต วิภาวเยติ.
อยํ ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
ผสฺสปจฺจยาเวทนาปทวิตฺถารกถา
ทฺวารโต ¶ เวทนา วุตฺตา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทิกา;
สเฬว ตา ปเภเทน, เอกูนนวุตี มตา.
เอตสฺสปิ ปทสฺส วิภงฺเค ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา. โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กาย… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา’’ติ (วิภ. ๒๓๑) เอวํ ทฺวารโต สเฬว เวทนา วุตฺตา, ตา ปน ปเภเทน เอกูนนวุติยา จิตฺเตหิ สมฺปยุตฺตตฺตา เอกูนนวุติ มตา.
เวทนาสุ ปเนตาสุ, อิธ พาตฺตึส เวทนา;
วิปากจิตฺตยุตฺตาว, อธิปฺเปตาติ ภาสิตา.
อฏฺธา ตตฺถ ปฺจนฺนํ, ปฺจทฺวารมฺหิ ปจฺจโย;
เสสานํ เอกธา ผสฺโส, มโนทฺวาเรปิ โส ตถา.
ตตฺถ หิ ปฺจทฺวาเร จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกานํ ปฺจนฺนํ เวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน อฏฺธา ปจฺจโย โหติ. เสสานํ ปน เอเกกสฺมึ ทฺวาเร สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ โส จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ.
มโนทฺวาเรปิ โส ตถาติ มโนทฺวาเรปิ หิ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ โส สหชาตมโนสมฺผสฺสสงฺขาโต ผสฺโส ตเถว อฏฺธา ปจฺจโย โหติ, ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานมฺปิ. ยา ปน ตา มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ¶ ปวตฺตา กามาวจรเวทนา, ตาสํ มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุตฺโต มโนสมฺผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ.
อยํ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
เวทนาปจฺจยาตณฺหาปทวิตฺถารกถา
๖๔๔. เวทนาปจฺจยา ¶ ตณฺหาปเท –
รูปตณฺหาทิเภเทน, ฉ ตณฺหา อิธ ทีปิตา;
เอเกกา ติวิธา ตตฺถ, ปวตฺตาการโต มตา.
อิมสฺมึ หิ ปเท เสฏฺิปุตฺโต พฺราหฺมณปุตฺโตติ ปิติโต นามวเสน ปุตฺโต วิย ‘‘รูปตณฺหา. สทฺท… คนฺธ… รส… โผฏฺพฺพ… ธมฺมตณฺหา’’ติ (วิภ. ๒๓๒) อารมฺมณโต นามวเสน วิภงฺเค ฉ ตณฺหา ทีปิตา.
ตาสุ ปน ตณฺหาสุ เอเกกา ตณฺหา ปวตฺติอาการโต กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาติ เอวํ ติวิธา มตา. รูปตณฺหาเยว หิ ยทา จกฺขุสฺส อาปาถมาคตํ รูปารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยมานา ปวตฺตติ, ตทา กามตณฺหา นาม โหติ. ยทา ตเทวารมฺมณํ ‘‘ธุวํ สสฺสต’’นฺติ ปวตฺตาย สสฺสตทิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา ภวตณฺหา นาม โหติ. สสฺสตทิฏฺิสหคโต หิ ราโค ภวตณฺหาติ วุจฺจติ. ยทา ปน ตเทวารมฺมณํ ‘‘อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตี’’ติ ปวตฺตาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา วิภวตณฺหา นาม โหติ. อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต หิ ราโค วิภวตณฺหาติ วุจฺจติ. เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุปีติ. เอตา อฏฺารส ตณฺหา โหนฺติ.
ตา อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธา อฏฺารสาติ ฉตฺตึส. อิติ อตีตา ฉตฺตึส, อนาคตา ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺตึสาติ อฏฺสตํ ตณฺหา โหนฺติ. ตา ปุน สงฺเขปฺปมาณา รูปาทิอารมฺมณวเสน ฉ, กามตณฺหาทิวเสน วา ติสฺโสว ตณฺหา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ปนิเม สตฺตา ปุตฺตํ อสฺสาเทตฺวา ปุตฺเต มมตฺเตน ธาติยา วิย รูปาทิอารมฺมณวเสน อุปฺปชฺชมานํ เวทนํ อสฺสาเทตฺวา เวทนาย มมตฺเตน ¶ รูปาทิอารมฺมณทายกานํ จิตฺตการ-คนฺธพฺพ-คนฺธิก-สูท-ตนฺตวายรสายนวิธายกเวชฺชาทีนํ มหาสกฺการํ กโรนฺติ. ตสฺมา สพฺพาเปสา เวทนาปจฺจยา ตณฺหา โหตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ¶ เจตฺถ อธิปฺเปตา, วิปากสุขเวทนา;
เอกาว เอกธาเวสา, ตสฺมา ตณฺหาย ปจฺจโย.
เอกธาติ อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว ปจฺจโย โหติ. ยสฺมา วา,
ทุกฺขี สุขํ ปตฺถยติ, สุขี ภิยฺโยปิ อิจฺฉติ;
อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา.
ตณฺหาย ปจฺจยา ตสฺมา, โหนฺติ ติสฺโสปิ เวทนา;
เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, อิติ วุตฺตา มเหสินา.
เวทนาปจฺจยา จาปิ, ยสฺมา นานุสยํ วินา;
โหติ ตสฺมา น สา โหติ, พฺราหฺมณสฺส วุสีมโตติ.
อยํ ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
ตณฺหาปจฺจยาอุปาทานปทวิตฺถารกถา
อุปาทานานิ จตฺตาริ, ตานิ อตฺถวิภาคโต;
ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารา, กมโต จ วิภาวเย.
ตตฺรายํ วิภาวนา – กามุปาทานํ, ทิฏฺุปาทานํ, สีลพฺพตุปาทานํ, อตฺตวาทุปาทานนฺติ อิมานิ ตาเวตฺถ จตฺตาริ อุปาทานานิ. เตสํ อยํ อตฺถวิภาโค – วตฺถุสงฺขาตํ กามํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ, กาโม จ โส อุปาทานฺจาติปิ กามุปาทานํ. อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ. ทฬฺหตฺโถ เหตฺถ อุปสทฺโท อุปายาสอุปกฏฺาทีสุ วิย. ตถา ทิฏฺิ จ สา อุปาทานฺจาติ ทิฏฺุปาทานํ. ทิฏฺึ อุปาทิยตีติ วา ทิฏฺุปาทานํ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๑.๓๑) หิ ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยติ. ตถา สีลพฺพตํ อุปาทิยตีติ สีลพฺพตุปาทานํ. สีลพฺพตฺจ ตํ อุปาทานฺจาติปิ สีลพฺพตุปาทานํ. โคสีลโควตาทีนิ หิ ‘‘เอวํ สุทฺธี’’ติ อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานิ. ตถา วทนฺติ เอเตนาติ วาโท. อุปาทิยนฺติ ¶ เอเตนาติ อุปาทานํ. กึ วทนฺติ, อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํ. อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํ. อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํ. อยํ ตาว เตสํ อตฺถวิภาโค.
ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเร ปน กามุปาทานํ ตาว ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามราโค กามนนฺที กามตณฺหา กามสฺเนโห กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามชฺโฌสานํ, อิทํ วุจฺจติ กามุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) อาคตตฺตา สงฺเขปโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ วุจฺจติ. ตณฺหาทฬฺหตฺตํ นาม ปุริมตณฺหาอุปนิสฺสยปจฺจเยน ทฬฺหสมฺภูตา อุตฺตรตณฺหาว. เกจิ ปนาหุ ‘‘อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา อนฺธกาเร โจรสฺส หตฺถปฺปสารณํ วิย, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ ตสฺเสว ภณฺฑคฺคหณํ วิย. อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาปฏิปกฺขา จ เต ธมฺมา. ตถา ปริเยสนารกฺขทุกฺขมูลา’’ติ. เสสุปาทานตฺตยํ ปน สงฺเขปโต ทิฏฺิมตฺตเมว.
วิตฺถารโต ปน ปุพฺเพ รูปาทีสุ วุตฺตอฏฺสตปฺปเภทายปิ ตณฺหาย ทฬฺหภาโว กามุปาทานํ. ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ ทิฏฺุปาทานํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฏฺุปาทานํ? นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ…เป… สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ ยา เอวรูปา ทิฏฺิ…เป… วิปริเยสคฺคาโห. อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘). สีลพฺพเตหิ สุทฺธีติ ปรามสนํ ปน สีลพฺพตุปาทานํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ? สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธิ, สีลพฺพเตน สุทฺธีติ ยา เอวรูปา ทิฏฺิ…เป… วิปริเยสคฺคาโห. อิทํ วุจฺจติ สีลพฺพตุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘). วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ อตฺตวาทุปาทานํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ? อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ…เป… วิปริเยสคฺคาโห, อิทํ วุจฺจติ อตฺตวาทุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๓; วิภ. ๙๓๘). อยเมตฺถ ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาโร.
กมโตติ เอตฺถ ปน ติวิโธ กโม อุปฺปตฺติกฺกโม ปหานกฺกโม เทสนากฺกโม จ. ตตฺถ อนมตคฺเค ¶ สํสาเร อิมสฺส ปมํ อุปฺปตฺตีติ อภาวโต กิเลสานํ นิปฺปริยาเยน อุปฺปตฺติกฺกโม น วุจฺจติ. ปริยาเยน ปน เยภุยฺเยน เอกสฺมึ ภเว อตฺตคฺคาหปุพฺพงฺคโม สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวโส, ตโต ‘‘สสฺสโต อยํ อตฺตา’’ติ คณฺหโต อตฺตวิสุทฺธตฺถํ สีลพฺพตุปาทานํ, ‘‘อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คณฺหโต ปรโลกนิรเปกฺขสฺส กามุปาทานนฺติ ¶ เอวํ ปมํ อตฺตวาทุปาทานํ, ตโต ทิฏฺิสีลพฺพตกามุปาทานานีติ อยเมเตสํ เอกสฺมึ ภเว อุปฺปตฺติกฺกโม.
ทิฏฺุปาทานาทีนิ เจตฺถ ปมํ ปหียนฺติ โสตาปตฺติมคฺควชฺฌตฺตา. กามุปาทานํ ปจฺฉา, อรหตฺตมคฺควชฺฌตฺตาติ อยเมเตสํ ปหานกฺกโม.
มหาวิสยตฺตา ปน ปากฏตฺตา จ เอเตสุ กามุปาทานํ ปมํ เทสิตํ. มหาวิสยํ หิ ตํ อฏฺจิตฺตสมฺปโยคา, อปฺปวิสยานิ อิตรานิ จตุจิตฺตสมฺปโยคา, เยภุยฺเยน จ อาลยรามตฺตา ปชาย ปากฏํ กามุปาทานํ, น อิตรานิ. กามุปาทาน วา กามานํ สมธิคมตฺถํ โกตูหลมงฺคลาทิพหุโล โหติ, สาสฺส ทิฏฺีติ ตทนนฺตรํ ทิฏฺุปาทานํ, ตํ ปภิชฺชมานํ สีลพฺพตอตฺตวาทุปาทานวเสน ทุวิธํ โหติ. ตสฺมึ ทฺวเย โคกิริยํ กุกฺกุรกิริยํ วา ทิสฺวาปิ เวทิตพฺพโต โอฬาริกนฺติ สีลพฺพตุปาทานํ ปมํ เทสิตํ. สุขุมตฺตา อนฺเต อตฺตวาทุปาทานนฺติ อยเมเตสํ เทสนากฺกโม.
ตณฺหา จ ปุริมสฺเสตฺถ, เอกธา โหติ ปจฺจโย;
สตฺตธา อฏฺธา วาปิ, โหติ เสสตฺตยสฺส สา.
เอตฺถ จ เอวํ เทสิเต อุปาทานจตุกฺเก ปุริมสฺส กามุปาทานสฺส กามตณฺหา อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ, ตณฺหาภินนฺทิเตสุ วิสเยสุ อุปฺปตฺติโต. เสสตฺตยสฺส ปน สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตเหตุวเสน สตฺตธา วา, อุปนิสฺสเยน สห อฏฺธา วาปิ ปจฺจโย โหติ. ยทา จ สา อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย โหติ, ตทา อสหชาตาว โหตีติ.
อยํ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
อุปาทานปจฺจยาภวปทวิตฺถารกถา
๖๔๖. อุปาทานปจฺจยา ¶ ภวปเท –
อตฺถโต ธมฺมโต เจว, สาตฺถโต เภทสงฺคหา;
ยํ ยสฺส ปจฺจโย เจว, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ ¶ ภวตีติ ภโว. โส กมฺมภโว อุปปตฺติภโว จาติ ทุวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘ภโว ทุวิเธน อตฺถิ กมฺมภโว, อตฺถิ อุปปตฺติภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔). ตตฺถ กมฺมเมว ภโว กมฺมภโว, ตถา อุปปตฺติเยว ภโว อุปปตฺติภโว. เอตฺถ จ อุปปตฺติ ภวตีติ ภโว. กมฺมํ ปน ยถา สุขการณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔) วุตฺโต, เอวํ ภวการณตฺตา ผลโวหาเรน ภโวติ เวทิตพฺพนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๗. ธมฺมโต ปน กมฺมภโว ตาว สงฺเขปโต เจตนา เจว เจตนาสมฺปยุตฺตา จ อภิชฺฌาทโย กมฺมสงฺขาตา ธมฺมา. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตโม กมฺมภโว? ปฺุาภิสงฺขาโร อปฺุาภิสงฺขาโร อาเนฺชาภิสงฺขาโร (วิภ. ๒๓๔) ปริตฺตภูมโก วา มหาภูมโก วา, อยํ วุจฺจติ กมฺมภโว. สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔). เอตฺถ หิ ปฺุาภิสงฺขาโรติ เตรส เจตนา. อปฺุาภิสงฺขาโรติ ทฺวาทส. อาเนฺชาภิสงฺขาโรติ จตสฺโส เจตนา. เอวํ ปริตฺตภูมโก วา มหาภูมโก วาติ เอเตน ตาสํเยว เจตนานํ มนฺทพหุวิปากตา วุตฺตา. สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมนฺติ อิมินา ปน เจตนาสมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย วุตฺตา.
อุปปตฺติภโว ปน สงฺเขปโต กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา, ปเภทโต นววิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตโม อุปปตฺติภโว? กามภโว รูปภโว อรูปภโว สฺาภโว อสฺาภโว เนวสฺานาสฺาภโว, เอกโวการภโว จตุโวการภโว ปฺจโวการภโว, อยํ วุจฺจติ อุปปตฺติภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔). ตตฺถ กามสงฺขาโต ภโว กามภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. สฺาวตํ ภโว, สฺา วา เอตฺถ ภเว อตฺถีติ สฺาภโว. วิปริยาเยน อสฺาภโว. โอฬาริกาย สฺาย อภาวา สุขุมาย จ ภาวา เนวสฺา, นาสฺา อสฺมึ ¶ ภเวติ เนวสฺานาสฺาภโว. เอเกน รูปกฺขนฺเธน โวกิณฺโณ ภโว เอกโวการภโว. เอโก วา โวกาโร อสฺส ภวสฺสาติ เอกโวการภโว. เอส นโย จตุโวการปฺจโวการภเวสุ. ตตฺถ กามภโว ปฺจ อุปาทิณฺณกฺขนฺธา. ตถา รูปภโว. อรูปภโว จตฺตาโร ¶ , สฺาภโว ปฺจ. อสฺาภโว เอโก อุปาทิณฺณกฺขนฺโธ. เนวสฺานาสฺาภโว จตฺตาโร. เอกโวการภวาทโย เอกจตุปฺจกฺขนฺธา อุปาทิณฺณกฺขนฺเธหีติ เอวเมตฺถ ธมฺมโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๘. สาตฺถโตติ ยถา จ ภวนิทฺเทเส, ตเถว กามํ สงฺขารนิทฺเทเสปิ ปฺุาภิสงฺขาราทโยว วุตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ ปุริเม อตีตกมฺมวเสน อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยตฺตา, อิเม ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมวเสน อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยตฺตาติ ปุนวจนํ สาตฺถกเมว, ปุพฺเพ วา ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติ (วิภ. ๒๒๖) เอวมาทินา นเยน เจตนาว สงฺขาราติ วุตฺตา. อิธ ปน ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺม’’นฺติ (วิภ. ๒๓๔) วจนโต เจตนาสมฺปยุตฺตาปิ. ปุพฺเพ จ วิฺาณปจฺจยเมว กมฺมํ ‘‘สงฺขารา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ อสฺาภวนิพฺพตฺตกมฺปิ. กึ วา พหุนา, ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตฺถ ปฺุาภิสงฺขาราทโยว กุสลากุสลา ธมฺมา วุตฺตา. ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ อิธ ปน อุปปตฺติภวสฺสาปิ สงฺคหิตตฺตา กุสลากุสลาพฺยากตา ธมฺมา วุตฺตา. ตสฺมา สพฺพถาปิ สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจนนฺติ เอวเมตฺถ สาตฺถโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๙. เภทสงฺคหาติ อุปาทานปจฺจยา ภวสฺส เภทโต เจว สงฺคหโต จ. ยฺหิ กามุปาทานปจฺจยา กามภวนิพฺพตฺตกํ กมฺมํ กรียติ, โส กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. เอวํ กามุปาทานปจฺจยา ทฺเว กามภวา, ตทนฺโตคธา จ สฺาภวปฺจโวการภวา, ทฺเว รูปภวา, ตทนฺโตคธา จ สฺาภวอสฺาภวเอกโวการภวปฺจโวการภวา, ทฺเว อรูปภวา, ตทนฺโตคธา จ สฺาภวเนวสฺานาสฺาภวจตุโวการภวาติ สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ฉ ภวา. ยถา จ กามุปาทานปจฺจยา สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ฉ ภวา. ตถา เสสุปาทานปจฺจยาปีติ เอวํ อุปาทานปจฺจยา เภทโต สทฺธึ อนฺโตคเธหิ จตุวีสติ ภวา.
สงฺคหโต ปน กมฺมภวํ อุปปตฺติภวฺจ เอกโต กตฺวา กามุปาทานปจฺจยา สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ¶ เอโก กามภโว. ตถา รูปารูปภวาติ ตโย ภวา. ตถา เสสุปาทานปจฺจยา ปีติ. เอวํ อุปาทานปจฺจยา สงฺคหโต สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ทฺวาทส ภวา. อปิจ ¶ อวิเสเสน อุปาทานปจฺจยา กามภวูปคํ กมฺมํ กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. เอวํ อุปาทานปจฺจยา สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ทฺเว กามภวา, ทฺเว รูปภวา, ทฺเว อรูปภวาติ อปเรน ปริยาเยน สงฺคหโต ฉ ภวา. กมฺมภวอุปปตฺติภวเภทํ วา อนุปคมฺม สทฺธึ อนฺโตคเธหิ กามภวาทิวเสน ตโย ภวา โหนฺติ. กามภวาทิเภทมฺปิ อนุปคมฺม กมฺมภวอุปปตฺติภววเสน ทฺเว ภวา โหนฺติ. กมฺมุปปตฺติเภทฺจาปิ อนุปคมฺม อุปาทานปจฺจยา ภโวติ ภววเสน เอโกว ภโว โหตีติ เอวเมตฺถ อุปาทานปจฺจยสฺส ภวสฺส เภทสงฺคหาปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๕๐. ยํ ยสฺส ปจฺจโย เจวาติ ยฺเจตฺถ อุปาทานํ ยสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ อตฺโถ. กึ ปเนตฺถ กสฺส ปจฺจโย โหติ? ยํกิฺจิ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจโย โหติเยว. อุมฺมตฺตโก วิย หิ ปุถุชฺชโน. โส อิทํ ยุตฺตํ อิทํ อยุตฺตนฺติ อวิจาเรตฺวา ยสฺส กสฺสจิ อุปาทานสฺส วเสน ยํกิฺจิ ภวํ ปตฺเถตฺวา ยํกิฺจิ กมฺมํ กโรติเยว. ตสฺมา ยเทกจฺเจ สีลพฺพตุปาทาเนน รูปารูปภวา น โหนฺตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. สพฺเพน ปน สพฺโพ โหตีติ คเหตพฺพํ.
เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ อนุสฺสววเสน วา ทิฏฺานุสาเรน วา ‘‘กามา นาเมเต มนุสฺสโลเก เจว ขตฺติยมหาสาลกุลาทีสุ, ฉ กามาวจรเทวโลเก จ สมิทฺธา’’ติ จินฺเตตฺวา เตสํ อธิคมตฺถํ อสทฺธมฺมสฺสวนาทีหิ วฺจิโต ‘‘อิมินา กมฺเมน กามา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ มฺมาโน กามุปาทานวเสน กายทุจฺจริตาทีนิปิ กโรติ, โส ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. สนฺทิฏฺิเก วา ปน กาเม ปตฺถยมาโน ปฏิลทฺเธ จ โคปยมาโน กามุปาทานวเสน กายทุจฺจริตาทีนิ กโรติ, โส ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. ตตฺราสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวปฺจโวการภวา ปน ตทนฺโตคธา เอว.
อปโร ¶ ปน สทฺธมฺมสฺสวนาทีหิ อุปพฺรูหิตาโณ ‘‘อิมินา กมฺเมน กามา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ มฺมาโน กามุปาทานวเสน กายสุจริตาทีนิ กโรติ. โส สุจริตปาริปูริยา ¶ เทเวสุ วา มนุสฺเสสุ วา อุปปชฺชติ. ตตฺราสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวปฺจโวการภวา ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ กามุปาทานํ สปฺปเภทสฺส สานฺโตคธสฺส กามภวสฺส ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘รูปารูปภเวสุ ตโต สมิทฺธตรา กามา’’ติ สุตฺวา ปริกปฺเปตฺวา วา กามุปาทานวเสเนว รูปารูปสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติพเลน รูปารูปพฺรหฺมโลเก อุปปชฺชติ. ตตฺราสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺา-อสฺา-เนวสฺานาสฺา-เอก-จตุ-ปฺจโวการภวา ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ กามุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ รูปารูปภวานมฺปิ ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘อยํ อตฺตา นาม กามาวจรสมฺปตฺติภเว วา รูปารูปภวานํ วา อฺตรสฺมึ อุจฺฉินฺเน สุอุจฺฉินฺโน โหตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ อุปาทาย ตทุปคํ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ ทิฏฺุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ ติณฺณมฺปิ กามรูปารูปภวานํ ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘อยํ อตฺตา นาม กามาวจรสมฺปตฺติภเว วา รูปารูปภวานํ วา อฺตรสฺมึ สุขี โหติ วิคตปริฬาโห’’ติ อตฺตวาทุปาทาเนน ตทุปคํ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ อตฺตวาทุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ ติณฺณํ ภวานํ ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘อิทํ สีลพฺพตํ นาม กามาวจรสมฺปตฺติภเว วา รูปารูปภวานํ วา อฺตรสฺมึ ปริปูเรนฺตสฺส สุขํ ปาริปูรึ คจฺฉตี’’ติ สีลพฺพตุปาทานวเสน ตทุปคํ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ สีลพฺพตุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ ติณฺณํ ภวานํ ปจฺจโย โหติ. เอวเมตฺถ ยํ ยสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
กึ ปเนตฺถ ¶ กสฺส ภวสฺส กถํ ปจฺจโย โหตีติ เจ?
รูปารูปภวานํ ¶ , อุปนิสฺสยปจฺจโย อุปาทานํ;
สหชาตาทีหิปิ ตํ, กามภวสฺสาติ วิฺเยฺยํ.
รูปารูปภวานํ หิ, กามภวปริยาปนฺนสฺส จ กมฺมภเว กุสลกมฺมสฺเสว, อุปปตฺติภวสฺส เจตํ จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. กามภเว อตฺตนา สมฺปยุตฺตากุสลกมฺมภวสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตเหตุปจฺจยปฺปเภเทหิ สหชาตาทีหิ ปจฺจโย โหติ. วิปฺปยุตฺตสฺส ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนวาติ.
อยํ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
ภวปจฺจยาชาติอาทิวิตฺถารกถา
๖๕๑. ภวปจฺจยา ชาตีติอาทีสุ ชาติอาทีนํ วินิจฺฉโย สจฺจนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ภโวติ ปเนตฺถ กมฺมภโวว อธิปฺเปโต. โส หิ ชาติยา ปจฺจโย, น อุปปตฺติภโว. โส จ ปน กมฺมปจฺจยอุปนิสฺสยปจฺจยวเสน ทฺเวธา ปจฺจโย โหตีติ.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ภโว ชาติยา ปจฺจโยติ เจ? พาหิรปจฺจยสมตฺเตปิ หีนปณีตตาทิวิเสสทสฺสนโต. พาหิรานํ หิ ชนกชนนีสุกฺกโสณิตาหาราทีนํ ปจฺจยานํ สมตฺเตปิ สตฺตานํ ยมกานมฺปิ สตํ หีนปณีตตาทิวิเสโส ทิสฺสติ. โส จ น อเหตุโก สพฺพทา จ สพฺเพสฺจ อภาวโต, น กมฺมภวโต อฺเหตุโก ตทภินิพฺพตฺตกสตฺตานํ อชฺฌตฺตสนฺตาเน อฺสฺส การณสฺส อภาวโตติ กมฺมภวเหตุโกว. กมฺมํ หิ สตฺตานํ หีนปณีตตาทิวิเสสสฺส เหตุ. เตนาห ภควา ‘‘กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙). ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘ภโว ชาติยา ปจฺจโย’’ติ.
ยสฺมา จ อสติ ชาติยา ชรามรณํ นาม, โสกาทโย วา ธมฺมา น โหนฺติ. ชาติยา ปน สติ ชรามรณฺเจว, ชรามรณสงฺขาตทุกฺขธมฺมผุฏฺสฺส จ พาลชนสฺส ชรามรณาภิสมฺพนฺธา ¶ วา เตน เตน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส ¶ อนภิสมฺพนฺธา วา โสกาทโย จ ธมฺมา โหนฺติ. ตสฺมา อยมฺปิ ชาติ ชรามรณสฺส เจว โสกาทีนฺจ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพา. สา ปน อุปนิสฺสยโกฏิยา เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ.
อยํ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติอาทีสุ วิตฺถารกถา.
ภวจกฺกกถา
๖๕๒. ยสฺมา ปเนตฺถ โสกาทโย อวสาเน วุตฺตา, ตสฺมา ยา สา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ เอวเมตสฺส ภวจกฺกสฺส อาทิมฺหิ วุตฺตา, สา,
โสกาทีหิ อวิชฺชา, สิทฺธา ภวจกฺกมวิทิตาทิมิทํ;
การกเวทกรหิตํ, ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุํ.
สตตํ สมิตํ ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ.
กถํ ปเนตฺถ โสกาทีหิ อวิชฺชา สิทฺธา, กถมิทํ ภวจกฺกํ อวิทิตาทิ, กถํ การกเวทกรหิตํ, กถํ ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุนฺติ เจ? เอตฺถ หิ โสกโทมนสฺสุปายาสา อวิชฺชาย อวิโยคิโน, ปริเทโว จ นาม มูฬฺหสฺสาติ เตสุ ตาว สิทฺเธสุ สิทฺธา โหติ อวิชฺชา. อปิจ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วุตฺตํ. อาสวสมุทยา เจเต โสกาทโย โหนฺติ.
กถํ? วตฺถุกามวิโยเค ตาว โสโก กามาสวสมุทยา โหติ. ยถาห –
‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตี’’ติ. (สุ. นิ. ๗๗๓);
ยถา จาห – ‘‘กามโต ชายติ โสโก’’ติ. (ธ. ป. ๒๑๕).
สพฺเพปิ ¶ เจเต ทิฏฺาสวสมุทยา โหนฺติ. ยถาห –
‘‘ตสฺส ‘อหํ รูปํ มม รูป’นฺติ ปริยุฏฺฏฺายิโน รูปวิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺชนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑).
ยถา จ ทิฏฺาสวสมุทยา, เอวํ ภวาสวสมุทยาปิ. ยถาห –
‘‘เยปิ ¶ เต เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ภยํ สนฺตาสํ สํเวคมาปชฺชนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘). ปฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา มรณภเยน สนฺตชฺชิตานํ เทวานํ วิย.
ยถา จ ภวาสวสมุทยา, เอวํ อวิชฺชาสวสมุทยาปิ. ยถาห –
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล ติวิธํ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๖).
อิติ ยสฺมา อาสวสมุทยา เอเต ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺมา เอเต สิชฺฌมานา อวิชฺชาย เหตุภูเต อาสเว สาเธนฺติ. อาสเวสุ จ สิทฺเธสุ ปจฺจยภาเว ภาวโต อวิชฺชาปิ สิทฺธาว โหตีติ. เอวํ ตาเวตฺถ โสกาทีหิ อวิชฺชา สิทฺธา โหตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ปน เอวํ ปจฺจยภาเว ภาวโต อวิชฺชาย สิทฺธาย ปุน อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ เอวํ เหตุผลปรมฺปราย ปริโยสานํ นตฺถิ. ตสฺมา ตํ เหตุผลสมฺพนฺธวเสน ปวตฺตํ ทฺวาทสงฺคํ ภวจกฺกํ อวิทิตาทีติ สิทฺธํ โหติ.
เอวํ สติ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิทํ อาทิมตฺตกถนํ วิรุชฺฌตีติ เจ. นยิทํ อาทิมตฺตกถนํ. ปธานธมฺมกถนํ ปเนตํ. ติณฺณนฺนํ หิ วฏฺฏานํ อวิชฺชา ปธานา. อวิชฺชาคฺคหเณน หิ อวเสสกิเลสวฏฺฏฺจ กมฺมาทีนิ จ พาลํ ปลิโพเธนฺติ. สปฺปสิรคฺคหเณน เสสสปฺปสรีรํ วิย พาหํ. อวิชฺชาสมุจฺเฉเท ปน กเต เตหิ วิโมกฺโข โหติ ¶ . สปฺปสิรจฺเฉเท กเต ปลิโพธิตพาหาวิโมกฺโข วิย. ยถาห – ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑; มหาว. ๑). อิติ ยํ คณฺหโต พนฺโธ, มุจฺจโต จ โมกฺโข โหติ, ตสฺส ปธานธมฺมสฺส กถนมิทํ, น อาทิมตฺตกถนนฺติ. เอวมิทํ ภวจกฺกํ อวิทิตาทีติ เวทิตพฺพํ.
ตยิทํ ¶ ยสฺมา อวิชฺชาทีหิ การเณหิ สงฺขาราทีนํ ปวตฺติ, ตสฺมา ตโต อฺเน ‘‘พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา เสฏฺโ สชิตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๒) เอวํ ปริกปฺปิเตน พฺรหฺมาทินา วา สํสารสฺส การเกน, ‘‘โส โข ปน เม อยํ อตฺตา วโท เวเทยฺโย’’ติ เอวํ ปริกปฺปิเตน อตฺตนา วา สุขทุกฺขานํ เวทเกน รหิตํ. อิติ การกเวทกรหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชา อุทยพฺพยธมฺมกตฺตา ธุวภาเวน, สํกิลิฏฺตฺตา สํกิเลสิกตฺตา จ สุภภาเวน, อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา สุขภาเวน, ปจฺจยายตฺตวุตฺติตฺตา วสวตฺตนภูเตน อตฺตภาเวน จ สฺุา. ตถา สงฺขาราทีนิปิ องฺคานิ. ยสฺมา วา อวิชฺชา น อตฺตา, น อตฺตโน, น อตฺตนิ, น อตฺตวตี. ตถา สงฺขาราทีนิปิ องฺคานิ. ตสฺมา ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุเมตํ ภวจกฺกนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตสฺสาวิชฺชาตณฺหา, มูลมตีตาทโย ตโย กาลา;
ทฺเว อฏฺ ทฺเว เอว จ, สรูปโต เตสุ องฺคานิ.
ตสฺส โข ปเนตสฺส ภวจกฺกสฺส อวิชฺชา ตณฺหา จาติ ทฺเว ธมฺมา มูลนฺติ เวทิตพฺพา. ตเทตํ ปุพฺพนฺตาหรณโต อวิชฺชามูลํ เวทนาวสานํ, อปรนฺตสนฺตานโต ตณฺหามูลํ ชรามรณาวสานนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตตฺถ ปุริมํ ทิฏฺิจริตวเสน วุตฺตํ, ปจฺฉิมํ ตณฺหาจริตวเสน. ทิฏฺิจริตานํ หิ อวิชฺชา, ตณฺหาจริตานฺจ ตณฺหา สํสารนายิกา. อุจฺเฉททิฏฺิสมุคฺฆาตาย วา ปมํ, ผลุปฺปตฺติยา เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโต, สสฺสตทิฏฺิสมุคฺฆาตาย ทุติยํ, อุปฺปนฺนานํ ชรามรณปฺปกาสนโต. คพฺภเสยฺยกวเสน วา ปุริมํ, อนุปุพฺพปวตฺติทีปนโต, โอปปาติกวเสน ปจฺฉิมํ, สหุปฺปตฺติทีปนโต.
อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตา ¶ จสฺส ตโย กาลา. เตสุ ปาฬิยํ สรูปโต อาคตวเสน ‘‘อวิชฺชา, สงฺขารา จา’’ติ ทฺเว องฺคานิ อตีตกาลานิ. วิฺาณาทีนิ ภวาวสานานิ อฏฺ ปจฺจุปฺปนฺนกาลานิ. ชาติ เจว ชรามรณฺจ ทฺเว อนาคตกาลานีติ เวทิตพฺพานิ.
๖๕๔. ปุน ¶ ,
‘‘เหตุผลเหตุปุพฺพก-ติสนฺธิจตุเภทสงฺคหฺเจตํ;
วีสติ อาการารํ, ติวฏฺฏมนวฏฺิตํ ภมติ’’.
อิติปิ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ สงฺขารานฺจ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส จ อนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธิ นาม. เวทนาย จ ตณฺหาย จ อนฺตรา เอโก ผลเหตุสนฺธิ นาม. ภวสฺส จ ชาติยา จ อนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธีติ เอวมิทํ เหตุผลเหตุปุพฺพกติสนฺธีติ เวทิตพฺพํ.
สนฺธีนํ อาทิปริโยสานววตฺถิตา ปนสฺส จตฺตาโร สงฺคหา โหนฺติ. เสยฺยถิทํ – อวิชฺชาสงฺขารา เอโก สงฺคโห. วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา ทุติโย. ตณฺหุปาทานภวา ตติโย. ชาติชรามรณํ จตุตฺโถติ. เอวมิทํ จตุเภทสงฺคหนฺติ เวทิตพฺพํ.
อตีเต เหตโว ปฺจ, อิทานิ ผลปฺจกํ;
อิทานิ เหตโว ปฺจ, อายตึ ผลปฺจกนฺติ.
เอเตหิ ปน วีสติยา อาการสงฺขาเตหิ อเรหิ วีสติอาการารนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อตีเต เหตโว ปฺจาติ อวิชฺชา สงฺขารา จาติ อิเม ตาว ทฺเว วุตฺตา เอว. ยสฺมา ปน อวิทฺวา ปริตสฺสติ, ปริตสฺสิโต อุปาทิยติ, ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว. ตสฺมา ตณฺหุปาทานภวาปิ คหิตา โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโวติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗).
ตตฺถ ¶ ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริเม กมฺมภเว, อตีตชาติยํ กมฺมภเว กริยมาเนติ อตฺโถ. โมโห อวิชฺชาติ โย ตทา ทุกฺขาทีสุ โมโห, เยน มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา. อายูหนา สงฺขาราติ ตํ กมฺมํ กโรโต ยา ปุริมเจตนาโย, ยถา ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา มาสมฺปิ สํวจฺฉรมฺปิ ทานุปกรณานิ สชฺเชนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ปุริมเจตนาโย. ปฏิคฺคาหกานํ ปน หตฺเถ ทกฺขิณํ ปติฏฺาปยโต เจตนา ภโวติ วุจฺจติ. เอกาวชฺชเนสุ วา ฉสุ ชวเนสุ เจตนา อายูหนา สงฺขารา นาม ¶ . สตฺตเม ภโว. ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว. สมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา นาม. นิกนฺติ ตณฺหาติ ยา กมฺมํ กโรนฺตสฺส ผเล อุปปตฺติภเว นิกามนา ปตฺถนา, สา ตณฺหา นาม. อุปคมนํ อุปาทานนฺติ ยํ กมฺมภวสฺส ปจฺจยภูตํ ‘‘อิทํ กตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน กาเม เสวิสฺสามิ อุจฺฉิชฺชิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตํ อุปคมนํ คหณํ ปรามสนํ, อิทํ อุปาทานํ นาม. เจตนา ภโวติ อายูหนาวสาเน วุตฺตา เจตนา ภโวติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ผลปฺจกนฺติ วิฺาณาทิเวทนาวสานํ ปาฬิยํ อาคตเมว. ยถาห – ‘‘อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา, อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเรกตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ๑.๔๗). ตตฺถ ปฏิสนฺธิ วิฺาณนฺติ ยํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานวเสน อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิฺาณํ. โอกฺกนฺติ นามรูปนฺติ ยา คพฺเภ รูปารูปธมฺมานํ โอกฺกนฺติ อาคนฺตฺวา ปวิสนํ วิย, อิทํ นามรูปํ. ปสาโท อายตนนฺติ อิทํ จกฺขาทิปฺจายตนวเสน วุตฺตํ. ผุฏฺโ ผสฺโสติ โย อารมฺมณํ ผุฏฺโ ผุสนฺโต อุปฺปนฺโน, อยํ ผสฺโส. เวทยิตํ เวทนาติ ยํ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน วา สฬายตนปจฺจเยน วา ผสฺเสน สห อุปฺปนฺนํ วิปากเวทยิตํ, สา เวทนาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ เหตโว ปฺจาติ ตณฺหาทโย ปาฬิยํ อาคตา ตณฺหุปาทานภวา. ภเว ปน คหิเต ตสฺส ปุพฺพภาคา ตํสมฺปยุตฺตา วา สงฺขารา คหิตาว โหนฺติ. ตณฺหุปาทานคฺคหเณน จ ตํสมฺปยุตฺตา, ยาย วา มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา คหิตาว โหตีติ. เอวํ ปฺจ. เตนาห ‘‘อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโวติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธ กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ ¶ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗). ตตฺถ อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานนฺติ ปริปกฺกายตนสฺส กมฺมกรณกาเล สมฺโมโห ทสฺสิโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
อายตึ ผลปฺจกนฺติ วิฺาณาทีนิ ปฺจ. ตานิ ชาติคฺคหเณน วุตฺตานิ. ชรามรณํ ปน เตสํเยว ชรามรณํ. เตนาห – ‘‘อายตึ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ ¶ , โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา, อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ อุปปตฺติภวสฺมึ อิธ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗). เอวมิทํ วีสติ อาการารํ โหติ.
ติวฏฺฏมนวฏฺิตํ ภมตีติ เอตฺถ ปน สงฺขารภวา กมฺมวฏฺฏํ, อวิชฺชาตณฺหุปาทานานิ กิเลสวฏฺฏํ, วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา วิปากวฏฺฏนฺติ อิเมหิ ตีหิ วฏฺเฏหิ ติวฏฺฏมิทํ ภวจกฺกํ ยาว กิเลสวฏฺฏํ น อุปจฺฉิชฺชติ, ตาว อนุปจฺฉินฺนปจฺจยตฺตา อนวฏฺิตํ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺตนโต ภมติเยวาติ เวทิตพฺพํ.
สจฺจปฺปภวโต กิจฺจา, วารณา อุปมาหิ จ;
คมฺภีรนยเภทา จ, วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
ตตฺถ ยสฺมา กุสลากุสลํ กมฺมํ อวิเสเสน สมุทยสจฺจนฺติ สจฺจวิภงฺเค วุตฺตํ, ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อวิชฺชาย สงฺขารา ทุติยสจฺจปฺปภวํ ทุติยสจฺจํ. สงฺขาเรหิ วิฺาณํ ทุติยสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจํ. วิฺาณาทีหิ ¶ นามรูปาทีนิ วิปากเวทนาปริโยสานานิ ปมสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจํ. เวทนาย ตณฺหา ปมสจฺจปฺปภวํ ทุติยสจฺจํ. ตณฺหาย อุปาทานํ ทุติยสจฺจปฺปภวํ ทุติยสจฺจํ. อุปาทานโต ภโว ทุติยสจฺจปฺปภวํ ปมทุติยสจฺจทฺวยํ. ภวโต ชาติ ทุติยสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจํ. ชาติยา ชรามรณํ ปมสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจนฺติ เอวํ ตาวิทํ สจฺจปฺปภวโต วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๖. ยสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชา วตฺถูสุ จ สตฺเต สมฺโมเหติ, ปจฺจโย จ โหติ สงฺขารานํ ¶ ปาตุภาวาย. ตถา สงฺขารา สงฺขตฺจ อภิสงฺขโรนฺติ, ปจฺจยา จ โหนฺติ วิฺาณสฺส. วิฺาณมฺปิ วตฺถฺุจ ปฏิวิชานาติ, ปจฺจโย จ โหติ นามรูปสฺส. นามรูปมฺปิ อฺมฺฺจ อุปตฺถมฺเภติ, ปจฺจโย จ โหติ สฬายตนสฺส. สฬายตนมฺปิ สวิสเย จ ปวตฺตติ, ปจฺจโย จ โหติ ผสฺสสฺส. ผสฺโสปิ อารมฺมณฺจ ผุสติ, ปจฺจโย จ โหติ เวทนาย. เวทนาปิ อารมฺมณรสฺจ อนุภวติ, ปจฺจโย จ โหติ ตณฺหาย. ตณฺหาปิ รชฺชนีเย จ ธมฺเม รชฺชติ, ปจฺจโย จ โหติ อุปาทานสฺส. อุปาทานมฺปิ อุปาทานิเย จ ธมฺเม อุปาทิยติ, ปจฺจโย จ โหติ ภวสฺส. ภโวปิ นานาคตีสุ จ วิกฺขิปติ, ปจฺจโย จ โหติ ชาติยา. ชาติปิ ขนฺเธ จ ชเนติ เตสํ อภินิพฺพตฺติภาเวน ปวตฺตตฺตา, ปจฺจโย จ โหติ ชรามรณสฺส. ชรามรณมฺปิ ขนฺธานํ ปากเภทภาวฺจ อธิติฏฺติ, ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวาย โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตา. ตสฺมา สพฺพปเทสุ ทฺเวธา ปวตฺติกิจฺจโตปิ อิทํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๗. ยสฺมา เจตฺถ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิทํ การกทสฺสนนิวารณํ. สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ อตฺตสงฺกนฺติทสฺสนนิวารณํ. วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ ‘‘อตฺตา’’ติปริกปฺปิตวตฺถุเภททสฺสนโต ฆนสฺานิวารณํ. นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติอาทิ อตฺตา ปสฺสติ…เป… วิชานาติ, ผุสติ, เวทยติ, ตณฺหิยติ, อุปาทิยติ, ภวติ, ชายติ, ชียติ, มียตีติเอวมาทิทสฺสนนิวารณํ. ตสฺมา มิจฺฉาทสฺสนนิวารณโตเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๘. ยสฺมา ¶ ปเนตฺถ สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน ธมฺมานํ อทสฺสนโต อนฺโธ วิย อวิชฺชา. อนฺธสฺส อุปกฺขลนํ วิย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา. อุปกฺขลิตสฺส ปตนํ วิย สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ. ปติตสฺส คณฺฑปาตุภาโว วิย วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ. คณฺฑเภทปีฬกา วิย นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ. คณฺฑปีฬกาฆฏฺฏนํ วิย สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส. ฆฏฺฏนทุกฺขํ วิย ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ทุกฺขสฺส ปฏิการาภิลาโส วิย เวทนาปจฺจยา ตณฺหา. ปฏิการาภิลาเสน อสปฺปายคฺคหณํ วิย ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ. อุปาทิณฺณอสปฺปายาเลปนํ วิย อุปาทานปจฺจยา ภโว. อสปฺปายาเลปเนน คณฺฑวิการปาตุภาโว วิย ภวปจฺจยา ชาติ. คณฺฑวิการโต คณฺฑเภโท วิย ชาติปจฺจยา ชรามรณํ. ยสฺมา วา ปเนตฺถ อวิชฺชา อปฺปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺติภาเวน สตฺเต อภิภวติ ปฏลํ วิย อกฺขีนิ ¶ . ตทภิภูโต จ พาโล ปุนพฺภวิเกหิ สงฺขาเรหิ อตฺตานํ เวเติ โกสการกิมิ วิย โกสปฺปเทเสหิ. สงฺขารปริคฺคหิตํ วิฺาณํ คตีสุ ปติฏฺํ ลภติ ปริณายกปริคฺคหิโต วิย ราชกุมาโร รชฺเช. อุปปตฺตินิมิตฺตปริกปฺปนโต วิฺาณํ ปฏิสนฺธิยํ อเนกปฺปการํ นามรูปํ อภินิพฺพตฺเตติ มายากาโร วิย มายํ. นามรูเป ปติฏฺิตํ สฬายตนํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ สุภูมิยํ ปติฏฺิโต วนปฺปคุมฺโพ วิย. อายตนฆฏฺฏนโต ผสฺโส ชายติ อรณิสหิตาภิมนฺถนโต อคฺคิ วิย. ผสฺเสน ผุฏฺสฺส เวทนา ปาตุภวติ อคฺคินา ผุฏฺสฺส ทาโห วิย. เวทยมานสฺส ตณฺหา ปวฑฺฒติ โลณูทกํ ปิวโต ปิปาสา วิย. ตสิโต ภเวสุ อภิลาสํ กโรติ ปิปาสิโต วิย ปานีเย. ตทสฺสุปาทานํ, อุปาทาเนน ภวํ อุปาทิยติ อามิสโลเภน มจฺโฉ พฬิสํ วิย. ภเว สติ ชาติ โหติ พีเช สติ องฺกุโร วิย. ชาตสฺส อวสฺสํ ชรามรณํ อุปฺปนฺนสฺส รุกฺขสฺส ปตนํ วิย. ตสฺมา เอวํ อุปมาหิเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๙. ยสฺมา จ ภควตา อตฺถโตปิ ธมฺมโตปิ เทสนโตปิ ปฏิเวธโตปิ คมฺภีรภาวํ สนฺธาย ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐) วุตฺตํ, ตสฺมา คมฺภีรเภทโตเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหติ, อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ เอวํ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺสฺส ทุรวโพธนียโต ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโร. ตถา ชาติยา ภวปจฺจย…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโร. ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ อตฺถคมฺภีรนฺติ อยํ ตาเวตฺถ อตฺถคมฺภีรตา. เหตุผลฺหิ อตฺโถติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐).
ยสฺมา ปน เยนากาเรน ยทวตฺถา จ อวิชฺชา เตสํ เตสํ สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส ทุรวโพธนียโต อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโร. ตถา สงฺขารานํ…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโร, ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ ธมฺมคมฺภีรนฺติ อยเมตฺถ ธมฺมคมฺภีรตา. เหตุโน หิ ธมฺโมติ นามํ. ยถาห – ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐).
ยสฺมา ¶ จสฺส เตน เตน การเณน ตถา ตถา ปวตฺเตตพฺพตฺตา เทสนาปิ คมฺภีรา, น ตตฺถ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ าณํ ปติฏฺํ ลภติ. ตถาเหตํ กตฺถจิ สุตฺเต อนุโลมโต, กตฺถจิ ปฏิโลมโต, กตฺถจิ อนุโลมปฏิโลมโต, กตฺถจิ เวมชฺฌโต ปฏฺาย อนุโลมโต วา ปฏิโลมโต วา, กตฺถจิ ติสนฺธิจตุสงฺเขปํ, กตฺถจิ ทฺวิสนฺธิติสงฺเขปํ, กตฺถจิ เอกสนฺธิทฺวิสงฺเขปํ เทสิตํ, ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ เทสนาคมฺภีรนฺติ อยํ เทสนาคมฺภีรตา.
ยสฺมา เจตฺถ โย โส อวิชฺชาทีนํ สภาโว, เยน ปฏิวิทฺเธน อวิชฺชาทโย สมฺมา สลกฺขณโต ปฏิวิทฺธา โหนฺติ, โส ทุปฺปริโยคาหตฺตา คมฺภีโร, ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ ปฏิเวธคมฺภีรํ. ตถา เหตฺถ อวิชฺชาย อฺาณาทสฺสนสจฺจาสมฺปฏิเวธฏฺโ คมฺภีโร, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณายูหนสราควิราคฏฺโ, วิฺาณสฺส สฺุตอพฺยาปารอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺโ, นามรูปสฺส เอกุปฺปาทวินิพฺโภคาวินิพฺโภคนมนรุปฺปนฏฺโ, สฬายตนสฺส อธิปติโลกทฺวารเขตฺตวิสยิภาวฏฺโ, ผสฺสสฺส ผุสนสงฺฆฏฺฏนสงฺคติสนฺนิปาตฏฺโ ¶ , เวทนาย อารมฺมณรสานุภวนสุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาวนิชฺชีวเวทยิตฏฺโ. ตณฺหาย อภินนฺทิตชฺโฌสานสริตาลตานทีตณฺหาสมุทฺททุปฺปูรฏฺโ, อุปาทานสฺส อาทานคฺคหณาภินิเวสปรามาสทุรติกฺกมฏฺโ, ภวสฺส อายูหนาภิสงฺขรณโยนิคติิตินิวาเสสุขิปนฏฺโ, ชาติยา ชาติ สฺชาติ โอกฺกนฺติ นิพฺพตฺติ ปาตุภาวฏฺโ, ชรามรณสฺส ขยวยเภทวิปริณามฏฺโ คมฺภีโรติ อยเมตฺถ ปฏิเวธคมฺภีรตา.
๖๖๐. ยสฺมา ปเนตฺถ เอกตฺตนโย, นานตฺตนโย, อพฺยาปารนโย, เอวํธมฺมตานโยติ จตฺตาโร อตฺถนยา โหนฺติ, ตสฺมา นยเภทโตเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
ตตฺถ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ เอวํ พีชสฺส องฺกุราทิภาเวน รุกฺขภาวปฺปตฺติ วิย สนฺตานานุปจฺเฉโท เอกตฺตนโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต เหตุผลสมฺพนฺเธน สนฺตานสฺส อนุปจฺเฉทาวโพธโต อุจฺเฉททิฏฺึ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต เหตุผลสมฺพนฺเธน ปวตฺตมานสฺส สนฺตานานุปจฺเฉทสฺส เอกตฺตคหณโต สสฺสตทิฏฺึ อุปาทิยติ.
อวิชฺชาทีนํ ปน ยถาสกํลกฺขณววตฺถานํ นานตฺตนโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต นวนวานํ ¶ อุปฺปาททสฺสนโต สสฺสตทิฏฺึ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต เอกสนฺตานปติตสฺส ภินฺนสนฺตานสฺเสว นานตฺตคฺคหณโต อุจฺเฉททิฏฺึ อุปาทิยติ.
อวิชฺชาย สงฺขารา มยา อุปฺปาเทตพฺพา, สงฺขารานํ วา วิฺาณํ อมฺเหหีติ เอวมาทิพฺยาปาราภาโว อพฺยาปารนโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต การกสฺส อภาวาวโพธโต อตฺตทิฏฺึ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต โย อสติปิ พฺยาปาเร อวิชฺชาทีนํ สภาวนิยมสิทฺโธ เหตุภาโว, ตสฺส อคฺคหณโต อกิริยทิฏฺึ อุปาทิยติ.
อวิชฺชาทีหิ ปน การเณหิ สงฺขาราทีนํเยว สมฺภโว ขีราทีหิ ทธิอาทีนํ วิย, น อฺเสนฺติ อยํ เอวํธมฺมตานโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต ปจฺจยานุรูปโต ผลาวโพธา อเหตุกทิฏฺึ อกิริยทิฏฺิฺจ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต ปจฺจยานุรูปํ ผลปฺปวตฺตึ อคฺคเหตฺวา ยโต กุโตจิ ¶ ยสฺส กสฺสจิ อสมฺภวคฺคหณโต อเหตุกทิฏฺิฺเจว นิยตวาทฺจ อุปาทิยตีติ เอวมิทํ ภวจกฺกํ,
สจฺจปฺปภวโต กิจฺจา, วารณาอุปมาหิ จ;
คมฺภีรนยเภทา จ, วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๖๑. อิทฺหิ อติคมฺภีรโต อคาธํ. นานานยคหนโต ทุรติยานํ. าณาสินา สมาธิปวรสิลายํ สุนิสิเตน,
ภวจกฺกมปทาเลตฺวา, อสนิวิจกฺกมิว นิจฺจนิมฺมถนํ;
สํสารภยมตีโต, น โกจิ สุปินนฺตเรปฺยตฺถิ.
วุตฺตมฺปิ เหตํ ภควตา – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ. เอตสฺส จานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมยํ ปชา ตนฺตากุลกชาตา กุลาคณฺิกชาตา มฺุชปพฺพชภูตา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตตี’’ติ (มหาว. ๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐). ตสฺมา อตฺตโน วา ปเรสํ วา หิตาย จ สุขาย จ ปฏิปนฺโน อวเสสกิจฺจานิ ปหาย,
คมฺภีเร ¶ ปจฺจยาการปฺปเภเท อิธ ปณฺฑิโต;
ยถา คาธํ ลเภเถวมนุยฺุเช สทา สโตติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ปฺาภูมินิทฺเทโส นาม
สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท.