📜
๑๘. ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทโส
นามรูปปริคฺคหกถา
๖๖๒. อิทานิ ¶ ¶ ยา ‘‘อิเมสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา ‘สีลวิสุทฺธิ เจว จิตฺตวิสุทฺธิ จา’ติ ทฺเว มูลภูตา วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตพฺพา’’ติ วุตฺตา. ตตฺถ สีลวิสุทฺธิ นาม สุปริสุทฺธํ ปาติโมกฺขสํวราทิจตุพฺพิธํ สีลํ, ตฺจ สีลนิทฺเทเส วิตฺถาริตเมว. จิตฺตวิสุทฺธิ นาม สอุปจารา อฏฺ สมาปตฺติโย, ตาปิ จิตฺตสีเสน วุตฺตสมาธินิทฺเทเส สพฺพากาเรน วิตฺถาริตา เอว. ตสฺมา ตา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธิ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ, าณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปน ปฺจ วิสุทฺธิโย สรีร’’นฺติ, ตตฺถ นามรูปานํ ยาถาวทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิ นาม.
๖๖๓. ตํ สมฺปาเทตุกาเมน สมถยานิเกน ตาว เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปาวจรชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺาย วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ, ตํสมฺปยุตฺตา จ ธมฺมา ลกฺขณรสาทิวเสน ปริคฺคเหตพฺพา. ปริคฺคเหตฺวา สพฺพมฺเปตํ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต นมนฏฺเน นามนฺติ ววตฺถเปตพฺพํ.
ตโต ยถา นาม ปุริโส อนฺโตเคเห สปฺปํ ทิสฺวา ตํ อนุพนฺธมาโน ตสฺส อาสยํ ปสฺสติ, เอวเมว อยมฺปิ โยคาวจโร ตํ นามํ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘อิทํ นามํ กึ นิสฺสาย ปวตฺตตี’’ติ ปริเยสมาโน ตสฺส นิสฺสยํ หทยรูปํ ปสฺสติ. ตโต หทยรูปสฺส นิสฺสยภูตานิ, ภูตนิสฺสิตานิ จ เสสุปาทายรูปานีติ รูปํ ปริคฺคณฺหาติ. โส สพฺพมฺเปตํ รุปฺปนโต ¶ รูปนฺติ ววตฺถเปติ. ตโต นมนลกฺขณํ นามํ, รุปฺปนลกฺขณํ รูปนฺติ สงฺเขปโต นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๔. สุทฺธวิปสฺสนายานิโก ปน อยเมว วา สมถยานิโก จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ อฺตรมุขวเสน สงฺเขปโต วา วิตฺถารโต วา จตสฺโส ธาตุโย ปริคฺคณฺหาติ. อถสฺส ยาถาวสรสลกฺขณโต อาวิภูตาสุ ธาตูสุ กมฺมสมุฏฺานมฺหิ ¶ ตาว เกเส ‘‘จตสฺโส ธาตุโย, วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชา, ชีวิตํ, กายปฺปสาโท’’ติ เอวํ กายทสกวเสน ทส รูปานิ, ตตฺเถว ภาวสฺส อตฺถิตาย ภาวทสกวเสน ทส, ตตฺเถว อาหารสมุฏฺานํ โอชฏฺมกํ, อุตุสมุฏฺานํ, จิตฺตสมุฏฺานนฺติ อปรานิปิ จตุวีสตีติ เอวํ จตุสมุฏฺาเนสุ จตุวีสติโกฏฺาเสสุ จตุจตฺตาลีส จตุจตฺตาลีส รูปานิ, เสโท, อสฺสุ, เขโฬ, สิงฺฆาณิกาติ อิเมสุ ปน จตูสุ อุตุจิตฺตสมุฏฺาเนสุ ทฺวินฺนํ โอชฏฺมกานํ วเสน โสฬส โสฬส รูปานิ, อุทริยํ, กรีสํ, ปุพฺโพ, มุตฺตนฺติ อิเมสุ จตูสุ อุตุสมุฏฺาเนสุ อุตุสมุฏฺานสฺเสว โอชฏฺมกสฺส วเสน อฏฺ อฏฺ รูปานิ ปากฏานิ โหนฺตีติ. เอส ตาว ทฺวตฺตึสากาเร นโย.
เย ปน อิมสฺมึ ทฺวตฺตึสากาเร อาวิภูเต อปเร ทส อาการา อาวิภวนฺติ. ตตฺถ อสิตาทิปริปาจเก ตาว กมฺมเช เตโชโกฏฺาสมฺหิ โอชฏฺมกฺเจว ชีวิตฺจาติ นว รูปานิ, ตถา จิตฺตเช อสฺสาสปสฺสาสโกฏฺาเสปิ โอชฏฺมกฺเจว สทฺโท จาติ นว, เสเสสุ จตุสมุฏฺาเนสุ อฏฺสุ ชีวิตนวกฺเจว ตีณิ จ โอชฏฺมกานีติ เตตฺตึส รูปานิ ปากฏานิ โหนฺติ.
ตสฺเสวํ วิตฺถารโต ทฺวาจตฺตาลีสาการวเสน อิเมสุ ภูตุปาทายรูเปสุ ปากเฏสุ ชาเตสุ วตฺถุทฺวารวเสน ปฺจ จกฺขุทสกาทโย, หทยวตฺถุทสกฺจาติ อปรานิปิ สฏฺิรูปานิ ปากฏานิ โหนฺติ. โส สพฺพานิปิ ตานิ รุปฺปนลกฺขเณน เอกโต กตฺวา ‘‘เอตํ รูป’’นฺติ ปสฺสติ.
ตสฺเสวํ ปริคฺคหิตรูปสฺส ทฺวารวเสน อรูปธมฺมา ปากฏา โหนฺติ. เสยฺยถิทํ – ทฺเวปฺจวิฺาณานิ, ติสฺโส มโนธาตุโย, อฏฺสฏฺิ มโนวิฺาณธาตุโยติ เอกาสีติ โลกิยจิตฺตานิ, อวิเสเสน จ เตหิ จิตฺเตหิ สหชาโต ผสฺโส, เวทนา, สฺา, เจตนา, ชีวิตํ, จิตฺตฏฺิติ, มนสิกาโรติ อิเม สตฺต สตฺต เจตสิกาติ. โลกุตฺตรจิตฺตานิ ปน เนว สุทฺธวิปสฺสกสฺส ¶ , น สมถยานิกสฺส ปริคฺคหํ คจฺฉนฺติ อนธิคตตฺตาติ. โส สพฺเพปิ เต อรูปธมฺเม นมนลกฺขเณน เอกโต กตฺวา ‘‘เอตํ นาม’’นฺติ ปสฺสติ. เอวเมโก จตุธาตุววตฺถานมุเขน วิตฺถารโต นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๕. อปโร ¶ อฏฺารสธาตุวเสน. กถํ? อิธ ภิกฺขุ อตฺถิ อิมสฺมึ อตฺตภาเว จกฺขุธาตุ…เป… มโนวิฺาณธาตูติ ธาตุโย อาวชฺชิตฺวา ยํ โลโก เสตกณฺหมณฺฑลวิจิตฺตํ อายตวิตฺถตํ อกฺขิกูปเก นฺหารุสุตฺตเกน อาพทฺธํ มํสปิณฺฑํ ‘‘จกฺขู’’ติ สฺชานาติ, ตํ อคฺคเหตฺวา ขนฺธนิทฺเทเส อุปาทารูเปสุ วุตฺตปฺปการํ จกฺขุปสาทํ ‘‘จกฺขุธาตู’’ติ ววตฺถเปติ.
ยานิ ปนสฺส นิสฺสยภูตา จตสฺโส ธาตุโย, ปริวารกานิ จตฺตาริ วณฺณ-คนฺธ-รส-โอชา-รูปานิ, อนุปาลกํ ชีวิตินฺทฺริยนฺติ นว สหชาตรูปานิ, ตตฺเถว ิตานิ กายทสกภาวทสกวเสน วีสติ กมฺมชรูปานิ, อาหารสมุฏฺานาทีนํ ติณฺณํ โอชฏฺมกานํ วเสน จตุวีสติ อนุปาทินฺนรูปานีติ เอวํ เสสานิ เตปณฺณาส รูปานิ โหนฺติ, น ตานิ จ ‘‘จกฺขุธาตู’’ติ ววตฺถเปติ. เอส นโย โสตธาตุอาทีสุปิ. กายธาตุยํ ปน อวเสสานิ เตจตฺตาลีส รูปานิ โหนฺติ. เกจิ ปน อุตุจิตฺตสมุฏฺานานิ สทฺเทน สห นว นว กตฺวา ปฺจจตฺตาลีสาติ วทนฺติ.
อิติ อิเม ปฺจ ปสาทา, เตสฺจ วิสยา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพา ปฺจาติ ทส รูปานิ ทส ธาตุโย โหนฺติ. อวเสสรูปานิ ธมฺมธาตุเยว โหนฺติ. จกฺขุํ ปน นิสฺสาย รูปํ อารพฺภ ปวตฺตํ จิตฺตํ จกฺขุวิฺาณธาตุ นามาติ เอวํ ทฺเวปฺจวิฺาณานิ ปฺจ วิฺาณธาตุโย โหนฺติ. ตีณิ มโนธาตุจิตฺตานิ เอกา มโนธาตุ, อฏฺสฏฺิ มโนวิฺาณธาตุจิตฺตานิ มโนวิฺาณธาตูติ สพฺพานิปิ เอกาสีติ โลกิยจิตฺตานิ สตฺต วิฺาณธาตุโย. ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย ธมฺมธาตูติ เอวเมตฺถ อฑฺเฒกาทส ธาตุโย รูปํ, อฑฺฒฏฺมา ธาตุโย นามนฺติ เอวเมโก อฏฺารสธาตุวเสน นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๖. อปโร ทฺวาทสายตนวเสน. กถํ? จกฺขุธาตุยํ วุตฺตนเยเนว เปตฺวา เตปณฺณาส รูปานิ จกฺขุปสาทมตฺตํ ‘‘จกฺขายตน’’นฺติ ววตฺถเปติ. ตตฺถ วุตฺตนเยเนว จ โสตฆานชิวฺหากายธาตุโย ‘‘โสตฆานชิวฺหากายายตนานี’’ติ, เตสํ วิสยภูเต ปฺจธมฺเม ‘‘รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพายตนานี’’ติ ¶ , โลกิยสตฺตวิฺาณธาตุโย ‘‘มนายตน’’นฺติ, ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย เสสรูปฺจ ‘‘ธมฺมายตน’’นฺติ เอวเมตฺถ ¶ อฑฺเฒกาทส อายตนานิ รูปํ, ทิยฑฺฒอายตนานิ นามนฺติ เอวเมโก ทฺวาทสายตนวเสน นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๗. อปโร ตโต สํขิตฺตตรํ ขนฺธวเสน ววตฺถเปติ. กถํ? อิธ ภิกฺขุ อิมสฺมึ สรีเร จตุสมุฏฺานา จตสฺโส ธาตุโย, ตํนิสฺสิโต วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชา, จกฺขุปสาทาทโย ปฺจ ปสาทา, วตฺถุรูปํ, ภาโว, ชีวิตินฺทฺริยํ, ทฺวิสมุฏฺาโน สทฺโทติ อิมานิ สตฺตรส รูปานิ สมฺมสนุปคานิ นิปฺผนฺนานิ รูปรูปานิ. กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺติ, อากาสธาตุ, รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, อนิจฺจตาติ อิมานิ ปน ทส รูปานิ น สมฺมสนุปคานิ, อาการวิการอนฺตรปริจฺเฉทมตฺตกานิ, น นิปฺผนฺนรูปานิ, น รูปรูปานิ. อปิจ โข รูปานํ อาการวิการอนฺตรปริจฺเฉทมตฺตโต รูปนฺติ สงฺขํ คตานิ. อิติ สพฺพานิ เปตานิ สตฺตวีสติ รูปานิ รูปกฺขนฺโธ, เอกาสีติยา โลกิยจิตฺเตหิ สทฺธึ อุปฺปนฺนา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา สฺา สฺากฺขนฺโธ, สงฺขารา สงฺขารกฺขนฺโธ, วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธติ. อิติ รูปกฺขนฺโธ รูปํ, จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา นามนฺติ เอวเมโก ปฺจกฺขนฺธวเสน นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๘. อปโร ‘‘ยํกิฺจิ รูปํ สพฺพํ รูปํ จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๔๗; อ. นิ. ๑๑.๑๗) เอวํ สํขิตฺเตเนว อิมสฺมึ อตฺตภาเว รูปํ ปริคฺคเหตฺวา, ตถา มนายตนฺเจว ธมฺมายตเนกเทสฺจ นามนฺติ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อิติ อิทฺจ นามํ อิทฺจ รูปํ, อิทํ วุจฺจติ นามรูป’’นฺติ สงฺเขปโต นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๙. สเจ ปนสฺส เตน เตน มุเขน รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ปริคฺคณฺหโต สุขุมตฺตา อรูปํ น อุปฏฺาติ, เตน ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา รูปเมว ปุนปฺปุนํ สมฺมสิตพฺพํ มนสิกาตพฺพํ ปริคฺคเหตพฺพํ ววตฺถเปตพฺพํ. ยถา ยถา หิสฺส รูปํ สุวิกฺขาลิตํ โหติ นิชฺชฏํ สุปริสุทฺธํ, ตถา ตถา ตทารมฺมณา อรูปธมฺมา สยเมว ปากฏา โหนฺติ.
ยถา หิ จกฺขุมโต ปุริสสฺส อปริสุทฺเธ อาทาเส มุขนิมิตฺตํ โอโลเกนฺตสฺส นิมิตฺตํ น ปฺายติ, โส ‘‘นิมิตฺตํ น ปฺายตี’’ติ น อาทาสํ ¶ ฉฑฺเฑติ, อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชติ ¶ . ตสฺส ปริสุทฺเธ อาทาเส นิมิตฺตํ สยเมว ปากฏํ โหติ. ยถา จ เตลตฺถิโก ติลปิฏฺํ โทณิยํ อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผเสตฺวา เอกวารํ ทฺเววารํ ปีฬนมตฺเตน เตเล อนิกฺขมนฺเต น ติลปิฏฺํ ฉฑฺเฑติ, อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ อุณฺโหทเกน ปริปฺโผเสตฺวา มทฺทิตฺวา ปีเฬติ. ตสฺเสวํ กโรโต วิปฺปสนฺนํ ติลเตลํ นิกฺขมติ. ยถา วา ปน อุทกํ ปสาเทตุกาโม กตกฏฺึ คเหตฺวา อนฺโตฆเฏ หตฺถํ โอตาเรตฺวา เอกทฺเววาเร ฆํสนมตฺเตน อุทเก อวิปฺปสีทนฺเต น กตกฏฺึ ฉฑฺเฑติ, อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ ฆํสติ. ตสฺเสวํ กโรนฺตสฺส กลลกทฺทมํ สนฺนิสีทติ. อุทกํ อจฺฉํ โหติ วิปฺปสนฺนํ, เอวเมวํ เตน ภิกฺขุนา ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา รูปเมว ปุนปฺปุนํ สมฺมสิตพฺพํ มนสิกาตพฺพํ ปริคฺคเหตพฺพํ ววตฺถเปตพฺพํ.
ยถา ยถา หิสฺส รูปํ สุวิกฺขาลิตํ โหติ นิชฺชฏํ สุปริสุทฺธํ, ตถา ตถา ตปฺปจฺจนีกกิเลสา สนฺนิสีทนฺติ, กทฺทมุปริ อุทกํ วิย จิตฺตํ ปสนฺนํ โหติ. ตทารมฺมณา อรูปธมฺมา สยเมว ปากฏา โหนฺติ. เอวํ อฺาหิปิ อุจฺฉุโจรโคณทธิมจฺฉาทีหิ อุปมาหิ อยมตฺโถ ปกาเสตพฺโพ.
อรูปธมฺมานํ อุปฏฺานาการกถา
๖๗๐. เอวํ สุวิสุทฺธรูปปริคฺคหสฺส ปนสฺส อรูปธมฺมา ตีหิ อากาเรหิ อุปฏฺหนฺติ ผสฺสวเสน วา เวทนาวเสน วา วิฺาณวเสน วา. กถํ? เอกสฺส ตาว ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติอาทินา นเยน ธาตุโย ปริคฺคณฺหนฺตสฺส ปมาภินิปาโต ผสฺโส, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, สทฺธึ ผสฺเสน เจตนา สงฺขารกฺขนฺโธ, จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. ตถา ‘‘เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา…เป… อสฺสาสปสฺสาเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๗) ปมาภินิปาโต ผสฺโส, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ…เป… จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. เอวํ อรูปธมฺมา ผสฺสวเสน อุปฏฺหนฺติ.
เอกสฺส ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ ตทารมฺมณรสานุภวนกเวทนา เวทนากฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา สฺา สฺากฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺโต ผสฺโส ¶ จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. ตถา ‘‘เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา ¶ …เป… อสฺสาสปสฺสาเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ ตทารมฺมณรสานุภวนกเวทนา เวทนากฺขนฺโธ…เป… ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. เอวํ เวทนาวเสน อรูปธมฺมา อุปฏฺหนฺติ.
อปรสฺส ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ อารมฺมณปฏิวิชานนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺโส จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. ตถา ‘‘เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา…เป… อสฺสาสปสฺสาเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ อารมฺมณปฏิวิชานนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺโส จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. เอวํ วิฺาณวเสน อรูปธมฺมา อุปฏฺหนฺติ.
เอเตเนว อุปาเยน ‘‘กมฺมสมุฏฺาเน เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติอาทินา นเยน ทฺวาจตฺตาลีสาย ธาตุโกฏฺาเสสุ จตุนฺนํ จตุนฺนํ ธาตูนํ วเสน, เสเสสุ จ จกฺขุธาตุอาทีสุ รูปปริคฺคหมุเขสุ สพฺพํ นยเภทํ อนุคนฺตฺวา โยชนา กาตพฺพา.
๖๗๑. ยสฺมา จ เอวํ สุวิสุทฺธรูปปริคฺคหสฺเสว ตสฺส อรูปธมฺมา ตีหากาเรหิ ปากฏา โหนฺติ. ตสฺมา สุวิสุทฺธรูปปริคฺคเหเนว อรูปปริคฺคหาย โยโค กาตพฺโพ, น อิตเรน. สเจ หิ เอกสฺมึ วา รูปธมฺเม อุปฏฺิเต ทฺวีสุ วา รูปํ ปหาย อรูปปริคฺคหํ อารภติ กมฺมฏฺานโต ปริหายติ, ปถวีกสิณภาวนาย วุตฺตปฺปการา ปพฺพเตยฺยา คาวี วิย. สุวิสุทฺธรูปปริคฺคหสฺส ปน อรูปปริคฺคหาย โยคํ กโรโต กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ.
โส เอวํ ผสฺสาทีนํ วเสน อุปฏฺิเต จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺเธ นามนฺติ, เตสํ อารมฺมณภูตานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ รูปนฺติ ววตฺถเปติ. อิติ อฏฺารส ธาตุโย ทฺวาทสายตนานิ ปฺจกฺขนฺธาติ สพฺเพปิ เตภูมเก ธมฺเม ขคฺเคน สมุคฺคํ วิวรมาโน ¶ วิย ยมกตาลกนฺทํ ผาลยมาโน วิย จ นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเวธา ววตฺถเปติ. นามรูปมตฺตโต อุทฺธํ อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา เทโว วา พฺรหฺมา วา นตฺถีติ นิฏฺํ คจฺฉติ.
สมฺพหุลสุตฺตนฺตสํสนฺทนา
๖๗๒. โส ¶ เอวํ ยาถาวสรสโต นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา สุฏฺุตรํ ‘‘สตฺโต ปุคฺคโล’’ติ อิมิสฺสา โลกสมฺาย ปหานตฺถาย สตฺตสมฺโมหสฺส สมติกฺกมตฺถาย อสมฺโมหภูมิยํ จิตฺตํ ปนตฺถาย สมฺพหุลสุตฺตนฺตวเสน ‘‘นามรูปมตฺตเมวิทํ, น สตฺโต, น ปุคฺคโล อตฺถี’’ติ เอตมตฺถํ สํสนฺเทตฺวา ววตฺถเปติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยถาปิ องฺคสมฺภารา, โหติ สทฺโท รโถ อิติ;
เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ, โหติ สตฺโตติ สมฺมุตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑);
อปรมฺปิ วุตฺตํ, ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กฏฺฺจ ปฏิจฺจ วลฺลิฺจ ปฏิจฺจ มตฺติกฺจ ปฏิจฺจ ติณฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต อคารนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, เอวเมว โข, อาวุโส, อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ นฺหารฺุจ ปฏิจฺจ มํสฺจ ปฏิจฺจ จมฺมฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ทุกฺขเมว หิ สมฺโภติ, ทุกฺขํ ติฏฺติ เวติ จ;
นาฺตฺร ทุกฺขา สมฺโภติ, นาฺํ ทุกฺขา นิรุชฺฌตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑);
อุปมาหิ นามรูปวิภาวนา
๖๗๓. เอวํ อเนกสเตหิ สุตฺตนฺเตหิ นามรูปเมว ทีปิตํ, น สตฺโต น ปุคฺคโล. ตสฺมา ยถา อกฺขจกฺกปฺชรอีสาทีสุ องฺคสมฺภาเรสุ เอเกนากาเรน สณฺิเตสุ รโถติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เอเกกสฺมึ องฺเค อุปปริกฺขิยมาเน รโถ นาม นตฺถิ. ยถา จ กฏฺาทีสุ เคหสมฺภาเรสุ เอเกนากาเรน อากาสํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ เคหนฺติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เคหํ นาม นตฺถิ. ยถา จ องฺคุลิองฺคุฏฺาทีสุ เอเกนากาเรน ิเตสุ มุฏฺีติ โวหารมตฺตํ ¶ โหติ. โทณิตนฺติอาทีสุ วีณาติ. หตฺถิอสฺสาทีสุ เสนาติ. ปาการเคหโคปุราทีสุ ¶ นครนฺติ. ขนฺธสาขาปลาสาทีสุ เอเกนากาเรน ิเตสุ รุกฺโขติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เอเกกสฺมึ อวยเว อุปปริกฺขิยมาเน รุกฺโข นาม นตฺถิ. เอวเมวํ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สติ ‘‘สตฺโต, ปุคฺคโล’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เอเกกสฺมึ ธมฺเม อุปปริกฺขิยมาเน ‘‘อสฺมีติ วา อหนฺติ วา’’ติ คาหสฺส วตฺถุภูโต สตฺโต นาม นตฺถิ. ปรมตฺถโต ปน นามรูปมตฺตเมว อตฺถีติ. เอวํ ปสฺสโต หิ ทสฺสนํ ยถาภูตทสฺสนํ นาม โหติ.
๖๗๔. โย ปเนตํ ยถาภูตทสฺสนํ ปหาย ‘‘สตฺโต อตฺถี’’ติ คณฺหาติ. โส ตสฺส วินาสํ อนุชาเนยฺย อวินาสํ วา. อวินาสํ อนุชานนฺโต สสฺสเต ปตติ. วินาสํ อนุชานนฺโต อุจฺเฉเท ปตติ. กสฺมา? ขีรนฺวยสฺส ทธิโน วิย ตทนฺวยสฺส อฺสฺส อภาวโต. โส ‘‘สสฺสโต สตฺโต’’ติ คณฺหนฺโต โอลียติ นาม. ‘‘อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คณฺหนฺโต อติธาวติ นาม. เตนาห ภควา –
‘‘ทฺวีหิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิตา เทวมนุสฺสา โอลียนฺติ เอเก, อติธาวนฺติ เอเก, จกฺขุมนฺโต จ ปสฺสนฺติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, โอลียนฺติ เอเก? ภวารามา, ภิกฺขเว, เทวมนุสฺสา ภวรตา ภวสมุทิตา. เตสํ ภวนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ นาธิมุจฺจติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, โอลียนฺติ เอเก.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อติธาวนฺติ เอเก? ภเวเนว โข ปเนเก อฏฺฏียมานา หรายมานา ชิคุจฺฉมานา วิภวํ อภินนฺทนฺติ, ยโต กิร โภ อยํ อตฺตา กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํมรณา, เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีตํ, เอตํ ยาถาวนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อติธาวนฺติ เอเก.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, จกฺขุมนฺโต ปสฺสนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภูตํ ภูตโต ¶ ปสฺสติ, ภูตํ ภูตโต ทิสฺวา ภูตสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, จกฺขุมนฺโต ปสฺสนฺตี’’ติ (อิติวุ. ๔๙).
๖๗๕. ตสฺมา ¶ ยถา ทารุยนฺตํ สฺุํ นิชฺชีวํ นิรีหกํ, อถ จ ปน ทารุรชฺชุกสมาโยควเสน คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ. สอีหกํ สพฺยาปารํ วิย ขายติ, เอวมิทํ นามรูปมฺปิ สฺุํ นิชฺชีวํ นิรีหกํ, อถ จ ปน อฺมฺสมาโยควเสน คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ. สอีหกํ สพฺยาปารํ วิย ขายตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘นามฺจ รูปฺจ อิธตฺถิ สจฺจโต,
น เหตฺถ สตฺโต มนุโช จ วิชฺชติ;
สฺุํ อิทํ ยนฺตมิวาภิสงฺขตํ,
ทุกฺขสฺส ปฺุโช ติณกฏฺสาทิโส’’ติ.
น เกวลฺเจตํ ทารุยนฺตุปมาย, อฺาหิปิ นฬกลาปีอาทีหิ อุปมาหิ วิภาเวตพฺพํ – ยถา หิ ทฺวีสุ นฬกลาปีสุ อฺมฺํ นิสฺสาย ปิตาสุ เอกา เอกิสฺสา อุปตฺถมฺโภ โหติ, เอกิสฺสา ปตมานาย อิตราปิ ปตติ, เอวเมวํ ปฺจโวการภเว นามรูปํ อฺมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, เอกํ เอกสฺส อุปตฺถมฺโภ โหติ. มรณวเสน เอกสฺมึ ปตมาเน อิตรมฺปิ ปตติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยมกํ นามรูปฺจ, อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา;
เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ, อุโภ ภิชฺชนฺติ ปจฺจยา’’ติ.
๖๗๖. ยถา จ ทณฺฑาภิหตํ เภรึ นิสฺสาย สทฺเท ปวตฺตมาเน อฺา เภรี, อฺโ สทฺโท, เภริสทฺทา อสมฺมิสฺสา, เภรี สทฺเทน สฺุา, สทฺโท เภริยา สฺุโ, เอวเมวํ วตฺถุทฺวารารมฺมณสงฺขาตํ รูปํ นิสฺสาย นาเม ปวตฺตมาเน อฺํ รูปํ, อฺํ นามํ, นามรูปา อสมฺมิสฺสา, นามํ รูเปน สฺุํ, รูปํ นาเมน สฺุํ, อปิจ โข เภรึ ปฏิจฺจ สทฺโท วิย รูปํ ปฏิจฺจ นามํ ปวตฺตติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘น ¶ จกฺขุโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น รูปโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา;
เหตุํ ปฏิจฺจปฺปภวนฺติ สงฺขตา,
ยถาปิ สทฺโท ปหฏาย เภริยา.
‘‘น ¶ โสตโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น สทฺทโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น ฆานโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น คนฺธโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น ชิวฺหาโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น รสโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น กายโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น ผสฺสโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น วตฺถุรูปา ปภวนฺติ สงฺขตา,
น จาปิ ธมฺมายตเนหิ นิคฺคตา;
เหตุํ ปฏิจฺจปฺปภวนฺติ สงฺขตา,
ยถาปิ สทฺโท ปหฏาย เภริยา’’ติ.
๖๗๗. อปิเจตฺถ นามํ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน ปวตฺติตุํ สกฺโกติ, น ขาทติ, น ปิวติ, น พฺยาหรติ, น อิริยาปถํ กปฺเปติ. รูปมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน ปวตฺติตุํ สกฺโกติ. น หิ ตสฺสา ขาทิตุกามตา, นาปิ ปิวิตุกามตา, น พฺยาหริตุกามตา, น อิริยาปถํ กปฺเปตุกามตา, อถ โข นามํ นิสฺสาย รูปํ ปวตฺตติ, รูปํ นิสฺสาย นามํ ปวตฺตติ, นามสฺส ขาทิตุกามตาย ปิวิตุกามตาย พฺยาหริตุกามตาย อิริยาปถํ กปฺเปตุกามตาย สติ รูปํ ขาทติ, ปิวติ, พฺยาหรติ, อิริยาปถํ กปฺเปติ.
อิมสฺส ¶ ปนตฺถสฺส วิภาวนตฺถาย อิมํ อุปมํ อุทาหรนฺติ – ยถา ชจฺจนฺโธ จ ปีสปฺปี จ ทิสาปกฺกมิตุกามา อสฺสุ, ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ เอวมาห ‘‘อหํ โข ภเณ, สกฺโกมิ ปาเทหิ ปาทกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม จกฺขูนิ เยหิ สมวิสมํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. ปีสปฺปีปิ ชจฺจนฺธํ เอวมาห ‘‘อหํ โข ภเณ, สกฺโกมิ จกฺขุนา จกฺขุกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม ปาทานิ เยหิ อภิกฺกเมยฺยํ วา ปฏิกฺกเมยฺยํ วา’’ติ. โส ตุฏฺหฏฺโ ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ อํสกูฏํ อาโรเปสิ. ปีสปฺปี ชจฺจนฺธสฺส อํสกูเฏ นิสีทิตฺวา เอวมาห ‘‘วามํ มฺุจ ทกฺขิณํ คณฺห, ทกฺขิณํ มฺุจ วามํ คณฺหา’’ติ. ตตฺถ ชจฺจนฺโธปิ นิตฺเตโช ¶ ทุพฺพโล น สเกน เตเชน สเกน พเลน คจฺฉติ, ปีสปฺปีปิ นิตฺเตโช ทุพฺพโล น สเกน เตเชน สเกน พเลน คจฺฉติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย คมนํ นปฺปวตฺตติ, เอวเมวํ นามมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ. รูปมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย อุปฺปตฺติ วา ปวตฺติ วา น โหติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘น สเกน พเลน ชายเร,
โนปิ สเกน พเลน ติฏฺเร;
ปรธมฺมวสานุวตฺติโน,
ชายเร สงฺขตา อตฺตทุพฺพลา.
‘‘ปรปจฺจยโต จ ชายเร,
ปรอารมฺมณโต สมุฏฺิตา;
อารมฺมณปจฺจเยหิ จ,
ปรธมฺเมหิ จิเม ปภาวิตา.
‘‘ยถาปิ นาวํ นิสฺสาย, มนุสฺสา ยนฺติ อณฺณเว;
เอวเมว รูปํ นิสฺสาย, นามกาโย ปวตฺตติ.
‘‘ยถา จ มนุสฺเส นิสฺสาย, นาวา คจฺฉติ อณฺณเว;
เอวเมว นามํ นิสฺสาย, รูปกาโย ปวตฺตติ.
‘‘อุโภ ¶ นิสฺสาย คจฺฉนฺติ, มนุสฺสา นาวา จ อณฺณเว;
เอวํ นามฺจ รูปฺจ, อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา’’ติ.
เอวํ นานานเยหิ นามรูปํ ววตฺถาปยโต สตฺตสฺํ อภิภวิตฺวา อสมฺโมหภูมิยํ ิตํ นามรูปานํ ยาถาวทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ. นามรูปววตฺถานนฺติปิ สงฺขารปริจฺเฉโทติปิ เอตสฺเสว อธิวจนํ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม
อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท.